2) ตดั ด้วยเล่อื ยตัดเหลก็
ขอ้ ควรระวงั ในการตดั ก็คือ จะต้องจบั ท่อให้แนน่ อยูก่ บั ท่ี ไม่เช่นน้ันแล้วอาจจะ ทา
ให้ใบเล่ือยหกั ได้ ซ่ึงทาได้ 2 วิธี คือ
2.1 ใชม้ อื จับทอ่ EMT ให้แนน่ โดยการวางปลายท่อไว้บนโต๊ะหรอื ใชว้ ธิ ีสอดเขา้
กบั bender
2.2 ใช้ปากกาจับท่อ วิธีน้ีท่อจะถูกจับได้แน่นมาก ทาให้สามารถปฏิบัติงานได้
งา่ ย
รปู ที่ 5.16 การตัดทอ่ EMT ดว้ ยเลื่อยตดั เหลก็
รปู ที่ 5.17 ปากกาจับทอ่
8.3 การประกอบทอ่
1. ต้องยดึ กบั โครงสรา้ งของอาคารอยา่ งแข็งแรง
2. ต้องจับยึดด้วยอุปกรณ์จับยึดและมีความต่อเนื่องทางไฟฟ้า เช่น คัปปล้ิง
คอนเนคเตอร์ ลอ็ กนทั บุชช่งิ เป็นต้น
จดุ ประสงคก์ ารสอน
5.1 ปฏิบัตกิ ารเดนิ สายไฟฟ้าด้วยเขม็ ขัดรัดสายและในท่อรอ้ ยสาย
5.1.1 ปฏิบัตกิ ารเดินสายไฟฟา้ ดว้ ยเข็มขดั รัดสาย
5.1.2 ปฏิบตั กิ ารเดินสายไฟฟา้ ในท่อร้อยสาย
8.4 การรอ้ ยสายไฟฟ้า
1. ต้องปฏิบัติงานอย่างน้อยสองคน คนหนึ่งดึงพัชเทปส่วนอีกคนหน่ึงส่งสาย
และ ระวงั อยา่ ให้ฉนวนถลอก
2. ถ้าหากสายขาดขณะรอ้ ยสายตอ้ งเปลยี่ นใหมแ่ ละหา้ มต่อสายภายในทอ่
3. ควรร้อยสายพร้อมกนั ครงั้ เดียว การร้อยสายทีละเส้นจะทาไดล้ าบาก
4. ควรจัดสายให้เรียบร้อยก่อนที่จะดึงสายเข้าไปในท่อ และบางครั้งอาจจะ
ต้องใช้ สารลดความฝืด
ขั้นตอนการร้อยสายไฟฟ้า มดี ังนี้
1. สอด fish tape เข้าไปในท่อ จากกล่องต่อสายอันหนึ่งไปยังกล่องต่อ
สายอีก อนั หน่ึงโดยโผลป่ ลาย fish tape ไวย้ าวพอประมาณ
2. มัดสายไฟฟ้าทุกเส้นเข้ากับปลาย fish tape ใช้คีมบีบให้แน่น จากน้ัน
ใช้ เทปพนั สายพันทับอีกคร้งั หนึ่ง จนแน่ใจว่าสายจะไม่หลดุ ออกจาก fish tape
3. ผปู้ ฏบิ ัตงิ านท่อี ยตู่ น้ ทางจัดสายใหเ้ รยี งชดิ กนั เพอื่ ความสะดวกในการดึง
สายของ ผู้ปฏิบตั ิงานทีอ่ ยปู่ ลายทาง
4. ผู้ปฏิบัติงานท่ีอยู่ปลายทางออกแรงดึง fish tape โดยให้สัมพันธ์กับผู้
สง่ สายท่อี ยู่ต้นทาง
ข้อควรระวงั ในการร้อยสาย
1. ก่อนจะรอ้ ยสายต้องตรวจดวู ่าได้สวมบุชชิ่งท่ีปลายท่อของกล่องต่อสาย
ทั้งสอง ดา้ นเรียบร้อยแลว้
2. ระวงั อย่าใหท้ อ่ ขูดสายไฟฟ้าเป็นอนั ขาด ถา้ หากปรากฏว่าสายถลอกจน
เหน็ ตวั นาจะต้องเปลี่ยนสายเส้นใหม่
รปู ที่ 5.18 แสดงรายละเอียดการร้อยสายเขา้ ไปในทอ่
8.5 การติดตั้งอุปกรณ์
1. ควรเผ่ือสายไฟฟ้าพอประมาณ โดยการขดไว้รอบ ๆ กล่องต่อสาย ท้ังน้ี
เพอื่ ความสะดวกในการซ่อมบารงุ หรือต่อเตมิ ในอนาคต
2. ต้องจับยึดอุปกรณ์ เช่น สวิตช์ ปล๊ัก กล่องต่อสาย และอ่ืน ๆ ให้แข็งแรง
และสวยงาม
9. การดัดทอ่ พวี ีซี ประกอบดว้ ยการตอ่ ท่อเข้าดว้ ยกนั และการดัดทอ่ ใหง้ อ
9.1 การตอ่ ท่อ
1. เตรียมเตาให้รอ้ น อาจจะใช้เตาไฟฟา้ หรอื เตาถ่านกไ็ ด้
2. นาท่อไปลนไฟ พยายามให้ร้อนสม่าเสมอทั่วบริเวณท่ีจะต่อท่อ โดยการ
หมุน ทอ่ ไปรอบ ๆ จนพลาสติกออ่ นตวั
3. นาไปสวมเข้ากับท่อ หากยังไม่แน่นให้นาออกมาลนไฟอีก จนสามารถ
สวมได้ ความลกึ ไมต่ า่ กวา่ 1 นิ้ว
4. ทากาวรอบ ๆ จดุ , รอย
9.2 การดัดท่อ ปกติท่อพลาสติกจะมีข้องอสาหรับเดินสายเล้ียวโค้ง เช่น ข้องอ
90 องศา เปน็ ต้น วธิ ีการดัดทอ่ พวี ซี ี มีดังนี้
1. เตมิ ทรายเข้าไปในทอ่ และหาเศษวสั ดุอดุ ปลายท่อให้แนน่
2. นาไปลนไฟพลิกไปมา จนสังเกตเหน็ ท่ออ่อนตัว จากน้ันค่อย ๆ ดัดจนได้รัศมี
ความโคง้ ตามตอ้ งการ
3. การดัดทอ่ ต้องกระทาในขณะที่ทอ่ ออ่ นตัวเทา่ น้ัน
9.2.1 การดดั ท่อใหโ้ ค้ง 90 องศา
1. จัดเตรียมเตาไฟฟ้าให้พร้อมที่จะใช้งาน โดยการเสียบปล๊ักให้ขดลวด
ร้อน เตม็ ท่หี รอื อาจจะใช้เตาถ่านกไ็ ดเ้ ช่นกัน
2. ทาเครื่องหมายบนท่อพีวีซี ตามระยะที่ต้องการดัดโค้ง ดังรูปที่ 5.19
จากน้ันเททรายเข้าไปในท่อจนเต็มและนาเศษกระดาษอุดรูท่อทั้งสองด้านไว้ให้
แนน่
3. นาท่อไปลนไฟ อย่าให้ห่างหรือใกล้ความร้อนมากเกินไป จะทาให้ท่อ
ละลายจนเสียรูปทรง
4. ค่อย ๆ หมุนท่อเพื่อให้ทุกด้านของท่อได้รับความร้อนเท่า ๆ กัน จะ
ทาให้ ดัดท่อได้ง่ายข้ึน ถ้าสังเกตเห็นว่าท่อเร่ิมอ่อนตัวให้นาออกมาดัดเท่าท่ี
สามารถจะทาได้ หลังจากนั้น ให้นาไปลนไฟอีก รอจนกระท่ังเร่ิมอ่อนตัวอีกคร้ัง
จงึ คอ่ ยดัด
5. ปฏบิ ัติเชน่ นจี้ นกระท่งั สามารถดดั โค้งได้ตามต้องการ เพ่ือความแน่ใจ
ควรตรวจสอบดว้ ยระดับนา้ หรอื ฉาก 90 องศา
รปู ท่ี 5.19 แสดงวิธกี ารดดั ท่อพวี ซี ี
9.2.2 การบานทอ่
ท่อทีม่ ขี นาดเทา่ กนั เม่อื ตอ้ งการนามาสวมเขา้ ด้วยกนั จะตอ้ งใชว้ ธิ บี านทอ่
หรือขยายท่อให้มขี นาดใหญ่ขนึ้ เพ่ือให้ ท่อสวมเขา้ กันได้พอดี ควรมรี ะยะความยาว
ไม่ต่ากว่า 1 นวิ้ ซ่ึงมวี ธิ ีปฏิบัตงิ ่าย ๆ ดงั น้ี
1. นาท่อไปลนไฟ เม่อื ท่อเร่มิ ออ่ นตวั ให้นาท่ออกี อันหน่งึ (ท่อที่จะนามา
ต่อ) สวมเขา้ ไป ขณะน้ีจะสังเกตเห็นวา่ ปลายท่อเร่ิมจะบานออก
2. นาท่อไปลนไฟใหร้ อ้ นอกี ครั้ง จากน้นั นาออกมาสวมเขา้ กับท่ออีก
อนั หน่งึ เพอ่ื ให้ทอ่ บานหรือขยายออกไดร้ ะยะความยาวมากย่ิงข้ึน
3. ปฏิบัติเชน่ เดยี วกบั ขอ้ 2 จนไดร้ ะยะ 1 นิว้ ดังรปู ท่ี 5.20
รปู ท่ี 5.19 แสดงวิธกี ารบานท่อพวี ซี ี
จดุ ประสงคก์ ารสอน
5.3 รู้การเดนิ สายไฟฟา้ ในรางเดนิ สายและในรางเคเบลิ
5.3.1 บอกการเดนิ สายไฟฟา้ ในรางเดนิ สาย
5.3.2 บอกการเดนิ สายไฟฟา้ ในรางเคเบิล
5.3 การเดินสายไฟฟ้าในรางเดินสายและในรางเคเบลิ
5.3.1 การเดนิ สายไฟฟา้ ในรางเดินสาย
รางเดินสาย หรือท่ีเรียกว่า ไวร์เวย์ (wire way) ผลิตจากเหล็กแผ่นพับ
ข้ึนรูป พร้อมกับฝาปิดมีท้ังแบบเจาะรูระบายอากาศและแบบปิดทึบจะป้องกัน
สนิมด้วยการพ่นสีชุบสังกะสี หรือการเคลือบผิวแบบอื่น เช่น polyester,
thermoplastic ความหนา 1 มลิ ลิเมตร ความสูง 50 - 200 มิลลิเมตร
ดังน้นั จึงสามารถเดนิ สายไดจ้ านวนหลาย ๆ เสน้ ในรางอนั เดียวกัน
1. ขอ้ กาหนดเบอื้ งตน้ เกยี่ วกบั รางเดนิ สายไฟฟา้
1.1 ต้องติดต้ังในท่เี ปดิ โลง่ เทา่ นั้น ถ้าตดิ ต้งั ภายนอกอาคารตอ้ งเป็นชนิดกัน
ฝน และต้อง มคี วามแขง็ แรงเพยี งพอท่ีจะไมเ่ สียรูปภายหลงั การตดิ ตง้ั
1.2 ห้ามใช้รางเดินสายในบริเวณทอี่ าจเกดิ ความเสียหายทางกายภาพใน
บริเวณที่มไี อ ท่ีทาใหผ้ กุ ร่อนหรอื ในสถานทอ่ี ันตราย นอกจากจะระบไุ วเ้ ป็นอยา่ ง
อน่ื
1.3 พนื้ ท่ีหน้าตัดของตัวนาและฉนวนท้ังหมดรวมกนั ตอ้ งไม่เกิน 20% ของ
พน้ื ที่ หนา้ ตัดภายในรางเดนิ สาย
1.4 จดุ ปลายรางเดนิ สายตอ้ งปดิ
1.5 ต้องจับยึดอย่างมั่นคง แข็งแรงทุกระยะ 1.5 เมตร สูงสุดไม่เกิน 3
เมตร
1.6 ห้ามต่อรางเดนิ สายตรงจุดทผี่ ่านผนังหรอื พน้ื
1.7 การต่อสายทาได้เฉพาะในส่วนท่ีสามารถเปิดออกและเข้าถึงได้
สะดวกตลอดเวลา เท่าน้ัน และพ้ืนที่หน้าตัดของตัวนาและฉนวน รวมท้ังหัวต่อ
สายรวมกันแล้วต้องไม่เกิน 75% ของ พ้ืนท่ีหน้าตัดภายในของรางเดินสาย ณ
จดุ ตอ่ สาย
1.8 ห้ามใชร้ างเดนิ สายเปน็ ตวั นาสาหรับตอ่ ลงดนิ
2. ลักษณะของรางเดนิ สายไฟฟา้ แสดงดงั รูปท่ี 5.21
รูปที่ 5.21 แสดงลักษณะรางเดนิ สายไฟฟา้ แบบพลาสตกิ แบบตา่ งๆ
รปู ที่ 5.21 แสดงลกั ษณะการประกอบรางเดนิ สายไฟฟา้
5.2.2 การเดินสายไฟฟ้าในรางเคเบลิ
รางเคเบลิ หรือทีเ่ รยี กว่า เคเบิลเทรย์ (cable tray) ใช้ติดตั้งระบบไฟฟ้าท้ังใน
และนอกอาคาร ซ่งึ นิยมใชใ้ นโรงงานอตุ สาหกรรมเน่ืองจากการติดต้ังทาได้รวดเร็ว
ไม่ยุ่งยาก และสามารถใช้งาน กับระบบไฟฟ้ากาลัง ระบบแสงสว่าง ระบบส่ือสาร
วัดคุมการติดต้ังหรือเปล่ียนแปลงขนาด สายเคเบิลทาได้สะดวก รางเคเบิลแบ่ง
ออกเปน็ 3 แบบ คอื
1. แบบรางมชี ่องระบายอากาศ
2. แบบบันได หรือที่เรยี กวา่ Ladder
3. แบบดา้ นล่างทึบ
ลักษณะดังรูปที่ 5.22 ปัจจุบันนิยมใช้เฉพาะแบบรางมีช่องระบายอากาศและ
แบบบันได โครงสร้างรางเคเบิลผลิตจากโลหะเคลือบผิวด้วยการชุบกัลวาไนซ์
(hot dip galvanize) หรือการ เคลือบผิวแบบอ่ืน เช่น Epoxy, Polyester,
thermoplastic หรือสังกะสี ขนาดความกว้างมาตรฐาน 200, 300, 400, 5000,
600 และ 800 มิลลเิ มตร ความยาวมาตรฐานท่อนละ 3 เมตร
รปู ท่ี 5.22 รางเคเบลิ แบบตา่ ง ๆ
รปู ท่ี 5.22 สว่ นประกอบของรางเคเบลิ
จดุ ประสงคก์ ารสอน
5.5 ปฏบิ ัตกิ ารตอ่ วงจรไฟฟา้ แสงสว่าง
5.5.1 ปฏบิ ัตกิ ารต่อหลอดอนิ แคนเดสเซนต์ (Incandescent
Lamp)
5.5.2 ปฏิบัตกิ ารตอ่ ฟลอู อเรสเซนต์ (Fluorescent Lamp)
5.5.3 ปฏบิ ตั กิ ารต่อวงจรไฟฟ้ากาลงั
5.5 การตอ่ วงจรไฟฟา้ แสงสวา่ ง
วงจรแสงสวา่ ง (Lighting Circuit) คือ การต่อวงจรหลอดไฟฟา้ นน่ั เอง ในทีน่ จ้ี ะ
กลา่ วถงึ หลอดไส้ หลอดฟลูออเรสเซนต์ วงจรสวิตช์บันได และสุดท้ายจะกล่าวถงึ
แบบแปลนท่ีใชเ้ ขียน ในงานตดิ ตัง้ ไฟฟ้าที่ชา่ งไฟฟา้ จาเปน็ ต้องทาความเข้าใจ
หลอดไฟฟา้ (Lamp)
หลอดไฟฟา้ ที่ใชต้ ามบา้ นเรอื นท่วั ไปจะมี 2 ชนิด คอื
1. หลอดอนิ แคนเดสเซนต์ (Incandescent Lamp)
2. หลอดฟลูออเรสเซนต์ (Fluorescent Lamp)
5.5.1 หลอดอนิ แคนเดสเซนต์
หลอดอนิ แคนเดสเซนต์ ท่ีเรารจู้ กั กันทวั่ ไปวา่ “หลอดไส”้ ซึ่งเราเรียกตามจุดท่ใี ห้ กาเนดิ แสง
สวา่ ง น่นั คอื ไส้หลอด ไสห้ ลอดนัน้ ทามาจากขดลวดทังสเตน
1. กระเปาะแกว้ (Bulb)
ลักษณะของกระเปาะแกว้ มรี ูปรา่ งหลายรปู แบบแตกตา่ งกนั
2. ขว้ั หลอด (Base)
ขวั้ หลอดทามาจากทองเหลอื งหรืออะลูมิเนยี ม ทาหนา้ ที่เปน็ จดุ เชอ่ื มตอ่ วงจร
ของ ไส้หลอดให้ครบวงจร ขณะใช้งานตอ้ งนาขวั้ หลอดขนั เขา้ กับฐานหลอด
3. ไส้หลอด (Filament)
ไสห้ ลอดทาหน้าทีใ่ นการเปล่งแสงสว่างออกมา เมื่อไดร้ ับความร้อนจาก
กระแสไฟฟา้ ไส้หลอดทามาจากขดลวดทังสเตน
4. แก๊สทบ่ี รรจุ (Fill Gas)
แก๊สทีบ่ รรจจุ ะเป็นแกส๊ เฉื่อย เชน่ แกส๊ อารก์ อน ทาหนา้ ทีล่ ดการสญู เสียของ
ความรอ้ น ที่เกดิ จากไสห้ ลอด
5. ตวั พยงุ ไส้หลอด (Supports Wires)
ตวั พยงุ ไส้หลอดมีลักษณะเป็นเสน้ ทามาจากโมลิดนิ ัม ทาหนา้ ที่ชว่ ยพยุงไส้
หลอดท่ฝี งั ในแก้วบัตตอน (Button) และลดการสูญเสยี ความร้อน
6. ลวดตวั นาไฟฟา้ (Lead-In Wires)
ทาหน้าทเี่ ปน็ ตวั กลางนากระแสไฟฟา้ เขา้ และออกจากไส้หลอดและช่วยพยุง
ไสห้ ลอด
7. แก้วหมุ้ ลวดตวั นาไฟฟา้ (Stem Press)
ทาหน้าทป่ี อ้ งกันอากาศไมใ่ ห้เขา้ สภู่ ายในหลอด
8. แผ่นหกั เหความรอ้ น (Heat Deflecting Disc)
ทาหน้าทหี่ ักเหความร้อนท่ไี หลเขา้ ไปในแก้วหุ้มลวดตัวนาไฟฟ้าเพ่ือลดการ
ไหลเวยี น ของแก๊สร้อน
9. ท่อไล่อากาศออก (Exhaust Tube)
ทาหน้าท่ีไลอ่ ากาศและบรรจแุ กส๊ เขา้ ไปยังหลอดไฟก่อนปดิ ผนึกหลอดไฟ
ขณะทาการ ผลิตหลอดไฟฟา้
การต่อใช้งานของหลอดอนิ แคนเดสเซนต์
วงจรการต่อใชง้ านของหลอดอนิ แคนเดสเซอร์จะมีลกั ษณะการตอ่ วงจร
5.5.2 หลอดฟลอู อเรสเซนต์ (Fluorescent Lamp)
ในปจั จบุ นั นิยมใช้หลอดฟลูออเรสเซนต์มาต่อใช้งาน เพราะมีประสทิ ธภิ าพในการใหแ้ สง
สว่างและมีอายุการใช้งานยาวนานกวา่ เม่อื เทยี บกบั หลอดอินแคนเดสเซนต์
โครงสรา้ งหลอดฟลูออเรสเซนต์
การตอ่ ใชง้ าน
วงจรหลอดฟลอู อเรสเซนต์นน้ั นอกจากมสี ่วนประกอบภายในหลอดแกว้ แล้ว
ยังมีสว่ น ประกอบท่สี าคัญดงั นี้ คอื บลั ลาสต์ สตาร์ตเตอร์ และรางหลอด
- บลั ลาสต์ (Ballast)
สว่ นประกอบภายในบลั ลาสตม์ ีแกนเหล็กแผน่ บาง ๆ มลี วดตัวนาพนั รอบ
แกนเหลก็ ทา หน้าทสี่ รา้ งแรงดันให้สูงเพ่อื จดุ ไสห้ ลอดขณะต่อวงจร (หลอดยงั ไม่
สวา่ ง) และควบคุมกระแส ไฟฟ้าใหไ้ หลคงที่ (ขณะหลอดสวา่ ง)
- สตารต์ เตอร์
ทาหน้าทต่ี ่อวงจร เพอื่ จุดไส้หลอด (หลอดยังไม่สว่าง) และตดั วงจรออกแบบ
อตั โนมตั ิ เพ่อื รักษาระดบั แรงดนั ขณะหลอดสว่าง
- รางหลอด
เป็นตวั ยึดเพอื่ รองรับหลอดไฟฟ้า ทปี่ ลายทั้งสองขา้ งจะมฐี านหลอดเพ่อื
ใช้รองรบั ข้วั หลอดฟลอู อเรสเซนต์
วงจรการตอ่ ใช้งานของหลอดฟลอู อเรสเซนต์
วงจรสวติ ช์บนั ได
บา้ นเรอื นทเ่ี ปน็ บา้ นสองช้นั การเดนิ ขนึ้ -ลงระหวา่ งชน้ั บนและชัน้ ล่างในเวลากลางคนื ท่ี
บริเวณบนั ไดน้นั จะต้องตดิ ต้ังหลอดไฟฟ้าเพ่ือใหแ้ สงสว่าง มิฉะน้ันอาจทาให้ตกบันไดเป็น
อนั ตรายได้ การตดิ ตั้งหลอดไฟฟา้ นัน้ ต้องใชส้ วติ ช์สามทางเปน็ ตัวควบคมุ การเปิด-ปิด ของ
หลอดไฟฟ้า
วงจรการตอ่ ใชส้ วติ ชบ์ นั ได
จดุ ประสงคก์ ารสอน
5.4 ปฏิบัตกิ ารเขยี นแบบและการอา่ นแบบไฟฟา้
5.4.1 ปฏิบตั กิ ารเขยี นแบบไวรง่ิ ไดอะแกรม(Wiring Diagram)
5.4.2 ปฏิบัติการเขียนแบบสคมี เมตกิ ไดอะแกรม
(SchemticDiagram)
5.4.3 ปฏิบตั ิการเขยี นวนั ไลนไ์ ดอะแกรม(One Line Diagram)
5.4 การเขยี นแบบและการอา่ นแบบไฟฟา้
แบบท่ีใช้เขยี นอธบิ ายในงานติดต้ังไฟฟา้ แบง่ ออกเป็น 3 แบบ คือ แบบไวร่ิง
ไดอะแกรม แบบสคีมเมติกไดอะแกรม และแบบวันไลนไ์ ดอะแกรม
5.6.1 แบบไวรงิ่ ไดอะแกรม (Wiring Diagram)
5.6.2 แบบสคมี เมตกิ ไดอะแกรม (Schemtic Diagram)
5.6.3 แบบวนั ไลนไ์ ดอะแกรม (One Line Diagram)
หลอดอนิ แคนเดสเซนต์
แบบงานตดิ ตง้ั สัญลกั ษณ์ แบบงานสาเรจ็
แบบงานควบคมุ
หลอดฟลอู อเรสเซนต์
แบบงานตดิ ตง้ั สัญลกั ษณ์ แบบงานสาเรจ็
แบบงานควบคมุ
สวิตชข์ วั้ เดยี ว
แบบงานตดิ ตง้ั สญั ลักษณ์ แบบงานสาเรจ็
แบบงานควบคมุ