The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

นางสาวกัญญาณัฐ จำเริญภักดิ์
รหัสนักศึกษา 60100143117
สาขาวิชาวิทยาศาสตร์(ฟิสิกส์) คณะครุศาสตร์
มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by aoraor109, 2022-03-06 01:14:45

แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชาฟิสิกส์ 2

นางสาวกัญญาณัฐ จำเริญภักดิ์
รหัสนักศึกษา 60100143117
สาขาวิชาวิทยาศาสตร์(ฟิสิกส์) คณะครุศาสตร์
มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี

146

ข. จงคำนวณงานของแรงทีใ่ ช้ในการยกกล่องจากพื้นโต๊ะข้ึนไปไวท้ สี่ ูง 3 เมตรจากพน้ื หอ้ งเรียนอย่างชา้ ๆ
(ให้ g = 10 m/s2)

K W D L
โจทยบ์ อกอะไรให้ โจทยใ์ ห้หาอะไร ดำเนนิ การตาม คำตอบทไี่ ด้
มวี ธิ ีการอะไร ใชว้ ธิ ีอะไร กระบวนการแกโ้ จทย์
ทราบบา้ ง
ไดบ้ ้าง ปัญหา

3. วัตถมุ วล 1 กโิ ลกรมั ผกู ดว้ ยเชือกยาว 2 เมตร แขวนไวใ้ นแนวดิง่ มแี รงดึงในแนวระดับกระทำตอ่ วัตถุตลอดเวลา จนแนวเสน้
เชือกทำมุม 60 องศา กบั แนวดิ่ง จงหาว่างานของแรงดงึ น้ีเทา่ กับเท่าใด (ให้ g = 10 m/s2)

K ภาพสถานการณ์
โจทย์บอกอะไรให้
ทราบบา้ ง

W
โจทยใ์ ห้หาอะไร
มวี ธิ ีการอะไร ใชว้ ธิ อี ะไร

ไดบ้ ้าง

D
ดำเนินการตาม
กระบวนการแก้โจทย์
ปัญหา

L
คำตอบท่ีได้

147

4. วัตถุหนัก 10 นวิ ตนั สงู จากพ้ืน 0.2 เมตร ปลายเชือกข้างหน่ึงผกู กบั วัตถุคลอ้ งผ่านรอกล่ืนเมื่อใชแ้ รง

15 นวิ ตัน ดึงปลายเชือกอีกข้างหนงึ่ จากตำแหน่ง A ถงึ B ซง่ึ ห่างกนั 0.5 เมตร ดังรปู ขณะปลายเชือกถึง
ตำแหนง่ B วัตถุมีพลงั งานศักย์โนม้ ถว่ งเท่าใด (ให้พื้นเปน็ ระดับอ้างอิง) (ให้ g = 10 m/s2)

K W D L
โจทยบ์ อกอะไรให้ โจทยใ์ ห้หาอะไร ดำเนนิ การตาม คำตอบท่ไี ด้

ทราบบ้าง มวี ิธกี ารอะไร ใชว้ ิธีอะไร กระบวนการแกโ้ จทย์
ไดบ้ ้าง ปัญหา

พลงั งานศกั ย์โน้มถว่ งกับพ้ืนเอียง

10 m 20 m
53o

148

แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 9

กลุ่มสาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4

วิชา ฟิสกิ ส์ 2 รหสั วชิ า ว31202

หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 5 : งานและพลังงาน เวลา 15 ช่วั โมง

หน่วยยอ่ ยท่ี 4 พลังงานศักย์ยดื หยนุ่ เวลา 2 ชว่ั โมง

ภาคเรยี นที่ 2/2564 ครูผู้สอน นางสาวกัญญาณัฐ จำเริญภักด์ิ

1. สาระการเรียนรู้/ผลการเรยี นรู้
สาระฟิสิกส์ 1. เข้าใจธรรมชาติทางฟิสกิ ส์ ปรมิ าณและกระบวนการวดั การเคล่อื นท่ีแนวตรง

แรงและกฎการเคลื่อนที่ของนิวตนั กฎความโน้มถ่วงสากล แรงเสียดทาน สมดุลกลของวตั ถุ งานและ
กฎการอนุรักษ์พลังงานกล โมเมนตัมและกฎการอนุรักษ์โมเมนตัม การเคลื่อนที่แนวโค้ง รวมท้ัง
นำความรไู้ ปใช้ประโยชน์

ผลการเรยี นรู้
อธิบายและคำนวนณพลงั งานจลน์ พลังงานศกั ย์ พลังงานกล ทดลองหาความสมั พนั ธร์ ะหว่าง
งานกับพลังงานจลน์ ความสัมพันธ์ระหว่างงานกับพลังงานศักย์โน้มถ่วง ความสัมพันธ์ระหว่างขนาด
ของแรงที่ใช้ดึงสปริงกับระยะที่สปริงยืดออกและความสัมพันธ์ระหว่างงานกับพลังงานศักย์ยืดหยุ่น
รวมทั้งอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างงานของแรงลัพธ์และพลังงานจลน์ และคำนวณงานที่เกิดขึ้นจาก
แรงลพั ธ์

2. สาระสำคญั
พลังงานศักย์ยืดหยุ่น คือ พลังงานศักย์ของสปริงขณะที่ยืดออก หรือหดเข้าจากตำแหน่ง

สมดุลพลังงานศักย์ในสปริง คือพลังงานที่สะสมอยู่ในสปริง อันเนื่องจากระยะยืดหรือหดของสปริง
มคี า่ เทา่ กบั งานเน่อื งจากแรงในสปรงิ ทีจ่ ะทำให้วตั ถกุ ลบั คืนสู่แนวปกติ

3. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้
3.1. อธบิ ายความหมายของพลังงานศกั ย์ยืดหยุ่นได้ (K)
3.2. สามารถคำนวณหาปริมาณพลังงานศักยย์ ดื หยนุ่ ได้ (P)
3.3. สามารถทดลองหาพลงั งานศักยย์ ดื หยุ่นได้ (P)
3.4. ทำงานรว่ มกับผอู้ ืน่ อย่างสร้างสรรค์ ยอมรับความคดิ เหน็ ของผู้อ่นื ได้ (A)

149

4. สาระการเรียนรู้
4.1 พลังงานศักยย์ ดื หยุ่น คือ พลังงานศักย์ของสปริงขณะที่ยืดออก หรือหดเข้าจากตำแหน่ง

สมดุล
4.1.1 แรงในสปริง (F) เมื่อสปริงเกิดการยืดหรือหดตัว จากสภาพปกติจะทำให้เกิดแรง

ในตัวสปริง โดยขนาดของแรงจะแปรผันตามระยะยืดหรือหดของสปริง ในขณะที่สปริงยืดหรือหดตัว
จากสภาพปกติ จะเกดิ แรงในสปรงิ ใหม้ ขี นาดเท่ากับ F

จากนิยาม จะได้ F  x หรอื F = kx
โดย F = แรงในสปริง, x = ระยะยืดหรือหดของสปรงิ จากสภาพปกติ
k = ค่านิจของสปรงิ หรอื คือแรงทท่ี ำให้สปรงิ ยดื หรอื หดหนง่ึ หน่วย

4.1.2 พลังงานศักย์ในสปริง คือพลังงานที่สะสมอยู่ในสปริง อันเนื่องจากระยะยืดหรือหด
ของสปริง มคี า่ เทา่ กับงานเน่ืองจากแรงในสปรงิ ที่จะทำใหว้ ตั ถุกลับคนื สแู่ นวปกติ

จากนยิ าม พลังงานศกั ยส์ ปรงิ ที่ B = งานเน่ืองจากแรง F ในการดงึ วัตถจุ าก B ไป A
เน่ืองจากแรงในสปรงิ ไม่คงท่ี ดังน้นั งานจากแรงในสปริงจงึ มคี า่ เทา่ กับพนื้ ที่ใต้กราฟ F กับ x

แทนคา่ Eps = พ.ท. ใตก้ ราฟ F กับ x

จะได้ Eps = 1/2kx . x = 1 kx 2

2

นนั่ คือ Eps = 1 kx 2

2

5. การจดั กิจกรรมกระบวนการเรียนรู้

กิจกรรมการจดั การเรยี นรู้ (ใช้รูปแบบวัฏจักรการเรยี นรู้ 7E เสรมิ ดว้ ยเทคนคิ KWDL)

5.1 ขัน้ เตรยี มความพร้อม (Elicitation)

1. แจ้งจุดประสงค์ให้นักเรียนทราบ (นักเรียนต้องอธิบายความหมายและคำนวณหา

ปรมิ าณของพลงั งานศักยย์ ดื หยนุ่ ได้)

2. นักเรยี นทบทวนความร้เู ดมิ เกย่ี วกับเรอ่ื งพลังงานศกั ย์ โดยการตอบคำถาม

- พลงั งานศกั ย์เกิดขึน้ ได้อย่างไร (แนวคำตอบ : พลงั งานทีส่ ะสมอยู่ในวัตถุ ซ่ึงขึ้นอยู่กับ

ตำแหนง่ ของวตั ถุ) 1
2
- พลงั งานศักยย์ ดื หยนุ่ มสี มการว่าอยา่ งไร (แนวคำตอบ : Eps = kx2)

5.2 ขนั้ สร้างความสนใจ (Engagement)
1. นกั เรียนตอบคำถามเพอื่ เข้าสเู่ น้อื หาในบทเรยี น
- ทำไมเวลาเราเดินใต้ต้นมะพร้าวสูง ๆ หรือมีสิ่งของวางอยู่สูง ๆ เหนือศีรษะเรา

เรามักจะระมดั ระวังตัวเป็นพเิ ศษ (แนวคำตอบ : กลวั ลูกมะพร้าวหลน่ ถูกศีรษะ)

150

2. นกั เรียนร่วมกันอภปิ รายเก่ียวกับความสมั พันธ์วา่ ถ้าเรากดสปรงิ ใหห้ ดสั้นหรือดึงสปริง
ให้ยืดออก เมื่อปล่อยมือสปริงจะเคลื่อนที่ วัตถุที่ติดกับสปริงก็จะเคลื่อนที่ไปด้วย แสดงว่ามีพลังงาน
จากสปรงิ ถา่ ยโอนเป็นพลงั งานจลนข์ องวัตถุ

3. นักเรียนร่วมกันต้ังคำถามเกี่ยวกับส่ิงที่ต้องการรู้ เนื้อหาที่เกี่ยวกับเร่ืองพลังงาน จากที่
เราเคยบอกว่า พลังงานกลของวัตถุ ประกอบด้วยพลังงานจลน์และพลังงานศักย์ จากคาบที่แล้วเรารู้
แล้วว่าพลังงานศักย์โน้มถ่วงของวัตถุเกิดได้อย่างไร และเราจะหาพลังงานศักย์โน้มถ่วงของวัตถุได้
อยา่ งไร วันน้ีเราจะมาศกึ ษากนั ว่าพลังงานศักย์ยืดหยุ่นของวตั ถุมาจากไหน และเราจะหาได้อย่างไร

5.3 ขัน้ สำรวจและคน้ หา (Exploration)
1. แบ่งนักเรยี นออกเปน็ 9 กลุ่ม กลุม่ ละ 4-5 คน โดยใช้กลมุ่ เดิมจากคาบที่แล้ว
2. นักเรยี นแตก่ ล่มุ ศกึ ษา เรื่อง พลังงานศักย์ยดื หย่นุ จาก
- ใบความร้ทู ี่ 5 เรอ่ื ง พลงั งานศักยย์ ดื หยุ่น
- หนงั สือเรียนรายวิชาเพมิ่ เติมวทิ ยาศาสตร์ ฟสิ กิ สเ์ ลม่ 2
- สอ่ื การเรยี นรู้อ่ืน ๆ เช่น อินเตอรเ์ น็ต
3. นกั เรยี นทบทวนความหมายของพลังงานศกั ย์ยดื หยนุ่ แลว้ บอกว่าพลงั งานศักย์ยืดหยุ่น

ในสปริงหาได้จากแรงดึงหรือกดสปริง ตั้งปัญหาช่วยกันคิดว่า พลังงานศักย์ยืดหยุ่นขึ้นกับอะไรบ้าง
แรงทใี่ ชด้ งึ หรือกดสปรงิ มีความสัมพันธก์ บั ระยะทางท่สี ปรงิ ยดื อย่างไร เพื่อนำเขา้ สู่ การทดลอง

4. ครูใหน้ ักเรยี นทำกิจกรรม 5.4 การทดลองหาความสมั พนั ธ์ระหว่างขนาดของแรงท่ีใช้ดงึ
สปรงิ กบั ระยะท่สี ปริงยืดออก ในหนังสอื เรียนเพมิ่ เตมิ ฟสิ กิ ส์ 2 ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 4 สสวท. โดยครู
แนะนำก่อนทดลอง ดงั น้ี

1) การอ่านระยะทีส่ ปรงิ ยดื ออก ควรเลือกวงสดุ ท้ายของสปรงิ เปน็ ตำแหนง่ ของการ
สงั เกต ดังรปู

2) ครเู ตือนนักเรียนว่า ในการดึงสปรงิ ให้ยดื ออกจากตำแหน่งสมดลุ ไม่ควรดึงให้ยดื ออก
มากเกินไป เพราะจะทำให้สปริงยดื เกินขีดจำกัด จะทำให้สปรงิ ไม่กลบั คนื สตู่ ำแหนง่ สมดุลเม่ือหยุดออก
แรง

3) ครูให้นกั เรยี นเขียนกราฟความสัมพนั ธ์ระหวา่ งงานแรงที่ใช้ดงึ สปริงกับระยะที่สปรงิ
ยืดออกยกกำลงั สอง และตอบคำถามท้ายกิจกรรม

151

5.4 ขนั้ อธบิ ายและลงขอ้ สรุป (Explanation)
1. ครูและนักเรยี นร่วมกนั อภิปรายผลการทำกจิ กรรม 5.4 สรุปได้ดังน้ี
1) แรงที่ใช้ดึงสปรงิ จะแปรผนั ตรงกบั ระยะทีส่ ปริงยดื ออก หรอื เขียนไดว้ ่า
∝ หรือ =
ซง่ึ เปน็ ไปตามกฎของฮกุ (Hooke’s law)
2) ความชันของกราฟระหว่างแรงท่ีใช้ดงึ สปริงกับระยะที่สปริงยืดออกเป็นค่าคงตวั

สำหรับสปรงิ หนึง่ ๆ เรยี กว่า คา่ คงตวั สปรงิ และค่าน้ีจะขึ้นอยกู่ บั ความแข็งของสปริง
3) งานที่ใชใ้ นการดึงสปริงให้ยดื ออกจากตำแหน่งสมดลุ เป็นสดั ส่วนตรงกบั ระยะยืดยก

กำลังสอง
4) ความชันของกราฟระหว่างงานท่ีใช้ในการดงึ สปรงิ กบั ระยะยดื กำลังสองมีค่าเทา่ กับ

คร่ึงหน่งึ ของผลคณู ของค่าคงตัวสปริง
2. ครูให้ความรู้เพิ่มเติมว่า พลังงานศักย์ มี 2 รูปแบบ คือ พลังงานศักย์โน้มถ่วง และ

พลงั งานศกั ย์ยืดหย่นุ
3. นักเรยี นร่วมกันอภปิ ราย เรอ่ื ง พลงั งานศกั ยย์ ดื หยุ่นว่า “เวลาทเี่ ราดงึ สปริงให้ออกจาก

ตำแหนง่ เร่ิมตน้ ร้สู ึกไหมว่ามแี รงจากสปริงดึงมือเรา หรือเวลาท่ีเราออกแรงอดั สปริง เราก็จะรู้สึกว่ามี
แรงจากสปริงดันมือเรา แรงที่มือดึงสปริงกับแรงที่สปริงดึงมือน้ี เป็นแรงคู่กิริยา-ปฏิกิริยากัน แรงที่
สปรงิ ดงึ หรือดนั มอื ทำใหส้ ปรงิ กลับสตู่ ำแหน่งเร่ิมตน้ เราเรียกตำแหนง่ เรม่ิ ตน้ นวี้ ่า ตำแหน่งสมดลุ ”

4. ครูทบทวนวิธีคำนวณหางานจากพื้นที่ใต้กราฟระหว่างแรงกับตำแหน่ง จากนั้น นำ
นักเรียนอภิปรายเกี่ยวกับพื้นที่ใต้กราฟระหว่างแรงกับระยะที่สปริงยืดออก นำไปสู่ข้อสรุปเกี่ยวกับ
พลังงานศักย์ยืดหยุ่นตามรายละเอียดในหนังสือเรียนว่า พื้นที่ใต้กราฟระหว่างแรงกับระยะที่สปริงยดื
ออกคอื งานเนื่องจากแรงสปรงิ ซ่งึ จะขึ้นกับผลตา่ งของกำลังสองของระยะยืดหรือหดระหว่างตำแหน่ง
เริ่มต้นกับตำแหน่งสุดท้าย หรือ ผลต่างของพลังงานศักย์ยืดหยุ่นระหว่างตำแหน่งเริม่ ต้นกับตำแหนง่
สดุ ทา้ ย เขียนแทนด้วยสมการ (5.14) ในหนงั สอื เรยี น

5.5 ขนั้ ขยายความรู้ (Elaboration) เสรมิ ด้วยเทคนคิ KWDL
1. แนะนำเทคนิค KWDL ให้นักเรียนทราบว่าแต่ละตัวคืออะไร นักเรียนต้องทำอะไรบ้าง

ระหว่างการเรยี น วิธหี าคำตอบปกตเิ พอื่ เช่ือโยงเข้าส่เู ทคนิค KWDL โดยมขี นั้ ตอนดังน้ี
ขัน้ ที่ 1 K : What we know (นกั เรียนรู้อะไรบ้างหรือ โจทย์บอกอะไรให้ทราบบ้าง)
ขั้นที่ 2 W : What we want to know (โจทย์ให้หาอะไร มีวิธีการอะไร ใช้วิธีอะไร

ได้บา้ ง)
ขั้นที่ 3 D : What we do to find out (ดำเนินการตามกระบวนการแก้โจทย์

ปญั หา)
ขน้ั ท่ี 4 L : What we learned (คำตอบท่ีได้)

152

2. ครูยกตัวอย่างสถานการณ์ จากนั้นครูและนักเรียนร่วมกันฝึกคำนวณเพื่อให้นักเรียน
เข้าใจ ถงึ วธิ กี ารแกโ้ จทยป์ ัญหา โดยใชเ้ ทคนิค KWDL ดงั นี้
1. ออกแรงดึงสปรงิ 12 นิวตัน ทำใหส้ ปรงิ ยืดออกจากตำแหน่งสมดลุ 20 เซนติเมตร หากเพ่มิ แรงดงึ

สปริงเปน็ 50 นิวตัน พลังงานศักย์ยืดหยุ่นเปน็ เท่าใด

K WD L
โจทย์บอกอะไรให้ คำตอบทีไ่ ด้
โจทย์ใหห้ าอะไร ดำเนินการตาม
ทราบบ้าง คำตอบ :
มวี ธิ ีการอะไร ใช้วิธีอะไร กระบวนการแก้โจทย์ พลงั งานศักยย์ ดื หยุ่น
โจทย์ให้ :
F1 = 12 N ไดบ้ า้ ง ปัญหา เทา่ กับ 20.4 จลู
F2 = 50 N
x = 20 cm โจทยถ์ าม : วธิ กี ารแกป้ ญั หา :
1
Eps = ? Eps = 2 kx2 ; F = kx

วธิ ีการ : k = 60 Nm

Eps = 1 kx2 x เท่ากบั เท่าใดเมอื่ เพมิ่ แรงเป็น 50 N
2 F 21=(605600)0.=8302.83
x = k m

Eps =

Eps = 20.4 J

2. สปริงอนั หนึ่ง มีค่าคงตวั สปรงิ เทา่ กบั 150 นวิ ตนั ตอ่ เมตร จงหา
ก. แรงทใี่ ช้ดึงสปรงิ ขณะสปริงยดื ออกจากเดมิ 0.25 เมตร
ข. พลังงานศักย์ยดื หยุน่ เมื่อสปริงยดื ออกจากเดมิ 0.25 เมตร

K WD L
โจทยบ์ อกอะไรให้
โจทยใ์ ห้หาอะไร ดำเนนิ การตาม คำตอบท่ไี ด้
ทราบบ้าง
มวี ธิ ีการอะไร ใชว้ ธิ ีอะไร กระบวนการแกโ้ จทย์
โจทย์ให้ :
x = 0.25 m ไดบ้ ้าง ปญั หา
k = 150 N/m
โจทย์ถาม : วธิ ีการแก้ปญั หา : คำตอบ :

F = ? และ Eps =? ก. F = kx เมือ่ สปริงยดื ออก 0.25 เมตร

F = (150)(0.25) ใช้แรงดงึ สปรงิ และมพี ลงั งาน

วธิ ีการ : F = 37.5 N ศักยย์ ดื หย่นุ 37.5 นวิ ตัน และ
1
F = kx ข. Eps = kx2 4.6875 จูล ตามลำดบั
1 Eps = 12 (150)(0.25)2
Eps = 2 kx2 2

Eps = 4.6875 J

153

5.6 ข้ันประเมินผล (Evaluation)
1. ให้นักเรียนตอบคำถามตรวจสอบความเข้าใจและทำแบบฝึกหัด 5.4 ในหนังสือเรียน

เพิม่ เติม ฟิสิกส์ 2 ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4 สสวท.

5.7. ขน้ั นำความรูไ้ ปใช้ (Extension)

5.7.1. ให้นกั เรยี นแกโ้ จทยส์ ถานการณ์ ตอ่ ไปน้ี

1) วตั ถุมวล m เคลือ่ นทใี่ นแนวดิ่ง โดยมแี รงตา้ นของอากาศกระทำตอ่ วตั ถเุ ท่ากับ f

วัตถุผ่านตำแหน่ง (1) มีความเร็ว v1 และผ่านตำแหน่ง (2) มีความเร็ว v2 โดยตำแหน่ง (1) และ

(2) ห่างกนั h

วธิ ีทำ

จาก W = E2 - E1 จะได้ Wf = E2 - E1

จากรปู Wf = -fh

E1 = 1 mv12 + mgh
2

E2 = 1 mv 2
2 2

แทนค่า -fh = 1 mv 2 - ( 1 mv 2 + mgh)
2 2 2 1

หรือ fh = ( 1 mv12 + mgh) - 1 mv 2
2 2 2

ขอ้ สังเกต ; งานจากแรง mg อยู่ในรูปพลงั งานศักยจ์ งึ แทนในคา่ ของ E1
5.7.2. ให้นักเรียนเสนอแนวคิดในการนำความเข้าใจเรื่องพลังงานศักย์ยืดหยุ่นไปใช้

ประโยชน์ในชีวติ ประจำวนั

6. วสั ดุอปุ กรณ์ สอ่ื การเรยี นการสอน และแหลง่ การเรียนรู้
6.1. หนังสอื เรยี นรายวชิ าเพิม่ เติมวิทยาศาสตร์ ฟิสิกส์ เลม่ 2
6.2. ใบความรู้ เรือ่ ง พลงั งานศักย์ยดื หยนุ่
6.3. ใบกิจกรรมการทดลอง เรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างขนาดของแรงที่ใช้ดึงสปริงกับ

ระยะทางท่ีสปริงยดื ออก
6.4. อปุ กรณ์ท่ใี ช้ในการทดลอง
6.5. โครงการสอนออนไลน์ – Project 14 สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และ

เทคโนโลยี (สสวท.)

154

7. วธิ กี ารวดั และการประเมินผล

จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ การวัดผล การประเมนิ ผล
- ผา่ น 80%
1. อธบิ ายความหมายของ วธิ ีการวัด เครื่องมือวัด
พลงั งานศักย์ยืดหยุ่นได้ (K)
- ตรวจ ใบกจิ กรรมการ - ใบกจิ กรรมการ

ทดลอง เรื่อง ทดลอง เรอ่ื ง

ความสมั พันธร์ ะหวา่ ง ความสมั พนั ธ์ระหว่าง

ขนาดของแรงท่ใี ช้ดงึ ขนาดของแรงท่ใี ช้ดงึ

สปรงิ กับระยะทางท่ี สปริงกบั ระยะทางที่

สปรงิ ยืดออก สปริงยืดออก

2. สามารถคำนวณหาปรมิ าณ - ตรวจ ใบกจิ กรรมท่ี 6 - ใบกจิ กรรมที่ 6 เรือ่ ง - ผ่าน 80%
พลังงานศักย์ยืดหยุน่ ได้ (P) เรื่อง พลงั งานศักย์ พลงั งานศกั ยย์ ดื หยุ่น

ยดื หยุ่น

3. สามารถทดลองหาพลังงาน - ตรวจ ใบกจิ กรรมการ - ใบกิจกรรมการ - ผา่ น 80%
ศักยย์ ดื หยุน่ ได้ (P) ทดลอง เรื่อง ทดลอง เรือ่ ง
ความสมั พันธร์ ะหวา่ ง ความสมั พันธร์ ะหว่าง
ขนาดของแรงที่ใชด้ ึง ขนาดของแรงที่ใชด้ ึง
สปรงิ กับระยะทางที่ สปริงกบั ระยะทางท่ี
สปรงิ ยดื ออก สปริงยืดออก

3. ทำงานรว่ มกับผูอ้ ่ืนอย่าง - การสังเกต - แบบประเมิน - ระดับดขี ้นึ ไป
สร้างสรรค์ ยอมรับความ พฤติกรรม
คดิ เห็นของผ้อู ืน่ ได้ (A)

แบบบนั ทึกหลงั สอน

155

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 9

ผลการจดั การเรียนการสอน
1. ดา้ นความรู้ (K)
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P)
………………………………………………………..............................................................………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3. ด้านคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ (A)
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ปัญหาและอปุ สรรคในการจัดการเรยี นการสอน
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

แนวทางแก้ไขปญั หา
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงช่อื ……………………………… ……… ลงชอ่ื ………………………………………………
(……………………………………….…………) (นางสาวกญั ญาณฐั จำเริญภักด์ิ)
………/………/………. ครูผ้สู อน

156

ความคิดเห็นและขอ้ เสนอแนะของครพู ่เี ล้ยี ง
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงชอ่ื ………………………………… ลงชอื่ ……………………..…………………………
(……………………………………….…………) (นางสภุ าพร สงิ หน์ ลินธร)
………/………/………. ครพู ่เี ล้ยี ง

ความคิดเหน็ และข้อเสนอแนะของหัวหน้ากลุ่มสาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงชือ่ ………………………………… ลงช่อื ……………………..…………………………

(……………………………………….…………) (นายธรี ะพงษ์ พลสูงเนิน)

………/………/………. หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ความคิดเหน็ และข้อเสนอแนะของผบู้ ริหารสถานศกึ ษาหรือผทู้ ไี่ ดร้ บั มอบหมาย
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงชื่อ………………………………… ลงชอื่ ……………………..…………………............)
(…………………………………….…………) (นายราเชนทร์ พุ่มแจ้)

รองผูอ้ ำนวยการโรงเรียนอดุ รพิชยั รักษ์พิทยา

157

แบบประเมนิ พฤติกรรมนกั เรยี นชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ 4/6

แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 9 เรอื่ ง พลงั งานศักย์ยดื หยุ่น
คำชีแ้ จง : ให้ผสู้ อนประเมนิ พฤติกรรมการเรียนของผู้เรียนลงในตารางตามหัวข้อที่กำหนดให้

รายการประเมนิ สรปุ ผล
การประเมนิ

เลข ช่อื - สกลุ ความ ่รวม ืมอในการทำ รวม ไม่
ท่ี กิจกรรม (3) คะแนน ผ่าน
(12) ผา่ น
การแสดงความ ิคดเห็น
ตอบคำถาม (3)

ีมความเพียรพยายาม (3)
ความ ้ัตงใจทำงาน (3)

1 นายกฤตานนท์ ภาโนมยั
2 นายนพรัตน์ โคตรชมภู
3 นายบรรพต ทองเหล็ก
4 นายดนชุ า มุขะกงั
5 นายพีรพัฒน์ ดีสเกษ
6 เดก็ ชายฐปนวฒั น์ พรหมสารา
7 นายกฤษฎา ธะราวุฒิ
8 นายกษดิ ิศ ถงึ ศรปี ั้น
9 นายกอ้ งภพ ศรบี ุรนิ ทร์
10 นายชินดนยั ยงยนื
11 นายปฏภิ าณ ตะหนอ่ ง
12 นายพรหมวิจกั ขณ์ พสุชาธัญภทั ร์
13 นายพัชรพล บุตรเลน
14 นายพิชติ พล ภานนท์
15 นายภควัต หมโู่ ยธา
16 นายภรี ภทั ธ์ ขำสม
17 นายไวทนิ ธัญธรทวิ ัฒน์
18 นายสรวศิ บญุ สอาด
19 นายอนกุ ารต์ มงคลเพญ็
20 นายอภวิ ชิ ญ์ ด้วงนลิ
21 นายอศั นัย จติ กลาง
22 นางสาวปาริฉตั ร คำภาษี
23 นางสาวบญุ พิทักษ์ ศรีแก้ว

158

รายการประเมนิ สรุปผล
การประเมิน

เลข ความ ่รวม ืมอในการทำ รวม
ที่ กิจกรรม (3)
ช่ือ - สกลุ คะแนน ไม่
การแสดงความ ิคดเห็น (12) ผา่ น
ตอบคำถาม (3) ผ่าน

ีมความเพียรพยายาม (3)
ความ ้ัตงใจทำงาน (3)

24 นางสาวปทุมมา ดวงมาลา

25 นางสาวกรวีร์ บัวชา

26 นางสาวกัณฐกิ า ไชยเลศิ

27 นางสาวจริ าพร ศรีสธุ รรม

28 นางสาวชนเนษฎ์ พนั ธเ์ พียร

29 นางสาวฐิตวิ รดา อปุ มา

30 นางสาวธิดาพร สิมสน

31 นางสาวธิติกาล จนั บง

32 นางสาวนภิ าพร ปดั ถาวะโร

33 นางสาวพรนภสั ศรีเสรมิ

34 นางสาวพรวลยั ภาอดุ ม

35 นางสาวภริ าภรณ์ แกว้ พิมพผ์ า

36 นางสาวมยรุ ี บญุ เลศิ

37 นางสาวฤามเม วงศ์ธรรมกูล

38 นางสาววริษฐา ตนุ่ ลำ

39 นางสาวศศกิ านต์ โคตรเมือง

40 นางสาวสุตาภทั ร ผอ่ งใส

41 นางสาวเสาวลกั ษณ์ พระสว่าง

42 นางสาวอภญิ ญา หงษท์ อง

43 นางสาววิภาษณี ไกรกจิ ราษฎร์

44. นายจกั รภทั ร จนั ทรแ์ กว้

45. นายศักดินนท์ จันทร์ย้ิม

ลงชือ่ ………………………………………..ผ้ปู ระเมิน
(นางสาวกญั ญาณัฐ จำเรญิ ภกั ด์)ิ
ครูผสู้ อน

159

เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน
ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสมำ่ เสมอ ให้ 2 คะแนน
ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยครัง้ ให้ 1 คะแนน
ปฏิบัติหรือแสดงพฤตกิ รรมบางคร้ัง
ไมผ่ า่ น
สรปุ เกณฑก์ ารให้คะแนน ผา่ น
คะแนนรวม 0 - 7 คะแนน
คะแนนรวม 8 - 12 คะแนน

160

กิจกรรมการทดลอง

เรอ่ื ง ความสัมพันธร์ ะหวา่ งขนาดของแรงทีใ่ ช้ดึงสปริงกบั ระยะทางท่ีสปรงิ ยืดออก

สมาชกิ ในกลุม่ ที่………… ชนั้ ม. ......../.........

1............................................................. 2............................................................

3............................................................. 4............................................................

5............................................................. 6............................................................

จุดประสงคข์ องกจิ กรรม
1. อภิปรายเพื่อสรุปได้ว่าแรงที่ใช้ดึงสปริงจะแปรผันตรงกับระยะที่สปริงยืดออกจาก

ตำแหนง่ สมดุล
2. หาค่าคงตวั สปริงจากกราฟระหวา่ งแรงทีใ่ ชด้ ึง กบั ระยะทสี่ ปริงยดื ออกได้

คำชแ้ี จง ใหน้ กั เรยี นทำกจิ กรรมตามข้ันตอน บนั ทกึ ข้อมูล และตอบคำถามหลังกิจกรรมการทดลอง

➢ วัสดแุ ละอุปกรณ์ ปริมาณ
รายการ

1. เครอ่ื งสปริง 1 อัน
2. สปริง 1 อนั
3. ไม้บรรทัด 1 อัน

➢ วธิ กี ารปฏบิ ัติ
ให้ยึดปลายข้างหนึ่งของสปริงไว้แล้วใช้เครื่องชั่งสปริงเกี่ยวปลายอีกข้างหนึ่ง วางสปริงและเครื่องช่ัง
สปริงในแนวขนานกับไมบ้ รรทดั ดังรูป โดยให้ปลายสุดของสปริงด้านที่เกี่ยวกับเครื่องชั่งสปริงอยูต่ รง
ขีดศูนยข์ องไม้บรรทดั
ออกแรงดึงเครื่องชั่งสปริงให้ยืดออกครั้งละ 1 เซนติเมตร บันทึกขนาดของแรงดงึ กบั ระยะทางทีส่ ปรงิ
ยืดออกจากตำแหนง่ สมดลุ
เขียนกราฟระหวา่ งขนาดของแรงดงึ อยู่ในแกน Y และระยะทางที่สปรงิ ยดื ออกอยู่ในแกน X
* หมายเหตุ
การอา่ นระยะที่สปริงยืดออก ควรเลือกวงสดุ ท้ายของสปริงเป็นตำแหน่งของการสงั เกต
ในการดึงสปรงิ ให้ยืดออกจากตำแหน่งสมดุล ห้ามดงึ ใหย้ ดื ออกเกิน 8 เซนติเมตร เพราะจะทำให้สปริง
ยดื เกินขดี จำกัด ทำให้ตำแหน่งสมดลุ ของสปริงเปลยี่ นไป

161

➢ บนั ทึกผลการทดลอง
ระยะที่สปรงิ ยดื จากตำแหน่งสมดลุ (cm) 0.00 1.0 2.0 3.0 4.0 5.0 6.0
ขนาดของแรงทใ่ี ช้ดงึ (N)

➢ กราฟระหว่างขนาดของแรงดึงและระยะทางท่ีสปริงยืดออก

➢ สรปุ ผลการทดลอง

.......................................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................................

➢ คำถามท้ายกจิ กรรม
1. เม่ือเราดึงใหร้ ะยะสปรงิ ยืดจากตำแหนง่ สมดลุ มากข้ึน ขนาดของแรงทใี่ ช้ดึงเปลยี่ นแปลงอย่างไร

.......................................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................................

2. เมอื่ เรานำผลการทดลองมาเขียนกราฟ ลกั ษณะของกราฟเป็นอย่างไร

.......................................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................................

3. จากกราฟทไ่ี ด้เราจะสรปุ ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งขนาดของแรงดงึ กับระยะทางท่ีสปริงยืดออกได้ว่า
อยา่ งไร

.......................................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................................

162

ใบความรู้
พลงั งานศกั ย์

ช่ือ-สกลุ ......................................................................................................................... ............ชั้น.................เลขท.ี่ .....................

พลังงานศักย์ยืดหยุ่น (elastic potential energy; Eps) เป็นพลังงานที่สะสมอยู่ในวัตถุที่มีความยืดหยุ่น สามารถคืนรูปได้
ขณะท่ีโดนดงึ ให้ยดื ออกหรืออดั ให้หดเข้าจากสภาพปกติ เช่น สปริง เม่ือออกแรงดงึ สปรงิ สปริงจะพยายามคืนรปู กลับสู่ตำแหน่ง
เริ่มต้นด้วยแรงคืนตัวของสปริง เรียกตำแหน่งเริ่มต้นนี้ว่า ตำแหน่งสมดุล โดยแรงคืนตัวของสปริงจะมีขนาดเท่ากับแรงที่ใช้ดึง
สปรงิ ซงึ่ เป็นไปตามกฎการเคล่ือนที่ขอ้ ท่ี 3 ของนวิ ตัน

ภาพ สปรงิ ถกู ดึงให้ยดื ออกดว้ ยแรง F

จากภาพ สปริงเบาวางบนพ้นื ลืน่ มปี ลายขา้ งหน่งึ ติดกับผนัง ปลายอกี ข้างหนง่ึ ถูกดึงด้วยแรงไม่คงตัว F ให้ยดื ออกจาก
ตำแหน่งสมดุลของสปริงเปน็ ระยะ x โดยขนาดของแรงทใี่ ช้ดึงสปรงิ จะแปรผันตรงกับระยะยืดหรอื หดของสปริง นั่นคือ

จากสมการขา้ งต้น k เปน็ ค่าคงตัว เรยี กว่า คา่ คงตวั สปริง (Spring constant) ซ่งึ หาได้จากความชนั ของกราฟ
ความสมั พันธ์ระหวา่ งแรงทีใ่ ช้ดึงสปรงิ กับระยะยดื หรือหดของสปริงจากตำแหน่งสมดลุ

เนื่องจากงานทเี่ กิดจากแรงที่ยดื หรือหดของสปริงซ่ึงมคี า่ ไม่คงตวั หาได้จากพ้นื ที่
ใต้กราฟของแรงลพั ธ์กับระยะยืดของสปรงิ จากตำแหน่งสมดลุ เมอื่ พิจารณากราฟ
จากภาพ จะไดว้ า่ งานเนื่องจากแรงดงึ สปรงิ

ภาพ กราฟแสดงความสัมพันธ์ระหว่างแรงทใี่ ช้ดงึ สปรงิ
กับระยะยดื หรอื หดของสปรงิ จากตำแหนง่ สมดุล

163

นยิ ามให้พลงั งานศักย์ยดื หยุ่นของสปริงเปน็

Eps = พลงั งานศกั ย์ยดื หยนุ่ (J)
k = ค่าคงตัวสปริง (N/m)
X = ระยะยืดหรอื หดของสปรงิ จากตำแหนง่ สมดลุ (m)
งานของแรงดึงหรือกดสปริง จะมคี วามสัมพนั ธก์ ับการเปล่ียนแปลงพลงั งานศักยย์ ืดหยนุ่ ดังนี้

หรือ

การคำนวณ

1. ออกแรงดงึ สปริง 12 นิวตัน ทำให้สปรงิ ยดื ออกจากตำแหนง่ สมดลุ 20 เซนติเมตร หากเพิ่มแรงดงึ สปรงิ เปน็ 50 นิวตนั
พลงั งานศักย์ยืดหยนุ่ เปน็ เท่าใด

K W D L
โจทย์บอกอะไรให้ โจทย์ให้หาอะไร ดำเนนิ การตาม คำตอบท่ไี ด้
มีวธิ กี ารอะไร ใช้วิธีอะไร กระบวนการแกโ้ จทย์
ทราบบ้าง
ได้บ้าง ปัญหา

164

2. เม่อื ออกแรงทใี่ ชด้ ึงสปริงให้ยืดออกจากตำแหน่งสมดุล 0.1 เมตร แรงทีใ่ ชด้ งึ เปน็ 10 นวิ ตนั ถา้ เพม่ิ แรงดึงเป็น 40 นิวตัน
ขณะนน้ั สปริงที่พลังงานศักยย์ ืดหยนุ่ เทา่ ใด

K W D L
โจทยบ์ อกอะไรให้ โจทย์ให้หาอะไร ดำเนินการตาม คำตอบทไ่ี ด้
มวี ธิ ีการอะไร ใชว้ ธิ ีอะไร กระบวนการแก้โจทย์
ทราบบา้ ง
ได้บา้ ง ปัญหา

3. ชายผหู้ นงึ่ ออกแรง 20 นิวตัน ดึงสปริงไว้ แลว้ เพิ่มแรงดึงเป็น 50 นวิ ตัน ทำใหส้ ปริงยืดออกจากตำแหน่งเดิม 0.4 เมตร สปริง
มีพลังงานศกั ยย์ ืดหยุ่นเพม่ิ ข้นึ เทา่ ใด

K W D L
โจทย์บอกอะไรให้ โจทย์ใหห้ าอะไร ดำเนนิ การตาม คำตอบท่ไี ด้
มีวธิ ีการอะไร ใชว้ ธิ อี ะไร กระบวนการแกโ้ จทย์
ทราบบา้ ง
ไดบ้ ้าง ปญั หา

165

4. วัตถมุ วล 1 กิโลกรมั อตั ราเรว็ 2 เมตรต่อวนิ าที ต่อมามีอตั ราเรว็ เป็น 3 เมตรต่อวนิ าที งานท่ีทำต่อวตั ถุมคี า่ เทา่ ใด

K W D L
โจทยบ์ อกอะไรให้ โจทย์ให้หาอะไร ดำเนินการตาม คำตอบทไี่ ด้
มวี ิธีการอะไร ใช้วธิ ีอะไร กระบวนการแกโ้ จทย์
ทราบบา้ ง
ไดบ้ ้าง ปญั หา

5. เครื่องช่งั สปริงมสี เกลต้ังแต่ 0 - 20 นวิ ตนั บนสเกลทย่ี าว 0.10 เมตร พลงั งานศกั ย์ยดื หยุน่ ของเคลอ่ื งช่งั สปรงิ มีคา่ เทา่ ใด เม่ือ
ณ ขณะนัน้ เคร่ืองชัง่ สปริงอ่านคา่ แรงได้ 6.0 นวิ ตัน

K W D L
โจทยบ์ อกอะไรให้ โจทยใ์ ห้หาอะไร ดำเนินการตาม คำตอบทไี่ ด้
มวี ธิ กี ารอะไร ใชว้ ธิ ีอะไร กระบวนการแก้โจทย์
ทราบบา้ ง
ได้บ้าง ปญั หา

166

แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 10

กลุม่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4

วิชา ฟิสิกส์ 2 รหสั วิชา ว31202

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 5 : งานและพลังงาน เวลา 15 ชว่ั โมง

หนว่ ยย่อยที่ 5 กฎการอนรุ ักษ์พลงั งานกล เวลา 3 ชั่วโมง

ภาคเรยี นที่ 2/2564 ครูผสู้ อน นางสาวกัญญาณฐั จำเรญิ ภกั ด์ิ

1. สาระการเรียนรู/้ ผลการเรียนรู้

สาระฟิสกิ ส์ 1. เขา้ ใจธรรมชาติทางฟิสกิ ส์ ปริมาณและกระบวนการวัด การเคลือ่ นท่ีแนวตรง
แรงและกฎการเคลือ่ นที่ของนิวตนั กฎความโน้มถ่วงสากล แรงเสียดทาน สมดุลกลของวัตถุ งานและ
กฎการอนุรักษ์พลังงานกล โมเมนตัมและกฎการอนุรักษ์โมเมนตัม การเคลื่อนที่แนวโค้ง รวมท้ัง
นำความร้ไู ปใช้ประโยชน์

ผลการเรยี นรู้

อธิบายกฎการอนุรกั ษ์พลงั งานกล รวมทงั้ วิเคราะห์ และคำนวณปรมิ าณตา่ ง ๆ ท่เี กีย่ วข้องกับ
การเคลอ่ื นทขี่ องวตั ถุในสถานการณต์ า่ ง ๆ โดยใช้กฎการอนุรกั ษพ์ ลงั งานกล

2. สาระสำคัญ

ถ้างานที่เกิดขึ้นกับวัตถุเป็นงานเนื่องจากแรงอนุรักษ์เท่านั้น พลังงานกลของวัตถุจะคงตัวซ่ึง
เปน็ ไปตามกฎการอนุรักษ์พลงั งานกล เขียนแทนได้ด้วยสมการ Ek + Ep = ค่าคงตวั โดยที่พลังงานศักย์
อาจเปล่ยี นเปน็ พลังงานจลน์

3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้

3.1. อธิบายความหมายของการอนรุ ักษ์พลังงานกลได้ (K)
3.2. อธิบายความหมายของงานเนือ่ งจากแรงอนุรักษ์ได้ (K)
3.3. สามารถคำนวณหาการอนรุ กั ษพ์ ลงั งานกลได้ (P)
3.4. ทำงานร่วมกับผอู้ ่ืนอย่างสรา้ งสรรค์ ยอมรบั ความคิดเห็นของผอู้ น่ื ได้ (A)

4. สาระการเรยี นรู้
4.1 การอนุรกั ษ์พลงั งานกล
การเปลย่ี นพลังงานจาก พลังงานจลนเ์ ป็นพลังงานศักย์โนม้ ถ่วง

167

5. การจดั กจิ กรรมกระบวนการเรียนรู้
กจิ กรรมการจดั การเรียนรู้ (ใชร้ ูปแบบวัฏจกั รการเรียนรู้ 7E เสรมิ ด้วยเทคนคิ KWDL)
5.1 ขั้นเตรยี มความพรอ้ ม (Elicitation)
1. แจง้ จุดประสงคใ์ ห้นกั เรียนทราบ
2. นกั เรยี นทบทวนความร้เู ดมิ เก่ียวกบั เรื่องพลังงาน

5.2 ขน้ั สร้างความสนใจ (Engagement)
1. ครูให้นักเรียนปล่อยรถของเลน่ ว่งิ ลงตามพนื้ เอยี ง หรือ ปล่อยลูกเหลก็ ใหเ้ คล่ือนไปตามราง

ท่ีเอยี ง ทำมมุ กบั แนวระดับ แลว้ ตั้งคำถามใหน้ ักเรียนอภปิ รายรว่ มกนั วา่ ทต่ี ำแหนง่ ต่าง ๆ ตัง้ แต่เรม่ิ ปลอ่ ย
จนถงึ จุดสดุ ทา้ ยพลงั งานจลน์ พลังงานศักย์ และพลังงานกลของวัตถเุ ปน็ อย่างไร (แนวคำตอบ : แต่ละ
ตำแหนง่ มีค่าไม่เท่ากัน แต่ผลรวมพลงั งานทุกตำแหนง่ มีคา่ เท่ากนั )

2. ครูอธบิ ายความหมายของการอนุรักษใ์ นวชิ าฟิสกิ ส์และประโยชน์ของการนำหลักการ
อนรุ กั ษ์มาใชต้ ามรายละเอยี ดในหนังสือเรยี นเพิ่มเติมฟสิ กิ ส์ 2 ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4 สสวท. โดยมีการ
เช่ือมโยงกบั กรณรี ถของเล่นว่ิงลงพนื้ เอยี งหรอื ลกู เหลก็ ว่งิ ลงตามรางที่ไดต้ ้งั คำาถามไวใ้ นช่วงเรมิ่ ต้น

5.3 ขัน้ สำรวจและคน้ หา (Exploration)
1. ครแู บ่งนกั เรยี นออกเปน็ กลุ่ม กลมุ่ ละ 5 คน และให้นกั เรียนรว่ มกนั อภปิ รายร่วมกนั วา่

ถ้าการทำงานด้วยแรงผลักหรือแรงดงึ เริม่ ที่จุดเดยี วกันและสน้ิ สุดทจี่ ดุ เดียวกนั แต่มีการใช้เส้นทางท่ี
แตกต่างกัน งานท่เี กดิ ข้นึ จะแตกตา่ งกันหรอื ไม่ หลงั จากน้ันครสู มุ่ นกั เรียนออกมานำเสนอผลการอภิปราย

2. ครใู ห้นักเรียนเขา้ กลุ่มเดมิ และร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับการทำงานของแรงผลกั ตาม
รายละเอียดและรูป 5.17 ในหนงั สือเรียน จนได้ข้อสรุป และสุ่มนกั เรียนออกมานำเสนอผลการอภปิ ราย

3. ครถู ามนักเรียนวา่ งานของแรงโนม้ ถ่วงและงานของแรงท่ใี ช้ดงึ สปรงิ ที่ได้ศึกษามาแลว้ ใน
หัวข้อ 5.4 ข้นึ กบั เสน้ ทางหรอื ไม่ ครูสุ่มถามนักเรยี น 1-2 คน

5.4 ขนั้ อธิบายและลงข้อสรุป (Explanation)
1. ครูและนกั เรยี นร่วมกันอภิปรายเกย่ี วกบั การทำงานของแรงผลักตามรายละเอยี ดและรปู

5.17 ในหนงั สอื เรยี น จนได้ข้อสรปุ วา่ แม้ว่าจดุ เรมิ่ ต้นกับจุดสุดท้ายของการเคล่ือนท่ขี องวตั ถุจะเป็นจุด
เดยี วกนั งานเนอ่ื งจากแรงผลกั ท่ีมขี นาดคงตัวตามเส้นทางทต่ี า่ งกนั มีค่าไมเ่ ทา่ กัน

2. ครูและนกั เรยี นรว่ มกันอภปิ รายงานของแรงโนม้ ถ่วงและงานของแรงทีใ่ ชด้ งึ สปรงิ ท่ไี ด้
ศกึ ษามาแลว้ ในหัวข้อ 5.4 ขน้ึ กับเส้นทางหรือไม่ สรปุ ได้วา่ งานเน่อื งจากแรงโน้มถว่ ง และงานของแรงทใี่ ช้
ดึงสปริงต่างมีคา่ ไม่ขน้ึ กับเส้นทาง แตจ่ ะขึ้นเฉพาะกบั ตำแหนง่ เริม่ ต้นกบั ตำแหนง่ สุดท้ายของการเคลื่อนท่ี
เทา่ นั้น

3. ครูทบทวนเรื่องแรงอนุรักษ์ แล้วตั้งคำถามให้นักเรียนอภิปรายร่วมกันว่าแรงอนุรักษ์
เกีย่ วข้องกบั การอนุรกั ษป์ ริมาณใด ครูทบทวนทฤษฎีบทงาน-พลังงานจลน์ ที่นักเรียนได้ศึกษามาแล้วใน
หัวข้อ5.4 จากนั้นร่วมกันอภิปรายกับนักเรียนตามรายละเอียดในหัวข้อ 5.5.2 กฎการอนุรักษ์พลังงานกล
จนได้สมการ (5.16) และได้ข้อสรุปว่าถ้างานที่เกิดขึ้นกับวัตถุมีเฉพาะงานเนื่องจากแรงอนุรักษ์เท่านั้น

168

พลังงานกลของวัตถุจะมีค่าคงตัว ซึ่งเป็นไปตามกฎการอนุรักษ์พลังงานกล ต่อจากนั้นครูอธิบายตัวอย่าง
5.14 กอ่ นจะให้นักเรยี นรว่ มกันอภิปรายเก่ยี วกับการเปล่ียนพลังงานกลของการกระโดดค้ำถ่อดังรูป 5.18
และการเปล่ียนพลงั งานกลของรถและสปริง ดังรปู 5.19 ตามรายละเอยี ดในหนังสือเรียนเพมิ่ เติมฟสิ ิกส์ 2
ชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ 4 สสวท.

5. ครูอธิบายตัวอย่าง 5.15 – 5.17 เพื่อสร้างความเข้าใจให้นักเรียนเกี่ยวกับการนำกฎการ
อนุรักษ์พลงั งานกลไปใชค้ ำนวณปริมาณตา่ ง ๆ ทีเ่ กี่ยวกบั การเคลอื่ นท่ีของวัตถุ ต ่ อ ม า ค ร ู ใ ห ้ ค ว า ม รู้
เกย่ี วกับการ พจิ ารณาสถานการณ์จริง ทมี่ ักจะพบว่าพลงั งานกลมีคา่ ไม่คงตัว เน่ืองจากวัตถุมีการเคลื่อนที่
ภายใต้แรงเสียดทานซง่ึ เปน็ แรงไมอ่ นรุ กั ษ์ แต่ทั้งนี้เมื่อพิจารณางานท่ีเกดิ จากแรงเสียดทานและพลังงาน
ชนิดอ่นื ๆ พลังงานรวมทั้งหมดจะมคี ่าคงตัวซ่งึ เป็นไปตามกฎการอนรุ กั ษ์พลังงาน

5.5 ขัน้ ขยายความรู้ (Elaboration) เสรมิ ดว้ ยเทคนคิ KWDL
1. แนะนำเทคนิค KWDL ให้นักเรยี นทราบวา่ แตล่ ะตัวคืออะไร นักเรยี นต้องทำอะไรบ้าง

ระหวา่ งการเรยี น วิธหี าคำตอบปกตเิ พ่ือเช่ือโยงเข้าสู่เทคนิค KWDL โดยมีข้ันตอนดังน้ี
ขัน้ ที่ 1 K : What we know (นกั เรียนรู้อะไรบ้างหรือ โจทย์บอกอะไรให้ทราบบ้าง)
ขน้ั ท่ี 2 W : What we want to know (โจทย์ใหห้ าอะไร มีวธิ ีการอะไร ใช้วธิ ีอะไร

ไดบ้ า้ ง)
ข้ันท่ี 3 D : What we do to find out (ดำเนนิ การตามกระบวนการแกโ้ จทย์

ปญั หา)
ขั้นที่ 4 L : What we learned (คำตอบท่ีได)้

2. ครูยกตวั อย่างสถานการณ์ จากนัน้ ครแู ละนกั เรียนร่วมกันฝกึ คำนวณเพอื่ ให้นักเรยี น
เขา้ ใจ ถงึ วิธกี ารแก้โจทย์ปัญหา โดยใชเ้ ทคนคิ KWDL ดงั น้ี
1. กล่องใบหนึง่ มมี วล 12 กโิ ลกรัม ถูกโยนลงมาจากยอดตึกสูง 30 เมตร กลอ่ งใบน้จี ะกระทบพื้นด้วย
ความเรว็ เทา่ ใด

K W DL
โจทย์บอกอะไรให้ โจทยใ์ หห้ าอะไร
ทราบบา้ ง มวี ิธกี ารอะไร ใชว้ ธิ ีอะไร ดำเนินการตาม คำตอบท่ีได้
ไดบ้ า้ ง
โจทย์ให้ : กระบวนการแก้โจทย์
m = 12 kg โจทย์ถาม :
h = 30 m v= ? ปญั หา

วิธีการแก้ปัญหา : 1 คำตอบ :
2
mgh = mv2 กลอ่ งใบน้ีจะกระทบ
พนื้ ด้วยความเร็ว
วิธกี าร : 12 x 9.8 x 30 = 1 x12xv2 24.2 เมตรตอ่ วนิ าที
2
1
mgh = 2 mv2 v2 = 12x9.8x30x2

12

= 588

v = 24.2 เมตรตอ่ วินาที

169

5.6 ข้ันประเมินผล (Evaluation)
1. ใหน้ กั เรียนตอบคำถามตรวจสอบความเข้าใจและทำแบบฝึกหดั 5.4 ในหนงั สือเรียน

เพ่ิมเติม ฟสิ กิ ส์ 2 ช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี 4 สสวท.

5.7. ข้ันนำความรู้ไปใช้ (Extension)
1. นกั เรยี นในกลุม่ ประยุกตใ์ ช้ความรูร้ ว่ มกนั โดยการแก้โจทย์ปัญหาจากเกมส์ Kahoot

1.1 ปล่อยวัตถุตกจากที่สูงจากพื้น 5 เมตร เมื่อวัตถุตกลงมาถึงพื้นดินจะมีความเร็ว
เท่าใด

ก. 8 เมตรต่อวนิ าที ข. 10 เมตรต่อวินาที เฉลย

1.2 กระสุนปืนถูกยิงออกในแนวราบจากหน้าผาสูง 160 เมตร โดยมีความเร็วต้น
20 เมตร/วนิ าที ความเรว็ ของกระสุนปืนทีต่ กถงึ พ้ืนเป็นกีเ่ มตรต่อวนิ าที

ก. 60 เมตรตอ่ วินาที เฉลย ข. 40 เมตรต่อวินาที

1.3 น้ำตกไหลลงจากหน้าผาสูง 100 เมตร ด้วยความเร็ว 5 เมตรต่อวินาที จงหา
อตั ราเรว็ ของน้ำขณะกระทบพนื้ ล่าง

ก. 65 เมตรต่อวนิ าที ข. 46 เมตรต่อวนิ าที เฉลย

5.7.2 ให้นักเรียนเสนอแนวคิดในการนำความเข้าใจเรื่องการอนุรักษ์พลังงานไปใช้
ประโยชน์

6. วัสดอุ ุปกรณ์ ส่อื การเรยี นการสอน และแหลง่ การเรยี นรู้
6.1. หนังสือเรยี นรายวิชาเพมิ่ เติมวทิ ยาศาสตร์ ฟสิ ิกส์ เลม่ 2
6.2. ใบความรู้ เร่ือง การอนรุ กั ษพ์ ลังงานกล
6.3. ใบกิจกรรม เร่ือง การอนุรกั ษพ์ ลงั งานกล
6.4. โครงการสอนออนไลน์ – Project 14 สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และ

เทคโนโลยี (สสวท.)

170

7. วิธีการวดั และการประเมินผล

จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ การวัดผล การประเมนิ ผล
เคร่ืองมือวัด
1. อธบิ ายความหมายของการ วิธีการวดั - ใบกจิ กรรม เร่อื ง การ - ผ่าน 80%
อนรุ กั ษ์พลังงานกลได้ (K) อนรุ กั ษ์พลังงานกล
- ตรวจ ใบกจิ กรรม
เร่อื ง การอนรุ กั ษ์ - ใบกจิ กรรม เรอ่ื ง - ผ่าน 80%
พลังงานกล การอนรุ ักษ์พลงั งาน
กล
2. อธบิ ายความหมายของงาน - ตรวจ ใบกิจกรรม
เนอ่ื งจากแรงอนุรักษ์ได้ (K) เรอ่ื ง การอนรุ ักษ์ - ใบกิจกรรม เรื่อง การ - ผ่าน 80%
อนุรักษ์พลงั งานกล
พลงั งานกล

3. สามารถคำนวณหาการอนุรกั ษ์ - ตรวจ ใบกิจกรรม

พลังงานกลได้ (P) เรือ่ ง การอนุรักษ์

พลงั งานกล

4. ทำงานร่วมกับผู้อื่นอยา่ ง - การสงั เกต - แบบประเมนิ - ระดบั ดีข้ึนไป
สรา้ งสรรค์ ยอมรับความคิดเหน็ พฤติกรรม
ของผู้อนื่ ได้ (A)

171

แบบบนั ทกึ หลังสอน

แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 10
ผลการจัดการเรียนการสอน
1. ดา้ นความรู้ (K)
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. ด้านทกั ษะกระบวนการ (P)
………………………………………………………..............................................................………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3. ดา้ นคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ (A)
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ปญั หาและอปุ สรรคในการจัดการเรียนการสอน
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

แนวทางแกไ้ ขปญั หา
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงชื่อ……………………………… ……… ลงช่ือ………………………………………………
(……………………………………….…………) (นางสาวกัญญาณัฐ จำเริญภักดิ์)
………/………/………. ครูผสู้ อน

172

ความคิดเห็นและข้อเสนอแนะของครูพ่ีเลย้ี ง
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงชื่อ………………………………… ลงชอื่ ……………………..…………………………
(……………………………………….…………) (นางสุภาพร สงิ หน์ ลนิ ธร)
………/………/………. ครพู เี่ ลยี้ ง

ความคดิ เห็นและขอ้ เสนอแนะของหัวหน้ากลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงชอื่ ………………………………… ลงช่ือ……………………..…………………………

(……………………………………….…………) (นายธรี ะพงษ์ พลสงู เนิน)

………/………/………. หวั หน้ากลุม่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ความคิดเห็นและข้อเสนอแนะของผู้บริหารสถานศึกษาหรือผทู้ ไ่ี ด้รับมอบหมาย
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงชื่อ………………………………… ลงชอ่ื ……………………..…………………............)
(…………………………………….…………) (นายราเชนทร์ พุ่มแจ)้

รองผ้อู ำนวยการโรงเรยี นอุดรพิชัยรกั ษ์พิทยา

173

แบบประเมนิ พฤติกรรมนกั เรยี นช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ 4/6

แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 10 เรือ่ ง กฎการอนรุ กั ษพ์ ลงั งานกล
คำชี้แจง : ให้ผสู้ อนประเมินพฤติกรรมการเรยี นของผู้เรียนลงในตารางตามหัวข้อที่กำหนดให้

รายการประเมนิ สรปุ ผล
การประเมนิ

เลข ชอื่ - สกุล ความ ่รวม ืมอในการทำ รวม ไม่
ที่ กิจกรรม (3) คะแนน ผ่าน
(12) ผา่ น
การแสดงความ ิคดเห็น
ตอบคำถาม (3)

ีมความเพียรพยายาม (3)
ความ ้ัตงใจทำงาน (3)

1 นายกฤตานนท์ ภาโนมัย
2 นายนพรัตน์ โคตรชมภู
3 นายบรรพต ทองเหลก็
4 นายดนชุ า มุขะกัง
5 นายพีรพฒั น์ ดีสเกษ
6 เดก็ ชายฐปนวฒั น์ พรหมสารา
7 นายกฤษฎา ธะราวุฒิ
8 นายกษดิ ิศ ถึงศรปี ั้น
9 นายกอ้ งภพ ศรีบรุ ินทร์
10 นายชินดนัย ยงยนื
11 นายปฏิภาณ ตะหนอ่ ง
12 นายพรหมวจิ ักขณ์ พสุชาธญั ภทั ร์
13 นายพัชรพล บตุ รเลน
14 นายพชิ ิตพล ภานนท์
15 นายภควตั หม่โู ยธา
16 นายภีรภทั ธ์ ขำสม
17 นายไวทนิ ธญั ธรทิวฒั น์
18 นายสรวิศ บญุ สอาด
19 นายอนกุ ารต์ มงคลเพญ็
20 นายอภวิ ิชญ์ ด้วงนลิ
21 นายอศั นยั จติ กลาง
22 นางสาวปารฉิ ตั ร คำภาษี
23 นางสาวบุญพทิ ักษ์ ศรีแกว้

174

รายการประเมิน สรปุ ผล
การประเมิน

เลข ความ ่รวม ืมอในการทำ รวม
ที่ กิจกรรม (3)
ช่ือ - สกลุ คะแนน ไม่
การแสดงความ ิคดเห็น (12) ผา่ น
ตอบคำถาม (3) ผ่าน

ีมความเพียรพยายาม (3)
ความ ้ัตงใจทำงาน (3)

24 นางสาวปทุมมา ดวงมาลา

25 นางสาวกรวีร์ บัวชา

26 นางสาวกัณฐกิ า ไชยเลศิ

27 นางสาวจริ าพร ศรีสธุ รรม

28 นางสาวชนเนษฎ์ พนั ธเ์ พยี ร

29 นางสาวฐิตวิ รดา อปุ มา

30 นางสาวธิดาพร สิมสน

31 นางสาวธิติกาล จนั บง

32 นางสาวนภิ าพร ปดั ถาวะโร

33 นางสาวพรนภสั ศรีเสริม

34 นางสาวพรวลยั ภาอุดม

35 นางสาวภริ าภรณ์ แกว้ พิมพผ์ า

36 นางสาวมยรุ ี บญุ เลิศ

37 นางสาวฤามเม วงศ์ธรรมกลู

38 นางสาววริษฐา ตนุ่ ลำ

39 นางสาวศศกิ านต์ โคตรเมือง

40 นางสาวสุตาภทั ร ผอ่ งใส

41 นางสาวเสาวลกั ษณ์ พระสว่าง

42 นางสาวอภญิ ญา หงษท์ อง

43 นางสาววิภาษณี ไกรกิจราษฎร์

44. นายจกั รภทั ร จนั ทรแ์ กว้

45. นายศักดินนท์ จันทร์ย้ิม

ลงชอ่ื ………………………………………..ผู้ประเมนิ
(นางสาวกัญญาณัฐ จำเริญภักด์ิ)
ครูผู้สอน

175

เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน
ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสมำ่ เสมอ ให้ 2 คะแนน
ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยครัง้ ให้ 1 คะแนน
ปฏิบัติหรือแสดงพฤตกิ รรมบางคร้ัง
ไมผ่ า่ น
สรปุ เกณฑก์ ารให้คะแนน ผา่ น
คะแนนรวม 0 - 7 คะแนน
คะแนนรวม 8 - 12 คะแนน

176
ใบความรู้ 5.5
การอนุรักษพ์ ลังงานกล

ชื่อ-สกลุ ...........................................................................................................................ช้ัน...................เลขท.ี่ ..............

กฎการอนุรักษพ์ ลงั งานกล

ในชวี ติ ประจำวนั เราจะพบเห็นว่า เครื่องใชไ้ ฟฟ้าต่าง ๆ มีการเปล่ยี นรูปพลังงาน เชน่ เตารดี ทเ่ี ปลยี่ นรูปพลังงานจาก
พลงั งานไฟฟ้าเป็นพลังงานความรอ้ น พัดลมทเี่ ปล่ียนรปู พลังงานจากพลงั งานไฟฟา้ เปน็ พลังงานกล หลอดไฟทเ่ี ปล่ียนรปู พลังงาน
จากพลงั งานไฟฟ้าเปน็ พลงั งานแสง เป็นต้น ซ่งึ เป็นไปตามกฎการอนุรักษ์พลังงาน

กฎการอนุรักษ์พลังงาน (law of conservation of energy) เป็นกฎที่กล่าวถึงการคงตัวของพลังงาน โดยกล่าวว่า
พลังงานรวมของวัตถุหรือระบบจะไม่สูญหาย แต่จะเปลี่ยนรูปพลังงานจากพลังงานรูปหนึ่งไปเป็นพลังงานอีกรูปหน่ึง
อย่างไรก็ตามเมื่อพิจารณาเพียงแค่การเปลี่ยนรูปของพลังงานจลน์และพลังงานศักย์ สามารถนิยามพลังงานกล (mechanical
energy) ไดเ้ ป็น ผลรวมของพลงั งานจลน์และพลงั งานศักย์ของวตั ถุ ซึ่งเขียนในรปู สมการได้เปน็

เมื่อก้อนหินมวล m ตกแบบอิสระจากหน้าผาสูง h0 ลงสู่พื้นดิน ณ ตำแหน่ง h0 นี้ ก้อนหินมีความเร็วเป็นศูนย์ ต่อมา
ก้อนหินมีความเร็ว V1 เมื่ออยู่สูง h1 จากพื้นดิน และมีความเร็วเป็น V2 เมื่ออยู่สูง h2 จากพื้นดิน และกำหนดให้พื้นดินเป็น
ตำแหนง่ อ้างอิง ดังภาพ

เมือ่ พจิ ารณาการเคล่ือนทข่ี องก้อนหนิ จากตำแหน่งซึ่งสูง h1 จากตำแหนง่ อ้างองิ ไปยังตำแหน่ง h2 จากตำแหน่งอ้างองิ ความเร็ว
ของวัตถุจะเพิ่มข้ึนจาก v1 ไปเปน็ v2 ในขณะที่ความสงู จากตำแหนง่ อา้ งองิ ลดลง
เมอ่ื วตั ถตุ กแบบอิสระ

**** กำหนดเครื่องหมายบวกและลบแทนทิศทางการเคลือ่ นท่ีตามระบบพิกัดฉากในแนวแกน y *****

177

พจิ ารณาก้อนหนิ ขณะมีความเร็ว v1 ;

นำ 12m คูณท้งั สมการ
หรือ

พิจารณากอ้ นหินขณะมคี วามเร็ว v2 ;

นำ 12m คูณทง้ั สมการ
หรือ

เน่ืองจากสมการ เทา่ กับสมการ จะไดว้ า่

สมการด้านบนอธิบายได้ว่า พลังงานกลรวมของก้อนหิน ณ ตำแหน่งแรก (E1) และตำแหน่งที่สอง (E2) มีค่าเท่ากัน จึง
กล่าวได้ว่า การตกแบบอิสระของวัตถุภายใต้แรงโน้มถ่วงของโลกโดยไม่มีแรงจากภายนอก เช่น แรงต้านอากาศ มากระทำน้ัน
พลังงานกลรวมของวตั ถุ ณ ตำแหนง่ ใด ๆ จะมีค่าคงตัว

ก้อนหินที่อยู่นิ่งบนหน้าผาจะมีพลังงานศักย์โนม้ ถ่วงแต่ไม่มีพลังงานจลน์ (พลังงานจลน์มีค่าเท่ากับศูนย์ ณ ตำแหน่ง
บนสุดจากระดับอ้างอิง) ขณะที่ก้อนหินกำลังตกสู่พื้นดินแบบอิสระ ความสูงระหว่างพื้นดินกับก้อนหินจะลดลง ทำให้
พลังงานศักยโ์ นม้ ถว่ งลดลงด้วย ในขณะเดยี วกันความเร็วของก้อนหินทีก่ ำลังตกลงสพู่ ้นื จะมคี า่ เพ่ิมขึน้ ทำใหพ้ ลังงานจลน์มี
ค่าเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยพลังงานศักย์โน้มถ่วงในก้อนหินจะลดลงเท่ากับพลังงานจลน์ที่เพิ่มขึ้น และในขณะที่ก้อนหินกระทบ
พนื้ ดินพลงั งานศักย์โน้มถ่วงจะเปน็ ศูนย์ สว่ นพลงั งานจลนม์ คี ่ามากที่สุด เนือ่ งจากพลงั งานศักย์โน้มถว่ งได้เปล่ียนรูปพลังงานเป็น
พลังงานจลน์ท้ังหมดนั่นเอง ในสถานการณจ์ ริงจะพบว่า ผลบวกของพลงั งานจลน์และพลังงานศักย์มีคา่ ไม่คงตัว เพราะในระบบ
มักจะมีแรงต้านการเคลื่อนที่เกิดขึ้น งานของแรงต้านการเคลื่อนที่จะเปลี่ยนไปเป็นพลังงาน ความร้อน ทำให้พลังงานกลของ
ระบบลดลง โดยสว่ นทลี่ ดลงจะมคี า่ เท่ากบั ขนาดงานของแรงต้านการเคล่ือนที่

การคำนวณ 178

1. นำ้ ตกไหลจากหนา้ ผาสูง 100 เมตร ดว้ ยความเร็ว 5 เมตรต่อวนิ าที จงหาอัตราเร็วของนำ้ ขณะกระทบพ้นื ลา่ ง

K W D L
โจทย์บอกอะไรให้ โจทยใ์ ห้หาอะไร ดำเนินการตาม คำตอบท่ไี ด้
มีวธิ ีการอะไร ใช้วธิ ีอะไร กระบวนการแก้โจทย์
ทราบบ้าง
ไดบ้ า้ ง ปญั หา

2. ก้อนหินมวล 5 กิโลกรัม ตกแบบอิสระจากหน้าผาสูง
100 เมตร จากพ้นื ดิน (ให้ g = 10 m/s2)

100 m

ก. จงหาว่าขณะทก่ี ้อนหินเรมิ่ ตกจากหน้าผาจะมีพลังงานศักย์และพลงั งานจลนเ์ ท่าใด

K W D L
โจทย์บอกอะไรให้ โจทยใ์ ห้หาอะไร ดำเนนิ การตาม คำตอบท่ไี ด้
มีวธิ ีการอะไร ใชว้ ธิ อี ะไร กระบวนการแก้โจทย์
ทราบบา้ ง
ได้บา้ ง ปญั หา

ข. จงหาพลังงานศกั ยแ์ ละพลงั งานจลนข์ องก้อนหนิ เม่ือเวลาผา่ นไป 1 วนิ าที 179

K W D L
โจทย์บอกอะไรให้ โจทยใ์ หห้ าอะไร ดำเนินการตาม คำตอบทไ่ี ด้
มีวิธีการอะไร ใช้วธิ อี ะไร กระบวนการแก้โจทย์
ทราบบ้าง
ได้บา้ ง ปัญหา

ค. จงหาพลงั งานศักยแ์ ละพลังงานจลน์ของก้อนหิน เมื่อเวลาผา่ นไป 5 วินาที

K W D L
โจทย์บอกอะไรให้ โจทย์ใหห้ าอะไร ดำเนนิ การตาม คำตอบทไ่ี ด้
มีวธิ ีการอะไร ใช้วธิ อี ะไร กระบวนการแก้โจทย์
ทราบบ้าง
ไดบ้ ้าง ปญั หา

ง. จงหาวา่ ขณะท่กี ้อนหินตกกระทบพ้นื ก้อนหินจะมพี ลังงานศักย์และพลังงานจลนเ์ ทา่ ใด 180

K W D L
โจทย์บอกอะไรให้ โจทยใ์ ห้หาอะไร ดำเนนิ การตาม คำตอบที่ได้
มวี ิธีการอะไร ใช้วธิ อี ะไร กระบวนการแก้โจทย์
ทราบบา้ ง
ไดบ้ ้าง ปญั หา

3. นำเสน้ เชือกยาว 2 เมตร ผูกลูกตุ้มมวล 4 กโิ ลกรมั ทป่ี ลายข้างหนง่ึ ถ้าจับปลายเชือก
อีกข้างหนงึ่ แกว่งใหว้ ัตถเุ คล่ือนท่ีเป็นวงกลมในแนวดงิ่ ถ้าท่ีจดุ สูงสุด ลกู ตุ้มมีอตั ราเรว็
10 เมตรต่อวนิ าที จงหาอัตราเรว็ ของลูกตุ้มที่จุดต่ำสดุ (ให้ g = 10 m/s2)

K W D L
โจทย์บอกอะไรให้ โจทยใ์ หห้ าอะไร ดำเนนิ การตาม คำตอบท่ีได้
มีวธิ กี ารอะไร ใช้วิธอี ะไร กระบวนการแก้โจทย์
ทราบบา้ ง
ได้บ้าง ปัญหา

181

4. วัตถมุ วล 1 กโิ ลกรัม ไถลไปตามรางโคง้ ไรแ้ รงเสียดทาน ถ้าวตั ถุเริ่มจากจุดหยุดนง่ิ
ทีจ่ ดุ B วตั ถจุ ะมีความเรว็ เทา่ ใด

K W D L
โจทย์บอกอะไรให้ โจทย์ใหห้ าอะไร ดำเนนิ การตาม คำตอบที่ได้
มีวธิ ีการอะไร ใช้วธิ อี ะไร กระบวนการแกโ้ จทย์
ทราบบ้าง
ได้บ้าง ปัญหา

182

แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 11

กล่มุ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 4

วิชา ฟิสกิ ส์ 2 รหสั วชิ า ว31202

หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 5 : งานและพลังงาน เวลา 15 ช่ัวโมง

หน่วยยอ่ ยที่ 6 เครือ่ งกล เวลา 3 ชั่วโมง

ภาคเรยี นที่ 2/2564 ครูผสู้ อน นางสาวกัญญาณฐั จำเรญิ ภักดิ์

1. สาระการเรยี นรู้/ผลการเรยี นรู้
สาระฟสิ ิกส์ 1. เข้าใจธรรมชาตทิ างฟสิ กิ ส์ ปริมาณและกระบวนการวัด การเคลอ่ื นที่แนวตรง

แรงและกฎการเคลือ่ นที่ของนิวตนั กฎความโน้มถ่วงสากล แรงเสียดทาน สมดุลกลของวตั ถุ งานและ
กฎการอนุรักษ์พลังงานกล โมเมนตัมและกฎการอนุรักษ์โมเมนตัม การเคลื่อนที่แนวโค้ง รวมทั้ง
นำความรู้ไปใช้ประโยชน์

ผลการเรียนรู้

อธบิ ายการทำงาน ประสทิ ธิภาพและการไดเ้ ปรยี บเชิงกลของเคร่อื งกลอยา่ งง่ายบางชนิดโดยใช้ความรู้เรอ่ื ง
งานและสมดุลกล รวมท้งั คำนวณประสิทธิภาพและการได้เปรียบเชิงกล

2. สาระสำคญั
การทำงานของเครื่องกลอย่างง่าย ได้แก่ คาน รอก พื้นเอียง ลิ่ม สกรู และ ล้อกับเพลา

ใช้หลักของงานและสมดุลกลประกอบการพิจารณาประสิทธิภาพ และการได้เปรียบเชิงกลของ
เคร่ืองกลอย่าง

3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
3.1. อธิบายความหมายของประสทิ ธภิ าพและการได้เปรียบเชงิ กลของเครื่องกลได้ (K)
3.2. สามารถคำนวณประสิทธิภาพและการได้เปรยี บเชิงกลของเครื่องกลได้ (P)
3.3. ทำงานร่วมกับผอู้ นื่ อยา่ งสร้างสรรค์ ยอมรับความคิดเห็นของผอู้ ื่นได้ (A)

4. สาระการเรียนรู้
4.1 เครือ่ งกล

183

5. การจัดกจิ กรรมกระบวนการเรียนรู้
กจิ กรรมการจดั การเรยี นรู้ (ใชร้ ปู แบบวฏั จักรการเรยี นรู้ 7E เสรมิ ด้วยเทคนคิ KWDL)
5.1 ขน้ั เตรยี มความพร้อม (Elicitation)
1. แจ้งจุดประสงค์ให้นกั เรยี นทราบ
2. นกั เรยี นทบทวนความรู้เดิมเกี่ยวกับเรื่องเคร่ือง วา่ ทราบหรอื ไม่ว่าเครื่องกลอย่างง่ายมี

อะไรบ้าง

5.2 ข้นั สรา้ งความสนใจ (Engagement)
1. ครนู ำภาพของอุปกรณเ์ คร่ืองใช้ท่ัวไป ดังนี้ กรรไกร ที่เย็บกระดาษ ท่เี ปิดกระป๋อง ล้อ

และเพลารถของเล่นมาแสดงให้นักเรียนชมหน้าชั้น แล้วร่วมอภิปรายเกี่ยวกับหลักการทำางานของ
อุปกรณเ์ หล่านัน้ โดยครูถามนักเรียนเกี่ยวกับการผ่อนแรง ความสะดวกในการทำงานของอุปกรณ์
ต่าง ๆ เป็นอยา่ งไร (คำตอบเป็นแบบปลายเปดิ )

2. ครูอธิบายว่าอุปกรณ์หรือเครื่องใช้ที่ช่วยให้การทำงานสะดวกขึ้นหรือช่วยผ่อนแรง
เรยี กวา่ เครื่องกล โดยเครื่องกลพื้นฐานที่จัดเป็นเครื่องกลอย่างง่าย (simple machine) มี 6 ชนิด
ไดแ้ ก่ รอกคาน ลอ้ กับเพลา ล่มิ พนื้ เอียง และสกรู

5.3 ขั้นสำรวจและค้นหา (Exploration)
1. ครูให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายถึงที่มาของ สมการ 5.17 และ 5.18 ในหนังสือเรียน

เพิ่มเติมฟิสิกส์ 2 ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 4 สสวท. และสุ่มนักเรียนออกมานำเสนอผลการอภิปราย
2. ครูให้นักเรียนทบทวนเกี่ยวกับเครื่องกลอย่างง่าย จากนั้น ตั้งคำถามให้นักเรียน

อภิปรายร่วมกันว่าเครื่องกลอย่างง่ายช่วยให้นักเรียนทำางานน้อยลงหรือไม่ และสุ่มนักเรียนออกมา
นำเสนอผลการอภิปราย

3. ครใู หน้ ักเรยี นจำแนกอุปกรณ์ตามภาพโดยใช้เกณฑ์ของความร้เู คร่ืองกลในการจำแนก
และสุ่มนักเรียนออกมานำเสนอ

5.4 ขนั้ อธิบายและลงข้อสรุป (Explanation)
1. ครแู ละนักเรยี นร่วมกนั อภปิ รายเก่ยี วกับประสิทธภิ าพของเครื่องกล ตามรายละเอียดใน

หนงั สือเรยี น จนสรุปได้สมการ 5.17 และ 5.18 และข้อสรุปดงั นี้
1.1 การบอกความสามารถในการทำงานของเครอื่ งกลมักจะบอกดว้ ยประสิทธภิ าพของ

เคร่ืองกล

184

1.2 เคร่อื งกลทนี่ ำมาใช้ประโยชน์ ทำหนา้ ที่ถา่ ยโอนพลงั งานจากทีห่ น่ึงไปอีกทหี่ น่ึงหรือ

เปลยี่ น พลังงานหนง่ึ เปน็ อีกพลังงานหน่ึง

1.3 ความสามารถในการถ่ายโอนพลังงานหรอื เปลยี่ นพลงั งานของอปุ กรณ์บอกเป็น

ประสทิ ธภิ าพของเคร่ืองกลหรอื อปุ กรณ์

1.4 ถ้าไม่มกี ารสูญเสยี พลังงาน ประสทิ ธิภาพของเคร่ืองกลเท่ากบั 1 หรือคิดเป็น 100

เปอร์เซน็ ต์ เรยี กวา่ ประสิทธิภาพในทางอดุ มคติ

1.5 ในทางปฏิบัติส่วนมากเคร่ืองกลหรืออุปกรณต์ ่าง ๆ จะมีการสูญเสยี พลงั งานไป

ภายนอกระบบ โดยไม่คนื กลับประสทิ ธภิ าพของเคร่ืองกล จึงมีค่าน้อยกวา่ 1 หรือน้อยกวา่ 100

เปอรเ์ ซ็นตซ์ ง่ึ คอื ประสทิ ธิภาพของเครื่องกลในทางปฏิบตั ิ

2. ครแู ละนักเรียนร่วมกันอภิปรายเก่ียวกับการใช้หลกั การของงานและกฎการอนุรักษ์

พลงั งานมาอธิบายการทำงานของเครอ่ื งกลอย่างงา่ ย ตามรายละเอียดในหนังสอื เรียน จนสรปุ ได้ว่า

1.1 เครื่องกลไมช่ ่วยให้งานทใี่ หก้ ับเคร่อื งกลน้อยลงซึ่งในทางปฏิบตั ิเครอ่ื งกลอาจมีการ

สญู เสยี งานไปสว่ นหนึ่ง

1.2 ในกรณที ี่แรงเสยี ดทานมีค่าน้อยมาก หรอื เคร่อื งกลมีประสทิ ธิภาพ 100

เปอรเ์ ซน็ ต์ การผ่อนแรงของเครอ่ื งยนต์พิจารณาไดจ้ ากการไดเ้ ปรยี บเชิงกลเขียนแทนได้ด้วยสมการ

(5.19) และ (5.20) ในหนงั สอื เรียน

1.3 ถา้ M.A.>1 แสดงว่าเครื่องกลน้นั ช่วยผ่อนแรง แต่ถา้ M.A. > 1 แสดงวา่ เครอ่ื งกล

น้ันไมช่ ว่ ยผ่อนแรง

3. ครแู ละนักเรียนอภิปรายรว่ มกนั ในการจำแนกถาพอปุ กรณเ์ คร่ืองกลอย่างงา่ ย ไดด้ ังน้ี

1.1 อปุ กรณ์ในกลุ่มคาน ได้แก่ ชะแลง ค้อนงดั ตะปู คีม กรรไกร รถเข็นก่อสรา้ ง

1.2 อุปกรณ์ในกล่มุ รอก ได้แก่ เครน รอกยกของ

1.3 อปุ กรณ์ในกลุ่มล้อกับเพลา ได้แก่ บนั ไดจกั รยาน กว้าน พวงมาลัยรถ รถเขน็ ใน

ห้างสรรพสนิ คา้

4. ครูและนกั เรยี นร่วมกันอภปิ รายเคร่ืองกลอย่างง่ายและประสทิ ธิภาพการทำงานของเครอื่ งกล

ดังนี้

การทำงานของเครื่องกลอยา่ งงา่ ย ได้แก่ คาน รอก พ้ืนเอยี ง ลมิ่ สกรู และล้อกบั เพลา ใช้

หลักของงานและสมดลุ กลประกอบการพิจารณาประสทิ ธิภาพและการไดเ้ ปรยี บเชิงกลของเครื่องกลอยา่ ง

ง่าย ประสทิ ธภิ าพคำนวณ ได้จากสมการ Efficiency = Wout × 100% การไดเ้ ปรยี บเชงิ กล
Win

คำนวณไดจ้ ากสมการ M. A. = Fout = sin
Fin sout

ครใู หค้ วามรเู้ ก่ยี วกบั การได้เปรียบเชิงกลของเคร่อื งกลอยา่ งง่ายดงั น้ี
กรณีคาน เป็นเครือ่ งผอ่ นแรงทเ่ี ราใชก้ นั มากท่ีสุด เชน่ ชะแลงงัดฝากลอ่ ง ค้อนงัดตะปู

คีมตดั ลวด กรรไกรตดั ผา้ ชน้ิ สว่ นตา่ ง ๆ ของรถและเครื่องกล มดี คว่นั อ้อย ทีเ่ จาะรูเขม็ ขัด เปน็ ต้น
หลกั การทำงานของคานจะพิจารณาขณะคานอยูใ่ นสมดุล

185

นน่ั คือ ∑ n =1 ⃑ ⃑ = 0 และ ∑ n =1 ⃑⃑⃑ ⃑ = 0

คดิ โมเมนต์รอบจุดหมุน
ให้โมเมนตท์ วนเข็มนาฬิกามเี ครือ่ งหมายบวก โมเมนต์ตามเขม็ นาฬิกามีเคร่อื งหมายลบ

1 1 − 2 2 = 0

1 1 = 2 2

1 = 2
2 1

อตั ราสว่ น 1 , 2 เรียกว่า การได้เปรยี บเชิงกล เมอ่ื 1เปน็ แรงทไ่ี ด้จากเคร่ืองกล และ 2 เป็น
1
2

แรงกระทำ นั่นคือ การได้เปรียบเชิงกลเปน็ ปริมาณท่ีบอกใหท้ ราบวา่ แรงท่ไี ด้จากเคร่ืองกล 1เปน็ ก่ี

เทา่ ของแรงท่ีเรากระทำ 2 เครื่องผอ่ นแรง คอื เคร่ืองกลทมี่ ีการไดเ้ ปรยี บเชงิ กลมากกว่าหนง่ึ ทำให้

เราสามารถยกของนำ้ หนกั มากโดยใชแ้ รงทนี่ ้อยกวา่ น้ำหนักของวตั ถนุ นั้

- คานประเภทที่ 1 เปน็ คานที่จดุ หมนุ อย่รู ะหวา่ งแรงทใ่ี ห้แก่เครอ่ื งกล และแรงทีไ่ ด้
จากเครื่องกล

- คานประเภทที่ 2 เปน็ คานท่ีแรงตา้ นอยู่ระหว่างจดุ หมุนและแรงพยายาม
- คานประเภทที่ 3 เป็นคานที่แรงกระทำอยู่ระหว่างจดุ หมุนและแรงต้าน
กรณรี อก เป็นเคร่ืองกลอยา่ งที่ใช้กนั ในโรงงานหรือสถานที่ท่ีมกี ารก่อสรา้ ง เช่น ใช้
ยกของข้ึนทส่ี ูง ยกเคร่ืองยนต์ออกจากตวั ถังรถเพื่อซ่อม บางครั้งรอกจะอย่ตู ิดกบั รถเครนที่ทำหน้าที่
ยกวัสดุต่าง ๆ หลกั การทำงานของรอกจะพจิ ารณาขณะรอกอย่ใู นสมดลุ

186

⃑⃑ ⃑1 ⃑ ⃑ ⃑2

− ⃑⃑ ⃑3
⃑ ⃑ ⃑4

⃑⃑⃑

∑n =1 ⃑⃑ ⃑ ⃑ ⃑ = 0

เนอ่ื งจาก ⃑⃑ ⃑1 = ⃑⃑ ⃑2 เพราะวา่ เป็นแรงดึงของเส้นเชือกเส้นเดียวกันใหเ้ ท่ากับ

2 = 3

= 3
2

และ 3 =


= 2

ในกรณนี ้ีมีการไดเ้ ปรียบเชิงกลเป็นสอง = 2 ทำใหเ้ ราสามารถยกของทีม่ ี



นำ้ หนักมากโดยใชแ้ รงเพยี งครง่ึ เดียวของน้ำหนักท่ยี ก
กรณีล้อกบั เพลา เปน็ เครื่องผอ่ นแรงที่ใช้กนั แพรห่ ลายมาก ไม่ว่าจะเป็นในรถยนต์

รถจกั รยานยนต์ เคร่ืองกลงึ เครือ่ งเจาะ กว้าน เคร่ืองตอกเสาเข็ม พวงมาลัยรถ สายพานและเกยี ร์
ตา่ งกใ็ ชห้ ลกั การทำงานของล้อกบั เพลา ซ่งึ จะพิจารณาขณะลอ้ กับเพลาอยใู่ นสมดุล

187

⃑ ⃑

นั่นคอื ∑n =1 ⃑⃑ = 0 และ ∑ n =1 ⃑ ⃑⃑ ⃑ = 0
คดิ โมเมนตร์ อบจดุ หมุน
ให้โมเมนต์ทวนเข็มนาฬิกามีเครือ่ งหมายบวก โมเมนตต์ ามเขม็ นาฬิกามีเครื่องหมายลบ

1 1 − 2 2 = 0

1 1 = 2 2

1 = 2
2 1

จะเหน็ วา่ การทำงานของล้อกับเพลาจะเหมือนกับการทำงานของคาน

5.5 ข้ันขยายความรู้ (Elaboration) เสรมิ ดว้ ยเทคนคิ KWDL
1. แนะนำเทคนิค KWDL ให้นักเรียนทราบว่าแต่ละตัวคืออะไร นักเรียนต้องทำอะไรบ้าง

ระหว่างการเรยี น วธิ หี าคำตอบปกตเิ พอ่ื เช่อื โยงเขา้ ส่เู ทคนิค KWDL โดยมขี น้ั ตอนดงั นี้
ขั้นท่ี 1 K : What we know (นกั เรียนรอู้ ะไรบา้ งหรือ โจทยบ์ อกอะไรใหท้ ราบบา้ ง)
ขั้นที่ 2 W : What we want to know (โจทย์ให้หาอะไร มีวิธีการอะไร ใช้วิธีอะไร

ได้บ้าง)
ขั้นที่ 3 D : What we do to find out (ดำเนินการตามกระบวนการแก้โจทย์

ปญั หา)
ขน้ั ที่ 4 L : What we learned (คำตอบทีไ่ ด้)

188

2. ครูยกตัวอย่างสถานการณ์ จากนั้นครูและนักเรียนรว่ มกันฝึกคำนวณเพื่อให้นักเรยี นเข้าใจ
ถึงวิธีการแก้โจทยป์ ญั หา โดยใชเ้ ทคนิค KWDL ดงั นี้
1. กรรไกรตัดลวดมรี ะยะระหวา่ งลวดและจุดหมุน 5 เซนติเมตร และระยะระหวา่ งมอื ท่กี ดกับจุดหมุน

15 เซนติเมตร ดังรปู ถา้ ตอ้ งการตัดลวดทท่ี นแรงกระทำได้ 300 นิวตันจะต้องออกแรงกด F อยา่ ง

น้อยเท่าใด ลวดจึงจะขาด

K WD L
โจทย์บอกอะไรให้ คำตอบที่ได้
โจทยใ์ ห้หาอะไร ดำเนนิ การตาม
ทราบบา้ ง คำตอบ :
มวี ิธีการอะไร ใชว้ ธิ อี ะไร กระบวนการแกโ้ จทย์ ตอ้ งออกแรงกด F
โจทยใ์ ห้ : อย่างน้อยเท่ากับ
F1 = 300 N ไดบ้ า้ ง ปัญหา 100 นิวตัน
x1 = 5 cm
x2 = 15 cm โจทยถ์ าม : วธิ กี ารแก้ปญั หา :
F2 = 300 N
F = ? เมอ่ื วัตถสุ มดุลต่อการหมนุ ∑ M =0

วิธกี าร : จะได้ ∑ Mทวน = ∑ Mตาม

เขียนแผนภาพแสดงแรง คิดโมเมนต์รอบจดุ หมุน O
ที่กระทำต่อกรรไกรตัด F(15) = (300)(5)
ลวดได้ดังรูป F = 100 N

5.6 ขนั้ ประเมนิ ผล (Evaluation)
1. ครใู ห้นักเรยี นทำแบบฝึกหดั ในหนงั สอื เรยี นเพ่ิมเติมฟิสกิ ส์ 2 ชัน้ มัธยมศึกษาปที ่ี 4 สสวท. โดย

เฉลยคำตอบและอภิปรายคำตอบรว่ มกนั
2. ครตู รวจสอบใบกิจกรรม เรือ่ ง เคร่ืองกล

5.7. ขัน้ นำความรู้ไปใช้ (Extension)
1. ครูให้นักเรียนหาข้อมูลที่บอกว่าเครื่องมือชนิดไหนเป็นเครื่องกลอย่างง่าย

นอกเหนอื จากที่ยกตวั อยา่ งมา

6. วัสดุอุปกรณ์ ส่อื การเรยี นการสอน และแหล่งการเรยี นรู้
6.1. หนงั สอื เรยี นรายวชิ าเพม่ิ เตมิ วทิ ยาศาสตร์ ฟสิ ิกส์ เลม่ 2
6.2. ใบกจิ กรรมที่ 9 เรอื่ ง เครื่องกล
6.3. โครงการสอนออนไลน์ – Project 14 สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และ

เทคโนโลยี (สสวท.)

189

7. วิธกี ารวดั และการประเมินผล

จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ การวดั ผล การประเมนิ ผล
- ผ่าน 80%
วธิ ีการวัด เครอ่ื งมอื วดั

1. อธบิ ายความหมายของ - ตรวจ ใบกิจกรรมท่ี 9 - ใบกิจกรรมท่ี 9
ประสิทธภิ าพและการได้เปรียบ เรือ่ ง เครื่องกล เรอ่ื ง เครื่องกล
เชงิ กลของเคร่ืองกลได้ (K)

2. สามารถคำนวณ - ตรวจ ใบกิจกรรมท่ี 9 - ใบกิจกรรมที่ 9 - ผ่าน 80%
เรอื่ ง เคร่ืองกล
ประสิทธภิ าพและการไดเ้ ปรียบ เรื่อง เคร่ืองกล

เชงิ กลของเครื่องกลได้ (P)

3. ทำงานร่วมกบั ผอู้ น่ื อยา่ ง - การสังเกต - แบบประเมนิ - ระดับดีข้ึนไป
สรา้ งสรรค์ ยอมรับความ พฤติกรรมการ
คดิ เหน็ ของผอู้ น่ื ได้ (A) เรยี นรูร้ ายบคุ คล

190

แบบบันทึกหลังสอน

แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 11

ผลการจัดการเรียนการสอน
1. ด้านความรู้ (K)
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P)
………………………………………………………..............................................................………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3. ด้านคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ (A)
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ปญั หาและอปุ สรรคในการจดั การเรยี นการสอน
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

แนวทางแก้ไขปญั หา
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงชอ่ื ……………………………… ……… ลงชอื่ ………………………………………………
(……………………………………….…………) (นางสาวกัญญาณฐั จำเริญภักดิ์)
………/………/………. ครผู สู้ อน

191

ความคดิ เห็นและขอ้ เสนอแนะของครูพีเ่ ลีย้ ง
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงชอ่ื ………………………………… ลงชอื่ ……………………..…………………………
(……………………………………….…………) (นางสภุ าพร สงิ ห์นลินธร)
………/………/………. ครพู ่ีเลย้ี ง

ความคิดเหน็ และขอ้ เสนอแนะของหัวหนา้ กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงชื่อ………………………………… ลงชื่อ……………………..…………………………

(……………………………………….…………) (นายธีระพงษ์ พลสูงเนิน)

………/………/………. หวั หนา้ กลุม่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ความคดิ เหน็ และข้อเสนอแนะของผ้บู รหิ ารสถานศกึ ษาหรือผ้ทู ่ีได้รบั มอบหมาย
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงช่ือ………………………………… ลงชอ่ื ……………………..…………………............)
(…………………………………….…………) (นายราเชนทร์ พุ่มแจ)้

รองผูอ้ ำนวยการโรงเรยี นอุดรพชิ ยั รกั ษ์พิทยา

192

แบบประเมินพฤตกิ รรมนกั เรยี นชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 4/6

แผนการจัดการเรียนรทู้ ี่ 11 เรื่อง เครื่องกล
คำช้แี จง : ใหผ้ สู้ อนประเมนิ พฤติกรรมการเรียนของผเู้ รียนลงในตารางตามหัวข้อท่ีกำหนดให้

รายการประเมิน สรุปผล
การประเมิน

เลข ชอื่ - สกุล ความ ่รวม ืมอในการทำ รวม ไม่
ท่ี กิจกรรม (3) คะแนน ผ่าน
(12) ผา่ น
การแสดงความ ิคดเห็น
ตอบคำถาม (3)

ีมความเพียรพยายาม (3)
ความ ้ัตงใจทำงาน (3)

1 นายกฤตานนท์ ภาโนมัย
2 นายนพรัตน์ โคตรชมภู
3 นายบรรพต ทองเหล็ก
4 นายดนุชา มุขะกัง
5 นายพีรพัฒน์ ดีสเกษ
6 เด็กชายฐปนวฒั น์ พรหมสารา
7 นายกฤษฎา ธะราวุฒิ
8 นายกษดิ ิศ ถงึ ศรปี ั้น
9 นายกอ้ งภพ ศรบี รุ ินทร์
10 นายชินดนยั ยงยืน
11 นายปฏภิ าณ ตะหน่อง
12 นายพรหมวจิ กั ขณ์ พสชุ าธัญภทั ร์
13 นายพัชรพล บตุ รเลน
14 นายพชิ ิตพล ภานนท์
15 นายภควตั หมู่โยธา
16 นายภีรภทั ธ์ ขำสม
17 นายไวทนิ ธัญธรทิวฒั น์
18 นายสรวศิ บุญสอาด
19 นายอนกุ ารต์ มงคลเพ็ญ
20 นายอภวิ ิชญ์ ดว้ งนลิ
21 นายอัศนัย จิตกลาง
22 นางสาวปารฉิ ตั ร คำภาษี
23 นางสาวบุญพทิ ักษ์ ศรีแกว้

193

รายการประเมนิ สรุปผล
การประเมนิ

เลข ความ ่รวม ืมอในการทำ รวม
ที่ กิจกรรม (3)
ช่ือ - สกลุ คะแนน ไม่
การแสดงความ ิคดเห็น (12) ผ่าน
ตอบคำถาม (3) ผ่าน

ีมความเพียรพยายาม (3)
ความ ้ัตงใจทำงาน (3)

24 นางสาวปทุมมา ดวงมาลา

25 นางสาวกรวีร์ บัวชา

26 นางสาวกัณฐกิ า ไชยเลิศ

27 นางสาวจริ าพร ศรีสธุ รรม

28 นางสาวชนเนษฎ์ พนั ธ์เพียร

29 นางสาวฐิตวิ รดา อปุ มา

30 นางสาวธิดาพร สิมสน

31 นางสาวธิติกาล จนั บง

32 นางสาวนภิ าพร ปดั ถาวะโร

33 นางสาวพรนภสั ศรเี สรมิ

34 นางสาวพรวลยั ภาอุดม

35 นางสาวภริ าภรณ์ แกว้ พมิ พ์ผา

36 นางสาวมยรุ ี บญุ เลศิ

37 นางสาวฤามเม วงศ์ธรรมกูล

38 นางสาววริษฐา ตนุ่ ลำ

39 นางสาวศศกิ านต์ โคตรเมือง

40 นางสาวสุตาภทั ร ผอ่ งใส

41 นางสาวเสาวลกั ษณ์ พระสว่าง

42 นางสาวอภญิ ญา หงษท์ อง

43 นางสาววิภาษณี ไกรกจิ ราษฎร์

44. นายจกั รภทั ร จนั ทรแ์ ก้ว

45. นายศักดินนท์ จันทร์ย้ิม

ลงชอ่ื ………………………………………..ผู้ประเมิน
(นางสาวกัญญาณัฐ จำเรญิ ภกั ด)์ิ
ครูผูส้ อน

194

เกณฑ์การใหค้ ะแนน ให้ 3 คะแนน
ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสมำ่ เสมอ ให้ 2 คะแนน
ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมบ่อยครัง้ ให้ 1 คะแนน
ปฏิบัติหรือแสดงพฤตกิ รรมบางคร้ัง
ไมผ่ า่ น
สรปุ เกณฑก์ ารให้คะแนน ผา่ น
คะแนนรวม 0 - 7 คะแนน
คะแนนรวม 8 - 12 คะแนน

195

แบบฝกึ หดั

กรรไกรตัดลวดมรี ะยะระหว่างลวดและจุดหมนุ 5 เซนติเมตร และระยะระหวา่ งมอื ท่ีกดกบั จุดหมนุ
15 เซนติเมตร ดงั รปู ถา้ ตอ้ งการตัดลวดทท่ี นแรงกระทำได้ 300 นิวตนั จะต้องออกแรงกด F อย่าง
นอ้ ยเท่าใด ลวดจงึ จะขาด

………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………

จากรูป จงหาการไดเ้ ปรยี บเชิงกลของคานเบา

………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………

จากรปู จงหาการได้เปรียบเชิงกลของพื้นเอียงท่ยี าว 5 เมตร สงู 1 เมตร

………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………
……………………………………………………………………………………


Click to View FlipBook Version