ปจั โจปะการงั อะภิกงั ขะมานา.
มคี วามปรารถนาย่ิง ซง่ึ การตอบแทน
เต โข มะนุสสา ตะนกุ านภุ าวา
มนษุ ย์เหล่าน้นั แลเป็นผู้มีอานุภาพนอ้ ย
ภตู า วเิ สเสนะ มะหทิ ธิกา จะ,
สว่ นทา่ นท้ังหลายเปน็ ภตู ทีม่ ฤี ทธม์ิ ากต่างๆ กัน
อะทสิ สะมานา มะนเุ ชหิ ญาตา
ถงึ จะเป็นผทู้ ่ีมองไม่เห็นตัว, พวกมนษุ ยก์ ร็ ้จู กั กันอยูแ่ ลว้
ตสั ม๎ า หิ เน รักขะถะ อัปปะมตั ตา.
เพราะฉะน้ันแล ขอภูตท้ังหลายจงเป็นผู้ไม่ประมาท, ปกปักรักษา
มนษุ ย์เหลา่ น้ันเถดิ
เมอ่ื โลกสันนวิ าส อันไฟลุกโพลงอยเู่ ปน็ นติ ย์,
พวกเธอยงั จะรา่ เริง บนั เทงิ อะไรกนั หนอ?
เธอท้งั หลายอันความมดื ปกคลมุ แล้ว
ท�ำ ไมจึงไมแ่ สวงหาประทปี เล่า?
หนงั สือสวดมนต์ 244
บทสวดมนตต์ า่ งๆ และบทแผเ่ มตตา
ตงั ขะณิกะปัจจะเวกขะณะปาฐะ
(น�ำ) หันทะ มะยงั ตงั ขะณกิ ะปัจจะเวกขะณะปาฐัง
ภะณามะ เส
(เชญิ เถดิ เราทั้งหลาย, จงกลา่ วบาลเี ป็นเคร่อื งพิจารณาปัจจัย ๔
ในขณะน้เี ถดิ )
(พÔ¨ÒÃณÒ¡èÍนãªéÊͨÕÇÃ)
ปะฏสิ ังขา โยนโิ ส จวี ะรัง เรายอ่ มพจิ ารณาโดยแยบคาย
ปะฏิเสวาม,ิ
ยาวะเทวะ สีตสั สะ แลว้ นงุ่ ห่มจวี ร
ปะฏิฆาตายะ, เพียงเพือ่ บ�ำบัดความหนาว
อณุ ๎หสั สะ ปะฏิฆาตายะ, เพื่อบำ� บัดความร้อน
ฑังสะมะกะสะวาตาตะ- เพ่อื บ�ำบัดสัมผสั อนั เกิดจาก
ปะสริ งิ สะปะสมั ผัสสานงั เหลอื บ ยุง ลม แดด, และ
ปะฏิฆาตายะ,
ยาวะเทวะ หิรโิ กปนิ ะ- สัตว์เลือ้ ยคลานท้ังหลาย
ปะฏิจฉาทะนตั ถงั . และเพยี งเพอื่ ปกปิดอวยั วะ
อันให้เกดิ ความละอาย
(พÔ¨ÒÃณÒ¡èÍนºÃÔâÀคÍÒËÒÃ)
ปะฏิสังขา โยนโิ ส เรายอ่ มพจิ ารณาโดยแยบคาย
ปิณฑะปาตัง ปะฏเิ สวามิ, แล้วบริโภคบิณฑบาต
245 ทพี่ กั สงฆจ์ ันทรงั ษี
เนวะ ทว๎ ายะ นะ ไมใ่ ชเ่ ปน็ ไปเพอ่ื ความเพลดิ เพลนิ
มะทายะ นะ มณั ฑะนายะ สนกุ สนาน, ไมใ่ ชเ่ ป็นไปเพ่ือ
นะ วภิ สู ะนายะ,
ความเมามนั , ไม่ใช่เปน็ ไปเพ่ือ
ประดบั , ไมใ่ ชเ่ ปน็ ไปเพอ่ื ตกแตง่
ยาวะเทวะ อิมัสสะ
กายัสสะ ฐิติยา แตใ่ หเ้ ปน็ ไปเพยี งเพอื่ ความตงั้ อยู่
ยาปะนายะ ไดแ้ ห่งกายนี้, เพือ่ ความเปน็ ไป
วหิ งิ สุปะระตยิ า ได้ของอัตภาพ, เพอ่ื ระงับความ
ลำ� บากทางกาย, เพอื่ อนเุ คราะห์
พ๎รัห๎มะจะรยิ านคุ คะหายะ, แก่การประพฤติพรหมจรรย์
อติ ิ ปรุ านญั จะ เวทะนัง ดว้ ยการทำ� อยา่ งน,ี้ เรายอ่ มระงบั
ปะฏิหังขามิ นะวญั จะ เสยี ได้ ซึ่งทกุ ขเวทนาเกา่ คอื
เวทะนงั นะ
อปุ ปาเทสสามิ, ความหิว, และไมท่ ำ� ทกุ ขเวทนา
ใหมใ่ ห้เกิดขน้ึ
ยาต๎รา จะ เม ภะวสิ สะติ อนงึ่ ความเปน็ ไปโดยสะดวกแหง่
อะนะวชั ชะตา จะ
ผาสุวหิ าโร จาติ. อตั ภาพนด้ี ว้ ย, ความเปน็ ผหู้ าโทษ
มิได้ด้วย, และความเป็นอยูโ่ ดย
ผาสกุ ดว้ ย, จกั มแี กเ่ รา ดงั น้ี
(พÔ¨ÒÃณÒ¡èÍนãªéÊÍÂàÊนÒÊนะ)
ปะฏิสงั ขา โยนโิ ส เราย่อมพจิ ารณาโดยแยบคาย
เสนาสะนัง ปะฏิเสวามิ, แลว้ ใชส้ อยเสนาสนะ
ยาวะเทวะ สีตสั สะ
ปะฏิฆาตายะ, เพยี งเพือ่ บ�ำบดั ความหนาว
หนงั สือสวดมนต์ 246
อุณ๎หัสสะ ปะฏฆิ าตายะ, เพ่อื บ�ำบดั ความรอ้ น
ฑังสะมะกะสะวาตาตะปะ- เพื่อบำ� บดั สัมผัสอันเกดิ จาก
สริ ิงสะปะสมั ผัสสานงั เหลอื บ ยุง ลม แดด,
ปะฏฆิ าตายะ, และสัตว์เล้อื ยคลานท้ังหลาย
ยาวะเทวะ เพียงเพอ่ื บรรเทาอันตรายอันจะ
อุตปุ ะรสิ สะยะวโิ นทะนัง พึงมีจากดนิ ฟ้าอากาศ, และเพือ่
ปะฏิสัลลานารามัตถัง. ความเปน็ ผู้ยินดใี นท่หี ลกี เรน้
ส�ำหรับภาวนา
(พÔ¨ÒÃณÒ¡èÍนºÃÔâÀคÂÒ)
ปะฏสิ ังขา โยนิโส เราย่อมพจิ ารณาโดยแยบคาย
คิลานะปัจจะยะเภสชั ชะ- แล้ว, บรโิ ภคเภสชั บรขิ าร
ปะริกขารัง ปะฏิเสวามิ, อันเกอื้ กูลแกค่ นไข้
ยาวะเทวะ อปุ ปันนานัง เพียงเพอื่ บ�ำบดั ทกุ ขเวทนา,
เวยยาพาธกิ านัง
อันบังเกิดขนึ้ แลว้ มี
เวทะนานงั ปะฏฆิ าตายะ, อาพาธตา่ ง ๆ เปน็ มูล
อพั ย๎ าปัชฌะปะระ-
มะตายาติ. เพ่อื ความเปน็ ผไู้ มม่ โี รค
เบยี ดเบียนเป็นอย่างยิ่ง, ดงั นี้
การใหธ้ รรมะเปน็ ทาน ย่อมชนะการให้ทง้ั ปวง
247 ท่ีพักสงฆ์จนั ทรังษี
อะตตี ะปจั จะเวกขะณะปาฐะ
(น�ำ) หนั ทะ มะยงั อะตตี ะปจั จะเวกขะณะปาฐงั
ภะณามะ เส.
(เชิญเถิด เราทง้ั หลาย, จงกลา่ วบาลเี ปน็ เครอ่ื งพจิ ารณาปจั จัย ๔
ท่ลี ่วงกาลแลว้ เถิด)
(พÔ¨ÒÃณÒÀÒÂËÅѧ¡ÒÃãªéÊͨÕÇÃ)
อชั ชะ มะยา จวี ร (อบุ าสก-อบุ าสกิ าวา่ อาภรณ)์
อะปจั จะเวกขิต๎วา ยงั ใดอนั เรานุ่งห่มแลว้ ไมท่ ัน
จีวะรัง ปะริภุตตงั ,
พิจารณาในวนั น้ี
ตงั ยาวะเทวะ สีตัสสะ จวี รน้นั เรานุ่งห่มแล้ว
ปะฏิฆาตายะ,
เพียงเพือ่ บ�ำบดั ความหนาว
อณุ ห๎ สั สะ ปะฏฆิ าตายะ, เพื่อบ�ำบดั ความรอ้ น
ฑงั สะมะกะสะวาตาตะปะ- เพื่อบ�ำบัดสัมผัสอันเกิดจาก
สิริงสะปะสมั ผัสสานงั เหลอื บ ยุง ลม แดด, และ
ปะฏิฆาตายะ,
ยาวะเทวะ สัตว์เล้ือยคลานทงั้ หลาย
เพยี งเพ่ือปกปิดอวยั วะ
หริ โิ กปนิ ะปะฏจิ ฉาทะนัตถงั . อันใหเ้ กดิ ความละอาย
หนังสือสวดมนต์ 248
(พÔ¨ÒÃณÒÀÒÂËÅѧ¡ÒúÃÔâÀคºÔณ±ºÒµ)
อัชชะ มะยา บิณฑบาตใดอันเราบริโภคแลว้
อะปจั จะเวกขติ ๎วา โย ไมท่ นั พจิ ารณาในวนั น้ี
ปิณฑะปาโต ปะริภตุ โต,
โส เนวะ ทว๎ ายะ นะ
บณิ ฑบาตนัน้ เราบรโิ ภคแลว้ ,
มะทายะ นะ มณั ฑะนายะ ไมใ่ ช่ เปน็ ไปเพอ่ื ความเพลดิ เพลนิ
นะ วภิ สู ะนายะ,
สนุกสนาน, ไม่ใช่เปน็ ไปเพอ่ื
ความเมามนั , ไมใ่ ชเ่ ป็นไปเพ่ือ
ประดบั , ไมใ่ ชเ่ ปน็ ไปเพอื่ ตกแตง่
ยาวะเทวะ อิมัสสะ
แตใ่ หเ้ ปน็ ไปเพยี งเพอ่ื ความตงั้ อยู่
กายสั สะ ฐติ ิยา ยาปะนายะ ไดแ้ ห่งกายนี้, เพือ่ ความเปน็ ไป
วิหิงสุปะระติยา พ๎รัหม๎ ะ- ได้ของอัตภาพ, เพื่อระงับความ
จะริยานุคคะหายะ,
ลำ� บากทางกาย, เพอื่ อนุเคราะห์
แกก่ ารประพฤตพิ รหมจรรย์
อิติ ปุราณญั จะ เวทะนงั ดว้ ยการทำ� อยา่ งน,้ี เรายอ่ มระงบั
ปะฏิหงั ขามิ นะวัญจะ เสยี ได้ ซง่ึ ทกุ ขเวทนาเกา่ คอื ความ
เวทะนัง นะ อปุ ปาเทสสามิ, หิว, และไมท่ �ำทกุ ขเวทนาใหม่
ใหเ้ กิดขึน้
ยาตร๎ า จะ เม ภะวสิ สะติ อนง่ึ ความเปน็ ไปโดยสะดวกแหง่
อะนะวชั ชะตา จะ
ผาสวุ หิ าโร จาต.ิ อตั ภาพนดี้ ว้ ย, ความเปน็ ผหู้ าโทษ
มิได้ดว้ ย, และความเป็นอยโู่ ดย
ผาสุกดว้ ย, จกั มแี กเ่ รา ดงั นี้
249 ที่พักสงฆจ์ ันทรงั ษี
(พÔ¨ÒÃณÒÀÒÂËÅѧ¡ÒÃãªéÊÍÂàÊนÒÊนะ)
อัชชะ มะยา เสนาสนะใดอันเราใช้สอยแล้ว
อะปจั จะเวกขิตว๎ า ยงั ไมท่ นั พจิ ารณาในวันนี้
เสนาสะนงั ปะรภิ ตุ ตงั ,
ตงั ยาวะเทวะ สีตัสสะ เสนาสนะนัน้ เราใชส้ อยแลว้
ปะฏิฆาตายะ,
เพียงเพอื่ บ�ำบดั ความหนาว
อุณ๎หัสสะ ปะฏิฆาตายะ, เพ่อื บ�ำบัดความรอ้ น
ฑงั สะมะกะสะวาตาตะปะ- เพือ่ บ�ำบดั สมั ผัสอันเกิดจาก
สริ ิงสะปะสัมผัสสานัง เหลอื บ ยงุ ลม แดด,
ปะฏฆิ าตายะ,
ยาวะเทวะ และสัตวเ์ ล้อื ยคลานท้งั หลาย
เพยี งเพอื่ บรรเทาอนั ตราย อนั จะ
อตุ ปุ ะริสสะยะวิโนทะนัง พึงมีจากดนิ ฟ้าอากาศ, และเพ่ือ
ปะฏสิ ลั ลานารามตั ถัง.
ความเปน็ ผูย้ นิ ดใี นทหี่ ลีกเรน้
สำ� หรับภาวนา
(พÔ¨ÒÃณÒÀÒÂËÅѧ¡ÒúÃÔâÀคคÅิ ÒนàÀÊѪ)
อัชชะ มะยา คลิ านเภสชั บรขิ ารใดอนั เราบรโิ ภค
อะปจั จะเวกขติ ๎วา โย
คลิ านะปัจจะยะเภสัชชะ- แลว้ ไม่ทันพิจารณาในวันนี้
ปะริกขาโร ปะริภตุ โต,
หนงั สอื สวดมนต์ 250
โส ยาวะเทวะ อุปปันนานงั คิลานเภสชั บริขารน้ันเราบรโิ ภค
เวยยาพาธกิ านัง เวทะนานงั แลว้ เพยี งเพอื่ บำ� บดั ทกุ ขเวทนา,
ปะฏฆิ าตายะ,
อนั บังเกิดขึ้นแลว้ มีอาพาธตา่ งๆ
เปน็ มูล
อัพย๎ าปัชฌะปะระมะตายาติ. เพ่อื ความเป็นผูไ้ มม่ ีโรค
เบียดเบียนเปน็ อย่างยง่ิ , ดังนี้
ธาตุปะฏกิ ลู ะปจั จะเวกขะณะปาฐะ
(น�ำ) หนั ทะ มะยัง ธาตปุ ะฏิกูละปัจจะเวกขะณะปาฐัง
ภะณามะ เส.
(เชญิ เถดิ เราทั้งหลาย, จงสวดบาลเี ปน็ เคร่อื งพิจารณาปัจจยั ๔
โดยความเป็นธาตุปฏกิ ูลเถดิ )
(พÔ¨ÒÃณÒ¨ÕÇÃ)
ยะถาปัจจะยงั ปะวัตตะมานงั ธาตุมตั ตะเมเวตัง
ส่ิงเหล่านี้เป็นสักว่าธาตุตามธรรมชาติเท่าน้ัน, ก�ำลังเป็นไปตามเหตุ
ตามปัจจัยอยู่เนอื งนจิ
ยะทิทงั จวี ะรงั , ตะทปุ ะภญุ ชะโก จะ ปุคคะโล
สิง่ เหลา่ นีค้ อื จวี ร (อุบาสก-อบุ าสกิ าวา่ อาภรณ์), และคนผใู้ ชส้ อย
จีวรน้นั
ธาตุมัตตะโก
นสิ สตั โต เป็นสกั ว่าธาตุตามธรรมชาติ
มิได้เป็นสตั วะอันยงั่ ยืน
251 ที่พักสงฆจ์ ันทรังษี
นิชชโี ว มใิ ช่ชีวะอนั เปน็ บรุ ษุ บุคคล
สุญโญ, ว่างเปล่าจากความหมายแหง่
ความเป็นตัวตน
ก็จีวรทั้งหมดนี้ ไมเ่ ป็นของ
น่าเกลยี ดมาแต่เดมิ
สพั พานิ ปะนะ อมิ านิ คร้ันมาถูกเข้ากบั กายอนั เนา่ อยู่
จีวะรานิ อะชคิ ุจฉะนียานิ, เปน็ นิจนีแ้ ลว้ , ยอ่ มกลายเป็นของ
อมิ ัง ปูตกิ ายัง ปตั ว๎ า นา่ เกลียดอย่างย่งิ ไปด้วยกัน
อะติวยิ ะ ชคิ ุจฉะนยี าน ิ
ชายนั ต.ิ
(พÔ¨ÒÃณÒÍÒËÒÃ)
ยะถาปัจจะยัง ปะวัตตะมานงั ธาตุมตั ตะเมเวตงั
ส่ิงเหล่าน้ีเป็นสักว่าธาตุตามธรรมชาติเท่านั้น, ก�ำลังเป็นไปตามเหตุ
ตามปจั จยั อยเู่ นืองนจิ
ยะททิ ัง ปิณฑะปาโต, ตะทปุ ะภญุ ชะโก จะ ปคุ คะโล
ส่ิงเหลา่ นี้คือ อาหารบณิ ฑบาต, และคนผ้บู รโิ ภคอาหารบณิ ฑบาตนน้ั
ธาตุมัตตะโก
นสิ สตั โต เป็นสกั ว่าธาตตุ ามธรรมชาติ
นิชชโี ว มไิ ด้เปน็ สตั วะอนั ยงั่ ยนื
สญุ โญ, มใิ ช่ชีวะอนั เปน็ บรุ ษุ บคุ คล
วา่ งเปล่าจากความหมายแหง่
ความเป็นตวั ตน
สัพโพ ปะนายงั กอ็ าหารบิณฑบาตทง้ั หมดนี้
ปิณฑะปาโต อะชิคจุ ฉะนีโย, ไมเ่ ปน็ ของนา่ เกลยี ดมาแตเ่ ดิม
หนงั สอื สวดมนต์ 252
อิมงั ปตู กิ ายัง ปตั ๎วา ครั้นมาถูกเข้ากบั กายอันเน่าอยู่
อะตวิ ยิ ะ ชิคุจฉะนโี ย เปน็ นจิ นีแ้ ล้ว, ย่อมกลายเปน็ ของ
ชายะต.ิ ของน่าเกลยี ดอยา่ งยิ่งไปดว้ ยกัน
(พÔ¨ÒÃณÒ·ÕèÍÂÙèÍÒÈÑÂ)
ยะถาปจั จะยัง ปะวัตตะมานัง ธาตมุ ตั ตะเมเวตัง
สิ่งเหล่าน้ีเป็นสักว่าธาตุตามธรรมชาติเท่าน้ัน, ก�ำลังเป็นไปตามเหตุ
ตามปัจจัยอยู่เนอื งนจิ
ยะททิ งั เสนาสะนงั , ตะทปุ ะภญุ ชะโก จะ ปุคคะโล
สงิ่ เหล่านีค้ อื เสนาสนะ, และคนผู้ใชส้ อยเสนาสนะน้นั
ธาตุมัตตะโก
นิสสตั โต เป็นสักว่าธาตุตามธรรมชาติ
นิชชีโว มไิ ด้เปน็ สัตวะอนั ยัง่ ยนื
สุญโญ, มิใชช่ วี ะอันเปน็ บุรษุ บุคคล
วา่ งเปล่าจากความหมายแหง่
ความเปน็ ตัวตน
สัพพานิ ปะนะ อมิ านิ ก็เสนาสนะทัง้ หมดนี้
เสนาสะนานิ อะชคิ จุ ฉะนยี านิ, ไมเ่ ป็นของนา่ เกลยี ดมาแตเ่ ดิม
อมิ ัง ปูติกายัง ปัต๎วา
คร้ันมาถูกเขา้ กับกายอันเน่าอยู่
อะตวิ ยิ ะ ชิคุจฉะนียาน ิ เป็นนจิ นี้แลว้ , ย่อมกลายเปน็ ของ
ชายนั ต.ิ
น่าเกลยี ดอย่างย่งิ ไปด้วยกนั
253 ท่ีพักสงฆ์จันทรงั ษี
(พÔ¨ÒÃณÒÂÒÃÑ¡ÉÒâÃค)
ยะถาปัจจะยัง ปะวตั ตะมานงั ธาตุมตั ตะเมเวตัง
สิ่งเหล่าน้ีเป็นสักว่าธาตุตามธรรมชาติเท่านั้น, ก�ำลังเป็นไปตามเหตุ
ตามปัจจยั อยู่เนืองนิจ
ยะทิทัง คิลานะปจั จะยะเภสชั ชะปะริกขาโร,
ตะทุปะภุญชะโก จะ ปุคคะโล
สิง่ เหลา่ น้คี ือ เภสัชบริขารอันเกือ้ กูลแกค่ นไข,้ และคนผบู้ ริโภค
เภสัชบริขารน้ัน
ธาตุมตั ตะโก
นสิ สัตโต เปน็ สกั วา่ ธาตตุ ามธรรมชาติ
นิชชีโว
สญุ โญ, มไิ ดเ้ ปน็ สตั วะอนั ยง่ั ยนื
มใิ ช่ชวี ะอันเป็นบุรุษบคุ คล
ว่างเปลา่ จากความหมายแหง่
ความเป็นตวั ตน
สพั โพ ปะนายัง คิลานะปจั จะยะเภสชั ชะปะรกิ ขาโร
อะชคิ ุจฉะนีโย,
ก็คลิ านเภสัชบรขิ ารท้งั หมดน้,ี
ไม่เปน็ ของน่าเกลยี ดมาแตเ่ ดมิ
อมิ งั ปตู ิกายงั ปัตว๎ า
อะติวิยะ ชิคุจฉะนโี ย ครน้ั มาถกู เขา้ กับกายอนั เนา่ อยู่
ชายะต.ิ เป็นนิจนี้แล้ว, ยอ่ มกลายเป็นของ
น่าเกลียดอย่างยิ่งไปด้วยกัน ดังน้ี
หนงั สอื สวดมนต์ 254
คำ� นมสั การรอยพระพุทธบาท
วันทามิ พทุ ธัง ภะวะปาระติณณัง,
ข้าพเจา้ ขอนมสั การพระพทุ ธเจา้ ผู้ขา้ มพ้นฝ่งั แห่งภพ,
ตโิ ลกะเกตงุ ติภะเวกะนาถงั ,
ผูเ้ ปน็ ธงชัยของไตรโลก ผเู้ ปน็ นาถะอันเอกของไตรภพ,
โย โลกะเสฏโฐ สะกะลงั กเิ ลสงั , เฉตว๎ านะ โพเธสิ ชะนงั
อะนันตงั .
ผปู้ ระเสรฐิ ในโลก ตดั กเิ ลสทั้งส้ินไดแ้ ล้ว ชว่ ยปลกุ ชน
หาทส่ี ุดมิได้ ใหต้ รัสรมู้ รรคผลและนิพพาน.
ยัง นมั มะทายะ นะทิยา ปรุ ิเน จะ ตเี ร,
รอยพระบาทใด อนั พระพทุ ธองค์ไดท้ รงแสดงไว้
ในหาดทรายแทบฝง่ั แม่น้�ำนมั มะทา,
ยงั สจั จะพนั ธะคริ ิเก สุมะนา จะ ลคั เค,
รอยพระบาทใด อันพระพุทธองค์ได้ทรงแสดงไว้
เหนอื เขาสจั จะพนั ธแ์ ละเหนอื ยอดเขาสมุ ะนา,
ยัง ตัตถะ โยนะกะปเุ ร มนุ ิโน จะ ปาทงั ,
รอยพระบาทใด อนั พระพทุ ธองค์ได้ทรงแสดงไว้
ในเมอื ง โยนะกะ,
ตงั ปาทะลญั ชะนะมะหงั สริ ะสา นะมามิ.
ขา้ พเจา้ ขอนมัสการพระบาท และรอยพระบาทนนั้ ๆ
ของพระมุนดี ้วยเศียรเกล้า.
255 ท่ีพกั สงฆจ์ ันทรังษี
สวุ ณั ณะมาลเิ ก สวุ ณั ณะปพั พะเต, สมุ ะนะกเู ฏ โยนะกะ-
ปเุ ร นมั มะทายะ นะทยิ า, ปญั จะปาทะวะรงั ฐานงั อะหงั
วนั ทามิ ทรู ะโต.
ขา้ พเจา้ ขอนมสั การสถานทม่ี รี อยพระบาทอนั ประเสรฐิ ๕
สถานแตท่ ไี่ กล, คอื ทเี่ ขาสวุ รรณะมาลกิ ะ ๑, ทเี่ ขาสวุ รรณะบรรพต ๑,
ท่ยี อดเขาสุมะนะกฏู ๑, ท่ีโยนะกะบุรี ๑, ทแี่ ม่น้�ำ นัมมะทา ๑.
อจิ เจวะมจั จนั ตะนะมสั สะเนยยงั , นะมสั สะมาโน ระตะนตั -
ตะยงั ยงั ,
ขา้ พเจา้ ขอนมัสการอยูซ่ ง่ึ พระรตั นตรยั ใด,
อนั บุคคลควรไหว้ โดยสว่ นยง่ิ , อยา่ งน้ี ด้วยประการฉะน้.ี
ปุญญาภิสนั ทัง วปิ ุลัง อะลัตถัง,
ได้แลว้ ซงึ่ กองบญุ อันไพบูลย,์
ตสั สานภุ าเวนะ หะตนั ตะราโย.
ขออำ� นาจแหง่ พระรตั นตรยั นนั้ จงกำ� จดั ภยั อนั ตราย เสยี เถดิ .
อามันตะยามิ โว ภิกขะเว,
ดกู ่อนภิกษทุ ้ังหลาย เราขอเตือนทา่ นทั้งหลาย,
ปะฏเิ วทะยามิ โว ภกิ ขะเว,
ดกู ่อนภิกษทุ ั้งหลาย, เราขอให้ท่านทง้ั หลายทราบไวว้ า่ ,
ขะยะวะยะธัมมา สังขารา,
สงั ขารทงั้ หลายมคี วามเส่อื มสิ้นไปเป็นธรรมดา.
อปั ปะมาเทนะ สมั ปาเทถาติ.
ขอทา่ นท้ังหลายจงยงั ประโยชนต์ นและประโยชน์ท่าน,
ใหถ้ งึ พรอ้ มดว้ ยความไมป่ ระมาทเถดิ , ดว้ ยประการฉะนแ้ี ล.
หนังสือสวดมนต์ 256
ทสธรรมสูตร
ทะสะอิเม ภกิ ขะเว ดูก่อนภิกษทุ งั้ หลาย
ธัมมา ปพั พะชิเตนะ
ธรรมสบิ ประการนี้ อันบรรพชิต
อะภณิ หî งั ปัจจะเวกขติ พั พัง ควรพจิ ารณาเน่ืองๆ
กะตะเม ทะสะ
สบิ อยา่ งนค้ี ือ
• เววัณณิยมั หิ อชั ฌปู ะคะโตต.ิ
บัดนเ้ี รามีเพศต่างจากคฤหัสถ์แลว้ อาการกริ ิยาใดๆ ของสมณะ
เราตอ้ งท�ำอาการกริ ิยานนั้ ๆ
• ปะระปะฏิพทั ธา เม ชวี กิ าต ิ.
การเลยี้ งชพี ของเราเนื่องด้วยผู้อื่น เราควรทำ� ตวั ให้เขาเล้ียงงา่ ย
• อัญโญ เม อากัปโป กะระณีโยติ.
อาการกายวาจาอย่างอน่ื ทเ่ี ราจะตอ้ งทำ� ใหด้ ขี ึน้ ไปกว่าน้ี ยังมอี ยูอ่ ีก
มใิ ชเ่ พียงเทา่ นี้
• กจั จิ นุ โข เม อตั ตา สีละโต นะ อปุ ะวะทะตีต.ิ
ตวั เราเองติเตียนตัวเราเอง โดยศีลได้หรือไม่
• กัจจิ นุ โข มงั อะนวุ จิ จะ วญิ ญู สะพรî หั îมะจารี
สลี ะโต นะ อุปะวะทนั ตีติ.
ทา่ นผรู้ ูใ้ คร่ครวญแล้ว ตเิ ตียนตัวเราโดยศลี ได้หรอื ไม่
• สพั เพหิ เม ปเิ ยหิ มะนาเปหิ นานาภาโว วนิ าภาโวต.ิ
เราจะละเวน้ เปน็ ตา่ งๆ คอื วา่ จะตอ้ งพลดั พรากจากของรกั ของเจรญิ ใจ
ทั้งสิ้นไป
257 ทีพ่ ักสงฆจ์ ันทรงั ษี
• กมั มสั สะโกมหî ิ กมั มะทายาโท กมั มะโยนิ กมั มะพนั ธุ
กมั มะปะฏิสะระโณ, ยงั กัมมัง กะรสิ สามิ กัลยî าณัง
วา ปาปะกงั วา ตสั สะ ทายาโท ภะวิสสามีต.ิ
เรามกี รรมเป็นของๆ ตน มีกรรมเปน็ ผ้ใู หผ้ ล มกี รรมเป็นแดนเกิด
มีกรรมเป็นผตู้ ิดตาม มกี รรมเปน็ ท่พี ึงอาศัย เราจกั ทำ� กรรมอันใดไว้
เป็นบุญหรือเป็นบาป เราจักเป็นทายาท คือว่าจักต้องได้รับผลของ
กรรมน้นั สบื ไป
• กะถมั ภูตัสสะ เม รัตตินทิวา วีติปะตันตีติ.
วนั คนื ลว่ งไปๆ บัดน้ีเรา ทำ� อะไรอยู่
• กจั จิ นุ โขหงั สญุ ญาคาเร อะภิระมามีติ.
เรายินดีในท่สี งดั หรือไม่
• อตั ถิ นุ โข เม อุตตะริมะนุสสะธัมมา,
อะละมะรยิ ะญาณะทสั สะนะวเิ สโส อะธคิ ะโต, โสหงั
ปัจฉเิ ม กาเล สะพรî หั îมะจารีหิ ปุฏโฐ นะ มงั กุ
ภะวสิ สามตี ิ.
คณุ วิเศษของเรามีอยูห่ รอื ไม่ ทีจ่ ะท�ำให้เราเปน็ ผ้ไู ม่เก้อเขนิ ในเวลา
เพอ่ื นบรรพชิตถามในกาลภายหลัง
อเิ ม โข ภิกขะเว ทะสะ ธัมมา ปพั พะชิเตนะ
อะภิณหî ัง ปัจจะเวกขิตัพพาติ.
ดกู อ่ นภิกษุทง้ั หลาย ธรรมสิบประการนี้ อนั บรรพชิต ควรพิจารณา
เนืองๆ อย่างนแี้ ล
หนงั สอื สวดมนต์ 258
สามเณรสกิ ขา
(สกิ ขาบท ๑๐)
อะนญุ ญาสิ โข ภะคะวา พระผมู้ พี ระภาคเจา้ ทรงอนญุ าต
ไวแ้ ล้วแล
สามะเณรานัง ทะสะ ซึ่งสิกขาบทสบิ ประการแก่
สิกขาปะทานิ
สามเณรทั้งหลาย
เตสุ จะ สามะเณเรห ิ และเพอื่ ให้สามเณรศกึ ษาใน
สกิ ขติ ุง
สิกขาบทเหล่านน้ั คอื
• ปาณาติปาตา เวระมะณ ี เจตนาเคร่อื งงดเว้นจากการทำ�
สัตวท์ มี่ ชี วี ิตในตกล่วงไป
• อะทินนาทานา เวระมะณี เจตนาเครื่องงดเวน้ จากการ
• อะพรัหมะจะรยิ า ถือเอาของที่เจ้าของไมไ่ ด้ให้
เวระมะณ ี เจตนาเครอ่ื งงดเวน้ จากกรรม
อนั เปน็ ขา้ ศกึ แก่พรหมจรรย์
• มุสาวาทา เวระมะณี เจตนาเครื่องงดเว้นจากการ
พดู ปด
• สรุ าเมระยะมชั ชะปะ- เจตนาเครื่องงดเวน้ จากเหตอุ นั
มาทัฏฐานา เวระมะณี เป็นทีต่ ้งั แหง่ ความประมาทคอื
คอื การดื่มกินสุรา และเมรยั
259 ท่พี กั สงฆ์จันทรงั ษี
• วกิ าละโภชะนา เวระมะณี เจตนาเครอ่ื งงดเวน้ จากการ
บริโภคอาหารในเวลาวิกาล
• นัจจะคีตะวาทิตะวสิ กู ะ- เจตนาเครอื่ งงดเว้นจากการขับ
ทสั สะนา เวระมะณ ี ร้องฟอ้ นรำ� และประโคมดนตรี
และดกู ารเล่นต่างๆ
เจตนาเคร่อื งงดเวน้ จากการทัด
• มาลาคนั ธะวเิ ลปะนะ- ทรงดอกไม้ตกแตง่ ดว้ ยดอกไม้
ธาระณะมณั ฑะนะวิภู-
สะนัฏฐานา เวระมะณี ของหอม เครือ่ งยอ้ มเครอื่ งทา
• อุจจาสะยะนะมะหา-
สะยะนา เวระมะณี เจตนาเครอ่ื งงดเวน้ จากการน่งั
หรอื นอนเหนอื ทนี่ งั่ ทน่ี อนอนั สงู
อันใหญ่
• ชาตะรปู ะระชะตะปะฏิค- เจตนาเครื่องงดเวน้ จากการรบั
คะหะณา เวระมะณ ี เงนิ และทอง
นาสนังคะ ๑๐
อะนญุ ญาสิ โข ภะคะวา พระผมู้ พี ระภาคเจา้ ทรงอนญุ าต
ไว้แล้วแล
ทะสะหิ องั เคหิ สะมนั นา- เพอ่ื ยังสามเณรผปู้ ระกอบดว้ ย
คะตัง สามะเณรัง นาเสตงุ องค์สบิ ให้ฉบิ หาย
กะตะเมหิ ทะสะห ิ องค์สิบอะไรบา้ ง
หนงั สือสวดมนต์ 260
• ปาณาติปาตี โหต ิ คอื สามเณรชอบทำ� สตั วท์ มี่ ชี วี ติ
• อะทินนาทายี โหติ ใหต้ กล่วงไป
สามเณรชอบถอื เอาสงิ่ ของท่ี
• อะพรหั มะจารี โหติ เจา้ ของเขาไมไ่ ด้ให้
สามเณรไม่ชอบประพฤติ
พรหมจรรย์
• มสุ าวาที โหติ
• มัชชะปายี โหต ิ สามเณรชอบพดู ปด
สามเณรชอบดม่ื กนิ ของเมา
• พุทธัสสะ อะวณั ณงั ภาสะต ิ สามเณรกล่าวติเตยี น
พระพุทธเจา้
• ธมั มัสสะ อะวัณณัง ภาสะต ิ สามเณรกลา่ วตเิ ตยี นพระธรรม
• สังฆสั สะ อะวณั ณัง ภาสะติ สามเณรกล่าวติเตียนพระสงฆ์
• มจิ ฉาทฏิ ฐโิ ก โหติ
สามเณรเปน็ ผมู้ ีความเห็นผิด
• ภิกขุณี ทสู ะโก โหต ิ จากธรรมวนิ ัย
สามเณรชอบประทษุ รา้ ยภกิ ษณุ ี
อะนญุ ญาสิ โข ภะคะวา พระผมู้ พี ระภาคเจา้ ทรงอนญุ าต
อเิ มหิ ทะสะหิ องั เคห ิ ไวแ้ ลว้ แล
สะมันนาคะตัง สามะเณรงั
นาเสตุนต ิ เพอ่ื ยงั สามเณรผปู้ ระกอบดว้ ย
องคส์ บิ เหล่าน้ใี ห้ฉบิ หาย,
ดังน้ี
261 ทพี่ ักสงฆจ์ นั ทรงั ษี
ทัณฑกรรม ๕
อะนญุ ญาสิ โข ภะคะวา พระผมู้ พี ระภาคเจา้ ทรงอนญุ าต
ไวแ้ ลว้ แล
ปญั จะหิ องั เคหิ สะมนั นา- เพอื่ ทำ� ทณั ฑกรรมคอื ลงโทษแก่
คะตัสสะ สามเณรัสสะ สามเณรผู้ประกอบด้วยองค์
ทัณฑะกัมมงั กาตงุ
กะตะเมหิ ปัญจะหิ ห้าอยา่ ง
• ภิกขูนงั อะลาภายะ องค์หา้ อย่างอะไรบ้าง
ปะรสิ สักกะติ คอื สามเณรพยายามทำ� ใหภ้ กิ ษุ
เสื่อมลาภท่คี วรจะได้
• ภกิ ขูนงั อะนตั ถายะ สามเณรพยายามทำ� สง่ิ ทไ่ี มเ่ ปน็
ปะรสิ สักกะต ิ
ประโยชน์แกภ่ กิ ษุทง้ั หลาย
• ภกิ ขนู งั อะนาวาสายะ สามเณรพยายามท�ำไมใ่ ห้ภิกษุ
ปะรสิ สักกะติ
• ภกิ ขู อกั โกสะติ อยู่อยา่ งสงบ
ปะรภิ าสะติ สามเณรด่าและพดู ขูภ่ กิ ษุ
• ภิกขู ภกิ ขหู ิ เภเทต ิ ท้ังหลาย
สามเณรยใุ หภ้ กิ ษุแตกกัน
อะนุญญาสิ โข ภะคะวา พระผมู้ พี ระภาคเจา้ ทรงอนญุ าต
ไว้แล้วแล
อเิ มหิ ปัญจะหิ อังเคหิ เพอื่ ทณั ฑกรรมแกส่ ามเณรผทู้ ำ�
สะมันนาคะตัสสะ
ผิดประกอบดว้ ยองคห์ า้ อยา่ ง
สามะเณรสั สะ ทณั ฑะ- เหล่านี้, ดงั นี้
กัมมัง กาตุนติ
หนงั สือสวดมนต์ 262
อะภิณหะปจั จะเวกขะณะปาฐะ
ชะราธมั โมม๎หิ ชะรัง อะนะตีโต(ตา),
เรามีความแก่เป็นธรรมดา จักล่วงพ้นความแกไ่ ปไมไ่ ด,้
พะยาธธิ ัมโมม๎หิ พะยาธิง อะนะตีโต(ตา),
เรามคี วามเจบ็ ไขเ้ ปน็ ธรรมดา จกั ลว่ งพน้ ความเจบ็ ไขไ้ ปไมไ่ ด,้
มะระณะธมั โมมห๎ ิ มะระณงั อะนะตโี ต(ตา),
เรามีความตายเป็นธรรมดา จกั ล่วงพ้นความตายไปไมไ่ ด้,
สพั เพหิ เม ปิเยหิ มะนาเปหิ นานาภาโว วินาภาโว,
เราจกั ละเวน้ เปน็ ตา่ งๆ คอื วา่ จะตอ้ งไดพ้ ลดั พรากจากของรกั
ของเจริญใจทง้ั ส้ินไป,
กัมมัสสะโกม๎หิ กมั มะทายาโท(ทา) กมั มะโยนิ
กัมมะพนั ธุ กัมมะปะฏิสะระโณ(ณา),
เรามกี รรมเปน็ ของของตน, มกี รรมเปน็ ผใู้ หผ้ ล, มกี รรมเปน็
แดนเกดิ , มกี รรมเปน็ ผูต้ ดิ ตาม, มีกรรมเปน็ ทพ่ี ่งึ อาศัย,
ยัง กัมมัง กะริสสามิ กลั îยาณงั วา ปาปะกงั วา ตสั สะ
ทายาโท ภะวสิ สามิ,
เราจักทำ� กรรมอนั ใดไว้, เป็นบญุ หรอื เป็นบาป, เราจักเป็น
ทายาท คือวา่ จะต้องไดร้ บั ผลของกรรมนน้ั สืบไป,
เอวงั อมั îเหหิ อะภิณห๎ ัง ปจั จะเวกขติ พั พัง.
เราทั้งหลายควรพจิ ารณาอย่างนี้ ทุกวันๆ เถิด.
คำ� ในวงเลบ็ ( ) ส�ำหรับสตรีสวด
263 ทพ่ี ักสงฆ์จันทรังษี
กายะคะตาสะตภิ าวะนา
อะยัง โข เม กาโย กายของเรานี้แล
อทุ ธัง ปาทะตะลา เบือ้ งบนแตพ่ น้ื เทา้ ขน้ึ มา
อะโธ เกสะมัตถะกา เบื้องต�่ำแตป่ ลายผมลงไป
ตะจะปะรยิ นั โต มีหนังห้มุ อยเู่ ป็นทส่ี ุดรอบ
ปูโร นานัปปะการสั สะ เต็มไปดว้ ยของไมส่ ะอาดมี
อะสุจโิ น, ประการต่างๆ
อตั ถิ อิมสั ๎มิง กาเย มีอยใู่ นกายนี้
เกสา คือ ผมทั้งหลาย, โลมา คอื ขนท้งั หลาย,
นะขา คอื เลบ็ ทง้ั หลาย, ทันตา คือ ฟนั ทัง้ หลาย,
ตะโจ คือ หนงั , มังสัง คือ เน้ือ,
นะหารู คือ เอ็นทัง้ หลาย, อฏั ฐิ คอื กระดูกทั้งหลาย,
อัฏฐมิ ิญชัง เยื่อในกระดกู , วักกัง ม้าม,
หะทะยงั หัวใจ, ยะกะนงั ตบั ,
กโิ ลมะกงั พงั ผืด, ปหิ ะกัง ไต,
ปัปผาสงั ปอด, อันตงั ไสใ้ หญ่,
อันตะคุณงั ไส้น้อย, อุทะรยิ ัง อาหารใหม่,
กะรีสงั อาหารเก่า,
มัตถะเก มตั ถะลุงคัง เยอื่ ในสมองศีรษะ,
ปิตตัง นำ�้ ดี, เสมîหงั น�ำ้ เสลด,
ปุพโพ น�ำ้ เหลอื ง, โลหิตงั น�้ำเลอื ด,
หนงั สอื สวดมนต์ 264
เสโท น�้ำเหงอื่ , เมโท นำ�้ มนั ขน้ ,
อัสสุ น้�ำตา, วะสา น้�ำมันเหลว,
เขโฬ น�้ำลาย, สงิ ฆาณกิ า น�้ำมกู ,
ละสกิ า น้ำ� ไขขอ้ , มตุ ตัง นำ้� มตู ร.
เอวะมะยงั เม กาโย กายของเราน้ีอย่างนี้,
อุทธัง ปาทะตะลา เบ้อื งบนแตพ่ น้ื เทา้ ข้นึ มา,
อะโธ เกสะมัตถะกา เบ้ืองต่ำ� แต่ปลายผมลงไป,
ตะจะปะริยนั โต มีหนงั หุ้มอย่เู ปน็ ทสี่ ดุ รอบ,
ปูโร นานปั ปะการสั สะ เต็มไปดว้ ยของไมส่ ะอาดมี
อะสจุ โิ น. ประการต่างๆ อยา่ งน้ีแล.
อรยิ สงฆส์ าวกของพระผู้มีพระภาค
เปน็ ผคู้ วรของคำ�นบั เปน็ ผคู้ วรของตอ้ นรบั
เปน็ ผคู้ วรของท�ำ บุญ เปน็ ผคู้ วรท�ำ อญั ชลี
เปน็ นาบญุ ของโลกทไี่ ม่มนี าบุญอื่นย่งิ กว่า
ชนเหล่าใดเลอ่ื มใสในอรยิ สงฆ์
ชนเหล่านั้นชอื่ วา่ เลอื่ มใสในสิ่งทเ่ี ลิศ
กว็ บิ ากอนั เลิศย่อมมีแกบ่ ุคคลผ้ทู ีเ่ ลอื่ มใสในส่ิงที่เลศิ
265 ทพ่ี ักสงฆ์จนั ทรังษี
พรหมวิหาร
อะหงั สขุ ิโต โหมิ, (เมตตาตน)
นทิ ทุกโข โหมิ, ขอใหข้ ้าพเจ้าจงมีความสุข
อะเวโร โหม,ิ จงเป็นผปู้ ราศจากทุกข์
อัพย๎ าปชั โฌ โหมิ, จงเปน็ ผปู้ ราศจากเวร
จงเป็นผ้ไู มพ่ ยาบาทเบยี ดเบยี น
ซึง่ กนั และกนั
อะนโี ฆ โหมิ,
จงเป็นผไู้ ม่มที กุ ขก์ ายทุกข์ใจ
สขุ ี อตั ตานงั ปะริหะรามิ. จงรกั ษาตนอยู่เปน็ สขุ เถดิ
(เมตตา) (เมตตาสัตว)์
สพั เพ สัตตา ขอสัตว์ทงั้ หลายทั้งปวง,
สุขิตา โหนต,ุ
สพั เพ สัตตา จงเป็นผู้ถงึ ความสุขเถิด
อะเวรา โหนตุ, ขอสัตวท์ ง้ั หลายทัง้ ปวง,
สพั เพ สตั ตา จงเปน็ ผู้ไม่มเี วรกันเถดิ
ขอสัตวท์ ้งั หลายทั้งปวง, จงอยา่ ได้
อัพ๎ยาปชั ฌา โหนตุ, พยาบาทเบยี ดเบยี นซง่ึ กนั และกนั เถดิ
สพั เพ สตั ตา
อะนีฆา โหนตุ, ขอสัตว์ทั้งหลายทง้ั ปวง,
สัพเพ สัตตา จงเป็นผู้ไม่มีทุกข์กายทกุ ขใ์ จเถดิ
ขอสตั วท์ ง้ั หลายทงั้ ปวง, จงรกั ษาตน
สขุ ี อัตตานงั ปะริหะรนั ต,ุ อยู่เปน็ สุขเถดิ
หนงั สอื สวดมนต์ 266
(กรณุ า)
สพั เพ สตั ตา สพั พะทกุ ขา ขอสัตวท์ ง้ั หลายทั้งปวง,
ปะมจุ จันต,ุ
(มุทิตา) จงพ้นจากทกุ ข์ท้งั มวลเถดิ
สพั เพ สตั ตา ลทั ธะสมั - ขอสตั วท์ ัง้ หลายทัง้ ปวง, จงอยา่ ได้
ปตั ติโต มา วิคจั ฉันต,ุ พรากจากสมบัติอนั ตนไดแ้ ล้วเถดิ
(อุเบกขา)
สัพเพ สตั ตา กมั มสั สะกา สัตว์ท้งั หลายท้ังปวง, มีกรรมเป็น
กมั มะทายาทา กมั มะโยนิ ของของตน, มีกรรมเป็นผ้ใู ห้ผล,
กัมมะพนั ธุ
กมั มะปะฏิสะระณา, มีกรรมเป็นแดนเกิด, มีกรรมเปน็
ผตู้ ิดตาม, มกี รรมเปน็ ทีพ่ ึ่งอาศัย
ยงั กัมมัง กะริสสนั ต ิ จักท�ำกรรมอนั ใดไว้ เปน็ บุญหรอื
กลั ๎ยาณัง วา ปาปะกัง วา เปน็ บาป, จกั ตอ้ งเปน็ ทายาท, คอื วา่
ตสั สะ ทายาทา ภะวสิ สนั ต.ิ จกั ตอ้ งไดร้ บั ผลของกรรมนนั้ สบื ไป
ค�ำแผ่เมตตาอทุ ิศสว่ นกศุ ล
สัพเพ สัตตา สะทา โหนตุ อะเวรา สขุ ะชวี ิโน
ขอใหส้ ตั ว์ท้งั หลาย อยา่ ได้มเี วรต่อกนั และกนั เลย
จงเปน็ ผดู้ �ำรงชีพอยูเ่ ปน็ สขุ ทกุ เมอื่ เถิด
กะตงั ปุญญงั พะลัง มัยห� ัง สัพเพ ภาคี ภะวนั ตุ เต.
ขอใหส้ ัตวท์ ง้ั หลาย จงได้เสวยผลบุญ ท่ีขา้ พเจา้ ไดบ้ ำ� เพ็ญ ดว้ ยกาย
วาจา ใจ แลว้ น้นั เทอญ
267 ท่ีพักสงฆจ์ ันทรังษี
คำ� กรวดน้ำ� อิมนิ า
อิมินา ปญุ ญะกมั เมนะ อปุ ชั ฌายา คุณตุ ตะรา
อาจะรยิ ูปะการา จะ มาตาปติ า จะ ญาตะกา
(ปยิ า มะมงั )
สุรโิ ย จันทิมา ราชา คุณะวนั ตา นะราปิ จะ
พร๎ หั îมะมารา จะ อินทา จะ โลกะปาลา จะ เทวะตา
ยะโม มิตตา มะนุสสา จะ มัชฌัตตา เวริกาปิ จะ
สพั เพ สตั ตา สขุ ี โหนตุ ปุญญานิ ปะกะตานิ เม
สุขงั จะ ติวิธงั เทนตุ ขปิ ปงั ปาเปถะ โว มะตงั
อิมินา ปุญญะกัมเมนะ อมิ ินา อทุ ทิเสนะ จะ
ขปิ ปาหงั สลุ ะเภ เจวะ ตัณหî ปุ าทานะเฉทะนัง
เย สนั ตาเน หินา ธมั มา ยาวะ นพิ พานะโต มะมงั
นสั สนั ตุ สพั พะทา เยวะ ยัตถะ ชาโต ภะเว ภะเว
อุชจุ ิตตงั สะติปัญญา สลั เลโข วริ ยิ มั îหนิ า
มารา ละภนั ตุ โนกาสัง กาตุญจะ วิรเิ ยสุ เม
พุทธาทิปะวะโร นาโถ ธัมโม นาโถ วะรุตตะโม
นาโถ ปจั เจกะพทุ โธ จะ สงั โฆ นาโถตตะโร มะมงั
เตโสตตะมานุภาเวนะ มาโรกาสงั ละภนั ตุ มา๑ฯ
๑. ถา้ สวดคนเดยี วเปลีย่ นเป็น เม
หนังสือสวดมนต์ 268
ค�ำแปล
อิมินา ปุญญะกัมเมนะ ดว้ ยอานสิ งส์ผลบญุ ทีข่ า้ พเจ้า
ทงั้ หลาย ไดบ้ ำ� เพญ็ ดว้ ยการใหท้ าน รกั ษาศลี สวดมนตไ์ หวพ้ ระ
เจรญิ เมตตาภาวนา ในบวรพทุ ธศาสนา จงึ ขออาราธนาคณุ พระ
ศรรี ตั นตรยั และอญั เชญิ เทพยดาทง้ั ปวง ตงั้ แตช่ นั้ จาตมุ หาราชิ
กาขนึ้ ไป เบือ้ งบนสูงสุด จนถึงภวคั คะพรหม ตลอดจนพญา
ยมราช นายนริ ยิ บาล นายพนั ธุลเสนาบดี เจา้ กรุงพาลี ศริ คิ ุต
อ�ำมาตย์ พร้อมทั้งแมพ่ ระธรณี แมพ่ ระคงคา ทา้ วจตโุ ลกบาล
ทงั้ สี่ จงมาเปน็ สกั ขพี ยาน ในการสรา้ งกศุ ลผลบญุ ของขา้ พเจา้
ทัง้ หลาย
ดว้ ยอำ� นาจแหง่ กศุ ลผลบญุ ทไ่ี ดบ้ ำ� เพญ็ ในครง้ั นี้ จงไปคำ�้ ชู
อดุ หนนุ บดิ ามารดา ครอู ปุ ชั ฌายอ์ าจารย์ พระมหากษตั รยิ ์ ผมู้ ี
พระคณุ ญาตสิ นทิ มติ รสหาย เจา้ กรรมนายเวร ภมู เิ จา้ ที่ เพอ่ื น
สาราสัตว์น้อยใหญ่ เบ้ืองต่ำ� ต้งั แต่อเวจีข้นึ มา จนถงึ โลกมนุษย์
โดยรอบสุดขอบจกั รวาล อนนั ตจักรวาล หากทา่ น เหล่าน้ัน
ต้องทุกข์ กข็ อใหพ้ ้นจากทกุ ข์ หากทา่ นเหลา่ นัน้ ได้สขุ ก็ขอ
ให้สุขย่ิงๆ ขึน้ ไป
ด้วยเดชะผลบุญ แหง่ ขา้ พเจ้าอุทิศใหไ้ ปนี้ จงเปน็ อุปนิสัย
ปจั จยั เพอื่ จะทำ� ใหแ้ จง้ ซง่ึ พระนพิ พาน ขอจงสมดงั ปณธิ าน ของ
ข้าพเจ้าทั้งหลาย ทุกประการเทอญ...
269 ทพ่ี กั สงฆ์จันทรงั ษี
ปตั ตทิ านะคาถา (ย่อ)
ปุญญัสสิทานิ กะตัสสะ ยานัญญานิ กะตานิ เม,
เตสญั จะ ภาคิโน โหนตุ สัตตานนั ตาปปะมาณะกา,
ขอสัตว์ท้ังหลายไมม่ ที ีส่ ดุ ไมม่ ปี ระมาณ, จงเป็นผู้มสี ่วน
แห่งบญุ ท่ีข้าพเจ้าได้ทำ� ในบัดน้ี, และแหง่ บุญทัง้ หลายอ่นื
ท่ขี า้ พเจา้ ไดท้ ำ� แลว้
เย ปยิ า คณุ ะวนั ตา จะ
คือชนเหล่าใดเป็นท่รี กั ผมู้ คี ณุ
มัยîหัง มาตาปิตาทะโย,
มีมารดาและบิดาของขา้ พเจ้าเป็นตน้
ทิฏฐา เม จาปîยะทฏิ ฐา วา
ท่ขี า้ พเจา้ ได้เหน็ หรือแมไ้ ม่ไดเ้ หน็ ,
อัญเญ มัชฌัตตะเวรโิ น,
และสัตวท์ ัง้ หลายอ่นื ท่ีเป็นกลาง,
สตั ตา ติฏฐันติ โลกัสîมงิ
และมเี วรกนั ตัง้ อย่ใู นโลก,
เต ภมุ มา จะตุโยนกิ า,
เกดิ ในภมู ิ ๓ เกิดในก�ำเนดิ ๔,
ปญั เจกะจะตุโวการา
มขี ันธ์ ๕ ขันธ์ ๑ และขนั ธ์ ๔,
หนงั สือสวดมนต์ 270
สงั สะรันตา ภะวาภะเว.
ท่องเที่ยวอยู่ในภพนอ้ ยและภพใหญ่
ญาตงั เย ปตั ติทานัมเม
สัตวเ์ หลา่ ใดทราบการให้ส่วนบญุ ของข้าพเจ้าแล้ว,
อะนโุ มทันตุ เต สะยัง,
ขอสตั ว์เหล่านั้นจงอนโุ มทนาเองเถดิ
เย จิมงั นัปปะชานันติ
กส็ ัตว์เหล่าใด, ยังไม่ทราบการให้สว่ นบญุ ของข้าพเจา้ น้ ี
เทวา เตสัง นเิ วทะยงุ .
ขอเทพท้งั หลายพึงแจง้ แก่สัตวเ์ หลา่ น้นั
มะยา ทนิ นานะ ปญุ ญานัง
เพราะเหตุคืออนุโมทนาบญุ ท้งั หลาย
อะนโุ มทะนะเหตนุ า,
ทข่ี า้ พเจ้าให้แล้ว
สพั เพ สตั ตา สะทา โหนตุ อะเวรา สุขะชีวโิ น.
ขอสัตวท์ ้งั ปวง จงอยา่ มีเวร อยเู่ ปน็ สุขเสมอเถดิ
เขมัปปะทัญจะ ปัปโปนต ุ
และจงถงึ ทางอันเกษมเถิด,
เตสาสา สชิ ฌะตัง สภุ าฯ
ขอความหวงั อนั ดขี องสัตว์เหล่าน้นั , จงส�ำเรจ็ เทอญ
271 ทพี่ กั สงฆจ์ นั ทรังษี
สมุ ังคะละคาถา
• โหตุ สัพพัง สมุ งั คะลัง รักขันตุ สพั พะเทวะตา,
ขอสรรพมงคลอนั ดีจงมี ขอเหล่าเทวดาท้งั ปวงจงรกั ษาท่าน
สัพพะพุทธานุภาเวนะ โสตถี โหนตุ นริ ันตะรัง.
ดว้ ยอานภุ าพแหง่ พระพทุ ธเจา้ ทง้ั หลาย ขอความสวสั ดจี งมชี วั่ นริ นั ดร์
• โหตุ สพั พงั สุมังคะลัง รักขนั ตุ สพั พะเทวะตา,
ขอสรรพมงคลอันดีจงมี ขอเหลา่ เทวดาทั้งปวงจงรักษาท่าน
สัพพะธัมมานุภาเวนะ โสตถี โหนตุ นิรนั ตะรัง.
ดว้ ยอานภุ าพแหง่ พระธรรมเจา้ ทงั้ หลาย ขอความสวสั ดจี งมชี วั่ นริ นั ดร์
• โหตุ สัพพัง สุมังคะลัง รักขนั ตุ สัพพะเทวะตา,
ขอสรรพมงคลอนั ดีจงมี ขอเหลา่ เทวดาทั้งปวงจงรกั ษาทา่ น
สพั พะสงั ฆานุภาเวนะ โสตถี โหนตุ นริ นั ตะรงั .
ด้วยอานภุ าพแหง่ พระสงฆเจ้าทงั้ หลาย ขอความสวัสดีจงมีชว่ั นริ นั ดร์
ยงกฺ ญิ ฺจิ สมทุ ยธมฺมํ สพฺพนตฺ ํ นิโรธธมมฺ ํ
ส่งิ ใดสง่ิ หนึง่ มคี วามเกดิ ขึน้ เปน็ ธรรมดา
ส่ิงนั้นล้วนมคี วามดับไปเปน็ ธรรมดา
หนังสอื สวดมนต์ 272
เมตตายังกิญจิ
(บทแผเ่ มตตาของ หลวงปู่ชอบ ฐานสโม)
ยงั กญิ จิ กสุ ะลงั กมั มงั สพั เพหิ กะเตหิ กะตงั ปญุ ญงั
โน, อะนโุ มทันตุ สณุ ันตุ โภนโต เย เทวา อสั ๎มิง ฐาเน
อะธิคะตา ทฆี ายุกา สะทา โหนตุ สุขิตา โหนตุ ทุกขา
ปะมุจจันตุ, มาตาปิตา สขุ ติ า โหนตุ ทกุ ขา ปะมจุ จันต,ุ
สพั เพ ญาตกิ า สุขิตา โหนตุ ทุกขา ปะมจุ จนั ต,ุ สัพเพ
อะญาตกิ า สุขิตา โหนตุ ทุกขา ปะมจุ จันต,ุ สัพเพ ปิสา
สัพเพ ยักขา สัพเพ เปตา สุขิตา โหนตุ ทุกขา
ปะมุจจันตุ, สัพเพ อาจะริยุปัชฌายา สุขิตา โหนตุ
ทุกขา ปะมจุ จนั ตุ, สพั เพ นกั ขตั ตา สขุ ิตา โหนตุ ทกุ ขา
ปะมจุ จนั ต,ุ สพั เพ เทวา สขุ ติ า โหนตุ ทกุ ขา ปะมจุ จนั ต,ุ
สพั เพ สัมปัตตีนงั สะมชิ ฌนั ตุ โว.
คำ� แปล
กุศลกรรมอย่างใดอย่างหน่ึงที่เหล่าท่านได้กระท�ำแล้ว บุญอันเราท้ัง
หลายกระทำ� แลว้ จงอนโุ มทนาเถดิ ขอทา่ นผเู้ จรญิ ทง้ั หลายโปรดฟงั เทวดา
เหลา่ ใดอยใู่ นทไ่ี กล จงมอี ายยุ นื จงมคี วามสขุ จงพน้ จากทกุ ขท์ งั้ ปวงตลอด
กาลเถิด, มารดาบิดาจงมีความสุข จงพ้นจากทุกข์ทั้งปวงตลอดกาลเถิด,
ญาตทิ ั้งหลายจงมคี วามสขุ จงพน้ จากทุกขท์ ้ังปวงตลอดกาลเถดิ , ผูไ้ ม่ใช่
ญาติท้งั หลายจงมีความสขุ จงพ้นจากทุกขท์ ้งั ปวงตลอดกาลเถิด, ปีศาจทง้ั
หลาย ยักษท์ ั้งหลาย เปรตทง้ั หลาย จงมคี วามสุข จงพน้ จากทกุ ข์ทั้งปวง
273 ที่พกั สงฆ์จันทรังษี
ตลอดกาลเถิด, อปุ ัชฌายอ์ าจารยท์ ้งั หลายจงมีความสุข จงพ้นจากทุกขท์ ้งั
ปวงตลอดกาลเถดิ , เหลา่ นักษัตรท้ังหลายจงมีความสขุ จงพน้ จากทุกข์ทัง้
ปวงตลอดกาลเถิด, เทวดาท้ังหลายจงมีความสุข จงพ้นจากทุกข์ทั้งปวง
ตลอดกาลเถดิ , สมบัติทั้งปวงจงส�ำเรจ็ ประโยชนแ์ กท่ า่ นเถดิ
เมตตานิสงั สะสุตตะปาฐะ
หนั ทะ มะยงั เมตตานสิ งั สะสตุ ตะปาฐงั ภะณามะ เส.
(เชิญเถิด เราท้ังหลาย, ท�ำการกล่าวอานิสงส์แห่งการเจริญเมตตา
กันเถดิ )
เอวมั เม สุตัง, อันข้าพเจ้า (คอื พระอานนท์)
ไดส้ ดบั มาแล้วอย่างนี้
เอกัง สะมะยงั ภะคะวา, สมัยหน่งึ พระผมู้ พี ระภาคเจ้า
สาวตั ถิยงั วิหะระติ,
เสดจ็ ประทบั อยทู่ เ่ี ชตวนั มหาวหิ าร,
เชตะวะเน อะนาถะ- อารามของอนาถะบณิ ฑกิ ะคฤหบดี
ปณิ ฑกิ สั สะ, อาราเม, แห่งสาวตั ถี
ตัตร๎ ะ โข ภะคะวา
ในการนน้ั แล พระผู้มพี ระภาคเจ้า,
ภกิ ขู อามนั เตสิ ภิกขะโวติ, ตรสั เรยี กพระภิกษุทั้งหลายว่า
ภะทันเตติ เต ภิกขู ดูกอ่ นภกิ ษุทัง้ หลาย
ภะคะวะโต ปจั จสั โสสงุ ,
ภะคะวา เอตะทะโวจะ, ภกิ ษุเหล่านัน้ ทูลรับว่า
ข้าแต่พระองค์ผ้เู จริญ
พระผมู้ พี ระภาคเจ้าไดต้ รัสคำ� นวี้ า่
หนงั สือสวดมนต์ 274
เมตตายะ ภิกขะเว ดูก่อนภกิ ษทุ ั้งหลาย, เมตตาอนั
เจโตวมิ ตุ ติยา,
อาเสวติ ายะ ภาวิตายะ เปน็ ไปเพื่อความหลดุ พ้นแหง่ จติ น้ี
พะหลุ กี ะตายะ,
อันบคุ คลบำ� เพญ็ จนคุ้นแล้ว,
ยานีกะตายะ ท�ำใหม้ ากแล้วคือชำ� นาญใหย้ ิ่ง
ท�ำให้เป็นที่พึ่งของใจ, และท�ำให้
วตั ถุกะตายะ อะนฏุ ฐติ ายะ เปน็ ที่อยขู่ องใจตัง้ ไว้เปน็ นิจ,
ปะริจติ ายะ สุสะมารทั ธายะ, อนั บคุ คลสั่งสมอบรมแลว้
เอกาทะสานิสงั สา บ�ำเพญ็ ใหม้ ากแล้ว
ปาฏิกังขา,
กะตะเม เอกาทะสะ, ยอ่ มมอี านิสงสส์ บิ เอ็ดประการ
สขุ ัง สุปะติ อยา่ งน้ี
อานสิ งสส์ บิ เอด็ ประการ อะไรบ้าง
สขุ ัง ปะฏิพุชฌะติ, ผเู้ จรญิ เมตตาจติ นน้ั ยอ่ มหลบั เปน็
สุข, เมอื่ ต่นื ขึ้นกย็ ่อมอยู่เปน็ สขุ
นะ ปาปะกัง สปุ นิ งั ปสั สะติ, หลับอยูก่ ไ็ มฝ่ ันร้าย
มะนุสสานัง ปิโย โหต ิ เป็นท่รี ักของเหลา่ มนษุ ยท์ ้ังหลาย,
อะมะนุสสานัง ปโิ ย โหติ, และเป็นท่ีรกั ของเหล่าอมนุษย์
ทัง้ หลาย
เทวะตา รักขันติ,
เทวดาย่อมค้มุ ครองรักษา
นาสสะ อคั คิ วา วสิ งั วา ไฟก็ดี ยาพษิ ก็ดี ศัสตรากด็ ,ี
สัตถัง วา กะมะติ,
ย่อมท�ำอันตรายไม่ไดเ้ ลย
ตุวะฏงั จิตตัง สะมาธยิ ะติ, จติ ยอ่ มเปน็ สมาธไิ ดร้ วดเรว็ อยา่ งยง่ิ
มขุ ะวัณโณ วิปปะสีทะติ, ผิวหน้ายอ่ มผ่องใส
275 ทพี่ ักสงฆจ์ ันทรังษี
อะสัมมฬุ ๎โห กาลัง กะโรติ, เปน็ ผไู้ มล่ มุ่ หลงเมอื่ ทำ� กาลกริ ยิ าตาย
อุตตะริง อปั ปะฏิวชิ ฌนั โต เมอ่ื ยงั ไมบ่ รรลคุ ณุ วเิ ศษ อนั ยง่ิ ๆขน้ึ
พ๎รหั ๎มะโลกูปะโค โหติ. ไป, ยอ่ มเปน็ ผเู้ ขา้ ถงึ พรหมโลกแล
เมตตายะ ภกิ ขะเว ดกู อ่ นภกิ ษทุ ง้ั หลาย, เมตตาอนั เปน็
เจโตวิมตุ ตยิ า,
ไปเพื่อความหลดุ พ้นแหง่ จติ นี้
อาเสวิตายะ ภาวิตายะ อันบุคคลบ�ำเพ็ญจนคุน้ แล้ว,
พะหุลกี ะตายะ,
ท�ำให้มากแลว้ คือชำ� นาญให้ยงิ่
ยานกี ะตายะ วัตถกุ ะตายะ ทำ� ใหเ้ ปน็ ท่ีพ่งึ ของใจ,
อะนฏุ ฐติ ายะ ปะริจติ ายะ และทำ� ให้เปน็ ท่ีอยู่ของใจตัง้ ไว้
สุสะมารทั ธายะ,
เปน็ นจิ , อนั บคุ คลสง่ั สมอบรมแลว้
บ�ำเพ็ญใหม้ ากแล้ว
อิเม เอกาทะสานสิ งั สา ยอ่ มมอี านิสงสส์ ิบเอด็ ประการ
ปาฏิกงั ขาติ,
อยา่ งนแ้ี ล
อทิ ะมะโว จะ ภะคะวา, พระผู้มพี ระภาคเจ้า,
ได้ตรัสธรรมปริยายอันนแี้ ลว้
อตั ตะมะนา เต ภกิ ขู พระภกิ ษุทัง้ หลายเหลา่ นนั้ , ก็มใี จ
ภะคะวะโต ภาสติ ัง
อะภนิ นั ทนุ ติ. ยินดี พอใจในภาษติ ของพระผูม้ -ี
พระภาคเจ้า, ด้วยประการฉะน้ีแล
หนังสอื สวดมนต์ 276
จะตรุ ัปปะมัญญาปาฐะ
หันทะ มะยงั จะตรุ ปั ปะมัญญาปาฐงั ภะณามะ เส.
(เชญิ เถดิ เราทั้งหลาย, ทำ� การกล่าวเมตตาไม่มปี ระมาณท้งั สที่ ิศ
กันเถดิ )
อัตถิ โข เตนะ ภะคะวะตา ชานะตา ปสั สะตา
อะระหะตา สมั มาสมั พทุ เธนะ, จะตสั โส อปั ปะมญั ญาโย
สัมมะทักขาตา.
พระผู้มพี ระภาคเจ้า, ตรัสแสดงเมตตาไมม่ ีประมาณทั้งสี่ทศิ , ไว้ชอบ
แล้ว มีอย ู่
อธิ ะ ภิกขุ เมตตาสะหะคะเตนะ เจตะสา เอกงั ทิสัง
ผะรติ ว๎ า วหิ ะระติ,
บรรดาภกิ ษุท้งั หลาย, ผู้มีใจประกอบด้วย เมตตา,
แผไ่ ปโดยตลอดทิศท่ี ๑ อยู่ (ทิศตะวันออก)
ตะถา ทุติยงั ตะถา ตะติยัง ตะถา จะตตุ ถัง,
ทิศท่ี ๒ ด้วย (ทิศใต้) ทศิ ท่ี ๓ ด้วย (ทศิ ตะวันตก)
ทิศที่ ๔ ด้วย (ทศิ เหนอื ) กอ็ ยา่ งนั้น
อิติ อุทธะมะโธ ตริ ิยัง สพั พะธิ สพั พัตตะตายะ
สัพพาวนั ตงั โลกัง,
ทัง้ ในทิศเบื้องบน ทศิ เบื้องตำ�่ ทิศเบือ้ งขวาง,
ตลอดจนสรรพสัตว์ทัง้ ปวงในโลก, ดงั น้อี ยู่
เมตตาสะหะคะเตนะ เจตะสา, วิปุเลนะ มะหัคคะเตนะ
277 ทพ่ี กั สงฆจ์ ันทรังษี
อัปปะมาเณนะ อะเวเรนะ อพั ย๎ าปชั เฌนะ ผะริต๎วา
วหิ ะระติ.
มีใจประกอบดว้ ย เมตตา (ปรารถนาใหเ้ ป็นสุข) อนั ไพบลู ย์เตม็ ที่
เป็นจิตใหญ่, ไม่มีเวรไม่มีความเบียดเบียน, มีสัตว์หาประมาณมิได้
เป็นอารมณ์, แผ่ไปในท่ที ั้งปวง เปน็ เครอ่ื งอยู่
กะรุณาสะหะคะเตนะ เจตะสา เอกัง ทิสงั ผะริต๎วา
วหิ ะระต,ิ
ผมู้ ใี จประกอบดว้ ย กรณุ า, แผไ่ ปโดยตลอดทศิ ที่ ๑ อยู่ (ทศิ ตะวนั ออก)
ตะถา ทตุ ิยงั ตะถา ตะตยิ งั ตะถา จะตตุ ถัง,
ทศิ ท่ี ๒ ด้วย (ทศิ ใต้) ทิศที่ ๓ ดว้ ย (ทศิ ตะวันตก)
ทิศท่ี ๔ ด้วย (ทิศเหนอื ) ก็อยา่ งนั้น
อิติ อทุ ธะมะโธ ตริ ยิ ัง สพั พะธิ สพั พตั ตะตายะ
สพั พาวนั ตงั โลกัง,
ท้ังในทิศเบือ้ งบน ทศิ เบือ้ งต่ำ� ทิศเบอ้ื งขวาง,
ตลอดจนสรรพสตั ว์ทั้งปวงในโลก, ดงั นอี้ ยู่
กะรณุ าสะหะคะเตนะ เจตะสา, วิปเุ ลนะ มะหคั คะเตนะ
อปั ปะมาเณนะ อะเวเรนะ อัพย๎ าปชั เฌนะ ผะรติ ๎วา
วหิ ะระต.ิ
มีใจประกอบด้วย กรุณา (ปรารถนาจะใหพ้ ้นจากทุกข์)
อนั ไพบลู ยเ์ ต็มท่ี เป็นจิตใหญ่, ไมม่ ีเวรไมม่ ีความเบยี ดเบียน,
มีสตั ว์หาประมาณมิได้เปน็ อารมณ,์ แผไ่ ปในที่ทั้งปวง เปน็ เครื่องอยู่
มุทิตาสะหะคะเตนะ เจตะสา เอกงั ทสิ งั ผะรติ ๎วา
วิหะระติ,
ผมู้ ใี จประกอบดว้ ย มทุ ติ า, แผไ่ ปโดยตลอดทศิ ที่ ๑ อยู่ (ทศิ ตะวนั ออก)
หนังสือสวดมนต์ 278
ตะถา ทุตยิ ัง ตะถา ตะตยิ ัง ตะถา จะตตุ ถงั ,
ทิศที่ ๒ ดว้ ย (ทิศใต้) ทิศที่ ๓ ดว้ ย (ทศิ ตะวนั ตก)
ทิศที่ ๔ ดว้ ย (ทิศเหนอื ) กอ็ ยา่ งนั้น
อิติ อุทธะมะโธ ตริ ยิ ัง สพั พะธิ สัพพตั ตะตายะ
สพั พาวันตัง โลกงั ,
ทั้งในทศิ เบ้ืองบน ทิศเบื้องต�ำ่ ทิศเบ้ืองขวาง,
ตลอดจนสรรพสตั ว์ทง้ั ปวงในโลก, ดงั นี้อยู่
มุทติ าสะหะคะเตนะ เจตะสา, วปิ ุเลนะ มะหคั คะเตนะ
อปั ปะมาเณนะ อะเวเรนะ อัพ๎ยาปชั เฌนะ ผะรติ ๎วา
วหิ ะระต.ิ
มีใจประกอบด้วย มทุ ติ า (ความยนิ ดเี ม่อื ผู้อน่ื ได้ดี)
อนั ไพบลู ยเ์ ต็มท่ี เปน็ จิตใหญ่, ไมม่ เี วรไม่มคี วามเบียดเบยี น,
มีสัตวห์ าประมาณมไิ ดเ้ ป็นอารมณ์, แผ่ไปในทที่ ั้งปวง เป็นเคร่อื งอยู่
อุเปกขาสะหะคะเตนะ เจตะสา เอกัง ทสิ ัง ผะรติ ๎วา
วหิ ะระติ,
ผมู้ ใี จประกอบด้วย อุเบกขา, แผไ่ ปโดยตลอดทิศท่ี ๑ อยู่
(ทิศตะวนั ออก)
ตะถา ทุตยิ งั ตะถา ตะตยิ ัง ตะถา จะตุตถงั ,
ทิศที่ ๒ ด้วย (ทิศใต้) ทิศที่ ๓ ด้วย (ทศิ ตะวันตก)
ทิศที่ ๔ ด้วย (ทิศเหนอื ) ก็อย่างนน้ั
อติ ิ อทุ ธะมะโธ ติรยิ งั สพั พะธิ สัพพัตตะตายะ
สพั พาวันตงั โลกัง,
ทัง้ ในทิศเบอ้ื งบน ทศิ เบื้องต่�ำ ทิศเบื้องขวาง,
ตลอดจนสรรพสตั ว์ทงั้ ปวงในโลก, ดงั นอ้ี ยู่
279 ทพ่ี กั สงฆ์จันทรงั ษี
อเุ ปกขาสะหะคะเตนะ เจตะสา, วปิ เุ ลนะ มะหคั คะเตนะ
อัปปะมาเณนะ อะเวเรนะ อัพย๎ าปัชเฌนะ ผะรติ ว๎ า
วหิ ะระต.ิ
ผูม้ ีใจประกอบดว้ ย อุเบกขา (ความวางเฉย) อนั ไพบูลยเ์ ต็มที่
เป็นจิตใหญ่, ไม่มีเวรไม่มีความเบียดเบียน, มีสัตว์หาประมาณมิได้
เปน็ อารมณ์, แผไ่ ปในท่ีทัง้ ปวง เป็นเคร่ืองอยู่
อิมา โข เตนะ ภะคะวะตา ชานะตา ปสั สะตา
อะระหะตา สมั มาสมั พทุ เธนะ, จะตสั โส อปั ปะมญั ญาโย
สมั มะทกั ขาตาติ.
พระผู้มีพระภาคเจ้า, ตรสั แสดงเมตตาไม่มีประมาณทั้งสที่ ศิ ,
ไวช้ อบแลว้ อยา่ งน้ี ดว้ ยประการฉะน้ีแล
ดกู อ่ นภิกษทุ ้ังหลาย พรหมจรรย์น้เี ราประพฤติ
มใิ ชเ่ พอ่ื หลอกลวงคน มิใชเ่ พอ่ื ให้คนบน่ เพอ้ ถงึ
มิใช่เพอ่ื หวงั อานิสงส์คอื ลาภสกั การะ และการสรรเสริญของชาวโลก
มิใชเ่ พอื่ เปน็ หัวหนา้ ทิศาปาโมกข์ หรือวา่ เพอื่ ใหค้ นรู้จกั เรา
แท้จริงแล้ว พรหมจรรย์น้ีเราประพฤติ
เพอื่ สงั วระ คอื ความสำ�รวมระวงั
เพอื่ ปหานะ คอื การละ
เพอื่ วิราคะ คือความคลายกำ�หนดั
เพอื่ นโิ รธะ คอื ความดบั สนทิ (หลุดพ้น)
หนงั สือสวดมนต์ 280
เทวะตาทิปตั ตทิ านะคาถา
ยา เทวะตา สนั ติ วหิ าระวาสิน,ี
เทวดาท้งั หลายเหล่าใด, มีปกติอยใู่ นวหิ าร
ถเู ป ฆะเร โพธิฆะเร ตะหงิ ตะหิง,
สงิ สถิตทีเ่ รอื นพระสถูปทเี่ รอื นโพธิ์ในทนี่ ัน้ ๆ
ตา ธมั มะทาเนนะ ภะวันตุ ปูชิตา,
เทวดาทง้ั หลายเหลา่ นนั้ , เปน็ ผอู้ นั เราทง้ั หลายบชู าแลว้ ดว้ ยธรรมทาน
โสตถงิ กะโรนเตธะ วิหาระมัณฑะเล,
ขอจงท�ำซึง่ ความเจริญในมณฑลวิหารนี้
เถรา จะ มัชฌา นะวะกา จะ ภิกขะโว,
พระภกิ ษทุ ้ังหลายทีเ่ ปน็ เถระกด็ ี, ที่เปน็ กลางกด็ ี ที่ยงั ใหม่กด็ ี
สารามกิ า ทานะปะตี อุปาสะกา,
อบุ าสก-อุบาสกิ าทงั้ หลาย, ทเ่ี ปน็ ทานาบดี พรอ้ มดว้ ยอารามกิ ชนก็ดี
คามา จะ เทสา นิคะมา จะ อสิ สะรา,
ท่ีเป็นชาวบา้ นก็ดี ท่ีเป็นชาวเมืองก็ด,ี ทเ่ี ปน็ ชาวนิคมก็ดี ทเ่ี ป็นอิสระ
ก็ดี
สปั ปาณะภูตา สุขติ า ภะวนั ตุ เต,
ชนท้ังหลายเหล่านนั้ จงเปน็ ผูม้ คี วามสขุ ทุกเมอื่ เถิด
ชะลาพชุ า เยปิ จะ อัณฑะสมั ภะวา,
สัตวท์ ้ังหลายทเ่ี กิดจากครรภ์ก็ดี, ทเี่ กดิ จากฟองไขก่ ด็ ี
สงั เสทะชาตา อะถะโวปะปาตกิ า,
ที่เกดิ ในเถ้าไคลก็ดี ท่เี กดิ ขนึ้ โตทีเดยี วก็ดี
นิยยานิกงั ธัมมะวะรงั ปะฏจิ จะ เต,
281 ที่พกั สงฆ์จันทรังษี
สัตว์ท้ังหลายแม้ท้ังปวงเหล่าน้ัน, ได้อาศัยซึ่งธรรมอันประเสริฐเป็น
นยิ ยานกิ ธรรม, ประกอบในอนั ทจ่ี ะนำ� ผปู้ ฏบิ ตั ,ิ ใหอ้ อกจากสงั สารทกุ ข์
สพั เพปิ ทุกขัสสะ กะโรนตุ สงั ขะยัง,
จงกระท�ำซง่ึ ความสิ้นไปแห่งทกุ ขเ์ ถดิ
ฐาตุ จิรงั สะตัง ธมั โม ธมั มทั ธะรา จะ ปุคคะลา,
ขอธรรมของสัตบรุ ษุ ทั้งหลายจงตั้งอยนู่ าน, อนงึ่ ขอบคุ คลทง้ั หลาย,
ผ้ทู รงไว้ซ่ึงธรรมจงดำ� รงอย่นู าน
สงั โฆ โหตุ สะมคั โค วะ อัตถายะ จะ หติ ายะ จะ,
ขอพระสงฆจ์ งมคี วามสามคั คพี รอ้ มเพรยี งกนั , ในอนั ทจี่ ะทำ� ประโยชน์
และส่งิ อันเก้อื กูลเถดิ
อมั เ๎ ห รกั ขะตุ สทั ธัมโม สพั เพปิ ธัมมะจาริโน,
ขอพระสทั ธรรมจงรกั ษาไวซ้ งึ่ เราทง้ั หลาย, ผปู้ ระพฤตธิ รรมทง้ั ปวงนนั้
วุฑฒงิ สัมปาปุเณยยามะ ธมั เม อะริยปั ปะเวทเิ ต.
ขอเราท้ังหลาย พึงถึงพร้อมซึ่งความเจริญในธรรม, ท่ีพระอริยเจ้า
ประกาศไวแ้ ล้วเถิด.
อตฺตานญเฺ จ ตถา กยิรายถญฺญมนุสาสติ
สทุ นฺโต วต ทเมถ อตฺตา หิ กิร ททุ ฺทโม.
ถา้ สอนผูอ้ ื่นฉันใด พึงทำ�ตนฉันนัน้
ผู้ฝกึ ตนดแี ล้ว ควรฝึกผอู้ ่นื ไดย้ ินว่า ตนแลฝึกยาก
ขทุ ทกนกิ าย ธรรมบท
หนังสือสวดมนต์ 282
ติโลกะวิชะยะราชะปัตติทานะคาถา
ยังกญิ จิ กสุ ะลัง กมั มงั กศุ ลกรรม อย่างใดอย่างหนึ่ง
กัตตพั พงั กิริยัง มะมะ,
เป็นกจิ ซึ่ง ควรฝักใฝ่
กาเยนะ วาจามะนะสา ดว้ ยกาย วาจาใจ
ตทิ ะเส สคุ ะตัง กะตัง, เราท�ำแลว้ เพ่อื ไปสวรรค์
เย สัตตา สญั ญโิ น อตั ถิ สัตว์ใด มสี ญั ญา
เย จะ สัตตา อะสญั ญิโน, หรือหาไม่ เป็นอสัญญ์
กะตัง ปญุ ญะผะลงั มยั ๎หัง ผลบุญ ขา้ ท�ำน้ัน
สพั เพ ภาคี ภะวนั ตุ เต, ทุกๆ สตั ว์ จงมสี ว่ น
เย ตงั กะตัง สวุ ิทิตงั
สตั ว์ใดรู้ กเ็ ป็นอัน
ทนิ นงั ปุญญะผะลัง มะยา, ว่าขา้ ให้ แล้วตามควร
เย จะ ตัตถะ นะ ชานันติ สัตว์ใด มริ ถู้ ว้ น
เทวา คันต๎วา นเิ วทะยุง, ขอเทพเจ้า จงเล่าขาน
สัพเพ โลกมั ห๎ ิ เย สตั ตา ปวงสตั ว์ ในโลกยี ์
ชีวนั ตาหาระเหตุกา,
มชี ีวิต ดว้ ยอาหาร
มะนุญญงั โภชะนงั สัพเพ จงได้ โภชน์สำ� ราญ
ละภันตุ มะมะ เจตะสาต.ิ ตามเจตนา ของข้าเทอญ
283 ที่พกั สงฆ์จนั ทรังษี
วธิ ีบรรพชาอุปสมบทแบบเอสาหงั
กุลบตุ รผู้มีศรทั ธาม่งุ อุปสมบท พงึ รบั ผ้าไตรอุม้ ประนมมือ
เขา้ ไปในสงั ฆสนั นบิ าต วางผา้ ไตรไวข้ า้ งตวั ดา้ นซา้ ย รบั เครอื่ งสกั
การะถวายพระอปุ ชั ฌายะ แลว้ กราบลงดว้ ยเบญจางคประดษิ ฐ์
๓ ครัง้ นง่ั คุกเขา่ อุ้มผ้าไตร ประนมมอื เปล่งวาจา ถงึ สรณะ
และ ขอบรรพชาดว้ ยคำ� มคธหยดุ ตามจุดจุลภาควา่
เอสาหงั ภนั เต, สจุ ริ ะปะรนิ พิ พตุ มั ป,ิ ตงั ภะคะวนั ตงั
(ซ่าฮั่ง) (บุ้)
สะระณัง คจั ฉาม,ิ
ธมั มัญจะ ภิกขสุ ังฆัญจะ. ละเภยยาหงั ภนั เต, ตสั สะ
(ซัง่ ) (ฮ่ัง)
ภะคะวะโต, ธมั มะวนิ ะเย
ปัพพชั ชงั , *ละเภยยัง อปุ ะสมั ปะทัง.
(บัด้ ) (ซม่ั ) (ดัง)
(ค�ำแปล) ท่านเจ้าข้าข้าพเจ้าถึงพระผู้มีพระภาคเจ้า
พระองค์น้ัน แม้ปรินิพพานนานแล้วกับทั้งพระธรรมและพระ
สงฆ์ ว่าเปน็ สรณะทพี่ ่ึงทีร่ ะลึก ท่านเจา้ ขา้ ขอขา้ พเจา้ พงึ ได้
บรรพชา พึงได้อปุ สมบทใน พระธรรมวินยั ของพระผู้มพี ระ
ภาคเจา้ พระองค์นน้ั
หมายเหตุ: * ถา้ บวชเปน็ สามเณร ยกคำ� วา่ ละเภยยัง อปุ ะสมั ปะทงั ออกเสีย
หนงั สอื สวดมนต์ 284
ทตุ ยิ ัมปาหัง ภันเต, สุจิระปะรินพิ พตุ ัมปิ, ตัง ภะคะ-
(ด)ุ้
วนั ตัง สะระณัง
คัจฉาม,ิ ธมั มญั จะ ภิกขสุ ังฆญั จะ. ละเภยยาหงั ภันเต,
ตัสสะ ภะคะวะโต, ธัมมะวนิ ะเย ปพั พชั ชัง, *ละเภยยัง
อปุ ะสัมปะทัง.
ตะติยมั ปาหัง ภนั เต, สจุ ริ ะปะรินิพพตุ ัมป,ิ ตงั ภะ
คะวันตงั สะระณงั คัจฉามิ, ธมั มัญจะ ภกิ ขุสังฆญั จะ.
ละเภยยาหัง ภนั เต, ตัสสะ ภะคะวะโต, ธมั มะวินะเย
ปัพพัชชัง, *ละเภยยงั อปุ ะสมั ปะทัง.
อะหงั ภันเต, ปพั พัชชงั ยาจาม.ิ อมิ านิ กาสายานิ
(ฮงั่ ) (บดั้ ) (ซ่า)
วตั ถานิ คะเหต๎วา,
(ทา่ ) (เห็ดตะวา)
ปัพพาเชถะ มงั ภันเต, อะนกุ มั ปงั อปุ าทายะ.
(บา) (ดา)
(คำ� แปล) ทา่ นเจา้ ขา้ ขา้ พเจา้ ขอบรรพชา ขอทา่ นโปรดรบั
ผ้ากาสายะ เหลา่ น้ี แลว้ รับข้าพเจา้ ให้บรรพชาเถดิ เจ้าข้า
ทุตยิ มั ปิ อะหงั ภนั เต, ปพั พชั ชัง ยาจาม.ิ อมิ านิ
(ด)ุ้
หมายเหตุ: * ถา้ บวชเปน็ สามเณร ยกค�ำวา่ ละเภยยัง อปุ ะสัมปะทัง ออกเสีย
285 ท่พี ักสงฆจ์ ันทรังษี
กาสายานิ วัตถานิ คะเหตว๎ า, ปพั พาเชถะ มงั ภนั เต,
อะนกุ มั ปงั อปุ าทายะ.
ตะติยมั ปิ อะหงั ภันเต, ปพั พชั ชงั ยาจามิ. อมิ านิ
กาสายานิ วัตถานิ คะเหต๎วา, ปัพพาเชถะ มงั ภนั เต,
อะนกุ ัมปัง อุปาทายะ.
ในลำ� ดบั นน้ั พระอปุ ชั ฌายะรบั เอาผา้ ไตรจากผมู้ งุ่ บรรพชา
วางไว้ตรงหน้าตัก แล้วกล่าวสอนถึงคุณของพระรัตนตรัย
เป็นตน้ และบอก ตะจะปัญจะกะกมั มฏั ฐาน (กรรมฐาน
มหี นงั เป็นที่ ๕) ให้วา่ ตามไปทลี ะบทโดยอนโุ ลม และปฎโิ ลม
ดงั น ี้
เกสา (ผม) โลมา (ขน) นะขา (เลบ็ ) ทนั ตา (ฟัน)
ตะโจ (หนัง) (อนโุ ลม)
ตะโจ, ทนั ตา, นะขา, โลมา, เกสา. (ปฏิโลม)
ครั้นสอนแล้ว พระอุปัชฌายะชักอังสะออกจากไตรสวม
ให้แล้ว สั่งใหอ้ อกไปครองไตรจวี รตามระเบียบ ครัน้ เสร็จแลว้
เข้าไปหาพระอาจารย์ รับเครอื่ งสกั การะถวายท่านแล้ว กราบ
๓ หน นงั่ คุกเข่า ประนมมือเปล่งวาจาขอสรณะและศลี ดงั นี้
อะหงั ภนั เต, สะระณะสีลงั ยาจามิ.
(คำ� แปล) ข้าพเจ้าขอสรณะและศลี
ทุติยัมป ิ อะหัง ภันเต, สะระณะสลี ัง ยาจาม.ิ
ตะติยัมปิ อะหงั ภนั เต, สะระณะสีลัง ยาจามิ.
หนงั สอื สวดมนต์ 286
ลำ� ดบั นนั้ พระอาจารยก์ ลา่ วคำ� นมสั การนำ� ใหผ้ มู้ งุ่ บรรพชา
ว่าตามไป ดงั นี้
นะโม ตสั สะ ภะคะวะโต อะระหะโต สมั มาสมั พทุ ธสั สะ.
(ว่า ๓ หน)
แตน่ ัน้ ทา่ นจะสง่ั ดว้ ยค�ำวา่ “เอวัง วะเทห”ิ (เจ้าจงว่า
อยา่ งน้)ี หรอื “ยะมะหัง วะทามิ ตัง วะเทห”ิ (เจา้ จงวา่
ตามเรา)
พงึ รบั วา่ “อามะ ภันเต” (ขอรับ เจา้ ข้า)
ครน้ั แลว้ ทา่ นนำ� ใหเ้ ปลง่ วาจาถงึ สรณคมนต์ ามไปทลี ะพากย์
ดงั น้ี
พทุ ธงั สะระณงั คัจฉาม.ิ
ธมั มงั สะระณัง คจั ฉาม.ิ
สังฆงั สะระณงั คัจฉามิ.
ทุตยิ มั ป ิ พุทธงั สะระณงั คัจฉามิ.
ทุตยิ ัมปิ ธมั มัง สะระณัง คจั ฉาม.ิ
ทุติยัมปิ สงั ฆัง สะระณงั คัจฉามิ.
ตะตยิ มั ปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ.
ตะติยมั ปิ ธมั มัง สะระณัง คจั ฉามิ.
ตะติยมั ปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ.
เม่ือจบแล้ว ท่านกล่าววา่ “(ติ) สะระณะคะมะนัง
นิฏฐิตัง” (ถึงแก่สรณะแล้ว) พึงรับว่า “อามะ ภันเต”
287 ทีพ่ ักสงฆจ์ นั ทรังษี
ล�ำดับนั้นพระอาจารย์จะบอกให้รู้ว่าการบรรพชาเป็นสามเณร
สำ� เรจ็ ดว้ ยสรณคมนเ์ พยี งเทา่ นี้ แตน่ น้ั พงึ สมาทานสกิ ขาบท ๑๐
ประการ ว่าตามทา่ นไปดงั นี้
ปาณาตปิ าตา เวระมะณี.
เวน้ จากการฆา่ สตั ว์
อะทินนาทานา เวระมะณี.
เวน้ จากลกั ของเขา
อะพร๎ ัหม๎ ะจะริยา เวระมะณี.
เวน้ จากกรรมมใิ ชพ่ รหมจรรย์
มุสาวาทา เวระมะณี.
เว้นจากการพูดไม่จรงิ
สรุ าเมระยะมชั ชะปะมาทฏั ฐานา เวระมะณี.
เวน้ จากการดม่ื น้�ำเมาคอื สรุ า และเมรยั
วกิ าละโภชะนา เวระมะณี.
เว้นจากบรโิ ภคอาหารยามวกิ าล
นัจจะคีตะวาทิตะวสิ กู ะทัสสะนา เวระมะณี.
เวน้ จากฟ้อน ขบั ประโคม และดกู ารเล่น
มาลาคันธะวิเลปะนะธาระณะมัณฑะนะวิภูสะ-
นัฏฐานา เวระมะณี.
เวน้ จากทดั ทา ดอกไม้ ของหอม
อุจจาสะยะนะมะหาสะยะนา เวระมะณี.
เวน้ จากนอนบนทน่ี อนอันสงู ใหญ่
หนงั สือสวดมนต์ 288
ชาตะรูปะระชะตะปะฏิคคะหะณา เวระมะณ.ี
เว้นจากยนิ ดีในการรบั เงินทอง
แตน่ น้ั พงึ กล่าวคำ� สมาทานศลี ดังนี้
อมิ านิ ทะสะ สกิ ขาปะทานิ สะมาทิยามิ. (ว่า ๓ หน)
(ค�ำแปล) ขา้ พเจา้ สมาทานสกิ ขาบท ๑๐ เหลา่ น ้ี
(เสร็จแล้วพงึ กราบ ๓ หน) การบรรพชาเป็นสามเณร
จบพธิ เี พียงเท่าน้ี
ตอ่ ไปเปน็ พธิ อี ปุ สมบทสำ� หรบั การบวชเปน็ ภกิ ษุ พงึ เขา้ ไป
หาพระอปุ ชั ฌายะ ในสงั ฆสนั นบิ าตรบั เครอื่ งสกั การะ ถวายทา่ น
แล้ว กราบ ๓ หน
น่ังคุกเข่าประนมมอื กล่าวค�ำขอนิสยั ว่าดังน้ี
อะหงั ภันเต นสิ สะยงั ยาจาม.ิ
(ค�ำแปล) ข้าพเจา้ ขอนิสยั เจ้าข้า
ทุตยิ มั ปิ อะหัง ภันเต นิสสะยงั ยาจาม.ิ
ตะตยิ มั ปิ อะหงั ภนั เต นิสสะยัง ยาจาม.ิ
แล้ววา่ อปุ ัชฌาโย เม ภนั เต โหห.ิ (ว่า ๓ หน)
(คำ� แปล) ขอทา่ นเป็นอุปชั ฌายะของขา้ พเจา้ เถดิ เจ้าขา้
พระอุปชั ฌายะกลา่ วว่า “โอปายกิ งั ” (ชอบด้วยอบุ าย)
“ปะฏริ ูปัง” (สมควร), “ปาสาทเิ กนะ สัมปาเทหิ (ถะ)”
(จงให้ถงึ พรอ้ มด้วยอาการอันหน้าเล่อื มใส). พงึ รบั วา่ “สาธุ
ภนั เต” (ดีแลว้ เจ้าขา้ ) ทกุ บทไป แตน่ ้ันสามเณรพึงกล่าวรบั
เปน็ ธุระใหท้ า่ นวา่ ดงั นี้
289 ทพ่ี กั สงฆ์จันทรงั ษี
อชั ชะตคั เคทานิ เถโร, มยั ๎หงั ภาโร, อะหัมปิ
(ดา) (เท)่ (ฮ่งั ) (ฮัม่ )
เถรัสสะ ภาโร.
(เท)่
(ค�ำแปล) ต้งั แตว่ นั นไ้ี ป พระเถระเป็นภาระของขา้ พเจา้ ข้าพเจ้าย่อม
เป็นภาระของพระเถระ
(ว่า ๓ หน เสร็จแลว้ กราบ ๓ หน)
ล�ำดับน้ัน พระอุปัชฌายะแนะน�ำสามเณรไปตามระเบียบ
แลว้ พระอาจารยผ์ ูเ้ ปน็ กรรมวาจาเอาบาตรมีสายคลอ้ งตัวผมู้ งุ่
อุปสมบท บอกบาตรและจีวร ผูม้ งุ่ อปุ สมบทพึงรบั วา่
อามะ ภนั เต ๔ หน ดังน้ี
ค�ำบอกบาตรจีวร ค�ำรับ
๑. อะยันเต ปัตโต. อามะ ภนั เต.
(นบ้ี าตรของเจ้า?) อามะ ภนั เต.
๒. อะยงั สงั ฆาฏิ.
(น้ีผา้ ทาบของเจ้า?)
๓. อะยงั อุตตะราสังโค. อามะ ภันเต.
(นผี้ า้ ห่มของเจ้า?)
๔. อะยัง อนั ตะระวาสะโก. อามะ ภนั เต.
(น้ผี า้ น่งุ ของเจา้ ?)
หนังสือสวดมนต์ 290
ต่อจากนั้นพระอาจารย์ท่านบอกให้ออกไปข้างนอก (ห่าง
จากทา้ ยอาสนส์ งฆ์ ๑๒ ศอก) วา่ “คัจฉะ อะมุม๎หิ โอกาเส
ตฏิ ฐาหิ” (เจ้าจงไปยืน ณ โอกาสโนน้ ) พงึ ถอยออกลุกขึน้
เดินไปยืนอยู่ในท่ีที่ก�ำหนดไว้ พระอาจารย์ท่านสวดสมมติตน
เป็นผสู้ อนซ้อม แลว้ ออกไปสวดถามอันตรายิกธรรม พงึ รับว่า
“นัตถิ ภันเต” (ไมม่ ีเจ้าข้า) ๕ หน และ “อามะ ภนั เต”
(ขอรบั เจา้ ขา้ ) ๘ หน ดังนี้
ถาม ตอบ
๑. กุฏฐงั (โรคเรื้อน?) นตั ถิ ภันเต.
๒. คณั โฑ (โรคฝี?) นตั ถิ ภันเต.
๓. กลิ าโส (โรคกลาก?) นตั ถิ ภนั เต.
๔. โสโส (โรคมองครอ่ หรอื หดื ?) นัตถิ ภนั เต.
๕. อะปะมาโร (โรคลมบ้าหมู?) นัตถิ ภนั เต.
๖. มะนสุ โสส๊ิ (เจา้ เป็นมนุษย?์ ) อามะ ภนั เต.
๗. ปรุ ิโสสิ๊ (เจา้ เปน็ ชาย?) อามะ ภนั เต.
๘. ภุชสิ โสส๊ิ (เจา้ เป็นไทมิใชท่ าส?) อามะ ภนั เต.
๙. อะนะโณสิ๊ (เจ้าหาหน้ีสนิ มไิ ด?้ ) อามะ ภนั เต.
๑๐. นะส๊ิ ราชะภะโฏ อามะ ภนั เต.
(เจ้ามิใช่ราชภัฏคอื ขา้ ราชการ?)
๑๑. อะนญุ ญาโตสิ๊ มาตาปิตหู ?ิ อามะ ภนั เต.
(เจ้าเปน็ ผู้อันบิดามารดาอนญุ าตแล้ว?)
291 ทพี่ ักสงฆ์จันทรังษี
๑๒. ปะรปิ ณุ ณะวีสะติวสั โสส ิ๊ อามะ ภนั เต.
(เจ้าเป็นผู้มีอายุครบ ๒๐ แล้ว?)
๑๓. ปะรปิ ุณณันเต ปตั ตะจีวะรงั ? อามะ ภนั เต.
(บาตรจวี รของเจา้ มีครบแลว้ ?)
๑๔. กินนาโมสิ (เจา้ ชอื่ ?) อะหัง ภนั เต..........
นามะ.
(ขา้ พเจ้าช่อื .........)
๑๕. โก นามะ เต อปุ ชั ฌาโย อปุ ชั ฌาโย เม ภนั เต.
(พระอปุ ชั ฌายะของเจา้ ชอื่ ?) อายสั ม๎ า.......นามะ.
(พระอุปชั ฌายะของ
ขา้ พเจา้ ชือ่ ท่าน.......)
ถา้ ตอบพรอ้ มกนั ใหเ้ ปลย่ี น “เม” เปน็ “โน” สว่ นในชอ่ ง
......ท่ีวา่ งไว้ สำ� หรับใส่ฉายาของผอู้ ปุ สมบทและฉายาของพระ
อุปัชฌายะ ครั้นสวดสอนซ้อมแล้ว ท่านกลับเข้ามาสวดขอ
เรยี ก อุปสัมปทาเปกขะ เขา้ มา อุปสมั ปทาเปกขะ พงึ เข้ามา
ในสังฆสันนบิ าต กราบลงตรงหนา้ พระอปุ ชั ฌายะ ๓ หน แลว้
น่ังคุกเขา่ ประนมมือเปลง่ วาจาขออปุ สมบท วา่ ดงั นี้
สังฆมั ภนั เต, อปุ ะสมั ปะทัง ยาจามิ, อลุ ลมุ ปะตุ มงั
(ซัง่ ) (ซมั่ ) (ดัง)
ภนั เต, สังโฆ
(ซงั่ )
หนังสอื สวดมนต์ 292
อะนุกัมปัง อุปาทายะ.
(คำ� แปล) ขา้ พเจา้ ขออปุ สมบทตอ่ สงฆเ์ จา้ ขา้ ขอสงฆโ์ ปรดยกขา้ พเจา้
ข้นึ เถิด เจา้ ขา้
ทุติยมั ปิ ภันเต, สงั ฆัง อปุ ะสัมปะทัง ยาจามิ,
(ดุ)้
อลุ ลุมปะตุ มงั ภันเต, สังโฆ อะนุกมั ปงั อุปาทายะ.
ตะติยัมปิ ภนั เต, สงั ฆงั อุปะสมั ปะทัง ยาจามิ, อลุ
ลมุ ปะตุ มัง ภนั เต, สงั โฆ อะนุกมั ปงั อุปาทายะ.
หมายเหตุ : ถ้าว่าพรอ้ มกันให้เปลี่ยน “ยาจามิ” เป็น
“ยาจามะ” เปลย่ี น “มัง” เป็น “โน”
ในล�ำดับนั้น พระอุปัชฌายะกล่าวเผดียงสงฆ์แล้ว พระ
อาจารย์สวดสมมติตนถามอันตรายิกธรรม อุปสัมปทาเปกขะ
พงึ รบั ว่า “นัตถิ ภนั เต” ๕ หน “อามะ ภนั เต” ๘ หน
ตอบช่อื ตนและชือ่ อปุ ัชฌายะ รวม ๒ หน โดยนยั หนหลัง แต่
นนั่ พงึ นงั่ ฟงั ทา่ นสวด กรรมวาจาอปุ สมบทไปจนจบ ครนั้ จบแลว้
ท่านเอาบาตรออกจากตัว พึงกราบ ๓ หน ในการสวดกรรม
วาจายงั ไมจ่ บ ถ้ามภี ิกษแุ มร้ ูปหนึ่งคัดคา้ นขึ้นกรรมน้ันไม่ส�ำเรจ็
ตอ้ งน่ิงอยูด่ ว้ ยกนั ทง้ั หมดจนสวดถึง “โสภาเสยยะ” ท่แี ปล
ว่าทา่ นผู้น้นั พึงพูด ท้ายอนุสาวนาท่ี ๓ การอุปสมบทนั้นนบั ว่า
เปน็ อันส�ำเร็จ
293 ที่พกั สงฆจ์ ันทรงั ษี