The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการสอนหนองบัวพิทยาคาร-1.65

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by art, 2022-09-06 01:56:10

แผนการสอนหนองบัวพิทยาคาร-1.65

แผนการสอนหนองบัวพิทยาคาร-1.65

แผนการจัดการเรียนรู้

รายวิชา ทัศนศลิ ป์
รหสั วชิ า 33101
ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 6
กลุ่มสาระการเรยี นรู้ศิลปะ
ปีการศึกษา 2565

สอนโดย
นายอนิรจุ พลอินทร์
นักศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู
โรงเรียนหนองบัวพิทยาคาร



คำนำ

แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชา ศ33101 ทัศนศิลป์ สาหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 6
กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ จัดทาและพัฒนาข้ึนโดยมีจุดประสงค์เพ่ือใช้เป็นคู่มือ ในการจัดกิจกรรมพัฒนา
ผเู้ รียน เพื่อเพมิ่ ทกั ษะกระบวนการทางาน กระบวนการปฏบิ ัติงาน และเจตคตติ อ่ การเรียนของผู้เรียน ทงั้ น้ี
เป็นผลมาจากการวิเคราะห์ความสอดคล้องสาระมาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชี้วัดช่วงช้ันและคุณลักษณะอันพึง
ประสงค์ ตามเปา้ หมายทห่ี ลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พน้ื ฐาน พุทธศักราช 2551 กาหนด

แผนการจดั การเรียนรู้เลม่ นี้ ประกอบด้วย ตารางวิเคราะห์ความสอดคล้องสาระการเรียนรู้ และผล
การเรียนรู้ คาอธิบายรายวิชา โครงสร้างการแบ่งหน่วยการเรียนรู้ ตารางวิเคราะห์แผนการจัดการเรียนรู้
แบบกิจกรรม และแผนการเรียนรู้ โดยมีกระบวนการจัดทาด้วยการวิเคราะห์ปัญหาและสาเหตุของปัญหา
การศึกษาเอกสารเพื่อหาแนวทางในการแก้ปัญหา การกาหนดแนวทาง การดาเนินงานการออกแบบกิจกรรม
การเรยี นรู้ ให้ครอบคลุมตามเปา้ หมายการเรียนร้ใู หเ้ กิดประโยชน์สงู สดุ กบั ผ้เู รยี น

ขอขอบคุณผู้ท่ีมีสว่ นเก่ียวข้องในการดาเนนิ งานจัดทาและพฒั นาแผนการจดั การเรียนรู้ ครง้ั นี้ ท่ไี ด้ให้
คาแนะนาเพ่ือการปรับปรุงพัฒนา รวมท้ังให้แนวคิดที่เป็นประโยชน์สาหรับ การดาเนินงาน และนาแผนการ
จัดการเรียนรู้ไปใช้ รวมทั้งผู้เรียนในกลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ ท่ีช่วยสะท้อนผลที่เกิดขึ้น เพ่ือปรับปรุงและ
พฒั นาแผนการจัดการเรยี นรใู้ หม้ ปี ระสิทธภิ าพ ผู้จัดทาขอขอบพระคุณเปน็ อยา่ งสงู มา ณ โอกาสนี้

อนิรุจ พลอินทร์

ผูจ้ ดั ทา

สำรบัญ ข

เรอื่ ง หน้ำ
คำนำ ก
สำรบัญ ข
1. พระบรมราโชวาท 1
2. โครงสร้างหลกั สูตรสถานศึกษา 3
3. กาหนดรายวิชา 11
4. สาระและมาตรฐานการเรยี นรู้ 9
5. ตวั ช้วี ดั และสาระการเรียนรู้แกนกลาง 10
6. อภิธานศัพท์ 21
7. โครงสร้างสาระการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรศู้ ิลปะ 30
8. โครงสรา้ งรายวชิ าทัศนศิลป์ 32
9. ออกแบบหนว่ ยการเรียนรู้ 34
10. คาอธิบายรายวชิ า 38
11. หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 ทศั นธาตแุ ละหลักการออกแบบ 39
12. แผนจดั การเรียนรู้หน่วยท่ี 1 ทัศนธาตเุ ริ่มงานศิลป์ 40
13. แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 2 องค์ประกอบศลิ ป์ 54
14. แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 3 หลกั การออกแบบและพื้นผวิ รอบตัวฉนั 65
15. แผนจัดการเรียนรู้หน่วยท่ี 4 การเขยี นทัศนยี ภาพ Perspective 79
16. แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 5 วาดเส้นดีไลน์ (D Line) 93
17. หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 2 ประเภทของศิลปะและศัพท์ทางทัศนศลิ ป์ 107
18. แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 6 ศิลปะและวิจิตรศิลป์ (Fine art) 108
19. แผนจดั การเรยี นร้หู น่วยที่ 7 ประยกุ ตศ์ ิลป์ (Applied art) 120
20. แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 8 ศัพท์ทางทัศนศลิ ป์ 134
21. แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 9 จับคู่ศัพท์จบั คู่ศิลป์ 149
22. หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 กระบวนการสร้างสรรคง์ านทัศนศิลป์ 165
23. แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 10 การสรา้ งสรรค์งานจิตรกรรม 166
24. แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 11 การสร้างสรรค์งานประติมากรรม 181
25. แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 12 การสรา้ งสรรค์งานภาพพมิ พ์ 196
26. แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 13 ผลงานทัศนศิลป์ของศิลปนิ ไทยและสากล 211
27. หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 4 การสร้างสรรค์งานจติ รกรรมสนี ้า Watercolour 225
28. แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 14 เน้อื หางานจติ รกรรมสนี ้า 226
29. แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 15 ฝึกงานจติ รกรรมสีนา้ เบอื้ งตน้ 235
30. แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 16 ลงมอื ทางานจิตรกรรมสนี า้ กัน 252
ภำคผนวก 265

1

พระบรมราโชวาท พระราชดารสั

...ต้องพัฒนาอาชีพความเป็นอยู่ของประชาชนเป็นอาชีพไม่ใช่เพียงแต่ปลูกผัก ถ่ัว งาให้หลานเฝ้า
แต่เป็นเร่อื งของความอยู่ดกี ินดี ความรู้การศึกษาท่ีกล่าวว่า ต้องชว่ ยให้การศึกษาดีข้ึน เพราะถา้ การศกึ ษา
ไม่ดี คนไมส่ ามารถทางาน การศึกษาตอ้ งได้ทุกระดับ ถา้ พูดถึงระดบั สูง หมายความว่า นักวิทยาศาสตร์ข้ัน
สูง ถ้าไม่มีการเรียนขั้นประถม อนุบาล ไม่มีทางที่จะให้คนไทยขึ้นไปเรียนข้ันสูง หรือเรียนข้ันสูงไม่ดี ซึ่ง
เด๋ียวนกี้ ็ยังไม่ดี เพราะขั้นสูงนัน้ ตอ้ งมีรากฐานจากขัน้ ต่า ถา้ ไม่มกี เ็ รยี นข้นั สูงไมร่ ูเ้ รื่อง...”

ความตอนหนง่ึ ในพระราชดารัส
เนอื่ งในโอกาสวันเฉลมิ พระชนมพรรษา

วันที่ ๔ ธนั วาคม ๒๕๔๖

2

3

โครงสรา้ งหลกั สูตรสถานศกึ ษา โรงเรยี นหนองบัวพทิ ยาคาร พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๕

หลักสตู รแกนกลางการศึกษาขนั้ พนื้ ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ เป็นหลกั สูตรแกนกลางของประเทศ
ท่ีมุ่งให้การจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน สอดคล้องกับความเปล่ียนแปลงทางเศรษฐกิจ และสังคม และความ
เจรญิ กา้ วหน้าทางวทิ ยาการ เป็นการสร้างกลยุทธใ์ หมใ่ นการพัฒนาคุณภาพการศกึ ษาให้สามารถตอบสนอง
ความต้องการของบคุ คล สงั คมไทย ผเู้ รียนมีศักยภาพในการแขง่ ขัน และรว่ มมอื
อยา่ งสร้างสรรค์ในสงั คมโลก ปลูกฝงั ให้ผู้เรียนมีจติ สานึกในความเปน็ ไทย มรี ะเบยี บวินัย คานงึ ถึงประโยชน์
ส่วนรวม และยดึ ม่ันในระบอบประชาธิปไตยอันมพี ระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เป็นไปตามเจตนารมณ์
มาตรา ๘๐ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ และพระราชบัญญัติการศึกษา
แหง่ ชาติ พ.ศ. ๒๕๔๒ และท่แี กไ้ ขเพมิ่ เตมิ (ฉบับท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๔๕
โรงเรียนหนองบัวพทิ ยาคาร จึงได้กาหนดโครงสร้างหลักสูตรสถานศกึ ษา ดังนี้

๑. ระดบั การศกึ ษา
โรงเรยี นหนองบวั พิทยาคาร ไดก้ าหนดโครงสรา้ งหลักสูตร คอื
๑) ระดับมัธยมศกึ ษาตอนต้น (ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๑ – ๓)
การศึกษาระดบั นี้เปน็ ชว่ งสดุ ทา้ ยของการศึกษาภาคบังคบั ม่งุ เนน้ ใหผ้ ้เู รยี น

ได้สารวจความถนัดและความสนใจของตนเอง ส่งเสริมการพัฒนาบุคลิกภาพส่วนตน มีทักษะในการคิด
วิจารณญาณ คิดสร้างสรรค์ และคิดแกป้ ัญหา มีทักษะในการดาเนินชีวิต มที ักษะการใช้เทคโนโลยีเพ่ือเป็น
เครอื่ งมือในการเรียนรู้ มีความรับผิดชอบต่อสงั คม มคี วามสมดุลทั้งดา้ นความรู้ ความคดิ ความดีงาม และมี
ความภูมิใจในความเป็นไทย ตลอดจนใชเ้ ป็นพน้ื ฐานในการประกอบอาชพี หรือการศึกษาตอ่

๒) ระดับมธั ยมศกึ ษาตอนปลาย (ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี ๔ – ๖)
การศึกษาระดับน้ี เน้นการเพิ่มพูนความรู้ และทักษะเฉพาะด้าน สนองตอบ

ความสามารถ ความถนัด และความสนใจของผู้เรียนแต่ละคนทั้งด้านวิชาการและวิชาชีพ มีทักษะในการใช้
วิทยาการ และเทคโนโลยี ทักษะกระบวนการคิดข้ันสูง สามารถนาความรู้ไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ใน
การศึกษาต่อและการประกอบอาชีพ มุ่งพัฒนาตนและประเทศตามบทบาทของตน สามารถเป็นผู้นา และผู้
ให้บริการชุมชนในดา้ นตา่ ง ๆ

๒.สาระการเรียนรู้
โรงเรียนหนองบวั พทิ ยาคาร ไดก้ าหนดสาระการเรียนรู้ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษา

ขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ และเพื่อการพัฒนาผู้เรียนให้เกิดความสมดุล ตามหลักพัฒนาการทาง
สมอง และพหุปัญญา ซ่ึงประกอบด้วย องคค์ วามรู้ ทักษะ หรอื กระบวนการเรียนรู้ คณุ ลักษณะ ค่านยิ ม
และคณุ ธรรม จริยธรรมของผเู้ รยี น เป็น ๘ กล่มุ สาระ คือ

๑) ภาษาไทย
๒) คณติ ศาสตร์
๓) วทิ ยาศาสตร์
๔) สงั คมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม
๕) สขุ ศึกษาและพลศึกษา
๖) ศิลปะ
๗) การงานอาชพี และเทคโนโลยี
๘) ภาษาตา่ งประเทศ

4

๓.เวลาเรยี น
โรงเรียนหนองบวั พิทยาคาร ได้กาหนด สดั ส่วนเวลาการจัดการเรยี นรู้ และกจิ กรรม

พัฒนาผเู้ รยี น ตามหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขั้นพืน้ ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ คอื
๑) ระดบั ชนั้ มัธยมศกึ ษาตอนต้น (ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๑ – ๓) ให้จัดเวลาเรียนเป็นรายภาค

มเี วลาเรียนวันละไม่เกิน ๖ ชว่ั โมง คิดน้าหนกั ของรายวิชาที่เรียนเป็นหนว่ ยกติ ใชเ้ กณฑ์ ๔๐ ชวั่ โมง
ตอ่ ภาคเรยี น มีค่าน้าหนักวิชา เทา่ กับ ๑ หน่วยกติ (นก.) เวลาเรียน ๓ ปีละไม่เกนิ ๑๒๐๐ ชัว่ โมง

๒) ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ ๔- ๖) ให้จัดเวลาเรียนเป็นรายภาค
มเี วลาเรียน วนั ละไม่น้อยกว่า ๖ ชั่วโมง คิดน้าหนักของรายวิชาที่เรยี นเป็นหน่วยกิต ใช้เกณฑ์ ๔๐ ช่ัวโมง
ต่อภาคเรียน มคี า่ น้าหนักวิชา เทา่ กบั ๑ หน่วยกิต (นก.) เวลาเรยี น รวม ๓ ปีไม่น้อยกว่า ๓๖๐๐ ชัว่ โมง

การจดั โครงสร้างเวลาเรยี นพื้นฐาน
ระดบั มัธยมศึกษาตอนต้น และตอนปลาย จัดโครงสร้างเวลาเรียนพ้ืนฐาน เป็นไปตามที่หลักสูตร
แกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ กาหนด และสอดคล้องกับเกณฑ์การจบหลักสูตร
สถานศึกษาของโรงเรยี นหนองบวั พิทยาคาร

การจัดโครงสร้างเวลาเรียนเพ่มิ เติม
ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนต้น และตอนปลาย จดั โครงสรา้ งเวลาเรียนและรายวชิ าเพิ่มเติม ตามความ
พร้อม ความต้องการของผู้เรียน จุดเน้นของโรงเรยี น และเกณฑ์การจบหลักสูตรสถานศึกษาของโรงเรียน
หนองบัวพิทยาคาร

5

โครงสรา้ งหลกั สตู รสถานศกึ ษาโรงเรยี นหนองบวั พทิ ยคาร

โรงเรยี นหนองบัวพทิ ยคาร กาหนดกรอบโครงสร้างเวลาเรียน ในระดับมัธยมศกึ ษาตอนตน้ และ
ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย ตามแนวหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขั้นพนื้ ฐาน พทุ ธศักราช ๒๕๕๑ ดังน้ี

สดั สว่ นเวลาเรยี น

สาระการ ระดับมธั ยมศึกษาตอนตน้ ระดบั มัธยมศึกษา
เรียนรู/้ ตอนปลาย
กิจกรรม ม. ๑ ม. ๒ ม. ๓
ม. ๔ – ๖
ภาษาไทย พ้ืนฐาน เพม่ิ เตมิ พนื้ ฐาน เพิม่ เติม พน้ื ฐาน เพมิ่ เติม
พื้นฐาน เพ่ิมเติม
คณติ ศาสตร์ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐
(๓ นก.) (๓ นก.) (๓ นก.) ๒๔๐
วิทยาศาสตร์ ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ (๖ นก.)
(๓ นก.) (๓ นก.) (๓ นก.) ๒๔๐
สังคมศึกษา ๑๒๐ ๑๒๐ ๑๒๐ (๖ นก.)
ศาสนา และ (๓ นก.) (๓ นก.) (๓ นก.) ๒๔๐
วัฒนธรรม เ ่ิพมเ ิตม ๒๔๐ ช่ัวโมง ( ๖ ห ่นวยกิต) (๖ นก.)
สขุ ศกึ ษา และ ๑๒๐ เ ่ิพมเ ิตม ๒๔๐ ช่ัวโมง ( ๖ ห ่นวยกิต)๑๒๐๑๒๐
พลศกึ ษา (๓ นก.) เ ่ิพมเ ิตม ๒๔๐ ชั่วโมง ( ๖ ห ่นวย ิกต)(๓ นก.)(๓ นก.) ๒๔๐
เ ิ่พมเ ิตม ๑,๖๘๐ ชั่วโมง ( ๔๒ ห ่นวยกิต)(๖ นก.)
ศลิ ปะ ๘๐ ๘๐ ๘๐
(๒นก.) ๒๔๐ (๒ นก.) ๒๔๐ (๒ นก.) ๒๔๐ ๑๒๐
การงานอาชพี และ ๘๐ (๖ นก.) (๖ นก.) (๖ นก.) (๓นก.)
เทคโนโลยี (๒นก.) ๘๐ ๘๐ ๑๒๐
๘๐ (๒ นก.) (๒ นก.) (๓ นก.)
ภาษาต่างประเทศ (๒นก.) ๑๒๐
๑๒๐ ๘๐ ๘๐ (๓ นก.)
รวมเวลาเรียน (๓ นก.) (๒ นก.) (๒ นก.) ๒๔๐
๑๒๐ ๑๒๐ (๖ นก.)
๘๔๐ (๓ นก.) (๓ นก.) ๑,๕๖๐ ๑,๖๘๐
(๒๑นก.) (๓๙ (๔๒นก.)
๘๔๐ ๘๔๐ นก.)
(๒๑นก.) (๒๑นก.)
๓๖๐
กิจกรรม ๖๐ ๖๐ ๖๐ ๖๐ ๖๐ ๖๐
พัฒนาผู้เรียน

6

โครงสร้างหลกั สตู รสถานศกึ ษาโรงเรียนหนองบัวพทิ ยคาร

ระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนต้น (ระดับชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๑-๓)

สดั สว่ นเวลาเรียน (ช่วั โมง/หนว่ ยกติ )

สาระการเรยี นรู้ มธั ยมศกึ ษาปที ่ี ๑ มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๒ มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๓
/กิจกรรม
ภาคเรียนท่ี ๑ ภาคเรยี นท่ี ๒ ภาคเรยี นท่ี ๑ ภาคเรียนท่ี ๒ ภาคเรยี นที่ ๑ ภาคเรยี นท่ี ๒
ภาษาไทย
พน้ื ฐาน เพมิ่ เตมิ พ้นื ฐาน เพิ่มเติม พน้ื ฐาน เพม่ิ เติม พ้นื ฐาน เพ่มิ เตมิ พน้ื ฐาน เพ่ิมเติม พ้นื ฐาน เพิม่ เติ
คณติ ศาสตร์ ม

วทิ ยาศาสตร์ ๖๐ ๖๐ ๖๐ ๖๐ ๖๐ ๖๐
(๑.๕) (๑.๕) (๑.๕) (๑.๕) (๑.๕) (๑.๕)
สังคมศกึ ษา
ศาสนา และ ๖๐ ๖๐ ๖๐ ๖๐ ๖๐ ๖๐
วัฒนธรรม (๑.๕.) (๑.๕.) (๑.๕.) (๑.๕.) (๑.๕.) (๑.๕.)
สขุ ศึกษา และ
พลศึกษา ๖๐ ๖๐ ๖๐ ๖๐
(๑.๕) (๑.๕) (๑.๕) (๑.๕)
ศลิ ปะ เ ีรยนเพ่ิมเติม จานวน ๑๒๐ ั่ชวโมง ( ๓ หน่วย ิกต) ๖๐ ๖๐
เรียนเพ่ิมเติม จานวน ๑๒๐ ่ัชวโมง ( ๓ ห ่นวย ิกต) (๑.๕) (๑.๕)
การงานอาชีพ เรียนเพิ่มเติม จานวน ๑๒๐ ่ัชวโมง ( ๓ หน่วย ิกต)
และเทคโนโลยี เ ีรยนเพิ่มเติม จานวน ๑๒๐ ั่ชวโมง ( ๓ ห ่นวย ิกต)๖๐ ๖๐
ภาษาตา่ งประเทศ เรียนเพิ่มเติม จานวน ๑๒๐ ่ัชวโมง ( ๓ หน่วย ิกต)(๑.๕) (๑.๕)
เ ีรยนเพิ่มเติม จานวน ๑๒๐ ั่ชวโมง ( ๓ หน่วย ิกต)
รวมเวลาเรียน ๖๐ ๖๐ ๖๐ ๖๐
พน้ื ฐาน/เพมิ่ เติม (๑.๕) (๑.๕) (๑.๕) (๑.๕)

กจิ กรรม ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐
พัฒนาผเู้ รยี น* (๑) (๑) (๑) (๑) (๑) (๑)

รวมเวลาเรยี น ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐
(๑) (๑) (๑) (๑) (๑) (๑)
ชั่วโมง/หน่วยกติ
๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐
(๑) (๑) (๑) (๑) (๑) (๑)

๖๐ ๖๐ ๖๐ ๖๐ ๖๐ ๖๐
(๑.๕) (๑.๕) (๑.๕) (๑.๕) (๑.๕) (๑.๕)

๔๒๐ ๑๒๐ ๔๒๐ ๑๒๐ ๔๒๐ ๑๒๐ ๔๒๐ ๑๒๐ ๔๒๐ ๑๒๐ ๔๒๐ ๑๒๐
(๑๐.๕) (๓) (๑๐.๕) (๓) (๑๐.๕) (๓) (๑๐.๕) (๓) (๑๐.๕) (๓) (๑๐.๕) (๓)

๖๐ ๖๐ ๖๐ ๖๐ ๖๐ ๖๐

๖๐๐ (๑๓.๕) ๖๐๐(๑๓.๕) ๖๐๐(๑๓.๕) ๖๐๐(๑๓.๕) ๖๐๐(๑๓.๕) ๖๐๐(๑๓.๕)
๑๒๐๐(๒๗) ๑๒๐๐(๒๗) ๑๒๐๐(๒๗)
๓,๖๐๐(๘๑)

*หมายเหตุ
กิจกรรมแนะแนว จานวน ๒๐ชว่ั โมง/ภาคเรียน
กจิ กรรมลูกเสอื เนตรนารี ยวุ กาชาด จานวน ๒๐ชั่วโมง/ภาคเรยี น
กิจกรรมชุมนมุ จานวน ๒๐ช่ัวโมง/ภาคเรียน
กิจกรรมเพอื่ สงั คมและสาธารณประโยชน์ บูรณาการในทกุ สาระการเรียนรู้
ผเู้ รยี นทกุ คนต้องปฏบิ ัตแิ ละร่วมกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์
อย่างน้อย ๑๕ ชั่วโมงต่อปี ( อย่างนอ้ ยภาคเรียนละ ๗-๘ ชั่วโมง)

7

โครงสร้างหลกั สตู รสถานศกึ ษาโรงเรียนหนองบัวพทิ ยคาร

ระดบั มัธยมศกึ ษาตอนปลาย (ระดบั ชัน้ มัธยมศึกษาปที ่ี ๔-๖)

สัดส่วนเวลาเรยี น (ชว่ั โมง/หน่วยกติ )

สาระการเรียนรู้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๔ มัธยมศึกษาปที ่ี ๕ มธั ยมศึกษาปที ี่ ๖
/กิจกรรม
ภาคเรยี นท่ี ๑ ภาคเรียนท่ี ๒ ภาคเรียนท่ี ๑ ภาคเรยี นที่ ๒ ภาคเรยี นท่ี ๑ ภาคเรยี นที่ ๒
ภาษาไทย
พน้ื ฐาน เพิม่ เตมิ พน้ื ฐาน เพ่มิ เตมิ พ้นื ฐาน เพิ่มเติม พนื้ ฐาน เพมิ่ เติม พื้นฐาน เพ่ิมเตมิ พน้ื ฐาน เพ่ิมเตมิ
คณติ ศาสตร์
๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐
วิทยาศาสตร์ (๑) (๑) (๑) (๑) (๑) (๑)

สังคมศกึ ษา ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐
ศาสนา และ (๑) (๑) (๑) (๑) (๑) (๑)
วฒั นธรรม เ ีรยนเพิ่มเติม จานวน ๒๒๐ ่ัชวโมง ( ๕.๕ หน่วย ิกต)
สุขศึกษา และ เ ีรยนเพิ่มเติม จานวน ๒๔๐ ั่ชวโมง ( ๖ ห ่นวย ิกต)
พลศึกษา เรียนเพ่ิมเติม จานวน ๒๖๐ ่ัชวโมง ( ๖.๕ หน่วย ิกต)
เรียนเพิ่มเติม จานวน ๓๐๐ ั่ชวโมง ( ๗.๕ ห ่นวย ิกต)
ศิลปะ เรียนเพิ่มเติม จานวน ๓๒๐ ่ัชวโมง ( ๘ ห ่นวย ิกต)
เรียนเพ่ิมเติม จานวน ๓๔๐ ่ัชวโมง ( ๘.๕ ห ่นวย ิกต)
การงานอาชีพ ๘๐ ๘๐ ๔๐ ๒๐ ๒๐ -
และเทคโนโลยี (๑.๕) (๑.๕) (๑) (๐.๕) (๐.๕)
ภาษาตา่ งประเทศ
๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐
รวมเวลาเรียน (๑) (๑) (๑) (๑) (๑) (๑)
พ้นื ฐาน/เพม่ิ เติม
๒๐ ๒๐ ๒๐ ๒๐ ๒๐ ๒๐
กจิ กรรม (๐.๕) (๐.๕) (๐.๕) (๐.๕) (๐.๕) (๐.๕)
พฒั นาผเู้ รียน* ๒๐ ๒๐
๒๐ ๒๐ ๒๐ ๒๐ (๐.๕) (๐.๕)
รวมเวลาเรียน (๐.๕) (๐.๕) (๐.๕) (๐.๕)
- -
ชั่วโมง/หน่วยกติ ๔๐ ๒๐ ๒๐ ๒๐
(๑) (๐.๕) (๐.๕) (๐.๕) ๔๐ ๔๐
(๑) (๑)
๔๐ ๔๐ ๔๐ ๔๐ ๒๒๐ ๓๒๐ ๒๐๐ ๓๔๐
(๑) (๑) (๑) (๑) (๕.๕) (๘) (๕) (๘.๕)

๓๒๐ ๒๒๐ ๓๐๐ ๒๔๐ ๒๘๐ ๒๖๐ ๒๔๐ ๓๐๐ ๖๐ ๖๐
(๘) (๕.๕) (๗.๕) (๖) (๗) (๖.๕) (๖) (๗.๕)

๖๐ ๖๐ ๖๐ ๖๐

๖๐๐ (๑๓.๕) ๖๐๐(๑๓.๕) ๖๐๐(๑๓.๕) ๖๐๐(๑๓.๕) ๖๐๐(๑๓.๕) ๖๐๐(๑๓.๕)
๑๒๐๐(๒๗) ๑๒๐๐(๒๗) ๑๒๐๐(๒๗)
๓,๖๐๐(๘๑)

*หมายเหตุ
กจิ กรรมแนะแนว จานวน ๔๐ชว่ั โมง/ภาคเรยี น

กิจกรรมชมุ นุม จานวน ๒๐ชว่ั โมง/ภาคเรียน

กจิ กรรมเพอ่ื สงั คมและสาธารณประโยชน์ บูรณาการในทุกสาระการเรียนรู้
ผ้เู รียนทุกคนตอ้ งปฏบิ ตั แิ ละร่วมกิจกรรมเพอื่ สงั คมและสาธารณประโยชน์
อยา่ งนอ้ ย ๒๐ ชว่ั โมงตอ่ ปี ( อยา่ งนอ้ ยภาคเรียนละ ๑๐ ช่ัวโมง)

8

รายวชิ า ๑. การกาหนดรหัสวิชา
โรงเรียนหนองบัวพทิ ยาคาร ไดก้ าหนดรหสั รายวชิ า ดังนี้
หลักท่ี ๑ เป็นตัวอักษร บอก รหสั กลมุ่ สาระ ดงั น้ี
กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ ศิลปะ รหสั เป็น ศ

หลกั ที่ ๒ เปน็ ตัวเลข บอก ระดับการศกึ ษา ดงั นี้
ระดบั มธั ยมศึกษาตอนต้น รหัส เปน็ ๒

หลักท่ี ๓ เป็นตวั เลข บอก ปใี นระดับการศึกษา ดงั นี้
ระดบั มธั ยมศึกษาตอนต้น
เรียนในระดบั ช้นั มัธยมศกึ ษา ปีท่ี ๑ รหสั เป็น ๑
เรยี นในระดับชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ ๒ รหสั เป็น ๒
เรยี นในระดับช้นั มธั ยมศึกษา ปีที่ ๓ รหสั เปน็ ๓
ไม่กาหนดปที ่ศี ึกษา (เรียนไดท้ ุกระดบั การศกึ ษา) รหัส เปน็ ๐

หลกั ที่ ๔ เปน็ ตวั เลข บอก ประเภทของรายวชิ า ดงั นี้
รายวิชาพน้ื ฐาน รหัส เปน็ ๑
รายวิชาเพิม่ เติม รหัส เป็น ๒

หลกั ที่ ๕ และ๖ เป็นตัวเลข บอก ลาดบั ของรายวิชา ดงั นี้
ลาดับของรายวิชา ที่ ๑ รหัส เปน็ ๐๑ เป็นตน้
ลาดบั ของรายวชิ า ท่ี ๒ รหสั เป็น ๐๒
และ ลาดับของรายวชิ า ที่ ๑๙ รหสั เป็น ๑๙

ตัวอยา่ ง ศ ๒๓๑๐๑
หลกั ท่ี ๑ ตวั อักษร ศ หมายถงึ รายวิชาในกลุม่ สาระการเรียนรู้ศิลปะ
หลกั ที่ ๒ ตวั เลข ๒ หมายถงึ รายวิชาในระดบั ช้นั มธั ยมศึกษาตอนตน้
หลกั ที่ ๓ ตวั เลข ๓ หมายถึง รายวชิ าที่เรยี นในชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ ๓
หลักที่ ๔ ตวั เลข ๑ หมายถงึ รายวิชาพื้นฐาน
หลกั ที่ ๕-๖ ตัวเลข ๐๑ หมายถงึ ลาดับวิชาที่หน่งึ ในรายวชิ าพืน้ ฐาน

ของกลุม่ สาระการเรียนรู้ศิลปะ ท่เี รยี นใน ระดับช้ันมธั ยมศกึ ษาตอนตน้

9

สาระและมาตรฐานการเรยี นรู้
กลุ่มสาระการเรยี นรูศ้ ลิ ปะ

สาระที่ ๑ ทัศนศิลป์
มาตรฐาน ศ ๑.๑ สร้างสรรค์งานทัศนศิลป์ตามจินตนาการ และความคิด

สรา้ งสรรค์ วิเคราะห์ วิพากษ์ วิจารณ์คณุ คา่ งานทัศนศลิ ป์ ถา่ ยทอดความรสู้ ึก ความคิดต่องานศลิ ปะอยา่ ง
อิสระ ช่นื ชม และประยุกต์ใช้ในชีวติ ประจาวนั

มาตรฐาน ศ ๑.๒ เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างทัศนศิลป์ ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม
เหน็ คุณคา่ งานทศั นศลิ ป์ทเ่ี ป็นมรดกทางวัฒนธรรม ภูมิปญั ญาท้องถิ่น ภมู ปิ ัญญาไทยและสากล

สาระที่ ๒ ดนตรี
มาตรฐาน ศ ๒.๑ เข้าใจและแสดงออกทางดนตรีอย่างสร้างสรรค์ วิเคราะห์

วพิ ากษ์วิจารณ์คุณค่าดนตรี ถ่ายทอดความรู้สึก ความคิดต่อดนตรีอย่างอิสระ ชื่นชม และประยุกต์ ใช้ใน
ชวี ิตประจาวัน

มาตรฐาน ศ ๒.๒ เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างดนตรี ประวัตศิ าสตร์ และวัฒนธรรม เห็น
คณุ ค่าของดนตรที เี่ ป็นมรดกทางวัฒนธรรม ภมู ปิ ัญญาท้องถ่ิน ภูมปิ ัญญาไทยและสากล

สาระที่ ๓ นาฏศิลป์
มาตรฐาน ศ ๓.๑ เข้าใจ และแสดงออกทางนาฏศิลป์อย่างสร้างสรรค์ วิเคราะห์ วิพากษ์

วจิ ารณ์คุณคา่ นาฏศิลป์ ถา่ ยทอดความรู้สึก ความคดิ อยา่ งอสิ ระ ชนื่ ชม และประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวติ ประจาวนั
มาตรฐาน ศ ๓.๒ เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างนาฏศิลป์ ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม เห็น

คุณคา่ ของนาฏศลิ ป์ที่เปน็ มรดกทางวฒั นธรรม ภมู ปิ ัญญาท้องถิ่น ภมู ปิ ัญญาไทยและสากล

10

ตวั ชีว้ ดั และสาระการเรยี นรแู้ กนกลาง

สาระท่ี ๑ ทศั นศิลป์
มาตรฐาน ศ ๑.๑ สร้างสรรค์งานทัศนศิลป์ตามจินตนาการ และความคิ ดสร้างสรรค์ วิเคราะห์
วิพากษ์วิจารณ์คุณค่างานทัศนศิลป์ ถ่ายทอดความรู้สึก ความคิดต่องานศิลปะอย่างอิสระช่ืนชม และ
ประยุกต์ใช้ในชวี ติ ประจาวัน

ชั้น ตัวชีว้ ัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง

ม.๑ ๑. บรรยายความแตกต่างและความ  ความแตกตา่ งและความคล้ายคลงึ กนั
คล้ายคลึงกนั ของงานทัศนศิลป์
ของทศั นธาตุในงานทศั นศลิ ป์ และส่ิงแวดลอ้ ม
และสงิ่ แวดลอ้ มโดยใชค้ วามรูเ้ รอ่ื งทัศนธาตุ

๒. ระบุ และบรรยายหลักการออกแบบ  ความเป็นเอกภาพ ความกลมกลืน ความสมดุล
งานทัศนศิลป์ โดยเนน้ ความเป็นเอกภาพ

ความกลมกลนื และความสมดลุ

๓. วาดภาพทศั นยี ภาพแสดงใหเ้ หน็  หลักการวาดภาพแสดงทัศนียภาพ
ระยะไกลใกล้ เปน็ ๓ มิติ

๔. รวบรวมงานปน้ั หรอื ส่อื ผสมมาสรา้ ง  เอกภาพความกลมกลืนของเรื่องราวในงานป้ัน
เปน็ เรอื่ งราว ๓ มิติโดยเนน้ ความเป็นเอกภาพ หรืองานสอ่ื ผสม
ความกลมกลนื และการสอื่ ถึงเรอื่ งราว

ของงาน

๕. ออกแบบรูปภาพ สญั ลักษณ์  การออกแบบรปู ภาพ สัญลกั ษณ์
หรือกราฟิกอืน่ ๆ ในการนาเสนอ หรืองานกราฟิก

ความคิดและข้อมูล

๖. ประเมนิ งานทัศนศิลป์ และบรรยาย  การประเมินงานทศั นศลิ ป์
ถงึ วธิ ีการปรับปรงุ งานของตนเองและ

ผอู้ ่ืนโดยใช้เกณฑท์ ี่กาหนดให้

ชั้น ตวั ชีว้ ัด สาระการเรยี นร้แู กนกลาง

ม.๒ ๑. อภปิ รายเกีย่ วกบั ทัศนธาตใุ นด้านรปู แบบ  รปู แบบของทัศนธาตุและแนวคิดในงาน
และแนวคดิ ของงานทัศนศิลป์ทีเ่ ลอื กมา ทัศนศลิ ป์

๒. บรรยายเกย่ี วกบั ความเหมอื นและ  ความเหมอื นและความแตกต่างของรปู แบบ
ความแตกต่างของรูปแบบการใชว้ ัสดุ การใชว้ ัสดุ อปุ กรณ์ในงานทศั นศิลป์
อุปกรณ์ในงานทัศนศิลปข์ องศิลปิน ของศลิ ปนิ

๓. วาดภาพด้วยเทคนคิ ที่หลากหลาย  เทคนคิ ในการวาดภาพสื่อความหมาย
ในการสือ่ ความหมายและเรอื่ งราวต่าง ๆ

๔. สร้างเกณฑใ์ นการประเมนิ  การประเมนิ และวิจารณ์งานทัศนศลิ ป์
และวิจารณ์งานทัศนศิลป์

๕. นาผลการวิจารณ์ไปปรับปรุงแก้ไข  การพฒั นางานทัศนศิลป์

11

และพฒั นางาน  การจัดทาแฟม้ สะสมงานทัศนศลิ ป์

๖. วาดภาพแสดงบุคลกิ ลกั ษณะ  การวาดภาพถ่ายทอดบุคลกิ ลักษณะ

ของตวั ละคร ของตวั ละคร

๗. บรรยายวิธกี ารใช้งานทัศนศิลป์  งานทศั นศิลปใ์ นการโฆษณา
ในการโฆษณาเพื่อโน้มนา้ วใจ

และนาเสนอตวั อยา่ งประกอบ

ม.๓ ๑. บรรยายส่งิ แวดล้อม และงานทศั นศิลป์  ทศั นธาตุ หลกั การออกแบบในสิง่ แวดล้อม
ที่เลือกมาโดยใช้ความร้เู รอื่ งทศั นธาตุ และงานทัศนศลิ ป์
และหลักการออกแบบ

๒. ระบุ และบรรยายเทคนิค วธิ กี าร  เทคนิควธิ ีการของศิลปนิ ในการสร้างงาน
ของศิลปินในการสรา้ งงาน ทัศนศลิ ป์ ทศั นศลิ ป์

๓. วเิ คราะห์ และบรรยายวิธีการใช้ ทัศน  วธิ ีการใช้ทัศนธาตแุ ละหลักการออกแบบใน
ธาตุ และหลักการออกแบบในการสร้าง การสร้างงานทศั นศิลป์
งานทศั นศลิ ปข์ องตนเอง
ใหม้ ีคณุ ภาพ

๔. มที กั ษะในการสร้างงานทศั นศิลป์  การสรา้ งงานทัศนศิลปท์ ้งั ไทยและสากล
อยา่ งน้อย ๓ ประเภท

ช้นั ตวั ช้วี ัด สาระการเรยี นรู้แกนกลาง

ม.๓ ๕. มที ักษะในการผสมผสานวัสดตุ ่าง ๆ  การใชห้ ลกั การออกแบบในการสรา้ งงาน
ในการสร้างงานทศั นศิลป์โดยใช้หลักการ ส่อื ผสม
ออกแบบ

๖. สรา้ งงานทัศนศลิ ป์ ท้ัง ๒ มติ ิ และ๓  การสร้างงานทัศนศิลป์แบบ ๒ มติ ิ และ ๓ มติ ิ
มติ ิ เพ่อื ถา่ ยทอดประสบการณแ์ ละ เพือ่ ถ่ายทอดประสบการณ์ และจนิ ตนาการ
จนิ ตนาการ

๗. สร้างสรรค์งานทศั นศลิ ป์สอื่  การประยุกตใ์ ชท้ ศั นธาตุและหลักการ

ความหมายเปน็ เร่ืองราว โดยประยกุ ต์ใช้ ออกแบบสรา้ งงานทศั นศลิ ป์
ทศั นธาตุ และหลักการออกแบบ

๘. วิเคราะห์และอภิปรายรปู แบบ  การวิเคราะห์รปู แบบ เนอื้ หา และคุณค่าใน

เนือ้ หาและคุณคา่ ในงานทศั นศิลป์ ของ งานทัศนศิลป์
ตนเอง และผอู้ ่ืน หรือของศลิ ปิน

๙. สรา้ งสรรค์งานทัศนศิลป์เพ่อื บรรยาย  การใช้เทคนิค วธิ ีการที่หลากหลาย
เหตุการณ์ต่าง ๆ โดยใช้เทคนคิ ที่
สร้างงานทศั นศลิ ป์เพอ่ื ส่ือความหมาย
หลากหลาย

๑๐. ระบุอาชพี ทีเ่ ก่ียวขอ้ งกับงาน  การประกอบอาชีพทางทศั นศิลป์
ทัศนศิลป์และทกั ษะที่จาเปน็ ในการ

12

ประกอบอาชีพนัน้ ๆ

๑๑. เลอื กงานทศั นศลิ ป์โดยใช้เกณฑ์  การจัดนทิ รรศการ
ท่กี าหนดข้นึ อย่างเหมาะสม และนาไป

จัดนิทรรศการ

ม .๔ - ๑. วเิ คราะหก์ ารใช้ทัศนธาตุ และ  ทัศนธาตแุ ละหลกั การออกแบบ

๖ หลักการออกแบบในการส่ือความหมาย

ในรปู แบบ ตา่ ง ๆ

๒. บรรยายจดุ ประสงคแ์ ละเนื้อหาของ  ศพั ทท์ างทัศนศิลป์
งานทัศนศลิ ป์ โดยใช้ศพั ทท์ างทัศนศลิ ป์

๓. วิเคราะหก์ ารเลือกใช้วัสดุอุปกรณ์  วัสดุ อุปกรณ์ และเทคนคิ ของศิลปนิ
และเทคนิคของศลิ ปินในการแสดงออก ในการแสดงออกทางทศั นศิลป์
ทางทัศนศิลป์

๔. มที ักษะและเทคนคิ ในการใชว้ ัสดุ  เทคนิค วัสดุ อุปกรณ์ กระบวนการในการ
อปุ กรณ์ และกระบวนการทีส่ ูงขึ้นในการ สร้างงานทศั นศิลป์
สร้างงานทศั นศิลป์

ชั้น ตวั ชี้วัด สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง

๕. สร้างสรรคง์ านทัศนศิลป์ดว้ ยเทคโนโลยีต่าง ๆ  หลกั การออกแบบและการจดั
โดยเนน้ หลักการออกแบบและการจัด
องค์ประกอบศลิ ปด์ ้วยเทคโนโลยี
องค์ประกอบศลิ ป์

๖. ออกแบบงานทัศนศิลปไ์ ด้เหมาะกับโอกาส  การออกแบบงานทัศนศลิ ป์
และสถานที่

๗. วเิ คราะห์และอธบิ ายจุดมุ่งหมายของศลิ ปิน  จุดมุ่งหมายของศิลปินในการเลือกใช้
ในการเลือกใชว้ ัสดุ อปุ กรณ์ เทคนคิ และเนอ้ื หา วสั ดุ อุปกรณ์ เทคนิคและเนื้อหา ใน
เพือ่ สร้างสรรคง์ านทัศนศิลป์
การสร้างงานทัศนศลิ ป์

๘. ประเมินและวิจารณง์ านทัศนศลิ ป์ โดยใช้  ทฤษฎีการวิจารณ์ศลิ ปะ
ทฤษฎีการวจิ ารณ์ศิลปะ

ม .๔ - ๙. จัดกล่มุ งานทัศนศิลปเ์ พือ่ สะท้อนพัฒนาการ  การจดั ทาแฟ้มสะสมงานทัศนศิลป์
๖ และความก้าวหน้าของตนเอง

๑๐. สร้างสรรคง์ านทัศนศิลปไ์ ทย สากล  การสร้างงานทศั นศิลปจ์ ากแนวคิด
โดยศกึ ษาจากแนวคดิ และวิธีการ สรา้ งงานของ และวิธีการของศลิ ปนิ
ศิลปนิ ทต่ี นช่นื ชอบ

๑๑. วาดภาพ ระบายสเี ป็นภาพลอ้ เลยี น  การวาดภาพลอ้ เลียนหรอื ภาพการต์ นู
หรือภาพการ์ตนู เพื่อแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ

สภาพสงั คมในปัจจบุ นั

13

สาระที่ ๑ ทศั นศิลป์
มาตรฐาน ศ ๑.๒ เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างทัศนศิลป์ ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม เห็นคุณค่างาน

ทัศนศลิ ปท์ เี่ ป็นมรดกทางวัฒนธรรม ภูมิปญั ญาท้องถนิ่ ภูมิปญั ญาไทย และสากล

ช้นั ตัวช้ีวัด สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง

ม.๑ ๑. ระบุ และบรรยายเกี่ยวกับลกั ษณะ รูปแบบ  ลกั ษณะ รปู แบบงานทัศนศิลป์ของชาติ
งานทศั นศลิ ปข์ องชาตแิ ละของทอ้ งถิน่ และท้องถ่ิน
ตนเองจากอดตี จนถึงปัจจุบนั

๒. ระบุ และเปรียบเทยี บงานทัศนศิลป์  งานทศั นศิลป์ภาคตา่ ง ๆ ในประเทศไทย
ของภาคต่าง ๆ ในประเทศไทย

ชน้ั ตัวชวี้ ัด สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง

ม.๒ ๓. เปรยี บเทยี บความแตกต่างของ  ความแตกต่างของงานทัศนศลิ ป์

จดุ ประสงค์ในการสร้างสรรค์งานทศั นศิลป์ ในวัฒนธรรมไทยและสากล
ของวัฒนธรรมไทยและสากล

ม.๓ ๑. ระบุ และบรรยายเกย่ี วกับวฒั นธรรมตา่ ง ๆ  วฒั นธรรมทส่ี ะทอ้ นในงานทศั นศลิ ป์
ทส่ี ะท้อนถึงงานทัศนศลิ ป์ในปัจจบุ ัน
ปจั จบุ นั

๒. บรรยายถึงการเปลย่ี นแปลงของ  งานทศั นศลิ ป์ของไทยในแต่ละยคุ สมยั

งานทศั นศิลป์ของไทยในแต่ละยคุ สมยั โดย

เนน้ ถึงแนวคดิ และเนื้อหาของงาน

๓. เปรยี บเทียบแนวคดิ ในการออกแบบ  การออกแบบงานทศั นศลิ ป์ในวฒั นธรรม
งานทัศนศิลปท์ ่ีมาจาก วฒั นธรรมไทยและ ไทยและสากล
สากล

๑. ศกึ ษาและอภปิ รายเก่ยี วกบั งานทัศนศิลป์  งานทัศนศลิ ปก์ บั การสะท้อนคณุ ค่า
ทสี่ ะทอ้ นคณุ ค่าของวัฒนธรรม
ของวฒั นธรรม

๒. เปรียบเทยี บความแตกต่างของ  ความแตกตา่ งของงานทศั นศลิ ป์ในแต่ละ

งานทัศนศลิ ปใ์ นแต่ละยคุ สมัย ยคุ สมยั ของวฒั นธรรมไทยและสากล

ของวัฒนธรรมไทยและสากล

๑. วิเคราะห์ และเปรียบเทยี บงานทัศนศิลป์  งานทัศนศิลป์รปู แบบตะวนั ออกและ
ในรปู แบบตะวนั ออกและรปู แบบตะวนั ตก ตะวนั ตก

๒. ระบุงานทศั นศิลปข์ องศลิ ปินทม่ี ีชือ่ เสยี ง  งานทศั นศลิ ปข์ องศิลปินท่ีมีช่ือเสยี ง
และบรรยายผลตอบรับของสงั คม

๓. อภิปรายเกี่ยวกบั อิทธพิ ลของ  อทิ ธพิ ลของวัฒนธรรมระหว่างประเทศ

วฒั นธรรมระหว่างประเทศท่ีมผี ลตอ่ ทมี่ ีผลตอ่ งานทศั นศลิ ป์
งานทศั นศิลปใ์ นสงั คม

14

สาระที่ ๒ ดนตรี
มาตรฐาน ศ ๒.๑ เข้าใจและแสดงออกทางดนตรีอย่างสร้างสรรค์ วเิ คราะห์ วพิ ากษว์ ิจารณค์ ุณค่าดนตรี

ถ่ายทอดความรสู้ กึ ความคดิ ตอ่ ดนตรอี ยา่ งอสิ ระ ช่นื ชม และประยุกต์ใช้ในชวี ิตประจาวนั

ชั้น ตวั ช้ีวัด สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง

ม.๑ ๑. อ่าน เขยี น รอ้ งโน้ตไทย และโนต้ สากล  เครือ่ งหมายและสัญลักษณ์ทางดนตรี

- โนต้ บทเพลงไทย อัตราจังหวะสองช้ัน

- โน้ตสากล ในกญุ แจซอลและฟา ใน

บนั ไดเสียง C Major

๒. เปรยี บเทียบเสียงรอ้ งและเสยี ง  เสียงร้องและเสียงของเคร่อื งดนตรี

ของเคร่ืองดนตรีที่มาจากวัฒนธรรม ในบทเพลงจากวฒั นธรรมต่าง ๆ

ท่ตี ่างกนั - วิธกี ารขับรอ้ ง

- เครอ่ื งดนตรีทใี่ ช้

๓. รอ้ งเพลงและใชเ้ ครื่องดนตรบี รรเลง  การร้องและการบรรเลงเครอื่ งดนตรี
ประกอบการรอ้ งเพลงดว้ ยบทเพลง ประกอบการรอ้ ง
ทีห่ ลากหลายรูปแบบ - บทเพลงพนื้ บ้าน บทเพลงปลุกใจ
- บทเพลงไทยเดมิ
๔. จัดประเภทของวงดนตรีไทยและ - บทเพลงประสานเสียง ๒ แนว
วงดนตรีท่ีมาจากวัฒนธรรมต่าง ๆ - บทเพลงรปู แบบ ABA
- บทเพลงประกอบการเต้นรา
๕. แสดงความคิดเหน็ ท่ีมีตอ่ อารมณ์ของ  วงดนตรพี น้ื เมอื ง
บทเพลงทม่ี ีความเร็วของจังหวะ  วงดนตรีไทย
และความดงั - เบา แตกต่างกัน  วงดนตรีสากล
๖. เปรียบเทยี บอารมณ์ ความรสู้ ึกในการ  การถา่ ยทอดอารมณข์ องบทเพลง
ฟงั ดนตรีแต่ละประเภท - จังหวะกับอารมณเ์ พลง
๗. นาเสนอตัวอยา่ งเพลงที่ตนเองชื่นชอบ - ความดัง-เบากบั อารมณ์เพลง
และอภปิ รายลกั ษณะเดน่ ท่ีทาให้งานน้ัน - ความแตกต่างของอารมณ์เพลง
น่าช่นื ชม
 การนาเสนอบทเพลงท่ีตนสนใจ

15

ชั้น ตวั ชีว้ ัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง

๘. ใชเ้ กณฑ์สาหรับประเมนิ คณุ ภาพ  การประเมนิ คณุ ภาพของบทเพลง

งานดนตรีหรอื เพลงท่ฟี งั - คุณภาพดา้ นเน้ือหา

- คณุ ภาพด้านเสียง

- คณุ ภาพด้านองคป์ ระกอบดนตรี

๙. ใชแ้ ละบารงุ รกั ษาเครือ่ งดนตรี  การใช้และบารุงรกั ษาเคร่ืองดนตรีของตน

อยา่ งระมดั ระวังและรบั ผดิ ชอบ

ม.๒ ๑. เปรียบเทยี บการใช้องค์ประกอบดนตรี  องค์ประกอบของดนตรีจากแหลง่

ท่ีมาจากวัฒนธรรมต่างกนั วัฒนธรรมต่าง ๆ

๒. อ่าน เขยี นร้องโนต้ ไทย และโนต้ สากลที่  เครื่องหมายและสญั ลักษณ์ทางดนตรี

มีเคร่ืองหมายแปลงเสยี ง - โนต้ จากเพลงไทยอัตราจงั หวะสองช้ัน

- โน้ตสากล (เครอ่ื งหมายแปลงเสยี ง)

๓. ระบปุ ัจจัยสาคัญทมี่ อี ิทธพิ ลตอ่ การ  ปัจจยั ในการสร้างสรรค์บทเพลง

สรา้ งสรรค์งานดนตรี - จนิ ตนาการในการสรา้ งสรรค์บทเพลง

- การถา่ ยทอดเรอ่ื งราวความคิด

ในบทเพลง

๔. ร้องเพลง และเล่นดนตรีเดี่ยวและรวมวง  เทคนคิ การร้องและบรรเลงดนตรี

- การร้องและบรรเลงเดย่ี ว

- การรอ้ งและบรรเลงเปน็ วง

๕. บรรยายอารมณข์ องเพลงและความร้สู กึ ที่  การบรรยายอารมณแ์ ละความรูส้ กึ ในบทเพลง

มีตอ่ บทเพลงทฟี่ งั

๖. ประเมนิ พฒั นาการทกั ษะทางดนตรี  การประเมนิ ความสามารถทางดนตรี

ของตนเอง หลังจากการฝกึ ปฏิบตั ิ - ความถูกต้องในการบรรเลง

- ความแม่นยาในการอ่านเครื่องหมายและ

สัญลักษณ์

- การควบคุมคุณภาพเสยี งในการรอ้ งและ

บรรเลง

ม.๓ ๑. เปรยี บเทยี บองค์ประกอบทีใ่ ช้ในงาน  การเปรียบเทยี บองค์ประกอบในงานศิลปะ
ดนตรีและงานศิลปะอืน่ - การใชอ้ งค์ประกอบในการสร้างสรรคง์ าน

ดนตรีและศลิ ปะแขนงอื่
- เทคนคิ ทีใ่ ช้ในการสร้างสรรค์งานดนตรี

และศิลปะแขนงอ่นื

16

ชน้ั ตวั ช้ีวัด สาระการเรียนรแู้ กนกลาง
๒. ร้องเพลง เล่นดนตรเี ด่ยี ว และรวมวง  เทคนิคและการแสดงออกในการขบั รอ้ งและ
โดยเนน้ เทคนิคการรอ้ ง การเล่น การ บรรเลงดนตรีเดี่ยวและรวมวง
แสดงออก และคุณภาพสยี ง
๓. แต่งเพลงส้ัน ๆ จังหวะง่าย ๆ  อตั ราจังหวะ ๒ และ ๔
 การประพนั ธ์เพลงในอัตราจงั หวะ ๒ และ ๔
๔. อธบิ ายเหตผุ ลในการเลือกใช้
องค์ประกอบดนตรีในการสรา้ งสรรค์  การเลอื กใชอ้ งค์ประกอบในการสร้างสรรคบ์ ท
งานดนตรีของตนเอง เพลง
- การเลือกจังหวะเพื่อสรา้ งสรรค์บทเพลง
๕. เปรยี บเทียบความแตกต่างระหวา่ ง - การเรยี บเรียงทานองเพลง
งานดนตรีของตนเองและผูอ้ น่ื  การเปรยี บเทยี บความแตกตา่ งของบทเพลง

๖. อธิบายเก่ยี วกบั อทิ ธพิ ลของดนตรี - สาเนยี ง
ที่มีต่อบุคคลและสังคม - อตั ราจงั หวะ
- รปู แบบบทเพลง
ม.๔-๖ ๑. เปรียบเทียบรปู แบบของบทเพลงและ - การประสานเสยี ง
วงดนตรีแตล่ ะประเภท - เครอื่ งดนตรที ่ีบรรเลง
 อิทธิพลของดนตรี
๒. จาแนกประเภทและรูปแบบของ - อิทธพิ ลของดนตรีต่อบุคคล
วงดนตรที งั้ ไทยและสากล - อทิ ธพิ ลของดนตรตี ่อสงั คม
 การจดั วงดนตรี
๓. อธิบายเหตผุ ลท่ีคนตา่ งวฒั นธรรม - การใช้เครอ่ื งดนตรีในวงดนตรีประเภทต่างๆ
สร้างสรรคง์ านดนตรีแตกต่างกัน - บทเพลงท่ีบรรเลงโดยวงดนตรีประเภทตา่ งๆ
 ประเภทของวงดนตรี
- ประเภทของวงดนตรีไทย
- ประเภทของวงดนตรสี ากล
 ปัจจัยในการสรา้ งสรรค์ผลงานดนตรี
ในแต่ละวัฒนธรรม

17

ช้ัน ตวั ชี้วัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง
- ความเช่ือกบั การสรา้ งสรรคง์ านดนตรี
๔. อ่าน เขยี น โนต้ ดนตรไี ทยและสากล - ศาสนากบั การสร้างสรรคง์ านดนตรี
ในอัตราจังหวะต่าง ๆ - วถิ ีชวี ติ กบั การสรา้ งสรรค์งานดนตรี
- เทคโนโลยีกับการสรา้ งสรรค์งานดนตรี
๕. ร้องเพลง หรอื เล่นดนตรเี ดย่ี วและ  เครอื่ งหมายและสัญลกั ษณ์ทางดนตรี
รวมวงโดยเน้นเทคนิคการแสดงออก - เครอ่ื งหมายกาหนดอัตราจงั หวะ
และคุณภาพของการแสดง - เครื่องหมายกาหนดบันไดเสยี ง
๖. สรา้ งเกณฑ์สาหรบั ประเมินคณุ ภาพ  โน้ตบทเพลงไทยอตั ราจังหวะ ๒ ชน้ั และ
การประพันธ์และการเลน่ ดนตรี ๓ ช้ัน
ของตนเองและผูอ้ ืน่ ได้อย่างเหมาะสม  เทคนคิ และ การถา่ ยทอดอารมณ์เพลง
๗. เปรยี บเทยี บอารมณ์ และความรสู้ ึก ดว้ ยการร้อง บรรเลงเครือ่ งดนตรเี ด่ียวและ
ทีไ่ ดร้ ับจากงานดนตรที ่มี าจากวฒั นธรรม รวมวง
ต่างกนั  เกณฑ์ในการประเมนิ ผลงานดนตรี
๘. นาดนตรีไปประยกุ ต์ใช้ในงานอื่น ๆ - คุณภาพของผลงานทางดนตรี
- คุณค่าของผลงานทางดนตรี
 การถ่ายทอดอารมณ์ ความรู้สกึ ของงาน
ดนตรจี ากแต่ละวฒั นธรรม

 ดนตรกี ับการผ่อนคลาย
 ดนตรกี ับการพฒั นามนษุ ย์
 ดนตรีกับการประชาสัมพนั ธ์
 ดนตรกี ับการบาบดั รักษา
 ดนตรีกบั ธุรกิจ
 ดนตรกี ับการศึกษา

18

สาระท่ี ๒ ดนตรี
มาตรฐาน ศ ๒.๒ เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างดนตรี ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม เห็นคุณค่าของ

ดนตรีที่เปน็ มรดกทางวฒั นธรรม ภูมปิ ญั ญาทอ้ งถน่ิ ภูมิปญั ญาไทยและสากล

ช้นั ตวั ชีว้ ัด สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง
ม.๑ ๑. อธิบายบทบาทความสัมพันธแ์ ละ  บทบาทและอทิ ธิพลของดนตรี
- บทบาทดนตรีในสงั คม
อิทธิพลของดนตรที ่มี ตี ่อสงั คมไทย - อทิ ธพิ ลของดนตรใี นสังคม
 องคป์ ระกอบของดนตรใี นแตล่ ะวฒั นธรรม
๒. ระบคุ วามหลากหลายขององค์ประกอบ
ดนตรีในวัฒนธรรมต่างกนั  ดนตรใี นวัฒนธรรมตา่ งประเทศ
ม.๒ ๑. บรรยายบทบาท และอทิ ธพิ ลของดนตรี - บทบาทของดนตรใี นวฒั นธรรม
ในวฒั นธรรมของประเทศตา่ ง ๆ - อทิ ธพิ ลของดนตรใี นวัฒนธรรม

๒. บรรยายอทิ ธพิ ลของวฒั นธรรม  เหตกุ ารณ์ประวตั ิศาสตร์กับการเปลีย่ นแปลง
และเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ทีม่ ีตอ่
รปู แบบของดนตรีในประเทศไทย ทางดนตรใี นประเทศไทย
- การเปลีย่ นแปลงทางการเมืองกับงาน

ดนตรี

- การเปล่ียนแปลงทางเทคโนโลยกี บั งาน

ดนตรี

ม.๓ ๑. บรรยายววิ ัฒนาการของดนตรีแต่ละ ยุค  ประวัติดนตรไี ทยยุคสมยั ต่าง ๆ
สมยั  ประวตั ดิ นตรตี ะวันตกยุคสมัยต่าง ๆ

๒. อภิปรายลักษณะเดน่ ที่ทาให้งานดนตรี  ปัจจัยที่ทาใหง้ านดนตรีได้รับการยอมรบั
นนั้ ไดร้ บั การยอมรับ

ม.๔-๖ ๑. วเิ คราะหร์ ูปแบบของดนตรไี ทยและ  รปู แบบบทเพลงและวงดนตรีไทยแต่ละยุค

ดนตรีสากลในยคุ สมยั ตา่ ง ๆ สมัย

 รูปแบบบทเพลงและวงดนตรีสากลแต่ละ

ยุคสมยั

๒. วิเคราะห์สถานะทางสงั คมของนกั ดนตรี  ประวัตสิ งั คีตกวี
ในวฒั นธรรมตา่ ง ๆ

19

ชน้ั ตวั ชว้ี ัด สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง

ม.๔-๖ ๓.เปรียบเทยี บลกั ษณะเดน่ ของดนตรใี น  ลักษณะเดน่ ของดนตรใี นแต่ละวัฒนธรรม
วฒั นธรรมต่างๆ - เครอื่ งดนตรี
- วงดนตรี
๔. อธิบายบทบาทของดนตรี ใน - ภาษา เนอ้ื ร้อง
- สาเนยี ง
การสะทอ้ นแนวความคดิ และคา่ นยิ มท่ี - องค์ประกอบบทเพลง

เปลย่ี นไปของคน ในสงั คม  บทบาทดนตรใี นการสะทอ้ นสังคม
- ค่านยิ มของสงั คมในผลงานดนตรี
๕. นาเสนอแนวทางในการสง่ เสรมิ และ - ความเชื่อของสังคมในงานดนตรี
อนรุ ักษ์ดนตรีในฐานะมรดกของชาติ
 แนวทางและวธิ ีการในการสง่ เสริมอนุรกั ษ์
ดนตรีไทย

สาระที่ ๓ นาฏศลิ ป์
มาตรฐาน ศ ๓.๑เข้าใจ และแสดงออกทางนาฏศิลป์อย่างสร้างสรรค์ วิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์คุณค่า

นาฏศลิ ป์ ถา่ ยทอดความร้สู ึก ความคดิ อยา่ งอิสระ ชื่นชม และประยุกต์ใช้ในชีวติ ประจาวัน

ชนั้ ตัวช้ีวัด สาระการเรียนร้แู กนกลาง

ม.๑ ๑. อธิบายอิทธิพลของนกั แสดงชอ่ื ดัง  การปฏิบตั ขิ องผู้แสดงและผชู้ ม
ที่มผี ลตอ่ การโนม้ น้าวอารมณ์หรือความคิด  ประวตั นิ กั แสดงทชี่ นื่ ชอบ
ของผู้ชม
 การพัฒนารูปแบบของการแสดง

 อิทธิพลของนกั แสดงทม่ี ีผลตอ่ พฤตกิ รรม

ของผชู้ ม

๒. ใช้นาฏยศพั ทห์ รือศพั ทท์ างการละคร  นาฏยศัพทห์ รือศัพท์ทางการละคร
ในการแสดง
ในการแสดง

 ภาษาทา่ และการตบี ท

 ท่าทางเคลอ่ื นไหวท่ีแสดงสอื่ ทางอารมณ์

 ระบาเบ็ดเตลด็

 ราวงมาตรฐาน

๓. แสดงนาฏศลิ ป์และละครในรปู แบบง่าย ๆ  รูปแบบการแสดงนาฏศิลป์

- นาฏศลิ ป์

- นาฏศิลปพ์ ื้นบ้าน

- นาฏศิลป์นานาชาติ

๔. ใช้ทักษะการทางานเป็นกลุ่ม  บทบาทและหนา้ ทขี่ องฝ่ายตา่ ง ๆ ในการ

20

ในกระบวนการผลติ การแสดง จดั การแสดง

๕.ใชเ้ กณฑง์ า่ ย ๆ ทีก่ าหนดให้ในการ  การสร้างสรรคก์ จิ กรรมการแสดงทส่ี นใจ
พิจารณาคุณภาพการแสดงที่ชม โดยแบ่งฝ่ายและหน้าท่ใี หช้ ัดเจน
โดยเนน้ เร่ืองการใชเ้ สยี งการแสดงท่า และ
การเคลื่อนไหว  หลักในการชมการแสดง

ช้นั ตัวชี้วัด สาระการเรยี นรู้แกนกลาง

ม.๒ ๑. อธบิ ายการบรู ณาการศิลปะแขนงอ่ืน ๆ  ศิลปะแขนงอนื่ ๆ กบั การแสดง
กับการแสดง
- แสง สี เสียง

- ฉาก

- เครอื่ งแต่งกาย

- อุปกรณ์

๒. สรา้ งสรรคก์ ารแสดงโดยใช้องค์ประกอบ  หลกั และวธิ ีการสรา้ งสรรค์การแสดง โดย
นาฏศิลปแ์ ละการละคร
ใช้องคป์ ระกอบนาฏศลิ ป์และการละคร

๓. วเิ คราะห์การแสดงของตนเองและผ้อู นื่  หลักและวิธกี ารวิเคราะห์การแสดง
โดยใชน้ าฏยศพั ท์หรอื ศพั ท์ทางการละคร ที่

เหมาะสม

๔. เสนอข้อคิดเหน็ ในการปรับปรงุ  วิธกี ารวิเคราะห์ วิจารณก์ ารแสดง
การแสดง นาฏศลิ ป์ และการละคร

 ราวงมาตรฐาน

๕. เช่ือมโยงการเรียนรูร้ ะหว่างนาฏศิลป์  ความสัมพนั ธ์ของนาฏศิลปห์ รอื
และการละครกบั สาระการเรียนรอู้ น่ื ๆ การละครกบั สาระการเรยี นรอู้ ื่น ๆ

ม.๓ ๑. ระบุโครงสร้างของบทละครโดยใชศ้ ัพท์  องคป์ ระกอบของบทละคร
ทางการละคร
- โครงเร่ือง

- ตวั ละครและการวางลักษณะนิสัย

ของตัวละคร

- ความคิดหรือแก่นของเร่ือง

- บทสนทนา

๒. ใช้นาฏยศัพทห์ รอื ศพั ทท์ างการละคร  ภาษาท่าหรือภาษาทางนาฏศิลป์
ที่เหมาะสมบรรยายเปรียบเทยี บการแสดง - ภาษาทา่ ท่มี าจากธรรมชาติ

อากปั กิรยิ าของผ้คู นในชีวิตประจาวันและ - ภาษาท่าที่มาจากการประดษิ ฐ์
ในการแสดง - ราวงมาตรฐาน

21

ชน้ั ตัวชว้ี ัด สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง

ม.๓ ๓. มีทักษะในการใช้ความคิดในการพัฒนา รปู แบบการแสดง

รูปแบบการแสดง - การแสดงเปน็ หมู่

- การแสดงเดี่ยว

- การแสดงละคร

การแสดงเป็นชดุ เปน็ ตอน

๔. มที กั ษะในการแปลความและ  การประดิษฐ์ทา่ ราและท่าทางประกอบ
การสอื่ สารผ่านการแสดง การแสดง

- ความหมาย

- ความเป็นมา

- ทา่ ทางที่ใช้ในการประดิษฐ์ท่ารา

๕. วิจารณเ์ ปรียบเทียบงานนาฏศิลป์  องค์ประกอบนาฏศิลป์

ทมี่ คี วามแตกตา่ งกนั โดยใชค้ วามรู้ - จังหวะทานอง
เรอ่ื งองคป์ ระกอบนาฏศลิ ป์ - การเคลื่อนไหว

- อารมณแ์ ละความรสู้ ึก

- ภาษาทา่ นาฎยศพั ท์

- รูปแบบของการแสดง

- การแต่งกาย

๖. ร่วมจัดงานการแสดงในบทบาทหน้าท่ี  วธิ กี ารเลือกการแสดง
ตา่ ง ๆ - ประเภทของงาน

- ขัน้ ตอน

- ประโยชนแ์ ละคณุ คา่ ของการแสดง

๗. นาเสนอแนวคดิ จากเน้อื เรือ่ ง  ละครกบั ชีวิต
ของการแสดงท่ีสามารถนาไปปรับใช้

ในชีวิตประจาวนั

ม .๔ - ๑. มีทกั ษะในการแสดงหลากหลายรปู แบบ รูปแบบของการแสดง
๖ - ระบา รา ฟอ้ น

- การแสดงพื้นเมอื งภาคต่าง ๆ

- การละครไทย

การละครสากล

ชั้น ตัวชว้ี ัด สาระการเรียนร้แู กนกลาง
๒. สร้างสรรคล์ ะครส้นั ในรปู แบบ
ทช่ี ่นื ชอบ  ละครสรา้ งสรรค์
- ความเป็นมา
- องคป์ ระกอบของละครสร้างสรรค์

22

๓. ใช้ความคดิ ริเริ่มในการแสดงนาฏศลิ ป์ - ละครพูด
เป็นคู่ และหมู่
o ละครโศกนาฏกรรม
๔. วจิ ารณ์การแสดงตามหลักนาฏศิลป์
และการละคร o ละครสขุ นาฏกรรม
๕. วเิ คราะห์แกน่ ของการแสดงนาฏศิลป์
และการละครที่ต้องการสือ่ ความหมาย ใน o ละครแนวเหมอื นจรงิ
การแสดง
o ละครแนวไม่เหมอื นจริง
๖. บรรยาย และวิเคราะห์ อิทธิพลของ
เครือ่ งแต่งกาย แสง สี เสยี ง ฉากอุปกรณ์  การประดิษฐ์ทา่ ราที่เป็นคแู่ ละหมู่
และสถานที่ทีม่ ีผลต่อการแสดง - ความหมาย
- ประวัติความเป็นมา
๗. พฒั นาและใชเ้ กณฑ์การประเมนิ ในการ - ทา่ ทางที่ใช้ในการประดิษฐ์ท่ารา
ประเมินการแสดง - เพลงที่ใช้

 หลักการสร้างสรรค์และการวจิ ารณ์

 หลกั การชมการแสดงนาฏศิลป์และละคร

 ประวัติความเป็นมาของนาฏศิลป์

และการละคร
- ววิ ัฒนาการ
- ความงามและคณุ คา่

 เทคนคิ การจัดการแสดง
- แสงสีเสียง
- ฉาก
- อุปกรณ์
- สถานที่
- เครื่องแตง่ กาย

 การประเมินคณุ ภาพของการแสดง
- คณุ ภาพดา้ นการแสดง
- คณุ ภาพองคป์ ระกอบการแสดง

ชั้น ตัวชีว้ ัด สาระการเรียนรแู้ กนกลาง

ม .๔ - ๘. วิเคราะห์ทา่ ทาง และการเคล่อื นไหว  การสรา้ งสรรคผ์ ลงาน
๖ ของผู้คนในชวี ิตประจาวนั และนามา การจัดการแสดงในวนั สาคัญของโรงเรียน
ชดุ การแสดงประจาโรงเรียน
ประยุกตใ์ ชใ้ นการแสดง -

23

สาระท่ี ๓ นาฏศลิ ป์
มาตรฐาน ศ ๓.๒ เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างนาฏศิลป์ ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม เห็นคุณค่าของ

นาฏศิลป์ทเ่ี ปน็ มรดกทางวฒั นธรรม ภมู ิปญั ญาทอ้ งถ่ินภมู ปิ ัญญาไทยและสากล

ชน้ั ตัวชวี้ ัด สาระการเรยี นรู้แกนกลาง

ป.๑ ๑. ระบุ และเล่นการละเลน่ ของเด็กไทย  การละเล่นของเด็กไทย

- วิธกี ารเลน่

- กตกิ า

๒. บอกส่งิ ทต่ี นเองชอบในการแสดง  การแสดงนาฏศลิ ป์

นาฏศิลป์

ป.๒ ๑. ระบุและเลน่ การละเลน่ พืน้ บา้ น  การละเลน่ พื้นบ้าน

- วิธีการเลน่

- กติกา

๒. เชอื่ มโยงสง่ิ ทพ่ี บเหน็ ในการละเลน่  ทมี่ าของการละเลน่ พ้ืนบ้าน
พืน้ บา้ นกับส่ิงทพ่ี บเห็นในการดารงชวี ติ ของ

คนไทย

๓. ระบสุ งิ่ ที่ชนื่ ชอบและภาคภมู ิใจ  การละเลน่ พน้ื บา้ น

ในการละเล่นพ้ืนบ้าน

ป.๓ ๑. เลา่ การแสดงนาฏศิลป์ท่ีเคยเห็น  การแสดงนาฏศลิ ป์พืน้ บา้ นหรือท้องถน่ิ
ในทอ้ งถนิ่ ของตน

๒. ระบสุ ่งิ ท่ีเปน็ ลกั ษณะเดน่ และเอกลกั ษณ์  การแสดงนาฏศิลป์
ของการแสดงนาฏศิลป์
- ลักษณะ

- เอกลักษณ์

๓. อธบิ ายความสาคญั ของการแสดง  ที่มาของการแสดงนาฏศิลป์
นาฏศลิ ป์ - ส่ิงทเ่ี คารพ

ป.๔ ๑. อธิบายประวตั คิ วามเป็นมาของ  ความเปน็ มาของนาฏศลิ ป์

นาฏศิลป์ หรือชดุ การแสดงอยา่ งง่าย ๆ  ทมี่ าของชดุ การแสดง

๒. เปรียบเทยี บการแสดงนาฏศิลป์  การชมการแสดง

กบั การแสดงทม่ี าจากวัฒนธรรมอ่นื - นาฏศิลป์

- การแสดงของท้องถนิ่

ชั้น ตวั ช้ีวัด สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง

ป.๔ ๓. อธิบายความสาคัญของการแสดงความ  ความเป็นมาของนาฏศิลป์

เคารพในการเรยี นและการแสดงนาฏศลิ ป์ - การทาความเคารพก่อนเรยี นและ

กอ่ นแสดง

๔. ระบุเหตผุ ลทค่ี วรรกั ษา และสืบทอด  ความเปน็ มาของนาฏศลิ ป์

การแสดงนาฏศลิ ป์ - คณุ ค่า

24

ป.๕ ๑. เปรียบเทียบการแสดงประเภทตา่ ง ๆ  การแสดงนาฏศิลป์ประเภทต่าง ๆ

ของไทย ในแต่ละท้องถนิ่ - การแสดงพน้ื บ้าน

๒. ระบุหรือแสดงนาฏศลิ ป์ นาฏศลิ ป์  การแสดงนาฏศิลป์ประเภทต่าง ๆ

พื้นบา้ นทสี่ ะทอ้ นถึงวฒั นธรรมและ - การแสดงพนื้ บา้ น

ประเพณี

ป.๖ ๑. อธบิ ายส่ิงทีม่ ีความสาคัญต่อการแสดง  ความหมาย ความเป็นมา ความสาคัญ

นาฏศลิ ปแ์ ละละคร ของนาฏศิลป์และละคร

- บคุ คลสาคัญ

- คุณค่า

๒. ระบุประโยชนท์ ่ีได้รับจากการแสดงหรอื  การแสดงนาฏศิลป์และละคร

การชมการแสดงนาฏศิลป์และละคร ในวนั สาคัญของโรงเรยี น

ม.๑ ๑. ระบุปัจจยั ทมี่ ีผลต่อการเปล่ยี นแปลง  ปจั จัยที่มีผลต่อการเปล่ียนแปลง

ของนาฏศิลป์ นาฏศิลป์พื้นบ้าน ละครไทย ของนาฏศิลป์ นาฏศิลป์พน้ื บ้าน ละครไทย

และละครพน้ื บา้ น และละครพน้ื บา้ น

๒. บรรยายประเภทของละครไทย  ประเภทของละครไทยในแตล่ ะยคุ สมยั

ในแต่ละยคุ สมัย

ม.๒ ๑. เปรียบเทียบลกั ษณะเฉพาะของ  นาฏศิลปพ์ ้ืนเมือง

การแสดงนาฏศลิ ป์จากวฒั นธรรมต่างๆ - ความหมาย

- ท่มี า

- วัฒนธรรม

- ลักษณะเฉพาะ

๒. ระบุหรือแสดงนาฏศลิ ป์ นาฏศิลป์  รปู แบบการแสดงประเภทต่าง ๆ

พืน้ บ้าน ละครไทย ละครพ้นื บา้ น - นาฏศิลป์

หรือมหรสพอ่ืนที่เคยนิยมกนั ในอดีต - นาฏศิลป์พื้นเมอื ง

- ละครไทย

- ละครพน้ื บา้ น

ช้ัน ตัวชีว้ ัด สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง

ม.๒ ๓. อธิบายอทิ ธพิ ลของวฒั นธรรมท่ีมีผลต่อ  การละครสมยั ตา่ ง ๆ

เนอ้ื หาของละคร

ม.๓ ๑. ออกแบบ และสรา้ งสรรคอ์ ุปกรณ์  การออกแบบและสร้างสรรค์อปุ กรณ์และ
และเคร่อื งแตง่ กาย เพือ่ แสดงนาฏศิลป์และ เครอ่ื งแต่งกายเพื่อการแสดงนาฏศิลป์
ละครที่มาจากวฒั นธรรมตา่ ง ๆ

๒. อธิบายความสาคญั และบทบาทของ  ความสาคญั และบทบาทของนาฏศิลป์
นาฏศิลปแ์ ละการละครในชีวติ ประจาวัน และการละครในชวี ติ ประจาวัน

25

๓. แสดงความคิดเห็นในการอนุรกั ษ์  การอนรุ กั ษน์ าฏศลิ ป์

ม.๔- ๑. เปรยี บเทยี บการนาการแสดงไปใช้ใน  การแสดงนาฏศลิ ป์ในโอกาสตา่ งๆ
๖ โอกาสตา่ ง ๆ

๒. อภิปรายบทบาทของบุคคลสาคญั  บคุ คลสาคญั ในวงการนาฏศิลปแ์ ละ
ในวงการนาฏศลิ ปแ์ ละการละคร
การละครของไทยในยุคสมัยต่าง ๆ
ของประเทศไทยในยุคสมัยต่างๆ

๓. บรรยายววิ ัฒนาการของนาฏศิลป์และ  วิวฒั นาการของนาฏศลิ ปแ์ ละการละคร
การละครไทย ตั้งแต่อดตี จนถึงปจั จบุ นั ไทยต้งั แตอ่ ดีตจนถงึ ปัจจุบนั

๔. นาเสนอแนวคิดในการอนุรกั ษ์  การอนรุ ักษ์นาฏศลิ ป์ ภูมปิ ญั ญาทอ้ งถน่ิ

นาฏศลิ ปไ์ ทย

26

อภิธานศพั ท์
ทัศนศิลป์

โครงสรา้ งเคล่อื นไหว (mobile)
เปน็ งานประตมิ ากรรมที่มโี ครงสร้างบอบบางจดั สมดุลดว้ ยเส้นลวดแข็งบาง ๆ ที่มวี ัตถุรูปรา่ ง

รปู ทรงต่าง ๆ ที่ออกแบบเชอ่ื มติดกบั เส้นลวด เป็นเครื่องแขวนที่เคลอ่ื นไหวได้ด้วยกระแสลมเพียงเบา ๆ
งานส่อื ผสม (mixed media)

เปน็ งานออกแบบทางทัศนศิลปท์ ี่ประกอบด้วยหลายสื่อโดยใชว้ สั ดหุ ลาย ๆ แบบ เชน่ กระดาษ ไม้
โลหะ สรา้ งความผสมกลมกลืนดว้ ยการสร้างสรรค์
จงั หวะ (rhythm)

เป็นความสมั พันธ์ของทัศนธาตุ เช่น เส้น สี รูปรา่ ง รปู ทรง น้าหนักในลักษณะของการซ้ากัน สลับ
ไปมา หรือลักษณะลื่นไหล เคลื่อนไหวไม่ขาดระยะจังหวะท่ีมีความสัมพันธ์ต่อเนื่องกันจะช่วยเน้นให้เกิด
ความเด่น หรือทางดนตรีก็คือการซ้ากันของเสียงในช่วงเท่ากันหรือแตกต่างกันจังหวะให้ความรู้สึกหรือ
ความพอใจทางสุนทรียภาพในงานศลิ ปะ
ทศั นธาตุ (visual elements)

สิ่งที่เป็นปัจจัยของการมองเห็นเป็นสว่ นต่าง ๆ ท่ีประกอบกันเป็นภาพ ได้แก่ เส้น น้าหนัก ที่
ว่าง รูปร่าง รูปทรง สี และลักษณะพื้นผิว
ทัศนยี ภาพ (perspective)

วิธเี ขยี นภาพของวัตถุให้มองเหน็ ว่ามรี ะยะใกลไ้ กล
ทัศนศิลป์ (visual art)

ศิลปะท่ีรับรู้ได้ด้วยการเห็น ได้แก่ จิตรกรรม ประติมากรรม ภาพพิมพ์ และงานสร้างสรรค์อ่ืน ๆ ท่ี
รับรดู้ ้วยการเหน็
ภาพปะตดิ (collage)

เป็นภาพที่ทาขึ้นดว้ ยการใช้วสั ดุต่าง ๆ เชน่ กระดาษ ผ้า เศษวัสดุธรรมชาติ ฯลฯ ปะตดิ ลงบน
แผน่ ภาพด้วยกาวหรอื แปง้ เปียก
วงสีธรรมชาติ (color circle)

คือวงกลมซึ่งจัดระบบสีในแสงสีรุ้งท่ีเรียงกันอยู่ในธรรมชาติ สวี รรณะอุ่น จะอยใู่ นซีกท่ีมีสีแดงและ
เหลอื ง ส่วนสวี รรณะเย็นอยู่ในซีกทีม่ ีสเี ขียว และสมี ่วง สีคตู่ รงข้ามกันจะอยตู่ รงกนั ข้ามในวงสี
วรรณะสี (tone)

ลักษณะของสีที่แบ่งตามความรู้สึกอุ่นหรือเย็น เช่น สีแดง อยู่ในวรรณะอุ่น (warm tone)
สีเขยี วอยูใ่ นวรรณะเย็น (cool tone)

สคี ตู่ รงข้าม (complementary colors)
สที อ่ี ยตู่ รงกนั ขา้ มกันในวงสธี รรมชาติเป็นคู่สีกัน คือ สีคูท่ ต่ี ัดกนั หรือตา่ งจากกนั มากท่ีสดุ เช่น สี

แดงกบั สเี ขียว สีเหลอื งกบั สีมว่ ง สีน้าเงนิ กับสีส้ม
องค์ประกอบศิลป์ (composition of art)

วชิ าหรือทฤษฎที เี่ กีย่ วกับการสร้างรูปทรงในงานทัศนศิลป์

27

อภิธานศพั ท์

ดนตรี

การดาเนนิ ทานอง (melodic progression)

๑. การก้าวเดินไปข้างหนา้ ของทานอง

๒. กระบวนการดาเนนิ คอรด์ ซึง่ แนวทานองขยับทลี ะขัน้

ความเข้มของเสียง (dynamic)

เสียงเบา เสียงดงั เสียงที่มีความเขม้ เสยี งมากก็ย่ิงดงั มากเหมือนกบั loudness

ดน้ สด

เป็นการเล่นดนตรีหรือขับร้อง โดยไม่ได้เตรียมซ้อมตามโน้ตเพลงมาก่อน ผู้เล่นมีอิสระในการ

กาหนดวิธีปฏิบัติเครื่องดนตรีและขับร้อง บนพ้ืนฐานของเนื้อหาดนตรีท่ีเหมาะสม เช่น การบรรเลง

ในอัตราความเรว็ ทย่ี ดื หยุ่น การบรรเลงดว้ ยการเพ่ิมหรือตัดโน้ตบางตวั

บทเพลงไลเ่ ลียน (canon)

แคนอน มาจากภาษากรีก แปลว่า กฎเกณฑ์ หมายถึงรูปแบบบทเพลงท่ีมีหลายแนวหรือดนตรี

หลายแนว แต่ละแนวมีทานองเหมือนกัน แต่เริ่มไม่พร้อมกันแต่ละแนว จึงมีทานองท่ีไล่เลียนกันไปเป็น

ระยะเวลายาวกว่าการเลียนท่ัวไป โดยทั่วไปไมค่ วรต่ากว่า ๓ ห้อง ระยะขั้นคู่ระหว่างสองแนว ท่ีเลียนกัน

จะห่างกันเป็นระยะเท่าใดก็ได้ เช่น แคนอนคู่สอง หมายถึง แคนอนท่ีแนวท้ังสอง เร่ิมท่ีโน้ตห่างกันเป็น

ระยะคู่ ๕ และรักษาระยะคู่ ๕ ไปโดยตลอดถือเป็นประเภทของลีลาสอดประสานแนวทานองแบบเลียนท่ีมี

กฎเกณฑ์เข้มงวดทสี่ ุด

ประโยคเพลง (phrase)

กล่มุ ทานอง จงั หวะทเี่ รียบเรียงเชอ่ื มโยงกันเปน็ หนว่ ยของเพลงท่มี ีความคดิ จบสมบรู ณ์ในตัวเอง

มักลงท้ายด้วยเคเดนซ์ เปน็ หน่วยสาคัญของเพลง

ประโยคเพลงถาม - ตอบ

เป็นประโยคเพลง ๒ ประโยคที่ต่อเน่ืองกันลีลาในการตอบรับ – ส่งล้อ – ล้อเลียนกัน

อย่างสอดคล้อง เป็นลักษณะคล้ายกันกับบทเพลงรูปแบบ AB แต่เป็นประโยคเพลงสน้ั ๆ ซ่ึงมักจะมีอัตรา

ความเร็วเท่ากันระหว่าง ๒ ประโยค และความยาวเท่ากัน เช่น ประโยคเพลงท่ี ๑ (ถาม) มีความยาว ๒

ห้องเพลง ประโยคเพลงท่ี ๒ (ตอบ) ก็จะมีความยาว ๒ ห้องเพลง ซ่ึงจะมีลลี าต่างกัน แต่สอดรับ

กันได้กลมกลนื

ผลงานดนตรี

ผลงานทส่ี รา้ งสรรค์ขน้ึ มาโดยมีความเกยี่ วขอ้ งกับการนาเสนองานทางดนตรี เชน่ บทเพลง การ

แสดงดนตรี

เพลงทานองวน (round)

เพลงที่ประกอบด้วยทานองอย่างน้อย ๒ แนว ไล่เลียนทานองเดียวกัน แต่ต่างเวลาหรือจังหวะ
สามารถไลเ่ ลียนกนั ไปไดอ้ ย่างตอ่ เน่อื งจนกลับมาเรม่ิ ต้นใหม่ได้อีกไมม่ ีวันจบ

รูปรา่ งทานอง (melodic contour)
รปู รา่ งการขน้ึ ลงของทานอง ทานองทส่ี มดลุ จะมีทิศทางการขึน้ ลงท่ีเหมาะสม

สีสนั ของเสียง

28

ลักษณะเฉพาะของเสียงแต่ละชนิดท่ีมีเอกลกั ษณ์เฉพาะตา่ งกัน เช่น ลักษณะเฉพาะของสีสันของ
เสียงผู้ชายจะมีความทุ้มต่าแตกต่างจากสีสันของเสียงผู้หญิง ลักษณะเฉพาะของสีสันของเสี ยง
ของเด็กผ้ชู ายคนหนึ่งจะมีความแตกตา่ งจากเสียงเดก็ ผชู้ ายคนอ่นื ๆ
องคป์ ระกอบดนตรี (elements of music)

ส่วนประกอบสาคัญทท่ี าให้เกิดเสียงดนตรี ไดแ้ ก่ทานอง จังหวะ เสยี งประสาน สสี นั ของเสยี ง และ
เนื้อดนตรี
อตั ราความเร็ว (tempo)

ความช้า ความเร็วของเพลง เชน่ อัลเลโกร(allegero) เลนโต (lento)
ABA

สญั ลักษณ์บอกรปู แบบวรรณกรรมดนตรีแบบตรีบท หรอื เทอรน์ ารี (ternary)
ternary form

สงั คีตลักษณ์สามตอน โครงสร้างของบทเพลงท่ีมสี ่วนสาคัญขยับทีละข้ันอยู่ ๓ ตอน ตอนแรกและ
ตอ น ที่ ๓ คื อ ตอ น A จะ เห มื อน ห รือ ค ล้ายค ลึงกั น ท้ั ง ใน แง่ขอ งท าน อ งแล ะ กุ ญ แจเสีย ง
ส่วนตอนที่ ๒ คือ ตอน B เป็นตอนที่แตกต่างออกไป ความสาคัญของสังคีตลักษณ์นี้ คือ การกลับมา
ของตอน A ซ่งึ นาทานองของส่วนแรกกลบั มาในกุญแจเสยี งเดิมเปน็ สงั คีตลกั ษณ์ท่ีใชม้ ากท่สี ุดโดยเฉพาะใน
เพลงร้อง จึงอาจเรียกวา่ สังคตี ลกั ษณ์เพลงรอ้ ง (song form) กไ็ ด้

29

อภิธานศัพท์
นาฏศลิ ป์

การตีบท
การแสดงท่าราตามบทรอ้ ง บทเจรจาหรอื บทพากยค์ วรคานึงถึงความหมายของบท แบ่งเป็นการตี

บท ธรรมชาติ และการตบี ทแบบละคร
การประดิษฐท์ า่

การนาภาษาทา่ ภาษานาฎศลิ ป์ หรอื นาฏยศพั ท์มาออกแบบ ให้สอดคลอ้ งสัมพนั ธ์กับจังหวะ
ทานอง บทเพลง บทร้อง ลีลา ความสวยงาม
นาฏยศัพท์

ศพั ท์เฉพาะทางนาฎศิลป์ ที่ใช้เกี่ยวกับการเรียกท่ารา กิริยาที่แสดงมีส่วนศีรษะใบหน้าและไหล่
ส่วนแขนและมอื ส่วนของลาตัว สว่ นขาและเท้า
บุคคลสาคญั ในวงการนาฎศิลป์

เปน็ ผเู้ ชยี่ วชาญทางนาฎศิลป์ และภูมิปัญญาท้องถ่ินที่สรา้ งผลงาน
ภาษาทา่

การแสดงท่าทางแทนคาพดู ใชแ้ สดงกิรยิ าหรืออิริยาบถ และใชแ้ สดงถึงอารมณ์ภายใน
ส่วนขาและเทา้

กิริยาแสดง เช่น กระทบ ยืดยุบ ประเท้า กระดกเท้า กระทุ้ง จรด ขยับ ซอย วางส้น ยกเท้า
ถัดเท้า
สว่ นแขนและมอื

กริ ิยาที่แสดง เชน่ จีบ ตัง้ วง ลอ่ แกว้ มว้ นมือ สะบัดมือ กรายมอื สา่ ยมอื
ส่วนลาตวั

กริ ยิ าทแี่ สดง เชน่ ยักตวั โยต้ วั โยกตัว
สว่ นศรี ษะใบหน้าและไหล่

กิริยาทแ่ี สดง เช่น เอยี งศรี ษะ เอยี งไหล่ กดไหล่ กล่อมไหล่ กล่อมหนา้
ส่ิงที่เคารพ

ในสาระนาฎศิลป์มีสิ่งที่เคารพสืบทอดมา คือ พ่อแก่ หรือพระพรตฤษี ซ่ึงผู้เรียนจะต้อง แสดง
ความเคารพ เม่ือเรม่ิ เรียนและกอ่ นแสดง
องค์ประกอบนาฎศิลป์

จงั หวะและทานองการเคล่อื นไหว อารมณ์และความร้สู ึก ภาษาท่า นาฎยศัพท์ รูปแบบของการ
แสดง การแตง่ กาย
องค์ประกอบละคร

การเลือกและแต่งบท การเลอื กผแู้ สดง การกาหนดบุคลกิ ของผู้แสดง การพัฒนารูปแบบของการ
แสดง การปฏบิ ตั ติ นของผู้แสดงและผูช้ ม

30

โครงสรา้ งสาระการเรยี นร้กู ลุ่มสาระการเรียนรศู้ ิลปะ

โครงสรา้ งรายวชิ าชั้นมัธยมศกึ ษาตอนต้น
๑) กลุ่มสาระการเรยี นรู้ศลิ ปะ

ระดบั ชั้น รหัสวชิ า รายวชิ าพืน้ ฐาน จานวน จานวน จานวน
หนว่ ย ชั่วโมง/ ช่ัวโมง/
ชั้นมัธยมศกึ ษา ศ ๒๑๑๐๑ ช่อื รายวิชา กติ สปั ดาห์ ภาค
ปีท่ี ๑ ศ ๒๑๑๐๒ เรียน
ศ ๒๑๑๐๓ ทัศนศิลป์ ๑ ๐.๕ ๑
ช้ันมธั ยมศกึ ษา ศ ๒๑๑๐๔ นาฏศิลป์ ๑ ๐.๕ ๑ ๒๐
ปีที่ ๒ ศ ๒๒๑๐๑ ๐.๕ ๑
ศ ๒๒๑๐๒ ดนตรี ๑ ๐.๕ ๑ ๒๐
ชั้นมัธยมศกึ ษา ศ ๒๒๑๐๓ นาฎศิลป์ ๒ ๐.๕ ๑
ปีที่ ๓ ศ ๒๒๑๐๔ ดนตรี ๒ ๐.๕ ๑ ๒๐
ศ ๒๓๑๐๑ นาฏศลิ ป์ ๓ ๐.๕ ๑
ศ ๒๓๑๐๒ ทัศนศลิ ป์ ๒ ๐.๕ ๑ ๒๐
ศ ๒๓๑๐๓ ดนตรี ๓ ๐.๕ ๑
ศ ๒๓๑๐๔ ทศั นศลิ ป์ ๓ ๐.๕ ๑ ๒๐
ดนตรี ๔ ๐.๕ ๑
ทศั นศลิ ป์ ๔ ๐.๕ ๑ ๒๐
นาฏศลิ ป์ ๔
๒๐

๒๐
๒๐

๒๐

๒๐

๒๐

31

โครงสร้างรายวชิ าชน้ั มธั ยมศึกษาตอนปลาย

ระดบั ชน้ั รหสั วิชา รายวชิ าพน้ื ฐาน จานวน จานวน จานวน
หนว่ ยกิต ชว่ั โมง/ ช่วั โมง/
ชน้ั มธั ยมศึกษา ศ ๓๑๑๐๑ ชอ่ื รายวิชา สัปดาห์ ภาคเรยี น
ปที ี่ ๔ ศ ๓๑๑๐๒ ๐.๕
ศ ๓๒๑๐๑ นาฏศิลป์ ๑ ๐.๕ ๑ ๒๐
ชน้ั มธั ยมศึกษา ศ ๓๒๑๐๒ นาฏศลิ ป์ ๒ ๐.๕
ปที ี่ ๕ ศ ๓๓๑๐๑ ดนตรไี ทย ๐.๕ ๑ ๒๐
ศ ๓๓๑๐๒ ดนตรีสากล ๐.๕
ชั้นมัธยมศึกษา ทัศนศิลป์สู่สุนทรยี ์ศาสตร์ ๐.๕ ๑ ๒๐
ปีท่ี ๖ สนุ ทรยี ศ์ าสตรส์ ูง่ านศิลปกรรม
๑ ๒๐

๑ ๒๐

๑ ๒๐

32

ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ่ี 6 โครงสรา้ งรายวิชา ทัศนศลิ ป์ ศ33101 จานวน 0.5 หนว่ ยกิต
เวลา 20 ชวั่ โมง
หน่วย ชอื่ หน่วย เวลา น้าหนกั
ท่ี การเรยี นรู้ มาตรฐาน (ชวั่ โมง) คะแนน
การเรยี นร/ู้ สาระสาคัญ/ความคิดรวบ
ตวั ช้ีวัด ยอด

ทศั นธาตุ ศ 1.1 ทั ศ น ธ า ตุ แ ล ะ ห ลั ก ก า ร

1 และ ม.4-6/1 ออกแบบ เป็นองค์ประกอบท่ี 6 20
หลักการ สาคัญซึ่งผู้เรียนจะต้องนามา 4 10
4 10
ออกแบบ วิเคราะห์ ใน กระ บวน ก าร
สร้างสรรค์งานทศั นศลิ ป์อกี ท้ัง

เจาะลึกประเด็นเน้ือหาของ

พ้ืนผิวและเส้นพร้อมกับนามา

ป ร ะ ยุ ก ต์ ให้ เกิ ด เป็ น ง า น

ทศั นศลิ ป์

ประเภทของ ศ 1.1 ก า ร เรี ย น รู้ เน้ื อ ห า แ ล ะ
ศลิ ปะและ
ม.4-6/2 จุดประสงค์ในการสร้างสรรค์
ผล งาน ทั ศ น ศิ ล ป์ นั้ น เร า

2 ศพั ท์ทาง จาเป็นต้องมีความรู้พื้นฐาน
ทัศนศิลป์ เร่ื อ ง ป ร ะ เภ ท แ ล ะ ศั พ ท์ ท า ง
ทัศนศิลป์ เพื่อท่ีจะได้เข้าใจ

และเกิดความช่ืนชมในผลงาน

สามารถประเมนิ หรอื วจิ ารณ์

งานทศั นศิลป์ได้

กระบวนการ ง า น ทั ศ น ศิ ล ป์ เกิ ด จ า ก ก า ร
ศ 1.1 สร้างสรรคข์ องศลิ ปินแต่ละคน
ม.4-6/3 ทม่ี จี ดุ มงุ่ หมายแตกตา่ งกนั
3 สร้างสรรค์ ศ 1.1 ทาให้เกิดความหลากหลายใน
งานทศั นศิลป์ ม.4-6/4 การเลอื กใชว้ ัสดุ อปุ กรณ์ และ
เทคนิค การเรียนรูว้ ิธกี าร
ศ 1.1
ม.4-6/7 สร้างสรรค์งานทศั นศลิ ป์แต่ละ
ประเภทก็เพื่อนาไปปรับใช้ใน

งานของตนเองให้พัฒนายิ่งๆ

ขน้ึ ไป

การทางานจิตรกรรมสีน้าตาม 33

จิตนาการของนักเรียนโดยนา 20

เทคนิคต่าง ๆ และทักษะการ 60
20
ใช้อุปกรณ์ในการทางานเข้ามา 20
100
ประยุก ต์ใช้ใน ก ารท างาน

การสรา้ งสรรค์ ศ 1.1 รวมท้ังสรา้ งให้นักเรียนมีจติ นา
งานจิตรกรรม การเป็นของตัวเอง คือการนา
4 ม.4-6/3 ธรรมชาติ และภาพในจิตนา 4
สนี า้ ศ 1.1
Watercolour ม.4-6/4 การของนักเรียน นามาเป็น 18
แบบในการวาดภาพ โดยการ 1
1
ใช้เทคนิคต่าง ๆไม่ได้กาหนด 20

และไม่มีขอบเขต เปิดจิตนา

ก า ร ข อ ง นั ก เรี ย อ ย่ า ง เ ต็ ม ที่

แ ล ะ ให้ นั ก เรี ย น ส า ม า ร ถ ไ ป

ประยุกต์ใช้ในรายวิชาอ่ืน ๆ

แ ล ะ ป ร ะ ยุ ก ต์ ใ ช้ ใ น

ชีวิตประจาวนั ได้

ระหว่างปลายภาค

กลางภาค

ปลายภาค

รวม

ออกแบบหน่วย

รายวิชา ทัศนศลิ ป์
กลุ่มสาระการเรยี นร้ศู ิลปะ

ช่ือหนว่ ยการเรยี นรู้ ทัศนศลิ ปแ์ ละหลักการออกแบบ

รหัส สาระสาคัญ สาระการเรยี นรู้ สมรรถนะ คุณลกั ษ
ต้ัวช้ีวัด สาคญั พงึ ปร

ศ 1.1 ทศั นธาตุและหลักการ 1.ความหมาย 1.ความสามารถ 1.ชอ่ื สัต
ม.4-6/1
ออกแบบ เป็น ของทัศนธาตแุ ละ ในด้านความคิด 2.ใฝ่เรีย

องค์ประกอบทส่ี าคัญ หลกั การ 2.ความสามารถ 3.ม่งุ ม่ัน

ซ่ึงผู้เรียนจะต้องนามา ออกแบบ ในการสอื่ สาร ทางาน

วิเคราะหใ์ น 2.ความหมาย 3.ความสามารถ 4.มวี นิ ยั

กระบวนการ ขององค์ประกอบ ในการ

สรา้ งสรรค์งาน ศลิ ป์ แกป้ ัญหา

ทัศนศิลปอ์ กี ท้งั เจาะลึก 3.ประเภทของ

ประเดน็ เนื้อหาของ ทัศนธาตุและ

พืน้ ผิวและเส้นพร้อม องค์ประกอบ

กับนามาประยุกต์ให้ ศิลป์

เกิดเปน็ งานทศั นศิลป์ 4.ความหมาย

และหลักการ

ทศั นยี ภาพ

Perspective

๓๔

ยการเรยี นรู้ท่ี 1

รหัสวชิ า ศ33101
ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี 6

เวลา 6 ช่ัวโมง คะแนนเตม็ 20 คะแนน

ษณะอนั กิจกรรมการ ส่อื การสอน วธิ กี าร เครื่องมือ ชิน้ งาน/

ระสงค์ เรียนรู้ วัดผล การวัดผล ภาระงาน

ตย์สจุ รติ 1.คาถาม 1.PowerPoint 1.การ 1.แบบ 1. Mnid

ยนรู้ ก่อน-หลงั 2.ตัวอยา่ ง สงั เกตการณ์ ประเมินการ Mapping

นในการ เรยี น ผลงานต่าง ๆ ตอบคาถาม ตอบคาถาม 2.งานเขียน

2.อธบิ าย 3.อปุ กรณก์ าร และการ และการ ทศั นยี ภาพ

ย เนือ้ หาพรอ้ ม ทางาน นาเสนองาน นาเสนองาน Perspective

อธิบาย 4.หนังสอื 2.ตรวจ 2.แบบ 3.งานวาด

ภาพประกอบ ทัศนศิลป์ ช้นิ งาน ประเมนิ เส้นดไี ลน์

3.สาธิตการ 3.สังเกตการ ชิน้ งาน

ทางาน ให้ความ 3.แบบ

4.ลงมอื รว่ มมือใน ประเมิน

ปฏบิ ัตงิ าน การทางาน พฤติกรรม

5.นาเสนองาน

6.สรุปเน้ือหา

ออกแบบหน่วย
รายวิชา ทัศนศิลป์

กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ศลิ ปะ
ช่ือหน่วยการเรยี นรู้ ประเภทของศิลปะและศพั ทท์ างทศั นศิลป์

รหสั สาระสาคัญ สาระการเรียนรู้ สมรรถนะ คุณลัก
ตั้วช้วี ัด สาคญั พึงป

ศ 1.1 การเรียนรู้เนื้อหาและ 1.ความหมาย 1.ความสามารถ 1.ชื่อส
ม.4-6/2 ในดา้ นความคิด 2.ใฝ่เร
จุ ด ป ร ะ ส ง ค์ ใน ก า ร ของประเภทของ
2.ความสามารถ 3.มงุ่ ม
ส ร้ า ง ส ร ร ค์ ผ ล ง า น ศลิ ปะ ในการส่ือสาร ทางาน

ทั ศ น ศิ ล ป์ นั้ น เร า 2.ความหมาย 3.ความสามารถ 4.มีวิน
ในการแกป้ ัญหา
จาเป็ น ต้ อ งมี ค ว าม รู้ ศพั ท์ทาง

พ้ืนฐานเรื่องประเภท ทัศนศิลป์

และศัพท์ทางทัศนศิลป์ 3.ประเภทของ

เพื่อท่ีจะได้เข้าใจ และ ทศั นศลิ ปแ์ ละ

เกิ ด ค ว า ม ช่ื น ช ม ใน ศัพท์ทาง

ผลงาน สามารถประเมิน ทศั นศลิ ป์

หรือวจิ ารณ์ 4.ความหมาย

งานทัศนศลิ ปไ์ ด้ การเขียน

บรรยายงาน

ทัศนศิลป์

๓๕

ยการเรยี นรูท้ ี่ 2

รหัสวชิ า ศ33101

ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 6
เวลา 4 ชว่ั โมง คะแนนเต็ม 10 คะแนน

กษณะอัน กิจกรรมการ สื่อการสอน วิธีการ เคร่ืองมือ ชิน้ งาน/

ประสงค์ เรยี นรู้ วัดผล การวัดผล ภาระงาน

สตั ย์สุจรติ 1.คาถาม 1.PowerPoint 1.การ 1.แบบ 1.Pop up
รียนรู้ 2.ใบงาน
มน่ั ในการ กอ่ น-หลัง 2.ตัวอย่าง สงั เกตการณ์ ประเมนิ การ

นัย เรยี น ผลงานตา่ ง ๆ ตอบคาถาม ตอบคาถาม

2.อธิบาย 3.อปุ กรณก์ าร และการ และการ

เนอ้ื หาพร้อม ทางาน นาเสนองาน นาเสนองาน

อธบิ าย 4.บัตรคา 2.ตรวจ 2.แบบ

ภาพประกอบ 5.หนงั สือ ชิน้ งาน ประเมนิ

3.กิจกรรมตดิ ทศั นศลิ ป์ 3.สงั เกตการ ช้นิ งาน

บัตรคา ใหค้ วาม 3.แบบ

4.ลงมอื ร่วมมือใน ประเมนิ

ปฏิบัติงาน การทางาน พฤตกิ รรม

5.นาเสนองาน

6.สรปุ เน้ือหา

ออกแบบหนว่ ย
รายวิชา ทัศนศิลป์

กล่มุ สาระการเรียนรูศ้ ิลปะ
ชือ่ หน่วยการเรียนรู้ กระบวนการสร้างสรรค์งานทศั นศลิ ป์

รหสั สาระสาคญั สาระการเรยี นรู้ สมรรถนะ คุณลกั
ตวั้ ช้วี ัด สาคญั พงึ ป

ศ 1.1 งานทัศนศิลป์เกิดจาก 1.ความหมาย 1.ความสามารถ 1.ชอ่ื ส
ม.4-6/3 ก าร ส ร้าง ส ร ร ค์ ข อ ง ของประเภทของ ในดา้ นความคดิ 2.ใฝ่เร
ศ 1.1
ม.4-6/4 ศิล ปิ น แต่ ละ ค น ที่ มี จิตรกรรม 2.ความสามารถ 3.มงุ่ ม
ศ 1.1 จุดมุ่งหมายแตกต่างกนั ประติมากรรม ในการส่อื สาร ทางาน
ม.4-6/7
ท า ใ ห้ เ กิ ด ค ว า ม และภาพพิมพ์ 3.ความสามารถ 4.มีวิน
ห ล า ก ห ล า ย ใน ก า ร 2.ประเภทของ ในการแกป้ ญั หา
เลือกใช้วัสดุ อุปกรณ์ งานจติ รกรรม

และเทคนิค การเรียนรู้ ประติมากรรม
วิธีการสร้างสรรค์งาน และภาพพมิ พ์

ทัศนศิลป์แต่ละประเภท 3.ประวตั ศิ ิลปิน
ก็เพื่อนาไปปรับใช้ใน ไทยและสากล
งานของตนเองให้พฒั นา

ยง่ิ ๆข้นึ ไป

๓๖

ยการเรยี นรู้ท่ี 3

รหัสวิชา ศ33101

ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 6
เวลา 4 ช่วั โมง คะแนนเต็ม 10 คะแนน

กษณะอัน กิจกรรมการ สอ่ื การสอน วธิ กี าร เครื่องมือ ชน้ิ งาน/

ประสงค์ เรยี นรู้ วัดผล การวดั ผล ภาระงาน

สัตย์สุจริต 1.คาถาม 1.PowerPoint 1.การ 1.แบบ 1.ผลงาน
รยี นรู้ กอ่ น-หลงั 2.ตัวอยา่ ง สงั เกตการณ์ ประเมินการ จิตรกรรม
ม่ันในการ
น เรยี น ผลงานต่าง ๆ ตอบคาถาม ตอบคาถาม 2. Power
นยั 2.อธบิ าย 3.อุปกรณ์การ และการ และการ point

เนือ้ หาพรอ้ ม ทางาน นาเสนองาน นาเสนองาน 3.งานภาพ
อธบิ าย 4.หนังสอื 2.ตรวจ 2.แบบ พิมพ์
ภาพประกอบ ทศั นศลิ ป์ ช้ินงาน ประเมนิ 4. Mnid

3.ลงมือ 3.สังเกตการ ช้นิ งาน Mapping
ปฏิบัติงาน ใหค้ วาม 3.แบบ

4.นาเสนอ รว่ มมือใน ประเมิน
งาน การทางาน พฤตกิ รรม
5.สรุปเนอ้ื หา

ออกแบบหนว่ ย
รายวชิ า ทัศนศิลป์

กลุ่มสาระการเรยี นรู้ศลิ ปะ
ช่ือหน่วยการเรียนรู้ การสร้างสรรคง์ านจิตรกรรมสีน้า Watercolour

รหัส สาระสาคญั สาระการเรยี นรู้ สมรรถนะ คุณลัก
ตวั้ ชี้วัด สาคัญ พงึ ป

ศ 1.1 การทางานจิตรกรรมสีน้า 1.ความหมาย 1.ความสามารถ 1.ชื่อส
ม.4-6/3 ตามจิตนาการของนักเรียน ของของ ในดา้ นความคดิ 2.ใฝ่เร
โดยนาเทคนิคต่าง ๆ และ
ศ 1.1 ทักษะการใช้อุปกรณ์ในการ จิตรกรรมสีน้า 2.ความสามารถ 3.มงุ่ ม่นั
ม.4-6/4 ทางานเข้ามาประยุกต์ใช้ใน 2.ประเภทของ ในการสื่อสาร ทางาน
งานจติ รกรรมสี
การทางานรวมทั้งสร้างให้ 3.ความสามารถ 4.มีวิน
นักเรียนมีจิตนาการเป็นของ น้า ในการแก้ปญั หา

ตัวเอง คือการนาธรรมชาติ 3.เทคนิค

และภาพในจิตนาการของ เบ้อื งตน้ ของ
นักเรียน นามาเป็นแบบใน จิตรกรรมสนี ้า
การวาดภาพ โดยการใช้
เทคนิคต่าง ๆไม่ได้กาหนด 4.อุปกรณใ์ น
และไม่มีขอบเขต เปิดจิตนา การทางาน
การของนักเรียอย่างเต็มท่ี จติ รกรรมสนี า้

และให้นักเรียนสามารถไป

ประยุกต์ใช้ในรายวิชาอ่ืน ๆ

แ ล ะ ป ร ะ ยุ ก ต์ ใ ช้ ใ น

ชีวิตประจาวนั ได้

๓๗

ยการเรยี นรทู้ ่ี 4

รหสั วชิ า ศ33101

ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี 6
เวลา 4 ชว่ั โมง คะแนนเต็ม 20 คะแนน

กษณะอัน กิจกรรมการ สอ่ื การสอน วิธกี าร เคร่อื งมือ ชน้ิ งาน/

ประสงค์ เรียนรู้ วัดผล การวัดผล ภาระงาน

สตั ย์สจุ ริต 1.คาถาม 1.PowerPoint 1.การ 1.แบบ 1.ผลงาน
รยี นรู้ ก่อน-หลงั 2.ตวั อยา่ ง สังเกตการณ์ ประเมนิ การ ฝึ ก สี น้ า
นในการ
น เรยี น ผลงานต่าง ๆ ตอบคาถาม ตอบคาถาม เบ้อื งต้น
นัย 2.อธบิ าย 3.อุปกรณก์ าร และการ และการ 2.ผลงาน

เน้ือหาพร้อม ทางาน นาเสนองาน นาเสนองาน จิตรกรรมสี
อธิบาย 4.หนงั สอื 2.ตรวจ 2.แบบ นา้ ตาม
ภาพประกอบ ทศั นศิลป์ ชิ้นงาน ประเมนิ จนิ ตนาการ

3.สาธิตการ 5.กระดานรอง 3.สังเกตการ ชิน้ งาน
ทางาน วาด ให้ความ 3.แบบ

4.ลงมือ รว่ มมือใน ประเมนิ
ปฏิบตั ิงาน การทางาน พฤติกรรม
5.นาเสนองาน

6.สรุปเน้อื หา

38

กลมุ่ สาระการเรียนรู้ ศิลปะ รายวิชา พืน้ ฐาน

รายวชิ า ทัศนศิลปส์ สู่ นุ ทรยี ศาสตร์ รหสั วิชา ศ33101 ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที ี่ 6
จานวน 20 ชั่วโมง/ภาคเรยี น (1 ช่ัวโมง/สัปดาห์) จานวน 0.5 หนว่ ยกติ

คาอธิบายรายวิชา

ศึกษาค้นคว้า วิเคราะห์ เรื่องราวในงานศิลปะทางทัศนธาตุ องค์ประกอบทัศนธาตุ ศัพท์ทาง
ทัศนศิลป์ องค์ประกอบศิลป์ ทฤษฎีสี ศึกษาเก่ียวกับวัสดุ อุปกรณ์ และเทคนิคของศิลปินในการ
แสดงออกทางทัศนศิลป์ ศึกษางานทัศนศิลป์ของศิลปินที่มีชื่อเสียง ศึกษา แนวคิด และขั้นตอน
กระบวนการในการสร้างสรรค์งานทัศนศิลป์ ศึกษาการออกแบบงานทัศนศิลป์เบื้องต้น การประยุกต์ใช้
ความรทู้ างทศั นศิลป์ กบั สหวิทยาการ/ เทคโนโลยี

โดยใช้ทักษะกระบวนการเรียนรู้แบบ G.L. (Group Investigation) ในการสืบเสาะหาความรู้
เพื่อให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ ในเน้ือหาสาระ ทักษะการฝึกปฏิบัติสร้างสรรค์งานศิลปะโดยใช้วัสดุ-
อุปกรณ์ เทคนคิ -วิธีการทางศิลปะ ดัดแปลงและพัฒนางานศลิ ปะในรูปแบบใหมๆ่ จากการจนิ ตนาการทาง
ความคดิ ความรสู้ ึก ความประทบั ใจและประสบการณ์

เหน็ คุณค่าของงานศิลปกรรมแขนงต่างๆ มีความภาคภูมิใจในความเปน็ ไทย ชนื่ ชม อนุรักษ์ หวง
แหน สืบทอดงานทัศนศิลป์ไทย และสามารถนาความรู้ทางทัศนศิลป์ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจาวันตาม
หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มีพื้นฐานชีวิตที่ม่ันคง มีงานทา มีจริยธรรม คุณธรรม และค่านิยมที่
เหมาะสม

ตัวชีว้ ัด

รหัสตัวชวี้ ัด
ศ 1.1 ม.4-6/1, ม.4-6/2, ม.4-6/3, ม.4-6/4, ม.4-6/5, ม.4-6/6, ม.4-6/7, ม.4-6/8, ม.4-6/9,
ม.4-6/10, ม.4-6/11
ศ 1.2 ม.4-6/1, ม.4-6/2, ม.4-6/3

รวม 14 ตวั ชี้วดั

39

หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 1

ทศั นธาตุเริม่ งานศลิ ป์

วาดเส้นดีไลน์กนั ทัศนธาตแุ ละหลกั การ องค์ประกอบศลิ ป์
ออกแบบ (Composition)
( D Line )

การเขียนทศั นียภาพ หลักการออกแบบและ
Perspective พืน้ ผวิ รอบตัวฉัน

แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 1 40

กล่มุ สาระการเรยี นรู้ ศลิ ปะ รายวิชา ทัศนศลิ ป์ ศ33101
ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 6 ภาคเรียนท่ี1 ปกี ารศกึ ษา 2565
หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 1 เรอ่ื ง ทศั นธาตุและหลกั การออกแบบ
แผนการจัดการเรยี นรูท้ ่ี 1 เรอ่ื ง ทัศนธาตุเรม่ิ งานศลิ ป์ เวลา 6 ชั่วโมง
สอนวันที่ เดอื น พ.ศ เวลา 1 ชว่ั โมง
ผู้สอน:นายอนิรุจ พลอินทร์

1. มาตรฐานการเรยี นเรียนรู้
ศ 1.1 สร้างสรรค์งานทศั นศลิ ป์ตามจติ นาการและความคิดสร้างสรรค์วเิ คราะห์ วิพากษ์ วจิ ารณ์

คุณค่างานทัศนศิลป์ ถ่ายทอดความรู้สึกความคิดต่องานศิลปะอย่างอิสระ ชื่นชมและประยุกต์ใช้ใน
ชีวติ ประจาวัน

2. ตวั ชวี้ ัด
ม.6/1 วเิ คราะหก์ ารใชท้ ัศนธาตุ และหลกั การออกแบบในการส่อื ความหมายในรูปแบบต่าง ๆ

3. สาระสาคญั

ทัศนธาตุและหลักการออกแบบ เป็นองค์ประกอบท่ีสาคัญซ่ึงผู้เรียนจะต้องนามาวิเคราะห์ใน
กระบวนการสร้างสรรค์งานทัศนศิลป์และเพื่อนาไปสร้างสรรค์ผลงานทัศนศิลป์ตามจินตนาการจาก
การศึกษาคน้ ควา้ เกยี่ วกับการออกแบบและเทคนิควธิ ีการทางานต่าง ๆ

จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้

1. นักเรียนสามารถบอกความหมายของทศั นธาตุและองคป์ ระกอบของทัศนธาตุได้ (K)
2. นกั เรียนสามารถสร้างสรรคง์ าน Mnid Mapping ขององคป์ ระกอบของทศั นธาตุได้ (P)
3. นักเรียนเห็นความสาคัญในการทางาน Mnid Mapping ขององค์ประกอบของทศั นธาตไุ ด้ (A)

4. สมรรถนะสาคัญของผเู้ รียน
- ความสามารถในดา้ นความคดิ สามารถคดิ อยา่ งสรา้ งสรรคแ์ ละทาใหเ้ กดิ การจินตนาการนาไปยัง

การทาผลงานได้
- ความสามารถในการสื่อสาร หมายถึง ใชภ้ าษาถ่ายทอดความคิด ความรู้ ความเขา้ ใจ ความรู้สึก

และทัศนะของตนเอง เพ่ือเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารและประสบการณ์อันจะเป็นประโยชน์ต่อการพฒั นา
ตนเองและสงั คม

- ความสามารถในการแกป้ ญั หา หมายถึง เข้าใจความสัมพันธแ์ ละการเปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์
ตา่ ง ๆ ในสังคมแสวงหาความรู้ ประยกุ ต์ความรมู้ าใชใ้ นการปอ้ งกัน และแกไ้ ขปญั หาไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง

41

5. คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์

- ชอื่ สตั ย์สจุ รติ
-. ใฝ่เรยี นรู้
- มงุ่ ม่ันในการทางาน
- มีวินัย
สาระการเรียนรู้
องคค์ วามรู้ (K)
1. ทัศนธาตุ
ด้านทักษะ/กระบวนการ (P)
1. ทักษะการฟัง
2. ทกั ษะการอา่ น
3. ทกั ษะการเขียน
ดา้ นเจตคติ (A)
1.เหน็ ความสาคัญและคุณคา่ ของศิลปะท่ีใชใ้ นชีวิตประจาวัน

6. กิจกรรมการจดั การเรยี นรู้
ขนั้ นาเข้าสู่บทเรียน
1. ครูพูดคุยกับนักเรียนเกี่ยวกับเร่ืองทัศนธาตุ พร้อมกับถาม-ตอบกับนักเรียนเก่ียวกับทัศน

ธาตุ เชน่ ทัศนธาตมุ อี ะไรบ้าง เปน็ ตน้ เพือ่ เป็นการทบทวนความรูเ้ ดิม
2. ครูแจ้งใหน้ ักเรียนคอยจดบนั ทึกเนือ้ หาที่จาเปน็ ไว้

ขั้นสอน/ขั้นกจิ กรรม
1. ครอู ธิบายเนอ้ื หาเก่ียวกบั ทัศนธาตุ และบอกความหมายและความสาคญั เก่ียวกับ จุด เส้น

สี รปู รา่ ง รูปทรง นา้ หนักอ่อน-แก่ สัดส่วน บริเวณวา่ ง รูปและพ้ืน โดยอธบิ ายผ่านสอื่ PowerPoint
2. เมื่อครูอธิบายเนอื้ หาเสรจ็ ครูยกตัวอย่างผลงานทัศนศิลปะแล้วถามนกั เรียนว่าเป็นผลงาน

ทัศนธาตแุ บบไหน
3. ครใู ห้นักเรียนนาอุปกรณ์ที่ทามาขึ้นมาให้พร้อม แล้วครมู อบหมายให้นักเรียนทุกคนจัดทา

Mnid Mapping ของเนือ้ หาเก่ียวกับทศั นธาตุ พร้อมใหอ้ ธิบายองค์ประกอบของทัศนธาตุให้ครบ
4. เมื่อนักเรียนทางานเสร็จทุกคนครูสุ่มให้นักเรียนออกมาอธิบายเก่ียวกับ Mnid Mappin

ของตัวเอง เพ่อื เช็คความเขา้ ใจของนกั เรียน
ขน้ั สรุป
1. ครูให้นักเรียนแต่ละคนลุกข้ึนสรุปจากการเรียนในคาบนี้ว่าได้อะไรบ้างจากการเรียนใน

คร้ังน้แี ละสามารถนาไปประยกุ ตใ์ ชก้ บั ตวั นกั เรียนไดอ้ ย่างไร
2. ครสู รปุ เนอ้ื หาทง้ั หมดอีกคร้งั ว่าทาไมถึงเรียนเก่ียวกับทัศนธาตุ วา่ ประกอบดว้ ยอะไรบ้าง

แล้วแต่ละอยา่ งมคี วามสาคัญอย่างไรและสามารถนาไปใช้ในการทางานทศั นศิลป์ได้อย่างไรบา้ ง

42

7. สือ่ การสอน
1. สอ่ื PowerPoint
2. ตวั อยา่ งผลงาน ขององค์ประกอบในทศั นธาตุ
3. หนงั สือทศั นศิลป์

8. การวดั และประเมินผล
เกณฑก์ ารให้คะแนน

เป้าหมายการเรยี นรู้ วธิ ีการวัด เคร่อื งมอื ท่ใี ชใ้ นการวัด เกณฑ์การวัด
การสังเกตการณต์ อบ แบบประเมินการตอบ 70 %
1. นักเรยี นสามารถบอก คาถามและการนาเสนอ คาถามและการนาเสนอ
ความหมายของทัศนธาตแุ ละ งาน งาน 70 %
องค์ประกอบของทศั นธาตไุ ด้
(K) ตรวจช้นิ งาน แบบประเมนิ ช้ินงาน 70 %

2.นกั เรียนสามารถสร้างสรรค์ สังเกตการใหค้ วาม แบบประเมินพฤตกิ รรม
งานMnid Mapping ของ ร่วมมอื ในการทางาน
องคป์ ระกอบของทัศนธาตุได้
(P)

3. นักเรยี นเหน็ ความสาคญั ใน
การทางาน Mnid Mapping
ขององค์ประกอบของทศั นธาตุ
ได้ (A)

43

แบบประเมนิ การตอบคาถามและนาเสนองาน

เร่อื ง ทัศนธาตุเรม่ิ งานศลิ ป์

ช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี 6/…….

การประเมิน/คะแนน

ความสนใจ ตอบได้ถูกต้อง การตอบ การนาเสนอ

ท่ี ช่อื -สกลุ ตัง้ ใจฟัง ตรงถาม คาถามอยา่ ง งานอย่าง
คาถาม ประเดน็ สม่าเสมอ คล่องแคล่ว รวม

และตรง

ประเดน็

1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 12
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25


Click to View FlipBook Version