The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม จังหวัดเชียงราย ภายใต้โครงการจัดทำฐานข้อมมูล ด้านมรดกภูมิปัญญาท้องถิ่น จังหวัดเชียงราย ประจำปี ๒๕๖๕

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by cr.cultural.lib, 2022-09-05 03:31:32

มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม จังหวัดเชียงราย

มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม จังหวัดเชียงราย ภายใต้โครงการจัดทำฐานข้อมมูล ด้านมรดกภูมิปัญญาท้องถิ่น จังหวัดเชียงราย ประจำปี ๒๕๖๕

-42-

แบบสำรวจมรดกภมู ิปญั ญำทำงวัฒนธรรมจังหวัดเชยี งรำย ประจำปี ๒๕๖๕
สภำวฒั นธรรมจงั หวัดเชยี งรำย

อำเภอพญำเมง็ รำย จังหวัดเชียงรำย

๑. ชื่อข้อมลู การดดี ซงึ

๒. ลักษณะ  วรรณกรรมพ้นื บา้ นและภาษา
 ศิลปะการแสดง
 แนวปฏบิ ตั ทิ างสงั คมพิธีกรรม ประเพณี และเทศกาล
 อาหาร/ความรู้และการปฏิบตั เิ ก่ียวกบั ธรรมชาติและจักรวาล
 งานช่างฝีมอื ดัง้ เดมิ
 การละเลน่ พ้นื บ้าน กีฬาพ้นื บ้าน และศิลปะการต่อส่ปู ้องกันตวั

๓. รำยละเอียดข้อมลู

๓.๑) ประวัตคิ วามเป็นมาของข้อมูล
เครื่องดนตรีพ้ืนเมือง แต่เดิมชาวบ้านหมู่บ้านไม้ยาคูเวียง จะมีวงดนตรีพ้ืนเมือง อันประกอบไปด้วย
เครื่องดนตรีหลายชนิด เช่น พาด (ระนาด) ฆ้องเล็กเด่ียว ฆ้องกลางเดียว ฆ้องวง ปี่ แน ขลุ่ย กลองใหญ่
กลองป่งป้ง กลองหลดปด ฉว่า (ฉาบ) ปัจจุบันวงดนตรีพ้ืนเมืองไม่มีคนสืบทอดต่อ มรดกภูมิปัญญา
ศิลปะการแสดงจึงสูญหายไปอย่างน่าเสียดาย จนกระทั่งปี พ.ศ.2554 ทางโรงเรียนมัธยมไม้ยาวิทยาคม
ได้ส่งเสริมและพยายามจะร้ือฟื้นตั้งวงดนตรีพื้นเมืองข้ึนมาอีกคร้ัง แต่ก็ไม่สามารถรับสถานภาพของวงได้
วงดนตรีพน้ื เมืองจงึ ถูกปล่อยปะละเลยไปจนถงึ ทุกวันนี้ ถงึ แม้ว่าปจั จบุ นั จะยงั คงมีคนรัก และสนใจจะเลน่ ดนตรี
พื้นเมืองอยู่ แต่ก็ไม่ครบวง จะมีเล่นเฉพาะแต่บางรายการเท่านั้น ทาให้ผู้ท่ีชานาญการเล่นดนตรีพ้ืนเมืองหลง
เหลืออยู่ไม่มากนัก หากไม่มีการถ่ายทอดและสืบทอด ส่งเสริมสนับสนุนศิลปะการแสดงซ่ึงเป็นมรดกภมู ิปัญญา
ทางวัฒนธรรมของคนรุ่นก่อน เกรงว่ารุ่นลูกรุ่นหลาน อาจจะไม่รู้จักเครื่องดนตรีไทย และไม่มีการแสดงดนตรี
ไทยซง่ึ เป็นเอกลักษณ์ของชาตไิ ทยที่ควรสืบสาน รักษา ตอ่ ยอด มใิ หส้ ญู หายไป
ซึง เป็นเคร่ืองดนตรีประเภทเครื่องดีดอีกชนิดหนึ่งที่มี 4 สาย นิยมนามาร่วมบรรเลงเล่น
ในวงกันอย่างแพร่หลายในภาคเหนือล้านนา ซึ่งเดิมใช้เป็นเคร่ืองดนตรีประจาตัวของผู้ชาย สาหรับไปแอ่วสาว
(ไปเท่ียวหาสาว) เช่นเดียวกับพิณเพี๊ยะ ต่อมาได้นาเคร่ืองดนตรีซึ่งมาผสมวงบรรเลงร่วมกันกับสะล้อ ซอ และ
ปี่จุม เรียกวงน้ีว่า “ดนตรีพ้ืนเมืองเหนือ หรือวงล้านนา” สามารถบรรเลงเพลงของชาวล้านนาได้อย่างไพเราะ
ซึง มีรปู รา่ งบางอย่างคลา้ ยคลงึ กับ กระจับปี่ แต่มขี นาดเลก็ กวา่
นายเทพ สารศรี เป็นอีกท่านหน่ึงท่ีมีใจรักในการดีดซึงและสนใจท่ีจะเรียนรู้ก ารดีดซึง
โดยได้ไปเรียนและได้รับการฝึกสอนดีดซึงจาก นายสวน เลื่อมใส ครูผู้สอนในขณะนั้น ซ่ึงท่านมีความสามารถ
และเก่งในการดีดซึง เคยได้แสดงดีดซึงบนเวทีในงานอนุรักษ์มรดกไทยประจาปี พ.ศ.2544 เล่นได้ไพเราะ
จับใจ นายเทพ สารศรี มีความสนใจท่ีจะดีดซึง จึงได้หาความรู้เพ่ิมเติมด้วยการเข้าอบรมโครงการรื้อฟื้น
อนุรักษ์วงดนตรีพื้นเมืองจนได้เป็นสมาชิกของวงดนตรีพื้นเมืองของบ้านไม้ยาคูเวียง ตั้งแต่ พ.ศ.2544 –
2559 ปัจจุบันวงดนตรีพ้ืนเมืองดังกล่าวไม่มีผู้สืบทอดจึงถูกปล่อยท้ิงไปอย่างน่าเสียดาย จะมีเฉพาะแต่
นายเทพ สารศรี ทยี่ งั คงดดี ซงึ ใหล้ ูกหลานฟังในเวลาว่าง เพ่อื เป็นการผ่อนคลายและสรา้ งความสุขในครอบครวั

-43-

๓.๒) ข้นั ตอน/วิธกี าร/ดาเนินการเกยี่ วกบั ข้อมูล
หลักกำรดดี ซงึ

ผู้ดีดนั่งท่าขัดสมาธิ ให้กะโหลกต้ังอยู่บนหน้าขาขวาและให้ปลายคันทวนชี้ไปทางซ้ายของ
ผดู้ ีด ใช้มอื ขวาจับไม้ดีดซึ่งทาดว้ ยเขาควายเหลาใหบ้ างเรยี วแหลม โดยผาดตามแนวของนวิ้ ชีโ้ ผล่ปลายเล็กน้อย

มีน้ิวหัวแม่มือคีบประกบกับน้ิวช้ีดีดบริเวณใกล้กับนมตัวสุดท้าย เสียงจะทุ้มไพเราะดี แต่ถ้าดีดใกล้รูระบาย
เสียงจะแหลม ขณะเดียวกันใช้นิ้ว ชี้ นาง กลาง ก้อย ของมือซ้าย กดสายลงตามช่องของนม เพ่ือให้เกิดเสียงสูง-ต่า

ตามทต่ี อ้ งการ
กำรดีดซงึ

ขั้นที่ 1 ให้น่ังพับเพียบหรือน่ังขัดสมาธิตามความถนัดเพ่ือความสบาย ถือซึงแนบอกโดยให้ปลายคัน

ทวนอยู่ทางซ้ายมือรางของซึง (ภาคเหนือ เรียกว่า “กะโหล้ง หรือ โก้ง”) แนบติดลาตัวและอยู่ในตาแหนง่ ที่จะ
ใช้มอื ขวาดีดได้ถนดั มอื ซา้ ยประคองคนั ทวนของซึงทจ่ี ะบรรเลงไปตามเสยี งเพลง

ขั้นที่ 2 เม่ือฝึกขั้นที่ 1 เสร็จ ก็มารู้จักการฝึกดีดไปตามตัวโน๊ตของเสียงซึง โดยใช้นิ้วมือซ้ายกดลงบน
นมซึง เพื่อเปลี่ยนเสียงซึงเป็นเสียงสูง – ต่า ตามทานองเพลง การฝึกดีดซึงมีการเทียบตัวโน๊ตเป็น 2 ชนิด คือ

1. ซึงลูกสาม 2. ซงึ ลูกส่ี จะแตกต่างกันทีเ่ สยี งลกู สาม เสียงซอจะอยู่ด้านลา่ ง ส่วนซงึ ลูกส่ี เสียงซอจะอย่ดู ้านบน
คาว่า “ลูก” หมายถึง คู่เสียงระหว่างสายเอกกับสายทุ้ม คาว่า “ลูกสาม” หมายถึง มีสายทุ้มกับ

สายเอกท่ีต่างกัน 3 สาย คาว่าลูก 4 สายทุ้ม กับ สายเอกต่างกัน 4 สาย สายเอก คือ สายที่มีเสียงแหลมคม
สายทุ้มคอื สายท่ีมเี สียงทุม้ นุ่ม (สายคู่บน) สายท้มุ คือ เสยี งซอล (สายค่ลู า่ ง)

วธิ กี ำรดดี ซึง
วิธกี ารดีดซึง มี 2 วิธี ได้แก่

1. การดีดท่ใี ชไ้ ม้ดีดปดั ลงขา้ งลา่ งอย่างเดียว ซึง่ เป็นการดีดแบบด้ังเดิม
2. การดดี ท่ีใช้ไม้ตีดีดปัดขนึ้ ลงสลบั กัน ซึง่ จะไดท้ ่วงทานองท่ไี พเราะไปอีกแบบหนึง่

๔. ชอ่ื ผทู้ ี่ถือปฏิบัติและผูส้ บื ทอด

๔.๑ ผ้ทู ถ่ี ือปฏบิ ัติ

ช่ือ นายเทพ สารศรี

วนั เดอื น ปเี กิด 29 พฤศจิกายน 2501

ที่อยู่ 30 หมู่ 9 ตาบลไมย้ า อาเภอพญาเม็งราย จงั หวัดเชยี งราย

หมายเลขโทรศัพท์ 094 971 8597

4.๒ ผู้สืบทอด

ชื่อ นายสมปราชญ์ ภิราษร

วนั เดอื น ปเี กิด -

ที่อยู่ ๑๑ หมู่ ๑๖ ตาบลดงมะดะ อาเภอแม่ลาว จังหวดั เชียงราย

หมายเลขโทรศัพท์ ๐๙๓ ๑๙๗ ๘๒๕๖

๕. สถำนะ กำรคงอยู่  ปฏิบตั ิอยา่ งแพร่หลาย  เสย่ี งตอ่ การสญู หาย  ไม่มีปฏิบตั ิแล้ว

-44-
๖. รปู ภำพภมู ิปญั ญำทำงวัฒนธรรม/กจิ กรรมทำงภูมปิ ัญญำทำงวฒั นธรรม

-45-

แบบสำรวจมรดกภมู ปิ ัญญำทำงวฒั นธรรมจังหวดั เชียงรำย ประจำปี ๒๕๖๕
สภำวฒั นธรรมจงั หวดั เชยี งรำย

อำเภอพญำเม็งรำย จงั หวดั เชียงรำย

๑. ช่ือข้อมูล การฟ้อนเลบ็

๒. ลกั ษณะ  วรรณกรรมพื้นบา้ นและภาษา
 ศลิ ปะการแสดง
 แนวปฏบิ ัตทิ างสังคมพธิ ีกรรม ประเพณี และเทศกาล
 อาหาร/ความรแู้ ละการปฏบิ ตั ิเกยี่ วกับธรรมชาตแิ ละจกั รวาล
 งานช่างฝมี อื ดัง้ เดิม
 การละเล่นพ้ืนบา้ น กีฬาพนื้ บา้ น และศิลปะการตอ่ สูป่ ้องกันตัว

๓. รำยละเอียดข้อมูล

๓.๑) ประวตั คิ วามเปน็ มาของข้อมูล
หม่บู ้านแม่ตากลาง แตเ่ ดิมมีศิลปะการแสดงอยหู่ ลายอยา่ ง เช่น วงป่ีพาทย์พนื้ เมอื ง การฟอ้ นสาวไหม
การฟ้อนเล็บ ตอ่ มาศลิ ปะการแสดงดังกลา่ วไมไ่ ด้มกี ารถา่ ยทอดและสบื ทอดรนุ่ ตอ่ รุน่ และเป็นไปค่อนขา้ งน้อย
ประกอบกบั เครื่องดนตรีบางอย่างมจี านวนลดลง มีโอกาสเส่ียงต่อการสูญหายไป หากไม่มีการส่งเสริม สืบสาน
และต่อยอดมรดกภมู ิปญั ญา ศลิ ปะการแสดงฟ้อนเลบ็ ท่ีมมี าด้ังเดิมโดยกลุ่มผสู้ ูงอายใุ นหมบู่ ้าน

๓.๒) ขนั้ ตอน/วธิ ีการ/ดาเนินการเกี่ยวกบั ข้อมลู
ขนั้ ตอนการจัดเตรียม
1. ประชาสมั พนั ธ์เชิญชวนผูท้ ่ีสนใจเขา้ รว่ มฝึกซ้อมการฟ้อนเล็บของหมบู่ ้าน
2. คดั คนเพอื่ ทาการฝึกสอนท่าราใหม้ ีความสวยงาม และพร้อมเพรยี งกนั
3. ฝึกสอนท่าราสม่าเสมอใหก้ บั คณะชา่ งฟ้อนทุกวนั
4. หากมีการติดตอ่ ว่าจ้างให้ไปฟ้อนออกงานตา่ ง ๆ ก็ไปฟ้อนให้กบั ทางเจ้าภาพท่ีติดต่อมา
5. เป็นการสร้างรายได้ สรา้ งความสามคั คีในหมคู่ ณะ เกดิ ประโยชนแ์ ละภาพลกั ษณท์ ดี่ ตี ่อหมู่บา้ น

๔. ช่ือผูท้ ่ีถือปฏิบัติและผู้สืบทอด

๔.๑ ผทู้ ี่ถือปฏบิ ัติ

ชื่อ นางชลิดา ก๋าสมุทร์

วนั เดือน ปเี กิด 10 กนั ยายน 2505

ทอี่ ยู่ 12 หมู่ 5 ตาบลแมต่ า อาเภอพญาเมง็ ราย จงั หวดั เชยี งราย

หมายเลขโทรศัพท์ 085 719 5416

๔.๒ ผู้สืบทอด

ชื่อ นางนงคราญ ทิศพรม, นางมัญชรี สุทา, นางดารนุ แก้วภริ มย์ ,

นางอาไพ ทิศพรม, นางเบญจมาส คุณบุราน, นางอรัญญา จันทร์แก้ว,

นางสาวหนง่ึ ฤทัย กา๋ แปง

วนั เดอื น ปีเกดิ -

ที่อยู่ หมู่ 5 ตาบลแมต่ า อาเภอพญาเมง็ ราย จงั หวัดเชยี งราย

หมายเลขโทรศัพท์ -

-46-

๕. สถำนะ กำรคงอยู่  ปฏบิ ัติอย่างแพร่หลาย  เสี่ยงตอ่ การสญู หาย  ไมม่ ปี ฏิบตั แิ ลว้
๖. รูปภำพภูมิปัญญำทำงวัฒนธรรม/กจิ กรรมทำงภูมปิ ัญญำทำงวัฒนธรรม

-47-

แบบสำรวจมรดกภมู ิปัญญำทำงวฒั นธรรมจงั หวดั เชยี งรำย ประจำปี ๒๕๖๕
สำนักงำนวฒั นธรรมจงั หวัดเชยี งรำย
อำเภอแม่จัน จงั หวัดเชียงรำย

๑. ช่ือข้อมลู การฟ้อนดาบ การฟ้อนเจิง

๒. ลักษณะ  วรรณกรรมพื้นบ้านและภาษา
 ศิลปะการแสดง

 แนวปฏิบัติทางสงั คมพธิ ีกรรม ประเพณี และเทศกาล

 อาหาร/ความรแู้ ละการปฏบิ ัตเิ ก่ยี วกับธรรมชาติและจักรวาล
 งานชา่ งฝีมือดัง้ เดิม

 การละเล่นพนื้ บ้าน กีฬาพ้นื บ้าน และศิลปะการต่อสูป่ ้องกนั ตัว

๓. รำยละเอียดขอ้ มลู

๓.๑) ประวัติความเปน็ มาของข้อมูล
การฟ้อนดาบ ฟ้อนเจิง นับเป็นการราอาวุธชนดิ หน่ึง คือการร่ายราด้วยเชิงดาบและมือเปล่าในท่าทาง
ต่าง ๆ ซึ่งมักจะแสดงออกในลีลาของนักรบ ซ่ึงท่าในการฟ้อนดาบ ฟ้อนเจิงน้ีมีหลายสิบท่า รวมทั้งใช้ดาบและ
มอื เปล่า สาหรับการใชด้ าบน้นั กใ็ ช้ตงั้ แตด่ าบเด่ียว ดาบคู่ และใช้ดาบ ๔ เล่ม ๘ เล่ม ๑๒ เลม่ ซ่งึ ผฟู้ ้อนจะต้องมี
ความสามารถเป็นพิเศษ และก่อนที่จะมีการฟ้อนดาบ ฟ้อนเจิง ก็ต้องมีการฟ้อนตบมะผาบเสียก่อน การฟ้อน
ตบมะผาบ เป็นการฟ้อนด้วยมือเปล่าที่ใช้ลีลาท่าทางย่ัวเย้าให้คู่ปรปักษ์บันดาลโทสะ ในสมัยก่อนการรบกันใช้
อาวุธสั้น เช่น ดาบ หอก แหลน เข้าโหมรันกัน โดยเหล่าทหารหาญจะราดาบเข้าประชันกันเป็นคู่ ๆ หรือเป็น
พวกๆ ใครมชี ้นั เชงิ ดีกช็ นะ ดว้ ยการราตบมะผาบในท่าทางตา่ ง ๆ โดยถือหลักว่าคนทม่ี โี ทสะจะขาดความยั้งคิด
และเมื่อนั้นย่อมจะเสียเปรียบคนท่ีใจเย็นว่า เม่ือมีการราตบมะผาบแล้ว ก็จะมีการฟ้อนดาบ ฟ้อนเจิงประกอบ
อกี ด้วย เม่อื เห็นวา่ มคี วามกล้าหาญพอแลว้ ก็เข้าปะทะกันได้ และการฟอ้ นดาบฟอ้ นเจิงนน้ั อาจจะใชม้ อื เปล่าได้
ในท่าทางตา่ ง ๆ ท่ตี ้องใชค้ วามรวดเรว็ ว่องไว การเกร็งกล้ามเน้ือทุกส่วนเป็นการปลกุ ตัวเองไปก่อนทีจ่ ะเรมิ่ ตอ่ ส้จู ริง ๆ
ฟอ้ นดาบ ฟ้อนเจงิ เป็นนาฏกรรมที่สะท้อนรปู แบบศลิ ปวัฒนธรรมอย่างหน่ึงของคนไทยทางภาคเหนือ
ทน่ี าเอาเร่ืองราวของศิลปะป้องกนั ตวั ซงึ่ เมอื่ คร้ังอดตี ผ้ชู ายชาวลา้ นนามักจะมีการแสวงหาเรียนรู้ “เจิง” เพอ่ื ใช้
เป็นเครื่องมือในการป้องกันภัยให้กับตัวเอง ด้วยรูปแบบและลีลาท่าทางในการแสดงออกที่มีทั้งความเข้มแข็ง
สง่างาม ที่ซ่อนเร้นชั้นเชงิ อันเป็นแม่ไม้เฉพาะตน ซ่ึงสลับท่าทาง ไปมา ยากในการที่จะทาความเข้าใจ การฟ้อน
ดาบฟอ้ นเจงิ เป็นศิลปะการฟ้อนที่แสดงให้เห็นถึงชั้นเชงิ ลลี าการตอ่ สู้ อนั เปน็ ภมู ิปัญญาของบรรพชนไทย มกี าร
ต่อสู้ทงั้ รุกและรบั หลอกลอ้ กนั อย่างสนุกสนาน ประลองไหวพริบปฏิภาณกัน เอาชนะกันอยา่ งมีช้ันเชิงใหเ้ กียรติ
ซ่งึ กนั และกนั ไม่ข่มเหงเอาเปรยี บกัน
สาหรบั การเรียนฟ้อนดาบ ฟ้อนเจงิ นัน้ ผูเ้ รียนต้องหาม้ือจันวนั ดี เปน็ วันอดุ มฤกษ์ ไปขอเรียนกับครูที่มี
ความสามารถ โดยต้องมีการข้ึนขันหรือ การจัดเครื่องคารวะ คือกรวยดอกไม้ธูปเทียน พลู หมาก ข้าวเปลือก
ข้าวสาร สุรา ผ้าขาว ผ้าแดง กล้วย อ้อย มะพร้าว และค่าครูตามกาหนด ครูบางท่านอาจเสี่ยงทายโดยให้ผู้จะ
สมัครเป็นศิษย์นาไก่ไปคนละตัว ครูเจิงคือผู้สอนฟ้อนเจิงจะขีดวงกลมท่ีลานบ้านแล้วเชือดคอไก่ และโยนลงใน
วงน้ัน หากไกข่ องผใู้ ดดิ้นออกไปตายนอกเขตวงกลม กค็ อื ว่าผีครไู มอ่ นญุ าตใหเ้ รียน และหากเรยี นจนสาเร็จแล้ว
ครูเจิง อนุญาตให้นาวิชาไปใช้ได้เรียกว่าปลดขันตั้ง โดยทาพิธียกขันต้ังคือพานเคร่ืองสักการะจากห้ิงผีครู แจก
ธูปเทยี นดอกไม้จากในพานให้แก่ศษิ ย์ เป็นเสร็จพิธี

-48-

กล่าวโดยสรุปวัฒนธรรมการฟ้อนดาบ ฟ้อนเจิง คือ ท่าทางที่ใช้ในการแสดงอย่างมีชั้นเชิง มีทั้งท่าทาง
ทเี่ ปน็ การรา่ ยราตามกระบวนท่าต่าง ๆ ตามแบบแผนที่แสดงออกถึงศิลปะในการต่อสู้ หรือเพ่ือใช้ในการแสดง
โดยท่ารามีทั้งท่ีเป็นหลักสากล หรือท่าราของแต่ละคนใช้ความสามารถในการแสดงเฉพาะตัว พลิกแพลง
ดัดแปลง ประยุกต์ให้ดูสวยงาม ทั้งนี้สามารถฟ้อนโดยปราศจากอาวุธ หรือประกอบอาวุธ เช่น หอก ดาบ และ
ไม้ค้อน เป็นต้น ทั้งหมดล้วนเป็นศิลปะของชาวล้านนาไม่ว่าจะใช้แสดงในงานบวช หรือประเพณีสาคัญต่าง ๆ
จงึ ควรคู่แกก่ ารอนุรักษไ์ วใ้ ห้กบั ลูกหลานได้เรียนรูแ้ ละสบื ทอดต่อไปอยา่ งยง่ั ยืน

๓.๒) ขัน้ ตอน/วิธีการ/ดาเนนิ การเก่ยี วกับขอ้ มูล
สอบถามผู้มีความรู้ ปราชญ์ชาวบ้าน และการแสดงทางศิลปวัฒนธรรม เป็นการนาเอาเรื่องราวของ
ศิลปะปอ้ งกันตวั ซ่ึงเม่ือครัง้ อดีตผู้ชายชาวล้านนามักจะมีการแสวงหาเรียนรู้ “เจิง” เพ่อื ใช้เป็นเคร่ืองมือในการ
ป้องกันภัยให้กับตัวเอง ด้วยรูปแบบและลีลาท่าทางในการแสดงออกที่มีทั้งความเข้มแข็ง ผสมผสานกับศิลปะ
การฟ้อนราอย่างลงตัว และการจัดการเรียนการสอนทางด้านนาฏศิลป์ให้กับเด็กและเยาวชน การแสดง
ศลิ ปวฒั นธรรมตลอดจนการบนั ทึกวดี ทิ ศั นเ์ ผยแพรก่ ารฟ้อนดาบ ฟอ้ นเจิง

๔. ช่อื ผทู้ ่ีถือปฏิบัติและผู้สบื ทอด

๔.๑ ผ้ทู ี่ถอื ปฏิบตั ิ

ชือ่ นายนครินทร์ ใจธรรม

วนั เดือน ปเี กิด -

ที่อยู่ 11 หมทู่ ี่ 6 ตาบลศรีค้า อาเภอแม่จนั จงั หวดั เชียงราย

หมายเลขโทรศัพท์ 087 193 4357

๔.๒ ผูส้ บื ทอด

ชือ่ นางสาวอ่อนศรี ใจธรรม

วัน เดือน ปีเกิด -

ทอ่ี ยู่ 151 หม่ทู ี่ 6 ตาบลศรีคา้ อาเภอแม่จนั จงั หวัดเชียงราย

หมายเลขโทรศัพท์ 086 915 3753

๕. สถำนะ กำรคงอยู่  ปฏิบตั อิ ย่างแพร่หลาย  เสี่ยงตอ่ การสญู หาย  ไม่มีปฏบิ ตั แิ ล้ว

๖. รปู ภำพภมู ปิ ัญญำทำงวัฒนธรรม/กิจกรรมทำงภูมิปัญญำทำงวฒั นธรรม

-49-

แบบสำรวจมรดกภมู ปิ ัญญำทำงวฒั นธรรมจังหวดั เชยี งรำยประจำปี ๒๕๖๕
สภำวฒั นธรรมจงั หวดั เชยี งรำย
อำเภอเวียงชัย จังหวดั เชียงรำย

๑. ชอื่ ข้อมูล การฟ้อนสาวไหม

๒. ลกั ษณะ  วรรณกรรมพืน้ บ้านและภาษา
 ศลิ ปะการแสดง

 แนวปฏิบัตทิ างสังคมพิธีกรรม ประเพณี และเทศกาล

 อาหาร/ความรู้และการปฏิบตั ิเกี่ยวกบั ธรรมชาติและจักรวาล

 งานชา่ งฝมี อื ดงั้ เดมิ
 การละเลน่ พ้ืนบา้ น กีฬาพ้ืนบา้ น และศิลปะการตอ่ สปู่ ้องกันตัว

๓. รายละเอยี ดขอ้ มลู

๓.๑ ประวตั ิความเปน็ มาของขอ้ มลู
ฟ้อนสาวไหมเป็นการแสดงพ้ืนเมืองเหนือท่ีมีความสวยงาม มีลักษณะพิเศษที่แตกต่างไปจากการฟ้อน

แบบอนื่ ๆ คือฟ้อนสาวไหมเปน็ แบบการฟ้อนทีเ่ ลียนมาจากการทางานในชีวิตประจาวันของคนพื้นเมือง ในการ
ปลูกฝ้าย ทอผ้า ตัดเย็บเป็นเส้ือผ้าเคร่ืองนุ่งห่ม ซ่ึงเป็นงานหัตถกรรม ที่ในท้องถ่ินท่ีทากันโดยทั่วไป ด้วยเหตุ

ทกี่ ารทางานในการปลูกฝา้ ย ป่ันฝา้ ย ทอผ้า ฯลฯ เปน็ ลกั ษณะการทางานที่มีข้นั ตอน และมกี ระบวนการทางาน
ท่ีต่อเนื่องกัน ท้ังการทางานน้ันก็มีลีลาท่าทางอันอ่อนช้อยละเอียดอ่อนละมุนละไม ดูแล้วเกิดความสวยงาม

ดังน้ัน จึงน่าจะมีผู้ท่ีมองเห็นกระบวนการทางานท่ีมีข้ันตอนต่อเนื่องและลีลาอันสวยงามของการป่ันฝ้าย
การทอผ้า ฯลฯ นามาประสมประสานความคิดในการทางานกับท่าฟ้อนราเข้าด้วยกัน เป็นการฟ้อนสาวไหม

ที่น่าชมได้ การฟ้อนสาวไหมเป็นการฟ้อนที่มีมานาน และเป็นลักษณะของการฟ้อนของพ้ืนเมืองเหนืออย่างแท้จริง
แต่เดิมการฟ้อนสาวไหมเป็นท่าการฟ้อนที่รวมอยู่กับการฟ้อนเจิง ต่อมาภายหลังจึงได้แยกการฟ้อนสาวไหม

ออกมาเป็นท่าการฟ้อนเฉพาะเรียกว่า ฟ้อนสาวไหม แต่เดิมนั้นใช้ผู้ชายเป็นผู้ฟ้อนและใช้ฟ้อนในงานปอย
แห่ครัวทาน ฯลฯ ต่อมาภายหลังจึงมีผู้หญิงเป็นผู้ฟ้อน ลักษณะท่าการฟ้อนใช้ท่าเดียวกับที่ผู้ชายใช้ฟ้อน

เป็นลักษณะการฟ้อนเดี่ยว จากการศึกษาพบว่าการฟ้อนสาวไหม ปรากฏอยู่สองแบบ คือ ฟ้อนสาวไหมในการ
ฟ้อนเชิงหรือร่ายราท่าต่อสู่ด้วยมือเปล่า ซ่ึงมีลีลากระบวนท่าท่ีแน่นอน และการฟ้อนสาวไหม ที่เป็นการฟ้อน

ของหญิงที่แสดงความเคลื่อนไหวในลีลาร่ายราที่นุ่มนวล มิได้ร้อนแรงเหมือนอย่างท่ีปรากฏในเชิงต่อสู้
ฟ้อนสาวไหมเป็นการฟ้อนท่ีประดิษฐ์ขึ้น โดยนายกุย สุภาวสิทธ์ิ ชาวอาเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่

ซ่ึงเรียนเชิงมาจากพ่อครูปวน ซึ่ง นายกุย สุภาวสิทธ์ิ ได้เป็นครูเชิง หรือผู้สอนฟ้อนเชิง คือการฟ้อนด้วยมือ

เปล่าของผู้ชายในลีลาร่ายลาในเชิงต่อสู้ ต่อมาประมาณ พ.ศ. ๒๔๙๕ “พ่อครูกุย” ได้ย้ายไปตั้งถ่านฐานที่อยู่
ละแวกวัดศรีทรายมูล ตาบลเวียง อาเภอเมือง จังหวัดเชียงราย และนายกุย สุภาวสิทธิ์ หรือ “พ่อครูกุย”

ได้ถา่ ยทอดการฟอ้ นให้แก่ธดิ า คอื แมค่ รูบวั เรียว (สุภาวสิทธิ)์ รตั นมณภี รณ์
ท้ังนี้ นางเรืองมูล จันทร์คา ได้เรียนรู้การฟ้อนสาวไหมจากแม่ครูบัวเรียว รัตนมณีภรณ์ ศิลปินแห่งชาติ

สาขาศิลปะการแสดง (การแสดงพ้ืนบา้ น – ชา่ งฟอ้ น) พทุ ธศักราช ๒๕๕๙

-50-

๓.๒ ขัน้ ตอน/วธิ ีการ/ดาเนนิ การเกี่ยวกับข้อมูล

การแสดงการฟ้อนสาวไหมสืบต่อมา จึงยังคงใช้ผู้ชายออกมาแสดงร่วมกันกับฝ่ายหญิงอยู่ บางโอกาสก็ใช้
แสดงเปน็ หญงิ เพียง ๑ คน และชายอีก ๑ คน บางคร้งั กใ็ ช้ผชู้ าย ๒ คน หญิง ๒ คน แลว้ แต่โอกาสความเหมาะสมกัน

กับการใชผ้ ู้แสดงเป็นหญงิ แค่เพียงคนเดยี วเหมือนของเก่าท่มี ีมา แตใ่ นระยะหลงั เม่ือการฟ้อนสาวไหมแพร่หลาย
มีผู้รู้จักมากข้ึน การแสดงทุกครั้งจะนิยมใช้ผู้แสดงเดี่ยวเป็นหญิงตลอดมา เนื่องด้วยสตรีมีความสวยงามและ

นมุ่ นวลกวา่ บุรุษ ส่วนชื่อนน้ั ใชช้ อื่ การฟอ้ นสาวไหมสืบตอ่ มา

๔. ชอ่ื ผ้ทู ่ีถอื ปฏิบตั แิ ละผสู้ ืบทอด

๔.๑ ผทู้ ่ีถอื ปฏบิ ตั ิ

ช่ือ นางเรอื งมลู จันทร์คา

วัน เดือน ปเี กดิ ๙ กนั ยายน ๒๔๙๒

ที่อยู่ ๘๔ หมู่ ๑๐ ตาบลผางาม อาเภอเวยี งชยั จังหวัดเชยี งราย

หมายเลขโทรศัพท์ -

๔.๒ ผู้สืบทอด

ช่ือ -

วัน เดือน ปีเกิด -

ทอ่ี ยู่ -

หมายเลขโทรศัพท์ -

๕. สถานะการคงอยู่  ปฏบิ ัตอิ ยา่ งแพรห่ ลาย  เส่ยี งต่อการสูญหาย  ไมม่ ีปฏบิ ตั แิ ลว้

๖. รูปภาพภูมปิ ัญญาทางวัฒนธรรม/กจิ กรรมทางภูมปิ ัญญาทางวฒั นธรรม

-51-

แบบสำรวจมรดกภมู ปิ ญั ญำทำงวฒั นธรรมจังหวัดเชยี งรำยประจำปี ๒๕๖๕
สภำวฒั นธรรมจังหวดั เชยี งรำย
อำเภอเวียงชัย จังหวัดเชียงรำย

๑. ช่ือข้อมลู ดนตรพี ้นื เมือง

๒. ลกั ษณะ  วรรณกรรมพืน้ บา้ นและภาษา
 ศลิ ปะการแสดง

 แนวปฏิบตั ทิ างสงั คมพธิ ีกรรม ประเพณี และเทศกาล
 อาหาร/ความรู้และการปฏบิ ตั ิเก่ยี วกบั ธรรมชาติและจกั รวาล

 งานชา่ งฝมี อื ดงั้ เดิม

 การละเลน่ พ้ืนบ้าน กีฬาพนื้ บา้ น และศิลปะการตอ่ สูป่ ้องกันตัว

๓. รายละเอยี ดข้อมูล

๓.๑) ประวตั ิความเปน็ มาของขอ้ มูล
วงดนตรีพื้นเมืองภาคเหนือ คือวงดนตรีที่คนในท้องถ่ินภาคเหนือได้คิดค้นจัดวงข้ึน ซ่ึงประกอบด้วย
เคร่ืองดนตรีในท้องถิ่นภาคเหนือเอง ได้แก่ กลองขนาดใหญ่ (กลองแอว) ฉาบ ฆ้องหุ่ย ป่ีจุม เป็นต้น นามาผสมวง
เพอ่ื ใช้บรรเลงประกอบการขับรอ้ งและประกอบการแสดงการฟ้อนตา่ ง ๆ ของภาคเหนอื เชน่ วงสะลอ้ ซอซงึ เป็นต้น

๓.๒) ขน้ั ตอน/วธิ ีการ/ดาเนินการเกี่ยวกบั ข้อมูล
ลักษณะเด่นของดนตรีพื้นบ้านภาคเหนือคือมีการนาเคร่ืองดนตรีประเภทดีด สี ตี และเป่า มาผสม
วงกัน สาเนียงและทานองเพลงมีความพลิ้วไหว อ่อนหวาน นุ่มนวลผสมผสานวัฒนธรรม จนกลายเป็นดนตรี
พื้นบ้านที่มีเอกลักษณ์เฉพาะถ่ิน เช่น วงสะลือ ซอซ้ึง วงสะลือ ซึงขลุ่ย วงกลองสะบัดชัย เป็นต้น เคร่ืองดนตรี
มีอยูห่ ลายชนดิ เชน่ พิณ สะลอื ซึง กลองปเู จก่ ลองสะบดั ชัย ตะโล้ดโปด๊ เปน็ ตน้

๔. ชื่อผ้ทู ี่ถอื ปฏิบัตแิ ละผสู้ บื ทอด
๔.๑ ผ้ทู ถ่ี ือปฏิบตั ิ
ชื่อ นายขอ้ น ต่อมใจ
วัน เดือน ปเี กิด 8 ตลุ าคม 2493
ทอี่ ยู่ 107 หมู่ 8 ตาบลผางาม อาเภอเวียงชยั จังหวดั เชยี งราย
หมายเลขโทรศัพท์ 096 482 4906
๔.๒ ผู้สบื ทอด
ชอ่ื นายคาปัน พทุ ธจันทร์
วัน เดือน ปีเกิด 15 เมษายน 2495
ทอี่ ยู่ 107 หมู่ 8 ตาบลผางาม อาเภอเวยี งชัย จังหวดั เชยี งราย
หมายเลขโทรศัพท์ -

๕. สถานะการคงอยู่  ปฏิบัตอิ ยา่ งแพร่หลาย  เสี่ยงต่อการสูญหาย  ไมม่ ีปฏบิ ตั ิแลว้

๖. รปู ภาพภูมปิ ัญญาทางวัฒนธรรม/กิจกรรมทางภูมปิ ัญญาทางวัฒนธรรม

-52-

แบบสำรวจมรดกภมู ปิ ญั ญำทำงวัฒนธรรมจงั หวัดเชยี งรำย ประจำปี ๒๕๖๕
สภำวัฒนธรรมจังหวดั เชยี งรำย
อำเภอเวยี งชัย จงั หวดั เชียงรำย

๑. ชื่อข้อมลู ฟอ้ นเล็บ การแสดงพน้ื บา้ น

๒. ลกั ษณะ  วรรณกรรมพ้นื บ้านและภาษา
 ศิลปะการแสดง
 แนวปฏิบตั ิทางสงั คมพิธีกรรม ประเพณี และเทศกาล
 อาหาร/ความร้แู ละการปฏิบัตเิ ก่ียวกบั ธรรมชาตแิ ละจกั รวาล
 งานชา่ งฝมี อื ด้งั เดมิ
 การละเลน่ พื้นบ้าน กีฬาพน้ื บ้าน และศิลปะการต่อส่ปู ้องกนั ตวั

๓. รำยละเอียดข้อมูล

๓.๑) ประวตั ิความเป็นมาของขอ้ มลู
ฟอ้ นเล็บเป็นศลิ ปะการแสดงทเี่ ปน็ เอกลักษณ์ทางภาคเหนือโดยเฉพาะ กระบวนทา่ ราเป็นลีลาท่าฟ้อน
ที่มีความงดงามเช่นเดียวกับฟ้อนเทียน แต่ไม่ถือเทียน นิยมฟ้อนในเวลากลางวัน สาหรับชื่อชุดการแสดงจะมี
ความหมายตามลกั ษณะของผู้แสดงทีจ่ ะสวมเล็บยาวสีทองทุกนิว้ ยกเว้นน้ิวหวั แม่มือ
นางศรีปว้ น วงค์จกั ร เป็นอกี ผหู้ นงึ่ ท่ีมคี วามรู้และสืบสานการแสดงฟ้อนเล็บ ซึ่งได้เรียนรู้มาจากพ่อครู
แมค่ รตู ั้งแต่สมยั วยั เยาว์ และไดส้ ืบสานเรอื่ ยมาจนถึงปัจจุบัน การฟอ้ นชนดิ นมี้ ีมาแต่ดั้งเดิม ซึ่งนิยมแสดงในงาน
มงคล เช่นงานวดั การฟอ้ นนาขบวนแหข่ องชาวบ้านท่จี ดั ขนึ้ เรียกว่า ครัวทาน” ซ่ึงประกอบด้วยเครอ่ื งอัฐบริขาร
(ต้ังแต่ไม้กวาด หม้อน้ายา และเงินทอง) เพราะประเพณีทางเหนือนั้นเม่ือพ้นการทานาแล้วชาว บ้านก็จะมุ่ง
ทาบญุ มีการบูรณะวดั เปน็ ต้น

๓.๒) ขั้นตอน/วิธีการ/ดาเนนิ การเกี่ยวกบั ข้อมูล
กำรแต่งกำย จะแตง่ กายแบบไทยชาวภาค เหนอื สมัยโบราณ นุ่งผา้ ซิ่นมีเชิงลายขวาง เส้ือคอกลมแขน

ยาว และห่มผ้าสไบเฉียงทับ เกล้าผมมวยสูงทัดดอกไม้และห้อยอุบะ และสวมเล็บยาวทั้ง 8 นิ้ว เว้นแต่
น้วิ หวั แม่มอื การแตง่ กายสมยั ก่อน ถา้ เป็นฟอ้ นธรรมดาของแต่ละหมู่บา้ น การแตง่ กายจะเป็น 2 ลักษณะคอื

1. ใส่เสื้อคอกลมแขนกระบอก เอวรูด ไม่ห่มผ้า ผ้าซิ่นจะเป็นแบบลายขวาง ต่อเอวดาตีนดา (ตีน คือ
เชงิ ผ้าของผา้ ซนิ่ )

2. ใส่เส้ือคอกลมแขนกระบอก เอวปล่อย ห่มผ้า ใส่สร้อย ผ้าซ่ินให้ใช้ผ้าตีนจกหรือผ้าทอ(การแต่งกาย
ในข้อนี้จะใช้แต่งในงานใหญ่และในคุ้มเจ้านาย)การแต่งกายจะเหมือนกันท้ังหมดหรือเหมือนกันเฉพาะคู่ก็ได้

ฟ้อนเล็บ แต่เดิมเรียก “ฟ้อนเล็บ” ด้วยเห็นว่าเปน็ การฟ้อนท่ีเป็นเอกลักษณ์ของ “คนเมือง” ซ่ึงหมายถึงคนใน
ถิ่นล้านนาท่ีมีเชื้อสายไทยวน และเน่ืองจากการเป็นการแสดงที่มักปรากฏ ในขบวนแห่ครัวทานของวัดจึงมีชื่อ

เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “ฟ้อนแห่ครัวทาน” ต่อมามีการสวมเล็บที่ทาด้วยทองเหลอื งทั้ง 8 นิ้ว (ยกเว้นนิ้วหัวแม่มือ)
จงึ ไดช้ ่อื ว่า “ฟอ้ นเลบ็ ”

ท่ำฟอ้ น การฟ้อนชนิดน้มี ีมาแตด่ ั้งเดมิ คณะศรทั ธาของแต่ละวัดมกั มีครฝู กึ สบื ทอดต่อกันมา เมือ่ ถงึ
ฤดูกาลทจ่ี ะมีงานปอยหลวง ซึ่งเปน็ งานฉลองศาสนสถาน มักมกี ารฝึกซ้อม เด็กสาวในหมู่บา้ นเพ่อื แสดงในงาน

ดังกลา่ วเสมอ โดยทีร่ ูปแบบกระบวนและลลี าทา่ ฟ้อนไม่ได้กาหนดตายตวั แต่ละครูหรอื แต่ละวัดอาจแตกตา่ ง

กนั ไป ในสมยั พระราชชายาเจา้ ดารารศั มี ได้มกี ารปรับปรุงและประดิษฐ์ทา่ ฟ้อนให้ดูอ่อนชอ้ ยงดงามยิ่งขนึ้ และ
บุคคล ผู้หนงึ่ ซึ่งเคยได้รบั การถา่ ยทอดจากคุม้ เจา้ หลวงได้แก่ ครสู มั พนั ธ์ โชตนา ในโอกาสทค่ี รูสมั พนั ธ์ไดเ้ ข้าไป

ถ่ายทอดศลิ ปะการฟอ้ นชนิดน้ีแก่วทิ ยาลยั นาฏศิลป์เชียงใหม่ ท่านได้กาหนดท่าฟ้อนไว้ 17 ท่าดงั น้ี

-53-

1. จีบส่งหลงั 7. กราย 13. กระต่ายตอ้ งแรว้

2. กลางอัมพร 8. ผาลาเพียงไหล่ 14. หยอ่ นมือ

3. บดิ บัวบาน 9. สอดสรอ้ ย 15. จีบคู่งอแขน

4. จบี สูงส่งหลงั 10. ยอดตอง 16. ตากปีก

5. บัวชฝู กั 11. กินนรรา 17. วันทาบวั บาน

6. สะบัดจีบ 12. พรหมสห่ี นา้

ทา่ ราต่าง ๆ ดังกลา่ ว อาจมีการเพ่ิมท่า ตัดตอน หรือลาดบั ทา่ ก่อนหลงั ตามท่ีครจู ะกาหนด

เครื่องแต่งกำย การแต่งกายแต่เดิมจะนุ่งผ้าซิ่น สวมเส้ือแขนยาวทรงกระบอกคอกลม หรือคอจีนผ่า

อก เกล้าผมมวยโดยขมวดมวยด้านท้ายทอย ทัดดอกไม้ประเภทดอกเอื้อง จาปา กระดังงา หางหงส์ หรือลีลา

วดี สวมเลบ็ ทง้ั แปดน้ิว ตอ่ มามีการ ดัดแปลงให้สวยงามโดยประดบั ลูกไม้ หรอื ระบายที่คอเส้ือ ห่มสไบเฉียงจาก

บ่าซ้ายไปเอวขวาทับด้วยสังวาล ติดเข็มกลัด สวมกาไลข้อมือ กาไลเท้า เกล้าผมแบบญ่ีปุ่น ทัดดอกไม้หรืออาจ

เพ่มิ อบุ ะหอ้ ยเพ่ือความสวยงาม

๔. ช่ือผทู้ ่ีถือปฏิบัตแิ ละผ้สู ืบทอด

๔.๑ ผู้ท่ถี ือปฏิบัติ

ชอ่ื นางศรปี ้วน วงค์จักร

วนั เดือน ปีเกดิ 17 กรกฎาคม 2497

ที่อยู่ 48 หม่ทู ี่ 7 ตาบลเวียงเหนือ อาเภอเวียงชยั จังหวดั เชียงราย

หมายเลขโทรศัพท์ 090 750 8763

๔.๒ ผู้สืบทอด

ชื่อ -

วัน เดือน ปีเกิด -

ท่ีอยู่ -

หมายเลขโทรศัพท์ -

๕. สถำนะ กำรคงอยู่  ปฏบิ ัติอย่างแพร่หลาย  เส่ยี งต่อการสูญหาย  ไมม่ ีปฏบิ ตั แิ ล้ว

๖. รปู ภำพภูมปิ ัญญำทำงวัฒนธรรม/กิจกรรมทำงภูมิปัญญำทำงวัฒนธรรม

-54-

แบบสำรวจมรดกภมู ิปญั ญำทำงวัฒนธรรมจังหวัดเชยี งรำย ประจำปี ๒๕๖๕
สภำวัฒนธรรมจงั หวัดเชยี งรำย
อำเภอแม่ลำว จังหวัดเชยี งรำย

๑. ช่ือข้อมูล ฟ้อนเลบ็

๒. ลักษณะ  วรรณกรรมพน้ื บ้านและภาษา
 ศลิ ปะการแสดง
 แนวปฏิบตั ิทางสังคมพิธีกรรม ประเพณี และเทศกาล
 อาหาร/ความรู้และการปฏบิ ตั ิเก่ยี วกบั ธรรมชาติและจกั รวาล
 งานช่างฝมี อื ดัง้ เดิม
 การละเล่นพน้ื บา้ น กีฬาพ้นื บา้ น และศิลปะการต่อสปู่ ้องกันตัว

๓. รำยละเอียดข้อมลู

๓.๑) ประวตั ิความเป็นมาของข้อมลู
ฟ้อนเล็บ เป็นศิลปะการแสดงท่ีเป็นเอกลักษณ์ทางภาคเหนือโดยเฉพาะ รูปแบบการฟ้อนมีอยู่ ๒ แบบ
คือแบบพื้นเมืองหรือฟ้อนเมือง และแบบคุ้มเจ้าหลวง กระบวนท่าราเป็นลีลาท่าฟ้อนท่ีมีความงดงา ม
เช่นเดียวกับฟ้อนเทียน เพลงแต่ไม่ถือเทียน นิยมฟ้อนในเวลากลางวัน สาหรับช่ือชุดการแสดงจะมีความหมาย
ตามลกั ษณะของผ้แู สดงที่จะสวมเล็บยาวสีทองทุกนว้ิ ยกเวน้ น้ิวหวั แม่มือ

๓.๒) ขน้ั ตอน/วิธีการ/ดาเนินการเกี่ยวกบั ขอ้ มลู
กำรแสดงฟ้อนเล็บ
ผแู้ สดงจะร่ายราตามทานองเพลงที่เช่ืองช้า ส่วนการใช้ทา่ ฟ้อนเล็บนนั้ ช่างฟอ้ นมักจะจาต่อ ๆ กนั มา เป็น
ท่าฟ้อนดั้งเดิมของชาวเหนือ คอื ท่าพายเรอื ท่าบัวบานบดิ และทา่ หย่อน ตอ่ มาเม่ือนาฏศลิ ป์ทางภาคกลางแพร่มาสู่
ภาคเหนอื การฟอ้ นเลบ็ กม็ ีการปรบั วธิ กี ารฟอ้ นให้เข้ากับทา่ ราแม่บท เพ่มิ ท่าราให้มากขนึ้ และแตกตา่ งกนั ไป
ดนตรฟี อ้ นเล็บ
เคร่ืองดนตรีที่ใช้ในการฟ้อนเป็นวงกลองต่ึงนง วงต๊กเส้ง หรือวงป่ีพาทย์ล้านนา (นิยิมใช้กับฟ้อนเล็บ
แมค่ รบู วั เรยี ว) ซง่ึ เปน็ ดนตรีของชาวภาคเหนือ ไดแ้ ก่ กลองแอว กลองตะโล้ดโป๊ด ฉาบ ฆอ้ งโหมง่ ใหญ่ ฆ้องโหม่งเล็ก
ฉิ่ง ป่ีแนหน้อย ป่ีแนหลวง แต่ถ้าเป็นวงต๊กเส้ง จะเพิ่ม ส้ิง มาด้วย เวลาดนตรีบรรเลงเสยี งปด่ี ังไพเราะเยือกเย็น
มาก ท่วงทานองเชอ่ื งชา้ เสียงกลองจะตีดัง ตก๊ สว่า ต่งึ นง อย่างนเ้ี รือ่ ยไป ส่วนชา่ งฟอ้ นก็จะฟอ้ นช้า ๆ ไปตาม
ลีลาของเพลง เพลงท่ใี ช้บรรเลงฟอ้ นเล็บจะแบง่ ตามท้องถ่นิ หลกั ของแต่ละทจ่ี ะใชเ้ พลงฟอ้ นเล็บตา่ งกัน ดังน้ี
๑. เพลงมอญเชียงแสน(เชียงแสนหลวง) เป็นเพลงทานองฟ้อนเลบ็ ของท้องถ่ินจังหวัดเชียงรายและพะเยา
๒. เพลงแม่ดาโปน เปน็ เพลงทานองฟอ้ นเล็บของท้องถิ่นจงั หวัดลาปาง
๓.เพลงแหยง่ เปน็ เพลงทานองฟอ้ นเลบ็ ของท้องถิ่นจงั หวดั เชยี งใหมแ่ ละลาพนู
ผแู้ สดง
ฟอ้ นแตล่ ะชดุ จะใช้จานวนคนแตกต่างกันไป นิยมกันมี ๔ คู่ ๖ คู่ ๘ คู่ หรอื ๑๐ คู่
กำรแตง่ กำย
แต่งกายแบบไทยชาวภาคเหนือสมัยโบราณ คือ เกล้าผมทัดดอกไม้และอุบะ นุ่งผ้าตามแบบชาวเหนือ
สวมเสื้อทรงกระบอกแขนยาว คอกลมห่มสไบเฉียง นุ่งผ้าซ่ินลายขวาง และ สวมเล็บมือยาว ๘ น้ิว เว้นแต่
นวิ้ หัวแม่มือ

-55-

๔. ชอ่ื ผทู้ ่ีถอื ปฏิบตั แิ ละผ้สู บื ทอด

๔.๑ ผทู้ ่ถี ือปฏบิ ัติ

ช่ือ นางมาลัย ทะรยิ ะ

วนั เดอื น ปีเกดิ -

ทีอ่ ยู่ ๒๑๘ หมู่ ๑๐ ซอย ๖ ตาบลป่าก่อดา อาเภอแม่ลาว จังหวัดเชยี งราย

หมายเลขโทรศัพท์ ๐๘๖ ๐๔๕ ๕๑๕๗

๔.๒ ผู้สืบทอด

ชอื่ ชมรมอนุรักษ์และสืบสานการแสดงนาฏศลิ ป์ อาเภอแมล่ าว

วัน เดอื น ปเี กิด -

ที่อยู่ ๒๑๘ หมู่ ๑๐ ซอย ๖ ตาบลป่าก่อดา อาเภอแมล่ าว จังหวดั เชยี งราย

หมายเลขโทรศัพท์ ๐๘๖ ๐๔๕ ๕๑๕๗

๕. สถำนะ กำรคงอยู่  ปฏบิ ัติอยา่ งแพรห่ ลาย  เสี่ยงต่อการสญู หาย  ไมม่ ีปฏบิ ตั ิแล้ว

๖. รปู ภำพภมู ปิ ัญญำทำงวัฒนธรรม/กจิ กรรมทำงภูมปิ ัญญำทำงวฒั นธรรม

การแสดงฟอ้ นเล็บ ในงานมรดกภูมิปญั ญาทางวฒั นธรรม

การแสดงฟ้อนเล็บในงานทอดผา้ ปา่ ชมรมอนรุ กั ษ์และสบื สานการแสดงนาฏศิลป์ อาเภอแม่ลาว

-56-

แบบสำรวจมรดกภมู ปิ ญั ญำทำงวัฒนธรรมจังหวดั เชียงรำย ประจำปี ๒๕๖๕
สภำวัฒนธรรมจงั หวัดเชยี งรำย
อำเภอขนุ ตำล จงั หวัดเชียงรำย

๑. ช่ือข้อมูล ฟ้อนมงิ่ ขวัญครี ีศรีขนุ ตาล

๒. ลักษณะ  วรรณกรรมพื้นบ้านและภาษา
 ศิลปะการแสดง
 แนวปฏิบัตทิ างสังคมพิธีกรรม ประเพณี และเทศกาล
 อาหาร/ความรแู้ ละการปฏิบัติเกย่ี วกบั ธรรมชาตแิ ละจักรวาล
 งานชา่ งฝมี ือดงั้ เดมิ
 การละเลน่ พน้ื บา้ น กีฬาพ้ืนบา้ น และศิลปะการตอ่ ส่ปู ้องกนั ตัว

3. รำยละเอียดขอ้ มูล

๓.๑) ประวัตคิ วามเปน็ มาของขอ้ มลู
เมื่อปี พ.ศ. 2561 ทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย จะจัดงานมหกรรมพัฒนาคุณภาพชีวิต
ผู้สูงอายุ ครั้งที่ 1 ข้ึน ณ สวนริมน้ากก อาเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย และมีการประกวดฟ้อนพื้นถิ่น
ทางโฮงเฮียนผู้สูงอายุเทศบาลตาบลป่าตาล และทีมงานจึงได้คิดว่า อาเภอขุนตาล ควรจะมีการฟ้อนพ้ืนถ่ิน
ที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง จึงได้ปรึกษาอาจารย์รัชนีกรณ์ เหล่าภักดี อาจารย์ประจาวิชานาฏศิลป์ โรงเรียน
ขุนตาลวิทยาคม มาฝึกสอนให้แก่คณะช่างฟ้อนนักเรียนโฮงเฮียนสูงวัยเทศบาลตาบลป่าตาล และนาส่งเข้า
ประกวดในงานดังกล่าว สามารถชนะใจคณะกรรมการและได้รับรางวัลชนะเลิศประเภทฟ้อนพ้ืนถิ่น ตั้งแต่
บัดน้ันเป็นต้นมา การฟ้อนมิ่งขวัญคีรีศรีขุนตาล จึงเป็นลิขสิทธิ์ของคณะช่างฟ้อนโฮงเฮียนสูงวัยเทศบาลตาบล
ป่าตาลและเปน็ การฟอ้ นทถ่ี ือว่าเปน็ เอกลกั ษณ์ประจาอาเภอขนุ ตาล ตงั้ แตบ่ ดั นนั้ เปน็ ต้นมา
การฟอ้ นม่งิ ขวญั คีรีศรขี นุ ตาลเป็นการฟ้อนท่ีเปน็ เอกลักษณข์ องอาเภอขุนตาล ซงึ่ เป็นการเลา่ ถงึ ประวัติ
อาเภอขุนตาลตามคาขวัญคือ “พระแสนแซ่คู่บ้าน พระธาตุขุนตาลคู่เมือง รอยพระบาทลือเล่ือง ขุนตาลเมือง
คนด”ี ในรปู แบบค่าวและลีลาฟ้อนแบบทางเหนือประกอบเพลงซึ่งเปน็ ลลี าการฟ้อนที่สวยงามแบบลา้ นนาและ
การอนุรักษ์วัฒนธรรมการแต่งกายตามวัฒนธรรมพ้ืนบ้านของอาเภอขุนตาล และข้าพเจ้าเป็นครูจิตอาสาของ
โรงเรียนผู้สูงวัยเทศบาลตาบลป่าตาลจึงใช้เป็นเอกลักษณ์ของโรงเรียนผู้สูงวัยเทศบาลตาบลป่าตาลและอาเภอ
ขุนตาล และเปน็ ตน้ แบบ สบื สาน สบื ทอด แก่อนชุ นรนุ่ ตอ่ รนุ่ คือ เดก็ นักเรียน กลมุ่ พัฒนาสตรแี ม่บา้ น
๓.๒) ข้นั ตอน/วธิ กี าร/ดาเนินการเก่ยี วกับขอ้ มูล
เทคนคิ และวิธีกำรทใ่ี ช้ในกำรสรำ้ งสรรคผ์ ลงำน
การสรา้ งจติ สานึกให้กลมุ่ ต่าง ๆ ให้มีต่อวัฒนธรรมทอ้ งถน่ิ โดยสอดแทรกการแสดงแบบลา้ นนาท้องถ่ิน
ในงานต่าง ๆ ของชุมชนที่มี เช่น งานทาบุญตามวัดต่าง ๆ งานประเพณีงานเทศกาลต่าง ๆ และให้กลุ่มพลังต่าง ๆ
มีโอกาสสัมผัส ฝึก ซ้อม ลอง อีกทัง้ จดั เวทใี หท้ ุกกลุ่มมีโอกาสแสดงออกระดบั อาเภอถึงวฒั นธรรมท้องถน่ิ ที่มีอยู่
เช่น การจัดมหกรรมรวมพลคนรักสุขภาพ การออกกาลังกายด้วยการฟ้อนเล็บ ราวงมาตรฐาน และจัดให้มีการ
ฟ้อนท้องถ่ินประจาตาบล การจัดงานสมโภชเฉลิมฉลองการข้ึนครองราชย์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
รัชกาลที่ 10 และประสานเทศบาลตาบลป่าตาล ส่งเสริมเป็นนวัตกรรมการออกกาลังกายเพ่ือสุขภาพประจา
ตาบลโดยมีการประชาสัมพันธ์ผ่านส่ือทางวิทยุกระจายเสียงท่ีข้าพเจ้าทาหน้าท่ีนักจัดการายวิทยุชุมชนเพื่อคน
ท้องถิ่นตาบลป่าตาล ผ่านสื่อ Application Line ผ่านกลุ่ม ต่าง ๆ เพื่อให้เกิดการซมึ ซับอยา่ งต่อเนือ่ งและสืบ
ทอดต่อไป

-57-

ข้ันตอนและกำรผลิตงำน
การฝึกซ้อมเป็นประจานามาเป็นนวัตกรรมในการออกกาลังกายเพ่ือสุขภาพ สมาชิกกลุ่มทุกคน
เพ่ือการผลิตผลงานทางวฒั นธรรมท้องถ่ินใหเ้ ป็นเอกลักษณ์ เป็นท่ีรู้จักและสืบสานตลอดไป และจากนั้นมีการ
ประสานกลุม่ สมาชกิ ปรึกษาหารือเทศบาลตาบลปา่ ตาลและหน่วยงานทเ่ี ก่ยี วข้องในการสร้างเครือข่ายเพ่ือให้มี
เวทีในการแสดงออกถึงวัฒนธรรมท้องถ่ิน เช่น การจัดงานต่าง ๆ ในชุมชน หน่วยงานต่าง ๆจัดข้ึนเพื่อเป็น
ช่องทางในการสรา้ งผลงาน เชน่ การจัดงาน OTOP นวตั วถิ ี การจัดงานมหกรรมของดีเมืองขนุ ตาล การจดั เวที
ถนนคนเดินเพลิดเพลินวัฒนธรรม การจัดงานประกาศพระพุทธศาสนาเปน็ ศาสนาหลักประจาจังหวัดเชยี งราย
คณุ คำ่ ประโยชน์และควำมสำคัญของงำน
คุณค่าของผลงานฟ้อนม่ิงขวัญคีรีศรีขุนตาล สามารถเชิดหน้าชูตาด้านวัฒนธรรมท้องถิ่นและเป็นท่ี
ยอมรับของทุกองค์กร จนเป็นเอกลักษณ์ประจาอาเภอขุนตาลและโรงเรียนผู้สูงวัยเทศบาลตาบลป่าตาล
ซ่ึงสามารถสร้างคุณค่าทางวัฒนธรรมเป็นอย่างมากและสรา้ งคุณค่าทางด้านจิตใจท่ีทาให้ประชาชนชาวขุนตาล
ต้องจารึก และเป็นการกระตุ้นจิตสานึกในการหวงแหนคุณค่าวฒั นธรรมท่ีมีอยู่ กลุ่มสมาชิกทุกคนต้องอนุรักษ์
สานตอ่ สบื ทอด แกอ่ นชุ นรนุ่ ต่อไป

๔. ช่ือผู้ที่ถอื ปฏิบตั ิและผู้สืบทอด

๔.๑ ผ้ทู ี่ถือปฏบิ ตั ิ

ชอ่ื โรงเรียนผู้สูงอายุเทศบาลตาบลปา่ ตาล

วนั เดือน ปเี กิด -

ทอ่ี ยู่ โรงเรียนผสู้ งู อายุเทศบาลตาบลป่าตาล อาเภอขนุ ตาล จงั หวัดเชียงราย

หมายเลขโทรศัพท์ -

๔.๒ ผูส้ ืบทอด

ช่อื โรงเรียนผูส้ งู อายเุ ทศบาลตาบลปา่ ตาล

วนั เดือน ปเี กิด -

ทีอ่ ยู่ โรงเรยี นผสู้ งู อายเุ ทศบาลตาบลป่าตาล อาเภอขนุ ตาล จังหวัดเชยี งราย

หมายเลขโทรศัพท์ -

๕. สถำนะ กำรคงอยู่  ปฏบิ ัติอย่างแพร่หลาย  เส่ยี งตอ่ การสูญหาย  ไม่มีปฏบิ ตั แิ ล้ว

๖. รูปภำพภูมิปัญญำทำงวัฒนธรรม/กจิ กรรมทำงภูมปิ ัญญำทำงวฒั นธรรม

-58-

-59-

แบบสำรวจมรดกภมู ปิ ญั ญำทำงวฒั นธรรมจังหวดั เชียงรำย ประจำปี ๒๕๖๕
สภำวฒั นธรรมจังหวดั เชยี งรำย
อำเภอแม่สำย จงั หวัดเชยี งรำย

๑. ชื่อข้อมูล ฟ้อนลา้ นนา

๒. ลักษณะ  วรรณกรรมพนื้ บ้านและภาษา
 ศิลปะการแสดง
 แนวปฏิบัติทางสงั คมพิธีกรรม ประเพณี และเทศกาล
 อาหาร/ความรูแ้ ละการปฏิบัติเกย่ี วกบั ธรรมชาตแิ ละจกั รวาล
 งานชา่ งฝมี อื ดั้งเดิม
 การละเลน่ พนื้ บา้ น กีฬาพืน้ บ้าน และศลิ ปะการตอ่ ส่ปู ้องกนั ตัว

3. รำยละเอียดข้อมลู

๓.๑) ประวตั ิความเป็นมาของขอ้ มลู
การฟ้อนและงานบุญของคนเมืองถือเป็นของคู่กัน ทุกคร้ังท่ีมีงานบุญหรืองานปอยก็มักจะต้องมี
การฟ้อน การฟ้อนเล็บถือกันว่าเป็นการฟ้อนเพ่ือทาบุญอย่างหนึ่ง ช่างฟ้อนส่วนใหญ่จะเป็นชาวบ้านในหมู่บ้านนั้น
หรอื เปน็ ศรัทธาของวัด เวลามีงานปอยทวี่ ัดก็จะมีการฟ้อนเล็บต้อนรับหัววัดต่าง ๆ ที่มาเข้ารว่ มขบวนแห่ครัวทาน
การฟ้อนราของคนในอดีตถือเป็นแม่แบบของการฟ้อนในปัจจุบัน ไม่ว่าเราจะเย้ืองกายไปทางไหนที่มี
งานบุญก็มักจะพบเห็นว่ามีการฟ้อนราอยู่เสมอ จนเดียวน้ีไม่ว่าจะเป็นโรงแรมต่าง ๆ หรือแม้แต่ตามศูนย์
วัฒนธรรมก็มักจะมีการฟ้อนราให้นักท่องเท่ียวได้ชมพร้อม ๆ กับการรับประทานอาหารแบบพื้นเมือง จนเรียก
ได้วา่ การฟ้อนราพื้นเมอื งถอื เปน็ หนา้ เปน็ ตาของบ้านเมืองไปแลว้
การรฟ้อนตามแบบฉบับของชาวล้านนามีเอกลกั ษณ์ อัตลักษณ์ ประจาถ่ิน กลา่ วคือ ถึงแม้การแสดงจะ
มีช่ือเดียว แต่ ลีลา ท่ารา การย่างก้าว ก็ไม่เหมือนกัน แม้แต่ดนตรี บรรเลง จังหวะ ท่างท่าการร่ายราก็ไม่
เหมอื นกนั เชน่ การฟ้อนเลบ็ ฟ้อนเทยี น ฟ้อนขันดอก แตล่ ะทีก็จะไมเ่ หมอื นกัน แตจ่ ะมีต้นแบบท่ไี ปในทศิ ทางเดยี วกนั
การแสดงล้านนามีมากมายหลายแบบท้ังแบบประยุกต์และแบบดั้งเดิม เช่น การฟ้อนเล็บ ฟ้อนเทียน
ฟอ้ นผางประทปี ฟ้อนแปน(ขนนกยงู ) เป็นต้น

๓.๒) ข้ันตอน/วิธกี ำร/ดำเนินกำรเก่ยี วกับข้อมูล
สอบถามจากปฏิบัตแิ ละผู้สืบทอด และค้นคว้าจากแหล่งข้อมลู อ่นื ๆ

๔. ชือ่ ผู้ที่ถอื ปฏิบตั แิ ละผ้สู บื ทอด

๔.๑ ผูท้ ่ีถือปฏิบตั ิ

ชอื่ นายณฐั พงศ์ คาบุญชู

วนั เดอื น ปเี กิด 23 ม.ิ ย. 2537

ทอี่ ยู่ 74 หมู่ 9 ตาบลแมส่ าย อาเภอแมส่ าย จงั หวดั เชยี งราย

หมายเลขโทรศัพท์

๔.๒ ผ้สู ืบทอด

ช่อื -

วนั เดือน ปเี กิด -

ทอ่ี ยู่ -

หมายเลขโทรศัพท์ -

-60-
๕. สถำนะ กำรคงอยู่  ปฏิบัตอิ ยา่ งแพร่หลาย  เส่ยี งตอ่ การสญู หาย  ไม่มปี ฏิบตั แิ ลว้
๖. รูปภำพภมู ปิ ัญญำทำงวัฒนธรรม/กจิ กรรมทำงภูมปิ ัญญำทำงวัฒนธรรม

-61-

แบบสำรวจมรดกภมู ปิ ญั ญำทำงวฒั นธรรมจังหวัดเชียงรำย ประจำปี ๒๕๖๕
สภำวัฒนธรรมจงั หวดั เชยี งรำย

อำเภอพญำเม็งรำย จังหวัดเชียงรำย

๑. ช่ือข้อมลู ฟ้อนศลิ ามณี

๒. ลกั ษณะ  วรรณกรรมพื้นบ้านและภาษา

 ศลิ ปะการแสดง
 แนวปฏบิ ตั ิทางสงั คมพธิ ีกรรม ประเพณี และเทศกาล
 อาหาร/ความรแู้ ละการปฏิบตั เิ ก่ยี วกับธรรมชาติและจักรวาล
 งานช่างฝีมือดง้ั เดิม
 การละเล่นพืน้ บ้าน กีฬาพ้ืนบา้ น และศิลปะการตอ่ สูป่ ้องกนั ตวั

๓. รำยละเอียดขอ้ มลู

๓.๑) ประวัตคิ วามเป็นมาของข้อมูล

“กำรฟ้อนศิลำมณี” เป็นศิลปะการฟ้อนแบบประยุกต์ (ฟ้อนท่ีประดิษฐ์ขึ้นในระยะหลัง)
เม่ือศิลปะวัฒนธรรมท้องถิ่นเร่ิมเป็นท่ีสนใจของคนท่ัวไปแล้ว ก็ได้มีผู้ประดิษฐ์ท่าฟ้อนราข้ึนมาอีกหลายท่า

หลายแบบ โดยมักนาเอาการฟ้อนประยุกต์น้ีมาฟ้อนในงานมงคล เช่น แห่ครัวตานเข้าวัด คาดว่าอาจจะรับ
อิทธิพลมาจากภาคอีสาน ภาคกลางบ้าง หรือภาคใต้ก็ดี บ้างก็คิดเอง ขอเพียงดนตรีท่ีมีจังหวะ ก็สามารถได้ท่า

ฟ้อนในขบวนแห่ครัวตาน เช่น การฟ้อนภูไท ฟ้อนชาวเขา เซ้ิง ฟ้อนประยุกต์ เป็นต้น การฟ้อนประยุกต์ได้รับ
ความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน และพบว่ามีหลายกระบวนท่าฟ้อนมาก เช่น ฟ้อนหริภุญชัย ฟ้อนร่ม ฟ้อน

เก็บใบชาสูบ ฟ้อนยอง ฟ้อนศิลามณี ฟ้อนผางประทีป ฟ้อนล่องแม่ปิง ฟ้อนเชียงแสน ฟ้อนล่องน่าน ฟ้อนน่าน

นันทบุรี ฟ้อนวี (ฟ้อนพัด) ฟ้อนขันดอก ฟ้อนร่มฟ้าไทย-ยวน (ฟ้อนร่มฟ้าล้านนา หรือฟ้อนยวนสาวไหม) ฟ้อน
ขันส้มป่อย เป็นตน้

“กำรฟ้อนศิลำมณี” เป็นศิลปะที่งดงามอันบ่งบอกถึงเอกลักษณ์ของ “คนเมือง” อันหมายถึง ผู้คน
ในถ่นิ ล้านนาและการแสดงนนั้ มกั จะปรากฏในขวบนแห่ครวั ตานเขา้ วดั จึงมีชอื่ เรียกอกี ชอื่ หนึง่ ว่า “ฟ้อนแห่ครัว

ตาน” ต่อมามีการสวมเล็บท่ีทาด้วยทองเหลืองทั้ง 8 น้ิว (ยกเว้นน้ิวหัวแม่มือ 2 ข้าง) จึงได้ชื่อว่า “ฟ้อนเล็บ”
ท่าฟ้อนการฟ้อนชนิดน้ีมีมาต้ังแต่เดิม คณะศรัทธาของแต่ละวัดมักมีครูฝึกสอนสืบทอดต่อกันมา เมื่อถึงฤดูกาล

ที่จะมีงานปอยหลวง (งานทาบุญใหญ่) ซึ่งเป็นงานเฉลิมฉลองศาสนสถาน มักจะมีการฝึกซ้อมท่าฟ้อน เด็กและ
เยาวชนในหมู่บ้าน เพ่ือจะฟ้อนแสดงในงานปอยหลวงประจาปี โดยรูปแบบกระบวนและลีลาท่าฟ้อนไม่ได้

กาหนดตายตวั ไดม้ กี ารปรบั ปรุงและประดษิ ฐท์ ่าฟอ้ นใหด้ อู ่อนชอ้ ย งดงามย่ิงขน้ึ
การแต่งกายในการฟ้อนแต่เดิมจะนุ่งผ้าซ่ิน สวมเส้ือแขนยาวทรงกระบอก คอกลม หรือคอจีนผ่าอก

เกล้าผมมวย โดยขมวดมวยด้านท้ายทอย ทัดดอกไม้ประเภทดอกเอื้อง จาปา กระดังงา หางหงส์ หรือลีลาวดี
สวมเล็บทั้ง 8 น้ิว ต่อมามีการดัดแปลงให้สวยงามโดยประดับลูกไม้ หรือระบายท่ีคอเส้ือ ห่มสไบเฉียงจากบ่า

ซา้ ยไปเอวขวาทบั ดว้ ยสายสร้อยสังวาล ติดเขม็ กลัด สวมกาไลข้อมือ กาไลเท้า เกล้าผมแบบญปี่ ุน่ ทัดดอกไม้
เอกลักษณ์และจุดเด่นของการฟ้อนศิลามณี คือ ท่าฟ้อนและการแต่งกาย เครื่องดนตรีและเพลง

ประกอบการฟ้อน ที่มีความไพเราะ อ่อนหวาน โอกาสท่ีจะแสดงในงานเทศกาลหรืองานประเพณี ซ่ึงเป็นการ
แสดงท่ีอ่อนช้อยงดงามตามแบบฉบับของคนไทยภาคเหนือโดยแท้ ควรท่ีจะต้องอนุรักษ์ ส่งเสริม รักษาและ

ต่อยอดใหม้ กี ารถา่ ยทอดศลิ ปะการแสดงที่มาจากภูมิปัญญาทางวฒั นธรรมของคนไทยมิให้เสื่อมหายไป
กลุ่มแม่บ้านพัฒนาสตรีบ้านไม้ยา หมู่ 2 ได้เร่ิมฝึกการสอนท่าฟ้อนศิลามณีให้กับผู้ที่สนใจ ในปี

พ.ศ.2540 เป็นต้นมา จนถงึ ปจั จบุ นั

-62-

๓.๒) ข้นั ตอน/วิธกี าร/ดาเนินการเกี่ยวกับข้อมลู
- ศึกษาข้อมลู
- สารวจข้อมูล
- ลงพนื้ ที่ สัมภาษณ์
- บนั ทึกข้อมูล จดั ทารายงานสรุป

๔. ชอ่ื ผทู้ ่ีถอื ปฏิบัติและผู้สืบทอด
๔.๑ ผทู้ ถ่ี อื ปฏิบตั ิ
ชื่อ นางลาพงึ มณีสวุ รรณ
วัน เดือน ปีเกิด 5 เมษายน 2520
ทอ่ี ยู่ 24 หมู่ 2 ตาบลไม้ยา อาเภอพญาเม็งราย จงั หวดั เชียงราย
หมายเลขโทรศัพท์ 082 181 0967
๔.๒ ผู้สืบทอด
(๑) ชอ่ื นางนงลกั ษณ์ ลักคณะ
วัน เดือน ปเี กิด 7 สิงหาคม 2513
ท่ีอยู่ 246 หมู่ 2 ตาบลไม้ยา อาเภอพญาเมง็ ราย จงั หวัดเชยี งราย
หมายเลขโทรศัพท์ 082 257 1815
(๒) ชอ่ื นางเรณุกา กองเงิน
วัน เดอื น ปีเกดิ 29 พฤศจิกายน 2510
ทอ่ี ยู่ 132 หมู่ 2 ตาบลไม้ยา อาเภอพญาเมง็ ราย จงั หวัดเชียงราย
หมายเลขโทรศัพท์ 086 911 6142
(๓) ช่ือ กลุม่ พฒั นาสตรีบ้านไม้ยา หมู่ 2
วัน เดือน ปีเกิด -
ที่อยู่ หมู่ 2 ตาบลไมย้ า อาเภอพญาเม็งราย จงั หวัดเชียงราย
หมายเลขโทรศัพท์ -

๕. สถำนะ กำรคงอยู่  ปฏิบตั ิอยา่ งแพรห่ ลาย  เสยี่ งตอ่ การสูญหาย  ไม่มปี ฏบิ ตั ิแลว้

๖. รปู ภำพภมู ิปัญญำทำงวัฒนธรรม/กิจกรรม

-63-

แบบสำรวจมรดกภมู ิปญั ญำทำงวัฒนธรรมจังหวัดเชยี งรำย ประจำปี ๒๕๖๕
สภำวฒั นธรรมจังหวัดเชยี งรำย

อำเภอพญำเม็งรำย จงั หวัดเชยี งรำย

๑. ชื่อข้อมูล ฟ้อนสาวไหม

๒. ลกั ษณะ  วรรณกรรมพ้ืนบ้านและภาษา
 ศลิ ปะการแสดง
 แนวปฏบิ ตั ิทางสงั คมพธิ ีกรรม ประเพณี และเทศกาล
 อาหาร/ความรู้และการปฏิบตั ิเก่ียวกบั ธรรมชาตแิ ละจกั รวาล
 งานชา่ งฝมี ือด้ังเดมิ
 การละเล่นพน้ื บ้าน กีฬาพ้นื บา้ น และศิลปะการตอ่ ส่ปู ้องกันตวั

๓. รำยละเอียดขอ้ มูล

๓.๑) ประวัติความเปน็ มาของขอ้ มูล
ศิลปะการแสดงพื้นเมืองของภาคเหนือ เป็นศิลปะการรา และการละเล่น หรือท่ีนิยมเรียกกันท่ัวไปว่า
“ฟ้อน” การฟ้อนจดั เป็นวัฒนธรรมที่บง่ บอกถงึ พฤติกรรม การกระทาทเ่ี กิดจากความคิด ความเชื่อ ซงึ่ การฟ้อน
ราจะเป็นการแสดงออกดว้ ยทา่ ทางตา่ ง ๆ ท่ีเกิดขน้ึ โดยธรรมชาติ หรือไดร้ ับการปรุงแตง่ สาหรับศลิ ปะการฟ้อน
ราของล้านนาเป็นวัฒนธรรมพื้นบ้านที่มีมาแต่ในอดีต โดยสืบทอดมาจากบรรพบุรุษในยุคต้นๆ และลักษณะ
ทา่ ทางทฟ่ี อ้ นออกมาจะแตกต่างกนั ออกไปตามเผา่ พนั ธุแ์ ละความเช่ือในกลุ่มชนตา่ ง ๆ
“ฟ้อนสาวไหม” เป็นศิลปะการฟ้อนราประเภทหนึ่งของชาวล้านนา จัดเป็นหนึ่งในห้าภูมิปัญญา
ที่สาคัญในด้านศิลปะการแสดงของจังหวัดเชียงราย เป็นการแสดงพ้ืนเมืองท่ีมีความงดงาม อ่อนช้อย โดยมี
ลักษณะที่แตกต่างจากการฟ้อนประเภทอ่ืน ๆ และมพี ฒั นาการทาง รปู แบบมาจากการมาจากฟ้อนเจิง โดยพ่อ
ครูกุย สุภาวสิทธิ์ และแม่ครูบัวเรียว ได้ฝึกและพัฒนาการฟ้อนมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งลักษณะเด่นที่แตกต่างจาก
การฟ้อนรูปแบบอื่น ๆ คือ เป็นการฟ้อนท่ีเลียนแบบจากการทางานในชีวิตประจาวันของคนพื้นเมืองในการ
ปลูกฝ้าย ทอผ้า ท่าฟ้อนสาวไหม แสดงถึงความอ่อนช้อย สวยงาม ละเมียดละไม จนสามารถจิตนาการเห็น
เคร่อื งปนั่ ฝ้าย การดึงฝ้ายแตล่ ะเส้นๆ เหน็ เปน็ ข้ันตอนต้งั แต่การเกบ็ ฝ้าย ป่นั ฝ้าย จนกระทัง่ ถกั ทอฝา้ ยเปน็ ผนื
การฟ้อนสาวไหม เป็นการฟ้อนที่มีมานาน และเป็นลักษณะของการฟ้อนของพ้ืนเมืองเหนืออย่าง
แท้จริง แต่เดิมการฟ้อนสาวไหมเป็นท่าการฟ้อนที่รวมอยู่กับการฟ้อนเจิง ซึ่งอยู่ในชุดเดียวกับการฟ้อนดาบ
ต่อมาจึงได้แยกการฟ้อนสาวไหมออกมาเป็นท่าการฟ้อนเฉพาะเรียกว่า ฟ้อนสาวไหม และแต่เดิมนั้นใช้ผู้ชาย
เป็นผู้ฟ้อน ภายหลังจึงมีผู้หญิงเป็นผู้ฟ้อน โดยลักษณะการฟ้อนสาวไหม ปรากฏอยู่สองแบบ คือ
ฟ้อนสาวไหมในการฟ้อนเชิงหรือร่ายรา ท่าต่อสู้ด้วยมือเปล่า ซ่ึงมีลีลากระบวนท่าท่ีแน่นอนและการฟ้อนสาว
ไหม ท่ีเป็นการฟ้อนของหญิงที่แสดงความเคล่ือนไหวในลีลาร่ายราท่ีนุ่มนวล และการฟ้อนสาวไหมท่ีนิยมกัน
ทุกวันนี้ ได้ต้นแบบมาจากนางบัวเรียว รัตนมณีกรณ์ (สุภาวสิทธ์ิ) ท่ีได้รับการถ่ายทอดการฟ้อนสาวไหมมาจาก
นายกยุ สุภาวสิทธ์ิ ผูเ้ ปน็ บดิ า ที่เรียกฟอ้ นเชงิ ว่า ฟ้อนสาวไหม ประกอบดว้ ยเหตุผล 3 ประการ ดังน้ี
ประการที่ 1 คนเมือง หรือคนภาคเหนือ เรียกดา้ ยเย็บผา้ ว่า “ไหมเย็บผ้า”
ประการที่ 2 คาว่า “สาวไหม” เปน็ กระบวนทา่ หนง่ึ ในการฟ้อนเชงิ ของชาวล้านนา
ประการที่ 3 เพอ่ื ความสวยงามตามรปู ภาษา โดยคาวา่ ฟ้อนสาวไหม มีความสวยงามมากกว่าคาว่า

ฟอ้ นสาวฝ้าย หรือฟ้อนปนั่ ฝ้าย

-64-

ปัจจุบันการฟ้อนสาวไหมเป็นศิลปะการแสดงท่ีมีลีลางดงาม จึงมีผู้ท่ีเริ่มให้ความสนใจมากขึ้น แม่เกียง
สาริวงค์ เป็นบคุ คลที่ถอื ได้วา่ เป็นแบบอย่างท่ีนาการฟ้อนสาวไหมมาจากตน้ แบบของแม่ครบู วั เรียว มาเผยแพร่
และถ่ายทอดให้กับบุคคลที่สนใจจะฝึกสอน โดยแม่เกียง สาริวงค์ เป็นคนที่ย้ายมาจากบ้านป่าบง ตาบลยางฮอม
อาเภอขุนตาล จังหวัดเชียงราย ปัจจุบันย้ายมาอยู่ที่บ้านห้วยก้าง เมื่อปีพ.ศ. 2514 ในขณะน้ันแม่เกียง สาริวงค์
มีพ่อครูที่คอยฝึกสอนท่าฟ้อน ชื่อ พ่อหน้อยยืน (ไม่ทราบนามสกุล) โดยแม่เกียงได้ตั้งใจฝึกซ้อมท่าฟ้อนราจาก
พอ่ ครูมาตั้งแต่อายุ 15 ปี จนถึงปจั จบุ ัน เพื่อต้องการถ่ายทอดมรดกภูมิปัญญาศลิ ปะการแสดงให้กับคนรุ่นใหม่
ไดเ้ รียนรู้ สืบทอดและต่อยอดให้คงอย่เู ป็นวัฒนธรรมประจาชาตติ ลอดไป ไมใ่ หส้ ูญหาย

๓.๒) ขัน้ ตอน/วธิ ีการ/ดาเนนิ การเก่ยี วกบั ข้อมูล
1. ศกึ ษาข้อมลู
2. สารวจพ้นื ท่ี
3. ลงพนื้ ท่ี สงั เกตการณแ์ ละสมั ภาษณ์
4. บนั ทกึ ขอ้ มลู และจดั ทารายงาน

๔. ช่อื ผู้ที่ถือปฏิบัตแิ ละผู้สบื ทอด

๔.๑ ผ้ทู ่ีถือปฏิบัติ

ช่อื นางเกียงคา สาริวงค์

วนั เดือน ปีเกดิ 24 สงิ หาคม 2510

ทีอ่ ยู่ 59 หมู่ 5 ตาบลไม้ยา อาเภอพญาเม็งราย จังหวัดเชียงราย

หมายเลขโทรศัพท์ 087 749 1619

๔.๒ ผสู้ บื ทอด

ช่ือ นางสาวณัฐชา สาริวงค์

วนั เดือน ปีเกดิ 25 มนี าคม 2547

ที่อยู่ 24 หมู่ 17 ตาบลไมย้ า อาเภอพญาเม็งราย จงั หวดั เชยี งราย

หมายเลขโทรศัพท์ 081 638 5721

๕. สถำนะ กำรคงอยู่  ปฏบิ ัตอิ ย่างแพรห่ ลาย  เส่ยี งต่อการสญู หาย  ไม่มีปฏบิ ัตแิ ล้ว

๖. รปู ภำพภูมิปัญญำทำงวัฒนธรรม/กิจกรรมทำงภูมปิ ัญญำทำงวัฒนธรรม

-65-

แบบสำรวจมรดกภมู ปิ ัญญำทำงวัฒนธรรมจงั หวดั เชยี งรำย ประจำปี ๒๕๖๕
สภำวฒั นธรรมจังหวัดเชยี งรำย
อำเภอเวยี งชัย จังหวัดเชยี งรำย

๑. ช่ือข้อมูล ภมู ิปญั ญาด้านนาฎศิลป์ การตีระนาด

๒. ลักษณะ  วรรณกรรมพ้ืนบา้ นและภาษา
 ศิลปะการแสดง

 แนวปฏิบัติทางสงั คมพธิ ีกรรม ประเพณี และเทศกาล
 อาหาร/ความรแู้ ละการปฏิบัติเกีย่ วกับธรรมชาตแิ ละจักรวาล

 งานช่างฝมี อื ดงั้ เดิม
 การละเลน่ พน้ื บา้ น กีฬาพืน้ บ้าน และศิลปะการต่อสปู่ ้องกนั ตวั

๓. รำยละเอียดข้อมูล
๓.๑) ประวตั คิ วามเป็นมาของขอ้ มูล
นายอ้าย ธรรมใจ เกิดเมื่อวันท่ี 30 พฤศจิกายน 2486 ปัจจุบัน อายุ 78 ปี เป็นบุตร นายเงิน –

นางนา ธรรมใจ อาศยั อยบู่ า้ นเลขที่ 67 หมูท่ ี่ 7 บ้านสันมว่ งคา ตาบลดอนศลิ า อาเภอเวียงชยั จังหวดั เชยี งราย
ประกอบอาชพี เกษตรกรรม เปน็ ผูม้ คี วามรู้ความสามารถในการเลน่ ดนตรีไทย โดยเฉพาะการตีระนาดเอก

นายอ้าย ธรรมใจ เป็นผู้สูงอายุท่ีมีความสามารถในการเล่นเคร่ืองดนตรีไทยและดนตรีพ้ืนเมืองหลาย
ประเภท และยังมีความสามารถในการประดิษฐ์เครื่องดนตรีต่าง ๆ แต่ที่มีความชานาญเป็นพิเศษคือ การตี
ระนาดเอก และระนาดที่ใช้อยู่ในปจั จบุ นั นายอ้าย ธรรมใจ กเ็ ปน็ ผู้ประดิษฐเ์ อง อีกทงั้ ยังเปน็ ผูร้ ิเริม่ ในการตั้งวง
ดนตรีในหมู่บ้าน มีการซ้อมอย่างต่อเน่ืองจนสามารถไปแสดงในงานต่าง ๆ ท้ังในตาบลและ นอกสถานที่ การ
ถ่ายทอดภูมิปัญญาด้านการตีระนาดของ นายอ้าย ธรรมใจ ให้แก่เด็กในพื้นที่ เป็นการถ่ายทอดด้วยจิตของครู
ระนาดทไี่ ม่หวงวิชา เพราะตอ้ งการให้เดก็ รนุ่ หลังสามารถตรี ะนาด และเลน่ เครื่องดนตรชี นดิ ต่างๆ ได้

๓.๒) ขน้ั ตอน/วิธีการ/ดาเนินการเก่ียวกับข้อมลู
กำรตรี ะนำด วิธกี ำรถำ่ ยทอดโดยสงั เขป
1. ทำควำมรจู้ ักระนำด
ระนาด เป็นเคร่ืองดนตรีไทยชนิดหน่ึง จัดเป็นเครื่องดนตรีชนิดเคร่ืองตี ประกอบด้วยลูกระนาด
ร้อยด้วยเชือก เรียกว่า “ผืน” แขวนไว้กับ ราง ซึ่งทาหน้าท่ีรองรับลูกระนาด (แขวนลอยไม่ได้วางรายกับราง)
และทาหน้าท่ีเป็นกลอ่ งเสยี งดว้ ย ผู้เล่นจะใชไ้ ม้ตรีจานวน 2 อนั สาหรบั ตีลูกระนาดให้เกิดเป็นทว่ งทานอง
ลูกระนาด ทาด้วยไม้ไผ่บงหรือไหมแก่น ไม้ชิงชัน ไม้มะหาด ไม้พยุงก็ได้ โดยนามาเหลาให้ได้
ตามขนาดที่ต้องการ แล้วทารางเพื่ออุ้มเสียงเป็นรูปคล้ายนาเรือ ให้หัวและท้ายโค้งข้ึนเรียกว่า รางระนาด
แผ่นไมท้ ปี่ ดิ หวั ท้ายรางระนาด เราเรยี กว่า “โขน”
ระนาดเอกในปัจจุบันมีจานวน 21 ลูก ลูกต้นมีขนาด 39 เซนติเมตร กว้างราว 5 เซนติเมตร
และหนา 1.5 เซนตเิ มตร มีขนาดลดหลั่นลงไปจนถึงลูกที่ 21 หรือลกู ยอดท่ีมีขนาด 29 เซนติเมตร เม่ือนา ผืน
ระนาดมาแขวนบนรางแลว้ หากวัดจากโขนหวั รางข้างหน่ึงไปยังโขนหัวรางอีกข้างหนึ่ง จะมีความยาวประมาณ
120 เซนตเิ มตร มเี ท้ารอง รางเปน็ เทา้ เดี่ยว รูปคลา้ ยกบั พานแวน่ ฟา้

-66-

2. สว่ นประกอบของระนำด สงู
2.1. รางระนาด
2.2. ผืนระนาด
2.3. ไม้ตีระนาด

3. ระดับเสยี งระนำด

ตา่

4. วธิ กี ำรตีระนำด
4.1 ตสี องมอื พร้อมกันเป็นคู่ต่าง ๆ
4.2 ตีฉาก คือ วิธกี ารตีให้มือทัง้ สองข้างพร้อมกนั และได้น้าหนกั ประมาณกนั
4.3 ตเี กบ็ คู่แปด คือ การตี 2 มือ พร้อมกนั เปน็ คู่ 8 อาจเปน็ หรือไม่เป็นทานองก็ได้
4.4 ตกี รอ คือ การตีคู่ตา่ ง ๆ สองมอื สลับกัน ดว้ ยนา้ หนักสองมือประมาณกนั
4.5 ตสี ะเดาะ คือ การตีคู่ 8 สามครง้ั หา่ งกันโดยเร็ว ไหเ้ สยี งเคล่อื นท่ีเปน็ ค่เู สยี งตา่ ง ๆ
4.6 ตีสะบดั คอื การตีคู่ 8 สามครั้ง ห่างกนั โดยเร็ว ใหเ้ สยี งเคล่อื นท่ีเปน็ ค่เู สยี งตา่ ง ๆ
4.7 ตีขยี้ คือ การตีเสียงให้ถี่กว่าตเี ก็บเป็นสองเทา่

๔. ชือ่ ผ้ทู ี่ถือปฏิบตั แิ ละผู้สืบทอด

๔.๑ ผทู้ ีถ่ ือปฏบิ ตั ิ

ช่อื นายอ้าย ธรรมใจ

วนั เดอื น ปเี กดิ 30 พฤศจิกายน 2486

ท่ีอยู่ 67 หมทู่ ี่ 7 บา้ นสันม่วงคา ตาบลดอนศิลา อาเภอเวยี งชยั จงั หวัดเชียงราย

๕. สถำนะ กำรคงอยู่  ปฏบิ ัติอย่างแพร่หลาย  เส่ียงตอ่ การสญู หาย  ไม่มปี ฏบิ ัตแิ ลว้
๖. รูปภำพภมู ปิ ญั ญำทำงวัฒนธรรม/กิจกรรมทำงภูมปิ ัญญำทำงวัฒนธรรม

-67-

แบบสำรวจมรดกภมู ปิ ญั ญำทำงวัฒนธรรมจังหวัดเชยี งรำย ประจำปี ๒๕๖๕
สภำวัฒนธรรมจงั หวัดเชยี งรำย
อำเภอเวียงชยั จังหวัดเชียงรำย

๑. ช่ือข้อมลู ภมู ปิ ญั ญาด้านนาฎศลิ ป์ การฟอ้ นสาวไหม

๒. ลักษณะ  วรรณกรรมพนื้ บ้านและภาษา
 ศลิ ปะการแสดง

 แนวปฏบิ ัติทางสังคมพธิ ีกรรม ประเพณี และเทศกาล
 อาหาร/ความรู้และการปฏบิ ตั ิเก่ียวกับธรรมชาตแิ ละจักรวาล

 งานชา่ งฝมี อื ดัง้ เดมิ
 การละเลน่ พื้นบา้ น กีฬาพนื้ บ้าน และศลิ ปะการตอ่ สู่ป้องกันตัว

๓. รำยละเอียดข้อมูล

๓.๑) ประวตั ิความเป็นมาของข้อมลู
นายเล็ก แสงคา เกิดเม่ือวันที่ 17 กันยายน 2498 ปัจจุบัน อายุ 66 ปี เป็นบุตรขแงนายตุ่น - นางเป็ง
แสงคา อาศัยอย่บู ้านเลขที่ 59 หมู่ท่ี 6 บา้ นดอยงาม ตาบลดอนศิลา อาเภอเวียงชยั จังหวดั เชยี งราย
นายเล็ก แสงคา เป็นผู้มีความรู้ความสามารถด้านศิลปะการฟ้อนสาวไหม ซ่ึงจะพบเห็นได้น้อยที่ผู้ชาย
จะสามารถฟ้อนสาวไหม ซ่ึงเป็นศิลปะการแสดงของทางภาคเหนือ ท่วงท่าแต่ละท่าเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตน
การสืบทอดศิลปะการฟ้อนสาวไหมน้ี นายเล็ก แสงคาได้เรียนรู้มาจากผู้เฒ่าผู้แก่ที่ตนรู้จัก และได้นาไปแสดง
ในหลายๆ งาน โดยผู้ท่ีพบเห็นจะรู้สึกประทับใจในการแสดงทุกครั้ง ด้วยท่วงท่า ท่าทางที่อ่อนช้อยและมีความ
แขง็ แรงอยใู่ นตัว ผชู้ ายสว่ นนอ้ ยจะมีพรสวรรคเ์ ช่นนี้ การถ่ายทอดภูมิปัญญาด้านการฟ้อนสาวไหมสู่เด็กรุ่นหลัง
จึงถือเป็นส่ิงสาคัญสาหรับนายเล็ก แสงคา เพราะศิลปะด้านน้ีนับวันจะเลือนราง และจางหายไปทีละน้อย
เน่ืองจากวัฒนธรรมตะวันตกได้เข้ามามีบทบาทในการดาเนินชีวิตของเด็กในปัจจุบัน ดังนั้นเป็นโอกาสดีท่ีได้มี
โอกาสถ่ายทอดภูมิปญั ญาของตนใหแ้ ก่เด็กที่สนใจ

๓.๒) ขน้ั ตอน/วิธีการ/ดาเนินการเกย่ี วกับขอ้ มลู
ฟ้อนสาวไหม เป็นการแสดงพ้ืนเมืองท่ีมีความสวยงาม มีลักษณะพิเศษที่แตกต่างไปจากการฟ้อน
แบบอื่น ๆ คือ ฟ้อนสาวไหมเป็นแบบการฟ้อนท่ีเลียนแบบมาจากการทางานในชีวิตประจาวันของคนพื้นเมือง
ในการปลกู ฝ้าย ทอผ้า ตัดเยบ็ เป็นเส้ือผ้า เครอ่ื งนุง่ ห่ม ซ่ึงเปน็ งานหตั ถกรรมทใี่ นทอ้ งถ่ินทีท่ ากนั โดยทัว่ ไป
ดว้ ยเหตทุ กี่ ารทางานในการปลูกฝ้าย ปั่นฝา้ ย ทอผา้ ฯลฯ เป็นเอกลกั ษณะการทางานทม่ี ีขั้นตอน และ
มีกระบวนการทางานท่ีต่อเน่ืองกัน ท้ังการทางานนั้น ก็มีลีลาท่าทางอันอ่อนช้อย ละเอียดอ่อนละมุนละไม
ดูแล้วเกิดความสวยงาม ดังน้ัน จึงน่าจะมีผู้ท่ีมองเห็นกระบวนการทางานท่ีมีข้ันตอนต่อเนื่อง และลีลาอันสวยงาม
ของการปน่ั ฝ้าย การทอผา้ ฯลฯ นามาประสม ประสานความคิดในการทางานกับทา่ ฟ้อนสาวไหมท่ีนา่ ชมได้
การฟอ้ นสาวไหมเป็นการฟ้อนท่ีมีมานาน และเป็นลกั ษณะของการฟ้อนของพน้ื เมืองเหนืออยา่ งแท้จริง
แต่เดิมการฟ้อนสาวไหมเป็นท่าการฟ้อนท่ีรวมอยู่กับการฟ้อนจริง ต่อมาภายหลังจึงได้แยกการฟ้อนสาวไหม
ออกมาเป็นท่าการฟ้อนเฉพาะ เรียกว่า ฟ้อนสาวไหม แต่เดิมน้ันใช้ผู้ชายเป็นผู้ฟ้อน และใช้ฟ้อนในงานปอย
แห่ครัวตาน ฯลฯ ต่อมาภายหลังจึงมีผู้หญิงเป็นผู้ฟ้อน ลักษระท่าการฟ้อนก็ใช้ท่าเดียวกับที่ผู้ชายใช้ฟ้อน
เป็นลกั ษณะการฟ้อนเดย่ี ว

-68-

รูปแบบ และลักษณะกำรแสดง
ฟ้อนสาวไหม เป็นการฟ้อนด้วยท่าราตามทานองเพลงในจังหวะช้า ความงดงามของการราฟ้อนสาวไหม
จะอยู่ท่ีกระบวนท่าราในลักษณะต่าง ๆ ท่ีมีความหมายถึงกรรมวิธีการทอผ้าไหม รวมท้ังความสวยงามของ
การใช้อวยั วะทุกส่วนของรา่ งกายให้มีความกลมกลนื กับท่ารา อาทิ การตีไหล่ การโยต้ วั
ทำ่ ฟ้อนสำวไหมต้นแบบมลี ำดับทำ่ ตำ่ ง ๆ ดังต่อไปน้ี
เริม่ จากน่ังคุกเข่า
1. ทา่ ไหว้ เป็นท่าท่ใี หค้ วามหมายถงึ การไหว้บูชาครู - อาจารย์ รวมถึงเปน็ การขอขมาทง้ั ครู-อาจารย์
แขกผมู้ เี กียรตทิ ี่กาลงั ชมการสดงอยู่ เพ่ือท่ีจะไดแ้ สดงอิรยิ าบถตา่ ง ๆ ตามทา่ ฟ้อน
2. ท่าบิดบวั บาน เป็นท่าเสริมต่อจากการไหว้ ก่อนท่จี ะฟ้อนสาวไหมต่อไป
3. ทา่ พญาครุฑบิน เปน็ ท่าท่ีต้ังวงกอ่ นท่จี ะฟ้อนสาวไหม ท่าสาวไหม ชว่ งยาว
4. ท่าสาวไหมชว่ งยาว เป็นท่าฟ้อนทใ่ี ห้ความหมายวา่ กาลังเกบ็ ดอกฝ้ายท่ีบานแล้วจากตน้ ฝ้าย เพอ่ื
เอามาแกะเมล็ดออกแล้วนาไปตาก ซึ่งทา่ น้ีเป็นท่าหลกั ในการฟ้อนสาวไหม
5. ท่ามว้ นไหมซา้ ย-ขวา และท่าตากฝ้าย เปน็ ท่าท่ีให้ความหมายวา่ กาลังเกบ็ ดอกฝา้ ยไว้ในกระด้ง
6. ท่าตากฝ้าย
7. ทา่ มว้ นไหมใตเ้ ข่า เป็นท่าทีใ่ ห้ความหมายวา่ กาลงั ก้มเก็บดอกฝ้ายท่ีตากแหง้ แล้วใส่ภาชนะเพื่อ
เอาไปตใี ห้แตกฟู หรือพองตวั แลว้ นามาพนั เป็นแทง่ เพื่อเอาไปใสใ่ นกวง แลว้ ปนั่ เปน็ เสน้ ฝ้าย
ตอ่ จากนน้ั ลุกขน้ึ เดินตามจังหวะเพลงประกอบด้วย
8. ถา้ มว้ นไหมใตศ้ อก เปน็ ท่าท่ีให้ความหมายว่า เม่ือปน่ั ฝา้ ยเป็นเส้นแลว้ ดึงฝ้ายเปน็ เสน้ น้นั มาพนั ท่ี
ศอกให้เปน็ ระเบยี บ กันเสน้ ใต้พนั กนั ยงุ่ เหยิง ก่อนท่จี ะเอาไปใส่บนกท่ี อผา้ เพื่อทอเปน็ ผืนผา้ ตอ่ ไป
9. ทา่ พุง่ หลอดไหม เปน็ ท่าที่ใหค้ วามหมายถึง กาลงั ทอผ้าเปน็ ผืน
10. ท่าสาวไหมรอบตัว เปน็ ท่าทใ่ี ห้ความหมายว่า กาลังสาละวนอยูก่ ับการเอาเสน้ ฝา้ ยใสบ่ นกี่ หรือ
จัดเส้นฝา้ ยใหเ้ ขา้ ในฟมื ขณะที่มกี ารทอเปน็ ผืนผ้า
11. ทา่ คล่ีปมไหม เปน็ ท่าทีใ่ หค้ วามหมายวา่ เมื่อทอเปน็ ผนื ผ้าแลว้ กน็ ามาคลเี่ พื่อเกบ็ ปม หรือเศษ
ฝ้ายทต่ี ิดมากับผืนผ้า สะบัดส่วนเกนิ ออกให้หมด
12. ทา่ ปูเปน็ ผนื ผา้ เป็นทา่ ทใ่ี หค้ วามหมายวา่ กาลงั ช่ืนชมผ้า เม่อื ทอเป็นผา้ เสร็จแลว้ และนามาปู
กบั พน้ื สารวจดูวา่ เรยี บร้อยดีหรอื ไม่
13. ทา่ พับผ้า เปน็ ทา่ ทใ่ี ห้ความหมายวา่ เมื่อตรวจดคู วามเรยี บรอ้ ยเสร็จแลว้ ก็พับเกบ็ ไว้
* ดนตรี และเพลงทใี่ ชป้ ระกอบกำรแสดง
ใชว้ งดนตรพี ้ืนเมืองภาคเหนือ วงชะล้อ ซอ ซึง
เพลงทใี่ ช้ประกอบการแสดง ไดแ้ ก่ เพลงสาวไหม เพลงล่องแมป่ ิง

๔. ช่อื ผู้ท่ีถือปฏิบตั แิ ละผสู้ ืบทอด
๔.๑ ผทู้ ี่ถือปฏิบัติ
ชอ่ื นายเลก็ แสงคา
วัน เดือน ปีเกิด 17 กันยายน 2498
ทอ่ี ยู่ 59 หมทู่ ่ี 6 บา้ นดอยงาม ตาบลดอนศิลา อาเภอเวยี งชยั จังหวดั เชยี งราย
หมายเลขโทรศัพท์ -
๔.๒ ผ้สู บื ทอด
ช่อื -
วัน เดอื น ปเี กดิ -
ทอี่ ยู่ -
หมายเลขโทรศัพท์ -

-69-
๕. สถำนะ กำรคงอยู่  ปฏบิ ัติอย่างแพร่หลาย  เสี่ยงตอ่ การสญู หาย  ไมม่ ปี ฏิบตั แิ ลว้
๖. รูปภำพภูมิปัญญำทำงวัฒนธรรม/กจิ กรรมทำงภูมปิ ัญญำทำงวัฒนธรรม

-70-

แบบสำรวจมรดกภมู ิปัญญำทำงวฒั นธรรมจังหวัดเชยี งรำย ประจำปี ๒๕๖๕
สภำวฒั นธรรมจงั หวัดเชยี งรำย

อำเภอแมฟ่ ำ้ หลวง จังหวดั เชียงรำย

๑. ชื่อข้อมลู รานก ราโต

๒. ลักษณะ  วรรณกรรมพ้ืนบา้ นและภาษา
ศลิ ปะการแสดง
แนวปฏบิ ัตทิ างสังคมพธิ กี รรม ประเพณี และเทศกาล
 อาหาร/ความรู้และการปฏิบตั ิเก่ียวกบั ธรรมชาติและจักรวาล
 งานช่างฝีมอื ด้งั เดิม
 การละเล่นพ้นื บา้ น กีฬาพนื้ บา้ น และศิลปะการต่อสู่ป้องกนั ตวั

๓. รำยละเอยี ดข้อมูล

๓.๑) ประวตั คิ วามเปน็ มาของขอ้ มลู
รานกราโต เป็นศิลปะการแสดงฟ้อนราของชนเผ่าไทยใหญ่ท่ีมีตานานเล่าขานสืบต่อกันมานานว่า
รานก ราโต เกิดขึ้นคร้ังแรกเม่ือสมัยพุทธกาล ในวันที่พระพุทธเจ้าได้เสด็จลงมาจากสวรรค์หลังจากเสด็จไป
โปรดพระพทุ ธมารดา ณ สวรรคช์ ้ันดาวดงึ ส์ ในวนั น้นั สัตว์ท้ังสามโลกจะสามารถมองเหน็ กนั ได้ท้ังหมด มีเทวดา
มนุษย์ และสัตว์ในป่าหิมพานต์ พากันมาเฝ้ารับเสด็จ เพ่ือทาบุญใส่บาตร พระพุทธเจ้า เป็นจานวนมาก
ในกาลคร้ังนั้นมีนกกินรี (นางนก) หรือก่ิงกะหร่า เป็นสัตว์ท่ีอาศัยอยู่ในป่าหิมพานต์จาพวกหน่ึง ท่ีมีรูปร่าง
ลักษณะแปลกคือ ลักษณะคร่ึงมนุษย์ ครึ่งสัตว์ปีก ได้ออกมาราแพนหรือฟ้อนรา เพ่ือถวายพระพุทธเจ้าโต
เป็นสตั ว์อกี ชนดิ ท่ีอยใู่ นป่าหิมพานต์ โตมีรปู รา่ งลักษณะแปลกคือ มลี กั ษณะสัตวห์ ลายๆชนิดรว่ มอยู่ในร่างเดียว
มีตัวเหมือนสิงโต มีหัวเหมือนกวาง มีหางเหมือนเยือง (เลียงผา) ได้ออกมาฟ้อน (ก้าโต) รับเสด็จเพื่อถวาย
พระพทุ ธเจ้าเชน่ กัน

๓.๒) ขนั้ ตอน/วิธีการ/ดาเนนิ การเก่ียวกับข้อมลู
-

๔. ชอื่ ผทู้ ่ีถือปฏบิ ตั ิและผ้สู บื ทอด -
๔.๑ ผทู้ ี่ถือปฏบิ ัติ -
ชอ่ื -
วัน เดอื น ปีเกดิ -
ท่อี ยู่ -
หมายเลขโทรศพั ท์ -
๔.๒ ผสู้ บื ทอด -
ช่ือ -
วัน เดือน ปีเกดิ
ทีอ่ ยู่
หมายเลขโทรศัพท์

๕. สถำนะ กำรคงอยู่ ปฏิบัตอิ ย่างแพร่หลาย  เสยี่ งตอ่ การสญู หาย  ไมม่ ีปฏิบัตแิ ลว้

-71-
๖. รปู ภำพภมู ิปญั ญำทำงวัฒนธรรม/กจิ กรรมทำงภูมปิ ัญญำทำงวฒั นธรรม

-72-

แบบสำรวจมรดกภมู ปิ ัญญำทำงวัฒนธรรมจังหวัดเชยี งรำย ประจำปี ๒๕๖๕
สภำวัฒนธรรมจังหวัดเชยี งรำย

อำเภอแมฟ่ ำ้ หลวง จังหวดั เชยี งรำย

๑. ช่ือข้อมลู ราพัดจีน

๒. ลักษณะ  วรรณกรรมพ้ืนบา้ นและภาษา
 ศลิ ปะการแสดง
 แนวปฏิบตั ิทางสงั คมพธิ ีกรรม ประเพณี และเทศกาล
 อาหาร/ความรู้และการปฏบิ ตั เิ กยี่ วกับธรรมชาตแิ ละจักรวาล
 งานช่างฝมี อื ดงั้ เดิม
 การละเลน่ พ้นื บ้าน กีฬาพื้นบ้าน และศิลปะการต่อสปู่ ้องกันตัว

๓. รำยละเอยี ดขอ้ มลู
๓.๑) ประวตั ิความเปน็ มาของข้อมูล
บ้านห้วยผึ้ง ต้ังขึ้นประมาณ ปี พ.ศ.2506 โดยมีนายยางพงษ์ แซ่ย่าง เป็นผู้ใหญ่บ้านคนแรก

ชาวบ้านส่วนใหญ่มีเช้ือสายจีน ย้ายมาจากบ้านหัวแม่คา ต.แม่สลองใน และบ้านปางหนุน ต.เทอดไทย มาตั้ง
เปน็ หมู่บา้ นหว้ ยผ้งึ เหตุทต่ี ้งั ชอ่ื บ้านหว้ ยผึ้ง เน่อื งจากแต่ก่อนมีต้นไม้ใหญ่ในหมบู่ ้านและมผี ้ึงมาทารังนับร้อยรัง
จึงนามาตง้ั ช่อื เปน็ ชือ่ หมบู่ ้านหว้ ยผึง้ มปี ระเพณีที่สาคัญเชน่

ประเพณวี ันตรษุ จีน วนั ท่ี 1 เดือน 1 ของปฏทิ ินจนี
ประเพณีไหวศ้ าลเจ้า วนที่ 8 เดือน 2 ของปฏิทนิ จนี
ประเพณีไหว้ผบี รรพบรุ ุษ (เชงเม้ง) เดือน 3 ของปฏิทนิ จีน
ประเพณสี ารทจีน เดอื น 7 ของปฏทิ นิ จนี
ประเพณีไหว้พระจันทร์ วนั ท่ี 15 เดือน 8 ของปฏิทินจีน
๓.๒) ขน้ั ตอน/วธิ ีการ/ดาเนินการเกีย่ วกับขอ้ มูล
จากการที่ประชากรส่วนใหญ่มีเช้ือสายจีน ศิลปะการแสดงต่าง ๆจึงเป็นการถอดแบบมาจาก
เช้ือสายด่ังเดิมหรือบรรพบุรุษ และมีการปรับเปลี่ยน ประยุกต์ให้เข้ากับยุคสมัยและการแสดงที่เป็นเอกลักษณ์
ของชมุ ชนเชื้อสายจีนหมูบ่ ้านหว้ ยผง้ึ คอื ราพดั จนี มีนกั แสดงจานวน ๑๐ คน เส้อื ผ้าเคร่ืองแตง่ กายตดั เย็บเปน็ แบบจีน

๔. ชื่อผทู้ ี่ถือปฏิบตั แิ ละผ้สู บื ทอด -
๔.๑ ผทู้ ีถ่ ือปฏบิ ัติ -
ช่ือ -
วัน เดือน ปเี กิด -
ท่ีอยู่ -
หมายเลขโทรศพั ท์ -
๔.๒ ผูส้ ืบทอด -
ช่ือ -
วนั เดอื น ปเี กดิ
ทอ่ี ยู่
หมายเลขโทรศัพท์

๕. สถำนะ กำรคงอยู่ ปฏิบัติอยา่ งแพรห่ ลาย  เสย่ี งตอ่ การสญู หาย  ไมม่ ปี ฏิบัตแิ ล้ว

-73-
๖. รปู ภำพภมู ิปญั ญำทำงวัฒนธรรม/กจิ กรรมทำงภูมปิ ัญญำทำงวฒั นธรรม

-74-

แบบสำรวจมรดกภมู ิปญั ญำทำงวัฒนธรรมจงั หวัดเชียงรำย ประจำปี ๒๕65
สภำวฒั นธรรมจงั หวดั เชยี งรำย
อำเภอเวียงชยั จงั หวัดเชยี งรำย

๑. ช่ือข้อมูล วงป่ีพาทย์ (สุบรรณศิลป์)

๒. ลกั ษณะ  วรรณกรรมพืน้ บ้านและภาษา
 ศิลปะการแสดง
 แนวปฏบิ ตั ทิ างสังคมพธิ ีกรรม ประเพณี และเทศกาล
 อาหาร/ความรู้และการปฏิบตั เิ ก่ียวกับธรรมชาตแิ ละจกั รวาล
 งานช่างฝีมอื ดงั้ เดิม
 การละเล่นพืน้ บา้ น กีฬาพืน้ บ้าน และศลิ ปะการตอ่ สปู่ ้องกนั ตวั

๓. รำยละเอียดข้อมูล
๓.๑) ประวตั ิความเป็นมาของข้อมูล
วงป่พี าทย์ (สุบรรณศลิ ป์) เป็นวงดนตรพี ืน้ เมืองท่ีรบั งานแสดงทว่ั ไปทั้งในพน้ื ทอี่ าเภอเวยี งชยั และพื้นท่ี

ใกลเ้ คียง โดยมีสมาชิก จานวน ๙ คน ซง่ึ มกั จะหาเวลาวา่ งมารวมตวั กันเพื่อฝกึ ซ้อมอยู่เสมอ
๓.๒) ข้ันตอน/วธิ กี าร/ดาเนินการเก่ียวกบั ข้อมลู
วงป่ีพำทย์ เปน็ วงทีป่ ระกอบไปด้วยเครื่องดนตรปี ระเภทตี เปา่ และเครื่องประกอบจังหวะ ใช้บรรเลง

ในงานพระราชพิธีและพิธตี า่ ง ๆ แบง่ ได้ 3 ขนาด คือ
๑. วงปีพ่ าทย์เคร่ืองหา้ แบง่ ออกเปน็ 2 ชนิดไดแ้ ก่
(๑) ปีพ่ าทย์เครื่องห้าอย่างหนัก จะใช้สาหรับการบรรเลงในการแสดงมหรสพหรอื งานในพิธีตา่ ง ๆ

ซึง่ จะประกอบไปดว้ ยเครอื่ งดนตรีต่าง ๆ ดงั น้คี ือ ฆ้องวงใหญ่ ปใี่ น กลองทัด ตะโพน และฉิ่ง
(๒) ปีพาทย์เครื่องห้าอย่างเบา ประกอบไปด้วยเคร่ืองดนตรีต่าง ๆ ดังนี้ คือ กลองชาตรี ฆ้อง

คู่ ฉิง่ ปี่ และทบั หรอื โทน
๒. วงปี่พาทย์เครื่องคู่ เหมือนวงปี่พาทยเ์ ครอ่ื งห้า เพียงแตเ่ พ่ิมระนาดทมุ้ และฆ้องวงเล็กเข้าไป
๓. วงปี่พาทย์เคร่ืองใหญ่ เหมือนวงปี่พาทย์เคร่ืองคู่ เพียงแต่เพ่ิมระนาดเอกเหล็กและระนาดทุ้มเหล็ก

เขา้ ไป
นอกจากนว้ี งป่ีพาทยย์ ังมีอกี 3 ประเภทใหญ่ ๆ คือ
๑. วงป่ีพาทย์นางหงส์
๒. วงปีพ่ าทยม์ อญ
๓. วงปี่พาทย์ดกึ ดาบรรพ์

๔. ชอ่ื ผู้ท่ถี ือปฏิบัติและผู้สบื ทอด

๔.๑ ผทู้ ่ถี อื ปฏิบัติ

ช่อื นายสุบรรณ ปงชุ่มใจ

วนั เดือน ปเี กดิ -

ทอี่ ยู่ 65 หมู่ 11 ตาบลเมอื งชุม อาเภอเวยี งชยั จงั หวัดเชียงราย

หมายเลขโทรศัพท์ 086 117 1055

๔.๒ ผู้สบื ทอด -75-
ช่ือ
วนั เดือน ปีเกิด นายณรงค์ ปงชมุ่ ใจ
ทีอ่ ยู่ -

หมายเลขโทรศัพท์ 65 หมู่ 11 ตาบลเมอื งชุม อาเภอเวียงชัย จงั หวดั เชยี งราย
-

๕. สถำนะ กำรคงอยู่  ปฏิบัติอยา่ งแพร่หลาย  เส่ียงต่อการสญู หาย  ไมม่ ีปฏิบตั ิแลว้
๖. รูปภำพภูมิปัญญำทำงวัฒนธรรม/กจิ กรรมทำงภูมปิ ัญญำทำงวัฒนธรรม

-76-

แบบสำรวจมรดกภมู ปิ ัญญำทำงวัฒนธรรมจงั หวัดเชียงรำย ประจำปี ๒๕๖๕
สภำวฒั นธรรมจังหวดั เชยี งรำย

อำเภอเวยี งเชยี งรุ้ง จังหวดั เชยี งรำย

๑. ช่ือข้อมูล วงสะลอ้ ซงึ กลุ่มผู้สูงอายุ หมู่ 11

๒. ลกั ษณะ  วรรณกรรมพนื้ บ้านและภาษา

 ศิลปะการแสดง
 แนวปฏบิ ตั ทิ างสังคมพิธีกรรม ประเพณี และเทศกาล

 อาหาร/ความรูแ้ ละการปฏิบัตเิ ก่ียวกบั ธรรมชาตแิ ละจกั รวาล

 งานชา่ งฝีมอื ด้ังเดมิ
 การละเล่นพ้ืนบา้ น กีฬาพนื้ บา้ น และศิลปะการต่อสปู่ ้องกันตัว

๓. รำยละเอยี ดขอ้ มูล

๓.๑) ประวัตคิ วามเป็นมาของข้อมูล
วงสะล้อ ซอ ซึง หมายถึง วงดนตรี ท่ีนาเอาเครื่องดนตรี ประเภทเคร่ืองสายของภาคเหนือ คือ ซึง สะล้อ

และเครื่องประกอบจังหวะมาบรรเลงรวมกันเป็นวง ซ่ึงเป็นที่นิยมกันมากในภาคเหนือ มาต้ังแต่อดีตจนถึง
ปจั จุบัน และมอี ยูเ่ ฉพาะในภาคเหนือตอนบนเท่านนั้ ถอื ว่าเป็นวงดนตรีพนื้ บ้านของทอ้ งถนิ่ ล้านนา

สะลอ้ เป็นเคร่ืองดนตรี ประเภทเคร่อื งสาย ทใ่ี ช้วธิ ีการเล่นโดยการสี
ซอ เปน็ ภาษาพ้นื บ้านลา้ นนา หมายถึง การขับรอ้ งเพลง

ซึง เปน็ เครือ่ งดนตรี ประเภทเคร่ืองสาย ท่ีใชว้ ิธกี ารเลน่ โดยการดีด
สะล้อ เป็นเครื่องดนตรีพื้นเมืองล้านนาชนิดหนึ่ง เป็นประเภทเครื่องสีซึ่งมีทั้ง ๒ สาย และ ๓ สาย

คันชักสาหรับสีจะอยู่ข้างนอกเหมือนคันชักซอสามสาย สะล้อเรียกอีกอย่างหน่ึงว่า ทร้อ หรือ ซะล้อ มีรูปร่าง
คล้ายซออู้ของภาคกลาง ใช้ไม้แผ่นบาง ๆ ปิดปากกะลาทาหลักที่หัวสาหรับพาดทองเหลือง ด้านหลังกะโหลก

เจาะเป็นรูปลวดลายต่าง ๆ เช่น รูปหนุมาน รูปหัวใจ ส่วนด้านล่างของกะโหลก เจาะทะลุลง ข้างล่าง เพื่อสอด
คันทวนท่ีทาด้วยไม้ชิงชัน ยาวประมาณ ๖๔ ซม. ตรงกลางคันทวนมีรัดอกทาด้วยหวาย ปลายคันทวนด้านบน

เจาะรูสาหรับสอดลกู บิด ซึ่งมี ๒ หรือ ๓ อัน สาหรับขึงสายซอ จากปลายลูกบิดลงมาถึงด้านกลางของกะโหลก
มีหย่องสาหรับ หนุนสายสะล้อเพ่ือให้เกิดเสียงเวลาสี คันชักสะล้อทาด้วยไม้ดัดเป็นรูปโค้ง ขึงด้วยหางม้า

หรอื พลาสตกิ เวลาสีใช้ยางสนถทู าใหเ้ กิดเสยี งได้ สะลอ้ ใชบ้ รรเลงประกอบการแสดงหรือบรรเลงร่วมกับบทร้อง
และทานองเพลงไดท้ ุกชนิดเชน่ เข้ากบั ป่ีในวงชา่ งซอ เขา้ กบั ซึงในวงพื้นเมอื งกไ็ ด้

ซอ เป็นการขับร้องทานองของคาซอ โดยท่ัวไปมักเข้าใจว่าซอเป็นเครื่องดนตรีแต่ไม่ใช่ซอเป็น

องคป์ ระกอบสว่ นหนึ่งวงสะล้อ ซอ ซึง การขบั ซอ เปน็ รปู แบบการรอ้ งเพลงทช่ี าวพืน้ เมืองล้านนาใช้ขับกล่อมให้
คลายทุกข์ โดยจะมีคาเรียกผู้รอ้ งเพลงซอว่า ชา่ งซอ

ซงึ เปน็ ประเภท ดดี มี ๔ สาย แตแ่ บง่ ออกเป็น ๒ เสน้ เส้นละ ๒ สาย มีลกั ษณะคลา้ ย กระจับปี่ แต่มี
ขนาดเล็กกว่า ความยาวท้ังคันทวนและกะโหลกรวมกันประมาณ ๘๑ ซม. กะโหลกมีรูปร่างกลม

วัดเส้นผ่าศูนย์กลางได้ประมาณ ๒๑ ซม. ทั้งกะโหลกและคันทวน ใช้ไม้เน้ือแข็งชิ้นเดียวคว้านตอนท่ีเป็น
กะโหลกให้เป็นโพรง ตัดแผ่นไม้ให้กลม แล้วเจาะรูตรงกลางทาเป็นฝาปิดด้านหน้า เพื่ออุ้มเสียงให้กังวาน

คันทวนเป็นเหล่ยี มแบนตอนหน้า เพ่ือติดตะพานหรือนมรับน้ิว จานวน ๙ อัน ตอนปลายคันทวนทาเป็นรูปโคง้
และขุดให้เป็นร่อง เจาะรูสอดลูกบิดข้างละ ๒ อัน รวมเป็น ๔ อันสอดเข้าไปในร่อง สาหรับข้ึนสาย ๔ สาย

สายของซึงใช้สายลวดขนาดเล็ก ๒ สาย และ สายใหญ่ ๒ สาย ซึงเป็นเครื่องดีดที่ชาวไทยทางภาคเหนือนิยม
นามาเล่นรว่ มกบั ปี่ซอ หรอื ปีจ่ ุม่ และ สะลอ้

-77-

๓.๒) ขนั้ ตอน/วิธกี าร/ดาเนนิ การเกยี่ วกับขอ้ มลู
กลุ่มสะล้อ ซึง หมู่ ๑๑ ตาบลทุ่งก่อ นาโดยนายแดง มั่นกุง เป็นหัวหน้ากลุ่ม และเป็นภูมิปัญญา

ด้านศิลปะการแสดงดนตรีพ้ืนเมือง ซึ่งได้รวมกลุ่มกันในการเล่นสะล้อ ซึง สาหรับ ประกอบพิธีกรรมและ

ความเช่อื และความรื่นเรงิ คอื บรรเลงประกอบประเพณี หรอื กิจกรรมอื่น ๆ ในงานร่ืนเริง วงสะล้อ ซงึ สามารถ
แสดงในงานมงคล และงานอวมงคลก็ได้ ดังนนั้ กลมุ่ สะล้อ ซอ ซงึ จงึ เป็นวงดนตรีที่มีคุณค่าโดยตรง ต่อชาวล้านนา

ซึ่งมีความโดดเด่นเฉพาะตัวที่ควรแก่ความ ภาคภูมิใจ เพราะบรรพบุรุษ ได้สร้างสรรค์ ปรุงแต่ง พัฒนา และสืบทอด
ติดต่อกันมา ซึ่งเป็นการนาเอาดนตรีล้านนามาสอดแทรกในประเพณีหลายอย่าง จนเป็นส่วนหน่ึงของกิจกรรม

ประเพณีท่ีได้รับการยอมรับ และถือปฏิบัติต่อเน่ืองกันมาจนปัจจุบัน มีการสืบสาน บ่มเพาะ ถ่ายทอดศิลปะการแสดง
จากร่นุ สูร่ ุ่นจนถงึ ปัจจุบนั

ชาวบ้านล้านนาในอดีต มักนิยมใช้เวลาว่างในตอนกลางคืนให้เป็นประโยชน์ โดยเฉพาะผู้หญิงสาว
ภารกิจท่ีเป็นประโยชน์มักจะได้แก่ การคัดเลือกเมล็ดพันธ์ุพืชเพ่ือเตรียมไปเพาะปลูกในวันรุ่งขึ้น บางทีก็ “ ไซ้

(เลือก)” พืชผลทางการเกษตรท่ีผลิตออกมาเพื่อจาหน่าย จึงกลายเป็นจุดศูนย์กลางและการดึงดูดความสนใจ
ของหนมุ่ และกลายเปน็ ศูนยร์ วม “นกั แอ่วสาว” ท้ังหลายและดนตรีคู่กายชายหนุ่มย่อมนามาใช้ตามความถนัด

สันนิษฐานว่าคงมีการนัดหมายเพ่ือให้มาบรรเลง แนวเดียวกัน จึงเป็นการพัฒนาการขั้นแรกของการผสมวง
ดนตรี กลุ่มนักแอ่วสาวตามลานบ้านประกอบด้วยเคร่ืองดนตรี เปี๊ยะ สะล้อ ซึง ขลุ่ย ป่ี กลองพ้ืนเมือง (กลอง

โป่งป้ง) จงึ กลายเป็นดนตรีพน้ื บ้านภาคเหนือโดยปริยาย นยิ มเรยี กตามชนิดของเคร่ืองดนตรีท่ีนามาผสมเป็นวง
วา่ “วงสะล้อซอซึง”

รูปแบบ วิธีการแสดงเป็นการนาเอาเคร่ืองดนตรี ประเภทเครื่องสายของภาคเหนือ คือ ซึง สะล้อ และ
เครื่องประกอบจังหวะมาบรรเลงรวมกันเป็นวง โดยการบรรเลงเป็นทานองไม่มีคาร้อง ปัจจุบัน การบรรเลงวง

สะล้อ ซอ ซึง มักจะใช้บรรเลงในงานประเพณีและวัฒนธรรม เช่น ประเพณีสงกรานต์รดน้าดาหัว(ปีใหม่เมือง)
เป็นตน้ ตลอดจนใช้บรรเลงในงานมงคลและงานอวมงคลทางภาคเหนือ เช่นงานบญุ ทว่ี ัด งานขนึ้ บา้ นใหม่ และ

งานบวช เป็นตน้

เครื่องดนตรี มี ๖ ชน้ิ ประกอบดว้ ย สะล้อ ซงึ ขลุ่ย ฉิ่ง ฉาบ และกลองสองหนา้

๔. ชื่อผทู้ ี่ถือปฏิบตั แิ ละผสู้ ืบทอด

๔.๑ ผทู้ ่ถี ือปฏบิ ตั ิ

ชื่อ นายแดง มั่นกงุ

วัน เดือน ปีเกดิ -

ที่อยู่ ๒๘๒ หมู่ ๑๑ ตาบลท่งุ ก่อ อาเภอเวยี งเชียงรงุ้ จังหวดั เชยี งราย

โทรศัพท์ ๐๘๑ ๓๖๑ ๖๕๙๐

๔.๒ ผสู้ ืบทอด

ช่ือ กลุ่มผสู้ งู อายุ / เยาวชนในพ้นื ที่

วนั เดอื น ปเี กิด -

ทีอ่ ยู่ หมู่ ๑๑ ตาบลทุ่งกอ่ อาเภอเวียงเชยี งรงุ้ จงั หวดั เชยี งราย

โทรศัพท์ -

๕. สถำนะ กำรคงอยู่  ปฏิบัติอยา่ งแพร่หลาย  เสีย่ งต่อการสญู หาย  ไม่มปี ฏิบัติแล้ว

-78-
๖. รูปภำพภมู ปิ ัญญำทำงวัฒนธรรม/กจิ กรรมทำงภูมิปัญญำทำงวฒั นธรรม

วงสะลอ้ ซงึ กลมุ่ ผุส้ ูงอายุ หมู่ 11 ตาบลท่งุ กอ่

อุปกรณ์ประกอบการแสดง สะลอ้ ซงึ ขลุ่ย

กลอง ฉาบ ฉ่งิ
การแสดงสะล้อ ซึง ในงานต่าง ๆ

-79-

แบบสำรวจมรดกภมู ิปัญญำทำงวฒั นธรรมจังหวัดเชียงรำย ประจำปี ๒๕๖๕
สภำวัฒนธรรมจังหวดั เชยี งรำย

อำเภอเวียงเชยี งร้งุ จังหวดั เชียงรำย

๑. ชื่อข้อมลู ศลิ ปะการแสดงวงป่ีพาทย์ โรงเรยี นผูส้ ูงอายุตาบลป่าซาง

๒. ลักษณะ  วรรณกรรมพน้ื บ้านและภาษา
 ศลิ ปะการแสดง
 แนวปฏิบตั ทิ างสังคมพธิ ีกรรม ประเพณี และเทศกาล
 อาหาร/ความรแู้ ละการปฏบิ ตั ิเกี่ยวกบั ธรรมชาตแิ ละจักรวาล
 งานช่างฝีมอื ดงั้ เดมิ
 การละเลน่ พ้ืนบ้าน กีฬาพนื้ บา้ น และศิลปะการต่อสู่ป้องกันตัว

๓. รายละเอยี ดขอ้ มูล
๓.๑) ประวัติความเปน็ มาของขอ้ มูล
ในอดีตผู้เฒ่าผู้แก่ในหมู่บ้าน ได้ไปร่วมงานบุญต่าง ๆ กับหมู่บ้านอื่น ได้เห็นการเล่นดนตรีพ้ืนเมือง

ปี่พาทย์ จึงมีความสนใจที่จะนาศิลปะพ้ืนบ้าน วงปี่พาทย์มาจัดต้ังเป็นคณะของตนเองใช้ในหมู่บ้าน หลังจากท่ี

ได้มแี นวคิดแลว้ จงึ สรรหาผทู้ ่ีมีความสนใจอยากจะเรยี นรู้การเลน่ เครื่องดนตรีแตล่ ะชนิด จึงได้มกี าปรกึ ษาหารือ

กัน หาชอ่ งทางท่ีจะจัดต้ังวงดนตรี โดยเริ่มตน้ จากการทาเคร่ืองดนตรีบางชนดิ ขึ้นเองเช่นระนาดเอก ระนาดทุ้ม

ตะโพน และเครือ่ งดนตรที ่ีตอ้ งจดั หาโดยการซอื้ เชน่ ฆ้องวงใหญ่ ระนาดเหล็ก ป่ใี น ฉาบและฉ่ิง

หลังจากที่มีเคร่ืองดนตรีครบแล้วจึงนามารวบรวมไว้ท่ีวัดในหมู่บ้าน แต่ยังขาดนักดนตรี ผู้ใหญ่บ้าน

และคณะกรรมการหมู่บ้านจึงได้มีการประชาสัมพันธ์ ให้ประชากรในหมู่บ้านท่ีสนใจอยากจะเล่นหรือเรียนรู้

ดนตรีปี่พาทย์ท่ียังว่างอยู่ สวนใหญ่ผู้ท่ีให้ความสนใจมาฝึกเลน่ จะเป็นผู้ท่ีผ่านการบวชพระหรือบวชเณรมากอ่ น

หรือที่เรียกกันเป็นภาษาพ้ืนเมืองว่า “น้อยหรือหนาน” การฝึกน้ันเป็นการฝึกเล่นด้วยตนเอง โดยการจดจา

เสียงดนตรีจากประสบการณ์ที่ได้ยินมาจากท่ีอ่ืน หรือจดจาจากการได้ฟังจากสื่อวิทยุ เรียนโดยการไม่มีโน้ต

หลังจากทีไ่ ด้ฝึกฝนการเล่นดนตรีแต่ละชนิดจนชานาญ จงึ มีแนวคดิ ทจ่ี ะให้มีช่างฟ้อนมาประกอบการเล่นเครื่อง

ดนตรี เพ่ือจะได้ใช้แสดงในงานบุญต่าง ๆ ในหมู่บ้านและหมู่บ้านใกล้เคียง เช่น งานบุญทอดผ้าป่า งานบุญ

สลากภัตต์ งานปอยหลวงงานบุญกฐิน งานศพและงานอ่ืน ๆ ที่มีความต้องการให้วงปีพ่ าทยไ์ ปแสดง

วงปี่พาทย์ เป็นมรดกทางวัฒนธรรมท่ีงดงามท่ีได้รับการสืบทอดจากบรรพบุรุษ จนถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน
การแสดงดนตรีปี่พาทย์ประกอบการฟ้อนราท่ีมีท่วงท่าอ่อนช้อยสวยงามตามแบบทางภาคเหนือ เช่น การฟ้อนเล็บ
การฟ้อนสาวไหม การราอวยพร เป็นการแสดงที่สร้างความประทับใจ แก่ผู้ท่ีได้มาพบเห็น เป็นมนต์เสน่ห์ของ
วัฒนธรรมภาคเหนือ และเป็นสิ่งที่สามารถใช้เป็นส่ือจุดรวมใจของคนในหมู่บ้านและชุมชน ในอดีตนักดนตรี
และช่างฟ้อนจะเป็นผู้ใหญ่ เวลาฝึกซ้อมหรือไปแสดงในงานต่าง ๆ จะมีบุตรหลานติดสอยห้อยตาม ไปในงาน
ดังกล่าว จึงทาให้เด็กเกิดการซึมซับ เอาสิ่งที่ดีงามของวัฒนธรรมแล้วจึงมีการถ่ายทอดการแสดงดนตรีป่ีพาทย์
และการฟอ้ นราใหแ้ กเ่ ด็กและเยาวชนมาจวบจนทุกวันนี้

-80-

๓.๒) ขัน้ ตอน/วิธกี าร/ดาเนินการของข้อมูล
๑) เครื่องดนตรี ๘ ชิ้น ประกอบด้วย
ระนาดเอก ระนาดทมุ้ ระนาดเหล็ก ฆ้องวงเลก็ ตะโพน ป่ีใน ฉ่งิ ฉาบ
๒) รปู แบบวธิ ีกำรแสดง
ร่วมกิจกรรมงานบุญต่าง ๆ ที่จัดข้ึนในหมู่บ้าน และหมู่บ้านใกล้เคียง เช่น งานบุญทอดผ้าป่า

งานบุญสลากภัตต์ งานปอยหลวง งานบุญกฐิน โดยการแสดงพร้อมกับการฟ้อนรา เช่น การฟ้อนเล็บ
ฟ้อนสาวไหม นอกจากน้ันได้ร่วมในงานศพและงานอ่ืน เช่นงานถ่ายทอดวัฒนธรรมโดยองค์กรในท้องถิ่น
ในอดีตวงปี่พาทย์จะบรรเลงเพลงไทยเดิม เช่น เพลงปราสาทไหว เพลงค้างคาวกินกล้วย เพลงพม่าราขวาน
เพลงลอยกระทง ฯลฯ แต่ปัจจุบันได้มีการประยุกต์เอาเพลงลูกทุ่งเข้าผสมโรงด้วย ผู้คน ให้ความสนใจ
กับการบรรเลงเพลงประยกุ ต์ เป็นจงั หวะบีกินและจงั หวะสามชา่

๔. ชอ่ื ผูท้ ี่ถือปฏิบัตแิ ละผู้สืบทอด
๔.๑ ผู้ท่ถี อื ปฏิบตั ิ
ชื่อ นายน้อม แก้วนิลตา
วนั เดอื น ปีเกดิ -
ที่อยู่ ๑๑๔ หมู่ ๑๒ ตาบลปา่ ซาง อาเภอเวียงเชียงรุ้ง จงั หวัดเชียงราย หรือ
โรงเรียนผูส้ ูงอายุตาบลปา่ ซาง หม่ทู ี่ ๒ ตาบลป่าซาง
อาเภอเวยี งเชียงร้งุ จงั หวดั เชียงราย
หมายเลขโทรศัพท์ -
๔.๒ ผู้สืบทอด
ช่อื โรงเรยี นผูส้ ูงอายตุ าบลปา่ ซาง
วัน เดอื น ปเี กดิ -
ท่ีอยู่ โรงเรียนผู้สงู อายตุ าบลป่าซาง หมู่ท่ี ๒ ตาบลป่าซาง
อาเภอเวยี งเชยี งรุ้ง จงั หวัดเชียงราย
หมายเลขโทรศัพท์ -

๕. สถำนะ กำรคงอยู่  ปฏบิ ตั ิอย่างแพร่หลาย  เส่ียงตอ่ การสญู หาย  ไมม่ ีปฏิบัติแล้ว

๖. รูปภำพภูมิปญั ญำทำงวัฒนธรรม/กิจกรรมทำงภูมปิ ัญญำทำงวัฒนธรรม

ระนาดท้มุ ป่ีไน

ฉงิ่ ฉาบ ตะโพน

-81-
ระนาดเอก , ฆ้องวง

การแสดงวงปี่พาทย์ ในงานต่าง ๆ

-82-

แบบสำรวจมรดกภมู ิปัญญำทำงวัฒนธรรมจงั หวดั เชียงรำย ประจำปี ๒๕๖๕
สภำวัฒนธรรมจงั หวัดเชยี งรำย
อำเภอเวยี งแกน่ จงั หวดั เชียงรำย

๑. ช่ือข้อมลู ศลิ ปะการแสดง (ช่างปี/่ ฟอ้ นเจิง)

๒. ลักษณะ  วรรณกรรมพนื้ บ้านและภาษา
 ศิลปะการแสดง

 แนวปฏบิ ัตทิ างสังคมพธิ ีกรรม ประเพณี และเทศกาล

 อาหาร/ความรูแ้ ละการปฏิบตั ิเกี่ยวกับธรรมชาตแิ ละจักรวาล
 งานชา่ งฝมี ือดง้ั เดิม

 การละเล่นพ้ืนบ้าน กีฬาพนื้ บา้ น และศิลปะการต่อสปู่ ้องกนั ตวั

๓. รำยละเอยี ดข้อมลู

๓.๑) ประวัติความเปน็ มาของข้อมลู
นายแกว แสงงาม เกิดวันท่ี 5 กุมภาพันธ 2478 มีความรู้ความสามารถดานศิลปะการแสดง และ
นาฏศิลปพื้นบาน (ชางป และฟอนเจิง) โดยไดสืบทอดองคความรูเร่ืองการเปาปจากบรรดาผูเฒาผูแกในหมูบาน
ที่มักจะเปาป ประกอบการขับล้ือในชวงเทศกาลสงกรานต จึงไดพยายามฝกฝนดวยตนเองมาตั้งแตอายุได 12 ป
นอกจากน้ัน พอแกวยังมีความเช่ียวชาญในเร่ืองยาสมุนไพร และการดูดวงชะตาใหกับคนท่ี เจ็บไขไดปวย
โดยไดสืบทอดองคความรูจากพอ คือ นายปน แสงงาม ในดานศิลปะการฟอนเจิง พอแกวไดมีโอกาสฝกฝน
การฟอนเจิงกับชาวไตเหนอื ท่ีเขามาสอน ในหมูบาน ตง้ั แตอายุได 15 ป
ประวัตกิ ำรทำงำน/กำรเผยแพรองคควำมรู้
- เปนวิทยากรครูภูมิปญญาทองถ่ินในการฝกสอนและเผยแพรองคความรูในการเปาปใหกับเด็ก
เยาวชน และนักเรียนในโรงเรยี นบานทาขาม
- เผยแพรศิลปะการเปาปในงานดานวัฒนธรรมของชาวไทลื้อในอาเภอแมสาย อาเภอเชียงของ และ
งานขององคการบรหิ ารสวนตาบลทาขาม
- เผยแพรองคความรูดานภมู ิปญญาใหกบั นักเรียน นักศกึ ษาที่สนใจทั่วไปในจังหวัดเชียงราย

๓.๒) ขน้ั ตอน/วธิ ีการ/ดาเนนิ การเกีย่ วกับข้อมลู
- เปนวิทยากรครูภูมิปญญาทองถ่ินในการฝกสอนและเผยแพรองคความรูในการเปาปใหกับเด็ก
เยาวชน และนักเรียนในโรงเรียนบานทาขาม
- เผยแพรศลิ ปะการเปาปในงานดานวัฒนธรรมของชาวไทลื้อในอาเภอแมสาย อาเภอเชยี งของ และงาน
ขององคการบรหิ ารสวนตาบลทาขาม
- เผยแพรองคความรูดานภูมปิ ญญาใหกบั นักเรียน นักศึกษาท่สี นใจทัว่ ไปในจงั หวดั เชียงราย

-83-

๔. ชอื่ ผู้ที่ถอื ปฏิบตั แิ ละผ้สู บื ทอด

๔.๑ ผู้ทถ่ี อื ปฏบิ ตั ิ

ชือ่ นายแกว้ แสงงาม

วัน เดอื น ปีเกิด -

ท่ีอยู่ ๔๐/๑ หมู่ ๑ ตาบลทา่ ขา้ ม อาเภอเวยี งแก่น จงั หวัด เชียงราย

หมายเลขโทรศัพท์ 080 791 0724

๔.๒ ผสู้ บื ทอด

ชือ่ -

วัน เดือน ปเี กดิ -

ทีอ่ ยู่ -

หมายเลขโทรศัพท์ -

๕. สถำนะ กำรคงอยู่  ปฏิบัติอย่างแพร่หลาย  เส่ยี งต่อการสญู หาย  ไมม่ ปี ฏบิ ัตแิ ล้ว

๖. รูปภำพภมู ิปัญญำทำงวัฒนธรรม/กิจกรรมทำงภูมิปัญญำทำงวัฒนธรรม

-84-

แบบสำรวจมรดกภมู ปิ ัญญำทำงวฒั นธรรมจงั หวดั เชียงรำย ประจำปี ๒๕๖๕
สภำวัฒนธรรมจงั หวัดเชยี งรำย
อำเภอเวยี งแก่น จังหวดั เชียงรำย

๑. ชื่อข้อมลู ศิลปะการแสดง และนาฏศิลป์พนื้ บ้าน (ขบั ล้ือ)

๒. ลักษณะ  วรรณกรรมพ้นื บ้านและภาษา
 ศลิ ปะการแสดง

 แนวปฏิบตั ิทางสงั คมพิธีกรรม ประเพณี และเทศกาล

 อาหาร/ความร้แู ละการปฏบิ ัตเิ กีย่ วกบั ธรรมชาตแิ ละจักรวาล
 งานช่างฝมี ือด้งั เดิม

 การละเลน่ พื้นบา้ น กีฬาพน้ื บา้ น และศลิ ปะการตอ่ สู่ป้องกันตัว

๓. รายละเอยี ดขอ้ มลู

๓.๑) ประวัติความเป็นมาของข้อมูล
นางทองพูน ยาวเิ ลงิ เปนชาวไทลื้อบานทาขาม อาเภอเวยี งแกน ไดรบั การฝกสอนใหขับล้ือตัง้ แตเด็ก
โดยมีแม และผูเฒาผูแกภายในหมูบานเปนคนชวยสอน และถายทอดวิธีการขับลื้อ ซ่ึงสวนใหญเนื้อหา การขับ
ล้ือจะเปนเร่ืองเก่ยี วกับวิถีชีวิตของชาวไทลื้อ และบทคาสอนตาง ๆ เชน การสอนคูบาวสาวใน การใชชีวิตครอง
คู ในพิธีแตงงาน รวมท้ังการขับในวันสาคัญตางๆ เชน งานทาบุญขึ้นบานใหม งานบวช การตอนรับแขกบา
นแขกเมือง เปนตน
กำรเผยแพรองคควำมรู
- ถายทอดองคความรูในการขับลื้อใหกับเด็ก เยาวชน นักเรียนในโรงเรียนตาง ๆ เชน โรงเรียนบาน
ทาขาม บานโละ อาเภอเวียงแกน, บานหวยหลวงปาแดง อาเภอขุนตาล
- เผยแพรองคความรูและภูมิปญญาในการขับลื้อในวันสาคัญตาง ๆ ของชาวไทล้ือใหกับ หนวยงาน
ตาง ๆ เชน อบต.ปอ, อบต.ทาขาม, อบต.ศรดี อนชยั อาเภอเชียงของ เปนตน
- ขับลื้อในพิธีปางเจ็ด หรือเขากรรมบาน ในหมูบานทาขาม โดยมีเน้ือหาเก่ียวกับการสรรเสริญ
และยกยองคุณงามความดขี องเจาหลวง หรอื เจาบานเจาเมอื ง เปนประจาทุกปี

๓.๒) ขั้นตอน/วธิ กี าร/ดาเนนิ การเก่ียวกบั ข้อมูล
สอบถามและจดั เก็บข้อมลู จากผู้มคี วามรู้ หรือปราชญช์ าวบ้าน

๔. ช่ือผทู้ ี่ถอื ปฏิบตั แิ ละผสู้ บื ทอด

๔.๑ ผู้ที่ถอื ปฏบิ ตั ิ

ช่ือ นางทองพูน ยาวิเลิง

วัน เดอื น ปเี กดิ -

ที่อยู่ 17 หมู 1 ตาบลทาขาม อาเภอเวยี งแกน จงั หวดั เชยี งราย

หมายเลขโทรศัพท์ -

๔.๒ ผสู้ ืบทอด

ชื่อ -

วนั เดือน ปีเกิด -

ทอ่ี ยู่ -

หมายเลขโทรศัพท์ -

-85-
๕. สถานะ การคงอยู่  ปฏบิ ัติอย่างแพร่หลาย  เสี่ยงตอ่ การสญู หาย  ไมม่ ปี ฏิบตั แิ ลว้
๖. รูปภาพภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม/กจิ กรรมทางภูมปิ ัญญาทางวัฒนธรรม

-86-

แบบสำรวจมรดกภมู ปิ ญั ญำทำงวัฒนธรรมจงั หวดั เชยี งรำย ประจำปี 2565
สภำวฒั นธรรมจงั หวัดเชยี งรำย
อำเภอเชยี งแสน จังหวดั เชียงรำย

1. ช่ือข้อมูล กลองหลวง ๑๒ ราศี (กลองหลวงลา้ นนา)

๒. ลักษณะ  วรรณกรรมพน้ื บา้ นและภาษา
 ศิลปะการแสดง

 แนวปฏิบตั ทิ างสงั คมพิธีกรรม ประเพณี และเทศกาล
 อาหาร/ความรแู้ ละการปฏบิ ัติเกีย่ วกับธรรมชาติและจกั รวาล

 งานชา่ งฝมี ือดง้ั เดิม

 การละเล่นพน้ื บา้ น กีฬาพื้นบา้ น และศิลปะการต่อสปู่ ้องกันตัว

๓. รายละเอยี ดข้อมลู

๓.๑) ประวัตคิ วามเป็นมาของขอ้ มลู
การตีกลองหลวง เป็นประเพณีของคนล้านนา ในภาคเหนือตอนบน ๘ จังหวัด คือ จังหวัดเชียงใหม่
จังหวัดลาพูน จังหวัดลาปาง จังหวัดพะเยา จังหวัดแพร่ จังหวัดน่าน จังหวัดเชียงราย และจังหวัดแม่ฮ่องสอน
โดยเฉพาะจังหวัดเชียงรายคงมีอาเภอเชียงแสนพยายามจะรื้อฟื้นให้เป็นมรดกภูมิปัญญาท้องถ่ินด้าน
ศิลปะการแสดง ประเพณี พธิ กี รรมและเทศกาลใหค้ งอย่เู ป็นเอกลักษณ์ของอาเภอเชียงแสน
กลองหลวงล้านนา มีเอกลักษณ์โดดเด่น สร้างโดยภูมิปัญญาท้องถิ่นของคนล้านนา เน่ืองจากกลองหลวง
เป็นกลองหน้าเดียวที่มีขนาดใหญ่ ตัวกลองทาด้วยไม้ประดู่ท่อนเดียว ความยาวตั้งแต่ ๑.๓๐ เมตร และ
เส้นผ่าศูนย์กลางตั้งแต่ ๒๐ น้ิว ขึ้นไป ข้ึนอยู่กับขนาดของไม้และความต้องการของช่าง ท่ีทากลอง หน้ากลอง
ทาด้วยหนังวัวตัวเมีย เพราะหนังวัวตัวเมียเป็นหนังที่ไม่มีรอยเฆ่ียนตี ไม่เหมือนหนังวัวตัวผู้ท่ีมีรอยเฆี่ยนตีจาก
การใช้งาน
เดิมการตีกลองหลวงจะเป็นการตีเพื่อแข่งขัน ต่อมาขาดการสานต่อจึงได้เป็นการตีเฉพาะวันสาคัญ
ทางศาสนา และในประเพณีต่าง ๆ เช่น การตีกลองหลวงในงานสลากภัต งานสงกรานต์ งานสรงน้าพระธาตุ
งานลอยกระทง งานฟอ้ น งานเซ้ิง เพราะเดมิ ไม่มแี ผ่นเสียง กจ็ ะใช้กลองหลวงตเี ปน็ จังหวะ
การตกี ลองหลวงจะตีไปพร้อมกับกลองตะโลด้ โป๊ดซ่งึ เปน็ กลองสองหน้า ทาหน้าที่ตีขัดสอดแทรกไปกับ
กลองหลวง ฉลา (ฉาบใหญ่) และฆ้องโหม่งซ่ึงมีขนาดเล็กไปจนถึงใหญ่ จานวน ๒ - ๙ ใบ ต่อกลองหลวงแต่ละ
ใบหรือแต่ละคณะศรทั ธาวดั น้ัน ๆ
กลองหลวงมาจากจังหวัดลาพูน โดยวัดปางหมอปวงได้ซ้ือมาจากจังหวัดลาพูน เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๗
ในราคา ๘๐,๐๐๐ บาท (แปดหม่ืนบาทถ้วน) เม่ือปี พ.ศ. ๒๕๔๗ แล้ววัดต่าง ๆ ในอาเภอเชียงแสนก็หาซื้อมา
เป็นลาดับ จวบจนตั้งเป็นชมรมกลองหลวงเชียงแสน ในปัจจุบันหากขาดการสนบั สนุนและอนุรักษ์กลองหลวง
ล้านนาไว้กจ็ ะสญู หายไปเนือ่ งจาก
๑. ไม้ประดู่ตน้ ใหญ่ หน้ากวา้ ง ไม่สามารถหาได้แล้ว
๒. ขาดผชู้ านาญการในการทากลอง (การขุดเจาะ ขน้ึ รปู ข้ึนเสียง)
๓. ขาดผสู้ บื ทอด เพราะผฝู้ ึกสอนมอี ายมุ ากแลว้

-87-

3.2 ขัน้ ตอน วธิ ีการดาเนนิ การเก่ียวกบั ขอ้ มลู
อาเภอเชียงแสนเป็นอีกแห่งหน่ึงในล้านนา ท่ีได้พยายามร้ือฟ้ืนและอนุรักษ์เพ่ือรักษาประเพณีการ ตีกลอง
หลวง โดย ท่านเจ้าคุณพระพุทธญิ าณมุนี เจ้าคณะจังหวัดเชยี งราย ได้สนับสนุนให้มีการต้ังชมรมกลองหลวงข้ึน
ในปี พ.ศ. ๒๕๕๕ เพื่อร่วมฉลอง ๗๕๐ ปีเมืองเชียงราย โดยมีนายวงศ์ ทาลังกา เป็นตัวแทนกลองหลวงวัดผ้า
ขาวป้าน เป็นประธานชมรมกลองหลวงเชียงแสน และได้รวมตัวกันในชุดการแสดง “กลองหลวง ๑๒ ราศี”
นับแตบ่ ดั น้นั จนกลายเปน็ อัตลกั ษณด์ ้านศลิ ปะการแสดงของชาวอาเภอเชียงแสน และไดส้ บื ทอดมาจนปจั จบุ นั
รายชื่อวดั กลองหลวง ๑๒ ราศี แต่ละราศี
๑. วัดพระเจ้าลา้ นทอง หมู่ ๒ ตาบลเวียง อาเภอเชียงแสน ปีชวด
๒. วัดเจดยี ห์ ลวง หมู่ ๓ ตาบลเวยี ง อาเภอเชยี งแสน ปีฉลู
๓. วัดผา้ ขาวปา้ น หมู่ ๒ ตาบลเวียง อาเภอเชียงแสน ปีขาล
๔. วดั ปงสนุก หมู่ ๓ ตาบลเวียง อาเภอเชียงแสน ปีเถาะ
๕. วัดพระธาตุผาเงา หมู่ ๕ ตาบลเวยี ง อาเภอเชียงแสน ปมี ะโรง
๖. วัดปา่ สกั หางเวยี ง หมู่ ๙ ตาบลเวียง อาเภอเชยี งแสน ปีมะเส็ง
๗. วัดปางหมอปวง หมู่ ๖ ตาบลป่าสัก อาเภอเชียงแสน ปมี ะเมยี
๘. วดั ป่าคา หมู่ ๓ ตาบลแม่เงิน อาเภอเชียงแสน ปีมะแม
๙. วัดดอยจาปี หมู่ ๓ ตาบลป่าสัก อาเภอเชยี งแสน ปวี อก
๑๐. วดั บา้ นทงุ่ หมู่ ๒ ตาบลบา้ นแซว อาเภอเชยี งแสน ปีระกา
๑๑. วดั ดอยจัน หมู่ ๑ ตาบลโยนก อาเภอเชียงแสน ปีจอ
๑๒. วดั บ้านแซว หมู่ ๑ ตาบลบา้ นแซว อาเภอเชียงแสน ปกี นุ

๔. ชื่อผทู้ ี่ถือปฏิบัติและผสู้ ืบทอด

๔.๑ ผ้ทู ีถ่ ือปฏบิ ัติ

ช่อื นายสเุ ทพ ล้อสีทอง

วนั เดอื น ปเี กดิ -

ท่อี ยู่ ๒๐๔ หมู่ 3 ตาบลเวยี ง อาเภอเชยี งแสน จงั หวัดเชียงราย

หมายเลขโทรศัพท์ 08๑ ๕๓๑ ๙๘๐๕

๔.๒ ผ้สู ืบทอด

ชือ่ สภาวฒั นธรรมอาเภอเชียงแสน

วนั เดอื น ปเี กิด -

ท่ีอยู่ -

หมายเลขโทรศัพท์ -

๕. สถานะ การคงอยู่  ปฏบิ ตั อิ ย่างแพรห่ ลาย  เสยี่ งต่อการสูญหาย  ไม่มีปฏบิ ัติแล้ว

๖. รูปภาพภมู ปิ ญั ญาทางวัฒนธรรม/กจิ กรรมทางภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม

-88-

-89-

แบบสำรวจมรดกภมู ปิ ัญญำทำงวัฒนธรรมจังหวดั เชยี งรำย ประจำปี 2565
สภำวฒั นธรรมจังหวัดเชยี งรำย
อำเภอเชยี งแสน จงั หวัดเชียงรำย

1. ชื่อข้อมูล แคนม้ง

๒. ลักษณะ  วรรณกรรมพน้ื บา้ นและภาษา
 ศิลปะการแสดง

 แนวปฏิบัติทางสงั คมพธิ ีกรรม ประเพณี และเทศกาล

 อาหาร/ความร้แู ละการปฏิบัตเิ กย่ี วกบั ธรรมชาตแิ ละจกั รวาล

 งานช่างฝีมือด้ังเดิม
 การละเล่นพนื้ บ้าน กีฬาพน้ื บา้ น และศิลปะการต่อสปู่ ้องกันตวั

๓. รายละเอยี ดข้อมูล

๓.๑) ประวัตคิ วามเปน็ มาของข้อมลู
แคนม้ง เป็นเคร่ืองดนตรีชนเผ่าม้งท่ีมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่ว่าจะพบเห็นที่ไหนก็สามารถ
บ่งบอกได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของม้ง แคนประดิษฐ์จากไม้ไผ่ที่ผ่านการคัดเลือกอย่างพิเศษแตกต่างจากไม้ไผ่
โดยทั่วไป ผู้ท่ีมีความสามารถในการเป่าแคนต้องมีใจรัก เสียงเพลงจากแคนม้งและเคร่ืองดนตรีประกอบเสียง
ไดแ้ ก่ ขลยุ่ ป่ี ซอ เขา้ ไปอยูใ่ นทุกพธิ ีกรรม ทุกเทศกาล ท่ีสาคัญเสยี งเพลงจากแคนม้งสามารถบอกกลา่ วเร่ืองราว
วิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชนเผ่าทุกเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นเร่ืองราวความสุข ความทุกข์ของครอบครัว ชุมชน
แต่ปัจจุบันคนรุ่นหลังในชุมชนบ้านธารทองขาดผู้สืบทอดความสามารถในการเป่าแคน เหลือเพียงผ้เู ฒ่าในชุมชน ๖ คน
และเยาวชน ๑ คน ท่เี ป็นผสู้ บื ทอดและยงั มคี วามสามารถในการถา่ ยทอดศิลปะเสยี งเพลงจากแคนได้

3.2 ข้ันตอน วิธีการดาเนินการเกยี่ วกบั ข้อมูล
ดนตรีชาวเขาเผ่าม้ง ไพเราะแว่วมาอย่างโหยหวน แสดงความสูญเสีย ที่สลับซับซ้อน ชาวม้ง
เรียกดนตรีชิ้นน้ีว่า เก้ง คนพื้นราบเรียกกันว่า แคน แต่เดิมดนตรีที่เรียกว่าเก้งใช้ในการเป่าเพื่อส่งวิญญาณ
ของผู้ตาย เมื่อได้ยินเพลงจากแคน แสดงถึงมีการตาย มีการลั่นกลองประกอบ เม่ือมีการตายชาวม้งต้องนา
ศพไปฝังบนเขาผู้นาขบวนจะเดินเป่าแคนเพ่ือส่งวิญญาณไปสวรรค์ ดนตรีประจาชาวเขาเผ่าม้งที่สาคัญ คือ
แคนหรอื เกง้ ใช้เปา่ เพ่อื ส่งวิญญาณผู้ตายไปสู่สวรรค์
ปัจจุบัน วัฒนธรรมการเป่าแคนเปลี่ยนแปลงไป ใช้เป่าในหลายงาน แม้งานร่ืนเริงก็ใช้เป่าอาจเป็น
เพราะมีการปรับสภาพตามความเป็นจริง ในปัจจุบัน เสียงแคนไพเราะมาก น้าเสียง ลีลาทานอง ให้อารมณ์
ความรู้สึกท่ีบอก ถึงความรักอาลัย และความสูญเสีย การเป่าแคนหรือเก้ง ของชาวม้งน้ี มีท่าเต้นประกอบการ
เปา่ แคนด้วย มีลลี าและอารมณ์ท่ีน่าสนใจ นา่ เรยี นรแู้ ละน่าสืบทอด การบันทกึ เร่ืองราวของการทาแคน การเป่าแคน
การเต้นตามทานองแคน สู่รายการโทรทัศน์วัฒนธรรม จึงการบันทึกวัฒนธรรม โดยใช้เทคโนโลยีเข้ามารับใช้
วัฒนธรรมอาจทาให้วัฒนธรรม การเป่าแคน การทาแคน และการเต้นตามทานองของแคนอยู่คู่วัฒนธรรม
ชาวม้งตอ่ ไป

-90-

๔. ช่ือผทู้ ี่ถือปฏิบตั แิ ละผู้สบื ทอด

๔.๑ ผู้ทีถ่ อื ปฏิบัติ

(๑) ชอื่ ผู้เฒา่ เลาก้า แซ่ยา่ ง

วัน เดือน ปเี กดิ -

ทอี่ ยู่ 317 หมู่ 11 ตาบลแมเ่ งิน อาเภอเชยี งแสน จงั หวัดเชยี งราย

หมายเลขโทรศัพท์ -

(2) ชือ่ ผู้เฒ่าชาลี มุกดาสวรรค์

วนั เดือน ปีเกิด -

ทีอ่ ยู่ 32 หมู่ 11 ตาบลแมเ่ งิน อาเภอเชยี งแสน จงั หวัดเชียงราย

หมายเลขโทรศัพท์ -

๔.๒ ผสู้ ืบทอด

ชื่อ นายจันทร์ แซเ่ ล่า

วนั เดอื น ปเี กดิ -

ท่ีอยู่ 17 หมู่ 11 ตาบลแมเ่ งิน อาเภอเชยี งแสน จังหวัดเชยี งราย

หมายเลขโทรศัพท์ -

๕. สถานะ การคงอยู่  ปฏิบตั ิอยา่ งแพร่หลาย  เส่ียงตอ่ การสูญหาย  ไมม่ ปี ฏิบตั แิ ล้ว

๖. รปู ภาพภมู ิปญั ญาทางวัฒนธรรม/กจิ กรรมทางภูมปิ ัญญาทางวัฒนธรรม


Click to View FlipBook Version