The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม จังหวัดเชียงราย ภายใต้โครงการจัดทำฐานข้อมมูล ด้านมรดกภูมิปัญญาท้องถิ่น จังหวัดเชียงราย ประจำปี ๒๕๖๕

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by cr.cultural.lib, 2022-09-05 03:31:32

มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม จังหวัดเชียงราย

มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม จังหวัดเชียงราย ภายใต้โครงการจัดทำฐานข้อมมูล ด้านมรดกภูมิปัญญาท้องถิ่น จังหวัดเชียงราย ประจำปี ๒๕๖๕

-537-
๖. รูปถำ่ ยภูมปิ ญั ญำทำงวฒั นธรรม/กจิ กรรมทำงภูมปิ ัญญำทำงวัฒนธรรม

-538-

แบบสำรวจมรดกภมู ปิ ัญญำทำงวฒั นธรรมจงั หวัดเชียงรำย ประจำปี 2565
สภำวัฒนธรรมจงั หวัดเชยี งรำย

อำเภอเมืองเชียงรำย จงั หวัดเชยี งรำย

๑. ช่ือข้อมูล เคร่ืองจักสาน (ฆ้องไมไ้ ผ่)

๒. ลักษณะ  วรรณกรรมพืน้ บา้ นและภาษา
 ศลิ ปะการแสดง

 แนวปฏบิ ตั ิทางสังคมพธิ ีกรรม ประเพณี และเทศกาล

 ความรแู้ ละการปฏิบตั ิเก่ียวกบั ธรรมชาติและจกั รวาล
 งานช่างฝมี อื ดัง้ เดิม

 การละเล่นพ้นื บา้ น กีฬาพน้ื บ้าน และศิลปะการตอ่ สู่ป้องกันตัว

๓. รำยละเอยี ดข้อมลู

๓.๑) ประวตั คิ วามเปน็ มาของข้อมูล
ได้รับการสืบทอดจากทางบรรพบุรุษ และให้ลูกหลาน ครอบครัว ชุมชน ได้ปฏิบัติสานต่อฝีมือของ
บรรพบุรุษ ในเรือ่ งเครอื่ งจกั สาร ทางหมู่บ้านจะมีการอนรุ ักษ์ การทา้ งานฝมี อื ในเครื่องจักสานของหมู่บ้าน ท่ีจะ
สืบทอดให้คนในชุมชนได้รับรู้และสืบทอดในภูมิปัญญาของผู้เฒ่า ผู้แก่ในชุมชน และจะให้ลูกหลานมีการ
สบื ทอดต่อไป

3.2) ขนั้ ตอน/วธิ ีการ/ด้าเนนิ การเกีย่ วกับขอ้ มลู
ท้าตามวิถีของคนในชมุ ชน ใช้อุปกรณ์ในพน้ื ทีใ่ นการด้าเนนิ การ

๔. ชอื่ ผ้ทู ่ีถือปฏิบตั ิตำมและสืบทอด

4.1 ผู้ที่ถือปฏบิ ตั ิ

ช่ือ นายค้า ปัญโญแสง

วัน เดือน ปีเกดิ ๒๔๙๒

ทอ่ี ยู่ ๑๖๗ หมู่ ๑๓ ต้าบลแมก่ รณ์ อ้าเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชยี งราย

หมายเลขโทรศัพท์ -

4.2 ผู้สบื ทอด

ชื่อ ชาวบ้านในชมุ ชน หมู่ ๑๓

วัน เดือน ปีเกดิ -

ทีอ่ ยู่ หมู่ ๑๓ ต้าบลแม่กรณ์ อา้ เภอเมอื งเชียงราย จังหวัดเชียงราย

หมายเลขโทรศัพท์ -

๕. สถำนะ กำรคงอยู่  ปฏบิ ัติอย่างแพรห่ ลาย เสี่ยงต่อการสญู หาย ไมป่ ฏิบัตแิ ล้ว

-539-
๖. รูปถำ่ ยภูมปิ ญั ญำทำงวฒั นธรรม/กจิ กรรมทำงภูมปิ ัญญำทำงวัฒนธรรม

-540-

แบบสำรวจมรดกภมู ปิ ัญญำทำงวัฒนธรรมจงั หวัดเชียงรำย ประจำปี 2565
สภำวัฒนธรรมจงั หวดั เชยี งรำย

อำเภอเมอื งเชยี งรำย จงั หวดั เชยี งรำย

๑. ช่ือข้อมูล งานแกะสลกั ไม้ สล่าคา้ จนั ทร์ ยาโน

๒. ลักษณะ  วรรณกรรมพื้นบ้านและภาษา
 ศิลปะการแสดง

 แนวปฏบิ ตั ทิ างสังคมพธิ ีกรรม ประเพณี และเทศกาล

 ความรแู้ ละการปฏิบัติเก่ียวกับธรรมชาติและจักรวาล
 งานชา่ งฝีมอื ดัง้ เดมิ

 การละเล่นพ้นื บ้าน กีฬาพื้นบ้าน และศลิ ปะการต่อสู่ป้องกนั ตวั

๓. รำยละเอียดข้อมลู

๓.๑) ประวตั คิ วามเปน็ มาของขอ้ มูล
“สล่า” คือ ค้าพ้ืนเมืองที่แปลว่า “ช่าง” ซึ่งชาวบ้านถ้าผาตอง ต้าบลท่าสุด อ้าเภอเมืองเชียงราย

จังหวัดเชียงราย ใช้เรียกน้าหน้าชื่อของครคู ้าจันทร์ ยาโน ท่ีมีฝีมือด้านช่างแกะสลักไม้ จนกระทั่งได้รับคัดเลอื ก

จากส้านักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) ให้เป็นครูภูมิปัญญาไทย รุ่นท่ี ๕ ในสาขาอุตสาหกรรมและ
หตั ถกรรม (แกะสลกั ไม้)

สล่าค้าจันทร์ ได้เล่าถึงแรงบันดาลใจท่ีท้าให้เดินเข้าสู่เส้นทางสายช่างแกะสลักไม้วา่ ได้เห็นผลงานของ
คุณตาทเ่ี ป็นชา่ งแกะสลักไมม้ าก่อน โดยงานท่ีคณุ ตาท้าสว่ นใหญ่จะเปน็ งานแกะสลักดา้ มกระบวยตักน้า ตามวิถี

ชวี ิตของชาวบ้านท่วั ไป ตอ่ มาจจงึ ไดท้ ดลองท้าตามทคี่ ณุ ตาท้าไว้
จนกระทั่ง อาจารย์ถวัลย์ ดัชนี ศิลปินแห่งชาติได้มาเห็น ท่านก็ได้บอกว่าน่าจะท้าเปน็ เรื่องราวที่มชี ีวิต

ดบู า้ ง แตก่ ็เกรงวา่ จะไม่มีใครซ้ือ แต่อาจารย์ถวัลย์ ดัชนี บอกว่าให้ท้ามาเถอะ เดียวจะซอ้ื เอง แตต่ อนน้นั ก้ไม่ได้
คิดจะยึดเป็นอาชีพอย่างจริงจัง จนกระทั่งในปี ๒๕๔๙ ท้านาแล้วประสบปัญหาภัยแล้งอย่างหนัก จึงได้หันมา

แกะสลักด้ามกระบวยน้าอย่างจริงจัง เม่ือเริ่มแกะสลักไม้จนช้านาญ และมีรายได้จากการจ้าหน่ายไม้แกะสลัก
เพ่ือนบ้านก็เริ่มให้ความสนใจมากขึ้น สล่าค้าจันทร์จึงได้ฝึกสอนการแกะสลักไม้ให้กับชาวบ้านที่สนใจ เป็นการ

สรา้ งอาชพี สร้างรายได้ให้กับคนในชุมชนอกี ทางหน่งึ

3.2) ขัน้ ตอน/วิธกี าร/ด้าเนนิ การเกยี่ วกับขอ้ มูล
สอบถามขอ้ มูลจาก สลา่ คา้ จันทร์ ยาโน

๔. ชื่อผู้ท่ถี ือปฏบิ ัติตำมและสืบทอด
4.1 ผู้ทีถ่ ือปฏบิ ตั ิ
ช่อื นายคา้ จนั ทร์ ยาโน
วัน เดอื น ปเี กิด -
ท่ีอยู่ ๒๔๘ หมู่ ๖ ต้าบลทา่ สดุ อา้ เภอเมืองเชียงราย จังหวดั เชียงราย
หมายเลขโทรศัพท์ ๐๘๑ ๖๐๒ ๔๗๗๕
4.2 ผสู้ บื ทอด
ชื่อ -
วนั เดือน ปีเกิด -
ทอ่ี ยู่ -
หมายเลขโทรศัพท์ -

-541- ไมป่ ฏบิ ตั แิ ลว้
๕. สถำนะ กำรคงอยู่ ปฏิบตั ิอย่างแพร่หลาย  เสีย่ งตอ่ การสูญหาย
๖. รูปถ่ำยภมู ปิ ญั ญำทำงวฒั นธรรม/กจิ กรรมทำงภมู ปิ ัญญำทำงวัฒนธรรม

-542-

แบบสำรวจมรดกภมู ิปญั ญำทำงวัฒนธรรมจงั หวดั เชียงรำยประจำปี ๒๕๖๕
สภำวฒั นธรรมจังหวดั เชยี งรำย

อำเภอเวยี งปำ่ เปำ้ จังหวดั เชยี งรำย

๑. ชื่อข้อมูล การปักผ้าลาหู่ (มอต้อเว)

๒. ลกั ษณะ  วรรณกรรมพน้ื บา้ นและภาษา

 ศลิ ปะการแสดง
 แนวปฏบิ ัตทิ างสงั คมพธิ ีกรรม ประเพณี และเทศกาล

 อาหาร/ความรแู้ ละการปฏิบตั เิ กี่ยวกับธรรมชาตแิ ละจกั รวาล
 งานชา่ งฝมี ือดงั้ เดิม

 การละเลน่ พื้นบา้ น กีฬาพ้นื บา้ น และศลิ ปะการต่อสู่ป้องกนั ตวั

๓. รายละเอยี ดขอ้ มูล
๓.๑ ประวัตคิ วามเปน็ มาของข้อมูล
ลายผ้าเผ่าลาหู่ คือ อัตลักษณ์แห่งลวดลายท่ีสะท้อนความเป็นชนเผ่าการสร้างสรรค์ศิลปะลวดลาย

เอกลักษณ์บนผืนผ้าของชาวลาหู่เราจะสังเกตเห็นได้ชัดจากการใช้ ลวดลายท่ีมีการเคล่ือนไหวการใช้เส้นจะ
เป็นไปในลักษณะขึ้น ๆ ลง ๆ ทแยงมุมหรือแตกกระจายไปรอบ ๆ ด้านเป็นลวดลายกลุ่มท่ีให้ความรู้สึกมี
ชวี ิตชีวารสู้ ึกไดถ้ งึ ความกระตอื รือร้นการใช้สเี ป็นไปในโทนสดใสฉูดฉาดเน้นสแี ดงเหลืองเขียวฟ้าให้ความรู้สึกสด
ชนื่ มีความหวังลาหู่เปน็ ชนเผา่ ทีม่ กี ารเปดิ รบั วฒั นธรรมจากชนเผา่ อ่นื เขา้ มาในกลุ่มของตนเองค่อนขา้ งมากท้าให้
การลวดลายผา้ ของชาวลาหู่เป็นศิลปะทีถ่ ูกผสมผสาน

ลาหู่ หรือ มูเซอ เป็นชนเผ่าที่ผ่านการอพยพย้ายถิ่นมาหลายต่อหลายคร้ัง มีการกระจายแบ่งกันเป็น
กลุ่มย่อยๆจ้านวนมาก ซึ่งด้วยวิถีชีวิตที่แตกต่างกันไปในแต่ละพ้ืนท่ี ท่ีชาวลาหู่อพยพเข้ามาอยู่อาศัยลวดลาย
เอกลักษณ์ของชนเผ่าลาหู่ มีท่ีมาค่อนข้างหลากหลาย ท่ีเป็นเอกลักษณ์ ที่มีการผสมผสานกันทั้งลวดลายที่มา
จากธรรมชาติ เช่น ต้นไม้ สัตว์ ฯลฯ ลวดลายท่ีมาจากวิถีชีวิต เช่น การเป็นนักล่าสัตว์ตลอดจนถึงลวดลายที่มี
ท่ีมาจากความเช่ือ ชนเผ่าลาหู่นั้นมีท้ังกลุ่มท่ีนับถือผี และกลุ่มท่ีนับถือคริสต์ดังน้ันลวดลายมาจากความเช่ือ
เรื่องผี วญิ ญาณและลวดลายท่ีมีความเช่อื ในพระคมั ภีร์ของครสิ ตศ์ าสนาผสมรวมเขา้ อยู่ดว้ ยกัน

๓.๒ ข้ันตอน/วิธกี าร/ดาเนนิ การเกีย่ วกับขอ้ มลู
ลกั ษณะลวดลายของผา้
ลายแท้แคะ (คล่ืนน้า) ลายแท้แคะหมายถึง (คล่ืนน้า) ช่ือของลวดลาย เรียกตามลักษณะงานปักท่ีมี
ทศิ ทางการปกั ข้ึน ลงต่อเน่ืองกัน เป็นทางยาวอย่างน่ิมนวลมองดูแลว้ คลา้ ยคลนื่ ท่ีพลิ้วไหวบนผวิ น้า
ลายคะปะ (กากบาทหลังลูกธนู) คะปะ เป็นชื่อเรียกส่วนที่เป็น กากบาทด้านหลังลูกธนูซึ่งมีหน้าที่
ส้าคัญ ท้าให้ลูกธนูพุ่งไปได้ตรงเป้าหมาย ลักษณะของลวดลายที่ปรากฏบนผ่ืนผ้า ดูคล้ายกากบาทอันใหญ่ที่
ปลายท้ังสด่ี า้ มแยกขยายออกไป
ลายแมะสื่อ (ดวงตา) แมะสื่อ แปลว่าดวงตา โดยลักษณะของลายน้ี มองดูแล้วมีความคล้ายคลึงกับ
ลักษณะของ ดวงตามนุษย์ บรรพบุรุษชาวลาหู่ จึงเรียกช่ือลวดลายลักษณะเช่นนี้ว่า ลายดวงตา ลายดวงตานี้
ไดร้ ับความนยิ มทั้งในกลุ่มของ ลาหู่ด้า และลาหู่เหลอื ง
ลายพี้จี (ฟันหมา หรือเข้ียวหมา) ลายพจ้ี ี หมายถงึ เขยี้ วหมาหรือฟนั หมา ลักษณะของลวดลายเปน็ รูป
สามเหลี่ยมสีด้า ขาว สลับคว้่าหงาย ยาวติดต่อกันไป ที่มาของลวดลายน้ี บรรพบุรุษชาวลาหู่ จินตนาการลวดลาย
ขึ้นมาจากการเลียนแบบลักษณะรูปร่างของเขี้ยว หรือลักษณะของฟันที่มีความแหลม ของสุนัขท่ีเป็นสัตว์เล้ียงของ
ชาวลาหู่

-543-

จุดเดน่ การปักผ้าลาหู่ คอื การใชส้ ีเปน็ ไปในทางโทนสดใส ฉดุ ฉาด เน้นสแี ดง เหลือง เขียว ฟา้ ใหค้ วามสดชืน่
มคี วามหวัง

วสั ดอุ ปุ กรณ์และอปุ กรณ์ ด้าย / เขม็ /สะดึง / ไม้บรรทดั / กรรไกร อ่ืน ๆ
การสร้างสรรค์ศิลปะลวดลายเอกลักษณ์ บนผืนผ้าของชาวลาหู่จะสังเกตเห็นได้ชัดจาการใช้การใช้
ลวดลายท่ีมีการเคลื่อนไหวการใช้เส้นจะเป็นไปในลักษณะขึ้นๆลงๆ ทแยงมุม หรือแตกกระจายไปรอบ ๆ ด้าน
ชาวลาหู่ในสมัยก่อนเวลามีการประกอบพิธีกรรมทางศาสนาก็จะมีการสวมใส่ชุดประจ้าเผ่าเสมอ แต่มาถึง
ปัจจุบัน การใส่ชุดประจ้าเผ่าในชนเผ่าลาหู่เร่ิมหาดูได้ยาก เน่ืองจากการพัฒนาของสังคมเมือง ท้าให้ค่านิยม
ในการใส่เสื้อเปล่ียนไป หันไปใส่เส้ือผ้าแบบทันสมัยใหม่ ผู้น้าชุมชนหรือผู้เฒ่าผู้แก่หลายๆคนจึงต้องส่ังสอน
ลูกหลานให้มีความภาคภูมิใจในประเพณีวัฒนธรรมท่ีเก่าแก่ที่สมควรจะต้องกลับมาอนุรักษ์ให้สืบทอดต่อไป
เพ่อื รกั ษาชดุ ชนเผา่ และเพณวี ฒั นธรรมอนั ดีงามใหค้ งไว้ชว่ั ลูกหลานต่อไป

๔. ช่ือผูท้ ่ีถอื ปฏิบัตแิ ละผสู้ ืบทอด
๔.๑ ผู้ทีถ่ ือปฏบิ ัติ
(๑) ชอ่ื นางนาแล หลจี าง
วัน เดอื น ปีเกิด ๒๕๑๒
ที่อยู่ ๓๓ หมู่ ๘ ต้าบลเวียง อ้าเภอเวียงปา่ เป้า จงั หวัดเชียงราย
หมายเลขโทรศัพท์ -
(๒) ชือ่ นางสภุ สั สรา ภัทรเสถยี รชัย
วัน เดือน ปีเกิด -
ทอ่ี ยู่ หมู่ ๘ ตา้ บลเวยี ง อ้าเภอเวียงปา่ เป้า จงั หวดั เชยี งราย
หมายเลขโทรศัพท์ -
๔.๒ ผู้สืบทอด
ช่ือ ชนชาตพิ ันธเ์ุ ผ่าลาหใู่ นพน้ื ท่ีอ้าเภอเวยี งป่าเปา้
วัน เดือน ปีเกดิ -
ทอี่ ยู่ บ้านแม่ปูนหลวง หมู่ ๘ ตา้ บลเวยี ง อ้าเภอเวียงป่าเป้า จงั หวดั เชยี งราย
หมายเลขโทรศัพท์ -

๕. สถานะการคงอยู่  ปฏิบัตอิ ย่างแพร่หลาย  เสีย่ งตอ่ การสญู หาย  ไม่มปี ฏบิ ตั แิ ล้ว

๖. รูปภาพภมู ปิ ัญญาทางวัฒนธรรม/กิจกรรมทางภูมปิ ัญญาทางวัฒนธรรม

นางนาแล หลจี าง

-544-

แบบสำรวจมรดกภมู ปิ ัญญำทำงวัฒนธรรมจังหวัดเชยี งรำย ประจำปี 2565
สภำวัฒนธรรมจังหวดั เชยี งรำย
อำเภอแมส่ ำย จังหวัดเชยี งรำย

๑. ชื่อข้อมลู การสร้างพระวิหาร (เคร่ืองประดับ) งานประดษิ ฐ์ปนู ปน้ั

๒. ลกั ษณะ  วรรณกรรมพนื้ บา้ นและภาษา
 ศิลปะการแสดง
 แนวปฏบิ ัติทางสังคมพธิ ีกรรม ประเพณี และเทศกาล
 อาหาร/ความรู้และการปฏิบัติเกี่ยวกบั ธรรมชาติและจกั รวาล
 งานชา่ งฝมี อื ด้ังเดิม
 การละเล่นพน้ื บ้าน กีฬาพ้ืนบา้ น และศิลปะการต่อส่ปู ้องกันตวั

๓. รำยละเอยี ดข้อมูล
๓.๑) ประวตั ิความเปน็ มาของขอ้ มลู
งานก่อสร้างเคร่ืองประดับพระวิหาร เดิมได้มีโอกาสท้างานทางด้านศิลปะการสร้างวิหาร โดยมีการ

สร้างพระพุทธรูปปูนปั้น พญานาค และอื่น ๆ อีกหลายอย่าง ในหมู่บ้านและต้าบลใกล้เคียง ร่วมกับผู้มี
ประสบการณ์ในอดีตของหมู่บ้าน ซ่ึงตลอดระยะเวลาที่ท้างานร่วมกับช่างสมัยเก่า จะเรียนรู้โดยวิธีการสังเกต
การลองผิดลองถูก และหม่ันศึกษางานด้วยความสนใจ และเพ่ิมวิธีการเรียนรู้จากโซเชียล จนถึงปัจจุบันซ่ึงมี
ประสบการณ์ในการท้างานมากกว่า 10 ปี ทีผ่ ่านมา

3.2 ขัน้ ตอน/วธิ กี าร/ดา้ เนนิ การเกย่ี วกบั ขอ้ มลู
1. ศึกษาจากตา้ ราเกย่ี วกบั งานศิลปะ
2. ศึกษาจากโซเชยี ล ยทู รปู
3. ฝกึ ปฏิบตั ิและออกแบบงาน
4.ลงมือปฏิบตั ิจรงิ
5.วเิ คราะห์ปัญหางานที่ท้าเพือ่ ปรบั ปรงุ งานใหด้ ียงิ่ ข้ึน

4. ชื่อผู้ทถ่ี อื ปฏบิ ตั แิ ละผสู้ ืบทอด

4.1 ผูท้ ่ถี ือปฏบิ ตั ิ

ชื่อ นายบันดษิ ฐ์ ฉลวย

วนั เดอื น ปีเกดิ 15 สงิ หาคม 2517

ที่อยู่ 117 หมู่ 2 ต้าบลโป่งงาม อา้ เภอแม่สาย จังหวดั เชยี งราย

หมายเลขโทรศพั ท์ 088 138 3267

4.2 ผสู้ ืบทอด

ชอื่ -

วัน เดอื น ปเี กดิ -

ท่อี ยู่ -

หมายเลขโทรศพั ท์ -

๕. สถำนะกำรคงอยู่ ปฏบิ ัติอยา่ งแพร่หลาย ⃞ เสย่ี งต่อการสญู หาย ⃞ ไม่มปี ฏิบตั แิ ล้ว

-545-
๖. รูปภำพภูมปิ ญั ญำทำงวัฒนธรรม /กจิ กรรมทำงภูมปิ ัญญำทำงวัฒนธรรม

-546-

แบบสำรวจมรดกภมู ปิ ัญญำทำงวัฒนธรรมจังหวัดเชียงรำย ประจำปี ๒๕๖๕
สภำวัฒนธรรมจงั หวดั เชยี งรำย

อำเภอเมืองเชยี งรำย จงั หวดั เชียงรำย

๑. ชื่อข้อมูล ตงุ ไสห้ มู

๒. ลักษณะ  วรรณกรรมพืน้ บา้ นและภาษา
 ศิลปะการแสดง
 แนวปฏิบัตทิ างสังคมพธิ ีกรรม ประเพณี และเทศกาล
 อาหาร/ความรู้และการปฏบิ ัติเกย่ี วกบั ธรรมชาตแิ ละจกั รวาล
 งานชา่ งฝีมอื ดัง้ เดมิ
 การละเลน่ พ้ืนบา้ น กีฬาพ้นื บ้าน และศิลปะการตอ่ สปู่ ้องกันตวั

๓. รายละเอยี ดข้อมลู

๓.๑) ประวตั ิความเป็นมาของข้อมูล
ตุงไส้หมู มีลักษณะเป็นพวงประดิษฐ์ รูปร่างคล้ายจอมแหหรือปรางค์ ท้าจากกระดาษสีหรือกระดาษ
แก้วสีต่าง ๆ อย่างน้อยแผ่นละสี มาวางซ้อนกันแล้วพับทแยงมุมหลาย ๆ ทบ ใช้กรรไกรตัดสลับกันเป็นลายฟันปลา
จนถึงส่วนปลายสุด เมื่อคลี่ออกและจับหงายขึ้น จะเห็นเป็นพวงกระดาษท่ีสวยงามการน้าตุงไส้หมูไปใช้ ท้าได้
โดยน้าไปผูกติดกับคันตุงยาวประมาณ ๑ เมตร ใช้ถือร่วมขบวนแห่ครัวตานเข้าวัด ใช้ประดับครัวตาน หรือปัก
เจดีย์ทรายท่ีวัดในเทศกาลสงกรานต์ แต่ในบางท้องที่จะใช้ตกแต่งปราสาทศพเพ่ือความสวยงาม โดยประดิษฐ์
เปน็ พวงใหญ่ ๆ ใช้กระดาษวา่ วสีขาวและสีดา้ หรือสีขาวและสีม่วง
ศิลปะการตัดกระดาษให้เป็น “ตุงไส้หมู” เป็นองค์ความรู้ที่มีมาแต่โบราณ ซึ่งชาวล้านนาจะใช้ในพิธี
ทางศาสนา หรือกิจกรรมทางประเพณีของชาวล้านนา นั่นคือ ประเพณีป๋ีใหม่เมือง ในพิธีกรรม หรือประเพณี
ดังกล่าว ชาวล้านนาจะจัดเตรียมข้าวของต่าง ๆ ส้าหรับใช้ในพิธีใน “วันแต่งดา” คือวันสุกดิบ หรือวันเตรียม
ข้าวของ ซ่ึงจะจัดท้าก่อนหน้างานประมาณ ๑ วัน สล่าตัดตงุ ไส้หมู (สล่า แปลว่า ช่าง) หรือผู้ท่ีสามารถตัดตุงไสห้ มูได้
กจ็ ะน้ากระดาษสตี ่าง ๆ มาตดั ให้เปน็ ตงุ ไสห้ มู แล้วนา้ ไปผูกกบั ไมไ้ ผซ่ ่ึงเหลาเปน็ แทง่ กลม ยาวประมาณ ๑ เมตร
หรือน้าไปผูกกับก้าน “ต้นเขือง” (ต้นเต่าร้าง) เพ่ือเตรียมไปปักยังเจดีย์ทรายภายในลานวัดในวันพญาวัน หรือ
วันมหาสงกรานต์ ซงึ่ สว่ นใหญจ่ ะตรงกบั วนั ที่ ๑๕ เมษายน ของทกุ ปี

๓.๒) ขัน้ ตอน/วิธกี าร/ดาเนนิ การเกี่ยวกับข้อมูล
วิธีตดั ตุงไส้หมู
1. น้ากระดาษวา่ ว 2 แผน่ ๆ ละสีมาซ้อนกนั พบั ให้เป็นสามเหล่ียมด้านเทา่ ตดั สว่ นปลายทเ่ี หลอื ออก
2. พบั ครงึ่ รูปสามเหล่ยี มอีก 2 ครั้ง ตดั ชายด้านทไี่ มเ่ ทา่ กันให้เป็นลวดลายสวยงามตามตอ้ งการ
3. กรรไกรตัดเส้นตรงจากด้านท่ีเปิดได้เข้าไปลึกเหลือช่องว่างไม่ให้ขาดไว้พอประมาณ กลับด้านแล้ว
ตัดเส้นตรงขนานกับเส้นแรก จากน้ันตัดสลับกันไปตลอดความกว้างจนถึงปลาย เหลือปลายไว้ประมาณ 4 เซนติเมตร
เพื่อท้าหัวตงุ
4. ตัดเสร็จแล้ววางลงให้เหมือนเดิมแล้วเปิดด้านข้างที่ซ้อนกันออกจนเป็นสามเหลี่ยมด้านเท่า จับปลาย
ด้านที่ซ้อนกันเปิดเป็นสเี่ หล่ียมท้ังสองแผน่ จบั ตรงกลางกระดาษยกข้ึน
5. ตัดกระดาษแข็งเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณหนึ่งนิ้ว ทากาวติดด้านในของหัวตุง ใช้ด้ายร้อยด้านบน
นา้ ไปผกู ตดิ กบั ปลายไม้ไผ่ เป็นอนั เสรจ็ นา้ ไปใชง้ านได้
เทคนคิ /เคล็ดลับในกำรผลิต การตัดกระดาษ ควรตดั ใหเ้ ท่ากนั ไม่สั้นไม่ยาวเกินไปจะได้รูปทรงที่สวยงาม

-547-

๔. ชื่อผทู้ ่ีถือปฏิบตั แิ ละผู้สืบทอด

๔.๑ ผู้ทีถ่ อื ปฏิบัติ

(๑) ช่ือ นางก๋องค้า กันทะลนั

วัน เดือน ปเี กิด -

ที่อยู่ 246 หมู่ 16 ต้าบลแมข่ ้าวตม้ อา้ เภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย

หมายเลขโทรศพั ท์ 087 258 5423

(๒) ชอื่ นางพวงมาลยั จนั ทรช์ ุม

ทอ่ี ยู่ 295 หมู่ 17 ตา้ บลแมข่ า้ วต้ม อ้าเภอเมอื งเชียงราย จังหวัดเชยี งราย

หมายเลขโทรศัพท์ 081 595 2513

๔.๒ ผ้สู ืบทอด

ชอื่ -

วนั เดอื น ปเี กดิ -

ทีอ่ ยู่ -

หมายเลขโทรศัพท์ -

๕. สถานะ การคงอยู่  ปฏิบัติอยา่ งแพรห่ ลาย  เสี่ยงต่อการสูญหาย  ไม่มีปฏิบตั แิ ลว้

๖. รูปภาพภูมิปญั ญาทางวัฒนธรรม/กจิ กรรมทางภูมปิ ัญญาทางวัฒนธรรม

-๕๔๘-

แบบสำรวจมรดกภมู ิปัญญำทำงวฒั นธรรมจงั หวัดเชยี งรำย ประจำปี ๒๕๖๕
สภำวัฒนธรรมจังหวดั เชยี งรำย

อำเภอเมอื งเชยี งรำย จงั หวัดเชยี งรำย

๑. ชื่อข้อมลู จกั สานขนั โตกหวาย

๒. ลกั ษณะ  วรรณกรรมพื้นบา้ นและภาษา
 ศิลปะการแสดง
 แนวปฏบิ ัตทิ างสังคมพิธีกรรม ประเพณี และเทศกาล
 อาหาร/ความรแู้ ละการปฏบิ ัตเิ กย่ี วกับธรรมชาติและจกั รวาล
 งานชา่ งฝมี อื ด้ังเดิม
 การละเลน่ พื้นบา้ น กีฬาพ้นื บา้ น และศลิ ปะการต่อสปู่ ้องกนั ตวั

๓. รำยละเอียดขอ้ มลู

๓.๑ ประวัติความเป็นมาของข้อมลู
ขันโตกหวาย คือ ขันโตกที่ถักสานด้วยหวาย พ้ืนในของโตกสานด้วยไม้ไผ่ เป็นลายสองปูเป็นพ้ืน
ท้าขอบลา่ ง ขอบบน ดว้ ยเส้นหวาย ขาหรือตีน ใช้เสน้ หวายตัดงอขึ้นลง แลว้ ยึดดว้ ยหวายใหม้ ั่นคง
หัตถกรรมจักสานหวาย แหล่งผลิตอยูท่ ่ีหมู่ ๓ ต้าบลแม่ข้าวต้ม อ้าเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชยี งราย
เน่ืองจากปัจจุบันศิลปหัตถกรรมล้านนา หรือภูมิปัญญาชาวบ้านในท้องถิ่นเริ่มจะเลือนหายไปมาก ชาวบ้าน
กลมุ่ หนึง่ ทอี่ าศัยอยู่ในบ้านกองยาว หมู่ ๓ ต้าบลแม่ขา้ วต้ม อา้ เภอเมอื งเชียงราย จงั หวดั เชยี งราย ได้จัดต้ังกลุ่ม
เพ่ือฟ้ืนฟูหัตถกรรมพ้ืนบ้าน เน้นในด้านแกะสลักและจักสานโดยมีความเห็นว่า สมัย ปู่ ย่า ตา ยาย จะน่ังล้อม
วงรับประทานอาหาร จดั ขนั โตกเปน็ สา้ รับซงึ่ ทา้ มาจากไม้หรอื หวายที่มีอยู่มากในสมัยน้นั ปจั จุบนั ใชถ้ าดสังกะสี
แทนเพราะไม้และหวายหายาก ท้าให้การจัดขันโตกกินข้าวเป็นส้ารับน้ันค่อยๆเลือนหายไปจากวัฒนธรรม
ลา้ นนา สมาชิกกลมุ่ จึงรวมกล่มุ กันทา้ ขันโตกขน้ึ มาใหม่ โดยมแี นวคิดวา่ หมู่บ้านกองยาวเป็นหมู่บ้านเกษตรกรรม
ทา้ ไร่ ท้านา ท้าสวน โดยเฉพาะพืชไร่ทขี่ ้ึนชื่อของหมบู่ ้าน คอื หวาย จะมีการปลูกตัดหน่อขายกันมากสว่ นลา้ ต้นของ
หวายจะตัดท้ิงไปใช้ไม่ได้ใช้ประโยชน์กลุ่มจึงคิดว่าน่าจะน้ามา ใช้ประโยชน์ได้น้ามาแปรรูปเป็น หัตถกรรม
จักสานเป็นขันโตก ปรากฏว่าได้รับการตอบรับท่ีดีพอสมควรจึงได้รวบรวมคนในหมู่บ้านมาปรึกษากันและ
ได้จัดต้ังเป็นกลุ่มศิลปะชีพขึ้นมา โดยได้ไปจดทะเบียนที่ส้านักพัฒนาชุมชนจังหวัดเชียงราย เม่ือวันท่ี ๒๘
พฤษภาคม ๒๕๔๗ และใช้ชื่อกลุ่มว่า “กลุ่มศิลปะชีพแกะสลักและจักสาน” ในปี พ.ศ. ๒๕๔๘ ได้จดทะเบียน
เป็นรัฐวิสาหกิจชุมชนท้าโครงการของบสนับสนุนไปท่ีองค์การบริหารส่วนต้าบลแม่ข้าวต้ม และได้งบประมาณ
๕,๐๐๐ บาท สมาชกิ ไดใ้ ช้งบประมาณสว่ นนเี้ ปน็ ทุนหมุนเวียนมาจนถงึ ปัจจุบนั

๓.๒) ขนั้ ตอน/วิธีการ/ด้าเนินการเกี่ยวกบั ข้อมูล
ขนั โตกหวาย ใชเ้ ปน็ ภาชนะสา้ หรบั วางอาหาร กบั ขา้ ว มใี ชก้ ันท่วั ไปในภาคเหนือ เมอ่ื ใสก่ บั ขา้ วแล้วยก
มาต้ังสมาชิกในครอบครัว หรือแขกที่มาบ้าน จะน่ังล้อมวงกันกินข้าว นอกจากจะใช้วางถ้วยกับข้าวแล้ว ยังใช้
โตกเป็นภาชนะใส่ข้าวของอย่างอ่ืนด้วย เช่น ใส่ดอกไม้ ธูปเทียนแทนขันดอกก็ได้ ใส่เครื่องค้านับเป็นขันตั้งก็ได้
ใส่ผลหมากรากไม้ก็ดี ทั้งนี้ภาชนะที่วางด้วยกับข้าว นอกจากจะใช้ขันโตกแล้ว ยังใช้กระด้ง หรือถาด แทนก็ได้
และเรียกว่า ขันเข้า ขันโตก ถ้ายังไม่ได้วางถ้วยอาหารเรียกว่า ขันโตก เม่ือวางถ้วยอาหารแล้ว มักจะเรียกว่า
ขันเขา้ หรอื ส้ารบั อาหาร
วัสดทุ ี่ใช้ในกำรผลิตผลงำน
หวาย - หวายจัดเป็นพืชพันธ์ุไม้เล้ือย ทนต่อทุกสภาวะอากาศและสามารถปลูกได้ในทุกสภาพพื้นท่ี
หวายเป็นพืชเศรษฐกิจสร้างรายได้ให้กับคนในชุมชนโดยเฉพาะบ้านกองยาวหมู่ ๓ ต้าบลแม่ข้าวต้ม อ้าเภอ
เมอื งเชยี งราย จงั หวดั เชียงราย ในเรือ่ งหัตถกรรมจักสานขนั โตก

-๕๔๙-

แหล่งทีไ่ ด้มำของวัสดุ

หวายที่น้ามาสานขันโตกสามารถหาได้ในท้องถิ่น เนื่องจากในหมูบ้านมีการเพาะปลูกหวาย ซ่ึงหวาย

สามารถสร้างรายได้ให้แก่คนในชุมชน ดังนี้

- หนอ่ หรอื ยอดหวายนา้ มาประกอบอาหาร และเปน็ สินคา้ เกษตรกรรม ของชาวบา้ น

- ล้าต้นน้ามาจักสานเป็นเคร่ืองใช้ในครัวเรือนและงานหัตถกรรม คุณภาพและอายุการใช้งาน

ผลิตภัณฑจ์ ากหวาย จะมรี ปู ลกั ษณะทีส่ วยงาม คงทนน้าหนักเบา

เคร่อื งมอื ท่ีใชใ้ นกำรผลติ

- มดี - เล่ือย - เหล็กแหลม - มีดเหลา

- ค้อน - ตะปู - สวา่ นไฟฟา้ - หวั เปา่ แก๊ส

- กบเหลาหวาย - ตลับเมตร - แลก็ เกอร์

ขน้ั ตอนกระบวนกำรผลติ

๑. การเตรียมหวายนา้ หวายเสน้ กลมมาแต่งผิวให้เรยี บโดยกบเหลาหวายหรือดว้ ยปดั กระดาษทราย

๒. น้าหวายท่ีจกั แล้วมาเหลาใหไ้ ดผ้ ิวเรยี บตามขนาดท่ตี ้องการ

๓. ใช้หวายขนาดกลม ๑๕ ม.ม. ตัดเปน็ แท่งยาว ๑๕ ซม. ๘ แท่ง

๔. ใช้หวายกลมขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง ๑๕ ม.ม. ขดเป็นรูปวงกลม (ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง ๔๕ ซม.

โดยแบ่งช่องระหวา่ งเสา แปดช่องใหม้ ีขนาดเท่ากนั )

๕. ใช้หวายกลมขนาด ๗ ม.ม. ตัดยาวประมาน ๔๐ ซม.ท้าเปน็ โครงรูปตวั U กลับหวั ตอกเข้ากบั เสา

สองตน้ ของตวั ขนั โตก เพือ่ ใหเ้ กดิ ความสวยงามและคงทน

๖. ใช้หวายกลมขนาด ๗ ม.ม.นา้ มาขดเวยี นคลา้ ยก้นหอย ถักด้วยหวายเสน้ เลก็ แบนขนาด ๓ ม.ม.

๗. การประกอบโครงฐานขันโตกใช้หวายผวิ เรยี บแบนเสน้ เล็ก ๆ ถักเข้าดว้ ยกนั อย่างสวยงาม

๘. ท้าความสะอาดและลบเซียนโดยใช้หวั เปา่ แก๊ส พร้อมกับลงแลกเกอร์เคลือบผิว

๙. ขนั โตกเสร็จสมบูรณ์

๔. ชื่อผู้ท่ีถอื ปฏิบัตแิ ละผสู้ ืบทอด

๔.๑ ผทู้ ี่ถอื ปฏิบัติ

ช่อื นายปงิ สิทธแิ ก้ว

วนั เดอื น ปีเกิด -

ที่อยู่ 233 หมู่ 3 ตา้ บลแมข่ า้ วต้ม อ้าเภอเมืองเชยี งราย จงั หวดั เชยี งราย

หมายเลขโทรศัพท์ -

๔.๒ ผู้สืบทอด

ช่ือ -

วนั เดอื น ปเี กดิ -

ท่อี ยู่ -

หมายเลขโทรศัพท์ -

๕. สถำนะ กำรคงอยู่  ปฏบิ ตั ิอย่างแพรห่ ลาย  เสยี่ งตอ่ การสญู หาย  ไมม่ ีปฏบิ ัติแลว้

-๕๕๐-
๖. รูปภำพภูมปิ ญั ญำทำงวัฒนธรรม/กจิ กรรมทำงภูมปิ ัญญำทำงวัฒนธรรม

-๕๕๑-

แบบสำรวจมรดกภมู ิปญั ญำทำงวฒั นธรรมจงั หวัดเชียงรำย
สภำวัฒนธรรมจงั หวัดเชยี งรำย
อำเภอพำน จงั หวัดเชียงรำย

๑. ชื่อข้อมลู ภมู ปิ ัญญาชาวบา้ น ด้านแกะสลกั ไม้

๒. ลกั ษณะ  วรรณกรรมพื้นบ้านและภาษา
 ศลิ ปะการแสดง

 แนวปฏบิ ัตทิ างสังคมพธิ ีกรรม ประเพณี และเทศกาล

 อาหาร/ความรแู้ ละการปฏิบตั ิเกีย่ วกับธรรมชาตแิ ละจกั รวาล
 งานช่างฝีมอื ด้ังเดิม

 การละเล่นพ้ืนบา้ น กีฬาพ้ืนบ้าน และศิลปะการตอ่ สปู่ ้องกนั ตัว

๓. รำยละเอียดขอ้ มลู

๓.๑ ประวัติความเปน็ มาของข้อมูล
นายทรง เถิ้มลง มีความสนใจในการแกะสลักไม้มาต้ังแต่ประถม จึงได้ไปฝึกเรียนรู้การแกะสลักไม้
จากสล่าค้าจันทร์ ยาโน ณ บ้านถ้าผาตอง อ้าเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย จึงมีความเช่ียวชาญด้านการ
แกะสลักทุกรูปแบบรับงานออเดอร์สลักทุกอย่างเป็นเวลา 24 ปีมาแล้ว ปัจจุบันสล่าทรง ได้เปิดโรงเกาะสลัก
ท่ีบ้านรับงานตามออเดอร์ทุกชนิด งานเกาะสลักมีราคาตั้งแต่หลักพัน-แสน บาทเลยทีเดียว ผลงานท่ีโดดเด่น
ของสล่าทรง คืองานแกะสลักไม้ที่สามารถเคลื่อนไหวได้ โดยใช้มอเตอร์ มีท้ังแบบวิถีชีวิตพ้ืนบ้าน สามารถ
ประดษิ ฐง์ านแกะสลกั ใหเ้ คลื่อนไหวไดโ้ ดยใชก้ ารหยอดเหรยี ญ

๓.๒ ขัน้ ตอน/วิธกี าร/ดาเนินการเกีย่ วกบั ข้อมูล

-

๔. ช่ือผทู้ ี่ถอื ปฏิบตั แิ ละผสู้ ืบทอด

๔.๑ ผทู้ ถ่ี อื ปฏิบัติ

ช่ือ นายทรง เถม้ิ ลง

วัน เดือน ปเี กิด 11 เมษายน 2513

ท่อี ยู่ 137 หมู่ 9 ตา้ บลทานตะวัน อ้าเภอพาน จังหวดั เชียงราย

หมายเลขโทรศัพท์ 088 236 1847

๔.๒ ผู้สืบทอด

ชอื่ นางจนั ทรจ์ รุ ี เถ้มิ ลง

วนั เดอื น ปีเกิด 9 ตุลาคม 2515

ทอี่ ยู่ 137 หมู่ 9 ตา้ บลทานตะวัน อา้ เภอพาน จังหวดั เชยี งราย

หมายเลขโทรศัพท์ 081 386 5057

๕. สถำนะ กำรคงอยู่  ปฏิบัตอิ ย่างแพร่หลาย  เสย่ี งต่อการสูญหาย  ไม่มปี ฏิบตั แิ ล้ว

-๕๕๒-
๖. รปู ภำพภูมปิ ญั ญำทำงวัฒนธรรม/กจิ กรรมทำงภูมปิ ัญญำทำงวัฒนธรรม

-๕๕๓-

แบบสำรวจมรดกภมู ปิ ัญญำทำงวัฒนธรรมจงั หวดั เชยี งรำย
สภำวฒั นธรรมจงั หวัดเชยี งรำย
อำเภอพำน จังหวัดเชยี งรำย

๑. ชื่อข้อมูล ภูมปิ ัญญาชาวบา้ นดา้ นงานชา่ งฝมี ือดง้ั เติม

๒. ลกั ษณะ  วรรณกรรมพน้ื บา้ นและภาษา
 ศลิ ปะการแสดง

 แนวปฏบิ ตั ิทางสังคมพธิ ีกรรม ประเพณี และเทศกาล

 อาหาร/ความรแู้ ละการปฏบิ ตั ิเกี่ยวกับธรรมชาติและจกั รวาล
 งานชา่ งฝีมือดั้งเดมิ

 การละเลน่ พน้ื บ้าน กีฬาพ้ืนบ้าน และศิลปะการต่อสู่ป้องกนั ตัว

๓. รำยละเอยี ดข้อมลู

๓.๑ ประวัติความเปน็ มาของขอ้ มูล
เช่ียวชาญภูมิปัญญาประเภทศิลปะการแสดง ด้านฟ้อน เช่น ฟ้อนเล็บ ฟ้อนเทียน ฟ้อนขันดอกฯ และ
เชี่ยวชาญภูมิปัญญาประเภทงานฝีมือด้ังเดิม ด้านจักสานหัตถกรรม งานประดิษฐ์ งานผ้า เช่น สานลายตะกร้า
หวาย สานตะกร้าทางมะพร้าว สานตะกร้าพลาสติก การท้าเครื่องสักการะล้านนา ดอกไม้ใบเตยมาลัยใบเตย
งานประดิษฐ์ต่างๆ งานปักผ้า ท้าตุงฯ มีการส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่น ในฐานะเป็นปราชญ์ชุมชน เป็นวิทยากร
ให้ความรู้แก่ นักเรียน เยาวชน ประชาชนท่ีสนใจปฏิบัติตนให้เป็นแบบอย่างในด้านการแต่งกาย โดยการนุ่งผ้า
ไทยพื้นเมือง ให้ผู้พบเห็นได้รู้จัก ขนบธรรมเนียมประเพณีของล้านนา และเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการสภา
วัฒนธรรม ระดับต้าบลและระดบั อา้ เภอ เขา้ รว่ มกจิ กรรมทางพระพุทธศาสนาทกุ ครงั้ ที่มีโอกาส

๓.๒ ข้ันตอน/วธิ กี าร/ดา้ เนินการเกย่ี วกบั ขอ้ มูล

-

๔. ชอื่ ผูท้ ่ีถอื ปฏิบัติและผู้สืบทอด

๔.๑ ผทู้ ่ีถอื ปฏิบตั ิ

ชอื่ นางสาวนพรัตน์ เมืองมาหลา้

วัน เดอื น ปเี กิด 15 มกราคม 2520

ทีอ่ ยู่ 35 หมู่ 9 ต้าบลสนั กลาง อา้ เภอพาน จงั หวดั เชยี งราย

หมายเลขโทรศัพท์ 089 181 3663

๔.๒ ผสู้ บื ทอด

ชื่อ นายภาคิน เฮา

วนั เดอื น ปีเกิด 10 กันยายน 2547

ทอี่ ยู่ 38 ม.9 ต้าบลสนั กลาง อ้าเภอพาน จงั หวัดเชยี งราย

หมายเลขโทรศัพท์ 096 231 0203

๕. สถำนะ กำรคงอยู่  ปฏบิ ัตอิ ยา่ งแพร่หลาย  เสย่ี งต่อการสญู หาย  ไมม่ ีปฏิบัติแลว้

-๕๕๔-
๖. รูปภำพภูมปิ ญั ญำทำงวัฒนธรรม/กจิ กรรมทำงภูมปิ ัญญำทำงวัฒนธรรม

-๕๕๕-

แบบสำรวจมรดกภมู ิปญั ญำทำงวฒั นธรรมจงั หวัดเชยี งรำย
สภำวัฒนธรรมจังหวัดเชยี งรำย
อำเภอพำน จงั หวัดเชยี งรำย

๑. ชื่อข้อมลู การจดั ทา้ เครอ่ื งบายศรสี ขู่ วัญ

๒. ลักษณะ  วรรณกรรมพื้นบา้ นและภาษา
 ศลิ ปะการแสดง

 แนวปฏิบตั ิทางสงั คมพิธีกรรม ประเพณี และเทศกาล

 อาหาร/ความรู้และการปฏบิ ตั เิ กย่ี วกับธรรมชาตแิ ละจกั รวาล
 งานชา่ งฝีมือด้ังเดมิ

 การละเล่นพนื้ บา้ น กีฬาพื้นบ้าน และศิลปะการต่อสู่ป้องกนั ตัว

๓. รำยละเอยี ดข้อมูล

๓.๑ ประวัติความเป็นมาของขอ้ มลู
สู่ขวัญ หมายถึงพิธีเล้ียงอาหารแก่ขวัญ ซึ่งการสู่ขวัญของชาวล้านนา คือพิธีกรรมที่ตรงกับการเรียก
ขวัญของคนในไทยภาคกลาง การสู่ขวัญเปน็ ประเพณีของชาวล้านนาไทยมาแต่โบราณกาล เป็นการรับขวัญคน
ท่ีเดินทางไกลไปต่างถิ่นเป็นเวลานาน บางทีก็ประสบความเหน่ือยยากในการเดินทาง มีความคิดถึงบ้าน หรือ
ต้องเผชิญกับเหตุการณ์ที่ท้าให้ตกใจและเสียขวัญ เม่ือกลับมาถึงบ้านเรือนของตนแล้ว หรือคนท่ีเจ็บไข้ได้ป่วย
เป็นเวลานานหรือป่วยหนักจนก้าลังลดถอยลง มักจะนิมนต์พระหรือขอให้คนเฒ่าคนแก่ท้าพิธีผูกมือเรียกขวัญ
ในการนี้ท่านจะกล่าวถ้อยค้าอันเป็นสิริมงคลเรียกขวัญแล้วอ้านวยพรให้พ้นภัยพิบัติอยู่เย็นเป็นสุขตลอดไป
การเรียกขวัญหรือสู่ขวัญเช่นน้ีได้ท้ากันแพร่หลาย ภายหลังได้ขยายการท้าดอกไม้บูชาเป็นพุ่มงดงามเรียกว่า
บายศรี ประกอบด้วย เครอื่ งเซน่ ไหว้เพมิ่ เติมขึ้นอกี โดยเฉพาะในการต้อนรับคนต่างถ่นิ หรอื ผมู้ เี กยี รตทิ ี่มาเยย่ี มเยอื น

๓.๒) ขั้นตอน/วิธกี าร/ด้าเนนิ การเก่ียวกับขอ้ มลู
1. เอาใบตองที่มีลักษณะแก่หรืออ่อนทีส่ ุด เพราะจะทา้ ให้เวลาขดั น้ามนั มะกอกมีสที ี่เงางาม
2. รเิ อาใบตองแลว้ ไปเช็ดทา้ ความสะอาด แล้วน้าตองไปแช่ในน้า
3. เอาใบตองมาฉีกให้เท่าๆกัน เพ่อื จะท้าเป็นรปู รา่ งตา่ งๆของบายศรี
4. หมนุ นวิ้ แลว้ ใชท้ ีเ่ ยบ็ ลวดกระดาษเย็บ และหมุนนวิ้ ตามขนาดทต่ี ้องการ

๔. ชอื่ ผทู้ ี่ถอื ปฏิบัตแิ ละผู้สืบทอด

๔.๑ ผทู้ ี่ถือปฏิบตั ิ

ชอ่ื นางเกียง มูลธิ

วัน เดอื น ปีเกิด 18 ตุลาคม 2496

ทีอ่ ยู่ 338 หมู่ 6 ต้าบลสนั ตสิ ุข อ้าเภอพาน จงั หวัดเชยี งราย

หมายเลขโทรศัพท์ 084 613 0563

๔.๒ ผสู้ ืบทอด

ช่ือ นางศรวี รรณ มูลธิ

วัน เดอื น ปีเกิด 8 กรกฎาคม 2520

ที่อยู่ 153 หมู่ 6 ต้าบลสันติสุข อ้าเภอพาน จังหวัดเชยี งราย

หมายเลขโทรศัพท์ 095 447 1749

๕. สถำนะ กำรคงอยู่  ปฏบิ ัตอิ ยา่ งแพร่หลาย  เส่ยี งต่อการสูญหาย  ไมม่ ีปฏบิ ัตแิ ล้ว

-๕๕๖-
๖. รูปภำพภูมปิ ญั ญำทำงวัฒนธรรม/กจิ กรรมทำงภูมปิ ัญญำทำงวัฒนธรรม



-557-

แบบสำรวจมรดกภมู ิปัญญำทำงวัฒนธรรมจงั หวดั เชยี งรำย ประจำปี ๒๕๖๕
สภำวัฒนธรรมจงั หวดั เชยี งรำย
อำเภอแมส่ ำย จงั หวัดเชยี งรำย

๑. ช่ือข้อมูล การชนไก่

๒. ลกั ษณะ  วรรณกรรมพน้ื บา้ นและภาษา
 ศิลปะการแสดง
 แนวปฏบิ ัติทางสงั คมพธิ ีกรรม ประเพณี และเทศกาล
 อาหาร/ความรแู้ ละการปฏบิ ตั เิ กยี่ วกบั ธรรมชาตแิ ละจกั รวาล
 งานช่างฝมี อื ด้งั เดมิ
 การละเล่นพื้นบา้ น กีฬาพน้ื บ้าน และศลิ ปะการตอ่ สูป่ ้องกันตัว

๓. รำยละเอียดขอ้ มูล

๓.๑) ประวตั คิ วามเป็นมาของข้อมูล
การชนไก่ (บ้างเรียกตีไก่) เป็นกีฬาท่ีมนุษย์คิดขึ้น โดยใช้สัตว์เป็นตัวแทนของตนในการแข่งขันต่อสู้
จนเป็นที่นิยมกันท่ัวไป และก็เหมือนกีฬาประเภทอื่น ๆ ที่บางครั้งก็มีเร่ืองของการเดิมพัน, การพนันเข้ามา
เกี่ยวข้อง มีการสันนิษฐานว่าคนไทยรู้จักการชนไก่มาต้ังแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ซ่ึงคงอ้างอิงจากเร่ืองเล่าไก่ชน
ของสมเด็จพระนเรศวร ท่ีว่า เมื่อครั้งที่สมเด็จพระนเรศวรทรงเป็นตัวประกันอยู่ท่ีกรุงหงสาวดี เคยชนไก่ชนะ
พระมหาอปุ ราช จนเกิดการปะทะคารมระหวา่ งทง้ั 2 พระองค์ข้นึ
สมเด็จพระมหาอุปราชตรัสวา่ “ไก่เชลยตวั นเ้ี กง่ จรงิ หนอ”
สมเด็จพระนเรศวรก็ดำรัสตอบว่ำ “ไก่เชลยตวั นี้ อย่าวา่ แตจ่ ะตีกนั อยา่ งกีฬาในวงั เหมอื นวนั น้ีเลย
ตพี นนั บา้ นเมืองก็ยงั ได้”

๓.๒) ข้ันตอน/วิธีการ/ดาเนนิ การเกี่ยวกบั ข้อมลู

ไก่ชนชั้นดี ที่นิยมเลี้ยงไว้เพื่อความสวยงามและนิยมเลี้ยงไว้สาหรับการแข่งขันกัน เนื่องจากกีฬา
ประเภทน้ีเป็นการละเล่นพื้นบ้านท่ีมีประวัติความเป็นมาอย่างยาวนาน จึงได้มีตาราการดูไก่ชน การคัดเลือก

พนั ธ์ุ การเล้ียง ฝกึ ฝนไก่ ซ่งึ ถือเปน็ ภมู ปิ ัญญาทีส่ บื ตอ่ กนั มาจากรนุ่ สูร่ นุ่ สาหรบั การดลู ักษณะไกเ่ กง่ ตามตาราน้ัน
ต้องเร่ิมดูจากใบหน้า ไก่ชนที่ดีต้องมีใบหน้าเกล้ียงเกลา ปากต้องเป็นสีตามพันธ์ุไก่น้ัน ๆ ปากต้องใหญ่ แน่น

แข็งแรง ปลายงุ้มไม่ยาวและไม่ส้ันจนเกินไป ปากบนมีร่องน้า จมูกกว้างใหญ่ ตามีประกายแจ่มใส นัยน์ตาดา
เล็ก ตาขาวมีสีขาว หงอนเล็ก ฐานหงอนหนา กะโหลกศีรษะหนาอวบ ลาตัวยาว กระดูกใหญ่ อกผาย ไหล่ผึ่ง

ปีกยาวใหญ่ สีขนชดั เจนเป็นไปตามพันธุ์ เปน็ ต้น
ปัจจุบันการเล้ียงไก่ชนถือเป็นธุรกิจประเภทหน่ึงซ่ึงสามารถทารายได้ได้เป็นอย่างดี สาหรับผู้ท่ีชื่นชอบ

กฬี าชนดิ นี้ เร่ิมต้งั แตก่ ารเพาะเลยี้ งไกช่ นพันธ์ดุ ี การฝึกฝนไก่ชน การแขง่ ขันชนไก่ ซึ่งผเู้ ลยี้ งและผูฝ้ กึ ฝนตอ้ งส่ัง
สมท้งั ความรแู้ ละประสบการณเ์ พ่อื ให้ได้ไกช่ นพันธ์ดุ ีไวล้ งแขง่ ในสนาม

๔. ช่ือผทู้ ่ถี ือปฏิบตั ิและผ้สู บื ทอด

๔.๑ ผทู้ ี่ถอื ปฏิบตั ิ

ชือ่ นายสงา่ จับใจนาย

วนั เดือน ปเี กิด -

ท่อี ยู่ 83/1 หมู่ 1.ตาบลแม่สาย อาเภอแม่สาย จังหวดั เชียงราย

หมายเลขโทรศัพท์ 081 034 1170

๔.๒ ผสู้ ืบทอด -558-
ช่อื
วนั เดือน ปเี กดิ -
ทีอ่ ยู่ -
หมายเลขโทรศัพท์ -
-

๕. สถำนะ กำรคงอยู่ ปฏิบตั ิอย่างแพร่หลาย  เสี่ยงต่อการสญู หาย  ไมม่ ปี ฏิบตั แิ ลว้

๖. รปู ภำพภมู ปิ ัญญำทำงวัฒนธรรม/กิจกรรมทำงภูมปิ ัญญำทำงวฒั นธรรม

-559-

แบบสำรวจมรดกภมู ิปญั ญำทำงวัฒนธรรมจงั หวดั เชียงรำย ประจำปี 2565
สภำวฒั นธรรมจงั หวดั เชยี งรำย
อำเภอเชยี งแสน จงั หวัดเชยี งรำย

1. ชื่อข้อมูล การเล่นลกู ชว่ ง

๒. ลักษณะ  วรรณกรรมพ้นื บา้ นและภาษา
 ศิลปะการแสดง
 แนวปฏิบัตทิ างสังคมพิธีกรรม ประเพณี และเทศกาล
 อาหาร/ความรู้และการปฏิบัตเิ ก่ยี วกบั ธรรมชาติและจกั รวาล
 งานชา่ งฝีมือด้ังเดิม
 การละเล่นพนื้ บ้าน กีฬาพืน้ บ้าน และศลิ ปะการตอ่ สูป่ ้องกนั ตวั

๓. รำยละเอยี ดข้อมลู

๓.๑) ประวัติความเป็นมาของขอ้ มลู
ประเพณีขึน้ ปีใหม่หรือประเพณีฉลองปีใหม่ ซึ่งเปน็ งานรน่ื เรงิ ของชาวม้งของทกุ ๆ ปี จะจดั ขน้ึ หลงั จาก
ได้เก็บเกี่ยวผลผลิตในรอบปเี รียบร้อย และเป็นการฉลองถึงความสาเร็จในการเพาะปลกู ของแต่ละปี ซ่ึงจะต้อง
ทาพธิ บี ูชาถงึ ผีฟ้า - ผีปา่ – ผบี ้าน ท่ีให้ความคมุ้ ครอง และดูแลความสุขสาราญตลอดทั้งปี รวมถงึ ผลผลิตทไ่ี ด้ใน
รอบปีด้วย ซึ่งแต่ละหมู่บ้านจะทาการฉลองกันอย่างพร้อมเพรียงกัน หรือตามวัน และเวลาที่สะดวกของแต่ละ
หมู่บ้าน ซ่ึงโดยมากจะอยู่ในช่วงเดือนธันวาคมของทุกปี ประเพณีฉลองปีใหม่ม้งนี้ชาวม้งเรียกกันว่า
“น่อเป๊โจ่วฮ์” แปลตรงตัวได้ว่า “กินสามสิบ” สืบเน่ืองจากชาวม้งจะนับช่วงเวลาตามจันทรคติ โดยจะเร่ิม
นับตั้งแต่ข้ึน ๑ ค่า ไปจนถึง ๓๐ ค่า (ซ่ึงตามปฏิทินจันทรคติจะแบ่งออกเป็นข้างขึ้น ๑๕ ค่า และข้างแรม ๑๕ ค่า)
เม่อื ครบ ๓๐ คา่ จงึ นบั เปน็ ๑ เดอื น ดงั นัน้ ในวันสุดทา้ ย (๓๐ ค่า) ของเดือนสดุ ท้าย(เดอื นที่ ๑๒) ของปจี ึงถือได้
ว่าเป็นวันส่งท้ายปีเก่า ช่วงวันฉลองปีใหม่ส่วนใหญ่จะตกอยู่ประมาณช่วงเดือนพฤศจิกายน ถึงเดือนมกราคม
ในวันดังกล่าวหัวหน้าครัวเรือนของแต่ละบ้าน จะประกอบพิธีกรรมทางศาสนา เพื่อความเป็นสิริมงคลของ
ครัวเรือน ถัดจากวันส่งท้ายปเี กา่ ไป ๓ วัน คือวันข้ึน ๑ คา่ ๒ ค่าและ ๓ ค่าของเดอื นหนง่ึ จดั เป็นวนั ฉลองปีใหม่
อย่างเป็นทางการ ซง่ึ ทุกคนจะหยดุ หนา้ ทก่ี ารงานทกุ อยา่ งในช่วงวันดังกลา่ วนี้ และจะมีการจดั การละเล่นต่าง ๆ
ในงานขึ้นปใี หม่ เชน่ การละเลน่ ลกู ช่วง
จุดประสงค์ของการเล่น เพ่ือความสนุกสนานเป็นการฉลองปีใหม่ และเป็นการหาคู่ให้กับหนุ่มสาว
เพื่อมิตรภาพที่ดีต่อกัน ส่วนหญิงท่ีแต่งงานแลว้ จะไม่มีสิทธใ์ิ นการเล่นลูกช่วงอีก เพราะถือว่าผิดตามธรรมเนยี ม
ของม้ง ส่วนฝ่ายชาย สามารถเล่นได้แต่อยู่ท่ีว่าฝ่ายหญิงจะทาการยินยอมเล่นกับตนหรือไม่ แล้วแต่ฝ่ายหญิง
สาวคนนั้น การเล่นลูกช่วง ยังเป็นการช่วยฝึกทักษะความชานาญในการคว้าจับส่งิ ของท่ีพุ่งเข้ามาปะทะใบหน้า
อันเป็นการฝึกป้องกันตัวจากสิ่งของท่ีลอยมาหาใบหน้าอย่างกะทันหันได้ด้วย ในช่วงระหว่าง การเล่นลูกช่วง
หนุ่มสาวท่เี ลน่ ลูกชว่ งจะร้องเพลงโต้ตอบกัน เพม่ิ ความสนกุ สนานในการเล่น
การเล่นลูกช่วง จะเล่นในช่วงประเพณีปีใหม่ม้งเท่าน้ัน การเล่นลูกช่วงนี้จะเล่นเป็นคู่ ๆ เป็นโอกาสดี
ของหนุ่มสาวชาวม้งที่มีการเกี้ยวพาราสีกันมากที่สุดและกระทาในเวลากลางวัน ซ่ึงชายหนุ่มหญิงสาว
ซึ่งชายหนุ่มหญิงสาวจะแต่งตัวด้วยเสอ้ื ผ้าสวยสดงดงามเป็นชุดประจาเผา่ จับคู่เล่นโยนลูกช่วง (ลูกช่วงทาด้วย
ผ้าสีดาหรือสอี ืน่ ก็ได้ นามามดั หรือเยบ็ เปน็ รูปทรงกลมให้แน่นคล้ายลูกบอลมีขนาดท่ีพอจะใช้มือขา้ งเดยี วจับได้)
หญิงสาวคนใดยังไม่มีคู่หมายจะเลือกชายหนุ่มท่ีตนรู้จักชอบพอ มีการสนทนาพูดคุยกันตลอดเวลาโยนลูกช่วง
ชายหนุ่มคนใดไม่ชอบพอคู่โยนของตนจะหาทางปลีกตัวออกไปโดยมิให้เสียมารยาท ระหว่างโยนหากผู้ใด
รับไม่ได้อาจต้องเสียค่าปรับเป็นเครื่องประดับหรือสุดแล้วแต่จะมีส่ิงของให้ได้ การเสียค่าปรับแก่กันและกัน
จะเป็นการเปิดช่องว่างให้มีการเก้ียวพาราสีในตอนกลางคืนอีกต่อไป หากหญิงชาวม้งคนใดท่ีมีคู่แล้ว แต่งงาน
แล้ว อยากเล่นลูกช่วง ก็อาจชวนผู้หญิงด้วยกันเล่นได้ แต่จะไม่เล่นลูกช่วงกับผู้ชายที่ไม่ใช่คู่ของตนเอง คุณค่า
ของการละเล่น ผเู้ ล่นไดร้ บั ความสนุกสนาน กระบวนการเลน่ เสรมิ สรา้ งความสามัคคี ความรักพวกพอ้ งและรู้จัก
ช่วยเหลือพวกพ้องเม่ือมีภยั เป็นการสง่ เสรมิ ความมนั่ คงในสงั คม

-560-

3.2 ขัน้ ตอน วธิ ีการดาเนนิ การเกี่ยวกบั ขอ้ มลู
โอกาส เวลาที่จะเล่น ประเพณีขึ้นปีใหมห่ รือประเพณีฉลองปใี หม่ การโยนลกู ชว่ งนจี้ ะเล่นกันประมาณ
๑๒ วนั (ตามประเพณีจะเล่นแทน ๑๒ เดือน) แตใ่ นปจั จุบนั เล่นไม่ถงึ ๑๒ วัน คงเหลอื ประมาณ ๓ – ๕ วัน
สถานท่ีเลน่ โรงเรยี นบ้านธารทอง ตาบลแมเ่ งนิ อาเภอเชียงแสน จงั หวดั เชียงราย
จานวนผู้เล่น การโยนลูกช่วงนั้นจะแบ่งผู้เล่นออกเป็น ๒ ฝ่าย (เล่นเป็นคู่) คือฝ่ายชายหน่ึงแถว
ฝ่ายหญิงหน่ึงแถว โดยฝ่ายชายและฝ่ายหญิงยืนหันหน้าเข้าหากันระยะห่างประมาณ ๓ -๕ เมตร โดยการเล่นนั้น
ไม่จากดั จานวนผู้เลน่
อปุ กรณก์ ารเล่น ลูกชว่ งลักษณะกลมเหมือนลกู บอลทาดว้ ยเศษผา้ สดี า หรือสอี นื่ ของชาวม้ง เศษผา้ ทา
เป็นริ้ว กว้างประมาณ ๒ – ๓ เซนติเมตร และนามามัดให้เป็นลูกกลม ๆ และนาผ้าผืนใหญ่ข้ึนเย็บหุ้มเป็น
รูปทรงกลมใหแ้ นน่ ให้คล้ายลกู บอล มขี นาดเลก็ พอทจ่ี ะถือดว้ ยมอื ข้างเดียวได้
ขั้นตอนวิธีการละเล่น โดยหนุ่ม ๆสาว ๆ ก็จะแต่งกายด้วยชุดม้งสวยงาม ฝ่ายหญิงจะเป็นฝ่ายทาลูกช่วง
ซึ่งทาจากผ้าเป็นลูกกลม ๆ และวานให้เพ่ือนหญิงหรอื จะเป็นหญิงท่ีแตง่ งานแลว้ เป็นผู้นาลูกช่วงของตนไปมอบ
ใหก้ บั ชายหนุม่ ทตี่ นพึงพอใจ และหญิงสาวทที่ าหน้าทเี่ ป็นแมส่ ่ือน้จี ะบอกกับชายหนุ่มวา่ ลูกชว่ งนั้นเป็นของหญิง
สาวคนใดเพื่อที่ชายหนุ่มจะได้นาลูกช่วงนี้ไปโยนหรือขว้างเล่นกับหญิงสาวผ้เู ป็นเจา้ ของลูกช่วงตอ่ ไป หรือหาก
ผู้ชายหมายตาหญิงสาวคนใดไว้ก็จะไปขอโยนลูกช่วงด้วย ถ้าฝ่ายหญิงไม่พอใจก็จะไม่โยนด้วย ระหว่างท่ีชาย
หนุ่มหญิงสาวโยนลูกช่วงก็จะพูดจาจีบกันในเวลาน้ี ในส่วนใหญ่แล้วคู่โยนลูกช่วงจะมีการสู่ขอแต่งงานกันหลัง
งานปใี หม่
วิธีการเล่น การโยนลูกช่วงน้ันจะแบ่งผู้เล่นออกเป็น ๒ ฝ่าย คือฝ่ายชายหน่ึงแถว ฝ่ายหญิงหนึ่งแถว
โดยฝ่ายชายและฝา่ ยหญงิ ยนื หนั หน้าเข้าหากันระยะห่างประมาณ ๓ -๕ เมตร
ส่วนการละเล่นลูกช่วงน้ัน จะแบ่งกลุ่มผู้เล่นออกเป็น ๒ ฝ่าย คือ ฝ่ายหญิงกับฝ่ายชายโดยท่ีก่อนจะมี
การละเล่น ฝ่ายหญิงจะเป็นผู้ท่ีเอาลูกช่วงไปให้ฝ่ายชาย หรือญาติ ๆ ของฝ่ายหญิงเป็นผู้ที่นาลูกช่วงไปให้ฝ่าย
ชาย เมื่อตกลงกันได้ก็จะทาการโยนลูกช่วงโดยฝ่ายหญิง และฝ่ายชายแต่ละฝ่ายจะยืนเป็นแถวหน้า กระดาน
เรียงหน่ึง หันหน้าเข้าหากันมีระยะห่างกันพอสมควร แล้วโยนลูกช่วงให้กันไปมาและสามารถทาการสนทนา
กับคทู่ ่โี ยนได้

๔. ชอื่ ผทู้ ี่ถือปฏิบตั ิและผสู้ ืบทอด

๔.๑ ผูท้ ีถ่ อื ปฏิบัติ

ชื่อ โรงเรยี นบ้านธารทอง

วนั เดอื น ปเี กิด -

ทอ่ี ยู่ หมู่ 5 ตาบลเวยี ง อาเภอเชยี งแสน จังหวดั เชยี งราย

หมายเลขโทรศัพท์ 08๑ ๕๓๑ ๙๘๐๕

๔.๒ ผู้สบื ทอด

ช่ือ โรงเรียนบ้านธารทอง

วัน เดือน ปีเกดิ -

ทีอ่ ยู่ หมู่ 5 ตาบลเวียง อาเภอเชยี งแสน จงั หวดั เชยี งราย

หมายเลขโทรศัพท์ 08๑ ๕๓๑ ๙๘๐๕

๕. สถำนะ กำรคงอยู่  ปฏบิ ัตอิ ย่างแพร่หลาย  เสยี่ งต่อการสูญหาย  ไมม่ ปี ฏบิ ตั ิแล้ว

-561-
๖. รูปภำพภูมปิ ญั ญำทำงวัฒนธรรม/กจิ กรรมทำงภูมปิ ัญญำทำงวัฒนธรรม

-562-

แบบสำรวจมรดกภมู ปิ ัญญำทำงวฒั นธรรมจงั หวดั เชยี งรำยประจำปี ๒๕๖๕

สภำวฒั นธรรมจังหวัดเชยี งรำย
อำเภอเวยี งชยั จงั หวดั เชียงรำย

๑. ช่ือข้อมลู ของเลน่ พ้นื บา้ นจากใบมะพร้าว

๒. ลักษณะ  วรรณกรรมพ้นื บ้านและภาษา

 ศลิ ปะการแสดง

 แนวปฏบิ ัติทางสงั คมพธิ ีกรรม ประเพณี และเทศกาล
 อาหาร/ความรแู้ ละการปฏบิ ัติเก่ยี วกับธรรมชาตแิ ละจักรวาล

 งานช่างฝมี อื ดั้งเดมิ
 การละเลน่ พ้ืนบ้าน กีฬาพ้ืนบา้ น และศิลปะการตอ่ สปู่ ้องกันตวั

๓. รำยละเอียดข้อมูล

๓.๑) ประวตั คิ วามเป็นมาของข้อมูล
การเล่นเป็นธรรมชาติอย่างหนึ่งของมนุษย์ เพราะทาให้เกิดความเพลิดเพลิน มีความคิดสร้างสรรค์

และเกิดจินตนาการ การเล่นของเดก็ จะเร่ิมตงั้ แต่เริม่ มองเห็นหรือได้ยินเสยี ง คนโบราณจึงมักนิยมแขวนสิ่งของ
ที่เป็นสีต่าง ๆ ไว้ให้เด็กดูเล่น เช่น พวงกระจับท่ีเย็บด้วยเศษผ้ายัดด้วยนุ่น เป็นรูปสามเหลี่ยม ส่ีเหล่ียมด้วย

เศษผ้าสีต่าง ๆ หรือแขวนพวงปลาตะเพียนไว้ที่เปลเด็ก เพ่ือให้เด็กได้เห็นความเคล่ือนไหว และเห็นสีสัน
ของสงิ่ ทแ่ี ขวนใหด้ ู เม่ือเด็กสามารถนงั่ หรอื คลานไดจ้ ึงเปล่ยี นของเล่นทสี่ ามารถจบั ต้องได้

ในสมัยโบราณ พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยายมักประดิษฐ์ของเล่นจากวัสดุเหลือใช้ในบ้านให้บุตรหลานได้เล่น
เช่น ตุ๊กตาเศษผา้ ตุก๊ ตากระดาษ ดินเหนยี วป้ันเป็นรปู สตั ว์ สิ่งของต่าง ๆ หรือจากใบไม้ เชน่ ใบมะพรา้ ว ใบตาล

ใบลาน กก และใบไม้ชนิดอ่ืน ๆ ที่สามารถนามาสานหรือประดิษฐ์เป็นของเล่นได้ ของเล่นจากการสานจะได้
รูปแบบมาจากธรรมชาติทั้งส้ิน เช่น รูปสัตว์ ได้แก่ นก ปลา ตั๊กแตน ดอกไม้ เป็นต้น เมื่อเด็ก ๆ โตขึ้น และ

สามารถประดิษฐ์ของเล่นได้ พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยายจะสอนให้เด็ก ๆ รู้จักประดิษฐ์ของเล่นได้เอง ซ่ึงเป็น
การพฒั นาทักษะดา้ นการใช้มือและความจา ซึ่งเปน็ แหล่งกาเนิดของความคิดสรา้ งสรรค์และจนิ ตนาการของเด็ก

ของเล่นพ้ืนบ้านที่ทาจากวัสดุธรรมชาติ มักไม่มีความคงทน อยู่ได้ชั่วระยะเวลาส้ัน ๆ ก็จะเห่ียวแห้ง
และถูกทิ้งไป เมื่อจะเล่นครั้งต่อไปต้องหาวัสดุมาประดิษฐ์ขึ้นใหม่ เนื่องจากเหตุผลดังกล่าวนี้เอง ทาให้ของเล่น

พื้นบา้ นถูกทอดทงิ้ ถกู ลมื ไปในท่ีสดุ และเปน็ ส่งิ ท่ีหาผู้ประดิษฐ์ไดย้ ากในปจั จุบัน

๓.๒) ขั้นตอน/วิธีการ/ดาเนินการเกย่ี วกับขอ้ มูล

ของเล่นจากใบมะพร้าว เป็นการใช้ภูมิปัญญาท้องถ่ินเลี้ยงดูบุตรหลานให้ได้รับความเพลิดเพลิน

มีความสุข ขณะเดียวกันจะสอนให้บุตรหลานประดิษฐ์ของเล่นจากใบมะพร้าวได้ด้วยตนเอง งานสานของเล่น
ด้วยใบมะพร้าวถือเป็นกระบวนการทางความคิด สร้างสรรค์ของมนุษย์ เพราะเป็นส่ิงช่วยฝึกความถนัด

ในการใช้มือฝึกนิสัยให้รักการทางาน กล่อมเกลาจิตใจให้รักสวยรักงาม มีความเป็นระเบียบ มีสมาธิดี
มีความพิถีพิถัน ประณีตทุกข้ันตอน ตั้งแต่เร่ิมต้นจนจบชิ้นงาน เป็นการรู้จักนาวัสดุที่มีในท้องถิ่นมาปรับใช้

ให้เกิดประโยชน์ในชีวติ ประจาวัน
ในกระบวนการการสานของเล่นดว้ ยใบมะพร้าวนต้ี รงกับจดุ ประสงค์ของวิชาศลิ ปะทุกประการ เช่น

1. มคี วามประณตี ละเอยี ดอ่อน ช่างสังเกต
2. สามารถปฏบิ ตั งิ านรว่ มกับผูอ้ ืน่ ได้อยา่ งมีความสขุ

3. มสี มาธดิ ี
4. สามารถนาภมู ปิ ญั ญามาปรบั ใช้ในชวี ิตประจาวัน และสามารถนามาพัฒนาเป็นอาชพี

-563-

๔. ชื่อผูท้ ี่ถือปฏิบตั ิและผ้สู ืบทอด

๔.๑ ผทู้ ถ่ี อื ปฏบิ ตั ิ

ชอื่ นายอานวย จันทร์คา

วนั เดือน ปเี กิด ๑๒ มนี าคม ๒๔๙๓

ทอี่ ยู่ ๘๔ หมู่ ๑๐ ตาบลผางาม อาเภอเวียงชยั จงั หวดั เชยี งราย

หมายเลขโทรศัพท์ -

๔.๒ ผู้สืบทอด

ช่ือ นายมงคล จันทรค์ า

วัน เดอื น ปีเกดิ -

ทีอ่ ยู่ ๘๔ หมู่ ๑๐ ตาบลผางาม อาเภอเวียงชัย จงั หวัดเชียงราย

หมายเลขโทรศัพท์ -

๕. สถำนะกำรคงอยู่  ปฏบิ ตั อิ ยา่ งแพร่หลาย  เสี่ยงต่อการสญู หาย  ไม่มปี ฏบิ ตั ิแลว้

๖. รูปภำพภมู ิปญั ญำทำงวัฒนธรรม/กจิ กรรมทำงภูมปิ ัญญำทำงวฒั นธรรม

-564-

แบบสำรวจมรดกภมู ปิ ัญญำทำงวัฒนธรรมจงั หวดั เชยี งรำย ประจำปี 2565
สภำวฒั นธรรมจังหวัดเชยี งรำย
อำเภอเชยี งของ จงั เหวัดเชียงรำย

1.ชื่อขอ้ มูล ลกู ชว่ ง (ปีใหม่มา้ )

๒. ลกั ษณะ  วรรณกรรมพืน้ บา้ นและภาษา
 ศลิ ปะการแสดง
 แนวปฏบิ ตั ิทางสังคมพิธีกรรม ประเพณี และเทศกาล
 อาหาร/ความรูแ้ ละการปฏบิ ัติเกยี่ วกับธรรมชาติและจกั รวาล
 งานชา่ งฝีมือดัง้ เดมิ
 การละเลน่ พืน้ บ้าน กีฬาพ้ืนบา้ น และศิลปะการต่อสูป่ ้องกนั ตัว

๓. รายละเอยี ดข้อมูล
3.1 ประวตั ิความเป็นมา
ในวาระข้ึนปีใหม่ม้า จะมีการละเล่นเพื่อฉลองวันปีใหม่โดยเฉพาะการเล่นลูกช่วง การละเล่นลูกช่วง

ระหว่างผู้หญิงกับผู้ชายโยนลูกช่วงหากันเพ่ือความสนุกสนานเป็นการฉลองปีใหม่และเป็นการหาคู่ให้กับ
หนุ่มสาวเพื่อมิตรภาพทีดีต่อกันและจะมีการละเล่นอย่างอ่ืนอีกมากมายไม่ใช่เเ ค่การเล่นลูกช่วงอย่างเดียว
เชน่ ตลี กู ขา่ ง เป่าแคน และการแสดงสื่อถงึ วัฒนธรรมปใี หมม่ ้า

๓.๒) ขั้นตอน/วธิ กี าร/ดาเนนิ การเก่ยี วกบั ข้อมลู
เป็นการละเล่นระหว่างผู้หญิงกับผู้ชาย โดยการโยนลูกช่วงหากัน เพื่อความสนุกสนานเป็นการฉลอง
ปีใหมแ่ ละเป็นการหาคใู่ ห้กบั หนุ่มสาวเพอ่ื มิตรภาพทดี ีต่อกัน

4. ช่ือผูท้ ี่ถือปฏิบัติและผสู้ ืบทอด

๔.๑ ผู้ทถี่ อื ปฏิบตั ิ

ชือ่ นายเลาย่ง เเซลี

วนั เดือน ปเี กดิ 1 มกราคม 2486

ท่อี ยู่

หมายเลขโทรศัพท์ -

๔.๒ ผู้สืบทอด

ชอื่ นายเลาซ้า เเซล่ ี

วัน เดอื น ปเี กิด 1 มกราคม 2511

ที่อยู่ 275 หมู่ 9 ตาบลรมิ โขง อาเภอเชยี งของ จงั หวดั เชียงราย

หมายเลขโทรศัพท์ -

๕. สถานะ การคงอยู่ ปฏบิ ัติอย่างแพร่หลาย  เส่ียงต่อการสญู หาย  ไมม่ ปี ฏิบตั แิ ลว้

๖. รปู ภาพภูมปิ ัญญาทางวัฒนธรรม/กิจกรรมทางภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม

-ไมม่ -ี

-565-

แบบสำรวจมรดกภมู ิปญั ญำทำงวฒั นธรรมจังหวัดเชียงรำย ประจำปี ๒๕๖๕
สภำวัฒนธรรมจังหวดั เชยี งรำย
อำเภอขนุ ตำล จังหวดั เชียงรำย

๑. ชื่อข้อมลู เลน่ ลูกข่าง (หม่ะข่าง)

๒. ลักษณะ  วรรณกรรมพนื้ บ้านและภาษา
 ศลิ ปะการแสดง
 แนวปฏบิ ตั ทิ างสงั คมพธิ ีกรรม ประเพณี และเทศกาล
 อาหาร/ความรู้และการปฏิบัตเิ กีย่ วกบั ธรรมชาตแิ ละจักรวาล
 งานช่างฝีมือด้งั เดิม
 การละเล่นพ้นื บ้าน กีฬาพน้ื บ้าน และศลิ ปะการต่อสปู่ ้องกนั ตัว

๓. รำยละเอยี ดขอ้ มลู

๓.๑) ประวตั ิความเป็นมาของขอ้ มลู
เจา้ ของภมู ปิ ัญญา คือ นายวชิ าญ ภิวงศ์ ผู้ใหญบ่ ้านหว้ ยสัก มีภมู ิลาเนาอย่บู า้ นเลขท่ี 345 หมู่ 9

ตาบลยางฮอม อาเภอขุนตาล จังหวัดเชียงราย
การเล่นลูกข่างเปน็ กีฬาพื้นบ้านของชาวเหนือบ้านนา ซึ่งมักจะเล่นเมื่อเวลามีงานเทศกาลตา่ ง ๆ หรือ

ว่างเวน้ จากการทางานประจา หรือมงี านชมุ นุมสังสรรค์กัน

๓.๒) ขนั้ ตอน/วิธีการ/ดาเนินการเกี่ยวกบั ข้อมลู
ลูกข่าง ใช้ไม้ดิบสด ไม้เน้ือแข็ง จะทาให้ลูกข่างมีน้าหนัก ลูกข่างจะมีขนาดต่างกัน ตั้งแต่เล็กจนใหญ่

ขนาดส้นผา่ ศนู ย์กลาง นวิ้ ครงึ่ จนถึง 4-5 น้วิ
อุปกรณ์กำรเลน่ ลกู ข่ำง

1. ลกู ข่าง แล้วแตข่ นาด
2. เชอื ก ทีป่ ่นั จากเถาวลั ย์ ปอ หรือไนลอน

กติกำกำรเลน่
1. นาลกู ข่างมารวมกัน แลว้ แบ่งคร่ึงโดยจบั คู่ตามขนาด ใหญ่ กลาง เล็ก

2. แบง่ ผู้เล่นเปน็ 2 ทีมๆละ 2-3 คน
3. แต่ละทีมจะเลือกลูกข่างทจ่ี ะทาการเล่น หรือหมนุ ได้นาน (ตายชา้ )จะเป็นฝ่ายชนะ จะได้เป็นผู้เลน่ ก่อน

4. เม่ือเริ่มลงลูกข่างไป อีกฝ่ายหน่ึงต้องตีลูกข่างโดยตีให้ถูกลูกข่างของฝ่ายแรกที่ลงให้หยุด ถ้ายังไม่
หยุด สามารถลงลกู ขา่ งตีอกี ถา้ ลูกข่างยงั ไม่หยดุ ถอื ว่าฝ่ายท่ีมลี กู ขา่ งหมนุ อยู่ เป็นผชู้ นะ

การเล่นดังกล่าวนี้ เป็นการใช้ไหวพริบ วางแผนในการตีลูกข่างของฝ่ายตรงข้ามให้ถูก เครียด
สนกุ สนาน ได้ความสามคั คี

๔. ช่อื ผ้ทู ่ีถือปฏิบตั ิและผู้สบื ทอด

๔.๑ ผ้ทู ่ีถือปฏบิ ตั ิ

ชอื่ นายวชิ าญ ภวิ งศ์

วัน เดอื น ปีเกดิ -

ท่ีอยู่ 345 หมู่ 9 ตาบลยางฮอม อาเภอขุนตาล จังหวัดเชียงราย

หมายเลขโทรศัพท์ -

๔.๒ ผู้สบื ทอด -566-
ช่ือ
วนั เดอื น ปีเกดิ -
ที่อยู่ -
หมายเลขโทรศัพท์ -
-

๕. สถานะ การคงอยู่ ปฏิบตั อิ ยา่ งแพร่หลาย  เส่ยี งตอ่ การสูญหาย  ไมม่ ีปฏิบตั แิ ลว้

๖. รปู ภาพภมู ปิ ญั ญาทางวัฒนธรรม/กิจกรรมทางภูมิปัญญาทางวฒั นธรรม

-ไม่ม-ี

-567-

แบบสำรวจมรดกภมู ปิ ญั ญำทำงวัฒนธรรมจงั หวัดเชียงรำย ประจำปี ๒๕๖๕
สภำวฒั นธรรมจังหวัดเชยี งรำย

อำเภอแมฟ่ ้ำหลวง จังหวัดเชยี งรำย

๑. ช่ือข้อมลู โลช้ งิ ชา้

๒. ลักษณะ  วรรณกรรมพ้ืนบา้ นและภาษา
 ศลิ ปะการแสดง
 แนวปฏบิ ตั ทิ างสงั คมพธิ ีกรรม ประเพณี และเทศกาล
 อาหาร/ความรู้และการปฏิบัติเก่ยี วกับธรรมชาตแิ ละจักรวาล
 งานชา่ งฝีมือดั้งเดมิ
 การละเล่นพนื้ บา้ น กีฬาพน้ื บ้าน และศลิ ปะการต่อส่ปู ้องกนั ตัว

๓. รำยละเอียดขอ้ มูล

๓.๑) ประวัตคิ วามเป็นมาของข้อมูล
ประเพณีโล้ชิงช้า หรืออ่าข่าเรียกว่า "แย้ขู่อ่ำเผ่ว" ซึ่งจะมีการจัดขึ้นทุก ๆ ปี ประมาณปลายเดือน
สิงหาคม ถึงต้นเดือนกันยายนซ่ึงจะตรงกับ ช่วงที่ผลผลิต กาลังงอกงาม และพร้อมที่จะเก็บเกี่ยวในอีกไม่ก่ีวัน
ในระหว่างนี้อ่าข่าจะดายหญ้าในไร่ข้าวเป็นครง้ั สุดท้าย หลังจากดายหญ้าแลว้ ก็รอสาหรบั การเก็บเกี่ยว ตรงกับ
เดอื นของอา่ ข่าคือ “ฉอ่ ลำบำลำ” ประเพณโี ล้ชงิ ช้าของชาวอา่ ข่า ถือเป็นพธิ ีกรรมที่มีคณุ ค่ามากดว้ ยภมู ิปัญญา
ท่ีใชใ้ นการสง่ เสริมความรู้แล้ว ยงั เก่ียวพนั กบั การดารงชีวิตประจาวนั ของอ่าข่าอีกมากมาย ประวตั คิ วามเป็นมา
ของประเพณโี ลช้ ิงชา้
ประเพณีโล้ชิงช้ามีต้นกาเนิดในดินแดนที่มีชื่อว่า “จำแดล้อง” คือพื้นที่ประเทศจีนในปัจจุบัน
โดยดินแดนแห่งน้ีมีผู้นาอ่าข่า ท่ีชื่อ “ข๊ะบา อ่าเผ่ว หม่อโล๊ะโล๊ะซื่อ" และ "ค๊อบาอ่าเผ่วเอวค๊อ ค๊อคอง”
เป็นผู้นาที่ชาวอ่าข่าให้การเคารพนับถือ โดยกล่าวว่า ดินแดนจาแด จะทาการจัดประเพณีโล้ชิงช้า 33 วัน
เม่ือเป็นเช่นน้ีสมาชิกคนในดินแดนแห่งน้ี ซ่ึงประกอบไปด้วยทั้งคนจน และคนรวย ทุกคนต้องเตรียมเสบียง
อาหารไว้เยอะๆ เพื่อเอาไว้ฉลองกันในวันประเพณี น่ีคือการบอกเล่าถึงท่ีมาของ ประเพณีโล้ชิงช้า ประเพณีโล้
ชิงช้าถอื เปน็ ประเพณีทใี หค้ วามสาคญั กบั ผู้หญิง ฉะนั้นผูห้ ญิงอา่ ขา่ มีการแตง่ กาย ดว้ ยเครื่องทรงตา่ ง ๆ อย่างสวยงาม
ทไี่ ด้เตรยี มไวต้ ลอดทงั้ ปี

๓.๒) ขน้ั ตอน/วธิ กี าร/ดาเนนิ การเกีย่ วกับข้อมูล
เทศกาลนี้ สาหรับหญิงสาวอ่าข่าจะแต่งกายเพื่อยกระดับชั้นวัยสาวตามขั้นตอน แสดงให้คนในชุมชน
ได้เห็น พร้อมทั้งข้ึนโล้ชิงช้า และร้องเพลงท้ังลักษณะเด่ียว และคู่ประเพณีโล้ชิงช้า จัดข้ึนเพ่ือเป็นการฉลองพืช
พันธ์ุท่ีจะได้เก็บเกี่ยวไว้บริโภค เนื่องจากพืชไร่ พืชสวนต่าง ๆ ท่ีปลูกลงไป พร้อมท่ีจะได้ผลผลิต โดยมีสุภาษิต
กล่าวไว้ว่า “ขู่จ่ำ หม่ำโบะ หม่ำโบะ” หมายถึง ประเพณีโล้ชิงช้า มีอาหาร หลากหลาย และสมบูรณ์มากมาย
หากประเพณีนไ้ี มม่ ี ประเพณอี ่นื หรือพิธีอน่ื กจ็ ะไม่มี
หลังจากที่จัดงานประเพณีโล้ชิงช้าเสร็จแล้ว ชุมชนอ่าข่าก็จะไม่มีการตัดไม้ดิบเข้ามาในชุมชนอีก
ไม้ดิบในที่น้ีคือไม้ยืนต้น หรือไม้ทุกชนิดท่ียังไม่ได้ถูกตัด ยกเว้นกรณีท่ีมีคนตายแล้วเท่านั้น จึงถือว่าเป็นวัน
เข้าพรรษาของชาวอ่าข่าอีกเช่นกัน ในการจัดประเพณีโล้ชงิ ช้าแต่ละปีของอ่าข่า จะต้องมีฝนตกลงมา ถ้าปีไหน
เกิดฝนไม่ตก อ่าข่าถือว่าไม่ดี ผลผลิตทีอ่ อกมาจะไม่งอกงาม ประเพณีโล้ชิงชา้ มีระยะเวลาในการจัดรวม 4 วัน
ดว้ ยกัน

-568-

๔. ช่ือผทู้ ถ่ี ือปฏิบตั ิและผสู้ บื ทอด -
๔.๑ ผทู้ ี่ถอื ปฏบิ ตั ิ -
ชอ่ื -
วนั เดือน ปเี กิด -
ท่ีอยู่
หมายเลขโทรศัพท์ -
๔.๒ ผู้สบื ทอด -
ช่ือ -
วนั เดือน ปเี กิด -
ทอ่ี ยู่
หมายเลขโทรศัพท์

๕. สถำนะ กำรคงอยู่ ปฏิบตั อิ ยา่ งแพรห่ ลาย  เสี่ยงต่อการสญู หาย  ไมม่ ปี ฏิบตั แิ ลว้

๖. รปู ภำพภมู ิปัญญำทำงวัฒนธรรม/กจิ กรรมทำงภูมปิ ัญญำทำงวฒั นธรรม

-569-

แบบสำรวจมรดกภมู ปิ ัญญำทำงวฒั นธรรมจังหวดั เชยี งรำยประจำปี ๒๕๖๕
สภำวัฒนธรรมจังหวดั เชยี งรำย

อำเภอเวยี งป่ำเป้ำ จงั หวดั เชียงรำย

๑. ชื่อข้อมูล ลูกขา่ ง (โกวอ่ ิ)

๒. ลักษณะ  วรรณกรรมพนื้ บ้านและภาษา

 ศลิ ปะการแสดง
 แนวปฏิบตั ิทางสงั คมพิธีกรรม ประเพณี และเทศกาล

 อาหาร/ความรู้และการปฏบิ ตั เิ ก่ยี วกบั ธรรมชาตแิ ละจกั รวาล

 งานชา่ งฝมี อื ดั้งเดิม
 การละเลน่ พนื้ บ้าน กีฬาพืน้ บา้ น และศลิ ปะการต่อสปู่ ้องกนั ตวั

๓. รายละเอยี ดขอ้ มูล

๓.๑ ประวตั ิความเป็นมาของข้อมลู
ลกู ข่าง หรือว่า โกว่ อิ ทามาจากตน้ ไมห้ รือก่ิงไม้ ขนาดเหมาะสมในการทาลูกขา่ ง จะทาด้วยมอื เป็นงาน
ฝีมือมีความประณีตเรียบง่ายเป็นเอกลักษณ์ สามารถตีกันฝึกความแม่นยา ต้องอาศัยทักษะความสามารถ
ในการกะระยะการตใี หโ้ ดนอีกฝ่าย
โดยสรุปคือ ลูกข่างหรือโก่วอิ เป็นการละเล่นพื้นบ้าน นิยมมาเล่นในช่วงเทศกาลใหม่ กินวอ สามารถ
สรา้ งเงือ่ นไข กตกิ าการเลน่ แต่ละรอบ จากัดการเล่นเป็นสองฝา่ ย ฝ่ายใดฝ่ายหนง่ึ ตอ้ งตลี ูกข่างให้โดนจนครบถึง
จะเป็นผชู้ นะ นบั คะแนนการเลน่ แตล่ ะรอบท่ตี ีโดนอีกฝา่ ยสะสมคะแนน ตามกติกา กจ็ ะเป็นฝา่ ยชนะ
ลูกข่าง หรือ “โก่วอิ” เป็นการละเล่นพื้นบ้านท่ีมีประวัติเล่ากันว่า ชาวลาหู่ จะมีช่วงเวลาหยุดพักผ่อน
ตามเทศกาลปีใหม่มีเฉลิมฉลอง และมีการละเล่นพื้นบ้าน ตีลูกข่าง เพ่ือความสนุกสนานและผ่อนคลายจาก
การทางานเหน็บเหนอ่ื ยมาตลอดทัง้ ปี

๓.๒ ข้นั ตอน/วิธกี าร/ดาเนินการเก่ียวกับข้อมลู
ส่วนประกอบ
❖ ต้นไมห้ รอื ทอ่ นไม้
❖ เชอื ก
ขัน้ ตอนกำรทำ
๑. เลือกไม้ให้มีขนาดเหมาะสมตามต้องการ ต้นไมเ้ น้ือเหนียว
2. ปอกเปลือกไม้ออกให้เหลือกแต่เนือ้ ใน
๓. ทาการเหลา ใหไ้ ด้ลูกทรงที่ต้องการ

การเก็บรักษา เม่ือหมดเทศกาลปีใหม่ นิยมนาลูกข่างเก็บไวต้ รงท่มี นี ้าเช่นทางน้าไหลหรือไปแช่โคลน
ไว้ไม่นาออกมาจนกวา่ จะถงึ เทศกาลหรือมีการละเล่น

-570-

๔. ช่อื ผู้ท่ีถอื ปฏิบตั แิ ละผ้สู บื ทอด นายสมคดิ ภทั รเสถยี รชยั
๔.๑ ผู้ที่ถือปฏิบตั ิ ๒๕๓๕
(๑) ชือ่ ๑๓๖ หมู่ ๙ ตาบลเวียง อาเภอเวยี งปา่ เป้า จงั หวัดเชียงราย
วัน เดอื น ปีเกดิ 098 106 8625
ทอ่ี ยู่ นายไอน่อ จะเงาะ
หมายเลขโทรศัพท์ ๒๕๑๓
(๒) ช่ือ หมู่ ๙ ตาบลเวียง อาเภอเวยี งป่าเป้า จังหวดั เชียงราย
วนั เดือน ปีเกดิ
ทอ่ี ยู่ -
หมายเลขโทรศพั ท์ นายสมภพ จะหงะ
(๓) ชอ่ื ๒๕๑๑
วนั เดือน ปเี กิด หมู่ ๙ ตาบลเวยี ง อาเภอเวียงป่าเป้า จงั หวัดเชียงราย
ท่ีอยู่
หมายเลขโทรศพั ท์ -
๔.๒ ผู้สืบทอด
ชื่อ -
วนั เดือน ปีเกิด -
ทอ่ี ยู่ -
หมายเลขโทรศัพท์ -

๕. สถานะการคงอยู่  ปฏบิ ตั อิ ย่างแพรห่ ลาย  เสี่ยงต่อการสูญหาย  ไมม่ ปี ฏิบัติแล้ว

๖. รูปภาพภมู ปิ ัญญาทางวัฒนธรรม/กจิ กรรมทางภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม

-571-

แบบสำรวจมรดกภมู ปิ ญั ญำทำงวัฒนธรรมจงั หวัดเชยี งรำย ประจำปี 2565

สภำวัฒนธรรมจงั หวดั เชยี งรำย
อำเภอแมส่ ำย จงั หวัดเชยี งรำย

๑. ช่ือข้อมลู มวยไทย

๒. ลักษณะ  วรรณกรรมพ้ืนบา้ นและภาษา
 ศิลปะการแสดง
 แนวปฏบิ ัติทางสังคมพธิ ีกรรม ประเพณี และเทศกาล
 อาหาร/ความร้แู ละการปฏบิ ตั ิเกยี่ วกบั ธรรมชาติและจักรวาล
 งานชา่ งฝีมือดัง้ เดมิ
 การละเลน่ พื้นบา้ น กีฬาพื้นบา้ น และศิลปะการต่อสู่ป้องกันตัว

๓. รำยละเอียดข้อมลู

๓.๑) ประวัติความเปน็ มาของข้อมูล
พ.ศ. 2552 สมัยประชุมสามัญ ประจาปี 2552 สมัยที่ 1 ครั้งที่ 1 เม่ือวันท่ี 19 ตุลาคม 2552
นายกองค์การบริหารส่วนตาบลโป่งงามแถลงนโยบายต่อสภาองค์การบริหารส่วนตาบลโป่งงาม ข้อท่ี 10
“1 หม่บู า้ น 1 คา่ ยมวย”
พ.ศ. 2553 คณะกรรมการหมบู่ ้านปรึกษาหารอื รว่ มกบั คณะกรรมการหมบู่ ้าน มองเหน็ วา่ เด็กเยาวชน
รุ่นหลังควรจะมีวิชามวยไทยติดตัว ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ห่างไกลจากยาเสพติด สร้างความสามัคคีกัน
ตลอดจนอนรุ กั ษ์ศิลปะมวยไทย จงึ เลง็ เหน็ ว่า จะนาเอาศลิ ปะมวยไทยมาเป็นกจิ กรรมใหเ้ ด็ก จึงเริม่ การจัดตัง้ กลมุ่ ขึน้
เดือนมิถุนายน พ.ศ. 2553 คณะกรรมการบ้านถ้า หมู่ท่ี 1 ได้เสนอโครงการเพื่อขอรับการสนับสนุน
งบประมาณจาก กองทุนหลักประกันสุขภาพในระดับท้องถิ่นหรือพ้ืนที่ องค์การบริหารส่วนตาบลโป่งงาม
อาเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ภายใต้ช่ือ “โครงการส่งเสริมการออกกาลังกายและศิลปะป้องกันตัวประจา
หมบู่ า้ น บา้ นถ้า หมทู่ ี่ 1” ในครัง้ ท่ไี ด้รับงบประมาณสนับสนุนจานวนทั้งส้ิน 10,000.- บาท
พ.ศ. 2554 ทางคณะกรรมการหมู่บ้าน บ้านถ้า หมู่ท่ี 1 ได้รับการสนับสนุนอุปกรณ์กีฬาหมู่บ้านจาก
องค์การบริหารส่วนตาบลโป่งงาม ซึ่งอปุ กรณ์ทีไ่ ด้รบั การสนับสนนุ น้นั เปน็ อปุ กรณ์ทใี่ ช้สาหรับกจิ กรรมมวยไทย
เดือนตุลาคม 2554 นายธวัชชัย ขันคา ในฐานะสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตาบลโป่งงาม
บ้านถ้า หมู่ท่ี 1 พร้อมด้วยนักมวยรุ่นเก่า ได้เล็งเห็นความสาคัญและได้เข้ามาสานตอ่ โครงการส่งเสริมการออก
กาลังกายและศิลปะป้องกันตัวประจาหมู่บ้าน บ้านถ้า หมู่ที่ 1 โดยการเปิดรับสมัครเด็กและเยาวชนผู้สนใจ
ในศลิ ปะมวยไทยเขา้ รว่ มกิจกรรมและใช้เวลาว่างฝึกศิลปะมวยไทยใหแ้ กเ่ ด็กเปน็ ประจาทกุ วันประสบการณ์จริง
โดยการข้ึนเวทชี กมวยจรงิ จึงไดเ้ รานาเดก็ ทไี่ ด้รับการฝกึ ทาการข้นึ ชกตามงานต่าง ๆ อาทเิ ช่น งานประจาปีของ
หมู่บ้าน , งานปอยหลวง และงานต่าง ๆ แล้วแต่งานเทศกาลจนคว้ารางวัลมามากมาย ปัจจุบันการขับเคลื่อน
ค่ายมวยไทยค่อนข้างเสี่ยงต่อการสูญหายเพราะยังขาดงบประมาณในการดาเนินการ และเยาวชนรุ่นหลังใน
พน้ื ท่คี ่อนขา้ งให้ความสนใจน้อยลง

3.2 ขัน้ ตอน/วิธกี าร/ดาเนนิ การเกย่ี วกบั ข้อมูล
1. การประชุม ต่อสภาองคก์ ารบริหารส่วนตาบลโปง่ งาม เพ่ือขอสนับสนนุ งบประมาณ
2. ประชุมคณะกรรมการหมบู่ ้าน เพ่อื ตัง้ คา่ ยมวยไทย
3. ประชาสมั พันธแ์ ละรับสมคั รเยาวชนท่สี นใจศิลปะมวยไทย
4. ดาเนินการตามกจิ กรรมดังกล่าว ให้บรรลุวัตถปุ ระสงค์ตามทต่ี ง้ั ไว้
5.วิเคราะหป์ ญั หาการดาเนนิ การ เพือ่ ให้ไปในทศิ ทางทด่ี ีข้ึน

-572-

4. ชอ่ื ผู้ท่ีถอื ปฏบิ ัติและผสู้ ืบทอด

4.1 ผทู้ ี่ถอื ปฏบิ ตั ิ

ชอ่ื นายธวัชชัย ขันคา

วนั เดอื น ปีเกดิ 23 สงิ หาคม 2505

ทอี่ ยู่ 228 หมู่ 1 ตาบลโป่งงาม อาเภอแมส่ าย จงั หวัดเชยี งราย

หมายเลขโทรศพั ท์ 080 501 0585

๔.๒ ผู้สืบทอด

ชอ่ื นางสาวพชิ ญาภัค ขันคา

วนั เดอื น ปีเกิด 14 สิงหาคม 2524

ทอี่ ยู่ 228 หมู่ 1 ตาบลโป่งงาม อาเภอแมส่ าย จังหวัดเชียงราย

หมายเลขโทรศัพท์ 094 610 8505

๕. สถำนะกำรคงอยู่ ปฏบิ ตั อิ ย่างแพร่หลาย ⃞ เสย่ี งต่อการสญู หาย ⃞ ไม่มปี ฏบิ ัตแิ ลว้

6. รูปภำพภมู ปิ ญั ญำทำงวฒั นธรรม/กจิ กรรมทำงภมู ปิ ัญญำทำงวัฒนธรรม

หนังสือมรดกภมู ปิ ัญญาทางวัฒนธรรมท้องถนิ่
จังหวัดเชียงราย ประจาปี 2565

จดั พมิ พโ์ ดย สภาวฒั นธรรมจังหวัดเชียงราย รว่ มกบั สานักงานวฒั นธรรมจังหวดั เชียงราย กระทรวงวฒั นธรรม
พิมพค์ รงั้ ที่ 1 พ.ศ. 256๕
จำนวน ๒0 เลม่
คณะทำงำน

๑. นางสลักจฤฎดิ์ ตยิ ะไพรชั ประธานสภาวัฒนธรรมจังหวดั เชยี งราย

๒. คณะกรรมการสภาวฒั นธรรมจังหวดั เชียงรายทุกทา่ น

๓. คณะกรรมการสภาวฒั นธรรมอาเภอทกุ อาเภอในพืน้ ที่จังหวดั เชียงราย

๔. คณะกรรมการสภาวฒั นธรรมตาบลทกุ แห่งในพื้นที่จังหวัดเชียงราย

๕. คณะกรรมการสภาวฒั นธรรมเทศบาลตาบลทกุ แห่งในพ้ืนท่ีจงั หวดั เชยี งราย

๖. นายพิสนั ต์ จนั ทรศ์ ลิ ป์ วฒั นธรรมจังหวดั เชยี งราย

๗. นางพัชรนันท์ แก้วจินดา ผู้อานวยการกลุ่มส่งเสริมศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม

๘. นักวชิ าการวฒั นธรรมผ้ปู ระสานงานอาเภอทุกอาเภอ

๙. นางเพยี รโสม ปาสาทงั นกั วิชาการวฒั นธรรมชานาญการ

๑๐. นางสาวธัญวรัตม์ วรรณสอน นักวิชาการวฒั นธรรม

๑๑. นางสาววลยั พร บญุ มาก เจ้าหน้าท่มี รดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม

บรรณำธกิ ำรและผู้เรยี บเรยี ง จันทรศ์ ลิ ป์ วฒั นธรรมจังหวดั เชียงราย
1. นายพิสันต์ เลขานุการสภาวัฒนธรรมจังหวดั เชยี งราย
แกว้ จินดา ผอู้ านวยการกลุ่มสง่ เสริมศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม
2. นางพัชรนันท์ ปาสาทัง นกั วิชาการวัฒนธรรมชานาญการ
3. นางเพยี รโสม วรรณสอน นักวิชาการวัฒนธรรม
๔. นางสาวธัญวรตั ม์ บุญมาก เจ้าหนา้ ทีม่ รดกภมู ิปัญญาทางวฒั นธรรม
๕. นางสาววลยั พร

ออกแบบและจัดพิมพ์
ร้านเปน็ ต่อ
โทร. 096 232 3949


Click to View FlipBook Version