The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

การติดตั้งไฟฟ้าในอาคาร

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by peamyow, 2022-03-15 23:19:49

สื่อการสอน

การติดตั้งไฟฟ้าในอาคาร

Keywords: e-book

ตารางที่ 9.2 กลุม่ แกส๊ และสารระเหยท่งี า่ ยตอ่ การลกุ ไหม้และระเบดิ

ภาษาองั กฤษ ช่อื สาร % โดย
Acetates ปรมิ าตร
Ethyl acetate (ethyl ester) ภาษาไทย LFL UFL
Amy acetate (amyl esster) ประเภทอะซเิ ตท
vinyl acetate (ethanyl ester) เอทธลิ อะซิเตท 2.2 11.0
Alcohol อะไมล์ อะซิเตท 1.0 7.1
ไวนลิ อะซิเตท 2.6 -
ประเภทแอลกอฮอล์

ภาษาองั กฤษ ชอื่ สาร % โดยปรมิ าตร
Methyl alcohol (methanol) ภาษาไทย LFL UFL
Ethyl alcohol (ethanol) 6.7 36
Propyl alcohol (propanol) เมทลิ แอลกอฮอล์ 3.3 19
isopropyl alcohol (Isopropanol) เอทิลแอลกอฮอล์ 2.2 14
Cyclohexanol พร็อพพิวแอลกอฮอล์ 2.0 11.8
ไอโซพร็อพพวิ แอลกอฮอล์ 1.2 -
ไซโคลเฮกซานอล

ชอื่ สาร % โดยปรมิ าตร

ภาษาองั กฤษ ภาษาไทย LFL UFL
Ethers ประเภทอเี ทอร์
Ethyl ether (ethanol) เอทิล อีเทอร์ 1.9 36
Methyl ether (methoxymethane) เมทลิ อีเทอร์ 3.4 27
Methyl ethyl ether เมทธิล เอทิล อีเทอร์ 2.2 -
Hydrocarbons ประเภทไฮโดรคารบ์ อน 5.0 15
Methane มีเทน

ภาษาองั กฤษ ช่ือสาร % โดยปริมาตร
Ethane
Ethylene ภาษาไทย LFL UFL
Propane อเี ทน 3.0 12.4
Butane เอทธลิ ีน 2.7 3.6
Butylene โพรเพน 2.1 9.5
Butadiene บวิ เทน 1.8 8.4
n-Pentane บิวทลิ ีน 1.6 10
บวิ ทาดีน 2.0 12.0
นอมอล เพนเทน 1.4 7.8

ช่ือสาร % โดยปรมิ าตร

ภาษาอังกฤษ ภาษาไทย LFL UFL
Hexane เฮ็กเซน 1.4 7.8
Heptane เฮบ็ เทน 1.2
Acetylene อะเซติลนี 1.05 7.4
Propylene โพรพิลนี 2.5 6.7
Aliphatic hydrocarbons อะลิฟาติกไฮโดรคารบ์ อน 2.4 100
Paraffins พาราฟนิ 0.8 - 5.3 11
5 - 14

9.2 การตดิ ตง้ั การใชง้ านและปา้ ยเตอื นความปลอดภยั
9.2.1 การตดิ ตงั้ และการใชง้ าน

ตวั อยา่ งการตดิ ตง้ั ระบบการเดินทอ่ (conduit system) ท่เี ป็น explosion proof แสดง ดงั รปู ที่
9.1

รปู ท่ี 9.1 แสดงตวั อยา่ งการติดต้งั ระบบการเดนิ ทอ่ ท่เี ป็น explosion proof

9.2.2 ป้ายเตอื นความปลอดภยั
ป้ายเตือนความปลอดภยั (Safety poster) จะเป็นเครือ่ งหมายหรือเปน็ ภาพเตือนสติให้ ระวงั

เก่ยี วกบั ความปลอดภัย เมื่อปฏบิ ตั งิ านในโรงงาน ดังตารางที่ 9.3

ตารางที่ 9.3 เครือ่ งหมายหรอื ปา้ ยเตอื นลกั ษณะตา่ ง ๆ

เครือ่ งหมาย/ป้ายเตือน ความหมาย
สารไวไฟ
สารระเบดิ
ระวงั ไฟฟ้าดดู
ระวังมีไฟฟา้
ระวังอนั ตราย
ห้ามจุดไฟ
ห้ามสูบบุหรี่

9.2.3 ตวั อยา่ งอปุ กรณไ์ ฟฟา้ ทท่ี นการระเบดิ (Explosion proof)
มาตรฐานไฟฟ้าสากล หรือ IEC (International Electrotechnical commission) ได้กาหนด

สัญลกั ษณ์ Ex แทนอุปกรณ์ไฟฟ้าทท่ี นการระเบดิ ซ่งึ สว่ นใหญจ่ ะตดิ ต้ังในโรงงานอุตสาหกรรม อุปกรณ์
บางอยา่ งจงึ ตอ้ งมีซีลปอ้ งกนั ประกายไฟหรือตอ้ งสวมปลอกข้อต่อเคเบิล (Cable gland) เพื่อรัดสายให้
แนน่ ตัวอย่างอุปกรณไ์ ฟฟา้ ทีท่ นการระเบดิ มดี งั นี้

รปู ท่ี 9.2 อปุ กรณไ์ ฟฟา้ ท่ที นการระเบดิ

หนว่ ยที่10
การตรวจสอบและแกไ้ ขขอ้ บกพร่องของระบบและอปุ กรณไ์ ฟฟา้

จดุ ประสงค์การสอน

10.1 เขา้ ใจการตรวจสอบและแกไ้ ขบกพรอ่ งของระบบและอปุ กรณไ์ ฟฟ้าในอาคาร
10.1.1 อธิบายเซอรก์ ิตเบรกเกอรแ์ รงตา่
10.1.2 อธบิ ายความเป็นฉนวนของสายไฟฟ้า
10.1.3 อธบิ ายรีเลยก์ ระแสเกิน

10.2 ปฏิบตั กิ ารตรวจสอบและแก้ไขขอ้ บกพรอ่ งของหม้อแปลงไฟฟา้
10.2.1 อธิบายน้ามันหม้อแปลงไฟฟ้า
10.2.2 ปฏบิ ตั ิการตดิ ตั้งหมอ้ แปลงไฟฟ้า
10.2.3 ปฏบิ ัตกิ ารทดสอบนา้ มนั หมอ้ แปลงไฟฟ้า
10.2.4 อธบิ ายหลักปฏบิ ตั สิ าหรบั การบารงุ รักษาหม้อแปลง

10.1 การตรวจสอบและแกไ้ ขข้อบกพรอ่ งของระบบและอุปกรณไ์ ฟฟา้ ในอาคาร
อุปกรณ์ไฟฟ้าก็เหมือนกับเครื่องยนต์ เม่ือผ่านการใช้งานไปช่วงระยะเวลาหนึ่งจะต้องมีการ
ตรวจสอบสภาพการทางานมีความปลอดภยั มากน้อยเพียงใด หากตรวจพบปญั หาเล็ก ๆ น้อย ๆ ควรหา
ทางแก้ไขก่อนท่ีจะลุกลามจนไม่สามารถแก้ไขได้ ทาให้สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายและส่งผลกระทบต่อ
วงจรไฟฟา้ ทัง้ ระบบดังนัน้ งานซอ่ มบารงุ

การตรวจสอบแบง่ ออกได้ 2 วธิ ี คอื ตรวจสอบดว้ ยประสาทสัมผัส และตรวจสอบด้วย เคร่ืองมือ
ทดสอบ
1. ตรวจสอบดว้ ยประสาทสัมผัส เราสามารถตรวจสอบสภาพการทางานของอุปกรณ์ ไฟฟ้าด้วยการฟัง
เสียง ดู ดมกลน่ิ หรอื การสัมผัส สิ่งเหล่าน้ีเป็นการตรวจสอบสภาพภายนอกท่ัวไป ตัวอย่างเช่น เรา
มองเห็นฟิวส์ขาดจากกันน่ันแสดงว่าวงจรไฟฟ้าผิดปกติ หรืออาจมีปัญหาอย่างใด อย่างหน่ึงต้องหา
วิธีแกไ้ ข

2. ตรวจสอบด้วยเครอ่ื งมอื ทดสอบ การตรวจสอบอปุ กรณไ์ ฟฟา้ ทต่ี ดิ ตงั้ ภายในอาคาร ส่วนใหญจ่ ะ
ใช้มัลติมิเตอร์ เมกเกอร์ หรือ insulation tester meter เคร่ืองวัดความต้านทานการต่อลงดิน การ
ตรวจสอบทั่ว ๆ ไป ได้แก่ การวัดค่าความต้านทานของไส้หลอดไฟฟ้า ความต้านทานของ บัลลาสต์
ตรวจสอบเซลรก์ ติ เบรกเกอร์ (CB) ตรวจสอบรเี ลย์ ตรวจสอบฉนวนของสายไฟฟา้

รปู ที่ 10.1 การใช้เทสแลมปเ์ ป็นเครื่องมอื ทดสอบ

10.1.1 เซอร์กิตเบรกเกอร์แรงต่า แบ่งตามลักษณะการใช้งานมี 2 ชนิด คือ เซอร์กิตเบรก

เกอร์ 1 เฟส และเซอรก์ ิตเบรกเกอร์ 3 เฟส

ก. เซอร์กิตเบรกเกอร์ 1 เฟส ประกอบด้วย CB. ขนาด 1 ข้ัว (1 pole) ใช้กับตู้ โหลดเซ็นเตอร (load

center) หรือ Consumer unit โดยทว่ั ไปจะเรยี กว่าลูกซีบี ทาหน้าที่เหมือนกับสวิตช์ธรรมดา กล่าวคือ

จะใช้ตัดวงจรเฉพาะเส้นท่ีมีไฟ (Line) ดังรูปที่ 10.2 (ก) อีกชนิดหน่ึง คือ CB. ขนาด 2 ข้ัว (2 Pole) ดัง

รปู (ข)

รปู ที่ 10.2 CB. ท่ีใชก้ นั ระบบ 1 เฟส

ข. เซอรก์ ติ เบรกเกอร์ 3 เฟส จะมีขนาด 3 ข้วั (3 Pole) ดังรปู ท่ี 10.3

รูปที่ 10.3 CB. แบบต่าง ๆ ทีใ่ ช้กนั ระบบ 3 เฟส

1. การตรวจสอบเซอร์กติ เบรกกอร์
CB.จะมีคันโยกเป็นส่วนที่เคล่ือนไหว ดังนั้นโดยท่ัวไปจะตรวจสอบระบบทางกล

ตรวจสอบหน้าสมั ผสั และความเป็นฉนวนระหวา่ งขัว (pole) วธิ ตี รวจสอบมหี ลกั ปฏิบัติดังนีh
1.1 การตรวจสอบระบบทางกล

รปู ที่ 10.4 การทดสอบดว้ ยการดปุ่มรีเซต็

1.2 การตรวจสอบหนา้ สัมผัสและความเป็นฉนวน
โดยทั่วไปจะใช้มัลติมเิ ตอร์วัดความดา้ นทานเนือ่ งจากราคาลูกและใช้งานได้ดมี หี ลกั ปฏิบัติดังน้ี
ก. ทดสอบหน้าสัมผัสด้วยการจับคันโยกดันขึ้นด้านบนตาแหน่ง “ON” ดังรูปท่ี 10.5 ใช้มัลติมิเตอร์ (ย่าน

วัด R  1 หรือ R  10) ตรวจสอบที่ข้ัว 1 – 2, 3 – 4 และ 5 – 6 ถ้าอยู่ในสภาพปกติเข็มของมัลติ
มเิ ตอรต์ อ้ งชที้ ศี่ นู ย์โอห์มแต่ถา้ หากเข็มไม่กระดิกแสดงวา่ หนา้ สัมผสั ต่อกนั ไม่สนิท นอกจากนี้ยังสามารถใช้
เทสแลมป์ ดังรปู ที่ 10.1 ทาการตรวจสอบไดเ้ ชน่ คนั

รปู ที่ 10.5 วิธกี ารตรวจสอบหนา้ สมั ผัสดว้ ยมลั ตมิ ิเตอร์

ข. ทดสอบความเป็นฉนวน ใช้มลตมิ ิเตอร์ (ยา่ นวัด R  10K) ตรวจสอบที่ข้วั 1 – 3, 1

– 5, 3 – 5, 2 – 4, 2 – 6, 4 – 6 และข้ัวใดข้ัวหนงึ่ (ระหว่างขว้ั 1 – 6) กับเฟรม (frame) ถา้ หากเข็ม

ของมัลติมิเตอร์ไม่กระดิก ดังรูปที่ 10.6 แสดงว่ามีค่าความต้านทานสูงและเป็นฉนวนท่ีดี และเมื่อกด

กันโยกลงสู่ตาแหน่ง “OFF” ให้ทาการทดสอบซ้าอีกครั้ง ค่าความต้านทานควรมีค่าเท่าเดิม จึงจะถือ

วา่ เซอรก์ ติ เบรกเกอร์มีสภาพความเป็นฉนวนที่ดพี รอ้ มที่จะนา ไปใชง้ าน

รปู ท่ี 10.6 วธิ ีการตรวจสอบความเปน็ ฉนวนดว้ ยมลั ตมิ ิเตอร์

2. การซอ่ มบารงุ เซอรก์ ติ เบรกเกอร์ ส่งิ ทีต่ อ้ งคานงึ และคอยตรวจสอบบารุงรักษามีดงั ต่อไปนี้
2.1 ข้ัวตอ่ สายของเซอร์กิตเบรกเกอร์
ก. ข้ัวต่อหลวมหรอื ไม่
ข. มีรอยไหม้เกรียมที่เกิดจากการอารก์ บริเวณอุดต่อหรอื ไม่
ค. อยา่ ให้แมลงทาความสกปรกบริเวณขั้วต่อ เชน่ เศษดินตา่ ง ๆ

2.2 หน้าสัมผัส
ก. หนา้ สมั ผัสของสว่ นที่เคลื่อนทีก่ ับสว่ นท่ีอยูก่ บั ที่จะต้องแนบสนิทกนั
ข. เมอื่ หน้าสัมผัสต่อถงึ กนั คา่ ความตา้ นทานตอ้ งมคี า่ ศนู ย์โอห์ม

2.3 สภาพทว่ั ไปของการติดตัง้ และจับยึด
ก. ต้องแข็งแรง ไมผ่ ุกร่อน
ข. ยึดตดิ กบั แปน้ รองอย่างม่ันคง ไม่หลวม

2.4 ขนาดเหมาะสมกบั โหลด เม่อื มีโหลดเพ่ิมเศษจะต้องตรวจสอบกระแสวา่ เหมาะสมกบั พกิ ัดของเซอร์กิต
เบรกเกอร์หรือไม่

10.1.2 ความเป็นฉนวนของสายไฟฟา้
สายไฟฟ้าคือสื่อกลางในการนากระแสไฟฟ้าไปยังเคร่ืองใช้ไฟฟ้าทุกชนิด เช่น มอเตอร์ไฟฟ้า

เคร่ืองเชื่อมไฟฟ้า หลอดไฟฟ้า และอื่น ๆ ดังน้ัน สายไฟฟ้าจึงถูกใช้งานภายใต้ สิ่งแวดล้อมที่ต่างกัน
โอกาสทีฉ่ นวนจะถลอกหรือหลอมละลายจึงไม่เทา่ กนั

1. สาเหตุทท่ี าให้ฉนวนเสอื่ ม
1.1 อณุ หภูมิ เนอ่ื งจากติดต้งั ใกล้กับอุปกรณท์ ่ใี หค้ วามรอ้ น เชน่ เตาอบ สะเก็ดจากการเชือ่ ม
1.2 ฉนวนห่อหุ้มบรเิ วณรอยตอ่ ไม่ดี เกดิ จากการทางานเร่งรบี ของผู้ปฏบิ ตั งิ านหรือใช้วสั ดุ

อปุ กรณ์ท่ไี มม่ คี ณุ ภาพ

1.3 กระแสไหลผ่านมากเกนิ ไป ทาให้ฉนวนหลอมละลายเนอื่ งจากสาเหตตุ ่อไปน้ี
ก. ติดตั้งสายขนาดเลก็ เกินไป
ข. มีการตดิ ต้ังอปุ กรณ์เพ่ิมเตมิ แตข่ นาดสายเทา่ เดมิ
ค. ติดตัง้ อุปกรณืป้องกนั ไมเ่ หมาะสม

1.4 สายไฟฟ้าถูกกดทบั ทาให้สายไฟฟา้ ถูกเสยี ดสีจนถลอกถงึ สายตวั นา
1.5 การส่นั สะเทอื น ทาให้สายไฟฟา้ ถกู เสียดสจี นถลอกถึงสายตวั นา
1.6 รอยตอ่ หลวมทาใหเ้ กดิ ความร้อนเน่ืองจากการอารค์ ในบริเวณดงั กลา่ ว และเปน็ สาเหตุให้ฉนวนที่
หอ่ หุ้มหลอมละลาย

2. การตรวจสอบความเป็นฉนวนของสายไฟฟา้
สายไฟฟา้ ท่ีถลอกหรือฉีกขาดเป็นสาเหตุของการลัดวงจรและเป็นสาเหตุให้ถูก กระแสไฟฟ้าดูด แต่ถ้าหาก
เป็นการร้อยสายไฟฟ้าในท่อร้อยสายหรือเดินสายในจุดซ่อนเร้นไม่ สามารถสังเกตเห็นด้วยตาเปล่า
จาเป็นตอ้ งใชเ้ ครอื่ งมือทดสอบที่เรียกว่า เมกฺ เกอร์ หรือ insulation tester meter

2.1 วธิ ีทดสอบฉนวนของสายไฟฟ้าเมื่อเดินสายไฟฟ้าด้วยเข็มขดั รัดสาย
ก. เม่ือเป็นวงจรควบคุมการปิด – เปิดหลอดไฟฟ้า ดังรูปที่ 10.7 ให้ใช้ เมกเกอร์ทดสอบท่ีขั้ว L

และข้ัว N

รปู ท่ี 10.7 การทดสอบฉนวนเม่อื เดนิ สายไฟฟา้ ดว้ ยเขม็ ขัดรดั สาย

1. ถ้าค่าความต้านทานเท่ากับศูนย์ หรือน้อยกว่า 0.5 เมกะโอห์ม แสดงว่า ฉนวนเสื่อมคุณภาพควรเปล่ียน
สายใหม่
2. ถา้ ความตา้ นทานมากกวา่ 0.5 เมกะโอห์ม แสดงวา่ ฉนวนยงั ไม่เส่ือมคุณภาพและสามารถใชง้ านต่อไปได้
ข. ใส่หลอดเช้ากับจุด 1, 2 จากน้นั ตรวจสอบความเป็นฉนวนระหวา่ งสายไฟฟา้ กบั ดนิ
1. ถ้าคา่ ความต้านทานน้อยกว่า 0.5 เมกะโอหม์ แสดงวา่ ฉนวนเสอ่ื ม คณุ ภาพควรเปล่ยี นสายใหม่
2. ถา้ ค่าความต้านทานมากกวา่ 0.5 เมกะโอห์ม แสดงว่าฉนวนยังไม่ เสื่อมคุณภาพและสามารถใช้งานต่อไป
ได้

2.2 วิธกี ารทดสอบฉนวนของสายไฟฟ้าเมอ่ื เดนิ สายไฟฟา้ ในทอ่ ร้อยสาย
สมมติว่าในท่อร้อยสายไฟฟ้ามีสายไฟฟ้าจานวน 3 เส้น ดังรูปท่ี 10.8 ก่อนที่จะทดสอบต้องตรวจสอบให้
แน่ใจว่าข้อตอ่ ต่าง ๆ ของท่อ EMT ถกู ต่อเข้าด้วยกันอยา่ งแขง็ แรง ทุกชุดมีหลักปฏิบัติงา่ ย ๆ ดงั น้ี

รปู ท่ี 10.8 การทดสอบฉนวนของสายไฟฟ้าเม่อื เดินสายไฟฟา้ ในทอ่ รอ้ ยสาย

ก. ใช้เมกเกอร์หรือ insulation tester meter ทดสอบท่ีข้ัวใด ๆ (ข้ัวที่ 1, 2 หรือ 3) กับ
กล่องต่อสาย ผลการยอมรับว่าฉนวนเส่ือมคุณภาพแล้วหรือยังสามารถใช้งานได้ จะใช้หลักเกณฑ์
เชน่ เดียวกบั การทดสอบตามรูปท่ี 10.7

ข. ทดสอบระหวา่ งสายไฟฟ้ากบั ดนิ ใช้หลกั เกณฑเ์ ดยี วกัน

3. การบารุงรกั ษาฉนวนของสายไฟฟ้า สงิ่ ทต่ี อ้ งคานึงและคอยตรวจสอบบารงุ รักษามีดังต่อไปน้ี
3.1 หมัน่ ตรวจสอบและทาความสะอาดในบรเิ วณที่สายไฟฟ้าเขา้ ถึง เช่น บนฝ้า เพดาน หนูอาจกัด
ฉนวนขาดจนเหน็ ตัวนาและเป็นเหตุใหเ้ กดิ การลัดวงจร
3.2 ตรวจสอบกระแส อยา่ ให้เกนิ พกิ ดั ของสายไฟฟา้ ท่จี ะทนได้ โดยการใช้ แคลมป์มิเตอร (clamp
meter)
3.3 ตดิ ต้ังอุปกรณป์ ้องกนั วงจรขนาดที่เหมาะสม

3.4 อยา่ ใหส้ ายไฟฟ้าถูกแสงแดด เน่อื งจากสายไฟฟา้ ท่ีใชต้ ดิ ตงั้ ภายในอาคาร ส่วนใหญถ่ กู
ออกแบบให้ใช้ในรม่ เท่านน้ั
3.5 ระวงั อย่าใหส้ ายไฟฟา้ ถูกกดทบั ด้วยส่ิงของท่มี ีคมหรอื มนี ้าหนักมากถา้ หลกี เลยี่ งไมไ่ ดค้ วรทา
ฉนวนครอบสายกอ่ นที่จะถกู กดทับ

10.1.3 รีเลย์กระแสเกนิ (over current relay: O/C)

จากคณุ สมบัติของรีเลย์กระแสเกินท่ีสามารถตรวจจับกระแสผิดปกติที่มีค่าต่า ๆ และเวลาของการส่งสัญญาณเพ่ือส่ัง
ตัดวงจรของเซอร์กิตเบรกเกอร์ยังสามารถปรับต้ังได้ การตรวจสอบรีเลย์กระแสเกินส่วนใหญ่จะได้จากการทดลอง มี
ขอ้ ควรปฏบิ ัตดิ งั นี้

1. ตรวจสอบกระแสต่าสุดท่ีทาให้รีเลย์ทางาน หมายถึง กระแสต่าสุดท่ีทาให้จาน ของรีเลย์หมุน และเป็น
กระแสทส่ี งั่ ใหเซอร์กิตเบรกเกอรป์ ลดส่งิ ผดิ ปกตอิ อกจากระบบ

2. ตรวจสอบเวลาต่าสดุ ทท่ี าให้รีเลยส์ ั่งปลดวงจร
3. ตรวจสอบการปรบั คา่ min. pick up current
4. ตรวจสอบหนา้ สมั ผสั
5. ตรวจสอบคา่ operating time ใหต้ รงตาม standard curve

10.2 การตรวจสอบและแกไ้ ขข้อบกพร่องของหมอ้ แปลงไฟฟา้
อุปกรณ์ไฟฟ้าภายนอกอาคารที่จาเป็นต้องตรวจสอบและซ่อมบารุงเพ่ือยืดอายุการใช้งาน ลดสภาวะ
ผดิ ปกตทิ อี่ าจจะเกิดข้นึ ในระบบจ่ายไฟฟ้า อุปกรณ์ทส่ี าคญั ก็คอื หมอ้ แปลงไฟฟา้
10.2.1 นา้ มนั หมอ้ แปลงไฟฟ้า
หม้อแปลงไฟฟ้า หรือท่ีเรียกว่า ทรานส์ฟอร์เมอร์ (transformer) สามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ
หม้อแปลงแบบท่ีใช้ของเหลวระบายความรอ้ น และหมอ้ แปลงแบบแห้ง

1. หม้อแปลงแบบที่ใช้ของเหลว (liquid-filled transformer) ที่เราคุ้นเคยก็คือ หม้อแปลงชนิดท่ีใช้น้ามัน
(oil-filled transformer) เรียกอีกอย่างว่า oil immersed น้ามันจะทาหน้าที่เป็นฉนวนระหว่างขดลวดกับ
ตัวถังและระหว่างขดลวดกับแกนเหล็ก ท่ีตัวถังจะมีครีบระบายความร้อนเพื่อให้ความร้อนระบายออกจาก
หม้อแปลง หรืออาจจะมีการทาถังระบายความร้อน (radiator) โดยการติดตั้งพัดลมเป่าลมเป็นการระบาย
ความร้อนให้หม้อแปลงมีประสิทธิภาพสูงข้ึนประมาณ 15% (สาหรับหม้อแปลงขนาด 750 3 2,000 kVA)
และ 25% (สาหรบั หม้อแปลงขนาด 2,500 - 10,000 kVA)

ลกั ษณะโครงสร้างภายนอกอาจจะแตกตา่ งกันตามการออกแบบของผผู้ ลติ ดังรูปที่ 10.9

ส่วนประกอบท่สี าคญั มีดงั น้ี

1. ขดลวดแรงดันสงู 9. จุดทตี่ ิดต้งั รีเลยป์ อ้ งกนั ชนดิ buchholz (ถา้ ต้องการ)

2. ขดลวดแรงดันตา่ 10. บุชชง่ิ แรงดนั สงู

3. แกนเหล็ก 11. ขั้วตอ่ สายแรงดนั สูง

4. ครีบระบายความร้อน 12. ขว้ั ต่อสายแรงดันต่า

5. ตวั เปลย่ี นแทป 13. บชุ ช่งิ แรงดนั ตา่

6. ชอ่ งวา่ งปลายแหลม

(ใช้ปอ้ งกันแรงดันสูงเกินไป)

7. ถงั พกั นา้ มัน 14. ช่องสาหรบั เสียบเทอรโ์ มมิเตอร์

8. เกจแสดงระดบั นา้ มนั

รปู ท่ี 10.9 โครงสรา้ งของหมอ้ แปลงชนดิ ระบายความร้อนดว้ ยของเหลว

2. หม้อแปลงแบบแห้ง ท่ีนิยมใช้งานทั่วไปคือชนิดทุ้มด้วยฉนวนอีพ็อกซี (epoxy หรือ cast resin dry
type transformer) ใช้อากาศในการระบายความร้อน จึงไม่มีอันตรายจากการลุกไหม้และระเบิด
เหมอื นกบั หม้อแปลงชนดิ ท่ใี ชน้ ามัน นอกจากน้ียังไม่ต้องการการบารุงรักษา สามารถติดตั้งได้ทุกสถานที่
ถ้าหากติดต้ังภายนอกอาคารก็เพียงแต่ทาตัวถังครอบหม้อแปลง เพื่อกันความชื้น โครงสร้างของหม้อ
แปลงแบบแหง้ ชนิด cast resin แสดงตังรปู ท่ี 10.10

รปู ท่ี 10.10 โครงสร้างพงหมอ้ แปลงแบบแหง้

ตารางท่ี 10.1 คุณลักษณะของนามันในหม้อแปลงและผลกแทบทเ่ี กิดข้ึน

คณุ ลักษณะจาเพาะ ผลกระทบทีเ่ กดิ ข้นึ
ความหนดื ถา้ นามันหมอ้ แปลงมีความหนดื ตา่ จะทาให้ประสิทธิภาพในการระบายความรอ้ นดี
ถา้ อณุ หภมู สิ ูงข้ึนจะทาให้ค่าความแข็งแรงเชงิ กาบังไฟฟา้ มีคา่ ต่า แต่จะทาใหแ้ กส๊ ทลี่ ะลายในน้ามนั เกดิ การแตก
ความแข็งแรงเชงิ กาบงั ไฟฟ้า ตัวมาก ขึน้ และคา่ ความเปน็ ฉนวนของนามันจะลดลง
เป็นระดับอณุ หภูมทิ ไี่ อนา้ มันบนผวิ นามนั สามารถตดิ ไฟข้ึนเองโดยธรรมชาติ ถา้ น้ามันหม้อแปลงมีจุดวาบไฟต่า
จดุ ไวไฟ จะทาใหน้ ามันระเหยไดง้ ่ายและขยายตัวไดม้ าก น่ันคือทาให้ความดันภายในหม้อแปลงมคี ่าสงู
เป็นค่าท่ีระบุไว้เพ่ือฟ้องกันมิให้น้ามันกลายเป็นน้าแข็ง ในสภาวะที่มีอุณหภูมิต่า โดยท่ัวไปจะกาหนดไว้
ความหนาแนน่ ประมาณ 0.895 g/cm3 ท่ี 20°c

คณุ ลักษณะจาเพาะ ผลกระทบทเี่ กิดข้ึน
จดุ ไหลเท เปน็ ค่าทมี่ คี วามสมั พันธก์ ับความหนาแน่น ซึ่งจะเปน็ คา่ อณุ หภมู ทิ ี่ต่าที่สุดท่นี า้ มนั ยงั ไหลได้

ค่ามูลนามันและความเป็นกรด เปน็ ค่าที่เกดิ ขึ้นภายหลังจากทน่ี ามนั ทาปฏกิ ิรยิ ากับอากาศ หากมคี ่าสงู จะทาให้ประสทิ ธิภาพการระบายความ
ร้อนต่าา และยังอาจมผี ลตอ่ การไหลเวียนของนามันในท่อนามันด้วย เพราะวา่ มมี ูลนามนั ไปเกาะภายในท่อนา
ความแข็งแรงเชิงไฟฟา้ มนั
การปะปนของสารอืน่
เป็นค่าที่ระบคุ วามสามารถในการทนตอ่ แรงดันไฟฟ้า เพอื่ ใหน้ ามันคงค่าความเป็นฉนวนได้ดี

ได้แก่ สารจาพวกกามะถนั และน้า ซึ่งกรณขี องกามะถนั นน้ั จะต้อองไมม่ อี ยูเ่ ลยในนา้ มนั สว่ นน้าก็จะตอ้ งอยู่ใน
พกิ ัด ทั้งนี้ เพอ่ื รักษาความเปน็ ฉนวนของนามัน

10.2.2 การตดิ ตง้ั หมอ้ แปลงไฟฟ้า
1. ตอ้ งติดต้ังหมอ้ แปลงให้ได้ระดบั บนฐานรองรับทม่ี ่ันคงแข็งแรง
2. จุดต่อต่าง ๆ ควรใหน้ อ้ ยท่สี ุด หน้าสัมผัสของจุดต่อควรขัดทาความสะอาดด้วย แปรงลวดเพ่ือขจัด

ออกไซด์ และควรใชค้ อมปาวด์ (compound) ทาให้ทว่ั ผิวหนา้ สัมผสั ก่อนทจ่ี ะ ต่อสายเขา้ ขวั้ ตอ่ ต่าง ๆ
3. การทาความสะอาดบชุ ชงิ่ ใหใ้ ช้ผา้ นม่ิ และสะอาด
4. ปรับตาแหน่งของ tap changer ตามความตอ้ งการ โดยขยับไปมาเพอื่ ให้หนา้ สัมผสั สนิทกนั ดียง่ิ ขึ้น
5. ตรวจสอบการติดต้ังฟิวส์ล่อฟ้าและการต่อสายดินร่วมระหว่างล่อฟ้าแรงสูงกับ ถังหม้อแปลง และ

การต่อลงดนิ ของสายนวิ ทรัลแรงต่า

6. วดั คา่ ความต้านทานของดิน สายต่อลงดินตอ้ งมีค่าไม่เกนิ 5 โอห์ม
7. ตรวจสอบระดับน้ามันหม้อแปลงและตรวจความชื้นของน้ามันหม้อแปลง โดยดู จากสีของ silica gel
สภาพปกตดิ ีจะเปน็ สีน้าเงิน สาหรบั silica gel ทีด่ ูดอมความช้ืนหรือเสือ่ ม สภาพจะเปน็ สชี มพู
8. ตรวจสอบและจดั ตัง้ เข็มวดั อณุ หภมู ใิ หถ้ กู ตอ้ ง
9. กอ่ นจ่ายไฟควรใช้เมกเกอร์ (megger) วัดค่าความตา้ นทานของฉนวน (insulation resistance) ระหว่าง
ขดลวดแรงสูงกับแรงต่า และระหว่างขดลวดท่ังสองกับถังหม้อแปลง ค่าท่ีวัดได้ไม่ควรต่ากว่าตัวเลข ดัง
ตารางท่ี 10.2 (ท่อี ุณหภูมิ 40 - 50 องศาเซลเซยี ส)

ตารางที่ 10.2 ค่าความเปน็ ฉนวนของหมอ้ แปลง (MW)

ระบบแรงตา่ (400/230 V) 50 - 100
ระบบ 11 kv 100 – 200
125 - 250
ระบบ 22 - 33 kv

10. ขณะทดลองจา่ ยโหลดควรวดั กระแสและแรงดนั (ต้านแรงตา่ ) และวดั กระแส ขณะโหลดสูงสุดด้วย
11. นาตวั อย่างนา้ มันไปวัดคา่ ฉนวนนามนั ดงั น้ี
สาหรับระบบ 3 เฟส พิกัด 100 kVA ช้ืนไป ทุก 6 เดือน ค่าฉนวนของน้ามัน หม้อแปลงต้องไม่ต่ากว่าค่าจาก
ตารางที่ 10.3 และถ้าหากพบว่ามีน้าและตะกอนปนอยู่ด้วย ค่าฉนวนจะต่ากว่าที่กาหนดจะต้องสับเปล่ียน
หมอ้ แปลงถูกใหม่
12. บันทกึ การตรวจสอบช้างต้นและเก็บรกั ษาไว้เพอ่ื ประโยชน์ในการซอ่ มบารุงในอนาคต


Click to View FlipBook Version