CF 369 สัมมนาเด็ก เยาวชน และครอบครัว อาจารย์ผ้สู อน ผศ.ดร.ป่ นิ หทยั หนนู วล 247
คณะสังคมสงเคราะหศ์ าสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ภาคการเรยี นท่ี 1 ปีการศึกษา 2564
พัฒนาการของเขาได้หรือไม่ บางรายสามีต้องไปทำงานต่างจังหวัดทำให้ครอบครัวต้อง แยกกันอยู่ทำให้รู้สึกขาดที่พ่ึง
ขาดคนปรึกษาบางรายยอมรับว่า อยากมีครอบครัวที่อบอุ่น และต้องการคำปรึกษาเรื่องการวางแผนครอบครัว แต่ไม่รู้
จะปรึกษาใคร
ปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยใสมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง คนส่วนใหญ่คิดว่าเรื่องเพศเป็นเรื่องที่น่าอาย
ไม่กล้าปรึกษาครอบครัวหรือผู้อื่น ทำให้ไม่ได้รับความรู้และทักษะในการป้องกันอย่างถูกต้องส่งผลที่ตามมาของคุณแม่
วัยใสการตั้งครรภ์ในวัยใส ส่งผลให้เยาวชนต้องยุติการเรียนในภาคปกติไป หลังจากนั้นบางคนอาจเลือกเรียนต่อใน
การศึกษาภาคพิเศษ หรืออาจหยุดการเรียนเอาไว้เท่านั้น ซึ่งในคนที่เลือกที่จะเรียนต่อบางคนอาจต้องพักการเรียนไว้
เป็นปี ๆ จากความไม่พร้อมที่ต้องเลี้ยงลูกและทัศนคติในเชิงตำหนจิ ากคนรอบข้างและสังคม ปัจจัยดังกล่าวอาจส่งผล
ให้แนวโน้มของการทำแท้งและการถอดทิ้งเด็กสูงมากขึ้น ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เกิด พ.ร.บ.การป้องกันและแก้ปัญหาการ
ตั้งครรภ์ในวัยใสปี 2559 ขึ้น มีช่ือว่า พระราชบัญญัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยใสพ.ศ. ๒๕๕๙
และเมื่อมีครอบครัวพ่อแม่รุ่นเกิดขึ้นนั้นได้รับผลกระทบทำให้เกิดสิ่งที่ผิดแปลกไปจากบรรทัดฐานทางสังคมเกิดการ
เปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางสังคมอย่างมากและผิดจากสิ่งที่สังคมไทยในอดีตเคยเป็น ส่วนใหญ่ยอมรับและเห็นว่ามี
คุณค่า เพราะว่าเป็นความสัมพันธ์ที่สังคมยอมรับ าหรือเราอาจจะเรียกว่ากระแสทางสังคม แต่ก็อาจจะ๔กสังคมบาง
กลมุ่ บาลบคุ คล ตำหนิ ดา่ ทอ
แต่ครอบครัวเป็นสถาบันแห่งแรกที่อบรมทางด้านจิตใจและปลูกฝังพฤติกรรมสุขภาพให้แก่เด็ก โดย
ประกอบด้วยพ่อ แม่ ลูกเป็นสถาบันหลักในการดูแลและเลี้ยงดูถ้าครอบครัวใดที่พ่อแม่และ บุคคลในครอบครัวมี
การศึกษาและ ถ่ายทอดสิ่งที่ ดีมีคุณค่ากับเด็ก เด็กก็จะได้รับการซึมซับสิ่งที่ดีมีพฤติกรรมที่พึงประสงค์ แต่เด็กที่
เกิดในครอบครัวที่เป็นแบบอย่างในทางตรงข้าม เช่น พ่อ แม่ หรือบุคคลในครอบครัวมีการศึกษาน้อย ยากจน พ่อแม่มี
พฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง เช่น พูดจาหยาบคาย ไม่สุภาพ และมีพฤติกรรมทางเพศที่ไม่เหมาะสมเด็กก็จะซึมซับเอา
พฤติกรรมที่ไม่ถูกต้องนั้นมาเป็นพฤติกรรมของตนเองเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นครอบครัวจึงมี อิทธิพลอย่างมากต่อต่อ
พฤตกิ รรมตา่ ง ๆ ครอบครัวอบอ่นุ ประกอบด้วย 3 องค์ประกอบหลัก คอื
1. สัมพนั ธภาพท่ดี ตี อ่ กนั ภายในครอบครัว
2. สมาชกิ ในครอบครัวมีบทบาทหน้าท่ีทด่ี ตี ่อกนั
3. ครอบครวั มคี วามเขม้ แข็งพึ่งตนเองได้
บทบาทของนกั สังคมสงเคราะห์
ในการทำงานของนักสังคมสงเคราะห์กับคุณแม่วัยใสนักสังคมสงเคราะห์ต้องมีเครื่องและวิธีการที่มีแผนการ
เป็นขั้นตอนเพื่อให้สำเร็จในการทำงานและให้คุณแม่วัยใสเข้าใจถึงปัญหาของตนเองและรับรู้ถึงการอยู่ในสังคมให้ได้อยู่
อยา่ งปกตแิ ละมีความสุขโดยจะมีการยกตวั อยา่ งการปฎิบัติงานสังคมสงเคราะห์ดังน้ี
การใช้เครอื่ งมือ
1.แบบบนั ทึกขอ้ มลู การติดตามผลการดูแลบุตรตอ่ เนือ่ งภายหลงั จากออกจากโรงพยาบาล
2. แบบสมั ภาษณ์ประกอบดว้ ยหวั ข้อดังน้ี
2.1 ขอ้ มลู ทัว่ ไปของแม่วยั รุ่น
2.2 สาเหตุของการตังครรภไ์ ม่พรอ้ มของวัยร่นุ
2.3 ปัญหาจากของการตงั้ ครรภไ์ ม่พร้อมของวัยรนุ่
2.4 ความตอ้ งการเพอื่ การป้องกนั ปัญหาการตงั้ ครรภไ์ ม่พร้อมของวัยร่นุ
CF 369 สัมมนาเดก็ เยาวชน และครอบครัว อาจารยผ์ ้สู อน ผศ.ดร.ป่ นิ หทัย หนนู วล 248
คณะสังคมสงเคราะหศ์ าสตร์ มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์ ภาคการเรียนท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2564
2.5 ความต้องการเพื่อการแกไขป้ ัญหาจากการตงั้ ครรภ์ไม่พรอ้ มของวยั รุ่น
3. แผนผงั ครอบครัว ( Genogram )
4. แผนผังสังคมมิติ (Ecological map) ขั้นตอนการทำงาน สำหรับการทำงานสังคมสงเคราะห์ จะมีทั้งหมด
5 กระบวนการ คอื
1. การแสวงหาข้อเท็จจริง/ การสืบค้นข้อเท็จจริง (Fact Finding) โดยส่วนใหญ่แล้วขั้นตอนนี้จะเป็นการ
สืบค้นจะเน้นการสัมภาษณ์พูดคุยและเยี่ยมบ้าน เพื่อให้เกิดการ รวบรวมและสรุปข้อมูลของผู้ใช้บริการ โดยข้อมูลมัก
ประกอบด้วยข้อมูลของผู้ใช้บริการ เช่น ชื่อ อายุ วันเกิด ภูมิลำเนา อาชีพรายได้ ลักษณะการท างาน โรคประจ าตัว ช่ือ
บิดา - มารดา ชื่อภรรยา ชื่อสามี ชื่อบุตร ข้อมูลที่อยู่ อาศัยและข้อมูลสมาชิกในครอบครัว ซึ่งจะช่วยบ่งบอก
สภาพแวดล้อมของผู้ใช้บริการว่าสถานะทางบ้านเป็นอย่างไร ได้รับสวัสดิการอะไรจากรัฐบ้าง เมื่อได้ข้อมูลต่าง ๆ
มาแล้ว นักสังคมสงเคราะห์ต้องสามารถเขียน genogram หรือ Family Tree ซึ่งเป็นแผนผังครอบครัวของ
ผใู้ ช้บรกิ ารได้ด้วย
2. การประเมินสภาวะของผู้ใช้บริการ (Assessment) ผ่านสภาวะกายจิตและสังคม สภาวะทางกาย เช่น มี
สุขภาพแข็งแรงหรือไม่มีโรคประจ าตัว อาการผิดปกติ หลังคลอดบุตรหรือไม่ สภาวะทางจิตสังคม เช่น ต้องแบกรับ
อะไรหรือไม่ มีอาการป่วยทางจิตเวชหรือเปล่า มีความสัมพันธ์ ภายในครอบครัวเป็นอย่างไร ประเมินสภาวะครอบครัว
เช่น พื้นฐานความสัมพันธ์ในครอบครัว กิจกรรมที่ทำร่วมกันในครอบครัวมี อะไรบ้าง การประเมินความเสี่ยง โดยอาจ
เป็นความเสี่ยงจากภัยอันตรายหรือสภาพแวดล้อมโดยรอบ เช่น ลักษณะ บ้านของผู้ใช้บริการอยู่ใกล้สถานที่เป็นแหล่
งอโคจร แหล่งม่วนมั่วสุม อยู่ลำคลองที่เป็นคลองสีดำกลิ่นเหม็นจัด จึงเสี่ยงต่อ การมีสัตว์เลื้อยคลานเข้าบ้านหรือ
เสี่ยงต่อโรคทางเดินหายใจ สามารถสง่ ผลเสียต่อสขุ ภาพของแมแ่ ละบุตรได้
การประเมินความต้องการ เช่น ความต้องการทางด้านเศรษฐกิจ ที่จำเป็นต้องได้รับเงินช่วยเหลือหรือเงิน
สงเคราะห์ครอบครวั ความตอ้ งการดา้ นอุปกรณ์ในการดูแลบุตร
3.การกำหนดเป้าหมายและแผนบริการ (Care Plan/ Planning) คุณแม่วัยใส ที่เป็นกลุ่มพ่อแม่วัยรุ่นที่ยัง
คาดประสบการณ์ในการเลี้ยงดูบุตร และการวางแผนการ รับมือกับอนาคตของตนเองว่าจะไปในทิศทางไหน การก
าหนดเปูาหมายว่าผู้ใช้บริการจะต้องได้รับการสงเคราะห์ ในด้านในบ้าง และต้องได้รับการดูแลอย่างไหร่ที่จะเหมาะสม
จากพื้นฐานของความเสี่ยงทางสภาวะที่ได้ประเมินมา จึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการช่วยเหลือกลุ่มครอบครัวพ่อแม่
วัยรุ่นท าให้ได้รับการช่วยได้อย่างตรงจุดและได้อย่างมี ประสิทธิภาพ โดยครอบครัวในรูปแบบพ่อแม่วัยใสนั้นจะต้องมี
การจดั รูปแบบการจดั สวัสดิการเพ่ือการแกไขป้ ญั หา การตัง้ ครรภ์ไมพ่ รอ้ มในวัยร่นุ สามารถแบ่งออกได้ 5 ดา้ น ดงั น้ี
1. ดา้ นจติ ใจ ควรมีหนว่ ยงานให้ค าปรกึ ษาเพ่ือฟืนฟูสภาพจิตใจของวยั รุ่นทีต่ งั ครรภ์ไม่พรอ้ ม
2. ด้านการศึกษา ควรจดั สรรทุนการศกึ ษาและสง่ เสริมการกลับเข้าสู่ระบบการศึกษาของวยั รุ่น
3. ดา้ นเศรษฐกิจควรมหี น่วยงานฝกึ อาชพี เพอื่ ชว่ ยให้แม่สามารถสรา้ งรายไดด้ ้วยตวั เอง
4. ด้านการเลี้ยงดูบุตร ควรมีหน่วยงานให้ค าปรึกษาเรื่องการเลียงดูบุตรรวมถึงการฉีดวัคซีนต่างๆ และ
จัดสรร ทุนการศึกษาให้แก่บุตรทีเกิดจากวัยรุ่นทีตั้งครรภ์ไม่พร้อม ประกอบกับการประสานงานกับศูนย์บริการ
สาธารณสุข ในพืน้ ทใ่ี กลเ้ คียงเพอื่ ตดิ ตามการดูแลสุขภาพของแมแ่ ละเดก็ ในภายหลงั
5. ด้านครอบครัว ควรปรับทัศนคติของพ่อแม่ให้ยอมรับการผิดพลาดของวัยรุ่นและส่งเสริมให้ครอบครัว
ชว่ ยกนั ประคบั ประคองสมาชิกในครอบครัวใหเ้ จรญิ เติบโตในสงั คมได้อย่างเข้มแข็ง
- การดำเนนิ งาน (Implementation) ตามแผนทีก่ ำหนดไว้
- การติดตามผลการดำเนินงานที่เกิดขนึ้ (Output/Outcome/Impact) และการสง่ ต่อ (Referral System)
CF 369 สัมมนาเดก็ เยาวชน และครอบครัว อาจารยผ์ สู้ อน ผศ.ดร.ป่ นิ หทัย หนนู วล 249
คณะสังคมสงเคราะหศ์ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ ภาคการเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564
การติดตามผลหลังการดำเนินการช่วยเหลือเสร็จสิ้นไปแล้ว ว่าผู้ใช้บริการเป็นอย่างไร ต้องการความ
ช่วยเหลือเพิ่มเติมหรือไม่ ทั้งนี้อาจมีการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการติดตามผลในด้านอื่น ๆ
ต่อไปดว้ ย โดยอาจประสานงานตอ่ ไปหรือส่งตอ่ ไปยงั หน่วยงานอืน่ เพอ่ื ใหก้ ารช่วยเหลอื อย่างครอบคลุมตอ่ ไป
จากสภาพปัญหาของสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลงและแนวโน้มของอัตราการเป็นครอบครัวเลี้ยงเดี่ยว สูงขึ้น
ครอบครัวเลี้ยงเดี่ยว หมายถึง ครอบครัวที่เป็นสมาชิกหลัก คือ บิดาหรือมารดาได้ยุติชีวิตสมรส เนื่องมาจากเสียชีวิต
หยา่ รา้ ง ละทง้ิ แยกทาง การเป็นมารดาหรือบิดานอกสมรส
ครอบครัวเลี้ยงเดี่ยวเป็นประเด็นปัญหาของสังคมไทยซึ่งนับวันแนวโน้มที่มีจำนวน เพิ่มมากขึ้น ความ
เปราะบางของครอบครัวส่งผลต่อกระทบต่อการดำเนินชีวิตท้ังในด้านเศรษฐกิจและสังคม รวมทั้งการเผชิญหน้าต่อ
เจตคติของคนในสังคมที่ต้องกลายเป็นแม่หรือพ่อเลี้ยงเดี่ยว ปัจจุบันประเทศไทยยังไม่มีการระบุว่าครอบครัวเลี้ยง
เดี่ยวเป็นครอบครัวกลุ่มเป้าหมาย ทำให้การเข้าถึงสิทธิเพื่อรับสวัสดิการจากรัฐแฝง อยู่ในกลุ่มผู้มีรายได้น้อย การ
แก้ไขปัญหาในระยะวิกฤตของครอบครัวเลี้ยงเดี่ยว ส่วนใหญ่จะได้รับความ ช่วยเหลือจากเครือญาติ เพื่อน ผู้นำชุมชน
ภาครัฐ จึงควรมีนโยบายและแนวทางที่สำคัญ คือ 1. การผลักดัน รูปแบบการจัดสวัสดิการสังคมแบบบูรณาการโดย
กำหนดให้ครอบครัวเลี้ยงเดี่ยวเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของการ จัดสวัสดิการสังคมเพื่อแสดงให้เห็นถึงความสำเร็จ
อย่างเป็นรูปธรรม มีบุคลากรที่มีความเป็นมืออาชีพในเชิงลึก เพื่อส่งเสริมสนับสนุนและการสร้างเครือข่ายเพื่อ
ให้บริการปรึกษาและการบำบัดแก่ครอบครัว การมีส่วนร่วมในการส่งเสริมอาชีพและรายได้รวมทั้งกระบวนการจัดการ
ทางกฎหมาย 2. ผลักดันให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยงานจัดทำข้อบัญญัติงบประมาณสนับสนุนครอบครัว
เลี้ยงเดี่ยว 3. จัดทำฐานข้อมูลครอบครัวเลี้ยงเดี่ยว ให้มีความชัดเจนโดยประสานความร่วมมือกับหน่วยงานระดับชาติ
เช่น สำนักงานสถิติ กรมการปกครอง หน่วยงานภาคเอกชน ควรมีส่วนร่วมกับภาครัฐในการจัดสถานที่ทำงาน เพ่ือ
เป็นการ ช่วยเหลือและเอ้ือประโยชน์ต่อครอบครัวเลี้ยงเดี่ยวในเรื่องของเงินทุนประกอบอาชีพ จัดสภาพแวดล้อมที่
เหมาะสม การจัดให้ความรู้แก่ครอบครัวเลี้ยงเดี่ยวในสภาวะการปรับตัว เพื่อสร้างอัตลักษณ์ในเชิงบวกและเสริม พลัง
ใหค้ รอบครวั มคี วามม่นั ใจและเหน็ คณุ คา่ ในตนเอง
CF 369 สัมมนาเด็ก เยาวชน และครอบครวั อาจารยผ์ ูส้ อน ผศ.ดร.ป่ นิ หทัย หนูนวล 250
คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ ภาคการเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2564
อ้างอิง
ครอบครัวเลี้ยงเดี่ยว .ความท้าทายที่ต้องก้าวผ่านให้ได้ในสังคมไทยปัจจุบัน.ครอบครัวที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในอนาคต.
สบื คน้ เม่ือวันที่ 5 พฤษภาคม 2564,
จากเว็บไซต์: http://legacy.orst.go.th/wp-content/uploads/2019/05/ครอบครัวเลี้ยงเดี่ยว-ความท้า
ทายทต่ี ้องกา้ วผา่ น.pdf
เปิดสถติ ิ คณุ แม่วยั ใส พบสว่ นมากมกี ารศกึ ษานอ้ ย.สถิตแิ มว่ ัยใสปัจจบุ ัน.สืบค้นเมอื่ วันท่ี 5 พฤษภาคม 2564,
จากเวบ็ ไซต์: https://news.trueid.net/detail/6Dalz25gJxqp
ยุทธศาสตร์ การป้องกัน และแก้ไขปัญหา การตั้งครรภ์ในวัยใสระดับชาติ พ.ศ.2560-2569 ตามพระราชบัญญัติการ
ป้องกัน และแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยใส พ.ศ.2559.สถิติการคลอดบุตร แนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหา
จากยทุ ธศาสตร์. สืบคน้ เมอื่ วันที่ 5 พฤษภาคม 2564,
จากเว็บไซต์: https://www.unicef.org/thailand/media/5151/file/
แม่วัยใสความท้าทายการตั้งครรภ์ในวัยใส.การเปลี่ยนบทบาทจากวัยใสมาเป็นแม่วัยใส.สืบค้นเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม
2564,
จากเวบ็ ไซต์: https://thailand.unfpa.org/sites/default/files/pub-
pdf/State%20of%20Thailand%20Population%20report%202013-MotherhoodinChildhood_th.pdf
ครม.เหน็ ชอบจดั สวัสดิการให้ “แมว่ ยั ใส”.สวสั ดกิ ารคณุ แม่วยั ใส. สบื คน้ เมอ่ื วันที่ 6 พฤษภาคม 2564,
จ า ก เ ว ็ บ ไ ซ ต ์ : https://www.thansettakij.com/content/politics/415498?fbclid=IwAR2O4fY-
glTOFPefFbImV7TzCKX1zMHBItaa8wWx5T-91jc-C6yglwX_Mls
วิจัยแนวทางรูปแบบการจัดสวัสดิการเพื่อการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ไม่พร้อมของวัยใส .สวัสดิการพ่อ
แม่วยั ใส. สืบคน้ เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2564,
จากเว็บไซต์ : http://tpso4.msociety.go.th
ทฤษฏพี ืน้ ฐานการปฏบิ ัตงิ านสงั คมสงเคราะห์ . ทฤษฏใี นการปฏบิ ัติงานต่าง ๆ .สบื คน้ เมือ่ วันท่ี 7 พฤษภาคม 2564,
จากเว็บไซต์ : http://oservice.skru.ac.th/ebookft/282/chapter4.pdf
CF 369 สัมมนาเด็ก เยาวชน และครอบครวั อาจารย์ผู้สอน ผศ.ดร.ป่ นิ หทยั หนนู วล 251
คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์ ภาคการเรยี นท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2564
ภาคผนวก
CF 369 สัมมนาเด็ก เยาวชน และครอบครัว อาจารยผ์ สู้ อน ผศ.ดร.ป่ นิ หทยั หนนู วล 252
ครอบครวั แหว่ง กลางคณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ ภาคการเรยี นที่ 1 ปกี ารศึกษา 2564
ศริ ิรตั น์ ใจอ้าย 6105700253
พิชญาดา สิทธิเสนา 6105700386
CF 369 สัมมนาเดก็ เยาวชน และครอบครวั อาจารยผ์ ูส้ อน ผศ.ดร.ป่ นิ หทัย หนูนวล 253
คณะสังคมสงเคราะหศ์ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ ภาคการเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2564
คำนำ
รายงานฉบับนี้จัดทำขึ้นเพ่ือประกอบการเรียนวิชา CF1369 สัมมนาการพัฒนาเด็ก เยาวชนและครอบครัวโดย
มีจุดประสงค์เพื่อให้ผู้จัดทำได้ฝึกการข้บทความในสัมมนา รวบรวมเป็นหัวข้อและนำความรู้ที่ได้ไปศึกษาค้นคว้าในการ
สัมมนาเพิ่มเติมในอนาคต รวมองค์ความรู้และทฤษฎีที่ได้ศึกษาจากวิจัยและข้อมูลจากการสัมมนาในครั้งนี้ มาปรับใช้ใน
การทำรายงานในคร้ังน้เี พือ่ ให้เกดิ ความถูกต้องและสมบูรณแ์ บบในการจะใชจ้ ดั ทำสัมมนาคร้งั ตอ่ ไป
ทั้งน้ี เนื้อหา และขั้นตอนที่รวบรวมได้มีการศึกษาและรวบรมมาจากหนังสือ วิจัย อินเทอร์เน็ตและในการ
สัมมนาในห้องเรียน ขอขอบคุณอาจารย์ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ปิ่นหทัย หนูนวล เป็นอย่างสูงที่ท่านเข้ามาช่วย
แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ข้อเสนอแนะต่างๆในการสัมมนารวมท้ังเป็นพลังเสริมในการร่วมสัมมนาทุกครั้งให้แก่นักศึกษา
ผูจ้ ดั ทำหวงั ว่ารายงานฉบับน้คี งมปี ระโยชน์ตอ่ ผทู้ ี่นำไปใช้ให้เกดิ ผลสมั ฤทธต์ิ ามความคาดหวงั
ศิรริ ตั น์ ใจอา้ ย 6105700253
พิชญาดา สทิ ธเิ สนา 6105700386
คณะผูจ้ ดั ทำ
CF 369 สัมมนาเด็ก เยาวชน และครอบครวั อาจารย์ผูส้ อน ผศ.ดร.ป่ นิ หทัย หนนู วล 254
คณะสังคมสงเคราะหศ์ าสตร์ มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร์ ภาคการเรียนท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2564
ครอบครวั
คำว่าครอบครัวเป็นคำที่มีความหมายลึกซึ้งและมีหลายมุมมองในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.
๒๕๕๔ ให้ความหมายของครอบครัวไว้กว้าง ๆ ว่า คือ สถาบันพื้นฐานของสังคมที่ประกอบด้วยสามีภรรยา
และหมายความรวมถึงลูกด้วย ในปัจจุบันจะเห็นได้ว่านั้นมีอยู่หลายรูปแบบ บางครอบครัวอาจจะเป็นครอบครัวที่อยู่กัน
พร้อมหน้าแบบครอบครัวใหญ่ มีปู่ย่าตายาย พ่อแม่ และหลาน ส่วนบางครอบครัวอาจจะเป็นครอบครัวเล็กมีแค่พ่อแม่
และลูก บางครอบครัวอาจจะเปน็ ครอบครัวที่มสี มาชิกอยเู่ พยี งคนเดียวกส็ ามารถพบเห็นในสงั คมไทย ณ ปจั จบุ นั
นอกจากนี้ในพจนานุกรมศัพท์สังคมวิทยา ฉบับราชบัณฑิตยสถานได้อธิบายความหมายของครอบครัวไว้
ละเอยี ดขนึ้ วา่
ครอบครัว (family หมายถึงกลุ่มของบุคคลที่มีความเชื่อมโยงกันโดยการสมรส ทางสายเลือด หรือการรับ
เลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม รวมตัวกันเป็นครอบครัว 1 หนึ่ง สมาชิกของครอบครัวมีความผูกพันกันทางอารมณ์และจิตใจ
ในการดำเนินชีวิตร่วมกัน มีการปฏิสัมพันธ์และการสื่อสารระหว่างกันตามบทบาททางสังคมของสามีและภรรยา
แม่และพ่อ พี่และน้อง รวมทั้งมีการพึ่งพิงกันทางสังคมและเศรษฐกิจด้วย และเมื่อสภาพสังคมเปลี่ยนไป รูปแบบของ
ครอบครัวก็เปลี่ยนไปเช่นกัน โดยในสมัยก่อนรูปแบบของครอบครัวจะมีลักษณะเป็นครอบครัวขยาย ต่างกับรูปแบบ
ครอบครวั ในสมยั ปัจจบุ นั ที่มีลักษณะเปน็ ครอบครวั เดีย่ ว
ครอบครัวเดี่ยว (nuclear family ในทางสังคมวิทยาถือว่า เป็นครอบครัวที่ประกอบด้วยชายและหญิงที่มี
ความสัมพันธ์ทางเพศโดยสังคมยอมรับ และบุตรที่ยังไม่ได้แต่งงานหรืออาจเป็นบุตรบุญธรรมก็ได้ครอบครัวเดี่ยวเป็น
หน่วยพื้นฐานทางสงั คม เปน็ หน่วยยอ่ ยทสี่ ุด มสี มาชกิ น้อยทสี่ ุด เป็นรากฐานของหนว่ ยทางสงั คมขนาดใหญข่ นึ้ ไป
ครอบครัวขยาย (extended family) เป็นครอบครัวที่สมาชิกขยายความสัมพันธ์ฉันญาติออกไปจาก
ครอบครัวเดี่ยว โดยการมีคนมากกว่า ๒ รุ่นอายุอาศัยอยู่ด้วยกันเป็นครอบครัว คือมีปู่ย่าหรือตายาย พ่อแม่ลูกหรือ
หลาน นอกจากนี้ คำว่าครอบครัวขยายยังใช้หมายถึง การมาอยู่ร่วมกันเป็นกลุ่มในครัวเรือนเดียวกันของญาติพี่น้องท่ี
สมรสแลว้ ซงึ่ นกั มานษุ ยวทิ ยาเรียกวา่ ครอบครวั ร่วม (joint family) (กนกวรรณ ทองตะโก,2558)
จากการศึกษาเอกสารและงานวิจัยเพิ่มเติมพบว่ารูปแบบครัวเรือนในไทยมีการแบ่งประเภทที่มากขึ้นโดยเกิด
จากการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรม เศรษฐกิจ สังคม โครงสร้างประซากร ทัศนคติในการดำเนินชีวิตและค่านิยม
สมัยใหม่ ส่งผลต่อโครงสร้างครอบครัวและสัมพันธภาพในครอบครัว ส่งผลต่อโครงสร้างขอครอบครัวและ
สัมพันธภาพ ในด้านโครงสร้างของครอบครัวมีการเปลี่ยนแปลงขนาดรวมไปถึงการตัดสินใจสร้างครอบครัวใหม่ ใน
ด้านสัมพันธภาพภายในครอบครัวสงั เกตได้จากความเปราะบางครอบครัวหรอื ปัญหาครอบครัวต่าง ๆ ท่ีเกิดขึ้นไม่ว่าจะ
เป็น การหย่าร้าง ความรุนแรงในครอบครัว การทอดทิ้งบุตร/ผู้สูงอายุ หรือปัญหาพฤติกรรมของสมาชิกในครอบครัว
กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว จึงได้ดำเนินการทบทวนนิยามความหมายและประเภทครอบครัว เพื่อมีกรอบ
การทำงานกับกลุ่มเป้าหมายในการดำเนินงานด้านครอบครัวได้อย่างชัดเจน โดยมีการจัดตั้งการประชุม
คณะกรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์ครอบครัว (กยศ.) ครั้งที่2/2562 เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2562 โดยผลการ
ทบทวนนิยามและประเภทครอบครวั ได้ดงั นี้
นยิ ามครอบครวั
ครอบครัว คือ "บุคคลตั้งแต่สองคนขึ้นที่ใช้ชีวิตร่วมกันฉันสามีภรรยา หรือมีความผูกพันทางสายโลหิตหรือ
ทางกฎหมาย หรือเกี่ยวดองเป็นเครื่อญาติ ซึ่งสมาชกในครอบครัวต่างมีบทบาทหน้าที่ต่อกัน และมีความสัมพันธ์ที่
เกอ้ื กูลกัน
CF 369 สัมมนาเด็ก เยาวชน และครอบครัว อาจารยผ์ ู้สอน ผศ.ดร.ป่ นิ หทัย หนูนวล 255
คณะสังคมสงเคราะหศ์ าสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ภาคการเรียนท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2564
ประเภทครอบครวั
ครอบครวั โครงสร้าง ครอบครัวท่วั ไปเมอ่ื จำแนกประเภทตามโครงสร้าง แบ่งออกเปน็ 2
1. ครอบครัวเดี่ยว คือ ครอบครัวที่ประกอบด้วยบุคคลที่ใช้ชีวิตร่วมกัน ฉันสามีภรรยาอาจมีบุตรหรือไม่มี พ่อ
หรอื แมอ่ ยู่กับบุตร หรอื พีน่ ้องหรือญาตไิ มเ่ กนิ สองรุ่นใช้ชวี ติ อยู่ร่วมกัน
2. ครอบครัวขยาย คือ ครอบครัวที่ประกอบด้วยบุคคลที่ใช้ชีวิตตั้งแต่สามรุ่นขึ้นไป หรือครอบครัวเดี่ยวสอง
ครอบครัวขึ้นไปที่มีความผูกพันทางสายโลหิต หรือเกี่ยวดองเป็นเครือญาติ ซึ่งมีความสัมพันธ์ที่เกื้อกูลกันและอาศัย
อยูใ่ นบ้านหรอื บริเวณเดยี วกนั
ท้ังนี้ ครอบครวั ตามโครงสรา้ งดงั กลา่ ว อาจมบี างครอบครัวท่มี ลี ักษณะเฉพาะที่มีความต้องการการช่วยเหลอื สง่ เสรมิ
สนับสนุนที่แตกต่างกัน เมื่อพิจารณาจากข้อมูลและแนวโน้มของสถานการณ์ สามารถจำแนกครอบครัวตามลักษณะ
เฉพาะทม่ี นี ยั สำคญั ได้ ลักษณะ ดังนี้
1) ครอบครัวพ่อหรอื แมเ่ ลี้ยงเด่ียว คือ ครอบครัวท่ีพอ่ หรืแมต่ ้องเลยี้ งบุตรท่ยี งั ไมบ่ รรลุนิตภิ าวะโดย
2) ครอบครัวข้ามรนุ่ คอื ครอบครัวทมี่ ี ปู่ ยา่ ตา ยาย อยู่กับหลานตามลำพงั
3) ครอบครัวทผี่ สู้ งู อายุอยู่ดว้ ยกนั ตามลำพงั คือ ครอบครัวที่ประกอบด้วยสมาชิกอายุตั้งแต่ 60 ปีข้นึ
ไป ต้งั แต่สองคนขึ้นไปอยู่รว่ มกนั โดยไมม่ ีสมาชิกร่นุ อนื่ อาศัยอยดู่ ้วย
4) ครอบครวั คู่รกั เพศเดียวกนั คอื ครอบครวั ทม่ี บี ุคคลเพศเดยี วกนั ช้ชีวิตอยูร่ ่วมกันฉนั สามีภรยิ า
5) ครอบครัวผสม คอื ครอบครวั ท่ชี ายหญงิ ฝ้ายใดฝ่ายหนงึ่ หรือทง้ั สองฝา่ ย มบี ุตรตดิ มาและไดส้ มรสหรืออยู่
กนิ กนั ฉันสามภี รยิ าเปน็ ครอบครัวใหม่ และบตุ รนั้นอาศยั อย่ดู ้วย
6) ครอบครัววัยรุ่น คือ ครอบครัวที่ชายหญิงมีอายุต่ำกว่า 20 ปี ช้ชีวิตร่วมกันฉันสามีภริยาเนื่องด้วย
วัตถุประสงค์ของการทบทวนนิยามและประเภทของครอบครัวในครั้งนี้เป็นไปเพื่อให้มีขอบเขตในการจัดเก็บ
ข้อมูล แต่เนื่องจากสถานการณ์ทางสังคมมีแนวโน้มจะมีบุคคลที่อาศัยอยู่คนเดียวหรืออาศัยกับบุคคลที่ไม่ใช่
ญาติมากขึ้น จึงไม่ควรละเลยกลุ่มดังกล่าว โดยอยู่ในกลุ่ม "ครัวเรือน"ครัวเรือน หมายถึง หน่วยการอยู่อาศัย
(unit of residence) ของบคุ คลหรอื กลมุ่ คนท่อี ยรู่ ว่ มกนั และกนิ อย่รู ่วมกันในสถานที่เดยี วกัน โดยไม่คำนงึ ถงึ
ความสัมพันธ์ทางสายโลหิตหรือทางเครื่อญาติโดยบุคคลเหล่านั้นจัดหาหรือใช้สิ่งอุปโภคบริโภคอันจำเป็นแก่
การครองชีพรว่ มกนั ประกอบดว้ ย
1) ครัวเรือนคนเดียว คือ ครัวเรือนที่บุคคลอาศัยอยู่คนเดียวตั้งแต่สามเดือนขึ้นไป (อ้างอิงจากการ
จัดเก็บข้อมูลสำมะโนครัวประซากรซาวต่างชาติที่อาศัยในประเทศไทยเกิน 3 เดือนขึ้นไปของสำนักงานสถิติ
แห่งชาติ เช่นเดียวกับเกณฑ์ในการทำสำมะโนประชากรของฮ่องกง และมาเลเซีย รวมทั้งสถาบันสถิติ
แห่งชาติของสหราชอาณาจักร)
2) ครัวเรือนที่ไม่มีความสัมพันธ์ทางเครือญาติ คือ ครัวเรือนที่มีบุคคลตั้งแต่สองคนขึ้นไปอาศัยอยู่
ร่วมกันโดยไม่มีความสัมพันธ์ฉันสามีภริยา ไม่มีความผูกพันทางสายโลหิตและไม่มีความเกี่ยวดองเป็นญาติ
แตม่ ีความสมั พนั ธท์ ่ีเก้ือกลู กนั
ครอบครัวข้ามรุ่นหรอื ครอบครัวแหว่งกลาง
ด้วยโครงสร้างครัวเรือนไทยมีการเปลี่ยนแปลง อันเป็นผลมาจากอัตราการเกิดที่ลดลงอายุขัยเฉลี่ยที่เพิ่ม
สูงข้ึน ตลอดจนการพฒั นาเศรษฐกิจทกี่ ระตุน้ ให้เกดิ การยา้ ยถิน่ ของแรงงาน นอกจากจะส่งผลใหค้ รวั เรือนไทยมขี นาด
CF 369 สัมมนาเด็ก เยาวชน และครอบครวั อาจารยผ์ สู้ อน ผศ.ดร.ป่ นิ หทัย หนูนวล 256
คณะสังคมสงเคราะหศ์ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ ภาคการเรียนท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2564
เล็กลง ยังส่งผลให้องค์ประกอบครัวเรือนไทยมีความชับซ้อนมากขึ้นนอกเหนือไปจากครัวเรือนที่มีสมาชิกเพียงคน
เดยี วจะมจี ำนวนเพมิ่ ขนึ้ แลว้ ครอบครัวขา้ มรนุ่ หรือที่เรยี กอีกอยา่ งวา่ ครอบครวั แหว่งกลาง
ครอบครัวแหว่งกลาง คือ ครอบครัวที่ประกอบด้วย 2 รุ่น ได้แก่ รุ่นปู่ย่าตายาย และรุ่นหลาน โดยขาดสมาชิก
รนุ่ พอ่ แม่ โดยมปี จั จยั ต่าง ๆ ทสี่ ่งผลต่อการเพ่ิมข้นึ ของครอบครัวแหวง่ กลาง
การเกิดครัวเรือนข้ามรุ่นมีสาเหตุหลักสองประการ ประการแรก คือการอพยพย้ายถิ่นของวัยแรงงานจาก
พื้นที่ชนบทเข้าสู่พื้นที่เมือง ซึ่งเป็นผลมาจากการพัฒนาอุตสาหกรรม(industrialization) ความเป็นเมือง
(urbanization) ซึ่งเป็นแรงดึงดูดให้แรงงานมีการย้ายถิ่น (migration) ไปสู่พื้นที่ท่ีมีงานรองรับและมีค่าจ้างสูงกว่า
โดยเมื่อพิจารณาจากอัตราค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำพบว่ามีความสัมพันธ์ในทางตรงกันข้ามกับสัดส่วนของครัวเรือนข้าม
รุ่น โดยในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล รวมถึงจังหวัดที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจ (เช่นชลบุรี) ซึ่งมีอัตรา
ค่าจ้างขั้นต่ำค่อนข้างสูง จะมีสัดส่วนครัวเรือนข้ามรุ่นน้อย ขณะที่หลายจังหวัดในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (เช่น
บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ) ซึ่งมีอัตราค่าจ้างขั้นต่ำค่อนข้างนอ้ ย มักจะมีสัดส่วนครัวเรือนข้ามรุ่นมาก สาเหตุประการท่ี
สอง คือ การเลี้ยงดูบุตรในพื้นที่เมืองมีข้อจำกัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขาดแคลนสถานรับเลี้ยงเด็กที่มีคุณภาพ ไว้ใจ
ได้ อีกทั้งยังมีปัจจัยด้านค่าใช้จ่ายร่วมด้วย จากปัจจัยดังกล่าวส่งผลต่อสมาชิกครัวเรือนที่ยังคงอาศัยอยู่ในพื้นที่
ชนบท เกิดเป็นครัวเรือนที่หลานอาศัยอยู่กับรุ่นปู่ย่าตายายเพิ่มมากขึ้น และเนื่องจากครัวเรือนข้ามรุ่นเป็นครัวเรือนท่ี
เด็กอาศัยอยู่กับผู้สูงอายุซึ่งเป็นวัยพึ่งพิง จึงมีแนวโน้มที่จะประสบปัญหาในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นภาระทางเศรษฐกิจ
ของผู้สูงอายุที่ต้องรับภาระเลี้ยงดูหลาน หรือปัญหาที่ส่งผลต่อพัฒนาการตลอดจนการเรียนรู้และการศึกษาของเด็ก
ปญั หาเหล่านล้ี ว้ นส่งผลสบื เน่ืองตอ่ ทุนมนุษย์และตอ่ การพฒั นาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศในระยะยาว
โครงสร้างของครอบครัวนั้นย่อมส่งผลกระทบในด้านต่าง ๆ ต่อสถาบันครอบครัวในชนบท ยกตัวอย่างให้เห็น
ได้ชัด เช่น ครอบครัวที่เป็นในลักษณะของครอบครัวแหว่งกลาง ซึ่งรุ่นพ่อแม่ได้ออกจากภาคการเกษตรเพื่อย้ายไป
ทำงานในภาคเศรษฐกิจอื่น ซึ่งย่อมส่งผลกระทบต่อครอบครัวที่มีการพึ่งบุคคลวัยแรงงานเพื่อทำการเกษตรของ
ครอบครัว จริง ๆ แล้วทางเลือกอันดับแรกของพ่อแม่ท่ีย้ายถิ่นคือการพาลูกย้ายติดตามไปด้วยเพื่อครอบครัวจะได้อยู่
พร้อมหน้าไม่ต้องแยกกันอยู่ แต่ความกดตันต่อผู้ย้ายถิ่นที่จะต้องหารายได้จำนวนมากในเวลาอันรวดเร็วใน
สภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคย ประกอบกับคำครองชีพที่สูงกว่ามากเมื่อต้องมาใช้วิถีชีวิตแบบคนในเมือง อีกทั้งยังขาด
ระบบสนับสนุนต่างๆ เช่น การหาที่เรียนใหม่ให้กับลูก ปัจจัยเหล่านี้ล้วนส่งผลให้ผู้เป็นพ่อแม่ที่ย้ายถิ่นจำนวนหนึ่งไม่
สามารถพาบุตรไปพร้อมกับตนได้ แม้ว่าการทิ้งเด็ก ๆ ไว้ให้อยู่กับปู่ย่าตายายจะเป็นความตั้งใจตั้งแต่แรก หรือจะเป็น
การพาเด็กกลับมาฝากไว้กับปู้ย่าตายายภายหลังก็ตาม ผลที่เกิดตามมานั้นล้วนไม่แตกต่างกัน นั่นคือพ่อแม่และเด็ก
จำนวนมากต้องใช้ชีวิตที่พลัดพรากแยกกันอยู่คนละท่ี "ครอบครัวข้ามรุ่น " จึงเป็นทางออกหนึ่งในการแก้ปัญหาเพื่อ
รองรับความต้องการทางเศรษฐกิจของครอบครัว แต่ก็มีแนวโน้มว่าจะเป็นทางออกท่ีไม่ยั่งยืน เพราะมีการศึกษาท่ี
แสดงให้เห็นแล้วว่า กลุ่มครอบครัวข้ามรุ่นอาจมีผลเชิงลบต่อสภาพความอยู่ดีมีสุขทางสังคม เศรษฐกิจ และจิตใจของ
ทั้งเด็กและปู่ย่าตายาย อีกทั้งพัฒนาการทางสติปัญญาของเด็กไทยที่ล้าหลังอยู่แล้วนี้ยังอาจลดต่ำลงอีก อันเป็นผล
มาจากการที่ไม่มีพ่อแม่อาศัยอยู่ด้วยนอกจากนั้นเด็กยังมีแนวโน้มที่จะรับเอาพฤติกรรมเสี่ยงและไม่ดีต่อสุขภาพอีก
ด้วย นอกจากนี้ยังพบว่า ปู่ย่าตายายต้องเผชิญกับความเครียด เนื่องจากความต้องการความคาดหวัง และรูปแบบ
การดำเนนิ ชีวติ ทเี่ ปล่ียนแปลงไป โดยเฉพาะอย่างยงิ่ เมื่อหลานเขา้ สวู่ ยั รนุ่ (กาญจนา เทยี นลาย, วรรณี หุตะแพทย)์
CF 369 สัมมนาเดก็ เยาวชน และครอบครัว อาจารย์ผ้สู อน ผศ.ดร.ป่ นิ หทยั หนนู วล 257
คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์ ภาคการเรียนท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2564
แนวคิด ทฤษฎี
ทฤษฎีจติ สังคม
ทฤษฎีที่ต้องเรียนรู้จากสังคมสู่ชีวิตจริงที่มีการปรับตัวในสภาวะสังคมซึ่งเชื่อมโยงกับครอบครัวแหว่งกลาง
เนื่องจากเป็นทฤษฎีที่ต้องปรับตัวอยู่กับสังคมและเรียนรู้พฤติกรรมของตัวเราเองครอบครัวและสิ่งแวดล้อมภายนอก
รวมทั้งเรียนรู้พัฒนาการในช่วงเด็กเพื่อที่จะเติบโตอยู่ในสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาจะเห็นว่าการจะทำ
ความเข้าใจพฤติกรรมเด็ก จะต้องศึกษาจากการอบรมเลี้ยงดู สภาพสังคม และความเป็นอยู่ของเด็ก ปัญหาที่นำมา
วิเคราะห์นั้นจะอธิบายเชื่อมโยงระหว่างจิตวิทยากับสังคมวิทยาใน รูปแบบของมนุษย์วิทยาซึ่งมีแนวความคิดว่ามนุษย์
ต้องพึ่งสังคมและสังคมก็ต้องพึ่งมนุษย์มนุษย์มีวิวัฒนาการท่ีสลับขับซ้อนและผ่านขั้นตอนต่างๆของธรรมชาติหลาย
ขัน้ ตอน ประกอบไปดว้ ย 8 ข้ันตอน
ขั้นที่ 1 ระยะทารก (Infancy period) อายุ 0-2 ปี : ข้ันไว้วางใจและไม่ไว้วางใจผู้อื่น (Trust vs Mistrust ใน
ระยะขวบปีแรกทรกจะต้องพึ่งพาอาศัยผู้อื่นในการดูแลเอาใจใส่ทุกด้าน ตลอดจนความรัก และสอนให้ทารกพบกับส่ิง
เร้าใหม่ๆ กอดรัดสัมผัสพูดคุยเล่นด้วยตลอดเวลา โดยเฉพาะในวัยนี้ทารกจะมีความรู้สึกไวมากที่บริเวณปาก เมื่อได้ดูด
นม ได้อาหาร ได้รับสัมผัสอันอ่อนโยน อบอุ่น ได้รับความรักความพอใจทั้งทางร่างกายและอารมณ์แล้ว ทารกก็เรียนรู้ที่
จะไว้วางใจในสิ่งแวดล้อมอันได้แก่แม่ของตนเองเป็น คนแรกในทางตรงข้ามถ้าหากความต้องการไม่ได้รับการ
ตอบสนองแล้วทรกจะมีอาการหวน่ั กลวั ไม่ไวว้ างใจผู้ใดหรอื สงิ่ ของใด 1 ทงั้ สิ้น ทงั้ นีร้ วมท้ังไมไว้วางใจตนเองด้วย
ชั้นท่ี 2 วัยเริ่มตัน (Toddler period) อายุ 2-3 ปี : ชั้นที่มีความเป็นอิสระกับความละอายและสงสัย
(Autonomy vs Shame and doubt) ขั้นนี้เด็กเริ่มเรียนรู้ที่จะทำกิจกรรมต่าง ๆ ด้วยตนเอง หากได้รับการสนับสนุน
และกระตุ้นให้เด็กได้กระทำสิ่งต่ง ( ด้วยตนเองตามสมควร เด็กจะมีการพัฒนาตัวเองไปในลักษณะที่มีโอกาสเลือกลอง
และอยู่ในระเบียบวินัยไปในตัว ในทางตรงข้ามถ้าพ่อแม่เคร่งครัดเจ้าระเบียบให้เด็กอยู่ในระเบียบตลอดเวลาหรือเลี้ยงดู
แบบปกป้องมากเกินไป (over protective) ไม่ยอมรับสิ่งที่เด็กทำขึ้นมาด้วยตนเอง เด็กจะพัฒนาตัวเองไปในรูปแบบที่
ไมแ่ นใ่ จในตนเองหรือไม่กล้ำาทจ่ี ะทำอะไรดว้ ยตนเองอยตู่ ลอดเวลา
ขั้นที่ 3 ระยะก่อนไปโรงเรียน (Preschool period) อายุ 3-6 ปี : ขั้นมีความคิดริเริ่มกับความรู้สึกผิด
(nitiative vs Guilt) เป็นระยะที่เตก็ มีการเรียนรูอ้ ยา่ งกวา้ งขวาง มีความสมั พนั ธก์ บั เพือ่ นทีโ่ รงเรยี น เพื่อนบ้าน ญาตพิ ี่
น้อง มีความอยากรู้อยากเห็น ชอบลองอะไรใหม่ๆ ชอบเล่นก่อสร้างอะไรขึ้นมาตามความคิดของตน และในขั้นนี้เด็กจะ
ย่างเข้าสู่ความรู้สึกไวในบริเวณอวัยวะสืบพันธ์ุ ฉะนั้น เด็กจะติดอยู่ที่ปมออติปุส ถ้าเด็กได้รับความรักความเข้าใจและ
ได้รับการสนับสนุนในการทำกิจกรรมต่างๆ จากทั้งพ่อและแม่ เด็กย่อมมีความมั่นใจในตนเอง กล้าชักถาม มีความคิด
ริเริ่ม แสดงความแยบคายในการแก้ปัญหาและพร้อมที่จะเผชิญกับสิ่งต่างๆ ตรงกันข้าม ถ้าพ่อแม่เข้มงวดควบคุม
ความประพฤตติ ลอดเวลา เดก็ จะเกดิ ความร้สู กึ วา่ ตนเองทำผดิ เม่ือพยายามทำอะไรด้วยตัวของตัวเอง
ขนั้ ที่ 4 ระยะเขา้ โรงเรียน (School period) อายุ 6-12 ปี : ขนั้ เอาการเอางานกับความมีปมดอ้ ย (Industry vs
Inferiority ระยะนี้เด็กเรียนรู้ที่จะสร้างสรรค์ มีความคิดและพยายามทำกิจกรรมด้วยตัวเอง หากได้รับการสนับสนุนก็
ย่อมทำให้เด็กมีการพัฒนาบุคลิกภาพและมีความมานะเพียรพยายามที่จะแสวงหาสิ่งที่ท้าทายความสามารถ
สติปัญญา แต่หากเหตุการณ์เป็นไปในทางตรงกันข้าม จะทำให้เด็กมีความรู้สึกต่ำต้อยด้อยค่า อาจต้องถอยกลับไปสู่
วัยทารกอีกเพอ่ื หลกี เล่ียงภาระอนั ต้องรับผิดชอบ
CF 369 สัมมนาเด็ก เยาวชน และครอบครัว อาจารยผ์ ้สู อน ผศ.ดร.ป่ นิ หทัย หนูนวล 258
คณะสังคมสงเคราะหศ์ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ ภาคการเรียนท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2564
ขั้นท่ี 5 ระยะวัยรุ่น (Adolescent period) อายุ 12-20 ปี : ขั้นการเข้าใจอัตลักษณะของตนเองกับไม่เข้าใจ
ตนเอง (Identity vs role confusion) เป็นระยะที่เริ่มสนใจเรื่องเพศ เข้าไปผูกพันกับสังคมและต้องการตำแหน่งทาง
สังคม ความรู้สึกเป็นอิสระและเป็นตัวของตัวเอง เข้าใจอัลักษณะของตัวเอง รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร มีความเช่ือ
อย่างไร และตนเองเป็นใคร หากไม่สามารถรวบรวมประสบการณ์ในอดีตได้ ก็จะไม่สามารถเข้าใจตัวเอง เกิดความ
สบั สน และความขัดแยง้
ขั้นท่ี 6 ระยะต้นของวัยผู้ใหญ่ (Early adut period) อายุ 20-40 ปี : ขั้นความใกล้ชิดสนิทสนมกับความรู้สึก
เปล่าเปลี่ยว (Intimacy vs Isolation) ระยะนี้เริ่มมีการนัดหมาย การแต่งงาน และชีวิตครอบครัวหรือทำงานกับผู้อ่ืน
ได้ หากสามารถบรรลุอัลักษณ์ของตนเอง ก็จะสามารถสร้างและแลกเปลี่ยนความสัมพันธ์อย่างสนิทสนมกับบุคคลอื่น
หากไม่สามารถประสบความสำเร็จในการแสวงหาแนวทางแห่งตนก็จะไม่สามารถสร้างความสัมพันธ์กับบุคคลอื่นๆ ได้
มกั จะรูส้ กึ เหงา เปล่าเปลี่ยว ไม่รจู้ ะพงึ่ พาใคร
ขั้นที่ 7 ระยะผู้ใหญ่ (Adult period) อายุ 40-60 ปี : ข้ันการอนุเคราะห์เกื้อกูลกับการพะว้าพะวงแต่ตัวเอง
(Generativity vs Self Absorption) เป็นระยะที่บุคคลหันมาสนใจกับโลกภายนอก ริเริ่มสร้างสรรค์งานต่างๆ เพื่อ
สังคม คิดถึงผู้อื่น ไม่โลภหรือเห็นแก่ได้ฝ่ายเดียว บุคคลที่ไม่สามารถทำเช่นนี้ได้จะมีความรู้สึกคิดถึง หมกมุ่นอยู่กับ
ตนเอง เป็นคนที่เอาตนเองเป็นศูนยก์ ลาง มีชวี ิตอย่างไร้ความสขุ
ชั้นท่ี 8 ระยะวัยสูงอายุ (Aging period) อายุประมาณ 60 ปีขึ้นไป : ชั้นความมั่นคงทางจิตใจกับความสิ้นหวัง
(Integrity vs Despair) วัยนี้เป็นวัยสุขุม รอบคอบ เลาด บุคคลจะยอมรับความเป็นจริงของชีวิตระลึกถึงความทรงจำ
ในอดีต หากประสบความสำเร็จในอดีตก็จะรู้สึกไว้วางใจผู้อื่นและตนเอง มีความมั่นคงทางจิตใจ ภูมิใจต่อการบอกเล่า
เกี่ยวกับประสบการณ์ในชีวิตให้บุตรหลานฟัง ตรงกันข้ามหากบุคคลต้องประสบกับความส้มเหลวและความผิดหวังใน
อดีต จะเกดิ ความรู้สึกทอ้ แท้ส้ินหวงั ร้สู กึ คับข้องใจ และไมส่ ามารถดำเนินชวี ติ ได้อยา่ งมีความสุข
ทฤษฎีนี้ได้กล่าวถึงบุคลิกภาพ โดยบุคลิกภาพของแต่ละบุคคลเป็นผลของการเลี้ยงดู และการส่งเสริมแต่ละ
ช่วงวัย ในการจัดการเรียนการสอนครูควรให้จัดให้มีกิจกรรมให้เด็กได้แสดงออกทั้งในด้านของความคิดด้าน
สติปัญญา ด้านความสามารถ ให้อิสระทางความคิดต่อเด็ก ให้เด็กได้สร้างผลงานต่างๆ ด้วยตนเอง ให้เด็กเกิดความ
ภูมิใจในตัวเอง ครูต้องให้ความเชื่อใจและไว้วางใจในตัวเด็ก เพื่อให้เด็กมีความมั่นใจในตัวเอง มีความเชื่อว่าตัวเอง
สามารถทำสิ่งต่างๆ ได้ โดยการได้ทดลองได้เรียนรู้จะทำให้เด็กได้รู้จักตนเองว่าตนมีความชอบหรือมีความสนใจในด้าน
ไหน และครูควรคอยส่งเสริมให้เด็กได้พัฒนาในสิ่งที่ตนชอบ ในการอยู่ร่วมกันในสังคมครูควรมีการจัดให้เด็กใช้
กจิ กรรมกลมุ่ โดยให้เดก็ แตล่ ะคนมีหน้าที่รบั ผิดชอบของตนเอง เพือ่ ใหเ้ ด็กรูส้ กึ มสี ่วนรว่ มในสังคม
ผลกระทบทเ่ี กดิ ขน้ึ กับครอบครัวแหว่งกลาง
ข้อมูลจากงานวิจัยงานวิจัยของ เนื้อแพร เล็กเฟ่ืองฟู และ ธัญมัชฌ สรุงบุญมี (2018) ประเทศไทยน้ัน
สัดส่วนของครัวเรือนที่จัดว่าอยู่ในสภาวะครัวเรือนแหว่งกลาง (ที่พ่อแม่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ จึงฝากบุตรหลานไว้ให้ปู่ย่าตา
ยายเลี้ยงดู) ได้เพิ่มขึ้นอย่างมากทั้งในสังคมชนบทและสังคมเมือง ผลการสำวจเด็กและเยาวซน ปี พ.ศ. 2551 โดย
สำนักงานสถิติแห่งชาติชี้ไว้ว่า ร้อยละ 16 ของเด็กอายุ 0-4 ปี อาศัยอยู่ในครัวเรือนแหว่งกลาง และคิดเป็นร้อยละ 21
ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เมื่อพิจารณาสัดส่วนของครัวเรือนแหว่งกลางตามช่วงอายุของเด็กที่อยู่ในฐานข้อมูล
Townsend Thai Annual Survey ที่เป็นข้อมูลแบบติดตามบุคคลตั้งแต่ปี พ.ศ.2540-2558 พบว่า โอกาสที่เด็กใน
ชนบทช่วงอายุก่อน 5 ปี จะอาศัยอยู่ในครัวเรือนแบบแหว่งกลางคิดเป็นร้อยละ 11 และเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 21 ในช่วง
ประถมศกึ ษา ซ่งึ มีระดบั ท่ีสงู กวา่ เด็กในสงั คมเมอื ง
CF 369 สัมมนาเดก็ เยาวชน และครอบครัว อาจารยผ์ ู้สอน ผศ.ดร.ป่ นิ หทยั หนนู วล 259
คณะสังคมสงเคราะหศ์ าสตร์ มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์ ภาคการเรยี นท่ี 1 ปีการศึกษา 2564
พบว่า เด็กที่โตมาในครัวเรือนแหว่งกลางในช่วงวัยก่อนอายุ 5 ปี มีระดับการศึกษาต่ำกว่าเด็กทั่วไปประมาณ 1.27 ปี
สำหรับเด็กในชนบท และประมาณ 1.05 ปี สำหรับเด็กในเมือง เมื่อพิจารณาตามช่วงอายุของเด็กที่อยู่ในครัวเรือน
แหว่งกลางพบว่า เด็กที่อยู่ในช่วงอายุ 0-5 ปี จะได้รับผลกระทบต่อจำนวนปีที่เรียนสูงสุดในเชิงลบมากกว่าเด็กในช่วง
อายุ 6-12 ปี ดังรูปภาพที่ 2 ในขณะเดียวกันการศึกษาชิ้นนี้ยังชี้ว่า ครัวเรือนแหว่งกลางจะได้รับเงินส่งกลับที่มีมูลค่า
มากกว่าครัวเรือนอื่น ๆ จากการที่พ่อแม่ออกจากบ้านเพื่อหาโอกาสทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้นจึงต้องฝากลูกโดยเฉพาะอายุ
ต่ำกว่า 5 ปี ไว้กับปู่ย่าตายาย ก่อให้เกิดการเสียโอกาสในด้านการสะสมทุนมนุษย์ของลูก แม้เงินที่ส่งกลับจะมีมูลค่าสูง
แต่กลบั ไมเ่ พยี งพอทจี่ ะชดเชยช่องวา่ งทางการสะสมทนุ มนษุ ยท์ ่เี กิดขน้ึ
ผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจ จากการศึกษาพบว่ามีงานวิจัยหลายงานที่ชี้ว่า เด็กที่เติบโตในครัวเรือนที่มี
สมาชิกวัยทำงานอาศัยอยู่นอกครัวเรือนน่าจะได้รับประโยชน์จากการได้รับเงินส่งกลับ (remittances) เพื่อช่วยเหลือ
ค่าใช้จ่ายต่าง ( รวมถึงการลงทุนในทุนมนุษย์ของครัวเรือน ในทางกลับกัน งานวิจัยอีกกลุ่มกลับพบว่า การส่งเงิน
กลับช่วยเพิ่มระดับการบริโภค แต่ไม่ได้เพิ่มขนาดของการใช้จ่ายเพื่อการลงทุนสักเท่าไร ทั้งนี้ บทความเชิงทฤษฎีของ
เศรษฐศาสตร์ว่าด้วยการจัดการภายในครัวเรือน ได้ให้แนวคิดไว้ว่า หากครัวเรือนไม่ได้ประกอบไปด้วยสมาชิกครัวเรือน
ที่มีแนวคิดและรสนิยมเหมือนกันทุกเรื่อง (เราเรียกครัวเรือนแบบนี้ว่า (collective household) การเลือกใช้จ่าย
รวมทั้งกรตัดสินใจด้านการลงทุนของครัวเรือน จึงขึ้นอยู่กับผู้ที่ถือเงินก้อนนั้น ดังนั้น การตัดสินใจใช้เงินของปู่ย่าตา
ยายอาจไม่ตรงตามที่พ่อแม่ของเด็กตั้งใจไว้ ทำให้เกิดเป็นข้อสมมุติฐาน (hypothesis) ว่า การลงทุนกับเด็กโตยพ่อแม่
น่าจะมีมูลค่สูงกว่าการลงทุนกับเด็กที่จัดการโดยบุคคลอื่น การมีข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์ทำให้การหารูปแบบการเลี้ยงดู
บุตร ต้องอาศัยการลองผิดลองถูกเพื่อค้นพบวิธีที่ดีที่สุด และพบว่าการปรับตัว และการรับรู้ข้อมูลใหม่ 1 ส่งผลต่อ
ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นกับเด็กอย่างแท้จริง ณปัจจุบันในโลกท่ีข้อมูลข่าวสารเข้าถึงได้อย่างรวดเร็ว พ่อแม่จะมีความสามารถ
ในการปรับวิธีการลงทุนในเด็กได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว และถูกต้องกว่าคนรุ่นก่อน และอาจทำให้มูลค่าการ
ลงทนุ ของพ่อแมส่ ูงกวา่ การลงทนุ ของปู่ย่าตายาย
ผลกระทบของการเปลย่ี นแปลงโครงสรา้ งทางสงั คม
'ครอบครัวแหว่งกลาง' (skipped generation family) คือนิยามที่ใช้เรียกครอบครัวที่มีสมาชิกรุ่นป-ู่ ย่า แล้ว
ข้ามไปที่รุ่นหลาน ลักษณะครอบครัวเช่นนี้ มักเกิดขึ้นกับครอบครัวต่างจงั หวัดที่พ่อแม่ที่ต้องย้ายถิ่นไปทางานในเมือง
หรือต่างจังหวัด เนื่องจากมีความจาเป็นทางด้านเศรษฐกิจที่ต้องหารายได้เพื่อหาเลี้ยงครอบครัวหรือมีเหตุผลจาเป็น
ทางด้านอืน่ เชน่ พ่อแม่หย่ารา้ ง หรือเสยี ชวี ิต เด็กในครวั เรอื นแหว่งกลาง คอื เดก็ ทเี่ กิดหรือโตมาในครอบครวั ทไี่ ม่มพี ่อ
แม่อยู่ ดูแลในช่วงวัยที่เด็กเจริญเติบโตขึ้น ไม่ใช่ว่าเด็กที่โตมาไม่มีพ่อแม่เพียงแต่ว่าเขามีโอกาสที่จะอยู่กับพ่อแม่น้อย
กวา่ เด็กคนอ่ืน เน่อื งจากพอ่ แม่เปน็ วัยทางาน หรอื พอ่ แมค่ อ่ นข้างอายนุ ้อยโดยประมาณ 20-30 กว่าปี
ผลกระทบต่อเด็ก และเยาวชน
จากการวิเคราะห์สถานการณ์ของครอบครัวแหว่งกลาง จะเห็นได้ว่า ลักษณะครอบครัวแหว่งกลางมี
ผลกระทบ ต่อเด็กอย่างมาก เนื่องจากเด็กไม่ได้อาศัยอยู่กับพ่อแม่ ทำให้ต้องเผชิญกับความเสี่ยงหลายด้าน เช่นความ
เสี่ยงใน กรเที่ยวกลางคืน การดื่มเหล้า การสูบบุหรี่ การดูคลิปที่ไม่เหมาะสม เด็กอาจจะถูกเพื่อนหรือสังคมล้อเลียน
สามารถนาไปสู่การก่อความรุนแรงได้ เป็นต้น นอกจากนี้เด็กที่ไม่ได้อาศัยอยู่กับพ่อแม่ยังมีผลกระทบทางลบในส่วน
ของการศึกษา เพราะการอาศัยอยู่กับปู้ย่าตายายทาให้เด็กขาดคนคอยดูแลเรื่องการเรียนหนังสือ โดยเฉพาะปู่ย่าตา
ยายไม่รู้หนงั สอื ยงั ไม่เทา่ ทนั ตอ่ สภาวะสังคมท่ีมกี ารเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาใน
CF 369 สัมมนาเดก็ เยาวชน และครอบครวั อาจารย์ผสู้ อน ผศ.ดร.ป่ นิ หทัย หนูนวล 260
คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ ภาคการเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564
ปัจจุบันที่อาจส่งผลต่อศักยภาพใน การศึกษา การเรียนรู้ของเด็กลดลง และเด็กยังต้องรับผิดชอบดูแลปู่ย่า ตายาย ท่ี
เป็นผู้สูงอายุร่วมด้วย ทาให้เด็ก ต้องมีความรับผิดชอบมากขึ้น ส่งผลให้เด็กไม่สามารถพัฒนาตนได้อย่างเต็ม
ประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังได้รับ ผลกระทบทางด้านความเปราะบางทางจิตใจ อาจมีปัญหาในด้านสุขภาพจิตได้ ก็เห็น
ได้ซัด คอื โรคซมึ เศรา้ ในวยั รุ่น
ผลกระทบทางด้านอารมณ์และสงั คม
การที่เด็กไม่ได้อยู่อาศัยกับพ่อแม่แต่ต้องอาศัยอยู่กับปู่ย่าตายายเนื่องจากพ่อแม่ต้องไปทางานหาเงิน เพ่ือ
เป็นค่าใช้จ่ายทางบ้าน หรือมีเหตุผลอื่น เช่น พ่อแม่หย่าร้าง พ่อแม่เสียชีวิต เหตุผลข้างดังกล่าวส่งผลกระทบทั้ง เด็ก
และปู่ย่า ตายาย ที่เด็กอาศัยยู่ด้วย เนื่องจากอายุที่ห่างกันมากทาให้เกิดปัญหาในเรื่องของความเข้าใจท่ี คลาดเคลื่อน
ไม่เข้าใจกัน ทัศนคติการดาเนินชีวิต เพราะเด็กมีการพัฒนาเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็วตามช่วงวัย การเจริญเติบโต
หรือสิ่งแวดล้อมที่เด็กอาศัยอยู่ ที่ส่งผลให้ปู่ย่า ตายาย อาจเกิดภาวะเครียดจากการเลี้ยงดูเด็กใน ยุคที่มีความทันสมัย
มากขึ้น นอกจากนี้ยังต้องเผชิญกับความคาดหวังของเด็กที่อยากเจอพ่อแม่ หรือย้ายไปอยู่กับ พ่อแม่ และผลกระทบ
ต่อมา คือ ผลกระทบทางความสัมพันธ์ของเด็กและ พ่อแม่ เนื่องจากพ่อแม่ต้องย้ายถิ่นฐาน การทำงานห่างไกลจาก
เด็ก การที่เด็กต้องอยู่ในการเลี้ยงดูของปู่ย่า ตายาย อาจส่งผลให้เกิดช่องว่างทาง ความสัมพันธ์ระหว่างเด็กกับพ่อแม่
อาจไม่ได้ห่างเหินแต่ก็ไม่ได้อบอุ่นเท่าที่ควรซึ่งปัญหาเหล่านี้อาจส่งผลต่อ อารมณ์และพฤติกรรมต่าง 1 ของเด็กที่
แสดงออกมา
คณุ ภาพชีวิตของเดก็ ในครอบครวั แหวง่ กลาง
คุณภาพชีวติ ดา้ นรา่ งกาย (Physical health)
ด้านร่างกาย พบว่า ส่วนใหญ่กลุ่มตัวอย่างมีร่างกายท่ีสมบูรณ์แข็งแรงดี จะเห็นได้จากกลุ่มตัวอย่างส่วน
ใหญ่ไม่มี อาการเจ็บป่วยเรื้อรัง โรคติดต่อหรือโรคประจา แต่ได้รับการดูแลทางด้านสุขภาพอนามัยตามสภาพท่ี
เหมาะสม โดยมีผู้สูงอายุท่ี อาศัยอยู่ด้วยและญาติพี่น้องให้ละแวกใกล้เคียงที่ให้การดูแล รวมถึงบริการต่างๆจาก
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดบริการ ให้กับคนในพื้นที่และบริเวณพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อดูแลอานวยความสะดวกให้กับ
คนในพื้นที่ในด้านของการดาเนินกิจวัตร ประจาวันของตัวเอง พบว่า มีแรงกาลังในการดำเนินชีวิตและทากิจวัตรประ
จาวันต่างๆ ด้วยตนเอง ทั้งการทากิจกรรมต่างๆ ใน บ้านและโรงเรียน ส่วนด้านหน้าที่ความรับผิดชอบในบ้าน พบว่า
โดยส่วนใหญ่กลุ่มตัวอย่างได้รับการฝึกฝนให้สามารถช่วยเหลือ และรับผิดชอบดูแลงานบ้าน เพื่อแบ่งเบาภาระหน้าที่
ของผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่ด้วย โดยมีหน้าที่รับผิดชอบ อาทิ ล้างจาน กวาด บ้าน ถูบ้าน ซักผ้า และทากับข้าว เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมีการทากิจกรรมยามว่างหรือการเข้าร่วมกิจกรรมด้านกีฬา โดยมี โรงเรียนและองค์กรการปกครองส่วน
ท้องถิ่นที่เป็นผู้จัดการแข่งขันกีฬาให้กับเด็กและเยาวชนในท้องถิ่น ได้มีโอกาสในการออก กาลังกายและใช้กิจกรรม
ยามว่างให้เกิดประโยชน์ จึง สง่ ผลใหเ้ ด็กและเยาวชนมคี ณุ ภาพชีวติ ในดา้ นร่างกายท่ีดี
คุณภาพชวี ติ ด้านจิตใจ (Psychological)
ด้านจิตใจ พบว่า ส่วนใหญ่กลุ่มตัวอย่างมีสภาพจิตใจที่ค่อนข้างดี มีความพึงพอใจในการใช้ชีวิตอาจจะเพราะ
ความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัวการดูแลเอาใจใส่ของผู้สูงอายุ รวมถึงการดูแลเอาใจใส่จากพ่อแม่ที่กลับมาเยี่ยมในช่วง
วันหยุดตาม เทศกาลต่าง 1 ส่งผลให้เด็กและเยาวชนกลุ่มนี้รู้สึกรับรู้ถึงการมีตนเอง และไม่รู้สึกว่าขาดความรักและ
การดูแลเอาใจใส่ ได้รับ การดูแลเอาใจใส่จากปู่ย่าตายายอบรมสั่งสอนมาโดยตลอดหากเด็กมีปัญหาสามารถปรึกษากับ
CF 369 สัมมนาเด็ก เยาวชน และครอบครวั อาจารยผ์ สู้ อน ผศ.ดร.ป่ นิ หทยั หนูนวล 261
คณะสังคมสงเคราะหศ์ าสตร์ มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร์ ภาคการเรยี นท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2564
ผู้สูงอายุ แม้ว่าจะมีความไม่ เข้าใจกันบ้างทะเลาะกันบ้าง แต่ต่างฝ่ายต่างมีความรักและความห่วงใยให้แก่กัน และใน
ขณะเดียวกันส่วนใหญ่กลุ่มตัวอย่างยัง ได้รับการติดต่อสื่อสารจากพ่อแม่ มีความสัมพันธ์ที่ตี จึงไม่รู้สึกมีความเครียด
หรือวิตกกังวลใด ๆ โดยส่วนใหญ่มีความสุขดี แม้ว่าไม่ใด้อาศัยอยู่กับพ่อแม่ สิ่งที่เป็นข้อวิตกกังวลหรือสร้างความไม่
สบายใจสาหรับเด็กและเยาวชน จากการสัมภาษณ์อาจจะมีความเครียดส่วนใหญ่มาจากการเรียนหนังสือ โดยเฉพาะ
เด็กที่มีการเรียนในระดับที่สูงขึ้นก็จะมีความวิตกกังวลมากกว่าเด็กที่ อยู่ระดับชั้นที่ต่ำกว่า ด้วยการเรียนที่ยากข้ึนย่ิง
ความคาดหวังที่สูงก็ส่งผลให้เด็กเกิดความเครียด รวมถึงการต่อศึกษาต่อให้ ระดับชั้นปริญญาตรีมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น
ด้วย หากครอบครัวที่พ่อแม่ไม่ค่อยได้ส่งเงินกลับมาดูแลปู่ย่าตายายเป็นหลักในการส่ง เสียเลี้ยงดู พบว่ากลุ่มนี้จะมี
ความเครยี ดวิตกกังวลและ
ความพงึ พอใจน้อยกวา่ กลุม่ ทไ่ี ดร้ บั การดแู ลเอาใจใส่
คณุ ภาพชีวติ ดา้ นความสมั พนั ธภาพทางสังคม (social relationships)
ด้านสัมพันธภาพทางสังคม พบว่า ส่วนใหญ่กลุ่มตัวอย่างรับรู้ถึงการมีความสัมพันธ์และการช่วยเหลือ
ระหว่างทาง จากครอบครัว โรงเรียน และชุมชน โดยกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีการเข้าร่วมร่วมกิจกรรมต่างๆ ใน
โรงเรียนเป็นหลักทั้งในด้น ของการฝึกทักษะทางวิซาการ หรือการแข่งขันกีฬาต่าง ( โรงเรียนถือเป็นสถานท่ีหลักใน
การทากิจกรรมต่าง ๆ ของเด็กและ เยาวชน ซึ่งส่วนใหญ่กลุ่มอย่างจะมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ ในโรงเรียนมาก
น้อยขึ้นอยู่กับความสนใจของแต่ละคน นอกจากน้ี ยังได้รับการดูแลเอาใสใจจากหลายหน่วยงานในท้องถิ่น เช่น
เทศบาล และองค์กรบริหารส่วนตำบล เข้ามามีบทบาทในการดูแล สนับสนุนกลุ่มเด็กและเยาวชนในพื้นที่ โดยการจัด
กิจกรรมอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับจัดแข่งกีฬา เพศศึกษา ยาเสพติด หรือค่าย การสร้างสัมพันธ์ในครอบครัว และจาก
การเก็บข้อมูลพบว่า ทุกพันที่มีการแข่งขันกีฬาสีและกิจกรรมยามว่างส่วนใหญ่ก็เป็น การเล่นกีฬา และก็ฬาส่วนใหญ่ท่ี
กลุ่มตัวอย่างสนใจ อาทิ ฟุตบอล วอลเล่ย์บอล เปตอง และตะกร้อ เป็นต้น รวมถึงการจัดสภา เด็กและเยาวชนให้เด็ก
ได้เข้ามามีบทบาทในการดาเนินกิจกรรมต่าง ๆ ในท้องถิ่นของตน ถือเป็นการพัฒนาศักยภาพให้กับเต็ก ในพื้นท่ี โดย
จานวนกิจกรรมและโครงการที่จัดในแต่ละปีจะขึ้นอยู่กับความพร้อมของเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับและศักยภาพของเด็กใน แต่
ละพ้นื ท่ดี ้วยเชน่ กนั
คุณภาพชีวิตตา้ นสง่ิ แวดล้อม (environment)
ด้านสิ่งแวดล้อม พบว่า ส่วนใหญ่กลุ่มตัวอย่างได้รับการดูแลความปลอดภัยจากทางหน่วยงานต่างๆ ใน
ท้องถิ่นผู้นา ชุมชน และอาสาสมัครต่างๆ ในชุมขนที่ช่วยการดูแลด้านความปสอดภัย นอกจากนี้ในหลายชุมชนมีการ
ดูแลเรื่องความสะอาดรอบๆ ชุมชน โดยให้คนในชุมชนช่วยกันดูแลการสร้างกิจกรรมในเด็กและเยาวชนในชุมชนได้เข้า
มามีส่วนร่วมในการดูแลชุมชน ตัวเอง หรือแม้แต่หน่วยงานบริการทางสาธารณสุขก็มีการให้บริการดูแลสุขภาพ
อนามัยให้กับกับกลุ่มเด็กและเยาวชนที่อยู่ใน พื้นที่ นอกจากนี้พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ได้รับการดูแลค่าใช้จ่าย
ต่างๆ จากและพ่อแม่ที่ส่งมาเป็นหลักในการใช้จ่ายทั้ง ครัวเรือน และได้รับเพิ่มเติมจากปู่ย่าตายายที่เป็นคนเลี้ยงดูที่
ทางหนึ่ง อย่างไรก็ตามยังมีกลุ่มตัวอย่างอีกส่วนหนึ่งที่ถูกละเลย ไม่ได้รับเงินในการดูแลต่งๆ จากพ่อแม่ โดย
ภาระหน้าทเี่ หลา่ นจี้ ะเปน็ ของป่ยู า่ ตายายท่ใี ห้การดแู ลสนับสนนุ เปน็ หลัก
สังคมไทยกำลังเปลี่ยนแปลง ครอบครัวจำนวนมากทั้งในเมืองและชนบทกำลังเปลี่ยนแปลง ประเภทพ่อไป
ทาง แม่ไปทาง ทิ้งลูกไว้กับปู้-ย่า ตา-ยาย อยู่กับญาติบ้าง หรือผู้อื่นช่วยดูแลก็มี ปู้ย่าตายาย บางรายดูแลเรื่องเหล่านี้
ไม่ไหว ปัญหาเหล่าน้ีต้องการการจัดการองค์ความรู้ครอบครัวแบบใหม่ ซึ่งไม่มีในนโยบายระดับชาติ เด็กที่ไม่ได้อยู่กับ
CF 369 สัมมนาเด็ก เยาวชน และครอบครวั อาจารยผ์ ู้สอน ผศ.ดร.ป่ นิ หทยั หนนู วล 262
คณะสังคมสงเคราะหศ์ าสตร์ มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์ ภาคการเรยี นที่ 1 ปกี ารศึกษา 2564
พ่อแม่ แต่อยู่กับญาติหรือผู้อื่นในต่างจังหวัด ตอนยังเล็กอาจไม่มีปัญหาชัดเจนนักแต่พอโนขั้นเข้าวัยรุ่น เด็กเหล่านี้จะ
มีความเสีย่ งสงู ในหลายดา้ นนับตงั้ แต่
(1) เด็กเกเร ไมต่ งั้ ใจเรียน ผลสมั ฤทธิ์ทางการศึกษาตำ่
(2) การเลือกครบเพ่อื นท่ีไม่เหมาะสม ทำให้เดก็ สูบบหุ ร่ี ด่มื เหล้า เทยี่ วกลางคนื กอ่ นวัยอันควร
(3) การมีเพศสัมพันธ์ก่อนวยั อนั ควร
(4) ตดิ ยาเสพติด
เดก็ กับผู้สงู อายุ
พญ.พรรณพิมล วิปุลากร จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น ได้พูดถึงความสัมพันธ์ของเด็กและผู้สูงอายุไว้ว่าผู้สูงอายุ
นั้นช่วยเพิ่มการพัฒนาเด็กในครอบครัวได้ ปัจจุบันผู้สูงอายุมีบทบาทในการดูแลเด็กมากขึ้น และมีบทบาทสำคัญต่อ
การพัฒนาของเด็กด้วย เพราะในขณะที่คนรุ่นพ่อแม่ต้องทำงานเพิ่มขึ้น เด็กยังคงมีปฏิสัมพันธ์มีกิจกรรมกับ
ครอบครัวผ่านทางปู่ย่าตายายได้ ก่อให้เกิดความผูกพันทางอารมณ์ที่เป็นพื้นฐานสำคัญในการเติบโต นอกจากนี้ยัง
ช่วยให้เด็กมีพัฒนาการด้านการสื่อสาร เพราะธรรมชาติผู้สูงอายุมักใช้เรื่องเล่า ซึ่งเป็นรูปแบบการดูแลเด็กที่ถ่ายทอด
ในสังคมไทย เป็นการพฒั นาการฟงั การจบั ใจความของเดก็ หลายท่านใช้
หนังสือนิทานร่วมกับการเล่าเรื่อง ยิ่งเพิ่มประสิทธิภาพการพัฒนาภาษา และเป็นการดึงเด็กให้มีกิจกรรม ไม่ปล่อยให้
เดก็ ต้องอยตู่ ามลำพงั กับสอ่ื แบบทวี ีหรือดิจิทัสมากเกินไป จนกระทบกบั พฒั นาการดา้ นการส่ือสาร
ผู้สูงอายุในครอบครัวมีบทบาทที่ส่งเสริมความผูกพันในครอบครัว ด้วยความเป็นผู้ใหญ่ในบ้านท่ีสามารถเป็น
ศูนย์รวมให้สมาชิกในครอบครัว สามารถมีกิจกรรมร่วมกัน ร่วมไปกับการเป็นตัวช่วยสำคัญ ที่ช่วยทำบทบาทพ่อแม่ใน
การเล้ียงหลาน ทำให้ผสู้ งู อายุในครอบครัวมคี วามสำคญั อย่างยงิ่
ความผูกพันในครอบครัว ในครอบครัวที่มีท้ังรุ่นพ่อแม่และรุ่นปู่ย่าตายาย ช่วยเพิ่มความเชื่อมโยงด้านอารมณ์
ของสมาชิกในครอบครัว ในสภาพที่พ่อแมใช้เวลาในการทำงานเพิ่มมากขึ้น ในเวลาที่พ่อแม่ยังไม่กลับเข้าบ้าน จากการ
ทำงาน เด็กๆ กลับบ้านโดยมีผู้สูงอายุอยู่ในบ้าน ช่วยให้เด็กยังคงมีปฏิสัมพันธ์แบบครอบครัวผ่านกิจกรรมกับปู่ย่าตา
ยาย หลายท่านทำหน้าที่ตั้งแต่ดูแลรับส่งหลานจากที่โรงเรียน ถึงบ้านช่วยดูเรื่องอาหารเรื่องการบ้าน เรื่องเล่น พูดคุย
กับหลาน เล่านิทานให้ฟงั ซึ่งนำไปส่คู วามผกู พนั ทางอารมณ์ทีเ่ ปน็ รากฐานสำคัญในการเติบโตสำหรบั เดก็ ๆ
การแก้ไขปัญหา เป็นที่ยอมรับว่าผู้สูงอายุมีประสบการณ์ชีวิต การพูดคุยกับหลานนำไปสู่การมีมุมมองชีวิต ท่ี
มีความหลากหลายแตกต่งไปจากพ่อแม่ เป็นทางเลือกสำหรับเด็กที่จะมองการใช้ชีวิต โดยส่วนใหญ่ ผู้สูงอายุมักให้วิธี
คิดในแบบที่ให้ความสำคัญ กับการใช้ชีวิตที่คำนึงถึงความเอื้อเฟ้อ การอยู่ร่วมกัน ซึ่งเป็นไปตามประสบการณ์ในช่วง
ชีวิตของท่น เป็นการสร้างความเข้าใจแบบที่เด็กที่เติบโตในปัจจุบัน อาจไม่ค่อยได้มโี อกาสที่จะเห็นวิธีคิดแบบน้ีในการใช้
ชีวติ ทางสงั คมปจั จุบันมากนัก
การสื่อสาร แม้ผู้สูงอายุจะมีช่วงชีวิตที่แตกต่างจากวัยของหลานมาก แต่การมีผู้สูงอายุในบ้านเป็นผู้ช่วย
สำคัญที่ช่วยในการพูดคุยสื่อสาร ธรรมชาติผู้สูงอายุ มักใช้เรื่องเล่าซี่งเป็นรูปแบบการดูแลเด็กที่ถ่ายทอดในสังคมไทย
เป็นการพัฒนาการฟัง การจับใจความของเด็ก หลายท่านใช้หนังสือนิทานร่วมกับการเล่าเรื่อง ยิ่งเพิ่มประสิทธิภาพ
การพัฒนาภาษา และเป็นการดึงเด็กให้มีกิจกรรม ไม่ปล่อยให้เด็กต้องอยู่ตามลำพัง ท่ีมีแนวโน้มให้เด็กอยู่กับสื่อแบบที่
วหี รือดจิ ิตอลมากเกนิ ไป จนกระทบกับพฒั นากรดา้ นการสอื่ สาร
CF 369 สัมมนาเด็ก เยาวชน และครอบครัว อาจารยผ์ สู้ อน ผศ.ดร.ป่ นิ หทัย หนูนวล 263
คณะสังคมสงเคราะหศ์ าสตร์ มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร์ ภาคการเรยี นที่ 1 ปีการศึกษา 2564
ความผูกพันทางอารมณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างเด็กกับผู้สูงอายุในครอบครัว เป็นปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นกับทั้งสองฝ่าย
ผู้สูงอายรู้สึกว่าตนเองยังสามารถทำสิ่งที่มคี ุณค่าได้ ทำกิจกรรมที่ช่วยกระตุ้นให้ต้องมีความตื่นตัว มีความสุข แต่ก็
ต้องมีการจัดความสัมพันธ์ที่ชัดเจนระหว่างรุ่น โดยเฉพาะรุ่นพ่อแม่กับรุ่นปู่ย่าตายาย ที่ต้องมีขอบเขตที่ชัดเจน แม้ปูย่า
ตายายจะช่วยในการส่งเสริมการเลี้ยงดูหลาน แต่ผู้สูงอายุยังต้องการเวลาในการดูแลตนเอง โดยเฉพาะเวลาในการ
พักผ่อน การได้รับการสนับสนุนจากระบบครอบครัว ไม่สร้างภาระทั้งด้านเวลาและด้านเศรษฐกิจ จนผู้สูงอายุไม่
สามารถดูแลตัวเองได้ เพราะภาวะสุขภาพกายสุขภาพใจของผสู้ งู อายจุ ะไป
ส่งผลกับการดูแลหลานด้วย
ความชัดเจนในขอบเขตของพ่อแม่เป็นการแบ่งภาระความรับผิดชอบในการดูแลเด็ก ซึ่งพ่อแม่ยังเป็นคนหลัก
ในการดูแลลูก การวางกิจวัตรประจำวันของลูก ยิ่งในเด็กเล็กยิ่งจำเป็นที่พ่อแม่ต้องใช้เวลากับลูก สร้างสัมพันธภาพ
กับลูก และฝึกลูกให้เรียนรู้ที่จะสร้างพฤติกรรมที่เหมาะสม ในครอบครัวที่ไม่ชัดเจน จะมีทั้งการผลักภาระการเลี้ยงดู
ลูกใหเ้ ปน็ ของผ้สู งู อายุ และการหา่ งเหินแยกห่างจากกันของคนสามรนุ่ จนแทบไมม่ คี วามสัมพันธต์ อ่ กัน ซ่ึงไมเ่ ปน็ ผลดี
ต่อเดก็
บทบาทนกั สังคมสงเคราะหต์ ่อการทำงานกบั กลมุ่ เปา้ หมาย
ครัวเรือนแบบแหว่งกลางนั้นเป็นเป้าหมายที่ควรได้รับการช่วยเหลือมากที่สุด เนื่องจากทั้งรุ่นปู่ย่าตายาย และ
รุ่นหลานนั้นถือเป็นบุคคลที่มีอัตราการพึ่งพิงสูงที่สุด รัฐอาจจะมีการช่วยเหลือในรูปการแก้ไขปัญหากฎหายแรงงาน
ของการหยุดงานของสตรีช่วงลาคลอด ให้มีมากขึ้นกว่าเดิม ปัจจุบันสามารถลาคลอดได้เพียงประมาณ3เดือน ทำให้
บางคนคลอดลูกได้อยแู่ ลลกู ไดเ้ พียงระยะสน้ั ต้องกลับไปทำงานหาเงนิ ต้องฝากลูกไวก้ บั ตายาย
ในการทำงานสังคมสงเคราะห์มีการ ป้องกัน เฝ้าระวัง แก้ไขปัญหา เชิงมาตรการทางกฎหมายและเชิง
นโยบาย โดยมุ่งเน้นการทำงานพื้นที่ในเชิงรุก ช้ชุมชนเป็นพื้นฐานฝ้ระวังและสอดส่องดูแลคนในชุมชน และประสานขอ
ความช่วยเหลือผ่านสายด่วน 1300 หรือหน่วยงานในพื้นที่ของกระทรวง พม. และยังมีอาสาสมัครพัฒาสังคม (อพม
นักสังคมสงเคราะห์น้อยและสภาเด็กและเยาวชนเป็นกสไกชี้เป้าฝ้าระวังกลุ่มที่อาจจะตกเป็นเหยื่อ รวมถึงรณรงค์ให้
ความรู้และเสริมพลังแก่ชุมชนด้วย นอกจากนี้กลไกที่จะสนับสนุนการทำงานในพื้นที่ของกระทรวง พม. ยังมีศูนย์/
สถาน/บ้าน/นิคมท่กี ระจายทวั่ ประเทศ และมีข้อเสนอแนะเพม่ิ เตมิ จากการสมั มนา คือ
1.ภาครัฐให้การสนับสนุนผู้ปกครองที่เลี้ยงดูเด็ก เช่น ปู่ย่าตายาย ให้พวกเขาได้รับความรู้ ความเข้าใจในการ
เลี้ยงดูเด็ก พร้อมทั้งเสริมกำลังสนับสนุนอื่น ๆ เช่น การเข้าถึงศูนย์เลี้ยงดูเด็ก ที่เป็นการป้องกันและเสริมสร้างการ
สร้างสะสมทรัพยากรมนุษย์ได้อย่างดี ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว สามารถช่วยลดภาระของผู้ปกครองในการออกไป
รับจา้ งหรือทำงานและยงั สามารถลดผลเสยี ของการย้ายถ่นิ ของพ่อแมต่ ่อการศึกษาของเดก็
2.ภาครัฐหรือเอกชนสร้างการกระจายโอกาสทางเศรษฐกิจไปสู่ชุมชนต่าง ๆ ที่ทั่วถึงมากขึ้น เช่น การส่งเสริม
อาชีพของพ่อแม่ ที่ไม่ได้ออกไปทำงานต่างจังหวัด งานหรืออาชีพที่สามารถทำได้ในชุมชนเพื่อให้มีความจำเป็นน้อยลง
ในการย้ายถ่ินสำหรบั ประชากรทอ่ี ย่ใู นวยั สรา้ งครอบครัว
3.การเพมิ่ กฎหมายแรงงานไทยควรให้เพมิ่ วนั ลาคลอดอยา่ งน้อย6เดอื น-1ปี แบบบางประเทศ
CF 369 สัมมนาเดก็ เยาวชน และครอบครวั อาจารยผ์ สู้ อน ผศ.ดร.ป่ นิ หทยั หนูนวล 264
คณะสังคมสงเคราะหศ์ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ ภาคการเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2564
4.การเพิ่มสวัสดิการเงินโอนโดยคำนวณจากอัตราส่วนของการมีผู้พึ่งพิงในแต่ละครัวเรือนเป็นหลักและใน
ขณะเดียวกันเรื่องของจำนวนเงินโอนช่วยเหลือยังจะต้องศึกษาเพิ่มเติมเพราะหากน้อยไปก็ไม่ได้ช่วยให้สภาพความ
เป็นอยู่ดีข้ึนมากนัก แต่หากให้มากเกินไปก็อาจเป็นแรงจูงใจให้ครัวเรือนประเภทอื่นเปลี่ยนมาเป็นครัวเรือนแบบแหว่ง
กลาง ซึง่ จะเป็นผลทีไ่ ม่พงึ ประสงคใ์ นเชงิ นโยบาย
5.ประเทศไทยจะต้องมีการจัดการองค์ความรู้เกี่ยวกับครอบครัวแบบใหม่ ส่งเสริมให้สถาบันครอบครัวเข้ม
แข้ง ส่งเสริมชีวิตความเป็นอยู่ ของเด็กและอำนวยความสะดวกให้พ่อแม่มากขึ้น ส่งเสริมให้เด็กได้อยู่กับพ่อแม่ ผู้หญิง
ทีท่ ำงานโรงงานก็มีสถานทรี่ ับเล้ยี งเดก็ ในสถานประกอบการ ในหน่วยราชการ หรอื สถานที่ใกลเ้ คียง
สรุปสมั มนาในช้ันเรยี น
จากการจัดสัมมนาในชั้นเรียนที่ผ่านมานั้น ผู้จัดสัมมนานั้นได้ดำเนินการพูดคุยตามประเด็นครอบครัวแหว่ง
กลาง ที่ได้มีการวางแผนมา และผู้เข้าร่วมในชั้นเรียนก็ได้ให้ความร่วมมือ แสดงความคิดเห็น แลกเปล่ียนประเด็น
ความรู้ต่างๆตามความเข้าใจและทัศนติของตนเอง แต่ยังมีหนึ่งประเด็นที่ทำให้การทำสัมมนาไม่ได้ดำเนินไปตามแผน
หัวข้อท่ีได้จัดไว้ นั่นคือประเด็นทางด้านสวัสดิการของรัฐ ซึ่งประเด็นนี้เป็นประเด็นที่กว้างและผู้สัมมนาไม่สามารถที่จะ
จัดการกับระบบของรัฐได้ จึงทำให้ประเด็นในสัมมนาตรงประเด็นนี้นั้น ไม่มีการแลกเปลี่ยนที่เปิดกว้างมากพอ แต่เม่ือ
อาจารยไ์ ด้เขา้ มาพดู คยุ และสรปุ ตรงประเดน็ นใี้ ห้ จึงทำใหก้ ารสัมมนานั้น
ไดด้ ำเนินตอ่ ไปได้
นอกจากนี้ผู้เข้าร่วมการสัมมนาได้มีการเตรียมข้อมูล และศึกษาประเด็นนี้มาด้วย จึงทำให้การพูดคุยนั้นมีการ
แลกเปลี่ยนข้อมูลที่สนับสนุนกันและเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมสัมมนาทุกคนได้มีส่วนร่วมในการสัมมนาได้อย่างเต็มที่และ
ไมม่ คี วามตงึ เครียดมากเกินไป
เครื่องมือท่ีใช/้ วธิ ีการ/รปู แบบการสมั มนา
1.ข้อมลู เก่ยี วกับครอบครัวแหวง่ กลางทางอนิ เทอร์เนต็
- ข้อมูลทางด้านวิจัย ทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง ข้อมูลเกี่ยวกับผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจ ครอบครัว
สงั คม
2.วธิ กี าร
- มีการจัดลำดับประเด็นที่จะหยิบมาพูดในการสัมมนาตามลำดับขั้นตอน มีการนำข้อมูลต่างๆทฤษฎี
ที่เกี่ยวข้อง ข้อมูลเกี่ยวกับผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจ ครอบครัว สังคม และได้มีการพูดคุยสรุปแต่ละ
ประเดน็ ตามลำดับข้นั ตอนของหัวข้อสัมมนา
3.รปู แบบการสัมมนา
- เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมการสัมมนาได้แสดงความคิดเห็น ทัศนคติ ประสบการณ์หรือ
ขอ้ คิดเหน็ เกีย่ วกบั ประเด็นครอบครัวแหว่งกลางร่วมกนั
บทเรียนรู้จากการจัดสัมมนาในครั้งนี้นั้น ทางกลุ่มนักศึกษานั้นได้จัดทำเป็นครั้งแรก ถึงแม้จะได้เห็นตัวอย่าง
จากกลุ่มของเพื่อนในก่อนหน้านี้แล้ว แต่การจัดทำสัมมนาในครั้งนี้นั้นยังทำให้กลุ่มของนักศึกษาเองทำได้ไม่อย่างเต็มที่
ตามความสามารถและยังทำได้ไม่ดีพอ ไม่ว่าจะเป็นด้านการหาข้อมูลมาสนับสนุนให้สอดคล้องและมีความเชื่อมโยงกับ
หัวข้อประเด็นการสัมมนา การจัดลำดับประเด็นที่จะนำมาพูดคุยความตื่นเต้นและความผ่อนคลายรวมไปการแสดง
CF 369 สัมมนาเด็ก เยาวชน และครอบครวั อาจารย์ผูส้ อน ผศ.ดร.ป่ นิ หทัย หนูนวล 265
คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ภาคการเรยี นท่ี 1 ปีการศึกษา 2564
บุคลิกที่ยังทำไมได้ดีพอ การเรียบเรียงประโยคคำพูดการสื่อสารที่ไม่ชัดเจนทำให้เพื่อนที่เข้าร่วมการสัมมนานั้นเกิด
ความสับสนชื่งส่งผลทำให้การสัมมนานั้นไม่เกิดความลื่นไหลและเมื่อไม่ได้เป็นไปตามแผนที่วางไว้นั้น ทำให้กลุ่มของ
นักศึกษาเองนั้นแสดงศักยภาพและทำได้ไม่อย่างเต็มที่เนื่องจากข้อมูลบางส่วนที่เตรียมมานั้นไม่ได้นำมาพูดถึง และ
กลุ่มของนักศึกษานั้นยังขาดการเป็นผู้นำในด้านการเป็นผู้ดำเนินการสัมมนา ทำให้การพูดคุยการสัมมนาไม่เป็นไปตาม
แผนท่วี างไว้
ในส่วนของประเด็นที่นำมาพูดคุยกันนั้น ทางกลุ่มนักศึกษายังเกิดความผิดพลาดในส่วนนี้ เนื่องจากประเด็นท่ี
กลุ่มนักศึกษาได้นำมาพูดถึงนั้นบางประเด็นยังมีความย้อนแย้งและไม่มีความเชื่อมโยงกัน ทำให้ผู้ท่ีร่วมสัมมนาเกิด
ความสับสน และยังทำให้ผู้เข้าร่วมการสัมมนานั้นไม่สมารถแสดงความคิดเห็นแลกเปลี่ยนเปลี่ยนข้อมูล ทัศนคติได้
เท่าทคี่ วร ดังนน้ั จึงทำใหผ้ ูร้ ว่ มสมั มนาไม่สามารถมีสว่ นร่วมได้อย่างเต็มที่นั่นเอง
แต่จากการจัดสัมมนาในคร้ังนี้นั้น ได้ทำให้กลุ่มนักศึกษาได้เรียนรู้การจัดสัมมนา จากการได้ลงมือปฏิบัติจริง
ได้เรียนรู้ตั้งแต่การคิดหัวข้อประเด็นที่จะนำมาจัดทำสัมมนา การเตรียมความพร้อมหาข้อมูล การได้ฝึกการเป็น
ผู้ดำเนินการสัมมนา ได้นำทักษะต่าง ๆ ที่ได้ศึกษามานั้นมาปรับใช้กับการทำสัมมนาจริง และยังได้เป็นการเก็บเกี่ยว
ประสบการณ์การทำสัมมนาใหแ้ กต่ วั ของนกั ศกึ ษาเองอกี ด้วยนั่นเอง และถงึ แมก้ ารทำสมั มนาในครั้งนจ้ี ะมขี อ้ ผดิ พลาด
หรืออุปสรรคแต่กลุ่มนักศึกษาเองก็เชื่อว่า จะเป็นการเรียนรู้ที่ได้เรียนรู้จากข้อผิดพลาดเพื่อนำไปปรับใช้หรือนำไปแก้ไข
ในการจดั สัมมนาในครัง้ ตอ่ ไปใหด้ ขี นึ้ ย่ิงกว่าเดิม
CF 369 สัมมนาเด็ก เยาวชน และครอบครวั อาจารยผ์ ู้สอน ผศ.ดร.ป่ นิ หทัย หนนู วล 266
คณะสังคมสงเคราะหศ์ าสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ภาคการเรยี นท่ี 1 ปีการศึกษา 2564
อา้ งองิ
กรมกิจการสตรแี ละสถาบนั ครอบครัว กระทรวงการพัฒนาสงั คมและความม่นั คงของมนษุ ย์ / (2562)/
นิยามและประเภทครอบครวั / สืบคนั เมอ่ื วันท่ี 6 พฤศจิกายน 2564 / จากเว็บไซต์
http://intranet.dop.go.th/intranet_older/fs/fls_uploads/52747/96E09B8%99%E09B896.B49E096B.896
A296E096B896B.296E096B89A19E096B9968196E096B896A596E096B896B0%E096B899896E096B89
A39E096B896B096E096B9968096E096.B896A096E096B8969796E096B89684%E09B8%A39E096B89
AD96E096B8969A96E096 B89849 E096B89A396E096B896B196E096B8%AZ.pdf
กนกวรรณ ทองตะโก/ (2558)/ ครอบครัว/ สืบค้นั เมือ่ วันท่ี 6 พฤศจกิ ายน 2564 / จากเว็บไซต์
https://www.dailynews.co.th/article/341163/
กาญจนา เทียนลาย วรรณี หุตะแพทย์ / (2562)/ คนไกลบ้าน: การส่อื สารของครอบครวั ข้ามรนุ่ สถาบันวจิ ยั
ประชากรและสังคม มหาวทิ ยาลยั มหดิ ล/ สบื คันเมอื่ วนั ท่ี 6 พฤศจกิ ายน 2564 จากเว็บไชต์
http://ssde.nida.ac.th/images/sd/Y21 1/4-9620DistancePeople.pdf
ไทยรัฐฉบบั พมิ พ/์ (2560)/ ดึงชุมซนเปน็ ฐานทำงานเชงิ รุกสกัดปญั หาสงั คม / สืบคนั เมอ่ื วนั ท่ี 6
พฤศจิกายน2564/ จากเวบ็
ไชตh์ ttps://wwww.thairath.co.th/news/society/9295422fbclid=lwAR08sE1V3xYbtanGjL82UEX
H2eZEKCoqAeHW9ZwOpY HakQaBEoPpJl PM
ดร. ทพิ าภรณ์ โพธ์ิถวลิ และ Thipaporn Portawin, Ph.D./ (2563). / การเสริมสร้างความอบอุ่นของ
ครอบครวั ลกั ษณะเฉพาะในพน้ื ท่เี ป้าหมายครอบครัวอบอุ่น/ สบื คนั เม่อื วันท่ี 6 พฤศจกิ ายน 2564./
จากเว็บไชต์ http://ournal.innoxtalk.com/upload_fles/journa/journal id 37 91.pdf
พญ.พรรณพิมล วิปลุ ากร/ (2560)/ ผูส้ ูงอายุชว่ ยเพ่มิ การพฒั นาเด็กในครอบครวั / สบื คันเมอื่ วนั ท่ี 6
พฤศจิกายน 2564 / จากเวบ็ ไชต์ https://swww.haijai.com/3177/
ภทั ทา เกิดเร่อื ง/ (2559) / "ความอย่ดู ีมีสขุ และปัจจยั ทางเศรษฐกจิ ของครัวเรือนขา้ มรนุ่ ในไทย"/ สืบคนั
เมื่อวันท่ี 6 พฤศจิกายน 2564/ จากเวบ็ ไซต์ https://researchcafe.ore/well-being-ofskipped-
generation-households/
CF 369 สัมมนาเดก็ เยาวชน และครอบครวั อาจารย์ผสู้ อน ผศ.ดร.ป่ นิ หทยั หนนู วล 267
คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร์ ภาคการเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564
"โรคซึมเศร้า"
รถารัตน์ บุญถนอม 6105615709 | ชนกานต์ วไิ ลเนตร 6105615758 | ณฐั ภทั ร ชยั ชนะ 6105700154
CF 369 สัมมนาเดก็ เยาวชน และครอบครัว อาจารยผ์ ู้สอน ผศ.ดร.ป่ นิ หทยั หนูนวล 268
คณะสังคมสงเคราะหศ์ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ ภาคการเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2564
คำนำ
รายงานฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชา ดค. 369 สัมมนาการพัฒนาเด็ก เยาวชนและครอบครัวโดยรายงาน
ฉบับนี้ได้มีจุดประสงค์ เพื่อการศึกษาความรู้ที่ได้จากเรื่อง โรคซึมเศร้า ทั้งนี้ ในรายงานนี้มีเนื้อหาประกอบด้วยความรู้
เกี่ยวกับสาเหตุ อาการ ประเภท และปัจจัยเสี่ยงของโรคซึมเศร้า ตลอดจนการประยุกต์ใช้เพื่อเป็นแนวทางป้องกันและ
การปฏิบัตกิ บั ผู้ทเี่ ปน็ โรคซมึ เศร้า
คณะผู้จัดทำได้เลือกหัวข้อนี้ในการทำรายงาน เนื่องจากเป็นเรื่องที่น่าสนใจและมีความใกล้ตัวสำหรับทุกคน
ซึ่งอาจจะส่งผลอันตรายถึงชีวิต รวมทั้งแสดงให้เห็นถึงบทบาทหน้าที่ของคนในครอบครัว คนใกล้ตัวและการ
ปฏิบัติงานของทีมสหวิชาชีพต่าง ๆ ที่ให้การรักษากับผู้ที่เป็นโรคซึมเศร้า ทั้งนี้คณะผู้จัดทำต้องขอขอบพระคุณอาจารย์
ปั่นหทัย หนูนวล ผู้ให้ความรู้ที่คอยให้ความช่วยเหลือและให้คำแนะนำ และแนวทางการศึกษา หวังว่ารายงานฉบับบนี้จะ
ให้ความรู้ และเป็นประโยซ์แก่ผู้อ่านทุก ๆ ท่าน หากมีข้อเสนอแนะข้อผิดพลาดประการใด ทงคณะผู้จัดทำขอน้อมรับ
และขออภัยมา ณ ทนี่ ้ี
คณะผจู้ ัดทำ
นางสาวรถารตั น์ บญุ ถนอม 6105615709
นางสาวชนกานต์ วไิ ลเนตร 6105615758
นายณัฐภัทร ชัยชนะ 6105700154
CF 369 สัมมนาเดก็ เยาวชน และครอบครัว อาจารยผ์ ูส้ อน ผศ.ดร.ป่ นิ หทยั หนูนวล 269
คณะสังคมสงเคราะหศ์ าสตร์ มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร์ ภาคการเรยี นท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2564
โรคซึมเศรา้ ในวัยเด็ก
บทนำ
ในสังคมปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ทั้งในด้านพฤติกรรม ความคิด และสิ่งแวดล้อมเนื่องจาก
เป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดความเครียดสูงขึ้น เรื่องราวในชีวิตประจำวันมีการตัดสินใจในเชิงเหตุผลมากขึ้นมีปัญหาใน
ชีวิตประจำวันมากขึ้นจึงทำให้บุคคลในแต่ละวัยนั้นจะเกิดคว ามเครียดหรือการปรับตัวที่ผิดปกติปัจจัยเหล่านี้มีส่วนทำ
ให้เกิดภาวะความเครียดได้ จากปัญหาที่ไม่สามารถแก้ไขได้ทันที จึงอาจจะทำให้เกิดความเครียดสะสมหรือพฤติกรรมท่ี
ไม่เหมาะสมในการใช้ชีวิต เป็นเหตุให้เกิดโรคซึมเศร้าหาทางออกไม่ได้โดยเฉพาะช่วงระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมานั้นได้มี
ข่าวเด็กและเยาวชน ป่วยและเสียชีวิตจากโรคซึมเศร้าเป็นจำนวนมาก มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเห็นได้ชัดเลยว่าโรคซึมเศร้า
เปน็ เร่อื งทใ่ี กลต้ วั มากกว่าทีค่ ิด
โรคซึมเศร้าในปัจจุบันจึงเป็นโรคท่ีกำลังถูกพูดถึงเป็นอย่างมาก และมีการค้นหาบนเว็บไซต์เพิ่มขึ้นแสดงให้
เห็นว่าโรคนี้ไม่ไกลตัวอีกต่อไป บ่อยครั้งที่การไม่รู้หรือมองข้าม นำมาซึ่งความสูญเสีย เพราะฉะนั้นถ้าเริ่มรู้สึกว่ามีบาง
ส่ิงบางอย่างในตัวเองหรือคนใกล้ตัวเริ่มเปลี่ยนไปจนเกิดความสงสัยให้รีบตรวจดูว่าตอนนี้ที่เป็นอยู่ คือ อารมณ์เศร้า
ภาวะซึมเศร้า หรือว่าโรคซึมเศร้า เนื่องจาก 3 คำน้ี หรือ 3 ภาวะนี้มีความคล้ายคลึงกัน จนทำให้เกิดความสับสนว่าตก
อยู่ภาวะไหนกันแน่ เพื่อเข้าสู่กระบวนการรักษาได้อย่างทันท่วงทีเพราะโรคซึมเศร้าอ่อนไหวเกินกว่าที่จะเผชิญเพียงอยู่
คนเดยี ว
อารมณ์เศร้า คือ ความเศร้าปกติ (normal sadness) เป็นอารมณ์ปกติของมนุษย์ที่สามารถเกิดขึ้นได้
ตลอดเวลา เป็นอารมณ์ด้านลบ ซึ่งทางจิตวิทยาถือเป็นสภาวะอารมณ์ที่เกิดขึ้นเป็นครั้งคราวกับบุคคลทั่วไปทุกเพศ
ทุกวัย เมื่อเผชิญกับการสูญเสีย ความผิดหวัง ความรู้สึกอึดอัดทรมาน อาจจะเกิดข้ึนกับคนรอบตัวเราหรือตัวเราเอง
แต่จะสังกตได้ว่าถ้าเป็นอารณ์เศร้า แป๊บเดียวเดี๋ยวก็หายเศร้า บางคนใช้เวลาไม่นานไม่ถึงวันบางคนใช้เวลาเป็นวัน เป็น
สัปดาห์ หรือถ้าบางเร่ืองยืดเยื้อ เรื้อรัง ยาวนาน บางคนอาจจะใช้เวลาเป็นเดือนกว่าอารมณ์ศร้าจะหายไป แต่แล้วจะ
กลับมาเป็นภาวะปกติ
ภาวะซึมเศร้า (depression) ต่างจากความเศร้าปกติตรงที่อาจไม่ได้เกิดจากเหตุการณ์จริงแต่อาจเกิดจาก
การคาดการณ์ล่วงหน้าหรือคิดไปเอง และถ้าเกิดจากเหตุการณ์สูญเสียจริงก็มักจะมีอาการเศร้ามากเกินควรและนาน
เกินไป ไม่ดีขึ้นแม้ได้รับกำลังใจหรืออธิบายด้วยเหตุผล มักรู้สึกด้อยค่า รู้สึกผิด อยากตาย และพบบ่อยว่ามีผลกระทบ
ต่อหน้าที่การงาน กิจวัตรประจำวัน และการสังคมทั่วไป ในรายที่รุนแรงก็จะมีอาการทางกายด้วย เช่น มีความผิดปกติ
ของการนอน (นอนมากเกนิ ปหรือนอนไม่หลบั ) เบอ่ื อาหาร น้ำหนักลดหรืออยากอาหารมากขนึ้ นำ้ หนกั เพ่ิมขึ้น
โรคซึมเศร้า (depressive disorder) เป็นโรคทางจิตเวชชนิดหนึ่งที่พบได้บ่อยและเป็นปัญหาด้าน
สาธารณสุขที่สำคัญโรค ที่มีอารมณ์เศร้าเป็นอาการเด่น ดังนั้นเมื่อพบผู้ป่วยมีอารมณ์ซึมเศร้า ให้ประเมินอาการอื่นๆท่ี
พบร่วม และจะถือว่าเป็นโรคซึมเศร้าก็ต่อเมื่อมีอาการครบตามเกณฑ์การวินิจฉัยโรคซึมเศร้าซึ่งในปัจจุบันเกณฑ์ในการ
วินิจฉัยที่ใช้อยู่ 2 ระบบคือ The Diagnostic and Statistical Manual of Mental Disorders 5th edition (DSM-V)
และระบบมาตรฐานการจำแนกโรคระหว่างประเทศขององค์การอนามัยโลก ฉบับที่ 10 (The international
Classification of Diseases 10th revision ; ICD-10)
CF 369 สัมมนาเด็ก เยาวชน และครอบครวั อาจารยผ์ ู้สอน ผศ.ดร.ป่ นิ หทยั หนูนวล 270
คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ภาคการเรยี นท่ี 1 ปีการศึกษา 2564
1.ความหมายของโรคซมึ เศร้า
โรคซึมเศร้า คือ โรคที่มีความผิดปกติทางอารมณ์ชนิดหนึ่ง คนที่เป็นโรคซึมเศร้าจะมีอารมณ์ที่เศร้ามากกว่า
ปกติ เป็นนานกว่าปกติ เป็นทุกวันอย่างน้อยสองสัปดาห์ หรืออาจเบื่อหน่าย ไม่อยากทำกิจกรรมตามที่เคยชอบทำ และ
จะมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น รับประทานอาหารอาหารได้น้อยลง มีปัญหาการนอนหลับรู้สึกอ่อนเพลีย เหนื่อยล้าง่าย
ความจำไม่ค่อยดี หรือสมาธิไม่ดีเท่าเดิม อาจรู้สึกว่าตนเองแย่หรือไม่ดีไม่มีคุณค่า มีความมั่นใจน้อยลง บางคนหากเป็น
มาก อาจมีความคดิ อยากทำร้ายตัวเอง หรืออาจไมต่ อ้ งการจะมชี ีวติ อยู่
ถ้าสังเกตพบว่าอารมณ์และพฤติกรรมของตนเองหรือคนใกล้ชิดเปลี่ยนไปจากเดิม เช่น เศร้าซึมหงุดหงิดง่าย
ไม่อยากทำอะไรเหมือนที่เคยทำ ให้สงสัยว่าอาจเป็นอาการของโรค ควรไปปรึกษาแพทย์หรือจิตแพทย์โดยแพทย์หรือ
จิตแพทย์จะถามอาการที่เกิดขึ้น เพื่อวินิจฉัยโรคซึมเศร้า และแยกจากโรคอื่น ๆที่มีอาการคล้ายกัน เพื่อหาสาเหตุของ
อาการซึมเศร้าที่เกิดขึ้น โดยอาจตรวจร่างกาย หรือเจาะเลือดเพื่อตรวจเช็คฮอร์โมน อาจมีการส่งตรวจอื่น ๆ หากมีข้อ
สงสยั ว่ามคี วามผดิ ปกติทางรา่ งกายทท่ี ำให้เกดิ อาการซึมเศร้า
สำหรับการรักษาโรคซึมเศร้า ก็จะมีการรักษาใน 3 ปัจจัยหลัก โดยการรักษาทางชีวภาพ แพทย์ หรือจิตแพทย์
จะให้รับประทานยารักษาโรคซึมเศร้า เพื่อปรับให้สารเคมีในสมองกลับสู่ภาวะสมดุล และลดอาการของโรคซึมเศร้า เช่น
ช่วยให้กลับมารับประทานอาหารได้ปกติ นอนหลับ สมาธิความจำกลับมาดีเหมือนเดิมส่วนการรักษาทางจิตใจ ในกรณี
ประสบปัญหาชีวิตร่วมด้วย แพทย์หรือจิตแพทย์อาจให้คำปรึกษาเพื่อช่วยกันแก้ไขปัญหาดังกล่าว หรือพูดคุยทำจิต
บำบัด เพื่อให้ปรับตัวกับปัญหาชีวิตที่เร้ือรังได้ดีขึ้นส่วนการรักษาด้านสังคม แพทย์หรือจิตแพทย์จะสอบถาม ถึง
มุมมองของคนใกล้ชิดที่มีต่อผู้เป็นโรคซึมเศร้าและแนะนำการช่วยเหลือที่เหมาะสม เช่น คอยสนับสนุนหรือดูแลให้
รับประทานยาอย่างสม่ำเสมอรวมถึงวิธีให้กำลังใจ และคอยรับฟังความทุกข์ในจิตใจของผู้ที่เป็นโรคซึมเศร้าให้เข้าใจ
โดยไม่รีบตัดสินหรือรีบให้คำแนะนำ รวมถึงไม่เพิ่มความเครียด หรือความกดดันให้ผู้ที่เป็นโรคซึมเศร้าเกิดความเครียด
หรือทุกข์ใจมากกว่าเดิม สำหรับบางครอบครัวที่มีปัญหาซับซ้อน ส่งผลกระทบกับสมาชิกหลายคนในบ้านจนไม่สามารถ
พูดคุยกันให้เข้าใจได้ แพทย์หรือจิตแพทย์อาจแนะนำให้ผู้ป่วย และครอบครัวรับการทำครอบครัวบำบัด เพื่อปรับความ
เขา้ ใจกัน และปฏิบัตติ วั ตอ่ กนั ไดเ้ หมาะสมยงิ่ ข้ึน
ปัจจุบันการรักษาโรคซึมเศร้ามียาดี ๆ ที่ใช้รักษาได้หลากหลาย จนผู้ที่เป็นโรคซึมเศร้าสามารถหายเป็นปกติได้
โดยมีความรักความเข้าใจของคนใกล้ชิดเป็นส่วนสำคัญที่จะส่งเสริมให้ผู้ป่วยหายได้เร็วขึ้นหากรักษาครบทั้งสามด้าน
สามารถช่วยให้ผู้ป่วยกลับมาใช้ชีวิตได้ปกติดังเดิมหรือมีสมดุลใหม่ของชีวิตและสิ่งสำคัญ คือ หากผู้ป่วยเอ่ยถึง
ความคิดฆ่าตัวตายหรือต้องการทำร้ายตัวเอง ควรใส่ใจว่าเป็นเรื่องสำคัญเกิดจากอาการของโรคซึมเศร้าจะไม่ใช่การ
เรียกร้องความสนใจ คนใกล้ชิดต้องไม่ท้าทายหรือประชดประชันหรือทำเป็นไม่ใส่ใจ เพราะอาจทำให้ผู้ป่วยตัดสินใจทำ
สงิ่ ทเ่ี ราไม่คาดคดิ และไมอ่ ยากให้เกิดขน้ึ ได้แตค่ วรรบั ฟงั ใหเ้ ขา้ ใจถึงความทุกขใ์ จของเขาและรบี พาไปปรึกษาแพทย์
1.1 ปจั จยั ของโรคซึมเศร้า
โรคซึมเศร้านับเป็นโรคหนึ่งที่สร้างความทุกข์ใจกับผู้ป่วยเพราะในเม่ือเกิดขึ้นแล้ว จะทำให้หมดกำลังใจ ท้อแท้
ในชีวิต ส่งผลให้ประสิทธิภาพในการทำงานและการเรียนลดลงอย่างเห็นได้ชัดโดยโรคซึมเศร้าเป็นโรคที่มีสาเหตุซับซ้อน
ยกตัวอย่างเช่น ปัจจัยทางพันธุกรรม ปัจจัยทางชีวภาพของสมองและปัจจัยทางจิตสังคมรวมไปถึงปัจจัยทาง
บุคลิกภาพที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการคิดและการตัดสินใจอาจนำมาซึ่งพฤติกรรมเสี่ยง โดยเฉพาะการทำร้าย
ร่างกายตนเอง ขืนปล่อยไว้เรื่อย ๆ อาจจะนำไปสู่การคิดฆ่าตัวตาย ซึ่งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้น ( ของคนทุก
เพศทุกวัยในประเทศไทย โดยโรคซึมเศร้าไม่ใช่โรคที่เกิดขึ้นกับสภาพจิตใจเพียงอย่างเดียวอย่างที่หลาย ๆ คนคิด แต่
CF 369 สัมมนาเด็ก เยาวชน และครอบครวั อาจารยผ์ ้สู อน ผศ.ดร.ป่ นิ หทยั หนูนวล 271
คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์ ภาคการเรยี นท่ี 1 ปีการศึกษา 2564
เกิดจากการที่สมองหลั่งสารผิดปกติยกตัวอย่างเช่น โดปามีน ซึโรโทนิน และนอร์เอพิเนฟริน จึงส่งผลให้ร่างกาย
พฤติกรรม ความคิด และอารมณ์เกิดการแปรปรวนจึงนำไปสู่อาการต่าง ๆ ได้ ดังนั้นโรคซึมเศร้าคือเป็นความรู้สึก
เศร้า รู้สึกสูญเสียหรือโกรธหากมีอะไรมากระทบกระเทือนจิตใจ ผู้คนที่เคยเป็นโรคซึมเศร้าจะมีอาการที่แตกต่างกัน
ออกไป ซึ่งอาการของโรคนี้อาจจะส่งผลต่อการเรียนและการทำงานในแต่ละวันทำให้เสียเวลาและทำให้ประสิทธิภาพการ
ทำงานลง และในขณะเดียวกัน อาจมีอิทธิพลต่อความสัมพันธ์และสภาพทางกายในระยะยาวปัจจัยหรือสาเหตุที่ทำให้
เกิดโรคซมึ เศร้ามดี ้วยกันหลาย ๆ ปจั จยั ท้ังทางดา้ นร่างกายและจติ ใจ โดยสาเหตหุ ลักที่สง่ ผลให้เกดิ โรคซมึ เศร้า มดี ังนี้
โรคซมึ เศรา้ เกดิ จากกรรมพนั ธ์ุ
สำหรับใครท่ีมีคนในครอบครัวป่วยเป็นโรคซึมเศร้าหรือมีอาการทางจิตร่วมด้วยมีโอกาสที่จะเป็นโรคซึมเศร้า
มากกว่าคนท่ัวไป อีกทัง้ ยงั ใครท่ีมีฝาแฝดเป็นโรคซึมเศร้าคแู่ ฝดอีกคนมีโอกาสเป็นโรคซึมเศรา้ สูง
โรคซมึ เศร้าเกิดจากสภาพแวดลอ้ ม
สังคมหรือสภาพแวดล้อมรอบตัวเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคซึมเศร้าได้ทั้งสภาพแวดล้อมภายในครอบครัว
หรือบริบทสังคมในที่ทำงาน ท่ีมีความกดดันสูงมีโอกาสที่จะทำให้ความคิดและพฤติกรรมเปลี่ยน อาจทำให้เศร้ามี
ความคดิ ทอ้ แทน้ ้อยใจตนเองจนเกิดการซึมเศร้า
โรคซมึ เศร้าเกดิ จากลกั ษณะนสิ ัย
หากใครมีนิสัยพื้นฐานความคิดที่ชอบมองตนเองในแง่ลบ มองโลกในแง่ร้ายบุคคลเหล่านี้จะมีพฤติกรรมเม่ือ
เจอเหตุการณ์ที่เข้ามากระทบจิตใจ ยกตัวอย่างเช่นตกงาน หรือหย่าร้างหรือโดนตำหนิบ่อยครั้ง มีโอกาสที่ทำให้พัฒนา
ความคดิ กลายเปน็ ไปสโู่ รคซึมเศรา้ ไดง้ า่ ยขนึ้
โรคซมึ เศร้าเกดิ จากสารเคมใี นสมอง
นอกเหนือจากเร่ืองจิตใจแล้ว ร่างกายมีผลต่อโรคซึมเศร้าได้เช่นเดียวกันโดยสารเคมีในสมองส่วนที่สำคัญทำ
ให้เกิดโรคซึมเศร้าขึ้นได้ สำหรับสารเคมีที่ส่งผลต่อโรคซึมเศร้า ได้แก่ โดปามีน ซีโรโทนิน และนอร์เอพิเนฟริน ความ
ผดิ ปกตขิ องสารเหล่านท้ี ำใหค้ วามสมดุลในสมองเสยี จนนำมาส่โู รคซึมเศร้า
1.2 อาการของโรคซึมเศร้า
อาการของโรคซึมเศร้า โดยส่วนใหญ่อาการของโรคซึมเศร้าคือความรู้สึกทางร่างกายและจิตใจของผู้ป่วย ที่
บ่งบอกว่าตนเองนั้นกำลังเผชิญกับโรคซึมเศร้า มีด้วยกัน 9 อาการ ซึ่งหากมีอาการติดต่อกันอย่างน้อย 2 สัปดาห์
รวมถึงมีความรู้สกึ เหลา่ น้แี สดงว่ามีโอกาสเปน็ โรคซมึ เศร้า ดงั ต่อไปน้ี
- มคี วามรสู้ กึ เศร้า เบือ่ หงุดหงิดตลอดทัง้ วัน
- สนใจในส่ิงรอบตัวหรือกิจกรรมท่เี คยชอบนอ้ ยลง
- พฤตกิ รรมการกนิ เปล่ียนไป น้ำหนักเพิ่มหรือลดลงอย่างมาก
- นอนไม่หลับหรอื นอนมากผิดปกติ
- กระวนกระวายหรอื เชอื่ งชา้ ลงอยา่ งเห็นได้ชดั
- อ่อนแรง
CF 369 สัมมนาเดก็ เยาวชน และครอบครวั อาจารย์ผูส้ อน ผศ.ดร.ป่ นิ หทัย หนนู วล 272
คณะสังคมสงเคราะหศ์ าสตร์ มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์ ภาคการเรียนท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2564
- รสู้ กึ วา่ ตนเองไร้คา่ โทษตวั เองในทกุ เรอื่ ง
- สมาธิลดลง ใจลอย มีปญั หาเรือ่ งการตดั สนิ ใจ
- คดิ เรอ่ื งความตาย
1.3 ประเภทของโรคซึมเศรา้
1.โรคซมึ เศร้าแบบเมเจอร์ ดีเพรสช่ัน
เป็นอาการหลักของคนที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า โดยอาการพื้นฐานคือท้อแท้ รู้สึกเศร้า นอนน้อยหรือมาก
จนเกินไป น้ำหนักขึ้นหรือลงอย่างรวดเร็ว โดยคนที่เข้าข่ายโรคซึมเศร้าประเภทเมเจอร์ ดีเพรสชั่นเป็นคนที่มีอาการ
ซึมเศรา้ ตดิ ต่อกันอยา่ งน้อย 2 สัปดาห์
2.โรคซึมเศรา้ แบบดสิ ทีเมยี
เป็นโรคที่มีความรุนแรงน้อยกว่าโรคซึมเศร้าแบบเมเจอร์ ดีเพรสชั่น โดยมีอาการเพียงไม่อยากอาหารหรือกิน
มากเกินไป นอนหลับน้อยหรือมากเกินไป รู้สึกสิ้นหวัง แต่ความรุนแรงของอาการจะน้อยกว่า สำหรับความแตกต่าง
นอกเหนือจากความรุนแรงของอาการแล้ว ระยะเวลาเป็นส่วนสำคัญโดยคนที่เป็นโรคซึมเศร้าแบบดิสทีเมียจะมีอาการ
ตดิ ตอ่ กนั อยา่ งน้อย 2 ปี สว่ นโรคซมึ เศรา้ แบบเมเจอร์ ดเี พรสชัน่ จะมรี ะยะเวลา 2 สัปดาห์ ขน้ึ ไป
3.โรคซึมเศรา้ กอ่ นมปี ระจำเดอื น
สภาวะร่างกายที่เปลี่ยนแปลงเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคซึมเศร้าได้ โดยก่อนมีประจำเดือนผู้หญิงบาง
คนจะมีอาการคล้ายคลึงกับโรคซึมเศร้า ยกตัวอย่างเช่น รู้สึกเศร้า อ่อนไหวง่าย รู้สึกเหนื่อยล้า อ่อนเพลีย มีการนอนท่ี
ผดิ แปลกไปจากเดมิ เปน็ ต้น โดยโรคซมึ เศรา้ ก่อนมีประจำเดือนอาการจะดขี ้นึ หลงั จากมปี ระจำเดอื น 2-3 วัน
1.4 วิธรี บั มือโรคซึมเศรา้
1. หัดยอมรบั ตวั เอง
ฝึกสำรวจตัวเอง เรียนรู้ รจู้ กั ตัวเองมากขน้ึ และฝกึ ยอมรับในสิ่งทีต่ นเองเปน็ ท้ังข้อดีและขอ้ เสยี เพื่อท่ีจะชว่ ย
ให้คุณรับมือกับสถานการณ์ที่ทำให้ผิดหวังเสียใจได้ รู้จักขอบคุณตัวเองและแสดงความภาคภูมิใจในตัวเองอยู่เสมอ
เมื่อได้ลงมอื ทำในส่งิ ทด่ี ี ชวี ติ มีขึน้ มีลง แคร่ ับมอื กับมันได้ตวั คณุ ก็จะเบาสบายขึ้น
2. หัวเราะเยอะ ๆเมื่อรู้สึกทุกข์ ควรพาตัวเองอยู่กับสิ่งที่ทำให้รู้สึกเพลิดเพลิน เช่น ดูภาพยนตร์ตลก หรืออ่าน
เรอ่ื งขำขนั หรอื พูดคุยกับเพ่ือน ๆ ในเร่อื งขบขันสนกุ สนาน เพื่อช่วยคลายเครยี ด ชว่ ยคลายความทุกขใ์ นใจได้ดที เี ดียว
3. ระบายความรู้สกึ
ควรเรียนรู้ที่จะหาวิธีปลดปล่อยความรู้สึกเศร้า โกรธ ผิดหวัง หรือเสียใจออกมา เพราะอาการซึมเศร้ามักเกิด
จากการเก็บกดอารณ์ความรู้สึกไว้ เราทำได้โดยการพูดคุยกับคนที่ไว้ใจได้ ตะโกน หรือ ร้องไห้ออกมาดังๆ หรือเขียน
ความรู้สกึ ลงในสมุดบันทึก
4. ออกกำลงั กาย
การออกกำลังกายช่วยต้านโรคซึมเศร้าได้ เนื่องจากการออกกำลังกายช่วยเพิ่มระดับสารเคมีเซโรโทนินใน
สมอง และเพม่ิ การหลง่ั สารเอนดอรฟ์ ินท่ชี ว่ ยทำใหผ้ ่อนคลายอารมณด์ ขี น้ึ ชว่ ยให้สุขภาพด้านอ่ืนดขี นึ้ ด้วย
5. ออกไปเท่ยี วบา้ ง
CF 369 สัมมนาเดก็ เยาวชน และครอบครัว อาจารย์ผสู้ อน ผศ.ดร.ป่ นิ หทัย หนนู วล 273
คณะสังคมสงเคราะหศ์ าสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ภาคการเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2564
การเดินทางท่องเที่ยวถือเป็นยาดีสำหรับคนที่มีภาวะซึมเศร้า เพราะเป็นการหนีห่างจากสิ่งแวดล้อมเดิม ๆ ท่ี
ทำให้รู้สึกเหนื่อยหน่าย เศร้า เบื่อ เปลี่ยนไปสู่สิ่งแวดล้อมใหม่ ๆ ที่สดใส มีพลังมากขึ้นได้พบเห็นสิ่งใหม่ ๆ วัฒนธรรม
ใหม่ ๆ ผู้คนใหม่ ( สิ่งเหลา่ นี้จะช่วยใหผ้ อ่ นคลายความเครียด และคลายความเศรา้ ไดด้ ีเชน่ กนั
6. ทำงานอดเิ รก
หากมีเรื่องเครียด ๆ หรือเรื่องที่ทำให้เศร้าอยู่นาน ต้องพยายามสะบัดความรู้สึกเหล่านั้นออกไป แล้วไปหาอะไร
ทำที่สร้างสรรค์ ฝึกสมาธิ อย่างการทำงานอดิเรกก็ช่วยได้นะ เช่น ปลูกต้นไม้ วาดรูประบายสี ทำอาหาร เย็บปักถักร้อย
เปน็ ตน้
7. Positive Thinking
การมองโลกในแง่ดี ช่วยลดความวิตกกังวลได้จริง โดยอาจจะเริ่มจากฝึกคิดในมุมบวก ฝึกมองเรื่องต่างๆ
รอบตัวในมุมบวก ฝึกมองผู้อื่นในแง่ดี และรู้จักชื่นชมคนอื่น หากทำได้จะเป็นการเติมเต็มความสุขให้กับชีวิตของคุณได้
มากขึ้นแน่นอน และอย่าลืมว่าคุณไม่ได้อยู่คนเดียวในโลกอย่าลืมครอบครัวและเพื่อนฝูง คุณสามารถเปิดใจและพูดคุย
กับพวกเขาได้ตลอดเวลา
1.5 วธิ กี ารรกั ษาโรคซึมเศรา้
โรคซึมเศร้าสามารถรักษาให้หายได้ด้วยวิธีการรักษาทางจิตใจ และการรักษาด้วยยาหลายชนิด โดยที่แต่ละคน
อาจตอบสนองต่อการรักษาแต่ละชนิดไม่เท่ากัน บางคนอาจต้องการการรักษาหลายอย่างร่วมกัน การรับประทานยาจะ
ทำให้อาการของโรคดีขึ้นเร็ว ในขณะที่การรักษาทางจิตใจจะช่วยให้เหมือนมีภูมคิ ุ้มกันสามารถต่อสู้กับปัญหาท่ีจะเข้ามา
ได้ดีกว่าเดิม ส่วนใหญ่แล้วการรักษาโรคซึมเศร้าไม่จำเป็นต้องมารับการเข้าพักรักษาในโรงพยาบาล เมื่ออาการของโรค
ซึมเศร้ารุนแรงจนอาจมีอันตรายจากการพยายามฆ่าตัวตาย หรือผู้ป่วยไม่สามารถกินยาได้ หรือไม่ตอบสนองต่อการ
รักษาด้วยยาอาจให้การรักษาด้วยไฟฟ้า แต่จะใช้ในกรณีที่จำเป็นจริง ๆ เท่านั้น การรักษาโรคซึมเศร้าสามารถแบ่งออก
ได้เปน็ 2 แบบ ดังนี้
1. การรกั ษาทางจติ ใจของผ้ปู ว่ ยโรคซึมเศรา้
มีวิธีรักษาทางจิตใจอยู่หลายรูปแบบ ในการช่วยเหลือผู้ป่วยโรคซึมเศร้า ซึ่งอาจเป็นการพูดคุยกับจิตแพทย์
10 ถึง 20 ครั้ง จะช่วยให้ผู้ป่วยเกิดความเข้าใจกับสาเหตุของปัญหา และนำไปสู่การแก้ไขปัญหา โดยการเปลี่ยน
มุมมองกับแพทย์ การรักษาทางพฤติกรรมจะช่วยให้ผู้ป่วยเรียนรู้วิธีที่จะได้รับความพอใจหรือความสุขจากการกระทำ
ของเขา และพบวิธีที่จะหยุดพฤติกรรมที่อาจนำไปสู่ความซึมเศร้าด้วยการรักษาอีก 2 รูปแบบต่อไปที่มีการศึกษาแล้ว
สามารถรักษาโรคซึมเศร้าได้ดี คือ การรักษาแบบปรับความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล และการรักษาแบบปรับความคิดและ
พฤติกรรม โดยการรักษารูปแบบแรกมุ่งไปท่ีการแก้ไขปัญหาระหว่างผู้ป่วยกับคนรอบข้าง ที่อาจเป็นสาเหตุและกระตุ้น
ใหเ้ กดิ ความซึมเศรา้ ส่วนการรกั ษาแบบหลังจะชว่ ยใหผ้ ปู้ ่วยเปล่ยี นความคดิ และพฤตกิ รรมในแง่ลบกับตนเอง
ส่วนการรักษาโดยอาศัยทฤษฎีจิตวิเคราะห์สามารถนำมารักษาโรคซึมเศร้า โดยช่วยผู้ป่วยค้นหาปัญหาข้อ
ขัดแย้งภายในจิตใจผู้ป่วย ซึ่งอาจมีรากฐานมาจากประสบการณ์ตั้งแต่เด็ก โดยทั่วไปสำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคซึมเศร้
รุนแรง มีอาการกำเริบช้ำ ๆ จะต้องการการรักษาด้วยยาร่วมกับการรักษาทางจิตใจควบคู่กัน เพื่อผลการรักษาในระยะ
ยาวทีด่ ีทสี่ ุด
2. รักษาโรคซึมเศรา้ ด้วยการใช้ยา
ในปัจจุบันยารักษาโรคซึมเศร้าแบ่งออกได้หลายกลุ่ม ตามลักษณะโครงสร้างทางเคมีและวิธีการออกฤทธ์ิ
คือ กลุ่ม tricyclic (คือยาที่มีโครงสร้างทางเคมีสามวง) และกลุ่ม monoamine oxidase inhibitors เรียกย่อๆ ว่า
CF 369 สัมมนาเด็ก เยาวชน และครอบครวั อาจารยผ์ สู้ อน ผศ.ดร.ป่ นิ หทัย หนนู วล 274
คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร์ ภาคการเรียนท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2564
MAOI และสุดท้ายกลุ่ม SSRI (serotonin-specific reuptake inhibitor)ซึ่งแต่ละกลุ่มมีข้อดีและข้อเสียต่างกัน แต่
ประสิทธิภาพการรักษาเท่าเทียมกัน แพทย์จะเริ่มจ่ายยากลุ่มใดแก่ผู้ป่วยก่อนก็ได้เพื่อดูผลตอบสนอง เนื่องจากเราไม่
อาจทราบก่อนได้เลยว่า ผู้ป่วยคนใดจะถูกกับยาชนิดใด แต่แพทย์จะค่อย ๆ ปรับขนาดยาให้เหมาะสมกับอาการของ
ผ้ปู ว่ ยตอ่ ไป
ยารักษาโรคซึมเศร้าออกฤทธิ์โดยปรับระดับสารเคมีในสมองให้สมดุล เป็นการรักษาโรคโดยตรง มิใช่เป็นเพียง
ยาที่ทำให้ง่วงหลับ จะได้ไม่ต้องคิดมากเช่นที่คนมักเข้าใจผิดกัน ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักจะต้องการหยุดกินยาเร็วกว่าที่ควร
เป็นข้อสำคัญและพึงปฏิบัติที่สุด คือ การกินยาอย่างต่อเนื่องจนกว่าแพทย์จะบอกให้หยุดกิน ถึงแม้ว่าจะรู้สึกดีขึ้นแล้ว
ก็ตามยาบางตัวต้องค่อย ๆ ลดขนาดลง เพื่อให้โอกาสร่างกายปรับตัว ไม่ต้องกังวลว่า ยารักษาโรคซึมเศร้าเป็นยาที่กิน
แล้วติดหยุดยาไม่ได้อย่างไร ก็ตามก็เช่นเดียวกับกรรักษาโรคอื่น ๆ แพทย์อาจให้ตรวจวัดระดับยาให้ถูกต้องกับอาการ
เปน็ ระยะ
สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง คือ การซื้อยากินเองจากร้านขายยา หรือยืมยาจากเพื่อน หรือกินยาจากแพทย์ท่านอื่นปน
กับโรคซึมเศร้า โดยไม่ได้ปรึกษาแพทย์ก่อน เช่นเดียวกับแพทย์คนอื่นหรือหมอฟันด้วยว่า ท่านกำลังกินยารักษาโรค
ซึมเศร้าอยู่ ไม่ควรวางใจว่ายารักษาโรคซึมเศร้าเป็นแค่ยาธรรมดาไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงร้ายแรงหากดื่มแอลกอฮอล์
จากเหล้า เบียร์ หรอื ไวน์ ทำใหป้ ระสิทธภิ าพของยาจะลดลง
ยานอนหลับหรือยาลดความกังวล ไม่ใช่ยาที่สามารถรักษาโรคซึมเศร้าได้โดยลำพังอย่างที่กล่าวแล้ว แม้ว่า
บางครั้งแพทย์จะส่ังใช้ยาชนิดนี้ควบคไู่ ปกับยารักษาโรคซึมเศร้า เพื่อบรรเทาอาการกังวลในระยะต้นของการรักษา และ
ไม่ควรใชย้ ากระตนุ้ ประสาท หรือยาม้า เพื่อหวังผลให้หายเพลียเพียงชวั่ ครงั้ ช่ัวคราว
2.บทความวจิ ยั เพศหญงิ มีความเสีย่ งต่อการเป็นโรคซึมเศร้าได้มากกว่าเพศชาย
โรคซึมเศร้าก่อความสูญเสีย ปีสุขภาวะ (DALYs) เป็นอันดับ 4 ในหญิงไทย และในชายไทยพบว่าอยู่ใน อันดับ
10 แต่ถ้าพิจารณาจำนวนปีที่สูญเสีย เนื่องจากภาวะบกพร่องทางสุขภาพ (YLD) พบว่าโรคซึมเศร้าจะเป็นอันดับที่ 1 ใน
หญิงไทย และอันดับ 2 ในชายไทย หญิงเป็น โรคซึมเศร้ามากกว่าชาย 1.6 เท่า หลักฐานทางวิชาการได้ข้อสรุป
สอดคล้องกันว่า โรคซึมเศร้าเกิดจาก หลายปัจจัยคือ ปัจจัยทางชีวจิตสังคม และความเชื่อนี้ส่งผลต่อรูปแบบการ
รักษา ซึ่งแนวปฏิบัติที่พัฒนาจากหลักฐานเชิงประจักษ์ ทั้งในและต่างประเทศต่างให้ข้อเสนอแนะว่าการรักษาด้วยยา
ต้านเศร้าควบคู่ไปกับการบำบัดด้วยการปรับเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรมจิตบำบัดสัมพันธภาพรายบุคคลสามารถ
รกั ษาโรคซึมเศรา้ และป้องกนั การกลบั เป็นซำ้
องค์การอนามัยโลกระบุว่า มีหลักฐานจำนวนมากที่แสดงให้เห็นว่า เพศภาวะ (gender) ท่ีสังคมกำหนดว่า
เพศหญิงและชายควรเป็นอย่างไร มีบทบาท และพฤติกรรมที่เหมาะสมอย่างไร มีอิทธิพลต่อสุขภาพจิตของบุคคล
ปรากฏการณ์ที่พบว่าผู้หญิงมีบทบาท ทำงานนอกบ้านและมีรายได้แต่ยังต้องคงบทบาทเดิมคือ ดูแลงานบ้านอบรม
เลี้ยงดูบุตรเป็นปรากฏการณ์ที่ พบเหมือนกันทั่วโลก ผู้หญิงเป็นเพศที่ต้องดำรงหลายบทบาทในเวลาเดียวกัน เช่น
เป็นภรรยา แม่ ผู้ดูแล อาหารและความสะอาดเรียบร้อยในบ้านเลี้ยงดูบุตรเล็กพ่อแม่สูงอายุหรือสมาชิกในครอบครัวท่ี
เจ็บป่วย การต้องสวมบทบาทหลายอย่างในเวลาเดียวกัน ทำให้ผู้หญิงเกิดความเครียดได้ง่าย เพราะต้องจัดลำดับ
ความสำคัญในการสวมบทบาทต่าง ๆ ผู้หญิงทำงาน มากแต่มีเวลาพักผ่อนน้อย นำมาสู่ความเสี่ยงในการ เกิดปัญหา
สุขภาพจิตโดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคซึมเศร้า มีการศึกษาบ่งชี้ว่าผู้หญิงมีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะซึมเศร้ามากกว่า
ผู้ชายเป็นผลมาจากความแตกต่างในบทบาทมากกว่าการเผชิญกับเหตุการณ์ตึงเครียด ผู้หญิงมักจะเผชิญกับความ
CF 369 สัมมนาเดก็ เยาวชน และครอบครวั อาจารยผ์ สู้ อน ผศ.ดร.ป่ นิ หทยั หนนู วล 275
คณะสังคมสงเคราะหศ์ าสตร์ มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร์ ภาคการเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564
เสี่ยงต่อการเกิดภาวะวิกฤตในบทบาทที่เกี่ยวข้องกับการเลี้ยงดูบุตร ทำงานบ้าน และ ปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวกับการ
เจรญิ พนั ธ์มากกวา่ ความเครยี ดอนั เนื่องมาจากภาวะเศรษฐกจิ หรือการทำงานนอกบา้ น
การศึกษาในต่างประเทศที่ใช้การศึกษาเชิงคุณภาพศึกษาการรับรู้และประสบการณ์การเป็นโรคซึมเศร้าให้ข้อ
ค้นพบสอดคล้องกันว่าสาเหตุที่ทำให้ผู้หญิงเครียดอันนำไปสู่การเป็นโรคซึมเศร้า คือ เผชิญกับ เหตุการณ์ร้าย ๆ
มากกว่า 1 อย่าง เช่น เคยมีอาการ ซึมเศร้า หลังคลอดบุตร มีการเจ็บป่วยเรื้อรังทางร่างกาย เผชิญกับสถานการณ์ท่ี
ยากลำบาก สูญเสียบุคคลที่ สำคัญในชีวิต เคยถูกกระทำรุนแรงจากบุคคลสำคัญในชีวิต มีปัญหาสัมพันธภาพภายใน
ครอบครัว กับสามี หรอื บตุ ร หรือครอบครัวของสามี
มภี าระงานทางบ้าน มากมีปัญหาทางเศรษฐกิจนึกถงึ คนอ่ืน มากกวา่ ตนเอง พยายามท่จี ะควบคมุ ชวี ิตคนอ่นื
ค่านิยมการอบรมสั่งสอนหญิงไทยตั้งแต่สมัยรัตนโกสินทร์ สังคมไทยมีความเช่ือเรื่องผู้หญิงในลักษณะของ
ค่านิยมเชิงซ้อนหรือความไม่เสมอภาค ตัวอย่างเช่น สตรีไทยต้องรักนวลสงวนตัว ควรเก็บตัวอยู่ในบ้านเป็นภรรยาที่ดี
ของสามีให้ความสำคัญกับสามีในฐานะผู้คุ้มครองรับผิดชอบงานบ้านเป็นแม่บ้านที่ดีขยันขันแข็งทำงานบ้าน ต้องเป็น
มารดาที่ดีรับผิดชอบ อบรมลี้ยงดูบุตร และในปี พ.ศ. 2541 ที่ศึกษาค่านิยมและทัศนคติของสังคมไทยต่อสตรี ซึ่ง
ผู้หญิงมีโอกาสได้รับการศึกษาสูงขึ้นและทำงานนอกบ้านมีรายได้ พบว่าเพศหญิงและเพศชายส่วนใหญ่ มีความเห็นว่า
ครอบครัวไทยมักจะอบรมให้ลูกสาวปรนนิบัติ และเชื่อฟังสามี ลูกผู้หญิง ต้องรับผิดชอบงานบ้านมากกว่าลูกผู้ชาย
ภรรยาควรปฏิบตั ิหน้าทข่ี องภรรยาโดยจะตอ้ งเชือ่ ฟังสามีเทา่ น้นั
จึงสามารถสรุปได้ว่าบทบาททางเพศภาวะมีความเกี่ยวข้องกับการเป็นโรคซึมเศร้า ผู้หญิงมีเรื่องต้องคิด
หมกมุ่น ทำให้เกิดความเครียดเรื้อรัง จึงนำมาสู่การเป็นโรคซึมเศร้า ฉะนั้นการบำบัดผู้หญิงที่ถูกกดดันภายใต้การ
แสดงบทบาททางสังคม ผู้บำบัดต้องมีความละเอียดอ่อนเชิงเพศภ าวะ ใช้มุมมองเพศภาวะเป็นแนวทางให้เพศหญิง
เป็นอิสระจากความกดดนั และพัฒนากลวิธีในการป้องกันโรคซึมเศรา้ ท่ีมีความละเอียดออ่ นเชิงเพศภาวะ
3.คำพดู ทีส่ ง่ ผลตอ่ ผ้ทู ่เี ป็นโรคซมึ เศร้า
บทความการรับมือ หรือคำต้องห้ามที่ไม่ควรพูดกับผู้ป่วยโรคซึมเศร้า ในปัจจุบันที่สามารถพบเห็นได้โดยทั่วไป
แต่เมื่อเจอกับสถานการณ์จริงกลับปฏิบัติตัวไม่ถูก อาจจะเป็นกังวลกับข้อห้ามที่มีไม่น้อยและในบางครั้งข้อปฏิบัติก็ไม่
สามารถอยูใ่ นสมองตอนที่ใช้หัวใจรบั ฟงั
3.1 คำที่ไม่ควรพดู
ผู้ป่วยที่เป็นโรคซึมเศร้า จะมีความอ่อนไหวต่อคำพูด คำบางคำฟังแล้วมีกำลังใจแต่อีกหลากหลายคำสามารถ
ทิ่มแทงจิตใจได้ สำหรับผู้ป่วยโรคซึมเศร้า คำพูดแบบไหนบ้างที่ไม่ควรพูดให้ได้ยินสำหรับประโยคต้องห้ามสำหรับผู้ป่วย
โรคซึมเศร้าเป็นสง่ิ ท่ไี ม่ควรพดู คอื คำห้าม คำกดดนั คำพูดเชิงลบ เชน่
- ร้องไห้ทำไม
- เสียใจดว้ ยนะ แยจ่ งั เลย
- พยายามอีก ต้องทำได้
- แค่น้ีเอง
- อยา่ คดิ มาก
- ทำไมทำไม่ได้
- ห้ามร้องไห้
- เด๋ียวก็ดเี อง
CF 369 สัมมนาเดก็ เยาวชน และครอบครัว อาจารย์ผู้สอน ผศ.ดร.ป่ นิ หทยั หนนู วล 276
คณะสังคมสงเคราะหศ์ าสตร์ มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์ ภาคการเรยี นที่ 1 ปกี ารศึกษา 2564
- อย่าทอ้
- สู้ๆ นะ (ในทางจิตวิทยาเรียกว่า Ignorance เป็นการปล่อยให้ผู้ป่วยสู้ด้วยตนเองตามลำพัง ไม่รู้จะช่วยคน
นั้นอยา่ งไรด)ี
3.2 คำทค่ี วรพูด
สร้างกำลังใจให้กับผู้ป่วยโรคซึมเศร้า ด้วยคำพูด หรือประโยคที่ควรพูดกับผู้ป่วยโรคซึมเศร้าเพื่อเข้าใจผู้ป่วย
โรคซมึ เศร้าไดม้ ากยิง่ ข้ึน ดังประโยคต่อไปน้ี
- อกี ไม่นานเธอกจ็ ะดีขึน้ อดทนไว้นะ
- ไมม่ ีใครต้ังใจให้เรือ่ งร้าย ๆ มันเกิดหรอก ฉนั รู้ดี
- ฉนั กไ็ ม่รูห้ รอกนะวา่ เธอจะรูส้ กึ แย่สักแคไ่ หน แตฉ่ ันยินดจี ะทำความเข้าใจเธอนะ
- พวกเราจะไมท่ ิง้ เธอนะ เราจะอยู่ข้าง ๆ เธอ
- มากอดกันไหม ออกไปเดนิ เลน่ กนั ไหม
- เธอไมไ่ ดเ้ ป็นบ้า เธอกแ็ คเ่ ศร้า
- ฉนั รักเธอ แม้เธอจะเป็นยงั ไง
สามารถสรุปได้ว่าสิ่งที่เป็นตัวกระตุ้นให้ผู้ที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า ให้มีอาการที่ดีขึ้น และแย่ลงได้น่ันก็คือคำพูด
ของคนรอบกาย โดยคำพูดที่เหมาะสมนั้นก็จะช่วยให้ผู้ป่วยรู้สึกดีขึ้นได้ แต่หากผู้ป่วยเจอคำพูดที่ไม่เหมาะสมก็อาจทำ
ให้อาการแย่ลงไปกว่าเดิมได้เช่นกัน ถึงแม้ว่าจะเป็นคำพูดเพื่อให้กำลังใจและมาจากความหวังดีก็ตาม เพราะฉะนั้น
ก่อนทจี่ ะพูดอะไรจงึ ควรมกี ารไตรต่ รองและทบทวนใหด้ กี ่อนวา่ คำพูดจะชว่ ยทำให้ผูป้ ว่ ยดขี ้ึนหรือแย่ลง
4.โรคซึมเศร้าในเด็ก
โรคซึมเศร้าเกิดขึ้นได้ทุกช่วงอายุรวมทั้งในเด็กด้วย ซึ่งอาการของโรคซึมเศร้าในเด็กจะมีลักษณะท่ี
หลากหลาย บางคนแสดงออกด้วยอาการก้าวร้าว อาละวาด ร้องห้ง่าย ในขณะที่บางคนมีอาการเศร้าซึมมีความรู้สึก
สิ้นหวังเวลาถูกปฏิเสธ ถูกขัดใจก็จะอ่อนไหวง่ายกว่าปกติ ใช้คำพูดรุนแรง บ่นปวดหัวปวดท้อง รู้สึกไร้ค่า ไม่มีสมาธิ
คิดถึงความตาย คล้ายกับที่ผู้ใหญ่เป็น หรือบางคนอาจจะมีอาการให้เห็นได้จากการไม่เข้าสังคมในช่วงเริ่มต้นของ
อาการ ซ่งึ อกรเหลา่ นี้จะตอ้ งเป็นอยู่นานเปน็ สปั ดาห์ เด็กสว่ นใหญ่
ทีม่ อี าการของโรคซมึ เศร้า มักจะมีปญั หาในดา้ นการเรียนรว่ มด้วย
ก่อให้เกิดปัญหาต่อชีวิตประจำวันของเด็ก หรือ การเรียนของเด็ก เช่น การเล่นเกมส์มากขึ้นหรือ ติดโทรศัพท์
มากขึ้น เป็นต้น ในเด็กที่พัฒนาการการสื่อสารหรือการรับรู้อารมณ์ตนเองยังไม่ดีนักอาจมาด้วยอาการ เจ็บป่วยทาง
กาย เช่น ปวดหัว ปวดท้อง หรือมีพฤติกรรมถดถอยกลับไปสู่วัยเด็กเล็ก เช่น พฤติกรรมงอแง อาละวาด หรือ ไม่อยาก
ไปโรงเรยี น เปน็ ตน้
4.1สาเหตทุ ที่ ำให้ลูกเปน็ โรคซมึ เศร้า
1. พันธุกรรม จากการศึกษาพบว่าเด็กที่พ่อแม่มีภาวะซึมเศร้า จะมีอัตราการเกิดภาวะซึมเศร้าได้สูงกว่าเด็ก
ทั่วไปสารเคมีในสมอง จากการศึกษาพบว่าผู้ป่วยภาวะซึมเศร้า จะมีการเปลี่ยนแปลงของสารเคมีในสมองที่ผิดปกติ ทำ
ให้ส่งผลต่อการควบคุมอารมณ์ ร่างกาย และจิตใจ ซึ่งในปัจจุบันยาที่ใช้รักษาภาวะซึมเศร้าจะมีหน้าที่โดยตรงในการ
ปรบั สารเคมเี หลา่ นใ้ี หอ้ ยใู่ นภาวะสมดลุ
CF 369 สัมมนาเดก็ เยาวชน และครอบครวั อาจารยผ์ ูส้ อน ผศ.ดร.ป่ นิ หทยั หนนู วล 277
คณะสังคมสงเคราะหศ์ าสตร์ มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร์ ภาคการเรยี นท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2564
2. ปัจจัยแวดล้อมภายนอก หรือ ปัญหาทางจิตสังคม เช่น ปัญหาการเล้ียงดู ความรุนแรงในครอบครัว การ
เลี้ยงดูลูกเชิงลบ ใช้คำตำหนิต่อว่าหรือการใช้อารมณ์ในการดูแลบุตร เกิดเหตุการณ์ที่กระทบกระเทือนจิตใจ เช่น การ
สูญเสียบุคคลสำคัญ หรือ การหย่าร้างของพ่อแม่ การถูกทารุณกรรมหรือการถูกทอดทิ้ง การถูกกลั่นแกล้งใน
โรงเรยี นหรอื ถูกกดี กันออกจากสงั คม เป็นต้น
3. มุมมองต่อตนเอง และลักษณะการแก้ไขปัญหา พบว่าเด็กที่มีความภาคภูมิใจในตนเองต่ำและเด็กที่มีความ
วิตกกังวลสูง จะมีอัตราการเกิดภาวะซึมเศร้าได้สูงกว่าเด็กทั่วไป ลักษณะการแก้ไขปัญหาโดยใช้วิธีหนีปัญหา โทษ
ตวั เองชำ้ 1 และมองโลกในแง่ร้ายก็มีแนวโน้มทำให้มีโอกาสเป็นภาวะซมึ เศรา้ ได้สูงขึน้
4. ปัจจัยโรคทางกายอื่น " โรคทางกายหรือยาบางชนิด ส่งผลต่อฮอร์โมน และสารเคมีในสมองทำให้เกิดภาวะ
ซึมเศร้าได้ นอกจากนี้เด็กทมี่ ีภาวะโรคเรื้อรัง ไม่สามารถใชช้ ีวิตตามวยั ไดต้ ามปกตกิ ็มโี อกาสเกิดภาวะซึมเศรา้ ได้ดว้ ย
4.2การดูแลและการรกั ษา เม่ือสงสยั วา่ ลกู เปน็ โรคซึมเศรา้
1. พอ่ แมจ่ ำเป็นตอ้ งทำจิตใจตนเองให้สงบและพรอ้ มตอ่ การรบั ฟงั เรอื่ งต่าง ๆ ของลูก
2. หาบรรยากาศที่สงบ ผ่อนคลาย พูดคุยถึงอาการที่พ่อแม่สังเกตเห็นและสะทอ้ นให้ลูกเข้าใจถึงความห่วงใย
ความพร้อมที่จะเข้าใจและชว่ ยเหลอื ของพ่อแม่
3. เปิดโอกาสให้เด็กพดู และระบายความรู้สกึ โดยไมแ่ ยง้ หรอื รีบสอน
4. หากพบว่าเด็กมีภาวะซึมเศร้าให้ชักชวนลูกมารับการรักษากับจิตแพทย์ และหากพบความเสี่ยงต่อการฆ่า
ตัวตาย ให้พ่อแม่คอยเฝ้าระวังพฤติกรรมของลูก เก็บของมีคม สารเคมี ยาหรืออุปกรณ์ต่าง ๆที่เด็กสามารถใช้ในการ
ทำรา้ ยตนเอง
5. ไมป่ ลอ่ ยเดก็ ไว้ตามลำพัง และรีบพามาพบแพทย์
วิเคราะห์
จากการศึกษาโรคซึมเศร้า พบว่าโรคซึมเศร้าไม่ใช่โรคที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ไม่ไช่โรคประหลาด
หรือโรคเรียกร้องความสนใจอย่างที่เข้าใจกัน เพียงแต่โรคซึมเศร้าเป็นแผลทางใจที่ใครก็ไม่สามารถรับรู้ได้ ถ้าไม่ใช้ใจ
ฟัง โรคซึมศร้าเป็นโรคที่ไม่ไกลตัวแต่เป็นโรคที่อยู่รอบตัวของทุกคน โรคซึมเศร้าเป็นภาวะทางจิตใจที่ส่งผลต่ออารมณ์
และมุมมองของผู้ที่เป็นโรคซึมเศร้า การใช้ยาและการบำบัดซึ่งทั้งสองวิธีน้ีเป็นวิธีการรักษาโดยการรักษาแบบใช้ยา
แพทย์จะเป็นผู้แนะนำตามความเหมาะสม การได้เรียนรู้วิธีการรับมือกับโรคซึมเศร้าถือเป็นผลดีอย่างมาก เพราะใน
ปัจจบุ นั ทกุ คนจะทราบเพยี งแตโ่ รคซึมเศร้าผา่ นอาการท่ีสง่ ออก
มา แต่กลับไม่รู้วิธีที่จะรับมือกับโรคซึมเศร้าได้เลย เพียงแค่เข้าใจและเรียนรู้ก็สามารถที่จะอยู่ร่วมกันได้อย่างไม่รู้สึก
กังวลกับทกุ เพศทกุ วยั
โรคซึมเศร้าไม่พบในเฉพาะผู้ใหญ่หรือเด็กหรือเพศหญิงเพศชาย ทุกคนทุกเพศทุกวัยสามารถเป็นโรคซึมเศร้า
ได้เช่นกัน ต้องไม่มองว่าผู้ที่เป็นโรคซึมเศร้านั้นเป็นคนประหลาด แต่จงมองว่าเป็นมนุษย์ทุกคนมีจิตใจรับรู้และมี
ความรู้สึกต้องการความรัก การดูแลเอาใจใส่อย่างใกล้ชิด ทุกคนจึงต้องให้ความสำคัญกับบุคคลรอบตัวให้มาก โดยใน
บทบาทของนักสังคมสงเคราะห์ จะทำการประเมินและวินิจฉัยสังเกตพฤติกรรมของผู้ป่วย โดยอาศัยทักษะการ
ปฏิบัติงานร่วม ประกอบด้วย การพิทักษ์สิทธิ์ การเสริมพลัง การให้คำปรึกษาการบริหารจัดการ การระดมทรัพยากร
การดำเนนิ งาน และการส่งต่อ และตอ้ งเข้าใจศึกษาถงึ ความเปราะบาง
CF 369 สัมมนาเดก็ เยาวชน และครอบครวั อาจารย์ผสู้ อน ผศ.ดร.ป่ นิ หทัย หนนู วล 278
คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ ภาคการเรยี นที่ 1 ปีการศึกษา 2564
ทางจิตใจเฝ้าสังเกตอารมณ์ของผู้ใช้บริการตลอดจนวิธีการช่วยเหลือผู้ใช้บริการ นักสังคมสงเคราะห์ต้องมีความรู้
ความเข้าใจในหลักจิตวิทยาและเทคนิคการปรับเปลี่ยนความคิด นักสังคมสงเคราะห์จึงมีบทบาทสำคัญในการ
ปรับเปลยี่ นจติ ใจอยา่ งต่อเนื่อง เพอื่ ให้ผู้ใช้บรกิ ารเข้าใจตนเองและเข้าใจผอู้ น่ื ไดย้ งั ต้องมกี ารติดตามอยา่ งต่อเนื่อง
การบำบัดรักษาโดยการให้คำปรึกษาแนะนำทางจิตใจ ประคับประคองและเสริมพลังซึ่งเป็นบทบาทเด่นของนัก
สังคมสงเคราะห์ที่ศึกษาและมีการนำแนวทางการบำบัดต่าง ๆ มาใช้ ตลอดจนมีการประสานงานทีมสหวิชาชีพ การ
วินิจฉัยปัญหาทางสังคม การประเมินความพร้อม การเฝ้าระวังปัญหาไม่ให้รุนแรงขึ้น โดยการฟื้นฟู นอกจากนี้นัก
สังคมสงเคราะห์จะต้องทำหน้าที่เป็นผู้จัดการกรณี (Case Manager) ร่วมด้วย โดยการประเมินความพร้อม ประเมิน
ความต้องการ ประสานความร่วมมือขอความร่วมมือกับหลายวิชาชีพและหนว่ ยงานอื่นๆ นักสังคมสงเคราะห์จึงต้องมี
สัมพันธภาพที่ดีต่อทุกวิชาชีพและหน่วยงานอื่น เพื่อส่งต่อผู้ใช้บริการให้ได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม
อนาคตแนวโน้มการทำงานสังคมสงเคราะห์ควรที่จะเข้าถึงได้ทุกเพศทุกวัย เพื่อลดปมปัญหาที่เกิดขึ้นภายในจิตใจซึ่ง
จะส่งผลให้เป็นโรคซึมเศร้าได้ในอนาคต เช่น การที่มีนักสังคมสงเคราะห์ในโรงเรียน เพื่อให้คำปรึกษา แนะนำทางออก
แก่เด็ก เพราะไมเ่ พยี งแตต่ วั เด็กเทา่ นัน้ แตร่ วมไปถงึ สภาพแวดลอ้ มทอี่ ยรู่ อบตัวเด็กดว้ ย
บทสรปุ
โรคซึมเศร้าไม่มีสาเหตุที่ชัดเจน แต่คาดว่ามาจากหลายปัจจัย ทั้งความผิดปกติของสารเคมีในสมอง
กรรมพันธุ์ ความเครียดในเรื่องส่วนตัว การดื่มแอลกอฮอล์ การใช้สารเสพติด และการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน
รวมถึงลักษณะนิสัยส่วนตัวก็เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคซึมเศร้าได้ สามารถตรวจสอบอาการเบื้องต้นได้จากการโทร
สายด่วนสุขภาพจิต 1323เพื่อปรึกษาปัญหาเบื้องต้นนอกจากนี้ยังสามารถโทรไปที่ 02-713-6793 สมาคมสะมาริตันส์
แห่งประเทศไทย มีจุดมุ่งหมายเพื่อเป็นเพื่อนพูดคุยทางโทรศัพท์ป้องกันการฆ่าตัวตาย โดยคุณจะได้คุยกับอาสาสมัคร
ท่ี มีประสบการณใ์ นการชว่ ยเหลือผู้ปว่ ยมาแล้วหลายสบิ ปี
โรคซึมเศร้าจึงเป็นโรคท่ีเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาและสามารถเกิดขึ้นได้กับทุก ๆ คน ตามความคิดสภาพแวดล้อม
รอบตัวเรา ควรตระหนักว่าโรคซึมเศร้าไม่ใช่แค่โรคธรรมดา แต่มันเป็นโรคที่อันตรายมากถึงข้ันที่จะสามารถพรากชีวิต
คนรอบข้างเราไปได้ทุกเมื่อ เพราะฉะนั้น เราจึงควรตระหนักและควรใส่ใจคนที่เป็นโรคซึมเศร้าให้มากขึ้น ให้ความรัก ให้
ความอบอุ่น ให้ทัศนคติที่ดีแก่เขา เพราะทางคณะผู้จัดทำเชื่อว่าความคิดบวกของคนรอบข้างจะสามารถเปลี่ยนแปลง
ความคิดลบของคนที่เป็นโรคซึมเศร้าได้ ถ้าหากคนที่มีอาการหรือเป็นโรคซึมเศร้าได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีแต่
ความคิดบวกและรู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่ามีประโยชน์ ก็จะช่วยส่งผลทำให้เขาเริ่มที่จะเปลี่ยนความคิดใหม่ และใส่ใจส่ิง
รอบขา้ งใหม่ ๆ หาประสบการณใ์ หม่ ๆ ใหแ้ ก่ตนเองมากข้นึ จนสามารถหลดุ พ้นจากคำวา่ โรคซึมเศรา้ และเรม่ิ ต้นชีวิตใหม่
CF 369 สัมมนาเด็ก เยาวชน และครอบครวั อาจารยผ์ ู้สอน ผศ.ดร.ป่ นิ หทัย หนูนวล 279
คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ ภาคการเรียนที่ 1 ปกี ารศึกษา 2564
บรรณานกุ รม
กมลเนตร วรรณเสวก. (2562). โลกซมึ เศรา้ ภยั เงยี บทตี่ ้องใสใ่ จ. สืบคน้ เมอ่ื วนั ท่ี 9 ตุลาคม 2564. สบื คน้
จากhttps://www.si.mahidol.ac.th/siriraj_online/thai_version/Health_detail.asp?id=1348
กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข. (2564). แบบคัดกรองภาวะซึมเศรา้ ในเดก็ . สบื ค้นเมอื่ วนั ที่ 9 ตุลาคม
2564 สืบค้นจาก https://ww.dmh.go.th/test/cesd/depress/
ตฎิลา จำปาวัลย.์ (2560). แนวคดิ และทฤษฎภี าวะซมึ เศรา้ ทางจิตวทิ ยา. สบื ค้นเม่อื วันท่ี 9 ตุลาคม 2564.
สืบคน้ จาก http:/www.eresearch.rbru.ac.th/pdf-uploads/thesis-1920-file06-2021-01-28-
09-49-11.pdf
มหาวทิ ยาลยั ราชภฎั รำไพพรรณ.ี (2560). แนวคดิ ทฤษฎีและงานวจิ ัยทเ่ี กย่ี วขอ้ ง. สืบค้นเมอื่ วนั ที่ 10 ตลุ าคม
2564. สืบคน้ จาก https://so03.tci-
thaijo.org/index.php/jbp/article/download/242954/164619/
สมบูรณ์ หทัยอยสู่ ขุ . (2564). เรียนร้แู ละเขา้ ใจโรคซึมเศร้า. สืบคันเมอื่ วนั ที่ 10 ตลุ าคม 2564. สืบค้นจาก
https://youtu.be/g-AuxSvRJ2E
โรงพยาบาลเปาโลพหลโยธนิ . (2564). Do's & Don't ควรทำตวั อยา่ งไรเมอื่ คนใกล้ชิดเป็นโรคซมึ เศรา้
สบื ค้นเม่อื วันท่ี 9 ตุลาคม 2564 สืบคน้ จาก https://www.paolohospital.com/th-
TH/phaho/Article/Details/
ศภุ าวรรณ คงสวุ รรณ.์ (2561). เม่ือโลกซึมเศร้าทำให้อยากจากไป. สืบค้นเม่ือวันท่ี 10 ตลุ า 2564. สบื คน้ จาก
https://www.the101.world/when-depression-comes/
สมาคมจติ แพทยแ์ ห่งประเทศไทย. (2555. เพศหญิงหรอื ความเป็นหญงิ จึงนำมาสู่การเป็นโรคซมึ เศรา้ .
สืบคน้ เม่อื วนั ท่ี 11 ตุลาคม 2564. สืบคน้ จาก http://www.psychiatry.or.th/JOURNAL/57-1/06-
Somporn.pdf
Cigna. (2564). โรคซมึ เศร้า, สืบค้นเมือ่ วันที่ 10 ตุลาคม 2564. สืบค้นจาก
https://www.cigna.co.th/health-wellness/tip/how-to-observe-depression-2020
Pobpad. (2564). การรกั ษาโรคซมึ เศร้ากับวธิ ีการรบั มือด้วยตนเอง. สบื คน้ เมื่อวันท่ี 10 ตลุ า 2564. สบื ค้น
จากhttps://www.pobpad.com/
CF 369 สัมมนาเด็ก เยาวชน และครอบครัว อาจารยผ์ ู้สอน ผศ.ดร.ป่ นิ หทัย หนูนวล 280
คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ ภาคการเรยี นท่ี 1 ปีการศึกษา 2564
ปญั หาสารเสพติดในเด็กและเยาวชน
นภพล สุนทรวิภาต 6105615196
6105615519
ฟาฮดั มฮู ำหมดั อลั นะหด์ ี 6105700410
พลอยน้ำเพชร แก้วฟงุ้
CF 369 สัมมนาเด็ก เยาวชน และครอบครัว อาจารยผ์ ู้สอน ผศ.ดร.ป่ นิ หทัย หนนู วล 281
คณะสังคมสงเคราะหศ์ าสตร์ มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์ ภาคการเรียนที่ 1 ปกี ารศึกษา 2564
คำนำ
รายงานฉบับนี้เป็นการรวบรวมสรุปประเด็นสำคัญของการสัมมนาในหัวข้อ "ปัญหาสารเสพติดในเด็กและเยา
วนชน"โดยเป็นการแลกเปลี่ยนร่วมกันทั้งในส่วนของข้อมูลที่เกี่ยวข้องและการแลกเปลี่ยนร่วมกันในส่วนของทัศนคติ
มุมมอง ประสบการณ์ต่างที่นำไปสู่การค้นเจอบทบาทการทำงานของนักสังคมสงเคราะห์ได้อย่างครอบคลุมรอบด้าน
รวมถึงการทำงานร่วมกันภาคีเครือข่ายซึ่งเป็นหัวข้อภายใต้ขอบเขตความมุ่งหวังในรายวิชาสัมมนาการพัฒนาการเด็ก
และเยาวชนและครอบครัว (ดค. 396) คณะผู้จัดทำมีความตั้งใจจัดทำรูปเล่มรายงานฉบับนี้เพื่อหวังเป็นประโยชน์แก่ผู้
ที่สนใจศึกษาในประเด็นข้างต้นและเพื่อเป็นการบันทึกการสัมมนาสำหรับการนำมาใช้ศึกษาของคณะผู้จัดทำเองใน
โอกาสต่อไป
คณะผู้จดั ทำ
CF 369 สัมมนาเด็ก เยาวชน และครอบครัว อาจารย์ผ้สู อน ผศ.ดร.ป่ นิ หทัย หนูนวล 282
คณะสังคมสงเคราะหศ์ าสตร์ มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร์ ภาคการเรียนที่ 1 ปกี ารศึกษา 2564
ทม่ี าและความสำคัญของปญั หา
ปัญหายาเสพติดถือเป็นสภาพปัญหาเรื้อรังของประเทศไทยที่เกิดขึ้นมาอย่างยาวนานลักษณะปัญหาและ
ความรุนแรงของปัญหาจะเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพเศรษฐกิจและสังคมคงที่เอ้ือให้ปัญหายาเสพติดทวีความรุนแรง
ขึ้น โดยเฉพาะปัญหาในกลุ่มผู้เสพและผู้ค้ายาเสพติดที่เป็นเด็กและเยาวชนที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติดที่มีทั้งเด็ก
และเยาวชนที่อยู่ในสถานศึกษาและเด็กที่อยู่นอกสถานศึกษาซึ่งมีความเสี่ยงมากกว่าเด็กที่มีสถานศึกษาควบคุมดูแล
ซึ่งการเข้าไปยุ่งเกี่ยวจะส่งผลกระทบต่อ สังคม ชุมชน และตนเอง เช่น การสูญเสียโอกาสในการศึกษาสุขภาพร่างกาย
และจิตใจเสื่อมโทรม การสูญเสียอิสรภาพเนื่องจากกระทำความผิด ความสัมพันธ์ในครอบครัวถูกทำลาย ความรู้สึกไม่
ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินรวมถึงผลกระทบในระดับประเทศ คือการสูญเสียด้านงบประมาณในการ ปราบปราม
จับกุมคุมขัง เป็นต้น รวมทั้งการบำบัดพื้นฟูซึ่งนำมาสู่การสูญเสียที่สำคัญคือ การสูญเสียทรัพยากรบุคคลที่มีค่าอัน
เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศในอนาคต (นเรนทร์ ตุนทกิจ 2557,อ้างถึงใน:กิ่งกาญจน์ จงสุขไกล, 2555)
และจากรายงานของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด(ป.ป.ส.(ส.พ.ป)ได้รายงานข้อมูล
สถานการณ์การแพร่ระบาดปัญหายาเสพติดในกลุ่มเด็กและเยาวชนปีงบประมาณ 2563 ที่ยาบ้าไอซ์และเฮโรอีนมีการ
แพร่ระบาดเพิ่มขึ้น การลักลอบจำหน่ายไอซ์ และกัญชาในสื่อโซเชียลออนไลน์มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ทั้งนี้สำนักงาน ป.ป.ส
และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเร่งหามาตรการเชิงรุกในการสร้างกรรับรู้เพื่อให้เด็กและเยาวชน ตระหนักถึงโทษพิษภัย
ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดโดยส่งเสริมให้ชุมชนและครอบครัวเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหายาเสพติดใน
รูปแบบที่เหมาะสมเนื่องจากยาบ้าเป็นตัวอย่างที่เด็กและเยาวชนเข้าไปเกี่ยวข้องมากที่สุดทั้งในมิติการเข้ารับการบำบัด
และมิติการถูกจับกุมเมื่อ จำแนกตามข้อหาในขั้นตอนจับกุมพบข้อหาเสพมากที่สุด รองลงมาคือข้อหาครอบครองเพ่ือ
จำหน่าย กัญชา มีผู้เข้าบำบัดกัญชาที่อายุต่ำกว่า 25 ปี โดยส่วนใหญ่เข้าบำบัดในระบบสมัครใจ อชีพที่เข้ารับการบำบัด
มากท่ีสุด ได้แก่ นักเรียน/นักศึกษา รองลงมาคอื รับจา้ ง ผู้ใช้แรงงาน ในสว่ นของยาไอซพ์ บวา่ มแี นวโนม้ เพิม่ ระบาดมาก
ขึ้น โดยข้อหาในการจับกุมยาไอซ์ ส่วนใหญ่เป็นข้อหาครอบครองเพื่อจำหน่าย อาชีพที่เข้ารับการบำบัดมากที่สุด คือ
รับจ้าง รองลงมา คือบุคคลว่างงาน ผู้ใช้แรงงานและนักเรียน นักศึกษาตามลำดับ เฮโรอีนมีผู้เข้ารับบำบัดเฮโรอีนมาก
ที่สุด คือรับจ้างรองลงมาคือ บุคคลว่างงาน นักเรียนนักศึกษา ผู้ใช้แรงงานตามลำดับ จากการสัมภาษณ์
กลุ่มเป้าหมายพบว่าบางรายใช้ยาในทางที่ผิดมาก่อนจนติด สาเหตุที่ใช้เฮโรอีนเพราะเชื่อในคำแนะนำถึงผงสีขาวที่ซื้อมา
ที่เรียกว่า "เป๊ะ " จะช่วยลดอาการปวดตามตัวรวมทั้งอยากเลิกยาทรามาดอลและอยากลองของใหม่ และกระท่อมซึ่ง
จากข้อมูลประมาณการจำนวนผู้ใช้สารเสพติดในปี 2562 ซึ่งเป็นผู้ใช้ 20 ใน 30 วันพบว่าผู้ท่ีมีอายุ 12- 24 ปี ใช้
กระท่อมและน้ำกระท่อมมากที่สุด รองลงมา คือยาบ้าและกัญชาโดยพื้นที่ภาคใต้มีผู้ใช้กระท่อมและต้มน้ำกระท่อม
มากกว่าผ้ใู ชย้ าบ้า
สาเหตุของการเกดิ ปัญหายาเสพติดในกลมุ่ เดก็ และเยาวชน
ในโครงการศึกษาสถานการณ์ปัญหาและจัดทำข้อเสนอเชิงนโยบายด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพ
ติดสำหรับเด็กและเยาวชน ได้พบว่าสาเหตุของการเกิดเป็นปัญหายาเสพติดในเด็กและเยาวชน มี 2 ปัจจัยที่ก่อเกิด
สภาพปญั หา ดงั นี้
1.ปัจจัยที่เกิดจากปัจจัยภายในตัวบุคคล เช่น ความคิด ความเชื่อ องค์ความรู้ ทัศนคติ ค่านิยม ทักษะในการ
ดำเนนิ ชวี ติ
2.ปัจจัยท่ีเกิดจากสิ่งเร้าภายนอก คือ ปัจจัยสิ่งแวดล้อมในสังคมที่มีอิทธิพลต่อตัวบุคคล เช่น ครอบครัวกลุ่ม
เพื่อน ชุมชน สถานศึกษา สื่อ เป็นต้น ซึ่งปัจจัยแวดล้อมข้างต้นทำให้เกิดการลอกเลียนแบบพฤติกรรมและเรียนรู้ที่จะ
CF 369 สัมมนาเดก็ เยาวชน และครอบครัว อาจารย์ผสู้ อน ผศ.ดร.ป่ นิ หทัย หนนู วล 283
คณะสังคมสงเคราะหศ์ าสตร์ มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ ภาคการเรยี นท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2564
ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การจูงใจในการเริ่มต้นนำยาทางการแพทย์หรือยาเสพติดที่ปลดล็อกอย่างพืชกระท่อมมาใช้
ในทางทผ่ี ดิ เพราะความอยากรอู้ ยากลอง
สภาพการณแ์ ละแนวโน้มของสภาพปญั หา
ในข้อมูลการบำบัดรักษาผู้ป่วยยาเสพติดของสถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราช
ชนนี พบว่า ปัญหายาเสพติดที่มีการแพร่ระบาดมากขึ้นในกลุ่มเด็กและเยาวชน จะอยู่ในช่วงอายุระหว่าง 12 - 1 7 ปี
ซึ่งเป็นช่วงวัยที่มีความเสี่ยงสูงต่อการใช้ยาเสพติด เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพร่างกายที่เริ่มก้าวเข้าสู่วัยรุ่น
เป็นช่วงของการปรับตัวและมีการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนในร่างกายสูงที่สุด โดยข้อมูลจากกรมพินิจและ
คุ้มครองเด็ก และเยาวชน ระบุว่า แม้จำนวนคดีรับใหม่ในสถานพินิจฯ ทั่วประเทศ จะมีแนวโน้มลดลงจากที่เคยสูงถึง
4.4 หมื่นคดีในปี 2553 ในส่วนของสถาบันวิจัยประชากรสังคมมหาวิทยาลัยมหิดล, 2563ได้รายงาน ถึงยาเสพติดให้
โทษที่ยังคงเป็นสาเหตุการกระทำผิดของเด็กและ เยาวชนไทยที่สูงสุดในอันดับแรกโดยนับเป็นทั้งปัญหาทางสังคมและ
ปัญหาทางสุขภาพที่มีความรุนแรงในกลุ่มวัยรุ่นและเยาวชนมากที่สุดเมื่อเทียบกับกลุ่มประชากรในช่วงวัยอื่น โดยในปี
2561 พบว่า มีจำนวนผู้ต้องหาคดีเสพและผู้รับ การบำบัดรักษาปัญหายาเสพติดทั้งหมด ถึงประมาณร้อยละ40ซึ่ง
พบว่า เป็นกลุ่มที่มี อายุต่ำกว่า 25 ปี โดยเด็กและเยาวชนถูกจับกุมส่งสถานพินิจฯ ในปี 2562 ทั้งสิ้น 20,003 คดี และ
ครึง่ หนึ่งเป็นฐานความผิดเก่ยี วกับยาเสพติดใหโ้ ทษ
จำนวน (คด)ี ในฐานความผิดเก่ยี วกับยาเสพตดิ ปงี บประมาณ 2562
(ทมี่ า: กรมพนิ จิ และคุ้มครองเดก็ และเยาวชน, 2562)
จากแผนภูมิข้างต้นแสดงให้เห็นจำนวน คดีเด็กและเยาวชนซึ่งถูกดำเนินคดีในฐานความผิดเกี่ยวกับยาเสพ
ติดให้โทษในปีงบประมาณ 2562 จำนวนทั้งหมด 10,634 คดี ซึ่งจำนวนมากที่สุดอันดับหนึ่ง คือยาเสพติดประเภทแอม
เฟตามีน (ยาบ้า) จำนวน 7,889 คดี คิดเป็นร้อยละ 74.19 ของคดียาเสพติดทั้งหมด จำนวนคดีเด็กและเยาวชนซึ่งถูก
ดำเนินคดีรองลงมา เป็นคดียาเสพติดให้โทษ ประเภทกระท่อม มีจำนวน 995 คดี คิดเป็นร้อยละ9.36 นอกจากนั้นเป็น
คดียาเสพติดให้โทษประเภทยาไอซ์ จำนวน 676 คดี คิดเป็นร้อยละ 6.36 เป็นคดี ยาเสพติดให้โทษประเภทกัญชา
CF 369 สัมมนาเด็ก เยาวชน และครอบครวั อาจารย์ผ้สู อน ผศ.ดร.ป่ นิ หทัย หนนู วล 284
คณะสังคมสงเคราะหศ์ าสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ภาคการเรียนที่ 1 ปกี ารศึกษา 2564
จำนวน 630 คดี คิดเป็นร้อยละ 5.92 เป็นคดี ยาเสพติด สถานการณ์ด้านเด็กและเยาวชน 48 ให้โทษประเภทอื่น ๆ
จำนวน 312 คดี คิดเป็นร้อยละ 2.93 เป็นคดียเสพติดให้ โทษประเภทยาเค จำนวน 49 คดี คิดเป็นร้อยละ 0.46 ที่เหลือ
เป็นคดียาเสพติด ให้โทษ เช่น สารระเหย/สารเคมีอื่น ๆ เฮโรอีน ฝิ่น ยาอี และยาแก้ไอ ซึ่งมีจำนวน เล็กน้อยคิดเป็นร้อย
ละ 0.28 0.21 0.21 0.05 0.02 และ 0.01 ตามลำดบั
ผลกระทบของสภาพปญั หาสารเสพติดในเด็กและเยาวชน
ผลกระทบจากการยุ่งเกี่ยวกับสารเสพติดที่เกิดขึ้นจะส่งผลกระทบทั้งทางตรงต่อและทางอ้อมต่อบุคคลแต่
ทั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อบุคคลรอบข้างและผู้คนที่อาศัยอยู่ร่วมกันในสังคมเนื่องจากปัญหาสารเสพติดถือเป็นภัย
ร้ายแรงต่อการดำรงชีวิตในสังคมซึ่งจะส่งผลเป็นไปในลักษณะลูกโซ่เชื่อมโยงกัน โดยผลกระทบของสารเสพติด
มีดงั นี้
1. ผลกระทบตอ่ ด้านร่างกาย
การยุ่งเกี่ยวกับสารเสพติดส่งผลโดยตรงต่อร่างกายโดยทำให้ร่างกายชุบซีด มีอาการเชื่องซึมความสนใจใน
เรื่องของการจัดการดูแลสุขภาพอนามัยของตนเองลดลง รวมถึงการทำความสะอาดร่างกายและเสื้อผ้า เนื่องจากผู้
ติดยาเสพติดจะหมกมุ่นกับการเสพยาจึงทำให้การทำความสะอาดเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายลดลงจนเสื้อผ้าเกิดความ
สกปรกจึงทำให้ผู้ติดยาเสพติดจึงมักจะมีกลิ่นตัวเหม็นทั้งจากร่างกายโดยตรงและจากเสื้อผ้าที่ไม่ได้ทำความสะอาด
ทำให้เป็นที่ไม่ยอมรับของผู้คนในสังคม และต่อมาอาจจะก่อให้เกิดโรคอื่น ๆ ที่เกิดเพราะความสกปรกตามมาด้วยเช่น
อาการท้องร่วง ท้องเสีย ผื่นคัน ภูมิแพ้ กาก เกลื้อน ฯลฯ เป็นต้น นอกจากน้ี ผู้ป่วยติดยาเสพติดมักจะอดข้าวเพื่อเก็บ
เงินไว้ซื้อยาเสพติด จึงส่งผลให้เกิดโรคทางร่างกายอื่นๆด้วย ซึ่งอาจจะเกิดทั้งจากพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป และอากา
การที่เกิดจากยาเสพติดโดยตรง อาทิ อาการปวดท้อง ท้องร่วง เกิดอาการปวดเมื่อยตามร่างกาย ตาพร่า ดวงตาไม่
สามารถสู้แสงแดดได้ซึ่งสามารถสังเกตได้ว่าผู้ป่วยติดยาเสพติดที่ไม่ได้รักษาอาการติดตาเสพติด มักจะชอบสวม
แวน่ ตา และเส้ือแขนยาว เพื่อปกปิดรอ่ งรอยของยาเสพตดิ เอาไวจ้ ากสายตาของบคุ คลรอบข้าง
2.ผลกระทบต่อด้านอารมณ์ จิตใจ
ยาเสพติดออกฤทธิ์โดยตรงกับระบบประสาท ทั้งกดประสาท หลอนประสาท หรือยาเสพติดบางชนิดก็ออก
ฤทธิ์ทั้งสองอย่าง ทำให้ผู้ป่วยติดยาเสพติดที่ไม่ได้เข้ารับการรักษาอาการติดยาเสพติดมีอาการทางจิตร่วมด้วยโดย
เบื้องต้นผู้ที่ติดยาเสพติดจะมีอาการทางประสาทที่แสดงให้เห็นคือการเปลี่ยนจากคนที่ปกติร่าเริงสดใสเป็นอาการเชื่อง
ซึม อารมณ์แปรปรวน ในบางครั้งมีพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรง โดยเฉพาะในช่วงที่ต้องการเสพยาเสพติดซึ่งเป็นอาการ
ทางประสาทที่พบเจอในผู้ติดยาเสพติดและถือเป็นอาการหนึ่งที่เกิดกับผู้ป่วยติดยาเสพติดคืออาการสมองติดยา เป็น
กระบวนการที่ทำให้ผู้ป่วยติดยาเสพติดจะต้องเสพยาซ้ำๆ และเสพในปริมาณที่มากขึ้นเมื่อผู้ป่วยติดยาเสพติด นำสาร
เสพติดเข้าสู่ร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นทางใดก็ตาม ยาเสพติดนั้นจะส่งผลต่อสมองส่วนคิด(Cerebral Cortex) และส่งผล
ต่อสมองส่วนอยาก (Limbic System) ผู้เสพยาเสพติดจะรู้สึกว่ามีความสุขในขณะที่ยาเสพติดกำลังออกฤทธิ์ เมื่อยา
เสพติดนั้นหมดฤทธ์ิ ผู้ป่วยติดยาเสพติดถึงรู้สึกไม่มีความสุข กระวนกระวายหงุดหงิด อารมณ์แปรปรวน เกิดความ
วิตกกังวลว่าตนเองจะไม่สามารถมีความสุขได้ หากปราศจากยาเสพติด และต้องการกลับไปสู่ความรู้สึกมีความสุข
แบบลอ่ งลอยในชว่ั ขณะทใี่ ช้ยาเสพตดิ อีกครงั้ นำมาซงึ่ ความตอ้ งการเสพสารเสพตดิ เพม่ิ ขนึ้ เร่ือย ๆ หากผู้ป่วยไม่ได้เข้า
รบั การรักษาอาการติดยาเสพติด อาจจะทำใหเ้ ข้าสู่การเป็นโรคสมองพิการถาวรได้
CF 369 สัมมนาเด็ก เยาวชน และครอบครวั อาจารย์ผูส้ อน ผศ.ดร.ป่ นิ หทัย หนนู วล 285
คณะสังคมสงเคราะหศ์ าสตร์ มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์ ภาคการเรยี นท่ี 1 ปีการศึกษา 2564
3.ผลกระทบต่อครอบครวั
เมื่อสมาชิกในครอบครัวได้มีส่วนยุ่งเกี่ยวกับสารเสพติดที่ถือเป็นส่ิงผิดกฎหมายจะส่งผลให้สมาชิดใน
ครอบครัวที่ไม่ได้มีส่วนยุ่งเกี่ยวเกิดความเดือดร้อน ความสุขในครอบครัวลดลง นอกจาการยุ่งเกี่ยวกับสารเสพติดจะ
ทำให้ครอบครัวเสื่อมเสียชื่อเสียงของตนเองและครอบครัวยังส่งผลให้ผู้ที่ยุ่งเกี่ยวกลายเป็นผู้ที่ขาดความรับผิดชอบ
ต่อตนเองและครอบครัวทำให้สภาพครอบครัวขาดความอบอุ่น ต้องสูญเสียเศรษฐกิจและรายได้ของครอบครัว
เนื่องจากต้องนำเงินมาซื้อสารเสพติด บางรายต้องสูญเสียเงินจำนวนมากเพื่อรักษาตนเองให้หายจากโรคร้ายแรง
ต่างๆ ที่เกิดจากการใช้สารเสพติดจนกลายเป็นภาระของสมาชิกในครอบครัวได้ในที่สุด อีกทั้งยังนำไปสู่ปัญหา
ครอบครัวที่เกิดการทะเลาะวิวาทกันอยู่บ่อยครั้งสัมพันธภาพร่วมกันในครอบครัวเกิดความขัดแย้งจึงเกิดเป็น
ครอบครัวแตกแยก และในบางครอบครัวที่หัวหน้าครอบครัวถูกจับกุมได้มีส่วนให้บุตรหลานขาดที่พึงพิงและอาจหันไป
เร่มิ ใชส้ ารเสพตดิ ตามการชักชวนของเพอื่ นๆ ซ่ึงน้ันจะย่งิ ทำให้เปน็ ปญั หาครอบครวั เพมิ่ ทวขี ้ึน
4.ผลกระทบตอ่ ชมุ ชนและสังคม
ในท้องถิ่นหรือพื้นที่ที่สมาชิกในชุมชนมีปัญหาสารเสพติดเป็นอย่างมาก ท้องถิ่นนั้นๆจะไม่ปลอดภัยในเรื่อง
ของชีวิตและทรัพย์สินกลายเป็นแหล่งม่ัวสุมกระทำสิ่งผิดกฎหมายอื่นๆ ตามมาหลายประการในฐานะที่ประเทศไทยที่มี
รายได้หลักสำคัญอย่างหนึ่งคือ การท่องเที่ยว หากในสังคมไทยไม่มีความปลอดภัยหรือการแพร่ระบาดของสารเสพติด
จำนวนมาก นักท่องเที่ยวที่ต้องการมาเที่ยวอาจะมีความสนใจลดลง ผู้ที่ยุ่งเกี่ยวกับสารเสพติด นอกจากจะเป็นผู้ที่มี
ความรู้สึกว่าตนเองด้อยโอกาสทางสังคมแล้ว ยังมีความคิดที่นำไปสู่ปัญหาทางสังคมส่วนรวมได้ เช่น ก่อให้เกิดปัญหา
อาชญากรรม(ปลัน ฆ่า ทำร้ายร่างกายผู้อื่น เพื่อชิงทรัพย์สิน) ปัญหาโสเภณีปัญหาเด็กและเยาวชน เป็นต้น ทั้งนี้เพราะ
ผู้ติดสารเสพติดต้องพยายามทุกวิธีทางที่จะให้ได้ใช้สารเสพติด เม่ือไม่มีเงินซื้อในช่วงแรกอาจจะยืมบุคคลรอบข้าง แต่
เมื่อต่อมาบุคคลรอบข้างไม่ให้ยืมเพราะยืมแล้วไม่ใช้คืน ในที่สุดจึงต้องมีพฤติกรรมลักขโมยของในบ้านไปขายเพื่อหา
เงินมาซื้อ และนานๆเข้าต้องลักขโมยของผู้อื่นไปขายหรือวิ่งราวชาวบ้าน ในท่ีสุดอาจต้องจี้ทรัพย์ซึ่งเห็นได้จากข่าว
อาชญากรรมในหนงั สือพมิ พ์ ข่าวบนสอ่ื สงั คมออนไลน์
5.ผลกระทบตอ่ ประเทศชาติ
ผู้ที่ยุ่งเกี่ยวกับสารเสพติดแลตกเป็นทาสของสารเสพติด อาจจะกล่าวได้ว่าเป็นผู้ที่ก่อให้เกิดความไม่สงบสุข
ของบ้านเมือง ก่อการทำลายเศรษฐกิจจะเห็นได้ว่า ผู้ใช้สารเสพติดคนหนึ่งจะต้องเสียค่าใช้จ่ายอย่างต่ำที่สุดประมาณ
50 บาท ต่อวัน ถ้า5แสนคน จะประมาณ25ล้านบาทต่อปี ซึ่งจำนวนเงินที่จะนำไปพัฒนาประเทศในด้านต่างๆได้อย่าง
มากมาย แต่กลับต้องมาสูญเสียไปในกิจการเช่นนี้อย่างน่าเสียดาย โดยเฉพาะผู้ที่ติดสารเสพติดที่เป็นเยาวชนในช่วง
วัยเรียนหรืออยู่ในช่วงวัยทำงาน นอกจากนี้ยังทำลายความมั่นคงและความสงบสุขของประเทศชาติและทำให้เสีย
ชื่อเสียงของประเทศชาติ เนื่องจากผู้ติดสารเสพติดเหล่านี้หน่วยงานทางภาครัฐต้องสูญเสียกำลังคนและงบประมาณ
แผ่นดินจำนวนมหาศาลเพื่อใชจ้ ่ายในการปราบปรามและบำบดั รกั ษาผตู้ ดิ สารเสพติดในแตล่ ะปซี ึ่งมีแนวโนม้ ทเ่ี พิม่ มากข้นึ
การเปลยี่ นแปลงของพระราชบัญญัติยาเสพตดิ ให้โทษ พ.ศ.2522
ในปัจจุบันยาเสพติดให้โทษที่ถูกพระราชบัญญัติให้เป็นสารเสพติดผิดกฎหมาย หากประชาชนได้มีส่วน
เกี่ยวข้องและถูกจับกุมต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย และต้องเข้ารับการบำบัดตามช่วงอายุ ซึ่งเด็กและเยาวชนต้อง
เข้ารับการบำบัดที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็กเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและมอบองค์ความรู้ให้ดียิ่งขึ้น โดยในประเทศ
CF 369 สัมมนาเด็ก เยาวชน และครอบครวั อาจารย์ผสู้ อน ผศ.ดร.ป่ นิ หทัย หนูนวล 286
คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์ ภาคการเรยี นท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2564
ไทย ยาเสพติดที่ผิดฎหมายมีทั้งหมด5 ประเภท ได้แก่ยาเสพติดให้โทษ ประเภทท่ี 1 ได้แก่ เฮโรอีน แอลเอสดี แอมเฟตา
มีน หรือยาบ้า ยาอีหรือยาเลิฟยาเสพติดให้โทษ ประเภทที่ 2 ยาเสพติดประเภทนี้สามารถนำมาใช้เพื่อประโยชน์ทาง
การแพทย์ได้ ทั้งนี้ต้องใช้ภายใต้การควบคุมของแพทย์ และใช้เฉพาะกรณีที่จำเป็นเท่านั้น ได้แก่ น มอร์ฟิน โคเคน หรือ
โคคาอนี โคเคอีน และเมทาโดน
ยาเสพติดใหโ้ ทษ ประเภทที่ 3 ยาเสพตดิ ประเภทนเ้ี ป็นยาเสพตดิ ให้โทษทม่ี ียาเสพติดประเภทที่ 2 ผสมรว่ มดว้ ย
ซึ่งมีประโยชน์ทางการแพทย์และการนำไปใช้เพื่อจุดประสงค์อื่นหรือเพื่อเสพติด โดยมีบทลงโทษกำกับไว้ยาเสพติด
ประเภทน้ี ได้แก่ ยาแก้ไอ ที่มีตัวยาโคเคอีน ยาแก้ท้องเสีย ที่มีฝันผสมอยู่ด้วย ยาฉีดระงับปวดต่าง ๆ เช่นมอร์ฟิน เพทิ
ดนี ซึง่ สกัดมาจากฝืน
ยาเสพติดให้โทษ ประเภทที่ 4 คือ สารเคมีที่ใช้ในการผลิตยาเสพติดให้โทษ ประเภทท่ี 1 หรือประเภทท่ี 2ยาเสพ
ติดประเภทที่ไม่มีการนำมาใช้ประโยชน์ในการบำบัดโรคแต่อย่างใด และมีบทลงโทษกำกับไว้ด้วย ได้แก่น้ำยาอะเซติค
แอนไฮไดรย์ และ อะเซติลคลอไรด์ ซึ่งใช้ในการเปลี่ยนมอร์ฟันเป็นเฮโรอีน สารคลอซูไดอีเฟครีนสามารถใช้ในการผลิต
ยาบ้าได้ และวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทอีก 12 ชนิด ที่สามารถนำมาผลิตยาอีและยาบ้าได้ผสมผสาน รวมถึงเห็ด
ข้คี วาย
ยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 เป็นยาเสพติดให้โทษที่มิได้เข้าข่ายอยู่ในยาเสพติดประเภทที่ 1 ถึง 4 ได้แก่ทุก
ส่วนของพืชกัญชา ทกุ ส่วนของพืชกระท่อม เหด็ ข้คี วาย เปน็ ตน้
แต่ทั้งนี้ยาเสพติดในบางประเภทได้ถูกยกเลิกหรือได้รับการอนุญาตให้ประชาชนทั่วไปสามารถครอบครองใช้
ประโยชน์จากสารเสพติดได้แต่ต้องใช้ประโยชน์ภายใต้เงื่อนไขเพื่อเป็นการป้องกันให้ประชาชนใช้อย่างถูกวิธีและ
เหมาะสม โดยยาเสพติดที่ถูกเปลี่ยนแปลงให้ถูกกหมายในปัจจุบันที่ผ่านมา ได้แก่ พรบ. ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับท่ี7)
พ.ศ.2562 ราชกิจจานุเบกษาได้ทำการเผยแพร่ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท
5 พ.ศ.2563 ลงนามโดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โดยมี
อำนาจตามความในมาตรา 6 วรรคหนึ่ง และมาตรา 8 (1) และ (2) แห่งพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษออกประกาศไว้
ดังตอ่ ไปน้ี
ขอ้ 1 ให้ยกเลิก
(1) ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 พ.ศ.2561 ลงวันที่ 31 ก.ค.
2561
(2) ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2562 ลง
วันท2ี่ 7 ส.ค. 2562
ข้อ 2 ให้ยาเสพติดใหโ้ ทษทร่ี ะบุช่อื ดงั ตอ่ ไปน้ี เปน็ ยาสพติดให้โทษในประเภท 5 ตามพระราชบญั ญตั ิยาเสพตดิ ให้
โทษ พ.ศ.2522 และฉบบั ท่ีแก้ไขเพิม่ เตมิ
(1) กญั ชา (cannabis) พืชในสกลุ Cannabis และวตั ถุหรอื สารต่างๆ ทีม่ ีอยูใ่ นพืชกัญชา เช่น ยาง น้ำมัน
ยกเวน้ วตั ถุหรอื สารดงั ตอ่ ไปน้ี เฉพาะท่ไี ด้รบั อนุญาตให้ผลิตในประเทศ ไม่จดั เปน็ ยาเสพตดิ ให้โทษในประเภท 5
(2) กัญชง (hemp) พชื ซงึ่ มีชือ่ ทางวิทยาศาสตร์วา่ Cannabis sativa L. subsp. sativa อนั เป็นชนดิ ยอ่ ย
CF 369 สัมมนาเดก็ เยาวชน และครอบครวั อาจารย์ผู้สอน ผศ.ดร.ป่ นิ หทัย หนูนวล 287
คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ภาคการเรยี นท่ี 1 ปีการศึกษา 2564
ของพืชกัญชา (Cannabis sativa L.) และวตั ถุหรอื สารต่างๆ ทม่ี อี ยใู่ นพืชกญั ชง เช่น ยาง น้ำมัน ยกเว้นวตั ถุ
หรือ สารดังตอ่ ไปนี้ เฉพาะทีไ่ ดร้ ับอนญุ าตใหผ้ ลติ ในประเทศ ไมจ่ ดั เป็นยาเสพตดิ ใหโ้ ทษในประเภท 5
(3) พืชกระทอ่ ม
(4) พืชฝิ่น
(5) เหด็ ขีค้ วายหรือพืชเห็ดข้คี วาย
ข้อ 3 กรณียาเสพติดให้โทษตามข้อ 2 ที่เป็นสารควบคุมคุณภาพในการตรวจวิเคราะห์ และควบคุมคุณภาพ
ของการตรวจสารเสพตดิ ในร่างกาย ซง่ึ เป็นเคร่ืองมอื แพทยต์ ามกฎหมายวา่ ด้วยเครือ่ งมอื แพทย์ และตอ้ งใชต้ าม
วตั ถปุ ระสงคข์ องเครือ่ งมือแพทยน์ ั้น ใหย้ กเว้นจากการเปน็ ยาเสพตดิ ใหโ้ ทษในประเภท 5=
พรบ.ยาเสพตดิ ใหโ้ ทษ (ฉบบั ท8่ี ) พ.ศ. 2564
จากการที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม แถลงปลดล็อคให้พืชกระท่อมไม่เป็นยาเสพติดให้โทษซึ่งเริ่มมี
ผลบังคับใช้พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษฉบับท่ี8 พ.ศ. 2564 โดยให้ถือว่าประชาชนสามารถปลูกพืชกระท่อมได้
อย่างเสรี หรือจะบริโภคก็สามารถทำได้ แต่ได้มีการเปรียบเทียบสัดส่วน 4x100 ที่ยังคงเป็นการผิดกฎหมายอยู่โดย
สาระสำคัญการบังคับใชกฎหมายคือให้ผู้ที่ปลูกกระท่อม ไว้ครอบครองสามารถซื้อ ขาย หรือนำมาบดเคี้ยวได้ และปลูก
ต้นกระท่อมเพิ่มเติมได้ นอกจากนี้ยังขยายไปถึงการสามารถส่งขายเป็นพาณิชยกรรม อุตสาหกรรมโดยไม่ต้องขอ
อนุญาต และหลังจากนี้จะมีการออกกฎหมายรองตามมา ซึ่งจะมีบทบัญญัติเพิ่มเติม อาทิ การกำหนดห้ามขายให้แก่
เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์ซึ่งเป็นเยาวชน รวมถึงสตรีมีครรภ์ และเตรียมกำหนดสถานที่ห้ามขาย เช่น ใน
โรงเรียน วัด ส่วนประเภทธุรกิจการส่งออกหรือนำเข้านั้นจะต้องขออนุญาตและสำหรับผู้ที่ถูกดำเนินคดีอยู่ในเรือนจำ
1,038 คน จะได้รับการปล่อยตัว รวมถึงในชั้นตำรวจ และอัยการ ประมาณ 1 หมื่นคน จะถือว่าไม่เคยกระทำความผิด
ตามกฎหมายทผี่ า่ นมา
ประสบการณจ์ ากการแลกเปลี่ยนรว่ มกันในหอ้ งเรียนสมั มนา
จากการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ปัญหายาเสพติดในห้องเรียนสัมมนา สารเสพติดถือเป็นปัญหาสังคมท่ี
สำคัญปัญหาหนึ่งในปัจจุบัน ท่ี ณ ขณะนี้ประเทศไทยยังไม่สามารถแก้ไขได้ และจะต้องเสียงบประมาณเป็นจำนวนมาก
เพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหาสารเสพติด รวมทั้งทรัพยากรในด้านอื่น ๆ มาช่วยกันเพื่อการน้ี ปัญหายาเสพติดอาจมีส่วน
ชักนำให้เกิดปัญหาสังคมหมุนเวียน เช่น ปัญหาอาชญากรรม ปัญหาวัยรุ่น ปัญหาโสเภณี ซ่องโจร และการพนัน
เป็นตน้ ซงึ่ ปัญหาทก่ี ลา่ วมาส่งผลกระทบตอ่ ครอบครวั เปน็ อนั ดบั ตน้ ๆ ตลอดจนถึงดา้ นเศรษฐกิจ สังคมระดบั ประเทศด้วย
อีกทั้งในขณะนี้ยาเสพติดก็ยังคงระบาดในหมู่เยาวชนหรือเด็กวัยรุ่น ไม่ได้บรรเทาเบาบางลงไป ดูเหมือนว่าจะ
เพิ่มปริมาณมากขึ้นเสียด้วย ยิ่งนานวันปัญหาเหล่านี้ก็ยิ่งทับถมและเรื้อรัง โดยยาเสพติดในบางกลุ่ม บางคนที่มี
เป้าหมายในการเสพต่างกันออกไป มีทั้งเสพเพื่อตามเพื่อน หรือเสพเพื่อความสบายใจของตน หรืออื่น ๆ แต่ในบางกลุ่ม
นี้ก็ถูกเหมารวมเป็นคดียาเสพติดเช่นกัน จึงเป็นสิ่งที่ยากต่อการแก้ไข ดังนั้นมาตรการทางกฎหมายที่ใช้สกัดกั้นยา
เสพติด เป็นมาตรการที่สำคัญมาในอันที่จะดำเนินการแก้ไขปัญหาเยาเสพติด เพราะการดำเนินการจะต้องมีระเบียบ
แบบแผน และหลักเกณฑ์ที่แน่นอน สิ่งเหล่านี้ย่อมได้มาจากมาตรการกฎหมายที่วางไว้ ฉะนั้น จึงกล่าวได้ว่า มาตรการ
ทางกฎหมายเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการจะปราบปรามป้องกันหรือการบำบัดรักษาผู้เสพติด มิฉะนั้นการแก้ไขปัญหา
จะต้องประสบกับความล้มเหลว โดยการกำหนดมาตรการกฎหมายที่ดี จะต้องคำนึงถึงองค์ประกอบหลายด้าน
CF 369 สัมมนาเดก็ เยาวชน และครอบครัว อาจารย์ผู้สอน ผศ.ดร.ป่ นิ หทัย หนนู วล 288
คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร์ ภาคการเรยี นที่ 1 ปกี ารศึกษา 2564
นับตั้งแต่ การทำความรู้จักเก่ียวกับยาเสพติด ประเภทของยาเสพติด ลักษณะและโทษของยาเสพติด สาเหตุที่ทำให้มี
การกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ทั้งภายในและต่างประเทศ การวิวัฒนาการของกฎหมายที่มีมาในอดีต
การศกึ ษาองคป์ ระกอบหลายด้าน จะทำใหไ้ ดม้ าตรการางกฎหมายทสี่ อดคลอ้ งกบั ปญั หาตามสภาพเท็จจรงิ ทีเ่ กิดขึน้
ระดบั ความเปน็ ไปได้ในการทำงานทางสังคมสงเคราะห์เชงิ ปอ้ งกนั ในเด็กและเยาวชนท่มี ปี ญั หาสารเสพตดิ
จากการสัมมนาทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนถึงมิติความเป็นไปได้ในการทำงานเชิงรุกต่อปัญหาเยาวชนและสาร
เสพติดซึ่งมีการนำเสนอที่น่สนใจในประเด็นการเปลี่ยนแปลงทางสังคมเกิดขึ้นจากกฎหมายเป็นปัจจัยหลักเพราะ
ปฏิเสธไม่ได้ว่าสังคมแห่งอุดมคติทำให้เราอยู่กับภาพฝันหรือสิ่งที่เป็นนามธรรม แต่การสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้น
ในเชิงนามธรรมนั้น การตรากฎหมายถือเป็นมุมมองที่น่สนใจภายใต้ข้อท้าทายที่อาจตามมาอีกมากไม่ว่าจะเป็นความ
เหมาะสมของกฎหมายหลังจากตราออกมาแล้วหรือในมุมของความเป็นไปได้ด้านการบังคับใช้แต่ถึงอย่างไรในประเด็น
ดังกล่าวยังนับเป็นตัวเลือกที่ควรถูกนำไปคิดต่อในฐานะการทำงานของนักสังคมสงเคราะห์ในระดับนโยบายนอกจากนี้
ยังมีการนำเสนอในมิติทางด้านการศึกษาที่หวังผลในระดับของการปลูกฝังจิตใต้สำนึกและการตระหนักรู้ในระดับ
ปัจเจกต่อสภาพปัญหา ซึ่งเนื้อหาที่ถูกนำเสนอในการแลกเปลี่ยนครั้งนี้คือการตระหนักในทางการปฏิบัติไม่สามารถ
เปลี่ยนความคิดจิตใต้สำนึกได้ แต่ต้องเป็นการมุ่งเน้นปลูกฝังเกี่ยวกับการศึกษามากกว่าที่นับเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญใน
การเป็นสถาบันเร่ิมต้นของเด็กและเยาวชน ทั้งนี้การให้ความสำคัญกับการศึกษาอาจต้องคำนึงถึงการศึกษาที่รอบ
ด้านตั้งแต่ระดับจุลภาคหรือสถาบันครอบครัวไปจนถึงระดับมหภาคคือสถาบันการศึกษาและผู้ที่อยู่เบื้องหลังในการจัด
วางหลกั สตู รอยา่ งกระทรวงศกึ ษาธกิ าร
บทบาทการทำงานของนกั สงั คมสงเคราะหก์ บั ปัญหาสารเสพตดิ ในเดก็ และเยาวชน
จากการสัมมนาแลกเปลี่ยนในประเด็นด้านบทบาทของนักสังคมสงเคราะห์กับปัญหายาเสพติดในเด็กและ
เยาวชนพบว่ามีการนำเสนอจากผู้นำส้มมนาและผู้ร่วมสัมมนาในมิติทั้งการทำงานเชิงป้องกันและแก้ไขปัญหา โดย
สามารถสรุปบทเรียนจากการแลกเปลีย่ นได้ ดงั น้ี
บทบาทหน้าที่ของนักสังคมสงเคราะห์ต้องมีการทำงานร่วมกับเด็กและเยาวชน ครอบครัวและชุมชนที่เป็น
สภาพแวดล้อมที่สำคัญในการหล่อหลอมลักษณะนิสัยและพฤติกรรมของเด็กและเยาวชนทั้งทางตรงและทางอ้อมโดย
เป็นการทำงานที่มุ่งเน้นการทำงานในลักษณะสหวิชาชีพที่อาศัยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งในส่วนของภาครัฐและเอกชน
เพื่อให้การทำงานสอดคล้องกับสภาพปัญหาที่เกิดขึ้นในหลากหลายมิติ ซึ่งการปฏิบัติงานของนักสังคมสงเคราะห์ต้อง
มีขั้นตอนกระบวนการปฏิบัติงานทางสังคมสงเคราะห์ ในการประเมินวินิจฉัยสภาพปัญหาต่างๆท่ีเกี่ยวข้อง หลักการ
ทางสังคมสงเคราะห์ เทคนิค ทักษะ รวมถึงเครื่องมือต่างๆในการปฏิบัติงาน โดยในปัจจุบันบทบาทการทำงานของนัก
สังคมสงเคราะห์ต้องมีการทำงานแบบบูรณาการกับสถาบันการศึกษาเพิ่มมากยิ่งขึ้นเพราะถือเป็นสถาบันสำคัญใน
การป้องกันปัญหาสารเสพติดที่อาจเกิดขึ้นกับเด็กนักเรียนโดยเป็นการส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้และเข้าใจผลกระทบ
ต่างๆ สภาพปัญหาของสารเสพติด รวมถึงมุ่งเน้นการเสริมสร้างทักษะการใช้ชีวิตให้แก่เด็กและเยาวชนในสถานศึกษา
ในการรับมือกับสภาพแวดล้อมที่มีความเสี่ยงในการนำไปสู่การใช้สารเสพติด อาทิ ทักษะในการปฏิเสธ ทักษะในการคิด
วเิ คราะหแ์ ละประเมนิ ความเสยี่ ง เป็นตน้
เพื่อเป็นการสะท้อนให้เห็นรูปแบบการทำงานที่เป็นรูปธรรมภายใต้ทฤษฎีแนวคิดสังคมสงเคราะห์ผู้นำสัมมนา
จึงแลกเปลี่ยนการทำงานในมิติการป้องกันปัญหาผ่านทฤษฎีระบบ โดยสามารถอธิบายได้ดังนี้ในทฤษฎีระบบ
CF 369 สัมมนาเด็ก เยาวชน และครอบครวั อาจารยผ์ ้สู อน ผศ.ดร.ป่ นิ หทยั หนนู วล 289
คณะสังคมสงเคราะหศ์ าสตร์ มหาวทิ ยาลัยธรรมศาสตร์ ภาคการเรยี นท่ี 1 ปีการศึกษา 2564
ของปินคัส มินายาน เป็นทฤษฎีที่พยายามอธิบายถึงลักษณะการทำงานที่แยกเป็นระบบอย่างชัดเจนแต่ทุกระบบมี
ความสมั พนั ธเ์ ช่ือมโยงกันซง่ึ ในทฤษฎีระบบมีทง้ั หมด 4 ระบบ ไดแ้ ก่
(1.)ระบบผู้ใช้บริการที่เป็นประชาชนรายบุคคล กลุ่มเป้าหมาย ครอบครัวชุมชนท่ีแสวงหาความช่วยเหลือและ
ได้เข้าทำงานร่วมกับระบบผู้กระทำการเปลี่ยนแปลง ทั้งน้ี ระบบผู้ใช้บริการยังสามารถจำแนกย่อยได้เป็น 2รูปแบบ คือ
ผู้ใช้บริการที่แท้จริง (actual clints) ซึ่งเป็นผู้ใช้บริการที่ตกลงเข้ามาทำงานร่วมกับระบบผู้กระทำการเปลี่ยนแปลง
และบุคคลทมี่ ีแนวโน้มเป็นผู้ใช้บริการ เป็นกลุ่มบุคคลที่จะเป็นกลุ่มเสี่ยงทจ่ี ะเป็นผู้ใช้บริการที่แทจ้ ริง อย่างเช่น เด็กและ
เยาวชนที่คบเพอ่ื นทต่ี ิดสารเสพติด เป็นตน้
(2.) ระบบแห่งปัญหา หมายถึงประชาชน กลุ่มเป้าหมายที่ประสบปัญหาโดยมีระบบผู้กระทำการเปลี่ยนแปลง
พยายามดำเนินการให้การเปลี่ยนแปลงบรรลผุ ลสำเรจ็
(3.)ระบบดำเนินการหรือระบบปฏิบตั ิงาน หมายถึงบุคคลหรอื กลุ่มคนที่บุคคลในระบบกระทำการเปลี่ยนแปลง
เข้าไปทำงานร่วมด้วยเพือ่ ให้บรรลุผลสำเรจ็ ตามเปา้ หมาย
(4.)ระบบผู้กระทำการเปลี่ยนแปลงเป็นระบบที่มีผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาชีพในสาขาต่างๆ เช่น นักสังคม
สงเคราะห์ ทีมสหวิชาชีพ องค์กรทั้งภาครัฐและเอกชน เป็นต้น ที่ได้เข้ามาดำเนินการเปลี่ยนแปลงร่วมกัน แต่ในระบบน้ี
จะมผี ใู้ ชบ้ ริการอยู่ร่วมด้วยเพราะสดุ ท้ายแลว้ จะมผี ใู้ ช้บรกิ ารเปน็ ผ้กู ระทำการเปล่ยี นแปลงตนเองในทศิ ทางที่ดีขนึ้
โดยการนำทฤษฎีระบบนำมาออกแบบการทำงานทางสังคมสงเคราะห์ในเชิงป้องกันสภาพปัญหาสารเสพติด
ในเด็กและเยาวชน คือ การที่ระบบผู้กระทำการเปลี่ยนแปลงเล็งเห็นความสำคัญของระบบปัญหา คือปัญหาสารเสพ
ติดในเด็กและเยาวชนโดยที่ระบบผู้กระทำการเปลี่ยนแปลงเห็นถึงระบบผู้ใช้บริการที่จัดเป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มเป็น
ผู้ใช้บริการ คือเด็กและเยาวชนในสังคมที่มีความเสี่ยงในการเข้ามายุ่งเกี่ยวกับสารเสพติดทั้งถูกกฎหมายและผิด
กฎหมาย เพราะพัฒนาการตามช่วงวัยต่างๆที่มีผลต่อลักษณะนิสัย อารมณ์จิตใจ และการแสดงพฤติกรรรมต่างๆ
ฉะนั้น ในระบบผู้กระทำการเปลี่ยนแปลงที่มีผู้เชี่ยวชาญตามสาขาอาชีพ นักวิชาชีพต่างๆต้องใช้ระบบการดำเนินงาน
หรอื ระบบปฏบิ ัตงิ านในการทำงานร่วมกบั ระบบผใู้ ชบ้ ริการในเชิงป้องกันสภาพปญั หาสารเสพ
ติดที่อาจจะเกิดขึ้นได้โดยการทำงานในเชิงป้องกันสามารถทำได้หลากหลายรูปแบบขึ้นอยู่ตามความเหมาะสม
สอดคล้องตามบริบทสังคมเพื่อให้การทำงานเชิงป้องกันเป็นไปตามสถานการณ์การทางสังคม แม้การทำงานตาม
ทฤษฎีระบบจะมีการแยกระบบต่างๆออกอย่างชัดเจนแต่จะเห็นได้ชัดถึงความสัมพันธ์เกี่ยวเนื่องกันอย่างมีนัยสำคัญ
การแยกระบบต่างๆในการทำงานเป็นไปเพื่อให้เกิดความง่ายต่อการเข้าใจและ มองเห็นส่วนต่างๆของระบบการทำงาน
ไดอ้ ยา่ งชดั เจนมากย่ิงข้นึ
กล่าวโดยสรุปบทบาทของนักสังคมสงเคราะห์ท่ีปฏิบัติงานเกี่ยวกับเด็กและเยาวชนในสภาพปัญหาสารเสพ
ติดสิ่งที่นักสังคมสงเคราะห์พึงมีคือด้านทัศนคติที่ดีต่อผู้ป่วย มีความรู้ผ่านทักษะการอบรมที่ครอบคลุมทั้งด้านองค์
ความรู้และการฝึกปฏิบัติงานมีความจริงใจในการทำงาน ยอมรับความเป็นมนุษย์หรือสภาพของผู้ป่วยที่ติดสารเสพติด
และมีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีในการทำงานร่วมกับทีมสหวิชาชีพอื่นได้ โดยมีกระบวนการขั้นตอนทางสังคมสงเคราะห์รวมถึง
จำเป็นตอ้ งคำนงึ การทำงานบนฐานแนวคดิ และทฤษฎีทเ่ี หมาะสมภายใต้กรอบของวิชาชีพสงั คมสงเคราะห์
CF 369 สัมมนาเดก็ เยาวชน และครอบครวั อาจารย์ผู้สอน ผศ.ดร.ป่ นิ หทัย หนูนวล 290
คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ภาคการเรียนที่ 1 ปกี ารศึกษา 2564
สรุป
การสัมมนาร่วมกันในเรื่องปัญหาสารเสพติดในเด็กและเยาวชนเป็นการแลกเปลี่ยนพูดคุยร่วมกันในส่วนของ
แหล่งข้อมูลต่างๆที่มีส่วนเกี่ยวข้องที่ระบุข้อเท็จจริงวิเคราะห์ถึงความสำคัญและความเป็นมาของปัญหาสารเสพติดใน
เด็กและเยาวชน สาเหตุและผลกระทบที่เกิดขึ้นซึ่งมีหลักฐานเชิงประจักษ์ผ่านข่าวสารที่ปรากฎตามสื่อต่างๆหรือจาก
งานวิทยานิพนธ์ งานวิจัยจากสถาบันต่างๆ รวมถึงข้อค้นพบผ่านประสบการณ์ที่ได้พบเจอในชีวิตประจำวัน จากการ
ฝึกภาคปฏิบัติที่ผ่ามา หรือจากการอ่านบทความที่ได้นำมาแลกเปลี่ยนร่วมกันทำให้ได้มาซึ่งข้อมูลที่มีความหลากหลาก
มิติ ความลุ่มลึกของข้อมูลซึ่งข้อมูลทั้งหมดข้างต้นที่ได้นำมาแลกเปลี่ยนร่วมกันได้นำไปสู่การค้นเจอบทบาทการทำงาน
ของนักสังคมสงเคราะห์ที่มีส่วนเกี่ยวข้องต่อมิติปัญหาสารเสพติดในเด็กและเยาวชนทั้งทางตรงและทางอ้อมที่เป็น
การปฏิบัติงานในเชิงป้องกันหรือการทำงานเชิงรุก เพื่อเป็นการมุ่งเน้นให้เห็นถึงการทำงานตันน้ำที่คอยสกัดก้ันก่อนที่
ปัญหาจะเกิดขึ้นกับเด็กและเยาวชนที่มีกระบวนการและขั้นตอนการปฏิบัติงานทางสังคมสงเคราะห์โดยผ่านเครื่องมือ
ต่างๆที่ใช้ในการทำงานเพื่อให้มีประสิทธิภาพและมีมาตรฐานและเป็นการทำงานตั้งแต่ระดับจุลภาคจนถึงระดับมหภาค
โดยมีภาคีเครอื ข่ายทางสงั คมรว่ มดำเนนิ งานร่วมกนั
บรรณานุกรม
กรมกิจการเด็กและเยาวชน.(2563)"รายงานสถานการณด์ า้ นเดก็ และเยาวชนประจำปีงบประมาณ
2563".สบื คน้ เมอื่ 20ตลุ าคม2564.จากhttps://dcy.go.th/webnew/main/file/Report on the Situation of
Children and Youth 2563.pdf fbclid.
ธัญยารตั น์ ณชิ ารยี ์ สำนกั งาน ป.ป.ส. (สพป.).(2564). "สถานการณก์ ารแพร่ระบาดปัญหายาเสพตดิ ใน
กลมุ่ เดก็ และเยาวชนปงี บประมาณ2563"สบื ค้นเม่ือ28ตุลาคม2564.จาก
https://thainews.prd.go.th/th/news/print_news/
ฐานเศรษฐกจิ (2564)"ปลดล็อค"กระท่อม" แล้ววันนี้ ปชช.ปลกู ไดเ้ สรี สง่ ออก-นำเข้าต้องขออนญุ าต"
สบื ค้นเมือ่ 28ตุลาคม2564.จากhttps://www.thansettakij.com/politics/493058
ประเภทของยาเสพติด.(มปป.สบื คน้ เมอื่ 20ตลุ าคม2564.จาก
https://sites.google.com/site/yasephtidthalaychiwit/prapheth-khxng-ya-seph-tid.
ผลกระทบจากปัญหาสารเสพตดิ .(2553)."สืบค้นเมื่อ28ตลุ าคม2564จาก
https://kb.psu.ac.th/psukb/bitstream/2553/4028/6/ch3.pdf.
ไทยรัฐออนไลน.์ (2563). "มีผลวนั น้ี ราชกจิ จานเุ บกษา ประกาศปลดลอ็ ก "กญั ชา-กญั ชง" พ้นยาเสพ
ติด" สบื คน้ เมือ่ 28ตุลาคม2564จากhttps://www.thairath.co.th/news/politic/1995097
Phufa Resthome (2563). "ผลกระทบกบั สขุ ภาพของผปู้ ่วยติดยาเสพติด"สืบค้นเมอ่ื 28ตลุ าคม2564.
จาก https://blog.phufaresthome.com/effect-on-patient-from-drug-addiction.
CF 369 สัมมนาเด็ก เยาวชน และครอบครัว อาจารยผ์ ู้สอน ผศ.ดร.ป่ นิ หทยั หนนู วล 291
คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์ ภาคการเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564
SEX CREATOR & SEX WORKER
ศิรนิ นั ท์ ปงิ จนั ทร์ 6005615965
สัตตบษุ ย์ วรรณศรี 6105700022
กัญญาวรี ์ เลาหมี่ 6105700048
CF 369 สัมมนาเดก็ เยาวชน และครอบครวั อาจารย์ผสู้ อน ผศ.ดร.ป่ นิ หทัย หนูนวล 292
คณะสังคมสงเคราะหศ์ าสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ภาคการเรยี นที่ 1 ปกี ารศึกษา 2564
คำนำ
รายงานฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชา ดค.369 สัมมนาการพัฒนาเด็ก เยาวชนและครอบครัว จัดทำขึ้นเพื่อ
เป็นแนวทางในการเผยแพร่กระบวนการเรียนรู้และข้อมูลเกี่ยวกับ Sex Creator จากการที่คณะกลุ่มได้ศึกษาข้อมูล
จากแหล่งความรู้ต่าง ๆ และการสัมมนาภายในชั้นเรียนโดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับเอกสาร งานวิจัยและบทความที่เกี่ยวข้อง
ข้อง นิยามศัพท์เฉพาะ สาเหตุและปัจจัยการนำไปสู่อาชีพ Sex Creator รวมถึงกรณีศึกษาที่เกิดขึ้นจริงในปัจจุบัน
กฎหมายท่ีเกย่ี วขอ้ งและบทบาทของนักสงั คมสงเคราะห์
โดยมีเป้าประสงค์เพื่อให้นักศึกษาได้เรียนรู้กระบวนการและการปฏิบัติในรูปแบบการสัมมนาในบทบาทของนัก
สังคมสงเคราะห์ เพื่อนำประเด็นที่หยิบยกมาแบ่งปันมุมมองและหาแนวทางร่วมกันในการออกแบบกิจกรรมหรือเสนอ
นโยบาย มาตรการ สวัสดิการพัฒนาเด็ก เยาวชนและครอบครัวในบทบาทของนักสังคมสงเคราะห์ที่พึ่งยึดหลัก
จรรยาบรรณวิชาชีพ ผนวกเข้ากับแนวคิด ทฤษฎี ทักษะ เทคนิค รวมไปถึงการวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์ที่มีความ
เป็นไปได้ร่วมกัน
คณะผู้จัดทำได้หยิบยกประเด็นหัวข้อนี้ในการทำรายงานเนื่องมาจากเป็นเรื่องที่น่าสนใจรวมถึงเป็นประเด็นที่
ผู้คนในสังคมให้ความนิยมและเป็นกระแสอยู่ตอนนี้มีการนำมาวิเคราะห์ถกเถียงและเสนอหลากหลายมุมมองที่
แตกต่างกัน ซึ่งคณะผู้จัดทำหวังเป็นอย่างยิ่งว่ารายงานฉบับนี้จะเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่มีความสนใจและต้องการศึกษา
ในประเดน็ ดังกล่าว
คณะผ้จู ดั ทำ
นางสาวศริ นิ ันท์ ปงิ จันทร์
นางสาวสตั ตบุษย์ เลาหมี่
นางสาวกัญญาวีร์ วรรณศรี
CF 369 สัมมนาเด็ก เยาวชน และครอบครัว อาจารย์ผสู้ อน ผศ.ดร.ป่ นิ หทัย หนนู วล 293
คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ ภาคการเรยี นที่ 1 ปีการศึกษา 2564
บทที่ 1
ท่ีมาและความสำคัญ
มนุษย์มีความต้องการและความจำเป็นที่จะต้องดำเนินชีวิตด้วยการประกอบอาชีพเพื่อความอยู่รอด รวมถึง
การดูแลตนเองและครอบครัวได้ เป้าประสงค์เพื่อความสะดวกสบายในการดำเนินชีวิตอีกทั้งเพื่อตอบสนองความ
ต้องการของตนเองในด้านต่าง ๆ ซึ่งการประอาชีพย่อมมีการเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยและเทคโนโลยีที่เข้ามามี
ปจั จยั เกี่ยวขอ้ ง อาทิ กอ่ นเขา้ สูย่ ุคการกา้ วหนา้ ทางเทคโนโลยีการประกอบอาชีพส่วนใหญ่จะเปน็ การใชแ้ รงงานคน และ
เป็นอาชีพที่ทุกคนต่างคุ้นชิน แต่เมื่อมีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะด้านสื่อออนไลน์ที่ถือว่า
ในปัจจุปันทุกคนสามารถเข้าถึงและให้ความสนใจเป็นอย่างมาก และมีอาชีพที่เกิดขึ้นมากเช่นกันในโลกออนไลน์ การทำ
ธรุ ะกจิ ตา่ ง ๆ เชน่ ฟรีแลนซ์ , ขายของออนไลน์ , มาร์เกต็ ตง้ิ ประเภท Youtuber , Blogger , Steamer อกี ทัง้ อาชีพทม่ี ี
รูปแบบการสร้าง Content Creator หรืออาชีพสร้างสรรค์เนื้อหาเพื่อสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายในรูปแบบต่าง ( ท้ัง
ข้อความ รปู ภาพ และวดิ โี อ ผ่านช่องทางตา่ ง ๆ
ปัจจุบันอาชีพที่คนส่วนใหญ่นิยมทำจะเป็นอาชีพที่เกี่ยวกับสื่อออนไลน์หรือการนำเอาเทคโนโลยีมาใช้ในการ
สร้างรายได้ เพราะการทำงานผ่านเทคโนโลยีสื่อออนไลน์เป็นอะไรที่สะดวกรวดเร็วและง่ายต่อผู้ใช้ จึงเป็นความนิยม
มากยิ่งขึ้นในปัจจุบันนี้ ซึ่งประเด็นที่ทางคณะกลุ่มมีความสนใจและหยิบหยกมาแบ่งปันร่วมกันมีเนื้อหาเกี่ยวกับ
Content Creator ที่มาในรูปแบบของเซ็กส์ผ่านทางสื่อที่สามารถเข้าถึงได้โดยตรง ไม่ว่าจะเป็น OnlyFans Sex
Creator ซึ่งแพลตฟอร์มออนไลน์ชื่อดังจากการเปิดพื้นที่ให้คนทั่วไปสามารถเข้ามาสร้างคอนเทนต์ ที่มีลักษณะคล้าย
กับ Facebook , You Tube , Instagram หรือ TikTok อีกทั้งยังมีผู้คนจำนวนหนึ่งเข้ามาสร้างรายได้จากร่างกายใน
ฐานะงานศิลปะ ซึ่งความพิเศษของ OnlyFans คือ การไร้ข้อจำกัด หมายถึง ทุกคนสามารถสร้างคอนเทนต์เชิง 18+
ลงในแพลตฟอร์มนี้ได้ พร้อมกับตั้งราคาตามความพึงพอใจ และโฆษณาให้คนเข้ามากดติดตามหรือจ่ายเงินในการ
เข้าถึงเนื้อหาได้
ในส่วนของรายได้ ครีเอเตอร์จะได้เงินสูงถึง 80% และทาง OnlyFans จะได้ 20% โดยในปี 2020 ที่ผ่านมา
OnlyFans สามารถสร้างรายได้ถึง 400 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 13,000ล้านบาท นับเป็นการเติบโตสูงถึง
540% จากปกี อ่ นหน้า ปัจจุบันมผี ลู้ งทะเบยี น หรอื สมคั รใช้บรกิ ารมากกวา่ 130 ลา้ นคน มคี รเี อเตอร์ท่ัวโลกกว่า 2 ล้าน
คน และเนื่องด้วยสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลให้ผู้คนไม่สามารถออกมาพบปะสังสรรค์กันได้ คนบางกลุ่มประสบ
ปัญหาการตกงาน การถูกลดเงินเดือนแต่ในขณะเดียวกันรายจ่ายยังคงเท่าเดิม ส่งผลให้หลายคนทั่วโลกเริ่มมองหา
ช่องทางสร้ายรายได้เพิ่มจากการถ่ายรูป ถ่ายคลิป ทำคอนเทนต์เชิง 18+ จากที่พักอาศัยส่วนตัว แต่จากการศึกษา
ทางคณะกลุ่มยังไม่พบข้อมูลว่า Sex Crea tor ในต่างประเทศถูกจับกุมจากการทำคอนเทนต์ 18+ มาก่อน อีกท้ัง
รัฐบาลในอีกหลายประเทศก็ไม่ไดร้ ะบวุ า่ Sex Creator เปน็ อาชพี ทผ่ี ดิ กฎหมาย
ยกตัวอย่างกฎหมายสำหรับ Sex Worker ในประเทศเยอรมนี เรียกได้ว่าเยอรมนีเป็นหนึ่ง ในประเทศต้นแบบ
ของกฎหมาย Sex Worker เลยทีเดียว พวกเขาได้รับรองให้ Sex Worker เป็นอาชีพถูกกฎหมายตั้งแต่ปี 2002
หลังจากนั้นจึงมีการปรับปรุงกฎหมายให้ดีขึ้นมาเรื่อย ๆ จนในปัจจุบัน เยอรมนีกำหนดอายุขั้นต่ำของผู้ประกอบอาชีพ
Sex Worker ไว้ท่ี 18 ปี โดยอนุญาตให้ประชากรในประเทศสหภาพยุโรป รวมถึงผู้ผู้มีใบอนุญาตทำงานสามารถทำได้
ทุกคนต้องพกใบอนุญาตสองชนิดติดตัวตลอดเวลาทำงานคือ ใบอนุญาตทำงาน และใบรับรองสุขภาพ ซึ่งสามารขอได้
จากศูนย์การแพทย์ของรัฐเสียก่อน โดยผู้มีอายุตั้งแต่ 21 ปีต้องมาตรวจซ้ำทุก 1 ปี ขณะที่ผู้มีอายุต่ำกว่า 21 ปี ต้อง
เข้ารับการตรวจทุก 6 เดือน เยอรมนีมีกฎเกณฑ์ที่ค่อนข้างครอบคลุมและเคร่งครัดต่อ Sex Worker โดยกำหนดว่า
CF 369 สัมมนาเด็ก เยาวชน และครอบครวั อาจารยผ์ ู้สอน ผศ.ดร.ป่ นิ หทยั หนูนวล 294
คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์ ภาคการเรยี นท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2564
ต้องเสียภาษี, ทำประกันสุขภาพ รวมถึงต้องเสียภาษี อย่างไรก็ดีเยอรมนีมีกฎหมายที่คุ้มครอง Sex Worker สูงมาก
จนใกล้เคียงกับกฎหมายแรงงานทั่วไป ยกเว้นเฉพาะบางข้อเท่านั้นและสำหรับผู้ต้องการเปิดสถานบริการ Sex "orker
ต้องขออนุญาตจากทางภาครัฐเสียก่อน รวมถึงมีความรับผิดชอบว่าต้องจัดหาอุปกรณ์ป้องกันให้กับ Sex Worker ที่
ทำงานอยู่ภายในด้วย แต่ในประเทศไทยการทำงาน Sex Worker ยังไม่เป็นที่ยอมรับและยังไม่มีกฎหมายรองรับสำหรับ
อาชีพน้ี
ดังนั้นทางคณะผู้จัดทำจึงมีความสนใจในประเด็นของ Sex Creator ในประเทศไทย เพื่อทราบถึงทัศนคติ
มุมมองของผู้คนในสังคมไทยกับอาชีพดังกล่าว ผ่านกรอบวัฒนธรรมที่แตกต่างและเปล่ียนแปลงไปจากเดิม รวมถึง
วิถีความเชื่อ กฎกติกาของสังคมไทยและบทบาทของนักสังคมสงเคราะห์ในการขับเคลื่อน ว่า Sex Creator นั้นเป็น
ปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคมไทยจริงหรือไม่หากเป็นปัญหา ปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นเฉพาะเจาะจงไปที่กลุ่มเป้าหมายประเภทใด
อีกทั้งการมองว่าเป็นปัญหาเกิดจากกฎหมายที่มิได้มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้เหมาะสมตามยุคสมัยหรือไม่ เพื่อ
วิเคราะห์บทบทนักสังคมสงเคราะห์ในการพัฒนาเด็ก เยาวชนและครอบครัว ซึ่งประเด็นดังกล่าวมีเน้ือหาและข้อมูลที่
ละเอียดอ่อน ฉะนั้นแล้วทางคณะผู้จัดทำจึงศึกษาหาข้อมูลผ่านบทความที่เป็นหลักสากลผ่านชุดกฎหมายมากกว่าการ
ถกเถยี งจากผู้คนในสังคม
วตั ถปุ ระสงค์
1. เพอื่ ศกึ ษาสาเหตแุ ละปัจจยั ทนี่ ำไปสู่การประกอบอาชพี Sex creator หรอื Sex Worker
2. เพ่ือศกึ ษากรณีศกึ และกฎหมายที่เกี่ยวขอ้ งกับ Sex Creator และกฎหมายทีเ่ ก่ียวขอ้ งกับสอ่ื ลามกอนาจาร
เดก็
3.เพ่อื ทราบถึงบทบาทของนกั สังคมสงเคราะห์ในการทำงานร่วมกับผ้ทู ่ีประกอบอาชีพ Sex Creatorหรือ Sex
Worker และบทบาทของนกั สงั คมสงเคราะห์ในการขับเคลอ่ื นการพัฒนาเด็ก เยาวชนและครอบครัว
ผลทค่ี าดว่าจะไดร้ บั
1. ทราบถงึ สาเหตุและปัจจยั ที่นำไปสูก่ ารเปน็ Sex creator หรอื Sex worker ได้
2. ทราบถึงกรณศี กึ และกฎหมายท่ีเก่ยี วข้องกบั Sex Crea tor และกฎหมายท่ีเก่ียวขอ้ งกับสือ่ ลามกอนาจารเดก็
3. ทราบถึงทบาทของนักสังคมสงเคราะห์ในการทำงานร่วมกับผู้ที่ประกอบอาชีw Sex Creator หรือ Sex Worker
และบทบาทของนกั สงั คมสงเคราะห์ในการขับเคลอื่ นการพฒั นาเดก็ เยาวชนและครอบครัว
ขอบเขตการศกึ ษา
ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการประกอบอาชีพออนไลน์ที่เป็นที่นิยมในปัจจุบันโดยมุ่งเน้นศึกษาไปท่ีอาชีพ Sex
Worker หรือ Sex Creator ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศผ่านบทความออนไลน์และการแบ่งปันร่วมกันในชั้นเรียน
สัมมนาการพัฒนาเด็ก เยาวชนและครอบครวั
CF 369 สัมมนาเดก็ เยาวชน และครอบครัว อาจารยผ์ สู้ อน ผศ.ดร.ป่ นิ หทัย หนนู วล 295
คณะสังคมสงเคราะหศ์ าสตร์ มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์ ภาคการเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564
บทท่ี 2
เอกสาร งานวิจัยและบทความที่เก่ียวข้องขอ้ ง
นิยามศัพท์เฉพาะ
"Sex Creator" หมายถึง "อาชีพขายเซ็กซ์" เป็นการทำเนื้อหาบางอย่าง ที่เกี่ยวข้องกับการมีเพศสัมพันธ์
เช่น การทำคลิป การถ่ายรูปหรือแม้แต่การนัดรวมกลุ่มกัน หากย้อนไปจริงๆ คำนี้ในสมัยก่อนคือเรื่องของดารา
ภาพยนตร์ผู้ใหญ่ เพียงแต่รูปแบบของPlatform ที่ปล่อย Content เป็นรูปแบบ DVD หรือ CD แต่พอเป็นยุคออนไลน์
เนือ้ หาเหล่าน้ีถูกเปลย่ี นมาเปน็ เว็บไซตอ์ อนไลนต์ า่ งๆโดย Transform ตวั เอง
"Sex Worker" หมายถงึ พนักงานบรกิ ารทางเพศ
" OnlyFans" หมายถึง แพลตฟอร์มยอดนิยมที่หลายคนอาจจะเข้าใจผิด ที่เราสามารถสร้างและติดตามคน
อื่นได้แบบฟรี ๆ OnlyFans สามารถให้เหล่า Creator สร้างอะไรก็ได้เกี่ยวกับตัวเองโดยไม่มีขีดจำกัด ไม่มีการเซนเซอร์
ครีเอเตอร์สามารถสร้างสรรค์คอนเทนต์แนว 18+ ได้ ทำให้มันเกิดจุดขายทีแ่ ตกต่างกนั ออกไป
งานวิจยั เรื่องพฤติกรรมการเปิดรบั สื่อออนไลนใ์ นรปู แบบเซ็กสต์ ้งิ ของวัยรุน่ ไทยในกรงุ เทพฯ
เป็นงานวิจัยที่ศึกษา พฤติกรรมการเปิดรับสื่อออนไลน์ในรูปแบบเซ็กส์ติ้งของวัยรุ่นไทย กลุ่มตัวอย่างเป็น
วัยรุ่นไทยที่อาศัยในกรุงเทพมหานคร จำนวน410 มีการใช้ สมาร์ทโฟน เป็นส่วนใหญ่ในการเปิดรับเนื้อหาข้อมูลข่าวสาร
และมีพฤติกรรมการเปิดรับสื่อออนไลน์รูปแบบเซ็กส์ติ้งจากสื่อออนไลน์ อีกทั้งมีการเข้าใช้บริการสื่อออนไลน์ที่มีความ
แตกต่างระหว่างเพศของผู้ใช้ การถ่ายภาพเซ็กซี่ตนเองที่เน้นสัดส่วนแล้วโพสต์/ส่งผ่านสื่อออนไลน์และสื่อออนไลน์
รูปแบบเซก็ สต์ ิง้ มคี วามแตกตา่ งระหวา่ งเพศ
คอลมั นเ์ รอื่ ง OnlyFans ภายใตค้ วามออ่ นไหวของสังคม
เป็นคอลัมน์ที่พูดถึงเรื่องควมอ่อนไหวของสังคม Tim Stokely (ทิม สโตกลีย์) เป็นคนก่อตั้งแพลตฟอร์ม
OnlyFans ขึ้นมาเมื่อ 5 ปีที่แล้ว (2016) ปัจจุบันเขาอายุ 38 ปี และมีตำแหน่งเป็น CEOของแพลตฟอร์มออนไลน์ ซึ่งทำ
รายได้ในปี 2020 ท่ีผ่านมา สูงถึง 400 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 1.3หมื่นล้านบาท สร้างยอดการเข้าใช้บริการ 160 ล้าน
สมาชิกต่อเดือน สร้างยอดขายกว่า 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ต่อวัน โดย 20% ของยอดขายทั้งหมดจะกลายเป็นรายได้
ของบริษัทแพลตฟอร์มออนไลน์สัญชาติอังกฤษน้ี"ตอน OnlyFans เปิดตัว เราต้ังใจสร้างขึ้นมา เพื่อให้สมาชิก
(Creators)
สามารถสร้างสรรค์เนื้อหาได้ทุกประเภท เพราะมีสมาชิกจำนวนมากได้สร้างคอนเทนต์ท่ีน่าสนใจอยู่มากมาย
บนสื่อสังคมออนไลน์แบบฟรีๆ และเราก็เห็นว่า การตลาดที่ใช้บุคคลที่มีอิทธิพลทางสื่อสังคมออนไลน์ประสบ
ความสำเร็จเป็นอย่างมาก ซึ่งพวกเขาเหล่านั้นจะมีรายได้จากสินค้าหรือบริการที่ให้ความสนับสนุน ดังนั้น เราจึงสร้าง
แพลตฟอร์มในรูปแบบที่คล้ายกัน แต่เพิ่มปุ่มให้กดจ่ายเงินตรงสู่สมาชิกที่สร้างสรรค์เนื้อหาได้โดยตรง ซึ่งก็ถือเป็นการ
CF 369 สัมมนาเด็ก เยาวชน และครอบครัว อาจารยผ์ ู้สอน ผศ.ดร.ป่ นิ หทัย หนูนวล 296
คณะสังคมสงเคราะหศ์ าสตร์ มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์ ภาคการเรยี นท่ี 1 ปีการศึกษา 2564
สร้างรายได้จากเนื้อหานั้นอย่างแท้จริง"นี่เป็นความตั้งใจเร่ิมแรกของทิม สโตกลีย์ แม้ว่าก่อนหน้าที่เข้ามาจับธุรกิจ
OnlyFans เขาจะเคยสร้างเว็บไซต์แนว 18+ มาแล้วก็ตาม แต่ในช่วง 2 ปีแรกทิศทางของ OnlyFans ก็ยังไม่เป็นที่
สนใจของตลาดมากนักจนเมื่อ Leonid Radvinsky (ลีโอนิดราดวินสกี) นักธุรกิจเชื้อสายอเมริกัน-ยูเครน เข้ามาปรับ
โฉมแพลตฟอร์มน้ี ให้เข้าสู่เนื้อหาวาบหวิวแบบเต็มตัว และวางกรอบสร้างสังคมของหนังผู้ใหญ่ในรูปแบบ Handmade
คือ ลูกค้าจ่ายเงินตรงต่อสมาชิกผู้สร้างเนื้อหาอย่างเป็นระบบ ไม่ว่าจะเป็น ด้านความปลอดภัยในการปกป้องเนื้อหา
ความสะดวกในการรับรายได้ของสมาชิก และการจ่ายเงินของลูกค้า รวมไปถึงองค์ประกอบทางเทคนิคที่ทำให้
แพลตฟอร์มนี้สามารถใช้งานได้ง่ายสำหรับทุกกลุ่ม หลังจากนั้นแพลตฟอร์ม OnlyFans ก็สร้างปรากฎการณ์ทาง
ออนไลน์ขึ้นมา มีสมาชิกร่วมสร้างเนื้อหาในแบบหนังผู้ใหญ่หรือแสดงเรือนร่างวาบหวิว ซึ่งสังคมทั่วไปเรียกว่า Sex
Creatorรวมไปถึงการสร้างเนื้อหาในแนวอื่นๆ มากกว่า 4 แสนสมาชิก และเกิดลูกค้าที่จ่ายเงินเพื่อติดตามผลงาน
ต่างๆ มากถึง 24 ล้านคนทั่วโลก ในปี 2019 จวบจนปัจจุบัน (2021) OnlyFans มีสมาชิกCrea tor 1 ล้านราย และ
ผู้ใช้งานกว่า 85 ล้านคนทั่วโลกไปแล้วเอาล่ะ เมื่อว่ากันถึงท่ีมาที่ไปเรียบร้อยก็มาสู่ประเด็นที่เป็นปัญหา เมื่อเดือน
สิงหาคมที่ผ่านมา (2021) ทางคณะประชาสัมพันธ์ของ OnlyFans ได้ออกมาเผยแพร่นโยบายใหม่ของแพลตฟอร์ม ใน
เรื่องการห้าม Sex Creator สร้างเนื้อหาล่อแหลมลงเว็บไซต์เพื่อสร้างรายได้อีกต่อไป ตั้งแต่วันท่ี 1 ตุลาคมของปีนี้"
เพื่อสร้างความเชื่อมั่นของเว็บไซต๊ ว่าจะทำธุรกิจอย่างยั่งยืนในระยะยาวและเพื่อขับเคลื่อนพื้นที่ในการอยู่ร่วมกันของ
ผู้ผลิตเนื้อหา และแฟนคลับต่อไปเราจึงต้องขอปรับปรุงแนวทางการให้บริการเนื้อหาเหล่าน้ี" นี่เป็นส่วนหนึ่งของคำ
ชี้แจงจากทาง OnlyFans แต่ลึกลงไปในความเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ว่ากันว่า เกิดจากความกดดันของเหล่าบริษัทท่ี
ให้บริการบัตรเครดิตต่างๆ ซึ่งเป็นช่องทางหลักและสำคัญมากในการลำเลียงเงินจากลูกค้าสู่เว็บไซต์ OnlyFans
เนื่องจากบริษัทให้บริการบัตรเครดิตเหล่าน้ี ถูกกระแสสังคม และหน่วยงานด้านความปลอดภัยและความมั่นคงทาง
จากภาครัฐในประเทศต่างๆให้เหตุผลทางลบต่อความเกี่ยวข้องกับธุรกิจของ OnlyFans สู่การสร้างปัญหาที่มีอันตราย
ร้ายแรงทั้งในเรื่องการคุกคามทางเพศ การละเมิดสิทธิเด็ก และการก่ออาชญากรรมทางออนไลน์ในรูปแบบต่างๆ เป็น
ต้น ซึ่งจะทำบริษัทเหล่านั้นเกิดทัศนคติท่ีไม่ดีจากสังคม และความสุ่มเสี่ยงในเรื่องกฎหมายจากทางภาครัฐก่อนหน้าน้ี
เคยมีกรณีที่คล้ายกันอย่างเว็บไซต์ Pornhub ที่เปิดให้บริการสร้างเนื้อหาแบบหนังผู้ใหญ่ได้เอง เพื่อเรียกรับเงินจาก
สมาชิกที่สมัครเสียเงินเพื่อรับชม โดยมีการเก็บค่าบริการแพลตฟอร์มตามกติกาที่กำหนด แน่นอนว่า มี Sex Creator
มาเขา้ ร่วมผลติ เน้ือหา 18+ อย่างล้นหลาม แต่
ประเด็นก็คือ นอกเหนือไปจากการไม่สามารถป้องกันการเข้าถึงของเยาวชน และเด็กได้แล้วนักสร้างเนื้อหาใน
Pornhub ดันนำเสนอเนื้อหาที่เป็นอันตราย และละเมิดสิทธิความเป็นมนุษย์ รวมไปถึงการแสดงกระบวนการทำผิด
กฎหมายอย่างเปิดเผย"ภายใต้สถิติการเข้าชมที่สูงมากนั้น กลับซ่อนไปด้วยเนื้อหาคลิปที่มีการข่มขืนเอาไว้ เว็บไซนี้มี
การสร้างรายได้จากการข่มขืนเด็ก คลิปโป๊เปลือยอันถูกนำมาปล่อยเพื่อแก้แค้น ภาพจากกล้องแอบถ่ายผู้หญิงกำลัง
อาบน้ำ เนื้อหาเหยียดเชื้อชาติ และสตรี รวมไปถึงคลิปผู้หญิงถูกทำให้ขาดอากาศหายใจในถุงพลาสติก ที่สำคัญ มีการ
พิมพ์ค้นหาคำว่าเด็กผู้หญิง ต่ำกว่า 18 ปี หรือ 14 ขวบ บนเว็บไซต์กว่าแสนครั้ง แม้ว่าผู้หญิงจำนวนมากไม่ใช่เด็ก แต่
จำนวนไม่น้อยในนั้น คือ เยาวชน" นี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งจากบทความของ Nicholas Kristof (นิโคลาส คริสตอฟ) ที่ได้รับ
การเผยแพร่ใน The New York Times ซึ่งทำการเปิดเผยความจริงอันเกิดขึ้นในเว็บไชต์ของ Porhub นอกจากนั้น มี
ผู้หญิงที่ได้รับความเสียหายอีกหลายคนออกมาเรียกร้องให้แพลตฟอร์มดังกล่าว ลบเน้ือหาที่มีภาพเธอปรากฎโดย
ไม่ได้รับอนุญาต และหลายเนื้อหาก็กลายเป็นคดีความต่อไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของลูกสาววัย 15 ปีที่หายตัวไป แต่ดันมา
ปรากฎอยู่ใน Pornhub กับฉากที่เธอถูกข่มขืน จนแม่ของเธอมีโอกาสมาเห็น หรือคลิปแบล็คเมล์จากการข่มขืนผู้หญิง
คนหนึ่ง แม้คดีความจะจบสิ้นไปแล้ว แต่ภาพของเธอถูกเผยแพร่ซ้ำอย่างต่อเนื่องซึ่งนี่เป็นตัวอย่างแค่ส่วนน้อยเท่านั้น