The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by startstop48, 2021-08-04 06:27:03

วิชาความหลากหลายทางชีวภาพ ม.6

เอกสารประกอบการเรียน

Keywords: ความ

เอกสารประกอบการเรียน

หลักสตู รโรงเรยี นวทิ ยาศาสตร์จฬุ าภรณราชวิทยาลยั นครศรธี รรมราช
ระดบั ชัน้ มัธยมศึกษาตอนปลาย

รายวิชา ว 30244 ความหลากหลายทางชวี ภาพ

ชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ 6

เอกสารลาดบั ท่ี 123/2561 เรียบเรียงโดย
กลุม่ บริหารวิชาการ
ครกู ลุ ธดิ า ขนั สขุ และคณะ
กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์
โรงเรยี นวทิ ยาศาสตรจ์ ุฬาภรณราชวิทยาลยั

นครศรธี รรมราช
สานกั งานเขตพน้ื ทีก่ ารศึกษามัธยมศึกษา เขต 12

ช่อื ...............................................................เลขท่ี.......................ช้นั ..............................



คำนำ

เอกสารประกอบการเรยี นฉบบั น้ใี ช้ประกอบการเรยี นวิชา ว 30244 ความหลากหลายทางชีวภาพ
เอกสารฉบบั นมี้ เี น้ือหาครบถว้ นสมบรู ณ์ตรงตามตวั ช้วี ดั และวัตถปุ ระสงค์ของหลักสูตรโรงเรยี นวิทยาศาสตร์
ภูมิภาค เพื่อใช้ประกอบการจัดกระบวนการเรียนรู้สำหรับนักเรียนระดับช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียน
วิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย นครศรีธรรมราช เนื้อหาของเอกสารประกอบการเรียนประกอบไปด้วย
ความหลากหลายของส่ิงมีชีวิต ไวรัสและอนุภาคท่ีมีชีวิต อาณาจักรมอเนอรา อาณาจักรโปรติสตา อาณาจักร
เห็ดรา อาณาจักรพืช อาณาจักรสัตว์ ระบบนิเวศ และพฤติกรรมสัตว์ คณะผู้เรียบเรียงหวังเป็นอย่างยิ่งว่า
เอกสารประกอบการเรียนฉบับนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับนักเรียนและผู้ที่สนใจ และหากเอกสารประกอบการ
เรยี นฉบับน้ีผดิ พลาดประการใดทางผู้เรียบเรยี งขออภัยไว้ ณ ท่ีนี้ดว้ ย

ผเู้ รยี บเรยี ง

สารบญั หน้า

เรอ่ื ง 1

บทท่ี 1 ความหลากหลายของสิ่งมชี ีวติ 13
37
1.1 ความหลากหลายทางชีวภาพ 49
75
1.3 อนุกรมวธิ าน 88
1.3 ไวรา (Kingdom Vira) และอนภุ าคทมี่ ีชีวิต (Particle Living) 99
1.4 อาณาจักรมอเนอรา (Kingdom Monera) 129
1.5 อาณาจักรโปรติสตา (Kingdom Protista) 179
1.6 อาณาจักรเหด็ รา (kingdom Fungi) 179
1.7 อาณาจักรพชื (Kingdom Plantae) 182
1.8 อาณาจักรสัตว์ (Kingdom Animalia) 184
บทท่ี 2 ระบบนเิ วศ 203
2.1 ความหมาย องค์ประกอบ และประเภทของระบบนิเวศ 215
2.2 ชีวมณฑล (Biome) 223
2.3 นเิ วศวทิ ยาของกลุ่มสงิ่ มชี ีวติ 228
2.4 นเิ วศวทิ ยาของระบบนเิ วศ 234
2.5 การเปลย่ี นแปลงแทนที่ 236
2.6 นิเวศวทิ ยาของประชากร 239
2.7 ชวี วทิ ยาเชิงอนรุ ักษ์ 244
บทท่ี 3 พฤติกรรม 244
3.1 พฤติกรรมทม่ี ีมาแต่กำเนิด 254
3.2 พฤติกรรมทีเ่ กดิ จากการเรียนรู้
3.3 พฤติกรรมนเิ วศ
3.5 การปรบั ตวั ของส่ิงมีชวี ติ
3.4 พฤติกรรมสงั คม

เอกสารอา้ งอิง

เอกสารประกอบการเรียน วิชา ความหลากหลายทางชวี ภาพ (ว30244) 1/2563 บทที่ 1 ความหลากหลายทางชวี ภาพ

บทท่ี 1
ความหลากหลายทางชวี ภาพ (Biodiversity)

ความหมาย
ความหมายของ Biodiversity

Bio = life = สิ่งมีชีวิต
Diversity = Variety = เป็นจำนวนมากและแตกต่างกัน
ความหลากหลายทางชีวภาพ (biodiversity) หมายถึง ส่ิงมีชีวิต และพันธุกรรมท้ังหมดท่ีปรากฏอยู่ในโลกนี้ มี
ความหมายกว้างครอบคลุมทุกส่ิงทุกอย่างที่เก่ียวขอ้ งกับส่ิงมีชวี ิตไม่วา่ จะเป็นภายในของส่ิงมีชีวิต ระหว่างสิ่งมีชีวิตชนิด
เดียวกัน ระหว่างส่ิงมีชีวิตต่างชนิดที่อยู่รวมกันสามารถบ่งช้ีความอุดมสมบูรณ์ได้จากจำนวน และชนิดของส่ิงมีชีวิต ท่ี
พบในพ้ืนทอ่ี ันจำกัดบริเวณหน่งึ

ประเภทของความหลากหลายทางชวี ภาพ
การศึกษาความหลากหลายทางชวี ภาพ สามารถแบง่ ย่อยออกไดเ้ ป็น 3 ระดับ คอื
1. ความหลากหลายทางพนั ธุกรรม (Genetic diversity)
หมายถงึ ความหลากหลายทางพันธกุ รรมทส่ี ่ิงมชี วี ิตแตล่ ะชีวิตได้รับการถ่ายทอดมาจากบรรพบรุ ษุ และสง่ ตอ่ ไป

ยังรุ่นต่อไป เช่น ลักษณะความหลากหลายของลวดลาย และสีม้าลายซ่ึงลักษณะทางพันธุกรรมท่ีได้รับการถ่ายทอดน้ัน
ผ่านทางยีนส์ (genes) ท่ีมีอยู่ในส่ิงมีชีวิตแต่ละชนิด แต่ละประเภท ซึ่งส่งผลให้สิ่งมีชีวิตชนิดเดียวกันอาจมีลักษณะ
เหมอื นกนั หรือมีแตกต่างกันไปตาม ยนี ส์ (genes) ท่ีได้รบั การถ่ายทอดมาจากบรรพบรุ ุษ

ตวั อย่าง เช่น ความหลากหลายทางพันธกุ รรมของครอบครวั ทีอ่ าจมีความแตกตา่ งกนั ในเร่อื งของสีผม สผี ิว สี
ของนยั นต์ า และความสงู เปน็ ต้น

ภาพท่ี 1 ความหลากหลายระดับพนั ธกุ รรมของมนุษย์
ที่มา : http://existentiella.blogspot.com/2010

2
2. ความหลากหลายทางชนดิ พนั ธุ์ (Species diversity)
หมายถึง จำนวนประเภทชนิด และจำนวนปริมาณหน่วยสิ่งมีชีวิตท่ีเป็นสมาชิก ของแต่ละชนิดท่ีมีอยู่ใน พ้ืนท่ี
ของประชากรนั้น ๆ หรือหมายถึงความหลากหลายของชนิดสิ่งมีชีวิต (species) ที่มีอยู่ในพื้นท่ีหนึ่งนั่นเอง ปัจจุบัน
นกั วทิ ยาศาสตรไ์ ด้กำหนด ส่งิ มชี วี ติ ทั้งหมดท่วี ิวฒั นาการอยบู่ นโลกน้ีในปจั จุบนั มีจำนวนชนิดอยูร่ ะหว่าง 2-30 ล้านชนิด
โดยทีม่ บี ันทกึ อยา่ งเปน็ ทางการแลว้ ประมาณ 1.4 ลา้ นชนิด

ภาพที่ 2 ความหลากหลายของชนดิ ของส่ิงมชี วี ิต
ท่มี า : https://www.ck12.org/biology/Biodiversity/lesson/Biodiversity-BIO

3. ความหลากหลายทางระบบนิเวศ (Ecological diversity)
คือ ความซับซ้อนของลักษณะพื้นท่ี ที่แตกต่างกันในแต่ละภูมิภาคของโลก เมื่อประกอบกบั สภาพภูมิอากาศ

ลักษณะภูมิประเทศทำให้เกิดระบบนิเวศ หรือถ่ินท่ีอยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตที่แตกต่างกันไป การท่ีเราจะค้นพบสิ่งมีชีวิต
อาศัยอยู่ในแตล่ ะพ้นื ทไี่ ดโ้ ดยผ่านการคัดเลือกตามธรรมชาตติ ามกระบวนการววิ ัฒนาการของสิ่งมชี วี ิต แตล่ ะชนิด

ภาพที่ 3 ความหลากหลายทางระบบนเิ วศ
ทม่ี า : https://www.picswe.com/pics/eco-diversity-c5.html

3

ความหลากหลายทางชีวภาพในประเทศไทย
ประเทศไทยเป็นหน่ึงใน 20 ประเทศที่มีทรัพยากรชีวภาพหลากหลายมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก พันธุ์พืช พันธ์ุ

สัตว์รวมท้ังความหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity) หรือ ทรัพยากรชีวภาพ (Bio resource) เป็นฐานสำคัญของ
การเกษตร ยารักษาโรค และต่อเศรษฐกิจทั้งระดับท้องถิ่นและระดับประเทศ สาเหตุสำคัญที่ทำให้ในพื้นที่ป่าตาม
ธรรมชาตใิ นประเทศไทยมคี วามหลากหลายของ พนั ธพุ์ ชื และพนั ธ์ุสตั วเ์ ป็นอย่างมาก เนือ่ งจากเหตผุ ล
หลายประการ ได้แก่

1. ประเทศไทยต้ังอยู่ในโซนร้อนเหนือเส้นศูนย์สูตรเล็กน้อยและอยู่ติดทะเล จึงมีสภาพภูมิอากาศท่ีเหมาะสม
ต่อการอยู่รอด การเจริญเติบโตและการแพร่พันธุ์ของสิ่งมีชีวิตหลายชนิดตลอดปี อย่างไรก็ตามสภาพภูมิอากาศจะ
แตกต่างกันบ้างในภาคต่าง ๆ ซึ่งขึ้นอยู่กับตำแหน่งท่ีต้ังของภาคและระดับความสูงต่ำของพื้นท่ี แต่โดยภาพรวมแล้ว
ประเทศไทยจะไม่มีการเปล่ียนแปลงที่รนุ แรงและรวดเรว็ มากเหมือนในเขตอบอ่นุ และเขตหนาว จงึ ไม่เปน็ ปัจจยั จำกัดใน
การดำรงชวี ิตของส่งิ มชี ีวิต

2. มคี วามแตกต่างกันของสภาพภูมิประเทศและภูมอิ ากาศในแต่ละภูมิภาคของประเทศไทย เช่น ภาคเหนือเป็น
ภูเขาสูง อุณหภูมิตำ่ ในฤดูหนาว ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเปน็ ที่ราบขนาดใหญ่มีสภาพภูมิอากาศค่อนข้างแห้งแล้ง ภาค
กลางเป็นท่ีราบลุ่ม ภาคใต้เป็นเขาสูงสลับพื้นท่ีราบ บริเวณมีมรสุมพัดผ่านตลอดทั้งปี บางพื้นท่ีในภาคตะวันออก ภาค
กลาง และภาคใต้ที่อยู่บริเวณปากแม่นำ้ เป็นต้น จากสภาพท่ีมคี วามหลากหลายของภูมปิ ระเทศและภูมอิ ากาศในพืน้ ที่ที่
อยู่ในระดับความสูงจากระดับน้ำทะเลท่ีต่างกัน มีปริมาณน้ำฝน อุณหภูมิและปัจจัยอ่ืน ๆ เช่น สภาพพื้นดินท่ีแตกต่าง
กนั ได้เอ้ืออำนวยให้เกิดความหลากหลายของประเภทของป่าตามธรรมชาติ เช่น 1). ป่าไม่ผลัดใบ เช่น ป่าดิบเขา ป่าดิบ
แล้ง ป่าชายเลน 2). ป่าผลัดใบ เช่น ป่าเต็งรัง ป่าเบญจพรรณ และ 3). ป่าที่มีลักษณะพิเศษ เช่น ป่าชายหาด ป่าเขา
หินปนู เปน็ ตน้ ซึง่ ป่าแตล่ ะประเภทจะมีลักษณะทเี่ ฉพาะตัวและมีส่ิงมีชีวติ ทป่ี รับตวั อาศัยอยู่ในแต่ละพนื้ ทแี่ ตกตา่ งกัน

3. ประเทศไทยอยู่ในบริเวณศูนย์กลางท่ีมีการกระจายพันธุ์ของพืชและสัตว์ กล่าวคือ เป็นเขตซ้อนทับกันของ
กลุ่มพรรณพฤกษชาติ (Floristic Region) ถึง 3 กลุ่มคือ กลุ่มอินโด - เบอร์มีส (Indo-Burmese elements) กลุ่มอิน
โด-ไชนิส (Indo-Chinese elements) และกลุ่มมาเลเซีย (Malaysian elements) ในส่วนของสัตว์ป่า ประเทศไทยถือ
เป็นจุดซ้อนทับของเขตสัตวภูมิศาสตร์ (Zoological Region) 3 เขตเช่นกันคือ เขตชิโน-หิมาลัย (Shino-Himalayan)
เขตอินโด-ไชนีส (Indo-Chinese) และเขตชนุ ดา (Sundaic)

ประโยชน์ของความหลากหลายทางชีวภาพ
มนษุ ยส์ ามารถได้รบั ประโยชน์จากความหลากหลายทางธรรมชาติในหลาย ๆ ดา้ น ดงั นี้
1. ประโยชน์ด้านการบรโิ ภคใช้สอย หมายถึง ประโยชนข์ องความหลากหลายทางชวี ภาพทเ่ี ปน็ ทรัพยากร ทาง

ธรรมชาตอิ นั เอ้ือต่อปจั จัยในการดำรงชีวติ ใหแ้ กม่ นุษย์ เช่น ดา้ นอาหาร เครือ่ งนุ่งห่ม ทีอ่ ยูอ่ าศัย ยารักษาโรค เป็นต้น
- ด้านการผลิตอาหาร มนษุ ยร์ ับอาหารจากพชื และสตั ว์ พชื ไมน่ ้อยกวา่ 5,000 ชนดิ ที่ สามารถนำมา

ประกอบอาหารได้ และไม่น้อยกวา่ 150 ชนิดท่ีมนุษย์นำมาเพาะปลกู เปน็ อาหารของมนุษยแ์ ละสัตว์ แต่มเี พยี ง 20 ชนดิ
เทา่ นน้ั ท่ใี ช้เปน็ อาหารหลกั ของประชากรโลก คือ พวกแปง้ ได้แก่ ข้าว ข้าวโพด ขา้ วสาลี มนั ฝรง่ั ความหลากหลายทาง
ธรรมชาตทิ ี่มนษุ ย์นำมาใชเ้ ป็นแหลง่ อาหารจะเปน็ แหลง่ วตั ถุดิบทถ่ี ูกนำมาใช้ในการปรบั ปรุงคดั เลือกพนั ธ์ุเพ่ือให้ได้ผล
ผลิตมากขึน้

4

- ด้านการแพทย์ มกี ารใชป้ ระโยชนจ์ ากพืชและสตั วใ์ นทางการแพทยม์ ากมายประมาณร้อยละ 25
ของยารักษาโรคผลิตข้ึนมาจาก พชื ดั้งเดมิ เชน่ การนำพชื พวก ชินโคนา (cinchona) ผลติ ยาควินินท่ีใชร้ กั ษาโรค
มาลาเรีย

2. ประโยชนด์ ้านการผลติ ด้านการอุตสาหกรรม ผลผลิตของป่าทน่ี ำมาใชป้ ระโยชนไ์ ม่ว่าจะโดยตรง เชน่
การปา่ ไม้ ของป่า หรอื โดยอ้อม เช่น การสกดั สารเคมีจากพืชในปา่

3. ประโยชน์อ่ืน ๆ อันได้แก่คณุ ค่าในการบำรุงรกั ษาระบบนเิ วศใหส้ ามารถดำรงอยู่ได้ และดแู ลระบบนเิ วศ ให้
คงทน เชน่ การรกั ษาหน้าดินการตรงึ ไนโตรเจนสู่ดนิ การสังเคราะห์พลังงานของพชื การควบคุมความช้ืน
เป็นตน้ ซ่งึ จดั เปน็ ประโยชนท์ ่สี ำคญั ตลอดทง้ั ในดา้ นนันทนาการและการท่องเทยี่ วของมนุษย์

เอกสารประกอบการเรียน วิชา ความหลากหลายทางชีวภาพ (ว30244) 1/2563 บทท่ี 1 ความหลากหลายทางชวี ภาพ

คำช้แี จง ใบงานที่ 1 ความหลากหลายทางชวี ภาพคอื อะไร

1. ใหน้ กั เรยี นศึกษาภาพท่กี ำหนดให้ 2 ภาพต่อไปนี้
2. ให้นักเรยี นตอบคำถามใต้ภาพ 4 ข้อ ใหถ้ ูกตอ้ ง

ภาพ ก ทุง่ ทานตะวัน ภาพ ข ดอกไม้ในสวนหย่อม

 ให้เปรยี บเทียบชนิดของดอกไม้จากทงั้ 2 ภาพ
............................................................................................................................. ................................

 ขนาดของประชากรของพชื ภาพใดมีกวา่ กัน
……………………………………………………………………................................................................................

 ภาพใดมีความหลากหลายของพืชพนั ธมุ์ ากกวา่
............................................................................................................................................................

 นกั เรียนคดิ ว่าปัจจัยที่ทำให้เกิดความหลากหลายมอี ะไรบ้าง
........................................................................................................... .................................................
............................................................................................................................. ...............................

5

เอกสารประกอบการเรยี น วชิ า ความหลากหลายทางชวี ภาพ (ว30244) 1/2563 บทที่ 1 ความหลากหลายทางชวี ภาพ

ใบงานท่ี 2 ระดับของความหลากหลายทางชวี ภาพ

คำชแ้ี จง ใหน้ ักเรียนศึกษาใบความรู้ เรื่อง ความหลากหลายทางชีวภาพ แล้วทำกิจกรรมต่อไปน้ี

วัตถุประสงค์ เพื่อใหน้ ักเรียนสามารถจำแนกประเภทหรือระดับของความหลากหลายทางชีวภาพจาก
สถานการณต์ ่าง ๆ ได้

วัสดุอุปกรณ์

1. รปู ภาพและคำอธบิ ายสถานการณต์ ่าง ๆ เกี่ยวกับความหลากหลายทางชวี ภาพ
2. ใบความรู้ เร่อื ง ความหลากหลายทางชวี ภาพ

วิธกี ารทำกจิ กรรม

1. ใหน้ กั เรยี นศึกษาใบความรู้ เร่ือง ความหลากหลายทางชีวภาพ
2. ให้สงั เกตแผ่นภาพตา่ ง ๆ แล้วระบุว่าแผ่นภาพนั้นเป็นความหลากหลายระดบั ใด
3. เขยี นคำตอบลงในแบบบนั ทึกผล
4. แลกเปลยี่ นเรียนร้ภู ายในกล่มุ

1 23

ภาพที่ 1

ทม่ี า: (1)https://www.scientificamerican.com/podcast/episode/fishy-trick-lures-life-back-to-coral-reefs;
(2)https://www.shop888mall.com/blogs/news/article-96; (3)http://thaiastro.nectec.or.th/activity/271

6

เอกสารประกอบการเรยี น วชิ า ความหลากหลายทางชวี ภาพ (ว30244) 1/2563 บทที่ 1 ความหลากหลายทางชวี ภาพ

1 23

ภาพท่ี 2

ที่มา: (1)http://gg.gg/g4jdq, (2)http://gg.gg/g4jdy, (3)http://gg.gg/g4je0

ภาพที่ 3

ทมี่ า: http://gg.gg/g4jhp

ภาพที่ 4
7

เอกสารประกอบการเรยี น วิชา ความหลากหลายทางชีวภาพ (ว30244) 1/2563 บทท่ี 1 ความหลากหลายทางชวี ภาพ

ทม่ี า: http://gg.gg/g4jif

12

ภาพท่ี 5

ทม่ี า: (1)https://www.sanook.com/news/811912; (2)http://okyoutime.blogspot.com/2017/04/09.html

12 3

ภาพท่ี 6

ที่มา: (1)http://www.rommit.com/view/57856a82c873e7e23fdc4492;
(2)http://catstory90.blogspot.com/2014/06/korat-cat-silverblue.html;

(3)http://www.rommit.com/view/57856a82c873e7e23fdc4492

12 3

ภาพที่ 7

ทีม่ า: https://unsplash.com/photos/sCa07qU69sk;
https://www.coolaboo.com/earth-science/temperate-forest-biome;

https://www.wettropics.gov.au/-plant-communities

8

เอกสารประกอบการเรียน วิชา ความหลากหลายทางชวี ภาพ (ว30244) 1/2563 บทที่ 1 ความหลากหลายทางชวี ภาพ

ภาพท่ี 8

ท่มี า: http://sasicham13.blogspot.com/2012/10/evolution-natural-selection-snails-and.html.

ภาพที่ 9

ที่มา: http://blog.pridebites.com/features/what-does-your-favorite-dog-breed-say-about-you

ภาพที่ 10
9

เอกสารประกอบการเรียน วชิ า ความหลากหลายทางชวี ภาพ (ว30244) 1/2563 บทที่ 1 ความหลากหลายทางชวี ภาพ

บนั ทึกผล ความหลากหลายระดับ เหตุผล
ภาพท่ี
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10

☺☺☺☺☺☺☺☺☺☺☺☺☺☺☺☺☺☺☺☺☺☺☺☺☺☺☺☺☺☺☺☺☺☺☺☺☺☺☺☺☺☺☺☺☺☺

10

เอกสารประกอบการเรียน วชิ า ความหลากหลายทางชีวภาพ (ว30244) 1/2563 บทที่ 1 ความหลากหลายทางชีวภาพ

คำช้แี จง ใบงานท่ี 3 สรุปความเขา้ ใจ

ให้นักเรยี นรว่ มกันอภิปรายและสรุปความเข้าใจหลังทำกิจกรรม โดยตอบคำถามต่อไปน้ี

1. ความหลากหลายทางชีวภาพ หมายถึงอะไร
.............................................................................................................................................. ..................................
………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….

2. ความหลากหลายทางชวี ภาพมีก่รี ะดบั อะไรบา้ ง
.............................................................................................................................................. ..................................
………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………………

3. ความหลากหลายทางพันธุกรรมเกดิ จากอะไร มีลกั ษณะเปน็ อย่างไร พรอ้ มยกตัวอยา่ ง
............................................................................................................................... .................................................
………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………………

4. ความหลากหลายของสปชี ีส์ พจิ ารณาจากสง่ิ ใดเป็นหลกั
................................................................................................................................................................................
………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………………

5. ระบบนิเวศคืออะไร เพราะเหตใุ ดจงึ มีความหลากหลายของระบบนิเวศ
.............................................................................................................................................................................. ..
………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….

6. ความหลากหลายทางชวี ภาพมีประโยชน์ในด้านใดบ้าง อธิบาย
............................................................................................................................................ ....................................
………………………………………………………….…………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….

11

เอกสารประกอบการเรยี น วิชา ความหลากหลายทางชวี ภาพ (ว30244) 1/2563 บทที่ 1 ความหลากหลายทางชีวภาพ

ใบงานท่ี 4 การสญู เสยี ความหลากหลายทางชีวภาพ

คำชแ้ี จง 1. ใหน้ กั เรียนสืบคน้ ข้อมูลเก่ยี วกบั สถานการณ์ความหลากหลายทางชีวภาพใน
ปัจจุบนั และการสูญเสียความหลากหลายทางชวี ภาพ

2. ให้นกั เรียนตอบคำถามเกย่ี วกับการสญู เสียความหลากหลายทางชีวภาพ

 การตัดไมท้ ำลายป่า ทำใหป้ า่ สญู เสียความหลากหลายทางชวี ภาพในแงใ่ ดบา้ ง

………………………………………………………………………………………………………………………………………………
............................................................................................................................. ...................................
............................................................................................................................. ...................................

 การลา่ สัตว์ป่าเพ่อื นำมาเปน็ อาหาร หรือเพ่อื นำอวัยวะไปขายจะสง่ ผลกระทบอยา่ งไรต่อความหลากหลาย
ทางชีวภาพ

………………………………………………………………………………………………………………………………………………
............................................................................................................................. ...................................
.......................................................................................................................................................... ......

 ระบุคำสอนของศาสนาต่าง ๆ เกีย่ วกับการรักษาความหลากหลายทางชวี ภาพให้คงอยู่

ศาสนาพุทธ
ศาสนาครสิ ต์
ศาสนาฮินดู

 ยกตัวอย่างวัฒนธรรมไทยที่มีผลต่อความหลากหลายทางชวี ภาพ

………………………………………………………………………………………………………………………………………………
............................................................................................................................. ...................................
............................................................................................................................. ...................................
............................................................................................... .................................................................

12

เอกสารประกอบการเรยี น วชิ า ความหลากหลายทางชีวภาพ (ว30244) 1/2563 บทที่ 1 ความหลากหลายทางชวี ภาพ

1.2 อนุกรมวิธาน (Taxonomy)

ความหมาย
Taxonomy มาจากคำว่า Taxis (arrangement) + Nomas (law) ซ่งึ หมายถงึ ทฤษฎีและแนวทาง

ในการจำแนกประเภทของสิง่ มชี วี ติ
อนุกรมวธิ าน (Taxonomy) หมายถึง เป็นวิชาทศี่ กึ ษาเกย่ี วกบั ส่ิงมีชวี ิต เพอ่ื ใหเ้ หน็ ความแตกต่างและ

ความเหมือนกัน แล้วนำความรู้น้ันมาใช้ในการจำแนกออกเป็นหมวดหมู่ (classification) ระบุชนิด (identification)
และต้งั ช่อื วิทยาศาสตร์ (nomenclature) ให้แก่ส่งิ มชี วี ิตตามกฎการตั้งช่อื

วตั ถปุ ระสงค์ของการศกึ ษาอนุกรมวิธาน
1) ทำใหส้ ะดวกในการศกึ ษาสิ่งมชี วี ิตบนโลก
2) ทำให้รลู้ ักษณะตา่ ง ๆ ของสง่ิ มชี ีวติ
3) ทำใหร้ ู้ถึงความสมั พนั ธข์ องสิ่งมชี ีวิต
4) นำไปใช้ในการประเมินคา่ ความหลากหลายของส่งิ มชี ีวิต

หลักการของอนุกรมวิธาน
1. Classification หมายถงึ กฎเกณฑ์การจัดสิง่ มชี ีวติ ออกเป็นหมวกหมู่ โดยอาศยั พ้ืนฐานความร้ทู ี่เปน็ หลักฐาน

ความเก่ียวทางววิ ัฒนาการ
2. Identification หมายถึง การค้นหาตรวจสอบเพื่อให้ไดช้ ื่อวิทยาศาสตร์ประจำกลุ่มโดยอาศัยหลักฐานที่มีมา

ก่อน อาจเปน็ การทำโดยอาศยั ความรูค้ วามชำนาญที่มมี าก่อน
3. Nomenclature หมายถึง กฎเกณฑ์การต้ังชื่อส่ิงมีชีวิตชนิดต่าง ๆ ตามที่ได้จำแนกเอาไว้แล้ว ซ่ึงต้องมีหลัก

และวิธกี ารซึ่งเป็นสากล

การจัดหมวดหมู่สิ่งมชี วี ิต (Classification)
Classification มรี ากศัพท์มาจากภาษาลาตินว่า clasis ซ่ึงแปลว่า การรวม หรอื เรยี กมารวมกัน (to call

together) เปน็ การรวมกนั ของสิง่ ท่ีคล้ายกันไว้เปน็ กล่มุ เดียวกนั แต่เนอ่ื งจากสงิ่ ทน่ี ำมารวมกันมีจำนวนมาก ดงั นั้นใน
การรวมของส่ิงดงั กลา่ ว ใหเ้ ปน็ กลุ่มเดียวกันหรอื หมู่เดยี วกันย่อมเกิดความหลากหลายภายในกลุ่มข้นึ การเกดิ ความ
หลากหลายน้ี ทำให้ภายในกลุ่มเกดิ ความแตกต่างกัน และแยกสงิ่ ท่มี ารวมกนั จงึ เทา่ กับเป็นการจำแนกสง่ิ ท่ีมารวมกนั นัน้

Classification มีความหมาย 2 อย่างคือ
1) ระบบการจำแนกทแ่ี บง่ สิ่งมีชีวิต ออกเป็นหมวดหมู่
2) การจำแนกเป็นระดับขัน้ ตา่ ง ๆ ในสง่ิ มีชีวติ

13

เอกสารประกอบการเรยี น วชิ า ความหลากหลายทางชวี ภาพ (ว30244) 1/2563 บทท่ี 1 ความหลากหลายทางชีวภาพ

ประวตั ขิ องการจัดจำแนก
Aristotle เมื่อ 2,000 กว่าปีมาแล้ว ได้แบ่งสัตวอ์ อกเป็น 2 พวก
1. สตั วม์ กี ระดูกสันหลังและมีเลอื ดสีแดง (Enaima-Vertebrates) และแบง่ ออกเปน็ 2 พวก คอื
1.1 พวกที่ออกลกู เป็นไข่ (oviparous) ได้แก่ นก สัตวส์ ะเทินนำ้ สะเทินบก สัตว์เล้ือยคลาน
งู ปลา
1.2 พวกทอ่ี อกลกู เป็นตวั (viviparous) ได้แก่ คน วาฬ และสัตว์เล้ยี งลกู ด้วยนำ้ นมทวั่ ๆ ไป
2. สตั ว์ไม่มีกระดูกสันหลงั และไม่มเี ลอื ดสแี ดง (Anaima-Invertebrates) และแบ่งออกเปน็ 5 กลุม่ คอื
2.1 พวกปลาหมกึ (cephalopods)
2.2 พวกกงุ้ ก้ัง ปู (crustaceans)
2.3 พวกแมลง (insects) และแมงมมุ (spiders)
2.4 พวกหอย (mollusks) และดาวทะเล (echinoderms)
2.5 พวกฟองน้ำ (sponge) แมงกะพรุน ปะการงั ดอกไมท้ ะเล (coelenterate)
นอกจากน้ี ยังแบ่งพืชออกเป็น 3 กลุ่มตามลักษณะและขนาด คือ 1) พวกไม้เนื้ออ่อนและไม้ล้มลุก (herbs)

2) ไม้พุ่ม (shrubs) มีเนื้อแข็งไม่เป็นลำต้นตรงขึ้นไป และมีการแตกกิ่งก้านสาขามาก 3) ไม้ใหญ่ (trees) มีเนื้อแข็ง
ขนาดใหญ่ และมีลกั ษณะลำต้นตรงขนึ้ ไป แลว้ จงึ แตกก่ิงก้านสาขาทต่ี อนบน

John Ray : ปี ค.ศ. 1627 – 1705 นักพฤกษศาสตร์ชาวอังกฤษ ไดศ้ ึกษาเกย่ี วกับพืช ดงั น้ี
1) เขียนหนงั สือเกย่ี วกบั พชื ชือ่ ฮีสโทเรยี แพลนทารมั (Historiaplantarum)
2) แบง่ พชื ออกเป็น พืชใบเลี้ยงเด่ยี ว (Monocotyledon) และพืชใบเลี้ยงคู่ (Dicotyledon)
3) เปน็ คนแรกท่ีนำคำว่า สปชี ีส์ (Species) มาใช้ทางชวี วทิ ยา

Carolus Linnaeus : ปี ค.ศ. 1707-1778 นักชีววทิ ยาชาวสวีเดน ผวู้ างรากฐานการจัดหมวดหมู่ของสิ่งมีชีวิต
และได้รับยกย่องว่าเป็น บิดาแห่งการจำแนกยุคใหม่ หรือ บิดาแห่งวิชาอนุ กรมวิธาน (Father of Modern
Classification) ลนิ เนยี สเป็นคนแรกทีใ่ ช้ชอื่ ภาษาลาติ 2 ช่ือ มาใช้เรยี กสิ่งมชี ีวติ ซึ่งเรยี กว่า binomial nomenclature
โดยช่ือแรกเปน็ ชอื่ สกลุ หรอื จีนัส (generic name) และชื่อหลังเป็นช่อื ระบุชนดิ (specific name) และวธิ ีน้ียังใช้กันอยู่
ถงึ ปัจจุบัน นอกจากนี้ ลนิ เนยี สยังได้ศึกษาพืชและเกสรตวั ผู้ และใชเ้ กสรตัวผู้ในการแบง่ ชนดิ ของพชื ดอก พืชท่ีมีจำนวน
เกสรเพศผู้และเพศเมียเท่ากันจัดอยู่ในกลุ่มเดียวกัน ในการจำแนกสัตว์ แบ่งสัตว์ออกเป็น สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง
แมลง ปลา สตั วส์ ะเทนิ นำ้ สะเทนิ บก นก สัตวเ์ ล้ยี งลกู ด้วยนม

การจำแนกสิ่งมีชวี ิตมีหลายระบบ สรปุ ได้เป็น 4 ระบบใหญ่ ๆ ดังนี้
1.ระบบแบบง่าย (artificial system) เปน็ ระบบการจำแนกอย่างง่าย ๆ ไม่ละเอียดมากนกั โดยพจิ ารณาจาก
ลักษณะภายนอกว่าคลา้ ยกันหรือต่างกนั อยา่ งไร เปน็ การจำแนกเพ่อื ความสะดวก เช่น

- จำแนกเป็นพชื อาหาร พชื ใช้เปน็ ยารักษาโรค พชื มีพิษ
- จำแนกวา่ เป็นสตั วน์ ้ำ หรอื สัตวบ์ ก เปน็ ตน้
ระบบน้เี ริ่มใชต้ ้ังแตเ่ รม่ิ แรกทมี่ ีการจำแนกสง่ิ มชี วี ติ จนถึงคริสต์ศตวรรษท่ี 18

14

เอกสารประกอบการเรียน วิชา ความหลากหลายทางชีวภาพ (ว30244) 1/2563 บทที่ 1 ความหลากหลายทางชีวภาพ

2. ระบบแบบใช้หลายลักษณะ (natural system) ระบบนี้เป็นการจำแนกที่ละเอียดกว่าระบบแรก โดยดู
ลักษณะของสิง่ มชี วี ิตใหม้ ากที่สุดเทา่ ที่เป็นจะมากได้ แล้วนำมาจดั หมวดหมูใ่ ห้สอดคล้องกับที่เป็นจริงในธรรมชาติ ระบบ
นี้ใชใ้ นกลางครสิ ต์ศตวรรษท่ี 18 จนถึงสมัยดาร์วิน ตง้ั ทฤษฎวี ิวัฒนาการ

3.ระบบจำแนกตามวิวัฒนาการชาติพันธุ์ (phylogenetic system) เป็นระบบการจำแนกสิ่งมีชีวิตโดย
ศึกษาจากลกั ษณะตา่ ง ๆ และพิจารณาตามวิวัฒนาการชาตพิ ันธ์ุดว้ ย ในระบบน้ีมกี ารจัดเรยี งว่าสิ่งมชี ีวิตกลุ่มใดเกิดกอ่ น
และกลุ่มใดเกิดภายหลังและมีความสัมพันธ์อยา่ งไร การศกึ ษาต้องอาศยั ซากดึกดำบรรพ์ แต่เนื่องไม่พบซากดึกดำบรรพ์
ของครบทุกชนดิ จงึ ทำให้ระบบนไ้ี ม่ยงั สมบูรณ์แตก่ ็อาศยั การศึกษาหลาย ๆ สาขาประกอบกัน

4.ระบบสมัยใหม่ (modern system) เป็นระบบท่ีใช้ความรู้หลายสาขาประกอบกันทั้งทางด้างสัณฐานวิทยา
ววิ ฒั นาการและวิชาอืน่ ๆ โดยเฉพาะปจั จุบนั การใชค้ วามร้ทู างดา้ นชวี โมเลกลุ เขา้ มาชว่ ยจำแนก

หน่วยอนุกรมวิธานของการจำแนก (unit of classification) ในการจำแนกเร่ิมต้นจากหน่วยอนุกรมวิธาน
ชนิด ซึ่งเป็นหน่วยอนุกรมวิธานที่เล็กที่สุด แล้วลำดับหน่วยอนุกรมวิธานขึ้นไปถึงหน่วยอนุกรมวิธานท่ีใหญ่ท่ีสุด ซ่ึง
จัดเป็นระบบชัน้ จากกฎนานาชาติในการต้ังช่ือส่งิ มชี วี ิตได้กำหนดหน่วยอนุกรมวิธานใหญ่ที่สุดถงึ หน่วยอนุกรมวธิ านเล็ก
สุด ดังนี้

อาณาจักร (kingdom)
หมวด (division)
ช้นั (class)
อันดับ (order)
วงศ์ (family)
สกุล (genus)
ชนิด (species)

ในหน่วยอนุกรมวธิ านดงั กล่าวนอ้ี าจจะแบง่ รายละเอยี ดย่อยลงไปได้ โดยเตมิ คำวา่ “sub” ข้างหน้าและเพ่มิ
หน่วยอนกุ รมวิธานใหม่อกี
ตวั อยา่ ง มนษุ ย์

Kingdom Animalia
Phylum Chordata
Class Mammalia
Order Primates
Family Hominidae
Genus Homo
Species Homo sapiens

15

เอกสารประกอบการเรียน วชิ า ความหลากหลายทางชีวภาพ (ว30244) 1/2563 บทที่ 1 ความหลากหลายทางชวี ภาพ

แนวทางในการจดั จำแนก
1. Phenetics: จำแนกตามลกั ษณะภายนอกทีม่ องเห็น
2. Cladistics : พจิ ารณาแบบแผนการแยกจากกันของสายวิวัฒนาการ
3. Evolutionary classification: คำนงึ ถงึ การแยกในเชิงววิ ัฒนาการ เป็นวธิ ที ่ใี ชม้ าก่อน 2 แบบแรก

1. Phenetics
เป็นการวัดความคล้ายคลึงของลักษณะภายนอกโดยรวมทั้งหมดของสิ่งมีชีวิตที่ศึกษา แล้วเปล่ียนค่าความ

แตกต่างทางลักษณะให้เป็นคา่ ระยะหา่ งระหว่างส่งิ มชี ีวติ แต่ละชนดิ ใช้วธิ ีทางสถิติมาสรา้ งแผนภูมิ phenogram

ภาพที่ 1 ตวั อย่างแผนภูมิ phenogram
ทมี่ า : https://www.mun.ca/biology/scarr/2900_UPGMA.htm
2. Cladistics
สมาชิกของกลุ่มสิ่งมีชวี ิตที่ศึกษาจะเก่ียวพันกันโดยมี วิวัฒนาการสืบทอดมาจากบรรพบุรุษร่วมเดียวกัน โดยกิ่ง
แผนภูมทิ ี่สรา้ งขนึ้ จะอยู่ในรูปส้อมสองก่ิง และกลุ่มจะเกิดข้ึนได้ก็ดว้ ยการมลี ักษณะจำเพาะเปน็ เอกลักษณ์ที่พัฒนาขน้ึ มา
รว่ มกัน (shared derived characters) ซ่ึงลักษณะน้ไี ม่ได้อยู่ในบรรพบุรุษท่หี า่ งออกไป

ภาพท่ี 2 ตวั อย่าง cladogram
ทม่ี า : http://www.articlesweb.org/news/mammal-cladogram-the-tree-of-life-evolution

16

เอกสารประกอบการเรียน วชิ า ความหลากหลายทางชีวภาพ (ว30244) 1/2563 บทที่ 1 ความหลากหลายทางชวี ภาพ

3. Evolutionary classification
เป็นวิธีที่ใช้กันมานานก่อนวิธีแรก บางคร้ังเรียกว่า traditional classification หรือ classical classification
วิธีน้ีใช้พิจารณาจากความคล้ายคลึงและความแตกต่างทั้งหลายระหว่างกลุ่มส่ิงมีชีวิตประกอบกับความสัมพันธ์ทาง
วิวัฒนาการ และยงั ใชค้ วามรดู้ า้ นอนื่ ๆ เกย่ี วกบั สง่ิ มีชวี ิตนนั้ ช่วยในการจดั หมวดหมสู่ งิ่ มีชวี ติ ดว้ ย
ลกั ษณะท่ีใช้ในการจำแนกสง่ิ มีชวี ิต
1. ลักษณะภายนอก และโครงสร้างภายในร่างกาย เป็นลักษณะที่ใช้ในการแบ่งกลุ่มใหญ่ๆ ถ้าเป็น
homologous structure จะมคี วามใกลช้ ดิ กนั มาก แต่ถ้าเปน็ analogous structure จะอยู่ห่างกนั
2. แบบแผนการเจริญเติบโต และโครงสร้างท่ีเกิดข้ึนในระยะที่เป็นตัวอ่อน โดยใช้หลักฐานท่ีว่า ส่ิงมีชีวิตใดที่มี
ลักษณะคล้ายคลึงกันหรอื มคี วามสมั พันธ์ใกลช้ ิดกนั มาก ยอ่ มมคี วามสัมพนั ธ์ทางเชื้อสายและมวี วิ ฒั นาการมากดว้ ย
ลักษณะอย่างหนึ่งของสัตว์ในไฟลัมคอร์ดาตา คือ การมีช่องเหงือก (gill slit) ซึ่งเราจะพบเฉพาะในระยะที่เป็น
ตัวอ่อนทุกชนิดแต่เมื่อเจริญเติบโตข้ึนเป็นตัวเต็มวัยจะเหลือเฉพาะพวกปลาเท่านั้นที่ยังมีช่องเหงือกอยู่ นอกน้ันช่อง
เหงือกก็จะปิดไปหมด ซึ่งถ้าเราไม่ศึกษาถึงระยะตัวอ่อน เราจะไม่ทราบเลยวา่ การมชี ่องเหงือกคือลักษณะหนง่ึ ของไฟลัม
คอรด์ าตา
3. ความสัมพันธ์ทางวิวัฒนาการ โดยการศึกษาจากซากดึกดำบรรพ์ (fossil) ทำให้ทราบว่า สิ่งมีชีวิตใดมีบรรพ
บุรุษร่วมกัน ควรจัดอยู่ในกลุ่มเดียวกัน เช่น การค้นพบซากดึกดำบรรพ์ของเทอราโนดอน (pteranodon) ซึ่งเป็นสัตว์
เล้ีอยคลานท่ีบินได้กับ ซากดึกดำบรรพ์ของ อาร์คีออฟเทอริก (archeopteryx) ซึ่งเป็นนกโบราณท่ีมีขากรรไกรยาว มี
ฟัน ปีกมีนว้ิ ซึง่ เปน็ ลักษณะคล้าย สตั ว์เลื้อยคลาน จึงควรจดั ไวใ้ นกลมุ่ ทอ่ี ย่ใู กล้ชดิ กัน
4. โครงสร้างของเซลล์และออร์แกเนล เป็นการศึกษาในระดับเซลล์และส่วนแระกอบของเซลล์ เช่นการแบ่ง
ส่ิงมีชีวิตที่ไม่เป็นเซลล์ เช่น ไวรัส และพวกท่ีเป็นเซลล์ เช่น เซลล์ของสิ่งมีชีวิตทั่วไป นอกจากน้ีพวกท่ีเป็นเซลล์ยังแบ่ง
ออกเป็นพวกไม่มีเยื่อหมุ้ นิวเคลียส เช่น แบคทีเรีย สาหร่ายสีเขยี วแกมนำ้ เงิน กับพวกที่มีเยื่อหมุ้ นิวเคลียส เชน่ สาหรา่ ย
เห็ด รา พืชและสตั วท์ ัว่ ไป
5. กระบวนการทางชีวเคมีและสรีรวิทยา โดยการพิจารณาจากชนิดสารเคมีท่ีสิ่งมีชีวิตสร้างข้ึนว่ามีความ
คล้ายคลึงกันอย่างไร ซึ่งจะบอกให้ทราบถึงความใกล้ชิดกันทางพันธุกรรมอีกด้วย ตัวอยา่ งเช่น การศึกษาแบบแผนไอโซ
ไซม์ระบบตา่ ง ๆ ในส่ิงมีชีวิต สามารถนำมาใช้จัดจำแนกสง่ิ มีชวี ิตในระดับชนดิ ต่ำกว่าชนิดก็ได้ ทง้ั นีเ้ พราะแบบแผนไอโซ
ไซม์ถกู ควบคุมโดยยนี ซึ่งเป็น หนว่ ยพนั ธุกรรมของสิง่ มีชวี ิตนนั่ เอง
6. ลักษณะทางพันธกุ รรม ส่ิงมชี ีวติ ที่มีลักษณะทางพันธกุ รรมท่ีใกล้ชิดกันย่อมมีลกั ษณะพื้นฐานต่าง ๆ ใกล้เคยี ง
กันด้วย เช่น ลักษณะและจำนวนโครโมโซม ลักษณะของการสืบพันธ์ุและการถ่ายทอดทางพันธุกรมมจากบรรพบุรุษสู่
ลูกหลาน
7. พฤติกรรมความสัมพันธ์ของส่ิงมีชีวิตกับสิ่งแวดล้อม รวมท้ังการแพร่กระจายทางภูมิศาสตร์อีกด้วย ทำให้
ทราบความแตกต่าง หรอื ความคล้ายคลงึ จนสามารถใชเ้ ป็นขอ้ มลู ในการจดั จำแนกสง่ิ มีชวี ติ ได้

17

เอกสารประกอบการเรยี น วชิ า ความหลากหลายทางชวี ภาพ (ว30244) 1/2563 บทท่ี 1 ความหลากหลายทางชวี ภาพ

การตั้งชื่อวิทยาศาสตร์ (Nomenclature)
ช่อื ของสงิ่ มชี ีวติ
การเรยี กช่อื สงิ่ มชี วี ิตมีหลายรูปแบบ ไดแ้ ก่
- ชอ่ื พ้นื เมือง (Local name หรอื Vernacular name) หมายถึง ชือ่ ท่เี รียกสงิ่ มชี วี ิตตามท้องถ่ินซง่ึ อาจแตกต่าง

กันได้ทั้ง ๆ ท่ีเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดเดียวกัน เช่น "มะละกอ" ภาคเหนือเรียกว่า "มะกล้วยเทศ" ภาคตะวันออก เฉียงเหนือ
เรยี กว่า "หมากหงุ่ " ในขณะที่ภาคใต้เรียกว่า "ลอกอ"

- ชอ่ื สามญั (Common name) หมายถึง ช่อื ภาษาอังกฤษของส่ิงมชี ีวิต เนอื่ งจากภาษาองั กฤษ มกี ารใชแ้ ทนกัน
แพร่หลายจึงเป็นทร่ี ้จู กั กนั ท่วั ไป เชน่ banana (กลว้ ย), rose (กุหลาบ) lotus (บัวหลวง) coconut (มะพรา้ ว) ฯลฯ

- ช่ือวทิ ยาศาสตร์ (Scientific name) หมายถงึ ชอื่ ที่กำหนดชนดิ ของสิ่งมชี วี ิตทุกหมวดหมู่ ตามประมวลกฎ
นานาชาตขิ องการกำหนดชอื่ วิทยาศาสตร์ของส่งิ มีชีวิต ซงึ่ คาโรลัส ลนิ เนียส (Carolus Linnaeus) นกั ชวี วิทยาชาว
สวเี ดน ผู้ได้ชือ่ ว่า "บิดาแห่งวิชาอนกุ รมวธิ าน" เปน็ ผูเ้ สนอให้เรียกชือ่ สง่ิ มีชีวติ เปน็ ภาษาลาติน ประกอบด้วย 2 ชอ่ื
(Binomial system) ในหนังสือ Species plantarum เมอ่ื ปี ค.ศ. 1753

หลักเกณฑ์ในการต้ังชอ่ื วิทยาศาสตร์
1) ควรเป็นชอ่ื ทเี่ ปน็ สากล (Universal)
2) มคี วามมั่นคงถาวร (Stability)
3) มีความจำเพาะเจาะจง (Uniqueness)
4) เม่อื มกี ารตรวจสอบจนแน่ชัดว่าไม่มีการคน้ พบหรือตัง้ ชื่อมากอ่ น
5) การต้งั ชื่อวทิ ยาศาสตรต์ ้องเป็นไปตามกฎเกณฑส์ ากลของแต่ละสิ่งมชี ีวติ
• แบคทีเรียใช้ International code of Bacterial Nomenclature
• พืชใช้ ICBN (International Code of Botanical Nomenclature)
• สัตว์ใช้ ICZN (International Code of Zoological Nomenclature)

การเขยี นชื่อวทิ ยาศาสตร์ของสิ่งมีชวี ิต
ชื่อวิทยาศาสตร์ (scientific name) ชื่อวิทยาศาสตร์ระดับชนิดของสิ่งมีชีวิตเป็นระบบ binomial

nomenclature

genus + specific epithet + author (ชอ่ื ผ้ตู ง้ั )

หลักเกณฑ์การเขียนช่ือวิทยาศาสตร์
1) ช่อื วทิ ยาศาสตร์ของสิ่งมชี วี ติ แต่ละชนดิ ตอ้ งมีเพยี งช่อื เดยี ว
2) ชอ่ื วิทยาศาสตรต์ อ้ งเป็นภาษาละติน เหตุทีช่ อ่ื วิทยาศาสตร์ กำหนดเป็นภาษาลาตนิ เพราะภาษาลาติน

นิยมใช้ในหมู่นักวิทยาศาสตร์สมัยของลินเนียส และภาษาลาตินเป็นภาษาท่ีตายแล้ว ไม่ใช้เป็นภาษาพูดจึงมีความหมาย
ไมค่ อ่ ยเปลยี่ นแปลง

3) การต้ังชือ่ วทิ ยาศาสตร์ถือตามระบบการทวินาม คือ ประกอบดว้ ย 2 คำ โดยคำแรกเป็นชอ่ื สกลุ อกั ษร
18

เอกสารประกอบการเรยี น วิชา ความหลากหลายทางชีวภาพ (ว30244) 1/2563 บทที่ 1 ความหลากหลายทางชีวภาพ

ตัวแรกใชต้ วั พิมพใ์ หญ่ ส่วนคำหลงั เปน็ คำระบุชนดิ เปน็ คำทบ่ี ่งบอกลกั ษณะของสิ่งมีชีวิต และขนึ้ ต้นดว้ ยตวั อักษรพิมพ์
เลก็

4) การเขียนช่ือวทิ ยาศาสตร์ต้องใหม้ ีลักษณะแตกตา่ งจากอักษรอน่ื โดยอาจเขยี นเปน็ ตวั เอนหรอื ขีดเส้นใต้
ช่ือท้งั สองโดยเส้นที่ขีดต้องไม่ติดกนั

5) ผู้ต้งั ชื่อวิทยาศาสตรใ์ หเ้ ขียนไว้ดา้ นหลัง ข้ึนตน้ ด้วยอักษรพมิ พ์ใหญ่ ไม่ตอ้ งเขียนดว้ ยตัวเอนหรือขีดเสน้
ใต้

ตัวอย่าง
Poinciana pulcherrima Linn. (หางนกยงู ไทย): Linn. คอื ชื่อยอ่ ของ Carolus Linnaeus
Litchi chinensis Sonn. (ลน้ิ จี่): Sonn. คอื ชอื่ ย่อของ Pierre Sonneret

6) specific epithet มกั จะเป็นคำคณุ ศพั ท์ แสดงลกั ษณะเด่น เชน่ สี ถนิ่ กำเนดิ รูปพรรณสัณฐาน บุคคลผู้

คน้ พบ หรอื เปน็ เกยี รตแิ ก่ผู้ตง้ั

ตวอย่างความหมายของคำคุณศัพท์

alba = สีขาว
nigra = สดี ำ
javanica = ชวา
thailandicus = ไทย
cubensis = คิวบา
winitii = winit
ตัวอยา่ ง

กหุ ลาบ มชี ื่อวิทยาศาสตร์ว่า Rosa rubra ซง่ึ rubra หมายถึง สแี ดง

มะยม มีชื่อวทิ ยาศาสตร์ว่า Phyllantus acidus ซง่ึ acidus หมายถึง มีรสเปร้ียว

7) ถา้ สง่ิ มชี วี ติ ชนดิ เดยี วกนั มีชอื่ วิทยาศาสตรห์ ลายช่อื ชอ่ื ทถ่ี กู ตั้งขน้ึ ทีหลังต้องถูกยกเลิกไป
8) ช่อื หมวดหมทู่ ุกลำดบั ขน้ั ต้ังแต่ แฟมิลีลงไป จะตอ้ งมตี ัวอยา่ งต้นแบบ

• ชอ่ื ของระดับ family-subtribe ตอ้ งใชต้ น้ แบบจากระดับจนี ัส
• ช่ือของระดับ genus-subseries ต้องใช้ต้นแบบจากระดับสปีชสี ์
• ช่ือของระดับ species-clone ตอ้ งใชต้ น้ แบบจากตวั อย่างชิน้ ใดช้ินหนึง่
9) ชอ่ื วทิ ยาศาสตรต์ ามระบบ Trinomial Nomenclature ประกอบดว้ ย 3 แสดงถงึ ระดับ ซับสปชี สี ์ หรือ
variety
ตวั อยา่ ง

Polyalthia longifolia Benth. & Hook. f. var. pandurata

19

เอกสารประกอบการเรียน วิชา ความหลากหลายทางชีวภาพ (ว30244) 1/2563 บทที่ 1 ความหลากหลายทางชวี ภาพ

การคน้ หาตรวจสอบเพ่ือให้ไดช้ ่ือวิทยาศาสตร์ (Identification)

การตรวจสอบเอกลักษณ์ (Identification) เป็นการนำตัวอย่างของสิ่งมีชีวิตท่ีได้จากการรวบรวมในภาคสนาม

มาจำแนกและตรวจหาชื่อวิทยาศาสตร์ของสิ่งมีชีวิต เพื่อนำไปจัดกลุ่มส่ิงมีชีวิตต่อไป วิธีการที่ใช้ในการตรวจสอบ

เอกลักษณ์ มหี ลายวธิ ี ดงั นี้

• การเปรยี บเทยี บกบั ตวั อย่างในพิพธิ ภัณฑ์

• จากประสบการณ์ หรอื ความจำ

• สอบถามจากผ้เู ชี่ยวชาญในดา้ นน้นั ๆ

• ใชเ้ อกสารโดยเปรยี บเทยี บตวั อยา่ งกับคำบรรยายลกั ษณะ

• ใช้ภาพ

• การใช้รปู วธิ าน (dichotomous key)

รปู วิธาน (Key)

เปน็ เครอ่ื งมือทีใ่ ช้ในการระบชุ นิด (หาชื่อวิทยาศาสตร์ทงี่ ่ายและรวดเร็วที่สุด) โดยรูปวิธานจะกล่าวถึงลกั ษณะที่

เดน่ ชัดและสำคัญซงึ่ ใช้ในการเปรียบเทยี บส่งิ มีชวี ิตไดอ้ ย่างชัดเจน

การเปรียบเทียบความแตกต่างของลักษณะ จะเปรียบเทียบเป็นคู่ ๆ จึงเรียกลักษณะนี้ว่า“dichotomous

key” การเปรียบเทยี บลกั ษณะ มักเปรียบเทียบโดยความสะดวกต่อการใชง้ าน

รปู วธิ าน (key) มี 2 ประเภท คอื

1. bracketed dichotomous key

: ใช้ระบบตวั เลขทม่ี คี ู่ของลักษณะที่เปน็ ทางเลอื กอยูช่ ดิ กัน

: คขู่ องลกั ษณะท่จี ะใหเ้ ปน็ ตัวเลือกลำดบั ต่อไปอย่ตู ่ำ ลงมา

ตวั อยา่ ง

1. ขนแบบ feather .................................................................................. เปด็

ขนแบบ hair ....................................................................................... ขอ้ 2

2. มถี งุ หนา้ ท้อง ........................................................................................ จงิ โจ้

ไมม่ ถี ุงหน้าท้อง .................................................................................... ลงิ

2. indented dichotomous key

: คขู่ องลกั ษณะท่เี ปน็ ทางเลือกอาจอยู่ห่างกัน

ตัวอย่าง

1. ขนแบบ feather เป็ด

1. ขนแบบ hair

2. มีถงุ หน้าทอ้ ง จงิ โจ้

2. ไมม่ ถี งุ หนา้ ท้อง ลงิ

20

เอกสารประกอบการเรยี น วชิ า ความหลากหลายทางชีวภาพ (ว30244) 1/2563 บทที่ 1 ความหลากหลายทางชีวภาพ

รูปวธิ านทด่ี ีจะตอ้ งมีลักษณะดังต่อไปน้ี
1) การเรียงลำดบั ของลักษณะไมส่ บั สน
2) เปน็ ลกั ษณะทีช่ ดั เจนและตรวจสอบได้ง่าย
3) ทางเลือกของลักษณะแตกตา่ งกันอย่างชดั เจน
4) ขอ้ ความของลกั ษณะมีความยาวเหมาะสม
5) ใช้งานไดด้ ีแมว้ ่าจะไล่ยอ้ นกลับขนึ้ ไป
6) สามารถใชภ้ าพประกอบได้

ขน้ั ตอนการสร้างรูปวธิ าน
1. ศึกษาลกั ษณะต่าง ๆ ของพชื หรือสัตว์ แล้วสรา้ งตารางเปรยี บเทยี บลกั ษณะ
2. เขียนรปู วธิ าน โดยกลา่ วถึงลกั ษณะเดยี วกนั ท่ีมีความแตกต่าง
3. คำขน้ึ ของรปู วธิ านตอ้ งเป็นลกั ษณะเดยี วกนั
4. การเปรยี บเทยี บความแตกตา่ งในรปู วิธาน ไมค่ วรยาวและยากต่อการตัดสนิ ใจในการจำแนก

ตวั อยา่ งไดโดโตมสั คีย์ (dichotomous key) สำหรบั จัดหมวดหมไู่ ฟลมั ของสัตว์ไมม่ ีกระดูกสันหลงั

1. a. ร่างกายไมม่ ีสมมาตรหรือหรอื มสี มมาตรแบบรัศมี.......................................ดขู อ้ 2
b. ร่างกายมสี มมาตรแบบครึ่งซีก.....................................................................ดขู อ้ 3

2. a. มีเทนทาเคลิ (tentacle)..............................................................................Cnidaria
b. ไมม่ เี ทนทาเคิล............................................................................................ดขู ้อ 4

3. a. ผนงั ลำตวั มีรูจำนวนมาก..............................................................................Porifera
b. ผนงั ลำตัวไม่มรี ู............................................................................................Echinodermata

4. a. มีโครงรา่ งภายนอกลำตัว (exoskeleton)...................................................ดขู ้อ 5
b. ไม่มโี ครงรา่ งภายนอกลำตัว.........................................................................ดขู ้อ 6

5. a. รยางค์เป็นขอ้ ...............................................................................................Arthropoda
b. รยางค์ไม่เป็นข้อ..........................................................................................Mollusca

6. a. ลำตวั เปน็ รูปทรงกระบอก............................................................................ดขู อ้ 7
b. ลำตัวแบน....................................................................................................Platyhelminthes

7. a. ลำตัวแบ่งออกเปน็ ปล้องๆ.............................................................................Annelida
b. ลำตวั ไม่เป็นปล้อง.........................................................................................Nematoda

21

เอกสารประกอบการเรยี น วิชา ความหลากหลายทางชวี ภาพ (ว30244) 1/2563 บทที่ 1 ความหลากหลายทางชวี ภาพ

ภาพที่ 3 สัตว์ไม่มกี ระดูกสันหลัง
ที่มา : https://www.britannica.com/animal/invertebrate

ภาพที่ 4 การจดั จำแนกสงิ่ มีชีวติ ออกเปน็ 5 อาณาจักร โดย Whittaker
ทม่ี า : http://botanystudies.com/classification-of-plant-kingdoms-with-diagrams

22

เอกสารประกอบการเรยี น วิชา ความหลากหลายทางชวี ภาพ (ว30244) 1/2563 บทท่ี 1 ความหลากหลายทางชวี ภาพ

ภาพที่ 5 การจัดจำแนกสิ่งมีชีวิตเป็น 3 โดเมน โดย Carl Woese
ที่มา : https://www.biology.iupui.edu/biocourses/N100/2k23domain.html

23

เอกสารประกอบการเรียน วิชา ความหลากหลายทางชีวภาพ (ว30244) 1/2563 บทที่ 1 ความหลากหลายทางชวี ภาพ

ใบกิจกรรมท่ี 1 อนุกรมวธิ านคืออะไร

คำช้ีแจง ใหน้ กั เรียนศึกษาสถานการณ์และภาพต่อไปน้ีแล้วตอบคำถาม
สถานการณท์ ี่ 1 : สมมตินักเรียนไดร้ ับมอบหมายให้ทำงานบา้ นเกบ็ สงิ่ ของภายในบ้านตามภาพด้านล่าง

ใหน้ กั เรยี นจัดเกบ็ สิ่งของจากภาพด้านบนให้เปน็ ระเบยี บเรียบรอ้ ยและสะดวกต่อการใชง้ านนกั เรยี นจะมีวิธีการ
อย่างไร
............................................................................................................................. .......................................................
....................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .......................................................
............................................................................................................................. .......................................................
............................................................................................................................................................................ ........
สถานการณ์ท่ี 2 : ทมี นกั วจิ ัยกำลังทำการวจิ ัยเกี่ยวกบั หอยโข่ง จึงได้สง่ นกั วจิ ัยไปเกบ็ ตวั อย่างหอยชนิดหนง่ึ ในป่า
ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ ส่ิงมีชีวติ มรี ูปรา่ งลักษณะดังภาพข้างลา่ ง

• นักวิจัยจะทราบไดอ้ ย่างไรว่าหอยทเ่ี ก็บตัวอย่างมาจะใชช่ นิดเดียวกันกับหอยชนิดท่ี
ทมี นักวจิ ัยตอ้ งการศกึ ษา
………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………

24

เอกสารประกอบการเรียน วชิ า ความหลากหลายทางชวี ภาพ (ว30244) 1/2563 บทท่ี 1 ความหลากหลายทางชวี ภาพ

สถานการณ์ที่ 3 จากสถานการณท์ ี่ 2 เมื่อนกั วจิ ยั ตรวจสอบแล้วพบวา่ หอยท่เี กบ็ ตวั อย่างมาเปน็ หอยท่ถี ูกค้นพบ
ครง้ั แรกในโลก นักวจิ ัยจะต้องทำอย่างไรเพ่ือให้ทกุ คนในโลกไดร้ ู้จกั และนำไปศึกษา
............................................................................................................................. .......................................................
...................................................................................................................................... ..............................................
.................................................................................... ..................................................... ...........................................

จากทัง้ 3 สถานการณ์อาศยั ความรู้ทางสาขาใดของชีววทิ ยา
............................................................................................................................. .......................................................

ใบกิจกรรมท่ี 2 การจัดหมวดหมขู่ องสิ่งมชี วี ติ

คำช้ีแจง ใหน้ กั เรยี นศึกษาใบความรู้ เรื่อง อนุกรมวธิ านของสง่ิ มชี ีวิต ในหวั ข้อย่อยการจัดหมวดหมู่ของ
ส่ิงมีชวี ิต (Classification) แลว้ ทำกิจกรรมซึ่งมี 2 ตอน ตอนที่ 1 ใหจ้ ัดหมวดหมู่ของพืชท่ีกำหนดให้ ตอนท่ี 2 ให้
ศึกษาตวั อยา่ งการจดั หมวดหมูข่ องสิ่งมชี วี ติ 7 ชนดิ แลว้ ตอบคำถาม

ตอนท่ี 1 การจดั หมวดหมู่พืช

วัตถปุ ระสงค์ เพอ่ื ศึกษาวิธีการจัดหมวดหมู่ของสิ่งมีชวี ติ

วสั ดุอุปกรณ์

1. พชื ดอกที่จะใชใ้ นการจดั หมวดหมู่ 8 ชนิดใหม้ ีกง่ิ และใบตดิ มาดว้ ย เชน่ บานบรุ ี ดาวเรือง กุหลาบแดง
กุหลาบขาว พุทธรกั ษาสแี ดง เฟื่องฟ้า เข็ม เบญจมาศเหลือง เป็นต้น

2. ไม้บรรทัดสำหรบั วดั ขนาด
3. แวน่ ขยาย

25

เอกสารประกอบการเรยี น วชิ า ความหลากหลายทางชีวภาพ (ว30244) 1/2563 บทท่ี 1 ความหลากหลายทางชีวภาพ

วธิ กี ารทำกิจกรรม
1. ใหน้ ักเรียนแตล่ ะกลุม่ เลือกเกณฑท์ จี่ ะใช้แบ่งพชื ดอกออกเป็น 2 กลมุ่ ใหญ่ ๆ โดยพจิ ารณาจาก
ลกั ษณะทสี่ ามารถสงั เกตเห็นได้งา่ ย เช่น สี ขนาด รูปรา่ ง แลว้ บนั ทกึ เกณฑท์ ่ีเลือกใช้สำหรับจัดกลุ่ม
พืชดอกเหล่านน้ั
2. ภายในกลมุ่ พืชดอกทัง้ 2 กลมุ่ ท่ีแบ่งแล้วจากข้อ 1 ใหเ้ ลือกเกณฑ์ท่ีจะใช้แบ่งพชื ดอกออกเป็น 2 กลมุ่
ยอ่ ยต่อไป แล้วบนั ทกึ เกณฑท์ ่ีเลือกใช้ในการจดั กลมุ่ พืชดอกนน้ั
3. ทำการจดั กลุ่มพชื ดอกในกลุ่มย่อยซำ้ ไปเรอ่ื ย ๆ จนกระท่งั เหลือพืชดอกเพยี งชนิดเดยี วในแตล่ ะกลุ่ม

บันทกึ ผล

26

เอกสารประกอบการเรยี น วชิ า ความหลากหลายทางชวี ภาพ (ว30244) 1/2563 บทท่ี 1 ความหลากหลายทางชวี ภาพ

ตอนที่ 2 ศกึ ษาตัวอย่างการจัดหมวดหม่ขู องส่ิงมชี ีวิต

ให้นักเรียนศึกษาตวั อย่างการจดั หมวดหมูข่ องสง่ิ มีชวี ติ 7 ชนิด ลงขอ้ คดิ เหน็ อภปิ ราย สรุปจากตาราง
และตอบคำถาม

ระดบั สนุ ขั เลีย้ ง สุนขั ปา่ แมวบ้าน คน ปลาช่อน ปูม้า ขา้ ว
Kingdom Animalia Animalia Animalia Animalia Animalia Animalia Plantae
Phylum Cordata Cordata Cordata Cordata Cordata Arthopoda Tracheophta
Mamalia Mamalia Mamalia Mamalia Pisces Crustacea Angiospermae
Class Carnivora Carnivora Carnivora Primates Labyrinthici Decapoda Graminales
Order Canidae Canidae Felidae Hominidae Ophiocephalidae Portunidae Graminaceae
Family Canis Canis Felis Homo Ophiocephallus Portunus Oryza
Genus C. familiaris C. lupus F. catus H. sapiens O. striatus P. pelagicus O. stativa
Species

1. จากตารางนี้ สงิ่ มีชวี ติ ชนดิ ใดท่ีอย่ตู ่างอาณาจักรออกไป
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….

2. ส่ิงมชี ีวิตใดบา้ งทอ่ี ยู่ในระดับไฟลมั เดียวกนั
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

3. ในระดับคลาส สุนัข แมว คน อยู่ในคลาสเดียวกนั แต่ระดบั ออร์เดอร์ มีสุนขั และแมวเทา่ น้ันทอี่ ยใู่ นออร์
เดอรเ์ ดยี วกนั ระดบั ใดมลี ักษณะคลา้ ยคลึงกนั มากกว่าระหวา่ งออรเ์ ดอร์กับคลาส

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

4. ในระดับออร์เดอร์ มีสุนขั เล้ียง สนุ ขั ป่า แมว ระดบั แฟมิลี มีสนุ ัขเล้ยี ง และสนุ ัขป่า นกั เรียนคิดว่า
สงิ่ มชี วี ิตในระดบั ใดท่ีมลี ักษณะคลา้ ยคลึงกนั มากกว่า

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

5. สิ่งมีชวี ติ ทอ่ี ยใู่ นจนี ัสเดยี วกันกบั ส่งิ มชี วี ิตท่ีอยู่ในสปชี สี เ์ ดียวกนั ระดับไหนจะมีลกั ษณะเหมือนกนั
มากกว่า

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

6. นกั วทิ ยาศาสตรใ์ ช้เกณฑใ์ ดบ้างในการจำแนกส่งิ มีชวี ิตออกเปน็ อาณาจักร
............................................................................................................................. ......................................................

27

เอกสารประกอบการเรียน วิชา ความหลากหลายทางชวี ภาพ (ว30244) 1/2563 บทท่ี 1 ความหลากหลายทางชีวภาพ

ใบกจิ กรรมท่ี 3 การสร้างไดโคโตมัสคีย์

เวลา 30 นาที

วตั ถุประสงค์ นกั เรียนสามารถสร้างไดโคโตมสั คียเ์ พ่ือจำแนกประเภทของสง่ิ มีชีวิตได้

วสั ดอุ ุปกรณ์

1. พชื ดอกทจ่ี ะใชใ้ นการจัดหมวดหมู่ 8 ชนดิ ให้มีก่ิงและใบตดิ มาดว้ ย เชน่ บานบุรี ดาวเรือง กุหลาบแดง
กุหลาบขาว พทุ ธรักษา เฟื่องฟา้ เขม็ เบญจมาศเหลือง เป็นต้น

2. ไมบ้ รรทดั สำหรบั วดั ขนาด
3. แว่นขยาย

วธิ กี ารทำกจิ กรรม

1. ใหน้ ักเรยี นแต่ละกลมุ่ นำแผนผงั กาจำแนกพชื ดอกจากกิจกรรมที่ 2 โดยร่วมกันพจิ ารณาและปรับปรงุ
เกณฑ์ท่ีใช้ในการจำแนกวา่ สามารถจำแนกพืชดอกออกเป็นกลมุ่ ยอ่ ยไดห้ รอื ไม่ มีความเหมาะสม
เพยี งใด แล้วจดั ทำเป็นไดโคโตมัสคยี ์ตามตัวอย่างใบใบความรู้

2. ใหแ้ ตล่ ะกลุ่มนำไดโคโตมัสคยี ที่จัดทำข้นึ และตวั อย่างพืชดอกใหน้ กั เรยี นกลมุ่ อืน่ ทดลองใชแ้ ละ
อภปิ รายให้ข้อคดิ เห็นเพื่อนำมาปรับปรุงการทำไดโคโตมสั คียต์ ่อไป

28

เอกสารประกอบการเรยี น วิชา ความหลากหลายทางชวี ภาพ (ว30244) 1/2563 บทที่ 1 ความหลากหลายทางชวี ภาพ

บนั ทึกผล

ไดโคโตมสั คีย์ท่ีสร้างขน้ึ ใชเ้ กณฑ์แตกตา่ งจากนกั เรียนกลุม่ อื่นหรอื ไม่ อย่างไร
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ไดโคโตมสั คียท์ ส่ี รา้ งขน้ึ สามารถนำไปใช้กับพชื ดอกตา่ งชนดิ กันได้หรือไม่ อยา่ งไร
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………

29

เอกสารประกอบการเรียน วชิ า ความหลากหลายทางชวี ภาพ (ว30244) 1/2563 บทที่ 1 ความหลากหลายทางชวี ภาพ

ใบกิจกรรมท่ี 4 การใชไ้ ดโคโตมสั คยี ์

วตั ถปุ ระสงค์ เพื่อใหน้ กั เรยี นสามารถใชไ้ ดโคโตมสั คีย์ระบุชนิดของส่ิงมีชวี ิตไดถ้ กู ต้อง

วสั ดอุ ุปกรณ์
1. รูปภาพสัตว์ขาข้อ 6 ชนดิ ได้แก่ กง้ิ กือ ตะขาบ บ้ึง แมงดาทะเล ต๊ักแตน และก้งุ

2. ไดโคโตมัสคยี ข์ องสตั ว์กลมุ่ Arthropods
Key to the class of Arthropoda
1 ก ไม่มหี นวด………………………………………….................………..………………...ขอ้ 2
ข มีหนวด…………………………………….……………….............………........……….ขอ้ 3
2 ก มีขา 4 คูล่ ำตวั แบ่งออกเปน็ 2 ส่วน คอื สว่ นหวั รวมกับส่วนอก
และส่วนทอ้ ง ลำตัวไมเ่ ปน็ รูปเกือกมา้ …………..........……............……………Arachnida
ข มขี า 5 คู่ เปลือกแขง็ ลำตวั เปน็ รปู เกอื กม้า…………………………......….…….Merostomata
3 ก มีหนวด 2 ค่.ู ..........................…………………………………………......…………..Crustacea
ข มหี นวด 1 คู.่ .................................………………………………………....………..ข้อ 4
4 ก มีขา 3 คู่ ลำตวั แบง่ ออกเป็น 3 สว่ น คอื หัว อก และทอ้ ง………….…….....Insecta
ข มีขาเดนิ หลายคู่ ลำตัวยาวมีหลายปล้อง................................…….………...ขอ้ 5
5 ก แต่ละปล้องของลำตวั มีขาเดนิ 2 คู่………………………………….…...........……Diplopoda
ข แต่ละปล้องของลำตัวมีขาเดิน 1 คู่………………………………….…............……Chilopoda

30

เอกสารประกอบการเรยี น วชิ า ความหลากหลายทางชีวภาพ (ว30244) 1/2563 บทท่ี 1 ความหลากหลายทางชีวภาพ

วธิ กี ารทำกจิ กรรม

1. ใหน้ ักเรียนแต่ละคนนำภาพสัตว์ชนดิ ต่าง ๆ ได้แก่ กง้ิ กือ ตะขาบ บ้งึ แมงดาทะเล ตกั๊ แตน และกงุ้
มาระบุกลุ่มโดยการใช้ไดโคโตมัสคยี ์

2. ให้แต่ละคนบนั ทกึ การระบุกลุ่มของภาพสิ่งมชี วี ิตแต่ละชนดิ แลว้ นำมาเปรียบเทียบกับเพื่อนในกลุ่ม

บนั ทึกผล เลขลำดบั ในการ ชือ่ กลุ่มสตั ว์ ลักษณะสำคัญ
ตวั อย่างสัตว์ วนิ จิ ฉยั
เชน่ ไรนำ้ 1ข →3ก Crustacea - มีหนวด 2 คู่
- ลำตัวเป็นเปน็ 2 สว่ น หวั และอก
ก้งิ กือ เชื่อมกัน และสว่ นทอ้ ง

ตะขาบ

บึ้ง

แมงดาทะเล
ตก๊ั แตน
กงุ้

31

เอกสารประกอบการเรียน วิชา ความหลากหลายทางชีวภาพ (ว30244) 1/2563 บทที่ 1 ความหลากหลายทางชีวภาพ

ใบกจิ กรรมท่ี 5 ชื่อของสงิ่ มชี วี ติ

คำชแี้ จง ให้ศึกษาบทความตอ่ ไปนแี้ ลว้ ตอบคำถาม

พนั ธ์ุไมม้ งคล

พันธไ์ุ มม้ งคลพระราชทานประจำจงั หวัด เป็นพันธไ์ุ ม้ทส่ี มเดจ็ พระนางเจ้าสิริกติ ิ์ พระบรมราชนิ นี าถได้
พระราชทานใหก้ ับผูว้ ่าราชการจงั หวดั ของแตล่ ะจงั หวัด เพ่ือให้นำไปปลกู เปน็ สริ ิมงคลแก่จังหวัด รายชอ่ื พนั ธไุ์ ม้
มงคลพระราชทานประจำจงั หวัดของแต่ละจังหวดั แยกตามภาค (ตามเกณฑ์การแบ่งของราชบัณฑิตยสถาน)
ตวั อย่างพันธ์ุไม้มงคลประจำจังหวดั

จังหวัด ชอื่ ต้นไม้ ชอื่ วิทยาศาสตร์
อุดรธานี รัง Shorea siamensis
อุบลราชธานี Dipterocarpus alatus
สระแกว้ ยางนา Phyllanthus emblica
ชมุ พร มะขามปอ้ ม Ficus racemosa
ภูเกต็ มะเดื่ออุทุมพร Pterocarpus indicus
นครสวรรค์ ประดบู่ า้ น Lagerstroemia loudonii
กรุงเทพมหานคร Ficus benjamina
ศรีสะเกษ เสลา Melodorum Fruticosum
บรุ รี ัมย์ ไทรยอ้ ย CASSIA GRANDIS
นครพนม ลำดวน Fagraea fragrans Roxb.
กาฬปพฤกษ์
กนั เกรา

ที่มา : https://new.forest.go.th/nursery

คำถาม
1. ช่ือวิทยาศาสตรใ์ ดบ้างทเ่ี ขียนผิดตามหลกั การเขียนชอื่ วิทยาศาสตร์ พร้อมกบั แก้ไขให้ถูกต้อง
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

32

เอกสารประกอบการเรียน วิชา ความหลากหลายทางชีวภาพ (ว30244) 1/2563 บทที่ 1 ความหลากหลายทางชวี ภาพ

2. ชือ่ วิทยาศาสตร์ใดท่ีช่ือ specific epithet มาจากช่อื สถานท่ี
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3. คำว่า Roxb ในช่ือวิทยาศาสตรข์ องกนั เกราแสดงถึงสิง่ ใดของชือ่ วิทยาศาสตร์
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
4. ถ้าช่ือ specific epithet ของกันเกราแสดงถงึ ลักษณะเฉพาะของดอกกนั เกรา ฉะนัน้ คำวา่ “fragrans” น่าจะ
หมายถงึ อะไร
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
5. จากชือ่ วทิ ยาศาสตร์ต้นไมช้ นิดใดอย่ใู นสกุลเดยี วกัน
............................................................................................................................. .......................................................
6. ถา้ บคุ คลท่ีต้ังชอ่ื วิทยาศาสตรข์ องมะขามป้อมคอื ลนิ เนยี ส (Linnaeus) และปที ต่ี ้ังชื่อคอื ปี 1990 นักเรยี นจะ
เขยี นชือ่ วทิ ยาศาสตร์ของมะขามปอ้ มได้ว่าอยา่ งไร
............................................................................................................................. .......................................................

33

เอกสารประกอบการเรยี น วชิ า ความหลากหลายทางชวี ภาพ (ว30244) 1/2563 บทท่ี 1 ความหลากหลายทางชีวภาพ

คำชี้แจง ใบกิจกรรมที่ 6 สรปุ ความเข้าใจ

ใหน้ กั เรยี นตอบคำถามต่อไปน้ี

1. อนกุ รมวธิ าน (taxonomy) คืออะไร
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

2. หลักของการศึกษาอนกุ รมวธิ าน (principle of taxonomy) ประกอบด้วยกจิ กรรมใดบ้าง
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

3. การจัดหมวดหมู่ของส่ิงมีชีวติ (classification) คืออะไร ยกตัวอยา่ ง
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

4. การตรวจสอบเอกลกั ษณ์ (identification) คืออะไร มวี ธิ กี ารอย่างไร
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

5. เพราะเหตใุ ดจงึ ต้องมีการตั้งชอื่ วิทยาศาสตร์ (nomenclature) ให้กับสง่ิ มีชีวติ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

34

เอกสารประกอบการเรยี น วิชา ความหลากหลายทางชวี ภาพ (ว30244) 1/2563 บทที่ 1 ความหลากหลายทางชีวภาพ

คำชแี้ จง ใบกิจกรรมที่ 7 ระบบการจัดจำแนก

ให้นักเรยี นทำความเขา้ ใจระบบการจดั จำแนกส่ิงมีชวี ิตแบบต่าง ๆ แลว้ ตอบคำถามต่อไปน้ี

1. ระบบการจดั จำแนกของวิตเทเกอร์ (Whittaker) มกี ารจดั จำแนกสิง่ มีชวี ิตอย่างไร

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

2. ระบบการจดั จำแนกของ Carl Woese อาศยั สง่ิ ใดในการจำแนก และแบ่งสิง่ มชี วี ิตอย่างไร

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

3. การจดั จำแนกแบบ Phenetics และ Cladistics แตกต่างกันอย่างไร

....................................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .......................................................

3. ให้เขียน Cladogram จำแนกสงิ่ มีชีวิตดังภาพท่ีกำหนดให้

35

เอกสารประกอบการเรยี น วิชา ความหลากหลายทางชวี ภาพ (ว30244) 1/2563 บทท่ี 1 ความหลากหลายทางชวี ภาพ

36

Viruses and Particle Living

ครูผูส้ อน : นางสาวกลุ ธดิ า ขนั สขุ 1

Viruses & Particle Living

ไวรสั น้นั (ภาษาละตนิ ) มีความหมายวา่ “เป็นพษิ ”(poison/toxic)

• Virus

• Viroid อนุภาค
• Prion
(Particle)

Virus เป็นสง่ิ มีชีวติ ท่แี ตกตา่ งจากสง่ิ มีชีวติ อน่ื ทวั่ ไปตรงท่ไี วรสั ไม่มีสว่ นท่เี ป็นเย่อื หมุ้ เซลล์

ของตวั เอง Virus ไม่มีเมตาบอลซิ ึมเม่ืออยูน่ อกเซลลเ์ จา้ บา้ น (host cell) แตไ่ วรสั ยงั มีคณุ สมบตั ิ

ของสง่ิ มีชีวติ ท่สี ามารถแพรพ่ นั ธุเ์ พม่ิ จาํ นวน และเม่ืออยู่ในเจา้ บา้ น สามารถสรา้ งเอนไซมแ์ ละ

เกดิ เมตาบอลซิ ึม 3

Prokaryote K. Monera

สง่ิ มีชีวติ คณุ สมบตั เิ ป็น Cell
(Organisms)

Eukaryote K. Protista
K. Fungi
K. Plantae
K. Animalia

สง่ิ มีชีวติ ขาดคณุ สมบตั เิ ป็น Cell Viruses และ Particle Living
/สง่ิ ไม่มีชีวติ

คณุ สมบตั เิ ป็นเซลล์ ?????? 2

สอนโดย ครูกลุ ธดิ า ขนั สขุ สาขาชีววทิ ยา

ขนาด Viruses & Particle Living

สอนโดย ครูกลุ ธดิ า ขนั สขุ สาขาชีววทิ ยา 4

ขนาดขนVาiดruเลsกe็ sมา&ก (P2a0r-3ti0c0lenmLi)ving

5

สอนโดย ครูกลุ ธดิ า ขนั สขุ สาขาชีววทิ ยา 7

Viruses & Particle Living 6

 มีขนาดเลก็ มาก
 มีกรดนิวคลอี กิ เพยี งชนิดเดยี ว คอื RNA หรอื DNA
 ตอ้ งอาศยั สง่ิ มชี ีวติ อน่ื เพอ่ื ยงั ชีพ

(Obligatory intracellular parasite )
 มีองคป์ ระกอบและโครงสรา้ งท่เี รยี บงา่ ย
 การเพม่ิ จาํ นวนของไวรสั เป็นการสงั เคราะหท์ างชีวเคมี
 ไม่ถกู ทาํ ลายดว้ ยยาตา้ นจุลชีพหรอื ยาปฏชิ ีวนะ

สอนโดย ครูกลุ ธดิ า ขนั สขุ สาขาชีววทิ ยา

The infected alveoli of
COVID 19

สอนโดย ครูกลุ ธดิ า ขนั สขุ สาขาชีววทิ ยา

8

Structure of Virus

• อยา่ งนอ้ ยตอ้ งมีองคป์ ระกอบ 2 สว่ น Nucleocapsid
(Nucleoprotein)
1. สารพนั ธุกรรม (Genetic material)
DNA (dsDNA หรอื ssDNA) 9
RNA (dsRNA หรอื ssRNA)

2. Capsid
ประกอบดว้ ย Capsomere

- ป้ องกนั กรดนิวคลอี กิ ถกู ทาํ ลาย
- สง่ เสรมิ การเกาะตดิ ของ virus
- ทาํ ให้ virus คงรูปได้

สอนโดย ครูกลุ ธดิ า ขนั สขุ สาขาชีววทิ ยา

Viral structure

สอนโดย ครูกลุ ธดิ า ขนั สขุ สาขาชีววทิ ยา

11

Viral structure

บางชนิดมี Envelope

คอื ชน้ั ไขมนั พวก

Phospholipid

3. Spike

- The viral glycoproteins that project from the capsid or envelope.

- For attachment and host cell penetration

4. Envelope Naked virus Envelope vi1r0us
• virus ท่ไี ม่มี Envelope เรยี กว่า Naked virus
• Virus ท่มี ี Envelope เรยี กว่า Envelope virus

รูปรา่ งของ virus

• รูปรา่ งของไวรสั ข้ึนกบั การจดั เรยี งตวั ของ capsomeres ซ่ึงสามารถแบ่งไดเ้ ป็น
• 3 แบบ

–Cubic symmetry ชนิด Icosahedral symmetry รูปรา่ งเป็นสามเหล่ยี ม 20
หนา้ 12 มมุ เช่น ไวรสั โรคโปลโิ อ หดู (Human papillloma virus (HPV)

Polio virus สอนโดย ครูกลุ ธดิ า ขนั สขุ สาขาชีววทิ ยา 12

Icosahedral symmetry

สอนโดย ครูกลุ ธดิ า ขนั สขุ สาขาชีววทิ ยา

13

รูปรา่ งของ virus

• Helical symmetry มีลกั ษณะท่อนตรงยาว หรอื ท่อนโคง้ เช่น ไวรสั ท่ที าํ

ใหเ้ กดิ โรคไขห้ วดั ใหญ่ โรคพษิ สนุ ขั บา้ TMV

HIV

Rebies virus

TMV

สอนโดย ครูกลุ ธดิ า ขนั สขุ สาขาชีววทิ ยา 15

Icosahedral symmetry

Cucumber mosaic virus

14

รูปรา่ งของ virus

• Complex Structure รูปรา่ งสมมาตรไม่แน่นอน เช่น Poxvirus โรคฝีดาษ ,
Bacteriophage

poxvir1u6 s

Questions : รูปรา่ งแบบใด

Reproductive cycle (การเพม่ิ จาํ นวนไวรสั ) 17
19
มีสว่ นพเิ ศษเกาะตดิ เช่น Tail
fiber, spike เป็นตน้ สว่ นพเิ ศษเหลา่ น้ีจะ
เกาะตดิ กบั receptor บนผิวของเซลล์ แต่
virus บางชนิดกส็ ามารถจะเกาะตดิ ไดเ้ ลย

สอนโดย ครูกลุ ธดิ า ขนั สขุ สาขาชีววทิ ยา

Questions : รูปรา่ งแบบใด

Influenza หรอื flu

Corona virus

18

การเพม่ิ จาํ นวนของ Virus

ขน้ั ตอนการเพม่ิ จาํ นวน Virus รูป B

1. การเกาะจบั กบั เซลลเ์ จา้ บา้ น (Attachment หรอื Adsorption)

รูป A ภาพ การเกาะจบั ระหว่าง HIVกบั เซลลเ์ จา้ บา้ น

สอนโดย ครูกลุ ธดิ า ขนั สขุ สาขาชีววทิ ยา 20


Click to View FlipBook Version