สรรนพิ นธ์ ว่าด้วยเรอ่ื ง
คน ศาสนา คตธิ รรม และโลกกบั ธรรม
พระนพิ นธ์
สมเดจ็ พระสงั ฆราช กรมหลวงวชริ ญาณวงศ์
และ
ชีวประวตั ิ
พระธรรมมงคลวฒุ าจารย์
( บญุ ยนต์ ปญุ ฺญาคโม )
สรรนพิ นธว์ า่ ด้วยคน ศาสนา คติธรรม และโลกกบั ธรรม
และ ประวตั ิ พระธรรมมงคลวุฒาจารย์
พิมพค์ รั้งแรก เมษายน ๒๕๖๔ - กรงุ เทพฯ จ�ำนวน ๒,๐๐๐ เลม่
จดั ท�ำโดย วดั บวรนเิ วศวหิ าร
พมิ พท์ ่ีระลึกเน่ืองในงานพระราชทานเพลงิ ศพพระธรรมมงคลวฒุ าจารย์ (บุญยนต์ ปุญฺาคโม)
ณ เมรุหลวงหนา้ พลบั พลาอศิ รยิ าภรณ์ วัดเทพศริ ินทราวาส
ข้อมลู ทางบรรณานุกรมของส�ำนักหอสมุดแหง่ ชาติ
วชริ ญาณวงศ์, สมเด็จพระสังฆราชเจา้ กรมหลวง.
สรรนพิ นธ์ วา่ ดว้ ยเรื่อง คน ศาสนา คตธิ รรม และโลกกบั ธรรม.- -
กรงุ เทพฯ : วดั บวรนเิ วศวิหาร, ๒๕๖๔
๒๙๔ หนา้ .
๑. พุทธศาสนา- -รวมเร่อื ง. ๒. พทุ ธศาสนากบั สงั คม. l. ชอื่ เรือ่ ง.
294.308
ISBN : 978-616-582-118-6
ขอขอบพระคณุ ขอบคณุ ทอ่ี นเุ คราะหด์ า้ นขอ้ มลู เออ้ื เฟอ้ื ภาพ ตลอดจนอำ� นวยความสะดวกตา่ ง ๆ
จนการจดั ทำ� หนงั สอื เล่มนี้ลลุ ว่ งด้วยดี ประสานงานกองบรรณาธกิ าร : พระศิวากร อภิปญุ ฺโ
ศลิ ปกรรม ออกแบบ รปู เลม่ : ชณุ หศ์ ริ ิ ไชยเอยี ภาพถา่ ยประกอบ : หอจดหมายเหตแุ หง่ ชาต,ิ
พระธรี เมธ ติ เมธ,ี ดร.พจนารถ สพุ รรณกลู , สรุ พงษ์ วงศไ์ มน่ อ้ ย, สมยั เอยี่ มสขุ , อตชิ าติ ยง่ิ แยม้
พมิ พท์ ี่ : บริษทั พมิ พด์ ี จำ� กดั
๓๐/๒ หมู่ ๑ ถนนเจษฎาวถิ ี ต�ำบลโคกขาม อ�ำเภอเมอื ง จังหวัดสมุทรสาคร
๐๒-๔๐๑-๙๔๐๑
ที่ระลกึ เนอ่ื งในงานพระราชทานเพลงิ ศพ
พระธรรมมงคลวุฒาจารย์
( บุญยนต์ ปุญฺญาคโม )
ผู้ชว่ ยเจ้าอาวาสวดั บวรนเิ วศวิหาร
ผู้ปฏบิ ัตหิ นา้ ที่เลขานกุ ารในสมเดจ็ พระสังฆราชเจา้ กรมหลวงวชิรญาณสงั วร
ณ เมรุหลวงหน้าพลับพลาอิศรยิ าภรณ์ วดั เทพศิรินทราวาส
๑๐-๑๑-๑๒ กรกฎาคม พทุ ธศักราช ๒๕๖๔
ส�ำ นกึ ในพระมหากรณุ าธคิ ุณ
เมอ่ื ความทราบฝา่ ละอองธลุ พี ระบาทวา่ พระธรรมมงคลวฒุ าจารย์ (บญุ ยนต์ ปญุ ฺ าคโม)
ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร อดีตผู้ปฏิบัติหน้าท่ีเลขานุการ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า
กรมหลวงวชริ ญาณสังวร ไดถ้ วายพระพรลามรณภาพเนอื่ งจากภาวะตับวาย เม่อื วนั พฤหัสบดีท่ี
๒๒ ตลุ าคม พุทธศักราช ๒๕๖๓ เวลา ๑๘.๔๐ น. ณ โรงพยาบาลจฬุ าลงกรณ์ สภากาชาดไทย
กรงุ เทพมหานคร สริ ริ วมอายุ ๙๗ พรรษา ๗๗
สมเดจ็ บรมบพติ ร พระราชสมภารเจา้ ผทู้ รงพระคณุ อนั ประเสรฐิ ไดท้ รงพระกรณุ าโปรด
พระราชทานพวงมาลาหลวง น้�ำหลวงสรงศพ โกศโถ ฉัตรเบญจาตั้งประดับเกียรติยศ เมื่อ
วันจนั ทรท์ ี่ ๒๖ ตุลาคม พุทธศกั ราช ๒๕๖๓ เวลา ๑๗.๐๐ น. ณ ห้องประชมุ ชัน้ ที่ ๑ อาคาร
ฉลองพระชันษา ๙๖ ปีฯ วัดบวรนิเวศวิหาร เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร พระราชทาน
พระมหากรุณารับศพไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์โดยตลอด พระราชทาน พระพิธีธรรมสวด
พระอภิธรรมเวลากลางคืน ก�ำหนด ๗ คืน ทรงพระกรุณาโปรดให้มีการบ�ำเพ็ญพระราชกุศล
พระราชทาน ในโอกาสครบ ๗ วนั ๕๐ วนั และ ๑๐๐ วนั ตลอดถึงทรงพระกรุณาโปรดบ�ำเพ็ญ
พระราชกุศุ ลพระราชทานในการออกเมรุุ พระราชทานเพลิงิ ศพ ณ เมรุหุ ลวงหน้า้ พลับั พลาอิศิ ริยิ าภรณ์์
วัดั เทพศิริ ินิ ทราวาส เขตป้้อมปราบศััตรูพู ่า่ ย กรุุงเทพมหานคร ในวันั อาทิติ ย์์ที่� ๑๑ กรกฎาคม
พ.ศ. ๒๕๖๔ นับั เป็น็ พระมหากรุณุ าธิคิ ุุณเป็็นล้น้ พ้้นอันั หาที่่�สุุดมิิได้้ กับั ทั้�งทรงพระกรุุณาโปรด
เกล้า้ โปรดกระหม่อ่ มให้้ นายจิิตรพัฒั น์์ ไกรฤกษ์์ เชิญิ พวงมาลาส่่วนพระองค์์ของ
สมเดจ็ พระนางเจา้ สิริกติ ิ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
สมเดจ็ พระนางเจ้าสทุ ิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชนิ ี
สมเด็จพระกนษิ ฐาธิราชเจา้ กรมสมเด็จพระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
พระเจา้ วรวงศเ์ ธอ พระองคเ์ จ้าโสมสวลี กรมหม่ืนสทุ ธนารีนาถ
สมเดจ็ พระเจา้ ลกู เธอ เจา้ ฟา้ พชั รกติ ยิ าภา นเรนทริ าเทพยวดี กรมหลวงราชสารณิ สี ริ พิ ชั ร
มหาวัชรราชธิดา
สมเด็จพระเจา้ ลกู เธอ เจา้ ฟ้าสริ ิวัณณวรี นารรี ัตนราชกญั ญา
สมเดจ็ พระเจ้าลกู ยาเธอ เจ้าฟ้าทีปงั กรรศั มโี ชติ มหาวชโิ รตตมางกูร สริ วิ ิบลู ยราชกมุ าร
ท่ีทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ และโปรดให้เชิญมาวางหน้าโกศศพพระธรรมมงคลวุฒาจารย์ ณ
หอ้ งประชมุ ชนั้ ท่ี ๑ อาคารฉลองพระชนั ษา ๙๖ ปฯี วดั บวรนเิ วศวหิ าร นบั เปน็ พระมหากรณุ าธคิ ณุ
และพระกรณุ าธิคุณอยา่ งหาทส่ี ุดมไิ ด้
พระมหากรณุ าธคิ ณุ และพระกรณุ าธคิ ณุ ทงั้ ปวงน้ี หากทราบโดยญาณวถิ ี ถงึ ดวงวญิ ญาณ
ของ พระธรรมมงคลวฒุ าจารย์ (บญุ ยนต์ ปญุ ฺ าคโม) ผชู้ ว่ ยเจา้ อาวาสวดั บวรนเิ วศวหิ าร ไดด้ ว้ ย
ประการใดในสมั ปรายภพ คงจะปตี ิ โสมนัส และอนโุ มทนาในพระราชกุศลทไี่ ด้รับพระราชทาน
เป็นเกยี รติยศอันสูงยิ่ง ในวาระสุดท้ายแห่งชีวิต
อาตมาภาพทั้งปวง พร้อมด้วยผู้เป็นญาติและคณะศิษยานุศิษย์ ขอพระราชทาน
พระบรมราชวโรกาส ถวายพระพรและถวายบังคมใต้เบ้ืองพระยุคลบาท สมเด็จบรมบพิตร
พระราชสมภารเจา้ ผทู้ รงพระคณุ อนั ประเสรฐิ และพระบรมวงศานวุ งศ์ ทกุ พระองคด์ ว้ ยความสำ� นกึ
ในพระมหากรุณาธิคุณ และพระกรุณาธิคุณ ที่พระราชทานแก่ พระธรรมมงคลวุฒาจารย์
(บญุ ยนต์ ปญุ ฺ าคโม) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร และขอจารึกพระมหากรุณาธิคุณ
ครงั้ นี้ไปตราบนานเท่านาน
ขอถวายพระพร
คณะสงฆว์ ัดบวรนเิ วศวิหาร
และคณะศษิ ยานศุ ษิ ย์
พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดพระราชทานโกศโถ
พรอ้ มฉตั รเบญจาตงั้ ประดบั และทรงรบั ศพอยูใ่ นพระบรมราชานุเคราะหโ์ ดยตลอด
ต้งั ศพบำ� เพ็ญกศุ ล ณ หอ้ งประชมุ ชน้ั ท่ี ๑
อาคารฉลองพระชันษา ๙๖ ปีฯ วดั บวรนเิ วศวิหาร
ค�ำปรารภ
สมเดจ็ บรมบพติ ร พระราชสมภารเจา้ ผทู้ รงพระคณุ อนั ประเสรฐิ ทรงพระกรณุ าโปรด
พระราชทานพระบรมราชานเุ คราะหใ์ นการพระราชทานเพลงิ ศพ พระธรรมมงคลวฒุ าจารย์
(บุญุ ยนต์์ ปุุญฺฺาคโม) ผู้้�ช่ว่ ยเจ้้าอาวาสวััดบวรนิเิ วศวิหิ าร ณ เมรุหุ ลวงหน้้าพลัับพลา
อิศิ ริยิ าภรณ์์ วัดั เทพศิริ ินิ ทราวาส เขตป้อ้ มปราบศัตั รูพู ่า่ ย กรุงุ เทพมหานคร พุทุ ธศักั ราช
๒๕๖๔ นับั เป็น็ พระมหากรุณุ าธิคิ ุณุ เป็น็ ล้้นพ้น้ หาที่่�สุุดมิิได้้
เพอ่ื เปน็ อนสุ รณยี แ์ หง่ การพระราชทานเพลงิ ศพ และเพอื่ เปน็ ธรรมบรรณาการแก่
ผมู้ ารว่ มในการพระราชทานเพลงิ ศพพระธรรมมงคลวฒุ าจารย์ คณะสงฆว์ ดั บวรนเิ วศวหิ าร
และคณะศษิ ยานศุ ษิ ย์ ไดร้ ว่ มกนั จดั พมิ พห์ นงั สอื สรรนพิ นธ์ วา่ ดว้ ยเรอ่ื ง คน ศาสนา
คตธิ รรม และโลกกับธรรม หนังสือเล่มน้ีได้แบ่งออกเป็นสองภาค คือ ภาคแรกของ
หนงั สอื เปน็ การรวบรวมประวตั ชิ วี ติ ของพระธรรมมงคลวฒุ าจารย์ ทไี่ ดเ้ รยี บเรยี งขน้ึ มาใหม่
และภาคหลงั เปน็ หนงั สอื สรรนพิ นธ์ วา่ ดว้ ยเรอื่ ง คน ศาสนา คตธิ รรม และโลกกบั ธรรม
พระนพิ นธข์ องสมเดจ็ พระสงั ฆราชเจา้ กรมหลวงวชริ ญาณวงศ์ ผู้ทรงเป็นพระอุปัชฌายะ
ทั้งน้ีพระธรรมมงคลวุฒาจารย์ ได้เคยแจ้งเจตนาประสงค์ของตนก่อนมรณภาพไว้ว่า
มีความประสงค์ให้จัดพิมพ์หนังสือเล่มนี้ ซึ่งเป็นพระนิพนธ์ของสมเด็จพระสังฆราชเจ้า
กรมหลวงวชริ ญาณวงศ์ เปน็ หนงั สอื ธรรมบรรณาการในการบำ� เพญ็ กศุ ลออกเมรขุ องตน
ขออนุโมทนาขอบใจ ดร.ศรัณย์ มะกรูดอินทร์ และ จักรกฤษณ์ มณีวรรณ์
ผู้เรียบเรียงชีวประวัติพระธรรมมงคลวุฒาจารย์ และทุกท่านที่มีส่วนช่วยในการจัดท�ำ
หนงั สือ สรรนพิ นธ์ วา่ ดว้ ยเร่ือง คน ศาสนา คตธิ รรม และโลกกับธรรม นจี้ นเกิด
ความส�ำเร็จ ท้ังนี้นับเป็นเครื่องบูชาพระคุณแด่พระธรรมมงคลวุฒาจารย์ (บุญยนต์
ปุญฺ าคโม) ผมู้ ีคุณปู การแก่วดั บวรนเิ วศวหิ าร คณะสงฆ์ และศิษยานศุ ษิ ย์
บุญกศุ ลใด ๆ ทพี่ ระธรรมมงคลวุฒาจารย์ ได้บ�ำเพ็ญมาแล้ว ดว้ ยการบรรพชา
อุปสมบทกด็ ี ด้วยการเล่าเรียนและบอกสอนธรรมวินยั อนั เปน็ แกน่ สารก็ดี ด้วยการฟงั
และแสดงธรรม อนั เปน็ อปุ การะแกส่ มั มาปฏบิ ตั กิ ด็ ี ดว้ ยสำ� รวมในพระปาฏโิ มกข์ อนั เปน็
มลู แหง่ พรหมจรรยก์ ด็ ี ดว้ ยมนสกิ ารในกรรมฐานอนั เปน็ อบุ ายสงบจติ เหน็ แจง้ สจั จธรรมกด็ ี
ด้วยกศุ ลวธิ านอื่น ๆ อีกกด็ ี ด้วยอานุภาพแห่งบญุ กุศลนัน้ ๆ กบั ทงั้ บุญทักษณิ านปุ ทาน
ของศษิ ยานศุ ษิ ยท์ ง้ั ปวง ขอจงสมั ฤทธสิ์ รรพอฐิ วบิ ลุ มนญุ ผล แดพ่ ระธรรมมงคลวฒุ าจารย์
(บญุ ยนต์ ปญุ ฺาคโม) ตามควรแกค่ ติภพนนั้ ๆ ทุกประการ เทอญ
สมเด็จพระวันรตั
ผ้ปู ฏิบตั หิ น้าทแี่ ทนเจา้ คณะใหญ่คณะธรรมยุต
กรรมการมหาเถรสมาคม
เจา้ อาวาสวดั บวรนเิ วศวหิ าร
พระธรรมมงคลวฒุ าจารย์ผ้เู มตตา
ส�ำรวมจติ ประดษิ ฐ์หัตถ์ปัจจุคมน์ กราบกม้ สรรี สังขาร
องคพ์ ระ ธรรมม งคลวุฒาจารย์ กรรพมุ กรน้อมสกั การต่างมาลา
ท่านประหนึ่งรม่ ไมไ้ ทรวศิ าล แผ่ก่งิ ก้านกวา้ งใหญใ่ บแน่นหนา
ศษิ ย์นอ้ ยใหญไ่ ด พ้ งึ่ บุญกรุณา ชมุ่ ชืน่ ดงั พิรุณมาให้ยินดี
เพญ็ พรหมวิหารไพศาลย่งิ ไดพ้ ักพงิ ไดพ้ ึง่ ซึง่ บุญศรี
เรานอ้ ย ใหญต่ า่ ง อาศัยบารมี สมนามท่านนี้ “ปญุ ญาคโม”
ด้วยท่านเปน็ รัตตญั ญบู ุคคล ทรงชพี ชนมายลุ ุอกั โข
ไดป้ ระก อบศาส นกจิ เปน็ นิจโจ พระศาสนาจงึ ภิญโญทั้งใกลไ้ กล
งานสนองสองพระสงั ฆราชเจ้า ชว่ ยแบง่ เบาภาระท้งั นอ้ ยใหญ่
“ บวรนิเว ศ” งาม ประเทอื งเรืองวิไล เพราะทา่ นไดอ้ ยเู่ ปน็ หลกั มาเนนิ่ นาน
เปน็ ทรี่ กั เคารพอภิวาท เปน็ นกั ปราชญ์ผูเ้ ปย่ี มพรหมวิหาร
เ ป็นพระ วิสทุ ธวิ์ มิ ลศลี าจาร* เป็นผเู้ ชีย่ วชำ� นาญการโหรา
ลุสมัยออกเมรบุ �ำเพ็ญกศุ ล ศษิ ยานศุ ิษยท์ ุกชน้ั ชนระลกึ หา
ถ ึงรอยย ้ิมพรมิ้ บ ญุ กรณุ า พระเดชพระคุณอ่นุ เกศามิรูค้ ลาย
ส�ำรวมจิตประดิษฐห์ ตั ถ์ปัจจุคมน์ นอ้ มกราบกม้ ขอผลกุศลถวาย
องค์หลวงตาสถติ ณ ภพสัมปราย เสถยี รสถานสขุ สบายตราบนพิ พาน
ประพันธ์โดย พระมหาวโรตม์ ธมฺมวโร
*จากสรอ้ ยนามสมณศกั ดว์ิ า่ “พระธรรมมงคลวฒุ าจารย์ ปชู นยี ฐานประยตุ วสิ ทุ ธสิ ลี าจารวมิ ล สกลภารธรุ าทร”
พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อย่หู วั ทรงพระกรณุ าโปรดบำ� เพ็ญพระราชกศุ ล ๗ วนั
พระราชทานศพพระธรรมมงคลวุฒาจารย์ (บญุ ยนต์ ปุญฺาคโม)
วันท่ี ๒๘ - ๒๙ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๓
พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อย่หู วั ทรงพระกรณุ าโปรดบำ� เพ็ญพระราชกศุ ล ๗ วนั
พระราชทานศพพระธรรมมงคลวุฒาจารย์ (บญุ ยนต์ ปุญฺาคโม)
วันท่ี ๒๘ - ๒๙ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๓
พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั ทรงพระกรณุ าโปรดบำ� เพญ็ พระราชกุศล ๕๐ วนั
พระราชทานศพพระธรรมมงคลวุฒาจารย์ (บญุ ยนต์ ปญุ ฺาคโม)
วันที่ ๙ - ๑๐ ธนั วาคม พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๓
พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั ทรงพระกรณุ าโปรดบำ� เพญ็ พระราชกุศล ๕๐ วนั
พระราชทานศพพระธรรมมงคลวุฒาจารย์ (บญุ ยนต์ ปญุ ฺาคโม)
วันที่ ๙ - ๑๐ ธนั วาคม พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๓
พระบาทสมเด็จพระเจา้ อย่หู วั ทรงพระกรณุ าโปรดบ�ำเพญ็ พระราชกศุ ล ๑๐๐ วนั
พระราชทานศพพระธรรมมงคลวฒุ าจารย์ (บญุ ยนต์ ปญุ ฺ าคโม)
วันท่ี ๒๘ มกราคม พทุ ธศักราช ๒๕๖๔
พระบาทสมเด็จพระเจา้ อย่หู วั ทรงพระกรณุ าโปรดบ�ำเพญ็ พระราชกศุ ล ๑๐๐ วนั
พระราชทานศพพระธรรมมงคลวฒุ าจารย์ (บญุ ยนต์ ปญุ ฺ าคโม)
วันท่ี ๒๘ มกราคม พทุ ธศักราช ๒๕๖๔
สมเด็็จพระอริิยวงศาคตญาณ สมเด็็จพระสัังฆราช สกลมหาสัังฆปริณิ ายก
ทรงรับั เป็็นเจ้้าภาพในการบำำ�เพ็ญ็ พระกุศุ ลสวดพระอภิธิ รรมศพ
พระธรรมมงคลวุฒุ าจารย์์ (บุญุ ยนต์์ ปุญุ ฺฺ าคโม) ในการนี้�คณะสงฆ์์
วัดั ราชบพิธิ สถิติ มหาสีมี าราม ร่ว่ มโดยเสด็จ็ พระกุศุ ล วันั ที่� ๒ พฤศจิกิ ายน พุทุ ธศักั ราช ๒๕๖๓
สมเด็็จพระอริิยวงศาคตญาณ สมเด็็จพระสัังฆราช สกลมหาสัังฆปริณิ ายก
ทรงรับั เป็็นเจ้้าภาพในการบำำ�เพ็ญ็ พระกุศุ ลสวดพระอภิธิ รรมศพ
พระธรรมมงคลวุฒุ าจารย์์ (บุญุ ยนต์์ ปุญุ ฺฺ าคโม) ในการนี้�คณะสงฆ์์
วัดั ราชบพิธิ สถิติ มหาสีมี าราม ร่ว่ มโดยเสด็จ็ พระกุศุ ล วันั ที่� ๒ พฤศจิกิ ายน พุทุ ธศักั ราช ๒๕๖๓
ก�ำหนดการ
พธิ บี ำ� เพ็ญกุศลออกเมรพุ ระราชทานเพลงิ ศพ
พระธรรมมงคลวุฒาจารย์ (บญุ ยนต์ ปุญฺ าคโม)
ผชู้ ่วยเจ้าอาวาสวดั บวรนิเวศวิหาร
ณ ห้องประชมุ ช้นั ที่ ๑ อาคารฉลองพระชนั ษา ๙๖ ปี ฯ
วัดบวรนิเวศวหิ าร เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร
และเมรุหลวงหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วดั เทพศิรินทราวาส
เขตป้อมปราบศตั รพู ่าย กรงุ เทพมหานคร
วัันที่� ๑๐ – ๑๑ – ๑๒ กรกฎาคม พุุทธศักั ราช ๒๕๖๔
วันั เสาร์์ที่� ๑๐ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ (ขึ้น�้ ๑ ค่ำำ�� เดืือน ๘-๘)
เวลา ๑๕.๐๐ น. พระสงฆ์์ ๑๐ รูปู สวดพระพุทุ ธมนต์์ (ในพระบรมราชานุเุ คราะห์)์
พระราชาคณะ ถวายพระธรรมเทศนา ๑ กัณั ฑ์์
(ในพระบรมราชานุเุ คราะห์)์
พระสงฆ์์ ๔ รูปู สวดธรรมคาถา (ในพระบรมราชานุเุ คราะห์)์
เวลา ๑๘.๐๐ น. พระพิธิ ีธี รรมสวดพระอภิธิ รรม (ในพระบรมราชานุเุ คราะห์)์
วัันอาทิิตย์ท์ี่� ๑๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ (ขึ้น�้ ๒ ค่ำำ�� เดืือน ๘-๘)
เวลา ๑๐.๐๐ น. พระสงฆ์์ ๑๐ รูปู ถวายพรพระ
แล้ว้ รับั พระราชทานภัตั ตาหารปิ่น�่ โต
(ในพระบรมราชานุเุ คราะห์)์
เวลา ๑๑.๐๐ น. ถวายภัตั ตาหารเพล (ปิ่น�่ โต) แด่พ่ ระภิกิ ษุสุ ามเณร
วัดั บวรนิเิ วศวิหิ าร ประมาณ ๑๐๐ รูปู (โดยเสด็จ็ พระราชกุศุ ล)
เวลา ๑๓.๐๐ น. พระสงฆ์์ ๑๐ รูปู สวดมาติกิ าบังั สุกุ ุลุ
(ในพระบรมราชานุเุ คราะห์)์
เวลา ๑๔.๐๐ น. เชิญิ โกศศพขึ้�นรถวอประเทียี บ
จากห้อ้ งประชุมุ ชั้�นที่� ๑ อาคารฉลองพระชันั ษา ๙๖ ปีี ฯ
วัดั บวรนิเิ วศวิหิ าร ไปยังั เมรุหุ ลวงหน้า้ พลับั พลาอิศิ ริยิ าภรณ์์
วัดั เทพศิริ ินิ ทราวาส เมื่�อถึงึ แล้ว้ หยุดุ รถ เชิญิ โกศศพแห่เ่ วียี นเมรุ ุ
แล้ว้ เชิญิ ขึ้�นตั้�งบนจิติ กาธาน
เวลา ๑๖.๐๐ น. พระสงฆ์์ ๑๕๐ รูปู สวดมาติกิ าบังั สุกุ ุลุ ณ ศาลากวีนี ิริ มิติ
(โดยเสด็จ็ พระราชกุศุ ล)
เวลา ๑๗.๐๐ น. พระราชทานผ้า้ ไตร ๕ ไตร
พระราชทานเพลิงิ ศพ
พระพิธิ ีธี รรม สวดพระอภิธิ รรม (ในพระบรมราชานุเุ คราะห์)์
วัันจัันทร์ท์ี่� ๑๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ (ขึ้�น้ ๓ ค่ำำ�� เดือื น ๘-๘)
เวลา ๐๗.๐๐ น. พระราชทานผ้า้ ไตร และภัตั ตาหารสามหาบในการเก็บ็ อัฐั ิิ
ณ เมรุหุ ลวงหน้า้ พลับั พลาอิศิ ริยิ าภรณ์์ วัดั เทพศิริ ินิ ทราวาส
(ในพระบรมราชานุเุ คราะห์)์
เวลา ๐๘.๐๐ น. เชิญิ อัฐั ิิ พระธรรมมงคลวุฒุ าจารย์์ กลับั มายังั ห้อ้ งประชุมุ ชั้�นที่� ๑
อาคารฉลองพระชันั ษา ๙๖ ปีี ฯ วัดั บวรนิเิ วศวิหิ าร
เวลา ๐๙.๓๐ น. พระสงฆ์์ ๑๐ รูปู เจริญิ พระพุทุ ธมนต์ฉ์ ลองอัฐั ิิ
เวลา ๑๐.๐๐ น. พระสงฆ์์ ๑๐ รูปู สวดมาติกิ าบังั สุกุ ุลุ
เวลา ๑๑.๐๐ น. ถวายภัตั ตาหารเพล (ปิ่น�่ โต) แด่พ่ ระภิกิ ษุสุ ามเณร
วัดั บวรนิเิ วศวิหิ าร ประมาณ ๑๐๐ รูปู
เป็น็ อันั เสร็จ็ พิธิ ีี
เครอ่ื งสงั เคด็ ทร่ี ะลกึ งานพระราชทานเพลงิ ศพ
พระธรรมมงคลวุฒาจารย์
(บุญยนต์ ปญุ ฺ าคโม)
ตาลปัตรท่รี ะลึก ๖๐ ดา้ ม
(คณุ นกิ ร หงษศ์ รสี ขุ ถวาย)
ยา่ มผา้ ไหมทรี่ ะลกึ ๒๐๐ ใบ
(คณุ สรุ นิ ทร์ - คณุ ดาฤดี อรา่ มเจรญิ ถวาย)
เครอื่ งสงั เคด็ ทร่ี ะลกึ งานพระราชทานเพลงิ ศพ
พระธรรมมงคลวุฒาจารย์
(บญุ ยนต์ ปญุ ฺาคโม)
เครอื่ งบชู ากระเบอื้ งสขี าว ลาย บยป ๑๐ ชดุ ชดุ นำ�้ ชากระเบอื้ งสขี าว ลาย บยป ๕๐ ชดุ
(คณุ นกิ ร หงษศ์ รสี ขุ ถวาย) (คณุ นกิ ร หงษศ์ รสี ขุ ถวาย)
ชดุ ขนั นำ�้ กระเบอื้ งสขี าว ลาย บยป ๑๐๐ ชดุ แกว้ นำ้� สกรนี ลายกฏุ ลิ ออ ๒,๕๐๐ ใบ
(คณุ นกิ ร หงษศ์ รสี ขุ ถวาย) (พระวรชยั ทมวโร และคณะศษิ ย์ ถวาย)
ชวี ประวัติ
๏ พระธรรมมงคลวุฒาจารย์ ๏
(บุญยนต์ ปญุ ฺญาคาโม)
นายเป-นางสยี า เสนเคน
ชีวประวัติ
พระธรรมมงคลวุฒาจารย์
(บุญยนต์ ปุญฺญาคโม)
ชาติภมู ิ
กลางฤดหู นาวของปพี ทุ ธศกั ราช ๒๔๖๖ ตรงกบั วนั ขนึ้ ๕ คำ�่ เดอื น ๒ ปกี นุ (วนั พฤหสั บดี
ท่ี ๑๐ มกราคม ๒๔๖๖)๑ ณ บา้ นหนองไฮ ตำ� บลพระลบั อำ� เภอเมอื ง จงั หวดั ขอนแกน่ ครอบครวั
“เสนเคน” ไดต้ อ้ นรบั สมาชกิ คนใหม่ ถอื กำ� เนดิ แตน่ ายเปและนางสยี า โดยตงั้ ชอื่ ใหว้ า่ “บญุ ยนต”์
ในวัยเด็ก เด็กชายบุญยนต์และน้อง ๆ อีก ๖ คน๒ ได้รับการอบรมเล้ียงดูตามสมควร
แก่ฐานะครอบครัวเกษตรกรชาวอีสาน และเข้ารับการศึกษา ณ โรงเรียนบ้านผือ อ�ำเภอเมือง
จังหวัดขอนแก่น จนส�ำเร็จการศึกษาช้ันประถมศึกษาปีท่ี ๔ ระหว่างนั้นเด็กชายบุญยนต์
มีโอกาสติดตามบิดามารดาไปท�ำบุญท่ีวัดและช่วยเหลือกิจของสงฆ์อยู่เนือง ๆ จนมีโอกาส
ได้เป็นศิษย์วัดอยู่ช่วงระยะเวลาหนึ่ง ส่ิงต่าง ๆ เหล่าน้ีเป็นเหตุให้จิตใจของเด็กชายบุญยนต์
น้อมไปในทางธรรมแต่เยาว์วัย
๑ ในเวลานน้ั วนั ขน้ึ ปใี หมแ่ บบไทยยงั นบั การเรม่ิ พทุ ธศกั ราชใหมใ่ นวนั ท่ี ๑ เมษายน ดงั นน้ั หากคำ� นวณ
แลว้ วนั เกดิ ของพระธรรมมงคลวฒุ าจารยจ์ ะตรงกบั วันที่ ๑๐ มกราคม พ.ศ.๒๔๖๗
๒ นอ้ งรว่ มบดิ ามารดาทง้ั ๖ คน ไดแ้ ก่ (๑) นางสาวคำ� ตา เสนเคน (๒) นางนวล นวลสำ� ลี (ถงึ แกก่ รรมแลว้ )
(๓) นางตว่ น เสนเคน (ถงึ แกก่ รรมแลว้ ) (๔) นางลว้ น ไชยหงษ์ (ถงึ แกก่ รรมแลว้ ) (๕) นายหนู เสนเคน (ถงึ แกก่ รรม
แลว้ ) (๖) นายประสทิ ธ์ิ เสนเคน (ถงึ แกก่ รรมแลว้ )
1
ลกู ศิษย์พระมหาจนั ทร์ศรี จนทฺ ทีโป
นายเปและนางสียาสังเกตเห็นว่าเด็กชายบุญยนต์เป็นผู้มีจิตใจฝักใฝ่ในทางธรรม
เฉลียวฉลาด มีอัธยาศัยกล้าหาญ เด็ดเดี่ยว และชอบศึกษาค้นคว้าความรู้ใหม่อยู่เสมอ
จึงตัดสินใจน�ำบุตรชายคนโตไปฝากไว้กับ พระมหาจันทร์ศรี จนฺททีโป๓ ตามธรรมเนียมและ
คา่ นยิ มของคนในยุคนั้น เพ่อื ให้บุตรของตนได้รบั การศึกษาพระธรรมคำ� สอนในพระพทุ ธศาสนา
ตลอดจนวัตรปฏิบัติของภิกษุผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ และซึมซับส่ิงดีงามเหล่านั้นมาเป็นแบบอย่าง
ในการด�ำเนนิ ชีวติ สืบไป ท้ังนี้ พระมหาจนั ทรศ์ รี จนฺททีโป เป็นพระภิกษทุ ค่ี รอบครวั เสนเคนให้
ความเลอ่ื มใสและคุ้นเคยอย่แู ตเ่ ดิมแลว้ เนือ่ งจากมีภูมิลำ� เนาเดยี วกนั
นับแต่นั้น เด็กชายบุญยนต์จึงได้ศึกษาและอุปัฏฐากรับใช้พระมหาจันทร์ศรีเรื่อยมา
โดยเรยี กทา่ นดว้ ยความเคารพว่า “หลวงลุง”
พระเทพสารเวที เขา้ กราบหลวงปพู่ ระอดุ มญาณโมลี (จนั ทรศ์ รี จนทฺ ทโี ป)
๓ พระมหาจนั ทร์ศรี จนทฺ ทโี ป ภายหลงั ดำ� รงสมณศกั ด์ทิ ี่ พระอุดมญาณโมลี (จันทร์ศรี จนฺททโี ป)
หรอื หลวงปใู่ หญ่ อดตี เจา้ อาวาสวดั โพธิสมภรณ์ อำ� เภอเมอื ง จงั หวัดอดุ รธานี
2
ศษิ ยว์ ดั บวรฯ
เมื่อปพี ทุ ธศักราช ๒๔๘๒ นายบญุ ยนต์ได้โดยสารรถไฟตดิ ตามหลวงลุงจากขอนแกน่ สู่
กรงุ เทพมหานคร ซ่ึงรถไฟขบวนดงั กล่าวเปน็ ขบวนปฐมฤกษ์ที่เคลื่อนออกจากจงั หวดั ขอนแก่นสู่
สถานีกรงุ เทพ (หวั ล�ำโพง)
ขณะนน้ั พระมหาจนั ทรศ์ รกี ำ� ลงั ศกึ ษาพระปรยิ ตั ธิ รรม ณ สำ� นกั เรยี นวดั บวรนเิ วศวหิ าร
และไดน้ ำ� นายบญุ ยนตม์ าฝากไวเ้ ปน็ ลกู ศษิ ยว์ ดั โดยกอ่ นขน้ึ ถวายตวั นน้ั นายบญุ ยนตต์ อ้ งแตง่ กาย
นงุ่ ผา้ มว่ งโจงกระเบน สวมเสอ้ื ราชประแตน เขา้ กราบถวายตวั ตอ่ สมเดจ็ พระวชริ ญาณวงศ์ (หมอ่ ม
ราชวงศช์ นื่ (นพวงศ)์ สจุ ติ โฺ ต) แลว้ จงึ มาพำ� นกั อยดู่ ว้ ยกนั ทก่ี ฏุ ลิ ออภายในคณะกฏุ มิ าโดยตลอด
จนกระทง่ั สมเดจ็ พระวชริ ญาณวงศ์ ทรงมพี ระบญั ชาใหพ้ ระมหาจนั ทรศ์ รเี ดนิ ทางไปสอน
บาลีตามหัวเมอื งต่าง ๆ ท้ังในจงั หวัดเชยี งใหม่ (วัดเจดียห์ ลวง) จังหวดั ลำ� พูน (วดั หนองดู)่ และ
จังหวัดสมุทรสงคราม (วดั ธรรมนมิ ติ ร)
ทำ� ให้นายบุญยนต์ ในฐานะลูกศษิ ย์และไวยาวจั กรประจ�ำตัว ได้มโี อกาสตดิ ตามหลวงลุง
ของตนไปปฏบิ ตั ศิ าสนกจิ ในหวั เมอื งเหลา่ นน้ั ดว้ ย แลว้ จงึ กลบั มาพำ� นกั ทว่ี ดั บวรนเิ วศวหิ ารอกี ครงั้
เมอื่ ต้นปีพทุ ธศักราช ๒๔๘๔
วยั คะนอง
เมื่อคร้ังที่ได้ติดตามพระมหาจันทร์ศรีไปปฏิบัติศาสนกิจที่วัดหนองดู่ อ�ำเภอป่าซาง
จงั หวดั ลำ� พนู ซง่ึ เพง่ิ เรม่ิ กอ่ ตงั้ เปน็ วดั ไดไ้ มน่ าน คนื หนง่ึ นายบญุ ยนตท์ ก่ี ำ� ลงั อยใู่ นวยั หนมุ่ ไดไ้ ปชว่ ย
สาวเหนอื ตำ� ขา้ ว ดว้ ยความคะนองตามวยั จงึ ไปจบั มอื ถอื แขนสาวเขา้ ดว้ ยความทไ่ี มร่ ธู้ รรมเนยี ม นบั เปน็
“การผดิ ผ”ี ตามขนบความเชอื่ ลา้ นนา ครง้ั นน้ั ผใู้ หญบ่ า้ นเรยี กคา่ ปรบั ไหมลงโทษ เปน็ เงนิ ๑๒ บาท
เพราะหากไม่จ่ายค่าปรับไหมในวันนั้น นายบุญยนต์ก็อาจต้องถูกจับแต่งงานกับหญิงสาวคนน้ัน
กเ็ ปน็ ได้ พระมหาจนั ทรศ์ รจี งึ ไดใ้ หน้ ำ� ปจั จยั ของทา่ นจา่ ยเปน็ คา่ ปรบั ไหมในครง้ั นนั้
อกี ครง้ั หนง่ึ ทนี่ ายบญุ ยนตต์ ดิ ตามพระมหาจนั ทรศ์ รไี ปปฏบิ ตั ศิ าสนกจิ นนั้ ไดแ้ อบไปยงิ นก
แล้วพระมหาจันทร์ศรีได้มาพบเข้า จึงลงโทษด้วยการตี ครั้งน้ันจึงเป็นครั้งสุดท้ายท่ีท่านล่วงศีล
ในขอ้ ปาณาตบิ าต
๔ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ ๑๓ แห่ง
กรงุ รตั นโกสินทร์ สถติ ณ วัดบวรนเิ วศวิหาร (เจ้าอาวาสล�ำดบั ที่ ๔)
3
เขา้ สรู่ ม่ กาสาวพัสตร์
เมอ่ื วนั ท่ี ๑๔ เมษายน พทุ ธศกั ราช ๒๔๘๔ นายบญุ ยนตเ์ ขา้ รบั การบรรพชาเปน็ สามเณร
ขณะมอี ายไุ ด้ ๑๘ ปี ณ พระอโุ บสถวดั บวรนเิ วศวหิ าร โดยมสี มเดจ็ พระวชริ ญาณวงศเ์ ปน็ สมเดจ็
พระอปุ ัชฌาย์ และพ�ำนักทกี่ ฏุ ลิ ออ ภายในคณะกุฏติ ั้งแตน่ ้นั เปน็ ต้นมา
จากนนั้ สมเด็จพระวชริ ญาณวงศท์ รงมพี ระบญั ชาให้พระมหาจนั ทรศ์ รไี ปจ�ำพรรษา ณ
วดั โพธิสมภรณ์ ต�ำบลหมากแขง้ อ�ำเภอเมอื ง จงั หวดั อุดรธานี เพื่อแบ่งเบาภาระพระศาสนาใน
ภาคอีสาน ไม่ว่าจะเป็นด้านการศึกษาหรือด้านการปกครองคณะสงฆ์ เนื่องจากพระธรรมเจดีย์
(จูม พนธฺ ุโล) ซง่ึ รับผดิ ชอบอยู่ในเวลานน้ั ชราภาพมากแลว้ พระมหาจนั ทรศ์ รเี กรงว่าสามเณร
บญุ ยนตผ์ เู้ ปน็ ศษิ ยข์ องตนจะลำ� บาก จงึ นำ� ไปถวายตวั เปน็ ศษิ ยใ์ นสมเดจ็ พระวชริ ญาณวงศ์ ซง่ึ ทรง
รับไว้ ทั้งยังประทานนิตยภัตให้เดือนละ ๓ บาท และทรงมีพระเมตตาให้ไปฉันท่ี
คณะบัญจบเบญจมากับพระองค์ด้วย แต่สามเณรบุญยนต์กลับไม่ยอมไปเน่ืองจากเห็นว่า
สมเดจ็ พระอปุ ชั ฌายเ์ ปน็ คนดุ สมเดจ็ พระวชริ ญาณวงศจ์ งึ สง่ ปน่ิ โตหลวงมาประทาน เมอ่ื ภายหลงั
ท่านเคยเลา่ ให้ศิษยานุศษิ ย์พลางติดตลกฟังว่า “ฉันไดฉ้ ันอาหารวังนะนี่”
ท้ังนี้ สามเณรบญุ ยนต์ต้ังใจศกึ ษาเลา่ เรยี นและสามารถทอ่ งจ�ำสามเณรสกิ ขา นาสนงั คะ
๑๐ ทัณฑกรรม ๑๐ องคศ์ ลี ๑๐ ตลอดจนเสขิยวตั ร ท�ำให้สามเณรบญุ ยนตไ์ ด้รบั ประทานฉายา
จากสมเด็จพระอุปชั ฌายว์ ่า “ปภสสฺ โร” เชน่ เดียวกับพระภิกษุ ตามธรรมเนยี มของวัดบวรนเิ วศ
วหิ าร
เดือนกรกฎาคม พุทธศักราช ๒๔๘๖ ในช่วงเดอื นกรกฎาคมนั้น มีหมอ่ มเจ้าทา่ นหน่งึ
ประสงคจ์ ะเปน็ เจา้ ภาพอปุ สมบทพระภกิ ษจุ ำ� นวน ๕ รปู ครงั้ นน้ั สมเดจ็ พระวชริ ญาณวงศจ์ งึ ทรง
เลอื กให้สามเณรบุญยนต์ ซ่งึ ในเวลาน้ันยงั มอี ายุ ๑๙ ปเี ศษ แตห่ ากนับรวมอายุแตแ่ รกปฏสิ นธิ
ตามพระธรรมวนิ ัยแล้ว กจ็ กั มีอายคุ รบ ๒๐ ปีบรบิ รู ณ๕์ สามเณรบญุ ยนต์ ปภสสฺ โร จึงเขา้ รบั
การอปุ สมบท ณ พระอุโบสถวัดบวรนเิ วศวหิ าร ในวนั ที่ ๑๖ กรกฎาคม พทุ ธศักราช ๒๕๘๖
สำ� เร็จเป็นพระภิกษเุ ม่อื เวลา ๑๕.๓๕ น. โดยสมเดจ็ พระวชริ ญาณวงศ์ ทรงเป็นพระอปุ ชั ฌาย์
๕ ในสมยั จอมพล ป. พิบลู สงครามไดม้ กี ารเปลยี่ นวันขนึ้ ปใี หม่จากวันท่ี ๑ เมษายน มาเปน็ วันท่ี
๑ มกราคม นบั แต่ปี พ.ศ.๒๔๘๔ เปน็ ต้นมา
4
สมเดจ็ พระสงั ฆราชเจา้ กรมหลวงวชริ ญาณวงศ์ 5
ฉายพระรปู รว่ มกบั พระนวกะและสามเณร พ.ศ. ๒๔๘๔
สามเณรบญุ ยนต์ ปภสสฺ โร แถวนง่ั ท่ี ๓ ขวาสดุ
พระเทพญาณวศิ ิษฏ์ พระญาณวโรดม
(เตมิ โกสลฺโล) (สนธิ์ กิจจฺ กาโร)
พระอนสุ าวนาจารย์
พระกรรมวาจาจารย์
เมอื่ ครง้ั ดำ� รงสมณศกั ดท์ิ ี่ พระครพู ทิ กั ษธ์ รุ กจิ
6
พระมหาเติม โกสลฺโล๖ เปน็ พระกรรมวาจาจารย์ และพระครพู ุทธมนตป์ รชี า(สนธิ์ กิจฺจกาโร)๗
เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ในคร้ังนั้นได้รับประทานฉายาใหม่จากสมเด็จพระวชิรญาณวงศ์ ว่า
“ปญุ ฺ าคโม” หลงั จากนนั้ พระบญุ ยนตไ์ ดจ้ ดทะเบยี นเปลย่ี นชอื่ สกลุ ใหส้ อดคลอ้ งกบั สมณฉายา
ทีไ่ ดร้ ับประทานใหม่เพ่ือความเปน็ สิริมงคลวา่ “ปญุ ญาคมานนต”์
วทิ ยฐานะ
พระบญุ ยนต์ ปุญฺาคโม เขา้ รบั การสอบพระปรยิ ตั ิธรรม แผนกธรรม ณ ส�ำนักเรียน
วดั บวรนิเวศวิหาร จนสอบได้นักธรรมช้นั ตรแี ละนกั ธรรมชั้นโท เม่ือปีพุทธศักราช ๒๔๘๖ และ
๒๔๘๙ ตามลำ� ดบั
ตอ่ มาในปี พทุ ธศกั ราช ๒๕๐๒ ยงั ไดไ้ ปสอบเทยี บประกาศนยี บตั รการบญั ชี ณ โรงเรยี น
นักบัญชีพระนคร ซ่ึงเป็นสถาบันที่เปิดการสอนวิชาการบัญชีทางไปรษณีย์ และสอบได้
ประกาศนียบัตรประโยคครูพิเศษมูล ในปีพุทธศักราช ๒๕๐๔ ซ่ึงเป็นการสอบเทียบความรู้
ทีส่ ามารถนำ� ไปประกอบวิชาชีพครูไดใ้ นสมยั นั้น
พระครฐู านานกุ รมในสมเดจ็ พระสังฆราช
แม้ในสมัยสงครามโลกคร้ังท่ี ๒ ที่คณะสงฆ์วัดบวรนิเวศวิหารบางส่วนย้ายไปพ�ำนักที่
วัดนเิ วศธรรมประวตั ิ อำ� เภอบางปะอนิ จงั หวัดพระนครศรอี ยธุ ยา แตพ่ ระบญุ ยนต์กม็ ไิ ดย้ า้ ยไป
ยังคงอยู่ท่ีวัดบวรนิเวศวิหาร แลถวายการรับใช้สมเด็จพระวชิรญาณวงศ์ สมเด็จพระสังฆราช
อย่างใกล้ชิด กล่าวกันว่า ในสมัยน้ัน กุฏิลอออันเป็นท่ีพ�ำนักของท่านยังเป็นกุฏิตึกที่มีใต้ถุน
ดา้ นลา่ งเปดิ โลง่ ในชว่ งเวลาทม่ี เี ครอ่ื งบนิ ฝา่ ยสมั พนั ธมติ รมาทง้ิ ระเบดิ ในพระนคร พระบญุ ยนต์
ได้อนุญาตให้ญาติโยมที่มีภมู ลิ ำ� เนาใกล้วดั เข้ามาพักหลบระเบดิ อยใู่ ต้กฏุ ิของท่าน
จากการท่ีได้ช่วยแบ่งเบาพระธุระของสมเด็จพระวชิรญาณวงศ์ สมเด็จพระสังฆราช
จนได้รบั ความไว้วางใจตั้งเปน็ พระครฐู านานกุ รม นบั แต่ “พระครใู บฎีกา” เมือ่ วนั ท่ี ๒๓ ตลุ าคม
พทุ ธศกั ราช ๒๔๙๓ และ “พระครพู ทิ ักษ์ธรุ กิจ” เมอื่ วันที่ ๑๖ มนี าคม พุทธศกั ราช ๒๔๙๙
ตามล�ำดับ
๖ ภายหลังด�ำรงสมณศกั ดทิ์ ่ี พระเทพญาณวศิ ษิ ฏ์
๗ ภายหลงั ด�ำรงสมณศกั ดท์ิ ี่ พระญาณวโรดม
7
พระคลิ านุปัฏฐาก
สมเด็จพระสงั ฆราชเจ้า กรมหลวงวชริ ญาณวงศ์
ในคราวทสี่ มเดจ็ พระสงั ฆราชเจา้ กรมหลวงวชริ ญาณวงศ์ ประชวรประทบั รกั ษาพระองค์
อยู่ที่โรงพยาบาลจฬุ าลงกรณ์ สภากาชาดไทย พระครพู ทิ กั ษธ์ รุ กิจ (บญุ ยนต์ ปญุ ฺ าคโม) เป็น
หนง่ึ ในบรรดาพระภกิ ษวุ ดั บวรนเิ วศวหิ ารทเี่ ขา้ วาระถวายการอปุ ฏั ฐากทโ่ี รงพยาบาลจฬุ าลงกรณ์
รว่ มกบั พระมหาบญุ ธรรม จณิ ณฺ ธมโฺ ม๘ พระมหาบญุ เรอื น ปณุ ณฺ โก๙ พระมหาสรุ พงส์ านวโร๑๐
และสามเณรอีกรปู หน่งึ คอื สามเณรสุคนธ์ เกดิ ผล๑๑
ในครง้ั นนั้ พระครพู ทิ กั ษธ์ รุ กจิ (บญุ ยนต์ ปญุ ฺ าคโม) มหี นา้ ทใ่ี นการจดั ยาถวายสมเดจ็ พระ
สงั ฆราชเจา้ กรมหลวงวชริ ญาณวงศ์ และคอยดแู ลผทู้ ม่ี าเฝา้ สมเดจ็ พระสงั ฆราชเจา้ ฯ รว่ มกบั พระ
มหาสรุ พงส์ จนกระทงั่ สมเดจ็ พระสงั ฆราชเจา้ กรมหลวงวชริ ญาณวงศส์ น้ิ พระชนม์ เมอ่ื วนั ท่ี ๑๑
พฤศจกิ ายน พทุ ธศกั ราช ๒๕๐๑ เวลา ๐๑.๐๘ น. สริ พิ ระชนั ษา ๘๕ ปี ๓๕๔ วนั พรรษา ๗๓
๘ ภายหลังด�ำรงสมณศักดท์ิ ่ี พระเทพกวี
๙ ภายหลงั ด�ำรงสมณศกั ดท์ิ ่ี พระมหารชั มงคลดลิ ก
๑๐ ภายหลงั ด�ำรงสมณศกั ด์ิที่ พระเทพวชั รธรรมาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดตรีทศเทพ
๑๑ ปจั จบุ นั ด�ำรงสมณศักดิ์ที่ พระธรรมบัณฑิต เจา้ อาวาสวดั พระราม ๙ กาญจนาภิเษก
และกรรมการมหาเถรสมาคม
8
นับถอื สมเดจ็ พระสังฆราชเจา้ กรมหลวงวชริ ญาณวงศ์
เป็นต้นแบบ
นับแต่น้ัน พระครูพิทักษ์ธุรกิจ (บุญยนต์ ปุญฺาคโม) จึงนับถือสมเด็จพระสังฆราชเจ้า
กรมหลวงวชิรญาณวงศ์เป็นต้นแบบมาเสมอ องค์ท่านโปรดพระนิพนธ์สมเด็จพระสังฆราชเจ้าฯ
เล่มส�ำคัญคือ “สรรนิพนธ์” ถึงขนาดเคยบอกกับลูกศิษย์ลูกหาให้น�ำหนังสือเล่มนี้มาพิมพ์เป็น
หนังสือที่ระลึกงานศพของท่าน
นอกจากน้ี องคท์ า่ นยงั ยดึ ถอื ในคำ� สอน ตลอดจนขอ้ วตั รปฏบิ ตั ขิ องสมเดจ็ พระสงั ฆราชเจา้
กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ หลายส�ำคัญท่ีพร�่ำบอกกับลูกศิษย์ลูกหาว่า “รถราม้าช้างระดับครูบา
อาจารย์ยังไม่มีเลย ฉันเป็นใครจะต้องมี ขนาดพระสังฆราชเจ้าฯ ยังไม่มีเลย จะไปไหนยังขึ้น
รถรางเอา” หรือ “สมบัติผมไม่มีหรอก” ก็ล้วนแสดงถึงความสมถะสันโดษที่องค์ท่านยึดถือมา
ตลอดชีวิต
9
จ�ำพรรษาที่วดั บ้านเกิด
พุทธศักราช ๒๕๐๔ ซึ่งเป็นปีที่สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร เม่ือ
ครง้ั ยงั ดำ� รงสมณศกั ดท์ิ ี่ พระสาสนโสภณ ครองวดั เปน็ เจา้ อาวาสวดั บวรนเิ วศวหิ ารลำ� ดบั ท่ี ๖ นน้ั
พระครูพิทักษ์ธุรกิจ (บุญยนต์ ปุญฺาคโม) ได้กลับไปจ�ำพรรษาที่วัดบ้านเกิด คือ วัดสว่าง
หนองไฮ ตำ� บลพระลับ อำ� เภอเมอื ง จังหวัดขอนแก่น ตลอดพรรษา แลนับเปน็ ครง้ั เดียวตลอด
ชวี ติ ของเจ้าคณุ บุญยนตท์ ีไ่ ปจ�ำพรรษาทีอ่ ืน่ ๆ นอกจากวดั บวรนเิ วศวหิ าร
หลงั จากนนั้ เจา้ คณุ บญุ ยนตจ์ ึงรเิ รม่ิ ทำ� การบรู ณปฏิสงั ขรณ์วดั สวา่ งหนองไฮ ซง่ึ เปน็ วดั ท่ี
ถิ่นฐานบ้านเกิด เรอ่ื ยมาต้ังแตป่ ี พุทธศกั ราช ๒๕๐๗ มาจนตลอดชวี ติ ของทา่ น
10
พระเทพเมธาจารย์ (จนั ทรศ์ รี จนทฺ ทโี ป) เปน็ ประธานพธิ สี มโภชสมณศกั ด-์ิ พดั ยศ พระมงคลรตั นมนุ ี
และดา้ นหลงั คอื พระธรรมดลิ ก (สมาน สเุ มโธ) ณ วดั สวา่ งหนองไฮ จ.ขอนแกน่ วนั ท่ี ๓ - ๔ มกราคม พทุ ธศกั ราช ๒๕๒๔
พธิ เี ถราภเิ ษก ฮดสรง พระมงคลรตั นมนุ ี ในงานพธิ สี มโภชสมณศกั ด-ิ์ พดั ยศ
ณ วดั สวา่ งหนองไฮ จ.ขอนแกน่ วนั ที่ ๓ - ๔ มกราคม พทุ ธศกั ราช ๒๕๒๔
11
พระศรวี สิ ทุ ธาภรณ์ (ลาภ ธนสาโร) พระราชรตั นมงคล (บญุ ยนต์ ปญุ ฺ าคโม)
และ พระมหารชั มงคลดลิ ก (บณุ เรอื น ปณุ ณฺ โก) เดอื นธนั วาคม พทุ ธศกั ราช ๒๕๓๙
พระศรวี สิ ทุ ธกิ วี (พจิ ติ ร ิตวณโฺ ณ) พระวชั รธรรมาภรณ์ (สรุ พงส์ านวโร)
พระมงคลรตั นมนุ ี (บญุ ยนต์ ปญุ ฺ าคโม) และ พระปญั ญาภมิ ณฑม์ นุ ี (บณุ เรอื น ปณุ ณฺ โก)
ณ สงั เวชนยี สถานทปี่ ระสตู ิ ลมุ พนิ วี นั ประเทศเนปาล
12 วนั ที่ ๒๖ พฤศจกิ ายน พทุ ธศกั ราช ๒๕๒๘
สหธรรมิก
หากจะกล่าวถึงสหธรรมิกอันสนิทสนมของ
พระครพู ทิ กั ษธ์ รุ กจิ (บญุ ยนต์ ปญุ ฺ าคโม) ในวดั บวรนเิ วศ
วหิ ารนน้ั สหธรรมกิ ทเ่ี ปน็ รนุ่ ราวคราวเดยี วกนั นน้ั ไดแ้ ก่
พระมหาบญุ เรอื น ปณุ ณฺ โก๑๒ และพระมหาสรุ พงส์ านวโร๑๓
ซึ่งถือได้ว่าเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันที่สนิทสนมและเป็น
พระคิลานุปัฏฐากในสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวง
วชริ ญาณวงศ์
ถดั ลงมากจ็ ะเปน็ สหธรรมกิ รนุ่ นอ้ ง ไดแ้ ก่ พระ
มหาลาภ ธนสาโร๑๔ ทม่ี กั เดนิ มาเยย่ี มหาพดู คยุ ทกี่ ฏุ ลิ ออ
เสมอ พระมหาอภพิ ล อภพิ โล๑๕ ซง่ึ คนุ้ เคยแตย่ งั คงเปน็
สามเณรสุคนธ์ท่ีเป็นสามเณรหน่ึงเดียวของวัดบวรนิเวศ
วิหารในเวลาน้ันท่ีเป็นพระคิลานุปัฏฐาก นอกจากน้ียัง
เปน็ เสมอื นเลขานกุ ารของพระราชกวี (สนธ์ิ กจิ จฺ ากาโร)๑๖
ซงึ่ ในพระภตั ตเุ ทสกใ์ นสมยั นน้ั เปน็ ผปู้ ระสานงานใหก้ จิ
ของสงฆ์ในวัดบวรนิเวศวิหาร และท่ีโรงพยาบาลด�ำเนิน
ไปไดอ้ ยา่ งราบรน่ื และสอดคลอ้ งกนั นอกจากนยี้ งั มพี ระ
สชุ าติ ชาตสโุ ภ๑๗ สหธรรมกิ ผมู้ คี วามรกั แมวเชน่ เดยี วกนั
กบั ทา่ น
๑๒ ภายหลงั ด�ำรงสมณศักดิท์ ี่ พระมหารัชมงคลดลิ ก
๑๓ ภายหลังดำ� รงสมณศักด์ทิ ี่ พระเทพวชั รธรรมาภรณ์ เจา้ อาวาสวดั ตรที ศเทพ
๑๔ ภายหลังด�ำรงสมณศักดิ์ท่ี พระราชกวี
๑๕ ปจั จบุ นั ดำ� รงสมณศกั ดทิ์ ่ี พระธรรมบณั ฑติ เจา้ อาวาสวดั พระราม ๙ กาญจนาภเิ ษก
และกรรมการมหาเถรสมาคม
๑๖ ภายหลงั ดำ� รงสมณศักดท์ิ ี่ พระญาณวโรดม
๑๗ ภายหลังด�ำรงสมณศกั ดิ์ที่ พระประกติ พุทธศาสน์
13
14
พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธเิ บศร มหาภมู ิพลอดุลยเดช มหาราชบรมนาถบพิตร ทรงฉายพระรปู หมู่
รว่ มกบั พระภิกษุสามเณรวัดบวรนเิ วศวหิ าร เมือ่ ครงั้ ทรงผนวชเปน็ พระภกิ ษุ ปีพุทธศักราช ๒๔๙๙
ในการน้ี พระธรรมมงคลวุฒาจารย์ (บญุ ยนต์ ปญุ ฺ าคโม) เม่อื คร้ังดำ� รงสมณศักดท์ิ ่พี ระครูพทิ ักษธ์ ุรกจิ
รว่ มฉายภาพอยู่ด้วยในแถวยนื ล่างสุด รูปที่ ๕ จากซ้าย