The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by startstop48, 2021-08-04 06:27:03

วิชาความหลากหลายทางชีวภาพ ม.6

เอกสารประกอบการเรียน

Keywords: ความ

58
60

archegonium
antheridium

rhizoid

61

63

62
64

Seed  plant

1. Sporophyte มีหลายรปู แบบ
2. การสืบพนั ธไ์ุ ม่ต้องอาศยั น้ํา

3. ทกุ ชนิดเป็น Heterospore

4. เมลด็ เปล่ียนแปลงมาจาก Ovule
(เทียบเท่า Sporangium)

65

4. Single fertilization (ปฏสิ นธคิ รงั้ เดยี ว)

Sperm + Egg Zygote Embryo
 Ovule
 Integument เจริญเป็นเมลด็ (Seed)

เจริญเป็นเปลือกห้มุ เมลด็ (seed coat)

67

Gymnosperm (naked  seed)

1. ไมย้ ืนต้น ไม้พ่มุ ไม้เลือ้ ย ไมล้ ้มลกุ
2. monoecious หรือ dioecious
3. โครงสร้างในการสืบพนั ธ์ุ คอื strobilus หรือ cone

66

Strobilus – cone ’ Gymnosperm

Male cone ( Pollen cone )
Pollen grain
Sperm

Female cone ( Seed cone )
Megaspore
Egg

68

Division Cycadophyta

cycad  ปรง
1. sporophyte ลาํ ต้นมกั อวบ เตยี้

ไม่แตกแขนง

2. ใบประกอบแบบขนนกขนาดใหญ่ เป็ นกระจุกท่ี
ยอด ใบย่อยเรียว ยาวและแขง็
3. เป็น dioecious

69

male  cone female  cone 71

Male cone & Femal cone ( Cycad )

70

การเกดิ เมลด็ บน Seed cone

72

Division Ginkgophyta

Ginkgo  biloba แป๊ ะกว๊ ย
อากาศอบอ่นุ หนาว จีน เกาหลี ญี่ป่ นุ
1.sporophyte สงู 12‐17  m.  
2. ใบเดี่ยวคล้ายพดั เส้นใบแตกเป็น

dichotomous
3. เป็น dioecious
4.  เมลด็ เปลือย มีเปลือกห้มุ เมลด็ (integument)
เป็ นส่วนท่ีกินได้

73

Developing  Ginkgo

Developing female cones
Receptive female 
cones

Male cones
Fleshy mature female cone with large see75d

cone & seed   Ginkgo

74

Ginkgo leave Ginkgo cone Ginkgo seed
76

77

leafs  diversity

79

Division Coniferophyta

• สกลุ ทพี่ บมากทสี่ ุดคอื pinus
สนสองใบ สนสามใบ สนเกย๊ี ะ สนฉัตร

1. sporophyte ขนาดใหญ่ แตกกิ่งก้านสาขา
2. ใบมีขนาดเลก็ รปู ร่างคล้ายเขม็ อย่รู วมเป็นกล่มุ

3. สร้าง male  cone  ขนาดเลก็

และ female  cone  ขนาดใหญ่

4. monoecious, dioecious

78

male  cone & pollen  grain

80

female  cone of  pinus

81

Male pine

Female pine

83

Pollen cone pine

82

84

Division Gnetophyta

Ephedra  Gnetum Welwitschia

ประมาณ 70 species

เป็ นพืชที่พบในเขตแห้งแล้ง

85

Ephedra

87

Ephedra

86

Seed cone

Pollen cone

Pollen cone of Ephedra

Ephedra88

Gnetum

89

Welwitschia

seed cone
male  cone

91

Gnetum

90

Welwitschia Welwitschia: Female cone

92

Welwitschia: Pollen cone

Welwitschia: ovulate cone

93

Class  Dicotyledonae

Class  Monocotyledonae

95

Division Anthophyta

Angiosperm  advanced plant

1. sporophyte  มีรปู ร่างหลายแบบ
22. .แหแลห่งลอ่งาอศายั ศทยั วั่ทไวัป่ ไป

3. อวยั วะสืบพนั ธค์ุ ือ ดอก (flower)
perfect  flower

imperfect  flower

complete  flower

incomplete  flower 94

ส่วนประกอบดอก

1.กลีบเลีย้ ง (sepal)
2.กลีบดอก (petal)
3.เกสรตวั ผู้ (stamen)
4.เกสรตวั เมีย (pistil)

filament

anther

96

97
99

Monocots vs Dicots

98

Venation (การจดั เรียงตวั ของเส้นใบ)

netted venation paralleled venation
(แบบตาข่ายหรือร่างแห) (แบบขนาน)

Pinnately netted venation

Palmately netted venation 100

monocotyledon dicotyledon
101

102

เอกสารประกอบการเรียน วชิ า ความหลากหลายทางชีวภาพ (ว30244) 1/2563 บทที่ 1 ความหลากหลายทางชีวภาพ

แบบฝึกหัด เร่ือง พชื ท่มี ีท่อลำเลยี ง

ชอ่ื -สกุล ......................................................................................ชั้น.............. เลขท่ี ...................
1. พิจารณาภาพสงิ่ มชี วี ติ ท่ีกำหนดให้

1.1 จงเรียงลำดับววิ ัฒนาการของสิ่งมชี วี ติ ทก่ี ำหนดใหจ้ ากต่ำไปสูง

ลำดับท่ี อักษร ชื่อสิง่ มีชวี ติ
1
2
3
4
5
6

126

เอกสารประกอบการเรียน วชิ า ความหลากหลายทางชีวภาพ (ว30244) 1/2563 บทท่ี 1 ความหลากหลายทางชีวภาพ

1.2 จากการเรียงลำดบั ววิ ัฒนาการของส่ิงมีชวี ิตในขอ้ 1.1 จงเขยี นไดโคโตมสั คีย์ เพ่อื จำแนกสง่ิ มชี วี ติ
แตล่ ะชนดิ ใหถ้ ูกต้อง
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2.

จากภาพที่กำหนดให้ พิจารณาข้อความตอ่ ไปน้ี แลว้ ทำเคร่อื งหมาย √ หนา้ ข้อความท่ีกล่าวถูก และทำ
เคร่อื งหมาย x หนา้ ข้อความที่กลา่ วผดิ

………………..2.1 พชื ทงั้ 3 ชนิดมี sporophyte อยบู่ น gametophyte
……………….2.2 พชื ทง้ั 3 ชนิด เป็น homosporous plant
……………….2.3 สปอโรไฟตข์ อง C ท่ีเจรญิ เต็มที่จะสรา้ งอบั สปอร์ซ่ึงมารวมกลุ่มกัน โดยแต่ละกล่มุ ของอบั

สปอร์ เรยี กว่า ซอรสั
……………….2.4 พชื A และ C มรี ากและใบ ส่วนพืช B มใี บแตไ่ ม่มรี าก
……………….2.5 พชื C ไม่ต้องอาศยั น้ำ เปน็ สื่อให้ sperm วา่ ยไปหา egg เพื่อการปฏิสนธิ ส่วนพชื A และ B

ตอ้ งอาศยั นำ้ เป็นส่ือ

127

เอกสารประกอบการเรยี น วิชา ความหลากหลายทางชวี ภาพ (ว30244) 1/2563 บทที่ 1 ความหลากหลายทางชีวภาพ

3. ให้นกั เรยี นพิจารณาภาพท่ีกำหนดให้ และทำเครื่องหมาย ✓ ลงในตารางท่ีมขี ้อความสัมพนั ธก์ ับภาพ

ชนิดพชื ราก,ลำต้นแทจ้ รงิ เนอ้ื เย่ือลำเลียง เมลด็ ดอก

4. สว่ นท่คี ล้ายราก ลำตน้ ใบ ของมอสแตกตา่ งจาก ราก ลำต้น ใบของเฟิรน์ อยา่ งไร
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
5. นักเรยี นคิดว่าลักษณะของพืชดอกมีข้อได้เปรยี บว่าพชื เมล็ดเปลอื ยอย่างไร
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

128

เอกสารประกอบการเรียน วชิ า ความหลากหลายทางชวี ภาพ (ว30244) 1/2563 บทที่ 1 ความหลากหลายทางชีวภาพ

1.7 อาณาจักรสตั ว์ (Kingdom Animal)

Multicellular --> สง่ิ มีชีวติ ในอาณาจักรสัตว์เป็นส่งิ มีชีวิตหลายเซลล์

ท่ีมา : http://www.tutorvista.com/content/biology/biology-iii/modern-classification/two-kingdom-classification.php#

Heterotrophic eukaryote --> รา่ งกายของสตั วป์ ระกอบด้วยเซลลแ์ บบยคู ารโิ อต และ ส่วนใหญ่ดำรงชีวติ เปน็ ผู้บริโภค
ซงึ่ ทำใหส้ ตั วม์ ีความแตกตา่ งจากพืช ซง่ึ เป็น Autotrophic eukaryote

129

Tissues developed from embryonic layers
--> เซลลส์ ัตว์มลี ักษณะเฉพาะแตกต่างจากเซลลพ์ ืช และเชื้อรา คือ เซลลส์ ัตวไ์ ม่มผี นงั เซลล์ (Cell wall) แต่เซลลส์ ตั วม์ ีโปรตีน

เปน็ ตวั เชอี มระหว่างเซลล์ สว่ นใหญ่คือ โปรตีนคอลลาเจน (Collagen)

--> สตั วม์ ีเซลล์ 2 ชนดิ ทไี่ มพ่ บในส่งิ มีชวี ติ อืน่ คือ เซลล์กล้ามเนื้อ และเซลลป์ ระสาท
--> เนื้อเย่ือ คือ กลุ่มเซลล์ท่ีมีโครงสร้าง และ/หรือ หนา้ ท่ี เหมอื นกนั กลุ่มที่ไม่มเี น้ือเยื่อแท้จรงิ เรียกวา่ Parazoa และกลมุ่
ท่ีมเี นือ้ เย่ือแทจ้ รงิ เรยี กวา่ Eumetazoa
--> เน้ือเย่ือกล้ามเน้ือ และเนื้อเย่อื ประสาท ทำใหส้ ตั วม์ กี ารตอบสนองที่ชดั เจน มกี ารเคล่ือนที่
--> เมื่อเสปิร์มปฏิสนธกิ ับไข่ ไดไ้ ซโกต (Zygote) ซ่ึงจะมกี ารพัฒนาตอ่ ไปเปน็ เอมบรโิ อ (Embryo) ผ่านระยะต่าง ๆ ดังนี้
Clevage, Blastulation, Gastrulation ตามลำดบั

(a) Fertilized egg (b) Four-cell stage (c) Early blastula (d) Later blastula

130

--> การเปล่ยี นแปลงของ Blastopore แบง่ เปน็ 2 กลมุ่ คอื Protostomia (Blastopore เปลี่ยนเปน็ ชอ่ งปาก)
และ Deuterostomia (Blastopore เปลย่ี นเปน็ ทวารหนัก)

131

--> หลังจากการพฒั นาของเอมบรโิ อ จนเน้ือเยื่อถูกแบ่งเปน็ ช้ัน Ectoderm, mesoderm และ Endoderm โดย
จะเกดิ ชอ่ งว่างระหวา่ งลำตัวกับอวยั วะภายใน โดยสามารถแบง่ สตั ว์ได้ 3 กลมุ่ คือ กลุม่ ท่ีไม่มีช่องวา่ งลำตวั (Acoelomate)
, กล่มุ ชอ่ งวา่ งลำตัวเทียม (Pseudocoelomate) และกลุ่มทม่ี ชี อ่ งว่างลำตวั แท้จรงิ (Coelomate)

ที่มา: https://courses.candelalearning.com/cloneofbio/wp-content/uploads/sites/120/ 2014/08/Figure_15_01_05.jpg

132

--> สมมาตรรา่ งกายของสตั ว์ (Symmetry) แบ่งเป็น กลุ่มท่ีไม่มีสมมาตร (Asymmetry) กลมุ่ ที่มสี มมาตรร่างกาย
แบบรศั มี (Radial symmetry) และกลมุ่ ท่ีมีสมมาตรดา้ นข้าง (Bilateral symmetry)

ทมี่ า : http://www.ck12.org/flx/show/default/image/201412291419894273294487_8eb75
30b9df9c297ce6278d5717f5e2e-201412291419895642069782.jpg

ทีม่ า : https://medium.com/@jnnielsen/what-it-means-to-be-bilaterally-symmetrical-a601eadaa467

133

--> รปู แบบการเจรญิ ในระยะตวั ออ่ น ของสัตว์ในกลุ่ม Protostomia จำแนกเปน็ ระยะตัวอ่อนแบบโทรโคฟอร์
(Trochophore larva) และกลุ่มทม่ี กี ารลอกคราบในขณะเจริญเตบิ โต

ท่ีมา : http://dc399.4shared.com/doc/OzjC7NQ7/preview.html

หลกั เกณฑ์ทใ่ี ชจ้ ดั จำแนกสตั วอ์ อกเปน็ กล่มุ คือ
1. การมีหรือไม่มีเนือ้ เย่ือท่ีแท้จริง (Parazoa / Eumetazoa)
2. สมมาตรของร่างกาย (Bilateral symmetry / Redial symmetry)
3. ชอ่ งว่างลำตวั (Acoemate / Pseudocoelomate / Coelomate)
4. การเปลีย่ นแปลงของ Blastopore (Protostome / Deuterostome)
5. การเจริญในระยะตัวอ่อน (Lophotrochozoa / Ecdysozoa)

สัตว์ไมม่ ีกระดูกสันหลัง (Invertebrate)

สัตว์ไมม่ กี ระดกู สนั หลงั (Invertebrate) หมายถงึ สัตวท์ ่ีไม่มีแท่งกระดกู สันหลังและเปน็ สัตว์ทไ่ี มม่ ีกระดูก (bone)
หรอื กระดกู อ่อน (Cartilage) มกี ารปรบั ตัวและรปู ร่างทีห่ ลากหลาย พบในสภาพแวดล้อมทกุ รปู แบบ (ทะเล, น้ำจืด, บนบก,
ปล่องภูเขาไฟใต้ทะเลลึก, โขดหิน, พ้นื ทีห่ นาวจัด) (บพธิ , 2545)

134

ไฟลมั พอรเิ ฟอรา (Phylum Porifera)

ลักษณะสำคัญ
1. เปน็ สตั ว์ท่ีโบราณที่สดุ ไมม่ ีเน้อื เย่ือทแ่ี ทจ้ ริง ไมม่ ีอวยั วะ การประสานงานระหวา่ งเซลล์มนี ้อยมาก มี
ววิ ัฒนาการสูงกว่า Protozoa ที่เป็นโคโลนี แต่ยังไม่เป็น Metazoa ทแ่ี ท้จริง
2. ลกั ษณะรูปร่างเปน็ กอ้ น ท่อ คลา้ ยโอ่ง หรือรปู รา่ งแบบแจกัน มีรูพรุนขนาดเล็กทว่ั ลำตัวสำหรับเป็นชอ่ งใหน้ ้ำ
เขา้ (Ostia) และชอ่ งขนาดใหญส่ ำหรบั นำ้ ออก (Osculum)
3. รปู รา่ งของฟองน้ำคล้ายจะมีสมมาตรแบบรัศมี (Radial symmetry) แต่ตำแหนง่ ของรูและทางผา่ นของนำ้ ทำ
ใหไ้ มเ่ ปน็ สมมาตรแบบรัศมีอย่างสมบรู ณ์ ฟองนำ้ ส่วนใหญเ่ จริญแผ่คลมุ วัตถุท่ีเกาะ หรือแตกแขนง จงึ ไมม่ ี
สมมาตร (Asymmetry)
4. ฟองน้ำมโี ครงร่าง (Spicules) แทรกอยู่ในลำตวั มีท้งั หินปูน ซลิ ลกิ า แต่บางชนิดมเี สน้ ใยโปรตีน (Sponging
fiber) เป็นโครงร่าง
5. ดำรงชีวติ อสิ ระ โดยกรองกินอาหารจากน้ำ (Suspension feeder) ทผ่ี า่ นเข้าสชู่ ่องวา่ งกลางลำตัว
(Spongocoel) โดยมีเซลลป์ ลอกคอ (Colla cell) หรอื Choanocyte และ Amoebocyte ทำหนา้ ท่จี บั และ
ยอ่ ยอาหาร
6. ฟองน้ำมกี ารสืบพนั ธุ์ทงั้ แบบอาศัยเพศ สว่ นใหญ่มสี องเพศในตวั เดียว (Hermaphrodite) ไซโกตจะพฒั นา
เปน็ ตวั อ่อนล่องลอยในน้ำ เมื่อมีพน้ื ท่ีลงเกาะทเ่ี หมาะสมก็จะพฒั นาเปน็ ฟองน้ำตวั เตม็ วัย ส่วนการสืบพันธุ์แบบ
ไม่อาศยั เพศ โดยการแตกหน่อ (Budding), หักเป็นท่อน (Fragmentation), การสรา้ งเจมมลู (Gemmule) ซง่ึ
ทนตอ่ สภาพแวดล้อมที่ไมเ่ หมาะสม

135

Sponge anatomy

ที่มา : http://www.biologyjunction.com/sponges__cnidarian_notes_b1.htm

7. ฟองน้ำ จำแนกไดด้ ังน้ี

ท่มี า : https://o.quizlet.com/i/3YG2wBxVXygkJULyusgrMg.jpg

136

ไฟลมั ไนดาเรีย (Phylum Cnidaria)

ลักษณะสำคญั
1. รปู แบบพ้นื ฐานของรปู ร่างมี 2 แบบ คอื โพลปิ (Polyp) และ เมดซู า (Medusa)
2. มีเนื้อเย่ือ 2 ชน้ั ประกอบดว้ ย เน้อื เยอื่ บุผวิ (Epithelia) หรอื Epidermis ปกคลุมด้านนอกของลำตวั และชน้ั
ของเนื้อเย่ือที่บุภายในโพรงลำตัว คือ Gastrodermis ระหว่าง Epidermis กบั Gastrodermis เป็นชนั้ ทมี่ ี
ลักษณะคลา้ ยว้นุ หรอื เจล เรียกว่า Mesoglea ซึ่งเปน็ สารพวก Mucopolysaccharide และ Collagen
3. ไม่มรี ะบบอวัยวะทีช่ ดั เจน มีชอ่ งวา่ งลำตวั เรยี กวา่ Gastrovascular cavity ทำหนา้ ท่ีเป็นทางเดินอาหาร
โดยเป็นสัตว์กลุม่ ท่ีมที างเดนิ อาหารไม่สมบรู ณ์ มี Tentacle รอบปาก โดยบรเิ วณปลายจะมี Cnidocyte ซง่ึ
ภายในบรรจเุ ข็มพิษ (Nematocyst) ทำหนา้ ทจ่ี บั เหยอ่ื หรือป้องกันตัว มกี ารย่อยอาหารทั้งภายในและภายนอก
เซลล์
4. มสี มมาตรแบบรัศมี (Radial symmetry) หรือ รัศมีสองระนาบ (Biradial symmetry)

ท่มี า : http://bio1151.nicerweb.com/Locked/media/ch33/cnidaria.html

137

5. รบั รูแ้ ละตอบสนองต่อสิง่ เรา้ โดยการทำงานของระบบประสาทแบบรา่ งแห หรือ ตาข่ายประสาท (Nerve
net)

Cnidarian nerve net

ทม่ี า : http://bioserv.fiu.edu/~walterm/Fund_Sp2004/nervous/nervous_text.htm

138

6. สตั ว์ในไฟลัมไนดาเรีย สืบพนั ธ์ไุ ด้ทง้ั แบบอาศัยเพศและไม่อาศัยเพศ

ท่ีมาของภาพ : http://www.student.loretto.org/zoology/chp%2029/cnideria/Html%205/slide1.gif

139

7. ไฟลัมไนดาเรีย แบ่งเป็น 4 class ดงั นี้

ไฟลัมทโี นฟอร์ (Phylum Ctenophore)

ลกั ษณะสำคญั
1. มีลักษณะสำคัญคือการมีหนวดที่ไม่มีเขม็ พษิ
2. ระบบทางเดินอาหารแบบสมบรู ณ์ มสี ่วนปากอยู่ด้านลา่ งและมี anal pore เปน็ ชอ่ งขับถา่ ยอย่ทู างด้านบนของ
ลำตัว มีรูปรา่ งเป็นแบบ medusa
3. มีการพัฒนาการของระบบประสาทที่ดีกว่า โดยมีเสน้ ประสาทอยู่ทางด้านล่างของแถวหวี (comb row)
4. ตวั อย่างสัตว์ในไฟลมั นี้ คือ หววี ้นุ

Ctenophore Anatomy

ที่มา : http://www.marlin.ac.uk/images/taxonomy_descriptions/Ctenophora.jpg

140

ไฟลัมแพลทเี ฮลมินทสิ (Phylum Plathyhelminthes)

ลกั ษณะสำคัญ
1. มีเนอื้ เยื่อ 3 ชั้น (Ectoderm, Mesoderm, Endoderm) ไมม่ ีช่องวา่ งระหว่างอวยั วะภายในกับลำตัว
(Acoelomate) ลำตวั แบนตามแนวบนลงลา่ ง เรียกทั่วไปวา่ หนอนตวั แบน (Flat worm)
2. มีทางเดนิ อาหารแบบไมส่ มบูรณ์ ขับถ่ายของเสียโดยใช้ Flame cell ระบบประสาทมีปมประสาทคลา้ ยสมอง
และเส้นประสาทตามยาวออกจากสมอง

Planaria anatomy

ทมี่ า : http://www.wetcanvas.com และ http://siera104.com/images/bio/flatroundrotifers/flatwormstucture.jpg

141

Tapeworm anatomy

ที่มา : http://classconnection.s3.amazonaws.com/219/flashcards/770825/png/tapeworm-anatomy.png

Tapeworm Life Cycle

ทม่ี า : http://www2.bc.cc.ca.us/bio16/images/12_24.jpg

หนอนตัวแบนบางชนดิ ดำรงชวี ติ อสิ ระ (Free living) เชน่ พลานาเรีย (Planaria) สบื พันธุ์ได้ทัง้ แบบอาศัยเพศโดยการ
ผสมข้ามตวั และแบบไมอ่ าศัยเพศโดยการงอกใหม่ (Regeneration) ส่วนหนอนตวั แบนท่ีดำรงชวี ติ แบบปรสิต (Parasite)
เชน่ พยาธติ วั ตืด พยาธใิ บไม้ กลุม่ นจี้ ะมีควิ ทิเคลิ (Cuticle) บรเิ วณผวิ สบื พันธไ์ุ ด้ทั้งแบบอาศัยเพศและไม่อาศยั เพศ

142

3. มีสมมาตรแบบซ้ายขวา (Bilateral symmetry)
4. ไฟลมั เพลททีเฮลมินทสิ แบ่งออกเปน็ 3 Class ดังนี้

Class Tubellaria Class Trematoda Class Cestoda

143

ไฟลมั นมี าโทดา (Phylum Nematoda)

ลักษณะสำคญั
1. มเี ฉพาะกล้ามเนอื้ ตามยาว ลกั ษณะลำตัวแหลมหัวแหลมท้าย ไม่มีขอ้ ปล้อง ไม่มีรยางค์ เรียกวา่ หนอนตวั กลม
(Round worm) ผิวมีชนั้ Cuticle ตัวอ่อนมกี ารลอกคราบระหว่างการเจริญเติบโต
2. หนอนตัวกลมมีทางเดนิ อาหารสมบรู ณ์ มีตอ่ เรเนตต์ (Renete gland) ทำหน้าท่ีนำของเสียออกจากร่างกาย ไม่
มีอวัยวะหายใจ ไม่มรี ะบบหมุนเวียนเลือด
3. มชี ่องว่างลำตัวเทียม (Pseudopodium)
4. เพศแยก เพศผขู้ นาดเล็กกวา่ เพศเมยี ไข่มีขนาดใหญ่ห้มุ ดว้ ยสารไคทิน ปฏิสนธิภายในรา่ งกาย (Internal
fertilization)
5. พบอาศัยในแหลง่ นำ้ จืด น้ำเค็ม พื้นดินแฉะ มีทง้ั ดำรงชีวิตอิสระ และเป็นปรสิต เช่น หนอนนำ้ สม้ พยาธิแสม้ ้า
พยาธิปากขอ พยาธเิ สน้ ดา้ ย

144

145

ไฟลมั มอลลัสคา (Phylum Mallusca)

ลกั ษณะสำคญั
1. เป็นสตั ว์กลุม่ ท่ีมีลำตัวอ่อนน่มุ มีเน้อื เยอ่ื แมนเทลิ (Mantle) ทำหน้าทสี่ ร้างเปลอื กแข็งจากแคลเซยี มคาร์บอเนต็
หมุ้ ลำตัว
2. มีทางเดนิ อาหารสมบูรณ์ ระบบหมนุ เวยี นเลือดแบบเปดิ แลกเปล่ียนแก๊สโดยใชเ้ หงอื กหรือปอด มรี ะบบ
ประสาท ขบั ถ่ายโดยใช้ Metanephridium

146

3. มเี พศแยก (Dioecious) มีการปฏสิ นธภิ ายนอกและภายใน
4. ไฟลัมมอลลัสคา แบ่งได้เป็น 5 Class ดงั นี้

Class Bivalvia --> หอยสองฝา เช่น หอยแครง หอยแมลงภู่ หอยหลอด หอยมือเสอื

ทีม่ า : http://thomson.fosterscience.com/Biology/Unit-AnimalWorld/Mollusca.htm

147

Class Gastropoda --> หอยฝาเดียว เช่น หอยขม หอยทาก หอยเต้าปูน หอยเชอร่ี

Gastropod anatomy

ทม่ี า : http://ridge.icu.ac.jp/biobk/BioBookDiversity_8.html

Class Polyplacophora --> ล่นิ ทะเล มีพบอาศยั อยบู่ ริเวณชายฝั่งทะเลบรเิ วณน้ำขึ้น น้ำลง

148

ที่มา : http://www.emc.maricopa.edu/faculty/farabee/biobk/BioBookDiversity_8.html

Class Scaphopoda --> รูปร่างเปน็ หลอด ฝงั อยู่ในโคลนหรอื ทราย เช่น หอยงาช้าง

149

Class Cephalopoda -->ลำตัวยาว เท้าพัฒนาเปน็ Tentacle มรี ะบบประสาทเจริญดี เช่น หอยงวงชา้ ง หมกึ

150

GAME

OCTOPUS
CLAM
SLUG
SQUID OYSTER
NAUTILUS
NUDIBRANCH
SCALLOP
CUTTLEFISH
LIMPET CHITON

ไฟลมั แอนนลิ ิดา (Phylum Annilida)

ลักษณะสำคญั
1. มชี อ่ งวา่ งลำตวั แทจ้ ริง (Coelomate) มีเน้อื เย่ือ 3 ชนั้ ลำตัวแบ่งเป็นปล้องชดั เจน (Segmented worm) แต่
ละปลอ้ งมีเดือย (Setae) หรือ แผน่ ขา (Parapodium)
2. ผวิ หนังมี Cuticle และตอ่ มสร้างเมอื ก ทำให้ผิวหนังชมุ่ ช้ืนเพอ่ื การแลกเปล่ยี นแก๊ส ระบบหมุนเวยี นเลอื ดแบบ
ปิด เลือดมีฮโี มโกลบิน (Hemoglobin) อยู่ในนำ้ เลือด
3. มกี ลา้ มเนื้อและระบบประสาทเจรญิ ดี
4. ขบั ถ่ายโดยใช้ Nephridium (ปลอ้ งละ 1 คู่)
5. สืบพนั ธแ์ุ บบผสมขา้ มตัว
6. ไฟลัมแอนนลิ ิลา แบง่ ไดเ้ ปน็ 3 Class ดังนี้

151

http://www.learningcommunity202.org/PEHS/departments/science/tmurphy/animals_first/Annelids/Assets/annelidbody.gif
152


Click to View FlipBook Version