The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หนังสือสวดมนต์ทำวัตรเย็น วัดป่าจันทรังษี

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Luangta Narongsak, 2021-08-26 19:28:20

หนังสือสวดมนต์ทำวัตรเย็น วัดป่าจันทรังษี

หนังสือสวดมนต์ทำวัตรเย็น วัดป่าจันทรังษี

๖๖. ฉสฏ€ฺ ี ๖๗. สตตฺ สฏฺ€ ี
๖๘. อฏฺ€สฏ€ฺ ี ๖๙. เอกนู สตฺตติ
๗๐. สตฺตต ิ ๗๑. เอกสตตฺ ต ิ
๗๒. ทฺวสิ ตตฺ ต ิ ๗๓. เตสตตฺ ต ิ
๗๔. จตุสตฺตต ิ ๗๕. ปญจฺ สตฺตติ
๗๖. ฉสตฺตติ ๗๗. สตฺตสตตฺ ต ิ
๗๘. อฏฺ€สตตฺ ติ ๗๙. เอกนู าสีต ิ
๘๐. อสตี ิ ๘๑. เอกาสตี ิ
๘๒. ทฺวาสีต ิ ๘๓. ตยาสีติ
๘๔. จตรุ าสีต ิ ๘๕. ปญจฺ าสีติ
๘๖. ฉฬาสตี ิ ๘๗. สตฺตาสตี ิ
๘๘. อฏ€ฺ าสีต ิ ๘๙. เอกูนนวุต ิ
๙๐. นวุต ิ ๙๑. เอกนวตุ ิ
๙๒. เทฺวนวตุ ิ ๙๓. เตนวตุ ิ
๙๔. จตนุ วตุ ิ ๙๕. ปญจฺ นวตุ ิ
๙๖. ฉนวตุ ิ ๙๗. สตฺตนวุติ
๙๘. อฏ€ฺ นวุติ ๙๙. เอกนู ภกิ ฺขุสตํ
๑๐๐. ภิกฺขสุ ตํ

หนังสอื สวดมนต์ 344

กฐิน

เดอื นหนง่ึ ทา้ ยฤดฝู น ตงั้ แตแ่ รม ๑ คำ่� เดอื น ๑๑ ถงึ วนั เพญ็
เดอื น ๑๒ เปน็ คราวทภี่ กิ ษทุ งั้ หลายหาผา้ ทำ� จวี รเปลย่ี นของเดมิ เปน็
คราวทีท่ ายกถวายผา้ แกส่ งฆเ์ พ่อื ประโยชนน์ ี้ มีพระพทุ ธานุญาต
เปน็ พเิ ศษไว้ เพอื่ สงฆย์ กผา้ อนั ไมพ่ อแจกกนั ใหแ้ กภ่ กิ ษรุ ปู หนง่ึ
รบั เอาไปทำ� จวี รผนื ใดผนื หนงึ่ ในไตรจวี ร ภกิ ษนุ น้ั ทำ� ตง้ั แตซ่ กั กะ
ตดั เยบ็ ยอ้ ม เสรจ็ ในวนั นนั้ ทำ� พนิ ทกุ ปั ปะ อธษิ ฐานเปน็ จวี รครอง
เปน็ จวี รกฐนิ เรยี กวา่ กรานกฐนิ แปลวา่ ขงึ ไมส้ ะดงึ อธบิ ายวา่
ครงั้ กอ่ นพระไมช่ ำ� นาญในการเยบ็ จวี ร ตอ้ งเอาเขา้ ขงึ ทไ่ี มส้ ะดงึ
เยบ็ เสรจ็ แลว้ บอกแกภ่ กิ ษทุ งั้ หลาย เพอ่ื อนโุ มทนา ภกิ ษเุ หลา่ นนั้
อนโุ มทนา ทง้ั ภกิ ษผุ กู้ รานทง้ั ภกิ ษุ ผอู้ นโุ มทนายอ่ มไดอ้ านสิ งส์
แห่งการกรานกฐิน เล่อื นเขตอานสิ งส์ จำ� พรรษาทง้ั ๕ ออกไป
ไดอ้ กี ๔ เดือน ตลอดฤดูเหมันต์

ผ้มู ีขันติ ชอ่ื ว่าน�ำ ประโยชนม์ าให้ทงั้ แก่ตนท้ังแก่ผู้อืน่
ผทู้ ี่มขี ันตชิ อื่ วา่ เปน็ ผ้ขู น้ึ สู่ทางไปสวรรคแ์ ละนิพพาน

345 ท่พี ักสงฆ์จันทรังษี

วธิ กี ฐนิ อยา่ งธรรมยตุ ิกา

คำ� ถวายผ้ากฐินทาน

(ว่านโมฯ ๓ หน)
อิมัง ภันเต, สะปะริวารัง กะฐินะทุสสัง, สังฆัสสะ
โอโณชะยามะ, สาธุ โน ภนั เต สังโฆ, อิมัง สะปะรวิ ารัง
กะฐินะทุสสงั ปะฏิคคณั หาตุ, ปะฏิคคะเหต๎วา จะ, อมิ นิ า
ทสุ เสนะ กะฐินงั อตั ถะระตุ, อัมห๎ ากงั ทฆี ะรตั ตัง หติ ายะ
สขุ ายะ.
ค�ำแปล ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ข้าพเจ้าท้ังหลาย ขอน้อม
ถวาย ซงึ่ ผา้ กฐนิ กบั ทงั้ บรวิ ารนแ้ี ดพ่ ระสงฆ.์ ขอพระสงฆจ์ งรบั
ซง่ึ ผา้ กฐนิ กบั ทงั้ บรวิ ารน้ี ของขา้ พเจา้ ทง้ั หลาย, กแ็ ล ครน้ั รบั แลว้
จงกรานกฐนิ ดว้ ยผา้ น,ี้ เพอื่ ประโยชน์ และความสขุ แกข่ า้ พเจา้
ทัง้ หลาย สนิ้ กาลนานเทอญ.

(สงฆร์ ับว่า “สาธ”ุ พรอ้ มกัน)

คนฉลาดกล่าวว่า ปญั ญาประเสรฐิ เหมอื นพระจันทร์
ประเสริฐกวา่ ดาวท้งั หลาย แม้ศีลสิริและธรรมของสตั บุรุษ
ยอ่ มไปตามผูม้ ปี ญั ญา

หนงั สอื สวดมนต์ 346

ค�ำอปโลกนก์ ฐนิ

(องคท์ ่ี ๑ วา่ )
อทิ านิ โข อาวโุ ส, (หรอื อทิ านิ โข ภนเฺ ต), อทิ ํ สปรวิ ารํ
ก€นิ ทสุ สฺ ํ สงฺฆสสฺ ก€นิ ตฺถารารหกาเลเยว อุปปฺ นนฺ ,ํ อที ิเส
จ กาเล เอวํ อปุ ฺปนเฺ นน ทสุ ฺเสน ก€ินตฺถาโร วสฺสํ วุตถฺ านํ
ภิกฺขนู ํ ภควตา อนญุ ฺ าโต, เยน อากงขฺ มานสสฺ สงฆฺ สฺส
ปญจฺ กปปฺ สิ สฺ นตฺ .ิ อนามนตฺ จาโร, อสมาทานจาโร, คณโภชน,ํ
ยาวทตถฺ จวี ร.ํ โย จ ตตถฺ จวี รปุ ปฺ าโท โส เนสํ ภวสิ สฺ ต.ิ จตสู ปุ ิ
เหมนตฺ เี กสุ มาเสสุ จวี รกาโล มหนตฺ กี โต ภวสิ สฺ ต.ิ อทิ านิ ปน
สงฺโฆ อากงฺขติ นุ โข ก€ินตฺถาร,ํ อทุ าหุ นากงฺขต?ิ
ภกิ ษทุ ้ังหลายพึงรับวา่ “อากงฺขาม ภนฺเต” ผแู้ กพ่ รรษา
กว่าพึงวา่ แต่บท “อากงฺขาม” ถึงบท “ภนเฺ ต” พงึ นง่ิ ถึงบท
ตอ่ ไป พงึ รู้โดยนัยนี้
ค�ำแปล ดูก่อนท่านผู้มีอายุทั้งหลาย,(ข้าแต่ท่านผู้เจริญ
ทง้ั หลาย), บดั นแ้ี ล ผา้ กฐนิ กบั ทงั้ บรวิ ารอนั น้ี เกดิ ขน้ึ แลว้ แกส่ งฆ์
ในกาลอนั ควรกรานกฐนิ นน่ั แหละ (ในกาลอนั ควรแกล่ าดไมส้ ะดงึ
ทเี ดยี ว), กพ็ ระผมู้ พี ระภาคเจา้ ไดท้ รงอนญุ าตการกรานกฐนิ แกภ่ กิ ษุ
ท้ังหลาย ผู้ได้อยู่จ�ำพรรษาแล้ว ด้วยผ้าท่ีเกิดข้ึนแล้วอย่างนี้
ในกาลเชน่ น้ี, อาศยั การกรานกฐนิ ไรเล่า เปน็ เหตุ อานิสงส์ ๕
จกั สำ� เรจ็ แก่สงฆ์ ผปู้ รารถนาอยู่. คือเท่ยี วไปด้วยไม่ตอ้ งบอก

347 ที่พักสงฆจ์ นั ทรงั ษี

ลา ๑ เทย่ี วจาริกไปด้วยไม่ตอ้ งถอื เอาไตรจีวรไปครบสำ� รบั ๑
ฉนั คณโภชนไ์ ด้ ๑ เกบ็ อตเิ รกจวี รไวไ้ ดต้ ามปรารถนา ๑ จวี รลาภ
เกดิ ขน้ึ ในอาวาสนนั้ จกั เปน็ ของไดแ้ กพ่ วกเธอ ๑ ทงั้ จวี รกาลของ
เธอเหลา่ นน้ั จกั ได้ท�ำใหเ้ ป็นกาลมาก ยืดออกไป ในฤดเู หมนั ต์
๔ เดอื น. กบ็ ดั น้ี สงฆป์ รารถนาจะกรานกฐนิ , หรอื ไมป่ รารถนา?
ภกิ ษทุ งั้ หลายพงึ รบั วา่ “ขา้ แตท่ า่ นผเู้ จรญิ ขา้ พเจา้ ทงั้ หลาย
ปรารถนาจะกรานกฐินนน้ั อยู”่

(องคท์ ี่ ๒ ว่าดงั น)้ี
โส โข ปน ภนฺเต ก€ินตฺถาโร, ภควตา ปุคฺคลสฺส
อตฺถารวเสเนว อนญุ ฺาโต, นาญฺ ตฺตร ปคุ คฺ ลสฺส อตฺถารา
อตถฺ ตํ โหติ ก€ินนตฺ ิ หิ วตุ ตฺ ํ ภควตา. น สงฺโฆ วา คโณ
วา ก€ินํ อตถฺ รต.ิ สงฆฺ สสฺ จ คณสฺส จ สามคคฺ ยิ า ปุคคลสฺ-
เสว อตถฺ ารา, สงฆฺ สสฺ ปิ คณสสฺ ปิ ตสเฺ สว ปคุ คฺ ลสสฺ ปิ อตถฺ ตํ
โหติ ก€นิ ํ. อิทานิ กสสฺ ิมํ ก€ินทสุ สฺ ํ ทสสฺ าม ก€ินํ อตถฺ รติ ุํ,
โย ชณิ ฺณจีวโร วา ทพุ ฺพลจวี โร วา, โย วา ปน อสุ สฺ หสิ ฺสติ
อชฺเชว จีวรกมมฺ ํ นิฏ€ฺ าเปตฺวา, สพฺพวิธานํ อปริหาเปตฺวา
ก€นิ ํ อตฺถรติ ํุ, สมตโฺ ถ ภวสิ สฺ ติ.

(สงฆ์พึงนิ่งอย)ู่

คำ� แปล ขา้ แตท่ า่ นผเู้ จรญิ กก็ ารกรานกฐนิ นนั่ แล พระผมู้ ี
พระภาคเจา้ ไดท้ รงอนญุ าต ดว้ ยอำ� นาจแหง่ ความกรานของบคุ คล
อยา่ งเดยี ว, เพราะพระผมู้ พี ระภาคเจา้ ไดต้ รสั ไวว้ า่ กฐนิ ไมเ่ ปน็

หนงั สอื สวดมนต์ 348

อนั กรานแลว้ นอกจากการกรานแหง่ บคุ คลดงั น.้ี สงฆห์ รอื คณะ
ก็หากรานได้ไม่. เพราะอาศัยความกรานกฐินแห่งบุคคลโดย
ความพร้อมเพรยี งแหง่ สงฆด์ ว้ ย แหง่ คณะด้วย กฐินแห่งสงฆ์
แห่งคณะแห่งบุคคลน้ัน เป็นอันสงฆ์และคณะและบุคคลน้ัน
ได้กรานแล้ว. กบ็ ดั น้ี เราทงั้ หลายจักใหผ้ ้ากฐนิ นี้แกภ่ ิกษรุ ปู ใด
เพอื่ จะกรานกฐนิ . ภกิ ษใุ ดมจี วี รเกา่ ครำ�่ ครา่ หรอื มจี วี รทพุ พลภาพ,
กห็ รอื วา่ ภกิ ษใุ ดอาจหาญ จกั เปน็ ผสู้ ามารถ เพอ่ื จะใหจ้ วี รกรรม
สำ� เร็จในวนั น้นี ่แี หละ ไม่ใหว้ ธิ ที งั้ ปวงเส่ือมแล้ว กรานกฐินได้.
(องค์ที่ ๓ วา่ ดงั น)้ี
อิธ อมฺเหสุ อายสฺมา (อิตฺถนฺนาโม), สพฺพมหลฺลโก
พหุสฺสุโต ธมฺมธโร วินยธโร, สพฺรหฺมจารีนํ สนฺทสฺสโก
สมาทปโก สมุตฺเตชโก สมฺปหํสโก, พหุนฺนํ อาจริโย วา
อุปชฌฺ าโย วา หุตวฺ า โอวาทโก อนสุ าสโก, สมตฺโถ จ ตํ
ตํ วินยกมฺมํ อวิโกเปตฺวา ก€ินํ อตฺถริตุํ. มญฺามหเมวํ
สพฺโพยํ สงโฺ ฆ อมิ ํ สปรวิ ารํ ก€ินทุสสฺ ํ, อายสฺมโต (อิตฺถนฺ-
นามสสฺ ) ทาตุกาโม. ตสฺมึ ก€ินํ อตฺถรนฺเต, สพโฺ พยํ สงโฺ ฆ
สมฺมเทว อนโุ มทสิ ฺสต,ิ อายสมฺ โต (อติ ฺถนนฺ ามสฺเสว) อมิ ํ
สปริวารํ ก€นิ ทุสฺสํ ทาตํ,ุ รจุ จฺ ติ วา โน วา สพฺพสฺสิมสฺส
สงฆฺ สสฺ ?

สงฆ์พงึ รบั ว่า “รุจจฺ ติ ภนฺเต”

349 ทพี่ ักสงฆ์จันทรงั ษี

คำ� แปล บรรดาเราท้งั หลาย ท่านผู้มีอายุ (ชอ่ื น)ี้ , ท่านมี
พรรษายกุ าลมากกวา่ สงฆท์ งั้ ปวง เปน็ พหสุ ตู ทรงธรรม ทรงวนิ ยั ,
แสดงให้เพื่อนพรหมจรรย์เห็นจริง ได้รับปฏิบัติให้อาจหาญ
ใหร้ นื่ เรงิ (ในสมั มาปฏบิ ตั )ิ , และเปน็ อาจารย์ หรอื เปน็ อปุ ชั ฌายะ
เป็นผู้ให้โอวาทส่ังสอนแก่คฤหัสถ์บรรพชิตเป็นอันมาก. อน่ึง
สามารถเพอื่ จะกรานกฐนิ ไมใ่ หว้ นิ ยั กรรมนน้ั ๆ กำ� เรบิ . ขา้ พเจา้
ส�ำคัญว่า สงฆ์ท้ังปวงน้ีปรารถนาจะให้ผ้ากฐินกับทั้งบริวารน้ี,
แกท่ า่ นผมู้ อี ายุ (ชอื่ น)ี้ , เมอื่ ทา่ นนน้ั กรานกฐนิ อย,ู่ สงฆท์ งั้ ปวงน้ี
จักอนุโมทนาโดยชอบทั่วกัน, การให้ผ้ากฐินกับทั้งบริวารน้ี,
แกท่ ่าน (ชอ่ื นี)้ , ยอ่ มชอบหรือไมช่ อบแก่สงฆ์ทงั้ ปวง?

“ชอบละ เจา้ ขา้ ”

(องค์ท่ี ๔ วา่ ดงั น้ี)
ยทิ อายสฺมโต (อติ ถฺ นฺนามสฺส), อมิ ํ สปรวิ ารํ ก€นิ ทสุ สฺ ํ
ทาตุ,ํ สพพฺ สฺสิมสสฺ สงฺฆสฺส รจุ ฺจติ, สาธุ ภนเฺ ต สงฺโฆ,
อิมํ ก€ินทุสฺสปริวารภูตํ ติจีวรํ วสฺสาวาสิกฏฺ€ิติกาย
อคาเหตวฺ า, อายสมฺ โต (อติ ถฺ นนฺ ามสเฺ สว) อมิ นิ า อปโลกเนน
ททาตุ. ก€นิ ทสุ ฺสํ ปน อปโลกเนน ทยิ ฺยมานปํ ิ น รูหติ.
ตสฺมา ตํ อิทานิ ตตฺ ทิ ตุ ิเยน กมเฺ มน อกปุ เฺ ปน €านารเหน,
อายสฺมโต (อติ ฺถนฺนามสสฺ ), เทมาติ กมมฺ สนนฺ ิฏ€ฺ านํ กโรตุ.

สงฆ์พึงรบั วา่ “สาธุ ภนเฺ ต”

หนังสือสวดมนต์ 350

คำ� แปล ถา้ การให้ผ้ากฐนิ กบั บรวิ ารนี้, แก่ทา่ น (ชือ่ ว่า),
ควรชอบแกส่ งฆท์ ง้ั ปวงนไี้ ซร,้ ขอสงฆจ์ งใหผ้ า้ ไตรซง่ึ เปน็ บรวิ าร
ของผา้ กฐนิ ไตรนี้ แกท่ า่ น (ชอื่ น)้ี , ดว้ ยการอปโลกนน์ เ้ี ถดิ อยา่ ให้
ต้องถือเอาตามล�ำดับพรรษาเลย. ก็แลผ้ากฐินแม้สงฆ์ จะให้
ด้วยอปโลกน์ก็ไม่ข้ึน. (ต้องให้ด้วยญัตติทุติยกรรมนั้นจึงขึ้น)
เพราะฉะนน้ั บดั น้ี ขอสงฆจ์ งทำ� กรรมสนั นฏิ ฐานวา่ เราทงั้ หลาย
ใหผ้ า้ กฐนิ นน้ั แกท่ า่ น (ชอื่ น)ี้ , ดว้ ยญตั ตทิ ตุ ยิ กรรม อนั ไมก่ ำ� เรบิ
อันควรแกฐ่ านะ ณ กาลบดั น้ีแล.

“ดีละ เจา้ ขา้ ”

คำ� อธิบาย
๒ บทว่า “อิตฺถนฺนาโม” และ “อติ ฺถนฺนามสฺส” ท่วี งเลบ็
ไว้นั้น ให้เปล่ียนตามช่ือฉายาท่านผู้จะกรานกฐินตัวอย่างเช่น
ท่านผู้กรานกฐนิ ช่ือ สุมงคฺ โล ถา้ ในวงเล็บวา่ “อติ ฺถนนฺ าโม”
กเ็ ปลีย่ นเปน็ “สุมงคฺ โล” ถา้ ในวงเลบ็ วา่ “อิตฺถนนฺ ามสฺส”
กเ็ ปล่ยี นเปน็ “สมุ งคฺ ลสสฺ ” ดงั นี้ทกุ แห่งไป
แตถ่ า้ ทา่ นผู้จะกรานกฐนิ มีราชทนิ นาม เปน็ พระราชาคณะ
หรอื พระครู เป็นตน้ ก็ให้ใช้ช่อื ราชทนิ นามนั้นๆ แทนชอ่ื ฉายา
บทวา่ “สพพฺ มหลลฺ โก” นสี้ ำ� หรบั ทา่ นผกู้ รานกฐนิ แกพ่ รรษา
ในสงฆ์ ถา้ ในสงฆม์ ภี กิ ษผุ มู้ พี รรษาแกก่ วา่ ทา่ นใหย้ กเสยี ไมต่ อ้ งวา่
คำ� ว่า “พหนุ นฺ ํ อาจริโย วา อุปชฺฌาโย วา หุตฺวา”
ดังน้ีน้ัน ถ้าท่านผู้กรานน้ันเป็นแต่อาจารย์ของภิกษุท้ังหลาย

351 ที่พกั สงฆจ์ นั ทรงั ษี

จงว่า “พหุนฺนํ อาจริโย หุตฺวา” ถ้าเป็นอุปัชฌายะจงว่า
“พหนุ นฺ ํ อปุ ชฌฺ าโย หตุ วฺ า” ถา้ เปน็ ทงั้ ๒ อยา่ งคงวา่ ตามแบบ
คำ� อปโลกนจ์ บแตเ่ ท่านี้

ญตั ตทิ ุตยิ กรรมวาจา

(๑) นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมมฺ าสมฺพุทธฺ สสฺ
นโม ตสสฺ
(๒) ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพทุ ฺธสสฺ
(๓) นโม ตสฺส ภควโต
(๔) อรหโต สมมฺ า
(๕) สมพฺ ทุ ธฺ สสฺ
ขอนอบนอ้ มแดพ่ ระผมู้ พี ระภาค อรหนั ตสมั มาสมั พทุ ธเจา้
พระองคน์ น้ั .
สุณาตุ เม ภนฺเต สงฺโฆ. อิทํ สงฺฆสฺส ก€ินทุสฺสํ
อปุ ปฺ นนฺ ,ํ ยทิ สงฆฺ สฺส ปตฺตกลลฺ ํ, สงโฺ ฆ อิมํ ก€ินทุสฺสํ,
อายสฺมโต (อติ ฺถนนฺ ามสสฺ ), ทเทยฺย ก€นิ ํ อตถฺ ริตุํ, เอสา
ตฺต.ิ
สุณาตุ เม ภนฺเต สงฺโฆ. อิทํ สงฺฆสฺส ก€ินทุสฺสํ
อปุ ปฺ นฺน,ํ สงฺโฆ อิมํ ก€ินทุสฺสํ, อายสมฺ โต (อติ ถฺ นฺนามสฺส),
เทติ ก€นิ ํ อตถฺ รติ .ุํ ยสสฺ ายสมฺ โต ขมต,ิ อมิ สสฺ ก€นิ ทสุ สฺ สสฺ ,
อายสมฺ โต (อติ ถฺ นนฺ ามสสฺ ), ทานํ ก€นิ ํ อตถฺ รติ .ํุ โส ตณุ หฺ สสฺ ,

หนังสอื สวดมนต์ 352

ยสฺส น ขมต,ิ โส ภาเสยยฺ . ทนิ นฺ ํ อิทํ สงฺเฆน ก€นิ ทสุ สฺ ,ํ
อายสฺมโต (อติ ถฺ นฺนามสสฺ ), ก€ินํ อตถฺ ริตุ.ํ ขมติ สงฺฆสสฺ ,
ตสฺมา ตุณหฺ ี, เอวเมตํ ธารยามิ.
คำ� แปล ขา้ แตท่ า่ นผเู้ จรญิ ขอสงฆจ์ งฟงั ขา้ พเจา้ ผา้ กฐนิ นี้
เกิดข้ึนแล้วแก่สงฆ์, ถ้าความพร้อมพรั่งของสงฆ์ถึงที่แล้ว,
สงฆ์พึงใหผ้ ้ากฐินน้ี แก่ท่าน (ชือ่ นี้) เพอ่ื จะกรานกฐนิ , น้ีเป็น
ญัตต.ิ (คือคำ� เสนอ)
ขา้ แตท่ า่ นผเู้ จรญิ ขอสงฆจ์ งฟงั ขา้ พเจา้ . ผา้ กฐนิ นเ้ี กดิ ขน้ึ แลว้
แกส่ งฆ์ สงฆใ์ หผ้ า้ กฐนิ นแี้ กท่ า่ น (ชอ่ื น)้ี , เพอ่ื จะกรานกฐนิ ชอบ
แก่ทา่ นใด, ทา่ นผู้น้ันเป็นผู้น่งิ . ไม่ชอบแก่ท่านผ้ใู ด, ท่านผนู้ น้ั
พงึ พดู . ผา้ กฐนิ นอ้ี นั สงฆใ์ หแ้ ลว้ แกท่ า่ น (ชอ่ื น)ี้ เพอื่ กรานกฐนิ .
ยอ่ มชอบแก่สงฆ,์ เหตนุ ั้นสงฆ์จงึ น่งิ อยู่, ขา้ พเจา้ ทรงความนไี้ ว้
ด้วยอาการอยา่ งนี้.

จบญตั ตทิ ุตยิ กรรมวาจาเทา่ นี้

บณั ฑติ ไม่พึงคบอสตั บรุ ษุ พึงคบสตั บรุ ษุ
เพราะอสัตบรุ ษุ ย่อมนำ�ไปสู่นรก
สัตบุรษุ ยอ่ มให้ถึงสุคติ

353 ทพ่ี กั สงฆจ์ นั ทรังษี

กฐินตั ถารวธิ ี

ภกิ ษกุ อปรด์ ว้ ยองค์ ๘ ประการ ควรรบั เปน็ ผกู้ รานกฐนิ คอื
๑. รูจ้ กั บพุ พกรณ์ ๒. รูจ้ กั ถอนไตรจวี ร
๓. รจู้ ักอฐิษฐานไตรจวี ร ๔. รจู้ ักกราน
๕. รจู้ กั มาตกิ า คือหัวขอ้ แห่งการเดาะกฐนิ
๖. รจู้ ักปลโิ พธ กงั วลเปน็ เหตุยังไมเ่ ดาะกฐิน
๗. รู้จกั การเดาะกฐิน ๘. รู้จกั อานสิ งส์กฐิน

บพุ พกรณ์แหง่ การกรานกฐนิ

ภกิ ษุได้รับผ้ากฐินแล้ว พงึ ทำ� บพุ พกรณ์ใหแ้ ลว้ เสร็จในวนั
นั้น ธุระอันจะพึงกระท�ำเบื้องต้นแห่งการกรานกฐิน เรียกว่า
บพุ พกรณม์ ี ๗ คือ
๑. ซกั ผ้า ๒. กะผ้า
๓. ตัดผา้ ๔. เนาหรือดน้ ผา้ ที่ตดั แลว้
๕. เย็บเปน็ จีวร ๖. ย้อมจวี รที่เย็บแลว้
๗. ท�ำกปั ปะ คอื พินทุ

หนังสอื สวดมนต์ 354

คำ� กรานกฐิน

เมอื่ สวดอปุ โลกนผ์ า้ กฐนิ จบและทำ� บพุ พกรณเ์ สรจ็ แลว้ ผา้
กฐนิ น้ัน ทำ� เป็นจีวรชนดิ ใด พึงปัจจทุ ธรณ์ (ถอน) จีวรชนดิ นั้น
ของเดมิ แลว้ อธษิ ฐานจวี รใหมโ่ ดยชอ่ื นนั้ วธิ ถี อนทา่ นใหย้ กผา้
เกา่ ทับผ้าใหมแ่ ล้วกล่าวคำ� ถอนว่า
อิมงั สังฆาฏงิ ปัจจทุ ธะรามิ
อิมัง อตุ ตะราสงั คงั ปจั จทุ ธะรามิ
อิมัง อันตะระวาสะกัง ปจั จทุ ธะรามิ
จะถอนผืนใด พงึ กล่าวแตผ่ า้ ผืนนัน้ โดยเฉพาะ เมอื่ ถอน
แล้วอธิษฐานผา้ ใหม่ ท่านให้ยกผ้าใหม่ทบั ผา้ เกา่ แล้วกลา่ วคำ�
อธษิ ฐาน ยกตวั อย่างเช่น อิมงั สังฆาฏิง อะธิษฐามิ
จะอธิษฐานผ้าผืนใด พึงกล่าวแต่ผืนนั้นโดยเฉพาะ เมื่อ
กรานใหห้ นั หน้าไปทางพระประธาน กราบ ๓ ครง้ั ต้ังนะโม
๓ จบ แล้ววา่ คำ� กรานให้สงฆ์ไดย้ ินทว่ั กัน วา่ ดงั นี้
อมิ ายะ สงั ฆาฏิยา กะฐินงั อัตถะรามิ (สงั ฆาฏิ)
อิมินา อตุ ตะราสังเคนะ กะฐินัง อตั ถะรามิ (ผา้ จวี ร)
อมิ นิ า อนั ตะระวาสะเกนะ กะฐนิ งั อตั ถะรามิ (ผา้ สบง)
ข้าพเจ้ากรากฐนิ ด้วยผา้ สังฆาฏิ ผา้ ห่ม หรอื ผ้านุ่งผนื นี้

(ถ้าจะกรานผนื ไหนก็ออกช่ือผืนน้ัน)

355 ทพ่ี ักสงฆ์จนั ทรงั ษี

ค�ำเสนออนุโมทนากฐนิ

“อตฺถตํ อาวุโส สงฺฆสฺส ก€ินํ, ธมฺมิโก ก€ินตฺถาโร
อนโุ มทถ”
ถ้าอ่อนกว่าผู้อนุโมทนา แม้รูปหนึ่งว่า “ภนฺเต” แทน
“อาวโุ ส” ถา้ วา่ กบั ภกิ ษรุ ปู เดยี วทอี่ อ่ นกวา่ พงึ วา่ “อนโุ มทาห”ิ
แทน “อนโุ มทถ”
ค�ำแปล “ดูก่อนท่านผู้มีอายุท้ังหลาย กฐินของสงฆ์
ขา้ พเจา้ กรานเสรจ็ แลว้ การกรานกฐนิ ชอบธรรม ขอทา่ นทง้ั หลาย
อนโุ มทนาเถิด”


คำ� อนุโมทนากฐิน

ว่าทลี ะรปู “อตถฺ ตํ ภนเฺ ต สงฺฆสสฺ ก€ินํ, ธมฺมโิ ก
ก€ินตฺถาโร อนโุ มทาม”ิ
ว่าพรอ้ มกนั “อตฺถตํ ภนเฺ ต สงฆฺ สฺส ก€ินํ, ธมฺมโิ ก
ก€ินตฺถาโร อนุโมทาม”
ถ้าแกก่ วา่ ผู้กรานกฐินใหว้ ่า “อาวุโส” แทน “ภนฺเต”
คำ� แปล “ขา้ แตท่ า่ นผเู้ จรญิ กฐนิ ของสงฆท์ า่ นกรานเสรจ็ แลว้
การกรานกฐินชอบธรรม ขา้ พเจ้าขออนโุ มทนา”

หนงั สอื สวดมนต์ 356

ท�ำกัปปิยะ

มพี ระพทุ ธานญุ าตใหบ้ รโิ ภคผกั ผลไม้ ดว้ ยสมณกปั ปะกรรม
ทค่ี วรแกส่ มณะ ๕ คอื

๑. ผลจดด้วยไฟ
๒. ผลจดดว้ ยศสั ตรา
๓. ผลจดด้วยเล็บ
๔. ผลไม้ไม่มีพืช
๕. ผลมีพชื จะพึงปล้อนเสียได้
พชื มรี ากไมเ้ ปน็ ตน้ ซง่ึ เกดิ อยใู่ นทช่ี อื่ วา่ ภตู คาม เปน็ วตั ถแุ หง่
ปาจติ ตยี ์ พชื นน้ั เมอื่ พรากใหพ้ น้ จากทแี่ ลว้ ชอ่ื วา่ พชี คาม เปน็ วตั ถุ
แห่งทุกกฏ พีชคามนน้ั เมอ่ื จะบริโภคพึงบงั คบั อนปุ สัมบันวา่
“กปปฺ ยิ ํ กโรห”ิ ท่านจงท�ำกัปปยิ ะดังนี้ เสยี อีกแล้วจึงบริโภค
เมือ่ เปน็ เชน่ นี้ ชือ่ ว่าให้พน้ จากพีชคาม กแ็ ลจะทำ� กปั ปยิ ะนั้น
พึงทำ� ด้วยไฟ หรอื ศัสตรา หรือเล็บ โดยการจด หรือแทง หรอื
ตัดดว้ ยจงอย เขา้ ในประเทศอันหนึ่งแหง่ พืชนนั้ ในทางปฏบิ ตั ิ
มักใหอ้ นุปสมั บันใชเ้ ลบ็ จกิ หรือเดด็ ให้ขาด กลา่ วว่า “กปฺปิยํ
ภนเฺ ต” ทำ� กปั ปยิ ะผลมะขวดิ เปน็ ตน้ พชื ขา้ งในหลดุ จากกะลา
คลอนอยู่ พงึ ใหต้ อ่ ยออกทำ� กปั ปยิ ะ ถา้ ตดิ กนั อยไู่ ซร้ จะทำ� แม้
ในกะลากค็ วร กแ็ ลผลอนั ใดเปน็ ของออ่ นไมม่ พี ชื และผลใดทมี่ ี
พชื ปลอ้ นออกเสยี บรโิ ภคไดก้ จิ ทจ่ี ะทำ� กปั ปยิ ะ ในผลไมน้ นั้ ไมม่ .ี

357 ทพ่ี ักสงฆ์จันทรังษี

กาลิก ๔

ของท่ีจะพึงกลืนกินให้ล่วงล�ำคอไป ท่านเรียกว่า กาลิก
เพราะเปน็ ของมีก�ำหนดให้ใช้ชั่วคราว จำ� แนกเปน็ ๔ อยา่ ง
๑. ยาวกาลกิ เปน็ ของทใี่ หบ้ รโิ ภคไดต้ งั้ แตเ่ ชา้ ถงึ เทย่ี งวนั
มีโภชนะ ๕ คือ ขา้ วสุก ขนมกุมมาส (ขนมสด) สัตตุ (ขนม
แหง้ ) ปลา เนื้อ นอกจากนย้ี ังมี นมสด นมสม้ ผลไม้ เปน็ ตน้
๒. ยามกาลิก เป็นของท่ีให้บริโภคได้วันหน่ึงกับคืนหนึ่ง
ได้แก่ ปานะ คือนำ�้ สำ� หรับด่มื ท่คี ั้นและกรองดว้ ยผ้าละเอียด
ออกจากผลไม้ ท่ไี มใ่ ชธ่ ัญพืช (จำ� พวกข้าว ถวั่ เผือก มัน)
เชน่ มะม่วง ชมพู่ ลกู หว้า กลว้ ย มะซาง ลกู จนั ทร์ องุ่น เงา่
อุบล มะปราง ลิน้ จี่ ฯลฯ ปานะนี้ ให้ใช้ผลไม้สกุ ขนาดไม่ใหญ่
กวา่ ผลมะตมู หา้ มตม้ ด้วยไฟ เป็นของทีอ่ นุปสมั บนั ท�ำจึงควร
อรณุ ใหม่ข้ึนแล้วเปน็ สันนิธิ ถา้ น�ำมาฉันอกี เป็นอาบัตทิ กุ กฎ
๓. สตั ตหกาลกิ เปน็ ของทใี่ หบ้ รโิ ภคได้ ๗ วัน นบั ตง้ั แต่
วนั รับปะเคน ไดแ้ ก่ เภสชั ๕ คอื เนยใส เนยข้น น�ำ้ มัน น�้ำ
ผึง้ น�ำ้ ออ้ ย ถ้าภิกษรุ ับประเคนล่วง ๗ วนั แล้ว ตอ้ งสละ
แกผ่ อู้ ื่น ถา้ ไดเ้ ภสัชทีส่ ละแลว้ คืนมา ทา่ นห้ามฉนั แตใ่ ห้ใช้ใน
กิจภายนอกเชน่ ตามไฟ ผสมสี หรือทากายได้
๔. ยาวชวี กิ เปน็ ของทใี่ หบ้ รโิ ภคไดเ้ สมอไป ไมจ่ ำ� กดั กาล
จำ� พวกยาและใช้ประกอบเป็นยาเชน่ รากไม้ ใบไม้ ผลไมบ้ าง
ชนิด ยางไม้ เกลอื เปน็ ต้น

หนงั สอื สวดมนต์ 358

กาลริ ะคนกนั

๑. ยามกาลกิ สัตตาหกาลิก ยาวชวี ิก ๓ น้ี สง่ิ ใด
สิ่งหน่ึงรับประเคนไว้ในวันนั้นด้วยกันกับยาวกาลิก ย่อมควร
ในกาล ไมค่ วรในวิกาล
๒. สตั ตาหกาลกิ ยาวชวี กิ ๒ น้ี สง่ิ ใดสง่ิ หนงึ่ รบั ประเคน
ในวนั น้ันดว้ ยกันกบั ยามกาลิก ย่อมควรในยาม คอื วนั หนึง่ ไป
จนชัว่ รงุ่ ลว่ งยามไปคือ ถงึ อรุณใหม่ไมค่ วร
๓. ยาวชวี ิก รบั ประเคนกับ สตั ตาหกาลกิ ควร ๗ วนั
ล่วง ๗ วันไปไม่ควร
กาลกิ ใดๆ มีรสไม่ระคนปนกัน กาลกิ นั้นๆ แม้รบั ประเคน
ดว้ ยกนั จะบรสิ ทุ ธอ์ิ ยา่ งใด ลา้ งหรอื ปอกเสยี อยา่ งนนั้ แลว้ และ
บรโิ ภคตามกาลแห่งกาลิกน้ันๆ กค็ วร ถ้าแลมรี สอันจดื ระคน
กันไซร้ ไมค่ วร
ยาวกาลิก ยามกาลกิ ๒ น้ี เกบ็ ไวใ้ นอกปั ปิยะกฎุ ี แม้
เป็นของสงฆ์ชื่อวา่ อนั โตวุฏฐะ แปลว่า อย่ใู นภายใน หุงต้ม
ใหส้ กุ ในอกัปปยิ ะกุฎี ช่ือวา่ อันโตปักกะ แปลว่า สกุ ใน
ภายใน ภิกษหุ งุ ตม้ ให้สุกเอง ช่อื วา่ สามะปกั กะ แปลวา่ ให้
สุกเองท้งั ๓ อย่างน้ี เปน็ วตั ถุแห่งทกุ กฎ ห้ามไม่ให้ฉัน
ยาวกาลกิ ทเ่ี กบ็ ไวใ้ นกปั ปยิ กฏุ ิ ไมเ่ ปน็ อนั โตวฏุ ฐะ หงุ ตม้
ในนั้น ไม่เป็นอนั โตปักกะ แต่ทำ� เองในน้ัน คงเปน็ สามะปกั กะ
ทา่ นห้าม. แตจ่ ะอุ่นของทีค่ นอ่ืนทำ� สุกแลว้ ทา่ นอนญุ าต

359 ที่พักสงฆ์จนั ทรังษี

มหาปเทส ๔

๑. สง่ิ ใดไมไ่ ด้ทรงห้ามไว้วา่ ไม่ควร แต่เขา้ กนั กบั ส่งิ เป็น
อกัปปิยะ ขดั กันต่อสง่ิ เปน็ กปั ปยิ ะ สิ่งนน้ั ไม่ควร.
๒. สง่ิ ใดไมไ่ ด้ทรงหา้ มไวว้ ่าไม่ควร แตเ่ ขา้ กนั กับสิ่งเป็น
กัปปิยะ ขดั กันตอ่ สิง่ เปน็ อกัปปิยะ สงิ่ นั้นควร.
๓. สง่ิ ใดไม่ได้ทรงอนญุ าตไวว้ ่าควร แต่เข้ากนั กับสงิ่ เปน็
อกัปปิยะ ขัดกนั ตอ่ สงิ่ เป็นกัปปยิ ะ สิง่ นน้ั ไม่ควร.
๔. สิง่ ใดไมไ่ ด้ทรงอนญุ าตไวว้ า่ ควร แตเ่ ข้ากันกบั สิ่งเปน็
กปั ปิยะ ขดั กันต่อสิง่ เปน็ อกปั ปยิ ะ สิง่ นั้นควร.

ภกิ ษไุ ม่ควรฉนั เนอ้ื ๑๐ อย่าง

๑. เนอ้ื มนุษย ์ ๖. เนื้อราชสหี ์
๒. เนื้อชา้ ง ๗. เนื้อหมี
๓. เน้ือม้า ๘. เนอ้ื เสือโคร่ง
๔. เน้อื สนุ ัข ๙. เนอื้ เสอื ดาว
๕. เนอ้ื งู ๑๐. เนื้อเสอื เหลอื ง

หนงั สือสวดมนต์ 360

ลักษณะของการประเคนมีองค์ ๕ คือ

๑. สง่ิ ของพอมชั ฌิมบรุ ุษยกข้นึ ได้
๒. ภกิ ษุรบั ของน้นั ด้วยกายหรือเนอื่ งด้วยกาย
๓. ผูใ้ ห้และผ้รู ับนอ้ มเข้ามา
๔. เทวดา มนุษย์ หรอื สัตว์เดรัจฉานประเคนให้
๕. หตั ถบาสปรากฏ (ระยะหา่ งในการประเคนไมเ่ กนิ ๒ ศอกคบื )

วัตถุอนามาส

คือสิ่งทภ่ี ิกษไุ ม่ควรแตะตอ้ งมี ๖ อย่าง ดังนี้
๑. ขา้ วเปลือกและผลไมอ้ นั เกดิ อย่ใู นท่ี
๒. คนหญิง กระเทย เครื่องแตง่ กายของคนเหล่าน้ี
ตุ๊กตาหญิง สัตว์เดรจั ฉานเพศเมยี
๓. ทอง เงนิ มุกดา มณี ไพฑูรย์ ประพาฬ ทับทิม
บุษราคัม สังข์ทข่ี ดั แล้ว ศลิ าชนิดดี เชน่ หยก โมรา
๔. ศสั ตาวุธตา่ งๆ ทใี่ ชท้ ำ� ร้ายชวี ติ ร่างกาย
๕. เคร่อื งดักสตั ว์นำ้� สตั ว์บก
๖. เครอ่ื งประโคม ดนตรี

361 ทพี่ ักสงฆจ์ ันทรงั ษี

ธดุ งควัตร ๑๓

(เครื่องขดั เกลากเิ ลส ๑๓ ประการ)

หมวดที่ ๑ : ปฏิสงั ยุตด้วยจีวร
๑. ปงั สุกูลิกงั คะ ถือทรงผ้าบงั สกุ ุลเปน็ วัตร
๒. เตจีวะริกงั คะ ถือทรงเพียงไตรจีวรเป็นวตั ร

หมวดท่ี ๒ : ปฏิสังยุตดว้ ยบิณฑบาต
๓. ปิณฑะปาตกิ งั คะ ถือเที่ยวบณิ ฑบาตเป็นวัตร
๔. สะปะทานะจารกิ ังคะ ถือเทีย่ วบณิ ฑบาตไปตามแถว
เป็นวตั ร
๕. เอกาสะนกิ ังคะ ถอื นั่งฉัน ณ อาสนะเดยี ว
เปน็ วัตร
๖. ปัตตะปณิ ฑิกังคะ ถอื ฉันเฉพาะในบาตรภาชนะ
เดยี วเปน็ วตั ร
๗. ขะลปุ ัจฉาภตั ตกิ ังคะ ถือห้ามภตั อันนำ� มาถวายเมือ่
ถวายหลังเป็นวตั ร

หมวดที่ ๓ : ปฏิสังยุตดว้ ยเสนาสนะ
๘. อารญั ญิกงั คะ ถืออยู่ปา่ เปน็ วตั ร
๙. รกุ ขะมูลิกังคะ ถืออยู่โคนไม้เป็นวัตร

หนงั สอื สวดมนต์ 362

๑๐. อพั โภกาสิกงั คะ ถอื อย่ใู นที่แจง้ เป็นวัตร
๑๑. โสสานกิ ังคะ ถอื อยูป่ ่าช้าเป็นวัตร
๑๒. ยะถาสนั ถะตกิ งั คะ ถือการอย่ใู นเสนาสนะอนั ทา่ น
จดั ให้อย่างไรเป็นวตั ร

หมวดที่ ๔ : ปฏิสงั ยุตดว้ ยวิรยิ ะ
๑๓. เนสัชชกิ ังคะ ถือการนัง่ เป็นวัตร (ไมน่ อน)

โย จ วสสฺ สตํ ชีเว ทุปปฺ ญโฺ ญ อสมาหโิ ต
เอกาหํ ชวี ติ ํ เสยโฺ ย ปญฺญวนตฺ สฺส ฌายโิ น
ผใู้ ดมปี ัญญาทราม มีใจไมม่ ั่นคง พึงเปน็ อยตู่ ้ังร้อยปี
ส่วนผ้มู ปี ญั ญาเพง่ พนิ ิจ มชี ีวิตอยูเ่ พยี งวันเดียว ดีกว่า
ขุททกนิกาย ธรรมบท

363 ทพี่ กั สงฆ์จนั ทรังษี

ค�ำอาราธนาและเบด็ เตล็ด

ค�ำอาราธนาพระปริตร

วปิ ตั ติปะฏิพาหายะ สัพพะสมั ปัตติสิทธิยา,
สพั พะทกุ ขะวนิ าสายะ ปะรติ ตัง พ๎รถู ะ มงั คะลัง.
วปิ ตั ติปะฏพิ าหายะ สัพพะสัมปตั ติสิทธยิ า,
สัพพะภะยะวนิ าสายะ ปะรติ ตัง พร๎ ถู ะ มังคะลัง.
วปิ ตั ติปะฏพิ าหายะ สพั พะสมั ปตั ติสทิ ธยิ า,
สัพพะโรคะวินาสายะ ปะริตตงั พร๎ ถู ะ มงั คะลงั .

ค�ำอาราธนาธรรม

พ๎รัห๎มา จะ โลกาธิปะตี สะหัมปะติ, กัตอัญชะลี
อนั ธิวะรงั อะยาจะถะ, สันตธี ะ สัตตาปปะระชักขะชาตกิ า,
เทเสตุ ธัมมงั อะนกุ มั ปิมัง ปะชงั .

ผปู้ รารถนาความสุขทีม่ ่นั คง พงึ เวน้ มติ รชวั่ เสยี
คบแตบ่ คุ คลสูงสุด และพงึ ต้ังอยูใ่ นโอวาทของทา่ น

หนังสือสวดมนต์ 364

คำ� อาราธนาศีล ๕

มะยงั ภนั เต, (วสิ งุ วสิ งุ รกั ขะณตั ถายะ), ตสิ ะระเณนะ
สะหะ, ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ.
ทุตยิ ัมปิ มะยัง ภันเต, (วิสุง วสิ ุง รกั ขะณตั ถายะ),
ติสะระเณนะ สะหะ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ.
ตะติยมั ปิ มะยัง ภันเต, (วิสงุ วิสุง รกั ขะณตั ถายะ),
ติสะระเณนะ สะหะ ปญั จะ สลี านิ ยาจามะ.

อีกนยั หน่งึ
ค�ำอาราธนาศลี ๕ เป็นนิจจะศลี

มะยัง ภันเต, ตสิ ะระเณนะ สะหะ ปัญจงั คะสะมัน-
นาคะตัง, นิจจะสลี ัง ยาจามะ.
ทุตยิ ัมปิ มะยงั ภนั เต, ตสิ ะระเณนะ สะหะ ปัญจงั คะ
สะมนั นาคะตัง, นจิ จะสลี งั ยาจามะ.
ตะติยัมปิ มะยัง ภนั เต, ตสิ ะระเณนะ สะหะ ปญั จังคะ
สะมันนาคะตงั , นจิ จะสลี ัง ยาจามะ.

คำ� อาราธนาศลี ๘

มะยงั ภนั เต, (วสิ งุ วสิ งุ รกั ขะณตั ถายะ), ตสิ ะระเณนะ
สะหะ อัฏฐะ สลี านิ ยาจามะ.

365 ทพ่ี กั สงฆจ์ นั ทรังษี

ทุติยมั ปิ มะยงั ภนั เต, (วสิ งุ วิสงุ รกั ขะณัตถายะ),
ตสิ ะระเณนะ สะหะ อัฏฐะ สลี านิ ยาจามะ.
ตะตยิ มั ปิ มะยัง ภันเต, (วสิ ุง วิสงุ รกั ขะณัตถายะ),
ติสะระเณนะ สะหะ อัฏฐะ สีลานิ ยาจามะ.

ค�ำอาราธนาอโุ บสถศลี

มะยัง ภันเต, ติสะระเณนะ สะหะ อัฏฐังคะสะ-
มันนาคะตงั , อุโปสะถัง ยาจามะ. (๓ หน)
ค�ำอาราธนาศีลเหล่าน้ี นิยมใช้ในเวลาสมาทานมากคน
ถ้าคนเดียวพึงเปล่ียนค�ำว่า มะยัง เป็น อะหัง และค�ำว่า
ยาจามะ เป็น ยาจาม.ิ

คำ� อธบิ าย
คำ� อาราธนา บางทา่ นใชต้ ดั คำ� วา่ (วสิ งุ วสิ งุ รกั ขะณตั ถายะ)
ออก เชน่ นก้ี ใ็ ชไ้ ด้ เมอื่ เปน็ เชน่ นี้ พงึ ทราบความตา่ งกนั ทม่ี คี ำ� วา่
วสิ งุ วสิ ุง รักขะณตั ถายะ นั้น หมายความว่า ตา่ งคนต่าง
รกั ษาอยา่ งหนงึ่ ตา่ งคนตา่ งขออยา่ งหนงึ่ ขอใหใ้ หท้ ลี ะสกิ ขาบท
อยา่ รวมเทยี บปจั เจกสมาทาน เมอ่ื ลว่ งสกิ ขาบทไหนขาดเฉพาะ
สิกขาบทนั้น สกิ ขาบทอ่ืนไมข่ าด ถ้าสมาทานรวม สิกขาบทใด
บทหน่งึ ขาดไป กข็ าดทั้งหมด
แตบ่ างสำ� นกั นยิ มตดั คำ� วา่ วสิ งุ วสิ งุ รกั ขะณตั ถายะ ออก.

หนงั สอื สวดมนต์ 366

สรณคมน์และศลี

เบญจศีล (ศลี ๕)

นมสั การ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สมั มาสมั พทุ ธสั สะ.
นะโม ตสั สะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพทุ ธัสสะ.
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพทุ ธสั สะ.

สรณคมน์

พุทธัง สะระณงั คจั ฉามิ,
ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ,
สงั ฆงั สะระณัง คจั ฉามิ.
ทุตยิ ัมปิ พทุ ธัง สะระณงั คัจฉาม,ิ
ทตุ ยิ มั ปิ ธมั มงั สะระณงั คัจฉาม,ิ
ทุติยัมปิ สงั ฆัง สะระณัง คจั ฉาม.ิ
ตะติยมั ปิ พุทธงั สะระณงั คัจฉามิ,
ตะติยมั ปิ ธมั มงั สะระณัง คัจฉาม,ิ
ตะตยิ ัมปิ สังฆัง สะระณงั คัจฉาม.ิ

367 ทีพ่ ักสงฆจ์ ันทรงั ษี

สกิ ขาบท ๕

ปาณาติปาตา เวระมะณี สิกขาปะทงั สะมาทิยาม.ิ
อะทินนาทานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทยิ ามิ.
กาเมสุมจิ ฉาจารา เวระมะณี สกิ ขาปะทัง สะมาทยิ ามิ.
มสุ าวาทา เวระมะณี สิกขาปะทงั สะมาทยิ ามิ.
สรุ าเมระยะมชั ชะปะมาทฏั ฐานา เวระมะณี สกิ ขาปะทงั
สะมาทิยาม.ิ

ท้ายศลี
ก. แบบปกติ
อมิ านิ ปญั จะ สิกขาปะทาน,ิ สเี ลนะ สุคะติง ยนั ต,ิ
สเี ลนะ โภคะสมั ปะทา, สเี ลนะ นิพพุตงิ ยันติ, ตัส๎มา สลี งั
วิโสธะเย.
ข. แบบนจิ จะศลี
อมิ านิ ปญั จะ สกิ ขาปะทาน,ิ นจิ จะสลี ะวะเสนะ สาธกุ งั
รักขิตพั พาน,ิ (รบั วา่ อามะ ภนั เต) สีเลนะ สคุ ะติง ยนั ติ,
สีเลนะ โภคะสัมปะทา, สเี ลนะ นพิ พตุ ิง ยนั ต,ิ ตัส๎มา สลี ัง
วโิ สธะเย.
อกี อยา่ งหนงึ่ นำ� ใหส้ มาทานรวมวา่ “อมิ านิ ปญั จะ สกิ ขา
ปะทานิ สะมาทยิ าม”ิ มที ใี่ ชใ้ นบางโอกาส เชน่ ในเวลา แสดงตน
เปน็ พทุ ธมามกะ แตไ่ ม่ตอ้ งว่าคำ� ลงท้ายศีลดังกลา่ วแล้ว.

หนังสือสวดมนต์ 368

ศลี ๘ และอโุ บสถศลี

(นมัสการ และสรณคมน์ เหมอื นศลี ๕)
สิกขาบท ๘
ปาณาติปาตา เวระมะณี สกิ ขาปะทงั สะมาทิยาม.ิ
อะทินนาทานา เวระมะณี สกิ ขาปะทงั สะมาทยิ ามิ.
อะพร๎ ัห๎มะจะรยิ า เวระมะณี สกิ ขาปะทงั สะมาทิยามิ.
มสุ าวาทา เวระมะณี สกิ ขาปะทงั สะมาทยิ ามิ.
สรุ าเมระยะมชั ชะปะมาทฏั ฐานา เวระมะณี สกิ ขาปะทงั
สะมาทิยาม.ิ
วิกาละโภชะนา เวระมะณี สกิ ขาปะทงั สะมาทิยามิ.
นัจจะคีตะวาทิตะวิสกู ะทัสสะนะมาลาคนั ธะวิเลปะนะ
ธาระณะ มณั ฑะนะวภิ ูสะนฏั ฐานา เวระมะณี สิกขาปะทัง
สะมาทยิ าม.ิ
อุจจาสะยะนะมะหาสะยะนา เวระมะณี สิกขาปะทัง
สะมาทยิ ามิ.

ท้ายศลี ๘

ก. แบบปกติ
อิมานิ อฏั ฐะ สิกขาปะทานิ, สเี ลนะ สุคะติง ยันติ,
สเี ลนะ โภคะสมั ปะทา, สีเลนะ นพิ พตุ งิ ยันติ, ตัสม๎ า สีลงั
วโิ สธะเย.

369 ทพี่ ักสงฆ์จันทรงั ษี

ข. แบบอโุ บสถศีล
เมอ่ื เวลาสมาทานสกิ ขาบทจบแลว้ พึงนำ� ใหว้ า่ คำ� สมาทาน
ดงั นี้
อมิ งั อฏั ฐงั คะสะมนั นาคะตงั , พทุ ธะปญั ญตั ตงั อโุ ปสะถงั ,
อมิ ัญจะ รตั ติง อิมญั จะ ทวิ ะสงั , สัมมะเทวะ อะภริ ักขติ งุ
สะมาทิยามิ.
(แปลวา่ ) ขา้ พเจา้ สมาทานซง่ึ อโุ บสถศลี , ทพี่ ระพทุ ธเจา้ ได้
ทรงบัญญัติไว้แลว้ น้ี อันประกอบดว้ ยองค์ ๘ ประการ ดงั ได้
สมาทานมาแลว้ น,ี้ เพอื่ จะรกั ษาไวใ้ หด้ ี ไมใ่ หข้ าด ไมใ่ หท้ ำ� ลาย,
สน้ิ วันหน่ึงกับคืนหนึง่ ณ เวลาวันนี้.

ท้ายศีลอุโบสถ

อมิ านิ อฏั ฐะ สกิ ขาปะทาน,ิ อชั เชกงั รตั ตนิ ทวิ งั อโุ ปสะถะ-
วะเสนะ สาธกุ งั รกั ขติ พั พาน,ิ (ผสู้ มาทานรบั วา่ อามะ ภนั เต)
สีเลนะ สุคะติง ยันติ, สีเลนะ โภคะสัมปะทา, สีเลนะ
นพิ พุติง ยันต,ิ ตสั ๎มา สลี งั วิโสธะเย.

คนหอ่ ปลาเนา่ ดว้ ยใบหญ้าคา
แม้หญ้าคาก็พลอยเหม็นเน่าไปด้วยฉันใด
การคบกบั คนพาลก็ฉันน้นั

หนังสือสวดมนต์ 370

ค�ำขอบวชของพราหมณ,ี ชีปะขาว

เอสาหงั ภนั เต, สจุ ริ ะปะรนิ พิ พตุ มั ป,ิ ตงั ภะคะวนั ตงั
สะระณงั คจั ฉาม,ิ ธมั มญั จะ ภกิ ขสุ งั ฆญั จะ, ปพั พชั ชงั มงั
ภันเต, สังโฆ ธาเรตุ, อัชชะตัคเค ปาณุเปตงั , สะระณัง
คะตงั .
ทตุ ยิ มั ปาหงั ภนั เต, สจุ ริ ะปะรนิ พิ พตุ มั ป,ิ ตงั ภะคะวนั ตงั
สะระณงั คจั ฉาม,ิ ธมั มญั จะ ภกิ ขสุ งั ฆญั จะ, ปพั พชั ชงั มงั
ภันเต, สังโฆ ธาเรตุ, อัชชะตคั เค ปาณุเปตงั , สะระณัง
คะตัง.
ตะติยัมปาหัง ภันเต, สุจิระปะรินิพพุตัมปิ, ตัง
ภะคะวันตงั สะระณงั คจั ฉาม,ิ ธมั มญั จะ ภกิ ขุสงั ฆญั จะ,
ปพั พัชชัง มงั ภันเต, สงั โฆ ธาเรตุ, อัชชะตัคเค ปาณุ
เปตงั , สะระณัง คะตงั .

คำ� ลาสิกขาของพราหมณ,ี ชปี ะขาว

สิกขงั ปจั จกั ขามิ* ขา้ พเจา้ ขอกราบลาสกิ ขาบท
ทุตยิ ัมปาหงั สกิ ขงั ปัจจกั ขามิ* ขา้ พเจา้ ขอกราบลาสกิ ขาบท
ตะติยัมปาหัง สิกขงั ปัจจกั ขามิ* ขา้ พเจา้ ขอกราบลาสกิ ขาบท

ขอสงฆจ์ งจ�ำข้าพเจ้าไว้ว่า เป็นคฤหัสถแ์ ล้ว

* หมายเหตุ : หลายคนเปลยี่ น “ปจั จกั ขามิ” เปน็ “ปจั จักขามะ”

371 ท่พี กั สงฆ์จนั ทรงั ษี

ค�ำแสดงตนเปน็ พทุ ธมามกะ

เอสาหงั ภนั เต, สจุ ริ ะปะรนิ พิ พตุ มั ป,ิ ตงั ภะคะวนั ตงั
สะระณงั คัจฉามิ, ธัมมัญจะ ภิกขสุ งั ฆญั จะ, อุปาสะกัง
(อปุ าสกิ ัง) มัง สังโฆ ธาเรตุ, อัชชะ ตัคเค ปาณุเปตงั
สะระณัง คะตัง.
ขา้ แตท่ า่ นผเู้ จรญิ , ขา้ พเจา้ ขอถงึ สมเดจ็ พระผมู้ ี พระภาคเจา้
แม้เสด็จดับขันธปรินิพพานนานแล้ว กับทั้งพระธรรมและ
พระสงฆ์ วา่ เปน็ สรณะทพ่ี ง่ึ ทรี่ ะลกึ กำ� จดั ภยั ไดจ้ รงิ ขอพระสงฆ์
จงจำ� ขา้ พเจา้ ไวว้ า่ เปน็ อบุ าสก (อบุ าสกิ า) ผถู้ งึ พระรตั นตรยั เปน็
สรณะตลอดชวี ติ ต้ังแตบ่ ดั นี้เปน็ ตน้ ไป

คำ� ชักผา้ บังสุกลุ

“อิมงั ปงสฺ กุ ูลจวี รํ อสสฺ ามกิ ํ มยหฺ ํ ปาปณุ าต”ิ

คำ� ถวายสังฆทาน

อิมานิ มะยัง ภันเต, ภตั ตาน,ิ สะปะริวารานิ, ภิกขุ
สงั ฆสั สะ, โอโณชะยามะ, สาธุ โน ภนั เต, ภิกขุสงั โฆ.
อมิ าน,ิ ภตั ตาน,ิ สะปะรวิ าราน,ิ ปะฏคิ คณั ห๎ าต,ุ อมั ห๎ ากงั ,
ทีฆะรัตตัง, หิตายะ, สขุ ายะ.

หนังสอื สวดมนต์ 372

ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอน้อมถวาย
ซงึ่ ภตั ตาหาร กบั ทง้ั เครอ่ื งบรวิ ารทง้ั หลายเหลา่ น้ี แดพ่ ระภกิ ษสุ งฆ์
ขอพระภกิ ษสุ งฆจ์ งรบั ซง่ึ ภตั ตาหาร กบั ทง้ั เครอื่ งบรวิ ารทงั้ หลาย
เหล่านี้ ของข้าพเจ้าทั้งหลาย เพื่อประโยชน์ และความสุข
แกข่ ้าพเจ้าทั้งหลาย ตลอดกาลนานเทอญ.

ค�ำถวายสังฆทานอุทิศ

อมิ านิ มะยัง ภนั เต, ภตั ตาน,ิ สะปะรวิ ารานิ, ภิกขุ
สังฆสั สะ, โอโณชะยามะ, สาธุ โน ภันเต, ภกิ ขสุ งั โฆ.
อมิ านิ, ภตั ตาน,ิ สะปะริวารานิ, ปะฏคิ คัณห๎ าต,ุ อัม๎หา
กญั เจวะ, มาตาปิตุอาทีนัญจะ, ญาตะกานัญจะ, กาละ
กะตานงั , ทฆี ะรัตตัง, หติ ายะ, สขุ ายะ.
ขา้ แตท่ า่ นผเู้ จรญิ ขา้ พเจา้ ทงั้ หลาย ขอนอ้ มถวาย ซง่ึ ภตั ตาหาร
กบั ทงั้ เครอ่ื งบรวิ ารทง้ั หลายเหลา่ นี้ แดพ่ ระภกิ ษสุ งฆ์ ขอพระสงฆ์
จงรบั ซงึ่ ภตั ตาหาร กบั ทงั้ เครอื่ งบรวิ ารทง้ั หลายเหลา่ น้ี ของขา้ พเจา้
ทั้งหลาย เพ่ือประโยชน์ และความสุข แก่ข้าพเจ้าทั้งหลาย
และแก่ญาติท้ังหลาย มีมารดาบิดาเป็นต้น ผู้ล่วงลับไปแล้ว
ตลอดกาลนานเทอญ.

373 ท่พี กั สงฆ์จนั ทรงั ษี

คำ� ถวายผ้าป่า

(แดพ่ ระสงฆ์ ๔ รูปข้นึ ไป)
อิมานิ มะยงั ภันเต, ปงั สุกูละจวี ะราน,ิ สะปะริวา
ราน,ิ ภิกขุสงั ฆัสสะ,๑ โอโณชะยามะ, สาธุ โน ภันเต,
ภกิ ขสุ งั โฆ,๒ อิมานิ, ปงั สกุ ลู ะจีวะราน,ิ สะปะริวารานิ,
ปะฏิคคณั หาต,ุ อัมห๎ ากัง, ฑฆี ะรตั ตงั , หิตายะ, สขุ ายะ.
ขา้ แตท่ า่ นผเู้ จรญิ ขา้ พเจา้ ทงั้ หลาย ขอนอ้ มถวายผา้ บงั สกุ ลุ
จีวร (ผา้ ป่า) กับทั้งเคร่อื งบริวารท้ังหลายเหล่าน้ี แด่ พระภกิ ษุ
สงฆ์๑ ขอพระภิกษุสงฆ์๒ จงรบั ผ้าบังสกุ ุลจวี ร กบั ทง้ั เคร่ือง
บริวารท้ังหลายเหล่าน้ี ของข้าพเจ้าทั้งหลาย เพ่ือประโยชน์
และความสขุ แกข่ า้ พเจา้ ทงั้ หลาย ตลอดกาลนานเทอญ.

เม่ือถวายแด่พระภกิ ษุ ๑-๓ รปู ไมต่ ้องอปโลกน์
๑. เปล่ียนเปน็ สลี ะวนั ตัสสะ , ทา่ นผูม้ ศี ีล
๒. เปลีย่ นเปน็ สีละวนั โต , ท่านผมู้ ีศีล

หนงั สอื สวดมนต์ 374

คำ� อปโลกนส์ ังฆทาน

(วา่ นโมฯ ๓ หน)
ยคเฺ ฆ ภนฺเต สงฺโฆ ชานาต,ุ อยํ ป€มภาโค เถรสฺส
ปาปุณาต,ิ อวเสสา ภาคา อวเสสานํ ภกิ ขฺ สุ ามเณรานํ
ปาปุณนฺตุ, ยถาสุขํ ปริภุญฺชนฺตุ.

(๓ จบ)

คำ� อปโลกน์อีกแบบหนง่ึ

(ว่านโมฯ ๓ หน)
ยคเฺ ฆ ภนฺเต สงฺโฆ ชานาตุ. เอโส ป€มภาโค เถรสสฺ
ปาปุณาติ, อวเสสา ภาคา อมหฺ ากํ ปาปุณนฺต,ุ ภิกขู จ
สามเณรา จ คหฏ€ฺ า จ, ยถาสุขํ ปริภญุ ฺชนตฺ .ุ เอโส
ป€มภาโค... ปริภุญฺชนฺต,ุ เอโส ป€มภาโค...ปริภญุ ฺชนฺต.ุ

(พระสงฆร์ บั พรอ้ มกนั ว่า “สาธุ”)

ยํ กญิ ฺจิ สมทุ ยธมฺมํ สพพฺ นฺตํ นิโรธธมมฺ นตฺ ิ
ส่งิ ใดสงิ่ หนึง่ มคี วามเกดิ ขึน้ เปน็ ธรรมดาแล้ว
สิง่ น้ันท้งั ปวงกต็ ้องดบั สลายไปเปน็ ธรรมดา

375 ทพ่ี ักสงฆ์จันทรังษี

บทสวดมนต์พิเศษ

ชยั ะมังคะละคาถา (ชยั นอ้ ย)

นะโม เม พทุ ธะเตชสั สา ระตะนตั ตะยะธมั มกิ า,
เตชะปะสทิ ธิ ปะสเี ทวา นารายะบระเมสรุ า.
สทิ ธพิ ร๎ หม๎ า จะ อนิ ทา จะ จะตโุ ลกา คมั ภรี กั ขะกา,
สะมทุ ทา ภตู งุ คงั คา จะ สะหรมั พะชยั ะปะสทิ ธิ ภะวนั ตุ เต.
ชยั ะ ชยั ะ ธระณิ ธระณ ี อทุ ะธิ อทุ ะธี นะทิ นะท,ี
ชยั ะ ชยั ะ คะคนละตนละนสิ ยั นริ ยั สยั เสนนะเมรรุ าชชะพลนระช.ี
ชยั ะ ชยั ะ คมั ภรี ะโสมภ ี นาเคนทะนาคี ปสี าจจะ ภตู ะกาล,ี
ชยั ะ ชยั ะ ทนุ นมิ ติ ตะโรค ี ชยั ะ ชยั ะ สงิ คสี ทุ าทานะมขุ ะชา.
ชยั ะ ชยั ะ วะรณุ ณะมขุ ะสาตร๎ า ชยั ะ ชยั ะ จมั ปาทนิ าคะกลุ ะคนั ถก,
ชยั ะ ชยั ะ คชั ชะคนนะตรุ ง สกุ ระภชุ งสหี ะเพยี คฆะทปี า.
ชยั ะ ชยั ะ วะรณุ ณะมขุ ะยาตร๎ า ชติ ะ ชติ ะ เสนนารปิ นุ ะสทุ ธนิ ระด,ี
ชยั ะ ชยั ะ สขุ าสขุ าชวี ี ชยั ะ ชยั ะ ธระณตี ะเลสะทาสชุ ยั ยา.
ชยั ะ ชยั ะ ธระณสี านตนิ สะทา ชยั ะ ชยั ะ มงั กะราชรญั ญาภะวคั เค,
ชยั ะ ชยั ะ วะรณุ ณะยกั เข ชยั ะ ชยั ะ รกั ขะเส สรุ ะภชู ะเตชา.
ชยั ะ ชยั ะ พร๎ หม๎ เมนทะคะณา ชยั ะ ชยั ะ ราชาธริ าชสาชชยั ,
ชยั ะ ชยั ะ ปะฐะวงิ สพั พงั ชยั ะ ชยั ะ อระหนั ตา ปจั เจกะพทุ ธะสาวงั .
ชยั ะ ชยั ะ มะเหสโุ ร หะโรหะรนิ เทวา ชยั ะ ชยั ะ พร๎ หม๎ าสรุ กั โข,

หนังสอื สวดมนต์ 376

ชยั ะ ชยั ะ นาโค วริ ฬุ ห๎ ะโก วริ ปู กั โข จนั ทมิ า ระว.ิ
อนิ โท จะ เวนะเตยโย จะ กเุ วโร วะรโุ ณปิ จะ,
อคั คิ วาโย จะ ปาชณุ โ๎ ห กมุ าโร ธะตะรฏั ฐะโก.
อฏั ฐาระสะ มะหาเทวา สทิ ธติ าปะสะอาทะโย,
อสิ โิ น สาวะกา สพั พา ชยั ะ ราโม ภะวนั ตุ เต.
ชยั ะ ธมั โม จะ สงั โฆ จะ ทะสะปาโล จะ ชยั ะกงั ,
เอเตนะ ชยั ะ เตเชนะ ชยั ะ โสตถี ภะวนั ตุ เต,
เอเตนะ พทุ ธะ เตเชนะ โหตุ เต ชยั ะมงั คะลงั .
ชยั โยปิ พทุ ธสั สะ สริ มี ะโต อะยงั มารสั สะ จะ ปาปมิ ะโต ปะราชะโย,
อคุ โฆ สะยมั โพธมิ ณั เฑ ปะโมทติ า ชยั ะ ตะทา พร๎ หม๎ ะคะณา มะเหสโิ น.
ชยั โยปิ พทุ ธสั สะ สริ มี ะโต อะยงั มารสั สะ จะ ปาปมิ ะโต ปะราชะโย,
อคุ โฆ สะยมั โพธมิ ณั เฑ ปะโมทติ า ชยั ะ ตะทา อนิ ทะคะณา มะเหสโิ น.
ชยั โยปิ พทุ ธสั สะ สริ มี ะโต อะยงั มารสั สะ จะ ปาปมิ ะโต ปะราชะโย,
อคุ โฆ สะยมั โพธมิ ณั เฑ ปะโมทติ า ชยั ะ ตะทา เทวาคะณา มะเหสโิ น.
ชยั โยปิ พทุ ธสั สะ สริ มี ะโต อะยงั มารสั สะ จะ ปาปมิ ะโต ปะราชะโย,
อคุ โฆ สะยมั โพธมิ ณั เฑ ปะโมทติ า ชยั ะ ตะทา สปุ ณั ณะคะณา มะเหสโิ น.
ชยั โยปิ พทุ ธสั สะ สริ มี ะโต อะยงั มารสั สะ จะ ปาปมิ ะโต ปะราชะโย,
อคุ โฆ สะยมั โพธมิ ณั เฑ ปะโมทติ า ชยั ะ ตะทา นาคาคะณา มะเหสโิ น.
ชยั โยปิ พทุ ธสั สะ สริ มี ะโต อะยงั มารสั สะ จะ ปาปมิ ะโต ปะราชะโย,
อคุ โฆ สะยมั โพธมิ ณั เฑ ปะโมทติ า ชยั ะ ตะทา สะหรมั พะคะณา มะเหสโิ น.
ชะยนั โต โพธยิ า มเู ล สกั ย๎ านงั นนั ทวิ ฑั ฒะโน,
เอวงั ตว๎ งั วชิ ะโย โหห ิ ชะยสั สุ ชะยะมงั คะเล.

377 ทพี่ กั สงฆ์จันทรงั ษี

อะปะราชติ ะปลั ลงั เก สเี ส ปะฐะวโิ ปกขะเร,
อะภเิ สเก สพั พะพทุ ธานงั อคั คปั ปตั โต ปะโมทะต.ิ
สนุ กั ขตั ตงั สมุ งั คะลงั สปุ ะภาตงั สหุ ฏุ ฐติ งั ,
สขุ ะโณ สมุ หุ ตุ โต จะ สยุ ฏิ ฐงั พร๎ หั ม๎ ะจารสิ .ุ
ปะทกั ขณิ งั กายะกมั มงั วาจากมั มงั ปะทกั ขณิ งั ,
ปะทกั ขณิ งั มะโนกมั มงั ปะณธิ ี เต ปะทกั ขณิ า,
ปะทกั ขณิ านิ กตั ว๎ านะ ละภนั ตตั เถ ปะทกั ขเิ ณ.
เต อตั ถะลทั ธา สขุ ติ า วริ ฬุ ห๎ า พทุ ธะสาสะเน,
อะโรคา สขุ ติ า โหถะ สะหะ สพั เพหิ ญาตภิ .ิ
สณุ นั ตุ โภนโต เย เทวา อสั ม๎ งิ ฐาเน อะธคิ ะตา
ทฆี ายกุ า สะทา โหนตุ สขุ ติ า โหนตุ สพั พะทา
รกั ขนั ตุ สพั พะสตั ตานงั รกั ขนั ตุ ชนิ ะสาสะนงั ,
ยา กาจิ ปตั ถะนา เตสงั สพั เพ ปเู รนตุ มะโนระถา.
ยตุ ตะกาเล ปะวสั สนั ต ุ วสั สงั วสั สา วะลาหะกา,
โรคาจปุ ทั ทะวา เตสงั นวิ าเรนตุ จะ สพั พะทา,
กายะสขุ งั จติ ตสิ ขุ งั อะระหนั ตุ ยะถาระหงั .
อิติ จลุ ละชยั ะมงั คะลัง สะมันตัง.

หมายเหตุ ตัวท่ีขีดเส้นใต้ บ ธ น ให้อา่ นออกเสยี ง บอ ธอ นอ เช่น ธระณี ให้
อ่านออกเสียง ธอระณี / ตัว ฑ อา่ นออกเสียง ด เชน่ มัณเฑ อา่ น มนั เด

หนงั สอื สวดมนต์ 378

ค�ำแปลพอสงั เขป

บทสวดน้พี รรณนาชัยชนะของพระพทุ ธเจ้า เหนอื หมมู่ ารทง้ั ปวง
อมนุษย์ ยักษ์ ภูตผีปีศาจ ทั้งล่วงพ้นอ�ำนาจท้าวจตุโลกบาลทั้ง ๔
พระอินทร์ พระพรหม พญานาคราช และเทวดาทุกๆ ชั้น อาวุธทั้ง
หลาย ท้งั ลมและไฟ กท็ ำ� อนั ตรายไมไ่ ด้
พระพรหม พระอนิ ทร์ เทวดาทง้ั หลาย ผมู้ เี ดชานภุ าพมาก ทง้ั หมู่
พญานาค หมพู่ ญาครุฑผ้มู ีศกั ดายิง่ ใหญ่ ตา่ งชื่นชมชอบใจในชยั ชนะ
ของพระพุทธเจา้ ต่อหมู่มาร ณ โพธบิ ัลลังก์ เปน็ ชยั ชนะทีเ่ ป็นอุดม
มงคล ท้ังเป็นฤกษ์ดียามดีและขณะดี ท่ีได้ประกาศพรหมจรรย์อัน
บริสุทธ์ิขององคส์ มเด็จพระสมั มาสมั พุทธเจา้ ขอความสวัสดมี ีชัย จง
มีแก่ทา่ นด้วยเดชแห่งคณุ พระรัตนตรยั
ขอเทวดาผมู้ ศี กั ดใ์ิ หญ่ ๑๘ พระองค์ จงมารกั ษาทา่ น ทง้ั พระฤาษี
พระสาวก พระธรรม พระสงฆ์ จงมาอวยชยั ขอความสวัสดีมชี ยั จงมี
แด่ทา่ น ด้วยเดชแหง่ คุณพระรัตนตรยั
ขอให้ท่านจงได้รับประโยชน์และความสุข ท้ังเจริญรุ่งเรืองใน
พระพุทธศาสนาขอใหม้ ีอายยุ ืนยาว ปรารถนาสงิ่ หนึ่งประการใด ขอ
ให้ได้ดังใจประสงค์และปราศจากโรคภัยท้ังหลายท้ังปวง ท้ังห่างไกล
ความทุกข์ ขอให้ประสบสุขทง้ั กายและใจ

379 ทีพ่ กั สงฆจ์ ันทรังษี

ปาระมี ๓๐ ทัส

(แบบครบู าศรวี ิชยั )
หันทะ มะยงั ตงิ สะปาระมี คาถาโย ภะณามะ เส.

(เชญิ เถดิ เราทงั้ หลาย, มากล่าวคาถาบารมี ๓๐ ทัสกนั เถดิ )

ทานะ ปาระมี สมั ปันโน, ทานะ อุปะปาระมี สัมปันโน,
ทานะ ปะระมตั ถะปาระมี สมั ปันโน, เมตตา ไมตรี กะรุณา
มุทิตา อุเปกขา ปาระมีสมั ปันโน, อิตปิ ิ โส ภะคะวา.
สลี ะ ปาระมี สมั ปนั โน, สลี ะ อปุ ะปาระมี สมั ปนั โน, สลี ะ-
ปะระมัตถะปาระมี สัมปนั โน, เมตตา ไมตรี กะรณุ า มุทติ า
อเุ ปกขา ปาระมีสัมปนั โน, อิตปิ ิ โส ภะคะวา.
เนกขัมมะ ปาระมี สัมปันโน, เนกขมั มะ อุปะปาระมี
สมั ปันโน, เนกขัมมะ ปะระมัตถะปาระมี สมั ปันโน, เมตตา
ไมตรี กะรณุ า มุทิตา อเุ ปกขา ปาระมสี ัมปันโน, อิติปิ โส
ภะคะวา.
ปญั ญา ปาระมี สมั ปนั โน, ปญั ญา อปุ ะปาระมี สมั ปนั โน,
ปญั ญา ปะระมตั ถะปาระมี สมั ปนั โน, เมตตา ไมตรี กะรณุ า
มทุ ติ า อเุ ปกขา ปาระมีสมั ปนั โน, อติ ิปิ โส ภะคะวา.
วริ ยิ ะ ปาระมี สมั ปนั โน, วริ ยิ ะ อปุ ะปาระมี สมั ปนั โน, วริ ยิ ะ
ปะระมตั ถะปาระมี สมั ปนั โน, เมตตา ไมตรี กะรณุ า มทุ ติ า
อุเปกขา ปาระมีสัมปันโน, อติ ิปิ โส ภะคะวา.

หนังสือสวดมนต์ 380

ขันตี ปาระมี สมั ปันโน, ขันตี อปุ ะปาระมี สมั ปันโน,
ขนั ตี ปะระมตั ถะปาระมี สมั ปนั โน, เมตตา ไมตรี กะรณุ า มทุ ติ า
อเุ ปกขา ปาระมสี ัมปนั โน, อิติปิ โส ภะคะวา.
สัจจะ ปาระมี สัมปันโน, สัจจะ อุปะปาระมี สัมปันโน,
สจั จะ ปะระมตั ถะปาระมี สมั ปนั โน, เมตตา ไมตรี กะรณุ า มทุ ติ า
อุเปกขา ปาระมสี ัมปันโน, อิตปิ ิ โส ภะคะวา.
อะธิฏฐานะ ปาระมี สมั ปันโน, อะธิฏฐานะ อปุ ะปาระมี
สมั ปนั โน, อะธฏิ ฐานะ ปะระมตั ถะปาระมี สมั ปนั โน, เมตตา
ไมตรี กะรุณา มทุ ติ า อุเปกขา ปาระมีสัมปันโน, อติ ปิ ิ โส
ภะคะวา.
เมตตา ปาระมี สมั ปนั โน, เมตตา อปุ ะปาระมี สมั ปนั โน,
เมตตา ปะระมตั ถะปาระมี สมั ปนั โน, เมตตา ไมตรี กะ
รุณา มทุ ติ า อุเปกขา ปาระมีสัมปนั โน, อิตปิ ิ โส ภะคะวา.
อเุ ปกขา ปาระมี สมั ปนั โน, อเุ ปกขา อปุ ะปาระมี สมั ปนั โน,
อเุ ปกขา ปะระมตั ถะปาระมี สมั ปนั โน, เมตตา ไมตรี กะรณุ า
มุทิตา อุเปกขา ปาระมสี มั ปนั โน, อติ ิปิ โส ภะคะวา.
ทะสะ ปาระมี สัมปนั โน, ทะสะ อุปะปาระมี สมั ปนั โน,
ทะสะ ปะระมัตถะปาระมี สัมปนั โน, เมตตา ไมตรี กะรุณา
มุทติ า อุเปกขา ปาระมีสัมปันโน, อติ ิปิ โส ภะคะวา.

381 ท่ีพกั สงฆจ์ นั ทรังษี

คำ� อธิบาย

การบำ� เพญ็ บารมขี องพระโพธสิ ตั วใ์ นชาตนิ นั้ ๆ บารมที บ่ี ำ� เพญ็
นนั้ คอื ทานบารมี ศลี บารมี เนกขมั มบารมี ปญั ญาบารมี วริ ยิ บารมี
ขนั ตบิ ารมี สจั จบารมี อธษิ ฐานบารมี เมตตาบารมี และอุเบกขา
บารมี รวมเรียกวา่ บารมี ๓๐ (โดยแบง่ เปน็ บารมชี ้ันธรรมดา
๑๐ (บารม)ี บารมชี ้นั กลาง ๑๐ (อปุ บารมี) และบารมีชัน้ สงู ๑๐
(ปรมตั ถบารมี) รวมเปน็ บารมี ๓๐ ประการ)
๑. ทานบารมี พระโพธิสัตว์ทรงบ�ำเพ็ญทานบารมีในขณะท่ี
เสวยพระชาตเิ ปน็ พระเจา้ สวี ริ าช ทรงบำ� เพญ็ ทานอปุ บารมใี นขณะท่ี
เสวยพระชาตเิ ปน็ พระเวสสนั ดร และทรงบำ� เพญ็ ทานปรมตั ถบารมี
ในขณะทเี่ สวยพระชาติเป็นกระต่ายปา่ สสบัณฑิต
๒. ศีลบารมี พระโพธิสัตว์ทรงบ�ำเพ็ญศีลบารมีในขณะท่ี
เสวยพระชาติเปน็ พญาช้างฉัตทันตเ์ ลีย้ งมารดา ทรงบำ� เพญ็ ศีล
อปุ บารมใี นขณะทเ่ี สวยพระชาตเิ ปน็ พญานาคภรู ทิ ตั ทรงบำ� เพญ็ ศลี
ปรมตั ถบารมีในขณะท่เี สวยพระชาตเิ ปน็ พญานาคสงั ขปาละ
๓. เนกขัมมบารมี พระโพธสิ ัตว์ทรงบำ� เพ็ญเนกขมั มบารมใี น
ขณะทเี่ สวยพระชาตเิ ป็นอโยฆรราชกมุ าร
ทรงบ�ำเพ็ญเนกขัมมอุปบารมีในขณะท่ีเสวยพระชาติเป็นหัตถิปาล
กมุ าร และทรงบ�ำเพญ็ เนกขมั มปรมัตถบารมี ในขณะที่เสวย
พระชาติเปน็ พระเจา้ จฬู สุตโสม
๔. ปัญญาบารมี พระโพธิสัตว์ทรงบ�ำเพ็ญปัญญาบารมีใน
ขณะทีเ่ สวยพระชาตเิ ป็น สัมภวกุมาร ทรงบำ� เพญ็ ปญั ญาอปุ บารมี

หนังสือสวดมนต์ 382

ในขณะที่เสวยพระชาติเป็นอ�ำมาตย์วิธุรบัณฑิต และทรงบ�ำเพ็ญ
ปัญญาปรมตั ถบารมีในขณะทเี่ สวยพระชาติเปน็ เสนกบณั ฑิต
๕. วิริยบารมี พระโพธิสัตว์ทรงบ�ำเพ็ญวิริยบารมีในขณะท่ี
เสวยพระชาติเป็นพญากปิ ทรงบ�ำเพ็ญวิริยอุปบารมีในขณะท่ี
เสวยพระชาติเป็นพระเจา้ สีลวมหาราช และทรงบ�ำเพ็ญ
วิรยิ ปรมัตถบารมใี นขณะที่เสวยพระชาตเิ ป็นพระมหาชนก
๖. ขันติบารมี พระโพธิสัตว์ทรงบ�ำเพ็ญขันติบารมีในขณะท่ี
เสวยพระชาติเปน็ จฬู ธมั มปาลราชกุมาร ทรงบำ� เพ็ญขันติอปุ บารมี
ในขณะท่ีเสวยพระชาตเิ ป็นธัมมกิ เทพบุตร และทรงบ�ำเพญ็
ขนั ตปิ รมตั ถบารมีในขณะท่ีเสวยพระชาตเิ ปน็ ขนั ติวาทดี าบส
๗. สัจจบารมี พระโพธิสัตว์ทรงบ�ำเพ็ญสัจจบารมีในขณะที่
เสวยพระชาติเป็นวัฏฏกะ (ลูกนกคุ้ม) ทรงบ�ำเพ็ญสัจจอุปบารมี
ในขณะทเี่ สวยพระชาตเิ ปน็ พญาปลาชอ่ น และทรงบ�ำเพ็ญ
สัจจปรมัตถบารมใี นขณะท่ีเสวยพระชาตเิ ป็นพระเจา้ มหาสุตโสม
๘. อธษิ ฐานบารมี พระโพธิสัตวท์ รงบำ� เพ็ญอธษิ ฐานบารมีใน
ขณะที่เสวยพระชาติเปน็ พญากุกกุระ ทรงบ�ำเพญ็ อธษิ ฐาน
อุปบารมีในขณะท่ีเสวยพระชาติเป็น มาตังคบัณฑิต และทรง
บ�ำเพ็ญอธษิ ฐานปรมตั ถบารมใี นขณะท่ีเสวยพระชาติ
เปน็ พระเตมิยราชกมุ าร
๙. เมตตาบารมี พระโพธสิ ตั วท์ รงบำ� เพญ็ เมตตาบารมใี นขณะ
ทเ่ี สวยพระชาตเิ ปน็ สวุ รรณสามดาบส ทรงบำ� เพญ็ เมตตาอปุ บารมี
ในขณะท่ีเสวยพระชาติเป็นกัณหาทีปายนดาบส และทรงบ�ำเพ็ญ
เมตตาปรมัตถบารมีในขณะท่เี สวยพระชาติเป็นพระเจา้ เอกราช

383 ที่พกั สงฆ์จันทรังษี

๑๐. อุเบกขาบารมี พระโพธสิ ัตวท์ รงบำ� เพ็ญอเุ บกขาบารมีใน
ขณะทเี่ สวยพระชาตเิ ปน็ กจั ฉปบณั ฑติ ทรงบำ� เพญ็ อเุ บกขาอปุ บารมี
ในขณะทเ่ี สวยพระชาตเิ ป็นพญามหสิ และทรงบำ� เพญ็
อุเบกขาปรมัตถบารมีในขณะที่เสวยพระชาตเิ ป็นโลมหังสบณั ฑิต

* การบ�ำเพญ็ บารมีของพระโพธสิ ัตว์ในชาตหิ นึง่ ๆ มิใชว่ ่าจะทรงบำ� เพญ็ บารมี
เพียงอย่างใดอย่างหน่งึ เชน่ ทรงบ�ำเพญ็ ทานบารมี หรอื ทรงบ�ำเพญ็ ศีลบารมอี ยา่ ง
เดยี วเทา่ นั้น แตใ่ นชาติเดยี วกันนน้ั ได้บ�ำเพญ็ บารมหี ลายอยา่ งควบคกู่ ันไป แตอ่ าจ
เดน่ เพียงบารมเี ดียว ทเี่ หลอื นอกน้นั เป็นบารมีระดบั รองๆ ลงไป เช่น ในชาตทิ เ่ี ป็น
พระเวสสนั ดรทรงบ�ำเพ็ญบารมคี รบทง้ั ๑๐ บารมี แต่เดน่ ทางดา้ นทานบารมี

นตฺถิ อตตฺ สมํ เปม ํ นตถฺ ิ ธญญฺ สมํ ธนํ
นตถฺ ิ ปญญฺ าสมา อาภา วฏุ ฐฺ ิ เว ปรมา สรา
ส่ิงทรี่ ัก (อืน่ ) เสมอด้วยตนไม่มี,
ทรพั ย์ (อนื่ ) เสมอดว้ ยขา้ วเปลอื ก ไมม่ ,ี
แสงสว่าง (อ่ืน) เสมอดว้ ยปัญญา ไมม่ ,ี
ฝนแล เปน็ สระอยา่ งย่งิ .
(พทุ ฺธ) สํ.ส. ๑๕/๙

หนงั สอื สวดมนต์ 384

พระคาถาป้องกันภยั ทงั้ สบิ ทศิ

(ของทา่ นพระอาจารยฝ์ นั้ อาจาโร)

คาถาโพธบิ าทคอื พระคาถาปอ้ งกนั ภยั โดยการสวดระลกึ ถงึ พระพทุ ธคณุ
พระธรรมคณุ พระสงั ฆคุณไปในทศิ ตา่ งๆ ขออานภุ าพของพระพทุ ธคุณ พระ
ธรรมคุณ พระสงั ฆคณุ ขจดั ทกุ ข์ โรคภยั และเคราะหท์ ง้ั หลาย บางแหง่ เรยี กวา่
คาถาปอ้ งกนั ภยั สบิ ทศิ และบางแหง่ เรยี กวา่ คาถาสะเดาะเคราะห์ กม็ ี เปน็ พระคาถา
ปอ้ งกนั ภยนั ตรายตา่ งๆ เวลาออกเดนิ ทางไกล หรืออยูภ่ ายในบ้าน

๑. บูรพารัส๎มิง พระพทุ ธะคณุ ัง

ขอพระพทุ ธคุณ  จงมาปกปอ้ งคุ้มครองในทิศบรู พา (ทศิ ตะวันออก)

บูรพารสั ๎มงิ พระธัมเมตงั

ขอพระธรรมคณุ  จงมาปกปอ้ งคมุ้ ครองในทศิ บูรพา (ทิศตะวนั ออก)

บรู พารสั ๎มงิ พระสังฆานงั

ขอพระสังฆคณุ   จงมาปกป้องคมุ้ ครองในทิศบูรพา (ทศิ ตะวันออก)

ทกุ ขะโรคะภะยงั วิวญั ชัยเย

ขอใหท้ ุกข์ โรค ภยั จงสูญหายไป

สัพพะทุกข์ สพั พะโศก สพั พะโรค สพั พะภัย
สพั พะเคราะห์ เสนยี ดจญั ไร วิวัญชัยเย

ใหท้ กุ ขท์ ัง้ ปวง โศกทัง้ ปวง โรคทง้ั ปวง ภยั ทัง้ ปวง, เคราะห์หามยาม
ร้าย และเสนยี ดจญั ไรท้ังปวง จงสญู หายไป

สพั พะธะนัง สพั พะลาภงั ภะวนั ตุ เม

ขอใหท้ รพั ยท์ ั้งปวง ลาภท้งั ปวง จงเกิดแกข่ ้าพเจา้

รกั ขนั ตุ สุรกั ขนั ต.ุ

ขออานภุ าพพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์, และส่ิงศกั ดส์ิ ทิ ธท์ิ ้งั ปวง
จงมาปกปกั รักษาดว้ ยเถดิ

385 ท่ีพกั สงฆจ์ ันทรงั ษี

๒. อาคเนยร์ ัส๎มิง พระพทุ ธะคณุ ัง
อาคเนย์รสั ๎มงิ พระธัมเมตัง
อาคเนย์รสั ๎มงิ พระสังฆานงั
ทุกขะโรคะภะยงั ววิ ญั ชัยเย
สัพพะทกุ ข์ สัพพะโศก สพั พะโรค สพั พะภยั
สัพพะเคราะห์ เสนยี ดจญั ไร ววิ ญั ชัยเย
สัพพะธะนงั สัพพะลาภงั ภะวนั ตุ เม
รกั ขนั ตุ สุรกั ขนั ต.ุ
๓. ทักษิณรัสม๎ งิ พระพทุ ธะคณุ ัง
ทกั ษณิ รสั ๎มงิ พระธมั เมตัง
ทักษิณรัสม๎ ิง พระสังฆานงั
ทกุ ขะโรคะภะยงั วิวญั ชยั เย
สัพพะทกุ ข์ สพั พะโศก สัพพะโรค สพั พะภัย
สัพพะเคราะห์ เสนียดจญั ไร วิวญั ชัยเย
สพั พะธะนัง สพั พะลาภงั ภะวนั ตุ เม
รักขันตุ สุรักขันต.ุ
๔. หรดรี ัสม๎ งิ พระพทุ ธะคุณัง
หรดีรัส๎มงิ พระธัมเมตัง     
หรดีรัส๎มิง พระสงั ฆานัง
ทุกขะโรคะภะยงั วิวญั ชัยเย
สพั พะทกุ ข์ สพั พะโศก สพั พะโรค สัพพะภัย
สพั พะเคราะห์ เสนยี ดจญั ไร ววิ ัญชยั เย

หนังสอื สวดมนต์ 386

สพั พะธะนงั สพั พะลาภงั ภะวันตุ เม
รกั ขนั ตุ สุรักขันตุ.
๕. ปจั จิมรสั ม๎ ิง พระพทุ ธะคณุ ัง
ปัจจิมรัสม๎ งิ พระธมั เมตงั
ปัจจมิ รสั ม๎ งิ พระสงั ฆานงั
ทุกขะโรคะภะยงั ววิ ญั ชัยเย
สัพพะทุกข์ สพั พะโศก สพั พะโรค สพั พะภยั
สัพพะเคราะห์ เสนียดจัญไร ววิ ัญชยั เย
สพั พะธะนงั สัพพะลาภัง ภะวันตุ เม
รกั ขันตุ สรุ กั ขนั ตุ.
๖. พายัพรัส๎มิง พระพทุ ธะคุณงั
พายพั รัส๎มงิ พระธัมเมตงั
พายัพรัส๎มิง พระสงั ฆานงั
ทกุ ขะโรคะภะยัง วิวัญชยั เย
สัพพะทุกข์ สพั พะโศก สัพพะโรค สัพพะภัย
สพั พะเคราะห์ เสนียดจัญไร ววิ ญั ชัยเย
สพั พะธะนัง สพั พะลาภงั ภะวันตุ เม
รกั ขนั ตุ สรุ กั ขันต.ุ
๗. อดุ รรสั ๎มิง พระพทุ ธะคณุ งั
อุดรรัสม๎ งิ พระธัมเมตัง
อดุ รรสั ม๎ งิ พระสงั ฆานัง
ทกุ ขะโรคะภะยงั วิวัญชัยเย

387 ทพ่ี ักสงฆจ์ ันทรงั ษี

สพั พะทุกข์ สัพพะโศก สัพพะโรค สพั พะภยั
สพั พะเคราะห์ เสนียดจัญไร วิวัญชัยเย
สพั พะธะนงั สัพพะลาภงั ภะวันตุ เม
รกั ขนั ตุ สรุ ักขันต.ุ
๘. อิสานรสั ๎มิง พระพทุ ธะคณุ งั
อิสานรสั ม๎ ิง พระธัมเมตัง
อิสานรสั ม๎ ิง พระสงั ฆานงั
ทกุ ขะโรคะภะยัง วิวัญชยั เย
สัพพะทกุ ข์ สัพพะโศก สัพพะโรค สัพพะภัย
สัพพะเคราะห์ เสนยี ดจัญไร ววิ ญั ชัยเย
สัพพะธะนัง สพั พะลาภัง ภะวันตุ เม
รกั ขันตุ สรุ ักขนั ตุ.
๙. อากาศรสั ๎มงิ พระพทุ ธะคุณงั
อากาศรัส๎มิง พระธมั เมตงั
อากาศรสั ม๎ ิง พระสังฆานงั
ทุกขะโรคะภะยัง ววิ ญั ชัยเย
สพั พะทุกข์ สัพพะโศก สัพพะโรค สพั พะภัย
สัพพะเคราะห์ เสนยี ดจญั ไร วิวัญชยั เย
สพั พะธะนงั สพั พะลาภัง ภะวนั ตุ เม
รักขนั ตุ สุรกั ขันต.ุ
๑๐. ปฐวีรัสม๎ ิง พระพุทธะคุณงั
ปฐวีรัส๎มิง พระธัมเมตัง

หนงั สือสวดมนต์ 388

ปฐวีรัสม๎ ิง พระสงั ฆานงั
ทกุ ขะโรคะภะยงั ววิ ญั ชยั เย
สัพพะทกุ ข์ สพั พะโศก สพั พะโรค สัพพะภยั
สัพพะเคราะห์ เสนียดจญั ไร วิวัญชัยเย
สัพพะธะนงั สัพพะลาภัง ภะวนั ตุ เม
รักขนั ตุ สรุ ักขันตุ.


หมายเหตุ
๑. ทศิ บรู พา คอื ทิศตะวนั ออก
๒. ทศิ อาคเนย์ คือ ทิศตะวันออกเฉียงใต้
๓. ทิศทักษิณ คือ ทิศใต้
๔. ทิศหรดี คือ ทศิ ตะวนั ตกเฉียงใต้
๕. ทศิ ปจั จิม คือ ทิศตะวันตก
๖. ทิศพายัพ คอื ทิศตะวนั ตกเฉียงเหนือ
๗. ทิศอดุ ร คือ ทิศเหนอื
๘. ทศิ อิสาน คอื ทศิ ตะวันออกเฉยี งเหนอื
๙. ทิศอากาศ คอื ทิศเบอ้ื งบน
๑๐. ทศิ ปฐวี คอื ทศิ เบ้ืองล่าง

อตตฺ า หิ อตตฺ โน นาโถ โก หิ นาโถ ปโร สยิ า
อตตฺ นา หิ สทนเฺ ตน นาถํ ลภติ ทุลลฺ ภํ
ตนแล เปน็ ทพ่ี ่ึงของตน คนอ่ืนใครเล่าจะเปน็ ท่พี ่งึ ได้
กบ็ ุคคลมตี นฝกึ ดีแลว้ ย่อมไดท้ พ่ี งึ่ ทีไ่ ดย้ าก.
(พุทธฺ ) ข.ุ ธ.๒๕/๒๖

389 ท่ีพักสงฆ์จนั ทรงั ษี

คาถามงคลจกั รวาลแปดทศิ

อิมสั ม๎ งิ มงคลจกั รวาลทั้งแปดทศิ
ประสทิ ธิ จงมาเป็นกำ� แพงแก้วทัง้ เจ็ดช้ัน
มาป้องกันหอ้ มล้อมรอบครอบทัว่ อนตั ตา
ราชะเสมานาเขตเตสะมันตา สะตะโยชะนะ สะตะ-
สะหสั สานิ พทุ ธะชาละปะรกิ เขตเต รกั ขนั ตุ สรุ กั ขนั ตุ.

ขอเหลา่ เทวดาในรอ้ ยพันจักรวาล ในร้อยโยชนโ์ ดยรอบเขตราชสีมา
ในรอบเขตขา่ ยของพระพทุ ธเจ้า จงรกั ษา จงรกั ษาใหด้ ี

อิมัส๎มิง มงคลจักรวาลท้ังแปดทศิ
ประสิทธิ จงมาเปน็ กำ� แพงแก้วทั้งเจด็ ช้ัน
มาป้องกันหอ้ มล้อมรอบครอบทั่วอนตั ตา
ราชะเสมานาเขตเตสะมันตา สะตะโยชะนะ สะตะ-
สะหสั สานิ ธัมมะชาละปะริกเขตเต รกั ขันตุ สุรักขนั ตุ.

ขอเหลา่ เทวดาในร้อยพันจักรวาล ในร้อยโยชน์โดยรอบเขตราชสีมา
ในรอบเขตขา่ ยของพระธรรมเจ้า จงรกั ษา จงรกั ษาใหด้ ี

อิมัส๎มงิ มงคลจกั รวาลทงั้ แปดทศิ
ประสิทธิ จงมาเป็นกำ� แพงแกว้ ท้ังเจด็ ชั้น
มาปอ้ งกนั ห้อมลอ้ มรอบครอบทัว่ อนตั ตา
ราชะเสมานาเขตเตสะมันตา สะตะโยชะนะ สะตะ-
สะหัสสานิ ปจั เจกะพุทธะชาละปะริกเขตเต รกั ขันตุ
สุรกั ขันตุ.

หนังสือสวดมนต์ 390

ขอเหล่าเทวดาในร้อยพนั จักรวาล ในร้อยโยชน์โดยรอบเขตราชสมี า
ในรอบเขตขา่ ยของพระปจั เจกพทุ ธเจ้า จงรักษา จงรกั ษาใหด้ ี

อิมสั ม๎ งิ มงคลจกั รวาลท้งั แปดทิศ
ประสิทธิ จงมาเปน็ กำ� แพงแก้วท้งั เจด็ ชนั้
มาปอ้ งกนั หอ้ มลอ้ มรอบครอบท่ัวอนัตตา
ราชะเสมานาเขตเตสะมันตา สะตะโยชะนะ สะตะ-
สะหัสสานิ สงั ฆะชาละปะริกเขตเต รักขนั ตุ สุรักขันตุ.

ขอเหล่าเทวดาในรอ้ ยพันจกั รวาล ในร้อยโยชนโ์ ดยรอบเขตราชสมี า
ในรอบเขตข่ายของพระสงั ฆเจ้า จงรกั ษา จงรักษาใหด้ ี

อปฺปมาทรตา โหถ สจติ ฺตมนรุ กขฺ ถ
ทุคฺคา อทุ ฺธรถตตฺ าน ํ ปงเฺ ก สนฺโนว กญุ ฺชโร
ท่านทงั้ หลาย จงยินดใี นความไม่ประมาท
คอยรักษาจติ ของตน จงถอนตนข้ึนจากหลม่
เหมอื นช้างทต่ี กหล่มถอนตนขน้ึ ฉะน้ัน.
(พุทธฺ ) ข.ุ ธ. ๒๕/๕๘

391 ท่ีพกั สงฆ์จนั ทรังษี

พระคาถาชนิ บญั ชร

พระคาถานเ้ี ปน็ คาถาศกั ดส์ิ ทิ ธ์ิ ตกทอดมาจากลงั กา ทา่ นเจา้ ประคณุ สมเดจ็
พระพฒุ าจารย์ (โต พรหมรงั ส)ี คน้ พบในคมั ภรี โ์ บราณ และไดด้ ดั แปลงแตง่ เตมิ
ใหด้ ขี นึ้ เปน็ เอกลักษณ์พิเศษ ผใู้ ดสวดภาวนา พระคาถาน้เี ป็นประจำ� สม�ำ่ เสมอ
จะท�ำให้เกิดความเป็นสิริมงคลแก่ตนเอง ศัตรูไม่กล้ากล�้ำกราย มีเมตตามหา
นิยม ขจัดภยั ตลอดจนคุณไสยตา่ งๆ
เพื่อให้เกิดอานุภาพย่ิงข้ึน กอ่ นเจริญภาวนาใหต้ ั้งนะโม ๓ จบ แล้วระลึก
ถึงคณุ ของสมเดจ็ พระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังส)ี และตั้งค�ำอธษิ ฐานว่า

ปุตตะกาโม ละเภ ปตุ ตัง ธะนะกาโม ละเภ ธะนัง
อัตถิ กาเย กายะญายะ เทวานัง ปยิ ะตัง สุตตะวา
อิตปิ โิ ส ภะคะวา ยะมะราชาโน ท้าวเวสสุวณั โณ
มะระณงั สุขัง อะระหงั สคุ ะโต นะโมพทุ ธายะ

เริ่มบทพระคาถาชนิ บญั ชร

๑. ชะยาสะนาคะตา พุทธา เชตะวามารงั สะวาหะนงั ,
จะตสุ จั จาสะภงั ระสงั เย ปิวิงสุ นะราสะภา.

พระพุทธเจ้าและพระนราสภาท้ังหลาย, ผู้ประทับนั่งแล้วบนชัย
บลั ลงั ก,์ ทรงพชิ ติ พระยามาราธริ าช ผพู้ รง่ั พรอ้ มดว้ ยเสนาราชพาหนะ,
แลว้ เสวยอมตรส คืออริยสัจธรรมทง้ั สี่ประการ, เป็นผ้นู �ำสรรพสัตว์
ให้ข้ามพ้นจากกเิ ลส และ กองทกุ ข์

หนังสอื สวดมนต์ 392

๒. ตณั ๎หงั กะราทะโย พทุ ธา อัฏฐะวีสะติ นายะกา,
สพั เพ ปะตฏิ ฐิตา มัยห๎ ัง มัตถะเก เต มุนสิ สะรา.
มี ๒๘ พระองคค์ อื พระผ้ทู รงพระนามว่าตณั หังกรเป็นอาทิ,
พระพทุ ธเจา้ ผูจ้ อมมนุ ีท้งั หมดนัน้
๓. สเี ส ปะติฏฐิโต มัยห๎ ัง พทุ โธ ธมั โม ทะวโิ ลจะเน,
สงั โฆ ปะติฏฐโิ ต มัยห๎ ัง อุเร สพั พะคุณากะโร.
ข้าพระพุทธเจ้า ขออัญเชญิ มาประดษิ ฐานเหนือเศยี รเกล้า,
องค์สมเด็จพระสัมมาสมั พทุ ธเจา้ ประดิษฐานอยบู่ นศีรษะ,
พระธรรมอยทู่ ดี่ วงตาทง้ั สอง, พระสงฆผ์ ้เู ป็นอากรบอ่ เกดิ
แห่งสรรพคุณอยทู่ ีอ่ ก
๔. หะทะเย เม อะนรุ ทุ โธ สารีปุตโต จะ ทกั ขิเณ,
โกณฑัญโญ ปิฏฐิภาคัส๎มิง โมคคัลลาโน จะวามะเก.
พระอนรุ ุทธะอยทู่ ใ่ี จ, พระสารบี ุตรอยเู่ บื้องขวา,
พระโมคคลั ลานะอยู่เบ้อื งซา้ ย, พระอัญญาโกณฑัญญะอยเู่ บื้องหลงั
๕. ทกั ขเิ ณ สะวะเน มัยห๎ ัง อาสงุ อานนั ทะราหโุ ล,
กสั สะโป จะ มะหานาโม อุภาสุง วามะโสตะเก.
พระอานนท์กับพระราหุลอยู่หูขวา, พระกัสสะปะกับพระมหานามะ
อย่ทู ่ีหซู ้าย
๖. เกสะโต ปิฏฐิภาคัสม๎ ิง สุรโิ ย วะ ปะภงั กะโร,
นิสินโน สิรสิ มั ปันโน โสภิโต มนุ ปิ งุ คะโว.
มนุ ผี ปู้ ระเสริฐคือ พระโสภติ ะผ้สู มบูรณด์ ้วยสริ ,ิ
ดงั พระอาทิตยส์ ่องแสงอยทู่ ่ีทกุ เส้นขน, ตลอดรา่ งทง้ั ข้างหน้า
และขา้ งหลงั

393 ทีพ่ ักสงฆจ์ ันทรงั ษี


Click to View FlipBook Version