4.2 การตอ่ สายไฟฟา้ ดว้ ยไวรน์ ทั การใชเ้ ทปพนั สาย
4.2.1 การตอ่ สายไฟฟา้ ดว้ ยไวรน์ ทั (Wire nut)
การต่อสายด้วยไวร์นัทจะใช้วิธีการหมุนเพ่ือให้ไวร์นัทรัดสายให้แนบชิดกัน เม่ือต่อเสร็จ
เรียบร้อยแลว้ ไม่ต้องใชเ้ ทปพนั สาย เนอ่ื งจากปลอกของไวรน์ ทั เป็นฉนวนอย่แู ล้ว แตม่ ีขอ้ ควรระวังคือ อย่าปอก
สายยาวเกินไป จะทาให้ตัวนาทองแดงโผล่ออกมาจากใต้โคนของไวร์นัท ซึ่งจะทาให้จุดต่อสายดังกล่าวลง
กราวด์ได้ การต่อสายไฟฟ้าด้วยไวร์นัทจะนิยมต่อในกล่องต่อสาย (Junction box) โดยเฉพาะการเดินสายใน
ท่อรอ้ ยสายจะนยิ มใช้กันมาก
4.2.2 การใชเ้ ทปพนั สาย
เทปพันสายเป็นวัสดุกันฉนวนไฟฟ้าท่ีนิยมใช้ ในการพันปิดทับรอยต่อต่าง ๆ โดยเร่ิมจากการ
พนั เอียง ไปด้านใดด้านหนงึ่ จนสดุ รอยตอ่ จากนั้นจึงพนั วกกลับมาท่จี ุดเรม่ิ ต้น ปฏิบตั ิเช่นนีจ้ นกระท้ัง แน่ใจว่ามี
ปลอดภยั แต่จะตอ้ งไมห่ นาจนเกินไปจนเป็นการส้ินเปลืองเทปพันสายโดยใช่เหตุ ข้อควรคานึงคือ ในขณะท่ีพัน
จะตอ้ งดงึ เทปพนั สายให้ยืดออกเลก็ น้อย เพอ่ื ใหเ้ ทปรัดรอยตอ่ แนน่ มากยิ่งขึ้น
รปู ท่ี 4.10 การตอ่ สายไฟฟา้ ดว้ ยไวรน์ ทั
รปู ท่ี 4.11 การพนั เทปหมุ้ รอยตอ่
หนว่ ยที่ 5
การเดนิ สายไฟฟ้าแสงสวา่ ง
และไฟฟ้ากาลัง
จดุ ประสงคก์ ารสอน
5.1 ปฏิบัตกิ ารเดนิ สายไฟฟ้าด้วยเขม็ ขัดรัดสายและในท่อรอ้ ยสาย
5.1.1 ปฏิบัตกิ ารเดินสายไฟฟา้ ดว้ ยเข็มขดั รัดสาย
5.1.2 ปฏิบตั กิ ารเดินสายไฟฟา้ ในท่อร้อยสาย
5.1 การเดินสายไฟฟา้ ด้วยเขม็ ขดั รดั สายและในทอ่ ร้อยสาย
5.1.1 การเดนิ สายไฟฟ้าดว้ ยเขม็ ขัดรัดสาย
โดยท่ัวไปจะใช้สายแบนแกนคู่หรือท่ีเรียกว่าสาย VAF มีฉนวนหุ้ม 2 ชั้น
สามารถดัด โค้งงอและยืดหยุ่นได้ดี อายุการใช้งานยาวนานเกิน 10 ปี การเดิน
สายไฟฟ้าวิธีนี้ไม่เหมาะที่จะ ใช้ติดตั้งภายนอกอาคาร เนื่องจากแสงแดดจะทาให้
ฉนวนเส่ือมคุณภาพกอ่ นเวลาอันควร เมอ่ื ฝนตกจะทาใหล้ ัดวงจร
ขอ้ ดีการเดินสายไฟฟา้ ด้วยเขม็ ขดั รัดสาย
1. ติดตั้งง่ายรวดเรว็
2. ซอ่ มแซมหรอื แกไ้ ขได้งา่ ย
3. ค่าแรงงานถกู
รายละเอียดการเดินสายไฟฟา้ ด้วยเขม็ ขัดรดั สาย สรุปไดด้ ังนี้
1. สายไฟฟ้า จะต้องรู้ขนาดของสายไฟฟ้า (บอกเป็นตารางมิลลิเมตร (มม.2))
และจานวน สายกเี่ ส้น ถา้ หากใช้สายเลก็ เกินไปจะทาให้สายรอ้ นจนฉนวนละลาย
2. เขม็ ขัดรดั สาย เม่ือทราบขนาดและจานวนสายไฟฟ้าทเี่ ดนิ ไปยังจุดตา่ ง ๆ
ชา่ งเดนิ สาย ไฟฟ้าจะต้องเลอื กเข็มขดั รดั สายให้พอดี เพ่อื ความรวดเรว็ ขณะปฏิบัตงิ าน
เมอ่ื งานเสรจ็ สมบรู ณ์ จะมองดสู วยงาม มีหลักปฏบิ ัตงิ า่ ย ๆ ดังน้ี
2.1 กรณเี ดินสายเส้นเดยี ว ควรเลือกขนาดเข็มขัดรัดสายใหพ้ อดกี ับขนาดของ
สายไฟฟ้า
2.2 กรณีเดินสายตั้งแต่ 2 เส้นขน้ึ ไป เช่น สายจานวน 3 หรอื 4 เสน้ ถา้ หาก
สามารถ รดั ด้วยเขม็ ขดั รดั สายเพียงตัวเดียวจะทาให้ปฏิบตั ิงานใหเ้ รว็ ขน้ึ แตค่ วรพจิ ารณา
ถงึ ความแขง็ แรง ในการจับยดึ ระหวา่ งสายไฟกบั ผนังอาคาร
3. ตะปู อาคารที่เป็นไมจ้ ะใช้ตะปูขนาด ½ นิ้ว ส่วนอาคารคอนกรีตฉาบปูน
จะใช้ขนาด 5/16 นิ้ว หรือ 3/8 นิ้ว โดยทั่วไปช่างเดินสายไฟฟ้าจะทากล่องไม้
สาหรบั จัดเกบ็ ตะปู เขม็ ขดั รัดสาย ลกั ษณะดังรูปท่ี 5.1
รูปที่ 5.1 กลอ่ ง ไม้จดั เก็บตะปแู ละเขม็ ขดั รดั สาย
4. การตีเส้น เมื่อทราบตาแหน่งท่ีจะเดินสายไฟฟ้า ช่างจะทาการตีเส้นด้วย
บักเต้า ข้อดีของ การตีเสน้ มีดงั นี้
4.1 รูต้ าแหนง่ การตอกตะปู
4.2 ไม่เสียเวลาเลง็ แนวเมอ่ื จะตอกตะปตู วั ถัดไป
4.3 กรณีที่เดินสายในระยะก่ึงกลางเสา แนวสายจะต้องวางให้อยู่กึ่งกลาง
พอดี ถา้ เป็น อาคารคอนกรีตการรื้อตะปูเพื่อตอกใหม่จะทาให้เสามีรูมากขึ้น หรือ
ทาใหเ้ สาแตกไมส่ ามารถตอก ตะปบู ริเวณดังกล่าวได้อีก
4.4 สามารถปฏิบตั ิงานไดเ้ ร็วขนึ้ และมีความภมู ิใจต่อผลงานของตนเอง
5. ระยะเข็มขัดรัดสาย ระยะห่างระหว่างเข็มขัดรัดสายหรือที่เรียกว่าคลิป
ในทางปฏิบัติ ห่างกันประมาณ 10 - 12 ซม. แตไ่ มเ่ กนิ 20 ซม. ดงั รูปที่ 5.2 ในบาง
ช่วงท่ีต้องการเดินสาย หลาย ๆ เส้น อาจตอกตะปูให้ถี่มากข้ึนเพ่ือให้สามารถ
รองรับน้าหนักของสายไฟฟ้าและให้สายแนบชิด กับผนัง ในทางปฏิบัติจะวัดระยะ
ด้วยความยาวของหัวค้อนเดินสายไฟฟ้าเพ่ือความรวดเร็ว ที่สาคัญ คือต้องหันหัว
เขม็ ขัดรดั สายไปในทิศทางเดียวกัน
รปู ท่ี 5.2 ระยะหา่ งเขม็ ขดั รดั สาย
6. การคลี่สายไฟฟ้า โรงงานผู้ผลิตจะขดสายซ้อนทับกันไว้ ความยาวขดละ
100 เมตร ถา้ หากคล่ีสายถูกวิธีสายจะตรง ไม่ต้องเสียเวลารีดสาย ตรงกันข้ามการ
ดึงสายไฟฟา้ ออกจากขด โดยตรงจะทาให้สายงอบิดเป็นเกลียวต้องเสียเวลากับการ
รดี สายในภายหลงั วิธกี ารคลสี่ ายมีดงั น้ี
6.1 แกะพลาสติกที่ห่อหุ้มสายไฟฟ้าออก ระวังอย่าให้ของมีคม เช่น มีด
คัตเตอร์ เฉอื น หรอื ปาดฉนวนของสายไฟฟ้า
6.2 ยกมว้ นสายไฟฟ้าขึน้ สอดแขนทัง้ สองขา้ งเข้าไปในม้วนสาย
6.3 วางปลายสายด้านนอกลงกับพ้ืน จากนั้นก้มตัวลงเล็กน้อย หมุนคลาย
สายออกจาก ขดพร้อมกับเดนิ ถอยหลังไปเร่ือย ๆ จนไดค้ วามยาวตามต้องการ
7. การรดั สายไฟฟ้า
กอ่ นจะรดั สายไฟฟา้ ตอ้ งรีดสายให้ตรงไม่ให้บิดหรืองอ เมื่อนาไปเดินบนผนัง
จะได้ แนบชดิ กบั ผนังอาคาร มองดสู วยงาม วิธกี ารรดี สายมีหลักปฏิบตั งิ า่ ย ๆ ดงั น้ี
7.1 วางสายไฟฟ้าลงบนเข็มขัดรัดสาย ถ้าหากมีสายไฟฟ้าหลายเส้นต้องจัด
ให้สาย เรยี งชดิ กนั กอ่ น
7.2 กดสายไฟฟ้าให้แน่น ใช้มืออีกข้างหนึ่งจับปลายเข็มขัดรัดสายสอดเข้า
กับรทู ี่อยู่บน หวั ของเข็มขัดรดั สาย
7.3 ดึงปลายเขม็ ขดั รัดสายใหต้ ึงจากนน้ั พับกลับไปทิศทางเดมิ
7.4 ใช้ค้อนเคาะเบา ๆ เพอื่ ใหร้ อยพบั เรยี บสนทิ กบั สายไฟฟ้า
8. การเดนิ สายไฟฟ้าในแนวดิง่
8.1 ใช้ผ้ารดี สายใหต้ รง (ระยะประมาณ 20 - 50 cm.) จัดสายให้เรียงชิดกัน
กรณีเดิน สายตง้ั แต่ 3 เส้นขึ้นไป ใหส้ ายเส้นทีม่ ีขนาดใหญท่ สี่ ดุ อยดู่ า้ นนอก
8.2 ผู้ท่ีถนัดขวาให้ใช้มือซ้ายจับปลายสายด้านบนไว้ โดยใช้หัวแม่มือกดสาย
ให้ แนบชิดกับผนัง ส่วนมือขวาจับปลายของเข็มขัดรัดสายสอดเข้ากับรูที่อยู่บนหัว
ของเข็มขัดรัดสาย จากน้ันรัดสายให้ตึงประมาณ 2 - 3 ตัว ดังรูปที่ 5.3 ขณะน้ี
สายไฟฟ้าจะถูกจับยึดไว้กับผนัง จึงสามารถปล่อยมือออกได้ แต่ถ้าสังเกตดูการจับ
ยึดยังไม่แข็งแรงอาจจะรัดสายเพ่ิมอีก 1 - 2 ตัว สาหรับผู้ท่ีถนัดซ้ายให้เปลี่ยนมือ
สลบั กัน
รปู ท่ี 5.3 การเดนิ สาย ไฟฟา้ ในแนวดง่ิ
8.3 เล่ือนมอื ซา้ ยลงมากดไว้ทเี่ ข็มขัดรดั สายตวั สุดทา้ ย ซง่ึ รัดสายไว้แล้วตาม
ข้อ 8.2 ส่วนมือขวาจับเศษผ้ารีดสายทีละเส้นให้ตรง ถ้าเป็นสายใหม่จะรีดง่าย
ประมาณ 1 - 2 คร้ัง แต่ถ้า หากใช้สายเก่าท่ีผ่านการใช้งานมาแล้วอาจต้องใช้
เวลามากข้นึ
8.4 ใช้น้ิวกลาง น้ิวช้ี และหัวแม่มือบีบสายให้เรียงชิดกัน จากน้ันรัดสายให้
แน่นตึงตาม วิธีการในข้อที่ 7.1 - 7.3
8.5 เลื่อนมือขวาต่าลงมาเพ่ือทาการรัดสายตัวต่อไปอีกประมาณ 2 - 3 ตัว
ขณะน้ี ระยะสายท่เี รียงไว้ตามหัวขอ้ ท่ี 8.1 คือระยะ 20 - 50 cm จะถูกรัดจนหมด
ยงั คงเหลือเฉพาะสว่ น ด้านล่างลงไปอีกซึ่งสายสว่ นน้ยี งั ไม่ไดร้ ดี
8.6 ปฏิบตั ิซา้ ๆ ตงั้ แต่ข้อที่ 8.3 เร่ือยไปจนเสรจ็ ส้ินตามเป้าหมาย
8.7 ใช้ค้อนเคาะเบา ๆ เพ่ือให้รอยพบั เรียบสนทิ กับสายไฟฟา้
อยา่ งไรกต็ าม เมื่อช่างมีประสบการณ์อาจจะมเี ทคนิคเฉพาะตัวอื่น ๆ เข้าช่วย
ทาใหก้ าร เดนิ สายไฟฟ้าเสร็จเร็วยง่ิ ขน้ึ
9. การเดินสายไฟฟ้าในแนวระดบั
การเดินสายไฟฟ้าในแนวระดับจะยุ่งยากกว่าการเดินสายไฟฟ้าในแนวดิ่ง
เนื่องจาก น้าหนักสายจะหย่อนลงสู่ด้านล่างตามแรงดึงดูดของโลก ดังนั้นจึง
แก้ปัญหาด้วยการใช้ตะปูตอกเข้า กับผนัง (ท้ังอาคารไม้และอาคารคอนกรีตฉาบ
ปนู ) ห่างจากจุดที่กาลังรดั สายประมาณ 50 - 100 cm จากนั้นนาสายไฟฟ้าพาดไว้
กับตะปูดังกล่าว เพื่อป้องกันตะปูตอกเข็มขัดรัดสายหลุดออกจากผนัง อัน
เน่อื งมาจากนา้ หนกั ของสายไฟฟ้านั่นเอง ดังรปู ท่ี 5.4
รปู ท่ี 5.4 การตอกตะปรู บั นา้ หนกั สายเมอ่ื เดนิ สายไฟฟา้ ในแนวระดบั
10. การเดนิ สายไฟฟา้ บนเพดาน
ตวั อยา่ งการเดินสายไฟฟา้ บนเพดาน ได้แก่ การติดต้ังหลอดฟลูออเรสเซนสท์ ่ี
บริเวณ กลางหอ้ ง การติดตงั้ พัดลมเพดาน เป็นต้น ส่วนมากจะเดนิ สายในระยะส้นั
ประมาณ 1 - 3 เมตร วิธกี ารเดินสายไฟฟา้ บนเพดานจะเหมอื นกบั การเดนิ สายใน
แนวด่งิ และแนวระดับ
11. การเดินสายหักมุม
ภายในอาคารหรือบ้านเรือนทั่วไปจะมีรูปทรงเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า เม่ือต้อง
เดินสายผ่าน บริเวณดังกล่าวต้องหักมุมโค้งไปตามผนังหรือมุมของต้นเสา
ระยะห่างระหว่างเข็มขัดรัดสายตัว สุดท้ายกับรัศมีความโค้งต้องให้มีระยะห่าง
พอสมควร อย่าให้ใกล้หรือห่างจนเกินไปจะทาให้สาย ไม่เรียบ โดยจะสังเกตเห็น
แสงลอดผา่ นใตส้ ายไฟฟ้า ตวั อย่างเช่น สาย VAF ขนาด 2 x 2.5 (มม.2) ตอ้ งใชร้ ัศมี
ความโคง้ ไมต่ า่ กว่า 2.5 เซนตเิ มตร ดังรปู ที่ 5.5
รปู ที่ 5.5 การหกั มมุ โคง้ สาย VAF ขนาด 2 x 2.5 (มม.2)
ถา้ หากหกั มมุ โคง้ ของสายหลาย ๆ เส้น อาจจะต้องเพม่ิ เขม็ ขดั รดั สายตามมมุ โคง้
อีก หนงึ่ ตัว เพือ่ ให้การจับยึดแข็งแรงมากขน้ึ ดงั รูปท่ี 5.6
รปู ท่ี 5.6 การตดิ ตงั้ เขม็ ขัดรดั สายตามมมุ โคง้ เมอ่ื ตอ้ งโคง้ สายหลาย ๆ เส้น
12. การเดนิ สายไฟฟา้ บนอาคารไม้และอาคารคอนกรตี ฉาบปูน
วิธีการเดินสายไฟฟ้าด้วยเข็มขัดรัดสายบนอาคารไม้และอาคารคอนกรีตฉาบ
ปนู มีหลักปฏิบัติ ดงั นี้
12.1 เลือกตะปูให้เหมาะสม กล่าวคือ ตอกไม้ใช้ขนาด ½ นิ้ว 3/8 น้ิว
และตอกบน คอนกรีตฉาบปนู ใชข้ นาด 5/16 นิว้
12.2 หงายดา้ นมีคมขนึ้ และตอ้ งหนั หวั เข็มขดั รดั สายไปในทิศทางเดยี วกัน
12.3 เม่ือจาเป็นต้องเดินสายไฟฟ้าบนคานควรเดินชิดขอบของคาน จะ
เดินชดิ ขอบบน หรอื ขอบล่างก็ไดต้ ามความเหมาะสม
12.4 วางแผนก่อนเดินสายไฟฟ้า หมายถึง ต้องสารวจก่อนว่าจะให้สายเส้น
ใดอยู่ด้านล่าง อยู่กลาง หรืออยู่ด้านบน เพราะจะทาให้สายไขว้กันหรือสายทับกัน
ซ่ึงผิดหลักการเดินสายไฟฟา้
12.5 อาคารคอนกรีตฉาบปูนต้องใช้เหล็กนาศูนย์ หรือที่เรียกว่าเหล็กตอก
นา ตอกนา ก่อนท่จี ะตอกตะปเู ขา้ ไป เปน็ การปอ้ งกนั ไมใ่ ห้ตะปูงอ
จดุ ประสงคก์ ารสอน
5.1 ปฏิบัตกิ ารเดนิ สายไฟฟ้าด้วยเขม็ ขัดรัดสายและในท่อรอ้ ยสาย
5.1.1 ปฏิบัตกิ ารเดินสายไฟฟา้ ดว้ ยเข็มขดั รัดสาย
5.1.2 ปฏิบตั กิ ารเดินสายไฟฟา้ ในท่อร้อยสาย
5.1.2 การเดินสายไฟฟ้าในท่อร้อยสาย
การเดินสายไฟฟ้าในท่อร้อยสายจะใช้ติดตั้งภายในโรงงานอุตสาหกรรม
เน่ืองจากภายใน โรงงานมีความช้ืน สารเคมีและโอกาสที่สายไฟฟ้าจะถูกกระทบ
กระแทกมมี ากกว่าในบ้านเรอื นทวั่ ไป ทสี่ าคัญอีกอย่างคือมีความปลอดภัย เมื่อเกิด
ประกายไฟหรือเกิดการอาร์ก นอกจากน้ีการเดินสาย ไฟฟ้าในท่อร้อยสายยังถูก
นามาใช้ในการติดตั้งภายในอาคาร สานักงานขนาดใหญ่ท่ีใช้สายจานวน มาก
กระแสจานวนมาก ส่วนใหญ่จะใช้ท่อร้อยสายในช่วงระหว่างสายเมนเข้าไปยัง
ตู้ควบคุม (Main CB) นอกจากนี้อาจจะเป็นการเดินสายเฉพาะจุด หรือเม่ือมีการ
ติดตง้ั ตอ่ เตมิ ในภายหลัง กเ็ ป็นไดท้ ้ังการเดินด้วยท่อโลหะจาพวกทอ่ EMT. และการ
ใช้ท่อพีวซี สี ีเหลือง
1. วิธีการเดินสายในท่อ วธิ ที นี่ ยิ มใช้ในปจั จุบันมีหลายอยา่ ง ดงั นี้
1.1 เดินในท่อโลหะหนา ท่อโลหะหนาปานกลาง และท่อโลหะบาง ผลิต
จากเหล็ก อาบสังกะสี ยาวท่อนละ 6 เมตร ท่อโลหะหนาและและท่อโลหะหนา
ปานกลางสามารถทาเกลียว ได้ ใช้งานทดแทนกันได้ นอกจากน้ียังใช้ฝังดินได้อีก
ด้วย
1.2 เดินในท่อโลหะอ่อน หรือที่เรียกว่าท่อเฟล็กซิเบิล (flexible metal
conduit) มี ลักษณะเป็นแกนโลหะอ่อน พันซ้อนทับกัน นิยมใช้ในบริเวณท่ีมีการ
ส่ันสะเทอื น เชน่ เชอื่ มต่อ ระหว่างรางเดินสายกบั เคร่ืองจักร แตห่ ้ามใชฝ้ งั ดนิ
1.3 เดินในท่อโลหะอ่อนกันของเหลว หรือท่ีเรียกว่าท่อเอ็มเฟล็ก
(MFLEX) ประกอบ ด้วยโลหะขึ้นรูปขัดกันเป็นเกลียว มีเชือกคั่นระหว่างร่องโดยมี
ฉนวนพีวซี หี ่อหมุ้ เพ่ือปอ้ งกนั การ ร่วั ของสายไฟฟา้
1.4 เดินในท่ออโลหะแข็ง ท่ีใช้งานท่ัวไป ได้แก่ ท่อพีวีซี และพีอี ท่อพีวีซี
ไม่คงทนต่อแสงอัลตราไวโอเลต ดังนั้นเมื่อตากแดดเป็นระยะเวลานานจะกรอบ
และแตกเป็นขยุ ส่วนท่อพอี ี จะตดิ ไฟง่าย ดังนน้ั ท่อชนิดนี้จึงเหมาะสาหรับติดต้ังใน
ท่ีโล่ง เดนิ ซอ่ นในผนงั พน้ื หรอื เพดาน
2. วิธีการดัดท่อ เครื่องมือดัดท่อหรือที่เรียกว่า เบนเดอร์ (bender) แต่ละชนิด
เหมาะสาหรบั ทอ่ แตล่ ะประเภทดงั นี้
ท่อโลหะบาง จะใช้ EMT. bender
ท่อโลหะหนาปานกลาง จะใช้ IMC. hickey
ทอ่ โลหะหนา จะใช้ rigid bender หรอื ทด่ี ดั ท่อไฮดรอลกิ ส์
ควรจะเลือกขนาด bender ให้พอดีกับขนาดของท่อร้อยสายไฟฟ้า ถ้า
หากใช้ bender ขนาดใหญ่เกินไปอาจจะทาให้ท่อแบน ส่งผลให้พ้ืนที่หน้าตัด
ภายในท่อลดลง ทาให้การรอ้ ยสายทาได้ลาบาก ดังนัน้ การดดั ท่อจะต้องระมัดระวัง
ไม่ให้ท่อเสียรูปทรง เส้น ผ่านศูนย์กลางภายในท่อจะต้องเท่าเดิมหรือลดลงน้อย
ท่ีสุด องค์ประกอบท่ีสาคัญอีกอย่างหนึ่งคือ รัศมีความโค้ง โดยจะวัดจากจุด
ศนู ยก์ ลางความโค้งถงึ ขอบดา้ นในของท่อท่ีโค้ง โดยทั่ว ๆ ไป รัศมีความโค้งของท่อ
ท่ีดัดจะต้องไม่ต่ากว่า 6 เท่าของเส้นผ่านศูนย์กลางของท่อ สาหรับงานภาค สนาม
ส่วนใหญจ่ ะมีคา่ ประมาณ 6 - 8 เทา่ หรอื มากกว่า ดังตารางท่ี 5.1
ตารางที่ 5.1 รศั มคี วามโค้งของทอ่ ขนาดตา่ ง ๆ
ขนาดท่อ (นวิ้ ) รัศมคี วามโค้งต่าสดุ (นวิ้ )
½ 4
¾ 5
1 6
1¼ 8
1½ 10
2 12
ขนาดท่อ (นิ้ว) รัศมีความโคง้ ต่าสุด (นิ้ว)
2½ 15
3 18
3½ 21
4 24
4½ 27
5 30
6 36
การดดั ทอ่ แบง่ ออกเป็น 2 วิธี คอื
วิธีที่ 1 ใช้เบนเดอร์ในการดัดท่อ วิธีการคือ นาท่อสอดเข้ากับเบนเดอร์
วางลงบน พ้ืนราบ ใช้เท้าเหยียบเบนเดอร์และอีกข้างหน่ึงเหยียบท่อให้แน่นกับพ้ืน
จากนั้นใช้มือดงึ เบนเดอร์ เข้าหาลาตวั
วิธีที่ 2 ใช้แรงกด วิธีการคือตั้งเบนเดอร์ให้อยู่กับท่ี นาท่อสอดเข้ากับเบน
เดอร์ จากน้นั กดทอ่ ลงด้านลา่ ง
2.1 ระยะความสูงของเบนเดอร์ดัดท่อ เบนเดอร์สาหรับดัดท่อจะมีระยะ
ความสูง (take up) ดังตารางท่ี 5.2 ซึ่งเป็นระยะที่ท่อถูกดัดให้โค้งงอ ดังรูปท่ี 5.7
ใช้เบนเดอร์ ½ น้ิว ดัดท่อ ½ นิ้ว โค้งทามุม 80 องศา ระยะ take up เท่ากับ 5
น้วิ
ขนาดเบนเดอร์ (นิ้ว) ระยะ take up (น้วิ )
½ 5
¾ 6
1 8
รูปที่ 5.7 แสดงการดดั ท่อและวดั ระยะ take up
ตารางท่ี 5.2 ระยะ take up ของเบนเดอร์
2.2 การคานวณความยาวจากปลายท่อ เช่น ต้องการดัดท่อขนาด ¾ นิ้ว ให้สูง
จากพ้ืน 38 น้ิว วิธีการคือ ใช้ระยะความสูงลบด้วยระยะ take up (6 น้ิว) ดังนั้น
หัวลูกศรบนเบนเดอร์ จะตรงกับระยะ 32 นิ้ว (วัดจากปลายท่อ) เม่ือดัดเป็นมุม
90 องศา จะวัดระยะความยาวจาก ปลายท่อเทา่ กับ 38 นิ้วพอดี ดังรูปท่ี 5.8
รปู ท่ี 5.8 การคานวณความยาวของทอ่ ¾ น้วิ
3. การดัดท่อรูปตัวยู (U) วิธีการคือ คัดท่อที่ปลายด้านหนึ่งให้โค้งงอ 90
องศา ลาดับตอ่ ไปวัดและทาเครื่องหมาย (mark) บนท่อจากจุดท่ีอยู่กับท่ี (จุด X)
ไปยังจุดทต่ี ้องดัดท่อ (จดุ Y) โดยใหจ้ ดุ Y ตรงกับตาแหน่ง B บนเบนเดอร์ จากนั้น
ค่อย ๆ ดัดทอ่ ให้โค้งทามุม 90 องศา จะ ได้ทอ่ รูปตวั ยู ดงั รูปที่ 5.9
รูปที่ 5.9 แสดงการดัดทอ่ รปู ตัวยู (U)
4. การดัดคอม้า เรียกอีกอย่างว่า การทาออฟเซต (OFF SET) หมายถึง การ
ยกระดับ ความสงู ของท่อใหส้ ูงขึน้ และโค้งงอเทา่ กนั แต่กระทาในทศิ ทางตรงกันข้าม
วัตถุประสงคข์ องการทา OFF SET คอื
1. เพื่อตอ่ เข้ากบั กล่องต่อสาย กลอ่ งสวติ ช์/ปลก๊ั
รูปท่ี 5.10 การดัดคอมา้ (OFF SET
2. เพื่อดดั ทอ่ ขา้ มสิง่ กดี ขวาง (ทา OFF SET จานวน 2 ครั้ง)
การดัดคอม้าเร่ิมจากการดัดท่อให้โค้งพอประมาณ เม่ือเสร็จแล้วให้ถอดเบน
เดอร์ออก พลิกท่อกลับให้อยู่ในทิศทางตรงกันข้าม จากน้ันจึงดัดท่ออีกครั้งหนึ่ง
จนกระทั่งปลายท่อทั้งสอง ด้านขนานกันพอดี เมื่อดัดเสร็จเรียบร้อยจะมีลักษณะ
ดังรูปที่ 5.10 สาหรับการดัดท่อข้าม ส่ิงกีดขวางจะต้องดัดออฟเซตจานวน 2 ครั้ง
หรือการดดั 3 ตาแหนง่ ลักษณะดังรปู ที่ 5.11 (ก) และ (ข)
5. การดดั ทอ่ เพอ่ื การแก้ไข
5.1 การดดั กลบั คืน ถ้าหากดดั ท่อมากเกนิ ไปสามารถแก้ไขด้วยการใช้ท่อท่ี
มขี นาด ใหญ่กว่าเล็กน้อยหรือด้ามเบนเดอร์สวมลงในท่อนั้น จากน้ันจึงค่อย ๆ ดัน
ใหท้ อ่ กลับคนื ดังรูปที่ 5.12 (ก)
5.2 การแก้ไขเมือ่ ทอ่ บมุ๋ จะใช้เหล็กกระทงุ้ ทีผ่ วิ ดา้ นในดงั รูป (ข)
6. การตดิ ตง้ั ทอ่ โลหะรอ้ ยสาย หลังจากทาการดดั ทอ่ รอ้ ยสายเสรจ็ เรียบร้อยจะต้อง
นามา ประกอบตอ่ เชื่อมเข้าด้วยกนั ใหม้ คี วามแขง็ แรง ดงั รูปที่ 5.13
7. การร้อยสายเข้าท่อ เครื่องมือที่ใช้ร้อยสายไฟฟ้าเข้าไปในท่อเรียกว่า ฟิชเทป
(fish tape) ทาจากเหล็กที่มีความเหนียวและท่ีบริเวณปลายฟิชเทปจะทาเป็นห่วง
คล้องเข้ากับสายไฟฟ้า เพ่ือป้องกันสายหลุดขณะท่ีกาลังร้อยสาย ลักษณะดังรูปท่ี
5.14 การร้อยสายควรปฏิบัติงาน อย่างน้อยสองคน กล่าวคือ คนหน่ึงส่งสายและ
อีกคนหนง่ึ ดึงสาย บางครง้ั อาจจะตอ้ งใช้สารลด ความฝืดแต่ต้องไม่เป็นอันตรายกับ
ฉนวนของสายไฟฟ้า
รปู ที่ 5.13 แสดงการประกอบทอ่ EMT.
รูปท่ี 5.14 การร้อยสายเขา้ ท่อ
8. ขอ้ ควรระวังในการตดิ ต้งั ทอ่ โลหะรอ้ ยสาย
การเดนิ สายไฟฟ้าในท่อร้อยสายจะประกอบดว้ ยขั้นตอนการดัดทอ่ การตัดท่อ การ
ประกอบท่อ การรอ้ ยสายไฟฟ้า และการติดตั้งอุปกรณ์
8.1 การดัดทอ่
1. มุมในการดัดท่อสาหรับการร้อยสายหนึ่งจุดต้องไม่เกิน 360 องศา ถ้า
มากกว่าน้ี จะทาใหล้ าบากในการร้อยสาย
2. เลือกเบนเดอร์ให้มีขนาดพอดีกับท่อที่จะดัดและระวังอย่าให้ท่อบุ๋มหรือ
แบน
8.2 การตัดทอ่
1. การตัดท่อทุกคร้ังควรใช้คัตเตอร์ตัดท่อ หรือเลื่อยตัดเหล็ก ยกเว้นท่อ
โลหะอ่อน (flexible) ใหใ้ ชค้ มี ตัด
2. บรเิ วณปลายทอ่ ท่ตี ัดต้องลบคมทุกครง้ั ดว้ ยรมี เมอร์หรอื วสั ดอุ นื่ ๆ
วิธีการตัดท่อ EMT
1) ตัดด้วยคตั เตอร์สาหรบั ตัดท่อ
คัตเตอร์สาหรับตัดท่อ EMT จะมีลักษณะคล้ายกับคัตเตอร์ตัดท่อทองแดงของ
ระบบปรบั อากาศ ขน้ั ตอนการตดั ท่อมดี ังน้ี
1.1 ทาเครอื่ งหมายในตาแหน่งท่ีจะตัดท่อ
1.2 คลายด้ามของคัตเตอร์ให้มีขนาดใหญ่กว่าท่อ EMT เล็กน้อย จากน้ันนา
คตั เตอร์สวมเข้ากับท่อ โดยวางใบมีดให้ตรงกบั เคร่อื งหมายทีก่ าหนดไว้
1.3 หมุนด้ามคัตเตอร์ให้ใบมีดสัมผัสกับท่อ จากน้ันหมุนด้ามคัตเตอร์อีก
เล็กน้อย เพือ่ ใหใ้ บมีดกดลงบนท่อ
1.4 ใช้มือข้างหน่ึงจับท่อและประคองคัตเตอร์ไว้ให้อยู่ในร่องของคัตเตอร์
ส่วน มืออีกข้างหน่ึงจับด้ามคัตเตอร์ให้หมุนไปรอบ ๆ ท่อ ประมาณ 2-3 รอบ
ขณะนี้จะสงั เกตเหน็ รอยคัตเตอร์ปรากฏอยู่ท่ีทอ่
1.5 หมุนด้ามคัตเตอร์ให้ใบมีดกดลึกลงไปอีกพอประมาณพร้อมกับหมุน
ด้าม คัตเตอร์ไปรอบ ๆ ท่อ
1.6 ปฏบิ ตั เิ ช่นนี้จนกระทัง่ ทอ่ ขาดออกจากกนั
ข้อควรระวงั คือ ไมค่ วรกดใบมดี มากเกินไป จะทาใหท้ ่อบบุ จนเสียรูปทรง
รปู ท่ี 5.15 ตดั ด้วยคัตเตอรส์ าหรับตดั ท่อ
1.7 ทาการลบคมทอ่ ดว้ ยการใช่รมี เมอร์ (reamer) ในทางปฏบิ ัติ ถ้าหาก
ไม่มี รมี เมอร์อาจจะใชค้ ีมช่างไฟฟา้ หรือคมี รวม สอดเขา้ ไปในทอ่ พร้อมกับหมนุ ไป
มาก็สามารถ ลบคมได้ในระดบั หน่ึง