The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนวิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ ม.6 รวมทุกแผน

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by wanrujirawan, 2021-06-20 11:01:16

แผนวิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ ม.6 รวมทุกแผน

แผนวิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ ม.6 รวมทุกแผน

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 1 เอกภพ

แบบทดสอบกอ่ นเรยี น

หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 1 เอกภพ

คำชี้แจง : ให้นกั เรียนเลือกคำตอบที่ถูกต้องท่ีสุดเพียงข้อเดียว

1. ขอ้ ใดเป็นอนุภาคมลู ฐานทเ่ี กดิ ขึ้นหลงั บิกแบงทง้ั หมด 6. ดาวเคราะห์ชั้นนอกประกอบดว้ ยแก๊สชนดิ ใด
1. ควาร์ก อิเล็กตรอน และโปรตอน 1. แก๊สฮีเลียม และแกส๊ ออกซิเจน
2. ควารก์ อเิ ลก็ ตรอน และนิวเคลยี ส 2. แก๊สคาร์บอน และแกส๊ ไฮโดรเจน
3. ควารก์ อิเล็กตรอน และนวิ ทริโน 3. แก๊สไฮโดรเจน และแกส๊ ฮเี ลยี ม
4. แอนติควารก์ โพซติ รอน และโปรตอน 4. แก๊สฮีเลยี ม และแกส๊ ไนโตรเจน
5. แอนตินวิ ทริโน โฟตอน และอเิ ลก็ ตรอน 5. แกส๊ ออกซิเจน และแก๊สคารบ์ อน

2. ธาตุแรกทีเ่ กดิ ขนึ้ ในเอกภพคือธาตุในขอ้ ใด 7. อัตราการขยายตวั ของเอกภพเปน็ อย่างไร
1. ธาตุเหลก็ 1. คงตัว
2. ธาตซุ ิลิคอน 2. ลดลง
3. ธาตุคารบ์ อน 3. เพิม่ ขนึ้
4. ธาตุไฮโดรเจน 4. เอกภพไมไ่ ดข้ ยายตัว
5. ธาตอุ อกซเิ จน 5. ไมส่ ามารถระบุชดั เจนได้ ณ ปจั จบุ ัน

3. ดาวฤกษ์กอ่ นเกิดหรือโปรโตสตาร์มตี น้ กำเนดิ จากส่ิงใด 8. ชนิดสเปกตรมั ในขอ้ ใดมอี ุณหภมู ผิ วิ ของดาวฤกษ์ที่
1. เนบิวลา 3,500-4,900 เคลวิน
2. ดาวยักษ์แดง 1. ชนิดสเปกตรมั A
3. ดาวแคระขาว 2. ชนิดสเปกตรมั F
4. ดาวนิวตรอน 3. ชนดิ สเปกตรมั G
5. ซปุ เปอรโ์ นวา 4. ชนดิ สเปกตรัม K
5. ชนิดสเปกตรัม M
4. เราสามารถมองเหน็ กาแลก็ ซีแอนโดรเจนไดจ้ ากขอบฟา้
ทางทศิ ใด 9. ปรากฏการณ์ในขอ้ ใดทส่ี นบั สนนุ ทฤษฎบี กิ แบง
1. ทิศใต้ 1. การยุบตัวของดาวฤกษ์
2. ทิศเหนือ 2. การขยายตัวของเอกภพ
3. ทิศตะวันออก 3. การเกดิ ลมสรุ ิยะและพายุสรุ ยิ ะ
4. ทศิ ตะวันตก 4. การเกดิ ปรากฏการณเ์ ปลวสรุ ยิ ะ
5. ทิศตะวนั ตกเฉยี งใต้ 5. การเกิดปรากฏการณ์แสงเหนือแสงใต้

5. ลมสุรยิ ะเกดิ ข้นึ ที่บริเวณโครงสรา้ งใดของดวงอาทิตย์ 10. การพฒั นาอปุ กรณต์ รวจวัดการแผ่รังสีของวตั ถุ
1. คอโรนา ทอ้ งฟา้ ถูกนำมาประยุกต์ใช้สรา้ งเคร่อื งมือใด
2. โฟโตสเฟียร์ 1. ยางรถยนต์
3. โครโมสเฟยี ร์ 2. อาหารเสรมิ
4. เขตการแผร่ งั สี 3. โซลาร์เซลล์
5. เขตการพาความร้อน 4. เครอ่ื งตรวจวดั ควนั
5. เคร่ืองวดั อณุ หภมู แิ บบอนิ ฟราเรด

เฉลย 1. 3 2. 4 3. 1 4. 2 5. 1 6. 3 7. 3 8. 4 9. 2 10. 5
11

หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 1 เอกภพ

แบบทดสอบหลงั เรยี น

หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 1 เอกภพ

คำช้แี จง : ให้นักเรียนเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว

1. ขณะท่เี อกภพเร่ิมกำเนดิ ขนึ้ เอกภพมลี ักษณะอย่างไร 6. ดวงอาทิตยเ์ ป็นดาวฤกษ์ทม่ี อี ณุ หภูมพิ ้ืนผิวประมาณ
1. มสี สารมืดและพลังงานมืดจำนวนมาก
2. มขี นาดเล็กมาก และมอี ณุ หภมู ิสูงมาก 5,600 เคลวนิ ดวงอาทิตย์มีสีใด
3. มกี าแล็กซแี ละดาวฤกษจ์ ำนวนหลายล้านดวง
4. มขี นาดใหญม่ าก และมอี ุณหภมู ิเท่ากบั ในปัจจุบนั 1. ส้ม 2. แดง
5. มีการรวมตวั กนั ของอนภุ าคเปน็ อะตอมไฮโดรเจนและ
ฮเี ลยี ม 3. ขาว 4. นำ้ เงนิ

2. การค้นพบขอ้ มลู ใดทส่ี นับสนุนแนวคดิ ทฤษฎบี ิกแบง 5. เหลอื ง
1. การแผ่คลน่ื วิทยุของกาแล็กซี
2. การแผร่ ังสีอนิ ฟราเรดของดาวหาง 7. ถา้ ดาวฤกษม์ ีกำลังสอ่ งสวา่ งเทา่ กนั เราจะสังเกตเหน็
3. การแผ่รังสีแกมมาของดาวนวิ ตรอน
4. การแผ่รงั สเี อ็กซ์ของซากซปุ เปอร์โนวา ดาวฤกษ์ในขอ้ ใดมคี วามส่องสวา่ งมากที่สดุ
5. การแผ่รังสไี มโครเวฟพืน้ หลงั ในเอกภพ
1. ดาวฤกษท์ อ่ี ยหู่ ่างจากโลก 5 ปแี สง
3. ระบบสรุ ยิ ะอย่บู ริเวณใดในกาแล็กซที างช้างเผอื ก
1. ฮาโล 2. ดาวฤกษท์ ี่อยหู่ ่างจากโลก 10 ปแี สง
2. นิวเคลยี ส
3. ขอบกาแล็กซี 3. ดาวฤกษท์ ีอ่ ยู่หา่ งจากโลก 15 ปีแสง
4. กลดดาราจักร
5. ใจกลางกาแล็กซี 4. ดาวฤกษ์ทอ่ี ยู่หา่ งจากโลก 20 ปีแสง

4. ดาราจกั รทางชา้ งเผือกมลี ักษณะรปู ทรงอยา่ งไร 5. ดาวฤกษท์ อ่ี ยหู่ า่ งจากโลก 25 ปีแสง
1. รูปวงรี
2. รปู ชาม 8. เพราะเหตใุ ดดาวฤกษม์ วลนอ้ ยจงึ มอี ายุยาวนานกว่า
3. รปู โดนทั
4. รปู ก้นหอย ดาวฤกษม์ วลมาก
5. รูปทรงกลม
1. ดาวฤกษ์มวลน้อยมีการผลติ และใชพ้ ลังงานมาก
5. ระบบสรุ ิยะเกดิ ขนึ้ จากการเปลยี่ นแปลงในข้อใด
1. เนบิวลายบุ ตวั เป็นโปรโตสตาร์ 2. ดาวฤกษม์ วลนอ้ ยมีการผลติ และใช้พลงั งานนอ้ ย
2. ดาวนิวตรอนเปลีย่ นเปน็ หลมุ ดำ
3. ซปุ เปอร์โนวายบุ ตวั กลายเป็นหลมุ ดำ 3. ดาวฤกษม์ วลนอ้ ยมีววิ ัฒนาการกลายเปน็ หลมุ ดำ
4. ดาวยักษแ์ ดงยบุ ตัวเปน็ ดาวแคระขาว
5. ดาวนิวตรอนขยายตวั เปน็ ดาวยักษ์แดง 4. ดาวฤกษม์ วลน้อยมวี ิวัฒนาการกลายเป็นซุปเปอร์โนวา

5. ดาวฤกษ์มวลน้อยจะมกี ารระเบดิ อย่างรนุ แรงในลำดับ

วิวัฒนาการ

9. ดาราจกั รมอี งค์ประกอบทีส่ ำคญั คอื ข้อใด

1. ฮเี ลียมและโปรเทยี ม

2. ไฮโดรเจนและฮเี ลียม

3. ดิวทีเรยี มและโปรตอน

4. นิวตรอนและดิวทีเรยี ม

5. ไฮโดรเจนและดิวทเี รยี ม

10. หลังจากการเกดิ บกิ แบงส่ิงใดเกดิ ขนึ้ เป็นอนั ดบั แรก

1. โฟตอน 2. อะตอม

3. โมเลกุล 4. นวิ เคลยี ส

5. สารประกอบ

เฉลย 1. 2 2. 5 3. 3 4. 4 5. 1 6. 5 7. 1 8. 2 9. 2 10. 1
12

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 เอกภพ

แบบประเมินชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด)

แบบประเมินผลงานผังมโนทศั น์

คำช้แี จง : ให้ผสู้ อนประเมินผลงาน/ชน้ิ งานของนักเรยี นตามรายการท่ีกำหนด แลว้ ขดี ✓ลงในช่องทีต่ รงกับ

ระดบั คะแนน

ลำดับที่ รายการประเมิน ระดบั คณุ ภาพ
4 3 21

1 ความสอดคลอ้ งกบั จุดประสงค์ท่ีกำหนด

2 ความถูกต้องของเนอ้ื หา

3 ความคิดสร้างสรรค์

4 ความเปน็ ระเบียบ

รวม

ลงชือ่ ................................................... ผปู้ ระเมิน
............../................./................

เกณฑ์ประเมินผังมโนทัศน์

ประเด็นทปี่ ระเมิน 4 ระดบั คะแนน 1
32

1. ผลงานตรงกบั ผลงานสอดคล้องกับ ผลงานสอดคล้องกับ ผลงานสอดคล้องกับ ผล งาน ไม่ ส อด ค ล้ อง

จดุ ประสงคท์ กี่ ำหนด จุดประสงค์ทกุ ประเด็น จดุ ประสงค์เป็นสว่ นใหญ่ จดุ ประสงค์บางประเดน็ กับจุดประสงค์

2. ผลงานมคี วาม เน้ือหาสาระของผลงาน เนื้อหาสาระของผลงาน เนื้อหาสาระของผลงาน เนื้อหาสาระของผลงาน

ถกู ต้องของเนื้อหา ถกู ตอ้ งครบถ้วน ถูกตอ้ งเปน็ สว่ นใหญ่ ถกู ตอ้ งเป็นบางประเดน็ ไม่ถกู ต้องเป็นส่วนใหญ่

3. ผลงานมีความคิด ผล งาน แ สด งออกถึง ผลงานมีแนวคิดแปลก ผลงานมีความน่าสนใจ ผลงานไม่แสดงแนวคิด

สร้างสรรค์ ค วาม คิ ด ส ร้างส รรค์ ใหม่แต่ยังไม่เป็นระบบ แต่ยังไม่มีแนวคิดแปลก ใหม่

แ ป ล ก ให ม่ แ ล ะ เป็ น ใหม่

ระบบ

4. ผลงานมีความเป็น ผ ล ง า น มี ค ว า ม เป็ น ผลงานส่วนใหญ่มีความ ผ ล ง า น มี ค ว า ม เป็ น ผลงานส่วนใหญ่ไม่เป็น

ระเบียบ ระเบียบแสดงออกถึง เป็ นระเบี ยบ แต่ ยั งมี ระเบียบแตม่ ขี อ้ บกพร่อง ร ะ เ บี ย บ แ ล ะ มี ข้ อ

ความประณีต ขอ้ บกพรอ่ งเล็กนอ้ ย บางส่วน บกพร่องมาก

เกณฑก์ ารตดั สินคุณภาพ

ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ

14-16 ดีมาก

11-13 ดี

8-10 พอใช้

ตำ่ กวา่ 7 ปรับปรุง

13

หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 1 เอกภพ

แบบประเมนิ การปฏิบัติกจิ กรรม

คำชแี้ จง : ใหผ้ ้สู อนประเมนิ การปฏิบัติกิจกรรมของนกั เรยี นตามรายการท่กี ำหนด แลว้ ขีด ✓ ลงในชอ่ งทตี่ รง
กบั ระดับคะแนน

ลำดับที่ รายการประเมิน 4 ระดบั คะแนน 1
32

1 การปฏบิ ัติการทำกิจกรรม
2 ความคล่องแคล่วในขณะปฏบิ ัติกิจกรรม
3 การบนั ทกึ สรปุ และนำเสนอผลการทำกิจกรรม

รวม

ลงชื่อ ................................................... ผปู้ ระเมิน
................./................../..................

14

หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 1 เอกภพ

เกณฑ์การประเมินการปฏบิ ตั ิกิจกรรม

ประเดน็ ที่ประเมิน ระดบั คะแนน

1. การปฏบิ ตั ิ 432 1
กิจกรรม ตอ้ งให้ความชว่ ยเหลอื
ทำกจิ กรรมตามขัน้ ตอน ทำกจิ กรรมตามขั้นตอน ต้องให้ความช่วยเหลือ อยา่ งมากในการทำ
2. ความ และใชอ้ ปุ กรณไ์ ดอ้ ยา่ ง และใช้อปุ กรณไ์ ด้อย่าง บา้ งในการทำกจิ กรรม กจิ กรรม และการใช้
คล่องแคล่ว ถกู ต้อง ถูกต้อง แตอ่ าจต้อง และการใชอ้ ปุ กรณ์ อปุ กรณ์
ในขณะปฏบิ ตั ิ ได้รับคำแนะนำบา้ ง ทำกจิ กรรมเสรจ็ ไม่
กิจกรรม มีความคลอ่ งแคลว่ มีความคลอ่ งแคลว่ ขาดความคล่องแคลว่ ทนั เวลา และทำ
ในขณะทำกจิ กรรมโดย ในขณะทำกิจกรรมแต่ ในขณะทำกจิ กรรมจึง อุปกรณ์เสียหาย
3. การบนั ทกึ สรุป ไม่ต้องได้รบั คำชี้แนะ ตอ้ งได้รบั คำแนะนำบ้าง ทำกิจกรรมเสร็จไม่
และนำเสนอผล และทำกิจกรรมเสรจ็ และทำกิจกรรมเสรจ็ ทนั เวลา ตอ้ งให้ความช่วยเหลอื
การปฏบิ ตั ิ ทนั เวลา ทนั เวลา อยา่ งมากในการบนั ทกึ
กจิ กรรม สรปุ และนำเสนอผล
บันทึกและสรุปผลการ บันทกึ และสรุปผลการ ต้องใหค้ ำแนะนำในการ การทำกจิ กรรม
ทำกิจกรรมไดถ้ ูกตอ้ ง ทำกจิ กรรมได้ถกู ตอ้ ง บนั ทึก สรปุ และ
รัดกุม นำเสนอผลการ แตก่ ารนำเสนอผลการ นำเสนอผลการทำ
ทำกิจกรรมเปน็ ข้ันตอน ทำกจิ กรรมยงั ไมเ่ ปน็ กจิ กรรม
ชดั เจน ขน้ั ตอน

เกณฑก์ ารตัดสนิ คณุ ภาพ

ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ

10-12 ดีมาก

7-9 ดี

4-6 พอใช้

0-3 ปรับปรงุ

15

หน่วยการเรยี นรู้ที่ 1 เอกภพ

แบบประเมนิ การนำเสนอผลงาน

คำช้ีแจง : ใหผ้ ู้สอนสงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ✓ลงในช่องท่ี

ตรงกบั ระดบั คะแนน

ลำดับท่ี รายการประเมนิ ระดับคะแนน 1
32

1 ความถกู ตอ้ งของเนือ้ หา  

2 ความคดิ สร้างสรรค์  

3 วธิ ีการนำเสนอผลงาน  

4 การนำไปใชป้ ระโยชน์  

5 การตรงต่อเวลา  

รวม

ลงช่อื ................................................... ผปู้ ระเมิน
............/................./...................

เกณฑ์การให้คะแนน ให้ 3 คะแนน
ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมินสมบรู ณช์ ดั เจน ให้ 2 คะแนน
ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินเปน็ สว่ นใหญ่ ให้ 1 คะแนน
ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินบางสว่ น

เกณฑก์ ารตัดสนิ คุณภาพ

ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ

14–15 ดีมาก

11–13 ดี

8–10 พอใช้

ต่ำกว่า 8 ปรบั ปรงุ

16

หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 1 เอกภพ

แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบคุ คล

คำช้แี จง : ให้ผสู้ อนสังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ✓ลงในช่องท่ี

ตรงกบั ระดบั คะแนน

ลำดับที่ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน 1
32

1 การแสดงความคิดเห็น  

2 การยอมรับฟังความคดิ เหน็ ของผอู้ ื่น  

3 การทำงานตามหนา้ ท่ีทไ่ี ด้รบั มอบหมาย  

4 ความมนี ้ำใจ  

5 การตรงต่อเวลา  

รวม

เกณฑ์การใหค้ ะแนน ลงชื่อ ................................................... ผ้ปู ระเมนิ
ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมอย่างสม่ำเสมอ ............/.................../................
ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยครงั้
ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมบางครั้ง ให้ 3 คะแนน
ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน

เกณฑก์ ารตัดสนิ คุณภาพ

ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ

14–15 ดีมาก

11–13 ดี

8–10 พอใช้

ต่ำกว่า 8 ปรับปรงุ

17

หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 เอกภพ

แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานกลุ่ม

คำชแี้ จง : ให้ผูส้ อนสงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ✓ลงในช่องท่ี

ตรงกบั ระดบั คะแนน

การมี

ลำดับท่ี ชื่อ–สกลุ การแสดง การยอมรับ การทำงาน ความมี ส่วนร่วมใน รวม
ของนักเรยี น ความ ฟงั คนอ่นื ตามทีไ่ ด้รับ นำ้ ใจ การ 15
คิดเห็น มอบหมาย คะแนน
ปรับปรงุ
ผลงานกลุ่ม

321321321321321

เกณฑ์การให้คะแนน ลงชอื่ ................................................... ผ้ปู ระเมิน
ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมอย่างสมำ่ เสมอ ............./.................../...............
ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง
ปฏิบัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมบางครัง้ ให้ 3 คะแนน
ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน

เกณฑ์การตัดสนิ คณุ ภาพ

ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ

14–15 ดีมาก

11–13 ดี

8–10 พอใช้

ตำ่ กว่า 8 ปรบั ปรุง

18

หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 1 เอกภพ

แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์

คำชีแ้ จง : ใหผ้ ้สู อนสังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ✓ลงในช่องที่

ตรงกบั ระดับคะแนน

คุณลักษณะ รายการประเมิน ระดบั คะแนน
อนั พึงประสงคด์ า้ น 321

1. รกั ชาติ ศาสน์ 1.1 ยนื ตรงเคารพธงชาติ และร้องเพลงชาติได้

กษตั ริย์ 1.2 เข้ารว่ มกิจกรรมทส่ี ร้างความสามัคคีปรองดอง และเป็นประโยชน์

ตอ่ โรงเรยี น

1.3 เขา้ ร่วมกจิ กรรมทางศาสนาที่ตนนบั ถือ ปฏบิ ตั ิตามหลักศาสนา

1.4 เขา้ รว่ มกิจกรรมทเ่ี กย่ี วกับสถาบนั พระมหากษัตรยิ ์ตามท่ีโรงเรยี นจัดขึน้

2. ซอ่ื สัตย์ สจุ ริต 2.1 ให้ข้อมลู ท่ีถูกต้องและเป็นจรงิ

2.2 ปฏิบัติในสง่ิ ที่ถูกต้อง

3. มวี ินัย รับผิดชอบ 3.1 ปฏบิ ัติตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ขอ้ บังคับของครอบครวั

มคี วามตรงตอ่ เวลาในการปฏบิ ัตกิ ิจกรรมตา่ ง ๆ ในชีวิตประจำวัน

4. ใฝเ่ รียนรู้ 4.1 รจู้ กั ใชเ้ วลาวา่ งใหเ้ ป็นประโยชน์ และนำไปปฏบิ ัตไิ ด้

4.2 รู้จกั จัดสรรเวลาใหเ้ หมาะสม

4.3 เชอ่ื ฟงั คำสงั่ สอนของบดิ า-มารดา โดยไมโ่ ต้แยง้

4.4 ตง้ั ใจเรยี น

5. อยอู่ ยา่ งพอเพยี ง 5.1 ใช้ทรพั ย์สินและสงิ่ ของของโรงเรียนอยา่ งประหยดั

5.2 ใช้อุปกรณ์การเรียนอย่างประหยดั และรู้คุณคา่

5.3 ใช้จ่ายอย่างประหยัดและมกี ารเก็บออมเงนิ

6. มงุ่ มน่ั ในการทำงาน 6.1 มคี วามตงั้ ใจและพยายามในการทำงานท่ีได้รับมอบหมาย

6.2 มีความอดทนและไมท่ อ้ แท้ต่ออุปสรรคเพอื่ ให้งานสำเรจ็

7. รกั ความเปน็ ไทย 7.1 มจี ติ สำนึกในการอนรุ กั ษว์ ฒั นธรรมและภูมปิ ญั ญาไทย

7.2 เหน็ คณุ คา่ และปฏิบัติตนตามวัฒนธรรมไทย

8. มจี ติ สาธารณะ 8.1 ร้จู ักชว่ ยพอ่ แม่ ผูป้ กครอง และครทู ำงาน

8.2 รูจ้ ักการดูแลรักษาทรพั ยส์ มบตั ิและส่ิงแวดล้อมของหอ้ งเรียนและ

โรงเรียน

ลงชือ่ .................................................. ผปู้ ระเมิน
............/.................../................

เกณฑก์ ารให้คะแนน เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ
พฤติกรรมทีป่ ฏบิ ตั ชิ ดั เจนและสม่ำเสมอ
พฤติกรรมทปี่ ฏิบตั ิชดั เจนและบอ่ ยคร้งั ให้ 3 คะแนน ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ
พฤติกรรมที่ปฏิบัตบิ างคร้ัง ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน 51-60 ดีมาก

41-50 ดี

30-40 พอใช้

19 ต่ำกว่า 30 ปรับปรุง

แผนการจดั การเรียนรู้ ที่ 1

กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวิชาวทิ ยาศาสตร์โลกและอวกาศ (ว33101)

ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 6/1-4 ภาคเรียนท่ี 1/2564

หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 1 เรือ่ ง เอกภพ เวลา 22 ชัว่ โมง

เร่ือง กำเนดิ และววิ ฒั นาการของเอกภพ เวลา 3 ช่ัวโมง

ผู้สอน นางสาวรุจริ าวรรณ จนั สว่าง โรงเรยี นบ้านแพงพทิ ยาคม

วนั ท.ี่ ......................เดอื น..........................................ป.ี ...............................

1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ช้ีวัด

ว 3.1 ม.6/1 อธิบายการกำเนิดและการเปลี่ยนแปลงพลังงาน สสาร ขนาด อุณหภูมิของเอกภพหลัง
เกดิ บกิ แบงในช่วงเวลาต่าง ๆ ตามววิ ฒั นาการของเอกภพ

ว 3.1 ม.6/2 อธิบายหลักฐานท่ีสนับสนุนทฤษฎีบิกแบงจากความสัมพันธ์ระหว่างความเร็วกับ
ระยะทางของกาแล็กซี รวมท้งั ข้อมลู การค้นพบไมโครเวฟพน้ื หลงั จากอวกาศ

2. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้

1. อธิบายการกำเนิดและการเปลย่ี นแปลงพลงั งาน สสาร ขนาด อุณหภมู ขิ องเอกภพหลงั เกดิ บกิ แบง
ในช่วงเวลาต่าง ๆ ตามววิ ัฒนาการของเอกภพได้ (K)

2. อธิบายหลักฐานท่ีสนับสนนุ ทฤษฎีบกิ แบงจากความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งความเร็วกับระยะทางของ
กาแลก็ ซี รวมท้ังข้อมูลการคน้ พบไมโครเวฟพนื้ หลังจากอวกาศได้ (K)

3. ปฏิบัตกิ ิจกรรมจำลองลกั ษณะการขยายตัวของเอกภพไดอ้ ย่างถูกต้องและเปน็ ลำดับข้นั ตอน (P)
4. มีความใฝ่เรียนรแู้ ละมคี วามมงุ่ มั่นในการทำงาน (A)

3. สาระการเรียนรู้

ทฤษฎกี ำเนิดเอกภพทย่ี อมรับในปัจจบุ ัน คือทฤษฎบี ิกแบง ระบวุ ่าเอกภพเริ่มต้นจากบิกแบงที่เอกภพ
มีขนาดเล็กมาก และมีอุณหภูมิสูงมากซึ่งเป็นจุดเร่ิมต้นของเวลาและวิวัฒนาการของเอกภพ โดยหลังเกิด
บกิ แบง เอกภพเกดิ การขยายตัวอยา่ งรวดเร็ว มอี ุณหภูมิลดลง มีสสารคงอยู่ในรูปอนภุ าคและปฏิยานุภาคหลาย
ชนิด และมีวิวัฒนาการต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ซ่ึงมีเนบิวลา กาแล็กซี ดาวฤกษ์ และระบบสุริยะเป็นสมาชิก
บางสว่ นของเอกภพ

หลกั ฐานสำคญั ทีส่ นบั สนุนทฤษฎบี กิ แบง คอื การขยายตัวของเอกภพ ซ่ึงอธิบายด้วยกฎฮับเบิล โดยใช้
ความสัมพันธร์ ะหว่างความเรว็ และระยะทางของกาแล็กซที เ่ี คลื่อนที่หา่ งออกจากโลกและหลักฐานอกี ประการ
คือ การค้นพบไมโครเวฟพื้นหลัง ที่กระจายตัวอย่างสม่ำเสมอทุกทิศทางและสอดคล้องกับอุณหภูมิเฉล่ียของ
อวกาศ มคี ่าประมาณ 2.73 เคลวนิ

4. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด

ทฤษฎีกำเนิดเอกภพท่ียอมรับในปัจจุบัน คือ ทฤษฎีบิกแบง ระบุว่าเอกภพเริ่มต้นจากบิกแบง
ท่ีเอกภพมีขนาดเล็กมากและมีอุณหภูมิสูงมาก หลังเกิดบิกแบง เอกภพเกิดการขยายตัวอย่างรวดเร็ว
มีอุณหภูมิลดลง มีสสารคงอยู่ในรูปอนุภาคและปฏิยานุภาคหลายชนิด และมีวิวัฒนาการต่อเน่ืองจนถึง
ปจั จุบนั โดยหลกั ฐานสำคญั ทส่ี นับสนุนทฤษฎีบิกแบง คือ การขยายตัวของเอกภพซ่ึงอธบิ ายด้วยกฎฮับเบิล
และการค้นพบไมโครเวฟพ้ืนหลัง ท่ีกระจายตัวอย่างสม่ำเสมอทุกทิศทางและสอดคล้องกับอุณหภูมิเฉล่ีย
ของอวกาศท่มี ีคา่ ประมาณ 2.73 เคลวนิ

5. สมรรถนะสำคัญของผ้เู รียนและคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์

สมรรถนะสำคัญของผูเ้ รยี น คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์

1. ความสามารถในการสือ่ สาร 1. มีวินยั รับผิดชอบ

2. ความสามารถในการคดิ 2. ใฝ่เรยี นรู้

1) ทกั ษะการสังเกต 3. มุง่ ม่ันในการทำงาน

2) ทกั ษะการทดลอง

3) ทกั ษะการจัดกระทำและสอ่ื ความหมายข้อมลู

4) ทักษะการตคี วามหมายข้อมลู และลงข้อสรุป

3. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

6. กจิ กรรมการเรยี นรู้

 แนวคดิ /รูปแบบการสอน/วิธีการสอน/เทคนิค : แบบเน้นมโนทัศน์ (Concept Based Teaching)

ชวั่ โมงที่ 1

ข้ันนำ

ขั้นการใชค้ วามรูเ้ ดิมเชอื่ มโยงความรูใ้ หม่ (Prior Knowledge)
1. ครูใหน้ ักเรียนทำแบบทดสอบกอ่ นเรยี น หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 1 เอกภพ เพอื่ วดั ความรูเ้ ดิมของ
นกั เรียนก่อนเขา้ สูก่ ิจกรรม
2. ครถู ามคำถามกระต้นุ ความสนใจของนกั เรียนโดยใช้คำถาม Big Question จากหนงั สอื เรยี น
รายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี วทิ ยาศาสตร์โลกและอวกาศ ม.6 หนว่ ยการ

เรยี นรูท้ ี่ 1 เอกภพ และรว่ มกนั อภปิ รายแสดงความคดิ เห็นอยา่ งอิสระโดยไม่มีการเฉลยว่าถกู
หรือผิด
3. นักเรียนตรวจสอบความเขา้ ใจของตนเองก่อนเขา้ สู่กจิ กรรมการเรียนการสอน จากกรอบ
Understanding Check ในหนังสือเรียนรายวชิ าพ้นื ฐานวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์
โลกและอวกาศ ม.6 หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 1 เอกภพ โดยบนั ทกึ ลงในสมุดประจำตวั นกั เรียน
4. ครสู นทนากับนักเรียนเกี่ยวกบั เรอื่ ง ดาราศาสตร์ โดยครตู ้ังคำถามว่า “เม่ือกลา่ วถึงดาราศาสตร์
นกั เรียนนึกถงึ อะไร”
5. ครสู ่มุ นกั เรียน 1 คน ออกมาเขียนคำวา่ “ดาราศาสตร์” บนกระดานหน้าชั้นเรียน จากน้ันครูให้
นักเรยี นในชัน้ เรยี นร่วมกันอภปิ รายแสดงความคดิ เหน็ ทีเ่ กีย่ วข้องกบั ดาราศาสตร์ แลว้ ออกไปเขยี น
และโยงเสน้ กับคำวา่ “ดาราศาสตร์” ทีเ่ ขียนไว้บนกระดาน

ขัน้ สอน

ขัน้ รู้ (Knowledge)
1. ครูถามคำถาม Key Question จากหนงั สอื เรียนรายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
วิทยาศาสตรโ์ ลกและอวกาศ ม.6 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 เอกภพ เพ่ือทบทวนความรู้เดิมของนกั เรียน
2. นักเรียนแบง่ กลุ่ม กลุม่ ละ 5-6 คน ตามความสมัครใจ จากน้ันให้นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ รว่ มกนั ศกึ ษา
คน้ ควา้ ข้อมลู เก่ยี วกับกำเนดิ และวิวัฒนาการของเอกภพตามทฤษฎบี กิ แบง จากหนังสือเรียน
รายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ ม.6 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 1
เอกภพ หรอื แหล่งการเรียนรูต้ า่ ง ๆ เช่น อนิ เทอรเ์ นต็ ห้องสมดุ โดยครกู ำหนดประเดน็ ให้นกั เรียน
แต่ละกลมุ่ ศึกษา ดังนี้
• บิกแบงมลี ักษณะอยา่ งไร
• เหตุการณ์ใดบา้ งทเี่ กิดข้นึ หลังเกิดบิกแบง
• เอกภพมีลกั ษณะอย่างไรหลังเกดิ บกิ แบง
• มีการเปล่ียนแปลงพลงั งาน สสาร ขนาด และอุณหภูมิของเอกภพอย่างไรบา้ งหลงั เกิดบกิ แบง
3. นักเรยี นแต่ละกลุ่มรว่ มกนั อภิปรายเรื่องทไ่ี ดศ้ กึ ษา จากนั้นใหน้ กั เรียนแต่ละกลุม่ เขยี นสรุปความรู้
ท่ีไดจ้ ากการศึกษาค้นคว้าลงในสมุดประจำตัวนักเรียน
4. ครูอธิบายเพ่ิมเตมิ ใหน้ กั เรยี นเข้าใจว่า “เอกภพกำเนดิ ขึ้นจากการระเบิดครั้งใหญ่ท่เี รียกวา่ บิกแบง
หลังจากเกิดบิกแบงมพี ลังงาน สสาร อนภุ าค และปฏยิ านภุ าคเกดิ ข้นึ ปัจจุบันเอกภพยงั คงมกี าร
เปลย่ี นแปลงเกดิ ขนึ้ อย่างตอ่ เนือ่ ง”

ช่ัวโมงที่ 2

ข้นั รู้ (Knowledge)
5. ครูสนทนากับนักเรยี นเกีย่ วกบั ลักษณะการขยายตวั ของเอกภพ จากน้นั ครูตัง้ ประเด็นคำถาม
กระตนุ้ ความคดิ นักเรียนว่า “เอกภพมีการขยายหรอื ไม่ อย่างไร” โดยใหน้ กั เรียนแตล่ ะคนร่วมกนั
อภิปรายแสดงความคิดเห็นอย่างอสิ ระโดยไม่มีการเฉลยว่าถูกหรอื ผิด
6. นักเรยี นแบง่ กลุ่ม (กลมุ่ เดิม) จากช่วั โมงที่ผ่านมา จากนน้ั ครูแจ้งจดุ ประสงคข์ องกจิ กรรม จำลอง
ลกั ษณะการขยายตวั ของเอกภพ ใหน้ กั เรียนทราบเพือ่ เปน็ แนวทางการปฏิบัติกจิ กรรมทถี่ กู ต้อง
7. นกั เรียนแตล่ ะกลมุ่ ร่วมกันศึกษากจิ กรรม จำลองลักษณะการขยายตัวของเอกภพ จากหนงั สือเรยี น
รายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ ม.6 หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 1
เอกภพ โดยครใู ช้รูปแบบการเรยี นรูแ้ บบร่วมมือมาจดั กระบวนการเรยี นรู้ โดยกำหนดใหส้ มาชิก
แต่ละคนภายในกลุม่ มบี ทบาทหนา้ ท่ขี องตนเอง ดังน้ี
• สมาชกิ คนที่ 1-2 ทำหน้าที่เตรยี มวัสดอุ ุปกรณท์ ีใ่ ชใ้ นการปฏิบัติกจิ กรรมจำลองลักษณะ
การขยายตัวของเอกภพ
• สมาชกิ คนที่ 3-4 ทำหน้าท่ีอ่านวิธีปฏิบัตกิ จิ กรรม และนำมาอธบิ ายให้สมาชกิ ในกลุ่มฟัง
• สมาชิกคนท่ี 5-6 ทำหนา้ ท่ีบันทกึ ผลการปฏิบตั กิ ิจกรรมลงในสมดุ ประจำตวั นักเรียน
(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมนิ นกั เรยี น โดยใช้แบบประเมนิ การปฏิบัติกิจกรรม)
8. นักเรยี นแต่ละกลุ่มร่วมกันปฏบิ ตั กิ ิจกรรมตามขัน้ ตอน จากหนงั สือเรียนรายวิชาพน้ื ฐาน
วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี วทิ ยาศาสตร์โลกและอวกาศ ม.6 หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 1 เอกภพ
9. นกั เรยี นแต่ละกลุ่มรว่ มกนั แลกเปลี่ยนความรู้และวิเคราะหผ์ ลการปฏบิ ัตกิ ิจกรรม แล้วอภปิ รายผล
รว่ มกนั
10. นกั เรียนแต่ละกล่มุ ออกมานำเสนอผลการปฏิบตั ิกจิ กรรมหนา้ ชน้ั เรียน ในระหว่างที่นกั เรยี น
นำเสนอ ครูคอยให้ขอ้ เสนอแนะเพ่ิมเตมิ เพือ่ ให้นักเรียนมีความเขา้ ใจทถ่ี ูกต้อง
(หมายเหตุ : ครเู รม่ิ ประเมินนักเรยี น โดยใช้แบบประเมนิ การนำเสนอผลงาน)
11. นักเรียนแต่ละกลุม่ ร่วมกันตอบคำถามทา้ ยกิจกรรม จำลองลักษณะการขยายตวั ของเอกภพ
เพื่อเชื่อมโยงเขา้ สู่ เรือ่ ง ขอ้ มูลการขยายตวั ของเอกภพตามกฎของฮับเบลิ โดยใหน้ กั เรยี นแต่ละ
กล่มุ ร่วมกันอภปิ รายแสดงความคิดเหน็ เพอื่ หาคำตอบ จากนั้นครูสุ่มนกั เรยี น 2-3 กลุ่ม
ออกมานำเสนอคำตอบของกลมุ่ ตนเองหน้าช้ันเรยี น
12. นกั เรียนแตล่ ะกลมุ่ รว่ มกนั ศกึ ษาค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับการขยายตัวของเอกภพตามกฎของฮบั เบิล
และการคน้ พบการแผร่ ังสีไมโครเวฟพื้นหลังจากอวกาศ จากหนงั สอื เรยี นรายวชิ าพื้นฐาน
วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ ม.6 หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 1 เอกภพ
หรือแหลง่ การเรยี นร้ตู า่ ง ๆ เชน่ อนิ เทอรเ์ น็ต ห้องสมดุ
13. นกั เรียนแต่ละกลุ่มร่วมกนั อภปิ รายเรอื่ งที่ไดศ้ กึ ษา จากนัน้ ใหน้ ักเรยี นแต่ละกล่มุ เขยี นสรุปความรู้
ทไ่ี ด้จากการศกึ ษาค้นควา้ ลงในสมุดประจำตวั นักเรยี น

ชั่วโมงที่ 3

ขน้ั เขา้ ใจ (Understanding)
14. นักเรยี นแต่ละกลุ่มนำข้อมลู กราฟที่ไดจ้ ากการปฏบิ ตั ิกิจกรรม จำลองลักษณะการขยายตวั ของ
เอกภพ มาเปรียบเทยี บกับข้อมูลของกราฟแสดงความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งระยะทางกับความเรว็ ของ
กาแล็กซีในการเคลอื่ นท่ีออกห่างจากผู้สังเกต ในหนังสือเรียนรายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์และ
เทคโนโลยี วิทยาศาสตรโ์ ลกและอวกาศ ม.6 หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 1 เอกภพ
15. จากน้นั ครูตั้งประเด็นคำถามกระตุ้นความคดิ นกั เรียนเกย่ี วกับหลักฐานท่ีสนับสนุนทฤษฎีบิกแบง
โดยให้นักเรียนแตล่ ะกลุ่มรว่ มกนั อภปิ รายแสดงความคิดเห็นเพ่ือหาคำตอบ ดงั นี้
• การขยายตวั ของลกู โปง่ ในกิจกรรม จำลองลักษณะการขยายตัวของเอกภพ เช่อื มโยงกับการ
ขยายตวั ของเอกภพได้อยา่ งไร
(แนวตอบ : หากเอกภพมกี ารขยายตวั เชน่ เดียวกับลกู โป่ง แสดงว่ากาแลก็ ซที ่อี ยู่ไกลจะเคล่อื นที่
ด้วยอตั ราเรว็ มากกวา่ กาแล็กซที ีอ่ ยู่ใกล)้
• อุณหภมู ิของเอกภพเมอื่ เรม่ิ กำเนดิ กับในปัจจุบันแตกต่างกันอยา่ งไร
(แนวตอบ : เม่ือเรม่ิ กำเนิดเอกภพมอี ุณหภูมิสงู มาก ประมาณ 1032 เคลวิน แต่ปัจจุบนั เอกภพ
มีอณุ หภูมลิ ดลงเหลือประมาณ 2.73 เคลวิน)
16. ครอู ธิบายเพ่มิ เติมใหน้ กั เรยี นเขา้ ใจวา่ “ทฤษฎที อี่ ธิบายการกำเนิดและววิ ัฒนาการของเอกภพ
นอกเหนอื จากทฤษฎีบกิ แบง ไดแ้ ก่ ทฤษฎีสภาวะคงตวั (The Steady State Theory) ซ่ึงเสนอ
วา่ เอกภพมีสภาวะคงตัวไมเ่ ปลีย่ นแปลง แม้ดวงดาวและกาแลก็ ซีจะมกี ารดับสูญ แตก่ ม็ ีดวงดาว
และกาแลก็ ซเี กดิ ขนึ้ มาใหม่ทดแทน แต่ทฤษฎีดงั กลา่ วนไ้ี ม่ไดร้ บั ความเชอื่ ถอื ในปจั จุบัน”
17. นกั เรยี นจบั คกู่ ับเพื่อนในชน้ั เรยี น ตามความสมัครใจ จากน้ันร่วมกนั ศกึ ษาสมการการขยายตวั ของ
เอกภพตามกฎฮบั เบลิ และตัวอยา่ งที่ 1.1-1.2 จากหนังสือเรียนรายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์และ
เทคโนโลยี วิทยาศาสตร์โลก และอวกาศ ม.6 หน่วยการเรยี นรู้ที่ 1 เอกภพ
18. ครสู มุ่ นกั เรียน 2 คู่ ออกมาแสดงวธิ ีการคำนวณหาผลลพั ธ์ท่ีได้รว่ มกนั ศึกษา ครูอาจเสนอแนะ
หรืออธิบายเพ่ิมเติมในตวั อยา่ งนนั้ ๆ จากนนั้ นกั เรยี นแต่ละคนทำแบบฝึกหดั เรอ่ื ง วิวัฒนาการของ
เอกภพตามทฤษฎีบิกแบง และหลักฐานท่ีสนบั สนุนทฤษฎีบิกแบง จากแบบฝกึ หดั รายวชิ าพนื้ ฐาน
วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี วทิ ยาศาสตร์โลกและอวกาศ ม.6 หน่วยการเรียนรูท้ ี่ 1 เอกภพ

ขนั้ ลงมอื ทำ (Doing)
19. นักเรยี นทำใบงานที่ 1.1 เรื่อง เพราะเหตใุ ดกาแลก็ ซที างช้างเผือกกบั กาแลก็ ซีแอนดรอเมดา
จึงเคลือ่ นท่เี ข้าหากนั โดยศึกษาคน้ ควา้ ขอ้ มูลเพมิ่ เติม จากหนงั สอื เรยี นรายวชิ าพนื้ ฐาน
วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ ม.6 หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 1 เอกภพ
หรอื แหล่งการเรยี นรตู้ า่ ง ๆ เชน่ อินเทอร์เน็ต
20. ครูสุ่มเลขท่ีนักเรียน 3-4 คน ออกมานำเสนอคำตอบของตนเองหนา้ ชั้นเรียน โดยให้เพือ่ นใน
ชน้ั เรยี นร่วมกนั พิจาณาวา่ คำตอบน้นั ถกู ตอ้ งหรือไม่ จากนนั้ ครูเฉลยคำตอบทีถ่ ูกต้องใหน้ ักเรยี น

ข้นั สรุป

ขน้ั สรุป
1. ครูเปดิ โอกาสใหน้ ักเรียนซกั ถามเน้อื หาเก่ียวกับกำเนดิ วัฒนาการของเอกภพ และใหค้ วามร้เู พิม่ เติม
จากคำถามของนักเรียน โดยครูใช้ PowerPoint เรื่อง กำเนิดวฒั นาการของเอกภพ ในการ
อธบิ ายเพิม่ เตมิ
2. นักเรยี นและครูร่วมกันสรุปเก่ยี วกบั กำเนิดวฒั นาการของเอกภพ ซึง่ ควรได้ขอ้ สรุปรว่ มกันวา่
“ทฤษฎกี ำเนิดเอกภพทย่ี อมรับในปจั จุบัน คอื ทฤษฎบี กิ แบง ระบวุ ่าเอกภพเริม่ ตน้ จากบกิ แบง
ท่ีเอกภพมีขนาดเลก็ มากและมีอณุ หภมู ิสูงมาก หลังเกิดบกิ แบง เอกภพเกิดการขยายตัวอยา่ ง
รวดเร็ว มีอุณหภมู ลิ ดลง มีสสารคงอยู่ในรูปอนภุ าคและปฏิยานภุ าคหลายชนิด และมวี วิ ัฒนาการ
ตอ่ เนื่องจนถงึ ปจั จบุ ัน โดยหลกั ฐานสำคญั ที่สนบั สนุนทฤษฎีบกิ แบง คือ การขยายตวั ของเอกภพซ่ึง
อธิบายดว้ ยกฎฮบั เบลิ และการค้นพบไมโครเวฟพื้นหลัง ท่ีกระจายตวั อย่างสมำ่ เสมอทุกทิศทางและ
สอดคลอ้ งกับอณุ หภูมเิ ฉลย่ี ของอวกาศท่มี ีคา่ ประมาณ 2.73 เคลวิน”

ขน้ั ประเมนิ

ขน้ั ประเมนิ
1. ครตู รวจสอบผลการทำแบบทดสอบก่อนเรียนหนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 1 เอกภพ เพอื่ ตรวจสอบ
ความเขา้ ใจก่อนเรียนของนกั เรยี น
2. ครปู ระเมินผล โดยการสังเกตพฤตกิ รรมการตอบคำถาม พฤตกิ รรมการทำงานรายบคุ คล
พฤติกรรมการทำงานกลมุ่ และจากการนำเสนอผลการปฏิบัติกจิ กรรมหน้าช้ันเรยี น
3. ครูตรวจสอบความเข้าใจของนกั เรียนก่อนเข้าสู่กิจกรรมการเรยี นการสอน จากกรอบ
Understanding Check ในสมดุ ประจำตวั นกั เรียน
4. ครูตรวจสอบผลการปฏิบัติกิจกรรม จำลองลกั ษณะการขยายตวั ของเอกภพ
5. ครตู รวจสอบผลการทำใบงานท่ี 1.1 เร่ือง เพราะเหตใุ ดกาแลก็ ซที างชา้ งเผอื กกบั กาแล็กซี
แอนดรอเมดาจงึ เคลื่อนทเ่ี ข้าหากัน
6. ครูตรวจแบบฝึกหดั เรอื่ ง ววิ ัฒนาการของเอกภพตามทฤษฎีบิกแบง และหลักฐานที่สนับสนุน
ทฤษฎีบิกแบง จากแบบฝึกหัดรายวชิ าพื้นฐานวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์โลก
และอวกาศ ม.6 หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 1 เอกภพ

7. การวัดและประเมินผล

รายการวดั วธิ กี าร เคร่ืองมือ เกณฑ์การประเมิน
- ประเมินตามสภาพจริง
7.1 การประเมนิ ก่อนเรียน - แบบทดสอบก่อนเรียน
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 1 - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
- แบบทดสอบ - ตรวจแบบทดสอบ เอกภพ - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
- ระดับคุณภาพ 2
ก่อนเรียน หน่วยการ กอ่ นเรยี น หน่วยการ - ใบงานที่ 1.1 ผา่ นเกณฑ์
- สมดุ ประจำตวั หรือ
เรยี นรทู้ ี่ 1 เอกภพ เรยี นร้ทู ่ี 1 เอกภพ แบบฝึกหัด - ระดบั คุณภาพ 2
- แบบประเมินการปฏบิ ัติ ผา่ นเกณฑ์
7.2 ประเมินระหว่าง กจิ กรรม - ระดบั คณุ ภาพ 2
ผา่ นเกณฑ์
การจดั กิจกรรม - แบบประเมินการ - ระดบั คณุ ภาพ 2
นำเสนอผลงาน ผา่ นเกณฑ์
การเรียนรู้ - ระดบั คณุ ภาพ 2
- แบบสงั เกตพฤติกรรม ผ่านเกณฑ์
1) กำเนิดววิ ัฒนาการ - ตรวจใบงานที่ 1.1 การทำงานรายบุคคล
- แบบสังเกตพฤตกิ รรม
ของเอกภพ - ตรวจสมุดประจำตวั การทำงานกลมุ่
- แบบประเมิน
หรอื แบบฝึกหัด คุณลกั ษณะ
อันพึงประสงค์
2) ผลบนั ทกึ การ - ประเมนิ การปฏบิ ัติ

ปฏบิ ัติกิจกรรม กจิ กรรม

จำลองลกั ษณะ

การขยายตัวของ

เอกภพ

3) การนำเสนอ - ประเมนิ การนำเสนอ

ผลงาน/ผลการ ผลงาน/ผลการปฏบิ ตั ิ

ปฏิบัติกิจกรรม กจิ กรรม

4) พฤติกรรมการ - สังเกตพฤติกรรม

ทำงานรายบุคคล การทำงานรายบุคคล

5) พฤตกิ รรมการ - สงั เกตพฤตกิ รรม

ทำงานกลุม่ การทำงานกลมุ่

6) คณุ ลักษณะ - สงั เกตความมีวินยั

อันพงึ ประสงค์ รบั ผิดชอบ ใฝ่เรยี นรู้

และมงุ่ มั่นในการ

ทำงาน

8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้

8.1 สื่อการเรยี นรู้
1) หนังสอื เรียนรายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี วทิ ยาศาสตร์โลกและอวกาศ ม.6
หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 1 เอกภพ
2) แบบฝึกหดั รายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี วทิ ยาศาสตร์โลกและอวกาศ ม.6
หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 1 เอกภพ
3) ใบงานที่ 1.1 เรื่อง เพราะเหตุใดกาแล็กซีทางช้างเผือกกับกาแลก็ ซีแอนดรอเมดาจึงเคลื่อนที่เข้าหากัน
4) วสั ดุอุปกรณ์ท่ีใช้ในการปฏิบัตกิ ิจกรรมจำลองลักษณะการขยายตวั ของเอกภพ
5) PowerPoint เรือ่ ง กำเนดิ ววิ ัฒนาการของเอกภพ
6) สมุดประจำตัวนักเรียน

8.2 แหลง่ การเรียนรู้
1) หอ้ งเรยี น
2) หอ้ งสมดุ
3) อนิ เทอร์เนต็

ใบงานที่ 1.1

เรอื่ ง เพราะเหตุใดกาแล็กซีทางชา้ งเผือกกับกาแล็กซแี อนดรอเมดาจงึ เคลอื่ นท่ีเข้าหากัน

คำชีแ้ จง : ให้นักเรยี นพิจารณาสถานการณ์ทก่ี ำหนดให้ แล้วสบื ค้นข้อมูลเพ่อื ตอบคำถามตอ่ ไปน้ี

“หากมองไปบนท้องฟา้ ทางทศิ เหนือในกลุ่มดาว
แอนดรอเมดา จะสังเกตเห็นฝ้าจาง ๆ ขนาดเล็ก
นั่น คือ กาแล็ก ซีแอน ดรอเมดา (Andromeda
galaxy) ซึ่งเป็นหน่ึงในกาแล็กซีของกลุ่มท้องถิ่น
(local group) เป็นกาแล็กซีกังหัน มีขนาดใหญ่กว่า
กาแล็กซีทางชา้ งเผือก ซึ่งมีขนาดประมาณ 220,000
ปีแสง อยู่ห่างจากโลกประมาณ 2.5 ลา้ นปแี สง

ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์พบว่า กาแล็กซีแอนดรอเมดากับกาแล็กซีทางช้างเผือกกำลัง
เคล่ือนที่เข้าหากันเนื่องจากแรงโน้มถ่วงของกาแล็กซีทั้งสอง และคาดว่าจะชนกันในอีกประมาณ
5,000 ล้านปขี ้างหน้า”

จากทฤษฎีบิกแบงและการค้นพบของฮับเบิลยืนยันไดว้ ่า เอกภพกำลงั มีการขยายตัว แต่เพราะ
เหตุใดกาแล็กซีทางช้างเผือกกับกาแล็กซีแอนดรอเมดาจึงกำลังเคลื่อนที่เข้าหากัน ให้นักเรียนสืบค้น
ขอ้ มลู เพ่ืออธบิ ายปรากฏการณ์ดังกล่าว และสรุปความรลู้ งในกรอบด้านลา่ ง

ใบงานท่ี 1.1 เฉลย

เรอ่ื ง เพราะเหตใุ ดกาแลก็ ซที างช้างเผอื กกับกาแลก็ ซีแอนดรอเมดาจึงเคลือ่ นท่ีเขา้ หากนั

คำชแี้ จง : ใหน้ กั เรยี นพิจารณาสถานการณ์ทกี่ ำหนดให้ แลว้ สืบค้นข้อมูลเพือ่ ตอบคำถามต่อไปน้ี

“หากมองไปบนท้องฟ้าทางทศิ เหนอื ในกล่มุ ดาว
แอนดรอเมดา จะสังเกตเห็นฝ้าจาง ๆ ขนาดเล็ก
นั่น คือ กาแล็ก ซีแอน ดรอเมดา (Andromeda
galaxy) ซึ่งเป็นหน่ึงในกาแล็กซีของกลุ่มท้องถ่ิน
(local group) เป็นกาแล็กซีกังหัน มีขนาดใหญ่กว่า
กาแลก็ ซีทางช้างเผอื ก ซ่ึงมีขนาดประมาณ 220,000
ปีแสง อย่หู ่างจากโลกประมาณ 2.5 ล้านปีแสง

ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์พบว่า กาแล็กซีแอนดรอเมดากับกาแล็กซีทางช้างเผือกกำลัง
เคล่ือนท่ีเข้าหากันเน่ืองจากแรงโน้มถ่วงของกาแล็กซีทั้งสอง และคาดว่าจะชนกันในอีกประมาณ
5,000 ล้านปขี ้างหนา้ ”

จากทฤษฎีบิกแบงและการค้นพบของฮับเบิลยืนยันได้ว่า เอกภพกำลงั มีการขยายตัว แต่เพราะ
เหตุใดกาแล็กซีทางช้างเผือกกับกาแล็กซีแอนดรอเมดาจึงกำลังเคล่ือนที่เข้าหากัน ให้นักเรียนสืบค้น
ขอ้ มูลเพื่ออธิบายปรากฏการณ์ดงั กลา่ ว และสรปุ ความร้ลู งในกรอบดา้ นลา่ ง

จากกฎของฮับเบลิ กล่าวว่า ยิ่งกาแล็กซีอยู่ห่างจากผู้สังเกตมาก ความเร็วในการเคลื่อนท่ี
ออกห่างจากผู้สังเกตก็จะยิ่งมีค่ามาก หลายคนจึงอาจคิดว่ากาแล็กซีทุกกาแล็กซีกำลังเคล่ือนที่
ห่างออกจากกัน แต่ในความเป็นจริงแล้ว กาแล็กซีที่อยู่ใกล้กันก็ยังคงเคล่ือนท่ีเข้าหากันด้วย
อิทธิพลของแรงโน้มถ่วงของกาแล็กซีทั้งสอง ซึ่งกาแล็กซีน้ันอาจชนกันหรือรวมตัวกันเป็น
กาแลก็ ซใี หมท่ ่ีมีขนาดใหญ่ขน้ึ มรี ูปร่างเปล่ยี นแปลงไป และดาวฤกษ์ต่าง ๆ ที่อยู่ภายในกาแล็กซี
ท้ังสองก็มีโอกาสชนกันได้น้อยมาก เนื่องจากกาแล็กซีเป็นบริเวณท่ีกว้างใหญ่มาก อีกท้ังการ
ชนกนั ของกาแลก็ ซียังอาจกอ่ ให้เกิดดาวฤกษใ์ หม่ขนึ้ จากการรวมตวั กันของกลุ่มแกส๊ ต่าง ๆ

9. ความเหน็ ของผ้บู ริหารสถานศกึ ษาหรือผทู้ ีไ่ ดร้ บั มอบหมาย

ข้อเสนอแนะ “……..
“…………………………………………
ลงชอ่ื
( .................................
................................ )
ตำแหนง่
.......

10. บันทกึ ผลหลังการสอน

 ดา้ นความรู้

 ด้านสมรรถนะสำคัญของผ้เู รยี น

 ด้านคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์

 ดา้ นความสามารถทางวทิ ยาศาสตร์

 ด้านอนื่ ๆ (พฤตกิ รรมเดน่ หรอื พฤตกิ รรมทีม่ ปี ัญหาของนกั เรียนเปน็ รายบุคคล (ถ้ามี))

 ปัญหา/อปุ สรรค

 แนวทางการแกไ้ ข

แผนการจดั การเรยี นรู้ ที่ 2

กลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ าวิทยาศาสตรโ์ ลกและอวกาศ (ว33101)

ชัน้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 6/1-4 ภาคเรยี นท่ี 1/2564

หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 1 เรอ่ื ง เอกภพ เวลา 22 ชวั่ โมง

เรือ่ ง กาแลก็ ซีและกาแล็กซที างชา้ งเผือก เวลา 2 ชว่ั โมง

ผูส้ อน นางสาวรุจริ าวรรณ จนั สว่าง โรงเรยี นบา้ นแพงพิทยาคม

วันท.ี่ ......................เดือน..........................................ป.ี ...............................

1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวช้วี ดั

ว 3.1 ม.6/3 อธิบายโครงสร้างและองค์ประกอบของกาแล็กซีทางช้างเผือก และระบุตำแหน่งของ
ระบบสรุ ิยะ พร้อมอธิบายเช่อื มโยงกับการสังเกตเหน็ ทางช้างเผอื กของคนบนโลก

2. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้

1. อธบิ ายโครงสร้างและองคป์ ระกอบของกาแลก็ ซที างช้างเผือกได้ (K)
2. ระบุตำแหน่งของระบบสรุ ยิ ะในกาแลก็ ซที างช้างเผือก พร้อมอธบิ ายเช่ือมโยงกบั การสังเกตเห็น

ทางช้างเผือกของคนบนโลกได้ (K)
3. ปฏบิ ตั ิกจิ กรรมสังเกตแนวทางช้างเผอื กโดยใชแ้ ผนที่ดาวได้อย่างถูกตอ้ งและเปน็ ลำดับขั้นตอน (P)
4. มคี วามสนใจใฝ่รู้หรอื อยากรู้อยากเห็น และทำงานร่วมกบั ผูอ้ นื่ อยา่ งสรา้ งสรรค์ (A)

3. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรียนรทู้ อ้ งถ่นิ
พิจารณาตามหลกั สตู รของสถานศกึ ษา
สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง

• กาแล็กซี ประกอบด้วย ดาวฤกษ์จำนวนหลาย
แสนล้านดวง ซ่ึงอยู่กันเป็นระบบของดาวฤกษ์
นอกจากนี้ ยังประกอบดว้ ยเทห์ฟ้าอ่ืน เชน่ เนบวิ ลา
และสสารระหว่างดาว โดยองค์ประกอบต่าง ๆ
ภายในของกาแลก็ ซอี ยู่รวมกนั ด้วยแรงโนม้ ถ่วง

• กาแล็กซีมีรูปร่างแตกต่างกัน โดยระบบสุริยะอยู่
ในกาแล็กซีทางช้างเผือกซ่ึงเป็นกาแล็กซีกังหัน
แบบมีคาน มีโครงสร้าง คือ นิวเคลียส จาน และ
ฮาโล ดาวฤกษ์จำนวนมากอยู่ในบริเวณนิวเคลียส

และจาน โดยมีระบบสุรยิ ะอยู่ห่างจากจุดศูนย์กลาง
ของกาแล็กซที างชา้ งเผือก ประมาณ 30,000 ปแี สง
ซึ่งทางช้างเผือกที่สังเกตเห็นในท้องฟ้าเป็นบริเวณ
หนึ่งของกาแล็กซีทางช้างเผือกในมุมมองของคน
บนโลก แถบฝ้าสีขาวจาง ๆ ของทางช้างเผือกคือ
ดาวฤกษ์ ท่ีอยู่อย่างหนาแน่นในกาแล็กซีทาง
ช้างเผือก

4. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด

กาแล็กซี (galaxy) ประกอบดว้ ยดาวฤกษ์จำนวนหลายแสนล้านดวง ภายในกาแลก็ ซียงั ประกอบดว้ ย
เทห์ฟ้าอ่ืน ๆ เช่น เนบิวลา บริวารของดาวฤกษ์ สสารระหว่างดาว โดยโลกเป็นส่วนหน่ึงของระบบสุริยะ
ซึ่งเป็นส่วนหน่ึงของกาแล็กซที ี่ชื่อว่า กาแล็กซีทางช้างเผือก ซ่ึงเป็นกาแล็กซีกังหันแบบมีคาน มีโครงสร้าง
ประกอบดว้ ยนวิ เคลยี ส จาน และฮาโล

5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียนและคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์

สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์

1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 1. มวี ินัย รับผิดชอบ

2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝเ่ รียนรู้

1) ทักษะการสังเกต 3. มุง่ มน่ั ในการทำงาน

2) ทกั ษะการจดั กระทำและสือ่ ความหมายข้อมลู

3) ทักษะการตคี วามหมายข้อมลู และลงขอ้ สรปุ

3. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

6. กิจกรรมการเรยี นรู้

 แนวคิด/รูปแบบการสอน/วิธีการสอน/เทคนิค : แบบเน้นมโนทัศน์ (Concept Based Teaching)

ช่วั โมงท่ี 1

ขนั้ นำ

ขนั้ การใชค้ วามรเู้ ดิมเชอื่ มโยงความรใู้ หม่ (Prior Knowledge)
1. ครูเปิดวีดิทัศนส์ ารคดสี น้ั Twig เร่ือง กาแลก็ ซี จาก https://www.twig-aksorn.com/film/
glossary/galaxy-6699/ ให้นักเรียนดู จากนั้นครตู ัง้ ประเด็นคำถามกระต้นุ ความคดิ นกั เรียน
โดยใหน้ ักเรยี นแตล่ ะคนรว่ มกนั อภิปรายแสดงความคดิ เหน็ อย่างอิสระโดยไมม่ ีการเฉลยวา่
ถูกหรอื ผดิ ดังน้ี

• นักเรยี นคิดว่ากาแลก็ ซเี กิดขน้ึ พรอ้ มกบั เอกภพหรอื ไมอ่ ย่างไร
• ในกาแลก็ ซีประกอบดว้ ยสงิ่ ใดบา้ ง
• ในเอกภพมกี าแลก็ ซอี ย่มู ากน้อยเพยี งใด และแตล่ ะกาแล็กซมี รี ปู รา่ งลกั ษณะเหมือนกนั หรือไม่
2. ครูเตรยี มบัตรภาพกาแลก็ ซปี ระเภทต่าง ๆ มาให้นกั เรียนรว่ มกนั พจิ ารณาและจำแนกประเภทของ
กาแล็กซี

ข้นั สอน

ขนั้ รู้ (Knowledge)
1. นกั เรียนแบง่ กลมุ่ กลุ่มละ 4-5 คน ตามความสมคั รใจ จากนั้นใหน้ กั เรยี นแตล่ ะกลุ่มส่งตวั แทน
ออกมาจบั สลากเรื่องที่ศึกษา โดยครูเตรยี มสลากหมายเลขไวห้ นา้ ชั้นเรียน ซง่ึ หมายเลขจะระบุ
เรอ่ื งที่ใหน้ ักเรียนศกึ ษา ดงั นี้
• หมายเลข 1 ศกึ ษาประเภทของกาแลก็ ซี
• หมายเลข 2 ศึกษาลักษณะของกาแล็กซที างชา้ งเผอื ก
• หมายเลข 3 ศึกษาตำแหนง่ ของระบบสรุ ยิ ะในกาแลก็ ซที างชา้ งเผือก
2. นักเรียนแต่ละกลมุ่ ร่วมกันศึกษาคน้ ควา้ ข้อมลู เรื่องทก่ี ล่มุ ตนเองจบั สลากได้ จากหนังสือเรียน
รายวชิ าพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี วทิ ยาศาสตร์โลกและอวกาศ ม.6
หน่วยการเรยี นรู้ที่ 1 เอกภพ หรือแหล่งการเรียนรูต้ า่ ง ๆ เช่น อนิ เทอรเ์ น็ต ห้องสมุด
จากนัน้ ร่วมกนั สรปุ ความรู้ทไ่ี ด้จากการศึกษาคน้ ควา้ ลงในสมดุ ประจำตัวนกั เรยี น
(หมายเหตุ : ครเู ริ่มประเมินนกั เรยี น โดยใช้แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานกลุม่ )
3. นักเรยี นแบง่ กลุ่ม (กลมุ่ เดมิ ) จากน้นั ใหน้ ักเรียนแตล่ ะกลมุ่ ปฏิบตั กิ จิ กรรม สงั เกตแนวทาง
ช้างเผอื กโดยใชแ้ ผนที่ดาว จากใบกจิ กรรม เรือ่ ง สงั เกตแนวทางชา้ งเผอื กโดยใช้แผนทดี่ าว
4. นักเรยี นแต่ละกลุ่มรว่ มกันปฏิบตั ิกจิ กรรมตามข้ันตอน จากใบกจิ กรรม เร่ือง สงั เกตแนวทาง
ช้างเผือกโดยใชแ้ ผนท่ีดาว
5. นักเรียนแตล่ ะกลมุ่ ร่วมกนั แลกเปล่ียนความร้แู ละวเิ คราะห์ผลการปฏิบัตกิ ิจกรรม แล้วอภิปรายผล
รว่ มกนั
6. นกั เรียนแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอผลการปฏิบัติกิจกรรมหน้าชั้นเรยี น ในระหว่างที่นักเรยี น
นำเสนอ ครคู อยให้ข้อเสนอแนะเพ่ิมเติม เพื่อให้นกั เรียนมคี วามเขา้ ใจท่ีถูกตอ้ ง
(หมายเหตุ : ครูเรมิ่ ประเมินนกั เรียน โดยใชแ้ บบประเมินการนำเสนอผลงาน)

ช่วั โมงท่ี 2

ขน้ั เข้าใจ (Understanding)
7. ครตู ้ังประเดน็ คำถามเพอ่ื ตรวจสอบความรู้ความเขา้ ใจของนักเรียนเกีย่ วกับกาแล็กซี โดยให้
นักเรียนแต่ละคนรว่ มกันอภิปรายแสดงความคิดเหน็ เพ่ือหาคำตอบ ดังน้ี
• โดยท่ัวไปนักวิทยาศาสตรจ์ ำแนกประเภทของกาแลก็ ซีโดยใชส้ ง่ิ ใดเปน็ เกณฑ์
(แนวตอบ : รปู ร่างของกาแล็กซี)
• ข้อมลู กาแลก็ ซีท่นี ักเรียนศกึ ษามาแบ่งกาแลก็ ซีออกเป็นก่ีประเภท อะไรบา้ ง
(แนวตอบ : 2 ประเภท ไดแ้ ก่ กาแลก็ ซีปกติ กับกาแลก็ ซีไมม่ ีรูปแบบ โดยกาแลก็ ซีปกติแบง่ ยอ่ ย
ออกเปน็ กาแลก็ ซีรี กาแลก็ ซกี ังหนั และกาแล็กซีเลนส์)
• เพราะเหตุใดกาแล็กซีจึงมีรปู รา่ งแตกตา่ งกัน
(แนวตอบ : กาแลก็ ซมี ีลักษณะการเกิดและการก่อตวั แตกตา่ งกัน)
• กาแล็กซที างช้างเผือกมีลกั ษณะอย่างไร
(แนวตอบ : กาแลก็ ซีทางชา้ งเผอื กเปน็ กาแล็กซกี ังหันแบบมคี าน เมื่อมองทางด้านขา้ งมีลักษณะ
คล้ายจานสองใบคว่ำประกบกนั )
• บรเิ วณใดของกาแล็กซีทางชา้ งเผอื กท่ีมีดาวฤกษ์อยู่อย่างหนาแน่น
(แนวตอบ : นิวเคลียส)
• ระบบสรุ ยิ ะอย่บู ริเวณใดของกาแลก็ ซที างช้างเผือก
(แนวตอบ : บริเวณจานของกาแล็กซี โดยอยหู่ า่ งจากบริเวณนวิ เคลียสประมาณ 30,000 ปีแสง)
• กาแลก็ ซที างชา้ งเผือกกบั แถบทางช้างเผือกมคี วามสัมพนั ธก์ นั อย่างไร
(แนวตอบ : แถบทางช้างเผอื กเปน็ สว่ นหนง่ึ ของกาแลก็ ซที างช้างเผือก ซึง่ สังเกตเหน็ ได้จาก
บนโลก)

ขน้ั ลงมอื ทำ (Doing)
8. ครูเตรียมบตั รภาพกาแล็กซีทางชา้ งเผอื กและกาแล็กซเี พ่ือนบา้ น มาใหน้ ักเรยี นดู โดยใหน้ กั เรยี น
แตล่ ะคนพจิ าณาบตั รภาพ จากน้ันครูตั้งประเด็นคำถามวา่ “ภาพที่เหน็ อยู่ใกล้ๆ กบั กาแลก็ ซที าง
ชา้ งเผือกคืออะไร”
(แนวตอบ : กาแลก็ ซเี พ่ือนบ้าน ซึง่ ได้แก่ กาแลก็ ซแี อนโดรเมดา (Andromeda galaxy) กาแลก็ ซี
แมกเจลแลนใหญห่ รือเมฆแมกเจลแลนใหญ่ (Large Magellanic Cloud) และกาแล็กซีแมก-
เจลแลนเล็กหรอื เมฆแมกเจลแลนเลก็ (Small Magellanic Cloud))
9. นกั เรียนทำ Topic Questions เร่อื ง กำเนิดววิ ฒั นาการของเอกภพ กาแล็กซแี ละกาแล็กซีทาง
ช้างเผอื ก ลงในสมดุ ประจำตัวนกั เรียน

10. นกั เรียนแต่ละคนทำแบบฝึกหดั เรอื่ ง กาแลก็ ซีและการแล็กซีทางช้างเผอื ก จากแบบฝกึ หัด

รายวชิ าพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี วทิ ยาศาสตร์โลกและอวกาศ ม.6
หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 1 เอกภพ

ข้นั สรปุ

ขน้ั สรุป
1. ครเู ปดิ โอกาสใหน้ ักเรยี นซกั ถามเนอ้ื หาเกยี่ วกบั กาแลก็ ซแี ละการแลก็ ซที างช้างเผอื ก และให้ความรู้
เพ่ิมเตมิ จากคำถามของนักเรียน โดยครูใช้ PowerPoint เร่ือง กาแลก็ ซีและการแล็กซีทาง
ช้างเผือก ในการอธบิ ายเพมิ่ เติม
2. นักเรยี นและครูร่วมกันสรปุ เกี่ยวกบั กาแล็กซีและการแล็กซีทางชา้ งเผือก ซงึ่ ควรไดข้ อ้ สรปุ รว่ มกนั
วา่ “กาแลก็ ซปี ระกอบด้วย ดาวฤกษจ์ ำนวนมาก กาแล็กซมี ีหลายประเภทโดยพจิ ารณาจากรูปร่าง
ทแี่ ตกตา่ งกนั ระบบสรุ ิยะอยใู่ นกาแลก็ ซที างชา้ งเผอื กซึ่งเปน็ กาแล็กซกี ังหนั แบบมคี าน มีโครงสร้าง
คอื นวิ เคลยี ส จาน และฮาโล ส่วนทางชา้ งเผือกท่ีสังเกตเหน็ ในทอ้ งฟา้ นน้ั เป็นบรเิ วณหน่งึ ของ
กาแล็กซที างชา้ งเผอื กในมมุ มองของคนบนโลก”

ขนั้ ประเมนิ

ขนั้ ประเมนิ
1. ครปู ระเมินผล โดยการสงั เกตพฤตกิ รรมการตอบคำถาม พฤตกิ รรมการทำงานรายบคุ คล
พฤติกรรมการทำงานกลุม่ และจากการนำเสนอผลการปฏบิ ตั ิกจิ กรรมหนา้ ชนั้ เรยี น
2. ครูตรวจใบกิจกรรม เรือ่ ง สงั เกตแนวทางช้างเผือกโดยใช้แผนที่ดาว
3. ครตู รวจ Topic Questions เร่อื ง กำเนดิ วิวฒั นาการของเอกภพ กาแล็กซีและกาแล็กซีทาง
ช้างเผือก ในสมุดประจำตวั นักเรยี น
4. ครตู รวจแบบฝึกหัด เรอื่ ง กาแล็กซีและการแล็กซีทางชา้ งเผอื ก จากแบบฝึกหดั รายวชิ าพ้ืนฐาน
วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ ม.6 หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 1 เอกภพ

7. การวดั และประเมนิ ผล

รายการวัด วิธกี าร เคร่ืองมือ เกณฑก์ ารประเมนิ

7.1 ประเมนิ ระหวา่ ง - ใบกิจกรรม - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
- สมดุ ประจำตวั หรอื - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
การจัดกิจกรรม แบบฝึกหดั - ระดับคณุ ภาพ 2
- แบบประเมินการ
การเรียนรู้

1) กาแลก็ ซีและ - ตรวจใบกิจกรรม

กาแลก็ ซที าง - ตรวจสมุดประจำตวั

ช้างเผือก หรือแบบฝึกหัด

2) การนำเสนอ - ประเมนิ การนำเสนอ

รายการวัด วิธีการ เครอื่ งมือ เกณฑ์การประเมนิ
ผลงาน/ผลการ ผลงาน/ผลการปฏบิ ัติ นำเสนอผลงาน ผา่ นเกณฑ์
ปฏบิ ัติกิจกรรม กจิ กรรม
3) พฤตกิ รรมการ - สงั เกตพฤตกิ รรม - แบบสังเกตพฤตกิ รรม - ระดบั คุณภาพ 2
ทำงานรายบุคคล การทำงานรายบุคคล การทำงานรายบุคคล ผา่ นเกณฑ์
4) พฤตกิ รรมการ - สังเกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤติกรรม
ทำงานกลมุ่ การทำงานกลมุ่ การทำงานกล่มุ - ระดับคณุ ภาพ 2
5) คุณลกั ษณะ - สงั เกตความมีวินยั - แบบประเมนิ ผ่านเกณฑ์
อนั พึงประสงค์ รบั ผดิ ชอบ ใฝเ่ รียนรู้ คุณลักษณะ - ระดับคุณภาพ 2
และมุ่งมน่ั ในการ อันพึงประสงค์ ผ่านเกณฑ์
ทำงาน

8. สื่อ/แหลง่ การเรยี นรู้

8.1 สอ่ื การเรยี นรู้
1) หนงั สือเรียนรายวชิ าพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี วทิ ยาศาสตร์โลกและอวกาศ ม.6
หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 1 เอกภพ
2) แบบฝึกหดั รายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ ม.6
หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 1 เอกภพ
3) ใบกิจกรรม เร่อื ง สังเกตแนวทางช้างเผอื กโดยใชแ้ ผนท่ดี าว
4) PowerPoint เรื่อง กาแลก็ ซแี ละการแล็กซีทางชา้ งเผือก
5) บัตรภาพ
6) สลากหมายเลข
7) วดี ทิ ศั น์สารคดีส้ัน Twig เร่ือง กาแลก็ ซี
จาก https://www.twig-aksorn.com/film/glossary/galaxy-6699/
8) สมดุ ประจำตัวนักเรียน

8.2 แหลง่ การเรยี นรู้
1) หอ้ งเรียน
2) ห้องสมุด
3) อนิ เทอรเ์ น็ต

ใบกิจกรรม

เรอ่ื ง สงั เกตแนวทางช้างเผือกโดยใชแ้ ผนที่ดาว

วสั ดอุ ปุ กรณ์
1. แผนท่ีดาว
2. กระดาษและอปุ กรณ์เครื่องเขียน

วธิ ีดำเนินการ
1. นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4-5 คน สังเกตทางช้างเผือกจากท้องฟ้าจริง โดยศึกษาเพ่ิมเติมได้
จากเว็บไซต์ของสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ http://www.narit.or.th/index.php/astro-
photo-article/458-2013-05-21-04-29-01
2. วาดภาพทางช้างเผือกและกลุ่มดาวในบรเิ วณทางชา้ งเผอื ก

ใบกจิ กรรม เฉลย

เร่อื ง สังเกตแนวทางช้างเผอื กโดยใช้แผนทด่ี าว

วัสดอุ ปุ กรณ์
1. แผนทดี่ าว
2. กระดาษและอุปกรณ์เครอ่ื งเขยี น

วธิ ดี ำเนนิ การ
1. นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4-5 คน สังเกตทางช้างเผือกจากท้องฟ้าจริง โดยศึกษาเพิ่มเติมได้
จากเว็บไซต์ของสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ http://www.narit.or.th/index.php/astro-
photo-article/458-2013-05-21-04-29-01
2. วาดภาพทางชา้ งเผือกและกลุ่มดาวในบรเิ วณทางชา้ งเผือก

บตั รภาพ 

ภาพท่ี 1 กาแลก็ ซี ESO 325-G004
ภาพท่ี 2 กาแลก็ ซี M 101

ภาพที่ 3 กาแล็กซี M 83 
ภาพท่ี 4 กาแลก็ ซี NGC 2787

สลากหมายเลข

ภาพท่ี 5 กาแลก็ ซีแมกเจลแลนใหญ่

ภาพที่ 6 กาแล็กซีทางชา้ งเผอื กและกาแลก็ ซเี พอ่ื นบ้าน

12 
3

9. ความเหน็ ของผ้บู ริหารสถานศกึ ษาหรือผทู้ ีไ่ ดร้ บั มอบหมาย

ข้อเสนอแนะ “……..
“…………………………………………
ลงชอ่ื
( .................................
................................ )
ตำแหนง่
.......

10. บันทกึ ผลหลังการสอน

 ดา้ นความรู้

 ด้านสมรรถนะสำคัญของผ้เู รยี น

 ด้านคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์

 ดา้ นความสามารถทางวทิ ยาศาสตร์

 ด้านอนื่ ๆ (พฤตกิ รรมเดน่ หรอื พฤตกิ รรมทีม่ ปี ัญหาของนกั เรียนเปน็ รายบุคคล (ถ้ามี))

 ปัญหา/อปุ สรรค

 แนวทางการแกไ้ ข

แผนการจัดการเรยี นรู้ ท่ี 3

กลุ่มสาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวิชาวทิ ยาศาสตร์โลกและอวกาศ (ว33101)

ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 6/1-4 ภาคเรยี นท่ี 1/2564

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 1 เร่อื ง เอกภพ เวลา 22 ชวั่ โมง

เรอื่ ง ความส่องสวา่ งและโชติมาตรของดาวฤกษ์ เวลา 2 ช่วั โมง

ผู้สอน นางสาวรุจริ าวรรณ จนั สวา่ ง โรงเรียนบา้ นแพงพทิ ยาคม

วนั ท.ี่ ......................เดอื น..........................................ปี................................

1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชว้ี ัด

ว 3.1 ม.6/5 ระบปุ ัจจยั ท่ีส่งผลตอ่ ความส่องสว่างของดาวฤกษ์ และอธบิ ายความสัมพนั ธ์ระหวา่ งความ
ส่องสวา่ งกับโชตมิ าตรของดาวฤกษ์

2. จุดประสงค์การเรยี นรู้

1. ระบุปจั จัยท่สี ง่ ผลต่อความส่องสว่างของดาวฤกษไ์ ด้ (K)
2. อธิบายความสมั พนั ธ์ระหว่างความสอ่ งสวา่ งกับโชตมิ าตรของดาวฤกษไ์ ด้ (K)
3. ปฏบิ ัติกจิ กรรมปจั จัยที่มีผลตอ่ ความส่องสวา่ งของดาวฤกษ์ไดอ้ ย่างถูกตอ้ งและเปน็ ลำดับข้นั ตอน (P)
4. สนใจใฝ่รู้ในการศกึ ษา และทำงานรว่ มกบั ผอู้ ่ืนได้อยา่ งสรา้ งสรรค์ (A)

3. สาระการเรียนรู้ สาระการเรียนรทู้ อ้ งถิน่
พิจารณาตามหลกั สูตรของสถานศกึ ษา
สาระการเรยี นรู้แกนกลาง

• ความส่องสว่างของดาวฤกษ์เป็นพลังงานจากดาว
ฤกษ์ท่ีปลดปล่อยออกมาในเวลา 1 วินาทีต่อหน่วย
พื้นท่ี ณ ตำแหน่งของผู้สังเกต แต่เนื่องจากตาของ
มนุษย์ไม่ตอบสนองต่อการเปล่ียนแปลงความส่อง
สว่างท่ีมีค่าน้อย ๆ จึงกำหนดค่าการเปรียบเทียบ
ค ว า ม ส่ อ ง ส ว่ า ง ข อ ง ด า ว ฤ ก ษ์ ด้ ว ย ค่ า โช ติ ม า ต ร
ซง่ึ เป็นการแสดงระดับความส่องสวา่ งของดาวฤกษ์
ณ ตำแหน่งของผ้สู งั เกต

4. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด

ความส่องสว่างของดาวฤกษ์ (brightness) เป็นพลังงานจากดาวฤกษ์ที่ปลดปล่อยออกมาในเวลา
1 วินาทีต่อหน่วยพื้นท่ี ณ ตำแหน่งของผู้สังเกต มนุษย์จะสังเกตเห็นดาวฤกษ์แต่ละดวงมีความสว่าง
ค่อนข้างคงท่ี เนื่องจากตาของมนุษย์ไม่ตอบสนองต่อการเปล่ียนแปลงความส่องสว่างที่มีการเปลี่ยนแปลง
น้อย ๆ จึงกำหนดค่าการเปรียบเทียบความส่องสว่างของดาวฤกษ์ที่เรียกว่า อันดับความสว่าง หรือโชติ-
มาตร (magnitude) ซึ่งเปน็ คา่ ท่แี สดงระดับความสอ่ งสว่างของดาวฤกษ์ ณ ตำแหนง่ ของผสู้ ังเกต

5. สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รียนและคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์

สมรรถนะสำคัญของผ้เู รียน คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์

1. ความสามารถในการสือ่ สาร 1. มีวินยั รบั ผดิ ชอบ

2. ความสามารถในการคดิ 2. ใฝเ่ รียนรู้

1) ทกั ษะการสงั เกต 3. ม่งุ มั่นในการทำงาน

2) ทกั ษะการทดลอง

3) ทักษะการจัดกระทำและสอื่ ความหมายข้อมลู

4) ทกั ษะการตีความหมายข้อมูลและลงขอ้ สรปุ

3. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

6. กิจกรรมการเรยี นรู้

 แนวคิด/รูปแบบการสอน/วิธีการสอน/เทคนคิ : แบบเนน้ มโนทัศน์ (Concept Based Teaching)

ช่ัวโมงท่ี 1

ขนั้ นำ

ขั้นการใชค้ วามรเู้ ดิมเชอื่ มโยงความรู้ใหม่ (Prior Knowledge)
1. ครเู ปดิ วีดิทศั นส์ ารคดสี ัน้ Twig เร่ือง ความส่องสวา่ ง จาก https://www.twig-aksorn.com/
film/glossary/luminance-7053/ ใหน้ ักเรียนดู จากนั้นครตู งั้ ประเด็นคำถามกระตนุ้ ความคิด
นกั เรยี น โดยใหน้ ักเรยี นรว่ มกนั อภปิ รายแสดงความคดิ เหน็ อยา่ งอิสระโดยไม่มีการเฉลยวา่ ถกู
หรือผดิ ว่า “ทำไมตอนกลางคนื เราสงั เกตดาวฤกษ์แต่ละดวงบนท้องฟ้า จงึ มคี วามสว่างปรากฏ
ไมเ่ ท่ากนั ”
(แนวตอบ : คำตอบขึน้ อยู่กับดุลยพินิจครูผูส้ อน เช่น ระยะห่างของดาวฤกษ์มายังโลก
หรือตำแหนง่ ของผสู้ งั เกต)
2. ครถู ามคำถาม Key Question จากหนังสือเรียนรายวชิ าพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
วิทยาศาสตรโ์ ลกและอวกาศ ม.6 หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 1 เอกภพ เพอื่ ทบทวนความรเู้ ดิมของ
นกั เรยี น

ขน้ั สอน

ขน้ั รู้ (Knowledge)
1. นกั เรียนแบ่งกลุม่ กลมุ่ ละ 6 คน ตามความสมัครใจ จากนั้นครูแจ้งจุดประสงค์ของกจิ กรรม
ปัจจัยทมี่ ีผลต่อความสอ่ งสว่างของดาวฤกษ์ ใหน้ ักเรยี นทราบเพื่อเป็นแนวทางการปฏิบตั กิ จิ กรรม
ทถ่ี กู ตอ้ ง
2. นกั เรยี นแตล่ ะกลุม่ รว่ มกันศึกษากิจกรรม ปัจจัยที่มีผลต่อความสอ่ งสว่างของดาวฤกษ์
จากหนงั สือเรียนรายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี วิทยาศาสตรโ์ ลกและอวกาศ ม.6
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 1 เอกภพ โดยครใู ช้รปู แบบการเรยี นรู้แบบรว่ มมอื มาจดั กระบวนการเรยี นรู้
โดยกำหนดใหส้ มาชกิ แต่ละคนภายในกลมุ่ มีบทบาทหนา้ ทขี่ องตนเอง ดงั น้ี
• สมาชกิ คนท่ี 1-2 ทำหน้าที่เตรยี มวสั ดุอปุ กรณ์ทใ่ี ช้ในการปฏบิ ัตกิ ิจกรรมปจั จัยทีม่ ีผลตอ่
ความสอ่ งสวา่ งของดาวฤกษ์
• สมาชิกคนที่ 3-4 ทำหน้าท่ีอ่านวธิ ปี ฏิบตั ิกจิ กรรม และนำมาอธิบายให้สมาชกิ ในกลุ่มฟัง
• สมาชกิ คนที่ 5-6 ทำหนา้ ท่ีบันทึกผลการปฏิบตั ิกจิ กรรมลงในสมดุ ประจำตวั นักเรียน
(หมายเหตุ : ครเู รม่ิ ประเมนิ นกั เรยี น โดยใชแ้ บบประเมินการปฏิบตั ิกจิ กรรม)
6. นักเรียนแตล่ ะกลมุ่ ร่วมกันปฏิบัตกิ จิ กรรมตามข้นั ตอน จากหนังสือเรียนรายวชิ าพนื้ ฐาน
วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี วทิ ยาศาสตรโ์ ลกและอวกาศ ม.6 หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 1 เอกภพ
7. นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ รว่ มกันแลกเปลีย่ นความรแู้ ละวิเคราะห์ผลการปฏิบัติกิจกรรม แลว้ อภิปรายผล
ร่วมกนั

ช่ัวโมงท่ี 2

ขนั้ เขา้ ใจ (Understanding)
8. นักเรยี นแต่ละกล่มุ ออกมานำเสนอผลการปฏิบัติกิจกรรมหนา้ ชั้นเรยี น ในระหว่างที่นักเรียน
นำเสนอ ครูคอยให้ข้อเสนอแนะเพมิ่ เตมิ เพ่อื ให้นักเรยี นมีความเขา้ ใจทถ่ี ูกตอ้ ง
(หมายเหตุ : ครเู ริม่ ประเมินนักเรยี น โดยใช้แบบประเมนิ การนำเสนอผลงาน)
9. นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ ร่วมกันตอบคำถามทา้ ยกจิ กรรม ปจั จยั ที่มีผลตอ่ ความส่องสว่างของดาวฤกษ์
โดยใหน้ ักเรียนแตล่ ะกลุม่ รว่ มกันอภิปรายแสดงความคิดเห็นเพื่อหาคำตอบ จากนนั้ ครสู ่มุ นักเรยี น
2-3 กล่มุ ออกมานำเสนอคำตอบของกลุ่มตนเองหน้าชนั้ เรียน
10. เมื่อนกั เรียนแตล่ ะกลุ่มนำเสนอคำตอบของกลุ่มตนเองเรียบรอ้ ยแล้ว นักเรยี นและครูรว่ มกนั
อภปิ รายผลทา้ ยกจิ กรรม ปจั จัยที่มีผลตอ่ ความสอ่ งสวา่ งของดาวฤกษ์
11. ครตู ้งั ประเด็นคำถามกระตุน้ ความคดิ นกั เรยี น โดยใหน้ กั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ ร่วมกนั อภปิ รายแสดง
ความคิดเห็นเพ่อื หาคำตอบ ดังนี้
• ดาวที่มีคา่ โชติมาตรน้อยกับดาวที่มีค่าโชติมาตรมาก ดาวดวงใดมคี วามสอ่ งสวา่ งมากกว่ากนั

(แนวตอบ : ดาวทมี่ คี ่าโชตมิ าตรน้อยจะสวา่ งกวา่ ดาวทม่ี ีโชติมาตรมาก)
• ดาวเคราะหท์ ีม่ ีความสวา่ งมากที่สดุ คอื ดาวอะไร

(แนวตอบ : ดาวศกุ ร์)
• โชติมาตรปรากฏ (apparent magnitude) กับโชติมาตรสมั บูรณ์ (absolute magnitude)

แตกต่างกนั อยา่ งไร
(แนวตอบ : โชติมาตรปรากฏเป็นโชติมาตรของดาวฤกษ์ทส่ี ังเกตเห็นจากโลก สว่ นโชตมิ าตร
สัมบรู ณ์เป็นการวัดโชติมาตรของดาว เมื่ออยู่ห่างจากโลกเปน็ ระยะทาง 10 พารเ์ ซก)
• ความส่องสวา่ งของดาวฤกษแ์ ต่ละดวงท่ีสังเกตเห็นเปน็ ความส่องสวา่ งทแี่ ท้จรงิ หรอื ไม่ อยา่ งไร
(แนวตอบ : ไม่แทจ้ รงิ เพราะความสอ่ งสว่างทสี่ งั เกตเหน็ น้ันเปน็ ความส่องสว่างปรากฏ)
• ปัจจัยใดบา้ งที่มผี ลต่อความสอ่ งสว่างของดาวฤกษ์
(แนวตอบ : ระยะทางระหว่างดาวฤกษก์ ับผู้สงั เกต และขนาดของดาวฤกษ์)
• ระยะทางมผี ลต่อความส่องสวา่ งอยา่ งไร
(แนวตอบ : หากดาวฤกษ์มขี นาดเท่ากนั ปลดปล่อยพลงั งานออกมาในปริมาณเท่ากนั ดาวฤกษ์
ดวงที่อยใู่ นตำแหนง่ ท่มี รี ะยะทางไกลกว่าจะมคี ่าความส่องสว่างน้อยกวา่ )
12. ครูสุ่มเลขท่นี กั เรยี น 2-3 คน ยกตัวอยา่ งเหตกุ ารณ์ที่นำมาอธิบายหลกั การมองเห็นความสอ่ งสว่าง
ของดาวฤกษ์
(แนวตอบ : เชน่ การมองเหน็ แสงไฟจากเสาไฟฟ้า รถยนต์ หรอื รถจกั รยานยนตท์ ี่อย่ใู นตำแหน่งท่ีมี
ระยะทางแตกต่างกัน)
13. นกั เรียนแต่ละคนศึกษาคน้ คว้าข้อมูลเพ่ิมเตมิ เกี่ยวกับความส่องสวา่ งของดาวฤกษ์ และโชตมิ าตร
ของดาวฤกษ์ จากหนังสือเรียนรายวชิ าพืน้ ฐานวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี วทิ ยาศาสตรโ์ ลกและ
อวกาศ ม.6 หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 1 เอกภพ หรอื แหล่งการเรยี นรู้ต่าง ๆ เชน่ อินเทอร์เนต็ ห้องสมดุ
จากนน้ั เขยี นสรุปความรทู้ ไี่ ด้จากการศึกษาคน้ ควา้ ลงในสมุดประจำตัวนักเรียน
ขน้ั ลงมือทำ (Doing)
14. นกั เรียนจับคู่กบั เพ่ือนในชน้ั เรียน ตามความสมคั รใจ จากน้นั ใหน้ ักเรยี นสำรวจความส่องสวา่ ง
ปรากฏของดาวฤกษ์ โดยปฏบิ ัตกิ ิจกรรมตามขัน้ ตอน จากใบกิจกรรม เร่อื ง ความสอ่ งสวา่ ง
ปรากฏของดาวฤกษ์
15. นักเรยี นแตล่ ะคูร่ ่วมกันแลกเปล่ยี นความรูแ้ ละวเิ คราะหผ์ ลการปฏิบตั กิ ิจกรรม แล้วอภิปรายผล
รว่ มกัน
16. ครสู ุม่ นักเรียน 4-5 คู่ ออกมานำเสนอผลการปฏบิ ตั ิกจิ กรรมหนา้ ชน้ั เรยี น ในระหว่างที่นักเรียน
นำเสนอ ครคู อยให้ขอ้ เสนอแนะเพ่ิมเตมิ เพ่อื ให้นกั เรียนมีความเขา้ ใจที่ถกู ต้อง
17. นกั เรียนแตล่ ะคนทำแบบฝึกหดั เรอ่ื ง ความส่องสวา่ งและโชติมาตรของดาวฤกษ์ จากแบบฝึกหัด
รายวชิ าพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ ม.6 หน่วยการ
เรยี นรู้ที่ 1 เอกภพ

ขัน้ สรุป

ขน้ั สรุป
1. ครูเปดิ โอกาสให้นกั เรยี นซกั ถามเน้ือหาเกี่ยวกับความส่องสว่างและโชติมาตรของดาวฤกษ์
และให้ความรเู้ พิม่ เติมจากคำถามของนกั เรียน โดยครูใช้ PowerPoint เรื่อง ความส่องสวา่ ง
และโชติมาตรของดาวฤกษ์ ในการอธบิ ายเพิ่มเติม
2. นกั เรียนและครูร่วมกันสรปุ เก่ียวกับความส่องสวา่ งและโชตมิ าตรของดาวฤกษ์ ซ่ึงควรได้ขอ้ สรุป
ร่วมกนั ว่า “ความสอ่ งสว่างเปน็ พลังงานที่ดาวฤกษป์ ลดปลอ่ ยออกมาในเวลา 1 วนิ าทีต่อหนว่ ย
พื้นท่ี ณ ตำแหนง่ ผสู้ ังเกต ส่วนโชตมิ าตรเป็นการกำหนดตวั เลขแสดงการรับรู้ความสอ่ งสว่างของ
ผู้สังเกต”

ขนั้ ประเมนิ

ขัน้ ประเมิน
1. ครูประเมินผล โดยการสงั เกตพฤติกรรมการตอบคำถาม พฤตกิ รรมการทำงานรายบุคคล
พฤตกิ รรมการทำงานกลมุ่ และจากการนำเสนอผลการปฏบิ ตั ิกจิ กรรมหนา้ ชั้นเรียน
2. ครูตรวจสอบผลการปฏิบตั ิกิจกรรม ปจั จยั ท่ีมีผลตอ่ ความส่องสว่างของดาวฤกษ์
3. ครูตรวจใบกิจกรรม เรื่อง ความส่องสว่างปรากฏของดาวฤกษ์
4. ครตู รวจแบบฝึกหัด เรื่อง ความส่องสวา่ งและโชติมาตรของดาวฤกษ์ จากแบบฝึกหัดรายวชิ า
พ้ืนฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ ม.6 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 1 เอกภพ

7. การวดั และประเมนิ ผล

รายการวดั วธิ ีการ เครือ่ งมือ เกณฑ์การประเมนิ

7.1 ประเมนิ ระหว่าง

การจดั กจิ กรรม

การเรยี นรู้

1) ความส่องสวา่ งและ - ตรวจใบกิจกรรม - ใบกจิ กรรม - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์

โชตมิ าตรของ - ตรวจสมุดประจำตวั - สมุดประจำตวั หรอื - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์

ดาวฤกษ์ หรือแบบฝึกหัด แบบฝกึ หดั

2) ผลบนั ทึกการ - ประเมนิ การปฏบิ ัติ - แบบประเมนิ การปฏิบตั ิ - ระดบั คณุ ภาพ 2

ปฏิบัติกิจกรรม กิจกรรม กิจกรรม ผ่านเกณฑ์

ปัจจัยทีม่ ีผลตอ่

ความสอ่ งสวา่ งของ

รายการวดั วธิ ีการ เครอื่ งมอื เกณฑ์การประเมิน
ดาวฤกษ์
3) การนำเสนอ - ประเมนิ การนำเสนอ - แบบประเมินการ - ระดบั คณุ ภาพ 2
ผลงาน/ผลการ ผลงาน/ผลการปฏบิ ตั ิ นำเสนอผลงาน ผา่ นเกณฑ์
ปฏบิ ัติกจิ กรรม กิจกรรม
4) พฤติกรรมการ - สังเกตพฤตกิ รรม - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม - ระดบั คุณภาพ 2
ทำงานรายบคุ คล การทำงานรายบคุ คล การทำงานรายบคุ คล ผา่ นเกณฑ์
5) พฤติกรรมการ - สงั เกตพฤตกิ รรม - แบบสงั เกตพฤติกรรม
ทำงานกลุม่ การทำงานกลมุ่ การทำงานกล่มุ - ระดบั คุณภาพ 2
6) คณุ ลกั ษณะ - สังเกตความมีวินัย - แบบประเมนิ ผา่ นเกณฑ์
อนั พึงประสงค์ รับผดิ ชอบ ใฝเ่ รียนรู้ คณุ ลกั ษณะ - ระดบั คุณภาพ 2
และมุ่งมั่นในการ อันพงึ ประสงค์ ผ่านเกณฑ์
ทำงาน

8. สอ่ื /แหล่งการเรียนรู้

8.1 สื่อการเรียนรู้
1) หนังสือเรยี นรายวชิ าพ้นื ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ ม.6
หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 1 เอกภพ
2) แบบฝกึ หดั รายวชิ าพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี วทิ ยาศาสตร์โลกและอวกาศ ม.6
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เอกภพ
3) ใบกจิ กรรม เรอ่ื ง ความส่องสว่างปรากฏของดาวฤกษ์
4) วัสดุอปุ กรณ์ท่ใี ช้ในการปฏิบตั กิ จิ กรรมปจั จยั ที่มผี ลตอ่ ความสอ่ งสว่างของดาวฤกษ์
5) PowerPoint เรอื่ ง ความส่องสวา่ งและโชตมิ าตรของดาวฤกษ์
6) วีดิทัศน์สารคดีสั้น Twig เร่อื ง ความส่องสวา่ ง
จาก https://www.twig-aksorn.com/film/glossary/luminance-7053/
7) สมดุ ประจำตัวนกั เรียน

8.2 แหล่งการเรยี นรู้
1) หอ้ งเรยี น
2) หอ้ งสมดุ
3) อินเทอร์เน็ต

ใบกจิ กรรม

เรื่อง ความสอ่ งสว่างของดาวฤกษ์

วัสดอุ ปุ กรณ์
1. แผนที่ดาว
2. กระดาษและอปุ กรณ์เครื่องเขยี น

วธิ ีปฏิบัติ
1. สงั เกตความสอ่ งสวา่ งของดาวฤกษใ์ นคืนเดอื นมืด หรอื ข้างแรม เชน่ แรม 8 คำ่ ขนึ้ ไป
2. นำผลการสงั เกตมาจดั แบ่งประเภทของดาวฤกษโ์ ดยใช้ระดบั ความสอ่ งสวา่ งเป็นเกณฑ์ โดยแบ่ง
ออกเปน็ 3 กลมุ่ คอื ดาวทสี่ ว่างมาก ดาวที่สวา่ งปานกลาง และดาวทีส่ วา่ งนอ้ ย

ขอ้ มลู เพมิ่ เตมิ
การเลือกกลุ่มดาวที่สังเกต ควรเลือกกลุ่มดาวตามฤดูกาล เช่น หากเป็น

ช่วงฤดูหนาว ควรเลือกกลุ่มดาวนายพราน กลุ่มดาวค้างคาว แต่หากเป็นฤดูฝน
ควรเลอื กกลุม่ ดาวจระเข้ (กล่มุ ดาวหมีใหญ)่

บันทึกการจัดแบ่งประเภทของดาวฤกษโ์ ดยใชร้ ะดบั ความส่องสวา่ งเป็นเกณฑ์

ใบกิจกรรม เฉลย

เรอื่ ง ความสอ่ งสวา่ งของดาวฤกษ์

วัสดุอปุ กรณ์
1. แผนทด่ี าว
2. กระดาษและอุปกรณ์เครอื่ งเขยี น

วิธีปฏบิ ตั ิ
1. สงั เกตความส่องสว่างของดาวฤกษใ์ นคนื เดอื นมืด หรือข้างแรม เชน่ แรม 8 คำ่ ข้ึนไป
2. นำผลการสงั เกตมาจัดแบง่ ประเภทของดาวฤกษ์โดยใช้ระดับความสอ่ งสวา่ งเปน็ เกณฑ์ โดยแบง่
ออกเป็น 3 กลุ่ม คือ ดาวที่สว่างมาก ดาวท่สี วา่ งปานกลาง และดาวท่สี ว่างนอ้ ย

ขอ้ มลู เพ่ิมเตมิ
การเลือกกลุ่มดาวที่สังเกต ควรเลือกกลุ่มดาวตามฤดูกาล เช่น หากเป็น

ช่วงฤดูหนาว ควรเลือกกลุ่มดาวนายพราน กลุ่มดาวค้างคาว แต่หากเป็นฤดูฝน
ควรเลอื กกล่มุ ดาวจระเข้ (กล่มุ ดาวหมีใหญ)่

บนั ทกึ การจัดแบง่ ประเภทของดาวฤกษโ์ ดยใช้ระดับความส่องสว่างเปน็ เกณฑ์

สามารถจัดแบง่ ประเภทดาวฤกษ์ ไดแ้ ก่
• ดาวทสี่ ว่างมาก
• ดาวทสี่ วา่ งปานกลาง
• ดาวท่สี ว่างน้อย

9. ความเหน็ ของผ้บู ริหารสถานศกึ ษาหรือผทู้ ีไ่ ดร้ บั มอบหมาย

ข้อเสนอแนะ “……..
“…………………………………………
ลงชอ่ื
( .................................
................................ )
ตำแหนง่
.......

10. บันทกึ ผลหลังการสอน

 ดา้ นความรู้

 ด้านสมรรถนะสำคัญของผ้เู รยี น

 ด้านคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์

 ดา้ นความสามารถทางวทิ ยาศาสตร์

 ด้านอนื่ ๆ (พฤตกิ รรมเดน่ หรอื พฤตกิ รรมทีม่ ปี ัญหาของนกั เรียนเปน็ รายบุคคล (ถ้ามี))

 ปัญหา/อปุ สรรค

 แนวทางการแกไ้ ข

แผนการจดั การเรยี นรู้ ท่ี 4

กลุ่มสาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์โลกและอวกาศ (ว33101)

ชนั้ มัธยมศึกษาปีท่ี 6/1-4 ภาคเรยี นท่ี 1/2564

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 1 เรอ่ื ง เอกภพ เวลา 22 ช่วั โมง

เร่อื ง สี อุณหภมู ผิ วิ และชนิดสเปกตรมั ของดาวฤกษ์ เวลา 2 ชัว่ โมง

ผสู้ อน นางสาวรจุ ริ าวรรณ จนั สว่าง โรงเรียนบา้ นแพงพทิ ยาคม

วันที.่ ......................เดือน..........................................ป.ี ...............................

1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ช้วี ัด

ว 3.1 ม.6/6 อธบิ ายความสัมพันธ์ระหว่างสี อุณหภมู ผิ วิ และสเปกตรมั ของดาวฤกษ์

2. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้

1. อธิบายความสัมพนั ธ์ระหวา่ งสี อณุ หภมู ผิ วิ และสเปกตรมั ของดาวฤกษ์ได้ (K)
2. ปฏบิ ัตกิ จิ กรรมสีของดาวฤกษไ์ ด้อย่างถกู ต้องและเป็นลำดับขั้นตอน (P)
3. มคี วามใฝ่เรยี นรแู้ ละมีความมุง่ มน่ั ในการทำงาน (A)

3. สาระการเรียนรู้ สาระการเรียนรูท้ ้องถิน่
พิจารณาตามหลักสตู รของสถานศึกษา
สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง
• สีขอ งดาวฤก ษ์สัมพั น ธ์กับ อุณ หภูมิผิว และ

สเปกตรัมของดาวฤกษ์ ซึ่งนักดาราศาสตร์ใช้
สเปกตรัมในการจำแนกชนิดของดาวฤกษ์

4. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด

ถ้าสังเกตดาวฤกษ์แต่ละดวงบนท้องฟ้าจะพบว่าดาวฤกษ์แต่ละดวงมีสีแตกตา่ งกนั เนือ่ งจากดาวฤกษ์
แต่ละดวงมีอัตราการผลิตพลังงานที่แตกต่างกัน สีของดาวฤกษ์สัมพันธ์กับอุณหภูมิผิวและสเปกตรัมของ
ดาวฤกษ์

5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียนและคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์

สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์

1. ความสามารถในการสอื่ สาร 1. มีวนิ ยั รับผิดชอบ

2. ความสามารถในการคดิ 2. ใฝ่เรยี นรู้

1) ทกั ษะการสงั เกต 3. มุ่งมน่ั ในการทำงาน

2) ทักษะการจัดกระทำและส่ือความหมายขอ้ มูล

3) ทกั ษะการตีความหมายขอ้ มูลและลงขอ้ สรปุ

3. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

6. กิจกรรมการเรยี นรู้

 แนวคดิ /รปู แบบการสอน/วธิ ีการสอน/เทคนคิ : แบบเนน้ มโนทัศน์ (Concept Based Teaching)

ช่วั โมงท่ี 1

ขัน้ นำ

ขน้ั การใช้ความรู้เดิมเชอื่ มโยงความร้ใู หม่ (Prior Knowledge)
1. ครูเตรยี มบตั รภาพดาวฤกษบ์ นทอ้ งฟา้ มาใหน้ ักเรียนดู จากน้ันครูตง้ั ประเดน็ คำถามกระตุน้ ความ
สนใจนักเรียน โดยใหน้ กั เรยี นรว่ มกนั อภิปรายแสดงความคิดเห็นอย่างอิสระโดยไม่มกี ารเฉลยวา่
ถูกหรอื ผดิ ดงั นี้
• ดาวฤกษ์กบั ดาวเคราะห์แตกต่างกนั อยา่ งไร
(แนวตอบ : ดาวฤกษ์เปน็ ดาวทมี่ แี สงสว่างในตวั เองและสแี ตกต่างกัน ส่วนดาวเคราะหเ์ ป็นดาว
ท่ีไมม่ ีแสงสวา่ งในตัวเอง)
• ดาวฤกษม์ สี เี หมอื นกนั ทุกดวงหรอื ไม่ อยา่ งไร
(แนวตอบ : ดาวฤกษ์มีสีแตกต่างกนั เน่อื งจากดาวฤกษแ์ ตล่ ะดวงมีอตั ราการผลิตพลังงานที่
แตกตา่ งกัน)
• สีของดาวฤกษบ์ อกอะไรเก่ยี วกบั ดาวฤกษบ์ ้าง
(แนวตอบ : อายุ อุณหภมู ิผวิ )
2. จากน้ันครสู นทนากบั นักเรียนเกยี่ วกบั สขี องเปลวไฟจากแก๊สหงุ ต้มว่า “เปลวไปจากแก๊สหุงต้มมี
สสี ม้ และสนี ำ้ เงิน โดยสีสม้ อยู่บรเิ วณส่วนปลาย ส่วนสีนำ้ เงินอยบู่ ริเวณด้านในของเปลวไฟ
ซึ่งอุณหภูมขิ องเปลวไฟบริเวณสีนำ้ เงินมคี า่ สูงกว่าบรเิ วณสีส้ม”

ขัน้ สอน

ขนั้ รู้ (Knowledge)
1. นักเรียนแบ่งกลมุ่ กลุ่มละ 6 คน ตามความสมัครใจ จากน้นั ครแู จง้ จุดประสงคข์ องกิจกรรม สขี อง
ดาวฤกษ์ ให้นกั เรยี นทราบเพอื่ เป็นแนวทางการปฏบิ ัติกจิ กรรมที่ถูกตอ้ ง
2. นักเรียนแตล่ ะกลุ่มร่วมกันศึกษากจิ กรรม สีของดาวฤกษ์ จากหนงั สือเรยี นรายวชิ าพนื้ ฐาน
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ ม.6 หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 1 เอกภพ
โดยครใู ชร้ ปู แบบการเรยี นรแู้ บบรว่ มมอื มาจัดกระบวนการเรยี นรู้ โดยกำหนดให้สมาชิกแต่ละคน
ภายในกลุ่มมีบทบาทหนา้ ทข่ี องตนเอง ดงั น้ี
• สมาชกิ คนท่ี 1-2 ทำหนา้ ท่ีเตรยี มวัสดอุ ปุ กรณท์ ่ใี ช้ในการปฏิบตั กิ จิ กรรมสีของดาวฤกษ์
• สมาชกิ คนท่ี 3-4 ทำหน้าท่ีอ่านวิธปี ฏิบัติกิจกรรม และนำมาอธิบายให้สมาชิกในกลุ่มฟัง
• สมาชกิ คนท่ี 5-6 ทำหนา้ ท่ีบนั ทกึ ผลการปฏิบัตกิ ิจกรรมลงในสมุดประจำตัวนกั เรยี น
(หมายเหตุ : ครูเร่มิ ประเมินนักเรยี น โดยใชแ้ บบประเมนิ การปฏบิ ตั ิกจิ กรรม)
3. นกั เรียนแต่ละกลมุ่ รว่ มกนั ปฏิบัติกิจกรรมตามข้ันตอน จากหนงั สอื เรยี นรายวิชาพื้นฐาน
วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี วทิ ยาศาสตร์โลกและอวกาศ ม.6 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 เอกภพ
4. นักเรียนแต่ละกล่มุ ร่วมกันแลกเปล่ยี นความร้แู ละวเิ คราะห์ผลการปฏิบัติกิจกรรม แลว้ อภปิ รายผล
รว่ มกัน

ชัว่ โมงท่ี 2

ขั้นเข้าใจ (Understanding)
5. นกั เรียนแตล่ ะกล่มุ ออกมานำเสนอผลการปฏิบัติกจิ กรรมหน้าชน้ั เรยี น ในระหวา่ งที่นักเรยี น
นำเสนอ ครูคอยให้ข้อเสนอแนะเพิม่ เติม เพอ่ื ใหน้ ักเรยี นมีความเข้าใจทีถ่ กู ต้อง
(หมายเหตุ : ครเู ร่ิมประเมนิ นักเรียน โดยใช้แบบประเมินการนำเสนอผลงาน)
6. นกั เรียนแต่ละกลุ่มรว่ มกนั ตอบคำถามท้ายกิจกรรม สขี องดาวฤกษ์ โดยใหน้ กั เรยี นแต่ละกลุม่
ร่วมกันอภปิ รายแสดงความคิดเห็นเพอ่ื หาคำตอบ จากนั้นครสู มุ่ นักเรียน 2-3 กลุ่ม ออกมานำเสนอ
คำตอบของกลุ่มตนเองหนา้ ช้ันเรียน
7. เม่อื นกั เรียนแตล่ ะกลมุ่ นำเสนอคำตอบของกลุ่มตนเองเรียบรอ้ ยแลว้ นักเรียนและครูรว่ มกัน
อภปิ รายผลท้ายกจิ กรรม สีของดาวฤกษ์ เพ่อื ใหไ้ ด้ขอ้ สรุปร่วมกนั ว่า “ดาวฤกษ์บนทอ้ งฟ้ามสี ี
แตกตา่ งกัน ซง่ึ จะขนึ้ อยกู่ บั อณุ หภมู ิผวิ ของดาวฤกษ์”
8. ครูต้งั ประเด็นคำถามกระต้นุ ความคดิ นกั เรียน โดยให้นกั เรียนแต่ละกล่มุ รว่ มกนั อภิปรายแสดง
ความคดิ เหน็ เพอื่ หาคำตอบ ดงั น้ี
• นกั วทิ ยาศาสตร์ใช้เกณฑ์ใดในการจำแนกชนดิ ของดาวฤกษ์

(แนวตอบ : สเปกตรมั ของดาวฤกษ์)
• ดาวฤกษส์ ีใดมีอุณหภูมิผิวสูงทีส่ ุดและต่ำทสี่ ุดตามลำดับ

(แนวตอบ : ดาวฤกษ์สีนำ้ เงินมอี ุณหภมู ผิ ิวสูงทีส่ ุด และดาวฤกษ์สีแดงมีอณุ หภูมผิ ิวต่ำทสี่ ุด)
• เม่ือแบ่งประเภทของดาวฤกษ์ตามชนดิ ของสเปกตรัมแบ่งไดก้ ีช่ นดิ อะไรบ้าง

(แนวตอบ : 7 ชนดิ ได้แก่ O B A F G K และ M)
9. ครูอธบิ ายเพมิ่ เตมิ ใหน้ ักเรยี นเข้าใจเก่ยี วกับ “ดาวฤกษ์ท่ีมอี ายุน้อยจะมีอณุ หภมู สิ งู และสนี ำ้ เงิน

สว่ นดาวฤกษท์ ม่ี ีอายมุ ากจะมีอณุ หภมู ติ ำ่ และมีสีแดง เรียกวา่ ดาวยกั ษแ์ ดง”

ข้ันลงมือทำ (Doing)
10. นกั เรยี นแตล่ ะคนศึกษาค้นคว้าขอ้ มูลเพม่ิ เติมเกีย่ วกับสี อุณภมู ิผิว อายุ และอนาคตของดวงอาทิตย์
จากหนังสือเรียนรายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ ม.6
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 เอกภพ
11. นกั เรียนแตล่ ะคนเขียนสรุปความร้ทู ีไ่ ดจ้ ากการศกึ ษาค้นคว้าลงในใบงานที่ 1.2 เรอื่ ง ดาวฤกษ์
ในระบบสุริยะ
12. นักเรียนแต่ละคนทำแบบฝกึ หัด เรอื่ ง สี อุณหภูมิ และชนิดสเปกตรัมของดาวฤกษ์ จากแบบฝึกหดั
รายวชิ าพน้ื ฐานวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ ม.6 หน่วยการ
เรยี นร้ทู ี่ 1 เอกภพ

ข้นั สรปุ

ขัน้ สรุป
1. ครเู ปดิ โอกาสใหน้ ักเรยี นซกั ถามเนื้อหาเกี่ยวกบั สี อณุ หภูมิ และชนิดสเปกตรัมของดาวฤกษ์
และให้ความรู้เพ่ิมเติมจากคำถามของนกั เรียน โดยครใู ช้ PowerPoint เร่อื ง สี อณุ หภูมิ
และชนิดสเปกตรมั ของดาวฤกษ์ ในการอธบิ ายเพ่ิมเติม
2. นักเรียนและครูร่วมกันสรุปเกี่ยวกับสี อณุ หภมู ิ และชนิดสเปกตรัมของดาวฤกษ์ ซึ่งควรไดข้ อ้ สรุป
รว่ มกนั ว่า “ดาวฤกษแ์ ตล่ ะดวงมสี ีต่างกัน เน่ืองจากมีอัตราการผลติ พลงั งานตา่ งกนั โดยดาวฤกษ์ท่ี
มอี ัตราการผลิตพลังงานสูง จะมอี ุณหภูมผิ วิ สงู ซ่งึ นกั วทิ ยาศาสตร์ใช้ความสัมพันธ์ระหวา่ งอุณหภูมิ
ผวิ กบั สเปกตรมั ที่ตรวจวัดไดจ้ ากดาวฤกษม์ าจำแนกชนิดของดาวฤกษ์ได้ 7 ชนดิ ได้แก่ O B A F G
K และ M”

ขน้ั ประเมนิ

ขัน้ ประเมนิ
1. ครปู ระเมินผล โดยการสังเกตพฤตกิ รรมการตอบคำถาม พฤตกิ รรมการทำงานรายบคุ คล
พฤติกรรมการทำงานกล่มุ และจากการนำเสนอผลการปฏิบตั ิกิจกรรมหนา้ ชั้นเรยี น
2. ครูตรวจสอบผลการปฏิบตั ิกจิ กรรม สีของดาวฤกษ์
3. ครูตรวจสอบผลการทำใบงานท่ี 1.2 เรอ่ื ง ดาวฤกษใ์ นระบบสุรยิ ะ
4. ครูตรวจแบบฝึกหดั เร่อื ง สี อุณหภูมิ และชนดิ สเปกตรัมของดาวฤกษ์ จากแบบฝึกหัดรายวิชา
พ้นื ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี วทิ ยาศาสตร์โลกและอวกาศ ม.6 หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 1 เอกภพ

7. การวดั และประเมินผล

รายการวัด วธิ กี าร เครอ่ื งมือ เกณฑก์ ารประเมนิ

7.1 ประเมนิ ระหวา่ ง - ใบงานท่ี 1.2 - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
- สมุดประจำตวั หรือ - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
การจัดกิจกรรม แบบฝกึ หัด
- แบบประเมนิ การปฏบิ ัติ - ระดบั คณุ ภาพ 2
การเรียนรู้ กจิ กรรม ผ่านเกณฑ์

1) สี อุณหภมู ิ และ - ตรวจใบงานที่ 1.2 - แบบประเมินการ - ระดบั คณุ ภาพ 2
นำเสนอผลงาน ผ่านเกณฑ์
ชนดิ ของสเปกตรมั - ตรวจสมุดประจำตวั
- แบบสงั เกตพฤตกิ รรม - ระดับคณุ ภาพ 2
ของดาวฤกษ์ หรือแบบฝกึ หัด การทำงานรายบคุ คล ผ่านเกณฑ์
- แบบสงั เกตพฤตกิ รรม
2) ผลบนั ทึกการ - ประเมินการปฏิบัติ การทำงานกลมุ่ - ระดับคุณภาพ 2
- แบบประเมนิ ผ่านเกณฑ์
ปฏบิ ตั ิกิจกรรม กจิ กรรม คุณลกั ษณะ - ระดบั คุณภาพ 2
อนั พึงประสงค์ ผ่านเกณฑ์
สขี องดาวฤกษ์

3) การนำเสนอ - ประเมินการนำเสนอ

ผลงาน/ผลการ ผลงาน/ผลการปฏิบัติ

ปฏบิ ัติกจิ กรรม กจิ กรรม

4) พฤตกิ รรมการ - สังเกตพฤตกิ รรม

ทำงานรายบคุ คล การทำงานรายบคุ คล

5) พฤตกิ รรมการ - สงั เกตพฤติกรรม

ทำงานกลุ่ม การทำงานกลมุ่

6) คุณลักษณะ - สงั เกตความมีวินัย

อันพึงประสงค์ รบั ผดิ ชอบ ใฝเ่ รยี นรู้

และมงุ่ มัน่ ในการ

ทำงาน

8. สื่อ/แหลง่ การเรยี นรู้

8.1 ส่อื การเรยี นรู้
1) หนังสือเรยี นรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ ม.6
หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 1 เอกภพ
2) แบบฝึกหดั รายวชิ าพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี วิทยาศาสตรโ์ ลกและอวกาศ ม.6
หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 1 เอกภพ
3) ใบงานท่ี 1.2 เรอ่ื ง ดาวฤกษใ์ นระบบสรุ ยิ ะ
4) วสั ดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการปฏบิ ัตกิ ิจกรรมสขี องดาวฤกษ์
5) PowerPoint เร่อื ง สี อุณหภมู ิ และชนิดสเปกตรัมของดาวฤกษ์
6) บัตรภาพ

8.2 แหลง่ การเรียนรู้
1) หอ้ งเรียน
2) อนิ เทอรเ์ น็ต

ใบงานท่ี 1.2

เรอื่ ง ดาวฤกษ์ในระบบสรุ ยิ ะ

คำชี้แจง :
1. ใหน้ ักเรยี นศึกษาค้นคว้าข้อมลู เกย่ี วกบั ดวงอาทิตย์ในประเด็นต่าง ๆ ดงั น้ี
• สขี องดวงอาทติ ย์
• อณุ หภมู ผิ วิ ของดวงอาทิตย์
• อายุของดวงอาทิตย์
• อนาคตของดวงอาทิตย์
2. เขียนสรุปความรู้ทไี่ ด้จากการศึกษาคน้ ควา้ ลงในใบงาน
ภาพดวงอาทติ ย์

ขอ้ มูลเกีย่ วกบั ดวงอาทติ ย์

ใบงานที่ 1.2 เฉลย

เรือ่ ง ดาวฤกษ์ในระบบสรุ ยิ ะ

คำชี้แจง :
1. ใหน้ ักเรยี นศึกษาค้นคว้าข้อมลู เกีย่ วกับดวงอาทิตย์ในประเด็นต่าง ๆ ดงั น้ี
• สขี องดวงอาทิตย์
• อณุ หภมู ผิ ิวของดวงอาทิตย์
• อายขุ องดวงอาทิตย์
• อนาคตของดวงอาทติ ย์
2. เขียนสรุปความรู้ท่ไี ด้จากการศกึ ษาคน้ คว้าลงในใบงาน

ภาพดวงอาทิตย์

ขอ้ มลู เก่ียวกบั ดวงอาทติ ย์
ดวงอาทิตย์เป็นดาวฤกษ์ทมี่ สี เี หลือง มีอุณหภูมิผวิ ประมาณ 5,800 เคลวิน

มีอายปุ ระมาณ 4,600 ลา้ นปี ซ่ึงจะอยู่ตอ่ ไปได้อกี ประมาณ 5,000 ลา้ นปี แลว้ จะ
เปลีย่ นเปน็ ดาวแคระขาว และเนบิวลาดาวเคราะห์


Click to View FlipBook Version