-206-
ชุดฝกที 17.
ึ
่
อธิบำยสื่อควำมหมำย
กิจกรรม
์
สังเกต , ใช้ความรู้และประสบการณ ในการเขียนบรรยายภาพข้างล่างนีให้เข้าใจ
้
1)
พืช ใช้คารบอนไดออกไซด์และน ้าในกระบวนการ
์
....................................................................................
ึ
่
์
ิ
ั
ู
สงเคราะหด้วยแสง ซงจะได้น ้า กลโคสและออกซเจน
....................................................................................
ิ
ออกมา ในขณะเดยวกันพืชก็ใช้ออกซเจนในการหายใจ
ี
....................................................................................
ั
ด้วย และในเวลากลางวันน้อัตราการสงเคราะหด้วยแสง
์
ี
....................................................................................
ของพืชจะมากกว่า การหายใจ
....................................................................................
2)
ข
ง
า
้
า
ง
ด
ข
น
้
็
อ
ม
เ
ง
ห
ะ
ใ
ง
อ
จ
บ
โ
น
ร
ค
ั
ง
ๆ
ต่
า
ร
ส
า
ง
้
น
ช้
....................................................................................
และโครงสรางของท่อล าเลยงน ้าและแร่ธาต (Xylem)
ุ
้
ี
....................................................................................
ุ
ท่อล าเลยงอาหาร (Phloem) และเซลล์คม (Guard
ี
....................................................................................
ุ
่
Cell) ซงอยู่รอบนอกของปากใบ ทคอยควบคมการ
ึ
ี
่
....................................................................................
คายน ้าของพืชออกมาทางปากใบ
....................................................................................
เกณฑ์การให้คะแนน
• คะแนนเต็ม 10 คะแนน
• เขยนบรรยายถูกต้องสมบูรณ
์
ี
ให้ข้อละ 5 คะแนน
-207-
แผนการจดการเรยนรู
้
ั
ี
์
กล่มสาระการเรยนร วิทยาศาสตร ชั้นมัธยมศกษาปท 1 ภาคเรยนท 1
ุ
้
ู
ี
ี
่
ี่
ี
ึ
ี
ี
ู
ี
ี
ี
ื่
้
่
หน่วยการเรยนรท 1 เรอง หน่วยของชวิตและชวิตพืช เวลา 30 ชั่วโมง
ี่
ี
ู
้
ื่
้
แผนการจัดการเรยนรท 15 เรอง ความรูรอบเพราะสบคน เวลา 1 ชั่วโมง
ื
้
ื่
ี่
้
สอนวันท ……. เดอน ………………..… พ.ศ. ............... ชอผู้สอน นายยรรยง ปกปอง
ื
1. สาระสาคัญ
ิ
ุ
่
ึ
็
1.1 พืชจัดเปนพวกผู้ผลต (Producer) เพราะสามารถสรางอาหารเองได้ ซงมนษย์และสัตว์ไม่สามารถท า
้
ี
่
ได้ จงจัดเปนผู้บรโภค (Consumer) ทจะต้องกินพืชเปนอาหาร จงจะสามารถด ารงชวิตอยู่ได้ ดังนั้นพืชจงม ี
็
็
ึ
ึ
ี
ิ
ึ
ิ
ี
ิ
์
ี
ประโยชนต่อส่งมชวิตและส่งแวดล้อมทั้งทางตรงและทางอ้อม
์
็
ุ
ิ
ิ
ื
ู
1.2 การสบค้นข้อมูลเพิ่มเตมโดยใช้ห้องสมดและอนเทอรเนต จะช่วยพัฒนาการสรางองค์ความรให้ม ี
้
้
ึ
ระบบมากข้น และเกิดความคงทนในการเรยนร ู ้
ี
ี
้
้
2. มาตรฐานการเรยนรู ว 1.1 : เข้าใจหน่วยพื้นฐานของส่งมชวิต ความสัมพันธของโครงสรางและหน้าท ี ่
ี
์
ิ
ี
ู
ี
้
์
่
ี
ี
ของระบบต่าง ๆ ของส่งมชวิต ทท างานสัมพันธกัน มกระบวนการสบเสาะหาความร สอสารส่งทเรยนร
้
ื
ิ
ี
ี
ู
่
่
ิ
ื
ี
ี
้
ู
ู
ี
ี
น าความรไปใช้ในการด ารงชวิตของตนเองและดแลส่งมชวิต
ิ
3. ตัวชวัด
้
ี
ี
ิ
์
3.7 สบค้นข้อมูล และอธบายความส าคัญของกระบวนการสังเคราะหด้วยแสง ทมต่อสิ่งมีชีวิต และ
ื
่
ี
ส่งแวดล้อม
ิ
ิ
4. ภาระงาน / ชนงาน
้
ี
4.1 ผลงานทผู้เรยนท าในชดฝกท 13 (ขนรากมลักษณะอย่างไร)
ุ
ี่
ี่
ี
ึ
4.2 คะแนนการทดสอบก่อนเรยน-หลังเรยน
ี
ี
ึ
ิ
์
ี
ิ
4.3 บันทกเจตคตและจตวิทยาศาสตรของผู้เรยน
ุ
5. จุดประสงคการเรยนรู (จดประสงค์น าทาง)
้
์
ี
ู
์
5.1 บอกแหล่งทเกิดของกระบวนการสังเคราะหด้วยแสงได้ถกต้อง
ี
่
-208-
ิ
์
่
5.2 อธบายแผนภาพและสมการเกียวกับกระบวนการสังเคราะหด้วยแสงได้
5.3 บอกประโยชน์ของกระบวนการสังเคราะห ด้วยแสงได้
์
ุ
่
์
ิ
ื
5.4 อธบายเกียวกับการสบพันธของพืชแบบอาศัยเพศและไม่อาศัยเพศได้
์
์
ื
ู
ิ
ุ
้
ื่
็
5.5 ใช้ห้องสมดและอนเทอรเนตในการสบค้นความรเรองกระบวนการสังเคราะหด้วยแสงได้
ุ
5.6 มความรอบคอบ อดทน มเหตมผลในการท ากิจกรรมทางวิทยาศาสตร
ี
์
ี
ี
็
5.7 ร่วมกิจกรรมด้วยความสนใจ เหนความส าคัญ และเรยนรอย่างมความสข
ี
้
ุ
ู
ี
ี
้
6. สาระการเรยนรู
์
6.1 ความส าคัญของกระบวนการสังเคราะหด้วยแสง
6.2 การสบพันธของพืช
์
ื
ิ
ุ
6.3 การสบค้นข้อมูลจากห้องสมดและอนเทอรเนต
์
็
ื
ั
ี
7. กระบวนการจดการเรยนรู ้
7.1 ขั้นสรางความสนใจ (engagement)
้
1. ผู้เรยนท าแบบทดสอบก่อนเรยน เพือตรวจสอบและทบทวนความรพื้นฐาน (แบบถูกผิด 10 ข้อ)
่
ี
้
ู
ี
์
้
็
ู
ิ
2. ผู้เรยนและครร่วมกันรองเพลง “การสังเคราะหด้วยแสง” ด้วยความสนกสนาน เดนเปนวงกลม
ี
ุ
่
ปรบมอเปนจังหวะ และรองเพลง “ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร” สลับกันไปด้วย และเมอได้ยิน
้
์
ื
ื
็
่
ึ
ู
ี
ุ
่
ุ
้
สัญญาณ ให้แต่ละคนรบจับกล่มกับเพือนๆ ตามจ านวนทครบอก (ฝกความพรอม และกระต้นให้ผู้เรยน
ี
ี
ี่
้
มความกระฉับกระเฉง พรอมทจะเรยน)
ี
ี
่
ู
้
์
3. ทบทวนความรเกียวกับทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร และการสังเคราะหด้วยแสง ทั้งโดย
์
การฝกอ่านค าศัพท์จากบัตรค า และการซักถาม เช่น
ึ
ให้ผู้เรียนบอกว่าเปนการใช้ทักษะใด จากสถานการณทีครูบอก
์
่
็
• เรียงล าดับเมล็ดพืชตามล าดับความสมบูรณได้ (ทักษะการจ าแนกประเภท)
์
• บอกความสัมพันธ์ของตัวแปรต้นกับตัวแปรตามก่อนท าการทดลองได้
(ทักษะการตั้งสมมติฐาน)
• ตวงสารละลายและใช้เครื่องมือได้ถูกต้อง (ทักษะการวัด)
• อธิบายความหมายของ “การเจริญเติบโต” ได้ชัดเจน สามารถตรวจสอบได้
ิ
(ทักษะการก าหนดนยามเชิงปฏิบัติการ)
-209-
7.2 ขั้นส ารวจและค้นหา (exploration)
่
ี
์
4. ทบทวนเกียวกับกระบวนการสังเคราะหด้วยแสงของพืช โดยให้ผู้เรยนออกมาเขยนสมการ
ี
ี
ิ
ุ
ิ
์
ี
แสดงกระบวนการสังเคราะหด้วยแสงของพืช และเขยนเปนสตรทางเคมของวัตถดบ และผลตผล
็
ู
ซักถามและอภปรายเพื่อท าความเข้าใจ
ิ
่
5. ครใช้ค าถามแก่ผู้เรยนว่า น ้าทพืชน ามาใช้ในกระบวนการสังเคราะหด้วยแสงมาจากไหน
ี
์
ี
ู
ี
่
ี
ี
ิ
และส่งมาทใบอย่างไร (ส่งมาทางรากจากน ้าใต้ดน โดยการแพร่และถกล าเลยงมาโดยระบบท่อล าเลยง
ู
น ้าและแร่ธาต)
ุ
ี
ี่
6. ผู้เรยนแต่ละกล่มศกษาขั้นตอนของกิจกรรมในชดฝกทักษะวิทยาศาสตร เล่ม 1 ชดฝกท 13
ึ
ุ
ุ
ึ
ึ
์
ุ
์
ิ
ุ
ี
ั
(ขนรากมลักษณะอย่างไร) โดยรบวัสดอปกรณ ได้แก่ ต้นถั่วทเพาะไว้ แว่นขยาย แล้วปฏบัตการ
่
ี
ิ
ุ
ทดลองตามขั้นตอน วาดภาพ บันทกผลและตอบค าถาม
ึ
7.3 ขั้นอธบายและลงข้อสรป (explanation)
ุ
ิ
ี
ึ
่
ุ
ิ
7. ส่มตัวแทนกล่มออกมาน าเสนอผลการตรวจสอบในกิจกรรมของชดฝกท 13 ซักถาม อภปราย
ุ
ุ
ุ
ี
ึ
์
เกียวกับประโยชน์ของราก การล าเลียงน ้า แร่ธาตุและสารอาหารของพืช (ผู้เรยนฝกใช้วัสดอปกรณช่วย
ุ
่
ื
ในการน าเสนอผลงาน ได้แก่ แผ่นใส และเครองฉายภาพข้ามศรษะ)
ี
่
ึ
ื
ิ
ู
ุ
8. ผู้เรยนและครร่วมกันสรปความรโดยการฝกอ่านค าศัพท์และอธบายความหมายจากบัตรค าหรอ
ี
้
ู
้
ุ
ุ
็
ู
ี
สรปความรจากสไลด์ในโปรแกรม Power Point เพื่อเราความสนใจ ท าให้การสรปบทเรยนรวดเรวและ
้
ึ
ชัดเจนยิ่งข้น
ู
7.4 ขั้นขยายความร (elaboration)
้
์
ุ
ื
ี
่
ื
ุ
์
9. ผู้เรยนแต่ละคนศกษาเกียวกับการสบพันธของพืช จากใบความรท 11 (การสบพันธแบบอาศัย
ึ
้
ู
ี่
เพศของพืช) ซักถามความรความเข้าใจ ดังน้
ี
้
ู
• พืชใช้ส่วนใดในการสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ (เกสรตัวผู้และเกสรตัวเมีย)
• ก่อนเกิดการปฏิสนธิของพืช จะเกิดกระบวนการใดก่อน (การถ่ายละอองเรณ)
ู
ี
่
ุ
ั
10. ครแนะน าการน าเสนอข้อมูล การพูดรายงานของผู้เรยน เพือการปรบปรงในคราวต่อไป
ู
11. ครให้ความรเพิ่มเตม เรอง กระบวนการสังเคราะหด้วยแสง การล าเลยงของพืช และการ
์
ู
้
่
ื
ิ
ู
ี
สบพันธของพืชแบบอาศัยเพศ และไม่อาศัยเพศ และแนะน าให้ไปสืบค้นข้อมูลเพิ่มเติมในห้องสมุด
์
ุ
ื
ิ
์
็
และอนเทอรเนต
-210-
ิ
7.5 ขั้นประเมน (evaluation)
12. ผู้เรยนท าแบบทดสอบหลังเรยน เพื่อตรวจสอบพัฒนาการของผู้เรยน (แบบถูกผิด 10 ข้อ)
ี
ี
ี
ี
ึ
13. ประเมนผลงานการท าชดฝกทักษะของผู้เรยน
ุ
ิ
ิ
ื
ี
ิ
ี
์
14. ประเมนผลพฤตกรรมด้านอนๆ โดยการสังเกต สัมภาษณทั้งในห้องเรยน และนอกห้องเรยน
่
ี
่
้
8. สอและแหลงเรยนรู
ื
่
์
8.1 บัตรค ายากหรอค าส าคัญ เพือใช้ฝกอ่านและสรปบทเรยน ได้แก่ค าว่า กระบวนการสังเคราะหด้วยแสง
ื
ุ
ี
่
ึ
ุ
์
ุ
์
ื
การสบพันธแบบอาศัยเพศ การสบพันธแบบไม่อาศัยเพศ การถ่ายละอองเรณ ู
ื
8.2 แผ่นใสและเครองฉายภาพข้ามศรษะ (Over Head)
ื
่
ี
ุ
ึ
่
์
ี
ุ
ี
่
ุ
8.3 วัสดอปกรณตามกิจกรรมในชดฝกท 13 ได้แก่ แว่นขยาย ตันถั่วทเพาะแล้ว
์
์
ุ
ิ
8.4 ชดฝกทักษะวิทยาศาสตร (ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรและความสามารถในการคดวิเคราะห)
์
ึ
่
ื
ึ
ี
ี
เล่ม 1 เรอง หน่วยของชวิตและชวิตพืช ชั้นมัธยมศกษาปท 1
่
ี
ี
8.5 ห้องสมด และห้องคอมพิวเตอร เพื่อใช้ในการสบค้นข้อมูลจากอนเทอรเนต
็
ุ
์
์
ิ
ื
9. การวัดและประเมินผล
9.1 ส่งทต้องการวัด
ี
ิ
่
้
ื
ู
ื
์
์
-ความรความเข้าใจ เรอง การสังเคราะหด้วยแสง การสบพันธของพืช การถ่ายละอองเรณ ู
ุ
่
ุ
-ทักษะการพูดสรปเรองและพูดรายงาน ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร ์
ื่
็
่
ี
ี
-เจตคตทดต่อการเรยน ได้แก่ ความสนใจ ความตั้งใจ และเหนความส าคัญ
ิ
ี
ุ
ี
ิ
ี
้
์
ู
ี
-จตวิทยาศาสตร ได้แก่ ความใฝรใฝเรยน ความรอบคอบ มเหตมผล ความอดทน
่
่
9.2 วิธการวัด ใช้การซักถาม การท าชดฝกทักษะ และการสังเกตพฤตกรรม
ุ
ึ
ิ
ี
9.3 เครองมอวัด
ื่
ื
ี
ี
-แบบทดสอบก่อนเรยน-หลังเรยน
ุ
ึ
ึ
ุ
-ชดฝกทักษะวิทยาศาสตร เล่ม 1 ชดฝกท 13 (ขนรากมลักษณะอย่างไร)
์
ี
ี่
ิ
-แบบประเมนเจตคตและจตวิทยาศาสตร
ิ
์
ิ
9.4 เกณฑ์การประเมน
ิ
-ตอบถูกให้ 1 คะแนน และตอบผิดให้ 0 คะแนน
-ข้นอยู่กับลักษณะและรปแบบของชดฝกทักษะ (เฉลยและเกณฑ์อยู่ในภาคผนวกแต่ละแผน)
ู
ุ
ึ
ึ
็
ิ
-ให้คะแนนเปนระดับคณภาพ (แบบประเมนและเกณฑ์อยู่ภาคผนวกท้ายแผน)
ุ
-211-
10. กิจกรรมเสนอแนะ
้
10.1 แหล่งเรยนรควรยืดหยุ่นตามความเหมาะสมในด้านต่าง ๆ เช่น สภาพแวดล้อมทางธรรมชาต ิ
ี
ู
็
เวลา งบประมาณ และความพรอมของผู้เรยน เปนต้น
ี
้
ี
่
้
ี
10.2 ผู้เรยนควรมความพรอมในด้านการพูดและการอ่านเพือจับใจความส าคัญ
ุ
11.3 ทักษะการเขยนเพือบันทกสรปสาระส าคัญ ควรฝกให้เกิดข้นในตัวผู้เรยนพรอมๆ กับการสราง
ี
ึ
ึ
้
่
้
ึ
ี
นสัยรกการอ่านและการสืบค้นข้อมูลจากแหล่งเรียนรู้ต่างๆ
ิ
ั
ื่
(ลงชอ)
้
( นายยรรยง ปกปอง )
..... / ……… / ………
ึ
็
11. ความเหนและขอเสนอแนะของผูบรหารสถานศกษา
้
้
ิ
……………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………...
ื่
(ลงชอ)
( ………………………………….)
ี
ผู้อ านวยการ โรงเรยนบ้านดงเจรญ
ิ
….. / ……….. / ……..
12. บันทึกหลังสอน
12.1 ผลการสอน
-ด้านพุทธพิสัย …………………………………………………………………………….…
ิ
……………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………..
-212-
-ด้านทักษะพิสัย ……………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………..
-ด้านจตพิสัย …………………………………………………………………………………
ิ
……………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………..
ุ
ั
12.2 ปญหาอปสรรค ………………………………………………………………………………
12.3 แนวทางแก้ไข ………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………..
ื่
(ลงชอ)
้
( นายยรรยง ปกปอง )
..... / ……… / ……..
-213-
ภาคผนวก
ี
ี
• แบบทดสอบก่อนเรยน-หลังเรยน
• เฉลย / เกณฑ์การให้คะแนนชดฝกท 13
ุ
ี่
ึ
(ขนรากมลักษณะอย่างไร)
ี
้
ู
• ใบความรท 11 (การสบพันธ์แบบอาศัยเพศของพืช)
ุ
ื
ี่
-214-
ี
แบบทดสอบก่อนเรยน – หลังเรยน
ี
แผนท 15
ี่
ความรู้รอบเพราะสืบค้น
จงท าเครองหมาย / หน้าข้อทถูก และท าเครองหมาย X หน้าข้อทผิด
ื่
ี่
ี่
ื่
ิ
ุ
ิ
็
่
ี
......... 1. น ้าเปนทั้งวัตถดบและผลตผลทได้ในกระบวนการ
สังเคราะห์ด้วยแสงของพืช
็
ิ
……. 2. สตว์และมนษย์เปนผู้ผลต ส่วนพืชเปนผู้บรโภค
ุ
ั
ิ
็
ิ
ึ
ิ
ู
ี
……. 3. พืชจะมการปฏสนธก่อน แล้วจงเกิดการถ่ายละอองเรณ
ุ
ื
ั
……. 4. เซลล์สบพันธเพศผู้ของพืชดอก ก็คอรงไข่นั่นเอง
ื
์
ุ
……. 5. ละอองเรณ เปนเซลล์สบพันธ์เพศผู้ของพืชดอก
ู
ื
็
ี
่
……. 6. รากของพืชจะท าหน้าทดดน ้าและแร่ธาตจากด้านล่าง
ุ
ู
ึ
ข้นไปส่ส่วนบนของพืช
ู
ี
ู
……. 7. น ้าจากดนจะเข้าส่ขนรากของพืช โดยวิธออสโมซส
ิ
ิ
……. 8. แร่ธาตจากดนจะเข้าส่ขนรากของพืช โดยวิธ ี
ิ
ุ
ู
์
แอกทฟทรานสปอรต
ี
……. 9. การทละอองเรณปลวไปตกบนยอดเกสรตัวเมย
ี่
ิ
ู
ี
เรยกว่า การถ่ายละอองเรณ
ู
ี
……. 10. การปฏสนธ คอการทเซลล์สบพันธ์เพศผู้ผสมกับ
ิ
่
ี
ิ
ุ
ื
ื
ี
เซลล์สบพันธ์เพศเมย
ื
ุ
-215-
ชุดฝกที 13.
ึ
่
ขนรำกมีลักษณะอย่ำงไร
กิจกรรม
1. เพาะเมล็ดถั่วด า หรือเมล็ดข้าวโพดกลุ่มละ 3-4 เมล็ด
่
2. เมือเมล็ดงอกแล้ว ให้ใช้แว่นขยายตรวจดูลักษณะของราก
ทีเพิ่งงอกออกมา บริเวณปลายราก
่
3. วาดรูปแสดงสิ่งทีสังเกตได้
่
เกณฑ์การให้คะแนน
• คะแนนเต็ม 5 คะแนน
• วาดภาพได้ถกต้อง สวยงาม 3 คะแนน
ู
ู
• ตอบค าถามได้ถกต้อง สมบูรณ ์
ให้ข้อละ 1 คะแนน (รวม 2 คะแนน)
ตอบค าถาม
1. ส่วนปลายรากทีนักเรียนเห็นมีลักษณะอย่างไร
่
เปนขนเล็ก ๆ มากมาย
็
.......................................................................................
.......................................................................................
็
2. นักเรียนคิดว่าลักษณะดังกล่าวเปนผลดีตอพืชอย่างไร
่
ึ
ู
ช่วยในการดดซมน ้า และแร่ธาตจากดน
ิ
ุ
.......................................................................................
เข้าส่รากได้มาก
ู
.......................................................................................
-216-
ใบควำมรูที่ 11
้
ื
การสบพันธ์แบบอาศัยเพศของพืช
ุ
่
่
เมือพืชมีดอกเจริญเติบโตเต็มทีจะเริ่มออกดอก ภายในดอกจะมีการสร้างเซลล์สืบพันธุ์
ู
โดยเกสรตัวผู้สร้างเซลล์สืบพันธุ์ตัวผู้ หรือละอองเรณเก็บไว้ใน อับละอองเรณ ส่วนเกสรตัวเมีย
ู
่
่
้
จะมีรังไข่ ซึงภายในรังไข่จะมีไข่ ( โอวูล ) ท าหนาทีเก็บเซลล์สืบพันธุ์ตัวเมียหรือไข่ออนเอาไว้
่
การสืบพันธุ์ของพืชมีดอกแบบอาศัยเพศ มีล าดับ 2 ขั้นตอน คือ
่
1. การถายละอองเรณ ู
2. การปฏิสนธิ
การถ่ายละอองเรณ ู
่
่
ู
การถายละอองเรณ คือ การทีละอองเรณของเกสรตัวผู้ ไปตกลงบนยอดเกสรตัวเมีย
ู
้
ซึงสามารถเกิดขึนได้ 3 รูปแบบ คือ
่
ี
์
่
1. การถ่ายละอองเรณภายในดอกเดยวกัน มักเกิดกับดอกสมบูรณเพศทีเกสรตัวผู้
ู
อยูสูงกว่าเกสรตัวเมีย
่
2. การถ่ายละอองเรณขามดอกทอยู่ภายในตนเดยวกัน
ู
้
ี
้
ี
่
้
์
ี
่
ู
้
3. การถ่ายละอองเรณขามดอกทอยู่คนละตนกัน มักเกิดกับดอกสมบูรณเพศที ่
ู
เกสรตัวผู้อยูต ากว่าเกสรตัวเมีย ซึงไม่เอือให้เกิดการถายละอองเรณภายในดอก
่
่
้
่
่
่
่
์
เดียวกัน และเกิดกับดอกไม่สมบูรณเพศ ซึงมีเกสรตัวผู้และเกสรตัวเมียอยูคนละต้นกัน
-217-
ี
่
ั
ปจจัยทช่วยในการถ่ายละอองเรณ ู
ั
่
่
ู
่
่
ปจจัยทีชวยในการถายละอองเรณ เพือให้พืชมีดอกเกิดการปฏิสนธิ สร้างผล
และเมล็ดในการสืบพันธุ์ตอไป คือ
่
็
ู
1. ลม เปนตัวช่วยพัดพาละอองเรณให้ไปตกลงบนยอดเกสรตัวเมีย มักเกิด
่
้
็
กับดอกทีมีขนาด มีนาหนักเบา ไม่มีกลิ่น และมีดอกเปนจ านวนมาก เช่น
่
ดอกของพืชตระกูลหญ้าชนิดตาง ๆ
้
้
2. สัตว์ ได้แก แมลง ( ผึง ผีเสือ ) นกบางชนิด ค้างคาวบางชนิด เปนตัวช่วย
่
็
่
่
ู
ให้เกิดการถายละอองเรณ จากดอกหนึงไปยังอีกดอกหนึงได้ มักเกิดกับ
่
่
้
็
่
่
ดอกทีมีสีสวย มีกลิ่นหอม หรือมีตอมนาหวานซึงเปนตัวล่อให้สัตว์เหล่านี ้
เข้าหา
้
้
่
่
้
3. นา อาจเปนนาทีเรารดให้แกพืชหรือนาฝนทีตกลงมา จะเปนตัวพาละออง
็
็
่
เกสรตัวผู้ จากดอกทีอยูด้านบนให้ไปตกลงบนยอดเกสรตัวเมียของดอก
่
่
ทีอยูด้านล่างได้
่
่
่
่
4. คน ท าการถายละอองเรณ เพื่อให้พืชเกิดการผสมพันธุ์ และได้พืชทีมี
ู
ลักษณะพันธุ์ดีตามทีต้องการ
่
-218-
ั
ี
้
แผนการจดการเรยนรู
่
ี
ี่
ุ
ี
ี
ึ
์
้
ี
ู
กล่มสาระการเรยนร วิทยาศาสตร ชั้นมัธยมศกษาปท 1 ภาคเรยนท 1
ี
หน่วยการเรยนรท 1 เรอง หน่วยของชวิตและชวิตพืช เวลา 30 ชั่วโมง
ี
ื่
ี
่
ี
ู
้
้
ี่
ี
ื่
ู
แผนการจัดการเรยนรท 16 เรอง ทดลองจนเกิดเขาใจ เวลา 2 ชั่วโมง
้
สอนวันท ……. เดอน ………………..… พ.ศ. ............... ชอผู้สอน นายยรรยง ปกปอง
ื่
ื
ี่
้
1. สาระสาคัญ
ี
ุ
ื
1.1 พืชจะใช้การล าเลยงโมเลกุลของสารต่างๆ ได้แก่ น ้า แร่ธาตและอาหาร ภายในเซลล์ หรอจากเซลล์
ี
ไปส่อกเซลล์หนง ได้หลายวิธเช่นการแพร่ ออสโมซส แอกทฟ ทรานสปอรต โดยในพืชนั้นสง จะมระบบ
ู
ี
ิ
ี
ู
์
ี
ึ
่
ื
ุ
ท่อล าเลยงอาหารคอ โฟลเอม ระบบท่อล าเลยงน ้าและแร่ธาตคอ ไซเลม
ี
ื
ี
่
ี
1.2 ปจจัยทมอทธพลต่อการล าเลียงของพืช ได้แก่การคายน ้า ความชื้น แสง และอุณหภูมิ
ั
ี
ิ
ิ
ี
้
ี
2. มาตรฐานการเรยนรู ว 1.1 : เข้าใจหน่วยพื้นฐานของส่งมชวิต ความสัมพันธของโครงสรางและหน้าท ี ่
ิ
์
้
ี
่
ี
ี
์
ู
ื
่
้
ิ
ื
่
ี
ี
ู
ของระบบต่าง ๆ ของส่งมชวิต ทท างานสัมพันธกัน มกระบวนการสบเสาะหาความร สอสารส่งทเรยนร
ี
ิ
ี
้
ี
ี
ิ
ู
ู
้
น าความรไปใช้ในการด ารงชวิตของตนเองและดแลส่งมชวิต
ี
้
3. ตัวชวัด
ี
ื
3.8 ทดลอง สบค้นข้อมูล และอธบายโครงสรางและการท างานของระบบล าเลยงของพืช
ี
ิ
้
้
ิ
4. ภาระงาน / ชนงาน
ี่
ึ
ุ
4.1 ผลงานทผู้เรยนท าในชดฝกท 14 (ส่วนของพืชทล าเลยงน ้าและแร่ธาต) และชดฝกท 18 (การเจรญ
ิ
ี
ี่
ี
่
ุ
ี
ุ
ี่
ึ
ิ
เตบโตของต้นถั่ว)
ี
4.2 คะแนนการทดสอบก่อนเรยน-หลังเรยน
ี
ี
4.3 บันทกเจตคตและจตวิทยาศาสตรของผู้เรยน
ิ
ึ
ิ
์
5. จุดประสงคการเรยนรู (จดประสงค์น าทาง)
ุ
ี
์
้
่
5.1 อธบายการล าเลยงของพืชชั้นต าได้
ี
ิ
-219-
ี
5.2 บอกความหมายของไซเลม และโฟลเอมในระบบท่อล าเลยงของพืชได้
ุ
ี
5.3 อธบายการล าเลยงอาหาร น ้าและแร่ธาตของพืชได้
ิ
ี
ู
ี
ี
ี
5.4 เปรยบเทยบท่อล าเลยงน ้าและท่อล าเลยงอาหารของพืชใบเล้ยงเดยวและใบเล้ยงค่ได้
ี
่
ี
ี
ี
ี
5.5 วาดภาพแสดงท่อล าเลยงน ้าและท่อล าเลยงอาหารของพืชได้
5.6 บอกปจจัยทส่งผลต่อการล าเลียงของพืชได้
ั
ี
่
่
5.7 ออกแบบและท าการทดลองเกียวกับการล าเลยงของพืชได้
ี
่
5.8 สรปผลการทดลองเกียวกับการล าเลยงของพืชได้
ี
ุ
ุ
ิ
็
์
ี
5.9 ใช้ห้องสมดและอนเทอรเนตในการสบค้นความรเรองการล าเลยงของพืชได้
้
ื่
ู
ื
์
ี
ี
ุ
5.10 มความรอบคอบ อดทน มเหตมผลในการท ากิจกรรมทางวิทยาศาสตร
ี
ี
้
ี
ู
ุ
็
5.11 ร่วมกิจกรรมด้วยความสนใจ เหนความส าคัญ และเรยนรอย่างมความสข
6. สาระการเรยนรู
ี
้
ี
6.1 ระบบท่อล าเลยงของพืช
่
ี
6.2 ปจจัยทส่งผลต่อการล าเลยงของพืช
ั
ี
6.3 การทดลองเกียวกับการล าเลยงของพืช
่
ี
6.4 โครงสรางและประเภทของดอก
้
7. กระบวนการจดการเรยนรู ้
ี
ั
้
7.1 ขั้นสรางความสนใจ (engagement)
ี
1. ผู้เรยนท าแบบทดสอบก่อนเรยน เพือตรวจสอบและทบทวนความรพื้นฐาน (แบบถูกผิด 10 ข้อ)
่
ู
ี
้
ู
่
ี
ี
ี
ี
2. ผู้เรยนอ่านออกเสยงข้อความทครเขยนบนกระดานด า ดังน้
ี
ั
ุ
่
ี
ต้นไม้คอเพือนชวิต เพราะดดแก๊สพิษแทนมนษย์สตว์
ื
ู
่
3. ซักถามและอภปรายเกียวกับความหมายของประโยคดังกล่าว เช่น
ิ
่
-แก๊สพิษในทีนี้ คือแก๊สอะไร (คารบอนไดออกไซด์)
์
ี
-พืชน าแก๊สน้ไปใช้ในกระบวนการใด (กระบวนการสังเคราะหด้วยแสง)
์
ี
์
ึ
่
-กระบวนการสังเคราะหด้วยแสงเกิดข้นทไหน (คลอโรพลาสต์)
-220-
ี
4. ทบทวนความหมายของผู้ผลต และผู้บรโภค โดยให้ผู้เรยนบอกว่าหมายถงอะไร เพราะเหตใด
ิ
ิ
ุ
ึ
์
5. ซักถามเกียวกับกระบวนการสังเคราะหด้วยแสง แล้วใช้ค าถามว่า
่
ู
ี
ึ
่
“ น ้า และน ้าตาลกูลโคส ทพืชสังเคราะหด้วยแสงข้นได้ จะถกน าไปไว้ทไหน อย่างไร”
ี
่
์
7.2 ขั้นส ารวจและค้นหา (exploration)
ี
ุ
ู
ิ
่
ึ
็
ื
่
6. ครแนะน าผู้เรยนว่า มนษย์เราซงเปนผู้บรโภค เมออาหารผ่านระบบย่อยอาหารแล้ว จะกลายไป
ิ
็
ู
เปนสารอาหาร และถกล าเลยงโดยระบบไหลเวียนโลหตไปยังส่วนต่างๆ ของร่ายกาย และพืชก็เช่นเดยว
ี
ี
ู
ู
กัน สารอาหารได้แก่น ้าตาลกลโคสและน ้า ก็จะถกล าเลยงไปยังส่วนต่างๆ โดยระบบท่อล าเลยง
ี
ี
ี่
ุ
ึ
7. ผู้เรยนแต่ละกล่มศกษากิจกรรมในชดฝกทักษะวิทยาศาสตร เล่ม 1 ชดฝกท 14 (ส่วนของพืช
ุ
์
ึ
ึ
ุ
ี
ุ
ั
ิ
์
ึ
ี
ุ
ทล าเลยงน ้าและแร่ธาต) รบวัสดอปกรณและปฏบัตการทดลองตามขั้นตอนในกิจกรรม บันทกผล
ิ
่
ี
ุ
และตอบค าถาม
ิ
ุ
ึ
ิ
ุ
ึ
ี่
8. ผู้เรยนแต่ละกล่มศกษากิจกรรมในชดฝกทักษะวิทยาศาสตร เล่ม 1 ชดฝกท 18 (การเจรญเตบโต
ี
ุ
ึ
์
็
ิ
ิ
ั
ุ
์
ของต้นถั่ว) รบวัสดอปกรณ และปฏบัตการทดลอง (บันทกผลและตอบค าถาม ภายหลังเสรจส้นการทดลอง
ึ
ุ
ิ
็
เปนเวลา 4 วัน)
ี่
ู
ึ
่
ู
้
ี
้
ี
9. ผู้เรยนแต่ละคนศกษาใบความรท 9 (องค์ประกอบของดอก) และใบความรท 10 (ลักษณะดอก
ของพืช)
ิ
7.3 ขั้นอธบายและลงข้อสรป (explanation)
ุ
ี
ุ
10. ส่มตัวแทนกล่มออกมาน าเสนอผลงาน จากการทดลองในชดฝกท 14 โดยใช้วัสดอปกรณช่วยใน
ุ
ึ
่
์
ุ
ุ
ุ
การน าเสนอ ได้แก่ แผ่นใสและเครองฉายภาพข้ามศรษะ (ครประเมนทักษะการพูดของผู้เรยน)
ี
่
ิ
ื
ี
ู
ุ
ึ
ู
ี
11. ผู้เรยนและครร่วมกันสรปโดยการฝกอ่านค าศัพท์และอธบายความหมายจากบัตรค า หรอสรป
ุ
ื
ิ
้
็
ู
่
ความรจากสไลด์ในโปรแกรม Power Point เพือเราความสนใจ ชัดเจนและรวดเรวยิ่งข้น ได้แก่ค าว่า
ึ
้
ระบบท่อล าเลียง ท่อล าเลียงน ้าและแร่ธาตุ ท่อล าเลียงอาหาร โฟลเอม ไซเลม
้
ู
7.4 ขั้นขยายความร (elaboration)
่
ี
ู
12. ครแนะน าการน าเสนอข้อมูล การพูดรายงานของผู้เรยน เพือการปรบปรงในคราวต่อไป
ุ
ั
ู
13. ครให้ความรเพิ่มเตม เรอง ระบบท่อล าเลยง โครงสรางของดอก และประเภทของดอกพืชชั้นสง
ี
ื
ู
่
ิ
ู
้
้
ู
ี
ื
้
์
็
ิ
ุ
่
ื
ิ
และแนะน าให้ผู้เรยนไปสบค้นความรในเรองดังกล่าวเพิ่มเตมจากห้องสมดและอนเทอรเนต
-221-
ิ
7.5 ขั้นประเมน (evaluation)
14. ผู้เรยนท าแบบทดสอบหลังเรยน เพื่อตรวจสอบพัฒนาการของผู้เรยน (แบบถูกผิด 10 ข้อ)
ี
ี
ี
15. ประเมนผลงานการท าชดฝกทักษะของผู้เรยน
ึ
ุ
ี
ิ
่
16. ประเมนผลพฤตกรรมด้านอนๆ โดยการสังเกต สัมภาษณทั้งในห้องเรยน และนอกห้องเรยน
ี
ิ
ื
ี
ิ
์
่
ี
้
8. สอและแหลงเรยนรู
ื
่
8.1 บัตรค ายากหรอค าส าคัญ เพือใช้ฝกอ่านและสรุปบทเรียน ได้แก่ค าว่า ระบบท่อล าเลียง ไซเลม
ึ
่
ื
์
ี
โฟลเอม ท่อล าเลยงอาหาร ท่อล าเลยงน ้าและแร่ธาต ดอกสมบูรณเพศ ดอกไม่สมบูรณเพศ ดอกสมบูรณ ์
ุ
ี
์
ดอกครบส่วน ดอกไม่สมบูรณ ดอกไม่ครบส่วน
์
่
ื
ี
8.2 แผ่นใสและเครองฉายภาพข้ามศรษะ (Over Head)
ุ
ี
ี
ึ
ุ
ี
์
8.3 วัสดอปกรณตามกิจกรรมในชดฝกท 14 และ 18 ได้แก่ ต้นเทยน หมกแดง ใบมดโกน สไลด์
่
ึ
ุ
กล้องจลทรรศน เมล็ดถั่วด า กระดาษเยือ
่
ุ
์
์
์
ุ
ิ
์
ึ
8.4 ชดฝกทักษะวิทยาศาสตร (ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรและความสามารถในการคดวิเคราะห)
ี
่
ี
เล่ม 1 เรอง หน่วยของชวิตและชวิตพืช ชั้นมัธยมศกษาปท 1
ี
่
ื
ี
ึ
์
์
ิ
ื
8.5 ห้องสมด และห้องคอมพิวเตอร เพื่อใช้ในการสบค้นข้อมูลจากอนเทอรเนต
ุ
็
9. การวัดและประเมินผล
9.1 ส่งทต้องการวัด
่
ิ
ี
้
้
ี
-ความรความเข้าใจ เรอง ระบบท่อล าเลยงของพืช โครงสรางของดอก ประเภทของดอก
ู
่
ื
ุ
-ทักษะการพูดสรปเรองและพูดรายงาน ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร ์
ื่
-เจตคตทดต่อการเรยน ได้แก่ ความสนใจ ความตั้งใจ และเหนความส าคัญ
ี
ี
่
ี
็
ิ
ิ
์
-จตวิทยาศาสตร ได้แก่ ความใฝ่รู้ใฝ่เรียน ความรอบคอบ มีเหตุมีผล ความอดทน
ึ
9.2 วิธการวัด ใช้การซักถาม การท าชดฝกทักษะ และการสังเกตพฤตกรรม
ิ
ุ
ี
9.3 เครองมอวัด
ื่
ื
ี
-แบบทดสอบก่อนเรยน-หลังเรยน
ี
ุ
์
ี่
ึ
ุ
ึ
ุ
ี่
-ชดฝกทักษะวิทยาศาสตร เล่ม 1 ชดฝกท 14 และชดฝกท 18
ึ
ิ
ิ
์
-แบบประเมนเจตคตและจตวิทยาศาสตร
ิ
ิ
9.4 เกณฑ์การประเมน
-ตอบถกให้ 1 คะแนน และตอบผิดให้ 0 คะแนน
ู
ึ
ึ
-ข้นอยู่กับลักษณะและรปแบบของชดฝกทักษะ (เฉลยและเกณฑ์อยู่ในภาคผนวกแต่ละแผน)
ู
ุ
-ให้คะแนนเปนระดับคณภาพ (แบบประเมนและเกณฑ์อยู่ภาคผนวกท้ายแผน)
ิ
ุ
็
-222-
10. กิจกรรมเสนอแนะ
้
10.1 แหล่งเรยนรควรยืดหยุ่นตามความเหมาะสมในด้านต่าง ๆ เช่น สภาพแวดล้อมทางธรรมชาต ิ
ี
ู
็
เวลา งบประมาณ และความพรอมของผู้เรยน เปนต้น
ี
้
ี
่
้
ี
10.2 ผู้เรยนควรมความพรอมในด้านการพูดและการอ่านเพือจับใจความส าคัญ
ุ
11.3 ทักษะการเขยนเพือบันทกสรปสาระส าคัญ ควรฝกให้เกิดข้นในตัวผู้เรยนพรอมๆ กับการสราง
ี
ึ
ึ
้
่
้
ึ
ี
นสัยรกการอ่านและการสืบค้นข้อมูลจากแหล่งเรียนรู้ต่างๆ
ิ
ั
ื่
(ลงชอ)
้
( นายยรรยง ปกปอง )
..... / ……… / ……..
ึ
็
11. ความเหนและขอเสนอแนะของผูบรหารสถานศกษา
้
้
ิ
……………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………...
ื่
(ลงชอ)
( ………………………………….)
ี
ผู้อ านวยการ โรงเรยนบ้านดงเจรญ
ิ
….. / ……….. / ……..
12. บันทึกหลังสอน
12.1 ผลการสอน
-ด้านพุทธพิสัย …………………………………………………………………………….…
ิ
……………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………..
-223-
-ด้านทักษะพิสัย ……………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………..
-ด้านจตพิสัย …………………………………………………………………………………
ิ
……………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………..
ุ
ั
12.2 ปญหาอปสรรค ………………………………………………………………………………
12.3 แนวทางแก้ไข ………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………..
ื่
(ลงชอ)
้
( นายยรรยง ปกปอง )
..... / ……… / ……..
-224-
ภาคผนวก
• แบบทดสอบก่อนเรยน-หลังเรยน
ี
ี
ี่
ุ
• เฉลย / เกณฑ์การให้คะแนนชดฝกท 14
ึ
่
ี
ี
(ส่วนของพืชทล าเลยงน ้าและแร่ธาต)
ุ
ึ
• เฉลย / เกณฑ์การให้คะแนนชดฝกท 18
ี่
ุ
ิ
(การเจรญเตบโตของต้นถั่ว)
ิ
• ใบความรท 9 (องค์ประกอบของดอก)
้
ี่
ู
้
• ใบความรท 10 (ลักษณะดอกของพืช)
ี่
ู
-225-
แบบทดสอบก่อนเรยน – หลังเรยน
ี
ี
ี่
แผนท 16
ทดลองจนเกิดเข้าใจ
ี่
ื่
ื่
ี่
จงท าเครองหมาย / หน้าข้อทถูก และท าเครองหมาย X หน้าข้อทผิด
ี
ุ
ี
......... 1. ท่อล าเลยงน ้าและแร่ธาตของพืช เรยกว่า ไซเลม
……. 2. ท่อล าเลียงอาหารของพืช เรียกว่า โฟลเอม
ี
ื
ึ
……. 3. การล าเลยงอาหารของพืช ส่วนใหญ่จะเกิดข้นเวลากลางคน
ิ
ี
ื
……. 4. ทศทางการล าเลยงของไซเลม จะเกิดในสองทศทางคอ
ิ
ึ
ในแนวข้นและในแนวลง
ี
ิ
ิ
ี
……. 5. ทศทางการล าเลยงของโฟลเอม จะเกิดในทศทางเดยวคอ
ื
ึ
ในแนวข้น
……. 6. โฟลเอมจะเรยงอยู่ด้านนอก ส่วนไซเลมจะเรยงอยู่ด้านใน
ี
ี
์
ของเซลล์พืชชั้นวาสควลารบันเดล
ิ
ิ
ี
……. 7. ดอกครบส่วน คอดอกทมเกสรตัวผู้และเกสรตัวเมย
่
ี
ื
ี
ิ
อยู่ในดอกเดยวกัน เช่น กุหลาบ ชบา ต้อยต่ง
ี
……. 8. ดอกมะเขอ ดอกผักบ้ง เปนดอกไม่ครบส่วน
็
ื
ุ
็
ุ
ู
……. 9. ดอกครบส่วนทกดอก ต้องเปนดอกสมบรณเพศเสมอ
์
็
ู
……. 10. ดอกสมบรณเพศ เปนได้ทั้งดอกครบส่วน และดอกไม่
์
ครบส่วน
-226-
ชุดฝกที 14.
ึ
่
ส่วนของพืชที่ล ำเลียงน ้ำและแร่ธำตุ
กิจกรรม
1. เทหมึกแดง 15 cm ใส่ขวดปากกว้างซึงมีนาอยูประมาณ 0.75 ขวด
่
3
้
่
่
จุ่มต้นเทียนลงไปให้ปลายรากแช่อยูในหมึกแดง เปนเวลา 30 นาที
็
้
่
้
2. ยกต้นเทียนจากนาหมึก ล้างสีซึงเปอน
ื
ส่วนรากออก ใช้ใบมีดโกนตัดล าต้น
็
ให้เปนท่อนยาวประมาณ 3 cm นาส่วน
่
้
ทีตัดออกมานีมาตัดตามขวางและ
่
ตามยาว ให้บางทีสุดทีจะบางได้ แล้วนา
่
ิ
ไปวางบนหยดนาบนสไลด์ ปดด้วย
้
ิ
กระจกปดสไลด์ นาไปตรวจดูด้วยกล้อง
จุลทรรศน ์
3. วาดรูปแสดงต าแหนงทีเห็นสีแดง
่
่
เกณฑ์การให้คะแนน (คะแนนเต็ม 5 คะแนน)
ู
• วาดภาพได้ถกต้อง สวยงาม 3 คะแนน
ู
์
ตอบค าถาม • ตอบค าถามได้ถกต้อง สมบูรณ 2 คะแนน
่
นักเรียนจะอธิบายลักษณะภายในทีสังเกตได้จากล าตันตัดตามยาว
และตัดตามขวาง ได้อย่างไร
ี
็
ึ
็
ื่
เมอตัดตามยาวจะเหน หมกสแดงเปนเส้นยาวไปตาม
...................................................................................................
ี
่
ล าต้นของต้นเทยน เนองจากหมกสแดงเคลอนทไปส
ึ
...................................................................................................ู่
ื
ื
ี
่
่
ี
ิ
ส่วนต่างๆ ของล าต้น โดยการออสโมซส
...................................................................................................
ื
ี
่
ื
เมอตัดตามขวาง จะเหนกล่มเซลล์ท่อล าเลยงน ้าหรอ
็
ุ
...................................................................................................
ไซเลมเปนกล่มๆ กระจายอยู่รอบๆ
ุ
็
...................................................................................................
-227-
่
ชุดฝกที 18.
ึ
กำรเจรญเติบโตของต้นถั่ว
ิ
กิจกรรม
็
1. แช่เมล็ดถั่วด า 8 เมล็ดเปนเวลา 1 คืน
้
่
2. นาเมล็ดถั่วด าทีแช่นาไว้มา 1 เมล็ด สังเกตลักษณะ
็
ภายนอก แล้วแกะเปลือกออก แยกใบเลียงออกเปน
้
2 ส่วน วาดรูปแสดงลักษณะภายนอก และลักษณะ
ภายในของเมล็ด
่
่
3. ใช้กระดาษเยือ กรุทีก้นกล่องพลาสติกขนาดเส้นผ่าน
่
ศูนย์กลาง 4 cm จ านวน 4 ก้อน ลงไปให้อยูระหว่าง
่
กระดาษแข็งและกล่อง โดยให้ส าลีแต่ละก้อนอยูห่าง
็
กันเปนระยะประมาณเท่าๆ กัน
้
4. วางเมล็ดถั่วด าทีเหลือลงบนก้อนส าลี ดังรูปและรดนา
่
ให้ชืนทั่วทั้งกล่องทุกวัน นาไปวางในทีมีแสงสว่าง
่
้
5. สังเกตการเปลียนแปลงของรากและล าต้นทุกวัน
่
เปนเวลา 4 วัน บันทึกผลลงในตาราง
็
-228-
ตารางบันทกกิจกรรม
ึ
วันที ลักษณะการเจริญเติบโตของต้นถั่วด า ภาพการเจริญเติบโตของต้นถั่วด าแต่ละวัน
่
1. รากของเมล็ดถั่วจะงอกออกมา
..............................................................................
..............................................................................
2. มใบเล้ยง 1 ค่ โผล่ขึ้นมา
ี
ี
ู
.............................................................................
ล าต้นสเขยวอ่อนและอวบ
ี
ี
.............................................................................
ี
ึ
3. มใบมากข้น ล าต้นสูงกว่าเดิม
.............................................................................
ี
ใบมสเขยว
ี
ี
.............................................................................
ี
ึ
4. มใบมากข้นกว่าเดิม
.............................................................................
ี
ี
ู
ล าต้นสง ใบมสเขยวเข้ม
ี
.............................................................................
เกณฑ์การให้คะแนน (คะแนนเต็ม 10 คะแนน)
• การปฏบัตการทดลองได้ถกต้อง คล่องแคล่ว 5 คะแนน
ิ
ิ
ู
ตอบค าถาม • การบันทกผล และตอบค าถามได้สมบูรณ 5 คะแนน
ึ
์
1. ตันถั่วทีเพาะในกล่องพลาสติกมีการเปลียนแปลงรูปร่างและขนาดอย่างไร
่
่
ู
ึ
ี
มจ านวนใบมากข้น ล าต้นใหญ่และสงข้น
ึ
.............................................................................................................
.............................................................................................................
2. นักเรียนสังเกตเห็นส่วนใดของต้นถั่วด า ทีงอกพ้นเมล็ดออกมากอน
่
่
ราก
.............................................................................................................
-229-
ใบควำมรูที่ 9
้
องค์ประกอบของดอก
็
ี
ี
่
่
์
ุ
ี
ื
ดอกของพืชเปนส่วนทพืชใช้ในการสบพันธ ดอกของพืชมส่วนประกอบทส าคัญ
4 ส่วน คือ กลีบเลี้ยง กลีบดอก เกสรตัวผู้ และเกสรตัวเมีย
ี
ี
่
ี
่
ุ
็
ี
ี
ุ
1. กลีบเลี้ยง เปนส่วนทอยู่นอกสดของดอก มักมสเขยวคล้ายใบ ท าหน้าทห่อห้ม
็
่
ู
่
่
ี
ื
ี
้
ี
่
ส่วนทอยู่ข้างในของดอกไว้ ในขณะทดอกยังอ่อนอยู่ หรอทยังเปนดอกตม เพือปองกัน
อันตรายจากแมลง และศัตร
ู
ี
ี
่
ี
ี
2. กลีบดอก เปนส่วนทอยู่ถัดจากกลบเล้ยงเข้าไป มักมสสันสวยงาม บางชนดม ี
็
ิ
ี
กล่นหอม ซงสสันทสดใส และกล่นหอมของดอกไม้จะช่วยล่อแมลงให้มาตอม เพือช่วย
่
่
ึ
ี
ี
่
ิ
ิ
ในการผสมเกสร
้
ี
3. เกสรตัวผู เปนส่วนทอยู่ถัดจากกลบดอกเข้าไป เปนอวัยวะสรางเซลล์สบพันธตัวผู้
ี
ุ
้
์
็
ื
่
็
ี
มักมหลายอัน เกสรตัวผู้แต่ละอัน ประกอบด้วย
่
็
ู
ี
ี
ู
ื
ู
3.1. ก้านเกสรตัวผู้ หรอก้านชอับเรณ มลักษณะเปนก้านยาว ๆ ท าหน้าทชอับเรณ ู
็
็
ู
ี
ู
้
3.2. อับเรณ มลักษณะเปนกระเปาะ เปนแหล่งสราง และเก็บ "ละอองเรณ" ซง
่
ึ
์
ุ
ภายในละอองเรณจะม “เซลล์สบพันธเพศผู้” อยู่
ี
ื
ู
ี
็
่
ื
ุ
4. เกสรตัวเมีย เปนส่วนทอยู่ในสด คอตรงกลางดอก ท าหน้าทสรางเซลล์สบพันธ ุ ์
่
ื
ี
้
ี
่
ี
ี
ื
ี
ี
ี
ตัวเมย ทปลายยอดเกสรตัวเมยจะมลักษณะเปนขนและมน ้าเหนยว ๆ เคลอบอยู่ เพือช่วย
็
่
ในการดักจับละอองเรณ และในน ้าเหนยว ๆ น้จะม “น ้าตาล” เปนองค์ประกอบอยู่ จะช่วย
ี
ี
ู
็
ี
่
ุ
ึ
กระต้นให้ละอองเรณเกิดการงอกหลอด ซงเกสรตัวเมยประกอบด้วย ยอดเกสรตัวเมย ก้าน
ู
ี
ี
ชเกสรตัวเมย และรงไข่ ซงอยู่ส่วนล่างสดของเกสรตัวเมย มลักษณะเปนกระเปาะ ภายในม ี
ู
่
ี
ี
ุ
ึ
็
ี
ั
ี
ุ
ไข่อ่อน (โอวูล) ซงมเซลล์สบพันธเพศเมยอยู่ภายใน
์
ึ
่
ื
ี
-230-
ใบควำมรูที่ 10
้
ื
ลักษณะดอกของพช
ดอกไม้บางชนิดมีองค์ประกอบครบทั้ง 4 ส่วน แต่ดอกไม้บางชนิดมีองค์ประกอบ
ไม่ครบทั้ง 4 ส่วน ท าให้เราสามารถแบ่งประเภทของพืชมีดอกได้ โดยใช้ลักษณะของ
ดอกเปนเกณฑ์ ดังนี ้
็
1. ใช้ส่วนประกอบของดอกเปนเกณฑ์ ได้แก ่
็
1.1. ดอกสมบูรณ หมายถึง ดอกทีมีองค์ประกอบครบ 4 ส่วน คือ กลีบดอก
่
์
่
้
กลีบเลียง เกสรตัวผู้ เกสรตัวเมีย ได้แก ดอกพริก ดอกกหลาบ ดอกชบา ดอกต้อยติ่ง
ุ
ดอกมะเขือ ดอกพู่ระหง ดอกผักบุ้ง ดอกบานบุรี ดอกมะลิ ดอกชงโค ดอกอัญชัน ฯลฯ
่
1.2. ดอกไม่สมบูรณ หมายถึง ดอกทีมีองค์ประกอบไม่ครบ 4 ส่วน ได้แก ่
์
ั
ดอกมะพร้าว ดอกมะระ ดอกบวบ ดอกฟกทอง ดอกต าลึง ดอกมะละกอ ดอกข้าว
้
่
ดอกข้าวโพด ดอกจ าปา ดอกจ าป ดอกบานเย็น ดอกเฟองฟา ดอกมะยม ดอกมะเดื่อ
ี
ื
ดอกตาล ดอกหญ้า ดอกแตงกวา ฯลฯ
2. ใช้เกสรตัวผู้และเกสรตัวเมียเปนเกณฑ์ ได้แก ่
็
่
2.1. ดอกสมบูรณเพศ หมายถึง ดอกทีมีเกสรตัวผู้และเกสรตัวเมียอยูในดอก
่
์
่
เดียวกัน ได้แก ดอกพู่ระหง ดอกบัว ดอกกหลาบ ดอกชงโค ดอกถั่ว ดอกมะเขือ
ุ
ดอกพริก ดอกกล้วยไม้ ดอกมะม่วง ดอกชบา ดอกข้าว ดอกต้อยติ่ง ดอกจ าปา
้
ุ
ื
ดอกมะลิ เฟองฟา ดอกอัญชัน ดอกแค ดอกผักบ้ง ฯลฯ
่
่
2.2. ดอกไม่สมบูรณเพศ หมายถึง ดอกทีมีเกสรตัวผู้ หรือเกสรเมีย เพียง
์
่
ึ
อย่างเดียวในหนงดอก โดยดอกทีมีเฉพาะเกสรตัวผู้ เรียกว่า ดอกตัวผู้ ส่วนดอกทีมี
่
่
ั
เฉพาะเกสรตัวเมีย เรียกว่า ดอกตัวเมียได้แก ดอกบวบ ดอกฟกทอง ดอกมะละกอ
่
ดอกข้าวโพด ดอกมะยม ดอกต าลึง ดอกมะพร้าว ดอกตาล ดอกเงาะ ดอกแตงกวา
ดอกมะระ ดอกหนาวัว ดอกมะเดื่อ ฯลฯ
้
-231-
้
ภาพโครงสรางของใบ
(ใช้ฉายโดยเครื่องฉายภาพข้ามศีรษะ เพือฝกถาม-ตอบผู้เรียน)
ึ
่
-232-
้
แผนการจดการเรยนรู
ั
ี
ึ
์
ี
้
่
ู
ี
ี
ุ
ี
กล่มสาระการเรยนร วิทยาศาสตร ชั้นมัธยมศกษาปท 1 ภาคเรยนท 1
ี่
่
ี
ี
ู
้
ี
ื่
หน่วยการเรยนรท 1 เรอง หน่วยของชวิตและชวิตพืช เวลา 30 ชั่วโมง
ี
้
ี
ี่
ู
ื่
แผนการจัดการเรยนรท 17 เรอง อธิบายไดถึงหนาที่ เวลา 1 ชั่วโมง
้
้
ื่
สอนวันท ……. เดอน ………………..… พ.ศ. ............... ชอผู้สอน นายยรรยง ปกปอง
ี่
้
ื
1. สาระสาคัญ
่
ื
1.1 การสบค้นข้อมูลและการทดลองเกียวกับโครงสรางและหน้าทของระบบสบพันธของพืช จะช่วยให้
ี
่
์
้
ื
ุ
เข้าใจ และสามารถอธบายได้ถกต้องและชัดเจนมากข้น
ึ
ู
ิ
ี
่
้
ี
ื
ู
ุ
1.2 พืชชั้นสงหรอพืชดอกจะมโครงสรางทใช้ในการสบพันธแบบอาศัยเพศ คอเกสรตัวผู้และเกสรตัวเมย
์
ี
ื
ื
ี
ี
ื
ี
ี
ี
้
ี่
1.3 โครงสรางของดอกทส าคัญม 4 ส่วน คอ กลบเล้ยง กลบดอก เกสรตัวผู้ และเกสรตัวเมย
ิ
้
2. มาตรฐานการเรยนรู ว 1.1 : เข้าใจหน่วยพื้นฐานของส่งมชวิต ความสัมพันธของโครงสรางและหน้าท ี ่
ี
์
ี
้
ี
ู
ของระบบต่าง ๆ ของส่งมชวิต ทท างานสัมพันธกัน มกระบวนการสบเสาะหาความร สอสารส่งทเรยนร
ี
ี
่
้
ี
ื
่
ี
ู
้
ิ
่
ี
ิ
ี
์
ื
ี
น าความรไปใช้ในการด ารงชวิตของตนเองและดแลส่งมชวิต
้
ู
ู
ี
ิ
ี
้
3. ตัวชวัด
ี
3.9 สบค้นข้อมูล ทดลอง และอธบายโครงสรางและหน้าทในระบบสบพันธของพืช
ื
ิ
์
้
ื
ี่
ุ
4. ภาระงาน / ชนงาน
ิ
้
ี่
ุ
ึ
4.1 ผลงานทผู้เรยนท า ในชดฝกท 20 (ส่วนประกอบของดอกไม้ชนดต่างๆ) และชดฝกท 21 (รองเพลง
ี
้
ึ
ิ
ี่
ี่
ุ
ผลมาจากไหน)
ี
4.2 คะแนนการทดสอบก่อนเรยน-หลังเรยน
ี
4.3 บันทกเจตคตและจตวิทยาศาสตรของผู้เรยน
ึ
์
ิ
ิ
ี
ุ
5. จุดประสงคการเรยนรู (จดประสงค์น าทาง)
์
้
ี
ื
์
ุ
5.1 บอกความหมายของการสบพันธแบบอาศัยเพศและไม่อาศัยเพศได้
-233-
ื
5.2 ยกตัวอย่างพืชทสบพันธแบบอาศัยเพศและไม่อาศัยเพศได้
ี
่
ุ
์
5.3 ส ารวจและน าเสนอพืชประเภทต่างๆ ในชมชนได้
ุ
5.4 บอกส่วนประกอบของดอกและประเภทของดอกได้
ิ
ิ
5.5 อธบายการถ่ายละอองเรณและการปฏสนธของพืชดอกได้
ิ
ู
ี
5.6 บอกปจจัยทส่งผลต่อการถ่ายละอองเรณูของพืชดอกได้
่
ั
ิ
5.7 อธบายการเกิดผลและจ าแนกผลชนดต่างๆ ของพืชดอกได้
ิ
ื่
์
็
ุ
ุ
้
ิ
5.8 ใช้ห้องสมดและอนเทอรเนตในการสบค้นความรเรองระบบสบพันธของพืชได้
ื
ื
์
ู
ี
ี
ุ
5.9 มความรอบคอบ อดทน มเหตมผลในการท ากิจกรรมทางวิทยาศาสตร
ี
์
้
ุ
ู
5.10 ร่วมกิจกรรมด้วยความสนใจ เหนความส าคัญ และเรยนรอย่างมความสข
็
ี
ี
้
ี
6. สาระการเรยนรู
้
6.1 โครงสรางของดอกและประเภทของดอก
ื
ุ
6.2 การสบพันธแบบใช้เพศและไม่ใช้เพศ
์
ิ
6.3 การปฏสนธของพืช
ิ
6.4 ผลชนดต่างๆ
ิ
ั
ี
7. กระบวนการจดการเรยนรู ้
้
7.1 ขั้นสรางความสนใจ (engagement)
้
ู
่
ี
1. ผู้เรยนท าแบบทดสอบก่อนเรยน เพือตรวจสอบและทบทวนความรพื้นฐาน (แบบถูกผิด 10 ข้อ)
ี
ี่
ู
ิ
ี
ู
2. ผู้เรยนดภาพเคลอนไหว (Animation) ของการเจรญเตบโตของพืช ทครน าเสนอโดยใช้โทรทัศน์
ิ
ื่
์
ู
และคอมพิวเตอร เพือเราความสนใจ แล้วซักถามความรความเข้าใจ ดังน้
้
ี
่
้
• ในการทดลองคราวทแล้วตันถั่วมการเปลยนแปลงอย่างไร
่
่
ี
ี
ี
ี
ิ
(มการเจรญเตบโต)
ิ
ิ
ิ
ิ
ี
• นักเรยนจะอธบาย “การเจรญเตบโต” ได้อย่างไร
(การเพิ่มจ านวน ขนาด และการเปลียนแปลงรูปร่างของเซลล์)
่
ู
ุ
• ในภาพน้จัดเปนพืชชั้นต าหรอพืชชั้นสง เพราะเหตใด
่
ี
็
ื
ื
ู
(พืชชั้นสง เพราะมดอกใช้สบพันธ์)
ุ
ี
ุ
ี่
ี
• อวัยวะใดของพืชมดอกทใช้ในการสบพันธ์โดยใช้เพศ
ื
ี
(เกสรตัวผู้และเกสรตัวเมย)
-234-
ื
ุ
้
3. ผู้เรยนและครร่วมกันรองเพลง “ผลมาจากไหน” จากเน้อเพลงในชดฝกทักษะวิทยาศาสตร ์
ี
ู
ึ
เล่ม 1 ชดฝกท 21 (ผลมาจากไหน) ด้วยความสนกสนาน
ี่
ึ
ุ
ุ
7.2 ขั้นส ารวจและค้นหา (exploration)
4. ผู้เรยนแต่ละคนศกษาเน้อหาในใบความรท 12 (การปฏสนธของพืช)
ู
ื
้
ึ
ิ
ิ
ี
่
ี
ื
ี
ึ
้
5. ผู้เรยนแต่ละคนศกษาเน้อหาในใบความรท 13 (ประเภทของผล)
่
ี
ู
ี
ิ
็
ุ
ี
่
ื
6. เล่นเกมจัดกลุ่มผลไม้ (ใช้เกณฑ์คอ ผลเดยว ผลกล่ม และผลรวม) โดยให้ผู้เรยนเดนเปนวงกลม
่
้
ุ
ู
ิ
ื
ื
ครแจกบัตรค าชอผลไม้ชนดต่างๆ ให้คนละ 1 ชอ ทกคนร่วมปรบมอและรองเพลง “ ผลมาจากไหน ”
่
ื
่
ื
ี
่
ี
ื
ึ
เมอได้ยินสัญญาณ จงให้รบจับกล่มกับเพือนๆ ทได้ชอผลชนดเดยวกัน เช่น
ุ
่
่
ิ
ี
่
ผลเดี่ยว ผลกลุม ผลรวม
มะปราง มะกอก น้อยหน่า ฝกบัว สับปะรด ขนน
ุ
ั
พุทรา แตงโม จ าป จ าปา ลูกยอ มะเดอ
ี
ื่
ี
7. ผู้เรยนแต่ละคนตอบค าถามในชดฝกทักษะวิทยาศาสตร เล่ม 1 ชดฝกท 21
ึ
์
ี่
ึ
ุ
ุ
ึ
ึ
ุ
ี
ี่
8. ผู้เรยนแต่ละกล่มศกษากิจกรรมในชดฝกทักษะวิทยาศาสตร เล่ม 1 ชดฝกท 20 (ส่วนประกอบ
ึ
์
ุ
ุ
ิ
ื
ิ
ิ
ึ
ของดอกไม้ชนดต่างๆ) แล้งลงมอปฏบัตตามขั้นตอนในกิจกรรม บันทกผลและตอบค าถาม
ุ
ิ
7.3 ขั้นอธบายและลงข้อสรป (explanation)
ุ
ึ
9. ส่มตัวแทนกล่มออกมาน าเสนอผลการศกษาดอกไม้ทั้ง 4 ชนด ในกิจกรรมของชดฝกท 20
ี
ุ
ุ
ิ
่
ึ
ุ
ุ
ิ
์
่
โดยใช้สอและวัสดอปกรณช่วยได้แก่ แผ่นใสและเครืองฉายภาพข้ามศีรษะ (ครประเมนทักษะการพูด)
่
ื
ู
ี
ื
ุ
ู
ุ
ึ
10. ผู้เรยนและครร่วมกันสรปโดยการฝกอ่านค าศัพท์และอธบายความหมายจากบัตรค า หรอสรป
ิ
้
ู
ความรจากสไลด์ในโปรแกรม Power Point เพือเราความสนใจ ให้เกิดความชัดเจนและรวดเรวข้น
่
ึ
็
้
7.4 ขั้นขยายความร (elaboration)
ู
้
ุ
11. ครแนะน าการน าเสนอข้อมูล การพูดรายงานของผู้เรยน เพือการปรบปรงในคราวต่อไป
่
ี
ู
ั
ู
์
้
้
ุ
ื
12. ครให้ความรเพิ่มเตม เรอง โครงสรางของดอก ประเภทของดอกและผล การสบพันธแบบใช้เพศ
่
ู
ิ
ื
็
์
ิ
ื
ิ
ิ
ิ
ุ
และไม่ใช้เพศ การปฏสนธของพืช และเสนอแนะให้ไปสบค้นข้อมูลเพิ่มเตมจากห้องสมดและอนเทอรเนต
-235-
ิ
7.5 ขั้นประเมน (evaluation)
ี
ี
13. ผู้เรยนท าแบบทดสอบหลังเรยน เพื่อตรวจสอบพัฒนาการของตนเอง (แบบถูกผิด 10 ข้อ)
ุ
ึ
14. ประเมนผลงานการท าชดฝกทักษะของผู้เรยน
ิ
ี
ี
ิ
15. ประเมนผลพฤตกรรมด้านอนๆ โดยการสังเกต สัมภาษณทั้งในห้องเรยน และนอกห้องเรยน
ิ
ื
์
ี
่
ี
้
8. สอและแหลงเรยนรู
่
ื
่
่
ิ
ึ
ุ
ี
์
ิ
8.1 บัตรค ายากหรอค าส าคัญ เพือใช้ฝกอ่านและสรปบทเรยน ได้แก่ค าว่า การปฏสนธ การสบพันธแบบ
ุ
ื
ื
ื
์
์
ุ
์
ใช้เพศ การสบพันธแบบไม่ใช้เพศ ดอกสมบูรณเพศ ดอกไม่สมบูรณเพศ ดอกครบส่วน ดอกไม่ครบส่วน
ี
ุ
ผลเดยว ผลรวม ผลกล่ม
่
ี
่
8.2 แผ่นใสและเครองฉายภาพข้ามศรษะ (Over Head)
ื
์
ุ
ิ
์
8.3 วัสดอปกรณตามกิจกรรมในชดฝกท 20 ได้แก่ สไลด์ กล้องจลทรรศน ดอกผักบ้ง ดอกต้อยต่ง
ุ
่
ุ
ึ
ี
ุ
ุ
ดอกพู่ระหง ดอกต าลง
ึ
์
์
ึ
ุ
์
ิ
8.4 ชดฝกทักษะวิทยาศาสตร (ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรและความสามารถในการคดวิเคราะห)
เล่ม 1 เรอง หน่วยของชีวิตและชีวิตพืช ชั้นมัธยมศึกษาปีที 1
่
่
ื
ุ
ิ
็
8.5 ห้องสมด และห้องคอมพิวเตอร เพื่อใช้ในการสบค้นข้อมูลจากอนเทอรเนต
์
ื
์
9. การวัดและประเมินผล
่
ี
9.1 ส่งทต้องการวัด
ิ
ิ
ิ
ุ
์
ู
้
ื่
-ความรความเข้าใจ เรองการปฏสนธ การสบพันธของพืช โครงสรางของดอก ประเภทของดอกและผล
้
ื
ื่
-ทักษะการพูดสรปเรองและพูดรายงาน ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร ์
ุ
ี
็
ิ
-เจตคตทดต่อการเรยน ได้แก่ ความสนใจ ความตั้งใจ และเหนความส าคัญ
ี
ี
่
-จตวิทยาศาสตร ได้แก่ ความใฝ่รู้ใฝ่เรียน ความรอบคอบ มีเหตุมีผล ความอดทน
ิ
์
9.2 วิธการวัด ใช้การซักถาม การท าชดฝกทักษะ และการสังเกตพฤตกรรม
ิ
ี
ึ
ุ
ื่
ื
9.3 เครองมอวัด
ี
ี
-แบบทดสอบก่อนเรยน-หลังเรยน
ี่
-ชดฝกทักษะวิทยาศาสตร เล่ม 1 ชดฝกท 20 และชดฝกท 21
์
ึ
ึ
ึ
ี่
ุ
ุ
ุ
-แบบประเมนเจตคตและจตวิทยาศาสตร
ิ
ิ
์
ิ
ิ
9.4 เกณฑ์การประเมน
-ตอบถกให้ 1 คะแนน และตอบผิดให้ 0 คะแนน
ู
ึ
ึ
-ข้นอยู่กับลักษณะและรปแบบของชดฝกทักษะ (เฉลยและเกณฑ์อยู่ในภาคผนวกแต่ละแผน)
ู
ุ
-ให้คะแนนเปนระดับคณภาพ (แบบประเมนและเกณฑ์อยู่ภาคผนวกท้ายแผน)
ิ
ุ
็
-236-
10. กิจกรรมเสนอแนะ
10.1 แหล่งเรยนรควรยืดหยุ่นตามความเหมาะสมในด้านต่าง ๆ เช่น สภาพแวดล้อมทางธรรมชาต ิ
้
ี
ู
็
ี
้
เวลา งบประมาณ และความพรอมของผู้เรยน เปนต้น
10.2 ผู้เรยนควรมความพรอมในด้านการพูดและการอ่านเพือจับใจความส าคัญ
ี
ี
้
่
ี
่
้
ี
้
ึ
ุ
ึ
11.3 ทักษะการเขยนเพือบันทกสรปสาระส าคัญ ควรฝกให้เกิดข้นในตัวผู้เรยนพรอมๆ กับการสราง
ึ
ี
ื
้
ั
ู
นสัยรกการอ่านและการสบค้นข้อมูลจากแหล่งเรยนรต่างๆ
ิ
ื่
(ลงชอ)
( นายยรรยง ปกปอง )
้
..... / ……… / ………
้
ึ
็
้
ิ
11. ความเหนและขอเสนอแนะของผูบรหารสถานศกษา
……………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………...
(ลงชอ)
ื่
( ………………………………….)
ผู้อ านวยการ โรงเรยนบ้านดงเจรญ
ิ
ี
….. / ……….. / ……..
12. บันทึกหลังสอน
12.1 ผลการสอน
-ด้านพุทธพิสัย …………………………………………………………………………….…
ิ
……………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………..
-237-
-ด้านทักษะพิสัย ……………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………..
-ด้านจตพิสัย …………………………………………………………………………………
ิ
……………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………..
ุ
ั
12.2 ปญหาอปสรรค ………………………………………………………………………………
12.3 แนวทางแก้ไข ………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………..
ื่
(ลงชอ)
้
( นายยรรยง ปกปอง )
..... / ……… / ……..
-238-
ภาคผนวก
ี
• แบบทดสอบก่อนเรยน-หลังเรยน
ี
ี่
ึ
ุ
• เฉลย / เกณฑ์การให้คะแนนชดฝกท 20
(ส่วนประกอบของดอกไม้ชนดต่างๆ)
ิ
ุ
• เฉลย / เกณฑ์การให้คะแนนชดฝกท 21
ึ
ี่
้
(รองเพลงผลมาจากไหน)
ิ
้
ู
ี่
ิ
• ใบความรท 12 (การปฏสนธของพืช)
• ใบความรท 13 (ประเภทของผล)
ี่
้
ู
-239-
แบบทดสอบก่อนเรยน – หลังเรยน
ี
ี
ี่
แผนท 17
้
่
อธิบายได้ถึงหนาที
ื่
ื่
ี่
ี่
จงท าเครองหมาย / หน้าข้อทถูก และท าเครองหมาย X หน้าข้อทผิด
ี
......... 1. การทละอองเรณปลวไปตกบนยอดเกสรตัวเมย เรยกว่า
่
ู
ี
ิ
ี
ิ
การปฏสนธ
ิ
ึ
ี
ิ
ื
่
ิ
……. 2. พืชดอก จะมการปฏสนธซ้อนนั่นคอ สเปรมตัวหนงจะไป
ิ
์
ึ
ผสมกับไข่อ่อนได้เอมบรโอ และสเปรมอกตัวหนงจะไป
ี
ิ
่
ิ
์
ี
์
์
ิ
ิ
ผสมกับโพลารนวเคลยส ได้เอนโดสเปรม
็
ื
ั
่
ั
……. 3. เมอรงไข่ได้รบการผสมแล้ว จะกลายไปเปนเมล็ด
่
ื
ั
็
……. 4. เมอไข่อ่อนได้รบการผสมแล้ว จะกลายไปเปนผล
……. 5. ดอกสมบรณเพศทกดอก จัดเปนดอกครบส่วนเสมอ
็
ู
ุ
์
ู
……. 6. ดอกครบส่วนทกดอก จัดเปนดอกสมบรณเพศเสมอ
็
์
ุ
……. 7. ผลทเกิดจากดอกเดยวทมหลายรงไข่เบยดกัน รงไข่
ี
ั
ี
ั
ี
ี
่
ี
่
่
แต่ละอันก็มาจากเกสรตัวเมยอันหนง เมอเจรญไป
่
ื
ิ
ึ
่
ี
ึ
ี
เปนผลจงเรยกว่า ผลรวม
็
่
ี
ี
่
ี
ั
ี
……. 8. ผลทเกิดจากรงไข่อันเดยวทอยู่ภายในดอก ดอกเดยว
ี
เรยกว่า ผลเดียว
่
ึ
……. 9. Pollination หมายถง การถ่ายละอองเรณของพืช
ู
……. 10. การใช้หน่อ กิ่ง ก้าน ใบ และราก ของพืชไปขยายพันธุ์
เรยกว่า การสบพันธแบบไม่ใช้เพศ
ี
ุ
์
ื
-240-
ี่
ึ
ุ
ชดฝกท 20
ส่วนประกอบของดอกไม้ชนิดต่ำงๆ
กิจกรรม
่
1. สังเกตและเปรียบเทียบส่วนประกอบตางๆ ของดอกผักบุ้ง ดอกต้อยติ่ง ดอกพู่ระหง
่
่
่
และดอกต าลึง หรือดอกไม้อืนๆ ทีหาง่ายในท้องถิ่น แล้วแกะส่วนประกอบของแตละ
ชั้นของดอก คือ กลีบเลียง กลีบดอก เกสรตัวผู้และเกสรตัวเมีย แล้วนาไปติดในตาราง
้
บันทึกผลในสมุด
ู
่
2. สังเกตและเปรียบเทียบอับเรณของดอกไม้แต่ละชนิด แล้วใช้ปลายเข็มหมุดเขียอับเรณ ู
ู
้
้
ลงบนกระจกสไลด์ แล้วหยดนาลงไป 1 หยด ใช้แท่งแก้วขยีอับเรณให้แตกออก สังเกต
ด้วยกล้องจุลทรรศน และวาดรูปละอองเรณ ู
์
3. แกะส่วนของกลีบดอกและเกสรตัวผู้ออกให้หมด ใช้ใบมีดผ่าเกสรตัวเมียตามยาว
่
สังเกตรังไข่ และ ออวูล ซึงอยูภายในโดยใช้แว่นขยายและวาดรูป
่
-241-
ึ
ตารางบันทกกิจกรรม
ส่วนประกอบของดอก ดอกผักบุ้ง ดอกต้อยติ่ง ดอกพู่ระหง ดอกต าลึง
/
/
/
/
กลีบเลียง .............................................................................................................................
้
/
/
/
/
กลีบดอก .............................................................................................................................
/
/
/
เกสรตัวผู้ .............................................................................................................................
/
/
/
-อับเรณ .........................................................................................................................
ู
/
/
/
-ละอองเรณ ...................................................................................................................
ู
/
/
/
/
เกสรตัวเมีย .........................................................................................................................
/
/
/
/
-รังไข่ ............................................................................................................................
/
/
/
/
-ออวูล ...........................................................................................................................
ตอบค าถาม
1. ดอกไม้แต่ละชนิดมีลักษณะของส่วนประกอบแต่ละอย่างเหมือนกัน
หรือแตกต่างกันอย่างไร
ี
ู
ิ
ต่างกัน ทั้งขนาด รปร่าง ส ปรมาณ และส่วนประกอบ
.............................................................................................................
่
2. ดอกไม้ชนิดใด มีส่วนประกอบของดอกไม่ครบและส่วนใดทีขาดหายไป
ี
ึ
มไม่ครบเช่น ต าลง ขาดเกสรตัวผู้ หรอเกสรตัวเมยในบางดอก
ี
ื
.............................................................................................................
3. ละอองเรณของดอกไม้แต่ละอย่างมีลักษณะเหมือนกันหรือไม่ อย่างไร
ู
ไม่เหมอนกัน เช่นมจ านวนมากน้อยไม่เท่ากัน รปร่างต่างกัน
ื
ู
ี
.............................................................................................................
-242-
ี่
ชดฝกท 21
ุ
ึ
ร้องเพลงผลมำจำกไหน
กิจกรรม 1. ร้องเพลง “ ผลมาจากไหน ”
้
้
เนือร้อง/ท านอง : ยรรยง ปกปอง
แตน แตน แต แต่ แล แลน (ซ ้า)
ผลไม้คือรังไข่ ทีเปลียนแปลงไปหลังปฏิสนธิ
่
่
่
่
่
่
ผลเดียวนั่นก็มีดอกเดียวทีมีรังไข่หนึงอัน
มะม่วง ส้ม พลัน องุ่น ทุเรียน แตงโม
แตน แตน แต แต่ แล แลน (ซ ้า)
ผลกลุ่มมาจากรังไข่มีมากมายในดอกเดียวนั่น
่
่
ี
เมือเจริญไม่หลอมรวมกัน จ าป จ าปา พลัน กระดังงา นมแมว
หลอมรวมแล้ว สตรอเบอรี นอยหนา บัว
่
้
่
แตน แตน แต แต่ แล แลน (ซ ้า)
ุ
ผลรวมคือสุดท้ายกลุ่มรังไข่ภายในดอกช่อ สับปะรด สาเก ไม่พอ หม่อน ลูกยอ อีก มะเดื่อ ขนน
็
็
รังไข่กลายเปนผล โอวูลกลายเปนเมล็ดมัน ใช้ในการสืบพันธุ์ แบบใช้เพศของพืชเอย
2. อภิปรายและซักถามเกียวกับ “การเกิดผลและเมล็ดของพืช”
่
ตอบค ำถำม
่
ี
ิ
ิ
รงไข่ ทเกิดการปฏสนธแล้ว
ั
1. ผล เจริญมาจาก ...................................................................................................
ิ
ื
ไข่อ่อนหรอโอวูล ทเกิดการปฏสนธแล้ว
่
ิ
ี
2. เมล็ด เจริญมาจาก ...............................................................................................
่
ี
ี
่
ั
รงไข่อันเดยวทอยู่ภายในดอกเดยว
ี
่
3. ผลเดียว เกิดจาก ..................................................................................................
รงไข่หลายรงไข่ทเบยดกันในดอกเดยว
่
ี
ี
่
ั
ี
ั
4. ผลกลุ่ม เกิดจาก ..................................................................................................
กล่มของรงไข่ของดอกช่อหลายๆ ดอก
ุ
ั
5. ผลรวม เกิดจาก .................................................................................................
-243-
เกณฑการใหคะแนน
์
้
ุ
ึ
ี่
• ชดฝกท 20
-คะแนนเต็ม 10 คะแนน
ิ
-การปฏบัตการทดลอง 3 คะแนน
ิ
-การบันทกผลการทดลองได้ถูกต้อง 4 คะแนน
ึ
ึ
(บันทกผลได้ถูกต้องให้ดอกละ 1 คะแนน)
ี
-การเขยนตอบค าถาม 3 คะแนน
(เตมค าตอบได้ถูกต้องสมบูรณให้ข้อละ 1 คะแนน)
ิ
์
• ชดฝกท 21
ึ
ุ
ี่
-คะแนนเต็ม 5 คะแนน
-ตอบถูกต้องสมบูรณให้ข้อละ 1 คะแนน
์
-244-
ใบควำมรูที่ 12
้
ิ
การปฏสนธของพืช
ิ
ิ
การปฏิสนธ คือ การทีเซลล์สืบพันธุ์เพศผู้เข้าผสมกับเซลล์สืบพันธุ์เพศเมีย
่
ู
ู
่
โดยหลังจากทีละอองเรณ ตกลงบนยอดเกสรตัวเมียแล้ว ละอองเรณจะงอก
่
หลอดแทงลงไปในก้านเกสรตัวเมีย จนถึงไข่ออน ( โอวูล ) ทีอยูภายในรังไข่
่
่
ภายในหลอดละอองเรณจะมีเซลล์สืบพันธุ์เพศผู้อยู ซึงจะเข้ามาไปผสมกับเซลล์
ู
่
่
่
่
่
ิ
่
่
สืบพันธุ์เพศเมีย (เซลล์ไข่ ) ทีอยูในไข่ออนโดยผ่านทางรูเปดทีอยูข้างใต้ ได้เปน
็
่
่
เซลล์ใหม่อยูภายในไข่ออน (เซลล์ใหม่ทีได้ก็ คือเซลล์ทีจะเจริญเปนต้นพืชต้นใหม่)
่
่
็
ี่
การเปลยนแปลงของดอกหลังปฏสนธ ิ
ิ
หลังจากการปฏิสนธิ ยอดและก้านชูเกสรตัวเมียจะเหียวลง กลีบเลียง กลีบดอก
่
้
เกสรตัวผู้ และเกสรตัวเมีย ก็จะแห้งแล้วร่วงหลุดไป ส่วนรังไข่ และ โอวูล หรือไข่ จะ
็
เจริญเติบโตต่อไป โดย รังไข่ จะเจริญกลายเปน ผล ส่วน โอวูล หรือไข่ จะเจริญไป
็
่
่
็
เปน เมล็ด ซึงภายในเมล็ดจะเก็บต้นออน และอาหารสะสมไว้ภายใน เพื่อเกิดเปนต้นใหม่
่
เมือเมล็ดพืชแพร่กระจายไปในทีตาง และไปตกในทีทีมีสภาพแวดล้อมทีเหมาะสม
่
่
่
่
่
่
่
็
กับการงอกของเมล็ด เมล็ดก็จะงอกเปนต้นใหม่ตอไป วิธีนีท าให้พืชดอกทีอยูตามธรรมชาติ
้
่
สามารถแพร่ได้โดยไม่สูญพันธุ์ไป
-245-
ุ
ื
์
ี
ื
การสบพันธของพชมดอกแบบไม่อาศัยเพศ
นอกจากพืชมีดอก ใช้วิธีการสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศแล้ว พืชมีดอกยังใช้
วิธีการสืบพันธุ์ โดยไม่ต้องอาศัยเซลล์สืบพันธุ์ หรือไม่ต้องอาศัยการสร้างเมล็ด
ได้อีกด้วย วิธีการสืบพันธุ์แบบน เรียกว่า การสืบพันธุ์แบบไม่ต้องอาศัยเพศ
้
ี
เช่น การแตกหนอ การทาบกิ่ง การตอน ฯลฯ
่
นอกจากนีเรายังนาส่วนตาง ๆ ของพืชมีดอก เช่น กิ่ง ตา ยอด ใบ ล าต้น
่
้
หัว ราก มาใช้ในการขยายพันธุ์
-246-
ใบควำมรูที่ 13
้
ประเภทของผล
ในการศกษาชนดของผลมหลักเกณฑ์ในการจ าแนกหลายหลักเกณฑ์ เช่น ลักษณะและ
ี
ิ
ึ
ั
โครงสรางของดอก จ านวนและชนดของรงไข่ ลักษณะของเน้อผลไม้นั้นแก่แล้วแตกออก
้
ิ
ื
ื
็
ี
ื
ื
็
หรอไม่ มส่วนของกลบเล้ยงหรอฐานดอกเปนส่วนประกอบของผลหรอไม่ เปนต้น แต่ใน
ี
ี
่
ี
ชั้นน้จะแบ่งตามวิธการเกิดของผลเปนเกณฑ์ ซงสามารถจ าแนกได้เปน 3 ประเภท ดังน้ ี
็
ี
ึ
็
1. ผลเดี่ยว ( Simple fruit ) คอ ผลทเกิดจากรังไข่อันเดียวในดอกเดียว ดอกอาจเป็น
ื
ี
่
ื
ื
ั
็
่
ี
้
่
ดอกเดยวหรอดอกช่อก็ได้ ตัวอย่างเช่น ผลมะเขอ แตง ฟกทอง สม เปนผลเดยวทเกิดจาก
ี
ี
่
ี
่
็
ดอกเดยว และมะม่วง ชมพู่ มะกอก เปนผลเดยวทเกิดจากดอกช่อ เปนต้น ลักษณะของดอก
็
่
ี
ี
่
ี่
ทจะกลายเปนผลเดยว คอ ดอก 1 ดอกจะมรงไข่ 1 อัน เปนดอกเดยวหรอดอกช่อก็ได้ ถ้า
็
็
ี
ื
ี่
ี
ื
ั
เปนดอกช่อรงไข่ของแต่ละดอกต้องไม่หลอมรวมกัน
ั
็
ุ
่
ั
ี
ี
2. ผลกลุม ( Aggregate fruit ) คอผลทเกิดจากกล่มของรงไข่ในดอกเดยวกันของดอก
ื
่
่
่
ั
่
เดยว รงไข่แต่ละอันก็จะกลายเป็นผลย่อยหนึ่งผล แต่เนืองจากอยูอัดกันแน่นจึงดูคล้ายกับ
ี
่
็
เปนผลเดยว เช่น ผลน้อยหน่า สตรอเบอร เปนต้น แต่บางชนดก็ไม่อยู่อัดกันแน่นนัก คงแยก
ิ
ี
็
ี
่
่
็
็
เปนผลเล็ก ๆ เช่น ผลของกระดังงา การะเวก นมแมว เปนต้น ลักษณะของดอกทจะกลาย
ี
ี
่
็
็
เปนผลกล่ม คอ ดอกเปนดอกเดยว ใน 1 ดอก มรงไข่หลายอัน อาจเชอมรวมกันหรอไม่ก็ได้
ื
ื
่
ุ
ี
ื
ั
่
ี
ั
ื
่
ึ
่
3. ผลรวม ( Multiple fruit ) คอ ผลทเกิดจากรงไข่ของดอกแต่ละดอกของดอกช่อซงเชอม
ื
่
ั
็
รวมกันแน่น รงไข่เหล่าน้จะกลายเปนผลย่อย ๆ เชอมรวมกันแน่นจนคล้ายเปนผลเดยว ได้แก่
ื
ี
็
ี
่
ุ
่
ผลสบปะรด ขนน สาเก ยอ หม่อน มะเดือ เป็นต้น ลักษณะของดอกทีจะกลายเป็นผลรวมคือ
่
ั
ี
่
่
ื
ดอกเปนดอกช่อทมรงไข่ของดอกย่อยแต่ละดอก มาเชอมรวมกัน
็
ั
ี
-247-
ั
แผนการจดการเรยนรู
้
ี
้
์
ู
ุ
ี
ึ
ี
ี่
ี
ี
่
กล่มสาระการเรยนร วิทยาศาสตร ชั้นมัธยมศกษาปท 1 ภาคเรยนท 1
้
ี
ู
ี
่
ี
ี
หน่วยการเรยนรท 1 เรอง หน่วยของชวิตและชวิตพืช เวลา 30 ชั่วโมง
ื่
ื่
ี
้
ี่
ู
ื่
ิ่
แผนการจัดการเรยนรท 18 เรอง วิเคราะหดีเรองสงเรา เวลา 2 ชั่วโมง
์
้
สอนวันท ……. เดอน ………………..… พ.ศ. ............... ชอผู้สอน นายยรรยง ปกปอง
ื
ื่
ี่
้
1. สาระสาคัญ
1.1 ระบบต่างๆ ทส าคัญของพืช ได้แก่ ระบบท่อล าเลยง ระบบการสบพันธ ระบบการสรางอาหาร
่
ื
์
ุ
้
ี
ี
ี
์
(การสังเคราะหด้วยแสง) ระบบการหายใจและคายน ้า ต่างมความส าคัญต่อการด ารงชวิตของพืช และส่ง
ี
ผลต่อส่งแวดล้อม
ิ
1.2 การฝกทักษะการทดลอง ซงประกอบด้วย การออกแบบการทดลอง การปฏบัตการทดลอง และ
ึ
ิ
ิ
่
ึ
ื
ุ
ี
ื
ั
การบันทกผลการทดลอง จะช่วยให้สามารถตอบปญหาได้อย่างมเหตมผลและน่าเชอถอ
ึ
ี
่
ู
้
ุ
ึ
ิ
1.3 การตอบสนองของพืชต่อส่งเราภายนอก ได้แก่ แสง อณหภม น ้า และการสัมผัส นอกจากจะเกิดข้น
ิ
ในลักษณะของการเคลอนไหวแล้ว ยังส่งผลต่อกระบวนการสังเคราะหด้วยแสงของพืชอกด้วย
์
ี
ื
่
ี
้
ี
์
ิ
้
2. มาตรฐานการเรยนรู ว 1.1 : เข้าใจหน่วยพื้นฐานของส่งมชวิต ความสัมพันธของโครงสรางและหน้าท ่ ี
ี
ู
่
ี
ของระบบต่าง ๆ ของส่งมชวิต ทท างานสัมพันธกัน มกระบวนการสบเสาะหาความร สอสารส่งทเรยนร
ี
ู
ี
ี
ี
่
ื
ื
์
่
้
ิ
้
ี
ิ
น าความรไปใช้ในการด ารงชวิตของตนเองและดแลส่งมชวิต
ู
้
ิ
ี
ี
ู
ี
3. ตัวชวัด
ี
้
์
์
ี
3.10 วิเคราะหความสัมพันธ และอธบายการท างานทสัมพันธกันของระบบต่างๆ ในพืชได้
่
์
ิ
ิ
ู
ิ
3.11 ทดลอง วิเคราะห และอธบายเกียวกับการตอบสนองของพืชต่อส่งเรา ได้แก่ แสง อณหภม น ้า และ
์
่
ิ
้
ุ
การสัมผัส
ิ
้
4. ภาระงาน / ชนงาน
ุ
ิ
ี่
ึ
ู
ี่
4.1 ผลงานทผู้เรยนท าในชดฝกท 27 (มาเร่มปลกต้นไม้กันเถอะ)
ี
ี
4.2 คะแนนการทดสอบก่อนเรยน-หลังเรยน
ี
ี
ึ
4.3 บันทกเจตคตและจตวิทยาศาสตรของผู้เรยน
์
ิ
ิ
-248-
ุ
5. จุดประสงคการเรยนรู (จดประสงค์น าทาง)
์
้
ี
ี
์
ื
5.1 เขยนแผนผังหรอวงจรแสดงความสัมพันธของระบบต่างๆ ของพืชได้
ิ
5.2 อธบายความสัมพันธของระบบต่างๆ ของพืชได้
์
ิ
่
5.3 ออกแบบเพือท าการทดลองเกียวกับการตอบสนองของพืชต่อส่งเราได้
่
้
่
ิ
ิ
5.4 ปฏบัตการทดลองเกียวกับการตอบสนองของพืชต่อส่งเราได้
้
ิ
ิ
้
ุ
5.5 ใช้ทักษะการก าหนดและควบคมตัวแปรในการทดลองเกียวกับการตอบสนองของพืชต่อส่งเราได้
่
ี
ุ
ี
์
5.6 มความรอบคอบ อดทน มเหตมผลในการท ากิจกรรมทางวิทยาศาสตร
ี
็
ู
้
ุ
5.7 ร่วมกิจกรรมด้วยความสนใจ เหนความส าคัญ และเรยนรอย่างมความสข
ี
ี
6. สาระการเรยนรู ้
ี
6.1 ความสัมพันธของระบบต่างๆ ในพืช
์
้
6.2 การตอบสนองของพืชต่อส่งเรา
ิ
6.3 ทักษะการทดลอง
6.4 ทักษะการก าหนดและควบคมตัวแปร
ุ
ี
ั
7. กระบวนการจดการเรยนรู ้
้
7.1 ขั้นสรางความสนใจ (engagement)
้
ู
่
ี
ี
1. ผู้เรยนท าแบบทดสอบก่อนเรยน เพือตรวจสอบและทบทวนความรพื้นฐาน (แบบถูกผิด 10 ข้อ)
ู
ื่
2. ผู้เรยนดภาพเคลอนไหว (Animation) ของต้นกาบหอยแครง สนทนาซักถามเกียวกับพฤตกรรม
ิ
ี
่
็
ี
ี
ี
่
การตอบสนองทผู้เรยนสังเกตเหน ดังน้
ี
็
• นักเรยนสังเกตเหนอะไรในภาพ
็
• ท าไมจงเปนเช่นนั้น (ต้นกาบหอยแครงตอบสนอง
ึ
ต่อการสมผัส)
ั
ิ
้
ี
่
ื
ิ
ื
ื
• มพืชชนดอนหรอไม่ ทตอบสนองต่อส่งเราอนๆ
่
ี
่
(ต้นหม้อข้าวหม้อแกงลง ไมยราบ และต้นทานตะวัน)
ิ
้
ิ
ี
่
ิ
ี
• นักเรยนคดว่าในขณะทพืชตอบสนองต่อส่งเรา
ื
ระบบต่างๆ ของพืชท างานไปด้วยหรอไม่ อย่างไร
-249-
7.2 ขั้นส ารวจและค้นหา (exploration)
3. ผู้เรยนแต่ละคนศกษาพฤตกรรมการตอบสนองของพืชต่อส่งเรา จากชดฝกทักษะวิทยาศาสตร ์
ิ
ี
้
ึ
ิ
ุ
ึ
ิ
ี่
ู
้
เล่ม 1 (ใบความรท 16 : การตอบสนองของพืชต่อส่งแวดล้อม)
่
ิ
้
ู
้
4. ซักถามความรความเข้าใจเกียวกับการตอบสนองของพืชต่อส่งเรา เช่น
ิ
-การตอบสนองต่อส่งเราของพืชต่างจากการตอบสนองของสัตว์อย่างไร
้
ื
(การตอบสนองของพืชเปนไปอย่างช้าๆ และเหนไม่ชัดเจนเหมอนสัตว์)
็
็
่
ิ
้
ุ
ี
-ส่งเราภายนอกทมากระต้นให้พืชตอบสนอง มอะไรบ้าง
ี
ุ
ู
ึ
ู
ื
(แสง อณหภม ความช้น น ้า แรงดงดดของโลก)
ิ
ื
็
ี
ิ
่
็
่
ื
ิ
์
-การเคลอนไหวแบบนาสตก เปนอย่างไร (เปนการเคลอนไหวทไม่สัมพันธกับทศทาง
่
ิ
ี
่
ุ
ของส่งเราทมากระต้น เช่น ต้นไมยราบ ต้นกาบหอยแครง
้
ี
์
-การเคลอนไหวแบบทรอฟก เปนอย่างไร (เปนการเคลอนไหวทมความสัมพันธกับทศทาง
็
ื
ี
็
ื
ิ
่
ิ
่
่
ู
ู
ึ
ุ
ิ
้
ี
่
ของส่งเราทมากระต้น เช่น การงอกของรากพืชเข้าส่แรงดงดดของโลก
่
ึ
5. ผู้เรยนศกษาแผนภาพขนาดใหญ่เกียวกับความสัมพันธของกระบวนการหายใจ และกระบวนการ
์
ี
์
ิ
ึ
์
ิ
สังเคราะหด้วยแสงของพืช ซักถามและอภปรายถงความสัมพันธทั้งในแง่ของระบบนเวศ และการแลก
ี
ิ
่
เปลยนแก๊สออกซเจน คารบอนไดออกไซด์ และน ้า
์
ี
ิ
่
ุ
ิ
ิ
ิ
6. ผู้เรยนแต่ละกล่มวางแผนออกแบบ และปฏบัตการทดลอง เพือศกษาการเจรญเตบโตและการ
ึ
ตอบสนองต่อส่งเราของพืช ในกิจกรรมของชดฝกทักษะวิทยาศาสตร เล่ม 1 ชดฝกท 27 ( มาเร่มปลก
ู
ึ
ี่
ุ
้
ิ
ิ
ึ
ุ
์
ต้นไม้กันเถอะ)
ุ
ิ
7.3 ขั้นอธบายและลงข้อสรป (explanation)
ุ
7. ส่มตัวแทนกลุ่มออกมาน าเสนอผลงานการวางแผนและออกแบบการปลูกพืช โดยให้ระบุ
ู
ิ
ุ
ุ
์
ึ
ตัวแปรในการทดลอง วัสดอปกรณ ขั้นตอนและการบันทกผลการทดลอง (ครประเมนทักษะการพูด)
ู
ุ
ู
8. ผู้เรยนและครร่วมกันสรปความรโดยการฝกอ่านออกเสยงค าและสรปความรจากสไลด์ใน
ึ
ุ
้
ู
้
ี
ี
ึ
่
้
โปรแกรม Power Point เพือเราความสนใจ ให้เกิดความชัดเจนและรวดเรวข้น
็
ู
7.4 ขั้นขยายความร (elaboration)
้
ุ
9. ครแนะน าการน าเสนอข้อมูล การพูดรายงานของผู้เรยน เพือการปรบปรงในคราวต่อไป
ี
่
ั
ู
10. ครให้ความรเพิ่มเติม เรือง การตอบสนองของพืชต่อสิ่งเร้า และแนะน าให้ไปศึกษาความรู้
ู
่
้
ู
ในเรองดังกล่าวเพิ่มเตมจากห้องสมดและอนเทอรเนต
ิ
็
์
่
ิ
ุ
ื
-250-
ิ
7.5 ขั้นประเมน (evaluation)
ี
ี
11. ผู้เรยนท าแบบทดสอบหลังเรยน เพื่อตรวจสอบพัฒนาการของตนเอง (แบบถูกผิด 10 ข้อ)
ุ
ึ
ิ
12. ประเมนผลงานการท าชดฝกทักษะของผู้เรยน
ี
ิ
์
ี
ี
ิ
ื
่
13. ประเมนผลพฤตกรรมด้านอนๆ โดยการสังเกต สัมภาษณทั้งในห้องเรยน และนอกห้องเรยน
ื
่
่
้
ี
8. สอและแหลงเรยนรู
่
ิ
่
8.1 บัตรค ายากหรอค าส าคัญ เพือใช้ฝกอ่านและสรปบทเรยน ได้แก่ค าว่า การเคลอนไหวแบบนาสตก
ื
ึ
ี
ุ
ื
ุ
ิ
ิ
การเคลอนไหวแบบทรอฟก ส่งเราภายนอก แสง อณหภม ความช้น
ื
ู
ิ
ื
่
้
่
8.2 แผ่นใสและเครองฉายภาพข้ามศรษะ (Over Head)
ี
ื
่
8.3 วัสดอปกรณในการปลกพืช ตามกิจกรรมในชุดฝึกที 27 ได้แก่ พันธุ์พืช กระถาง ปุ๋ ย ฯลฯ
ู
ุ
ุ
์
์
์
ึ
8.4 ชดฝกทักษะวิทยาศาสตร (ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรและความสามารถในการคดวิเคราะห)
์
ุ
ิ
ี
ี
ี
เล่ม 1 เรอง หน่วยของชวิตและชวิตพืช ชั้นมัธยมศกษาปท 1
่
ึ
่
ื
ี
์
8.5 ห้องสมด และห้องคอมพิวเตอร เพื่อใช้ในการสบค้นข้อมูลจากอนเทอรเนต
็
ุ
ื
์
ิ
9. การวัดและประเมินผล
ี
่
ิ
9.1 ส่งทต้องการวัด
ู
-ความรความเข้าใจ เรอง การตอบสนองของพืชต่อสิ่งเร้า ความสัมพันธ์ของระบบต่างๆ ในพืช
่
ื
้
ื่
-ทักษะการพูดสรปเรองและพูดรายงาน ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร ์
ุ
ี
ิ
่
ี
ี
-เจตคตทดต่อการเรยน ได้แก่ ความสนใจ ความตั้งใจ และเหนความส าคัญ
็
ิ
ี
ี
่
่
-จตวิทยาศาสตร ได้แก่ ความใฝรใฝเรยน ความรอบคอบ มเหตมผล ความอดทน
ี
ุ
้
ู
์
ี
ุ
9.2 วิธการวัด ใช้การซักถาม การท าชดฝกทักษะ และการสังเกตพฤตกรรม
ิ
ึ
ื่
9.3 เครองมอวัด
ื
ี
-แบบทดสอบก่อนเรยน-หลังเรยน
ี
-ชดฝกทักษะวิทยาศาสตร เล่ม 1 ชดฝกท 27 (มาเร่มปลูกต้นไม้กันเถอะ)
์
ุ
ี่
ึ
ุ
ึ
ิ
-แบบประเมนเจตคตและจตวิทยาศาสตร
ิ
ิ
์
ิ
9.4 เกณฑ์การประเมน
ิ
-ตอบถูกให้ 1 คะแนน และตอบผิดให้ 0 คะแนน
ู
ึ
ุ
-ข้นอยู่กับลักษณะและรปแบบของชดฝกทักษะ (เฉลยและเกณฑ์อยู่ในภาคผนวกแต่ละแผน)
ึ
-ให้คะแนนเปนระดับคณภาพ (แบบประเมนและเกณฑ์อยู่ภาคผนวกท้ายแผน)
ิ
ุ
็
-251-
10. กิจกรรมเสนอแนะ
้
10.1 แหล่งเรยนรควรยืดหยุ่นตามความเหมาะสมในด้านต่าง ๆ เช่น สภาพแวดล้อมทางธรรมชาต ิ
ี
ู
็
เวลา งบประมาณ และความพรอมของผู้เรยน เปนต้น
ี
้
ี
่
้
ี
10.2 ผู้เรยนควรมความพรอมในด้านการพูดและการอ่านเพือจับใจความส าคัญ
ุ
11.3 ทักษะการเขยนเพือบันทกสรปสาระส าคัญ ควรฝกให้เกิดข้นในตัวผู้เรยนพรอมๆ กับการสราง
ี
ึ
ึ
้
่
้
ึ
ี
นสัยรกการอ่านและการสืบค้นข้อมูลจากแหล่งเรียนรู้ต่างๆ
ิ
ั
ื่
(ลงชอ)
้
( นายยรรยง ปกปอง )
..... / ……… / ……..
ึ
็
11. ความเหนและขอเสนอแนะของผูบรหารสถานศกษา
้
้
ิ
……………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………...
ื่
(ลงชอ)
( ………………………………….)
ี
ผู้อ านวยการ โรงเรยนบ้านดงเจรญ
ิ
….. / ……….. / ……..
12. บันทึกหลังสอน
12.1 ผลการสอน
-ด้านพุทธพิสัย …………………………………………………………………………….…
ิ
……………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………..
-252-
-ด้านทักษะพิสัย ……………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………..
-ด้านจตพิสัย …………………………………………………………………………………
ิ
……………………………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………..
ุ
ั
12.2 ปญหาอปสรรค ………………………………………………………………………………
12.3 แนวทางแก้ไข ………………………………………………………………………………..
……………………………………………………………………………………………………..
ื่
(ลงชอ)
้
( นายยรรยง ปกปอง )
..... / ……… / ……..
-253-
ภาคผนวก
ี
ี
• แบบทดสอบก่อนเรยน-หลังเรยน
• เฉลย / เกณฑ์การให้คะแนนชดฝกท 27
ุ
ี่
ึ
ู
(มาเร่มปลกต้นไม้กันเถอะ)
ิ
ิ
• ใบความรท 16 (การตอบสนองของพืชต่อส่งแวดล้อม)
ู
ี่
้
-254-
แบบทดสอบก่อนเรยน – หลังเรยน
ี
ี
แผนท 18
ี่
วิเคราะห์ดีเรืองสิ่งเร้า
่
ื่
ื่
ี่
ี่
จงท าเครองหมาย / หน้าข้อทถูก และท าเครองหมาย X หน้าข้อทผิด
์
่
ี
......... 1. ออกซเจนทเกิดจากกระบวนการสงเคราะหด้วยแสง
ั
ิ
ส่วนหนงพืชจะน าไปใช้ในกระบวนการหายใจด้วย
ึ
่
ี
……. 2. การคายน ้าของพืชไม่สมพันธกับกระบวนการล าเลยงของพืช
์
ั
่
ั
……. 3. อณหภมทเหมาะสมต่อกระบวนการสงเคราะหด้วยแสง
ิ
ุ
์
ี
ู
ี
ของพืช อยู่ระหว่าง 30 - 35 องศาเซลเซยส
ื
ิ
……. 4. รากของพืชจะเจรญในทศทางออกจากน ้าหรอความช้น
ิ
ื
ื่
……. 5. การหบบานของดอกทานตะวัน จัดเปนการเคลอนไหว
ุ
็
ิ
แบบนาสตก
ึ
่
ู
……. 6. การงอกของหลอดเรณเข้าไปในโอวูล ซงภายในม ี
็
สารละลายน ้าตาล จัดเปนการเคลอนไหวแบบทรอฟก
่
ื
ิ
ื่
……. 7. การเคลอนไหวของใบไมยราบ เปนการเคลอนไหวแบบนาสตก
ิ
ื่
็
ื่
ื่
……. 8. การเคลอนไหวของใบกาบหอยแครง เปนการเคลอนไหว
็
แบบทรอฟก
ิ
ิ
……. 9. รากของพืชจะเจรญในทศทางหนแสง
ี
ิ
……. 10. ล าต้นของพืช จะเจรญในทศทางหนแรงดงดดของโลก
ู
ึ
ิ
ี
ิ
-255-
ชดฝกท 27.
ุ
ึ
ี่
ิ่
มำเรมปลูกต้นไม้กันเถอะ
กิจกรรม
๋
1. เตรียมกระถางโดยใส่ดินและปุยลงไปประมาณ 0.8
ของกระถางขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 30 cm
2. ปลูกต้นไม้ทีนักเรียนชอบลงไปในกระถาง กระถาง
่
่
่
้
ละ 1 ต้น รดนา นาไปวางไว้ทีทีถูกแสงแดด ทั้งนี ้
จะวางให้ถูกแสงมากหรือนอยขึนกับชนิดของต้นไม้
้
้
้
3. เอาใจใส่รดนา พรวนดิน จนกระทั่งต้นไม้นั้นเจริญ
เติบโตเต็มทีหรือออกดอก
่
ตอบค าถาม
1. นักเรียนได้เรียนรู้อะไรบ้างจากการปลูกต้นไม้ในครั้งนี ้
ุ
การวางแผนการท างาน และการบ ารงรกษาพืช
ั
......................................................................................................
ุ
ู
ตลอดจนคณค่าของพชทเราปลก
่
ี
ื
......................................................................................................
......................................................................................................
ั
ุ
2. นักเรียนพบอปสรรคหรือปญหาอะไรบ้าง
ื
ุ
ปญหาในด้านการบ ารงรกษา และโรคพช
ั
ั
.......................................................................................................
.......................................................................................................
.......................................................................................................