The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by startstop48, 2021-08-04 06:27:03

วิชาความหลากหลายทางชีวภาพ ม.6

เอกสารประกอบการเรียน

Keywords: ความ

Golden algae

Flagellum

Drynobyon Synura

Fig. 28‐15

Blade
Stipe
Holdfast

Brown Algae

Ectocarpus

padinaทาํ ป๋ ยุ มี K สงู Fucus ทาํ ป๋ ยุ มี K สงู
Laminaria Sargassum ทาํ อาหาร
ทาํ อาหาร ไอศกรมี
สบู่ แชมพู
ป๋ ยุ โพแทสเซยี ม

kelp

กลุ่ม 4 Stramenopila

Oomycetes (รานาํ้ )

• Oomycetes ผนังเซลล์ประกอบดว้ ย cellulose
• ส่วนมากดาํ รงชวี ติ แบบผยู้ อ่ ยสลาย (decomposers) or parasites
• เชน่ Saprolegnia sp. เป็นปรสติ ของปลา

Brown Algae Life Cycle

Fig. 28‐17‐3 Germ tube Oogonium

Cyst Egg nucleus 
(n) Antheridial
Hyphae MEIOSIS
hypha with 
ASEXUAL sperm nuclei 
REPRODUCTION (n)
Zoospore
(2n) SEXUAL FERTILIZATION

Zygote REPRODUCTIONZygotes
germination
(oospores)

Zoosporangium (2n)
(2n)

Key

Haploid (n)
Diploid (2n)

กลุ่ม 5 Rhodophyta

• สารสี (pigment) ทพ่ี บในสาหรา่ ยสีแดง คือ phycoerythrin,
Chlorophyll a, d

• สขี องสาหร่ายขึน้ อยกู่ ับความลกึ ของแหล่งนาํ้ เชน่ สแี ดงเข้มในนํ้าตนื้ ,
สีดาํ หากอยใู่ นนาํ้ ลึก

• ตา่ งจากสาหรา่ ยสีน้ําตาล คือ ไม่มรี ะยะทม่ี ี Flagella
• ประโยชนใ์ ชท้ าํ วุ้นได้ (Agar และ Carageenan)

Red algae  Gracilaria สาหร่ายผมนางนํามาทาํ ว้นุ

• Gracilaria

Porphyra จฉ่ี ่ายนํามาทาํ อาหาร

กลุ่ม 6 Chlorophyta

• เซลลส์ บื พนั ธมุ์ แี ฟลกเจลลา 2 เสน้ ยกเวน้ spirogyra ไม่
มแี ฟลกเจลลา

• สาหรา่ ยสเี ขยี วทค่ี ลา้ ยพชื มากทส่ี ดุ , chloroplasts
คลา้ ยกบั ของพชื

Green algae

Chlorella  Acetabularia Volvox Chara
นํามาทาํ อาหารทม่ี โี ปรตนี สงู

Spirogyra Chlamydomonas scenedesmus Ulva

กลุม่ 7 Mycetazoa

• ราเมอื ก (Slime mold) พบในบริเวณที่ชื้นแฉะ ขอนไม้ กองขยะ หรอื
บริเวณใบไม้เน่า มี 2 กลมุ่ คือ

1. Plasmodial Slime Molds

2. Cellular Slime Molds

Charophyta (Stonewort)

Chara (สาหร่ายไฟ) globule
nucule

Plasmodial Slime Molds Life Cycle

Plasmodial Slime Molds

Stemonitis sp. Hemitrichia sp.
Physarum sp.
Fuligo septica

Cellular Slime Molds

Acrasis rosea Dictyostelium sp.

Fig. 28‐25‐2 Spores FERTILIZATION
600 μm (n)
Emerging
amoeba SEXUAL Zygote
(n) REPRODUCTION (2n)

Solitary amoebas MEIOSIS
(feeding stage)
Fruiting (n) Amoebas
bodies (n)
(n) ASEXUAL
REPRODUCTION

Aggregated
amoebas

Migrating
aggregate

2. Cellular Slime Molds 200 μm Key

Haploid (n)
Diploid (2n)

กลมุ่ 8 Rhizopoda

actinopoda

Foraminifera

เคล่ือนท่ีโดยใช้เท้าเทียม (pseudopodium)

Arcella

เอกสารประกอบการเรียน วิชา ความหลากหลายทางชวี ภาพ (ว30244) 1/2563 บทที่ 1 ความหลากหลายทางชวี ภาพ

แบบฝึกหัด เรื่อง อาณาจักรโปรตสิ ตา (Kingdom Protista)

ตอนท่ี 2 : 1. จงเตมิ ขอ้ ความในตารางใหถ้ ูกต้อง (TT)

ลกั ษณะ Animal like protiste Fungal like protiste plant like protiste
Slime mold Eukaryote
โปรตสิ ต์
Eukaryote
กลุม่ ส่ิงมีชีวิตในระบบนิเวศ heterotroph

ชนดิ ของเซลล์ Eukaryote

2. ให้นำอกั ษรคำตอบด้านขวามือ มาเตมิ หนา้ ขอ้ ความใหถ้ กู ต้องทสี่ ดุ และมคี วามสมั พันธ์กันมากทสี่ ุด

………….. 1. มสี ารสี phycoerythrin ปรมิ าณมาก A. Chara
………….. 2. เกิดปรากฏการณ์ปะรงั ฟองขาว B. Trichonympha
………….. 3. ระยะ plasmodium เคลอื่ นทค่ี ลา้ ยอะมบี า C. Diatom
………….. 4. โปรโตซวั ในลำไส้ปลวก D. Trichomonas
………….. 5. โปรตสิ ตท์ ค่ี ลา้ ยพชื มากทส่ี ุด E. Gracilaria
F. Dinoflagellates
3. จากภาพจงตอบคำถามต่อไปน้ี G. Slime molds
H. Trypanosoma

D.

A
C.

B.

3.1 การสืบพันธ์แุ บบอาศยั เพศของ Paramecium เกดิ กระบวนการเรยี กวา่ .......................................................
3.2 อักษรบรเิ วณใดเกดิ การแบ่งเซลล์แบบ meiosis ...........................................................................................
3.3 นิวเคลยี สชนดิ .................................................มคี วามสำคญั มากในการสืบพนั ธข์ุ อง Paramecium ดงั ภาพ
3.4 ถา้ ไม่มี ออร์แกเนลตามอกั ษร D. จะเกดิ อะไรขึน้ ...........................................................................................

87

เอกสารประกอบการเรยี น วชิ า ความหลากหลายทางชวี ภาพ (ว30244) 1/2563 บทที่ 1 ความหลากหลายทางชีวภาพ

1.6 อาณาจกั รเห็ดรา (Kingdom Fungi)

สิ่งมีชีวิตที่อยู่ในอาณาจักรเห็ดรา (Kingdom Fungi) ได้แก่ เห็ด รา และยีสต์ มีจำนวนมากกว่า 100,000
สปชี สี ์ (species) ท่ีไดร้ บั การคน้ พบจากนกั วิทยาศาสตร์ ประมาณ 1.5 ลา้ นสปีชีสใ์ นโลก

ส่ิงมีชีวิตในอาณาจักรน้ีจัดได้ว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งต่อระบบนิเวศ เพราะเป็นผู้สลายสารอินทรีย์
(decomposer) อันเนื่องมาจากลักษณะการกินอาหารซ่ึงเป็นแบบดูดซึมอาหารที่ย่อยแล้วจากภายนอก
(absorption)

ลักษณะสำคัญของเห็ดรา
รปู แบบของการกินอาหาร
เห็ดราเป็นยูแคริโอตท่ีเป็นพวกเฮเทอโรโทรฟ (heterotroph) ดำรงชีวิตอยู่ด้วยการย่อยสลายสารอินทรีย์

ต่างๆเห็ดราสว่ นใหญ่เป็นพวกแซโพรป (saprobe) คอื ดำรงชวี ิตอยดู่ ้วยการไดส้ ารอาหารจากซากพืชซากสตั วต์ ่าง ๆ
บางชนิดดำรงชีวิตแบบปรสติ (parasite) คือไดร้ ับสารอาหารโดยตรงจากเนื้อเย่ือของโฮสต์ (host)

โครงสร้างของเห็ดรา
เหด็ ราส่วนใหญเ่ ปน็ พวกหลายเซลล์ (multicellular) โดยมีเซลลต์ ่อกันเปน็ สายใย เรยี กว่า ไฮฟา (hypha)
เพ่ือปรับใช้ในการดูดซึมอาหารและสืบพันธุ์ ไฮฟารวมกันเป็นกลุ่มร่างแหเล็ก ๆ เรียกว่า ไมซีเลียม (mycelium)
ดอกเห็ดท่ีเห็นกันท่ัวไปน้ันเป็นส่วนท่ีเปลี่ยนแปลงไปทำหน้าที่ในการสืบพันธุ์โดยท่ีภายใต้ดอกเห็ดนั้นเป็นไมซีเลียม
จำนวนมากสานกนั เปน็ รา่ งแหทำหนา้ ที่ดดู สารอาหาร

ภาพที่ 1.6.1 ลักษณะของเหด็ รา (ซา้ ย), ผนงั เซลล์ของเห็ดรา (ขวา)
ทีม่ า http://www.hindawi.com/journals/ijmicro/2012/920459/fig1/

88

เอกสารประกอบการเรียน วชิ า ความหลากหลายทางชวี ภาพ (ว30244) 1/2563 บทที่ 1 ความหลากหลายทางชวี ภาพ

ผนังเซลล์ของเห็ดราส่วนมากประกอบด้วยไคทิน (chitin) ซึ่งเป็นสารโพลีแซ็กคาไรด์ (polysaccharide)
ทีค่ ล้ายกบั ไคทินในเปลอื กของพวกแมลงหรือสัตว์ขาปล้องอ่นื ๆ ซง่ึ แตกตา่ งจากผนังเซลล์ในพวกพืชที่ประกอบดว้ ย
เซลลูโลส (cellulose)

แต่ละไฮฟาของเห็ดราส่วนมากจะแบ่งเป็นเซลล์โดยมีผนังก้ัน เรียก เซปตัม (septum) โดยปกติเซฟตัมจะ
มีช่องหรือรูที่มีขนาดใหญ่พอท่ีจะให้พวกไรโบโซม (ribosome) ไมโทคอนเดรีย (mitochondria) หรือแม้แต่
นิวเคลียส (nucleus) เคล่อื นไหลไปมาจากเซลล์หน่งึ ไปสูอ่ กี เซลลห์ น่ึงได้

เห็ดราบางชนิดไม่มีผนังก้ันระหวา่ งเซลล์ (aseptate) เรียก ซีโนไซติกไฮฟา (coenocytic hypha) เห็ดรา
พวกนมี้ ีการไหลของไซโทพลาสซึม (cytoplasm) อยา่ งต่อเน่อื งจงึ มนี วิ เคลยี สจำนวนมากภายในเสน้ ใย

สว่ นในเห็ดราพวกที่เป็นปรสิตมักจะมีไฮฟาท่ีเปลี่ยนแปลงไปทำหน้าท่ีดูดสารอาหารจากเน้ือเยื่อของโฮสต์
เรียกฮอสทอเรยี ม (haustorium)

ภาพท1ี่ .6.2 (ซา้ ย) เสน้ ใยราแบบมีผนงั กน้ั (septum), (ขวา) เสน้ ใยราแบบไม่มผี นงั กั้น (aseptate)
ท่ีมา http://slideplayer.com/slide/2430169/

การสืบพันธ์ุ
เห็ดรามกี ารสร้างสปอร์ (spore) ท่เี กดิ จาการสบื พันธุ์ท้ังแบบอาศัยเพศและไม่อาศยั เพศ ในสภาพแวดลอ้ ม
ปกตหิ รือคงท่เี หมาะสมต่อการเจริญเตบิ โตจะพบแต่การสืบพันธแ์ุ บบไม่อาศยั เพศ
เซลล์เห็ดรามีจำนวนโครโมโซมเป็นแฮพลอยด์ตลอดวัฏจักรชีวิตแต่มีภาวะดิพลอยด์ (diploid) ในการ
สืบพันธ์ุแบบอาศัยเพศ โดยมีการรวมกันของสองนิวเคลียสกลายเป็นไซโกต (zygote) ที่มีจำนวนโครโมโซมเป็น
ดพิ ลอยด์ ต่อมาไซโกตจะแบ่งแบบไมโอซิส (meiosis) ได้สปอรท์ ี่เป็นแฮพลอยด์ รูปแบบโดยทั่ว ๆ ไปของเห็ดราจะ
คล้าย ๆ กัน คือมักมีการจับคู่กัน (conjugation) ซึ่งเกิดขึ้นระหว่างไฮฟาต่างสายพันธ์ุ นิวเคลียสท่ีเป็นแฮพลอยด์
ของแต่ละสายจะมาเช่ือมตอ่ รวมอยูใ่ นเซลล์เดียวกัน แลว้ รวมกันเปน็ นิวเคลยี สเดยี วได้ไซโกตในทันที จากนนั้ ก็มีการ
สร้างสปอรแ์ ฮพลอยด์โดยแบ่งแบบไมโอซิสแลว้ เจรญิ เป็นเสน้ ใยแฮพลอยด์ใหม่ต่อไป

89

เอกสารประกอบการเรยี น วชิ า ความหลากหลายทางชีวภาพ (ว30244) 1/2563 บทท่ี 1 ความหลากหลายทางชวี ภาพ

ภาพทื่ 1.6.3 วัฏจกั รชวี ิตเห็ดราสบื พนั ธุแ์ บบอาศยั เพศ และไม่อาศยั เพศ
ที่มา http://biology4isc.weebly.com/4-kingdom-fungi.html

การจดั จำแนกเห็ดรา
เหด็ รามีมากกว่า 100,000 ชนดิ ทีเ่ ป็นท่ีร้จู ักกนั และยังมีอีกเป็นจำนวนพนั หรือมากกว่าถูกค้นพบและได้รับ

การต้ังชื่อในแต่ละปี เห็ดราจัดจำแนกออกเป็น 5 ไฟลัม (phylum) โดยอาศัยพื้นฐานความหลากหลายทางการ
สืบพนั ธ์แุ บบอาศยั เพศ ไดแ้ ก่

1. ไฟลมั ไคทรดิ โิ อไมโคตา (phylum Chytridiomycota)
2. ไฟลัมไซโกไมโคตา (phylum Zygomycota)
3. ไฟลมั แอสโคไมโคตา (phylum Ascomycota)
4. ไฟลมั เบสิดิโอไมโคตา (phylum Basidiomycota)
5. ไฟลมั ดิวเทอโรไมโคตา (phylum Deuteromycota)

6.1.1ไฟลัมไคทรดิ ิโอไมโคตา (phylum Chytridiomycota)
ฟังไจกลุม่ น้ีเรียกท่ัวไปว่า ไคทรดิ (Chytid) ส่วนใหญ่อยู่ในนำ้ จืดและดนิ จึงมักเรียกวา่ ราน้ำ เป็นปรสติ ใน

โพรทิสต์ พืช และสัตว์ หายใจแบบไม่ใช้ O2 (anaerobic) มีการสืบพันธ์ุแบบอาศัยเพศ โดยการสร้างเซลล์สืบพันธ์ุ
และสปอร์ทม่ี ีแฟลเลลาท่ีใช้ในการเคล่ือนท่ี เรยี กว่า Zoospore ไคทริดเป็นฟังไจกลมุ่ แรกท่มี ีวิวัฒนาการข้นึ มาก่อน
เซลล์สืบพันธุ์ จึงคงมีเฟลเจลลาเหมือนบรรพบุรุษ แต่ลักษณะดังกล่าวนั้นจะไม่พบในฟังไจกลุ่มอ่ืน ๆ ไคทริดบาง
ชนดิ มลี ักษณะคลา้ ยโพรโทซวั ตัวอยา่ งเช่น Synchytrium, Endobioticumทำให้เกดิ โรคท่ีเป็นสดี ำบนตน้ มันฝรั่ง

90

เอกสารประกอบการเรียน วิชา ความหลากหลายทางชีวภาพ (ว30244) 1/2563 บทท่ี 1 ความหลากหลายทางชวี ภาพ

ภาพที่ 1.6.4 วฏั จักรชีวิตของเหด็ ราไฟลมั ไคทริดโิ อไมโคตา (phylum Chytridiomycota)
ทมี่ า https://commons.wikimedia.org/wiki

6.1.2ไฟลัมไซโกไมโคตา (phylum Zygomycota)
ไซโกไมโคตาเป็นราที่มีไมซีเลียมเป็นแบบไม่มีผนังกั้น (aseptate) เรียกซีโนไซติกไฮฟา (coenocytic

hypha) มีการสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศโดยสร้างสปอร์แฮพลอยด์ในอับสปอร์ (sporangium) ที่อยู่ส่วนปลายของ
ไฮฟา ส่วนการสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศเกิดโดยการสร้างไซโกสปอร์ (zygospore) ภายในอับสปอร์ หรือ
zygosporanguim ตัวอย่างของเห็ดราในไฟลัมนี้ ได้แก่ ราดำขนมปัง Rhizopus รา Entomophthora ที่พบได้
ท่ัวไปบนซากแมลง และ Gigaspora ท่ีเป็นซิมไบออนต์ (symbiont) ในรากพืช ราเหล่านี้มีการดำรงชีวิตแบบแซ
โพรป (saprobe) บางชนิดดำรงชีวติ แบบปรสิต (parasite)

91

เอกสารประกอบการเรียน วิชา ความหลากหลายทางชีวภาพ (ว30244) 1/2563 บทที่ 1 ความหลากหลายทางชีวภาพ

ภาพที่ 1.6.5 วฏั จกั รชีวิตของราในไฟลัมไซโกไมโคตา Rhizopusstolonifer หรือราขนมปังดำ
ท่มี า https://www.studyblue.com/notes/note/n/chapter-31/deck/8044099

6.1.3 ไฟลัมแอสโคไมโคตา (phylum Ascomycota)
ไฟลัมแอสโคไมโคตามีการสร้างสปอร์ในการสบื พนั ธแ์ุ บบอาศยั เพศเรยี กแอสโคสปอร์ (ascospore) ที่สร้าง

อยู่ในถุงท่ีเรยี กว่าแอสคัส (ascus) สปอร์เรียงกันตามยาวเหมือนลูกหิน ราในไฟลมั นี้เป็นราชนิดที่มีไมซีเลียมแบบมี
ผนังกั้นไม่สมบูรณ์ (incomplete septate mycelium) ทำให้นิวเคลียสสามารถเคลื่อนย้ายแลกเปล่ียนไปมาได้
ระหว่างเซลลท์ ี่อยตู่ ดิ กันโดยผ่านรูในเซปตัม (septal pore)

แอสโคไมโคตามีจำนวนสมาชิกประมาณ 30,000 สปีชีส์ ท่ีรู้จักกันดีได้แก่ ยีสต์ (Saccharomyces
cerevisiae) ราขนมปัง (Neurosporacrassa) และเห็ดทรัฟเฟิล (Tuber melanosporum) เห็ดมอเรล
(Morchelaesculenta) เป็นต้นราแอสโคไมโคตามีรูปร่าง 2 แบบคือในยีสต์ท่ีเป็นเซลล์เดียว ๆ มีการสืบพันธุ์แบบ
ไมอ่ าศยั เพศโดยการแตกหน่อ (budding) และท่เี ป็นไฮฟาสรา้ งเอสโคสปอรท์ ีเ่ ปน็ สปอร์แบบอาศยั เพศ

92

เอกสารประกอบการเรียน วิชา ความหลากหลายทางชีวภาพ (ว30244) 1/2563 บทท่ี 1 ความหลากหลายทางชวี ภาพ

ดอกเห็ดหรือแอสโคคาร์ป (ascocarp) แบ่งออกได้เปน็ สามแบบคือ
1. ไคลสโททเี ซยี ม (cleistothecium) มรี ปู รา่ งกลม กลวงปิดสนิท
2. เพรทิ ีเซยี ม (perithecium) มีรปู รา่ งคล้ายขวดรปู ชมพู่กลวงและมปี ากเปิดแคบ
3. อะโพทเี ซียม (apothecium) มีรูปรา่ งคลา้ ยถว้ ยมีกา้ น ปากกวา้ ง

ภาพท่ี 1.6.6แอสโคคาร์ป (ascocarp) 3 แบบ
ทมี่ า http://www.ruhr-uni-bochum.de/imperia/md/content/allgbotanik/

ภาพที่ 1.6.7วัฏจกั รชวี ิตของเห็ดราไฟลัมแอสโคไมโคตา (phylum Ascomycota)

93

เอกสารประกอบการเรยี น วชิ า ความหลากหลายทางชีวภาพ (ว30244) 1/2563 บทท่ี 1 ความหลากหลายทางชวี ภาพ

ท่มี า http://www.ruhr-uni-bochum.de/imperia/md/content/allgbotanik/

1.6.4 ไฟลัมเบสิดิโอไมโคตา (phylum Basidiomycota)
ราในไฟลัมเบสิดโิ อไมโคตาถือเป็นราที่มโี ครงสรา้ งซับซ้อนท่ีสุดโดยพิจารณาดูจากขนาดและโครงสร้างของ

ส่วนท่ีทำหน้าท่ีสืบพันธ์ุถือเป็นราช้ันสูง ได้แก่ ราหิ้ง (bracket fungi) ท่ีขึ้นอยู่ตามต้นไม้มีการสร้างส่วนท่ีสร้าง
สปอรแ์ บบอาศัยเพศหรือเบสิดิโอสปอร์ (basidiospor) เรียกเบสิดิโอคาร์ป (basidiocarp) สปอร์ที่ถกู สรา้ งบนก้าน
ที่แยกออกมาเรียกว่าสเตริกมาตา (sterigmata) เซลล์ที่มีการแบ่งแบบไมโอซิสและสร้างสปอร์ คือ เบสิเดียม
(basidium)

ไฟลมั เบสิดิโอไมโคตาแบง่ เปน็ 2 class คอื
1. คลาสโฮโมเบสิดโิ อไมซีทส์ (Class Homobasidiomycetes)
คือราท่ีสร้างเบสิเดียมท่ีมีรูปร่างคล้ายกระบองได้แก่ เห็ดต่าง ๆ และราบางชนิดที่เป็นปรสิต แต่ส่วนมาก
เป็นแซโพรป บางชนิดสร้างไมคอร์ไรซา (mycorrhiza) คอื อยู่รวมกบั รากพชื ชน้ั สงู ผนงั ไมซีเลียมประกอบด้วยไคทิน
มากกวา่ เซลลโู ลส และไฮฟาเป็นแบบมผี นงั กัน้ สมบรู ณ์แบบว่าท่ผี นังกน้ั สมบรู ณ์ (complete septate)
2. คลาสเฮเทอโรเบสดิ โิ อไมซีทส์ (Class Herterobasidiomycetes)
กลุ่มน้ีไม่สร้างเบสิดิโอคาร์ปแต่มีความสำคัญมากทางด้านเศรษฐกิจ ได้แก่ ราสนิมเหล็ก (rusts) และ
ราเขม่า (smuts) ที่ทำให้เกิดโรคในธัญพืช พวกข้าวสาลี ข้าวโพด ทำให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจเป็นอย่าง
มาก สว่ นมากราในคลาสนเ้ี ป็นปรสิตในพชื

ภาพท่ี 1.6.8วฏั จักรชีวิตของเห็ดราไฟลัมเบสดิ โิ อไมโคตา (phylum Basidiomycota)

94

เอกสารประกอบการเรียน วชิ า ความหลากหลายทางชวี ภาพ (ว30244) 1/2563 บทที่ 1 ความหลากหลายทางชวี ภาพ

ท่มี า http://www.ruhr-uni-bochum.de/imperia/md/content/allgbotanik/

1.6.5 ไฟลัมดิวเทอโรไมโคตา (phylum Deuteromycota)
ไฟลัมดิวเทอโรไมโคตา มีประมาณ 24,000 สปีชีส์ มีอยู่ 1,200 สกุล (genus) พบแต่การสืบพันธ์ุแบบไม่

อาศยั เท่านัน้ ดังนัน้ จึงมวี ฏั จกั รชีวิตท่ีไมส่ มบรู ณ์เพราะขาดการสืบพันธุ์แบบอาศยั เพศ
ราในไฟลัมนี้มีไฮฟาท่ีมีผนังกั้น ทำให้ราพวกนี้อาจจัดอยู่ในไฟลัมแอสโคไมโคตาหรือเบสิดิโอไมโคตาก็ได้

แต่ยังไม่ตรวจพบระยะการสืบพันธ์ุอาศัยเพศหรือไม่มีการสืบพันธ์ุแบบอาศัยเพศเลย บางคร้ังเม่ือมีการตรวจพบการ
สืบพันธุ์แบบอาศัยเพศข้ึนรานั้นจะถูกตั้งช่ือขึ้นมาใหม่ แต่ชื่อเก่าก็ยังเก็บไว้ด้วย ตัวอย่างเช่น รา Penicillium
vermiculatum ท่ีต่อมาพบว่ามีการสร้างแอสคัสคล้ายกับราพวกแอสโคไมโคตา จีนัส Talaromyces ดังน้ันรา
ชนิดนจี้ ึงเรยี กวา่ Talaromyces vermiculatum

ตวั อย่างท่ีจะกล่าวถงึ อยู่ในอนั ดบั โมนลิ อิ าเลส (Order Moniliales) ซ่งึ เปน็ กลมุ่ ท่ีใหญท่ ี่สุดมีจำนวนราว
10,000 สปชี ีส์ ได้แก่ Penicilliumและ Aspergillusเป็นราทีร่ ูจ้ กั กันแพร่หลาย ทำใหเ้ กิดสเี ขยี วน้ำเงินและดำในไม้
ผลพวกส้ม ราในไฟลมั ดิวเทอโรไมโคตามคี วามสำคัญทางอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น อตุ สาหกรรมไวน์ ซอี ิว๊ เนยแขง็
ยาปฏิชวี นะ เป็นตน้ นอกจากนีย้ งั มีราท่ีเปน็ ปรสิตก่อให้เกิดโรคตา่ ง ๆ

ราในไฟลัมน้สี ่วนใหญ่อยู่อย่างอสิ ระตามพน้ื ดนิ นแต่มบี างชนิดทำใหเ้ กิดโรคท่รี ้จู ักกนั ดี ได้แก่ Aspergillus
flavus ทำใหเ้ กิดโรคในขา้ วโพด Epidermophyton floccosum ทำให้เกดิ โรคฮอ่ งกงฟตุ และ Candida
albicansเปน็ ยสี ต์ทท่ี ำให้เกดิ โรค candida บรเิ วณอวัยวะเพศและชอ่ งปาก Aspergillus fumigatus ทำให้เกิด
โรคท่มี อี าการคล้ายกบั วณั โรค เปน็ ตน้

Penicillium sp. ใชท้ ำยาปฏชิ วี นะ Aspergillus flavus ทำใหเ้ กิดโรคในข้าวโพด

Epidermophyton floccosum ทำใหเ้ กิดโรคฮอ่ งกงฟตุ Aspergillusoryzae ใช้ผลติ เต้าเจ้ียว
95

เอกสารประกอบการเรียน วชิ า ความหลากหลายทางชีวภาพ (ว30244) 1/2563 บทที่ 1 ความหลากหลายทางชวี ภาพ

Candida albicans กอ่ โรค candida Aspergillus fumigatus ทำให้เกดิ โรคท่ีมีอาการคล้ายกับวัณโรค

ภาพท่ี 1.6.9 ตวั อย่างเชือ้ ราทีม่ ีความสำคญั

ทม่ี า http://www.sobiologia.com.br/conteudos/Reinos/biofungos2.php
https://en.wikipedia.org/wiki/Aspergillus_fumigatus

http://www.leibniz-hki.de/en/virulence-of-aspergillus-fumigatus.html

1.6.6 ประโยชน์และความสำคญั ของเห็ดราที่มตี ่อระบบนิเวศและมนุษย์

1. ด้านการรักษาระบบนิเวศ (Ecosystem) เห็ดรามีอิทธิพลต่อกระบวนการย่อยสลายอินทรีย์วัตถุ
การหมนุ เวยี นของธาตอุ าหาร (nutrient cycle) ทเี่ ออื้ ประโยชน์แก่พชื สตั ว์ และ จลุ ินทรีย์ในระบบนิเวศต่าง ๆ

2. ความสำคัญทางด้านเศรษฐกิจ (Economic) การผลิตเห็ดของโลกในปัจจุบันมีประมาณ 4.27 ล้านตัน
ในจำนวนน้ีเป็นการผลิตเห็ดแชมปิญอง 37.2% รองลงมาคือ เห็ดสกุลนางรม 21.5% เห็ดหอม 12.2% มีประเทศ
ญีป่ นุ่ และจนี เป็นผู้ผลติ มากทส่ี ุด

3. เป็นแหลง่ อาหารสำหรับมนุษย์ (Food sources) การเป็นอาหารสำหรับมนุษย์ หรือที่เรียกกันว่า fungi
as food ในแง่ทางโภชนาการน้ัน ถือว่าเห็ดเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง โดยมีปริมาณโปรตีน เกลือแร่
และเสน้ ใยสงู แต่มีไขมันอยูใ่ นระดับตำ่

4. การนำไปใช้เป็นยาป้องกันและรักษาโรค (Medicinal products) เห็ดบางชนิดยังพบว่ามีสรรพคุณ
ปอ้ งกนั และรักษาโรค จึงทำให้มีการบริโภคเห็ดกันมากขึ้น เพราะในเห็ดเหลา่ นั้นมสี ารเพ่ิมภูมิต้านทานของร่างกาย
ตอ่ โรคร้ายบางชนดิ รวมท้ังมสี ารที่สามารถยบั ย้ังการเพม่ิ จำนวนของเซลล์มะเร็งได้อีกด้วย

5. การใช้ในกระบวนการชีวเคมี (Biochemical processes) การผลิตอุตสาหกรรมอาหาร เช่น ราท่ีสร้าง
เม็ดสี เอนไซม์ กรดอินทรีย์อุตสาหกรรมหมักดอง ซีอ๊ิว เป็นต้น การเกษตร นอกจากใช้เป็นอาหารแล้ว ยังใช้เพิ่ม
ประสิทธิภาพในการย่อยปุ๋ยหมัก ใช้ควบคุมเช้ือราที่ทำให้พืชเป็นโรคโดยนำเช้ือรา Trichoderma sp. และ
Chaetomiumเพื่อกำจัดเช้ือราด้วยกันเอง และการสกัด GA หรือสารจิบเบอเรลลิน การแพทย์ เช่น ราที่สร้างสาร
ปฏิชวี นะ Penicillium sp. การบำบัดของเสีย โดยการลดมลภาวะ เชน่ การใช้ EM เป็นต้น

96

เอกสารประกอบการเรยี น วิชา ความหลากหลายทางชีวภาพ (ว30244) 1/2563 บทที่ 1 ความหลากหลายทางชีวภาพ

แบบฝึกหดั เรอื่ ง อาณาจักรฟงั ไจ (Kingdom Fungi)

1. จงเติมขอ้ ความในตารางให้ถกู ต้อง Hypha Asexual spore Sexual spore
Plylum septate fragmentation zygospore
zoospore
Basidiomycota septate fragmentation
Zygomycota
Ascomycota
Chytidiomycota

2. พิจารณาภาพ แล้วตอบคำถาม โครงสร้างหมายเลข 1 เรียกว่า ..............................................ส่งิ มชี วี ิตทีส่ รา้ ง
หมายเลข 1. หมายเลข 2. เซลล์สืบพันธุ์ดังภาพคือสง่ิ มีชีวิตชนดิ ใดบา้ ง.......................................................
จดั อยใู่ นฟังไจกล่มุ ใด...................................................................จัดเป็นการ
สืบพันธแ์ุ บบไม่อาศัยเพศหรอื ไม่.....................เพราะเหตุใด
.............................................................................................................................

3. จากภาพการสืบพนั ธุ์ของสง่ิ มีชีวติ ชนดิ หน่งึ
3.1 ส่ิงมชี วี ติ สบื พนั ธ์ุโดยวิธกี ารใด………………………………………………………………………………………………
3.2 โครงสรา้ งหมายเลข 1 เรียกวา่ อะไร……………………………………………………………………………………..

97

เอกสารประกอบการเรียน วชิ า ความหลากหลายทางชวี ภาพ (ว30244) 1/2563 บทที่ 1 ความหลากหลายทางชวี ภาพ

4. จากภาพ จงตอบคำถามต่อไปนี้

Fungus A a Fungus B
b
d
C

a. โครงสรา้ ง a มชี ื่อวา่ ..................................................................................................................................(TT)
b. โครงสร้าง b มชี อื่ วา่ ..................................................................................................................................(TT)
c. โครงสรา้ ง c มชี อ่ื วา่ ..................................................................................................................................(TT)
d. โครงสร้าง d มชี อ่ื วา่ ..................................................................................................................................(TT)
e. ชือ่ สกุลของ Fungus A คือ.......................................................................................................................(TT)
f. ช่ือสกลุ ของ Fungus B คือ.......................................................................................................................( TT)

5. จากภาพจงทำเครื่องหมายถูก (✓) หรือ ผิด (X) หนา้ ข้อ a-b

Fungus D

Fungus C

………….a) Fungus C มวี วิ ัฒนาการต่ำกว่า Fungus D
………….b) Fungus C สรา้ งเซลลส์ ืบพนั ธุแ์ บบอาศยั เพศในขณะท่ี Fungus D สร้างเซลล์สบื พันธุแ์ บบไม่อาศัยเพศ

98

(Kingdom Plantae)

อาณาจกั รพชื

ลกั ษณะสาํ คญั ของอาณาจักรพชื 1

4. Chloroplasts contain Embryo

Chlorophyll a-b 3

Carotenoids

“Photosynthesis”

5. ต้องผา่ นระยะ Embryo

Sperm + Egg Zygote

ลกั ษณะสาํ คญั ของอาณาจักรพชื

1. เป็นเซลล์ eukaryotes มหี ลายเซลล์
2. ผนงั เซลล์ cellulose
3. สะสมแปง้ (starch storage)

2

อาณาจกั รพชื (Kingdom Plantae)

• สิ่งมีชีวิตอย่ใู นอาณาจักรน้ี ได้แก่ พชื สีเขียวทง้ั หมดซ่งึ
มีประมาณ 240,000 สปีชสี ์

• ผนงั เชลลส์ ว่ นใหญ่เปน็ เซลล์ลโู ลส
• เปน็ สงิ่ มชี ีวิตทสี่ ามารถสร้างอาหารได้เอง

(Autotrophicorganisms)

4

5
7

Life cycle - Alternation of generation

6

plant  classification

Kingdom  Plantae

non vascular  plant vascular  plant

seedless  plant seed  plant

D. Bryophyta D. Lycophyta Gymnosperm Angiosperm
D. Hepatophyta D. Pterophyta
D.Anthocerophyta D.Coniferophyta D.Anthophyta
D.Cycadophyta C.Dicotyledonae
D.Ginkgophyta C.Monocotyledonae

D.Gnetophyta

8

9

ลกั ษณะสําคญั Non-Vascular Plants (bryophyte)

1. ไม่มรี าก ลาํ ตน้ ใบ ท่ีแท้จรงิ (Rhizoid, cauloid, phylloid)

2. ไม่มีเนอื้ เยือ่ ลาํ เลียง (xylem, Phloem)
3. ระยะเดน่ คือ gametophyte
4. sporophyte อาศยั อยบู่ น gametophyte

5. สรา้ งสปอร์ชนิดเดียว (homosporous plant)

6. การปฏิสนธิโดยอาศยั น้าํ (water fertilization) 11
7. Leafy form / thallus form

10

Non-Vascular Plants (Bryophyte)

Liverworts

Mosses Hornworts

12

1. Division hepatophyta - liverwort

Liverwort

13

Asexual reproduction

by Gemmae

Gemma cup ภายใน gemma cup จะสร้างการ
Gemmae สืบพนั ธแ์ุ บบไมอ่ าศยั เพศมลี กั ษณะ
เปน็ แผน่ สเี ขียว เรยี กว่า gemmae
เทยี บได้กบั สปอร์

15

ลักษณะสาํ คญั Division hepatophyta - liverwort

- Leafy form/ Thalloid form

- gametophyte * dichotomous branching

- การสืบพันธ์ุแบบไม่อาศัยเพศ gemma

- การสืบพนั ธแ์ุ บบอาศัยเพศ Archegonium, Antheridium

- Sporophyte – foot , seta , capsule (elator)

14

Thallus liverworts

dichotomous branching 16

leafy form liverworts

17
19

วงชวี ติ Liverwort

18

2. Division Anthocerophyta - hornwort

20

ลักษณะสาํ คญั Division Anthocerophyta - hornwort
- Thalloid form

- มี Rhizoid
- Sexual Reproduction (Archegonium , Antheridium)
- Sporophyte – Foot , capsule (elator) , seta : stomata

21

23

22

3. Division Bryophyta - mosses

24

ลกั ษณะสาํ คญั Division Bryophyta - mosses

1. ลกั ษณะเป็น Leafy form
2. ระยะ gametophyte มี cauloid, phylloid, rhizoid
3. ไม่มที อ่ ลําเลียง
4. Sporophyte - foot , seta, capsule
5. Sexual reproduction- Archegonia , Antheridia
6. peristome teeth * Calyptra , Operculum

25

วงชีวิต mosses

27

Operculum

Protonem26 a

Vascular plant

• มีเน้ือเยอื่ ลาํ เลียง สว่ นใหญ่มีราก ลําตน้ ใบ ท่ีแท้จรงิ

 Seedless plant

1. sporophyte เปน็ ไม้เนอ้ื อ่อน ขนาดไม่ใหญ่
2. ส่วนมากสร้าง homospore
3. การสืบพนั ธุ์แบบอาศัยเพศตอ้ งอาศยั นาํ้
4. sporophyte ระยะแรกอาศยั บน gametophyte

28

Division Lycophyta

Genus - Lycopodium , Selaginella , Isoetes

1. Sporophyte เริ่มมรี าก ลําต้น ใบ
2. Sporophyte แตกแบบ Dichotomous
3. มีสปอร์ 2 แบบ คือ Homospore , Heterospore
4. การสบื พนั ธุ์แบบอาศัยเพศสร้าง Strobilus

29

Lycopodium (ground pine)

1. มี Rhizome , Aerial stem
2. การสืบพนั ธแ์ุ บบไม่อาศยั เพศ (Rhizome)
3. การสืบพนั ธแ์ุ บบอาศยั เพศ Strobilus
4. มี Stomata ท่ีใบและลาํ ต้น

5. ใบแบบ Microphyll
6. สร้างสปอรช์ นิดเดียว (Homosporous plant)

31

Lycopodium

ชอื่ สามัญอังกฤษ Club mosses
Ground pine

ชือ่ สามญั ไทย ช้องนางคลี่ สามร้อยยอด
หางสิงห์

30

strobilus 

32

33

พ่อค้าตีเมีย ตีนตกุ๊ แก
กนกนารี
35

Seleginella

1. Sporophyte ลาํ ต้นแตกแบบ Dichotomous
2. Heterophyllous leave– Microphyll , Megaphyll
3. Heterospore
4. Strobilus

34

36

Heterospory of  selaginella

Megaspore 
Microspore

37

Isoetes

39

Life cycle of selaginella (Spike moss)

Isoetes 38
40
1. Sporophyte - พืชล้มลกุ
2. ใบ - Microphyll
3. Heterospore

Isoetes

Longitudinal section of stem

41

Seedless Vascular Plants

 Sporophyte สงู 20-30 cm.

Whisk fern หวายทะนอย  Rhizome

 ทาํ หน้าท่ีคล้ายราก Rhizoid

 Dichotomous
branching stem

 Sporangium มี 3 lobe
 Homospore

 ใบแบบ Scale leaf 43

42
44

45
47

Synangium of Psilotum

46

* horsetail

1. Sporophyte มีราก ลาํ ต้น ใบ

2. Sporophyte – ใบไมม่ ี Chlorophyll

3. Strobilus

4. Homospore

5. มี Elator
6. Gametophyte – Dioecious , Monoecious

48

Equisetum  Equisetum  
 Horsetails   

 Aerial  stem  สีเขียว
 Rhizome  สีนํ้าตาล

 ลาํ ต้นมีข้อ ปล้องชดั เจน ใบ
เลก็ สีน้ําตาลเรียงรอบข้อ

Horsetails 49

Equisetum 51

Horsetails 50

Stem & Sporangiophore

52

Ferns ชายผา้ สีดา กระแตไต่ไม้ ผกั แว่น เกลด็ นาคราช
แหนแดง จอกหหู นู ข้าหลวงหลงั ลาย

1. ราก ลาํ ต้น ใบ เจริญดี

2. มี Rhizome
3. ใบแบบ Megaphyll เรียก Frond

4. Simple leaf และ Compound leaf

53

55

Leaf of ferns

Compound leaf
Simple leaf

54

* fern

5. Circinate leaf

6. Spore ---- Sorus ---- Indusium

7. Gametophyte – Prothallus - Monoecious

56

- มีใบอ่อนมีลกั ษณะ Circinate vernation / Circinate leaf

- มี Sorus ด้านล่างหรือขอบ ส่วนใหญ่เป็น Homospore
ยกเว้น เฟิ นน้ําเป็น Heterospore

57

59


Click to View FlipBook Version