The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

กลไกชีวิตกับจักรวาล

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Samart Sukhuprakarn, 2023-03-05 10:07:06

กลไกชีวิตกับจักรวาล

กลไกชีวิตกับจักรวาล

38 6. สัตติโลมเปรต คือ เปรตที่มีขนเป็นหอก 7. อุสุโลมเปรต คือ เปรตที่มีขนเป็นลูกธนู 8. สูจิโลมเปรต คือ เปรตที่มีขนเป็นเข็มขนิดที่1 9. ทุติยสูจิโลมเปรต คือ เปรตที่มีขนเป็นเข็มชนิดที่2 10. กุมภัณฑเปรต คือ เปรตที่มีอัณฑะใหญ่โตมาก 11. คูถกูปนิมุคคเปรต คือ เปรตที่จมอยู่ในอุจจาระ 12. คูถขาทกเปรต คือ เปรตที่มีชีวิตอยู่ได้ด้วยการกินอุจจาระ 13. นิจฉวิตกิเปรต คือ เปรตหญิงที่ไม่มีหนังห่อหุ้ม 14. ทุคคันธเปรต คือ เปรตที่มีกลิ่นเหม็นเน่า 15. โอคิลินีเปรต คือ เปรตที่มีร่างกายเป็นถ่านไฟ 16. อลิสเปรต คือ เปรตที่ไม่มีศีรษะ 17. ภิกขุเปรต คือ เปรตที่มีรูปร่างเช่นเดียวกับพระ 18. ภิกขุณีเปรต คือ เปรตที่มีรูปร่างเช่นเดียวกับภิกษุณี 19. สิกขมานเปรต คือ เปรตที่มีรูปร่างเช่นเดียวกับสิกขมานา 20. สามเณรเปรต คือ เปรตที่มีรูปร่างเช่นเดียวกับสามเณร 21. สามเณรีเปรต คือ เปรตที่มีรูปร่างเช่นเดียวกับสามเณรี สาเหตุที่เกิดไปเป็นเปรตในแต่ละชนิดนั้นหาอ่านได้ใน พระวินัยปิฎก เล่มที่ 1 มหาวิภังค์ภาค 1 ซึ่งจะกล่าวไว้โดยละเอียดผู้เขียนจะไม่กล่าวถึง แต่ กล ่าวโดยสรุปว่าในทางพระพุทธศาสนากำหนดว่ามีอีกเขตแดนหนึ่ง ยังมี สิ่งมีชีวิตอีกจำพวกหนึ่งที่ได้รับทุกข์เวทนาและสัตว์ในภพนี้มีส่วนที่ดูเหมือนว่า อยู ่มิติที่คู่ขนานกับโลกมนุษย์อย่างแท้จริง ๆ เพราะเป็นผู้ที ่ต้องรอรับ เครื่องเซ่นพลีจากมนุษย์โดยที่ตนเองไม่สามารถที่จะดำรงชีพด้วยตนเองอย่าง มีความสุข


39 3). อสุรกาย ภูมิอันเป็นที่อยู่ของสัตว์อันปราศจากความเป็นอิสระและสนุกรื่นเริง มีแทรกอยู่ในภพทั้งสาม ได้แก่1. เทวอสุราอยู่ในภพของเทวดา 2. เปตติอสุ รา อยู่ในภพของเปรต 3. นิรยอสุรา อย่ในภพของนรก มีพื้นฐานมาจากจิตที่มี โทสะก่อนตาย เทวอสุรา มี6ประเภท จะกล ่าวพอเป็นที่สังเขปเท่านั้น คือ อยู่ใน ชั้นด่าวดึงส์เวปจิตติอสุรา, สุพลิอสุรา, ราหุอสุรา, ปหารอสุรา, สัมพรตีอสุรา อยู่ในชั้นของโลกมนุษย์ได้แก่ วินิปาติกอสุรา มีรูปร ่างสัณฐานเล็กกว่า และ อำนาจน้อยกว่าเทวดาชั้นดาวดึงส์ เที่ยวอาศัยอยู่ในมนุษย์โลกทั่วไป เช่น ตาม ป่า ตามเขา และศาลที่เขาปลูกไว้ซึ่งเป็นที่อยู่ของภุมมัฏฐเทวดาทั้งหลาย แต่ เป็นเพียงบริวารของภุมมัฏฐเทวดาเท่านั้น สงเคราะห์เข้าในจำพวกเทวดา ชั้น จาตุมหาราชิกา เปตติอสุรา มี3 จำพวก คือ กาลกัญจิกเปรตอสุรา, เวมานิกเปรตอ สุ-รา, อาวุธิกเปรตอ-สุรา เป็นเปรตที่ประหัตประหารกันและกันด้วยอาวุธ นิรยอสุรา เป็นเปรตจำพวกหนึ่งที่เสวยทุกขเวทนาอยู่ในนรกโลก กันตร์นรกโลกกันตร์ตั้งอยู่ระหว่างกลางของจักรวาลทั้งสาม อสุรกายนี้หมาย เอาเฉพาะกาลกัญจิกเปรตรอุสรกายเท่านั้น อายุและบุพกรรม เช่นเดียวกันกับ โลกเปรต 4). มหานรก มหานรกทั้ง 8 ขุม เป็นเขตแดนที่สัตว์ได้รับทุกขเวทนาสัตว์เหล่านั้น ไม่มีอิสระภาพ ได้ถูกจองจำ ไม่สามารถทำอะไรได้ตามอำเภอใจได้เหมือนกับ พวกที่อยู่ในแดนสุขคติภูมิจึงเป็นฝ่ายที่ถูกกระทำคำว่า “มหานรก” หมายถึง เป็นดินแดนที่แห่งนรกขุมใหญ่ซึ่งมีนรกบริวารอีกจำนวนมาก มหานรกทั้ง 8


40 ได้แก่ สัญชีวะ, กาฬสุตตะ, สังฆาตะ, โรรุวะ(ทั้ง2ขุม), มหาวีจิ, ตาปปนะ และปตาปนะ มีนรกบริวารอีกขุมละ16 แห่ง เรียกว่า อุสทนรกดังนั้นเมื่อรวม 136 ขุมนรก ซึ่งสรุปและแจกแจงได้ดังนี้: นรกขุมที่ 1. สัญชีวนรก ("นรกแห่งการเกิดอีกหน") : นรกขุมนี้มี ผนังทำจากเหล็กร้อนกั้นรอบด้าน มองไปไม่เห็นขอบ มีอาณาเขตกว้างขวาง มี ไฟลุกโชนทั่วทั้งอาณาบริเวณ ไฟนรกนี้จะซ่อนอาวุธต่าง ๆ เช่น หอก ดาบ มีด สัตว์ในขุมนี้จะวิ่งพล่าน ไปชนกับอาวุธได้รับบาดเจ็บและเมื่อตายร่างกายจะ กลับมามีพลานามัยสมบูรณ์อีกครั้ง เพื่อให้รับโทษในขุมนี้จนกว่าจะสิ้นวาระไป สัตว์นรกมีอายุการรับโทษสี่พันห้าร้อยล้านปีมนุษย์หรือห้าร้อยปีนรก เหตุที่ทำให้ไปตกในนรกใหญ่ขุมนี้คือ ฆ่าสัตว์ ทรมานสัตว์ด้วย ตนเองบ้าง หรือให้คนอื่นทำ เป็นโจรปล้นฆ่าเจ้าทรัพย์บ้าง บางคนเป็น ข้าราชการมีตำแหน่งใหญ่โต แต่ขาดความยุติธรรม กดขี่ข่มเหงชาวบ้าน ใช้ หน้าที่โดยมิชอบ โกงเอาเรือกสวนไร่นาของชาวบ้านบ้าง หรือตลอดจนถึงโกง ที่ดินวัด หรือกลั่นแกล้งสั่งย้ายข้าราชการผู้น้อย โดยไม่เป็นธรรม ทำให้ผู้อื่น พลัดพรากจากที่อยู่ที่ทำกิน บาปกรรมเหล่านี้เป็นต้นที่ส่งผลให้เขาต้องไปตก นรกในสัญชีวนรก นรกขุมที่2. กาฬสุตนรก: มีลักษณะเพิ่มเติมจากนรกขุมที่แล้ว คือ สัตว์ในขุมนี้จะถูกตีเส้นด้ายดำบนเนื้อตัวโดยนายนิรยบาลก็จะนำเส้นเหล็กเผา ไฟมานาบเป็นลายบนตัว บางคนก้จะถูกผ ่าด้วยเลื่อยหรือตัดตามเส้นดำนั้น สัตว์นรกนี้ต้องรับโทษเป็นเวลาสามหมื่นหกพันล้านปีมนุษย์หรือหนึ่งพันปี นรก บุพกรรม เคยจับสัตว์มาตัดอวัยวะด้วยอกุศลจิต ประทุษร้ายต่อพ่อแม่ครู อาจารย์ผู้มีพระคุณ นรกขุมที่3. สังฆาฏนรก: มีลักษณะเพิ่มเติมจากนรกขุมที่แล้วคือ นรกนี้จะห้อมล้อมไปด้วยภูเขาเหล็กลูกมหึมามีไฟลุกท่วมคอยกลิ้งเข้ากระทบ


41 กระแทกสัตว์นรกจนเหลวเป็นวุ้นเลือดผู้วิ่งหนีมิเข้าไปในระหว่างเขานี้จะถูก นายนิรยบาลไล่แทงไล่ฟันเป็นต้น เมื่อตายแล้วก็กลับเป็นปรกติเพื่อรับโทษอีก ครั้งเหมือนในขุมก่อน ๆ สัตว์ในนรกนี้จะมีรูปร่างแปลก หน้าเป็นควายนัวเป็น มนุษย์ก็มีหน้าเป็นมนุษย์ร่างกายเป็นสัตว์ก็มีสัตว์นรกนี้ต้องรับโทษเป็นเวลา สองแสนเก้าหมื่นล้านปีมนุษย์หรือสองพันปีนรก นรกขุมที่ 4. โรรุวนรก: มีลักษณะเพิ่มเติมจากนรกขุมที่แล้ว เป็น นรกที่มีแต่เสียงห้องไห้ค่ำครวญอย่างน่าเวทนา ในใจกลางขุมนี้มีเหล่าดอกบัว เหล็กไฟลุกโชน สัตว์นรกจะถูกกรรมดลใจให้ดำผุดลงไปในดอกบัวเหล ่านั้น กลีบบัวก็จะงับอวัยวะต่าง ๆ เช่น ศีรษะ แขน และขา เป็นต้น เมื่องับไว้แล้วก็ ไม่ปล่อย ไฟจากบัวก็จะเผาผลาญสัตว์นั้น สัตว์นรกนี้ต้องรับโทษเป็นเวลาเก้า แสนสามหมื่นหกพันล้านปีมนุษย์หรือสี่พันปีนรก บุพกรรม เคยเอาสัตว์เป็น ๆมาเผากินเป็นอาจิณ , เป็นผู้พิพากษา ลำเอียงด้วยอามิสสินจ้าง, ฆ่าผู้อื่นเพื่อแย่งผัวเขาเมียเขา, ยึดที่เขาโดยพละการ นรกขุมที่5. มหาโรรุวนรก: มีลักษณะเพิ่มเติมจากนรกขุมที่แล้วแต่ มีการลงทัณฑ์มากกว่าเดิม คือ มีเหล่าบัวมิได้มีแต่ในกลางขุม แต่ขึ้นอยู่ทั่วไป และกลีบบัวนั้นเป็นกรด ช่องว่างที่บัวมิได้งอกจะมีอาวุธลุกเป็นไฟ เช่น แหลน หลาว หอก เป็นต้น งอกขึ้นมาแทน บัวจะไม่งับสัตว์นรกไว้แน่นนักเพื่อให้ดิ้น พล่านไปถูกอาวุธที่งอกขึ้น เมื่อดิ้นไปมาจนตกลงสู่พื้นแล้วจะมีสุนัขร้ายเข้ามา กัดทึ้งจนเหลือแต่กระดูก และกลับมาสมบูรณ์เพื่อรับโทษใหม่อีกจนกว่าจะ หมดโทษเหมือนในนรกที่แล้วๆ มา สัตว์นรกนี้ต้องรับโทษเป็นเวลาเจ็ดหมื่น สามพันล้านเจ็ดแสนสองหมื่นแปดพันล้านล้านปีมนุษย์หรือแปดพันปีนรก บุพกรรม เคยทำชั่วตัดศรีษะสัตว์และมนุษย์ด้วยโทสะ ปล้นสะดมผู้ทรงศีล นรกขุมที่6. ตาปนรก: มีลักษณะเพิ่มเติมจากนรกขุมที่แล้วคือ นรก นี้มีไฟลุกท่วม ในไฟมีอาวุธ เช่น หอก แหลน หลาว เป็นต้น คอยพุ่งเข้าทิ่มแทง


42 สัตว์นรกขึ้นตั้งไว้ย่างไฟ เมื่อเนื้อหนังมังสาของสัตว์นั้นกรอบหลุดร่วงลงมาจะ ยังให้สัตว์นั้นร่วงลงมาด้วย ครั้นร่วงแล้วจะถูกสุนัขขนาดใหญ่เท่าช้างวิ่งเข้ามา กัดทึ้งจนเหลือแต่กระดูกสัตว์ใดหนีสุนัขได้จะถูกนายนิรยาลจับทิ่มหอกแล้ว ตั้งขึ้นย่างอีกครั้งและเช่นเดิม เมื่อตายแล้วจะลับมาสมบูรณ์เพื่อรับโทษใหม่ อีกจนกว่าจะหมดโทษ สัตว์นรกนี้ต้องรับโทษเป็นเวลา สองพันเก้าร้อยสี่สิบ เจ็ดล้านสามแสนเก้าหมื่นสองพันล้านล้านปีมนุษย์หรือหนึ่งหมื่นหกพันปีนรก บุพกรรม เคยทำอกุศลทั้งตามกิเลส 3 อย่างเต็มที่และยินดีในกรรมอันนั้น นรกขุมที่ 7.มหาตาปนรก("นรกแห่งความร้อนอย่างหนัก"): มี ลักษณะเพิ่มเติมจากนรกขุมที่แล้วคือ ไฟนรกนั้นจะพุ่งซัดเข้ามาจากกำแพง นรกรอบด้าน และใจกลางนรกก็จะมีภูเขาเหล็กลุกเป็นไฟ เมื่อสัตว์นรกหนีไฟ ที่พุ่งมาโดยปีนขึ้นไปบนเขาก็จะถูกย่างสด และเมื่อร่วงลงมาก็จะถูกอาวุธร้อน ที่พุ่งขึ้นมาจากพื้นเสียบตัวตั้งไว้ย่างไฟอีกเหมือนนรกขุมที่แล้ว สัตว์นรกนี้ต้อง รับโทษเป็นเวลาครึ่งกัลป์หรือคือเวลาอันประมาณมิได้บุพกรรม เคยทำ เหมือนกับขุมที่แล้วแต่ทำกับสัตว์เป็นหมู่มาก นรกขุมที่8. อเวจีมหานรก: แปลว่า นรกที่ปราศจากความบางเบา แห่งทุกข์มีลักษณะเพิ่มเติมจากนรกขุมที่แล้วคือ นรกขุมนี้มีกำแพงหกด้านอยู่ ขุมเดียว โดยสัตว์นรกจะเคลื่อนไหวร่างกายมิได้เลยเพราะถูกอาวุธร้อนตรึงไว้ กับพื้นหมดในท่ายืนกางแขนและขา โดยมีไฟลุกท่วมย่างสัตว์นั้น นอกจากนี่ยัง มีเตาเผาใหญ่ นายนิรยบาลจะจับสัตว์โยนลงไปย่างในเตานั้นด้วย สัตว์นรกนี้ ต้องรับโทษเป็นเวลาหนึ่งกัลป์หรือคือเวลาอันประมาณมิได้บุพกรรมที่ทำไว้ เป็นอนันตริยกรรม คือกรรมหนักมี5 ประการได้แก่ ฆ่าหรือใช้ผู้อื่นมารดาของ ตนเอง, ฆ่าหรือใช้ผู้อื่นบิดาของตนเอง, ฆ่าหรือใช้ผู้อื่นพระอรหันต์, ทำร้าย พระพุทธเจ้าให้ห้อพระโลหิตและทำสังฆเภทยุยงให้สงฆ์แตกกัน


43 นรกที่เหลือคือ โลกันตริกนรกเป็นนรกที่อยู่นอกจักรวาล มีลักษณะ “ไม่ถูกคลุม ไม่ถูกปิดบัง มืด ถึงมืดสนิท” มีหลายๆ ขุมแต่ละขุมอยู่ระหว่าง จักรวาล 3 วง หรืออยู่ในระหว่างช่องว่างของบาตร 3 ใบตามคัมภีร์จักรวาล ทีปนีส่วนความหมายของข้อความที่กล่าวมาก่อนหน้านั้นว่า ความหมายของ คำว่า ไม่ถูกคลุม หมายถึง เปิดล ่วงอยู่เป็นนิตย์, ไม่ถูกปิด หมายถึง แม้เบื้อง ล่างก็ไม่มีที่เหยียบยืน ตามความเห็นของผู้เขียน หมายถึง การที่ไม่สามารถยืน ได้นั่นแสดงว่าที่นั้นมีความว่าง รูปภาพที่ 15 ความแตกต่างระหว่างเวลาในนรกกับโลก 2.3.2 แดนสุขคติภูมิ 1). มนุสสภูมิ พระพุทธศาสนากล่าวว่า “ยากที่จะได้เกิดเป็นมนุษย์” ภพนี้เป็นภพ ที่สัตว์ที่มีจิตใจสูง มนุสสภูมิมาจาก มน+ อุสฺส+ภูมิ; มน แปลว่า ใจ, อุสฺส แปลว่า สูง ภูมิแปลว่า ที่อาศัย แปลโดยรวมว่า ภูมิที่อาศัยของสัตว์ผู้มีจิตใจ สูง ในอีกทางหนึ่งก็แปลว่า เป็นผู้มีใจกล้าหาญ สามารถประกอบกรรมดีและ ชั่วได้อย่างเยี่ยมยอด ที่ภพภูมิอื่นสู้ไม่ได้นอกจากนี้มนุษย์อาศัยฐานของ มหาภูตรูป 4 และอุปาทยรูป 24 รูป ซึ่งเป็นผู้ที่มีเหตุปัจจัยมาจากกรรมเก่าที่มี


44 กุศลกรรมบถ 10 เป็นเบื้องต้น คำว่าโลกใบนี้อาจจะเป็นส่วนหนึ ่งของภพ มนุษย์ก็ได้เพราะในจักรวาลนี้มีจำนวนดวงดวงดาวหลายล้านล้านดวง นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าต่อไปเราอาจจะได้พบมนุษย์บนโลกจากดาวดวงอื่นก็ได้ “ภิกษุทั้งหลาย “บุรุษพึงโยนแอกที่มีรูเดียวลงไปในมหาสมุทรลม ทางทิศตะวันออกพัดแอกนั้นไปทางทิศตะวันตก ลมทางทิศตะวันตกพัดแอก นั้นไปทางทิศตะวันออก ลมทางทิศเหนือพัดแอกนั้นไปทางทิศใต้ลมทางทิศใต้ พัดแอกนั้นไปทางทิศเหนือ ในมหาสมุทรนั้น มีเต่าตาบอดอยู่ตัวหนึ่งผ่านไป 100 ปีมันจะผลุดขึ้นมาครั้งหนึ่ง เธอทั้งหลายเข้าใจความข้อนั้นว่าอย่างไร คือ เต่าตาบอดนั้นพึงสอดคอเข้าไปในแอกที่มีรูเดียวโน้นได้บ้างไหม” “ไม่ได้พระพุทธเจ้าข้า” แต่ถ้าเวลาล่วงเลยไปนาน ๆ บางครั้งบาง คราวมันก็จะสอดเข้าไปในแอกนั้นได้บ้าง พระพุทธเจ้าข้า” พระผู้มีพระภาคตรัสว่า “ภิกษุทั้งหลาย เต่าตาบอดนั้นพึงสอดคอ เข้าไปใน แอกที่มีรูเดียวโน้นยังเร็วกว่า เรากล่าวว่าการที่คนพาลผู้ไปสู่วินิบาต คราวเดียวจะพึงได้เป็นมนุษย์อีกยากกว่านั้น” สรุปว่าการได้เกิดเป็นมนุษย์นั้นยากกว่าเต่าตาบอดที่อยู่ในทะเลร้อย ปีถึงจะโผล่หัวขึ้นตรงพอดีกับห่วงนั้นพอดีและมีพุทธพจน์กล่าวไว้ว่า “กิจฺโฉ มนุสฺสปฏิลาโภ การเกิดเป็นมนุษย์นั้นยากเป็นอย่างยิ่ง กิจฺฉํมจฺจาน ชีวิตํ การที่จะรักษาชีวิตให้อยู่รอดมาได้ก็แสนยาก กิจฺฉํสทฺธมฺมสฺสวนํ การที่จะได้ฟังธรรมของพระพุทธเจ้าก็แสนยาก กิจฺโฉ พุทฺธานมุปฺปาโท


45 การเกิดของพระพุทธเจ้านั้นยากที่สุด” กรรมที่ทำให้ได้มาเกิดเป็นมนุษย์ต้องมีคุณสมบัติได้ปฏิบัติในกุศล กรรมบท 10 ถึงแม้ว่าจะเกิดอยู่ในภพของมนุษย์นี้แล้ว แต ่อาจจะจิตใจที่ เหมือนกับภพอื่น ๆ ย่อมได้ท่านจึงได้แบ่งแยกมนุษย์ออกไปอีกได้3 ลักษณะ ได้แก่ 1). มนุษย์นรกเป็นพวกที่ต้องโดนคุมขังอยู่ร่ำไปเนื่องจากมีจิตใจที่ ชั่วร้าย ชอบประกอบมิจฉาชีพ ทำผิดกฎหมายบ้านเมืองตลอดเวลา เข้าออก คุกเสมือนเป็นที่อยู่อาศัยของตน 2). มนุษย์เปรต เป็นมนุษย์ที่มีชีวิตอยู่ด้วยความลำบาก กว่าจะได้ ปัจจัย 4 มาได้ต้องหามาด้วยความลำบากยากเย็นแสนเข็ญ ทำมาหากินไม่ขึ้น ประสบกับการขาดทุนอยู่ร่ำไป 3). มนุษย์เดียรัจฉาน เป็นมนุษย์ที่มีความเป็นอยู่เหมือนสัตว์หมู หมา แมว ที่ต้องพึ่งพาอาศัยจากผู้อื่น เป็นมนุษย์ที่มีจิตใจเป็นโมหะ มีชีวิตอยู่ ไปวัน ๆ 4). มนุษย์ภูติเป็นมนุษย์ที่มีศีลมีธรรมสามารถแยกแยะดีชั ่วได้ อย่างน้อยมีศีล 5 เป็นที่ยึดเหนี่ยวในการดำเนินชีวิต และพยายามที่จะพัฒนา ตนเองให้มีคุณ- ธรรมสูง ๆ ขึ้นไป 2). สวรรค์ ภพภูมินี้เป็นภพภูมิที่อยู่ในมิติแห่งความสุข สำเร็จได้ด้วยใจตนปรุง แต่งขึ้นมา พึ่งพาตนเองได้ไม่ต้องรอให้ใครมาให้ความสุข เหมือนกับภพอื่น ๆ 1. จาตุมหาราชิกาภูมิเป็นที่อยู่ของเทวดาเป็นสวรรค์ชั้นต่ำสุดคือ ชั้นที่1 มีท้าวมหาราช4 พระองค์ปกครองเทวดาในแต่ละกลุ่ม อันมีท้าวธตรฐ


46 มหาราช ปกครองทิศตะวันออก ซึ่งมีคนธรรพ์ซึ่งเป็นเทวดาที่ร้องขับกล่อม เพลง, ท้าววิรุฬหกมหาราชปกครองทิศใต้ปกครองพวกกุมภัณฑ์ยักษ์ที่รูปร่าง ประหลาด ๆ, ท้าววิรูปักษ์มหาราช ปกครองในทิศตะวันตก นอกจากนั้นยัง ปกครองพวกนาคที่มีฤทธิ์, ท้าวเวสสุวัณมหาราช ปกครองในทิศเหนือเป็น อธิบดียักษ์ทั้งหมดส ่วนเทวดาในชั้นนี้มีความใกล้ชิดกับโลกมนุษย์มากได้แก่ รุกขเทวดา เป็นเทวดาที่สิงสถิตอยู่ตามต้นไม้ใหญ่ เทวดาในชั้นมีอายุ9 ล้านปี มนุษย์ เหตุที่ทำให้บนสวรรค์ชั้นนี้เมื่อครั้งเป็นมนุษย์ชอบทำความดีสันโดษ ยินดีแต่ของ ๆ ตน ชักชวนให้ผู้อื่นประกอบการกุศล เป็นผู้มีความหวังให้ทาน 2. ตาวติงสาภูมิ(ดาวดึงส์) มีชื่อเรียกได้หลายชื่อ ไตรตรึงษ์หรือ ดาวดึงส์เป็นสวรรค์ชั้นที่ 2 เป็นที่ประดิษฐานพระเกศจุฬามณีเจดีย์เทวดาใน ชั้นนี้มีอายุ36 ล้านปีมนุษย์กรรมเก่า เมื่อเป็นมนุษย์มีจิตบริสุทธิ์ยินดีในการ บริจาคทาน แต่เป็นผู้ไม่มีความหวังในทานที่ให้เทพในชั้นนี้มีความหลากหลาย ลักษณะ มีภพอสูรเป็นภพคู่ขนาน สวรรค์ฝนชั้นนี้ในสมัยก ่อนการสร้างเมือง หลวงมักจะจำลองโครงสร้างของสวรรค์ชั้นนี้มาสร้าง มีลักษณะคล้ายกับมนุษย์ มีการฟังธรรมที่ศาลาสุธรรมาเทวสภา ทุกวันพระจะมีพระพรหมกุมารมาเทศน์ แจกแจงธรรม พระพรหมถึงแม้จะอยู่แสนไกลจากภพนี้แต่จะมาได้เพียงชั่วลัด นิ้วมือเดียว 3. ยามาภูมิสวรรค์ชั้นที่ 3 สวรรค์ชั้นนี้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นไตรตรึงษ์ ไกลมาก เป็นที่อยู่ของเทพที่มีแต่ความสุขอันเป็นทิพย์ที่สามารถสร้างนิมิต ขึ้นมาเองได้มีอายุ144 ล้านปีมนุษย์บุพกรรม เมื่อเป็นมนุษย์มีจิตบริสุทธิ์ไม่ หวั่นไหวในการบำเพ็ญบุญกุศลเป็นผู้ไม่มีความหวังให้ทาน ไม่มีจิตผูกพันใน ผลแห่งทาน รักษาศีล มีจิตขวนขวายในพระธรรม ทำความดีด้วยใจจริง 4. ตุสิตาภูมิเป็นสวรรค์ชั้นที่4 สวรรค์ชั้นนี้เป็นภพของเทวดาที่มี ความยินดีแช่มชื่นอยู่ตลอด อายุ576 ล้านปีมนุษย์บุพกรรม เมื่อเป็นมนุษย์มี


47 จิตบริสุทธิ์ในการบริจาคทาน เป็นผู้ไม่มีความหวังให้ทาน ชอบฟังพระธรรม เทศนา ได้อัญเชิญพระโพธิสัตว์มาแสดงธรรมทุกวันพระ สวรรค์ชั้นนี้เป็นที่อยู่ ของพระมารดาเทพบุตรของ พระสิริมหามายาเทพเจ้าซึ่งอดีตชาติเป็นพุทธ มารดา และเป็นที่อยู่ของพระศรีอาริยเมตไตรย ที่เป็นพระโพธิสัตว์รอโอกาส มาอุบัติเป็นพระพุทธเจ้าองค์ต่อไป กรรมที่ทำให้มาเกิดในสวรรค์ชั้นนี้เป็นผู้ที่ ไม่มีจิตผูกพันในผลแห่งทาน ให้ทานให้ทานแก่สมณะ ทรงศีล โดยเชื่อการทำ ทานให้ท่านเหล่านั้น เพื่อท่านจะไม่ต้องมาหุงหาอาหารเอง เพื่อให้ท่านได้มี โอกาสเจริญปฏิบัติธรรมมากขึ้น 5. นิมมานรตีภูมิเป็นสวรรค์ชั้นที่ 5 เป็นภพของผู้มีความยินดีใน กามคุณอารมณ์มากสามารถเนรมิตกามคุณได้เอง อายุ2,304 ล้านปีมนุษย์ บุพกรรม เมื่อเป็นมนุษย์มีจิตใจบริสุทธิ์ยินดียิ่งในการบริจาคทาน ไม่มีจิตใจ ผูกพันในผลแห่งทาน ประพฤติธรรมสม่ำเสมอในการรักษาศีลและมีวิริยะใน การบริจาคทานเป็นอันมาก 6. ปรนิมมิตวสวัตตีภูมิเป็นสวรรค์ชั้นที่6 ภพที่เสวยกามคุณอารมณ์ซึ่งเสวยกามคุณอารมณ์ที่เทวดาเหล่าอื่น เนรมิตให้มีองฝ่ายทั้งฝ่ายเทวดาและฝ่ายมาร เทวดาชั้นนี้มีอายุ9,216 ล้านปี มนุษย์บุพกรรม เมื่อเป็นมนุษย์มีจิตบริสุทธิ์ในทาน และศีลที่สูงขึ้น


48 รูปภาพที่ 16 เวลาแตกต่างระหว่างในสวรรค์กับโลก 2.4. รูปภูมิ พรหม เป็นที่อยู่ของพรหมที่สำเร็จจากการเจริญสมาธิในเวลาตาย เจริญในสมาธิระหว่างตาย ได้ไปเกิดเป็นพรหม ซึ ่งออกมาฌานที่ได้เข้าถึง ได้แก่ ปฐมฌานภูมิชั้นที่ 1-3 : พรหมปาริสัชชาภูมิ, พรหมปุโรหิตาภูมิ, มหาพรหมาภูมิ ทุติยฌานภูมิมีชั้นที่ 4-6 : ปริตรตาภาภูมิ, อัปปมาณาภาภูมิ, อาภัส ราภูมิ ตติยฌานภูมิมีชั้น 7 – 9 : ปริตตสุภาภูมิ, อัปปมาณสุภาภูมิ, สุภกิณ หาภูมิ จตุถฌานมีชั้นที่10 – 11 : เวหัปผลาภูมิ, อสัญญีสัตตาภูมิ พรหมชั้นที่ 12 – 16: เป็นที่อยู่ของพรหมที่มีบุพกรรมสำเร็จเป็น อนาคา


49 2.5 อรูปภูมิพรหม พรหมในชั้นนี้จะเป็นพรหมไร้รูป เป็นภพภูมิของผู้ที่มีแต่นามอย่าง เดียว ไม่รูปกายใดเลย ได้แก่ อรูปพรหมชั้นที่ 17 อากาสานัญจายตนภูมิ: กล่าวว่าพรหมชั้นนี้มา จากนักพรตที่เจริญถึงฌานที่4 แล้วไม่พอใจในฌานนั้นเจริญอากาศธาตุอันหา ที่สุดไม่ได้มาเป็นอารมณ์ อรูปพรหมชั้นที่ 18 วิญญาณัญจายตนภูมิ: เป็นพวกที่นักพรตเจริญ เอาวิญญาณแผ่ไปไม่มีที่สิ้นสุด อรูปพรหมชั้นที่19 อากิญจัญญายตนภูมิ: เป็นนักพรตที่เจริญเอา ความว่างเปล่าเป็นอารมณ์ อรูปพรหมชั้นที่20 เนวสัญญานาสัญญายตน:เป็นนักพรตที่เจริญ สัญญาเป็นอารมณ์ซึ่งเมื่อตายไป จะเป็นพรหมที่จะมีสัญญาก็ไม่ใช่ ไม่มีสัญญา ก็ไม่ใช่สภาพของจิตเหลือน้อยเต็มที พรหมในแต่ละชั้นห ่างกันประมาณ 5,508,000 โยชน์อสงไขยปี เท่ากับ เลข 1 ตามด้วยเลขศูนย์อีก 140 ตัว 1 รอบอสงไขยปีเท่ากับ 1 อันตร กัป ตามที่ได้กล ่าวมาแล้วทั้งหมดนี้เป็นการเวียนว่าตายเกิดของสัตว์ เรียกว่า “วัฏสงสาร” ไม่อาจจะหนีพ้นได้ซึ่งยังเป็นพวกที่ยังข้องอยู่ในกิเลส 3 อยู่ นอกจากนี้ยังมีภูมิที ่เรียกว่าภูมิพ้นโลกหรือ “โลกุตรภูมิ” ที ่แยกเป็น ประเด็นเพราะจัดภูมิตามจิตซึ่งบางภูมิถ้ายังไม่หมดกิเลสก็จะไปอาศัยอยู่ใน ภพที่เป็นสุขเวทนาขึ้นไป ตั้งแต่มนุษย์ถึงพรหมโลกตามที่ได้กล่าวไว้ใน “พระไตรปิฎก เล่มที่31 พระสุตตันตปิฎก เล่มที่23 ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทา


50 มรรค [171] ปัญญาในการกำหนดธรรม 4 เป็นภูมินานัตตญาณอย่างไร ภูมิ4 คือ กามาวจรภูมิรูปาวจรภูมิอรูปาวจรภูมิโลกุตรภูมิฯ” กามาวจรภูมิเป็นไฉน ขันธ์ธาตุอายตนะ รูป เวทนาสัญญา สังขาร วิญญาณ อันท่องเที่ยว คือ นับเนื่องในโอกาสนี้ข้างล ่างตลอดไปจนถึงอเวจี นรกเป็นที่สุด ข้างบนขึ้นไปจนถึงเทวดาชาวปรนิมมิตวสวดีเป็นที่สุดนี้เป็น กามาวจรภูมิฯ รูปภาพที่ 17 เจดีย์เป็นสัญลักษณ์ของ 31 ภพภูมิ รูปาวจรภูมิเป็นไฉนธรรม คือจิตและเจตสิกของบุคคลผู้เข้าสมาบัติ ของบุคคลผู้เกิดในพรหมโลก หรือของท่านผู้มีธรรมเป็นเครื่องอยู่เป็นสุขใน ปัจจุบัน อันท่องเที่ยวคือนับเนื่องโอกาสนี้ข้างล่างตั้งแต่พรหมโลกขึ้นไปจนถึง เทวดาชั้นอกนิฏฐ์ข้างบนเป็นที่สุด นี้ชื่อว่ารูปาวจรภูมิฯ


51 อรูปาวจรภูมิเป็นไฉน ธรรม คือ จิตและเจตสิกของบุคคลผู้เข้า สมาบัติของบุคคลผู้เกิดในพรหมโลก หรือของท่านผู้มีธรรมเป็นเครื่องอยู่เป็น สุขในปัจจุบัน อันนับเนื ่องในโอกาสนี้ข้างล ่างตั้งแต่เทวดาผู้เข้าถึงชั้นอา กาสานัญจายตนภพ ตลอดขึ้นไปจนถึงเทวดาผู้เข้าถึงชั้นเนวสัญญานาสัญญาย ตนภพข้างบนเป็นที่สุด นี้ชื่อว่าอรูปาวจรภูมิฯ โลกุตรภูมิเป็นไฉน มรรค ผล และนิพพานธาตุอันปัจจัย ไม่ปรุงแต่ง อันเป็นโลกุตระ นี้ชื่อว่าโลกุตรภูมิภูมิ4 เหล่านี้ฯ ได้แก่ โสตาปันนโลกุตรภูมิ คุณสมบัติของผู้ที่สำเร็จเป็นโสดาบัน, สกิทาคามีโลกุตรภูมิคุณสมบัติของผู้ที่ สำเร็จสกิทาคามีอยู่ตามชั้นของสวรรค์และมนุษย์, อนาคามีโลกุตรภูมิเป็นภูมิ ที่อยู่ของผู้ที่สำเร็จชั้นอนาคามีซึ่งจะแผงตามชั้นต่างๆ ของพรหม และอรหันตโลกกุตรภูมิเป็นภูมิที่ได้สำเร็จอรหันต์อยู่ในชั้นมนุษย์พรหมโลก จึงสามารถจัดเขียนเป็นผังเขตแดนของสัตว์โดยยึดตามคัมภีร์มีทั้ง ลำดับชั้น อายุของสัตว์ในภพภูมินั้น ๆ ระยะห ่างของแต่ละเขตแดนในแต่ละ ภพภูมิคนโบราณมักจะทำอะไรก็แล้วในวัดเช่นเจดีย์จะเป็นหลักคิดข้อธรรมที่ อ้างอิงกับจักรวาลแบบพุทธ


52 บทที่ 3 พุทธจักรวาลกับจักรวาลสมัยใหม่ 3.1 บทนำ ในพุทธจักรวาลนอกจากจะกล่าวถึงเรื่องของจิต ที่เกี่ยวพันกับการ เกิดในแต่ละภพแล้ว ในคัมภีร์ยังได้กล่าวถึงลักษณะสัณฐานของจักรวาลแบบที่ เป็นรูปธรรมจับต้องได้รวมถึงยังได้กล่าวถึงปรากฏการณ์บางอย่างที่มีนัยยะ สำคัญต่อแนวคิดที่สอดรับกับศาสตร์สมัยใหม่และชี้นำทฤษฎีบางอย่างได้อีก ด้วย ผู้เขียนมีมุมมองเรื่องของพุทธจักรวาลกับจักรวาลสมัยใหม่ดังนี้ 1) สัณฐานของจักรวาล 2) มหาสมุทรในจักรวาล 3) เขาสิเนรุชนกัน 4) โลก 5) วัฏจักรของจักรวาล คัมภีร์ทางพระพุทธศาสนาที่รวบรวมเกี่ยวกับเรื่องราวของจักรวาล ได้แก่ คัมภีร์จักรวาลทีปนีพระสิริมังคลาจารย์นั้น ก็เพื่อที่จะอธิบายเรื่องราว ทั้งหมดที่เกี่ยวกับจักรวาล ตามที่มีปรากฏอยู่ในคัมภีร์เรื่องต่าง ๆ เช่น ใน พระไตรปิฎกและอรรถกถา จึงนำมารวบรวมเข้าไว้ด้วยกันเพื่อความสะดวก ในการค้นคว้าหลักฐาน เนื่องเพราะคัมภีร์ต่าง ๆ ที่อธิบายเรื่องของจักรวาล นั้นไม่ตรงกัน ดังนั้นพระสิริมังคลาจารย์จึงได้แต่งเรื่องจักกวาฬทีปนีเพื่อเป็น การชำระเรื่องราวต่าง ๆ ทีเกี ่ยวกับจักรวาลให้ถูกต้องและตรงกับ


53 พระไตรปิฎก รูปแบบการแต่งจักกวาฬทีปนีแต่งเป็นร้อยแก้วภาษาบาลีมีคาถา บาลีแทรกโดยรวบรวมคำอธิบายเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับจักรวาลใน คัมภีร์ต่าง ๆ เช่นพระไตรปิฎก อรรถกถา ฎีกา และปกรณ์ต่าง ๆ มารวบรวม ไว้ด้วยกัน พร้อมทั้งแสดงข้อ ๆ แลมีเนื้อหากล่าวโดยสรุป มีทั้งหมด 6 กัณฑ์ กัณฑ์ที่1. ว่าด้วยเรื่องสัณฐานของจักรวาลว่ามีลักษณะเช่นใด มี ขนาดเป็นปริมณฑลตามข้อสรุปมี“จักรวาลโค้งกลมดุจล้อรถและมีอาการโค้ง ดุจหม้อ” มีสัณฐานกว้างและยาวด้านละ1,203,450 โยชน์เส้นรอบวงมีเป็น 3 เท่าของส่วนกว้าง กัณฑ์ที่2. ว่าด้วยเรื่องภูเขาสิเนรุที่สูงที่สุดกว้างยาวเท่ากัน คือ 84,000 โยชน์สูง 84,000 โยชน์และหยั่งลงมหาสมุทรอีก 84,000 โยชน์ มี สัณฐานกลมแหมือนตะโพน และมีภูเขาอื่น ๆอีกเช่น ภูเขายุคนธร, ภูเขาอิสิน ธร, ภูเขากรวิก, ภูเขาสุทัศนะ ภูเขาเนมินธร ภูเขาวินตกะ ภูเขาอัสกัณและภูเขา หิมพานต์ กัณฑ์ที่ 3. ว่าด้วยเรื่องแหล่งน้ำ มี2 มหาสมุทร คือ สีทสมุทร และ อสีทสมุทร ก. สีทสมุทร มีลักษณะ ที่ของตกลงไปแม้ขนปีกนกยูงก็ไม่อาจลอย ขึ้นมาได้แสดงว่าเป็นมหาสมุทรที่ดูดกลืนเอาทุกสิ่งทุกอย่างไป ข. อสีทสมุทร มีอยู่สองลักษณะ คือมหาสมุทรภายใน และ มหาสมุทรภายนอก มหาสมุทรภายในคือ มหาสมุทรแห่งการเวียนว่ายตายเกิด ไม ่จบสิ้นหาที ่สุดมิได้ส ่วนมหาสมุทรภายนอกเป็นมหาสมุทรจริงที่เป็นทั้ง น้ำเค็มและแม่น้ำเป็นสัณฐานที่จับต้องได้ กัณฑ์ที่4. ว่าด้วยเรื่องทวีปใหญ่ในปาตาลวรรคได้นิยามทวีปคือ ที่ บกซึ่งอยู่ท่ามกลางน้ำ ชื่อว่า อันตรีปะ โดยทวีปแบ่งเป็น 2 อย่างคือ ทวีปใหญ่


54 และ ทวีปเล็กในทวีปใหญ่มีทวีปย่อย ๆ อีก 4 ทวีป คือ บุพวิเทหทวีป อปรโค ยานทวีป ชมพูทวีป และอุตรกุรุทวีป กัณฑ์ที่5. ว่าด้วยเรื่องแสดงภูมิ ในหนังสือเล่มนี้ได้แบ่งภูมิออกเป็น 2 ภูมิคือ อบายภูมิและเทวภูมิ ชื่อว่าภูมิคือ ที่เกิดแห่งสัตว์ทั้งหลาย 5.1. อบายภูมิอ้างในฎีกาอภิธัมมัตถสังคหะได้แสดงว่า อบายคือ ภาวะที่ปราศจากความเจริญที่รู้กันว่าบุญ ภูมิที่จัดได้ว่าเป็นอบายภูมิคือ ก. ภูมินรก แบ ่งได้เป็น 3 กลุ่มนรก คือ มหานรก 8 อุสทนรก และโลกันตรกนรก ข. ภูมิดิรัจฉาน หนังสือเล่มนี้จะเน้นอธิบายสัตว์4 พวก คือ นาค สุบรรณ สีหะ และช้าง ค. ภูมิเปตวิสัย โดยสรุป ภูมินี้คือที่อยู่ของพวกเปรต เป็นที่เกิด ของผู้ที่มีจิตตระหนี่กลุ้มรุม ไม่ทำบุญกิริยาวัตถุมีทานเป็นต้น 5.2. เทวภูมิโดยสรุป ผู้ที่เกิดในเทวภูมิ จะเป็นผู้ที่เกลือกกลั้วไป ด้วยเบญจกามคุณ และมีอิทธิวิเศษต่าง ๆ นานา แบ่งได้เป็น กามาวจรเทพ 6 ชั้น รูปาวจรเทพ อรูปาวจรเทพ กัณฑ์ที่6. ว่าด้วยเรื่องวินิจฉัยเบ็ดเตล็ด 6.1. เรื่องอายุกล่าวถึงอายุของสัตว์ทั้งหลาย เช่น อายุมนุษย์เป็น ต้น ในหนังสือเล่มนี้จะกล่าวถึง อายุของมนุษย์อายุของเทพ อายุของสัตว์ นรก 6.2. เรื่องอาหารกล่าวถึง การกินอาหารของสัตว์ในภพภูมิต่าง ๆ กัน เช่น มนุษย์กินข้าวสุกและขนมสด สัตว์เดรัจฉานกินหญ้าและใบไม้อาหาร


55 ของพวกเทพคือ อาหารทิพย์มีสุธาโภชน์อาหารของเปรตเป็นของไม่สะอาดมี น้ำลายและน้ำมูกเป็นต้น 6.3. เรื่องการคำนวณภูมิ กล่าวถึง การคำนวณระยะห่างระหว่าง ภพภูมิต่าง ๆ และ เวลาที่แตกต่างกันของภพภูมิต่าง ๆ 6.4. เรื่องต้นไม้กล ่าวถึงต้นไม้7 ชนิด คือ ต้นจิตรปาฏลี, ต้นงิ้ว , ต้นหว้า , ต้นปาริฉัตรของพวกเทพ , ต้นกระทุ่ม , ต้นกัลปพฤกษ์ และต้นซึก โดย มีการบรรยายคุณลักษณะต่าง ๆ ของต้นไม้ในอินทริยสังยุต ว่า “ดูก ่อนภิกษุ ทั้งหลาย ต้นไม้บรรดามีในชมพูทวีปไม่ว่าอย่างใด, ต้นหว้าบัณฑิตกล่าวว่าเลิศกว่า ต้นไม้เหล่านั้น; ต้นไม้ของพวกอสูรไม่ว่าอย่างใด, ต้นจิตรปาฏลี บัณฑิตกล่าว ว่าเลิศกว่าต้นไม้เหล่านั้น; ต้นไม้ของพวกครุฑไม่ว่าอย่างใด, ต้นงิ้ว บัณฑิต กล่าว่าเลิศกว่าต้นไม้เหล่านั้น …” 6.5. เรื่องโลก กล ่าวถึง โลก 3 อย่าง คือ สังขารโลก สัตวโลก โอกาสโลก แยกย่อยสังขารโลก ได้แก่ ขันธโลก ธาตุโลก อายตนโลก วิปัตติภว โลก วัปัตติสัมภวโลกสัตวโลกส่วนใหญ่เห็นว่า โลกเที่ยง และบางพวกก็ไม่ เชื่อเรื่องโลกหน้า 6.6. เรื่องโลกธาตุในหนังสือเล่มนี้ได้สรุปว่า โลกธาตุก็คือ จักรวาล นั่นเอง โลกธาตุแบ่งออกเป็น 3 อย่างคือ จูฬนิกา มัชฌิมิกา ไตรสหัสสี 6.7. เรื่องความไม่มีที่สุด สิ่งที่ไม่มีที่สิ้นสุดมีอยู่4 อย่าง คือ อากาศ จักรวาล สัตวนิกาย พุทธญาณ โดยอากาศแบ่งเป็น 3 คือ อากาศโดยการ กำหนด โดยการเพิกกสิณ อากาศที่เหนือบรรยากาศขึ้นไป ส่วนจักรวาลนั้นก็ ไม่มีที่สิ้นสุดแม้จะเอาเมล็ดผักกาดเม็ดเล็ก ๆ เติมเต็มก็ไม่อาจจะบรรจุให้เต็ม ได้ส ่วนสัตวนิกายนั้นสัตว์ในน้ำจะมีมากกว่าสัตว์บนบกโดยเฉพาะอย่างยิ่ง สัตว์ในมหาสมุทร


56 ในสมัยนี้เรื่องจักรวาลไม่ไกลเกินเอื้อมของมนุษย์ที่พึงรู้ได้เพราะ เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ได้พัฒนาดีมาตามลำดับจนค้นพบสิ่งใหม่ ๆ ทาง วิทยาศาสตร์แต่ทุกครั้งที่ค้นพบเรื่องใหม่ๆ นั้นกลับมารับรองความจริงใน พระพุทธศาสนาที่ได้กล่าวมาแล้ว ผู้เขียนจึงได้นำหัวข้อหลัก ๆ ที่เกี่ยวกับ จักรวาลวิทยาแบบพุทธศาสนากับวิทยาศาสตร์มาเปรียบเทียบกัน เพื่อสร้าง อธิบายทฤษฎีบิ๊กแบง เพราะสิ ่งต่าง ๆ เหล ่านี้เป็นองค์ความรู้ที ่จะใช้เป็น แนวทางในการหาคำตอบของเรื่องบางอย่างที่นักวิทยาศาสตร์ยังหาไม่พบหรือ สงสัยอยู่ ในคัมภีร์จักรวาลทีปนีและสารรัตถทีปนีได้รวบรวมและอธิบาย พฤติกรรมจักรวาลจากพระไตรปิฎกเข้าด้วยกันไว้อย่างละเอียดในบางแง ่มุม ผู้เขียนเห็นว่ามีความสอดคล้องกับจักรวาลวิทยาสมัยใหม่ ผู้เขียนมีมุมมอง ดังต่อไปนี้ 3.2 สัณฐานของจักรวาลแบบพุทธ มีแนวความคิดบางส ่วนได้มารับมาจากอินเดียโบราณ และมี บางส่วนที่เกิดมาครั้งหลัง คัมภีร์จักรวาลทีปนีกล่าวว่า “กล่าวว่า ชื ่อว่า จักรวาล โดยอรรถวิเคราะห์ว่า ไป คือ เป็นไปดุจล้อ อธิบายว่ากลมเช่นกับ ล้อรถ วา ธาตุในอรรถกถาว่า ไป อล ปัจจัยอาเทศล เป็น ฬ อนึ่ง ในโลกที ปกสารปกรณ์ได้กล่าวความนี้ว่า ”เพราะจักรวาฬกลมเรียบดุจล้อรถและมี อาการโค้งดุจหม้อ” นอกจากนี้ยังกล่าวว่าจักรวาลเขาสิเนรุเป็นจุดศูนย์กลางของ จักรวาล มีภูเขาจักรวาลล้อมรอบตามรูปที่วาดตามจินตนาการจากคัมภีร์ใน สมัยโบราณ สัณฐานของเขาสิเนรุนั้นมีลักษณะเป็นทรงกลม กล่าวไว้ว่า “ภูเขา อันสูงเยี่ยมชื่อสิเนรุเป็นภูเขา มีสัณฐานเหมือนตะโพน เบื้องล่างเบื้องบนและ ส่วนกว้างประมาณหมื่นโยชน์ เส้นรอบวงกลมตรงกลางประมาณ 252,000 โยชน์” ส่วนลักษณะของตัวภูเขามีลักษณะที่สูงขึ้นเบื้องบนและดิ่งลงเบื้องล่าง


57 เท่ากัน 84,000โยชน์“ภูเขายอดสูงสุดชื ่อสิเนรุหยั่งลงในห้วงมหรรณพ 84,000 โยชน์ขึ้นไปจากห้วงมหรรณพเท่ากัน” ภูเขาที่ล้อมรอบเขาสิเนรุมี ด้วยกัน 7 ชั้นด้วยกัน วงที่ 1.เขา ยุคนธร วงที่ 2 เขา อีสินทร วงที่ 3 เขากรวิก วงที่ 4 เขาสุทัสนะ วงที่ 5 เขาเนมินทร วงที่6 เขาวินันตกะ วงที่ 7 เขาอัสสกรรณ ทั้งหมดนี้จะอยู่ ล้อมรอบเขาสิเนรุในระหว่างภูเขาทั้งหลายมีมหาสมุทร 3.3 เปรียบเทียบพุทธจักรวาลกับกาแลกซี่ เมื่อเปรียบเทียบกับจักรวาลสมัยใหม่พุทธจักรวาลเป็นจักรวาลที่มี ลักษณะเป็นวงกลม ๆ โดยมีแกนกลางเป็นเขาสิเนรุและมีดวงอาทิตย์หมุน โดยรอบ ส ่วนเขาสิเนรุนั้นมีสัณฐานเหมือนตะโพน มีทิศทางพุ่งขึ้นไปข้างบน และลงข้างล่างเท่า ๆ กัน ผู้เขียนมีความเห็นว่าลักษณะเช่นนี้ไม่ใช่ระบบสุริยะ จักรวาล เพราะแกนกลางที ่ดวงอาทิตย์หมุนรอบนั้นเป็นอีกสิ่งหนึ่ง ที่อยู่ ห่างไกลจากดวงอาทิตย์มาก เหมือนตามที่ ศ. ระวีภาวิไลได้กล ่าวไว้ว่า “จักรวาลนั้นไม่ใช่ระบบสุริยะแต่อาจจะเป็นกระจุกดวงดาวหรือหลุมขาวหลุม ดำใหญ่”10 ผู้เขียนมีความเห็นเสริมว่าจักรวาลตามที่กล่าวไว้ในคัมภีร์นั้นจะมี ความสมนัยกับระบบกาแลกซี่ทางช้างเผือกมากที่สุด ด้วยเหตุผลตามนี้ 10 ระวีภาวิไล, โลกทัศน์ชีวทัศน์เปรียบเทียบวิทยาศาสตร์กับพุทธศาสนา, (กรุงเทพฯ: สหธรรมิก, 2543), หน้า 38. รูปภาพที่ 18 โครงสัณฐานของจักรวาล


58 ที่ใจกลางของกาแลกซี่ทางช้างเผือกมีหลุมดำอยู่ที่ใจกลาง ถ้ามอง จากโลกเราจะเห็นว่าเปลวของรังสีที่เกิดจากหลุมดำและหลุมขาวนั้น มีทิศทาง ที่พุ่งขึ้นลงบนและล่างเท่ากัน ด้วยเหตุที่ดวงอาทิตย์อยู่ไกลจากเขาสิเนรุมาก ๆ จากการศึกษาของ วิทยาการสมัยใหม่พบว่ากาแลกซี่ทางช้างเผือกมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 แสนปีแสง หมายถึง ถ้าจะเดินทางให้ข้ามกาแลกซี่ทางช้างเผือกได้นั้น ต้องอยู่ ในยานอวกาศที่มีความเร็วเท่าแสงคือ 300,000 กิโลเมตรต่อวินาทีใช้เวลาถึง 1 แสนปีส ่วนระบบสุริยะของเราเป็นระบบที ่อยู ่ชายขอบกาแลกซี่ทาง ช้างเผือกตามรูปข้างล่าง รูปภาพที่ 19 กาแลกซี่ทางช้างเผือกมุมบนและด้านข้าง จากภาพจะเห็นได้ว่าระบบสุริยะอยู ่ห่างใจกลางกาแลกซี ่ทาง ช้างเผือกประมาณ 28,000 ปีแสงจัดว่าอยู่ชายขอบกาแลกซี่ 3. กาแลกซี่ทางช้างเผือกเป็นกาแลกซี่แบบก้นหอย(Spiral Galaxy) ที่มีดวงดาวหมุนวนโดยรอบแกนกลาง เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับพุทธจักรวาล ผู้เขียนมีความเห็นว่าสมนัยกันเพราะในคัมภีร์กล ่าวไว้ว่ามีภูเขาจักรวาลอยู่ โดยรอบเขาสิเนรุมีจำนวนทั้งหมด 7 ชั้น ส ่วนกาแลกซี ่ทางช้างเผือกก็ เช่นเดียวกันมีวงของดวงดาวหมุนรอบ แต่จำนวนวงนั้นอาจจะไม่เท่ากัน ซึ่ง ตามรูปนั้นนับได้ประมาณ. 6 วงโดยนับจากแถบขาวที่มีความเข้มมากที่สุดจาก ภาพขวามือ


59 4. ตามคัมภีร์กล ่าวไว้ว่าที่ในระหว่างเขาสิเนรุกับเขายุคนธรนั้นมี มหาสมุทรชื่อ สีทสมุทร มหาสมุทรนี้มีลักษณะพิเศษสามารถดูดกลืนสรรพสิ่ง ได้แม้แต่ขนนกในความหมายของมหาสมุทรนี้น่าจะสมนัยกับหลุมดำ ถ้าเขา สิเนรุคือหลุมดำและเขายุคนธรคือระบบดวงดาวที ่เป็นวงแหวนที ่ใกล้จุด ศูนย์กลางของกาแลกซี่ทางช้างเผือกมากที่สุด 3.4 มหาสมุทรในจักรวาล พุทธจักรวาลได้จัดมหาสมุทร ออกเป็น 2 ลักษณะ ได้แก่ อสีทสมุทร มีอยู่สองลักษณะ คือมหาสมุทรภายใน และมหาสมุทรภายนอก มหาสมุทรภายในคือ มหาสมุทรแห่งการเวียนว่ายตายเกิดไม่จบสิ้นหาที่สุดมิได้ ส ่วนมหาสมุทรภายนอกเป็นมหาสมุทรจริงที่เป็นทั้งน้ำเค็มและแม ่น้ำเป็น สัณฐานที่จับต้องได้ มหาสมุทรสีทสมุทรที่ลึกที่สุดจะอยู่ระหว่างสิเนรุกับเขายุคนธร ซึ่ง มีความลึกเทียบเท่ากับเขาสิเนรุที่เหลือก็จะลดหลั่นกันลงไป คุณสมบัติของ มหาสมุทรสีทสมุทรหรือสีทันดรสมุทรก็เรียกนั้นมีลักษณะเป็นมหาสมุทรแห่ง การดูดกลืนสรรพสิ่ง แม้ขนนกยังถูกทำให้จมลงไปในมหาสมุทรนั้น นอกจากอสีทสมุทรเป็นมหาสมุทรน้ำเค็มที่ต้องอยูบริเวณด้านนอก ของภูเขาอัสกัณ มหาสมุทรมีทั้ง7 มีชื่อว่า อัณณวะ สาคร สินธุสมุททะ ระตะ นากะรัง ชลนิธิอุทธิอันนี้เป็นมาสมุทรน้ำทั่วไป ซึ่งมีชื่อเราอาจจะไม่คุ้นชิน มี สินธุที่พอเข้าใจได้มหาสมุทร “อสีทสมุทร” เป็นอีกมหาสมุทรหนึ่งที่กล่าวไว้ ในคัมภีร์มีความหมายว่าเป็นมหาสมุทรทางด้านจิต เป็นมหาสมุทรแห่ง วัฏสงสารซึ่งสัตว์ทั้งหลายต้องแหวกว่ายไปมาในมหาสมุทรอย่างนี้จนกว่าจะ ขึ้นฝั่งของการบรรลุธรรม


60 สีทสมุทรแบบแรกที่มีความ ลึกเท่ากับเขาสิเนรุผู้เขียนมีความเห็นว่า ถ้าหากเราบอกกาแลกซี ่เป็นจักรวาล แบบพุทธ เพราะมีลักษณะเหมือนจักรมี ภูเขาจักรวาลรายล้อมนั่นเขาสิเนรุที่อยู่ ตรงกลางคือลักษณะของหลุมดำที่คาย รังสีออกมาและมีส่วนหนึ่งที่พุ่งลงตรงกันข้ามกัน และคัมภีร์ยังกล่าวมหาสมุทร นี้มีคุณสมบัติดูดกลืนทุกอย่าง นั่นคือคุณสมบัติของหลุมดำ ที่ใจกลางกาแลกซี่ ทางช้างเผือกตรงใจกลางมีหลุมดำขนาดใหญ่ประมาณ 80 ล้านเท่าของดวง อาทิตย์กำลัง ดึงดูดดวงดาวเข้าไปอยู่ข้างใน 3.5 คลื่นในจักรวาล ในจักรวาลมีมหาสมุทรอยู่2 ประเภทตามที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น ที่ใดมีมหาสมุทรที่นั่นก็ย่อมมีคลื่นเกิดขึ้นพร้อมกัน เป็นการถูกกระตุ้นจากสิ่ง ภายนอกมหาสมุทร มหาสมุทรในจักรวาลมี2 ลักษณะ คือ แบบที่เป็นน้ำเช่น ในมหาสมุทรและแหล่งน้ำบนโลก และแบบที่เป็นห้วงอวกาศ 3.5.1 คลื่นที่เกิดในอสีทสมุทรที่เป็นมหาสมุทรน้ำทะเล คัมภีร์อรรกถาสารัตถทีปนีกล ่าวถึงปรากฏการณ์ของคลื ่นยักษ์ที่ เกิดขึ้นในโลกและจักรวาล มีขนาดใหญ่อยู่3 คลื่น ได้แก่ คลื่นมหินทะ ชัดน้ำทะเลเข้าฝั่งได้ไกลถึง 60 โยชน์, คลื่นกังคุซัดน้ำทะเละเข้าฝั่งไกลประมาณ 50 โยชน์ รูปภาพที่ 20 หลุมดำใจกลางกาแลกซี่


61 คลื่นโรหนุซัดน้ำทะเลเข้าหาฝั่งได้ไกล 40 โยชน์11 ตามคัมภีร์กล่าวว่า “. . . ในกาลใดคลื่นเหล่านั้นซัดเข้าหาจักรวาล ในกาลนั้นน้ำก็จะลดระดับลงแต่คลื่นที่กลับจากจักรวาลก็ทำระดับน้ำให้สูงขึ้น น้ำขึ้นน้ำลงในโลก . . .”12 จากความข้อ ... คลื่นซัดเข้าหาจักรวาลในกาลนั้นน้ำจะลดระดับ... ผู้เขียนมองเหตุการณ์นี้ว่าเป็นปรากฏการณ์ของคลื่น“ซึนามิ” ที่รุนแรงมากคือ พัดเข้าหาฝั่งถึง 40-60 โยชน์พฤติกรรมของการเกิดคลื่นซึนามิเป็นตามคัมภีร์ ตอนแรกน้ำในมหาสมุทรจะลดลงไปก่อน เป็นลักษณะของน้ำลดเพราะกำลัง จะไปสร้างยอดคลื่นแล้วดันออกมา ตีกลับไหลบ่ามาท่วมอีกครั้ง “คลื่น จักรวาล”คลื่นนี้ได้ถูกกล่าวมานานเป็นสองพันกว่าปีเป็นที่สงสัยกันมานาน ว่ามันคือคลื่นประเภทไหน เมื่อเร็ว ๆ นี้นักวิทยาศาสตร์มีการค้นพบคลื่นชนิด หนึ่งที่ส่งผลกระทบกับโลก เรียกว่าคลื่นโน้มถ่วง (Gravitational Wave) มี ผลต่อการขยับตัวของเปลือกโลกใต้มหาสมุทรได้เมื่อเปลือกโลกขยับตัวนั่นคือ การเกิดแผ ่นดินไหว ปัจจุบันทราบว่าคลื่นที่มาจากอวกาศมีหลายสาเหตุ มา จากดาวเรียงตัว มาจากการหมุนวนของหลุมดำทำให้เกิดการกวนอวกาศ การ เกิดปะทุของพายะสุริยะที่มาจากดวงอาทิตย์จึงก่อให้เกิดผลต่อโลกแล้วทำให้ เกิดคลื่นในมหาสมุทรโดยมีลักษณะดังนี้ คลื่นสึนามิที่เกิดจากแผ่นดินไหวบนโลก เป็นผลมาจากการเกิดแผ่นดินไหวในระดับที่รุนแรง คือ ตั้งแต่8.0 ขึ้นไปตามมาตราริกเตอร์ โดยมีจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ใต้พื้นท้อง 11 พระคัมภีร์สารัตถทีปนีภาค1 , หน้า 274. 12 พระคัมภีร์สารัตถทีปนีภาค1 , หน้า 286.


62 มหาสมุทร หรือที่บริเวณใกล้ชายฝั่งทะเล ในทางธรณีวิทยาเราทราบแล้วว่า เปลือกโลกประกอบขึ้นด้วยแผ่นเปลือกโลก(tectonic plates) หลายๆ แผ่น เชื่อมต่อกัน เมื่อใดที่แผ่นเปลือกโลกเคลื่อนที่เข้าหากัน หรือแยกออกจากกัน จะก ่อให้เกิดแผ่นดินไหวขึ้น โดยความรุนแรงจากการสั่นสะเทือนของเปลือก โลกจะมีมากน้อยแตกต่างกันไปแต่ละคราว13 คลื่นซึนามิไร้แผ่นดินไหว ก.ชนิดที ่เกิดจากปรากฏการณ์ตามธรรมชาติปรากฏการณ์ตาม ธรรมชาติที่อาจก่อให้เกิดคลื่นสึนามิได้ มีดังนี้ การเกิดแผ่นดินถล่ม (landslides) ขนาดใหญ่ใกล้ชายฝั่งทะเล การปะทุอย่างรุนแรงของภูเขาไฟใต้ทะเลหรือบนเกาะในทะเล การพุ่งชนของอุกกาบาตลงบนพื้นน้ำในมหาสมุทร ข. ชนิดที่เกิดจากการกระทำของมนุษย์ตัวอย่างการเกิดของคลื่นสึ นามิที่ถือได้ว่ามีสาเหตุมาจากการกระทำของมนุษย์คือ ปรากฏการณ์คลื่น ขนาดใหญ่ ที่เคลื่อนตัวมาถึงชายฝั่งของประเทศฟิลิปปินส์ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2489 ทั้ง ๆ ที่มิได้เกิดแผ่นดินไหวมาก่อน แต่เป็นเพราะมีการทดลอง ระเบิดปรมาณูของสหรัฐอเมริกาที่เกาะบิกินีในหมู่เกาะมาร์แชลล์กลาง มหาสมุทรแปซิฟิก เมื่อวันที่ 1 และวันที่ 29 ของเดือนนั้น ดังนั้นจึงเชื่อว่า ความสั ่นสะเทือนของพื้นน้ำ ที่เกิดจากการทดลองระเบิดปรมาณูก็อาจ ก่อให้เกิดคลื่น 13สาราณุกรมไทยสำหรับเยาวชน ที่มา: http://kanchanapisek.or.th/kp6/sub/ book/book.php?book=30&chap=8&page=t30-8-infodetail02.html, 10 ม.ค. 2561.


63 ประวัติการเกิดคลื่นสึนามิในอดีตที่ผ่านถูกบันทึกได้ก่อให้เกิดความ เสียหายเป็นจำนวนมากมีดังนี้ ใน พ.ศ. 2398 ได้เกิดแผ่นดินไหว บริเวณชายฝั่งตะวันตกของ คาบสมุทรไอบีเรียในยุโรปตอนใต้ส ่งผลให้เกิดคลื่นขนาดใหญ่เคลื่อนที่เข้าสู่ ชายฝั่งของประเทศโปรตุเกส สเปน และโมร็อกโก มีผู้เสียชีวิตจากแผ่นดินไหว และคลื่นใหญ่ ประมาณ 60,000 คน วันที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2426 ภูเขาไฟบนเกาะกร าก ะตั ว (Krakatoa) ซึ่งอยู่ระหว่างเกาะสุมาตรากับเกาะชวา ในช่องแคบซุนดาของ ประเทศอินโดนีเซียได้เกิดการปะทุอย่างรุนแรง และเกิดคลื่นยักษ์สูงมากกว่า 30 เมตร ซัดเข้าหาฝั่งเกาะสุมาตราและเกาะชวา มีผู้เสียชีวิตประมาณ 36,000 คน ซากปะการัง เศษหิน และวัสดุต่างๆ ถูกคลื่นหอบขึ้นบนฝั่ง หนักประมาณ 600 ตัน และหมู่บ้านตามชายฝั ่งถูกทำลายเสียหายประมาณ 165 แห่ง นับเป็นพิบัติภัยครั้งใหญ่ที่เกิดจากภูเขาไฟระเบิดและคลื่นสึนามิในภูมิภาค ตะวันออกเฉียงใต้ของทวีปเอเชีย เป็นครั้งแรก วันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2439 เกิดคลื่นสึนามิชื่อ เมจิซันริจุ (Meiji Sanriju) ที่ประเทศญี่ปุ่น เคลื่อนที่เข้าสู่ฝั่ง สูงประมาณ 30 เมตร มีผู้เสียชีวิต ประมาณ 37,000 คน และบ้านเรือนเสียหายประมาณ 10,000 หลัง วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2489 เกิดแผ่นดินไหวที่บริเวณชายฝั่งของ รัฐอะลาสกาสหรัฐอเมริกาต่อมาอีกประมาณ 5 ชั่วโมง คลื่นสึนามิได้เคลื่อนที่ ไปถึงเมืองฮีโล (Hilo) บนเกาะฮาวาย ของรัฐฮาวาย ในมหาสมุทรแปซิฟิก คลื่นสูงประมาณ6 เมตร ทำลายอาคารบ้านเรือน สะพานรถไฟ และถนนเลียบ ชายหาดเสียหายเป็นจำนวนมาก มีผู้เสียชีวิตประมาณ 160 คน


64 วันที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2503 เกิดแผ่นดินไหวที ่ชายฝั่งของ ประเทศชิลีในทวีปอเมริกาใต้และได้เกิดคลื่นสึนามิแผ่ขยายไปอย่าง กว้างขวางในมหาสมุทรแปซิฟิกปรากฏว่าที่รัฐฮาวายของสหรัฐอเมริกา ซึ่งอยู่ ห่างจากศูนย์กลางแผ่นดินไหวถึง 10,6 00 กิโลเมตร ได้รับภัยจากคลื่นสึนามิที่ เคลื่อนตัวด้วยความเร็วประมาณ7 00 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มีผู้เสียชีวิตที่เมือง ฮีโล 61 คน คลื ่นสึนามิยังเคลื ่อนตัวต ่อไปถึงประเทศญี ่ปุ่นมีผู้เสียชีวิต ประมาณ 140 คน วันที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2535 เกิดคลื่นสึนามิที่ชายฝั่งของประเทศ นิการากัวในอเมริกากลาง ยอดคลื ่นสูงประมาณ 10 เมตร มีผู้เสียชีวิต ประมาณ 170 คน และบ้านเรือนเสียหายประมาณ 13,000 หลัง วันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2535 เกิดคลื่นสึนามิที่เกาะฟลอเรส ทาง ตะวันออกของประเทศอินโดนีเซีย ยอดคลื่นสูงประมาณ 26 เมตร มีผู้เสียชีวิต ประมาณ 2,100 คน วันที่17 กรกฎาคม พ.ศ. 2541 เกิดแผ ่นดินไหวบริเวณใกล้ชายฝั่ง ตะวันออกของเกาะนิวกินีซึ่งอยู่ทางเหนือ ของทวีปออสเตรเลีย ทำให้เกิด คลื่นสึนามิที่บริเวณชายฝั่งของประเทศปาปัวนิวกินีทำลายป่าชายเลน และ อาคารบ้านเรือนเสียหายจำนวนมาก มีผู้เสียชีวิตที่เมืองไอตาเป (Aitape) ซึ่ง ตั้งอยู่ที่ชายฝั่งตอนเหนือของประเทศ ประมาณ 22,000 คน สึนามิขึ้นได้ จากข้อมูลนี้ทั้งหมดเป็นผลมาจากการขยับตัวของเปลือกโลกที่ เกี่ยวข้องกับแผ่นดินไหวแล้วคลื่นที่เกิดขึ้นในจักรวาลเกี่ยวข้องอะไรกับการ เกิดแผ่นดินไหวในโลกนี้ด้วย จากศึกษาของนักวิทยาศาสตร์ความรู้ใหม่ พบว่าอิทธิพลของการ เรียงตัวของดวงดาวที่เรียงตัวในแนวเดียวกัน ทำให้เกิดคลื่นและพลังงานใน


65 อวกาศแล้วมีผลต่อโลกได้จักรวาลเป็นผืนอวกาศขนาดใหญ่คลื่นเคลื่อนที่ผ่าน ไปมาทั่วทั้งจักรวาล ไม่ว่าจะเป็นแสง คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า คลื่นความร้อน คลื่น ที่เกิดจากการสั่นไหวของผืนอวกาศนี้เกิดจากการดวงดาวที่กวนผืนอวกาศทำ ให้มันสั่นไหวไปทั้งจักรวาลเรียกว่า “คลื่นโน้มถ่วง” (Gravitational Wave)14 การเคลื่อนตัวของดวงดาวด้วยเช่นกันทำให้เกิดการสั่นสะเทือน ดวงดาวทุก ดวงต่างมีความถี่ในการสั่นหรือหมุนเป็นของตนเอง นักวิทยาศาสตร์สามารถ วัดความถี่ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตน ผู้ที่ศึกษาเรื่องผลกระทบของดาวเรียงตัว ที่มีผลกระทบโลกนี้อย่างจริงจังคือดร.ก้องภพ อยู่เย็น เป็นวิศวกรทำงานที่ องค์การนาซ่ากล่าวอย่างเชื่อมั่นว่าอิทธิพลของการเรียงตัวของดวงดาวมีผล ต่อการขยับตัวของเปลือกโลกเพราะจะมีแรงโน้มถ่วงและคลื่นแม่เหล็กจาก การปะทุของแรงระเบิดนิวเคลียร์บนดวงอาทิตย์ส่งมายังโลก กล่าวโดยสรุปว่าปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นของดวงอาทิตย์และดวงดาว ทั้งการเรียงตัวและการระเบิดภายในดวงดาวต่างก็ก่อให้เกิดคลื่น ล้วนส่งผ่าน อวกาศมากระทำต่อเปลือกโลก ทำให้เกิดการเคลื่อนไหวของเปลือกโลก “หาก มีการกระเพื่อมสั่นไหวของอวกาศ โลกจะได้รับผลกระทบแบบใดแบบหนึ่ง ตามมา”15 ตามที่เราทราบกันเป็นอย่างดีในทฤษฎีกาล-อวกาศ (Time - Space) อวกาศนั้นมีตัวตนเปรียบเสมือนกับน้ำในมหาสมุทร มีเส้นใยเล็ก ๆ สั่นไหวอยู่ตลอดเวลา และแสงก็ได้ใช้ผืนอวกาศนี้ในการเดินทาง ถ้าหากว่า อวกาศโค้งบิดงอ แสงก็จะเดินทางอ้อมบิดงอตามอวกาศที่โค้งงอได้ด้วยเหตุนี้ 14 นักวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกัน 3 คน คือนายไรเนอร์ ไวส์แห่งสถาบันเทคโนโลยี แมสซาชูเสตต์(เอ็มไอที) นายคิพ ธอร์นและนายแบร์รีบาริช แห่งสถาบันเทคโนโลยีแคลิฟอร์เนีย ซึ่งร่วมกันค้นพบคลื่นแรงโน้มถ่วงเมื่อปี 2558 ได้รับรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ประจำปี 2560, ที่มา: https://www.thairath.co.th/content/1088929 15 ดร.ก้องภพ อยู่เย็น ที่มา: https://readthecloud.co/thoughts-11/


66 เราจึงเห็นแสงที่แลบออกมาจากการเกิดสุริยุปราคาเต็มดวงได้ซึ่งความจริงเรา จะต้องไม่สามารถเห็นได้เพราะโลกบังดวงอาทิตย์มิด การค้นพบคลื่นโน้มถ่วงของนักวิทยาศาสตร์ที่เกิดจากการหมุนวน ของหลุมดำ ที่ห ่างไกลจากโลกนี้มากได้ส่งผลกระทบที่โลกใบนี้ดังนั้นถ้าหาก เราจะเรียกว่าอวกาศเป็นพื้นน้ำของมหาสมุทรจักรวาลอันกว้างใหญ่ มีเกาะ แก่งต่าง ๆ ก็คือดาวเคราะห์และดาวฤกษ์ทั้งหลาย ทุกครั้งที่เกิดเมื่อมีการ กระทำให้เกิดการกระเพื่อมของอวกาศ เปรียบเสมือนกับการเพื่อมของ กระแสน้ำในมหาสมุทร ที่ซัดคลื่นมายังโลกมายังโลก ทำให้เปลือกของโลกเกิด การขยับตัว เมื่อเปลือกของโลกขยับตัวน้ำในมหาสมุทรก็ขยับตัวตามไปด้วย จึงเกิดคลื่นสึนามิตามมา นี่คือ การเกิดคลื่นยักษ์ซึ่งสอดคล้องกับ คัมภีร์ที่ว่าไว้ นานแล้ว รูปภาพที่ 21 คลื่นโน้มถ่วง 3.5.2 คลื่นอวกาศคลื่นโน้มถ่วง ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่าจักรวาลทั้งหลายอยู่ใน อวกาศ เปรียบเสมือนกับน้ำทะเลกว้างใหญ่ น้ำทะเลของอวกาศนี้ถูกทำให้ กระเพื่อม ถ้าหากดวงดาวดวงดาวหนึ่งมีการสั่นไหวแรงกระเพื่อมนี้เรียกว่า


67 คลื่นแรงโน้มถ่วง (Gravitational Wave) นั้นย่อมวิ่งในทุกทุกทางในมหาสมุทร ของผืนอวกาศนี้เป็นที่แน่นอนว่า ที่เกิดจากดวงดาวเรานั่น รูปภาพที่ 22 ปฏิทินดวงดาวมีอิทธิพลต่อโลก พร้อมส ่งผลกระทบต่อโลกใบนี้ด้วยดร. ก้องภพ อยู่เย็น กล ่าวว่า การเรียงตัวของดาวเคราะห์ในระบบสุริยะจักรวาล ทำให้เกิดการแปรปรวน ของคืนอวกาศ บีบให้โลกมีโอกาสเกิดแผ่นดินไหวมากขึ้น ศิลปะของผมจะทำ ปฏิทินดวงดาวเรียงตัวประจำปีในแต่ละปี ใช้เป็นข้อมูลนำร่องรถตู้ภัยพิบัติทางธรรมชาติที่อันอาจจะเกิดขึ้น จาก คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ที่วิ่งมากระทบกับโลก มีส ่วนหนึ ่งทำให้เกิดการ แปรปรวนของอากาศบนโลกนี้ได้ๆ จากข้อมูล วันที่ 10 มกราคม 2561 ระบุ ว่ามีการปล่อยตัวองดาวอาจจะสูง อยู่ในทันทีทำให้เกิดผลกระทบต่อโลกได้ ปรากฏว่าในช่วงเวลานั้นเกิดแผ่นดินไหว และ โคลนถล่มที่ประเทศ สหรัฐอเมริกา วันนี้นับว่ามีประโยชน์มาก สามารถใช้ทำนายล่วงหน้า เพื่อ ป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับชีวิตและทรัพย์สิน ๆ นอกจากคลื่นโน้มถ่วงนี้ยังมีอีหลากหลายคลื่นที่วิ่งมาในอวกาศจาก คำอธิบายของ ดร.ก้องภพ อยู่เย็น ดังนี้“ในเรื่องปรากฏการณ์ดาวเรียงตัวนั้น สามารถอธิบายจากการปรากฏการณ์เสริมหรือ หักล้างของคลื่นในอวกาศ


68 (wave interference) โดยคลื่นนี้มีได้หลากหลายด้วยกันแล้วแต่พาหะของ คลื่น เช่น คลื่นแรงโน้มถ่วง (มีพาหะคือความว่างเปล ่า หรือ vacuum) คลื่น พลาสม่า (มีพาหะเป็นพลาสม่า) แต่ไม่ว่าคลื่นจะพาหะรูปแบบใดจะมีลักษณะ ของความเป็นคลื่นเหมือน ๆ กัน ทำให้เราสามารถจำลองปรากฏการณ์คลื่นที่ เกี่ยวกับปรากฏการณ์ดาวเรียงตัวทำได้บนโลกจากการจำลองคลื่นพาหะที่เป็น ของแข็ง (Chaldni plate) และ คลื่นเสียง (มีพาหะเป็นก๊าซ) ปรากฏการณ์ทางฟิสิกส์ในเรื่องนี้เป็นสิ่งที่สร้างแบบจำลองต่างๆ ได้ จัดทำเวป www.kpsquare.com/enเพื่อรวบรวมข้อมูล รวมถึงวิดิโออธิบาย และพิสูจน์กลไกการทำงานเหล่านี้ทั้งภาคทฤษฎีปฏิบัติและ การนำไป ประยุกต์ใช้งาน สำหรับภาพรวมการแกว่งตัวของดัชนีดาวเรียงตัวในเดือนธันวาคมนี้ จะมีช่วงที่การแกว่งตัวสูงสุด อยู่ 3 ช่วงหลัก ๆ ด้วยกัน ได้แก่ ระหว่างวันที่ 2- 5 ธันวาคม, 13-19 และ 24-29 ธันวาคม ซึ่งจะสูงสุดในระหว่างวันที่24-29 ธันวาคม ตามตัวอย่างปฏิทินดาวเรียงตัวที ่ได้แนบมานี้ซึ ่งหลักการสังเกต ปฏิทินดาวเรียงตัวนั้น ให้สังเกตลักษณะหลัก ๆ อยู่สองลักษณะได้แก่ 1. ช่วงที่มีความชันของกราฟสูงมากกว่าปกติทั้งช่วงขาขึ้น และขา ลง ได้แก่แถบสีส้ม ของปฏิทิน 2. ช่วงที่กราฟมีค่า สูงสุดและ ต่ำสุด เช่นวันที่4-5, 7, 18, 20 และ 28 สำหรับอิทธิพลของดวงดาวต่อโลกนั้น ในช่วง 2 สัปดาห์แรกของ เดือนธันวาคม นั้น จะเป็นอิทธิพลของดวงจันทร์และดาวพุธ เป็นหลัก(super moon ในวันที่3 ธันวาคม http://earthsky.org/tonight/full-supermoonon-december-3) และในช่วง 2 สัปดาห์หลังจะเป็นอิทธิพลของดาวศุกร์


69 ทางช้างเผือกและโลก สำหรับการสังเกตความเชื่อมโยงกับโลกนั้น ให้สังเกต สภาพของท้องฟ้า และอากาศ (หรือ แสงเหนือ สำหรับท่านที่อาศัยอยู่บริเวณ ขั้วโลก) ที่มีลักษณะแกว่งตัวผิดปกติรวมถึงสภาพร่างกายและจิตใจโดยเฉพาะ ในช่วงที่ดัชนีดาวเรียงตัวสูงสุด เช่นในวันที่ 18-21 และ 28-31 ธันวาคม ควร สังเกตสภาพอากาศและกิจกรรมของมนุษย์ซึ่งคาดว่าจะมีปริมาณที่สูง รูปภาพที่ 23 ปฏิทินพลังงานการเรียงตัวของดาวเคราะห์ ผลจริงที่เกิดขึ้นในวันที่12-13 ธันวาคม พบว่าโดยภาพรวมของโลก พบว่าเริ่มมีสภาพอากาศหนาวเย็นกว่าปกติที่สหรัฐอเมริกา16 และในประเทศ ไทยมีประกาศเตือนสภาพอากาศหนาวเย็น และจะมีฝนตกทางภาคใต้17 นอกจากนั้นแล้วยังพบว่ามีแผ่นดินไหวมากกว่าปกติขนาด6.5 บริเวณโลกใต้18 16 https://weather.com/storms/winter/news/2017-12-12-winter-stormchloesnow-forecast-midwest-great-lakes-northeast 17 https://www.tmd.go.th/list_warning.php 18 https://www.emsc-csem.org/Earthquake/earthquake.php?id=635616


70 และขนาด 6.1 ที่ประเทศอิหร่าน19 โดยมีผู้บาดเจ็ดประมาณ 58 คน รวมถึง ภูเขาไฟปะทุที่ประเทศอินโดนีเซีย20 โดยมีความเชื่อมโยงกับ ดวงอาทิตย์และดวงดาว เช่น เป็นช่วงดวงอาทิตย์มีบริเวณ สนามแม่เหล็กเปิดขนาดใหญ่เรียง ตัวกับโลกและ ดัชนีจุดดับอยู่กับ ช่วงเปลี่ยนทิศทางจากขาลงเป็น ขาขึ้นในรอบหนึ่งเดือน21 และเป็น ช่วงที่มีปรากฏการณ์ดาราศาสตร์ ที่สำคัญ โดยกราฟดัชนีในปฏิทิน ดาวเรียงตัว22 มีความชันสูงเป็นพิเศษในรอบ 2 สัปดาห์เป็นสัญญาณเตือน และ บ ่งบอกถึงการเรียงตัวระหว่าง โลก ดาวพุธ และ ดาวศุกร์และ ระหว่าง โลก ดวงจันทร์และ ดาวอังคาร เป็นเส้นตรงโดยประมาณ โดยค่าดัชนีจะเกิดขึ้น สูงสุดในวันที่15 ธันวาคม การค้นพบความจริงของธรรมชาติจะเกิดขึ้นได้จากการหัดสังเกต ภัยธรรมชาติก็เช่นเดียวกัน สามารถรู้ล่วงหน้าได้จากการสังเกตถึงเหตุปัจจัย รอบ ๆ ตัวในวันที่ 16 กุมภาพันธ์เวลา 23:39 UT เกิดแผ่นดินไหวขนาด 7.2 19 https://www.emsc-csem.org/Earthquake/earthquake.php?id=635437 20http://scienceofcycles.com/balis-mount-agung-sends-up-plume-inshape-of-clenched-fist/ 21 http://sidc.oma.be/silso/eisnplot 22 http://www.kpsquare.com รูปภาพที่ 24 การเรียงตัวของดาวเคราะห์


71 ที่ประเทศเม็กซิโกเหตุการณ์ครั้งนี้มีสิ่งบอกเหตุหลายประการด้วยกันทั้งใน โลก และ นอกโลกเช่น เป็นวันที่ดัชนีดาวเรียงตัวเกิดขึ้นสูงสุดในสัปดาห์นี้ตาม ปฏิทินดาวเรียงตัว (ที่มีการเรียงตัวระหว่าง โลก ดวงจันทร์ดาวศุกร์และ ระหว่าง ดาวศุกร์ดาวพุธ และ ดาวอังคาร เป็นเส้นตรง โดยประมาณ) และ เกิดขึ้นในช่วงที่พายุสุริยะพัดมาที่โลก ซึ่งทางระบบเตือนภัย KP2 (http://www.kpsquare.com/software/main.php) ได้ทำการแจ้งเตือน ล ่วงหน้าตั้งแต่วันที่14 กุมภาพันธ์และได้คำนวณเวลาที่พลังงานนี้มาถึงโลก ประมาณวันที่15 กุมภาพันธ์เวลา 13 UT ซึ่งตรงกับการคำนวณโดยโมเดล ENLIL ขององค์การนาซ่า23 สำหรับเหตุการณ์ครั้งนี้มีหลายท่านด้วยกันที่ได้ติดตามสถานการณ์ ครั้งนี้จะทราบล่วงหน้า และมีผู้สนใจส่งภาพเหตุกาณ์ท้องฟ้าที่มีลักษณะเป็นสี ม่วงที่ประเทศฟิลิปปินส์แจ้งให้ผมทราบเช่นกัน และมีการแกว่งตัวของ สนามแม่เหล็กโลกมากกว่าปกติในวันที่15 กุมภาพันธ์ที่ผ ่านมาเป็นสิ่งบอก ล่วงหน้าเหตุบนโลก รูปภาพที่ 25 ขยายปฏิทินระดับของพลังงาน 23 https://iswa.gsfc.nasa.gov/IswaSystemWe…/iSWACygnetStreamer…


72 รูปภาพที่ 26 เปรียบเทียบพลังงานดาวเรียงตัว ปรากฏการณ์แผ่นดินไหวอันเนื่องมาจากคลื่นอวกาศจากดาวเรียง ตัวและพายุสุริยะพัดเข้าสู่โลก เรื่องทั้งหมดตามที่กล่าวมานี้ผู้เขียนมีความเห็นความสอดคล้องกัน ของคลื่นในจักรวาลที่มีผลต่อต่อคลื่นในมหาสมุทรตามคัมภีร์ของ พระพุทธศาสนาที่กล่าวไว้ผู้เขียนมีความเห็นว่าน่าจะเป็นอีกเหตุที่ทำให้เรื่อง โลกจักรวาลเป็นในหนึ่งของอจินไตย เพราะมันยากที่จะหาคำอธิบาย ให้คนใน ยุดนั้นเข้าใจ ขืนคิดมากอาจจะเสียสติและเสียโอกาสศึกษาหลักธรรมได้จึงไม่มี ประโยชน์ที่จะรู้หรือศึกษาเรื่องนอกตัวที่ไม่เป็นไปเพื่อการพ้นทุกข์ปัจจุบัน นักวิทยาศาสตร์มีเครื่องมือมีทฤษฎีที่สามารถพิสูจน์รองรับคำอธิบายเหล่านั้น ได้แล้ว ผู้เขียนจึงเห็นว่าวิทยาศาสตร์ยิ่งเจริญมากเท่าไหร่กลับรองรับเรื่องราว ที่ปรากฏในคำสอนตามขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง การจะได้ซึ่งเรื่องราวเหล่านี้ต้องใช้


73 หลายทฤษฎีหลายการทดลอง หลายสมมุติฐาน ที่มีการลองผิดลองถูกจนได้ ผลสรุปออกมาเป็นระยะ ๆ เพียงพอที่จะทราบสิ่งที่พระพุทธศาสนาค้นพบมา เป็นเวลานานเกือบ 2600 ปีและมีอีกหลายปรากฏการณ์ที ่กล ่าวไว้ใน พระไตรปิฎกรอวันพิสูจน์เชิงประจักษ์ กล่าวโดยสรุปว่าการเกิดคลื่นจากอวกาศมีผลกระทบต่อเปลือกของ โลกโดยตรง เป็นแรงบีบทำให้เปลือกโลกเคลื่อนที่ จึงส่งผลให้เกิดแผ่นดินไหว แล้วเกิดซินามิตามมาดังนั้นมหาสมุทรนอกโลก กับมหาสมุทรภายในโลก มี ความเกี่ยวข้องซึ่งกันและกัน คลื่นของมหาสมุทรภายนอกโลก ส ่งผลกระทบ ต่อโลกโดยตรง 3.6 ปรากฏการณ์เขาสิเนรุชนกัน ตามที่ได้กล่าวมาแล้วว่าจักรวาล มีลักษณะเหมือนกาแลกซี่ (Galaxy) หรือดาราจักรส ่วนภูเขาของจักรวาลคือเขาสิเนรุนั้นหมายถึง หลุม ดำที่อยู่ใจกลางของกาแลกซี่ ในความหมายว่าเขาสิเนรุชนกัน ควรจะมี ความหมายว่ากาแลกซี่ทางช้างเผือกต้องชนกันกับกาแลกซี่อื่นในอนาคต ตามหลักฐานในปัจจุบันปรากฏว่ามีการค้นพบกาแลกซี่หลาย ๆ กา แลกซี่ที่กำลังชนกันดาราจักรเหล่านั้น จะจับกลุ่มกันเป็นดาวดาราจักรกลุ่ม ใหม่ที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม


74 รูปภาพที่ 27 การชนกันของกาแลกซี.24 ภาพข้างบนเป็นภาพของ HB Spiral Galaxies NGC2207 และ IC2163 ซึ่งอยู่ห่างจากเราออกไป 114 ล้านปีแสง อยู่ในกลุ่มดาวสุนัขใหญ่ ดาราจักรทั้งสองกำลังชนกันอยู่ในขณะนี้ปรากฏการณ์นี้จึงเป็นหลักฐานว่าเขา สิเนรุมีโอกาสชนกันได้ จากการคำนวณนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าในอีก 3,000 ล้านปีต่อจากนี้ ไป ดาราจักรทางช้างเผือกของเรา จะชนกับดาราจักรแอนโดรเมดา (M 31) ที่ อยู่ห่างจากเราประมาณ 2.5 ล้านปีแสง ซึ่งในขณะนี้มันเคลื่อนที่ด้วยความเร็ว ประมาณ 500,000 กิโลเมตรต่อชั่วโมงและได้ทำนายว่าหลังจากการชนนั้นอีก ประมาณ 1,300 ล้านปีจะเกิดเป็นดาราจักรใหม่ขึ้นมา ในช่วงก่อนที่จะชนกัน เราจะเห็นดาราจักรแอนโดรเมดาใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ และเราจะได้เห็นดวงดาว มากมายเต็มท้องฟ้าไม่ว่าจะเป็นกลางวันกลางคืน ดาวใกล้กับเรามาก และเมื่อ ชนกันแล้วดวงอาทิตย์เราอาจจะเปลี่ยนไปอยู่ส่วนใดส ่วนหนึ่งของดาราจักร 24"Merging galaxies" NGC 2207 and IC 2163. Credit: ESO, แหล่งที่มา: http://www.Dees haa.org/2009/01/25/hubbles-universe-is-beautiful/,.


75 ใหม่หลังที่เกิดจากการชนกัน25 ซึ่งในเวลานั้นดวงอาทิตย์ก็กำลังจะใกล้ดับเต็ม ทีมันกลายเป็นดาวแดงยักษ์แล้วและโลกน่าจะถูกเผาเป็นจุลเข้าไปรวมกับ ดวงอาทิตย์เรียบร้อยแล้วเช่นกัน รูปภาพที่ 28 กาแลกซี่ทางช้างเผือกชนกันกับแอนโดมีดา26 ตามที่ได้กล่าวมาแล้วทั้งหมดทำให้ทราบว่าปรากฏการณ์ที่กล่าวไว้ ว่าเขาสิเนรุชนกันนั้นมีความสมนัยกันกับกาแลกซี่ชนกัน ในกรณีที่กล ่าวว่าที่อยู่ของนรกโลกันต์อยู่ระหว่างช่องว่างของ จักรวาล ที่เปรียบได้กับอยู่ในระหว่างบาตรสามใบ ภพภูมิของนรกขุมนั้นมีแต่ ความมืดมิดไร้แสงทั้งดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ผู้วิจัยมีความเห็นว่าสถานที่นั้นต้อง 25Kaku, Michio, Hyperspace: a scientific odyssey through parallel universes, time warp, and the tenth dimension, (United States America: Oxford University Press), p. 299. 26องค์การอวกาศแห่งชาติสหรัฐอเมริกา(NASA), แหล่งที่มา: http://science. nasa.gov/science-news/science-at-nasa/2012/31may_andromeda/,


76 เป็นส่วนที่อยู่ที่นอกเขตกาแลกซี่และอยู่ในระหว่างกาแลกซี่อื่น ๆ ด้วยเช่นกัน ซึ่งในบริเวณต่างๆ เหล ่านั้นย่อมมืดมิดเพราะไร้ดาวฤกษ์และดวงจันทร์ใด ที่ จะให้แสงสว่าง รูปภาพที่ 29 ช่องว่างระหว่างกาแลกซี่ ด้วยมุมมองนี้ช่องว่างระหว่างจักรวาลในแบบของพุทธจักรวาลนั้นมี ความสมนัยกับช่องว่างระหว่างกาแลกซี่ ในขณะเดียวกันถ้าหากว่ามองจักรวาลแบบหลายจักรวาลที่เชื่อมต่อ กันแบบจักรวาลพองตัวช่องว่างระหว่างจักรวาลทั้งหลายก็สามารถวิเคราะห์ เช่นนี้ได้เพราะพระพุทธศาสนาก็ได้กล่าวว่าจักรวาลมีเป็น “อนันตจักรวาล” ตามที่ได้กล่าวมาแล้ว เพราะช่องว่างระหว่างจักรวาลเป็นผืนอวกาศที่ว่างเปล่า ทั้งหนาวเย็นที่ -273º C จึงเป็นไปได้เช่นกัน ซึ่งอาจสรุปว่าเป็นไปได้ทั้งสอง กรณีแต่ทั้งสองกรณีนั้นมีคุณสมบัติที่หนาวเย็น มืดมิด เหมือนกัน


77 รูปภาพที่ 30 ช่องว่างระหว่างจักรวาล(วงกลม) เครดิต: https://www.newscientist.com ความไม่สมนัยกันระหว่างพุทธจักรวาลกับจักรวาลสมัยใหม่ มีประเด็นที ่ไม่สมนัยกันระหว่างพระพุทธศาสนากับจักรวาล สมัยใหม่ส่วนมากเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการนับระยะทางผู้เขียนเข้าดีเพราะ การกำหนดวิธีการนับต้องอาศัยเครื่องมือ ในสมัยโบราณไม่มีความสะดวกใน เรื่องนี้จึงทำให้วิธีคิดเรื่องการนับเกิดความไม่สมนัยกัน เช่น พุทธจักรวาลกล่าว ว่าขนาดของจักรวาลวัดได้มีความยาว 1,203,450 โยชน์และพื้นดินมีความ หนา 240,000 โยชน์ความสูงและลึกของเขาสิเนรุที่ที่เท่าๆ กันมีความสูงและ ลึกประมาณ 84,000 โยชน์และระยะทางระหว่างภพภูมิต่าง ๆ ตามที่ได้ กล่าวไว้ในพุทธจักรวาลไม่มีความสมนัยกับจักรวาลวิทยาสมัยใหม่ เช่น กาแลก ซี่ทางช้างเผือก มีเส้นผ ่าศูนย์กลางวัดได้1แสนปีแสง ซึ่ง 1 ปีแสง เท ่ากับ 9.4607x 1012 กิโลเมตรนับว่าจำนวนตัวเลขห่างไกลกับความเป็นจริงมาก และตัวเลขที่กล่าวไว้ในคัมภีร์จะไม่ตรงกับความเป็นจริงของจักรวาลสมัยใหม่ อาจพอสรุปได้ว่าเรื่องจำนวน ตัวเลขอาจมีความไม่สมนัยกัน แต่ให้ ได้ข้อคิดว่าจำนวนตัวเลขเหล่านั้นคนในครั้งนั้นมีจำนวนนับที่ถือว่ามากที่สุด


78 เท่าที่จะสรรหาคำพูดได้ถ้าจะมองว่าท่านได้ให้ความหมายว่ามาก ไกล นั่น อาจจะเป็นแนวการคิดได้แต่ที่สำคัญรูปแบบของปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น อันนี้ เราถือเป็นสำคัญ เพราะว่าสามารถใช้เป็นการตั้งสมมุติฐานได้ตามรูปแบบของ การศึกษาในศาสตร์สมัยใหม่ที่ต้องพิสูจน์สมมุติฐานนั้น ๆ


79 บทที่ 4 จักรวาลวิทยากับไตรลักษณ์ 4.1 บทนำ พุทธจักรวาลในพระพุทธศาสนาได้กล่าวไว้ในคัมภีร์พระไตรปิฎก และคัมภีร์ชั้นรองเป็นอย่างมาก ส่วนหนึ่งเป็นความรู้ของคนก่อน พระพุทธศาสนาเกิดมาอีก ในคัมภีร์ชั้นหลังได้รวบรวมเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับ พุทธจักรวาลมาจัดเข้าเป็นหมวดเป็นหมู่เพื่อง ่ายต่อการค้นคว้า เช่น คัมภีร์ จักรวาลทีปนีโลกทีปนีสารัตถทีปนีฎีกา ผู้เขียนมีความเห็นว่าเรื่องราวที่ บันทึกไว้มีนัยยะทางวิทยาศาสตร์ซึ ่งยากที่คนในครั้งนั้นจะเข้าใจ เพราะ ต้องการทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์และอุปกรณ์เครื่องมือ วิทยาศาสตร์สมัยใหม่มี มาไม่ถึง 200 ปีความรู้เรื่องจักรวาลเป็นความรู้ที่เกิดขึ้นจากพุทธสัพพัญญู เป็นความรู้อีกรูปแบบหนึ่งที่ยากจะอธิบายด้วยวิธีการธรรมดา ถ้าจะ เปรียบเทียบกันก็เหมือนกับว่าเป็นความรู้ที่เกิดจากการเชื่อมต่อกับฐานข้อมูล ของจักรวาล ฐานข้อมูลที่ว่ามานี้เป็นข้อมูลเปรียบได้กับระบบคลาวด์ (Cloud) ที่ เราใช้บันทึกข้อมูลผ ่านอินเตอร์เน็ต เช่นถ้าหากเราอยากได้ชุดพระไตรปิฎก 84,000 พระธรรมขันธ์ก็สามารถดาวน์โหลดได้อย่างง่ายดาย การรู้แบบนี้ไม่ สามารถอธิบายด้วยวิธีการธรรมดา ในปัจจุบันมีงานวิจัยหลายงานที่บ่งบอกว่าจิตสามารถสื่อสารหากัน ได้งานวิจัยทางควอนตัมฟิสิกส์ยอมรับว่าจิตเป็นส่วนสำคัญต่อพฤติกรรมของ


80 วัตถุในระดับอนุภาค นักวิทยาศาสตร์หลายท่านกล ่าวว่ามีสิ่งที่อยู่เบื้องหลัง ของปรากฏการณ์ที่เกิดวัตถุทั้งหมดตั้งแต่ไอน์สไตน์ค้นพบว่าอวกาศมีตัวตน คือผืนอวกาศที่ก ่อกำเนิดของจักรวาลโลกทัศน์ทางวิทยาศาสตร์ได้เปลี่ยนไป อย่างสิ้นเชิง เรื่องที่ดูเหมือนว่าเป็นไปไม่ได้กลับเป็นไปได้เช่น สิ่งต่าง ๆ เวลา สามารถมีเวลาที่ต่างกันได้ถ้าเคลื่อนที่ต่างความเร็วกันอย่างมากจักรวาลวิทยา จึงมีมิติที่มากกว่า 3 มิติ พระพุทธศาสนาได้กล่าวว่าจักรวาลเป็นธรรมอย่างหนึ่งที่เรียกว่า สังขตธรม คือ ธรรมชาติที่ปรุงแต่งได้ สิ่งที่ปรุงแต่งได้นั้นย่อมอยู่ในสามัญ ลักษณะของหลักธรรมหนึ่งที่เรียกว่า “ไตรลักษณ์” ที่มีองค์ประกอบ 3 กระบวนการเหมือนกลไก 3 กลไก ได้แก่ อนิจจัง – ความไม่เที่ยง, ทุกขังสภาวะที่ทนได้ยาก และอนัตตา-สภาวะที่ไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน เป็นเพียง กระบวนการของเหตุและผลเช่น เมื่อเราถามว่าสสารหรือวัตถุนี้คืออะไรถ้า จะตอบให้ถูกต้องนั้นตอบยาก เพราะมันประกอบมาจากโมเลกุล อะตอม อนุภาค ควาก และเส้นใยอวกาศ เพราะมันประกอบมาจากสิ่งที่เล็ก ๆ มา รวมกัน หรือแม้กระทั่งอนุภาคยากที่จะตอบว่ามันคืออะไร เพราะตัวมันเอง บางครั้งก็แสดงบทบาทเป็นคลื่น (Wave-Particle) เรื่องของจักรวาลวิทยาก็ เช่นกันพระพุทธศาสนามองว่ามันเป็นไปตามกฎธรรมนิยามที่สามารถอธิบาย ได้ด้วยกลไกของหลักธรรม 4.2 วัฏจักรจักรวาลกับไตรลักษณ์ จักรวาลย่อมเป็นไปตามธรรมชาติของกฎไตรลักษณ์ด้วยเช่นกัน จักรวาลมีทั้งเกิดขึ้น-ตั้งอยู่-ดับไป มีความไม่เที่ยง(อนิจจัง) เกิดขึ้นมาจากการ บีบคั้นกดดันยากที่จะทนได้. (ทุกข์) การเกิดสิ่งที่จักรวาลต่างประเทศเป็นผล มาจากสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ร้อยเรียงต่อเนื่องเชื่อมโยง (อัตตา) อันเป็นไปตามกฎของ ไตรลักษณ์สามัญลักษณ์ของธรรมชาติที่มีการปรุงแต่งอยู่เป็นนิจ


81 พระพุทธศาสนาได้กล ่าวว่าอายุของจักรวาลมีอายุเป็นมหากัปซึ่ง แบ่งออกเป็น 4 ช่วงแต่ละช่วงเรียกว่าอสงไขยดังนี้ อสงไขยที่1 ชื่อว่า สังวัฏฏะ27 อสงไขยที่2 ชื่อว่า สังวัฏฏัฏฐายี (ลักษณะของตั้งอยู่ในความเสื่อม) อสงไขยที่3 ชื่อว่า วิวัฏฏะ28 อสงไขยที่4 ชื่อว่า วิวัฏฏฏัฏฐายี (ลักษณะของการตั้งอยู่ในความเจริญ) เมื่อรวมระยะเวลาอสงไขยทั้ง 4 เข้าด้วยกันแล้วเราเรียกว่า มหากัป จักรวาลในอสงไขยที่1 และ 2 เป็นช่วงที่จักรวาลเป็นกัปที่เสื่อมเป็นช่วงของ ความพินาศ และเป็นช่วงเวลาที่เกิดความพินาศ เรียกเป็น สังวัฏฏัฏฐายี หมายถึง อสงไขยกัปที่ตั้งอยู่ในความพินาศ ส ่วนในอสงไขยที่3 และ 4 อยู่ 27 สังวัฏฏะ แปลว่า ความเสื่อม ความพินาศ และคำว่า กัป แปลว่า กาลกำหนด ช่วงระยะเวลายาว นานเหลือเกินที่กำหนดว่าโลกคือสกลจักรวาลประลัยครั้งหนึ่ง ดังนั้น คำว่า สังวัฏฏกัป หมายถึงช่วงระยะ เวลาที่โลกเสื่อม มี 3 อย่าง คือ (1) อาโปสังวัฏฏกัป (กัปที่ เสื่อมเพราะน้ำ) หมายถึงกัปที่เสื่อมเพราะน้ำท่วมนับแต่ชั้นสุภกิณหพรหมลงมา (2) เตโชสังวัฏฏ กัป (กัปที่เสื่อมเพราะไฟ) หมายถึงกัปที่ไฟไหม้ นับแต่ชั้นอาภัสสรพรหมลงมา (3) วาโยสังวัฏฏกัป (กัปที่เสื่อมเพราะลม) หมายถึงกัปที่ลมพัดทำลายนับแต่ชั้นเวหัปผลพรหมลงมา หรือหมายถึงช ่วงระยะเวลาที ่เปลวไฟดับจนถึงมหาเมฆที่ให้กัปพินาศ ที่มา: องฺ.จตุกฺก.อ. 2/156/384, องฺ.จตุกฺก.ฏีกา 2/156-158/421, วิสุทฺธิ. 2/406/55 28 วิวัฏฏกัป หมายถึงช ่วงระยะเวลาที่โลกเจริญ หรือหมายถึงช ่วงระยะเวลาที่ดวง จันทร์และดวงอาทิตย์เกิดจนถึงมีมหาเมฆบริบูรณ์ ที่มา: องฺ.จตุกฺก.ฏีกา 2/156-158/421,วิสุทฺธิ. 2/406/55.


82 ในช่วงที่จักรวาลกำลังเกิดกำลังพัฒนาเจริญขึ้น และเวลาที่จักรวาลเจริญถึง ที่สุดเรียกว่า วิวัฏฏัฏฐายี รูปภาพที่ 31 จักรวาลกับกฎไตรลักษณ์ กฎไตรลักษณ์เป็นกฎที่สามารถนำมาอธิบาย ความเป็นไปของสรรพ สิ่งต่าง ๆ ในจักรวาลได้ เป็นกฎที่มีความครอบคลุมถึงนามธรรมและรูปธรรม การประยุกต์หลักธรรมนี้เพื่อมาอธิบายปรากฏการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นตาม ธรรมชาติรวมถึงปรากฏการณ์บิ๊กแบง ซึ ่งสามารถนำมาอธิบายได้ เพราะ ปรากฏการณ์บิ๊กแบงเป็นรูปที่เกิดขึ้นจากเหตุปัจจัย (เป็นสังขตธรรม) ดังนั้น ผู้เขียนจึงมีความเห็นว่าปรากฏการณ์นี้ต้องตกอยู่ในเงื่อนไขของกฎไตรลักษณ์ เช่นเดียวกัน ผู้เขียนจึงได้พิจารณาปรากฏการณ์บิ๊กแบงในมุมมองของกฎไตร ลักษณ์ดังต่อไปนี้


83 4.2.1 ปรากฏการณ์บิ๊กแบงในความหมายของอนิจจตา ก . ในความหมายของการ “เกิดและดับ” 1.กระบวนการเกิด ปรากฏการณ์บิ๊กแบงมีสาเหตุมาจากการ เปลี่ยนแปลงของอนุภาคที่เรียกว่า สภาวะซิงกูลาริตี้(Singularity) ถูกบีบอัด ด้วยแรงโน้มถ่วงทำให้มีความร้อนสูงมาก แล้วระเบิดออกมาเป็นพลังงาน เนื่องจากซึ ่งมีการเปลี ่ยนแปลงจากสิ ่งหนึ่งไปสู่อีกสิ ่งหนึ ่ง จากนั้นค่อย ๆ แปรเปลี่ยนไปจากพลังงานเป็นอนุภาคและกาแลกซี่ตามเหตุปัจจัยและ กาลเวลา 2. กระบวนการดับ นักวิทยาศาสตร์หลายท่าน เช่น ฟรายแมนด์, ดิ๊กกี้และฮอว์คิงมีความเชื่อว่าจักรวาลที่เกิดมาจากปรากฏการณ์บิ๊กแบงจะมา พบจุดจบแบบเดียวกันกับดวงอาทิตย์เมื ่อถึงจุดหนึ ่งจะสลายยุบตัวลง กลายเป็นหลุมดำ แล้วเกิดแรงโน้มถ่วงดึงดูดเอาดวงดาวต่าง ๆ เข้ามาไปใน หลุมดำต่อมาหลุมดำจะมีอุณหภูมิสูงมากกว่าดวงอาทิตย์ประมาณ 80 ล้าน เท่า เป็นการบอกถึงอนาคตของจักรวาลที่จะจบลงเช่นเดียวกันกับดวงอาทิตย์ ถึงแม้นักวิทยาศาสตร์จะทราบว่าตอนนี้จักรวาลไม่ได้เป็นเช่นนั้นในขณะนี้ เพราะกำลังขยายตัวอยู่ก็ตาม แสดงว่าแรงระเบิดยังมีพลังมากกว่าแรงโน้มถ่วง จึงทำให้จักรวาลจึงยังอยู่ในช่วงเวลาของการขยายตัวออกไป ตราบใดที่แรง ระเบิดน้อยลงกว่าแรงโน้มถ่วงเมื่อไหร่ มันจะดึงดูดให้สิ่งต่าง ๆ ในจักรวาล เข้ามาหากันอีกครั้ง ประกอบกับดวงอาทิตย์ที่หมดพลังงานแล้วกลายเป็น หลุมดำด้วยซึ่งมีอยู่ในกาแลกซี่ต่างๆ กระบวนการที่เกิดและดับนี้ ถ้าเรามี อายุมากกว่าจักรวาลหรือมีการบันทึกภาพยนตร์ของจักรวาลแล้วนำมาฉาย ด้วยความเร็วมา ๆ เราจะเห็นว่าจักรวาลมันเกิดดับเกิดดับสลับกันไปตลอด กาลนาน การดับของจักรวาลเป็นปัจจัยให้มีการเกิดในขณะเดียวกัน ใน บางครั้งเราเรียกว่ามันเป็นเหรียญสองหน้า


84 จักรวาลในลักษณะนี้เป็นอนิจจตาในลักษณะของ “อุปฺปา ทวยปฺปวตฺติโต” หมายถึง เป็นการเกิดและการสลาย คือ เกิด-ดับ มีแล้วก็ไม่ มีจักรวาลเป็นเช่นเดียวกันมีเกิดขึ้นและดับลงไป แต่การเกิดและดับนั้นใช้ เวลานานมากจนเราคิดว่ามันเที่ยง นักวิทยาศาสตร์สังเกตว่ามีดวงอาทิตย์จาก กาแลกซี่อื่นบางดวงที่แสงของมันเพิ่งเดินทางมาถึงเรา ดวงอาทิตย์ดวงนั้นอยู่ ห่างจากเราหลายล้านปีแสงตามความเป็นจริงดวงอาทิตย์ดวงนั้นอาจจะดับไป แล้วก็ได้ที่เราเห็นมันเป็นมายาเท่านั้น มันได้ดับไปเพื่อก่อให้เกิดสิ่งใหม่ ข. ในความหมายของการ “เปลี่ยนแปลง" จากคำกล่าวว่า“สรรพสิ ่งมีความเปลี ่ยนเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลาใน ทิศทางเดียวกันกับเวลา ”29 หลังจากปรากฏการณ์บิ๊กแบงอุณหภูมิของสิ่งที่ ระเบิดขึ้นนั้นก็เปลี่ยนไปตามกาลเวลา คือ จะเย็นลงเพราะสัมผัสกับอวกาศ ภายนอก นักวิทยาศาสตร์กำหนดให้อุณหภูมิของจักรวาลเดิม ในความว่าง อยู่ที่0 องศาเคลวิน (-273 องศาเซนติเกรด) เมื่อเวลาเปลี่ยนไปทำให้เงื่อนไข ของสิ ่งที ่ระเบิดเมื ่อกระทบกับความเย็นของอวกาศเดิมเข้า จึงเกิดการ เปลี่ยนแปลงเพราะเหตุปัจจัยที่อุณหภูมิที่ไม่เท่ากัน เป็นไปตามกฎของเทอร์- โมไดนามิค ข้อที่ 2 “ กล่าวว่าความร้อนจากแหล่งที่มีอุณหภูมิต่ำ ไม่สามารถ ถ่ายเทไปยังแหล ่งที่มีอุณหภูมิสูงกว่าได้”จากกฎข้อนี้เมื่ออุณหภูมิไม่เท่ากัน ระหว่างอวกาศที่มีความว่างอยู่ก่อนปรากฏการณ์บิ๊กแบงและมีอุณหภูมิอยู่ที่ ศูนย์องศาเคลวิน ปรากฏการณ์บิ๊กแบงมีอุณหภูมิสูงกว่าหลายล้านองศา จึงได้ มีการถ่ายเทความร้อนออกมาให้แก่สิ่งแวดล้อม คืออวกาศที่ว่างเปล่าทำให้เกิด การเปลี่ยนแปลง และการเปลี ่ยนแปลงที ่เกิดขึ้นนั้นจะมีผลเป็นตายตัว 29 สมภาร พรมทา, ความเร้นลับของเวลา, พิมพ์ครั้งที่ 2, (กรุงเทพฯ: ศยาม, 2546), หน้า 93.


85 หมายถึงจะกลายเป็นสิ่งใดสิ่งหนึ่งตามธรรมชาติของมันอย ่างนั้น เช่น การ เปลี่ยนจากพลังงานหรือแรงทั้ง 4 ไปเป็นอนุภาคต่าง ๆ ที่เกิดจากแรงนั้นเช่น แรงแม่เหล็กไฟฟ้าจะแปรไปเป็นอนุภาคโฟตอนเป็นต้น นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า เราสามารถพิจารณาเอนโทรปีในการระบุทิศทางของเวลาได้ ในการพิจารณา กฎของเทอร์โมไดนามิคข้อที ่3 กล ่าวว่า “เมื ่อระบบเข้าสู ่ภาวะศูนย์องศา สัมบูรณ์ กระบวนการทั้งหมดจะหยุดนิ่งและค่าเอนโทรปีของระบบจะมีค่าต่ำ ที่สุด” ความหมาย คือ ระบบที่ศูนย์องศาสัมบูรณ์เป็นระบบที่ ground state หมายถึงความเป็นจริง“ไม่มีกระบวนการใดที่สามารถลดพลังงานของระบบ ลงจนถึงศูนย์องศาสัมบูรณ์ได้” ดังนั้นเมื่อไม่มีกระบวนการใด ๆ ที่สามารถทำ ให้ค่าเอนโทรปีเป็นศูนย์ได้คือสภาวะหยุดนิ ่ง จึงทำให้กระบวนการ เปลี่ยนแปลงย่อมเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลาการเกิดจักรวาลอันเนื่องมาจากการ เกิดปรากฏการณ์บิ๊กแบงมีเหตุมาจากหลักธรรมข้อนี้คือมันต้องเปลี่ยนแปลง จะไม่หยุดนิ่งอันเป็นปกติของธรรมชาติของจักรวาลตามกฎเทอร์โมไดนามิค ด้วย อนิจจตาของจักรวาลในมุมมองนี้มีความหมาย“วิปริณามโต” เพราะเป็นของแปรปรวนคือเปลี่ยนแปลงแปรสภาพไปเรื่อย ๆ ด้วยเหตุปัจจัย ของจักรวาลที่เกิดขึ้นจากความไม่เสถียร เมื่อกระทบกับสิ่งภายนอกจึงเกิดการ เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เพราะมันเป็นสังขธรรม คือ สามารถปรุงแต่งได้ ค. ในความหมาย เป็นของ “ชั่วคราวชั่วขณะ” ในปัจจุบันมีทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ที ่ใช้อธิบายปรากฏการณ์ ธรรมชาติที่เล็ก ๆ และเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วก็ไม่พ้นเรื่องของอะตอมกับ อนุภาคภายในอะตอม ทฤษฎีควอนตั้ม เป็นทฤษฎีที ่ว่าด้วยการเปลี ่ยนแปลงของ ปรากฏการณ์ในระดับอะตอมที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงระหว่างพลังงานกับ


86 คลื่น ที่กฎของนิวตันอธิบายไม่ได้เพราะปรากฏการณ์นั้นไม่สามารถหาทิศทาง หรือไม่สามารถทำนายได้ว่ามันจะเป็นไปในทิศทางใด เมื่อมองภาพของจักรวาลในมุมมองที่เล็กลงไปจนถึงระดับอะตอม อนิจจตาของจักรวาลในมุมมองนี้เกี่ยวพันโดยตรงกับควอนตัมที่มีความหมาย ว่า “ตาวกาลิกโต” คือ เป็นของชั่วคราว จักรวาลเปลี่ยนแปลงไปตามเหตุ ปัจจัยในเงื่อนไของของหลักฟิสิกส์ว่าด้วยสสารกับพลังงานในสูตร E = Mc2 ตามทฤษฎีอนุรักษ์พลังงาน (Law of Conservativity) มันอยู่ได้ชั่วคราวไม่ สามารถเที่ยงเปลี่ยนไปตลอดเวลาระหว่างพลังงานกับมวลสาร ในการเกิด พลังงานในดวงอาทิตย์และในส ่วนของอะตอมก็เกิดการเปลี ่ยนแปลงอยู่ ตลอดเวลาระหว่างคลื่นกับพลังงาน อนุภาคภายในในบางครั้งก็แสดงตัวเป็น อนุภาคและบางทีก็แสดงตนเป็นคลื่น มีการเปลี่ยนแปลงทุก ๆ เสี้ยววินาที ตามสมการ E = nhƒ ( E = พลังงาน, ƒ=ความถี่ของคลื่น) 4.2.2 ในความหมายของทุกขตา ปรากฏการณ์บิ๊กแบงเป็นกระบวนการที่มีลักษณะเป็น “ทุกขตา” คือ เกิดจากแรงบีบคั้นของจักรวาลเป็น “แรงโน้มถ่วง” จักรวาลถูกหลอม รวมกันอยู่ในสภาวะที่เป็น ซิงกูลาริตี้(Singularity) อันเนื่องมาจากแรงโน้ม ถ่วงที่มีพลังอย่างมหาศาล บีบคั้นทำให้เกิดความร้อนจัดหลายล้านล้านองศา จากนั้นก็ระเบิดออกมาด้วยความเร็วที่มากกว่าแสงจักรวาลจึงอยู่ภายใต้แรง โน้มถ่วง (Gravity Force) อยู่ตลอดเวลา สรรพสิ่งในจักรวาลยิ่งมีตัวตนเป็น วัตถุหนักมากเท่าไหร่ย่อมเกิดแรงกระทำซึ่งกันและกันมากเท่านั้นตามหลัก ของสมการแรงโน้มถ่วงของนิวตัน


87 F = m1m2 / d2 (m1, m2 = มวลของวัตถุทั้งสอง, d = ระยะห่างระหว่างวัตถุทั้งสอง) แรงโน้มถ ่วงเป็นแรงที ่กระทำต่อกันระหว่างสรรพสิ่งที่มีอยู ่ใน จักรวาล(m1,m2) และจะแปรผกผันกับระยะห่างระหว่างกัน ยิ่งใกล้กันมาก เท่าใดแรงกระทำต่อกันยิ่งมากขึ้นเป็นกำลังสอง คำถามในเมื่อดวงดาวมีแรง ดึงดูดของกันและกันเหตุใดดวงอาทิตย์ถึงไม ่ดึงเอาโลกมาชนกับมัน นิวตัน อธิบายว่าโลกต่างได้รับอิทธิพลมาจากดาวดวงอื่นเช่นเดียวกัน จุดที่โลกอยู่ใน ขณะนี้นับว่าอยู่ในจุดที่สมดุลที่สุดของแรงดึงดูดทั้งหมดที่มีอิทธิพลจากดาว ดวงอื่น ๆ ดังนั้นสภาวะของจักรวาลในปัจจุบันที่เห็นดวงดาวต่าง ๆ อยู่ในจุด ที่สมดุลที่สุดแล้ว จักรวาลจึงถูกบีบคั้นด้วยแรงโน้มถ่วงตลอดเวลา แต่ในทฤษฎีTime - Space กล ่าวว่าเป็นแรงบีบของผืนอวกาศที่ พยายามบีบวัตถุที ่วางอยู ่บนผืนอวกาศนั้น แรงกระทำที ่คำณวนนั้นใช้ เหมือนกันกับสมการของนิวตันได้คือคิดเป็นแรงกระทำที่พื้นที่ผิวของวัตถุทั้ง สองเท่ากับระยะห ่างระหว่างวัตถุการเกิดทุกข์แบบนี้เป็นการบีบคั้นวัตถุที่ เกิดขึ้นในดวงอาทิตย์ที่ฮีเลี่ยมรวมตัวกัน ทำให้เกิดเกิดการเผาไหม้ตัวเองจน หมดถ้าหากขนาดของดวงอาทิตย์ใหญ่มากกว่าของเรา 4 เท่า มันจะกลายเป็น หลุมดำ จนเข้าสู่สภาวะ ซิงกูลาริตี้(Singularity) ในที่สุด เป็นแรงโน้มถ่วงที่มี ค่าแรงมหาศาลดึงดูดดวงดาวทั้งหลายเข้าไปสู่จุดนั้น ในใจกาแลกซี่ทาง ช้างเผือกมีหลุมดำขนาดใหญ่กำลังหมุนวนดึงดูดดาวน้อยใหญ่อยู่ ถึงแม้ในขณะนี้จักรวาลกำลังอยู่ในช่วงขยายตัวอยู่ก็ตาม แรงโน้ม ถ่วงยังคงมีอยู่ไม่ได้หายไปไหน แต ่แรงระเบิดยังคงมีกำลังมากกว ่าจึงดู เหมือนว่ามันไม่มีอิทธิพลพอที่จะดึงดูดให้สรรพสิ่งในจักรวาลเข้ามาหากัน นักวิทยาศาสตร์ยังอธิบายเพิ่มเติมว่า มีพลังงานและวัตถุที่มองไม่เห็นค้ำมัน


Click to View FlipBook Version