-106-
ภาคผนวก
ี
ี
• แบบทดสอบก่อนเรยน-หลังเรยน
ุ
ี่
• เฉลย / เกณฑ์การให้คะแนนชดฝกท 6
ึ
่
( ความเข้าใจเกียวกับเซลล์ )
ิ
ู
• ใบความรท 6 ( ประวัตการค้นพบเซลล์ )
้
ี่
ี
• ภาพเปรยบเทยบเซลล์พืชและเซลล์สัตว์
ี
-107-
แบบทดสอบก่อนเรยน – หลังเรยน
ี
ี
ี่
แผนท 5
แตกต่างกันเซลล์พืชสัตว์
ื่
ี่
ี่
จงท าเครองหมาย / หน้าข้อทถูก และท าเครองหมาย X หน้าข้อทผิด
ื่
ี
็
......... 1. ไมโตคอนเดรย เปนศูนย์กลางควบคมการท างานภายในเซลล์
ุ
่
้
……. 2. คลอโรพลาสต์ เปนโครงสรางทมอยู่ในเซลล์พืชและเซลล์สตว์
็
ี
ี
ั
ี
……. 3. แวควโอล ในเซลล์พืชจะมขนาดใหญ่กว่าในเซลล์สตว์
ั
ิ
……. 4. 1 ไมโครเมตร มค่าเท่ากับ 1 ในล้านเมตร
ี
ี
ี
่
้
……. 5. แหล่งสรางโปรตนภายในเซลล์จะอยู่ทไรโบโซม
ื
ี
ี
่
ิ
……. 6. ทเก็บน ้าและของเสยต่างๆ ภายในเซลล์ คอ แวควโอล
ุ
……. 7. เซลล์เมมเบรน จะอยู่ชั้นนอกสดของเซลล์พืช
์
ิ
ื
ิ
……. 8. ผู้ค้นพบนวเคลยส เปนคนแรกคอ โรเบรต บราวน์
็
ี
่
……. 9. โครงสรางทท าหน้าทถ่ายทอดลักษณะทางพันธกรรม ซงม ี
ึ
่
ี
ุ
่
้
ี
ี
ิ
อยู่ในนวเคลยสของเซลล์ คอ โครโมโซม
ื
ี
่
่
……. 10. เซลล์ทมเยือห้มนวเคลยส ได้แก่ เซลล์ของคนและพืชชั้นสูง
ี
ี
ิ
ุ
จัดเปนเซลล์ประเภท ยูคารโอตคเซลล์
ิ
ิ
็
-108-
ชุดฝกที 6.
ึ
่
ควำมเข้ำใจเกี่ยวกับเซลล์
ตอบค าถาม
1. นักวิทยาศาสตร์ผู้ตั้งชื่อ เซลล์ ( cell ) เปนคนแรก
็
คือ โรเบิร์ต ฮุค
2. นักวิทยาศาสตร์ผู้ตั้งทฤษฎีเซลล์ ( Cell Theory ) คือ ชวานน ์
และ ชไลเดน
3. ทฤษฎีเซลล์ มีใจความส าคัญว่า “ สิ่งมีชีวิตทั้งหลายย่อมประกอบไปด้วย
เซลล์ และ ผลิตภัณฑ์ของเซลล์
่
4. เซลล์โดยทั่วไปมีขนาดประมาณ 10 – 100 ไมโครเมตร ถ้าเซลล์ๆ หนึง
็
มีขนาด 100 ไมโครเมตร คิดเปน 0.0001 เมตร
่
้
่
่
5. อวัยวะของเซลล์ ทีมีหนาทีควบคุมปริมาณและชนิดของสารทีผ่านเข้า
และออกจากเซลล์ คือ เซลล์เมมเบรน หรือ เยื่อหุ้มเซลล์
6. เซลล์พืชตางจากเซลล์สัตว์ คือเซลล์พืชจะมี ผนังเซลล์ และ
่
คลอโรพลาสต์ แต่เซลล์สัตว์ไม่มีทั้งสองอย่างนี
้
็
7. อวัยวะของเซลล์ ทีเปนศูนย์กลางควบคุมการท างานของเซลล์ และมีความ
่
ส าคัญต่อกระบวนการแบ่งเซลล์ คือ นิวเคลียส
8. ในเซลล์ พืช มักมีแวคคิวโอลขนาดใหญ มีหนาทีควบคุมปริมาณ
่
่
้
นาในเซลล์
้
9. เซลล์ของพืช สัตว์ สาหร่าย โปรโตซัว และเห็ดรา จะเปนเซลล์ทีมี
็
่
เยือหุ้มนิวเคลียส เรียกเซลล์ชนิดนีว่า ยูคาริโอติคเซลล์
้
่
10. เซลล์ของแบคทีเรีย และสาหร่ายสีเขียวแกมนาเงิน จะเปนเซลล์ทีไม่มี
่
็
้
เยือหุ้มนิวเคลียส เรียกเซลล์ชนิดนีว่า โปรคาริโอติคเซลล์
่
้
-109-
ใบควำมรูที่ 6.
้
์
ประวัติการคนพบเซลล
้
ี
ป ค.ศ. 1665 โรเบรต ฮค นักวิทยาศาสตรชาวอังกฤษ ได้ประดษฐ์กล้อง
ิ
์
ิ
ุ
์
ี
่
ื
ี
่
์
จลทรรศน์ทมคณภาพด และได้ส่องดไม้คอรกทเฉอนบางๆ และได้พบช่องเล็กๆ
ุ
ู
ี
ี
ุ
ึ
ี
ุ
จ านวนมาก จงเรยกช่องเล็กๆ น้ว่า เซลล (cell) เซลล์ทฮกพบนั้น เปนเซลล์ท ี ่
็
์
ี
ี
่
ี
่
ื
ี
่
็
ตายแล้ว และการทเซลล์ยังคงเปนช่องอยู่ได้ก็เนองจากมผนังเซลล์นั่นเอง
ึ
ื
ั
่
ี
ื
ิ
่
ป ค.ศ. 1824 ดวโทเชท์ ได้ศกษาเน้อเยือพืชและเน้อเยือสตว์ พบว่าประกอบ
ี
ด้วยเซลล์เช่นกัน แต่มลักษณะทแตกต่างกันอยู่บ้าง
่
ี
ี
ิ
์
ป ค.ศ. 1831 รอเบรต บราวน์ นักพฤษศาสตรชาวอังกฤษ ได้ศึกษาเซลล์ขน
์
ี
และเซลล์อนๆ ของพืช พบว่ามก้อนกลมขนาดเล็กอยู่ตรงกลาง จงให้ชอก้อนกลม
่
ื
ื
่
ึ
ิ
ี
ี
น้ว่า นวเคลยส (nucleus)
ี
์
ิ
ป ค.ศ. 1838 มัตทอัส ยาคบ ชไลเดน นักพฤกษศาสตรชาวเยอรมันได้ศึกษา
่
เน้อเยือพืชต่างๆ และสรปว่าเน้อเยือทกชนดประกอบด้วยเซลล์
ิ
ุ
ื
่
ื
ุ
ึ
ื
่
์
ี
ป ค.ศ. 1839 เทโอดอร ชวานน์ นักสตววิทยาชาวเยอรมัน ได้ศกษาเน้อเยือ
ั
สตว์ต่างๆ แล้วสรปว่าเน้อเยือสตว์ทกชนดประกอบข้นด้วยเซลล์ ดังนั้น ในป ี
่
ื
ั
ุ
ั
ิ
ุ
ึ
ี
ี
ี
เดยวกันน้ ชวานน์และชไลเดน จงได้ร่วมกันตั้งทฤษฎเซลล์ (cell theory) ซงม ี
ึ
่
ึ
ใจความส าคัญว่า สงมีชวิตทังหลายยอมประกอบขึ้นดวยเซลล และผลิตภัณฑ ์
้
ี
่
้
์
ิ่
์
ของเซลล
-110-
์
ั
ั
ทฤษฎีเซลลในปจจุบนครอบคลุมถึงใจความสาคัญ 3 ประการ คือ
1. ส่งมชวิตทั้งหลายอาจมเพียงเซลล์เดยว หรอหลายเซลล์ ซงภายในมสาร
ี
ี
ิ
ื
ึ
่
ี
ี
ี
พันธกรรมและมกระบวนการเมตาบอลซม ท าให้ส่งมชวิตด ารงชวิตอยู่ได้
ุ
ี
ี
ี
ิ
ี
ิ
ึ
่
ี
ี
ี
ี
ุ
ิ
ี
่
่
ี
็
2. เซลล์เปนหน่วยพื้นฐานทเล็กทสดของส่งมชวิต ทมการจัดระบบการท างาน
ภายในโครงสรางของเซลล์
้
ี
ิ
ิ
ิ
3. เซลล์มก าเนดมาจากเซลล์แรกเร่ม เซลล์เกิดจากการแบ่งตัวของเซลล์เดม
ี
แม้ว่าชวิตแรกเร่มจะมวิวัฒนาการมาจากส่งไม่มชวิต แต่นักชววิทยายังคง
ี
ี
ิ
ี
ี
ิ
ื
ถอว่าการเพิ่มข้นของจ านวนเซลล์เปนผลสบเนองมาจากเซลล์ร่นก่อน
็
ึ
ุ
่
ื
ื
์
ป ค.ศ. 1839 พูรคนเย นักสตววิทยา ชาวเชโกสโลวาเกีย ได้ศกษาไข่ และ
ี
ึ
ั
ิ
ั
ุ
ี
ี
ี
ตัวอ่อนของสตว์ต่างๆ ได้พบว่าภายในมของเหลวใส เหนยว และอ่อนน่ม จงได้เรยก
ึ
ึ
ของเหลวใสน้ว่า โปรโตพลาสซม (protoplasm)
ี
ป ค.ศ. 1868 ทอมัส เฮนร ฮักซ์ลย์ แพทย์ชาวอังกฤษศึกษาโปรโตพลาสซมและ
ี
ึ
ี
ี
ี
พบว่า โปรโตพลาสซมเปนรากฐานของชวิตเนองจากปฏกิรยาต่างๆ ของเซลล์เกิดข้น
ิ
็
ื
ึ
ิ
ึ
่
ึ
ี่
ทโปรโตพลาสซม
ี
ิ
์
ป ค.ศ. 1880 วัลเทอร เฟลมมง นักชววิทยาชาวเยอรมันได้ค้นพบว่า ภายใน
ี
ี
ี
นวเคลยสของเซลล์ต่างๆ มโครโมโซม
ิ
-111-
่
ั
์
ภาพเซลลพืชและเซลลสตวในแผนใส
์
์
(ใช้ฉายโดยเครื่องฉายภาพข้ามศีรษะ เพือฝกถาม-ตอบผู้เรียน)
่
ึ
-112-
ั
้
ี
แผนการจดการเรยนรู
ึ
ี่
์
ุ
ี
ี
่
ี
ู
้
กล่มสาระการเรยนร วิทยาศาสตร ชั้นมัธยมศกษาปท 1 ภาคเรยนท 1
ี
ี
ี
ี
ู
่
ื่
ี
หน่วยการเรยนรท 1 เรอง หน่วยของชวิตและชวิตพืช เวลา 30 ชั่วโมง
้
้
ู
ี่
ี
ื่
แผนการจัดการเรยนรท 6 เรอง สารวจชดถึงหนาที่ เวลา 2 ชั่วโมง
ั
้
สอนวันท ……. เดอน ………………..… พ.ศ. ............... ชอผู้สอน นายยรรยง ปกปอง
้
ื่
ื
ี่
1. สาระสาคัญ
่
์
1.1 ส่วนประกอบของเซลล์ หรออวัยวะของเซลล์ หรอออรแกเนล ต่างก็ท าหน้าทเพือให้กระบวนการ
ี
ื
่
ื
ี
ุ
็
ต่างๆ ภายในเซลล์ด ารงอยู่ได้ เช่นนวเคลยส เปนศูนย์กลางควบคมการท างานภายในเซลล์ เยือห้มเซลล์
่
ุ
ิ
็
ุ
ท าหน้าทควบคมการเข้าออกของสารระหว่างเซลล์ ไมโตคอนเดรย เปนหน่วยผลตพลังงานภายในเซลล์
ี
่
ี
ิ
์
็
็
และคลอโรพลาสต์ เปนแหล่งสังเคราะหด้วยแสงของเซลล์พืช เปนต้น
ิ
1.2 การท างานของเซลล์ย่อมส่งผลต่อร่างกายและชวิตของส่งมชวิตด้วย เพราะเซลล์หลายๆ เซลล์
ี
ี
ี
่
็
็
็
่
ึ
็
ประกอบกันข้นเปนเน้อเยือ จากเน้อเยือเปนอวัยวะ จากอวัยวะเปนระบบ และจากระบบก็เปนร่างกาย
ื
ื
ี
ื
1.3 การสบค้นข้อมูลจากแหล่งเรยนรต่างๆ แล้วจัดกระท าข้อมูลอย่างเปนระบบ จะช่วยให้มความเข้าใจ
้
ี
ู
็
ู
้
่
ในสาระการเรยนรทคงทน ส่งเสริมจิตวิทยาศาสตร์ และเจตคติทีดีต่อการเรียนรู้
ี
่
ี
ี
้
้
2. มาตรฐานการเรยนรู ว 1.1 : เข้าใจหน่วยพื้นฐานของส่งมชวิต ความสัมพันธของโครงสรางและหน้าท ่ ี
ี
์
ิ
ี
้
ี
ื
ู
ิ
ื
้
ู
ี
ี
่
่
ี
่
์
ี
ของระบบต่าง ๆ ของส่งมชวิต ทท างานสัมพันธกัน มกระบวนการสบเสาะหาความร สอสารส่งทเรยนร
ิ
ี
น าความรไปใช้ในการด ารงชวิตของตนเองและดแลส่งมชวิต
ี
ิ
ี
ู
้
ี
ู
3. ตัวชวัด
ี
้
ี
ื
3.3 สบค้นข้อมูลและอธบายหน้าทของส่วนประกอบทส าคัญของเซลล์พืชและเซลล์สัตว์
ิ
่
ี
่
้
ิ
4. ภาระงาน / ชนงาน
ู
ี่
ุ
ี
4.1 ผลงานทผู้เรยนท าในชดฝกท 15 (เพลงสนกอยากปลกพืช)
ึ
ี่
ุ
ี
4.2 คะแนนการทดสอบก่อนเรยน-หลังเรยน
ี
4.3 บันทกเจตคตและจตวิทยาศาสตรของผู้เรยน
ิ
ิ
์
ึ
ี
5. จุดประสงคการเรยนรู (จดประสงค์น าทาง)
ุ
้
์
ี
่
ู
5.1 บอกหน้าทของส่วนประกอบของเซลล์ได้ถกต้อง
ี
-113-
ู
ู
ี
่
5.2 จับค่ส่วนประกอบของเซลล์กับหน้าทของส่วนประกอบของเซลล์นั้นๆ ได้ถกต้อง
่
ุ
่
ี
5.3 จัดท าสมดค าศัพท์ทเกียวข้องกับเซลล์พืชและเซลล์สัตว์ได้
5.4 ใช้ห้องสมดและอนเทอรเนตในการสบค้นความรเรองเซลล์ได้
ู
ื่
้
ิ
ุ
์
ื
็
ี
5.5 มความรอบคอบ อดทน มเหตมผลในการท ากิจกรรมทางวิทยาศาสตร
ี
์
ี
ุ
5.6 ร่วมกิจกรรมด้วยความสนใจ เห็นความส าคัญ และเรียนรู้อย่างมีความสุข
้
6. สาระการเรยนรู
ี
6.1 อวัยวะของเซลล์และหน้าทของอวัยวะของเซลล์
ี่
้
6.2 ทักษะการสังเกต และความคดสรางสรรค์
ิ
6.3 การจัดท าสมดค าศัพท์วิทยาศาสตร
ุ
์
็
ุ
ิ
6.4 การสบค้นข้อมูลโดยใช้ห้องสมดและอนเทอรเนต
์
ื
ั
ี
7. กระบวนการจดการเรยนรู ้
้
7.1 ขั้นสรางความสนใจ (engagement)
ู
1. ผู้เรยนท าแบบทดสอบก่อนเรยน เพือตรวจสอบและทบทวนความรพื้นฐาน (แบบถูกผิด 10 ข้อ)
้
ี
่
ี
ู
ู
ี่
ี
ี
์
2. ผู้เรยนสังเกตและด Clip วีดโอเด็กทารก ทครน าเสนอให้ดโดยใช้คอมพิวเตอร และโทรทัศน์
ู
ี
่
ู
ิ
ี
่
สนทนาและซักถามเกียวกับส่งทด ดังน้
่
้
ี
ึ
ู
็
ี
่
-นักเรยนรสกอย่างไรกับภาพทเหน ตอบมาให้มากทสด (ฝกความคดสรางสรรค์)
ี
ุ
ึ
ิ
้
ู
็
์
ั
(น่ารก , คงเปนเพศชาย , อ้วนสมบูรณด , เปนลกคนต่างชาต , ฯลฯ)
ี
็
ิ
่
ู
ี
ี
ี
็
ี
-เดกทารกทเหนมชวิตนั้น แตกต่างอย่างไรกับเซลล์ทเราดจากกล้องจลทรรศน์
็
่
ุ
ี
(ขนาดใหญ่กว่า , รปร่างต่างกัน , เด็กทารกมเซลล์มากมาย ฯลฯ)
ู
ิ
ี
ี
ิ
ิ
็
3. ครอธบายเพิ่มเตมว่า เดกทารกทเราเหนใน Clip วีดโอนั้น เปนส่งมชวิตทประกอบกันข้นจาก
็
ี
่
่
ู
ี
ึ
็
ี
่
้
ี
ี
เซลล์นับล้านๆ เซลล์ เพราะเซลล์ทมโครงสรางเหมอนกันและท าหน้าทอย่างเดยวกัน จะรวมกันเรยก
ี
ื
่
ี
ี
้
ี
ี
ว่า เน้อเยือ เน้อเยือทมโครงสรางและหน้าทอย่างเดยวกัน ก็จะรวมกันเรยกว่า อวัยวะ อวัยวะหลายๆ
่
ี
ื
ื
ี
่
่
่
ี
ี
ี
ี
ิ
็
ี
อวัยวะในท านองเดยวกัน ก็จะรวมกันเรยกว่าระบบ ระบบก็จะรวมกันเข้าเปนร่างกายของส่งมชวิต
็
ึ
ดังนั้นร่างกายของเรา จงมเซลล์มากมายเปนพื้นฐาน นั่นเอง
ี
่
ุ
ี
ี
ุ
่
ื
4. ผู้เรยนแต่ละกล่มสังเกตภาพเคลอนไหว (Animation) เกียวกับกิจกรรมต่างๆ ของมนษย์ ทคร ู
่
้
ู
น าเสนอให้ดพรอมๆ กัน โดยใช้คอมพิวเตอรและโทรทัศน (จ านวน 4 ภาพ) ดังน้
ี
์
์
-114-
ึ
์
ิ
5. ใช้ค าถามให้ผู้เรยนตอบ เพือฝกทักษะการสังเกตและความสามารถในการคดวิเคราะห เช่น
ี
่
ี
-มกิจกรรม 4 อย่างอะไรบ้าง (วัดทักษะการสังเกต)
่
-มกิจกรรมใดบ้างทเกียวข้องกับพืช (วัดการคดวิเคราะห) ์
ี
่
ี
ิ
ื
ิ
่
ื
ี
์
่
-กิจกรรมทเกียวข้องกับพืชทางตรงคออะไร และทางอ้อมคออะไร (วัดการคดวิเคราะห)
7.2 ขั้นส ารวจและค้นหา (exploration)
ี
ื
ู
ี
่
้
ี
่
ื
่
่
6. ทบทวนอวัยวะของเซลล์และหน้าท โดยให้ผู้เรยนบอกหน้าทพรอมๆ กัน เมอครบอกชอ
อวัยวะของเซลล์และยกบัตรค าชออวัยวะของเซลล์ใด ประมาณ 10 ชอ เช่น
ื
่
ื่
่
เยือหุ้มเซลล์ ผู้เรียนตอบ : ควบคุมการผ่านเข้าออกของสารภายในเซลล์
็
ไรโบโซม ผู้เรียนตอบ : เปนแหล่งสังเคราะห์โปรตีนภายในเซลล์
ุ
่
์
7. ผู้เรยนแต่ละกล่มออกแบบและวางแผนการจัดท าสมดรวบรวมค าศัพท์วิทยาศาสตรเกียวกับ
ี
ุ
ุ
์
็
ื่
เรองเซลล์ โดยการศกษาและสบค้นข้อมูลจากห้องสมด และอนเทอรเนต
ื
ิ
ึ
7.3 ขั้นอธบายและลงข้อสรป (explanation)
ุ
ิ
8. ส่มตัวแทนกล่มออกมาน าเสนอการวางแผนงานการจัดท าสมดรวบรวมค าศัพท์ (ครประเมน
ุ
ุ
ู
ุ
ิ
ทักษะการพูดรายงาน)
ุ
ี
ู
ึ
ู
ี
้
9. ผู้เรยนและครร่วมกันรองเพลง “ เพลงสนกอยากปลกพืช” แล้วผู้เรยนแต่ละคน จงตอบ
ู
์
็
ุ
ึ
ี่
ค าถามของชดฝกท 15 ในชดฝกทักษะวิทยาศาสตรให้เสรจ ก่อนส่งครตรวจ
ุ
ึ
ู
7.4 ขั้นขยายความร (elaboration)
้
่
ู
10. ครแนะน าการน าเสนอข้อมูล การพูดรายงานของผู้เรยน เพือการปรบปรงในคราวต่อไป
ี
ุ
ั
ุ
์
ู
11. ครมอบหมายและนัดหมายการส่งงานของผู้เรียน (สมดรวบรวมค าศัพท์วิทยาศาสตร)
-115-
ิ
7.5 ขั้นประเมน (evaluation)
ี
11. ผู้เรยนท าแบบทดสอบหลังเรยน เพื่อตรวจสอบพัฒนาการของผู้เรยน (แบบถูกผิด 10 ข้อ)
ี
ี
12. ประเมนผลงานการท าชดฝกทักษะของผู้เรยน
ี
ิ
ึ
ุ
ิ
์
ี
13. ประเมนผลพฤตกรรมด้านอนๆ โดยการสังเกต สัมภาษณทั้งในห้องเรยน และนอกห้องเรยน
ื
ิ
่
ี
่
้
8. สอและแหลงเรยนรู
ื
ี
่
ุ
ึ
ี
ื
่
่
ุ
8.1 บัตรค ายากหรอค าส าคัญ เพือใช้ฝกอ่านและสรปบทเรยน ได้แก่ค าว่า เยือห้มเซลล์ ผนังเซลล์
ิ
ไมโตคอนเดรย นวเคลยส ไรโบโซม คลอโรพลาสต์
ี
ี
ี
่
8.2 แผ่นใสและเครองฉายภาพข้ามศรษะ (Over Head)
ื
ุ
่
ื
8.3 ภาพเคลอนไหวกิจกรรมต่างๆ ของมนษย์ และ Clip วีดโอเด็กทารก
ี
์
์
ุ
ิ
์
ึ
8.4 ชดฝกทักษะวิทยาศาสตร (ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรและความสามารถในการคดวิเคราะห)
ื
ี
เรอง หน่วยของชวิตและชวิตพืช ชั้นมัธยมศกษาปท 1
่
ี
ี
ี
ึ
่
์
ุ
์
็
ิ
ื
8.5 ห้องสมด และห้องคอมพิวเตอร เพื่อใช้ในการสบค้นข้อมูลจากอนเทอรเนต
9. การวัดและประเมินผล
่
ิ
9.1 ส่งทต้องการวัด
ี
ี่
ู
ื่
้
-ความรความเข้าใจ เรอง เซลล์พืชและเซลล์สัตว์ อวัยวะของเซลล์และหน้าท
ื่
-ทักษะการพูดสรปเรองและพูดรายงาน ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร ์
ุ
ี
่
็
-เจตคตทดต่อการเรยน ได้แก่ ความสนใจ ความตั้งใจ และเหนความส าคัญ
ี
ิ
ี
ี
่
้
ี
ิ
ี
ุ
์
่
-จตวิทยาศาสตร ได้แก่ ความใฝรใฝเรยน ความรอบคอบ มเหตมผล ความอดทน
ู
ุ
ิ
ี
9.2 วิธการวัด ใช้การซักถาม การท าชดฝกทักษะ และการสังเกตพฤตกรรม
ึ
ื
ื่
9.3 เครองมอวัด
ี
-แบบทดสอบก่อนเรยน-หลังเรยน
ี
ุ
ึ
ู
ุ
-ชดฝกทักษะวิทยาศาสตร ชดฝกท 15 (เพลงสนกอยากปลกพืช)
์
ุ
ี่
ึ
-แบบประเมนเจตคตและจตวิทยาศาสตร
ิ
์
ิ
ิ
ิ
9.4 เกณฑ์การประเมน
-ตอบถูกให้ 1 คะแนน และตอบผิดให้ 0 คะแนน
-ข้นอยู่กับลักษณะและรปแบบของชดฝกทักษะ (เฉลยและเกณฑ์อยู่ในภาคผนวกแต่ละแผน)
ุ
ู
ึ
ึ
็
ุ
-ให้คะแนนเปนระดับคณภาพ (แบบประเมนและเกณฑ์อยู่ภาคผนวกท้ายแผน)
ิ
-116-
10. กิจกรรมเสนอแนะ
้
10.1 แหล่งเรยนรควรยืดหยุ่นตามความเหมาะสมในด้านต่าง ๆ เช่น สภาพแวดล้อมทางธรรมชาต ิ
ี
ู
็
เวลา งบประมาณ และความพรอมของผู้เรยน เปนต้น
ี
้
ี
่
้
ี
10.2 ผู้เรยนควรมความพรอมในด้านการพูดและการอ่านเพือจับใจความส าคัญ
ุ
11.3 ทักษะการเขยนเพือบันทกสรปสาระส าคัญ ควรฝกให้เกิดข้นในตัวผู้เรยนพรอมๆ กับการสราง
ี
ึ
ึ
้
่
้
ึ
ี
นสัยรกการอ่านและการสืบค้นข้อมูลจากแหล่งเรียนรู้ต่างๆ
ิ
ั
ื่
(ลงชอ)
้
( นายยรรยง ปกปอง )
..... / ……… / ………
ึ
็
11. ความเหนและขอเสนอแนะของผูบรหารสถานศกษา
้
้
ิ
……………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………...
(ลงชอ)
ื่
( ………………………………….)
ี
ผู้อ านวยการ โรงเรยนบ้านดงเจรญ
ิ
….. / ……….. / ……..
12. บันทึกหลังสอน
12.1 ผลการสอน
-ด้านพุทธพิสัย …………………………………………………………………………….…
ิ
……………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………..
-117-
-ด้านทักษะพิสัย ……………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………..
-ด้านจตพิสัย …………………………………………………………………………………
ิ
……………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………..
ุ
ั
12.2 ปญหาอปสรรค ………………………………………………………………………………
12.3 แนวทางแก้ไข ………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………..
ื่
(ลงชอ)
้
( นายยรรยง ปกปอง )
..... / ……… / ……..
-118-
ภาคผนวก
ี
ี
• แบบทดสอบก่อนเรยน-หลังเรยน
ึ
ี่
• เฉลย / เกณฑ์การให้คะแนนชดฝกท 15
ุ
ุ
( เพลงสนกอยากปลูกพืช )
-119-
แบบทดสอบก่อนเรยน – หลังเรยน
ี
ี
แผนท 6
ี่
ส ารวจชัดถึงหนาที ่
้
ื่
ื่
ี่
ี่
จงท าเครองหมาย / หน้าข้อทถูก และท าเครองหมาย X หน้าข้อทผิด
ี
่
......... 1. ส่วนทอยู่ชั้นนอกสดของเซลล์พืช และท าให้เซลล์พืชมความ
ุ
ี
แข็งแรง คอ ผนังเซลล์
ื
็
์
……. 2. เซลลูโลส เปนสารอาหารพวกคารโบไฮเดรต พบในผนังเซลล์
ของเซลล์พืช
่
……. 3. คลอโรพลาสต์ เปนแหล่งสลายสารอาหารเพือให้เกิดพลังงาน
็
ื
ี
……. 4. แหล่งสงเคราะหโปรตนภายในเซลล์ คอ ไรโบโซม
์
ั
ี
……. 5. ไลโซโซม ท าหน้าทย่อยสารและส่งแปลกปลอมทเซลล์
่
ิ
่
ี
ไม่ต้องการ
่
ุ
……. 6. แหล่งเก็บของเสยภายในเซลล์ คอ เยือห้มเซลล์
ี
ื
ิ
ุ
ี
ิ
ี่
……. 7. นวเคลยส ท าหน้าทควบคมการท างานภายในเซลล์ การเจรญ
ุ
ิ
เตบโต และการถ่ายทอดลักษณะทางพันธกรรม
ิ
้
ึ
……. 8. การสรางอาหารซงจะได้น ้า ออกซเจน และกลโคส จะเกิดข้น
ู
่
ึ
ภายในโครงสรางของเซลล์ทเรยกว่า คลอโรพลาสต์
ี
่
้
ี
ี
้
……. 9. เซนทรโอ เปนโครงสรางทเกียวข้องกับการแบ่งเซลล์พบใน
่
่
ิ
็
ั
เซลล์สตว์ แต่เซลล์พืชไม่ม ี
ื
ี
……. 10. เซลล์เม็ดเลอดแดงของคน เมอโตเต็มทจะไม่มนวเคลยส
ี
ี
่
่
ิ
ื
-120-
่
ึ
ชุดฝกที 15.
เพลงสนุกอยำกปลูกพืช
กิจกรรม
ุ
1) ร้องเพลง “ แร่ธาตหลัก N P K ” (ท านอง สยามมกฎราชกมาร)
ุ
ุ
ุ
แร่ธาตอาหารของพืชมากมาย ถ้าบ ารุงใบไนโตรเจนตัวเอ็น (N)
บ ารุงดอกผลฟอสฟอรัสตัวพี (P) รากหัวจะดีต้องตัวเค (K) โปแตสเซียม
๋
ปลูกพืชจะต้องมีการตระเตรียม ทั้งจอบและเสียมดินปุยนาให้ทัน
้
สุดท้ายเมล็ดพันธุ์
ั
ุ
่
2) อภิปราย ซักถาม และสรุปเกียวกับ แร่ธาตอาหารของพืช , ปจจัย
ในการเจริญเติบโตของพืช , ทักษะการก าหนดและควบคุมตัวแปร
ตอบค าถาม
1. แร่ธาตอาหารหลักของพืช มี 3 ธาต คือ ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโปแตสเซียม
ุ
ุ
2. แร่ธาตฟอสฟอรัส ช่วยท าให้ส่วนใดของพืชเจริญเติบโตได้ดี ดอกและผล
ุ
ั
3. การเจริญเติบโตของพืชต้องอาศัยปจจัยใดบ้าง
๋
้
้
พันธุ์พืช ปุย นา แสง อณหภูมิ การบ ารุงรักษา การปองกันโรค
ุ
ั
๋
4. จากสถานการณปญหา “ ปุยไนโตรเจนมีส่วนท าให้ใบของพืชเจริญเติบโตได้ดีหรือไม่ ”
์
๋
๋
4.1 ตัวแปรต้น ทีใช้ในการทดลองนี คือ ปุยไนโตรเจน และปุยชนิดอื่นๆ
่
้
4.2 ตัวแปรตาม ทีใช้ในการทดลองนี คือ การเจริญเติบโตของใบ
้
่
๋
4.3 ตัวแปรควบคุม ทีใช่ในการทดลองนี คือ พันธุ์พืช แสง นา ปุย ดิน
้
้
่
-121-
์
เกณฑการใหคะแนน
้
• คะแนนเต็ม 10 คะแนน
• ข้อ 1 ตอบถูกต้องครบสมบูรณให้ 3 คะแนน
์
ื
ู
(ไม่ถกหักชอละ 1 คะแนน)
่
• ข้อ 2 ตอบถูกต้องให้ 1 คะแนน
ู
• ข้อ 3 ตอบถกต้องตั้งแต่ 5 อย่างข้นไปให้ 3 คะแนน
ึ
(ตอบถูกต้อง 4 อย่างให้ 2 คะแนน และน้อยกว่า 4
อย่างลงมาให้ 1 คะแนน)
• ข้อ 4 ตอบถกต้องทั้ง 3 ตัวแปรให้ 3 คะแนน
ู
(บอกชอได้ 1 อย่างข้นไปในแต่ละตัวแปรก็ให้
ื่
ึ
ตัวแปรละ 1 คะแนน)
-122-
ั
ี
แผนการจดการเรยนรู
้
ุ
กล่มสาระการเรยนร วิทยาศาสตร ชั้นมัธยมศกษาปท 1 ภาคเรยนท 1
ี่
ี
้
ี
่
ี
ู
์
ี
ึ
ื่
ี
ี
ี
ี
่
้
ู
หน่วยการเรยนรท 1 เรอง หน่วยของชวิตและชวิตพืช เวลา 30 ชั่วโมง
ี
ู
ี่
ื่
้
แผนการจัดการเรยนรท 7 เรอง อธิบายดีเห็นภาพพจน ์ เวลา 1 ชั่วโมง
ื
ื่
ี่
สอนวันท ……. เดอน ………………..… พ.ศ. ............... ชอผู้สอน นายยรรยง ปกปอง
้
1. สาระสาคัญ
ี
่
่
ื
์
1.1 ส่วนประกอบของเซลล์ หรออวัยวะของเซลล์ หรอออรแกเนล ต่างก็ท าหน้าทเพือให้กระบวนการ
ื
ต่างๆ ภายในเซลล์ด ารงอยู่ได้ เช่นนวเคลยส เปนศูนย์กลางควบคมการท างานภายในเซลล์ เยือห้มเซลล์
ี
ุ
็
ิ
ุ
่
ท าหน้าทควบคมการเข้าออกของสารระหว่างเซลล์ ไมโตคอนเดรย เปนหน่วยผลตพลังงานภายในเซลล์
่
ี
ี
ิ
็
ุ
์
็
็
และคลอโรพลาสต์ เปนแหล่งสังเคราะหด้วยแสงของเซลล์พืช เปนต้น
ี
ิ
1.2 การท างานของเซลล์ย่อมส่งผลต่อร่างกายและชวิตของส่งมชวิตด้วย เพราะเซลล์หลายๆ เซลล์
ี
ี
็
ึ
ื
็
็
ประกอบกันข้นเปนเน้อเยือ จากเน้อเยือเปนอวัยวะ จากอวัยวะเปนระบบ และจากระบบก็เปนร่างกาย
็
ื
่
่
ี
ี
้
ู
1.3 การสบค้นข้อมูลจากแหล่งเรยนรต่างๆ แล้วจัดกระท าข้อมูลอย่างเปนระบบ จะช่วยให้มความเข้าใจ
็
ื
่
ู
้
ี
ทคงทนในสาระการเรยนร ส่งเสริมจิตวิทยาศาสตร์และเจตคติทีดีต่อการเรียนรู้
ี
่
้
ี
้
ิ
ี
2. มาตรฐานการเรยนรู ว 1.1 : เข้าใจหน่วยพื้นฐานของส่งมชวิต ความสัมพันธของโครงสรางและหน้าท ่ ี
ี
์
ื
ี
ิ
่
้
ี
ี
่
ู
ู
้
ื
ี
ี
่
ของระบบต่าง ๆ ของส่งมชวิต ทท างานสัมพันธกัน มกระบวนการสบเสาะหาความร สอสารส่งทเรยนร
ิ
ี
์
ู
ี
ี
ี
ู
ิ
้
น าความรไปใช้ในการด ารงชวิตของตนเองและดแลส่งมชวิต
ี
้
3. ตัวชวัด
่
ี
ิ
ื
ี
3.3 สบค้นข้อมูลและอธบายหน้าทของส่วนประกอบทส าคัญของเซลล์พืชและเซลล์สัตว์
่
้
4. ภาระงาน / ชนงาน
ิ
ี่
4.1 ผลงานทผู้เรยนท าในชดฝกท 7 (เพลงน้ตความได้)
ี
ึ
ี่
ุ
ี
ี
ี
4.2 คะแนนการทดสอบก่อนเรยน-หลังเรยน
ี
4.3 บันทกเจตคตและจตวิทยาศาสตรของผู้เรยน
ึ
ิ
์
ี
ิ
5. จุดประสงคการเรยนรู (จดประสงค์น าทาง)
์
ุ
ี
้
่
ี
ื
ื
ิ
5.1 อธบายเพือสอความเซลล์และอวัยวะของเซลล์จากภาพหรอบัตรภาพทก าหนดให้ได้
่
่
-123-
ุ
่
่
ิ
5.2 อธบายเพือสรปความเกียวกับเซลล์และอวัยวะของเซลล์ได้
่
ื
่
5.3 ใช้ทักษะการจัดกระท าและสอความหมายข้อมูลเกียวกับเซลล์ได้
ี
ี
5.4 มความรอบคอบ อดทน มเหตมผลในการท ากิจกรรมทางวิทยาศาสตร
ุ
ี
์
็
5.5 ร่วมกิจกรรมด้วยความสนใจ เหนความส าคัญ และเรยนรอย่างมความสข
ุ
ี
ู
ี
้
ี
6. สาระการเรยนรู
้
ู
็
ี
ี
ิ
6.1 เซลล์และการเกิดเปนรปร่างของส่งมชวิต
6.2 ความคดสรางสรรค์และความสามารถในการคดวิเคราะห
้
ิ
ิ
์
ื่
6.3 ทักษะการจ าแนกประเภท ทักษะการจัดกระท าและสอความหมายข้อมูล
ั
ี
7. กระบวนการจดการเรยนรู ้
้
7.1 ขั้นสรางความสนใจ (engagement)
่
1. ผู้เรยนท าแบบทดสอบก่อนเรยน เพือตรวจสอบและทบทวนความรพื้นฐาน (แบบถูกผิด 10 ข้อ)
ู
้
ี
ี
้
ึ
2. ผู้เรยนและครร่วมรองเพลง “ เซลล์” จากชดฝกทักษะวิทยาศาสตร ชดฝกท 7 (เพลงน้ตความได้)
์
ู
ี
ี
ี
ุ
ี่
ุ
ึ
ื
โดยเดนเปนวงกลม ปรบมอให้จังหวะในขณะทครแจกบัตรภาพและบัตรค าชอของส่งมชวิตและไม่มชวิต
่
ิ
็
ิ
ื
ี
ี
ี
ี
ี
่
ู
ี
่
ี
ื
ี
ให้คนละ 1 บัตร เมอผู้เรยนได้ยินสัญญาณนกหวีด ให้รบจับกล่มเปน 3 กล่ม ดังน้
ุ
ุ
็
กลุ่ม 1. พืช
กลุ่ม 2. สัตว์
กลุ่ม 3. สิ่งไม่มีชีวิต
-124-
7.2 ขั้นส ารวจและค้นหา (exploration)
ู
3. ทบทวนอวัยวะของเซลล์ (ออรแกเนล) และหน้าทของอวัยวะของเซลล์ โดยครยกบัตรค า
์
ี่
่
ี
ชออวัยวะของเซลล์ ผู้เรยนอ่านและบอกหน้าทพรอมๆ กัน เช่น
่
ี
้
ื
ี
ไมโตคอนเดรย ผู้เรียนบอก : เปนแหล่งผลิตพลังงานภายในเซลล์
็
เซลลเมมเบรน ผู้เรียนบอก : ควบคุมการผ่านเข้าออกของสารระหว่างเซลล์
์
แวคิวโอล ผู้เรียนบอก : เก็บนาและของเสียภายในเซลล์
้
คลอโรพลาสต ์ ผู้เรียนบอก : เปนแหล่งสังเคราะห์ด้วยแสงภายในเซลล์
็
่
่
ี
ู
ุ
4. ผู้เรยนแต่ละกล่มศกษาการเปลยนแปลงของเซลล์เปนรปร่างของส่งมชวิตจากใบความรท 7
้
ี
็
ู
ิ
ี
ี
ี
ึ
(ส่วนประกอบของส่งมชวิต) ในชดฝกทักษะวิทยาศาสตรของตนเอง
ี
์
ึ
ุ
ี
ิ
ุ
ึ
ี
็
ู
่
ี
ี
ี
5. ผู้เรยนแต่ละคนตอบค าถามในชดฝกท 7 (เพลงน้ตความได้) ให้เสรจแล้วส่งครตรวจ
ั
ุ
ี
ุ
6. ผู้เรยนแต่ละกล่มประชมวางแผนการน าเสนอเน้อหาจากใบความรท 7 โดยรบวัสดอปกรณ ์
ุ
ี
ื
้
่
ู
ุ
่
ู
ิ
จากคร ได้แก่ แผ่นใสและสเมจก เพือเขยนแผนภมน าเสนอ
ิ
ี
ี
ู
ิ
7.3 ขั้นอธบายและลงข้อสรป (explanation)
ุ
ิ
็
7. ส่มตัวแทนกล่มออกมาอธบายและสรปการเปลยนแปลงจากเซลล์ไปเปนร่างกายของส่งมชวิต
ุ
ิ
ุ
ี
ี
ี
ุ
่
โดยใช้แผ่นใสและเครองฉายภาพข้ามศรษะ (ครประเมนทักษะการพูดของผู้เรยน)
ี
ื
ี
่
ิ
ู
7.4 ขั้นขยายความรู้ (elaboration)
8. ครแนะน าการน าเสนอข้อมูล การพูดรายงานของผู้เรยน เพือการปรบปรงในคราวต่อไป
ุ
่
ู
ี
ั
ู
้
ิ
ิ
ี
ี
ุ
ื
9. ครให้ความรเพิ่มเตม เรองการจ าแนกส่งมชวิต ออกเปน 4 กล่มใหญ่ๆ (อาณาจักร) ได้แก่ พืช
็
่
ู
้
ี
ุ
ี
สัตว์ โปรตสตา และโมนรา แล้วร่วมกันรองเพลง “เซลล์” กับผู้เรยนอย่างสนกสนาน
ิ
-125-
ิ
7.5 ขั้นประเมน (evaluation)
ี
10. ผู้เรยนท าแบบทดสอบหลังเรยน เพื่อตรวจสอบพัฒนาการของผู้เรยน (แบบถูกผิด 10 ข้อ)
ี
ี
ี
11. ประเมนผลงานการท าชดฝกทักษะของผู้เรยน
ิ
ุ
ึ
ิ
์
12. ประเมนผลพฤตกรรมด้านอนๆ โดยการสังเกต สัมภาษณทั้งในห้องเรยน และนอกห้องเรยน
ี
ิ
ี
่
ื
่
้
่
8. สอและแหลงเรยนรู
ี
ื
ี
ื
8.1 บัตรค ายากหรอค าส าคัญ เพือใช้ฝกอ่านและสรปบทเรยน ได้แก่ค าว่า อาณาจักรพืช อาณาจักรสัตว์
่
ึ
ุ
ิ
ี
อาณาจักรโปรตสตา อาณาจักรโมนรา ผนังเซลล์ เซลล์เมมเบรน ไมโตคอนเดรย คลอโรพลาสต์
ี
ี
8.2 แผ่นใสและเครองฉายภาพข้ามศรษะ (Over Head)
ื
่
ี
ี
ิ
ุ
่
8.3 บัตรภาพ / บัตรค าอวัยวะของเซลล์ และบัตรภาพส่งมชวิตและไม่มชวิตเพือใช้เล่นเกมแบ่งกล่ม
ี
ี
์
ิ
ุ
8.4 ชดฝกทักษะวิทยาศาสตร (ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรและความสามารถในการคดวิเคราะห)
ึ
์
์
่
่
ี
ี
ื
ึ
ี
ี
เรอง หน่วยของชวิตและชวิตพืช ชั้นมัธยมศกษาปท 1
์
ุ
ิ
ื
8.5 ห้องสมด และห้องคอมพิวเตอร เพื่อใช้ในการสบค้นข้อมูลจากอนเทอรเนต
์
็
9. การวัดและประเมินผล
ี
่
9.1 ส่งทต้องการวัด
ิ
ี
ิ
็
ู
ิ
ี
ี
ี
่
-ความรความเข้าใจ เรอง อาณาจักรของส่งมชวิต เซลล์และการเกิดเปนรปร่างของส่งมชวิต
้
ู
ื
-ทักษะการพูดสรปเรองและพูดรายงาน ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร ์
ื่
ุ
ี
-เจตคตทดต่อการเรยน ได้แก่ ความสนใจ ความตั้งใจ และเหนความส าคัญ
ิ
่
ี
ี
็
ุ
ี
-จตวิทยาศาสตร ได้แก่ ความใฝรใฝเรยน ความรอบคอบ มเหตมผล ความอดทน
ี
ิ
์
่
่
ี
้
ู
ิ
9.2 วิธการวัด ใช้การซักถาม การท าชดฝกทักษะ และการสังเกตพฤตกรรม
ี
ุ
ึ
ื่
9.3 เครองมอวัด
ื
ี
-แบบทดสอบก่อนเรยน-หลังเรยน
ี
ุ
ึ
ึ
ุ
์
-ชดฝกทักษะวิทยาศาสตร ชดฝกท 7 (เพลงน้ตความได้)
ี
ี่
ี
-แบบประเมนเจตคตและจตวิทยาศาสตร
์
ิ
ิ
ิ
9.4 เกณฑ์การประเมน
ิ
-ตอบถูกให้ 1 คะแนน และตอบผิดให้ 0 คะแนน
-ข้นอยู่กับลักษณะและรปแบบของชดฝกทักษะ (เฉลยและเกณฑ์อยู่ในภาคผนวกแต่ละแผน)
ุ
ึ
ึ
ู
็
ิ
-ให้คะแนนเปนระดับคณภาพ (แบบประเมนและเกณฑ์อยู่ภาคผนวกท้ายแผน)
ุ
-126-
10. กิจกรรมเสนอแนะ
้
10.1 แหล่งเรยนรควรยืดหยุ่นตามความเหมาะสมในด้านต่าง ๆ เช่น สภาพแวดล้อมทางธรรมชาต ิ
ี
ู
็
เวลา งบประมาณ และความพรอมของผู้เรยน เปนต้น
ี
้
ี
่
้
ี
10.2 ผู้เรยนควรมความพรอมในด้านการพูดและการอ่านเพือจับใจความส าคัญ
ุ
11.3 ทักษะการเขยนเพือบันทกสรปสาระส าคัญ ควรฝกให้เกิดข้นในตัวผู้เรยนพรอมๆ กับการสราง
ี
ึ
ึ
้
่
้
ึ
ี
นสัยรกการอ่านและการสืบค้นข้อมูลจากแหล่งเรียนรู้ต่างๆ
ิ
ั
ื่
(ลงชอ)
้
( นายยรรยง ปกปอง )
..... / ……… / ………
็
ึ
ิ
้
11. ความเหนและขอเสนอแนะของผูบรหารสถานศกษา
้
……………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………...
(ลงชอ)
ื่
( ………………………………….)
ี
ิ
ผู้อ านวยการ โรงเรยนบ้านดงเจรญ
….. / ……….. / ……..
12. บันทึกหลังสอน
12.1 ผลการสอน
-ด้านพุทธพิสัย …………………………………………………………………………….…
ิ
……………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………..
-127-
-ด้านทักษะพิสัย ……………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………..
-ด้านจตพิสัย …………………………………………………………………………………
ิ
……………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………..
ุ
ั
12.2 ปญหาอปสรรค ………………………………………………………………………………
12.3 แนวทางแก้ไข ………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………..
ื่
(ลงชอ)
้
( นายยรรยง ปกปอง )
..... / ……… / ……..
-128-
ภาคผนวก
ี
• แบบทดสอบก่อนเรยน-หลังเรยน
ี
ึ
ี
ี
ี่
• เฉลย / เกณฑ์การให้คะแนนชดฝกท 7 (เพลงน้ตความได้)
ุ
ี
้
• ใบความรท 7 (ส่วนประกอบของส่งมชวิต)
ิ
ี่
ี
ู
-129-
ี
ี
แบบทดสอบก่อนเรยน – หลังเรยน
แผนท 7
ี่
์
อธิบายดีเห็นภาพพจน
ี่
ื่
ื่
จงท าเครองหมาย / หน้าข้อทถูก และท าเครองหมาย X หน้าข้อทผิด
ี่
่
ื
ี
่
ี
ุ
ู
......... 1. เน้อเยือ เกิดจากกล่มเซลล์หลาย ๆ เซลล์ ทมรปร่าง
และหน้าทอย่างเดียวกัน
่
ี
่
ี
ี
ี
……. 2. อวัยวะ เกิดจากระบบหลายๆ ระบบทมหน้าทอย่างเดยวกัน
่
ี
ั
์
ท างานประสานสมพันธกัน
ี
ิ
ี
ิ
……. 3. “ส่งมชวิตทั้งหลายย่อมประกอบด้วยเซลล์ และนวเคลยส”
ี
เปนใจความส าคัญของทฤษฎเซลล์
ี
็
ี
ี
่
่
……. 4. ยูคารโอตกเซลล์ คอเซลล์ทมเยือห้มเซลล์ เช่น เซลล์พืช
ิ
ิ
ุ
ื
ี
่
ุ
ี
……. 5. โปรคารโอตกเซลล์ คอ เซลล์ทไม่มเยือห้มนวเคลยส เช่น
ิ
่
ี
ื
ิ
ิ
ิ
ี
ี
เซลล์ของสาหร่ายสเขยวแกมน ้าเงน
ิ
ี
……. 6. แบคทเรย เปนส่งมชวิตพวกโปรคารโอตกเซลล์
ี
ิ
ิ
ี
ี
็
……. 7. เฟรน มะม่วง กล้วย เปนส่งมชวิตอยู่ในอาณาจักรพืช
ิ
์
ี
็
ิ
ี
็
……. 8. ดาวทะเล วาฬ คน เปนส่งมชวิตอยู่ในอาณาจักรสตว์ทั้งหมด
ิ
ั
ี
ี
ี
ี
……. 9. แบคทเรย สาหร่ายสีเขียวแกมน ้าเงิน เป็นสิ่งมีชีวิต
อยู่ในอาณาจักรโปรตสตา
ิ
ุ
……. 10. สารทควบคมลักษณะทางพันธกรรม หรอ DNA พบอยู่
ี่
ุ
ื
ิ
ในนวเคลยสของเซลล์ทมชวิต
ี
ี่
ี
ี
-130-
ึ
่
ชุดฝกที 7.
เพลงนี้ตีควำมได้
กิจกรรม
ร้องเพลง “ เซลล์” ท านอง บุพเพสันนิวาส
่
่
็
่
ความรู้เรืองเซลล์กล่าวไว้เปนตอน โรเบิร์ตฮุคตั้งชือเซลล์กอน
เพื่อสั่งสอนให้เราพากเพียร ทฤษฎีเซลล์ก็เรียน
ชวาน ชไลเดน ผู้เขียน ได้ก าหนดนิยามมา
สิ่งมีชีวิตนั่นประกอบด้วยเซลล์ อีกผลิตภัณฑ์ของเซลล์
่
นีคือใจความหมายดั่งว่า ผลิตภัณฑ์เซลล์ให้มา
คือโปรโตพลาสซึมนั่นหนา และนิวเคลียสเปนศูนย์กลาง
็
่
็
ถ้าหากเซลล์ไหนมีเยือหุ้มนิวเคลียส เปนยูคาริโอติกเซลล์
่
แม้นไม่มีเยือหุ้ม เรียกโปรคาริโอติกเซลล์ จงจ าให้ดีพวกเรา
้
เซลล์นั้นรวมกันเปนเนอเยือทันใด ถัดไปอวัยวะระบบ
่
ื
็
็
สัมพันธ์ครบให้ร่างกายอยูได้ กลายเปนสิ่งมีชีวิต
่
พืชสัตว์ คิดติดตามมา โปรติสตา และโมนีรา ( ซ ้า )
ตอบค าถาม
่
้
1. เพลงนีกล่าวถึงเรืองใดบ้าง
การตั้งชื่อเซลล์ ทฤษฎีเซลล์ ประเภทของเซลล์ การเปลี่ยนแปลง
จากเซลล์เปนร่างกาย และการแบ่งสิ่งมีชีวิตออกเปน 4 อาณาจักร
็
็
้
2. จงเติมค าลงใน ตามล าดับหรือแนวโนมการเกิดให้ถูกต้อง
เซลล์ เนอเยื่อ อวัยวะ ระบบ ร่างกาย
ื
้
-131-
้
์
เกณฑการใหคะแนน
• คะแนนเต็ม 5 คะแนน
• ข้อ 1 คะแนนเต็ม 3 คะแนน
ื่
ื่
ื่
(บอกเรองได้ 1 เรองให้ 1 คะแนน บอกเรองได้ 2 เรอง
ื่
ึ
ให้ 2 คะแนน และบอกเรองได้ตั้งแต่ 3 เรองข้นไป
ื
่
่
ื
ให้ 3 คะแนน)
• ข้อ 2 คะแนนเต็ม 2 คะแนน
(เตมค าตอบถกต้องทั้ง 2 ช่องให้ชอละ 1 คะแนน)
ิ
ู
ื
่
-132-
ใบควำมรูที่ 7.
้
ิ่
ี
่
สวนประกอบของสงมีชวิต
่
ี
็
่
ั
สตว์และพืชเมอแบ่งเซลล์แล้ว เซลล์ทได้ใหม่จะมการรวมกล่มกันเปน
ี
ื
ุ
ิ
ื
ุ
็
เน้อเยือ (tissue) ชนดต่าง ๆ เน้อเยือชนดต่าง ๆ จะรวมกล่มกันเปนอวัยวะ
่
ิ
่
ื
ุ
(organ) และอวัยวะก็รวมกล่มกันเปนระบบ (system) ระบบแต่ละระบบก็ท า
็
หน้าทเฉพาะลงไป เช่นระบบย่อยอาหาร ระบบหายใจ ระบบขับถ่ายของเสีย
ี
่
ุ
ี
ื
์
ระบบสบพันธ ระบบประสาท ฯลฯ ระบบเหล่าน้จะรวมกันและประกอบกัน
็
ิ
ิ
็
ื
ึ
ี
ข้นเปนรปร่างหรอร่างกายของส่งมชวิตแต่ละชนด (body) เขยนอธบายเปน
ู
ี
ิ
ี
แผนภมได้ ดังน้
ิ
ู
ี
เซลล ์
เน้อเยื่อ
ื
อวัยวะ
ระบบ
่
รางกาย
-133-
ี
แผนการจดการเรยนรู
้
ั
ุ
กล่มสาระการเรยนร วิทยาศาสตร ชั้นมัธยมศกษาปท 1 ภาคเรยนท 1
ี
ี
่
ี
์
้
ึ
ี่
ี
ู
ื่
ู
่
ี
ี
ี
หน่วยการเรยนรท 1 เรอง หน่วยของชวิตและชวิตพืช เวลา 30 ชั่วโมง
้
ี
ี่
้
ู
ื่
ี
้
แผนการจัดการเรยนรท 8 เรอง ออกแบบหมดใหแคลวคลอง เวลา 2 ชั่วโมง
่
่
ี่
ื
้
ื่
สอนวันท ……. เดอน ………………..… พ.ศ. ............... ชอผู้สอน นายยรรยง ปกปอง
1. สาระสาคัญ
ี
ี
ี
1.1 การแพร่ เปนการเคลอนทของโมเลกุลของสารจากบรเวณทมความเข้มข้นของสารมาก ไปยังบรเวณ
่
ิ
่
ิ
ื
็
่
ี
่
ี
ทมความเข้มข้นของสารน้อยกว่า เช่นการแพร่ของสารอาหารภายในเซลล์
ื
ุ
่
่
ื
ิ
็
1.2 ออสโมซส เปนการเคลอนทของโมเลกุลของน ้าผ่านเยือบางๆ เช่น เซลล์เมมเบรนหรอเยือห้มเซลล์
่
่
ี
ี่
ื่
็
ี
ิ
ี่
์
1.3 แอกทฟ ทรานสปอรต เปนการเคลอนทของโมเลกุลของสารจากบรเวณทมความเข้มข้นน้อย ไปยัง
ี
ิ
ิ
ุ
่
ี
ี
ี
ู
บรเวณทมความเข้มข้นมากกว่า โดยอาศัยพลังงาน เช่น การล าเลยงแร่ธาตในดนเข้าส่เซลล์รากของพืช
ี
1.4 ทักษะการทดลอง ม 3 ขั้นตอน คอการวางแผนการทดลอง การปฏบัตการทดลอง และการบันทก
ื
ิ
ึ
ิ
ผลการทดลอง
้
ี
์
ิ
ี
ี
2. มาตรฐานการเรยนรู ว 1.1 : เข้าใจหน่วยพื้นฐานของส่งมชวิต ความสัมพันธของโครงสรางและหน้าท ี ่
้
ู
ี
ื
้
ิ
ื
ี
่
่
ี
ี
ู
้
ของระบบต่าง ๆ ของส่งมชวิต ทท างานสัมพันธกัน มกระบวนการสบเสาะหาความร สอสารส่งทเรยนร
ิ
่
ี
ี
์
ี
ี
้
ี
น าความรไปใช้ในการด ารงชวิตของตนเองและดแลส่งมชวิต
ู
ิ
ู
้
ี
3. ตัวชวัด
ิ
3.4 ทดลองและอธบายการเกิดกระบวนการแพร่ และออสโมซส
ิ
้
ิ
4. ภาระงาน / ชนงาน
ี
ี่
้
ุ
ี่
ึ
ี่
ุ
ิ
ึ
ี
4.1 ผลงานทผู้เรยนท าในชดฝกท 8 (การแพร่ของสาร) และชดฝกท 25 (เขยนกลอนเชงสรางสรรค์)
ี
ี
4.2 คะแนนการทดสอบก่อนเรยน-หลังเรยน
ึ
ิ
4.3 บันทกเจตคตและจตวิทยาศาสตรของผู้เรยน
์
ิ
ี
5. จุดประสงคการเรยนรู (จดประสงค์น าทาง)
ุ
์
ี
้
ิ
5.1 อธบายการเกิดกระบวนการแพร่ได้
-134-
ิ
5.2 อธบายการเกิดกระบวนการออสโมซสได้
ิ
ี
ิ
ี
5.3 เปรยบเทยบกระบวนการแพร่และออสโมซสได้
ิ
่
5.4 ออกแบบและวางแผนการทดลองเกียวกับการแพร่และออสโมซสได้
5.5 ใช้ทักษะการวัดและการคดค านวณในการทดลองได้
ิ
ี
ี
5.6 มความรอบคอบ อดทน มเหตมผลในการท ากิจกรรมทางวิทยาศาสตร
ี
ุ
์
็
้
ี
ุ
ี
5.7 ร่วมกิจกรรมด้วยความสนใจ เหนความส าคัญ และเรยนรอย่างมความสข
ู
ี
6. สาระการเรยนรู
้
6.1 การแพร่และออสโมซส
ิ
ิ
6.2 ทักษะการวัด และทักษะการคดค านวณ
6.3 ทักษะการทดลอง
ี
้
6.4 การเขยนกลอนเชงสรางสรรค์
ิ
ั
ี
7. กระบวนการจดการเรยนรู ้
7.1 ขั้นสรางความสนใจ (engagement)
้
ี
่
ี
้
ู
1. ผู้เรยนท าแบบทดสอบก่อนเรยน เพือตรวจสอบและทบทวนความรพื้นฐาน (แบบถูกผิด 10 ข้อ)
ี
2. ผู้เรยนและครร่วมกันรองเพลง “ เซลล์ ” ด้วยความสนกสนาน
้
ุ
ู
ู
่
ุ
ี
่
ื่
3. ผู้เรยนชมภาพเคลอนไหว (Animation) เกียวกับอวัยวะ และระบบของร่างกายมนษย์ ทครน า
ี
์
์
เสนอโดยใช้คอมพิวเตอรและโทรทัศน ดังน้ ี
4. ครสนทนาและซักถามความรความเข้าใจเกียวกับความสัมพันธของเซลล์ เน้อเยือ อวัยวะ ระบบ
ู
่
ื
ู
้
่
์
และร่างกายของส่งมชวิต หน้าทของอวัยวะและระบบต่างๆ เช่น
ี
่
ี
ิ
ี
-135-
่
ี
ี
-อวัยวะทนักเรยนเหนมอะไรบ้าง และแต่ละอย่างมหน้าทอะไร
ี
็
่
ี
ี
ื
-ระบบทนักเรยนเหนคอระบบอะไร (ระบบย่อยอาหาร)
ี่
ี
็
่
่
-อวัยวะใดบ้างทท างานเกียวข้องกับระบบย่อยอาหาร (ปาก คอหอย กระเพาะอาหาร ล าไส้เล็ก
ี
้
ล าไสใหญ่ และทวารหนัก)
ี
ู
-สารอาหารทย่อยแล้วจะถกส่งไปยังเซลล์ต่างๆ ทั่วร่างกายได้อย่างไร (ส่งตามกระแสเลอดโดย
่
ื
ระบบไหลเวียนโลหต)
ิ
่
ี
ี
ิ
ิ
ิ
ู
5. ครอธบายเพิ่มเตมว่า น ้า ของเสย ออกซเจน คารบอนไดออกไซด์ รวมทั้งสารอาหารทย่อยแล้ว
์
ิ
ู
จะถกส่งไปตามกระแสเลอด โดยใช้แรงดันของระบบไหลเวียนโลหตไปยังเซลล์ต่าง ๆ และภายใน
ื
่
ี
ื
ื
เซลล์ของคนหรอสัตว์ สารต่างๆ เหล่าน้ก็จะเคลอนทโดยการแพร่ การออสโมซส เหมอนกับในเซลล์
ี
ิ
่
ื
ของพืช เพือให้กระบวนการต่างๆ ท างานและมชวิตอยู่ได้
ี
ี
่
7.2 ขั้นส ารวจและค้นหา (exploration)
์
่
ุ
ิ
ิ
ุ
์
ี
ู
์
6. ซักถามความรเกียวกับวัสดอปกรณในห้องปฏบัตการทางวิทยาศาสตร ได้แก่ บกเกอร (ทักษะ
้
ิ
การวัด และทักษะการคดค านวณ) เช่น
ู
ี
ี
ิ
-เทน ้าใส่บกเกอร 15 ซซ แล้วถามผู้เรยนว่าน ้าในบกเกอรน้ มปรมาตรกีลกบาศก์เซนตเมตร
ี
่
ิ
ี
ี
์
ี
์
ี
ิ
ู
(15 ลกบาศก์เซนตเมตร)
ี
ิ
่
-จะใช้บกเกอรขนาด 20 ซซ ตวงน ้ากีคร้ง จงจะได้น ้า 1 ลตร (50 คร้ง)
ั
ั
์
ึ
ี
ี
7. ผู้เรยนแต่ละกล่มท าการทดลองเรองการแพร่ โดยการศกษาขั้นตอน ปฏบัตการทดลอง และตอบ
ิ
ึ
ี
ื
ุ
ิ
่
ึ
ึ
ี่
ค าถามในชดฝกท 8 (การแพร่ของสาร) ของชดฝกทักษะวิทยาศาสตร
ุ
์
ุ
ุ
ิ
7.3 ขั้นอธบายและลงข้อสรป (explanation)
ื
ุ
ิ
่
ุ
ู
8. ส่มตัวแทนกล่มออกมาน าเสนอผลการทดลอง เรองการแพร่ของสาร (ครประเมนทักษะการพูด)
ิ
ุ
ู
ี
9. ผู้เรยนและครร่วมกันสรปความหมายของการแพร่และการออสโมซส
้
7.4 ขั้นขยายความร (elaboration)
ู
ู
่
10. ครแนะน าการน าเสนอข้อมูล การพูดรายงานของผู้เรยน เพือการปรบปรงในคราวต่อไป
ี
ุ
ั
ุ
ึ
ึ
ี
ู
้
ี่
11. ผู้เรยนศกษาใบความรท 17 (การแพร่และออสโมซส) สรปโดยเขยนบันทกในสมดบันทก
ี
ึ
ิ
ุ
้
ู
ี
์
กล่มสาระการเรยนรวิทยาศาสตรของตนเอง
ุ
ี
12. ผู้เรยนฝกเขยนกลอนเกียวกับพืช แล้วท าชดฝกท 25 (เขยนกลอนเชงสรางสรรค์)
ี
ึ
่
ึ
ุ
ี่
ิ
ี
้
-136-
ิ
7.5 ขั้นประเมน (evaluation)
13. ผู้เรยนท าแบบทดสอบหลังเรยน เพื่อตรวจสอบพัฒนาการของผู้เรยน (แบบถูกผิด 10 ข้อ)
ี
ี
ี
ึ
ี
ิ
14. ประเมนผลงานการท าชดฝกทักษะของผู้เรยน
ุ
15. ประเมนผลพฤตกรรมด้านอนๆ โดยการสังเกต สัมภาษณทั้งในห้องเรยน และนอกห้องเรยน
ี
ี
์
ื
ิ
่
ิ
้
ี
่
8. สอและแหลงเรยนรู
ื
่
ื
ี
8.1 บัตรค ายากหรอค าส าคัญ เพือใช้ฝกอ่านและสรปบทเรยน ได้แก่ค าว่า โปแทสเซยมเปอรมังกาเนต
ุ
่
ึ
ี
์
การแพร่ การออสโมซส
ิ
ี
ุ
ื่
8.2 แผ่นใส / เครองฉายภาพข้ามศรษะ (Over Head) ภาพเคลอนไหวอวัยวะและระบบร่างกายมนษย์
่
ื
ิ
์
์
ิ
์
ี
์
8.3 วัสดอปกรณในห้องปฏบัตการทางวิทยาศาสตร ได้แก่ บกเกอร โปแทสเซยมเปอรมังกาเนต
ี
ุ
ุ
8.4 ชดฝกทักษะวิทยาศาสตร (ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรและความสามารถในการคดวิเคราะห)
์
์
ิ
์
ึ
ุ
ี
ึ
ี
ี
่
เรอง หน่วยของชวิตและชวิตพืช ชั้นมัธยมศกษาปท 1
ี
่
ื
8.5 ห้องสมด และห้องคอมพิวเตอร เพื่อใช้ในการสบค้นข้อมูลจากอนเทอรเนต
ิ
์
็
ุ
ื
์
9. การวัดและประเมินผล
9.1 ส่งทต้องการวัด
ิ
่
ี
ู
ิ
ื
่
้
-ความรความเข้าใจ เรอง การแพร่ การออสโมซส
-ทักษะการพูดสรปเรองและพูดรายงาน ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร ์
ุ
ื่
-เจตคตทดต่อการเรยน ได้แก่ ความสนใจ ความตั้งใจ และเหนความส าคัญ
ี
่
ี
ี
็
ิ
ี
่
์
ี
ิ
้
-จตวิทยาศาสตร ได้แก่ ความใฝรใฝเรยน ความรอบคอบ มเหตมผล ความอดทน
่
ี
ุ
ู
ุ
ี
ิ
9.2 วิธการวัด ใช้การซักถาม การท าชดฝกทักษะ และการสังเกตพฤตกรรม
ึ
ื
9.3 เครองมอวัด
ื่
ี
ี
-แบบทดสอบก่อนเรยน-หลังเรยน
์
ุ
-ชดฝกทักษะวิทยาศาสตร ชดฝกท 8 และชดฝกท 25
ุ
ึ
ึ
ี่
ุ
ี่
ึ
์
ิ
ิ
ิ
-แบบประเมนเจตคตและจตวิทยาศาสตร
9.4 เกณฑ์การประเมน
ิ
-ตอบถูกให้ 1 คะแนน และตอบผิดให้ 0 คะแนน
ึ
ุ
ู
-ข้นอยู่กับลักษณะและรปแบบของชดฝกทักษะ (เฉลยและเกณฑ์อยู่ในภาคผนวกแต่ละแผน)
ึ
-ให้คะแนนเปนระดับคณภาพ (แบบประเมนและเกณฑ์อยู่ภาคผนวกท้ายแผน)
ิ
ุ
็
-137-
10. กิจกรรมเสนอแนะ
้
10.1 แหล่งเรยนรควรยืดหยุ่นตามความเหมาะสมในด้านต่าง ๆ เช่น สภาพแวดล้อมทางธรรมชาต ิ
ี
ู
็
เวลา งบประมาณ และความพรอมของผู้เรยน เปนต้น
ี
้
ี
่
้
ี
10.2 ผู้เรยนควรมความพรอมในด้านการพูดและการอ่านเพือจับใจความส าคัญ
ุ
11.3 ทักษะการเขยนเพือบันทกสรปสาระส าคัญ ควรฝกให้เกิดข้นในตัวผู้เรยนพรอมๆ กับการสราง
ี
ึ
ึ
้
่
้
ึ
ี
นสัยรกการอ่านและการสืบค้นข้อมูลจากแหล่งเรียนรู้ต่างๆ
ิ
ั
ื่
(ลงชอ)
้
( นายยรรยง ปกปอง )
..... / ……… / ……...
ึ
็
11. ความเหนและขอเสนอแนะของผูบรหารสถานศกษา
้
้
ิ
……………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………...
(ลงชอ)
ื่
( ………………………………….)
ี
ผู้อ านวยการ โรงเรยนบ้านดงเจรญ
ิ
….. / ……….. / ……..
12. บันทึกหลังสอน
12.1 ผลการสอน
-ด้านพุทธพิสัย …………………………………………………………………………….…
ิ
……………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………..
-138-
-ด้านทักษะพิสัย ……………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………..
-ด้านจตพิสัย …………………………………………………………………………………
ิ
……………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………..
ุ
ั
12.2 ปญหาอปสรรค ………………………………………………………………………………
12.3 แนวทางแก้ไข ………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………..
ื่
(ลงชอ)
้
( นายยรรยง ปกปอง )
..... / ……… / ………
-139-
ภาคผนวก
ี
• แบบทดสอบก่อนเรยน-หลังเรยน
ี
ุ
ี่
ึ
• เฉลย / เกณฑ์การให้คะแนนชดฝกท 8 (การแพร่ของสาร)
ี่
• เฉลย / เกณฑ์การให้คะแนนชดฝกท 25 (เขยนกลอนเชงสรางสรรค์)
ี
้
ิ
ุ
ึ
ู
ี่
• ใบความรท 17 (การแพร่และออสโมซิส)
้
-140-
ี
ี
แบบทดสอบก่อนเรยน – หลังเรยน
แผนท 8
ี่
ออกแบบหมดให้แคล่วคล่อง
ื่
ี่
ื่
ี่
จงท าเครองหมาย / หน้าข้อทถูก และท าเครองหมาย X หน้าข้อทผิด
ี
่
์
ู
ี
ึ
......... 1. บกเกอรทใส่น ้า 20 cc หมายถงมน ้าอยู่ 200 ลกบาศก์เซนตเมตร
ิ
ี
ึ
ี
์
่
ิ
……. 2. โปแทสเซยมเปอรมังกาเนต มชออกอย่างหนงคอด่างทับทม
ี
่
ี
ื
ื
……. 3. น ้า 15 ซซ มปรมาตรเท่ากับน ้า 15 มลลลตร
ิ
ิ
ิ
ี
ิ
ี
ี
ื
ี
ี
่
ี
่
่
……. 4. การแพร่ เปนการเคลอนทของสารจากบรเวณทมความเข้มข้น
็
ิ
ี
ี
่
ของสารน้อยไปยังบรเวณทมความเข้มข้นมากกว่า
ิ
ี
่
่
ื
่
ิ
ิ
็
……. 5. การออสโมซส เปนการเคลอนทของสารผ่านเยือบางๆ จากบรเวณ
่
ี
ิ
่
ี
ี
ทมความเข้มข้นของสารมากไปยังบรเวณทมความเข้มข้นน้อยกว่า
ี
ี
……. 6. สารต่างๆ ไหลเวียนอยู่ภายในเซลล์ โดยวิธการออสโมซส
ิ
ื
ี
่
……. 7. สารต่างๆ เคลอนทเข้าออกเซลล์ โดยวิธการแพร่
ี
่
ี
ี่
ิ
ื่
์
็
ี่
……. 8. แอกทฟทรานสปอรต เปนการเคลอนทของสารจากบรเวณทม ี
ความเข้มข้นของสารน้อย ไปยังบรเวณทมความเข้มข้นมากกว่า
ี
่
ี
ิ
โดยอาศัยพลังงาน
……. 9. การดดซมแร่ธาตจากดนเข้าส่รากของพืช ต้องอาศัยกระบวนการ
ู
ึ
ุ
ู
ิ
แอกทฟทรานสปอรต
ี
์
ี
……. 10. สารต่างๆ ภายในเซลล์ของอะมบา พารามเซยม จะเคลอนท ี ่
ี
ี
่
ื
ี
ภายในเซลล์ โดยวิธการแพร่
-141-
่
ชุดฝกที 8.
ึ
กำรแพร่ของสำร
กิจกรรม
3
1. ใสนา 30 cm ลงในบีกเกอร์
้
2. หยดเกล็ดโปแทสเซียมเปอร์มังกาเนต (ด่างทับทิม) 2-3 เกล็ด
่
ลงไปในนา (สังเกตการเปลียนแปลงภายในเวลา 5 นาที)
้
ตอบค าถาม
้
1. เมือหย่อนเกล็ดด่างทับทิมลงในนา สีของสารละลายส่วนล่าง
่
กับส่วนบน ต่างกันอย่างไร
ส่วนบนเปนสีม่วงเข้มกว่าส่วนล่าง ส่วนล่วงเปนสีม่วง
็
็
อ่อนๆ เจือจางมากกว่า
่
2. ภายในเวลา 5 นาที มีการเปลียนแปลงอย่างไร
ความเข้มของสีของสารละลาย จะกระจายเท่าๆ กัน
..........................................................................................
้
3. ถ้าทิงสารละลายไว้ค้างคืน นักเรียนคิดว่าจะเปนอย่างไร
็
ความเข้มข้นของสีม่วงจะตกตะกอน อยู่บริเวณ
ก้นของบีกเกอร์
-142-
ึ
่
ชุดฝกที 25.
เขียนกลอนเชิงสร้ำงสรรค์
กิจกรรม
ึ
ฝกแต่งกลอนเพื่อรณรงค์การปลูกต้นไม้ โดยเติมค าให้คล้องจองกอน
่
แล้วจึงแต่งกลอนทั้งหมด ฝกอ่านและอภิปรายค ากลอนนั้น
ึ
1. ช่วยกันปลูกต้นไม้ เมื่อเติบใหญ่ให้ร่มเงา
้
2. ปลูกพืชวันละต้น ให้ฟาฝนตกทั่วไป
่
้
ุ
3. ปลูกปาให้ช่มฉา สร้างต้นนาและล าธาร
่
4. พืชนั้นมีค่าหลาย เราชาวไทยจงรักษา
่
้
5. ปลูกปากันดีกว่า ภายภาคหนาจะสบาย
-143-
เกณฑการใหคะแนน
์
้
ึ
ี่
ุ
ชดฝกท 8 (การแพร่ของสาร)
• คะแนนเต็ม 3 คะแนน (ข้อละ 1 คะแนน)
ตอบถูกได้ใจความถูกต้องให้ข้อละ 1 คะแนน
ี
ี่
ชดฝกท 25 (เขยนกลอนเชงสรางสรรค์)
้
ิ
ึ
ุ
• คะแนนเต็ม 7 คะแนน
• ข้อ 1-3 เติมข้อความได้ใจความและสอดคล้องกับเรืองพืช
่
ให้ข้อละ 1 คะแนน
• ข้อ 4-5 ข้อละ 2 คะแนน
่
แต่งกลอนได้ถูกต้องคล้องจอง ได้ใจความเกียวข้อง
กับเรืองพืช ให้ข้อละ 2 คะแนน
่
-144-
ใบควำมรูที่ 17.
้
่
การแพรและออสโมซส
ิ
ั
ี
เซลล์ของส่งมชวิต จะมกระบวนการรบสารเข้าส่เซลล์ และก าจัดสารออกนอกเซลล์
ี
ิ
ู
ี
ึ
ู
เพือการด ารงชวิต ซงสารต่าง ๆ ภายในเซลล์และภายนอกเซลล์จะเข้าส่เซลล์ โดยผ่าน
่
ี
่
็
่
ื
ิ
่
ึ
ี
เยื่อห้มเซลล์ (เซลล์เมมเบรน) ซงมสมบัตเปนเยือเลอกผ่าน
ุ
ุ
ิ
ึ
เราอาจสรปได้ว่า สารจะแพร่ได้ข้นอยู่กับความแตกต่างของปรมาณความเข้มข้น
่
ื
ึ
ิ
ี
่
่
ื
่
ี
ี
ิ
ของสารในทสองแห่ง เมอคดเทยบต่อหนงหน่วยปรมาตรทเท่ากัน หรออาจกล่าวได้ว่า
การแพร่ข้นอยู่กับความแตกต่างระหว่างความเข้มข้นของอนภาคของสารในทสองแห่ง
ี
ุ
่
ึ
ึ
่
ู
ึ
่
เมอน ้าแพร่เข้าส่เซลล์มาก ๆ จะท าให้เกิดแรงดันชนดหนงข้นภายในเซลล์ แรงดันน้ ี
ิ
ื
่
ี
ี
่
ึ
จะท าให้เยือห้มเซลล์เกิดการเต่ง เรยกแรงดันทเกิดข้นน้ว่า แรงดันเต่ง (Tugor Pressure)
ุ
ี
ู
ี
ี
่
ิ
่
ี
่
ื
ึ
ึ
ึ
ถ้าน ้าทแพร่เข้าไปในเซลล์มปรมาณมาก แรงดันเต่งจะมค่าสงข้น และเมอถงระยะหนง
ุ
ึ
ี
ี
ี
ู
ี
ึ
่
่
ี
ระดับน ้าภายในเซลล์ทสงข้นจะคงทเรยกสภาวะทเกิดข้นน้ว่า สภาวะสมดลของการแพร่
่
ี
ี
ิ
สภาวะน้ปรมาณน ้าจากภายนอกเซลล์ทแพร่เข้าส่ภายในเซลล์ จะมค่าเท่ากับปรมาณน ้า
ู
่
ี
ิ
่
ู
ี
ภายในเซลล์ทแพร่ออกส่ภายนอกเซลล์ นั่นคอ ค่าแรงดันเต่งสงสดจะเท่ากับค่าแรงดัน
ุ
ู
ื
ออสโมซส
ิ
-145-
ิ
การเกิดออสโมซสในเซลลของสงมีชวิต
ี
ิ่
์
ี
ิ
ในเซลล์ของส่งมชวิตจะต้องมการแพร่ของน ้าเข้าส่เซลล์ เช่น การดดน ้าและ
ู
ี
ี
ู
แร่ธาตในดนของพืชโดยการแพร่ผ่านเข้าไปในเซลล์ของขนราก หรอกการแพร่
ิ
ื
ุ
ู
ื
็
ื
ของสารละลายในน ้าเลอดเข้าไปส่เซลล์เม็ดเลอดแดงในคน เปนต้น
ู
ี
ั
ี
เซลล์พืชและเซลล์สตว์ สภาพการสญเสยน ้าของเซลล์จะมลักษณะแตกต่างกัน
่
ื
ู
ี
เนองจากเซลล์พืชมผนังเซลล์ แม้ว่าน ้าจะแพร่เข้าส่เซลล์ในปรมาณมากเพียงใด
ิ
ู
ก็ไม่ท าให้เซลล์เกิดอันตราย ผนังเซลล์จะช่วยท าให้เซลล์พืชคงรปอยู่ได้ ไม่เกิด
การเปลยนแปลง แต่ในเซลล์สตว์ เช่น เซลล์เม็ดเลอดแดง ซงไม่มผนังเซลล์ มแต่
ึ
่
ื
ี
ี
ั
ี
่
่
่
เยือห้มเซลล์ หากได้รบน ้าในปริมาณมากเกินไปเซลล์จะขยายตัวและแตกในทีสุด
ุ
ั
ซงจะเปนอันตรายต่อเซลล์ได้
่
็
ึ
-146-
ั
แผนการจดการเรยนรู
้
ี
่
ี
ี
ุ
ี
ู
้
์
ี
ึ
ี่
กล่มสาระการเรยนร วิทยาศาสตร ชั้นมัธยมศกษาปท 1 ภาคเรยนท 1
ื่
ี
ี
ี
่
้
ี
ู
หน่วยการเรยนรท 1 เรอง หน่วยของชวิตและชวิตพืช เวลา 30 ชั่วโมง
ี่
ื่
้
ี
ู
ึ
แผนการจัดการเรยนรท 9 เรอง ฝกทดลองการแพรสาร เวลา 1 ชั่วโมง
่
ื่
ี่
้
สอนวันท ……. เดอน ………………..… พ.ศ. ............... ชอผู้สอน นายยรรยง ปกปอง
ื
1. สาระสาคัญ
ื
ิ
ี
่
ี
็
ี
่
ิ
1.1 การแพร่ เปนการเคลอนทของโมเลกุลของสารจากบรเวณทมความเข้มข้นของสารมาก ไปยังบรเวณ
่
ทมความเข้มข้นของสารน้อยกว่า เช่นการแพร่ของสารอาหารภายในเซลล์
่
ี
ี
่
ี
่
่
ื
ื
็
ุ
่
1.2 ออสโมซส เปนการเคลอนทของโมเลกุลของน ้าผ่านเยือบางๆ เช่น เซลล์เมมเบรนหรอเยือห้มเซลล์
ิ
็
์
ื่
1.3 แอกทฟ ทรานสปอรต เปนการเคลอนทของโมเลกุลของสารจากบรเวณทมความเข้มข้นน้อย ไปยัง
ี่
ี
ี
ี่
ิ
ี
่
ิ
ี
บรเวณทมความเข้มข้นมากกว่า โดยอาศัยพลังงาน เช่น การล าเลยงแร่ธาตในดนเข้าส่เซลล์รากของพืช
ี
ุ
ิ
ู
ื
ิ
ี
ึ
1.4 ทักษะการทดลอง ม 3 ขั้นตอน คอการวางแผนการทดลอง การปฏบัตการทดลอง และการบันทก
ิ
ผลการทดลอง
้
ี
้
ิ
2. มาตรฐานการเรยนรู ว 1.1 : เข้าใจหน่วยพื้นฐานของส่งมชวิต ความสัมพันธของโครงสรางและหน้าท ่ ี
ี
ี
์
ี
์
่
ื
้
ู
ิ
ของระบบต่าง ๆ ของส่งมชวิต ทท างานสัมพันธกัน มกระบวนการสบเสาะหาความร สอสารส่งทเรยนร
้
ู
ี
ี
่
ื
ี
ี
ิ
่
ี
ี
น าความรไปใช้ในการด ารงชวิตของตนเองและดแลส่งมชวิต
้
ู
ู
ี
ี
ิ
3. ตัวชวัด
้
ี
3.4 ทดลองและอธบายการเกิดกระบวนการแพร่ และออสโมซส
ิ
ิ
ิ
้
4. ภาระงาน / ชนงาน
ุ
ุ
ี่
ี่
ี
4.1 ผลงานทผู้เรยนท าในชดฝกท 9 (สนกกับเพลงก่อนเก่งทดลอง)
ึ
ี
4.2 คะแนนการทดสอบก่อนเรยน-หลังเรยน
ี
4.3 บันทกเจตคตและจตวิทยาศาสตรของผู้เรยน
์
ี
ิ
ึ
ิ
ุ
5. จุดประสงคการเรยนรู (จดประสงค์น าทาง)
ี
์
้
5.1 ระบตัวแปรในการทดลองเกียวกับการแพร่และออสโมซสได้
ิ
่
ุ
-147-
่
ิ
์
5.2 ใช้ทักษะการพยากรณในการทดลองเกียวกับการแพร่และออสโมซสได้
ิ
่
ื
ิ
5.3 ปฏบัตการทดลองเรองการแพร่และออสโมซสได้
ิ
็
์
ุ
ิ
ู
้
่
5.4 ใช้ห้องสมดและอนเทอรเนตในการสบค้นความรเรองการแพร่และออสโมซสได้
ื
ื
ิ
์
ุ
ี
ี
ี
5.5 มความรอบคอบ อดทน มเหตมผลในการท ากิจกรรมทางวิทยาศาสตร
5.6 ร่วมกิจกรรมด้วยความสนใจ เห็นความส าคัญ และเรียนรู้อย่างมีความสุข
6. สาระการเรยนรู
้
ี
6.1 การแพร่ ออสโมซส และแอกทฟ ทรานสปอรต
ิ
์
ี
ิ
6.2 ทักษะการก าหนดและควบคมตัวแปร และทักษะการก าหนดนยามเชงปฏบัตการ
ิ
ิ
ุ
ิ
6.3 ทักษะการพยากรณ และทักษะการทดลอง
์
7. กระบวนการจดการเรยนรู ้
ี
ั
้
7.1 ขั้นสรางความสนใจ (engagement)
ี
ี
่
้
ู
1. ผู้เรยนท าแบบทดสอบก่อนเรยน เพือตรวจสอบและทบทวนความรพื้นฐาน (แบบถูกผิด 10 ข้อ)
ุ
ี
ู
์
2. ฝกทักษะการก าหนดและควบคมตัวแปร โดยครก าหนดสถานการณมาให้ แล้วให้ผู้เรยนบอกว่า
ึ
ิ
ุ
ี
ุ
็
อะไรเปนตัวแปรต้น ตัวแปรตาม และส่งใดทจะต้องควบคม (ตัวแปรควบคม) ในการทดลองน้ เช่น
่
ี
ระหว่างโปแทสเซียมเปอร์มังกาเนตกับสีโปสเตอร์ อะไรจะแพร่ได้ดีกว่ากัน
์
ี
-ตัวแปรต้น คอ สาร 2 ชนด ได้แก่ โปแทสเซยมเปอรมังกาเนต และสโปสเตอร
์
ื
ิ
ี
ื
-ตัวแปรตาม คอ ความสามารถในการแพร่
์
ุ
ิ
ิ
ื
-ตัวแปรควบคม คอ ปรมาณน ้าในบกเกอร ปรมาณของสารทั้ง 2 ชนด (ต้องเท่ากัน)
ี
ิ
ิ
ู
ื
่
ั
ิ
3. ครอธบายเพิ่มเตมว่า ในการทดลองเพือตรวจสอบข้อสงสัยหรอปญหาทางวิทยาศาสตร การให้
์
์
ี
ี
่
ความหมายของค าศัพท์ หรอข้อความทใช้ในการทดลอง มความส าคัญมาก เช่น จากสถนการณน้เรา
ื
ี
่
ึ
อาจจะสงสัยว่า ความสามารถในการแพร่คออะไร เราจะตรวจสอบได้อย่างไร เปนต้น ซงในการให้
ื
็
ิ
ความหมายเช่นน้ เราเรยกว่า ทักษะการนยามเชงปฏบัตการ
ี
ี
ิ
ิ
ิ
ิ
ิ
4. ผู้เรยนฝกคดและใช้ทักษะการนยามเชงปฏบัตการ ของค าว่า “ความสามารถในการแพร่” โดย
ิ
ิ
ิ
ึ
ี
ู
ครใช้การซักถาม และแนะน า สรปให้ได้ว่า ความสามารถในการแพร่ หมายถง ความสามารถของสาร
ุ
ึ
็
ุ
ึ
ี
ทโมเลกลสามารถกระจายไปทั่วของเหลวได้อย่างทั่วถงและรวดเรว
่
-148-
7.2 ขั้นส ารวจและค้นหา (exploration)
ี
ี
ี
่
่
5. ครถามผู้เรยนว่า ท าไมจงใช้สารทมสในการทดลองเรองการแพร่ ใช้สารทไม่มสได้ไหม
่
ื
ู
ี
ึ
ี
ี
ี
ี
ี
ุ
ู
ี
ี
ี
่
( ผู้เรยนและครร่วมกันสรปว่า “เราใช้สารทมสก็เพราะว่า สามารถสังเกตผลการทดลองได้ดกว่า” )
ุ
่
ี
ี
่
ี
6. ผู้เรยนแต่ละกล่มวางแผนการทดลองเพือเปรยบเทยบการแพร่ของสารต่างๆ ทหาได้ในห้อง
ี
ิ
ิ
ปฏบัตการทางวิทยาศาสตร และในท้องถ่น แล้วท าการทดลองการแพร่ของสาร บันทกผลและน า
์
ิ
ึ
ึ
ิ
ู
ิ
ี
ุ
่
เสนอผลการทดลองในรปตาราง โดยใช้แบบบันทกการปฏบัตการทดลองของกล่มทครแจกให้
ู
ุ
7.3 ขั้นอธบายและลงข้อสรป (explanation)
ิ
ุ
7. ส่มตัวแทนกล่มออกมาน าเสนอผลการทดลองการแพร่ของสาร โดยให้ระบตัวแปรต้น ตัวแปร
ุ
ุ
ุ
ตาม และตัวแปรควบคมในการทดลอง ตลอดจนการสรปผลการทดลอง
ุ
์
ิ
ี
8. ผู้เรยนและครร่วมกันสรป ความหมายของการแพร่ ออสโมซส และแอกทฟ ทรานสปอรต
ู
ุ
ี
ี่
ึ
ุ
ี่
แล้วร่วมกันร้องเพลง “การเคลอนทของสาร” ในชดฝกทักษะวิทยาศาสตร ชดฝกท 9 (สนกกับเพลง
ุ
์
ึ
ุ
ื่
ู
ึ
ุ
ี
่
ุ
ก่อนเก่งทดลอง) อย่างสนกสนาน ก่อนทจะตอบค าถามในชดฝก และส่งครตรวจ
7.4 ขั้นขยายความร (elaboration)
้
ู
ุ
ู
ี
9. ครแนะน าการน าเสนอข้อมูล การพูดรายงานของผู้เรยน เพือการปรบปรงในคราวต่อไป
่
ั
ื
ี
์
ึ
ิ
ิ
ิ
ู
10. ผู้เรยนศกษาความรเรองทักษะการพยากรณ ทักษะการก าหนดนยามเชงปฏบัตการ ทักษะการ
้
่
ิ
้
์
่
ู
ี
ึ
ุ
ก าหนดและควบคมตัวแปร จากใบความรท 2 ในชดฝกทักษะวิทยาศาสตรของตนเอง แล้วร่วมกัน
ุ
ุ
สรป โดยใช้การซักถามดังน้
ี
่
ี
็
ี
-การคาดคะเนค าตอบล่วงหน้าก่อนจะทดลองโดยอาศัยหลักการทมอยู่แล้ว เปนการใช้ทักษะ
ใด (ทักษะการพยากรณ)
์
ิ
ี
ิ
็
-การอธบายเพื่อบอกวิธวัดตัวแปรในการทดลอง เปนการใช้ทักษะใด (ทักษะการก าหนดนยาม
ิ
เชงปฏบัตการ)
ิ
ิ
็
ี
่
่
ื
ื
-ส่งอนๆ นอกเหนอจากตัวแปรต้นทจะท าให้ผลจากการทดลองคลาดเคลอนได้ จัดเปนตัวแปร
่
ื
ิ
ุ
ใดในการทดลอง (ตัวแปรควบคม)
-149-
ิ
7.5 ขั้นประเมน (evaluation)
ี
ี
11. ผู้เรยนท าแบบทดสอบหลังเรยน เพื่อตรวจสอบพัฒนาการของผู้เรยน (แบบถูกผิด 10 ข้อ)
ี
ิ
ี
12. ประเมนผลงานการท าชดฝกทักษะของผู้เรยน
ุ
ึ
ี
13. ประเมนผลพฤตกรรมด้านอนๆ โดยการสังเกต สัมภาษณทั้งในห้องเรยน และนอกห้องเรยน
่
ื
์
ิ
ี
ิ
ี
่
8. สอและแหลงเรยนรู
้
่
ื
ื
่
ิ
ุ
ึ
ี
ี
8.1 บัตรค ายากหรอค าส าคัญ เพือใช้ฝกอ่านและสรปบทเรยน ได้แก่ค าว่า การแพร่ ออสโมซส แอกทฟ
์
ุ
ิ
ิ
ิ
์
ิ
ทรานสปอรต ทักษะการพยากรณ ทักษะการก าหนดและนยามเชงปฏบัตการ ทักษะการก าหนดและควบคม
ตัวแปร
ี
8.2 แผ่นใสและเครองฉายภาพข้ามศรษะ (Over Head)
ื
่
ุ
ี
ี
8.3 วัสดอปกรณในห้องปฏบัตการทางวิทยาศาสตร ได้แก่ บกเกอร น ้า โปแทสเซยมเปอรมังกาเนต
์
ิ
์
ิ
์
์
ุ
ิ
ึ
์
ุ
์
8.4 ชดฝกทักษะวิทยาศาสตร (ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรและความสามารถในการคดวิเคราะห)
์
่
ี
่
ี
ี
ื
เรอง หน่วยของชวิตและชวิตพืช ชั้นมัธยมศกษาปท 1
ี
ึ
8.5 ห้องสมด และห้องคอมพิวเตอร เพื่อใช้ในการสบค้นข้อมูลจากอนเทอรเนต
ิ
์
์
ุ
็
ื
9. การวัดและประเมินผล
ิ
9.1 ส่งทต้องการวัด
่
ี
ี
์
ิ
่
ื
-ความรความเข้าใจ เรอง การแพร่ ออสโมซส แอกทฟทรานสปอรต ทักษะการพยากรณ ทักษะการ
์
้
ู
ุ
ิ
ิ
ิ
ก าหนดและนยามเชงปฏบัตการ ทักษะการก าหนดและควบคมตัวแปร
ิ
ุ
ื่
-ทักษะการพูดสรปเรองและพูดรายงาน ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร ์
็
ี
่
ี
ี
-เจตคตทดต่อการเรยน ได้แก่ ความสนใจ ความตั้งใจ และเหนความส าคัญ
ิ
ี
์
ิ
-จตวิทยาศาสตร ได้แก่ ความใฝรใฝเรยน ความรอบคอบ มเหตมผล ความอดทน
่
ุ
ู
้
่
ี
ี
ุ
9.2 วิธการวัด ใช้การซักถาม การท าชดฝกทักษะ และการสังเกตพฤตกรรม
ิ
ึ
ี
9.3 เครองมอวัด
ื่
ื
ี
-แบบทดสอบก่อนเรยน-หลังเรยน
ี
ุ
์
ึ
ึ
ุ
-ชดฝกทักษะวิทยาศาสตร ชดฝกท 9 (สนกกับเพลงก่อนเก่งทดลอง)
ี่
ุ
ิ
-แบบประเมนเจตคตและจตวิทยาศาสตร
ิ
์
ิ
9.4 เกณฑ์การประเมน
ิ
-ตอบถูกให้ 1 คะแนน และตอบผิดให้ 0 คะแนน
ึ
-ข้นอยู่กับลักษณะและรปแบบของชดฝกทักษะ (เฉลยและเกณฑ์อยู่ในภาคผนวกแต่ละแผน)
ู
ุ
ึ
็
ุ
ิ
-ให้คะแนนเปนระดับคณภาพ (แบบประเมนและเกณฑ์อยู่ภาคผนวกท้ายแผน)
-150-
10. กิจกรรมเสนอแนะ
้
10.1 แหล่งเรยนรควรยืดหยุ่นตามความเหมาะสมในด้านต่าง ๆ เช่น สภาพแวดล้อมทางธรรมชาต ิ
ี
ู
็
เวลา งบประมาณ และความพรอมของผู้เรยน เปนต้น
ี
้
ี
่
้
ี
10.2 ผู้เรยนควรมความพรอมในด้านการพูดและการอ่านเพือจับใจความส าคัญ
ุ
11.3 ทักษะการเขยนเพือบันทกสรปสาระส าคัญ ควรฝกให้เกิดข้นในตัวผู้เรยนพรอมๆ กับการสราง
ี
ึ
ึ
้
่
้
ึ
ี
นสัยรกการอ่านและการสืบค้นข้อมูลจากแหล่งเรียนรู้ต่างๆ
ิ
ั
ื่
(ลงชอ)
้
( นายยรรยง ปกปอง )
..... / ……… / ………
ึ
็
11. ความเหนและขอเสนอแนะของผูบรหารสถานศกษา
้
้
ิ
……………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………...
(ลงชอ)
ื่
( ………………………………….)
ี
ผู้อ านวยการ โรงเรยนบ้านดงเจรญ
ิ
….. / ……….. / ……..
12. บันทึกหลังสอน
12.1 ผลการสอน
-ด้านพุทธพิสัย …………………………………………………………………………….…
ิ
……………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………..
-151-
-ด้านทักษะพิสัย ……………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………..
-ด้านจตพิสัย …………………………………………………………………………………
ิ
……………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………..
ุ
ั
12.2 ปญหาอปสรรค ………………………………………………………………………………
12.3 แนวทางแก้ไข ………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………..
ื่
(ลงชอ)
้
( นายยรรยง ปกปอง )
..... / ……… / ……..
-152-
ภาคผนวก
ี
ี
• แบบทดสอบก่อนเรยน-หลังเรยน
ึ
ี่
• เฉลย / เกณฑ์การให้คะแนนชดฝกท 9
ุ
ุ
(สนกกับเพลงก่อนเก่งทดลอง)
-153-
แบบทดสอบก่อนเรยน – หลังเรยน
ี
ี
แผนท 9
ี่
ฝกทดลองการแพร่สาร
ึ
ื่
ื่
ี่
ี่
จงท าเครองหมาย / หน้าข้อทถูก และท าเครองหมาย X หน้าข้อทผิด
่
ี
ิ
ี
ี
......... 1. สารละลายทมความเข้มข้นมาก แสดงว่ามปรมาณของ
ตัวท าละลายน้อย
ี
ี
่
……. 2. สารละลายทมความเข้มข้นน้อย แสดงว่ามปรมาณของ
ี
ิ
ตัวถูกละลายมาก
ึ
็
……. 3. หยดน ้าหมกลงไปในน ้า เปนตัวอย่างหนงของการแพร่
ึ
่
ื
……. 4. “ การทดลองเรองการแพร่ของสาร ” ชนดของสารถอว่า
่
ื
ิ
็
เปนตัวแปรต้น
ื
……. 5. “ การทดลองเรองการแพร่ของสาร ” น ้าในบีกเกอร์ถือว่า
่
เปนตัวแปรตาม
็
่
็
ี
่
ิ
ื
ิ
……. 6. การแพร่และออสโมซส เปนการเคลอนทของสารจากบรเวณ
ี
ิ
ี
ี
่
ี
ทมความเข้มข้นมาก ไปยังบรเวณทมความเข้มข้นน้อยกว่า
ทั้งสองวิธ
ี
่
……. 7. การแพร่ เปนการเคลอนทของสารผ่านเยือบางๆ
่
็
่
ื
ี
่
่
……. 8. ออสโมซส เปนการเคลอนทของสารผ่านเยือบางๆ
ิ
่
็
ื
ี
ิ
่
ื
……. 9. การเคลอนทของสารทต้องใช้พลังงาน เรยกว่า ออสโมซส
่
่
ี
ี
ี
ี
……. 10. สารเคลอนทภายในเซลล์ โดยวิธแอกทฟ ทรานสปอรต
ี
ื่
์
ี่
-154-
ชุดฝกที 9.
ึ
่
สนุกกับเพลงก่อนเก่งทดลอง
กิจกรรม
้
์
เกณฑการใหคะแนน
่
1) ร้องเพลง “การเคลื่อนทีของสาร” • คะแนนเต็ม 6 คะแนน
กำรเคลื่อนที่ของสำร ( ท านอง ข้าวโพดสาลี) • เติมค าตอบ โดยบอกทั้ง
็
การแพร่เปนการเคลื่อนทีจากความเข้มข้นสารมากไปนอย (ซ ้า) ความหมายและยกตัวอย่าง
่
้
ได้ถูกต้อง ให้ข้อละ 2
่
หากกลับกันต้องใช้พลังงาน การเคลื่อนทีนั้นแอกทีฟทรานสปอร์ต
คะแนน
่
การแพร่ของนา ผ่านเยือเลือกผ่าน เรียกว่าการออสโมซิส (ซ ้า)
้
่
2) อภิปราย ซักถาม และสรุปเกียวกับ การแพร่ ออสโมซิส
แอกทีฟทรานสปอร์ต ตัวอย่างการนาไปใช้ในชีวิตประจ าวัน
ตอบค าถาม
1. การแพร่ คือ การเคลื่อนที่ของสารจากบริเวณที่มีความเข้มข้นมาก
้
ไปยังบริเวณที่มีความเข้มข้นนอยกว่า
เช่น การแพร่ของนาหมึกในนา
้
้
2. ออสโมซิส คือ การเคลื่อนที่ของสารผ่านเยื่อบางๆ จากบริเวณที่มีความเข้มข้นมาก
ไปยังบริเวณที่มีความเข้มข้นนอยกว่า โด
้
เช่น การเคลื่อนที่ของสารในเซลล์ ผ่านเยื่อหุ้มเซลล์
3. แอกทีฟทรานสปอร์ต คือ การเคลื่อนที่ของสารจากบริเวณที่มีความเข้มข้นนอย
้
ไปยังบริเวณที่มีความเข้มข้นมากกว่า โดยอาศัยพลังงาน
ุ
เช่น การเคลื่อนที่ของแร่ธาตในดิน เข้าสู่รากพืช
-155-
แผนการจดการเรยนรู
ี
ั
้
กล่มสาระการเรยนร วิทยาศาสตร ชั้นมัธยมศกษาปท 1 ภาคเรยนท 1
ี
ี่
ี
้
ู
่
ึ
ี
์
ุ
ี
ื่
ี
่
ี
ู
ี
ี
้
หน่วยการเรยนรท 1 เรอง หน่วยของชวิตและชวิตพืช เวลา 30 ชั่วโมง
้
ู
ี่
ี
ื่
แผนการจัดการเรยนรท 10 เรอง ท านายกันลงความเห็น เวลา 1 ชั่วโมง
ื
สอนวันท ……. เดอน ………………..… พ.ศ. ............... ชอผู้สอน นายยรรยง ปกปอง
้
ื่
ี่
1. สาระสาคัญ
1.1 การออกแบบก่อนท าการทดลองโดยการใช้ ทักษะการตั้งสมมตฐาน การก าหนดและควบคมตัวแปร
ิ
ุ
ี
ู
่
ุ
ิ
ี
จะช่วยท าให้การด าเนนการทดลอง มความเทยงตรงสง และสอดคล้องกับวัตถประสงค์ของการทดลอง
1.2 การใช้ทักษะการวัด การคดค านวณ การพยากรณ การจัดกระท าและสอความหมายข้อมูล การต ี
ื่
์
ิ
ิ
ุ
ความหมายข้อมูลและลงข้อสรป ในขณะปฏบัตการทดลองก็ยิ่งช่วยส่งเสรมให้การทดลองมความสมบูรณ ์
ิ
ิ
ี
ึ
มากข้น
ี
่
ี
ื
่
ึ
ึ
1.3 การพูดรายงานผลการทดลอง เปนการฝกทักษะการสอความหมายข้อมูล ทผู้เรยนควรฝกฝนอย่าง
็
้
ู
ี
ู
สม าเสมอ รจักแนะน าตัวก่อนพูด ออกเสยงถกต้องและสรปสาระส าคัญของเรอง ควรรจักใช้ ข้อมูลทมอยู่
่
ี
ี
ื
่
้
่
ู
ุ
ื
ื
่
ื
่
สอและเครองมอประกอบการพูด ก็จะช่วยให้การพูดน่าฟังมากขึ้น
้
ี
ี
2. มาตรฐานการเรยนรู ว 1.1 : เข้าใจหน่วยพื้นฐานของส่งมชวิต ความสัมพันธของโครงสรางและหน้าท ่ ี
ี
์
ิ
้
้
ื
ื
ิ
่
ู
้
ู
ี
่
ี
ี
ี
ี
ิ
่
ี
ของระบบต่าง ๆ ของส่งมชวิต ทท างานสัมพันธกัน มกระบวนการสบเสาะหาความร สอสารส่งทเรยนร
์
ู
้
ี
ี
ู
น าความรไปใช้ในการด ารงชวิตของตนเองและดแลส่งมชวิต
ิ
ี
3. ตัวชวัด
้
ี
ี
่
3.5 ออกแบบ และท าการทดลองเกียวกับการแพร่ และออสโมซสของเซลล์ เมออยู่ในสารละลายทม ี
ื
่
่
ิ
ความเข้มข้นต่างกัน
ิ
้
4. ภาระงาน / ชนงาน
ี่
ี่
ี
ึ
ุ
4.1 ผลงานทผู้เรยนท าในชดฝกท 24 (ท านายอะไรเอ่ย)
ี
ี
4.2 คะแนนการทดสอบก่อนเรยน-หลังเรยน
4.3 บันทกเจตคตและจตวิทยาศาสตรของผู้เรยน
์
ี
ิ
ิ
ึ
ุ
้
5. จุดประสงคการเรยนรู (จดประสงค์น าทาง)
์
ี
ี
่
ิ
็
5.1 ใช้ทักษะการลงความคดเหนจากข้อมูลทก าหนดให้ได้