The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนวิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ ม.6 รวมทุกแผน

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by wanrujirawan, 2021-06-20 11:01:16

แผนวิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ ม.6 รวมทุกแผน

แผนวิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ ม.6 รวมทุกแผน

พนื้ ที่บรเิ วณชายฝั่งบางบริเวณเปน็ พ้นื ท่ีเสีย่ งภยั สึนามิ สนึ ามกิ ่อใหเ้ กิดอนั ตรายแกม่ นุษย์และ
สง่ิ กอ่ สรา้ งในบริเวณชายฝั่ง จึงต้องศกึ ษาแนวทางในการเฝ้าระวังและการปฏบิ ตั ิตนใหป้ ลอดภัย”
3. นกั เรียนตรวจสอบความเข้าใจของตนเองจากกรอบ Self Check เรอ่ื ง กระบวนการเปลีย่ นแปลง
ภายในโลก จากหนังสือเรยี นรายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี วทิ ยาศาสตร์โลก
และอวกาศ ม.6 หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 2 กระบวนการเปลี่ยนแปลงภายในโลก โดยบนั ทึกลงใน
สมุดประจำตัวนักเรยี น
4. ครมู อบหมายให้นักเรียนทำ Unit Questions เรอ่ื ง กระบวนการเปลยี่ นแปลงภายในโลก
จากหนงั สอื เรยี นรายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี วทิ ยาศาสตร์โลกและอวกาศ ม.6
หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 2 กระบวนการเปลีย่ นแปลงภายในโลก ลงในสมดุ ประจำตัวนกั เรียน
5. นกั เรียนทำแบบทดสอบหลังเรยี นของหนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 2 กระบวนการเปลย่ี นแปลงภายในโลก
เพือ่ เป็นการวัดความร้หู ลงั เรยี นของนักเรยี น
6. นักเรียนแบ่งกล่มุ กล่มุ ละ 6-7 คน ตามความสมัครใจ จากนัน้ ใหน้ กั เรยี นแต่ละกลุ่มออกแบบ
ส่งิ ประดิษฐเ์ กีย่ วกบั กระบวนการเปลีย่ นแปลงภายในโลก ตวั อยา่ งเชน่ ภเู ขาไฟระเบิด แผน่ ดินไหว
การเคล่ือนทแ่ี ผน่ ธรณแี ยกตวั ออกจากกนั การเคล่ือนที่แผน่ ธรณเี ขา้ หากัน โดยเลอื กมาเพียง
1 ประเภท ทำเปน็ การบ้าน แลว้ นำเสนอผลงานในชั่วโมงถัดไป

ข้นั ประเมนิ

ขัน้ ประเมนิ
1. ครูตรวจสอบผลการทำแบบทดสอบหลงั เรยี นหน่วยการเรยี นรู้ที่ 2 กระบวนการเปลยี่ นแปลง
ภายในโลก เพอ่ื ตรวจสอบความเขา้ ใจหลงั เรยี นของนักเรียน
2. ครูประเมนิ ผล โดยการสงั เกตพฤตกิ รรมการตอบคำถาม พฤติกรรมการทำงานรายบุคคล
พฤติกรรมการทำงานกลุม่ และจากการนำเสนอผลการปฏบิ ตั ิกิจกรรมหน้าชั้นเรยี น
3. ครูตรวจสอบผลการปฏิบัติกิจกรรม สึนามิเกดิ ขน้ึ ได้อยา่ งไร
4. ครูตรวจ Topic Questions เร่ือง ธรณีพบิ ัติภยั ในสมุดประจำตัวนกั เรียน
5. ครตู รวจแบบฝกึ หัด เรอ่ื ง สึนามิ จากแบบฝกึ หัดรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
วทิ ยาศาสตรโ์ ลกและอวกาศ ม.6 หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 2 กระบวนการเปลีย่ นแปลงภายในโลก
6. ครูตรวจสอบผลการตรวจสอบความเข้าใจของตนเองจากกรอบ Self Check เรอ่ื ง กระบวนการ
เปล่ียนแปลงภายในโลก ในสมดุ ประจำตวั นกั เรยี น
7. ครตู รวจแบบฝกึ หัด Unit Questions เร่ือง กระบวนการเปลย่ี นแปลงภายในโลก
ในสมุดประจำตัวนักเรียน
8. ครวู ัดและประเมินผลจากชิน้ งานสิง่ ประดิษฐ์ เรื่อง กระบวนการเปลี่ยนแปลงภายในโลก
เป็นการบา้ น และนำมาสง่ ในช่วั โมงถัดไป

7. การวดั และประเมินผล

รายการวดั วธิ กี าร เคร่อื งมอื เกณฑ์การประเมิน

7.1 ประเมนิ ระหว่าง - สมุดประจำตัว หรอื - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์
แบบฝกึ หัด - ระดับคุณภาพ 2
การจัดกิจกรรม - แบบประเมินการปฏบิ ตั ิ ผ่านเกณฑ์
กิจกรรม
การเรียนรู้ - ระดบั คุณภาพ 2
- แบบประเมินการ ผ่านเกณฑ์
1) สึนามิ - ตรวจสมดุ ประจำตวั นำเสนอผลงาน - ระดบั คุณภาพ 2
ผา่ นเกณฑ์
หรอื แบบฝึกหัด - แบบสังเกตพฤตกิ รรม - ระดับคณุ ภาพ 2
การทำงานรายบุคคล ผา่ นเกณฑ์
2) ผลบันทึกการ - ประเมนิ การปฏิบัติ - แบบสังเกตพฤตกิ รรม - ระดบั คณุ ภาพ 2
การทำงานกลุ่ม ผ่านเกณฑ์
ปฏบิ ัติกิจกรรม กิจกรรม - แบบประเมิน
คณุ ลกั ษณะ - ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
สึนามิเกิดขึน้ อนั พึงประสงค์

ได้อยา่ งไร - แบบทดสอบหลงั เรียน
หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 2
3) การนำเสนอ - ประเมนิ การนำเสนอ กระบวนการ
เปลี่ยนแปลงภายในโลก
ผลงาน/ผลการ ผลงาน/ผลการปฏิบตั ิ

ปฏิบตั ิกิจกรรม กจิ กรรม

4) พฤตกิ รรมการ - สงั เกตพฤติกรรม

ทำงานรายบุคคล การทำงานรายบุคคล

5) พฤติกรรมการ - สงั เกตพฤติกรรม

ทำงานกล่มุ การทำงานกลุ่ม

6) คณุ ลกั ษณะ - สงั เกตความมวี นิ ยั

อนั พงึ ประสงค์ รับผดิ ชอบ ใฝ่เรียนรู้

และมุ่งมัน่ ในการ

ทำงาน

7.2 การประเมินหลงั เรียน

- แบบทดสอบ - ตรวจแบบทดสอบ

หลังเรียน หนว่ ยการ หลังเรยี น หน่วยการ

เรยี นรูท้ ี่ 2 เรยี นรทู้ ี่ 2

กระบวนการ กระบวนการ

เปลย่ี นแปลงภายใน เปล่ียนแปลงภายใน

โลก โลก

รายการวัด วธิ กี าร เครอ่ื งมอื เกณฑก์ ารประเมิน
7.3 การประเมินชนิ้ งาน/
- ตรวจช้ินงาน - แบบประเมินช้นิ งาน/ - ระดบั คุณภาพ 2
ภาระงาน (รวบยอด) สงิ่ ประดษิ ฐ์ ภาระงาน (รวบยอด) ผ่านเกณฑ์
- การประดษิ ฐ์ชิน้ งาน กระบวนการ
กระบวนการ เปลี่ยนแปลงภายใน
โลก
เปล่ียนแปลงภายใน
โลก

8. สือ่ /แหล่งการเรียนรู้

8.1 สื่อการเรยี นรู้
1) หนังสือเรียนรายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี วทิ ยาศาสตรโ์ ลกและอวกาศ ม.6
หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 2 กระบวนการเปลย่ี นแปลงภายในโลก
2) แบบฝึกหดั รายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี วทิ ยาศาสตร์โลกและอวกาศ ม.6
หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 กระบวนการเปล่ยี นแปลงภายในโลก
3) วสั ดุอุปกรณ์ทีใ่ ช้ในการปฏิบัติกจิ กรรมสนึ ามิเกดิ ข้นึ ได้อยา่ งไร
4) PowerPoint เรื่อง สึนามิ
5) วดี ิทศั นเ์ กยี่ วกับเหตุการณ์สนึ ามใิ นปี พ.ศ.2547
จาก https://www.youtube.com/watch?v=cAsbmYRGvFk
6) สมุดประจำตวั นักเรยี น

8.2 แหล่งการเรียนรู้
1) หอ้ งเรียน
2) อินเทอรเ์ น็ต

ช้ินงาน/ภาระงาน (รวบยอด)

เร่อื ง กระบวนการเปล่ยี นแปลงภายในโลก

คำช้แี จง : นกั เรยี นแบ่งกลุม่ กลมุ่ ละ 6-7 คน ให้นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ ออกแบบส่งิ ประดิษฐ์เกีย่ วกับกระบวนการ
เปลี่ยนแปลงภายในโลก ตวั อย่างเชน่ ภเู ขาไฟระเบิด แผ่นดนิ ไหว การเคลื่อนท่ีแผน่ ธรณีแยกตวั
ออกจากกนั การเคล่ือนท่แี ผน่ ธรณเี ข้าหากัน โดยเลือกมาเพยี ง 1 ประเภท

9. ความเหน็ ของผู้บริหารสถานศึกษาหรือผทู้ ีไ่ ดร้ บั มอบหมาย

ข้อเสนอแนะ “……..
“…………………………………………
ลงชอ่ื
( .................................
................................ )
ตำแหนง่
.......

10. บันทกึ ผลหลงั การสอน

 ดา้ นความรู้

 ด้านสมรรถนะสำคัญของผ้เู รียน

 ด้านคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์

 ดา้ นความสามารถทางวทิ ยาศาสตร์

 ด้านอนื่ ๆ (พฤติกรรมเด่น หรือพฤตกิ รรมท่มี ปี ญั หาของนกั เรียนเปน็ รายบคุ คล (ถ้ามี))

 ปัญหา/อปุ สรรค

 แนวทางการแกไ้ ข

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 3 ลมฟ้าอากาศและภมู อิ ากาศ

หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 3
ลมฟา้ อากาศและภมู ิอากาศ

เวลา 16 ชว่ั โมง

1. มาตรฐานการเรียนรู/้ ตัวช้วี ดั

ว 3.2 เขา้ ใจองค์ประกอบและสัมพันธข์ องระบบโลก กระบวนการเปลี่ยนแปลงภายในโลกและบนผิวโลก
ธรณพี ิบตั ิภัย กระบวนการเปล่ยี นแปลงลมฟ้าอากาศและภมู ิอากาศโลก รวมทงั้ ผลตอ่ สิง่ มีชีวติ
และสิง่ แวดล้อม
ว 3.2 ม.6/7 อธบิ ายปจั จยั สำคญั ท่มี ผี ลต่อการได้รับพลังงานจากดวงอาทิตย์แตกต่างกนั ในแต่ละ
บริเวณของโลก
ว 3.2 ม.6/8 อธิบายการหมนุ เวยี นของอากาศ ทเ่ี ป็นผลมาจากความแตกตา่ งของความกดอากาศ
ว 3.2 ม.6/9 อธิบายทิศทางการเคล่อื นที่ของอากาศ ทเี่ ป็นผลมาจากการหมุนรอบตัวของโลก
ว 3.2 ม.6/10 อธบิ ายการหมุนเวียนของอากาศตามเขตละติจูด และผลท่มี ตี ่อภูมิอากาศ
ว 3.2 ม.6/11 อธิบายปจั จยั ที่ทำให้เกิดการหมุนเวียนของนำ้ ผิวหน้าในมหาสมุทร และรูปแบบ
การหมนุ เวียนของน้ำผวิ หนา้ ในมหาสมุทร
ว 3.2 ม.6/12 อธิบายผลของการหมุนเวียนของอากาศและน้ำผวิ หนา้ ในมหาสมทุ รท่ีมีตอ่ ลักษณะ
ภมู ิอากาศ ลมฟ้าอากาศ ส่ิงมีชีวิต และสงิ่ แวดล้อม
ว 3.2 ม.6/13 อธบิ ายปัจจัยท่มี ผี ลตอ่ การเปลีย่ นแปลงภูมอิ ากาศของโลก พร้อมทั้งนำเสนอแนว
ปฏิบัตเิ พื่อลดกจิ กรรมของมนุษย์ ท่สี ง่ ผลตอ่ การเปลย่ี นแปลงภูมิอากาศโลก
ว 3.2 ม.6/14 แปลความหมายสญั ลักษณ์ลมฟ้าอากาศที่สำคญั จากแผนท่ีอากาศ และนำขอ้ มลู
สารสนเทศต่าง ๆ มาวางแผนการดำเนินชวี ติ ใหส้ อดคล้องกับสภาพลมฟา้ อากาศ

2. สาระการเรียนรู้

2.1 สาระการเรยี นรู้แกนกลาง
1. พื้นโลกแต่ละบริเวณได้รับพลังงานจากดวงอาทิตย์ในปรมิ าณที่แตกต่างกนั เน่อื งจากปัจจัยสำคัญหลาย
ประการ เช่น สัณฐานและการเอียงของแกนโลก ลักษณะของพ้ืนผิวละอองลอย และเมฆ ทำให้แต่ละ
บริเวณบนโลกมีอุณหภูมิไม่เทา่ กนั ส่งผลให้มีความกดอากาศแตกต่างกัน และเกดิ การถ่ายโอนพลังงาน
ระหว่างกนั

226

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 3 ลมฟา้ อากาศและภมู อิ ากาศ

2. การหมุนเวียนของอากาศเกิดข้ึนจากความกดอากาศท่ีแตกต่างกันระหว่างสองบริเวณ โดยอากาศ
เคล่ือนท่ีจากบริเวณท่ีมีความกดอากาศสูงไปยังบริเวณที่มีความกดอากาศต่ำ ซึ่งจะเห็นได้ชัดเจน
ในการเคลื่อนท่ีของอากาศในแนวราบ และเม่ือพิจารณาการเคล่ือนท่ีของอากาศในแนวดิ่งจะพบว่า
อากาศเหนือบริเวณความกดอากาศต่ำจะมีการยกตัวขึ้นขณะท่ีอากาศเหนือบริเวณความกดอากาศสูง
จะจมตัวลงโดยการเคลื่อนท่ีของอากาศท้ังในแนวราบและแนวด่ิงน้ี ทำให้เกิดเป็นการหมุนเวียนของ
อากาศ

3. การหมุนรอบตัวเองของโลกทำให้เกิดแรงคอริออลิส ส่งผลให้ทิศทางการเคล่ือนที่ของอากาศเบนไป
โดยอากาศที่เคลื่อนที่ในบริเวณซีกโลกเหนือจะเบนไปทางขวาจากทศิ ทางเดิม สว่ นบริเวณซีกโลกใต้จะ
เบนไปทางซ้ายจากทิศทางเดิม

4. โลกมีความกดอากาศแตกตา่ งกนั ในแตล่ ะบริเวณ รวมทั้งอิทธิพลจากการหมุนรอบตัวเองของโลก ทำให้
อากาศในแต่ละซีกโลกเกิดการหมุนเวียนของอากาศตามเขตละติจูด แบ่งออกเป็น 3 แถบ โดยแต่ละ
แถบมีภมู อิ ากาศแตกต่างกัน ได้แก่ การหมนุ เวียนแถบข้ัวโลกมีภูมิอากาศแบบหนาวเย็น การหมุนเวยี น
แถบละติจดู กลางมีภมู ิอากาศแบบอบอนุ่ และการหมุนเวยี นแถบเขตรอ้ นมภี มู ิอากาศแบบร้อนชืน้

5. นอกจากนี้บริเวณรอยต่อของการหมุนเวียนอากาศแต่ละแถบละติจูด จะมีลักษณะลมฟ้าอากาศ
ท่ีแตกต่างกัน เช่น บริเวณใกล้ศูนย์สูตร มีปริมาณหยาดน้ำฟ้าเฉลี่ยสูงกว่าบริเวณอ่ืน บริเวณละติจูด
30 องศา มอี ากาศแห้งแล้ง สว่ นบรเิ วณละตจิ ดู 60 องศา อากาศมีความแปรปรวนสูง

6. การหมุนเวียนของกระแสน้ำผิวหน้าในมหาสมุทรได้รับอิทธิพลจากการหมุนเวียนของอากาศในแต่ละ
แถบละติจูดเป็นปัจจัยหลักทำให้บริเวณซีกโลกเหนือมีการหมุนเวียนของกระแสน้ำผิวหน้าในทิศทาง
ตามเข็มนาฬิกา และทวนเข็มนาฬิกาในซีกโลกใต้ ซึ่งกระแสน้ำผิวหน้าในมหาสมุทรมีท้ังกระแสน้ำอุ่น
และกระแสนำ้ เยน็

7. การหมุนเวียนอากาศและน้ำในมหาสมุทรส่งผลต่อภูมิอากาศ ลมฟ้าอากาศ ส่ิงมีชีวิต และสิ่งแวดล้อม
เช่น กระแสน้ำอุ่นกัลฟ์สตรีมท่ีทำให้บางประเทศในทวีปยุโรปไม่หนาวเย็นเกินไป และเม่ือการ
หมุนเวียนอากาศและน้ำในมหาสมุทรแปรปรวน ทำให้เกิดผลกระทบต่อสภาพลมฟ้าอากาศ เช่น
ปรากฏการณ์เอลนีโญ และลานีญา ซ่ึงเกิดจากความแปรปรวนของลมค้าและส่งผลต่อประเทศที่อยู่
บรเิ วณมหาสมุทรแปซฟิ ิก

8. โลกได้รับพลังงานจากดวงอาทิตย์ โดยปริมาณพลังงานเฉล่ียท่ีโลกได้รับเท่ากับพลังงานเฉลี่ยท่ีโลก
ปลดปล่อยกลับสู่อวกาศ ทำให้เกิดสมดุลพลังงานของโลก ส่งผลให้อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกในแต่ละปี
ค่อนข้างคงที่และมีลักษณะภูมิอากาศที่ไม่เปล่ียนแปลง หากสมดุลพลังงานของโลกเกิดการ
เปลี่ยนแปลงไปจะทำให้อุณหภูมิเฉล่ียของโลกและภูมิอากาศเกิดการเปล่ียนแปลงได้ เน่ืองจากปัจจัย
หลายประการท้ังปัจจัยท่ีเกิดข้ึนตามธรรมชาติและการกระทำของมนุษย์ เช่น แก๊สเรือนกระจก
ลกั ษณะผวิ โลก และละอองลอย

9. มนุษย์มีส่วนช่วยในการชะลอการเปล่ียนแปลงภูมิอากาศโลกได้โดยการลดกิจกรรมที่ทำให้เกิดการ
เปลี่ยนแปลงสมดลุ พลังงาน เช่น ลดการปลดปล่อยแก๊สเรือนกระจกและละอองลอย

227

หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 3 ลมฟา้ อากาศและภมู อิ ากาศ

10. แผนท่ีอากาศผิวพน้ื แสดงข้อมูลการตรวจอากาศในรูปแบบสัญลักษณ์หรอื ตัวเลข เช่น บริเวณความกด
อากาศสูง หย่อมความกดอากาศต่ำ พายุหมุนเขตร้อน ร่องความกดอากาศต่ำ การแปลความหมาย
สัญลักษณล์ มฟา้ อากาศ ทำให้ทราบลกั ษณะลมฟ้าอากาศ ณ บรเิ วณหนงึ่

11. การแปลความหมายสัญลักษณ์ท่ีปรากฏบนแผนที่อากาศ ร่วมกับข้อมูลสารสนเทศต่าง ๆ เช่น
โปรแกรมประยุกต์เกี่ยวกับการพยากรณ์อากาศ เรดาร์ตรวจอากาศ ภาพถ่ายดาวเทียม สามารถนำมา
วางแผนการดำเนินชีวติ ให้สอดคลอ้ งกับสภาพลมฟ้าอากาศ เช่น การเลือกช่วงเวลาในการเพาะปลูกให้
สอดคลอ้ งกบั ฤดูกาล การเตรยี มพร้อมรับมอื สภาพอากาศแปรปรวน

2.2 สาระการเรยี นรู้ท้องถน่ิ
(พิจารณาตามหลักสูตรสถานศกึ ษา)

3. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด

พืน้ ผิวโลกในแต่ละบริเวณมีความเขม้ ข้นของรังสีจากดวงอาทิตย์ไม่เทา่ กัน เน่ืองจากปัจจัยทีส่ ่งผลต่อการ
รับรังสีดวงอาทิตย์ของพื้นผิวโลก เช่น สัณฐานโลกและการเอียงของแกนโลก ลักษณะของพ้ืนผิวโลก และ
ปริมาณเมฆและละอองลอย ทำให้อุณหภูมิของอากาศในแต่ละบริเวณแตกต่างกัน ส่งผลให้เกิดการถ่ายโอน
พลงั งานระหวา่ งบริเวณตา่ ง ๆ และทำใหเ้ กิดการหมุนเวยี นของอากาศบนโลก

การหมุนเวียนของอากาศเกิดจากความกดอากาศท่ีแตกต่างกันระหว่างสองบริเวณ โดยอากาศเคล่ือนที่
จากบริเวณท่ีมีความกดอากาศสูงไปยังบริเวณที่มีความกดอากาศต่ำ ซ่ึงจะเห็นได้ชัดเจนจากการเคล่ือนท่ีของ
อากาศในแนวราบ เม่ือพิจารณาการเคลื่อนที่ของอากาศในแนวดิ่ง อากาศบริเวณความกดอากาศต่ำจะลอยตัว
สูงข้ึน การหมุนรอบรอบตัวเองของโลกทำให้เกิดแรงคอริออลิส ส่งผลให้ทิศทางการเคลื่อนที่ของอากาศ
เบย่ี งเบนไป

การหมุนเวียนของอากาศตามเขตละติจดู แบ่งออกเป็น 3 แถบ ได้แก่ การหมนุ เวียนอากาศแถบเขตร้อน
หรือแฮดลีย์เซลล์ การหมุนเวียนอากาศแถบละติจูดกลาง หรือเฟอร์เรลเซลล์ และการหมุนเวียนอากาศแถบ
ข้ัวโลก หรอื โพลารเ์ ซลล์

การห มุนเวียนของน้ำผิวหน้ าในมห าสมุทรได้รับ อิทธิพลจ ากการหมุน เวียน ของอากาศใน แต่ละแถบ
ละติจูด รวมทั้งแรงคอริออลิสซึ่งทำให้กระแสน้ำในซีกโลกเหนือหมุนเวียนตามเข็มนาฬิกา และกระแสน้ำในซีก
โลกใต้หมนุ เวียนทวนเข็มนาฬิกา ซ่ึงกระแสนำ้ ผวิ หนา้ ในมหาสมทุ รมีทั้งกระแสน้ำอุ่น และกระแสน้ำเยน็ ถ้าการ
หมุนเวียนของอากาศและน้ำในมหาสมุทรมีการเปล่ียนแปลง ทำให้ส่งผลกระทบต่อสภาพลมฟ้าอากาศ เช่น
ปรากฏการณเ์ อลนีโญ และลานีญา

228

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 3 ลมฟ้าอากาศและภมู อิ ากาศ

อุณหภูมิของอากาศที่เพ่ิมสูงข้ึนนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงสภาพ
ภมู ิอากาศเป็นปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมในปัจจุบัน เช่น เกิดภาวะเรือนกระจก ภัยธรรมชาติ ภาวะโลกร้อน ความ
หลากหลายทางชีวภาพลดลง ซ่ึงกระบวนการทางธรรมชาติและกิจกรรมของมนุษย์ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลง
ภูมิอากาศโลก ได้แก่ วัฏจักรมิลานโควิช การเคลื่อนที่ของแผ่นธรณี การระเบิดของภูเขาไฟ การเปล่ียนแปลง
องคป์ ระกอบของบรรยากาศ การเปลี่ยนแปลงลักษณะของพื้นผวิ โลก ปรมิ าณละอองลอยในช้ันบรรยากาศ และ
ปรมิ าณแกส๊ เรือนกระจก

การพยากรณ์อากาศจะต้องอาศัยข้อมูลและสารสนเทศทางอุตุนิยมวิทยา ซึ่งข้อมูลสภาพลมฟ้าอากาศ
ที่ได้จากการตรวจอากาศจะถูกนำมาแปลความหมายและแสดงในรูปของสารสนเทศทางอุตุนิยมวิทยา เช่น
แผนที่อากาศผิวพื้น ภาพเรดาร์ตรวจอากาศ ภาพถ่ายดาวเทียม ซ่ึงแผนที่อากาศผิวพื้นแสดงข้อมูลการตรวจ
อากาศในรูปแบบของตัวเลข รหัส หรือสัญลักษณ์มาตรฐานทางอุตุนิยมวิทยา เช่น ความกดอากาศ อุณหภูมิ
อากาศ ลักษณะอากาศ ค่าเปล่ียนแปลงความกดอากาศ

4. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียนและคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์

สมรรถนะสำคัญของผูเ้ รียน คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์

1. ความสามารถในการส่อื สาร 1. มีวนิ ัย รับผดิ ชอบ

2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝ่เรียนรู้

1) ทักษะการสงั เกต 3. ม่งุ ม่ันในการทำงาน

2) ทกั ษะการทดลอง

3) ทกั ษะการพยากรณ์

4) ทกั ษะการสอ่ื สาร

5) ทกั ษะการวเิ คราะห์

6) ทกั ษะการนำความรู้ไปใช้

7) ทักษะการทำงานร่วมกัน

8) ทกั ษะการลงความคดิ เห็นจากข้อมูล

9) ทักษะการตคี วามหมายข้อมลู และการลงข้อสรุป

3. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

5. ชิน้ งาน/ภาระงาน (รวบยอด)

- แบบจำลองความกดอากาศกับทิศทางและอตั ราเร็วของลม

229

หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 3 ลมฟา้ อากาศและภูมอิ ากาศ

6. การวัดและการประเมนิ ผล

รายการวดั วิธวี ดั เครอ่ื งมอื เกณฑก์ ารประเมนิ

6.1 การประเมินชิ้นงาน/

ภาระงาน (รวบยอด)

- ช้นิ งานแบบจำลอง - ตรวจช้นิ งาน - แบบประเมินช้ินงาน/ - ระดบั คุณภาพ 2

ความกดอากาศกับ แบบจำลองความกด ภาระงาน (รวบยอด) ผ่านเกณฑ์

ทศิ ทางและอตั ราเรว็ อากาศกบั ทิศทาง

ของลม และอตั ราเรว็ ของลม

6.2 การประเมินก่อนเรยี น

- แบบทดสอบ - ตรวจแบบทดสอบ - แบบทดสอบก่อนเรียน - ประเมินตามสภาพจริง

กอ่ นเรยี น หน่วยการ ก่อนเรียน หน่วยการ หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 3

เรียนรู้ท่ี 3 ลมฟ้า เรยี นร้ทู ่ี 3 ลมฟ้า ลมฟา้ อากาศและ

อากาศและภูมิอากาศ อากาศและ ภมู ิอากาศ

ภูมิอากาศ

6.3 การประเมินระหวา่ ง

การจัดกจิ กรรม

1) ปัจจยั ทสี่ ง่ ผลต่อการ - ตรวจใบงานท่ี 3.1 - ใบงานที่ 3.1 - รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์

รับรงั สีดวงอาทติ ย์ - ตรวจสมดุ ประจำตัว - สมดุ ประจำตัว หรือ - ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์

ของพนื้ ผิวโลก หรือแบบฝกึ หัด แบบฝึกหัด

2) การหมนุ เวยี นของ - ตรวจใบงานท่ี 3.2 - ใบงานที่ 3.2 - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์

อากาศ - ตรวจสมดุ ประจำตัว - สมุดประจำตวั หรอื - รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์

หรอื แบบฝกึ หัด แบบฝึกหัด

3) ผลบันทึกการปฏิบัติ - ประเมนิ การปฏบิ ัติ - แบบประเมินการปฏิบตั ิ - ระดบั คุณภาพ 2

กจิ กรรม กจิ กรรม กิจกรรม ผ่านเกณฑ์

การหมุนเวียนของ

อากาศ

4) ผลบันทกึ การปฏิบัติ - ประเมินการปฏบิ ตั ิ - แบบประเมนิ การปฏิบตั ิ - ระดบั คุณภาพ 2

กจิ กรรมความ กิจกรรม กจิ กรรม ผา่ นเกณฑ์

แตกต่างของ

ความกดอากาศกับ

การหมุนเวยี นของ

อากาศ

230

หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 3 ลมฟา้ อากาศและภูมอิ ากาศ

รายการวดั วธิ ีวัด เครื่องมือ เกณฑ์การประเมนิ

5) การหมนุ เวียนของ - ตรวจสมดุ ประจำตวั - สมดุ ประจำตัว หรอื - รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์

นำ้ ผิวหนา้ ใน หรอื แบบฝึกหดั แบบฝึกหัด

มหาสมทุ ร

6) ผลบันทึกการปฏบิ ตั ิ - ตรวจใบกจิ กรรม - ใบกิจกรรม - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์

กิจกรรมการเกิด - ประเมนิ การปฏบิ ัติ - แบบประเมนิ การปฏบิ ตั ิ - ระดบั คุณภาพ 2

นำ้ ผดุ กิจกรรม กิจกรรม ผา่ นเกณฑ์

7) การเปลี่ยนแปลง - ตรวจใบงานที่ 3.3 - ใบงานที่ 3.3 - รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์

ภมู อิ ากาศ - ตรวจสมุดประจำตวั - สมดุ ประจำตัว หรอื - รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์

หรอื แบบฝกึ หัด แบบฝึกหัด

8) ขอ้ มลู และ - ตรวจใบงานที่ 3.4 - ใบงานท่ี 3.4 - รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์

สารสนเทศทาง - ตรวจสมุดประจำตัว - สมดุ ประจำตัว หรอื - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์

อุตุนิยมวิทยา หรือแบบฝึกหัด แบบฝึกหัด

9) ผลบนั ทึกการปฏบิ ตั ิ - ประเมนิ การปฏิบัติ - แบบประเมินการปฏบิ ตั ิ - ระดบั คณุ ภาพ 2

กจิ กรรม กิจกรรม กิจกรรม ผ่านเกณฑ์

แปลความหมาย

สัญลกั ษณล์ มฟ้า

อากาศจากแผนที่

อากาศผิวพนื้

10) การนำเสนอผลงาน/ - ประเมินการนำเสนอ - แบบประเมินการ - ระดับคุณภาพ 2

ผลการปฏิบัติ ผลงาน/ผลการ นำเสนอผลงาน ผ่านเกณฑ์

กจิ กรรม ปฏบิ ัติกิจกรรม

11) พฤติกรรมการ - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤตกิ รรม - ระดบั คณุ ภาพ 2

ทำงานรายบคุ คล การทำงานรายบุคคล การทำงานรายบุคคล ผา่ นเกณฑ์

12) พฤตกิ รรมการ - สังเกตพฤติกรรม - แบบสังเกตพฤตกิ รรม - ระดบั คณุ ภาพ 2

ทำงานกลุม่ การทำงานกลุ่ม การทำงานกลุ่ม ผ่านเกณฑ์

13) คณุ ลักษณะอนั พึง - สังเกตความมวี ินัย - แบบประเมิน - ระดับคุณภาพ 2

ประสงค์ รบั ผดิ ชอบ ใฝ่เรียนรู้ คณุ ลักษณะ ผา่ นเกณฑ์

และมุ่งมนั่ ในการ อนั พงึ ประสงค์

ทำงาน

231

หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 3 ลมฟา้ อากาศและภูมอิ ากาศ

รายการวัด วธิ ีวัด เคร่อื งมือ เกณฑก์ ารประเมิน
- ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
6.4 การประเมนิ หลังเรียน - แบบทดสอบหลังเรยี น
หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 3
- แบบทดสอบหลงั เรยี น - ตรวจแบบทดสอบ ลมฟ้าอากาศและ
ภูมอิ ากาศ
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 3 หลงั เรยี น หน่วยการ

ลมฟ้าอากาศและ เรียนรทู้ ่ี 3 ลมฟา้

ภูมอิ ากาศ อากาศและ

ภมู อิ ากาศ

7. กิจกรรมการเรียนรู้ เวลา 2 ชัว่ โมง
เวลา 4 ชัว่ โมง
• แผนท่ี 1 : ปัจจัยท่สี ง่ ผลต่อการรับรงั สีดวงอาทติ ยข์ องพืน้ ผวิ โลก เวลา 3 ช่ัวโมง
วธิ สี อนแบบเนน้ มโนทศั น์ (Concept Based Teaching) เวลา 3 ชัว่ โมง
เวลา 4 ชว่ั โมง
• แผนท่ี 2 : การหมนุ เวียนของอากาศ (รวมเวลา 16 ชั่วโมง)
วธิ ีสอนแบบเน้นมโนทัศน์ (Concept Based Teaching)

• แผนที่ 3 : การหมนุ เวยี นของนำ้ ผวิ หน้าในมหาสมุทร
วธิ สี อนแบบเนน้ มโนทัศน์ (Concept Based Teaching)

• แผนท่ี 4 : การเปลีย่ นแปลงภูมอิ ากาศ
วิธสี อนแบบสบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

• แผนที่ 5 : ข้อมลู และสารสนเทศทางอตุ นุ ยิ มวทิ ยา
วธิ ีสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ (5Es Instructional Model)

8. ส่ือ/แหลง่ การเรียนรู้

8.1 ส่ือการเรยี นรู้
1) หนงั สือเรียนรายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ ม.6
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 3 ลมฟ้าอากาศและภมู อิ ากาศ
2) แบบฝึกหดั รายวชิ าพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ ม.6
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 3 ลมฟ้าอากาศและภูมอิ ากาศ
3) ใบงานที่ 3.1 เร่ือง ปจั จัยท่ีมีผลต่อการไดร้ บั พลงั งานจากดวงอาทติ ย์
4) ใบงานท่ี 3.2 เรื่อง การหมุนเวียนของอากาศ
5) ใบงานท่ี 3.3 เร่ือง ชะลอการเปล่ียนแปลงภูมิอากาศโลก
6) ใบงานท่ี 3.4 เร่ือง การใชป้ ระโยชน์จากการพยากรณอ์ ากาศ

232

หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 3 ลมฟ้าอากาศและภมู อิ ากาศ

7) ใบกิจกรรม เรือ่ ง การเกิดน้ำผุด
8) วสั ดุอปุ กรณท์ ่ใี ชใ้ นการปฏิบัตกิ จิ กรรมการหมนุ เวียนอากาศ
9) วัสดุอปุ กรณ์ทใี่ ชใ้ นการปฏิบตั กิ ิจกรรมความแตกตา่ งของความกดอากาศกับการหมุนเวียนของอากาศ
10) วัสดุอุปกรณท์ ่ีใช้ในการปฏิบัติกิจกรรมการเกดิ น้ำผุด
11) วัสดุอุปกรณ์ท่ีใช้ในการปฏิบัติกจิ กรรมแปลความหมายสัญลกั ษณ์ลมฟา้ อากาศจากแผนทีอ่ ากาศผิวพนื้
12) PowerPoint เรือ่ ง ปจั จยั ทีส่ ง่ ผลต่อการรบั รงั สีดวงอาทิตย์ของพ้ืนผิวโลก
13) PowerPoint เรื่อง การหมุนเวียนของอากาศ
14) PowerPoint เรอื่ ง การหมนุ เวียนของนำ้ ผิวหน้าในมหาสมทุ ร
15) PowerPoint เรอ่ื ง การเปล่ยี นแปลงภูมิอากาศ
16) PowerPoint เร่ือง ข้อมลู และสารสนเทศทางอุตุนิยมวิทยา
17) สลากหมายเลข
18) บตั รภาพ
19) แผนท่ีอากาศ
20) ภาพสญั ลกั ษณต์ า่ ง ๆ บนแผนทอี่ ากาศ
21) สมุดประจำตัวนักเรยี น
8.2 แหล่งการเรยี นรู้
1) หอ้ งเรยี น
2) ห้องสมดุ
3) อนิ เทอรเ์ นต็

233

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 3 ลมฟา้ อากาศและภมู อิ ากาศ

แบบทดสอบกอ่ นเรยี น

หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 3 ลมฟ้าอากาศและภมู อิ ากาศ

คำชี้แจง : ใหน้ กั เรียนเลือกคำตอบที่ถูกต้องท่ีสุดเพียงข้อเดียว

1. ขอ้ ใดไม่ใช่ปัจจัยท่ีทำให้แตล่ ะบรเิ วณของโลกได้รบั 5. ปัจจยั หลกั ที่ทำให้กระแสนำ้ ผวิ หน้าในมหาสมุทรเกดิ การ
พลังงานจากดวงอาทิตย์ไมเ่ ทา่ กนั หมุนเวียนคอื ข้อใด
1. รปู ทรงของโลก 1. การเคลื่อนทข่ี องลมทอี่ ยเู่ หนอื มหาสมุทร
2. การเอียงของแกนโลก 2. ปรมิ าณของเกลอื ทล่ี ะลายอยู่ในมหาสมุทร
3. ลักษณะของพนื้ ผวิ โลก 3. อุณหภมู ทิ ่ีแตกตา่ งกนั ในแตล่ ะบริเวณของมหาสมทุ ร
4. ปรมิ าณของเมฆและละอองลอย 4. ความเคม็ ทแี่ ตกตา่ งกนั ในแตล่ ะบรเิ วณของมหาสมุทร
5. ความแตกต่างของความกดอากาศ 5. ความหนาแนน่ ทีแ่ ตกต่างกนั ในแต่ละบรเิ วณของ
มหาสมทุ ร
2. ขอ้ ใดเป็นปจั จัยทีท่ ำให้อากาศมกี ารเคลอื่ นท่ีจากบริเวณ
หนงึ่ ไปยังอกี บรเิ วณหน่งึ 6. ขอ้ ใดไม่ใช่ปจั จยั ท่ีทำใหเ้ กดิ การหมุนเวียนของกระแสนำ้
1. อุณหภมู ิทงั้ สองบริเวณเท่ากัน ผิวหนา้
2. ความกดอากาศท้งั สองบริเวณเท่ากนั 1. ความเคม็
3. ลกั ษณะพ้นื ผวิ ทงั้ สองบริเวณเหมือนกัน 2. แรงคอรอิ อลิส
4. ความกดอากาศทัง้ สองบรเิ วณแตกตา่ งกนั 3. ลมพัดเหนือผิวนาํ้
5. ความชันของความกดอากาศมคี า่ เท่ากับศนู ย์ 4. ความแตกต่างของอุณหภูมิ
5. การหมนุ รอบตัวเองของโลก
3. ลมเกดิ ข้ึนได้อย่างไร
1. อากาศมีความหนาแนน่ คงที่ 7. ปรากฏการณ์เอลนโี ญเกดิ ข้ึนจากสาเหตใุ ด
2. มคี วามแตกตา่ งของความกดอากาศ 1. ลมค้ามีกำลังแรงข้ึน
3. อากาศหนาวเคลอ่ื นมาแทนทอ่ี ากาศรอ้ น 2. โลกได้รับพลังงานความรอ้ นน้อยลง
4. เกดิ จากการขยายตวั ของอากาศ ทำให้อากาศเคลื่อนท่ี 3. ลมค้าอ่อนกำลงั ลง หรอื เปลย่ี นทิศทางการเคลื่อนท่ี
5. เกดิ การเปลย่ี นแปลงของแรงดนั อากาศ สง่ ผลให้ 4. กระแสน้ำอุ่นจากทวีปอเมรกิ าใต้เคลือ่ นท่ีไปประเทศ
ความหนาแนน่ ของอากาศเปล่ียนแปลง ออสเตรเลยี
5. กระแสนำ้ เย็นจากทวีปอเมรกิ าใต้เคลอ่ื นที่ไปประเทศ
4. สถานการณ์ในข้อใดทอ่ี ธิบายทศิ ทางการเคล่อื นท่ขี องลม ออสเตรเลยี
ไดถ้ กู ต้อง
1. ลมตะวนั ตกจะพัดในทิศทางเดยี วกบั ลมคา้ 8. ข้อใดไม่ใช่กระบวนการทางธรรมชาตทิ ่ีส่งผลตอ่ การ
2. ลมค้าในซกี โลกเหนอื จะพดั จากทศิ ตะวันตกไปยงั ทิศ เปล่ียนแปลงภูมิอากาศโลก
ตะวันออก 1. การระเบดิ ของภูเขาไฟ
3. ลมท่พี ัดจากขัว้ โลกใตไ้ ปหาเสน้ ศูนย์สูตรจะเบนไป 2. การหมนุ ควงของแกนโลก
ทางขวาเสมอ 3. การเคลอ่ื นทข่ี องแผ่นธรณี
4. ลมที่พดั จากขั้วโลกเหนือไปหาเสน้ ศูนยส์ ตู รจะเบนไป 4. การเปลยี่ นแปลงมมุ เอียงของแกนโลก
ทางซ้ายเสมอ 5. การเปล่ียนแปลงอณุ หภมู ิของนำ้ ในมหาสมทุ ร
5. ลมคา้ ในซีกโลกใตจ้ ะพัดจากทิศตะวนั ออกเฉียงใตไ้ ปยัง
ทิศตะวันตกเฉยี งเหนอื

234

หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 3 ลมฟา้ อากาศและภูมอิ ากาศ

9. ถ้าพบสัญลกั ษณ์ H บนแผนทอ่ี ากาศ บรเิ วณนั้นจะมี
ลกั ษณะอากาศเปน็ อยา่ งไร
1. พายุไตฝ้ ่นุ
2. พายุดีเปรสช่นั
3. แนวรอ่ งมรสุมพัดผา่ น
4. หยอ่ มความกดอากาศตำ่
5. หย่อมความกดอากาศสูง

10. เพราะเหตุใดการตรวจวดั อากาศจึงต้องปฏิบตั ิบ่อยครง้ั
ที่สุดเทา่ ท่จี ะทำได้
1. เพื่อให้ได้ข้อมลู ที่แมน่ ยำ
2. เพือ่ เพิม่ ความชำนาญในการตรวจวดั ของเจ้าหน้าที่
3. เพอ่ื ให้ข้อมูลมีความทนั สมยั ใกลเ้ คยี งกับตา่ งประเทศ
4. เพือ่ ให้ได้ข้อมลู จำนวนมากเพยี งพอกบั การพยากรณ์
อากาศ
5. เพื่อให้ไดข้ อ้ มลู ของอากาศซึง่ มีการเปลย่ี นแปลงอยู่
ตลอดเวลา

เฉลย 1. 5 2. 4 3. 2 4. 5 5. 1 6. 1 7. 3 8. 5 9. 5 10. 5

235

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 3 ลมฟ้าอากาศและภมู อิ ากาศ

แบบทดสอบหลังเรียน

หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 3 ลมฟ้าอากาศและภูมอิ ากาศ

คำชี้แจง : ให้นักเรยี นเลือกคำตอบที่ถูกต้องท่ีสุดเพียงข้อเดียว

1. ปจั จยั ในข้อใดมอี ิทธพิ ลทำใหผ้ วิ โลกในแต่ละพน้ื ท่มี อี ุณหภมู ิ 5. เม่อื แรงทีเ่ กิดจากความชันของความกดอากาศมคี า่ มาก
ไม่เทา่ กัน ส่งผลตอ่ ลมอย่างไร
1. แรงเกรเดยี นท์ 1. ลมพดั แรงขึน้
2. แรงสู่ศนู ย์กลาง 2. ลมพดั อ่อนลง
3. แรงโน้มถ่วงของโลก 3. ลมพดั สมำ่ เสมอ
4. แกนโลกเอียง 23.5 องศา 4. ลมพัดออ่ น ๆ อยา่ งสมำ่ เสมอ
5. โลกเป็นดาวเคราะห์ทอี่ ยหู่ า่ งจากดวงอาทติ ย์ 5. ลมพดั แรงขึน้ และคอ่ ย ๆ อ่อนกำลงั ลง

2. ขอ้ ใดคอื ความหมายของลมในทางอุตนุ ิยมวิทยา 6. ข้อใดไม่ใช่ปจั จัยทส่ี ่งผลให้การหมนุ เวยี นของกระแสนำ้
1. การเคลื่อนทีข่ องอากาศในแนวตั้ง ในมหาสมุทรบรเิ วณซีกโลกเหนอื ไหลเปน็ วงตามเข็มนาฬกิ า
2. การเคลอ่ื นที่ของอากาศในแนวนอน 1. ลมคา้
3. การเคลื่อนที่ของอากาศในแนวเฉยี ง 2. ลมตะวนั ตก
4. การเคลื่อนทีข่ องอากาศในทุกทิศทาง 3. แรงคอรอิ อลิส
5. การเคลอ่ื นทขี่ องอากาศในแนวตง้ั ฉาก 4. รูปรา่ งของทวีป
5. ความลึกของมหาสมทุ ร
3. สภาพอากาศแบบใดที่ทำใหค้ วนั ไฟจากการกอ่ กองไฟ
เคล่ือนทไี่ ปยงั ชายฝั่งทะเล 7. ปรากฏการณ์เอลนโี ญส่งผลอยา่ งไรต่อภมู ิภาคเอเชีย
1. อากาศมเี สถียรภาพทั้งบนแผน่ ดนิ และบนทะเล ตะวนั ออกเฉียงใต้
2. อากาศช้ืนเหนอื แผน่ ดินและอากาศแห้งเหนอื ทะเล 1. อณุ หภมู ินำ้ ทะเลสูงข้ึน
3. ความกดอากาศสงู เหนือแผน่ ดินและความกดอากาศต่ำ 2. อุณหภมู ิอากาศลดต่ำลง
เหนอื ทะเล 3. ปริมาณเมฆมาก ฝนตกมาก
4. อากาศท่มี ีอุณหภมู สิ งู เหนอื แผน่ ดนิ และอากาศท่ีมี 4. ปริมาณเมฆน้อย ฝนตกนอ้ ย
อุณหภูมติ ่ำเหนอื ทะเล 5. ลมค้ามีกำลงั แรงมากกวา่ ปกติ
5. ความหนาแนน่ ของอากาศต่ำเหนือแผ่นดินและความ
หนาแน่นของอากาศสงู เหนือทะเล 8. จากภาพ มีการแสดงค่าของอุณหภมู ิ ความกดอากาศ
และความเร็วลมเท่าใดตามลำดับ
4. แรงคอรอิ อลิสทำให้ลมคา้ ในซกี โลกเหนือเคลอ่ื นท่ไี ปใน
ทิศทางใด 1. 40 องศาเซลเซยี ส 225 มิลลิบาร์ 1-3 กม./ชม.
1. ทศิ เหนอื ไปยังทิศใต้ 2. 40 องศาเซลเซียส 1022.5 มิลลบิ าร์ 1-3 กม./ชม.
2. ทศิ ใต้ไปยงั ทศิ เหนือ 3. 40 องศาฟาเรนไฮต์ 225 มลิ ลบิ าร์ 1-3 กม./ชม.
3. ทศิ ตะวนั ตกไปยังทิศตะวนั ออก 4. 40 องศาฟาเรนไฮต์ 225 ปาสคาล 1-3 กม./ชม.
4. ทิศตะวันตกเฉยี งใตไ้ ปยงั ทศิ ตะวนั ออกเฉียงเหนือ 5. 40 องศาฟาเรนไฮต์ 1022.5 ปาสคาล 1-3 กม./ชม.
5. ทศิ ตะวันออกเฉียงเหนือไปยงั ทศิ ตะวันตกเฉยี งใต้

236

หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 3 ลมฟา้ อากาศและภมู อิ ากาศ

9. จากข้อ 8. อากาศมสี ภาวะอย่างไร
1. ท้องฟ้าโปรง่ ไมม่ ฝี นตก และลมแรง
2. ทอ้ งฟา้ โปรง่ ไม่มฝี นตก และลมออ่ น
3. ท้องฟา้ มีเมฆมาก ฝนฟา้ คะนอง และลมแรง
4. ทอ้ งฟ้ามีเมฆมาก ฝนตกเล็กนอ้ ย และลมออ่ น
5. ท้องฟ้ามเี มฆมาก ฝนตกปานกลาง และลมอ่อน

10. พิจารณาข้อความต่อไปน้ี
1) รวบรวมขอ้ มูลการตรวจอากาศ
2) วเิ คราะห์ข้อมูลเพ่ือจัดทำคำพยากรณ์
3) เกบ็ ข้อมูลลักษณะอากาศดว้ ยเครือ่ งมือ
4) นำเสนอข้อมลู ในรูปของแผนท่ีอากาศ
5) เผยแพรค่ ำพยากรณ์ผา่ นทางสื่อต่าง ๆ

ข้อใดเรียงลำดับขน้ั ตอนการพยากรณอ์ ากาศไดถ้ กู ต้อง
1. ขอ้ 1 2 3 4 และ 5
2. ข้อ 5 4 3 2 และ 1
3. ข้อ 2 3 5 1 และ 4
4. ข้อ 3 1 4 2 และ 5
5. ขอ้ 4 2 1 3 และ 5

เฉลย 1. 4 2. 2 3. 3 4. 5 5. 1 6. 5 7. 4 8. 2 9. 2 10. 4

237

หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 3 ลมฟ้าอากาศและภูมอิ ากาศ

แบบประเมินช้นิ งาน/ภาระงาน (รวบยอด)

แบบประเมนิ ผลงาน แบบจำลองความกดอากาศกบั ทศิ ทางและอตั ราเรว็ ของลม

คำช้ีแจง : ให้ผูส้ อนประเมินผลงาน/ชิน้ งานของนักเรยี นตามรายการที่กำหนด แลว้ ขีด ✓ลงในช่องที่ตรงกบั

ระดบั คะแนน

ลำดบั ท่ี รายการประเมนิ ระดบั คุณภาพ
4 3 21

1 การออกแบบช้นิ งาน

2 การเลือกใชว้ สั ดเุ พ่ือสร้างชน้ิ งาน

3 ความสมบูรณ์ของชน้ิ งาน

4 การสร้างสรรคช์ ้นิ งาน

5 กำหนดเวลาส่งงาน

รวม

ลงชอื่ ................................................... ผู้ประเมนิ
............../................./................

238

หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 3 ลมฟ้าอากาศและภูมอิ ากาศ

เกณฑก์ ารประเมนิ ผลงาน
แบบจำลองความกดอากาศกับทศิ ทางและอตั ราเร็วของลม

ประเดน็ ทป่ี ระเมนิ 4 ระดบั คะแนน 1
32

1. การออกแบบชน้ิ งาน ช้ินงานมีความถูกต้องท่ี ช้ินงานมีความถูกต้องที่ ช้ินงานมีความถูกต้องที่ ช้ิ น งา น ไม่ ถู ก ต้ อ งที่

ออกแ บ บ ไว้ มี ขน าด ออกแ บ บ ไว้ มี ขน าด ออกแ บ บ ไว้ มี ขน าด ออกแบบไว้ มีขนาดไม่

เห ม า ะ ส ม รู ป แ บ บ เห ม า ะ ส ม รู ป แ บ บ เห ม า ะ ส ม รู ป แ บ บ เหมาะสม รูปแบบไม่

น่าสนใจ แปลกตา และ น่าสนใจ และสรา้ งสรรค์ นา่ สนใจ น่าสนใจ

สร้างสรรค์ดี

2. การเลอื กใชว้ ัสดเุ พื่อ เลือกใช้วัสดุ มาสร้าง เลือกใช้วัสดุ มาสร้าง เลือกใช้วัสดุ มาสร้าง เลือกใช้วัสดุ มาสร้าง

สรา้ งชิ้นงาน ชิ้นงานตามที่กำหนดได้ ช้ินงานตามท่ีกำหนดได้ ช้ินงานตามท่ีกำหนด ช้ินงาน ไม่ ต รงตาม ที่

ถูกต้อง และวัสดุมีความ ถูกต้อง และวัสดุมีความ แต่วัสดุมีความเหมาะสม กำหนด และวัสดุไม่มี

เหมาะสมกับการสร้าง เหมาะสมกับการสร้าง กับการสร้างชิ้นงานที่ ความเหมาะสมกับการ

ชิ้นงานดมี าก ชนิ้ งานดี ออกแบบไว้ สร้างชิ้นงานที่ออกแบบ

ไว้

3. ความสมบูรณข์ อง ชิ้นงานมีความแข็งแรง ช้ินงานมีความแข็งแรง ชิ้ น ง า น ไ ม่ มี ค ว า ม ชิ้ น ง า น ไ ม่ มี ค ว า ม

ชิน้ งาน ท น ท า น ส า ม า ร ถ ท น ท า น ส า ม า ร ถ แข็งแรง แต่ สามารถ แ ข็ ง แ ร ง แ ล ะ ไ ม่

นำไปใช้งานได้จริงและ นำไปใช้งานได้จริงและ นำไปใชง้ านได้บา้ ง สามารถนำไปใช้งานได้

ใชไ้ ดด้ มี าก ใชไ้ ด้ดี

4. การสร้างสรรค์ ต ก แ ต่ ง ช้ิ น ง า น ไ ด้ ต ก แ ต่ ง ช้ิ น ง า น ไ ด้ ต ก แ ต่ ง ชิ้ น ง า น ไ ด้ ช้ิ น ง า น ไ ม่ มี ค ว า ม

ชิ้นงาน สวยงามดมี าก สวยงามดี สวยงามนอ้ ย สวยงาม

5. กำหนดเวลาสง่ งาน ส่งช้ินงานภายในเวลาที่ ส่งชิ้นงานช้ากว่ากำหนด ส่งชิ้นงานช้ากว่ากำหนด ส่งช้ินงานช้ากว่ากำหนด

กำหนด 1-2 วนั เกิน 3 วนั ขนึ้ ไป เกิน 5 วนั ข้นึ ไป

เกณฑก์ ารตัดสนิ คุณภาพ

ช่วงคะแนน ระดับคณุ ภาพ

18-20 ดีมาก

14-17 ดี

10-13 พอใช้

ต่ำกวา่ 10 ปรับปรุง

239

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 3 ลมฟา้ อากาศและภูมอิ ากาศ

แบบประเมินการปฏบิ ตั ิกจิ กรรม

คำชี้แจง : ให้ผ้สู อนประเมนิ การปฏิบตั ิกิจกรรมของนักเรยี นตามรายการท่ีกำหนด แลว้ ขดี ✓ ลงในช่องท่ีตรงกับ
ระดับคะแนน

ลำดบั ท่ี รายการประเมิน 4 ระดับคะแนน 1
32

1 การปฏิบัติการทำกิจกรรม
2 ความคลอ่ งแคลว่ ในขณะปฏบิ ัตกิ ิจกรรม
3 การบันทึก สรุปและนำเสนอผลการทำกจิ กรรม

รวม

ลงชอ่ื ................................................... ผู้ประเมนิ
................./................../..................

240

หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 3 ลมฟา้ อากาศและภูมอิ ากาศ

เกณฑ์การประเมนิ การปฏบิ ัติกจิ กรรม

ประเด็นทปี่ ระเมนิ ระดบั คะแนน

1. การปฏิบตั ิ 432 1
กจิ กรรม ต้องใหค้ วามชว่ ยเหลอื
ทำกิจกรรมตามข้ันตอน ทำกิจกรรมตามขน้ั ตอน ต้องให้ความชว่ ยเหลือ อยา่ งมากในการทำ
2. ความ และใช้อุปกรณไ์ ด้อยา่ ง และใช้อปุ กรณไ์ ด้อยา่ ง บา้ งในการทำกจิ กรรม กจิ กรรม และการใช้
คล่องแคล่ว ถูกต้อง ถกู ต้อง แตอ่ าจตอ้ ง และการใช้อุปกรณ์ อุปกรณ์
ในขณะปฏบิ ัติ ไดร้ บั คำแนะนำบ้าง ทำกจิ กรรมเสรจ็ ไม่
กจิ กรรม มีความคลอ่ งแคลว่ มคี วามคลอ่ งแคล่ว ขาดความคลอ่ งแคลว่ ทนั เวลา และทำ
ในขณะทำกิจกรรมโดย ในขณะทำกจิ กรรมแต่ ในขณะทำกิจกรรมจึง อปุ กรณเ์ สยี หาย
3. การบันทึก สรปุ ไม่ตอ้ งได้รับคำชี้แนะ ตอ้ งไดร้ บั คำแนะนำบ้าง ทำกจิ กรรมเสรจ็ ไม่
และนำเสนอผล และทำกจิ กรรมเสรจ็ และทำกิจกรรมเสรจ็ ทันเวลา ต้องให้ความชว่ ยเหลือ
การปฏิบตั ิ ทนั เวลา ทันเวลา อยา่ งมากในการบันทกึ
กจิ กรรม สรุป และนำเสนอผล
บนั ทึกและสรุปผลการ บนั ทึกและสรปุ ผลการ ตอ้ งใหค้ ำแนะนำในการ การทำกจิ กรรม
ทำกิจกรรมไดถ้ กู ตอ้ ง ทำกจิ กรรมไดถ้ กู ตอ้ ง บันทกึ สรุป และ
รดั กุม นำเสนอผลการ แตก่ ารนำเสนอผลการ นำเสนอผลการทำ
ทำกจิ กรรมเป็นขั้นตอน ทำกิจกรรมยงั ไม่เปน็ กิจกรรม
ชดั เจน ขั้นตอน

เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ

ช่วงคะแนน ระดบั คุณภาพ

10-12 ดมี าก

7-9 ดี

4-6 พอใช้

0-3 ปรับปรุง

241

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 3 ลมฟ้าอากาศและภูมอิ ากาศ

แบบประเมนิ การนำเสนอผลงาน

คำช้ีแจง : ให้ผู้สอนสงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียน แล้วขดี ✓ลงในชอ่ งท่ี

ตรงกบั ระดบั คะแนน

ลำดบั ที่ รายการประเมิน ระดบั คะแนน 1
32

1 ความถกู ต้องของเน้อื หา  

2 ความคิดสร้างสรรค์  

3 วิธีการนำเสนอผลงาน  

4 การนำไปใชป้ ระโยชน์  

5 การตรงต่อเวลา  

รวม

ลงชื่อ ................................................... ผู้ประเมิน
............/................./...................

เกณฑ์การให้คะแนน ให้ 3 คะแนน
ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ สมบรู ณช์ ัดเจน ให้ 2 คะแนน
ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ เปน็ ส่วนใหญ่ ให้ 1 คะแนน
ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินบางส่วน

เกณฑก์ ารตดั สินคุณภาพ

ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ

14–15 ดมี าก

11–13 ดี

8–10 พอใช้

ต่ำกวา่ 8 ปรบั ปรงุ

242

หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 3 ลมฟา้ อากาศและภมู อิ ากาศ

แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานรายบุคคล

คำชี้แจง : ใหผ้ ้สู อนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ✓ลงในชอ่ งท่ี

ตรงกับระดับคะแนน

ลำดบั ที่ รายการประเมิน ระดบั คะแนน 1
32

1 การแสดงความคดิ เห็น  

2 การยอมรับฟงั ความคิดเหน็ ของผอู้ ืน่  

3 การทำงานตามหน้าท่ีท่ไี ดร้ ับมอบหมาย  

4 ความมีน้ำใจ  

5 การตรงต่อเวลา  

รวม

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ลงชือ่ ................................................... ผปู้ ระเมนิ
ปฏิบัติหรอื แสดงพฤติกรรมอย่างสมำ่ เสมอ ............/.................../................
ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง
ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤติกรรมบางคร้งั ให้ 3 คะแนน
ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน

เกณฑ์การตดั สนิ คุณภาพ

ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ

14–15 ดีมาก

11–13 ดี

8–10 พอใช้

ตำ่ กวา่ 8 ปรบั ปรุง

243

หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 3 ลมฟ้าอากาศและภูมอิ ากาศ

แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทำงานกลุม่

คำชีแ้ จง : ใหผ้ ูส้ อนสงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ✓ลงในชอ่ งที่
ตรงกบั ระดับคะแนน

การทำงาน การมี
ตามทีไ่ ด้รบั
ลำดบั ที่ ช่อื –สกลุ การแสดง การยอมรับ มอบหมาย ความมนี ำ้ ใจ ส่วนรว่ มใน รวม
ของนักเรยี น ความคดิ เหน็ ฟังคนอื่น การปรับปรงุ 15
คะแนน
ผลงานกลุม่

321321321321321

เกณฑ์การใหค้ ะแนน ลงช่อื ................................................... ผปู้ ระเมนิ
ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่ำเสมอ ............./.................../...............
ปฏิบตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมบ่อยครงั้
ปฏบิ ัติหรือแสดงพฤตกิ รรมบางครั้ง ให้ 3 คะแนน
ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน

เกณฑก์ ารตัดสนิ คุณภาพ

ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภาพ

14–15 ดมี าก

11–13 ดี

8–10 พอใช้

ตำ่ กว่า 8 ปรบั ปรงุ

244

หน่วยการเรยี นรู้ที่ 3 ลมฟา้ อากาศและภมู อิ ากาศ

แบบประเมินคุณลักษณะอนั พึงประสงค์

คำชแี้ จง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด ✓ลงในช่องท่ี

ตรงกับระดับคะแนน

คุณลกั ษณะ รายการประเมนิ ระดบั คะแนน
อันพึงประสงคด์ ้าน 321

1. รกั ชาติ ศาสน์ 1.1 ยืนตรงเคารพธงชาติ และร้องเพลงชาตไิ ด้

กษัตริย์ 1.2 เข้าร่วมกจิ กรรมท่สี ร้างความสามัคคีปรองดอง และเป็นประโยชน์

ตอ่ โรงเรียน

1.3 เข้ารว่ มกิจกรรมทางศาสนาที่ตนนบั ถือ ปฏบิ ตั ิตามหลักศาสนา

1.4 เข้ารว่ มกิจกรรมท่เี กี่ยวกบั สถาบนั พระมหากษตั ริยต์ ามทโ่ี รงเรยี นจัดขน้ึ

2. ซ่อื สตั ย์ สจุ ริต 2.1 ใหข้ ้อมูลทถี่ ูกต้องและเป็นจริง

2.2 ปฏบิ ัตใิ นส่ิงทถ่ี กู ตอ้ ง

3. มวี ินัย รบั ผดิ ชอบ 3.1 ปฏิบัติตามขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ข้อบังคบั ของครอบครวั

มีความตรงต่อเวลาในการปฏบิ ัติกิจกรรมตา่ ง ๆ ในชีวิตประจำวัน

4. ใฝ่เรียนรู้ 4.1 รจู้ ักใชเ้ วลาวา่ งใหเ้ ป็นประโยชน์ และนำไปปฏิบัตไิ ด้

4.2 รูจ้ ักจัดสรรเวลาใหเ้ หมาะสม

4.3 เช่อื ฟงั คำสั่งสอนของบดิ า-มารดา โดยไม่โต้แย้ง

4.4 ตัง้ ใจเรียน

5. อยู่อยา่ งพอเพียง 5.1 ใชท้ รัพย์สินและส่ิงของของโรงเรียนอย่างประหยัด

5.2 ใช้อปุ กรณ์การเรียนอยา่ งประหยดั และรู้คณุ ค่า

5.3 ใชจ้ า่ ยอยา่ งประหยัดและมีการเกบ็ ออมเงิน

6. ม่งุ มัน่ ในการทำงาน 6.1 มีความตัง้ ใจและพยายามในการทำงานที่ไดร้ บั มอบหมาย

6.2 มีความอดทนและไม่ทอ้ แท้ตอ่ อุปสรรคเพอื่ ใหง้ านสำเร็จ

7. รกั ความเปน็ ไทย 7.1 มีจิตสำนึกในการอนรุ กั ษว์ ฒั นธรรมและภูมปิ ญั ญาไทย

7.2 เห็นคุณค่าและปฏิบตั ิตนตามวัฒนธรรมไทย

8. มจี ติ สาธารณะ 8.1 รู้จักชว่ ยพ่อแม่ ผปู้ กครอง และครทู ำงาน

8.2 รจู้ กั การดแู ลรกั ษาทรพั ยส์ มบตั แิ ละสิ่งแวดลอ้ มของห้องเรียนและโรงเรยี น

ลงช่อื .................................................. ผู้ประเมิน
............/.................../................

เกณฑ์การให้คะแนน เกณฑก์ ารตดั สินคุณภาพ
พฤติกรรมทป่ี ฏิบตั ชิ ัดเจนและสมำ่ เสมอ
พฤติกรรมทป่ี ฏิบัติชดั เจนและบ่อยครัง้ ให้ 3 คะแนน ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ
พฤติกรรมทีป่ ฏิบตั บิ างคร้งั ให้ 2 คะแนน
ให้ 1 คะแนน 51-60 ดมี าก

41-50 ดี

30-40 พอใช้

ตำ่ กวา่ 30 ปรบั ปรุง

245

แผนการจดั การเรยี นรู้ ท่ี 17

กล่มุ สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ าวิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ (ว33101)

ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 6/1-4 ภาคเรยี นที่ 1/2564

หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 3 เรอ่ื ง ลมฟา้ อากาศและภมู ิอากาศ เวลา 16 ชัว่ โมง

เรื่อง ปัจจัยทีส่ ง่ ผลตอ่ การรับรงั สดี วงอาทติ ย์ของพ้ืนผวิ โลก เวลา 2 ชั่วโมง

ผ้สู อน นางสาวรุจริ าวรรณ จันสว่าง โรงเรยี นบา้ นแพงพิทยาคม

วนั ที่.......................เดือน..........................................ป.ี ...............................

1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชีว้ ัด

ว 3.2 ม.6/7 อธิบายปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการได้รับพลังงานจากดวงอาทิตย์แตกต่างกันในแต่ละ
บรเิ วณของโลก

2. จุดประสงค์การเรียนรู้

1. อธิบายปจั จยั ทส่ี ง่ ผลตอ่ การรบั รงั สดี วงอาทิตย์ของพื้นโลกได้ (K)
2. สบื ค้นข้อมูลเกยี่ วกับปัจจัยทสี่ ่งผลตอ่ การรับรังสดี วงอาทิตย์ของพ้นื โลกได้ (P)
3. มคี วามใฝเ่ รยี นรู้และมีความมงุ่ มัน่ ในการทำงาน (A)

3. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรียนรู้ท้องถ่ิน
พิจารณาตามหลกั สตู รของสถานศึกษา
สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง

• พ้ืนโลกแต่ละบริเวณได้รับพลังงานจากดวงอาทิตย์
ในปริมาณที่แตกต่างกัน เนื่องจากปัจจัยสำคัญ
หลายประการ เช่น สัณฐานและการเอียงของ
แกนโลก ลักษณะของพ้ืนผิวละอองลอย และเมฆ
ท ำ ให้ แ ต่ ล ะ บ ริ เว ณ บ น โล ก มี อุ ณ ห ภู มิ ไม่ เท่ า กั น
ส่งผลให้มีความกดอากาศแตกต่างกัน และเกิดการ
ถ่ายโอนพลังงานระหว่างกัน

4. สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด

พืน้ ผิวโลกในแตล่ ะบริเวณมีความเข้มข้นของรังสีจากดวงอาทิตยไ์ ม่เท่ากัน เน่ืองจากปัจจัยที่ส่งผลต่อ
การรับรังสีดวงอาทิตย์ของพื้นผิวโลก เช่น สัณฐานโลกและการเอียงของแกนโลก ลักษณะของพ้ืนผิวโลก

และปริมาณเมฆและละอองลอย ทำใหอ้ ุณหภมู ิของอากาศในแต่ละบริเวณแตกต่างกนั สง่ ผลให้เกิดการถ่าย
โอนพลงั งานระหว่างบริเวณต่าง ๆ และทำใหเ้ กิดการหมุนเวียนของอากาศบนโลก

5. สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รยี นและคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์

สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์

1. ความสามารถในการส่ือสาร 1. มีวินัย รบั ผิดชอบ

2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝ่เรียนรู้

1) ทกั ษะการสอื่ สาร 3. ม่งุ มั่นในการทำงาน

2) ทักษะการลงความคิดเห็นจากขอ้ มูล

3) ทกั ษะการตีความหมายข้อมลู และลงขอ้ สรปุ

3. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

6. กจิ กรรมการเรียนรู้

 แนวคิด/รปู แบบการสอน/วธิ ีการสอน/เทคนิค : แบบเน้นมโนทศั น์ (Concept Based Teaching)

ชว่ั โมงท่ี 1

ข้ันนำ

ขัน้ การใช้ความรเู้ ดมิ เช่ือมโยงความรู้ใหม่ (Prior Knowledge)
1. ครูให้นกั เรียนทำแบบทดสอบก่อนเรยี น หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 3 ลมฟา้ อากาศและภมู ิอากาศ
เพอ่ื วัดความรู้เดิมของนักเรียนกอ่ นเขา้ สู่กจิ กรรม
2. ครถู ามคำถามกระตุน้ ความสนใจของนักเรยี นโดยใช้คำถาม Big Question จากหนงั สือเรยี น
รายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ ม.6 หน่วยการ
เรียนรู้ท่ี 3 ลมฟา้ อากาศและภูมอิ ากาศ และรว่ มกันอภิปรายแสดงความคิดเห็นอย่างอิสระ
3. นกั เรยี นตรวจสอบความเข้าใจของตนเองก่อนเข้าสู่กิจกรรมการเรียนการสอน จากกรอบ
Understanding Check ในหนงั สอื เรยี นรายวชิ าพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี
วทิ ยาศาสตร์โลกและอวกาศ ม.6 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 3 ลมฟ้าอากาศและภูมิอากาศ โดยบันทึก
ลงในสมดุ ประจำตวั นักเรียน
4. ครสู นทนากบั นกั เรียนเกยี่ วกับปจั จัยท่มี ผี ลตอ่ การดดู กลืนและคายพลงั งานความร้อนของวัตถุว่า
“บรเิ วณผวิ โลกแตล่ ะบริเวณมีอุณหภูมแิ ตกตา่ งกนั เนื่องจากไดร้ ับพลังงานจากดวงอาทิตย์ใน
ปริมาณทีแ่ ตกตา่ งกนั ”
5. จากน้ันครูตั้งประเดน็ คำถามโดยใช้คำถาม Key Question จากหนงั สอื เรยี นรายวชิ าพ้ืนฐาน

วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ ม.6 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 3 ลมฟา้ อากาศ
และภูมิอากาศ โดยใหน้ ักเรียนแตล่ ะคนร่วมกนั อภิปรายแสดงความคิดเหน็ เพ่อื หาคำตอบ

ข้นั สอน

ขน้ั รู้ (Knowledge)
1. นกั เรยี นแบ่งกลมุ่ กลมุ่ ละ 3 คน ตามความสมคั รใจ จากนั้นใหน้ กั เรียนแต่ละกล่มุ รว่ มกนั ศึกษา
ค้นควา้ ข้อมูลเกยี่ วกับปจั จัยท่ีส่งผลตอ่ การรบั รังสีดวงอาทิตย์ของพื้นผวิ โลก จากหนังสือเรียน
รายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ ม.6 หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 3
ลมฟ้าอากาศและภูมิอากาศ หรือแหล่งการเรยี นรู้ต่าง ๆ เชน่ อินเทอรเ์ นต็ โดยให้สมาชิกภายใน
กลุ่มแบง่ หนา้ ทกี่ นั ศึกษาคนละ 1 เร่อื ง ซง่ึ มีหัวข้อ ดังนี้
• คนท่ี 1 ศกึ ษาสัณฐานโลกและการเอยี งของแกนโลก
• คนที่ 2 ศึกษาลักษณะของพ้ืนผวิ โลก
• คนท่ี 3 ศึกษาปรมิ าณเมฆและละอองลอย
2. สมาชกิ ภายในกลุม่ นำเร่ืองที่ตนเองศกึ ษาคน้ ควา้ มาอธบิ ายใหเ้ พื่อนในกลุ่มฟงั จากนั้นร่วมกนั สรปุ
ขอ้ มูลที่ไดล้ งในสมดุ ประจำตัวนกั เรียน
(หมายเหตุ : ครูเรม่ิ ประเมินนักเรียน โดยใชแ้ บบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุม่ )

ช่วั โมงที่ 2

ขั้นเขา้ ใจ (Understanding)
3. นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอผลการศึกษาหน้าชน้ั เรียน ในระหว่างทน่ี ักเรยี นนำเสนอ
ครคู อยใหข้ ้อเสนอแนะเพม่ิ เติม เพอื่ ให้นกั เรยี นมีความเข้าใจท่ีถกู ต้อง
(หมายเหตุ : ครเู รมิ่ ประเมินนักเรียน โดยใชแ้ บบประเมินการนำเสนอผลงาน)
4. ครูตง้ั ประเด็นคำถามเพอ่ื ตรวจสอบความเขา้ ใจของนักเรียน โดยใหน้ กั เรยี นแต่ละกลมุ่ รว่ มกัน
อภิปรายแสดงความคิดเห็นเพอ่ื หาคำตอบ ดงั นี้
• อุณหภมู ิอากาศแตล่ ะบริเวณบนผวิ โลกแตกตา่ งกันหรือไม่ อยา่ งไร
(แนวตอบ : อุณหภูมิอากาศแตล่ ะบริเวณบนผวิ โลกจะมีค่าแตกต่างกัน โดยข้นึ อยู่กับปจั จยั
หลายอยา่ ง ได้แก่ รปู ทรงของโลก การเอยี งของแกนโลก ลักษณะของพื้นผิวโลก และปริมาณ
เมฆและละอองลอย)
• การท่ีโลกได้รบั พลังานจากดวงอาทติ ย์ทกุ วันอย่างต่อเนือ่ งจะทำให้โลกมีการเปล่ียนแปลง
อุณหภูมเิ ฉลี่ยของอากาศหรือไม่ อยา่ งไร
(แนวตอบ : โลกมกี ลไกในการรักษาสมดุลอณุ หภูมิ โดยการดูดกลืนและคายพลังงานความร้อน
จากดวงอาทติ ยใ์ นอตั ราส่วนท่ีเหมาะสม จึงทำให้อุณหภูมเิ ฉลยี่ ของโลกค่อนขา้ งคงท่)ี

5. ครอู ธิบายเพมิ่ เติมใหน้ ักเรยี นเข้าใจวา่ “การรับพลังงานจากดวงอาทติ ยไ์ ปประยุกต์ใชใ้ น
ชวี ติ ประจำวัน เช่น การออกแบบหรือตกแตง่ บรเิ วณบา้ นเรอื นให้มีการดูดกลืนและคายพลงั งาน
ความรอ้ นจากดวงอาทิตย์ในปรมิ าณที่เหมาะสม การเลอื กสถานที่ทำกิจกรรมต่าง ๆ โดยคำนงึ ถงึ
อุณหภมู ขิ องสถานทนี่ น้ั ๆ”

ขัน้ ลงมือทำ (Doing)
6. นกั เรยี นทำใบงานที่ 3.1 เรื่อง ปจั จัยท่ีมีผลต่อการไดร้ ับพลงั งานจากดวงอาทิตย์
7. ครูสุ่มนักเรยี น 3 คน ออกมานำเสนอคำตอบของตนเองหนา้ ชัน้ เรียน โดยให้เพอ่ื นในช้ันเรยี น
ร่วมกันพจิ ารณาว่าคำตอบนนั้ ถกู ต้องหรอื ไม่ จากนั้นครเู ฉลยคำตอบท่ถี ูกต้องใหน้ กั เรยี น
8. ครมู อบหมายให้นักเรยี นแตล่ ะคนทำแบบฝกึ หัด เรอ่ื ง ปจั จัยทีส่ ง่ ผลต่อการรับรงั สดี วงอาทติ ย์
ของพื้นผวิ โลก จากแบบฝึกหดั รายวชิ าพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์โลก
และอวกาศ ม.6 หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 3 ลมฟ้าอากาศและภูมอิ ากาศ เป็นการบา้ นสง่ ช่วั โมงถดั ไป

ข้นั สรุป

ขั้นสรุป
1. ครเู ปดิ โอกาสใหน้ ักเรียนซักถามเน้ือหาเกย่ี วกับปัจจยั ท่ีส่งผลต่อการรับรังสีดวงอาทติ ย์
ของพ้นื ผวิ โลก และให้ความรเู้ พ่มิ เติมจากคำถามของนักเรยี น โดยครูใช้ PowerPoint
เรอื่ ง ปัจจัยท่ีส่งผลต่อการรบั รงั สีดวงอาทิตยข์ องพื้นผวิ โลก ในการอธบิ ายเพ่ิมเตมิ
2. นักเรียนและครูร่วมกนั สรปุ เกย่ี วกบั ปัจจัยท่สี ่งผลตอ่ การรับรงั สีดวงอาทิตย์ของพื้นผวิ โลก ซ่งึ ควรได้
ขอ้ สรุปรว่ มกนั ว่า “ปัจจัยท่ีทำให้ความเข้มของรังสีจากดวงอิทตย์แตกตา่ งกนั ในแตล่ ะบริเวณ คือ
สัณฐานโลกและการเอยี งของแกนโลก ลักษณะของพ้ืนผวิ โลก และปรมิ าณเมฆและละอองลอย
ซึ่งปัจจัยดงั กลา่ วทำให้โลกได้รบั ปรมิ าณรังสที ่แี ตกตา่ งกัน ทำใหพ้ ืน้ ผิวโลกในแตล่ ะบรเิ วณมี
ความเข้มของรงั สจี ากดวงอาทติ ยไ์ ม่เทา่ กัน”

ข้ันประเมนิ

ขั้นประเมนิ
1. ครูตรวจสอบผลการทำแบบทดสอบก่อนเรียนหน่วยการเรียนรูท้ ่ี 3 ลมฟ้าอากาศและภมู ิอากาศ
เพ่ือตรวจสอบความเข้าใจก่อนเรยี นของนักเรยี น
2. ครูประเมินผล โดยการสังเกตพฤติกรรมการตอบคำถาม พฤติกรรมการทำงานรายบุคคล
พฤติกรรมการทำงานกลุ่ม และจากการนำเสนอผลการปฏิบัติกจิ กรรมหน้าช้นั เรยี น
3. ครตู รวจสอบความเขา้ ใจของนักเรยี นก่อนเข้าสูก่ จิ กรรมการเรยี นการสอน
จากกรอบ Understanding Check ในสมดุ ประจำตัวนักเรียน
4. ครูตรวจสอบผลการทำใบงานท่ี 3.1 เรื่อง ปัจจัยทีม่ ีผลต่อการได้รบั พลังงานจากดวงอาทิตย์

5. ครตู รวจแบบฝกึ หัด เรื่อง ปจั จยั ที่ส่งผลตอ่ การรับรังสดี วงอาทติ ยข์ องพน้ื ผวิ โลก จากแบบฝกึ หัด
รายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี วทิ ยาศาสตร์โลกและอวกาศ ม.6 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 3
ลมฟ้าอากาศและภมู ิอากาศ

7. การวัดและประเมินผล

รายการวัด วธิ กี าร เคร่อื งมือ เกณฑ์การประเมนิ
- ประเมินตามสภาพจริง
7.1 การประเมนิ กอ่ นเรยี น - แบบทดสอบก่อนเรียน
หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 - รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
- แบบทดสอบ - ตรวจแบบทดสอบ ลมฟ้าอากาศและ - รอ้ ยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
ภูมิอากาศ
กอ่ นเรยี น หน่วยการ กอ่ นเรียน หน่วยการ - ระดบั คณุ ภาพ 2
- ใบงานท่ี 3.1 ผ่านเกณฑ์
เรียนรู้ที่ 3 ลมฟา้ เรียนรทู้ ี่ 3 ลมฟา้ - สมุดประจำตวั หรอื - ระดับคุณภาพ 2
แบบฝึกหัด ผ่านเกณฑ์
อากาศและ อากาศและภมู ิอากาศ - ระดบั คณุ ภาพ 2
- แบบประเมินการ ผา่ นเกณฑ์
ภูมอิ ากาศ นำเสนอผลงาน - ระดับคุณภาพ 2
ผา่ นเกณฑ์
7.2 ประเมินระหวา่ ง - แบบสังเกตพฤติกรรม
การทำงานรายบุคคล
การจดั กจิ กรรม - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม
การทำงานกลุ่ม
การเรยี นรู้ - แบบประเมิน
คณุ ลกั ษณะ
1) ปัจจยั ที่สง่ ผลตอ่ - ตรวจใบงานที่ 3.1 อันพึงประสงค์

การรับรังสี - ตรวจสมดุ ประจำตวั

ดวงอาทิตย์ของ หรอื แบบฝึกหัด

พน้ื ผิวโลก

2) การนำเสนอ - ประเมินการนำเสนอ

ผลงาน/ผลการ ผลงาน/ผลการปฏบิ ตั ิ

ปฏบิ ตั ิกจิ กรรม กจิ กรรม

3) พฤติกรรมการ - สงั เกตพฤติกรรม

ทำงานรายบุคคล การทำงานรายบุคคล

4) พฤตกิ รรมการ - สังเกตพฤติกรรม

ทำงานกล่มุ การทำงานกลุ่ม

5) คณุ ลักษณะ - สังเกตความมวี ินัย

อนั พึงประสงค์ รบั ผิดชอบ ใฝเ่ รยี นรู้

และมุ่งมั่นในการ

ทำงาน

8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้

8.1 สอื่ การเรยี นรู้
1) หนงั สอื เรียนรายวชิ าพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ ม.6
หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 3 ลมฟ้าอากาศและภมู ิอากาศ
2) แบบฝกึ หัดรายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี วิทยาศาสตรโ์ ลกและอวกาศ ม.6
หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 3 ลมฟ้าอากาศและภมู ิอากาศ
3) ใบงานที่ 3.1 เร่ือง ปัจจัยท่ีมีผลต่อการได้รบั พลงั งานจากดวงอาทิตย์
4) PowerPoint เรอื่ ง ปจั จยั ทส่ี ่งผลต่อการรบั รังสีดวงอาทิตย์ของพืน้ ผิวโลก
5) สมดุ ประจำตวั นักเรียน

8.2 แหล่งการเรยี นรู้
1) อนิ เทอร์เนต็

ใบงานที่ 3.1

เรื่อง ปจั จยั ทม่ี ีผลต่อการได้รับพลังงานจากดวงอาทิตย์

คำชี้แจง : ใหน้ ักเรียนพจิ ารณาภาพแลว้ ตอบคำถามเกยี่ วกบั ปัจจัยท่ีมีผลต่อการได้รบั พลังงานจากดวงอาทิตย์

1. จากภาพ บริเวณใดดดู กลนื รงั สจี ากดวงอาทติ ย์ได้มากท่สี ุด
............................................................................................................................. .................................................
.................................................................................. ............................................................................................
2. จากภาพ บริเวณใดดดู กลืนรังสีจากดวงอาทติ ย์ไดน้ ้อยท่สี ุด
.......................................................................................................... ....................................................................
............................................................................................................................. .................................................
3. หากบรเิ วณน้ีมีเมฆปกคลุมปรมิ าณมาก จะได้รับปริมาณรงั สีจากดวงอาทติ ย์เพ่มิ ขน้ึ หรือลดลง เพราะเหตใุ ด
............................................................................................................................. .................................................
............................................................................................................................. .................................................
4. จากภาพ ปจั จยั ใดท่ที ำให้แตล่ ะบริเวณไดร้ ับรังสจี ากดวงอาทติ ย์ไมเ่ ท่ากนั
............................................................................................................................. .................................................
..............................................................................................................................................................................
5. นอกจากปริมาณของเมฆและลกั ษณะของพน้ื ผวิ โลกทแ่ี ตกตา่ งกันแลว้ มปี ัจจัยใดบ้างทที่ ำใหแ้ ต่ละบรเิ วณ

บนผวิ โลกได้รับรังสีจากดวงอาทติ ยไ์ ม่เท่ากนั
............................................................................................................................. .................................................
......................................................................................................................................................................... .....

ใบงานท่ี 3.1 เฉลย

เรอื่ ง ปัจจยั ทม่ี ีผลต่อการได้รับพลังงานจากดวงอาทิตย์

คำชี้แจง : ให้นักเรยี นพจิ ารณาภาพแลว้ ตอบคำถามเกย่ี วกับปจั จัยทม่ี ผี ลตอ่ การได้รบั พลังงานจากดวงอาทิตย์

1. จากภาพ บริเวณใดดูดกลืนรังสจี ากดวงอาทติ ย์ได้มากทสี่ ดุ
.....พ...ื้น...ถ..น...น............................................................................................................. .................................................
.................................................................................. ............................................................................................
2. จากภาพ บรเิ วณใดดูดกลนื รงั สจี ากดวงอาทิตย์ไดน้ ้อยท่สี ุด
.....ส...น..า..ม...ห...ญ...า้ .........................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................................................
3. หากบริเวณน้ีมเี มฆปกคลุมปริมาณมาก จะไดร้ บั ปริมาณรงั สีจากดวงอาทิตย์เพ่มิ ขน้ึ หรือลดลง เพราะเหตุใด
.....ล...ด..ล...ง...เ.พ...ร..า..ะ..เ.ม...ฆ..จ...ะ..ด..ูด...ก..ล..ืน...แ..ล...ะ..ส..ะ..ท...้อ...น..ร..งั ..ส..ีจ...า..ก..ด..ว..ง..อ...า..ท..ิต...ย..์ .......................... .................................................
.................................................................................. ............................................................................................
4. จากภาพ ปจั จยั ใดทีท่ ำให้แต่ละบริเวณไดร้ ับรังสจี ากดวงอาทติ ย์ไมเ่ ท่ากัน
.....ล...ัก..ษ...ณ...ะ..ข...อ..ง..พ...้ืน..ผ...วิ ..ใ.น...แ..ต...ล่ ..ะ..บ...ร..เิ .ว..ณ....ท..่ีแ...ต..ก..ต...่า..ง..ก..นั....จ..งึ..ท...ำ..ใ.ห...้เ.ก...ดิ ..ก..า..ร..ด...ดู ..ก...ล..ืน...ร..งั .ส...ที ..ไี่ .ม...เ่ .ท...่า..ก..นั..................................
..............................................................................................................................................................................
5. นอกจากปรมิ าณของเมฆและลกั ษณะของพื้นผวิ โลกที่แตกต่างกันแล้ว มปี จั จัยใดบ้างที่ทำให้แตล่ ะบรเิ วณ

บนผวิ โลกได้รบั รงั สจี ากดวงอาทิตย์ไม่เท่ากนั
.....ร..ูป...ท...ร..ง..ข..อ..ง..โ..ล..ก....แ..ล..ะ...ก..า..ร..เ.อ...ีย..ง..ข..อ...ง.แ...ก..น...โ.ล...ก....................................................... .................................................
......................................................................................................................................................................... .....

9. ความเหน็ ของผู้บริหารสถานศึกษาหรือผทู้ ีไ่ ดร้ บั มอบหมาย

ข้อเสนอแนะ “……..
“…………………………………………
ลงชอ่ื
( .................................
................................ )
ตำแหนง่
.......

10. บันทกึ ผลหลงั การสอน

 ดา้ นความรู้

 ด้านสมรรถนะสำคัญของผ้เู รียน

 ด้านคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์

 ดา้ นความสามารถทางวทิ ยาศาสตร์

 ด้านอนื่ ๆ (พฤติกรรมเด่น หรือพฤตกิ รรมท่มี ปี ญั หาของนกั เรียนเปน็ รายบคุ คล (ถ้ามี))

 ปัญหา/อปุ สรรค

 แนวทางการแกไ้ ข

แผนการจดั การเรยี นรู้ ที่ 18

กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์โลกและอวกาศ (ว33101)

ชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 6/1-4 ภาคเรยี นที่ 1/2564

หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 3 เรื่อง ลมฟา้ อากาศและภูมิอากาศ เวลา 16 ชั่วโมง

เรื่อง การหมุนเวยี นของอากาศ เวลา 4 ชั่วโมง

ผู้สอน นางสาวรุจริ าวรรณ จันสว่าง โรงเรียนบา้ นแพงพิทยาคม

วนั ท่ี.......................เดือน..........................................ปี................................

1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวช้วี ดั

ว 3.2 ม.6/8 อธบิ ายการหมุนเวียนของอากาศ ที่เปน็ ผลมาจากความแตกตา่ งของความกดอากาศ
ว 3.2 ม.6/9 อธบิ ายทิศทางการเคล่อื นทขี่ องอากาศ ท่เี ป็นผลมาจากการหมนุ รอบตวั ของโลก
ว 3.2 ม.6/10 อธบิ ายการหมนุ เวียนของอากาศตามเขตละตจิ ดู และผลทม่ี ีตอ่ ภมู ิอากาศ

2. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้

1. อธิบายการหมุนเวยี นของอากาศทีเ่ ปน็ ผลมาจากความแตกต่างของความกดอากาศได้ (K)
2. อธิบายทศิ ทางการเคลอื่ นท่ขี องอากาศที่เป็นผลมาจากการหมุนรอบตวั เองของโลกได้ (K)
3. อธิบายการหมนุ เวียนของอากาศตามเขตละตจิ ดู และผลทม่ี ตี ่อภมู ิอากาศได้ (K)
4. ปฏบิ ตั ิกิจกรรมการหมนุ เวียนอากาศไดอ้ ยา่ งถูกต้องและเปน็ ลำดบั ขั้นตอน (P)
5. มีความมงุ่ มน่ั ในการเรยี นร้แู ละการทำงานท่ไี ด้รับมอบหมายตลอดเวลา (A)

3. สาระการเรยี นรู้ สาระการเรยี นรู้ทอ้ งถ่นิ
พิจารณาตามหลักสูตรของสถานศึกษา
สาระการเรียนรแู้ กนกลาง
• การหมุนเวียนของอากาศเกิดขึ้นจากความกด

อากาศที่แตกต่างกนั ระหว่างสองบริเวณ โดยอากาศ
เคล่ือนท่ีจากบริเวณที่มีความกดอากาศสูงไปยัง
บริเวณที่มีความกดอากาศต่ำ ซ่ึงจะเห็นได้ชัดเจน
ในการเคล่ือนที่ของอากาศในแนวราบ และเม่ือ
พิจารณาการเคลื่อนทีข่ องอากาศในแนวดิ่งจะพบว่า
อากาศเหนือบริเวณความกดอากาศต่ำจะมีการยก
ตัวข้ึนขณะท่ีอากาศเหนือบริเวณความกดอากาศสูง

จ ะ จ ม ตั ว ล ง โ ด ย ก า ร เค ลื่ อ น ท่ี ข อ ง อ า ก า ศ ท้ั ง ใ น
แนวราบและแนวด่ิงน้ี ทำให้เกิดเป็นการหมุนเวียน
ของอากาศ
• การหมุนรอบตัวเองของโลกทำให้เกิดแรงคอริออลิส
ส่งผลให้ทิศทางการเคล่ือนท่ีของอากาศเบนไป
โดยอากาศท่ีเคลื่อนท่ีในบริเวณซีกโลกเหนือจะเบน
ไปทางขวาจากทิศทางเดิม ส่วนบริเวณซีกโลกใต้จะ
เบนไปทางซา้ ยจากทิศทางเดมิ
• โลกมีความกดอากาศแตกต่างกันในแต่ละบริเวณ
รวมท้ังอิทธิพลจากการหมุนรอบตัวเองของโลก
ทำให้อากาศในแต่ละซีกโลกเกิดการหมุนเวียนของ
อากาศตามเขตละติจูด แบ่งออกเป็น 3 แถบ
โดยแต่ละแถบมีภูมิอากาศแตกต่างกัน ได้แก่
การหมุนเวียนแถบข้ัวโลกมีภูมิอากาศแบบหนาว
เย็น การหมุนเวียนแถบละติจูดกลางมีภูมิอากาศ
แบบอบอุ่น และการหมุนเวียนแถบเขตร้อน
มภี ูมอิ ากาศแบบรอ้ นช้นื
• นอกจากนี้บริเวณรอยต่อของการหมุนเวียนอากาศ
แต่ละแถบละติจูด จะมีลักษณะลมฟ้าอากาศ
ที่แตกต่างกัน เช่น บริเวณใกล้ศูนย์สูตร มีปริมาณ
หยาดน้ำฟ้าเฉลี่ยสูงกว่าบริเวณอื่น บริเวณละติจูด
30 องศา มีอากาศแห้งแล้ง ส่วนบริเวณละติจูด 60
องศา อากาศมีความแปรปรวนสูง

4. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด

การหมุนเวียนของอากาศเกิดจากความกดอากาศที่แตกต่างกันระหว่างสองบริเวณ โดยอากาศ
เคลื่อนท่ีจากบริเวณที่มีความกดอากาศสูงไปยังบริเวณท่ีมีความกดอากาศต่ำ ซึ่งจะเห็นได้ชัดเจนจากการ
เคล่ือนท่ีของอากาศในแนวราบ เม่ือพิจารณาการเคลื่อนท่ีของอากาศในแนวดิ่ง อากาศบริเวณความกด
อากาศต่ำจะลอยตัวสูงขึ้น การหมุนรอบรอบตัวเองของโลกทำให้เกิดแรงคอริออลิส ส่งผลให้ทิศทางการ
เคล่ือนทข่ี องอากาศเบีย่ งเบนไป

การหมุนเวียนของอากาศตามเขตละติจูด แบ่งออกเป็น 3 แถบ ได้แก่ การหมุนเวียนอากาศแถบ
เขตร้อน หรือแฮดลีย์เซลล์ การหมุนเวียนอากาศแถบละติจูดกลาง หรือเฟอร์เรลเซลล์ และการหมุนเวียน
อากาศแถบข้ัวโลก หรอื โพลาร์เซลล์

5. สมรรถนะสำคญั ของผูเ้ รยี นและคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์

สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์

1. ความสามารถในการส่อื สาร 1. มวี นิ ยั รบั ผดิ ชอบ

2. ความสามารถในการคดิ 2. ใฝเ่ รียนรู้

1) ทักษะการสงั เกต 3. มุ่งม่นั ในการทำงาน

2) ทักษะการทดลอง

3) ทกั ษะการพยากรณ์

4) ทกั ษะการลงความคิดเห็นจากข้อมูล

5) ทักษะการตีความหมายขอ้ มูลและลงขอ้ สรปุ

3. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

6. กจิ กรรมการเรียนรู้

 แนวคดิ /รูปแบบการสอน/วธิ ีการสอน/เทคนิค : แบบเน้นมโนทศั น์ (Concept Based Teaching)

ช่ัวโมงท่ี 1

ข้นั นำ

ขน้ั การใช้ความรเู้ ดิมเชื่อมโยงความรู้ใหม่ (Prior Knowledge)
1. ครูสนทนากับนกั เรียนเก่ียวกับการเคลือ่ นที่ของอากาศหรือลมวา่ “จากที่นักเรียนทราบว่า
ลม คืออากาศท่เี คล่ือนทีจ่ ากบรเิ วณความกดอากาศสูงไปยังบรเิ วณความกดอากาศต่ำกว่า
แล้วนักเรยี นทราบหรอื ไมว่ า่ ลมพัดจากบรเิ วณใดไปยงั บริเวณใดของโลก”
2. ครูอธบิ ายใหน้ กั เรียนเข้าใจวา่ “ลมจะพัดจากบริเวณข้วั โลกไปยังบริเวณเสน้ ศนู ย์สตู ร เนื่องจาก
บรเิ วณขั้วโลกมีอณุ หภมู ิตำ่ กว่าบรเิ วณเส้นศูนยส์ ูตร ซ่งึ ทำให้บรเิ วณขวั้ โลกมคี วามกดอากาศสงู กวา่
บรเิ วณเสน้ ศูนยส์ ูตร และเม่ือมีลมพัดจะรสู้ ึกเยน็ เน่ืองจากอากาศท่ีพัดเข้ามามีอณุ หภมู ิต่ำ”
3. ครูตั้งประเดน็ คำถามกระตุ้นความสนใจนกั เรยี นว่า “การหมนุ เวยี นของอากาศสง่ ผลตอ่ การดำเนนิ
ชีวิตของมนุษยห์ รือไม่ อยา่ งไร” โดยใหน้ กั เรียนแต่ละคนร่วมกนั อภิปรายแสดงความคิดเหน็ อย่าง
อิสระโดยไม่มีการเฉลยวา่ ถกู หรอื ผิด
(แนวตอบ : มผี ลต่อการดำเนนิ ชวี ติ ประจำวนั ของมนุษย์โดยตรง เนื่องจากมีผลทำใหเ้ กดิ ลม
ซึ่งมนุษย์ใช้ประโยชนจ์ ากลมในหลายดา้ น เช่น ผลติ กระแสไฟฟา้ ใชแ้ ล่นเรือใบ ใช้แล่นเคร่อื งร่อน)

ขั้นสอน

ข้นั รู้ (Knowledge)
1. นักเรียนแบง่ กลุ่ม กลุ่มละ 6 คน ตามความสมัครใจ จากนัน้ ครูแจ้งจุดประสงคข์ องกจิ กรรม
การหมุนเวียนของอากาศ ให้นกั เรียนทราบเพอื่ เป็นแนวทางการปฏบิ ตั กิ ิจกรรมที่ถูกต้อง
2. นักเรียนแตล่ ะกลุ่มรว่ มกนั ศึกษากิจกรรม การหมุนเวยี นของอากาศ จากหนังสือเรยี นรายวิชา
พน้ื ฐานวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี วทิ ยาศาสตร์โลกและอวกาศ ม.6 หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 3
ลมฟ้าอากาศและภูมิอากาศ โดยครใู ช้รูปแบบการเรียนรู้แบบรว่ มมอื มาจัดกระบวนการเรียนรู้
โดยกำหนดให้สมาชกิ แตล่ ะคนภายในกลุม่ มบี ทบาทหนา้ ท่ีของตนเอง ดังนี้
• สมาชิกคนท่ี 1-2 ทำหน้าท่ีเตรยี มวสั ดุอปุ กรณ์ทีใ่ ชใ้ นการปฏิบตั ิกิจกรรมการหมุนเวยี น
ของอากาศ
• สมาชิกคนท่ี 3-4 ทำหน้าท่ีอ่านวธิ ีปฏบิ ัติกจิ กรรม และนำมาอธบิ ายใหส้ มาชกิ ในกลุ่มฟัง
• สมาชกิ คนที่ 5-6 ทำหนา้ ท่ีบนั ทกึ ผลการปฏิบัติกจิ กรรมลงในสมดุ ประจำตัวนกั เรียน
(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมนิ นักเรยี น โดยใชแ้ บบประเมินการปฏบิ ตั ิกจิ กรรม)
3. นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มร่วมกนั ปฏิบัติกจิ กรรมตามข้ันตอน จากหนังสอื เรยี นรายวิชาพ้ืนฐาน
วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี วิทยาศาสตรโ์ ลกและอวกาศ ม.6 หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 3 ลมฟา้ อากาศ
และภูมิอากาศ
4. นักเรียนแตล่ ะกลุ่มรว่ มกนั แลกเปลยี่ นความรแู้ ละวิเคราะหผ์ ลการปฏบิ ตั กิ ิจกรรม แล้วอภิปรายผล
ร่วมกนั
5. นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอผลการปฏบิ ตั ิกิจกรรมหน้าช้นั เรยี น ในระหวา่ งที่นักเรียน
นำเสนอ ครูคอยให้ข้อเสนอแนะเพ่ิมเติม เพอ่ื ให้นักเรยี นมีความเข้าใจที่ถูกต้อง
(หมายเหตุ : ครเู ร่ิมประเมินนกั เรียน โดยใชแ้ บบประเมนิ การนำเสนอผลงาน)
6. นกั เรียนแตล่ ะกล่มุ ร่วมกันตอบคำถามทา้ ยกิจกรรม การหมุนเวยี นของอากาศ โดยใหน้ ักเรยี น
แต่ละกลมุ่ รว่ มกนั อภิปรายแสดงความคิดเห็นเพื่อหาคำตอบ จากน้ันครสู ุ่มนกั เรยี น 2-3 กลุ่ม
ออกมานำเสนอคำตอบของกลมุ่ ตนเองหน้าช้นั เรยี น
7. เม่ือนักเรยี นแตล่ ะกลุ่มนำเสนอคำตอบของกลุ่มตนเองเรียบรอ้ ยแลว้ นักเรียนและครรู ่วมกัน
อภปิ รายผลท้ายกิจกรรม การหมุนเวียนของอากาศ และเฉลยคำถามท้ายกิจกรรม
8. ครูตั้งประเด็นคำถามกระตุน้ ความคิดนักเรียนว่า “การเคล่ือนทีข่ องอากาศมลี ักษณะอย่างไร”
(แนวตอบ : อากาศจะเคล่อื นทจ่ี ากบริเวณทมี่ ีความกดอากาศสูง (อณุ หภูมิต่ำ) ไปยงั บรเิ วณที่มี
ความกดอากาศต่ำ (อุณหภูมิสูง))

ชัว่ โมงท่ี 2

9. นกั เรียนแบง่ กลุ่ม (กลมุ่ เดิม) จากช่วั โมงทผี่ ่านมา จากน้ันครแู จง้ จดุ ประสงค์ของกิจกรรม
ความแตกต่างของความกดอากาศกับการหมุนเวยี นของอากาศ ใหน้ ักเรยี นทราบเพื่อเป็นแนว
ทางการปฏบิ ัติกจิ กรรมที่ถกู ต้อง

10. นักเรียนแต่ละกล่มุ รว่ มกันศึกษากจิ กรรม ความแตกต่างของความกดอากาศกับการหมนุ เวยี นของ
อากาศ จากหนงั สือเรยี นรายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี วทิ ยาศาสตร์โลกและอวกาศ
ม.6 หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 3 ลมฟา้ อากาศและภมู ิอากาศ โดยครใู ชร้ ปู แบบการเรยี นรู้แบบร่วมมอื
มาจัดกระบวนการเรยี นรู้ โดยกำหนดให้สมาชกิ แต่ละคนภายในกลมุ่ มีบทบาทหน้าทขี่ องตนเอง
ดังนี้
• สมาชิกคนท่ี 1-2 ทำหน้าที่เตรียมวสั ดุอปุ กรณท์ ีใ่ ชใ้ นการปฏิบัตกิ จิ กรรมความแตกต่างของ
ความกดอากาศกบั การหมุนเวยี นของอากาศ
• สมาชิกคนที่ 3-4 ทำหน้าท่ีอา่ นวิธปี ฏบิ ตั ิกิจกรรม และนำมาอธิบายให้สมาชิกในกลมุ่ ฟัง
• สมาชิกคนท่ี 5-6 ทำหน้าท่ีบนั ทึกผลการปฏบิ ัตกิ จิ กรรมลงในสมดุ ประจำตัวนกั เรียน
(หมายเหตุ : ครูเริม่ ประเมินนักเรียน โดยใช้แบบประเมินการปฏิบัติกจิ กรรม)

11. นกั เรียนแตล่ ะกล่มุ รว่ มกันปฏบิ ตั ิกจิ กรรมตามขนั้ ตอน จากหนังสอื เรยี นรายวิชาพืน้ ฐาน
วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี วทิ ยาศาสตรโ์ ลกและอวกาศ ม.6 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 3 ลมฟ้าอากาศ
และภมู อิ ากาศ

12. นกั เรียนแต่ละกลมุ่ รว่ มกันแลกเปลยี่ นความรู้และวเิ คราะหผ์ ลการปฏบิ ัติกจิ กรรม แลว้ อภปิ รายผล
รว่ มกนั

13. นกั เรยี นแตล่ ะกลุม่ ออกมานำเสนอผลการปฏบิ ัติกิจกรรมหนา้ ชั้นเรยี น ในระหว่างที่นักเรียน
นำเสนอ ครคู อยใหข้ ้อเสนอแนะเพ่ิมเติม เพ่ือใหน้ ักเรียนมีความเข้าใจที่ถกู ต้อง
(หมายเหตุ : ครูเรมิ่ ประเมินนักเรยี น โดยใช้แบบประเมนิ การนำเสนอผลงาน)

14. นกั เรียนแต่ละกลุม่ ร่วมกันตอบคำถามท้ายกจิ กรรม ความแตกตา่ งของความกดอากาศกบั
การหมุนเวยี นของอากาศ โดยใหน้ กั เรียนแต่ละกลุม่ ร่วมกนั อภปิ รายแสดงความคดิ เหน็ เพื่อหา
คำตอบ จากน้ันครสู มุ่ นักเรียน 2-3 กลมุ่ ออกมานำเสนอคำตอบของกลมุ่ ตนเองหน้าชนั้ เรียน

15. เมอื่ นักเรียนแตล่ ะกลมุ่ นำเสนอคำตอบของกลมุ่ ตนเองเรียบรอ้ ยแลว้ นักเรียนและครูรว่ มกัน
อภปิ รายผลทา้ ยกจิ กรรม ความแตกตา่ งของความกดอากาศกบั การหมนุ เวียนของอากาศ
และเฉลยคำถามท้ายกิจกรรม

16. ครูต้งั ประเดน็ คำถามเพ่ือตรวจสอบความเขา้ ใจของนักเรยี นเกยี่ วกบั หลักการเกดิ ลมและปัจจยั
ท่ีมีผลตอ่ การเกิดลม โดยใหน้ กั เรยี นแต่ละกลุ่มรว่ มกนั อภิปรายแสดงความคิดเหน็ เพ่ือหาคำตอบ
ดังนี้
• ลมเกิดข้นึ ไดอ้ ย่างไร
(แนวตอบ : ลมเกิดขึน้ จากความกดอากาศทแ่ี ตกต่างกนั ระหวา่ งสองบรเิ วณ โดยอากาศเคลื่อนที่
จากบริเวณท่ีมีความกดอากาศสงู ไปยงั บริเวณท่ีมีความกดอากาศต่ำ)
• อณุ หภมู ขิ องอากาศเกยี่ วข้องกับการเกิดลมอย่างไร
(แนวตอบ : อากาศทีม่ อี ุณหภมู แิ ตกต่างกนั จะมีความกดอากาศแตกต่างกัน ซึง่ เมื่อความกด
อากาศแตกต่างกันจะทำใหเ้ กิดลมซึ่งเป็นการหมนุ เวียนของอากาศ)

17. ครูอธบิ ายเพม่ิ เตมิ ให้นักเรียนเขา้ ใจเก่ยี วกบั ความชันของความกดอากาศว่า “ความชันของความกด
อากาศมีผลต่ออัตราเรว็ ของการเคลื่อนท่ีของอากาศ โดยหากความชันของความกดอากาศมาก
อากาศจะเคล่อื นท่ีด้วยอัตราเร็วสงู แตห่ ากความชันของความกดอากาศนอ้ ย อากาศจะเคล่ือนที่
ดว้ ยอตั ราเร็วต่ำ”

ชวั่ โมงท่ี 3

ข้ันเขา้ ใจ (Understanding)
18. นักเรยี นแบ่งกลุ่มออกเป็น 5 กลุ่ม กลุม่ ละเทา่ ๆ กัน ตามความสมัครใจ จากนัน้ ให้นกั เรียนแตล่ ะ
กลุ่มสง่ ตวั แทนออกมาจบั สลากเรอื่ งทศ่ี ึกษา โดยครเู ตรยี มสลากหมายเลขไวห้ น้าชัน้ เรียน
ซึ่งหมายเลขจะระบุเรอ่ื งทีใ่ หน้ ักเรียนศกึ ษา ดงั นี้
• หมายเลข 1 ศึกษาแบบจำลองการหมนุ เวียนของอากาศแบบเซลล์เดียว
• หมายเลข 2 ศึกษาแบบจำลองการหมนุ เวยี นของอากาศแบบทวั่ ไป
• หมายเลข 3 ศกึ ษาการหมนุ เวียนอากาศแถบเขตร้อนหรอื แฮดลยี เ์ ซลล์
• หมายเลข 4 ศึกษาการหมนุ เวียนอากาศแถบข้ัวโลกหรอื โพลาร์เซลล์
• หมายเลข 5 ศึกษาการหมนุ เวียนอากาศแถบละติจดู กลางหรือเฟอรเ์ รลเซลล์
19. นกั เรียนแตล่ ะกลมุ่ รว่ มกนั ศกึ ษาคน้ ควา้ ขอ้ มูลเรื่องที่กลุ่มตนเองจับสลากได้ จากหนงั สือเรียน
รายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี วทิ ยาศาสตร์โลกและอวกาศ ม.6 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 3
ลมฟา้ อากาศและภูมอิ ากาศ หรอื แหล่งการเรยี นรตู้ า่ ง ๆ เช่น อนิ เทอร์เน็ต หอ้ งสมดุ
จากนั้นรว่ มกันสรุปความรูท้ ี่ไดจ้ ากการศึกษาคน้ ควา้ ลงในสมดุ ประจำตัวนกั เรยี น
(หมายเหตุ : ครเู ร่ิมประเมนิ นักเรยี น โดยใชแ้ บบสงั เกตพฤติกรรมการทำงานกลุม่ )

ชัว่ โมงที่ 4

20. นักเรียนแตล่ ะกลุ่มสง่ ตวั แทน 3-4 คน ออกมานำเสนอผลการศึกษาหน้าชัน้ เรียน ในระหวา่ งท่ี
นกั เรียนนำเสนอ ครูคอยให้ข้อเสนอแนะเพิ่มเตมิ เพ่ือให้นักเรยี นมคี วามเขา้ ใจทถี่ ูกต้อง
(หมายเหตุ : ครูเร่ิมประเมนิ นกั เรียน โดยใชแ้ บบประเมนิ การนำเสนอผลงาน)

21. ครตู งั้ ประเด็นคำถามเพ่อื ตรวจสอบความเขา้ ใจของนกั เรียน โดยใหน้ กั เรียนแต่ละกลมุ่ ร่วมกัน
อภิปรายแสดงความคิดเหน็ เพอ่ื หาคำตอบ ดังน้ี
• เพราะเหตุใดแบบจำลองการหมุนเวียนของอากาศแบบเซลล์เดียวจงึ ไมเ่ ป็นที่ยอมรับอย่าง
แพรห่ ลาย
(แนวตอบ : ไมส่ ามารถอธบิ ายการเคลอ่ื นทขี่ องอากาศทเ่ี กิดจาการหมนุ รอบตวั เองของโลกได้)
• แบบจำลองการหมุนเวียนของอากาศแบบทวั่ ไปแบง่ ออกเปน็ กส่ี ว่ น อะไรบา้ ง
(แนวตอบ : มี 3 สว่ น ได้แก่ แฮดลียเ์ ซลล์ เฟอร์เรลเซลล์ และโพลาเซลล์)
• การหมนุ เวียนของอากาศตามเขตละตจิ ูดแบ่งออกเป็นกีแ่ ถบ อะไรบ้าง
(แนวตอบ : มี 3 แถบ ไดแ้ ก่ การหมุนเวยี นแถบขัว้ โลก การหมนุ เวียนแถบละติจดู กลาง
การหมุนเวียนแถบเขตรอ้ น)
• การหมนุ เวียนของอากาศตามเขตละตจิ ดู แตล่ ะแถบมีภมู ิอากาศอย่างไร
(แนวตอบ : การหมนุ เวยี นแถบข้วั โลกมีภูมิอากาศแบบหนาวเยน็ การหมนุ เวยี นแถบละติจูด
กลางมีภมู อิ ากาศแบบอบอุ่น และการหมนุ เวยี นแถบเขตรอ้ นมีภูมิอากาศแบบรอ้ นชน้ื )
• ปัจจยั ใดบา้ งท่ีมผี ลต่อขนาดของแรงคอริออลิสโดยตรง
(แนวตอบ : ความเรว็ ลมและละตจิ ดู )
• แบบจำลองการหมนุ เวียนอากาศวงจรใดมีผลให้เกิดลมฝา่ ยตะวันตก
(แนวตอบ : วงจรเฟอร์เรลเซลล)์

22. ครูอธิบายเพิ่มเตมิ ให้นักเรยี นเขา้ ใจเก่ียวกับมรสุมในประเทศไทยวา่ “มรสมุ ทเี่ กดิ ข้ึนในประเทศไทย
มี 2 ชนดิ ได้แก่ มรสุมฤดรู ้อนหรอื มรสุมตะวันออกเฉยี งใต้ และมรสุมฤดหู นาวหรือมรสมุ
ตะวันออกเฉียงเหนอื ”

23. นักเรยี นตอบคำถามทา้ ทายการคิดขนั้ สูง จากหนงั สอื เรยี นรายวชิ าพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์
และเทคโนโลยี วทิ ยาศาสตรโ์ ลกและอวกาศ ม.6 หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 3 ลมฟา้ อากาศและภมู อิ ากาศ
ลงในสมุดประจำตัวนกั เรียน

ข้ันลงมือทำ (Doing)
24. นักเรยี นแต่ละคนทำใบงานท่ี 3.2 เรอ่ื ง การหมุนเวียนของอากาศ
25. ครูส่มุ นักเรียน 4 คน ออกมานำเสนอคำตอบของตนเองหนา้ ชั้นเรียน โดยให้เพอื่ นในช้นั เรียน
ร่วมกันพิจารณาว่าคำตอบนั้นถกู ต้องหรือไม่ จากนนั้ ครเู ฉลยคำตอบท่ถี กู ต้องให้นกั เรยี น
26. ครูมอบหมายให้นักเรียนแตล่ ะคนทำแบบฝกึ หัด เรื่อง การหมนุ เวยี นของอากาศ จากแบบฝกึ หัด
รายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี วทิ ยาศาสตร์โลกและอวกาศ ม.6 หน่วยการ
เรยี นรทู้ ่ี 3 ลมฟ้าอากาศและภมู ิอากาศ เป็นการบ้านส่งชว่ั โมงถดั ไป

ขั้นสรปุ

ขนั้ สรปุ
1. ครเู ปิดโอกาสให้นักเรียนซักถามเนื้อหาเกีย่ วกับการหมุนเวยี นของอากาศ และให้ความรเู้ พ่มิ เตมิ
จากคำถามของนักเรยี น โดยครูใช้ PowerPoint เรอ่ื ง การหมุนเวียนของอากาศ ในการอธิบาย
เพ่มิ เติม
2. นกั เรยี นและครูร่วมกนั สรปุ เกีย่ วกับการหมนุ เวียนของอากาศ ซึ่งควรไดข้ ้อสรุปร่วมกันว่า
“อากาศจะเคลอื่ นท่จี ากบริเวณทมี่ คี วามกดอากาศสงู ไปยังบรเิ วณความกดอากาศตำ่ ในแนวราบ
จึงเคล่อื นทีจ่ ากขว้ั โลกไปยังเส้นศูนย์สูตร การหมนุ รอบตัวเองของโลกทำให้เกิดแรงคอริออลิส
ทำให้ทศิ ทางการเคล่ือนที่ของอากาศเบี่ยงเบนออกไป การหมนุ เวยี นของอากาศตามเขตละตจิ ูด
แบง่ เปน็ 3 แถบ ซึ่งแตล่ ะแถบ ได้แก่ การหมนุ เวียนอากาศแถบเขตร้อน หรือแฮดลยี เ์ ซลล์
การหมุนเวยี นอากาศแถบขวั้ โลก หรือโพลาเซลล์ และการหมุนเวยี นอากาศแถบละตจิ ดู กลาง
หรอื เฟอรเ์ รลเซลล์”

ขน้ั ประเมนิ

ขน้ั ประเมิน
1. ครูประเมนิ ผล โดยการสงั เกตพฤตกิ รรมการตอบคำถาม พฤติกรรมการทำงานรายบุคคล
พฤติกรรมการทำงานกลุ่ม และจากการนำเสนอผลการปฏบิ ัติกจิ กรรมหน้าช้นั เรยี น
2. ครูตรวจสอบผลการปฏิบัติกิจกรรม การหมุนเวียนของอากาศ
3. ครูตรวจสอบผลการปฏบิ ัตกิ ิจกรรม ความแตกต่างของความกดอากาศกบั การหมุนเวยี นของอากาศ
4. ครูตรวจสอบผลการทำใบงานที่ 3.2 เรื่อง การหมนุ เวยี นของอากาศ
5. ครูตรวจแบบฝกึ หดั เร่อื ง การหมนุ เวยี นของอากาศ จากแบบฝกึ หัดรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์
และเทคโนโลยี วทิ ยาศาสตร์โลกและอวกาศ ม.6 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 3 ลมฟ้าอากาศและภมู ิอากาศ

7. การวัดและประเมินผล

รายการวัด วธิ ีการ เครื่องมอื เกณฑก์ ารประเมนิ

7.1 ประเมินระหวา่ ง - ใบงานท่ี 3.2 - ร้อยละ 60 ผา่ นเกณฑ์
- สมุดประจำตวั หรอื - ร้อยละ 60 ผ่านเกณฑ์
การจัดกิจกรรม แบบฝกึ หดั
- แบบประเมนิ การปฏบิ ตั ิ - ระดับคณุ ภาพ 2
การเรยี นรู้ กิจกรรม ผา่ นเกณฑ์

1) การหมุนเวียนของ - ตรวจใบงานท่ี 3.2 - แบบประเมนิ การปฏิบตั ิ - ระดบั คุณภาพ 2
กจิ กรรม ผ่านเกณฑ์
อากาศ - ตรวจสมุดประจำตัว
- แบบประเมนิ การ - ระดับคุณภาพ 2
หรือแบบฝกึ หัด นำเสนอผลงาน ผา่ นเกณฑ์

2) ผลบันทกึ การ - ประเมินการปฏบิ ัติ - แบบสังเกตพฤตกิ รรม - ระดับคณุ ภาพ 2
การทำงานรายบุคคล ผ่านเกณฑ์
ปฏบิ ัติกจิ กรรม กิจกรรม - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม
การทำงานกลุ่ม - ระดับคณุ ภาพ 2
การหมุนเวยี นของ - แบบประเมิน ผา่ นเกณฑ์
คณุ ลักษณะ - ระดบั คุณภาพ 2
อากาศ อันพึงประสงค์ ผ่านเกณฑ์

3) ผลบนั ทกึ การ - ประเมนิ การปฏิบตั ิ

ปฏบิ ัตกิ ิจกรรม กจิ กรรม

ความแตกต่างของ

ความกดอากาศกบั

การหมุนเวียนของ

อากาศ

4) การนำเสนอ - ประเมินการนำเสนอ

ผลงาน/ผลการ ผลงาน/ผลการปฏิบตั ิ

ปฏิบัติกิจกรรม กิจกรรม

5) พฤติกรรมการ - สังเกตพฤติกรรม

ทำงานรายบคุ คล การทำงานรายบุคคล

6) พฤติกรรมการ - สงั เกตพฤติกรรม

ทำงานกลุ่ม การทำงานกลุ่ม

7) คณุ ลักษณะ - สงั เกตความมวี นิ ยั

อันพงึ ประสงค์ รบั ผิดชอบ ใฝเ่ รียนรู้

และมุง่ ม่ันในการ

ทำงาน

8. สอ่ื /แหลง่ การเรยี นรู้

8.1 สื่อการเรียนรู้
1) หนังสอื เรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ ม.6
หน่วยการเรยี นรู้ที่ 3 ลมฟ้าอากาศและภมู ิอากาศ
2) แบบฝึกหดั รายวชิ าพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ ม.6
หน่วยการเรยี นรู้ที่ 3 ลมฟ้าอากาศและภมู ิอากาศ
3) ใบงานที่ 3.2 เรื่อง การหมุนเวยี นของอากาศ
4) วสั ดุอุปกรณท์ ี่ใชใ้ นการปฏบิ ัติกิจกรรมการหมนุ เวยี นของอากาศ
5) วสั ดอุ ปุ กรณท์ ี่ใช้ในการปฏิบตั ิกจิ กรรมความแตกต่างของความกดอากาศกบั การหมนุ เวียนของอากาศ
6) PowerPoint เรือ่ ง การหมุนเวยี นของอากาศ
7) สลากหมายเลข
8) สมดุ ประจำตัวนักเรยี น

8.2 แหล่งการเรียนรู้
1) ห้องเรยี น
2) หอ้ งสมุด
3) อินเทอรเ์ นต็

ใบงานที่ 3.2

เรื่อง การหมุนเวยี นของอากาศ

คำช้แี จง : ให้นกั เรียนพจิ ารณาภาพทกี่ ำหนดให้ แลว้ อธิบายวา่ เป็นแบบจำลองการหมนุ เวยี นอากาศแบบใด
และแบบจำลองดงั กล่าวมีการหมุนเวยี นอากาศอย่างไร โดยเติมขอ้ ความลงในช่องว่างให้ถูกตอ้ ง

แบบจำลองการหมนุ เวียนอากาศแบบ……………….
………………………………………………………………………
………………………………………………………………………
………………………………………………………………………
………………………………………………………………………
………………………………………………………………………
………………………………………………………………………
………………………………………………………………………
………………………………………………………………………
……………………

แบบจำลองการหมุนเวยี นอากาศแบบ……………….
………………………………………………………………………
………………………………………………………………………
………………………………………………………………………
………………………………………………………………………
………………………………………………………………………
………………………………………………………………………
………………………………………………………………………
………………………………………………………………………
……………………

ใบงานที่ 3.2 เฉลย

เร่ือง การหมุนเวียนของอากาศ

คำช้ีแจง : ให้นักเรียนพจิ ารณาภาพทีก่ ำหนดให้ แลว้ อธิบายวา่ เป็นแบบจำลองการหมุนเวยี นอากาศแบบใด
และแบบจำลองดังกลา่ วมกี ารหมนุ เวียนอากาศอย่างไร โดยเติมข้อความลงในช่องวา่ งใหถ้ กู ตอ้ ง

แบบจำลองการหมุนเวียนอากาศแบบ…เซ…ล…ล…์เด…ยี …ว.
เ…ป…น็ …กา…ร…จ…ำล…อ…งก…า…ร…หม…ุน…เ…วีย…น…อ…าก…า…ศ…แบ…บ…ค…ร…บ…วง…จ…ร
โ…ด…ย…บ…ริเ…วณ……เส…้น…ศูน…ย…์ส…ูต…ร…ขอ…ง…โล…ก…จ…ะม…ีค…ว…า…มเ…ข…้มร…ัง…สี
จ…า…ก…ด…วง…อ…า…ทิต…ย…์ม…า…ก…ท…ำ…ให…้อ…ุณ…ห…ภ…ูม…ิข…อ…งอ…า…ก…าศ…ส…ูง
ก…ว…่า…บ…ริเ…วณ……อื่น……อ…าก…า…ศ…ที่…มีค…ว…า…มก…ด…อ…า…กา…ศ…ต…่ำจ…ะ…ย…ก
ต…วั…ส…ูงข…น้ึ …แ…ล…ะเ…ค…ล่ือ…น…ท…ี่ไ…ปย…ัง…ข…ัว้ โ…ล…ก…ใน…ข…ณ…ะ…ท…อ่ี …าก…า…ศ
เ…ย…็น…จา…ก…บ…ริเ…ว…ณ…ข…ั้วโ…ล…กจ…ะ…เค…ล…่ือ…น…ท…่ีมา…ย…ัง…บ…ริเ…วณ……เส…้น
ศ…นู…ย…์ส…ตู …ร …ซ่ึง…เ…กดิ…ก…า…รห…ม…นุ …เว…ีย…น…อา…ก…า…ศข…อ…ง…โล…ก………
………………………………………………………………………
……………………

แบบจำลองการหมนุ เวยี นอากาศแบบ…ท…ว่ั ไ…ป……….
เ…ป…็น…แบ…บ…จ…ำ…ล…อง…ท…ี่ม…ีค…วา…ม…ซ…ับ…ซ…้อน…ก…ว…่า…แบ…บ…จ…ำ…ลอ…ง…
อ…า…ก…าศ…แ…บ…บ…เซ…ล…ล…์เด…ีย…ว …โด…ย…แ…บ…่งก…า…รห…ม…ุน…เว…ีย…น…ข…อง…
อ…า…ก…าศ…อ…อ…ก…เป…็น…3……ส่ว…น…ค…ือ……กา…ร…ห…มุน…เ…วีย…น…อ…า…กา…ศ…
แ…ถ…บ…เ…ขต…ร…้อ…น…ห…ร…ือ…แ…ฮด…ล…ีย…์เ…ซล…ล…์ …ก…าร…ห…ม…ุน…เว…ีย…น…
อ…า…ก…าศ…แ…ถ…บ…ล…ะต…ิจ…ูด…ก…ล…าง…ห…รือ…เ…ฟ…อ…ร์เ…รล…เ…ซล…ล…์ …แล…ะ…
ก…า…ร…หม…นุ …เ…วยี …น…อ…าก…า…ศ…แถ…บ…ข…ั้ว…โล…ก…ห…รือ…โ…พ…ลา…ร…เ์ ซ…ล…ล์…

………………………………………………………………………

………………………………………………………………………

……………………

สลากหมายเลข 2 
4
1
3
5

9. ความเหน็ ของผู้บริหารสถานศึกษาหรือผทู้ ีไ่ ดร้ บั มอบหมาย

ข้อเสนอแนะ “……..
“…………………………………………
ลงชอ่ื
( .................................
................................ )
ตำแหนง่
.......

10. บันทกึ ผลหลงั การสอน

 ดา้ นความรู้

 ด้านสมรรถนะสำคัญของผ้เู รียน

 ด้านคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์

 ดา้ นความสามารถทางวทิ ยาศาสตร์

 ด้านอนื่ ๆ (พฤติกรรมเด่น หรือพฤตกิ รรมท่มี ปี ญั หาของนกั เรียนเปน็ รายบคุ คล (ถ้ามี))

 ปัญหา/อปุ สรรค

 แนวทางการแกไ้ ข

แผนการจดั การเรยี นรู้ ที่ 19

กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี รายวชิ าวิทยาศาสตรโ์ ลกและอวกาศ (ว33101)

ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 6/1-4 ภาคเรียนที่ 1/2564

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 เรอ่ื ง ลมฟ้าอากาศและภมู อิ ากาศ เวลา 16 ช่ัวโมง

เร่ือง การหมนุ เวยี นของน้ำผวิ หน้าในมหาสมุทร เวลา 3 ชัว่ โมง

ผู้สอน นางสาวรจุ ิราวรรณ จันสว่าง โรงเรยี นบ้านแพงพิทยาคม

วันท.่ี ......................เดอื น..........................................ปี................................

1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชีว้ ัด

ว 3.2 ม.6/11 อธบิ ายปัจจยั ท่ที ำให้เกดิ การหมนุ เวยี นของน้ำผวิ หนา้ ในมหาสมุทร และรปู แบบ
การหมนุ เวียนของน้ำผวิ หนา้ ในมหาสมทุ ร

ว 3.2 ม.6/12 อธบิ ายผลของการหมุนเวยี นของอากาศและนำ้ ผวิ หนา้ ในมหาสมุทรที่มตี อ่ ลักษณะ
ภมู อิ ากาศ ลมฟ้าอากาศ ส่ิงมชี วี ติ และสิง่ แวดล้อม

2. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้

1. อธิบายปัจจัยที่ทำให้เกดิ การหมุนเวยี นของนำ้ ผวิ หนา้ ในมหาสมุทรได้ (K)
2. อธิบายรูปแบบการหมนุ เวียนของน้ำผิวหน้าในมหาสมุทรได้ (K)
3. อธิบายผลของการหมนุ เวียนของอากาศและน้ำผิวหน้าในมหาสมุทรที่มีต่อลกั ษณะภูมิอากาศ

ลมฟา้ อากาศ ส่งิ มชี ีวติ และสิ่งแวดลอ้ มได้ (K)
4. ปฏิบัตกิ ิจกรรมการเกดิ น้ำผดุ ได้อย่างถูกต้องและเป็นลำดับข้นั ตอน (P)
5. มคี วามมงุ่ ม่ันในการเรียนรู้และการทำงานท่ไี ด้รบั มอบหมายตลอดเวลา (A)

3. สาระการเรียนรู้ สาระการเรยี นรทู้ ้องถิ่น
พิจารณาตามหลักสูตรของสถานศกึ ษา
สาระการเรยี นร้แู กนกลาง

• การหมุนเวียนของกระแสน้ำผิวหน้าในมหาสมุทร
ได้รับอิทธิพลจากการหมุนเวียนของอากาศในแต่ละ
แถบละติจูดเป็นปัจจัยหลักทำให้บริเวณซีกโลก
เหนือมีการหมุนเวียนของกระแสน้ำผิวหน้าใน
ทิศทางตามเข็มนาฬิกา และทวนเข็มนาฬิกาในซีก
โลกใต้ ซ่ึงกระแสน้ำผิวหน้าในมหาสมุทรมีท้ัง
กระแสนำ้ อนุ่ และกระแสน้ำเย็น

สาระการเรียนรู้แกนกลาง สาระการเรยี นรู้ท้องถนิ่

• การหมุนเวียนอากาศและน้ำในมหาสมุทรส่งผลต่อ
ภูมิอากาศ ลมฟ้าอากาศ ส่ิงมีชีวิต และสิ่งแวดล้อม
เช่น กระแสน้ำอุ่นกัลฟ์สตรีมที่ทำให้บางประเทศ
ในทวีปยุโรปไม่หนาวเย็นเกินไป และเม่ือการ
หมุนเวียนอากาศและน้ำในมหาสมุทรแปรปรวน
ทำให้เกิดผลกระทบต่อสภาพลมฟ้าอากาศ เช่น
ปรากฏการณ์เอลนีโญ และลานีญา ซึ่งเกิดจาก
ความแปรปรวนของลมค้าและส่งผลต่อประเทศ
ทอี่ ยบู่ ริเวณมหาสมุทรแปซฟิ ิก

4. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด

การหมุนเวียนของน้ำผิวหน้าในมหาสมุทรได้รับอิทธิพลจากการหมุนเวียนของอากาศในแต่ละแถบ
ละตจิ ูด รวมท้ังแรงคอริออลิสซ่ึงทำให้กระแสน้ำในซีกโลกเหนือหมนุ เวียนตามเขม็ นาฬกิ า และกระแสน้ำใน
ซกี โลกใต้หมุนเวียนทวนเข็มนาฬิกา ซ่ึงกระแสน้ำผิวหนา้ ในมหาสมุทรมีท้ังกระแสน้ำอนุ่ และกระแสน้ำเย็น
ถ้าการหมุนเวียนของอากาศและน้ำในมหาสมุทรมีการเปลี่ยนแปลง ทำให้ส่งผลกระทบต่อสภาพลมฟ้า
อากาศ เชน่ ปรากฏการณ์เอลนีโญ และลานีญา

5. สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รียนและคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์

สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์

1. ความสามารถในการสอื่ สาร 1. มวี ินัย รับผิดชอบ

2. ความสามารถในการคิด 2. ใฝเ่ รียนรู้

1) ทกั ษะการสังเกต 3. มุ่งมั่นในการทำงาน

2) ทักษะการทดลอง

3) ทกั ษะการทำงานรว่ มกนั

4) ทกั ษะการลงความคดิ เห็นจากข้อมูล

3. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี


Click to View FlipBook Version