The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หลักสูตรฐานสมรรถนะ ระดับประถมศึกษา 2565

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by pimyodying, 2022-09-14 04:07:18

หลักสูตรฐานสมรรถนะ ระดับประถมศึกษา 2565

หลักสูตรฐานสมรรถนะ ระดับประถมศึกษา 2565

4.8 การวดั และประเมนิ ผลฐานสมรรถนะ

4.8.1 การกำหนดเกณฑก์ ารวัดผลและมาตรวัดการประเมนิ สมรรถนะ

หลักสูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรียนวัดแม่แก้ดนอ้ ย พุทธศักราช 2565 ระดับประถมศึกษาได้
กำหนดสมรรถนะหลัก (Core Competency) ไว้ 6 ประการ เพื่อเป็นเป้าหมายในการพัฒนาความสามารถที่
จำเปน็ ของผูเ้ รียนต่อการใช้ชวี ิตในปัจจุบนั และอนาคต ดงั นี้

มคี วามเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับปรากฏการณ์ของโลก การรู้จัก รัก เห็นคุณค่าในตนเองและผู้อื่น
และเอกภพและความสัมพนั ธ์ของคณิตศาสตร์ การพฒั นาปญั ญาภายใน ตงั้ เปา้ หมายในชีวิต และ
วทิ ยาศาสตรแ์ ละธรรมชาตใิ นชวี ิตประจำวนั กำกับตนเองในการเรียนรู้และใช้ชีวิต การจัดการ
ใช้และรู้เท่าทนั วทิ ยาการเทคโนโลยี มคี วามอยากรู้ อารมณ์และความเครียด รวมถึงการจัดการปัญหา
อยากเหน็ ชา่ งสงั เกต เหน็ คณุ ค่า สามารถแกป้ ญั หา และภาวะวิกฤต สามารถฟื้นคืนสู่สภาวะสมดุล
หรือสร้างสรรค์นวตั กรรมได้เพื่อการดำรงชวี ติ และ (Resilience) เพ่ือไปสคู่ วามสำเร็จของเปา้ หมายใน
อยรู่ ว่ มกับธรรมชาติ อย่างยั่งยืน ชวี ติ มสี ขุ ภาวะที่ดแี ละมสี ัมพนั ธภาพกับผอู้ นื่ ได้ดี

การปฏิบตั ติ นอยา่ งรบั ผดิ ชอบในฐานะพลเมือง สามารถคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ และตัดสินใจ
ไทยและพลโลก รู้เคารพสิทธเิ สรภี าพของตนเอง อยา่ งมวี ิจารญาณบนหลักเหตผุ ลอย่างรอบด้าน
และผอู้ ื่น เคารพในกฎกติกาและกฎหมาย มสี ่วน โดยใช้คุณธรรมกำกับการตัดสินใจได้อย่างมี
รว่ มทางสังคมอย่างมวี จิ ารณญาณ อยู่รว่ มกบั วิจารณญาณ มีความสามารถคิดอย่างเปน็ เหตุ
ผอู้ ่ืนท่ามกลางความหลากหลาย เห็นคุณค่าของ เป็นผลด้วยความเข้าใจถึงความเชื่อมโยงของ
ศักด์ศิ รีความเป็นมนุษย์ มีบทบาทในการ สรรพสิ่งที่อยู่ร่วมกันอย่างเป็นระบบ ใช้
ตดั สนิ ใจและสร้างการเปลย่ี นแปลง ทางสังคม จนิ ตนาการและความรสู้ ร้างทางเลือกใหม่ เพื่อ
โดยยดึ มน่ั ในความเทา่ เทียมเปน็ ธรรม คา่ นยิ ม แกป้ ญั หาท่ซี ับซ้อนได้อยา่ งมเี ป้าหมาย

สามารถจัดระบบและกระบวนการทำงาน กิจการและการประกอบการใด มีความสามารถรับรู้ รับฟัง ตีความ และส่งสารด้วยภาษาต่างๆ
ๆ ทัง้ ของตนเอง และรว่ มกับผู้อ่ืน โดยใชก้ ารรวมพลงั ทำงานเปน็ ทีม มีแผน ทั้งวัจนภาษาและอวัจนภาษา โดยใช้กระบวนการคิด ซึ่งจะ
ขั้นตอน ให้บรรลุผลสำเร็จตามเป้าหมาย มีภาวะผู้นำ มีความโปร่งใส นำไปสู่การเรียนรู้ ความเข้าใจในระบบคุณค่า การแก้ปัญหา
ตรวจสอบได้ มีการประสานความคิดเห็นที่แตกต่างสู่การตัดสินใจและ รว่ มกันผ่านกลวิธกี าร สอ่ื สาร อยา่ งฉลาดรู้ สรา้ งสรรค์ มีพลัง
แก้ปัญหาเป็นทีม อย่างรับผิดชอบร่วมกัน สร้างความสัมพันธ์ที่ดีและ โดยคำนึงถงึ ความรบั ผดิ ชอบตอ่ สงั คม
จัดการความขัดแยง้ ภายใตส้ ถานการณท์ ่ยี ุ่งยาก

ภาพแสดงกรอบสมรรถนะหลัก 6 ด้าน

หลกั สตู รสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นวดั แมแ่ กด้ นอ้ ย พุทธศกั ราช 2565 ระดับประถมศึกษา 195

สมรรถนะการอยรู่ ว่ มกบั ธรรมชาติและวิทยาการอยา่ งยง่ั ยืน สมรรถนะการจดั การตนเอง

1. การเขา้ ใจปรากฏการณท์ เ่ี กดิ ขึ้นบนโลกและในเอกภพ 1. การเห็นคุณคา่ ในตนเอง
2. การเชื่อมโยงความสมั พันธ์ของคณติ ศาสตร์ วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยเี พือ่ 2. การมเี ป้าหมายในชวี ติ
การอยู่ร่วมกันกับธรรมชาตอิ ยา่ งยั่งยืน 3. การจัดการอารมณแ์ ละความเครียด
3. การสรา้ ง ใช้ และรเู้ ทา่ ทนั วิทยาการเทคโนโลยี 4. การจดั การปญั หาและภาวะวกิ ฤต
4. การมีคุณลกั ษณะทางคณติ ศาสตร์และวิทยาศาสตร์ สำหรบั การอยรู่ ่วมกบั
ธรรมชาตอิ ย่างย่งั ยืน

สมรรถนะการเป็นพลเมอื งที่เขม้ แข็ง สมรรถนะการคิดข้นั สูง

1. พลเมืองรเู้ คารพสิทธิ 1. ดา้ นการคดิ อย่างมี
2. พลเมืองรบั ผิดชอบต่อบทบาทหน้าท่ี วิจารณญาณ
3. พลเมอื งมีสว่ นรว่ มอย่างมีวจิ ารณญาณ 2. ด้านการคดิ เชิงระบบ
4. พลเมืองผ้สู รา้ งการเปลยี่ นแปลง 3. ดา้ นการคดิ สร้างสรรค์
4. ดา้ นการคดิ แกป้ ัญหา
สมรรถนะการรวมพลังทำงานเป็นทีม
สมรรถนะการสือ่ สาร
1. การเปน็ สมาชกิ ทมี ทดี่ ีและมภี าวะผนู้ ำ
2. กระบวนการทำงานแบบรว่ มมอื รวมพลัง 1. การรับสารอยา่ งมีสตแิ ละถอดรหัสเพ่อื ให้เกดิ ความเขา้ ใจ
3. การสร้างความสมั พันธแ์ ละจดั การความขดั แยง้ 2. การรบั สง่ สารบนพนื้ ฐานความเขา้ ใจ และความเคารพใน
ความคดิ เหน็ และวฒั นธรรมทแี่ ตกตา่ ง
3. การเลือกใชก้ ลวธิ กี ารส่อื สารอยา่ งเหมาะสมโดยคำนงึ ถึง
ความรบั ผดิ ชอบต่อสงั คมเพื่อบรรลวุ ัตถปุ ระสงค์ในการสอื่ สาร

ภาพแสดงพฤติกรรมบ่งชี้ตามกรอบสมรรถนะหลัก 6 ด้าน

หลกั สูตรสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นวัดแม่แกด้ น้อย พุทธศักราช 2565 ระดบั ประถมศกึ ษา 196

1. พฤตกิ รรมบงชตี้ ามระดบั สมรรถนะการจัดการตนเอง

พฤติกรรมบง่ ช้ี

ระดับ คำบรรยายระดับ 1. การเหน็ 2. การมี 3. การจดั การ 4. การจดั การ
คณุ คาในตนเอง ปญหาและภาวะ
เปาหมายในชวี ิต อารมณ และ
วกิ ฤต
ความเครยี ด - ปฏบิ ตั ติ นตาม
ขอตกลงของ สงั คม
1 รูจักตนเอง (Knowing Self) - บอกความชอบ - ทำกิจวัตร - บอกและเรียก - บอกทางเลอื กและ
ตดั สินใจ เกยี่ วกับ
ทางดานกายภาพ ความชอบ ความสนใจ และ ประจำวนั ท้งั การ อารมณ และความรู กจิ วตั รประจำวนั

ความสนใจ จดั การ เพศสภาพของ เรียน เลน กนิ สึกพ้นื ฐานของ
ชวยทำงาน ตนเอง ท้ังทางบวก
ชีวติ ประจำวันของ ตนเอง รบั รู ตนเองได้

และจดั การอารมณและความรู พกั ผอน ใชเงนิ และทางลบ

สกึ พืน้ ฐาน ปฏบิ ตั ิตนตาม อยางพอดีภายใต

บรรทัดฐานทางสงั คม ภายใต คำแนะนำของผอู น่ื

การดแู ลของผู้อื่น

2 รูจกั ตนเองในจดุ เดน จุดควร - บอกส่งิ ทต่ี นและ - สามารถควบคมุ - บอกสถานการณท่ี - ระบุทางเลอื กท่ี
ตนเอง ในการ ทำใหเกดิ อารมณ อาจกอใหเกิด
พฒั นา มีวนิ ยั ในการดูแลจดั การ เพื่อน ทำไดดี ปฏิบัตกิ ิจวตั ร และความรสู ึก ปญหาในกจิ วัตร
ประจำวนั ภายใต พืน้ ฐาน ประจำวัน
ชวี ิตประจำวันของตนเอง รบั รู การดแู ลของผอู ่นื - บอกวิธกี าร - บอกไดวาสถาน
ควบคมุ /จดั การ กบั การณใดเปน็ ปญหา
และจดั การอารมณและความรู อารมณ และความ และเกดิ จากสาเหตุ
รูสกึ ของตนเอง ใด
สึกพนื้ ฐาน รถู กู ผิดใน การปฏบิ ัติ

ตนตามบรรทัดฐาน ทางสงั คม

ภายใตการดแู ลของผอู ่นื

ตระหนกั รู ในสถานการณที่เป

นปญหาในชีวติ ประจำวัน

3 รูจกั ความสามารถของตนเอง มี - ระบุ - สามารถควบคมุ - แสดงออกถงึ การ -สามารถรบั รไู ดถงึ
ตนเอง ในการ ควบคมุ อารมณ และ สถานการณท่เี ปน
(จบ วินัย ในการดูแลจดั การ ความสามารถ ปฏิบัตกิ จิ วัตร ความรสู กึ พนื้ ฐาน ท่ี ปญหา หรือกอให
ประจำวัน ภายใต เกิดขึ้น เกิด ปญหา
ป.3) ชวี ิตประจำวันของตนเอง รับรู ของตนเอง และ การตดิ ตามของผู
อนื่ บาง - บอกผลของ
และจดั การอารมณและ เพอื่ นได ทางเลือก ท่ตี ัดสินใจ
ท่อี าจเกดิ ข้นึ ในแง
ความเครยี ด แยกแยะส่ิงถูกผดิ - บรรยาย บวกและแงลบกับ
ตนเองและผอู น่ื
หลกี เลยี่ งการนำพาตัวเองเขาไป กิจกรรม/ งาน ที่

สภู าวะ เส่ยี งตามคำแนะนำ อด ตนเองและเพ่อื น

ทนตอปญหาใน ชวี ติ ประจำวนั อาจตองการความ

และการเรียน ชวยเหลือ

เพ่อื ทำใหสำเรจ็

4 รูจักความสามารถของตนเอง มี - เลือกกจิ กรรมที่ - สามารถควบคมุ - บอกระดับความ -บอกผลกระทบของ
ตนเอง ในการ รนุ แรงของอารมณ ทางเลอื ก ที่ตัดสินใจ
วนิ ัยในการดูแล จดั การ เหมาะ กบั ตนเอง และความรสู ึก ทอ่ี าจเกดิ ข้นึ ในแง

ชีวิตประจำวันของตนเองรบั รู

หลักสูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรียนวัดแม่แกด้ นอ้ ย พุทธศกั ราช 2565 ระดบั ประถมศึกษา

197

พฤตกิ รรมบง่ ชี้

ระดับ คำบรรยายระดบั 1. การเห็น 2. การมี 3. การจดั การ 4. การจัดการ
คณุ คาในตนเอง ปญหาและภาวะ
และจัดการ อารมณและ เปาหมายในชีวิต อารมณ และ
ความเครยี ด ตระหนกั รผู ดิ ชอบ - ยอมรบั ความ วกิ ฤต
ช่วั ดี จดั การปญหา แตกตางใน ความเครยี ด บวกและแงลบ กบั
ชีวิตประจำวนั และการเรยี น ความชอบ ความ ตนเองและผอู น่ื
ตามคำแนะนำ พรอมเผชญิ และ สนใจ และเพศวถิ ี ปฏบิ ัตกิ ิจวตั ร ทางลบ - ระบุสถานการณท่ี
ยอมรับปญหา ทเี่ กิดขน้ึ ของผอู ื่น เพือ่ น มีแรงกดดันต
ประจำวัน - สามารถสอ่ื สาร อการตัดสนิ ใจ ของ
5 มีมโนทัศนเกย่ี วกับตัวเอง (Self - บอกลักษณะ ตนเอง
(จบ Concept) ท่ีถกู ตอง สามารถ นสิ ยั จดุ แข็ง และ อยางสมำ่ เสมอ ขอความชวยเหลือ - ใชทางเลือกและ
ป.6) ตัดสินใจและมงุ มน่ั ทจ่ี ะจัดการ ส่ิงทาทายของ รบั ผดิ ชอบ ในผลที่
ตนเองในดาน ในการจดั การ เกดิ ขึ้นจากการ
ส่งิ ที่จำเปนสำหรับชีวิตและการ วชิ าการ สถาน ตดั สนิ ใจ
เรียนของตนเอง รับรแู ละจดั การ การณทางสงั คม ความเครยี ด - บอกความ
อารมณและความเครยี ดละเวน - บรรยายทักษะ เปลยี่ นแปลงที่
การกระทำทไี่ มควรทำ รทู นั การ และ ความสนใจ กระตือรือรนและ - บอกวธิ กี าร เกดิ ข้นึ ที่สงผลต
เปล่ยี นแปลง ที่เกิดขึ้น จัดการป ของตน ทต่ี องการ เกาะตดิ กับงาน ควบคุม/จดั การ อการ ดำเนนิ ชีวติ
ญหาชวี ติ ประจำวนั และการ พฒั นา และการเรียนของ อารมณ - สามารถสะทอน
เรียนตามคำแนะนำ ตนเอง และความรสู กึ ผล ของทางเลอื กที่
- บอกกลวิธีในการ มีตอตนเอง และผู
ควบคุม หรอื อน่ื ในมิตขิ อง ประ
บรรเทาความเครียด โยชนความเปนธ
- บรรยายขอบเขต รรม หรอื ผลกระทบ
ของอารมณ และ ทเี่ กดิ ข้นึ
สถานการณท่ีเปน
สาเหตุของอารมณ
และ ความเครยี ด

หลกั สตู รสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นวัดแมแ่ ก้ดนอ้ ย พุทธศักราช 2565 ระดับประถมศกึ ษา

198

2. พฤตกิ รรมบงชต้ี ามสมรรถนะการคดิ ขน้ั สูง (Higher Order Thinking: HOT)

พฤติกรรมบ่งช้ี

ระดับ คำนยิ ามบรรยายระดับ 1. ดานการคิดอยาง 2. ดานการคิด 3. ดานการคดิ 4. ดานการคิด
มีวิจารณญาณ เชิงระบบ สรางสรรค แกปญหา

1 ตั้งคำถามหรือระบุปญหาอยาง -สรปุ ความเขาใจ -อธบิ ายองค -บอกเลาความคดิ -ระบุปญหา

งาย จากการสังเกตสิง่ ตาง ๆ ของตน เกย่ี วกบั ประกอบ ทีเ่ กี่ยว ของ ตนเองหรอื อยางงาย

รอบตัว สถานการณหรือปรากฏ เรื่องนั้นได จากการ ของกับสถานการณ จนิ ตนาการ ท่ี อธิบายลักษณะ

การณในชีวิตประจำวนั สังเกต ตง้ั คำถาม การฟง/ ทีส่ ามารถสงั เกตได แปลกใหม ไปจาก ของปญหา

จำแนก สำรวจ วางแผน รวบ อานขอมูลเรอ่ื งราว อยางชัดเจน และ ส่งิ รอบตัว ไดหลาย ออกแบบวิธี

รวมขอมูลหรือทรพั ยากร - อธิบายเหตผุ ล อธิบาย ความ ความคดิ และ แกปญหา และลง

สรปุ ขอมลู และเสนอแนวทาง ในการตัดสนิ ใจ สัมพันธ ระหวาง รวดเรว็ มอื แกป้ ญหา

แกปญหาอยางงายได สามารถ ในเรอื่ งตาง ๆ องคประกอบ โดย - ทำผลงานที่เปน็ ดวยตนเองจน

จินตนาการและเสนอ ในชีวติ ประจำวัน การพดู เขียน ช้ินงาน โดยอาศัย ปญหาไดรับการ

ความคดิ ไดอยางอสิ ระ ของตน แผนภาพหรอื ต้นแบบ และ/ หรือ แกไข ภายใตการ

ตลอดจนสามารถผลติ ผลงาน แผนผงั วาดภาพ แตกตางจาก ดแู ลของผใู หญ่

อยางงายโดยอาศยั ตนแบบ เคลอ่ื นไหวรางกาย ตน้ แบบ ภายใต

เงือ่ นไขงาย ๆ ให

รายละเอียด ของ

งานหรอื ความคิด

อยางงายได

2 ตงั้ คำถามหรอื ระบปุ ญหาอยาง สรปุ ความเขาใจของ อธิบายองค บอกเลาความคดิ ระบุปญหา

งายจากการสังเกตสง่ิ ตาง ๆ ตนเองและแสดง ประกอบทีเ่ กี่ยว ของตนเองหรอื อยางงาย

รอบตัว สถานการณ หรอื ความคิดเหน็ ของกบั สถานการณ จนิ ตนาการ หาสาเหตขุ อง

ปรากฏการณในชวี ติ ประจำวนั เก่ยี วกบั เร่ืองนั้นได ที่สามารถสงั เกตได ท่ีแปลกใหมไ่ ปจาก ปญหาและ

สังเกต จำแนก หรอื ระบุความ จากการต้ัง คำถาม อยางชดั เจน และ สิ่งรอบตัวไดอยาง วธิ กี ารแกไข

สมั พันธของสิง่ ท่ีเกยี่ วของกับ การฟง/ อธิบายความ หลากหลาย และ ปญหา ออกแบบ

ปรากฏการณหรอื สถานการณ อานขอมูลเรือ่ งราว สัมพนั ธระหวาง รวดเร็ว ในเวลาท่ี วธิ แี กปญหา และ

นั้น ๆ ได สามารถสำรวจ - อธบิ ายเหตุผล องคประกอบ กำหนด ลงมอื แกปญหา

วางแผน รวบรวมข้อมลู หรือ ในการตดั สินใจ โดยการพูด เขียน - ทำผลงานท่เี ป็น ดวยตนเอง

ทรัพยากร สรุปขอมลู และเสนอ ในเรอื่ งตาง ๆ แผนภาพหรอื ชิ้นงาน หรอื วธิ ีการ จนปญหาไดรับ

แนวทางแกปญหาอยางงายได ในชีวติ ประจำวนั แผนผงั วาดภาพ โดยอาศยั ตนแบบ การแกไข ภายใต

พรอมแสดงเหตผุ ลและประเมนิ ของตน เคลอื่ นไหวรางกาย และ/หรือ แตกตาง การแนะนำ

ความเหมาะสมของคำตอบ จากตนแบบ ภาย ของผใู หญ

สามารถ จินตนาการและเสนอ ใตเงือ่ นไขงายๆ ให

หลกั สตู รสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นวดั แม่แกด้ นอ้ ย พุทธศกั ราช 2565 ระดบั ประถมศึกษา

199

พฤติกรรมบง่ ช้ี

ระดับ คำนิยามบรรยายระดบั 1. ดานการคิดอยาง 2. ดานการคิด 3. ดานการคิด 4. ดานการคิด
มวี ิจารณญาณ เชิงระบบ สรางสรรค แกปญหา

ความคดิ ได้อยางคลองแคลว รายละเอียดของ

หลายประเภท และหลาย งานหรอื ความคิด

ทิศทาง ตลอดจน สามารถ อยางงายได และ

ผลิตผลงานอยางงาย สามารถ นำไปใช

โดยอาศัยตนแบบ จรงิ ใน

ชวี ิตประจำวนั

3 ตงั้ คำถามหรอื ระบปุ ญหาอยาง - สรุปความเขาใจ อธิบาย บอกเลาความคดิ ระบุปญหา

(จบ ป. งายจากการสงั เกตสิง่ ตาง ๆ ของ ตน และแสดง องค์ประกอบ ของ ตนเองหรอื อยางงาย

3) รอบตวั สถานการณ หรือ ความ คิดเหน็ อยางมี ที่สามารถสงั เกตได จนิ ตนาการ หาสาเหตขุ อง

ปรากฏการณ ในชีวิตประจำวัน เหตผุ ล เก่ียวกับเรื่อง อยางชัดเจน ตาม ทแ่ี ปลกใหมไปจาก ปญหาและ

สงั เกต จำแนก หรอื ระบุความ นน้ั ได จากการต้ัง ขอเทจ็ จรงิ ท่มี ี และ สิ่งรอบตวั ไดอยาง วธิ ีการแกไข

สมั พนั ธของสงิ่ ที่ เกย่ี วของกบั คำถาม การ ฟง/ ความสัมพนั ธ หลากหลายและ ปญหา ออกแบบ

ปรากฏการณหรือ สถานการณ อานขอมลู เรือ่ งราว ระหวางองค รวดเรว็ ในเวลาที่ วิธแี กปญหาทีม่ ี

นัน้ ๆ ได สามารถ สำรวจ - อธิบายเหตผุ ล ประกอบที่เกี่ยว กำหนด ความเปนไปได

วางแผน รวบรวมขอมูล หรอื และความเหมาะสม ของกบั สถานการณ - ทำผลงานทเี่ ป็น จริงในทางปฏิบตั ิ

ทรพั ยากร แปลความหมาย ในการตัดสนิ ใจ ใน โดยการพูด เขยี น ชน้ิ งาน หรอื วธิ กี าร และลงมือแก้

ขอมูลดวยหลักฐานเชิงประจกั ษ เร่ืองตาง ๆ ใน แผนภาพหรือ ทมี่ ีรายละเอยี ด ปญหา ดวย

และสรุปขอมูล เพ่ือ ชีวติ ประจำวันของ แผนผัง วาดภาพ โดยใชการดดั แปลง ตนเอง จนปญหา

เปรียบเทยี บ ประเมิน ตดั สินใจ ตนเอง เคลอ่ื นไหวรางกาย จาก ความคิดเดมิ ไดรับ การแกไข

หรอื เสนอ แนวทางแกปญหา ส่งิ ท่มี ีอยู หรอื นำ ภายใต การ

อยางงายได พรอมแสดงเหตผุ ล สิ่งอนื่ มาทดแทน ติดตามของผใู หญ่

โดยคำนงึ ถงึ ความเหมาะสม สิ่งทขี่ าดไดในเวลา

ของการออกแบบ วธิ กี ารแกป ทีก่ ำหนด และ

ญหา สามารถจินตนาการและ สามารถ นำไปใช

เสนอความคดิ ไดอยางคลอง จรงิ ใน

แคลว หลากหลาย โดยใช ชวี ิตประจำวนั

ความคดิ ทีแ่ ปลกใหม ที่ไมซ้ำ

ใคร ตลอดจนสามารถ ผลิตผล

งานตามจินตนาการ

โดยอาศัยตนแบบ

หลักสูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นวดั แม่แก้ดน้อย พุทธศักราช 2565 ระดับประถมศึกษา

200

พฤติกรรมบ่งชี้

ระดบั คำนยิ ามบรรยายระดับ 1. ดานการคดิ อยาง 2. ดานการคิด 3. ดานการคิด 4. ดานการคดิ
มีวจิ ารณญาณ เชิงระบบ สรางสรรค แกปญหา

4 ตัง้ คำถามหรือระบุปญหาอยาง - สรุปความเขาใจ สามารถวเิ คราะห - แสดงความคิด ใน ระบุปญหา

งายจากการสงั เกตส่งิ ตาง ๆ ของ ตนและแสดง ปจจยั ในระบบหรือ เรอื่ งตางๆ บอกเล่า ท่ซี ับซอนวางแผน

รอบตวั สถานการณ หรือ ความ คิดเห็นอยางมี สถานการณ และ ความคดิ การแกปญหาดวย

ปรากฏการณ ในชวี ิตประจำวัน เหตผุ ล เกย่ี วกับ สามารถรวบรวม จินตนาการหรือ การวิเคราะหและ

โดยละเอียด ระบุความสมั พันธ เร่ืองนนั้ จากการ ตงั้ ปจจยั อืน่ ๆ ท่ี ความคดิ ของ จัดลำดับสาเหตุ

ของสงิ่ ท่ี เก่ียวของกบั ปรากฏกา คำถาม การฟง/ เก่ียวของกับระบบ ตนเองท่แี ปลกใหม ของปญหา หา

รณหรือ สถานการณนั้น ๆ ได อานขอมูล เรื่องราว หรอื สถานการณ ไปจาก ส่งิ รอบตัว วิธีการแกไข

สามารถ วางแผนและ วเิ คราะหเพื่อ โดย สามารถ ของตนเองและ ปญั หาที่

ดำเนนิ การสำรวจ ตรวจสอบ ประเมินความ เชื่อมโยง จัดหมวด บริบทและตอยอด หลากหลาย

เลอื กวธิ ีการเก็บ รวบรวมขอมลู เหมาะสมของขอมลู หมหู รือ กำหนดตัว ความคดิ ของตนเอง เป็นไปไดจรงิ

แปลความหมาย ในการลงขอสรปุ ได แปร ทเ่ี กย่ี วของกบั ใหแตกตางไปจาก ในทางปฏบิ ัติ

ขอมลู ดวยหลักฐานเชิงประจกั ษ อยางถกู ตองและ/ ระบบ หรือสถาน เดิม คาดเดา ผลทีจ่ ะ

และสรุปขอมูล พรอมท้งั หรือ ตดั สินใจ เลอื ก การณ โดยการพดู - ทำและพัฒนา เกิดขนึ้ จากวธิ ีการ

ประเมิน ความถูกตองและขอจำ ทางใดทางหนง่ึ โดย เขียน แผนภาพ ผลงานทเี่ ปนชน้ิ แกไขปญหา

กัดของขอมลู เพ่ือเปรียบเทยี บ ระบุหลักฐาน หรอื แผนผงั วาด งานหรือวิธีการท่มี ี เหล่าน้นั เลอื ก

ประเมนิ ตดั สินใจ หรอื เสนอ สนับสนนุ ความคดิ ได ภาพ เคลือ่ นไหว รายละเอยี ด โดย วธิ กี ารแกปญหา

แนวทางแกปญหาอยางงายได อยางนอยหนึง่ รางกาย การดดั แปลงจาก โดยระบุ ขอด/ี

สามารถ จนิ ตนาการและเสนอ แหลงขอมูล ความคดิ เดมิ สิ่งที่ ขอ้ เสยี ลงมอื แก

ความคิดได อยางคลองแคลว - อธิบายเหตผุ ล มีอยูหรือนำสิ่งอื่น ปญหาดวยตนเอง

หลากหลาย โดยใชความคิดท่ี ของการตดั สนิ ใจ ใน มาทดแทนส่งิ ท่ขี าด เกบ็ และวิเคราะห

แปลกใหมทไ่ี มซำ้ ใคร หรือ เร่ืองตาง ๆ ใน ไดอยาง ขอมูลเพอื่

พัฒนาตอยอด จากของเดมิ ชีวติ ประจำวนั ของ หลากหลายและ ประเมินและ

ตน และบอกไดว่า รวดเรว็ ในเวลา ตรวจสอบผลของ

การตดั สนิ ใจ ของตน ท่ีกำหนด และ การแกปญหา

มคี วามเหมาะสม สามารถนำไปใช ปรบั ปรุงจน

โดยระบุหลกั ฐาน จรงิ ใชีวติ ประจำวนั ปญั หาไดรบั การ

สนับสนุนความคิดได โดยตอบสนอง แกไข

ความตองการ

จำเปนหรอื สภาพ

ปญหาในบริบท

หลกั สตู รสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นวดั แมแ่ กด้ นอ้ ย พุทธศักราช 2565 ระดบั ประถมศกึ ษา

201

พฤตกิ รรมบ่งช้ี

ระดับ คำนิยามบรรยายระดบั 1. ดานการคิดอยาง 2. ดานการคดิ 3. ดานการคดิ 4. ดานการคดิ
มวี ิจารณญาณ เชิงระบบ สรางสรรค แกปญหา

5 ต้ังคำถามหรือระบปุ ญหาที่ - สรุปความเขาใจ - สามารถวิเคราะห - แสดงความคดิ ใน - ระบุปญหา ท่ี

(จบ ซับซอน จากการสังเกตส่ิงตางๆ ของตนและแสดง ปจจัยในระบบ เร่ืองตาง ๆ ซับซอน วางแผน

ป.6) สถานการณ หรอื ปรากฏการณ ความคิดเห็นอยางมี หรอื สถานการณ บอกเลาความคิด การแกปญหา

ในชีวติ ประจำวันโดยละเอยี ด เหตผุ ล เก่ียวกบั และสามารถ จินตนาการหรอื ด้วยการประเมนิ

สามารถวางแผนและดำเนินการ เรือ่ งน้ัน จากการ ตัง้ รวบรวม ปจจยั อืน่ ความคดิ ของตนเอง ความสำคญั

การสำรวจตรวจสอบ เลือก คำถาม การฟง/ ๆ ที่เกย่ี วของกบั ทแ่ี ปลกใหมไป ของปญหา

วธิ ีการ เกบ็ รวบรวมขอมูล อานขอมลู เรื่องราว ระบบ หรอื สถาน จากสง่ิ รอบตวั ของ วิเคราะหและ

วิเคราะห ขอมลู แปล ทีห่ ลากหลาย การณ สามารถ ตนเอง และบรบิ ท จดั ลำดับสาเหตุ

ความหมายขอมูล เพื่อ วเิ คราะหตีความเพอ่ื วิเคราะห ปจจยั ใน และตอยอด ของปญหา

สรางขอสรุปที่แมนยำและ ประเมินความ ระบบ หรือสถาน ความคิดของตนเอง หาวิธีการแกไข

นาเช่ือถือ พรอมนำเสนอและ เหมาะสมของขอมูล การณ สามารถ ใหแตกตาง ไปจาก ปัญหาท่ี

เปรียบเทยี บขอสรุปทเ่ี หมอื น ในการลงขอสรุปได วเิ คราะหความ เดิม หลากหลาย

หรือ แตกตางกบั ขอสรปุ ของตน อยางถกู ตอง และ/ สัมพนั ธเชงิ เหตแุ ละ - ทำและพฒั นา เปนไปไดจริง

สามารถพัฒนาชน้ิ งานหรอื หรือ ตดั สนิ ใจ เลอื ก ผลของระบบด้วย ผลงานท่เี ปนชิ้น ในทางปฏิบัติ

วธิ ีการ โดยใชความคดิ ที่แปลก ทางใดทางหนึง่ โดย ขอ้ ความสัญลกั ษณ งานหรอื วิธีการท่ีมี คาดเดาผลทจี่ ะ

ใหม ท่ีไมซำ้ ใครหรือพัฒนา ระบุหลักฐาน แผนภาแบบจำลอง การคิดแจกแจง เกิดขึ้นจาก

ตอยอดจากของเดิม วเิ คราะห สนบั สนุนความคดิ ได อยางงาย รายละเอยี ดโดย วธิ กี ารแกไข

องคประกอบ ของชน้ิ งานหรอื อยางนอยหน่งึ แหล การผสมผสานจาก ปญั หาเหลานนั้

วิธกี ารเพอื่ สราง แบบจำลอง งขอมูล- อธิบาย หลายความคดิ เลอื กวิธกี าร

อย่างงาย เหตุผลของ การ และดดั แปลงจาก แกป้ ญั หา โดย

ตัดสนิ ใจในเรื่อง ความคิดเดมิ สิง่ ท่ี ระบุขอด/ี ขอเสยี

ตางๆ ใชีวติ ประจำ มีอยูหรอื นำส่งิ อ่นื ลงมอื แกปญหา

วันของตน และบอก มาทดแทนส่งิ ทีข่ าด ดวยตนเอง เก็บ

ไดวาการตดั สินใจ ไดอยางหลากหลาย และวิเคราะห

ของตนมีความ และรวดเร็ว ในเวลา ขอ้ มลู เพื่อ

เหมาะสม โดยระบุ ทก่ี ำหนด และ ประเมิน และ

หลกั ฐาน สนับสนุน สามารถนำไปใชจริง ตรวจสอบผลของ
ความคดิ ได้ ใชีวติ ประจำวัน โดย การแกปญหา
ตอบสนองความตอง ปรบั ปรุงจน
ปญหาไดรบั การ
การจำเป็น หรอื แกไข
สภาพ ปญหาใน
บรบิ ท

หลักสูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรียนวดั แมแ่ กด้ น้อย พุทธศกั ราช 2565 ระดบั ประถมศกึ ษา

202

3. พฤติกรรมบ่งชต้ี ามระดบั สมรรถนะการสอื่ สาร (Communication: CM)

พฤตกิ รรมบง่ ช้ี

1. การรับสารอยางมีสติ 2. การรับสงสารบน 3. การเลือกใชกลวิธกี าร

ระดับ คำนิยามบรรยายระดบั และถอดรหสั เพอื่ ใหเกดิ พ้นื ฐาน ความเขาใจ และ สอื่ สารอยางเหมาะสมโดย

ความเขาใจ ความเคารพในความ คำนงึ ถงึ ความรับผดิ ชอบ

คิดเห็น และวัฒนธรรม ตอสังคม เพื่อบรรลุวตั ถุ

ทแี่ ตกตาง ประสงคในการสือ่ สาร

1 ใชประสาทสมั ผสั ในการรบั และ - ใชประสาทสมั ผัส ในการ - บอกความแตกตางเชิง - รูจกั ประเภทของส่อื ใกลตวั

สงสารอยางต้งั ใจ เขาใจความ รบั สารท่ีอยใู กลตัว กายภาพแบบกวาง ระหวาง -ส่อื สารผานคำพดู ภาพ เสยี ง

แตกตางทางกายภาพ ท่มี ผี ล ตนเองกบั บคุ คลใกลตัว เชน สญั ลกั ษณ ทาทาง การ

ตอการส่อื สาร ใชส่อื ภาพ เสยี ง เพศ วัย เคลือ่ นไหว และผลงาน

คำพูด ทาทาง สัญลกั ษณใกลตัว แบบงาย ๆ ตรงไปตรงมาได

และผลงานอยางงาย ๆ ในการ

สือ่ สารแบบตรงไปตรงมา

2 รับและสงสารอยางตั้งใจโดยใช - ฟงเสยี ง อานเร่อื ง และดู - บอกความแตกตางเชิง - รูจกั ประเภทของสือ่ ท่ี

ประสาทสัมผัส เขาใจนยั ตรง ภาพ เหตุการณ ในสถาน กายภาพ ระหวางตนเองกบั หลากหลายข้นึ

บอกขอมูลและความรสู กึ ท่มี ี การณใกลตวั แลวตอบ บคุ คลใกลตวั ท่สี งผลต่อ - เขาใจประโยชนและโทษ

ตอสารในสถานการณใกลตัวแบบ คำถาม อยางตรงไปตรงมา การสื่อสาร ของสอื่ ทีม่ ีตอตนเอง

ตรงไปตรงมา โดยเลอื กและผลติ - ฟงเสียง อานเรือ่ ง และดู อยางเดนชัด

สอ่ื ทเ่ี หมาะสมกบั บุคคล ผานการ ภาพ เหตุการณ ในสถาน - สอื่ สารเรอ่ื งราวใกลตวั

เคลื่อนไหว ทาทาง เสียง ภาษา การณใกลตัว แลวบอก ผานภาษา ภาพ เสียง ทาทาง

ภาพ สญั ลกั ษณ และผลงานแบบ ความรสู ึก ทเ่ี กดิ จากการรบั โดยเลอื กและผลติ สื่อ ให

งายๆ พรอมท้งั คำนึงถึงประโยชน สารอยางงาย ๆ ได เหมาะกับบคุ คลใกลตวั ท่ี

และโทษ ของการสือ่ สารทีม่ ี สือ่ สารดวย

ผลกระทบตอตนเอง

3 รับและสงสารทเ่ี ปนขอมลู ขอเทจ็ - ฟงเสียง อานเรอ่ื ง และดู - ถึงความแตกตางระหวาง - รูวิธกี ารเขาถึงสือ่ ที่

(จบ จริง และความรสู กึ ทมี่ ี ภาพทเ่ี กีย่ วของ กับสถาน ตนเอง กับบุคคลใกลตวั ที่ หลากหลาย

ป.3) รายละเอียดมากขึน้ ในสถาน การณใกลตวั ทมี่ ี สง่ ผลตอการสื่อสาร - ตระหนกั ถึงประโยชนและ

การณใกลตวั มคี วามอดทน ใน รายละเอียด มากขึน้ โทษของส่ือที่มีตอตนเองใน

การรับสารแลกเปลย่ี นประสบกา แลวตอบคำถามอยาง ระยะสั้น

รณ และสื่อสาร โดยตระหนักถงึ ตรงไปตรงมา ท้งั ในสวน - ส่ือสารเร่อื งราวใกลตวั

ความแตกตาง ระหวางตนเองกับ ของขอมลู และความรสู กึ ที่ ผานภาษา ภาพ เสียง ทาทาง

บุคคลใกลตัว คำนึงถงึ ประโยชน ได การแสดงออกทางศลิ ปะ

และโทษของสอื่ ทีม่ ีตอตนเอง - แสดงความอดทนในการ

สามารถส่อื สารเร่ืองราวใกลตวั รับสารและ แลกเปลีย่ น

หลกั สตู รสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นวดั แมแ่ กด้ นอ้ ย พุทธศักราช 2565 ระดับประถมศึกษา

203

พฤตกิ รรมบ่งช้ี

1. การรับสารอยางมสี ติ 2. การรับสงสารบน 3. การเลอื กใชกลวิธกี าร

ระดับ คำนิยามบรรยายระดบั และถอดรหัส เพือ่ ใหเกดิ พ้ืนฐาน ความเขาใจ และ สอ่ื สารอยางเหมาะสมโดย

ความเขาใจ ความเคารพในความ คำนึงถงึ ความรบั ผดิ ชอบ

คิดเห็น และวัฒนธรรม ตอสังคม เพื่อบรรลวุ ัตถุ

ทแ่ี ตกตาง ประสงคในการสือ่ สาร

ทัง้ ทีเ่ ปนภาษาภาพ เสยี ง ประสบการณและสอื่ สาร อยางงาย ๆ โดยเลอื กและ

สัญลกั ษณ ทาทาง การแสดงออก กบั บคุ คลใกลตัวเก่ยี วกบั ผลิตสื่อใหเหมาะกับบคุ คล

ทางศลิ ปะอยางงาย โดยเลอื ก สถานการณ ใกลตวั ทตี่ า และกาลเทศ

และผลิตส่อื ใหเหมาะกับบคุ คล งจากตนเอง

และกาลเทศะ

4 รับและสงสารทีเ่ กี่ยวของกบั - ฟงเสยี ง อานเรอ่ื ง และดู -ตระหนักถงึ ความแตกตาง - ใชส่ือท่ีหลากหลายขึน้

สถานการณ ท่ใี กลตัว จบั ประเดน็ ภาพที่เกย่ี วของ กับสถาน ระหวางตนเอง กบั บคุ คลใน - เขาใจผลกระทบของส่ือท่ี

สำคญั หรือวัตถปุ ระสงค ของผู การณท่ใี กลตวั แลวสามารถ สังคมดานสังคมและ มตี อตนเอง ในระยะยาวขนึ้

สงสารได อธบิ ายความรสู ึกท่ี จับประเด็นสำคญั หรือ วัฒนธรรมแบบกวาง ๆ - กำหนดจดุ มงุ หมายในการ

เกิดขน้ึ จากการรับสารประเภท วัตถปุ ระสงค ของผูสงสาร ท่สี งผล ตอการสอื่ สาร สอื่ สาร แบบงาย ๆ สามารถ

ตาง ๆ ทีม่ คี วามซับซอน มากขึน้ แบบงาย ๆ ได เลือกใชและผลิตสอื่ ใชกลวิธี

มคี วามอดทนในการรับและ -อธบิ ายความรสู ึกทไ่ี ดรับ ในการสื่อสารใหเหมาะสม

สงสาร ใชสอ่ื ที่มีความ จากการรับสาร ประเภท และเกดิ ประโยชนตอตนเอง

หลากหลายข้ึน เขาใจผลกระทบ ตาง ๆ ทีม่ ีความซับซอน ได

ของส่ือทีม่ ี มากขนึ้ หรอื มอี ารมณ

ตอตนเอง มจี ุดมงุ หมาย และ หลากหลายขน้ึ

กลวิธี ในการส่ือสารและการผลติ - แสดงความอดทนในการ

สอ่ื เพื่อสื่อสาระ ทเี่ ปนประโยชน รบั และสงสาร

ตอตนเองไดอยางเหมาะสม

5 รบั และสงสารทเี่ ก่ยี วของกับ - ฟงเสียง อานเรอื่ ง และดู -ตระหนักถึงความแตกตาง -ระบุความแตกตาง

(จบ สถานการณ ในชมุ ชน สังคม ภาพท่ีเกี่ยวของ กับสถาน ระหวางตนเอง กบั บคุ คลใน ระหวางโลกจรงิ กับโลก

ป.6) อยางมีสติ จับประเด็น สำคญั การณในชุมชน สงั คม อยาง สังคมดานสังคม และ เสมือน

ขอคิด ท้ังเชงิ บวกและลบทไ่ี ดรบั มสี ติ แลวสามารถจบั วฒั นธรรมของชมุ ชนและ - เลอื กใชส่อื อยางระมดั ระวงั

ตามวตั ถุประสงคของผูสงสาร ประเดน็ สำคญั ขอคดิ ทง้ั เชิง ทองถิน่ ทีส่ งผลตอการ เพื่อไมใหเกดิ ผลกระทบต

แลกเปลยี่ น ประสบการณอยางมี บวกและลบทไี่ ดรบั ตาม สอื่ สาร อตนเองในเบือ้ งตนได

สติกับบคุ คล ทีห่ ลากหลายข้ึน ใน วัตถปุ ระสงคหลักของ - มมี ารยาทและจรยิ ธรรมใน

สถานการณ ท่ีมีความซับซอน ทั้ง ผสู ง่ สาร พรอมทั้งประโยชน การสอ่ื สาร ระดับเบอ้ื งตน

โลกจริงและโลกเสมือน มี ทไ่ี ดรับจากการรบั สาร - กำหนดจดุ มงุ หมายในการ

มารยาทและจรยิ ธรรมในการ ดังกลาวแบบตรงไปตรงมา สื่อสาร และสามารถเลือกใช

ส่อื สาร เลือกใชกลวิธใี นการผลติ กลวิธใี นการผลิตส่อื และ

หลักสตู รสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นวดั แมแ่ ก้ดน้อย พุทธศักราช 2565 ระดบั ประถมศึกษา

204

ระดับ คำนยิ ามบรรยายระดบั 1. การรับสารอยางมีสติ พฤติกรรมบ่งชี้ 3. การเลือกใชกลวิธีการ
และถอดรหัส เพอ่ื ใหเกดิ ส่ือสารอยางเหมาะสมโดย
สื่อและส่ือสาร ที่เหมาะสม และ 2. การรบั สงสารบน คำนงึ ถงึ ความรบั ผิดชอบ
เกิดประโยชนตอตนเอง และตอ ความเขาใจ พืน้ ฐาน ความเขาใจ และ ตอสังคม เพื่อบรรลุวัตถุ
กลมุ ตามจดุ มงุ หมายท่กี ำหนดไว
- แลกเปลีย่ นประสบการณ ความเคารพในความ ประสงคในการสอื่ สาร
อยางมสี ติ กบั บคุ คลที่ คดิ เหน็ และวัฒนธรรม ส่อื สารที่เหมาะสม และเกดิ
หลากหลาย (วยั เพศ ประโยชน ตอตนเองและตอ
อาชพี สถานภาพ) ข้ึน ใน ที่แตกตาง กลมุ
สถานการณทม่ี ีความ
ซับซอนมากขน้ึ ทง้ั โลกจรงิ
และโลกเสมือน

หลกั สตู รสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นวดั แมแ่ กด้ น้อย พุทธศักราช 2565 ระดับประถมศึกษา

205

4. พฤติกรรมบ่งชต้ี ามระดับสมรรถนะการรวมพลงั ทำงานเป็นทีม (Teamwork and
Collaboration: TC)

พฤติกรรมบ่งช้ี

ระดับ คำนิยามบรรยายระดบั 1. การเปนสมาชกิ ทีม 2. กระบวนการทำงาน 3. การสรางความสมั พันธ

ท่ีดี และมภี าวะผนู ำ แบบรวมมือรวมพลัง และจัดการความขดั แยง

1 รบั รบู ทบาทหนาทข่ี องตนเอง - รบั รวู าตนเองเปนสวนหนงึ่ -ทำงานและทำกิจกรรมตาง -แนะนำตนเองกับเพ่ือนได

มงุ ม่นั ทำงานและทำกจิ กรรมของ ของทีม ที่ตองทำงานรวม ๆ ตามลำดับ ข้นั ตอน ภาย บอกสิ่งที่ตนเอง ทำไดดี และ

ตนเองและ รวมกบั ผอู น่ื ไดสำเรจ็ กนั ใหสำเรจ็ ใตคำช้ีแนะ ขอตกลง กฎ สง่ิ ท่จี ะชวยเพื่อนในทีมได

ตามขอตกลง กฎ กตกิ า และ - รูบทบาทและหนาท่ีของ กติกา ใหสำเรจ็ ตามเวลาท่ี - รบั รูความรสู ึกของตนเอง

แสดงออกอยางเหมาะสม ใน ตนเอง ปฏบิ ตั ิงานตามท่ีได กำหนด ทั้งของตนเอง และผอู ื่น แสดงพฤตกิ รรมเชงิ

สถานการณตาง ๆ ตามคำชี้แนะ รับมอบหมาย ใหบรรลผุ ล และรวมกบั ผอู ื่น บวกเมื่อเกิด ความขดั แยง

สำเรจ็ ไดโดยไดรับการช้ีแนะ - ใชงานส่ิงของตาง ๆ เชน การไมใชความรุนแรง ไม

อยางถูกตอง จดั เกบ็ และ มงุ เอาชนะ การขอโทษ

ดแู ลรกั ษาสงิ่ ของเครื่องใช้ ขอบคุณ การใหอภัย ฯลฯ

สวนตวั ไดตามคำช้แี นะ โดยไดรบั การช้ีแนะ

อยางใกลชดิ

2 รูและรับผดิ ชอบในบทบาทหนาท่ี - ปฏิบัตติ ามภาระงานของ -รูเปาหมายของทมี และ -ทกั ทายและพูดคุยทำความรู

ของ ตนเอง มคี วามมน่ั ใจในการ ทมี และ ระบจุ ดุ เดนของ ชวยเหลือ สนบั สนนุ ทีมใน จกั เพือ่ นในทีม

ทำงานตาม ขั้นตอนตาง ๆ ให ตนเองในการทำงาน ตาม การทำกิจกรรมเพื่อใหบรรลุ - รับรูความรสู ึกของตนเอง

สำเรจ็ ตามคำแนะนำ และปฏิบตั ิ หนาทแี่ ละบทบาทความ ตามเปาหมาย และผอู น่ื แสดง พฤตกิ รรม

ตามกฎ กตกิ า ของทมี เมอื่ ไดรบั รบั ผดิ ชอบได - ปฏบิ ตั ติ ามบทบาทหนาท่ี เชิงบวกเมื่อเกิดความขดั แยง

การช้ีแนะเพื่อสนบั สนนุ การทำ - รับผดิ ชอบและปฏบิ ัติ ของตนเอง ตามลำดับ อยางเหมาะสมตามคำแนะนำ

กิจกรรมรวมกับผอู ื่นใหบรรลผุ ล บทบาทหนาที่ ของตนเอง ขนั้ ตอน และขอตกลง กฎ

สำเรจ็ สามารถรบั รคู วามรสู ึก และเขาใจในบทบาท หรอื กติกา ใหสำเรจ็ ตาม

ของผอู นื่ และ ตอบสนองตอ หนาทท่ี ี่แตกตางกนั ของ เวลาที่กำหนด เพอื่ ไปสู

สถานการณตาง ๆ สมาชกิ ทมี เปาหมาย

ตามคำแนะนำ - ใชงาน จดั เก็บและดูแล

รกั ษาสิง่ ของ เครอื่ งใชสวน

รวมไดตามคำแนะนำ

3 มีความรบั ผดิ ชอบและใชจดุ เดน - รูความสามารถของตน - รวมตัดสินใจ กำหนด - แสดงความสนใจ ใสใจ

(จบ ในการทำงานใหสำเรจ็ รักการ และใช จุดเดนของตนใน เปาหมายและขอตกลง และหวงใย เพือ่ นในทมี

ป.3) ทำงาน เปนสมาชกิ ทีมทีม่ ี การทำงาน รับผดิ ชอบตาม การทำงานรวมกนั ของทมี - รับรแู ละเขาใจความรสู กึ

สวนรวมในการตัดสนิ ใจ หนาทแ่ี ละบทบาท ท่ไี ดรบั รวมถงึ รบั รู เปาหมายและ ของตนเองและผอู น่ื แสดง

การกำหนดเปาหมาย การสราง มอบหมายได ขอตกลงนั้น ๆ พฤติกรรมเชงิ บวกเมอื่ เกิด

หลักสตู รสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรียนวัดแมแ่ ก้ดนอ้ ย พุทธศกั ราช 2565 ระดับประถมศกึ ษา

206

พฤติกรรมบ่งชี้

ระดับ คำนยิ ามบรรยายระดบั 1. การเปนสมาชกิ ทมี 2. กระบวนการทำงาน 3. การสรางความสัมพนั ธ

ทด่ี ี และมีภาวะผนู ำ แบบรวมมอื รวมพลัง และจดั การความขัดแยง

ขอตกลง และการทำงานของทมี - มสี วนรวมทำงานกบั ผูอนื่ ความขัดแยงอยางเหมาะสม

แสดงออกถึง ความเขาใจ สนบั สนนุ และ รับผิดชอบ ตามคำแนะนำ

ตอเพือ่ นในทีม ดวยความเปน ตอการตดั สินใจรวมกนั

มติ รตามคำแนะนำ - ใชทรพั ยากรตาง ๆ อยาง

รูคณุ คา และ รบั ผิดชอบจดั

ระเบยี บและดูแลรกั ษา

สิ่งของ เคร่อื งใชของตนเอง

ทั้งทโี่ รงเรยี นและท่บี าน

4 เปนสมาชิกทมี ท่รี บั ผดิ ชอบตอบท - รับผิดชอบบทบาทของ - ทำงานรวมกบั ทมี ในการ - พดู หรือแสดงตอผอู น่ื ในเชิง

บาท และงานตามทไ่ี ดรับ ตนเองอยางเต็ม รบั ฟง แลกเปลยี่ น แสดง บวก

มอบหมาย จดั ระบบ ความคดิ ความสามารถ และ ความคิดเห็น เพื่อหาทาง - แกไขความขัดแยงเชิงบวก

กอนลงมอื ทำงานอยางเปนลำดบั ชวยเหลอื เพ่ือนในทมี ได เลือกและ รวมตัดสนิ ใจแก โดยใช เหตุและผล

ข้ันและปฏิบตั งิ านจนสำเรจ็ ปญหากบั ทีมได

รวมทั้ง การชวยเหลอื เพือ่ นในทมี - กำหนดเปาหมาย และ

โดยปฏบิ ัติ ตอผูอนื่ อยางเปนมติ ร จัดลำดบั ขน้ั ตอนการ

ทำงานและปฏิบตั งิ านจน

สำเรจ็

- เลอื กใชและดูแลรักษา

ทรัพยากรอยางรูคณุ คา

5 เปนสมาชกิ ท่ีรเิ ร่ิมกำหนด - ใชจุดเดนของตนเองและ - รวมกำหนดเปาหมายของ - เขาใจและยอมรบั

(จบ เปาหมาย วธิ ีการทำงานทง้ั ของ สมาชิก ในการทำงาน ทีม รับรู รบั ผดิ ชอบเปา ความสามารถของ สมาชกิ ทมี

ป.6) ตนเองและทมี ใชความคดิ สราง เปนทมี ในภาระงาน ท่ี หมายนั้น และเห็นความ ที่แตกตางกนั

สรรคในการวางแผน การ แตกตาง สะทอนการ เช่อื มโยง ของหนาทตี่ นเอง - มีทักษะพน้ื ฐานการแกไข

ทำงานอยางเปนลำดบั ข้ันและ ทำงานของ ตนเอง พรอมที่ กับเปาหมายของทีม ความขดั แยง เชน การสราง

ปฏิบตั งิ านจนสำเรจ็ วเิ คราะห จะปรบั เปลี่ยนหนาที่ และ - รวมวางแผนขนั้ ตอนใน ความเขาใจปญหา ปฏิเสธ

และ สะทอนการทำงาน แสดง บทบาท ชกั จงู ใหสมาชกิ ทมี การทำงานไปสู เปาหมาย การใชความรุนแรง มงุ เน

ความคดิ เหน็ และสนับสนุนการ ทำงานใหสำเรจ็ เพ่ือใหงาน แบงบทบาทหนาท่ี และการ นประเด็น ปญหามากกวาตวั

ทำงานของสมาชิก ในทมี ใหบรรลุ บรรลุ เปาหมาย ตัดสินใจรวมกนั ในทมี ได บุคคล ไมมงุ เอาชนะ กันแต

เปาหมาย - กลาแสดงความคิดเหน็ - รูจักและใชประโยชนจาก สรางความรวมมอื กนั

ของตนเอง และรบั ฟงความ ทรพั ยากรในชมุ ชน อยาง การเขาใจ ผอู ่นื เปนตน

คดิ เห็นของผอู ืน่ คุมคา และสรางสรรค

หลักสูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรียนวดั แมแ่ ก้ดนอ้ ย พุทธศกั ราช 2565 ระดบั ประถมศึกษา

207

5. พฤติกรรมบง่ ช้ตี ามระดับสมรรถนะการเปน็ พลเมืองท่ีเขม้ แข็ง (Active Citizen: AC)

พฤตกิ รรมบ่งชี้

ระดบั คำนิยามบรรยายระดบั 1. พลเมอื งรู 2. พลเมอื ง 3. พลเมอื งมี 4. พลเมอื ง
เคารพสิทธิ รับผดิ ชอบ สวนรวมอยางมี ผูสรางการ

ตอบทบาทหนาที วิจารณญาณ เปลีย่ นแปลง

1 เขาใจผลกระทบของการกระทำอะไร - เขาใจผลกระทบ - รับผดิ ชอบและ - ชวยเหลอื - แจงผูเกี่ยวของ

ที่ตามใจตนเอง รบั ผิดชอบและปฏบิ ัติ ท่ีจะเกิดขนึ้ ปฏิบัติตน ตาม กิจกรรม สวนรวม เม่ือพบปญหาใน

ตน ตามคำแนะนำอยางเหมาะสม ตอ่ เนื่องจากการ คำแนะนำอยาง ของช้นั เรียน ชน้ั เรยี น หรือจะ

มสี วนรวมในกจิ กรรมสวนรวมและ กระทำของตนท่ี เหมาะสม เสนอแนะแนวทาง

แจงผูเกีย่ วของ เม่ือพบปญหาในช้ัน มตี อผูอ่นื การแกปญหา

เรยี น อยางงายใน

โรงเรียนได้

2 มคี วามสามารถในการยับย้ังชงั่ ใจ - รูจกั และปกปอง - รับผิดชอบและ - เขารวมกิจกรรม - แจงผูเกี่ยวของ

เคารพ สิทธิเสรภี าพของผอู นื่ รูจัก สทิ ธิ เสรภี าพของ ปฏบิ ัติตน อยาง เพื่อ สวนรวมที่ เมื่อพบ ปญหา

ปฏิเสธ ชวยเหลือผอู ่ืนเมือ่ ไดรับการ ตนเอง รูจัก เหมาะสมตาม โรงเรียนจดั ขึ้น หรอื ความขดั แยง

รองขอ รบั ผิดชอบและปฏิบัตติ นอยาง ปฏิเสธ เคารพ บทบาทหนาที่ หรอื ครมู อบหมาย ในชนั้ เรยี น

เหมาะสม ตามบทบาทหนาที่ของ สทิ ธิ เสรภี าพของ ตนเองใน ฐานะ หรือ กำหนด

ตนเอง มสี วนรวม ในกจิ กรรมสวน ผอู ื่น ชวยเหลอื สมาชิกของ ใหเขารวม

รวมตางๆ ทโี่ รงเรียนจดั ข้นึ หรือครู ผอู น่ื เมอ่ื ไดรับ ครอบครวั ชั้นเรียน

มอบหมายและแจงผูเก่ียวของ การรองขอ และ โรงเรยี น

เม่ือพบปญหาหรอื ความขดั แยงในชัน้

เรียน

3 อสิ ระทจ่ี ะคดิ และแสดงออกที่ -มีอิสระทีจ่ ะคิด -รบั ผดิ ชอบและ -ติดตามขอมลู -หาทางออกรวม

รับผดิ ชอบ และไมทำใหผอู น่ื เดอื ดรอน และ แสดงออกท่ี ปฏบิ ัตติ น อยาง ขาวสารและปญหา กนั กบั เพ่อื น และ

เคารพสทิ ธิ เสรภี าพของผอู น่ื รบั ผดิ ชอบและ เหมาะสมตาม ที่เกีย่ วของกับ ครู ในการแก

ชวยเหลอื ผอู น่ื รบั ผดิ ชอบและปฏบิ ตั ิ ไมทำให ผอู ่ืน บทบาทหนาที่ ตัวเอง ครอบครวั ปญหาหรือความ

ตนอยางเหมาะสม ตามบทบาทหนาท่ี เดือดรอน ชวย ตนเองใน ฐานะ เพ่ือนรวมชั้นเรียน ขดั แยงในช้ันเรียน

ของตนเอง เคารพตอ สถาบันหลกั เหลอื ผอู ืน่ เม่ือได สมาชิกของ และโรงเรียนมี อยางมีเหตผุ ล

ของชาติ ตดิ ตามขอมลู ขาวสารที่ รับการรองขอ ครอบครวั ช้นั เรียน สวนรวมใน

เก่ยี วของกบั ตนเอง ครอบครวั หรอื เมื่อเห็นวา และโรงเรียน กจิ กรรม สวนรวม

เพ่ือนรวมชน้ั เรียน มสี วนรวมใน ตองการ ความ เคารพตอ สถาบนั ตางๆ ในระดับชน้ั

กิจกรรม สวนรวมตาง ๆ ในระดบั ชนั้ ชว่ ยเหลือ ใชของ หลักของชาติ เรยี นหรือรงเรยี น

เรยี นหรือ โรงเรยี น สวนรวม ท่เี หมาะสมตามวัย

แกไขปญหาความขัดแยง ใน อยางระมดั ระวัง

ช้นั เรยี นอยางมเี หตผุ ล

หลักสตู รสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรียนวดั แมแ่ กด้ น้อย พุทธศักราช 2565 ระดับประถมศกึ ษา

208

พฤตกิ รรมบง่ ช้ี

ระดบั คำนยิ ามบรรยายระดบั 1. พลเมืองรู 2. พลเมอื ง 3. พลเมืองมี 4. พลเมอื ง
เคารพสทิ ธิ รบั ผิดชอบ สวนรวมอยางมี ผูสรางการ

ตอบทบาทหนาที วิจารณญาณ เปลีย่ นแปลง

4 อดทนอดกลัน้ ในความคดิ เห็นและการ - สามารถกำกับ รับผิดชอบและ ตดิ ตามขาวสาร หาทางออกรวมกัน

แสดงออกทีแ่ ตกตาง ยอมรบั ความ ควบคมุ ตนเอง ปฏิบัติตน อยาง เหตุการณ สถาน กับผทู เ่ี กี่ยวของ ใน

แตกตางหลากหลาย ชวยเหลือและ รูจักและปกปอง เหมาะสมตาม การณ ปญหาท่ี การแกปญหาความ

แบงปนกบั ผูอ่นื รับผิดชอบและปฏบิ ตั ิ สิทธเิ สรีภาพของ บทบาท หนาท่ี เก่ยี วของ กับตัวเอง ขัดแยงในชั้นเรียน

ตนอยางเหมาะสมตามบทบาทหนาท่ี ตนเอง และผอู ่นื ระเบียบ กฎ กตกิ า โรงเรยี น ชุมชน หรือ โรงเรยี น

ในฐานะพลเมืองในระบอบ ยอมรับความ ตลอดจนแนว เขารวมกจิ กรรม อยางมีเหตผุ ล

ประชาธปิ ไตย อันมีพระมหากษตั ริย แตกตาง ไมกลั่น ปฏบิ ัตติ าม วิถี และรวมเปนอาสา

ทรงเปนประมขุ เคารพ แกลงเพอื่ น วฒั นธรรมของ สมัครในกจิ กรรม

ตอสถาบนั หลกั ของชาติ ตดิ ตาม และ (Bullying) ทาง ชมุ ชน และทองถ่นิ สาธารณะ

ตรวจสอบขอมูลขาวสาร รางกาย และวาจา เคารพตอ สถาบัน ประโยชน ระดบั

เขารวม กจิ กรรมและรวมเปน ชวยเหลอื ผอู ่ืน หลกั ของชาติ โรงเรียนหรือชุมชน

อาสาสมคั รใน กจิ กรรมสาธารณะประ เมื่อเห็นวาตอง ท่เี หมาะสมตามวยั

โยชนระดบั โรงเรียนและชมุ ชน การความ

หาทางออกรวมกนั กับผเู กยี่ วของใน ชวยเหลอื

การแกปญหาหรือความ ขดั แยงอยาง

มเี หตผุ ล

5 รจู กั และปกปองสทิ ธเิ สรภี าพของตนเอง -รูจกั และปกปอง - รับผดิ ชอบและ - ติดตามขาวสาร - หาทางออกรวม

(จบ และผูอ่นื ยอมรบั และเคารพความ แตกต สทิ ธิ เสรภี าพของ ปฏิบตั ติ น อยาง และ ตรวจสอบ กัน กับผูทเ่ี กี่ยว

ป.6) างหลากหลาย พยายามทีจ่ ะเห็น อกเห็น ตนเองและ ผอู ่ืน เหมาะสมตาม ขอมลู เกี่ยวกบั เหตุ ของในการ
ใจ ชวยเหลอื และ เคารพในความ บทบาท หนาที่ การณ สถานการณ แกป้ ญั หา ความ

แบงปนกับผอู ่ืน รับผดิ ชอบและปฏิบัตติ น หลากหลาย ระเบียบ กฎ กตกิ า ปญหาทเ่ี ก่ยี วของ ขัดแยง หรือ
อยางเหมาะสมตามบทบาทหนาท่ีใน กบั ตวั เอง โรงเรยี น
ฐานะ พลเมอื งในระบอบประชาธิปไตย ไมกล่นั แกลง ตลอดจนแนว ชุมชน ทองถิน่ และ ทบทวนกฎ
อันมี พระมหากษัตรยิ ทรงเปนประมุข ประเทศ เขารวม ระเบียบ กตกิ าใน
เคารพตอสถาบันหลักของชาติ ติดตาม เพอื่ นทางรางกาย ปฏบิ ตั ิตาม วิถี กิจกรรมและรวม ชั้นเรยี น อยางมี

และวาจา วัฒนธรรมของ

และ ตรวจสอบขอมูลขาวสาร ชวยเหลือผอู ่ืน ใน ชุมชน และทอง เป็นอาสาสมัครใน เหตุผลโดยใช
สถานการณตางๆ ถิ่นดวยความเขาใจ กิจกรรมสาธารณะ กระบวนการ
เขารวม กจิ กรรมและรวมเปน
อาสาสมัครใน กิจกรรมสาธารณะประโย ไมดวนตัดสินผอู นื่ เคารพตอสถาบนั ประโยชน ระดับ ปรึกษาหารอื ตาม

ชนระดบั โรงเรียนและชุมชน หาทาง โดยใช อคติแบง หลักของชาติ ใน โรงเรียนหรอื ชมุ ชน วิถี ประชาธปิ ไตย

ออกรวมกนั กับ ปนส่ิงของตาง ๆ ฐานะ พลเมอื งใน ท่เี หมาะสมตามวยั

ผูเกยี่ วของในการแกปญหา โดยใช ของตนใหกบั ผูอน่ื ระบอบ โดยคำนึงถึงผลดแี ละ

กระบวนการปรึกษาหารือตามวถิ ี ตามความ ประชาธิปไตย ผลเสยี ที่จะเกดิ ขนึ้

ประชาธปิ ไตย เหมาะสม

หลักสตู รสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรียนวัดแม่แก้ดนอ้ ย พุทธศักราช 2565 ระดบั ประถมศกึ ษา

209

6. พฤติกรรมบ่งชีต้ ามระดับสมรรถนะการอยรู่ ว่ มกับธรรมชาติ และวทิ ยาการอยา่ งย่ังยืน
(Sustainable coexistence with living in the harmony of nature and science)

พฤตกิ รรมบ่งชี้

1. การเขาใจ 2. การเช่อื มโยง 3. การสราง 4. การมี

ปรากฏการณที่ ความสมั พันธของ ใช และรเู ทาทนั คุณลักษณะทาง

เกิดขนึ้ บนโลก คณติ ศาสตร วทิ ยาการ คณิตศาสตรและ

ระดบั คำนยิ ามบรรยายระดับ และในเอกภพ วิทยาศาสตรและ เทคโนโลยี วทิ ยาศาสตร

เทคโนโลยี สำหรบั การอยรู วม

เพอ่ื การอยรู วมกนั กับธรรมชาติ

กบั ธรรมชาติ อยางยงั่ ยนื

อยางยั่งยืน

1 ชางสงสยั มจี ินตนาการ สงั เกต -การสงั เกตและการ -การมองเหน็ ความ -การสรางและใช -การมคี ณุ ลักษณะ

ซักถาม เกบ็ รวบรวมขอมูล รับรูขอมูล เชอ่ื มโยง เทคโนโลยี ทาง คณิตศาสตร
อยาง กระตอื รือรน บอกข - สงั เกตโดยการใช - ใชความรูความ - สรางของเลนหรือ และวทิ ยาศาสตร
อเท็จจริง ลง ความเห็น จาก ประสาทสัมผัสทั้ง เขาใจท่เี ก่ยี วของ ช้ินงานเพอื่ ขยาย - ชางสงั เกตและมี
การสงั เกต จำแนก ความแตก หาและลงความเห็น กับคณิตศาสตร ความสามารถของ จินตนาการ
ตางของขอมลู นำเสนอ ขอมลู จากประสบการณ และ/หรอื ตนเองใน การเลน - ชางสงสัยและ
ในรูปแบบท่เี หมาะสม และ ของตนเองเพอ่ื เช่ือม วิทยาศาสตรใน ทำงาน และใช กระตือรอื รนใน
อธบิ ายสถานการณทเ่ี กี่ยวของ โยงความหมาย การทำกจิ กรรม ชีวติ อยางสะดวก การซักถามและหา
กบั ตนเองและส่ิงรอบตวั ทำ ของขอเท็จจรงิ ในมิติ กิจวตั รตาง ๆ และ - ใชสงิ่ ของรอบตัว คำตอบ เกี่ยวกบั สิ่ง
กิจกรรม กจิ วตั รตาง ๆ และแก การ รับรูดาน แกปญหาไดอยาง ไดถกู ตองตาม รอบตวั ท่ีสงั เกตได
ปญหาโดยใช ความรคู ณิต ตางๆ เชน มีกลิ่น เหมาะสมตามวยั คำแนะนำ การอยรู วมกับ
ศาสตรวิทยาศาสตร และ/หรือ หอมเย็น มกี ล่ิน โดยคำนึงถึงความ ธรรมชาตอิ ยาง
เทคโนโลยีใชเทคโนโลยี อยาง เหมน็ เขียว มีเสียง ปลอดภัยตอตนเอง ยงั่ ยืน
หวาน

ปลอดภัยและเหมาะสม มสี วน - ซกั ถามเก่ียวกับสง่ิ และผอู น่ื ความ - รับรสู งิ่ รอบตัว

รวมในการดแู ลส่ิงแวดลอม รอบตัวท่ีสนใจ ฉลาดทางดจิ ิทลั และการ
รอบตัว ใช สิ่งของอยาง - เก็บรวบรวมและ - ใชคอมพวิ เตอร เปลย่ี นแปลงของ
ประหยดั บนั ทกึ ขอมูลจาก แทบ็ เลต็ หรือ สง่ิ รอบตวั โดยบอก
ธรรมชาติ และ เทคโนโลยดี ิจิทลั ความสมั พนั ธของ
สถานการณใกลตัว อน่ื ๆ ใน สิ่งรอบตัวที่
จากคำถามของครู ชวี ติ ประจำวนั เชือ่ มโยงกับตนเอง
หรือ ดวยวิธีการของ ไดถกู ตองตาม - มสี วนรวมในการ
ตนเอง การจัดการ คำแนะนำ และ ดูแลสิ่งแวดลอมใน
และส่อื ความหมาย ปฏบิ ตั ติ ามขอตกลง บริเวณบานของ
ขอ้ มลู ในการใชงาน ตนเอง

หลักสูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรียนวดั แม่แกด้ น้อย พุทธศักราช 2565 ระดบั ประถมศึกษา

210

พฤติกรรมบง่ ช้ี

1. การเขาใจ 2. การเชอ่ื มโยง 3. การสราง 4. การมี

ปรากฏการณท่ี ความสัมพนั ธของ ใช และรเู ทาทนั คุณลกั ษณะทาง

ระดบั คำนยิ ามบรรยายระดับ เกดิ ข้นึ บนโลก คณิตศาสตร วิทยาการ คณิตศาสตรและ
และในเอกภพ วทิ ยาศาสตรและ เทคโนโลยี วิทยาศาสตร

เทคโนโลยี สำหรบั การอยรู วม

เพอ่ื การอยรู วมกนั กบั ธรรมชาติ

กับธรรมชาติ อยางยัง่ ยืน

อยางยัง่ ยืน

- จำแนกความ การแบงเวลา - ใชสิ่งของใน
เหมอื นและความ ชีวติ ประจำวนั
แตกตางของขอมลู อยางประหยดั
และใหเหตุผลเชงิ ไมเหลอื ทง้ิ
เปรียบเทียบในมิติ

ของ ความสัน้ ยาว

หนักเบา มากนอย

ชาเร็ว รอนเย็น

สีสนั ทีแ่ ตกตางกนั

กลน่ิ รส ดังเบา

สวางมดื ตาม

ขอเทจ็ จรงิ ท่ี

รวบรวมไดดวย

ภาษาของตนเอง

- นำเสนอขอมูลใน

รูปแบบของรูปภาพ

สัญลักษณแผนภาพ

แผนภมู อิ ยางงายด

วยตนเองหรอื จาก

การชวยเหลือของครู

- อานและลงขอ

สรปุ จากขอมูลท่ี

นำเสนอ ดวยตนเอง

หรอื จากการชวย

เหลอื ของครู การ

อธบิ ายปรากฏการณ

- บอกขอเทจ็ จรงิ

จากการสงั เกตสถาน

การณใกล ตวั ท่ี

หลกั สตู รสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นวัดแมแ่ กด้ นอ้ ย พุทธศกั ราช 2565 ระดบั ประถมศึกษา

211

พฤตกิ รรมบง่ ชี้

1. การเขาใจ 2. การเช่ือมโยง 3. การสราง 4. การมี

ปรากฏการณท่ี ความสัมพันธของ ใช และรเู ทาทนั คุณลักษณะทาง

ระดบั คำนิยามบรรยายระดบั เกดิ ข้ึน บนโลก คณติ ศาสตร วิทยาการ คณติ ศาสตรและ
และในเอกภพ วทิ ยาศาสตรและ เทคโนโลยี วทิ ยาศาสตร

เทคโนโลยี สำหรบั การอยรู วม

เพ่ือการอยรู วมกนั กับธรรมชาติ

กับธรรมชาติ อยางย่งั ยนื

อยางย่ังยนื

สนใจท่ีสอดคลอง

กบั ขอมลู ที่รวบรวม

ได และ/หรือ

อธิบายดวยแบบรูป

(pattern) อยางงาย

2 ชางสงสัย กระตือรอื รนในการ -การสังเกตและ -การมองเหน็ -การสรางและใช -การมีคุณลกั ษณะ

ตั้งคำถามและรวบรวมขอมลู การรบั รขู อมูล ปญหาและความ เทคโนโลยี ทาง คณิตศาสตร

โดยใช เครอื่ งมืออยางงาย อาน - สังเกตและต้งั เช่อื มโยง - สรางชน้ิ งานและ และ

ขอมลู และลงขอสรปุ เพ่อื คำถามในสิ่ง - ใชความรูท่เี กี่ยว เคร่อื งมือเพื่อ ขยาย วิทยาศาสตร

อธิบายสาเหตุของ สถานการณ รอบตัวที่สนใจ ของกบั คณิต ความสามารถของ - ชางสงสยั และ

ใกลตัวจากความสัมพันธ ของ - เก็บรวบรวม ศาสตรและวทิ ยา ตนเองใน การเลน กระตอื รือรนใน

หลักฐานท่ีรวบรวมไดแกปญหา ขอมูลโดยใช ศาสตรเพ่ือ ทำงาน และใช การตง้ั คำถาม คาด

จากสถานการณใกลตวั หรอื เครอื่ งมอื อธบิ ายสิ่งรอบตัว ชีวติ อยาง สะดวก การณและหา

สง่ิ แวดลอมโดยใชความรคู ณิต อยางงาย และ หรือสถานการณ - ใชสงิ่ ของรอบตวั คำตอบหรือแก

ศาสตร วิทยาศาสตรและ/หรอื บันทึกขอมูล จาก ใกลตัว ไดถูกตองตาม ปญหา การอยรู วม

เทคโนโลยีใช เทคโนโลยีอยาง คำถามของครหู รือ - ระบปุ ญหาจาก หนาท่ใี ชสอย โดย กับธรรมชาติอยาง

ปลอดภัยและ เหมาะสมมีสวน ดวย วธิ ีการของ สถานการณใกลตวั คำนงึ ถงึ ความ ย่ังยืน

รวมในการดแู ล สิ่งแวดลอมใน ตนเอง การจดั การ หรือส่งิ แวดลอมใน ปลอดภยั - มีสวนรวมในการ

โรงเรียนหรอื ชุมชน ใชสงิ่ ของ และสื่อความหมาย บรเิ วณโรงเรยี น ตอตนเองและผอู ื่น ดแู ล ส่ิงแวดลอมใน

อยางใสใจและรคู ุณคา ขอมูล หรอื ชุมชน ความฉลาดทาง บรเิ วณโรงเรียน

- อานและลงขอ การประยกุ ตใช ดิจทิ ัล หรอื ชมุ ชนของ

สรปุ จากรปู ภาพ ความรแู ละทักษะ - ใชเทคโนโลยี ตนเอง

สัญลักษณ กระบวนการเพื่อ ดจิ ิทัลโดยคำนงึ ถงึ - ใชส่งิ ของในชวี ติ

แผนภาพ แผนภมู ิ อยรู วมกบั สขุ ภาพของตนเอง ประจำอยางใส ใจ

อยางงาย ธรรมชาติ จดั เวลาและ สรา้ ง และรคู ณุ คา

การอธบิ ายปรากฏ - อธิบายแนวคิด ปฏสิ ัมพันธกับคน

การณ การแกปญหาจาก ในโลกดิจิทลั และ

หลกั สูตรสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นวัดแมแ่ กด้ นอ้ ย พุทธศกั ราช 2565 ระดบั ประถมศึกษา

212

พฤตกิ รรมบง่ ชี้

1. การเขาใจ 2. การเชอื่ มโยง 3. การสราง 4. การมี

ปรากฏการณที่ ความสมั พันธของ ใช และรเู ทาทนั คณุ ลกั ษณะทาง

ระดบั คำนิยามบรรยายระดับ เกิดข้ึน บนโลก คณติ ศาสตร วิทยาการ คณิตศาสตรและ
และในเอกภพ วทิ ยาศาสตรและ เทคโนโลยี วทิ ยาศาสตร

เทคโนโลยี สำหรับการอยรู วม

เพื่อการอยรู วมกัน กับธรรมชาติ

กบั ธรรมชาติ อยางย่ังยนื

อยางย่ังยนื

- อธิบายสาเหตุ สถานการณใกลตวั ชีวิตจรงิ ให

ของส่งิ รอบตวั โดย หรือสิ่งแวดลอม เหมาะสม

ใช ความสัมพนั ธ ในบรเิ วณโรงเรยี น

ของขอมูลหรือ หรอื ชมุ ชนของ

หลักฐานทร่ี วบรวม ตนเองดวยภาษา

ได้ ของตนเอง โดยใช

ความรทู างคณติ

ศาสตรและ/หรือ

วทิ ยาศาสตรและ

แกปญหาอยางงาย

3 กระตือรอื รนและมีฉันทะใน -การสงั เกตและการ -การมองเห็นป -การสรางและใช -การมคี ณุ ลกั ษณะ

การใฝหา ความรู ตงั้ คำถามท่ี รับรูขอมูล ญหาและความ เทคโนโลยี ทาง คณติ ศาสตร

นำไปสกู ารหา คำตอบและ - สังเกตและตงั้ เช่ือมโยง - สรางชิน้ งานและ และ
รวบรวมขอมลู โดยใช เครอื่ ง คำถามโดยมี
- ระบปุ ญหาและ เคร่อื งมือเพอื่ ขยาย วทิ ยาศาสตร
มอื อยางงาย เลือกรูปแบบการ สมมตฐิ านถงึ สาเหตุ มองเห็นระบบ
ของปรากฏการณอย ความสามารถของ - กระตอื รือรนและ
างงาย
นำเสนอ วิเคราะหและประเมนิ - ออกแบบการ ความสมั พนั ธของ ตนเองใน การเลน พยายามหา สาเหตุ
ความนาเชอื่ ถอื ของ ขอสรุป บันทกึ ขอมูล รวบ ธรรมชาตแิ ละ สิ่ง
อธิบาย สาเหตขุ องปรากฏ แวดลอมใกลตวั ทำงาน และใช ของปรากฏการณ

ชวี ิตอยาง สะดวก ตาง ๆ หรือแก

การณจากหลักฐาน ท่รี วบรวม รวมขอมูลโดย ใช และเชือ่ มโยงกับ และแกปญหาใน ปญหา และมฉี ันทะ

ไดและเชื่อมโยงผลทม่ี ตี อ ชวี ิต เครอื่ งมอื อยางงาย ตนเอง การประ ชวี ิตประจำวันอยาง ฝกใฝในการคน

และสิ่งแวดลอมในชมุ ชน การจดั การและสอ่ื ยกุ ตใชความรูและ เหมาะสม ควาหาความรทู ี่

ออกแบบแนวทางและลงมือ ความหมายขอมลู ทกั ษะ กระบวน - เลอื กใชสงิ่ ของใน ตนเองสนใจ

แกปญหาจากสถานการณใกล - เลอื กรูปแบบการ การเพ่ืออยรู วมกบั ชีวิตประจำวัน ได - เช่ือมัน่ ในคำ

ตัวหรอื ส่งิ แวดลอมโดยใช นำเสนอทเี่ หมาะสม ธรรมชาติ ถูกตองตามหนาที่ อธิบายท่มี เี หตผุ ล
ความรู้คณติ ศาสตร กับขอมลู และ - ออกแบบ ใชสอย โดย คำนงึ จากหลักฐานท่ี
วิทยาศาสตรและ/หรอื นำเสนอขอมูลใน แนวทางการแก้ ถงึ ความปลอดภยั รวบรวมได
เทคโนโลยีใช เทคโนโลยอี ยาง รูปแบบของรูปภาพ

หลักสตู รสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรียนวัดแม่แกด้ น้อย พุทธศักราช 2565 ระดบั ประถมศึกษา

213

พฤตกิ รรมบ่งช้ี

1. การเขาใจ 2. การเชอ่ื มโยง 3. การสราง 4. การมี

ปรากฏการณที่ ความสัมพันธของ ใช และรเู ทาทัน คุณลกั ษณะทาง

ระดบั คำนิยามบรรยายระดบั เกิดขน้ึ บนโลก คณิตศาสตร วทิ ยาการ คณิตศาสตรและ
และในเอกภพ วิทยาศาสตรและ เทคโนโลยี วทิ ยาศาสตร

เทคโนโลยี สำหรบั การอยรู วม

เพ่ือการอยรู วมกัน กับธรรมชาติ

กบั ธรรมชาติ อยางย่ังยืน

อยางยงั่ ยืน

ปลอดภยั และ เหมาะสม ใสใจ สัญลกั ษณแผนภาพ ปญหาท่เี ปนไปได ตอตนเอง และผอู ่ืน - ใชเหตุผลและ
ดแู ลส่งิ แวดลอมใน บริเวณบาน ตาราง แผนภมู ิ โดยใชความรทู าง ความฉลาดทาง ความสมั พนั ธของ
โรงเรยี น หรือชุมชนของ - วเิ คราะหขอมูล คณติ ศาสตรวิทยา ดจิ ทิ ัล ขอมลู ซึ่งเปนท่มี า
ตนเอง ใชทรัพยากรธรรมชาติ และลงขอสรุปจาก ศาสตรและ/หรอื - รูจกั ขอมลู สวนตวั ของ ปรากฏการณ
อยางรูคุณคา รูปภาพ สัญลกั ษณ เทคโนโลยี และเลือก วิธกี ารที่ ตาง ๆ ในการ
แผนภาพ แผนภูมิ - ลงมอื แกปญหา เหมาะสมในการ สรางพฤติกรรมทีไ่ ม
ตาราง จากสถานการณ ปกปอง ขอมูลสวน กอใหเกดิ ปญหาแต
- ประเมินความนา ใกลตวั หรอื ส่ิง ตัว เปนผรู วมแกปญหา
เชื่อถอื และความ แวดลอมในบรเิ วณ - ใชเทคโนโลยี การอยรู วมกับ
สมเหตุสมผล ของ บาน โรงเรียน ดจิ ทิ ลั ในการเรยี นรู ธรรมชาตอิ ยาง
ขอสรุปจากหลักฐาน หรือชมุ ชนของ สบื คนขอมูล และ ย่ังยืน
ท่ีรวบรวมได การ ตนเอง ตาม สื่อสาร - ใสใจและดูแลสงิ่
อธบิ ายปรากฏการณ แนวทางที่ -ระบุแยกแยะถึง แวดลอมใน บรเิ วณ
- อธบิ ายสาเหตุของ ออกแบบไว ความเปนจริง ของ บาน โรงเรียน หรือ
ปรากฏการณอยางง ชีวิตและธรรรมชาติ ชมุ ชนของตนเอง
ายจาก หลกั ฐานที่ ทแ่ี ตกตาง จากโลก - ใช้ทรัพยากร
รวบรวมได ของเกมและส่อื ธรรมชาติ
- อธิบายความ ดิจทิ ลั รอบตวั อยาง
เช่อื มโยงของปรากฏ ประหยดั และรู
การณอยาง งายที่ คณุ คา
เกยี่ วของกัน ซึง่ มี
ผลตอชวี ิตและ

ส่งิ แวดลอมในชุมชน

4 รวบรวมขอมูลอยางซือ่ สตั ย -การสงั เกตและการ -การมองเหน็ -การสรางและใช -การมคี ุณลกั ษณะ

ออกแบบและเลือกใชเครื่องมอื รบั รูขอมลู ปญหาและความ เทคโนโลยี ทาง คณิตศาสตร

ทเี่ หมาะสมประเมนิ ความนา - ออกแบบการ เช่อื มโยง - สรางเคร่อื งมอื และวทิ ยาศาสตร
เชอ่ื ถอื ของขอมลู วเิ คราะห บนั ทึกขอมูล รวบ - ระบปุ ญหาจาก และอปุ กรณ เพือ่ - ใชเหตผุ ลและ
ขอมลู ท่ีจัดการ เพอ่ื ลงขอสรุป รวมขอมูลโดย เลอื ก สถานการณใกลตวั ขยายความสามารถ ความสัมพนั ธของ

อธิบายสาเหตุและ กระบวน ทีเ่ กี่ยวกับการ ของตนเองใน การ ขอมูลในการ

หลักสูตรสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรียนวัดแม่แกด้ นอ้ ย พุทธศักราช 2565 ระดบั ประถมศกึ ษา

214

พฤตกิ รรมบ่งชี้

1. การเขาใจ 2. การเชือ่ มโยง 3. การสราง 4. การมี
คณุ ลกั ษณะทาง
ปรากฏการณที่ ความสมั พันธของ ใช และรเู ทาทนั คณิตศาสตรและ
วทิ ยาศาสตร
เกดิ ขึน้ บนโลก คณติ ศาสตร วทิ ยาการ สำหรับการอยรู วม
กบั ธรรมชาติ
ระดับ คำนิยามบรรยายระดบั และในเอกภพ วทิ ยาศาสตรและ เทคโนโลยี
อยางย่งั ยืน
การของปรากฏการณจาก เทคโนโลยี
หลักฐานท่รี วบรวมไดโดยใช คาดการณ ปรากฏ
ความรใู น ศาสตรตาง ๆ และ เพ่ือการอยรู วมกนั การณตาง ๆ โดย
เชื่อมโยงผลตอ ธรรมชาตแิ ละ ปราศจากอคติ
สง่ิ แวดลอมในชมุ ชน คาด กบั ธรรมชาติ - เกบ็ รวบรวมและ
การณเก่ียวกับปรากฏการณ นำเสนอขอมลู
โดย อาศัยหลกั วชิ าและไมมี อยางยั่งยืน ตามท่ีรวบรวมได
อคติ ออกแบบแนวทางและลง จริง การอยรู วมกบั
มือ ใชเครอ่ื งมอื ท่ี เปล่ยี นแปลงของ เลน ทำงาน และใช ธรรมชาตอิ ยาง
แกปญหาจากสถานการณ เหมาะสม ธรรมชาตแิ ละ ชีวิตอยาง สะดวก ย่งั ยนื
ตาง ๆ ใน ธรรมชาตหิ รอื ส่งิ - ประเมินความนา สิ่งแวดลอม และ และแกปญหาใน – รบั รปู รากฏ
แวดลอม โดยใช ความรคู ณติ เช่ือถอื และความ ผลกระทบที่ ชวี ติ ประจำวัน การณตาง ๆ โดย
ศาสตร วิทยาศาสตร และ สมเหตุสมผล ของ เกดิ ขึ้น การประ - เลือกใช บอกการ
เทคโนโลยี ใชเทคโนโลยตี าม ขอมูล การจัดการ ยุกตใชความรูและ เทคโนโลยเี พ่อื แก เปล่ยี นแปลงและ
วัตถปุ ระสงคอยางคมุ คาและ และส่ือความหมาย ทกั ษะ ปญหา ใน ผลกระทบทีเ่ กิดข้นึ
ปลอดภยั รับรแู ละมจี ติ สำนึก ขอมูล กระบวนการเพ่อื ชวี ิตประจำวัน - มจี ิตสำนึกโดยไม
ในการ ดแู ลธรรมชาติและ - จัดการและ อยรู วมกับ และใชอยาง คุมคา เปนสวนหน่ึงท่ี
ส่ิงแวดลอม นำเสนอขอมูลใน ธรรมชาติ ดวยการนำกลบั มา ทำใหเกิดความ
รูปแบบท่ี เหมาะสม - ออกแบบ ใชซ้ำ (reuse) หรือ เสยี หายหรอื การ
กบั ขอมูลและจุด แนวทางการแก ลดการใช(reduce) เปล่ียนแปลงที่
ประสงคในการ ปญหาที่เปนไปได ความฉลาดทาง สงผลกระทบตอ
นำเสนอ โดยใชความรทู าง ดิจทิ ัล ธรรมชาติและ
- วเิ คราะห คณิตศาสตร - ใชเทคโนโลยี สงิ่ แวดลอม
ขอมูลจำนวนมาก วทิ ยาศาสตรและ ดจิ ทิ ัลในการเรียนรู
ลงขอสรปุ จาก เทคโนโลยี ส่ือสาร และทำงาน
ขอมูลท่ีนำเสนอ - แกปญหาจาก ไดตรงตามวตั ถุ
และประเมนิ ความ สถานการณตาง ๆ ประสงคและ
สมเหตุสมผล ของ ในธรรมชาติหรือ เปนประโยชน
ขอสรปุ การอธบิ าย สิ่งแวดลอมตาม -ประเมินและปอง
ปรากฏการณ แนวทางท่ีออก กันความเสย่ี ง จาก
- อธบิ ายสาเหตุและ แบบไว้ การระรานทาง
กระบวนการของ ไซเบอร
ปรากฏการณอยางง (cyberbullying
ายจากหลกั ฐานท่ี management)
รวบรวมได โดยใช
ความรูในศาสตรตาง



หลักสตู รสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรียนวัดแมแ่ กด้ น้อย พุทธศกั ราช 2565 ระดบั ประถมศึกษา

215

พฤตกิ รรมบ่งชี้

1. การเขาใจ 2. การเชอ่ื มโยง 3. การสราง 4. การมี

ปรากฏการณที่ ความสัมพนั ธของ ใช และรเู ทาทัน คณุ ลักษณะทาง

ระดบั คำนยิ ามบรรยายระดบั เกิดข้นึ บนโลก คณิตศาสตร วิทยาการ คณิตศาสตรและ
และในเอกภพ วิทยาศาสตรและ เทคโนโลยี วิทยาศาสตร

เทคโนโลยี สำหรับการอยรู วม

เพอื่ การอยรู วมกัน กบั ธรรมชาติ

กบั ธรรมชาติ อยางยง่ั ยนื

อยางยัง่ ยืน

- อธิบายความ

เชือ่ มโยงของปรากฏ

การณอยาง งายท่ี

เกีย่ วของกัน ซึง่ มี

ผลตอธรรมชาติและ

ส่งิ แวดลอมในชมุ ชน

-คาดการณเก่ยี วกับ

ปรากฏ

การณอยางงาย โดย

อาศัยหลกั วิชาและ

ข้อมูลท่รี วบรวมได

5 ใสใจ และมฉี ันทะในการใฝหา -การสงั เกตและการ -การมองเห็น -การสรางและใช - การมีคณุ ลกั ษณะ

ความรู สงั เกต ตงั้ คำถามที่ รับรูขอมูล ปญหาและความ เทคโนโลยี ทาง คณิตศาสตร

นำไปสกู ารหา คำตอบเกี่ยวกบั - สงั เกตและตั้ง เช่ือมโยง - สรางเครื่องมือและ และวิทยาศาสตร
ปรากฏการณทวั่ ไป ประเมิน คำถามโดยมี -ระบุปญหา อปุ กรณเพื่อ ขยาย - ใสใจและพยายาม
และเลอื กวธิ กี ารรวบรวมขอมลู สมมตฐิ านถึงสาเหตุ ผลกระทบ และ ความสามารถของ หาสาเหตุของ
ทีส่ อดคลองกบั คำถาม ของปรากฏการณ ความสัมพันธ ตนเองตาม ความ ปรากฏการณตางๆ
ประเมิน ความนาเช่อื ถือของ ท่วั ไป เชือ่ มโยงท่เี ปนเหตุ สนใจ และแกปญหา หรอื
ขอมลู จัดการ และนำเสนอ - ประเมินและ และ ผลของการ จาก สถานการณป แกปญหา กระตือ
ขอมูลหลายประเภทได อยาง เลือกวธิ กี ารรวบรวม เปลยี่ นแปลงของ จจบุ นั รือรนและมฉี ันทะ ฝ
เหมาะสม วเิ คราะหและเลือก ขอมลู ทเ่ี หมาะสม ปรากฏการณตางๆ - เลอื กใชเทคโนโลยี กใฝในการ
ชดุ ขอมูลท่ีสอดคลองกบั กับบรบิ ทและมี ในระบบธรรมชาติที่ เพอ่ื แกปญหา จาก คนควาหา ความรูที่
ประสทิ ธิภาพโดย เก่ยี วของกบั การ สถานการณปจจบุ ัน ตนเองสนใจอยาง

สมมติฐาน และประเมิน คำนึงถงึ ปจจยั ตาง ดำเนินชวี ิตของ ในโรงเรียน หรือ เหมาะสม

ขอสรุปและขอกลาวอาง ๆ ที่เก่ียวของกบั มนุษย ชมุ ชน และเลอื กใช - ใชขอมูลเพือ่ เปน

อธิบายสาเหตุและกระบวนการ ขอสงสัย การประยกุ ตใช เทคโนโลยี อยาง เหตผุ ลประกอบ

ของ ปรากฏการณจาก - ออกแบบการ ความรูและทกั ษะ คุมคาดวยการนำ การตดั สินใจใน

หลกั ฐานทรี่ วบรวม ไดโดยใช บนั ทกึ ขอมูล กลบั มาใชซ้ำ (reuse) กระบวน

หลักสูตรสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรียนวดั แม่แก้ดนอ้ ย พุทธศกั ราช 2565 ระดับประถมศึกษา

216

พฤติกรรมบ่งช้ี

1. การเขาใจ 2. การเชื่อมโยง 3. การสราง 4. การมี

ปรากฏการณท่ี ความสมั พันธของ ใช และรเู ทาทนั คณุ ลักษณะทาง

ระดบั คำนยิ ามบรรยายระดับ เกิดขนึ้ บนโลก คณติ ศาสตร วทิ ยาการ คณติ ศาสตรและ
และในเอกภพ วิทยาศาสตรและ เทคโนโลยี วิทยาศาสตร

เทคโนโลยี สำหรับการอยรู วม

เพื่อการอยรู วมกัน กบั ธรรมชาติ

กบั ธรรมชาติ อยางยัง่ ยนื

อยางยงั่ ยืน

ความรใู นศาสตรตางๆ และ รวบรวมขอมูลที่ กระบวนการเพอื่ อยู ลดการใช้(reduce) การแกปญหา โดย
เช่อื มโยงผลตอธรรมชาตแิ ละ สอดคลองกับวิธีการ รวมกบั ธรรมชาติ หรือ แปรรปู แลวนำ ปราศจากอคติ
สิง่ แวดลอมในชมุ ชน ทีเ่ ลือกมา - แกปญหาจาก กลับมาใชใหม - ไมแอบอางผลงาน
คาดการณ เกี่ยวกับปรากฏกา - ประเมินความนา สถานการณปจจบุ ัน (recycle) ความ คนอ่ืนมาเปน
รณโดยอาศยั หลกั วชิ าอยางมี เชอ่ื ถอื และความ ทเี่ กยี่ วของกับการ ฉลาดทางดิจิทัล ของตน
เหตุผลและไมมอี คติ สมเหตุสมผลของ เปล่ียนแปลงของ - ใชเทคโนโลยดี จิ ทิ ัล - ไมดวนตัดสินใจ
แกปญหาปจจบุ ันทเ่ี กี่ยวของ ขอมูลและหลกั ฐาน ปรากฏการณตาง ๆ ในการคนหา จัดการ หรอื ลงขอสรปุ เมื่อ
กบั การ เปลยี่ นแปลงของ การจดั การและสอ่ื ในระบบ ธรรมชาติ และนำเสนอ ยังไมมหี ลกั ฐานท่ี
ปรากฏการณตางๆ ในระบบ ความหมายขอมลู โดยใชความรูทาง ขอมลู เพอื่ การแก นาเชอื่ ถือ เพียงพอ
ธรรมชาตโิ ดยใชความรู คณิต - จดั การและ คณิตศาสตร ปญหาอยางสราง การอยรู วมกับ
ศาสตร วิทยาศาสตรและ นำเสนอขอมูลหลาย วิทยาศาสตรและ สรรค์ ธรรมชาตอิ ยาง
เทคโนโลยใี ชเทคโนโลยีอยาง ประเภทใน รูปแบบ เทคโนโลยกี าร - เขาใจโดยระบวุ า ยงั่ ยืน
คมุ คา ปลอดภัย และเหมาะสม รปู ภาพ สัญลกั ษณ สรางและใช ขอมลู บนส่อื ดจิ ิทัลที่ - รบั รูเก่ียวกบั ระบบ
รบั รแู ละ เหน็ ตัวเอง เปนสวน แผนภาพ แผนภูมิ เทคโนโลยี เปดเผยตอ ธรรมชาติโดย บอก
หนงึ่ ของระบบ ธรรมชาติใช ตาราง หรือกราฟ - สรางเครอื่ งมอื และ สาธารณะไมสูญ หาย ไดวาสงิ่ ตาง ๆ ใน
ทรัพยากรธรรมชาตติ าม ไดอยางเหมาะสม อปุ กรณเพ่ือ ขยาค ซง่ึ มผี ลตอภาพ ธรรมชาติมี ความ
ความจำเปน กับขอมลู และตรง วามสามารถ ลกั ษณในจจุบันและ สัมพันธเช่อื มโยงกนั
กบั จดุ ประสงคใน ของตนเองตาม ในอนาคตจงึ อยางเปนระบบ
การนำเสนอ ความสนใจ และแก ตองรกั ษาอตั ลกั ษณ - เคารพระบบ

- วิเคราะหขอมูล ปญหาจาก สถาน (digital citizen ธรรมชาติและเห็น

จากตาราง แผนภูมิ การณ identity) และรอง ตัวเองเปนสวนหนึ่ง

หรอื กราฟ เพอื่ เลือก ปจจุบนั รอยทางดจิ ทิ ลั ของระบบ โดยใช

ชดุ ขอมูลทส่ี อดคล - เลือกใชเทคโนโลยี (digital footprint) ทรัพยากรธรรมชาติ

องกับสมมติฐานลง เพื่อแก ของตนเองโดย ตามความจำเปน

ข้อสรุปจากขอมูลที่ ปญหา จากสถานกา การแสดงออก และไมเปนสวนหนึ่ง

นำเสนอ และ รณปจจบุ ันใน อยางเหมาะสม ท่ีทำใหเกดิ ความ

ประเมนิ ความ โรงเรียน หรือชุมชน เสียหายหรือการ

สมเหตุสมผลของ และเลือกใช เปลี่ยนแปลงที่

ขอสรุปและ เทคโนโลยี

หลักสูตรสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรียนวัดแม่แกด้ นอ้ ย พุทธศกั ราช 2565 ระดบั ประถมศกึ ษา

217

พฤติกรรมบ่งช้ี

1. การเขาใจ 2. การเชอื่ มโยง 3. การสราง 4. การมี

ปรากฏการณที่ ความสัมพันธของ ใช และรเู ทาทนั คุณลกั ษณะทาง

ระดบั คำนยิ ามบรรยายระดับ เกิดข้นึ บนโลก คณิตศาสตร วทิ ยาการ คณติ ศาสตรและ
และในเอกภพ วิทยาศาสตรและ เทคโนโลยี วทิ ยาศาสตร

เทคโนโลยี สำหรบั การอยรู วม

เพอ่ื การอยรู วมกนั กับธรรมชาติ

กับธรรมชาติ อยางย่ังยนื

อยางยง่ั ยืน

ขอกลาวอาง อยางคมุ คาดวยการ สงผลกระทบตอ

(claim) การอธบิ าย นำกลบั มาใชซ้ำ ลด ธรรมชาติและสิ่ง

ปรากฏการณ การใช หรือแปรรปู แวดลอม

- อธิบายสาเหตแุ ละ แลวนำกลับมาใช

กระบวนการของ ใหม ความฉลาดทาง

ปรากฏการณทวั่ ไป ดิจิทลั

จากหลกั ฐานที่ - ใชเทคโนโลยี

รวบรวมได โดยใช ดิจิทลั ในการคนหา

ความรู้ในศาสตรต จดั การ และ

างๆ นำเสนอขอมลู

- อธิบายความ เพ่อื การแก้ปัญหา

เชอ่ื มโยงกนั อยาง อยางสรางสรรค

เปนระบบของ - เขาใจโดยระบวุ า

ปรากฏการณทวั่ ไป ขอมลู บนสอ่ื ดจิ ิทลั

ท่ีเกี่ยวของกันซึ่งมี ที่เปดเผยตอ

ผลตอ ธรรมชาติ สาธารณะไมสูญ

และสงิ่ แวดลอมใน หายซง่ึ มผี ล

ชมุ ชน ตอภาพลักษณใน

- คาดการณ ปจจบุ ันและใน

เกย่ี วกับปรากฏ อนาคตจงึ ตอง

การณทั่วไปอยาง รกั ษาอตั ลักษณ

สมเหตุสมผลโดย (digital citizen

อาศัยหลักวิชาและ identity) และรอง

ขอมูลทีร่ วบรวมได รอยทางดจิ ิทลั

(digital footprint)

ของตนเองโดยการ

แสดงออก

อยางเหมาะสม

หลกั สตู รสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรียนวดั แมแ่ ก้ดน้อย พุทธศกั ราช 2565 ระดับประถมศึกษา

218

4.8.2 ประเภทการประเมนิ สมรรถนะ

การจัดการเรียนร้เู พื่อพัฒนาสมรรถนะผ้เู รยี นตามหลักสูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรียนวัด
แม่แก้ดน้อย พทุ ธศกั ราช 2565

ยึดหลักการที่ว่า ผู้เรียนทุกคนสามารถประสบความสำเร็จได้ตามความถนัด ความชอบและ
ศักยภาพในรูปแบบ ของตนเอง การจัดการเรียนรู้จึงต้องสนับสนุนให้ผู้เรียนเป็นเจ้าของการเรียนรู้ทีเ่ ออื้
ให้ผู้เรียนคน้ หาตัวเองเพื่อเลือก เส้นทางการเรียนรู้ (Learning Pathways) ตอบสนองความแตกต่างของ
ผู้เรียน (Different Instruction) มีความยืดหยุ่นเพื่อสนับสนุนการเรียนรู้ของผู้เรียนเป็นรายบุคคล
(Individual Support) คำนึงถึงจังหวะ ในการเรียนรู้ของผู้เรียน (Self-Pacing) สอดคล้องกับบริบทของ
ผู้เรียน ชุมชนแวดล้อม และจุดเน้นของสถานศึกษา การจัดการเรียนรู้ต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนกำกับการ
เรยี นรู้ของตนเอง เพอ่ื ให้บรรลเุ ปา้ หมายการเรียนรู้

ดังนั้น การออกแบบการเรียนรู้ต้องผสานกันไปกับการประเมิน โดยมีการวิเคราะห์ผู้เรียน
รายบุคคล ว่ามีความสามารถ ความสนใจสิ่งใด เพื่อนำไปสู่การออกแบบการเรียนรู้ที่สอดคล้องและ
เหมาะสมกับการพัฒนา สมรรถนะของผู้เรียนแต่ละบุคคล ผู้เรียนจะได้รับข้อมูลป้อนกลับจากการ
ประเมนิ ตนเองและผู้อื่นประเมิน ทัง้ ในขณะท่ีปฏิบัติกิจกรรมและหลังจากการปฏิบตั ิกิจกรรม นำไปสู่การ
ปรับปรุงและพัฒนาการเรียนรู้ของตน รวมทั้งได้รับการสนับสนุนช่วยเหลือที่สอดคล้องกับความต้องการ
บนเส้นทางการเรียนรู้ของตนเองในระยะเวลา ที่แตกต่างกันตามความจำเป็นของแต่ละคน เพื่อเอื้อให้
ผู้เรยี นได้พฒั นาสมรรถนะเต็มตามศกั ยภาพสูร่ ะดบั ความสามารถท่ีสูงขึน้

❖ การประเมินการเรยี นรู้
การประเมินการเรียนรู้มีจุดมุ่งหมายหลักเพื่อพัฒนาผู้เรียน การประเมินการเรียนรู้ของผู้เรียน
ตั้งอยบู่ นหลักการท่ีสำคญั วา่ การประเมนิ เป็นประสบการณก์ ารเรยี นรู้ที่มีความหมาย สรา้ งแรงจูงใจ และ
ส่งเสรมิ การเรียนร้ขู องผู้เรียน สามารถดำเนินการได้ตลอดเวลา ในชว่ งเวลาทีเ่ หมาะสม มีความเก่ียวข้อง
เชื่อมโยง และนำไปใช้ประโยชน์ต่อได้ การประเมินเป็นประสบการณ์การเรียนรู้ที่เป็นบวกส่งเสริมให้
ผู้เรียนแสดงออกถึง การพัฒนาสมรรถนะตามเกณฑ์การปฏิบัติ (Performance Criteria) ที่กำหนดเป็น
การวัดอิงเกณฑ์ ประเมิน ความก้าวหน้าตามอัตราตนเองเมื่อผู้เรียนพร้อม ผู้เรียนได้รับทราบเกณฑ์การ
ประเมนิ และข้อมลู พัฒนาการของ ตนเองทีช่ ัดเจนเพื่อเป็นข้อมูลป้อนกลับในการพัฒนาสมรรถนะ ผู้เรียน
สามารถเลื่อนระดับการพัฒนาได้ (Advancement) หากแสดงถึงหลักฐาน หรือร่องรอยการปฏิบัติ
(Evidence) ที่บ่งบอกความชำนาญ (Mastery) ของผู้เรียน หากไม่ผ่านผู้เรียนจะได้รับความช่วยเหลือ
อยา่ งทนั ทว่ งทเี พ่อื พฒั นาส่รู ะดบั สมรรถนะขนั้ ถัดไป

หลกั สตู รสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรียนวดั แม่แกด้ นอ้ ย พุทธศักราช 2565 ระดบั ประถมศึกษา

219

การประเมินบูรณาการอยู่ในกระบวนการเรียนรู้ กระบวนการประเมินเน้นการรวบรวมหลักฐาน
การเรียนรู้เพื่อให้ได้สารสนเทศเกี่ยวกับพัฒนาการของผู้เรียนทั้งในด้านสมรรถนะเฉพาะและสมรรถนะ
หลัก เพื่อใช้ในการพัฒนาผู้เรียนอย่างต่อเนื่อง การประเมินการเรียนรู้ของผู้เรียนดำเนินการทั้งการ
ประเมนิ เพื่อพฒั นา และการประเมนิ เพื่อสรุปผล ด้วยวธิ กี ารท่ีหลากหลายและสอดคล้องกับวัยและความ
ต้องการจำเปน็ ของผเู้ รียน และธรรมชาตขิ องศาสตร์

✓ การประเมินเพื่อพัฒนา เป็นจุดเน้นหลักของหลักสูตรฐานสมรรถนะและมีบทบาท
สำคัญในการ ขับเคลื่อนการเรียนรู้ของผู้เรียน โดยเฉพาะในระหว่างการจัดการเรียนรู้ การประเมินเพ่ือ
พัฒนาให้ความสำคัญกับ สมรรถนะเฉพาะซึ่งครอบคลุมความรู้ ทักษะ คุณลักษณะและเจตคติ และ
สมรรถนะหลักซึ่งเนน้ กระบวนการ ผ่านผลลัพธ์การเรียนรู้ โดยพิจารณาจากหลกั ฐานการเรยี นรู้เทยี บกบั
เกณฑ์ การประเมินเพื่อพัฒนาควรดำเนินการ ระหว่างการจัดการเรียนรู้เป็นระยะ ซึ่งเป็นการแสดง
ความก้าวหน้าในการเรียนรู้ และให้ข้อมูลป้อนกลับ เพื่อ การปรับปรุงและพัฒนาผู้เรียน รวมถึงส่งเสริม
และช้แี นะการเรยี นรู้ในลำดบั ต่อไป และวางแผนเปา้ หมาย และเส้นทางการเรียนร้ใู นอนาคต ผู้เรยี นควรมี
สว่ นรว่ มในการประเมินตนเองและเพ่ือน เพ่อื พัฒนาทักษะในการ กำหนดเปา้ หมายและวัตถุประสงค์การ
เรยี นรู้ และเพื่อวเิ คราะห์การเรียนรู้ รวมท้ังเพอ่ื เพม่ิ แรงจูงใจและกำกบั การเรยี นรขู้ องตนเอง

✓ การประเมินรวบยอด เปน็ การพจิ ารณาสมรรถนะเฉพาะและสมรรถนะหลักเพื่อทำการ
ตัดสินใจ ในหลายลักษณะ ทั้งการตัดสินผลการเรียน การเลื่อนชั้น และการจบการศึกษา การประเมิน
สรุปผลพิจารณา หลักฐานการเรียนรู้เทียบกับเกณฑ์ การประเมินสรุปผลสมรรถนะเฉพาะประเมินผ่าน
ผลลัพธ์การเรยี นร้เู มือ่ ผู้เรยี น พรอ้ ม หรือเม่ือจบหนว่ ยการเรยี นรู้ ส่วนการประเมนิ สมรรถนะหลักประเมิน
เมื่อจบปีการศึกษา เพื่อสะทอ้ นภาพ การพฒั นาสมรรถนะของผเู้ รียนตลอดแนว

การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ แบ่งออกเป็น 4 ระดับ ได้แก่ ระดับชั้นเรียน ระดับ
สถานศกึ ษา ระดบั เขตพ้นื ท่ีการศกึ ษา และระดบั ชาติ มรี ายละเอียด ดงั น้ี

1. การประเมินระดับชั้นเรียน เป็นการวัดและประเมินผลที่อยู่ในกระบวนการจัดการ
เรียนรู้ ผ้สู อนดำเนนิ การเปน็ ปกติและสม่ำเสมอ ในการจดั การเรยี นการสอน ใชเ้ ทคนคิ การประเมินอย่าง
หลากหลาย เช่น การซักถาม การสังเกต การตรวจการบ้าน การประเมินโครงงาน การประเมินชิ้นงาน/
ภาระงาน แฟม้ สะสมงาน การใช้แบบทดสอบ ฯลฯ โดยผสู้ อนเปน็ ผ้ปู ระเมนิ เองหรือเปดิ โอกาสให้ผู้เรียน
ประเมินตนเอง เพื่อนประเมินเพื่อน ผู้ปกครองร่วมประเมิน ในกรณีที่ไม่ผ่านตัวชี้วัดให้มีการสอนซ่อม
เสริม การประเมินระดับชั้นเรียนเป็นการตรวจสอบว่า ผู้เรียนมีพัฒนาการความก้าวหน้าในการเรียนรู้
อันเป็นผลมาจากการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนหรือไม่ และมากน้อยเพียงใด มีสิ่งที่จะต้องได้รับการ

หลกั สตู รสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นวดั แมแ่ กด้ นอ้ ย พุทธศักราช 2565 ระดบั ประถมศกึ ษา

220

พัฒนาปรับปรุงและส่งเสริมในด้านใด นอกจากนี้ยังเป็นข้อมูลให้ผู้สอนใช้ปรับปรุงการเรียนการสอนของ
ตนด้วย ทั้งนี้โดยสอดคลอ้ งกับมาตรฐานการเรียนรแู้ ละตวั ชว้ี ดั

2. การประเมินระดบั สถานศกึ ษา เป็นการประเมนิ ทีส่ ถานศึกษาดำเนินการเพอ่ื ตัดสินผล
การเรียนของผู้เรียนเป็นรายปี/รายภาค ผลการประเมินการอ่าน คิดวเิ คราะห์และเขียน คุณลักษณะ อัน
พึงประสงค์ และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน นอกจากนี้เพื่อให้ได้ข้อมูลเกี่ยวกับการจัดการศึกษา ของ
สถานศึกษา ว่าส่งผลต่อการเรียนรู้ของผู้เรียนตามเป้าหมายหรือไม่ ผู้เรียนมีจุดพัฒนาในด้านใด รวมท้ัง
สามารถนำผลการเรียนของผู้เรียนในสถานศึกษาเปรียบเทียบกับเกณฑ์ระดับชาติ ผลการประเมินระดับ
สถานศกึ ษาจะเป็นข้อมลู และสารสนเทศเพ่ือการปรับปรุงนโยบาย หลกั สูตร โครงการ หรอื วิธีการจัดการ
เรียนการสอน ตลอดจนเพื่อการจัดทำแผนพัฒนาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษา ตามแนวทางการ
ประกันคุณภาพการศึกษาและการรายงานผลการจัดการศึกษาต่อคณะกรรมการสถานศึกษา สำนักงาน
เขตพน้ื ทก่ี ารศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขนั้ พืน้ ฐาน ผู้ปกครองและชมุ ชน

3. การประเมินระดับเขตพื้นที่การศึกษา เป็นการประเมินคุณภาพผู้เรียนในระดับเขต
พื้นที่การศึกษาตามมาตรฐานการเรียนรู้ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน เพื่อใช้เป็นข้อมูล
พื้นฐานในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของเขตพื้นที่การศึกษา ตามภาระความรับผิดชอบ สามารถ
ดำเนนิ การโดยประเมินคณุ ภาพผลสัมฤทธิ์ของผู้เรยี นดว้ ยข้อสอบมาตรฐานท่จี ัดทำและดำเนนิ การโดยเขต
พื้นที่การศึกษา หรือด้วยความร่วมมือกับหน่วยงานต้นสังกัด ในการดำเนินการจัดสอบ นอกจากนี้ยังได้
จากการตรวจสอบทบทวนข้อมูลจากการประเมนิ ระดบั สถานศึกษาในเขตพน้ื ท่กี ารศึกษา

4. การประเมินระดับชาติ เป็นการประเมินคุณภาพผู้เรียนในระดับชาติตามมาตรฐาน
การเรียนรู้ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พื้นฐาน สถานศึกษาต้องจัดให้ผู้เรียนทุกคนท่ีเรียน ในช้ัน
ประถมศึกษาปีที่ 3 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 และมัธยมศึกษาปีที่ 3 เข้ารับการประเมิน ผลจากการ
ประเมินใช้เป็นข้อมูลในการเทียบเคียงคุณภาพการศึกษาในระดับต่าง ๆ เพื่อนำไปใช้ในการวางแผน
ยกระดับคุณภาพการจัดการศึกษา ตลอดจนเป็นข้อมูลสนับสนุนการตัดสินใจในระดับนโยบายของ
ประเทศ

ข้อมูลการประเมินในระดับต่างๆ ข้างต้น เป็นประโยชน์ต่อสถานศึกษาในการตรวจสอบ
ทบทวนพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ถือเป็นภาระความรับผิดชอบของสถานศึกษาที่จะต้องจัดระบบดูแล
ช่วยเหลือ ปรับปรุงแก้ไข ส่งเสริมสนับสนุนเพื่อให้ผู้เรียนได้พัฒนาเต็มตามศักยภาพบนพื้นฐานความ
แตกต่างระหวา่ งบคุ คลทจี่ ำแนกตามสภาพปญั หาและความต้องการ ได้แก่ กลุ่มผเู้ รยี นทว่ั ไป กลมุ่ ผู้เรียนที่
มีความสามารถพิเศษ กลุ่มผู้เรียนที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่ำ กลุ่มผู้เรียนที่มีปัญหาด้านวินัยและ

หลกั สตู รสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรียนวดั แมแ่ กด้ น้อย พุทธศกั ราช 2565 ระดบั ประถมศกึ ษา

221

พฤติกรรม กลุ่มผู้เรียนที่ปฏิเสธโรงเรียน กลุ่มผู้เรียนที่มีปัญหาทางเศรษฐกิจและสังคม กลุ่มพิการทาง
ร่างกายและสติปัญญา เป็นต้น ข้อมูลจากการประเมินจึงเป็นหัวใจของสถานศึกษาในการดำเนินการ
ชว่ ยเหลือผูเ้ รยี นไดท้ นั ท่วงที ปิดโอกาสให้ผูเ้ รียนไดร้ บั การพฒั นาและประสบความสำเรจ็ ในการเรยี น

สถานศึกษาในฐานะผู้รับผิดชอบจัดการศึกษา จะต้องจัดทำระเบียบว่าด้วยการวัดและ
ประเมินผลการเรียนของสถานศึกษาให้สอดคล้องและเป็นไปตามหลักเกณฑ์และแนวปฏิบัติที่เป็น
ข้อกำหนดของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน เพื่อให้บุคลากรที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายถือปฏิบัติ
ร่วมกัน

❖ การตัดสนิ ผลการเรียน
การตัดสนิ ผลการเรียน ดำเนินการใน 2 สว่ น ดงั น้ี

ส่วนที่ 1 ตัดสินผลการเรียนตามผลลัพธ์การเรียนรู้ โดยกำหนดเป็นระดับผลการเรียนซึ่ง
สะทอ้ นถึง ความกา้ วหน้าในการเรียนรู้ของผเู้ รยี น เชน่ กำหนดเป็นระบบสัญลักษณ์ ระบบตัวอักษร หรือ
คำสำคญั อน่ื ที่สถานศกึ ษากำหนด ซึ่งพจิ ารณาจากข้อมูล หรอื หลักฐานที่เป็นผลจากการเรียนรู้

ส่วนที่ 2 ตัดสินผลการพัฒนาสมรรถนะหลักของผู้เรียน ตามระดับความสามารถที่ส่วนกลาง
กำหนด (ระดบั ตน้ กำลงั พัฒนา สามารถ และเหนือความคาดหวัง) ซง่ึ พิจารณาจากข้อมลู หรือหลักฐานท่ี
เป็นผลจากการเรยี นรู้

❖ การใหร้ ะดับผลการเรยี น
ระดบั ประถมศึกษา

• การตัดสินเพื่อให้ระดับผลการเรียนรายวิชา สถานศึกษาสามารถให้ระดับผลการเรียน
หรือระดับคุณภาพการปฏิบัติของผู้เรียน เป็นระบบตัวเลข ระบบตัวอักษร ระบบร้อย
ละ และระบบที่ใช้คำสำคญั สะทอ้ นมาตรฐาน

• การประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์และเขียน และคุณลักษณะอันพึงประสงค์นั้น ให้
ระดับผล การประเมินเป็น ดเี ยยี่ ม ดี และผา่ น

• การประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน จะต้องพิจารณาทั้งเวลาการเข้าร่วมกิจกรรม การ
ปฏิบัติกิจกรรมและผลงานของผู้เรียน ตามเกณฑ์ที่สถานศึกษากำหนด และให้ผลการ
เขา้ ร่วมกิจกรรมเปน็ ผา่ น และไม่ผา่ น

หลกั สูตรสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรียนวัดแมแ่ กด้ น้อย พุทธศักราช 2565 ระดับประถมศึกษา

222

4.8.3 เกณฑ์การจบการศกึ ษา
หลักสูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะ โรงเรียนวัดแม่แก้ดน้อย พุทธศักราช 2565 ระดับ
ประถมศึกษา กำหนดเกณฑ์สำหรับการจบการศกึ ษา โดยมรี ายละเอียดดงั น้ี

เกณฑก์ ารจบการศึกษา ผู้เรยี นจบการศกึ ษาได้เมอื่
1) มีผลการเรียนตามผลลพั ธ์การเรยี นรู้ ตามเกณฑ์ทสี่ ถานศกึ ษากำหนด
2) มีผลการพฒั นาสมรรถนะหลักตามเกณฑ์ท่สี ว่ นกลางกำหนด โดยมสี มรรถนะหลัก อย่างน้อย

2 สมรรถนะ อยใู่ นระดับ “สามารถ” ข้ึนไป
ทั้งนี้ สถานศึกษาสามารถกำหนดเกณฑ์การจบการศึกษาเพิ่มเติม รวมทั้งกำหนดเกณฑ์
ท่เี หมาะสมกบั กล่มุ เปา้ หมายเฉพาะ
3) สถานศึกษาเปน็ ผูพ้ จิ ารณาอนมุ ตั ิการจบการศึกษา

หลักฐานการจบการศึกษาจากสถานศึกษาให้ฐานสมรรถนะ โดยมีองค์ประกอบอย่าง
นอ้ ย 2 สว่ น ได้แก่ ผลการเรียนตามผลลพั ธ์การเรยี นร้เู ม่ือจบระดบั การศกึ ษา และระดับสมรรถนะหลัก

เกณฑ์การจบระดบั ประถมศึกษา
1. ผูเ้ รยี นเรยี นรายวิชาพ้ืนฐาน จำนวน 640 ชั่วโมง และรายวิชาเพม่ิ เตมิ จำนวน 120 ช่ัวโมง
และมีผลการประเมนิ รายวิชาพ้นื ฐานผ่านทุกรายวิชา
2. ผ้เู รียนตอ้ งมีผลการประเมนิ การอา่ น คิดวิเคราะห์ และเขียน ระดับ “ผ่าน” ขนึ้ ไป
3. ผู้เรยี นมีผลการประเมนิ คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ ระดบั “ผา่ น” ขนึ้ ไป
4. ผู้เรียนต้องเข้าร่วมกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนและได้รับการตัดสินผลการเรียน “ผ่าน” ทุก
กิจกรรม
5. มีผลการพัฒนาสมรรถนะหลักตามเกณฑ์ท่ีส่วนกลางกำหนด โดยมีสมรรถนะหลัก อย่างน้อย
2 สมรรถนะ อยใู่ นระดับ “สามารถ” ขึ้นไป

หลกั สตู รสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรียนวดั แมแ่ กด้ นอ้ ย พุทธศกั ราช 2565 ระดับประถมศึกษา

223

4.8.4 การรายงานผลการพัฒนาและการเลอ่ื นชน้ั
การรายงานผลการเรียนเป็นการส่ือสารให้ผู้ปกครองและผู้เรียนทราบความก้าวหน้าในการ

เรียนรู้ของผู้เรียน ซึ่งสถานศึกษาต้องสรุปผลการประเมินและจัดทำเอกสารรายงานให้ผู้ปกครองทราบ
เป็นระยะๆ หรอื อยา่ งน้อยภาคเรียนละ 1 ครัง้

การรายงานผลการเรียนสามารถรายงานเป็นระดับคุณภาพการปฏิบัติของผู้เรียนที่สะท้อน
ผลลัพธก์ ารเรียนรู้และพฤติกรรมตามระดับของแตล่ ะสมรรถนะ

o การรายงานผลการพัฒนา
1) การรายงานผลการเรียนรู้ในระหว่างชั้นปีและเมื่อจบช่วงชั้นให้ฐานสมรรถนะ โดยมี
องค์ประกอบอย่างน้อย 2 ส่วน ได้แก่ ผลการเรียนรู้ตามผลลัพธ์การเรียนรู้ที่ผู้เรียนบรรลุ และสรุปผล
ระดับ สมรรถนะหลกั ทผี่ ้เู รยี นบรรลุ

2) หากผู้เรียนย้ายสถานศึกษาระหว่างการศึกษาภายในชั้นปี สถานศึกษาดำเนินการ
สรปุ รายงานผลการเรียนรขู้ องผเู้ รยี นในปกี ารศกึ ษาท่ีผา่ นมาและผลการเรยี นรูท้ บี่ รรลใุ นชว่ งเวลานน้ั

o การเลอ่ื นชั้น
การเลอ่ื นชั้นของผู้เรยี น แบง่ เปน็ 2 ประเภท ได้แก่ การเลื่อนชน้ั ระหวา่ งชน้ั ปี และ การ
เลือ่ นชนั้ เมื่อจบช่วงช้ัน

1) การเลื่อนชั้นระหว่างชั้นปีเป็นการประเมินเพื่อจัดทำข้อมูลการเรียนรูข้ องผู้เรียน ใน
แต่ละผลลัพธ์การเรียนรู้ในระหว่างการศึกษา หรือชั้นปีที่ 1 - 2 ของแต่ละช่วงชั้น ผู้เรียนจะได้รับการ
เลื่อนชั้น หากมีผลการเรียนรู้ตามผลลัพธ์การเรียนรู้ที่กำหนดในรายวิชาที่เรียน ถ้าผลการเรียนรู้ของ
ผู้เรียนต่ำ หรือไม่เป็นไป ตามระดับที่คาดหวังที่สถานศึกษากำหนด สถานศึกษาสามารถให้ผู้เรียนเลื่อ น
ระดับชั้นปไี ด้ โดยจดั กิจกรรม หรือ ระบบสนับสนุนอ่ืน ซ่งึ สอดคล้องกับหลักสตู รสถานศึกษา เพ่ือช่วยให้
ผู้เรยี นมผี ลการเรียนร้ตู ามที่หลักสูตร สถานศกึ ษากำหนด

2) การเลื่อนชั้นเมื่อจบช่วงชั้น (จากช่วงชั้นที่ 1 ไปช่วงชั้นที่ 2) เป็นการตัดสินผลการ
เรยี นรู้ ในภาพรวมเพ่ือพิจารณาตัดสนิ การเลื่อนช้ันระหว่างชว่ งช้ัน เมอ่ื จบการศึกษาหรือช้ันปีสุดท้ายของ
ช่วงชน้ั ท่ี 1 และ ชว่ งชน้ั ที่ 2 การเลือ่ นระหว่างชว่ งชนั้ สามารถดำเนินการไดเ้ มอ่ื ผูเ้ รียนมีผลลพั ธ์การเรียนรู้
ตามเกณฑท์ ่ีสถานศกึ ษา กำหนดและมีสมรรถนะหลกั ตามเกณฑ์ทส่ี ่วนกลางกำหนด

หลกั สตู รสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรียนวัดแม่แกด้ นอ้ ย พุทธศักราช 2565 ระดับประถมศึกษา

224

3) เกณฑ์การเลื่อนชั้น ทั้งการเลื่อนระหว่างชั้นปีและเลื่อนเมื่อจบช่วงชั้นให้เป็นไปตาม
ที่หลักสูตรสถานศึกษากำหนด ซึ่งต้องสะท้อนสมรรถนะและหรือคุณลักษณะตามเป้าหมายของหลกั สูตร
ทง้ั นี้ ใหส้ ถานศึกษาเป็นผู้พิจารณาอนุมตั กิ ารเลือ่ นชน้ั โดย

3.1) เกณฑ์การเลื่อนชั้นระหว่างชั้นปี : ผู้เรียนจะได้รับการเลื่อนชั้นเมื่อมีผลลัพธ์ การ
เรียนรู้ตามเกณฑ์ที่สถานศึกษากำหนด ซึ่งระบุความสามารถสำคัญที่ผู้เรียนพึงมี
(Minimum Requirement)
3.2) เกณฑ์การเลื่อนช้ันเมื่อจบชว่ งชั้น : ผเู้ รียนจะได้รับการเลื่อนชว่ งช้ันเม่ือบรรลุครบ
ทุกผลลัพธ์การเรียนรู้ช่วงชั้นตามเกณฑ์ที่สถานศึกษากำหนด และมีสมรรถนะหลักตาม
เกณฑท์ ่สี ่วนกลางกำหนด
ทั้งนี้ เกณฑ์ที่ส่วนกลางกำหนดมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้สถานศึกษานำไปใช้เป็นเกณฑ์
เปรียบเทยี บในการกำหนดเกณฑใ์ นการพัฒนาผเู้ รยี นของโรงเรียนด้วย

❖ เอกสารหลกั ฐานการศึกษา
เอกสารหลักฐานการศึกษา เป็นเอกสารสำคัญที่บันทึกผลการเรียน ข้อมูลและสารสนเทศที่
เก่ยี วขอ้ งกับพฒั นาการของผูเ้ รยี นในด้านต่าง ๆ แบ่งออกเปน็ 2 ประเภท ดังนี้
1. เอกสารหลักฐานการศึกษาทกี่ ระทรวงศกึ ษาธกิ ารกำหนด

1.1 ระเบียนแสดงผลการเรียน เป็นเอกสารแสดงผลการเรียนและรับรองผลการเรียน
ของผเู้ รียนตามรายวิชา ผลการประเมินการอา่ น คดิ วเิ คราะห์และเขยี น ผลการประเมนิ คุณลักษณะอันพึง
ประสงค์ของสถานศึกษา และผลการประเมินกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน สถานศึกษาจะต้องบันทึกขอ้ มูลและ
ออกเอกสารน้ีใหผ้ ู้เรียนเป็นรายบคุ คล เมื่อผ้เู รียนจบการศกึ ษาระดับประถมศกึ ษา (ช้ันประถมศกึ ษาปที ่ี 6
และมัธยมศึกษาปีที่ 3 )

1.3 แบบรายงานผู้สำเร็จการศึกษา เป็นเอกสารอนุมัติการจบหลักสูตรโดยบันทึก
รายชอื่ และขอ้ มลู ของผู้จบการศกึ ษาระดบั ประถมศึกษา (ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี 6 และมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 3)

หลักสูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรียนวัดแม่แกด้ นอ้ ย พุทธศกั ราช 2565 ระดบั ประถมศกึ ษา

225

2. เอกสารหลักฐานการศกึ ษาท่ีสถานศึกษากำหนด
เป็นเอกสารที่สถานศึกษาจัดทำขึ้นเพื่อบันทึกพัฒนาการ ผลการเรียนรู้ และข้อมูลสำคัญ
เกี่ยวกับผู้เรียน เช่น แบบรายงานประจำตัวนักเรียน แบบบันทึกผลการเรียนประจำรายวิชา ระเบียน
สะสม ใบรับรองผลการเรยี น และ เอกสารอื่นๆ ตามวตั ถุประสงค์ของการนำเอกสารไปใช้

❖ การเทียบโอนผลการเรยี น
สถานศึกษาสามารถเทียบโอนผลการเรียนของผู้เรียนในกรณีต่างๆได้แก่ การย้ายสถานศึกษา
การเปลี่ยนรูปแบบการศึกษา การย้ายหลักสูตร การออกกลางคันและขอกลับเข้ารับการศึกษาต่อ
การศกึ ษาจากต่างประเทศและขอเข้าศึกษาต่อในประเทศ นอกจากน้ี ยงั สามารถเทียบโอนความรู้ ทักษะ
ประสบการณ์จากแหล่งการเรียนรู้อื่นๆ เช่น สถานประกอบการ สถาบันศาสนา สถาบันการฝึกอบรม
อาชีพ การจัดการศกึ ษาโดยครอบครวั
การเทียบโอนผลการเรียนควรดำเนินการในช่วงก่อนเปิดภาคเรียนแรก หรือต้นภาคเรียนแรก ที่
สถานศึกษารับผู้ขอเทียบโอนเป็นผูเ้ รียน ท้ังน้ี ผเู้ รียนทไ่ี ดร้ บั การเทียบโอนผลการเรียนต้องศึกษาต่อเน่ือง
ในสถานศึกษาที่รับเทียบโอนอย่างน้อย 1 ภาคเรียน โดยสถานศึกษาที่รับผู้เรียนจากการเทียบโอนควร
กำหนดรายวิชา/จำนวนหนว่ ยกิตที่จะรับเทยี บโอนตามความเหมาะสม
การพิจารณาการเทียบโอน สามารถดำเนนิ การได้ ดังนี้
1. พจิ ารณาจากหลกั ฐานการศกึ ษา และเอกสารอื่นๆ ที่ใหข้ อ้ มลู แสดงความรู้ ความสามารถของ
ผู้เรียน
2. พิจารณาจากความรู้ ความสามารถของผู้เรียนโดยการทดสอบด้วยวิธีการต่างๆ ทั้งภาค
ความรแู้ ละภาคปฏบิ ัติ
3. พจิ ารณาจากความสามารถและการปฏบิ ตั ใิ นสภาพจริง
การเทยี บโอนผลการเรียนใหเ้ ปน็ ไปตาม ประกาศ หรือ แนวปฏิบตั ิ ของกระทรวงศึกษา

หลกั สูตรสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรียนวดั แม่แก้ดนอ้ ย พุทธศกั ราช 2565 ระดับประถมศกึ ษา

226

4.9 การบรหิ ารจดั การหลกั สตู ร
⍟ การบริหารจัดการหลกั สตู รฐานสมรรถนะ
โรงเรยี นวัดแม่แก้ดน้อยมภี ารกจิ หลักในการจดั การศกึ ษาให้ผเู้ รียน ได้รับการพัฒนาอย่างเต็มตาม
ศักยภาพ และดำเนินการสร้างและพัฒนาหลักสูตรฐานสมรรถนะเพื่อให้สอดคล้องกับเป็นโรงเรียนพื้นท่ี
นวตั กรรมการศึกษาส่กู ารปฏบิ ัตมิ ีกระบวนการจัดการเรียนการสอนในช้ันเรียนอย่างมปี ระสิทธิ ภาพสร้าง
ความมั่นใจต่อพ่อแม่ผู้ปกครองและชุมชนว่าผู้เรียนจะมีคุณภาพตามมาตรฐานการศึกษาและ เกิด
สมรรถนะหลัก 6 ประการ อีกทั้งมีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ตามที่กำหนดไว้ในหลักสูตร ตลอดจนมี
คณุ ลักษณะตามจุดเน้นและอัตลกั ษณข์ องผู้เรียนดงั น้นั โรงเรยี นวดั แมแ่ ก้ดน้อยได้ศกึ ษาและพัฒนารูปแบบ
การจัดการเรียนรู้ฐานสมรรถนะใหค้ รอบคลุม ทั้งสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐานและพระราชบัญญัติ
พ้ืนทีน่ วตั กรรมการศึกษาพ.ศ. 2562
โดยศึกษาความต้องการของผู้เรียนผู้ปกครองชุมชนเครือข่ายทางการศึกษาและผู้มีส่วนได้
ส่วนเสียทางการศึกษาและท้องถิ่นเพื่อพัฒนาผู้เรียนให้เป็นผู้ที่ฉลาดรู้สร้างสรรค์นวัตกรรมเป็น
พลเมืองที่เข้มแข็งเพื่อตอบสนองนโยบายการศึกษาของชาติเป็นสมาชิกที่ดีของชุมชนสามารถอยู่ใน
สังคมแวดล้อมได้อย่างมีความสุขและเกิดความรักความผูกพันในบ้านเกิดเมืองนอนสอดคล้องกับ
อัตลักษณ์พลเมืองเชียงใหม่ที่ว่า “รักษ์วัฒนธรรมทันการเปลี่ยนแปลงและแสวงหาสัมมาชีพมีบทบาท
ภายในการพัฒนาชุมชนในการจัดการศึกษาให้บรรลุผลดังนั้นโรงเรียนได้ดำเนินการวางแผนใน
การบริหารจัดการหลักสูตรให้มีประสิทธิภาพและขับเคลื่อนการจัดการศึกษาโดยมีคณะผู้บริหารครู
และบุคลากรทางการศึกษาผู้ปกครองชุมชนและ คณะกรรมการสถานศึกษาได้ศึกษา
ทำความเข้าใจและเตรียมความพร้อมในการใช้หลกั สูตรอย่างต่อเนื่อง

⍟ การจดั ทำหลักสูตรฐานสมรรถนะโรงเรยี นพ้ืนท่ีนวัตกรรมของโรงเรียนวัดแม่แกด้ นอ้ ย
ในการจัดทำหลักสูตรฐานสมรรถนะของโรงเรียนวัดแม่แก้ดน้อยเน้นกระบวนการที่ต้องอาศัย

การมีสว่ นรว่ มของฝา่ ยต่างๆอาทฝิ ่ายบรหิ ารครูผูส้ อนผู้ปกครองชุมชนและผู้มีส่วนเก่ียวข้องต่างๆโรงเรียน
ไดด้ ำเนินการใน 2 ส่วนคอื

1.การดำเนินการในระดับสถานศึกษา โรงเรียนวัดแม่แก้ดน้อยดำเนินการพัฒนาหลักสูตรฐาน
สมรรถนะ โดยได้รบั ความร่วมมือจาก ผบู้ รหิ าร ฝ่ายวชิ าการ คณะครแู ละบลุ ากรทางการศึกษา ผ้ปู กครอง
และชุมชน ในการจัดทำหลักสูตรร่วมกัน ตลอดจนสร้างแนวปฏิบัติต่างๆทีเ่ กี่ยวข้อง เช่น ระเบียบการวดั
ประเมินผลการเรียนเอกสารบนั ทกึ ต่างๆ และรายงานผลการเรียน

หลกั สตู รสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นวัดแมแ่ กด้ นอ้ ย พุทธศกั ราช 2565 ระดับประถมศึกษา 227

2. การดำเนินการในระดับชั้นเรียน ดำเนินการโดยครูผู้สอนแต่ละรายวิชาร่วมกันวิเคราะห์
ผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียน ความต้องการความจำเป็นรวมทั้งกระแสการเปลี่ยนแปลงต่างๆ เพื่อนำมา
ออกแบบการจัดการเรียนรู้ให้สอดคล้องเหมาะสมกับวัย หรือความต้องการ ความสามารถและความ
แตกต่างระหว่างบุคคลของผู้เรียน

SWOT Analysis แต่งตงั้ คณะกรรมกำร
บรหิ ำรหลกั สตู ร

ส่งเสรมิ สนับสนุน จดั ทำหลกั สตู รฐำน กำกบั ดแู ล ตดิ ตำม
สมรรถนะ คุณภำพ
-พฒั นำบคุ ลำกร
-จดั สรรงบประมำณ คณะกรรมกำรสถำนศกึ ษำ -นิเทศตำมกำรใชห้ ลกั สตู ร
ทรพั ยำกร (พจิ ำรณำใหค้ วำม -จดั ระบบประกนั คณุ ภำพ
-ดำเนินงำนแบบมสี ว่ นร่วม เหน็ ชอบ) ภำยใน
-สง่ เสรมิ สนบั สนุนทำงวชิ ำกำร -วจิ ยั ตดิ ตำมผลกำรใช้
ใชห้ ลกั สตู รกำรเรยี นกำรสอน หลกั สตู ร
ระดบั ชนั้ เรยี น

วจิ ยั และตดิ ตำมกำรใชห้ ลกั สตู ร

***แผนภูมิการจดั ทำหลกั สูตรฐานสมรรถนะโรงเรียนวัดแมแ่ กด้ นอ้ ย***

หลกั สตู รสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นวัดแมแ่ กด้ นอ้ ย พุทธศักราช 2565 ระดบั ประถมศึกษา 228

• ข้ันตอนการจดั ทำหลักสตู รฐานสมรรถนะโรงเรยี นวดั แม่แกด้ น้อย
1. แตง่ ตง้ั คณะทำงานบริหารหลักสูตรทป่ี ระกอบไปด้วย ผู้บรหิ าร ฝ่ายวิชาการ คณะครู ตัวแทน

ผู้ปกครอง ตัวแทนคณะกรรมการสถานศึกษา และตัวแทนชุมชน เพื่อดำเนินการขับเคลื่อน การจัดทำ
หลกั สตู รฐานสมรรถนะของโรงเรยี นวดั แม่แก้ดน้อย

2. วเิ คราะห์ขอ้ มลู จากแหล่งตา่ งๆโดยใช้ข้อมูลจากผลการประเมินหลักสูตรทผี่ ่านมา กระแสการ
เปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นความต้องการ ความจำเป็นของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องสภาพปัญหาจุดเน้น นโยบาย
ข้อกำหนดกฎหมายทางการศึกษา เช่น แผนการศึกษาแห่งชาติ พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ร.บ.พื้นที่
นวัตกรรมการศึกษา นโยบายของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่ เขต 2 เพื่อนำมา
วเิ คราะห์โดยใช้วิธีการวเิ คราะห์ SWOT analysis

3. การจัดทำหลักสูตรฐานสมรรถนะ ซึ่งมีองค์ประกอบสำคัญ ได้แก่ ข้อมูลทั่วไป วิสัยทัศน์
สมรรถนะหลัก 6 ประการ คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ โครงสร้างหลักสตู ร คำอธิบายรายวิชา การจัดการ
เรียนรู้ การวัดและประเมินผลเกณฑ์การจบหลักสูตรและเอกสารระเบียบการวัดผลประเมินผลเพื่อใช้
ควบคกู่ ับ หลักสตู รฐานสมรรถนะของโรงเรยี นวดั แมแ่ ก้ดนอ้ ย

4. คณะกรรมการสถานศึกษาโรงเรียนวัดแม่แก้ดน้อยให้ความเห็นชอบ โดยเมื่อร่างหลักสูตร
สำเร็จ นำเสนอร่างหลักสูตรสมรรถนะให้คณะกรรมการสถานศึกษาเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบนำ
ข้อเสนอแนะ จากคณะกรรมการสถานศึกษามาปรับปรุงหลักสูตรให้มีความเหมาะสมชัดเจนยิ่งขึ้น
จากนนั้ นำเสนอ เพื่อการอนมุ ตั หิ ลกั สตู รโดยประธานกรรมการสถานศกึ ษาเป็นผ้ลู งนาม

5. ใช้หลักสูตรสมรรถนะครูผู้สอนนำหลักสูตรสมรรถนะโรงเรียนวัดแม่แก้ดน้อยไปกำหนด
โครงสร้าง รายวิชาและออกแบบหน่วยการเรียนรู้ฐานสมรรถนะ เพื่อพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณภาพตาม
เป้าหมาย

6. วิจัยและติดตามผลการใช้หลักสูตร เป็นการดำเนินการติดตามผลการใช้หลักสูตรสมรรถนะ
อยา่ งตอ่ เน่ืองเป็นระยะๆเพ่ือนำผลการติดตามมาใช้เป็นข้อมูลพจิ ารณาประเมินเพื่อปรับปรุงหลักสูตร ให้
มคี ณุ ภาพและมีความเหมาะสมยิ่งขน้ึ

หลักสตู รสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นวัดแมแ่ ก้ดน้อย พุทธศักราช 2565 ระดับประถมศกึ ษา 229

• การจัดชัน้ เรียน การจัดครเู ขา้ สอน การจัดตารางเรยี น
การจัดชั้นเรียน

โดยการจัดสภาพแวดล้อมทางกายภาพและสังคมที่เอื้อต่อการจัดการเรียนรู้อย่างมีคุณภาพ
โรงเรียนวัดแม่แก้ดน้อยคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้เรียนเป็นสำคัญสังเกตได้จากสภาพห้องเรียน
ห้องปฏิบัติการ เช่น ห้องวิทยาศาสตร์ ห้องคอมพิวเตอร์ และอาคารเรียนมีความมั่นคงปลอดภั ย มีส่ิง
อำนวยความสะดวกพืน้ ฐานตา่ งๆเช่น โตะ๊ เรยี น พัดลม โทรทัศน์ เคร่อื งรบั สัญญาณโทรทัศน์ โปรเจคเตอร์
เคร่ืองคอมพิวเตอร์และระบบสญั ญาณอนิ เทอรเ์ นต็ สำหรบั สืบค้นหาข้อมูลทีใ่ ชใ้ นการจัดการเรียนการสอน
ของครูผู้สอนและผู้เรียนอย่างเพียงพอ อยู่ในสภาพใช้การได้ดี สภาพแวดล้อมบริเวณโรงเรียนมีความร่ม
รน่ื บรรยากาศในชน้ั เรยี นท่เี อ้ือต่อการเรยี นรูข้ องผู้เรียน มแี หล่งเรียนรูท้ ้งั ภายในและภายนอกห้องเรียนท่ี
สง่ ผลให้ ผูเ้ รียนเกิดความกระตอื รือร้น ใฝร่ ู้และสนใจทีจ่ ะเรยี นรู้อยา่ งมีความสขุ
การจดั ครเู ข้าสอน

โรงเรียนวดั แมแ่ กด้ นอ้ ยมีบุคลากรและครผู สู้ อนเพียงพอ อีกท้งั เป็นผ้ทู ่ีมีคณุ วุฒิและวุฒิการศึกษา
ตามเกณฑ์ ออกแบบกิจกรรมการจัดการเรียนการสอนอย่างหลากหลายรูปแบบ เพื่อให้ผู้เรียนเกิดทักษะ
ความรู้ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ที่ยังจะส่งผลให้เกิดสมรรถนะต่อผู้เรียน ตามความถนัด ความสนใจ
ความตอ้ งการและความสามารถของแตล่ ะบคุ คลอย่างเต็มศกั ยภาพนอกจากนี้ครูผ้สู อนยงั มีความสามารถ
ในการพฒั นาตนเองทางวิชาชพี อย่างต่อเน่อื งอกี ดว้ ย
การจดั ตารางเรียน

โรงเรียนวัดแม่แก้ดน้อยได้จัดกิจกรรมที่ส่งเสริมการเรียนรู้เพื่อให้เกิดสมรรถนะในลักษณะของ
การบูรณาการในแต่ละกลุ่มสาระ การนำอัตลักษณ์เชิงพื้นที่ แหล่งเรียนรู้ปราชญ์ท้องถิ่น มาออกแบบ
กจิ กรรม ให้ผู้เรียนไดฝ้ กึ ปฏิบัตใิ หเ้ หมาะสมและสอดคล้องกับหนว่ ยการเรียนร้ใู นแต่ละช่วงวัย

หลกั สูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นวัดแมแ่ กด้ นอ้ ย พุทธศักราช 2565 ระดบั ประถมศึกษา 230

• การบรกิ าร วสั ดุ หลักสตู ร การจดั หา/จดั ซอื้ /จดั ทำ ส่อื และแหลง่ เรยี นรู้ตา่ งๆ

วัสดุและครุภัณฑ์เป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องสนับสนุนและส่งเสริมในการบริหารงานของโรงเรียน
เพ่อื รองรับการจัดการการเรียนรู้ตามหลกั สูตรฐานสมรรถนะ อีกทง้ั เพื่อชว่ ยเอื้ออำนวยให้ครูผู้สอนจัดการ
เรยี น การ สอนฐานะสมรรถนะให้มีประสิทธภิ าพและส่งผลต่อการจัดกจิ กรรมต่างๆ ให้กบั ผูเ้ รียนและการ
ทำงาน ของโรงเรียนวัดแม่แก้ดน้อยจะเป็นผลสำเร็จและลุล่วงไปด้วยดีจำเป็นต้องมีวัสดุอุปกรณ์และ
ครุภัณฑ์ ที่เพียงพอต่อการดำเนินงาน กิจกรรมต่างๆ รวมถึงการจัดบรรยากาศสิ่งแวดล้อม ห้องเรียน
ห้องปฏิบตั กิ ารตา่ งๆจำเป็นต้องมีวสั ดุอปุ กรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวกทเ่ี พยี งพอและเหมาะสม กับการ
ช่วยจัดบรรยากาศที่เออ้ื ตอ่ การเรียนการสอน

โรงเรียนวัดแม่แก้ดน้อยได้มีการวางแผนการบริการวัสดุ หลักสูตร การจัดหา จัดซื้อ จัดทำ ส่ือ
และแหล่งเรียนรู้โดยมีการประชุมชี้แจงวัตถุประสงค์และเป้าหมายอย่างชัดเจนมีการแต่งต้ัง
คณะกรรมการ ร่วมกันวิเคราะหส์ ภาพ สิ่งแวดลอ้ มภายในห้องเรยี นและห้องปฏิบัติการต่างๆ สำรวจวสั ดุ
อุปกรณ์ต่างๆ ที่ต้องใช้จัดหางบประมาณจัดซื้อวัสดุอุปกรณ์ครุภัณฑ์นำข้อมูลที่ได้จากการสังเกตการ
ปฏิบัติงานการจัดซื้อ วัสดุ อุปกรณ์ของใช้สำหรับ นักเรียน มีการตรวจสอบ นิเทศติดตามผล ตรวจสอบ
ความถูกต้องของการจัดซื้อ และจัดให้มีการประเมินผล และสรุปปัญหา/อุปสรรค ที่พบเพื่อเป็นแนว
ทางการแก้ไขพฒั นาและปรับปรงุ ตอ่ ไป

สื่อและแหล่งเรียนรู้ของโรงเรียนวัดแม่แก้ดน้อยตามหลักสูตรฐานสมรรถนะ คณะกรรมการ
บริหาร หลักสูตรและงานวิชาการเป็นผู้ดำเนินการพิจารณาคัดเลือกสื่อการเรียนรู้และอุปกรณ์การเรียน
การสอน ทจ่ี ะใช้ในสถานศกึ ษา แบง่ เป็น 4 ลกั ษณะ ดงั นี้

1. สื่อการเรียนรู้ตามหลักสูตร (หนังสือเรียน แบบฝึกหัด ชุดการเรียนการสอนและคู่มือครู) ที่
ได้รับอนุญาตจากกระทรวงศึกษาธิการตามบัญชีรายชื่อสื่อการเรียนรู้ที่ได้รับอนุญาตจาก
กระทรวงศึกษาธกิ าร

2. สื่อการเรียนรู้เสริมหลักสูตร เช่น หนังสืออ่านเพิ่มเติม หนังสืออ่านประกอบ หนังสือค้นคว้า
อ้างอิง สอ่ื อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ วีดีทศั น์

3. ส่ือการเรียนรทู้ สี่ อดคลอ้ งกับหน่วยการเรียนรู้บรู ณาการฐานสมรรถนะ ทด่ี ำเนินการจัดเตรียม
ข้นึ มาให้สอดคล้องกับหน่วยการเรียนร้บู ูรณาการจากการประชมุ วางแผนการจดั ทำสื่อของครผู ้สู อน ในแต่
ละระดบั ช้ัน

หลกั สตู รสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรียนวดั แมแ่ ก้ดน้อย พุทธศกั ราช 2565 ระดับประถมศึกษา 231

4.สือ่ และสถานการณ์การเรียนรู้ต้องมีความรว่ มสมัย มคี วามหลากหลาย และยดื หย่นุ ตามความ
สนใจ ความถนัดของผู้เรียน (Differentiated Instruction) สอดคล้องกับบริบท จุดเน้นของสถานศึกษา
และชมุ ชน แวดล้อม เพอ่ื เอ้ือใหผ้ เู้ รยี นได้พฒั นาสมรรถนะอยา่ งเตม็ ศักยภาพ

การจัดหาสื่อการเรียนรู้ผู้เรียนและครูผู้สอนสามารถจัดทำและพัฒนาขึ้นเองปรับปรุงเลือกใ ช้
อย่างมีคุณภาพจากสื่อต่างๆที่มีอยู่รอบตัวเพื่อนำมาใช้ประกอบในการจัดการเรียนรู้ที่สามารถส่งเสริม
และสื่อสารให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้นอกจากแหล่งเรียนรู้ที่กล่าวข้างต้นแล้วผู้เรียนสามารถศึกษาหา
ความรู้ ได้จากภาษาท่ีใช้ในชีวิตประจำวนั เชน่ ในบ้านในสถานที่ต่างๆภาษาที่ใช้ในคอมพิวเตอร์ซ่ึงได้จาก
การใช้อินเทอร์เน็ต โทรทัศน์ วิทยุ วารสาร สื่อสิ่งพิมพ์ รวมทั้งการแสวงหาความรู้จากการทัศนศึกษา
สถานท่ีต่าง ๆ อีกด้วย

• การแลกเปลยี่ นเรยี นร้ขู องครูผูบ้ รหิ ารและบคุ ลากร
การแลกเปลี่ยนความรู้ของครู ผู้บริหาร และบุคลากรโรงเรียนวัดแม่แก้ดน้อย หมายถึง

การแลกเปลี่ยนความรู้สู่การปฏิบัติ ซึ่งเป็นความรู้ที่เกิดจากการเรียนรู้ เจตคติในการปฏิบัติงาน
ประสบการณ์ การทำงานและพฤติกรรมการทำงานของแต่ละบคุ คลแลว้ นำผลการเรียนรู้มาประชุมหรือ
สัมมนาแลกเปลี่ยน เรียนรู้ซึ่งกันและกัน เมื่อรวบรวมแล้วก็มีการนำความรู้ที่ได้มาสังเคราะห์วิเคราะห์
(Analysis) หรือ จัดระบบใหม่เพื่อสร้างเป็นองค์ความรู้ใหม่ยอมรับข้อดีและจุดที่เป็นปัญหาของกันและ
กันมีการจัดเก็บข้อสรุป ทั้งมวลอย่างเป็นระบบเพื่อนำไปสู่การยอมรับในกฎกติกาของสถานศึกษาแล้ว
นำมาเผยแพร่ความรู้เพื่อให้เกิด การต่อยอดหรือสร้างประโยชน์จากความรู้สู่การนำไปปฏิบัติให้เกิด
ประโยชน์ตอ่ ตนเองและสถานศึกษา รวมทั้งเปน็ แบบอยา่ งใหก้ ับสถานศกึ ษาใกล้เคียง

โรงเรียนวัดแก้ดน้อย มีนโยบายพัฒนาส่งเสริมครู ผู้บริหาร และบุคลากรให้พัฒนาตนเอง อย่าง
ตอ่ เนอื่ ง โดยให้ศกึ ษา ค้นคว้า ร่วมการอบรม และเพิ่มเตมิ ความรู้อยา่ งสม่ำเสมอ กำหนดใหม้ ีการรายงาน
สรุปผลการอบรมเพื่อนำผลการเรียนรู้เสนอแก่ผู้บริหารสถานศึกษา และมีการแลกเปลี่ยนความรู้ใน
รูปแบบ PLC เป็นกลุ่มย่อย เช่น ระหว่างกลุ่มสาระการเรียนรู้ หรือระดับชั้น เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ ใน
ประเด็นต่าง ๆ ตามความเหมาะสม

การจัดการความรู้เป็นการสร้างความรู้และแลกเปลีย่ นความรูจ้ ากการดำเนินงานซึ่งจะต้องสร้าง
และพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้โรงเรียนสามารถดำเนินงานบรรลุเป้าหมายและครูบุคคลากรได้รับผล
ผลประโยชน์สูงสุดโดยมีการดำเนินงานให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงและแนวปฏิรูปการศึกษาของ
ประเทศ โรงเรียนวัดแม่แก้ดน้อยกำหนดมาตรฐานและคุณภาพในการจัดการศึกษาและการแลกเปลี่ยน
ความรู้ของครู ผู้บริหาร และบุคลากร ให้เป็นที่พึงพอใจของผู้รับบริการ ให้สถานศึกษาเป็นแหล่งความรู้

หลกั สตู รสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรียนวัดแม่แก้ดน้อย พุทธศักราช 2565 ระดับประถมศึกษา 232

อย่างแท้จริง มีบรรยากาศที่ดีในการจัดการเรียนรู้คณะครูและผู้บริหารมีการพัฒนาให้เกิดความชำนาญ
และเช่ียวชาญ ในวชิ าชีพเพิม่ สูงข้นึ

การสรา้ งเครือขา่ ยความร่วมมือระหวา่ งโรงเรยี น ครอบครวั ชุมชน องคก์ ร สถาบนั การศึกษา
และ หนว่ ยงานต่างๆ โรงเรียนวัดแม่แก้ดน้อยไดค้ ำนึงถึงการมีส่วนร่วมของฝา่ ยต่างๆภายในโรงเรยี นและ
เครือข่ายระหว่าง สถานศกึ ษาดังน้ี

➢ ได้มกี ารประชุม วางแผน พฒั นาหลักสูตร ร่วมกนั ระหวา่ ง คณะกรรมการสถานศึกษา
เครือข่ายผ้ปู กครอง ตวั แทนคณะครู และผ้บู ริหาร

➢ ผ้บู รหิ ารโรงเรียนเป็นผูท้ ีก่ ระต้นุ และสร้างบรรยากาศ การร่วมคดิ ร่วมทำครผู ้สู อนได้ มี
โอกาสพูดคยุ ร่วมกันพฒั นาหลักสตู รให้ผเู้ รยี นเกิดสมรรถนะตามเปา้ หมาย

➢ สรา้ งเครือข่ายให้เกิดการมสี ว่ นรว่ มเพ่อื สง่ เสรมิ การพัฒนาผเู้ รียนในทกุ มิตซิ ่งึ เป็น
เครือข่ายความรว่ มมือ ในชุมชุน องค์กร สถาบนั ศึกษาต่างๆทงั้ ภาครฐั และเอกชน

โดยโรงเรยี นวัดแมแ่ กด้ นอ้ ย ได้รับความรว่ มมือสนับสนุนจากผ้ปู กครอง ชมุ ชน องค์กร สถาบัน
การศึกษา และหน่วยงานต่างๆท้งั ภาครัฐและเอกชน ในดา้ นต่างๆ

• การควบคุมดูแล กำกับตดิ ตาม พฤติกรรมของนกั เรยี น
• ได้รับความรว่ มมือจากสถานตี ำรวจภูธรแมโ่ จ้ ในการดแู ลพฤตกิ รรมของนักเรยี น
• ไดร้ ับความร่วมมือจากผูป้ กครองในการทำMOUข้อตกลงเร่ืองการดูแลพฤติกรรมของ
นักเรียน

• ด้านสขุ อนามัยของนกั เรียน
ได้รับความร่วมมือจากโรงพยาบาลส่งเสริมสขุ ภาพตำบลปา่ เหมือดในการดแู ลเร่ืองสุขภาพ

ของนักเรยี น

• ดา้ นแหลง่ เรยี นรู้ภายนอกโรงเรยี น
➢ ได้รบั ความรู้ ความรว่ มมอื และเปน็ แหล่งเรยี นรู้ จากมหาวิทยาลยั แม่โจ้
➢ ไดร้ บั ความรู้ความร่วมมือและเป็นแหลง่ เรยี นรู้จากสวนพฤกษศาสตร์สมเดจ็ พระนางเจ้า
สริ กิ ิตติ์

หลกั สูตรสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรียนวัดแม่แกด้ น้อย พุทธศักราช 2565 ระดับประถมศกึ ษา 233

• ดา้ นวชิ าการส่งเสรมิ การเรียนรู้ของนักเรยี น
➢ ได้รับความร่วมมือในการทำMOUข้อตกลงในการพัฒนาการเรียนการสอนรายวิชา
วิทยาศาสตร์กบั สถาบันวิจัยดาราศาสตร์ NARIT
➢ ได้รับความร่วมมือในการทำMOUข้อตกลงในการพัฒนาการเรียนการสอนSTEMกับ
ศูนย์สะเต็มศึกษาภาคเหนอื ตอนบน โรงเรยี นยุพราชวทิ ยาลยั
➢ ได้รับความรว่ มมือในการทำ MOU ขอ้ ตกลงในการพัฒนาการเรยี นการสอนทกั ษะอาชีพ
กบั วทิ ยาลยั อาชวี ศกึ ษาจันทร์รวี เชียงใหม่
➢ ได้รับความร่วมมือในการทำMOUข้อตกลงในการพัฒนาการเรียนการสอนทักษะอาชีพ
กบั วิทยาลยั เทคโนโลยีพายพั และ บริหารธรุ กจิ เชียงใหม่
➢ ได้รบั ความรว่ มมือในการทำMOUข้อตกลงในการพัฒนาการเรียนการสอนภาษาจีนและ
แลกเปลี่ยนวฒั นธรรมไทย-จนี กบั โรงเรียน WU KUAISHI แห่งเมอื งเฉิงตู ประเทศจีน

โรงเรยี นวดั แม่แก้ดน้อยส่งเสริมความร่วมมือและการมีส่วนร่วมกับหน่วยการต่างๆ ก็เพื่อร่วมกัน
พฒั นาคุณภาพของผ้เู รยี น ส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียนใหต้ รงกบั หลักสตู รของโรงเรียนที่มุ่งเนน้ ให้ผู้เรียน
เกดิ สมรรถนะตามที่หลกั สูตรสถานศกึ ษากำหนด

• การกำกบั ดแู ล ติดตาม คณุ ภาพการศึกษา
เพื่อสร้างความมั่นใจกับพ่อแม่ผู้ปกครองชุมชนและผู้ที่มสี ่วนเกี่ยวข้องว่าผูเ้ รียนได้รบั การพัฒนา

ใหม้ คี ุณภาพตามที่กำหนดไว้ในหลกั สูตรโรงเรยี นวดั แมแ่ กด้ น้อยไดด้ ำเนนิ การดงั น้ี

• การนเิ ทศ ตดิ ตาม การใช้หลกั สูตร
การนิเทศติดตามการใช้หลักสูตรเป็นกระบวนการที่สำคัญที่โรงเรียนใช้ในการควบคุมคุณภาพ

โดยใช้เทคนิควธิ ีการที่หลากหลายขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของการติดตามเช่นการตรวจเยีย่ มชั้นเรียน การ
สอนแนะ(Coaching)การตรวจแผนการเรยี นรู้การประเมนิ ผลสัมฤทธ์ทิ างการเรยี นการแลกเปลย่ี น เรียนรู้
รว่ มกันการจดั ใหม้ ีชมุ ชนการเรยี นรู้ เปน็ ตน้ โรงเรยี นวัดแม่แกด้ น้อยไดม้ แี นวทางในการดำเนินงานดงั น้ี

1. ร่วมกันกำหนดความต้องการในการนิเทศการรบั การนเิ ทศติดตามเพ่ือพัฒนาคณุ ภาพการจดั
การเรยี นการสอน และการใชห้ ลกั สูตร รวมท้งั สะท้อนสภาพปัญหาอุปสรรคทส่ี ง่ ผลกระทบต่อคณุ ภาพ
ผเู้ รียน

2. สรา้ งความเขา้ ใจทัศนคติเก่ียวกับการนเิ ทศเน้นการช่วยเหลอื เพื่อใหค้ รูใชห้ ลักสตู รท่ีมีคุณภาพ
และประสทิ ธภิ าพ

หลักสตู รสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรียนวัดแม่แก้ดน้อย พุทธศกั ราช 2565 ระดับประถมศึกษา 234

3. จัดระบบนิเทศติดตามอย่างเป็นระบบต้งั แตใ่ นระดับกลมุ่ ศาสตรร์ ะดบั ชั้นเรียนและระดับ
การศกึ ษา

4. ผอู้ ำนวยการ รองผูอ้ ำนวยการและคณะทำงานฝา่ ยวชิ าการติดตามนิเทศอย่างต่อเนื่องและ
ครอบคลุม

• การประกนั คุณภาพภายใน
โรงเรียนวัดแม่แก้ดน้อยกำหนดให้มีระบบประกันคุณภาพภายในและการเตรียมความพร้อม

สำหรับ ประกันคณุ ภาพภายนอกเปน็ กลไกสำคัญในการสรา้ งความมนั่ ใจต่อพ่อแม่ผ้ปู กครองชุมชนและผู้ที่
เกี่ยวข้องว่า โรงเรียนสามารถจัดการศึกษาอย่างมีคุณภาพโรงเรียนวัดแม่แก้ดน้อยจัดระบบประกัน
คุณภาพที่เน้นการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน มีแผนพัฒนาคุณภาพ มีเป้าหมายการพัฒนาที่ชัดเจน มีการ
ตรวจสอบงานประกันคณุ ภาพ อยา่ งเป็นระบบควบคูไ่ ปกบั การจดั การเรียนการสอนปกติ มีการรายงานผล
เป็นระยะๆอย่างตอ่ เน่อื งและ นำผลมาใชใ้ นการพฒั นาหลกั สตู รการเรยี นการสอน

• การวิจยั และติดตามผลการใชห้ ลักสูตร
การวิจัยเป็นการวิเคราะห์เพื่อหาจุดแข็ง จุดอ่อน ปัญหา สาเหตุและแนวทางการพัฒนา

สถานศกึ ษา สามารถจดั หลักสูตรการเรียนการสอนได้อย่างมีประสิทธภิ าพ โรงเรยี นวดั แม่แก้ดน้อยจึงได้
ดำเนนิ การดังน้ี

การประเมินตัวหลักสูตรโดยมีหัวข้อในการพิจารณา เช่น ความครบถ้วนขององค์ประกอบ
หลักสูตรความสอดคล้องของแต่ละองค์ประกอบ ความสอดคล้องกับหลักสูตรฐานสรรถนะความ
สอดคลอ้ งกบั ความต้องการของผเู้ รยี นพ่อแมผ่ ู้ปกครองและชุมชนความเหมาะสมของแนวทาง การจดั การ
เรียนการสอนการจดั กจิ กรรมพัฒนาผเู้ รียนและระบบการวดั และประเมินผล เป็นตน้

การประเมินความต้องการจำเปน็ ในการศึกษาต่อและการประกอบอาชีพของนักเรยี น ในอนาคต
เพื่อนำมาใช้กำหนดโครงสรา้ งและเวลาเรียนให้เหมาะสมการประเมินความต้องการของพ่อแม่ ผู้ปกครอง
และชุมชนในการพฒั นาผเู้ รียน เพ่ือนำมา ใชก้ ำหนดโปรแกรมการเรียนและโครงการตา่ งๆ

หลักสูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นวดั แมแ่ กด้ น้อย พุทธศกั ราช 2565 ระดับประถมศกึ ษา 235

• การวิจยั ประเมินผลการใช้หลักสูตร
การประเมินผลการใช้หลักสูตรเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งของกระบวนการพัฒนาหลักสูตรซึ่ง

โรงเรียนวัดแม่แก้ดน้อยจะตอ้ งมีความตระหนักในการปรับปรุงหรือพัฒนาหลักสูตรต่อเนื่องเพื่อเป็นหลัก
ประกันว่า ผเู้ รยี นจะได้รบั การพัฒนาทง้ั ทางด้านสตปิ ัญญา ร่างกาย คณุ ธรรม บรรลตุ ามผลลัพธ์การเรยี นรู้
ของผู้เรียนที่ก่อให้เกิดสมรรถนะเพื่อนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันและสามารถดำรงชีวิตในสังคมได้
อย่างมีความสุข อีกทั้ง นำผลการประเมินหลักสูตรฐานสมรรถนะมาปรับปรุงและพัฒนาเพื่อยกระดับ
คุณภาพการศึกษาให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาการศึกษาแห่งชาติ และเป็นหลักสูตรฐานสมรรถนะที่ใช้
ขับเคลือ่ นการจดั การศึกษาสำหรับโรงเรียนพน้ื ทนี่ วัตกรรมต่อไป

หลกั สตู รสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรียนวดั แมแ่ ก้ดน้อย พุทธศกั ราช 2565 ระดบั ประถมศึกษา 236

ส่วนที่ 5

การพฒั นาบคุ ลากร

⍟ แผนการพัฒนาบคุ ลากร

โรงเรียนวัดแม่แก้ดน้อย มีการวางแผนการดำเนินการพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาให้มี
ความรู้ความก้าวหน้า โดยนําข้อมูลจากแผนพัฒนาตนเองรายบุคคล (Individual Development Plan)
หรือ ID Plan และ ข้อตกลงในการพัฒนางาน หรือ PA (Performance Agreement) มาพิจารณา โดย
ใชว้ งจรการบริหารงานคณุ ภาพ หรือ PDCA ในการวางแผนการดำเนนิ งาน ดังนี้

จากแผนผงั แสดงกระบวนการพัฒนาครูและบุคลากร สามารถอธิบายกระบวนการพฒั นาครูและ
บคุ ลากรใหม้ ีความเช่ียวชาญทางวิชาชพี ได้ดงั นี้

1. คณะครูและบุคลากรจัดทำแผนพัฒนาตนเองรายบุคคล (Individual Development Plan)
ที่สอดคลอ้ งตาม ข้อตกลงในการพัฒนางาน หรือ PA (Performance Agreement)ขอ้ ตกลงในการพัฒนา
งาน หรอื PA (Performance Agreement) เพื่อเปน็ ข้อมูลในการพัฒนาตนเองให้ตรงกับความสนใจและ
ความต้องการของตนเอง แล้วนําข้อมูลที่ได้มาจัดทำเป็นสารสนเทศเกี่ยวกับความต้องการในการพัฒนา
ตนเองให้เชี่ยวชาญของบคุ ลากร

2. นาํ สารสนเทศเกีย่ วกับความต้องการในการพฒั นาตนเองให้เชี่ยวชาญของบุคลากร ปรึกษากับ
ผู้บรหิ ารเพ่อื วางแผนการพัฒนาครแู ละบุคลากร

3. ดำเนินการพฒั นาครแู ละบุคลากรใหม้ ีความเชี่ยวชาญทางวิชาชีพตามความสนใจ โดย
3.1 จดั อบรมตามโครงการพฒั นาครแู ละบุคลากรตามแผนปฏบิ ัตกิ ารประจำปีท้ังในและ

นอกสถานศึกษา
3.2 เขา้ รบั การอบรมจากหน่วยงานภายนอกอ่ืน ๆ ตามความสนใจ
3.3 เปิดโอกาสให้คณะครูและบุคลากรศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้นให้สอดคล้องกับความ

ต้องการและสามารถนําไปใช้ประโยชน์ต่อการพัฒนากระบวนการจัดการเรียนการสอนที่ส่งผลดีต่อ
ผูเ้ รยี นได้

4.ให้คณะครูและบุคลากรนําผลจากการเข้ารับการพัฒนาตนเองให้ด้านต่าง ๆ ไปใช้ประโยชน์
ดงั นี้

4.1 ต่อตนเอง คือ พัฒนาให้มีความรู้ความเชี่ยวชาญในวิชาชีพเพื่อพัฒนาให้ตนเองมี
หรือเล่ือนวทิ ยฐานะให้สงู ขึ้น

4.2 ต่อผู้เรียน คือ นําความรู้ที่ได้รับจากการเข้ารับการพัฒนาตนเองไปใช้พัฒนา
กระบวนการจัดการเรยี นรทู้ ีส่ ่งผลต่อคุณภาพของผู้เรยี นให้มปี ระสิทธิภาพ และสง่ ผลดีตอ่ ผ้เู รียน

หลักสตู รสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรียนวดั แม่แกด้ น้อย พุทธศกั ราช 2565 ระดับประถมศึกษา 237

4.3 ต่อเพื่อนร่วมงาน คือ นําความรู้ที่ได้รับจากการเข้ารับการพัฒนาตนเองมา
แลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาตนเองและพัฒนาผู้เรียนร่วมกันผ่านชุมชนแห่งการ
เรยี นรทู้ างวชิ าชีพ

5. รายงานผลการพัฒนาครูและบุคลากรให้ผบู้ รหิ ารทราบ อีกทั้งวเิ คราะห์จดุ เดน่ และจดุ ท่คี วร
พัฒนาของกระบวนการพฒั นาครูและบุคลากรเพ่ือเปน็ แนวทางในการพัฒนาต่อไป

6. นาํ ขอ้ มลู การเขา้ รบั การพัฒนาตนเองของคณะครแู ละบุคลากร จัดเก็บเป็นสารสนเทศเพื่อใช้
ประโยชน์ตอ่ ไป

หลกั สตู รสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรียนวัดแม่แก้ดนอ้ ย พุทธศักราช 2565 ระดบั ประถมศึกษา 238

ภาคผนวก

1. คำส่งั แตง่ ตัง้ คณะกรรมการบริหารหลักสูตรฐานสมรรถนะ โรงเรียนวดั แม่แกด้ นอ้ ย
พทุ ธศักราช 2565

2. รายงานการประชุมคณะกรรมการสถานศกึ ษาและเครือขา่ ยผู้ปกครอง
3. รายงานการวพิ ากษห์ ลกั สูตรฐานสมรรถนะ
4. การวเิ คราะห์โครงสรา้ งรายวิชาฐานสมรรถนะ ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี 1-6

หลกั สตู รสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นวดั แม่แกด้ น้อย พุทธศกั ราช 2565 ระดับประถมศกึ ษา 239

คำสั่งโรงเรยี นวดั แม่แก้ดนอ้ ย

ท่ี 10/ 2565

เร่อื ง แต่งต้งั คณะกรรมการบรหิ ารหลักสตู รฐานสมรรถนะ โรงเรียนวดั แมแ่ กด้ นอ้ ย

พทุ ธศักราช 2565

…………………………………………………………..…

ด้วยโรงเรียนวัดแม่แก้ดน้อย สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่เขต 2 เป็น

โรงเรียน ในโครงการนำร่องพื้นท่ีนวัตกรรมการศึกษา จังหวัดเชียงใหม่ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา

๒๗ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พุทธศักราช ๒๕๔๗ แก้ไข

เพิ่มเติม (ฉบับที่ ๓) พุทธศักราช ๒๕๕๓ และมาตราที่ 39 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการ

กระทรวงศึกษาธิการ พุทธศักราช 2546 และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 3) พุทธศักราช ๒๕62 เพื่อให้การ

ดำเนินการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผล จึงขอแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารหลักสูตร

ฐานสมรรถนะ โรงเรยี นวัดแมแ่ ก้ดนอ้ ย พทุ ธศกั ราช 2565 ดงั นี้

คณะกรรมการอำนวยการ

๑. นายณรงค์ ลุมมา ผอู้ ำนวยการโรงเรยี น ประธานกรรมการ

๒. นางสาวปรยี าภัทร์ บรุ มย์ชยั สนิ รองผูอ้ ำนวยการโรงเรียน รองประธานกรรมการ

3. นางฐิตาภทั ร์ ไทยทอง หวั หนา้ ชว่ งช้ันท่ี 1 กรรมการ

4. นางสาวอญั ชลี อินทกาโมทย์ หัวหนา้ ชว่ งชั้นท่ี 2 กรรมการ

5. นางสาวศริ ิขวัญ ถาช่นื หวั หนา้ ฝ่ายวชิ าการ กรรมการและเลขานุการ

หนา้ ท่ี ให้คำปรึกษา อำนวยความสะดวก ขับเคลอื่ นการบริหารหลักสูตรฐานสมรรถนะ

เสนอแนะแนวทางในการดำเนินการและแกป้ ัญหาต่างๆ ท่ีอาจเกดิ ขนึ้

คณะกรรมการจดั ทำหลักสตู รฐานสมรรถนะระดับปฐมวัย

1. นางสาวสนุ ทรี ภูสริ ิชัย ประธานคณะกรรมการ

2. นางตรนี ชุ คุณยศยิง่ กรรมการ

3. นางสาวศรินทรา กุลชร กรรมการ

4. นางลดั ดา ปลืม้ สำราญ กรรมการ

5. นางสาวภาวณิ ี ศรพี นมธรรม กรรมการ

6. นางสาวพฤกษาชาติ นนั ต๊ะ กรรมการและเลขานุการ

คณะกรรมการจัดทำหลักสตู รฐานสมรรถนะตามกลมุ่ สาระการเรียนรู้

กล่มุ สาระการเรยี นรูภ้ าษาไทย

1. นางสาวอัญชลี อินทกาโมทย์ หวั หนา้ กลมุ่ สาระภาษาไทย

2. นางอนัญญา ทนันชัย กรรมการ

3. นางจรรยา วงศ์คำ กรรมการ

หลักสตู รสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นวัดแม่แก้ดนอ้ ย พุทธศกั ราช 2565 ระดับประถมศกึ ษา 240

4. นางธญั พร คำนวล กรรมการ
5. นางสาวภตั ตินันท์ สายนาค กรรมการ
6. นางพรกมล ปนั ดาเจริญกลุ กรรมการ
7. นางสาวชญานษิ ฐ์ สุตนั กรรมการ
8. นางยุวรี กศุ ล กรรมการ
9. นางฐติ าภทั ร์ ไทยทอง กรรมการ
10. นางสาวจุฑามาศ ไคร้โทง้ กรรมการ
11.นางสาวพัชราภรณ์ ปันโนจา กรรมการ/เลขาฯ

กลุ่มสาระการเรยี นรคู้ ณติ ศาสตร์

1. นางสาวมยุรี ซาวจำปา หวั หน้ากลุ่มสาระคณิตศาสตร์

2. นางมธุริน บญุ มา กรรมการ

3. นางปวีณา พงศ์ปัญญาศุภโชติ กรรมการ

4. นางสาวนภัสวรรณ แซงยะ กรรมการ

5. นายทัศพงษเ์ ดช ดวงพิมพ์ กรรมการ

6. นางสาวเกศรา ต่มุ คำ กรรมการ

7. นางสาวศิรขิ วญั ถาช่นื กรรมการ/เลขาฯ

กล่มุ สาระการเรยี นรภู้ าษาองั กฤษ

1. นางสาวสมพิศ ศรีชมภู หวั หน้ากลมุ่ สาระภาษาอังกฤษ
กรรมการ
2. นายวัชระ สายแกว้ กรรมการ
กรรมการ
3. นางสาวกัญญาภัทร ศุภสาร กรรมการ/เลขาฯ

4. นางวราภรณ์ คำดอน

5. นางสาวลลกิ า อินถา

กลุม่ สาระการเรียนรู้ศลิ ปะ

1. นางสาวกติ ตมิ าพร พฒั น์คล้าย หัวหน้ากลมุ่ สาระศลิ ปะ
กรรมการ
2. นายวรศักด์ิ ตะยะพงศ์ กรรมการ
กรรมการ
3. นางรงุ่ นภา เมอื งอินทร์ กรรมการ
กรรมการ/เลขาฯ
4. นายชยั รัตน์ ศรช่วย
หวั หนา้ กลมุ่ สาระสุขศึกษาฯ
5. นางสาวปรีญารัชน์ แสนพิมพ์ กรรมการ/เลขาฯ

6. นางสมจิต สขุ ะปุณพันธุ์

กลุ่มสาระการเรยี นรูส้ ุขศกึ ษาและพลศกึ ษา

1. นายเจษฏา เหลือบญุ นมุ่

2. นายสราวฒุ ิ สวัสดิ์

กลมุ่ สาระการเรียนรสู้ งั คมศกึ ษา

หลักสูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นวดั แมแ่ กด้ น้อย พุทธศกั ราช 2565 ระดบั ประถมศกึ ษา 241

1. นายศราวธุ สระบุดดี หวั หนา้ กลุ่มสาระสังคมศกึ ษา
2. นางสาวสทุ ธิพร ณ เชยี งใหม่ กรรมการ
3. นางสาวปยิ ะรตั น์ โกมาศ กรรมการ/เลขาฯ

กลมุ่ สาระการเรยี นรู้การจัดการในครวั เรอื นและการประกอบการ

1. นายทวปี กันทวี หวั หน้ากลมุ่ สาระการจัดการฯ

2. นางรุ่งนภา เมืองอนิ ทร์ กรรมการ

3. นายอาทติ ย์ ชยั มงคล กรรมการ/เลขาฯ

กล่มุ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตรแ์ ละระบบธรรมชาติ

1. นางสาวรสริน พนั ธุ หวั หน้ากลุม่ สาระวทิ ยาศาสตรฯ์
กรรมการ
2. นางวลัยลักษณ์ เป็งแสนหนู กรรมการ
กรรมการ
3. นางกาญจนา ทาวี กรรมการ/เลขาฯ

4. นางสาวกาญจนา ถาแกว้

5. นางสาวปริยากร เสอื กลับ

กล่มุ สาระการเรียนรูเ้ ทคโนโลยีทลั

๑. นางสาวมณฑริ า หลา้ คำแกว้ หัวหนา้ กลมุ่ สาระเทคโนโลยที ัล
กรรมการ/เลขาฯ
๒. นางสาวอารรี ตั น์ เดชาวุฒิ

กลุม่ สาระการเรียนร้ภู าษาจีน ชวู ัฒนเกียรติ หวั หนา้ กล่มุ สาระภาษาจนี
1. นางสาวพัชรนิ ทร์ ก๋าอว่ น กรรมการ
2. นางสาวนนทน์ ภสั โปธา กรรมการ/เลขาฯ
3. นางสาวเชษฐ์สุดา

หน้าที่ ๑. วางแผนดำเนนิ งานวชิ าการ กำหนดสาระรายละเอียดของหลักสูตรระดบั สถานศึกษา และ
แนวทางการจัดโครงสร้างและสดั สว่ นเวลาเรยี น วเิ คราะห์ผลลัพธ์การเรยี นรู้ช่วงชั้น จดั ทำคำอธิบายรายวิชา รวม
ไปถึงกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนของสถานศึกษาให้สอดคล้องกับหลักสูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะตามบริบทของ
พืน้ ที่ของ โรงเรยี นวดั แม่แกด้ นอ้ ย ตลอดจน สภาพเศรษฐกิจ สงั คม ศิลปวฒั นธรรม และภมู ิปัญญาทอ้ งถิ่น

๒. จัดทำคู่มือบริหารหลักสูตรและงานวิชาการของสถานศึกษา นิเทศ กำกับ ติดตาม ให้
คำปรึกษาเกี่ยวกับการพัฒนาหลักสูตรการจัดกระบวนการเรียนรู้ ออกแบบกิจกรรมการจัดการเรียนการสอน
การวัดและประเมินผล การแนะแนว ให้สอดคล้องและเป็นไปตามหลักสูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะ ส่งเสริม
และสนับสนุน การพัฒนาบุคลากรเกี่ยวกับการพัฒนาหลักสูตรฐานสมรรถนะให้เป็นไปตามเป้าหมายและแนว
ทางการดำเนินการ ของหลักสูตร

๓. ประสานความร่วมมือจากบุคคล หน่วยงาน องค์กรต่างๆ ชุมชน เพื่อให้การใช้หลักสูตร
สถานศกึ ษาฐานสมรรถนะเป็นไปอยา่ งมปี ระสิทธภิ าพและมคี ุณภาพ

หลักสตู รสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นวัดแม่แก้ดน้อย พุทธศกั ราช 2565 ระดบั ประถมศกึ ษา 242

๔. ประชาสัมพันธ์หลักสูตรและการใช้หลักสูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะให้แก่นักเรียน
ผู้ปกครอง ชุมชน และผ้ทู เ่ี กย่ี วขอ้ งและนำข้อมลู ป้อนกลบั จากฝา่ ยต่างๆ มาพิจารณาเพื่อการปรบั ปรงุ และพัฒนา
หลักสูตรสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะ

๕. ส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัยเกี่ยวกับการพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะและ
กระบวนการเรยี นรู้

๖. ติดตามผลการเรียนของนักเรียนรายบุคคล ระดับชั้น และระดับกลุ่มวิชาการในแต่ละปี
การศกึ ษา เพ่อื ปรับปรงุ แกไ้ ขและพฒั นาการดำเนินงาน ด้านต่างๆ ของสถานศกึ ษา

๗. ตรวจสอบ ทบทวน ประเมินมาตรฐานในการปฏิบตั ิงานของครูและการบริหารหลกั สตู รระดับ
สถานศึกษาในรอบปีที่ผ่านมาแล้วใช้ผลการประเมินเพื่อวางแผนพัฒนาการปฏิบัติงานของครูและการบริหาร
หลกั สูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะในปีการศึกษาถดั ไป

๘. รายงานผลการปฏบิ ัติงานและผลการบริหารหลักสูตรของสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะ โดยเน้น
ผลการพัฒนาคุณภาพนักเรียนต่อคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน คณะกรรมการบริหารหลักสูตรระดับ
เหนือสถานศกึ ษา สาธารณชนและผทู้ ี่เกย่ี วขอ้ ง

คณะกรรมการวิเคราะหข์ ้อมูลด้านบริบท ความต้องการของโรงเรยี น และ ชุมชน

1. นายเสถียร ธะนันต์ ประธานกรรมการสถานศึกษา

2. นายขวญั ชยั ปนิ ชัย ผนู้ ำชุมชนหลิง่ ม่ืน

3. นางสาวสุวปรียา วมิ าลา ประธานเครอื ข่ายผ้ปู กครอง

4. นางสรุ วดี คล๊าก กรรมการเครือข่ายผู้ปกครอง

5. พระอธกิ ารธนู อินทปญโญ เจา้ อาวาสวัดหนองเต่าคำ

หนา้ ที่ 1. วิเคราะห์ข้อมูลด้านบริบท ความต้องการของโรงเรียน และ ชุมชน และให้

ขอ้ เสนอแนะขอใหผ้ ู้ท่ีไดร้ ับการแตง่ ตง้ั ปฏิบตั ิหน้าท่ีอย่างเต็มความสามารถ กอ่ ประโยชน์สงู สุดต่อราชการ

สืบไป

ทั้งน้ีตง้ั แต่วนั ท่ี 11 เดอื น กุมภาพนั ธ์ พ.ศ.2565
สัง่ ณ วันท่ี 11 เดือน กุมภาพนั ธ์ พ.ศ.2565

(นายณรงค์ ลุมมา)
ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดแมแ่ กด้ น้อย

หลกั สูตรสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรียนวัดแม่แก้ดน้อย พุทธศกั ราช 2565 ระดับประถมศึกษา 243

บนั ทึกการประชุม
วนั ที่ ๑๗ กมุ ภาพนั ธ์ ๒๕๖๕
ณ หอ้ งประชุมโรงเรยี นวดั แมแ่ กด้ น้อย

เริ่มประชุม เวลา ๑๓.๐๐ น. ตำแหน่ง ประธานกรรมการสถานศกึ ษา
ผู้เข้ารว่ มประชุม ตำแหน่ง ผอู้ ำนวยการโรงเรียนวดั แม่แกด้ น้อย
ตำแหนง่ รองผู้อำนวยการโรงเรยี นวัดแมแ่ ก้ดนอ้ ย
๑. นายเสถียร ธะนนั ต์ ตำแหนง่ รองผ้อู ำนวยการโรงเรียนวัดแม่แก้ดน้อย
๒. นายณรงค์ ลมุ มา ตำแหนง่ ผนู้ ำชมุ ชนหลิง่ มนื่
๓. นางสาวปรยี าภัทร์ บุรมยช์ ัยสนิ ตำแหน่ง ประธานเครือข่ายผู้ปกครอง
๔. นายกติ ติชัย โสภณอมั พรนนท์ ตำแหน่ง กรรมการเครือขา่ ยผู้ปกครอง
๕. นายขวัญชัย ปินชัย ตำแหน่ง เจา้ อาวาสวดั หนองเตา่ คำ
๖. นางสาวสุวปรยี า วิมาลา ตำแหน่ง ครูโรงเรียนวดั แม่แก้ดนอ้ ย
๗. นางสรุ วดี คล๊าก ตำแหนง่ ครโู รงเรียนวัดแม่แก้ดนอ้ ย
๘. พระอธิการธนู อนิ ทปญโญ ตำแหน่ง ครูโรงเรยี นวดั แมแ่ ก้ดนอ้ ย
๙. นางสาวศิริขวัญ ถาช่ือ ตำแหนง่ ครูโรงเรียนวัดแมแ่ ก้ดน้อย
๑๐. นางสาวรสรนิ พนั ธุ
๑๑. นางสาวจุฑามาศ ไครโ้ ท้ง
๑๒. นายอาทติ ย์ ชัยมงคล

วาระที่ ๑. ประธานแจง้ ใหท้ ่ีประชมุ ทราบ

ประธานแจ้งในที่ประชุมใหท้ ราบวา่
- การจดั การเรียนการสอนในสายชนั้ อนบุ าล สายช้ันป ๒ และสายชนั้ ป ให้เลอ่ื นการเปิดเรียน

และให้คงรปู แบบการสอนเดิมไว้ก่อนจนกว่าสถานการณจ์ ะดีข้นึ
- การนำเด็กเข้ารับการฉดี วคั ซีนป้องกนั โควิด ๑๙ ในวนั ที่ ๒๓ กมุ ภาพันธ์ ๒๕๖๕ โดยมี

นักเรียนชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี ๕ และช้ันประถมศกึ ษาปีที่ ๖ เขา้ รับการฉีดวคั ซนี ก่อนจำนวน
๓๔ คน
ทีป่ ระชุมรบั ทราบ

วาระที่ ๒. รบั รองรายงานการประชุม
-

วาระท่ี ๓. เรอ่ื งสืบเน่ือง
-

หลกั สูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นวัดแม่แกด้ น้อย พุทธศักราช 2565 ระดับประถมศกึ ษา 244


Click to View FlipBook Version