The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนวิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ ม.6 รวมทุกแผน

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by wanrujirawan, 2021-06-20 11:01:16

แผนวิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ ม.6 รวมทุกแผน

แผนวิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ ม.6 รวมทุกแผน

บตั รภาพ 

ภาพดาวฤกษบ์ นท้องฟ้า

9. ความเหน็ ของผ้บู ริหารสถานศกึ ษาหรือผทู้ ีไ่ ดร้ บั มอบหมาย

ข้อเสนอแนะ “……..
“…………………………………………
ลงชอ่ื
( .................................
................................ )
ตำแหนง่
.......

10. บันทกึ ผลหลังการสอน

 ดา้ นความรู้

 ด้านสมรรถนะสำคัญของผ้เู รยี น

 ด้านคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์

 ดา้ นความสามารถทางวทิ ยาศาสตร์

 ด้านอนื่ ๆ (พฤตกิ รรมเดน่ หรอื พฤตกิ รรมทีม่ ปี ัญหาของนกั เรียนเปน็ รายบุคคล (ถ้ามี))

 ปัญหา/อปุ สรรค

 แนวทางการแกไ้ ข

แผนการจัดการเรียนรู้ ที่ 5

กล่มุ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ าวิทยาศาสตรโ์ ลกและอวกาศ (ว33101)

ชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ 6/1-4 ภาคเรยี นที่ 1/2564

หน่วยการเรียนรูท้ ี่ 1 เรอ่ื ง เอกภพ เวลา 22 ชั่วโมง

เรือ่ ง กำเนิดและววิ ฒั นาการของดาวฤกษ์ เวลา 3 ช่ัวโมง

ผ้สู อน นางสาวรุจิราวรรณ จนั สว่าง โรงเรยี นบา้ นแพงพิทยาคม

วันท.ี่ ......................เดือน..........................................ป.ี ...............................

1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ช้ีวัด

ว 3.1 ม.6/4 อธบิ ายกระบวนการเกดิ ดาวฤกษ์ โดยแสดงการเปลีย่ นแปลงความดัน อุณหภูมิ ขนาด
จากดาวฤกษ์ก่อนเกิดจนเป็นดาวฤกษ์

ว 3.1 ม.6/7 อธบิ ายลำดบั ววิ ัฒนาการที่สมั พนั ธ์กบั มวลต้งั ต้นและวิเคราะห์การเปลย่ี นแปลงสมบตั ิ
บางประการของดาวฤกษ์

2. จดุ ประสงค์การเรียนรู้

1. อธบิ ายกระบวนการเกิดดาวฤกษ์ โดยแสดงการเปล่ยี นแปลงความดัน อุณหภูมิ ขนาดจากดาวฤกษ์
กอ่ นเกิดจนเป็นดาวฤกษไ์ ด้ (K)

2. อธิบายลำดับวิวฒั นาการทีส่ มั พนั ธก์ ับมวลต้ังต้นของดาวฤกษไ์ ด้ (K)
3. ปฏบิ ตั ิกจิ กรรมความสัมพนั ธ์ระหวา่ งมวลตั้งตน้ กบั วิวฒั นาการของดาวฤกษ์ได้อยา่ งถกู ตอ้ ง

และเปน็ ลำดบั ข้ันตอน (P)
4. สนใจใฝร่ ูใ้ นการศกึ ษา และสามารถทำงานร่วมกบั ผอู้ นื่ ไดอ้ ย่างสร้างสรรค์ (A)

3. สาระการเรียนรู้ สาระการเรยี นรทู้ ้องถ่นิ
พิจารณาตามหลักสตู รของสถานศกึ ษา
สาระการเรยี นรู้แกนกลาง

• ดาวฤกษ์ส่วนใหญ่อยู่รวมกันเป็นระบบดาวฤกษ์คือ
ดาวฤกษ์ท่ีอยู่รวมกันตั้งแต่ 2 ดวงขึ้นไป ดาวฤกษ์
เปน็ ก้อนแก๊สรอ้ นขนาดใหญ่ เกิดจากการยุบตัวของ
กลุ่มสสารในเนบิวลาภายใต้แรงโน้มถ่วง ทำให้
บางส่วนของเนบิวลามีขนาดเล็กลง ความดันและ
อุณ หภูมิเพ่ิ มข้ึน เกิดเป็น ดาวฤก ษ์ก่ อ น เกิ ด

เมื่ออุณหภูมิท่ีแก่นสูงขึ้นจนเกิดปฏิกิริยาเทอร์มอ-
นิวเคลียร์ ดาวฤกษ์ก่อนเกิดจะกลายเป็นดาวฤกษ์
ด า ว ฤ ก ษ์ อ ยู่ ใน ส ภ า พ ส ม ดุ ล ร ะ ห ว่ า ง แ ร ง ดั น กั บ
แรงโน้มถ่วงซ่ึงเรียกว่า สมดุลอุทกสถิต จึงทำให้
ดาวฤกษ์มีเสถียรภาพและปลดปล่อยพลังงานเป็น
เวลานาน ตลอดชว่ งชีวติ ของดาวฤกษ์

• ปฏิกิริยาเทอร์มอนิวเคลียร์ เป็นปฏิกิริยาหลักของ
กระบวนการสร้างพลังงานของดาวฤกษ์ที่แก่นของ
ดาวฤกษ์ ทำให้เกิดการหลอมนิวเคลียสของ
ไ ฮ โด ร เจ น เป็ น นิ ว เค ลี ย ส ฮี เลี ย ม แ ล้ ว ก่ อ ใ ห้ เกิ ด
พลงั งานอยา่ งตอ่ เนอ่ื ง

• มวลของดาวฤกษ์ขึ้นอยู่กับมวลของดาวฤกษ์ก่อน
เกิด ดาวฤกษ์ท่ีมีมวลมากจะผลิตและใช้พลังงาน
มาก จึงมีอายุสั้นกวา่ ดาวฤกษ์ทม่ี ีมวลน้อย

• ดาวฤกษ์มีการวิวัฒ นาการท่ีแตกต่างกัน การ
วิวัฒนาการและจุดจบของดาวฤกษ์ข้ึนอยู่กับมวล
ต้ังต้นของดาวฤกษ์ ส่วนใหญ่เทียบกับจำนวนเท่า
ของมวลดวงอาทิตย์

4. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด

ดาวฤกษ์เกิดจากการรวมตัวกันของกลมุ่ สสารในเนบิวลา ในแต่ละช่วงวิวัฒนาการของดาวฤกษ์จะมี
การเปลี่ยนแปลงมวล ขนาด สี สเปกตรัม และอุณหภูมิ ซ่ึงข้ึนอยู่กับมวลตั้งต้น มวลของดาวฤกษ์เป็น
ตวั กำหนดอายุของดาวฤกษ์ และกำหนดจุดจบของดาวฤกษ์แตล่ ะดวง โดยดาวฤกษ์มวลน้อยจะมีจุดจบเป็น
ดาวแคระขาว ส่วนดาวฤกษ์มวลมากจะมีจุดจบด้วยการระเบิดอย่างรนุ แรงทีเ่ รยี กว่า ซูเปอร์โนวา และเกิด
การยุบตัวลงกลายเปน็ ดาวนวิ ตรอนหรือหลมุ ดำ

5. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี นและคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์

สมรรถนะสำคัญของผูเ้ รยี น คุณลักษณะอนั พึงประสงค์

1. ความสามารถในการส่อื สาร 1. มีวินยั รับผดิ ชอบ

2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝเ่ รยี นรู้

1) ทกั ษะการสังเกต 3. ม่งุ ม่ันในการทำงาน

2) ทกั ษะการจดั กระทำและส่อื ความหมายข้อมลู

3) ทกั ษะการตีความหมายขอ้ มลู และลงข้อสรุป

สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รียน คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์
3. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

6. กิจกรรมการเรยี นรู้

 แนวคิด/รปู แบบการสอน/วิธีการสอน/เทคนิค : สืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

ชัว่ โมงที่ 1

ข้ันนำ

ขั้นท่ี 1 กระตนุ้ ความสนใจ (Engage)
1. ครูเปดิ วีดทิ ศั น์สารคดีสัน้ Twig เร่ือง ดาวฤกษ์ จาก https://www.twig-aksorn.com/film/
glossary/star-6727/# ให้นกั เรยี นดู
2. ครูตัง้ ประเด็นคำถามกระตุน้ ความคิดนกั เรยี น โดยใหน้ กั เรยี นแต่ละคนร่วมกันอภิปรายแสดงความ
คดิ เห็นอยา่ งอิสระโดยไม่มีการเฉลยวา่ ถูกหรอื ผิด ดังน้ี
• ดาวฤกษเ์ กิดขนึ้ ได้อยา่ งไร
(แนวตอบ : เกิดจากการรวมตวั ของกลมุ่ สสารภายในเนบวิ ลา)
• การสรา้ งพลังงานของดาวฤกษม์ ีกระบวนการอยา่ งไร
(แนวตอบ : ผลติ จากแกน่ กลางของดาว โดยปฏกิ ริ ิยาเทอรม์ อนิวเคลียร์ฟิวชนั พลังงานทไี่ ด้มาจะ
อยใู่ นรปู ของความร้อนและแสง ทำให้ดาวฤกษส์ ่องสว่างข้ึนมาได้)

ขน้ั สอน

ขน้ั ท่ี 2 สำรวจค้นหา (Explore)
1. ครูตง้ั คำถามเก่ยี วกบั ววิ ฒั นาการของดาวฤกษ์ โดยครเู ขยี นใหน้ กั เรียนดูบนกระดาน ดงั นี้
• องคป์ ระกอบส่วนใหญ่ของดาวฤกษ์เป็นธาตชุ นิดใด
• ปฏกิ ริ ยิ านิวเคลยี ร์ท่ีเกดิ ข้นึ ภายในดาวฤกษค์ ือปฏิกริ ยิ าใด
• ปฏกิ ิรยิ านวิ เคลยี รท์ เ่ี กดิ ขน้ึ ครัง้ แรกในดาวฤกษ์น้นั เปล่ยี นแปลงธาตุชนิดใดไปเป็นธาตุชนิดใด
• ดาวฤกษค์ งรปู ร่างอยไู่ ด้เนอ่ื งจากเกิดสมดลุ ท่เี รยี กวา่ อะไร
• ธาตชุ นดิ สุดท้ายท่ีดาวฤกษ์มวลมากสรา้ งขน้ึ บรเิ วณแก่น คอื ธาตุชนดิ ใด
• เม่อื ดาวฤกษ์เขา้ สวู่ าระสดุ ทา้ ยของชีวิตจะเปลี่ยนแปลงไปเป็นสิง่ ใดเปน็ อนั ดับแรก
• ดาวฤกษ์ท่มี มี วลใกลเ้ คยี งกบั ดวงอาทิตย์มจี ดุ จบเป็นส่ิงใด
• ดาว A มีจุดจบเปน็ ดาวนวิ ตรอน ส่วนดาว B มจี ุดจบเป็นหลุมดำ มวลของดาวฤกษท์ งั้ สองดวง
แตกต่างกันอย่างไร

2. จากน้นั นักเรียนแต่ละคนศึกษาค้นควา้ ขอ้ มูลเพือ่ ตอบคำถาม จากหนงั สือเรียนรายวิชาพ้ืนฐาน
วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ ม.6 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เอกภพ
หรอื แหล่งการเรียนรตู้ ่าง ๆ เช่น อินเทอรเ์ นต็ ลงในสมุดประจำตัวนักเรยี น

3. นกั เรยี นจบั ค่กู บั เพือ่ นในช้ันเรยี น ตามความสมัครใจ โดยให้นักเรียนแตล่ ะคตู่ รวจสอบคำตอบของ
ตนเอง แล้วร่วมกนั อภิปรายแสดงความคิดเห็น

4. ครสู ่มุ นกั เรียน 4 คู่ ออกมานำเสนอคำตอบหน้าชั้นเรียน โดยให้เพอ่ื นในชน้ั เรียนรว่ มกันพจิ ารณาวา่
คำตอบถกู ตอ้ งหรือไม่ จากนนั้ ครเู ฉลยคำตอบท่ีถูกต้องให้นกั เรยี น ดงั นี้
• องค์ประกอบสว่ นใหญข่ องดาวฤกษเ์ ป็นธาตชุ นดิ ใด
(แนวตอบ : ไฮโดรเจน)
• ปฏิกิริยานวิ เคลยี ร์ท่ีเกิดขน้ึ ภายในดาวฤกษค์ ือปฏกิ ริ ยิ าใด
(แนวตอบ : ปฏกิ ริ ิยาเทอร์มอนิวเคลียรฟ์ วิ ชนั )
• ปฏิกิรยิ านิวเคลยี ร์ที่เกิดขน้ึ ครัง้ แรกในดาวฤกษ์น้นั เปลี่ยนแปลงธาตชุ นิดใดไปเป็นธาตุชนดิ ใด
(แนวตอบ : ไฮโดรเจนเปน็ ฮเี ลยี ม)
• ดาวฤกษค์ งรปู ร่างอยูไ่ ด้เนื่องจากเกิดสมดลุ ท่ีเรียกว่าอะไร
(แนวตอบ : สมดุลอทุ กสถติ ซึง่ เปน็ สมดุลระหว่างแรงดนั กบั แรงโน้มถ่วง)
• ธาตชุ นิดสุดท้ายท่ีดาวฤกษม์ วลมากสร้างขึ้นบรเิ วณแกน่ คือธาตุชนดิ ใด
(แนวตอบ : ธาตุเหล็ก)
• เมอ่ื ดาวฤกษ์เข้าสู่วาระสุดทา้ ยของชีวิตจะเปล่ียนแปลงไปเป็นสิง่ ใดเปน็ อนั ดับแรก
(แนวตอบ : ดาวยกั ษแ์ ดง)
• ดาวฤกษท์ ีม่ ีมวลใกล้เคียงกับดวงอาทิตย์มจี ุดจบเป็นสง่ิ ใด
(แนวตอบ : ดาวแคระขาว)
• ดาว A มจี ดุ จบเปน็ ดาวนิวตรอน ส่วนดาว B มีจดุ จบเป็นหลุมดำ มวลของดาวฤกษท์ ัง้ สองดวง
แตกตา่ งกนั อยา่ งไร
(แนวตอบ : ดาว B มีมวลมากกวา่ ดาว A)

ชว่ั โมงที่ 2

5. นักเรียนนบั จำนวน 1-6 วนไปเรือ่ ย ๆ จนครบทกุ คน เพ่ือแบง่ กลมุ่ นกั เรยี นออกเป็นกลุม่
กลุ่มละ 6 คน โดยคนทน่ี บั จำนวนเดยี วกนั ให้อยูก่ ลุ่มเดยี วกนั จากน้นั ครแู จง้ จุดประสงคข์ อง
กจิ กรรม ความสัมพนั ธ์ระหว่างมวลตง้ั ตน้ กับววิ ฒั นาการของดาวฤกษ์ ใหน้ ักเรยี นทราบเพือ่ เป็น
แนวทางการปฏิบตั ิกิจกรรมทถี่ ูกต้อง

6. นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ รว่ มกันศกึ ษากิจกรรม ความสัมพันธร์ ะหว่างมวลตัง้ ตน้ กบั ววิ ัฒนาการของ
ดาวฤกษ์ จากหนังสอื เรียนรายวชิ าพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์โลก

และอวกาศ ม.6 หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 1 เอกภพ โดยครใู ช้รูปแบบการเรียนรู้แบบรว่ มมือมาจดั
กระบวนการเรียนรู้ โดยกำหนดให้สมาชิกแต่ละคนภายในกลุม่ มบี ทบาทหน้าที่ของตนเอง ดงั นี้

• สมาชกิ คนท่ี 1-2 ทำหนา้ ที่เตรยี มวัสดุอปุ กรณ์ท่ีใชใ้ นการปฏบิ ัติกิจกรรมความสมั พันธ์
ระหว่างมวลต้ังต้นกบั ววิ ฒั นาการของดาวฤกษ์

• สมาชิกคนที่ 3-4 ทำหน้าที่อ่านวธิ ีปฏบิ ัตกิ จิ กรรม และนำมาอธบิ ายให้สมาชิกในกลมุ่ ฟัง
• สมาชิกคนท่ี 5-6 ทำหนา้ ที่บนั ทกึ ผลการปฏิบตั กิ จิ กรรมลงในสมุดประจำตัวนกั เรียน
(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนกั เรียน โดยใช้แบบประเมินการปฏบิ ตั กิ ิจกรรม)
7. นักเรยี นแต่ละกลมุ่ รว่ มกันปฏบิ ตั ิกิจกรรมตามขัน้ ตอน จากหนงั สอื เรยี นรายวิชาพน้ื ฐาน
วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี วทิ ยาศาสตร์โลกและอวกาศ ม.6 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 1 เอกภพ
8. นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ ร่วมกันแลกเปลีย่ นความรู้และวเิ คราะหผ์ ลการปฏิบัติกิจกรรม แล้วอภปิ รายผล
รว่ มกัน

ชั่วโมงที่ 3

ขน้ั ท่ี 3 อธบิ ายความรู้ (Explain)
9. นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มออกมานำเสนอผลการปฏิบัตกิ จิ กรรมหน้าชัน้ เรียน ในระหว่างทน่ี กั เรยี น
นำเสนอ ครคู อยให้ข้อเสนอแนะเพ่ิมเติม เพ่อื ให้นักเรียนมีความเข้าใจทถ่ี กู ต้อง
(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมนิ นักเรยี น โดยใชแ้ บบประเมินการนำเสนอผลงาน)
10. นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มร่วมกนั ตอบคำถามท้ายกิจกรรม ความสมั พันธ์ระหว่างมวลตั้งต้นกับวิวัฒนาการ
ของดาวฤกษ์ โดยให้นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ รว่ มกนั อภิปรายแสดงความคิดเห็นเพ่ือหาคำตอบ
จากนน้ั ครูสุม่ นักเรยี น 2-3 กล่มุ ออกมานำเสนอคำตอบของกล่มุ ตนเองหน้าช้ันเรียน
11. เมื่อนกั เรยี นแต่ละกลุ่มนำเสนอคำตอบของกลมุ่ ตนเองเรียบร้อยแล้ว นกั เรียนและครรู ว่ มกัน
อภปิ รายผลท้ายกิจกรรม กำเนดิ และวิวัฒนาการของดาวฤกษ์ เพื่อใหไ้ ดข้ อ้ สรปุ ร่วมกนั วา่
“ดาวฤกษ์เกิดจากการรวมตัวของกลุ่มสสารภายในเนบวิ ลา ในแตล่ ะชว่ งววิ ัฒนาการของดาวฤกษ์
จะมีการเปลย่ี นแปลงมวล ขนาด สี สเปกตรัม และอณุ หภูมิ ซึง่ ขนึ้ อยูก่ ับมวลตงั้ ต้น โดยดาวฤกษ์ท่ี
มมี วลมากจะมีชีวติ ส้ันและจบชวี ติ ด้วยการระเบดิ อย่างรุนแรงทีเ่ รยี กวา่ ซเู ปอร์โนวา”

ขนั้ ท่ี 4 ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate)
12. ครเู ปิดโอกาสใหน้ ักเรียนซักถามเน้อื หาเก่ยี วกับกำเนดิ และวิวัฒนาการของดาวฤกษ์ และให้ความรู้
เพ่ิมเติมจากคำถามของนักเรียน โดยครูใช้ PowerPoint เรอ่ื ง กำเนดิ และวิวัฒนาการของ
ดาวฤกษ์ ในการอธิบายเพม่ิ เติม
13. ครูเปิดวีดิทัศนส์ ารคดีสนั้ Twig เรอ่ื ง การตายของดวงอาทติ ย์ จาก https://www.twig-
aksorn.com/film/death-of-the-sun-7893/ ให้นกั เรียนดู จากนนั้ ใหน้ ักเรียนทำ
ใบงานที่ 1.3 เรื่อง วิวัฒนาการของดาวฤกษ์ โดยค้นคว้าข้อมูลเพิม่ เติมจากหนังสอื เรยี นรายวิชา
พ้ืนฐานวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ ม.6 หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 1 เอกภพ

แลว้ เขยี นสรุปเป็นแผนภาพแสดงววิ ัฒนาการของดวงอาทิตย์ และคาดการณ์เหตกุ ารณ์ท่ีจะเกิดข้นึ
เมอ่ื ดวงอาทติ ยเ์ ข้าสวู่ าระสดุ ทา้ ยของชวี ติ
14. นกั เรียนทำ Topic Questions เร่ือง ดาวฤกษ์ ลงในสมดุ ประจำตัวนักเรยี น จากนั้นครูส่มุ เลขที่
นักเรียน 5 คน ออกมานำเสนอคำตอบของตนเองหนา้ ชนั้ เรียน โดยใหเ้ พ่ือนในชน้ั เรยี นร่วมกนั
พิจารณาว่าคำตอบถกู ต้องหรอื ไม่ เมอ่ื นกั เรยี นนำเสนอคำตอบเสร็จ ครูเฉลยคำตอบท่ีถูกตอ้ งให้
นักเรยี น
15. นกั เรียนแต่ละคนทำแบบฝกึ หัด เร่อื ง กำเนิดและววิ ฒั นาการของดาวฤกษ์ จากแบบฝึกหัด
รายวชิ าพื้นฐานวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี วทิ ยาศาสตร์โลกและอวกาศ ม.6 หน่วยการ
เรยี นรู้ท่ี 1 เอกภพ

ข้ันสรปุ

ขั้นที่ 5 ตรวจสอบผล (Evaluate)

1. ครูประเมนิ ผล โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคำถาม พฤตกิ รรมการทำงานรายบุคคล

พฤตกิ รรมการทำงานกลมุ่ และจากการนำเสนอผลการปฏิบตั กิ ิจกรรมหน้าช้ันเรยี น

2. ครูตรวจสอบผลการปฏิบัตกิ ิจกรรม ความสมั พันธร์ ะหวา่ งมวลตั้งต้นกบั ววิ ัฒนาการของดาวฤกษ์

3. ครตู รวจสอบผลการทำใบงานที่ 1.3 เรอื่ ง ววิ ฒั นาการของดาวฤกษ์

4. ครูตรวจ Topic Questions เร่อื ง ดาวฤกษ์ ในสมุดประจำตัวนกั เรยี น

5. ครตู รวจแบบฝกึ หัด เรื่อง กำเนิดและวิวฒั นาการของดาวฤกษ์ จากแบบฝึกหัดรายวิชาพ้นื ฐาน

วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ ม.6 หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 1 เอกภพ

6. นกั เรยี นและครรู ่วมกันสรปุ เกีย่ วกับกำเนดิ และววิ ฒั นาการของดาวฤกษ์ ซ่งึ ควรไดข้ อ้ สรปุ รว่ มกนั วา่

“ดาวฤกษแ์ ต่ละดวงมีววิ ัฒนาการตา่ งกันขึน้ อยกู่ บั มวลตง้ั ตน้ ของดาวฤกษ์ ซึง่ ส่วนใหญเ่ ทยี บกบั

จำนวนเท่าของมวลดวงอาทิตย์ โดยดาวฤกษ์ที่มมี วลมากจะผลิตและใชพ้ ลังงานมาก จงึ มีอายุสน้ั

กว่าดาวฤกษ์ท่มี ีมวลน้อย”

7. การวดั และประเมนิ ผล

รายการวัด วิธีการ เคร่ืองมอื เกณฑ์การประเมิน

7.1 ประเมนิ ระหว่าง

การจดั กิจกรรม

การเรียนรู้

1) กำเนิดและ - ตรวจใบงานที่ 1.3 - ใบงานท่ี 1.3 - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์

วิวัฒนาการของ - ตรวจสมุดประจำตัว - สมุดประจำตัว หรอื - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์

ดาวฤกษ์ หรอื แบบฝึกหัด แบบฝึกหดั

2) ผลบันทึกการ - ประเมนิ การปฏิบตั ิ - แบบประเมินการปฏบิ ัติ - ระดบั คณุ ภาพ 2

ปฏิบัติกิจกรรม กิจกรรม กจิ กรรม ผา่ นเกณฑ์

รายการวดั วธิ ีการ เครอื่ งมอื เกณฑ์การประเมนิ
ความสมั พนั ธ์
ระหว่างมวลตงั้ ต้น - ประเมนิ การนำเสนอ - แบบประเมนิ การ - ระดบั คณุ ภาพ 2
กับววิ ฒั นาการของ ผลงาน/ผลการปฏบิ ตั ิ นำเสนอผลงาน ผา่ นเกณฑ์
ดาวฤกษ์ กจิ กรรม
3) การนำเสนอ - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤติกรรม - ระดบั คุณภาพ 2
ผลงาน/ผลการ การทำงานรายบคุ คล การทำงานรายบุคคล ผ่านเกณฑ์
ปฏิบัติกิจกรรม - สังเกตพฤตกิ รรม - แบบสงั เกตพฤติกรรม
4) พฤติกรรมการ การทำงานกลมุ่ การทำงานกล่มุ - ระดับคณุ ภาพ 2
ทำงานรายบุคคล - สงั เกตความมวี นิ ยั - แบบประเมิน ผา่ นเกณฑ์
5) พฤตกิ รรมการ รบั ผดิ ชอบ ใฝเ่ รยี นรู้ คณุ ลกั ษณะ - ระดับคณุ ภาพ 2
ทำงานกลมุ่ และมุ่งมน่ั ในการ อันพงึ ประสงค์ ผ่านเกณฑ์
6) คุณลักษณะ ทำงาน
อันพึงประสงค์

8. สือ่ /แหล่งการเรียนรู้

8.1 ส่ือการเรียนรู้

1) หนงั สือเรยี นรายวชิ าพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี วทิ ยาศาสตรโ์ ลกและอวกาศ ม.6

หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 1 เอกภพ

2) แบบฝกึ หดั รายวชิ าพื้นฐานวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ ม.6

หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 1 เอกภพ

3) ใบงานที่ 1.3 เร่อื ง ววิ ฒั นาการของดาวฤกษ์

3) วัสดุอุปกรณ์ท่ใี ช้ในการปฏบิ ตั ิกจิ กรรมความสมั พนั ธร์ ะหว่างมวลต้งั ต้นกับววิ ฒั นาการของดาวฤกษ์

4) PowerPoint เรอื่ ง กำเนิดและววิ ฒั นาการของดาวฤกษ์

5) วดี ิทัศนส์ ารคดีสั้น Twig เรื่อง ดาวฤกษ์

จาก https://www.twig-aksorn.com/film/glossary/star-6727/#

6) วดี ิทศั น์สารคดีสน้ั Twig เร่อื ง การตายของดวงอาทิตย์

จาก https://www.twig-aksorn.com/film/death-of-the-sun-7893/

7) สมดุ ประจำตวั นกั เรียน

8.2 แหล่งการเรียนรู้

1) ห้องเรยี น 2) อนิ เทอร์เนต็

ใบงานที่ 1.3

เรอ่ื ง วิวฒั นาการของดาวฤกษ์

คำช้ีแจง : ใหน้ ักเรียนสืบคน้ ขอ้ มูลเกยี่ วกับวิวฒั นาการของดวงอาทติ ย์ แลว้ เขียนสรปุ เปน็ แผนภาพลงในกรอบ
ด้านล่าง

ววิ ัฒนาการของดวงอาทติ ย์

เมือ่ ดวงอาทิตยเ์ ข้าสู่วาระสุดทา้ ยของชีวติ สิ่งมีชีวิตจะสามารถอยู่รอดไดห้ รือไม่ อย่างไร

ใบงานที่ 1.3 เฉลย

เร่อื ง ววิ ัฒนาการของดาวฤกษ์

คำชีแ้ จง : ใหน้ ักเรียนสืบค้นขอ้ มูลเกี่ยวกับววิ ฒั นาการของดวงอาทติ ย์ แลว้ เขียนสรปุ เป็นแผนภาพลงในกรอบ
ดา้ นล่าง

วิวฒั นาการของดวงอาทิตย์

เนบวิ ลา

ดาวฤกษ์ก่อนเกิด

ดวงอาทติ ย์

ดาวยักษ์แดง

แก่นกลางยุบตัวลงด้วยแรงโนม้ ถ่วง รอบนอกขยายตัวกระจายสอู่ วกาศ

ดาวแคระขาว เนบวิ ลาดาวเคราะห์

เมอ่ื ดวงอาทิตย์เขา้ สวู่ าระสุดท้ายของชีวติ สงิ่ มีชีวติ จะสามารถอยรู่ อดไดห้ รอื ไม่ อย่างไร
สง่ิ มีชวี ติ จะไม่สามารถอยรู่ อดได้เนอ่ื งจากดวงอาทิตย์จะมขี นาดใหญ่ขึ้นและมีความรอ้ น

เพ่ิมขึ้นมาก

9. ความเหน็ ของผ้บู ริหารสถานศกึ ษาหรือผทู้ ีไ่ ดร้ บั มอบหมาย

ข้อเสนอแนะ “……..
“…………………………………………
ลงชอ่ื
( .................................
................................ )
ตำแหนง่
.......

10. บันทกึ ผลหลังการสอน

 ดา้ นความรู้

 ด้านสมรรถนะสำคัญของผ้เู รยี น

 ด้านคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์

 ดา้ นความสามารถทางวทิ ยาศาสตร์

 ด้านอนื่ ๆ (พฤตกิ รรมเดน่ หรอื พฤตกิ รรมทีม่ ปี ัญหาของนกั เรียนเปน็ รายบุคคล (ถ้ามี))

 ปัญหา/อปุ สรรค

 แนวทางการแกไ้ ข

แผนการจดั การเรยี นรู้ ที่ 6

กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวิชาวิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ (ว33101)

ช้ันมธั ยมศึกษาปที ี่ 6/1-4 ภาคเรียนที่ 1/2564

หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 1 เรอื่ ง เอกภพ เวลา 22 ชว่ั โมง

เร่อื ง ระบบสรุ ิยะ เวลา 3 ชว่ั โมง

ผ้สู อน นางสาวรจุ ิราวรรณ จนั สวา่ ง โรงเรยี นบา้ นแพงพทิ ยาคม

วันท.ี่ ......................เดือน..........................................ป.ี ...............................

1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชีว้ ดั

ว 3.1 ม.6/8 อธิบายกระบวนการเกิดระบบสุริยะ และการแบ่งเขตบริวารของดวงอาทิตย์ และ
ลักษณะของดาวเคราะหท์ เ่ี อ้ือตอ่ การดำรงชีวิต

2. จดุ ประสงค์การเรียนรู้

1. อธบิ ายกระบวนการเกิดระบบสรุ ิยะได้ (K)
2. อธบิ ายการแบ่งเขตบริวารของดวงอาทิตย์ และลักษณะของดาวเคราะห์ท่ีเอ้ือต่อการดำรงชวี ิตได้ (K)
3. ปฏบิ ัติกิจกรรมกำเนิดระบบสุริยะไดอ้ ย่างถูกต้องและเปน็ ลำดับข้นั ตอน (P)
4. สนใจใฝร่ ู้ในการศกึ ษา และสามารถทำงานร่วมกบั ผู้อ่ืนไดอ้ ย่างสร้างสรรค์ (A)

3. สาระการเรียนรู้ สาระการเรียนรูท้ ้องถิน่
พิจารณาตามหลักสูตรของสถานศกึ ษา
สาระการเรยี นร้แู กนกลาง

• ระบบสุริยะเกิดจากการรวมตัวกันของกลุ่มฝุ่นและ
แก๊สที่เรียกว่า เนบิวลาสุริยะ โดยฝุ่นและแก๊ส
ประมาณร้อยละ 99.8 ของมวล ได้รวมตัวเป็น
ดวงอาทิตย์ซ่ึงเป็นก้อนแก๊สร้อน หรือ พลาสมา
สสารส่วนท่เี หลอื รวมตวั เปน็ ดาวเคราะห์และบริวาร
อนื่ ๆ ของดวงอาทิตย์ ดงั น้ันจงึ แบ่งเขตบริวารของ
ดวงอาทิตย์ตามลักษณะการเกิดและองค์ประกอบ
ได้แก่ ดาวเคราะ ห์ชั้น ใน ดาวเคราะห์ น้ อ ย
ดาวเคราะห์ชน้ั นอก และดงดาวหาง

• โลกเป็นดาวเคราะห์ในระบบสุริยะท่ีมีส่ิงมีชีวิต

เพราะโคจรรอบดวงอาทิตย์ในระยะทางท่ีเหมาะสม
อยู่ในเขตท่ีเอื้อต่อการมีส่ิงมีชีวิต มีอุณ หภูมิ
เหมาะสมและสามารถเกิดน้ำท่ียังคงสถานะเป็น
ของเหลวได้ ปัจจุบันมีการค้นพบดาวเคราะห์ท่ีอยู่
นอกระบบสุริยะจำนวนมาก และมีดาวเคราะห์
บางดวงทอ่ี ยู่ในเขตทีเ่ อื้อตอ่ การมีสง่ิ มีชวี ิตคล้ายโลก

4. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด

ระบบสุริยะ (solar system) เป็นระบบที่ประกอบด้วยดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลางของระบบ และ
มีดาวเคราะห์รวมทั้งบริวารโคจรอยู่รอบ ๆ โดยดาวเคราะห์บางดวงมีดวงจันทร์เป็นบริวารโคจรล้อมรอบ
ระบบสรุ ิยะเกิดจากการยุบตัวของแก๊สและฝ่นุ ในเนบิวลาสรุ ิยะด้วยแรงโน้มถ่วง โดยมวลร้อยละ 99.8 ของ
เนบิวลาสรุ ิยะกลายเป็นดวงอาทิตย์ มวลท่ีเหลือกลายเป็นบริวารของดวงอาทิตย์ ซง่ึ แบ่งเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่
ดาวเคราะห์ชน้ั ใน ดาวเคราะห์นอ้ ย ดาวเคราะห์ชั้นนอก และดาวหาง

5. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียนและคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์

สมรรถนะสำคญั ของผูเ้ รียน คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์

1. ความสามารถในการสื่อสาร 1. มวี นิ ัย รบั ผิดชอบ

2. ความสามารถในการคดิ 2. ใฝ่เรียนรู้

1) ทกั ษะการสงั เกต 3. ม่งุ ม่ันในการทำงาน

2) ทกั ษะการจดั กระทำและสื่อความหมายขอ้ มูล

3) ทกั ษะการตีความหมายขอ้ มูลและลงข้อสรุป

3. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

6. กจิ กรรมการเรยี นรู้

 แนวคิด/รปู แบบการสอน/วิธีการสอน/เทคนคิ : สบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

ชั่วโมงท่ี 1

ขนั้ นำ

ขนั้ ท่ี 1 กระตุ้นความสนใจ (Engage)
1. ครเู ปิดวีดทิ ัศนส์ ารคดสี ัน้ Twig เร่อื ง การกำเนิดระบบสุรยิ ะ จาก https://www.twig-aksorn.
com/film/the-birth-of-our-solar-system-7799/ ใหน้ กั เรยี นดู

2. ครูตง้ั ประเดน็ คำถามกระตนุ้ ความคดิ นกั เรยี น โดยใหน้ ักเรยี นแตล่ ะคนร่วมกนั อภิปรายแสดงความ
คิดเห็นอยา่ งอิสระโดยไมม่ กี ารเฉลยว่าถกู หรอื ผิด ดงั นี้
• ระบบสรุ ยิ ะมีองคป์ ระกอบอะไรบ้าง
(แนวตอบ : ระบบสุริยะ ประกอบด้วยดวงอาทิตย์ ดาวเคราะห์ชั้นใน ดาวเคราะหน์ อ้ ย
ดาวเคราะหช์ นั้ นอก ดาวเคราะหแ์ คระ และดาวหาง)

• ดาวเคราะหต์ า่ งๆ ในระบบสรุ ิยะอยู่ในตำแหน่งใดบ้าง
(แนวตอบ : ดาวเคราะห์ในระบบสรุ ิยะอย่หู า่ งจากดวงอาทิตยต์ ่างกนั โดยแบ่งเป็น 2 กล่มุ คอื
กล่มุ ทอ่ี ย่ใู กล้ดวงอาทิตย์ ได้แก่ ดาวพุธ ดาวศุกร์ โลก และดาวองั คาร สว่ นอกี กลุ่มอย่ไู กลดวง
อาทติ ย์ ไดแ้ ก่ ดาวพฤหสั บดี ดาวเสาร์ ดาวยูเรนัส และดาวเนปจนู )

3. ครูถามคำถาม Key Question จากหนงั สอื เรียนรายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
วทิ ยาศาสตรโ์ ลก และอวกาศ ม.6 หน่วยการเรยี นรู้ที่ 1 เอกภพ เพ่ือทบทวนความรู้เดมิ ของ
นกั เรียน

ขัน้ สอน

ข้นั ที่ 2 สำรวจค้นหา (Explore)
1. นกั เรียนแบง่ กลุม่ ออกเปน็ 5 กลุม่ กลุม่ ละเท่า ๆ กัน ตามความสมคั รใจ จากน้นั ใหน้ ักเรยี นแต่ละ
กลมุ่ ส่งตวั แทนออกมาจบั สลากหวั ขอ้ ทศ่ี ึกษา โดยใหน้ กั เรียนแตล่ ะกลมุ่ รว่ มกันศกึ ษาคน้ ควา้ ขอ้ มลู
เกยี่ วกบั กระบวนการเกดิ ระบบสุริยะและการแบ่งเขตบริวารของดวงอาทิตย์ จากหนงั สอื เรยี น
รายวชิ าพื้นฐานวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ ม.6 หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 1
เอกภพ หรือแหล่งการเรียนร้ตู า่ ง ๆ เชน่ อินเทอรเ์ น็ต ห้องสมดุ ซ่งึ หัวข้อประกอบดว้ ย
• กลุม่ ท่ี 1 ศกึ ษา เรื่อง กระบวนการเกิดระบบสุริยะ
• กลมุ่ ที่ 2 ศึกษา เรือ่ ง ดาวเคราะหช์ ้นั ใน
• กลุ่มท่ี 3 ศกึ ษา เรอ่ื ง ดาวเคราะหน์ ้อย
• กลุ่มที่ 4 ศกึ ษา เรอ่ื ง ดาวเคราะหช์ ัน้ นอก
• กลมุ่ ท่ี 5 ศกึ ษา เรอื่ ง ดงดาวหาง
2. นักเรียนแตล่ ะกลมุ่ รว่ มกันอภิปรายหรอื สรุปเรอ่ื งทไ่ี ดศ้ ึกษา จากนัน้ รว่ มกนั สรุปความรู้ท่ไี ด้จาก
การศึกษาคน้ ควา้ ลงในสมดุ ประจำตัวนักเรยี น
(หมายเหตุ : ครเู รม่ิ ประเมินนกั เรียน โดยใชแ้ บบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม)

ชั่วโมงที่ 2

3. นักเรยี นนบั จำนวน 1-6 วนไปเร่อื ย ๆ จนครบทุกคน เพอื่ แบง่ กลุม่ นกั เรยี นออกเปน็ กลุ่ม
กลุ่มละ 6 คน โดยคนทน่ี ับจำนวนเดียวกันให้อยู่กลุม่ เดยี วกนั จากนั้นครูแจง้ จดุ ประสงคข์ อง
กจิ กรรม กำเนดิ ระบบสรุ ยิ ะ ให้นกั เรยี นทราบเพอ่ื เปน็ แนวทางการปฏบิ ตั ิกจิ กรรมที่ถกู ต้อง

4. นกั เรยี นแต่ละกลุ่มร่วมกันศึกษากจิ กรรม กำเนิดระบบสุรยิ ะ จากหนงั สือเรยี นรายวชิ าพ้นื ฐาน
วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ ม.6 หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 1 เอกภพ
โดยครูใช้รูปแบบการเรียนรู้แบบรว่ มมือมาจัดกระบวนการเรยี นรู้ โดยกำหนดใหส้ มาชิกแตล่ ะคน
ภายในกลุม่ มีบทบาทหนา้ ทข่ี องตนเอง ดงั น้ี
• สมาชิกคนท่ี 1-2 ทำหนา้ ท่ีเตรียมวัสดุอปุ กรณท์ ่ใี ช้ในการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมกำเนิดระบบสุริยะ
• สมาชิกคนท่ี 3-4 ทำหนา้ ที่อ่านวธิ ีปฏิบตั กิ ิจกรรม และนำมาอธิบายให้สมาชิกในกลุ่มฟัง
• สมาชิกคนที่ 5-6 ทำหนา้ ท่ีบันทึกผลการปฏิบตั กิ ิจกรรมลงในสมุดประจำตวั นกั เรยี น
(หมายเหตุ : ครเู ริ่มประเมนิ นักเรียน โดยใชแ้ บบประเมินการปฏบิ ตั ิกิจกรรม)

5. นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ รว่ มกนั ปฏบิ ัติกิจกรรมตามขั้นตอน จากหนังสือเรียนรายวชิ าพ้ืนฐาน
วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี วทิ ยาศาสตร์โลกและอวกาศ ม.6 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 1 เอกภพ

6. นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ รว่ มกนั แลกเปลี่ยนความรู้และวเิ คราะหผ์ ลการปฏิบัติกิจกรรม แลว้ อภิปรายผล
รว่ มกัน

ชั่วโมงที่ 3

ขนั้ ท่ี 3 อธบิ ายความรู้ (Explain)
7. นกั เรียนแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอผลการปฏิบัตกิ จิ กรรมหนา้ ชน้ั เรยี น ในระหวา่ งที่นกั เรียน
นำเสนอ ครูคอยให้ข้อเสนอแนะเพิม่ เตมิ เพอ่ื ใหน้ กั เรียนมีความเข้าใจทีถ่ กู ต้อง
(หมายเหตุ : ครเู ร่ิมประเมนิ นกั เรียน โดยใชแ้ บบประเมนิ การนำเสนอผลงาน)
8. นักเรียนแตล่ ะกลมุ่ รว่ มกนั ตอบคำถามทา้ ยกิจกรรม กำเนิดและวิวัฒนาการของเอกภพ
โดยให้นกั เรยี นแตล่ ะกลุม่ ร่วมกนั อภิปรายแสดงความคิดเหน็ เพอื่ หาคำตอบ จากนั้นครสู ุ่มนักเรยี น
2-3 กลุ่ม ออกมานำเสนอคำตอบของกลมุ่ ตนเองหนา้ ช้ันเรยี น
9. เมือ่ นักเรียนแตล่ ะกลมุ่ นำเสนอคำตอบของกลุ่มตนเองเรียบร้อยแลว้ นกั เรยี นและครรู ว่ มกัน
อภปิ รายผลท้ายกจิ กรรม กำเนดิ ระบบสรุ ิยะ เพ่ือใหไ้ ดข้ อ้ สรปุ ร่วมกันว่า “ระบบสุริยะเกิดจาก
เนบวิ ลาสรุ ิยะยุบตัวลง สสารบริเวณใจกลางรวมตัวกนั เกิดเป็นดวงอาทิตยก์ ่อนเกดิ และวิวัฒนาการ
เป็นดวงอาทิตย์ สสารบรเิ วณโดยรอบรวมตัวกันเป็นจานหมุนรอบดวงอาทติ ย์ ซึ่งก่อตวั เป็น
ดาวเคราะห์และบริวารอืน่ ๆ”

10. ครูตั้งประเดน็ คำถามกระตนุ้ ความคดิ นกั เรยี น โดยให้นกั เรียนแต่ละคนร่วมกันอภิปรายแสดงความ
คดิ เหน็ เพ่ือหาคำตอบ ดงั นี้
• ดาวฤกษต์ า่ ง ๆ รวมทง้ั ดวงอาทิตยม์ กี ำเนดิ มาจากอะไร
(แนวตอบ : ดาวฤกษ์ตา่ ง ๆ รวมทง้ั ดวงอาทติ ยก์ ำเนดิ มาจากเนบวิ ลา)
• มวลของเนบวิ ลาบรเิ วณใจกลางกับบรเิ วณโดยรอบยบุ ตวั รวมกันเกดิ เปน็ ส่งิ ใด
(แนวตอบ : มวลของเนบวิ ลาบรเิ วณใจกลางจะยบุ ตัวรวมกันเป็นดวงอาทติ ย์ สว่ นมวลท่ีเหลอื
บรเิ วณโดยรอบจะยบุ ตัวรวมกันเป็นดาวเคราะห์และบริวารอน่ื ๆ)
• หากมวลของเนบวิ ลาทัง้ หมดยุบตวั รวมกนั เกิดเป็นดวงอาทติ ย์ จะเกิดระบบสรุ ิยะหรือไม่ อยา่ งไร
(แนวตอบ : ดวงอาทติ ย์จะเป็นดาวฤกษท์ ่ไี มม่ ีบรวิ าร ไมเ่ กิดเป็นระบบสุรยิ ะ แต่ดวงอาทติ ยก์ จ็ ะ
สว่างเพิม่ ขึ้นไมม่ ากนัก เพราะมวลสารจะเพม่ิ ขึ้นกวา่ เดมิ เพยี งรอ้ ยละ 0.2)
• ดาวเคราะห์ที่อยู่ในเขตดาวเคราะห์ชั้นในมกี ีด่ วง อะไรบา้ ง
(แนวตอบ : 4 ดวง ได้แก่ ดาวพธุ ดาวศุกร์ โลก และดาวองั คาร)
• ดาวเคราะห์ทอ่ี ยู่ในเขตดาวเคราะห์ชนั้ ในจัดเป็นดาวเคราะห์ประเภทใด
(แนวตอบ : ดาวเคราะหห์ ิน)
• ดาวเคราะห์ท่อี ยู่ในเขตดาวเคราะหช์ น้ั นอกมีกี่ดวง อะไรบ้าง
(แนวตอบ : 4 ดวง ได้แก่ ดาวพฤหสั บดี ดาวเสาร์ ดาวยเู รนัส และดาวเนปจนู )
• ดาวเคราะหท์ อี่ ยู่ในเขตดาวเคราะหช์ ้นั นอกจัดเป็นดาวเคราะห์ประเภทใด
(แนวตอบ : ดาวเคราะห์แกส๊ )
• ดาวเคราะหน์ ้อยอย่บู รเิ วณใดของระบบสุรยิ ะ
(แนวตอบ : ระหว่างวงโคจรของดาวองั คารกบั ดาวพฤหสั บดี และบริเวณวงโคจรของ
ดาวพฤหัสบดี)
• ดาวเคราะห์นอ้ ยเกิดมาจากส่งิ ใด
(แนวตอบ : เกิดจากเศษซากทีห่ ลงเหลอื จากการกำเนดิ ดาวเคราะห์)
• ดาวหางมาจากบริเวณใดของระบบสรุ ิยะ
(แนวตอบ : แถบคอยเปอร์ และเมฆออร์ต)
• หางของดาวหางเกิดขึ้นได้อยา่ งไร
(แนวตอบ : พลังงานจากดวงอาทิตย์และลมสรุ ิยะทำให้ใจกลางของดาวหางระเหดิ เป็นแก๊ส
และฝุน่ ซ่ึงมลี กั ษณะเป็นแถบพงุ่ ออกไปในทศิ ทางตรงกันข้ามกับดวงอาทติ ย์)

11. นักเรียนตอบคำถามท้าทายการคิดข้นั สงู จากหนังสอื เรยี นรายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์
และเทคโนโลยี วทิ ยาศาสตร์โลกและอวกาศ ม.6 ลงในสมดุ ประจำตัวนักเรยี น

ขนั้ ท่ี 4 ขยายความเขา้ ใจ (Elaborate)
12. นกั เรยี นแต่ละคนศกึ ษาค้นคว้าขอ้ มูลเพ่มิ เตมิ เกีย่ วกบั ดาวเคราะห์ทมี่ ีสง่ิ มีชวี ิตอาศยั อยู่
จากหนังสือเรยี นรายวชิ าพน้ื ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ ม.6
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 เอกภพ
13. ครูตัง้ ประเดน็ คำถามกระตุ้นความคดิ นักเรยี น โดยใหน้ ักเรยี นแต่ละคนรว่ มกันอภิปรายแสดง
ความคิดเหน็ เพือ่ หาคำตอบ ดงั น้ี
• เพราะเหตใุ ดโลกจงึ เปน็ ดาวเคราะหด์ าวเดียวในระบบสุรยิ ะท่มี ีส่ิงมชี ีวิตอาศัยอยู่
(แนวตอบ : เพราะโลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ในระยะทางท่เี หมาะสม อยใู่ นเขตทเ่ี อื้อตอ่ การ
มีสิ่งมีชวี ติ มีอุณหภมู ิเหมาะสมและสามารถเกดิ น้ำท่ยี งั คงสถานะเป็นของเหลวได้)
• นอกจากโลกแล้วมีดาวเคราะหด์ วงอื่นอกี หรอื ไมท่ ีอ่ าจมีส่งิ มีชีวติ อาศยั อยู่
(แนวตอบ : ปัจจบุ นั มกี ารคน้ พบดาวเคราะห์ทอี่ ย่นู อกระบบสุริยะจำนวนมาก และมดี าว
เคราะห์บางดวงทอ่ี ยู่ในเขตที่เอ้ือต่อการมีส่ิงมีชีวิตคล้ายโลก เช่น ดาวรอส 128 บี (ross 128 b)
ดาวพร็อกซมิ า บี (Proxima b))
14. ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนซกั ถามเน้อื หาเกีย่ วกับระบบสรุ ิยะ และให้ความรเู้ พม่ิ เติมจากคำถาม
ของนักเรยี น โดยครูใช้ PowerPoint เรื่อง ระบบสุรยิ ะ ในการอธิบายเพิม่ เติม
15. นักเรยี นแต่ละคนทำแบบฝกึ หัด เร่อื ง ระบบสุรยิ ะ จากแบบฝกึ หัดรายวชิ าพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์
และเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ ม.6 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 1 เอกภพ

ขั้นสรปุ

ขั้นที่ 5 ตรวจสอบผล (Evaluate)
1. ครูประเมนิ ผล โดยการสงั เกตพฤตกิ รรมการตอบคำถาม พฤตกิ รรมการทำงานรายบุคคล
พฤติกรรมการทำงานกลมุ่ และจากการนำเสนอผลการปฏิบัตกิ ิจกรรมหนา้ ช้นั เรียน
2. ครตู รวจสอบผลการปฏิบัตกิ ิจกรรม กำเนิดระบบสุรยิ ะ
3. ครูตรวจแบบฝึกหัด เร่อื ง ระบบสุริยะ จากแบบฝึกหดั รายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
วทิ ยาศาสตร์โลกและอวกาศ ม.6 หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 1 เอกภพ
4. นักเรยี นและครูร่วมกันสรปุ เกี่ยวกบั ระบบสุริยะ ซง่ึ ควรได้ข้อสรปุ ร่วมกันวา่ “ระบบสุริยะเกดิ จาก
การยบุ ตัวของแก๊สและฝุ่นในเนบวิ ลาสรุ ิยะดว้ ยแรงโน้มถ่วง โดยมวลรอ้ ยละ 99.8 ของเนบวิ ลา
สรุ ยิ ะกลายเปน็ ดวงอาทติ ย์ มวลท่เี หลอื กลายเป็นบริวารของดวงอาทิตย์ ซึ่งแบง่ เป็น 4 เขต ไดแ้ ก่
เขตดาวเคราะห์ช้ันใน เขตดาวเคราะห์นอ้ ย เขตดาวเคราะห์ชัน้ นอก และเขตดาวหาง”

7. การวัดและประเมนิ ผล

รายการวัด วธิ กี าร เครือ่ งมือ เกณฑ์การประเมนิ

7.1 ประเมนิ ระหว่าง - สมุดประจำตัว หรอื - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
แบบฝึกหัด
การจัดกิจกรรม - แบบประเมนิ การปฏิบัติ - ระดับคณุ ภาพ 2
กิจกรรม ผ่านเกณฑ์
การเรียนรู้
- แบบประเมินการ - ระดบั คณุ ภาพ 2
1) ระบบสรุ ยิ ะ - ตรวจสมุดประจำตวั นำเสนอผลงาน ผา่ นเกณฑ์

หรือแบบฝกึ หัด - แบบสงั เกตพฤติกรรม - ระดบั คณุ ภาพ 2
การทำงานรายบุคคล ผา่ นเกณฑ์
2) ผลบนั ทกึ การ - ประเมนิ การปฏบิ ัติ - แบบสังเกตพฤตกิ รรม
การทำงานกลมุ่ - ระดับคณุ ภาพ 2
ปฏบิ ัติกิจกรรม กจิ กรรม - แบบประเมิน ผา่ นเกณฑ์
คณุ ลักษณะ - ระดับคณุ ภาพ 2
กำเนดิ ระบบสุรยิ ะ อันพงึ ประสงค์ ผา่ นเกณฑ์

3) การนำเสนอ - ประเมนิ การนำเสนอ

ผลงาน/ผลการ ผลงาน/ผลการปฏิบตั ิ

ปฏิบัติกิจกรรม กิจกรรม

4) พฤตกิ รรมการ - สังเกตพฤตกิ รรม

ทำงานรายบคุ คล การทำงานรายบุคคล

5) พฤตกิ รรมการ - สังเกตพฤตกิ รรม

ทำงานกลุม่ การทำงานกลุ่ม

6) คุณลักษณะ - สงั เกตความมวี ินัย

อนั พงึ ประสงค์ รบั ผิดชอบ ใฝ่เรียนรู้

และม่งุ มั่นในการ

ทำงาน

8. สอ่ื /แหล่งการเรยี นรู้

8.1 สอื่ การเรียนรู้
1) หนังสอื เรียนรายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ ม.6
หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 1 เอกภพ
2) แบบฝึกหดั รายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี วทิ ยาศาสตรโ์ ลกและอวกาศ ม.6
หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 1 เอกภพ
3) วสั ดุอุปกรณ์ท่ีใช้ในการปฏิบัติกจิ กรรมกำเนิดระบบสุรยิ ะ
4) PowerPoint เร่ือง ระบบสุรยิ ะ
5) วีดิทศั น์สารคดีสน้ั Twig เร่ือง การกำเนดิ ระบบสรุ ยิ ะ
จาก https://www.twig-aksorn.com/film/the-birth-of-our-solar-system-7799/
6) สมดุ ประจำตัวนกั เรยี น

8.2 แหล่งการเรียนรู้
1) ห้องเรยี น
2) หอ้ งสมดุ
3) อินเทอร์เน็ต

9. ความเหน็ ของผ้บู ริหารสถานศกึ ษาหรือผทู้ ีไ่ ดร้ บั มอบหมาย

ข้อเสนอแนะ “……..
“…………………………………………
ลงชอ่ื
( .................................
................................ )
ตำแหนง่
.......

10. บันทกึ ผลหลังการสอน

 ดา้ นความรู้

 ด้านสมรรถนะสำคัญของผ้เู รยี น

 ด้านคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์

 ดา้ นความสามารถทางวทิ ยาศาสตร์

 ด้านอนื่ ๆ (พฤตกิ รรมเดน่ หรอื พฤตกิ รรมทีม่ ปี ัญหาของนกั เรียนเปน็ รายบุคคล (ถ้ามี))

 ปัญหา/อปุ สรรค

 แนวทางการแกไ้ ข

แผนการจัดการเรียนรู้ ที่ 7

กลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์โลกและอวกาศ (ว33101)

ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี 6/1-4 ภาคเรียนท่ี 1/2564

หน่วยการเรียนรูท้ ี่ 1 เรอื่ ง เอกภพ เวลา 22 ชว่ั โมง

เรอ่ื ง โครงสร้างและปรากฏการณบ์ นดวงอาทติ ย์ เวลา 3 ชัว่ โมง

ผสู้ อน นางสาวรุจิราวรรณ จันสว่าง โรงเรียนบา้ นแพงพิทยาคม

วันท.ี่ ......................เดือน..........................................ป.ี ...............................

1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชว้ี ดั

ว 3.1 ม.6/9 อธิบายโครงสร้างของดวงอาทิตย์ การเกิดลมสุริยะ พายุสุริยะ และสืบค้นข้อมูล
วเิ คราะห์นำเสนอปรากฏการณ์หรือเหตกุ ารณ์ทีเ่ กี่ยวข้องกับผลของลมสุริยะ และพายุสรุ ิยะที่มีต่อโลกรวมทั้ง
ประเทศไทย

2. จุดประสงค์การเรยี นรู้

1. อธิบายโครงสร้างของดวงอาทติ ย์ได้ (K)
2. อธบิ ายการเกดิ ลมสุริยะ และพายสุ ุรยิ ะได้ (K)
3. สืบคน้ ขอ้ มูล วิเคราะห์นำเสนอปรากฏการณห์ รือเหตุการณ์ท่เี ก่ียวข้องกบั ผลของลมสุริยะ

และพายุสุรยิ ะที่มีตอ่ โลกรวมทง้ั ประเทศไทยได้ (P)
4. สนใจใฝร่ ใู้ นการศกึ ษา และสามารถทำงานรว่ มกับผู้อน่ื ไดอ้ ย่างสร้างสรรค์ (A)

3. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรู้ทอ้ งถิน่
พิจารณาตามหลกั สตู รของสถานศึกษา
สาระการเรียนรแู้ กนกลาง
• ดวงอาทิตย์มีโครงสร้างภายในแบ่งเป็นแก่น เขต

การแผ่รังสี และเขตการพาความร้อน และมีช้ัน
บรรยากาศอยู่เหนือเขตพาความร้อน ซึ่งแบ่งเป็น
3 ช้ัน คือ ชั้นโฟโตสเฟียร์ ช้ันโครโมสเฟียร์ และ
คอโรนา ในช้ันบรรยากาศของดวงอาทิตย์ การลุกจ้า
ทท่ี ำใหเ้ กดิ ลมสรุ ยิ ะ และพายุสุรยิ ะ ซ่งึ ส่งผลตอ่ โลก
• ลมสุริยะ เกิดจากการแพร่กระจายของอนุภาคจาก
ช้ันคอโรนาออกสู่อวกาศตลอดเวลา อนุภาคที่หลุด

ออกสู่อวกาศเป็นอนุภาคที่มีประจุ ลมสุริยะส่งผล
ทำให้เกิดหางของดาวหางท่ีเรืองแสง และชี้ไปทาง
ทศิ ตรงกนั ข้ามกับดวงอาทิตย์ และเกิดปรากฏการณ์
แสงเหนือ แสงใต้

• พายุสุริยะ เกิดจากการปลดปล่อยอนุภาคมีประจุ
พลังงานสูงจำนวนมหาศาล มักเกิดบ่อยคร้ังในช่วง
ท่ีมีการลุกจ้า และในช่วงที่มีจุดมืดดวงอาทิตย์
จำนวนมาก และในบางคร้ังมีการพ่นก้อนมวล
คอโรนา พายุสุริยะอาจส่งผลต่อสนามแม่เหล็กโลก
จึงอาจรบกวนระบบการส่งกระแสไฟฟ้าและการ
สอื่ สาร รวมท้ังอาจส่งผลต่อวงจรอเิ ลก็ ทรอนิกส์ของ
ดาวเทียม นอกจากน้ันมักทำให้เกิดปรากฏการณ์
แสงเหนอื แสงใตท้ ี่สงั เกตได้ชดั เจน

4. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด

ดวงอาทิตย์มีแรงโน้มถ่วงทำให้ดาวเคราะห์และบริวารโคจรโดยรอบ โครงสร้างภายในของดวง
อาทิตย์ แบ่งเป็นแก่นของดวงอาทิตย์ เขตการแผ่รังสี และเขตการพาความร้อน มีชั้นบรรยากาศอยู่เหนือ
เขตพาความร้อน แบ่งเป็น 3 ช้ัน คือ ชั้นโฟโตสเฟียร์ ชั้นโครโมสเฟียร์ และคอโรนา ลมสุริยะเกิดจากการ
ปลดปล่อยอนุภาคท่ีมีประจุไฟฟา้ พลงั งานสูงจากชนั้ คอโรนา และพายุสรุ ยิ ะเกิดจากการปลดปล่อยอนภุ าคท่ี
มีประจุไฟฟ้าพลังงานสูงจำนวนมหาศาล มักเกิดบ่อยคร้ังในช่วงที่มีการลุกจ้า และในช่วงท่ีจุดมืดบนดวง
อาทิตยม์ ีจำนวนมาก

5. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียนและคุณลักษณะอนั พึงประสงค์

สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์

1. ความสามารถในการส่ือสาร 1. มวี ินยั รบั ผดิ ชอบ

2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝเ่ รียนรู้

1) ทักษะการสังเกต 3. มุ่งมนั่ ในการทำงาน

2) ทกั ษะการจดั กระทำและสือ่ ความหมายขอ้ มลู

3) ทักษะการตีความหมายข้อมูลและลงข้อสรุป

3. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

6. กิจกรรมการเรยี นรู้

 แนวคิด/รปู แบบการสอน/วธิ ีการสอน/เทคนคิ : สืบเสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

ชว่ั โมงท่ี 1

ขั้นนำ

ขนั้ ที่ 1 กระตุ้นความสนใจ (Engage)
1. ครูเปิดวีดิทศั น์สารคดสี นั้ Twig เร่ือง ดวงอาทติ ย์ จาก https://www.twig-aksorn.com/
film/the-sun-7815/ ให้นักเรียนดู จากนั้นใหน้ ักเรียนแต่ละคนบนั ทึกคำสำคญั ทีไ่ ด้จากการดู
วีดทิ ศั นล์ งในสมุดประจำตัวนกั เรียน
2. ครตู ง้ั ประเดน็ คำถามกระตนุ้ ความคดิ นักเรยี น เพอื่ ทบทวนความรูเ้ ดิม โดยให้นกั เรยี นแต่ละคน
รว่ มกันอภปิ รายแสดงความคิดเหน็ อย่างอิสระโดยไม่มกี ารเฉลยวา่ ถกู หรอื ผดิ ดังนี้
• ดวงอาทิตย์กำเนิดข้ึนได้อยา่ งไร
(แนวตอบ : ดวงอาทิตย์เป็นดาวฤกษ์ดวงหน่ึงซงึ่ เกิดจากการยบุ ตวั ของเนบวิ ลาด้วยแรงโนม้ ถว่ ง)
• ดวงอาทติ ย์มีสอี ะไร
(แนวตอบ : สเี หลือง)
• ดวงอาทิตยม์ ีโครงสร้างอย่างไร
(แนวตอบ : ดวงอาทติ ย์มีโครงสร้างแบ่งเป็น 3 ส่วน ไดแ้ ก่ แก่นของดวงอาทติ ย์ เขตการแผร่ งั สี
และเขตการพาความร้อน)
• ดวงอาทิตย์มีชั้นบรรยากาศหรอื ไม่ อย่างไร
(แนวตอบ : มี 3 ชน้ั ไดแ้ ก่ ช้นั โฟโตสเฟียร์ ช้ันโครโมสเฟยี ร์ และคอโรนา)

ข้นั สอน

ขนั้ ที่ 2 สำรวจคน้ หา (Explore)
1. นักเรยี นจับคู่กบั เพ่ือนในชั้นเรียน ตามความสมัครใจ จากนน้ั นักเรียนแต่ละคู่นำคำสำคัญ
ทต่ี นเองบันทึกได้ มาเปรยี บเทยี บกบั เพอ่ื น แล้วร่วมกนั อภิปรายแสดงความคดิ เห็นคำสำคญั
2. นักเรียนแต่ละค่รู ่วมกันศกึ ษาค้นคว้าข้อมลู เกี่ยวกบั โครงสรา้ งของดวงอาทติ ย์ ชั้นบรรยากาศ
ของดวงอาทติ ย์ ลมสรุ ยิ ะและพายุสรุ ยิ ะ จากหนังสอื เรยี นรายวชิ าพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์และ
เทคโนโลยี วทิ ยาศาสตร์โลกและอวกาศ ม.6 หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 1 เอกภพ หรอื แหลง่ การเรียนรู้
ตา่ ง ๆ เชน่ อินเทอร์เนต็ ห้องสมดุ
3. นกั เรยี นแตล่ ะครู่ ่วมกันอภิปรายเรื่องทีไ่ ด้ศกึ ษา จากน้นั ร่วมกนั สรุปความร้ทู ่ีได้จากการศกึ ษา
คน้ คว้าลงในสมุดประจำตัวนกั เรยี น
(หมายเหตุ : ครเู รม่ิ ประเมนิ นกั เรียน โดยใช้แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานกลุม่ )

ชว่ั โมงที่ 2-3

ข้นั ท่ี 3 อธิบายความรู้ (Explain)
4. ครูสุม่ นกั เรียนออกมานำเสนอผลการศึกษาหนา้ ชนั้ เรียน โดยส่มุ ออกมาเพียง 8 คู่ ซง่ึ ครูเป็นคน
เลอื กวา่ จะให้กลมุ่ ไหนนำเสนอเรือ่ งอะไร ตามหวั ขอ้ เร่ืองดงั ต่อไปน้ี
• แกน่ ของดวงอาทติ ย์ (core)
• เขตการแผ่รังสี (radiation zone)
• เขตการพาความรอ้ น (convection zone)
• ช้ันโฟโตสเฟยี ร์ (photosphere)
• ชั้นโครโมสเฟียร์ (chromosphere)
• คอโรนา (corona)
• ลมสุรยิ ะ (solar wind)
• พายสุ รุ ยิ ะ (solar storm)
(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนกั เรียน โดยใช้แบบประเมินการนำเสนอผลงาน)
5. ในขณะท่นี กั เรียนนำเสนอ ครอู าจเสนอแนะหรือแทรกข้อมลู เพ่ิมเติมในเร่อื งน้นั ๆ เพื่อใหน้ ักเรียน
มีความเขา้ ใจท่ถี กู ตอ้ ง
6. ครูต้งั ประเดน็ คำถามกระตุ้นความคิดนักเรียน โดยให้นักเรียนแต่ละคนรว่ มกนั อภิปรายแสดงความ
คดิ เหน็ เพอ่ื หาคำตอบ ดังน้ี
• พลังงานของดวงอาทติ ยเ์ กดิ จากปฏิกิรยิ าใด และเกดิ บริเวณใด
(แนวตอบ : ปฏิกิริยาเทอรม์ อนวิ เคลียรฟ์ ิวชันบรเิ วณแก่นของดวงอาทิตย์)
• แกน่ ของดวงอาทติ ยม์ ีอุณหภมู ปิ ระมาณเทา่ ใด
(แนวตอบ : 15 ลา้ นเคลวนิ )
• แสงจากดวงอาทติ ย์ทส่ี อ่ งมายงั โลก ส่วนใหญ่มาจากบรรยากาศชัน้ ใดของดวงอาทิตย์
(แนวตอบ : ชนั้ โฟโตสเฟยี ร์)
• ปรากฏการณ์ใดที่พบบริเวณบรรยากาศชั้นโฟโตสเฟยี ร์
(แนวตอบ : จุดมดื บนดวงอาทติ ย์ การลุกจา้ เปลวสุรยิ ะ)
7. ครเู ตรียมบตั รภาพปรากฏการณ์แสงเหนือแสงใต้ มาให้นกั เรยี นดู จากน้นั ครตู ง้ั ประเดน็ คำถาม
กระต้นุ ความสนใจนกั เรียน ดงั น้ี
• ปรากฏการณ์แสงเหนอื แสงใตเ้ กิดจากอะไร
(แนวตอบ : เกิดจากการชนกนั ระหว่างแกส๊ ในชน้ั บรรยากาศโลกกบั อนุภาคไฟฟ้าท่ีถูกปลดปล่อย
ออกมาจากพลังงานแสงอาทิตย์ ทำใหเ้ กิดการระเบิดเปน็ ลำแสงสีตา่ ง ๆ)
• ปรากฏการณแ์ สงเหนือแสงใตเ้ กิดข้ึนบรเิ วณใด
(แนวตอบ : แถบขว้ั โลกเหนือ และขวั้ โลกใต้)

ขน้ั ท่ี 4 ขยายความเข้าใจ (Elaborate)
8. ครเู ปิดโอกาสให้นักเรียนซักถามเนอื้ หาเกย่ี วกับโครงสร้างและปรากฏการณ์บนดวงอาทิตย์
และใหค้ วามรเู้ พ่ิมเตมิ จากคำถามของนกั เรยี น โดยครใู ช้ PowerPoint เรอ่ื ง โครงสรา้ งและ
ปรากฏการณบ์ นดวงอาทติ ย์ ในการอธิบายเพมิ่ เติม
9. นักเรยี นแตล่ ะคนทำใบงานที่ 1.4 เร่อื ง ผลกระทบของดวงอาทติ ยต์ ่อโลก จากนัน้ ครูสมุ่
นกั เรียน 3 คน ออกมาเฉลยใบงานท่ี 1.4 เรือ่ ง ผลกระทบของดวงอาทติ ย์ต่อโลก หนา้ ชั้นเรยี น
โดยใหเ้ พื่อนในช้นั เรยี นร่วมกันพจิ ารณาว่าคำตอบถูกต้องหรือไม่ จากนัน้ ครเู ฉลยคำตอบที่ถกู ต้อง
ให้นักเรยี น
10. นักเรยี นทำ Topic Questions เร่ือง ระบบสุริยะ จากหนังสอื เรยี นรายวชิ าพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์
และเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ ม.6 หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 1 เอกภพ ลงในสมุดประจำตวั
นักเรยี น
11. นกั เรียนแตล่ ะคนทำแบบฝกึ หัด เร่ือง โครงสร้างและปรากฏการณบ์ นดวงอาทิตย์ จากแบบฝกึ หัด
รายวชิ าพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ ม.6 หน่วยการ
เรยี นรู้ที่ 1 เอกภพ

ข้นั สรุป

ข้นั ที่ 5 ตรวจสอบผล (Evaluate)
1. ครูประเมนิ ผล โดยการสงั เกตพฤติกรรมการตอบคำถาม พฤตกิ รรมการทำงานรายบคุ คล
พฤติกรรมการทำงานกลมุ่ และจากการนำเสนอผลการปฏิบัตกิ จิ กรรมหนา้ ชัน้ เรยี น
2. ครูตรวจสอบผลการทำใบงานที่ 1.4 เร่ือง ผลกระทบของดวงอาทิตย์ตอ่ โลก
3. ครูตรวจ Topic Questions เรอื่ ง ระบบสรุ ยิ ะ ในสมุดประจำตวั นักเรยี น
4. ครูตรวจแบบฝกึ หดั เรอื่ ง โครงสรา้ งและปรากฏการณบ์ นดวงอาทติ ย์ จากแบบฝกึ หัดรายวิชา
พื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี วิทยาศาสตรโ์ ลกและอวกาศ ม.6 หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 1 เอกภพ

5. นักเรียนและครรู ว่ มกนั สรปุ เก่ียวกับโครงสรา้ งและปรากฏการณ์บนดวงอาทติ ย์ ซ่ึงควรไดข้ ้อสรปุ
ร่วมกนั ว่า “ดวงอาทติ ยม์ ีแรงโนม้ ถ่วงทำใหด้ าวเคราะห์และบรวิ ารโคจรโดยรอบ อกี ท้ังยงั เปน็
แหล่งพลังงานใหแ้ กด่ าวเคราะห์ต่าง ๆ ดว้ ย ดวงอาทิตย์มขี นาดเสน้ ผา่ นศนู ย์กลางประมาณ
109 เท่าของโลก มีมวลประมาณ 333,000 เทา่ ของโลก โครงสร้างของดวงอาทติ ย์ แบ่งออกเปน็
2 ส่วนใหญ่ ได้แก่ โครงสร้างภายในดวงอาทิตย์ และช้ันบรรยากาศของดวงอาทติ ย์ นอกจากดวง
อาทติ ย์จะเปน็ แหล่งพลงั งานสำคญั ของโลกแลว้ การแผร่ ังสขี องดวงอาทิตย์ยังใหอ้ นุภาคโปรตอน
และอเิ ลก็ ตรอนออกมาด้วย ซงึ่ ทำให้เกิดลมสรุ ิยะและพายสุ รุ ยิ ะ”

7. การวัดและประเมินผล

รายการวดั วธิ กี าร เคร่อื งมอื เกณฑ์การประเมิน

7.1 ประเมนิ ระหว่าง - ใบงานท่ี 1.4 - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
- สมดุ ประจำตวั หรือ - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
การจัดกจิ กรรม แบบฝึกหดั
- แบบประเมินการ - ระดบั คณุ ภาพ 2
การเรยี นรู้ นำเสนอผลงาน ผ่านเกณฑ์

1) โครงสร้างและ - ตรวจใบงานท่ี 1.4 - แบบสงั เกตพฤติกรรม - ระดบั คณุ ภาพ 2
การทำงานรายบคุ คล ผ่านเกณฑ์
ปรากฏการณ์บน - ตรวจสมุดประจำตัว - แบบสงั เกตพฤติกรรม
การทำงานกลุ่ม - ระดบั คณุ ภาพ 2
ดวงอาทิตย์ หรอื แบบฝกึ หัด - แบบประเมนิ ผ่านเกณฑ์
คุณลักษณะ - ระดับคณุ ภาพ 2
2) การนำเสนอ - ประเมินการนำเสนอ อนั พงึ ประสงค์ ผา่ นเกณฑ์

ผลงาน/ผลการ ผลงาน/ผลการปฏบิ ัติ

ปฏบิ ัติกจิ กรรม กิจกรรม

3) พฤตกิ รรมการ - สงั เกตพฤติกรรม

ทำงานรายบคุ คล การทำงานรายบคุ คล

4) พฤติกรรมการ - สังเกตพฤตกิ รรม

ทำงานกลุ่ม การทำงานกลมุ่

5) คุณลกั ษณะ - สังเกตความมวี นิ ยั

อันพึงประสงค์ รับผิดชอบ ใฝ่เรยี นรู้

และมุ่งมั่นในการ

ทำงาน

8. สื่อ/แหลง่ การเรยี นรู้

8.1 สอ่ื การเรียนรู้
1) หนังสือเรยี นรายวชิ าพื้นฐานวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ ม.6
หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 1 เอกภพ
2) แบบฝกึ หดั รายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี วิทยาศาสตรโ์ ลกและอวกาศ ม.6
หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 1 เอกภพ
3) ใบงานท่ี 1.4 เรือ่ ง ผลกระทบของดวงอาทติ ยต์ ่อโลก
4) PowerPoint เร่อื ง โครงสร้างและปรากฏการณ์บนดวงอาทิตย์
5) บัตรภาพ
6) วีดทิ ัศนส์ ารคดีสัน้ Twig เรอ่ื ง ดวงอาทิตย์
จาก https://www.twig-aksorn.com/film/the-sun-7815/
7) สมุดประจำตัวนกั เรียน

8.2 แหล่งการเรียนรู้
1) ห้องเรยี น
2) หอ้ งสมดุ
3) อินเทอร์เน็ต

ใบงานท่ี 1.4

เรอ่ื ง ผลกระทบของดวงอาทติ ยต์ ่อโลก

คำช้ีแจง : ให้นกั เรียนสบื คน้ ข้อมลู เกี่ยวกบั ผลกระทบของดวงอาทิตย์ต่อโลก ทั้งผลที่เกดิ ขนึ้ ทนั ทแี ละผลท่เี กดิ
ขึ้นภายหลัง แล้วสรปุ ความรูล้ งในกรอบด้านล่าง

ผลกระทบของดวงอาทติ ย์ต่อโลก

ผลกระทบทีเ่ กดิ ขน้ึ ทนั ที

ผลกระทบทีเ่ กดิ ขน้ึ ภายหลัง

ใบงานท่ี 1.4 เฉลย

เรื่อง ผลกระทบของดวงอาทติ ย์ต่อโลก

คำชแ้ี จง : ใหน้ กั เรียนสบื คน้ ข้อมูลเกยี่ วกับผลกระทบของดวงอาทติ ยต์ อ่ โลก ทั้งผลที่เกิดขึน้ ทันทีและผลที่เกิด
ขึน้ ภายหลัง แล้วสรปุ ความรลู้ งในกรอบดา้ นลา่ ง

ผลกระทบของดวงอาทิตย์ต่อโลก

ผลกระทบทเ่ี กดิ ขนึ้ ทันที
ดวงอาทิตย์เป็นแหล่งพลังงานของโลก โดยเป็นพลังงานในรูปคลื่น

แม่เหล็กไฟฟ้าในช่วงความยาวคล่ืนต่าง ๆ ได้แก่ รังสีแกมมา รังสีเอ็กซ์ รังสี
อัลตราไวโอเลต แสง รังสีอินฟราเรด และคล่ืนวิทยุ ซึ่งพลังงานเหล่านี้มีท้ัง
ประโยชน์และโทษ เช่น แสงมีความสำคัญต่อกระบวนการสังเคราะห์ด้วย
แสง รังสอี ลั ตราไวโอเลตอาจก่อใหเ้ กดิ มะเรง็ ผิวหนัง เป็นต้น

ผลทกี่ ระทบทเ่ี กิดข้ึนภายหลงั
ดวงอาทิตย์ปลดปล่อยอนภุ าคท่ีมีประจุไฟฟ้า เช่น อนุภาคโปรตอน

และอิเล็กตรอนในรูปของลมสุริยะและพายุสุริยะ ซ่ึงจะเดินทางมาถึงโลก
โดยใช้เวลาประมาณ 20-40 ช่ัวโมง ซึ่งรบกวนสนามแม่เหล็กโลก รบกวน
การสอ่ื สารด้วยวิทยุคลื่นสั้น อาจทำใหเ้ กดิ ไฟฟ้าดับ อุณหภูมขิ องบรรยากาศ
สูงขึ้น ส่งผลต่อตำแหน่งดาวเทียมและการทำงานของระบบอิเล็กทรอนิกส์
ทำให้เกดิ ปรากฏการณ์แสงเหนอื แสงใต้

บตั รภาพ 

ภาพปรากฏการณ์แสงเหนือแสงใต้

9. ความเหน็ ของผ้บู ริหารสถานศกึ ษาหรือผทู้ ีไ่ ดร้ บั มอบหมาย

ข้อเสนอแนะ “……..
“…………………………………………
ลงชอ่ื
( .................................
................................ )
ตำแหนง่
.......

10. บันทกึ ผลหลังการสอน

 ดา้ นความรู้

 ด้านสมรรถนะสำคัญของผ้เู รยี น

 ด้านคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์

 ดา้ นความสามารถทางวทิ ยาศาสตร์

 ด้านอนื่ ๆ (พฤตกิ รรมเดน่ หรอื พฤตกิ รรมทีม่ ปี ัญหาของนกั เรียนเปน็ รายบุคคล (ถ้ามี))

 ปัญหา/อปุ สรรค

 แนวทางการแกไ้ ข

แผนการจดั การเรยี นรู้ ที่ 8

กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์โลกและอวกาศ (ว33101)

ชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 6/1-4 ภาคเรยี นท่ี 1/2564

หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 1 เร่อื ง เอกภพ เวลา 22 ชว่ั โมง

เรื่อง เทคโนโลยีอวกาศ เวลา 4 ชวั่ โมง

ผ้สู อน นางสาวรุจริ าวรรณ จันสว่าง โรงเรยี นบ้านแพงพิทยาคม

วนั ที.่ ......................เดือน..........................................ป.ี ...............................

1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชว้ี ัด

ว 3.1 ม.6/10 สืบค้นข้อมูล อธิบายการสำรวจอวกาศ โดยใช้กล้องโทรทรรศน์ในช่วงความยาวคล่ืน
ตา่ ง ๆ ดาวเทียม ยานอวกาศ สถานีอวกาศ และนำเสนอแนวคิดการนำความรู้ ทางด้านเทคโนโลยีอวกาศมา
ประยกุ ต์ใช้ ในชวี ิตประจำวันหรือในอนาคต

2. จุดประสงค์การเรียนรู้

1. อธิบายการสำรวจอวกาศ โดยใชก้ ล้องโทรทรรศนใ์ นช่วงความยาวคลืน่ ตา่ ง ๆ ดาวเทียม
ยานอวกาศ สถานีอวกาศได้ (K)

2. ปฏิบตั กิ จิ กรรมกลอ้ งโทรทรรศน์ได้อยา่ งถกู ตอ้ งและเปน็ ลำดบั ข้ันตอน (P)
3. นำความรทู้ างด้านเทคโนโลยีอวกาศมาประยุกตใ์ ช้ ในชวี ิตประจำวนั หรอื ในอนาคตได้ (A)

3. สาระการเรียนรู้ สาระการเรยี นรู้ทอ้ งถ่ิน
พิจารณาตามหลกั สูตรของสถานศกึ ษา
สาระการเรียนรู้แกนกลาง

• มนุษย์ใช้เทคโนโลยีอวกาศในการศึกษา เพื่อขยาย
ขอบเขตความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ และในขณะเดียวกัน
มนุษย์ได้นำเทคโนโลยีอวกาศมาใช้ประโยชน์ในด้าน
ต่าง ๆ เช่น วสั ดุศาสตร์ อาหาร การแพทย์

• นักวิทยาศาสตร์ได้สร้างกล้องโทรทรรศน์ เพื่อศึกษา
แหล่งกำเนิดของรังสีหรืออนุภาคในอวกาศ ในช่วงความ
ยาวคลื่นต่าง ๆ ได้แก่ คล่ืนวิทยุ ไมโครเวฟ อินฟราเรด
แสง อลั ตราไวโอเลต และรังสเี อ็กซ์

• ยานอวกาศ คอื ยานพาหนะท่ีนำมนุษยห์ รอื อุปกรณ์ทาง

ดาราศาสตร์ข้ึนไปส่อู วกาศ เพอ่ื สำรวจหรือเดินทางไปยัง
ดาวดวงอ่ืน ส่วนสถานีอวกาศ คือ ปฏิบัติการลอยฟ้า
ที่โคจรรอบโลกใช้ในการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ใน
สาขาตา่ ง ๆ ในสภาพไรน้ ้ำหนัก

• ดาวเทียม คือ อุปกรณ์ท่ีใช้ในการสำรวจวัตถุท้องฟ้า
และนำมาประยุกต์ใช้ในด้านต่าง ๆ เช่น การส่ือสาร
โทรคมนาคม การระบุตำแหน่งบนโลก การสำรวจ
ทรัพยากรธรรมชาติ อตุ ุนยิ มวทิ ยา โดยดาวเทียมมีหลาย
ประเภทสามารถแบ่งได้ตามเกณฑ์วงโคจรและการ
ใชง้ าน

4. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด

มนุษย์ใช้เทคโนโลยีอวกาศในการศึกษา เพ่ือขยายขอบเขตความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ และใน
ขณะเดยี วกันมนษุ ย์ได้นำเทคโนโลยีอวกาศมาใช้ประโยชน์ในด้านต่าง ๆ เช่น ด้านวัสดุศาสตร์ ด้านอาหาร
ด้านการแพทย์ มนุษย์ได้สร้างกล้องโทรทรรศน์ท่ีใช้ศึกษาวัตถุท้องฟ้าในช่วงความยาวคลื่นต่าง ๆ และยัง
ต้องใช้เทคโนโลยีอวกาศหลายอย่างร่วมด้วย เช่น ดาวเทียม สถานีอวกาศ ยานอวกาศ และระบบขนส่ง
อวกาศ

5. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียนและคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์

สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น คุณลักษณะอันพึงประสงค์

1. ความสามารถในการสือ่ สาร 1. มีวินยั รับผิดชอบ

2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝ่เรียนรู้

1) ทักษะการสังเกต 3. มุ่งมั่นในการทำงาน

2) ทักษะการนำความรูไ้ ปใช้

3) ทกั ษะการจดั กระทำและสือ่ ความหมายข้อมลู

4) ทักษะการตคี วามหมายขอ้ มลู และลงขอ้ สรุป

3. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

6. กิจกรรมการเรยี นรู้

 แนวคดิ /รปู แบบการสอน/วิธีการสอน/เทคนิค : แบบเน้นมโนทัศน์ (Concept Based Teaching)

ชัว่ โมงที่ 1

ขั้นนำ

ขั้นการใช้ความรูเ้ ดิมเชอื่ มโยงความร้ใู หม่ (Prior Knowledge)
1. ครูสนทนากบั นกั เรยี นเกี่ยวกับเทคโนโลยอี วกาศ จากนนั้ ครูตั้งประเดน็ คำถามกระต้นุ ความสนใจ
นักเรียน โดยใหน้ ักเรียนแตล่ ะคนรว่ มกันอภิปรายแสดงความคิดเห็นโดยไมม่ ีการเฉลยว่าถกู หรือ
ผดิ ว่า “เทคโนโลยอี วกาศทีน่ ักเรยี นรูจ้ กั มีอะไรบา้ ง”
(แนวตอบ : คำตอบขนึ้ อยูก่ บั ดลุ ยพินจิ ของผสู้ อน เชน่ ดาวเทียม จรวด ยานอวกาศ
กล้องโทรทรรศน์)
2. ครูมอบหมายให้นักเรียนแตล่ ะคนปฏบิ ัตกิ ิจกรรมมาล่วงหนา้ โดยสังเกตดาวบนทอ้ งฟ้า
ซง่ึ มขี ้นั ตอน ดงั นี้
• นำกระดาษ A4 จำนวน 1 แผ่น เจาะช่องให้เปน็ รปู ส่ีเหล่ียมจัตรุ ัส ซงึ่ มขี นาด 10 x 10 เซนติเมตร
• สงั เกตดาวบนทอ้ งฟา้ โดยมองผา่ นช่องของกระดาษท่ีเจาะ (ให้นกั เรียนสังเกตดาวในช่วงเวลา
หลังจากพระอาทิตยต์ กไปแล้วประมาณ 3 ชั่วโมง) แลว้ นบั จำนวนดาวท่มี องเห็น สังเกตจำนวน
3 ครัง้ แลว้ นำมาหาค่าเฉลย่ี
• ประมาณจำนวนดาวทง้ั หมดบนท้องฟ้า แลว้ นำขอ้ มลู ของตนเองมาเปรียบเทียบกับเพื่อนใน
ชน้ั เรียน
3. นกั เรยี นและครูรว่ มกนั อภปิ รายผลการปฏบิ ัติกิจกรรมทคี่ รมู อบหมายลว่ งหน้า จากนัน้ ครู
ตง้ั ประเด็นคำถาม โดยให้นกั เรียนรว่ มกันอภิปรายแสดงความคิดเหน็ เพอื่ หาคำตอบวา่
“เราสามารถมองเห็นดาวบนทอ้ งฟ้าท้งั หมดด้วยตาเปล่าหรอื ไม่ เพราะเหตุใด”
(แนวตอบ : ไม่ เนอื่ งจากสายตามนุษย์ไมส่ ามารถมองเห็นวตั ถุท่ีอยรู่ ะยะไกลมาก ๆ ได้)

ขั้นสอน

ข้ันรู้ (Knowledge)
1. ครถู ามคำถาม Key Question จากหนงั สอื เรียนรายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
วิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ ม.6 หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 1 เอกภพ เพอื่ ทบทวนความรเู้ ดมิ ของ
นกั เรยี นวา่ “เทคโนโลยีอวกาศเก่ียวข้องกับชีวติ ประจำวนั ของมนุษยอ์ ยา่ งไร”
(แนวตอบ : ใชใ้ นดา้ นการส่ือสาร ด้านการพยากรณอ์ ากาศ ดา้ นการพัฒนาเศรษฐกิจ เป็นตน้ )
2. ครูเปิดวีดิทศั นส์ ารคดีส้นั Twig เร่ือง กล้องโทรทรรศน์ จาก https://www.twig-aksorn.

com/film/telescopes-7780/ ใหน้ ักเรียนดู จากนั้นใหน้ ักเรยี นแตล่ ะคนบันทกึ สาระสำคัญท่ีได้
จากการดวู ดี ทิ ัศนล์ งในสมุดประจำตัวนักเรียน
3. นักเรยี นจับคกู่ บั เพ่อื นในชัน้ เรยี น ตามความสมัครใจ จากน้นั ใหน้ กั เรยี นแตล่ ะคู่นำสาระสำคญั
ทต่ี นเองจดบนั ทกึ ได้มาเปรยี บเทยี บกับเพือ่ น แล้วร่วมกนั อภปิ รายแสดงความคิดเห็นสาระสำคญั
4. นักเรียนแบ่งกลุ่มออกเปน็ 11 กลมุ่ กลุ่มละเทา่ ๆ กนั ตามความสมัครใจ จากนัน้ ให้นกั เรยี นแตล่ ะ
กลมุ่ สง่ ตัวแทนออกมาจบั สลากเรือ่ งที่ศกึ ษา โดยครเู ตรยี มสลากหมายเลขไวห้ นา้ ชน้ั เรียน
ซงึ่ หมายเลขจะระบเุ รื่องท่ใี หน้ กั เรียนศึกษา ดังนี้
• หมายเลข 1 ศกึ ษา เรือ่ ง กลอ้ งโทรทรรศนช์ ว่ งคล่นื แสงที่ตามองเหน็
• หมายเลข 2 ศึกษา เรอ่ื ง กลอ้ งโทรทรรศน์ชว่ งคลื่นวทิ ยุ
• หมายเลข 3 ศกึ ษา เรื่อง กล้องโทรทรรศน์ช่วงคลื่นไมโครเวฟ
• หมายเลข 4 ศึกษา เรื่อง กล้องโทรทรรศนช์ ว่ งคลื่นอินฟราเรด
• หมายเลข 5 ศึกษา เรือ่ ง กล้องโทรทรรศน์ชว่ งคลน่ื อัลตราไวโอเลต
• หมายเลข 6 ศกึ ษา เรอื่ ง กล้องโทรทรรศน์ช่วงคล่ืนรังสีเอกซ์
• หมายเลข 7 ศึกษา เรื่อง กล้องโทรทรรศนช์ ่วงคลืน่ รังสีแกมมา
• หมายเลข 8 ศึกษา เรื่อง ดาวเทยี ม
• หมายเลข 9 ศึกษา เรอ่ื ง ยานอวกาศ
• หมายเลข 10 ศกึ ษา เรื่อง สถานอี วกาศ
• หมายเลข 11 ศึกษา เรือ่ ง จรวด
5. นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มรว่ มกนั ศึกษาคน้ คว้าขอ้ มูลท่กี ลุม่ ตนเองจบั สลากได้ จากหนงั สือเรียนรายวชิ า
พ้ืนฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี วทิ ยาศาสตร์โลกและอวกาศ ม.6 หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 1
เอกภพ หรอื แหลง่ การเรียนร้ตู า่ ง ๆ เช่น อินเทอรเ์ น็ต จากนน้ั ร่วมกันสรปุ ความรทู้ ไ่ี ด้จาก
การศกึ ษาค้นคว้าลงในสมุดประจำตัวนกั เรยี น
(หมายเหตุ : ครูเรมิ่ ประเมนิ นกั เรยี น โดยใช้แบบสงั เกตพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม)

ชัว่ โมงท่ี 2

ขั้นเขา้ ใจ (Understanding)
6. นกั เรยี นแต่ละกลุม่ ออกมานำเสนอผลการศกึ ษาหนา้ ชน้ั เรียน ในระหว่างท่นี ักเรียนนำเสนอ
ครูคอยให้ข้อเสนอแนะเพ่มิ เติม เพื่อใหน้ กั เรียนมคี วามเข้าใจท่ีถกู ตอ้ ง
(หมายเหตุ : ครเู ร่มิ ประเมินนกั เรียน โดยใช้แบบประเมนิ การนำเสนอผลงาน)
7. ครตู ้งั ประเดน็ คำถามกระตนุ้ ความคดิ นักเรยี น โดยใหน้ ักเรียนแตล่ ะกล่มุ รว่ มกันอภปิ รายแสดง
ความคิดเหน็ เพือ่ หาคำตอบ ครอู าจเตรียมของรางวัล เชน่ ลูกอม อุปกรณเ์ คร่อื งเขียน เปน็ ตน้
เพ่ือใหน้ กั เรยี นเกิดความสนุกสนานในการตอบคำถาม ดงั น้ี
• เพราะเหตใุ ดจงึ มีการศึกษาวตั ถตุ ่าง ๆ ในอวกาศดว้ ยกล้องโทรทรรศน์ตา่ งชนดิ กนั

(แนวตอบ : เพราะวตั ถตุ า่ ง ๆ ในอวกาศแผ่รังสีในช่วงความยาวคล่ืนต่างกนั จงึ จำเป็นตอ้ งใช้
กล้องโทรทรรศนต์ ่างชนดิ กัน)
• หากต้องการสำรวจวตั ถทุ ้องฟา้ ในช่วงคลน่ื รังสีแกมมา หรือรงั สีเอกซ์ ควรเลือกบรเิ วณใดในการ
ติดตัง้ เครือ่ งมอื
(แนวตอบ : บรเิ วณช้นั บรรยากาศนอกโลก)
• เพราะเหตุใดจึงต้องส่งกลอ้ งโทรทรรศน์สว่ นมากไปสู่อวกาศ
(แนวตอบ : วัตถทุ อ้ งฟ้าหลายชนิดแผ่รงั สแี กมมา รงั สีเอกซ์ หรือรังสอี ัลตราไวโอเลต ซึง่ ไม่
สามารถตรวจพบไดบ้ นพนื้ โลก การศึกษาวตั ถุเหล่านั้นจึงต้องส่งกลอ้ งโทรทรรศนไ์ ปโคจรอย่ใู น
อวกาศ)
• สถานอี วกาศมหี น้าท่ีใด
(แนวตอบ : เป็นสถานท่คี น้ ควา้ วจิ ยั และห้องปฏบิ ัติการในอวกาศ)
• ดาวเทยี มมปี ระโยชนอ์ ย่างไรบ้าง จงยกตวั อยา่ ง
(แนวตอบ : มนุษย์ใช้ประโยชน์จากดาวเทียมหลายด้าน เช่น การสอื่ สาร การระบุตำแหนง่ บน
พนื้ โลก การสำรวจทรัพยากร อตุ ุนยิ มวิทยา เปน็ ตน้ )
• การที่จะส่งดาวเทียมหรือยานอวกาศข้ึนไปในอวกาศจะต้องใช้ความเร็วเท่าใดจงึ ทำให้หลดุ จาก
วงโคจรของโลกได้
(แนวตอบ : 11.2 กิโลเมตรตอ่ วินาที)

ช่วั โมงท่ี 3

ขั้นลงมือทำ (Doing)
8. นกั เรยี นแบ่งกลุม่ กลุม่ ละ 6 คน ตามความสมคั รใจ จากนนั้ ครูแจ้งจุดประสงค์ของกิจกรรม
กลอ้ งโทรทรรศน์ ใหน้ ักเรยี นทราบเพอ่ื เปน็ แนวทางการปฏิบตั กิ จิ กรรมที่ถกู ต้อง
9. นกั เรียนแตล่ ะกลุม่ ร่วมกันศึกษากิจกรรม กลอ้ งโทรทรรศน์ จากหนังสอื เรยี นรายวิชาพนื้ ฐาน
วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี วทิ ยาศาสตร์โลกและอวกาศ ม.6 หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 1 เอกภพ
โดยครูใชร้ ูปแบบการเรียนรู้แบบร่วมมือมาจดั กระบวนการเรยี นรู้ โดยกำหนดให้สมาชกิ แตล่ ะคน
ภายในกลมุ่ มบี ทบาทหนา้ ทขี่ องตนเอง ดังนี้
• สมาชิกคนที่ 1-2 ทำหนา้ ท่ีเตรียมวัสดุอุปกรณ์ทใี่ ชใ้ นการปฏบิ ัติกจิ กรรมกลอ้ งโทรทรรศน์
• สมาชิกคนท่ี 3-4 ทำหนา้ ที่อ่านวิธปี ฏิบัตกิ จิ กรรม และนำมาอธิบายให้สมาชกิ ในกลุ่มฟงั
• สมาชกิ คนท่ี 5-6 ทำหน้าท่ีบันทึกผลการปฏบิ ัตกิ ิจกรรมลงในสมุดประจำตวั นักเรยี น
(หมายเหตุ : ครูเริม่ ประเมนิ นกั เรียน โดยใช้แบบประเมินการปฏิบตั ิกิจกรรม)
10. นกั เรียนแตล่ ะกลมุ่ ร่วมกนั ปฏิบัตกิ จิ กรรมตามข้นั ตอน จากหนงั สือเรยี นรายวิชาพืน้ ฐาน
วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ ม.6 หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 1 เอกภพ
11. นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มร่วมกันแลกเปลยี่ นความรแู้ ละวเิ คราะหผ์ ลการปฏบิ ัตกิ ิจกรรม แล้วอภปิ รายผล

ร่วมกนั
12. นักเรยี นแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอผลการปฏิบัติกิจกรรมหน้าช้ันเรยี น ในระหว่างทีน่ ักเรยี น

นำเสนอ ครคู อยใหข้ ้อเสนอแนะเพมิ่ เติม เพอ่ื ให้นกั เรียนมีความเขา้ ใจทถี่ ูกต้อง
(หมายเหตุ : ครูเรมิ่ ประเมนิ นกั เรียน โดยใชแ้ บบประเมินการนำเสนอผลงาน)
13. นกั เรยี นแต่ละกลุ่มรว่ มกนั ตอบคำถามท้ายกจิ กรรม กล้องโทรทรรศน์ โดยใหน้ ักเรียนแต่ละกลมุ่
ร่วมกนั อภปิ รายแสดงความคิดเหน็ เพ่อื หาคำตอบ จากนน้ั ครสู ุ่มนกั เรียน 2-3 กลมุ่ ออกมานำเสนอ
คำตอบของกลุ่มตนเองหน้าช้ันเรียน
14. เม่ือนักเรียนแตล่ ะกลุ่มนำเสนอคำตอบของกลมุ่ ตนเองเรยี บร้อยแลว้ นักเรยี นและครรู ว่ มกนั
อภิปรายผลท้ายกจิ กรรม กล้องโทรทรรศน์ เพอื่ ใหไ้ ด้ขอ้ สรุปร่วมกันวา่ “กลอ้ งโทรทรรศน์มีหลาย
ชว่ งความยาวคล่นื เนื่องจากวัตถุท้องฟ้าแต่ละชนิดแผร่ ังสใี นช่วงความยาวคลน่ื ต่างกัน
กลอ้ งโทรทรรศนบ์ างชนดิ สามารถตดิ ตง้ั อย่บู นพืน้ โลกได้ บางชนดิ ไมส่ ามารถติดตง้ั บนพ้นื โลก”

ช่วั โมงที่ 4

ข้ันลงมอื ทำ (Doing)
15. นักเรยี นแต่ละคนศึกษาคน้ คว้าขอ้ มูลเพ่ิมเตมิ เกย่ี วกบั เทคโนโลยอี วกาศกับการประยกุ ต์ใช้
จากหนงั สือเรยี นรายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ ม.6
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เอกภพ หรอื แหล่งการเรยี นรตู้ ่าง ๆ เช่น อินเทอร์เนต็
16. นกั เรยี นแบ่งกล่มุ กลุ่มละ 3 คน ตามความสมัครใจ จากน้ันให้นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มทำใบงานที่ 1.5
เรอื่ ง เทคโนโลยีอวกาศกับชีวติ และอนาคต โดยร่วมกันระดมความคิดออกแบบและนำเสนอ
ผลงานเกี่ยวกบั สถานการณ์ ดงั นี้
• การเดนิ ทางไปดาวเคราะหท์ ี่สนใจ โดยกล่าวถึงวธิ กี ารเดนิ ทาง การดำรงชวี ติ ของมนุษยอ์ วกาศ
การตดิ ตอ่ สือ่ สารมายังโลก
• การวางแผนเดนิ ทางไปท่องเทีย่ วสถานท่ีต่าง ๆ ทัว่ โลก โดยกล่าวถงึ การสำรวจเสน้ ทาง
สภาพอากาศ ลักษณะภูมิประเทศ สภาพแวดล้อม
• การสร้างนวตั กรรมโดยใช้ความรทู้ างด้านเทคโนโลยีอวกาศเป็นพนื้ ฐาน
17. นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ สง่ ตวั แทนออกมานำเสนอผลงานเก่ียวกบั สถานการณ์ทใ่ี ช้ความร้ดู า้ นเทคโนโลยี
อวกาศในชีวิตประจำวนั และอนาคต ในระหว่างที่นักเรยี นนำเสนอ ครคู อยใหข้ อ้ เสนอแนะเพิม่ เตมิ
เพ่อื ใหน้ กั เรยี นมีความเข้าใจทถี่ ูกต้อง
(หมายเหตุ : ครูเร่มิ ประเมินนกั เรยี น โดยใชแ้ บบประเมนิ การนำเสนอผลงาน)
18. นักเรยี นทำ Topic Questions เร่อื ง เทคโนโลยีอวกาศ ลงในสมดุ ประจำตวั นักเรยี น
19. นักเรยี นแตล่ ะคนทำแบบฝึกหัด เรอ่ื ง เทคโนโลยีอวกาศ จากแบบฝึกหัดรายวิชาพนื้ ฐาน
วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี วทิ ยาศาสตร์โลกและอวกาศ ม.6 หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 1 เอกภพ

ขนั้ สรุป

ขน้ั สรุป
1. ครเู ปดิ โอกาสให้นกั เรียนซกั ถามเน้อื หาเกีย่ วกบั เทคโนโลยีอวกาศ และให้ความรู้เพม่ิ เติมจากคำถาม
ของนักเรียน โดยครูใช้ PowerPoint เรื่อง เทคโนโลยอี วกาศ ในการอธบิ ายเพิม่ เตมิ
2. นกั เรยี นและครูรว่ มกนั สรุปเก่ยี วกับเทคโนโลยีอวกาศ ซง่ึ ควรได้ขอ้ สรุปรว่ มกนั ว่า “เทคโนโลยี
อวกาศมคี วามสำคญั ตอ่ การพฒั นาประเทศในหลาย ๆ ด้าน เช่น การสอื่ สารผา่ นดาวเทียม
การศกึ ษาทางไกลผา่ นดาวเทยี ม การสำรวจทรัพยากรธรรมชาติ การพยากรณ์อากาศจากภาพถา่ ย
ดาวเทียม การสำรวจทางการทหารเพือ่ ความม่ันคงของประเทศ การพฒั นาด้านเศรษฐกิจ รวมไป
ถึงการทดลองทางวิทยาศาสตร์ด้านต่าง ๆ มนษุ ย์ประดิษฐก์ ล้องโทรทรรศน์ทใ่ี ช้ศกึ ษาวัตถุทอ้ งฟ้า
ในช่วงความยาวคลน่ื ต่าง ๆ กล้องโทรทรรศนท์ ่ีติดตั้งบนโลก ใช้ศึกษาวตั ถุชว่ งคลืน่ แสงท่มี องเห็น
และช่วงคลนื่ วิทยุ กล้องโทรทรรศนอ์ วกาศ ใช้ศึกษาวัตถชุ ว่ งคลืน่ อินฟราเรด ชว่ งคล่นื
อัลตราไวโอเลต ชว่ งคลนื่ รงั สีเอกซ์ และชว่ งคลืน่ รังสีแกมมา”
3. นกั เรียนตรวจสอบความเขา้ ใจของตนเองจากกรอบ Self Check เรื่อง เอกภพ จากหนังสือเรียน
รายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ ม.6 หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 1
เอกภพ โดยบนั ทึกลงในสมุดประจำตัวนักเรยี น
4. ครมู อบหมายให้นักเรยี นทำ Unit Questions เรื่อง เอกภพ จากหนงั สือเรียนรายวชิ าพน้ื ฐาน
วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี วทิ ยาศาสตร์โลกและอวกาศ ม.6 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 1 เอกภพ
โดยทำลงในสมุดประจำตัวนักเรียน
5. นักเรียนทำแบบทดสอบหลังเรียนของหนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 1 เอกภพ เพ่ือเป็นการวดั ความร้หู ลังเรียน
ของนักเรยี น
6. นักเรียนแต่ละคนนำความรู้ที่ได้จากการเรียนของหน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เอกภพ มาเขยี นสรปุ เป็น
ผังมโนทัศน์ ลงในกระดาษ A4 พร้อมตกแต่งให้สวยงาม

ขั้นประเมนิ

ขั้นประเมนิ
1. ครูตรวจสอบผลการทำแบบทดสอบหลงั เรยี นหน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เอกภพ เพ่ือตรวจสอบความ
เข้าใจหลงั เรยี นของนกั เรยี น
2. ครปู ระเมนิ ผล โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคำถาม พฤตกิ รรมการทำงานรายบคุ คล
พฤตกิ รรมการทำงานกลมุ่ และจากการนำเสนอผลการปฏิบัติกจิ กรรมหนา้ ชน้ั เรียน
3. ครตู รวจสอบผลการปฏิบตั ิกิจกรรม กลอ้ งโทรทรรศน์
4. ครตู รวจสอบผลการทำใบงานที่ 1.5 เรอื่ ง เทคโนโลยีอวกาศกับชวี ติ และอนาคต
5. ครตู รวจ Topic Questions เรือ่ ง เทคโนโลยอี วกาศ ในสมุดประจำตัวนกั เรียน

6. ครตู รวจแบบฝึกหดั เรื่อง เทคโนโลยีอวกาศ จากแบบฝกึ หดั รายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์
และเทคโนโลยี วทิ ยาศาสตร์โลกและอวกาศ ม.6 หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 1 เอกภพ

7. ครูตรวจสอบผลการตรวจสอบความเขา้ ใจของตนเองจากกรอบ Self Check เร่ือง เอกภพ
ในสมุดประจำตัวนักเรยี น

8. ครตู รวจแบบฝกึ หัด Unit Questions เร่ือง เอกภพ ในสมดุ ประจำตวั นักเรียน
9. ครูวัดและประเมนิ ผลจากชน้ิ งาน/ผลงาน ผงั มโนทศั น์ เรอ่ื ง เอกภพ

7. การวัดและประเมินผล

รายการวัด วธิ ีการ เคร่อื งมือ เกณฑก์ ารประเมิน

7.1 ประเมินระหวา่ ง - ใบงานที่ 1.5 - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
- สมุดประจำตัว หรือ - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
การจัดกิจกรรม แบบฝกึ หัด
- แบบประเมนิ การปฏบิ ตั ิ - ระดับคณุ ภาพ 2
การเรียนรู้ กิจกรรม ผ่านเกณฑ์

1) เทคโนโลยอี วกาศ - ตรวจใบงานที่ 1.5 - แบบประเมนิ การ - ระดับคุณภาพ 2
นำเสนอผลงาน ผ่านเกณฑ์
- ตรวจสมุดประจำตัว
- แบบสังเกตพฤติกรรม - ระดบั คุณภาพ 2
หรือแบบฝึกหดั การทำงานรายบุคคล ผา่ นเกณฑ์
- แบบสงั เกตพฤติกรรม
2) ผลบนั ทึกการ - ประเมินการปฏบิ ัติ การทำงานกลมุ่ - ระดบั คุณภาพ 2
- แบบประเมนิ ผ่านเกณฑ์
ปฏิบัติกิจกรรม กจิ กรรม คณุ ลักษณะ - ระดับคณุ ภาพ 2
อันพึงประสงค์ ผ่านเกณฑ์
กล้องโทรทรรศน์
- แบบทดสอบหลังเรียน - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
3) การนำเสนอ - ประเมนิ การนำเสนอ หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 1
เอกภพ
ผลงาน/ผลการ ผลงาน/ผลการปฏิบตั ิ

ปฏิบัติกจิ กรรม กจิ กรรม

4) พฤตกิ รรมการ - สงั เกตพฤตกิ รรม

ทำงานรายบคุ คล การทำงานรายบุคคล

5) พฤตกิ รรมการ - สังเกตพฤติกรรม

ทำงานกล่มุ การทำงานกลุม่

6) คณุ ลกั ษณะ - สังเกตความมีวนิ ยั

อันพึงประสงค์ รบั ผิดชอบ ใฝ่เรยี นรู้

และมุ่งม่นั ในการ

ทำงาน

7.2 การประเมินหลังเรียน

- แบบทดสอบ - ตรวจแบบทดสอบ

หลังเรียน หนว่ ยการ หลงั เรยี น หนว่ ยการ

เรียนรูท้ ี่ 1 เอกภพ เรยี นรู้ท่ี 1 เอกภพ

รายการวัด วิธกี าร เคร่อื งมอื เกณฑก์ ารประเมิน
7.3 การประเมินช้นิ งาน/
- ตรวจผังมโนทัศน์ - แบบประเมนิ ชนิ้ งาน/ - ระดบั คุณภาพ 2
ภาระงาน (รวบยอด) เรื่อง เอกภพ ภาระงาน (รวบยอด) ผา่ นเกณฑ์
- ผงั มโนทัศน์
เรือ่ ง เอกภพ

8. สือ่ /แหลง่ การเรียนรู้

8.1 สอื่ การเรียนรู้
1) หนังสือเรยี นรายวชิ าพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ ม.6
หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 1 เอกภพ
2) แบบฝึกหัดรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี วิทยาศาสตรโ์ ลกและอวกาศ ม.6
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เอกภพ
3) ใบงานที่ 1.5 เรอ่ื ง เทคโนโลยีอวกาศกับชวี ิตประจำวนั และอนาคต
4) วสั ดุอุปกรณ์ท่ใี ช้ในการปฏบิ ตั ิกิจกรรมกล้องโทรทรรศน์
5) PowerPoint เรอ่ื ง เทคโนโลยีอวกาศ
6) สลากหมายเลข
7) วดี ิทัศน์สารคดีสั้น Twig เรื่อง กล้องโทรทรรศน์
จาก https://www.twig-aksorn.com/film/telescopes-7780/
8) สมดุ ประจำตวั นกั เรยี น

8.2 แหล่งการเรียนรู้
1) ห้องเรยี น
2) อินเทอร์เนต็

ใบงานท่ี 1.5

เร่อื ง เทคโนโลยีอวกาศกับชีวิตประจำวันและอนาคต

คำชี้แจง : ให้นกั เรยี นแบง่ กลุ่ม กลุม่ ละ 3 คน รว่ มกนั ระดมความคิด ออกแบบ และนำเสนอผลงานเกี่ยวกับ
สถานการณ์ ท่ีใช้ความรูด้ า้ นเทคโนโลยีอวกาศในชวี ิตประจำวนั และอนาคต

สถานการณ์

• การเดินทางไปดาวเคราะห์ท่ีสนใจ โดยกล่าวถึงวิธีการเดินทาง การ
ดำรงชีวติ ของมนษุ ยอ์ วกาศ การติดต่อสอ่ื สารมายังโลก

• การวางแผนเดินทางไปท่องเท่ียวสถานท่ีต่างๆ ทั่วโลก โดยกล่าวถึงการ
สำรวจเส้นทาง สภาพอากาศ ลักษณะภูมิประเทศ สภาพแวดลอ้ ม

• การสร้างนวัตกรรมโดยใช้ความรูท้ างด้านเทคโนโลยีอวกาศเปน็ พน้ื ฐาน

ผลงาน

ใบงานที่ 1.5 เฉลย

เรื่อง เทคโนโลยีอวกาศกบั ชวี ิตประจำวันและอนาคต

คำช้แี จง : ใหน้ ักเรยี นแบ่งกลมุ่ กลุ่มละ 3 คน รว่ มกนั ระดมความคิด ออกแบบ และนำเสนอผลงานเกย่ี วกับ
สถานการณ์ ท่ีใช้ความรู้ดา้ นเทคโนโลยอี วกาศในชีวติ ประจำวันและอนาคต

สถานการณ์

• การเดินทางไปดาวเคราะห์ท่ีสนใจ โดยกล่าวถึงวิธีการเดินทาง การ
ดำรงชีวิตของมนุษย์อวกาศ การตดิ ตอ่ สือ่ สารมายงั โลก

• การวางแผนเดินทางไปท่องเที่ยวสถานท่ีต่างๆ ทั่วโลก โดยกล่าวถึงการ
สำรวจเส้นทาง สภาพอากาศ ลกั ษณะภูมิประเทศ สภาพแวดลอ้ ม

• การสร้างนวตั กรรมโดยใชค้ วามรูท้ างด้านเทคโนโลยอี วกาศเป็นพื้นฐาน

ผลงาน

(ขึน้ อยู่กบั ดลุ ยพินิจของครูผสู้ อน โดยพิจารณาความถกู ตอ้ งและความเหมาะสมของขอ้ มลู )

ชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด)

ผังมโนทัศน์
เรื่อง เอกภพ

คำช้แี จง : ใหน้ กั เรยี นนำความรู้ทไ่ี ด้จากการเรยี นของหน่วยการเรยี นรู้ท่ี 1 เอกภพ มาเขยี นสรุปเป็น
ผังมโนทศั น์ ลงในกระดาษ A4 พรอ้ มตกแต่งให้สวยงาม

สลากหมายเลข 2 

1

34

56

78 
9 10
11

9. ความเหน็ ของผ้บู ริหารสถานศกึ ษาหรือผทู้ ีไ่ ดร้ บั มอบหมาย

ข้อเสนอแนะ “……..
“…………………………………………
ลงชอ่ื
( .................................
................................ )
ตำแหนง่
.......

10. บันทกึ ผลหลังการสอน

 ดา้ นความรู้

 ด้านสมรรถนะสำคัญของผ้เู รยี น

 ด้านคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์

 ดา้ นความสามารถทางวทิ ยาศาสตร์

 ด้านอนื่ ๆ (พฤตกิ รรมเดน่ หรอื พฤตกิ รรมทีม่ ปี ัญหาของนกั เรียนเปน็ รายบุคคล (ถ้ามี))

 ปัญหา/อปุ สรรค

 แนวทางการแกไ้ ข

หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 2 กระบวนการเปลยี่ นแปลงภายในโลก

หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 2
กระบวนการเปล่ียนแปลงภายในโลก

เวลา 22 ชั่วโมง

1. มาตรฐานการเรียนรู/้ ตวั ชวี้ ดั

ว 3.2 เขา้ ใจองคป์ ระกอบและสมั พันธข์ องระบบโลก กระบวนการเปล่ยี นแปลงภายในโลกและบนผวิ โลก
ธรณีพิบตั ภิ ยั กระบวนการเปลี่ยนแปลงลมฟา้ อากาศและภูมิอากาศโลก รวมทง้ั ผลตอ่ สง่ิ มชี วี ติ
และสิ่งแวดลอ้ ม
ว 3.2 ม.6/1 อธบิ ายการแบง่ ชนั้ และสมบตั ิโครงสร้างของโลก พรอ้ มยกตัวอยา่ งขอ้ มูลที่สนบั สนนุ
ว 3.2 ม.6/2 อธิบายหลกั ฐานทางธรณีวิทยาทีส่ นบั สนุนการเคลื่อนทข่ี องแผน่ ธรณี
ว 3.2 ม.6/3 ระบุสาเหตุ และอธบิ ายรูปแบบแนวรอยต่อของแผ่นธรณที ส่ี มั พันธ์กบั การเคล่ือนท่ี
ของแผ่นธรณี พร้อมยกตวั อย่างหลกั ฐานทางธรณวี ิทยาทีพ่ บ
ว 3.2 ม.6/4 อธบิ ายสาเหตุ กระบวนการเกิดภเู ขาไฟระเบิด รวมทง้ั สบื ค้นข้อมูลพ้ืนที่เสี่ยงภัย
ออกแบบและนำเสนอแนวทางการเฝ้าระวงั และการปฏิบตั ติ นให้ปลอดภัย
ว 3.2 ม.6/5 อธิบายสาเหตุ กระบวนการเกิด ขนาดและความรุนแรง และผลจากแผน่ ดนิ ไหว
รวมทงั้ สืบคน้ ข้อมลู พื้นที่เสี่ยงภยั ออกแบบและนำเสนอแนวทางการเฝา้ ระวังและ
การปฏบิ ตั ิตนใหป้ ลอดภัย
ว 3.2 ม.6/6 อธบิ ายสาเหตุ กระบวนการเกิด และผลจากสึนามิ รวมทัง้ สบื ค้นขอ้ มลู พน้ื ที่เสย่ี งภยั
ออกแบบและนำเสนอแนวทางการเฝา้ ระวงั และการปฏบิ ตั ิตนให้ปลอดภยั

2. สาระการเรยี นรู้

2.1 สาระการเรยี นรู้แกนกลาง
1. การศึกษาโครงสรา้ งโลกใชข้ ้อมูลหลายดา้ น เช่น องค์ประกอบทางเคมีของหินและแร่ องคป์ ระกอบ
ทางเคมขี องอุกกาบาต ข้อมลู คลน่ื ไหวสะเทือนที่เคลื่อนที่ผา่ นโลก จึงสามารถแบ่งช้นั โครงสร้างโลก
ได้ 2 แบบ คือ โครงสร้างตามองค์ประกอบทางเคมี แบ่งได้เป็น 3 ช้ัน ได้แก่ เปลือกโลก เน้ือโลก
และแก่นโลก และโครงสร้างตามสมบัติเชิงกล แบ่งได้ 5 ช้ัน ได้แก่ ธรณีภาค ฐานธรณีภาค
มชั ฌมิ ภาค แกน่ โลกชั้นนอก และแก่นโลกชัน้ ใน

113

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 2 กระบวนการเปลยี่ นแปลงภายในโลก

2. แผ่นธรณีต่าง ๆ เป็นส่วนประกอบของธรณีภาค การเปล่ียนแปลงขนาดและตำแหน่งตั้งแต่อดีต
จนถึงปัจจุบัน การเคล่ือนที่ของแผ่นธรณีดังกล่าวอธิบายได้ตามทฤษฎีธรณีแปรสัณฐาน ซึ่งมี
รากฐานมาจากทฤษฎีทวีปเลื่อนและทฤษฎีการแผ่ขยายพื้นสมุทร โดยมีหลักฐานที่สนับสนุนได้แก่
รูปร่างของขอบทวีปที่สามารถเช่ือมต่อกันได้ ความคล้ายคลึงกันของกลุ่มหินและแนวเทือกเขา
ซากดกึ ดำบรรพ์ รอ่ งรอยการเคลอ่ื นที่ของตะกอนธารน้ำแข็ง ภาวะแม่เหล็กโลกบรรพกาล อายุหิน
ของพื้นมหาสมทุ ร รวมทงั้ การคน้ พบสันเขากลางมหาสมทุ ร และร่องลึกก้นสมุทร

3. การพาความร้อนของแมกมาภายในโลก ทำให้เกิดการเคลื่อนที่ของแผ่นธรณี ตามทฤษฎีธรณี
แปรสัณฐาน ซง่ึ นกั วิทยาศาสตรไ์ ด้สำรวจพบหลักฐานทางธรณีวิทยา ได้แก่ ธรณีสัณฐาน และธรณี
โครงสร้าง ท่ีบริเวณแนวรอยต่อของแผ่นธรณี เช่น ร่องลึกก้นสมุทร หมู่เกาะภูเขาไฟรูปโค้ง
แนวภเู ขาไฟ แนวเทอื กเขา หุบเขาทรุด และสันเขากลางสมุทร รอยเล่ือน นอกจากนี้ยงั พบการเกิด
ธรณีพิบัติที่บริเวณแนวรอยต่อของแผ่นธรณี เช่น แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด สึนามิ ซ่ึงหลักฐาน
ดงั กลา่ วสมั พนั ธ์กับรปู แบบการเคลื่อนท่ีของแผ่นธรณี นักวิทยาศาสตร์จงึ สรุปได้ว่าแนวรอยต่อของ
แผ่นธรณีมี 3 รูปแบบ ได้แก่ แนวแผ่นธรณีแยกตวั แนวแผ่นธรณีเคล่ือนที่เขา้ หากัน แนวแผน่ ธรณี
เคลือ่ นทผี่ ่านในแนวราบ

4. ภูเขาไฟระเบิด เกิดจากการแทรกดันของแมกมาขึ้นมาตามส่วนเปราะบาง หรือรอยแตกบน
เปลือกโลก มักพบหนาแน่นบริเวณรอยต่อระหว่างแผ่นธรณี ทำให้บริเวณดังกล่าวเป็นพ้ืนท่ี
เส่ียงภัย ผลจากการระเบิดของภูเขาไฟมีท้ังประโยชน์และโทษ จึงต้องศึกษาแนวทางในการเฝ้า
ระวัง และการปฏบิ ัติตนให้ปลอดภยั

5. แผ่นดินไหวเกิดจากการปลดปล่อยพลังงานท่ีสะสมไว้ของเปลือกโลกในรูปของคล่ืนไหวสะเทือน
แผ่นดินไหวมีขนาดและความรุนแรงแตกต่างกัน มักเกิดขึ้นบริเวณรอยต่อของแผ่นธรณี และพื้นที่
ภายใต้อิทธิพลของการเคลื่อนที่ของแผ่นธรณี ทำให้บริเวณดังกล่าวเป็นพ้ืนท่ีเสี่ยงภัยแผ่นดินไหว
ซ่ึงส่งผลให้สิ่งก่อสร้างเสียหาย เกิดอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน จึงต้องศึกษาแนวทางในการเฝ้า
ระวัง และการปฏบิ ัตติ นให้ปลอดภยั

6. สึนามิ คือ คลื่นน้ำท่ีเกิดจากการแทนที่มวลน้ำในปริมาณมหาศาล ส่วนมากจะเกิดในทะเลหรือ
มหาสมุทร โดยคลื่นมีลักษณะเฉพาะ คือ ความยาวคลื่นมากและเคล่ือนที่ด้วยความเร็วสูง เม่ืออยู่
กลางมหาสมทุ รจะมีความสูงคลนื่ น้อย และอาจเพิ่มความสงู ข้นึ อย่างรวดเร็ว เมอ่ื คลื่นเคล่อื นทผี่ า่ น
บรเิ วณนำ้ ตื้น จึงทำใหพ้ ้ืนที่บริเวณชายฝงั่ บางบริเวณเป็นพ้ืนท่ีเสี่ยงภัยสึนามิ ก่อให้เกิดอันตรายแก่
มนุษย์และส่ิงก่อสร้างในบริเวณชายหาดนั้น จึงต้องศึกษาแนวทางในการเฝ้าระวัง และการปฏิบัติ
ตนให้ปลอดภัย

2.2 สาระการเรยี นรู้ท้องถ่นิ
(พจิ ารณาตามหลักสูตรสถานศกึ ษา)

114

หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 2 กระบวนการเปลย่ี นแปลงภายในโลก

3. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด

โครงสรา้ งโลกตามองค์ประกอบทางเคมี แบ่งออกเป็น 3 ช้นั ไดแ้ ก่ เปลอื กโลก เนอื้ โลก และแก่นโลก
โดยพิจารณาจากองคป์ ระกอบทางเคมที ี่แตกตา่ งกันของแต่ละชั้น

โครงสร้างโลกตามสมบัติเชิงกล แบ่งออกเป็น 5 ชั้น ได้แก่ ธรณีภาค ฐานธรณีภาค มัชฌิมภาค
แกน่ โลกช้ันนอก และแก่นโลกชน้ั ใน

ทฤษฎที วีปเลือ่ น อธิบายว่า เมื่อประมาณ 225 ล้านปีก่อน ทวีปในปัจจุบนั อยู่ติดกันเป็นแผ่นดนิ เดยี ว
เรียกว่า พันเจีย ต่อมาพันเจียเร่ิมแยกออกจากกันเป็นสองทวีปขนาดใหญ่ คือ ลอเรเซีย และกอนด์วานา
และทั้งสองทวีปมีการแยกตัวออกจากกันช้า ๆ จนมีลักษณะดงั เช่นปจั จุบนั โดยทฤษฎีทวปี เล่อื นมีหลักฐาน
ทางธรณีวิทยาท่ีสนับสนุนแนวคิด ได้แก่ การพบซากดึกดำบรรพ์ชนิดเดียวกันในทวีปท่ีอยู่ห่างกัน รอยต่อ
ของทวปี ตา่ ง ๆ พบกล่มุ หนิ ชนดิ เดียวกันในทวปี ทอ่ี ยู่หา่ งกนั และรอ่ งรอยธารนำ้ แขง็ บรรพกาล

ทฤษฎีการแผ่ขยายพื้นสมุทร อธิบายว่า พื้นมหาสมุทรแผ่ขยายออกไปจากแนวสันเขากลางสมุทร
เน่ืองจากการแทรกดันของแมกมาขึ้นมาบนเปลือกโลก โดยมีหลักฐานทางธรณีวิทยาท่ีสนับสนุนแนวคิด
ได้แก่ ภาวะแม่เหลก็ บรรพกาล อายุหินบนพ้ืนมหาสมุทร

ทฤษฎีธรณีแปรสัณฐาน อธิบายว่า ธรณีภาคที่มีสถานะเป็นของแข็งประกอบด้วยเปลือกโลกและ
เนื้อโลก สว่ นบนสดุ น้ันจะแตกออกเป็นแผ่น เรียกว่า แผ่นธรณี (plate) และเคลื่อนท่ีอย่างชา้ ๆ อยบู่ นฐาน
ธรณีภาค เน่ืองจากการพาความร้อนของแมกมา ซึ่งการเคลื่อนท่ีของแผ่นธรณีในรูปแบบต่าง ๆ ทำให้เกิด
ธรณีสัณฐานและปรากฏการณ์ทางธรณีวิทยา เช่น แนวเทือกเขา ร่องลึกก้นสมุทร แผ่นดินไหว ภูเขาไฟ
ระเบิด

ภูเขาไฟระเบิด (volcano eruption) เป็นปรากฏการณ์ทางธรณีวิทยาที่เกิดจากการแทรกดันของ
แมกมา แก๊ส และเถ้าภูเขาไฟจากภายในโลกออกมาสู่ผิวโลกตามแนวรอยแตก รอยแยกของเปลือกโลก
ภูเขาไฟมีรูปร่างแตกต่างกันหลายลักษณะขึ้นอยู่กับความรุนแรงในการปะทุ ผลจากการระเบิดของภูเขาไฟ
มีทัง้ ประโยชนแ์ ละโทษ จึงตอ้ งศกึ ษาแนวทางการเฝ้าระวังและปฏบิ ัติตนให้ปลอดภยั จากภูเขาไฟระเบดิ

แผน่ ดินไหว (earthquake) เกดิ จากการปลดปลอ่ ยพลังงานที่ถกู สะสมไวภ้ ายในโลกออกมาในรูปของ
คล่ืนไหวสะเทือน ซ่ึงมีสาเหตุจากกระบวนการตามธรรมชาติ และการกระทำของมนุษย์ บริเวณท่ีเกิด
แผน่ ดินไหวมักจะเกิดบริเวณแนวรอยตอ่ ของแผน่ ธรณี และเกดิ บริเวณท่ีมกี ารเลือ่ นตวั ของรอยเลื่อน

สึนามิ (Tsunami) เป็นคลื่นไหวสะเทือนที่เกิดขึ้นในทะเลหรือมหาสมุทร เคล่ือนที่ด้วยความเร็วสูง
มคี วามยาวคล่ืนมาก ความสูงน้อยเม่ืออยู่ในน้ำลกึ เม่ือคลื่นเคล่ือนท่ีเข้าสู่ชายฝ่ังความเร็วจะลดลง ความสูง
จะเพิ่มขึน้ ทำให้พนื้ ที่บรเิ วณชายฝ่ังบางบรเิ วณเปน็ พน้ื ทเ่ี ส่ยี งภยั สนึ ามิ

115


Click to View FlipBook Version