The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม จังหวัดเชียงราย ภายใต้โครงการจัดทำฐานข้อมมูล ด้านมรดกภูมิปัญญาท้องถิ่น จังหวัดเชียงราย ประจำปี ๒๕๖๕

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by cr.cultural.lib, 2022-09-05 03:31:32

มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม จังหวัดเชียงราย

มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม จังหวัดเชียงราย ภายใต้โครงการจัดทำฐานข้อมมูล ด้านมรดกภูมิปัญญาท้องถิ่น จังหวัดเชียงราย ประจำปี ๒๕๖๕

-389-

แบบสำรวจมรดกภมู ิปัญญำทำงวฒั นธรรมจงั หวัดเชยี งรำย ประจำปี ๒๕๖๕
สภำวฒั นธรรมจังหวัดเชยี งรำย
อำเภอเวยี งชยั จงั หวัดเชยี งรำย

๑. ช่ือข้อมลู วสิ าหกิจชุมชนผลิตภัณฑ์ทา้ มือบา้ นจงเจรญิ “ผา้ ปัก”

๒. ลักษณะ  วรรณกรรมพนื้ บา้ นและภาษา
 ศลิ ปะการแสดง

 แนวปฏบิ ตั ทิ างสงั คมพิธีกรรม ประเพณี และเทศกาล

 อาหาร/ความรู้และการปฏบิ ัตเิ กย่ี วกับธรรมชาติและจกั รวาล
 งานชา่ งฝีมือดงั้ เดมิ
 การละเลน่ พื้นบ้าน กีฬาพนื้ บ้าน และศลิ ปะการต่อสปู่ ้องกันตวั

๓. รำยละเอยี ดข้อมูล

๓.๑) ประวตั ิความเป็นมาของขอ้ มูล
วสิ าหกิจชมุ ชนผลิตภณั ฑ์ทา้ มือบ้านจงเจริญ ได้รวมกลุ่มหรือตั้งแต่เร่ิมท้าธรุ กจิ มาแล้ว 17ปี รปู แบบ
การบริหารจดั การในปัจจบุ นั /การแบง่ ผลประโยชน์ในกลมุ่ สมาชกิ ก้าไรสทุ ธใิ นรอบปี จะน้ามาจดั สรรดังตอ่ ไปนี้

1) 50 % เป็นเงินปันผลประจา้ ปี
2) 20 % เป็นเงินตอบแทนคณะกรรมการ
3) 10 % เปน็ เงินทุนส้ารองกลุ่ม
4) 10 % เปน็ เงนิ สวสั ดกิ ารใหก้ ับสมาชิก
5) 10 % โบนสั เบี้ยขยันและบุคคลท่ีให้ความรว่ มมือกบั กลมุ่ อยา่ งสม้่าเสมอ หรือตามมติ
คณะกรรมการเหน็ สมควรในการชว่ ยเหลือสมาชิก
ปัจจบุ ันมีสมาชกิ ในกล่มุ / หรือคนทา้ งาน สมาชกิ กลุ่ม จ้านวน ๒๔ คน รวมสมาชิกเครือขา่ ยตา่ ง
อา้ เภอจ้านวน 5 อ้าเภอ ทีเ่ ป็นทีมปัก ทั้งหมด จา้ นวน 65 คน ปัจจบุ นั มเี งินทนุ หมุนเวยี นตอ่ ปีประมาณ
50,000 บาท โดยใช้แหล่งเงินทนุ จากเงนิ ทุนหนุ้ สมาชิก ประมาณ 86,500 บาท

๓.๒) ขน้ั ตอน/วธิ ีการ/ดา้ เนนิ การเกี่ยวกับข้อมลู
ท่ีมาของการปักผ้าด้วยมือ เร่ิมมาจากพ้ืนฐานทักษะงานฝีมือท่ีมีอยู่เดิม ของกลุ่มผู้หญิงชาวล้านนาในพ้ืนท่ี
จังหวัดเชียงรายแต่มีการประยุกต์ ผสมผสานกับงานอ่ืน ๆ หรือความรู้ใหม่ โดยเริ่มจากผลิตตุ๊กตาไหมพรม
และต่อมาได้ปรับเปล่ียนมาเป็นการปักผ้าด้วยมือ เม่ือเดือนเมษายน 2561 โดยเน้นงานปักที่แสดงถึงสไตล์

ของตัวเอง 7 ข้อ เช่น การเลือกลาย การก้าหนดสี การวางลาย ฯลฯ รวมถึงการแปรรูปท่ีแตกต่างหลากหลาย
เปน็ ผลติ ภณั ฑ์ชนดิ ต่าง ๆ เชน่ พวงกุญแจ กลอ่ งทชิ ชู่ หนา้ กาก กระเป๋าสตางค์ กระเป๋า ย่าม และเสอ้ื ผา้ เป็นตน้

ลวดลายของการปักผ้า จะเน้นท่ีกระบวนการและเทคนิคการปักท่ีแตกต่างจากการปักผ้าอ่ืน ๆ ท่ัวไป ซ่ึง
จะมเี ทคนิค ดังน้ี

1. การปักลายจะต้องเล็กกลางใหญ่
2. ลายทึบติดกับลายห่าง
3. สเี ขม้ ๆ ให้วางสีขาวหรือสสี ว่างตดิ กนั
4. การเลย้ี วโคง้ ของลายต้องคดงอไปมา
5. เลือกลายนูนเพ่อื เพิม่ มติ ิความสวยงามเพ่มิ อารณ์ความร้สู ึก
6. การเลือกสีการปักสีผ้าจะตอ้ งไล่เฉดสี
7. การจดั วางตา้ แหน่งสจี ะต้องสมดุลกันทง้ั ผนื ผ้า

-390-
วสั ดุ – อุปกรณ์

ผ้าใยกัญชง / เข็มปกั เบอร์ 24 / ด้ายปัก / ปากกาลบด้วยความร้อน และกรรไกร
ขน้ั ตอนการปักผ้า
1. ตดั ผ้าตามขนาดทต่ี ้องการ
2. วาดแพทเทิร์นเพือ่ เปน็ กรอบพ้นื ทีใ่ นการปกั
3. ปักผ้าในรูปแบบทตี่ นเองตอ้ งการโดยแสดงถึงสไตล์ของตวั เอง 7 ข้อ
4. น้าชิน้ งานที่ปกั เรยี บร้อยแล้วไปตกแตง่ หรอื ตดั เย็บลงในชน้ิ งานตามท่กี ้าหนด
มาตรฐานฝมี ือ
1) มาตรฐานผ้าปัก มผช.249/2558 เลขที่ 217-3/249(ชร.)
2) มาตรฐานเชยี งรายแบรนด์ พลัส (Chiangrai brand plus)

3) มาตรฐานผลติ ภัณฑผ์ ้าปัก มผช. 216.2554 เลขที่ 217-1/606(ชร.)

รำงวัลท่ีเคยได้รับ

-๓91-
การประเมินยอดขายของกลุ่ม

1) ปี 2562 = 243,470 บาท,
2) ปี 2563 = 416,699.38 บาท
3) ปี 2564 = 480,701.16 บาท
4) ปี 2565 (ม.ค.-ปจั จุบนั ) = 306,633.06 บาท
ควำมพร้อมและศักยภำพของวิสำหกิจชมุ ชน
1. ดำ้ นปจั จัยกำรผลิต

• มแี ผนเตรียมขยายฐานสมาชิกทีมปักผ้าเพิ่มเติม/ขยายพื้นทเ่ี ครือข่ายใหม่ๆ เพื่อรองรับการพัฒนางานปัก

• ขยายทีมแปรรูป ของใช้ เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย

• การจัดหาวัตถุดบิ แหลง่ ท่ีมาของวตั ถดุ บิ มีอยา่ งต่อเนื่อง

• มปี ญั หาและอุปสรรค ทางด้านวัตถดุ บิ มีการสั่งซ้ือผา้ พนื้ ส้าหรับการแปรรูป มีบางชว่ งท่สี ินค้าขาดตลาด
เนื่องจากติดขัดเรื่องการขนสง่ (การปิดกจิ การชว่ั คราวเนื่องจากติดโควดิ /พนักงานขนส่งติดโควิด)

• มีบคุ ลากรที่สามารถใช้คอมพวิ เตอร์, อนิ เตอร์เน็ต และสมาร์ทโฟน ในระดับดี

• มกี ารถา่ ยทอดเทคนิคการปัก และการแปรรูปขั้นพื้นฐาน

• ยงั ไมม่ ีการประยุกตใ์ ช้เทคโนโลยี เคร่ืองจกั รในการผลิต/และยังไม่มีเครื่องจักรของกลุม่ ฯ

• มกี ระบวนการควบคุมการผลิต สินค้าและบริการท่ีเป็นมาตรฐานชดั เจน มีกระบวนการชัดเจน

• มีการทา้ ระบบบัญชขี องกลุ่ม โดยมีการจดั ท้าระบบบัญชีและยนื่ เสียภาษีวสิ าหกิจชุมชนทุกๆ 6 เดือน

• มีการคา้ นึงถงึ และมีแผนในการพัฒนาการย้อมสีธรรมชาตจิ ากเสน้ ใย

• มกี ารพัฒนารปู แบบสนิ ค้าใหม่ๆ อยู่เสมอ

• มมี าตรฐานผลิตภัณฑ์ มผช. ประเภทผ้าปัก มผช. 219-3/249(ชร) ชว่ งระหว่างเดือน 15 มนี าคม 2563-15
มนี าคม พ.ศ. 2566

• มีมาตรฐานผลิตภัณฑ์ มผช. ประเภทผลิตภัณฑ์ผ้าปัก มผช. 217-1/616 (ชร) ช่วงระหว่างเดือน 15 มีนาคม
2563-15 มนี าคม พ.ศ. 2566

• มมี าตรฐานผลติ ภัณฑ์ เชยี งรายแบรนด์ พลัส ชว่ งระหว่างเดือน 20 มีนาคม 2565 - 20 มนี าคม พ.ศ. 2567
2. ด้ำนอุปสงค์ / กำรตลำด

• พฒั นาช่องทางการจ้าหน่ายสนิ คา้ ผ่านช่องทาง Tiktok (การฝึกท้าคลปิ วีดโี อ)

• ออกงานแสดงสินค้าเพ่ือพบลูกคา้ ใหมๆ่ /ส้ารวจตลาดความต้องการ

• พัฒนาเวบ็ ไซต์ ของแบรนด์/กลุ่มฯ

• พัฒนาช่อง ยทู ูป /Tiktok (การพัฒนาทกั ษะการท้าคลิป วีดีโอ /การคิดสคริป Story telling)

• พฒั นาสนิ ค้า ท่ีพฒั นาเส้นใยดว้ ยการย้อมสีไหมปัก ดว้ ยสีธรรมชาติ และใส่ใจสิ่งแวดล้อม เพ่ือเข้าถึงตลาด
ตา่ งประเทศ

• มแี นวโน้มยอดขายที่เพิ่มข้นึ การจากสนับสนุนของกรมการค้าภายใน ท้ังการสนบั สนุนการออกงานแสดงสินค้า
และการรวี ิวสนิ คา้ ผ่านช่องทางต่าง ๆ

• มี เช่น พวงกุญแจเปน็ สินค้าของขวัญ ของฝาก ของที่ระลึกช่วงส้นิ ปี/ปีใหม่

• มเี สื้อคลมุ ชว่ ยฤดหู นาว

-3๙2-
• สดั ส่วนยอดขายสินค้า สามารถจัดล้าดับยอดขายตามมูลค่า มีรายละเอียดดังน้ี

ล้าดับท่ี ประเภทสนิ ค้า
1 เส้อื ผ้าเครือ่ งแต่งกาย
2 พวงกญุ แจ
3 กระเป๋า
4 ยา่ ม
5 หน้ากาก
6 วัสดุ

กลุ่มลกู ค้าคือ
• กลมุ่ ผหู้ ญงิ อายุ 35-54 ปี ประมาณ 91%
• เป้าหมายของการซอ้ื สนิ ค้า เพอ่ื ใช้เอง ชอบงานฝมี ือ ชอบความโดดเด่น แตกต่างไมเ่ หมือนใคร 95% และ

ผู้ประกอบการา ประมาณ 5%
• ผูช้ าย 9% ติดตามทาง IG มากกว่า
• ช่องทางการติดตาม ทางเพจ face book เปน็ หลกั แต่มกี ารตดิ ตามทาง IG มากขึ้น
• ลูกคา้ เกา่ มีการซอ้ื ซ้าและ พรีออเดอร์งาน
• ลูกค้าส่วนใหญอ่ าศยั อยู่ กรงุ เทพฯ เชยี งราย เชียงใหม่ นนทบุรี ชลบรุ ีและสมทุ ปราการ

มีกลมุ่ ลกู คา้ ประเภท
• เปน็ กลุ่มทีม่ ีกา้ ลังซื้อ เชน่ เป็นเจ้าของกจิ การ หรือเปน็ ผบู้ รหิ าร สนิ ค้าทซ่ี ้อื ซ้าช่วงท่ีผ่านมา จะเปน็ พวงกุญแจ

หน้ากาก กระเปา๋ ยา่ ม เสอ้ื ผา้
• กล่มุ ลูกคา้ ท่ตี ้องการหาสนิ คา้ ทพ่ี เิ ศษๆ โดดเด่น และแตกต่าง สา้ หรับใชเ้ องและเป็นของขวัญ ของฝาก
• มกี ารจัดทา้ ฐานข้อมูลลกู คา้ ชื่อ ทอี่ ย่เู บอร์โทร
• มีช่องทางการประชาสัมพันธ์ และการจดั จา้ หน่ายใหก้ ับลูกค้าช่องทาง

1) Page facebook : https://www.facebook.com/CraftChiangraibywilai62

2) Line Official : https://line.me/R/ti/p/%40ruw0474a

-393-
3) Instragram : hug_villages

• มกี ารทา้ กลยทุ ธส์ ่งเสรมิ การขายโดยการจดั โปรโมช่ันตามเทศกาล

• มกี ารบรกิ ารส่งสนิ คา้ ฟรี

• จัดท้าการด์ อวยพรช่วงปีใหม่ /หรือวันส้าคัญของลูกค้า

3. ดำ้ นกำรสนบั สนนุ และเกีย่ วเน่อื ง

3.1 การสนับสนุนทไี่ ด้รบั จากหนว่ ยงาน ทง้ั ภาครฐั และเอกชน

ล้าดับ หนว่ ยงาน/องค์กรท่ใี ห้การสนบั สนุน เร่ืองท่สี นับสนนุ

1 ธนาคารออมสนิ ดา้ นชอ่ งทางการตลาด โครงการไทยเด็ด ปตท./ การสง่ั สินค้า เชน่ พวงกญุ แจ

2 ม.ราชภัฎเชยี งราย ด้านงานวจิ ยั

3 สสว. เชียงราย สสว. โครงการSMEโคช้ / เรื่องกฎหมาย ตราสินค้า /

ด้านการออกบธู

4 ส้านักงานอุตสาหกรรมจังหวัด ดา้ นมาตรฐานผลติ ภณั ฑ์ชมุ ชน

5 สา้ นกั งานเกษตรอ้าเภอเวียงชยั ดา้ นยกระดบั มาตรฐานกลุ่มฯ

6 สา้ นกั งานพฒั นาชุมชนจังหวดั เชยี งราย ดา้ นยกระดบั มาตรฐานกลุ่มฯ

เครือข่าย OTOP

7 มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่ ด้านการอบรมพฒั นาศักยภาพผูป้ ระกอบการ/ ออกบธู / การตลาด

8 ส้านกั งานสหกรณ์จังหวดั เชยี งราย ดา้ นออกบธู

9 มหาวทิ ยาลยั แม่ฟา้ หลวง ด้านกฎหมาย/ ตราทะเบียนสินคา้

10 สถาบนั พัฒนาฝีมือท่ี 20 เชียงราย ด้านฝึกอบรมเพ่ือเพ่ิมประสิทธิภาพแรงงาน

11 ส้านกั งานพาณชิ ยจ์ ังหวัดเชียงราย สนบั สนนุ เขา้ โครงการหมูบ่ ้านท้ามาคา้ ขาย

12 กรมการค้าภายในฯ โครงการหมู่บ้านท้ามาคา้ ขาย

13 มหาวิทยาลัยเทคโนโลยรี าชมงคล ลา้ ปาง สนับสนุนงบประมาณฝึกอบรมและพัฒนาหนา้ รา้ น

14 มหาวทิ ยาลัยเกษตร/มทร.เชียงใหม่ การตลาดออนไลน/์ การถา่ ยรูปสนิ ค้าสนับสนุนการ

ประชาสมั พันธ์

15 สถาบันพฒั นาอตุ สาหกรรมและสง่ิ ทอ การออกแบบผลิตภณั ฑ์ /แฟช่ันล้านนาตะวันออก

๔. ช่ือผู้ที่ถอื ปฏิบตั ิและผสู้ ืบทอด นางวไิ ล นาไพวรรณ์
๔.๑ ผู้ทถี่ อื ปฏิบตั ิ 19 พฤศจิกายน 2518
ช่ือ 3 หมู่ 12 ตา้ บลดอนศิลา อ้าเภอเวยี งชยั จังหวดั เชยี งราย
วนั เดอื น ปเี กดิ 088 267 4469
ทอ่ี ยู่
หมายเลขโทรศพั ท์

-3๙4-

๔.๒ ผู้สบื ทอด ณฐั ธิดา นาไพวรรณ์
(1) ชือ่ 15 มถิ ุนายน 2544
วนั เดือน ปเี กดิ 3 หมู่ 12 ต้าบลดอนศิลา อา้ เภอเวียงชยั จังหวดั เชียงราย
ที่อยู่ 092 905 9591
หมายเลขโทรศพั ท์ นางสาวภูรีรัตน์ นาไพวรรณ์
(2) ชอ่ื 6 มิถุนายน 2549
วนั เดอื น ปเี กดิ 3 หมู่ 12 ตา้ บลดอนศลิ า อา้ เภอเวียงชัย จังหวดั เชียงราย
ทีอ่ ยู่ 082 160 165๕.
หมายเลขโทรศพั ท์

๕. สถำนะ กำรคงอยู่  ปฏบิ ัติอย่างแพรห่ ลาย  เสี่ยงตอ่ การสญู หาย  ไม่มีปฏิบตั ิแล้ว

๖. รปู ภำพภูมปิ ัญญำทำงวัฒนธรรม/กิจกรรมทำงภูมิปัญญำทำงวฒั นธรรม

1.พวงกญุ แจ

2.หน้ากากอนามัย
กระเป๋าตังเหรยี ญ

3. เส้อื สตรี

-3๙5-

4.ย่าม

5.กระเปา๋ เป/้ สะพาย
6.กระเป๋าถือ
7.ผ้าซิ่น
8.อนื่ ๆ

-3๙6-

แบบสำรวจมรดกภมู ปิ ญั ญำทำงวัฒนธรรมจงั หวัดเชยี งรำย
สำนกั งำนวัฒนธรรมจังหวัดเชยี งรำย
อำเภอแม่สำย จังหวัดเชยี งรำย

๑. ชื่อข้อมลู ผ้าปกั ชุดชาตพิ นั ธุ์ไตหย่า

๒. ลักษณะ  วรรณกรรมพ้นื บ้านและภาษา
 ศลิ ปะการแสดง
 แนวปฏบิ ตั ทิ างสงั คมพิธีกรรม ประเพณี และเทศกาล
 อาหาร/ความรูแ้ ละการปฏบิ ัตเิ กีย่ วกบั ธรรมชาตแิ ละจกั รวาล
 งานช่างฝีมอื ดั้งเดมิ
 การละเล่นพื้นบา้ น กีฬาพื้นบา้ น และศลิ ปะการต่อสปู่ ้องกนั ตัว

๓. รายละเอียดข้อมลู
๓.๑) ประวตั ิความเปน็ มาของข้อมูล
ปัจจุบันการแต่งกายของชาวไตหย่าจะแต่งกายตามสมัยนิยม ส่วนการแต่งกายในชุดประจ้ากลุ่มชน

ในงานประเพณี เช่น งานชุมนุมประจ้าปี เครื่องแต่งกายของสตรีชาวไตหย่าจะประกอบด้วยผ้าซิ่น 2 ผืนซ้อนกัน
ผนื แรกเรยี กว่า ผา้ ไตเ่ ซิน เปน็ ผ้าพน้ื สดี ้า ประดับด้วยรวิ้ ผา้ สตี า่ ง ๆ เย็บเปน็ แถบชายซนิ่ สว่ นผา้ ผืนที่ 2 เรยี กว่า
ผ้าเซิน เป็นผ้าพ้ืนสีด้าประดับชายผ้าด้วยร้ิวผ้าสีแต่ไม่เย็บด้านข้างให้ตดิ กัน ใช้สวมทับผืนแรกโดยพันรอบตัวให้
ชายผ้าขนานผืนแล้วคาดเข็มขัดทับ ส่วนช่วงเอวข้ึนไปมีผ้า 3 ชิ้น คือ ผ้าไว้ใช้คาดเอวจะประดับด้วยริ้วผ้าสีต่าง ๆ
ท้ังผืน จากนั้นสวมทับด้วยเส้ือตัวที่สอง เรียกว่า ซ่ือแย่ง ซึ่งเป็นเสื้อไม่มีแขน คอปิด ไม่มีปกผ่าหน้าเฉียงมา
ทางซ้าย ส่วนเสื้อตัวที่สาม เรียกว่า ซ่ือหลุง มีลักษณะเป็นเสื้อสวมทับแขนยาว ไม่มีปก ผ่าหน้าตรง ความยาว
ของเส้ือจะยาวประมาณ 2 ใน 3 ของความยาวช่วงบนของผู้สวมใส่ ส่วนการแต่งกายของผู้ชายไตหย่า
ประกอบดว้ ยกางเกงขาตรงสีด้าหรือสคี ราม เสอ้ื คอจีนแขนยาวสีดา้ ไมป่ ระดบั ลวดลายใด ๆ

เน่ืองจากพ้ืนท่ีของจังหวัดเชียงราย มีกลุ่มชนชาติติพันธ์อาศัยอยู่ ทั้งตามท่ีราบและบนดอยสูง แต่ละ
กลุ่มจะมีศาสนา ความเชื่อ ประเพณี และวัฒนธรรมแตกต่างกันไป ตามแต่วิถีดั้งเดิมที่บรรพบุรุษได้ปฏิบัติ
สืบทอดกันมา การแต่งกายมีความเป็นเอกลักษณ์อัตลักษณ์ของแต่ละชนชาติพันธ์ุ จุดเด่นท่ีสามารถบ่งบอก
ได้เลยว่าคนที่แต่งชุดน้ีเป็นชาติพันธุ์ใด ประกอบกับในพื้นที่อ้าเภอแม่สาย มีชาติพันธ์ุไตหย่าอาศัยอยู่เป็น
จ้านวนมาก เคร่ืองแต่งกายของกลุ่มชาติติพันธ์ไตหย่า มีความโดดเด่นและแปลกตามากกว่าชาติพันธ์ุอื่น ๆ
เพราะไม่ค่อยได้พบเห็นบ่อยนัก โดยเหตขุ า้ งต้น คณุ ณฐภัทร จันทาพูน ซึ่งเป็นบคุ คลท่ีมีความช่ืนชอบในชุดชาติพันธุ์
และประกอบธุรกิจด้านผ้าของกลุ่มชาติพันธุ์ ในช่วงแรกๆได้หาผ้าชุดชาติพันธุ์จากชนเผ่าโดยตรงซึ่งมีราคาแพง
ประกอบกับปัญหาการส่ือสารกับชนเผ่า จึงมีแนวคิดท่ีจะเก็บข้อมูลความรู้ด้านการแต่งกายชุดชาติพันธ์ุ
แล้วน้ามาออกแบบ ตัดเย็บ และจัดจ้าหน่ายเอง ปัจจุบันคุณณฐภัทร ได้ออกแบบ ผลิต และจัดจ้าหน่าย
ชุดชาติพันธุ์ ท้ังแบบด้ังเดิมและแบบ ประยุกต์ให้ทันสมัย และชุดท่ีมีความโดดเด่นมากอย่างหน่ึงของร้าน
คือชดุ ผ้าตดั ชาตพิ นั ธ์ุไตหย่า

ลักษณะลวดลายผ้าปักในชุดชาติพันธ์ุไตหย่า จะเน้นเป็นรูปทรงเรขาคณิต มีรูปสามเหล่ียมและรูป

ส่ีเหลี่ยม รูปสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัด รูปวงกลม รูปวงรี ปักด้วยเครื่องเงิน มีลักษณะโดดเด่นคงความเป็น

เอกลักษณ์อัตลักษณ์ของกล่มุ ชนชาติพนั ธุ์

-3๙7-

๓.2) ข้นั ตอน/วิธีการ/ด้าเนินการเกีย่ วกับขอ้ มูล

วสั ดอุ ปุ กรณแ์ ละอปุ กรณ์

๑) ผา้ พ้ืนสีด้า ๔) ดน้ิ ทอง

๒) เครอ่ื งเงิน ๕) ผ้ากุ้น

๓) ด้นิ เงนิ ๖) ผแู้ ดง

ขัน้ ตอนการผลิตผา้ และผลิตภณั ฑจ์ ากผา้

ส้าหรับเส้ือประกอบดว้ ย

1) วัดตัว 5) ตดั ตามแบบ

2) สรา้ งแบบ/กดรอย 6) ประดับตกแต่งดว้ ยเครอื่ งเงนิ

3) สร้างลายปัก/กดรอย ๗) ประดบั ด้นิ เงนิ ดิน้ ทอง ผ้ากนุ้

4) ปกั ลาย ๘) ประดับผู้แดง

4. ชอ่ื ผู้ท่ีถอื ปฏิบตั แิ ละผูส้ บื ทอด

4.๑ ผทู้ ีถ่ อื ปฏิบัติ

ชอ่ื นายณฐภทั ร จันทาพนู

วัน เดือน ปีเกิด -

ที่อยู่ 183 หมู่ 1 ตา้ บลห้วยไคร้ อา้ เภอแม่สาย จังหวดั เชียงราย

หมายเลขโทรศัพท์ 096 860 7187

4.๒ ผูส้ ืบทอด

ชื่อ -

วัน เดอื น ปเี กิด -

ที่อยู่ -

หมายเลขโทรศัพท์ -

5. สถำนะ กำรคงอยู่  ปฏิบัติอยา่ งแพร่หลาย  เส่ยี งตอ่ การสูญหาย  ไมม่ ีปฏิบตั ิแล้ว

6. รูปภำพภมู ิปัญญำทำงวัฒนธรรม/กิจกรรมทำงภูมิปัญญำทำงวฒั นธรรม

ตวั อยา่ งผา้ ปักชดุ ชาตติ พิ ันธไ์ ตหย่าผหู้ ญิง ตวั อย่างผ้าปกั ชดุ ชาติ

-398-

แบบสำรวจมรดกภมู ิปัญญำทำงวัฒนธรรมจังหวัดเชียงรำย ประจำปี ๒๕๖๕
สภำวฒั นธรรมจงั หวดั เชยี งรำย

อำเภอเวยี งเชียงรงุ้ จงั หวดั เชยี งรำย

1. ชื่อข้อมูล ผา้ ปกั ด้วยมอื : กลมุ่ วิสาหกจิ ชมุ ชนกลุ่มงานฝมี อื ปักผ้าดว้ ยมือ

๒. ลกั ษณะ  วรรณกรรมพ้นื บ้านและภาษา
 ศิลปะการแสดง
 แนวปฏบิ ัตทิ างสงั คมพิธีกรรม ประเพณี และเทศกาล
 อาหาร/ความรแู้ ละการปฏบิ ตั เิ กีย่ วกับธรรมชาติและจักรวาล
 งานช่างฝมี อื ดัง้ เดิม
 การละเลน่ พ้ืนบา้ น กีฬาพ้ืนบา้ น และศลิ ปะการต่อสูป่ ้องกันตวั

๓. รำยละเอียดขอ้ มูล

3.1 ประวตั ิความเปน็ มา
กลุ่มงานฝีมือปักผ้าด้วยมือ หมู่ 3 บ้านป่าซาง ต้าบลป่าซาง อ้าเภอเวียงเชียงรุ้ง จังหวัดเชียงราย
เปน็ กลมุ่ ทพ่ี ฒั นาต่อยอด เรม่ิ แรกจากกลุม่ ทอผา้ ผู้สงู อายุบ้านป่าซางซ่ึงทอผา้ มานาน ตง้ั แต่ พ.ศ.2548 แตไ่ ม่มี
ผู้สบื ทอดมากนกั ผู้เฒา่ ผแู้ กเ่ ดมิ เสียชีวติ ไปบ้าง ท้าให้กลุ่มมีสมาชกิ ลดนอ้ ยลง ต่อมา พ.ศ.2552 คนร่นุ ตอ่ มาจึง
มารวมกันเป็นกลุ่มเย็บแปรรูป น้าโดยนางอ้าพร ใจน่าน และได้ด้าเนินกิจกรรมร่วมกันมา และพัฒนาต่อยอด
ในปี พ.ศ.2563 ได้ก่อต้ังกลุ่มวิสาหกิจชมุ ชน “กลุ่มงานฝีมือปักผ้าด้วยมือ” น้าโดยนางสิริยากร ก๋าพรม และ
นางสาวพรพิมล จ๋าจุ๋มป๋า และได้เรียนรู้ การสร้างสรรค์งานฝีมือปักผ้า บนเส้ือ หมวก กระเป๋าใส่เหรียญ และ
พัฒนามาท้าเปน็ กระเป๋าชนดิ ต่าง ๆ หลากหลายชนิด
เป็นภูมิปัญญาสร้างสรรค์ของคนรุ่นใหม่ ท่ีใช้ฝีมือ ทักษะการเรียนรู้ และพัฒนาต่อยอด ใช้ความคิด
สร้างสรรค์ในการผลิตงานแต่ละชิ้น และผสมผสานจากผ้าทอ เศษผ้า ในการผลิตช้ินงาน และประยุกต์กับการ
ออกแบบเพื่อให้คนรุ่นใหม่หันมาสนใจ และน้าไปใช้ประโยชน์ โดยลวดลายปักบนผ้า เช่น รูปสัตว์ ต้นไม้ ใบไม้
ดอกไม้ โดยสังเกตุจากธรรมชาติ และส่ิงแวดล้อม และมีแรงบันดาลใจในการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ เพิ่ม
อาชีพ เพ่ิมรายได้แก่ครัวเรือน โดยเฉพาะในช่วงวิกฤตโควิด จากการแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา
2019 (COVID – 19) ท้าให้ผู้คนอยู่บ้านมากข้ึน แกนน้ากลุ่ม จึงคิดหาวิธีการส่งเสริมอาชีพแก่กลุ่มสตรี และ
หารายไดเ้ พ่ิม ซึง่ ถือวา่ เป็นมรดกภูมปิ ญั ญาทพี่ ัฒนาตอ่ ยอดมาจากการทอผ้าด้ังเดิม และใชว้ ิกฤตให้เปน็ โอกาส

3.2 ข้ันตอน/วธิ ีการ/ด้าเนนิ การเกี่ยวกับข้อมูล
วัสดอุ ุปกรณแ์ ละอุปกรณ์
1) ผ้าชนิดต่าง ๆ ทงั้ ผ้าทอ และผ้าผนื ส้าเรจ็ รูป
2) ดา้ ยสตี า่ ง ๆ
3) เขม็
4) จกั รเย็บผ้า
ขั้นตอนกำรผลติ
1) นา้ ผ้ามาตดั เย็บเป็นของใช้ต่าง ๆ ตามต้องการ เชน่ เสื้อ หมวก กระเป๋าแบบต่าง ๆ พวงกุญแจ ถงุ ผ้า ฯลฯ
2) ปกั ลวดลายตา่ ง ๆ ด้วยมอื โดยใชด้ ้ายสีต่าง ๆ ปักลงบนของใช้ตามข้อ 1) โดยออกแบบ สร้างสรรค์
ผลงานดว้ ยความคดิ สร้างสรรค์ ซึง่ ไมซ่ ้าลาย ซงึ่ จะทา้ ใหผ้ ลิตภัณฑ์เกดิ ความสวยงาม ความน่าสนใจ
3) นา้ ไปวางจา้ หน่ายในงานตา่ ง ๆ / เพจ Handmade by แม่โพธทิ์ อง /และจากการสั่งซื้อของลกู ค้าทีส่ ัง่
จอง

-399-

๔. ชือ่ ผู้ที่ถอื ปฏิบตั แิ ละผสู้ บื ทอด
๔.๑ ผทู้ ถี่ อื ปฏิบัติ
ชอื่ นางพรทิพย์ จา๋ จมุ๋ ป๋า
วัน เดือน ปีเกดิ -
ที่อยู่ หมู่ 3 ตา้ บลป่าซาง อ้าเภอเวยี งเชยี งรงุ้ จงั หวัดเชยี งราย
หมายเลขโทรศัพท์ 093 245 6700
Facebook เพจ Handmade by แม่โพธิท์ อง
๔.๒ ผสู้ บื ทอด
ชื่อ -
วัน เดือน ปเี กดิ -
ท่ีอยู่ -

หมายเลขโทรศัพท์ -

๖. สถำนะ กำรคงอยู่  ปฏบิ ตั ิอยา่ งแพรห่ ลาย  เส่ียงต่อการสูญหาย  ไม่มปี ฏิบตั แิ ลว้

๗. รปู ภำพภมู ิปญั ญำทำงวัฒนธรรม/กจิ กรรมทำงภูมปิ ัญญำทำงวฒั นธรรม

ด้ายปักสตี ่าง ๆ

เขม็ เย็บผา้ สะดึง จักรเยบ็ ผ้า

การปักผา้ ด้วยมือ การจา้ หนา่ ยผลิตภัณฑ์ เพจ Handmade by แมโ่ พธิ์ทอง

-400-

ผลติ ภณั ฑจ์ ำกผำ้ ของกลุ่มวิสำหกิจชุมชนงำนฝมี ือปกั ผำ้ ด้วยมอื
หม่ทู ่ี 3 บ้ำนปำ่ ซำง ตำบลป่ำซำง อำเภอเวียงเชียงรุ้ง จังหวดั เชยี งรำย

-401-

แบบสำรวจมรดกภมู ปิ ัญญำทำงวฒั นธรรมจงั หวดั เชียงรำย ประจำปี ๒๕๖๕
สภำวัฒนธรรมจงั หวดั เชยี งรำย
อำเภอแม่จนั จังหวดั เชียงรำย

๑. ชื่อข้อมูล ผ้าปักมือ

๒. ลกั ษณะ  วรรณกรรมพ้นื บ้านและภาษา
 ศลิ ปะการแสดง
 แนวปฏบิ ัติทางสงั คมพธิ ีกรรม ประเพณี และเทศกาล
 อาหาร/ความรแู้ ละการปฏบิ ัติเกยี่ วกับธรรมชาตแิ ละจักรวาล
 งานชา่ งฝีมอื ดงั้ เดิม
 การละเล่นพนื้ บา้ น กีฬาพื้นบ้าน และศิลปะการตอ่ สู่ป้องกนั ตัว

๓. รำยละเอยี ดขอ้ มูล

๓.๑) ประวัติความเป็นมาของขอ้ มลู
กลมุ่ พัฒนาสตรีตา้ บลป่าตึง อ้าเภอแมจ่ นั จงั หวดั เชียงราย ส่วนใหญม่ ีอาชีพเกษตรกร และเปน็ แม่บ้าน
หลังจากฤดูการท้าไร่ ทา้ นาแลว้ เสรจ็ จะไมค่ ่อยมีงานท้า จงึ รวมกลุ่มกนั ท้างานฝีมอื โดยไดร้ บั การถ่ายทอดวิธีการ
ปักผ้าแบบผ้าปักมือกองหลวงจากอาจารย์สิริวัฑน์ เธียรปัญญา ซึ่งอาจารย์ได้ถ่ายทอดเทคนิค แนวคิด การท้า
ผ้าปักมือให้ชาวบ้าน เกิดการสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้กับชุมชน ผ้าปักมือท่ีมีเพียงผืนเดียวในโลก
ผสมผสานความงดงามประณีตของผ้า ซึ่งเป็นผ้าทอมือพื้นเมืองท้ังผ้าฝ้ายและผ้าไหมรวมถึงเส้นใยธรรมชาติ
น้ามาปักโดยใช้เทคนิคการปักแบบลายลูกโซ่ท่ีมีความละเอียดประณีต เกิดจากการแต่งแต้มจินตนาการและ
ความคิดสร้างสรรค์ลงบนผืนผ้า ผ่านลวดลายที่ได้รับแรงบันดาลใจจากลายทองในโบสถ์ และลายปูนป้ัน
จากวัดวาอารามในแถบภาคเหนือ ซ่ึงล้วนเป็นลายล้านนา โดยน้ามาประยุกต์ออกแบบเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ
ของผ้าปักมือ โดยจะวาดลายลงในผ้าทุกผืน ไม่มีการลอกลายจึงท้าให้ลายแต่ละผืนไม่เหมือนกันซ่ึงเป็นเสน่ห์
ส้าคัญของผ้าปักมือแบบกองหลวงที่อาจารย์สิริวัฒน์ เธียรปัญญา ครูช่างศิลปหัตถกรรม ปี 2554 ได้
ออกแบบและถ่ายทอดใหแ้ ก่กลมุ่ พฒั นาสตรตี ้าบลปา่ ตงึ

๓.๒) ข้ันตอน/วธิ กี าร/ด้าเนินการเกีย่ วกบั ขอ้ มูล
วสั ดุอุปกรณ์และอุปกรณ์
- ผ้าฝ้ายทอมอื
- ผา้ ไหมทอมอื
- ดา้ ย
- เข็ม
- ปากกาเขยี นกระจก
ขัน้ ตอนกำรผลิตผ้ำและผลติ ภณั ฑ์จำกผำ้
1. น้าผ้าฝ้ายทอมอื หรือผ้าไหมทอมือ วาดแบบลวดลายต่างๆ ดว้ ยปากกาเขยี นกระจก
2. เลอื กสีดา้ ยท่ีต้องการ ปกั ลายโซ่ตามลวดลายทว่ี าดไว้

-๔๐2-

๔. ชื่อผูท้ ี่ถือปฏิบตั ิและผ้สู บื ทอด
๔.๑ ผูท้ ่ถี ือปฏบิ ตั ิ
ชอื่ นางพิมใจ กันแกว้
วนั เดือน ปีเกดิ -
ที่อยู่ 1๑๗ หมู่ ๗ ตา้ บลป่าตงึ อ้าเภอแม่จนั จงั หวัดเชยี งราย
หมายเลขโทรศัพท์ 089 855 2494
๔.๒ ผู้สืบทอด
ชือ่ นางศรีพนู จันทาพูน
วัน เดอื น ปเี กดิ -
ทอ่ี ยู่ นางศรพี ูน จันทาพูน
หมายเลขโทรศัพท์ 089 855 2494

๕. สถำนะ กำรคงอยู่  ปฏิบตั อิ ย่างแพร่หลาย  เสย่ี งต่อการสูญหาย  ไมม่ ปี ฏบิ ตั แิ ล้ว

๖. รูปภำพภูมปิ ัญญำทำงวัฒนธรรม/กิจกรรมทำงภูมปิ ัญญำทำงวฒั นธรรม

วัสดุอุปกรณ์ การวาดลวดลายลงบนผา้

การปักมือแบบลูกโซ่

-๔๐3-

แบบสำรวจมรดกภมู ปิ ญั ญำทำงวฒั นธรรมจงั หวัดเชียงรำย ประจำปี ๒๕๖๕
สภำวฒั นธรรมจงั หวัดเชยี งรำย
อำเภอแมจ่ ัน จงั หวัดเชียงรำย

๑. ชอื่ ข้อมลู ผา้ ปกั มอื ชาติพันธุอ์ าข่า

๒. ลกั ษณะ  วรรณกรรมพื้นบ้านและภาษา
 ศิลปะการแสดง

 แนวปฏิบตั ทิ างสงั คมพธิ ีกรรม ประเพณี และเทศกาล

 อาหาร/ความรแู้ ละการปฏิบตั เิ กยี่ วกับธรรมชาติและจกั รวาล
 งานชา่ งฝมี ือดง้ั เดิม

 การละเล่นพนื้ บา้ น กีฬาพืน้ บ้าน และศลิ ปะการต่อสู่ป้องกนั ตวั

๓. รายละเอยี ดขอ้ มูล

๓.๑) ประวตั ิความเป็นมาของขอ้ มลู
ชนเผ่าอาข่า มีถ่ินฐานเดิมอยู่ท่ีบริเวณภูเขาสูงทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือและตะวันตกเฉียงใต้ของ
ประเทศจีน ปัจจุบันชาวอ่าข่ามีประชากรอาศัยอยู่หนาแน่นท่ีบริเวณมณฑลยูนนานของประเทศจีน โดยเฉพาะ
แคว้นสิบสองปันนา นอกจากน้ียังมีประชากรชาวอาข่ากระจายอยู่ในประเทศต่าง ๆ บริเวณเอเชียตะวันออก
เฉียงใต้ ได้แก่ ประเทศลาว พม่า เวียดนามและไทย ชาวอาข่าในประเทศไทยกระจายอยู่ในพ้ืนท่ี ๗ จังหวัด
ทางภาคเหนือของไทย ได้แก่ จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ พะเยา ล้าปาง แพร่ ตากและเพชรบูรณ์ อาศัยอยู่มากท่ีสุด
ในจังหวัดเชียงราย และหมู่บ้านจอป่าคา หมู่ท่ี 14 ต้าบลแม่จัน อ้าเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย ชาวอาข่ายังคง
ใช้วิถีชีวิตแบบเดิม ไม่ว่าจะเป็นภาษาพูด วัฒนธรรมการแต่งกาย อาหาร ท่ีได้รับการสืบทอดมาจากบรรพบุรุษ
ผู้หญิงชาวอาข่ายังคงปักผ้าเพื่อสวมใส่ให้กับตนเองและบุคคลในครอบครัว เหลือก็ปักเพ่ือจ้าหน่ายให้กับบุคคล
ที่สนใจและนักท่องเที่ยว ปัจจุบันวัฒนธรรมการแต่งกายชุดชาติพันธ์ุจะใช้สวมใส่ในงานหรือพิธีกรรมต่าง ๆ
หรอื การเดนิ ทางที่เป็นทางการ หากอย่แู ตใ่ นหม่บู ้านมักแตง่ กายแบบทวั่ ไป
กลมุ่ ผา้ ปกั มอื บ้านจอปา่ คา หมู่ที่ 14 ต้าบลแมจ่ นั อ้าเภอแม่จนั จังหวัดเชียงราย ยังคงอนุรักษ์สืบสาน
วิธีการปักผ้าแบบเดิมจากบรรพบุรุษ ลายผ้าปักชาติพันธุ์อาข่ามีความประณีต สวยงาม เน้นการใช้สีสันที่สดใส
ในการปัก ผ้าพื้นที่ใช้ปักเป็นผ้าสีด้า หรือสีกรมท่า เป็นผ้าฝ้าย หรือผ้าใยกัญชง เวลาที่ปักลวดลายแล้วเห็น
เด่นชัด ลายต่าง ๆ ท่ีปักลงไปน้ันส่วนใหญ่มาจากจิตนาการของผู้ปักท่ีได้เห็นจากส่ิงแวดล้อมตามธรรมชาติ
ลายถอ่ ง ลายขออูโละ๊ ลายโลมิ และลายล้ินผีเส้อื

๓.๒) ขนั้ ตอน/วธิ ีการ/ดาเนนิ การเกย่ี วกบั ข้อมูล
วัสดอุ ุปกรณแ์ ละอุปกรณ์
1. เขม็ 2. ลกู ปดั 3. ไหมพรม
4. ดา้ ย 5. ขนไก่ 6. เคร่อื งเงิน
7. กระด่ิง 8. ผา้ พน้ื ผ้าฝ้าย หรือผา้ ใยกัญชง
ข้นั ตอนกำรผลิตผำ้ และผลติ ภณั ฑ์จำกผ้ำ
1. ตัดผา้ พนื้ ใหไ้ ดต้ ามขนาดท่ีตอ้ งการ
2. วาดแบบลวดลายบนผ้า
3. เลือกดา้ ยตามสีท่ตี ้องการ และปกั ด้วยลายท่ีวาดไว้ (บางคนทมี่ คี วามช้านาญไมต่ ้องวาดลาย)
4. ประดับตกแตง่ ผ้าด้วย เครื่องเงิน กระดิง่ ลูกปัด ไหมพรม ขนไก่ ลูกเดอื ย
5. น้าผา้ ปักมอื ที่ปักและตกแตง่ เรียบรอ้ ยแล้วไปประกอบตัดเยบ็ เป็นเส้ือผา้ กระเปา๋ ถงุ น่อง หรอื
ประยุกต์ เป็นผา้ คลมุ ไหล่ เสอื้ คลมุ หรอื ผ้าปูโต๊ะ

-๔๐4-

๔. ช่อื ผทู้ ่ีถอื ปฏิบตั ิและผู้สบื ทอด
๔.๑ ผู้ท่ถี ือปฏบิ ัติ
ชอ่ื นางตูลู ยอแจะ
วัน เดือน ปีเกดิ -
ท่อี ยู่ 206 หมู่ 14 ต้าบลแมจ่ นั อา้ เภอแม่จัน จงั หวัดเชียงราย
หมายเลขโทรศัพท์ 097 276 6249
๔.๒ ผูส้ บื ทอด
ชอ่ื นางสาวรวมิ ล เบียเซ
วนั เดอื น ปเี กิด -
ทอ่ี ยู่ 95 หมู่ 14 ตา้ บลแมจ่ ัน อา้ เภอแม่จัน จังหวดั เชยี งราย
หมายเลขโทรศัพท์ 080 859 8565

๕. สถานะ การคงอยู่  ปฏบิ ตั ิอย่างแพร่หลาย  เสย่ี งตอ่ การสญู หาย  ไม่มปี ฏิบตั ิแลว้

๖. รูปภาพภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม/กจิ กรรมทางภูมปิ ัญญาทางวฒั นธรรม

วสั ดอุ ปุ กรณ์สา้ หรับผา้ ปกั มือชาตพิ ันธอ์ุ าข่า

นางตลู ู ยอแจ๊ะ สาธติ การปกั ผา้ ชาตพิ ันธุอ์ าขา่
กระเปา๋ ปักผา้ ชาติพันธุ์อาขา่ เมือ่ ท้าเสร็จแล้ว

-405-

แบบสำรวจมรดกภมู ิปญั ญำทำงวัฒนธรรมจงั หวัดเชียงรำย ประจำปี ๒๕๖4
สำนักงำนวัฒนธรรมจงั หวัดเชยี งรำย
อำเภอแมจ่ ัน จงั หวัดเชียงรำย

๑. ช่อื ข้อมลู ผา้ ปักมอื บ้านสนั ทางหลวง

๒. ลักษณะ  วรรณกรรมพน้ื บ้านและภาษา
 ศลิ ปะการแสดง
 แนวปฏิบตั ิทางสังคมพธิ ีกรรม ประเพณี และเทศกาล
 อาหาร/ความรู้และการปฏิบตั ิเก่ยี วกับธรรมชาตแิ ละจักรวาล
 งานชา่ งฝีมือดง้ั เดมิ
 การละเล่นพืน้ บา้ น กีฬาพนื้ บ้าน และศลิ ปะการต่อสู่ป้องกันตัว

๓. รายละเอียดข้อมลู
๓.๑) ประวตั ิความเปน็ มาของข้อมูล
กลุ่มผ้าปักสันทางหลวง ต่อยอดมาจากการทอผ้า เม่ือวันเวลาผ่านไปลายผ้าทอเริ่มมีการซ้ากันมากข้ึน

แต่ความคิดสร้างสรรค์ยังไม่ส้ินสุด และชาวบ้านเร่ิมมีการปักช่ือใส่เสื้อผ้าของตน เพ่ือแสดงความเป็นเจ้าของ
ต่อมามีการปักเป็นสัญลักษณ์ แทนการปักช่ือ โดยจะมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันไปในแต่ละคนก่อเกิดเป็น
ลวดลายสวยงาม มีผู้คนชื่นชอบและได้รับค้าชื่นชม อีกทั้งชาวบ้านยังมีความสุขท่ีได้ปักตามความพึงพอใจ
ได้ถ่ายทอดจินตนาการของตนลงบนผืนผ้าได้อย่างไม่ส้ินสุด จะปักยังไงก็ได้ไม่มีผิด ไม่มีถูก จึงต่อยอดมาเป็น
การสร้างมูลค่าของผ้าทอโดยการน้าผ้าทอมาปักเป็นลายที่ประกอบมาจากเอกลักษณ์ในแต่ละบุคคลบวกกับ
ความงามของธรรมชาติมาเป็นลวดลายต่าง ๆ ทุกอย่างสามารถสร้างสรรค์ได้อย่างเต็มที่ ท้าให้ผ้าแต่ละผืนจึงมี
ลวดลายทแี่ ตกตา่ งกันไม่เคยซา้ กนั ซง่ึ กลายเปน็ ผ้าทีม่ เี พยี งช้ินเดียวในโลก

ผ้าปักด้วยมือ มีเป็นงานฝีมือเพื่อใช้แต่งเสื้อผ้าในงานเทศกาลส้าคัญต่าง ๆ วิถีชีวิตของชุมชนจะมี
การปักผ้าด้วยมือ เพ่ือเป็นการอนุรักษ์ภูมิปัญญางานฝีมือไว้ และก่อให้เกิดรายได้ จึงมีการรวมตัวกัน
ต้ังเป็นกลุ่มผ้าปกั ดว้ ยมอื ข้นึ

๓.๒) ขัน้ ตอน/วิธีการ/ดาเนนิ การเกย่ี วกบั ข้อมูล
ผ้าปักมือของกลุ่มผ้าปักบ้านสันทางหลวง มีลักษณะเด่นที่เป็นเอกลักษณ์คือการปักตามจินตนาการ
ของผู้ปักที่พบเห็นได้จากธรรมชาติ และสิ่งท่ีอยู่รอบตัว ปักออกมาเป็นลวดลายต่างๆ เช่น ลายทุ่งนา ลายเม็ดข้าว
ลายหอยเชอร่ี ลายภูเขา ลายต้นไม้ใบหญ้า ลายดอกไม้ ลายใบไม้ ผ้าปักมือแต่ละชิ้นส่วนใหญ่เน้นสีสันที่สดใส

เช่น สีชมพู สีฟ้า สีแดง สีม่วง สีเหลือง สีเขียว สีน้าเงิน สีน้าตาล การปักไม่มีรูปแบบหรือมาตรฐานตายตัวถือ
เปน็ เอกลักษณ์และอัตลักษณข์ องงานผ้าปักมือ
วสั ดอุ ุปกรณก์ ารทาผ้าปกั มอื

1. ผา้ ปักคอสตสิ ตาละเอียด (สดี า้ หรอื สีขาว) 2. เขม็ 3. ดา้ ย
4. ปากกาเขียนกระจก 5. กรรไกร
วิธกี ำรทำผ้ำปกั มอื
1. ตดั ผา้ ครอสตสิ ตาละเอยี ดให้ไดข้ นาดตามที่ตอ้ งการ

2. ใช้ปากกาเขียนกระจกวาดแบบลงบนผา้ ครอสติส
3. เลอื กดา้ ยตามสที ีต่ อ้ งการ
4. ปกั ตามรอยทวี่ าดไวบ้ นผา้ ครอสติส ตามจินตนาการ
5. น้าผา้ ทป่ี กั ไดไ้ ปตดั เยบ็ ลงบน กระเป๋า เส้ือ กางเกง เป็นตน้

-406-

๔. ช่ือผู้ท่ีถอื ปฏิบตั แิ ละผ้สู บื ทอด
๔.๑ ผทู้ ี่ถอื ปฏิบัติ
ชื่อ นางสงั เวยี น ปรารมภ์
วนั เดือน ปีเกิด -
ทีอ่ ยู่ ๑๑๓ หมู่ ๑๒ ตา้ บลจันจว้าใต้ อ้าเภอแม่จัน จงั หวดั เชียงราย
หมายเลขโทรศัพท์ 086 922 5679
๔.๒ ผู้สบื ทอด
ชือ่ นางสาวสุนนั ต์ มหันต์
วนั เดือน ปเี กิด -
ทอ่ี ยู่ 113 หมู่ 12 ต้าบลแมจ่ นั จวา้ ใต้ อา้ เภอแมจ่ ัน จังหวดั เชียงราย
หมายเลขโทรศัพท์ 061 791 1077

๕. สถานะ การคงอยู่  ปฏบิ ัตอิ ย่างแพรห่ ลาย  เสี่ยงตอ่ การสูญหาย  ไม่มปี ฏิบัติแล้ว

๖. รูปภาพภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม/กจิ กรรมทางภูมิปัญญาทางวฒั นธรรม

-407-

แบบสำรวจมรดกภมู ิปญั ญำทำงวฒั นธรรมจงั หวัดเชียงรำย ประจำปี ๒๕๖๕
สภำวัฒนธรรมจังหวัดเชยี งรำย
อำเภอแมจ่ นั จังหวัดเชยี งรำย

๑. ชื่อข้อมลู ผ้าปักมือลายเชยี งแสนหงส์ดา้

๒. ลักษณะ  วรรณกรรมพ้นื บ้านและภาษา
 ศลิ ปะการแสดง
 แนวปฏิบัติทางสังคมพธิ ีกรรม ประเพณี และเทศกาล
 อาหาร/ความรู้และการปฏิบัตเิ ก่ยี วกบั ธรรมชาติและจักรวาล
 งานช่างฝมี อื ดง้ั เดมิ
 การละเล่นพื้นบา้ น กีฬาพืน้ บา้ น และศิลปะการต่อสู่ป้องกันตัว

๓. รำยละเอยี ดข้อมูล

๓.๑) ประวัตคิ วามเปน็ มาของขอ้ มูล
กลุม่ ผ้าปกั ดว้ ยมอื จดั ตัง้ ข้นึ เมอ่ื ปี พ.ศ. 2543 โดยนางนธิ ี สุธรรมรักษ์ ซ่ึงเป็นผู้หนง่ึ ท่มี ีความสนใจการ
ปกั ผา้ และไดเ้ รียนรู้การปักผ้าจากมารดามาตั้งแต่เด็ก เดมิ การปักผ้าเพ่ือใช้เองและจ้าหนา่ ยบ้างบางสว่ น แต่ยัง
ไม่มีการพัฒนารูปแบบ และลวดลายที่เป็นที่ต้องการของตลาดมากนัก ประกอบกับมีผู้สนใจผ้าปักมากขึ้น
ลวดลายและสีสันไม่หลากหลาย ไม่มีการวางแผนการตลาด ต่างคนต่างท้าต่างคนต่างขาย จึงจ้าหน่ายได้ใน
ราคาถูก ต่อมาจึงได้มีแนวคิดท่ีจะรวมกลุ่มกันขึ้น น้าโดยนางนิธี สุธรรมรักษ์ มีการสอนกลุ่มที่สนใจในการ
ปักผ้าด้วยมือ การลงสีสัน และการผสมผสานลายปัก ท้าให้เป็นท่ีต้องการของผู้ซ้ือมากย่ิงขึ้น การประยุกต์
ลายปักด้วยมือ มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการอนุรักษ์งานฝีมือ และมรดกภูมิปัญญาท้องถิ่น เป็นการสร้างงาน
สร้างอาชีพสร้างรายได้ให้กับกลุ่มผู้สูงอายุ กลุ่มพัฒนาสตรี และกลุ่มเด็กและเยาวชนที่อยากมีอาชี พเสริม
ปัจจุบันผ้าปักด้วยมือยังเป็นที่นิยมของชาวไทยและชาวต่างประเทศ และแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรม
ได้อยา่ งหลากหลาย
จังหวัดเชียงรายได้มีประกาศการใช้ลายผ้า “เชียงแสนหงส์ด้า” เป็นลายผ้าอัตลักษณ์ประจ้าจังหวัด
เชียงราย นางนธิ ี สุธรรมรักษ์ จงึ ไดร้ เิ รม่ิ ปกั ลวดลายเชยี งแสนหงส์ดา้ เป็นตน้ แบบใหก้ ับชาวบ้าน

๓.๒) ข้นั ตอน/วิธกี าร/ด้าเนนิ การเก่ียวกับขอ้ มูล
วสั ดอุ ุปกรณก์ ำรทำผ้ำปกั มอื
1. ผ้าปักคอสตสิ ตาละเอียด (สดี ้าหรือสีขาว)
2. เข็ม
3. ด้าย
๔. กรรไกร
วธิ กี ำรทำผ้ำปักมือ
1. ตัดผา้ ครอสตสิ ตาละเอียดใหไ้ ด้ขนาดตามทีต่ ้องการ
๒. เลอื กดา้ ยตามสีทตี่ ้องการ
๓. ปกั ตามรอยทวี่ าดไวบ้ นผ้าครอสติส (ตามผ้าต้นแบบ)

-408-

๔. ช่ือผ้ทู ่ีถือปฏิบตั แิ ละผู้สบื ทอด

๔.๑ ผทู้ ถี่ ือปฏบิ ัติ

ชือ่ นางนธิ ี สุธรรมรักษ์

วนั เดอื น ปีเกดิ -

ท่อี ยู่ -

หมายเลขโทรศัพท์ ๐๖๓ ๒๖๕ ๒๙๖๖

๔.๒ ผู้สืบทอด

ช่ือ กลมุ่ พฒั นาสตรตี ้าบลแมไ่ ร่

วัน เดอื น ปีเกิด -

ทีอ่ ยู่ -

หมายเลขโทรศัพท์ -

๕. สถำนะ กำรคงอยู่  ปฏบิ ัตอิ ย่างแพร่หลาย  เสยี่ งตอ่ การสูญหาย  ไมม่ ีปฏบิ ัติแลว้

๖. รปู ภำพภมู ิปัญญำทำงวัฒนธรรม/กจิ กรรมทำงภูมิปัญญำทำงวัฒนธรรม

-409-

แบบสำรวจมรดกภมู ปิ ญั ญำทำงวฒั นธรรมจงั หวัดเชียงรำย ประจำปี 2565
สภำวัฒนธรรมจังหวัดเชยี งรำย
อำเภอดอยหลวง จงั หวัดเชียงรำย

1. ชื่อข้อมลู ผา้ พืน้ เมือง บ้านปงน้อยใต้

๒. ลักษณะ  วรรณกรรมพน้ื บ้านและภาษา
 ศลิ ปะการแสดง
 แนวปฏิบตั ิทางสงั คมพิธีกรรม ประเพณี และเทศกาล
 อาหาร/ความรู้และการปฏิบตั เิ กี่ยวกบั ธรรมชาตแิ ละจักรวาล
 งานช่างฝมี อื ดงั้ เดมิ
 การละเลน่ พน้ื บา้ น กีฬาพ้ืนบ้าน และศลิ ปะการต่อสู่ป้องกนั ตวั

๓. รำยละเอยี ดขอ้ มลู

3.1) ประวตั คิ วามเป็นมาของข้อมูล
กลุ่มทอผ้าพ้ืนเมือง บ้านปงน้อยใต้ หมู่ 10 ต้าบลปงน้อย อ้าเภอดอยหลวง จังหวัดเชียงราย

ก่อตั้งข้ึนเมื่อปี พ.ศ. 2536 โดยเป็นการจัดตั้งกลุ่มเพื่อส่งเสริมอาชีพให้กับกลุ่มสตรี ได้รับการสนับสุนนจาก
ศูนย์การเรียนรู้ชุมชน ต้าบลปงน้อย และได้ใช้เวลาว่างหลังการเก็บเกี่ยวหรือหลังเสร็จสิ้นฤดูกาลท้านา
และองค์การบริหารส่วนต้าบลปงน้อย อ้าเภอดอยหลวง จังหวัดเชียงราย ได้ตั้งงบประมาณ ประจ้าปี 2565
เพ่ือส่งเสริมกลุ่มอาชีพต่าง ๆ ในต้าบลปงน้อย เนื่องจากกลุ่มอาชีพต่าง ๆ มีบทบาทส้าคัญในการส่งเสริมและ
สนับสนนุ การด้าเนนิ กิจกรรมพัฒนากลุ่มอาชีพให้มีรายไดเ้ พ่มิ ขน้ึ มคี วามเข้มแขง็ เป็นกา้ ลงั ส้าคญั ในการพัฒนา
ท้องถ่นิ

3.2) ขน้ั ตอน/วิธกี าร/ด้าเนนิ การเก่ยี วกบั ข้อมลู

1. สืบเส้นด้ายยนื เข้ากับแกนมว้ นด้ายยืน และรอ้ ยปลายด้ายแตล่ ะเส้นเขา้ ในตะกอแตล่ ะชุดและ
ฟันหวี ดงึ ปลายเสน้ ดา้ ยยืนทงั้ หมดม้วนเข้ากับแกนมว้ นผ้าอีกดา้ นหน่ึง ปรับความตงึ หยอ่ นให้พอเหมาะกรอด้าย
เข้ากระสวยเพอื่ ใชเ้ ปน็ ดา้ ยพงุ่

2. เริ่มการทอโดยกดเครื่องแยกหมู่ตะกอ เส้นด้ายยืนชุดท่ี 1 จะถูกแยก ออกและเกิดช่องว่าง
สอดกระสวยด้ายพ่งุ ผา่ น สลับตะกอชุดท่ี 1 ยกตะกอชุดที่ 2 สอดกระสวยดา้ ยพุง่ กลับ ทา้ สลบั กนั ไปเรื่อย ๆ

3. การกระทบฟันหวี (ฟืม) เม่ือสอดกระสวยด้ายพุ่งกลับก็จะกระทบฟันหวี เพื่อให้ด้ายพุ่งแนบ
ตดิ กัน ได้เนือ้ ผ้าทแี่ นน่ หนา

4. การเก็บหรือม้วนผ้า เมื่อทอผ้าได้พอประมาณแล้วก็จะม้วนเก็บในแกนม้วนผ้า โดยผ่อนแกน
ดา้ ยยนื ให้คลายออกและปรบั ความตงึ หยอ่ นใหํมใ่ ห้พอเหมาะ

4. ชอื่ ผทู้ ถี่ ือปฏิบตั ิและผู้สบื ทอด นางลา้ ยอง รกั บ้าน
4.1 ผู้ถือปฏบิ ตั ิ 21 กรกฎาคม 2501
ชื่อ 118/2 หมู่ 10 ต้าบลปงน้อย อ้าเภอดอยหลวง จังหวัดเชียงราย
วนั เดือน ปเี กิด 080 828 1934
ทอ่ี ยู่
หมายเลขโทรศพั ท์

-410-

4.2 ผู้สืบทอด นางกานดา ปงลงั กา
ช่ือ 2 มถิ ุนายน 2502
วัน เดือน ปเี กิด 116 หมู่ 10 ตา้ บลปงน้อย อ้าเภอดอยหลวง จังหวดั เชยี งราย
ที่อยู่ 085 052 1627
หมายเลขโทรศพั ท์

๖. สถำนะ กำรคงอยู่  ปฏิบตั ิอย่างแพรห่ ลาย  เสีย่ งต่อการสูญหาย  ไม่มปี ฏิบัติแล้ว

๗. รูปภำพภูมปิ ัญญำทำงวัฒนธรรม/กจิ กรรมทำงภมู ปิ ญั ญำทำงวฒั นธรรม

-411-

แบบสำรวจมรดกภมู ิปัญญำทำงวฒั นธรรมจงั หวดั เชียงรำย ประจำปี ๒๕๖๕
สภำวฒั นธรรมจงั หวัดเชยี งรำย

อำเภอเวียงเชยี งรุ้ง จงั หวดั เชียงรำย

1. ชื่อข้อมลู ผ้าไหมทอมือ บ้านห้วยเคียน

๒. ลักษณะ  วรรณกรรมพ้นื บ้านและภาษา
 ศิลปะการแสดง
 แนวปฏบิ ัติทางสงั คมพธิ ีกรรม ประเพณี และเทศกาล
 อาหาร/ความร้แู ละการปฏิบตั ิเก่ียวกบั ธรรมชาตแิ ละจกั รวาล
 งานช่างฝีมือด้ังเดิม
 การละเลน่ พน้ื บ้าน กีฬาพ้นื บา้ น และศิลปะการต่อสู่ป้องกันตวั

3. รำยละเอียดข้อมลู
ผลติ ภณั ฑ์ของกลุ่มทอผ้าไหมทอมือ มีลกั ษณะเดน่ เป็นงานหัตถกรรม ผ้าไหมแทท้ อมอื ท่มี ีรปู แบบ

สวยงาม เป็นภูมิปัญญาที่สืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น ซึ่งมีการปลูกหม่อน เลี้ยงไหม จนเกิดเป็นผ้าทอท่ีได้รับ
ความนิยมจากลกู คา้ ซง่ึ ไดพ้ ฒั นามาเรื่อย ๆ เป็นผลติ ภณั ฑท์ หี่ ลากหลาย ไดแ้ ก่ ผ้าสามตะกรอ สต่ี ะกรอ ผา้ สาย
ฝน และผ้าขดิ เปน็ ต้น เปน็ ผลติ ภณั ฑ์ผา้ ไหมแท้ทอมือ มีทงั้ ผา้ ไหมที่เปน็ ผืนเพื่อใช้สา้ หรับตัดเย็บเสื้อผ้า รวมท้ัง
ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากผ้าไหมทอมืออีกมากมาย ท้ังผ้าเมตร ผ้าคลุมไหล่ ผ้าพันคอ มีทั้งลายสมัยใหม่ และลาย
ดั้งเดิม มีการประยุกต์ลายขนานเพ่ือสนองต่อคู่แข่ง มีแหล่งจ้าหน่ายผลิตภัณฑ์ โดยการส่งให้กับพ่อค้าคนกลาง
และกลุ่มเครือข่ายสินค้า OTOP ท้ังนอก-ใน ท้องถิ่น ตลอดจนมีการสร้างสรรค์ในการท้าผ้าไหมมัดหมี่ซึ่งเป็น
ศิลปะการทอผ้า ที่ใช้กรรมวิธีในการย้อมสีท่ีเรียกว่าการมัดย้อม (tie dye) เพื่อท้าให้ผ้าที่ทอเกิดเป็นลวดลาย
สีสันต่าง ๆ มีเอกลักษณ์อันโดดเด่นอยู่ตรงท่ีรอยซึมของสีที่วิ่งไปตามบริเวณของลวดลายท่ีผูกมัด และการ
เหล่ือมล้าในตา้ แหนง่ ต่าง ๆ ของเสน้ ด้ายเมื่อถูกน้าไปข้นึ กที่ อผ้า

๓.๑) ประวตั คิ วามเปน็ มาของขอ้ มูล
การจดั ตงั้ กลมุ่ ทอผ้าไหมบา้ นห้วยเคยี น หมู่ ๕ ตา้ บลทงุ่ ก่อ อ.เวียงเชยี งรงุ้ เร่ิมจาก นางสมัย มลู สานต์
เป็นประธานกลุ่ม ประกอบอาชีพการเกษตร ท้าไร่ ท้านา ต่อมาประมาณปี พ.ศ.๒๕๓๕ มีการส่งเสริมให้มี
การปลูกหม่อนเลี้ยงไหมเพ่ือเป็นอาชีพเสริม หลังจากการท้าไร่ ท้านา จึงได้ชักชวนให้แม่บ้านท่ีท้าการทอผ้า
มาร่วมกันจัดตั้งกลุ่ม โดยน้าผ้าทอในแต่ละคนทอมารวมกันจ้าหน่าย ผลจากการรวมตัวกันเป็นกลุ่มท้าให้มี
อ้านาจในการต้ังราคา สามารถขายในราคาท่ีสูงขึ้นจากนั้นกลุ่มรวมตัวกันมีสมาชิก ๒๔ คน จึงได้จัดต้ัง
กลุ่มขึ้นมาอย่างเป็นทางการ และ มีการจดทะเบียนกลุ่ม โดยส้านักพัฒนาชุมชน อ้าเภอเวียงเชียงรุ้ง ได้เข้ามา
แนะน้าให้ไปออกร้านจ้าหน่ายสินค้าตามงานต่าง ๆ และเมื่อมีการออกร้านจ้าหน่ายสินค้าท้าให้กลุ่มขายสินค้า
ได้ราคาดี มีก้าไรมากข้นึ รวมถงึ การได้รับลูกค้ารายใหมเ่ พ่ิมขึ้นอีกด้วย
หลังจากนั้น ส้านักพัฒนาชุมชน ได้เข้ามาแนะน้าให้กลุ่มน้าผลิตภัณฑ์ส่งเข้าประกวดคัดสรรสุดยอด
ผลิตภณั ฑ์ หนึง่ ตา้ บลหนง่ึ ผลติ ภัณฑ์ (OTOP) โดยในปี พ.ศ. ๒๕๔๗ ผา้ ทอของกลมุ่ ไดร้ ับรางวลั หนึ่งต้าบลหนึ่ง
ผลิตภัณฑ์ (OTOP) สองดาวระดับประเทศ และในปี พ.ศ. ๒๕๔๙ ผ้าทอของกลุ่มได้รับรางวัลหนึ่งต้าบล
หนง่ึ ผลิตภณั ฑ์ (OTOP) สด่ี าวระดับประเทศและนับจากนั้นกลุ่มก็เป็นทร่ี จู้ ักของบุคคลภายนอกมาย่ิงขนึ้ กลมุ่ มี
การพัฒนาการผลิตและคุณภาพสินค้าอย่างต่อเนื่องท้าให้เป็นท่ีสนใจแก่คนในชุมชนและมีสมาชิกเพิ่มขึ้น
ประกอบไปด้วยผู้ท่ีมีความช้านาญในด้านการทอผ้าผู้ที่ปลูกหม่อนเล้ียงไหม เนื่องจากหมู่บ้านห้วยเคียน
สว่ นใหญเ่ ป็นชุมชนชาวอีสาน โดยคนอีสานถอื ว่าการทอผา้ เป็นกิจกรรมยามว่าง หลงั จากฤดกู ารท้านา หรอื ว่าง
จากงานประจา้ อ่นื ๆ โดยใตถ้ ุนบ้านแตล่ ะหลงั จะกางหกู ทอผ้ากนั แทบทุกครัวเรือน

-4๑2-

โดยผู้หญิงในวัยต่าง ๆ จะสืบทอดกันมา ผ่านการจดจ้าและปฏิบัติ จากวัยเด็กท้ังลวดลายสีสันการ
ยอ้ ม และการทอผา้ ท่ที อด้วยมือจะน้าไปใช้ตดั เย็บ ท้าเปน็ เคร่ืองนุ่งห่ม หมอน ทน่ี อน ผ้าห่ม และการทอผ้ายัง
เป็นการเตรียมผ้าส้าหรับการออกเรือนส้าหรับหญิงวัยสาว ทั้งการเตรียมส้าหรับตนเองและเจ้าบ่าว อีกทั้งยัง
เปน็ การแสดงถงึ ความเป็นกลุ สตรี เปน็ แม่เหยา้ แมเ่ รือนของหญิงชาวอสี านอกี ดว้ ย

๓.๒) ขน้ั ตอน/วิธกี าร/ด้าเนินการเก่ยี วกับข้อมูล
วัสดอุ ุปกรณแ์ ละอุปกรณ์
๑) ใบหม่อนเลี้ยงใหม่ เป็นอาหารของหนอนไหมที่เลี้ยง เพราะหนอนไหมกินอาหารเพียงอย่างเดียว
คอื ใบหมอ่ นเท่าน้ัน
๒) ตัวหนอนไหม เส้นใยที่น้าออกมาทอเป็นผ้าไหมนั้นได้มาจากใยท่ีห่อหุ้มดักแด้ที่เรียกว่า “รังไหม”
ซงึ่ ไดม้ าจากหนอนไหม
3) จอ่ : เม่ือตวั หนอนไหมทีส่ กุ เต็มท่จี ะถกู เกบ็ รักษาเขา้ “จ่อ” เพื่อชกั ใยทา้ รังเปน็ ”รงั ไหม”
4) หูกทอผ้า : หรือ ก่ี เป็นเคร่ืองมือส้าหรับ ทอผ้า มีหลายขนาดและชนดิ แต่มีหลักการพื้นฐานอย่าง
เดยี วกนั คือ การขดั ประสานระหวา่ งดา้ ยเส้นพุ่ง และ ด้ายเสน้ ยืน
5) สี : เปน็ วตั ถดุ บิ ที่ใช้ในกระบวนการยอ้ มสเี สน้ ไหมใหเ้ ป็นสตี า่ ง ๆ ตามความต้องการ
6) ดา่ งลอกกาวไหม : เปน็ วตั ถดุ บิ ที่ใชใ้ นกระบวนการลอกกาวไหมออกจากเน้ือไหมและท้าใหเ้ ส้นไหมนมุ่
7) สเี คลือบ : ใชใ้ นการเคลอื บสีเสน้ ไหมที่ผา่ นการย้อมสแี ลว้ ซึ่งท้าใหส้ ีติดทนทานและมีความวาว สวยงาม
8) เหลง่ : ใช้สา้ หรับจดั เรียงเส้นไหมออกจากกระบงุ หรือตะกร้า
9) กง และอั้ก : ทา้ หน้าทีใ่ ช้ส้าหรับใสใ่ จเสน้ ไหม ส่วนอ้ัก ใชส้ า้ หรบั กวักเส้นหมีอ่ อกจากกง
10) ท่ีสาวไหมเส้นยืน : ใช้ส้าหรับสาวไหมเส้นยืน
11) ที่เขน็ ไหม : ใชโ้ ดยการเอาปลายม้วนไหมจ่อไว้ท่ีไน ส่วนมืออกี ขา้ งจับทีห่ มนุ ใหว้ งล้อหมุนส่วนไนก็
จะหมนุ ตาม
12) หลักเฝือ : ใช้ในการคน้ ดา้ ยเสน้ ยืน หลกั เฝอื ท้าจากไม้ หรอื เหล็ก
13) ฟันหวี และตะกรอ : ฟันหวี มีลักษณะคล้ายหวี ยาวเท่ากับความกว้างของหน้าผ้า ท้าด้วยโลหะ
มีลักษณะเป็นซี่เล็ก ๆ มีกรอบท้าด้วยไม้หรือโลหะ ส่วนตะกอ คือเชือกท้าด้วยด้ายไนลอนที่ร้อยคล้องไหมยืน
เพือ่ แยกเส้นไหมเปน็ หมวดหมู่ตามท่ตี อ้ งการ ใชส้ า้ หรับแยกเสน้ ดา้ ยใหข้ นึ้ เพอื่ เปดิ ใหจ้ งั หวะของเส้นดา้ ยพงุ่ สอดขดั กัน
14) หลอดด้าย และกระสวย : หลอดด้ายมีลักษณะรูปร่างเป็นกลม เรียวยาว มีรูกลวงตรงกลาง
ส้าหรับสอดไม้ขอหลอด เพ่ือสอดรูหลอดด้ายให้อยู่ในรางกระสวย ส่วน กระสวย ท้าด้วยไม้ ปลายสองด้านมน
ตรงกลางกลวง สา้ หรบั บรรจุหลอดด้ายพ่งุ มนี ้าหนักและขนาดเหมาะมือ ใช้พุ่งไปมาระหว่างการยกเส้นด้ายยืน
ขึ้นลง
๑5) ฮงโวน้ หม่ี : มีลักษณะเป็นกรอบไม้รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า เป็นอปุ กรณ์สา้ หรับ จัดเรียงเส้นไหมหลบไป
หลบมาให้เปน็ ลา้ ตามล้าดับ
16) ฮงมัดหมี่ : เป็นอุปกรณ์ส้าหรับน้าเส้นไหมท่ีเว้นเตรียมไว้มาใส่เพ่ือเตรียมจะท้าการมัดหมี่ให้
เปน็ ไปตามลวดหลายที่จะทา้
17) ก่ีทอผ้าหรอื หกู ทอผ้า : เป็นอปุ กรณใ์ ช้ส้าหรบั ทอผ้า
ขั้นตอนกำรผลติ ผำ้ และผลิตภณั ฑจ์ ำกผ้ำ
๑) กำรเล้ียงไหม เส้นใยที่น้าออกมาทอเป็นผา้ ไหมนน้ั ได้มาจากใยที่ห่อหุ้มดักแด้ท่ีเรยี กว่า “รังไหม”
ซึ่งรังไหมนี้ก็คือช่วงชีวิตหน่ึงของผีเส้ือ ผีเสื้อไหมตัวผีเสื้อจะมีปี ๒ ปี สีขาวปนเทาไม่มีปากแต่มีรอยเหมือน
ปากผีเสื้อตัวเมียมขี นาดใหญ่กวา่ ตัวผู้ บินไกลไม่ได้ ลกั ษณะการบินเหมือนการกระโดดไกล ๆ อายุของผเี สือ้ ไหม
มีช่วงเวลาทีส่ ้นั มากภายหลงั การผสมพันธแุ์ ละออกไขแ่ ลว้ ผเี สอ้ื ไหมจะตาย

-4๑3-

2) ตัวหนอนไหม ตวั หนอนระยะที่หนงึ่ ไขไ่ หมจะฟักออกมาเป็นตวั หนอนเล็กๆ กนิ ใบหมอนห่ันฝอย
ละเอียดอยู่ประมาณ ๓ – ๔ วัน จากน้ันจะลอกคราบเพ่ือให้ล้าตัวยาวโตข้ึน หลังจากการลอกคราบแล้วตัว
หนอนไหมจะนอนเหยียดตรง น่ิง ไม่กินอาหารเป็นเวลา ๑ วัน ๑ คืน เรียกว่า “ไหมนอน” เมื่อครบก้าหนดจึง
กินอาหารต่อเปน็ หนอนระยะทสี่ อง ประมาณ ๒ – ๓ วนั แลว้ ลอกคราบอีกคร้งั จากน้ันจะนอนต่อ ๑ วนั ๑ คืน
เมื่อต่ืนมาก็จะเป็นหนอนระยะท่ีสาม ตัวหนอนระยะท่ี ๓ จะสามารถกินใบหม่อนทั้งใบ ไม่ต้องห่ันฝอยระยะนี้ใช้
เวลา ๓ – ๔ วันหลงั จากนนั้ จะลอกคราบนอน ๑ วัน ๑ คืน แล้วจะเขา้ ส่รู ะยะที่สี่

ตัวหนอนระยะที่ส่ี จะกินอาหารจ้านวนมาก โตเร็วใช้เวลาประมาณ ๓ – ๔ แล้วจะลอกคราบครั้ง
สุดท้ายเพือ่ เขา้ สรู่ ะยะที่หา้ ซ่ึงเป็นระยะสดุ ท้ายใชเ้ วลาประมาณ ๗ – ๘ วัน เปน็ ระยะท่หี นอนไหมกินใบหม่อน
มากเมอื่ โตเตม็ ที่แลว้ จะมีต่อมไหมเกดิ ข้นึ ภายในตวั ไหม ท้าใหต้ วั หนอนไหมมสี ีเหลืองเรียกว่า “ไหมสุก” ตวั ไหมสุก
จะมีล้าตัวสั้นและเล็กลงเล็กน้อย ตัวโตใสและหยุดกินใบหมอนเริ่มชูหัวส่ายหาท่ีท้ารัง ตัวหนอนไหมท่ีสุกเต็มท่ี
จะถูกเก็บรกั ษาเขา้ “จ่อ” เพือ่ ชักใยทา้ รังเปน็ ”รงั ไหม” ทีเ่ ราน้ามาสาวเสน้ ใย น้าไปทอเปน็ ผ้าไหมน่นั เอง

3) การสาวเสน้ ไหม
3.๑) ต้มน้าให้ร้อนประมาณ ๗๐ – ๘๐ องศาเซลเซียน แล้วใส่ รังไหมลงไปประมาณ ๔๐ – ๕๐

รังเพ่ือใหค้ วามร้อนจากนา้ ช่วยละลาย Serricin (โปรตีน) ท่ียึดเสน้ ไหม
3.2) ใช้ไมพ่ ายเล็กแกว่งตรงกลางเปน็ แฉกคนรงั ไหมกดรงั ไหมให้จมน้าเสียก่อน
3.3) เมือ่ รงั ไหมลอยขึ้นจึงค่อย ๆตะลอ่ มให้รวมกนั แล้วต่อยๆดงึ เส้นใยไหมออกมา จะได้เส้นใยไหม

ซึง่ มีขนาดเลก็ มากรวมเสน้ ใยไหมหลายๆ เสน้ รวมกนั
3.4) ดึงเส้นไหม โดยให้เส้นไหมลอดออกมาตามแฉกไม้ ซึ่งจะท้าให้ได้เส้นไหมท่ีสม่้าเสมอและรัง

ไหมไม่ไต่ตามมากับเส้นไหม เส้นไหมที่สาวได้ จะผ่านไม้หีบขึ้นไปร้อยกันรอกท่ีแขวนหรือ พวงสาวท่ียึดติดกับ
ปากหมอ้ แลว้ ดึงเส้นไหมใส่กระบงุ

3.5) คอยเตมิ รังไหมใหม่ลงไปในหมอ้ ตม้ เปน็ ระยะ ๆ
3.6) รงั ไหมจะถกู สาวจนหมดรังเหลอื ดกั แดจ้ มลงก้นหม้อแล้วจึงตักดักแด้ออก
4) การทอผา้ ขนั้ ตอนในการทอผา้ มีดงั นี้
4.๑) สบื เส้นด้ายยืนเขา้ กับแกนมว้ นด้ายยืน และร้อยปลายดา้ ยแต่ละเส้นเขา้ ในตะกอแต่ละชุดและ
ฟันหวี ดึงปลายเส้นด้ายยืนทั้งหมดม้วนเข้ากับแกนม้วนผ้าอีกด้านหน่ึง ปรับความตึงหย่อนให้พอเหมาะ กรอ
ด้ายเข้ากระสวยเพอื่ ใช้เปน็ ดา้ ยพงุ่
4.๒) เร่ิมการทอโดยกดเคร่ืองแยกหมู่ตะกอ เส้นด้ายยืนชุดที่ ๑ จะถูกแยก ออกและเกิดช่องว่าง
สอดกระสวยด้ายพงุ่ ผา่ น สลับตะกอชดุ ท่ี 1 ยกตะกอชดุ ท่ี 2 สอดกระสวยด้ายพงุ่ กลับ ท้าสลบั กนั ไปเรอ่ื ย ๆ
4.3) การกระทบฟันหวี (ฟืม) เม่ือสอดกระสวยด้ายพุ่งกลับก็จะกระทบ ฟันหวี เพื่อให้ด้ายพุ่งแนบ
ติดกัน ไดเ้ น้ือผา้ ทแ่ี น่นหนา
4.4) การเก็บหรือม้วนผ้า เมื่อทอผ้าได้พอประมาณแล้วก็จะม้วนเก็บใน แกนม้วนผ้า โดยผ่อนแกน
ด้ายยืนให้คลายออกและปรบั ความตงึ หยอ่ นใหมใ่ ห้พอเหมาะ
เทคนคิ พเิ ศษที่ใชใ้ นการทอผา้
การขิด ขิด หมายถึง กรรมวิธีในการทอผ้าเพ่ือให้เกิดลวดลายต่าง ๆ ขึ้นมา โดยวิธีการเพิ่มเส้นด้ายพงุ่
พิเศษในระหว่างการ ทอ เพ่ือให้เกิดลวดลายที่โดดเด่นกว่าสีพ้ืน วิธีการท้าคือ ใช้ไม้เข่ียหรือสะกิด เพื่อช้อน
เส้นด้ายยืนข้ึน แล้วสอดเส้นด้ายพุ่ง ไปตามแนวที่ถูกจัดช้อน จังหวะการสอดเส้นด้ายพุ่งน่ีเอง ท่ีท้าให้เกิดเป็น
ลวดลายตา่ ง ๆ
การจก เป็นเทคนิคการทอผ้าเพื่อใหเ้ กิดลวดลายต่าง ๆ โดยเพมิ่ เส้นด้ายพุ่งพเิ ศษสอดขนึ้ ลง วธิ ีการคือ
ใช้ขนเม่น ไม้ หรือน้ิว สอดเส้นด้ายยืนข้ึน แล้วสอดเส้นด้ายพุ่งพิเศษเข้าไป ซึ่งจะท้าให้เกิดเป็นลวดลายเป็นช่วง ๆ
สามารถท้าสลับสีลวดลายได้หลากสี ซ่ึงจะแตกต่างจากการขิดตรงท่ีขิดที่เป็นการใช้เส้นด้ายพุ่งพิเศษเพียง
สเี ดียว การทอผา้ วิธจี กใช้เวลานานมากมักท้า เปน็ ผืนผา้ หนา้ แคบใช้ต่อกบั ตัวซนิ่ เรียกว่า “ซ่นิ ตีนจก”

-4๑4-

การทอมัดหม่ี ผ้ามัดหม่ีมีกรรมวิธีการทอผ้าท่ีใช้เทคนิคการมัดและการย้อม เริ่มจากน้าเส้นด้ายหรือ
ไหมมาย้อมสีแล้วมัดบริเวณที่ ต้องการเก็บไว้ เม่ือน้าไปย้อมสีอ่ืนจะได้ไม่ติดสี เพียงซึมเข้ามาบางส่วน โดยย้อม
เรียงล้าดับจากสีอ่อนไปหาสีเข้มจนครบ ตามลวดลายที่ก้าหนด หลังจากนั้นจึงน้าด้ายกรอเข้าหลอดตามล้าดับ
แล้วน้าไปทอจะเกิดลวดลายบนผืนผ้าที่มีลักษณะคลาดเคลื่อนเหล่ือมล้า อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของมัดหม่ี
การทอผ้าชนิดนี้จึงต้องอาศัยความช้านาญในการมัดย้อมและทอเป็นอย่างมาก ผ้ามัดหมี่มีอยู่หลายชนิด ได้แก่
มดั หม่ีเสน้ พุง่ มัดหมเ่ี ส้นยนื มดั หม่ีเส้นพุง่ และเส้นยืน

4. ผูท้ ถ่ี ือปฏิบัตแิ ละผูส้ ืบทอด นางสาวหทยั รตั น์ มลู สานต์
๔.๑ ผูท้ ี่ถอื ปฏบิ ตั ิ -
ชอื่
วนั เดอื น ปเี กดิ 216 หมู่ 5 ตา้ บลทุ่งก่อ อ้าเภอเวียงเชียงรุ้ง จงั หวัดเชียงราย
ทอ่ี ยู่ ๐๘๙ ๘๕๑ ๖๖๗๘
หมายเลขโทรศัพท์ ชนม์ชญาณ์ มูลสานต์
Facebook Hathairat moonsan
Line กลุ่มทอผา้ ไหมบ้านหว้ ยเคียน
๔.๒ ผู้สบื ทอด
ชื่อ -
วนั เดอื น ปีเกิด 216 หมู่ 5 ตา้ บลทงุ่ กอ่ อา้ เภอเวยี งเชยี งรุ้ง จังหวัดเชยี งราย
ท่อี ยู่ ๐๘๙ ๘๕๑ ๖๖๗๘
หมายเลขโทรศัพท์

๕. สถำนะ กำรคงอยู่  ปฏบิ ตั ิอย่างแพร่หลาย  เส่ียงต่อการสญู หาย  ไม่มปี ฏิบัติแล้ว

๖. รูปภำพภูมิปัญญำทำงวัฒนธรรม/กจิ กรรมทำงภูมิปัญญำทำงวฒั นธรรม

ภำพของ ตน้ หมอ่ น
ส่วนประกอบ

หนอนไหม

เส้นไหมที่ไดจ้ ากกรรมวธิ ีการสาวไหม

ภำพของ -4๑5-
สว่ นประกอบ หกู ทอผา้ หรือก่ที อผา้
ฟันหวแี ละตะกรอ

ฮงโวน้ หม่ี
ฮงมดั หม่ี

การสบื ทอดทอผา้ จากร่นุ ส่รู ุ่น
ผ้ำคลุมไหล่ , ผำ้ ทอเป็นผืน สำหรบั ตดั เยบ็ เส้ือผำ้

ผำ้ คลุมไหล่ได้รับเคร่อื งหมำยรับรองมำตรฐำนผลติ ภณั ฑผ์ ำ้ ไหมไทยชนดิ Royal Thai Silk นกยงู สีทอง
ผ้ำถุง หรอื ผ้ำซ่นิ ไหมลวดลำย โบรำณ

-4๑6-

ลำยหมำกจบั เลก็ ลำยฟันปลำ ลำยโบรำณ (ไมม่ ชี ่ือลำย)

ลำยขิตชำ้ ง ผำ้ ไหมทอ ลำยโบรำณ (ไมม่ ีชื่อลำย)

ลำยหมำกจบั เล็ก เป็นลายโบราณดงั้ เดิมทเี่ กิดขึน้ จากต้นพชื (หญ้า)
ท่เี กดิ ในธรรมชาติ เวลาเดินผ่านดอกหมากจบั จะเกาะตดิ แนน่ ตามเส้ือผา้
จากการสังเกตรูปลกั ษณะทีม่ ีความสวยงามในตัวของมนั เอง จงึ ได้นา้ มาท้า
เปน็ ลายบนผืนผ้า เกดิ เปน็ ลายเลก็ ๆ สวยงาม

ผ้ำไหมมัดหม่ีลำยฟันปลำ เป็นหน่ึงในผ้าไหมลายไทยโบราณ ใช้กรรมวิธี
การทอผ้าไหมมัดหม่ี ออกมาในลวดลายพ้ืนบ้านที่เรียกว่าฟันปลา มีคุณค่า
ความหรูหราในตัว เหมาะสา้ หรับเปน็ ของขวญั ผู้ใหญ่ในโอกาสต่าง ๆ

ผ้ำไหมลำยขิดช้ำง การขิดเป็นภาษาพื้นบ้านของภาคอีสาน หมายถึง
สะกดิ หรืองัดช้อนขึ้น ดงั นัน้ การทอ ผา้ ขิดจึงหมายถึงกรรมวิธีการทอที่ผู้ทอใช้
ไม้ เรียกว่า “ไม้เก็บขิด” สะกิดหรือช้อนเส้นยืนยกข้ึนเป็นช่วงระยะตาม
ลวดลายตลอดหน้าผ้า แล้วพุ่งกระสวยสอดเส้นพุ่งพิเศษและเส้นพุ่งเข้าไป
ตลอดแนว ท้าให้เกิดเป็นลวดลายยกตัวนูนบนผืนผ้า ซ่ึงส่วนใหญ่จะเป็น
ลวดลายซ้า ๆ ตลอดแนวผ้า โดยสีของลวดลายที่เกิดข้ึนเป็นสีของด้ายพุ่ง
พิเศษ โดยลวดลายส่วนใหญ่จะเป็นลายจากธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม ลายสัตว์
และความเช่ือ เช่น ลายช้าง ลายหอปราสาทหรือธรรมาสน์ ลายพญานาค
ลายมา้ ลายดอกแกว้ เปน็ ตน้

-4๑7-

แบบสำรวจมรดกภมู ิปญั ญำทำงวฒั นธรรมจังหวัดเชียงรำย ประจำปี 2565
สภำวัฒนธรรมจงั หวัดเชยี งรำย
อำเภอเชยี งแสน จงั หวดั เชยี งรำย

1. ช่ือข้อมูล มีด (เผา่ ม้ง)

๒. ลกั ษณะ  วรรณกรรมพื้นบ้านและภาษา
 ศิลปะการแสดง
 แนวปฏบิ ัตทิ างสังคมพธิ ีกรรม ประเพณี และเทศกาล
 อาหาร/ความรูแ้ ละการปฏิบัติเกย่ี วกับธรรมชาติและจกั รวาล
 งานช่างฝีมอื ด้ังเดมิ
 การละเลน่ พืน้ บา้ น กีฬาพนื้ บา้ น และศลิ ปะการต่อส่ปู ้องกนั ตัว

๓. รำยละเอียดข้อมูล

๓.๑) ประวตั คิ วามเป็นมาของขอ้ มลู
มีด คือ เคร่ืองมือชนิดแรก ๆ ที่มนุษย์ประดิษฐ์ขึ้นเพื่อใช้ในชีวิตประจ้าวันมาอย่างยาวนาน เก่ียวข้อง
สัมพันธ์กับแทบจะทุกกิจกรรมในการด้าเนินชีวิตไม่ว่าจะเป็นเผ่าพันธุ์ หรือกลุ่มสังคมใด ๆ ก็ตาม มีดเป็น
เคร่ืองมือตัดเฉือน ชนิดมีคมส้าหรับใช้ สับ ห่ัน เฉือน ปาด บางชนิดอาจมีปลายแหลมส้าหรับกรีด หรือแทง
มกั มีขนาดเหมาะสมสา้ หรบั จับถือด้วยมือเดียว
ชาวม้งยึดถือระบบครอบครัว บุรุษท่ีมีอาวุโสสูงสุดจะมีศักด์ิเป็นหัวหน้าหรือประมุขของตระกูล มีสิทธิ
ขาดในการตัดสินใจ ขณะเดียวกันผู้อาวุโสจะต้องรับผิดชอบต่อความเป็นอยู่ของคนในตระกูล มีครอบครัว
ชาวม้งครอบครัวหนึ่งและมีเพียงครอบครัวเดียว ที่ยังรักษาการตีมีดแบบโบราณ ไว้ได้เป็นอย่างดี และสืบทอด
มาหลายช่ัวอายุคน ตีมดี ตั้งแต่อย่เู มืองจีน จนกระท่งั อพยพมาอยู่ท่ีขุนเขาคลองลาน และอพยพมาอยู่พ้ืนล่างใน
ท่ีสุดกว่า ๒๐ ปี ท่านผู้น้ันคือ นายยูเล่ง แซ่ม้า อายุ ๖๔ ปี เรียนรู้การตีมีดจากพ่อ พ่อเรียนรู้มาจากปู่ ปู่เรียนรู้
มาจากทวด สืบทอดมาแสนนาน เขาเริ่มตีมีดมา ต้ังแต่อายุ ๑๖ ปี โดยการใช้เหล็กแท่งหรือเหล็กแหนบเป็น
วัตถุดิบส้าหรับตี เตาท่ีใช้ตีมีดของนายยูเลง่ แซ่ม้า เป็นเตาแบบโบราณ ท่ีใช้ ปู้ หรือ ไฟส้าหรับเป่าให้เหล็กแดง
ท้าด้วยไม้เน้ืออ่อนเจาะเข้าไปให้เป็นโพรงเป็นกระบอกสูบและใช้ขนไก่ส้าหรับเป็นลูกสูบ การสูบเบาแรงมาก
แทบไม่ต้องออกแรง เพียงดึงเบา ๆ ก็ท้าให้เกิดลมอัดอย่างแรงท้าให้ไฟลุกอย่างคุโชนท้าให้เหล็กแดงเม่ือได้ที่
แลว้ จงึ นา้ มาใชต้ ี มีเทคนคิ การตที ่ีไม่เคยเหน็ มาก่อน คือ การทา้ ให้เหล็กอ่อนตัว โดยเมือ่ เผาเหลก็ ให้ร้อนจนแดง
แล้วน้ามากลบด้วยแกลบสักครู่ แลว้ จึงไปตีใหมห่ รอื ไปตะไบจะท้าให้เหล็กอ่อนมากขึ้นและนา้ ไปเข้าเล่มท้าให้ได้
มีดที่ถาวรและคมเด่นกว่ามีดท้ังหลาย นายยูเล่ง แซ่ม้า เป็นห่วงมากในอาชีพการตีมีดแบบโบราณท่ีไม่มีผู้สืบ
ทอด อาจท้าให้การตีมีดที่สืบทอดมาหลายร้อยปีต้องสาบสูญไปพร้อมภูมิปัญญาของชาวเขาเผ่าม้งที่จะต้องไร้
ทายาทสบื ทอดอยา่ งน่าเสยี ดายเป็นอย่างยงิ่

3.2 ข้ันตอน วิธีการดา้ เนนิ การเกีย่ วกบั ขอ้ มูล
ในการเตรียมการตีมีด หรือท้ามีดน้ัน มีปัจจัยที่ส้าคัญ ๓ ประการคือ เตรียมคน : ต้องใช้คน ๓-๔ คน
ขนึ้ ไป โดยเฉพาะการตีมดี ในข้ันตอนท่ี ๑ (การหลาบ) ตอ้ งใช้คนท่ีมีพละก้าลังร่างกายแข็งแกร่ง ตลอดจนต้องมี
ความสามัคคีและประสบการณ์เป็นอย่างมากเตรยี มอุปกรณ์ : เป็นอุปกรณ์ และเคร่อื งมือเครื่องใช้สา้ หรบั ช่างตี
เหล็ก หรือช่างตีมีดโดยเฉพาะ เช่น ท่ัง ค้อน พะเนิน คีม สูบลม เตาเผาเหล็ก ตะไบ เหล็กขูด เหล็กไช รางน้า
ชุบมีด เข่ือนตัดเหล็ก ขอไฟ หินหยาบ-ละเอียด ทั่งขอ เถาวัลย์เปรียง หลักส่ี (ปากกา) กบ และเล่ือย เป็นต้น
เตรียมวัตถุดิบ : วัสดุที่ส้าคัญในการตีมีดเป็นอันดับแรก ได้แก่ เหล็กกล้า ที่ต้องใช้ความช้านาญในการดูสีของ
เหล็กขณะชุบ ซ่ึงเป็นภูมิปัญญาอย่างหน่ึงส้าหรับช่างตีมีด อันดับต่อไป คือ ถ่านไม้ไผ่ซึ่งจะเป็นถ่านท่ีมี
ประสิทธภิ าพสูงในการเผาเหล็กต่างจากถ่านจากไมท้ ัว่ ๆ ไป และอันดบั สดุ ทา้ ยคือ ไมท้ ใ่ี ช้ท้าด้ามมดี

-418-

๔. ชื่อผูท้ ่ีถอื ปฏิบัตแิ ละผู้สบื ทอด

๔.๑ ผทู้ ี่ถอื ปฏิบตั ิ

ช่ือ นายสรวชิ ญ์ สว่างธนานันท์

วนั เดือน ปเี กิด -

ทอ่ี ยู่ 337 หมู่ 11 ตา้ บลแมเ่ งิน อ้าเภอเชยี งแสน จงั หวดั เชยี งราย

หมายเลขโทรศพั ท์ -

๔.๒ ผู้สบื ทอด

ช่ือ -

วัน เดอื น ปเี กิด -

ท่อี ยู่ -

หมายเลขโทรศัพท์ -

๕. สถำนะ กำรคงอยู่  ปฏบิ ตั ิอย่างแพร่หลาย  เสยี่ งต่อการสญู หาย  ไม่มีปฏิบัติแล้ว

๖. รูปภำพภูมปิ ัญญำทำงวัฒนธรรม/กิจกรรมทำงภูมปิ ัญญำทำงวฒั นธรรม

-419-

แบบสำรวจมรดกภมู ิปัญญำทำงวัฒนธรรมจังหวัดเชียงรำย ประจำปี ๒๕๖๕
สภำวฒั นธรรมจังหวดั เชยี งรำย

อำเภอพญำเม็งรำย จงั หวดั เชยี งรำย

๑. ชื่อข้อมูล ไมก้ วาดดอกหญ้า บ้านปา่ มว่ ง

๒. ลักษณะ  วรรณกรรมพืน้ บ้านและภาษา
 ศิลปะการแสดง
 แนวปฏิบัตทิ างสังคมพิธีกรรม ประเพณี และเทศกาล
 อาหาร/ความร้แู ละการปฏบิ ตั เิ ก่ียวกบั ธรรมชาติและจกั รวาล
 งานชา่ งฝมี อื ด้ังเดมิ
 การละเล่นพน้ื บ้าน กีฬาพืน้ บ้าน และศลิ ปะการตอ่ ส่ปู ้องกันตวั

๓. รำยละเอยี ดขอ้ มูล

๓.๑) ประวตั ิความเป็นมาของขอ้ มลู
ไม้กวาด เป็นอุปกรณ์ท่ียังจ้าเป็นต้องใช้ภายในครอบครัว แม้ปัจจุบัน บางบ้านได้น้าเคร่ืองดูดฝุ่น
เข้ามาใช้บ้างแล้ว แต่ก็ยังมีบ้านและสถานท่ีต่าง ๆ อีกจ้านวนไม่น้อย ท่ีต้องการใช้ไม้กวาด ดังนั้น การท้าไม้
กวาดเพอ่ื จ้าหนา่ ย จงึ เป็นการเสรมิ รายได้อกี ทางหนึง่ ให้กบั ครอบครัวได้
ไม้กวาดดอกหญ้า ท้ามาจากดอกหญ้าที่ข้ึนอยู่ตามเชิงเขาหรือพ้ืนที่สูงซ่ึงการท้าไม้กวาดดอกหญ้า
เป็นการถ่ายทอดมาจากบรรพบุรุษ หลังจากการเก็บเก่ียวข้าวไร่เสร็จแล้วคนส่วนใหญ่ก็จะหันมาท้าไม้กวาด
เป็นอาชีพเสริมแทนเพราะต้นดอกหญ้าส่วนใหญจ่ ะเก็บไดใ้ นชว่ งเดือนธันวาคม มกราคม กุมภาพันธ์ แต่ในช่วง
ที่ดอกออกมากท่ีสุด จะอยู่ในช่วงต้นเดือนมกราคม ปัจจุบันกลุ่มสมาชิกไม้กวาดดอกหญ้า บ้านป่าม่วง
ได้รวมกลุ่มกันสานไม้กวาดเพ่ือจ้าหน่ายเป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยสร้างงาน สร้างอาชีพ และสร้างรายได้ให้กับชมุ ชน
ได้เปน็ อยา่ งดี
การสานไม้กวาดดอกหญ้า เป็นภูมิปัญญาของคนไทยท่ีได้รู้จักและเรียนรู้การน้าวัชพืชและภูมิปัญญา
มาใช้ประโยชน์ในวถิ ีชีวติ ประจ้าวันของคนในท้องถ่ิน สร้างจิตส้านึกและความตระหนักในคุณค่าของทรัพยากร
ชีวภาพและกายภาพในท้องถ่ิน อันจะส่งผลให้เกิดการพัฒนาและการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชต่าง ๆ ให้เกิด
ประโยชน์อย่างยั่งยืนแก่ท้องถ่ิน ปัจจุบันไม่นิยมท้าไม้กวาดด้วยมือ ส่วนใหญ่จะท้าด้วยเคร่ืองจักร อาจท้าให้
คุณค่าของมรดกทางวัฒนธรรมมีโอกาสเสี่ยงต่อการสูญหายได้ หากไม่มีการอนุรักษ์และส่งเสริมต่อยอด
ผลติ ภัณฑท์ ท่ี า้ ดว้ ยมอื

๓.๒) ข้นั ตอน/วธิ กี าร/ดา้ เนนิ การเกี่ยวกับขอ้ มูล
อปุ กรณ์ในการท้าไม้กวาดดอกหญ้า
1. เขม็ เยบ็ กระสอบ
2. เชอื กฟาง
3. ไมไ้ ผ่ ความยาวประมาณ 80 ซม.
4. ดอกหญ้า
5. ตะปูขนาด 1 นวิ้ จา้ นวน 2 ตวั
วิธกี ารทา้ ไม้กวาดดอกหญ้า
1. นา้ ดอกหญ้ามาตากแดดให้แห้ง
2.น้าดอกหญ้ามาตหี รือฟาดกับพน้ื เพ่ือให้ดอกหญา้ ดอกเล็ก ๆหลดุ ออกให้ เหลือแต่ก้านเลก็ ๆ
แกะก้านดอกหญ้าออกจากต้นนา้ มามัดรวมกันประมาณ 1 ก้ามอื

-420-

3. ใช้เชือกฟางหรือเชือกในล่อนสอยเข้ากับเข็มเย็บกระสอบแล้วแทงเข้าตรง กลางมัดดอกหญ้า
แล้วถักไปถักมาประมาณ 3-4 ช้ันพร้อมทั้งจัดมัดดอกหญ้าให้แบนราบ ใช้มีดตัดโคนรัดดอกหญ้าท่ีถักแล้ว
ให้เสมอเปน็ ระเบยี บสวยงาม

4. ใช้ด้ามไม้ไผ่รวกเสียบตรงกลางหรืออาจจะใช้ต้นดอกหญ้า 8-10 ต้น มัดรวมกันแทนไม้ไผ่รวกก็ได้
แลว้ ตอกตะปูขนาด 1 นวิ้ 2 ตวั เพอื่ ให้มัดดอกหญ้ากบั ด้ามให้แนน่

5. ใช้น้ามันยางหรอื ชันผสมนา้ มันก๊าดทาโดยใชแ้ ปรงจุม่ และทาบริเวณที่ตัว

๔. ชอ่ื ผ้ทู ่ีถอื ปฏิบตั แิ ละผูส้ บื ทอด
๔.๑ ผู้ที่ถือปฏบิ ตั ิ
ชื่อ กลมุ่ สมาชิกไม้กวาดดอกหญ้า บา้ นปา่ มว่ ง จงั หวัดเชียงราย
วัน เดือน ปเี กิด -
ที่อยู่ หมู่ 4 ต้าบลแม่ตา้ อา้ เภอพญาเม็งราย จงั หวดั เชยี งราย
หมายเลขโทรศัพท์ -
๔.๒ ผสู้ บื ทอด
ชอ่ื กลุ่มสมาชิกไมก้ วาดดอกหญา้ บ้านปา่ มว่ ง จังหวัดเชียงราย
วนั เดอื น ปีเกิด -
ที่อยู่ หมู่ 4 ต้าบลแมต่ ้า อ้าเภอพญาเม็งราย จงั หวดั เชยี งราย
หมายเลขโทรศัพท์ -

๕. สถำนะ กำรคงอยู่  ปฏบิ ัติอยา่ งแพรห่ ลาย  เสี่ยงตอ่ การสญู หาย  ไม่มปี ฏบิ ัตแิ ลว้

๖. รูปภำพภูมิปญั ญำทำงวัฒนธรรม/กิจกรรมทำงภูมปิ ัญญำทำงวฒั นธรรม

-421-

แบบสำรวจมรดกภมู ปิ ญั ญำทำงวัฒนธรรมจงั หวัดเชียงรำย ประจำปี ๒๕๖๕
สภำวัฒนธรรมจังหวดั เชยี งรำย
อำเภอแมล่ ำว จังหวดั เชยี งรำย

๑. ชื่อข้อมลู ไมก้ วาดดอกหญ้า ป่าก่อดา้

๒. ลักษณะ  วรรณกรรมพนื้ บา้ นและภาษา
 ศลิ ปะการแสดง
 แนวปฏบิ ัตทิ างสงั คมพธิ ีกรรม ประเพณี และเทศกาล
 อาหาร/ความรูแ้ ละการปฏบิ ตั ิเก่ียวกับธรรมชาติและจกั รวาล
 งานชา่ งฝีมือด้ังเดมิ
 การละเล่นพ้ืนบ้าน กีฬาพ้นื บา้ น และศลิ ปะการต่อสปู่ ้องกันตัว

๓. รำยละเอียดขอ้ มลู

๓.๑) ประวัติความเป็นมาของขอ้ มลู
การทา้ ไมก้ วาดดอกหญ้าเกดิ จากการน้าเอาความคิด ผสมผสานกบั จินตนาการ บวกกบั ไดป้ ระยุกต์วัสดุ
ท่ีมีอยู่ในท้องถิ่นมาท้าเป็นไม้กวาดจากดอกหญ้า เป็นการดัดแปลงวัตถุดิบที่มีอยู่ในท้องถิ่นให้เกิดประโยชน์และ
สร้างรายได้โดยให้เป็นผลิตภัณฑ์ชุมชน ซึ่งเป็นการน้าวัตถุดิบที่อยู่ใกล้ตัว น้ามาดัดแปลงเป็นสิ่งของเคร่ืองใช้
ในครัวเรือนจากข้ันตอนการผลิตที่ง่ายๆ และค่อยพัฒนา ประยุกต์ใช้ตามวัสดุที่มีอยู่ พร้อมค้านึงถึงประโยชน์ของ
การใช้สอย และท้าสืบทอดจากบรรพบุรุษ จนถึงปัจจุบัน ซึ่งกรรมวิธีต่าง ๆ ท่ีมาจากกระบวนการและขั้นตอน
การผลติ ลว้ นมาจากสตปิ ญั ญา และการใช้ภูมปิ ญั ญา ของบรรพบุรษุ ผลิตภณั ฑท์ ีไ่ ด้ และนา้ มาใชส้ อยกับชวี ติ ประจา้ วัน
ดอกหญ้าไม้กวาด หรือเรียกว่า“ดอกหญ้าก๋ง” จัดเป็นพืชล้มลุกตระกูลหญ้า มีล้าต้นตั้งตรง ล้าต้นแตกกอ
คล้ายกอไผ่ ล้าต้นมีลักษณะทรงกลม แบ่งเป็นข้อปล้องชัดเจน ดอกหญ้าไม้กวาดเป็นพืชที่เกิดข้ึนเองตาม
ธรรมชาติ อยู่ตามเชิงเขาหรือพื้นที่สูง ส่วนใหญ่จะเก็บได้ในช่วงเดือนธันวาคม–เมษายน ซ่ึงช่วงที่ดอกออกมาก
ที่สุดจะอยู่ในช่วงต้นเดือนมกราคม และสามารถ เก็บเก่ียวเอาดอก กิ่งก้าน มาท้าเป็นไม้กวาด ท้าความสะอาด
ภายในครัวเรอื น
แม่บุญรอด ปิดทะเหล็ก ได้น้าวัตถุดิบท่ีใช้ท้าไม้กวาด จึงได้น้าความรู้ วิธีการท้าไม้กวาดดอกหญ้า
มาเผยแพร่ให้กับคนในครอบครัว ญาติพ่ีน้องได้ท้าใช้ในครัวเรือน และขายให้กับคนในหมู่บ้าน และเม่ือมีผู้ผลิต
มากขึ้น เหลือใช้ในครัวเรือนจึงน้าออกขายให้กับเพ่ือนบ้าน ต่างหมู่บ้าน ต่างต้าบลและออกเป็นวงกว้าง
นอกจากนั้นยังมีพ่อค้าต่างจังหวัดมารับซ้ือเพื่อไปจ้าหน่าย ท้าให้เร่ืองการท้าไม้กวาดกลายเป็นอาชีพหลัก
และเป็นอาชีพเสรมิ ของหลายครอบครวั สรา้ งรายไดใ้ ห้กับตนเอง เป็นอาชพี ทท่ี ้ารายได้ตลอดท้งั ปี
ลกั ษณะเดน่ ทีเ่ ปน็ อัตลักษณข์ องไม้กวาด
- ไม้กวาดของทนี่ ่ี เม่ือไดร้ บั ดอกหญ้ามาแล้ว จะทา้ การคัดดอกหญ้าอย่างพิถีพิถนั จะไม่ใชด้ อกหญา้ ท่แี ก่
เน่อื งจากหญ้าแกจ่ ะมีความแห้งและกรอบ จะท้าให้เวลาใช้กวาดพ้นื ดอกหญ้าจะรว่ งตกได้
- แต่ละข้ันตอนการมัดประกอบ ตอ้ งใชค้ วามช้านาญ
- มีการสรา้ งลวดลายแบบด้งั เดิมและแบบสมยั ใหม่

๓.2) ขัน้ ตอน/วธิ กี าร/ดา้ เนนิ การเกย่ี วกับขอ้ มลู
อุปกรณ์การทา้ ไม้กวาดดอกหญ้า
๑. เขม็ เย็บกระสอบ
๒. เชือกฟาง
๓. ไมไ้ ผ่ ความยาวประมาณ ๘๐ ซม.
๔. ดอกหญา้
๕. ตะปูขนาด ๑ นิ้ว จ้านวน ๒ ตัว

-4๒2-

ข้ันตอนการทา้ ไม้กวาด
๑.นา้ ดอกหญ้ามาทา้ ความสะอาดและตากแดดให้แห้งคดั เลือกเฉพาะดอกหญ้าท่ีมคี ุณภาพดี ไมแ่ ก่
๒. น้าดอกหญ้าปรมิ าณ ๑ ก้ามือ มัดใหเ้ ป็นวงกลม
๓. นา้ เขม็ เย็บกระสอบ ซึ่งรอ้ ยเชือกฟางไว้แลว้ แทงเขา้ ตรงกลางมัดดอกหญ้า แล้วถกั ขึ้นลงแบบหางปลา
ให้ได้ ๓ ชนั้ พร้อมจัดดอกหญา้ ใหม้ ลี กั ษณะแบน
๔. ตัดโคนดอกหญ้าให้เสมอกัน
๕. นา้ ด้ามไม้ไผ่เจาะรูทหี่ วั ไว้สา้ หรบั ห้อยเชือก และเจาะรูตรงปลายน้ามาเสียบเข้าตรงกลางมัดดอกหญ้า
๖. นา้ เชือก หรือฟางมดั ดอกหญ้าไวด้ ว้ ยกัน โดยนา้ เชือกมาสอดตรงรูที่เจาะ เพือ่ ปอ้ งกันไม่ใหด้ อกหญ้า
หลุดออกจากกัน
7. ตอกตะปทู ีเ่ ตรยี มไว้ เพ่ือใหด้ อกหญ้าตดิ กับดา้ มไม้ไผ่ และมีความแขง็ แรงขึ้น
** เคลด็ ลับท้าให้ไม้กวาดแข็งแรง ควรนา้ ดอกหญา้ ตากแดดให้แห้งสนทิ ก่อนมดั จะไดไ้ ม้กวาดที่มีความ
แขง็ แรง ไม่หลุดง่าย เมือ่ ถงึ เวลาใช้งาน

๔. ช่ือผู้ทถี่ ือปฏบิ ตั ิและผูส้ บื ทอด
๔.๑ ผ้ทู ่ถี ือปฏิบตั ิ
ช่ือ นางบญุ รอด ปิดทะเหล็ก
วนั เดอื น ปเี กดิ -
ทีอ่ ยู่ หมู่ ๕ ตา้ บลปา่ กอ่ ดา้ อ้าเภอแมล่ าว จงั หวดั เชยี งราย
หมายเลขโทรศัพท์ ๐๘๔ ๑๗๐ ๓๗๓๐
๔.๒ ผู้สืบทอด
ชอ่ื นักเรยี น กศน.ตา้ บลป่าก่อดา้
วัน เดือน ปีเกิด -
ที่อยู่ อาคารเอนกประสงค์ หมู่ ๒ ต้าบลป่าก่อด้า อา้ เภอแม่ลาว จังหวดั เชยี งราย
หมายเลขโทรศัพท์ ๐๘๘ ๒๒๕ ๒๕๓๓

5. สถำนะ กำรคงอยู่  ปฏิบตั อิ ย่างแพร่หลาย  เส่ียงต่อการสูญหาย  ไม่มีปฏบิ ัติแล้ว

6. รปู ภำพภมู ปิ ัญญำทำงวัฒนธรรม/กจิ กรรมทำงภูมิปัญญำทำงวัฒนธรรม

คัดแยกดอกหญา้ ก๋งท่แี ก่ออก แล้วน้าไปตากแดด ขึน้ โครงเพอื่ ต่อสว่ นหวั และดา้ มไม้กวดเขา้ ด้วยกนั
สาธิตการทา้ ไมก้ วาดดอกหญ้า

-4๒3-

แบบสำรวจมรดกภมู ปิ ัญญำทำงวฒั นธรรมจังหวดั เชยี งรำย ประจำปี ๒๕65
สภำวัฒนธรรมจังหวัดเชยี งรำย
อำเภอเวยี งชัย จงั หวดั เชียงรำย

๑. ชื่อข้อมูล ไม้กวาดดอกหญา้ เมืองชุม

๒. ลกั ษณะ

 วรรณกรรมพน้ื บ้านและภาษา
 ศลิ ปะการแสดง
 แนวปฏบิ ัติทางสงั คมพิธีกรรม ประเพณี และเทศกาล
 อาหาร/ความรู้และการปฏบิ ัตเิ ก่ียวกับธรรมชาติและจักรวาล
 งานชา่ งฝีมือดัง้ เดิม
 การละเล่นพ้ืนบา้ น กีฬาพนื้ บ้าน และศิลปะการตอ่ สูป่ ้องกันตวั

๓. รำยละเอยี ดข้อมลู
๓.๑) ประวัติความเปน็ มาของข้อมลู
ดอกหญ้าไม้กวาด หรือเรียกว่า“ดอกหญ้าก๋ง” จัดเป็นพืชล้มลุกตระกูลหญ้า มีล้าต้นตั้งตรง ล้าต้นแตก

กอคล้ายกอไผ่ ล้าต้นมีลักษณะทรงกลม แบ่งเป็นข้อปล้องชัดเจน ดอกหญ้าไม้กวาดเป็นพืชท่ีเกิดขึ้นเองตาม
ธรรมชาติ อยู่ตามเชิงเขาหรือพ้ืนที่สูง ส่วนใหญ่จะเก็บได้ในช่วงเดือนธันวาคม–เมษายน ซ่ึงช่วงที่ดอกออกมาก
ท่ีสุดจะอยู่ในช่วงต้นเดือนมกราคม และสามารถ เก็บเก่ียวเอาดอก กิ่งก้าน มาท้าเป็นไม้กวาด ท้าความสะอาด
ภายในครวั เรือน

ในชุมชนต้าบลเมืองชุม โดยกลุ่มอาชีพที่ตั้งข้ึนเอง ในหมู่ ๑๑ ต้าบลเมืองชุม มีการรวมกลุ่มจัดท้าไม้
กวาดดอกหญ้าเพื่อเป็นการหารายได้เสริมอีกทางหน่ึงของชุมชน และเป็นการฝึกฝีมือและท้าอาชีพ
ของกลุ่ม โดยใช้วัสดุอุปกรณ์ท่ีมีในท้องถิ่นของตัวเอง ปัจจุบันภูมิปัญญาชาวบ้านได้ก่อเกิดและสืบทอดกันมา
ในชุมชนหมู่บ้าน เม่ือหมู่บ้านเปลี่ยนแปลงไปพร้อมกับสังคมสมัยใหม่ ภูมิปัญญาชาวบ้านก็มีการปรับตัว
เช่นเดียวกัน ท้าให้วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้มีการปรับเปลี่ยนด้วยเช่นกันบางพ้ืนท่ี จากวัสดุด้ามที่เป็นไม้ไผ่เร่ิมมีการใช้
เปน็ ด้ามพลาสติก

๓.๒) ขั้นตอนวิธกี าร/ดา้ เนนิ การเกยี่ วกบั ข้อมูล
1. ตดั กา้ นดอกหญา้ ท่ยี ังมคี วามเขยี วอยู่ ดว้ ยการตดั ยาวประมาณ 80 เซนตเิ มตร จากน้ัน นา้ มาตาก
แดดใหแ้ หง้ ประมาณ 2-5 วัน
๒. นา้ กา้ นดอกหญ้ามาฟาดหรือเข้าเคร่ืองเพ่ือแยกปุยดอกออกให้หมด ก่อนนา้ ไปตาก
๓. คดั เลือกดอกหญ้าคดั ขนาดให้เทา่ กัน แล้วแต่ต้องการความหนามาก หรอื น้อย
๔. แบ่งดอกหญา้ เป็น 3 ก้า มัดด้วยลวดให้แนน่
๕. ทุบดว้ ยค้อนตรงรอยมดั ให้แบน
๖. ตัดตรงโคนให้เปน็ รปู สามเหลย่ี ม
๗. น้าดอกหญ้าก้าท่ี 1 ใส่ในบลอ็ กพลาสตกิ จดั ให้แผ่ออก จากนัน้ ใส่ก้าท่ี 2 และ 3
๘. เยบ็ แบบเนาจนสุดก้า แล้วเยบ็ ยอ้ นกลับมาท่จี ดุ เร่ิมต้น ลนไฟปลายเชือกป้องกนั เชือกหลุดและ
น้ามาประกอบกบั ด้ามจับ และหูแขวน ตอกด้วยตะปเู ขม็ ตัดตกแต่งปลายดอกหญ้าใหส้ วยงาม
๙. ใช้ด้ามพลาสตกิ ยาวประมาณ 60 เซนตเิ มตร ตอกใส่กับตวั บล็อกแลว้ ตอกตะปู ขนาด 1 นิว้ 2 ตวั
เพ่ือยดึ ดอกหญา้ ที่ใส่บล็อก กับด้ามใหแ้ นน่ แล้วใส่จุกท้ายสาหรบั เปน็ ทีแ่ ขวนเปน็ อันเสรจ็ ขัน้ ตอน

-4๒4-

๔. ชื่อผ้ทู ี่ถือปฏิบตั ิและผู้สืบทอด

๔.๑ ผทู้ ถี่ ือปฏบิ ัติ

ชื่อ นางค้าเอย้ ยาชมุ ภู

วนั เดอื น ปเี กิด 13 กันยายน 2495

ทอี่ ยู่ 126 หมู่ 11 ตา้ บลเมอื งชมุ อา้ เภอเวยี งชัย จงั หวัดเชยี งราย

หมายเลขโทรศัพท์ -

๔.๒ ผ้สู บื ทอด

ชอ่ื -

วนั เดือน ปเี กดิ -

ท่ีอยู่ -

หมายเลขโทรศัพท์ -

๕. สถำนะ กำรคงอยู่  ปฏบิ ตั ิอย่างแพร่หลาย  เสยี่ งตอ่ การสูญหาย  ไม่มปี ฏิบตั แิ ลว้
๖. รูปภำพภูมปิ ัญญำทำงวัฒนธรรม/กิจกรรมทำงภูมปิ ัญญำทำงวัฒนธรรม

-4๒5-

แบบสำรวจมรดกภมู ิปัญญำทำงวฒั นธรรมจังหวดั เชียงรำย ประจำปี 2565
สภำวฒั นธรรมจังหวดั เชยี งรำย
อำเภอเวียงชยั จงั หวัดเชยี งรำย

๑. ชื่อข้อมลู ไม้กวาดดอกหญ้าและไม้กวาดทางมะพร้าว

๒. ลกั ษณะ  วรรณกรรมพน้ื บา้ นและภาษา

 ศลิ ปะการแสดง

 แนวปฏบิ ัตทิ างสังคมพธิ ีกรรม ประเพณี และเทศกาล
 อาหาร/ความร้แู ละการปฏิบตั ิเก่ยี วกบั ธรรมชาติและจกั รวาล
 งานช่างฝมี อื ดั้งเดิม

 การละเล่นพื้นบ้าน กีฬาพน้ื บ้าน และศิลปะการตอ่ สปู่ ้องกันตวั

๓. รำยละเอียดข้อมลู

๓.๑) ประวัติความเปน็ มาของขอ้ มลู
นางบัว เข่ือนค้าป้อ เกิดเม่ือวันท่ี 6 กุมภาพันธ์ 2498 ปัจจุบัน อายุ 67 ปี เป็นบุตร นายแสง –
นางผง เขื่อนค้าป้อ อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 22 หมู่ 6 บ้านดอยงาม ต้าบลดอนศิลา อ้าเภอเวียงชัย จังหวัด
เชียงราย ประกอบอาชพี เกษตรกรรม
ภาคเหนือมีวัสดุในการท้าไม้กวาดดอกหญ้าซึ่งทางเหนือเรียกว่า “ก๋ง” หรือ “ดอกอ้อ” ท่ีทางภาคกลาง
เรียกกัน การท้าไม้กวาดดอกหญ้าและไม้กวาดทางมะพร้าวเป็นอาชีพเสริมท่ี นางบัว เข่ือนค้าป้อ สามารถท้า
รายได้ให้แก่ตนเอง เพราะวัสดุในการท้าน้ันเป็นวัสดุท้องถ่ินท่ีสามารถหาได้ง่าย แต่สามารถน้ามาเพ่ิมมูลค่า
ให้กลายเป็นสินค้าที่สร้างรายได้ในพ้ืนท่ีต้าบลดอนศิลา มีผู้ท่ีมีภูมิปัญญาในการท้าไม้กวาดดอกหญ้าและ
ไม้กวาดทางมะพร้าวหลายท่าน และนางบัว เขื่อนค้าป้อ ก็เป็นหนึ่งในนั้นและได้เข้าร่วมกิจกรรม การถ่ายทอด
ภูมิปัญญาให้แก่ลูกหลานเพราะเห็นว่าตนควรถ่ายทอดความรู้ท่ีมีอยู่ให้กับเด็กในพื้นท่ี สร้างจิตส้านึก
ในการรกั ษาภมู ิปญั ญาทม่ี อี ย่ใู นทอ้ งถิ่นแกเ่ ด็ก

๓.๒) ขนั้ ตอน/วธิ ีการ/ด้าเนนิ การเก่ียวกบั ขอ้ มูล
กำรทำไม้กวำดดอกหญำ้ และไมก้ วำดทำงมะพร้ำว
วธิ กี ารถา่ ยทอดโดยสังเขป
ไม้กวาดเป็นอุปกรณ์ที่ยังจ้าเป็นต้องใช้ภายในครอบครัว ปัจจุบันบางบ้านได้น้าเคร่ืองดูดฝุ่นเข้ามา
ใช้บ้างแล้ว แต่ก็ยังมีบ้านและสถานที่ต่าง ๆ อีกจ้านวนไม่น้อยที่ต้องการใช้ไม้กวาด ดังนั้นการท้าไม้กวาด
เพอื่ จ้าหน่ายจงึ เป็นการเสรมิ รายได้อีกทางหนงึ่ ให้กบั ครอบครวั ได้
อปุ กรณ์
1. เขม็ เยบ็ กระสอบ
2. เชอื กฟาง
3. ไมไ้ ผ่ ความยาวประมาณ 80 ซม.
4. ดอกหญ้า
5. ตะปู ชนาด 1 น้ิว จา้ นวน 2 ตวั
ขั้นตอนกำรทำไม้กวำด
1. น้าดอกหญ้ามาตากแดดให้แห้ง
2. น้าดอกหญ้ามาตีหรือฟาดกับพื้น เพ่ือให้ดอกหญ้าดอกเล็ก ๆ หลุดออกให้เหลือแต่ก้านเล็กๆ แกะ
ก้านดอกหญา้ ออกจากต้น นา้ มามัดรวมกนั ประมาณ 1 กา้ มือ

-4๒6-

3. ใช้เชือกฟางหรือเชือกไนลอนสอยเข้ากับเข็มเย็บกระสอบ แล้วแทงเข้าตรงกลางมัดดอกหญ้า
แล้วถักไปถักมาประมาณ 3-4 ช้ัน พร้อมทั้งจัดมัดดอกหญ้าให้แบนราบ ใช้มีดตัดโคน รัดดอกหญ้าท่ีถักแล้ว
ให้เสมอเปน็ ระเบียบสวยงาม

4. ใช้ด้ามไม้ไผ่รวก เสียบตรงกลางหรืออาจจะใช้ต้นดอกหญ้า 8 - 10 ต้น มัดรวมกันแทนไม้ไผ่รวก
กไ็ ด้ แลว้ ตอกตะปขู นาด 1 น้ิว 2 ตวั เพอ่ื ใหม้ ัดดอกหญา้ กบั ด้านใหแ้ นน่

5. ใช้นา้ มันยางหรือชนั ผสมน้ามนั ก๊าดทา โดยใช้แปลงจมุ่ และทาบรเิ วณท่ีตวั

๔. ชอ่ื ผูท้ ี่ถือปฏิบตั ิและผู้สบื ทอด

๔.๑ ผ้ทู ถี่ อื ปฏบิ ัติ

ชื่อ นางบัว เข่อื นคา้ ป้อ

วัน เดอื น ปีเกิด 6 กมุ ภาพันธ์ 2498

ทีอ่ ยู่ 22 หมู่ 6 ต้าบลดอนศิลา อ้าเภอเวยี งชัย จงั หวัดเชียงราย

หมายเลขโทรศัพท์ -

๔.๒ ผสู้ บื ทอด

ชอ่ื -

วัน เดือน ปีเกิด -

ท่อี ยู่ -

หมายเลขโทรศัพท์ -

๕. สถำนะ กำรคงอยู่  ปฏบิ ัติอย่างแพร่หลาย  เส่ียงต่อการสูญหาย  ไมม่ ีปฏบิ ตั แิ ล้ว

๖. รปู ภำพภมู ิปญั ญำทำงวัฒนธรรม/กจิ กรรมทำงภูมิปัญญำทำงวฒั นธรรม

-4๒7-

แบบสำรวจมรดกภมู ปิ ัญญำทำงวฒั นธรรมจงั หวดั เชยี งรำย ประจำปี ๒๕๖๕
สภำวัฒนธรรมจังหวัดเชยี งรำย

อำเภอพญำเมง็ รำย จงั หวัดเชียงรำย

๑. ช่ือข้อมูล สานสุม่ ไก่

๒. ลกั ษณะ  วรรณกรรมพนื้ บ้านและภาษา
 ศลิ ปะการแสดง
 แนวปฏบิ ตั ทิ างสงั คมพิธีกรรม ประเพณี และเทศกาล
 อาหาร/ความรแู้ ละการปฏบิ ัตเิ กย่ี วกับธรรมชาติและจักรวาล
 งานช่างฝีมือดั้งเดิม
 การละเล่นพืน้ บา้ น กีฬาพ้ืนบา้ น และศลิ ปะการตอ่ สู่ป้องกันตวั

๓. รำยละเอียดขอ้ มลู

๓.๑) ประวตั ิความเป็นมาของข้อมูล
เดิมทีบ้านบ้านแม่ต้าน้อย คนส่วนใหญ่มีอาชีพเลี้ยงไก่พ้ืนเมืองและปล่อยให้ไก่หากินเองยังไม่มีที่กักขัง
ไมส่ ามารถควบคมุ ไกไ่ ด้ ตอ้ งปล่อยให้ไกเ่ ดินหากินเพน่ พา่ นไปยังบ้านหรอื อาณาเขตของคนอืน่ ต่อมาเม่ือจา้ นวน
ไก่มากขึ้นชาวบ้านจึงคิดหาวิธีการว่าจะท้าอย่างไรให้มีท่ีกักขังไก่เพื่อควบคุมไม่ให้ไก่ เพ่นพ่านไปยังบริเวณบ้าน
ของคนอ่ืน จึงมีความคิดว่าต้องหาไม้เพื่อน้ามาสานท้าเป็นรูปลักษณะกรง สานไขว้ให้คงทนถาวรเพ่ือให้กักขัง
ไก่ เมื่อท้าแล้วได้ใช้ประโยชน์ คนส่วนใหญ่จึงนิยมน้าไม้มาจักสานเพื่อท้าเป็นกรงขังไก่ และมีช่ือเรียกว่า “สุ่ม
ไก่” โดยเห็นว่าเป็นวิธีการที่ประหยัดค่าใช้จ่ายและเป็นงานที่ท้าด้วยมือทุกขั้นตอน ท่ีควรต้องอนุรักษ์ ส่งเสริม
แ ล ะ สื บ ท อ ด ม ร ด ก ภู มิ ปั ญ ญ า ง า น ช่ า ง ฝี มื อ ดั้ ง เ ดิ ม นี้ ไ ว้ ใ ห้ ค น รุ่ น ห ลั ง ไ ด้ สื บ ท อ ด วิ ธี ก า ร ท้ า แ ล ะ
ตอ่ ยอดสร้างรายไดใ้ หก้ ับครอบครัวและชมุ ชนได้อย่างพอเพยี ง

๓.๒) ข้ันตอน/วธิ ีการ/ด้าเนินการเกยี่ วกับขอ้ มลู
ข้นั ตอนการสานสุม่ ไกม่ วี ิธีการ ดงั น้ี
1. คดั เลอื กไม้ไผท่ ่ีมลี ักษณะล้าตรงและมเี นื้อไม้ที่แกแ่ ข็งแรง
2. ตดั ไมไ้ ผน่ ้ามาผ่าและเหลาเป็นเส้นๆ ใหม้ ขี นาดเทา่ น้วิ มือ
3. นา้ ไม้ไผ่ทผ่ี า่ และเหลา มาสานแบบขัดกันให้มีขนาดและดดั เปน็ รูปทรงกลม
4. น้าส่มุ ไก่ทีส่ านแล้วมาใชป้ ระโยชนข์ งั ไก่ หากสานไดจ้ ้านวนมาก ก็น้ามาจา้ หนา่ ยให้กับผู้ทีส่ นใจ เป็น
การสรา้ งรายไดใ้ หก้ บั ครอบครวั และชมุ ชนไดเ้ ป็นอยา่ งดี

๔. ช่อื ผูท้ ่ีถือปฏิบตั แิ ละผูส้ บื ทอด
๔.๑ ผทู้ ่ถี อื ปฏิบัติ
ช่ือ นายศรี มนิ ทะขตั ิ
วัน เดอื น ปีเกดิ 5 เมษายน 2482

ที่อยู่ บ้านแมต่ ้าน้อย หมู่ 1 ตา้ บลแมต่ ้า อ้าเภอพญาเมง็ ราย จังหวัดเชียงราย
หมายเลขโทรศัพท์ -
๔.๒ ผูส้ บื ทอด
ช่อื นายสรวิชญ์ มนิ ทะขัติ

วัน เดอื น ปเี กดิ 27 มกราคม 2514
ท่ีอยู่ บา้ นแมต่ า้ น้อย หมู่ 1 ต้าบลแม่ตา้ อ้าเภอพญาเมง็ ราย จงั หวดั เชียงราย
หมายเลขโทรศัพท์ -

-428-
๕. สถำนะ กำรคงอยู่  ปฏิบัตอิ ย่างแพร่หลาย  เสย่ี งต่อการสญู หาย  ไม่มีปฏบิ ตั ิแลว้
๖. รูปภำพภูมิปญั ญำทำงวัฒนธรรม/กิจกรรมทำงภูมปิ ัญญำทำงวัฒนธรรม

-429-

แบบสำรวจมรดกภมู ปิ ญั ญำทำงวฒั นธรรมจงั หวดั เชยี งรำย ประจำปี ๒๕๖๕
สภำวัฒนธรรมจังหวัดเชยี งรำย
อำเภอแมส่ ำย จงั หวัดเชยี งรำย

๑. ช่ือข้อมลู เสื่อกก

๒. ลกั ษณะ  วรรณกรรมพนื้ บา้ นและภาษา

 ศิลปะการแสดง
 แนวปฏิบตั ทิ างสังคมพิธีกรรม ประเพณี และเทศกาล

 อาหาร/ความรแู้ ละการปฏบิ ตั ิเกีย่ วกบั ธรรมชาตแิ ละจักรวาล
 งานช่างฝมี ือดง้ั เดมิ

 การละเล่นพื้นบา้ น กีฬาพ้นื บ้าน และศลิ ปะการตอ่ ส่ปู ้องกันตัว

๓. รำยละเอียดขอ้ มลู

๓.๑) ประวตั ิความเป็นมาของขอ้ มูล
นับต้ังแต่พี่น้องไตหย่าได้เดินทางจากประเทศจีนเข้ามาอาศัยอยู่ ณ หมู่บ้านป่าสักขวาง ต้าบลแม่ไร่
อ้าเภอแม่จัน จังหวัดเชียงราย โดยเริ่มตั้งแต่ 6 ครอบครัว ต่อมาระยะหลังได้มีอีกหลายครอบครัวเดินทาง
มาเพ่ือจะเข้ามาอยู่ท่ีป่าสักขวาง แต่ก็ถูกปล้นกลางทางหลายครอบครัว ต้องกระจัดกระจายกันไป หนีกลับถิ่น
เดิมเสียก็มี 4 ครอบครวั ทีเ่ ข้ามาอย่ใู นประเทศไทย คือ
1. ครอบครวั ลุงใส่ อา่ นแต่น
2. ครอบครัวลุงหลวง นางไอ
3. ครอบครวั ลงุ จาย นางไอ
4. ครอบครวั ลงุ แกว้ นางอา่

ทั้ง 4 ครอบครัวนี้ได้หลบหนีไปพักอยู่ที่บ้านปุ่นซาน ประเทศจีนต้องพักท่ีนั่นถึง 4 คืน ในระหว่าง
ที่พักอยู่ท่ีบ้านปุ่นซานน้ัน เขาได้เท่ียวไปมาในแถบน้ัน ไปพบต้นกก คิดว่าคงจะเป็นประโยชน์แน่ ลุงจาย จึงขุด
ใส่กระบอกไม้ติดตวั มา 3 ต้น ก็เดนิ ทางเข้ามาเมืองไทยทีบ่ ้านป่าสักขวางในปี พ.ศ. 2478 นา้ ต้นกกไปเพาะช้า
ไว้ประมาณ 3 ปี ก็ตัด คัด ตากและน้ามาทอเป็นผืนเส่ือเพื่อใช้เองและน้าไปขายบ้าง เส่ือกกได้แพร่ขยายพันธ์
ออกไปตามหมู่บ้านใกล้เคียงและทว่ั ไปจนถงึ ทุกวนั นี้ (คดั จากหนังสือ 60 ปี คริสตจกั รไทยสมัครบ้านป่าสักขวาง 26
ธนั วาคม 1992)

ในปจั จุบนั การท่อเส่ือกก ยงั คงทา้ เป็นอาชีพเสริมภายในหมูบ่ ้าน และหมู่บ้านใกล้เคยี ง ยงั คงทอ่ เสื่อกก

เป็นผืน ใช้ปูนั่ง หรือนอนเล่น และมีการเพ่ิมมูลค่าโดยการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อ่ืน ๆ เช่น ท่ีรองจานข้าว

รองแกว้ น้า และประดิษฐ์ดอกไม้ หรืออ่นื ๆ อกี มากมาย

๓.๒) ขัน้ ตอน/วิธกี าร/ด้าเนินการเกย่ี วกบั ข้อมูล

-

-430-

๔. ชื่อผูถ้ ือปฏบิ ัติและผู้สืบทอด

4.1 ผู้ที่ถอื ปฏบิ ัติ

ชอ่ื ประชาชนในหมบู่ ้าน ปราชญ์ชมุ ชน

วัน เดือน ปเี กดิ -

ทอ่ี ยู่ บา้ นฮอ่ งแฮ่ หมู่ 4 ต้าบลห้วยไคร้ อา้ เภอแมส่ าย จงั หวัดเชียงราย

หมายเลขโทรศัพท์ 091 072 1688

๔.๒ ผูส้ ืบทอด

ชือ่ เดก็ นกั เรยี น และเยาวชน บคุ คลทั่วไป

วนั เดือน ปีเกิด -

ท่ีอยู่ -

หมายเลขโทรศัพท์ -

๕. สถำนะ กำรคงอยู่  ปฏิบัตอิ ย่างแพรห่ ลาย  เสย่ี งตอ่ การสูญหาย  ไมป่ ฏบิ ัติแล้ว

๖. รปู ภำพภูมปิ ัญญำทำงวัฒนธรรม/กจิ กรรมทำงภูมิปัญญำทำงวฒั นธรรม

รูปแบบดัง้ เดิม ท่ีรองจาน ตงุ

ดอกไมจ้ ากเส่อื กก

-431-

แบบสำรวจมรดกภมู ปิ ญั ญำทำงวัฒนธรรมจงั หวดั เชียงรำย ประจำปี 2565
สภำวฒั นธรรมจังหวัดเชยี งรำย
อำเภอดอยหลวง จังหวดั เชียงรำย

1. ช่ือข้อมูล เส่ือกกบ้านปา่ ลัน

๒. ลักษณะ  วรรณกรรมพนื้ บ้านและภาษา

 ศลิ ปะการแสดง
 แนวปฏบิ ตั ิทางสังคมพธิ ีกรรม ประเพณี และเทศกาล

 อาหาร/ความรู้และการปฏิบตั ิเกย่ี วกับธรรมชาตแิ ละจกั รวาล
 งานชา่ งฝีมือดง้ั เดมิ

 การละเลน่ พืน้ บ้าน กีฬาพ้ืนบา้ น และศลิ ปะการต่อสปู่ ้องกนั ตวั

3. รำยละเอียดข้อมูล

3.1) ประวตั คิ วามเป็นมาของขอ้ มูล

กลุ่มแม่บ้านทอเส่ือกกบ้านป่าลัน เป็นกลุ่มทอเสื่อกกท่ีสืบทอดภูมิปัญญาจากรุ่นพ่อแม่ ซึ่งอพยพมา
จากแถบจังหวัดกาฬสินธ์ุ และจังหวัดมหาสารคาม เม่ือปี พ.ศ. 2555 นางรุ่งอรุณ ไชยสีหา ได้เล็งเห็น
ความสา้ คัญของภูมปิ ัญญา และเห็นวา่ ต้นกกซึ่งเป็นวัตถุดบิ ที่มใี นชุมชนอยู่แล้ว นางร่งุ อรุณจึงได้คิดผลิตทอเส่ือกก
ขายให้แก่คนในชุมชน และชุมชนใกล้เคียง เพ่ือท้าให้มีสินค้าและผลิตภัณฑ์ที่เป็นเอกลักษณ์ของท้องถ่ิน
ก่อให้เกิดรายได้ และส่งเสริมให้เกิดงานในชุมชน เพื่อขอค้าแนะน้าในการจดทะเบยี นผลิตภณั ฑ์ OTOP และได้
ผ่านการอบรม KBO ทา้ ใหร้ จู้ ักวิธีการพัฒนาผลติ ภณั ฑ์ใหไ้ ดม้ าตรฐาน การวางแผนบริหารจัดการในกลุ่ม รวมถึง
ได้รับการส่งเสรมิ สนบั สนนุ จากศนู ยพ์ ฒั นาฝมี ือแรงงาน และศนู ยก์ ารศึกษานอกโรงเรยี นอ้าเภอดอยหลวง ซ่งึ ได้
พาไปอบรม ศึกษาดูงานกลุ่มทอเสื่อในชุมชนอ่ืน เพ่ือฝึกทักษะ เรียนรู้กระบวนการผลิตให้เกิดความเช่ียวชาญ
พัฒนาฝีมือในการผลิต ปจั จุบันทางกลุ่มได้คิดหาวธิ ีพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ไดร้ ูปแบบท่ีหลากหลายตรงกับความต้องการ
ของตลาด รวมถงึ รสนยิ มของผ้บู ริโภค

3.2) ขน้ั ตอน/วิธีการ/ด้าเนินการเกี่ยวกบั ข้อมูล
1. ตัดตน้ กก ในระยะท่ียังไม่แก่ สงั เกตจากดอกตน้ กกจะมสี ีเขยี ว
2. ผ่าต้นกกออกเปน็ เส้น ประมาณ 4-6 เส้น ตามจ้านวนทต่ี อ้ งการผลิต
3. นา้ ไปตากแดดใหแ้ ห้ง สงั เกตเมอ่ื ตน้ กกแห้งแลว้ จะเปลย่ี นสีเป็นสขี าว
4กา้ หนดความกว้างของเส่ือท่ตี ้องการทอ แล้วน้าเสน้ กกไปตัดใหไ้ ด้ขนาดที่ตอ้ งการ
5. น้าต้นกกไปย้อมสีเคมี โดยเติมน้า 5 ลิตร ต่ออัตราส่วนสีย้อม 1 ซอง ต้มน้าให้เดือด น้าเส้นกกจุ่ม
ลงในน้าสีย้อมกกเปน็ เวลา 1-2 นาที จากนั้นนา้ มาผง่ึ ในที่รม่ ใหแ้ ห้ง
6.ใช้เชือกในล่อนขนาดเลก็ ทา้ เป็นโครงขนาดความกวา้ งของเส่อื เพื่อเตรยี มจะทอเป็นผนื เสือ่ ซึ่งขนาด
ความกว้างและความยาวของเสอื่ ขึ้นอยกู่ ับความกวา้ งของเส้นกก และขึงไหมดง้ั บนก่ที อใหต้ ึง
7. น้าเส้นกกท่ีแห้งแล้วมาทอเป็นผืนเสอ่ื โดยวิธีการสอดเส้นกกสลบั บนลา่ ง และใช้ฟืมควบคุมการทอ
ใหไ้ ด้ตามขนาดความยาวที่ตอ้ งการ
8. เม่ือได้ขนาดความยาวที่ต้องการแล้ว ให้ตัดเชือกในล่อนท่ีขึงไว้เป็นโครงทอเส่ือออกแล้วผูกปลาย
เชอื กตรงเสอื่ ท่ีทอ เพอ่ื ไมใ่ หเ้ สน้ กกหลดุ ออกจากกนั
9. ตัดปลายขอบของเส้นกกและเชอื กทเี่ หลอื จากการทอทง้ิ

-432-

4. ชื่อผทู้ ถ่ี อื ปฏิบัตแิ ละผู้สืบทอด

4.1 ผ้ถู อื ปฏิบตั ิ

ชื่อ นางถนอม สบื พลาย

วัน เดือน ปเี กิด 16 เมษายน 2521

ที่อยู่ 173 หมู่ 5 ตา้ บลปงน้อย อ้าเภอดอยหลวง จงั หวดั เชียงราย

หมายเลขโทรศพั ท์ 087 711 1893

4.2 ผูส้ ืบทอด

ชือ่ นางรุ่งอรุณ ไชยสหี า

วัน เดอื น ปเี กิด 19 ธนั วาคม 2523

ที่อยู่ 34 หมู่ 5 ต้าบลปงน้อย อา้ เภอดอยหลวง จังหวัดเชยี งราย

หมายเลขโทรศพั ท์ 085 710 6762

๕. สถำนะ กำรคงอยู่  ปฏบิ ัติอยา่ งแพรห่ ลาย  เสย่ี งตอ่ การสญู หาย  ไม่ปฏิบัตแิ ลว้

๖. รูปภำพภมู ิปัญญำทำงวัฒนธรรม/กจิ กรรมทำงภมู ิปัญญำทำงวัฒนธรรม

-4๓3-

แบบสำรวจมรดกภมู ปิ ัญญำทำงวฒั นธรรมจังหวดั เชยี งรำย ประจำปี ๒๕๖๕
สภำวัฒนธรรมจงั หวัดเชยี งรำย

อำเภอพญำเม็งรำย จงั หวดั เชียงรำย

๑. ชื่อข้อมลู เยบ็ หมวกสาน บ้านศรีชุม

๒. ลกั ษณะ  วรรณกรรมพ้นื บา้ นและภาษา
 ศลิ ปะการแสดง
 แนวปฏบิ ัติทางสังคมพธิ ีกรรม ประเพณี และเทศกาล
 อาหาร/ความรู้และการปฏบิ ัติเก่ียวกับธรรมชาตแิ ละจักรวาล
 งานชา่ งฝีมือดัง้ เดมิ
 การละเล่นพน้ื บ้าน กีฬาพ้นื บา้ น และศลิ ปะการตอ่ สู่ป้องกนั ตัว

๓. รำยละเอยี ดข้อมูล

๓.๑) ประวตั คิ วามเปน็ มาของข้อมลู
การท้าเคร่ืองจักสานในชนบท สมัยก่อนชาวบ้านมีการท้าสืบต่อกันมามนุษย์น้าวัตถุดิบจากธรรมชาติ
เท่าที่จะหาได้ใกล้ตัวมาท้าให้เกิดประโยชน์ต้นไม้บางชนิดสามารถน้ามาใช้ประโยชน์ได้อย่างมาก เช่น ต้นไผ่
หรือไม้ไผ่ มนุษย์สามารถนา้ มาจักสานท้าใหเ้ ป็นเส้นเปน็ ริ้วเพื่อความสะดวกของการเอามาสานเอามาถัก นา้ มา
เย็บเป็นหมวกสาน ใช้ส้าหรับสวมใส่กันแดด กันฝนในการไปประกอบอาชีพ ซ่ึงถือได้ว่าเป็นภูมิปัญญาของคน
สมยั ก่อนท่ีถา่ ยทอดให้คนรุ่นหลังได้เรยี นรู้กันมาก กลมุ่ แม่บา้ นบ้านศรีชุม หมู่ 10 ได้เล็งเห็นถึงความส้าคัญของ
ภูมิปัญญาที่มีมาแต่โบราณและเพื่อสืบทอดมรดกภูมิปัญญาของคนสมัยก่อนไม่ให้สูญหายไป จึงได้รวมกลุ่มกัน
จัดต้ังกลุ่มพัฒนาสัมมาชีพชุมชนระดับหมู่บ้าน ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ช่ือว่า “กลุ่มเย็บหมวก
สาน” และได้รวมตัวกันออกแบบลวดลายของหมวกข้ึนมาใหม่ใหม้ ีความสวยงามและหลากหลาย ทันสมัยต่อผู้
พบเห็นตอบสนองความต้องการให้กลุ่มลูกค้าให้มีทางเลือกว่าต้องการรูปแบบไหน ลวดลายแบบใด อีกทั้ง
สามารถผลิตเพื่อวางจ้าหน่าย เป็นการสร้างอาชีพ สร้างรายได้ ส่งเสริมให้มีผลิตภัณฑ์ประจ้าหมู่บ้านเพ่ือต่อ
ยอดเศรษฐกิจฐานรากให้กับคนในชุมชนได้เป็นอย่างดี และเป็นการรักษาวัฒนธรรมศิลปะงานช่างฝีมือไว้ไม่ให้
สูญหาย

๓.๒) ข้นั ตอน/วิธกี าร/ดา้ เนินการเกีย่ วกบั ขอ้ มูล
1. เตรยี มไมไ้ ผ่ (ไม้บงเหนียว) น้ามาผ่าแลว้ จักสอยเป็นเสน้ ตอกขนาดเท่า ๆ กนั ประมาณ 1-2 มิลลิเมตร
2. น้าเสน้ ตอก 7 หรอื 9 เสน้ มาถักสานไขวก้ นั เหมือนลักษณะถักเปยี ตามความยาวทต่ี ้องการ ส่วนน้ี
เรียกว่า “โค้งหมวก”
3. น้าเส้นโค้งหมวก มาเย็บเป็นหมวกขนาดต่าง ๆ แล้วตกแต่งโดยกุ๊นขอบหรือประดับด้วยไม้ไผ่ที่ถัก
เป็นเสน้ ชบุ สีหรือใช้ผา้ สตี ่าง ๆ มาตกแต่ใหส้ วยงาม
การสานหมวกดว้ ยวัสดธุ รรมชาติ (ไมไ้ ผ)่ เป็นการสบื ทอดมรดกภูมิปัญญามาจากบรรพบุรุษ ไม้ที่น้ามา
จักสานยาว 1 วา ถงึ 10 วา ในการเย็บ ถ้าจ้านวนไม่มากกลมุ่ กจ็ ะเยบ็ ด้วยมือเป็นสว่ นใหญ่

๔. ชื่อผ้ทู ี่ถือปฏิบตั แิ ละผูส้ ืบทอด
๔.๑ ผทู้ ่ีถือปฏิบัติ
ชือ่ กลมุ่ เยบ็ หมวกสาน บ้านศรีชุม หมู่ 10
วัน เดอื น ปีเกดิ จดั ต้ัง เมอ่ื วนั ที่ 31 มนี าคม 2557
ทอี่ ยู่ 46 หมู่ 10 ตา้ บลไม้ยา อา้ เภอพญาเมง็ ราย จังหวัดเชียงราย
หมายเลขโทรศัพท์ 063 109 3228

๔.๒ ผสู้ ืบทอด -434-
ชือ่
วนั เดือน ปเี กิด กลมุ่ เยบ็ หมวกสาน บา้ นศรชี ุม หมู่ 10
ที่อยู่ จดั ต้งั เมอ่ื วนั ท่ี 31 มีนาคม 2557
หมายเลขโทรศัพท์ 46 หมู่ 10 ต้าบลไม้ยา อ้าเภอพญาเม็งราย จังหวัดเชียงราย
063 109 3228

๕. สถำนะ กำรคงอยู่  ปฏบิ ัติอยา่ งแพร่หลาย  เสี่ยงต่อการสูญหาย  ไมม่ ีปฏิบตั แิ ลว้

๖. รูปภำพภมู ปิ ญั ญำทำงวัฒนธรรม/กจิ กรรมทำงภูมิปัญญำทำงวัฒนธรรม

-๔๓5-

แบบสำรวจมรดกภมู ปิ ัญญำทำงวัฒนธรรมจงั หวัดเชยี งรำย ประจำปี 2565
สภำวฒั นธรรมจงั หวัดเชยี งรำย
อำเภอเชียงแสน จงั หวดั เชยี งรำย

1. ช่ือข้อมูล ซ้าหวด

2. ลกั ษณะ  วรรณกรรมพื้นบ้านและภาษา
 ศิลปะการแสดง
 แนวปฏบิ ตั ิทางสงั คมพิธีกรรม ประเพณี และเทศกาล
 อาหาร/ความรู้และการปฏบิ ตั เิ กยี่ วกบั ธรรมชาติและจักรวาล
 งานชา่ งฝีมอื ดงั้ เดมิ
 การละเลน่ พนื้ บ้าน กีฬาพืน้ บ้าน และศลิ ปะการตอ่ สู่ป้องกนั ตวั

3. รำยละเอียดขอ้ มูล
3.1 ประวตั ิความเป็นมาของข้อมูล
ซ้าหวด หมายถึง เคร่ืองจักสานพื้นบ้านล้านนา ใช้ใส่เข้าหม่า หรือข้าวเหนียวท่ีแช่น้าไว้เพื่อล้างให้หมด

กล่ินกอ่ นจะน้าไปน่ึง ท่กี น้ ของซา้ หวดจะมีไม้กลม 2 อันวางขดั เปน็ กากบาทท่ีมุมท้ังสี่เพื่อชว่ ยรับน้าหนกั และเสริม
ความแข็งแรงอีกข้ันหน่ึง รูปทรงของซ้าหวดนี้อาจจะต่างกันไปบ้าง คือบางคนอาจสานเป็นทรงป้อม หรือบางคน
อาจสานเป็นทรงกระบอกปากผายตี่เหมือนกันก็คือ ตอกที่ใช้มีขนาดความกว้างประมาณ 4 มิลลิเมตร
ตอกที่ใช้สารจะใช้ทีละ 2 เส้น ขึ้นรูปก้นเป็นลายสอง ลายสานจะให้มีช่องว่างเล็กน้อยเพ่ือจะให้น้าไหลผ่าน
ได้สะดวก ในสว่ นตวั ซ้าหวด จะใช้ตอกท่นี ้ามาข้ึนลายโดยตอกสานใชส้ านเรียงทีละ 1 เส้น ส่วนตอกซังจะใช้ทบกัน
2 เส้น และลายตัวของซ้าหวดจะสานให้ชิดติดกันเพ่ือไม่ใช้ข้าวสานท่ีล้างหลุดออกมาได้ พอสานถึงระดับของแล้ว
จะใชต้ อกกลมเส้นเล็ก ๆ สานประมาณ 6-7 เสน้ สานให้ลายชดิ ตดิ กันเพื่อเป็นการเสริมขอบปากให้มีความแข็งแรง
จากน้ันจงึ เกบ็ ปลายตอก โดยบดิ ตอกซังให้เป็นเกลยี วแล้วพับสอดปลายลงไปในบริเวณลายทส่ี านเป็นขอบปากซา้

หวด หรือ ซ้า มีใช้กันท่ัวไปในภาคเหนือตอนบน คือ แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ล้าพูน ล้าปาง เชียงราย
พะเยา แพร่ น่าน ตาก สานด้วยตอกไม้ไผ่ โดยท่ัวไปใช้ไผ่เร้ีย หรือ ไผ่บง การใช้ตอกเรี้ยและตอกบง
มีข้อดีข้อเสียต่างกัน หวดที่สานด้วยไผ่เรี้ยจะมีความเหนียว ยืดหยุ่นอ่อนตัวได้ดี เวลาบีบปากหวดจะอ่อนตัว
ตามไม่หัก ส่วนหวดที่สานด้วยไผ่บงมีความแข็งแรงกว่า ข้อเสียคือหักง่าย ส่วนใหญ่นิยมใช้หวดที่ท้าด้วยไผ่บง
มากกว่า ลักษณะของหวดส่วนที่เป็นก้นจะสานให้ตาห่างกันพอเมล็ดข้าวสารไม่หลุดลอดออกได้ มีมุม 4 มุม
ส่วนล้าตัวของหวดจะเป็นทรงกลม ปากผายออกกว้างกว่าส่วนก้น ขนาดของหวดมีตั้งแต่ 20 เซนติเมตรไป
จนถงึ 40-50 เซนติเมตร

3.2 ข้ันตอน วธิ ีการด้าเนนิ การเก่ียวกบั ขอ้ มลู
1) นา้ ไมไ้ ผม่ าจกั เปน็ ตอก 3 ขนาดตามยนื ประมาณ 6 มลิ ลิเมตร
2) ตอกสานตามขวาง 3-4 มิลลิเมตร และตอกไพ 2 มิลลิเมตร
3) ใชต้ อกใหญ่ กอ่ กน้ ดว้ ยตอกสองเส้นคกู่ ัน ทา้ ลายสอง
4) ใช้ไมเ้ สยี บแยงมุม สานกันเกย้ี วขึ้นดว้ ยลายทาน สานสูงตามความต้องการ
5) ใชต้ อกไพ สองเสน้ ทา้ หนง่ึ รอบขัดกนั ไปมาสงู ประมาณ 5 เซนตเิ มตร แลว้ เก็ยรายละเอยี ด

-๔๓6-

๔. ช่ือผูท้ ่ีถือปฏิบัติและผ้สู บื ทอด

๔.๑ ผ้ทู ่ถี ือปฏิบตั ิ

ช่ือ นายยืน ยั่งยืน

วนั เดือน ปเี กดิ -

ท่ีอยู่ 411 หมู่ 13 ตา้ บลศรีดอนมูล อ้าเภอเชียงแสน จงั หวดั เชยี งราย
หมายเลขโทรศัพท์ -
๔.๒ ผู้สืบทอด
ชื่อ -
วนั เดือน ปีเกดิ -
ทอี่ ยู่ -
หมายเลขโทรศัพท์ -

๕. สถำนะ กำรคงอยู่  ปฏบิ ตั อิ ย่างแพรห่ ลาย  เสยี่ งต่อการสูญหาย  ไมม่ ีปฏบิ ตั แิ ล้ว

6. รูปภำพปญั ญำทำงวัฒนธรรม/กจิ กรรมทำงภูมปิ ญั ญำทำงวัฒนธรรม



-437-

แบบสำรวจมรดกภมู ิปัญญำทำงวัฒนธรรมจงั หวดั เชยี งรำย ประจำปี ๒๕๖๕
สภำวัฒนธรรมจงั หวดั เชยี งรำย
อำเภอแมส่ ำย จงั หวัดเชยี งรำย

๑. ช่ือข้อมูล การชนไก่

๒. ลกั ษณะ  วรรณกรรมพน้ื บา้ นและภาษา
 ศิลปะการแสดง
 แนวปฏบิ ัติทางสงั คมพธิ ีกรรม ประเพณี และเทศกาล
 อาหาร/ความรแู้ ละการปฏบิ ตั เิ กยี่ วกบั ธรรมชาตแิ ละจกั รวาล
 งานช่างฝมี อื ด้งั เดมิ
 การละเล่นพื้นบา้ น กีฬาพน้ื บ้าน และศลิ ปะการตอ่ สูป่ ้องกันตัว

๓. รำยละเอียดขอ้ มูล

๓.๑) ประวตั คิ วามเป็นมาของข้อมูล
การชนไก่ (บ้างเรียกตีไก่) เป็นกีฬาท่ีมนุษย์คิดขึ้น โดยใช้สัตว์เป็นตัวแทนของตนในการแข่งขันต่อสู้
จนเป็นที่นิยมกันท่ัวไป และก็เหมือนกีฬาประเภทอื่น ๆ ที่บางครั้งก็มีเร่ืองของการเดิมพัน, การพนันเข้ามา
เกี่ยวข้อง มีการสันนิษฐานว่าคนไทยรู้จักการชนไก่มาต้ังแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ซ่ึงคงอ้างอิงจากเร่ืองเล่าไก่ชน
ของสมเด็จพระนเรศวร ท่ีว่า เมื่อครั้งที่สมเด็จพระนเรศวรทรงเป็นตัวประกันอยู่ท่ีกรุงหงสาวดี เคยชนไก่ชนะ
พระมหาอปุ ราช จนเกิดการปะทะคารมระหวา่ งทง้ั 2 พระองค์ข้นึ
สมเด็จพระมหาอุปราชตรัสวา่ “ไก่เชลยตวั นเ้ี กง่ จรงิ หนอ”
สมเด็จพระนเรศวรก็ดำรัสตอบว่ำ “ไก่เชลยตวั นี้ อย่าวา่ แตจ่ ะตีกนั อยา่ งกีฬาในวงั เหมอื นวนั น้ีเลย
ตพี นนั บา้ นเมืองก็ยงั ได้”

๓.๒) ข้ันตอน/วิธีการ/ดาเนนิ การเกี่ยวกบั ข้อมลู

ไก่ชนชั้นดี ที่นิยมเลี้ยงไว้เพื่อความสวยงามและนิยมเลี้ยงไว้สาหรับการแข่งขันกัน เนื่องจากกีฬา
ประเภทน้ีเป็นการละเล่นพื้นบ้านท่ีมีประวัติความเป็นมาอย่างยาวนาน จึงได้มีตาราการดูไก่ชน การคัดเลือก

พนั ธ์ุ การเล้ียง ฝกึ ฝนไก่ ซ่งึ ถือเปน็ ภมู ปิ ัญญาทีส่ บื ตอ่ กนั มาจากรนุ่ สูร่ นุ่ สาหรบั การดลู ักษณะไกเ่ กง่ ตามตาราน้ัน
ต้องเร่ิมดูจากใบหน้า ไก่ชนที่ดีต้องมีใบหน้าเกล้ียงเกลา ปากต้องเป็นสีตามพันธ์ุไก่น้ัน ๆ ปากต้องใหญ่ แน่น

แข็งแรง ปลายงุ้มไม่ยาวและไม่ส้ันจนเกินไป ปากบนมีร่องน้า จมูกกว้างใหญ่ ตามีประกายแจ่มใส นัยน์ตาดา
เล็ก ตาขาวมีสีขาว หงอนเล็ก ฐานหงอนหนา กะโหลกศีรษะหนาอวบ ลาตัวยาว กระดูกใหญ่ อกผาย ไหล่ผึ่ง

ปีกยาวใหญ่ สีขนชดั เจนเป็นไปตามพันธุ์ เปน็ ต้น
ปัจจุบันการเล้ียงไก่ชนถือเป็นธุรกิจประเภทหน่ึงซ่ึงสามารถทารายได้ได้เป็นอย่างดี สาหรับผู้ท่ีชื่นชอบ

กฬี าชนดิ นี้ เร่ิมต้งั แตก่ ารเพาะเลยี้ งไกช่ นพันธ์ดุ ี การฝึกฝนไก่ชน การแขง่ ขันชนไก่ ซึ่งผเู้ ลยี้ งและผูฝ้ กึ ฝนตอ้ งส่ัง
สมท้งั ความรแู้ ละประสบการณเ์ พ่อื ให้ได้ไกช่ นพันธ์ดุ ีไวล้ งแขง่ ในสนาม

๔. ช่ือผทู้ ่ถี ือปฏิบตั ิและผ้สู บื ทอด

๔.๑ ผทู้ ี่ถอื ปฏิบตั ิ

ชือ่ นายสงา่ จับใจนาย

วนั เดือน ปเี กิด -

ท่อี ยู่ 83/1 หมู่ 1.ตาบลแม่สาย อาเภอแม่สาย จังหวดั เชียงราย

หมายเลขโทรศัพท์ 081 034 1170


Click to View FlipBook Version