The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

พลังงานหลายๆอย่างเป็นสิ่งที่ใช้แล้วหมดไป จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ทุกคนต้องช่วยกันอนุรักษ์ และหาพลังงานทดแทนที่มีในธรรมชาติและใช้ไม่มีวันหมด มาใช้ทดแทน

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by khamphan rachada, 2021-09-13 05:49:17

พลังงาน ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม

พลังงานหลายๆอย่างเป็นสิ่งที่ใช้แล้วหมดไป จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ทุกคนต้องช่วยกันอนุรักษ์ และหาพลังงานทดแทนที่มีในธรรมชาติและใช้ไม่มีวันหมด มาใช้ทดแทน

Energy)
พลิง ซ่ึงเป็น
น พลงั งาน
ทิตย์ พลงั งาน
พิภพ และ
ศึกษาค้นควา้
มากขนึ้ ซ่ึงจะช่วย
นในอนาคต และจะช่วยลดปัญหาด้าน
ปจจบุ นั

98

การนําพลงั งานแสงอาทิตยม์ าใช้ท

2 ลกั ษณะ คือ กระบวนการเปลี่ยนรปู เป
พลงั งานไฟฟ้า โดยเม่อื แสงอาทิตยต์ กก
ลงบนแผงเซลลแ์ สงอาทิตย์ เซลลแ์ สงอ
จะทาํ หน้าท่ีเปลี่ยนพลงั งานแสงอาทิตย

พลงั งานไฟฟ้า เพือ่ นําไปใช้กบั อปุ กรณ์เ

ต่างๆ ส่วนการนําไฟฟ้าไปใช้อีกรปู แบ
พลงั งานความรอ้ น โดยให้แสงอาทิตยส์
สีดาํ  เป็ นผลให้เกิดความร้อนเพิ่มมาก
พลงั งานความรอ้ นท่ีได้ไปใช้ประโยชน์ใ

ทาํ ได้
ป็ น
กระทบ
อาทิตย์
ยเ์ ป็น
เคร่ืองใช้ไฟฟ้ า
บบหนึ่ง คือ กระบวนการเปล่ียนรปู เป็ น
ส่องผ่านแผน่ รบั แสงมาตกกระทบยงั พืน้
กขึน้ เหนือบริเวณพื้น ทําให้สามารถนํา
ในลกั ษณะต่างๆ

99



100



101

น้ําเป็นพลงั งานสะอาด ไม่มีผลเสีย
ต่อเน่ืองตลอดเวลา ทาํ ให้ใช้ประโยชน์ได
สู

ค่าใช้จา่ ยในการบาํ รงุ รกั ษาสงู และมีปัญ

สร้างเข่ือนขนาดใหญ่ การท่ีจะนํามาใ
สามารถใช้ได้ผลอย่างค้มุ ค่าจริงๆ กาํ ลงั
โดยวิธีกกาารรตส่ารง้างๆเขไ่ือดน้ถหงึรือ5กกทั เากงบ็ นด้ํางั ไนวี้ใ้ นท่ีส
เคร่อื งกงั หนั น้ํา ผลกั ดนั ใบพดั ให้กงั หนั
1 เพลาของเคร่อื งกาํ เนิดไฟฟ้าจะหมนุ ต

ไฟฟ้า ทาํ ให้เกิดพลงั งานไฟฟ้า

ยต่อสิ่งแวดล้อมมากนัก มีการทดแทน
ด้ไม่สิ้นสุด แต่เป็ นพลงั งานที่ต้องลงทุน


ญหาการโยกย้ายถิ่นฐานของชุมชนเพื่อ
ช้จึงต้องพิจารณาให้รอบคอบ และให้
งน้ําเป็ นแหล่งพลงั งานที่สามารถนําไปใช้

สงู แล้วปลอ่ ยให้นํ้าไหลลงมาตามท่อเขา้ สู่
นน้ําหมนุ เพลาของเคร่อื งกงั หนั น้ําท่ีต่อเข้ากบั
ตาม เกิดการเหน่ียวนําขนึ้ ในเคร่ืองกาํ เนิด

102

2 การใช้พลงั งานจากน้ําขนึ้ นํ้าลงที่มีร
ซ่ึงปัจจบุ นั มีอย่ใู นประเทศฝรงั่ เศส

การใช้พลงั งานคลื่นในมหาสมทุ รม

3 อย่บู นผิวนํ้าการเคลอื่ นไหวของท่นุ

กระแสไฟฟ้า ปัจจบุ นั หลายประเทศ

4 การใช้ความแตกต่างของอณุ หภมู ิร
บริเวณนํ้าที่อย่ใู นระดบั ลึกซึ่งเยน็ กว

การใช้พลงั งานจากกระแสน้ําในมห

5 มหาสมทุ รท่ีเกิดขึน้ อย่างสมาํ่ เสมอ

ปริมาณมากมายมหาศาลและมีพลง

ระดบั แตกต่างกนั มากมาผลิตกระแสไฟฟ้า
และรสั เซีย
มาผลิตกระแสไฟฟ้า โดยการสรา้ งท่นุ ลอย
นลอยเหลา่ นี้โดยคล่ืนทาํ ให้เกิด
ศกาํ ลงั ศึกษาทดลองอยู่
ระหวา่ งบริเวณผิวนํ้าทะเลท่ีอบอ่นุ และ
ว่า
หาสมทุ ร โดยใช้การไหลวนของกระแสนํ้าใน
และมีการเคลื่อนไหวอย่างช้าๆ ใน
งั งานมากพอที่จะนํามาใช้ประโยชน์ได้

103

ลมเป็นพลงั งานท่ีมีอย่ทู วั ่ ไป ไม่มีว
มวลอากาศ เพราะความแตกต่างของอ
มนุษยร์ จู้ กั นําพลงั งานลมมาใช้ เช่น สบู

กงั หนั ลมเป็ นเคร่ืองจกั รกลชนิ ดห
เคลื่อนที่ของลมเปลี่ยนให้เป็ นพลังง
ประโยชน์โดยตรง เช่น การผลิตพลงั งา
ในการสูบนํ้ามากกว่า 1 ล้านตวั  และเป
กิโลวตั ตข์ นึ้ ไปมากกว่า 12,000 ตวั  การ
ไปกบั การผลิตพลงั งานไฟฟ้ าจากพลงั
เป็ นต้น

วนั หมด เกิดจากการถ่ายเทเคลื่อนย้าย
อณุ หภมู ิในบริเวณหน่ึง ในสมยั โบราณ
บนํ้า บดขา้ วโพด แลน่ เรือใบ เป็นต้น

หน่ึงท่ีสามารถรบั พลงั งานจลน์จากการ
งานกล จากนั้นนําพลงั งานกลไปใช้
านไฟฟ้า ปัจจบุ นั ทวั่ โลกมีกงั หนั ลมท่ีใช้
ป็ นกงั หนั ลมท่ีใช้ผลิตไฟฟ้ าขนาดหนึ่ง
รผลิตไฟฟ้าจากพลงั งานลมจะใช้ควบคู่
งงานรูปอ่ืน เช่น พลงั งานแสงอาทิตย์

104

กระแสลมโดยเฉลี่ยของประเทศไ
ของกระแสลมตา่ํ กวา่ 4 เมตร ต่อวินาที
ในการหมนุ กงั หนั ลมสบู นํ้า ซ่ึงมีอย่ทู วั่ ป
การคิดค้นพฒั นาในการนํากงั หนั ลมม
พนื้ ท่ีของประเทศไทย โดยเฉพาะที่แหล
ลมมาใช้ผลิตกระแสไฟฟ้ารว่ มกบั การผล

การใช้พลงั งานลมร่วมกบั พลงั งานแส
กระแสไฟฟ้าทีแ่ หลมพรหมเทพ

ไทยอยู่ในระดบั กลางถึงตาํ่  มีความเรว็
ท เราได้นําพลงั งานจากกระแสลมมาใช้
ประเทศไทยประมาณ 5,800 ชุด และมี
มาใช้ในการผลิ ตกระแสไฟฟ้ าในหลาย
ลมพรหมเทพ จงั หวดั ภเู กต็  ได้นํากงั หนั
ลิตกระแสไฟฟ้ าจากแสงอาทิ ตย์

สงอาทิตยเ์ พือ่ ผลิต 105
จงั หวดั ภเู กต็

พลงั งานความร้อนใต้พิภพเป็ นแห
แหล่งหน่ึงของโลกเกิดจากการเคล่ือนตวั
ทาํ ให้น้ําบางส่วนไหลซึมลงไปใต้ผิวโลกไ

ที่มีความร้อนสูง กลายเป็ นนํ้าร้อน แ
เล่ือนแตกของชนั้ หินขนึ้ มาบนผิวดิน

อาจจะเป็นในลกั ษณะของน้ําพรุ อ้ น

ไอน้ําร้อน โคลนเดือด และกา๊ ซ
พลงั งานความรอ้ นนี้จะสะสมอยู่
ใต้ผิวโลกย่ิงลึกลงไปอณุ หภมู ิกย็ ิ่งสงู ขึน้

หล่งพลงั งานธรรมชาติที่มีขนาดใหญ่
วของเปลือกโลก เกิดแนวรอยเลื่อนแตก
ไปสะสมตวั และรบั ความร้อนจากชนั้ หิน
ละไอน้ําท่ีพยายามแทรกตวั ตามรอย

106

น้ําร้อนจากใต้พนื้ ดินสามารถนําม
สารที่มีจุดเดือดต่าํ ง่ายต่อการเดือด แ
กงั หนั เพื่อขบั เคล่อื นเคร่ืองกาํ เนิดไฟฟ้า

นอกจากนี้  น้ําพุร้อนท่ีนํามา
ผลิตกระแสไฟฟ้าแล้ว เม่ือมีอุณหภมู ิต
ประมาณ 80 องศาเซลเซียส สามารถนํา
พลงั งานในการอบแห้งพืชผลทางการเก
พลงั งานสาํ หรบั ห้องเยน็ และเคร่ืองปรบั
อีกด้วย

าถ่ายเทความร้อนให้กบั ของเหลวหรือ
และการเป็ นไอ แล้วนําไอท่ีได้ไปหมุน

าใช้ในการ
ต่ําลงเหลือ
ามาใช้เป็ น
กษตร เป็ น
บอากาศได้

107

1

การนําชีวมวลมาใ
มี 2 กระบวนการ คือ

2

ใช้เป็นพลงั งานนัน้

108

ทรพั ยากรธรรมชาติเป็ นร
พฒั นาประเทศ ทงั้ นี้เพราะต้นกําลงั ขอ
ล้วนเป็ นส่ิงท่ีเกิดขึ้นเองตามธรรมชา

ทรพั ยากรหมุนเวียนกม็ ีข้อจาํ กดั ด้านผ

จึงมีความพยายามคิดค้นแสวงหาแหล่ง
ใช้ได้ตลอดไป เช่น พลงั งานแสงอาทิต
พิภพ พลงั งานชีวมวล พลงั งานนํ้า การน
เฉพาะพื้นที่ขนาดเลก็  และห่างไกลเท่าน
อาศยั เวลาในการพฒั นาเทคโนโลยี แล
คาํ นึงถึงศกั ยภาพของพลงั งานแต่ละประ

รากฐาน และตัวแปรสําคัญของการ
องระบบผลิตไฟฟ้ าทงั้ หมดในปัจจุบนั
าติ ซ่ึงมีวนั หมดสิ้น แม้แต่น้ําซ่ึงเป็ น
ผลกระทบต่อส่ิงแวดล้อมเช่นกนั ดงั นัน้
งพลงั งานใหม่ที่ประหยดั  และสามารถ
ตย์ พลงั งานลม พลงั งานความร้อนใต้
นํามาใช้ประโยชน์ในระยะแรกจาํ กดั อยู่
นัน้  หากจะนําไปใช้ในเชิงพาณิ ชยต์ ้อง
ละลดต้นทุนการผลิตลงอีก และต้อง
ะเภทด้วย

109





ประเทศไทยมีเศรษฐกิจใหญ่เป็ นล
เฉี ยงใต้ ควำมต้องกำรพลังงำนส่ว
กรงุ เทพมหำนครและปริมณฑล ประเทศ
หนักจำนวนมำก และมีนักท่องเท่ียวจำ
ประเทศไทยเติบโตอย่ำงรวดเรว็ และมี
ประเทศไทยจึงเผชิญกบั กำรเปลี่ยนแปล

ของกำรใช้พลงั งำนของประเทศในอนำค

ลำดบั ที่สองในภมู ิภำคเอเชียตะวนั ออก
วนใหญ่รวมศูนย์อยู่ในพื้นที่บริ เวณ
ศไทยยงั เป็นฐำนกำรผลิตอตุ สำหกรรม
ำนวนมำกในหลำยจงั หวดั ทวั่ ประเทศ
จำนวนชนชนั้ กลำงเพ่ิมขึน้ ด้วยเหตุนี้
ลงเชิงโครงสร้ำง ซ่ึงจะส่งผลต่อรปู แบบ
คต

111

กำรกำหนดนโยบำยพลงั งำนของป

ประเทศไทย ได้คำนึงถึงหลกั กำรดงั นี้

112

กำรกำหนดนโยบำยพลงั งำนของป
พลงั งำนของโลกและเกิดควำมยงั่ ยืนใน
ประกำร ดงั นี้

นโยบำยควำมมนั่ คงด้ำน

นโยบำยด้ำนกำรอนุรกั ษ์พ

นโยบำยรำคำและกำรปฏิรป

นโยบำยด้ำนสิ่งแวดลอ้ มพลงั ง

ประเทศไทยท่ีสอดคลอ้ งกบั สถำนกำรณ์
นกำรพฒั นำ จึงมุ่งเน้นนโยบำยหลกั 4

นกำรจดั หำพลงั งำน
พลงั งำนและพฒั นำพลงั งำนทดแทน
ปู ตลำดพลงั งำน
งำน

113

เพอื่ ให้สอดคลอ้ งกบั นโยบำยขอ
ไทยแลนด์ 4.0 กระทรวงพลงั งำน จึงไ
ขับเคลื่อนและสนับสนุนเศรษฐกิ จ
ประสิทธิภำพของระบบพลงั งำน และน
พฒั นำซ่ึงต้องครอบคลุมทงั้ ระบบ ตงั้ แ
ตำมประเภทพลงั งำน ได้แก่

 น้ำมนั เชือ้ เพลิง

 กำ๊ ซธรรมชำติ

 ด้ำนไฟฟ้ำ

องรฐั บำลท่ีต้องกำรผลกั ดนั ยทุ ธศำสตร์
ได้กำหนดนโยบำยพลงั งำน 4.0 เพ่ือ
ภำยใต้หลักกำร คือ กำรยกระดับ
นำนวตั กรรมท่ีเหมำะสมมำใช้ในกำร
แต่กำรผลิต จดั หำ แปรรปู จนถึงกำรใช้

114

นโยบำยกำรประหยัดพลงั งำ
พ.ศ. 2516 ซ่ึงอยู่ในช่วงแผนพฒั นำฯ ฉ
ในขณะนัน้ ได้กำหนดมำตรกำรป้ องก
กำรใช้น้ำมนั และไฟฟ้ ำหลำยประกำร
สำหรบั มำตรกำรด้ำนกำรอนุรกั ษ์พลงั ง
ใช้ในแผนพฒั นำฯ ฉบบั ที่ 4 (พ.ศ. 2
เนื่องจำกกำรใช้น้ำมนั ยงั มีอตั รำท่ีสูงมำ
ปิ โ ต ร
จำกต่ำงประเทศในอตั รำท่ีสงู มำก มำตรกำ
ทงั้ กำรคมนำคมขนส่ง อตุ สำหกรรม ภำค
ชวั ่ ครำวที่เน้นกำรแก้ไขปัญหำเฉพำะหน

ำ น ข อ ง ป ร ะ เ ท ศ ไ ท ย ไ ด้ เ ร่ิ ม ต้ น เ ม่ื อ ปี

ฉบบั ที่ 3 (พ.ศ. 2515-2519) โดยรฐั บำล
กนั กำรขำดแคลนน้ำมนั และประหยดั

ร ซึ่งบำงมำตรกำรมีลกั ษณะชวั่ ครำว

งำน หรือกำรประหยดั กำรใช้พลงั งำนท่ี
2520-2524) ก็ยงั คงมีอย่ำงต่อเน่ือง
ำก อีกทงั้ กำรผลิตไฟฟ้ำยงั พึ่งพำน้ำมนั
เ ลี ย ม

ำรประหยดั พลงั งำนในขณะนัน้ ครอบคลุม

คส่วนรำชกำรซ่ึงส่วนใหญ่เป็ นมำตรกำร

น้ำเท่ำนัน้ 115

จำกมำตรกำรต่ำงๆ ที่รฐั บำลไ
ไฟฟ้ำในช่วงท่ีรำคำน้ำมนั ดิบในตลำดโล
สำมำรถลดกำรใช้น้ำมนั และลดกำรพึง่ พ
ได้อย่ำงมีประสิ ทธิ ภำพ จวบจนกระ
แ ห่ ง
ฉบบั ท่ี 5 (พ.ศ. 2525-2529) จึงได้มีกำ
เพื่อใช้เป็ นหลกั ในกำรพฒั นำด้ำนพลงั ง
สงู สดุ ต่อกำรพฒั นำประเทศโดยรวมถึงก
พ ล ัง ง ำ น ใ ห้ ล ด ล ง   ม ำ ต ร ก ำ ร ป ร ะ ห ย
ประสิทธิภำพกำรใช้พลงั งำนในสำขำอ
แผนพฒั นำฯ ฉบบั ที่ 5 นัน้ กำหนดให้เน
หน่วยกำรผลิตให้เกิดกำรประหยดั แล
ดำเนินงำนในรปู โครงกำรประหยดั พลงั ง

ได้ใช้เพื่อเป็ นกำรลดกำรใช้น้ำมนั และ
ลกมีรำคำแพงและขำดแคลนนัน้  ยงั ไม่
พำน้ำมนั ปิ โตรเลียมจำกต่ำงประเทศลง
ะทัง่ แผนพฒั นำเศรษฐกิจและสังคม

ช ำ ติ
รกำหนดนโยบำยทำงด้ำนพลงั งำนไว้
งำนของประเทศที่ก่อให้เกิดประโยชน์
กำรปรบั โครงสร้ำงกำรผลิตและกำรใช้
ย ัด พ ล ัง ง ำ น ที่ น ำ ม ำ ใ ช้ เ พ่ื อ ป ร ับ ป รุ ง
อุตสำหกรรม และคมนำคมขนส่งตำม
น้นถึงประสิทธิภำพกำรใช้พลงั งำนต่อ
ละลดกำรใช้พลงั งำนลง โดยให้มีกำร
งำนของประเทศ

116

โครงกำรดังกล่ำวได้ดำเนิ นม
กว้ำงขวำงเพ่ิมขึ้นจนถึงในช่วงของแผน
จึงได้กำหนดเป้ำหมำยเพ่ิมขึน้ ให้มีกำรอ
ที่อยอู่ ำศยั ด้วย

ภาพ หน่วยงานภาครฐั และเอกชนรว่

มำอย่ำงต่ อเ น่ื องและขย ำย ขอบเ ขต
นพฒั นำฯ ฉบบั ที่ 6 (พ.ศ. 2530-2534)
อนุรกั ษ์พลงั งำนในอำคำรพำณิชยแ์ ละ

วมกนั รณรงคเ์ พอื่ ประหยดั พลงั งาน

117

แผนอนุรกั ษ์พลงั งำน 20 ปี (
เป้ำหมำยกำรดำเนินงำนอนุรกั ษ์พลงั งำ

มีเป้ำหมำยท่ีจะลดควำมเข้มกำรใช้พลงั งำน

1 เทียบกบั ปี 2548 หรือเทียบเท่ำ กำรลดกำร
ในปี 2573 หรือประมำณ 30,000 พนั ตนั เทีย

2 ภำคเศรษฐกิจท่ีจะต้องมีกำรอนุรกั ษ์พลงั งำนม
และภำคอตุ สำหกรรม (11,300 ktoe ในปี 25

3 จะทำให้ค่ำ Energy Elasticity (อตั รำส่วนข
กำรเติบโตของ GDP)ลดลงจำกค่ำเฉล่ียเมอ่ื 20

(พ.ศ. 2554-2573) เป็ นแผนกำหนด
ำน มีรำยละเอียดและสำระสำคญั ดงั นี้

น (energy intensity) ลง 25% ในปี 2573 เมอ่ื
รใช้พลงั งำนขนั้ สดุ ท้ำย (final energy) ลง 20%
ยบเท่ำน้ำมนั ดิบ (ktoe)

นมำกท่ีสดุ คือ ภำคขนส่ง (13,400 ktoe ในปี 2573)
573)

ของอตั รำกำรเพิ่มขึน้ ของกำรใช้พลงั งำนต่อ
0ปี ท่ีผำ่ นมำคือ 0.98เหลอื 0.70ใน20 ปี ขำ้ งหน้ำ

118

4 จะก่อให้เกิดผลกำรประหยดั พลงั งำนสะสมเฉ
ล้ำนบำทต่อปี และหลีกเล่ียงกำรปล่อยคำร

5 จะมีมำตรกำรทงั้ ภำคบงั คบั ด้วยกฎระเบียบกบั
ที่สำคญั คือ กำรบงั คบั ใช้พระรำชบญั ญตั ิกำ
และฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. 2550 และกำรกำหน
พลงั งำน ส่วนภำคกำรสนับสนุนและส่งเสริ
ผลประหยดั พลงั งำนที่ตรวจพิสจู น์หรือประ

6 จะเน้นมำตรกำรท่ีทำให้เกิดกำรเปลี่ยนแปล
และพฤติกรรมของผใู้ ช้พลงั งำน โดยกำรบงั
ของอปุ กรณ์/เคร่ืองใช้ อำคำร และยำนยนต

7 จะมีกำรบงั คบั ให้ธรุ กิจพลงั งำนขนำดใหญ่
มำตรกำรส่งเสริมกำรอนุรกั ษพ์ ลงั งำนให้กบ
Efficiency Resource Standard หรอื EERS

เฉล่ีย 14,500 ktoe ต่อปี คิดเป็นมลู ค่ำ 272,000
รบ์ อนไดออกไซดส์ ะสมเฉล่ีย 49 ลำ้ นตนั ต่อปี

บภำคกำรสนับสนุนและส่งเสริม โดยภำคบงั คบั
ำรส่งเสริมกำรอนุรกั ษพ์ ลงั งำน พ.ศ. 2535
นดมำตรฐำนขนั้ ตำ่ และฉลำกประสิทธิภำพ
รมท่ีสำคญั คือ กำรให้เงินอดุ หนุนเพ่อื ชดเชย
ะเมินได้ (Standard Offer Program หรือ SOP)

ลงทิศทำงตลำด (market transformation)
งคบั ให้ติดฉลำกแสดงประสิทธิภำพพลงั งำน
ต์ เพอื่ ให้ผบู้ ริโภคมีทำงเลอื ก

เช่น ธรุ กิจไฟฟ้ำ น้ำมนั และกำ๊ ซ ต้องดำเนิน
กบั ผใู้ ช้พลงั งำนตำมมำตรฐำนขนั้ ตำ่ (Energy
S) แทนกำรดำเนินกำรแบบสมคั รใจในอดีต

119

8 จะมีมำตรกำรช่วยเหลือทงั้ ด้ำนกำรเงินและเท
โดยเฉพำะกำรให้เงินอดุ หนุนผำ่ น Standard O
ทำงเทคนิคผำ่ น Energy Efficiency Resource

9 เนื่องจำกในอนำคตกำรใช้ยำนยนตม์ ีแนวโ
ส่งเสริมกำรใช้ยำนยนตท์ ่ีมีประสิทธิภำพพล
ประสิทธิภำพพลงั งำน กำรบงั คบั เกณฑม์ ำต
เป็ นต้น

จะมีกำรกระจำยภำระควำมรบั ผิดชอบด้ำน

10 ต่ำงๆ ของสงั คมมำกขึน้ โดยให้ภำคเอกชน

ขององคก์ ำรบริหำรส่วนท้องถิ่น รวมทงั้ กำร
แบบอยำ่ งท่ีดีในกำรอนุรกั ษพ์ ลงั งำน

ทคนิคสำหรบั ผปู้ ระกอบกำรรำยยอ่ ย เช่น SMEs
Offer Program (SOP) และกำรให้ควำมช่วยเหลือ
Standard (EERS)
โน้มเพ่ิมสงู ขึน้ เรอื่ ยๆ แผนนี้จึงมีมำตรกำร
ลงั งำนสงู เช่น กำรบงั คบั ติดฉลำกแสดง
ตรฐำนขนั้ ตำ่ และกำรใช้มำตรกำรทำงภำษี

นกำรส่งเสริมกำรอนุรกั ษพ์ ลงั งำนส่ภู ำคส่วน
นเป็นห้นุ ส่วนที่สำคญั และกำรเพิ่มบทบำท
รให้หน่วยงำนภำครฐั แสดงบทบำทเป็น

120

แผนปฏิบตั ิการอนุรกั ษ์พลงั งา

าน 20 ปี (พ.ศ. 2554-2573)

121

กระทรวงพลงั งำน ได้จดั ทำแผนบรู ณ
กำรดำเนิ นนโยบำยด้ำนพลงั งำนในระยะยำวม
พฒั นำพลงั งำนของประเทศให้เกิดควำมมนั ่ คง
2558-2579 ซ่ึงประกอบด้วย

1 แผนพฒั นำกำลงั ผลิตไฟฟ้ำของประเท

2 แผนอนุรกั ษพ์ ลงั งำน พ.ศ. 2558

3 แผนพฒั นำพลงั งำนทดแทนและพลง

4 แผนบริหำรจดั กำรน้ำมนั เชื้อเพ

5 แผนบริหำรจดั กำรกำ๊ ซธรรมชำ

ณำกำรพลงั งำนระยะยำว 5 แผน เพื่อช่วยให้
มีทิศทำงท่ีชดั เจนขึน้ ซึ่งเป็นกรอบท่ีจะนำมำ
งและยงั่ ยืน ในระยะยำว 21 ปี นับตงั้ แต่ พ.ศ.

ทศไทยระยะ 21 ปี (พ.ศ.2558-2579) หรอื PDP 2015

8-2579 หรอื EEP 2015

งั งำนทำงเลือก พ.ศ. 2558-2579 หรือ AEDP 2015

พลิง พ.ศ. 2558-2579 หรอื Oil Plan 2015
ำติ พ.ศ. 2558-2579 หรือ Gas Plan 2015

122

ควำมต้องกำรพลงั งำนของไทยมแี นว
พลงั งำน ดงั นัน้ จึงต้องมีกำรหำแหล่งพลงั งำนสำรอ
ดงั กล่ำวรฐั บำลจึงได้กำหนดนโยบำยกำรประหยดั พ

สงั คมแห่งชำติฉบบั ท่ี 3 (พ.ศ. 2515-2519) และในแ
ประสิทธิภำพกำรใช้พลงั งำนต่อหน่วยกำรผลิต 
โครงกำรประหยดั พลงั งำน และในแผนพฒั นำฯ ฉบ
กำรอนุรกั ษ์พลงั งำนในอำคำรพำณิ ชย์และท่ีอยู่อ
พระรำชบญั ญตั ิกำรส่งเสริมกำรอนุรกั ษ์พลงั งำน แ
20 ปี (พ.ศ. 2554-2573) โดยมีกำรจดั ทำแผนปฏิบตั ิก
ขบั เคล่ือนกำรดำเนินงำนด้ำนกำรอนุรกั ษ์พลงั งำน
อนุรกั ษ์พลงั งำนภำยใต้ข้อตกลงของผู้นำประเทศ

(เอเปก) ในกำรลดควำมเข้มข้นของกำรใช้พลงั งำน (


Click to View FlipBook Version