สมรรถนะเฉพาะ สมรรถนะหลกั
5. ใชแ้ ละเขา้ ใจภาษาเชงิ วิทยาศาสตร์
5.1 ฟงั เขา้ ใจ ใชภ้ าษาท้ังพดู และเขยี นเพ่ือสื่อสาร หรือบอกวธิ ีการหรอื เหตผุ ล 3. การสอ่ื สาร
5.2 อ่านและทำความเข้าใจเอกสารที่มีภาพ แผนภูมิรูปภาพ หรือตารางทาง 6. การอยรู่ ่วมกับธรรมชาติ
เดียว และวทิ ยาการอยา่ งย่งั ยนื
5.3 อธิบาย ให้เหตุผลเชิงวิทยาศาสตร์ สรุปผลการทำกิจกรรมด้วยภาษาพูด
ภาษาสญั ลักษณ์ ภาษากาย ภาษาภาพ ได้อยา่ งเหมาะสม
6. ใช้เครอื่ งมือในการเรยี นรู้
6.1 เลอื กและใชเ้ คร่ืองมอื พ้นื ฐานทางคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี 1. การจัดการตนเอง
ในการเรียนรหู้ รอื แก้ปัญหา 2. การคิดขั้นสงู
6.2 เข้าถึงแหล่งข้อมูล สื่อสารบนอินเทอร์เน็ต และใช้เทคโนโลยีอย่าง 3. การสือ่ สาร
เหมาะสม รเู้ ทา่ ทนั และปลอดภยั 4. การรวมพลังทำงานเป็น
ทีม
5. ก า ร เ ป ็ น พ ล เม ื องท่ี
เขม้ แขง็
6. การอยรู่ ่วมกับธรรมชาติ
และวิทยาการอยา่ งย่งั ยืน
ผลลพั ธก์ ารเรียนรเู้ มอื่ จบช่วงชน้ั ท่ี 1
1. วิเคราะหข์ อ้ มูลเกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้ดินและนำ้ ของตนเองและครอบครวั ท่ีส่งผลทั้งในแง่บวกและแง่
ลบกับตนเองและผู้อื่น บอกแนวการปฏิบัติตนในการใช้ประโยชน์จากดินและน้ำในการทำกิจวัตรต่าง ๆ ได้อย่าง
เหมาะสมและมีเหตุผล โดยประยุกต์ใช้ความรู้เกี่ยวกับลักษณะ สมบัติและประโยชน์ของดินและน้ำจากการ
สังเกตและใชเ้ ครื่องมืออย่างงา่ ย เลอื กใช้สือ่ ในการนำเสนอการดูแลรกั ษาดินและน้ำใหเ้ ขา้ ใจง่ายและเหมาะสม
2. ฟัง อ่าน บันทึกรายละเอียดอย่างตรงไปตรงมาเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติที่นำมาใช้ทำเทคโนโลยี
ตา่ ง ๆ วเิ คราะห์พฤติกรรมการใช้เทคโนโลยีตา่ ง ๆ ของตนเองทีส่ ่งผลตอ่ การใช้ทรัพยากรธรรมชาติอยา่ งมีเหตุผล แสดง
ความตระหนักโดยมสี ว่ นรว่ มในการตัดสนิ ใจหาแนวทางและเขยี นลำดับข้ันตอนในการลดการใช้เทคโนโลยีต่าง
ๆ ในชวี ิตประจ าวันเพื่อลดการใชท้ รัพยากรธรรมชาติ และลงมือปฏิบตั ติ ามแนวทางตามทีเ่ สนอไว้
3. ตัดสินใจร่วมกันและปฏิบัติตามบทบาทหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายในการออกแบบการบันทึกข้อมูล เลือกใช้
เคร่อื งมอื อยา่ งงา่ ยและลงข้อสรุปเก่ียวกับส่ิงที่จำเป็นต่อการเจรญิ เติบโตและการดำรงชวี ติ ของพชื และสตั ว์และวัฏจักรชีวิต
หลักสตู รสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นวัดแม่แกด้ น้อย พุทธศักราช 2565 ระดับประถมศึกษา 145
ของพืชดอกและสัตว์ในท้องถิ่น และแสดงความคิดเห็นอย่างมีเหตุผลเกี่ยวกับความเหมาะสมของสภาพแวดล้อมกับการ
ดำรงชีวิตของพืชและสัตว์จากหลักฐานที่รวบรวมได้ เลือกรูปแบบการนำเสนอที่เหมาะสมกับข้อมูลหรือให้น่าสนใจและ
นำเสนอด้วยภาษาที่เหมาะสมกับวัยรวมทั้งตระหนักถึงสิ่งที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตของพืชและสัตว์โดยบอกแนวทางการ
ดูแลพืชและสตั วใ์ หเ้ จริญเติบโตและดำรงชวี ิตอยู่ในสภาพแวดล้อมทเี่ หมาะสม
4. รว่ มกนั คน้ หาสิ่งเจือปนที่พบในอากาศ นำ้ และดิน จากการสังเกตและใชเ้ ครื่องมืออย่างงา่ ย และร่วมกันแสดง
ความคดิ เหน็ อยา่ งมเี หตุผลเพื่อระบุสาเหตทุ ีท่ ำให้อากาศ นำ้ และดนิ เกิดการปนเปื้อน
และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อตนเอง สิ่งมีชีวิต และสิ่งแวดล้อมจากหลักฐานที่รวบรวมได้รับผิดชอบตามหน้าที่ที่ได้รับ
มอบหมายในการรวบรวมข้อมลู เพ่ือหาวิธีการลดขยะและส่ิงเจือปน แสดงความตระหนักโดยนำเสนอแนวทางการลดปัญหา
ขยะและส่ิงเจอื ปนท่ีพบในดิน นำ้ และอากาศทีส่ ่งผลกระทบต่อตนเอง ส่งิ มชี วี ิต และสงิ่ แวดลอ้ ม
5. ตั้งคำถามและสร้างคำอธิบายการเกิดปรากฏการณ์กลางวัน กลางคืน การขึ้นและตกของดวงอาทิตย์ และการ
กำหนดทิศ โดยร่วมกันแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และเชื่อมโยงสิ่งที่ได้จากการสังเกตจากแบบจำลอง วิเคราะห์ข้อมูลและลง
ขอ้ สรปุ ประยกุ ตใ์ ช้ความรเู้ รื่องการกำหนดทิศในการกำหนดตำแหนง่ หรือทิศทางของสถานท่ีต่าง ๆ
6. รับผดิ ชอบตามหน้าที่ท่ีไดร้ ับมอบหมายในการรวบรวมหลักฐานตา่ ง ๆ เพ่อื นำไปสู่การสร้างคำอธบิ ายการเกิดลม
นำเสนอเกี่ยวกับผลของลมต่อสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อมจากข้อมูลที่รวบรวมได้โดยมีการเลือกสื่อที่ใช้ในการสื่อสารให้
เหมาะสมกับบุคคล
7. วางแผนการปฏิบัติตนท่ีเป็นไปไดจ้ รงิ เพือ่ ให้มีความปลอดภัยจากวาตภัยและอุทกภัย โดยอาศัยความรู้เกีย่ วกับ
ลกั ษณะของภยั ธรรมชาติ
8. สือ่ สารความเข้าใจเก่ียวกับแรง ผลของแรงท่ีมตี ่อวัตถุต่าง ๆ และแรงแม่เหล็กทส่ี ังเกตได้จากการทำกจิ กรรมหรือ
พบในสถานการณ์ต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันผ่านสื่อและภาษาท่ีเหมาะสม เข้าใจง่ายเลือกใชว้ ัสดุให้เหมาะกับวัตถุประสงค์การ
ใชง้ านโดยพิจารณาจากสมบัติของวสั ดุอย่างมีเหตุผล และมสี ว่ นรว่ มในการทำงานกับผู้อ่ืนและรับผดิ ชอบตามหน้าที่ท่ีได้รับ
มอบหมายในการประยุกตใ์ ช้ความร้เู รื่องแรงและสมบัติของวสั ดุเพื่อแก้ปญั หาหรือสร้างของเล่นของใชอ้ ย่างง่าย
9. แก้ปัญหาอย่างง่ายหรือทำกิจกรรมในชีวิตประจำวันอย่างมีขั้นตอน แสดงวิธีการหาคำตอบหรือวิธีแก้ปัญหา
ระบเุ หตผุ ลทนี่ ำไปสู่คำตอบ มคี วามมุง่ ม่ันในการแกป้ ัญหาให้สำเรจ็
10. ใชเ้ ทคโนโลยดี ิจทิ ัลหรือแหลง่ เรยี นรู้ในการสืบคน้ ขอ้ มูล สรปุ ความเขา้ ใจจากข้อมลู และติดต่อสอ่ื สาร
ในชีวติ ประจำวันไดอ้ ย่างเหมาะสมและปลอดภยั
11. สร้างของเล่นหรือของใช้เพ่ือแก้ปัญหาตามความสนใจโดยรว่ มกันทำงานเป็นทีม เลอื กและใช้สิ่งของเคร่ืองใช้
ในชีวติ ประจำวนั ตามหนา้ ทใ่ี ช้สอยได้อยา่ งปลอดภยั
หลกั สตู รสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรียนวดั แมแ่ กด้ นอ้ ย พุทธศกั ราช 2565 ระดับประถมศกึ ษา 146
คำอธบิ ายรายวชิ า เวลา 40 ช่ัวโมง
ว 11101 วิทยาศาสตรก์ ับภูมิปญั ญาในทอ้ งถ่นิ 1
ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ 1
ลักษณะของดินและน้ำ การดแู ลรักษาดิน สภาพแวดล้อมท่เี หมาะสมกับการดำรงชวี ติ ของพืชและสัตว์
ในบริเวณต่างๆ เช่น สนามหญ้า ใต้ต้นไม้ แหล่งน้ำ สิ่งที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืชและสัตว์ เช่น
อาหาร น้ำ และอากาศเพื่อการดำรงชีวิตและการเจริญเติบโต วัฏจักรชีวิตของพืชรอบตัวธรรมชาติภายใน
โรงเรียนและสัตว์ บอกสาเหตุมลพิษทางอากาศ น้ำ และดิน บอกแนวทางการลดปัญหาขยะและสิ่งเจือปนท่ี
พบในดิน น้ำและอากาศที่ส่งผลกระทบต่อตนเอง สิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อม อธิบาย ระบุดาวที่ปรากฏในเวลา
กลางวันและกลางคืน การเกิดกลางวันและกลางคืน การขึ้นและตกของดวงอาทิตย์และการกำหนดทิศ การ
เกิดลมจากหลักฐานเชิงประจักษ์ ความปลอดภัยจากวาตภัยและอุทกภัย แรงและผลของแรงที่มีต่อการ
เปลี่ยนแปลงการเคลื่อนที่ของวัตถุต่างๆ แรงแม่เหล็ก สมบัติของวัสดุ รวมไปถึงการประยุกต์ใช้ความรู้เพื่อ
แก้ปญั หาหรอื สร้างของเลน่ ของใชอ้ ย่างงา่ ย การนาํ วัสดทุ ใี่ ชแ้ ล้วกลับมาใช้ใหม่
โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสำรวจตรวจสอบ การสืบค้นข้อมูล
การบันทึก การจัดกลุ่มข้อมูล การอธิบาย และการอภิปราย แสดงขั้นตอนการแก้ปัญหา อย่างง่ายจนสามารถ
ออกแบบและสรา้ งเครื่องมอื สื่อสาร (SMT) เรยี นรู้ผ่านนวตั กรรมการจดั การเรียนรู้ MAEKADNOI MODEL
ตระหนกั ถงึ ประโยชน์ของการใช้ความรู้และกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ในการดํารงชีวิต เห็นคุณค่า
ของการนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน มีจิตวิทยาศาสตร์ มีคุณธรรม จริยธรรมและค่านิยมที่
เหมาะสม
ผเู้ รียนมีสมรรถนะการจดั การตนเอง ปฏิบัตติ นตามบรรทัดฐานทางสังคม มสี มรรถนะการคิดขัน้ สูง ตั้ง
คำถามหรือระบุปัญหาอย่างง่าย จากการสังเกตสิ่งต่าง ๆ รอบตัว สถานการณ์ หรือปรากฏการณ์ใน
ชีวิตประจำวัน มีสมรรถนะการสื่อสาร มีสมรรถนะการรวมพลังทำงานเป็นทีม มีสมรรถนะการเป็นพลเมืองท่ี
เข้มแข็ง มีสมรรถนะการอยู่ร่วมกับธรรมชาติ และวิทยาการอย่างยั่งยืน เข้าใจแนวคิดและความรู้พื้นฐานใน
วิทยาศาสตร์ที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต สามารถใช้และเข้าถึงเทคโนโลยีได้อย่างเหมาะสม รู้เท่าทัน และ
ปลอดภัย
ผลลัพธก์ ารเรยี นรู้ของผู้เรยี น สแี สดงจดุ เนน้ ของสถานศึกษา
ข้อที่ : 1, 3, 4, 5, 6, 7, 8 สฟี ้า = รักษ์ศิลปวัฒนธรรมลา้ นนา
รวม 7 ผลลัพธก์ ารเรียนรู้ สีแดง = ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง
สีเขยี ว = โรงเรียนสุจรติ / วิถพี ุทธ
สมรรถนะหลัก สมี ว่ ง = โครงการ รร.คุณภาพ SMT
สมรรถนะที่ 1, 2, 3, 4, 5 และ 6 สนี ำ้ เงิน = สวนพฤกษศาสตร์
รวม 6 สมรรถนะ
หลักสตู รสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรียนวดั แมแ่ กด้ นอ้ ย พุทธศักราช 2565 ระดับประถมศกึ ษา 147
คำอธิบายรายวิชา เวลา 40 ช่ัวโมง
ว 12101 วิทยาศาสตร์กับภูมปิ ญั ญาในทอ้ งถิน่ 2
ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ 2
ศกึ ษาการเรียนรู้แบบนักวิทยาศาสตร์ ลกั ษณะของส่ิงมชี วี ิตและสิ่งไม่มีชีวิต ความจําเป็นของแสงและ
น้ำต่อการเจริญเติบโตของพืช วัฏจักรชีวิตของพืชดอก สมบัติการดูดซับน้ำของวัสดุและการนําไปใช้ประโยชน์
สมบัติของวัสดุที่เกดิ จากการนําวสั ดุมาผสมกัน การเลือกวัสดุมาใช้ทำวัตถุตามสมบัติของวัสดุ การนําวัสดทุ ี่ใช้
แลว้ กลบั มาใช้ใหม่ การเคลอ่ื นท่ขี องแสง การมองเหน็ วตั ถุ การปอ้ งกนั อันตรายจากการมองวัตถุในบริเวณ ที่มี
แสงสวา่ งไมเ่ หมาะสม สว่ นประกอบและการจําแนกชนดิ ของดนิ การใช้ประโยชนจ์ ากดิน
โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสำรวจตรวจสอบ การสืบค้นข้อมูล
การบันทึก การจัดกลุ่มข้อมูล การอธิบาย และการอภิปราย แสดงขั้นตอนการแก้ปัญหา อย่างง่ายจนสามารถ
ออกแบบและสร้างสะพานทรงพลงั (SMT) เรยี นรู้ผ่านนวตั กรรมการจัดการเรียนรู้ MAEKADNOI MODEL
ตระหนักถึงประโยชน์ของการใช้ความรู้และกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ในการดำรงชีวิต เห็นคุณค่า
ของการนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ในชีวติ ประจำวัน มีจิตวิทยาศาสตร์ มีคุณธรรม จริยธรรม มีความรับผิดชอบ
ใฝ่รใู้ ฝ่เรยี น มีเหตผุ ล ยอมรบั ฟังความเหน็ ของผู้อื่นและคา่ นยิ มท่ีเหมาะสม
ผู้เรียนมสี มรรถนะการจดั การตนเอง ปฏิบัตติ นตามบรรทดั ฐานทางสงั คม มสี มรรถนะการคิดข้ันสูง ตั้ง
คำถามหรือระบุปัญหาอย่างง่าย จากการสังเกตสิ่งต่าง ๆ รอบตัว สถานการณ์ หรือปรากฏการณ์ใน
ชีวิตประจำวัน มีสมรรถนะการสื่อสาร มีสมรรถนะการรวมพลังทำงานเป็นทีม มีสมรรถนะการเป็นพลเมืองท่ี
เข้มแข็ง มีสมรรถนะการอยู่ร่วมกับธรรมชาติ และวิทยาการอย่างยั่งยืน เข้าใจแนวคิดและความรู้พื้นฐานใน
วิทยาศาสตร์ที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต สามารถใช้และเข้าถึงเทคโนโลยีได้อย่างเหมาะสม รู้เท่าทัน และ
ปลอดภัย
ผลลัพธก์ ารเรียนร้ขู องผูเ้ รยี น สแี สดงจุดเน้นของสถานศกึ ษา
ข้อที่ : 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9 สีฟ้า = รักษศ์ ิลปวัฒนธรรมล้านนา
10 และ 11 สีแดง = ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง
รวม 11 ผลลัพธ์การเรยี นรู้ สีเขียว = โรงเรียนสุจริต / วิถีพุทธ
สีมว่ ง = โครงการ รร.คณุ ภาพ SMT
สมรรถนะหลัก สนี ำ้ เงิน = สวนพฤกษศาสตร์
สมรรถนะท่ี 1, 2, 3, 4, 5 และ 6
รวม 6 สมรรถนะ
หลักสตู รสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นวัดแม่แก้ดน้อย พุทธศกั ราช 2565 ระดับประถมศกึ ษา 148
คำอธิบายรายวชิ า เวลา 40 ชั่วโมง
ว 13101 วิทยาศาสตรก์ ับภูมิปัญญาในท้องถน่ิ 3
ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ 3
ศกึ ษา ลกั ษณะของดินและน้ำรวมไปถึงการดูแลรักษาดิน สภาพแวดลอ้ มทเ่ี หมาะสมกับการดำรงชีวิต
ของพชื และสัตว์ สิง่ ท่ีจำเปน็ ตอ่ การเจรญิ เตบิ โตของพชื และสัตว์ เชน่ อาหาร น้ำ และอากาศ เพื่อการดำรงชีวิต
และการเจริญเติบโต วัฏจักรชีวิตของพืชและสัตว์ สิ่งแวดล้อมในท้องถิ่นและความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิตกับ
สิ่งแวดล้อมในท้องถิ่น การใช้และการแก้ปัญหาทรัพยากรธรรมชาติในท้องถิ่น บอกสาเหตุและปัญหามลพิษ
ทางอากาศ น้ำ และดิน ระบุแนวทางการลดปัญหาขยะและสิ่งเจือปนที่พบในดิน น้ำและอากาศที่ส่งผล
กระทบต่อตนเอง สิง่ มีชวี ิตและสิง่ แวดล้อม อธิบายสาเหตุการเกิดปรากฏการณ์การเกิดกลางวัน กลางคืน การ
ขึ้นและตกของดวงอาทิตย์ และการกำหนดทิศ อธิบายการเกิดลม ความสำคัญของพลังงานไฟฟ้า วิธีการใช้
ไฟฟ้าอย่างประหยัดและปลอดภัย การประยุกต์ใช้ความรู้ แล้วแก้ปัญหาหรือสร้างของเล่น ของใช้อย่างง่าย
เพ่ือการประหยัดอดออม
โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสำรวจตรวจสอบ การสืบค้นข้อมูล
การบันทึก การจัดกลุ่มข้อมูล การอธิบาย และการอภิปราย แสดงขั้นตอนการแก้ปัญหา อย่างง่ายจนสามารถ
ออกแบบและสร้างของเล่นแมงจั่นจว้า (จักจั่น) (SMT) เรียนรู้ผ่านนวัตกรรมการจัดการเรียนรู้
MAEKADNOI MODEL
ตระหนกั ถงึ ประโยชน์ของการใช้ความรู้และกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ในการดำรงชีวิต เห็นคุณค่า
ของการนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน มีจิตวิทยาศาสตร์ มีคุณธรรม จริยธรรม มีความรับผิดชอบ
ใฝ่รใู้ ฝเ่ รียน มเี หตุผล ยอมรับฟังความเห็นของผอู้ นื่ และค่านิยมท่ีเหมาะสม
ผเู้ รยี นมีสมรรถนะการจัดการตนเอง ปฏบิ ตั ิตนตามบรรทัดฐานทางสงั คม มีสมรรถนะการคิดข้นั สูง ต้ัง
คำถามหรือระบุปัญหาอย่างง่าย จากการสังเกตสิ่งต่าง ๆ รอบตัว สถานการณ์ หรือปรากฏการณ์ใน
ชีวิตประจำวัน มีสมรรถนะการสื่อสาร มีสมรรถนะการรวมพลังทำงานเป็นทีม มีสมรรถนะการเป็นพลเมืองท่ี
เข้มแข็ง มีสมรรถนะการอยู่ร่วมกับธรรมชาติ และวิทยาการอย่างยั่งยืน เข้าใจแนวคิดและความรู้พื้นฐานใน
วิทยาศาสตร์ที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต สามารถใช้และเข้าถึงเทคโนโลยีได้อย่างเหมาะสม รู้เท่าทัน และ
ปลอดภัย
ผลลพั ธ์การเรยี นรู้ของผ้เู รียน สแี สดงจุดเนน้ ของสถานศึกษา
ขอ้ ท่ี : 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9, 10 และ 11 สีฟา้ = รกั ษ์ศลิ ปวัฒนธรรมลา้ นนา
รวม 11 ผลลพั ธก์ ารเรียนรู้ สีแดง = ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง
สมรรถนะหลกั สีเขียว = โรงเรียนสุจรติ / วิถีพุทธ
สมรรถนะที่ 1, 2, 3, 4, 5 และ 6 สีมว่ ง = โครงการ รร.คณุ ภาพ SMT
รวม 6 สมรรถนะ สนี ้ำเงนิ = สวนพฤกษศาสตร์
หลกั สูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรียนวดั แม่แก้ดนอ้ ย พุทธศักราช 2565 ระดบั ประถมศกึ ษา 149
ชว่ งชั้นที่ 2 : กลุ่มสาระการเรยี นรู้บูรณาการ
“วทิ ยาศาสตรก์ ับภมู ิปญั ญาในท้องถ่นิ ”
สมรรถนะเฉพาะ สมรรถนะหลกั
1. อธิบายปรากฏการณอ์ ยา่ งเปน็ วทิ ยาศาสตร์
1.1 สร้างคำอธิบายสาเหตุและกระบวนการของปรากฏการณ์โดยใช้ข้อมูลหรือ 2. การคิดขน้ั สูง
หลักฐานที่รวบรวมได้จากการสงั เกตหรือทดลอง 3. การสื่อสาร
1.2 ยอมรบั และเชือ่ ถอื คำอธบิ ายท่มี ีข้อมลู และหลักฐานท่นี า่ เช่ือถอื เพยี งพอ 6. การอยรู่ ว่ มกบั ธรรมชาติ
1.3 เชื่อมโยงสาเหตุและผลของปรากฏการณ์กับการดำรงชีวิตของมนุษย์และ และวิทยาการอย่างยง่ั ยนื
สงิ่ แวดลอ้ ม
1.4 คาดการณ์ปรากฏการณ์อย่างสมเหตุสมผลโดยอาศัยความรู้เชิง
วิทยาศาสตรแ์ ละขอ้ มลู ที่ได้จากการสงั เกตหรอื การทดลอง
2. ประเมนิ และออกแบบการสบื เสาะเชิงวิทยาศาสตร์
6.1 สังเกต ตั้งคำถาม ตั้งสมมติฐาน และทดสอบสมมติฐานเกี่ยวกับ 1. การจัดการตนเอง
ปรากฏการณ์ 2. การคดิ ข้ันสูง
6.2 ประเมินและเลือกวิธีการเก็บรวมรวมหลักฐานโดยการสังเกตหรือการ 6. การอย่รู ่วมกบั ธรรมชาติ
ทดลอง และออกแบบการบันทึกข้อมูลเพื่อตอบคำถามหรือสมมติฐาน และวิทยาการอยา่ งย่งั ยนื
เกี่ยวกับความน่าเชื่อถือและความสมเหตุสมผลของข้อมูลและหลักฐาน
และลงขอ้ สรปุ
6.3 ใส่ใจ พยายาม กระตือรือร้นในการสืบเสาะเพื่อเก็บรวบรวมหลักฐานใน
การอธิบายปรากฏการณ
3. ตีความหมายขอ้ มูลและหลักฐานทางวิทยาศาสตร์
3.1 จัดการข้อมูลที่ได้จากการสังเกตหรือทดลองให้อยู่ในรูปแบบที่เหมาะสม 2. การคิดข้ันสูง
เชน่ รปู ภาพ สญั ลกั ษณ์ แผนภาพ แผนภูมิ ตาราง หรอื กราฟ 3. การสื่อสาร
3.2 แปลความหมายข้อมูลที่อยู่ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น แผนภาพ แผนภูมิ 6. การอยู่รว่ มกับธรรมชาติ
ตาราง หรอื กราฟ และวิทยาการอย่างย่งั ยนื
3.3 ลงข้อสรุปโดยอาศัยข้อมูลและหลักฐานที่ได้มาจากการสังเกตหรือการ
ทดลอง และไม่ดว่ นตัดสินใจเมื่อยังไมม่ ีหลักฐานทน่ี ่าเช่อื ถือเพยี งพอ
4. แก้ปัญหา สรา้ งนวัตกรรม และการอยู่ร่วมกนั
4.1 แกป้ ัญหาหรอื สร้างเครื่องมือเครื่องใช้เพื่อตอบสนองความต้องการ ในชีวิต 2. การคิดขน้ั สูง
โดยใชค้ วามรทู้ างวทิ ยาศาสตรแ์ ละการทำงานรว่ มกบั ผ้อู ืน่
หลกั สตู รสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นวัดแมแ่ กด้ นอ้ ย พุทธศักราช 2565 ระดบั ประถมศึกษา 150
สมรรถนะเฉพาะ สมรรถนะหลัก
ประยุกต์ใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์หรือศาสตร์อื่น ๆ ในการปฏิบัติตนใน 4. การรวมพลังทำงานเป็น
4.2 ชวี ติ ประจำวัน โดยคำนงึ ถงึ ส่วนรวมและการอยูร่ ว่ มกบั ธรรมชาติ ทีม
ได้อยา่ งเหมาะสม 5. ก า ร เ ป ็ น พ ล เม ื องท่ี
เขม้ แข็ง
6. การอยรู่ ว่ มกบั ธรรมชาติ
และวิทยาการอยา่ งยัง่ ยนื
5. ใชแ้ ละเข้าใจภาษาเชงิ วิทยาศาสตร์
5.1 ทำความเข้าใจ จับประเด็นสำคัญจากการฟังหรืออ่านข้อมูลที่มีภาพ 2. การคดิ ขน้ั สงู
แผนภาพ แผนภูมิ ตาราง กราฟ ภาษาสัญลักษณ์ และคำศัพท์ทาง 3. การสือ่ สาร
วิทยาศาสตร์
5.2 แลกเปลี่ยนความคิดเห็น อธิบาย คาดการณ์ ให้เหตุผลเชิงวิทยาศาสตร์
สรุปผลการทำกิจกรรมอย่างตรงไปตรงมา ตรงตามจุดประสงค์ ด้วย
คำศพั ท์ทางวิทยาศาสตร์ สือ่ หรือวธิ กี ารที่เหมาะสม
6. ใช้เครือ่ งมอื ในการเรยี นรู้
6.1 เลอื กและใช้เครือ่ งมอื และอุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์ เคร่ืองมอื ดิจทิ ัล 3. การสอื่ สาร
ในการเก็บรวบรวมขอ้ มูลและหลักฐานทีส่ งั เกตหรอื ทดลองได้อย่าง 6. การอยรู่ ว่ มกับธรรมชาติ
ถกู ต้องและเหมาะสม และวิทยาการอย่างยงั่ ยืน
6.2 ใชค้ ณติ ศาสตร์หรอื เครอื่ งมือดิจทิ ัล เพ่ือจัดการและนำเสนอขอ้ มลู
หลักสตู รสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรียนวัดแมแ่ ก้ดนอ้ ย พุทธศกั ราช 2565 ระดบั ประถมศึกษา 151
ผลลพั ธ์การเรียนรู้เมือ่ จบช่วงชัน้ ท่ี 2
1. วิเคราะห์และระบุลักษณะที่มีการเปลี่ยนแปลงทางเคมี ลักษณะของสารละลายที่พบใน
ชีวิตประจำวัน อธิบายการทำงานของอวัยวะในระบบย่อยอาหาร และความสัมพันธ์ระหว่างกระบวนการย่อย
อาหารกบั การเปลี่ยนแปลงทางเคมีท่ีเกิดข้ึนในร่างกายจากหลกั ฐานที่รวบรวมได้อย่างกระตือรือร้น และทำงาน
รว่ มกนั โดยแบง่ บทบาทหนา้ ที่ กำหนดเปา้ หมาย จดั ลำดบั ขนั้ ตอนการทำงาน และปฏบิ ตั งิ านจนสำเรจ็
2. สังเกต ทดลอง และอธิบายการเกิดเสียง การเคลื่อนที่ของเสียง เสียงสูง เสียงต่ำ เสียงดัง เสียงค่อย และ
วิเคราะหส์ าเหตทุ ี่ทำให้เกิดมลพิษทางเสียงโดยประเมินความน่าเช่ือถือและความสมเหตสุ มผลของหลักฐาน ไม่
ประพฤติตนเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดมลพิษทางเสียง และนำเสนอแนวทางการปฏิบัติตนให้ปลอดภัยจากมลพิษ
ทางเสยี งเพือ่ ให้มีสุขภาพกายและจิตทด่ี ดี ว้ ยวิธกี ารทเี่ หมาะสมเพ่ือใหเ้ กิดประโยชนต์ อ่ ตนเองและผู้อนื่
3. ร่วมกันทำงานเป็นทีมในการรับฟัง แลกเปลี่ยนความคิดเห็น และทำงานอย่างเป็นขั้นตอนในการ
สร้างแบบจำลองเพื่ออธิบายกระบวนการเกิดเมฆ หมอก น้ำค้าง น้ำค้างแข็ง ฝน หิมะ และลูกเห็บ โดยอาศัย
ความร้เู กี่ยวกับสถานะและการเปล่ียนสถานะของสสารและจากขอ้ มูลทีร่ วบรวมได้
4. วิเคราะห์แบบจำลองวัฏจักรน้ำร่วมกับข้อมูลปริมาณนำ้ บนโลก เพ่ือเปรยี บเทียบปรมิ าณน้ำจืดที่มนุษย์
นำมาใชไ้ ด้เทยี บกับปริมาณน้ำทั้งหมดบนโลก ใชค้ วามรู้ทางคณิตศาสตร์และเครื่องมือดิจิทลั ในการจัดการและ
นำเสนอข้อมูลอย่างเหมาะสม และนำเสนอแนวทางการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้น้ำของคนในบ้านหรือใน
โรงเรียน วิเคราะห์ จัดลำดับสาเหตุของปัญหา และร่วมกันหาแนวทางการแก้ไขปัญหา หรือนำเสนอแนว
ทางการอนรุ กั ษ์น้ำในชมุ ชน เพ่ือเป็นสว่ นหนง่ึ ทชี่ ่วยใหช้ ุมชนมีน้ำใช้อย่างไมข่ าดแคลน
5. สร้างคำอธิบายและแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งแวดล้อม ใน
แหล่งที่อยู่ในเรื่องการปรับตัวด้านโครงสร้างและลักษณะของสิ่งมีชีวิตที่เหมาะสมกับการด ำรงชีวิต
ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งมีชีวิตในการถ่ายทอดพลังงานและการเป็นที่อยู่อาศัย โดยแบ่งบทบาท
หน้าที่ในการเลือกวิธกี ารรวบรวมขอ้ มูลที่เหมาะสม จัดการข้อมูล และเลือกรูปแบบการนำเสนอข้อมูลให้ผู้อืน่
เข้าใจได้ง่าย และสอดคล้องกับจุดประสงค์ รับรู้ความสำคัญของความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิตกับสิ่งแวดล้อมโดย
บอกแนวทางการดูแลสิ่งแวดล้อมอยา่ งมีเหตุผลและปฏิบตั ิตนเพื่อให้การถ่ายทอดพลังงาน การดำรงชีวิต และ
ความหลากหลายของส่ิงมีชีวติ เป็นไปตามธรรมชาติ
6. อธิบายการมองเห็นสิ่งต่าง ๆ รอบตัวและการเกิดเงา คาดการณ์การมองเห็นปรากฏการณ์ การ
เปลี่ยนแปลงรูปร่างของดวงจันทร์บนท้องฟ้า พยายามหาสาเหตุและอธิบายการเกิดปรากฏการณ์อุปราคาได้อย่าง
สมเหตสุ มผล โดยอาศัยความรู้เร่ืองแสงกับการมองเห็น การเกดิ เงา รว่ มกับการสงั เกตและการสรา้ งแบบจำลอง
สื่อสารความรู้และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นบนพื้นฐานของความเข้าใจอย่างมีเหตุผลและตระหนักถึงความแตกต่างใน
ดา้ นความเชอ่ื และวัฒนธรรมของคนในสังคม นำเสนอโดยเลอื กใชส้ ่ือและวิธกี ารที่เหมาะสม
หลักสูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรียนวดั แม่แกด้ นอ้ ย พุทธศักราช 2565 ระดบั ประถมศกึ ษา 152
7. วิเคราะห์ความสมเหตุสมผลของดาวต่าง ๆ ในระบบสุริยะกับการดำรงชีวิตของสิ่งมีชีวิตจากการ
สงั เกตแบบจำลองระบบสุริยะและรวบรวมข้อมูล และนำเสนอโดยใช้แบบจำลองหรือในรปู แบบท่ีนา่ สนใจ เพื่อ
นำไปสคู่ วามตระหนกั ว่าโลกเป็นดาวดวงเดียวในระบบสรุ ิยะทีเ่ หมาะสมกบั การดำรงชวี ติ
8. สร้างคำอธิบายการเกิดปรากฏการณ์เรือนกระจก โดยอาศัยหลักฐานและการเชื่อมโยงความรู้จาก
การสังเกต จากแบบจำลอง และจากข้อมูลที่รวบรวมได้ และนำเสนอประโยชน์และผลกระทบของ
ปรากฏการณ์เรอื นกระจกตอ่ ส่งิ มชี ีวิตและส่งิ แวดลอ้ ม
9. วิเคราะห์พฤติกรรมหรอื กิจกรรมต่าง ๆ ของตนเองและสมาชิกในครอบครวั ท่กี ่อให้เกิดแก๊ส
เรือนกระจกดว้ ยเหตุและผล แสดงความคดิ เห็นของตนเองและรบั ฟังความคดิ เห็นของผู้อื่นในการเสนอ
แนวทางในการลดกิจกรรมที่ก่อให้เกิดแก๊สเรือนกระจกและนำเสนอหรือสื่อสารผ่านช่องทางต่าง ๆ ที่น่าสนใจ
และเหมาะสม และมุ่งมั่นในการลงมือปฏิบัติเพื่อเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อสิง่ มีชวี ิตและ
สง่ิ แวดล้อม
10. ตงั้ คำถามและสมมติฐานเพ่ือนำไปส่กู ารทดลองและอธิบายผลของแรงเสียดทานที่มตี ่อวตั ถุ สังเกต
และอธิบายเกยี่ วกับผลของแรงโน้มถว่ งท่มี ีตอ่ วตั ถุ ความสัมพนั ธร์ ะหว่างแรงโน้มถ่วง มวล และน้ำหนกั ของวัตถุ
และการวัดน้ำหนักของวัตถุด้วยเครื่องชั่งสปริง ประยุกต์ใช้ความรู้เรื่องแรงเสียดทาน แรงโน้มถ่วง มวล และ
น้ำหนัก ในการแก้ปัญหาหรืออธิบายสถานการณ์หรือกิจกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง และนำเสนอผ่านสื่อหรือ
วธิ กี ารทีเ่ หมาะสม
11. ร่วมกันทำงานเป็นทีมอย่างกระตือรือร้นในการสร้างเครื่องมือหรือเครื่องใช้อย่างสร้างสรรค์เพ่ือ
แก้ปัญหาหรือตอบสนองต่อความต้องการ โดยเลือกใช้ความรู้เกี่ยวกับวงจรไฟฟ้าอย่างง่าย การต่อเซลล์ไฟฟ้าแบบ
อนุกรม การตอ่ อปุ กรณ์ไฟฟ้าแบบอนุกรมและแบบขนาน สมบัติการนำไฟฟ้า สมบัติการนำความร้อน และสมบัติดา้ น
ความแข็งของวสั ดุ ประเมินตนเองในด้านผลงานและการทำงานในบทบาทการเป็นสมาชกิ ของทีม
หลักสตู รสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรียนวัดแมแ่ กด้ นอ้ ย พุทธศกั ราช 2565 ระดบั ประถมศกึ ษา 153
คำอธิบายรายวชิ า เวลา 80 ช่ัวโมง
ว 14101 วิทยาศาสตร์กบั ภูมิปญั ญาในท้องถิ่น 4
ช้นั ประถมศกึ ษาปีที่ 4
ศกึ ษาและเรยี นร้เู กี่ยวกับการจัดกลมุ่ สงิ่ มีชวี ติ การจำแนกพืชเปน็ พืชดอกและพชื ไม่มดี อก การจำแนกสัตว์มี
กระดูกสนั หลงั และสัตว์ไม่มกี ระดูกสันหลงั ลกั ษณะเฉพาะทส่ี งั เกตได้ของสตั ว์มีกระดกู สันหลัง หน้าที่ของส่วนต่าง
ๆ ของพืช ผลของแรงโน้มถ่วงของโลก การใช้เครื่องชั่งสปริงวัดน้ำหนักของวัตถุ มวลของวัตถุที่มีผลต่อการ
เปลยี่ นแปลงการเคลอื่ นท่ีของวัตถุ การจำแนกวัตถุเป็นตัวกลางโปร่งใส ตวั กลางโปร่งแสง และวัตถุทึบแสง สมบัติ
ทางกายภาพดา้ นความแข็ง สภาพยืดหยุ่น การนำความร้อน และการนำไฟฟา้ ของวัสดุ การนำสมบตั ทิ างกายภาพ
ของวัสดุไปใชใ้ นชวี ิตประจำวัน สมบัตขิ องสสารทง้ั 3 สถานะ จากขอ้ มูลท่ไี ด้จากการสังเกต มวล การต้องการที่อยู่
รูปร่างและปริมาตรของสสาร รวมทั้งการใช้เครื่องมือเพื่อวัดมวลและปริมาตรของสสารทั้ง 3 สถานะ สร้าง
แบบจำลองแสดงองคป์ ระกอบของระบบสุริยะ และคาบการโคจรของดาวเคราะห์ ต่าง ๆ จากแบบจำลอง แบบรูป
เส้นทางการขึ้นและตกของดวงจันทร์ สร้างแบบจำลองที่อธิบายแบบรูปการเปลี่ยนแปลงรูปร่างปรากฏของดวง
จันทร์และพยากรณร์ ปู รา่ งปรากฏของดวงจันทร์ เช่นขา้ งข้ึนขา้ งแรม
โดยใช้กระบวนการสืบเสาะ ในการตั้งคำถาม ค้นหาหลักฐาน รวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ เพื่อทำ
ความเข้าใจแนวคิดสำคัญทางวิทยาศาสตร์ที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต ใช้และเข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัลอย่างรู้เท่าทัน
และปลอดภัย รวมทั้งใช้ความรู้ทางคณิตศาสตร์ในการสืบเสาะ จัดการและนำเสนอข้อมูลได้อย่างเหมาะสมจน
สามารถออกแบบและสร้างโคมเทียนจากขวดพลาสติกได้ (SMT) เรียนรู้ผ่านนวัตกรรมการจัดการเรียนรู้
MAEKADNOI MODEL
ตระหนักถึงความสัมพันธ์ของวิทยาศาสตร์กับระบบธรรมชาติ ผลของวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและ
วิทยาการต่างๆ ที่มีต่อมวลมนุษย์และสิ่งแวดล้อมในระบบธรรมชาติ สิ่งแวดล้อมในท้องถิ่น มีจินตนาการ จิต
วิทยาศาสตร์ มีคณุ ธรรม จริยธรรม และค่านิยมในการใชว้ ทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยดี ิจิทลั อย่างสรา้ งสรรค์
เกิดสมรรถนะการจัดการตนเอง การเห็นคุณค่าในตนเอง การจัดการปัญหาและภาวะวิกฤต เกิด
สมรรถนะการคดิ ข้ันสงู การคิดอย่างมีวจิ ารณญาณ การคดิ เชงิ ระบบ การคิดสรา้ งสรรค์ และการคดิ แกป้ ัญหา เกิด
สมรรถนะการสื่อสาร เกิดสมรรถนะการรวมพลังเป็นทีม เป็นสมาชิกทีมที่รับผิดชอบต่อบทบาทและงานตามท่ี
ไดร้ ับมอบหมายและเกิดสมรรถนะการอยู่ร่วมกับธรรมชาตแิ ละวิทยาการอยา่ งยง่ั ยนื
ผลลัพธ์การเรยี นรู้ของผเู้ รยี น สแี สดงจุดเนน้ ของสถานศกึ ษา
ข้อที่ : 3, 4, 5, 6, 7, 10 และ 11 สีฟ้า = รักษ์ศลิ ปวัฒนธรรมลา้ นนา
รวม 7 ผลลพั ธก์ ารเรยี นรู้ สีแดง = ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
สีเขียว = โรงเรียนสุจริต / วิถีพทุ ธ
สมรรถนะหลัก สมี ่วง = โครงการ รร.คุณภาพ SMT
สมรรถนะท่ี : 1, 2, 3, 4, 5 และ 6 สนี ้ำเงิน = สวนพฤกษศาสตร์
รวม 6 สมรรถนะ
หลกั สูตรสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรียนวัดแม่แกด้ น้อย พุทธศกั ราช 2565 ระดบั ประถมศกึ ษา 154
คำอธิบายรายวิชา เวลา 80 ชั่วโมง
ว 15101 วิทยาศาสตรก์ บั ภูมิปัญญาในทอ้ งถน่ิ 5
ชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ 5
ศึกษาการเรยี นรูแบบนักวิทยาศาสตร์ โครงสรา้ งและลกั ษณะของส่ิงมีชีวิตท่ีเหมาะสมในแต่ละแหล่งท่ีอยู่
ความสัมพันธ์ระหว่างสิง่ มชี ีวิตกบั สิ่งมชี วี ิตและความสัมพันธ์ระหว่างสิง่ มีชีวิตกับสิ่งไม่มีชีวิต การถ่ายทอดลักษณะ
ทางพนั ธุกรรมของพืช สัตว และมนษุ ย์การเปลีย่ นสถานะของสสาร การละลายของสารในนำ้ การเปลี่ยนแปลงทาง
เคมี การเปลี่ยนแปลงที่ผันกลับได้และผันกลับไม่ได้ แรงลัพธ์ แรงเสียดทาน การได้ยินเสียงผ่านตัวกลาง ลักษณะ
และการเกิดเสียงสูง เสียงต่ำ เสียงดัง และเสียงค่อย ระดับเสียงและมลพิษ ทางเสียง ความแตกต่างของดาว
เคราะห์และดาวฤกษ การใชแผนที่ดาว แบบรูปเสนทางการขึ้นและตก ของกลุ่มดาวฤกษบนทองฟาในรอบป
ปริมาณน้ำในแต่ละแหล่ง ปริมาณน้ำท่ีมนุษย์สามารถนำมาใช้ได้ การใชน้ำอย่างประหยัดและการอนุรักษน้ำ
วฏั จกั รนำ้ กระบวนการเกดิ เมฆ หมอก น้ำคา้ ง และน้ำคางแข็ง กระบวนการเกดิ ฝน หิมะ และลกู เหบ็
โดยใชการสืบเสาะหาความรู สังเกต รวบรวมข้อมูลเพือ่ ใหเกิดความรูความเขาใจ มีทักษะกระบวนการทาง
วิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐาน มีความคิดสร้างสรรค สามารถทำงานร่วมกับผู้อื่น แสดงวิธีแกปญหาโดยใช จนสามารถ
ออกแบบและสร้างป๋องแป๋งรักษ์โลก (SMT) ใช้และเข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัลอย่างรู้เท่าทันและปลอดภัย รวมทั้งใช้
ความรู้ทางคณิตศาสตร์ในการสืบเสาะ จัดการและนำเสนอข้อมูลได้อย่างเหมาะสม เรียนรู้ผ่านนวัตกรรมการ
จดั การเรียนรู้ MAEKADNOI MODEL
ตระหนักถึงความสัมพันธ์ของวิทยาศาสตร์กับระบบธรรมชาติ ผลของวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและ
วิทยาการต่างๆ ที่มีต่อมวลมนษุ ย์และสิ่งแวดล้อมในระบบธรรมชาติ สิ่งแวดล้อมในท้องถิน่ มีจิตสำนึกรกั และห่วง
แหนในการอนุรักษ์ทรัพยากรพรรณไม้ในโรงเรียน มีจินตนาการ จิตวิทยาศาสตร์ มีคุณธรรม จริยธรรม และ
คา่ นิยมในการใช้วทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยีดจิ ทิ ลั อยา่ งสร้างสรรค์
เกิดสมรรถนะการจัดการตนเอง การเห็นคุณค่าในตนเอง การจัดการปัญหาและภาวะวิกฤต เกิด
สมรรถนะการคิดขน้ั สงู การคดิ อย่างมวี ิจารณญาณ การคิดเชิงระบบ การคดิ สร้างสรรค์ และการคิดแก้ปญั หา เกิด
สมรรถนะการสื่อสาร เกิดสมรรถนะการรวมพลังเป็นทีม เป็นสมาชิกทีมที่รับผิดชอบต่อบทบาทและงานตามที่
ไดร้ บั มอบหมายและเกิดสมรรถนะการอยู่รว่ มกับธรรมชาติและวทิ ยาการอยา่ งยงั่ ยนื
ผลลัพธ์การเรยี นรขู้ องผเู้ รียน สแี สดงจุดเน้นของสถานศึกษา
ขอ้ ท่ี : 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8 และ 11 สฟี า้ = รักษ์ศลิ ปวัฒนธรรมล้านนา
รวม 8 ผลลพั ธก์ ารเรียนรู้ สแี ดง = ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง
สีเขียว = โรงเรยี นสจุ รติ / วิถีพุทธ
สมรรถนะหลัก สีม่วง = โครงการ รร.คณุ ภาพ SMT
สมรรถนะที่ : 1, 2, 3, 4, 5 และ 6 สนี ำ้ เงิน = สวนพฤกษศาสตร์
รวม 6 สมรรถนะ
หลักสูตรสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรียนวัดแมแ่ ก้ดน้อย พุทธศักราช 2565 ระดบั ประถมศกึ ษา 155
คำอธบิ ายรายวิชา เวลา 80 ชั่วโมง
ว 16101 วิทยาศาสตรก์ ับภูมปิ ัญญาในท้องถ่นิ 6
ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี 6
ศึกษาการเรียนรแู้ บบนักวิทยาศาสตร์ ลกั ษณะท่มี กี ารเปล่ียนแปลงทางเคมี ลักษณะของสารละลายท่ีพบ
ในชีวติ ประจำวนั การทำงานของอวยั วะในระบบยอ่ ยอาหาร ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งกระบวนการยอ่ ยอาหารกับการ
เปลี่ยนแปลงทางเคมีทีเ่ กดิ ขึ้นในร่างกาย การเกดิ เงา คาดการณ์การมองเห็นปรากฏการณ์การเปลีย่ นแปลงรูปร่าง
ของดวงจันทร์บนท้องฟ้า การเกิดปรากฏการณ์อุปราคา การเกิดปรากฏการณ์เรือนกระจก วงจรไฟฟ้าอย่างง่าย
การต่อเซลล์ไฟฟ้าแบบอนุกรม การต่ออุปกรณ์ไฟฟ้าแบบอนุกรมและแบบขนาน สมบัติการนำไฟฟ้า สมบัติ การ
นำความร้อน และสมบตั ิดา้ นความแขง็ ของวสั ดุ
ใช้กระบวนการสืบเสาะ (Inquiry process) ในการตั้งคำถาม ค้นหาหลักฐาน รวบรวมและวิเคราะห์
ข้อมูลต่าง ๆ เพอื่ ทำความเข้าใจแนวคิดสำคัญทางวิทยาศาสตร์ที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต ใชแ้ ละเข้าถึงเทคโนโลยี
ดิจิทัลอย่างรู้เท่าทัน และปลอดภัย รวมทั้งใช้ความรู้ทางคณิตศาสตร์ในการสืบเสาะจัดการและนำเสนอข้อมูลได้
อย่างเหมาะสม จนสามารถออกแบบและทำข้าวแต๋นเพื่อสุขภาพ (SMT) ผ่านนวัตกรรมการจัดการเรียนรู้
MAEKADNOI MODEL
ตระหนักถึงความสัมพันธ์ของวิทยาศาสตร์กับระบบธรรมชาติ ผลของวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และ
วิทยาการต่าง ๆ ที่มีต่อมวลมนุษย์และสิ่งแวดล้อมในระบบธรรมชาติ และใช้ความรู้และกระบวนการ
ทางวิทยาศาสตร์ในการดำรงชีวิต มีจิตสำนึกรักและห่วงแหนในการอนุรักษ์ทรัพยากรพรรณไมใ้ นโรงเรียน เข้าใจ
สิทธิและหน้าที่ของตน เคารพในสิทธิของผู้อื่น มีจินตนาการ จิตวิทยาศาสตร์ คุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมใน
การใช้วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยดี จิ ทิ ัลอยา่ งสร้างสรรค์
เกิดสมรรถนะการจัดการตนเอง การเห็นคุณค่าในตนเอง การจัดการปัญหาและภาวะวิกฤต
เกิดสมรรถนะการคดิ ขั้นสงู การคิดอย่างมีวิจารณญาณ การคิดเชิงระบบ การคิดสร้างสรรค์ และการคิดแกป้ ัญหา
เกดิ สมรรถนะการสอื่ สาร เกิดสมรรถนะการรวมพลังเป็นทมี เปน็ สมาชกิ ทมี ที่รับผิดชอบต่อบทบาทและงานตามท่ี
ได้รบั มอบหมายและเกดิ สมรรถนะการอยูร่ ่วมกับธรรมชาติและวทิ ยาการอย่างย่ังยนื
ผลลัพธ์การเรียนรขู้ องผ้เู รียน สแี สดงจดุ เนน้ ของสถานศึกษา
สฟี า้ = รกั ษศ์ ิลปวัฒนธรรมล้านนา
ข้อท่ี : 1, 6, 8, 9 และ 11 สแี ดง = ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง
รวม 5 ผลลัพธก์ ารเรยี นรู้ สเี ขยี ว = โรงเรยี นสจุ ริต / วิถีพุทธ
สีมว่ ง = โครงการ รร.คณุ ภาพ SMT
สมรรถนะหลัก สนี ้ำเงนิ = สวนพฤกษศาสตร์
สมรรถนะที่ : 1, 2, 3, 4, 5 และ 6
รวม 6 สมรรถนะ
หลักสูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรียนวดั แม่แกด้ นอ้ ย พุทธศักราช 2565 ระดบั ประถมศกึ ษา 156
ช่วงชั้นที่ 2 : กลุ่มสาระการเรยี นรู้บรู ณาการ
“การจัดการในครัวเรอื น”
สมรรถนะเฉพาะ สมรรถนะหลกั
1. ดูแลบ้านและความเป็นอยู่ของสมาชกิ ในบ้านรวมถึงแบ่งเบา 1. การจัดการตนเอง
ภาระผู้ปกครอง ด้วยความรับผิดชอบและกระตือรือร้น โดย 2. การคิดข้ันสูง
คำนึงถึงความปลอดภัยและการอยูร่ ่วมกนั ดว้ ยดีเปน็ หลกั 3. การส่อื สาร
4. การรวมพลงั ทำงานเปน็ ทีม
5. การเปน็ พลเมืองทเ่ี ขม้ แขง็
6. การอยู่ร่วมกบั ธรรมชาติ และวิทยาการ
อยา่ งยัง่ ยนื
2. ทำงานอย่างเป็นระบบ รวมทั้งสร้างงานที่แปลกใหม่หรือต่อ 1. การจัดการตนเอง
ยอดจากของเดิมด้วยตนเองหรือร่วมกับสมาชิกในครอบครัว 2. การคิดขน้ั สูง
เพื่อนและผู้อื่น เหมาะสมกับการเปลี่ยนแปลงในสถานการณ์ 3. การส่อื สาร
ต่าง ๆ ด้วยความรับผิดชอบ ขยัน อดทน มุ่งมั่น ซื่อสัตย์ 4. การรวมพลงั ทำงานเปน็ ทมี
ประณตี และมที ักษะทางสังคมในการทำงาน 5. การเปน็ พลเมืองทีเ่ ข้มแขง็
6. การอยรู่ ่วมกบั ธรรมชาติ และวิทยาการ
อย่างยั่งยืน
3. ค้นหาแนวทางและโอกาสในการจัดจำหน่าย หรือสร้าง 1. การจดั การตนเอง
รายได้ตามความสนใจของตนเองและมีเจตคติที่ดีต่อการ 2. การคดิ ข้ันสูง
ประกอบอาชีพสุจริต โดยประยุกต์ใช้ความรู้และทักษะพื้นฐาน 3. การสอื่ สาร
การเป็นผู้ประกอบการที่ดีตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ 4. การรวมพลังทำงานเปน็ ทีม
พอเพียง การพัฒนาสนิ คา้ และบรกิ าร 5. การเป็นพลเมืองทเี่ ข้มแข็ง
6. การอยรู่ ว่ มกบั ธรรมชาติ และวทิ ยาการ
อยา่ งยง่ั ยืน
4. ทำงานโดยใช้ทรัพยากร พลังงานและเทคโนโลยีอย่างรู้ 1. การจดั การตนเอง
คุณค่า พอเพียง เหมาะสมกับสถานะทางเศรษฐกิจ ให้เกิด 2. การคิดขนั้ สูง
ประโยชนแ์ ละคำนงึ ถึงผลเสียตอ่ ตนเองและส่วนรวม 3. การสื่อสาร
4. การรวมพลังทำงานเปน็ ทีม
5. การเป็นพลเมืองท่ีเขม้ แขง็
6. การอยรู่ ว่ มกับธรรมชาติ และวทิ ยาการ
อย่างยั่งยนื
หลักสูตรสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรียนวัดแม่แก้ดน้อย พุทธศักราช 2565 ระดับประถมศกึ ษา 157
ผลลพั ธก์ ารเรยี นรเู้ ม่ือจบช่วงช้ันท่ี 2
1. ดูแลบ้านและความเป็นอยู่ของสมาชิกในบ้านรวมถึงแบ่งเบาภาระผู้ปกครอง ด้วยความรับผิดชอบ
กระตอื รอื รน้ และม่งุ มั่นในการทำงาน นำไปสูก่ ารวางแผนและลงมือทำงานอยา่ งเป็นระบบโดยคำนึงถึงเหตุและ
ผล ของวธิ ที ำงานแบบต่างๆ ใชท้ รพั ยากร พลงั งานและเทคโนโลยี อย่างรูค้ ณุ คา่ พอเพียง เหมาะสมกับสถานะ
ทางเศรษฐกิจ ให้เกิดประโยชน์และคำนึงถึงผลเสียต่อตนเองและส่วนรวมโดยคำนึงถึงความปลอดภัยและการ
อยูร่ ว่ มกนั ดว้ ยดเี ป็นหลัก
2. ทำงานอย่างเป็นระบบ รวมทง้ั สร้างงานที่แปลกใหม่หรอื ตอ่ ยอดจากของเดิมด้วยตนเอง หรือรว่ มกับ
เพื่อนและผู้อื่นตามหน้าที่และบทบาท ที่สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงในสถานการณ์ต่างๆ อย่างเหมาะสมโดยกำหนด
เป้าหมายที่เปน็ ไปได้ ประยุกต์ใช้ความรู้ในการวางแผนการทำงานที่คำนงึ ถึงความปลอดภัยเป็นหลัก ลงมือทำ
ตามแผนโดยใช้ทรัพยากร พลังงานและเทคโนโลยอี ยา่ งรูค้ ุณค่าและพอเพียง ตรวจสอบแก้ไขและปรบั ปรุงการ
ทำงาน ให้บรรลุเป้าหมายที่วางไว้ด้วยความรับผิดชอบ ขยัน อดทน มุ่งมั่น ซื่อสัตย์ ประณีต กล้าแสดงความ
คิดเห็น ของตนเอง รับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น เข้าใจและยอมรับความสามารถของสมาชิกทีมที่แตกต่างกัน
ร่วมกนั แก้ไขความขดั แย้ง มีทกั ษะทางสังคม ในการทำงาน
3. ค้นหาแนวทางและโอกาสในการจัดจำหน่าย สร้างรายไดต้ ามความสนใจของตนเอง และมีเจตคติที่
ดตี ่อการประกอบอาชีพสจุ รติ โดยประยุกตใ์ ช้ความรู้และทักษะพน้ื ฐานของการเปน็ ผู้ประกอบการท่ีดตี ามหลักปรัชญา
ของเศรษฐกิจพอเพียง ในการวางแผนการผลิต การพัฒนาสินค้าและบริการอย่างเป็นระบบด้วยตนเอง หรือ
รว่ มกบั ครอบครัวและผู้อ่ืน
หลกั สตู รสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นวดั แมแ่ ก้ดน้อย พุทธศักราช 2565 ระดับประถมศกึ ษา 158
คำอธิบายรายวิชา
ง14101 การจัดการในครวั เรือน 1 เวลา 80 ช่ัวโมง
ช้ันประถมศึกษาปีที่ 4
รู้ความหมายของครอบครัว ประเภทของครอบครัว บทบาทหน้าที่ของตนเองที่มีต่อครอบครัว วิธีสร้าง
สัมพนั ธ์ท่ีดีในครอบครัว การดูแลรกั ษาบ้านใหน้ า่ อยู่ การเลอื กใช้อุปกรณ์ทำความสะอาด เครื่องอำนวยความสะดวก
ในการทำความสะอาดบ้าน บอกวิธีการทำความสะอาดอย่างเป็นขั้นตอน สามารถจัดตกแต่งห้อง แต่งบ้านและสวน
โดยการสอดแทรกและประยุกต์ใช้ 5 ห้องชีวิตเนรมิตนิสัย เพื่อเสริมสร้างสร้างลักษณะนิสัยที่ดีจากการทำงานใน 5
ห้องชีวิต อธิบายขั้นตอนการทำงานโดยใช้ทักษะในการจัดเตรียม ประกอบ ตกแต่ง การบริการอาหารเครื่องดื่มและ
อาหารพื้นบ้าน ฝึกปฏิบัติการทำน้ำดื่มสมุนไพรในท้องถิ่น ฝึกปฏิบตั กิ ารทำขนมและอาหารตามเทศกาล เลือกใช้ดแู ล
รกั ษาเสอ้ื ผา้ เคร่ืองแตง่ กาย เช่น การซัก ตาก พบั เกบ็ ซอ่ มแซม เสื้อผ้าเครอ่ื งแต่งกาย โดยคำนงึ ถึงความปลอดภัยใน
การทำงาน อธบิ ายแนวทางการเลือกอาชีพงานบา้ น มเี จตคติที่ดตี อ่ การประกอบอาชพี เหน็ ความสำคญั ของการสร้าง
อาชพี วางแผนการสรา้ งรายไดต้ ามความสนใจของตนเอง คดิ สรา้ งงานท่ีแปลกใหม่หรือตอ่ ยอดจากของเดิมดว้ ยตนเอง
หรือรว่ มกับสมาชิกในครอบครัว เพ่อื นและผอู้ นื่ เหมาะสมกับการเปลี่ยนแปลงในสถานการณต์ ่าง ๆ โดยใช้ทรัพยากร
พลงั งานและเทคโนโลยีอย่างร้คู ณุ คา่ พอเพียง เหมาะสมกบั สถานะทางเศรษฐกิจ ใหเ้ กิดประโยชน์และคำนึงถึงผลเสีย
ต่อตนเองและส่วนรวม
โดยใช้ทักษะการคิด วิเคราะห์ กระบวนการกลุ่มในการทำงาน กระบวนการวางแผนอย่างเป็นระบบด้วย
ความเสียสละ ตัดสินใจแก้ปัญหาการทำงานอย่างมีเหตุผล โดยเรียนรู้ผ่านนวัตกรรมการจัดการเรียนรู้
MAEKADNOI MODEL
มีเจตคติที่ดีต่อการประกอบอาชีพสุจริต การประกอบอาชีพ งานบ้านด้วยความซื่อสัตย์ สุจริตและ
น้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ทั้งในชีวิตและการทำงาน มีคุณธรรม จริยธรรม และ
คุณลกั ษณะทดี่ ใี นการทำงาน
เกิดสมรรถนะการจัดการตนเอง การคิดขั้นสูง การสื่อสาร การรวมพลังทำงานเป็นทีม การเป็นพลเมืองที่
เขม้ แข็ง สามารถช่วยเหลอื ผูอ้ ่ืนและอยู่รว่ มกนั อย่างสนั ติสขุ ใช้ทรัพยากรในฐานะผู้บรโิ ภคอยา่ งมีเปา้ หมาย รบั ผิดชอบ
และรเู้ ทา่ ทัน สารมารถอยูร่ ่วมกับธรรมชาตแิ ละวทิ ยาการอย่างยั่งยนื สแี สดงจดุ เนน้ ของสถานศึกษา
สีฟ้า = รักษ์ศลิ ปวัฒนธรรมลา้ นนา
ผลลพั ธ์การเรยี นรู้ของผู้เรียน สแี ดง = ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง
ข้อที่ : 1, 2 และ 3 สีเขยี ว = โรงเรียนสจุ รติ / วิถีพทุ ธ
รวม 3 ผลลพั ธก์ ารเรียนรู้ สมี ว่ ง = โครงการ รร.คุณภาพ SMT
สีน้ำเงนิ = สวนพฤกษศาสตร์
สมรรถนะหลัก
สมรรถนะที่ : 1, 2, 3, 4, 5 และ 6
รวม 6 สมรรถนะ
หลกั สตู รสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรียนวัดแม่แก้ดน้อย พุทธศกั ราช 2565 ระดบั ประถมศกึ ษา 159
คำอธบิ ายรายวชิ า
ง15101 การจดั การในครัวเรือน 2 เวลา 80 ช่ัวโมง
ช้ันประถมศกึ ษาปที ่ี 5
รู้ ศึกษา วิเคราะห์ ขั้นตอนการทำงานตามกระบวนการทำงานตามลำดับขั้นตอนที่วางแผนไว้ ในการ
จดั และตกแต่งหอ้ ง การใชอ้ ุปกรณอ์ ำนวยความสะดวกในการทำงานบา้ น รู้จกั วางแผนการทำงานเปน็ กลมุ่ โดย
ใช้ทักษะกระบวนการกลุ่มในการทำงานร่วมกันด้วยความเสียสละ ในการเตรียม ประกอบ จัด ตกแต่ง และ
บริการอาหาร เครื่องดื่ม อาหารพื้นเมือง ขนมหวานและอาหารตามเทศกาลท้องถิ่น การทำข้าวแต๋นสมุนไพร
การประดิษฐ์ของใช้ ของตกแต่งจากวัสดุท้องถิ่น งานใบตอง งานฝีมือในท้องถิ่น งานเกษตร การเพาะ
ขยายพันธุ์พืช ความสำคัญของการประกอบอาชีพ และประเมินทางเลือกอาชีพที่เหมาะสมกับตนเอง แสวงหา
ความรู้ ข้อมูลสารสนเทศเกี่ยวกับแนวทางการหางานที่หลากหลาย แนวทางการสร้างรายได้ แนวทางสู่อาชีพ
กระบวนการตัดสินใจเลือกอาชีพที่สุจริต เพื่อนำมาประเมินผลงาน ปรับปรุง และนำมาเป็นแนวทางในการ
สร้างและเลือกอาชีพที่สุจริต โดยใช้ทรัพยากร พลังงานและเทคโนโลยีอย่างรู้คุณค่า พอเพียง เหมาะสมกับ
สถานะทางเศรษฐกิจ ให้เกิดประโยชน์และคำนึงถึงผลเสียตอ่ ตนเองและสว่ นรวม
โดยใช้ทักษะการคิด วิเคราะห์ กระบวนการกลุ่มในการทำงาน กระบวนการวางแผนอย่างเป็นระบบ
ด้วยความเสียสละ ตัดสินใจแก้ปัญหาการทำงานอย่างมีเหตุผล โดยเรียนรู้ผ่านนวัตกรรมการจัดการเรียนรู้
MAEKADNOI MODEL
เพื่อให้เกิดความตระหนัก และเห็นคุณค่าของการทำงาน สามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ใน
ชีวติ ประจำวันโดยยึดหลกั เศรษฐกิจพอเพียง มคี วามสามารถในการตัดสินใจ มคี ณุ ธรรม จริยธรรมและค่านิยม
ที่เหมาะสมและมจี ิตสำนึกในการใชพ้ ลงั งาน ทรัพยากรทีเ่ หมาะสม
เกิดสมรรถนะการจัดการตนเอง การคิดขั้นสูง การสื่อสาร การรวมพลังทำงานเป็นทีม การเป็น
พลเมืองที่เข้มแข็ง สามารถช่วยเหลือผู้อื่นและอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข ใช้ทรัพยากรในฐานะผู้บริโภคอย่างมี
เปา้ หมาย รับผิดชอบ และรู้เท่าทัน สารมารถอย่รู ่วมกบั ธรรมชาตแิ ละวิทยาการอย่างยง่ั ยนื
ผลลัพธ์การเรียนรูข้ องผเู้ รยี น สีแสดงจดุ เน้นของสถานศกึ ษา
ข้อที่ : 1, 2 และ 3 สีฟา้ = รกั ษ์ศลิ ปวัฒนธรรมล้านนา
รวม 3 ผลลัพธ์การเรียนรู้ สีแดง = ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง
สีเขียว = โรงเรยี นสจุ รติ / วิถพี ทุ ธ
สมรรถนะหลัก สีมว่ ง = โครงการ รร.คุณภาพ SMT
สมรรถนะที่ : 1, 2, 3, 4, 5 และ 6 สีนำ้ เงิน = สวนพฤกษศาสตร์
รวม 6 สมรรถนะ
หลกั สูตรสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรียนวัดแมแ่ กด้ นอ้ ย พุทธศกั ราช 2565 ระดบั ประถมศึกษา 160
คำอธบิ ายรายวิชา
ง16101 การจดั การในครวั เรือน 3 เวลา 80 ชว่ั โมง
ช้ันประถมศกึ ษาปที ่ี 6
ศึกษา สำรวจ วิเคราะห์ อภิปรายผล และสรุป รวมทั้งวางแผนและฝึกปฏิบัติทักษะกระบวนการ
ทำงาน การจัดการ และการแก้ปัญหาตามลักษณะธรรมชาติวิชาอย่างเป็นระบบ เกี่ยวกับขั้นตอนการทำงาน
ทักษะกระบวนการ ในงานคหกรรม งานฝีมือ งานอาชีพ งานบ้าน งานเกษตร กระบวนการกลุ่มในการเตรียม
การประกอบอาหารพื้นบ้าน การประดิษฐ์บรรจุภัณฑ์จากวัสดุธรรมชาติ ทักษะการจัดการในการทำงานธุรกิจ
ประเภทต่าง ๆ แสวงหาความรู้ ขอ้ มูลสารสนเทศเกี่ยวกับแนวทางการหางานท่ีหลากหลาย แนวทางการสร้าง
รายได้ แนวทางสู่อาชีพ กระบวนการตัดสินใจเลือกอาชีพที่สุจริต เพื่อนำมาประเมินผลงาน ปรับปรุง และ
นำมาเป็นแนวทางในการสร้างและเลือกอาชีพที่สุจริต โดยใช้ทรัพยากร พลังงานและเทคโนโลยีอย่างรู้คุณค่า
พอเพียง เหมาะสมกบั สถานะทางเศรษฐกจิ ให้เกดิ ประโยชน์และคำนงึ ถึงผลเสยี ตอ่ ตนเองและสว่ นรวม
โดยใช้ทักษะการคิด วิเคราะห์ กระบวนการกลุ่มในการทำงาน กระบวนการวางแผนอย่างเป็นระบบ
ด้วยความเสียสละ ตัดสินใจแก้ปัญหาการทำงานอย่างมีเหตุผล โดยเรียนรู้ผ่านนวัตกรรมการจัดการเรียนรู้
MAEKADNOI MODEL
เพื่อให้เกิดความตระหนัก และเห็นคุณค่าของการทำงาน สามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ใน
ชีวติ ประจำวนั โดยยึดหลกั เศรษฐกิจพอเพียง มีความสามารถในการตัดสินใจ มีคุณธรรม จริยธรรมและค่านิยม
ท่เี หมาะสมและมจี ิตสำนึกในการใช้พลังงาน ทรัพยากรทีเ่ หมาะสม
เกิดสมรรถนะการจัดการตนเอง การคิดขั้นสูง การสื่อสาร การรวมพลังทำงานเป็นทีม การเป็น
พลเมืองที่เข้มแข็ง สามารถช่วยเหลือผู้อื่นและอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข ใช้ทรัพยากรในฐานะผู้บริโภคอย่างมี
เปา้ หมาย รับผดิ ชอบ และรเู้ ทา่ ทนั สารมารถอยู่รว่ มกบั ธรรมชาตแิ ละวิทยาการอย่างย่ังยนื
ผลลพั ธก์ ารเรยี นรูข้ องผเู้ รียน สีแสดงจุดเนน้ ของสถานศกึ ษา
ขอ้ ท่ี : 1, 2 และ 3 สีฟ้า = รักษ์ศิลปวัฒนธรรมลา้ นนา
รวม 3 ผลลัพธก์ ารเรียนรู้ สแี ดง = ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง
สเี ขียว = โรงเรียนสุจริต / วิถพี ทุ ธ
สมรรถนะหลัก สมี ว่ ง = โครงการ รร.คณุ ภาพ SMT
สมรรถนะที่ : 1, 2, 3, 4, 5 และ 6 สนี ำ้ เงิน = สวนพฤกษศาสตร์
รวม 6 สมรรถนะ
หลกั สตู รสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรียนวดั แมแ่ กด้ น้อย พุทธศักราช 2565 ระดบั ประถมศกึ ษา 161
ชว่ งชั้นที่ 1 : กลมุ่ สาระการเรยี นรู้บูรณาการ
“ภาษาจีนเพ่ือการสื่อสาร”
สมรรถนะเฉพาะ สมรรถนะหลกั
1. ฟงั พูดเพือ่ การส่ือสาร
1.1 ฟงั และพูดคำศัพทง์ า่ ย ๆ สะกดคำบอกความหมายของคำ วลี ทเ่ี ก่ียวข้อง 1.การจัดการตัวเอง
ใกลต้ วั ในชวี ติ ประจำวนั โดยเนน้ การฟัง และออกเสยี งภาษาจนี อย่าง 2.การคดิ ขน้ั สูง
ถกู ต้อง 3.การสอ่ื สาร
1.2 ฟงั พูดเร่ืองราวเกี่ยวกับตนเอง ครอบครวั บคุ คล หรอื ส่ิงตา่ ง ๆ รอบตัว
ใชข้ ้อมูลสว่ นตวั เบ้อื งตน้ เก่ียวกับตนเอง โดยใชค้ ำและวลีที่ส้ันและงา่ ย
หรอื ใช้ประโยคพ้นื ฐานได้อย่างเหมาะสมและม่ันใจ
1.3 ใชค้ ำศพั ท์ วลสี ั้น ๆ และสำนวนที่ใชใ้ นชวี ติ ประจำวันเพอ่ื สื่อสารและ
บรรยายขอ้ มลู สว่ นบคุ คล กิจวตั รประจำวนั ไดอ้ ย่างถูกตอ้ งและเหมาะสม
2. อ่านเพอื่ ความเข้าใจ
2.1 อ่านประโยคอย่างง่ายเกี่ยวกับตนเอง บุคคล เหตุการณ์ในสถานการณ์ 1.การจัดการตัวเอง
ใกลต้ ัวจากสอื่ ท่ีหลากหลายแลว้ ปฏบิ ตั ิตามได้อย่างเหมาะสม 2.การคิดข้ันสงู
2.2 อ่านบทความสน้ั ๆ งา่ ยๆ เพื่อเรียนรู้ เข้าใจ และบอกความรู้สึกของตนเอง 3.การส่อื สาร
เกย่ี วกบั เนอ้ื หาทส่ี นใจจากสือ่ และแหล่งเรยี นร้ทู ี่หลากหลาย
3. เขียนเพอ่ื แสดงความคิดและสะท้อนความรู้สึก
3.1 เขยี นประโยคอย่างงา่ ยเพอื่ นำเสนอข้อมลู แสดงความคิด ความรสู้ กึ 1.การจัดการตวั เอง
เกี่ยวกบั ตนเองครอบครวั บคุ คล และส่ิงตา่ งๆ รอบตวั ได้อย่างถกู ต้อง และ 2.การคิดขน้ั สูง
เหมาะสม 3.การสอื่ สาร
3.2 เขยี นคำศัพท์ วลี และประโยคสน้ั ๆ ทต่ี นเองสนใจ จากส่ือ และแหลง่
เรยี นรูท้ ่หี ลากหลาย
4. ใช้ภาษาเพือ่ การเรียนรู้ และทำงานรว่ มกับผู้อ่นื
4.1 สนทนา สอื่ สารความต้องการของตนเอง และแลกเปลย่ี นความคดิ โดยใช้ 1.การจัดการตัวเอง
วลี ประโยคงา่ ยๆ ร่วมกับผ้อู ่ืน ในสถานการณ์ทีห่ ลากหลายใน 2.การคดิ ข้นั สงู
ชวี ติ ประจำวนั ได้อย่างเหมาะสม 3.การสือ่ สาร
4.2 สรา้ งช้นิ งานเกย่ี วกับภาษาจนี อยา่ งสร้างสรรค์ใหเ้ หมาะกบั บุคคล
เหตกุ ารณ์ และส่งิ ต่าง ๆ รอบตวั
หลกั สูตรสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นวดั แมแ่ กด้ นอ้ ย พุทธศักราช 2565 ระดบั ประถมศกึ ษา 162
ผลลัพธ์การเรยี นร้เู มอ่ื จบช่วงช้ันท่ี 1
1.ปฏบิ ัติตามคําส่ัง และคำขอรอ้ งง่ายๆ เบอ้ื งตน้ ท่ีฟงได้
2.ฟัง พูด เขียน และระบสุ ทั อักษรตามระบบพินอิน (拼音) ประสมเสยี ง อานออกเสียง คาํ กลุมคํา
ประโยค และแบบฝกออกเสียงเบ้ืองต้นได้
3. พดู เขียน ระบภุ าพ หรือสัญลักษณของคํา กลุมคํา และประโยค จากการฟงหรือการอานได้
4. ฟงั พดู เขยี น โตตอบดวยคําส้ันๆประโยคงายๆ ในการสื่อสารระหวางบคุ คลในหอ้ งเรยี นได้อย่าง
ถูกต้องและเหมาะสม
5. เขยี น อ่านออกเสยี งตวั อกั ษรจนี คําศัพทจีน และประโยคภาษาจีนได้
6. พูด ฟัง ออกเสยี ง โต้ตอบคำศัพท์ วลี ประโยคได้ถูกตอ้ งตามหลักการออกเสียง
7. ฟัง พดู และจดจำคำศพั ทต์ ามหมวดหมู่ต่างๆ เชน่ การทักทาย ครอบครวั ของฉนั อาชพี ตวั เลข
การบอกอายุ สัตว์ เสอื้ ผา้ ผลไม้ เคร่ืองดื่ม สี การบอกความรู้สกึ การชืน่ ชม เวลา กิจวตั รประจำวัน สปั ดาห์ วันที่
วชิ าต่างๆ และการบอกสัญชาติของตัวเองเปน็ ภาษาจนี
8. มเี จตคติทดี่ ตี ่อภาษาจีนตลอดจนวฒั นธรรมของเจ้าของภาษา
หลักสูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรียนวดั แม่แก้ดน้อย พุทธศกั ราช 2565 ระดับประถมศึกษา 163
คำอธบิ ายรายวิชา
จ 11201 ภาษาจนี เพอื่ การส่ือสาร 1 เวลาเรียน 80 ชั่วโมง
ชัน้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 1
ปฏิบัติตามคําสั่งงาย ๆ ที่ฟง ระบุสัทอักษรตามระบบพินอิน (拼音) อานออกเสียง และประสม
เสียง คําพื้นฐานงาย ๆ ตามหลักการออกเสียง ระบุภาพ หรือสัญลักษณ ตรงตาม ความหมายของคํา กลุมคํา
และประโยค จากการฟงหรืออาน ตอบคําถามจากการฟงหรอื การอาน ประโยค บทสนทนา หรือนิทานงาย ๆ
ที่มีภาพประกอบ พูดโตตอบดวยคําสั้น ๆ ง่าย ๆ ในการ สื่อสารระหวาง บุคคล ตามแบบที่ฟง ใชคําสั่งงายๆ
บอกความตองการงายๆ ของตนเอง ตามแบบที่ฟง เขียนอักษรจีน คําศัพทเบื้องต้นง่ายๆ พูดและแสดงออก
ตามวัฒนธรรมของจีน และเรียนรู้เกี่ยวกับคำศัพท์ตามหมวดหมู่ เช่น การทักทาย การถามชื่อ บุคคล อาชีพ
รวมไปถึงการบอกสมาชิกครอบครัวเป็นภาษาจีน บอกคําศัพทที่เกี่ยวของกับกลุมสาระการเรียนรูอื่นและ
คำศัพท์เกยี่ วกับพืชพรรณไมใ้ นโรงเรียน
โดยเลือกใช้ทักษะกระบวนการฟัง พูด อ่าน เขียน ทักษะการจำ คิด วิเคราะห์และเขียน สื่อความ
กระบวนการทำงานกลุ่ม/คู่ เรยี นรู้ผา่ นนวัตกรรมการจดั การเรยี นรู้ MAEKADNOI MODEL
เพื่อให้นักเรียน เป็นผู้มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ซื่อสัตย์สุจริต มีวินัย ใฝ่เรียนรู้
อยู่อย่างพอเพียง มุ่งมั่นในการทำงาน รักความเป็นไทย และมีจิตสาธารณะ อนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม
สบื สานศิลปวฒั นธรรมทอ้ งถิ่น ชมุ ชนรว่ มพฒั นา ยึดปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง
ผู้เรียนเกิดสมรรถนะการสื่อสาร รับและส่งสารด้วยภาษาจีนอย่างตั้งใจ มีสมรรถะการจัดการตนเอง
การร้จู ัก รกั เห็นคุณคา่ ในตนเองและผูอ้ ่ืน
ผลลัพธก์ ารเรยี นรูข้ องผเู้ รียน สีแสดงจดุ เน้นของสถานศกึ ษา
สีฟ้า = รักษศ์ ลิ ปวัฒนธรรมลา้ นนา
ขอ้ ท่ี : 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7 และ 8 สีแดง = ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง
รวม 8 ผลลพั ธ์การเรียนรู้ สีเขยี ว = โรงเรียนสจุ รติ / วิถพี ทุ ธ
สีม่วง = โครงการ รร.คณุ ภาพ SMT
สมรรถนะหลกั สีนำ้ เงิน = สวนพฤกษศาสตร์
สมรรถนะที่ : 1 และ 3
รวม 2 สมรรถนะ
หลักสูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นวดั แมแ่ กด้ น้อย พุทธศกั ราช 2565 ระดับประถมศกึ ษา 164
คำอธิบายรายวชิ า
จ 12201 ภาษาจีนเพื่อการส่อื สาร 2 เวลาเรยี น 80 ชั่วโมง
ชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี 2
ปฏิบัติตามคําสั่ง และคําขอรองงายๆ ที่ฟง ระบุสัทอักษรตามระบบพินอิน (拼音) อานออกเสียง
ประสมเสียง อานอักษรจีน คําศัพท และประโยคงายๆ ตามหลักการ ออกเสียง พูดโตตอบดวยคําสั้นๆ งายๆ
ในการ สื่อสารระหวางบุคคล ตามแบบที่ฟง ใชคําสั่ง และคําขอรองงายๆ บอกความตองการงายๆ ของตนเอง
ตามแบบที่ฟง พูดใหขอมูลเกี่ยวกับตนเอง และเรื่อง ใกลตัว เขียนอักษรจีน คําศัพทเบื้องต้นง่ายๆ เรียนรู้
คำศัพท์เกี่ยวกับตัวเลข การบอกอายุ สัตว์ เสื้อผ้า ผลไม้ เครื่องดื่ม สี และคนในครอบครัวของฉัน และบอก
คําศัพทที่เกี่ยวของกับ กลุมสาระการเรียนรูอื่นและพืชพรรณไม้ในโรงเรียน ฟงหรือพูดในสถานการณง์ า่ ยๆ ท่ี
เกดิ ขนึ้ ในห้องเรยี น พดู และแสดงออกตามวัฒนธรรมของจีน
โดยเลือกใช้ทักษะกระบวนการฟัง พูด อ่าน เขียน ทักษะการจำ คิด วิเคราะห์และเขียน สื่อความ
กระบวนการทำงานกล่มุ /คู่ เรยี นรู้ผ่านนวัตกรรมการจัดการเรียนรู้ MAEKADNOI MODEL
เพื่อให้นักเรียน เป็นผู้มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ซื่อสัตย์สุจริต มีวินัย
ใฝ่เรียนรู้ อยู่อย่างพอเพียง มุ่งมั่นในการทำงาน รักความเป็นไทย และมีจิตสาธารณะ อนุรักษ์พลังงานและ
สง่ิ แวดลอ้ ม สืบสานศลิ ปวฒั นธรรมท้องถนิ่ ชุมชนรว่ มพฒั นา ยดึ ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง
ผู้เรียนเกิดสมรรถนะการสื่อสาร มีความสามารถรับรู้ รับฟัง อย่างตั้งใจ มีสมรรถะการจัดการตนเอง
มีวนิ ัยในตนเอง มีความรับผิดชอบในตนเอง มสี มรรถนะการคดิ ข้ันสูง มีการตง้ั คำถามหรือการระบุปัญหาอย่าง
งา่ ย และแสดงเหตุผลและประเมินความเหมาะสมของคำตอบ
ผลลัพธ์การเรยี นรขู้ องผ้เู รียน สแี สดงจุดเน้นของสถานศกึ ษา
สฟี า้ = รักษศ์ ลิ ปวัฒนธรรมลา้ นนา
ข้อที่ : 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7 และ 8 สแี ดง = ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง
รวม 8 ผลลัพธก์ ารเรียนรู้ สีเขยี ว = โรงเรยี นสจุ รติ / วิถีพุทธ
สีมว่ ง = โครงการ รร.คุณภาพ SMT
สมรรถนะหลกั สีนำ้ เงนิ = สวนพฤกษศาสตร์
สมรรถนะท่ี : 1, 2 และ 3
รวม 3 สมรรถนะ
หลกั สูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรียนวดั แมแ่ กด้ น้อย พุทธศกั ราช 2565 ระดบั ประถมศกึ ษา 165
คำอธบิ ายรายวิชา
จ 13201 ภาษาจนี เพื่อการสื่อสาร 3 เวลาเรยี น 80 ชัว่ โมง
ช้ันประถมศึกษาปที ี่ 3
ปฏิบัติตามคําสั่ง และคําขอรองที่ฟง หรืออาน ประสมเสียง อานออกเสียงคํา กลุมคํา ประโยค และ
แบบฝกออกเสียงงายๆ ตามหลักการออกเสียง ระบุภาพ หรือสัญลักษณ ตรงตาม ความหมายของคํา กลุมคํา
และประโยค จากการฟงหรือการอาน พูดโตตอบดวยคําส้ันๆ งายๆ ในการสือ่ สารระหวางบุคคลตามแบบที่ฟง
ใชคําสั่ง และคําขอรองงายๆ บอกความตองการงายๆ ของตนเอง พูดขอและใหขอมูลงายๆ เกี่ยวกับ ตนเอง
และสิ่งใกลตัว ตามแบบที่ฟง พูดและเขียนใหขอมูลเกี่ยวกับตนเอง และเรื่องใกลตัว พูดและแสดงออกตาม
วัฒนธรรมของจีน รูจักหรือเขารวมกิจกรรมทางภาษาและวฒั นธรรมของจีนที่เหมาะสมกับวัย บอกคําศัพทท่ี
เกี่ยวของกับกลุมสาระการเรียนรูอื่น และเรียนรู้คำศัพท์เกี่ยวกับผลไม้ การบอกความรู้สึก การชื่นชม เวลา
กิจวตั รประจำวัน สปั ดาห์ วนั ท่ี วชิ าต่างๆ และการบอกสญั ชาติของตวั เองเป็นภาษาจนี รวมถึงการใชภาษาจีน
เพ่ือรวบรวมคําศพั ทท่เี กีย่ วของกับส่ิงใกลตวั และพชื พรรณไม้ในโรงเรียน
โดยเลือกใช้ทักษะกระบวนการฟัง พูด อ่าน เขียน ทักษะการจำ คิด วิเคราะห์และเขียน สื่อความ
กระบวนการทำงานกล่มุ /คู่ เรียนรูผ้ า่ นนวตั กรรมการจดั การเรยี นรู้ MAEKADNOI MODEL
เพื่อให้นักเรียน เป็นผู้มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ซื่อสัตย์สุจริต มีวินัย
ใฝ่เรียนรู้ อยู่อย่างพอเพียง มุ่งมั่นในการทำงาน รักความเป็นไทย และมีจิตสาธารณะ อนุรักษ์พลังงานและ
ส่งิ แวดล้อมสืบสานศลิ ปวัฒนธรรมทอ้ งถิ่น ชุมชนรว่ มพัฒนา ยึดปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง
ผู้เรียนเกิดสมรรถนะการสื่อสาร สามารถสื่อสารเรื่องราวใกล้ตัว มีสมรรถะการจัดการตนเอง รู้จัก
ความสามารถของตนเอง มวี ินัยในการดูแลจัดการชีวิตประจำวันของตนเอง มีสมรรถนะการคิดขนั้ สูง สามารถ
ผลติ ผลงานจากคำศัพท์ทีพ่ บเห็นในชีวติ ประจำวนั
ผลลัพธ์การเรยี นรขู้ องผ้เู รียน สีแสดงจุดเนน้ ของสถานศกึ ษา
สฟี า้ = รักษ์ศิลปวัฒนธรรมลา้ นนา
ข้อท่ี : 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7 และ 8 สีแดง = ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง
รวม 8 ผลลพั ธก์ ารเรียนรู้ สเี ขียว = โรงเรยี นสจุ ริต / วิถพี ทุ ธ
สมี ว่ ง = โครงการ รร.คณุ ภาพ SMT
สมรรถนะหลกั สีน้ำเงนิ = สวนพฤกษศาสตร์
สมรรถนะท่ี : 1, 2 และ 3
รวม 3 สมรรถนะ
หลกั สูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นวัดแม่แก้ดน้อย พุทธศกั ราช 2565 ระดบั ประถมศกึ ษา 166
ช่วงช้นั ที่ 2 : กลุม่ สาระการเรียนรู้ภาษาจีน
สมรรถนะเฉพาะ สมรรถนะหลกั
1. ฟงั พดู เพ่อื การส่ือสาร
1.1 ฟังและพูดคำศัพท์ง่าย ๆ สะกดคำ บอกความหมายของคำ วลี ท่ี 1. การจดั การตนเอง
เกี่ยวข้องใกล้ตัวในชีวิตประจำวันโดยเน้นการออกเสียงภาษาจีนอย่าง 2. การคดิ ขั้นสงู
ถกู ต้อง 3. การสอ่ื สาร
1.2 ฟัง พูดเรื่องราวเกีย่ วกับตนเอง ครอบครัว บุคคล โรงเรียนและสิ่งต่าง ๆ
รอบตวั โดยใชค้ ำ และวลีที่สั้นและงา่ ย ไดอ้ ยา่ งถกู ต้องและม่ันใจ
1.3 สนทนา โต้ตอบและแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ข้อมูล สื่อความหมาย
ความรสู้ กึ อารมณ์ ได้อย่างเหมาะสมและมัน่ ใจ
2. อ่านเพ่ือความเขา้ ใจ
2.1 อ่านและตอบคำถามเกี่ยวกับข้อมูลต่างๆ จากบทสนทนา นิทาน 1. การจัดการตนเอง
เรือ่ งราว และบทความสัน้ ๆ ท่เี หมาะสมกบั ชว่ งวยั ได้ 2. การคดิ ขน้ั สงู
2.2 อ่านเพื่อบอกใจความสำคัญ บอกรายละเอียด จากบทสนทนา นิทาน 3. การสอ่ื สาร
เรือ่ งราว และบทความสน้ั ๆ ที่เหมาะสมกบั ชว่ งวยั ได้
3. เขียนเพือ่ แสดงความคิดและสะท้อนความรู้สึก
3.1 เขียนเพื่อแสดงความต้องการ ขอความช่วยเหลอื แสดงความรู้สึก ความ 1. การจัดการตนเอง
คิดเห็นของตนเองเกี่ยวกับเรื่องใกล้ตัวและกิจกรรมต่าง ๆ ได้อย่าง 2. การคดิ ข้นั สงู
ถกู ตอ้ งเหมาะสม 3. การสอ่ื สาร
3.2 เขียนให้ข้อมูลเกีย่ วกับตนเอง สง่ิ ตา่ ง ๆ รอบตวั ขา่ ว เหตกุ ารณ์ ปัจจุบัน 5. การเปน็ พลเมืองที่เขม้ แข็ง
และประเด็นต่าง ๆ ทีส่ นใจ ได้อยา่ งถูกต้องเหมาะสม 4. การรวมพลังทำงานเปน็ ทมี
4. ใชภ้ าษาเพื่อการเรียนรู้ และทำงานรว่ มกบั ผู้อ่นื
4.1 สื่อสารความต้องการของตนเอง และแลกเปลี่ยนความคิดเห็น อย่างมี 1. การจดั การตนเอง
เหตผุ ลในการปฏิบัติกจิ กรรมร่วมกนั กับผอู้ น่ื ได้อย่างเหมาะสม 2. การคดิ ขั้นสงู
4.2 ใช้ภาษาเพื่อสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งต่าง ๆ รอบตัว สถานการณ์ ข่าว 3. การส่ือสาร
เหตุการณ์หรือประเด็นที่อยู่ในความสนใจของสังคม จากแหล่งความรู้ 4. การรวมพลังทำงานเปน็ ทีม
ต่าง ๆ และแลกเปล่ยี นความร้รู ว่ มกับผู้อน่ื 5. การเปน็ พลเมืองท่ีเขม้ แข็ง
4.3 สร้างชิ้นงานเกี่ยวกับภาษาอย่างสร้างสรรค์จากการฟัง ดูหรืออ่านข้อมลู
เหตุการณ์และสถานการณ์รอบตัว และสามารถนำเสนอในรปู แบบ และ
วธิ ีการทห่ี ลากหลาย ไดอ้ ย่างเหมาะสม
4.4 ใช้ภาษาเพื่อการสื่อสาร สร้างความสัมพันธ์ แลกเปลี่ยน ยอมรับ และ
เขา้ ใจวัฒนธรรม วิถีชวี ติ ที่หลากหลาย
หลกั สตู รสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรียนวัดแม่แกด้ นอ้ ย พุทธศกั ราช 2565 ระดบั ประถมศกึ ษา 167
ผลลัพธก์ ารเรียนรู้เมอ่ื จบชว่ งช้นั ท่ี 2
1. ปฏิบัติตามคำสั่ง คำขอร้อง และคำแนะนำง่ายๆ ที่ฟังหรืออ่าน อ่านออกเสียงประโยค ข้อความ
และบทกลอนสั้นๆ ตามหลักการออกเสียง ระบุภาพ สัญลักษณ์ เครื่องหมาย ตรงตามความหมายของคำ
กลุ่มคำ ประโยค และข้อความสั้นๆ ทฟี่ งั หรอื อา่ น
2. บอกใจความสำคัญ และตอบคำถามจากการฟังและอา่ นบทสนทนา นทิ านงา่ ยๆ หรอื เรือ่ งสนั้ ๆ พูด
หรือเขียนโต้ตอบในการสื่อสารระหวา่ งบุคคล ใช้คำสั่ง คำขอร้อง และคำขออนุญาตง่ายๆ พูดหรือเขียนแสดง
ความตอ้ งการของตนเอง และขอความช่วยเหลอื ในสถานการณต์ ่างๆ
3. นักเรียนสามารถพูดหรอื เขียนแสดงความต้องการของตนเอง และขอความชว่ ยเหลือในสถานการณ์
ต่างๆ
4. นักเรียนสามารถพูดแสดงความรู้สึกของตนเองเกี่ยวกับเรื่องใกล้ตัว เขียนภาพ แผนผัง และตาราง
แสดงข้อมูลตา่ งๆ ตามทฟ่ี งั หรืออ่าน
5. นักเรียนสามารถพูดหรือเขียนเพื่อขอและให้ข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง เพื่อน ครอบครัวและสิ่งใกล้ตัว
พูดแสดงความรู้สึกของตนเองเกี่ยวกับเรื่องใกล้ตัว และกิจกรรมต่าง ๆ ตามแบบที่ฟัง พูดหรือเขียนให้ข้อมูล
เกยี่ วกบั ตนเอง และเร่ืองใกลต้ ัว
6. นักเรียนสามารถพูดแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกิจกรรม หรือเรื่องใกล้ตัว ใช้ถ้อยคำ น้ำเสียง และ
กิริยาท่าทางอย่างสุภาพ ตามมารยาทสังคมและวัฒนธรรมของจีน ตอบคำถาม หรือบอกความสำคัญของ
เทศกาล วันสำคัญ งานฉลอง และชีวิตความเป็นอยู่ของจีน เข้าร่วมกิจกรรมทางภาษาและวัฒนธรรมของจีนที่
เหมาะสมกับวัย
7. นักเรียนสามารถบอกความเหมือน หรือความแตกต่างของเสียงตัวอักษร คำ กลุ่มคำ ประโยคและ
ข้อความของภาษาจีนกับภาษาไทย บอกความเหมือนหรือความแตกต่างระหว่างเทศกาล และงานฉลอง ตาม
วฒั นธรรมของจีนกับวัฒนธรรมของไทย
8. นักเรยี นสามารถ คน้ ควา้ รวบรวมคำศัพท์ที่เก่ียวข้องกับกลุ่มสาระการเรยี นรู้อ่ืน และนำเสนอด้วย
การพูดหรือเขียน ฟังและพูด หรืออ่านประโยค หรือบทสนทนาในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในห้องเรียนและ
สถานศึกษา ใชภ้ าษาจนี ในการรวบรวมคำศพั ท์ท่ีเกีย่ วขอ้ งกบั สิง่ ใกล้ตัว
หลกั สูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นวดั แม่แกด้ นอ้ ย พุทธศกั ราช 2565 ระดับประถมศึกษา 168
คำอธิบายรายวิชา
จ 14201 ภาษาจีนเพื่อการสือ่ สาร 4 เวลาเรียน 80 ช่วั โมง
ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 4
ปฏิบัติตามคำสั่ง คำขอร้อง และคำแนะนำง่ายๆ ที่ฟังหรืออ่าน ประสมเสียง อ่านออกเสียงคำ กลุ่มคำ
ประโยค ข้อความ และบทฝึกออกเสียง ตามหลักการออกเสียง ระบุภาพ สัญลักษณ์ เครื่องหมาย ตรงตาม
ความหมายของคำ กลุ่มคำ ประโยค และข้อความสั้นๆ ที่ฟังหรืออ่าน ตอบคำถามจากการฟังและอ่านประโยค
บทสนทนา หรือนิทานง่ายๆ ที่มีภาพประกอบ พูดหรือเขียนโตต้ อบในการสื่อสารระหว่างบคุ คล ใช้คำสั่ง คำ
ขอร้อง และคำขออนุญาตง่ายๆ พูดหรือเขียนแสดงความต้องการของตนเอง และขอความช่วยเหลือ ใน
สถานการณ์ต่าง ๆ พูดหรือเขียนเพื่อขอและให้ข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง เพื่อน ครอบครัวและสิ่งใกล้ตัว พูดแสดง
ความรู้สึกของตนเองเกี่ยวกับเรื่องใกล้ตัว และกิจกรรมต่าง ๆ ตามแบบที่ฟัง พูดหรือเขียนให้ข้อมูลเกี่ยวกับ
ตนเอง และเรื่องใกล้ตัว พูดหรือวาดภาพแสดงความสัมพันธข์ องสิ่งต่าง ๆ ใกล้ตัวที่ฟังหรืออ่าน พูดแสดงความ
คิดเห็นง่ายๆ เกี่ยวกับเรื่องใกล้ตัว พูดและแสดงออกอย่างสุภาพ ตามมารยาทสังคมและวัฒนธรรมของจีน
ตอบคำถามเกี่ยวกับเทศกาล วันสำคัญ งานฉลองของจีน เข้าร่วมกิจกรรมทางภาษาและวัฒนธรรมของจีนที่
เหมาะสมกับวยั บอกความเหมือน หรอื ความแตกตา่ งของเสียงตวั อักษร คำ กลุ่มคำ ประโยค และข้อความของ
ภาษาจีนกบั ภาษาไทย บอกความเหมือนหรือความแตกต่างระหวา่ งเทศกาล และงานฉลอง ตามวัฒนธรรมของ
จีนกับวัฒนธรรมของไทย ค้นคว้า รวบรวมคำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มสาระการเรียนรู้อืน่ และนำเสนอด้วยการ
พูดหรอื เขยี น ฟังและพดู หรอื อ่านประโยค หรอื บทสนทนาในสถานการณ์ที่เกิดข้นึ ในห้องเรียนและสถานศึกษา
การใชภาษาจีนเพอื่ รวบรวมคาํ ศัพททีเ่ กย่ี วของกับส่งิ ใกลตวั และพชื พรรณไมใ้ นโรงเรยี น
โดยเลือกใช้ทักษะกระบวนการฟัง พูด อ่าน เขียน ทักษะการจำ คิด วิเคราะห์และเขียน สื่อความ
กระบวนการทำงานกลุ่ม/คู่ เรยี นรู้ผ่านนวตั กรรมการจดั การเรยี นรู้ MAEKADNOI MODEL
เพื่อให้นักเรียน เป็นผู้มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ซื่อสัตย์สุจริต มีวินัย ใฝ่เรียนรู้
อยู่อย่างพอเพียง มุ่งมั่นในการทำงาน รักความเป็นไทย และมีจิตสาธารณะ อนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม
สบื สานศิลปวฒั นธรรมท้องถนิ่ ชมุ ชนร่วมพฒั นา ยึดปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง
ผู้เรียนเกิดสมรรถนะการสื่อสาร สามารถสื่อสารเรื่องราวใกล้ตัว มีสมรรถะการจัดการตนเอง รู้จัก
ความสามารถของตนเอง มีวินยั ในการดูแลจัดการชีวิตประจำวันของตนเอง มีสมรรถนะการคิดข้ันสูง สามารถ
ผลิตผลงานจากคำศัพท์ที่พบเหน็ ในชวี ติ ประจำวนั
ผลลัพธ์การเรียนรขู้ องผู้เรยี น สแี สดงจุดเนน้ ของสถานศกึ ษา
ข้อท่ี : 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7 และ 8 สีฟ้า = รกั ษ์ศิลปวัฒนธรรมลา้ นนา
รวม 8 ผลลพั ธก์ ารเรยี นรู้ สีแดง = ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง
สมรรถนะหลกั สเี ขยี ว = โรงเรยี นสุจรติ / วิถพี ทุ ธ
สมรรถนะท่ี : 1, 2 และ 3 สมี ่วง = โครงการ รร.คุณภาพ SMT
รวม 3 สมรรถนะ สนี ำ้ เงิน = สวนพฤกษศาสตร์
หลักสตู รสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นวดั แมแ่ กด้ นอ้ ย พุทธศกั ราช 2565 ระดับประถมศกึ ษา 169
คำอธิบายรายวิชา
จ 15201 ภาษาจนี เพ่ือการสือ่ สาร 5
ช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี 5 เวลาเรียน 80 ชั่วโมง
ปฏิบัตติ ามคำสั่ง คำขอร้อง และคำแนะนำงา่ ยๆ ท่ีฟังหรอื อา่ น อ่านออกเสียงประโยค ขอ้ ความ และบทกลอน
สั้นๆ ตามหลักการออกเสียง ระบุภาพ สัญลักษณ์ เครื่องหมาย ตรงตามความหมายของคำ กลุ่มคำ ประโยค และ
ข้อความสั้นๆ ที่ฟังหรืออ่าน บอกใจความสำคัญ และตอบคำถามจากการฟังและอ่านบทสนทนา นิทานง่ายๆ หรือ
เร่ืองส้นั ๆ พดู หรอื เขยี นโตต้ อบในการสอ่ื สารระหว่างบุคคล ใช้คำสงั่ คำขอรอ้ ง และคำขออนญุ าตงา่ ยๆ พูดหรือเขยี น
แสดงความต้องการของตนเอง และขอความช่วยเหลือ ในสถานการณ์ต่าง ๆ พูดหรือเขียนเพื่อขอและให้ข้อมูล
เกี่ยวกับตนเอง เพื่อน ครอบครัวและสิ่งใกล้ตัว พูดแสดงความรูส้ กึ ของตนเองเกี่ยวกับเรื่องใกล้ตัว เขียนภาพ แผนผงั
และตาราง แสดงข้อมูลต่าง ๆ ตามที่ฟังหรืออ่าน พูดแสดงความคิดเห็นเกีย่ วกับกิจกรรม หรือเรื่องใกล้ตัว ใช้ถ้อยคำ
น้ำเสียง และกิริยาท่าทางอย่างสภุ าพ ตามมารยาทสงั คมและวฒั นธรรมของจีน ตอบคำถาม หรอื บอกความสำคัญของ
เทศกาล วันสำคัญ งานฉลอง และชวี ติ ความเปน็ อย่ขู องจีน เข้าร่วมกิจกรรมทางภาษาและวัฒนธรรมของจีนที่เหมาะสม
กับวัย บอกความเหมือน หรือความแตกต่างระหว่างการออกเสียงประโยคชนิดต่าง ๆ การใช้เครื่องหมายวรรคตอน
และการลำดับคำตามโครงสร้างประโยคของภาษาจีนและภาษาไทย บอกความเหมือนหรือความแตกต่างระหว่าง
เทศกาล และงานฉลอง ตามวัฒนธรรมของจีนกับวัฒนธรรมของไทย ค้นคว้า รวบรวมคำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับกลุ่ม
สาระการเรียนรูอ้ ื่น และนำเสนอด้วยการพูดหรอื เขียน ฟังและพูด หรืออ่านประโยค หรือบทสนทนาในสถานการณ์ท่ี
เกิดขึ้นในห้องเรียนและสถานศึกษา ใช้ภาษาจีนในการรวบรวมคำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งใกล้ตัวและพืชพรรณไม้ใน
โรงเรยี น
โดยเลือกใช้ทักษะกระบวนการฟัง พูด อ่าน เขียน ทักษะการจำ คิด วิเคราะห์และเขียน สื่อความ
กระบวนการทำงานกลมุ่ /คู่ เรียนรผู้ ่านนวัตกรรมการจัดการเรียนรู้ MAEKADNOI MODEL
เพอื่ ให้นักเรียน เป็นผู้มคี ุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ รักชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ ซ่ือสัตย์สุจรติ มวี ินัย ใฝ่เรียนรู้ อยู่อย่าง
พอเพียง มุ่งมั่นในการทำงาน รักความเป็นไทย และมีจิตสาธารณะ อนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม สืบสาน
ศลิ ปวฒั นธรรมท้องถน่ิ ชุมชนร่วมพฒั นา ยึดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพยี ง
ผู้เรียนเกิดสมรรถนะการสื่อสาร สามารถสื่อสารเรื่องราวใกล้ตัว มีสมรรถะการจัดการตนเอง รู้จัก
ความสามารถของตนเอง มีวินยั ในการดแู ลจดั การชีวติ ประจำวันของตนเอง มีสมรรถนะการคดิ ข้ันสูง สามารถผลิตผล
งานจากคำศัพทท์ พ่ี บเห็นในชีวติ ประจำวนั มสี มรรถนะการรวมพลังทำงานเป็นทีม มีความรบั ผดิ ชอบต่อบทบาทและ
งานตามทีไ่ ดร้ ับมอบหมาย
ผลลพั ธก์ ารเรยี นรู้ของผูเ้ รียน สแี สดงจดุ เน้นของสถานศกึ ษา
ข้อท่ี : 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7 และ 8 สฟี า้ = รกั ษศ์ ิลปวัฒนธรรมลา้ นนา
รวม 8 ผลลัพธก์ ารเรียนรู้ สแี ดง = ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียง
สมรรถนะหลัก สเี ขยี ว = โรงเรยี นสุจริต / วิถีพุทธ
สมรรถนะที่ : 1, 2, 3 และ 4 สีม่วง = โครงการ รร.คณุ ภาพ SMT
รวม 4 สมรรถนะ สีนำ้ เงนิ = สวนพฤกษศาสตร์
หลกั สตู รสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นวดั แมแ่ ก้ดนอ้ ย พุทธศักราช 2565 ระดับประถมศึกษา 170
คำอธบิ ายรายวชิ า
จ 16201 ภาษาจนี เพื่อการส่ือสาร 6
ช้ันประถมศึกษาปที ี่ 6 เวลาเรยี น 80 ช่ัวโมง
ปฏบิ ัติตามคำส่ัง คำขอร้อง และคำแนะนำง่ายๆ ที่ฟงั หรืออ่าน อ่านออกเสียงข้อความ นิทาน และบทกลอน
ตามหลักการออกระบปุ ระโยค ข้อความสั้นๆ ตรงตามภาพ สัญลักษณ์ หรือเครื่องหมาย ที่ฟังหรืออ่าน บอกใจความ
สำคัญ และตอบคำถามจากการฟังและอ่านบทสนทนา นิทาน หรือเรื่องเล่าง่ายๆ พูดหรือเขียนโต้ตอบในการสื่อสาร
ระหว่างบคุ คล ใชค้ ำสั่ง คำขอรอ้ ง คำขออนญุ าต และคำแนะนำ พดู หรือเขียนแสดงความต้องการของตนเอง และขอ
ความช่วยเหลือ ในสถานการณต์ า่ งๆ พดู หรือเขียนเพ่ือขอและให้ข้อมูลเกย่ี วกบั ตนเอง เพือ่ น ครอบครัวและส่ิงใกล้ตัว
พูดหรือเขียนแสดงความรู้สึกของตนเองเกี่ยวกับเรื่องใกล้ตัว กิจกรรมต่างๆ พร้อมให้เหตุผลสั้นๆ ประกอบ พูดหรือ
เขยี นใหข้ อ้ มลู เก่ียวกบั ตนเอง เพอื่ น และส่ิงแวดลอ้ มใกล้ตัวเขยี นภาพ แผนผัง และตาราง แสดงข้อมลู ตา่ งๆ ที่ฟังหรือ
อ่านพูดหรอื เขียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องใกล้ตัวใช้ถ้อยคำ น้ำเสียง และกิริยาทา่ ทางอย่างสุภาพ ตามมารยาท
สังคมและวัฒนธรรมของจีนบอกข้อมูล และความสำคัญของเทศกาล วันสำคัญ งานฉลอง ชีวิตความเป็นอยู่เข้าร่วม
กิจกรรมทางภาษาและวัฒนธรรมของจีน ตามความสนใจ บอกความเหมือน หรือความแตกต่างระหว่างการออกเสียง
ประโยคชนิดต่างๆ การใช้เครื่องหมายวรรคตอน และการลำดับคำ ตามโครงสร้างประโยคของภาษาจีนและ
ภาษาไทย ค้นคว้า รวบรวมคำศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น และนำเสนอด้วยการพูดหรือเขียน ใช้
ภาษาจีนสื่อสารในสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในห้องเรียนและสถานศึกษา ใช้ภาษาจีนในการสืบค้น และรวบรวม
ข้อมูลตา่ งๆรวมถงึ พชื พรรณไม้ในโรงเรยี น
โดยเลือกใช้ทักษะกระบวนการฟัง พูด อ่าน เขียน ทักษะการจำ คิด วิเคราะห์และเขียน สื่อความ
กระบวนการทำงานกลมุ่ /คู่ เรียนรผู้ ่านนวตั กรรมการจดั การเรียนรู้ MAEKADNOI MODEL
เพอื่ ให้นกั เรียน เป็นผู้มีคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ รกั ชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ ซ่อื สัตยส์ ุจรติ มีวินัย ใฝ่เรยี นรู้ อยู่อย่าง
พอเพียง มุ่งมั่นในการทำงาน รักความเป็นไทย และมีจิตสาธารณะ อนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม สืบสาน
ศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น ชมุ ชนร่วมพฒั นา ยึดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
ผู้เรียนเกิดสมรรถนะการสื่อสาร สามารถสื่อสารเรื่องราวใกล้ตัว มีสมรรถะการจัดการตนเอง รู้จัก
ความสามารถของตนเอง มวี ินัยในการดูแลจดั การชวี ิตประจำวันของตนเอง มสี มรรถนะการคิดขน้ั สูง สามารถผลิตผล
งานจากคำศัพทท์ ี่พบเห็นในชีวติ ประจำวัน มีสมรรถนะการรวมพลังทำงานเป็นทีม มคี วามรับผิดชอบต่อบทบาทและ
งานตามที่ได้รับมอบหมาย มีสมรรถนะการเป็นพลเมืองที่เข้มแข็ง สามารถยอมรับความแตกต่างความหลากหลาย
ชว่ ยเหลือและแบ่งปนั กบั ผ้อู นื่
ผลลัพธก์ ารเรยี นรูข้ องผเู้ รยี น สีแสดงจุดเน้นของสถานศกึ ษา
ข้อที่ : 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7 และ 8 สีฟา้ = รกั ษศ์ ิลปวัฒนธรรมล้านนา
รวม 8 ผลลัพธ์การเรียนรู้ สีแดง = ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง
สมรรถนะหลัก สเี ขยี ว = โรงเรยี นสุจรติ / วิถีพทุ ธ
สมรรถนะที่ : 1, 2, 3, 4 และ 5 สีม่วง = โครงการ รร.คุณภาพ SMT
รวม 5 สมรรถนะ สีน้ำเงนิ = สวนพฤกษศาสตร์
หลกั สูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นวัดแม่แก้ดนอ้ ย พุทธศกั ราช 2565 ระดับประถมศึกษา 171
ช่วงช้นั ที่ 1 : กล่มุ สาระการเรียนรู้เทคโนโลยีดิจิทลั
สมรรถนะเฉพาะ สมรรถนะหลัก
1.แกป้ ญั หาและเขียนโปรแกรม
1.1 แก้ปญั หาโดยใช้เหตผุ ลเชงิ ตรรกะ 1. การจดั การตนเอง
2. การคดิ ขั้นสูง
6. การอย่รู ว่ มกับธรรมชาติ และวิทยาการอย่างยง่ั ยนื
2.จัดการข้อมลู และใชเ้ ทคโนโลยีดิจทิ ัล
2.1 ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการรวบรวมข้อมูล จัดเก็บ 2. การคิดขัน้ สูง
จัดเตรียมประมวลผล นำเสนอข้อมูล เพื่อการ 3. การสื่อสาร
แก้ปัญหาหรอื ตนั สินใจ 4. การรวมพลงั ทำงานเป็นทีม
6. การอยรู่ ่วมกับธรรมชาติ และวทิ ยาการอยา่ งยงั่ ยนื
3.รู้เทา่ ทนั ดิจทิ ัล
3.1 เข้าถงึ แหลง่ ขอ้ มลู ประเมนิ ความน่าเชื่อถือของ 1. การจัดการตนเอง
4.ใชแ้ ละสร้างเทคโนโลยี 2. การคดิ ขน้ั สูง
3. การส่ือสาร
4. การรวมพลังทำงานเปน็ ทีม
5. การเปน็ พลเมืองท่ีเขม้ แข็ง
6. การอยรู่ ่วมกับธรรมชาติ และวิทยาการอยา่ งย่งั ยนื
4.1 เลือกใชเ้ ทคโนโลยีอย่างคุ้มค่า 1. การจัดการตนเอง
2. การคิดขนั้ สูง
3. การส่อื สาร
4. การรวมพลงั ทำงานเปน็ ทีม
5. การเป็นพลเมืองทเ่ี ข้มแข็ง
6. การอยู่ร่วมกับธรรมชาติ และวิทยาการอย่างยั่งยนื
หลกั สูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรียนวดั แมแ่ กด้ นอ้ ย พุทธศักราช 2565 ระดบั ประถมศกึ ษา 172
ผลลัพธ์การเรียนร้เู มือ่ จบช่วงช้นั ท่ี 1
1. ฟงั อ่าน บันทึกรายละเอียดอย่างตรงไปตรงมาเก่ียวกับทรัพยากรธรรมชาติทนี่ ำมาใช้ทำเทคโนโลยี
ต่าง ๆ วิเคราะห์พฤติกรรมการใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ ของตนเองที่ส่งผลต่อการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ อย่างมี
เหตผุ ล แสดงความตระหนักโดยมสี ่วนร่วมในการตัดสินใจหาแนวทางและเขียนลำดบั ข้ันตอน ในการลดการใช้
เทคโนโลยตี า่ ง ๆ ในชีวิตประจำวันเพือ่ ลดการใชท้ รัพยากรธรรมชาติ และลงมือปฏิบตั ิ ตามแนวทางตามท่ีเสนอ
ไว้
2. แกป้ ัญหาอยา่ งง่ายหรือทำกจิ กรรมในชวี ิตประจำวนั อย่างมีขั้นตอน แสดงวธิ ีการหาคำตอบหรือ วิธี
แกป้ ญั หา ระบุเหตผุ ลท่ีนำไปสคู่ ำตอบ มีความมุ่งมั่นในการแก้ปัญหาใหส้ ำเรจ็
3. ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลหรือแหล่งเรียนรู้ในการสืบค้นข้อมูล สรุปความเข้าใจจากข้อมูล และ
ตดิ ตอ่ สือ่ สาร ในชวี ติ ประจำวันได้อย่างเหมาะสมและปลอดภัย
4. สร้างของเลน่ หรอื ของใช้เพ่อื แกป้ ญั หาตามความสนใจโดยรว่ มกนั ทำงานเปน็ ทีม เลอื กและใช้ส่ิงของ
เคร่อื งใชใ้ นชวี ติ ประจำวนั ตามหน้าท่ีใชส้ อยได้อยา่ งปลอดภัย
หลกั สตู รสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรียนวดั แม่แก้ดนอ้ ย พุทธศกั ราช 2565 ระดบั ประถมศึกษา 173
คำอธิบายรายวิชา
ด 11201 เทคโนโลยดี ิจิทลั 1 กล่มุ สาระการเรยี นร้เู ทคโนโลยีดิจทิ ลั
ช้ันประถมศึกษาปีที่ 1 เวลา 40 ช่ัวโมง
ศึกษาการแก้ปัญหาอย่างง่ายโดยใช้ขั้นตอนการแก้ปัญหา การแสดงลำดับขั้นตอนการทำงาน การ
แสดงลำดับการเติมโตของพืช หรือ การแก้ปัญหาโดยใช้ ภาพ สัญลักษณ์ หรือข้อความ ตลอดจนการเขียน
โปรแกรมสร้างลำดับของคำสั่งให้คอมพิวเตอร์ทำงาน ศึกษาการใช้งานอุปกรณ์เทคโนโลยีเบื้องต้น ก ารใช้
ซอฟต์แวร์เบื้องต้น การสร้างและจัดเก็บไฟล์อย่างเป็นระบบและการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย
สร้างองค์ความรู้ใหม่จากการใช้ปัญหาที่เกิดขึ้นจริงในชีวิตประจำวัน มีทักษะการคิดเชิงคำนวณ การคิด
วิเคราะห์ แกป้ ัญหาเปน็ ขัน้ ตอนและเปน็ ระบบ อีกทั้งมกี าร และนำความรู้ ความคดิ ทกั ษะกระบวนการท่ีได้ไป
ใช้ในในการแก้ปัญหาในสถานการณ์ต่าง ๆ ในการแก้ปัญหาชีวิตประจำวันอย่างสร้างสรรค์ มีทักษะในการใช้
เทคโนโลยสี ารสนเทศ รกั ษาขอ้ มลู ส่วนตัว ตลอดจนนำความรคู้ วามเขา้ ใจในวชิ าวทิ ยาการคำนวณ
โดยอาศยั กระบวนการเรียนรโู้ ดยใชป้ ัญหาเปน็ ฐาน (Problem – based Learning) เพอื่ เนน้ ให้ผู้เรยี น
เกิดการเรียนรู้ จากการฝึกแก้ปัญหาต่าง ๆ ผ่านกระบวนการคิด การปฏิบัติอย่างมีระบบ เรียนรู้ผ่าน
กระบวนการ MAEKADNOI MODEL
เพือ่ ใหผ้ ูเ้ รยี นมเี จตคติทด่ี ตี อ่ การทำงานและเป็นผทู้ ม่ี ีจิตวทิ ยาศาสตร์ มีคณุ ธรรม จรยิ ธรรมและค่านิยม
ในการใชว้ ทิ ยาศาสตร์ และเทคโนโลยีอย่างสร้างสรรค์ ใช้พลงั งานและทรัพยากรอย่างประหยัดและคุ้มค่า มีจิต
ใตส้ ำนกึ ในการอนุรักษ์ทรพั ยากรพรรณไมใ้ นโรงเรยี น
ผู้เรยี นเกดิ สมรรถนะด้านการรู้จักตนเอง มีวนิ ัยในการดูแลจัดการชีวิตประจำวนั ของตนเอง รู้ถูกผิดใน
การปฏิบัติตนตามบรรทัดฐานทางสังคม ภายใต้การดูแลของผู้อื่น และเกิดสมรรถนะการคิดแก้ปัญหา ท่ี
สามารถระบปุ ญั หาอยา่ งงา่ ย ออกแบบวธิ แี กป้ ัญหา และลงมือแกป้ ัญหาดว้ ยตนเอง
ผลลพั ธ์การเรียนรูข้ องผเู้ รียน สแี สดงจดุ เนน้ ของสถานศกึ ษา
สีฟา้ = รกั ษศ์ ลิ ปวัฒนธรรมล้านนา
ข้อที่ : 1, 2, 3 และ 4 สีแดง = ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง
รวม 4 ผลลัพธก์ ารเรยี นรู้ สีเขียว = โรงเรียนสุจรติ / วิถีพุทธ
สมี ว่ ง = โครงการ รร.คุณภาพ SMT
สมรรถนะหลัก สนี ้ำเงนิ = สวนพฤกษศาสตร์
สมรรถนะที่ : 1, 2, 3, 4, 5 และ 6
รวม 6 สมรรถนะ
หลกั สตู รสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรียนวัดแมแ่ กด้ นอ้ ย พุทธศักราช 2565 ระดับประถมศกึ ษา 174
คำอธบิ ายรายวชิ า
ด 12201 เทคโนโลยีดิจทิ ลั 2 กลมุ่ สาระการเรียนรเู้ ทคโนโลยดี ิจิทลั
ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี 2 เวลา 40 ชั่วโมง
ศึกษาขั้นตอนการทำงานหรือการแก้ปัญหาอย่างง่าย การเขียนโปรแกรมอย่างง่ายโดยใช้ซอฟต์แวร์
หรือสื่อและตรวจหาข้อผิดพลาดของโปรแกรม การใช้เทคโนโลยีในการสร้าง จัดหมวดหมู่ ค้นหา จัดเก็บ
เรียกใช้ข้อมูลเกี่ยวกับพืชพรรณในโรงเรียนที่สนใจ สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับประเพณี วัฒนธรรมท้องถิ่นที่สนใจ
ตามวัตถุประสงค์ แสดงลำดับขั้นตอนการทำงานหรือการแก้ปัญหาโดยการเขียน บอกเล่า วาดภาพ หรือใช้
สัญลักษณ์ การแก้ปัญหาโดยใช้เกมตัวต่อ เกมการแต่งตัวมาโรงเรียน การเขียนโปรแกรมอย่างง่ายเพื่อสร้าง
ลำดับสั่งการให้คอมพิวเตอร์ทำงานตามที่ต้องการ และตรวจสอบข้อผิดพลาด ปรับแก้ไขให้ได้ผลลัพธ์ตามที่
ต้องการ ใช้ซอฟต์แวร์เขียนโปรแกรม โดยใช้บัตรคำสั่งแสดงการเขียนโปแกรม,Code.org สามารถใช้งาน
ซอฟต์แวรเ์ บ้ืองต้น
ใช้กระบวนการการทำงานอย่างเป็นขั้นตอนและเป็นระบบ คิดในเชิงคำนวณในการแก้ปัญหา
ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการเรียนรู้การทำงาน เรียนรู้ ผ่านนวัตกรรมการเรียนรู้
MAEKADNOI MODEL
ตระหนักและเห็นคุณค่าของการนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
อย่างปลอดภัย ปฏิบัติตามข้อตกลงในการใช้คอมพิวเตอร์ร่วมกัน ดูแลรักษาอุปกรณ์และใช้งานเทคโนโลยี
สารสนเทศอย่างเหมาะสม รักการทำงาน ทำงานด้วยความกระตือรือร้น และตรงเวลา มีเจตคติที่ดีต่อการ
ทำงาน มลี กั ษณะนิสยั การทำงานทเี่ หมาะสม มคี ุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมที่เหมาะสม
เพือ่ ให้เกิดสมรรถนะในการแก้ปัญหา แสดงวธิ ีการ หรือข้นั ตอนการแกป้ ญั หาอย่างเป็นระบบ โดยระบุ
เหตุผล หรือข้อสรุปของคำตอบ สามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูล สื่อสารบนอินเทอร์เน็ต และใช้เทคโนโลยี อย่าง
เหมาะสม รูเ้ ทา่ ทัน และปลอดภยั
ผลลพั ธ์การเรียนรู้ของผ้เู รยี น สีแสดงจุดเน้นของสถานศกึ ษา
สฟี า้ = รักษ์ศลิ ปวัฒนธรรมลา้ นนา
ข้อท่ี : 2, 3 และ 4 สีแดง = ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง
รวม 3 ผลลัพธก์ ารเรียนรู้ สเี ขียว = โรงเรยี นสจุ รติ / วิถพี ทุ ธ
สมี ว่ ง = โครงการ รร.คณุ ภาพ SMT
สมรรถนะหลกั สนี ำ้ เงิน = สวนพฤกษศาสตร์
สมรรถนะที่ : 1, 2, 3, 4, 5 และ 6
รวม 6 สมรรถนะ
หลกั สูตรสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นวัดแม่แกด้ น้อย พุทธศักราช 2565 ระดบั ประถมศกึ ษา 175
คำอธิบายรายวิชา
ด 13201 เทคโนโลยีดิจิทัล 3 กลุ่มสาระการเรยี นรู้เทคโนโลยีดิจิทลั
ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 3 เวลา 40 ชั่วโมง
ศึกษาและฝึกทักษะเกี่ยวกับการแสดงอัลกอริทึมในการทำงานหรือแก้ปัญหาอย่างง่ายโดยใช้ภาพ
สัญลักษณ์ หรือข้อความ เขียนโปรแกรมอย่างง่าย โดยใช้ซอฟต์แวร์หรือสื่อ และตรวจหาข้อผิดพลาดของ
โปรแกรม ใช้อินเทอร์เน็ตค้นหาความรู้ รวบรวม ประมวลผล และนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับพืชพรรณไม้ในโรงเรียนที่
สนใจ โดยใช้ซอฟต์แวร์ตามวัตถุประสงค์ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย ปฏิบัติตามข้อตกลงในการใช้
อินเทอร์เนต็ แสดงลำดับข้ันตอนการทำงานหรือการแกป้ ัญหาโดยการเขียน บอกเล่า วาดภาพ หรือใช้สัญลักษณ์
การแก้ปัญหาโดยใช้เกมตัวต่อ เกมการแต่งตัวมาโรงเรียน การเขียนโปรแกรมอย่างง่ายเพื่อสร้างลำดับสั่งการให้
คอมพิวเตอร์ทำงานตามที่ต้องการและตรวจสอบข้อผิดพลาด ปรับแก้ไขให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ตอ้ งการ ใช้ซอฟต์แวร์
เขียน
ใช้กระบวนการการทำงานอย่างเป็นขั้นตอนและเป็นระบบ คิดในเชิงคำนวณในการแก้ปัญหา ใช้
เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการเรียนรู้การทำงาน เรียนรู้ผ่านนวัตกรรมการเรียนรู้ MAEKADNOI
MODEL
ตระหนักและเห็นคุณค่าของการนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
อย่างปลอดภัย ปฏิบัติตามข้อตกลงในการใช้คอมพิวเตอร์ร่วมกัน ดูแลรักษาอุปกรณ์และใช้งานเทคโนโลยี
สารสนเทศอย่างเหมาะสม รักการทำงาน ทำงานด้วยความกระตือรือร้น และตรงเวลา มีเจตคติที่ดีต่อการ
ทำงาน มลี กั ษณะนสิ ยั การทำงานทเ่ี หมาะสม มคี ุณธรรม จรยิ ธรรม และคา่ นิยมทีเ่ หมาะสม
เพื่อให้เกิดสมรรถนะในการแก้ปัญหา แสดงวิธีการ หรือขั้นตอนการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ โดยระบุ
เหตุผล หรือข้อสรุปของคำตอบ สามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูล สื่อสารบนอินเทอร์เน็ต และใช้เทคโนโลยี อย่าง
เหมาะสม รเู้ ท่าทัน และปลอดภัย
ผลลพั ธก์ ารเรียนรู้ของผู้เรียน สีแสดงจุดเน้นของสถานศึกษา
สฟี ้า = รักษศ์ ลิ ปวัฒนธรรมล้านนา
ขอ้ ท่ี : 1, 2, 3 และ 4 สีแดง = ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง
รวม 4 ผลลัพธ์การเรียนรู้ สเี ขยี ว = โรงเรียนสจุ รติ / วิถีพทุ ธ
สีมว่ ง = โครงการ รร.คณุ ภาพ SMT
สมรรถนะหลัก สนี ำ้ เงนิ = สวนพฤกษศาสตร์
สมรรถนะท่ี : 1, 2, 3, 4, 5 และ 6
รวม 6 สมรรถนะ
หลกั สตู รสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรียนวดั แมแ่ กด้ นอ้ ย พุทธศักราช 2565 ระดับประถมศึกษา 176
ช่วงช้ันที่ 2 : กลมุ่ สาระการเรยี นรู้เทคโนโลยีดจิ ิทัล
สมรรถนะเฉพาะ สมรรถนะหลกั
1.แกป้ ัญหาและเขียนโปรแกรม
1.1 แก้ปัญหาโดยใช้เหตุผลเชงิ ตรรกะ 1. การจดั การตนเอง
1.2 ออกแบบและเขียนโปรแกรมเพื่อแก้ปัญหา 2. การคิดขัน้ สงู
ตรวจหาข้อผิดพลาดของโปรแกรม 4. การรวมพลงั ทำงานเป็นทีม
6. การอยู่รว่ มกับธรรมชาติ และวทิ ยาการอย่างยง่ั ยนื
2.จดั การขอ้ มูลและใช้เทคโนโลยีดจิ ิทัล
2.1 ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการรวบรวมข้อมูล จัดเก็บ 2. การคิดขั้นสงู
จัดเตรียมประมวลผล นำเสนอข้อมูล เพื่อการ 3. การส่ือสาร
แก้ปัญหาหรอื ตันสินใจ 4. การรวมพลงั ทำงานเปน็ ทมี
6. การอยรู่ ว่ มกับธรรมชาติ และวทิ ยาการอย่างยงั่ ยนื
3.รเู้ ท่าทนั ดิจิทลั
3.1 เข้าถึงแหล่งข้อมูล ประเมินความน่าเชื่อถือของ 1. การจัดการตนเอง
3.2 แหล่งขอ้ มลู 2. การคิดขนั้ สูง
ใชเ้ ทคโนโลยีดิจทิ ลั อยา่ งเหมาะสม ปลอดภัย 3. การสอ่ื สาร
4. การรวมพลังทำงานเป็นทีม
5. การเป็นพลเมืองที่เข้มแขง็
6. การอย่รู ่วมกบั ธรรมชาติ และวิทยาการอยา่ งยงั่ ยนื
4.ใชแ้ ละสรา้ งเทคโนโลยี
4.1 เลือกใช้เทคโนโลยีอย่างคุ้มค่า และสร้างสิ่งของ 1. การจัดการตนเอง
เครอ่ื งใชเ้ พอื่ แก้ปญั หา 2. การคดิ ขั้นสงู
3. การสอื่ สาร
4. การรวมพลงั ทำงานเป็นทีม
5. การเป็นพลเมืองที่เข้มแขง็
6. การอยรู่ ว่ มกับธรรมชาติ และวิทยาการอย่างยงั่ ยนื
หลักสูตรสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรียนวัดแม่แกด้ น้อย พุทธศักราช 2565 ระดบั ประถมศึกษา 177
ผลลพั ธ์การเรยี นร้เู มอื่ จบช่วงชน้ั ที่ 2
1.ใช้เหตุผลเชิงตรรกะในการแก้ปัญหาในชีวิตประจำวันหรือสถานการณ์จำลอง หาวิธีการแก้ปัญหาที่
หลากหลายที่เป็นไปได้ แสดงวิธีการแก้ปัญหาโดยวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของเหตุและผลด้วยข้อความ หรือ
แผนภาพ อธิบายเหตุผลของการตัดสินใจหรือการลงข้อสรุป มีความพยายามและกระตือรือร้น ในการ
แก้ปัญหาอยา่ งอย่างม่งุ ม่ันไม่ย่อทอ้
2. วเิ คราะห์ปัจจัยในสถานการณ์ วางแผน ออกแบบและเขียนโปรแกรมเพ่ือแกป้ ัญหาอย่างสร้างสรรค์
ตรวจหาข้อผิดพลาดของโปรแกรม เรียนรู้จากความผิดพลาด สะท้อนการทำงานของตนเอง ร่วมกัน ทำงาน
เปน็ ทีมเพอ่ื ปรับปรุงแก้ไขผลลพั ธใ์ ห้ดีข้นึ
3. ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการออกแบบการบันทึกข้อมูล รวบรวมข้อมูลที่สอดคล้องกับวิธีการ จัดเก็บ
จัดเตรียม ประมวลผล วิเคราะห์ข้อมูลและลงข้อสรุป เพื่อการแก้ปัญหาหรือตัดสินใจ นำเสนอข้อมูล โดย
เลือกใช้วธิ ีการสอื่ สารท่ีเหมาะสม ตระหนกั ถงึ คุณคา่ และข้อจำกัดของข้อมลู
4. ใชเ้ ทคโนโลยดี จิ ิทัลในการคน้ หาข้อมูล ติดตอ่ สือ่ สาร เพื่อทำงานรว่ มกันอยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ รับฟัง
อ่านเรื่อง หรือดูภาพที่เกี่ยวข้องในสถานการณ์อย่างมีสติ จับประเด็นสำคัญทั้งเชิงบวกและลบ ไม่ ตัดสินผู้อ่ืน
โดยใชอ้ คติ ประเมนิ ความนา่ เชื่อถือของข้อมลู และแหล่งข้อมูล เคารพในความคิดเหน็ ท่ี หลากหลาย มมี ารยาท
และจริยธรรมในการสื่อสาร และปกป้องตนเองจากการระรานทางไซเบอร์ รักษาอัตลักษณ์และร่องรอยทาง
ดิจิทลั อยา่ งเหมาะสมและปลอดภัย
5. พัฒนาชิ้นงานเพื่อแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์และนำไปใช้จริง โดยร่วมกันทำงานเป็นทีมในการ
วิเคราะห์และรวบรวมปัจจยั ที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ ระบุปัญหา วางแผนแก้ปัญหา เลือกใช้เทคโนโลยี โดย
ตอบสนองความต้องการหรือสภาพปัญหาในบริบทได้อย่างคุ้มค่า ตรวจสอบผลและ ปรับปรุงแก้ไข สะท้อนผล
ทีม่ ตี ่อตนเองและผอู้ นื่ หรือผลกระทบทเี่ กิดข้ึน
หลักสตู รสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นวดั แมแ่ กด้ น้อย พุทธศกั ราช 2565 ระดบั ประถมศกึ ษา 178
คำอธิบายรายวิชา
ด 14101 เทคโนโลยีดจิ ทิ ัล 4 เวลา 40 ช่ัวโมง
ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 4
ศึกษา การใช้เหตุผลเชิงตรรกะ การอธิบายการทำงาน การคาดการณ์ผลลัพธ์จากปัญหาอย่างง่าย
การรวบรวมข้อมูล การค้นหาข้อมูล การประเมินความน่าเชื่อถือของข้อมูล การบันทึกข้อมูล การสร้าง
ทางเลือกในการแกป้ ัญหา การนำเสนอขอ้ มลู วิธกี ารออกแบบและเขียนโปรแกรมเพือ่ แกป้ ญั หา
โดยใช้กระบวนการอธิบายการทำงาน การคาดการณ์ผลลพั ธจ์ ากปัญหาอย่างง่าย ออกแบบและเขียน
โปรแกรมเพ่ือแกป้ ัญหาโดยใช้ storyboard หรอื การออกแบบอลั กอรทิ ึม ซอฟต์แวร์เว็บไซต์ Studio.code.org
ใช้อินเทอร์เน็ตค้นหาข้อมูลอย่างง่าย เช่น ประเพณีล้านนาเชียงใหม่ และประเมินความน่าเชื่อถือของข้อมูล
รับฟัง อ่านเรื่อง หรือดูภาพที่เกี่ยวข้องในสถานการณ์อย่างมีสติ รวบรวม ประเมิน นำเสนอข้อมูลและ
สารสนเทศ โดยใชเ้ ทคโนโลยดี ิจิทัลผ่านนวัตกรรมการจัดการเรยี นรู้ MAEKADNOI MODEL
เพื่อให้ผู้เรียนมีเจตคติที่ดีต่อการทำงาน การทำงานอย่างมีระบบ ซื่อสัตย์ มีความรอบคอบ มีความ
รับผิดชอบ มีวิจารณญาณ ใช้พลังงานและทรัพยากรอย่างประหยัดและคุ้มค่า มีจิตใต้สำนึกในการอนุรักษ์
ทรพั ยากรพรรณไม้ในโรงเรยี น มคี วามเช่อื มัน่ ในตนเอง มีคุณธรรม จริยธรรมและค่านยิ มที่เหมาะสม
เกดิ สมรรถนะการจัดการตนเอง การคิดขนั้ สงู การส่อื สาร และการอยู่รว่ มกับธรรมชาติและวิทยาการ
อยา่ งยง่ั ยืน
ผลลัพธก์ ารเรียนรูข้ องผ้เู รียน สแี สดงจุดเน้นของสถานศกึ ษา
สฟี ้า = รักษ์ศิลปวัฒนธรรมลา้ นนา
ขอ้ ที่ : 1, 2, 3, 4 และ 5 สแี ดง = ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง
รวม 5 ผลลพั ธ์การเรยี นรู้ สีเขยี ว = โรงเรยี นสจุ ริต / วิถีพุทธ
สมี ่วง = โครงการ รร.คุณภาพ SMT
สมรรถนะหลกั สนี ้ำเงิน = สวนพฤกษศาสตร์
สมรรถนะที่ : 1, 2, 3, และ 6
รวม 4 สมรรถนะ
หลักสตู รสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรียนวดั แม่แก้ดนอ้ ย พุทธศักราช 2565 ระดบั ประถมศึกษา 179
คำอธบิ ายรายวิชา
ด 15101 เทคโนโลยดี จิ ทิ ลั 5 เวลา 40 ชั่วโมง
ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ 5
ศึกษาการใช้เหตุผลเชิงตรรกะในการแก้ปัญหา การอธิบายการทำงานหรือการคาดการณ์ผลลัพธ์
การใช้อินเทอร์เน็ตในการค้นหาข้อมูลและติดต่อสื่อสาร มารยาทในการติดต่อสื่อสารผ่านอินเทอร์เน็ต
การประเมินความน่าเชื่อถือของข้อมูล อันตรายจากการใช้งานและอาชญากรรมทางอินเทอร์เน็ต การใช้
ซอฟตแ์ วรห์ รอื บรกิ ารบนอนิ เทอร์เนต็ ในการรวบรวม ประมวลผล สร้างทางเลือก และนำเสนอผลงาน วิธีการ
ออกแบบและเขียนโปรแกรมโดยผ่านข้อความ ผังงาน ( Scratch, studio.code.org ) การใช้อินเทอร์เน็ตใน
การค้นหาข้อมลู เช่น ศลิ ปวฒั นธรรมลา้ นนา ประเพณเี ชียงใหม่ การประเมินความนา่ เช่อื ถือ การติดต่อส่ือสาร
เช่น อีเมล์ บล็อก โปรแกรมสนทนา อันตรายจากการใช้งานและอาชญากรรมทางอินเทอร์เน็ต การรวบรวม
ประมวลผล และนำเสนอผลงานโดยใช้ซอฟตแ์ วรห์ รอื บริการบนอินเทอร์เนต็
โดยใช้กระบวนการอธิบายการทำงาน หรือการคาดการณ์ผลลัพธ์ โดยผ่านนวตั กรรมการจดั การเรยี นรู้
MAEKADNOI MODEL
เพื่อให้ผู้เรียนมีเจตคติที่ดีต่อการทำงาน มีมารยาท ขยัน อดทน การทำงานอย่างมีระบบ ซื่อสัตย์ใน
การทำงาน มีความรอบคอบ มีความรับผิดชอบ มีวิจารณญาณ มีความเชื่อมั่นในตนเอง และมีคุณธรรม
จริยธรรม ค่านิยมและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ใช้พลังงานและทรัพยากรอย่างประหยัดและคุ้มค่า มีจิตใต้
สำนึกในการอนรุ กั ษ์ทรัพยากรพรรณไม้ในโรงเรียน
เพื่อให้ผูเ้ รียนเกดิ สมรรถนะการจัดการตนเองอย่างมสี ขุ ภาวะ การคิดขั้นสงู การสื่อสาร การรวมพลงั
ทำงานเปน็ ทมี การเป็นพลเมอื งทีเ่ ข้มแขง็ การอย่รู ่วมกบั ธรรมชาตแิ ละวทิ ยาการอย่างยงั่ ยืน
ผลลพั ธ์การเรยี นรู้ของผูเ้ รยี น สีแสดงจดุ เน้นของสถานศกึ ษา
สฟี า้ = รกั ษศ์ ิลปวัฒนธรรมลา้ นนา
ขอ้ ท่ี : 1, 2, 3, 4 และ 5 สีแดง = ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง
รวม 5 ผลลัพธก์ ารเรยี นรู้ สเี ขยี ว = โรงเรียนสจุ ริต / วิถีพุทธ
สีมว่ ง = โครงการ รร.คุณภาพ SMT
สมรรถนะหลัก สีนำ้ เงิน = สวนพฤกษศาสตร์
สมรรถนะที่ : 1, 2, 3, 4, 5 และ 6
รวม 6 สมรรถนะ
หลกั สูตรสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรียนวัดแมแ่ กด้ นอ้ ย พุทธศกั ราช 2565 ระดบั ประถมศึกษา 180
คำอธิบายรายวิชา
ด 16101 เทคโนโลยดี จิ ทิ ัล 6 เวลา 40 ช่ัวโมง
ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 6
ศึกษาการใช้เหตุผลเชิงตรรกะในการอธิบายและออกแบบวิธีการแก้ปัญหาที่พบในชีวิตประจำวัน
การทำงานแบบวนซ้ำและเงื่อนไข การใช้เทคนิคการค้นหาขั้นสูง การค้นหาข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ
การจัดลำดับของผลลัพธ์จากการค้นหา การเรียบเรียง สรุปสาระสำคัญ อันตรายจากการใช้งานและ
อาชญากรรมทางอินเทอร์เน็ต แนวทางในการป้องกัน การออกแบบและเขียนโปรแกรมที่มีการใช้ตัวแปร
การวนซ้ำ การตรวจสอบเงื่อนไข การตรวจสอบหาข้อผิดพลาดของการทำงาน เขียนเป็นโปรแกรม ผังงาน
หรือซอฟต์แวร์เพื่อแก้ไขปัญหา และตรวจสอบหาข้อผิดพลาดทั้งของตนเองและผู้อื่นจนกว่าจะได้ผลลัพธ์ที่
ถูกต้อง โปรแกรม Scratch เว็บไซต์ Studio.code.org การใช้เทคนิคการค้นหาขั้นสูง การใช้ตัวดำเนินการ
การระบุรูปแบบของข้อมูลหรือชนิดของไฟล์ การค้นหาขอ้ มูลที่รวดเร็วและตรงกับความต้องการ การจัดลำดบั
ของผลลัพธ์จากการค้นหา การเรียบเรียง สรุปสาระสำคัญ อันตรายจากการใช้งานและอาชญากรรมทาง
อินเทอร์เน็ต แนวทางในการป้องกัน วิธีกำหนดรหัสผ่าน การกำหนดสิทธิ์การใช้งาน แนวทางการตรวจสอบ
และปอ้ งกันมลั แวร์ อนั ตรายจากการติดต้งั ซอฟต์แวร์ทอ่ี ยู่บนอินเทอร์เน็ต
โดยใช้กระบวนการอธบิ ายและออกแบบวิธีการแก้ปญั หาท่ีพบในชวี ติ ประจำวัน โดยใชแ้ นวคดิ ของการ
ทำงานแบบวนซำ้ และเงอื่ นไข เรยี นรู้ผา่ นนวตั กรรมการจัดการเรียนรู้ MAEKADNOI MODEL
มีเจตคติที่ดีต่อการทำงาน มีมารยาท ขยัน อดทน การทำงานอย่างมีระบบ ซื่อสัตย์ในการทำงาน
มีความรับผิดชอบ มีวิจารณญาณ มีความเชื่อมั่นในตนเอง และมีคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยมและ
คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ใช้พลังงานและทรัพยากรอย่างประหยัดและคุ้มค่ามีจิตใต้สำนึกในการอนุรักษ์
ทรพั ยากรพรรณไมใ้ นโรงเรยี นและศลิ ปวฒั นธรรมล้านนา
เพื่อให้ผูเ้ รียนเกิดสมรรถนะการจัดการตนเองอย่างมีสขุ ภาวะ การคิดขั้นสงู การสื่อสาร การรวมพลงั
ทำงานเปน็ ทีม การเปน็ พลเมืองทเ่ี ขม้ แขง็ การอยู่ร่วมกบั ธรรมชาตแิ ละวทิ ยาการอย่างยั่งยืน
ผลลพั ธก์ ารเรียนรูข้ องผเู้ รยี น สีแสดงจุดเนน้ ของสถานศกึ ษา
สฟี า้ = รกั ษ์ศลิ ปวัฒนธรรมล้านนา
ขอ้ ที่ : 1, 2, 3, 4 และ 5 สแี ดง = ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง
รวม 5 ผลลัพธ์การเรยี นรู้ สเี ขยี ว = โรงเรียนสจุ ริต / วิถีพทุ ธ
สมี ว่ ง = โครงการ รร.คณุ ภาพ SMT
สมรรถนะหลกั สนี ้ำเงนิ = สวนพฤกษศาสตร์
สมรรถนะท่ี : 1, 2, 3, 4, 5 และ 6
รวม 6 สมรรถนะ
หลักสตู รสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรียนวัดแม่แกด้ น้อย พุทธศกั ราช 2565 ระดับประถมศกึ ษา 181
4.7 การจัดการเรียนการสอนฐานสมรรถนะ
การจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาสมรรถนะผู้เรียนยึดหลักการที่ว่า ผู้เรียนทุกคนสามารถประสบ
ความสำเรจ็ ได้ตามความถนัด ความชอบและศักยภาพในรูปแบบของตนเอง การจดั การเรียนร้จู ึงต้องสนับสนุน
ให้ผู้เรียนเป็นเจ้าของการเรียนรู้ที่เอื้อให้ผู้เรียนค้นหาตัวเองเพื่อเลือกเส้นทางการเรียนรู้ (Learning
Pathways) ตอบสนองความแตกต่างของผู้เรียน (Different Instruction) มีความยืดหยุ่นเพื่อสนับสนุนการ
เรยี นรขู้ องผู้เรียนเปน็ รายบคุ คล (Individual Support) คำนงึ ถึงจงั หวะในการเรียนรู้ของผู้เรียน (Self-Pacing)
สอดคลอ้ งกับบริบทของผูเ้ รยี น ชมุ ชนแวดลอ้ ม และจุดเน้นของสถานศกึ ษา
การจัดการเรียนรู้ต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนกำกับการเรียนรู้ของตนเอง เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการเรียนรู้
ดังนั้น การออกแบบการเรียนรู้ต้องผสานกันไปกับการประเมิน โดยมีการวิเคราะห์ผู้เรียนรายบุคคลว่ามี
ความสามารถ ความสนใจสิ่งใด เพื่อนำไปสู่การออกแบบการเรียนรู้ที่สอดคล้องและเหมาะสมกับการพัฒนา
สมรรถนะของผเู้ รียนแตล่ ะบุคคล ผู้เรียนจะได้รบั ขอ้ มูลปอ้ นกลบั จากการประเมินตนเองและผู้อน่ื ประเมินท้ังใน
ขณะที่ปฏิบัติกิจกรรมและหลังจากการปฏิบัติกิจกรรม นำไปสู่การปรับปรุงและพัฒนาการเรียนรู้ของตน
รวมทง้ั ได้รับการสนบั สนุนชว่ ยเหลอื ท่ีสอดคลอ้ งกับความต้องการบนเส้นทางการเรียนรู้ของตนเองในระยะเวลา
ที่แตกต่างกันตามความจำเป็นของแต่ละคน เพื่อเอื้อให้ผู้เรียนได้พัฒนาสมรรถนะเต็มตามศักยภาพสู่ระดับ
ความสามารถท่สี งู ขน้ึ
การจัดการเรียนรู้ฐานสมรรถนะมุ่งเป้าหมายที่ความสามารถในการทำได้โดยการผสานความรู้ ทักษะ
และคุณลักษณะที่จำเป็นต่อการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้ ซึ่งผู้เรียนจะต้องมีความรู้ ความเข้าใจ ทักษะ เจตคติ/
คุณลักษณะท่ีจำเปน็ ต่อการพฒั นาสมรรถนะนัน้ รวมไปถึงไดร้ ับการฝึกฝนใหน้ ำไปใช้ในการแก้ปัญหาหรือใช้ใน
สถานการณ์ต่าง ๆ ดังนั้นบทบาทหน้าที่ของครู คือ การจัดประสบการณ์ และกิจกรรมการเรียนรูใ้ ห้ผู้เรียนเกดิ
การเรียนรูไ้ ดด้ ี
การเรยี นรูฐ้ านสมรรถนะ มลี ักษณะทเ่ี ป็นการเรยี นรู้เชงิ รุกอย่แู ลว้ ตามธรรมชาติ การจัดการเรียนร้ฐู าน
สมรรถนะเอื้อให้ครูมีการจัดการเรียนรู้เชิงรุก เนื่องจากการเรียนรู้ฐานสมรรถนะเน้นการปฏิบัติการทำได้หรือ
การลงมอื ทำซง่ึ การเรยี นรูเ้ ชงิ รุกจะช่วยให้ผู้เรียนได้เรียนรู้อยา่ งตื่นตวั ท้งั 4 ดา้ น ได้แก่ การตื่นตัวทางกาย การ
ตื่นตัวทางสติปัญญา การตื่นตัวทางอารมณ์ และการตื่นตัวทางสังคม ในขณะลงมือปฏิบัติ ผู้เรียนต้องมีการ
เคลื่อนไหวร่างกายในอิริยาบถต่าง ๆ ได้ใช้แรงหนักบ้าง เบาบ้าง ใช้ความคิด มีความรู้สึกที่ต้องการจะทำหรือ
สนกุ ท่ีจะทำ และผู้เรียนมโี อกาสที่จะปรกึ ษา หารือและร่วมมือทำงานกับเพอื่ น
หลักสตู รสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นวดั แมแ่ กด้ น้อย พุทธศกั ราช 2565 ระดับประถมศึกษา 182
การจดั การเรียนร้ฐู านสมรรถนะ
รูปแบบการจัดการเรียนรู้ฐานสมรรถนะมีหลากหลายวิธี ครูผู้สอนสามารถเลือกใช้ให้เหมาะสมกับ
เนื้อหาและธรรมชาติของรายวิชาเพ่ือใหผ้ ูเ้ รยี นเกิดการเรียนรู้ได้อยา่ งมีประสทิ ธิภาพ ดังนี้
1. การจัดการเรียนรูอ้ ยา่ งเปน็ องคร์ วม (Holistic Learning) จากแนวคิดของ นลนิ ทิพย์ พมิ พก์ ลดั , 2560
แนวทางการจัดการเรียนรู้โดยองค์รวมผู้วิจัยได้พัฒนารูปแบบการสอนโดยความคิดเชื่อมต่อมิติทาง
การศึกษา และการประยุกต์ใช้หลักการทรงงาน “การเข้าใจ การเข้าถึง การพัฒนา” ของ พระบาทสมเด็จ
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดชฯ เข้าด้วยกันจะพบวา่ การการพัฒนารปู แบบการสอนอย่าง
ยัง่ ยนื น้ันประกอบดว้ ย 3 แนวทางประกอบด้วย
1.1 ความเข้าใจเป็นพื้นฐานที่สำคัญของรูปแบบการจัดการศึกษาแบบองค์รวม โดยเน้นให้
ความสำคัญใน 2 ประเด็นหลกั คอื ความแตกตา่ งระหว่างผู้เรียนและความต้องการของผเู้ รียน โดยประเมินจาก
การสังเกตพฤติกรรมการแสดงออกการประเมินผลงาน ความสามารถในการทำงานเป็นทีม การมีภาวะผู้นำ
และการอภปิ รายผลการเรยี นรู้ในรายวชิ า
1.2 ความเข้าถึง หมายถึง ผู้สอนทำการออกแบบการเรยี นรูท้ ี่เอื้ออำนวยต่อการพัฒนาผู้เรยี นท่มี ี
ความแตกตา่ งกัน โดยเนน้ หลกั สำคัญสามประการคือ
1.2.1 การสร้างสถานการณ์การเรียนรู้เป็นการจัดการเรียนการสอนที่ให้ผู้เรียนได้พัฒนา
ทักษะความรปู้ ญั ญา ความสัมพันธร์ ะหวา่ งบคุ คลและความรบั ผดิ ชอบ
1.2.2 การบูรณาการข้ามศาสตร์เป็นการสอนที่มุ่งเน้นให้เกิดความสามารถในการค้นหา
ความจริง ข้อสรุปและทำความเข้าใจโดยการบูรณาการศาสตร์ต่าง ๆ เข้าด้วยกันได้อย่างเหมาะสม ซึ่งในการ
อภิปรายเพื่อหาข้อสรุประหว่างผู้เรียนกับผู้สอนนั้น มีสิ่งสำคัญที่คือการป้องกันการเกิดอิทธิพลทางความคิด
ระหว่างผู้สอนและผู้เรียน ดังนั้นผู้สอนจึงต้องเปิดใจกว้างยอมรับ ในความคิดเห็นของผู้เรียนโดยมีเหตุผล
สนับสนุนแนวคิดนั้นต้องอยู่บนแนวคิด ทฤษฎีที่ถูกต้อง มีเหตุผลของศาสตร์ทางการจัดการหรือศาสตร์ทีเ่ กี่ยว
เกย่ี วข้องและความเปน็ ไปไดใ้ นสถานการณ์จรงิ
1.2.3 การได้รับประสบการณ์ตรง เป็นการออกเป็นแบบการเรียนรู้โดยการลงมือทำ
(learning by doing) ซึ่งมุ่งเน้นให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้และถ่ายโอนประสบการณ์จากผู้เชี่ยวชาญ เนื่องจาก
ความผู้เรียนมีความต้องการความสนใจและความถนัดท่ีแตกต่างกัน ดังนั้นจึงต้องเปิดโอกาสให้ผู้เรียนสามารถ
กำหนดกลยุทธ์การดำเนินงาน และเป้าหมายการประเมินผลได้อย่างอิสระ ทั้งนี้อยู่ภายใต้การเสนอแนะของ
ผ้สู อน
หลักสูตรสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรียนวัดแม่แก้ดน้อย พุทธศักราช 2565 ระดบั ประถมศึกษา 183
1.3 การพัฒนา โดยวงจร PDCA โดยแบง่ ออกเป็น 4 ขนั้ ตอนคือ
1.3.1 การวางแผนกลยุทธ์โดยผ่านการวิพากษ์จากผู้สอน ผู้ประกอบการ และผู้เชี่ยวชาญ
ซึ่งผลลัพธ์ในขั้นตอนน้ี ต้องได้แผนการดำเนินงานที่มีเป้าหมายชัดเจน กรอบระยะเวลาการดำเนินงานและ
ตัวชว้ี ดั ในแต่ละช่วงระยะเวลาท่สี ามารถวัดได้
1.3.2 การปฏิบัติตามแผนกลยุทธ์ที่วางไว้โดยผู้สอนจัดให้ผู้เรียนออกฝึกปฏิบัติจริงและ
รายงานความก้าวหน้าในการดำเนินงานแก่ผู้สอนทุกสัปดาห์ ผลลัพธ์ในขั้นตอนนี้ผู้สอนจะทราบถึงผลในการ
ดำเนินงานของผู้เรียน ทั้งนี้ต้องให้ผู้เรียนจัดทำรายงานความก้าวหน้าโดยรวม ความรับผิดชอบของผู้เรียนโดย
ยอ่ ปัญหาและอุปสรรค ตลอดจนแนวทางการแก้ไขปัญหา
1.3.3 การตรวจสอบโดยการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานกับตัวชี้วัดที่กำหนดไว้ผลลัพธ์
ในขั้นตอนจะออกมาสอง แนวทางคือ กรณีที่ผลการดำเนินงานสูงกว่าตัวชี้วัด กรณีนี้ผู้สอนพยายามตอ้ งค้นหา
แนวทางในการพฒั นาศักยภาพผู้เรยี นใหส้ ูงขึน้ กว่าเดิม ในกรณที ตี่ ่ํากว่าตวั ชวี้ ดั ผูส้ อนต้องร่วมกับผู้เรียนในการ
อภปิ รายถึงสาเหตุและคน้ หาแนวทางการแก้ไข
1.3.4 การปรับปรงุ แก้ไขจากผลลัพธใ์ นข้อทส่ี าม ผเู้ รียนและได้แนวทางการแก้ไขเพ่ือนำไป
วางแผน ปฏิบัติ ประเมินผลและทำการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง จากนั้นกลับมาอภิปรายผลรวมถึงการถอด
ความรทู้ ไ่ี ดร้ บั จากการดำเนินงาน
แนวทางการจัดการเรียนรู้แบบองค์รวมนั้นผู้เรียนต้องมีการเรียนรู้จากสถานการณ์จริงเป็นระยะ
เวลานาน ซ่ึงต้องอาศัย ความอดทนตอ่ ความไม่แนน่ อนท่ีเกิดขึ้นจากปัจจัยต่าง ๆ การผสมผสานการทักษะรอบ
ดา้ น ผู้สอนจึงต้องบริหารสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ให้เอ้ืออำนวยต่อผู้เรยี นโดยมหี ลักสำคัญสามประการคือ 1)
การใช้ภาวะผู้นำทีแ่ ตกตา่ งตามลักษณะผู้เรียน 2) การสร้างสิ่งสนับสนนุ การเรียนรู้ 3) การสร้างภูมคิ ุ้มกัน เช่น
การบรหิ ารอารมณเ์ ม่ือเผชิญความเครยี ด เป็นต้น
การจัดการเรยี นร้แู บบองคร์ วม (นลินทิพย์ พมิ พก์ ลัด, 2560)
หลกั สูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นวดั แม่แกด้ นอ้ ย พุทธศักราช 2565 ระดบั ประถมศกึ ษา 184
2. การจดั การเรยี นรูแ้ บบ Active Learning
Active Learning จึงเป็นกระบวนการจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดการสร้างสรรค์ทางปัญญา
(Constructivism) ที่เน้นกระบวนการเรียนรู้มากกว่าเนื้อหาวิชา เพื่อช่วยให้ผู้เรียนสามารถเชื่อมโยงความรู้
หรอื สร้างความร้ใู ห้เกิดข้นึ ในตนเอง ด้วยการลงมอื ปฏิบัตจิ รงิ ผา่ นส่อื หรือกจิ กรรมการเรยี นรู้ ทม่ี ีครผู สู้ อนเป็นผู้
แนะนำ กระตุ้น หรืออำนวยความสะดวก ให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ขึ้น โดยกระบวนการคิดขั้นสูง กล่าวคือ
ผู้เรียนมีการวิเคราะห์ สังเคราะห์ และการประเมินค่าจากสิ่งที่ได้รับจากกิจกรรมการเรียนรู้ ทำให้การเรียนรู้
เป็นไปอย่างมีความหมายและนำไปใช้ในสถานการณ์อ่ืนๆได้อยา่ งมีประสิทธภิ าพ
• ลกั ษณะของการจัดการเรยี นการสอนแบบ Active Learning
1. เปน็ การเรยี นการสอนที่พัฒนาศักยภาพทางสมอง ไดแ้ ก่ การคดิ การแกป้ ญั หา และการนำความรไู้ ป
ประยกุ ตใ์ ช้
2. เปน็ การเรยี นการสอนท่เี ปดิ โอกาสให้ผู้เรยี นมสี ว่ นร่วมในกระบวนการเรียนรสู้ งู สุด
3. ผเู้ รยี นสร้างองค์ความรแู้ ละจัดกระบวนการเรยี นรู้ดว้ ยตนเอง
4. ผเู้ รยี นมสี ่วนรว่ มในการเรียนการสอนทง้ั ในดา้ นการสร้างองค์ความรู้ การสร้างปฏิสมั พนั ธร์ ว่ มกนั
ร่วมมือกันมากกวา่ การแขง่ ขนั
5. ผู้เรยี นเรียนร้คู วามรับผดิ ชอบร่วมกัน การมวี ินัยในการทำงาน และการแบ่งหน้าที่ความรบั ผิดชอบ
6. เปน็ กระบวนการสรา้ งสถานการณใ์ ห้ผู้เรียนอา่ น พดู ฟัง คิดอย่างลุ่มลึก ผู้เรยี นจะเปน็ ผู้จัดระบบการ
เรียนรดู้ ้วยตนเอง
7. เปน็ กิจกรรมการเรยี นการสอนทีเ่ น้นทกั ษะการคดิ ขน้ั สงู
8. เปน็ กิจกรรมทีเ่ ปดิ โอกาสให้ผเู้ รยี นบรู ณาการข้อมูลขา่ วสาร หรือสารสนเทศและหลกั การความคิดรวบ
ยอด
9. ผู้สอนจะเป็นผ้อู ำนวยความสะดวกในการจดั การเรียนรู้ เพื่อใหผ้ ู้เรียนเปน็ ผู้ปฏิบตั ดิ ้วยตนเอง
10. ความรู้เกดิ จากประสบการณ์ การสรา้ งองคค์ วามรู้ และการสรุปทบทวนของผู้เรียน
• บทบาทของครู ในการจัดกจิ กรรมการเรยี นรตู้ ามแนวทางของ Active Learning ดงั น้ี
1. สรา้ งบรรยากาศของการมีส่วนรว่ ม และการเจรจาโต้ตอบท่ีส่งเสรมิ ให้ผเู้ รียนมีปฏิสมั พันธ์ท่ดี กี ับผ้สู อน
และเพื่อนในชั้นเรียน
2. จัดกิจกรรมการเรยี นการสอนให้เป็นพลวัต สง่ เสริมใหผ้ เู้ รียนมีสว่ นร่วมในทุกกิจกรรมรวมทัง้ กระตุ้นให้
ผ้เู รยี นประสบความสำเรจ็ ในการเรียนรู้
3. จดั สภาพการเรยี นรู้แบบรว่ มมอื สง่ เสริมใหเ้ กิดการร่วมมอื ในกลมุ่ ผู้เรยี น
4. จัดกจิ กรรมการเรียนการสอนใหท้ า้ ทาย และให้โอกาสผเู้ รยี นไดร้ ับวธิ ีการสอนทหี่ ลากหลาย
5. วางแผนเกี่ยวกบั เวลาในจดั การเรียนการสอนอย่างชดั เจน ท้ังในสว่ นของเน้ือหาและกจิ กรรม
6. ครูผสู้ อนตอ้ งใจกว้าง ยอมรับในความสามารถในการแสดงออกและความคิดเของที่ผู้เรยี น
หลกั สูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นวัดแม่แก้ดนอ้ ย พุทธศกั ราช 2565 ระดับประถมศกึ ษา 185
• วธิ กี ารจดั การเรยี นรแู้ บบ Active Learning
1. การจัดการเรียนรู้แบบเน้นประสบการณ์ (Experiential Learning) เป็นการสอนท่ี
ส่งเสริมให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้จากประสบการณ์ที่เป็นรูปธรรมเพื่อนำไปสู่ความรู้ความเข้าใจเชิงนามธรรม
เหมาะกับรายวิชาทีเ่ น้นปฏิบัติ หรือเน้นการฝกึ ทักษะ สามารถใช้จัดการเรียนการสอนได้ทั้งเป็นกลุม่ และเป็น
รายบุคคล หลักการสอนคือ ผ้สู อนวางแผนจัดสถานการณ์ให้ผเู้ รียนมีประสบการณจ์ ำเปน็ ต่อการเรียนรู้กระตุ้น
ให้ผู้เรียนสะท้อนความคิด อภิปราย สิ่งที่ได้รับจากสถานการณ์ ตัวอย่างเทคนิคการสอนที่ใช้ในการจัดการ
เรยี นรู้แบบเนน้ ประสบการณ์ ได้แก่ เทคนคิ การสาธติ และเทคนิคเนน้ การฝกึ ปฏบิ ัติ ขั้นตอนดังนี้
1.1 เทคนิคการสอนแบบการสาธิต ผู้สอนวางแผนการสอนและออกแบบกิจกรรมการ
เรียนรู้ โดยแบ่งสัดส่วนเวลาสำหรับการบรรยายและการสาธิต พร้อมกับคัดเลือกวิธีการที่จะลงมือปฏิบัติให้
ผู้เรียนได้เรียนรู้ โดยถ้าเป็นกิจกรรมกลุ่มจะต้องมีการวางโครงสร้างการทำงานกลุ่ม การแบ่งหน้าที่ จากนั้น
ดำเนินการบรรยายเนื้อหาและสาธิต โดยขณะสาธิตจะเปิดโอกาสให้ผู้เรียนซักถาม ผู้สอนแนะนำเทคนิค
จากนั้นให้ผู้เรียนลงมือปฏิบัติและผู้สอนประเมินผู้เรียนโดยการสังเกตพร้อมกับให้คำแนะนำ ในจุดที่บกพร่อง
เปน็ รายบคุ คลหรือเปน็ รายกลมุ่ เมอ่ื เสร็จสิ้นการปฏบิ ตั ิกิจกรรม ผูส้ อนและผเู้ รยี นร่วมกันอภิปราย สรปุ ผลส่ิงที่
ไดเ้ รยี นรู้จากการลงมือปฏิบตั ิ
1.2 เทคนิคการสอนแบบเน้นฝึกปฏิบัติ ผู้สอนวางแผนและออกแบบกิจกรรมที่เน้นการ
ฝึกทักษะ เช่น การฝึกทกั ษะทางภาษา โดยจัดกจิ กรรมที่กระตุ้นให้ผู้เรียนได้ฝึกทักษะซ้ำ ๆ อาจเป็นในลักษณะ
ใช้โปรแกรมช่วยสอนสำหรับการฝึก โดยผู้สอนมีบทบาทให้คำแนะนำ อำนวยความสะดวก กระตุ้นให้ผู้เรียนมี
สว่ นรว่ มในชัน้ เรยี น
2. การสอนแบบโครงงาน (Project Based Learning) โดยการสอนแบบโครงงานสามารถ
จัดเป็นกิจกรรมกลุ่มหรือกิจกรรมเดี่ยวโดยพิจารณาจากความยากง่าย และความเหมาะสมของโจทย์งาน และ
คุณลักษณะที่ต้องการพัฒนา วางแผนและกำหนดเกณฑ์อย่างกว้างๆ แล้วให้ผู้เรียนวางแผนดำเนนิ การ ศึกษา
ค้นคว้าข้อมูลด้วยตนเอง โดยผู้สอนมีบทบาทเป็นผู้ให้คำปรึกษา จากนั้นให้ผู้เรียนนำเสนอแนวคิด การ
ออกแบบชิ้นงาน พร้อมให้เหตุผลประกอบจากการค้นคว้า ให้ผู้สอนพิจารณาร่วมกับการอภิปรายในชั้นเรี ยน
จากนั้นผู้เรียนลงมือปฏิบัติทำชิ้นงาน และส่งความคืบหน้าตามกำหนด การประเมินผลจะประเมินตามสภาพ
จริง โดยมีเกณฑ์การประเมินกำหนดไว้ล่วงหน้าและแจ้งให้ผู้เรียนทราบก่อนลงมือทำโครงการและให้ผู้เรียนมี
สว่ นรว่ มในการประเมินผลการทำงานของตนเองและเพอื่ น
หลกั สูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรียนวัดแมแ่ ก้ดน้อย พุทธศกั ราช 2565 ระดับประถมศึกษา 186
การจัดการเรียนรู้ผ่านโครงงานแต่ละครั้ง ครูจะต้องเป็นผู้ที่มีความพร้อมและมีความแม่นยำใน
เน้อื หาเพ่ือให้การจัดการเรียนรู้เป็นไปอย่างราบร่ืน และสามารถอำนวยความสะดวกให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้
ขณะทำกิจกรรม ซึ่งการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ดังกล่าว มีแนวทางในการจัดการเรียนรู้ 2 รูปแบบ คือ การจัด
กิจกรรมตามความสนใจของผู้เรียน และการจัดกิจกรรมตามสาระการเรียนรู้ เพื่อให้ได้คำตอบของปัญหาท่ี
ต้องการทราบ ซึ่งหวั ข้อหรอื ขน้ั ตอนการดำเนินการอาจจะแตกต่างกันตามธรรมชาติของรายวิชาหรือทัศนะของ
ผสู้ อน
การจดั กิจกรรมตามความสนใจของผเู้ รยี น เป็นการจัดกจิ กรรมท่ใี หผ้ ูเ้ รียนเลือกศึกษาโครงงานจาก
สิ่งที่สนใจอยากรู้ทีม่ ีอย่ใู นชีวิตประจำวนั สิง่ แวดลอ้ มในสงั คม หรือจากประสบการณ์ตา่ งๆทยี่ งั ตอ้ งการคำตอบ
ขอ้ สรปุ ซึง่ อาจจะอยนู่ อกเหนือจากสาระการเรียนรู้ในบทเรียนของหลักสูตร มีขนั้ ตอนดังนี้
– ตรวจสอบ วเิ คราะห์ พิจารณา รวบรวม ความสนใจ ของผู้เรียน
– กำหนดประเดน็ ปัญหา/ หวั ขอ้ เร่ือง
– กำหนดวัตถุประสงค์
– ตั้งสมมตฐิ าน
– กำหนดวธิ กี ารศึกษาและแหลง่ ความรู้
– กำหนดเคา้ โครงของโครงงาน
– ตรวจสอบสมมตฐิ าน
– สรปุ ผลการศึกษาและการนำไปใช้
– เขียนรายงานวจิ ยั แบบง่ายๆ
– จดั แสดงผลงาน
การจัดกิจกรรมตามสาระการเรียนรู้ เป็นการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยยึดเนื้อหาสาระตามท่ี
หลกั สตู รกำหนด ผเู้ รียนเลือกทำโครงงานตามทสี่ าระการเรียนรู้ จากหนว่ ยเนื้อหาท่ีเรยี นในช้นั เรียน นำมาเป็น
หวั ขอ้ โครงงาน มีข้ันตอนทผี่ สู้ อนดำเนนิ การดงั ตอ่ ไปนี้
– ศกึ ษาเอกสาร หลกั สูตร คมู่ อื ครู
– วิเคราะห์หลักสตู ร
– วิเคราะหค์ ำอบิ ายรายวิชา เพื่อแยกเน้ือหา จุดประสงคแ์ ละจัดกจิ กรรมให้เดน่ ชดั
– จัดทำกำหนดการสอน
– เขียนแผนการจัดการเรียนรู้
– ผลติ สอื่ จัดหาแหลง่ เรียนรแู้ ละภูมปิ ัญญาทอ้ งถน่ิ
หลักสูตรสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นวดั แม่แกด้ น้อย พุทธศกั ราช 2565 ระดับประถมศกึ ษา 187
– จัดกจิ กรรมการเรียนรู้ โดยเริม่ ตง้ั แต่ แจง้ วตั ถุประสงค์ กระตุ้นความสนใจของผเู้ รียน จดั
กลมุ่ ผเู้ รียนตามความสนใจ การใช้คำถามกระตุน้ การมีสว่ นรว่ มของผเู้ รียน ซึง่ จะกลา่ วถึง
รายละเอียดในหัวข้อ บทบาทของครูในฐานะผู้กระตุ้นการเรยี นรู้
– จดั แหลง่ เรียนรูเ้ พิ่มเติม
– บนั ทกึ ผลการจดั การ
เรียนรู้
การจัดการเรียนรู้แบบใช้โครงงานเป็นฐาน
สามารถทำได้หลายแนวทาง ซึ่งในส่วนนี้จะ
นำเสนอแนวคิดที่ปรับจากการศึกษาการจดั การ
เรียนรู้แบบ PBL ที่ได้จากโครงการสร้างชุด
ความรู้เพื่อสร้างเสริมทักษะแห่งศตวรรษที่ 21
ของเด็กและเยาวชน: จากประสบการณ์
ความสำเร็จของโรงเรียนไทยของ ดุษฎี โยเหลา
และคณะ (2557) โดยมที ั้งหมด 6 ข้นั ตอน ดังนี้
1. ขั้นให้ความรู้พื้นฐาน ครูให้ความรู้ ข้ันตอนการจดั การเรยี นรู้แบบใชโ้ ครงงานเป็นฐาน
พื้นฐานเกี่ยวกับการทำโครงงานก่อนการเรียนรู้ (ปรบั ปรงุ จาก ดุษฎี โยเหลาและคณะ, 2557: 20-23)
เนื่องจากการทำโครงงานมีรูปแบบและขั้นตอนที่ชัดเจนและรัดกุม ดังนั้นนักเรียนจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งท่ี
จะต้องมีความรู้เกี่ยวกับโครงงานไว้เป็นพื้นฐาน เพื่อใช้ในการปฏิบัติขณะทำงานโครงงานจริง ในขั้นแสวงหา
ความรู้
2. ขั้นกระตุ้นความสนใจ ครูเตรียมกิจกรรมที่จะกระตุ้นความสนใจของนักเรียน โดยต้องคิดหรือ
เตรียมกิจกรรมที่ดึงดูดให้นักเรียนสนใจ ใคร่รู้ ถึงความสนุกสนานในการทำโครงงานหรือกิจกรรมรว่ มกัน โดย
กิจกรรมนนั้ อาจเป็นกิจกรรมท่ีครูกำหนดขึ้น หรอื อาจเปน็ กจิ กรรมทีน่ ักเรยี นมีความสนใจต้องการจะทำอยู่แล้ว
ทั้งนี้ในการกระตุ้นของครูจะต้องเปิดโอกาสให้นกั เรียนเสนอจากกิจกรรมทีไ่ ด้เรยี นรูผ้ ่านการจัดการเรียนรู้ของ
ครูที่เกีย่ วขอ้ งกับชุมชนที่นักเรยี นอาศัยอยหู่ รอื เป็นเรื่องใกล้ตัวทสี่ ามารถเรยี นรูไ้ ดด้ ว้ ยตนเอง
3. ขั้นจัดกลุ่มร่วมมือ ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่มกันแสวงหาความรู้ ใช้กระบวนการกลุ่มในการวางแผน
ดำเนินกิจกรรม โดยนักเรียนเป็นผู้ร่วมกันวางแผนกิจกรรมการเรียนของตนเอง โดยระดมความคิดและหารือ
แบ่งหน้าที่เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติร่วมกัน หลังจากที่ได้ทราบหัวข้อสิ่งที่ตนเองต้องเรียนรู้ในภาคเรียนนั้นๆ
เรียบร้อยแล้ว
หลักสูตรสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นวดั แมแ่ ก้ดน้อย พุทธศกั ราช 2565 ระดบั ประถมศกึ ษา 188
4. ข้ันแสวงหาความรู้ ในขน้ั แสวงหาความรู้มีแนวทางปฏบิ ัติสำหรบั นักเรียนในการทำกิจกรรม ดังน้ี
นักเรียนลงมือปฏิบัติกิจกรรมโครงงาน ตามหัวข้อที่กลุ่มสนใจนักเรียนปฏิบัติหน้าที่ของตนตามข้อตกลงของ
กลุ่ม พร้อมทั้งร่วมมือกันปฏิบัติกิจกรรม โดยขอคำปรึกษาจากครูเป็นระยะเมื่อมีข้อสงสัยหรือปัญหาเกิดข้ึน
นกั เรียนรว่ มกันเขยี นรปู เลม่ สรปุ รายงานจากโครงงานที่ตนปฏิบัติ
5. ขั้นสรุปสิ่งที่เรียนรู้ ครูให้นักเรียนสรุปสิ่งที่เรียนรู้จากการทำกิจกรรม โดยครูใช้คำถาม ถาม
นักเรยี นนำไปสูก่ ารสรปุ สง่ิ ทเี่ รียนรู้
6. ขั้นนำเสนอผลงาน ครูให้นักเรียนนำเสนอผลการเรียนรู้ โดยครูออกแบบกิจกรรมหรือจัดเวลาให้
นกั เรยี นไดเ้ สนอส่ิงที่ตนเองได้เรยี นรู้ เพ่ือใหเ้ พื่อนรว่ มชั้น และนักเรียนอืน่ ๆในโรงเรียนได้ชมผลงานและเรียนรู้
กิจกรรมท่ีนักเรียนปฏบิ ัตใิ นการทำโครงงาน
3. การสอนแบบใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem Based Learning) เป็นการสอนที่ส่งเสริมให้
ผู้เรียนเกิดจากเรียนรู้ตามวัตถุประสงค์ที่กำหนด ด้วยการศึกษาปัญหาท่ีสมมุติขึ้นจากความจริง แล้วผู้สอนกบั
ผู้เรียนร่วมกันวิเคราะหป์ ัญหาเสนอวิธีแก้ปัญหา หลักของการสอนแบบใช้ปัญหาเป็นฐานคือการเลือกปัญหาที่
สอดคล้องกับเนือ้ หาการสอนและกระตุ้นใหผ้ เู้ รียนเกิดคำถาม วิเคราะห์วางแผนกำหนดวิธีแก้ปัญหาด้วยตนเอง
โดยผู้สอนมีบทบาทให้คำแนะนำแก่ผู้เรียนขณะลงมือแก้ปัญหา สุดท้ายเมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการแก้ปัญหา
ผสู้ อนและผู้เรยี นรว่ มกันสรปุ ผลการแกป้ ัญหา และแลกเปลีย่ นเรียนรูถ้ งึ สิง่ ท่ไี ด้จากการลงมอื แกป้ ัญหา
• ขน้ั ตอนการจดั การเรียนรโู้ ดยใช้ปัญหาเป็นฐานน้นั ประกอบดว้ ย 6 ข้ันตอน อันไดแ้ ก่
ขั้นที่ 1 กำหนดปัญหา ผู้สอนสร้างสถานการณ์ต่าง ๆ เพื่อกระตุ้นผู้เรียน โดยอาจเป็นการแนะนำ
แนวทาง ยกตัวอย่างสถานการณ์ หรือถามคำถามที่ให้คิดต่อ เพื่อให้ผู้เรียนเกิดความสนใจและมองเห็นปัญหา
มีโอกาสเลือกเฟ้นและเสนอปัญหาที่หลากหลายและสามารถแบ่งกลุ่มตามความสนใจ ซึ่งก่อนที่จะกำหนด
ปัญหานั้น ครูผู้สอนควรทดสอบความรู้พื้นฐานของผู้เรียนเสียก่อน เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการกำหนดปัญหา ซ่ึง
ต้องเหมาะสมกับความรู้พ้นื ฐานทีผ่ ู้เรยี นมี
ข้นั ที่ 2 ทำความเข้าใจกับปญั หา ผูส้ อนจะกระตุน้ ผูเ้ รียนด้วยคำถามหรือการเสริมแรง เพ่ือให้ผู้เรียน
ทำความเข้าใจกับปัญหาที่อยากรู้ โดยเน้นให้เกิดการระดมสมอง เพื่อหาแนวทางและวิธีการในการหาคำตอบ
โดยมีครผู ้สู อนคอยดูแลตรวจสอบเพื่อใหเ้ กิดความถูกต้อง
ข้นั ที่ 3 ดำเนนิ การศึกษาคน้ คว้า ผู้เรียนจะตอ้ งดำเนินการศกึ ษาค้นควา้ อย่างเป็นระบบรว่ มกัน โดยมี
การกำหนดกติกา วางเป้าหมาย และดำเนินกิจกรรมตามระยะเวลาที่กำหนด โดยมีครูผู้สอนคอยให้คำชี้แนะ
และอำนวยความสะดวก
หลักสตู รสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรียนวดั แมแ่ ก้ดน้อย พุทธศกั ราช 2565 ระดบั ประถมศกึ ษา 189
ขั้นที่ 4 สังเคราะห์ความรู้ ผู้เรียนแต่ละคนสังเคราะห์ความรู้ที่ได้จากการค้นคว้า โดยมีการนำเสนอ
กันภายในกลุ่ม เพื่อหาข้อสรุป ทบทวนและตรวจสอบความถูกต้อง โดยมีครูผู้สอนถามคำถามโดยกระตุ้นให้
ผู้เรียนมีการแลกเปลยี่ นความคิดเห็นและเกิดความคิดรวบยอด
ข้ันที่ 5 สรุปและประเมินค่าของคำตอบ ผ้เู รียนแต่ละกลุ่มนำข้อสรปุ ท่ีได้มาสรา้ งเป็นองค์ความรู้ใหม่
และเลือกวิธีที่จะนำเสนอสู่ภายนอก โดยผ่านความเห็นชอบจากครูผู้สอนในการตรวจสอบความถูกต้อง และ
ความเหมาะสมในการนำเสนอ
ขั้นที่ 6 นำเสนอและประเมินผลงาน ผู้เรียนแต่ละกลุ่มนำองค์ความรู้ท่ีได้ไปนำเสนอตามวิธีการที่ได้
กำหนดไว้ เพื่อเผยแพร่ออกสู่สาธารณะ โดยครูผูส้ อนประเมินผลการเรียนรูจ้ ากการดำเนินงานของผู้เรียนตาม
สภาพจริง
4. การสอนที่เน้นทักษะกระบวนการคิด (Thinking Based Learning) เป็นกระบวนการ
สอนที่ผู้สอนใช้เทคนิค วิธีการกระตุ้นให้ผู้เรียน คิดเป็นลำดับขั้นแล้วขยายความคิดต่อเนื่องจากความคิดเดิม
พิจารณาแยกแยะอย่างรอบด้าน ด้วยให้เหตุผลและเชื่อมโยงกับความรู้เดิมที่มี จนสามารถสร้างสิ่งใหม่หรือ
ตัดสนิ ประเมินหาข้อสรุปแล้วนำไปแก้ปญั หาอย่างมีหลักการ โดยการสอนท่เี นน้ กระบวนการคดิ น้ีแบ่งออกเป็น
การสอนที่เน้นทักษะกระบวนการคดิ คำนวนและการสอนทีเ่ น้นกระบวนการคิดอยา่ งมีวิจารณญาณ มีขั้นตอน
ดงั น้ี
4.1 การสอนทเ่ี น้นกระบวนการคิดคำนวณ เรมิ่ จากผู้สอนทบทวนเนื้อหาเดิม โดยแสดงวิธีการคิด
คำนวณเป็นลำดับขั้น จากนั้นกำหนดโจทย์ให้ผู้เรียนฝึกคิด วิเคราะห์ เป็นลำดับขั้น เน้นการฝึกคำนวณซ้ำกับ
โจทย์ใหม่ และสุดท้ายผู้สอนและผู้เรียนร่วมกันสรุปขั้นตอนการคิด การประเมินผลการเรียนรู้ประเมินจาก
ข้นั ตอนกระบวนการคิดเปน็ ลำดับขั้นที่นักศึกษาแสดงไว้ในการแก้โจทยค์ ำนวณ
4.2 การสอนที่เน้นกระบวนการคิดอย่างมีวิจารณญาณ จากอภิปรายและแสดงความคิดเห็น เป็น
หวั ใจสำคัญของการสอนท่ีเน้นกระบวนการคดิ อย่างมวี จิ ารณญาณ โดยเริ่มจากผู้สอนกระตนุ้ ผู้เรียนเกิดคำถาม
หรือตั้งคำถาม จากนั้นผู้สอนโน้มน้าว สร้างสถานการณ์ให้ผู้เรียนขยายความคิดและเชื่อมโยงองค์ความรู้
จากนั้นเปดิ โอกาสใหผ้ ู้เรียนร่วมกันแสดงความคดิ เห็น อภิปรายในชั้นเรียน โดยผู้สอนมีบทบาทช่วยชีแ้ นะและ
สรุปความคิดตามหลักการ สดุ ทา้ ยให้ผูเ้ รยี นพัฒนาชิ้นงาน หรือทำแบบฝึกหัด เพ่ือประเมนิ ผลการเรียนรู้
5. การสอนแบบสะเต็มศึกษา (STEM Education)
STEM Education คือการสอนแบบบูรณาการข้าม กลุ่มสาระวิชา (Interdisciplinary Integration)
ระหว่างศาสตร์สาขาต่างๆ ได้แก่ วิทยาศาสตร์ (Science: S) เทคโนโลยี (Technology: T) วิศวกรรมศาสตร์
(Engineer: E) และ คณิตศาสตร์(Mathematics: M) โดยนำจุดเด่นของธรรมชาติตลอดจนวิธีการสอนของแต่
ละสาขาวชิ ามาผสมผสานกนั อย่างลงตัว เพื่อให้ผู้เรียนนำความรู้ทุกแขนงมาใช้ในการแกป้ ัญหา การค้นควา้ และ
หลักสตู รสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นวัดแมแ่ ก้ดนอ้ ย พุทธศกั ราช 2565 ระดับประถมศึกษา 190
การพัฒนาสิ่งต่างๆ ในสถานการณ์โลกปัจจุบัน ซึ่งอาศัยการจัดการเรียนรู้ที่ครูผู้สอนหลายสาขาร่วมมือกัน
เพราะในการทำงานจริงหรือในชีวิตประจำวันนั้นต้องใช้ความ รู้หลายด้านในการทำงานทั้งสิ้นไม่ได้แยกใช้
ความรเู้ ปน็ ส่วนๆ นอกจากน้ี STEM Education ยงั เป็นการสง่ เสรมิ การพัฒนา ทักษะสำคัญในโลกโลกาภิวัฒน์
หรือทกั ษะที่จำเป็นสำหรับศตวรรษที่ 21 อีกดว้ ย รายละเอียดของการบรู ณาการทง้ั 4 สาขา เปน็ ดงั น้ี
วิทยาศาสตร์ (S) เน้นเกี่ยวกับความเข้าใจใน ธรรมชาติ โดยนักการศึกษามักชี้แนะให้ครูผู้สอนใช้
วิธีการสอนวิทยาศาสตร์ด้วยกระบวนการสืบเสาะ (Inquiry-based Science Teaching) กิจกรรมการสอน
แบบแกป้ ญั หา (Scientific Problem-based Activities) ซึ่งเปน็ กิจกรรมทเี่ หมาะกับผเู้ รียนระดบั ประถมศึกษา
แต่ไม่เหมาะกับผู้เรียนระดับมัธยมศึกษา หรือมหาวิทยาลัย เพราะทำให้ผู้เรียนเบื่อหน่ายและไม่สนใจ แต่การ
สอนวิทยาศาสตร์ใน STEM Education จะทำให้นักเรียนสนใจ มีความกระตือรือร้น รู้สึก ท้าทายและเกิด
ความมั่นใจในการเรียน ส่งผลให้ผู้เรียนสนใจที่จะเรียนในสาขาวิทยาศาสตร์ในระดับชั้นที่สูงขึ้น และประสบ
ความสำเร็จในการเรียน
เทคโนโลยี (T) เป็นวิชาท่ีเก่ียวกบั กระบวนการ แก้ปญั หา ปรับปรุง พัฒนาสงิ่ ต่างๆ หรือกระบวนการ
ต่างๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของคนเรา โดยผ่านกระบวนการ ทำงานทางเทคโนโลยีที่เรียกว่า
Engineering Design หรือ Design Process ซึ่งคล้ายกับกระบวนการสืบเสาะ ดังนั้นเทคโนโลยีจึงมิได้
หมายถงึ คอมพิวเตอร์ หรอื ICT ตามที่คนส่วนใหญ่เข้าใจ
วศิ วกรรมศาสตร์ (E) เป็นวชิ าท่ีวา่ ดว้ ยการคิด สร้างสรรค์พฒั นานวัตกรรมตา่ งๆ ให้กับนิสิตนักศึกษา
โดยใช้ ความรู้ทางวิทยาศาสตร์คณิตศาสตร์และเทคโนโลยีซ่ึงคน ส่วนใหญ่มักเข้าใจว่าเป็นวชิ าที่สามารถเรยี น
ได้แต่ จากการ ศกึ ษาวจิ ยั พบว่าแมแ้ ตเ่ ดก็ อนุบาลกส็ ามารถเรยี นไดด้ ีเชน่ กนั
คณิตศาสตร์ (M) เป็นวิชาท่ีมไิ ด้หมายถึงการนับ จำนวนเท่าน้ัน แต่เกี่ยวกับองค์ประกอบอื่นทีส่ ำคญั
ประการแรก คือกระบวนการคิดคณิตศาสตร์ (Mathematical Thinking) ซึ่งได้แก่การเปรียบเทียบ การ
จำแนก/จัดกลุ่มการ จัดแบบรูป และการบอกรูปร่างและคุณสมบัติ ประการที่สอง คือภาษาคณิตศาสตร์ เด็ก
จะสามารถถ่ายทอดความคิดหรือ ความเข้าใจความคิดรวบยอด (Concept) ทางคณิตศาสตร์ได้โดยใช้ภาษา
คณติ ศาสตรใ์ นการสื่อสาร เช่น มากกวา่ น้อยกวา่ เล็กกว่า ใหญก่ ว่า ฯลฯ ประการสดุ ทา้ ย คอื การส่งเสริมการ
คิด คณิตศาสตร์ขั้นสูง (Higher-Level Math Thinking) จาก กิจกรรมการเล่นของเด็กหรือการทำกิจกรรมใน
ชวี ิตประจำวนั
กระบวนการจดั การเรยี นรแู้ บบสะเต็มศกึ ษา ประกอบดว้ ย 6 ขน้ั ตอน ดงั ตอ่ ไปน้ี
ขั้นที่ 1 ระบุปัญหาในชีวิตจริง/นวัตกรรมที่ต้องการพัฒนา (Problem Identification) เป็นการทำ
ความเขา้ ใจปัญหาหรือความทา้ ทายวิเคราะห์เง่ือนไขหรือข้อจำกัดของสถานการณ์ปัญหา เพ่อื กำหนดขอบเขต
ของปัญหา ซึ่งจะนำไปสู่การสร้าง ชนิ้ งานหรอื วิธีการในการแก้ปญั หา
หลักสตู รสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นวดั แมแ่ กด้ นอ้ ย พุทธศกั ราช 2565 ระดบั ประถมศึกษา 191
ขั้นที่ 2 รวบรวมข้อมูลและแนวคิดที่เกี่ยวข้อง(Related InformationSearch) เป็นการรวบรวม
ข้อมูลและแนวคิดทางวิทยาศาสตร์คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับ แนวทางการแก้ปัญหาและ
ประเมนิ ความเปน็ ไปไดข้ อ้ ดี และขอ้ จำกัด
ขั้นที่ 3 ออกแบบวิธีการแก้ปัญหา (Solution Design) เป็นการประยุกต์ใช้ข้อมูลและแนวคิดที่
เกี่ยวข้องเพื่อการออกแบบ ชิ้นงานหรือวิธีการในการ แก้ปัญหา โดยคำนึงถึงทรัพยากร ข้อจำกัดและเงื่อนไข
ตาม สถานการณท์ กี่ ำหนด
ขั้นที่ 4 วางแผนและดำเนินการแก้ปัญหา (Planning and Development) เป็นการกำหนดลำดับ
ข้นั ตอนของการสรา้ งชิน้ งานหรือวธิ กี ารแลว้ ลงมือสร้างชนิ้ งานหรอื พฒั นา วิธกี ารเพื่อใชใ้ นการแก้ปัญหา
ขั้นที่ 5 ทดสอบประเมินผลและปรับปรุง (Testing,Evaluationand Design Improvement) เป็น
การทดสอบและประเมนิ การใช้งานของช้ินงานหรือวิธีการโดยผลท่ีได้อาจนำมาใช้ในการปรับปรุงและพัฒนาให้
มปี ระสิทธิภาพในการแก้ปัญหาได้อยา่ งเหมาะสมทสี่ ุด
ขั้นที่ 6 นำเสนอวิธีการแก้ปัญหา ผลการแก้ปัญหา (Presentation) เป็นการนำเสนอแนวคิดและ
ขั้นตอนการแก้ปัญหาของการสร้างชิ้นงาน หรือการพัฒนาวิธีการให้ผู้อื่นเข้าใจและได้ข้อเสนอแนะเพื่อการ
พฒั นาตอ่ ไป
6. การเรยี นรู้แบบ BBL ( Brain Based Learning )
การเรียนรู้แบบ BBL ( Brain Based Learning ) เป็นขั้นตอนและวิธีการออกแบบการเรียนรู้ที่
สอดคล้องกับการทำงานของสมองที่คุณครูสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับผู้เรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อทำ
ให้ผเู้ รียนมีความสุข สนุกกบั การเรยี นรู้ ไดฝ้ ึกทกั ษะการคิดวิเคราะห์ และสรปุ การเรียนรูด้ ว้ ยตนเอง นอกจากน้ี
ยังทำให้ผู้เรียนสามารถนำส่งิ ทไี่ ดเ้ รียนรูไ้ ปประยกุ ต์ใชก้ บั ชวี ติ จริงได้ ประกอบด้วย 5 ข้ันตอน ดงั นี้
ขั้นตอนที่ 1 : เตรียมความพร้อม (Warm Up) เพื่อเป็นการกระตุ้นสมอง ตามหลักการทำงานของ
สมอง ด้วยกิจกรรม Brain Gym / Brain Break เมื่อมีการเคลื่อนไหวร่างกายอย่างมีความสุข สมองจะหลั่ง
สารเคมีที่มชี ่ือว่า เซโรโทนิน (Serotonin) ซงึ่ สารนีม้ ีความสำคญั มาก ชว่ ยให้มจี ิตใจทส่ี งบและเกิดสมาธิ ซ่ึงจะ
แตกต่างจาก เอนดอร์ฟนิ (Endorphin) และ โดพามีน (Dopamine) ทจี่ ะชว่ ยใหม้ ีความสขุ และสนุกสนาน ซึ่ง
ขน้ั ตอนน้นี ับว่าเป็นขัน้ ตอนทส่ี ำคญั ทกุ ช่ัวโมงท่ีครูเข้าสอน ครจู ะตอ้ ง Warm Up ก่อนเสมอ โดยใชเ้ วลาไมเ่ กิน
5 นาที
ขั้นตอนที่ 2 : เรียนรู้ (Learning Stage) ในขั้นตอนนี้จะคำนึงถึงหลักการทำงานของสมองที่ว่า
“เรียนรู้จากง่ายไปหายาก เรียนรู้จากของจริง และจากการสัมผัส” จากการศึกษาทางประสาทวิทยาศาสตร์
พบว่า “มือ” เป็นอวัยวะที่มีประสาทสัมผัสที่ส่งผลต่อการเรียนรู้ได้ดีที่สุด รองลงมาคือ “ปาก” นั่นก็หมายถึง
ต้องให้เด็กพูด หรือสื่อสาร การสื่อสารจะช่วยให้เด็กสามารถเชือ่ มโยงเรื่องได้ ดังนั้น การออกแบบรูปแบบการ
สอน สื่อการสอน ครูต้องคำนึงถึงหลักการทำงานของสมองอย่างมาก การเรียนการสอนจึงจะประสบ
ความสำเร็จ ในขน้ั ตอนท่ี 2 น้ี มีข้ันตอนยอ่ ยที่สำคัญหนึง่ คอื “การสรุปในแตล่ ะช่ัวโมง”
หลักสตู รสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นวัดแมแ่ ก้ดน้อย พุทธศักราช 2565 ระดับประถมศกึ ษา 192
ขั้นตอนที่ 3 : ขั้นการฝึก ขั้นนี้จะสอดคล้องกับหลักการทำงานของสมองที่ว่า “สมองจะจดจำได้ดี
นำไปสู่ความจำระยะยาว (Long-term Memory) ต้องผ่านกระบวนการฝึกซ้ำๆ” คำว่า “ซ้ำๆ” ในที่นี้ไม่ได้
หมายถึง การทำโจทย์เดิมซ้ำๆ แต่หมายถึงการใช้หลักการให้นักเรียนทบทวนความรู้เรื่องเดิมในสถานการณ์ท่ี
แตกต่างกนั ออกไป
ขั้นตอนที่ 4 : ขั้นการสรุป ขั้นนี้เป็นการสรุปเมื่อจบบทเรียนหรือหน่วย ซึ่งแตกต่างจากขั้นตอนที่ 2
ซึ่งเป็นการสรุปในแต่ละชั่วโมง ในขั้นตอนนี้เป็นการเชื่อมโยงความรู้ทั้งหน่วย โดยใช้ Graphic Organizer ฝึก
ให้นักเรียนเชื่อมโยงความรภู้ ายในบทเรียน สอดคลอ้ งกับหลักการทำงานของสมองที่วา่ “สมองเรียนรู้เป็นองค์
รวม” ซึ่งขั้นตอนนี้มีความสำคัญต่อเด็กมาก และเป็นขั้นตอนที่ค่อนข้างยาก ซึ่งครูจะต้องหาวิธีการหรือ
กจิ กรรมทจี่ ะกระตุ้นให้ผเู้ รียนสามารถสรุปองคค์ วามรจู้ ากเรอ่ื งที่เรยี นมาทั้งหมด
ขั้นตอนที่ 5 : ขน้ั การประยุกตใ์ ชท้ ันทที นั ใด การที่เดก็ เรียนแลว้ สามารถนำไปประยุกต์ใชไ้ ด้นั้นจะทำ
ให้เกดิ การเรียนรไู้ ด้ถึงร้อยละ 90 ดังน้ัน เมื่อจบบทเรยี น คุณครูตอ้ งคิดต้องออกแบบ เชอื่ มโยงความรู้ทั้งหน่วย
ซึง่ อาจจะเปน็ การทดสอบหรือทำชิ้นงานใหเ้ หมาะสมกบั เนื้อหาท่เี รยี น
7. การจัดการเรยี นร้แู บบออนไลน์ ( Online Learning)
ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในปัจจุบัน ส่งผลต่อการเรียนการสอนใน รูปแบบ
ปกติ จึงเกิดการแพร่หลายของแนวทางจัดการเรียนรู้ออนไลน์ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ดังนั้น ครูผู้สอนใน
ฐานะผู้ถ่ายทอดองค์ความรู้ให้แก่นักเรียนต่างก็ต้องมีการปรับตัว และเตรียมทักษะเพื่อรับมือกับแนวทางการ
จัดการเรียนรู้ รูปแบบใหม่ พร้อมรับกับสถานการณ์ความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้นได้อยู่เสมอ ทักษะในการ
จัดการเรียนรู้ผ่านเครือขา่ ยอินเทอรเ์ นต็ หรือระบบปฏิบัติการรปู แบบต่างๆ ทอี่ าศยั การบรหิ ารจัดการห้องเรียน
ซึ่งแตกต่างไปจากห้องเรียนปกติในโรงเรียนนัน้ ครูอาจจะประยุกต์ใช้ 6 วิธีการต่อไปนี้ในการจัดการเรยี นการ
สอนออนไลน์
1. เตรียมแผนการเอาไว้ล่วงหน้า สำหรับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ในการเรียนการสอนที่เราไม่คุ้น
ชินนักย่อมสามารถเกิดเหตุการณ์ความเสี่ยงหรือปัญหา ต่างๆ ที่ไม่คาดคิด ไม่ว่าจะด้วยความไม่พร้อมของ
อุปกรณ์ หรอื เครือขา่ ย ความหนาแน่นของจำนวน ผใู้ ช้งาน จนทำให้เกิดปัญหาในการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ทำ
ให้เสียเวลาแก้ปัญหาพอสมควร ดังนั้น การทำความเข้าใจถึงปัญหาการเรียนการสอนออนไลน์ล่วงหน้าและ
ตระเตรยี ม แผนการเอาไว้จงึ เปน็ สิ่งจำเปน็ ยิ่ง
2. แบ่งเนื้อหาออกเป็นส่วนย่อยๆ เพื่อเพิ่มความสามารถในการจดจ่อของนักเรียน ซึ่งปัญหาที่
มกั พบในการสอนออนไลน์ คือ ไมส่ ามารถควบคุมบรรยากาศภายในหอ้ งเรียนได้ และเดก็ ๆ มักจะเกดิ อาการไม่
มีสมาธิ ใจลอยอยู่บ่อยคร้ัง และวิธีแกท้ ีด่ ูเหมือนจะได้ผลดีก็คือการแบ่งเนื้อหาออกเป็นสว่ นยอ่ ยๆ หมายความ
ว่า ครูอาจจะต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อออกแบบหัวข้อ เรียบเรียงเนื้อหาทีใ่ ช้สอนให้ง่ายขึ้น และช่วงระยะเวลาที่
เหมาะสมของแต่ละหัวขอ้ นน้ั อย่ทู เ่ี วลาประมาณ 20 - 25 นาที
หลักสูตรสถานศกึ ษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นวดั แม่แก้ดน้อย พุทธศกั ราช 2565 ระดบั ประถมศึกษา 193
3. ใช้เสียงสร้างบรรยากาศในการเรียนรู้ เราอาจเคยควบคุมบรรยากาศภายในห้องเรียนได้
ด้วยอวัจนภาษาตา่ งๆ เป็นท่ีทราบดีอยู่แล้ววา่ โทนเสียงนั้นก็เปน็ ส่วนสำคัญอยา่ งมาก แต่ยิ่งเมื่อต้องมาสอนใน
ชั้นเรียน ออนไลน์แล้ว เสียงนั้นกลับยิ่งทวคี วามสำคัญมากยิ่งขึ้นไปอีก เพราะเมื่อทุกท่านอยู่หลังหน้าจอ อวัจ
นภาษาต่างๆ ก็แทบจะหมดความสำคัญ ดังนั้น ส่วนที่เป็นคีย์เวิรด์ หรือเนือ้ หาสำคัญที่ต้องการเน้นย้ำ ควรพูด
ใหช้ า้ ลงหรอื พูดซ้ำบอ่ ยครัง้ ขนึ้
4. ปฏิบัติงานร่วมกับผู้ช่วยสอนหรือใช้เทคโนโลยีที่หลากหลาย หนึ่งในปัญหาสำคัญของการ
เรียนการสอนออนไลน์คือ ความไม่เชี่ยวชาญในด้านเทคนิคและเทคโนโลยี ปัญหาเหล่านี้มักเกิดขึ้นบ่อยครั้ง
บางครั้งก็ไม่ทราบเลยว่าอีกฝั่งได้ยินเราไหม เรายังอยู่ในหน้าจอไหม ซึ่งในการสอนออนไลน์นั้นครูสามารถ
จัดการเรียนรู้ด้วยเทคโนโลยีที่หลากหลาย รวมถึงรูปแบบของสื่อที่จะนำมาใช้ในการสอน ไม่ว่าจะเป็นการ
ใช้ PowerPoint e-book หรือภาพยนตร์สั้น ขึ้นอยู่กับความยืดหยุ่น ความพร้อมของอุปกรณ์ที่ใช้ และสไตล์
การเรียนรู้ของผเู้ รยี น
5. เสริมสร้างการเรียนรู้เชิงรุกนอกชัน้ เรยี น หากเทียบกับการเรียนการสอนในรูปแบบปกติแลว้
การเรียนการสอนแบบออนไลน์นั้น ควบคุมได้ยากกว่ามาก จึงมักพบเห็นผู้เรียนไม่เข้าร่วมชั้นเรียน ดังนั้นอีก
หนึ่งวิธีที่จะช่วยให้การเรียนการ สอนแบบออนไลน์ประสบผลสำเร็จ คือ การเรียนรู้เชิงรุกนอกห้องเรียน ซึ่งมี
วธิ กี ารหลากหลาย เช่น แบบฝกึ หดั หรือการบ้าน การทำโครงงาน โครงการ เปน็ ตน้
6. บูรณาการเรียนการสอนแบบออนไลน์ร่วมกับการเรียนรู้ด้วยตนเอง ในการเรียนการสอน
รูปแบบปกติ การสนทนาโต้ตอบกันระหว่างคุณครูกับนักเรียนคงเป็นเรื่องปกติ แต่สำหรับการเรียนการสอน
แบบออนไลน์นั้น ถือเป็นเรื่องที่ยากด้วยข้อจำกัดของการแทรกซ้อนของเสียงท่ีอาจจะรบกวนการสอนของครู
จึงควรจัดแบ่งการเรียนการสอนออกเป็นสองระยะ ระยะที่หนึ่งคือการเรยี นรู้ดว้ ยตนเอง และ ระยะที่สองการ
เรียนรู้ในชั้นเรียนแบบออนไลน์ การเรียนรู้ด้วยตนเองในที่น้ี คือการปล่อยให้ผู้เรียนศึกษาแง่มุมที่ตนเองสนใจ
ในวิชาทีก่ ำหนด โดยคณุ ครูเปน็ ผู้ทค่ี อยควบคุมใหผ้ เู้ รยี นสง่ งานหรอื สง่ิ ที่ศึกษาได้กลบั มา
หลกั สูตรสถานศึกษาฐานสมรรถนะโรงเรยี นวดั แม่แก้ดน้อย พุทธศกั ราช 2565 ระดับประถมศกึ ษา 194