-91-
แบบสำรวจมรดกภมู ปิ ัญญำทำงวฒั นธรรมจังหวดั เชยี งรำย ประจำปี ๒๕๖๕
สภำวฒั นธรรมจงั หวดั เชยี งรำย
อำเภอเทงิ จังหวดั เชียงรำย
๑. ชื่อข้อมูล พิธกี รรมทางศาสนา
๒. ลักษณะ วรรณกรรมพื้นบา้ นและภาษา
ศลิ ปะการแสดง
แนวปฏบิ ัตทิ างสงั คมพธิ ีกรรม ประเพณี และเทศกาล
อาหาร/ความรู้และการปฏิบตั เิ ก่ยี วกับธรรมชาติและจักรวาล
งานช่างฝมี ือดัง้ เดิม
การละเล่นพืน้ บา้ น กีฬาพ้ืนบ้าน และศลิ ปะการต่อสปู่ ้องกันตัว
๓. รำยละเอียดข้อมูล
๓.๑) ประวตั คิ วามเป็นมาของข้อมูล
บ้านไคร้หมู่ 22 เป็นหมู่บ้าน หนึ่งของตาบลตับเต่า ซึ่งเป็นหมู่บ้านท่ีแยกมาจากหมู่ที่ 3 ตาบลตับเต่า
ซึ่ง มีประประชาชน ได้อพยพมาจากจังหวัดน่านบางส่วน ได้มาตั้งถ่ินฐาน ณ หมู่บ้านไคร้ หมู่ 3 และในเวลา
ต่อมามีประชากร มากข้ึน จึงได้แยกหมู่บ้านเพ่ือประโยชน์ด้านงบประมาณ และแบ่งเขตรับผิดชอบ ในการ
จัดการทรัพย์ยากรทางด้านทิศตะวันออกของหมู่บ้าน มีธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ และสามารถนาไม้มาทา
อุปกรณ์ต่างในการดารงชีวิตได้ ตลอดถึง พิธีกรรมต่าง ๆ ท่ีเป็นความเช่ือและถือปฏิบัติมาแต่โบราณ ในเร่ือง
ของศาสนา ในเรื่องของพิธีปฏิบัติ เช่น การสู่ขวัญ เรียกขวัญ ข้ึนบ้านใหม่ ส่งเคราะห์ ฯลฯ ซึ่งนายคิด ขิใสยา
มีความชานาญ เช่ียวชาญ ด้านพิธีกรรม ทางด้านน้ี จึงถูกคัดเลือกให้เป็นมัคทายกของหมู่บ้านไคร้ หมู่22
และนอกจากน้ี นายคิด ขิใสยา ยังมีงานฝีมือด้าน การทาไม้กวาดทางมะพร้าว ซ่ึงเป็นเศษวัสดุในหมู่บ้าน
ซง่ึ ไดท้ าเป็นอาชพี เสรมิ อกี ดว้ ย
๓.๒) ขัน้ ตอน/วธิ กี าร/ดาเนินการเก่ียวกับขอ้ มูล
ทาการศึกษาจัดเก็บข้อมูลศึกษา และทาข้อมูลให้เป็นสารสนเทศเพ่ือ การสืบทอดภูมิปัญญาสู่เยาวชน
ร่นุ หลงั และคงสภาพภูมปิ ัญญา
๔. ช่ือผู้ที่ถือปฏิบัติและผูส้ ืบทอด
๔.๑ ผูท้ ถี่ ือปฏิบตั ิ
ชอ่ื นายคิด ขใิ สยา
วัน เดือน ปีเกิด 30 มกราคม 2499
ทีอ่ ยู่ 38 หมู่ 22 ตาบลตบั เต่า อาเภอเทิง จงั หวัดเชียงราย
หมายเลขโทรศัพท์ 089 933 5975
๔.๒ ผสู้ บื ทอด
ช่ือ -
วนั เดอื น ปีเกดิ -
ทอ่ี ยู่ -
หมายเลขโทรศัพท์ -
5. สถำนะ กำรคงอยู่ ปฏิบตั ิอย่างแพรห่ ลาย เสย่ี งตอ่ การสญู หาย ไมม่ ปี ฏิบัตแิ ล้ว
-92-
6. รปู ภำพภมู ิปญั ญำทำงวัฒนธรรม/กจิ กรรมทำงภูมปิ ัญญำทำงวฒั นธรรม
-93-
แบบสำรวจมรดกภมู ปิ ญั ญำทำงวัฒนธรรมจงั หวัดเชียงรำย ประจำปี ๒๕๖๕
สภำวฒั นธรรมจงั หวัดเชยี งรำย
อำเภอเวยี งเชียงรุง้ จงั หวดั เชยี งรำย
๑. ชื่อข้อมูล พธิ ีกรรมสู่ขวญั ควาย
๒. ลกั ษณะ วรรณกรรมพน้ื บา้ นและภาษา
ศิลปะการแสดง
แนวปฏบิ ตั ิทางสงั คมพิธีกรรม ประเพณี และเทศกาล
อาหาร/ความรู้และการปฏิบัตเิ กีย่ วกับธรรมชาติและจกั รวาล
งานชา่ งฝมี อื ดงั้ เดิม
การละเลน่ พ้นื บา้ น กีฬาพื้นบ้าน และศลิ ปะการตอ่ ส่ปู ้องกนั ตวั
๓. รำยละเอยี ดข้อมูล
๓.๑) ประวตั ิความเป็นมาของข้อมลู
พิธีกรรมล้านนา “สู่ขวัญควาย” พิธีกรรมที่สืบทอดใกล้เลือนหาย เป็นภูมิปัญญาจากเครือข่าย
สภาวัฒนธรรมตาบลทุ่งก่อ อาเภอเวียงเชียงรุ้ง จังหวัดเชียงราย โดยภูมิปัญญาท้องถิ่นพิธีกรรมสู่ขวัญควาย
โดยนายอัคคพล วันดี หรือพ่อถา ผู้ทรงภูมิปัญญาด้านพิธีกรรมสู่ขวญั ควาย โดยมีความรู้ภูมิปัญญาที่เก่ียวข้อง
กับการฝึกสอนควาย และสาธิตพิธีกรรมสู่ขวัญควาย ตลอดจนการให้ความรู้ต่าง ๆ เกี่ยวกับการใช้ชีวิตหรือ
ประโยชน์จากควาย ซ่ึงมีคณุ ค่าและมปี ระโยชนต์ ่อมวลมนุษยม์ าช้านาน
พิธีกรรมสู่ขวัญควาย ซ่ึงกาลังจะสูญหาย คนกับควายวิถีชีวิตชาวชนบท ผูกพันลึกซ้ึง มีความรักและ
เอื้ออาทรต่อกัน ไม่ว่าคนหรือสัตว์ มิตรภาพที่จะดารงอยู่ได้เน่ินนาน สายใยผูกรัดไม่ให้ขาด คือ น้าใจควาย
เป็นสัตว์เล้ียงที่อยู่คู่ชาวไรช่ าวนามาช้านานตั้งแตอ่ ดีตกาล เป็นสัตว์ให้คุณเป็นกาลังหลักของชาวนาในการปลูก
ข้าวเลี้ยงผู้คนมาโดยตลอด ปัจจุบันควายถูกใช้งานน้อยลงเพราะวิถีชีวิตเกษตรกร เปลี่ยนไปจากใช้แรงงาน
ควายหันไปใช้แรงงานจากเคร่ืองจักรแทน การสู่ขวัญควาย เป็นการเตือนสติ เตือนจิต เตือนใจ ให้คนมีความ
กตัญญูกตเวที ราลึกถึงบุญคุณของผู้ที่ได้ช่วยเหลือเกื้อกูลแก่ตนว่าได้รับผลประโยชน์ หรือแสดงการตอบแทน
บญุ คณุ และเพื่อเปน็ การอนรุ ักษ์ สบื สานประเพณีการสู่ขวญั ควายใหค้ งอย่สู บื ต่อไปมิใหส้ ญู หาย
๓.2) ขัน้ ตอน/วธิ ีการ/ดาเนนิ การเก่ยี วกับขอ้ มลู
พธิ ีกรรม เคร่ืองทาพธิ ีสูข่ วญั ควาย
1. ทาบายศรีนมแมว หรอื บายศรปี ากขาม อย่างใดอยา่ งหนงึ่
2. ทากรวยดอกไมแ้ ละด้ายสาหรบั ผูกเขาควายเวลาสูข่ วญั
3. หญา้ อ่อน 1 หาบ สาหรบั เปน็ รางวัลแกค่ วาย
4. ขา้ วเหนยี วสกุ 1 กลอ่ ง
5. ไกต่ ้มหน่ึงคู่
6. เหลา้ ไหหน่งึ
7. ขนมบางอยา่ ง เชน่ ขนมต้มขาว ขนมต้มแดง หรือขา้ วต้มมัด
8. น้าขมน้ิ ส้มป่อยใสข่ ันเงนิ สาหรบั ประพรมควาย
-94-
วิธีทาขวัญควาย
นาเอาเคร่ืองพิธีมาวางบนเสื่อท่ีปูไว้ในแหล่งหรือคอกควาย เจ้าของนาควายไปอาบน้า ขัดสีฉวีวรรณ
จนหมดจดสะอาด แล้วจูงควายมาผูกไว้กับเสาหรือหลักในคอก จากน้ันก็ไปเชิญพิธีกร หรือ ปู่อาจารย์มาทา
พธิ ปี ดั เคราะห์ เรียกขวญั จนเสรจ็ แลว้ เอาด้ายผูกกรวยดอกไม้ตดิ กับเขาควาย บางรายเอาด้ายสายสิญจน์ผูกคน
ไว้ด้วย แล้วเอาน้าขม้ินส้มป่อยประพรมเพื่อให้ควายอยู่สุขสบาย พอทาพิธีเสร็จ เจ้าของยกเคร่ืองข้าวขวัญ
ออกไป และนาเอาหญ้าอ่อนมาให้ควายกินเป็นเสร็จพิธีทาขวัญควาย สาหรับเจ้าของยังไม่เสร็จเพราะยังจะชวน
พิธีกรมากินไก่และดื่มเหล้าจากไหน้ัน สนุกสนานตลอดวัน ถือว่างานปักดาได้ผ่านพ้นไปแล้ว เป็นการฉลอง
ความเหนอ่ื ยยากจากการไถนาและดานาอกี ส่วนหนึ่งดว้ ย
๔. ชือ่ ผทู้ ี่ถือปฏิบัติและผสู้ บื ทอด
4.๑ ผู้ท่ถี ือปฏิบัติ
ชื่อ นายอัคคพล วนั ดี
วัน เดือน ปเี กิด -
ท่อี ยู่ หมู่ ๔ ตาบลทงุ่ ก่อ อาเภอเวียงเชียงรุ้ง จังหวดั เชยี งราย
หมายเลขโทรศพั ท์ 093 2630641
4.2 ผู้สืบทอด
ช่ือ -
วนั เดอื น ปเี กดิ -
ที่อยู่ -
หมายเลขโทรศัพท์ -
5. สถำนะ กำรคงอยู่ ปฏิบัตอิ ย่างแพรห่ ลาย เส่ียงตอ่ การสูญหาย ไมม่ ปี ฏบิ ตั แิ ลว้
6. รูปภำพภูมปิ ญั ญำทำงวัฒนธรรม/กจิ กรรมทำงภูมปิ ัญญำทำงวฒั นธรรม
การสาธติ พธิ ีกรรมสูข่ วญั ควาย
-95-
แบบสำรวจมรดกภมู ปิ ญั ญำทำงวัฒนธรรมจงั หวัดเชยี งรำย ประจำปี ๒๕๖๕
สภำวัฒนธรรมจงั หวัดเชยี งรำย
อำเภอเทงิ จังหวดั เชยี งรำย
๑. ชื่อข้อมลู พธิ ีส่งเคราะหบ์ ้านเคราะห์เมือง
๒. ลักษณะ วรรณกรรมพ้ืนบา้ นและภาษา
ศลิ ปะการแสดง
แนวปฏบิ ตั ิทางสังคมพธิ ีกรรม ประเพณี และเทศกาล
อาหาร/ความรู้และการปฏบิ ัติเก่ียวกบั ธรรมชาติและจักรวาล
งานชา่ งฝมี ือดง้ั เดิม
การละเลน่ พ้นื บา้ น กีฬาพนื้ บ้าน และศิลปะการต่อสปู่ ้องกนั ตัว
๓. รำยละเอียดขอ้ มูล
๓.๑) ประวตั ิความเป็นมาของข้อมูล
สง่ เคราะหบ์ า้ นเคราะหเ์ มอื ง มจี ดุ มุง่ หมายเพ่ือให้จะขับไล่ส่ิงทีเ่ ป็นเสนียดจญั ไรในหม่บู ้าน และเพื่อให้
เกิดมงคลแกห่ มู่บ้านนนั้ ๆ ตามความเช่อื ของคนส่วนมากคดิ วา่ บา้ นท่ีต้ังมาตามฤกษย์ ามวันดวี ันเสียนน้ั มเี วลาท่ี
ราหูมฤตยูเข้ามาทับเบียดเบียนทาให้ชะตาบ้านขาดลง เป็นเหตุให้ประชาชนที่อยู่อาศัยในบ้านนั้นประสบความ
เดือดร้อนเจ็บป่วยกันไป ท่ัวบ้าน ในกรณีที่มีคนตายติด ๆ กันในบ้านเกิน 3 คน ขึ้นไปในเวลาไล่เล่ียกันน้ัน
ชาวบ้านถือวา่ อุบาทว์ตกลงมาสู่บ้าน หรือชาวบ้านถือเป็นเรื่อง “ขึดบ้ำน ขึดเรือน” จะทาพิธีขจัดปัดเป่าจะทา
กันที่ “หอเจ้าหลวงเทิง” ในปีละหนึ่งคร้ัง เม่ือปีใหม่สงกรานต์ล่วงไประยะวันปากปี ปากเดือน ปากวัน ได้แก่
วันท่ี 16, 17, 18 เมษายน ชาวบ้านจะกาหนดเอาวันใดวันหน่ึงสืบชะตาบ้าน เพ่ือให้เกิดความสวัสดีแก่
ประชาชนภายในบา้ นของตน
๓.๒) ข้นั ตอน/วิธีการ/ดาเนินการเกยี่ วกบั ขอ้ มลู
ก่อนกำรทำพิธี ชาวบ้านจะนาส่ิงของ และเงินไปรวมกันเพื่อทาบุญ ใส่ขันต้ัง และที่เหลือก็เก็บไว้เป็น
กองทุนในการทาพิธี และบูรณะหอเจ้าหลวงต่อไป สิ่งของท่ีชาวบ้านนาไปรวมกัน ก็จะมีเครื่องแกงส้ม แกง
หวาน หมาก กล้วย อ้อย บุหร่ี มะพร้าว จ้ินดิบ ปลาดิบ และช่วยกันนาดินน้ามันมาป้ันเป็น เป็ด ไก่ หมู หมา
ช้าง ม้า วัว ควาย ข้าทาสหญิง ชาย อย่างละ 100 ตัว ทาตุง (ช่อ) อย่างละ 100 สี เหลือง ขาว ดา แดง
อยา่ งละ 100 ช่วยกนั ทาสะตวงขนั ตั้ง
สะตวง ประกอบด้วย ใบค้า ใบหนุน ใบมะขาม ใบฟักทอง ข้าวตม้ ขนม เทยี น ดอกไม้ บุหร่ี หมาก
มะพรา้ ว กล้วย อ้อย จ้นิ ดบิ ปลาดบิ พร้อมดว้ ยเหลา้ ขาว จ้นิ ลาบ แกงอ่อม
ขันต้งั ประกอบด้วย เทียนเล่ม บาท เล่มเฟื้อง อย่างละ 1 คู่ เทยี นเล็ก 8 คู่ หมากหวั พลมู ัด (1มดั
มี 13 แหลบ) เบยี้ เงิน 108 บาท และดอกไม้
ผมู้ ารว่ ม ต้องเตรียม เส้ือผ้าคนในบ้าน น้าขมน้ิ ส้มป่อย ดอกไม้ ธูปเทยี น ดายสายสิญจน์
ขณะทำพิธี เมื่อเตรียมของพร้อมหมด เอาด้ายสายสิญจน์มาเวียนรอบคนท่ีมาร่วมโยงมาจากสะตวง
น้าขมิ้นส้มป่อย พ่ออาจารย์ (หนานนอง) เป็นคนเร่ิมทาพิธีข้ึนครูด้วยกรอ่านคาส่งเคราะห์ที่สืบมาจากพ่อครู
คนก่อน ๆ เสร็จพิธีคนที่มาร่วมก็จะแบ่งน้ามนต์เพ่ือไปประพรมบริเวณบ้าน และด้ายสายสิญจน์ที่ใช้ทาพิธี
ก็นาไปเวียนรอบบ้านของตน
-96-
๔. ช่อื ผู้ท่ถี อื ปฏิบตั ิและผสู้ ืบทอด
๔.๑ ผทู้ ีถ่ ือปฏบิ ัติ
ชอ่ื นายโสภณ กนั ทะศรี ( หนานนอง )
วัน เดอื น ปีเกดิ 9 กันยายน 2514
ที่อยู่ 45/4 หมู1่ 4 ตาบลเวยี ง อาเภอเทิง จังหวดั เชียงราย
หมายเลขโทรศัพท์ 082 894 7637
4.2 ผู้สบื ทอด
ช่ือ -
วนั เดอื น ปเี กดิ -
ทีอ่ ยู่ -
หมายเลขโทรศพั ท์ -
5. สถำนะ กำรคงอยู่ ปฏิบัตอิ ย่างแพรห่ ลาย เสี่ยงต่อการสูญหาย ไม่มปี ฏบิ ตั ิแล้ว
6. รูปภำพภูมิปญั ญำทำงวัฒนธรรม/กิจกรรมทำงภูมปิ ัญญำทำงวฒั นธรรม
สะตวง ทีช่ าวบา้ นนาของมารวมกัน ขันตัง้
ปั้นชา้ ง มา้ ววั ควาย หมู เป็ด ไก่ อยา่ ง 100 ชอ่ ตงุ สีเหลอื ง ดา ขาว แดง อยา่ งละ 100
ถังน้าขมิ้นสม้ ปอ่ ยท่ชี าวบ้าน เตรยี มล้อมดา้ ยสายสญิ จนผ์ ู้เขา้ ร่วมพธิ ี ขณะทาพิธี
นามารวมกนั
-97-
แบบสำรวจมรดกภมู ิปัญญำทำงวฒั นธรรมจังหวัดเชียงรำย ประจำปี ๒๕๖๕
สภำวฒั นธรรมจังหวัดเชยี งรำย
อำเภอเทงิ จงั หวดั เชยี งรำย
๑. ช่ือข้อมลู พธิ ีบวงสรวงเจ้าหลวงเทิง
๒. ลักษณะ วรรณกรรมพ้ืนบ้านและภาษา
ศลิ ปะการแสดง
แนวปฏิบัติทางสังคมพิธีกรรม ประเพณี และเทศกาล
อาหาร/ความร้แู ละการปฏบิ ตั ิเกยี่ วกบั ธรรมชาตแิ ละจักรวาล
งานช่างฝมี ือดงั้ เดิม
การละเลน่ พน้ื บ้าน กีฬาพน้ื บ้าน และศิลปะการต่อส่ปู ้องกนั ตัว
๓. รำยละเอยี ดขอ้ มูล
๓.๑) ประวตั ิความเปน็ มาของข้อมลู
ในพ้ืนท่ีหมู่ ๒๐ ตาบลเวียง อาเภอเทิง จังหวัดเชียงราย มีสถานท่ีศักดิ์สิทธิ์ประจาอาเภอเทิง คือ
หอเทพยดาเจ้าหลวง ซ่ึงถึอว่าเป็นเส้ือบ้านเส้ือเมืองของเมืองเทิง เทพยดาเจ้าหลวง หมายถึง ผู้ปกครอง
เมืองเทิงทุองค์จากอดีตกาลนับต้ังแต่การต้ังเมืองเทิง ซ่ึงเป็นชุมชนเมืองเก่าแก่ อย่างน้อยก่อนปี พ.ศ ๑๖๓๙
หรือราวกลางพุทธศตวรรษท่ี๑๗ ตามบันทึกพงศาวดารโยนก ในทุกปีชาวเมืองเทิงจะทาพิธีบวงสรวงเข้าทรง
เทพยาดาเจ้าหลวง ในวันขึ้น ๑๓ ค่า เดือน ๖ (เดือนพฤษภาคม) ก่อนวันวิสาขบูชา จุดมุ่งหมายเพื่อสอบถาม
ภาวะบ้านเมืองว่า จะอยู่ร่มเย็นเป็นสุขหรือไม่ จะได้รับเคราะห์เกิดความทุกข์ยากหรือไม่ และขอเทพยดาเจ้า
หลวงค้มุ ครองปกปักษร์ ักษาเมอื งเทิงใหอ้ ย่รู ่วมเย็นเป็นสุข
พิธนี ้ีทากนั มานานแลว้ มกี ารสบื ทอดตอ่ กันมาเกือบร้อยปี เดิมเรยี กว่า งานเทปดาหลวง (เทพ -ปะ-ดา-หลวง)
หรือเทพยดาหลวง จะเร่ิมก่อนถึงวันวิสาขบูชา ๑ วัน จะมีการเตรียมล่วงหน้า แต่ก่อนมีผู้เข้าทรงเป็นผู้หญิง
อยู่บ้านสัก บ้านสว่าน เป็นที่น่ังของเจ้าหลวง (ร่างทรง) บางแห่งเรียก ข้าวจ้าจะวิ่งมาจากบ้านของตนมายัง
สถานท่ีทาพิธีคือหอเทพยาดาเจ้าหลวง สมัยก่อนเคร่ืองบวงสรวงจะใช้กระบือดา กระบือเผือก ๑ คู่ ทาพิธีฟ้อนดาบ
และมีเพชฌฆาต ฆ่ากระบือทั้งคู่ ที่หลักหน้าศาล และปรุงอาหารเล้ียง เครื่องสังเวยบูชาด้วยดอกไม้ ธูปเทียน
น้ามะพร้าวอ่อน ต้ังแต่ปี พ.ศ. ๒๕๐๐ เป็นต้นมา ได้เปลี่ยนเคร่ืองสังเวยเป็นไก่ และต่อมาประมาณ ปี พ.ศ. ๒๕๒๐
ได้เปลีย่ นมาเป็นขนมหวาน (ชาวบา้ นเลอื ก กวนข้าวเหนียวแดงเพราะเปน็ สิง่ ที่ถนดั ) และ ผลไมต้ า่ ง ๆ แทน
๓.๒) ขนั้ ตอน/วิธกี าร/ดาเนินการเกย่ี วกับข้อมูล
ก่อนกำรทำพธิ ี เทพยดาหลวงจะเข้ารา่ งทรงก่อนหนา้ พิธี ๑ อาทิตย์ ร่างทรงจะไปซ่อนตวั นอนห้อง
ตัวเอง ปูผ้าขาว ถอื ศีล ไม่กินเนื้อสตั ว์ จะกินนา้ ตาล ของหวานเทา่ นั้น ไมย่ งุ่ เก่ยี วกบั ใครเหมอื นถูกเขา้ สงิ รา่ ง
ร้ตู ัวบา้ งไมร่ บู้ า้ ง
ถึงวันพิธี ร่างทรงเทพยดาเจ้าหลวงเทิงจะอาบน้าทาความสะอาดรา่ งกายและวง่ิ (เวลาวิ่ง จะมีคนถือ
ธงสีแดงนาหน้า ท่านจะว่ิงตามธงมา) มายังสถานที่ทาพิธีที่หอเจ้าหลวงเทิง พอมาถึงจะมีชาวบ้านทาขันศีลรับ
เชิญกินหมาก กินพลู เครอ่ื งถวาย จะเปน็ ของหวาน (ขา้ วเหนยี วแดง ชาวบ้านกวนเอง ณ สถานทีท่ าพธิ ี ) และ
ผลไม้ต่าง ๆ รวมถึงน้าที่ชาวบ้านนามาเข้าพิธี เพื่อให้ร่างทรงของเทพยดาปลุกเสก ร่างทรงจะไหว้ครู ทาพิธี
แล้วพูดคุยกับชาวบ้านท่ีมาเฝ้าอยู่ในหอเทพยดา ว่ามีอะไรจะถาม ชาวบ้านจะถามเร่ืองสภาพดินฟ้าอากาศ
พืชพรรณธัญหาร ตลอดไปถึงโรคภัยไข้เจ็บ เช่น ปีน้ี ข้าว ๙๙ เปอร์เซ็นต์ดี จะเสียเปอร์เซ็นต์เดียว ให้ระวัง
ลูกเห็บตกหนัก แต่จะช่วยขจัดปัดเป่า แต่คงไม่ได้ท้ังหมดเพราะเป็นธรรมชาติ หลังจากน้ันชาวบ้านจะขอพร
ส่วนโรคโควิดก็จะเริ่มเจือจาง และจะหายไป ถามเสร็จร่างทรงก็จะขอกลับ ชาวบ้านจะสู่ขวัญให้และร่างทรง
จะปลุกเสกนา้ มนต์ใหใ้ ส่ถงั ไว้ เสรจ็ แลว้ ก็วิง่ กลบั บา้ นทีร่ ่างทรงพักอาศัยเป็นอนั เสร็จพธิ ี ชาวบา้ นจะมาเอานา้ มนต์
-98-
ไปพรมบ้านเรือน เพือ่ ให้อยู่เยน็ เปน็ สขุ เช่อื วา่ มเี ทพยดา (เจ้าหลวง) ค้มุ ครอง ตลอดจนอาหารทเ่ี ข้าพธิ ี ชาวบา้ น
จะแบ่งกนั ไปรบั ประทานเพ่อื เปน็ สริ ิมงคล และยังเอาดา้ ยสายสิญจน์ที่เอามาเข้าพิธี ไปล้อมบา้ นเรือนตนเองเพ่ือ
ปอ้ งกันภัยอันตรายท่ีมองไม่เหน็
๔. ชือ่ ผูท้ ี่ถือปฏิบตั แิ ละผสู้ ืบทอด
๔.๑ ผทู้ ถ่ี ือปฏิบตั ิ
ช่อื นายพยอม โนราช (ร่างทรงคนปจั จุบนั ) ชาวบ้านเรียกว่าเป็นทน่ี ัง่
วนั เดือน ปีเกดิ 2492
ที่อยู่ -
หมายเลขโทรศัพท์ -
4.2 ผู้สบื ทอด
ชื่อ -
วัน เดอื น ปีเกิด -
ทีอ่ ยู่ -
หมายเลขโทรศพั ท์ -
5. สถำนะ กำรคงอยู่ ปฏบิ ัติอยา่ งแพรห่ ลาย เสีย่ งตอ่ การสญู หาย ไมม่ ปี ฏบิ ตั แิ ล้ว
6. รปู ภำพภมู ปิ ัญญำทำงวัฒนธรรม/กจิ กรรมทำงภูมปิ ัญญำทำงวฒั นธรรม
หอเจา้ หลวงเทิงสถานทีท่ าพธิ ี
ขณะรา่ งทรงเทพยดา พูดคุยกบั ชาวบ้าน ถามเรื่องดนิ ฟ้าอากาศ พืชพรรณธญั ญาหาร และให้ศีลให้พร
-99-
ของหวาน ผลไมท้ ่ชี าวบ้านนามาถวาย ชาวบา้ นช่วยกนั กวนขา้ วเหนียวแดง ถวาย
ปัจจยั ทีช่ าวบ้านทาเปน็ ผา้ ปา่ ถวายเพ่ือนาไป ชาวบา้ นทาพิธสี ่ขู วัญให้รา่ งทรง กอ่ นกลบั
ดแู ลหอเจา้ หลวง
เวลากลบั กจ็ ะมีธงแดงนาทาง
-100-
แบบสำรวจมรดกภมู ปิ ัญญำทำงวัฒนธรรมจงั หวดั เชียงรำย ประจำปี ๒๕๖๕
สภำวฒั นธรรมจงั หวัดเชยี งรำย
อำเภอเทงิ จงั หวดั เชยี งรำย
๑. ช่ือข้อมลู ประเพณีสรงนา้ พระธาตุจอมจอ้
๒. ลักษณะ วรรณกรรมพนื้ บ้านและภาษา
ศลิ ปะการแสดง
แนวปฏิบัติทางสงั คมพิธีกรรม ประเพณี และเทศกาล
อาหาร/ความรแู้ ละการปฏบิ ัตเิ ก่ียวกบั ธรรมชาติและจกั รวาล
งานชา่ งฝมี ือดง้ั เดิม
การละเล่นพื้นบา้ น กีฬาพ้นื บ้าน และศิลปะการตอ่ สปู่ ้องกันตัว
๓. รำยละเอียดข้อมูล
๓.๑) ประวตั ิความเปน็ มาของขอ้ มูล
วัดพระธาตุจอมจ้อ ต้ังอยู่ที่หมู่ ๒๐ ตาบลเวียง อาเภอเทิง จังหวัดเชียงราย สันนิษฐานว่าน่าจะสร้าง
ในช่วงทเี่ มอื งเทิงอย่ใู นความปกครองของราชวงค์มงั ราย พิจารณาจากแผนทแี่ หล่งโบราณคดีเวียงเทิง แสดงเขต
ท่ีดินกาแพงเมือง และคูเมืองเทิงโบราณของกรมธนารักษ์ จังหวัดเชียงราย ซ่ึงปรากฏหลักฐานภาพคูเมืองโอบล้อม
ดอยท่ีต้ังวัดพระธาตุจอมจ้อ และมีแนวคูเมืองเช่ือมต่อไปโอบวัดพระธาตุศรีมหาโพธ์ิ และยังพบพระพิมพ์ปรกโพธิ์
เชียงแสน ปางมารวิชัย บริเวณทางทิศตะวันตกของพระธาตุจอมจ้อ ซ่ึงเป็นพระพิมพ์เดียวกับพระกรุวัดประตูโขง
จังหวัดพะเยา สันนิษฐานได้ว่า พระธาตุจอมจ้อคงจะเป็นโบราณสถานเก่าแก่ และมีหลักฐานเอกสารการสร้าง
พระเจดีย์ไว้เมื่อปีพุทธศักราช ๒๔๐๐ ดังปรากฏใน “ประชุมพงศาวดาร ภาค ๑๐” จึงนับได้ว่าเป็นพระธาตุ
คู่บ้านคู่เมืองเทิง มาตั้งแต่อดีต ด้วยประชาชนชาวอาเภอเทิงและอาเภอใกล้เคียงตลอดจนส่วนราชการต่าง ๆ
และคณะสงฆใ์ นอาเภอเทิง มคี วามเหน็ โดยพรอ้ มเพรียงกนั วา่ วัดพระธาตจุ อมจ้อ เปน็ โบราณสถานทส่ี าคัญที่สุด
ของอาเภอเทิง ทางอาเภอเทิงจึงได้จัดงานประจาปี ได้แก่งานสรงน้าพระธาตุจอมจ้อ ในวันวิสาขบูชา และ
ประเพณีข้ึนธาตุ เพื่อเป็นการราลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในวันเพ็ญเดือน ๖
วนั วสิ าขบูชา เป็นประจาทุกปี
๓.๒) ขั้นตอน/วธิ กี าร/ดาเนินการเก่ยี วกับขอ้ มลู
ก่อนถึงวันงาน ๒ วันจะมีพิธีบวงสรวงเจ้าหลวงเทิง ในวันขึ้น ๑๓ ค่าของทุกปี และวันถัดมาก็เป็น
วันข้ึน ๑๔ ค่า ประชาชน พุทธศาสนิกชนก็จะจัดเตรียมสถานที่ และอาหาร เพ่ือจะนาข้ึนไปถวายพระสงฆ์
ช่วงกลางคืนก็จะมีการสวดมนต์ทาวัตรเย็น สวดมนต์เต็มพระสูตร จนใกล้สว่าง สวดเบิกแล้วทาพิธีเบิกเนตร
พระพุทธรูป จากนั้นก็กระทาการประทักษิณเวียนเทียน ๓ รอบ แล้วก็เข้าถือศีลในวิหาร เช้าวันข้ึน ๑๕ ค่า
วันวิสาขบูชา ประชาชนก็จะแห่เคร่ืองสักการะ ซ่ึงประกอบด้วย พุ่มดอกไม้ พุ่มหมาก พุ่มเทียน น้าขมิ้น
ส้มป่อยและผ้าห่มพระธาตุขึ้นมาบนพระธาตุจอมจ้อ โดยพร้อมเพรียงกัน ส่วนมากจะแต่งกายด้วยชุดขาว
หรือชุดพนื้ เมอื ง
เร่มิ พธิ ที างศาสนา
- หนว่ ยงานราชการ ประชาชน ตวั แทนแตล่ ะตาบลนาเคร่อื งสักการะถวายองค์พระธาตจุ อมจอ้
- ประกอบพธิ ที างศาสนา/พิธีสบื ชะตา /ถวายจตปุ ัจจยั ไทยทาน
- ประกอบพธิ สี รงน้าพระธาตุจอมจ้อ และแหผ่ า้ คลมุ พระธาตโุ ดยเวยี นรอบพระธาตสุ ามรอบ แลว้ จึงนา
ข้ึนหม่ พระธาตุ
-101-
- ถวายภตั ตาหารเพลแด่พระสงฆ์
- ผู้ร่วมงานรับประทานอาหาร จะมีโรงทานจากผู้ใจบุญ มาตั้งหลายแห่ง ชมนิทรรศการ ประวัติ
ความสาคัญของพุทธศาสนา และพิธสี รงนา้ ศกั ดสิ์ ิทธ์ิ ฯลฯ
ช่วงบ่าย จะเป็นกิจกรรมจิตอาสาพัฒนาวัด และบาเพ็ญสาธารณะประโยชน์ (ในอดีตจะมีการแข่งขัน
จดุ บั้งไฟ)
ช่วงเย็น กจิ กรรมปฏิบตั ธิ รรมพุทธศาสนกิ ชน รว่ มกันสวดมนต์เจรญิ สมาธภิ าวนาในวหิ าร
-พิธเี วยี นเทียน
๔. ชอ่ื ผู้ท่ีถอื ปฏิบตั ิและผู้สืบทอด
๔.๑ ผูท้ ี่ถอื ปฏิบัติ
ชอ่ื ประชาชนชาวอาเภอเทิง
วัน เดือน ปเี กดิ -
ท่ีอยู่ -
หมายเลขโทรศัพท์ -
4.2 ผู้สบื ทอด
ชื่อ ประชาชนชาวอาเภอเทิง
วัน เดอื น ปเี กิด -
ท่อี ยู่ -
หมายเลขโทรศัพท์ -
5. สถำนะ กำรคงอยู่ ปฏบิ ตั ิอยา่ งแพรห่ ลาย เสีย่ งตอ่ การสญู หาย ไม่มีปฏบิ ตั ิแล้ว
๖. รูปภำพภูมปิ ัญญำทำงวัฒนธรรม/กจิ กรรมทำงภูมปิ ัญญำทำงวฒั นธรรม
ทำพธิ สี ืบชะตำหลวง
-102-
ประธานถวายพุ่มดอกไม้ พ่มุ เทียน พ่มุ หมากพลู
-103-
แบบสำรวจมรดกภมู ิปัญญำทำงวัฒนธรรมจังหวดั เชียงรำย ประจำปี ๒๕๖๕
สภำวฒั นธรรมจังหวัดเชยี งรำย
อำเภอเทิง จงั หวดั เชยี งรำย
๑. ช่ือข้อมลู ประเพณบี ญุ ผะเหวด
๒. ลักษณะ วรรณกรรมพ้ืนบา้ นและภาษา
ศิลปะการแสดง
แนวปฏบิ ตั ทิ างสงั คมพธิ ีกรรม ประเพณี และเทศกาล
อาหาร/ความรแู้ ละการปฏบิ ตั เิ ก่ียวกบั ธรรมชาตแิ ละจกั รวาล
งานช่างฝีมอื ด้ังเดมิ
การละเลน่ พน้ื บา้ น กีฬาพนื้ บ้าน และศิลปะการตอ่ สูป่ ้องกันตวั
๓. รำยละเอียดข้อมลู
๓.๑) ประวตั คิ วามเปน็ มาของขอ้ มลู
“บญุ เดือน ๔ ประเพณีบญุ ผะเหวด” เป็น ๑ ในฮตี ๑๒ ตามวิถชี ีวิตวฒั นธรรมของชาวอสิ าน “บุญผะเหวด”
ถือเป็น ฮีตที่ ๔ หรือเพ็ญเดือน ๔ คาว่าผะเหวด เป็นภาษาอิสานท่ีมาจากงานประเพณีพระเวสสันดรชาดกของ
ภาคกลาง หรืองานบุญมหาชาติ ที่จัดข้ึนเพื่อเป็นการแสดงออกในการระลึกถึงพระเวสสันดร อันเป็นพระนาม
ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าในชาติสุดท้าย ก่อนที่พระองค์จะประสูติเป็นเจ้าชายสิทธัตถะ และตรัสรู้ด้วย
พระองค์เองเป็นศาสดาของศาสนาพุทธ พระเวสสันดรถือเป็นชาติที่สาคัญยิ่ง เน่ืองจากเป็นชาติท่ีพระองค์
บาเพ็ญทานบารมีอย่างใหญ่หลวง บุญผะเหวดเริ่มมาจากในวัง หลังจากน้ันเผยความเชือ่ ที่ว่าใครได้ฟังเทศน์
ครบ ๑๓ กณั ท์ จะไดไ้ ปเกิดในยคุ ของพระศรีอารยิ เมตไตรย เปน็ ความเชอื่ ของคนโบราณ
เนื่องด้วยประชาชนบ้านร่องริว ส่วนใหญ่เป็นพวกท่ีย้ายถิ่นฐานมาจากภาคอิสาน มาอยู่อาเภอเทิง
เป็นเวลานานพอสมควร ได้ตระหนักถึงความสาคัญในการทานุบารุงพุทธศาสนา และรักษาประเพณีวัฒนธรรม
ของท้องถ่ิน จึงได้จัดงานบุญเดือน ๔ ประเพณีบุญผะเหวด ข้ึนทุกปี ซึ่งได้ทากันมาต้ังแต่มาต้ังถิ่นฐานอยู่ใน
อาเภอเทิง แรก ๆ ก็เป็นชาวบ้านอิสานจัดกันเอง ต่อมาก็มาการขยายงานให้มีส่วนร่วมกันมากขึ้น จนกระท่ัง
องค์การปกครองสว่ นท้องถิ่นในอาเภอเทิง ไดจ้ ัดสรรงบประมาณในการจดั งานตัง้ แต่ปีพ.ศ ๒๕๕๓
๓.๒) ขน้ั ตอน/วิธกี าร/ดาเนนิ การเก่ยี วกบั ขอ้ มูล
ชาวอีสาน จะจัดทาพิธีบุญผะเหวด ปีละ ๑ ครั้ง ระหว่างเดือน ๓ เดือน ๔ ไปจนถึงกลางเดือน ๕
(เดอื น มีนาคม ตอ่ เมษายน)ชาวบา้ นจะประชุมปรกึ ษาหารอื กัน ในวนั ท่ีพรอ้ ม
การเตรียม ชาวบ้านจะเตรียมกันเป็นเดือนๆ ส่ิงแรกคือ มาดูสถานที่ เร่ิมพัฒนาตกแต่ง ทาเครื่องจักสาน
เอาไม้ไผ่มาสาน เป็นท่ีใส่ดอกไม้ ใส่ข้าวพันก้อน ทาตุงอิสานยาวทอด้วยผ้ายาวๆทอเป็นรูปช้าง ม้า พญานาค
เป็นรูปสัตว์มงคลต่าง ๆ สองสามวันก่อนวันงาน จะมีจัดสถานท่ี ปักตุง จัดหาเครื่องคุรุภัณฑ์ เป็นพวก
ดอกไม้ ประเพณีอิสานดอกไม้จะบานช่วงเดือน มีนา เช่นดอกจิก ดอกรัง ดอกมันปลา(ต้นกันเกลา) ไม้มงคล
ดอกผักตบ ให้ได้สักพันดอก พัน ชนิด ชาวบ้านจะเอาดอกไม้ มาตากให้แห้งใส่ในเคร่ืองครุภัณฑ์ เอาไว้เป็น
เคร่ืองบูชากัณฑ์เทศน์ วันงานจะมีอยู่ ๒ วัน คือ วันรวม ชาวบ้านจะมาดูสถานท่ีให้เรียบร้อย สมัยก่อนจะ
นมิ นตพ์ ระต่างบ้าน มาเทศนเ์ พราะพระจะแบง่ กันเทศนเ์ ปน็ กณั ฑ์ ๆ ไปรบั มานอนคา้ งคนื รอไวเ้ ลย วนั แรกเรียก
วันรวม ก็จะเป็นการแห่ดอกไม้ แห่มาจากทางป่า ทางทุ่ง เหมือนเป็นการเชิญพระเวสสันดรมาจากป่า เหตุที่
ตอ้ งไปเชญิ ในป่าจะได้เก็บดอกไม้ มาด้วย มีการละเล่นมาด้วย เช่นเล่นหัวลา้ นชนกัน จะเอาพ่อบ้านพ่อเมืองมา
แต่งเป็นพระเวสสันดร มีขบวนต่าง ๆ มาที่วัด เปิดงาน เสร็จ ช่วงบ่ายก็จะมีการเทศน์ ถ้านิมนต์พระมาเทศน์
เป็นกัณฑ์ จะเทศน์มาลัยหม่ืน มาลัยแสน สวดพระพุทธมนต์ แต่ถ้ามีการเทศน์สามธรรมมาศ จะต้องเทศน์
คาถาพัน บทน้ีต้องเทศน์ตอนเช้าก่อนไปแห่ขบวน เพราะจะไม่มีใครอยู่ไปเตรียมแห่ขบวน เมื่อแห่เข้ามาแล้ว
เปดิ งานเสร็จ มีพระเจริญพระพุทธมนต์ เทศนม์ าลยั หมน่ื มาลัยแสน ตอ่
-104-
วันท่ีสองจะเร่ิม เทศน์ตลอดท้ังวัน เร่ิมจากตีสามจะมีการตีฆ้องร้องป่าว แห่ข้าวพันก้อนปั้นใส่ในขัน
มาถึงกล่าวคาถวายบูชาใส่บาตรพระพุทธเจ้า เอามาใส่เคร่ืองจักรสานท่ีทาไว้รอรับ สานเป็นลาไม้ไผ่สานเป็นกรวย
มาถึงวัดก็ประมาณตี ๕ เร่ิมแสดงพระธรรมเทศนา ต้องเทศน์ครบท้ัง ๑๓ กัณฑ์ ชาวบ้านจะต้องอยู่ฟังจนจบ
สมัยน้ีจะนิยมใช้เทศน์สามธรรมมาศ เหมือนการแสดงเทศน์โต้ตอบกัน เทศน์แหล่อิสาน ทานองสรภัญญะ
จะใช้เวลาไม่นานเร่ิมเทศน์หลังเที่ยง ประมาณส่ีห้าโมงก็จบ หลังจากเทศน์เสร็จจะมีการแห่กัณฑ์หลอน เข้ามา
เป็นต้นเงิน เพื่อจะมาถวายพระที่แสดงธรรมอยู่โดยเฉพาะองค์ที่เทศน์ได้ไพเราะถูกใจชาวบ้าน เป็นการหลอนถวาย
พระจะไม่รู้ตวั จะได้กันทกุ รูป สมัยกอ่ นก็จะมีการจับฉลากให้นิมนต์พระวัดไหนมาเทศน์ ดูแลท่านตั้งแต่วันแรก
จนจบ ถวายกัณฑ์หลอนถ้าจับฉลากไม่ได้ที่เทศน์พึงพอใจก็จะเอากัณฑ์หลอนมาถวายอีก สมัยน้ีพระจะไม่รอ
กัณฑ์หลอน เทศนเ์ สรจ็ รบั ปัจจัยกก็ ลบั กัณฑ์หลอนก็จะเอามาบรู ณะวัด
มหำเวสสนั ดรชำดก มีท้ังหมด ๑๓ กัณฑ์ ประกอบดว้ ย ๑๐๐๐ พระคำถำ โดยสรุปยอ่ ไว้ดงั น้ี
๑. กัณฑ์ทศพร พระนางผุสดีซ่ึงจะทรงเป็นพระมารดาของพระเวสสันดร ทรงอธิษฐานขอเป็นมารดา
ของผู้มีใจบุญ จบลงตอนพระนางได้รับพร ๑๐ ประการ จากพระอินทร์ อานิสงส์ของผู้บูชากัณฑ์น้ีคือ ผู้นั้นจะ
ได้รับทรัพย์สมบัติดังปรารถนา ถ้าเป็นสตรีจะได้สามีที่เป็นที่ชอบเน้ือเจริญใจ บุรุษจะได้ภรรยาเป็นที่ต้อง
ประสงค์อกี เช่นเดยี วกนั จะไดบ้ ุตรหญงิ ชายเป็นคนวา่ นอนสอนง่าย มรี ปู รา่ งท่ีงดงาม มีความประพฤติเรยี บร้อย
๒. กัณฑ์หิมพำนต์ พระเวสสันดรทรงเป็นพระราชโอรสของพระเจ้าสัญชัย กับนางผสดี แห่งแคว้น
สีวิราษฏร์ เมื่อพระเวสสันดรได้รับเวนราชสมบัติจากพระบิดา ได้พระราชทานช้างปัจจัยนาเคนทร์แก่กษัตริย์
แควน้ กลิงคราช ประชาชนไม่พอใจ พระเวสสันดรจงึ ถกู เนรเทศไปอย่ปู ่าหมิ พานต์ อานิสงสข์ องผู้บชู ากณั ฑ์น้ีคือ
ย่อมได้ส่ิงท่ีปรารถนาทุกประการ ครั้นตายแล้วได้บังเกิดในสุคติโลกสวรรค์เสวยสมบัติอันมโหฬาร มีบริวาร
แวดล้อมบารงุ จะลงมาเกิดในตระกลู ขตั ยิ ะมหาศาล อนั บรบิ ูรร์ด้วยทรพั ย์ศฤงคารบริวารมากมายนานัปการ
๓. กัณฑ์ทำนกัณฑ์ ก่อนจะเสด็จไปอยู่ป่า พระเวสสันดรได้พระราชทานสัตดกมหาทาน คือ ช้าง ม้า
รถ ทาสชาย ทาสหญิง โคนม และนางสนมอย่างละ ๗๐๐ อานิสงส์ของผู้บูชากัณฑ์น้ีคือ จะบริบูรณ์ด้วยแก้วแหวน
เงินทอง ทาว ทาสี และสัตว์ ๔ เท้า ๒ เท้า ครน้ั ตายแลว้ จะได้ไปเกิดในสวรรค์ชั้นฉกามาพจร มีนางเทพอัปสร
แวดลอ้ มมากมายเสวยสขุ ในปราสาทแก้ว
๔. กัณฑ์วนปเวสน์ พระเวสสันดรทรงพาพระนางมัทรีและ พระชาลี(โอรส) พระกัณหา(ธิดา) เสด็จ
จากเมืองผ่านแคว้นเจตราษฎร์ จนถงึ เขาวงกตในป่าหิมพานต์ อานสิ งสข์ องผู้บชู ากัณฑ์นี้คือ จะได้รบั ความสุข
ทัง้ ในโลกนี้ และโลกหนา้ จะไดเ้ ป็นกษัตรยิ ใ์ นชมพูทวีป เป็นผู้ทรงปรชี าเฉล่ยี วฉลาด สามารถปราบอริราช ศัตรู ให้ย่อยยบั
๕. กณั ฑ์ชูชก ชูชกพราหมณ์ ขอทานได้นางอมิตตาบุตรสาวของเพื่อนเป็นภรรยา นางไดข้ อให้ชูชกไป
ขอสองกุมาร ชูชกเดินทางไปสืบข่าวในแคว้นสีวีราษฎร์ สามารถหลบหลีกการทาร้ายของชาวเมือง พบพราน
บุตรบอกทางไปเขาวงกต อานิสงส์ของผู้บูชากัณฑ์นี้คือ จะได้บังเกิดในตระกูลกษัตริย์ ประกอบด้วยสมบัติ
งดงามกว่าคนท้ังหลาย จะเจรจาปราศรัยไพเราะเสนาะโสต แม้จะได้สามี ภรรยา และบุตรธิดาก็ล้วนแต่มีรูป
งดงาม สอนง่าย
๖. กัณฑ์จุลพน ชูชกเดินทางไปจนถึงท่ีอยู่ของอัจจุตฤาษี อานิสงส์ของผู้บูชากัณฑ์นี้คือ แม้จะเกิด
ในปรภพใด ๆ จะเป็นผู้สมบูรณ์ด้วยสมบัติบริวาร จะมีอุทธยานอันดารดาษด้วยไม้หอม แล้วจะมีสระโบกขรณี
อันเต็มไปดว้ ยประทุมชาติ ครัน้ ตายไปแลว้ กไ็ ดเ้ สวยทพิ ย์สมบตั ิในโลกหน้าสบื ไป
๗. กัณฑ์มหำพน ชูชกลวงอัจจุตฤาษี ให้บอกทางไปยังที่ประทับของพระเวสสันดร อานิสงส์ของ
ผู้บูชากัณฑ์นี้คือ จะเสวยสมบัติในดาวดึงส์ เทวโลก แล้วจะได้ลงมาเกิดเป็นกษัตริย์มหาศาล มีทรัพย์ศฤงคาร
บริวารมากมี อุทยานและสระโบกขรณีเป็นท่ีประพาส เป็นผู้บริบูรณ์ด้วยศักดานุภาพ เฟ่ืองฟุ้งไปท่ัวชมพูทวีป
อีกจักไดเ้ สวยอาหารทพิ ยเ์ ป็นนิตย์นริ นั ดร
-105-
๘. กัณฑ์กุมำร ชชู กทูลขอสองกุมาร ทุบตสี องกมุ าร เฉพาะพระพักตรข์ องพระเวสสนั ดร แล้วพาออก
เดินทาง อานิสงสข์ องผู้บูชากัณฑ์นค้ี ือ ย่อมประสบผลสาเร็จในสง่ิ ท่ปี รารถนา ครนั้ ตายไปจะได้ไปเกิดในสวรรค์
ชนั้ ฉกามาพจรในสมัยท่ีพระศรีอารยเมตไตรมาอุบตั ิกจ็ ะได้พบศาสนาของพระองค์ ตลอดจนไดส้ ดับตรับฟัง
พระธรรมเทศนาแล้วบรรลพุ ระอรหนั ตผลพร้อมด้วยปฏสิ ัมภิทาทั้ง๔ ดว้ ยบญุ ราศีท่ีได้อบรมไว้
๙. กัณฑ์มัทรี พระนางมัทรีเสด็จกลับจากหาผลไม้ในป่า ออกติดตามสองกุมารตลอดคืน จนถึงทรง
วิสัญญี (สลบ) เฉพาะพระพัตรของพระเวสสันดร เม่ือฟ้ืนแล้วพระเวสสันดรตรัสเล่าความจริงเก่ียวกับสอง
พระกุมาร พระนางทรงอนุโมทนาด้วย อานิสงส์ของผู้บูชากัณฑ์น้ีคือ เกิดโลกหน้าจะเป็นผู้มีความมั่งค่ัง
สมบูรณ์ด้วยทรัพยส์ มบัตเิ ป็นผมู้ อี ายยุ นื ยาว ประกอบดว้ ยรูปโฉมงดงามกว่าคนท้ังหลาย จะไปในทีใ่ ดก็จะมีแต่ความสขุ
๑๐. กัณฑ์สักกบรรพ พระอินทร์เกรงว่าจะมีผู้มาขอนางมัทรี จึงแปลงเป็นพราหณ์ชรามาทูลขอ
นางมทั รแี ลว้ ฝากไว้กับพระเวสสนั ดร อานิสงสข์ องผบู้ ูชากัณฑน์ ี้คือ จะเปน็ ผ้เู จริญด้วยลาภยศตลอดจนจตุรพิธพร
ท้งั ๔ คอื อายุ วรรณะ สขุ ะ พละ
๑๑. กัณฑ์มหำรำช ชูชกเดินทางไปถึงแคว้นสีวีราษฏร์ พระเจ้ากรุงสญชัย ทรงไถ่สองกุมาร ชูชก
ได้รับพระราชทานเลี้ยง กินจนท้องแตกตาย อานิสงส์ของผู้บูชากัณฑ์น้ีคือ จะได้มนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติ
และนิพพานสมบัติ เม่ือเกิดเป็นมนุษย์จได้เป็นพระราช เมื่อจากโลกน้ีไปก็จะไปเสวยทิพยสมบัติ คร้ันบารมีแก่กล้า
ก็จะไดน้ ิพพานสมบตั อิ ันตัดเสียซง่ึ ชาติ ชรา พยาธิ มรณะ
๑๒. กัณฑ์ฉกษัตริย์ กษัตริย์แคว้นกลิงคราช คืนช้างปัจจัยนาเคนทร์ พระเจ้ากรุงสญชัย พระนางผุสดีร
พระชาลี พระกัณหา เสด็จทูลเชิญพระเวสสันดร พระนางมัทรี กลับคืนพระนคร เม่ือกษัตริย์ท้ังหกพระองค์
พบกันทรงวิสัญญี (สลบ) ต่อมาฝนโบกขรพรรษตก จึงทรงฟ้ืนขึ้น อานิสงส์ของผู้บูชากัณฑ์น้ีคือ จะได้เป็น
ผ้ทู เ่ี จรญิ ด้วยพร ๔ ประการคอื อายุ วรรณะ สขุ ะ พละ ทุกๆชาติ
๑๓. นครกัณฑ์ กษัตริย์ท้ังหกพระองค์เสด็จกลับพระนคร พระเวสสันดรได้ครองราชย์ด่ังเดิม
บ้านเมืองสมบูรณ์พูนสุข จนพระชนมายุได้ ๑๒๐ พรรษา จึงเสด็จสวรรคาลัย อานิสงส์ของผู้บูชากัณฑ์น้ีคือ
จะเป็นผู้บริบูรร์ด้วยวงศาคณาญาติ ข้าทาสชาย-หญิง ธิดา สามีหรือบิดา มากดา อยู่พร้อมหน้ากันด้วยความผาสุก
ปราศจากโรคาพยาธิ ทง้ั ปวง จะทาการใดกพ็ รอ้ มเพรยี งกันยงั การงานนั้น ๆ ใหส้ าเร็จลุล่วงไปด้วยดี
๔. ชอื่ ผทู้ ่ีถือปฏิบตั แิ ละผสู้ ืบทอด
๔.๑ ผู้ทถ่ี ือปฏิบัติ
ช่อื ประชาชนชาวบา้ นรอ่ งรวิ
วัน เดอื น ปเี กดิ -
ทีอ่ ยู่ -
หมายเลขโทรศัพท์ -
๔.๒ ผู้สืบทอด
ช่อื พระครูปัญญากิตติโชติ เจ้าอาวาสวัดร่องรวิ รองเจา้ คณะตาบลเวียง เขต 2
วนั เดือนปเี กิด 2520 (22 พรรษา)
ทอี่ ยู่ วัดร่องรวิ ตาบลเวยี ง อาเภอเทิง จังหวดั เชยี งราย
หมายเลขโทรศัพท์ -
5. สถำนะ กำรคงอยู่ ปฏิบตั ิอย่างแพร่หลาย เสี่ยงต่อการสญู หาย ไม่มีปฏบิ ัตแิ ล้ว
-106-
๖. รูปภำพภูมปิ ัญญำทำงวัฒนธรรม/กจิ กรรมทำงภูมิปัญญำทำงวัฒนธรรม
บรรยายกาศการเตรยี มงาน
วนั งาน ขบวนแห่ พระเวสสสันดร
-107-
แบบสำรวจมรดกภมู ิปัญญำทำงวัฒนธรรมจงั หวัดเชยี งรำย ประจำปี ๒๕๖๕
สภำวัฒนธรรมจังหวัดเชยี งรำย
อำเภอแม่จนั จงั หวัดเชียงรำย
๑. ชื่อข้อมลู แพทย์พ้นื บ้านลา้ นนา พิธีกรรมบาบัด (จติ บาบัด)
๒. ลักษณะ วรรณกรรมพน้ื บ้านและภาษา
ศิลปะการแสดง
แนวปฏิบตั ทิ างสังคมพิธีกรรม ประเพณี และเทศกาล
อาหาร/ความรูแ้ ละการปฏบิ ตั เิ กย่ี วกับธรรมชาติและจกั รวาล
งานช่างฝีมือดัง้ เดิม
การละเลน่ พน้ื บ้าน กีฬาพนื้ บ้าน และศิลปะการตอ่ สู่ป้องกนั ตวั
๓. รำยละเอยี ดข้อมูล
๓.๑) ประวัตคิ วามเป็นมาของข้อมูล
เร่ิมเรียนรู้จากตารา จากพระธุดงค์ และจากชมรมหมอเมืองโดยการถ่ายทอดและศึกษาด้วยตนเอง
ซึ่งเป็นการประกอบพิธีตามวิถชี วี ติ ที่สืบทอดกันมาแต่บรรพชน โดยมีทง้ั สว่ นทกี่ ระทาเพื่อตรวจสอบ เหตุปจั จัย
แห่งปัจจัยแห่งความไม่สบายและทาการบาบัดบรรเทา กระทาเพื่อการขจัดปัดเป่าและบาบัดรกั ษา กระทาเพ่ือ
สร้างขวัญและกาลังใจกระทาเพ่ือการเจรญิ สตแิ ละทาใจใหพ้ ร้อมรับสภาพความจริง และส่วนท่ีกระทาเพื่อเป็น
สริ ิมงคลและบนั ดาลให้เกดิ ความสงบรม่ เยน็ ซง่ึ จะแยกกลา่ วทล่ี ะกลุม่ ดงั น้ี
กำรดเู มอื่ และกำรทำนำยฤกษย์ ำม
การรักษาโรคด้วยพิธีกรรมบาบัดด้านการทานาย–ฤกษ์ยาม เป็นพิธีกรรมสืบทอดมาเป็นเวลาช้านาน
เพื่อดูแลสุขภาพของคนล้านนา เป็นการค้นหาหรือทานายทายทักหาปัญหาของคนที่เจ็บป่วยและเพ่ือหาฤกษ์
ยามในการทาพิธีกรรมต่าง ๆ ให้เป็นแนวทางในการปฏิบัติในวิถีชีวิตหรือประกอบพิธีกรรมอ่ืน ๆ ให้อยู่เย็น
เป็นสุข พ้นจากภยันตรายจากโรคภัยไข้เจ็บอันตรายต่าง ๆ พิธีกรรมทานาย-ฤกษ์ยามนี้เป็นการรวมองค์ความรู้
จากหมดพนื้ บา้ นลา้ นนา ซ่ึงสามารถใชเ้ ป็นแนวทางในการศึกษาเรยี นรแู้ ละนาไปใช้ประโยชน์ได้
กลุ่มขจัดปัดเปำ่
การแก้ไขปัญหาสุขภาพด้วยพิธีกรรมบาบัดในด้านการขจัดปัดเป่า ซ่ึงมักจะทาหลังจากการดูหมอ ดู
เมื่อ ทานายทายทัก และตรวจวินิจฉัยจนรู้เหตุแห่งโรคแล้ว หากมีเหตุและอาการตรงตามตาราก็จะต้อง
ประกอบพิธีกรรมเพอ่ื บาบัดบรรเทา
๓.๒) ขั้นตอน/วิธกี าร/ดาเนนิ การเกย่ี วกับขอ้ มูล
- ตดิ ตอ่ ประสานงานกับสภาวฒั นธรรมตาบลป่าซาง เพ่ือรวบรวมข้อมลู เบ้ืองต้น
- ลงพื้นท่จี ดั เก็บขอ้ มลู ประวัติความเป็นมาของข้อมลู ช่ือผู้ทีถ่ ือปฏิบตั ิและผูส้ ืบทอด สถานการณค์ งอยู่
และรปู ภาพต่าง ๆ
-108-
๔. ช่ือผ้ทู ่ีถอื ปฏิบัติและผสู้ บื ทอด
4.๑ ผทู้ ่ีถือปฏิบตั ิ
ช่ือ นายสงิ หค์ า ยอดมูลดี
วนั เดอื น ปเี กิด 15 กรกฎาคม 2490
ทอ่ี ยู่ 167 หม่ทู ี่ 11 ตาบลปา่ ซาง อาเภอแมจ่ ัน จังหวัดเชยี งราย
หมายเลขโทรศพั ท์ 081 366 5577
4.2 ผู้สืบทอด
ช่ือ -
วนั เดือน ปเี กดิ -
ทอี่ ยู่ -
หมายเลขโทรศัพท์ -
๕. สถำนะ กำรคงอยู่ ปฏบิ ัติอยา่ งแพร่หลาย เสยี่ งต่อการสูญหาย ไมม่ ปี ฏิบัตแิ ล้ว
๖. รูปภำพภมู ิปัญญำทำงวัฒนธรรม/กจิ กรรมทำงภูมปิ ัญญำทำงวัฒนธรรม
-109-
แบบสำรวจมรดกภมู ปิ ญั ญำทำงวัฒนธรรมจังหวดั เชยี งรำย ประจำปี ๒๕๖๕
สภำวัฒนธรรมจังหวัดเชยี งรำย
อำเภอพญำเม็งรำย จงั หวัดเชียงรำย
๑. ชื่อข้อมูล แห่นางแมวขอฝน
๒. ลักษณะ วรรณกรรมพืน้ บา้ นและภาษา
ศิลปะการแสดง
แนวปฏบิ ตั ิทางสังคมพธิ ีกรรม ประเพณี และเทศกาล
อาหาร/ความรแู้ ละการปฏบิ ัตเิ กีย่ วกับธรรมชาตแิ ละจักรวาล
งานชา่ งฝีมอื ดั้งเดิม
การละเล่นพนื้ บา้ น กีฬาพื้นบ้าน และศลิ ปะการตอ่ ส่ปู ้องกันตวั
๓. รำยละเอยี ดข้อมูล
๓.๑) ประวตั คิ วามเปน็ มาของขอ้ มูล
การประกอบอาชีพทางเกษตรกรรมในสมัยก่อน ต้องพ่ึงพาสภาพดิน ฟ้า อากาศ ซึ่งเป็นไปตาม
ธรรมชาติ ถ้าปีไหนฝนดีข้าวกล้าในนาก็เจริญงอกงาม หากปีใดฝนแล้ง หรือฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล
ข้าวกล้าในนาก็จะเสียหาย ไม่มีน้าจะทานา ชาวบ้านไม่มีวิธีอ่ืนใดที่จะช่วยได้ จึงพึ่งพาสิ่งเหนือธรรมชาติต่าง ๆ
เป็นตน้ ว่าทาพิธขี อฝนโดยการแหน่ างแมว เปน็ กุศโลบายเชอื่ วา่ หากกระทาเชน่ นัน้ แล้วจะช่วยใหฝ้ นตกมาได้
๓.๒) ขน้ั ตอน/วิธกี าร/ดาเนนิ การเกย่ี วกบั ข้อมูล
การแห่นางแมวขอฝนของชาวบ้านห้วยก้างนาล้อม จะทาในปีทม่ี ฝี นตกล่าช้า พิธีเรม่ิ ตง้ั แตเ่ วลาบ่ายโมง
จนมืดค่า ชาวบ้านจะนาชะลอมเข่ง หรือตะกร้ามาตกแต่งให้สวยงาม แล้วจับแมวตัวเมีย ใส่ไว้ในชะลอมเข่ง
หรือตะกร้า เอาฝาปิดให้แน่น เอาไม้คานสอดเข้าสองข้างแล้วหาบไป มีคนแห่แวดล้อม มีนางแมวคนหนึ่งถือ
พานนาหน้าร้องราเชิญให้ทุกคนมาร่วมพิธีขอฝน นอกนั้นก็มีเคร่ืองดนตรีประกอบเพลงไปด้วยเป็นคณะ
เชน่ กลอง กรบั ฉ่ิง เม่อื เคล่อื นขบวนออกเดินตา่ งกร็ ้องบทแห่นางแมว ซง่ึ มีข้อความคล้ายกนั หรอื เพย้ี นแตกต่าง
กันบ้าง แห่ไปตามละแวกบ้านจนท่ัวแล้วก็กลับ หากขบวนแห่เคลื่อนผ่านหน้าบ้านใคร เจ้าของบ้าน
ก็จะเอาภาชนะตักน้ามาสาดรดแมวในชะลอมเข่งหรือตะกร้าที่ใส่แมวขังไว้ และชาวบ้านก็จะให้สิ่งของเล็ก ๆ
น้อย ๆ เป็นรางวัลแก่คณะแห่ เช่น ข้าวปลาอาหาร ไข่ ขนมคบเค้ียว น้าด่ืมต่าง ๆ หรืออาจเป็นเงินสดใส่พาน
ใหก้ ับคณะแห่ จากนน้ั กเ็ คลอื่ นขบวนแห่ไปเรื่อย ๆ บางคนนึกสนุกกม็ าร่วมร้องราตามขบวนไปจนกวา่ จะเย็นค่า
และเลกิ ขบวนไปในท่ีสดุ เน่ืองจากทาพิธีช่วงอากาศร้อนสุด ฝนจึงตกลงมาในวันน้ัน ทาใหพ้ ิธดี ขู ลังมากข้ึน
เพลงแหน่ างแมว มีเนือ้ รอ้ ง ดงั นี้
“นางแมวเอย๋ ขอฟ้าขอฝน ขอน้ามันต์รดแมวข้าบา้ ง
ค่าเบีย้ คา่ จา้ ง ค่าหาแมวมา ถ้าไม่ให้กนิ ปลา ขอใหป้ ูกัดขา้ ว
ถา้ ไมใ่ ห้กนิ ข้าว ขอให้ข้าวตาฝอย ถา้ ไม่ใหก้ ินอ้อย ขอให้อ้อยเปน็ แมง
ถา้ ไมใ่ ห้กินแตง ขอให้แตงคอขอด ถา้ ไม่ใหน้ อนกอด ขอให้มอดเจาะเรอื น
ถา้ ไม่ให้นอนเพอื่ น ขอให้เรือนทลาย แมย่ ายหอยเอย กะพ่ึงไข่ลกู
ลูกไม้จะถกู ลูกไมจ้ ะแพง ฝนตกพราๆ มาลากระแชง
ฝนตกเข้านอ้ ย มายอ้ ยชายคา ฝนตกเขาหลวง เปน็ พวงระย้า
ไอเ้ ล่ เหล เล่ ฝนกเ็ ทลงมา เอา้ ฝนก็เทลงมา เอา้ ฝนก็เทลงมาๆๆๆๆๆ”
การทาพิธีกรรมแหน่ างแมว เพราะมีความเชอื่ ว่าแมวเป็นสตั ว์ที่กลัวน้า จึงเป็นตัวที่ทาใหเ้ กิดความแหง้
แล้ง ฝนไม่ตก จึงต้องจบั แมวมาตระเวนแห่และใหผ้ ู้คนตักน้ารด สาดราดแมวจนแมวเปียกหนาวส่ัน เพื่อทาลาย
ความเปน็ ตวั แล้งให้หมดไป
-110-
๔. ชอ่ื ผู้ท่ีถอื ปฏิบตั ิและผู้สบื ทอด
๔.๑ ผู้ทีถ่ อื ปฏิบตั ิ
ชอ่ื นายสงค์ อ่ินคา
วัน เดือน ปเี กดิ 5 กมุ ภาพนั ธ์ 2489
ที่อยู่ 50 หมู่ 5 ตาบลไมย้ า อาเภอพญาเม็งราย จังหวดั เชียงราย
๔.๒ ผู้สืบทอด
ชื่อ นายประเสรฐิ มะโนตบิ๊
วัน เดือน ปเี กิด 16 เมษายน 2497
ทอี่ ยู่ 44 หมู่ 5 ตาบลไมย้ า อาเภอพญาเม็งราย จงั หวัดเชียงราย
หมายเลขโทรศัพท์ 096 - 8940385
๕. สถำนะกำรคงอยู่ ปฏิบัตอิ ยา่ งแพร่หลาย เส่ยี งต่อการสญู หาย ไมม่ ีปฏบิ ตั ิแลว้
๖. รปู ภำพภูมิปัญญำทำงวัฒนธรรม/กจิ กรรมทำงภูมิปัญญำทำงวัฒนธรรม
-111-
แบบสำรวจมรดกภมู ิปัญญำทำงวฒั นธรรมจังหวดั เชยี งรำย ประจำปี ๒๕๖๕
สภำวัฒนธรรมจงั หวดั เชยี งรำย
อำเภอพญำเมง็ รำย จงั หวดั เชียงรำย
๑. ชื่อข้อมูล การเลีย้ งผเี จ้าท่ี
๒. ลักษณะ วรรณกรรมพน้ื บ้านและภาษา
ศิลปะการแสดง
แนวปฏิบัติทางสงั คมพิธีกรรม ประเพณี และเทศกาล
อาหาร/ความรแู้ ละการปฏบิ ัติเกยี่ วกบั ธรรมชาติและจักรวาล
งานชา่ งฝมี อื ด้งั เดิม
การละเล่นพ้นื บา้ น กีฬาพน้ื บ้าน และศลิ ปะการตอ่ สูป่ ้องกนั ตัว
๓. รำยละเอียดข้อมลู
๓.๑) ประวัติความเป็นมาของข้อมลู
ในอดีต มนษุ ยม์ คี วามเชอ่ื วา่ ความสุขหรอื ความทกุ ขท์ ่ีได้รับเกดิ จาก การกระทาของวญิ ญาณ วญิ ญาณ
หรือผีที่นบั ถือของคนในแต่ละทอ้ งที่นนั้ อาจแตกตา่ งกนั ออกไปตามชาตพิ ันธแ์ุ ละความเชื่อ เชน่ การนบั ถอื ผเี จา้
ท่ี ผีเจ้านาย ผีป่า ผีบ้าน หรือผีบรรพบุรุษ ซึ่งผู้ที่นับถือผีเชื่อว่า ดวงวิญญาณบรรพบุรุษสามารถให้ คุณหรือให้
โทษแก่ลูกหลานได้ จึงก่อให้เกิดพิธีกรรมหรือธรรมเนียมในการแสดงออกต่อผีหรือ วิธีการบวงสรวงเซ่นไหว้
เพือ่ ให้ผพี อใจและช่วยปกปักรักษาลูกหลานให้มีความสขุ
หลายคนอาจเคยเข้าใจผิดว่า ศาลเจ้าท่ีและศาลพระภูมิเป็นศาลเดียวกันมาตลอด แต่จริง ๆ แล้วศาล
ทั้ง 2 ประเภทมคี วามแตกตา่ งกนั ดังนี้
1. ศำลเจ้ำท่ี คือ การสร้างสถานที่และอัญเชิญวิญญาณเจ้าที่เจ้าทาง ซ่ึงเคยเป็นเจ้าของท่ีดั้งเดิมที่มี
ความผูกพนั กบั พ้นื ทน่ี น้ั ใหม้ าช่วยดแู ลและปกปักรกั ษาบ้านเรือน เจา้ ทแ่ี บง่ ออกเป็น 2 ประเภท ไดแ้ ก่
- เจา้ ทแี่ ท้ : เจ้าของที่เดิมทไ่ี มย่ อมไปเกดิ ใหม่ ซง่ึ จะคอยปกปกั รักษาทข่ี องตนเองอยู่อย่างนน้ั
- เจ้าท่ีจร : คือวิญญาณเร่ร่อนท่ีอยู่โดยรอบบริเวณพ้ืนที่นั้น ๆ ดังนั้นก่อนการตั้งศาลเจ้าที่จึง
จาเป็นต้องมีอาจารย์ตั้งศาลมาตรวจดูว่า มีวิญญาณเจ้าท่ีอยู่ในบริเวณน้ันหรือไม่ มิเช่นนั้นศาลเจ้าท่ีต้ังไว้จะ
กลายเปน็ ศาลว่างเปลา่ ไม่มีวญิ ญาณคอยดแู ล
ลักษณะของศาลเจ้าท่ีมักจะเป็นเรือนท่ีมีฐานใหญ่กว่าศาลพระภูมิ อยู่ในระดับความสูงเพียง
ครง่ึ หน่ึงของศาลพระภูมิ ภายในจะมีรปู ปน้ั ตา-ยาย หรือที่คนท่วั ไปเรยี กกนั วา่ ศาลตา-ยาย นั่นเอง
2. ศำลพระภูมิ คอื สถานทีส่ าหรับพระชัยมงคลหรือเทพที่คอยปกปกั รักษาบ้านเรือน ซึ่งเชอ่ื กันวา่ การ
กราบไหว้บูชาพระชยั มงคลจะทาใหบ้ า้ นหลงั นนั้ อยู่เยน็ เป็นสุข คลาดแคล้วจากอันตราย มีความเปน็ สิริมงคล
และสามารถขอพรใหเ้ รื่องต่าง ๆ ดาเนินไปได้ด้วยดี
ศำลเจ้ำท่ี ต้องต้งั ใหถ้ ูกตาแหนง่ มิเชน่ นั้นอาจจะเกดิ ผลไม่ดตี ามมา หรอื หากไมม่ ีพื้นที่ทเี่ หมาะใน
การตง้ั ศาลกไ็ มค่ วรต้ังก็ได้ ให้แกด้ ว้ ยการไหวเ้ จ้าทีก่ ลางแจง้ สว่ นหลกั การตัง้ ศาลเจา้ ที่มีข้อกาหนดดังต่อไปน้ี
- พืน้ ท่นี ัน้ จะต้องสะอาด ไม่มีสิง่ กีดขวางด้านหนา้ ศาล
- ไม่ตง้ั หลบมุมจนมองไม่เหน็
- ตง้ั ให้ตรงกับประตทู างเขา้ บ้าน
- ห้ามหนั หนา้ หรอื ตงั้ ใกล้บริเวณห้องน้า
- ห้ามต้งั ไวใ้ ต้บันได เพราะเป็นพน้ื ที่สัญจรทาใหไ้ มส่ งบ
- ต้องไม่ตง้ั ให้อยูใ่ ตค้ านบ้าน มิเชน่ นน้ั ความศักด์ขิ องเจ้าทจ่ี ะลดลง
-112-
พิธีกรรมการเลี้ยงผีเจ้าที่ เป็นพิธีกรรมท่ียึดถือปฏิบัติกันมาของคนภาคเหนือ แม้ว่าการดาเนนิ ชวี ติ ของ
คนในหม่บู ้านจะราบร่ืนไมป่ ระสบปัญหาใด ๆ แตก่ ย็ ังไม่ลมื บรรพบรุ ุษที่เคยช่วยเหลือใหม้ ชี ีวติ ท่ปี กติสุขมาตั้งแต่
รุ่นปู่ย่าตายาย ยังคงพบเรือนเล็ก ๆ หลังเก่าต้ังอยู่กลางหมู่บ้านเสมอ เรียกว่า “หอเจ้าที่ประจาหมู่บ้าน” หรือ
“ศาลเจ้าท่ี” เมื่อเวลาเดินทางไปยังหมู่บ้านต่าง ๆ ในชนบท ความเช่ือดังกล่าวส่งผลให้ขนบธรรมเนียม
ประเพณี และพิธีกรรมต่าง ๆ เช่น พ่ออุ๊ย-แม่อุ๊ย เม่ือไปวัดฟังธรรมก็จะประกอบพิธีเล้ียงผี คือ จัดหาอาหาร
คาว-หวาน เซ่นไหว้ สังเวยผีปู่ย่าด้วย แม้ปัจจุบันการนับถือผีที่อาจเปลี่ยนแปลงและเหลือน้อยลง แต่อย่างไร
ก็ตามชาวบา้ นในชุมชนยังคงมกี ารปฏิบัติพธิ ีกรรมการเลย้ี งผกี ันอยู่
ชาวบ้านไม้ยาสันโค้ง หมู่ 7 มีความคิดและเชื่อว่าการต้ังศาลเจ้าท่ีประจาหมู่บ้าน เกิดจากที่ชาวบ้าน
มคี วามคดิ เหน็ ไมต่ รงกนั มกั มีความขัดแย้งกนั อยเู่ สมอ ผ้นู าชุมชนในตอนน้นั คอื ผ้ใู หญจ่ รัล อารนิ ทร์เป็ง ร่วมกนั
ปรึกษาหารือกับชาวบ้าน ให้มีการจัดตั้งศาลเจ้าท่ีประจาหมู่บ้านขึ้น เพื่อเป็นสิ่งยึดเหน่ียวจิตใจของชาวบ้านใน
ชมุ ชนและหมูบ่ า้ นใกลเ้ คียง เปน็ ตน้ มา
๓.๒) ขนั้ ตอน/วธิ ีการ/ดาเนนิ การเกย่ี วกบั ข้อมูล
วิธกี ำรไหวเ้ จำ้ ที่
การไหว้ศาลเจ้าท่ีจะต้องทาความสะอาดสถานที่บริเวณในทุก ๆ เช้า ส่วนของไหว้เจ้าที่ ได้แก่
พวงมาลัยดอกไม้สด น้าเปล่า ผลไม้ และอาหารคาว-หวาน และจุดธูปไหว้เจ้าที่ 5 ดอก พร้อมกับกล่าวคาไหว้
เจ้าที่หรือคาถาไหว้เจ้าที่ ถ้าจะให้ดีควรเปล่ียนของไหว้เจ้าท่ีทุกวันด้วย และอย่าลืมทาความบริเวณศาลเจ้าที่
ด้วยถึงจะได้ผลดี โดยปกติแล้วการไหว้เจ้าท่ีทั้งศาลพระภูมิและศาลเจ้าที่จะไหว้พร้อม ๆ กัน การสักการะ
กราบไหว้ศาลพระภูมินั้นจะต้องทาทุกเช้าก่อนออกจากท่ีพักอาศัย ให้เตรียมจุดธูปบูชา 5 ดอก เทียน ดอกไม้สด
พวงมาลัยสด ถวายน้าเปล่า และอาหารคาว-หวาน ซึ่งอาหารคาว-หวานและผลไม้น้ันจะต้องผลัดเปล่ียน
หมนุ เวียนภายในอาทิตย์ละ 1 ครั้ง หรือไม่เดือนละ 2 คร้ัง มาสวดมนต์และขอพรเพื่อความเปน็ มงคล หลังจาก
ไหวเ้ สร็จกส็ มควรทาความสะอาดบรเิ วณศาลดว้ ยกจ็ ะย่ิงดี
สาหรับบ้านท่ีไม่มีศาลเจ้าท่ี แต่เจ้าของบ้านต้องการไหว้เจ้าท่ี เพ่ือให้เกิดความสบายใจก็สามารถทาได้
ด้วยการนาโต๊ะขนาดพอดีมาตั้งไว้หน้าบา้ น โดยหันหน้าเข้าหาบ้าน หรือบางคนอาจจะวางไว้กลางบ้านเลยกไ็ ด้
จากน้ันนากระถางธูปพร้อมของไหว้เจ้าท่ีมาวางไว้ เพือ่ สักการะกราบไหว้ให้ท่านดแู ลรักษาพ้ืนทแ่ี ห่งน้ี
๔. ช่ือผูท้ ่ีถอื ปฏิบตั ิและผู้สืบทอด
๔.๑ ผ้ทู ่ถี อื ปฏบิ ัติ
ช่ือ ชาวบ้านไมย้ าสันโคง้ หมู่ 7 ตาบลไม้ยา อาเภอพญาเม็งราย จังหวดั เชียงราย
วนั เดือน ปีเกดิ -
ท่อี ยู่ หมู่ 7 ตาบลไม้ยา อาเภอพญาเม็งราย จังหวดั เชียงราย
หมายเลขโทรศัพท์ -
๔.๒ ผูส้ ืบทอด
ชอื่ ชาวบ้านไม้ยาสันโคง้ หมู่ 7 ตาบลไม้ยา อาเภอพญาเม็งราย จังหวดั เชียงราย
วัน เดือน ปีเกดิ -
ที่อยู่ หมู่ 7 ตาบลไมย้ า อาเภอพญาเมง็ ราย จงั หวดั เชยี งราย
หมายเลขโทรศัพท์ -
๕. สถำนะ กำรคงอยู่ ปฏบิ ตั อิ ย่างแพรห่ ลาย เส่ียงต่อการสญู หาย ไมม่ ีปฏบิ ัตแิ ล้ว
๖. รูปภำพภูมปิ ญั ญำทำงวัฒนธรรม/กจิ กรรมทำงภูมิปัญญำทำงวัฒนธรรม
-113-
แบบสำรวจมรดกภมู ิปัญญำทำงวัฒนธรรมจงั หวัดเชียงรำย ประจำปี ๒๕๖๕
สภำวฒั นธรรมจังหวดั เชยี งรำย
อำเภอเวียงแกน่ จังหวดั เชยี งรำย
๑. ชื่อข้อมลู การแตง่ กายชาตพิ นั ธ์ุขมุ
๒. ลักษณะ วรรณกรรมพืน้ บา้ นและภาษา
ศลิ ปะการแสดง
แนวปฏบิ ัติทางสงั คมพิธีกรรม ประเพณี และเทศกาล
อาหาร/ความรูแ้ ละการปฏบิ ัตเิ กย่ี วกับธรรมชาติและจกั รวาล
งานชา่ งฝมี ือดัง้ เดมิ
การละเลน่ พืน้ บ้าน กีฬาพ้ืนบา้ น และศิลปะการตอ่ สปู่ ้องกนั ตวั
๓. รำยละเอยี ดขอ้ มูล
๓.๑) ประวัติความเป็นมาของขอ้ มูล
เคร่ืองแต่งกายของชาวขมนุ ้ันสว่ นใหญ่แล้วยังคงมีความเช่ือที่เช่ือมโยงกับถ่ินฐานบา้ นเกิดเดิมอยู่น่ันคือ
สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ชาวขมุไม่มีวัฒนธรรมในการทอผ้าเอง ผ้าของเคร่ืองแต่งกายไม่ว่าจะ
เป็นชายหรือหญิง ผู้ใหญ่หรือเด็ก จะเป็นพื้นสีดา นิยมเส้ือผ้าสีดาหรือสีกลมเข้ม ผู้หญิงมักจะใช้ซิ่นลายขวาง
แบบไทลื้อ สวมเส้ือผ้าหนา สีน้าเงินเข้มตัวสั้นสาบเส้ือมักนิยมใช้ผ้าแถบสีแดงประดับโดยเหรียญเงิน
โดยเหรียญเงนิ เป็นเหรยี ญทตี่ ขี ึ้นเองหรือเหรียญทมี่ ีตราของฝรงั่ เศสโดยนามาจากสปป.ลาวซง่ึ เป็นถิ่นฐานด้ังเดิม
กอ่ นอพยพมายังบ้านห้วยเอียน สว่ นเคร่ืองประดับอืน่ ๆ กจ็ ะเปน็ ใส่กาไลเงนิ ที่คอ และกาไลขอ้ มอื โพกผ้าสีขาว
หรือสีแดง
ชาวขมผุ ู้ชายปัจจบุ ันมีการแตง่ กายทไี่ มต่ า่ งจากคนพื้นเมือง มักใส่ชดุ เครือ่ งแตง่ กายเฉพาะงานประเพณี
ที่สาคัญเท่านั้น เป็นสัญลักษณ์ของชาวขมุที่มาจากแถบห้วยทราย หลวงพระบาง ในแง่ความหมายของ
สญั ลกั ษณ์สแี ดงนนั้ หมายถงึ การรวมเลอื ดเนอื้ หรอื ความสามคั คกี ันนั่นเอง
แม้ว่าปัจจุบันการแต่งกายท้ังชายและหญิงของชาวขมุจะเปลี่ยนแปลงไป โดยหญิงชาวขมุร้อยละ 95
มีการแต่งกายตามแบบสมัยนิยม ส่วนชายชาวขมุมีการเปล่ียนแปลงไปแต่งกายตามสมัยนิยมแบบชาวพื้นเมือง
ภาคเหนือแบบสมบูรณ์หรือร้อยละ 100 เพราะชาวขมุในประเทศไทยถือว่าเป็นคนไทยสัญชาติไทยแต่มี
เชือ้ สายขมุ การไปติดตอ่ สัมพนั ธก์ ับชนพื้นราบหรือทางการมักดาเนนิ ไปบนฐานของการเป็นชนชาตเิ ดยี วกนั แต่
“อัตลักษณ์” ของชาวขมุจะแสดงออกผ่านเคร่ืองแต่งกายที่ยังปรากฏให้เห็นกันอยู่ โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลปี
ใหม่ ที่จัดขึ้นในช่วงปลายเดือนธันวาคมของทุกปีพื้นท่ีการแสดงออกอย่างเด่นชัดในช่วงเทศกาลนั้น กลายเป็น
พ้ืนท่ีทางสังคมของชาวขมุท่ีสามารถขนเอาวัฒนธรรมด้ังเดิมที่เป็นอยู่และเลือกที่จะแสดงออกมาบาง
สถานการณ์ เพอ่ื เป็นการสง่ เสริมให้เกิดความสามคั คีและการไม่ลืมรากเหง้าตวั ตนของตวั เอง
๓.๒) ข้นั ตอน/วิธีการ/ดาเนินการเก่ียวกับขอ้ มูล
การสอบถามจากผู้มคี วามรแู้ ละประสบการณ์
-114-
๔. ชอ่ื ผทู้ ี่ถอื ปฏิบัตแิ ละผ้สู ืบทอด
๔.๑ ผูท้ ่ีถอื ปฏิบัติ
ช่ือ นายนพพล เชือ้ น้อย
วนั เดอื น ปีเกิด -
ท่ีอยู่ หมู่ ๖ ตาบลหล่ายงาว อาเภอเวียงแกน่ จังหวดั
หมายเลขโทรศัพท์ ๐๖๒ ๒๔๘ ๖๘๕๙
๔.๒ ผู้สบื ทอด
ช่อื -
วนั เดือน ปีเกดิ -
ท่อี ยู่ -
หมายเลขโทรศัพท์ -
๕. สถำนะ กำรคงอยู่ ปฏบิ ตั ิอยา่ งแพรห่ ลาย เส่ยี งตอ่ การสูญหาย ไม่มีปฏิบัติแลว้
๖. รูปภำพภูมปิ ัญญำทำงวัฒนธรรม/กจิ กรรมทำงภูมปิ ัญญำทำงวัฒนธรรม
ชดุ แตง่ กายชาติพนั ธุ์ขมุ จะเปน็ พื้นสดี าหรือสกี ลม
เขม้ ผู้หญิงมักจะใช้ซ่ินลายขวางแบบไทลือ้ สวมเส้อื ผา้
หนา สีนา้ เงินเข้มตัวสนั้ สาบเสื้อมกั นิยมใช้ผ้าแถบสีแดง
โพกผ้าสีขาว หรือสีแดง
ชาวขมผุ ูช้ ายปจั จบุ นั มกี ารแต่งกายทไี่ ม่ต่างจากคน
พื้นเมือง มกั ใส่ชดุ เครอ่ื งแตง่ กายเฉพาะงานประเพณีท่ี
สาคญั เทา่ นน้ั
ลกั ษณะเสอื้ พืน้ สีดา แทบสแี ดง ลักษณะผา้ ถงุ ของชาติพนั ธุข์ มุ ลักษณะการโพกหัวด้วยผ้าสแี ดง
-115-
แบบสำรวจมรดกภมู ปิ ญั ญำทำงวัฒนธรรมจงั หวดั เชยี งรำย ประจำปี ๒๕๖๕
สภำวฒั นธรรมจงั หวดั เชยี งรำย
อำเภอเวียงชัย จังหวัดเชียงรำย
๑. ช่ือข้อมูล การทาบายศรี
๒. ลกั ษณะ วรรณกรรมพื้นบ้านและภาษา
ศลิ ปะการแสดง
แนวปฏบิ ตั ทิ างสังคมพธิ ีกรรม ประเพณี และเทศกาล
อาหาร/ความร้แู ละการปฏิบตั เิ ก่ียวกับธรรมชาตแิ ละจกั รวาล
งานชา่ งฝมี ือดัง้ เดมิ
การละเล่นพน้ื บา้ น กีฬาพ้นื บ้าน และศลิ ปะการต่อสปู่ ้องกันตวั
๓. รำยละเอยี ดขอ้ มูล
๓.๑) ประวัตคิ วามเป็นมาของข้อมูล
บายศรีภาคเหนือเปน็ ภูมิปัญญาท้องถ่ินทส่ี ืบทอดกันมาแต่โบราณนิยมใช้ในพิธีสู่ข้าวเอาขวญั ฮอ้ งขวัญ
หรือสู่ขวัญ ใช้กับบุคคลธรรมดาท่ัวไป เรียกว่า การฮ้องขวัญ หรือ สู่ขวัญ ประเพณีบายศรีสู่ข้าวเอาขวัญ หรือ
การฮ้องขวัญของภาคเหนือเป็นประเพณีมงคลที่ต้องการให้ผู้ได้รับการทาบายศรีมีความสุขสวัสดี เพราะขวัญ
ได้รับการผูกไว้ไม่ให้หนีไปไหน คนที่มีขวัญอยู่กับตัวย่อมเป็นคนมีกาลังใจดี มีสภาพจิตใจมั่นคงเข้มแข็ง ในสมัย
โบราณ จึงให้ทาการสู่ข้าวเอาขวัญหรือฮ้องขวัญ พิธีกรรมในการสู่ข้าวเอาขวัญหรือฮ้องขวัญนั้น ปู่อาจารย์จะ
เป็นเจ้าพิธีหรือผู้ทาพิธี โดยนาบายศรีมาวางตรงหน้าผู้รับการเรียกขวัญ เพื่อปัดเคราะห์ไล่เสนียดจัญไร แล้ว
กล่าวประวัตผิ ู้ได้รับการทาบายศรีเรียกขวัญ ๓๒ ขวัญ มัดมือให้โอวาทแก่ผูร้ ับบายศรี แล้วอวยพร จากน้ันผู้รับ
บายศรีมอบของแกป่ ่อู าจารย์
นางละเอียด ปันแปง เป็นผู้มีความชื่นชอบในศิลปะพ้ืนบ้านหลายแขนงมาตั้งแต่เด็ก ฝักไฝ่ในการ
สืบสานศิลปะพื้นบ้านล้านนาหลายสาขา ช่วยเหลืองานกิจกรรมในชุมชน มาโดยตลอด มีความเช่ียวชาญด้าน
การประดษิ ฐ์บายศรที ุกชนิด โดยได้ศึกษาเรียนรสู้ บื ทอดมาต้ังแต่เป็นเด็กและ ปฏิบัตสิ ืบตอ่ เรือ่ ยมาจนถึงปัจจุบัน
๓.๒) ขน้ั ตอน/วธิ ีการ/ดาเนินการเกีย่ วกับขอ้ มูล
ข้ันตอน/วิธที ำ
1. เอาใบตองท่ีมีลกั ษณะแก่หรืออ่อนทส่ี ดุ เพราะจะทาใหเ้ วลาขดั น้ามันมะกอกมีสที เี่ งางาม
2. นาใบตองแลว้ ไปเช็ดทาความสะอาด แล้วนาตองไปแชใ่ นน้า
3. เอาใบตองมาฉีกใหเ้ ท่า ๆ กัน เพ่ือจะทาเปน็ รูปร่างตา่ ง ๆ ของบายศรี
4. หมนุ นิ้วแล้วใชท้ ่เี ยบ็ ลวดกระดาษเยบ็ และหมนุ น้วิ ตามขนาดทต่ี อ้ งการ
5. ใชล้ วดแนบกับใบตอง พับตามขนาดทต่ี อ้ งการ แลว้ นาไปแช่น้า โดยใช้ยาทันใจผสมกับนา้ มนั
มะกอก ยาทันใจ 1 - 2 ซอง นา้ มนั 1 ขวดเลก็ เทใส่รวมกนั
6. ตัดโฟมตามขนาดของพานแล้วก็เอาใบตองทที่ ามาประกอบเข้าด้วยกนั
7. เริ่มประกอบจากกลางขึน้ บน แลว้ นาพานอีกอันมาวางขา้ งบนนาโฟมทีต่ ดั มาใสพ่ าน จากนน้ั เอา
ใบตองมาประกอบเขา้ ดว้ ยกัน
8. พับใบตองไปในตัวเฉพาะ ไมต่ อ้ งแยกทา
9. พับใบตองในรูปลกั ษณะตา่ ง ๆ กอ่ นแล้วค่อยมาประกอบเข้าด้วยกนั ลักษณะของบายศรีแต่ละงาน
งานบวช จะเป็นดอกไม้สีขาว ดอกพุด งานแต่ง ดอกรักเปน็ หลัก และดอกดาวเรอื ง งานบวงสรวง ดอกไมส้ ีขาว
และดอกดาวเรอื ง ใช้เวลาการทา 2 วัน
-116-
วัสด/ุ อปุ กรณ์
- พานบายศรี
- โฟม
- ลวดเย็บกระดาษ
- ใบตอง
- ดอกไม้ตา่ ง ๆ
๔. ชื่อผทู้ ่ีถือปฏิบตั แิ ละผสู้ บื ทอด
๔.๑ ผู้ท่ีถอื ปฏบิ ัติ
ชอ่ื นางละเอยี ด ปันแปง
วัน เดือน ปีเกดิ 1 เมษายน 2478
ท่ีอยู่ 65 หมู่ 6 ตาบลเวยี งเหนือ อาเภอเวยี งชยั จังหวัดเชยี งราย
๔.๒ ผู้สบื ทอด
ชอื่ นางวันเพญ็ อุดมยศ
วนั เดือน ปีเกิด 3 มนี าคม 2496
ที่อยู่ 67 หมู่ 6 ตาบลเวียงเหนือ อาเภอเวยี งชยั จงั หวดั เชยี งราย
หมายเลขโทรศัพท์ 081 884 5509
๕. สถำนะ กำรคงอยู่ ปฏิบตั อิ ย่างแพรห่ ลาย เสย่ี งต่อการสญู หาย ไม่มปี ฏิบตั แิ ลว้
๖. รปู ภำพภมู ปิ ญั ญำทำงวัฒนธรรม/กิจกรรมทำงภูมิปัญญำทำงวฒั นธรรม
-117-
แบบสำรวจมรดกภมู ิปญั ญำทำงวัฒนธรรมจงั หวัดเชียงรำย ประจำปี ๒๕๖๕
สภำวัฒนธรรมจงั หวัดเชยี งรำย
อำเภอเวียงชยั จงั หวดั เชยี งรำย
๑. ชื่อข้อมลู ด้านประเพณแี ละวัฒนธรรม (บุญบ้งั ไฟ)
๒. ลกั ษณะ วรรณกรรมพนื้ บ้านและภาษา
ศลิ ปะการแสดง
แนวปฏบิ ัติทางสงั คมพิธีกรรม ประเพณี และเทศกาล
อาหาร/ความรู้และการปฏิบตั เิ กย่ี วกบั ธรรมชาติและจักรวาล
งานช่างฝมี อื ด้งั เดมิ
การละเล่นพ้นื บ้าน กีฬาพนื้ บา้ น และศิลปะการต่อส่ปู ้องกนั ตวั
๓. รำยละเอียดข้อมลู
๓.๑) ประวตั ิความเป็นมาของข้อมลู
นายทองใบ ตรธี วชั เกดิ เม่ือวันท่ี 22 ตลุ าคม 2505 ปัจจุบัน อายุ 59 ปี เปน็ บุตรนายบุญเรยี น -
นางไว ตรธี วชั อาศยั อยบู่ ้านเลขที่ 23 หมู่ที่ 1 บ้านสมานมิตร ตาบลดอนศลิ า อาเภอเวียงชยั จงั หวัดเชียงราย
ประกอบอาชีพเกษตรกรรม เปน็ คนเชอ้ื สายอีสาน
นายทองใบ ตรีธวัช เกิดในชุมชนคนฮักอีสานที่มีวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ ไม่ว่าจะเป็นโปงลาง หรือ
จุดบั้งไฟ จึงได้เรียนรู้วิธีการทาบั้งไฟจากผู้ใหญ่บ้าน และได้หัดทาบั้งไฟมาเร่ือย ๆ ได้นามาจุดในงานบุญบั้งไฟ
ของหมู่บ้านเป็นประจาทุกปี และยังมีการสืบทอดภูมิปัญญาท่ีตนได้เรียนรู้จากผู้มีประสบการณ์รุ่นก่อนให้แก่
เด็กในชุมชน นายทองใบซึ่งได้รับการยอมรับจากคนในชุมชนว่าเป็นผู้มีภูมิปัญญาด้านการทาบั้งไฟ ถึงแม้จะมี
อายุไม่มากนัก แต่มีความต้องการท่ีจะอนุรักษ์ภูมิปัญญาท่ีเป็นของชาวอีสานเอาไว้ คิดว่าบ้ังไฟเป็นสิ่งท่ีใช้
สักการะเทวดาในการขอพรให้ฝนฟ้าตกต้องตามฤดกู าล สร้างความอุดมสมบูรณ์ให้แก่พืชพันธ์ุธญั ญาหารใหแ้ ก่
คนในพืน้ ที่ ซึง่ การจดุ บ้งั ไฟเป็นประเพณีทีป่ ฏิบัติต่อกันมาหลายช่ัวอายุคนจงึ ควรสืบทอดไว้
๓.๒) ขัน้ ตอน/วิธกี าร/ดาเนินการเกย่ี วกบั ข้อมลู
กำรทำบัง้ ไฟ วธิ ีกำรถำ่ ยทอดโดยสงั เขป
1. ประวตั บิ ั้งไฟ
บุญบัง้ ไฟ หรอื บุญเดือนหก ทาเพือ่ เป็นการบชู าเทพยดาอารักษห์ ลักบ้าน หลักเมอื ง เพอ่ื ให้ทาไร่ทานา
ได้อุดมสมบูรณ์ และบูชาพญาแถนผู้ให้ฝนด้วยบ้ังไฟ ความหมายบ้ังหรือกระบอกที่ตอกด้วย หม่ือ หมายถึง
เอากามะถันประกอบดว้ ยดนิ ประสวิ คว่ั ผสมกบั ถ่านตาใหล้ ะเอยี ดก่อนนาไปอัดแนน่
สาเหตุที่ทา เพื่อเป็นการสักการะบูชาพญาแถนซึ่งคนลาวหรือคนไทยอีสานเช่ือว่าเป็นเทพเจ้าแห่งฝน
จุดบงั้ ไฟขน้ึ ไปบูชาเทพเจา้ องคน์ ้ีแล้วจะบนั ดาลให้ฝนตกลงมาตามฤดแู ละมปี ริมาณเพียงพอแก่การปลูกพืชพันธ์ุ
ธัญญาหารมีเรื่องเลา่ ว่าและบนสวรรค์ช้ันฟ้ามีเทพบุตรนามว่า วัสสกาลเทพบุตร เทพเจ้าองค์นี้เป็นผู้ดูแลน้าฟา้
น้าฝนจะตกหรือไม่ก็อยทู่ ่ีเทพเจ้าองค์นี้ ใครทาถูกทาชอบท่านก็จะประทานน้าฝนให้ ถูกไม่ชอบ ท่านก็ไม่ให้ ส่ิง
ทท่ี ่านเทพเจา้ องค์นีช้ อบคือการบูชาไฟ ใครบูชาไฟถือว่าบชู าท่านจะทาให้ฟา้ ฝนตกลงมาตามฤดูกาลอาศยั เหตุนี้
จึงพากนั ทาการบชู าไฟดว้ ยการทาบ้ังไฟคือเปน็ ประเพณีทาบุญบ้ังไฟมาจนทุกวันน้ี
-118-
บั้ง แปลว่า ไมก้ ระบอก บัง้ ไฟเปน็ ดอกไม้เพลิงทาจากกระบอกไม้ไผ่ท่ีอัดดนิ ปืนเพื่อการจดุ ระเบดิ ให้พุ่ง
ข้นึ ไปในอากาศเปน็ การบวงสรวงพระยาแถนโดยมีขนาดท่นี ยิ มอยู่ 3 ขนาดคอื
1 บั้งไฟธรรมดา บรรจุดนิ ปนื ไมเ่ กิน 12 กโิ ลกรมั
2 บั้งไฟหมน่ื บรรจุดินปนื เกิน 12 กิโลกรมั
3 บงั้ ไฟแสนบรรจุดนิ ปนื ถงึ ขนาด 120 กโิ ลกรัม
2. สตู รกำรทำบง้ั ไฟ
2.1 บ้งั ไฟหำง เป็นบ้งั ไฟธรรมดาท่ีมเี ห็นกันอยู่ทัว่ ไป
วสั ดุ-อุปกรณ์
1. ดินประสวิ
2. ถ่าน
3. ท่อ PVC
4. ไม้ไผ่
5. ลวด
6. กาว
7. เชอื กฟาง
8. เครอ่ื งบด
วิธีทำ
1. จดั เตรยี มทอ่ PVC ตามขนาดท่ีเราต้องการ (2 นวิ้ ) ยาว 90 ซม.
2. ตัดไม้ไผ่นามาทาเป็นหางขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 3.5 cm ยาว 280 cm นามาใส่รางต้มจนสุก
เพ่อื ใหค้ วามเหนยี วและทนหลังจากน้ันกน็ าไปตากแดดใหแ้ หง้ ๆ
3. จัดเตรียมถ่านและดินประสิวในอัตราสว่ น ก็คือดินประสิว 4 กิโลกรัม ถ่าน 0.9 กิโลกรัม นามา
ผสมใหเ้ ข้ากันโดยถ่านต้องบดใหล้ ะเอยี ด ดนิ ประสิวเราจะใช้สวิงกรอง แล้วนาส่วนผสมท่ไี ดม้ าผสมให้เข้ากัน
4.นาสว่ นผสมทีไ่ ดไ้ ปอดั เขา้ ในท่อ PVC ทเี่ ตรยี มไว้
5. นาบัง้ ไฟที่อดั เสร็จแล้วมาเจาะรู
6. นาลวดมาติดหางทเี่ ตรยี มไวก้ บั บ้งั ไฟเป็นอนั เสร็จพรอ้ มจดุ
2.2 บั้งไฟปอกเปลือก เป็นบ้ังไฟท่ีไม่มีบั้ง มีแต่ส่วนผสมที่อัดเรียบร้อยแล้วผูกติดกับหางเม่ือจุด
ขึ้นไปแลว้ จะเหลือเพยี งหางทจี่ ะหลน่ ลงมาสู่พ้นื
วัสดุ-อุปกรณ์
1. ดนิ ประสิว
2. ถา่ น
3. ทอ่ PVC ขนาด 3 นวิ้
4. ลวด
5. กาว
6. เชือก
7. ตดั ไมไ้ ผ่นามาทาเป็นหาง ขนาดเสน้ ผ่าศนู ยก์ ลาง 4 ซ.ม. ยาว 350 ซ.ม.
8. กระทะ
9. เคร่อื งบด
-119-
วิธที ำ
1. จดั เตรยี มทอ่ PVC ตามขนาดที่เราตอ้ งการ (3 น้วิ ) ยาว 100 ซม.
2. ตัดไม้ไผ่นามาทาเป็นหางขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 4 cm ยาว 350 cm นามาใส่ รางต้มจนสุก
เพอ่ื ใหค้ วามเหนยี วและทนหลงั จากน้ันก็นาไปตากแดดใหแ้ ห้งๆ
3. ตวงสว่ นผสมของดนิ ประสวิ และถา่ น คือ 1 ต่อ 3 ตามลาดบั แต่อย่าผงึ่ นามาผสมกัน จดั เตรยี ม
ถา่ นและดนิ ประสวิ ในอตั ราส่วน กค็ อื ดินประสิว 4 กิโลกรัมถ่าน 0.9 กิโลกรมั นามา ผสมใหเ้ ขา้ กันโดยถ่านตอ้ ง
บดให้ละเอยี ด ดนิ ประสวิ เราจะใชส้ วิงกรอง แลว้ นาสว่ นผสมที่ ได้มาผสมใหเ้ ข้ากนั
4. นากระทะมาใสน่ า้ มาตง้ั ไฟจนเดอื ดแล้วนาดนิ ประสิวลงไป
5. เมื่อดินประสิวละลายหมดแล้ว เรากน็ าถ่านที่เตรยี มไวล้ งไปพร้อมลดไฟลง
6. ทาให้สว่ นผสมนน้ั เข้ากันจนนา้ เกือบแห้งแล้วปิดไฟ นาสว่ นผสมนั้นไปตากใหแ้ ห้ง
7. นาส่วนผสมนนั้ มาบดให้ละเอียด ภาคอีสานเรียกว่า “ขี้เกยี สุก”
8. นาส่วนผสมน้นั มาอัดเข้าในท่อ PVC ท่เี ตรียมเอาไว้
9. นาบ้งั ไฟมาเจาะรู หลังจากนัน้ กใ็ ช้มีดผ่าท่อ PVC ออก
10. นามาตดิ หางเปน็ อันเสรจ็ พรอ้ มจุด
๔. ชอ่ื ผทู้ ่ีถอื ปฏิบตั ิและผูส้ บื ทอด
๔.๑ ผูท้ ถ่ี ือปฏิบตั ิ
ชอ่ื นายทองใบ ตรีธวัช
วัน เดอื น ปีเกดิ 22 ตลุ าคม 2505
ท่อี ยู่ 23 หมูท่ ี่ 1 บ้านสมานมิตร ตาบลดอนศลิ า อาเภอเวยี งชยั จงั หวดั เชียงราย
๕. สถำนะ กำรคงอยู่ ปฏิบัติอยา่ งแพร่หลาย เสย่ี งต่อการสญู หาย ไมม่ ีปฏบิ ตั ิแลว้
๖. รปู ภำพภมู ิปัญญำทำงวัฒนธรรม/กจิ กรรมทำงภูมปิ ัญญำทำงวัฒนธรรม
-120-
แบบสำรวจมรดกภมู ปิ ญั ญำทำงวฒั นธรรมจังหวดั เชยี งรำย ประจำปี ๒๕๖๕
สภำวัฒนธรรมจงั หวดั เชยี งรำย
อำเภอพญำเมง็ รำย จังหวดั เชยี งรำย
๑. ชื่อข้อมลู ตานกว๋ ยสลากบ้านหว้ ยกา้ งรัฐ
๒. ลกั ษณะ วรรณกรรมพนื้ บ้านและภาษา
ศลิ ปะการแสดง
แนวปฏบิ ตั ิทางสังคมพธิ ีกรรม ประเพณี และเทศกาล
อาหาร/ความรู้และการปฏบิ ัตเิ กีย่ วกับธรรมชาตแิ ละจักรวาล
งานช่างฝมี ือด้งั เดมิ
การละเล่นพน้ื บา้ น กีฬาพืน้ บ้าน และศิลปะการต่อสู่ป้องกันตวั
๓. รำยละเอยี ดขอ้ มลู
๓.๑) ประวัติความเป็นมาของข้อมูล
ประเพณีตานก๋วยสลาก เป็นประเพณีท่ีมีมาต้ังแต่ครั้งพุทธกาลได้มีการปฏิบัติสืบต่อกันมายาวนาน
เร่ืองเล่ามีอยู่ว่า มนี างยักษิณีตนหนึ่งมกั จะเบยี นเบียนผ้คู นอยเู่ สมอ ครน้ั ไดฟ้ ังพระธรรมคาสอนของพระพุทธเจ้า
แล้วนางก็บังเกิดความเล่ือมใสศรัทธา นิสัยใจคอท่ีโหดร้ายก็กลับเป็นผู้เอื้อารีแก่คนทั่วไปจนผู้คนต่างพากัน
ซาบซง้ึ ในไมตรขี องนางยกั ษิณตี นน้ัน ถึงกับนาสงิ่ ของมาแบ่งปันให้ แต่เนื่องจากสง่ิ ของที่ไดร้ บั มจี านวนมาก นาง
ยักษิณีจึงนาสิ่งของเหล่านั้นมาทาเป็นสลากภัต แล้วให้พระสงฆ์/สามเณร จับสลากด้วยหลักอุปโลกนกรรม คือ
ส่งิ ของทถี่ วายมีทั้งของมีราคามากและมรี าคาน้อยแตกต่างกนั ไปตามแตโ่ ชคของผู้ได้รบั การถวายแบบจบั สลาก
ของนางยกั ษิณี จึงนับเปน็ ครั้งแรกของประเพณที าบญุ สลากภตั ในพระพุทธศาสนา
ประเพณีตานก๋วยสลาก เป็นการถวายทานโดยไม่เจาะจงผู้รับ จะทากันต้ังแต่วันเพ็ญเดือน 12 เหนือ
(ขนึ้ 15 คา่ เดือน 10 ใต้) จนถึงเดือนเกี๋ยงดบั (แรม 15 คา่ เดือน 11 ใต้)
ประเพณีตานก๋วยสลากภัต เป็นประเพณีในพระพุทธศาสนาท่ีสาคัญอย่างหนึ่งในล้านนาไทย
ซง่ึ สบื เน่อื งมาจากค่านยิ มท่ีสืบทอดมาชา้ นาน คือ
1. ประชาชนวา่ งจากภารกจิ การทานา
2. ประชาชนหยดุ พักไมเ่ ดนิ ทางไกลเพราะเป็นฤดุฝน
3. พระสงฆ์จาพรรษาอยูอ่ ย่างพรกั พรอ้ ม
4. ผลไม้มากและกาลังสุก เช่น สม้ โอ ส้มเกลีย้ ง กล้วย ออ้ น ฯลฯ
5. ไดโ้ อกาสสงเคราะหค์ นยากจน เป็นสังฆทาน
6. ถือวา่ มอี านิสงส์แรง คนทาบุญจะมโี ชคลาภ
7. มีโอกาสหาเงินและวัสดบุ ารุงวดั ก๋วยสลาก แบง่ เป็น 2 ประเภท คือ
- สลากน้อย หรือ กว๋ ยเลก็ ใช้อุทิศแด่ผตู้ าย หรือเปน็ กุศลมากข้ึน
- สลากก๋วยใหญ่ หรือ สลากโชค หรือเป็นสลากท่ีบรรจุในก๋วยใหญ่ใช้เป็นมหากุศลสาหรับบุคคล
ทมี่ ีกาลงั ศรทั ธา และมเี งนิ ทองมาก ทาถวายเพื่อเป็นปัจจยั ภายหนา้ ให้มีบุญกศุ ลมากข้ึน
-121-
๓.๒) ขั้นตอน/วธิ ีการ/ดาเนินการเกย่ี วกับขอ้ มลู
พธิ ีกรรมทีจ่ ดั ทาในประเพณีตานก๋วยสลาก มี 2 วัน คือ
1. วันก่อนทาพิธตี านกว๋ ยสลาก 1 วนั เรียกวา่ วันดา เป็นทช่ี าวบ้านตา่ งก็จัดเตรยี มสงิ่ ของเพ่ือนามาใส่
ในก๋วยสลาก (ชะลอม) โดยผู้ชายจะตัดไม้มาจักตอกเพ่ือสานก๋วยสลาก (ชะลอม) ไว้หลายๆ ใบตามศรทั ธากาลังทรพั ย์
ส่วนผู้หญิงจะจัดเตรียมสิ่งของที่จะนามาใส่ในก๋วยสลาก เช่น ข้าวสาร พริกแห้ง หอม กระเทียม เกลือ กะปิ
น้าปลา ขนม เมี้ยงบุหร่ี ไม้ขีดไฟ เทียนไข สีย้อมผ้า ผลไม้ รวมท้ังเครื่องใช้ต่างๆ แล้วบรรจุใส่ลงในก๋วยสลาก
ท่ีกรุด้วยใบตอง ใบหมากผู้ หมากเมีย ใส่ยอดเงิน คือ ธนบัตรผู้ติดไม้เสยี บไว้ในก๋วยให้ส่วนยอดหรือธนบตั รโผล่
ออกมาพ้นก๋วย แล้วรวบปากก๋วยสลาก ตกแต่งด้วยดอกไม้ “ยอด” หมายถึงธนบัตรท่ีใส่น้ันไม่จากัดว่าจะเป็น
จานวนเท่าใด ส่วนสลากโชคหรือสลากก๋วยใหญ่ ส่ิงของท่ีจะนาบรรจุใส่ในก๋วยเช่นเดียวกับสลากน้อย
แต่ปริมาณมากกว่าหรือพิเศษกว่า สมัยก่อนจะทาเป็นรูปเรือหลังเล็กมีข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ เช่น หม้อข้าว
หม้อแกง ถ้วยแกง ถ้วยชาม เคร่ืองนอน เครื่องนุ่งห่ม อาหารสาเร็จรูป มีต้นกล้วย ต้นอ้อย ผูกติดไว้ “ยอด”
หรือธนบัตรจะใส่มากกว่า สลากน้อย กว๋ ยสลากทุกอนั ต้องมี “เส้นสลาก” ซงึ่ ทาจากใบลาน ปัจจุบันใชก้ ระดาษ
มาตดั เป็นแผ่นยาวๆ เขยี นชอ่ื เจ้าของกว๋ ยไว้ และยงั บอกอกี ว่าจะอุทิศไปให้ใคร เช่น สลากข้างซองน้ี หมายถึงผู้
ข้า นาย/นาง...ขอตานไปถึงกับตนภายหน้า (ถวายส่ิงของเพื่อเป็นกุศลแก่ตนเองเม่ือล่วงลับไปแล้ว ” และอีก
แบบหน่ึง คือ สลากข้างซองนี้ หมายถึง ผู้ข้า นาย/นาง...ขอตานไปถึงนาย/นาง...(ช่ือผู้ตาย) ผู้เป็น...(ความ
เกี่ยวข้องกับผู้ให้ตาน) ที่ล่วงลับไปแล้ว ในวันตานสลาก จะมีญาติพ่ีน้องเพ่ือนฝูงจากต่างหมู่บ้านท่ีรู้จักกัน
มารว่ มทาบญุ ด้วย โดยนาเงินหรือผลไม้ มาร่วมทาบญุ กบั เจ้าของบา้ นทตี่ านก๋วยสลากด้วย
2. วันตานสลาก ชาวบ้านนาก๋วยสลากท่ีจัดทาแล้วไปวัด และเอา “เส้นสลาก” ท้ังหมดไปรวมกัน
ที่หน้าพระประธานในวิหาร จะมีการฟังเทศน์อย่างน้อย 1 กันณฑ์ โดยมีผู้รวบรวมสลากมักจะเป็นมัคทายก
(แก่วัด) นาเส้นสลากทั้งหมดมารวมกันแล้วแบ่งเส้นสลากท้ังหมด เป็น 3 ส่วน (กอง) ส่วนหนึ่งเป็นของพระเจ้า
(ของวดั ) อกี 2 สว่ น เฉลยี่ ไปตามจานวนพระภิกษสุ ามเณรทน่ี ิมนต์มารว่ มในงานทาบุญ หากมีเศษเหลือมักเป็น
ของพระเจ้า (วัด) ทั้งหมด พระภิกษุสามเณรเมื่อได้ส่วนแบ่งแล้ว จะยึดเอาชัยภูมิแห่งหนึ่งในวัดและออกสลาก
คือ อ่านชื่อเส้นสลากดังๆ หรือให้ลูกศิษย์ (ขะโยม) ที่ได้ตะโกนตามข้อความท่ีเขียนไว้ในเส้นสลากหรือ
เปลี่ยนเป็นคาสั้นๆ เช่น ศรัทธา นายแก้ว นามวงศ์ มีน่ีเน้อ บางรายจะหิ้ว “ก๋วย” ไปตามหาเส้นสลากของตน
ตามลานวัด เมื่อพบสลากของตนแล้วก็จะนาไปถวายพระสงฆ์ พระสงฆ์จะอ่านข้อความในเส้นสลากและ
อนุโมทนาให้พรแล้วคืนเส้นสลากนั้นให้เจ้าของสลากไป เจ้าของสลากจะนาไปรวมกันในวิหาร เมื่อเสร็จแล้ว
มัคทายกวัด (แกว่ ัด) จะนาเอาเสน้ สลากน้ันไปเผาทงิ้ เสีย ถือเป็นอนั เสร็จพิธกี รรม ตานกว๋ ยสลาก ประจาปี
๔. ชือ่ ผู้ที่ถือปฏิบตั ิและผ้สู บื ทอด
๔.๑ ผทู้ ถ่ี อื ปฏบิ ัติ
ช่อื คนในชุมชนบา้ นหว้ ยกา้ งรฐั หมู่ 6
วัน เดือน ปีเกิด -
ท่ีอยู่ หมู่ 6 ตาบลไม้ยา อาเภอพญาเมง็ ราย จังหวัดเชยี งราย
หมายเลขโทรศัพท์ -
๔.๒ ผู้สืบทอด
ชือ่ คนในชุมชนบ้านหว้ ยกา้ งรฐั หมู่ 6
วัน เดอื น ปเี กดิ -
ท่ีอยู่ หมู่ 6 ตาบลไม้ยา อาเภอพญาเม็งราย จังหวัดเชยี งราย
หมายเลขโทรศัพท์ -
๕. สถำนะ กำรคงอยู่ ปฏบิ ัติอยา่ งแพรห่ ลาย เสีย่ งตอ่ การสูญหาย ไม่มีปฏิบตั ิแล้ว
-122-
๖. รูปภำพภูมปิ ญั ญำทำงวัฒนธรรม/กจิ กรรมทำงภูมปิ ัญญำทำงวัฒนธรรม
-123-
แบบสำรวจมรดกภมู ปิ ัญญำทำงวัฒนธรรมจังหวดั เชยี งรำย ประจำปี ๒๕๖๕
สภำวฒั นธรรมจงั หวัดเชยี งรำย
อำเภอแม่ลำว จงั หวดั เชยี งรำย
๑. ช่ือข้อมูล ตาพย่านาเจ่อ นาบทือ ยา่ ง (ความเชอ่ื ในเรื่องการนับถือหอเสื้อบา้ น)
๒. ลกั ษณะ วรรณกรรมพ้นื บา้ นและภาษา
ศลิ ปะการแสดง
แนวปฏิบตั ิทางสังคมพิธีกรรม ประเพณี และเทศกาล
อาหาร/ความรู้และการปฏบิ ตั เิ กยี่ วกบั ธรรมชาติและจักรวาล
งานช่างฝมี อื ดั้งเดิม
การละเล่นพ้นื บา้ น กีฬาพื้นบา้ น และศลิ ปะการตอ่ สปู่ ้องกนั ตัว
๓. รำยละเอียดขอ้ มลู
๓.๑) ประวัติความเป็นมาของขอ้ มลู
ชนเผ่าพื้นเมืองบีซูในอดีตนั้น เป็นชนเผ่าท่ีนับถือผีบรรพบุรุษ โดยมีความเชื่อเก่ียวกับพิธีไหว้ผีบรรพบุรุษ
สืบทอดมา แม้ปัจจุบันเป็นกลุ่มชาติพันธุ์หน่ึงท่ีนับถือพุทธศาสนาอย่างเคร่งครัดแต่ก็ยังมีพิธีกรรมเก่ียวกับการไหว้
ผีบรรพบุรุษอยูเ่ ชน่ เดิม
ความเชื่อในเรื่องการนับถือหอเสื้อบ้าน ชาวบีซูมีการนับถือหอเส้ือบ้านโดยมีความเช่ือว่ามีความศักดิ์สิทธิ์
สามารถช่วยดูแลรักษาให้คนเราอยู่รอดปลอดภัย เช่น บ่าวสาวท่ีแต่งงานได้ลูกคนแรกก่อน ต้องถวายหมู ๑ ตัว
ท่ีหอเส้ือบ้านเพ่ือขอพรให้ลูกท่ีเกิดออกมาให้มีร่างกายสมบูรณ์ แข็งแรง มีสติปัญญาที่ดีและมีร่างกายครบท้ัง
๓๒ ประการ ให้ดูแลเล้ียงดูง่ายหรือเวลาทีลูกหลานไปเรียนหนังสือต่างจังหวัดต้องไปไหว้หอเส้ือบ้านท่ีบ้านปู่ต้ัง ซึ่ง
เปน็ ผูด้ แู ลหอเสื้อบ้าน เพ่อื ใหเ้ ดินทางมีความปลอดภัย และโชคดีเวลาออกไปทางานต่างจังหวัดต้องขอพรเหมือนกัน
เพ่ือให้เดินทางโดยมีความปลอดภัยไปทางานให้ประสบความสาเร็จมีความเจริญรุ่งเรืองนอกจากน้ันในปีหน่ึง
ชาวบ้านก็ต้องมีการถวาย ๓ คร้ัง คือ เดือน ๔ หน่ึงคร้ัง เดือน ๘ หนึ่งคร้ัง เดือน ๑๒ หนึ่งครั้งโดยจะมีการถวายไก่
สรุ าขาว ขา้ วต้มมดั ผลไม้ และของหวาน
๓.2) ข้นั ตอน/วิธีการ/ดาเนินการเก่ียวกับขอ้ มูล
กำรจดั ต้ังหอเส้ือบ้ำน
๑) การเสย่ี งทายเพอื่ เลือกสถานทส่ี รา้ งหอ
- การเสีย่ งทายเพ่อื คัดเลอื กสถานทีจ่ ัดตงั้ หอเส้ือบ้านนั้น ผทู้ ีจ่ ะเสยี่ งทายต้องเป็นผู้เฒา่ ผ้แู ก่ในหมู่บา้ น
- กอ่ นทจ่ี ะทาการเส่ียงทายตอ้ งจดั เตรียมข้าวเปลอื กเมลด็ ท่ีสมบรู ณใ์ ส่ภาชนะ
- จากน้นั ยกขึ้นเหนือหัวเพ่ือตัง้ สจั จะอธษิ ฐานถามปพู่ ญาแต่ละทศิ วา่ ปู่พญาชอบอยูท่ ิศไหน
- เอาขนั ที่ใส่เมล็ดพนั ธุข์ า้ วยกขึ้นเหนือหัว ถ้าชอบทิศใดใหเ้ ก็บเมลด็ พันธ์ุข้าวได้เป็นคู่ เก็บได้ ๔ คู่
ก็ถือวา่ ตามน้ัน
๒) ลกั ษณะของหอเสือ้ บ้าน
๒.๑ หอเสื้อบา้ นหอใหญ่
- การสร้างหอเสื้อบา้ นหอใหญ่ ในสมยั ก่อนทาด้วยเสาไม้เนือ้ แข็ง นอกนัน้ ก็เป็นไม้ไผ่ เสาทใ่ี ชใ้ น
การสร้าวหอเสอ้ื บ้านหอใหญจ่ ะใช้เสา ๖ ต้น หลงั คามงุ ด้วยหญ้าคา แตใ่ นสมยั ปจั จบุ ันเปลย่ี นเป็นเสาปูน ๘ ต้น
หลังคามุงด้วยกระเบ้อื ง ส่วนพนื้ เทปนู ทงั้ หมด
- ห้งิ คอื ทว่ี างของใชส้ อยของปูพ่ ญาโดยยกพ้ืนขึน้ สูง ถัดต่าลงมาคือทนี่ ัง่ ของปู่ต้ัง และถัดลงมา
อีกชนั้ เปน็ พื้นทนี่ ่ังของชาวบา้ น
-124-
- ของใช้ทีว่ างบนห้งิ ของปูพ่ ญา มหี มอน เส่ือ ขันใส่หมากพลู แจกันดอกไม้ และนา้ ตน้ (ภาชนะ
ใสน่ ้าคลา้ ยคนโท)
- ของกนิ ทถ่ี วายหอเสอ้ื บ้านมี หมาก เม่ยี ง บหุ รี่ นา้ ข้าว อาหาร ผลไม้ ขา้ วต้ม และขนม
๒.๒ หอเสือ้ บ้านหอเล็ก
- การสร้างหอเส้ือบ้านหอเล็กสมัยก่อน ทาด้วยเสาไม้เน้ือแข็ง นอกน้ันจะเป็นไม้ไผ่ เสาที่ใช้ใน
การสร้างหอเสื้อบ้านหอเล็กจะใช้เสา ๔ ต้น ยกพ้ืน หลังคามุงด้วยหญ้าคา แต่ปัจจุบันเปล่ียนเป็นเสาปนู ๔ ต้น
หลงั คามุงดว้ ยกระเบ้ือง
- ของทเี่ ป็นบรวิ ารอยู่ในหอเส้ือหอเลก็ มี รปู ป้นั ตา ยาย นางรา และม้าสีขาว ๒ ตวั
- ของกินทถ่ี วายหอเสื้อบา้ นหอเลก็ มี ขา้ ว ไก่ต้ม ๑ ตวั ขนม ของหวาน และผลไม้
เทพท่ีสถติ ในหอเสื้อบำ้ น
1. อางจาว คือ ป่พู ญา ทาหน้าทปี่ กปอ้ งรกั ษาดแู ลชาวบา้ นไม่ใหม้ ีอันตรายเกดิ ขึ้นกับชาวบา้ น
2. ปู่ล่าม คือ เสนาขาวของหอเสื้อบ้าน ทาหน้าท่ีเป็นคนเล้ียงม้าของปู่พญาของหอเส้ือบ้านใหญ่ (หอเล็ก)
3. อู่ม คือ เสนาซ้ายของปู่พญา ทาหนา้ ที่ดูแลรักษาเข่ือนบา้ นทางทิศตะวันตกเฉียงใต้
4. แดนแก้ว คือ เขื่อนบ้านอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ทาหน้าท่ีปกป้องดูแลรักษาไม่ให้สิ่งชั่วร้ายเข้า
มาในหมบู่ า้ น
ปูต่ งั้ (ผู้ประกอบพิธกี รรม)
- ปู่ต้ัง คือ ผูน้ าการทาพธิ ีไหวเ้ จา้
- ลักษณะของปู่ตัง้ จะต้องเป็นคนท่ีน่าเชอื่ ถอื และเปน็ คนชนเผ่าบีซูเท่านน้ั
- วิธีการจัดหาเสีย่ งทาย คอื ให้ชาวบ้านเสนอชอ่ื คนในหมบู่ ้านบซี ูมาประมาณ ๓ – ๔ คน โดยการ
เสย่ี งทายเก็บเมล็ดขา้ ว ใหป้ ตู่ ั้งเป็นคนเส่ียงทาง ถามอังจาววา่ ชอบอยู่กบั คนไหน ถา้ ชอบ ตอ้ งเกบ็ เมลด็ ขา้ วให้
ได้ ๔ คเู่ ทา่ นั้น ถ้าไดช้ ่อื ใคร คนนนั้ จะตอ้ งยอมรับเป็นปตู่ งั้ คนใหม่
- หน้าทีข่ องปูต่ ัง้ ปพู่ ญา คือ เปน็ ผ้ดู ูแลสถานท่หี อเส้อื บ้าน เปล่ยี นนา้ ทุกวันพระ เปลี่ยนแจกนั ดอกไม้
และถวายผลไมท้ ุกวนั พระ
- ช่วงเขา้ พรรษาทุก ๆ วนั พระ จะต้องอันเชญิ อังจาวไปวดั โดยในตอนเชา้ ชาวบ้านจะเอาขา้ ว อาหาร
ขนม ผลไม้ และกรวยดอกไม้ เอาไปใส่ในตะกรา้ ของปู่พญา และป่ตู ้งั จะเอาของทีช่ าวบา้ นใส่ในตะกรา้ ไว้เอาไป
ถวายให้ปพู่ ญา ตลอดระยะเวลา ๓ เดอื นช่วงเขา้ พรรษา
ปู่ตั้ง เป็นบุคคลสาคัญในการประกอบพิธีไหว้อังจาวไว หรืออางจาวไว และเป็นผู้นาทางจิตวิญญาณท่ีสืบ
ทอดทางสายตระกูล ปัจจุบันชาวบีซูมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับคนภายนอก และยอมรับวัฒนธรรมภายนอก จึง
เกิดการเปลี่ยนแปลงและผสมกลมกลืนทางวัฒนธรรม การปฏิบัติตามพิธีกรรมดั้งเดิมเร่ิมเลือนหาย ระบบ
ความสัมพันธ์ทางเครือญาติ-สายตระกูลเร่ิมเลือนราง การผสมกลมกลืนทางวัฒนธรรมที่เกิดขึ้น จึงไม่ใช่เรื่อง
การสูญเสียความเป็นตัวตนและอัตลักษณ์ทางชาติพันธุ์ของบีซู แต่การยอมรับตัวตนวา่ เราคือบีซู ของคนรุ่นใหม่
จะเปน็ สง่ิ บ่งชคี้ วามเปราะบางวา่ ความเปน็ บซี ูจะยงั คงอยู่หรือไม่อย่างไร
ชาวบีซูจะมีการประกอบพิธีปีละ ๓ ครั้ง คือ เดือน ๔ (กุมภาพันธ์) เดือน ๘ (มิถุนายน) และเดือน ๑๒
(ตุลาคม) นอกจากการไหว้อังจาวปีละ ๓ ครั้งแล้ว เมื่อผู้หญิงบีซูต้ังท้องลูกคนแรก จะต้องถวายหอเสื้อบ้าน
ก่อนวันถวายหอเสื้อบ้าน ๑ วัน คนในบ้านต้องไปตัดไม้อ้อ นามาตัดเป็นท่อนๆ ตามปล้อง ตามจานวนครัวเรือน
ท่ีมีอยู่ในหมู่บ้าน จานวนครัวเรือนละ ๒ ปล้อง ปล้องแรกบรรจุทรายจนเต็ม และปล้องท่ี ๒ ใส่น้าให้เต็ม พอถึง
ตอนกลางคืนเวลาประมาณ ๒๐.๐๐ – ๒๑.๐๐ น. ก็จะนาปล้องท่ีใส่ทรายออกมาโปรยลงที่หน้าบ้านและนา
ปล้องที่ใส่น้าไปเทท่ีหน้าบ้านทุกครัวเรือน เม่ือโปรยทรายและเทน้าเสร็จก็จะบีบปล้องไม้อ้อจนแตกแล้วท้ิงไว้
หน้าบ้านของทุกครัวเรือน วันรุ่งข้ึนที่ถวายหอเสื้อบ้าน เตรียมหมู ๑ ตัว พร้อมเคร่ืองปรุงและผลไม้ ขนม ของหวาน
ข้าวต้มมัดนาไปที่หอเส้ือบ้านใหญ่ ปู่ต้ังก็จะบอกกล่าวกับอังจาวว่า วันนี้เป็นวันดีมีหมูมาถวายให้คนที่ต้ังท้อง
มีความสุข มีลูกก็ขอให้ลูกคลอดออกมาครบ ๓๒ ประการ ขอให้ได้เลี้ยงเด็กง่ายๆ มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง
ตอนคลอดก็ขอให้คลอดลูกออกมาปลอดภัย จากนั้นก็ฆ่าหมู ช่วยกันชาแหละ แล้วนาเนื้อหมูไปลาบและแกง
ก่อนที่จะถวายแกงหมูและลาบหมูจะต้องนาผลไม้ ข้าวต้มมัด ของหวานถวายก่อน แกงหมูสุกและลาบหมูเสรจ็
แล้วจงึ นาไปถวาย และยกผลไม้ ขา้ วต้มมดั และของหวานออกนามาใหช้ าวบ้านรับประทาน
-125-
๔. ชื่อผทู้ ่ีถือปฏิบัตแิ ละผู้สบื ทอด
๔.๑ ผู้ท่ีถอื ปฏิบัติ นายคามา วงค์ลวั ะ
ช่อื -
วนั เดือน ปีเกิด
ทอ่ี ยู่ หมู่ ๗ ตาบลโปง่ แพร่ อาเภอแมล่ าว จงั หวดั เชียงราย
หมายเลขโทรศัพท์ ๐๖๕ ๖๔๗ ๑๐๘๔
๔.๒ ผสู้ ืบทอด คนในชนเผ่าบซี ู สว่ นปู่ตง้ั หรอื ผปู้ ระกอบพธิ กี รรมตอ้ งสืบทอดทางสายตระกูล
ชื่อ -
วัน เดือน ปเี กิด
ทีอ่ ยู่ หมู่ ๗ ตาบลโป่งแพร่ อาเภอแมล่ าว จังหวดั เชียงราย
หมายเลขโทรศัพท์ -
5. สถำนะ กำรคงอยู่ ปฏิบัตอิ ย่างแพรห่ ลาย เส่ยี งต่อการสูญหาย ไมม่ ปี ฏิบตั แิ ลว้
6. รปู ภำพภมู ิปัญญำทำงวัฒนธรรม/กิจกรรมทำงภูมปิ ัญญำทำงวัฒนธรรม
พิธไี หว้อังจาวไว หรืออางจาวไว (การนบั ถือหอเสื้อบ้าน)
การจัดเตรยี มของไหว้
ชาวบา้ นจัดเตรียมไกเ่ พ่ือนามาถวาย ลักษณะของหอเสอื้ บา้ นเล็ก
-126-
แบบสำรวจมรดกภมู ปิ ญั ญำทำงวฒั นธรรมจงั หวดั เชียงรำย ประจำปี ๒๕๖๕
สภำวัฒนธรรมจงั หวดั เชยี งรำย
อำเภอขนุ ตำล จังหวัดเชยี งรำย
๑. ชื่อข้อมูล บายศรสี ู่ขวัญ สง่ เคราะห์
๒. ลกั ษณะ วรรณกรรมพื้นบ้านและภาษา
ศิลปะการแสดง
แนวปฏิบัตทิ างสังคมพธิ ีกรรม ประเพณี และเทศกาล
อาหาร/ความรู้และการปฏบิ ตั ิเกีย่ วกบั ธรรมชาติและจกั รวาล
งานช่างฝีมอื ดั้งเดมิ
การละเลน่ พ้ืนบ้าน กีฬาพน้ื บา้ น และศลิ ปะการต่อสปู่ ้องกันตัว
๓. รำยละเอียดขอ้ มูล
๓.๑) ประวัตคิ วามเปน็ มาของขอ้ มลู
พิธีกรรม คือวัฒนธรรม ประเพณีคนเมืองเหนือที่ปฏิบัติสืบต่อกันมาต้ังแต่บรรพบุรุษ เป็นความเชื่อ
ความศรัทธา ในพิธีกรรมนั้น ๆ อันจะทาให้เกิดขวัญ กาลังใจ ที่ดีกับตนเองและครอบครัว ชุมชน เช่น การสืบชะะตา
การบายศรีสูข่ วัญ การสะเดาะเคราะห์ การบชู าเทยี น การหาฤกษ์หายามดีขน้ึ บา้ นใหม่ งานแต่งงาน เป็นต้น
๓.2) ข้ันตอน/วธิ ีการ/ดาเนินการเกี่ยวกบั ข้อมลู
๔. ชอ่ื ผทู้ ่ีถอื ปฏิบตั แิ ละผสู้ บื ทอด -
๔.๑ ผ้ทู ีถ่ อื ปฏิบัติ -
ชอ่ื -
วัน เดอื น ปเี กิด -
ท่ีอยู่
หมายเลขโทรศัพท์ -
๔.๒ ผสู้ ืบทอด -
ชือ่ -
วนั เดือน ปเี กดิ -
ท่ีอยู่
หมายเลขโทรศัพท์
๕. สถานะการคงอยู่ ปฏบิ ตั อิ ยา่ งแพรห่ ลาย เสี่ยงตอ่ การสญู หาย ไมม่ ีปฏิบัตแิ ลว้
๖. รปู ภาพภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม/กจิ กรรมทางภูมปิ ัญญาทางวฒั นธรรม
- ไม่มี -
-127-
แบบสำรวจมรดกภมู ิปญั ญำทำงวัฒนธรรมจงั หวดั เชียงรำย ประจำปี ๒๕๖5
สภำวัฒนธรรมจังหวดั เชยี งรำย
อำเภอเวยี งเชียงรุง้ จงั หวดั เชียงรำย
๑. ชื่อข้อมลู บายศรสี ู่ขวัญงานแต่งงาน
๒. ลักษณะ วรรณกรรมพ้นื บา้ นและภาษา
ศิลปะการแสดง
แนวปฏบิ ัตทิ างสงั คมพิธีกรรม ประเพณี และเทศกาล
อาหาร/ความรู้และการปฏบิ ตั ิเก่ยี วกับธรรมชาตแิ ละจักรวาล
งานชา่ งฝีมอื ด้ังเดมิ
การละเล่นพน้ื บา้ น กีฬาพ้ืนบ้าน และศลิ ปะการต่อสปู่ ้องกันตวั
๓. รำยละเอียดข้อมูล
๓.๑) ประวัติความเป็นมาของข้อมูล
พิธีบายศรีสู่ขวัญงานแต่งงาน ของชาวอีสาน เป็นพิธีปฏิบัตทิ างสงั คม พิธีกรรม ของชาวอีสาน โดยการ
สู่ขวญั เมอ่ื จบพธิ ญี าตๆิ จะโยนขา้ วสารโรยดอกดาวเรอื งใส่บา่ วสาวทนี่ ง่ั คุกเข่าจบั พาขวญั (พานบายศร)ี ไขวก้ ัน
อยู่เพ่ือความเป็นสิริมงคลและเจริญงอกงาม สุดท้ายหมอสูตรจะปอกเปลือกไข่ต้มในพานขวัญแล้วผ่ากลางเพื่อ
ทานายคู่บ่าวสาว เช่น อยู่ร่มเย็นเป็นสุข ร่ารวย มีลูกชายหรือลูกสาว ฯลฯ แล้วจึงให้บ่าวสาวกินไข่คนละคร่ึง
ลาดับต่อมา พ่อแม่และญาติผู้ใหญ่จะนาฝ้ายจากพาขวัญมาผูกเงินแล้วไปผูกข้อมือบ่าวสาวอีกทีพร้อมกับอวย
พรเพื่อรับขวัญ ส่วนทางบ่าวสาวก็ต้องเตรียมของมอบกลับให้ด้วย ซึ่งนิยมมอบเส่ือผูกติดกับหมอน หากญาติ
เยอะก็เตรียมไว้ให้เฉพาะญาติอาวุโส ส่วนญาติท่ีเหลือก็ไหว้ขอบคุณตามปกติ เมื่อเสร็จสิ้นแล้วจึงเป็นพิธีส่งตัว
เข้าหอ และเลี้ยงอาหารรับรอง
พิธีสู่ขวัญนั้นเป็นพธิ ีทีจ่ ะต้องกระทาโดยหมอสูตรหรือหมอพราหมณ์ ซง่ึ จะทาการสวดอวยพรใหแ้ ก่บ่าว
สาว บา่ วสาวจะต้องนัง่ เคียงคู่กัน โดยเจ้าสาวจะนง่ั ทางฝั่งซ้ายของเจ้าบา่ ว เม่อื สวดเรยี บร้อยหมอสูตรหรือหมอ
พราหมณ์จะนาไข่ต้มบนยอดพาขวัญ (บายศรี) มาแบ่งคร่ึงเพื่อให้บ่าวสาวกินกันคนละครึ่งฟอง เรียกว่า ‘ไข่
ทา้ ว’ กับ ‘ไข่นาง’ จากนั้นก็ผกู ขอ้ ไม้ขอ้ มือกนั ซึ่งผูใ้ หญ่ทม่ี ารว่ มงานทกุ คนจะต้องผกู ข้อมือให้บา่ วสาวพร้อมกับ
กล่าวคาอวยพรไปด้วยจงึ จะถือว่าเสร็จสิน้
๓.2) ขน้ั ตอน/วิธกี าร/ดาเนนิ การเกยี่ วกบั ข้อมูล
ประเพณีการแต่งงานของชาวไทยในภาคตะวันออกเฉียงเหนือหรือภาคอีสาน ซึ่งชาวอีสานเรียกขาน
ประเพณีแต่งงานน้ีว่า ‘ประเพณีกินดอง’ แต่ไม่ใช่การกินของหมักของดองหรืออะไรนะคะ เพราะคาว่ากินดองน้ัน
หมายถงึ การนับเป็นญาติเปน็ ครอบครวั เดยี วกันดว้ ยพิธีมงคลสมรส มีขน้ั ตอน 7 ขน้ั ตอน
1) การโอม หรือการสู่ขอ
2) ตกลงเรื่อง คา่ ดอง หรอื คา่ สนิ สอด
3) วนั ม้อื เต้า วนั มอ้ื โฮม เป็นการจดั งานเลี้ยงใหแ้ กญ่ าติพน่ี อ้ ง ที่มารว่ มเตรยี มงาน
4) การแห่ขันหมาก
5) พธิ สี ู่ขวัญ
6) การสมา หรอื ขอขมาญาตผิ ้ใู หญ่
7) พิธีสง่ ตวั เขา้ หอ
-128-
4. ช่ือผู้ที่ถือปฏิบตั ิและผสู้ บื ทอด
4.๑ ผทู้ ถ่ี อื ปฏิบตั ิ
ชอ่ื นายสมัคร ไชยปัญหา
วัน เดอื น ปีเกดิ 12 กนั ยายน 2494
ท่ีอยู่ 70 หมู่ 10 ตาบลดงมหาวนั อาเภอเวยี งเชยี งรุ้ง จังหวดั เชียงราย
หมายเลขโทรศัพท์ 089 503 4161
๔.๒ ผู้สืบทอด
ชื่อ -
วัน เดือน ปเี กดิ -
ทีอ่ ยู่ -
หมายเลขโทรศัพท์ -
5. สถำนะ กำรคงอยู่ ปฏิบัตอิ ยา่ งแพร่หลาย เสยี่ งตอ่ การสูญหาย ไมม่ ีปฏิบัตแิ ลว้
6. รปู ภำพภมู ปิ ัญญำทำงวัฒนธรรม/กจิ กรรมทำงภูมิปัญญำทำงวัฒนธรรม (พรอ้ มบรรยำยใตภ้ ำพ)
นายสมคั ร ไชยปัญหา สาธิตการแหข่ ันหมาก
ภูมปิ ญั ญาพธิ ีกรรมบายศรีสู่ขวญั แตง่ งาน
ตามประเพณีของชาวอีสาน
นายสมคั ร ไชยปัญหา และคณะสาธิตการกลา่ วคาและการทาพธิ ีบายศรีสขู่ วญั
งานแตง่ งานตามประเพณอี สี าน
-129-
แบบสำรวจมรดกภมู ิปัญญำทำงวัฒนธรรมจงั หวดั เชยี งรำย ประจำปี ๒๕๖๕
สภำวฒั นธรรมจังหวดั เชยี งรำย
อำเภอแมจ่ นั จังหวัดเชยี งรำย
๑. ชื่อข้อมูล ประเพณเี กย่ี วกบั วงจรชวี ติ การขึ้นทา้ วทั้งสี่
๒. ลกั ษณะ วรรณกรรมพ้ืนบ้านและภาษา
ศิลปะการแสดง
แนวปฏบิ ตั ทิ างสังคมพธิ ีกรรม ประเพณี และเทศกาล
อาหาร/ความรู้และการปฏบิ ัติเกย่ี วกบั ธรรมชาติและจักรวาล
งานช่างฝีมือด้งั เดมิ
การละเล่นพนื้ บ้าน กีฬาพนื้ บา้ น และศลิ ปะการต่อสู่ป้องกนั ตัว
๓. รำยละเอียดขอ้ มูล
๓.๑) ประวตั ิความเป็นมาของขอ้ มลู
การขึ้นท้าวทั้งส่ีได้รับการสืบทอดจากบรรพบุรุษ ซึ่งเป็นพิธีที่ทาสืบทอดต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน
ตามความเชื่อของคนล้านนา แตล่ ะพ้นื ทีจ่ ะมเี ทพ 4 องคค์ อยดูแลรักษาพืน้ ทนี่ ้ันไว้ ก่อนที่จะลงมือทาอะไรจะมี
การบูชาด้วยเคร่ืองสักการะ เพ่ือให้เทพารักษ์ช่วยปกปักรักษาให้รอดปลอดภัยจากเภทภัยอันตรายท้ังปวง
การบูชาเทพท้ัง 4 คนล้านนาเรียกกว่า การข้ึนต๊าวตังสี่ ดังนั้น เมื่อจะทาการบูชา จึงต้องทาเคร่ืองสักการะ
เปน็ 6 ส่วน โดย 4 สว่ นใชบ้ ูชาทศิ ทั้ง 4 อกี 2 สว่ นใชบ้ ูชาพระอินทรแ์ ละพระแมธ่ รณี การบชู าท้าวท้ังส่จี ะต้อง
มีการจดั เตรียมสิง่ ของตา่ ง ๆ ประกอบดว้ ย
1. เสาไม้ท่ีตไี ม้ไขว้เป็นกากบาทหนั ไปยัง 4 ทิศ มีความสูงประมาณ 2 ฟตุ ด้านบนและปลายไมต้ ิดด้วย
แผ่นไม้ขนาดเท่าหรอื ใหญ่กว่าสะตวง หรอื เรยี กอกี อย่างวา่ หอประสาทเสาเดยี ว
2. สะตวงทาด้วยกาบกล้วย นามาหักพับเสียบด้วยไม้ไผ่ ให้เป็นรูปสี่เหล่ียม รองด้วยกระดาษ เพ่ือใช้
สาหรับบรรจเุ ครอ่ื งสักการะ
3. เครื่องสักการะในสะตวง มี หมาก เมี่ยง บุหรี่ ของกินอย่างละ 4 พร้อมด้วยกรวยดอกไม้ ท่ีสาคัญมี
ตุงจ้อ (ตุงช่อ) ท่ีใช้เป็นสัญลักษณ์ในการบูชา ทาด้วยกระดาษตัดเป็นรูปคล้ายธงปักไว้ที่สะตวงท้ังส่ีแจ่ง โดยตุง
จ้อสีเขียวจะปักไว้ที่สะตวงเพ่ือบูชาพระอินทร์ นาไปวางไว้บนสุดของเสาไม้ ตุงจ้อสีแดงจะปักไว้ท่ีสะตวงเพ่ือ
บูชาท้าววิรุฬหก นาไปวางทางทิศใต้ ตุงจ้อสีฟ้าจะปักไว้ท่ีสะตวงเพื่อบูชาท้าวธตรฐ นาไปวางทางทิศ
ตะวันออก ตุงจ้อสีดาจะปักไว้ที่สะตวงเพ่ือบูชาท้าววิรูปักษ์ นาไปวางทางทิศตะวันตก ตุงจ้อสีหม่นหรือเทาจะ
ปกั ไวท้ ส่ี ะตวงเพอื่ บูชาทา้ วกุเวร นาไปวางทางทศิ เหนือ และตุงจ้อสีขาวจะปกั ไว้ท่สี ะตวงบูชาพระแม่ธรณี นาไป
วางด้านล่างสุดบนพ้ืนดินชิดโคนเสา หรืออาจใช้ตุงกระดาษสีขาวล้วนก็ได้ จากนั้น ปู่จ๋านหรือผู้ประกอบพิธีจะ
เรม่ิ ทาพธิ ี โดยนาสะตวงทเ่ี ตรยี มไวไ้ ปวางตามทิศตา่ ง ๆ ปูจ่ ๋านจะทาพิธี กลา่ วคาตา่ ง ๆ เป็นอนั เสรจ็ พธิ ี
๓.๒) ข้ันตอน/วธิ ีการ/ดาเนนิ การเก่ยี วกับข้อมูล
- ตดิ ตอ่ ประสานงานกบั สภาวฒั นธรรมตาบลปา่ ซาง เพ่ือรวบรวมข้อมูลเบ้ืองต้น
- ลงพนื้ ที่จดั เก็บขอ้ มูล ประวตั คิ วามเปน็ มาของข้อมูล ชอื่ ผู้ที่ถือปฏิบตั ิและผ้สู ืบทอด สถานการณค์ งอยู่
และรูปภาพตา่ ง ๆ
-130-
๔. ชื่อผ้ทู ี่ถอื ปฏิบตั แิ ละผ้สู บื ทอด
๔.๑ ผ้ทู ถ่ี ือปฏิบตั ิ
ชือ่ นายแสวง ซางสุภาพ
วัน เดือน ปีเกิด 1 สงิ หาคม 2488
ท่อี ยู่ 82 หมู่ท่ี 2 ตาบลป่าซาง อาเภอแม่จนั จังหวัดเชียงราย
หมายเลขโทรศัพท์ 088 432 4497
๔.๒ ผสู้ ืบทอด
ชื่อ -
วนั เดือน ปเี กดิ -
ที่อยู่ -
หมายเลขโทรศัพท์ -
๕. สถำนะ กำรคงอยู่ ปฏบิ ัติอยา่ งแพร่หลาย เส่ยี งต่อการสญู หาย ไม่มปี ฏิบัตแิ ลว้
๖. รูปภำพภูมิปญั ญำทำงวัฒนธรรม/กจิ กรรมทำงภูมิปัญญำทำงวฒั นธรรม
-131-
แบบสำรวจมรดกภมู ิปัญญำทำงวัฒนธรรมจงั หวดั เชียงรำย ประจำปี 2565
สภำวฒั นธรรมจงั หวดั เชยี งรำย
อำเภอเชียงของ จังเหวดั เชยี งรำย
1. ช่ือข้อมูล ประเพณีและเทศกาลปีใหม่ลาหู่ (ตรุษจนี )
2. ลักษณะ วรรณกรรมพืน้ บา้ นและภาษา
ศลิ ปะการแสดง
แนวปฏบิ ัติทางสงั คมพิธีกรรม ประเพณี และเทศกาล
อาหาร/ความรู้และการปฏิบตั ิเก่ียวกับธรรมชาตแิ ละจกั รวาล
งานช่างฝมี อื ด้ังเดิม
การละเล่นพื้นบา้ น กีฬาพ้นื บา้ น และศลิ ปะการต่อสปู่ ้องกันตวั
๓. รำยละเอยี ดขอ้ มลู
๓.๑) ประวัติความเป็นมาของข้อมูล
ประเพณีตรุษจีนปีใหม่ จะมีการเต้นและตีกลอง เป่าขลุ่ย ร้องเพลง เป็นภาษาลาหู่ (ในเน้ือเพลงบุคคล
ท่ีจะร้องได้ต้องเป็นผู้ใหญ่) งานตรุษจีนจะมีงานทั้งหมด 7 วัน 7 คืน งานเต้นจะมีการทดลองตั้งงานช่วง
6 โมงเย็น ทาร่วมมือ โดยจะมีผู้ใหญ่บ้านจะประกาศให้หนุ่มสาว ผู้ใหญ่ มาเต้นใต้ต้นปีใหม่ โดนจะเต้นถึงเช้า
โดยเวลาประมาณ 06.00 น. การแต่งกายจะแตง่ เป็นชุดลาหู่เต็มทั้งชายและหญิง
๓.๒) ข้นั ตอน/วธิ กี าร/ดาเนินการเกย่ี วกับข้อมูล
ชาวบ้านจัดกลุ่มกันไปตั้งแต่ปีใหม่จานวน 40 คน เพื่อหาต้นปีใหม่ตามประเพณีปีใหม่ลาหู่ (ตรุษจีน)
ตน้ ปใี หมม่ าทาไหว้บรรพบุรษุ และเต้นจะมรการสรา้ งความสนุกสนานใหห้ มู่บ้าน
4. ชอื่ ผู้ถือปฏบิ ตั ิ ชาวบ้านทุกคนถือปฏิบัติเป็นประเพณปี ระจาปี (มารว่ มงาน)
4.1 ผทู้ ีถ่ อื ปฏบิ ตั ิ -
ชอ่ื -
วัน เดือน ปเี กิด -
ทีอ่ ยู่
หมายเลขโทรศัพท์ ชาวบ้านทกุ คนถือปฏิบัติเป็นประเพณีประจาปี (มารว่ มงาน)
4.2 ผสู้ บื ทอด -
ช่ือ -
วัน เดอื น ปเี กิด -
ท่อี ยู่
หมายเลขโทรศัพท์
5. สถำนะ กำรคงอยู่ ปฏิบตั อิ ย่างแพร่หลาย เสยี่ งตอ่ การสูญหาย ไม่มปี ฏบิ ตั แิ ล้ว
๖. รปู ภาพภมู ิปัญญาทางวัฒนธรรม/กจิ กรรมทางภูมิปัญญาทางวฒั นธรรม
- ไม่มี -
-132-
แบบสำรวจมรดกภมู ปิ ญั ญำทำงวัฒนธรรมจังหวัดเชียงรำย ประจำปี 2565
สภำวฒั นธรรมจังหวัดเชยี งรำย
อำเภอเชยี งของ จงั เหวดั เชียงรำย
1. ชื่อข้อมลู ประเพณโี ยนลูกช่วง
2. ลักษณะ วรรณกรรมพนื้ บา้ นและภาษา
ศิลปะการแสดง
แนวปฏบิ ัตทิ างสังคมพิธีกรรม ประเพณี และเทศกาล
อาหาร/ความรูแ้ ละการปฏิบัตเิ กยี่ วกับธรรมชาตแิ ละจักรวาล
งานชา่ งฝมี อื ดั้งเดมิ
การละเลน่ พ้นื บ้าน กีฬาพน้ื บา้ น และศิลปะการต่อสปู่ ้องกนั ตัว
๓ รำยละเอียดข้อมลู
๓.๑) ประวตั คิ วามเปน็ มาข้อมูล
ปใี หม่จะมีประเพณีโยนกลูกชว่ ง ซึง่ มลี กั ษณะกลมเหมือนลกู บอลทท่ี าด้วยเศษผ้า มีขนาดเลก็ เหมาะมือ
ที่จะถือข้างเดียวได้ การเล่นลูกช่วงละแปงกลุ่มผู้เล่นเป็น 2 ฝ่าย คือ ฝ่ายหญิงและฝ่ายชาย โดยก่อนที่จะมี
การละเล่น ฝ่ายหญิงหรือญาติของฝ่ายหญิงจะนาลูกช่วงไปให้ฝ่ายชายและเริ่มโยนลูกช่วงให้ฝ่ายหญิง ท้ังน้ีทั้ง
สองฝ่ายจะยืนเป็นเเถวหน้ากระดานเรียงหนึ่งหันหน้าเข้าหากันมีระยะห่างกันพอสมควร แล้วโยนลูกช่วงให้กนั
ไปมาและสามารถทาการสนทนากับค่ทู ่ีโยนได้
๓.๒) ข้นั ตอน/วิธกี าร/ดาเนินการเกีย่ วกบั ข้อมูล
ในสมัยก่อนเปน็ การหาคใู่ ห้กับหนุ่มสาว และเพ่ือมติ รภาพทดี่ ีต่อกัน
4. ชอื่ ผูถ้ ือปฏบิ ัติ ประชาชนทกุ คนในหมบู่ า้ น
4.1 ผู้ท่ถี ือปฏิบตั ิ -
ชอื่ -
วนั เดอื น ปีเกิด -
ท่อี ยู่
หมายเลขโทรศัพท์ ประชาชนทุกคนในหมู่บ้าน
4.2 ผู้สบื ทอด -
ชอื่ -
วัน เดือน ปเี กิด -
ทีอ่ ยู่
หมายเลขโทรศัพท์
5. สถำนะ กำรคงอยู่ ปฏบิ ตั ิอยา่ งแพร่หลาย เสยี่ งตอ่ การสญู หาย ไม่มีปฏิบตั แิ ล้ว
๖. รปู ภาพภมู ปิ ัญญาทางวัฒนธรรม/กจิ กรรมทางภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม
- ไม่มี -
-133-
แบบสำรวจมรดกภมู ิปัญญำทำงวฒั นธรรมจังหวัดเชยี งรำย ประจำปี ๒๕๖๕
สภำวัฒนธรรมตำบลทำ่ ข้ำวเปลือก
อำเภอแมจ่ นั จงั หวดั เชยี งรำย
๑. ชือ่ ข้อมลู ประเพณถี วายสลากภัต
๒. ลกั ษณะ วรรณกรรมพื้นบา้ นและภาษา
ศิลปะการแสดง
แนวปฏบิ ตั ิทางสงั คมพิธกี รรม ประเพณี และเทศกาล
อาหาร/ความรูแ้ ละการปฏบิ ัตเิ กย่ี วกับธรรมชาติและจกั รวาล
งานชา่ งฝมี ือด้งั เดิม
การละเล่นพ้นื บา้ น กฬี าพื้นบา้ น และศิลปะการต่อสู่ป้องกนั ตวั
๓. รำยละเอยี ดขอ้ มลู
๓.๑) ประวตั คิ วามเปน็ มาของขอ้ มลู
ประเพณี“สลำกภัต” เป็นการถวายทานโดยไม่เจาะจงผู้รับ เช่ือว่ามีมาต้ังแต่สมัยพุทธกาลและ
ยังปฏิบัติสืบทอดกันมาจนถึงปัจจุบันน้ี กาเนิดของประเพณีสลากภัตมีตานานเล่าขานว่า ในสมัยพุทธกาล
มีนางยักษิณีตนหน่ึง มีนิสัยชอบเบียดเบียนผู้คนอยู่เสมอ แต่ครั้นหลังจากได้ฟังธรรมคาสอนของพระพุทธเจ้า
แล้ว ยักษ์ตนน้ีบังเกิดความเลื่อมใสศรัทธา จึงเปลี่ยนนิสัยมาเป็นยักษ์ผู้โอบอ้อมอารีคอยช่วยเอื้อเฟื้อแบ่งปัน
ผู้อ่ืน เป็นท่ีซาบซ้ึงใจแก่ผู้คนท่ัวไป พวกเขาจึงนาส่ิงของมาแบ่งปันให้กับนางยักษ์ตนนี้อย่างมากมาย
จนนางยักษ์ต้องนาส่ิงของเหล่านั้นมาถวายให้แก่พระภิกษุ-สามเณรอีกทีหน่ึง ด้วยการทาเป็นสลากให้จับ ท้ังนี้
เพื่อให้เกิดความยุติธรรม เน่ืองจากข้าวของที่นางยักษ์ได้มาท่ีมูลค่าสูง-ต่า แตกต่างหลากหลายกันออกไปจน
กลายเปน็ ความเชื่อที่ทาเกดิ ประเพณีสลากภัตในกาลต่อมา
ประเพณสี ลากภตั หรอื ที่ชาวล้านนาเรยี กว่า “ตำนกว๋ ยสลำก” หรือมชี อื่ เรยี กในภาษาท้องถนิ่ แตกต่าง
กันไป อาทิ ก๋ินก๋วยสลาก ก๋ินสลาก ตานสลาก ตานข้าวสลาก ประเพณีนี้นิยมปฏิบัติกันในชว่ งเดือน 12 เหนือ
ถงึ เดอื นยี่เหนือ หรอื ในช่วงเดือนกันยายนถึงเดอื นตุลาคมตามเดือนสากลของทกุ ปี
โดย 1 วนั ก่อนงานพิธีสลากภัตจะเป็น“วนั ดา” หรอื “วนั สุกดิบ” ชาวบ้านจะจัดเตรยี มข้าวของตา่ ง ๆ
ท้ังของกินของใช้มาสาหรับจัดใส่ในก๋วยสลากส่วนมากถวายทานในระหว่างพรรษาภายในเดือนกันยายน– ตุลาคม
ในสมัยโบราณกลางพรรษาพระสงฆส์ ามเณรจะไม่เดินทางไปไหนเป็นเวลาสามเดือน เมอื่ ออกพรรษาแลว้ จะเดิน
ออกไปธุระ ไปเดินธุดงค์ คณะศรัทธาและประชาชนจึงอยากถวายปัจจัยให้พระสงฆ์ เพื่อเอาไปเป็นค่ายา หรือ
ค่าพาหนะ เดินทางไปที่ต่าง ๆ อีกอย่างศรัทธาของชาวพุทธเมืองเหนือถือว่ากลางภาษา เป็นเวลาท่ีข้าวไม่ค่อย
เหลอื เงนิ ทองไม่คอ่ ยจะมี ถ้าถวายทานตอนนีถ้ ือวา่ มบี ุญกศุ ลมากมายมหาศาล ตามความเชือ่ ถือของบรรพชนมาช้านาน
๓.๒) ข้นั ตอน/วิธกี าร/ดาเนนิ การเกยี่ วกบั ขอ้ มูล
สาหรับพิธีทานสลากภัต จะรวมเอาสลาก (พนวน) ท่ีสังฆทานท้ังหมดที่นามาถวายพระสงฆ์ มีจานวนเท่าไร
พระสงฆ์เท่าไร ส่วนท่ีเหลือถวายวัด เพ่ือสร้างศาสนสถานต่อไป ข้ันตอนเร่ิมจากคาถวายทานสาหรับอุทิศไปให้
ใคร เรียกว่า ๑ สารับ หรือฝ่ายสงฆ์เท่ากับ ๑ เส้น มารวมกันแล้วนิมนต์พระสงฆ์สามเณรจับสลาก ได้สารับ
ไทยทานของใครก็ไปรับสังฆทานจากคนนั้นเป็นอันเสร็จพิธี อีกประเพณีหน่ึงยึดถือกันแต่โบราณ ที่สาคัญมาก
คือ ประเพณีการเข้าพรรษาและออกพรรษา โดยเตรียมหอ่ ข้าวต้ม ขนม หอ่ นึ่ง เตรยี มไว้วนั รงุ่ ขึ้นกจ็ ะนาดอกไม้
ธูปเทียน ข้าวตอก ดอกไม้ อาหารคาวหวานใส่ในสารับไทยทานถวายพระ เพ่ืออุทิศ ส่วนบุญส่วนกุศลให้แก่ผู้
วายชนม์ เรยี กวา่ ตานก๊วั ะขา้ ว พระสงฆ์ ใหพ้ รเสร็จแลว้ ไปร่วมพธิ ที าบญุ ตกั บาตรในวิหาร พรอ้ มกับศรทั ธา
-134-
ชาวบา้ นและทกุ วนั พระ ในระหว่างพรรษาจะมีการทาบญุ ตักบาตรตอนเข้าพรรษา ซง่ึ ส่วนมากจะเปน็ คนหนุ่ม
สาว ตอนบ่ายจะเป็นเร่ืองของผู้สูงอายุ หรือไม่ก็คนที่ชอบฟังธรรม มีการสวดมนต์กรรมฐานและเจริญภาวนา
พระสงฆ์ให้พรเสร็จแล้วกลับบ้าน ส่วนผู้สูงอายุบางคนไปนอนวัดในวันพระระหว่างจาพรรษา โดยถือศีล ๘
(อุโบสถศีล) เริ่มนอนก่อนวันพระ ๑ วัน เม่ือรับศีลแล้วก็จะสวดมนต์ภาวนาใช้เวลานอนแต่ละวันพระ ๒ คืน
ประเพณีน้ยี ังยึดถือตัง้ แต่อดีตจนถงึ ปัจจบุ นั
๔. ชื่อผทู้ ่ีถอื ปฏิบตั แิ ละผสู้ บื ทอด
๔.๑ ผู้ทถี่ ือปฏบิ ตั ิ
ช่ือ พระครูอุปถัมภว์ รการ เจา้ คณะอาเภอแม่จนั
วนั เดือน ปเี กิด -
ท่อี ยู่ วดั ป่าซาง ตาบลป่าซาง อาเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย
หมายเลขโทรศัพท์ ๐๘๙ ๘๓๘ ๗๘๓๖
๔.๒ ผสู้ ืบทอด
ชอื่ พระครูอภวิ ัฒนว์ าที เลขาเจา้ คณะอาเภอแม่จนั
วัน เดือน ปีเกิด -
ที่อยู่ วัดปา่ ซาง ตาบลป่าซาง อาเภอแม่จัน จังหวดั เชยี งราย
หมายเลขโทรศัพท์ ๐๙๓ ๓๐๘ ๑๕๑๕
๕. สถำนะ กำรคงอยู่ ปฏบิ ตั อิ ยา่ งแพร่หลาย เสยี่ งตอ่ การสูญหาย ไม่มปี ฏิบัติแล้ว
๖. รูปภำพภมู ปิ ญั ญำทำงวัฒนธรรม/กจิ กรรมทำงภูมปิ ัญญำทำงวฒั นธรรม
-135-
แบบสำรวจมรดกภมู ิปญั ญำทำงวฒั นธรรมจงั หวัดเชยี งรำย ประจำปี 2565
สภำวัฒนธรรมจงั หวัดเชยี งรำย
อำเภอเชียงแสน จงั หวัดเชยี งรำย
1. ชื่อข้อมูล ประเพณีทาบุญเมอื ง สะเดาะเคราะห์และถวายทานสลาก 25
2. ลกั ษณะ วรรณกรรมพื้นบา้ นและภาษา
ศิลปะการแสดง
แนวปฏิบัตทิ างสงั คมพิธีกรรม ประเพณี และเทศกาล
อาหาร/ความรแู้ ละการปฏบิ ัตเิ กย่ี วกับธรรมชาติและจกั รวาล
งานช่างฝมี อื ด้ังเดมิ
การละเล่นพ้ืนบา้ น กีฬาพน้ื บ้าน และศิลปะการต่อสู่ป้องกนั ตวั
3. รำยละเอียดขอ้ มลู
3.1 ประวตั ิความเป็นมาของข้อมลู
เมืองเชียงแสนเป็นเมืองประวัติศาสตร์มีอายุเก่าแก่ร่วม 2,000 ปี มีมหากษัตริย์ปกครองรวม 150 พระองค์
แต่เดิมไม่มีผุ้ใดคิดจะทาบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก่พระมหากษัตริย์แม้แต่ครั้งเดียว ในปี พ.ศ. 2550 ประชาชน
ในเขตเทศบาลตาบลเวียงเชียงแสนจังได้ปรึกษาหารือกันโดยมี สภาวัฒนธรรมอาเภอเชียงแสนเป็นแกนนา
ประกอบกับเหตุการณ์บ้านเมืองไม่สงบ ประชาชนได้รับความเดือดร้อนทุกหนทุกแห่ง และภูมิอากาศแห้งแล้ง
ในที่ประชุมมีความเป็นว่าควรจะมีการทาบุญเมือง สะเดาะเคราะห์เมืองและประชาชน รวมถึงทาบุญอุทิศส่วน
กุศลไปให้แก่บูรพมหากษัตริย์ท่ีปกครองเมืองเชียงแสนทุกพระองค์ตลอดอริราชศัตรูและพญานาคทั้งหลาย
ดังนั้น ร.ต.ต.สุดใจ เช้ือเจ็ดตน จึงได้เสนอให้นาประเพณีถวายทานสลาก 25 ซ่ึงเป็นฮีตฮอยของชาวไต ท้ังไตใหญ่
และไตลื้อ มาทาพิธีทาบุญให้บูรพมหากษัตริย์ โดยกาหนดและทามาแล้วเป็นเวลา 3 ปี ติดต่อกัน แต่เม่ือครบ
3 ปีแล้ว ชาวบ้านเห็นว่าประเพณนี เ้ี ป็นสง่ิ ทีด่ จี ึงขอใหท้ าตลอดไป
สืบเนื่องมาจากเม่ือปี พ.ศ. 2550 ชาวบ้านได้จัดงานประเพณีเล้ียงเจ้าพ่อประตูป่าสักและเจ้าแม่นาง
เซ้งิ ขนึ้ ในเดอื น 9 ขึ้น 9 ค่า ซง่ึ ขณะกาลังทาพิธีอยู่ไดเ้ กิดเหตุการณ์ข้ึนกับผู้หญิงท่านหน่ึงที่เข้าร่วมพธิ ีในคร้ังน้ี
ได้มีร่างทรงประทับร่างผู้หญิงดังกล่าวที่หน้าศาลเจ้าแม่นางเซิ้ง แล้วขอน้ากินและนามารดตัวเองจนเปียก
ชาวบ้านที่มาร่วมพิธีได้ถามว่า เป็นใคร ร่างทรงได้บอกว่าเขาคือ พญานาค และยังกล่าวว่า เจ้าบ้าน เจ้าเมือง
และบรรพบุรุษทีไ่ ดล้ ม้ ตายจากไปหลายชวั่ อายุคน ไมม่ ีใครคดิ จะทาบญุ ทาทาน อทุ ิศส่วนบุญสว่ นกุศลไปให้
หลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ได้มีนายวีระพล กัลป์ที (กานันตาบลเวียงในขณะน้ัน) อาจารย์บุญส่ง
เชื้อเจ็ดตน ลุงหนานสุดใจ เชื้อเจ็ดตน และคณะกรรมการวัด ทั้ง 4 วัด ประมาณ 20 คน มาร่วมประชุมกันท่ี
วัดผา้ ขาวป้าน ในที่ประชมุ มีมติลงความเห็นว่า ควรทาสลากซาวหา้ เพอ่ื ทาบุญให้แก่บรรพบุรษุ ทีล่ ่วงลบั ไปแล้ว
สลากซาวห้า ก๋วยนั้นต้องเขียนชื่อของกษัตริย์หรือบรรพบุรุษที่สร้างบ้าน สร้างเมือง ทาคุณประโยชน์ให้แก่
บา้ นเมืองเชียงแสน จานวน 25 ท่าน ดงั น้ี
กว๋ ยที่ 1 ตานหา เจ้าสุวรรณโคมคา กษัตริย์แห่งแคว้นสุวรรณโคมคา พญาสัตนาคผู้ดูแลแม่น้าโขง
ตลอดจนข้าทาสบรพิ าร แหง่ แคว้นสวุ รรณโคมคา
ก๋วยท่ี 2 ตานหา พระเจ้าสิงหนวัติ ปฐมกษัตริย์แห่งอาณาจักรโยนกนาคนคร พญานพันธุนาค
ผู้กาหนดเขตแคว้นโยนกนาคนคร ตลอดจนขา้ ทาสบรพิ าร
ก๋วยท่ี 3 ตานหา พระเจ้าอชตุ ราชราชโอรสของพระเจ้าสิงหนวัติ ผู้สรา้ งพระธาตดุ อยตงุ
ก๋วยที่ 4 ตานหา พระยามังรายนรราช พระองค์พิง พระองค์พัง เรื่อยมาจนถึงพระองค์เพียงตลอดจน
ข้าทาสบริพาร
-136-
ก๋วยที่ 5 ตานหา พระเจ้าพังคราช ผู้สร้างพระธาตุจอมกิตติ ร่วมกับพระเจ้าพรหมมหาราช ราชโอรส
ตลอดจนพระองคท์ ุกขิตกุมาร พระองค์ไชยศริ ิ พระองคม์ หาวันตน๋ ลกู ของพระองคท์ ุกขติ กุมารตลอดจนข้าทาส
บริพาร
ก๋วยท่ี 6 ตานหา พระเจ้าพรหมมหาราช ราชโอรสพระเจ้าพังคราช ผู้ร่วมกันสร้างพระธาตุจอมกิตติ
และผ้ทู รงขบั ไลข่ อมดาออกจากโยนกนาคนครตลอดจนข้าทาสบริพาร
ก๋วยที่ 7 ตานหา พระเจ้ามหาไชยชนะ ขุนนาง เสนาอามาตย์ ตลอดจนอาณาประชาราษฎร์และ
ข้าราชบรพิ ารทีส่ ูญหายไปพรอ้ มกับเมืองนครโยนกนาคนครท่ลี ่มสลายกลายเปน็ เวยี งหนองหลม่
กว๋ ยท่ี 8 ตานหา ขนุ ลัง ตลอดจนขนุ ทั้งหลายทีป่ กครองเวยี งปรกึ ษาพร้อมข้าทาสบรพิ าร
ก๋วยที่ 9 ตานหา พญาวะจักราช ปฐมกษัตริย์แห่งอาณาจักรหิรัญนครเงินยาง พร้อมด้วยพญาลาวเก้ือ
ลาวก่อต๋นลูกท้งั สองตลอดจนขา้ ทาสบริพาร
ก๋วยที่ 10 ตานหา พญาลาวเก้าแก้วมาเมือง ราชโอรสของพญาลวะจักราช ผู้สร้างพระธาตุปูเข้า และ
วดั ผา้ ขาวป้านตลอดจนข้าทาสบรพิ าร
ก๋วยที่ 11 ตานหา พญาลาวเส้า ลาวซิน เร่ือยมาจนถึงลาวจอมธรรม แห่งอาณาจักรหิรัญนครเงินยาง
ตลอดจนข้าทาสบรพิ าร
ก๋วยที่ 12 ตานหา พญาลาวเจ้ืองหรือขุนเจืองธรรมิกราช ผู้ที่สามารถป้องกันเมืองเงินยางจากการ
รกุ รานของบา้ นเมอื งแมนต๋าออก ขอบฟ้าต๋ายืนได้ ตลอดจนขา้ ทาสบริพาร
ก๋วยท่ี 13 ตานหา พญาลาวเงินเรือง ลาวเชียง ลาวเม็ง ผู้เป็นพระราชบิหาของพญามังราย ตลอดจน
ข้าทาสบริพาร
ก๋วยท่ี 14 ตานหา พญามังรายมหาราช ผู้รวบรวมหัวเมืองน้อยใหญ่ท้ังหลายทั่วสารทิศเป็นอาณาจกั ร
อันย่ิงใหญค่ ือ อาณาจกั รล้านนา ตลอดจนขา้ ทาสบริพาร
ก๋วยท่ี 15 ตานหา พญามังเครื่อง พญามังคม และพญามังเครือ ราชโอรสของพญามังรายมหาราช
ตลอดจนข้าทาสบริพาร
ก๋วยที่ 16 ตานหา พญาแสนพู ราชโอรสของพระยามังคาม ซ่ึงเป็นกษัตริย์ปกครองเมืองเงินยางท่ีทา
ให้อาณาประชาราษฎร์อยู่เย็นเป็นสุข บ้านเมืองอุดมสมบูรณ์ท่ีสุดและเป็นผู้สร้างวัดป่าสัก วัดเจดีย์หลวง และ
กาแพงเมืองเชียงแสน ตลอดจนข้าทาสบริพาร
ก๋วยท่ี 17 ตานหา พญาแสนคาฟู ราชโอรสองค์สุดท้ายของพญาแสนพู ผู้สร้างวัดแสนคาฟูเร่ือยมา
จนถึงหมื่นเชยี งสง ผู้สรา้ งวัดหมน่ื เชียง ตลอดจนข้าทาสบริพาร
ก๋วยที่ 18 ตานหา หม่ืนงั้วหรือพญาตรีรัชฎเงินกอง ผู้สร้างวัดล้านทอง เรื่อยมาจนถึงพญารัตนกาพล
กษัตริย์องค์สุดท้ายของเมืองเงินยาง ก่อนที่เมืองเงินยางหรือเมืองเชียงแสนจะตกอยู่ใต้อานาจการปกครองของ
พม่าในปี พ.ศ. 2101 ตลอดจนข้าทาสบรพิ าร
ก๋วยที่ 19 ตานหา พระเจ้ากาวิละ เจ้าครองนครเชียงใหม่ท่ียกกองทัพมาขับไล่พม่าในปี พ.ศ. 2120
พร้อมด้วยเหลา่ ทหารกลา้ ที่ตายในสนามรบ ตลอดจนชาวเมืองเชยี งแสนทถี่ ูกพม่าเข่นฆา่
ก๋วยที่ 20 ตานหา อุราชธรรมลังกา แม่ทัพแห่งกองทัพล้านนา อันประกอบด้วยกองทัพจากเชียงใหม่
ลาพูน ลาปาง แพร่ น่าน หลวงพระบาง เมืองเทิงและเมืองเชียงของ ยกทัพสมทบกับกองทัพแห่งกรุงสยาม ซึ่ง
นาโดยกรมหลวงเทพหริรกั ษ์ และพญายมราช เพอื่ ขับไล่พม่าออกจากเมืองเชยี งแสนใน พ.ศ. 2347 พรอ้ มดว้ ย
แม่ทพั นายทองและอาณาประชาราษฎรทลี่ ้มตายในสงครามครั้งนนั้
ก๋วยที่ 21 ตานหา ผู้เฒ่า ผู้แก่ คนป่วย คนพิการท่ีถูกบังคับให้ลงเรือ แล้วปล่อยให้เรืองไหลไปตามนา้
ของ และลูกเล็กเด็กแดงท่ีถูกนาไปปล่อยท้ิงไว้หนองกลางเวียงแล้วถูกน้าท่วมตายในคราวที่ขับไล่พม่าออกจาก
เมอื ง แลว้ เผาเมอื ง แล้วนาคนออจากเมอื งให้หมดในปี พ.ศ. 2347
-137-
ก๋วยที่ 22 ตานหา เจ้าหนานอินต๊ะ หรือพระยาราชเดชดารง ผู้กลับมาสร้างบ้านแปงเมืองใน
พ.ศ. 2421 สมัยราชกาลที่ 5 ตลอดจนขา้ ทาสบรพิ าร
ก๋วยที่ 23 ตานหา นายอาเภอเชียงแสนทกุ ทา่ นทีเ่ สียชีวิตไปแล้ว
ก๋วยที่ 24 ตานหา ขอมดาและชาวขอมดาทย่ี ดึ เมอื งโยนกนาคนครจากพระเจ้าพังคราชแลว้ ถกู พระเจ้า
พรหมมหาราชขับไล่และเข่นฆ่า ตลอดจนแม่ทับนายกองของพม่าทุกคนท่ีเข่นฆ่าในคราวขับไล่พม่าออกจาก
เมืองเชยี งแสน ในปี พ.ศ.2374
กว๋ ยท่ี 25 ตานหาพญานาคน้าทกุ ต๋นทุกตวั ตลอดจนเจา้ กรรมนายเวรและสรรพสัตวท์ ัง้ หลาย
ครั้งแรกไดท้ าพิธีที่ลานหอพระหน้าอาเภอเชยี งแสน ปที ่ีสอง ทาพธิ ที วี่ ดั กาเผอื ก ในปีท่ี 3 – 7 ทาพธิ ีท่ี
วัดเจดีย์หลวง ต่อมาเกิดปัญหาข้ึนในหลายๆ ด้าน คณะกรรมการได้ประชุมและเสนอว่า ให้เปลี่ยนกันเป็ น
เจ้าภาพวัดละปเี วยี นแต่ละวัด ทัง้ 4 วัด ไดแ้ ก่ วัดเจดีย์หลวง วัดลา้ นทอง วดั ผ้าขาวปา้ น และวัดปงสนุก
3.2 ขัน้ ตอน/วธิ ีกำร/ดำเนนิ กำรเก่ยี วกับข้อมลู
ในการทาพิธีแต่ละปี จะทาขึ้นในวัน 9 เป็ง (ข้ึน 15 ค่า เดือน 9) ของทุกปี ประกอบด้วยก๋วย 25 ก๋วย
รวมท้ังเรือสะเปาคาอีก 1 ลา ภายในเรือจะมีอาหาร ขนม ผลไม้หลากหลายชนิด เพื่อให้เป็นอาหารของ
สรรพสัตวท์ ่ีอาศัยอยใู่ นน้าและพญานาค
การทาพธิ ีน้ีจะมพี ธิ ีกรรมอยู่ 3 พธิ ี ดงั น้ี
1. การทาบญุ เมอื ง หรอื การสบื ชะตาเมอื ง
2. การสะเดาะเคราะห์นพเคราะห์ท้ัง 9
3. สลากซาวห้า (ทานใหบ้ รรพบุรุษ)
๔. ชอ่ื ผทู้ ี่ถอื ปฏิบตั แิ ละผู้สบื ทอด
๔.๑ ผทู้ ่ีถอื ปฏิบตั ิ
ชอ่ื นายบุญสง่ เชอื้ เจด็ ตน
วนั เดอื น ปเี กิด 16 มถิ นุ ายน 2492
ท่อี ยู่ 119/1 หมู่ 2 ตาบลเวียง อาเภอเชียงแสน จงั หวัดเชียงราย
หมายเลขโทรศัพท์ 082 758 0882
๔.๒ ผูส้ ืบทอด
ช่ือ สภาวัฒนธรรมเทศบาลเวยี งเชยี งแสน และสภาวฒั นธรรมอาเภอเชียงแสน
วนั เดอื น ปีเกิด -
ทอ่ี ยู่ -
หมายเลขโทรศัพท์ -
๕. สถำนะ กำรคงอยู่ ปฏิบัติอยา่ งแพร่หลาย เสีย่ งต่อการสญู หาย ไม่มปี ฏบิ ัติแลว้
-138-
๖. รปู ภำพภมู ิปญั ญำทำงวัฒนธรรม/กิจกรรมทำงภูมิปัญญำทำงวฒั นธรรม
พิธสี บื ชะตา เครื่องสืบชะตา
สะเดาะเคราะหน์ พเคราะห์ (สะเดาะเคราะห์เมือง) เรอื สะเปาคา
ตน้ สลาก
ต้นสลากซาวห้า (25 ตน้ )
-139-
แบบสำรวจมรดกภมู ปิ ัญญำทำงวฒั นธรรมจงั หวัดเชยี งรำย ประจำปี ๒๕๖๕
สภำวฒั นธรรมจังหวดั เชยี งรำย
อำเภอพญำเม็งรำย จงั หวดั เชยี งรำย
๑. ชื่อข้อมูล ประเพณที าบุญตานข้าวใหม่
๒. ลักษณะ วรรณกรรมพ้นื บ้านและภาษา
ศลิ ปะการแสดง
แนวปฏิบัติทางสงั คมพธิ ีกรรม ประเพณี และเทศกาล
อาหาร/ความรู้และการปฏบิ ตั เิ กี่ยวกบั ธรรมชาติและจักรวาล
งานช่างฝีมอื ดัง้ เดมิ
การละเลน่ พ้นื บ้าน กีฬาพน้ื บ้าน และศิลปะการตอ่ สปู่ ้องกันตัว
๓. รำยละเอยี ดขอ้ มูล
๓.๑) ประวตั ิความเปน็ มาของขอ้ มูล
ชาวพ้ืนเมืองลา้ นนา มีความเช่ือว่าวันข้ึน 15 ค่า เดือน 4 เป็ง เป็นวันพระใหญ่ และเป็นประเพณีของ
ชาวบ้านทางภาคเหนือมาแต่โบราณ หลังจากท่ีชาวบ้านเก็บเก่ียวข้าวแล้วก็จะนาข้าวที่เก็บเก่ียวมาสีเป็น
ข้าวสาร นามานึ่งเป็นข้าวสุก หรือทาเป็นข้าวหลาม หรือนาข้าวสารมาถวายแด่พระสงฆ์ เพ่ืออุทิศส่วนกุศล
ให้กับบรรพบุรุษท่ีล่วงลับไปแล้ว เป็นการแสดงความกตัญญูบิดา-มารดาท่ีได้เล้ียงดูมา การท่ีเก็บเกี่ยวข้าวใหม่
พ่อ-แม่จะต้องได้รับประทานก่อน หรือท่ีชาวไทยล้านนาเรียกวา่ “ประเพณีทาบุญตานข้าวใหม่” หรือ “ทาบุญ
เดือน 4 เป็ง” ท่ีสืบทอดกันมายาวนาน ถือเป็นประเพณีท่ียึดถือกันมาแต่โบราณ ท่ีสืบทอดกันมายาวนาน
แต่คนรุ่นใหม่ไม่ค่อยจะใส่ใจ เกรงว่าจะสูญหาย ยิ่งเป็นชุมชนเมืองยิ่งต้องมีการอนุรักษ์และสืบสานประเพณี
เอาไว้ เพือ่ ใหอ้ นุชนรุ่นหลังไดร้ ูจ้ กั เรียนรู้ประเพณวี ัฒนธรรมหรอื รากเหงา้ ของตนเอง
๓.๒) ขั้นตอน/วิธกี าร/ดาเนนิ การเกี่ยวกับขอ้ มูล
หลังจากฤดูกาลเก็บเกี่ยวชาวบ้านท่ีเป็นชาวนา ต่างร่วมกันนาผลผลิตข้าวสารใหม่ ข้าวเปลือก ซึ่งเพิ่ง
เก็บเกี่ยวได้ รวมถึงอาหารที่ทาจากข้าวใหม่ ท้ังข้าวหลาม ข้าวจ่ี ข้าวต้ม ข้าวเหนียว ขนมเทียน อาหาร น้าตาล
และน้าอ้อย ถวายหน้าพระประธานของวัดแต่ละหมู่บ้าน และร่วมทาบุ ญใส่บาตรถวายแด่พระภิกษุ
เพ่ืออุทิศส่วนกุศลให้กับบรรพบุรุษ หรือญาติผู้ใหญ่-พี่น้องท่ีล่วงลับไปแล้ว ส่วนใหญ่จะทากันในวันข้ึน 15 ค่า
เดือน 4 เป็ง ยังคงร่วมรักษาสืบสานวัฒนธรรมประเพณีทาบุญวันเดือน 4 เป็ง หรือที่ชาวไทยล้านนาเรียกว่า
“ประเพณีทาบุญตานข้าวใหม่” ท่ีสืบทอดกันมายาวนาน นอกจากน้ียังมีการนา ฟืน มาสุมกองรวมกันที่หน้า
พระวิหาร เพื่อรอทาพธิ สี ุมไฟคลายหนาวให้พระพุทธเจา้ ตามความเชอื่ ของชาวบ้านดว้ ย
๔. ช่ือผู้ที่ถอื ปฏิบัตแิ ละผ้สู บื ทอด
๔.๑ ผูท้ ีถ่ ือปฏิบัติ
ชื่อ นายอทิ ธพิ ล จาปา
วนั เดอื น ปเี กดิ 9 กมุ ภาพนั ธ์ 2509
ท่อี ยู่ 106 หมู่ 10 ตาบลแม่ต๋า อาเภอพญาเมง็ ราย จงั หวัดเชยี งราย
หมายเลขโทรศัพท์ 081 030 3606
4.2 ผสู้ บื ทอด -๑40- -
ช่ือ
วนั เดอื น ปีเกิด -
ทอี่ ยู่ -
หมายเลขโทรศัพท์ -
-
๕. สถำนะ กำรคงอยู่ ปฏบิ ัติอย่างแพรห่ ลาย เสย่ี งต่อการสญู หาย ไม่มปี ฏิบตั แิ ล้ว
๖. รปู ภำพภมู ปิ ัญญำทำงวัฒนธรรม/กิจกรรมทำงภูมปิ ัญญำทำงวฒั นธรรม