ชือ่ และหนา้ ทีข่ องอุปกรณ์ควบคุมและวงจรภายในตสู้ วติ ชบ์ อร์ด
1. บสั บาร์ (busbar) สว่ นใหญ่จะเป็นบัสทองแดง (cu bus) แต่ละบัสจะ
ทาเป็นโค้ดสี เพ่ือให้ง่ายต่อการตรวจเช็คหรือการซ่อมแซมระบบ ตาม
รายละเอียดดังน้ี
- สีแดง แทนเฟส R (Red)
- สีเหลอื ง แทนเฟส S (Yellow)
- สนี า้ เงนิ แทนเฟส T (Blue)
2. หม้อแปลงกระแสไฟฟ้า นิยมเรียกสั้น ๆ ว่า ซีที (CT:
Current Transformer) ทาหน้าท่ี ปรับลดกระแสไฟฟ้าให้ต่าลง
ก่อนที่จะต่อเข้ากับแอมมิเตอร์ การนาซีทีมาติดตั้งจะต้องเลือก
อัตราส่วนการแปลง (ratio) ให้เหมาะสม เช่น CT 150/5 จะต้องใช้
แอมมิเตอรท์ ่ีมสี เกล 5A
3. สวิตช์เลือกย่านวัด นิยมเรียกทับศัพท์ว่า ซีเล็กเตอร์สวิตช์
(Selector Switch) ใช้สาหรับ ปรับเลือกยา่ นการวัดกระแสไฟฟ้าที่ไหล
ในแต่ละเฟส (เฟส R, S, T) โดยวงจรภายในส่วนหนึ่ง จะต่อร่วมกับ
แอมป์มิเตอร์ จึงเรียกว่า Selector Amp (SA) และถ้าหากต่อร่วมกับ
โวลต์มิเตอร์จะเรยี กวา่ Selector Volt (SV)
Selector Amp Selector Volt
4. แอมป์มิเตอร์ (ammeter) ใชส้ าหรับวดั กระแสไฟฟา้ โดยการต่อผ่าน
มาจาก Selector Amp
5. โวลตม์ เิ ตอร์ (Voltmeter) ใช้สาหรับวดั แรงดันไฟฟ้าโดยการตอ่ ผ่านมา
จาก Selector Volt
6. เครื่องวัดความถี่ (Frequency meter) เปน็ มเิ ตอร์ที่ไมต่ ้องการความ
ละเอียด ในการวัด โดยทัว่ ไปอาจจะใช้ class 2.5 หรือ 3.0
7. หลอดไฟสัญญาณ (pilot lamp) ใช้แสดงสัญญาณแรงดันในแตล่ ะเฟส
โดยทัว่ ไป จะแสดงดว้ ยหลอดสีแดง สเี หลือง และสีน้าเงนิ (R-Y-B)
8. รีเลย์ตรวจสอบเฟสและแรงดันไฟฟ้า (Phase and voltage monitor) ทาหน้าท่ีเป็น
ยาม คอยตรวจสอบระบบไฟฟา้ ดังนี้
ก. เม่ือแรงดันไฟฟ้าต่ากว่าปกติหรือสูงกว่าปกติ (under voltage/over voltage)
รีเลย์ จะส่ังตัดวงจรทันที โดยอาศัยวิธีการเปรียบเทียบกับค่าท่ีต้ังไว้ (setting point) เป็น
เปอรเ์ ซ็นต์
ข. เมือ่ ระบบไฟฟา้ ไมค่ รบเฟส หมายความว่าแรงดนั ไฟฟ้าเฟสใดเฟสหนง่ึ ขาดหายไป
ค. เม่อื ระบบไฟฟา้ สลับเฟส
9. เมนเซอร์กิตเบรกเกอร์ (Main Circuit Breaker: CB) นิยมเรียกส้ัน ๆ ว่า เมน ซีบี
ทาหนา้ ท่ีเปน็ อุปกรณ์ป้องกันระบบไฟฟ้าทั้งหมด โดยจะทางานประสานกันระหว่างรีเลย์ (ซึ่ง
ทาหน้าท่ีตรวจสอบความผิดของระบบ) กบั ซบี ี ซ่งึ ส่วนใหญจ่ ะนยิ มใชซ้ บี ี ชนดิ ที่มี coil trip
10. เซอร์กิตเบรกเกอร์ย่อย (Branch Circuit Breaker) หมายถึง ซีบี ที่มีขนาด
พิกัดต่าลง หรือนอ้ ยกวา่ เมน ซีบี ใช้สาหรับการควบคมุ วงจรยอ่ ยต่าง ๆ เช่น วงจรของ
โหลดเซ็นเตอร์ท่ี ควบคุมระบบแสงสว่างหรือระบบกาลังในแต่ละพื้นท่ี ทั้งนี้เพื่อความ
สะดวกในการควบคุมและ แยกเป็นอิสระในการตัดตอน
โดยทั่วไปจะเขียนแทนด้วย single line diagram ดังรูปท่ี 7.1
รูปท่ี 7.1 วงจรภายในตูส้ วติ ชบ์ อรด์
ตวั อย่างการต่อวงจรของอปุ กรณ์ประกอบต่าง ๆ
อุปกรณ์ประกอบต่างๆ ได้แก่ CT แอมมิเตอร์ (A) โวลต์มิเตอร์ (V) เครื่องวัดความถี่
(Hz) ซีเล็กเตอร์โวลต์ (SV) ซีเล็กเตอร์แอมป์ (SA) หลอดไฟสัญญาณและฟิวส์ป้องกัน
สามารถนามา ตอ่ รวมกนั เปน็ วงจร ดงั รปู ท่ี 7.2
รปู ที่ 7.2 แสดงการตอ่ วงจรภายในต้สู วติ ช์บอรด์
7.2.1 ข้อมูลพ้นื ฐานทางเทคนิคของรีเลยต์ รวจสอบเฟสและแรงดนั ไฟฟ้า
ข้อมลู ทางเทคนคิ ของรเี ลยต์ รวจสอบเฟสและแรงดันไฟฟ้า (อีกชนิดหนงึ่ ) แสดงดงั
ตารางท่ี 7.1
รูปท่ี 7.3 รีเลยต์ รวจสอบเฟสและแรงดันไฟฟ้า
ตารางท่ี 7.1 ข้อมลู ทางเทคนิคของรีเลยต์ รวจสอบเฟสและแรงดนั ไฟฟ้า (อกี ชนิดหน่ึง)
ขอ้ มลู พ้ืนฐาน รายละเอียด
Nominal voltage VN : ร่นุ / พิกดั แรงดนั
Voltage setting range : Max. 115% Vn ปรับไม่ได้ (ต้ังไว้เรียบร้อยแล้วจากโรงงาน)
Min. 80 - 100% Vn ปรับได้ด้วยปมุ่ ปรับบนหนา้ ปดั
Hysteresis : Approx. 2% of the set trip point
Setting accuracy : ± 1.5%
Repetitive accuracy : <± 0.5%
Switch off delay time : ปรบั ได้ต้ังแต่ 0.5 - 10 วนิ าทีหรือ 0.5 - 10 นาที แลว้ แตร่ นุ่
Temperature range : -5 ถงึ ±50° C
ขอ้ มูลพื้นฐาน รายละเอยี ด
Temperature influence : < 0.1%/° C
Overload capacity : 1.2 Vn อยา่ งตอ่ เนื่อง
Power consumption : 2VA
Free contact : แบบ Changeover จานวน 1 ชุด
Switching capacity : 220 Vac 380 Vac 24 Vdc
cos 1.0 3A 2A 3A
Life expectancy, contacts : >20 X 106 ครั้ง
Mounting position : ตาแหน่งใด ๆ ก็ไดต้ ามตอ้ งการ
Fast mounting : รางยึดมาตรฐาน ขนาด 35 มม. ตามมาตรฐาน
DIN 46 277
Electrical connection : ไดถ้ ึงสายขนาด 2.5 ตร.มม.
7.2.2 ตวั อยา่ งการติดตง้ั รเี ลยต์ รวจสอบเฟสและแรงดันไฟฟ้า
รเี ลย์แต่ละยห่ี อ้ แตล่ ะรุ่นอาจจะมวี งจรภายในแตกตา่ งกนั ในท่ีน้จี ะแสดงตัวอย่างการ
ติดตั้งใชง้ าน (อกี ชนิดหนง่ึ ) เพอื่ ความเข้าใจเบื้องตน้ ดงั รปู ท่ี 7.4
รปู ที่ 7.4 ตวั อยา่ งการติดตั้งรเี ลยต์ รวจสอบเฟสและแรงดันไฟฟา้ เพ่อื ควบคุมมอเตอร์
8.1 ระบบสญั ญาณ
8.1.1 กระดงิ่ หรอื ออดไฟฟา้ เป็นการสง่ สัญญาณเสียงใหอ้ ีกฝา่ ยหนง่ึ ทราบ เมื่อผู้รับ ได้ยินและเข้าใจกจ็ ะสง่
สญั ญาณกลับคนื จงึ เป็นการสื่อสารท่ีเข้าใจกนั ได้ระดับหน่งึ ดงั รูปท่ี 8.1 เม่อื โซนที่ 1 .กด Sw.1 ออดในโซนที่ 2
จะส่งสัญญาณเสียง และเม่ือโซนที่ 2 กด Sw.2 ออด ในโซนท่ี 1 ก็จะส่งเสียงดังเช่นกัน เป็นการตอบรับ
สญั ญาณซ่งึ กันและกนั นั่นเอง
รปู ท่ี 8.1 การใช้กระด่งิ หรอื ออดส่งและตอบรับสญั ญาณซ่งึ กันและกนั
8.1.2 ระบบติดต่อสื่อสารภายใน หรือท่ีเรียกว่า อินเตอร์คอม (intercommunication system) ใช้
ติดต้ังภายในโรงงานอุตสาหกรรม อาคารสานักงาน หรืออาคารสูงท่ัวไป ตามไดอะแกรม รูปท่ี 8.2
เป็นตัวอย่างเบ้ืองต้นของการติดต่อส่ือสารภายในอาคารขนาด 4 ช้ัน ประกอบด้วย ไมโครโฟน
ภาคขยาย (preamp: PA) ลาโพง (speaker: SP) สวติ ชต์ ัดต่อภายในชดุ ควบคุม
รปู ท่ี 8.2 แสดงไดอะแกรมระบบติดตอ่ สื่อสารภายใน อาคาร 4 ช้นั
8.2 ชนิดของอุปกรณต์ รวจจบั
ลักษณะการตรวจจบั สภาวะผิดปกติของสัญญาณเตือนภยั แบง่ ออกเปน็ 2 ลกั ษณะ คือ
ก. ใช้มนุษย์เป็นเคร่ืองตัวตรวจ เช่น เม่ือพบเห็นเพลิงไหม้จะต้องใช้มือดึง กด หรือทุบ
กระจก เพ่ือทาใหว้ งจรควบคุมทางานและสั่งให้อุปกรณ์กาเนิดสัญญาณเตือนภัยทางานต่อไป เช่น
เสยี งไซเรน เสียงออด หรอื กระดงิ่ เป็นต้น
ข. ใช้อุปกรณ์ตรวจจับแบบอัตโนมัติ จะอาศัยการทางานของอุปกรณ์ต่างๆ เช่น แสง
อินฟราเรด อปุ กรณต์ รวจจับความรอ้ น อปุ กรณ์ตรวจจบั ควันและสวติ ช์น้าไหล เป็นต้น
8.2.1 แสงอินฟราเรด (infraed detector) ส่วนมากจะติดต้ังไว้ในชุดซ่อนเร้นบริเวณ
ทางเข้า-ออก ตัวตรวจจับแสงอินฟราเรดประกอบด้วยตัวส่งและตัวรับซึ่งติดตั้งอยู่ผนังด้าน
ตรงข้าม เม่ือเดินตัดลาแสงจะทาให้เคร่ืองส่งสัญญาณกระตุ้นให้ระบบเตือนภัยส่งสัญญาณ
ทนั ที ดังรูปที่ 8.3
รปู ที่ 8.3 การตดิ ตั้งตวั ตรวจจบั แบบใช้แสงอนิ ฟราเรด
8.2.2 อปุ กรณ์ตรวจจบั ความร้อน (heat detector)
แบ่งออกเปน็ 2 ชนิด คือ
1. อุปกรณต์ รวจจบั ความรอ้ นแบบอณุ หภูมิคงท่ี จะทางานเมือ่ อณุ หภมู สิ ูงถึงระดบั ท่ี ตั้ง
ไว้ ภายในประกอบด้วยโลหะสองชนิดที่มีค่าสัมประสิทธ์ิการขยายตัวทางความร้อน
แตกตา่ งกัน เมือ่ ได้รับความรอ้ นจะงอตัวดนั หนา้ สัมผัสใหต้ ่อวงจรและจะกลับคืนตัวเมื่อ
อุณหภูมิลดลง ถ้าหาก ติดตั้งบนเพดานจะสามารถตรวจจับความร้อน ครอบคลุมพื้นท่ี
ประมาณ 60 - 70 ตารางเมตร
2. อุปกรณ์ตรวจจับความร้อนแบบจับการเพ่ิมข้ึนของอุณหภูมิ จะทางานเมื่ออุณหภูมิ
เพ่ิมข้ึนอย่างรวดเร็ว เช่น 10 องศาเซลเซียส ภายใน 1 นาที ดังน้ันการเปิด-ปิดพัดลม
ระบาย อากาศภายในห้องอาจจะมีผลต่อการทางานของอุปกรณ์ชนิดน้ี เม่ือติดตั้งบน
เพดานจะสามารถ ตรวจจับความร้อนครอบคลุมพ้ืนที่ประมาณ 90 ตารางเมตร
ลักษณะดงั รปู ที่ 8.4
รปู ท่ี 8.4 อปุ กรณ์ตรวจจบั ความรอ้ น
3. อุปกรณ์ตรวจจับควัน (smoke detector) จะติดตั้งในบริเวณท่ีคาดว่าจะเกิดการ ลุกไหม้อย่างช้า ๆ
และมคี วัน แบง่ ออกเป็น 2 แบบ คือ
ก. แบบใชแ้ สง ประกอบดว้ ยแหลง่ กาเนดิ แสงและตัวรบั แสง ดงั รปู ท่ี 8.5 (ก) ถา้ หากมีอนุภาคของควันลอย
ขึ้นมาบดบังลาแสง จะทาให้ความเข้มของแสงลดลง อุปกรณ์ตรวจ จับควันก็จะส่งสัญญาณกระตุ้นระบบ
เตอื นภัยทันที
ข. แบบอาศัยการเกิดไอออน เม่ือมีอนุภาคของควันลอยขึ้นมารวมตัวกับไอออน ท่ีบรรจุไว้ภายในตัว
ตรวจจับ จะทาให้คา่ ความนาลดลงจนถึงจดุ ทต่ี ัง้ ไว้กจ็ ะส่งสัญญาณกระตนุ้ ระบบเตอื นภัยทันที ดงั รปู (ข)
รปู ท่ี 8.5 อปุ กรณต์ รวจจบั ควนั
ตารางที่ 8.1 ข้อเสนอแนะสาหรบั การตดิ ตงั้ อปุ กรณต์ รวจจบั
หอ้ ง/พน้ื ท่ี ชนดิ อปุ กรณต์ รวจจับ
หอ้ งทางาน ตรวจจับความร้อน ตรวจจับควนั
หอ้ งสมดุ
ห้องทานอาหาร
หอ้ งครวั -
ห้องเก็บของ
หอ้ งน้า
หอ้ งพักผอ่ น
ห้องคอมพวิ เตอร์ สื่อสาร -
ห้องไฟฟ้า -
ลิฟต์ -
โรงรถ - -
-
4. สวิตช์น้าไหล (water flow switch) สวิตช์จะทางานเม่ือน้าไหลผ่าน ถ้าหากว่า เกิดเพลิงไหม้ หัวฉีด
(sprinkler) จะทางานฉีดพ่นน้า ทาให้น้าไหลผ่านสวิตช์น้าไหลซ่ึงต่ออยู่กับ ไมโครสวิตช์ก็จะส่งสัญญาณไป
กระตนุ้ ระบบเตอื นอัคคภี ัย (fire alarm) ทันที
8.3 อปุ กรณก์ าเนดิ สญั ญาณเตือนภัย
8.3.1 ชุดควบคมุ
ชุดควบคมุ เปน็ สมองของระบบ ทาหน้าที่รบั ขอ้ มูลท่ีสง่ มาจากอุปกรณ์ตรวจจับ จากนั้น จึงส่งสัญญาณไปให้อุปกรณ์กาเนิด
สัญญาณเตอื นภยั เพ่ือแสดงใหท้ ราบว่าได้เข้าสู่สภาวะฉุกเฉิน นอกจากนี้ยังแสดงสภาวะฉุกเฉินบนชุดควบคุม ได้แก่ ไฟกะพริบ
บนแผงหน้าปัดภายในชุดควบคุม ซ่ึงถูกออกแบบให้ทางานเฉพาะอย่างเป็นอิสระ ได้แก่ การแบ่งเขตพื้นที่หรือแยกโซนป้องกัน
โดยจะแสดงสภาวะการทางานของแต่ละโซนด้วยหลอดไฟสัญญาณ นอกจากน้ียังมีหลอดไฟ สัญญาณแสดงการใช้โทรศัพท์ มี
สวิตช์สาหรับทดสอบการทางานของระบบและสวิตช์อื่น ๆ ชุดควบคุมควรมีแบตเตอร่ีสารองไว้ใช้เม่ือไฟดับ เนื่องจากอัคคีภัย
หรอื สงิ่ ผดิ ปกติมโี อกาสท่จี ะ เกิดข้นึ ไดต้ ลอดเวลานั่นเอง
8.3.2 การทางานของระบบตรวจจบั
การทางานแบบอัตโนมัติแสดงเป็นบล็อกไดอะแกรม ดังรูปท่ี 8.7 สาหรับตัวอย่างชุด ควบคุมแสดง
ดังรูปที่ 8.8 ตัวอย่างวงจรเครื่องควบคุมสัญญาณเตือนภัยแสดงดังรูปที่ 8.9 และหน้าท่ีการใช้งานอธิบายตาม
ตารางที่ 8.2
รปู ที่ 8.7 บล็อก ไดอะแกรมระบบสญั ญาณเตอื นภยั อตั โนมตั ิ
รปู ที่ 8.8 ตัวอยา่ งชดุ ควบคุมสญั ญาณเตือนภยั
ตารางท่ี 8.2 ฟังก์ชนั การทางาน
หมายเลข ชือ่ /การทางาน
1 ชื่อแผงควบคมุ (Equipment name)
2 หลอดสญั ญาณเตอื นอัคคีภยั (Fire alarm lamp) จะติดสว่าง ถ้าเกดิ ไฟไหม้
3 หลอดไฟแสดงโซนที่เกดิ อัคคภี ัย (Fire zone lamp
4 ป้ายช่ือบอกโซนที่ตรวจสอบ (Zone name plate)
5 ส่งสัญญาณเสยี งเตือนใหท้ ราบ
6 ไฟเตือนตาแหนงสวติ ช์ (Switch position warming lamp)
7 หลอดไฟแสดงเหตุขดั ข้องของสาย (Line trouble lamp)
8 หลอดไฟแสดงเหตุขดั ข้อง (Trouble lamp) เม่อื เกดิ เหตผุ ิดปกตขิ ึน้ ในแผงควบคุม
9 หลอดแสดงการตรวจสอบสัญญาณเตือนภัย (Alarm verification lamp)
10 หลอดแสดงการจา่ ยไฟเขา้ เครือ่ ง (Power-on)
หมายเลข ชื่อ/การทางาน
11 หลอดไฟแสดงเมอื่ อปุ กรณ์สง่ เสียงเตือนภัยตัวหลกั ถูกทาใหเ้ งียบ (Main alarm silence lamp)
12 หลอดไฟแสดงการทาให้สัญญาณเตือนในแตล่ ะชนั้ เงียบ (Local alarm silence lamp)
13 หลอดไฟแสดงการทาใหส้ ญั ญาณเตือนเหตขุ ดั ข้องเงยี บ (Trouble alarm silence lamp)
14 หลอดไฟแสดงการทดสอบแหลง่ จ่ายไฟสารอง (Auxiliary power test lamp)
15 หลอดไฟแสดงการตดั การสง่ สญั ญาณเตือนภัย (Alarm signal cut-off lamp)
16 หลอดไฟแสดงการตรวจสอบกลบั สญั ญาณเตือนภัย (Alarm verification release lamp)
17 หลอดไฟแสดง Auto/self reset
18 สวิตช์ควบคมุ การสง่ สัญญาณเตอื น (Main alarm silencing switch)
หมายเลข ชอื่ /การทางาน
19 สวติ ชก์ ดเพ่ือทาให้สญั ญาณในแตล่ ะชนั้ เงียบลง (Local alarm silencing switch)
20 สวติ ชก์ ดเพอ่ื ใหส้ ัญญาณเตือนเหตุขัดข้องต่าง ๆ เงยี บลง (Trouble alarm silencing switch)
21 สวิตชท์ ดสอบสัญญาณ (Alarm test switch)
22 สวิตชท์ ดสอบแหล่งจ่ายไฟสารอง (Auxiliary power test switch)
23 สวติ ช์กดเพอ่ื ตัดสญั ญาณที่จะส่งไปยงั อุปกรณ์ตา่ ง ๆ (Alarm signal cut-off switch)
24 สวติ ช์ตรวจสอบกลบั สัญญาณเตอื นภัย (หน่วงเวลา) (Alarm verification release switch)
25 สวติ ช์กดเลอื กโหมดการทางาน (Auto/self reset switch)
26 สวิตชร์ ีเซ็ตสญั ญาณเตือน (Alarm reset switch)
27 ฝาครอบสวติ ช์ (Switch cover)
จดุ ประสงคก์ ารสอน
9.1 รรู้ ะดบั ความสามารถในการปอ้ งกนั ส่งิ แปลกปลอมเลด็ ลอด
9.1.1 บอกประกาศกรมโยธาธกิ ารเกยี่ วกบั สถานท่ีอนั ตรายและสถานทไี่ วไฟ
9.1.2 บอกกลมุ่ แกส๊ และสารระเหยชนดิ ไวไฟ
9.2 รู้การตดิ ตง้ั การใชง้ านและปา้ ยเตอื นความปลอดภยั
9.2.1 บอกการตดิ ตง้ั และการใชง้ าน
9.2.2 บอกปา้ ยเตอื นความปลอดภยั
9.2.3 บอกตวั อย่างอปุ กรณ์ไฟฟา้ ทีท่ นการระเบดิ
9.1 ระดบั ความสามารถในการป้องกนั สงิ่ แปลกปลอมเลด็ ลอดเขา้ อปุ กรณไ์ ฟฟา้
การแบ่งระดบั การป้องกนั ส่ิงห่อห้มุ อปุ กรณ์ไฟฟา้ ตามมาตรฐานสากลจะแสดงดว้ ยสัญลักษณ์ IP (IP
degree of protection) และตวั เลข 2 ตัว ตามประเภทของการปอ้ งกนั หากไมไ่ ด้กาหนด ไวจ้ ะแทนด้วย “-
” หรอื “X” หรือเวน้ ว่างไว้ ดงั ตารางที่ 9.1
กี่ยวกบั สถานทอี่ ันตรายและสถานท่ีไวไฟ
ตามประกาศกรมโยธาธกิ าร ประกาศ ณ วันที่ 18 สิงหาคม 2529 เร่ือง “การกาหนด ประเภทของ
บริเวณอันตราย และระยะห่างของบริเวณอันตรายของสถานท่ีบรรจุแก๊สและสถานท่ี เก็บแก๊สแต่ละประเภทท่ี
จะตอ้ งใช้ระบบไฟฟ้า เคร่ืองใช้ไฟฟ้า และอุปกรณไ์ ฟฟา้ ใหไ้ ดม้ าตรฐาน ข้นั ตา่ ” ได้แบ่งบรเิ วณอนั ตรายออกเป็น
3 ประเภท คือ ประเภทที่ 1 ประเภทที่ 2 ประเภทที่ 3 ตามปริมาณความเข้มข้นของแก๊สท่ีอาจมีในบริเวณนั้น
ๆ
ขอ้ 91 ใหก้ รมโยธาธกิ ารกาหนดประเภทของบรเิ วณอันตรายและระยะห่างของบริเวณ อันตรายของ
สถานท่ีบรรจุแก๊ส และสถานท่ีเก็บแก๊สแต่ละประเภทที่ต้องใช้ระบบไฟฟ้า เคร่ืองใช้ ไฟฟ้า และอุปกรณ์
ไฟฟา้ ให้ได้มาตรฐานขั้นต่า
ข้อ 92 ระบบไฟฟ้า เครื่องใช้ไฟฟ้า และอุปกรณ์ไฟฟ้าท่ีใช้ในบริเวณอันตรายของสถานที่ บรรจุแก๊ส
และสถานทเี่ กบ็ แกส๊ ตอ้ งไดม้ าตรฐานขั้นตา่ ดงั น้ี
(1) แผงไฟฟ้า สวิตช์ไฟฟ้า เต้ารับและเต้าเสียบ สะพานไฟ สวิตช์ตัดตอน โคมไฟฟ้า สายไฟฟ้า
เคร่ืองใช้ไฟฟ้า หรืออุปกรณ์ไฟฟ้า เช่น โทรศัพท์ กระบอกไฟฉาย กร่ิงไฟฟ้า และ อ่ืน ๆ ต้องเป็นชนิดที่
เหมาะสมสาหรบั ใช้ในบรเิ วณอนั ตราย ทง้ั น้ี ตามทก่ี รมโยธาธกิ ารกาหนด
(2) การเดินสายไฟฟ้าและการติดต้ังเคร่ืองใช้ไฟฟ้า หรืออุปกรณ์ไฟฟ้า ให้เป็นไปตาม หลักเกณฑ์ หรือ
วิธกี าร และเงอื่ นไขท่กี รมโยธาธิการกาหนด
ข้อ 94 เม่ือติดตั้งระบบไฟฟ้า เคร่ืองใช้ไฟฟ้า หรืออุปกรณ์ไฟฟ้าเสร็จแล้ว ให้ผู้รับใบอนุญาต ประกอบ
กจิ การบรรจุแก๊สของสถานที่บรรจุแก๊สหรือเจ้าของหรือผู้ครอบครองสถานท่ีเก็บดังกล่าว ยื่นหนังสือขอรับ
การตรวจสอบและหนังสือรับรองการปฏิบัติตามข้อ 92 จากส่วนราชการ หรือ รัฐวิสาหกิจท่ีกรมโยธาธิการ
ประกาศ ในการตรวจสอบการติดทั้งระบบไฟฟ้า เคร่ืองใช้ไฟฟ้า หรืออุปกรณ์ไฟฟ้า และการออก หนังสือ
รับรองการปฏิบัติตามข้อ 92 ให้ส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจที่กรมโยธาธิการประกาศ เรียกเก็บค่า
ตรวจสอบได้ในอัตราทีเ่ หมาะสม
9.1.2 กล่มุ แกส๊ และสารระเหยชนิดไวไฟ
เชื้อเพลิงท่ีเป็นแก๊สจะควบคุมได้ลาบากเพราะมองไม่เห็น เมื่อเกิดการร่ัวหรือระเหยจะไม่ สามารถ
ควบคมุ ปรมิ าณได้งา่ ยนัก โดยเฉพาะชนิดทีไ่ ม่มกี ลน่ิ สาหรับเช้ือเพลิงเหลว เมื่อได้รับ ความร้อนจะระเหย
กลายเป็นไอเพ่ิมข้ึน และถ้าหากว่าไอเชื้อเพลิงที่ลอยอยู่เหนือผิวหน้าของ เช้ือเพลิงไม่มีการระบายถ่ายเท
ออก จะสะสมจนมีปริมาณความเข้มข้นมากจนถึงจุดลุกติดไฟ (fire point) ก็จะติดไฟได้เม่ือเกิดประกาย
ไฟ สาหรับคาศัพทท์ ่ีควรทราบมดี งั น้ี
ก. จุดไวไฟ (Flash point) คือ จุดอุณหภูมิท่ีสูงพอท่ีจะทาให้เช้ือเพลิงเหลวระเหยตัว กลายเป็นไอท่ีมี
ปรมิ าณมากพอทีจ่ ะลกุ ติดไฟไดเ้ มอื่ มปี ระกายไฟทเี่ หมาะสมมาจดุ และเมื่อ ไอเชื้อเพลิงที่อยู่เหนือผิวน้ามัน
นั้นลุกไหม้หมดแล้ว (ซึ่งปกติกินเวลาน้อยมาก) ไฟก็จะดับข. จุดลุกติดไฟได้เอง (Autoignition
Temperature) คือ จุดอุณหภูมิที่ทาให้น้ามันเช้ือเพลิง เกิดการจุดติดไฟและจุดเป็นไฟข้ึนได้เอง โดย
ปราศจากประกายไฟจากภายนอก
ค. เปอรเ์ ซ็นต์สว่ นผสมเช้อื เพลิงในอากาศ (Percentage Mixture) คือ จานวนไอของ เชื้อเพลิงท่ีแขวนลอย
หรือผสมอยูใ่ นอากาศ คดิ เปน็ เปอรเ์ ซน็ ตต์ อ่ ปริมาตรของไอเช้ือเพลิงต่อ ปริมาตรของอากาศ ถ้าหากส่วนผสมต่า
เกนิ ไปหรือสูงเกนิ ไปจะไม่ลกุ ตดิ ไฟ
- LFL (Lower Flammability Limits) คือ เปอรเ์ ซ็นตส์ ่วนผสมตา่ สุดทล่ี ุกติดไฟได้
- UFL (Upper Flammability Limits) คอื เปอร์เซ็นต์สว่ นผสมสูงสดุ ทตี่ ิดไฟได้