-56-
ี
ู
5.3 เตรยมสไลด์สดได้ถกต้อง คล่องแคล่ว
ี
ี
์
ี
ุ
5.4 มความรอบคอบ อดทน มเหตมผลในการท ากิจกรรมทางวิทยาศาสตร
ู
ี
ุ
้
็
5.5 ร่วมกิจกรรมด้วยความสนใจ เหนความส าคัญ และเรยนรอย่างมความสข
ี
6. สาระการเรยนรู
้
ี
ิ
6.1 การประดษฐ์กล้องจลทรรศน์
ุ
6.2 ส่วนประกอบและวิธีใช้กล้องจุลทรรศน์
ี
6.3 การเตรยมสไลด์สด
ั
7. กระบวนการจดการเรยนรู ้
ี
้
7.1 ขั้นสรางความสนใจ (engagement)
1. ผู้เรยนท าแบบทดสอบก่อนเรยน เพือตรวจสอบและทบทวนความรพื้นฐาน (แบบถูกผิด 10 ข้อ)
ี
ี
้
ู
่
ี
ุ
้
2. ครเตรยมกล้องจลทรรศน์พรอมสไลด์แห้งและสดของเซลล์พืช และเซลล์สัตว์ วางไว้บนโต๊ะ
ู
ุ
ิ
ประมาณ 3-5 จด แล้วให้ตัวแทนกล่ม ๆ ละ 2 คน ออกมาสังเกตส่งทีเห็นบนสไลด์ก่อน แล้วจึงน า
ุ
่
ไปดโดยผ่านกล้องจลทรรศน ครซักถามเกียวกับส่งทผู้เรยนเหนดังน้
่
ุ
ู
์
่
ี
ิ
ู
ี
็
ี
์
ู
ี
ิ
่
็
่
ี
็
-เมอนักเรยนดส่งทอยู่ในสไลด์ด้วยตาเปล่า โดยไม่ใช้กล้องจลทรรศน จะเหนเปนอย่างไร
ุ
ื
็
-เมอนักเรยนดส่งทอยู่ในสไลด์ โดยผ่านกล้องจลทรรศน จะเหนเปนอย่างไร และมขนาดอย่างไร
ุ
่
ี
์
ู
ี
ี
ิ
่
ื
็
เมอเปรยบเทยบกับดคร้งแรก
ู
ี
ี
ั
่
ื
ิ
์
่
์
ิ
์
ื
ู
3. ครสนทนาเกียวกับกล้องจลทรรศน ในห้องปฏบัตการทางวิทยาศาสตร ในเรอง ประโยชนของ
ุ
่
ุ
์
ี
่
ุ
์
กล้องจลทรรศน ก าลังขยาย ส่วนประกอบและหน้าทของส่วนประกอบของกล้องจลทรรศนอย่างย่อๆ
ุ
์
ึ
ุ
4. ผู้เรยนฝกอ่านค าต่อไปน้ จากบัตรค า ได้แก่ค าว่า กล้องจลทรรศน กาลเลโอ โรเบรต ฮค
ิ
์
ิ
ี
ี
้
์
ิ
ิ
ลวเวนฮอรค ชวานและชไลเดน พรอมกับเล่าประวัตการสรางกล้องจลทรรศนและการค้นพบหน่วย
์
ุ
้
ี
ของส่งมชวิต ให้ผู้เรยนฟง ประมาณ 5-8 นาท
ี
ิ
ั
ี
ี
ื
่
ี
5. ซักถามความรความเข้าใจ เกียวกับเรองทผู้เรยนฟง ดังน้
ี
้
่
ู
ี
ั
่
็
ิ
-ใครเปนผู้ประดษฐ์กล้องจลทรรศน์ เปนคนแรก (กาลเลโอ)
็
ุ
ิ
์
ุ
ื
่
ี
ิ
็
-ค าว่า “เซลล์” นั้นแปลว่าอะไร ใครเปนคนตั้งชอน้ (ห้องว่างเล็กๆ / โรเบรต ฮค)
ี
ี
ี
-ใครเปนคนตั้งทฤษฎเซลล์ และมใจความส าคัญอย่างไร (ชวาน และชไลเดน/ ส่งมชวิตทั้งหลาย
ิ
็
ี
ย่อมประกอบไปด้วยเซลล์ และผลตภัณฑ์ของเซลล์)
ิ
-57-
7.2 ขั้นส ารวจและค้นหา (exploration)
ี
่
ื
ี
ู
ี
ุ
6. ผู้เรยนศกษาส่วนประกอบและวิธใช้กล้องจลทรรศน์ จากเน้อหาในใบความรท 3 (ส่วนประกอบ
ึ
้
ึ
ของกล้องจลทรรศน์) ในชดฝกทักษะวิทยาศาสตรของตนเอง
ุ
ุ
์
ู
ิ
ี
้
ู
ุ
7. ครอธบายส่วนประกอบของกล้องจลทรรศน์ โดยช้ส่วนต่างๆ ให้ผู้เรยนดพรอมกับบอกหน้าท ี ่
ี
ของส่วนประกอบแต่ละส่วนนั้น
ึ
์
ี
ุ
์
8. ผู้เรยนแต่ละคนท าชดฝกทักษะวิทยาศาสตร ชดฝกท 3 (ส่วนประกอบของกล้องจลทรรศน)
ึ
่
ี
ุ
ุ
ให้แล้วเสรจ แล้วส่งผลงานให้ครตรวจ
็
ู
ู
ุ
ี
ี
9. ครสาธตการเตรยมสไลด์สด และการใช้กล้องจลทรรศน์ให้ผู้เรยนด
ิ
ู
ุ
ุ
ึ
ี
ี
10. ผู้เรยนแต่ละกล่มฝกปฏบัตการเตรยมสไลด์สด โดยใช้วัสดอปกรณ ได้แก่ แผ่นสไลด์ ปากคบ
ิ
ิ
์
ุ
ี
กระจกปดสไลด์ สารละลายไอโอดน ใบมดโกน หัวหอม และสาหร่ายหางกระรอก
ิ
ี
ี
็
ึ
ุ
11. น าสไลด์สดทเตรยมเสรจแล้ว ส่องดด้วยกล้องจลทรรศน วาดภาพลงในสมดบันทก และเตรยม
ี
ี
่
ู
ี
ุ
์
ี
น าเสนอผลงานหน้าห้องเรยน
7.3 ขั้นอธบายและลงข้อสรป (explanation)
ุ
ิ
ี
ุ
ี
ื
่
12. ส่มตัวแทนกล่มออกมาน าเสนอผลงานการเตรยมสไลด์สด ในเรอง การเตรยมสไลด์สดของ
ุ
ู
เซลล์หัวหอม และเซลล์สาหร่ายหางกระรอก และลักษณะรปร่างของเซลล์ทั้งสอง
ู
์
ุ
ุ
13. ผู้เรยนและครร่วมกันสรปส่วนประกอบของกล้องจลทรรศน โดยครใช้แผ่นใสภาพกล้อง
ู
ี
่
ื
่
ื
์
์
ี
จลทรรศนและเครองฉายภาพข้ามศรษะ ถามผู้เรยนให้บอกชอส่วนประกอบของกล้องจลทรรศนตาม
ี
ุ
ุ
ี
หมายเลข และหน้าทของส่วนประกอบนั้นๆ ด้วย
่
ุ
้
14. ผู้เรยนและครร่วมกันรองเพลง “ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร” ด้วยความสนกสนาน
์
ู
ี
้
ู
7.4 ขั้นขยายความร (elaboration)
ื
ู
ี
ี
15. ครแนะน าเพิ่มเตมเกียวกับการเตรยมสไลด์สด ในเรองการใช้อปกรณ ความละเอยดรอบคอบ
่
ุ
่
ิ
์
ึ
ี
์
ความสะอาด และความพรอมด้านวัสดอปกรณในการบันทกข้อมูลและเขยนภาพ
ุ
้
ุ
ิ
ู
์
ิ
ึ
16. ครแนะน าให้ผู้เรยนหมั่นฝกการเตรยมสไลด์สดในเวลาว่าง ในห้องปฏบัตการทางวิทยาศาสตร
ี
ี
-58-
ิ
7.5 ขั้นประเมน (evaluation)
ี
ี
17. ผู้เรยนท าแบบทดสอบหลังเรยน เพื่อตรวจสอบพัฒนาการของผู้เรยน (แบบถูกผิด 10 ข้อ)
ี
ี
18. ประเมนผลงานการท าชดฝกทักษะของผู้เรยน
ุ
ิ
ึ
ิ
่
ิ
ื
19. ประเมนผลพฤตกรรมด้านอนๆ โดยการสังเกต สัมภาษณทั้งในห้องเรยน และนอกห้องเรยน
์
ี
ี
ี
้
่
ื
8. สอและแหลงเรยนรู
่
ิ
ุ
ื
์
ุ
ึ
8.1 บัตรค ายากหรอค าส าคัญ เพือใช้ฝกอ่านและสรปบทเรยน ได้แก่ค าว่า กล้องจลทรรศน กาลเลโอ
่
ี
ุ
ิ
โรเบรต ฮค ลวเวนฮอรค ชวานและชไลเดน สารละลายไอโอดน
์
์
ิ
ี
ี
่
ื
8.2 แผ่นใสและเครองฉายภาพข้ามศรษะ (Over Head)
ุ
์
ิ
ี
์
ุ
8.3 วัสดอปกรณในห้องปฏบัตการทางวิทยาศาสตร ได้แก่ กล้องจลทรรศน แผ่นสไลด์ ปากคบ
์
ิ
ุ
ิ
ี
กระจกปดสไลด์ สารละลายไอโอดน ใบมดโกน หัวหอม สาหร่ายหางกระรอก
ี
ึ
ิ
์
8.4 ชดฝกทักษะวิทยาศาสตร (ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรและความสามารถในการคดวิเคราะห)
์
ุ
์
่
ี
ื
ึ
ี
เรอง หน่วยของชวิตและชวิตพืช ชั้นมัธยมศกษาปท 1
่
ี
ี
็
ุ
8.5 ห้องสมด และห้องคอมพิวเตอร เพื่อใช้ในการสบค้นข้อมูลจากอนเทอรเนต
์
์
ิ
ื
9. การวัดและประเมินผล
ี
ิ
่
9.1 ส่งทต้องการวัด
-ความรความเข้าใจ เรอง ประวัตการสรางกล้องจลทรรศน์และการค้นพบเซลล์ กล้องจลทรรศน์และ
้
ู
ื่
ิ
ุ
้
ุ
การใช้กล้องจลทรรศน์ การเตรยมสไลด์สด
ี
ุ
ื่
-ทักษะการพูดสรปเรองและพูดรายงาน ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร ์
ุ
ี
ี
ี
่
ิ
็
-เจตคตทดต่อการเรยน ได้แก่ ความสนใจ ความตั้งใจ และเหนความส าคัญ
์
ิ
-จตวิทยาศาสตร ได้แก่ ความใฝ่รู้ใฝ่เรียน ความรอบคอบ มีเหตุมีผล ความอดทน
ิ
ี
ุ
9.2 วิธการวัด ใช้การซักถาม การท าชดฝกทักษะ และการสังเกตพฤตกรรม
ึ
ื่
ื
9.3 เครองมอวัด
ี
ี
-แบบทดสอบก่อนเรยน-หลังเรยน
์
ุ
ึ
ึ
ุ
-ชดฝกทักษะวิทยาศาสตร ชดฝกท 3
ี่
ิ
-แบบประเมนเจตคตและจตวิทยาศาสตร
์
ิ
ิ
9.4 เกณฑ์การประเมน
ิ
ู
-ตอบถกให้ 1 คะแนน และตอบผิดให้ 0 คะแนน
-ข้นอยู่กับลักษณะและรปแบบของชดฝกทักษะ (เฉลยและเกณฑ์อยู่ในภาคผนวกแต่ละแผน)
ึ
ุ
ู
ึ
ิ
-ให้คะแนนเปนระดับคณภาพ (แบบประเมนและเกณฑ์อยู่ภาคผนวกท้ายแผน)
็
ุ
-59-
10. กิจกรรมเสนอแนะ
้
10.1 แหล่งเรยนรควรยืดหยุ่นตามความเหมาะสมในด้านต่าง ๆ เช่น สภาพแวดล้อมทางธรรมชาต ิ
ี
ู
็
เวลา งบประมาณ และความพรอมของผู้เรยน เปนต้น
ี
้
ี
่
้
ี
10.2 ผู้เรยนควรมความพรอมในด้านการพูดและการอ่านเพือจับใจความส าคัญ
ุ
11.3 ทักษะการเขยนเพือบันทกสรปสาระส าคัญ ควรฝกให้เกิดข้นในตัวผู้เรยนพรอมๆ กับการสราง
ี
ึ
ึ
้
่
้
ึ
ี
นสัยรกการอ่านและการสืบค้นข้อมูลจากแหล่งเรียนรู้ต่างๆ
ิ
ั
(ลงชอ)
ื่
้
( นายยรรยง ปกปอง )
..... / ……… / ……...
11. ความเหนและขอเสนอแนะของผูบรหารสถานศกษา
ึ
็
้
ิ
้
……………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………...
ื่
(ลงชอ)
( ………………………………….)
ิ
ี
ผู้อ านวยการ โรงเรยนบ้านดงเจรญ
….. / ……….. / ……..
12. บันทึกหลังสอน
12.1 ผลการสอน
-ด้านพุทธพิสัย …………………………………………………………………………….…
ิ
……………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………..
-60-
-ด้านทักษะพิสัย ……………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………..
-ด้านจตพิสัย …………………………………………………………………………………
ิ
……………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………..
ุ
ั
12.2 ปญหาอปสรรค ………………………………………………………………………………
12.3 แนวทางแก้ไข ………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………..
ื่
(ลงชอ)
้
( นายยรรยง ปกปอง )
..... / ……… / ……..
-61-
ภาคผนวก
ี
ี
• แบบทดสอบก่อนเรยน-หลังเรยน
ี่
ึ
ุ
• เฉลย / เกณฑ์การให้คะแนนชดฝกท 3
ุ
(ส่วนประกอบของกล้องจลทรรศน์)
้
ุ
• ใบความรท 3 (ส่วนประกอบของกล้องจลทรรศน์)
ี่
ู
• ภาพกล้องจลทรรศน์
ุ
-62-
ี
แบบทดสอบก่อนเรยน – หลังเรยน
ี
ี่
แผนท 2
ใช้กล้องส ารวจหา
ี่
ื่
ื่
จงท าเครองหมาย / หน้าข้อทถูก และท าเครองหมาย X หน้าข้อทผิด
ี่
็
ื
......... 1. ผู้สรางกล้องจลทรรศน์เปนคนแรก คอ ลวเวนฮอรค
้
์
ิ
ุ
ื
……. 2. โรเบรต ฮค เปนผู้ตั้งชอเซลล์เปนคนแรก
็
ุ
็
ิ
์
่
ี
ิ
……. 3. ทฤษฎเซลล์มใจความว่า “ ส่งมีชีวิตทั้งหลายย่อมประกอบ
ี
ิ
ไปด้วยเซลล์และผลตภัณฑ์ของเซลล์ ”
ึ
ิ
ี
……. 4. ทฤษฎเซลล์ ตั้งข้นโดย กาลเลโอ
ุ
่
……. 5. ส่วนประกอบของกล้องจลทรรศน์ทอยู่ใต้เลนสรวมแสง
ี
์
เรยกว่า ไดอะแฟรม
ี
……. 6. ไดอะแฟรม ท าหน้าทปรบภาพให้ละเอยดและคมชัดมากข้น
ั
ี
่
ึ
ี
ุ
ี
่
ี
……. 7. เลนสทอยู่บนสดของล ากล้อง เรยกว่าเลนสใกล้วัตถ
์
์
ุ
……. 8. ภาพทเกิดจากเลนสใกล้วัตถ จะเปนภาพจรงหัวกลับ
ิ
็
์
่
ี
ุ
่
ี
ื
์
็
……. 9. ภาพทเกิดจากเลนสใกล้ตา จะเปนภาพเสมอนหัวกลับ
ี
่
ุ
……. 10. ส่วนประกอบของกล้องจลทรรศน์ ทท าหน้าทสะท้อน
ี
่
ิ
ื
แสงจากธรรมชาตหรอแสงจากหลอดไฟให้ส่องผ่านวัตถ ุ
์
คอ เลนสรวมแสง
ื
-63-
ชุดฝกที 3.
ึ
่
ส่วนประกอบของกล้องจุลทรรศน์
• จงเติมชื่อส่วนต่างๆ ของกล้องจุลทรรศนในภาพให้ถูกต้อง
์
เลนส์ใกล้ตา
ุ
่
เลนส์ใกล้วัตถก าลังขยายต า
่
ปุมปรับภาพหยาบ
แขน
ุ
เลนส์ใกล้วัตถก าลังขยายสูง
่
ปุมปรับภาพละเอียด แท่นวางวัตถุ
ไดอะแฟรม
ฐาน
กระจกเงา
์
เกณฑการใหคะแนน
้
• คะแนนเต็ม 10 คะแนน เติมค าตอบได้ถูกต้อง
ให้ช่องละ 1 คะแนน
-64-
ใบควำมรูที่ 3.
้
้
ส่วนประกอบของกลองจุลทรรศน์ ์
่
่
1. ล ากล้อง (Body tube) เปนส่วนทีเชื่อมโยงอยูระหว่างเลนส์ใกล้ตา
็
้
กับเลนส์ใกล้วัตถ มีหนาทีปองกันไม่ให้แสงจากภายนอกรบกวน
่
้
ุ
่
่
้
2. แขน (Arm) คือส่วนทีท าหนาทียึดระหว่างล ากล้องและฐาน เปน
็
่
ต าแหนงทีจับเวลายกกล้อง
่
ุ
็
่
3. แท่นวางวัตถ (Specimen stage) เปนแท่นทีใช้วางแผ่นสไลด์ที ่
ต้องการศึกษา
4. ทีหนีบสไลด์ (Spring หรือ Stage clip) เปนแผ่นโลหะใช้จับหรือ
่
็
้
ุ
่
หนบสไลด์ให้ติดอยูกับแทนวางวัตถ ปองกันไม่ให้แผ่นสไลด์เลือนหลุด
ี
่
่
จากแท่นวางสไลด์ ในกล้องรุ่นใหม่ๆจะมี Mechanical stage แทนเพื่อ
้
ควบคุมการเลื่อนสไลด์ได้สะดวกยิ่งขึน
5. ฐาน (Base) เปนส่วนทีใช้ในการตั้งกล้อง ท าหนาทีรับนาหนัก
้
่
่
็
้
ตัวกล้องทั้งหมด
6. กระจกเงา (Mirror) ท าหนาทีสะท้อนแสงจากธรรมชาติหรือแสง
่
้
จากหลอดไฟภายในห้องให้ส่องผ่านวัตถ โดยทั่วไปกระจกจะมี 2 ด้าน
ุ
โดยด้านหนงเปนกระจกเงาเว้า และอีกด้านหนงเปนกระจกเงาระนาบ
ึ
่
็
็
่
ึ
็
ส าหรับกล้องรุ่นใหม่จะใช้หลอดไฟเปนแหล่งก าเนิดแสง ซึงสะดวกและ
่
ชัดเจนกว่า
-65-
่
้
7. เลนส์รวมแสง (Condenser) ท าหนาทีรวมแสงให้เข้มขึน เพื่อส่ง
้
ุ
่
ไปยังวัตถทีจะศึกษา
้
8. ไดอะแฟรม (Diaphragm) อยูใต้เลนส์รวมแสง ท าหนาทีปรับ
่
่
่
ปริมาณแสงให้เข้าสู่เลนส์ในปริมาณทีต้องการ
่
9. ปุมปรับภาพหยาบ (Coarse adjustment หรือ Coarse focus knob)
่
ุ
่
ท าหนาทีปรับภาพโดยเปลียนระยะโฟกัสของเลนส์ใกล้วัตถ (เลื่อนล ากล้อง
้
ุ
หรือแท่นวางวัตถขึนลง) เพื่อท าให้เห็นภาพชัดเจน
้
่
10. ปุมปรับภาพละเอียด (Fine adjustment หรือ Fine focus knob)
่
่
่
่
่
่
่
้
ท าหนาทีปรับภาพ เชนเดียวกับปุมแรก แตชวงการเลือนจะสั้นกว่าปุมปรับ
ภาพหยาบ ท าให้ได้ภาพทีชัดเจนมากยิ่งขึน
้
่
ุ
่
11. เลนส์ใกล้วัตถ (Objective lens) จะติดอยูกับจานหมุน (Revolving
่
่
้
ี
้
nose piece) ซึงจานหมุนนท าหนาทีในการเปลียนก าลังขยายของเลนส์ใกล้
่
วัตถ ตามปกติเลนส์ใกล้วัตถมีก าลังขยาย 3-4 ระดับ คือ 4x 10x 40x และ
ุ
ุ
100x ภาพทีเกิดจากเลนส์ใกล้วัตถเปนภาพจริงหัวกลับ
็
่
ุ
่
12. เลนส์ใกล้ตา (Eye piece) เปนเลนส์ทีอยูบนสุดของล ากล้อง โดยทั่วไป
่
็
่
มีก าลังขยาย 10x หรือ 15x ท าหนาทีขยายภาพทีได้จากเลนส์ใกล้ตา ให้มีขนาด
้
่
้
ใหญ่ขึน ท าให้เกิดภาพทีตาผู้ศึกษามองเห็นได้ ซึงเปนภาพเสมือนหัวกลับ
่
็
่
-66-
ุ
ภาพกล้องจลทรรศน์
(ในชุดฝกทักษะวิทยาศาสตร์)
ึ
-67-
่
์
ภาพกลองจุลทรรศนในแผนใส
้
ึ
(ใช้ฉายโดยเครื่องฉายภาพข้ามศีรษะ เพือฝกถาม-ตอบผู้เรียน)
่
-68-
้
ั
ี
แผนการจดการเรยนรู
ี
ี
่
ี
์
ึ
ุ
ู
กล่มสาระการเรยนร วิทยาศาสตร ชั้นมัธยมศกษาปท 1 ภาคเรยนท 1
้
ี่
ี
หน่วยการเรยนรท 1 เรอง หน่วยของชวิตและชวิตพืช เวลา 30 ชั่วโมง
ู
ื่
่
้
ี
ี
ี
ี
ื่
ู
้
ี่
ี
่
ี
แผนการจัดการเรยนรท 3 เรอง มองเห็นวามีชวิต เวลา 1 ชั่วโมง
ื่
สอนวันท ……. เดอน ………………..… พ.ศ. ............... ชอผู้สอน นายยรรยง ปกปอง
้
ื
ี่
1. สาระสาคัญ
่
้
ี
ู
์
ี
์
1.1 การเรยนรเกียวกับวิธการทางวิทยาศาสตร และทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร จะช่วยส่งเสรม
ิ
้
้
ี
ู
ให้สามารถสรางองค์ความรด้วยตนเองอย่างมระบบ
ึ
ิ
็
็
่
่
่
ี
ื
ื
่
ี
ุ
ี
์
ุ
1.2 กล้องจลทรรศน เปนเครองมอทใช้ตรวจสอบวัตถทมขนาดเล็ก ซงตาคนปกตไม่สามารถมองเหนได้
่
ี
่
ี
ี
่
ุ
ี
1.3 เซลล์เปนหน่วยพื้นฐานทเล็กทสดของส่งมชวิต มโครงสรางและหน้าทเกียวกับการด ารงพันธของ
้
่
็
ิ
ุ
ี
์
ี
ี
ิ
ี
ส่งมชวิต
้
ี
ิ
2. มาตรฐานการเรยนรู ว 1.1 : เข้าใจหน่วยพื้นฐานของส่งมชวิต ความสัมพันธของโครงสรางและหน้าท ี่
ี
้
์
ี
่
ิ
่
ของระบบต่าง ๆ ของสิ่งมีชีวิต ทีท างานสัมพันธ์กัน มีกระบวนการสืบเสาะหาความรู้ สือสารส่งทีเรียนรู้
่
น าความรไปใช้ในการด ารงชวิตของตนเอง และดแลส่งมชวิต
้
ี
ี
ิ
ู
ี
ู
้
3. ตัวชวัด
ี
ี
ี
ิ
ึ
ี
่
ี
3.1 เตรยมสไลด์สด เพือศกษาลักษณะและรปร่างของเซลล์ต่างๆ ของส่งมชวิตเซลล์เดยว และส่งมชวิต
ิ
ี
ี
ู
ุ
หลายเซลล์ ภายใต้กล้องจลทรรศน์
้
ิ
4. ภาระงาน / ชนงาน
ี
ี่
ี่
ุ
4.1 ผลงานทผู้เรยนท าในชดฝกท 4 (เซลล์พืชประกอบด้วยอะไรบ้าง)
ึ
4.2 คะแนนการทดสอบก่อนเรยน-หลังเรยน
ี
ี
ิ
ิ
ึ
์
ี
4.3 บันทกเจตคตและจตวิทยาศาสตรของผู้เรยน
5. จุดประสงคการเรยนรู (จดประสงค์น าทาง)
ุ
์
้
ี
ุ
ิ
ึ
ู
ี
์
5.1 ใช้กล้องจลทรรศนศกษาลักษณะรปร่างของเซลล์ส่งมชวิตเซลล์เดยวได้
ี
ี
์
ู
ี
ี
5.2 ใช้กล้องจลทรรศนศกษาลักษณะรปร่างของเซลล์ส่งมชวิตหลายเซลล์ได้
ิ
ึ
ุ
-69-
้
ิ
ิ
ู
ี
5.3 อธบายลักษณะรปร่างและโครงสรางของส่งมชวิตเซลล์เดยวได้
ี
ี
์
ี
ี
ุ
ี
5.4 มความรอบคอบ อดทน มเหตมผลในการท ากิจกรรมทางวิทยาศาสตร
ี
็
5.5 ร่วมกิจกรรมด้วยความสนใจ เหนความส าคัญ และเรยนรอย่างมความสข
ู
ุ
ี
้
ี
6. สาระการเรยนรู้
6.1 การเตรยมสไลด์สด
ี
ุ
6.2 การใช้กล้องจลทรรศน์
ู
ี
6.3 ลักษณะและรปร่างของส่งมชวิตเซลล์เดยว
ี
ี
ิ
้
6.4 โครงสรางของเซลล์พืช
7. กระบวนการจดการเรยนรู ้
ี
ั
7.1 ขั้นสร้างความสนใจ (engagement)
้
ู
1. ผู้เรยนท าแบบทดสอบก่อนเรยน เพือตรวจสอบและทบทวนความรพื้นฐาน (แบบถูกผิด 10 ข้อ)
่
ี
ี
ุ
2. ทบทวนส่วนประกอบของกล้องจลทรรศน์ โดยให้ผู้เรยนบอกชอเมอครช้ทส่วนประกอบใด
ี
ื
่
ี
ู
่
ี
ื
่
ู
จนกระทั่งผู้เรยนส่วนใหญ่ตอบได้ถกต้อง คล่องแคล่ว
ี
ี
ู
3. ครน าเสนอภาพเคลอนไหวส่งมชวิตพวกโปรตสตา ได้แก่ อะมบา และพารามเซยม โดยใช้
ี
ิ
ี
ี
่
ื
ิ
ี
่
่
โปรแกรม Power Point เพือสรางความสนใจ แล้วสนทนาซักถามกับผู้เรยนเกียวกับลักษณะรปร่าง
ู
ี
้
ี
ี
ี
ี
ิ
ื
่
่
และการเคลอนทของส่งมชวิตพวกน้
ี
ู
ี
ี
ิ
ี
4. ครน าเสนอ Clip Video ส่งมชวิตพวกโปรตสตา ได้แก่ ยูกลนา ให้ผู้เรยนสังเกตลักษณะรปร่าง
ิ
ู
ี
ี่
ื่
และการเคลอนทของยูกลนา
5. ครอธบายและสรปเพิ่มเตมเกียวกับส่งมชวิตทั้ง 3 ชนด เช่น
ู
ี
ี
ิ
ิ
ุ
่
ิ
ิ
ี
ี
ี
ี
ิ
ี
ี
-อะมบา พารามเซยม และยูกลนา เปนส่งมชวิตพวกโปรโตซัว อยู่ในอาณาจักรโปรตสตา
็
ิ
ี
-อะมบา พารามเซยม และยูกลนา มลักษณะบางอย่างเหมอนพืช (มคลอโรพลาสต์) ลักษณะ
ี
ี
ื
ี
ี
ี
ื
บางอย่างเหมอนสัตว์ (เคลอนทได้) จงจัดอยู่ในอาณาจักรโปรตสตา
ิ
ื่
ี่
ึ
่
ี
ู
ี
ี
ึ
ี
ี
-อะมบา พารามเซยม และยูกกลนา เปนส่งมชวิตเซลล์เดยว ซงต่างจากคน สัตว์และพืชชั้นสง
ี
็
ี
ิ
็
ี
ทเปนส่งมชวิตหลายเซลล์
่
ี
ิ
ี
้
ี
6. ผู้เรยนฝกความพรอมในการเตรยมสไลด์สด โดยตอบค าถามว่าถ้าเราจะเตรยมสไลด์สดจะต้อง
ึ
ี
ี
ุ
ี
ุ
ิ
ี
ใช้วัสดอปกรณอะไรบ้าง (ใบมดโกน แผ่นสไลด์ กระจกปดสไลด์ สารละลายไอโอดน และตัวอย่าง
์
ี
ี
ส่งมชวิต)
ิ
-70-
7.2 ขั้นส ารวจและค้นหา (exploration)
ี
ึ
7. ครบอกว่า วันน้เราจะศกษาลักษณะและโครงสรางเซลล์ของส่งมชวิตหลายเซลล์ ได้แก่เซลล์
ู
ี
ี
้
ิ
ของหัวหอม และสาหร่ายหางกระรอก ให้แต่ละกล่มด าเนนการได้
ุ
ิ
ี
์
ึ
ุ
ั
ุ
ุ
ุ
ึ
8. ผู้เรยนแต่ละกล่มส่งตัวแทนออกมารบวัสดอปกรณ แล้วศกษาขั้นตอนในกิจกรรมของชดฝก
ทักษะวิทยาศาสตร ชดฝกท 4 (เซลล์พืชประกอบด้วยอะไรบ้าง)
ี่
ึ
์
ุ
ู
ิ
ิ
ิ
ื
ิ
9. วางแผนและด าเนนการปฏบัตตามขั้นตอน (ครคอยสังเกต ให้ค าแนะน าช่วยเหลอ และประเมน
ทักษะกระบวนการกล่ม และทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร)
ุ
์
ิ
ิ
ิ
ึ
ึ
ิ
ึ
ี
10. ผู้เรยนบันทกผลการปฏบัตในชดฝกทักษะของตนเอง และในแบบบันทกการปฏบัตงานกล่ม
ุ
ุ
้
ิ
ึ
พรอมกับการเตรยมน าเสนอผลการศกษาเซลล์พืชทั้งสองชนด ( วาดภาพประกอบด้วย )
ี
7.3 ขั้นอธบายและลงข้อสรป (explanation)
ุ
ิ
11. ส่มตัวแทนกล่มออกมาน าเสนอผลงานโดยใช้แผ่นใสและเครองฉายภาพข้ามศรษะ ตลอดจน
ุ
ื
่
ี
ุ
ภาพวาดโครงสรางของเซลล์พืชประกอบ
้
ี
ี
ุ
ิ
ี
12. ครสรปเพิ่มเตม โดยใช้การซักถามจากภาพบนแผ่นใส (ภาพอะมบา พารามเซยม ยูกลนา และ
ู
ี
เซลล์พืช) เพือความรวดเรวและความชัดเจนยิ่งข้น เช่น
่
ึ
็
็
ิ
ี
-หัวหอม สาหร่ายหางกระรอก เปนส่งมชวิตอยู่ในอาณาจักรใด ( อาณาจักรพืช)
ี
ี
็
ี
-คน เปนส่งมชวิตอยู่ในอาณาจักรใด (อาณาจักรสัตว์)
ิ
ี
ิ
็
ี
ี
-อะมบา พารามเซยม ยูกลนา เปนส่งมชวิตอยู่ในอาณาจักรใด (อาณาจักรโปรตสตา)
ี
ี
ี
ิ
ี
ี
ี
-เซลล์ของอะมบา และเซลล์ของหัวหอมต่างกันอย่างไร (อะมบาเปนส่งมชวิตเซลล์เดยว
็
ิ
ี
ี
ี
ี
แต่หัวหอม เปนส่งมชวิตหลายเซลล์)
ิ
็
ี
ื
่
ี
ี
-เม็ดสเขยวมากมาย ทพบในเซลล์สาหร่ายหางกระรอก คออะไร (คลอโรพลาสต์)
ุ
์
่
ี
ึ
ี
ุ
้
-สรปเซลล์พืชมโครงสรางทเราศกษาโดยใช้กล้องจลทรรศน ได้แก่อะไรบ้าง ( เยื่อห้มเซลล์
ุ
คลอโรพลาสต์ นวเคลยส และไซโตพลาสซม )
ิ
ี
ึ
ู
้
7.4 ขั้นขยายความร (elaboration)
13. ครแนะน าการน าเสนอข้อมูล การพูดรายงานของผู้เรยน เพือการปรบปรงในคราวต่อไป
ี
่
ู
ุ
ั
14. ผู้เรยนศกษาความรเพิ่มเตมจากใบความรท 5 (ขนาดและชนดของเซลล์) ในชดฝกทักษะ
ึ
ี
ึ
ู
้
่
ิ
ี
ู
้
ุ
ิ
์
วิทยาศาสตรของตนเอง
-71-
ิ
7.5 ขั้นประเมน (evaluation)
ี
15. ผู้เรยนท าแบบทดสอบหลังเรยน เพื่อตรวจสอบพัฒนาการของผู้เรยน (แบบถูกผิด 10 ข้อ)
ี
ี
ิ
16. ประเมนผลงานการท าชดฝกทักษะของผู้เรยน
ึ
ุ
ี
ิ
ี
ี
17. ประเมนผลพฤตกรรมด้านอนๆ โดยการสังเกต สัมภาษณทั้งในห้องเรยน และนอกห้องเรยน
ิ
์
่
ื
่
8. สอและแหลงเรยนรู
ี
่
ื
้
ี
ุ
ื
ี
8.1 บัตรค ายากหรอค าส าคัญ เพือใช้ฝกอ่านและสรปบทเรยน ได้แก่ค าว่า อะมบา พารามเซยม ยูกลนา
ึ
ี
ี
ี
่
ี
โปรโตซัว อาณาจักรพืช อาณาจักรสัตว์ อาณาจักรโปรตสตา เซลล์เดยว หลายเซลล์
ิ
ี
่
ื
8.2 แผ่นใสและเครองฉายภาพข้ามศรษะ (Over Head)
์
ิ
ิ
์
์
8.3 วัสดอปกรณในห้องปฏบัตการทางวิทยาศาสตร ได้แก่ กล้องจลทรรศน แผ่นสไลด์ กระจกปดสไลด์
ุ
ิ
ุ
ุ
ี
ี
ปากคบ สารละลายไอโอดน ใบมดโกน หัวหอม สาหร่ายหางกระรอก
ี
8.4 ชดฝกทักษะวิทยาศาสตร (ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรและความสามารถในการคดวิเคราะห)
ิ
ุ
์
ึ
์
์
ี
เรอง หน่วยของชวิตและชวิตพืช ชั้นมัธยมศกษาปท 1
ื
่
ึ
ี
ี
่
ี
์
ุ
ิ
ื
์
็
8.5 ห้องสมด และห้องคอมพิวเตอร เพื่อใช้ในการสบค้นข้อมูลจากอนเทอรเนต
9. การวัดและประเมินผล
ี
่
ิ
9.1 ส่งทต้องการวัด
ี
ี
ี
้
ิ
่
ู
้
-ความรความเข้าใจเรอง โปรโตซัว ส่งมชวิตเซลล์เดยวและหลายเซลล์ โครงสรางของเซลล์พืช
ื
ุ
-ทักษะการพูดสรปเรองและพูดรายงาน ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร ์
ื่
ี
ี
ิ
-เจตคตทดต่อการเรยน ได้แก่ ความสนใจ ความตั้งใจ และเหนความส าคัญ
็
ี
่
ู
ิ
ี
์
-จตวิทยาศาสตร ได้แก่ ความใฝรใฝเรยน ความรอบคอบ มเหตมผล ความอดทน
้
ี
่
่
ี
ุ
ี
ิ
ุ
ึ
9.2 วิธการวัด ใช้การซักถาม การท าชดฝกทักษะ และการสังเกตพฤตกรรม
9.3 เครองมอวัด
ื่
ื
ี
-แบบทดสอบก่อนเรยน-หลังเรยน
ี
ึ
ุ
-ชดฝกทักษะวิทยาศาสตร ชดฝกท 4
ึ
ุ
์
ี่
-แบบประเมนเจตคตและจตวิทยาศาสตร
์
ิ
ิ
ิ
9.4 เกณฑ์การประเมน
ิ
-ตอบถูกให้ 1 คะแนน และตอบผิดให้ 0 คะแนน
ู
-ข้นอยู่กับลักษณะและรปแบบของชดฝกทักษะ (เฉลยและเกณฑ์อยู่ในภาคผนวกแต่ละแผน)
ึ
ุ
ึ
ิ
็
-ให้คะแนนเปนระดับคณภาพ (แบบประเมนและเกณฑ์อยู่ภาคผนวกท้ายแผน)
ุ
-72-
10. กิจกรรมเสนอแนะ
้
10.1 แหล่งเรยนรควรยืดหยุ่นตามความเหมาะสมในด้านต่าง ๆ เช่น สภาพแวดล้อมทางธรรมชาต ิ
ี
ู
็
เวลา งบประมาณ และความพรอมของผู้เรยน เปนต้น
ี
้
ี
่
้
ี
10.2 ผู้เรยนควรมความพรอมในด้านการพูดและการอ่านเพือจับใจความส าคัญ
ุ
11.3 ทักษะการเขยนเพือบันทกสรปสาระส าคัญ ควรฝกให้เกิดข้นในตัวผู้เรยนพรอมๆ กับการสราง
ี
ึ
ึ
้
่
้
ึ
ี
นสัยรกการอ่านและการสืบค้นข้อมูลจากแหล่งเรียนรู้ต่างๆ
ิ
ั
ื่
(ลงชอ)
้
( นายยรรยง ปกปอง )
..... / ……… / ……...
้
11. ความเหนและขอเสนอแนะของผูบรหารสถานศกษา
ึ
็
้
ิ
……………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………...
(ลงชอ)
ื่
( ………………………………….)
ี
ผู้อ านวยการ โรงเรยนบ้านดงเจรญ
ิ
….. / ……….. / ……..
12. บันทึกหลังสอน
12.1 ผลการสอน
ิ
-ด้านพุทธพิสัย …………………………………………………………………………….…
……………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………..
-73-
-ด้านทักษะพิสัย ……………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………..
-ด้านจตพิสัย …………………………………………………………………………………
ิ
……………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………..
ุ
ั
12.2 ปญหาอปสรรค ………………………………………………………………………………
12.3 แนวทางแก้ไข ………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………..
ื่
(ลงชอ)
้
( นายยรรยง ปกปอง )
..... / ……… / ……..
-74-
ภาคผนวก
ี
ี
• แบบทดสอบก่อนเรยน-หลังเรยน
ุ
• เฉลย / เกณฑ์การให้คะแนนชดฝกท 4
ี่
ึ
(เซลล์พืชประกอบด้วยอะไรบ้าง)
ิ
้
ู
• ใบความรท 5 (ขนาดและชนดของเซลล์)
ี่
• ตัวอย่างภาพเคลอนไหว
่
ื
ิ
• ตัวอย่างภาพโปรตสตาในแผ่นใส
-75-
แบบทดสอบก่อนเรยน – หลังเรยน
ี
ี
ี่
แผนท 3
มองเห็นว่ามีชีวิต
จงท าเครองหมาย / หน้าข้อทถูก และท าเครองหมาย X หน้าข้อทผิด
ื่
ี่
ื่
ี่
ี
ี
ี
่
......... 1. หน่วยทมชวิตเล็กๆ ของส่งมชวิต เรยกว่า เซลล์
ี
ี
ิ
ี
็
่
ี
ี
ิ
ี
ี
ั
……. 2. คน และสตว์ เปนส่งมชวิตทมเซลล์หลายเซลล์
่
ี
ื
ี
็
ิ
ี
ี
……. 3. ส่งมชวิตเซลล์เดยว ทเราพบเหนอยู่โดยทั่วไปคอ พืช
ี
ี
ี
ิ
ี
็
……. 4. อะมบา พารามเซยม ยูกลนา ต่างก็เปนส่งมชวิตเซลล์เดยว
ี
ี
ี
ี
ื
……. 5. ภาพน้คอ อะมบา
ี
ี
……. 6. ภาพน้คอ พารามเซยม
ื
ี
ี
……. 7. ภาพน้คอ ยูกลนา
ื
ี
ี
……. 8. สาหร่ายสเขยวแกมน ้าเงน จะไม่มเยือห้มนวเคลยส
่
ี
ิ
ี
ี
ิ
ุ
ี
ี
ุ
ิ
ิ
ึ
ิ
……. 9. ยูคารโอตดเซลล์ หมายถงเซลล์ทมเยื่อห้มนวเคลยส
ี่
ี
ี
็
……. 10. เม็ดสเขยวๆ ทเราเหนมากมายในเซลล์สาหร่ายหางกระรอก
่
ี
ี
ี
คอ นวเคลยส
ื
ิ
-76-
ชุดฝกที 4.
่
ึ
เซลล์พืชประกอบด้วยอะไรบ้ำง
กิจกรรม
ก. เซลล์สาหร่ายหางกระรอก
1. หยดนาลงบนกระจกสไลด์ 1-2 หยด
้
2. เด็ดใบอ่อนทีบริเวณยอดของสาหร่ายหางกระรอก
่
้
ิ
จ านวน 1 ใบ วางลงไปบนหยดนา และปดด้วย
กระจกปดสไลด์ ระวังอย่าให้มีฟองอากาศ
ิ
3. นาไปตรวจดูด้วยกล้องจุลทรรศน โดยใช้เลนส์
์
ใกล้วัตถก าลังขยายต า และก าลังขยายสูง
ุ
่
ตามล าดับ
ข. เซลล์เยือหอม
่
ท าซ าข้อ 1-3 แต่เปลียนจากใบสาหร่ายหางกระรอก
้
่
์
้
เกณฑการใหคะแนน เปนเซลล์เยือหอม โดยลอกเยือหอมด้านในออกมา
่
็
่
• คะแนนเต็ม 10 คะแนน และใช้มีดโกนตัดให้มีขนาดประมาณ 0.5 cm x 0.5 cm
ี
• เขยนอธบายได้ถกต้องสมบูรณ ์ วาดรูปและบันทึกผล
ิ
ู
ให้ข้อละ 5 คะแนน
ตอบค าถาม
่
1. เซลล์สาหร่ายหางกระรอก และเซลล์เยือหอมมีรูปร่างอย่างไร
็
เปนรูปสี่เหลี่ยม โดยเซลล์สาหร่ายหางกระรอกจะเห็นคลอโรพลาสต์
ได้ชัดเจนมาก
็
2. สรุปเปนโครงสร้างของเซลล์พืชได้อย่างไร
มีผนังเซลล์ เยื่อหุ้มเซลล์ นวเคลียส คลอโรพลาสต์ และมีสาร
ิ
ของเหลวอยู่ภายในเรียกว่า ไซโตพลาสซึม
-77-
ใบควำมรูที่ 5.
้
ขนาดและชนดของเซลล ์
ิ
็
เซลล์ส่วนใหญ่มขนาดเล็กและไม่สามารถมองเหนได้ด้วยตาเปล่า ต้องใช้กล้อง
ี
ี
ี
็
ี
ิ
่
จลทรรศน์ส่อง แต่ก็มเซลล์บางชนดทมขนาดใหญ่ สามารถมองเหนได้อย่างชัดเจน
ุ
เช่น เซลล์ไข่
ี
รปร่างของเซลล์แต่ละชนดจะแตกต่างกันไปตามชนด หน้าท และต าแหน่งทอยู่
ิ
่
่
ู
ิ
ี
ี
ี
ู
ของเซลล์ ดังนั้นจงพบเซลล์ทมรปร่างไม่แน่นอน เช่น เซลล์อะมบา เซลล์เม็ดเลอด
่
ี
ึ
ื
ขาวบางชนด
ิ
ชนดของเซลล ์
ิ
็
ี
ิ
ื
ิ
เซลล์แบ่งตามลักษณะของนวเคลยส แบ่งได้เปน 2 ชนดคอ
1. เซลลโพรคารโอด (prokaryotic cell) เปนเซลล์ทไม่มเยือห้มนวเคลยส
ิ
่
ุ
็
ี
ี
่
ี
ิ
์
ี
็
ิ
้
นวเคลยสประกอบด้วย โครโมโซมเพียงเสนเดยว มลักษณะเปนวงแหวน ได้แก่
ี
ี
ี
เซลล์ของพวกแบคทเรย และสาหร่ายสเขยวแกมน ้าเงน
ี
ี
ิ
ี
2. เซลลยูคารโอด (eukaryotic cell) เปนเซลล์ทมเยื่อห้มนวเคลยส มสาร
ิ
ี
ี
ี
ี่
ุ
็
์
ิ
ื
ี
พันธกรรมหรอโครโมโซมบรรจอยู่ภายในนวเคลยส ได้แก่ เซลล์ของส่งมชวิตทั่วไป
ิ
ุ
ี
ุ
ิ
ี
ื
ั
เช่น รา โพรโทซัว สาหร่ายอนๆ พืช สตว์
่
-78-
ั
ภาพเคลื่อนไหว (Animation) ของโปรโตซว
(นาเสนอให้ผู้เรียนดู ในขั้นสร้างความสนใจ)
-79-
้
Clip วีดีโอ ยูกลีนาจากกลองจุลทรรศน
์
ึ
(นาเสนอให้ผู้เรียนดู เพือฝกทักษะการสังเกตในขั้นสร้างความสนใจ)
่
-80-
่
ภาพอะมีบาในแผนใส
ึ
(ใช้ฉายโดยเครื่องฉายภาพข้ามศีรษะ เพือฝกถาม-ตอบและสรุปบทเรียน)
่
-81-
่
ี
ภาพพารามีเซยมในแผนใส
ึ
(ใช้ฉายโดยเครื่องฉายภาพข้ามศีรษะ เพือฝกถาม-ตอบและสรุปบทเรียน)
่
-82-
่
ภาพยูกลีนาในแผนใส
ึ
(ใช้ฉายโดยเครื่องฉายภาพข้ามศีรษะ เพือฝกถาม-ตอบและสรุปบทเรียน)
่
-83-
่
์
ภาพเซลลพืชในแผนใส
ึ
(ใช้ฉายโดยเครื่องฉายภาพข้ามศีรษะ เพือฝกถาม-ตอบและสรุปบทเรียน)
่
-84-
ี
้
แผนการจดการเรยนรู
ั
ี
ี
ู
้
์
ุ
ี่
ึ
ี
่
ี
กล่มสาระการเรยนร วิทยาศาสตร ชั้นมัธยมศกษาปท 1 ภาคเรยนท 1
ู
้
ี
ื่
ี
ี
่
หน่วยการเรยนรท 1 เรอง หน่วยของชวิตและชวิตพืช เวลา 30 ชั่วโมง
ี
ี่
้
ี
ู
ื่
แผนการจัดการเรยนรท 4 เรอง เซลลนอยนดมหัศจรรย ์ เวลา 2 ชั่วโมง
์
ิ
้
้
ื่
สอนวันท ……. เดอน ………………..… พ.ศ. ............... ชอผู้สอน นายยรรยง ปกปอง
ื
ี่
1. สาระสาคัญ
ี
ึ
่
์
ุ
ู
1.1 การเตรยมสไลด์สด และฝกทักษะการใช้กล้องจลทรรศนอย่างถกวิธและสม าเสมอ จะช่วยให้ได้
ี
ข้อมูลจากการสังเกตทถกต้องตามจดประสงค์ และสามารถน าไปอ้างองเพือน าเสนอต่อไปได้
ี
่
ุ
่
ู
ิ
ึ
่
1.2 เซลล์โดยทั่วๆ ไปจะมโครงสรางทส าคัญสองส่วน คอ เยือห้มเซลล์ และ โปรโตพลาสซม
ี
้
ุ
ี
ื
่
่
1.3 โปรโตพลาสซม จะประกอบด้วยนวเคลยส และไซโตพลาสซมซงเปนของเหลวภายในเซลล์
ึ
ี
ึ
็
ิ
ึ
1.4 เซลล์พืชมักมรปร่างสเหลยม ส่วนเซลล์สัตว์มักมรปร่างกลม ทั้งเซลล์พืชและเซลล์สัตว์จะม ี
ี
่
ี
ี
ี
ู
่
ู
์
่
่
ึ
ื
ี
้
ื
ี
โครงสรางภายใน ซงเรยกว่าอวัยวะหรอออรแกเนลเหมอนๆ กัน ต่างกันทเซลล์พืชจะมผนังเซลล์และ
ี
คลอโรพลาสต์ ซงในเซลล์สัตว์ไม่ม ี
ึ
่
้
ี
้
์
ิ
ี
ี
2. มาตรฐานการเรยนรู ว 1.1 : เข้าใจหน่วยพื้นฐานของส่งมชวิต ความสัมพันธของโครงสรางและหน้าท ี ่
์
ี
ื
ี
ิ
ื
่
ี
ิ
ู
้
ี
่
ี
ของระบบต่าง ๆ ของส่งมชวิต ทท างานสัมพันธกัน มกระบวนการสบเสาะหาความร สอสารส่งทเรยนร
้
่
ี
ู
้
ี
ู
น าความรไปใช้ในการด ารงชวิตของตนเองและดแลส่งมชวิต
ิ
ี
ู
ี
3. ตัวชวัด
ี
้
3.2 อธบาย และเขยนแผนภาพแสดงส่วนประกอบทส าคัญของเซลล์พืชและเซลล์สัตว์ จากการสังเกต
ี
ิ
ี
่
ภายใต้กล้องจลทรรศน์
ุ
ิ
้
4. ภาระงาน / ชนงาน
ี
ี่
ึ
ี่
ุ
4.1 ผลงานทผู้เรยนท าในชดฝกท 5 (โครงสรางของเซลล์พืช)
้
ี
ี
4.2 คะแนนการทดสอบก่อนเรยน-หลังเรยน
ี
ึ
ิ
4.3 บันทกเจตคตและจตวิทยาศาสตรของผู้เรยน
์
ิ
ี
์
้
ุ
5. จุดประสงคการเรยนรู (จดประสงค์น าทาง)
่
5.1 สรปลักษณะและรปร่างของเซลล์ทศกษาได้
ี
ู
ึ
ุ
-85-
ู
5.2 บอกส่วนประกอบหรออวัยวะของเซลล์ได้ถกต้อง
ื
ี
ิ
ี
ึ
ี
่
ี
5.3 เขยนภาพแสดงเซลล์ของส่งมชวิตทศกษาได้
ี
5.4 ใช้กล้องจลทรรศนในการศกษาเซลล์ของส่งมชวิตได้
ี
์
ุ
ิ
ึ
ี
์
5.5 มความรอบคอบ อดทน มเหตมผลในการท ากิจกรรมทางวิทยาศาสตร
ี
ุ
ี
5.6 ร่วมกิจกรรมด้วยความสนใจ เห็นความส าคัญ และเรียนรู้อย่างมีความสุข
6. สาระการเรยนรู
้
ี
6.1 เซลล์และโครงสรางของเซลล์
้
ุ
6.2 การใช้กล้องจลทรรศน์
ี
ี
ิ
ี
6.3 การเขยนภาพเซลล์ของส่งมชวิต
6.6 ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร
์
7. กระบวนการจดการเรยนรู ้
ั
ี
้
7.1 ขั้นสรางความสนใจ (engagement)
้
1. ผู้เรยนท าแบบทดสอบก่อนเรยน เพือตรวจสอบและทบทวนความรพื้นฐาน (แบบถูกผิด 10 ข้อ)
่
ู
ี
ี
2. ผู้เรยนสังเกตและชมภาพเคลอนไหว (Animation) เรอง พืชคอผู้ผลต ซงครน ามาให้ด ู
ื่
ู
ี
ื
ิ
่
ื่
ึ
ิ
ี
ิ
ี
ึ
แล้วซักถามผู้เรยนว่า “ นักเรยนคดอย่างไรกับค ากล่าวน้ ” และ “ ท าไมจงคดเช่นนั้น ”
ี
์
ู
3. ทบทวนความเข้าใจเกียวกับทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร โดยครก าหนดสถานการณ ์
่
์
ี
มาให้ แล้วให้ผู้เรยนบอกว่าเปนการใช้ทักษะใด ประมาณ 8 - 10 สถานการณ เช่น
็
ี
้
่
ึ
ี
-มหนวดหนงเสนในตัวยูกลนา (การสังเกต)
็
ี่
ี
ี
-สเขยวทเหนบนตัวยูกลนาคอคลอโรพลาสต์ (การลงความคดเหนข้อมูล)
็
ิ
ี
ื
ี
ี
ี
ี
-เตรยมใส่สารละลายไอโอดนลงไป 2 ซซ (การวัด)
-ถ้าไม่ใส่สารละลายไอโอดนจะมองไม่เหนโครงสรางของเซลล์ชัดเจน (การพยากรณ) ์
ี
้
็
ิ
ิ
-ความช้นท าให้รากของพืชเจรญเข้าหา (การตั้งสมมตฐาน)
ื
ุ
ื
-แบ่งเปน 2 กล่มคอ พวกเซลล์เดยวและพวกหลายเซลล์ (การจ าแนกประเภท)
็
ี
ี
ื่
-จัดท าตารางเปรยบเทยบเซลล์พืชและเซลล์สัตว์ (การจัดกระท าและสอความหมายข้อมูล)
ี
ี
ิ
ุ
-อธบายความสัมพันธของข้อมูลจากผลการทดลอง (การตความหมายและลงข้อสรป)
์
-นับจ านวนเซลล์ทพบในกล้องจลทรรศน์ได้ 45 เซลล์ (การค านวณ)
ุ
ี่
ี
ี
ิ
ี
-เรยงล าดับส่งมชวิตเซลล์เดยวตามขนาดของเซลล์ (การจ าแนกประเภท)
ี
-86-
7.2 ขั้นส ารวจและค้นหา (exploration)
ี
ึ
ี
4. ผู้เรยนแต่ละกล่มฝกเตรยมสไลด์สด และตรวจสอบโครงสรางของเซลล์พืชชนดอนๆ เช่น
้
่
ุ
ิ
ื
ี
ุ
ึ
ึ
ุ
ี
ู
์
้
โกสน บอนส ชบา ฯลฯ บันทกลงในสมดบันทกกล่มสาระการเรยนรวิทยาศาสตรของตนเอง
้
และเขยนภาพโครงสรางของเซลล์พืชเปนผลงานกล่มเพือน าเสนอ
่
ี
็
ุ
ึ
ึ
่
ื
้
ุ
ู
้
5. ผู้เรยนแต่ละคนศกษาความรเรองเซลล์และโครงสรางของเซลล์ ในชดฝกทักษะวิทยาศาสตร ์
ี
ู
้
ี่
้
จากใบความรท 4 (เซลล์และโครงสรางของเซลล์)
ึ
6. ซักถามความรความเข้าใจ โดยให้ผู้เรยนดภาพโครงสรางของเซลล์จากชดฝกประกอบ เช่น
้
้
ู
ู
ี
ุ
ี
ื
ี
ี
่
ิ
ี
ี
-เซลล์ทเหนในภาพน้ น่าจะเปนเซลล์ของส่งมชวิตเซลล์เดยวหรอหลายเซลล์ (หลายเซลล์)
็
็
้
ุ
เพราะเหตใด (มโครงสรางซับซ้อน)
ี
็
ิ
ี่
-โครงสรางหรออวัยวะใดของเซลล์ ทเปนศูนย์กลางควบคมการท างาน (นวเคลยส)
้
ุ
ี
ื
ี
ื
-อวัยวะใดทช่วยให้เซลล์พืชมความแข็งแรง (ผนังเซลล์หรอเซลล์วอล)
่
ี
ึ
ี
่
ี
่
-กระบวนการเผาผลาญสารอาหารเพือให้เกิดพลังงานเกิดข้นทใด (ไมโตคอนเดรย)
-กระบวนการสังเคราะหด้วยแสงของพืช เกิดข้นทอวัยวะใด (คลอโรพลาสต์)
ี
่
์
ึ
ี
็
ุ
ิ
ิ
ิ
-ใช้เกณฑ์ใดในการแบ่งส่งมชวิตเปนพวกยูคารโอต และโปรคารโอต (เยื่อห้มนวเคลยส)
ี
ิ
ี
ี
ี
ี
ิ
ี
็
่
ี
-ส่งมชวิตพวกใดทจัดเปนพวกโปรคารโอต (แบคทเรย และสาหร่ายสเขยวแกมน ้าเงน)
ี
ิ
ิ
ี
ึ
7. ผู้เรยนท าชดฝกทักษะวิทยาศาสตร ชดฝกท 5 (โครงสรางของเซลล์พืช) ให้เสรจ แล้วส่ง
ุ
้
์
ี่
ึ
ุ
็
ี
ผลงานให้ครตรวจ
ู
7.3 ขั้นอธบายและลงข้อสรป (explanation)
ุ
ิ
ื
่
่
8. ส่มตัวแทนกล่มออกมาน าเสนอผลงาน เรอง โครงสรางของเซลล์พืช โดยใช้แผ่นใสและเครอง
ื
ุ
ุ
้
ี
ฉายภาพข้ามศรษะ ตลอดจนน าเสนอภาพเซลล์พืชผลงานกล่มประกอบด้วย
ุ
ี
้
ื
่
่
ู
ี
ู
9. ผู้เรยนดภาพโครงสรางของเซลล์พืชจากแผ่นใส ทครฉายให้ด สนทนาและซักถามเกียวกับชอ
่
ู
้
ู
่
ี
ี
และหน้าทของโครงสรางแต่ละอย่าง จนผู้เรยนตอบค าถามได้ถกต้อง
้
ู
7.4 ขั้นขยายความร (elaboration)
ั
ี
ุ
10. ครแนะน าการน าเสนอข้อมูล การพูดรายงานของผู้เรยน เพือการปรบปรงในคราวต่อไป
ู
่
์
ี
11. ผู้เรยนและครร่วมกันรองเพลง “ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร ” ด้วยความสนกสนาน
ู
ุ
้
-87-
ิ
7.5 ขั้นประเมน (evaluation)
ี
ี
ี
12. ผู้เรยนท าแบบทดสอบหลังเรยน เพื่อตรวจสอบพัฒนาการของผู้เรยน (แบบถูกผิด 10 ข้อ)
ุ
ิ
ึ
13. ประเมนผลงานการท าชดฝกทักษะของผู้เรยน
ี
14. ประเมนผลพฤตกรรมด้านอนๆ โดยการสังเกต สัมภาษณทั้งในห้องเรยน และนอกห้องเรยน
ิ
์
ี
ี
ิ
่
ื
ี
8. สอและแหลงเรยนรู
่
่
ื
้
ิ
่
ึ
ุ
ี
8.1 บัตรค ายากหรอค าส าคัญ เพือใช้ฝกอ่านและสรปบทเรยนได้แก่ค าว่าโปรคารโอต ยูคารโอต นวเคลยส
ิ
ื
ี
ิ
ผนังเซลล์ เยื่อห้มเซลล์ คลอโรพลาสต์ ไรโบโซม แวควโอล ไมโตคอนเดรย
ิ
ี
ุ
ี
8.2 แผ่นใสและเครองฉายภาพข้ามศรษะ (Over Head)
่
ื
ิ
ิ
8.3 วัสดอปกรณในห้องปฏบัตการทางวิทยาศาสตร ได้แก่ กล้องจลทรรศน วัสดอปกรณในการเตรยม
์
ุ
ุ
์
ุ
์
์
ุ
ี
ุ
ี
ี
ิ
ี
สไลด์สด เช่น แผ่นสไลด์ กระจกปดสไลด์ สารละลายไอโอดน ปากคบ ใบมดโกน
ิ
์
8.4 ชดฝกทักษะวิทยาศาสตร (ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรและความสามารถในการคดวิเคราะห)
์
์
ุ
ึ
ี
ื
ี
่
ี
่
ึ
เรอง หน่วยของชวิตและชวิตพืช ชั้นมัธยมศกษาปท 1
ี
์
ื
8.5 ห้องสมด และห้องคอมพิวเตอร เพื่อใช้ในการสบค้นข้อมูลจากอนเทอรเนต
็
์
ุ
ิ
9. การวัดและประเมินผล
ิ
ี
่
9.1 ส่งทต้องการวัด
ู
-ความรความเข้าใจ เรอง เซลล์แลโครงสรางของเซลล์ เซลล์ยูคารโอต เซลล์โปรคารโอต
ิ
้
ิ
้
ื่
ื่
ุ
-ทักษะการพูดสรปเรองและพูดรายงาน ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร ์
ี
่
ิ
ี
-เจตคตทดต่อการเรยน ได้แก่ ความสนใจ ความตั้งใจ และเหนความส าคัญ
็
ี
ิ
-จตวิทยาศาสตร ได้แก่ ความใฝ่รู้ใฝ่เรียน ความรอบคอบ มีเหตุมีผล ความอดทน
์
ิ
ึ
ุ
9.2 วิธการวัด ใช้การซักถาม การท าชดฝกทักษะ และการสังเกตพฤตกรรม
ี
ื
ื่
9.3 เครองมอวัด
-แบบทดสอบก่อนเรยน-หลังเรยน
ี
ี
ุ
ึ
-ชดฝกทักษะวิทยาศาสตร ชดฝกท 5
ุ
ี่
ึ
์
ิ
-แบบประเมนเจตคตและจตวิทยาศาสตร
ิ
ิ
์
9.4 เกณฑ์การประเมน
ิ
ู
-ตอบถกให้ 1 คะแนน และตอบผิดให้ 0 คะแนน
ึ
ู
ึ
-ข้นอยู่กับลักษณะและรปแบบของชดฝกทักษะ (เฉลยและเกณฑ์อยู่ในภาคผนวกแต่ละแผน)
ุ
-ให้คะแนนเปนระดับคณภาพ (แบบประเมนและเกณฑ์อยู่ภาคผนวกท้ายแผน)
ิ
ุ
็
-88-
10. กิจกรรมเสนอแนะ
้
10.1 แหล่งเรยนรควรยืดหยุ่นตามความเหมาะสมในด้านต่าง ๆ เช่น สภาพแวดล้อมทางธรรมชาต ิ
ี
ู
็
เวลา งบประมาณ และความพรอมของผู้เรยน เปนต้น
ี
้
ี
่
้
ี
10.2 ผู้เรยนควรมความพรอมในด้านการพูดและการอ่านเพือจับใจความส าคัญ
ุ
11.3 ทักษะการเขยนเพือบันทกสรปสาระส าคัญ ควรฝกให้เกิดข้นในตัวผู้เรยนพรอมๆ กับการสราง
ี
ึ
ึ
้
่
้
ึ
ี
นสัยรกการอ่านและการสืบค้นข้อมูลจากแหล่งเรียนรู้ต่างๆ
ิ
ั
ื่
(ลงชอ)
้
( นายยรรยง ปกปอง )
..... / ……… / ………
้
็
11. ความเหนและขอเสนอแนะของผูบรหารสถานศกษา
ึ
้
ิ
……………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………...
(ลงชอ)
ื่
( ………………………………….)
ี
ผู้อ านวยการ โรงเรยนบ้านดงเจรญ
ิ
….. / ……….. / ……..
12. บันทึกหลังสอน
12.1 ผลการสอน
ิ
-ด้านพุทธพิสัย …………………………………………………………………………….…
……………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………..
-89-
-ด้านทักษะพิสัย ……………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………..
-ด้านจตพิสัย …………………………………………………………………………………
ิ
……………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………..
ุ
ั
12.2 ปญหาอปสรรค ………………………………………………………………………………
12.3 แนวทางแก้ไข ………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………..
ื่
(ลงชอ)
้
( นายยรรยง ปกปอง )
..... / ……… / ………
-90-
ภาคผนวก
ี
ี
• แบบทดสอบก่อนเรยน-หลังเรยน
ุ
• เฉลย / เกณฑ์การให้คะแนนชดฝกท 5
ี่
ึ
้
(โครงสรางของเซลล์พืช)
้
• ใบความรท 4 (เซลล์และโครงสรางของเซลล์)
้
ู
ี่
• ตัวอย่างภาพเคลอนไหวการเจรญเตบโตของพืช
ิ
่
ื
ิ
้
• ภาพโครงสรางของเซลล์ในแผ่นใส
-91-
แบบทดสอบก่อนเรยน – หลังเรยน
ี
ี
แผนท 4
ี่
เซลล์นอยนิดมหัศจรรย์
้
ื่
ี่
ี่
ื่
จงท าเครองหมาย / หน้าข้อทถูก และท าเครองหมาย X หน้าข้อทผิด
ุ
ี
......... 1. ชั้นนอกสดของเซลล์พืช เรยกว่า เซลล์เมมเบรน
ุ
ี
……. 2. เซลล์เมมเบรนหรอเยือห้มเซลล์ มทั้งในเซลล์พืชและเซลล์สตว์
ื
ั
่
……. 3. คน และโปรโตซัว จัดอยู่ในพวกเซลล์ยูคารโอตเหมอนกัน
ิ
ื
ุ
้
ี
เพราะโครงสรางของเซลล์มเยื่อห้มนวเคลยส
ี
ิ
ี
ี
ิ
ิ
ี
……. 4. ส่งมชวิตพวกโปรคารโอต ได้แก่ แบคทเรย
ี
และสาหร่ายสเขยวแกมน ้าเงน
ี
ิ
ี
……. 5. เยือห้มเซลล์ มสมบัตเปนเยือเลอกผ่าน หมายถง
ิ
ื
่
็
ึ
ี
ุ
่
ิ
การยอมให้สารทกอย่างผ่านได้โดยกระบวนการออสโมซส
ุ
่
……. 6. แวควโอล เปนอวัยวะของเซลล์ ซงเปนทเก็บของเสยต่าง ๆ
ึ
ี
็
ี
่
ิ
็
ภายในเซลล์
่
……. 7. การสรางอาหารของพืชภายในเซลล์จะเกิดข้นทคลอโรพลาสต์
ึ
ี
้
ุ
……. 8. ผนังเซลล์ เปนศูนย์กลางควบคมการท างานภายในเซลล์
็
……. 9. สารพันธกรรม ทท าหน้าทถ่ายทอดลักษณะทางพันธกรรม
ี
่
ี
ุ
ุ
่
ของส่งมชวิตจะอยู่ในนวเคลยส
ี
ิ
ี
ิ
ี
……. 10. เซลล์พืชมักมรปร่างกลมๆ ส่วนเซลล์สตว์มักมรปร่างเปน
ู
็
ี
ั
ู
ี
ู
ี่
รปสเหลยม
ี่
-92-
ชุดฝกที 5.
ึ
่
โครงสร้ำงของเซลล์พืช
ี
• เติมชื่อโครงสร้างของเซลล์พืชต่อไปนลงใน ตามแผนภาพให้ถูกต้อง
้
ิ
คลอโรพลาสต์ แวควโอล เยื่อห้มเซลล์
ุ
ผนังเซลล์
ิ
ิ
ิ
ไมโตคอนเดรย กอลจคอมเพล็กซ์ นวเคลยส เอนโดพลาสมกเรตดวลัม
ี
ิ
ี
ิ
เกณฑการใหคะแนน
้
์
• คะแนนเต็ม 8 คะแนน เติมค าตอบถูกต้องให้ช่องละ 1 คะแนน
-93-
ใบควำมรูที่ 4.
้
เซลล์และโครงสรางของเซลล์
้
เซลล์ ( cell ) เปนหนวยพืนฐานของสิ่งมีชีวิต สิ่งมีชีวิตทั้งเซลล์เดียว และ
็
้
่
หลายเซลล์สามารถ แบ่งได้ เปน 2 ชนด คือ เซลล์ชนิดโปรคาริโอต ได้แก่
ิ
็
แบคทีเรีย สาหร่ายสีเขียวแกมนาเงิน และไมโครพลาสมาส์ และเซลล์ยูคาริโอต
้
ิ
ได้แก่ พืช สัตว์ เห็ด รา สาหร่าย โปรโตซัว สิ่งมีชีวิตทุกชนดจะต้องมีโครงสร้าง
เปนเซลล์หรือประกอบด้วยเซลล์
็
้
โครงสรางของเซลล์
เซลล์ของสิ่งมีชีวิต โดยทั่วไปจะมีลักษณะโครงสร้างพืนฐานคล้ายคลึงกัน
้
โดยมีส่วนประกอบ 3 ส่วนใหญ่ ๆ คือ
1. ส่วนทีห่อหุ้มเซลล์
่
2. นวเคลียส
ิ
3. ไซโตพลาสซึม
-94-
่
่
์
่
้
1. สวนทีหอหุมเซลล ได้แก่
1.1 เยือหุ้มเซลล์ (cell membrane or plasma membrane) พบทั้งในเซลล์พืช
่
ิ
และ เซลล์สัตว์ เปนโครงสร้างทีใช้ห่อหุ้มไซโตพลาสซึม และนวเคลียส
็
่
่
็
่
เพือให้เซลล์คงรูปร่างอยู่ได้ มีลักษณะเปนเยือบางๆ ยืดหยุ่นได้ มีรูพรุน
่
็
มีสมบัติเปนเยือเลือกผ่าน (differentially permeable or semipermeable
membrane) คือยอมให้สารบางอย่างผ่านได้ดี
้
1.2 ผนังเซลล์ (cell wall) เปนส่วนทีพบในเซลล์พืช ท าหนาทีเพิ่มความแข็งแรง
็
่
่
้
และ ปองกันอันตรายให้กับเซลล์
็
1.3 สารเคลือบเซลล์ เปนสารทีพบในทั้งเซลล์พืชและเซลล์สัตว์ ถูกสร้างขึน
้
่
่
โดยไซโตพลาสซึม เพือเคลือบผิวนอกของเยือหุ้มเซลล์อีกชั้นหนง มีความ
ึ
่
่
้
เหนยวแข็งแรง ไม่ละลายนา ท าให้เซลล์คงรูป ช่วยลดการสูญเสียนา ใน
ี
้
เซลล์พืชสารเคลือบเซลล์ได้แก่ ผนังเซลล์ ส่วนในเซลล์สัตว์ สารเคลือบเซลล์
ได้แก่ สารพวกไกลโคโปรตีน (glycoprotein) หรือไกลโคลิปด (glycolipid)
ิ
ึ
2. ไซโตพลาสซม (cytoplasm)
็
ิ
่
เปนของเหลวทีอยู่รอบ ๆ นวเคลียส และไหลเวียน อยู่ภายในเซลล์
้
ไซโตพลาสซึม ประกอบด้วย สารประกอบหลายอย่างได้แก่ นา โปรตีน
คาร์โบไฮเดรท และ เกลือแร่ต่าง ๆ รวมทั้ง ส่วน ประกอบอีกหลายชนด
ิ
ทีรวมเรียกว่า ออร์แกเนลส์ (organelle) และ อินคลูชั่น (inclusion) ต่าง ๆ
่
-95-
ี
3. นิวเคลยส (nucleus)
็
่
่
เปนส่วนทีส าคัญ ทีสุดมักจะพบอยู่ตรงกลางเซลล์ เมื่อย้อมสีจะติดสีเข้มทึบ
ประกอบด้วยส่วนทีส าคัญ ดังน ้ ี
่
ิ
่
3.1 เยือหุ้มนวเคลียส (nucleus envelope หรือ nucleus membrane) มีลักษณะ
่
็
่
เปนเยือบาง 2 ชั้น แต่ละชั้นประกอบด้วยลิพิด ซึงจัดเรียงตัวเปน 2 ชั้น มี
็
โปรตีนแทรกอยู่เปนระยะคล้ายเยือหุ้มเซลล์ มีช่องเล็กๆ ทะลุผ่านเยือทั้งสองชั้น
็
่
่
ิ
็
กระจายอยู่ทั่วๆ ไป เปนทางเข้าออกของสารระหว่างนวเคลียสและไซโทพลาสซึม
3.2 นวคลีโอพลาสซึม (nucleoplasm) หมายถึงส่วนต่างๆ ทีอยู่ในเยือหุ้มนวเคลียส
ิ
่
่
ิ
ประกอบด้วยสารต่างๆ ดังน ี ้
นวคลีโอลัส (nucleoplasm) เปนบริเวณทีมีลักษณะทึบแสง จะเห็นได้ชัดเจน
่
ิ
็
่
่
เมื่อย้อมสีนวเคลียส เปนโครงสร้างทีมีเยือหุ้ม ประกอบด้วย โปรตีนและ
ิ
็
่
ิ
ิ
กรดนวคลีอิค ชนด RNA เปนส่วนใหญ่และมี DNA ซึงสร้าง RNA ส าหรับเปน
็
็
องค์ประกอบของไลโซโซม
็
็
่
โครมาทิน (chromatin) เปนสาร DNA ทีมีโปรตีนหุ้ม DNA เปนสาร
ิ
่
พันธุกรรม ทีพันกันเปนเกลียวอยู่ในนวเคลียส และจะขดตัวแนนเมื่อนวเคลียส
็
่
ิ
มีการแบ่งตัว ท าให้มีขนาดใหญ่และสั้นลง เรียกว่า โครโมโซม (chomosome)
-96-
ตาราง เปรยบเทยบส่วนประกอบของเซลล์พชและเซลล์สัตว์
ื
ี
ี
เซลล์พืช เซลล์สัตว์
็
่
1. เซลล์จะมีรูปร่างเปนเหลียม 1. เซลล์จะมีรูปร่างกลม หรือ รี
2. มีผนังเซลล์ (cell wall) เปนส่วนทีเคลือบ 2. ไม่มีผนังเซลล์ แต่มีสารเคลือบเซลล์
่
็
่
่
เยือหุ้มเซลล์อยูภายนอก พวกไกลโคโปรตีนเคลือบเยือหุ้มเซลล์
่
ด้านนอก
3. มีคลอโรพลาสอยูภายในเซลล์ 3. ไม่มีคลอโรพลาสต์
่
4. ไม่มีเซนทริโอล แต่มีส่วนของ 4. มีเซนทริโอล เพื่อใช้ในการแบ่งเซลล์
่
ไซโตพลาสซึมทีเรียกว่าโพลาแคป
(polar cap) ท าหนาทีแทน
่
้
5. แวคคิวโอลมีขนาดใหญ มองเห็นได้ชัดเจน 5. แวคคิวโอลมีขนาดเล็ก
่
6. ไม่มีไลโซโซม 6. มีไลโซโซม
-97-
ภาพเคลื่อนไหวการเจรญเตบโตของพืช
ิ
ิ
(นาเสนอให้ผู้เรียนดู ในขั้นสร้างความสนใจ)
1. 2. 3.
4. 5. 6.
7. 8. 9.
-98-
โครงสร้างของเซลล์พืช
ิ
ุ
คลอโรพลาสต์ แวควโอล เยื่อห้มเซลล์ ผนังเซลล์
ิ
ิ
ิ
ิ
ิ
ี
ไมโตคอนเดรย กอลจคอมเพล็กซ์ นวเคลยส เอนโดพลาสมกเรตดวลัม
ี
-99-
่
์
ภาพเซลลในแผนใส
(ใช้ฉายโดยเครื่องฉายภาพข้ามศีรษะ เพือถาม-ตอบในขั้นสรุปบทเรียน)
่
-100-
ั
้
ี
แผนการจดการเรยนรู
ี
ี
่
ุ
ู
้
์
ึ
ี
ี
ี่
กล่มสาระการเรยนร วิทยาศาสตร ชั้นมัธยมศกษาปท 1 ภาคเรยนท 1
ี
ู
ี
ี
ื่
่
้
ี
หน่วยการเรยนรท 1 เรอง หน่วยของชวิตและชวิตพืช เวลา 30 ชั่วโมง
้
ู
ี
ี่
ื่
่
ั
์
์
แผนการจัดการเรยนรท 5 เรอง แตกตางกันเซลลพืชสตว เวลา 1 ชั่วโมง
ื่
สอนวันท ……. เดอน ………………..… พ.ศ. ............... ชอผู้สอน นายยรรยง ปกปอง
ี่
ื
้
1. สาระสาคัญ
1.1 การเตรยมสไลด์สด และฝกทักษะการใช้กล้องจลทรรศนอย่างถกวิธและสม าเสมอ จะช่วยให้ได้
ึ
ุ
์
่
ี
ี
ู
่
ู
ข้อมูลจากการสังเกตทถกต้องตามจดประสงค์ และสามารถน าไปอ้างองเพือน าเสนอต่อไปได้
ี
ุ
ิ
่
่
ึ
ี
1.2 เซลล์โดยทั่วๆ ไปจะมโครงสรางทส าคัญสองส่วน คอ เยือห้มเซลล์ และ โปรโตพลาสซม
้
ุ
ื
ี
่
ึ
็
ี
1.3 โปรโตพลาสซม จะประกอบด้วยนวเคลยส และไซโตพลาสซมซงเปนของเหลวภายในเซลล์
่
ึ
ิ
ึ
ี
ี
่
ู
ี
ี
1.4 เซลล์พืชมักมรปร่างสเหลยม ส่วนเซลล์สัตว์มักมรปร่างกลม ทั้งเซลล์พืชและเซลล์สัตว์จะม ี
ู
่
ี
้
ี
์
่
่
โครงสรางภายใน ซงเรยกว่าอวัยวะหรอออรแกเนลเหมอนๆ กัน ต่างกันทเซลล์พืชจะมผนังเซลล์และ
ื
ึ
ี
ื
่
คลอโรพลาสต์ ซงในเซลล์สัตว์ไม่ม ี
ึ
้
ี
้
ี
2. มาตรฐานการเรยนรู ว 1.1 : เข้าใจหน่วยพื้นฐานของส่งมชวิต ความสัมพันธของโครงสรางและหน้าท ่ ี
์
ิ
ี
ี
ี
่
ี
ิ
ี
่
ื
ของระบบต่าง ๆ ของส่งมชวิต ทท างานสัมพันธกัน มกระบวนการสบเสาะหาความร สอสารส่งทเรยนร
ื
่
ิ
้
ู
์
ู
้
ี
ี
้
ู
ี
น าความรไปใช้ในการด ารงชวิตของตนเองและดแลส่งมชวิต
ู
ิ
ี
ี
ี
้
3. ตัวชวัด
3.2 อธบาย และเขยนแผนภาพแสดงส่วนประกอบทส าคัญของเซลล์พืชและเซลล์สัตว์ จากการสังเกต
ี
ี
ิ
่
ภายใต้กล้องจลทรรศน์
ุ
4. ภาระงาน / ชนงาน
้
ิ
ี่
่
ี
4.1 ผลงานทผู้เรยนท าในชดฝกท 6 (ความเข้าใจเกียวกับเซลล์)
ึ
ุ
ี่
ี
ี
4.2 คะแนนการทดสอบก่อนเรยน-หลังเรยน
์
ิ
4.3 บันทกเจตคตและจตวิทยาศาสตรของผู้เรยน
ึ
ิ
ี
ุ
5. จุดประสงคการเรยนรู (จดประสงค์น าทาง)
ี
์
้
ี
่
5.1 บอกอวัยวะของเซลล์และหน้าทของอวัยวะแต่ละชนดได้
ิ
-101-
่
ุ
ี
ู
5.2 จัดกล่มภาพอวัยวะของเซลล์และหน้าทได้ถกต้อง
ิ
ื่
5.3 อธบายภาพอวัยวะของเซลล์เพื่อสอความได้
5.4 น าเสนอข้อมูลของเซลล์พืชและเซลล์สัตว์ในรปตารางได้
ู
ี
ี
ี
ุ
์
5.5 มความรอบคอบ อดทน มเหตมผลในการท ากิจกรรมทางวิทยาศาสตร
5.6 ร่วมกิจกรรมด้วยความสนใจ เห็นความส าคัญ และเรียนรู้อย่างมีความสุข
ี
6. สาระการเรยนรู
้
6.1 อวัยวะของเซลล์หรอออรแกเนลของเซลล์
์
ื
ื่
6.2 ทักษะการจัดกระท าและสอความหมายข้อมูล
6.3 การใช้กล้องจลทรรศน์
ุ
7. กระบวนการจดการเรยนรู ้
ี
ั
้
7.1 ขั้นสรางความสนใจ (engagement)
่
้
ู
ี
ี
1. ผู้เรยนท าแบบทดสอบก่อนเรยน เพือตรวจสอบและทบทวนความรพื้นฐาน (แบบถูกผิด 10 ข้อ)
็
์
้
ี
2. ผู้เรยนทกคนเข้าแถวเปนวงกลม ร่วมรองเพลง “ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร ” และ
ุ
็
ู
่
ื
้
ิ
ื
ปรบมอเปนจังหวะ ในขณะทเดนรองเพลงนั้น ครแจกบัตรค าชออวัยวะของเซลล์ และบัตรภาพ ให้
่
ี
ื่
คนละ 1 บัตร (บางคนอาจจะได้บัตรภาพ บางคนอาจจะได้บัตรค า) และเมอได้ยินสัญญาณนกหวีดให้
ี
่
ี
ผู้เรยนรบจับกล่มกับเพือนๆ ระหว่างผู้ทได้บัตรภาพและบัตรค าตรง กัน ดังตัวอย่าง
่
ี
ุ
ี
ี
่
กล่มท 1. ไมโตคอนเดรย Mitochondria
ุ
ุ
กล่มที 2. คลอโรพลาสต์ Chloroplast
่
ิ
ุ
่
กล่มท 3. นวเคลยส Nucleus
ี
ี
-102-
3. กล่มทจับกล่มได้ก่อนให้รบนั่งลง และให้พูดรายงานกล่มว่ากล่มตนเองชออะไร (โดยแต่ละ
ุ
ี
่
ุ
ื
ุ
ี
่
ุ
ุ
ู
ี
้
่
ี
่
คนให้ชบัตรค าและบัตรภาพ) พรอมกับบอกหน้าทของอวัยวะของเซลล์ทได้ในกล่มด้วย
7.2 ขั้นส ารวจและค้นหา (exploration)
ุ
ึ
ี
4. ผู้เรยนแต่ละกล่มฝกทักษะการใช้กล้องจลทรรศน์ เพือส ารวจเซลล์ของพืช โดยให้เลอกพืช
ุ
่
ื
และส่วนของพืชตามใจชอบ แล้วรบวัสดอปกรณได้แก่ กล้องจลทรรศน แผ่นสไลด์ กระจกปดสไลด์
ิ
์
ุ
ุ
ุ
์
ั
ี
ื
สารละลายไอโอดน ปากคบ ใบมดโกน ลงมอปฏบัตและวาดภาพในสมดบันทกกล่มสาระการเรยนร ู ้
ี
ุ
ี
ิ
ิ
ี
ึ
ุ
์
วิทยาศาสตร ของตนเอง
ึ
่
ึ
ี
์
ุ
้
ิ
ู
้
ี
ู
5. ผู้เรยนแต่ละคนศกษาความรในชดฝกทักษะวิทยาศาสตรใบความรท 6 (ประวัตการค้นพบเซลล์)
่
แล้วท าชดฝกท 6 (ความเข้าใจเกียวกับเซลล์) เสรจแล้วส่งผลงานให้ครตรวจ
็
ู
ี่
ุ
ึ
ิ
7.3 ขั้นอธบายและลงข้อสรป (explanation)
ุ
ุ
ื
่
6. ส่มตัวแทนกล่มออกมาสรป เรอง ประวัตการพบเซลล์ (ครประเมนผลทักษะการพูดสรปเรอง)
ิ
ุ
ุ
ิ
ื่
ุ
ู
7. ผู้เรยนและครร่วมกันสรุป โดยใช้แผนภาพโครงสร้างของเซลล์ประกอบ และการซักถามดังนี้
ู
ี
็
ิ
์
ุ
-เซลล์ทโรเบรต ฮค ค้นพบเปนอย่างไร (เปนเซลล์พืช ทไม่มชวิต)
่
ี
ี
่
็
ี
ี
ิ
์
ี
ื
-ใครเปนคนค้นพบและตั้งชอค าว่า นวเคลยส (โรเบรต บราวน) ์
็
่
ิ
ื
ุ
่
ิ
ื
็
์
-ผู้ตั้งชอเซลล์ เปนคนแรก คอใคร (โรเบรต ฮค)
ี
ื
-ผู้ตั้งทฤษฎเซลล์ คอใคร (ชวานน์ และชไลเดน)
ี
ิ
้
ี
ิ
็
่
-ใครเปนคนค้นพบว่า ภายในนวเคลยสมโครงสรางทเรยกว่าโครโมโซม (วัลเทอร เฟลมมง)
ี
ี
์
ี
ี
-อวัยวะของเซลล์ทเปนแหล่งผลตพลังงานภายในเซลล์ คออะไร (ไมโตคอนเดรย)
่
ื
ิ
็
ี
่
-อวัยวะใดภายในเซลล์ทเปนแหล่งสังเคราะห์โปรตีน (ไรโบโซม)
็
ิ
-อวัยวะใดภายในเซลล์ทเปนแหล่งเก็บน ้า และของเสยภายในเซลล์ (แวควโอล)
็
ี
ี
่
้
7.4 ขั้นขยายความร (elaboration)
ู
ี
ู
8. ครแนะน าการน าเสนอข้อมูล การพูดรายงานของผู้เรยน เพือการปรบปรงในคราวต่อไป
่
ั
ุ
9. ผู้เรยนแต่ละคนน าเสนอข้อมูลเปรยบเทยบโครงสรางของเซลล์พืช และเซลล์สัตว์ในรปตาราง
ี
ี
ี
้
ู
ู
โดยท าเปนการบ้าน ส่งให้ครตรวจในวันต่อไป
็
-103-
7.5 ขั้นประเมน (evaluation)
ิ
ี
10. ผู้เรยนท าแบบทดสอบหลังเรยน เพื่อตรวจสอบพัฒนาการของผู้เรยน (แบบถูกผิด 10 ข้อ)
ี
ี
ี
11. ประเมนผลงานการท าชดฝกทักษะของผู้เรยน
ิ
ุ
ึ
ื
12. ประเมนผลพฤตกรรมด้านอนๆ โดยการสังเกต สัมภาษณทั้งในห้องเรยน และนอกห้องเรยน
ี
ี
ิ
่
์
ิ
8. สอและแหลงเรยนรู
้
ื
่
่
ี
ี
ื
ึ
8.1 บัตรค ายากหรอค าส าคัญ เพือใช้ฝกอ่านและสรปบทเรยน ได้แก่ค าว่า ไมโตคอนเดรย นวเคลยส
ี
ุ
ี
ิ
่
ผนังเซลล์ เยื่อห้มเซลล์ คลอโรพลาสต์ ไรโบโซม แวควโอล
ิ
ุ
ื
่
ี
8.2 แผ่นใสและเครองฉายภาพข้ามศรษะ (Over Head)
ุ
ิ
ิ
8.3 วัสดอปกรณในห้องปฏบัตการทางวิทยาศาสตร ได้แก่ กล้องจลทรรศน แผ่นสไลด์ กระจกปดสไลด์
์
์
์
ิ
ุ
ุ
ี
ี
ปากคบ สารละลายไอโอดน ใบมดโกน
ี
ุ
์
์
ึ
์
ิ
8.4 ชดฝกทักษะวิทยาศาสตร (ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรและความสามารถในการคดวิเคราะห)
ี
ี
ื
่
เรอง หน่วยของชวิตและชวิตพืช ชั้นมัธยมศกษาปท 1
ึ
่
ี
ี
์
ื
์
ิ
ุ
็
8.5 ห้องสมด และห้องคอมพิวเตอร เพื่อใช้ในการสบค้นข้อมูลจากอนเทอรเนต
9. การวัดและประเมินผล
ี
9.1 ส่งทต้องการวัด
ิ
่
-ความรความเข้าใจ เรอง อวัยวะของเซลล์ ประวัตการค้นพบเซลล์
้
ื่
ิ
ู
-ทักษะการพูดสรปเรองและพูดรายงาน ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร ์
ุ
ื่
ี
ี
็
ี
ิ
-เจตคตทดต่อการเรยน ได้แก่ ความสนใจ ความตั้งใจ และเหนความส าคัญ
่
-จตวิทยาศาสตร ได้แก่ ความใฝ่รู้ใฝ่เรียน ความรอบคอบ มีเหตุมีผล ความอดทน
ิ
์
9.2 วิธการวัด ใช้การซักถาม การท าชดฝกทักษะ และการสังเกตพฤตกรรม
ี
ิ
ุ
ึ
ื
9.3 เครองมอวัด
ื่
ี
-แบบทดสอบก่อนเรยน-หลังเรยน
ี
ุ
-ชดฝกทักษะวิทยาศาสตร ชดฝกท 6
ึ
ึ
์
ุ
ี่
์
ิ
ิ
ิ
-แบบประเมนเจตคตและจตวิทยาศาสตร
ิ
9.4 เกณฑ์การประเมน
ู
-ตอบถกให้ 1 คะแนน และตอบผิดให้ 0 คะแนน
ึ
ู
ุ
-ข้นอยู่กับลักษณะและรปแบบของชดฝกทักษะ (เฉลยและเกณฑ์อยู่ในภาคผนวกแต่ละแผน)
ึ
ุ
ิ
็
-ให้คะแนนเปนระดับคณภาพ (แบบประเมนและเกณฑ์อยู่ภาคผนวกท้ายแผน)
-104-
10. กิจกรรมเสนอแนะ
้
10.1 แหล่งเรยนรควรยืดหยุ่นตามความเหมาะสมในด้านต่าง ๆ เช่น สภาพแวดล้อมทางธรรมชาต ิ
ี
ู
็
เวลา งบประมาณ และความพรอมของผู้เรยน เปนต้น
ี
้
ี
่
้
ี
10.2 ผู้เรยนควรมความพรอมในด้านการพูดและการอ่านเพือจับใจความส าคัญ
ุ
11.3 ทักษะการเขยนเพือบันทกสรปสาระส าคัญ ควรฝกให้เกิดข้นในตัวผู้เรยนพรอมๆ กับการสราง
ี
ึ
ึ
้
่
้
ึ
ี
นสัยรกการอ่านและการสืบค้นข้อมูลจากแหล่งเรียนรู้ต่างๆ
ิ
ั
ื่
(ลงชอ)
้
( นายยรรยง ปกปอง )
..... / ……… / ……….
็
ึ
ิ
้
11. ความเหนและขอเสนอแนะของผูบรหารสถานศกษา
้
……………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………...
(ลงชอ)
ื่
( ………………………………….)
ี
ิ
ผู้อ านวยการ โรงเรยนบ้านดงเจรญ
….. / ……….. / ……..
12. บันทึกหลังสอน
12.1 ผลการสอน
-ด้านพุทธพิสัย …………………………………………………………………………….…
ิ
……………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………..
-105-
-ด้านทักษะพิสัย ……………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………..
-ด้านจตพิสัย …………………………………………………………………………………
ิ
……………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………..
ุ
ั
12.2 ปญหาอปสรรค ………………………………………………………………………………
12.3 แนวทางแก้ไข ………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………..
ื่
(ลงชอ)
้
( นายยรรยง ปกปอง )
..... / ……… / ……..