คู่มอื ครู วทิ ยาศาสตร์โลก และอวกาศ หนว่ ยที่ 3 |ลมฟ้าอากาศและภมู อิ ากาศ 233
ตรวจสอบความร้กู อ่ นเรยี น
ให้นักเรียนพิจารณาข้อความต่อไปน้ี แล้วเติมเคร่ืองหมาย ลงในช่องคำ�ตอบหน้า
ขอ้ ความทถ่ี กู หรอื เครอ่ื งหมาย ลงในชอ่ งค�ำ ตอบหนา้ ขอ้ ความทผ่ี ดิ
1. โลกมสี ณั ฐานคลา้ ยทรงกลมและแกนของโลกเอยี งประมาณ 23.5 องศา กบั เสน้ ตง้ั ฉาก
ของระนาบการโคจรของโลกรอบดวงอาทติ ย์
2. การแผ่รังสีเป็นการถ่ายโอนพลังงานที่เกิดข้ึนในอวกาศเท่านั้น (การแผ่รังสีเป็น
การถา่ ยโอนพลงั งานท่เี กิดข้นึ ทง้ั ในอวกาศและบนโลก)
3. รงั สดี วงอาทิตยเ์ ปน็ คลน่ื แม่เหลก็ ไฟฟ้า
4. คลืน่ แมเ่ หลก็ ไฟฟ้ามหี ลายช่วงความถี่ ได้แก่ คล่ืนวทิ ยุ ไมโครเวฟ อนิ ฟราเรด แสงท่ี
มองเห็น อลั ตราไวโอเลต รงั สีเอก็ ซ์ และรงั สแี กมมา
5. พ้ืนผิวสองบรเิ วณท่มี ีลกั ษณะต่างกนั เมือ่ ได้รับรงั สดี วงอาทติ ย์ในปริมาณท่เี ทา่ กนั จะ
มีอุณหภูมิเท่ากัน (พ้นื ผิวสองบริเวณทม่ี ลี กั ษณะตา่ งกนั เมอ่ื ไดร้ ับรังสีดวงอาทิตย์ใน
ปริมาณทเ่ี ทา่ กันจะมีอณุ หภมู ิตา่ งกนั )
6. อากาศทม่ี ีอุณหภมู ติ ำ�่ จะมีความหนาแน่นมากกวา่ อากาศทมี่ อี ณุ หภูมสิ ูง
7. บริเวณที่มีอุณหภูมิอากาศตำ่�จะมีความกดอากาศตำ่�กว่าบริเวณรอบข้างที่อากาศมี
อณุ หภมู สิ งู กวา่ (บรเิ วณทม่ี อี ณุ หภมู อิ ากาศต�่ำ จะมคี วามกดอากาศสงู กวา่ บรเิ วณรอบ
ข้างท่อี ากาศมอี ุณหภมู ิสงู กว่า)
8. บริเวณท่ีอากาศมีอุณหภูมิสูงจะสามารถเก็บไอน้ำ�ได้มาก ทำ�ให้มีโอกาสเกิดเมฆมาก
กว่าบริเวณทีอ่ ากาศมีอุณภูมติ ำ่�กวา่
9. ลมพัดจากบริเวณที่มีความกดอากาศตำ่�กว่าไปยังบริเวณท่ีมีความกดอากาศสูงกว่า
(ลมพดั จากบรเิ วณทมี่ คี วามกดอากาศสงู กวา่ ไปยงั บรเิ วณทม่ี คี วามกดอากาศต�ำ่ กวา่ )
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
234 หนว่ ยท่ี 3 | ลมฟ้าอากาศและภูมอิ ากาศ คมู่ อื ครู วทิ ยาศาสตร์โลก และอวกาศ
10. อัตราเร็วลมแปรผันตามความแตกต่างของความกดอากาศของสองบริเวณและ
ระยะห่างระหวา่ งสองบริเวณนัน้
11. ภูมอิ ากาศ คอื ค่าเฉลี่ยลมฟา้ อากาศในพน้ื ท่ีใดพนื้ ทีห่ นึง่ ในชว่ งเวลานาน ประมาณ
30 ปีข้ึนไป
12. แกส๊ เรอื นกระจกและละอองลอยเปน็ องคป์ ระกอบหนงึ่ ในบรรยากาศทม่ี ปี รมิ าณคงท ี่
(แกส๊ เรอื นกระจกและละอองลอยมปี รมิ าณไมค่ งที่ โดยมกี ารเปลยี่ นแปลงตามปจั จยั
ต่าง ๆ ช่น การระเบดิ ของภเู ขาไฟ กจิ กรรมตา่ ง ๆ ของมนุษย์)
13. ถ้าโลกไม่มีแก๊สเรือนกระจกจะทำ�ให้อุณหภูมิของโลกเวลากลางวันและกลางคืน
แตกตา่ งกันมาก
14. เมฆคิวมูโลนิมบสั และเมฆนมิ โบสเตรตสั ทำ�ให้เกดิ หยาดน�้ำ ฟา้
15. อณุ หภมู อิ ากาศ ความกดอากาศ อตั ราเรว็ และทศิ ทางลม ความชนื้ สมั พทั ธ์ ชนดิ และ
ปริมาณเมฆปกคลุม หยาดน้ำ�ฟ้า เป็นองค์ประกอบลมฟ้าอากาศท่ีนำ�มาใช้ในการ
พยากรณ์อากาศ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คูม่ อื ครู วิทยาศาสตร์โลก และอวกาศ บทที่ 8 |ลมฟ้าอากาศและภมู อิ ากาศ 235
8บทที่ | การเกิดลมฟ้าอากาศและภูมอิ ากาศ
ipst.me/8858
ตัวชี้วดั
1. อธิบายปัจจัยสำ�คัญที่มีผลต่อการได้รับพลังงานจากดวงอาทิตย์แตกต่างกันในแต่ละบริเวณ
ของโลก
2. อธิบายการหมนุ เวียนของอากาศทเ่ี ป็นผลมาจากความแตกตา่ งของความกดอากาศ
3. อธบิ ายทิศทางการเคลอ่ื นที่ของอากาศทีเ่ ป็นผลมาจากการหมุนรอบตวั เองของโลก
4. อธบิ ายการหมุนเวียนของอากาศตามเขตละติจูด และผลทมี่ ตี อ่ ภูมอิ ากาศ
5. อธบิ ายปจั จยั ทที่ �ำ ใหเ้ กดิ การหมนุ เวยี นของน�ำ้ ผวิ หนา้ ในมหาสมทุ รและรปู แบบการหมนุ เวยี นของ
น้ำ�ผวิ หน้าในมหาสมทุ ร
6. อธิบายผลของการหมุนเวียนของอากาศและนำ้�ผิวหน้าในมหาสมุทรท่ีมีต่อลักษณะภูมิอากาศ
ลมฟา้ อากาศ สิ่งมชี ีวติ และส่งิ แวดล้อม
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
236 บทที่ 8 |ลมฟ้าอากาศและภมู ิอากาศ คมู่ อื ครู วทิ ยาศาสตร์โลก และอวกาศ
การวเิ คราะหต์ วั ชวี้ ัด
ตัวชีว้ ดั
1. อธิบายปัจจัยสำ�คัญที่มีผลต่อการได้รับพลังงานจากดวงอาทิตย์แตกต่างกันในแต่ละบริเวณ
ของโลก
2. อธิบายการหมุนเวยี นของอากาศท่ีเปน็ ผลมาจากความแตกตา่ งของความกดอากาศ
3. อธิบายทิศทางการเคลอื่ นทีข่ องอากาศทเี่ ป็นผลมาจากการหมนุ รอบตวั เองของโลก
4. อธิบายการหมนุ เวยี นของอากาศตามเขตละตจิ ูด และผลท่มี ตี อ่ ภมู ิอากาศ
5. อธบิ ายปจั จยั ทที่ �ำ ใหเ้ กดิ การหมนุ เวยี นของน�้ำ ผวิ หนา้ ในมหาสมทุ รและรปู แบบการหมนุ เวยี น
ของน�ำ้ ผวิ หนา้ ในมหาสมทุ ร
6. อธบิ ายผลของการหมนุ เวยี นของอากาศและน�้ำ ผวิ หนา้ ในมหาสมทุ รทม่ี ตี อ่ ลกั ษณะภมู อิ ากาศ
ลมฟ้าอากาศ ส่งิ มชี วี ิต และส่งิ แวดล้อม
จดุ ประสงค์การเรียนรู้
1. อธบิ ายปจั จัยสำ�คญั ทที่ ำ�ใหแ้ ต่ละบรเิ วณบนโลกได้รับรงั สดี วงอาทิตยแ์ ตกต่างกัน
2. อธบิ ายการหมุนเวยี นของอากาศทีเ่ ป็นผลมาจากความแตกต่างของความกดอากาศ
3. อธิบายลมฟ้าอากาศท่ีเปน็ ผลจากการหมุนเวยี นของอากาศ
4. อธิบายทิศทางการเคลื่อนทข่ี องอากาศท่ีเป็นผลมาจากการหมนุ รอบตัวเองของโลก
5. วเิ คราะหแ์ ละอธิบายการหมุนเวียนของอากาศตามเขตละตจิ ูด และผลท่ีมีตอ่ ภมู ิอากาศ
6. วเิ คราะห์และอธิบายรปู แบบการหมุนเวียนนำ้�ผิวหน้ามหาสมทุ ร
7. สบื คน้ ขอ้ มลู วเิ คราะหแ์ ละอธบิ ายผลของการหมนุ เวยี นของอากาศและน�้ำ ผวิ หนา้ ในมหาสมทุ ร
ท่มี ตี อ่ ภูมอิ ากาศ ลมฟา้ อากาศ สง่ิ มีชวี ติ และส่งิ แวดลอ้ ม
ทักษะกระบวนการทาง ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 จติ วิทยาศาสตร์
1. การยอมรบั ความเหน็ ตา่ ง
วิทยาศาสตร์ ความร่วมมือ การทำ�งานเป็นทีม 2. ก าใชว้ จิ ารณญาณ
1. การตีความหมายข้อมูล และภาวะผ้นู �ำ 3. ความเชอ่ื มน่ั ตอ่ หลกั ฐาน
และลงข้อสรปุ
2. ก า ร จั ด ก ร ะ ทำ � แ ล ะ สื่ อ
ความหมายข้อมลู
3. การต้ังสมมตฐิ าน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ค่มู อื ครู วิทยาศาสตรโ์ ลก และอวกาศ บทท่ี 8 |ลมฟา้ อากาศและภมู ิอากาศ 237
ลำ�ดบั ความคดิ ต่อเนื่อง
พน้ื ผวิ โลกแต่ละบรเิ วณไดร้ ับรงั สีดวงอาทติ ย์แตกต่างกัน เนอื่ งจากปจั จยั สำ�คญั หลายประการ เชน่
สัญฐานโลกและการเอยี งของแกนโลก เมฆและละอองลอย ลักษณะพน้ื ผิวโลก
การรบั รงั สีดวงอาทิตย์ทีแ่ ตกตา่ งกนั ของพน้ื ผิวโลกแตล่ ะบริเวณ สง่ ผลใหอ้ ากาศเหนอื พนื้ ผวิ โลก
แต่ละบริเวณมีอณุ หภมู แิ ตกตา่ งกันจึงเกิดการหมนุ เวยี นของอากาศและการหมุนเวยี นของน�ำ้ ผิวหน้า
มหาสมทุ รเพอื่ ถา่ ยโอนความร้อน
เมื่ออณุ หภูมิอากาศเหนอื พ้ืนผิวโลกแต่ละบรเิ วณแตกตา่ งกนั สง่ ผลให้เกิดแรงเน่ืองจากความ
แตกต่างของความกดอากาศซ่ึงท�ำ ใหเ้ กดิ การหมุนเวยี นของอากาศ
การหมุนเวยี นของอากาศเหนือบรเิ วณความกดอากาศตำ่�และบรเิ วณความกดอากาศสูงส่งผลตอ่
ลมฟา้ อากาศ ณ บรเิ วณดังกล่าว
การหมนุ รอบตวั เองของโลก สง่ ผลใหเ้ กดิ แรงคอรอิ อลิสซง่ึ มผี ลต่อทิศทางการเคลื่อนทข่ี องอากาศ
โดยอากาศที่เคลื่อนทบ่ี นซกี โลกเหนอื จะเบนไปทางขวาจากทิศทางเดมิ และอากาศทีเ่ คลอื่ นทบ่ี น
ซีกโลกใต้จะเบนไปทางซ้ายจากทิศทางเดมิ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
238 บทท่ี 8 |ลมฟ้าอากาศและภูมิอากาศ คมู่ ือครู วิทยาศาสตร์โลก และอวกาศ
การหมนุ รอบตวั เองของโลกและความกดอากาศที่แตกต่างกนั ในแตล่ ะบริเวณ ท�ำ ใหเ้ กิด
การหมุนเวียนของอากาศ ซ่งึ อธบิ ายได้ดว้ ยแบบจ�ำ ลองการหมนุ เวียนอากาศตามละติจดู
การหมนุ เวยี นของอากาศในแต่ละแถบละตจิ ูดสง่ ผลตอ่ ภมู ิอากาศและลมฟา้ อากาศ
การหมุนเวยี นของอากาศสง่ ผลต่อการหมนุ เวียนของน�้ำ ผวิ หนา้ มหาสมทุ ร มีรูปแบบของกระแสน�้ำ
ท่สี �ำ คญั คือ กระแสนำ้�อนุ่ และกระแสน�ำ้ เยน็ ซ่งึ สง่ ผลต่อภูมิอากาศ ลมฟ้าอากาศ ส่ิงมีชวี ิต
และสง่ิ แวดลอ้ ม
การหมุนเวยี นของอากาศและน้ำ�ผวิ หน้ามหาสมทุ รทีเ่ ปลีย่ นไปท�ำ ใหเ้ กิดปรากฏการณ์
เอลนีโญและลานีญา
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ค่มู อื ครู วทิ ยาศาสตร์โลก และอวกาศ บทท่ี 8 |ลมฟ้าอากาศและภูมอิ ากาศ 239
สาระสำ�คัญ
การท่ีโลกมีสัณฐานเป็นทรงกลมและแกนโลกเอียง อีกท้ังมีชั้นบรรยากาศ เมฆและละอองลอย
ปกคลุม รวมทง้ั พ้ืนผวิ โลกมลี กั ษณะแตกต่างกัน จงึ เป็นปัจจัยส�ำ คญั ท�ำ ให้พนื้ ผิวโลกในแต่ละบรเิ วณ
มีความเข้มรังสีดวงอาทิตย์ไม่เท่ากัน ส่งผลให้แต่ละบริเวณบนโลกมีอุณหภูมิและความกดอากาศ
แตกตา่ งกนั จงึ เกดิ การถา่ ยโอนความรอ้ นระหวา่ งบรเิ วณตา่ ง ๆ โดยกระบวนการหมนุ เวยี นของอากาศ
และการหมนุ เวยี นของน�้ำ ผวิ หนา้ มหาสมทุ ร ซงึ่ ทง้ั การหมนุ เวยี นของอากาศและน�ำ้ ผวิ หนา้ มหาสมทุ ร
ส่งผลตอ่ ภมู อิ ากาศ ลมฟ้าอากาศ สง่ิ มีชีวิต และสิ่งแวดลอ้ มของบริเวณตา่ ง ๆ บนโลก
เวลาทใี่ ช้
บทเรียนน้ีควรใช้เวลาประมาณ 10 ช่วั โมง
บทที่ 8 การเกดิ ลมฟ้าอากาศและภูมิอากาศ
8.1 ปจั จยั สำ�คัญทส่ี ง่ ผลต่อการรบั รังสดี วงอาทิตย์ของพน้ื ผวิ โลก 1 ช่ัวโมง
8.2 การหมุนเวียนของอากาศ 5 ชวั่ โมง
8.3 การหมุนเวยี นของน้ำ�ผวิ หนา้ มหาสมทุ ร 2 ช่วั โมง
8.4 ปรากฏการณเ์ อลนีโญและลานญี า 2 ชั่วโมง
ความร้กู อ่ นเรียน
สัณฐานโลก การโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์ ความสัมพันธ์ขององค์ประกอบลมฟ้าอากาศ
ต่าง ๆ การถ่ายโอนความรอ้ น ภัยธรรมชาติและธรณีพบิ ัติภัย
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
240 บทท่ี 8 |ลมฟา้ อากาศและภมู อิ ากาศ ค่มู ือครู วิทยาศาสตรโ์ ลก และอวกาศ
ความเขา้ ใจท่คี ลาดเคลอ่ื นทอี่ าจเกดิ ขึ้น
ความเข้าใจคลาดเคลื่อน ความเขา้ ใจทถ่ี กู ตอ้ ง
พ้ื น ผิวโลกบริเวณศูนย์สูตรมีความเข้มรังสี พน้ื ผวิ โลกบรเิ วณทม่ี คี วามเขม้ รงั สดี วงอาทติ ย์
ดวงอาทติ ย์มากกวา่ บรเิ วณอ่นื เสมอ มากท่ีสุดเปล่ียนแปลงไปตามตำ�แหน่งของ
โลกทโ่ี คจรรอบดวงอาทิตย์
ความเขม้ รงั สดี วงอาทติ ยใ์ นรอบปี ณ ต�ำ แหนง่ ใด ๆ ความเข้มรังสีดวงอาทติ ย์ ณ ตำ�แหนง่ ใด ๆ
บนโลก มีคา่ เทา่ เดมิ เสมอ บนโลก มคี า่ เปลย่ี นแปลงไปในรอบปี
รงั สดี วงอาทติ ยต์ กกระทบพน้ื ผวิ โลกบรเิ วณตา่ ง ๆ รงั สดี วงอาทติ ยต์ กกระทบพน้ื ผวิ โลกบรเิ วณ
ดว้ ยมมุ ท่แี ตกต่างกนั เนือ่ งจากแกนโลกเอยี ง ต่าง ๆ ด้วยมุมที่แตกต่างกันเน่ืองจากโลก
เปน็ ทรงกลม
รังสีดวงอาทิตย์ตกกระทบพ้นื ผิวโลกบริเวณต่าง ๆ
ด้วยมุมที่แตกต่างกันเน่ืองจากรังสีดวงอาทิตย์ รังสีดวงอาทิตย์สามารถตกกระทบพื้นผิวโลก
เดนิ ทางไม่เป็นเส้นขนาน ในแนวตั้งฉาก
แกนหมุนของโลกช้ีไปยังตำ�แหน่งเดิมเสมอ
รังสีดวงอาทิตย์ตกกระทบพ้นื ผิวโลกบริเวณต่าง ๆ ในขณะท่ีโลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ ส่งผล
ด้วยมุมท่ีแตกต่างกันเน่ืองจากรังสีดวงอาทิตย์ ให้ซีกโลกเหนือหันเข้าหาดวงอาทิตย์ใน
เดนิ ทางไมเ่ ปน็ เสน้ ขนาน บางช่วงของปีเท่านั้น
รังสีดวงอาทิตย์ไม่สามารถตกกระทบพ้ืนผิวโลกใน
แนวต้ังฉาก
แกนหมุนของโลกช้ีไปยังตำ�แหนง่ ต่าง ๆ ในขณะ
ท่ีโลกโคจรรอบดวงอาทิตย์
ดวงอาทติ ย
แกนโลก ดวงอาทิตย
แกนโลก
ซกี โลกเหนอื หันเขา้ หาดวงอาทติ ยเ์ สมอ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คมู่ อื ครู วทิ ยาศาสตรโ์ ลก และอวกาศ บทที่ 8 |ลมฟา้ อากาศและภมู ิอากาศ 241
ความเข้าใจคลาดเคลอื่ น ความเขา้ ใจทถ่ี กู ตอ้ ง
อากาศชน้ื มคี วามหนาแน่นมากกว่าอากาศแหง้ อากาศชน้ื มคี วามหนาแนน่ นอ้ ยกวา่ อากาศแหง้
การหมุนเวียนอากาศและนำ้�ในมหาสมุทรไม่ การหมุนเวียนอากาศและน้ำ�ในมหาสมุทร
สามารถถ่ายโอนความร้อนไปยังบริเวณต่าง ๆ ช่วยให้เกิดการถ่ายโอนความร้อนไปยัง
บนโลกได้ บริเวณต่าง ๆ บนโลก
กระแสนำ้�ในมหาสมุทรไม่ส่งผลต่ออุณหภูมิ กระแสนำ้�ในมหาสมุทรส่งผลต่ออุณหภูมิ
อากาศ อากาศ เนื่องจากมีการถ่ายโอนความร้อน
ระหว่างน้�ำ และอากาศ
ปรากฏการณ์เอลนีโญและลานีญาส่งผลเสียต่อ ปรากฏการณ์เอลนีโญและลานีญาส่งผลดีใน
สงิ่ มชี วี ิตและส่งิ แวดล้อมเทา่ นั้น บางพื้นที่ เช่น ทำ�ให้อากาศในฤดูหนาวไม่
หนาวเย็นจนเกินไป และในฤดูร้อนมีอากาศ
ปรากฏการณ์เอลนีโญและลานีญามีความสัมพันธ์ ร้อนน้อยลง ลดความถ่ีในการเกิดพายุ
กบั ภาวะโลกรอ้ น เฮอร์ริเคน ทำ�ให้บางพ้ืนท่ีชุ่มช้ืนข้ึนส่งผลให้
มีผลผลติ ทางการเกษตรมากขึ้น
ปรากฏการณ์เอลนีโญและลานีญาเป็นเพียง
ส่วนหนง่ึ ของภูมอิ ากาศโลก
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
242 บทท่ี 8 |ลมฟา้ อากาศและภูมอิ ากาศ ค่มู ือครู วทิ ยาศาสตรโ์ ลก และอวกาศ
8.1 ปัจจยั ส�ำ คญั ท่ีส่งผลตอ่ การรับรังสดี วงอาทิตยข์ องพน้ื ผวิ โลก
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
อธบิ ายปัจจัยสำ�คัญทท่ี �ำ ใหแ้ ตล่ ะบรเิ วณบนโลกได้รับรงั สดี วงอาทติ ย์แตกตา่ งกัน
ส่ือการเรยี นรูแ้ ละแหลง่ การเรยี นรู้
หนงั สือเรยี นรายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ ช้ันมธั ยมศึกษาปที ี่ 6
แนวการจัดการเรยี นรู้
1. ครูนำ�เข้าสบู่ ทเรียนโดยใหน้ กั เรียนสงั เกตรูปนำ�บทในหนงั สอื เรียนหน้า 181 แลว้ ร่วมกันอภปิ ราย
เก่ียวกับความสัมพันธ์ของการรับพลังงานจากดวงอาทิตย์ ลมฟ้าอากาศ และสภาพแวดล้อมของ
แตล่ ะพ้นื ทตี่ ามความคดิ ของนกั เรียนเอง โดยใชค้ ำ�ถามดงั น้ี
สภาพแวดล้อมของพืน้ ทใ่ี นรูปทั้ง 3 แตกต่างกันอย่างไร
(ก) (ข) (ค)
แนวคำ�ตอบ รปู (ก) พนื้ ทีม่ หี มิ ะปกคลุมมาก รูป (ข) พืน้ ที่มลี กั ษณะเปน็ ปา่ มีต้นไมป้ กคลมุ มาก
รปู (ค) พื้นทีม่ ลี กั ษณะเปน็ ทะเลทราย
พ้ืนผวิ โลกบรเิ วณที่ได้รับพลังงานจากดวงอาทิตยน์ ้อยจะมีสภาพแวดล้อมเหมอื นกบั รูปใด
แนวคำ�ตอบ รปู (ก)
พื้นผิวโลกบริเวณท่ีได้รับพลังงานจากดวงอาทิตย์มากและได้รับหยาดน้ำ�ฟ้าในปริมาณมากจะ
มีสภาพแวดลอ้ มเหมอื นกบั รปู ใด
แนวคำ�ตอบ รูป (ข)
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครู วทิ ยาศาสตรโ์ ลก และอวกาศ บทท่ี 8 |ลมฟ้าอากาศและภมู ิอากาศ 243
พ้ืนผิวโลกบริเวณท่ีได้รับพลังงานจากดวงอาทิตย์มากแต่ได้รับหยาดน้ำ�ฟ้าในปริมาณน้อยจะมี
สภาพแวดลอ้ มเหมอื นกบั รูปใด
แนวค�ำ ตอบ รปู (ค)
2. ครใู หน้ กั เรยี นสงั เกตรปู 8.1 ในหนงั สอื เรยี นหนา้ 182 และรว่ มกนั อภปิ รายเกย่ี วกบั ความแตกตา่ งของ
ความเข้มรังสดี วงอาทติ ยท์ ่พี ้ืนผวิ โลกในแต่ละบริเวณไดร้ ับ โดยใช้ค�ำ ถามดังตอ่ ไปนี้
แถบสใี นรปู แสดงขอ้ มลู อะไร
แนวคำ�ตอบ ความเข้มรงั สีดวงอาทิตย์บนพน้ื ผวิ โลก
พ้ืนผิวโลกบรเิ วณใดมีความเขม้ รังสีดวงอาทิตยม์ าก แสดงด้วยแถบสีใด
แนวค�ำ ตอบ บรเิ วณทวปี แอฟริกา แสดงด้วยแถบสีส้มไปจนถึงสชี มพเู ขม้
พ้นื ผวิ โลกบริเวณใดมีความเข้มรังสดี วงอาทิตย์นอ้ ย แสดงด้วยแถบสีใด
แนวค�ำ ตอบ บรเิ วณข้ัวโลกเหนอื และขว้ั โลกใต ้แสดงดว้ ยแถบสเี ขยี ว
3. ครอู ธบิ ายนกั เรยี นเพม่ิ เตมิ วา่ ความเขม้ รงั สดี วงอาทติ ยค์ อื พลงั งานจากรงั สดี วงอาทติ ยใ์ นหนง่ึ หนว่ ย
เวลาต่อหน่งึ หนว่ ยพนื้ ที่ มีหนว่ ยเปน็ จลู ต่อวนิ าทีตอ่ ตารางเมตร หรือวตั ต์ตอ่ ตารางเมตร
4. ครูกระตุ้นความสนใจของนักเรียนโดยใช้คำ�ถามว่า “เพราะเหตุใดพื้นผิวโลกแต่ละบริเวณจึงมี
ความเข้มรงั สดี วงอาทิตยแ์ ตกต่างกนั ”จากนน้ั ใหน้ กั เรยี นตอบตามความคดิ ของตนเอง
5. ครใู หน้ ักเรยี นสืบคน้ ขอ้ มูลจากหนังสือเรยี นหนา้ 183 - 188 และรว่ มกนั อภิปรายเก่ยี วกับปจั จยั ที่
ส่งผลให้ความเข้มรังสีดวงอาทิตย์บนพ้ืนผิวโลกในแต่ละบริเวณแตกต่างกัน จากน้ันครูนำ�อภิปรายใน
แต่ละปจั จยั ดังตอ่ ไปนี้
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
244 บทท่ี 8 |ลมฟา้ อากาศและภมู อิ ากาศ คูม่ ือครู วทิ ยาศาสตร์โลก และอวกาศ
5.1 ครูให้นักเรียนพิจารณารูป 8.2 และ 8.3 ในหนังสือเรียนหน้า 183-184 เพ่ือศึกษาปัจจัย
สณั ฐานโลกและการเอยี งของแกนโลกทสี่ ง่ ผลตอ่ ความเขม้ รงั สดี วงอาทติ ยบ์ นพน้ื ผวิ โลกในแตล่ ะบรเิ วณ
และรว่ มกนั อภิปรายโดยใช้คำ�ถามต่อไปนี้
รงั สีดวงอาทติ ยต์ กกระทบบริเวณตา่ ง ๆ ดว้ ยมุมทแ่ี ตกตา่ งกันอยา่ งไร
แนวคำ�ตอบ บางบริเวณรังสีดวงอาทิตย์ตกกระทบในแนวตั้งฉาก บางบริเวณรังสีดวงอาทิตย์
ตกกระทบในแนวเฉียง
มุมที่รังสีดวงอาทิตย์ตกกระทบแตกต่างกัน ส่งผลต่อความเข้มรังสีดวงอาทิตย์บนพื้นผิวโลก
อย่างไร
แนวคำ�ตอบ บริเวณท่ีรังสีดวงอาทิตย์ตกกระทบในแนวตั้งฉาก ความเข้มรังสีดวงอาทิตย์บน
พ้ืนผิวโลกมากกว่าบริเวณที่รังสีดวงอาทิตย์ตกกระทบในแนวเฉียง เน่ืองจากบริเวณที่รังสี
ดวงอาทิตย์ตกกระทบในแนวต้ังฉากมีขนาดพ้ืนท่ีรับแสงน้อยกว่า ดังนั้นพลังงานจากรังสี
ดวงอาทติ ย์ตอ่ หนว่ ยพน้ื ทจ่ี งึ มีค่ามากกว่า
เพราะเหตใุ ดมุมท่รี ังสดี วงอาทติ ย์ตกกระทบพื้นผวิ โลกจงึ แตกตา่ งกนั
แนวคำ�ตอบ เพราะโลกมสี ณั ฐานคล้ายทรงกลม
ตำ�แหน่งท่ี 1 รังสีดวงอาทิตย์ตกต้ังฉากกับระนาบพื้นผิวโลก บริเวณเหนือศูนย์สูตร บริเวณ
ศนู ย์สตู ร หรือบรเิ วณใตศ้ นู ยส์ ตู ร
แนวคำ�ตอบ ตำ�แหน่งที่ 1 รังสีดวงอาทิตย์ตกต้ังฉากกับระนาบพื้นผิวโลก ณ บริเวณ
เหนือศนู ย์สูตร
ตำ�แหน่งท่ี 2 รังสีดวงอาทิตย์ตกตั้งฉากกับระนาบพื้นผิวโลก บริเวณเหนือศูนย์สูตร บริเวณ
ศูนย์สตู ร หรือบรเิ วณใต้ศูนยส์ ตู ร
แนวค�ำ ตอบ ต�ำ แหน่งท่ี 2 รงั สีดวงอาทติ ยต์ กตงั้ ฉากกับระนาบพ้ืนผวิ โลก ณ บริเวณศนู ย์สูตร
ตำ�แหน่งท่ี 3 รังสีดวงอาทิตย์ตกตั้งฉากกับระนาบพื้นผิวโลก บริเวณเหนือศูนย์สูตร บริเวณ
ศนู ยส์ ูตร หรอื บริเวณใต้ศูนย์สตู ร
แนวค�ำ ตอบ ต�ำ แหนง่ ท่ี 3 รงั สดี วงอาทติ ยต์ กตง้ั ฉากกบั ระนาบพนื้ ผวิ โลก ณ บรเิ วณใตศ้ นู ยส์ ตู ร
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มอื ครู วิทยาศาสตร์โลก และอวกาศ บทท่ี 8 |ลมฟ้าอากาศและภูมิอากาศ 245
ตำ�แหน่งท่ี 4 รังสีดวงอาทิตย์ตกต้ังฉากกับระนาบพื้นผิวโลก บริเวณเหนือศูนย์สูตร บริเวณ
ศูนยส์ ูตร หรอื บรเิ วณใตศ้ ูนยส์ ตู ร
แนวค�ำ ตอบ ต�ำ แหน่งที่ 4 รงั สดี วงอาทิตย์ตกต้งั ฉากกบั ระนาบพื้นผวิ โลก ณ บรเิ วณศนู ยส์ ูตร
5.2 ครใู หน้ ักเรียนร่วมกนั สรุปโดยมแี นวทางการสรปุ ดังตอ่ ไปนี้
แนวทางการสรุป โลกมีสัณฐานคล้ายทรงกลมท�ำ ให้บริเวณพื้นผิวโลกที่ได้รับรังสีดวงอาทิตย์
ตกกระทบในแนวต้ังฉากมีความเข้มรังสีดวงอาทิตย์มากกว่าบริเวณที่รังสีตกกระทบในแนวเฉียง
ดังรูป 8.3 และการท่ีแกนโลกเอียงพร้อมกับโคจรรอบดวงอาทิตย์ ทำ�ให้มุมตกกระทบของรังสี
ดวงอาทติ ย์บนพื้นผิวโลกแตล่ ะบรเิ วณเปลี่ยนแปลงไปในรอบ 1 ปี ดังรปู 8.4
5.3 ครูให้ศึกษาปัจจัยเมฆและละอองลอย ที่ส่งผลต่อความเข้มรังสีดวงอาทิตย์บนพ้ืนผิวโลกใน
แตล่ ะบริเวณ ในหนงั สือเรียนหนา้ 185 และรว่ มกันอภิปรายโดยใชค้ �ำ ถามตอ่ ไปน้ี
ในชว่ งทที่ ้องฟ้าปลอดโปรง่ กบั ชว่ งที่ท้องฟา้ มีเมฆหรอื ละอองลอยปกคลมุ มาก รังสดี วงอาทิตย์
จะสามารถผ่านลงมายังพน้ื ผิวโลกแตกต่างกันหรือไม่ อยา่ งไร
แนวคำ�ตอบ แตกต่างกัน คือ ในช่วงท่ีท้องฟ้าปลอดโปร่ง รังสีดวงอาทิตย์จะสามารถผ่าน
ลงมายังพ้ืนผวิ โลกไดม้ ากกว่าในช่วงท่ีท้องฟ้ามีเมฆหรอื ละอองลอยปกคลมุ มาก
เมฆและละอองลอยมผี ลตอ่ ความเขม้ รงั สดี วงอาทติ ยจ์ ะสามารถผา่ นลงมายงั พนื้ ผวิ โลกอยา่ งไร
แนวคำ�ตอบ เมฆและละอองลอยจะดูดกลืน สะท้อน และกระเจิงรังสี ดวงอาทิตย์ โดยใน
ชว่ งทท่ี อ้ งฟา้ มเี มฆหรอื ละอองลอยมาก รงั สดี วงอาทติ ยจ์ ะถกู ดดู กลนื สะทอ้ น และกระเจงิ ไดม้ าก
ท�ำ ใหร้ งั สดี วงอาทติ ยท์ ต่ี กกระทบพน้ื ผวิ โลกมคี วามเขม้ นอ้ ยลงกวา่ ในชว่ งทท่ี อ้ งฟา้ ปลอดโปรง่
5.4 ครใู ห้นักเรียนร่วมกนั สรุปโดยมแี นวทางการสรปุ ดังต่อไปนี้
แนวทางการสรุป เมฆและละอองลอยทำ�ให้รังสีดวงอาทิตย์ถูกดูดกลืน สะท้อน และกระเจิง
หากทอ้ งฟา้ มเี มฆหรอื ละอองลอยมาก รงั สดี วงอาทติ ยจ์ ะถกู ดดู กลนื สะทอ้ น และกระเจงิ ไดม้ าก ท�ำ ให้
รงั สีดวงอาทิตย์ท่ีตกกระทบพนื้ ผิวโลกมีความเขม้ นอ้ ยลง แต่ถ้าท้องฟา้ ปลอดโปร่งรังสีดวงอาทิตย์จะ
สามารถผ่านลงมายังพ้ืนผวิ โลกได้มาก
5.5 ครูให้ศกึ ษาปัจจัยลักษณะของพน้ื ผวิ โลก ท่ีสง่ ผลต่อความเข้มรังสีดวงอาทิตยบ์ นพ้ืนผิวโลกใน
แตล่ ะบริเวณ ในหนังสือเรยี นหนา้ 187 และรว่ มกนั อภปิ รายโดยใช้ค�ำ ถามตอ่ ไปน้ี
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
246 บทที่ 8 |ลมฟ้าอากาศและภมู อิ ากาศ คู่มอื ครู วทิ ยาศาสตรโ์ ลก และอวกาศ
จากรปู 8.5 ในหนังสอื เรยี นหน้า 187 รูป (ก) และ (ข) แสดงพืน้ ผิวใด หากมองไปบนพ้ืนผิว (ก)
และ (ข) ในเวลาทีม่ แี สงแดดส่องพื้นผวิ ใดจะรสู้ ึกแสบตากว่ากัน
แนวคำ�ตอบ รูป (ก) คือพ้ืนหญ้า รูป (ข) คือพื้นคอนกรีต เมื่อมองไปบนพ้ืนคอนกรีตจะรู้สึก
แสบตามากกวา่ พ้ืนหญา้
เพราะเหตุใดการมองพน้ื คอนกรีตจงึ รู้สึกแสบตามากกวา่ การมองพ้ืนหญา้
แนวค�ำ ตอบ พื้นคอนกรีตสะทอ้ นแสงได้มากกวา่ พนื้ หญ้า
อตั ราสว่ นรงั สีสะท้อนหมายความว่าอย่างไร
แนวค�ำ ตอบ อตั ราสว่ นของความเขม้ รงั สที ส่ี ะทอ้ นออกจากพนื้ ผวิ วตั ถตุ อ่ ความเขม้ รงั สที งั้ หมด
ทต่ี กกระทบพืน้ ผิววตั ถุ
ถ้าพน้ื ผวิ ทม่ี อี ตั ราส่วนรังสสี ะท้อนมากหมายความวา่ อย่างไร
แนวคำ�ตอบ พ้ืนผิวน้นั สามารถสะท้อนรังสีดวงอาทิตย์ออกไปได้มากทำ�ให้รับรังสีดวงอาทิตย์
ไดน้ อ้ ย
พนื้ ผิวโลกแต่ละบริเวณมอี ัตราส่วนรังสีสะทอ้ นเหมือนหรอื แตกต่างกนั เพราะเหตใุ ด
แนวค�ำ ตอบ แตกตา่ งกนั เพราะพนื้ ผวิ โลกแตล่ ะบรเิ วณมลี กั ษณะพน้ื ผวิ เชน่ สี สงิ่ ปกคลมุ ชนดิ
และความเรียบของพน้ื ผวิ แตกตา่ งกนั
5.6 ครูให้นักเรียนรว่ มกนั สรปุ โดยมแี นวทางการสรุปดงั ต่อไปนี้
แนวทางการสรุป พ้ืนผิวโลกท่ีมีลักษณะแตกต่างกันจะมีอัตราส่วนรังสีสะท้อนแตกต่างกัน
โดยพ้ืนผิวที่มีอัตราส่วนรังสีสะท้อนมากแสดงว่าพ้ืนผิวน้ันสามารถสะท้อนรังสีดวงอาทิตย์ออกไปได้
มากท�ำ ใหร้ ับรงั สีดวงอาทิตย์ไดน้ อ้ ย
6. ครตู รวจสอบความเขา้ ใจนกั เรยี นเกย่ี วกบั ปจั จยั ทส่ี ง่ ผลใหค้ วามเขม้ รงั สดี วงอาทติ ยบ์ นพน้ื ผวิ โลก
ในแตล่ ะบริเวณแตกต่างกัน โดยใช้ค�ำ ถามในหนังสอื เรียนหน้า 185-186 และ 188 ดงั น้ี
ในรอบ 1 ปี รังสีดวงอาทิตย์จะตกกระทบพื้นผิวโลกในแนวต้ังฉาก ณ บริเวณเดิมหรือไม่
เพราะเหตใุ ด
แนวคำ�ตอบ ไม่ใช่บริเวณดิม เน่ืองจากโลกโคจรรอบดวงอาทิตย์โดยแกนโลกเอียง บริเวณท่ี
รงั สีดวงอาทิตย์ตกกระทบพนื้ ผิวโลกในแนวตัง้ ฉากจะเปลยี่ นแปลงไปในรอบ 1 ปี
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครู วิทยาศาสตรโ์ ลก และอวกาศ บทท่ี 8 |ลมฟา้ อากาศและภมู ิอากาศ 247
ถ้าเปรียบเทียบพ้ืนผิวโลก ณ บริเวณหน่ึงในช่วงเวลาก่อนและหลังฝนตก นักเรียนคิดว่า
ความเขม้ รังสีดวงอาทติ ย์บนพน้ื ผวิ โลกจะเหมอื นหรือแตกต่างกันอยา่ งไร เพราะเหตใุ ด
แนวค�ำ ตอบ แตกต่างกนั เน่อื งจากหลงั ฝนตกมเี มฆปกคลุมทอ้ งฟา้ น้อยลง ประกอบกับน�้ำ ฝน
ชะลา้ งเอาละอองลอยออกจากอากาศ รังสีดวงอาทิตยถ์ ูกสะทอ้ น ดดู กลืน และกระเจงิ โดยเมฆ
และละออยลองได้น้อยลง ทำ�ให้รังสีดวงอาทิตย์ในช่วงหลังฝนตกผ่านลงมายังพ้ืนผิวโลกได้
มากกว่าชว่ งกอ่ นฝนตก
ถ้าหิมะปกคลุมบริเวณขั้วโลกหลอมเหลวไปจนเหลือแต่พื้นดิน อัตราส่วนสะท้อนจะ
เปลี่ยนแปลงไปหรือไม่ อย่างไร
แนวคำ�ตอบ อัตราส่วนรังสีสะท้อนมีค่าเปล่ียนแปลงไป โดยอัตราส่วนรังสีสะท้อนมีค่าลดลง
สง่ ผลใหพ้ น้ื ทีบ่ ริเวณน้นั มีความเขม้ รังสีดวงอาทิตยม์ ากขึ้น
7. ให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายเพื่อสรุปองค์ความรู้เก่ียวกับปัจจัยสำ�คัญท่ีส่งผลต่อการรับรังสี
ดวงอาทิตย์ของพน้ื ผิวโลกโดยมีแนวการสรุปดงั ตอ่ ไปนี้
แนวทางการสรปุ พนื้ ผวิ โลกแตล่ ะบรเิ วณมคี วามเขม้ รงั สดี วงอาทติ ยแ์ ตกตา่ งกนั เนอ่ื งจากปจั จยั
สำ�คญั ตา่ ง ๆ คอื สณั ฐานโลกและการเอียงของแกนโลก เมฆและละอองลอย ลักษณะของพ้นื ผวิ โลก
8. ครูให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายเพ่ือขยายความรู้เกี่ยวกับปัจจัยที่ส่งผลต่อความเข้มรังสี
ดวงอาทิตย์บนพน้ื ผิวโลก โดยใช้คำ�ถามชวนคดิ ในหนังสือเรยี นหนา้ 188
นอกจากปัจจัยที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว นักเรียนคิดว่ายังมีปัจจัยใดอีกบ้างท่ีส่งผลให้พ้ืนผิวโลก
แต่ละบริเวณของโลกได้รับรงั สดี วงอาทติ ยท์ มี่ ีความเข้มแตกต่างกนั
แนวค�ำ ตอบ นอกจากปจั จยั ส�ำ คญั ทไ่ี ดก้ ลา่ วไวใ้ นหนงั สอื เรยี นแลว้ ยงั มปี จั จยั อน่ื ๆ ทส่ี ง่ ผลตอ่
ความเข้มรังสีดวงอาทติ ย์บนพืน้ ผิวโลก เชน่
- ระยะทางที่รังสีดวงอาทิตย์เดินทาง รงั สดี วงอาทิตย ชั้นบรรยากาศ
ผ่านชั้นบรรยากาศมายังพื้นผิวโลก โดยใน รังสีดวงอาทติ ย
แถบศูนย์สูตรรังสีดวงอาทิตย์จะเดินทางผ่าน
ช้ันบรรยากาศมายังพ้ืนผิวโลกเป็นระยะท่ี
น้อยกว่าในแถบละติจูดที่สูงข้ึนดังรูป ส่งผล
ให้รังสีดวงอาทิตย์ถูกดูดกลืน สะท้อน และ
กระเจิงโดยอนภุ าคในชั้นบรรยากาศนอ้ ยกว่า
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
248 บทท่ี 8 |ลมฟ้าอากาศและภมู ิอากาศ คมู่ ือครู วิทยาศาสตรโ์ ลก และอวกาศ
- ความสงู ต�่ำ ของพนื้ ผวิ โลก โดยบรเิ วณทอ่ี ยสู่ งู กวา่ จะไดร้ บั รงั สดี วงอาทติ ยม์ ากกวา่ บรเิ วณ
ท่ีอยู่ต่ำ� เน่ืองจากรังสีดวงอาทิตย์เดินทางผ่านชั้นบรรยากาศลงมาเป็นระยะทางน้อยกว่า
บริเวณท่ีอยู่ต่ำ�ลงมา ส่งผลให้รังสีดวงอาทิตย์ถูกดูดกลืน สะท้อน และกระเจิงโดยอนุภาคใน
ช้ันบรรยากาศนอ้ ยกว่า
9. ครอู ภปิ รายเพมิ่ เตมิ วา่ เมอื่ พนื้ ผวิ โลกแตล่ ะบรเิ วณไดร้ บั รงั สดี วงอาทติ ยไ์ มเ่ ทา่ กนั สง่ ผลใหอ้ ณุ หภมู ิ
อากาศแต่ละบริเวณแตกต่างกัน จากน้ันครูให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายตามความคิดของตนเองว่า
“การทีแ่ ตล่ ะบริเวณของโลกมีอุณหภูมิอากาศแตกต่างกันจะสง่ ผลอย่างไรบา้ ง” เพ่ือน�ำ เขา้ ส่หู ัวข้อ 8.2
การหมุนเวียนของอากาศ.
แนวทางการวัดและประเมินผล
KPA แนวทางการวดั และประเมนิ ผล
K: ปั จ จั ย สำ � คั ญ ท่ี ส่ ง ผ ล ต่ อ ค ว า ม เ ข้ ม รั ง สี 1. การตอบค�ำ ถามตรวจสอบความเขา้ ใจ
ดวงอาทิตย์บนพืน้ ผิวโลก 2. การตอบคำ�ถาม และการนำ�เสนอผล
การอภิปราย
3. แบบฝกึ หดั
P: การตคี วามหมายข้อมูลและลงข้อสรปุ ก า ร วิ เ ค ร า ะ ห์ แ ผ น ภ า พ แ ล ะ อ ธิ บ า ย
ปั จ จั ย สำ � คั ญ ท่ี ส่ ง ผ ล ต่ อ ค ว า ม เ ข้ ม รั ง สี
ดวงอาทิตย์บนพ้นื ผิวโลก
A : การยอมรบั ความเห็นตา่ ง การรับฟังความเห็นของผู้อ่ืนในการร่วม
อภปิ ราย
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คมู่ ือครู วิทยาศาสตรโ์ ลก และอวกาศ บทที่ 8 |ลมฟ้าอากาศและภมู ิอากาศ 249
8.2 การหมนุ เวยี นของอากาศ
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
1. อธิบายการหมนุ เวียนของอากาศทีเ่ ป็นผลมาจากความแตกตา่ งของความกดอากาศ
2. อธบิ ายลมฟ้าอากาศท่ีเปน็ ผลจากการหมุนเวียนของอากาศ
3. อธิบายทิศทางการเคล่ือนท่ขี องอากาศทเ่ี ป็นผลมาจากการหมนุ รอบตัวเองของโลก
4. วิเคราะห์และอธบิ ายการหมุนเวียนของอากาศตามเขตละตจิ ูด และผลที่มตี ่อภมู ิอากาศ
สอื่ การเรยี นรแู้ ละแหล่งการเรยี นรู้
1. หนงั สอื เรยี นรายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ ช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี 6
2. วดี ทิ ัศน์การหมุนเวียนของอากาศบนโลก เช่น
- https://www.youtube.com/watch?v=7fd03fBRsuU
- https://www.youtube.com/watch?v=xqM83_og1Fc
- https://www.youtube.com/watch?v=PDEcAxfSYaI
แนวการจดั การเรยี นรู้
1. ครนู �ำ เขา้ ส่บู ทเรยี นโดยให้นักเรียนร่วมกันอภปิ รายเรอื่ ง การรับรงั สดี วงอาทติ ย์ของพื้นผวิ โลก และ
การเคลอื่ นทีข่ องอากาศ โดยใช้คำ�ถามดังนี้
การท่ีแตล่ ะบริเวณบนโลกมคี วามเข้มรงั สดี วงอาทิตย์แตกต่างกัน สง่ ผลอยา่ งไรต่ออุณหภูมิ
อากาศ
แนวคำ�ตอบ บริเวณท่มี คี วามเข้มรงั สีดวงอาทิตยม์ ากจะมอี ุณหภมู สิ งู กวา่ บรเิ วณท่ีมคี วามเขม้
รังสีดวงอาทติ ยน์ อ้ ย
อณุ หภมู ขิ องอากาศมีความสมั พนั ธก์ ับการเคล่ือนท่ขี องอากาศหรอื ไม่ อยา่ งไร
แนวค�ำ ตอบ อุณหภูมิมีความสมั พันธก์ ับการเคลอื่ นที่ของอากาศ โดยอากาศจะเคล่ือนที่จาก
บรเิ วณทม่ี อี ุณหภมู ติ ำ�่ กว่าไปยงั บริเวณทม่ี อี ณุ หภมู ิสงู กว่า
2. ครูให้นกั เรยี นร่วใกนั อภิปรายโดยใชค้ �ำ ถาม การเคลอื่ นที่ของอากาศมีลกั ษณะอยา่ งไร จากน้ันให้
นักเรียนต้ังสมมติฐานและรว่ มกันปฏิบัตกิ จิ กรรม 8.1
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
250 บทท่ี 8 |ลมฟ้าอากาศและภมู ิอากาศ ค่มู อื ครู วิทยาศาสตร์โลก และอวกาศ
กจิ กรรม 8.1 แบบจ�ำ ลองการหมนุ เวียนของอากาศ
จุดประสงค์กจิ กรรม
อ ธิ บ า ย ก า ร เ ค ล่ื อ น ท่ี ข อ ง อ า ก า ศ ร ะ ห ว่ า ง บ ริ เ ว ณ ท่ี มี อุ ณ ห ภู มิ แ ต ก ต่ า ง กั น โ ด ย ใ ช้
แบบจ�ำ ลอง
เวลา 1 ชว่ั โมง
วัสด-ุ อปุ กรณ์
1. ขวดพลาสตกิ ใส ขนาด 1.5 ลิตร 2 ใบ
2. แผน่ ปกพลาสตกิ ใส ขนาด A4 2 แผน่
3. น�ำ้ อุน่ 500 มลิ ลลิ ติ ร
4. น้ำ�เย็น 500 มลิ ลิลติ ร
5. ธูป 1 ดอก
6. ไม้ขดี ไฟ 1 กลัก
การเตรียมตวั ลว่ งหนา้
ครเู ตรยี มขวดและเจาะรบู นขวดไวใ้ หน้ กั เรยี น หรอื มอบหมายใหน้ กั เรยี นเตรยี มขวดและ
เจาะรมู าล่วงหนา้
ขอ้ แนะน�ำ สำ�หรับครู
1) หากครูต้องการให้ผลการเคลื่อนท่ีของควันธูปออกมาชัดเจน ครูอาจเลือกนำ้�ท่ีมี
อุณหภูมแิ ตกต่างกนั มาก
2) ในข้ันตอนการสังเกตการเคล่ือนท่ีของควันธูปในแบบจำ�ลอง ครูอาจให้นักเรียนใช้
ไฟฉาย สอ่ งด้านตรงกนั ข้ามกบั ผูส้ งั เกตเพื่อช่วยในการสังเกตไดช้ ัดเจนข้นึ
3) ครูเนน้ ใหน้ ักเรยี นควบคมุ ตวั แปรเพื่อใหไ้ ดผ้ ลการท�ำ กิจกรรมที่คลาดเคลอ่ื นน้อยทส่ี ดุ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครู วทิ ยาศาสตร์โลก และอวกาศ บทท่ี 8 |ลมฟา้ อากาศและภมู ิอากาศ 251
วิธกี ารท�ำ กจิ กรรม
1. จดั ท�ำ ชดุ อปุ กรณด์ งั น้ี
1.1 เจาะรูทขี่ ้างขวดพลาสตกิ ท้ังสองใบ ให้มขี นาดเส้นผา่ นศูนยก์ ลาง 3 เซนติเมตร
ขวดละ 2 ตำ�แหน่ง ใหอ้ ยใู่ นแนวเดียวกนั โดยให้ตำ�แหนง่ แรกอยู่สงู จากก้นขวด 8 เซนติเมตร
และตำ�แหนง่ ทสี่ องอยู่สงู จากต�ำ แหนง่ แรก 8 เซนติเมตร ดังรูป
1.2 ม้วนแผ่นปกพลาสติกใสตามแนวยาวให้มลี ักษณะเป็นทอ่ ใหม้ ีขนาดพอดกี บั รทู ี่
เจาะจ�ำ นวน 2 ทอ่ ดงั รปู
2. ใสน่ �้ำ เยน็ ลงในขวดใบที่ 1 และใสน่ �ำ้ อุน่ ลงในขวดใบที่ 2 ใหร้ ะดับน�ำ้ สงู 6 เซนติเมตร
3. นำ�ท่อพลาสตกิ ทเ่ี ตรยี มไวม้ าเช่ือมต่อระหวา่ งขวดท้งั สองใบ ดงั รปู
12
น้ำ�เย็น บริเวณทปี่ ลอ่ ยควนั ธปู นำ�้ อุน่
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
252 บทท่ี 8 |ลมฟา้ อากาศและภูมอิ ากาศ คู่มือครู วิทยาศาสตร์โลก และอวกาศ
4. จปี้ ลายธปู ทจี่ ดุ แลว้ ทก่ี ง่ึ กลางของทอ่ พลาสตกิ ทอ่ ลา่ ง ถอื คา้ งไวจ้ นเหน็ การเคลอื่ นทขี่ อง
ควันธปู
5. สงั เกตการเคลอ่ื นทีข่ องควนั ธปู ระหว่างขวดท้ังสองใบ และบนั ทึกผล
6. ท�ำ เช่นเดยี วกบั ข้อ 2 – 5 แต่เปล่ียนไปใชน้ ้ำ�ทมี่ อี ุณหภูมิเท่ากันในขวดทงั้ สองใบสงั เกต
การเคลอ่ื นท่ีของควนั ธปู ระหวา่ งขวดทง้ั สองใบ และบนั ทึกผล
ตวั อยา่ งผลการท�ำ กิจกรรม
- แบบจำ�ลองที่ 1 น้�ำ ในขวดเปน็ นำ้�อ่นุ และน�ำ้ เย็น
น้ำ�เย็น บริเวณท่ปี ลอ่ ยควนั ธูป น้ำ�อุ่น
หมายเหตุ ลกู ศรแทนทิศทางการเคลื่อนทขี่ องควันธปู
- แบบจ�ำ ลองท่ี 2 น�ำ้ ในขวดทง้ั สองใบมอี ณุ หภมู เิ ทา่ กนั
บริเวณท่ีปลอ่ ยควนั ธูป
ควันธปู เคลอ่ื นทีอ่ ยเู่ ฉพาะในท่อด้านลา่ ง
หมายเหตุ ลกู ศรแทนทิศทางการเคลอื่ นทีข่ องควันธปู
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คมู่ อื ครู วทิ ยาศาสตร์โลก และอวกาศ บทที่ 8 |ลมฟ้าอากาศและภมู อิ ากาศ 253
สรุปผลการทำ�กิจกรรม
เม่ือความกดอากาศในขวดทั้งสองใบไม่เท่ากันส่งผลให้อากาศเคลื่อนที่จากขวดท่ีใส่นำ้�เย็นและ
หมุนเวยี นระหวา่ งขวดสองใบ ซงึ่ สงั เกตไดจ้ ากการเคลือ่ นที่ของควันธูปภายในขวด
คำ�ถามทา้ ยกิจกรรม
เมื่อนำ�้ ในขวดทง้ั สองใบมอี ณุ หภูมติ ่างกัน ควันธปู มกี ารเคลอ่ื นทหี่ รอื ไม่ อยา่ งไร
แนวค�ำ ตอบ ควนั ธปู มกี ารเคลอื่ นที่ โดยควนั ธปู เคลอ่ื นทจ่ี ากบรเิ วณทป่ี ลอ่ ยควนั ธปู ไป
ยังขวดทใี่ ส่นำ้�อนุ่ จากน้นั ควันธปู ยกตวั สงู ขน้ึ ควันธปู สว่ นใหญ่จะเคลือ่ นท่ผี า่ นท่อดา้ น
บนไปยังขวดท่ีบรรจุนำ้�เย็น และจมตัวลงด้านล่างจากนั้นจึงเคล่ือนที่ผ่านท่อด้านล่าง
ไปยังขวดทบี่ รรจุนำ้�อุ่น และหมุนเวยี นระหวา่ งขวดท้งั สองใบ
เมอื่ นำ้�ในขวดทั้งสองใบมีอุณหภมู ิเทา่ กัน ควันธปู มกี ารเคล่อื นทห่ี รอื ไม่ อยา่ งไร
แนวค�ำ ตอบ ควนั ธปู มกี ารเคลอ่ื นทเ่ี ลก็ นอ้ ย โดยควนั ธปู เคลอ่ื นทอ่ี อกจากบรเิ วณทป่ี ลอ่ ย
ควนั ธปู อยภู่ ายในทอ่ ระหวา่ งขวดทง้ั สองใบ
เมอื่ น�ำ้ ในขวดทงั้ สองใบมอี ณุ หภมู ติ า่ งกนั ความกดอากาศในขวดเทา่ กนั หรอื ไม่ อยา่ งไร
แนวคำ�ตอบ เม่อื น้ำ�ในขวดท้งั สองใบมีอุณหภูมิต่างกัน ความกดอากาศในขวดท้งั สอง
ไมเ่ ทา่ กนั โดยในขวดท่บี รรจนุ ้ำ�อ่นุ มคี วามกดอากาศต�่ำ กว่าขวดทบ่ี รรจนุ ำ�้ เยน็
เมื่อน้�ำ ในขวดทั้งสองใบมีอุณหภูมเิ ทา่ กนั ความกดอากาศในขวดตา่ งกันอยา่ งไร
แนวค�ำ ตอบ เมื่อนำ้�ในขวดทั้งสองใบมีอุณหภูมิเท่ากัน ความกดอากาศในขวดท้ังสอง
เทา่ กนั
การเคลื่อนท่ีของควันธูประหว่างขวดที่มีอุณหภูมิแตกต่างกัน และระหว่างขวดที่มี
อณุ หภมู ิเท่ากัน เหมอื นหรอื ต่างกันอย่างไร เพราะเหตุใด
แนวคำ�ตอบ ต่างกนั โดยขวดท่ีมีอณุ หภูมแิ ตกต่างกนั ควันธปู มีการเคลอ่ื นที่หมุนเวียน
กันระหว่างขวดท้ังสองใบ แต่ขวดท่ีมีอุณหภูมิเท่ากัน ควันธูปไม่เกิดการเคลื่อนท่ี
หมุนเวียน เพราะการหมุนเวียนของอากาศจะเกิดข้ึนเม่ืออากาศในขวดทั้งสองใบมี
อุณหภูมิหรือความกดอากาศไมเ่ ท่ากัน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
254 บทท่ี 8 |ลมฟา้ อากาศและภูมอิ ากาศ คู่มอื ครู วทิ ยาศาสตร์โลก และอวกาศ
3. ใหน้ กั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ น�ำ เสนอผลการท�ำ กจิ กรรม และรว่ มกนั อภปิ รายผลการท�ำ กจิ กรรมพรอ้ มตอบ
ค�ำ ถามทา้ ยกิจกรรม โดยมีแนวทางการอภปิ รายและแนวทางการตอบคำ�ถามดังแสดงดา้ นบน
4. ครูให้นักเรียนสืบค้นข้อมูลเก่ียวกับการหมุนเวียนของอากาศ นื่องจากความแตกต่างของ
ความกดอากาศ ตามหนังสือเรียนหน้า191 - 192 และนำ�อภิปรายเพื่อเช่ือมโยงความรู้จากกิจกรรม
8.1 กับการหมนุ เวยี นอากาศในธรรมชาติโดยมีแนวทางในการอภิปรายดังน้ี
แนวทางการอภปิ ราย พน้ื ผวิ โลกบรเิ วณทม่ี อี ณุ หภมู สิ งู จะท�ำ ใหอ้ ากาศเหนอื พน้ื ผวิ โลกบรเิ วณนน้ั มี
ความกดอากาศตำ่� ส่วนพ้นื ผิวโลกบริเวณท่มี ีอุณหภูมิตำ�่ จะทำ�ให้อากาศเหนือพ้นื ผิวโลกบริเวณน้นั มี
ความกดอากาศสงู เมอื่ ความกดอากาศของสองบรเิ วณแตกตา่ งกนั จะเกดิ แรงทเ่ี กดิ จากความแตกตา่ ง
ของความกดอากาศ (Pressure gradient force) ทำ�ให้เกิดการหมุนเวียนของอากาศทั้งในแนวราบ
และแนวดง่ิ ดังรปู 8.7 ในหนงั สือเรยี นหน้า 192
5. ครูใหค้ วามร้เู พ่ิมเตมิ เกยี่ วกับความกดอากาศ ดังน้ี
ความกดอากาศ (atmospheric pressure) มีความหมายเดียวกับความดันอากาศ หมายถึง
แรงทอ่ี ากาศกระท�ำ ตง้ั ฉากตอ่ หนง่ึ หนว่ ยพน้ื ท่ี หรอื น�ำ้ หนกั ของอากาศทก่ี ดลงบนพน้ื โลกตอ่ หนง่ึ หนว่ ยพน้ื ท่ี
6. ครูให้นักเรียนสังเกตรูป 8.8 ในหนังสือเรียนหน้า 192 จากนั้นครูอธิบายเกี่ยวกับสัญลักษณ์และ
ความหมายของแถบสใี นรูป (ก) และ (ข) รวมท้ังศพั ท์น่ารู้ ดังน้ี
• รูป (ก) คือแผนที่อากาศผิวพ้ืน เส้นสีน้ำ�เงินเรียกว่าเส้นความกดอากาศเท่า ซึ่งเป็นเส้นที่
ลาก ผ่านบริเวณท่ีมีความกดอากาศเท่ากัน สัญลักษณ์ H หมายถึง บริเวณความกดอากาศสูง
(high pressure area) ซึ่งเป็นบริเวณท่ีมีความกดอากาศสูงกว่าบริเวณโดยรอบ และสัญลักษณ์
L หมายถงึ หยอ่ มความกดอากาศต�ำ่ (low pressure cell) ซง่ึ เปน็ บรเิ วณทม่ี คี วามกดอากาศต�่ำ กวา่
บริเวณโดยรอบ
• รูป (ข) คือภาพถ่ายจากดาวเทียม โดยเส้นสีน้ำ�เงินคือขอบเขตของประเทศต่าง ๆ บริเวณ
สขี าวคอื บรเิ วณทมี่ เี มฆมาก บรเิ วณสเี ทาคอื บรเิ วณทมี่ เี มฆนอ้ ย และบรเิ วณสดี �ำ คอื บรเิ วณทไ่ี มม่ เี มฆ
7. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเกี่ยวกับผลจากการหมุนเวียนอากาศในแนวดิ่งต่อการเกิดลมฟ้า
อากาศจากรูป 8.8 (ก) และ (ข) โดยใช้คำ�ถามดังต่อไปนี้
จากรปู 8.8 (ก) อากาศบรเิ วณใดเกิดการยกตัว และอากาศบรเิ วณใดอากาศเกดิ การจมตวั
แนวค�ำ ตอบ อากาศทอ่ี ย่บู รเิ วณความกดอากาศสงู (H) เกดิ การจมตวั และอากาศทอี่ ย่บู ริเวณ
หยอ่ มความกดอากาศต�่ำ (L) เกดิ การยกตัว
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คมู่ ือครู วิทยาศาสตร์โลก และอวกาศ บทที่ 8 |ลมฟา้ อากาศและภูมิอากาศ 255
เมื่อพิจารณาจากท้ังรูป 8.8 (ก) และ (ข) บริเวณความกดอากาศสูง (H) และหย่อม
ความกดอากาศต�่ำ (L) บรเิ วณใดมเี มฆมาก เพราะเหตใุ ดจึงเปน็ เชน่ นั้น
แนวคำ�ตอบ บรเิ วณหย่อมความกดอากาศต�่ำ (L) มีเมฆมาก เพราะเป็นบรเิ วณที่อากาศจะเกิด
การยกตัวท�ำ ใหม้ ีโอกาสเกิดเมฆมาก
เพราะเหตใุ ด บรเิ วณความกดอากาศสงู (H) จงึ มเี มฆปกคลมุ นอ้ ยกวา่ หยอ่ มความกดอากาศต�ำ่ (L)
แนวคำ�ตอบ เพราะบรเิ วณความกดอากาศสูง (H) อากาศเกดิ การจมตวั ท�ำ ให้มโี อกาสเกดิ เมฆ
น้อยกวา่ หย่อมความกดอากาศตำ่� (L)
8. ครูตรวจสอบความเข้าใจนักเรียนเก่ียวกับการเคล่ือนท่ีของอากาศเนื่องจากความแตกต่างของ
ความกดอากาศ โดยใช้ค�ำ ถามในหนงั สอื เรยี นหน้า 193 ดงั นี้
จากรูป 8.8 (ก) เมอื่ พิจารณาบรเิ วณประเทศไทย อากาศจะเคลื่อนทีม่ าจากทางตอนเหนอื หรอื
ทางตอนใตข้ องประเทศไทย ทราบไดอ้ ย่างไร
แนวคำ�ตอบ อากาศเคล่ือนจากทางตอนเหนือไปยังตอนใต้ของประเทศไทย เนื่องจากทาง
ตอนเหนือมีความกดอากาศสูงกว่าทางตอนใต้ของประเทศไทย อากาศจึงเคลื่อนท่ีจากบริเวณ
ท่ีมคี วามกดอากาศสงู ลงมาสบู่ ริเวณทีม่ ีความกดอากาศตำ�่ กว่า
9. ครูให้นักเรียนสังเกตรูป 8.9 ในหนังสือเรียนหน้า 194 จากนั้นครูและนักเรียนร่วมกันอภิปราย
เกยี่ วกับผลจากการหมนุ เวียนอากาศในแนวราบตอ่ การเกิดลมฟ้าอากาศโดยใช้ค�ำ ถามดงั ต่อไปนี้
จากรูป 8.9 (ก) และ 8.9 (ข) รูปใดแสดงมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ และรูปใดแสดงมรสุม
ตะวนั ตกเฉยี งใต้
แนวค�ำ ตอบ รปู 8.9 (ก) แสดงมรสมุ ตะวนั ออกเฉยี งเหนอื และ 8.9 (ข) แสดงมรสมุ ตะวนั ตกเฉยี งใต้
จากรูป 8.9 (ก) ในขณะท่ีเกิดมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ บริเวณประเทศจีนและมหาสมุทร
อนิ เดยี มีความมกดอากาศแตกต่างกันอย่างไร
แนวค�ำ ตอบ บริเวณประเทศจนี มีความกดอากาศสงู กว่าบรเิ วณมหาสมทุ รอินเดยี
จากรูป 8.9 (ข) ในขณะท่ีเกิดมรสุมตะวันตกเฉยี งใต้ บริเวณประเทศจีนและมหาสมุทรอินเดีย
มคี วามมกดอากาศแตกตา่ งกนั อย่างไร
แนวคำ�ตอบ บริเวณบรเิ วณมหาสมุทรอนิ เดียมีความกดอากาศสูงกว่าประเทศจีน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
256 บทท่ี 8 |ลมฟ้าอากาศและภมู ิอากาศ คู่มอื ครู วิทยาศาสตร์โลก และอวกาศ
ในขณะทเี่ กดิ มรสุมตะวันออกเฉยี งเหนอื ประเทศไทยมสี ภาพลมฟ้าอากาศเปน็ อยา่ งไร
แนวค�ำ ตอบ เกอื บทกุ ภาคของประเทศมอี ณุ หภมู ลิ ดลงจนบางพน้ื ทม่ี อี ากาศหนาวเยน็ ในขณะท่ี
ภาคใต้ฝั่งตะวันออกมีฝนเพิ่มขึ้นเน่ืองจากได้รับความชื้นจากมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่
เคลือ่ นทีผ่ ่านอ่าวไทย
ในขณะทเ่ี กิดมรสมุ ตะวนั ตกเฉยี งใตป้ ระเทศไทยมีสภาพลมฟา้ อากาศเปน็ อยา่ งไร
แนวคำ�ตอบ เกิดเมฆมากและมีฝนตกชกุ ท่วั ทกุ ภาค
10. ครใู หน้ ักเรียนสงั เกตรปู 8.10 ในหนังสอื เรยี นหน้า 194 จากน้ันร่วมกันอภปิ รายเพ่อื เช่อื มโยง
ความรเู้ กยี่ วกบั การหมนุ เวยี นอากาศเนอ่ื งจากความแตกตา่ งของความกดอากาศไปสกู่ ารหมนุ เวยี น
ของอากาศบนโลก โดยใชค้ ำ�ถามดังตอ่ ไปนี้
จากรูป บริเวณข้ัวโลกเหนือและใต้กับบริเวณศูนย์สูตร บริเวณใดมีความกดอากาศสูงกว่า
เพราะเหตุใด
แนวคำ�ตอบ บริเวณข้ัวโลกเหนือและใต้มีความกดอากาศสูงกว่าบริเวณศูนย์สูตร เพราะ
ขว้ั โลกเหนอื และใตม้ อี ุณหภูมิอากาศต�่ำ กวา่ เนอื่ งจากมคี วามเข้มรงั สดี วงอาทติ ยน์ อ้ ยกว่า
จากรูป อากาศมกี ารหมุนเวียนอยา่ งไร
แนวคำ�ตอบ อากาศเคล่ือนที่จากข้ัวโลกเหนือและใต้มายังบริเวณศูนย์สูตร จากน้ันยกตัวข้ึน
และเคลื่อนทกี่ ลบั ไปจมตัวบรเิ วณขัว้ โลกเหนอื และใต้
11. ครอู ธบิ ายเพม่ิ เตมิ วา่ รปู 8.10 ในหนงั สอื เรยี นหนา้ 194 เปน็ แนวคดิ การหมนุ เวยี นอากาศบน
โลกของ จอร์จ แฮดลีย์ ซง่ึ ไดพ้ ยายามอธิบายการหมนุ เวยี นอากาศบนโลก โดยน�ำ หลกั การของ
แรงเนอื่ งจากความแตกตา่ งของความกดอากาศ มาสรา้ งแบบจ�ำ ลองการหมนุ เวยี นอากาศ และ
เรียกว่าแบบจำ�ลองนั้นว่า แบบจำ�ลองการหมุนเวียนอากาศแบบเซลล์เดียวหรือการหมุนเวียน
อากาศแบบแฮดลีย์
อยา่ งไรกต็ าม พบวา่ แบบจ�ำ ลองการหมนุ เวยี นอากาศแบบเซลลเ์ ดยี วสามารถน�ำ มาใชอ้ ธบิ าย
ภมู อิ ากาศของบรเิ วณศนู ยส์ ตู รและขว้ั โลกได้ แตย่ งั ไมส่ ามารถอธบิ ายภมู อิ ากาศของแถบละตจิ ดู กลาง
และทิศทางการเคล่ือนที่ของอากาศในแต่ละแถบละติจูดได้ เช่น ทิศทางของลมค้าซ่ึงไม่ได้
เคล่ือนที่ตรงตามแนวเหนอื ใตด้ งั แบบจ�ำ ลอง แต่ลมค้ามกี ารเคล่ือนท่ีเบนไปทางทศิ ตะวนั ตก
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คมู่ ือครู วิทยาศาสตรโ์ ลก และอวกาศ บทที่ 8 |ลมฟา้ อากาศและภมู ิอากาศ 257
12. ค รใู หน้ กั เรยี นรว่ มกนั อภปิ รายโดยตอบค�ำ ถามตามความคดิ ของตนเองเพอื่ น�ำ เขา้ สหู่ วั ขอ้ ยอ่ ย 8.2.2
โดยใช้คำ�ถามว่า “เพราะเหตใุ ด ลมค้าจึงเคล่ือนทีเ่ บนไปทางทิศตะวนั ตก”
13. ครูแนะนำ�วัสดุอุปกรณ์และให้นักเรียนตั้งสมมติฐานโดยใช้คำ�ถามว่า เมื่อปล่อยดินน้ำ�มันบน
แผน่ จ�ำ ลองซกี โลกเหนอื ขณะทห่ี มนุ และไมห่ มนุ แผน่ จ�ำ ลองซกี โลก ลกั ษณะการเคลอื่ นทข่ี องดนิ น�้ำ มนั
จะแตกต่างกนั หรือไม่ อยา่ งไร จากน้นั ใหน้ กั เรยี นปฏิบตั ิกิจกรรม 8.2
กจิ กรรม 8.2 การเคล่ือนที่ของวัตถบุ นพื้นทีก่ ำ�ลังหมุน
จุดประสงค์กจิ กรรม
1. อธิบายลักษณะการเคลือ่ นทข่ี องวัตถบุ นพ้นื ที่หยุดนงิ่ กับบนพ้นื ทก่ี �ำ ลงั หมุน
2. อธิบายลักษณะการเคลื่อนท่ีของวัตถุบนผิวโลกในซีกโลกเหนือและในซีกโลกใต้โดยใช้
แบบจำ�ลอง
เวลา 1 ชั่วโมง
วสั ด-ุ อุปกรณ์
1. ดินน�้ำ มนั ก้อนใหญ ่ 1 ก้อน
2. สีผสมอาหาร 1 ขวด
3. กระดาษเทาขาว 50 เซนตเิ มตร x 50 เซนตเิ มตร 2 แผ่น
4. แผน่ พลาสติกลกู ฟูก ขนาด 60 เซนติเมตร x 60 เซนตเิ มตร 2 แผ่น
5. หมดุ ทองเหลืองสองขาหรอื หมุดตดิ บอร์ดหวั แบน 2 อัน
6. ตะเกยี บ 1 คู่
7. ภาชนะใส่สผี สมอาหาร 1 ใบ
การเตรียมตวั ล่วงหน้า
ครูควรเตรียมชุดอุปกรณ์ในข้อท่ี 1 ไว้ให้นักเรียน หรือมอบหมายให้นักเรียน
เตรยี มมาลว่ งหนา้
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
258 บทที่ 8 |ลมฟ้าอากาศและภมู ิอากาศ คูม่ ือครู วทิ ยาศาสตรโ์ ลก และอวกาศ
ขอ้ เสนอแนะส�ำ หรบั ครู
1. กระดาษเทาขาวท่ใี ชต้ อ้ งเรยี บไมโ่ ค้งงอ
2. หลงั จากปลอ่ ยดนิ น�้ำ มนั ลงจากฐานปลอ่ ย หากเสน้ ทางการเคลอื่ นทขี่ องดนิ น�้ำ มนั
ไมช่ ดั เจน ครูอาจให้นักเรียนใช้ปากกาสีท่ีแตกต่างกันลากเส้นทับเส้นทางการเคล่ือนท่ีของ
ดนิ น�้ำ มนั บนแผ่นจ�ำ ลองซีกโลกในแต่ละครง้ั เพอ่ื ให้สังเกตเสน้ ทางการเคล่อื นที่ชดั เจนขึ้น
3. จัดฐานปล่อยให้มั่นคงก่อนเริ่มกิจกรรม โดยอาจใช้เทปกาวสองหน้าแบบบาง
ติดท่ฐี านปล่อย และระวังไมใ่ หแ้ ผ่นพลาสติกลกู ฟูกขยบั ขณะท�ำ กจิ กรรม
4. ก่อนการทำ�กิจกรรม ครูควรทำ�ความเข้าใจกับนักเรียนเก่ียวกับการสังเกตทิศทาง
การหมุนแผ่นจำ�ลองซีกโลกของแต่ละซีกโลกว่าในธรรมชาติ โลกหมุนรอบตัวเองในทิศทาง
ทวนเข็มนาฬิกา ถ้าผู้สังเกตอยู่ที่ซีกโลกเหนือจะเห็นโลกหมุนทวนเข็มนาฬิกา ส่วนผู้สังเกต
ท่อี ย่ซู ีกโลกใตจ้ ะเหน็ โลกหมนุ ในทศิ ทางตามเขม็ นาฬกิ า
วิธกี ารท�ำ กจิ กรรม
1. จดั ท�ำ ชุดอุปกรณด์ ังนี้
1.1 สร้างแผ่นจำ�ลองซีกโลกเหนือและแผ่นจำ�ลองซีกโลกใต้ โดยวาดวงกลมขนาด
เส้นผ่านศูนย์กลาง 40 เซนติเมตร ลงบนกึ่งกลางของกระดาษเทาขาวขนาด
50 เซนติเมตร x 50 เซนติเมตร จำ�นวน 2 แผ่น แล้วลากเส้นลองจิจูดของโลก
ห่างกันเส้นละ 45 องศา
1.2 นำ�แผ่นจำ�ลองซีกโลกวางบนแผ่นพลาสติกลูกฟูกขนาด 60 เซนติเมตร x 60
เซนตเิ มตร จากนั้นยดึ ให้ติดกนั ด้วยหมุดตรงจดุ ศูนยก์ ลางของแผน่ วงกลม โดยให้
สามารถหมนุ แผ่นจำ�ลองซีกโลกได้ครบรอบ ท้ังน้ี กำ�หนดตำ�แหน่งหมุดเป็น
ขวั้ โลกเหนอื (NP) และขวั้ โลกใต้ (SP) ตามล�ำ ดบั และขอบวงกลมเปน็ เสน้ ศนู ยส์ ตู ร
ดงั รูป 1 และ 2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครู วิทยาศาสตรโ์ ลก และอวกาศ บทท่ี 8 |ลมฟา้ อากาศและภูมิอากาศ 259
รูป 1 รูป 2
1.3 ปั้นดินน้ำ�มันเป็นก้อนกลมขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1.5 เซนติเมตร ทำ�ให้ผิวเป็น
รูพรนุ โดยรอบด้วยปากกาหรือดนิ สอ ดงั รูป 3
1.4 ป้ันดินนำ้�มันเป็นทรงสามเหลี่ยมมุมฉากเพื่อใช้เป็นที่ปล่อยก้อนดินน้ำ�มัน ให้มี
ความยาว 10 เซนติเมตร สงู 5 เซนตเิ มตรและหนา 2 เซนตเิ มตร และท�ำ รอ่ ง ดงั รปู 4
1.5 ซม. 5 ซม.
10 ซม.
รปู 3 รูป 4
2. นำ�แท่นดินนำ้�มันมาวางบนแผ่นจำ�ลองซีกโลกเหนือ โดยให้ปลายด้านล่างอยู่ท่ีตำ�แหน่ง
ขว้ั โลก
3. ใช้ตะเกียบคีบดินน้ำ�มันชุบสีผสมอาหารท่ีเตรียมไว้ แล้วปล่อยดินน้ำ�มันจากแท่นให้มี
ทิศทางจากตำ�แหน่งขั้วโลกเหนือไปยังศูนย์สูตร โดยไม่หมุนแผ่นจำ�ลองซีกโลก ดังรูป 5
สงั เกตเส้นทางการเคลื่อนที่ของดนิ น�้ำ มัน และบนั ทกึ ผล
4. ท�ำ เช่นเดียวกับข้อ 2 และ 3 แต่เปล่ยี นเป็นแผน่ จำ�ลองซกี โลกใต้ ดงั รูป 6
รปู 5 รปู 6
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
260 บทท่ี 8 |ลมฟา้ อากาศและภูมิอากาศ คูม่ อื ครู วทิ ยาศาสตรโ์ ลก และอวกาศ
5. ทำ�เช่นเดยี วกับขอ้ 2 ถึง 4 แต่แผน่ จ�ำ ลองซีกโลกเหนอื ให้หมนุ ทวนเขม็ นาฬิกา และแผ่นจ�ำ ลอง
ซกี โลกใต้ให้หมุนตามเข็มนาฬกิ า สงั เกตเสน้ ทางการเคลือ่ นทข่ี องดนิ น้ำ�มันและบันทกึ ผล
รูป 7 รปู 8
6. ท�ำ ซำ�้ ตั้งแต่ขอ้ 2 ถึง 5 แต่เปลยี่ นต�ำ แหน่งวางแทน่ ดินนำ้�มัน โดยใหป้ ลายด้านล่างหันจากดา้ น
ศนู ย์สูตรเขา้ ส่ขู ั้วโลก ดงั รปู 9 และ 10
รูป 9 รปู 10
ตวั อยา่ งผลการท�ำ กิจกรรม
ปล่อยดินน�ำ้ มนั จากขั้วโลกไปยังศนู ยส์ ูตร
ปล่อยดนิ น้ำ�มนั จากศนู ยส์ ูตรไปยังขว้ั โลก
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คมู่ ือครู วทิ ยาศาสตร์โลก และอวกาศ บทท่ี 8 |ลมฟ้าอากาศและภูมอิ ากาศ 261
สรุปผลการทำ�กจิ กรรม
จากกิจกรรมพบว่า เส้นทางการเคลื่อนที่ของดินน้ำ�มันแตกต่างกันเม่ือหมุนและไม่หมุน
แผ่นจำ�ลองซีกโลก นอกจากนี้ยังพบว่าเมื่อหมุนแผ่นจำ�ลองซีกโลก ทิศทางการเคลื่อนท่ีของ
ดินน้ำ�มันยังแตกต่างกันระหว่างแผ่นจำ�ลองซีกโลกท้ังสอง โดยบนแผ่นจำ�ลองซีกโลกเหนือ
ดินน้ำ�มันจะเคลื่อนท่ีเบนออกไปทางขวามือ เม่ือเทียบกับเส้นทางการเคลื่อนที่เดิม ส่วนใน
ซกี โลกใต้ ดนิ น�้ำ มนั จะเคลอื่ นทเ่ี บนออกไปทางซา้ ยมอื เมอ่ื เทยี บกบั เสน้ ทางการเคลอื่ นทเี่ ดมิ
คำ�ถามท้ายกิจกรรม
เมื่อปล่อยดินนำ้�มันจากตำ�แหน่งข้ัวโลกเหนือไปยังศูนย์สูตร เส้นทางการเคลื่อนที่ของ
ดินนำ้�มัน ในขณะท่ีหมุนและไม่หมุนแผ่นจำ�ลองซีกโลก เหมือนกันหรือแตกต่างกัน
อยา่ งไร
แนวคำ�ตอบ เส้นทางการเคล่ือนที่ของดินนำ้�มันแตกต่างกัน โดยในขณะที่ไม่หมุน
แผ่นจำ�ลองซีกโลก ดินนำ้�มันมีการเคล่ือนท่ีเป็นเส้นตรงตามแนวเส้นลองจิจูด แต่ใน
ขณะท่ีหมุนแผ่นจำ�ลองซีกโลก ดินนำ้�มันมีการเคล่ือนที่เบนเป็นเส้นโค้งไปทางขวา
เมือ่ เทียบกับเส้นทางการเคล่อื นทข่ี องดนิ น�้ำ มันในขณะที่ไม่หมนุ แผ่นจ�ำ ลองซกี โลก
เมื่อปล่อยดินนำ้�มันจากตำ�แหน่งศูนย์สูตรไปยังข้ัวโลกเหนือ เส้นทางการเคลื่อนที่ของ
ดินน้ำ�มัน ในขณะท่ีหมุนและไม่หมุนแผ่นจำ�ลองซีกโลก เหมือนกันหรือแตกต่างกัน
อย่างไร
แนวคำ�ตอบ เส้นทางการเคลื่อนที่ของดินนำ้�มันแตกต่างกัน โดยในขณะท่ีไม่หมุน
แผ่นจำ�ลองซีกโลก ดินน้ำ�มันมีการเคลื่อนท่ีเป็นเส้นตรงตามแนวเส้นลองจิจูด แต่ใน
ขณะท่ีหมุนแผ่นจำ�ลองซีกโลก ดินนำ้�มันมีการเคล่ือนท่ีเบนเป็นเส้นโค้งไปทางขวา
เมือ่ เทียบกบั เสน้ ทางการเคลื่อนทีข่ องดนิ น�ำ้ มันในขณะทไ่ี ม่หมุนแผน่ จ�ำ ลองซกี โลก
เมื่อปล่อยดินน้ำ�มันจากตำ�แหน่งขั้วโลกเหนือไปยังศูนย์สูตร หรือปล่อยดินนำ้�มันจาก
ต�ำ แหนง่ ศนู ยส์ ตู รไปยงั ขว้ั โลกเหนอื เสน้ ทางการเคลอ่ื นทข่ี องดนิ น�ำ้ มนั ขณะก�ำ ลงั หมนุ นน้ั
เหมอื นกันหรอื ตา่ งกนั อยา่ งไร
แนวค�ำ ตอบ เสน้ ทางการเคลอ่ื นทข่ี องดนิ น�ำ้ มนั เหมอื นกนั โดยดนิ น�้ำ มนั มกี ารเคลอ่ื นท่ี
เบนเป็นเส้นโค้งไปทางขวาเม่ือเทียบกับเส้นทางการเคล่ือนท่ีของดินนำ้�มันในขณะที่ไม่
หมุนแผน่ จ�ำ ลองซีกโลก
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
262 บทท่ี 8 |ลมฟ้าอากาศและภมู อิ ากาศ ค่มู อื ครู วิทยาศาสตรโ์ ลก และอวกาศ
เมื่อปล่อยดินนำ้�มันจากตำ�แหน่งข้ัวโลกใต้ไปยังศูนย์สูตร เส้นทางการเคล่ือนท่ีของ
ดนิ น�้ำ มนั ในขณะทห่ี มนุ และไมห่ มนุ แผน่ จ�ำ ลองซกี โลก เหมอื นกนั หรอื แตกตา่ งกนั อยา่ งไร
แนวคำ�ตอบ เส้นทางการเคลื่อนท่ีของดินนำ้�มันแตกต่างกัน โดยในขณะท่ีไม่หมุน
แผ่นจ�ำ ลองซีกโลก ดินน�ำ้ มนั มีการเคลอ่ื นท่ีเปน็ เสน้ ตรงตามแนวเส้นลองจจิ ดู แตใ่ นขณะ
ทห่ี มนุ แผน่ จ�ำ ลองซกี โลก ดนิ น�้ำ มนั มกี ารเคลอื่ นทเ่ี บนเปน็ เสน้ โคง้ ไปทางซา้ ยเมอ่ื เทยี บกบั
เส้นทางการเคล่อื นท่ขี องดินน�ำ้ มนั ในขณะที่ไมห่ มนุ แผน่ จ�ำ ลองซกี โลก
เมื่อปล่อยดินนำ้�มันจากตำ�แหน่งศูนย์สูตรไปยังข้ัวโลกใต้ เส้นทางการเคล่ือนท่ีของ
ดนิ น�ำ้ มนั ในขณะทห่ี มนุ และไมห่ มนุ แผน่ จ�ำ ลองซกี โลก เหมอื นกนั หรอื แตกตา่ งกนั อยา่ งไร
แนวคำ�ตอบ เส้นทางการเคล่ือนท่ีของดินนำ้�มันแตกต่างกัน โดยในขณะที่ไม่หมุน
แผ่นจ�ำ ลองซกี โลก ดินน�้ำ มนั มีการเคลื่อนท่ีเปน็ เส้นตรงตามแนวเสน้ ลองจจิ ดู แตใ่ นขณะ
ทหี่ มนุ แผน่ จ�ำ ลองซกี โลก ดนิ น�ำ้ มนั มกี ารเคลอ่ื นทเี่ บนเปน็ เสน้ โคง้ ไปทางซา้ ยเมอ่ื เทยี บกบั
เสน้ ทางการเคลือ่ นทีข่ องดินน�ำ้ มนั ในขณะที่ไม่หมนุ แผ่นจ�ำ ลองซีกโลก
เมอ่ื ปลอ่ ยดนิ น�้ำ มนั จากต�ำ แหนง่ ขวั้ โลกใตไ้ ปยงั ศนู ยส์ ตู ร หรอื ปลอ่ ยดนิ น�้ำ มนั จากต�ำ แหนง่
ศนู ยส์ ตู รไปยงั ขว้ั โลกใต้ เสน้ ทางการเคลอ่ื นทขี่ องดนิ น�ำ้ มนั ขณะก�ำ ลงั หมนุ นนั้ เหมอื นกนั
หรอื ต่างกนั อยา่ งไร
แนวคำ�ตอบ เส้นทางการเคล่ือนท่ีของดินนำ้�มันเหมือนกัน โดยดินน้ำ�มันมีการเคล่ือนที่
เบนเป็นเส้นโค้งไปทางซ้ายเม่ือเทียบกับเส้นทางการเคล่ือนที่ของดินน้ำ�มันในขณะท่ี
ไมห่ มุนแผน่ จ�ำ ลองซีกโลก
เส้นทางการเคล่ือนที่ของดินน้ำ�มันบนแผ่นจำ�ลองซีกโลกเหนือและซีกโลกใต้ ขณะกำ�ลัง
หมุนนนั้ เหมือนกนั หรือตา่ งกันอย่างไร
แนวคำ�ตอบ การหมุนแผ่นจำ�ลองซีกโลกส่งผลให้ดินนำ้�มันเคล่ือนท่ีเบนเป็นเส้นโค้งเช่น
เดยี วกนั ทงั้ สองใบ แตบ่ นแผน่ จ�ำ ลองซกี โลกเหนอื ดนิ น�้ำ มนั จะเคลอื่ นทเี่ บนไปทางขวาเมอื่
เทียบกับเส้นทางการเคล่ือนที่ของดินนำ้�มันในขณะท่ีไม่หมุนแผ่นจำ�ลองซีกโลก แต่บน
แผ่นจำ�ลองซีกโลกใต้ดินนำ้�มันจะเคลื่อนท่ีเบนไปทางซ้ายเมื่อเทียบกับเส้นการเคลื่อนที่
ของดนิ น้�ำ มนั ในขณะท่ีไมห่ มนุ แผ่นจ�ำ ลองซกี โลก
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ค่มู ือครู วทิ ยาศาสตร์โลก และอวกาศ บทท่ี 8 |ลมฟ้าอากาศและภมู ิอากาศ 263
14. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มนำ�เสนอ และร่วมกันอภิปรายผลการทำ�กิจกรรม พร้อมตอบคำ�ถามท้าย
กจิ กรรม โดยมีแนวทางการอภิปรายและตอบคำ�ถามดังแสดงดา้ นบน
15. ครูนำ�อภิปรายเพือ่ เชอื่ มโยงความรูจ้ ากกิจกรรมที่ 8.2 กับการหมนุ เวียนอากาศในธรรมชาตโิ ดยมี
แนวทางในการอภิปรายดงั นี้
แนวทางการอภิปราย ในธรรมชาติทิศทางการเคลื่อนท่ีของอากาศเกิดการเบนออกไปจากแนว
เดิมได้เช่นเดียวกับการเส้นทางการเคล่ือนที่ของดินน้ำ�มัน เน่ืองจากการหมุนรอบตัวเองของโลก
ทำ�ให้เกิดแรงที่เรียกว่า แรงคอริออลิส ซ่ึงทำ�ให้ทิศทางการเคลื่อนที่ของอากาศเบ่ียงเบนไปจากเดิม
โดยผู้สังเกตที่อยู่บนซีกโลกเหนือเม่ือหันหน้าไปตามทิศทางการเคลื่อนท่ีของอากาศ จะสังเกตเห็น
แนวการเคลอื่ นทข่ี องอากาศเบนไปทางขวามอื แตถ่ า้ ผสู้ งั เกตอยบู่ นซกี โลกใต้ เมอื่ หนั หนา้ ไปตามทศิ ทาง
การเคลื่อนที่ของอากาศ จะสังเกตเห็นแนวการเคลื่อนท่ีของอากาศเบนไปทางซ้ายมือ ดังรูป 8.11
ในหนังสอื เรียนหน้า 199
16. ค รูตรวจสอบความเข้าใจนักเรียนเก่ียวกับผลของแรงคอริออลิสที่มีต่อทิศทางการเคล่ือนที่ของ
อากาศ โดยใชค้ ำ�ถามในหนังสอื เรียนหน้า 199 ดังนี้
ในฤดูหนาว มรสมุ ทีเ่ คลื่อนทผี่ ่านประเทศไทยพดั จากทิศใดไปสูท่ ศิ ใด เพราะเหตุใด
แนวค�ำ ตอบ มรสมุ พดั จากทศิ ตะวนั ออกเฉยี งเหนอื ไปทางทศิ ตะวนั ตกเฉยี งใต้ เนอื่ งจากอทิ ธพิ ล
ของแรงคอริออลิสบนซีกโลกเหนือซึ่งทำ�ให้เส้นทางมรสุมเบนออกไปทางขวาจากทิศทาง
การเคลือ่ นทเี่ ดมิ เป็นแนวเดียวจากทิศตะวันออกเฉยี งเหนือไปทศิ ตะวนั ตกเฉยี งใต้
17. ครูนำ�นักเรียนเข้าสู่หัวข้อย่อย 8.2.3 โดยอธิบายว่า นักวิทยาศาสตร์ใช้ความรู้เรื่องแรงเนื่องจาก
ความแตกตา่ งของความกดอากาศและแรงคอรอิ อลสิ ในการอธบิ ายการหมนุ เวยี นของอากาศบนโลก
ให้สอดคล้องกบั ภมู อิ ากาศและทิศทางการเคลอื่ นท่ขี องอากาศที่เกิดข้ึนในธรรมชาติ
18. ครใู หน้ กั เรยี นสังเกตแบบจำ�ลองการหมนุ เวียนอากาศตามเขตละตจิ ดู ดงั รปู 8.12 ในหนงั สอื เรียน
หนา้ 200 จากนน้ั ใหน้ กั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ เลอื กการหมนุ เวยี นอากาศกลมุ่ ละ 1 เซลล์ และรว่ มกนั วเิ คราะห์
การหมุนเวียนอากาศในเซลลน์ นั้ ตามประเด็นดงั ต่อไปนี้
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
264 บทที่ 8 |ลมฟา้ อากาศและภมู ิอากาศ คมู่ อื ครู วิทยาศาสตรโ์ ลก และอวกาศ
การหมุนเวยี นอากาศในแต่ละเซลล์เป็นอย่างไร
•• แรงที่เกิดจากความแตกต่างของความกดอากาศและแรงคอริออลิสส่งผลต่อทิศทาง
การเคลื่อนทีข่ องลมในแตล่ ะบรเิ วณอยา่ งไร
• ภูมอิ ากาศในแตล่ ะเซลล์เป็นอยา่ งไร
19. ครใู หน้ กั เรยี นน�ำ เสนอผลการวเิ คราะห์ โดยควรใหน้ กั เรยี นน�ำ เสนอการหมนุ เวยี นอากาศ
ในแฮดลยี ์เซลล์ โพลาเซลล์ และเฟอรเ์ รลเซลล์ ตามลำ�ดับ เนอ่ื งจากการอธิบายการหมุนเวยี น
อากาศในแฮดลยี เ์ ซลลแ์ ละโพลาเซลลใ์ ชค้ วามรใู้ นการอธบิ ายเชน่ เดยี วกบั ผลการปฏบิ ตั กิ จิ กรรม
8.1 ส่วนการหมุนเวียนของอากาศในเฟอเรลลเซลล์เป็นผลมาจากการหมุนอากาศของเซลล์
ทง้ั สอง จากนั้นใหน้ กั เรยี นร่วมกนั อภิปรายการหมุนเวียนอากาศระหวา่ งละตจิ ูดต่าง ๆ โดยใช้
ค�ำ ถามต่อไปนี้
คำ�ถามอภปิ รายสำ�หรบั แฮดลยี ์เซลล์
การหมุนเวยี นอากาศระหวา่ งละติจูด 0 - 30 องศาเหนอื และใต้ มชี ่ือเรียกว่าอะไรและอากาศ
มกี ารหมนุ เวยี นอย่างไร
แนวคำ�ตอบ มีช่ือเรียกว่าแฮดลีย์เซลล์ โดยอากาศบริเวณศูนย์สูตรยกตัวขึ้นจนถึง
ชน้ั โทรโพพอส จากนน้ั อากาศกระจายตวั ออกไปทางขว้ั โลกทง้ั ทางซกี โลกเหนอื และซกี โลกใตแ้ ละ
จมตวั ลงทป่ี ระมาณละตจิ ดู ที่ 30 องศา และเคลอ่ื นทไ่ี ปแทนทอ่ี ากาศทยี่ กตวั ขน้ึ บรเิ วณศนู ยส์ ตู ร
เพราะเหตุใดบรเิ วณศูนย์สูตรจงึ มีความกดอากาศตำ�่
แนวคำ�ตอบ เพราะบริเวณศูนย์สูตรเป็นบริเวณที่มีความเข้มรังสีดวงอาทิตย์มากทำ�ให้มี
อณุ หภมู เิ ฉลีย่ ของอากาศสูงกว่าบริเวณอ่นื จงึ มคี วามกดอากาศต่�ำ
บริเวณทเ่ี กิดการกอ่ ตวั เป็นแนวของบรเิ วณความกดอากาศตำ่�มชี ือ่ เรียกว่าอะไร
แนวค�ำ ตอบ แนวความกดอากาศต�ำ่ บริเวณศนู ย์สตู ร
เพราะเหตุใดอากาศจงึ จมตัวที่บรเิ วณละติจดู ที่ 30 องศาเหนอื และใต้
แนวค�ำ ตอบ เพราะอากาศกระจายตวั ทโ่ี ทรโพพอสไปยงั ละตจิ ดู ทส่ี งู ขนึ้ อากาศท�ำ ใหอ้ ณุ หภมู ิ
ลดต�ำ่ ลง อากาศจึงมคี วามหนาแน่นเพิ่มมากขน้ึ ความกดอากาศสงู ขึ้นและจมตวั ลง
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครู วิทยาศาสตร์โลก และอวกาศ บทที่ 8 |ลมฟา้ อากาศและภมู อิ ากาศ 265
บรเิ วณทีเ่ กิดการก่อตัวเปน็ แนวของบรเิ วณความกดอากาศสูงมีช่อื เรียกว่าอะไร
แนวค�ำ ตอบ แนวความกดอากาศสูงกง่ึ เขตรอ้ น
แรงที่เกิดจากความแตกต่างของความกดอากาศและแรงคอริออลิสส่งผลต่อการเคลื่อนที่ของ
อากาศบรเิ วณผิวพื้นในแฮดลยี เ์ ซลลอ์ ย่างไร
แนวคำ�ตอบ สง่ ผลใหอ้ ากาศเคลื่อนที่จากบริเวณละติจดู 30 องศาเหนอื และใต้ ซ่งึ เปน็ บริเวณ
ทม่ี คี วามกดอากาศสงู กวา่ ไปยงั บรเิ วณศนู ยส์ ตู รซงึ่ มคี วามกดอากาศต�ำ่ กวา่ โดยอากาศเคลอ่ื นที่
เขา้ สูเ่ ส้นศูนยส์ ตู รเป็นแนวโคง้ จากทางทศิ ตะวนั ออกไปทางทศิ ตะวนั ตก
อากาศท่ีเคล่ือนท่ีเข้าสู่เส้นศูนย์สูตรเป็นแนวโค้งจากทางทิศตะวันออกไปทางทิศตะวันตก
มชี ่ือเรยี กวา่ อะไร
แนวคำ�ตอบ ลมตะวนั ออก หรอื ลมค้า
ภูมอิ ากาศในแฮดลียเ์ ซลลเ์ ป็นอยา่ งไร
แนวค�ำ ตอบ เปน็ ภมู ิอากาศแบบเขตรอ้ นช้นื มีฝนตกชุกตลอดทัง้ ปี เนอื่ งจากการพดั เขา้ หากัน
ของลมคา้ ในซกี โลกเหนอื และซกี โลกใตบ้ รเิ วณศนู ยส์ ตู รประกอบกบั อากาศบรเิ วณศนู ยส์ ตู รเปน็
อากาศร้อน ทำ�ให้อากาศยกตัวขึ้นอย่างรุนแรง บริเวณนี้จึงพบเมฆมากโดยเฉพาะเมฆคิวมูลัส
และเมฆควิ มูโลนมิ บัส ท�ำ ใหเ้ กิดฝนฟา้ คะนองและฝนตกชกุ ตลอดปี
บรเิ วณศนู ยส์ ตู รทลี่ มคา้ จากซกี โลกเหนอื และลมคา้ จากซกี โลกใตพ้ ดั เขา้ หากนั มชี อื่ เรยี กวา่ อะไร
แนวคำ�ตอบ รอ่ งความกดอากาศต่�ำ หรือร่องมรสมุ
คำ�ถามอภปิ รายสำ�หรับโพลาร์เซลล์
การหมนุ เวยี นอากาศระหว่างละติจูด 60 - 90 องศาเหนือและใต้ มชี อ่ื เรยี กวา่ อะไรและอากาศ
มกี ารหมุนเวยี นอยา่ งไร
แนวคำ�ตอบ มีชื่อเรียกว่าโพลาร์เซลล์ โดยอากาศบริเวณข้ัวโลกเคลื่อนท่ีมายังละติจูดที่ 60
จากนั้นจงึ ยกตวั สูงขนึ้ และเคล่อื นท่ีกลบั ไปบริเวณข้ัวโลก
เพราะเหตุใดบรเิ วณขั้วโลกจึงมคี วามกดอากาศสงู
แนวคำ�ตอบ เพราะบริเวณขั้วโลกมีความเข้มรังสีดวงอาทิตย์น้อย อากาศจึงมีอุณหภูมิตำ่�
ทำ�ให้มคี วามกดอากาศสูง
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
266 บทที่ 8 |ลมฟา้ อากาศและภูมอิ ากาศ คมู่ ือครู วิทยาศาสตรโ์ ลก และอวกาศ
บรเิ วณข้ัวโลกท่ีอากาศมีความกดอากาศสูง มชี อื่ เรียกว่าอะไร
แนวคำ�ตอบ แนวความกดอากาศสูงขว้ั โลก
แรงที่เกิดจากความแตกต่างของความกดอากาศและแรงคอริออลิสส่งผลต่อการเคลื่อนที่ของ
อากาศบรเิ วณผวิ พนื้ ในโพลารเ์ ซลลอ์ ยา่ งไร
แนวค�ำ ตอบ อากาศเคลอ่ื นทจ่ี ากบรเิ วณขว้ั โลกซง่ึ มคี วามอากาศสงู ไปยงั บรเิ วณละตจิ ดู ท่ี 60
องศา ซึ่งมีความกดอากาศต่ำ�กว่า โดยอากาศเคล่ือนท่ีเป็นแนวโค้งจากทิศตะวันออกไปทาง
ทิศตะวันตก
อากาศทเี่ คลอ่ื นทเ่ี ปน็ แนวโค้งจากทิศตะวันออกไปทางทศิ ตะวนั ตก มีช่อื เรยี กวา่ อะไร
แนวค�ำ ตอบ ลมตะวันออก
เพราะเหตใุ ดอากาศจึงยกตัวท่ีบรเิ วณละติจูด 60 องศา
แนวค�ำ ตอบ เพราะอากาศเยน็ จากขวั้ โลกจะเกดิ การปะทะกบั อากาศทอี่ นุ่ กวา่ ทบี่ รเิ วณละตจิ ดู
60 องศา ก่อตัวเป็นแนวของบริเวณความกดอากาศตำ่� ทำ�ให้อากาศบริเวณนี้ยกตัวข้ึนแล้ว
เคล่อื นที่กลบั ไปทีข่ ้ัวโลก
แนวของบรเิ วณความกดอากาศต่ำ� มชี อื่ เรยี กว่าอะไร
แนวค�ำ ตอบ แนวความกดอากาศตำ่�กึง่ ขว้ั โลก
ภูมิอากาศในโพลาร์เซลล์เป็นอยา่ งไร
แนวคำ�ตอบ ท่ีบริเวณละติจูดที่ 60 องศา มีภูมิอากาศแบบอบอุ่นและช้ืนตลอดท้ังปี
แต่ท่ีละติจูดสูงขึ้นพื้นผิวโลกจะมีความเข้มรังสีดวงอาทิตย์ลดลง อุณหภูมิของอากาศและ
ความชื้นลดลงจนถึงบริเวณขั้วโลกซึ่งมีพืดนำ้�แข็งปกคลุมเป็นบริเวณกว้างตลอดท้ังปี ทำ�ให้
บริเวณน้ีมอี ากาศหนาว
คำ�ถามอภปิ รายส�ำ หรบั เฟอร์เรลเซลล์
การหมนุ เวยี นอากาศระหวา่ งละตจิ ดู 30 - 60 องศาเหนอื และใต้ มชี อ่ื เรยี กวา่ อะไรและอากาศ
มกี ารหมุนเวียนอย่างไร
แนวคำ�ตอบ มชี อ่ื เรยี กวา่ เฟอรเ์ รลเซลล์ โดยอากาศจมตวั บรเิ วณละตจิ ดู ท่ี 30 องศาเหนอื และใต้
และเคลอื่ นทีม่ ายังละตจิ ดู ท่ี 60 องศาเหนือและใต้ จากน้ันจึงยกตัวสูงขึ้นและเคลื่อนท่ีกลบั ไป
แทนทีอ่ ากาศทจี่ มตัวบริเวณละตจิ ูดท่ี 30 องศาเหนือและใต้
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครู วทิ ยาศาสตรโ์ ลก และอวกาศ บทท่ี 8 |ลมฟา้ อากาศและภมู อิ ากาศ 267
แรงทเ่ี กดิ จากความแตกตา่ งของความกดอากาศสง่ ผลตอ่ การเคลอื่ นทขี่ องอากาศบรเิ วณผวิ พนื้
ในเฟอร์เรลเซลลห์ รอื ไม่
แนวคำ�ตอบ แรงที่เกิดจากความแตกต่างของความกดอากาศไมได้ส่งผลโดยตรงต่อ
การหมุนเวยี นอากาศในเฟอร์เรลเซลล์
การเคลื่อนท่ขี องอากาศในเฟอรเ์ รลเซลลเ์ กิดเปน็ ผลจากสิง่ ใด
แนวค�ำ ตอบ การเคลอ่ื นทขี่ องอากาศในเฟอรเ์ รลเซลลเ์ ปน็ ผลจากการหมนุ เวยี นอากาศระหวา่ ง
แฮดลยี ์เซลล์และโพลารเ์ ซลล์
การหมุนเวยี นอากาศในแฮดลีย์เซลล์สง่ ผลต่อการหมุนเวียนอากาศในเฟอร์เรลเซลล์อย่างไร
แนวคำ�ตอบ อากาศท่ีหมุนเวียนในแฮดลีย์เซลล์มีการจมตัวที่บริเวณละติจูด 30 องศา
โดยอากาศส่วนหนึ่งจะหมุนเวียนกลับไปทางศูนย์สูตรและอากาศบางส่วนจะเคล่ือนที่ไปยัง
บรเิ วณละติจดู 60 องศา ท�ำ ให้เกิดลมตะวนั ตกในเฟอร์เรลเซลล์
การหมุนเวยี นอากาศในโพลารเ์ ซลล์ส่งผลตอ่ การหมนุ เวียนอากาศในเฟอรเ์ รลเซลลอ์ ยา่ งไร
แนวค�ำ ตอบ อากาศในเฟอร์เรลเซลล์ซึ่งเคลอ่ื นทมี่ าจากบรเิ วณละตจิ ูดท่ี 30 เมือ่ มาปะทะกับ
อากาศเยน็ จากโพลารเ์ ซลลท์ ล่ี ะตจิ ดู 60 องศา จะท�ำ ใหอ้ ากาศบรเิ วณนน้ั ยกตวั ขนึ้ แลว้ เคลอื่ นท่ี
กลบั มายงั ละตจิ ดู ที่ 30 องศา
แรงคอริออลิสส่งผลตอ่ การเคลอื่ นทขี่ องอากาศบริเวณผวิ พนื้ ในโพลารเ์ ซลลอ์ ยา่ งไร
แนวค�ำ ตอบ อากาศทเ่ี คลอ่ื นทไ่ี ปยงั บรเิ วณละตจิ ดู 60 องศา จะไดร้ บั อทิ ธพิ ลจากแรงคอรอิ อลสิ
ทำ�ให้อากาศเคล่อื นท่ีเป็นแนวโค้งจากทางทศิ ตะวันตกไปทางทิศตะวันออก
อากาศท่ีเคล่ือนทเ่ี ปน็ แนวโค้งจากทางทศิ ตะวันตกไปทางทศิ ตะวันออก มีช่อื เรยี กว่าอะไร
แนวคำ�ตอบ ลมตะวันตก
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
268 บทท่ี 8 |ลมฟ้าอากาศและภูมิอากาศ ค่มู อื ครู วทิ ยาศาสตรโ์ ลก และอวกาศ
ภมู อิ ากาศในเฟอร์เรลเซลลเ์ ป็นอยา่ งไร
แนวคำ�ตอบ บริเวณละติจูดท่ี 30 องศา มีภูมิอากาศแบบแห้งแล้งจนถึงทะเลทราย และเมื่อ
ละตจิ ดู สงู ขน้ึ พนื้ ผวิ โลกจะมคี วามเขม้ รงั สดี วงอาทติ ย์ ลดลงอณุ หภมู ขิ องอากาศจงึ คอ่ ย ๆ ลดลง
ทำ�ให้บริเวณน้ีมีภมู ิอากาศแบบอบอุน่ โดยอากาศมีอณุ หภูมไิ ม่ต�่ำ หรือสงู จนเกนิ ไป สว่ นบริเวณ
ละติจดู ท6ี่ 0 องศา ไดร้ บั ผลจากการหมุนเวียนอากาศแถบละติจูดกลางมาปะทะกับอากาศเย็น
จากการหมุนเวียนอากาศแถบขั้วโลกแล้วยกตัวข้ึน ทำ�ให้เกิดเมฆและหยาดน้ำ�ฟ้าปริมาณมาก
จึงทำ�ใหอ้ ากาศบริเวณน้อี บอ่นุ และชนื้ ตลอดปี
20. ครูตรวจสอบความเข้าใจของนักเรียนเกี่ยวกับสภาพลมฟ้าอากาศท่ีเป็นผลมาจากการหมุนเวียน
อากาศบนโลก โดยใชค้ ำ�ถามในหนังสือเรียนหน้า 203 และ 205 ดงั นี้
การหมนุ เวียนอากาศของแฮดลยี เ์ ซลลส์ ง่ ผลใหป้ ระเทศไทยมีภูมอิ ากาศเป็นอยา่ งไร
แนวคำ�ตอบ ภูมิอากาศแบบร้อนช้ืน มีอุณหภูมิเฉลี่ยของอากาศตลอดทั้งปีไม่ตำ่�กว่า
18 องศาเซลเซยี ส
น ักทอ่ งเทย่ี วคนหนงึ่ จะเดินทางไปยงั ประเทศในแถบละตจิ ูด 60 องศา จึงเตรยี มเสอื้ กนั หนาว
และร่มตดิ ไปดว้ ย นักเรียนเห็นด้วยหรอื ไม่ เพราะเหตใุ ด
แนวค�ำ ตอบ เหน็ ดว้ ย เนอ่ื งจากบรเิ วณละตจิ ดู 60 องศา เปน็ บรเิ วณทเี่ กดิ เมฆและหยาดน�ำ้ ฟา้
ปรมิ าณมาก และเป็นบริเวณท่ีอากาศจากแถบละติจูดกลางมาปะทะกบั อากาศเย็นจากข้วั โลก
ท�ำ ใหอ้ ากาศบรเิ วณน้ีมีอณุ หภูมติ �่ำ ท�ำ ใหอ้ ากาศหนาวเย็น
21.ให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายเพื่อสรุปองค์ความรู้เกี่ยวกับการหมุนเวียนของอากาศโดยมีแนวทาง
การสรปุ ดงั น้ี
แนวทางการสรุป
• พนื้ ผวิ โลกแตล่ ะบรเิ วณไดร้ บั พลงั งานจากดวงอาทติ ยใ์ นปรมิ าณทแ่ี ตกตา่ งกนั เนอื่ งจากปจั จยั
สำ�คัญหลายประการ เช่น สัณฐานโลกและการเอียงของแกนโลก เมฆและละอองลอย และ
ลักษณะของพื้นผิวโลก ทำ�ให้แต่ละบริเวณบนโลกมีอุณหภูมิอากาศแตกต่างกันส่งผลให้เกิด
การถา่ ยโอนความร้อนระหว่างกนั
• ก ารหมุนเวียนของอากาศเกิดขึ้นจากความกดอากาศท่ีแตกต่างกันระหว่างสองบริเวณ
โดยอากาศเคลื่อนท่ีจากบริเวณท่ีมีความกดอากาศสูงไปยังบริเวณที่มีความกดอากาศตำ่�
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มอื ครู วทิ ยาศาสตร์โลก และอวกาศ บทท่ี 8 |ลมฟา้ อากาศและภมู อิ ากาศ 269
อากาศเหนือบริเวณความกดอากาศตำ่�จะมีการยกตัวข้ึน ขณะที่อากาศเหนือบริเวณ
ความกดอากาศสงู จะจมตัวลง
• ก ารหมนุ รอบตวั เองของโลกท�ำ ใหเ้ กดิ แรงคอรอิ อลสิ ซงึ่ มผี ลใหท้ ศิ ทางการเคลอื่ นทข่ี องอากาศ
ในบรเิ วณซกี โลกเหนอื เบนไปทางขวาจากทศิ ทางเดมิ สว่ นบรเิ วณซกี โลกใตจ้ ะเบนไปทางซา้ ย
จากทิศทางเดมิ
• ก ารหมนุ รอบตวั เองของโลกท�ำ ใหเ้ กดิ แรงคอรอิ อลสิ ซง่ึ มผี ลใหท้ ศิ ทางการเคลอ่ื นทข่ี องอากาศ
ในบรเิ วณซกี โลกเหนอื เบนไปทางขวาจากทศิ ทางเดมิ สว่ นบรเิ วณซกี โลกใตจ้ ะเบนไปทางซา้ ย
จากทิศทางเดิม
• ค วามกดอากาศท่ีแตกต่างกันในแต่ละบริเวณของโลกประกอบกับอิทธิพลจากการหมุนรอบ
ตัวเองของโลกทำ�ให้อากาศในแต่ละซีกโลกเกิดการหมุนเวียน ซ่ึงอธิบายได้ด้วยแบบจำ�ลอง
การหมนุ เวียนอากาศแบบทั่วไป
• ก ารหมุนเวียนของอากาศในแต่ละแถบละติจูดส่งผลให้ภูมิอากาศในแต่ละแถบละติจูดนั้น
แตกตา่ งกนั ไป นอกจากนบี้ รเิ วณรอยตอ่ ของการหมนุ เวยี นอากาศแตล่ ะแถบละตจิ ดู ยงั มสี ภาพ
ลมฟ้าอากาศทแี่ ตกต่างกันดว้ ย
22. ครูใ ห้นักเรียนตอบคำ�ถามตามความคิดของตนเองเพ่ือเชื่อมโยงเข้าสู่หัวข้อ 8.3 การหมุนเวียน
ของนำ้�ผิวหน้ามหาสมุทรว่า “นอกจากการหมุนเวียนของอากาศบนโลกแล้ว ยังมีปัจจัยใดที่
สง่ ผลตอ่ ลมฟา้ อากาศและภมู อิ ากาศของโลกอีกบ้าง
แนวทางการวดั และประเมนิ ผล
KPA แนวทางการวดั และประเมนิ ผล
K: 1. การตอบค�ำ ถามตรวจสอบความเขา้ ใจ
1. การหมุนเวียนของอากาศที่เป็นผลมาจาก 2. การตอบคำ�ถาม และการนำ�เสนอผล
ความแตกต่างของความกดอากาศโดยใช้แบบ การอภิปราย
จำ�ลอง 3. แบบฝกึ หัด
2. ก า ร เ ค ลื่ อ น ที่ ข อ ง อ า ก า ศ ที่ เ ป็ น ผ ล จ า ก
การหมุนรอบตัวเองของโลก
3. การหมุนเวียนของอากาศตามเขตละติจูด
และผลที่มตี อ่ ภมู อิ ากาศ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
270 บทที่ 8 |ลมฟา้ อากาศและภมู อิ ากาศ คมู่ ือครู วทิ ยาศาสตร์โลก และอวกาศ
KPA แนวทางการวดั และประเมนิ ผล
P:
1. การต้งั สมมตฐิ าน 1. ผลการต้ังสมมติฐานในกิจกรรม 8.1
2. การตคี วามหมายและลงข้อสรปุ และ 8.2
3. ความร่วมมอื การทำ�งานเป็นทมี และภาวะผ้นู ำ� และอธบิ ายผลทีเ่ กิดข้ึนในแบบจ�ำ ลอง
2. อธิบายการหมนุ เวยี นอากาศบนโลกจาก
แบบจำ�ลองการหมุนเวียนอากาศตามเขต
ละติจูด
3. มสี ว่ นรว่ มในการคดิ ออกความเหน็ และ
ตัดสินใจร่วมกับผู้อ่ืน รวมท้ังมีการแบ่ง
หน้าท่ีและความรับผิดชอบในการทำ�งาน
กลมุ่
A: การรับฟังความเห็นของผู้อื่นในการร่วม
การยอมรบั ความเห็นตา่ ง อภปิ ราย
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มอื ครู วทิ ยาศาสตรโ์ ลก และอวกาศ บทที่ 8 |ลมฟ้าอากาศและภมู อิ ากาศ 271
8.3 การหมนุ เวียนของน�้ำ ผวิ หนา้ มหาสมุทร
จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
1. วิเคราะห์และอธิบายรปู แบบการหมนุ เวยี นน้ำ�ผิวหนา้ มหาสมทุ ร
2. วิเคราะห์และอธิบายผลของการหมุนเวียนของอากาศและน้ำ�ผิวหน้าในมหาสมุทรที่มีต่อภูมิ
อากาศ ลมฟ้าอากาศ ส่งิ มชี ีวติ และสง่ิ แวดลอ้ ม
สอ่ื การเรยี นรแู้ ละแหล่งการเรียนรู้
1. หนงั สือเรียนรายวชิ าพน้ื ฐานวิทยาศาสตร ว์ ิทยาศาสตรโ์ ลกและอวกาศ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 6
2. วดี ทิ ศั นก์ ารหมนุ เวยี นน�้ำ ผวิ หนา้ มหาสมทุ ร https://www.youtube.com/watch?v=CCmTY0P-
KGDs
แนวการจดั การเรยี นรู้
1. ครูนำ�เข้าสู่บทเรียน โดยให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายตามความคิดของตนเอง โดยใช้คำ�ถาม
ดังตอ่ ไปนี้
เมอื่ มลี มพดั เหนอื ผวิ น�ำ้ ในสระน�้ำ หรอื บงึ นกั เรยี นจะสงั เกตเหน็ การเปลย่ี นแปลงของน�้ำ บรเิ วณ
ผวิ หน้าอยา่ งไรบา้ ง และการเปลี่ยนแปลงนจี้ ะเกดิ เช่นเดียวกับน�ำ้ ผิวหน้ามหาสมทุ รหรอื ไม่
แนวคำ�ตอบ น้ำ�ผิวหน้าจะเคล่ือนที่ไปตามทิศทางลมซ่ึงการปล่ียนแปลงนี้น่าจะเกิด
เชน่ เดยี วกับน�้ำ ผิวหน้ามหาสมทุ ร
2. ใหน้ กั เรยี นศกึ ษารปู 8.18 ในหนงั สอื เรยี นหนา้ 206 และรว่ มกนั อภปิ รายเกยี่ วกบั ลกั ษณะและทศิ ทาง
การหมนุ เวยี นของกระแสน�ำ้ ผวิ หนา้ มหาสมทุ ร ซง่ึ ภาพดงั กลา่ วแสดงแบบจ�ำ ลองการหมนุ เวยี นของน�ำ้
ในมหาสมทุ รแอตแลนตกิ โดยใชค้ �ำ ถามดงั ตอ่ ไปน้ี
ลูกศรแต่ละสีแทนสิง่ ใด
แนวคำ�ตอบ ลูกศรสีส้มแทนลมค้า ลูกศรสีชมพูแทนลมตะวันตก และลูกศรสีนำ้�เงินแทน
กระแสน�้ำ ผวิ หน้ามหาสมุทร
พ้ืนทีส่ ีเขยี วและสีฟา้ แทนสงิ่ ใด
แนวค�ำ ตอบ พน้ื ที่สีเขยี วแทนแผ่นดนิ พน้ื ทีส่ ีฟา้ แทนมหาสมุทร
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
272 บทที่ 8 |ลมฟ้าอากาศและภูมอิ ากาศ คมู่ อื ครู วทิ ยาศาสตร์โลก และอวกาศ
ลมคา้ และลมตะวนั ตกมคี วามสมั พนั ธก์ บั ทศิ ทางของกระแสน�้ำ ผวิ หนา้ มหาสมทุ รหรอื ไม่ อยา่ งไร
แนวค�ำ ตอบ สมั พนั ธก์ นั โดยกระแสนำ้�ผิวหน้ามหาสมุทรไหลไปทิศทางเดยี วกับลม
ลกั ษณะและทิศทางของกระแสน�้ำ ผวิ หนา้ มหาสมทุ รเป็นอยา่ งไร
แนวค�ำ ตอบ นำ้�เคลื่อนทห่ี มนุ เวยี นเป็นวง ในทศิ ตามเข็มนาฬิกาในซีกโลกเหนือ และทวนเข็ม
นาฬิกาในซีกโลกใต้
ยังมีปจั จยั อื่นอกี หรอื ไม่ ที่ส่งผลต่อทิศทางการไหลของกระแสผิวหนา้ มหาสมุทรขอบทวีป
แนวคำ�ตอบ ขอบทวีป
3. จากนั้นครูให้นักเรียนศึกษารูป 8.20และสืบค้นข้อมูลในหนังสือเรียน 206-207 จากนั้นร่วมกัน
อภิปรายเพื่อสรุปการหมุนเวียนของน้ำ�ผิวหน้ามหาสมุทรในบริเวณต่าง ๆ บนโลก โดยใช้คำ�ถาม
ต่อไปนี้
ลมส่งผลต่อการหมุนเวียนของน�้ำ ผิวหนา้ มหาสมุทรอยา่ งไร
แนวคำ�ตอบ ลมท่ีพดั ผ่านผิวหน้ามหาสมุทรจะท�ำ ให้น�้ำ ไหลไปตามทิศทางของลม เชน่ บรเิ วณ
ใกลศ้ นู ยส์ ตู รกระแสน�้ำ จะเคล่อื นที่จากทิศตะวันออกไปทางทศิ ตะวันตกตามทิศทางของลมค้า
สว่ นบริเวณใกลล้ ะติจดู ที่ 30 องศา กระแสนำ้�จะเคล่ือนท่ีจากทิศตะวนั ตกไปทางทศิ ตะวนั ออก
ตามทศิ ทางของลมตะวนั ตก
เมอ่ื กระแสน�้ำ ผวิ หนา้ มหาสมทุ รไหลไปตามทศิ ทางของลมจนกระทงั่ ปะทะกบั ขอบทวปี ทศิ ทาง
การไหลของกระแสน�ำ้ ผวิ หน้ามหาสมุทรเปล่ียนแปลงไปอยา่ งไร
แนวค�ำ ตอบ กระแสน�ำ้ จะไหลขนานไปกบั ขอบทวปี เชน่ กระแสน�้ำ ทไ่ี หลจากทศิ ตะวนั ออกไป
ทางทศิ ตะวนั ตกตามทศิ ทางของลมคา้ เขา้ มาปะทะกบั ขอบทวปี แลว้ ไหลขนานไปกบั ขอบทวปี
ขึ้นไปยงั ละติจดู ท่สี งู ข้ึนทงั้ ซกี โลกเหนอื และซกี โลกใต้
รูปแบบการหมุนเวียนของกระแสนำ้�ผิวหน้ามหาสมุทรในซีกโลกใต้เหมือนหรือแตกต่างกัน
อยา่ งไร
แนวค�ำ ตอบ ไหลเปน็ วงเหมอื นกนั แตม่ ที ศิ ทางทแี่ ตกตา่ งกนั โดยในซกี โลกเหนอื กระแสน�้ำ ผวิ
หน้ามหาสมุทรไหลเป็นวงตามเข็มนาฬิกา ส่วนในซีกโลกใต้ กระแสน้ำ�ผิวหน้ามหาสมุทรไหล
เปน็ วงทวนเข็มนาฬิกา
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครู วิทยาศาสตร์โลก และอวกาศ บทที่ 8 |ลมฟ้าอากาศและภมู อิ ากาศ 273
ปัจจัยใดบา้ งท่ีสง่ ผลต่อการหมุนเวียนของนำ้�ผิวหน้ามหาสมุทร
แนวคำ�ตอบ ลม แรงคอริออลสิ และขอบทวีป
4. ครนู �ำ อธบิ ายเพม่ิ เตมิ เกย่ี วกบั ผลจากแรงคอรอิ อลสิ ทมี่ ตี อ่ ทศิ ทางของกระแสน�้ำ ผวิ หนา้ มหาสมทุ ร
แนวทางการอธบิ าย
กระแสน�ำ้ ผวิ หนา้ มหาสมทุ รเคลอ่ื นทไ่ี ปตามทศิ ทางลม แตเ่ นอื่ งจากอทิ ธพิ ลของแรงคอรอิ อลสิ ท�ำ ให้
ทศิ ทางการไหลของน�ำ้ เบยี่ งออกจากทศิ ทางลม โดยในซกี โลกเหนอื กระแสน�้ำ ผวิ หนา้ จะไหลเบนไปทาง
ขวาของทศิ ทางลม สว่ นในซกี โลกใตก้ ระแสน�ำ้ ผวิ หนา้ จะไหลเบนออกไปทางซา้ ยของทศิ ทางลม ดงั รปู
และเนื่องจากใกล้บรเิ วณศนู ย์สตู รแรงคอริออลิสจะมีผลนอ้ ยลง ดังนน้ั ท้งั กระแสลมและกระแสน�ำ้
จะเบย่ี งตามแรงคอลอิ อลสิ นอ้ ยลง ท�ำ ใหเ้ มอื่ กระแสน�้ำ ผวิ หนา้ มหาสมทุ รไหลตามทศิ ทางของกระแสลม
ทิศทางการไหลของกระแสน้ำ�เบ่ียงออกจากทิศทางลมอีกคร้ังหน่ึงและไหลไปทางทิศตะวันตกขนาน
ตามแนวศนู ยส์ ูตร
5. ให้นกั เรยี นรว่ มกนั อภปิ รายเพม่ิ เตมิ โดยใชค้ �ำ ถามชวนคดิ ในหนงั สอื เรยี นหนา้ 207 วา่ “หากพน้ื ผวิ โลก
ปกคลุมด้วยพน้ื น�้ำ ท้งั หมด นกั เรยี นคิดวา่ กระแสน�ำ้ ผิวหน้ามหาสมทุ รจะไหลอยา่ งไร”
แนวคำ�ตอบ กระแสนำ้�จะไหลขนานกับเส้นละติจูดต่าง ๆ เช่น บริเวณละติจูด 60 องศาใต้
ซึ่งไม่มีแผน่ ดนิ ขวางก้นั การไหลของนำ้� ท�ำ ใหก้ ระแสน้�ำ ท่ีไหลรอบทวีปแอนตาร์กติกา ดงั รูป 8.21
ในหนังสือเรียนหน้า 207
6. ครูอธิบายนักเรียนเพิ่มเติมว่าการหมุนเวียนของกระแสนำ้�ผิวหน้ามหาสมุทร นั้นอาจไม่ไหลเวียน
เป็นวงทุกบริเวณ ขึ้นอยู่กับว่ามีปัจจัยที่ส่งเสริมให้เกิดการหมุนเวียนเป็นวงดังท่ีกล่าวมาข้างต้น
หรือไม่ ดังตวั อยา่ งในขอ้ 5
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
274 บทท่ี 8 |ลมฟ้าอากาศและภมู อิ ากาศ คูม่ อื ครู วิทยาศาสตรโ์ ลก และอวกาศ
7. ใหน้ กั เรยี นศกึ ษารปู 8.20 และสบื คน้ ขอ้ มลู ในหนงั สอื เรยี นหนา้ 208 แลว้ รว่ มกนั อภปิ รายเกย่ี วกบั
กระแสนำ้�อุน่ และกระแสน�ำ้ เย็น โดยใชค้ ำ�ถามดังตอ่ ไปน้ี
กระแสนำ้�อุ่นมีทิศทางการไหลอย่างไร และถ้าเปรียบเทียบอุณหภูมิของนำ้�กับนำ้�ท่ีอยู่บริเวณ
โดยรอบจะเหมือนหรือแตกตา่ ง อยา่ งไร
แนวคำ�ตอบ กระแสน้ำ�อุ่น กระแสนำ้�จะไหลจากละติจูดไปยังบริเวณละติจูดท่ีสูงขึ้น อุณหภูมิ
ของน�ำ้ ในกระแสน�ำ้ จะสูงกวา่ น�้ำ โดยรอบ
กระแสนำ้�เย็นมีทิศทางการไหลอย่างไร และถ้าเปรียบเทียบอุณหภูมิของนำ้�กับนำ้�ท่ีอยู่บริเวณ
โดยรอบจะเหมอื นหรอื แตกต่าง อย่างไร
แนวค�ำ ตอบ กระแสน�้ำ เยน็ กระแสน�ำ้ จะไหลจากละติจูดไปยงั ละตจิ ูดทต่ี �ำ่ ลง อุณหภมู ขิ องนำ้�
ในกระแสน�้ำ จะต�ำ่ กว่านำ้�โดยรอบ
8. ให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายตามความคิดของตนเองเก่ียวกับผลของกระแสน้ำ�ผิวหน้ามหาสมุทรท่ี
มีตอ่ ภมู อิ ากาศและลมฟา้ อากาศ โดยใช้ถามคำ�ถามวา่ “กระแสน�ำ้ อุ่นและกระแสน้�ำ เย็นท่ีไหลผา่ น
ชายฝง่ั บรเิ วณตา่ ง ๆ จะสง่ ผลตอ่ ภมู อิ ากาศและสงิ่ แวดลอ้ มบรเิ วณนนั้ อยา่ งไร” จากนนั้ ครแู บง่ กลมุ่
นกั เรยี น แลว้ ให้ปฏิบัติกิจกรรม 8.3
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คูม่ ือครู วิทยาศาสตรโ์ ลก และอวกาศ บทที่ 8 |ลมฟา้ อากาศและภมู อิ ากาศ 275
กิจกรรม 8.3 กระแสน้ำ�อนุ่ และกระแสนำ้�เย็นกบั ภมู ิอากาศ
จดุ ประสงคก์ จิ กรรม
อธิบายและเปรียบเทียบอุณหภูมิอากาศและปริมาณฝนในรอบปี ของพื้นท่ีชายฝ่ังท่ีมี
กระแสน�ำ้ อุ่นและกระแสน้ำ�เยน็ ไหลผา่ น
เวลา 30 นาที
วสั ด-ุ อปุ กรณ์
ข้อมูลอุณหภูมิอากาศและปริมาณฝนของเมืองที่มีกระแสน้ำ�อุ่นและกระแสน้ำ�เย็น
ไหลผ่าน
การเตรยี มตวั ล่วงหน้า
-
ข้อเสนอแนะส�ำ หรบั ครู
ทบทวนตำ�แหน่งทางภูมิศาสตร์ของเมืองและประเทศท่ีกำ�หนดโดยใช้แผนที่โลกก่อน
การปฏบิ ัติกจิ กรรม
วธิ กี ารท�ำ กจิ กรรม
1. พิจารณาข้อมูลอุณหภูมิอากาศและปริมาณฝนท่ีกำ�หนดให้ จากเมืองท่ีอยู่บริเวณ
ชายฝั่งในแถบละติจูดเดียวกัน 2 เมือง โดยเมืองหนึ่งได้รับอิทธิพลจากกระแสน้ำ�เย็น
และอีกเมืองหนึ่งได้รับอทิ ธิพลจากกระแสน�ำ้ อุ่น ดงั รูป
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
276 บทท่ี 8 |ลมฟา้ อากาศและภมู อิ ากาศ คมู่ ือครู วิทยาศาสตร์โลก และอวกาศ
2. วเิ คราะห์และเปรียบเทียบอณุ หภมู ิอากาศและปริมาณฝนของทงั้ สองเมือง
3. อภปิ รายความสัมพนั ธ์ระหวา่ งกระแสน�ำ้ กับอณุ หภมู อิ ากาศและปรมิ าณฝน
ตัวอย่างผลการทำ�กิจกรรม
ผลการวเิ คราะห์อุณหภูมิอากาศและปริมาณฝน
ขอ้ มลู ลมฟา้ อากาศ ผลการเปรยี บเทยี บ
อุณหภูมิอากาศสูงสุด เมือง Mtunzini มีอุณหภูมิอากาศสูงสุดใน
รอบปีสงู กวา่ เมอื ง Port Nolloth
อุณหภูมิอากาศต่ำ�สดุ เมือง Mtunzini มอี ณุ หภมู อิ ากาศต�ำ่ สดุ ใน
รอบปีสูงกว่าเมือง Port Nolloth
ปรมิ าณฝน เมือง Mtunzini มีปริมาณฝนในรอบปีสูง
กวา่ เมอื ง Port Nolloth
หมายเหตุ ผลการทำ�กิจกรรมอาจมีได้หลากหลาย เช่น ทำ�ตารางเปรียบเทียบรายเดือน
วาดกราฟเปรียบเทยี บ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คูม่ ือครู วทิ ยาศาสตร์โลก และอวกาศ บทท่ี 8 |ลมฟ้าอากาศและภมู ิอากาศ 277
แนวทางการอภปิ ราย
ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งกระแสน�ำ้ กบั อุณหภมู ิอากาศและปริมาณฝน อธิบายไดด้ งั น้ี
- บริเวณชายฝั่งที่มีกระแสน้ำ�อุ่นไหลผ่านจะมีอุณหภูมิอากาศสูงสุดและอุณหภูมิ
อากาศต�่ำ สดุ ในรอบปสี งู กว่าบรเิ วณท่ีมกี ระแสนำ�้ เยน็ ไหลผา่ น
- บริเวณชายฝั่งที่มีกระแสนำ้�อุ่นไหลผ่านจะมีปริมาณฝนในรอบปีมากกว่าบริเวณท่ี
มีกระแสน�ำ้ เย็นไหลผ่าน
สรุปผลการทำ�กิจกรรม
ในแถบละตจิ ดู เดยี วกนั บรเิ วณชายฝง่ั ทมี่ กี ระแสน�ำ้ อนุ่ ไหลผา่ นจะมอี ณุ หภมู อิ ากาศสงู
และปรมิ าณฝนมากกวา่ บรเิ วณชายฝง่ั ทม่ี กี ระแสน�ำ้ เยน็ ไหลผา่ น เนอื่ งจากบรเิ วณชายฝง่ั
ทีม่ ีกระแสน�ำ้ อุน่ ไหลผา่ นจะเกิดการถา่ ยโอนความร้อนจากน้ำ�ไปยงั อากาศ ทำ�ใหอ้ ากาศ
บริเวณดังกล่าวมีอุณหภูมิสูงข้ึนและมีแนวโน้มฝนตกมากเน่ืองจากนำ้�สามารถระเหยเข้า
สู่อากาศได้มากทำ�ให้อากาศมีความช้ืนสูง ในทางตรงกันข้าม บริเวณท่ีมีกระแสนำ้�เย็น
ไหลผ่านจะเกิดการถ่ายโอนความร้อนจากอากาศไปยังน้ำ� ทำ�ให้อากาศบริเวณดังกล่าวมี
อุณหภูมิต่ำ�ลงและมีแนวโน้มฝนตกน้อยเนื่องจากน้ำ�ระเหยเข้าสู่อากาศได้น้อยอากาศจึง
มีความชน้ื ต�่ำ
คำ�ถามทา้ ยกิจกรรม
อุณหภูมอิ ากาศและปรมิ าณฝนของทง้ั สองเมอื งแตกตา่ งกนั หรือไม่ อยา่ งไร
แนวค�ำ ตอบ อณุ หภมู อิ ากาศและปรมิ าณฝนของทงั้ สองเมอื งแตกตา่ งกนั โดยอณุ หภมู ิ
อากาศสูงสุด อุณหภูมิอากาศต่ำ�สุด และปริมาณฝนในรอบปีของเมือง Mtunzini
มีคา่ สูงกวา่ เมือง Port Nolloth
เมืองใดได้รับอิทธิพลจากกระแสน้ำ�เย็นและเมืองใดได้รับอิทธิพลจากกระแสน้ำ�อุ่น
ทราบได้จากข้อมลู ใด
แนวค�ำ ตอบ เมอื ง Mtunzini ไดร้ บั อทิ ธพิ ลจากกระแสน�ำ้ อนุ่ และเมอื ง Port Nolloth
ได้รับอิทธิพลจากกระแสน้ำ�เย็น ทราบได้จากข้อมูลอุณหภูมิอากาศสูงสุด อุณหภูมิ
อากาศต�่ำ สดุ และปริมาณฝน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
278 บทท่ี 8 |ลมฟา้ อากาศและภมู อิ ากาศ คู่มอื ครู วทิ ยาศาสตร์โลก และอวกาศ
กระแสน�ำ้ ส่งผลตอ่ อณุ หภมู อิ ากาศและปรมิ าณฝนหรอื ไม่ อยา่ งไร
แนวคำ�ตอบ กระแสน้ำ�ส่งผลต่ออุณหภูมิอากาศและปริมาณฝน โดยบริเวณที่มี
กระแสน�้ำ อ่นุ ไหลผา่ นจะเกิดการถา่ ยโอนความร้อนจากน้ำ�ไปยงั อากาศทำ�ใหอ้ ณุ หภมู ิ
อากาศสูงขนึ้ และเกิดฝนตกไดม้ ากเนอื่ งจากนำ้�สามารถระเหยเขา้ สูอ่ ากาศได้มากจงึ มี
ความความชนื้ สงู ส่วนบรเิ วณทม่ี ีกระแสนำ้�เยน็ ไหลผ่านจะเกิดการถ่ายโอนความร้อน
จากอากศไปยงั น�ำ้ ท�ำ ใหอ้ ณุ หภมู อิ ากาศต�่ำ ลงและเกดิ ฝนตกไดน้ อ้ ยเนอื่ งจากน�้ำ สามารถ
ระเหยเข้าสู่อากาศไดน้ อ้ ยจงึ มีความความชื้นต�ำ่
9. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มนำ�เสนอผลการทำ�กิจกรรม และร่วมกันอภิปรายผลการทำ�กิจกรรม
พร้อมตอบคำ�ถามท้ายกิจกรรม โดยมีแนวทางการอภิปรายและแนวทางการตอบคำ�ถาม
ดังดา้ นบน
10. ครูให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายเพื่อเช่ือมโยงความรู้จากกิจกรรม 8.3 การหมุนเวียนของอากาศ
กับผลท่ีเกิดข้ึนจริงต่อสภาพแวดล้อมทางตอนใต้ของทวีปแอฟริกาโดยมีแนวทางการอภิปราย
ดงั ตวั อยา่ ง
จากการศกึ ษาแบบจ�ำ ลองการหมนุ เวยี นอากาศแบบทว่ั ไป บรเิ วณทางตอนใตข้ องทวปี แอฟรกิ า
บริเวณละตจิ ูด 20 – 30 องศาใต้ มภี มู อิ ากาศเป็นอยา่ งไร เพราะเหตใุ ด
แนวค�ำ ตอบ ทางตอนใตข้ องทวปี แอฟริกาบรเิ วณละตจิ ดู 20 – 30 องศาใต้ มภี มู ิอากาศแบบ
แห้งแลง้ จนถึงทะเลทรายเพราะเป็นบริเวณท่อี ากาศแห้งจมตัว
จากรปู 8.21 ในหนงั สอื เรยี นหนา้ 210 เพราะเหตใุ ดชายฝง่ั ดา้ นตะวนั ออกและชายฝง่ั ดา้ นตะวนั ตก
บริเวณละติจูด 20 – 30 องศาใต้ ของทางตอนใต้ของทวีปแอฟริกา จึงมีลมฟ้าอากาศและ
ลกั ษณะภูมปิ ระเทศแตกต่างกนั ท้งั ๆ ทอี่ ยใู่ นเขตภูมิอากาศเดียวกัน
แนวค�ำ ตอบ เพราะชายฝง่ั ดา้ นตะวนั ออกมกี ระแสน�้ำ อนุ่ อะกะลสั ไหลผา่ นท�ำ ใหอ้ ากาศบรเิ วณ
ดังกล่าวมีความชื้นมากจึงมีสภาพเป็นป่าไม้ ในขณะท่ีชายฝั่งด้านตะวันตกมีกระแสนำ้�เย็น
เบงเกวลาไหลผ่านทำ�ให้อากาศมีความช้ืนน้อยลงส่งผลให้ชายฝ่ังด้านตะวันตกยังคงมีสภาพ
เปน็ ทะเลทราย
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มอื ครู วิทยาศาสตร์โลก และอวกาศ บทที่ 8 |ลมฟ้าอากาศและภมู ิอากาศ 279
11. ครตู รวจสอบความเขา้ ใจนกั เรยี นเกยี่ วกบั สภาพลมฟา้ อากาศทเี่ ปน็ ผลมาจากการหมนุ เวยี นน�้ำ ใน
มหาสมทุ ร โดยใชค้ �ำ ถามในหนงั สือเรยี นหน้า 211 ดังน้ี
พ้ืนท่ีชายฝ่ังที่มีกระแสนำ้�อุ่นไหลผ่านและพ้ืนที่ชายฝั่งที่มีกระแสนำ้�เย็นไหลผ่านจะมีสภาพ
ลมฟา้ อากาศแตกตา่ งกนั อย่างไร
แนวค�ำ ตอบ พนื้ ทช่ี ายฝงั่ ทมี่ กี ระแสน�ำ้ อนุ่ ไหลผา่ นจะมอี ณุ หภมู อิ ากาศคา่ เฉลยี่ และปรมิ าณฝน
สงู กว่าพนื้ ท่ีชายฝง่ั ท่มี ีกระแสน�ำ้ เยน็ ไหลผา่ น
12. ครใู ห้ความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับผลของกระแสนำ้�อ่นุ และกระแสน�ำ้ เยน็ ทม่ี ตี อ่ สภาพแวดลอ้ มวา่
• ภูมิอากาศและสภาพแวดล้อมของพ้ืนท่ีชายฝ่ังได้รับอิทธิพลจากหลายปัจจัยร่วมกัน พ้ืนที่
ชายฝงั่ บางพนื้ ทไ่ี ดร้ บั อทิ ธพิ ลจากกระแสน�้ำ เปน็ ปจั จยั หลกั ท�ำ ใหภ้ มู อิ ากาศและสภาพแวดลอ้ ม
มีความสอดคล้องกับกระแสน้ำ�อุ่นหรือกระแสน้ำ�เย็นอย่างชัดเจน แต่พื้นท่ีชายฝ่ังบางพื้นท่ี
อาจได้รับอิทธิพลจากปัจจัยอื่นเป็นปัจจัยหลัก เช่น มรสุม การหมุนเวียนของอากาศบนโลก
การเปลีย่ นแปลงภมู ิอากาศโลก
• บริเวณท่ีมีกระแสน้ำ�อุ่นกับกระแสนำ้�เย็นไหลมาบรรจบกันมีความอุดมสมบูรณ์ เน่ืองจาก
กระแสนำ้�เย็นมีสารอาหารมากเม่ือมาบรรจบกับกระแสนำ้�อุ่น ทำ�ให้บริเวณดังกล่าวเหมาะ
สมต่อการเจริญเติบโตของแพลงก์ตอนพืชซึ่งเป็นอาหารให้กับสัตว์นำ้�ชนิดอ่ืนในมหาสมุทร
เม่ือแพลงกต์ อนพชื มจี �ำ นวนมากจะสง่ ผลใหบ้ รเิ วณดงั กลา่ วมสี ตั วน์ �ำ้ ชกุ ชมุ เชน่ บรเิ วณครู ลิ แบงค์
ซึง่ อยนู่ อกชายฝัง่ ประเทศญี่ปนุ่
• การไหลมาบรรจบกันของกระแสน้ำ�อุ่นและกระแสน้ำ�เย็นยังก่อให้เกิดสภาพลมฟ้าอากาศที่
เปน็ หมอกปกคลมุ ไปทวั่ บรเิ วณท�ำ ใหท้ ศั นวสิ ยั ในการมองเหน็ ต�่ำ การเดนิ ทางโดยเรอื ในบรเิ วณ
นี้จงึ ต้องใชค้ วามระมดั ระวงั เปน็ พิเศษ เพราะอาจทำ�ใหเ้ กดิ อบุ ัตเิ หตุทางทะเล
• บริเวณชายฝ่ังด้านตะวันออกของทวีปอเมริกาเหนือที่กระแสน้ำ�อุ่นและกระแสนำ้�เย็นที่ไหล
มาบรรจบกันมีช่ือเรียกว่า แกรนด์แบงค์ (Grand bank) เป็นบริเวณที่มีสัตว์ทะเลชุกชุมเช่น
เดยี วกับบรเิ วณครู ลิ แบงค์
13. ให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายตามความคิดของตนเองเพ่ือเชื่อมโยงไปยังหัวข้อ 8.4 ว่า
“หากการหมุนเวียนของอากาศหรอื น�ำ้ ในมหาสมุทรเปล่ยี นแปลงไปจะส่งผลอยา่ งไร”
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
280 บทที่ 8 |ลมฟ้าอากาศและภูมิอากาศ คมู่ ือครู วทิ ยาศาสตร์โลก และอวกาศ
แนวทางการวดั และประเมนิ ผล แนวทางการวดั และประเมนิ ผล
KPA
K: 1 . การหมุนเวียนนำ้�ผิวหน้ามหาสมุทร 1. การตอบค�ำ ถามตรวจสอบความเขา้ ใจ
2. ผลของการหมนุ เวยี นน�ำ้ ผวิ หนา้ มหาสมทุ ร 2. การตอบค�ำ ถาม และการน�ำ เสนอผลการ
ต่อภมู ิอากาศ ลมฟ้าอากาศ สิ่งมีชีวติ และ
สิง่ แวดล้อม อภปิ ราย
3. แบบฝึกหดั
P: 1. การตคี วามหมายขอ้ มูลและลงขอ้ สรปุ 1. อธิบายเชื่อมโยงผลจากกระแสน้ำ�อุ่น
2. ความร่วมมอื การทำ�งานเป็นทมี และภาวะ และกระแสน้ำ�เย็นต่อภูมิอากาศ ส่ิง
ผ้นู ำ� มีชีวิต และส่ิงแวดล้อมจากข้อมูลท่ี
กำ�หนดให้
2. มีส่วนร่วมในการวิเคราะห์ อภิปราย
และลงข้อสรุปเก่ียวกับการหมุนเวียน
ของน้ำ�ผิวหน้ามหาสมุทรและผลที่มีต่อ
ภมู อิ ากาศ ลมฟ้าอากาศ ส่ิงมชี ีวิต และ
ส่งิ แวดล้อม
A : 1. การยอมรับความเหน็ ตา่ ง 1. ก ารรบั ฟงั ความเหน็ ของผอู้ นื่ ในการรว่ ม
2. ความเชอื่ ม่นั ตอ่ หลักฐาน อภปิ ราย
2. การใช้เหตุผลและหลักฐานเพื่ออธิบาย
ผลจากกระแสนำ้�อุ่นและกระแสน้ำ�เย็น
ต่อสภาพลมฟ้าอากาศในบริเวณต่าง ๆ
ทอ่ี ยูใ่ นละตจดู เดยี วกัน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครู วทิ ยาศาสตรโ์ ลก และอวกาศ บทที่ 8 |ลมฟ้าอากาศและภูมอิ ากาศ 281
8.4 ปรากฏการณเ์ อลนโี ญ (El Niño) และลานีญา (La Niña)
จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
สืบค้นขอ้ มูล วเิ คราะห์ และอธิบายผลของการหมุนเวียนของอากาศและน�้ำ ผวิ หนา้ ในมหาสมทุ รท่ี
มีต่อภูมิอากาศ ลมฟา้ อากาศ ส่ิงมชี ีวติ และส่ิงแวดลอ้ ม
สื่อการเรียนร้แู ละแหลง่ การเรียนรู้
1. หนงั สอื เรียนรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตร ว์ ิทยาศาสตรโลกและอวกาศ ชั้นมธั ยมศึกษาปที ี่ 6
2. เว็บไซตก์ รมอตุ นุ ยิ มวทิ ยา
- เอลนโี ญ https://www.tmd.go.th/info/info.php?FileID=17
- ลานญี า https://www.tmd.go.th/info/info.php?FileID=18
3. วดี ทิ ศั นเ์ กย่ี วกบั เอลนโี ญและลานญี า https://www.youtube.com/watch?v=WPA-KpldDVc
แนวการจัดการเรยี นรู้
1. ครูนำ�เข้าสู่บทเรียน โดยให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายเพ่ือตรวจสอบตามความรู้เดิมเก่ียวกับ
ปรากฏการณ์เอลนีโญ และลาณีญา โดยใช้คำ�ถามตอ่ ไปน้ี
ปรากฏการณเ์ อลนีโญ และลาณญี า เกดิ ขนึ้ ในบริเวณมหาสมทุ รใด
แนวค�ำ ตอบ บริเวณมหาสมทุ รแปซฟิ กิ
ปรากฏการณ์เอลนีโญ และลาณีญา เกิดข้ึนไดอ้ ยา่ งไร (ตอบตามความคดิ ของตนเอง)
2. ใหน้ กั เรยี นศกึ ษารปู 8.22 ในหนงั สอื เรยี นหนา้ 212 เกยี่ วกบั ปรากฏการณท์ เี่ กดิ ขนึ้ เนอ่ื งจากลมคา้
ในบรเิ วณมหาสมทุ รแปซฟิ กิ ในสภาวะปกติ คอื ลมคา้ พดั ดว้ ยความเรว็ ลมปกติ และครอู ธบิ ายเกย่ี ว
กบั สัญลักษณ์ท่ใี ชใ้ นรปู ดังนี้
• ลูกศรสีดำ�ในรูปแทนทิศทางลมค้าที่พัดอยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตร ดังนั้นทิศทางของลูกศรจึงช้ีตรง
ไปทางด้านตะวนั ตก
• บริเวณที่ แสดงฝนตกในรูป แสดงบริเวณทมี่ โี อกาสเกดิ ฝนตกมากกวา่ บรเิ วณอ่นื ๆ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
282 บทที่ 8 |ลมฟ้าอากาศและภมู ิอากาศ คมู่ ือครู วทิ ยาศาสตรโ์ ลก และอวกาศ
3. จากนั้นครใู ห้นักเรียนร่วมกันอภปิ รายโดยใชค้ ำ�ถามดงั น้ี
ระหวา่ งชายฝงั่ ทางดา้ นตะวนั ออกกบั ชายฝง่ั ทางดา้ นตะวนั ตกของมหาสมทุ รแปซฟิ กิ ชายฝง่ั ใด
ทน่ี �้ำ ผิวหนา้ มหาสมทุ รมีอณุ หภมู สิ งู กว่า เพราะเหตใุ ด
แนวค�ำ ตอบ น�ำ้ ผวิ หนา้ มหาสมทุ รบรเิ วณชายฝง่ั ดา้ นตะวนั ตกของมหาสมทุ รแปซฟิ กิ มอี ณุ หภมู ิ
สูงกว่าผิวหน้ามหาสมุทรบริเวณชายฝ่ังด้านตะวันออก เพราะลมค้าพัดน้ำ�ผิวหน้ามหาสมุทร
ไปสะสมยังชายฝ่ังด้านตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิก ในขณะท่ีชายฝั่งด้านตะวันออกของ
มหาสมทุ รแปซฟิ กิ น�ำ้ ชน้ั ลา่ งซ่งึ มีอณุ หภมู ติ �่ำ กว่ายกตวั ขนึ้ มาแทนทีน่ �้ำ ผวิ หน้าทถ่ี กู พดั ไป
ระหวา่ งชายฝงั่ ทางดา้ นตะวนั ออกกบั ชายฝง่ั ทางดา้ นตะวนั ตกของมหาสมทุ รแปซฟิ กิ ชายฝงั่ ใด
เกดิ ฝนตกเพราะเหตใุ ด
แนวคำ�ตอบ บริเวณชายฝั่งด้านตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิกเกิดฝนตก เนื่องจากน้ำ�
บรเิ วณนนั้ มอี ุณหภูมิสูงท�ำ ให้น้�ำ ระเหยเขา้ สู่อากาศไดม้ าก อากาศจึงมีความชนื้ สูง
4. ค รูให้ความรู้เพิ่มเติมเก่ียวกับผลของการยกตัวของนำ้�ช้ันล่างท่ีมีต่อสภาพแวดล้อมของชายฝ่ัง
ดา้ นตะวันออกของมหาสมุทรแปซิฟิกวา่
• บ ริเวณชายฝั่งด้านตะวันออกในแถบศูนย์สูตรของมหาสมุทรแปซิฟิก น้ำ�ช้ันล่างท่ี
ยกตวั ขน้ึ มาเปน็ น้�ำ ทม่ี ีสารอาหารสงู จึงส่งผลใหบ้ ริเวณชายฝ่ังประเทศเปรูและเอควาดอร์
มีความอดุ มสมบูรณแ์ ละสตั วน์ �้ำ ชกุ ชุมและเปน็ แหล่งประมงท่สี �ำ คัญ
5. กอ่ นการน�ำ อภปิ รายเรอื่ งเอลนโี ญและลาณญี า ครคู วรอธบิ ายเกย่ี วกบั สญั ลกั ษณส์ ที ใ่ี ชแ้ ทนอณุ หภมู ิ
ของนำ้�ในรปู 8.23 และ 8.24 ว่า “พื้นท่ีสแี ดง หมายถงึ บรเิ วณท่นี ้ำ�ผวิ หนา้ มหาสมทุ รมีอุณหภมู สิ ูง
กวา่ ปกติ สว่ นพน้ื ทสี่ นี �ำ้ เงนิ หมายถงึ บรเิ วณทนี่ �้ำ ผวิ หนา้ มหาสมทุ รมอี ณุ หภมู ติ �่ำ กวา่ ปกติ ซงึ่ ไมไ่ ด้
หมายความวา่ พ้ืนท่ีสแี ดงมอี ุณหภมู ิสูงกวา่ พน้ื ที่สนี ำ�้ เงิน”
6. จากนั้น ให้นักเรียนศึกษารูป 8.23 และสืบค้นข้อมูลในหนังสือเรียนหน้า 212 เพ่ือศึกษา
ปรากฏการณ์เอลนีโญ แลว้ ร่วมกนั อภิปรายโดยใช้คำ�ถามต่อไปน้ี
เมื่อลมค้าออ่ นกำ�ลังกวา่ ปกติ จะส่งผลตอ่ อณุ หภมู ิของน�้ำ ผวิ หนา้ มหาสมุทรบริเวณชายฝง่ั ด้าน
ตะวันออกและบรเิ วณชายฝั่งดา้ นตะวันตกของมหาสมทุ รแปซิฟิกหรอื ไม่ อย่างไร
แนวค�ำ ตอบ สง่ ผล คอื น�ำ้ ผวิ หนา้ มหาสมทุ รบรเิ วณชายฝงั่ ดา้ นตะวนั ออกมอี ณุ หภมู ติ �ำ่ กวา่ ปกติ
สว่ นบรเิ วณชายฝัง่ ด้านตะวนั ตกของมหาสมุทรแปซฟิ ิกมอี ณุ หภูมสิ งู กวา่ ปกติ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี