187 ตารางที่ 39 รำตีบทจากท่านาฏศิลป์ไทย ผสมท่ารำสร้างสรรค์ขึ้นใหม่ (ระบำโมรปริตร) ลำดับที่ บทร้อง ภาพ อธิบาย 7 ระบำ โมร ปริตร “เพลง ครอบจักรวาล” ฉากที่5 ระบำสรรเสริญโมรปริตร -ท่าออก ท่าฟ้อนในท่าจีบคว่ำ ความหมาย: ปฏิบัติ: มือซ้ายตั้งวงบน มือขวาตั้งมืองอแขนข้าง ลำตัวในท่าฟ้อนใน ก้าวเท้า ซ้ายขยั่นเท้า ถอนเท้าขวา ยกเท้าซ้ายก้าวลง แตะเท้า ขวาขยั่นมาทางด้านซ้าย ถอนเท้าซ้ายก้าวเท้าขวาข ยั่นเท้า เปลี่ยนตั้งมือซ้าย ตั้งวงบนมือซ้ายจีบคว่ำ แขนตึงระดับไหล่ ปฏิบัติท่า รำตรงกันข้าม 4 จังหวะ “ธรรมประเสริฐ เลิศโลกี” -ท่าผาลา ความหมาย: ความประเสริฐ แถวขวาปฏิบัติ: ตั้งมือซ้าย จีบปรกข้างม้วนมือตั้งวงบน มือขวาตั้งมือแล้วพลิกมือลง งอแขนข้างลำตัว ก้าวเท้าซ้าย ลง ศีรษะเอียงขวา แถวซ้าย ปฏิบัติท่าตรงกันข้าม “แสงแห่งธรรม ส่องสว่าง กลางฤดี” -ท่าล่อแก้วที่อก ความหมาย: ดวงใจ ปฏิบัติ: หันข้างขวา มือขวา ล่อแก้ว ม้วนมือตั้งวงบน มือซ้ายล่อแก้วตั้งมือขึ้นไว้ ที่ระหว่างอก ก้าวเท้าขวาไป ด้านข้าง แล้วยกเท้าซ้าย ศีรษะเอียงขวา
188 ตารางที่ 39 รำตีบทจากท่านาฏศิลป์ไทย ผสมท่ารำสร้างสรรค์ขึ้นใหม่ (ระบำโมรปริตร) (ต่อ) ลำดับที่ บทร้อง ภาพ อธิบาย 7 ระบำ โมร ปริตร “มนต์ศักดิ์สิทธิ์ ฝ่ายกุศล” ฉากที่5 ระบำสรรเสริญโมรปริตร - ท่าบัวชูฝัก ปฏิบัติ: คู่ที่ 2,3 หันหน้า ออกในท่าบัวชูฝัก คู่ที่ 1 ฝั่งขวา นั่งคุกเข่าหัน ทางด้านขวา คู่ที่ 1 ฝั่งซ้าย นั่งตั้งเข่า หัน ทางด้านซ้าย “ธำรงนาน” - ท่ากังหันร่อน ปฏิบัติ: จีบมือขวาแขนตึง มือซ้ายตั้งมือขึ้นแขนตึง สลับเข้าออกขยั่นเท้าเข้า ออก 2 ครั้งในวงกลม ศีรษะ เอียงซ้ายแล้วกลับเอียงขวา “นิรันดร์เทอญ” - ตั้งซุ้มจบต่อตัว ปฏิบัติ: คู่ที่ 3 ก้าวเท้าเข่า ชนกันตั้งวงบนมือขวา ซ้าย ตั้งวงมือซ้าย แถวขวาตั้งวง มือขวา คู่ที่ 2 นั่งตั้งเข่าแถว ซ้ายตั้งวงบนมือขวา มือ ซ้ายหงายมือลง ฝั่งขวาทำ ตรงกันข้าม คู่ที่ 1 ฝั่งซ้าย นั่งลงฝั่งขวาขึ้นเหยียบที่ขา คู่ที่ 3 ในท่าพรหมสี่หน้า ที่มา: ผู้วิจัย
189 ตารางที่ 40 เพลงหน้าพาทย์ตระเทวาประสิทธิ์กระบวนท่ารำเดิม ลำดับที่ บทร้อง ภาพ อธิบาย 7 ระบำ โมร ปริตร “ดนตรีบรรเลง ตระเทวา ประสิทธิ์” ฉากที่5 ระบำสรรเสริญโมรปริตร - ท่าไหว้หน้าตรง ปฏิบัติ: มือทั้งสองพนมมือ ไหว้ที่อก ก้าวเท้าซ้าย ประเท้าขวาก้าวลงย้อนตัว 2 จังหวะ ปฏิบัติเช่นเดิมอีกข้างซ้าย ย้อนตัว 2 จังหวะ “ดนตรีบรรเลง ตระเทวา ประสิทธิ์” -ท่าสอดสร้อย ปฏิบัติ: ประเท้าซ้ายก้าว ซ้ายลงในท่าสอดสร้อยย้อน ตัว 2 จังหวะ ปฏิบัติเช่นเดิมหันไ ป ด้านขวาอีก 2 จังหวะ “ดนตรีบรรเลง ตระเทวา ประสิทธิ์” - ท่าผาลา ปฏิบัติ: ประเท้าซ้ายยกเท้า ซ้ายในท่าผาลา สดุ้งตัวขึ้น 2 จังหวะ ปฏิบัติเช่นเดิมหัน ไปด้านขวาอีก 2 จังหวะ ที่มา: ผู้วิจัย
190 ตารางที่ 40 เพลงหน้าพาทย์ตระเทวาประสิทธิ์กระบวนท่ารำเดิม (ต่อ) ลำดับที่ บทร้อง ภาพ อธิบาย 7 ระบำ โมร ปริตร “ดนตรีบรรเลง ตระเทวา ประสิทธิ์” ฉากที่5 ระบำสรรเสริญโมรปริตร - ท่ากินนรรำ ปฏิบัติ: ประเท้าซ้ายก้าวลง มือขวาตั้งวง มือซ้ายจีบ หงายแขนตึงระดับไหล่ ย้อนตัว 2 จังหวะ “ดนตรีบรรเลง ตระเทวา ประสิทธิ์” - ท่ากลางอัมพร ปฏิบัติ: ประเท้าขวาก้าวลง ม้วนมือหงายมือขวาระดับ แง่ศีรษะ มือซ้ายตั้งมือขึ้น แขนตึง ย้อนตัว 2 จังหวะ “ดนตรีบรรเลง ตระเทวา ประสิทธิ์” - ท่าไหว้ตั้งซุ้ม ปฏิบัติ: พยายูงทองตั้งวง กลางในท่ามยุเรศ คู่ที่ 2 นั่ง ตั้งเข่าในท่าผาลา คู่ที่ 3 ยืน ในท่าผาลา คู่ที่ 1 ฝั่งขวา อยู่ตรงกลางตั้งท่า ตั้งวง กลางท่ามยุเรศ คู่ที่ 1 ฝั่ง ซ้ายนั่งคุกเข่าพนมมือไหว้ ที่มา: ผู้วิจัย
191 2) วิเคราะห์ลีลาท่ารำของตัวละครในละครรำเรื่อง “บ่วง” ผู้วิจัยได้วิเคราะห์กระบวนท่ารำ บทบาท ลักษณะการแสดงของแต่ละตัวละคร ดังนี้ 2.1) ลีลาท่ารำในการแสดงของพญานกยูงทอง ลีลาการรำเป็นแบบละครใน ผู้แสดงจะต้องมีพื้นฐานท่ารำมาตรฐานมาอย่างดีเยี่ยมเช่น เพลงช้า เพลงเร็ว เพลงแม่บทและเพลงหน้าพาทย์ชั้นสูง เนื่องจากในการแสดงละครรำเรื่อง “บ่วง” มีการรำตีบทตามคำร้อง ซึ่งผู้รำต้องผ่านทักษะในการรำตีบทให้ถูกต้อง เพื่อสื่อความหมายของบทร้อง ต้องรำอย่างมีพลัง การทรงตัวที่ดี โครงสร้างบุคลิกภาพที่ดี ขณะรำต้องตึงเอว ตึงไหล่ บุคลิกต้องรำให้ นิ่งสงบ มีความสง่างามให้สมกับเป็นพระโพธิสัตว์พญานกยูงทองและสามารถดึงดูดให้ผู้ชมติดตาม ในการรำได้โดยเฉพาะการรำเพลงหน้าพาทย์เช่นเพลงบาทสกุณี 16 ไม้และตระพญานกยูงทอง ผู้แสดงต้องใช้พลังในการรำให้ภูมิฐาน สง่างามทุกครั้งในการเคลื่อนไหวท่าทางในแต่ละท่า จากท่าเชื่อม ไปในท่ารำมาตรฐาน ต้องมีจังหวะที่แม่นยำ มั่นคง ไม่หลุกหลิก ที่สำคัญการแสดงอารมณ์สามารถ ถ่ายทอดความรู้สึกออกมาทางแววตา สีหน้าได้อย่างชัดเจน เช่นฉากที่ถูกนายพรานจับด้วยบ่วงบาศ 2.2) ลีลาท่ารำในการแสดงของพระเจ้ากรุงพาราณสี วิเคราะห์ลีลาการร่ายรำของกษัตริย์พระเจ้ากรุงพาราณสีลีลาท่ารำต้องรำแบบสง่างาม มีภูมิฐาน ผู้แสดงเป็นผู้ที่มีพื้นฐาน มีความเชี่ยวชาญในการใช้บทตามหลักของนาฏศิลป์เพื่อการรำที่ ต้องสื่อความหมายที่ถูกต้องและดีเยี่ยมตามบทบาทของกษัตริย์ ทั้งการรำเพื่ออวดฝีมือในเพลงชมโฉม พญานกยูงทอง โดยการรำอธิบายถึงเครื่องแต่งกายและเครื่องประดับของตัวละครที่สวมใส่ ซึ่งถือเป็น การรำที่มีจารีตและแบบแผน สื่อถึงความภาคภูมิใจ หลงใหลในความงาม และต้องเป็นผู้ที่รำงาม มีดวงตาเป็นประกายในความหลงใหล ชื่นชมในรูปของพญานกยูงทอง ผู้รำต้องรำเคลื่อนไหวไปตาม จังหวะอย่างนุ่มนวล ใช้อารมณ์สีหน้าและสายตา ในการถ่ายทอดความรู้สึก เพื่อดึงดูดให้ผู้ชมติดตาม และเชื่อในความงาม บทเจรจาเป็นส่วนสำคัญที่จะต้องพูดให้ถูกอักขระ ชัดเจนและทรงอำนาจ ในบทบาทของกษัตริย์จะส่งผลให้การแสดงมีอรรถรสมากยิ่งขึ้น 2.3) ลีลาท่ารำในการแสดงของนางนกยูง ลีลาท่ารำของนางนกยูง ต้องมีลีลาท่ารำที่สวยงาม ถูกต้องตามท่ามาตรฐานตามหลักของ ท่ารำที่งาม มีการทรงตัวที่ดีคล่องแคล่วในการเยื้องกรายด้วยท่าเอี้ยวตัว เอียงศีรษะ กล่อมหน้า ลักคอ ยักเยื้อง การโหย่งตัว โดยใช้ปลายเท้าก้าวย่างลงอย่างนุ่มนวล ซึ่งเป็นอัตลักษณ์ของนางนกยูง การอวดลีลาท่ารำผู้รำต้องรำให้ตรงจังหวะและทำนอง โดยเฉพาะการรำคู่ในเพลงเชิดจีน ที่มีจังหวะ
192 การย่ำเท้าที่รวดเร็วตามจังหวะฉิ่ง และกระโดดโผบิน บินหนีอย่างว่องไว ท่าทางการรำล่อพญานกยูง ทองให้หลงใหล อารมณ์การแสดงสีหน้า ความรู้สึกเป็นสิ่งจำเป็นที่ผู้แสดงต้องมีดวงตาที่พราวพราย ยิ้มในหน้า สายตาชม้อยชม้ายชายตาหลอกล่อพญานกยูงทองให้ชวนหลงใหลติดตาม ในการแสดงรำ เห่เชิดฉิ่ง ถือว่าเป็นหัวใจสำคัญของการรำอวดฝีมือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่ารำหลักต้องรำให้นิ่ง และ งดงาม กำลังขา จังหวะเข่า ต้องแม่นยำ จึงเป็นสิ่งที่ต้องระวังอย่างยิ่งในการรำเข้าคู่พระ นาง จังหวะ ท่ารำต้องไปอย่างพร้อมเพรียงกันและให้ถูกต้องตามหลักของท่านาฏศิลป์ไทย โดยเฉพาะท่าที่เป็น แบบแผนหรือท่าที่บรมครูคิดขึ้นและสืบทอดกันมาแต่โบราณ สรุปดังนี้1) มีลีลาท่ารำงาม 2) คล่องแคล่วว่องไว 3) จังหวะแม่นยำ 4) ลีลาท่าทางมีจริตกิริยา 2.4) ลีลาท่ารำในการแสดงของนายพราน กระบวนท่ารำของนายพราน จะเป็นลักษณะที่ผสมผสานท่ารำกับท่าทาง เช่น ท่ามอง ป้องมือไว้ที่หน้าผาก ท่าดีดนิ้วเรียกนางนกยูง ท่าปรบมือในการส่งสัญญาณ ท่าเดินที่เป็นท่าธรรมชาติ ในส่วนของบทร้อง จะมีการรำประกอบการตีบท และมีบทพูดเจรจาที่เป็นส่วนสำคัญ ผู้แสดงต้องมี ไหวพริบ ในการเจรจาและมีน้ำเสียงที่กังวาน ทรงพลัง พูดชัดถ้อยชัดคำ การแสดงออกทางด้านอารมณ์ ความรู้สึก ต้องชัดเจน โดยเฉพาะสีหน้าท่าทางที่มีเล่ห์กล มีความฉลาด ช่างสังเกตในการวางแผนใช้ นางนกยูงตัวเมียมาล่อ พญานกยูงทองให้ติดบ่วงบาศ ลักษณะการเดินต้องกล้าที่แสดงในการใช้พื้นที่ เช่น ในท่าทางแอบมอง การหลบลีกไม่ให้พญานกยูงทองได้เห็น 2.5) ลีลาท่ารำในการแสดงของระบำสรรเสริญโมรปริตร ระบำโมรปริตร เป็นระบำที่ผู้วิจัยใช้เป็นระบำปิดท้ายเรื่องของละครรำ เรื่อง “บ่วง” เพื่อเพิ่มสีสันความอลังการให้กับละครมากยิ่งขึ้น สอดคล้องกับ สุรพล วิรุฬห์รักษ์ (2549, น.292) ได้กล่าวถึงการสร้างสรรค์ระบำในวงการนาฏศิลป์ไทยช่วงในรัชกาลที่ 5 ระบำดาวดึงส์เป็นฉากสุดท้าย ของละคร ดึกดำบรรพ์เรื่องสังข์ทอง ตอนตีคลี เป็นระบำที่สวยงาม ใช้ท่าระบำแทนท่ารำละคร โดยใช้ท่ารำที่สวยงาม ไม่ใช่รำตีบทอย่างละคร และมีเพลงไพเราะ กระบวนท่ารำงาม กลวิธีการแสดงของระบำโมรปริตร ผู้วิจัยกำหนดแนวทางในการแสดง ผู้แสดงต้องรำให้ พร้อมเพรียงกันและฝีมือการรำจะไม่แตกต่างกันมากนัก การแปรแถวเป็นสิ่งสำคัญผู้แสดงต้องจำ ตำแหน่ง ในการแปรแถวให้ได้และจำบทร้องทำนองเพลงให้แม่นยำ ไม่รำเลื้อย ท่ารำการเคลื่อนไหว ต้องทำให้พร้อมกันจึงจะเกิดความสวยงามมากยิ่งขึ้น
193 4.1.2.5 การออกแบบเครื่องแต่งกายและอุปกรณ์ประกอบการแสดง การออกแบบเครื่องต่างกายละครรำ เรื่อง “บ่วง” ผู้วิจัยได้นำเอกลักษณ์การแต่งกาย ละครรำมาสร้างสรรค์ออกแบบเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย เครื่องประดับ และศิราภรณ์สำหรับการแสดง มุ่งเน้นให้สวยงาม มีความประณีต เข้าถึงสิ่งที่ต้องการสื่อสาร และทรงคุณค่าเหมาะสมกับชุดละครรำ ที่เป็นเอกลักษณ์ของชาติผสมผสานโดยการใช้วัสดุที่ใช้ประดิษฐ์ชุดละครที่มีความหลากหลาย โดยนำรูปแบบเครื่องแต่งกายแบบละครพันทางและละครนอกแบบหลวง นำมาผสมผสมผสาน ในรูปแบบละครไทย กำหนดสีเครื่องแต่งกายของตัวละคร โดยสื่อให้เห็นถึงสัญลักษณ์ ฐานะ บุคลิก ของตัวละคร เช่น เครื่องแต่งกายของกษัตริย์ให้มีความสวยงาม ความสง่างามของพญานกยูงทอง และตัวละครอื่น ๆ ผ่านการสร้างสรรค์ ออกแบบจากหลักการแต่งกาย รายละเอียดตามขั้นตอน ผู้วิจัยกำหนดไว้ดังนี้ 1) ศึกษาวิเคราะห์ตัวละคร รูปแบบและแนวคิดการออกแบบเครื่องแต่งกาย 2) กำหนดแบบร่างและสีของเครื่องแต่งกาย 3) ดำเนินการสร้างสร้าง เครื่องแต่งกายและเครื่องประดับ อุปกรณ์ประกอบการแสดง 4) ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิทางด้านเครื่องแต่งกาย 5) ปรับแก้ไข พัฒนาเครื่องแต่งกายตามคำแนะนะจากผู้ทรงวุฒิ จากขั้นตอนข้างต้น ผู้วิจัยได้ทำการวิเคราะห์ตัวละคร จากบทวรรณกรรมพุทธชาดกโมรปริตร ที่ผู้วิจัยได้กำหนดเรื่องย่อ และจัดวางตัวละครเพื่อกำหนดแนวคิดการแต่งกายไว้ 6 ตัวละคร คือ 1) พญานกยูงทอง 2) นางนกยูง 3) พระเจ้ากรุงพาราณสี4) นายพราน5) นางสนม 6) ทหาร ออกแบบร่างเครื่องแต่งกายในครั้งที่ 1 ให้กับตัวละครและได้นำเสนอต่อผู้ทรงคุณวุฒิทางด้านการแต่งกาย และอาจารย์ที่ปรึกษา พบว่า การออกแบบร่างในตัวละครบางตัวยังไม่เหมาะสม ซึ่งในการสร้างสรรค์ เครื่องแต่งกาย จำเป็นต้องศึกษาจากวรรณกรรมให้ละเอียดครบถ้วน เนื่องจากละครรำ เรื่อง “บ่วง” เป็นละครรำจากการผสมผสานนาฎยลักษณ์ละครแบบต่าง ๆ ควรนำลักษณะเด่นของการแต่งกาย ละครในรูปแบบต่าง ๆ มาผสมผสานให้เกิดความเหมาสะสม เช่น รูปแบบการแต่งกายแบบละครรำ ของไทย รวมถึงกระบวนการสร้างเครื่องละครรำที่มีความประณีตในการปักด้วยวัสดุต่าง ๆ
194 “เครื่องแต่งกายเป็นส่วนสำคัญอย่างหนึ่งที่ช่วยเน้นลักษณะและความ สง่างามของตัวละครที่กล่าวถึงในบทละครและวรรณกรรม เป็นการสื่อความหมาย ให้ผู้ชมได้ทราบถึงสถานะ เชื้อชาติ เวลาเกิด ลักษณะนิสัย ของตัวละครผ่านทางสี ของเครื่องแต่งกาย รูปแบบของเครื่องประดับ และลักษณะของการนุ่งผ้าจีบผ้า ในรูปแบบต่าง ๆ” (สุรเชษฎ์ สุพลจิตต์, 2559, น. 110) “เครื่องแต่งกายแต่ละชุดจึงต้องแสดงถึงความสำคัญและฐานานุศักดิ์ของ ตัวละครประดิษฐ์ขึ้นอย่างประณีตงดงามเพื่อประกอบลีลาท่วงท่าอันสง่างาม ของผู้แสดง” (คณะทำงานพิพิธภัณฑ์ผ้า ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ, 2559, น. 32) “ละครนอกแบบ หลวงมุ่งเน้นการดาเนินเรื่องที่รวดเร็ว เนื้อเรื่องสนุกสนาน แต่ยังคงลักษณะการร่ายราที่อ่อนช้อยงดงามเอาไว้ตามแบบของละครใน ด้วยว่า ผู้แสดงเป็นนางละครหลวง เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายล้วนมีความวิจิตรงดงามและ กระบวนการขับร้อง ดนตรีที่ประกอบการแสดงไพเราะ” (สถาบันนาฏดุริยางคศิลป์, 2555, น. 126) “การออกแบบ นอกจากความสำคัญเรื่องน้ำหนักของวัสดุและขนาดของ เครื่องแต่งกายที่ใช้การกำหนดการใช้สีของเครื่องแต่งกายมีความสำคัญเช่นกัน การเลือกใช้เครื่องแต่งกายให้มีขนาดที่พอดีกับตัวนักแสดง เพื่อเป็นการอำนวย ความสะดวกต่อผู้แสดงในเวลาที่ทำการแสดง” (เบญจวรรณ ไวยเนตร, 2565, น.16)
195 จากคำแนะนำของผู้ทรงคุณวุฒิและแนวคิดข้างต้น ผู้วิจัยได้นำมาพัฒนาเครื่องแต่งกาย โดยได้แนวทางในการพัฒนาเครื่องแต่งกาย และกำหนดแนวคิดการแต่งกายและจัดหาเครื่องแต่งกาย ของตัวละให้ครบ คือตัวละครอำมาตย์ และตัวละครระบำสรรเสริญโมรปริตร ทั้งนี้ได้ปรับปรุง บทละครได้มีการตัดตัวละครนางสนม รายละเอียดการปรับแก้ไข ดังแสดงในตารางที่ 41 ตารางที่ 41 แนวทางการพัฒนาและปรับปรุงเครื่องแต่งกายในครั้งที่ 1 ลำดับ ตัวละคร ปัญหา อุปสรรคที่พบ ข้อเสนอแนะผู้ทรงคุณวุฒิ แนวทางการปรับปรุง แก้ไข 1 พญานกยูงทอง เปลี่ยนอุบะเป็นสีทอง - 2 นางนกยูง ปรับหางให้สั้น ออกแบบส่วนหางปรับหาง ให้สั้นลง ไม่เป็นอุปสรรค ต่อการแสดง 3 พระเจ้าพาราณสี การเลือกใช้สีของตัวละคร ในการ ทดลองออกแบบครั้งที่ 1 ใช้สีเสื้อ เป็นสีน้ำเงินและรูปแบบการแต่ง กายของการนุ่งผ้า ให้ปรับเป็น ลักษณะการแต่งกายแบบจารีต ละครรำ ปรับเปลี่ยนรูปแบบการแต่ง ก า ย ให ้ ม ี ลั ก ษ ณะ เ ป็ น รูปแบบของละครรำละคร นอกแบบหลวง 4 นายพราน นายพรานควรใส่เสื้อ เนื่องจาก เป็นละครนอกแบบหลวง อ อ ก แ บ บ เ ส ื ้ อ ส ำ ห รั บ นายพรานคำนึงถึงความ คล่องตัวในการแสดง 5 ทหาร ควรใส่เป็นเสื้อแขนยาวให้ดูสุภาพ - 6 อำมาตย์ เพิ่มตัวละครและกำหนดแนวคิด คำนึงถึงความสอดคล้องกับ ลักษณะของงละครที่แสดง 7 ระบำสรรเสริญโมรปริตร เพิ่มตัวละครและกำหนดแนวคิด คำนึงถึงความสอดคล้องกับ ลักษณะของงละครที่แสดง ที่มา: ผู้วิจัย
196 จากแนวทางการปรับปรุงและพัฒนาเครื่องแต่งกาย ตามตารางข้างต้นแล้ว ผู้วิจัยได้ ตรวจสอบความเหมาะสมถูกต้องอีกครั้ง โดยการกำหนดแนวคิดการออกแบบเครื่องแต่งกายให้ชัดเจน นำข้อเสนอแนะมาพัฒนาและจัดสร้างเครื่องแต่งกาย มานำเสนอปรึกษากับผู้ทรงคุณวุฒิในการประชุม กลุ่ม (Focus group) รายละเอียด ดังแสดงในตารางที่ 42 ตารางที่ 42 พัฒนาปรับปรุงเครื่องแต่งกายในละครำ เรื่อง “บ่วง” ครั้งที่ 2 ตัว ละคร ภาพเครื่องแต่งกาย คำอธิบาย พญา นกยูง ทอง ภาพการแต่งกาย ลักษณะการแต่ งกาย การออกแบบเสื้อผ้าไ ด้ แรงบันดาลใจจากการแต่งกายโขนแบบโบราณ ช่วงต้นกรุง รัตนโกสินทร์ เป็นเสื้อสองชั้น ด้านในเป็นเสื้อแขนยาวปัก เป็นปล้องตามแนวแขนเสื้อ และสวมเสื้อตัวนอกทับอีกชั้น เป็นเสื้อกั๊กแขนกุด ลวดลายเสื้อออกแบบเป็นลวดลายใหม่ โดยใช้ลายป่า ประกอบด้วย ลายเถาวัลย์ ลายดอกไม้ ลายใบไม้ เพื่อให้เข้ากับตัวยกยูงที่อาศัยในป่า โดยใช้วัสดุเป็นดิ้นโปร่ง เลื่อม ห้อยหน้า ปักลายนกยูงรำแพน ใช้วัสดุปักด้วยดิ้นโปร่งและ ปีกแมลงทับปักเป็นลวดลาย ตรงช่องกระจกด้านล่างปัก เป็นลายกรวยเชิง ห้อยข้าง เดินขอบด้วยแถบดิ้นโลหะสีทอง ตรงช่องท้องผ้า ปักลายป่า ลายขดเครือเถาวัลย์ ลายดอกไม้ ตรงช่อง กระจกด้านล่างเป็นลายกรวยเชิง รัดสะเอว เดินขอบด้วยแถบดิ้นโลหะสีทอง ปักเป็นลาย ดอกไม้ยกช่อเป็นแถว ภูษา (ผ้ายก) นุ่งผ้ายกสังเวียนตีปีกจีบโจงหางหงส์ สนับเพลา กางเกงเป็นลายริ้ว ลักษณะคล้ายกับลาย เข้มขาบ ตรงขอบเชิงสนับเพลาขลิบขอบด้วยแถบ สีทอง กรองคอ มีลักษณะเป็นวงกลมขอบหยัก ปักด้วยดิ้นโปร่ง เลื่อม และปีกแมลงทับ เครื่องประดับ ใช้เครื่องประดับการแต่งกายยืนเครื่องแบบ ตัวพระ ประกอบด้วย สังวาล ทับทรวง รัดต้นแขน เข็มขัด ข้อมือ กำไลข้อเท้า และสวมเล็บทองเหลือง ทัดอุบะดอกไม้ ทัดตามจารีตของละครรำ
197 ตารางที่ 42 พัฒนาปรับปรุงเครื่องแต่งกายในละครำ เรื่อง “บ่วง” ครั้งที่ 2 (ต่อ) ตัว ละคร ภาพเครื่องแต่งกาย คำอธิบาย ศิราภรณ์ลักษณะเป็นปันจุเหร็จ โดยออกแบบให้มี ลักษณะคล้ายนกยูงรำแพน เช่นเดียวกับลายที่ปักตรง ห้อยหน้า นำมาใส่บนกระจังด้านบนกระบังหน้า ปีกและหาง ประกอบด้วย 2 ส่วน คือ ส่วนปีกที่เป็นรัด สะเอวตามลักษณะเครื่องละครทั่วไปคล้ายกับปีกกินรี หรือปีกนกทั่วไปที่ใช้ในการแสดงละคร กับปีกที่เป็นส่วน หางแผงขนนกยูง (ส่วนหาง) สร้างสรรค์ขึ้นใหม่โดยอาศัย ตามโครงสร้างเดิมแต่แตกต่างโดยการใช้ขนยกยูงสีขาว และแต้มสีทองเพิ่มเติมให้สวยงาม นาง นกยูง ภาพการแต่งกาย ลักษณะการแต่งกาย สวมเสื้อแขนกุดเย็บเข้ารูป ลวดลายมีลักษณะคล้ายขนนกยูง สนับเพลา สนับเพลาใช้ผ้าชนิดเดียวกับตัวเสื้อตรงขอบ เชิงสนับเพลาขลิบขอบด้วยแถบสีทอง กรองคอ มีลักษณะเป็นวงกลมขอบหยัก ปักด้วยดิ้นโปร่ง เลื่อม และปีกแมลงทับ ปักเป็นเส้นโค้งลักษณะคล้ายกับ ขนนกยูง เครื่องประดับ ศิราภรณ์ประดับศีรษะ ประกอบด้วย เกี้ยวนกยูง ด้านบนตัวเกี้ยวเป็นรูปนกยูงและกระบังหน้า ด้านบนจะเป็นรูปนกยูงหางตก เพื่อสื่อถึงความเป็นนกยูง เพศเมีย สวมเครื่องประดับ ได้แก่สังวาล จี้นาง รัดต้น แขนโลหะดุลลายรูปนกยูง ข้อมือสวมปะวะหล่ำ กำไล สายเข็มขัด ห้อยด้วยขนนกยูง กำไลข้อเท้า กระพรวนข้อ เท้า และสวมเล็บทองเหลือง ทัดอุบะดอกไม้ทัดตามจารีต ของละครรำ ปีกและหาง ส่วนปีกที่เป็นรัดสะเอวตามลักษณะเครื่อง ละครทั่วไป ส่วนของหางได้แรงบันดาลใจมาจากผ้าปิดก้น ของโขนตัวยักษ์ ได้สร้างสรรค์ขึ้นใหม่ให้มีขนาดใหญ่กว่า ลวดลายใช้ผ้าชนิดเดียวกันกับตัวเสื้อและสนับเพลา ด้านใน หางประดับด้วยขนนกยูง
198 ตารางที่ 42 พัฒนาปรับปรุงเครื่องแต่งกายในละครำ เรื่อง “บ่วง” ครั้งที่ 2 (ต่อ) ตัว ละคร ภาพเครื่องแต่งกาย คำอธิบาย ปีกและหาง ส่วนปีกที่เป็นรัดสะเอวตามลักษณะเครื่อง ละครทั่วไป ส่วนของหางได้แรงบันดาลใจมาจากผ้าปิดก้น ของโขนตัวยักษ์ ได้สร้างสรรค์ขึ้นใหม่ให้มีขนาดใหญ่กว่า ลวดลายใช้ผ้าชนิดเดียวกันกับตัวเสื้อและสนับเพลา ด้าน ในหางประดับด้วยขนนกยูง พระเจ้า พาราณสี ภาพการแต่งกาย แนวคิดการแต่งกาย แนวคิดมาจาก เครื่องทรงของ พระมหากษัตริย์ ลักษณะการแต่งกาย สวมเป็นเสื้อสองชั้น ด้านในเป็นเสื้อ แขนยาวลายปล้องตามแนวแขนเสื้อ เสื้อตัวนอกเป็นเสื้อ ทรงประพาสได้แรงบันดาลใจจากภาพจิตรกรรมช่วงต้น กรุงรัตนโกสินทร์ นุ่งทับเสื้อตัวใน ห้อยหน้า ออกแบบลวดลายใหม่ปักเป็นลายป่าและลาย กระหนก ตรงท้องผ้าของห้อยหน้าเป็นรูป เทพนม เพื่อสื่อ ถึงความเป็นพระราชาที่เป็นเปรียบเสมือนเทพ ใช้วัสดุปัก ด้วยดิ้นโปร่งและปีกแมลงทับปักเป็นลวดลาย ตรงช่อง กระจกด้านล่างปักเป็นลายกรวยเชิง ห้อยข้าง เดินขอบด้วยแถบดิ้นโลหะสีทอง ใช้วัสดุปักด้วย ดิ้นโปร่งและปีกแมลงทับ ตรงช่องกระจกด้านล่างเป็นลาย กรวยเชิง รัดสะเอว เดินขอบด้วยแถบดิ้นโลหะสีทองปักลายดอกไม้ ภูษา (ผ้ายก) นุ่งผ้ายกสังเวียนตีปีกจีบโจงหางหงส์ ลาย พุ่มข้าวบิณฑ์สีแดง สนับเพลา กางเป็นลายริ้ว ลักษณะคล้ายกับลายเข้มขาบ ตรงขอบเชิงสนับเพลาขลิบขอบด้วยแถบ สีทองและปัก ลวดลายด้วยดิ้นโปร่ง กรองคอ มีลักษณะเป็นวงกลมขอบหยัก ปักด้วยดิ้นโปร่ง แล่งนมสาว เลื่อมและปีกแมลงทับ ได้แรงบันดาลใจมา จากภาพถ่ายการแต่งกายยืนเครื่องโขนละครแบบโบราณ
199 ตารางที่42 พัฒนาปรับปรุงเครื่องแต่งกายในละครำ เรื่อง “บ่วง” ครั้งที่ 2 (ต่อ) ตัวละคร ภาพเครื่องแต่งกาย คำอธิบาย เครื่องประดับ ใช้เครื่องประดับการแต่งกายยืนเครื่องแบบ ตัวพระ ประกอบด้วย สังวาล ทับทรวง รัดต้นแขนเป็น ลวดลายแบบภาพจิตรกรรมหรือเครื่องทรงของพระมหากษัตริย์ ทำด้วยผ้าตาดและเย็บติดด้วยแถบทองปักกลึงด้วย เครื่องประดับโลหะขนาดเล็ก สวมเครื่องประดับ ได้แก่ ต่างหู เข็มขัด ข้อมือ กำไลข้อเท้า ศิราภรณ์สวมชฎายอดน้ำเต้า นายพราน ภาพการแต่งกาย แนวคิดการแต่งกาย แนวคิดมาจากนายพราน ลักษณะการแต่งกาย สวมเสื้อแขนกุดลายริ้ว สีน้ำตาล แต่งขลิบด้วยแถบสีทอง สนับเพลา สนับเพลาใช้ผ้าชนิดเดียวกับตัวเสื้อ ตรงขอบ เชิงสนับเพลาขลิบขอบด้วยแถบสีทอง ผ้านุ่ง นุ่งผ้าหยักรั้งสีน้ำตาลทับสนับเพลา ผ้ามัดเอว ผ้า โพกศีรษะ ผ้ารัดต้นแขน กำไลข้อมือ ผ้าพาดไหล่ลายเสือ แต่งแถบสีทอง สวมสร้อยปะคำ เข็มขัดทับผ้าคาดเอว กำไลข้อเท้าลูกปัดไม้ อาวุธ ประกอบด้วย บ่วงบาศก์ หน้าไม้ ลูกธนู มีด ทหาร ภาพการแต่งกาย แนวคิดการแต่งกาย แนวคิดมาจาก ทหาร ลักษณะการแต่งกาย สวมเสื้อแขนยาว ผ้านุ่ง โจงกระเบน ผ้ามัดเอว
200 ตารางที่ 42 พัฒนาปรับปรุงเครื่องแต่งกายในละครำ เรื่อง “บ่วง” ครั้งที่ 2 (ต่อ) ตัวละคร ภาพเครื่องแต่งกาย คำอธิบาย อำมาตย์ ภาพการแต่งกาย แนวคิดการแต่งกาย แนวคิดมาจาก การแต่งกายของ อำมาตย์ ลักษณะการแต่งกาย สวมเป็นเสื้อสองชั้น ด้านในเป็น เสื้อแขนยาว เสื้อตัวนอกเป็นเสื้อแขนกุดนุ่งทับเสื้อตัวใน ห้อยหน้าและห้อยข้าง ตัดเย็บด้วยผ้ายกดอก เดินขอบ ด้วยแถบดิ้นโลหะสีทอง ตรงช่องกระจกด้านล่างเป็น ลายกรวยเชิง รัดสะเอว ผ้าชนิดเดียวกันกับห้อยหน้าเดินขอบด้วย แถบดิ้นโลหะสีทอง ภูษา (ผ้ายก) นุ่งผ้ายกตีปีกจีบโจงหางหงส์ สนับเพลา กางเป็นลายริ้ว ตรงขอบเชิงสนับเพลาขลิบ ขอบด้วยแถบสีทอง กรองคอ มีลักษณะเป็นวงกลมขอบหยัก เครื่องประดับ ใช้เครื่องประดับการแต่งกายยืน เครื่องแบบตัวพระ ประกอบด้วย สังวาล ทับทรวง เข็มขัด ข้อมือ กำไลข้อเท้า ศิราภรณ์สวมหมวกทรงประพาส ระบำ สรรเสริญ โมรปริตร ภาพการแต่งกาย แนวคิดการแต่งกาย แนวคิดมาจากการแต่งกายยืน เครื่องพระของเทพบุตร โดยใช้สีของพระอาทิตย์คือสี แดงและสีทอง ลักษณะการแต่งกาย สวมเป็นเสื้อสองชั้น ด้านในเป็น เสื้อแขนยาวเป็นปล้อง เสื้อตัวนอกเป็นเสื้อแขนกุด นุ่งทับเสื้อตัวใน ใส่อินธนู ห้อยหน้า ตัดเย็บด้วยผ้ายกดอกสีแดง เดินขอบด้วยแถบดิ้นโลหะสีทอง ตรงช่องกระจกปัก ลวดลาย ห้อยข้าง เดินแถบเป็นชั้น ๆ ด้านล่างปักลวดลาย รัดสะเอว ผ้าชนิดเดียวกันกับห้อยหน้าเดินขอบด้วย แถบดิ้นโลหะสีทอง ภูษา (ผ้ายก) นุ่งผ้ายกตีปีกจีบโจงหางหงส์ ลายพุ่มข้าวบิณฑ์ สีแดง
201 ตารางที่ 42 พัฒนาปรับปรุงเครื่องแต่งกายในละครำ เรื่อง “บ่วง” ครั้งที่ 2 (ต่อ) ตัวละคร ภาพเครื่องแต่งกาย คำอธิบาย สนับเพลา กางเป็นลายริ้ว ลักษณะคล้ายกับลาย เข้มขาบ ตรงขอบเชิงสนับเพลาขลิบขอบด้วยแถบสีทอง กรองคอ มีลักษณะเป็นวงกลมขอบหยัก เครื่องประดับ ใช้เครื่องประดับการแต่งกายยืน เครื่องแบบตัวพระ ประกอบด้วย สังวาล ทับทรวง เข็มขัด ข้อมือ กำไลข้อเท้า ศิราภรณ์สวมชฎาพระ ทัดอุบะดอกไม้ทัดตามจารีต ของละครรำ ที่มา: ผู้วิจัย จากตารางพบว่า เครื่องแต่งกายของผู้แสดงในละครรำ เรื่อง “บ่วง” มีความสอดคล้องกับ แนวคิดและปรับแก้ตามแนวทางการแก้ไข ทั้งนี้ผู้ทรงคุณวุฒิได้ให้ข้อเสนอแนะในการพัฒนาและ ปรับปรุงการแต่งกายของนักแสดงละครำ เรื่อง “บ่วง”เพื่อให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ดังนี้ 1) การแต่งกายพญานกยูงทอง ควรนำลักษณะเด่นของการแต่งกายของละครโนรา ชาตรี เข้ามาด้วย โดยการใช้ผ้าห้อยข้างของโนรามาทำเป็นปีกอีกชั้นหนึ่ง และหางที่มีลักษณะสีทอง ควรเพิ่มความแวววาวให้สวยงาม และสามารถถอดหางที่รำแพนออกได้ เพื่อความสอดคล้องกับ บทละคร ซึ่งหางที่รำแพนนั้นสื่อถึงความมีกิเลสตัณหา ความหลงใหลในกามอารมณ์ ตามการตีความ ของ รองศาสตราจารย์ ดร.เสาวณิต วิงวอน ได้กล่าวว่า “นกยูงรำแพนหางเป็นสัญลักษณ์ความกรีดกราย สง่างาม เราขยายความหมายมากกว่าการอวดท่าทีเรื่องความรัก” แต่ด้วยความเป็นตัวละครที่เป็น พระโพธิสัตว์อยู่ในการรักษาศีลละซึ่งกิเลสทั้งหลาย ไม่ควรมีหาที่รำแพนออกมา จากคำแนะนำ ของผู้ทรงคุณวุฒิ มาปรับปรุงแก้ไขดังนี้ จากการศึกษาลักษณะทางกายภาพของนกยูง พบว่า บริเวณปีกของนกยูงประกอบด้วย ปีกและปลายปีกคือ บริเวณปีกสีน้ำเงิน ซึ่งเป็นโคนปีกและบริเวณปลายปีกเป็นสีน้ำตาลเข้ม ผู้วิจัยจึงนำแนวคิดจากลักษณะทางกายภาพของนกยูงตามธรรมชาติ มาพัฒนาเครื่องแต่งกาย ซึ่งสอดคล้องกับการนำผ้าห้อยข้างของโนรามาใช้เพื่อสื่อถึงปีกของนกยูงในอีกชั้นหนึ่งตาม ข้อเสนอแนะของผู้ทรงคุณวุฒิ
202 ภาพที่ 11 แสดงลักษณะทางกายภาพของปีกนกยูง ที่มา: เกิดมาเพิ่งเคยเห็นนกยูงบิน สวยมาก (2558, ออนไลน์) ภาพที่ 12 แสดงลักษณะเครื่องแต่งกายส่วนปีกและหางของพญานกยูงทอง (1) กางปีกผ้าห้อยข้างแบบโนรา (2) หุบปีก ไม่สวมหางรำแพน (3) สวมหางรำแพน ที่มา: ผู้วิจัย 2) เครื่องศิราภรณ์ ของพญานกยูงทอง (ปันจุเหร็จ) ที่มีสัญญะเป็นรูปนกยูงที่นำมาใส่บน กระจังด้านบนกระบังหน้า ควรปรับให้มีความโดดเด่น สวยงาม ผู้วิจัยจึงได้สัมภาษณ์แนวคิดเพื่อนำมา เสนอประกอบพัฒนาปรับปรุงแก้ไขต่อกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ รายละเอียดดังนี้ การจัดทำเครื่องศิราภรณ์ (ปันจุเหร็จ) ของพระโพธสัตว์พญานกยูงทอง พบว่า ปันจุเหร็จและ เกี้ยวนกยูงทอง ได้แรงบันดาลใจลวดลายปันจุเหร็จ มาจาก Devonshire Diamond Tiara โดยเพิ่ม (1) (2) (3)
203 เกี้ยวนกยูงทอง แทนลายกลุ่มกระจังบางจุด ด้วยลายแววมยุรา ลวดลายของเทียร่า Devonshire Tiara องค์นี้จริง ๆ แล้วคือลายดอกบัว สัญญะของเทียร่าองค์นี้จึงหมายถึง “ความดีงามและการตื่นรู้” ผู้สร้างสรรค์เห็นว่ามีลักษณะคล้ายหางนกยูงรำแพนจึงได้นำมาเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบ ลวดลาย โดยการศึกษา สีและความหมายสัญญะต่าง ๆ เนื้อความเพิ่มเติมในพระไตรปิฎก เพื่อนำมา เป็นแรงบันดาลใจในการทำ ศิราภรณ์ เนื้อเรื่องได้กล่าวถึงลักษณะของนกยูงทองว่า “เหตุนั้นฟองไข่ จึงเป็นเหมือนดอกกรรณิการ์ตูม ๆ มีสีดั่งทอง เมื่อครบ กำหนด ก็แตกโดยธรรมดาของตน ลูกนกยูงนั้น มีสีเป็นทอง ออกมาแล้วลูกนกยูงทองนั้น มีนัยน์ตาทั้งคู่คล้ายผลกระพังโหม มีจะงอยปากสีเหมือนแก้วประพาฬ มีสร้อยสีแดง สามชั้น วงรอบคอยาวพาดกลางหลัง” (ชคิน ถึงสุขติ, สัมภาษญ์, 2566, 10 เมษายน) (1) (2) (3) (4) ภาพที่13 ปันจุเหร็จและเกี้ยวนกยูงทอง (1) เกี้ยวพญานกยูงทอง (2) ปันจุเหร็จด้านหน้า (3) ปันจุเหร็จด้านหลัง (4) ปันจุเหร็จด้านข้าง ที่มา: ผู้วิจัย
204 3) การแต่งกายของตัวละครนายพราน สามารถนำรูปแบบการแต่งกายแบบร่างครั้งที่ 1 มาใช้ได้เพื่อความคล่องตัวในการแสดงและเหมาะสมกับฐานะตัวละคร จากการออกแบบเครื่องแต่งกายละครรำ เรื่อง “บ่วง” ผู้วิจัยได้นำคำแนะนำของกรรมการ ผู้ทรงคุณวุฒิ มาปรับปรุง พัฒนาแก้ไขรายละเอียดในส่วนต่าง ๆ ในกระบวนการพัฒนาเครื่องแต่งกาย ให้มีความสมบูรณ์เพื่อใช้ในการแสดง ประกอบด้วยตัวละคร และแสดงภาพการแต่งกาย ในตารางที่ 43 แสดงภาพการแต่งกายของตัวละคร ในละครรำ เรื่อง “บ่วง” ดังนี้ 1) พญานกยูงทอง 2) นางนกยูง 3) พระเจ้าพาราณสี 4) นายพราน 5) ทหาร 6) อำมาตย์ 7) ระบำสรรเสริญโมรปริตร ตารางที่ 43 แสดงภาพการแต่งกายของตัวละคร ในละครรำเรื่อง “บ่วง” ตัวละคร ภาพการแต่งกายด้านหน้า ภาพการแต่งกายด้านหลัง พญา นกยูง ทอง แบบที่ 1
205 ตารางที่ 43 แสดงภาพการแต่งกายของตัวละคร ในละครรำ เรื่อง “บ่วง” (ต่อ) ตัวละคร ภาพการแต่งกายด้านหน้า ภาพการแต่งกายด้านหลัง พญา นกยูง ทอง แบบที่ 2 นาง นกยูง
206 ตารางที่ 43 แสดงภาพการแต่งกายของตัวละคร ในละครรำ เรื่อง “บ่วง” (ต่อ) ตัวละคร ภาพการแต่งกายด้านหน้า ภาพการแต่งกายด้านหลัง พระเจ้า กรุง พาราณสี นายพราน
207 ตารางที่ 43 แสดงภาพการแต่งกายของตัวละคร ในละครรำ เรื่อง “บ่วง” (ต่อ) ตัวละคร ภาพการแต่งกายด้านหน้า ภาพการแต่งกายด้านหลัง ทหาร อำมาตย์
208 ตารางที่ 43 แสดงภาพการแต่งกายของตัวละคร ในละครรำ เรื่อง “บ่วง” (ต่อ) ตัวละคร ภาพการแต่งกายด้านหน้า ภาพการแต่งกายด้านหลัง ระบำ สรรเสริญ โมร ปริตร ที่มา: ผู้วิจัย 4.1.2.6 การออกแบบฉาก แสงสีมัลติมีเดีย 1) ฉากและอุปกรณ์ประกอบการแสดง ในการสร้างสรรค์ฉากและอุปกรณ์ประกอบละครำ เรื่อง “บ่วง”ผู้วิจัยได้กำหนด กระบวนการการสร้างและพัฒนาปรับปรุงแก้ไขดังนี้ 1.1) วิเคราะห์เนื้อเรื่อง และพิจารณาความเหมาะสมในการกำหนดฉากและ อุปกรณ์ประกอบฉาก 1.2) พิจารณากำหนด รูปแบบ (Form) ของฉาก และแสงมัลติมีเดีย 1.3) กำหนดแบบร่างฉาก และตำแหน่งของการวางอุปกรณ์ประกอบฉาก 1.4) ดำเนินการสร้างฉาก และจัดหาอุปกรณ์ประกอบฉาก 1.5) ปรับปรุงแก้ไข พัฒนาตามข้อเสนอของผู้ทรงคุณวุฒิและปัญหา อุปสรรค ที่พบ
209 จากขั้นตอนข้างต้น ผู้วิจัยได้จำลองฉากที่สร้างและแสดงในโรงละคร การใช้ศิลปะไทย ลวดลายจิตรกรรมไทยผสมผสานกับเทคโนโลยีที่ช่วยในเรื่องของฉากสื่อผสมที่สามารถจัดฉากได้ รวดเร็ว ใช้เทคนิคการสร้างฉากและการเชื่อมโยงเสริมอารมณ์ผู้ชมด้วย แสงสี เสียง ทำให้คนดู เกิดความประทับใจ การใช้แสงสี สื่อมัลติมีเดียมาประกอบเป็นการเพิ่มอรรถรถ ความสมบูรณ์ ของการแสดงมากยิ่งขึ้น จากการกำหนดการออกแบบฉากและแสงสีมัลติมีเดีย ผู้วิจัยได้ออกแบบและนำเสนอฉาก ประกอบการแสดงที่ฉายผ่านจอ LED ในฉากที่ 1 และฉากที่ 2 ต่อผู้ทรงคุณวุฒิในการประชุมกลุ่มย่อย และได้ให้แนวทางในการปรับปรุงแก้ไขฉาก รายละเอียดในตารางที่ 44 ออกแบบฉากประกอบการ แสดงฉายผ่านจอ LED และแนวทางในการปรับปรุงแก้ไขฉาก ดังนี้ ตารางที่ 44 ออกแบบฉากประกอบการแสดงฉายผ่านจอ LED และแนวทางในการปรับปรุงแก้ไขฉาก ฉากที่ ภาพฉากประกอบการแสดง ฉายผ่านจอ LED ปัญหาและแนวทางในการปรับปรุง แก้ไข 1 ถ้ำทัณฑกะ บรรยากาศของถ้ำยังไม่สื่อถึง ความเป็นพระโพธิสัตว์ พญานกยูงทอง ที่อยู่ในจินตนาการ ยังคงเหมือนถ้ำ ทั่วไป แนะนำให้ใช้เทคนิคแสงเพิ่มเติม ในสอดส่องเข้าไป ให้เกิดกลางวันและ กลางคืน เพื่อสร้างอารมณ์และเสริม จินตนาการมากยิ่งขึ้น
210 ตารางที่ 44 ออกแบบฉากประกอบการแสดงฉายผ่านจอ LED และแนวทางในการปรับปรุงแก้ไขฉาก (ต่อ) ฉากที่ ภาพฉากประกอบการแสดง ฉายผ่านจอ LED ปัญหาและแนวทางในการปรับปรุง แก้ไข บรรยากาศของภาพให้มีเนินเขา หรือหน้าผาสูง และเพิ่มแสงของพระ อาทิตย์ให้มีความสาดส่องมากขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับบทละครที่ว่า “สาดแสงทอง ส่องสว่าง พสุนธารา” และในการเปลี่ยนภาพจอ LED ไม่ควร ใช้การเปิดปิดม่านบ่อย จะทำให้ขัด อารมณ์ของผู้ชม 2 พลับพลาใน อุทยาน จากการปรับบทละครแนะนำให้มี การปรับเปลี่ยนภาพฉากท้องพระโรง เป็นฉากพลับพลาในอุทยาน แทน โดย การสร้างฉากใหม่ให้มีลักษณะเป็น พลับพลาในอุทยาของพระมหากษัตริย์ และปรับแสงของภาพจอ LED ลง เพื่อให้ตัวละครเด่น และให้ตัดตัวละคร นางสนมออก ให้เหลือเพียงพระเจ้า กรุงพาราณสี อำมาตย์ และทหาร ที่มา: ผู้วิจัย จากการนำเสนอโครงสร้างบทละครและฉากประกอบการแสดง ที่นำเสนอข้างต้นต่อ ผู้ทรงคุณวุฒิทางด้านบทละคร ให้ข้อเสนอแนะในการปรับเปลี่ยนจากการแบ่งองก์เป็นการแบ่งฉาก และเพิ่มเติมเทคนิคแสงสีมัลติมีเดีย ผู้วิจัยจึงนำแนวทางที่ได้มาเข้าสู่กระบวนการพัฒนาและ
211 ปรับเปลี่ยนรูปแบบของการสร้างฉาก ซึ่งในการปรับเปลี่ยนครั้งนี้ได้แบ่งฉาก ออกเป็น 5 ฉาก ดังรายละเอียดดังแสดงในตารางที่ 45 ตารางที่45 ฉากและแสงสีมัลติมีเดียประกอบการแสดงที่ปรับแก้ไขแล้ว ฉากที่ ฉากและแสงสีมัลติมีเดีย ประกอบการแสดงที่ฉายผ่านจอ LED ปรับแก้ไขแล้ว ข้อมูลประกอบ 1 ถ้ำทัณฑกะ ฉากถ้ำทัณฑกะ กำหนดให้เป็นถ้ำทิพย์ ในจินตนาการ โดยใช้การเล่นแสงเพื่อ สื่อถึงเวลากลางวันและกลางคืน เพื่อ สร้างอารมณ์และจินตนาการของฉากให้ มากขึ้น ฉากเนินเขาสูง ได้ปรับบรรยากาศของ ภาพให้มีเนินเขาหรือหน้าผาสูงและเพิ่ม แสงของพระอาทิตย์ให้มีความสาดส่อง มากขึ้น 2 พลับพลาใน อุทยาน ฉากพลับพลาในอุทยาน ปรับแสงของ จอ LED ลง เพื่อตัวละครเด่นขึ้น และ ตัดตัวละครที่เป็นนางสนมออก เหลือ เพียงพระเจ้ากรุงพาราณสี อำมาตย์ และทหาร
212 ตารางที่45 ฉากและแสงสีมัลติมีเดียประกอบการแสดงที่ปรับแก้ไขแล้ว (ต่อ) ฉากที่ ฉากและแสงสีมัลติมีเดีย ประกอบการแสดงที่ฉายผ่านจอ LED ปรับแก้ไขแล้ว ข้อมูลประกอบ 3 ป่าหิมพานต์ ฉากป่าหิมพานต์ กำหนดให้มี ปากถ้ำอยู่ในป่าลึก ได้ใช้แสงสีเขียวผสม เหลือง เพื่อให้ความรู้สึกสดชื่นของ บรรยายกาศป่า และเฟสแสงไฟลงใน ตอนที่นายพรานไล่จับพญานกยูงทอง 4 ปราสาท พระเจ้า พาราณสี ฉากปราสาทพระเจ้าพาราณสี ที่เปลี่ยนมาจากฉากหน้าพระลาน ซึ่งได้ ปรับให้ตรงกับบทละคร 5 ฉากระบำ สรรเสริญ โมรปริตร ฉากที่ 1 ระบำสรรเสริญโมรปริตร เริ่มแรกใช้แสงสีเหลืองและแสงสีขาวจาก ไฟฟอลโล่ส่องลงมาตรงกลาง และมี ประกายของแสงพระอาทิตย์ระยิบระยับ เปรียบเสมือนแสงแห่งธรรม จากการเพิ่ม เทคนิคภาพเคลื่อนไหวในจอ LED ฉากที่ 2 เปลี่ยนเป็นฉากพระอาทิตย์ ใช้ แสงสีเหลืองและไฟฟอลโล่ส่องมา ตรง กลางของเวทีเพื่อเพิ่มความสว่าง
213 ตารางที่45 ฉากและแสงสีมัลติมีเดียประกอบการแสดงที่ปรับแก้ไขแล้ว (ต่อ) ฉากที่ ฉากและแสงสีมัลติมีเดีย ประกอบการแสดงที่ฉายผ่านจอ LED ปรับแก้ไขแล้ว ข้อมูลประกอบ ฉากที่ 3 เปลี่ยนเป็นฉากขนนกยูงสีทอง ใช้แสงสีเหลืองและไฟฟอลโล่ส่องมาตัว ละครพญานกยูงทอง ที่มา: ผู้วิจัย จากตาราง พบว่า ละครำ เรื่อง “บ่วง”มีฉากประกอบการแสดงผ่านจอ LED ทั้งหมด 5 ฉาก ได้แก่ ฉากถ้ำทัณฑกะ ฉากพลับพลาในอุทยาน ฉากป่าหิมพานต์ฉากปราสาทพระเจ้าพาราณสี และฉากระบำสรรเสริญโมรปริตร และเพื่อให้ฉากมีความสมจริงยิ่งขึ้น จะต้องมีอุปกรณ์ประกอบฉาก อุปกรณ์เหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินเรื่องราวตามบทละคร ซึ่งมีความหมายและสำคัญมาก ต่อตัวละครและเนื้อเรื่อง อีกทั้งยังช่วยให้นักแสดงจำลำดับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นข้างหน้าได้อีกด้วย ผู้วิจัยจึงได้กำหนดการจัดวางอุปกรณ์ประกอบฉากละครำ เรื่อง “บ่วง” รายละเอียดดังแสดง ในตารางที่ 46
214 ตารางที่ 46 ตำแหน่งการจัดวางอุปกรณ์ประกอบฉากละครรำ เรื่อง “บ่วง” ฉาก ที่ ชื่อฉาก ภาพแสดงตำแหน่ง ข้อมูลประกอบ 1 ฉาก ถ้ำทัณฑกะ ในฉากถ้ำทัณฑกะ กำหนดให้มีอุปกรณ์ประกอบ ฉาก ดังนี้ - แท่นหินจำลอง - ภูผาจำลอง 2 ฉากพลับพลา ในอุทยาน ในฉากพลับพลาในอุทยาน กำหนดให้มีอุปกรณ์ประกอบ ฉาก ดังนี้ - เตียงละครใหญ่ - เตียงละครเล็ก - เวทีใช้เสริมความสูงรอง เตียงละครใหญ่ - พานพระขันหมาก - พระมณฑปรัตนกรัณฑ์ - พระเขนยอิง 3 ฉากป่าหิม พานต์ ในฉากป่าหิมพานต์ กำหนดให้มีอุปกรณ์ประกอบ ฉาก ดังนี้ - ต้นไม้ใหญ่จำลอง 4 ฉากปราสาท พระเจ้า พาราณสี ในฉากปราสาทพระเจ้าพาราณสี กำหนดให้มีอุปกรณ์ประกอบ ฉาก ดังนี้ - เตียงละครใหญ่ - เตียงละครเล็ก
215 ตารางที่ 46 ตำแหน่งการจัดวางอุปกรณ์ประกอบฉากละครำ เรื่อง “บ่วง”(ต่อ) ฉาก ที่ ชื่อฉาก ภาพแสดงตำแหน่ง ข้อมูลประกอบ - พระเขนยอิง - เวทีใช้เสริมความสูง รองเตียงละครใหญ่ - พานพระขันหมาก - พระมณฑปรัตนกรัณฑ์ 5 ระบำ สรรเสริญโมร ปริตร ในฉากระบำสรรเสริญ โมรปริตรกำหนดให้มีอุปกรณ์ ประกอบฉาก ดังนี้ - แท่นหินจำลอง ที่มา: ผู้วิจัย จากตารางตำแหน่งการจัดวางอุปกรณ์ประกอบฉากละครำ เรื่อง “บ่วง” ผู้วิจัยได้สร้าง อุปกรณ์ประกอบฉากโดยใช้อุปกรณ์วัสดุต่าง ๆ มาประดิษฐ์ให้มีความคล้ายคลึงกับของจริงและนำมา ประกอบฉากภาพมัลติมิเดีย สามารถอธิบายรายละเอียดของอุปกรณ์แบ่งออกเป็นฉากการแสดงดังนี้ ฉากที่ 1 ฉากถ้ำทัณฑกะ ภาพที่ 14 อุปกรณ์ประกอบฉากที่ 1 ฉากถ้ำทัณฑกะ ที่มา: ผู้วิจัย
216 ในฉากที่ 1 ฉากถ้ำทัณฑกะ มีอุปกรณ์ประกอบฉากทั้งหมด 2 ชิ้น รายละเอียดดังแสดงในตารางที่47 ตารางที่47 อุปกรณ์ประกอบฉากที่ 1 ฉากถ้ำทัณฑกะ ลำดับ อุปกรณ์ประกอบการแสดง คำอธิบาย 1 เนินหินจำลอง แท่นหิน จำลองขึ้นมาเพื่อใช้ ประกอบการแสดงในฉากถ้ำทัณฑกะ เป็นที่ประทับนั่งของพญานกยูงทอง ที่อยู่ในถ้ำทิพย์ 2 ภูผาจำลอง เป็นหน้าผาหินที่ทำจำลองขึ้นมา เพื่อใช้ในการประกอบการแสดงใน ฉากถ้ำทัณฑกะ ตอนที่พญานกยูงทอง เดินทางมาถึงภูผา ที่มา: ผู้วิจัย ฉากที่ 2 ฉากพลับพลาในอุทยาน ภาพที่15 อุปกรณ์ประกอบฉากที่ 2 ฉากพลับพลาในอุทยาน ที่มา: ผู้วิจัย
217 ในฉากมีอุปกรณ์ประกอบฉากทั้งหมด 7 ชิ้น รายละเอียดแสดงในตารางที่ 48 ตารางที่48 อุปกรณ์ประกอบฉากที่ 2 ฉากพลับพลาในอุทยาน ลำดับ อุปกรณ์ประกอบการแสดง คำอธิบาย 1 เตียงละคร เตียงละคร ใช้เป็นแท่นประทับ ของตัวพระเจ้ากรุงพาราณสี 2 เตียงละครเล็ก เตียงไม้ใช้เป็นที่นั่งสำหรับตัว ละครอำมาตย์ 3 เวที เวที ใช้เป็นแท่นรองเตียงละคร เพื่อให้มีความสูงขึ้นอีกระดับ เพื่อทำ ให้ตัวเอกในฉากนั้นเด่นขึ้น
218 ตารางที่48 อุปกรณ์ประกอบฉากที่ 2 ฉากพลับพลาในอุทยาน (ต่อ) ลำดับ อุปกรณ์ประกอบการแสดง คำอธิบาย 4 พานพระขันหมาก พานที่ซ้อนกัน 2 เป็นเครื่อง ราชูปโภคอย่างหนึ่ง สำหรับใส่หมากพลู ใช้ประกอบการแสดงในฉากพลับพลาใน อุทยาน ตั้งอยู่บนตั่งทองฝั่งซ้ายติดกับ เตียงละคร 5 พระมณฑปรัตนกรัณฑ์ ภาชนะรูปทรงมณฑปมีพานรอง พร้อมฝาปิด สำหรับใส่น้ำเย็น มีจอก ลอยอยู่ภายใน ใช้ประกอบการแสดงใน ฉากพลับพลาในอุทยาน ตั้งอยู่บนตั่ง ทองฝั่งขวาติดกับเตียงละครใหญ่ 6 พระเขนยอิง หมอนทรงสามเหลี่ยมสีทองใช้ ประกอบการแสดงในฉากพลับพลาใน อุทยาน ตั้งอยู่บนเตียงละครใหญ่ฝั่งซ้าย ติด
219 ตารางที่48 อุปกรณ์ประกอบฉากที่ 2 ฉากพลับพลาในอุทยาน (ต่อ) ลำดับ อุปกรณ์ประกอบการแสดง คำอธิบาย 7 ตั่ง เป็นอุปกรณ์สำหรับจัดวางเครื่อง ราชูปโภคเครื่องพระสำอางตลอดจนเป็น ที่วางอาวุธในการแสดงละครทาง นาฏศิลป์ไทย ที่มา: ผู้วิจัย ฉากที่ 3 ฉากป่าหิมพานต์ ภาพที่16 อุปกรณ์ประกอบฉากที่ 3 ฉากป่าหิมพานต์ ที่มา: ผู้วิจัย ในฉากมีอุปกรณ์ประกอบฉากทั้งหมด 1 ชิ้น รายละเอียดดังแสดงในตารางที่ 49
220 ตารางที่ 49 อุปกรณ์ประกอบฉากที่ 3 ฉาก ป่าหิมพานต์ ลำดับ อุปกรณ์ประกอบการแสดง คำอธิบาย 1 ต้นไม้ใหญ่จำลอง เป็นต้นไม้ใหญ่ที่จำลองขึ้นมา ใช้ประกอบในฉากป่าหิมพานต์ เป็นที่ หลบซ่อนของพรานป่า ตั้งอยู่ฝั่งขวาของ เวที ที่มา: ผู้วิจัย ฉากที่4 ฉากปราสาทพระเจ้าพาราณสี ภาพที่17 อุปกรณ์ประกอบฉากที่ 4 ฉากปราสาทพระเจ้าพาราณสี ที่มา: ผู้วิจัย ในฉากนี้มีอุปกรณ์ซ้ำกับประกอบฉากทั้งหมด 9 ชิ้น รายละเอียดดังแสดงในตารางที่ 50
221 ตารางที่50 อุปกรณ์ประกอบฉากที่ 4 ฉากปราสาทพระเจ้าพาราณสี ลำดับ อุปกรณ์ประกอบการแสดง คำอธิบาย 1 เตียงละคร เตียงละคร ใช้เป็นแท่นประทับ ของตัวพระเจ้ากรุงพาราณสี 2 เตียงละครเล็ก เตียงละครเล็กใช้เป็นแท่น ประทับของพญานกยูงทองในฉาก ปราสาทเจ้าพาราณสี 3 เวที เวที ใช้เป็นแท่นรองเตียงละคร เพื่อให้มีความสูงขึ้นอีกระดับ เพื่อทำ ให้ตัวเอกในฉากนั้นเด่นขึ้น 4 พานพระขันหมาก พานที่ซ้อนกัน 2 เป็นเครื่อง ราชูปโภคอย่างหนึ่ง สำหรับใส่หมาก พลู ใช้ประกอบการแสดงในฉาก พลับพลาในอุทยาน ตั้งอยู่บนตั่งทอง ฝั่งซ้ายติดกับเตียงละคร
222 ตารางที่50 อุปกรณ์ประกอบฉากที่ 4 ฉากปราสาทพระเจ้าพาราณสี(ต่อ) ลำดับ อุปกรณ์ประกอบการแสดง คำอธิบาย 5 พระมณฑปรัตนกรัณฑ์ เป็นภาชนะรูปทรงมณฑปมีพาน รองพร้อมฝาปิด สำหรับใส่น้ำเย็น มีจอกลอยอยู่ภายใน ใช้ประกอบการ แสดงในฉากพลับพลาในอุทยาน ตั้งอยู่ บนตั่งทองฝั่งขวาติดกับเตียงละครใหญ่ 6 พระเขนยอิง หมอนทรงสามเหลี่ยม สีทอง ใช้ประกอบการแสดงในฉากพลับพลาใน อุทยาน ตั้งอยู่บนเตียงละครใหญ่ฝั่งซ้าย ติด 7 ตั่ง เป็นอุปกรณ์สำหรับจัดวางเครื่อง ราชูปโภคเครื่องพระสำอางตลอดจน เป็นที่วางอาวุธในการแสดงละครทาง นาฏศิลป์ไทย ที่มา: ผู้วิจัย
223 ฉากที่ 5 ฉากระบำสรรเสริญพระโมรปริตร ภาพที่18 อุปกรณ์ประกอบฉากที่ 5 ฉากระบำสรรเสริญโมรปริตร ที่มา: ผู้วิจัย ในฉากนี้มีอุปกรณ์ซ้ำกับประกอบฉากทั้งหมด 1 ชิ้น รายละเอียดดังแสดงในตารางที่ 51 ตารางที่51 อุปกรณ์ประกอบฉากที่ 5 ฉากระบำสรรเสริญโมรปริตร ลำดับ อุปกรณ์ประกอบการแสดง คำอธิบาย 1 เนินหินจำลอง เป็นแท่นหินที่จำลองขึ้นมา เพื่อใช้ประกอบการแสดงเพื่อให้พญา นกยูงทอง ยืน ตอ นตั้งซุ้มจบในฉาก ที่มา: ผู้วิจัย
224 2. เพื่อนำเสนอผลการวิจัยเชิงวิชาการและการแสดงละครรำเรื่อง “บ่วง” 2.1 การนำเสนอผลการวิจัยเชิงวิชาการ ละครรำ เรื่อง “บ่วง” เป็นส่วนหนึ่งของวิทยานิพนธ์ระดับปริญญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชา นาฏศิลป์สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ ผู้วิจัยได้แนวคิดการแสดงมาจากการนำตำนานพุทธชาดกโมรปริตร พญานกยูงทอง นำหลักคำสอน แนวคิด คติธรรมน่าสนใจ และให้ความรู้ทางด้านคุณธรรมจริยธรรม ในเรื่องราวของ ความโลภ บ่วงกาม กิเลสตัณหา ที่ส่งผลให้ตัวพญานกยูงทองถูกคล้องด้วยบ่วงบาศ แสดงให้เห็นถึงแก่นสำคัญพฤติกรรมของมนุษย์และสัตว์ ที่ทำให้เกิดความหายนะและเป็นแก่นแท้ ของสัจธรรมในการดำรงชีวิต นำเสนอเรื่องราวที่มีความน่าสนใจเพื่อการสื่อสารให้ประชาชนคนทั่วไปเข้าใจได้ง่ายมาก ยิ่งขึ้นในรูปแบบของละครรำ สืบทอดส่งเสริมละครรำมิให้สูญหาย โดยใช้ทฤษฎีละครตามแนวทางของ การสร้างสรรค์ละครด้วยการผสมผสานจุดเด่นของละครรำแบบต่าง ๆ โดยใช้ทฤษฎีการแปรรูป วรรณกรรม สร้างบทขึ้นมาใหม่ และใช้แนวคิดทฤษฎีการสร้างละครตามองค์ประกอบของละคร ได้แก่ บทละคร ดนตรี เพลงร้อง สร้างสรรค์กระบวนท่ารำ ออกแบบเครื่องแต่งกาย อีกทั้งบูรณาการศาสตร์ และศิลป์ฉาก แสงเสียงตามยุคสมัยของสังคมเทคโนโลยีในศตวรรษที่ 21 และนำหลักทฤษฎี การสื่อสาร มาถ่ายทอดเรื่องราวของพุทธศาสนาสื่อสารให้เข้าถึงได้ง่ายยิ่งขึ้น แต่ยังคงอนุรักษ์สืบทอด จารีตของละครรำอันเป็นศิลปะประจำชาติไทยอีกด้วย ผู้วิจัยจึงนำเสนอผลการวิจัยเชิงวิชาการดังนี้ 2.1.1 การนำทฤษฎีมาสร้างสรรค์ละครรำเรื่อง “บ่วง” ผู้วิจัยได้วิเคราะห์องค์ความรู้การนำทฤษฎี ได้แก่ ทฤษฎีดัดแปลงบทและทฤษฎีแปร รูปวรรณกรรม แนวคิดทฤษฎีการสื่อสาร ทฤษฎีการสร้างละครรำ มาประกอบสร้างละครรำ เรื่อง “บ่วง” รายละเอียดดังนี้ 1) หลักและแนวคิดในการนำทฤษฎีดัดแปลงบทและทฤษฎีแปรรูปวรรณกรรมมาใช้ ในการแสดงละครรำ เรื่อง “บ่วง” คือ ได้นำตำนานพุทธชาดกโมรปริตรแบบตำนาน มาเปลี่ยนรูปแบบ การนำเสนอวรรณกรรมจากเดิมให้มีรูปแบบใหม่ โดยใช้วิธีการทางวรรณศิลป์เพื่อให้ได้งานชิ้นใหม่ออกมา เช่น บทละครรำ ที่ประดิษฐ์จะมีลักษณะการแต่งเป็นกลอนบทละคร และมีบทเจรจา แต่ต้องรักษา สาระสำคัญของต้นเรื่องไว้ไม่ให้เปลี่ยนแปลง โดยมีการวางโครงเรื่อง การนำเสนอเรื่องราวของแต่ละ ฉากต้องมีความสัมพันธ์กันประเด็นที่เลือกพระปริตร เพราะว่า ในตำนานโมรปริตร เป็นคติธรรม
225 เตือนใจสื่อถึงการละกิเลสเกี่ยวกับปัญหาของสัตว์โลก ที่ทำให้มนุษย์เกิดหากความหายนะได้และเป็น การเชิดชูพระอริยสงฆ์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ที่เป็นพระอริยสงฆ์ของไทย 2) แนวคิดทฤษฎีการสื่อสาร เป็นการสื่อสารให้ผู้ชมได้เข้าใจในเรื่องราว ทั้งคนดูจะได้ ประสบการณ์จากการแสดงในด้านอารมณ์ความบันเทิง เกิดการกระตุ้นให้ผู้ชมได้คิดตามว่าผลของ การกระทำของตัวละครจะออกมาในรูปแบบใด โดยการมีการนำเสนอความเข้าใจในเชิงวิชาการและ สามารถอภิปรายการแสดงได้ 3) ทฤษฎีการสร้างละครรำ ใช้แนวคิดทฤษฎีของอาจารย์สุรพล วิรุฬห์รักษ์เป็น ทฤษฎีการวิเคราะห์นาฏยลักษณ์ของละครรำ ตามองก์ประกอบของการแสดงละคร ในการสร้างสรรค์ละครรำ เรื่อง “บ่วง” ในครั้งนี้ผู้วิจัยหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ละครรำธรรมะ เรื่องบ่วงจะสามารถสร้างสุนทรียะและประโยชน์ที่ใช้ในการพัฒนา ส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม สร้าง การเรียนรู้ให้กับกลุ่มประชาชนและสังคมเป็นอย่างดีโดยมีคุณค่า ดังนี้ 3.1) คุณค่าจากละครรำธรรมะจากโมรปริตร ให้ปรัชญาในเรื่องการมีสติในการครอง ตนไม่หลงในกิเลสตัณหา การหลีกพ้นจากความหายนะ และเป็นแนวทางในการประพฤติปฏิบัติตน 3.2) ช่วยจรรโลงศิลปะวัฒนะธรรมของชาติละครรำธรรมะมีให้สูญหาย 3.3) เกิดสุนทรียะทางด้านการแสดง บทละคร ความไพเราะของดนตรีความงามใน การแต่งกายและท่ารำที่สวยงาม 3.4) ประโยชน์ทางการศึกษาในรูปแบบของสื่อที่แสดงเป็นรูปธรรม ที่เรียนรู้ได้ง่าย ยิ่งขึ้นจากพระไตรปิฎกมาสู่การแสดงละครรำ 2.1.2 การนำทฤษฎีมาสร้างสรรค์ละครรำเรื่อง “บ่วง” ละครรำ แบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ ละครรำแบบดั้งเดิม (Traditional Dance Drama) และละครรำแบบปรับปรุงขึ้นใหม่ (Modified Dance Drama) ในการศึกษาครั้งนี้มีความ จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องทราบถึงเอกลักษณ์ของละครรำ ที่มีคุณลักษณะพิเศษ ที่สื่อถึงคุณลักษณ์เฉพาะ ที่โดดเด่นหรือเอกลักษณ์ทางด้านนาฏศิลป์โดยการจำแนกคุณลักษณะต่าง ๆ ออกมาให้ได้อย่าง เด่นชัดและเพื่อง่ายแก่การจดจำ กำหนดได้จากการแสดงออกของนาฏศิลป์ใน 4 ส่วนหลัก คือ 1) เครื่องแต่งกาย 2) อุปกรณ์การแสดง 3) ดนตรีและ 4) การแสดง โดยหลักการและรายละเอียด แสดงในตารางที่ 52
226 ตารางที่ 52 สรุปวิเคราะห์นาฏยลักษณ์ของละครรำ ประเภท นาฏยลักษณ์ของละครรำ ละครรำแบบดั้งเดิม (Traditional Dance Drama) ละครโนราชาตรี 1. เครื่องแต่งกาย ละครโนราแต่โบราณผู้แสดงไม่สวมเสื้อ ตัวนายโรงจะนุ่งสนับเพลา คาดเจียระบาด มีห้อยหน้า ห้อยข้าง สวมสังวาล ทับทรวง กรองคอ ศีรษะสวมเทริด ตัวนาง ห่มสไบและผ้านุ่งตัวเบ็ดเตล็ดหรือตัวตลก บางทีก็สวมหน้ากาก พอให้รู้ว่า ทำบทเป็นยักษ์มารหรือพราน เมื่อพัฒนาการเป็นละครชาตรีจึงสวมเสื้ออย่างกษัตริย์ แต่งตัวยืนเครื่องปรับให้สวยงามขึ้น 2. อุปกรณ์การแสดง เล็บ อาวุธประกอบการแสดง หน้ากากพราน เตียงหรือ แคร่ 3. ดนตรีใช้ปี่พาทย์บรรเลงประกอบ ด้วยปี่นอก 1 เลา โทน 1 คู่ หรือกลองชาตรี 1 คู่ ฆ้อง 1 คู่ กรับกี่คู่ก็ได้ เครื่องให้จังหวะคือ ฉิ่ง จะมีม้าฬ่อหรือไม่มีก็ได้ ถึงปลายสมัย รัชกาลที่ 6 มีผู้คิดวิธีผสมการแสดงละครนอกกับละครชาตรีเข้าด้วยกันเรียกว่าชาตรี เข้าเครื่องหรือชาตรีเครื่องใหญ่ 4. การแสดง เรื่องราวเป็นแบบละครพื้นบ้าน ใช้กลอนขับร้องสำเนียงภาคใต้ มีลูกคู่ร้องรับ นักแสดงชายล้วน ร้องเอง รำเอง ในการดำเนินเรื่อง เริ่มจากรำไหว้ครู และรำตามบท เมื่อพัฒนาเป็นละครชาตรีมีตัวเพิ่มจำนวนผู้แสดงเล่นได้ทั้งชายและ หญิง ได้นำเรื่องในชาดกมาแสดง รวมถึงเรื่องจักรๆ วงศ์ๆ เช่น มโนรา พระรถเมรี ลักษณวงศ์ ▪ สรุปลักษณะเด่นของละครโนรา ชาตรี คือ มีการรำไหว้ครูก่อนเข้าเรื่อง ภาษา และเพลงร้องเป็นสำเนียงของภาคใต้ มักจะรำซัดท่าและลูกคู่ร้องรับการแต่งกาย ศีรษะสวมเทริดและสวมเล็บ จุดเด่นของละครชาตรีคือ มีการรำเบิกโรงไหว้บูชาครู และรำซัดท่าเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ละครยก หรือ ละครแก้บน
227 ตารางที่ 52 สรุปวิเคราะห์นาฏยลักษณ์ของละครรำ (ต่อ) ประเภท นาฏยลักษณ์ของละครรำ ละครนอก 1. เครื่องแต่งกาย เดิมแต่งอย่างชาวบ้านสามัญชน ต่อมาพัฒนาการแต่งกาย ให้มี ความวิจิตรงดงามมากขึ้นอย่างละครใน ด้วยการปักดิ้น แต่งกายยืนเครื่องพระ นาง ศีรษะสวมมงกุฎ ชฎา รัดเกล้ายอดรัดเกล้าเปลวและกระบังหน้าตามฐานะตัวละคร แล้วแต่เนื้อเรื่อง 2. อุปกรณ์การแสดง อาวุธประกอบการแสดงตามบทบาทของตัวละคร เช่น ดาบ หอก เตียง 3. ดนตรีใช้วงปี่พาทย์เครื่องห้าและพัฒนาการมาใช้ปี่พาทย์เครื่องคู่และเครื่องใหญ่ ก่อนแสดงจะมีการบรรเลงโหมโรงก่อน บรรเลงมีจังหวะรวดเร็ว เรียกว่า ทางนอก หรือทางกรวด 4. การแสดง แสดงนอกพระราชฐาน หรือนอกวัง ใช้ผู้ชายแสดงล้วน ปัจจุบันแสดง ทั้งชายและหญิง มุ่งหมายในการแสดงเรื่องราวมากกว่าความประณีตในการรำ เน้น ตลกขบขัน ใช้ถ้อยคำไม่สุภาพ เรื่องทำนำมาแสดงเป็นเรื่องจักร ๆ วงศ์ๆ จะไม่แสดง เรื่องรามเกียรติ์ อิเหนา และ อุณรุท เริ่มด้วยการโหมโรงแล้วดำเนินเรื่องด้วยการรำ มีบทเจรจา ตลก ศิลปะร่ายรำกระฉับกระเฉงว่องไว เป็นกริยาแบบชาวบ้าน หรือที่ เรียกกันว่าละครตลาดภายหลังมีการแสดงนอกแบบทางละครหลวง ▪ สรุปลักษณะจุดเด่นของละครนอก คือ การดำเนินเรื่องรวดเร็ว บทเน้นเนื้อ เรื่องเป็นหลัก ตลกขบขันภาษาพูดโต้ตอบแบบชาวบ้าน ค่อนข้างหยาบเพลงร้องและ บรรเลง มีจังหวะรวดเร็ว ไม่พิถีพิถันในเรื่องการแต่งกาย ละครใน 1. เครื่องแต่งกาย แต่งกายยืนเครื่องละคร เลียนแบบเครื่องต้นของพระมหากษัตริย์ ที่มีความวิจิตรบรรจง ในอดีตสวมเสื้อแขนยาว ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 6 ปรับให้สวม เสื้อแขนสั้นติดกนกปลายแขนเพื่อให้เห็นลำแขน 2. อุปกรณ์การแสดง อาวุธประกอบการแสดงเช่น กริช พระขรรค์ ศร หอกและ อุปกรณ์ในการ ลงสรงแต่งตัว เช่น เตียง คันฉ่อง พานพระศรี แส้ พัดวาลวิชนี เป็นต้น
228 ตารางที่ 52 สรุปวิเคราะห์นาฏยลักษณ์ของละครรำ (ต่อ) ประเภท นาฏยลักษณ์ของละครรำ 3. ดนตรีใช้วงปี่พาทย์เครื่องห้าแบบทางใน ที่บรรเลงขับร้องมีท่วงทำนองที่ช้า ไพเราะนุ่มนวล ปี่พาทย์จะบรรเลงเพลงโหมโรงก่อนการแสดง 4. การแสดง เป็นการแสดงที่เป็นแบบแผน เคร่งครัดในการรักษาจารีต ขนบธรรมเนียม แสดงในเขตพระราชฐาน ใช้ผู้หญิงแสดงล้วนสมัยโบราณ ผู้แสดงจะเป็นนางในราชสำนัก ความหมายการแสดงอยู่ที่ศิลปะการร่ายรำ เป็นสำคัญ แช่มช้อย สง่างาม การดำเนินเรื่องราวด้วยกลอ นบทละคร ที่สละสลวย เรื่องที่นำมาแสดง คือ รามเกียรติ์ อิเหนา อุณรุท ปี่พาทย์จะบรรเลงเพลง โหมโรงเย็นแล้วจึงบรรเลงเพลงวา ตัวละครออกมานั่งเตียง สมัยโบราณจะเริ่มด้วย การรำเบิกโรง เช่น รำปะเลง หรือ รำกิ่งไม้เงินทอง แล้วจึงจะแสดงเรื่องราว ▪ สรุปลักษณะจุดเด่นของละครใน แสดงในเขตพระราชฐานใช้ผู้หญิงแสดง ล้วน เน้นกระบวนท่ารำที่งามมีแบบแผน คือ การรำที่มีจารีต ประณีตแช่มช้อย มีบท ชมโฉม อวดฝีมือของตัวละครความงามของตัวละครและกระบวนท่ารำ เช่น บทลง สรง แต่งตัว ชมทัพ ชมดง การแต่งกายแบบยืนเครื่องต้นของพระมหากษัตริย์พระนาง ที่มีความวิจิตรงดงาม ละครแบบปรับปรุงขึ้นใหม่ (Modified) ละครดึกดำบรรพ์ 1. เครื่องแต่งกาย การแต่งกายยืนเครื่องเครื่องต้นของพระมหากษัตริย์ ตามแบบทางละครใน 2. อุปกรณ์การแสดง อาวุธประกอบการแสดง พระขรรค์ ศรและอุปกรณ์ ในการลงสรง แต่งตัว เช่น เตียง คันฉ่อง พานพระศรีเป็นต้น 3. ดนตรีปีพาทย์ดึกดำบรรพ์เป็นการผสมวงขึ้นใหม่ เพิ่มเครื่องดนตรีที่มีเสียงทุ้ม นุ่มนวล เช่นขลุ่ย ซออู้ มีฆ้องหุ่ย 7 ลูก 7 เสียง 4. การแสดง ตัวละครต้องมีความสามารถในการขับร้องเพลงไทยเดิม และรำงาม ได้รับอิทธิพลจากละครโอเปร่า ปรับปรุงจากคอนเสิร์ตเรื่องและ ผสมผสานกับรูปแบบการแสดงละครใน ในสมัยโบราณจึงใช้นักแสดงหญิงล้วน สร้าง ฉากและอุปกรณ์การแสดงสมจริง นิยมแสดงในโรงละคร แบ่งฉากเป็นองก์ เป็นชุด เป็นตอน การแต่งกายยืนเครื่องละครตามแบบละครรำ ใช้วงปี่พาทย์ดึกดำบรรพ์
229 ตารางที่ 52 สรุปวิเคราะห์นาฏยลักษณ์ของละครรำ (ต่อ) ประเภท นาฏยลักษณ์ของละครรำ บทละครไม่มีคำว่า “เมื่อนั้น” “บัดนั้น” มีเฉพาะบทเจรจาโต้ตอบกัน ไม่บอกกิริยา อาการ เรื่องที่แสดง ได้แก่ คาวี รามเกียรติ์ อิเหนา อุณรุท คาวี กรุงพานชมทวีป 4. การแสดง ตัวละครต้องมีความสามารถในการขับร้องเพลงไทยเดิม และรำงาม ได้รับอิทธิพลจากละครโอเปร่า ปรับปรุงจากคอนเสิร์ตเรื่องและ ผสมผสานกับรูปแบบการแสดงละครใน ในสมัยโบราณจึงใช้นักแสดงหญิงล้วน สร้าง ฉากและอุปกรณ์การแสดงสมจริง นิยมแสดงในโรงละคร แบ่งฉากเป็นองก์ เป็นชุด เป็นตอน การแต่งกายยืนเครื่องละครตามแบบละครรำ ใช้วงปี่พาทย์ดึกดำบรรพ์ บทละครไม่มีคำว่า “เมื่อนั้น” “บัดนั้น” มีเฉพาะบทเจรจาโต้ตอบกัน ไม่บอกกิริยา อาการ เรื่องที่แสดง ได้แก่ คาวี รามเกียรติ์ อิเหนา อุณรุท คาวี กรุงพานชมทวีป ▪ สรุปลักษณะเด่นของละครละครดึกดำบรรพ์คือ ตัวละครร้องเอง มี เทคนิคการสร้างฉากในโรงละครมีความวิจิตรบรรจง สมจริงตามท้องเรื่องมีการแบ่ง ฉากเป็นองก์ เป็นตอน ละครพันทาง 1. เครื่องแต่งกาย แต่งกายตามเชื้อชาติต่าง ๆ 2. อุปกรณ์การแสดง เตียง อาวุธต่าง ๆ ที่ใช้ตามสัญชาติของตัวละคร 3. ดนตรีวงปี่พาทย์เครื่อง 5 ใช้เพลงไทยที่มีสำเนียงภาษาตามตัวละครในเรื่องนั้น ๆ เรียกว่าเพลงภาษา 4. การแสดง เป็นละครผสมผสานที่ปรับปรุงมาจากละครนอก นิยมเล่นเรื่องราวของ พงศาวดารชาติต่าง ๆ แต่งกาย การขับร้อง ดนตรี ภาษาพูดเป็นสำเนียงต่างชาติและ มีท่าทางท่ารำไทยผสม กับเอกลักษณ์ของชาตินั้น ๆ ดำเนินเรื่องด้วยบทร้อง เรียกว่า มีตลกแทรกอยู่เปลี่ยนฉากตามท้องเรื่อง เรื่องที่นิยมแสดงคือ ราชาธิราช พระลอ สามก๊ก ▪ สรุปลักษณะของละครละครพันทาง คือ การแต่งกาย ดนตรี สำเนียง การร้องและรำผสมผสานระหว่างไทยและของต่างชาติ ที่มา: ผู้วิจัย
230 2.2 รูปแบบการนําเสนอ และการเผยแพร่ผลงานละครรำเรื่อง “บ่วง” หลังจากการประกอบสร้างละครรำ เรื่อง “บ่วง” ผ่านกระบวนการปรับปรุง พัฒนาแก้ไข และนำเสนอต่อผู้ทรงคุณวุฒิในการประชุมสนทนากลุ่มย่อย (Focus Group) แล้ว ผู้วิจัยได้ กำหนดการเผยแพร่การแสดงละครรำ เรื่อง “บ่วง” โดยแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ ได้แก่ การเผยแพร่ การแสดงจริง ณ โรงละคร ชั้น 3 อาคารศูนย์ศิลปวัฒนธรรมกาญจนาภิเษก มหาวิทยาลัยราชภัฏ อุบลราชธานีและการเผยแพร่การแสดงผ่านสื่อออนไลน์รายละเอียดดังนี้ 2.2.1 การเผยแพร่ผลงานการแสดงจริง ในการเพยแพร่ผลงานสร้างสรรค์ ละครรำ เรื่อง “บ่วง” ณ โรงละคร ชั้น 3 ศูนย์ ศิลปวัฒนธรรมกาญจนาภิเษก มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี ผู้วิจัยกำหนด จัดแสดงในวันอังคารที่ 4 เมษายน 2566 จังหวัดอุบลราชธานี เวลา 16.00 - 18.00 น. โดยมี ผู้ทรงคุณวุฒิและผู้ที่สนใจเข้าร่วมชมการแสดง โดยผู้วิจัยมีขั้นตอนการเผยแพร่ดังนี้ 1) การนำเสนอแนวคิดและกระบวนการสร้างสรรค์ละคร (ในระยะเวลา 20 นาที) 2) นำเสนอละครรำ เรื่อง “บ่วง” ในระยะเวลา 60 นาที 3) รับฟังข้อเสนอแนะจากคณะกรรมการ (1) (2) ภาพที่19 การนำเสนอแนวคิดและกระบวนสร้างสรรค์ละครรำ เรื่อง “บ่วง” (1) การนำเสนอแนวคิดและกระบวนสร้างสรรค์ละครำ เรื่อง “บ่วง” ต่อคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (2) การนำเสนอแนวคิดและกระบวนสร้างสรรค์ละครำ เรื่อง “บ่วง” ต่อคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ที่มา: ผู้วิจัย
231 (1) (2) ภาพที่20 การนำเสนอแนวคิดและกระบวนสร้างสรรค์ละครรำ เรื่อง “บ่วง” (1) การนำเสนอแนวคิดละครำ เรื่อง “บ่วง”ต่อผู้ชมภายในโรงละคร (2) ผู้ชมภายในโรงละคร ที่มา: ผู้วิจัย ทั้งนี้ การนำเสนอจึงเป็นศาสตร์ของการสื่อสารซึ่งเป็นกระบวนการถ่ายทอด สาร จากผู้นำเสนอ ที่เรียกว่าผู้ส่งสารไปสู่ ผู้รับสาร โดยผ่านช่องทางของสื่อ เพื่อให้ผู้ชมเกิดความเข้าใจถึงการนำเสนอ ละครรำ เรื่อง “บ่วง” ผู้วิจัยจึงนำเสนอแนวคิดและกระบวนการสร้างสรรค์ละครรำ เรื่อง “บ่วง” ให้กับผู้ชมก่อนนำเสนอละคร โดยมีประเด็นในการนำเสนอ คือ 1.1) ส่วนนำเรื่อง กล่าวถึง แนวคิดการแสดง รูปแบบการแสดง 1.2) บอกชื่อเรื่อง บอกวัตถุประสงค์ของของการนำเสนอ รวมถึงสาระสำคัญของ เรื่องที่นำเสนอ 1.3) ส่วนท้ายเรื่อง ส่วนนี้เป็นส่วนที่แสดงให้ผู้ฟังรับทราบว่า การนำเสนอในครั้งนี้ ผู้ชมจะได้รับประโยชน์จากการชมละครได้อย่างไร
232 (1) (2) (3) (4) (5) (6) ภาพที่21 การนำเสนอละครำ เรื่อง “บ่วง”ณ โรงละคร ชั้น 3 ศูนย์ศิลปวัฒนธรรมกาญจนาภิเษก มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี (1) การแสดงในฉากที่ 1 ถ้ำทัณฑกะ (2) การแสดงในฉากที่ 1 ถ้ำทัณฑกะ (เนินผา) (3) การแสดงในฉากที่ 2 พลับพลาในอุทยาน (4) การแสดงในฉากที่ 3 ป่าหิมพานต์ (5) การแสดงในฉากที่ 4 ปราสาทพระเจ้าพาราณสี (6) การแสดงในฉากที่ 5 ระบำโมรปริตร ที่มา: ผู้วิจัย
233 จากการนำเสนอผลงานละครรำ เรื่อง “บ่วง” ในวันอังคารที่ 4 เมษายน 2566 ณ โรงละคร ชั้น 3 ศูนย์ศิลปวัฒนธรรมกาญจนาภิเษก มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี ผู้วิจัยได้ทำการประเมินคุณภาพและความคิดเห็นของผู้ชมที่มีต่อละครรำ เรื่อง “บ่วง” โดยสร้างแบบ ประเมินจากแอพพลิเคชั่น กูเกิลฟอร์ม (Google Form) โดยแบ่งรายละเอียดออกเป็น 2 ส่วน ประกอบด้วยการประเมินคุณภาพด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากแบบสอบถาม โดยมีประเด็น พิจารณา 4 ด้าน ประกอบด้วย 1) ด้านแนวคิดการแสดง 2) ด้านรูปแบบการแสดงและการร้องเพลง 3) ด้านองค์ประกอบการแสดง และ 4) ด้านองค์รวมของผลงาน และแบบแสดงความคิดเห็นปลายเปิดเพื่อให้ผู้ชมได้แสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ อย่างอิสระ ผู้วิจัยได้สรุปผลจากการตอบแบบสอบถามของผู้ชมละครทั้งหมด 80 คน ซึ่งตอบคำถาม ครบทุกข้อคำถาม สามารถสรุปผลการประเมิน มีรายละเอียดดังนี้ 1) ผลการวิเคราะห์ข้อมูลสภาพทั่วไปด้านบุคคลของผู้ตอบแบบสอบถาม ผลการวิเคราะห์ข้อมูลสภาพทั่วไปด้านบุคคลของผู้ตอบแบบสอบถามจำแนกตามเพศ อายุ ระดับการศึกษา และอาชีพ รายละเอียดดังแสดงในตารางที่ 53 ตารางที่ 53 ค่าความถี่และร้อยละของผู้ตอบแบบสอบถาม จำแนกตาม เพศ อายุ ระดับการศึกษา และอาชีพ รายการ จำนวน ร้อยละ เพศ ชาย 25 31.25 หญิง 55 68.75 รวม 80 100.00 อายุ ต่ำกว่า 15 ปี 0 0.00 15 – 25 ปี 37 46.25 26 – 35 ปี 7 8.75 รวม 80 100.00
234 ตารางที่ 53 ค่าความถี่และร้อยละของผู้ตอบแบบสอบถาม จำแนกตาม เพศ อายุ ระดับการศึกษา และอาชีพ (ต่อ) รายการ จำนวน ร้อยละ 36 – 45 ปี 25 31.25 46 – 55 ปี 7 8.75 มากกว่า 55 ปี 4 5.00 รวม 80 100.00 26 – 35 ปี 7 8.75 ระดับการศึกษา ประถมศึกษาหรือเทียบเท่า 0 0.00 มัธยมศึกษาหรือเทียบเท่า 0 0.00 ปริญญาตรีหรือเทียบเท่า 46.00 57.50 สูงกว่าปริญญาตรี 34.00 42.50 อื่นๆ 0 0.00 รวม 80 100.00 อาชีพ ข้าราชการ/พนักงานของรัฐ 32.00 40.00 พนักงานรัฐวิสาหกิจ 0 0.00 พนักงานเอกชน 2.00 2.50 ธุรกิจส่วนตัว/ค้าขาย 4.00 5.00 นักเรียน/นักศึกษา 37.00 46.25 พระสงฆ์/นักบวช 0 0.00 อื่นๆ 5.00 6.25 รวม 80 100.00 ที่มา: ผู้วิจัย
235 จากตารางที่ 53 แสดงให้เห็นว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ เป็นเพศหญิง จำนวน 55 คน คิดเป็นร้อยละ 68.75 รองลงมาเป็นเพศชายจำนวน 25 คน คิดเป็นร้อยละ 31.25 มีอายุ ระหว่าง 15 - 25 ปี มากที่สุด จำนวน 37 คน คิดเป็นร้อยละ 46.25 รองลงมาคือ ผู้ที่มีอายุระหว่าง 36 - 45 ปี จำนวน 21 คน คิดเป็นร้อยละ 31.25 มีระดับการศึกษาในระดับปริญญาตรีมากที่สุด จำนวน 46 คน คิดเป็นร้อยละ 57.50 รองลงมา คือ สูงกว่าระดับปริญญาตรี จำนวน 34 คน คิดเป็น ร้อยละ 42.50 และ ด้านอาชีพ พบว่า เป็นนักศึกษา มากที่สุด จำนวน 37 คน คิดเป็นร้อยละ 46.25 รองลงมาคือ เป็นข้าราชการ หรือ พนักงานของรัฐ จำนวน 32 คน คิดเป็นร้อยละ 40.00 2) ผลการประเมินคุณภาพผลงานละครรำเรื่อง “บ่วง” การประเมินคุณภาพผลงานสร้างสรรค์ ละครำ เรื่อง “บ่วง”ในครั้งนี้ผู้วิจัยได้สรุปผลจากการ ตอบแบบสอบถามจากผู้ชมละคร ซึ่งตอบแบบสอบถามครบทุกข้อคำถาม สามารถสรุปผลการประเมิน ได้ดังนี้ ตารางที่ 54 ผลการประเมินคุณภาพผลงานละครรำเรื่อง “บ่วง” หัวข้อ ประเมิน รายการประเมิน ระดับความพึงพอใจ ค่า เฉลี่ย SD แปลผล 5 4 3 2 1 1.แนวคิด การแสดง 1.1 การแสดงละครรำ เรื่อง “บ่วง” เป็นการ แสดงละครรำธรรมมะ ที่ ส่งเสริมพุทธศาสนา 75 5 4.94 0.244 มากที่สุด 1.2 การแสดงคงความ สุนทรียะในละครรำได้ อย่างครบถ้วน 75 5 4.94 0.244 มากที่สุด 1.3 เรื่องราวที่นำมาแสดง สามารถบูรณาการกับ การแสดงละครรำได้ อย่างเหมาะสมมีความ น่าสนใจ ชวนติดตาม 75 5 4.94 0.244 มากที่สุด
236 ตารางที่ 54 ผลการประเมินคุณภาพผลงานละครรำ เรื่อง “บ่วง” (ต่อ) หัวข้อ ประเมิน รายการประเมิน ระดับความพึงพอใจ ค่า เฉลี่ย SD แปลผล 5 4 3 2 1 2.รูปแบบ การแสดง 2.1 รูปแบบการแสดงมี การวางโครงเรื่องได้อย่าง ชัดเจน เนื้อหาของเรื่อง ไม่ถูกลดทอนคุณค่า 78 2 4.97 0.157 มากที่สุด 2.2 รูปแบบของดนตรี มี ความเหมาะสมกับ แนวคิดละครรำเรื่อง “บ่วง” 77 3 4.96 0.191 มากที่สุด 2.3 รูปแบบของเพลง และดนตรีที่สร้างสรรค์ ขึ้นใหม่ มีความเหมาะสม กับการแสดง (ตระพญา นกยูงทอง) 78 2 4.97 0.157 มากที่สุด 3.องค์ ประกอบ การแสดง 3.1 ด้านบทละคร 3.1.1 เนื้อเรื่องและบท ละครที่ประพันธ์ขึ้นใหม่ มีเนื้อหาที่น่าสนใจ การ เชื่อมต่อระหว่างฉาก เหมาะสมกับการแสดง 73 7 4.91 0.284 มากที่สุด 3.1.2 บทร้องมีความ สอดคล้องเหมาะสมกับ เนื้อเรื่องและการแสดง 78 2 4.97 0.157 มากที่สุด