The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by 0830220546jum, 2020-06-17 23:04:11

คู่มือครูโลกดาราศาสตร์และอาวกาศ

รายวิชาวิทยาศาสตร์ ม.5

Keywords: คู่ม,ือครู

คมู่ ือครู วทิ ยาศาสตร์โลก และอวกาศ บทที่ 5 | โครงสร้างโลก 133

การแบ่งช้ันโครงสร้างโลกตามสมบัติเชิงกล นำ�มาอธิบายชั้นต่าง ๆ ของโครงสร้างโลกได้แตกต่าง
จากการใช้เกณฑ์องค์ประกอบทางเคมี นอกจากทำ�ให้แบ่งชั้นโครงสร้างโลกได้ละเอียดข้ึนแล้วยังเป็น
ขอ้ มูลพื้นฐานในการอธบิ ายเกี่ยวกับการเคล่ือนท่ขี องแผ่นธรณีและการเกดิ ธรณีพบิ ัติภยั อกี ดว้ ย

แนวทางการวัดและประเมนิ ผล

KPA แนวทางการวดั และประเมนิ ผล
K: การแบ่งช้ันโครงสร้างโลกตามองค์ประกอบ
ทางเคมี และตามสมบัติเชิงกล 1. ผลการปฏบิ ตั กิ จิ กรรม 5.1 และ 5.2 และ
การตอบค�ำ ถามท้ายกจิ กรรม
P:
1. การหาความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งสเปซกบั สเปซ 2. การอภิปรายเพ่ือสรปุ องคค์ วามรู้
2. การสร้างแบบจ�ำ ลอง 3. แบบฝึกหัด
3. การส่ือสารสารสนเทศและการรเู้ ท่าทันสื่อ
4. การสรา้ งสรรค์และนวตั กรรม 1. ผลการจัดกระทำ�ข้อมูลจากการปฏิบัติ
กิจกรรม 5.1 และ 5.2
A : ความใจกว้าง
2. การสร้างแบบจำ�ลองตามมาตราส่วนท่ี
ถูกตอ้ ง

3. การน�ำ เสนอผลการท�ำ กจิ กรรม 5.1 และ
5.2

4. แนวความคิด และการเลือกใช้วัสดุใน
การสรา้ งแบบจำ�ลอง

การรับฟังความเห็นของผู้อื่นในการร่วม
อภิปราย

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

134 บทที่ 5 | โครงสรา้ งโลก คมู่ อื ครู วทิ ยาศาสตร์โลก และอวกาศ

ตัวอยา่ งแบบประเมนิ แบบจำ�ลองโครงสร้างโลก

ประเด็นการ ดี (3) ระดบั การประเมนิ ปรับปรุง (1)
ประเมนิ
แสดงประเด็นดังต่อไป พอใช้ (2) แสดงประเด็นดังต่อ
เ น้ื อ ห า แ ล ะ นค้ี รบถ้วน และถูกต้อง ไปนี้ไม่ครบถ้วน และ
ความถูกต้อง - แ บ บ จำ � ล อ ง แ ส ด ง แสดงประเด็นดังต่อ มบี างส่วนไม่ถูกต้อง
ทางวชิ าการ ไปน้ีครบถ้วน แต่มี - แ บ บ จำ � ล อ ง
จ�ำ นวนชนั้ โครงสรา้ ง บางส่วนไม่ถูกตอ้ ง
ความสวยงาม โลกท่ีถกู ต้อง - แ บบจำ�ลองแสดง แ ส ด ง จำ � น ว น ชั้ น
และความคิด - แ บ บ จำ � ล อ ง แ ส ด ง โครงสร้างโลกท่ีถูก
สรา้ งสรรค์ ความหนาของแตล่ ะ จำ � น ว น ชั้ น โ ค ร ง ต้อง
ช้นั ตามสดั สว่ นจริง สรา้ งโลกทถ่ี กู ตอ้ ง - แบบจำ�ลองแสดง
- แ บ บ จำ � ล อ ง แ ส ด ง - แบบจำ�ลองแสดง ความหนาของ
ค ว า ม สั ม พั น ธ์ ข อ ง ความหนาของ แ ต่ ล ะ ชั้ น ต า ม
ชั้ น โ ค ร ง ส ร้ า ง โ ล ก แ ต่ ล ะ ชั้ น ต า ม สดั ส่วนจรงิ
ท่ี แ บ่ ง ต า ม อ ง ค์ สดั สว่ นจรงิ - แบบจำ�ลองแสดง
ประกอบเคมี และ - แบบจำ�ลองแสดง ความสัมพันธ์ของ
สมบตั ิเชิงกล ความสัมพันธ์ของ ช้ั น โ ค ร ง ส ร้ า ง โ ล ก
ชั้ น โ ค ร ง ส ร้ า ง โ ล ก ท่ี แ บ่ ง ต า ม อ ง ค์
แสดงประเดน็ ดงั ตอ่ ไปนี้ ที่ แ บ่ ง ต า ม อ ง ค์ ประกอบเคมี และ
ครบถว้ น ประกอบเคมี และ สมบตั ิเชงิ กล
- มรี ปู แบบทส่ี วยงาม สมบตั ิเชงิ กล
- มีความแปลกใหม่ ไม่แสดงประเด็นดัง
แสดงประเด็นดังต่อ ต่อไปนี้
ไปนี้บางส่วน - มีรูปแบบท่ีสวยงาม
- มีรูปแบบทส่ี วยงาม - มคี วามแปลกใหม่
- มคี วามแปลกใหม่

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คู่มือครู วทิ ยาศาสตรโ์ ลก และอวกาศ บทท่ี 5 | โครงสรา้ งโลก 135

ประเด็นการ ระดบั การประเมนิ
ประเมิน
ดี (3) พอใช้ (2) ปรับปรงุ (1)

ก า ร นำ � เ ส น อ แสดงประเด็นดังต่อไปน้ี แสดงประเด็นดังต่อไป ไม่แสดงประเด็นดังต่อ
ผลงาน ครบถ้วน นี้บางสว่ น ไปนี้
- มกี ารน�ำ เสนอเปน็ ล�ำ ดบั - มีการนำ�เสนอเป็น - มีการนำ�เสนอเป็น

เข้าใจง่าย ลำ�ดับ เขา้ ใจง่าย ล�ำ ดบั เขา้ ใจง่าย
- มีรูปแบบการนำ�เสนอ - มรี ปู แบบการน�ำ เสนอ - มี รู ป แ บ บ ก า ร นำ �
ที่เหมาะสม เช่น มีการ ที่เหมาะสม เช่น มี เสนอทเี่ หมาะสม เชน่
ใช้เทคโนโลยี หรือมีรูป ก า ร ใ ช้ เ ท ค โ น โ ล ยี มี ก า ร ใ ช้ เ ท ค โ น โ ล ยี
แบบทีห่ ลากหลาย ห รื อ มี รู ป แ บ บ ท่ี ห รื อ มี รู ป แ บ บ ท่ี
หลากหลาย หลากหลาย

ความ แสดงประเด็นดังต่อไปนี้ แสดงประเด็นดังต่อไป ไม่แสดงประเด็นดังต่อ
ประหยดั /การ ครบถว้ น น้ีบางส่วน ไปน้ี
ใช้ทรัพยากร - ใ ช้วัสดุที่หาได้ง่ายใน - ใ ช้วัสดุท่ีหาได้ง่ายใน - ใ ช้วัสดุท่ีหาได้ง่ายใน
อย่างคมุ้ ค่า
ท้องถ่นิ ท้องถ่ิน ท้องถน่ิ
- ใช้วัสดุเหลือใช้ - ใชว้ สั ดเุ หลือใช้ - ใชว้ ัสดุเหลือใช้

เกณฑ์การใหค้ ะแนน
คะแนน 12-10 หมายถงึ ผา่ นเกณฑใ์ นระดบั ดี อาจต้องปรบั ปรงุ บางส่วน
คะแนน 9-6 หมายถงึ ผา่ นเกณฑใ์ นระดับพอใช้ ตอ้ งปรับปรุงบางสว่ น
คะแนน 5-1 หมายถึง ต้องปรับปรงุ ใหม่

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

136 บทท่ี 5 | โครงสรา้ งโลก คูม่ อื ครู วิทยาศาสตรโ์ ลก และอวกาศ

แบบประเมนิ พฤติกรรมการท�ำ กจิ กรรมกลุ่ม

ประเดน็ การ ระดบั การประเมนิ 1 บันทกึ เพิม่ เตมิ
ประเมนิ 32 ส�ำ หรบั ผปู้ ระเมนิ

การวางแผน มีการประชุม มีการประชุม ไม่มีการประชุม
การทำ�งานใน ปรึกษาหารือ ปรึกษาหารือ ปรึกษาหารือกัน
กลุม่ กันและมีการ กันหรือมีการ และไม่มีการแบ่ง
แบ่งงานแบ่ง แบ่งงานแบ่ง ง า น แ บ่ ง ห น้ า ท่ี
ความสนใจ ห น้ า ท่ี กั น ทำ � หน้าทก่ี นั ทำ� กันท�ำ
และการมี อย่างชัดเจน
สว่ นร่วมใน
กิจกรรม ทุกคนในกลุ่ม ค น ใ น ก ลุ่ ม ค น ใ น ก ลุ่ ม ส่ ว น
มีส่วนร่วมใน ส่ ว น ใ ห ญ่ มี ใหญไ่ มม่ สี ว่ นรว่ ม
การจัดการ กิจกรรม/ร่วม ส่ ว น ร่ ว ม ใ น ในกิจกรรม/ร่วม
เวลา แสดงความ กจิ กรรม/รว่ ม แ ส ด ง ค ว า ม คิ ด
คิดเหน็ แสดงความ เหน็
คดิ เห็น
ทำ � กิ จ ก ร ร ม ทำ�กิจกรรมเสร็จ
เสรจ็ ทนั เวลา - ไมท่ ันเวลา

เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน
คะแนน 9-7 หมายถงึ ผา่ นเกณฑ์ในระดบั ดี
คะแนน 6-5 หมายถงึ ผา่ นเกณฑ์ในระดบั พอใช้
คะแนน 4-1 หมายถึง ต้องปรับปรุง

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ค่มู ือครู วิทยาศาสตร์โลก และอวกาศ บทที่ 5 | โครงสรา้ งโลก 137

ความรู้เพิ่มเติม

โครงการเจาะส�ำ รวจโครงสร้างโลก
นักวิทยาศาสตร์พยายามเจาะสำ�รวจลงไปภายในโลกทั้งบริเวณที่เป็นพ้ืนทวีป และ
พื้นมหาสมุทร เช่น โครงการ Kola Superdeep Borehole ทำ�การขุดเจาะท่ีคาบสมุทร
โคลา ทางตะวนั ตกเฉยี งเหนอื ของประเทศรัสเซยี สามารถเจาะลงไปในแผ่นทวปี บอลตกิ ได้
ความลึกมากท่ีสุดประมาณ 12 กิโลเมตร โดยใช้เวลาถึง 19 ปี (พ.ศ. 2513-2532) และ
โครงการ Integrated Ocean Drilling Program  (IODP) ทำ�การเจาะบริเวณพ้ืนทะเล
แปซิฟิกใกล้กับประเทศญ่ีปุ่น โดยใช้เรือชื่อ Chikyu เจาะได้ลึกประมาณ 7 กิโลเมตร
ดงั รูป

รปู จ�ำ ลองการเจาะส�ำ รวจภายในโลก
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

138 บทที่ 5 | โครงสรา้ งโลก คูม่ ือครู วิทยาศาสตร์โลก และอวกาศ

การเปล่ยี นโหมดของคลื่นไหวสะเทือน
(ตอบค�ำ ถามทว่ี า่ เพราะเหตใุ ดจงึ พบคลน่ื S ในแกน่ โลกชนั้ ใน เมอื่ คลน่ื S ไมส่ ามารถ
เดนิ ทางผ่านแก่นโลกช้นั นอกทม่ี ีสถานะเป็นของเหลวได)้
เมื่อคลื่น P หรือคล่ืน S กระทบกับรอยต่อของตัวกลางต่างชนิดกันแบบทำ�มุม จะเกิด
การสะทอ้ นและหักเหของทงั้ คลืน่ P และคลืน่ S ดงั แสดงในรูป จากรูปจะพบว่าเมือ่ คลื่น P
หรอื คลนื่ S ตกกระทบรอยตอ่ ของชน้ั ตา่ ง ๆ จะปรากฎคลน่ื สะทอ้ นและหกั เหทง้ั คลนื่ P และ
คล่ืน S ปรากฎการณ์นี้เรียกว่าการเปล่ียนโหมดของคลื่น (mode conversion) ซ่ึงทำ�ให้
สามารถอธิบายได้ว่าทำ�ไมจึงพบคลื่น S บริเวณรอยต่อของช้ันแก่นโลกชั้นนอกและ
แก่นโลกชั้นใน คล่ืน S ดังกล่าวเป็นคล่ืนที่แตกตัวออกมาจากคลื่น P ท่ีตกกระทบรอย
ต่อระหว่างแก่นโลกชั้นนอกและแก่นโลกชั้นในน่ันเอง เม่ือคล่ืน P ซึ่งเป็นคลื่นตามยาว
ตกกระทบท่ีรอยต่อของวัสดุ พลังงานบางส่วนทำ�ให้อนุภาคเคลื่อนที่ตามขวางจึงเกิดเป็น
คล่ืนตามขวาง (คล่ืน S) ดงั นน้ั การเปล่ยี นโหมดของคลื่นเกิดข้นึ เมื่อคลื่นเคล่ือนท่ีกระทบกบั
รอยตอ่ ระหว่างวสั ดตุ ่างชนดิ กัน ทีม่ คี วามตา้ นทานตอ่ การสะทอ้ นต่างกนั

รปู ลกั ษณะการเกิดคลืน่ สะทอ้ นและคลน่ื หกั เหแบบท�ำ มมุ
(1) เมอ่ื มีคลน่ื P ตกกระทบ (ข) เมอ่ื มีคลนื่ S ตกกระทบ

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คูม่ อื ครู วทิ ยาศาสตร์โลก และอวกาศ บทที่ 5 | โครงสร้างโลก 139

ความเรว็ ของคลืน่ ไหวสะเทอื น
คลื่นไหวสะเทือนแต่ละชนิดสามารถเดินทางผ่านตัวกลางต่าง ๆ ได้ด้วยความเร็วที่แตก
ต่างกันข้ึนอยู่กับสมบัติทางกายภาพของตัวกลางแต่ละชนิด เช่น ระหว่างดินแห้งกับดินเปียก
ค่าความหนาแน่นย่อมไม่เท่ากัน ดังน้ันค่าความเร็วคล่ืนไหวสะเทือนภายในดินแห้งจึงแตกต่าง
จากดินเปียก หรือระหว่างหินทรายกับหินปูน ค่าความหนาแน่นของหินทรายท่ีมีควอตซ์เป็น
องค์ประกอบกับหินปูนที่มีแร่แคลไซด์เป็นองค์ประกอบแตกต่างกัน ดังนั้นค่าความเร็ว
คล่ืนไหวสะเทอื นเมื่อเคล่ือนท่ีผ่านย่อมแตกตา่ งกนั ตารางดา้ นลา่ งแสดงค่าความเร็วคล่นื P และ
คลืน่ S ของตัวกลางทีส่ �ำ คัญ

ตารางแสดงค่าความเร็วของคลนื่ ไหวสะเทือนของวัตถชุ นิดต่างๆ

ชนดิ ของวสั ดุ ความเรว็ คลน่ื ปฐมภมู ิ ความเรว็ คลืน่ ทตุ ิยภมู ิ
(เมตร/วนิ าท)ี (เมตร/วินาที)

อากาศ 332 -

นำ้� 1,400–1,500 -
ปิโตรเลียม 1,300–1,400 -

เหล็ก 6,100 3,500
คอนกรีต
หินแกรนติ 3,600 2,000
หนิ บะซอลต์
หนิ ทราย 5,500–5,900 2,800–3,000
หนิ ปนู
ทราย (ยังไมแ่ ข็งตัว) 6,400 3,200
ทราย (แข็งตัว)
ดินเคลย์ 1,400–4,300 700–2,800
ตะกอนธารนำ้�แข็ง
5,900–6,100 2,800–3,000

200–1,000 80–400

800–2,200 320–880

1,000–2,500 400–1,000

1,500–2,500 600–1,000

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

140 บทที่ 5 | โครงสร้างโลก ค่มู ือครู วิทยาศาสตร์โลก และอวกาศ

แบบฝึกหัดทา้ ยบท

1. จงลากเส้นเชือ่ มโยงชือ่ ชัน้ โครงสร้างโลกกับข้อความดา้ นขวาทม่ี คี วามสมั พนั ธ์กัน

(1) ธรณภี าค ก. หนาประมาณ 100 กิโลเมตร เป็นของแข็ง
(2) ฐานธรณภี าค อณุ หภมู ติ �ำ่ ความหนาแนน่ นอ้ ยทส่ี ดุ
(3) มชั ฌมิ ภาค
(4) แกน่ โลกชน้ั นอก ข. หนาประมาณ 2,240 กิโลเมตร เป็นของแข็ง
(5) แกน่ โลกชน้ั ใน อณุ หภมู สิ งู ความหนาแนน่ มาก

ค. หนาประมาณ 1,220 กิโลเมตร เป็นของแข็ง
อณุ หภมู สิ งู มาก ความหนาแนน่ มากทส่ี ดุ

ง. หนาประมาณ 560 กโิ ลเมตร เปน็ ของแขง็ ทม่ี ี
สมบตั เิ ปน็ พลาสตกิ อณุ หภมู สิ งู

จ. หนาประมาณ 2,250 กโิ ลเมตร เปน็ ของเหลว
อณุ หภมู สิ งู มาก ความหนาแนน่ มาก

2. จงเติมช่ือชัน้ โครงสรา้ งโลกใหส้ มั พนั ธก์ ับสมบัติและองคป์ ระกอบของโครงสรา้ งโลก

ชน้ั โครงสร้างโลก องค์ประกอบทางเคมี ความหนาแนน่ เฉล่ยี
1. ...เนือ้ โลก..... (กรมั ต่อลูกบาศก์
ประกอบดว้ ยแร่ทีเ่ ป็น เซนตเิ มตร)
สารประกอบของซลิ ิกอน
แมกนีเซียม และเหลก็ 4.5

2. ...แกน่ โลก..... ประกอบด้วยเหล็กเปน็ หลกั 13

2. ...เปลอื กโลก.... ประกอบดว้ ยหินแกรนิต หรือ 2.8
หนิ บะซอลตเ์ ปน็ สว่ นใหญ่

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คมู่ ือครู วิทยาศาสตร์โลก และอวกาศ บทท่ี 5 | โครงสร้างโลก 141

3. จากรปู โครงสรา้ งโลก บรเิ วณ ก และ ข ทง้ั สองบรเิ วณ คอื สว่ นใดของโครงสรา้ งโลก และ
บริเวณท้งั สองมีลักษณะเหมือนกันหรือแตกต่างกันอย่างไร และมีองค์ประกอบทางเคมี
เปน็ อยา่ งไร





แนวค�ำ ตอบ เรยี กวา่ เปลอื กโลก แบง่ ออกเปน็ 2 สว่ นคอื
ก. เปลือกโลกทวีปประกอบด้วยหินแกรนิตเป็นส่วนใหญ่   หรือประกอบด้วย

ธาตซุ ลิ กิ อน และธาตอุ ะลมู เิ นยี มเปน็ สว่ นใหญ่
ข. เปลอื กโลกมหาสมทุ รประกอบดว้ ยหนิ บะซอลตเ์ ปน็ สว่ นใหญ ่  ห  รอื ประกอบดว้ ยธาตุ

ซลิ กิ อนและธาตแุ มกนเี ซยี มเปน็ สว่ นใหญ่

เปลือกโลก
มหาสมุทร

เปลือกโลกทวีป

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

142 บทที่ 5 | โครงสร้างโลก ค่มู อื ครู วิทยาศาสตรโ์ ลก และอวกาศ

4. จงท�ำ เครอ่ื งหมาย( ) หนา้ ขอ้ ความทถ่ี กู และท�ำ เครอ่ื งหมาย ( ) หนา้ ขอ้ ความทผ่ี ดิ

ค�ำ ตอบ ขอ้ ความ

1. การศกึ ษาองคป์ ระกอบทางเคมขี องเนอ้ื โลกสว่ นหนงึ่ ไดต้ วั อยา่ งมาจาก
หินแปลกปลอมในระดับลกึ ที่ลาวาพาข้นึ มาบนผวิ โลก

2. ผลจากการศกึ ษาอกุ กาบาตทต่ี กลงมายงั โลก เปน็ หลกั ฐานหนงึ่ ทที่ �ำ ให้
ทราบองค์ประกอบของแกน่ โลก

3. ถ้าแบ่งโครงสร้างโลกตามองค์ประกอบทางเคมี แก่นโลก ประกอบ
ด้วยเหลก็ เปน็ ส่วนใหญ่

4. เปลือกโลกทวีป ประกอบด้วย หนิ บะซอลต์เปน็ ส่วนมาก

5. เปลือกโลกทวีปมคี วามหนาแนน่ มากกว่าเปลือกโลกมหาสมุทร

6. แหล่งกำ�เนิดคลื่นไหวสะเทือนมีทั้งท่ีมาจากปรากฏการณ์ธรรมชาติ
และจากการกระทำ�ของมนษุ ย์
7. คลื่นปฐมภมู มิ คี วามเรว็ เพมิ่ ขน้ึ เมื่อเคล่ือนท่ีผ่านธรณภี าคและ
มัชฌมิ ภาคและมีความเรว็ เป็นศนู ย์เมอื่ เคลื่อนท่ีผา่ นแก่นโลกช้นั นอก
8. คลื่นทุติยภูมิไม่สามารถเคล่ือนท่ีผ่านโครงสร้างโลกที่มีสถานะเป็น
ของเหลวได้
9. คลน่ื ปฐมภมู มิ คี วามเรว็ นอ้ ยกวา่ คลน่ื ทตุ ยิ ภมู ิ เมอ่ื คลน่ื ทงั้ สองเคลอื่ นท่ี
ผา่ นฐานธรณีภาค
10. เขตความเร็วตำ่�อยู่ในธรณีภาค และเขตเปลี่ยนแปลงอยู่ใน
ฐานธรณีภาค

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คู่มอื ครู วทิ ยาศาสตร์โลก และอวกาศ บทที่ 5 | โครงสร้างโลก 143

5. จงตอบค�ำ ถามตอ่ ไปน้ี
5.1 หากผลการวิเคราะห์องค์ประกอบทางเคมีของหินก้อนหน่ึงพบว่าเป็นหินแกรนิต
หนิ กอ้ นนม้ี กี �ำ เนดิ มาจากสว่ นใดของโครงสรา้ งโลก
แนวค�ำ ตอบ เปลอื กโลกทวปี

5.2 เนอ้ื โลกประกอบดว้ ยสสารในสถานะใด เปน็ สว่ นใหญ่
แนวค�ำ ตอบ ของแขง็

5.3 หลกั ฐานใดทน่ี �ำ มาใชย้ นื ยนั วา่ แกน่ โลกชน้ั นอกเปน็ ของเหลว
แนวค�ำ ตอบ   คลน่ื ทตุ ยิ ภมู ไิ มส่ ามารถเคลอ่ื นทผ่ี า่ นแกน่ โลกชน้ั นอกไดข้ อ้ มลู ความเรว็
ของคลน่ื ปฐมภมู ทิ เ่ี คลอ่ื นทผ่ี า่ นแกน่ โลกชน้ั นอกและการทโ่ี ลกมสี นามแมเ่ หลก็    เพราะ
สนามแมเ่ หลก็ โลกเกดิ จากการเคลอ่ื นทข่ี องสสารทเ่ี ปน็ ของเหลวภายในแกน่ โลก

5.4 เพราะเหตุใดผลการศึกษาอุกกาบาตเหล็กจึงใช้เป็นข้อมูลอธิบายองค์ประกอบ
ของแกน่ โลกได้
แนวคำ�ตอบ   เพราะอุกกาบาตเหล็กมีองค์ประกอบทางเคมีรวมท้ังลักษณะและ
กระบวนการเกดิ ทแ่ี ตกตา่ งจากตวั อยา่ งหนิ อกุ กาบาตหนิ และแรเ่ หลก็ ทพ่ี บทผ่ี วิ โลก
ซง่ึ นกั วทิ ยาศาสตรส์ นั นษิ ฐานวา่ อกุ กาบาตเหลก็ น้ี เกดิ ขน้ึ ในชว่ งเวลาใกลเ้ คยี งกบั การ
เกดิ โลก และมอี งคป์ ระกอบทางเคมใี กลเ้ คยี งกบั แกน่ โลก

5.5 นอกจากผลการศึกษาอุกกาบาตเหล็กแล้ว ข้อมูลใดช่วยสนับสนุนว่าแก่นโลก
ประกอบด้วยเหล็กเป็นสว่ นมาก
แนวค�ำ ตอบ ความหนาแนน่ ของโลก

5.6 เพราะเหตุใดคล่ืนไหวสะเทือนจึงเกิดการสะท้อนและหักเหเม่ือเคล่ือนท่ีผ่าน
โครงสรา้ งโลก
แนวค�ำ ตอบ คลน่ื ไหวสะเทอื นเคลอ่ื นทผ่ี า่ นตวั กลางทม่ี สี มบตั เิ ชงิ กลแตกตา่ งกนั เชน่
ความหนาแนน่ สถานะ

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

144 บทท่ี 5 | โครงสร้างโลก คู่มอื ครู วิทยาศาสตร์โลก และอวกาศ

5.7 จากแนวการเคลอ่ื นทข่ี องคลน่ื ปฐมภมู ผิ า่ นโครงสรา้ งภายในโลกดงั รปู (ก) และ (ข) แสดง
วา่ ลกั ษณะโครงสรา้ งภายในโลกสองรปู นเ้ี หมอื นหรอื แตกตา่ งกนั อยา่ งไร

(ก) (ข)

แนวค�ำ ตอบ โครงสรา้ งโลกในภาพ ก แสดงวา่ ภายในโลกมลี กั ษณะเปน็ เนอ้ื เดยี วกนั และ
มคี วามหนาแนน่ เทา่ กนั เนอ่ื งจากคลน่ื เดนิ ทางผา่ นเปน็ เสน้ ตรงไมม่ กี ารหกั เห โครงสรา้ ง
โลกในภาพ ข แสดงวา่ ภายในโลกมลี กั ษณะไมเ่ ปน็ เนอ้ื เดยี วกนั โดยมสี ถานะและความ
หนาแนน่ แตกตา่ งกนั ไปตามความลกึ ท�ำ ใหค้ ลน่ื ปฐมภมู เิ กดิ การหกั เห

5.8 ลาวาทป่ี ะทขุ น้ึ มาบนผวิ โลกมแี หลง่ ก�ำ เนดิ มาจากชน้ั ใดของโครงสรา้ งโลก
แนวค�ำ ตอบ เขตความเรว็ ต�ำ่ ในฐานธรณภี าค

5.9 เขตความเรว็ ต�ำ่ มสี มบตั แิ ตกตา่ งจากธรณภี าคอยา่ งไร
แนวค�ำ ตอบ มอี ณุ หภมู แิ ละความดนั สงู กวา่ และมสี มบตั เิ ปน็ พลาสตกิ

5.10 คล่ืนทุติยภูมิท่ีเกิดข้ึนใหม่เม่ือคล่ืนปฐมภูมิเคล่ือนท่ีผ่านแก่นโลกช้ันนอกเข้าไปยัง
แกน่ โลกชน้ั ใน สามารถเดนิ ทางออกมาทผ่ี วิ โลกไดห้ รอื ไม่ เพราะเหตใุ ด

แนวค�ำ ตอบ ไมไ่ ดเ้ นอ่ื งจากไมส่ ามารถเดนิ ทางผา่ นแกน่ โลกชน้ั นอกทเ่ี ปน็ ของเหลวได้

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คู่มือครู วิทยาศาสตรโ์ ลก และอวกาศ บทท่ี 6 | การแปรสณั ฐานของแผ่นธรณี 145

6บทท่ี | การแปรสณั ฐานของแผ่นธรณี (Plate Tectonics)

ipst.me/8856

*ราชบัณฑิตยสถานบัญญัติคำ�ว่า   plate    tectonics   ว่าการแปรสัณฐานแบบแผ่น   แต่ในที่น้ีจะใช้คำ�ว่า
การแปรสัณฐานของแผน่ ธรณี ซ่ึงหมายถึงคำ�เดยี วกัน

ตัวชว้ี ัด

1. อธบิ ายหลกั ฐานทางธรณวี ทิ ยาทส่ี นบั สนนุ การเคลอ่ื นทข่ี องแผน่ ธรณี
2. ระบุสาเหตุ และอธิบายรูปแบบแนวรอยต่อของแผ่นธรณีท่สี ัมพันธ์กับการเคล่อื นท่ขี องแผ่นธรณี

พรอ้ มยกตวั อยา่ งหลกั ฐานทางธรณวี ทิ ยาทพ่ี บ

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

146 บทที่ 6 | การแปรสัณฐานของแผน่ ธรณี คู่มือครู วิทยาศาสตร์โลก และอวกาศ

การวิเคราะหต์ วั ชี้วดั

ตวั ชีว้ ัด
1. อธิบายหลกั ฐานทางธรณวี ทิ ยาท่ีสนบั สนนุ การเคล่อื นท่ขี องแผน่ ธรณโี ดยใชแ้ บบจ�ำ ลอง
2. ระบุสาเหตุ และอธิบายรูปแบบแนวรอยต่อของแผ่นธรณที่สัมพันธ์กับการเคล่ือนที่ของ

แผ่นธรณี พรอ้ มยกตัวอย่างหลักฐานทางธรณีวิทยาที่พบ
จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
1. อธบิ ายแนวคิด ทฤษฎเี กีย่ วกับการเคลอื่ นท่ีของแผ่นธรณี
2. อธิบายหลกั ฐานทางธรณวี ิทยาท่สี นับสนุนการเคลื่อนทข่ี องแผ่นธรณี
3. อธบิ ายสาเหตุ และกระบวนการเคลอื่ นทข่ี องแผน่ ธรณี และระบผุ ลทเ่ี กดิ จากการเคลอ่ื นทขี่ อง

แผน่ ธรณี
4. อธิบายรูปแบบการเคล่ือนท่ีของแผ่นธรณีท่ีสัมพันธ์กับการเกิดลักษณะธรณีสัณฐานและธรณี

โครงสรา้ งทางธรณีแบบต่าง ๆ

ทกั ษะกระบวนการทาง ทักษะแห่งศตวรรษท่ี 21 จติ วิทยาศาสตร์
วทิ ยาศาสตร์
1. การหาความสัมพันธ์ของ 1. การสอื่ สารสารสนเทศ และการ 1. ความใจกวา้ ง
รเู้ ท่าทนั สือ่ 2. ความเช่อื ม่ันต่อ
สเปซกบั เวลา
2. การจดั กระท�ำ และสอ่ื ความ 2. ความร่วมมือ การทำ�งานเป็น หลกั ฐาน
ทีมและภาวะผนู้
หมายข้อมลู
3. การตคี วามหมายและลงขอ้

สรุป
4. การสรา้ งแบบจ�ำ ลอง

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คู่มอื ครู วทิ ยาศาสตร์โลก และอวกาศ บทที่ 6 | การแปรสณั ฐานของแผน่ ธรณี 147

ลำ�ดบั ความคิดตอ่ เนอ่ื ง

ธรณภี าคซงึ่ เปน็ ชนั้ นอกสดุ ของโครงสรา้ งโลก แบง่ ออกเปน็ แผน่ ธรณี (plate) หลายแผน่ ซงึ่ เคลอ่ื นท่ี
ไปบนฐานธรณภี าคท�ำ ใหเ้ กดิ การเปลีย่ นแปลงทางธรณีอยู่ตลอดเวลา

ทฤษฎีทวีปเลือ่ น คอื แนวความคิดท่ีกลา่ ววา่ ในอดตี ณ ชว่ งเวลาหนึ่งทวปี ต่าง ๆ ไม่ได้มตี ำ�แหน่ง
เหมอื นกบั ในปจั จบุ นั แตเ่ คยอยรู่ วมกนั เปน็ แผน่ ดนิ ใหญเ่ พยี งแผน่ ดนิ เดยี วทเี่ รยี กวา่ พนั เจยี (Pangaea)

หลักฐานท่ีสนับสนุนว่าทวีปเคยอยู่ติดกันมาก่อน ได้แก่ รูปร่างของขอบทวีป ซากดึกดำ�บรรพ์
ความคลา้ ยกนั ของกลมุ่ หนิ และแนวเทอื กเขา หลกั ฐานจากรอยครดู บนหนิ ทเ่ี กดิ จากการเคลอ่ื นตวั ของ
ธารนำ้�แข็งบรรพกาล

ทฤษฎีการแผ่ขยายพ้ืนสมุทร เป็นการพบหลักฐานบนพ้ืนสมุทรที่สนับสนุนการเคล่ือนที่ของ
แผ่นธรณี ไดแ้ ก่ สันเขากลางสมทุ ร อายุของหนิ บะซอลต์บนพ้ืนมหาสมุทร ภาวะแมเ่ หลก็ บรรพกาล

นักวิทยาศาสตร์รวบรวมหลักฐานและแนวคิด จากทฤษฎีทวีปเลื่อน ทฤษฎีการแผ่ขยาย
พื้นสมุทร นำ�มาสรุปเป็นทฤษฎีการแปรสัณฐานของแผ่นธรณี ซ่ึงกล่าวถึงการเคล่ือนท่ีและ
การเปลี่ยนลกั ษณะของแผ่นธรณอี นั เนอื่ งมาจากวงจรการพาความรอ้ นของแมกมาภายในเนอ้ื โลก

การเคลื่อนที่ของแผ่นธรณีสัมพันธ์กับ แนวรอยต่อของแผ่นธรณี 3 รูปแบบ คือ แนวแผ่นธรณี
แยกตัว แนวแผ่นธรณีเคล่ือนที่หากัน แนวแผ่นธรณีเคลื่อนผ่านกันในแนวราบ แต่ละรูปแบบ
ส่งผลใหเ้ กิดธรณีสณั ฐาน โครงสร้างทางธรณีแบบต่าง ๆ และปรากฏการณท์ างธรณีต่าง ๆ บนโลก

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

148 บทท่ี 6 | การแปรสัณฐานของแผ่นธรณี ค่มู อื ครู วทิ ยาศาสตร์โลก และอวกาศ

สาระสำ�คัญ

แผน่ ธรณตี า่ ง ๆ ของโลกมกี ารเปลย่ี นแปลงขนาดและต�ำ แหนง่ ตง้ั แตอ่ ดตี จนถงึ ปจั จบุ นั มหี ลกั ฐาน
ปรากฏให้เห็น ซ่ึงอธิบายการเคล่ือนที่ของแผ่นธรณีได้ตามทฤษฎีการแปรสัณฐานของแผ่นธรณี โดย
มีแนวคิดมาจาก ทฤษฎีทวีปเล่ือน และทฤษฎีการแผ่ขยายพ้ืนสมุทร ซ่ึงมีหลักฐานท่ีสนับสนุน ได้แก่
รูปร่างของขอบทวีปท่ีสามารถเชื่อมต่อกันได้ ความคล้ายคลึงกันของกลุ่มหินและแนวเทือกเขา
ซากดึกดำ�บรรพ์ ร่องรอยการเคล่ือนท่ีของตะกอนธารนำ้�แข็ง ภาวะแม่เหล็กบรรพกาล อายุหินของ
พน้ื มหาสมุทร รวมท้ังการค้นพบสันเขากลางสมุทร และรอ่ งลกึ ก้นสมทุ ร

ทฤษฎีการแปรสัณฐานของแผ่นธรณีอธิบายการเคลื่อนท่ีของแผ่นธรณี เนื่องจากการพาความ
ร้อนของแมกมา ภายในโลก โดยแนวรอยต่อของแผ่นธรณีมี 3 รูปแบบ ได้แก่ แนวแผ่นธรณีแยกตัว
แนวแผ่นธรณีเคล่ือนหากัน และแนวแผ่นธรณีเคล่ือนท่ีผ่านกันในแนวราบ ซึ่งทำ�ให้เกิดธรณี
สัณฐาน ได้แก่ ร่องลึกก้นสมุทร หมู่เกาะภูเขาไฟรูปโค้ง แนวภูเขาไฟ แนวเทือกเขา หุบเขาทรุดและ
สันเขากลางสมุทร และโครงสร้างทางธรณี เช่น เขตรอยเลื่อน นอกจากน้ียังทำ�ให้เกิด
ธรณีพบิ ัติภัยตา่ ง ๆ

เวลาท่ใี ช้

บทนค้ี วรใช้เวลาประมาณ 8 ชั่วโมง 2 ชวั่ โมง
บทที่ 6 การแปรสณั ฐานของแผ่นธรณี 2 ช่ัวโมง
6.1 แนวคดิ ของทฤษฎีทวีปเลื่อนและหลักฐานสนับสนุน 2 ชว่ั โมง
6.2 แนวคิดของทฤษฎกี ารแผข่ ยายพ้นื สมุทรและหลกั ฐานสนบั สนนุ 2 ชั่วโมง
6.3 การแปรสณั ฐานของแผ่นธรณี
6.4 ธรณสี ัณฐานและธรณโี ครงสรา้ งท่ีเกดิ จากการเคลื่อนท่ีของแผ่นธรณ ี

ความร้กู ่อนเรียน

โครงสร้างโลกตามองค์ประกอบทางเคมีและสมบัติเชงิ กล ซากดึกด�ำ บรรพ์ การพาความร้อน

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คมู่ ือครู วทิ ยาศาสตร์โลก และอวกาศ บทท่ี 6 | การแปรสณั ฐานของแผ่นธรณี 149

6.1 แนวคดิ ของทฤษฎีทวปี เลือ่ นและหลกั ฐานสนบั สนนุ

จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
1. อธบิ ายแนวคดิ ทฤษฎีเกีย่ วกบั การเคล่อื นที่ของแผ่นธรณี
2. อธิบายหลักฐานทางธรณวี ทิ ยาทสี่ นบั สนนุ การเคล่ือนทีข่ องแผ่นธรณี

สื่อและแหล่งการเรียนรู้
1. หนงั สือเรยี นวชิ าพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์โลกและอวกาศ ช้ันมธั ยมศึกษาปที ่ี 6
2. สสวท. Learning space http://www.scimath.org
3. แอนิเมชั่นพันเจีย USGS https://commons.wikimedia.org/wiki/File:Pangea_anima-
tion_03.gif

ความเขา้ ใจท่ีคลาดเคลอ่ื น

ความเข้าใจท่ีคลาดเคลื่อน ความเขา้ ใจทถ่ี กู ตอ้ ง
รู ป ร่ า ง แ ล ะ ตำ � แ ห น่ ง ข อ ง ท วี ป ไ ม่
เปลย่ี นแปลง ทวีปต่าง ๆ ของโลกมีการเปล่ียนแปลง
รูปร่างและตำ�แหน่งตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
ทวปี ลอยอยบู่ นนำ้� แ ล ะ มี ก า ร เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง อ ยู่ ต ล อ ด เ ว ล า
อยา่ งชา้ ๆ

ทวปี คอื สว่ นหนง่ึ ของธรณภี าคทแ่ี ตกออกเปน็
แผ่น ๆ หลายแผ่น หรือท่ีเรียกว่า แผ่นธรณี
โดยที่ในแผ่นธรณี 1 แผ่นนั้นอาจรองรับทั้ง
ส่วนที่เป็นแผ่นดินและส่วนท่ีเป็นมหาสมุทร
และเกิดการเคล่ือนที่ได้เนื่องจากวางตัวอยู่
บนฐานธรณีภาคท่ีเคล่ือนที่เนื่องจากการพา
ความรอ้ นจากภายในโลก

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

150 บทท่ี 6 | การแปรสณั ฐานของแผ่นธรณี คู่มือครู วทิ ยาศาสตรโ์ ลก และอวกาศ

แนวการจดั การเรียนรู้
1. ครูนำ�เข้าสู่บทเรียน โดยให้นักเรียนสังเกตและเปรียบเทียบขนาด ตำ�แหน่ง และการ

วางตวั ของทวปี ในแผนทโ่ี ลกเมอ่ื 200 ลา้ นปกี อ่ น กบั ถงึ ปจั จบุ นั โดยใชภ้ าพนง่ิ (ดาวนโ์ หลดได้
จาก QR code ประจำ�บท) หรือภาพเคล่อื นไหวจากส่ือต่างๆ (ตัวอย่างเช่น แอนิเมชันพันเจีย
USGS: https://commons.wikimedia.org/wiki/File:Pangea_animation_03.gif) เพอ่ื กระตนุ้
ความสนใจเก่ียวกับการเปล่ียนตำ�แหน่งของทวีปต่าง ๆ และร่วมกันอภิปรายโดยใช้คำ�ถาม
ดงั ตวั อยา่ งตอ่ ไปน้ี

เมื่อเปรียบเทียบขนาด ตำ�แหน่ง และการวางตัวของทวีปในแผนท่ีโลกในอดีตกับแผนท่ีโลกใน
ปจั จบุ ันมคี วามแตกตา่ งกนั อยา่ งไร
แนวค�ำ ตอบ ในอดีต ทวีปในแผนที่โลกเป็นทวีปขนาดใหญ่ ทวีปเดียว แต่ในปัจจุบันในแผนที่
โลกมหี ลายทวปี อย่แู ยกกัน

2. ครกู ลา่ วถงึ แนวคดิ ของเวเกเนอรท์ ว่ี า่ ในอดตี ณ ชว่ งเวลาหนง่ึ ทวปี ตา่ ง ๆ ของโลกไมไ่ ด้
มตี ำ�แหน่งเหมือนกับในปัจจบุ ัน แตเ่ คยเชอ่ื มตอ่ เป็นแผน่ ดินเดยี วกันมาก่อน โดยสังเกตจากรปู
รา่ งของขอบทวปี ทม่ี บี างทวปี ในปจั จบุ นั ตอ่ กนั ไดพ้ อดี จากนน้ั ใหน้ กั เรยี นรว่ มกนั อภปิ รายโดยใช้
ค�ำ ถามดงั ตวั อยา่ งตอ่ ไปน้ี

นักเรยี นมีความคดิ เหน็ อย่างไรกบั แนวคดิ ดงั กลา่ ว เพราะเหตุใด
แนวค�ำ ตอบ นกั เรยี นตอบตามความคดิ ของตนเอง

แนวคิดดังกลา่ วมีความเป็นไปได้ และนา่ เช่ือถือหรือไม่
แนวค�ำ ตอบ แนวคิดดังกล่าวอาจมีความเป็นไปได้แต่ยังไม่น่าเชื่อถือเนื่องจากยังไม่มีหลักฐาน
สนบั สนนุ เพียงพอ หรือนกั เรยี นตอบตามตามความคดิ เห็นของตนเอง

3. ใหน้ กั เรยี นรว่ มกนั อภปิ รายวา่ นอกจากรปู รา่ งของขอบทวปี แลว้ มหี ลกั ฐานใดอกี บา้ งทจ่ี ะ
สนบั สนนุ แนวคดิ ดงั กลา่ ว (ตอบตามความคดิ ของตนเอง) จากนน้ั ใหน้ กั เรยี นแบง่ กลมุ่ ท�ำ กจิ กรรม
6.1 ตามหนงั สอื เรยี นหนา้ 115 เพอ่ื ศกึ ษาหลกั ฐานสนบั สนนุ วา่ ทวปี เคยอยตู่ ดิ กนั มากอ่ น และ
ตอบค�ำ ถามทา้ ยกจิ กรรม

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คู่มือครู วิทยาศาสตรโ์ ลก และอวกาศ บทท่ี 6 | การแปรสัณฐานของแผน่ ธรณี 151

กจิ กรรม 6.1 การสำ�รวจหลกั ฐานสนบั สนนุ ว่าทวีปเคยอยตู่ ิดกนั มากอ่ น

จุดประสงค์ของกิจกรรม

อธิบายหลักฐานทีส่ นับสนุนแนวคดิ วา่ ทวปี เคยอยตู่ ิดกันมากอ่ นโดยใช้แบบจ�ำ ลอง

เวลา 1 ชวั่ โมง

วัสดุ-อปุ กรณ์

แผนภาพแสดงหลักฐานซากดกึ ดำ�บรรพ์ กลุ่มหินและแนวเทือกเขาท่ีพบในทวปี ต่าง ๆ

การเตรยี มตวั ล่วงหนา้

1. เตรียมแผนทโ่ี ลกในปจั จบุ ันทีแ่ สดงชื่อทวปี และประเทศตา่ ง ๆ เพ่อื ให้นกั เรียนใช้อ้างองิ
2. ดาวน์โหลดแผนภาพไดท้ ่ี QR code ประจ�ำ บท

วธิ กี ารท�ำ กิจกรรม

1. ศกึ ษาหลกั ฐานต่าง ๆ จากแผนภาพท่ีก�ำ หนดให้ และวิเคราะหต์ ามประเดน็ ตอ่ ไปน้ี
- หลักฐานจากซากดึกด�ำ บรรพแ์ ละแหลง่ ทีพ่ บ
- หลักฐานความคลา้ ยกนั ของกลุ่มหนิ และแนวเทือกเขาและแหลง่ ทีพ่ บ
2. วเิ คราะห์การเช่อื มตอ่ ของแผ่นทวปี จากขอ้ มูลและหลักฐานในขอ้ 1
3. ออกแบบการนำ�เสนอเพ่ืออธิบายแนวคิดที่ว่า "ในอดีตทวีปทั้งหมดเคยเป็นแผ่นดิน

เดยี วกัน" โดยใช้หลกั ฐานทวี่ เิ คราะห์ได้ในขอ้ 2
4. นำ�เสนอและอภิปรายผลการทำ�กิจกรรม

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

152 บทที่ 6 | การแปรสณั ฐานของแผน่ ธรณี คมู่ อื ครู วิทยาศาสตรโ์ ลก และอวกาศ

ตวั อย่างผลการท�ำ กิจกรรม

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ตัวอย่างตารางบนั ทึกผล ค่มู อื ครู วทิ ยาศาสตร์โลก และอวกาศ

หลักฐานทใี่ ช้สนบั สนุน ทวีป/ประเทศ
ยโุ รป เอเชยี อินเดีย อเมรกิ าเหนือ อเมริกาใต้ ออสเตรเลีย แอฟรกิ า แอนตารก์ ตกิ า

มโี ซซอรัส

ซากดกึ ดำ�บรรพ์ ไซโนเนทัส
ลิสโทรซอรัส

กลอสโซพเทรสิ

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี แนวเทอื กเขาทวี่ าง พบ พบ บทที่ 6 | การแปรสณั ฐานของแผ่นธรณี
พบ/ไม่พบ พบ พบ

ตวั ในแนวเดียวกนั

กลมุ่ หนิ ที่คลา้ ยกัน พบ/ไมพ่ บ พบ พบ

153

154 บทที่ 6 | การแปรสัณฐานของแผน่ ธรณี คู่มือครู วิทยาศาสตรโ์ ลก และอวกาศ

สรปุ ผลการท�ำ กิจกรรม

จากหลักฐานซากดึกดำ�บรรพ์ของพืชและสัตว์ ทำ�ให้ทราบว่า ทวีปอเมริกาใต้ แอฟริกา
แอนตารก์ ตกิ า ออสเตรเลยี และอนิ เดยี ซง่ึ ในปจั จบุ นั พนื้ ทตี่ า่ ง ๆ ดงั กลา่ วอยหู่ า่ งกนั มากและ
มมี หาสมทุ รคนั่ อยนู่ นั้ เคยอยตู่ ดิ กนั มากอ่ นในอดตี เนอื่ งจากโอกาสทพี่ ชื และสตั วด์ งั กลา่ วจะ
อพยพข้ามถ่ินฐานระหวา่ งทวปี ซึ่งมหาสมุทรขวางกน้ั นั้นเปน็ ไปได้ยาก

นอกจากนี้หลักฐานจากกลุ่มหินและแนวเทือกเขา ทำ�ให้ทราบว่าบางทวีป เช่น
อเมรกิ าเหนือ ยโุ รป มแี นวเทือกเขาวางตัวในแนวเดียวกนั และบางทวีป เช่น อเมรกิ าเหนอื
อเมริกาใต้ ยุโรป มีกลุ่มหินเดียวกันที่มีช่วงอายุเดียวกัน จึงเป็นหลักฐานว่าทวีปน้ัน ๆ เคย
อยู่ติดกนั มากอ่ น

ค�ำ ถามท้ายกจิ กรรม

จากกิจกรรมมที วปี ใดบ้างที่เคยอยู่ตดิ กนั มาก่อน
แนวค�ำ ตอบ ทวปี อเมรกิ าใต้ แอฟรกิ า แอนตารก์ ตกิ า ออสเตรเลยี และอนิ เดยี เคยอยู่
ตดิ กนั ใกลบ้ รเิ วณขวั้ โลกใต้ ทวปี อเมรกิ าเหนอื ทวปี ยโุ รป-เอเชยี และเกาะกรนี แลนด์
เคยอยตู่ ิดกนั มาก่อน
มีหลกั ฐานใดบา้ งที่น�ำ มาใช้สนับสนุนวา่ ทวปี เคยอยตู่ ดิ กนั มากอ่ น
แนวคำ�ตอบ หลักฐานจากซากดึกดำ�บรรพ์ ความคล้ายกันของกลุ่มหินและ
แนวเทอื กเขา
หลกั ฐานใดบา้ งทส่ี ามารถน�ำ มาใชร้ ะบชุ ว่ งเวลาทท่ี วปี ตา่ ง ๆ เคยอยตู่ ดิ กนั มากอ่ น และ
หลักฐานดงั กล่าวนำ�มาใช้อธิบายไดว้ ่าอยา่ งไร
แนวคำ�ตอบ กลุ่มหินในแนวเทือกเขาแอปพาเลเชียน ในทวีปอเมริกาเหนือ และ
แนวเทือกเขาคาเลโดเนียน ในทวีปยุโรป มีช่วงอายุเดียวกันประมาณ 200 ล้านปี
หลักฐานนี้อธิบายได้ว่าประเทศและทวีปข้างต้นเคยอยู่ติดกันมาก่อนในช่วงเวลา
ดังกล่าว และหลักฐานจากกลุ่มหินบริเวณทวีปอเมริกาเหนือ ทวีปอเมริกาใต้
ทวีปแอฟริกา ทวีปยุโรป และเกาะกรีนแลนด์ พบว่ามีกลุ่มหินท่ีมีช่วงอายุระหว่าง
359-146 ลา้ นปี หลกั ฐานนอ้ี ธบิ ายไดว้ า่ ทวปี ขา้ งตน้ เคยอยตู่ ดิ กนั มากอ่ นในชว่ งเวลา
ดงั กลา่ ว

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คมู่ ือครู วิทยาศาสตรโ์ ลก และอวกาศ บทที่ 6 | การแปรสัณฐานของแผน่ ธรณี 155

4. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มนำ�เสนอผลการทำ�กิจกรรม และร่วมกันอภิปรายผลการทำ�กิจกรรม
พร้อมตอบคำ�ถามท้ายกิจกรรม โดยมีแนวทางการอภิปรายและแนวทางการตอบคำ�ถาม
ดงั ด้านบน

5. ครใู หค้ วามรเู้ กย่ี วกบั หลกั ฐานจากการเคลอ่ื นทขี่ องธารน�ำ้ แขง็ บรรพกาล เพอื่ เชอ่ื มโยงวา่ เปน็ อกี
หลกั ฐานหนึง่ ทใ่ี ช้สนับสนุนแนวคิดว่าทวีปเคยอยู่ติดกนั มา จากน้นั ครนู ำ�อภปิ รายรว่ มกนั กอ่ น โดยรปู
ในหนงั สอื เรยี นหนา้ 121 และความรเู้ พม่ิ เตมิ เรอ่ื ง การถคู รดู ของเศษหนิ ตะกอนในธารน�ำ้ แขง็ เนอ่ื งจาก
การเคลอ่ื นทข่ี องธารน�้ำ แขง็ (ดาวนโ์ หลดจาก QR code ประจ�ำ บท) โดยมแี นวการอภปิ รายดงั ตวั อยา่ ง

จากรูป 6.5 (ก) หน้า 121 แสดงการพบหลักฐานการเคลื่อนท่ีของธารน้ำ�แข็งบรรพกาลโดย
บรเิ วณสขี าวคอื บรเิ วณทค่ี าดวา่ เคยมธี ารน�้ำ แขง็ ปกคลมุ และลกู ศรสดี �ำ แสดงทศิ ทางการเคลอื่ นทขี่ อง
ธารน�้ำ แขง็ ซงึ่ นกั วทิ ยาศาสตรพ์ บรอ่ งรอยของธารน�้ำ แขง็ บรรพกาลเหลา่ นใี้ นทวปี อเมรกิ าใต้ แอฟรกิ า
ประเทศอนิ เดีย ออสเตรเลยี และแอนตาร์กตกิ า ร่องรอยที่เป็นหลักฐาน คือ รอยครดู ถูบนพ้นื ที่เกดิ
จากตะกอนและเศษหินต่าง ๆ ในธารน้ำ�แข็งส่วนที่อยู่ติดกับพ้ืนครูดถูกับพ้ืนจนเป็นรอยบนพ้ืนที่
ธารน้�ำ แขง็ เคลอ่ื นทผ่ี ่าน

นอกจากน้ีนักวิทยาศาสตร์ยังพบว่าธารน้ำ�แข็งบรรพกาลเคลื่อนที่กระจายออกจากทวีปแอฟริกา
ไปสู่บริเวณอื่น ๆ ซ่ึงคล้ายกับการเคลื่อนที่ของธารน้ำ�แข็งในทวีปแอนตาร์กติกาในปัจจุบัน จึงเป็น
สมมติฐานว่าทวีปดังกล่าวเคยอยู่ติดกันบริเวณข้ัวโลกใต้และมีพืดนำ้�แข็งปกคลุม ดังรูป 6.5 (ข)
หน้า 122

6. ครแู ละนักเรียนรว่ มกันสรุปเกย่ี วกบั องค์ความรู้รว่ มกนั เกย่ี วกับแนวคดิ ของ อัลเฟรด เวเกเนอร์
และหลกั ฐานท่สี นับสนุน ตามประเดน็ ดงั น้ี

• ทฤษฎที วปี เล่อื น (continental drift) ทเี่ สนอโดย อัลเฟรด เวเกเนอร์ กลา่ วว่า ทวปี ท่ีพบใน

ปจั จุบนั เคยอย่ตู ดิ กนั เปน็ แผ่นเดียวมาก่อนในอดตี เรยี กวา่ พันเจยี

• หลักฐานของทฤษฎีทวปี เลอื่ น ได้แก่

1. รอยต่อบริเวณขอบทวีป
2. หลกั ฐานจากซากดกึ ดำ�บรรพ์
3. ความคล้ายกันของกลมุ่ หินและแนวเทือกเขา
4. หลกั ฐานจากการเคล่อื นทขี่ องธารน้ำ�แข็งบรรพกาล

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

156 บทท่ี 6 | การแปรสัณฐานของแผน่ ธรณี ค่มู อื ครู วิทยาศาสตรโ์ ลก และอวกาศ

7. ครูให้นักเรียนตรวจสอบความเข้าใจเก่ียวกับทฤษฎีทวีปเล่ือน และหลักฐานสนับสนุน โดยใช้
ค�ำ ถามในหนา้ 123 ดงั นี้

หากสำ�รวจพบกลุ่มหินในเทือกเขาหนึ่งมีช่วงอายุประมาณ 200 ล้านปี เช่นเดียวกับกลุ่มหิน
ในเทือกเขาแอปพาเลเชียน นักเรียนจะสามารถสรุปว่าเทือกเขาท้ังสองน้ันเคยอยู่ติดกันหรือ
ไม่ เพราะเหตใุ ด
แนวค�ำ ตอบ ไมส่ ามารถสรปุ ได้ การทจ่ี ะสรปุ วา่ เทอื กเขาทง้ั สองนนั้ อยเู่ คยอยตู่ ดิ กนั มากอ่ นหรอื
ไม่จะตอ้ งพิจารณาหลกั ฐานอ่นื ๆ ประกอบ เชน่ ชนิดของหิน การวางตัวของแนวเทอื กเขา วา่
เหมือนกันหรอื ไม่

แนวทางการวัดและประเมินผล

KPA แนวทางการวดั และประเมนิ ผล
K: หลักฐานทางธรณีวิทยาท่ีสนับสนุนการ
เคลอ่ื นทข่ี องแผ่นธรณี 1. ผลการปฏบิ ตั กิ จิ กรรม 6.1 และการตอบ
ค�ำ ถามทา้ ยกจิ กรรม
P:
1. การจัดกระทำ�และสอื่ ความหมายขอ้ มลู 2. การอภิปรายเพ่อื สรุปองคค์ วามรู้
2. การสือ่ สาร 3. แบบฝึกหดั

A: ความเชื่อม่ันตอ่ หลกั ฐาน 1. การออกแบบการบนั ทกึ ผลในการปฏบิ ตั ิ
กจิ กรรม 6.1

2. การนำ�เสนอผลการทำ�กิจกรรม 6.1
แนวความคิด และการเลือกใช้วัสดุใน
การสร้างแบบจำ�ลอง

การอธิบายการเคลื่อนท่ีของทวีปและแผ่น
ธรณโี ดยมหี ลกั ฐานสนบั สนุน

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คมู่ อื ครู วทิ ยาศาสตร์โลก และอวกาศ บทท่ี 6 | การแปรสัณฐานของแผน่ ธรณี 157

6.2 แนวคดิ ทฤษฎีการแผ่ขยายพ้ืนมหาสมทุ รและหลักฐานสนบั สนนุ

จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
1. อธิบายแนวคดิ ทฤษฎีเกยี่ วกับการเคล่อื นท่ขี องแผน่ ธรณี
2. อธบิ ายหลักฐานทางธรณวี ิทยาท่ีสนบั สนุนการเคลือ่ นทข่ี องแผน่ ธรณี

สอ่ื และแหลง่ การเรยี นรู้
1. หนังสือเรียนวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตร์ วทิ ยาศาสตรโ์ ลกและอวกาศ ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 6
2. สสวท. Learning space http://www.scimath.org

แนวการจัดการเรียนรู้
1. ครนู �ำ เขา้ สบู่ ทเรยี นเรอ่ื งการแผข่ ยายของพน้ื มหาสมทุ รโดยใชค้ �ำ ถามตวั อยา่ ง ดงั น้ี

จากท่ีนักเรียนได้ศึกษาหลักฐานต่าง ๆ ทำ�ให้ทราบว่าทวีปต่าง ๆ เคยอยู่ติดกันมาก่อน
แลว้ กระบวนการใดท�ำ ใหท้ วปี อยใู่ นต�ำ แหนง่ ดงั ปจั จบุ นั
แนวค�ำ ตอบ เกดิ จากการขยายตวั ของมหาสมทุ ร หรอื นกั เรยี นตอบตามความเขา้ ใจของตนเอง

หลกั ฐานตา่ ง ๆ ทน่ี กั เรยี นไดศ้ กึ ษาจากกจิ กรรม 6.1 เปน็ หลกั ฐานทพ่ี บบนทวปี นกั เรยี นคดิ วา่
ในมหาสมทุ รจะมหี ลกั ฐานใดบา้ ง ทราบไดอ้ ยา่ งไร
แ นวค�ำ ตอบ นกั เรยี นตอบตามความคดิ ของตนเอง
2. ครูให้นักเรียนพิจารณารูป1 รอยแยกกลางมหาสมุทรประกอบกับรูป 6.6 ในหนังสือเรียน
หน้า 124 และรูป 2 อายุของหินบนบริเวณพ้นื มหาสมุทร ซ่งึ แสดงหลักฐานของทฤษฎีการแผ่ขยาย
พน้ื สมทุ ร ดงั น้ี
- พบแมกมาแทรกตวั ขน้ึ มาตามรอยแยกกลางมหาสมทุ ร ดงั รปู 1
- เ ม่ือเจาะสำ�รวจหินบริเวณพ้ืนมหาสมุทร และเม่ือนำ�มาตรวจสอบชนิด และวิเคราะห์หาอายุ
ไดข้ อ้ มลู ดงั รปู 2

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

158 บทที่ 6 | การแปรสัณฐานของแผ่นธรณี คู่มอื ครู วิทยาศาสตรโ์ ลก และอวกาศ

รูป 1 รอยแยกกลางมหาสมุทร

รปู 2 อายขุ องหนิ บนบรเิ วณพน้ื มหาสมทุ ร
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คมู่ ือครู วทิ ยาศาสตร์โลก และอวกาศ บทที่ 6 | การแปรสณั ฐานของแผน่ ธรณี 159

จากน้ันครูและนกั เรียนรว่ มกันอภิปรายโดยใช้คำ�ถามดังตวั อย่าง ดังนี้

จากบทเรียนเร่ืองโครงสร้างโลก หินท่ีพบบนพ้ืนมหาสมุทรเป็นหินชนิดใด และจากรูป 1
ทำ�ใหท้ ราบข้อมูลใด
แนวคำ�ตอบ เป็นหินบะซอลต์ และจากรูป 1 ทำ�ให้ทราบว่าหินบะซอลต์กลางมหาสมุทรมี
รอยแยก และมีแมกมาแทรกดนั ขึ้นมาทำ�ใหห้ นิ เดมิ ถูกดันออกหา่ งจากรอยแยก

ขอ้ มลู จากรปู 2 อายขุ องหนิ แต่ละบรเิ วณเหมอื นหรอื ตา่ งกันอย่างไร
แนวค�ำ ตอบ ข้อมูลจากรูปที่ 2 ทำ�ให้ทราบว่าอายุหินท่ีอยู่ไกลรอยแยกออกไปมีอายุมากกว่า
หินท่ีอยู่ใกล้รอยแยก ถ้าพิจารณาท้ังสองฝ่ังของรอยแยกจะพบว่าอายุของหินบะซอลต์ทั้งสอง
ฝั่งสมมาตรกัน

หนิ บริเวณใดบา้ งท่ีมอี ายุเทา่ กนั
แนวค�ำ ตอบ หินท่แี ทรกขึน้ มาพร้อมกนั ทัง้ ซา้ ยและขวาของรอยแยก

นักวิทยาศาสตร์ต้ังสมมติฐานว่า “พ้ืนมหาสมุทรมีการแผ่ขยายตัว” นักเรียนเห็นด้วยหรือไม่
อยา่ งไร
แนวค�ำ ตอบ นักเรียนอาจเหน็ ด้วยและไมเ่ ห็นด้วย ครูควรกระตุ้นให้นกั เรยี นบอกเหตุผล

3. ครูให้นักเรียนสืบค้นเพ่ิมเติมเกี่ยวกับหลักฐานอื่น ๆ ที่สนับสนุนว่าพ้ืนมหาสมุทรมีการขยาย
ตัว (หรือให้อ่านความรู้เพ่ิมเติมเร่ืองสันเขากลางสมุทร และภาวะแม่เหล็กบรรพกาลในหนังสือ
เรียนหน้า 123-124 โดยดาวน์โหลดจาก QR code ประจำ�บท) จากน้ันสรุปบทเรียนซ่ึงมีแนวทาง
ในการสรปุ ดงั นี้

พืน้ มหาสมทุ รเปน็ หนิ บะซอลตเ์ กอื บทั้งหมด และหินบะซอลต์ท่ีอย่ไู กลจากรอยแยกบริเวณสันเขา
กลางสมุทรมีอายุมากกว่าหินบะซอลต์ท่ีอยู่ใกล้รอยแยก โดยมีรูปแบบสมมาตรตามแนวสันเขา
กลางสมุทร และพบว่าหินบะซอลต์ที่มีอายุเดียวกันท้ังสองข้างของรอยแยก มีทิศทาง
สนามแมเ่ หลก็ โลกในแนวเดยี วกนั ดงั นน้ั จากหลกั ฐานทก่ี ลา่ วมาขา้ งตน้ ท�ำ ใหส้ ามารถสรปุ ไดเ้ ปน็ ทฤษฎี
การแผข่ ยายพ้นื สมทุ ร (sea-floor spreading)

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

160 บทที่ 6 | การแปรสัณฐานของแผน่ ธรณี คมู่ อื ครู วทิ ยาศาสตรโ์ ลก และอวกาศ

4. ครูให้นักเรียนตอบคำ�ถามเกี่ยวกับทฤษฎีการแผ่ขยายพื้นมหาสมุทร โดยใช้คำ�ถามในหนังสือ
เรยี นหน้า 125 ดังน้ี

นกั เรียนคิดว่าเม่อื พืน้ มหาสมุทรมกี ารแผข่ ยายตัวจะเกดิ อะไรขึน้ กบั เปลอื กโลก
แนวค�ำ ตอบ นกั เรียนอธบิ ายกระบวนการตามทฤษฎกี ารแผข่ ยายพ้นื มหาสมุทร

แนวทางการวัดและประเมินผล

KPA แนวทางการวดั และประเมนิ ผล
K: หลักฐานทางธรณีวิทยาที่สนับสนุน 1. การตอบค�ำ ถาม
การเคลื่อนทข่ี องแผ่นธรณี 2. การอภิปรายเพ่อื สรุปองคค์ วามรู้
3. แบบฝึกหัด
P: การส่อื สารสารสนเทศและการรู้เทา่ 1. การรว่ มอภปิ รายและการตอบค�ำ ถาม
ทนั ส่อื
A: 1. การร่วมอภิปรายและการตอบค�ำ ถาม
1. ความใจกว้าง 2. การอธบิ ายการแนวคดิ ของทฤษฎกี ารแผข่ ยาย
2. ความเช่ือมน่ั ต่อหลกั ฐาน
พืน้ มหาสมุทรโดยมีหลกั ฐานสนับสนนุ

6.3. การแปรสัณฐานของแผน่ ธรณี

จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
อธิบายสาเหตุ และกระบวนการเคล่ือนท่ีของแผ่นธรณี และระบุผลท่ีเกิดจากการเคล่ือนท่ีของ

แผน่ ธรณี

ส่อื และแหล่งการเรียนรู้
1. หนงั สือเรียนวชิ าพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์ วทิ ยาศาสตรโ์ ลกและอวกาศ ชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ 6
2. สสวท. Learning space http://www.scimath.org

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คูม่ อื ครู วทิ ยาศาสตรโ์ ลก และอวกาศ บทท่ี 6 | การแปรสัณฐานของแผน่ ธรณี 161

แนวการจัดการเรียนรู้
1. ครนู �ำ เขา้ สบู่ ทเรยี นเรอ่ื งการแปรสณั ฐานของแผน่ ธรณโี ดยตง้ั ค�ำ ถามเพอ่ื อภปิ รายดงั น้ี

จากทฤษฎที วปี เลอื่ น และทฤษฎกี ารแผข่ ยายพน้ื สมทุ รสามารถน�ำ มาอธบิ ายสาเหตกุ ารเคลอ่ื นท่ี
ของแผน่ ธรณไี ดห้ รือไม่ อยา่ งไร
แนวค�ำ ตอบ ไมไ่ ด้เนอื่ งจากยงั ไม่สามารถอธิบายกลไกทท่ี ำ�ใหท้ วปี เกิดการเคล่ือนท่ีได้

2. ครทู บทวนความรเู้ ดมิ ของนกั เรยี นเกย่ี วกบั ความแตกตา่ งระหวา่ งค�ำ วา่ เปลอื กโลก ธรณภี าคและ
แผน่ ธรณี ตามหนงั สอื เรยี นหนา้ 162 เพอ่ื ใหน้ กั เรยี นไดท้ ราบวา่ ในบทเรยี นตอ่ ไปทจ่ี ะกลา่ วถงึ เรอ่ื งการ
เคลอ่ื นทน่ี น้ั คอื การเคลอ่ื นทข่ี องแผน่ ธรณซี ง่ึ กค็ อื ธรณภี าคทแ่ี ตกออกเปน็ แผน่ ๆ นน่ั เอง และทวปี ท่ี
กลา่ วถงึ กอ่ นหนา้ นเ้ี ปน็ สว่ นหนง่ึ ของแผน่ ธรณี

3. ครใู หน้ กั เรยี นแบง่ กลมุ่ และปฏบิ ตั กิ จิ กรรม 6.2 ตามหนงั สอื เรยี นหนา้ 127

กจิ กรรม 6.2 การเคล่อื นท่ขี องแผ่นธรณี

จุดประสงคก์ ิจกรรม

อธิบายสาเหตทุ ท่ี ำ�ใหแ้ ผน่ ธรณเี คล่ือนที่โดยใช้แบบจ�ำ ลอง

เวลา 1 ช่ัวโมง

วสั ดุ-อุปกรณ์

1. น�ำ้ มนั พชื 700 มิลลิลิตร
2. แผน่ วสั ดเุ บา ลอยบนน�ำ้ มันได้ และทนความรอ้ น เชน่ แผ่นโฟมบาง
ไมบ้ ัลซา ขนาด กว้าง 3 เซนตเิ มตร ยาว 4 เซนติเมตร 2 แผ่น
3. บีกเกอร์ขนาด 1,000 มิลลลิ ติ ร จ�ำ นวน 1 ใบ
4. ผงวสั ดุที่แขวนลอยอยไู่ ด้ในน้ำ�มัน เชน่ ผงพริกปน่ ขเี้ ลอ่ื ย
5. ชดุ ตะเกียงแอลกอฮอล์ 1 ชุด
6. แท่งแก้วคนสาร 1 แท่ง
7. ชอ้ น 1 คัน

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

162 บทที่ 6 | การแปรสณั ฐานของแผ่นธรณี คู่มอื ครู วทิ ยาศาสตรโ์ ลก และอวกาศ

การเตรยี มตวั ล่วงหน้า

ตดั แผ่นวสั ดเุ บาจำ�นวน 2 แผน่ ตามขนาดที่กำ�หนด โดยอาจตดั เปน็ รปู รา่ งทวีปต่าง ๆ

ข้อเสนอแนะส�ำ หรับครู

1. หากไม่มบี กี เกอรข์ นาดใหญ่สามารถใชช้ ามแกว้ ทนไฟส�ำ หรับท�ำ อาหารแทนได้
2. ควรก�ำ ชบั ใหน้ กั เรยี นระมดั ระวงั ในการจดุ ไฟ ไมส่ มั ผสั หรอื เขา้ ใกลแ้ หลง่ ก�ำ เนดิ ความรอ้ น

และภาชนะท่ยี งั มคี วามรอ้ นอยู่
3. เพ่ือประหยัดทรัพยากรอาจทดลองโดยใช้ชุดสาธิตเพียง 1-2 ชุด และให้นักเรียนแต่ละ

กลุ่มผลัดกนั ออกมาสงั เกตผล
4. ครูอภปิ รายร่วมกบั นักเรียนเกย่ี วกบั เหตุผลในการใช้วัสดุตา่ ง ๆ เช่น การใชน้ �ำ้ มันพืชซง่ึ

เป็นของเหลวแทนเนื้อโลกที่เป็นของแข็งท่ีมีสภาพพลาสติกเนอ่ื งจากเม่ือน้ำ�มันพชื ได้รบั
ความร้อนจะเปล่ียนแปลงได้เรว็ และอันตรายนอ้ ยกว่าการใชพ้ าราฟนิ แผน่ วัสดุเบาแทน
แผ่นธรณี และความร้อนจากตะเกยี งแอลกอฮอลแ์ ทนแหล่งก�ำ เนดิ ความร้อนภายในโลก

วิธีการท�ำ กิจกรรม

1. เทน�้ำ มนั พชื ลงในบกี เกอร์ และนำ�บีกเกอร์ต้งั บนชุดตะเกยี งแอลกอฮอล์
2. ใชช้ อ้ นตกั ผงวัสดใุ ส่ลงตรงกลางบกี เกอร์ ใชแ้ ท่งแกว้ กดใหผ้ งวัสดแุ ขวนลอยอยูใ่ น

ช้นั น้ำ�มันพืช
3. วางแผ่นโฟมที่ตัดเป็นรูปร่างของแผ่นธรณี 2 แผ่น โดยวางให้ชิดกันและอยู่ตรงกลาง

บีกเกอร์
4. สังเกตการเคลือ่ นทีข่ องผงวสั ดแุ ละแผ่นโฟมกอ่ นจุดไฟ
5. จุดไฟทีต่ ะเกยี งแอลกอฮอล์
6. สงั เกตและเปรียบเทียบการเคลอ่ื นทข่ี องผงวสั ดุและแผน่ โฟมในขอ้ 4 และบันทกึ ผล

การสงั เกต โดยวาดภาพและเขยี นบรรยาย

หมายเหต:ุ การใชน้ �ำ้ มนั แทนของแขง็ ทมี่ สี ภาพพลาสตกิ เนอ่ื งจากเมอื่ ไดร้ บั ความรอ้ นน�ำ้ มนั
จะเปลย่ี นแปลงได้เรว็ จงึ สะดวกต่อการสงั เกต

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ค่มู ือครู วิทยาศาสตร์โลก และอวกาศ บทที่ 6 | การแปรสณั ฐานของแผ่นธรณี 163

ตวั อยา่ งผลการทำ�กิจกรรม

สรุปผลการทำ�กิจกรรม

จากกิจกรรมเมื่อน้ำ�มันได้รับความร้อนนำ้�มันด้านล่างจะมีอุณหภูมิสูงเกิดการขยายตัว
และเคลื่อนที่ขึ้นสู่ด้านบน และเมื่อเคลื่อนท่ีข้ึนใกล้ผิวหน้าของน้ำ�มัน น้ำ�มันจะถ่ายโอน
ความร้อนให้กับอากาศ ทำ�ให้มีอุณหภูมิต่ำ�ลงจึงไหลวนลงสู่ด้านล่าง โดยสังเกตได้จากการ
เคล่ือนท่ีของผงวัสดุท่ีแขวนลอยในน้ำ�มัน ลักษณะการถ่ายเทความร้อนดังกล่าวเรียกว่า
การพาความรอ้ น และผลจากการเคลอ่ื นทขี่ องน�ำ้ มนั ท�ำ ใหแ้ ผน่ โฟมทวี่ างอยดู่ า้ นบนเคลอ่ื นท่ี
ตามทิศทางของนำ้�มันท่ีอยู่ด้านล่าง เช่นเดียวกับการเคลื่อนท่ีของแผ่นธรณีท่ีวางตัวอยู่บน
เนื้อโลก

ค�ำ ถามทา้ ยกิจกรรม

1. เมื่อให้ความร้อนกับน้ำ�มัน นำ้�มันและแผ่นโฟมมีการเปล่ียนแปลงอย่างไร สังเกตได้จาก
สิง่ ใด

แนวคำ�ตอบ นำ้�มันมีการเคล่ือนที่จากด้านล่างข้ึนสู่ด้านบนและจมกลับลงมาด้านล่าง
หมุนวนเป็นวงจรสังเกตได้จากวัสดุที่ลอยอยู่ในน้ำ�มัน ส่วนแผ่นโฟมจะมีการเคลื่อนที่
แยกออกจากกัน

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

164 บทที่ 6 | การแปรสัณฐานของแผน่ ธรณี คู่มือครู วิทยาศาสตร์โลก และอวกาศ

2. นำ้�มันพืช แผ่นโฟม และความร้อนทใ่ี ชใ้ นกิจกรรมเปรยี บเทียบได้กบั อะไรในธรรมชาติ
แนวค�ำ ตอบ น้ำ�มันพชื เทยี บไดก้ ับเนอ้ื โลก แผน่ โฟมเทียบไดก้ บั แผน่ ธรณี ความรอ้ นจาก

ตะเกยี งแอลกอฮอล์เทียบกบั ความรอ้ นจากภายในโลก

3. กิจกรรมนีเ้ ปรยี บกบั การเคล่ือนท่ขี องแผ่นธรณีได้อยา่ งไร
แนวค�ำ ตอบ แผน่ โฟมด้านบนเคล่ือนท่อี อกจากกนั เนื่องจากการหมนุ วนของน้ำ�มัน

ด้านลา่ ง เชน่ เดียวกบั แผน่ ธรณีทเี่ คลือ่ นทีไ่ ดเ้ นือ่ งจากการหมนุ วนของเน้ือโลกทีเ่ กิดจาก
การพาความร้อนเช่นเดียวกบั แบบจำ�ลอง

4. ใหน้ กั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ น�ำ เสนอผลการท�ำ กจิ กรรม และรว่ มกนั อภปิ รายผลการท�ำ กจิ กรรมพรอ้ ม
ตอบคำ�ถามทา้ ยกิจกรรม โดยมแี นวทางการอภิปรายและแนวทางการตอบค�ำ ถามดังแสดงด้านบน

5. ครูให้ความรู้เกี่ยวกับทฤษฎีการแปรสัณฐานของแผ่นธรณีว่าเป็นทฤษฎีที่ใช้หลักฐาน
แนวคิด และทฤษฎีต่าง ๆ ต้ังแต่ทฤษฎีทวีปเล่ือน ทฤษฎีการแผ่ขยายพื้นสมุทร และแนวคิด
วงจรการพาความร้อน นำ�มาอธิบายการเคล่ือนท่ีของแผ่นธรณี จากน้ันให้นักเรียนร่วมกันอภิปราย
โดยใชค้ �ำ ถามดงั ตัวอยา่ ง

เมื่อแผ่นธรณีเกิดการเคล่ือนที่นอกจากจะทำ�ให้ตำ�แหน่งของแผ่นธรณีเปล่ียนแปลงไปแล้วยัง
ส่งผลให้เกิดสิ่งใดอกี บ้าง
แนวค�ำ ตอบ สง่ ผลใหเ้ กดิ ธรณสี ณั ฐาน โครงสรา้ งทางธรณี และธรณพี บิ ตั ภิ ยั ตา่ ง ๆ หรอื นกั เรยี น
อาจตอบตามความเข้าใจของตนเองเชน่ เกดิ การสั่นของแผน่ ดนิ หรอื มแี ผ่นดินไหวเกิดขน้ึ

6. ครนู ำ�อภปิ รายและสรปุ บทเรยี นรว่ มกันโดยให้ไดข้ ้อสรปุ ดังน้ี
กระบวนการที่ทำ�ให้แผ่นธรณีเคลื่อนท่ี เน่ืองจากความร้อนภายในโลกทำ�ให้หินในฐานธรณี
ภาคหลอมตัวเป็นแมกมาแทรกดันขึ้นมาบนผิวโลกตามแนวรอยแตก เมื่อแมกมาอุณหภูมิลดต่ำ�ลง
จะเคลื่อนตัวห่างออกจากแนวรอยแตกเคลื่อนที่กลับลงสู่ด้านล่าง และได้รับความร้อนอีกคร้ัง จึง
เคลอื่ นทหี่ มนุ วนกนั เปน็ วงจร ท�ำ ใหแ้ ผน่ ธรณเี คลอื่ นทแี่ ยกออกจากกนั เรยี กวา่ วงจรการพาความรอ้ น
(convection cell) ท�ำ ใหแ้ ผน่ ธรณที ว่ี างตวั อยบู่ นฐานธรณภี าคเคลอ่ื นทไี่ ด้ นกั วทิ ยาศาสตรไ์ ดร้ วบรวม
หลักฐาน แนวคิด และทฤษฎีต่าง ๆ ได้แก่ แนวคิดวงจรการพาความร้อน ทฤษฎีทวีปเลื่อน และ
ทฤษฎีการแผ่ขยายพ้ืนสมุทร นำ�มาสรุปเป็นทฤษฎีเรียกว่า ทฤษฎีการแปรสัณฐานของแผ่นธรณี
(plate tectonics) ซงึ่ อธบิ ายการเคลอื่ นทข่ี องแผน่ ธรณใี นรปู แบบตา่ ง ๆ ทส่ี ง่ ผลใหเ้ กดิ การเปลย่ี นแปลง
ทางธรณีวิทยา โดยเฉพาะบริเวณแนวรอยต่อของแผ่นธรณี เช่น แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด
ธรณีสัณฐานต่าง ๆ

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คู่มือครู วิทยาศาสตร์โลก และอวกาศ บทที่ 6 | การแปรสัณฐานของแผ่นธรณี 165

แนวทางการวัดและประเมินผล

KPA แนวทางการวดั และประเมนิ ผล
K: อธิบายสาเหตุ และกระบวนการเคล่ือนท่ี 1. ผลการปฏบิ ตั กิ จิ กรรม 6.2 และการตอบ
ของแผ่นธรณี
ค�ำ ถามท้ายกิจกรรม
P: 2. การอภิปรายเพอื่ สรปุ องคค์ วามรู้
1. การตีความและลงขอ้ สรุป 3. แบบฝกึ หดั
2. การส่อื สารสารสนเทศและการรูเ้ ท่าทันสอ่ื
A: ความใจกว้าง 1. การบนั ทกึ ผลการปฏิบตั ิกจิ กรรม 6.2
2. การนำ�เสนอผลการทำ�กจิ กรรม 6.2
การรว่ มอภปิ รายและการตอบค�ำ ถาม

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

166 บทท่ี 6 | การแปรสัณฐานของแผ่นธรณี คู่มอื ครู วทิ ยาศาสตร์โลก และอวกาศ

6.4 ธ        รณีสัณฐานและโครงสร้างทางธรณีท่ีเกิดจากการเคล่ือนที่ของ
แผน่ ธรณี

จุดประสงค์การเรยี นรู้
อธบิ ายรปู แบบการเคลอื่ นทขี่ องแผน่ ธรณที ส่ี มั พนั ธก์ บั การเกดิ ธรณสี ณั ฐานและโครงสรา้ งทางธรณี

แบบต่าง ๆ

สื่อและแหลง่ การเรียนรู้
1. หนังสือเรียนวชิ าพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตร์ วิทยาศาสตรโ์ ลกและอวกาศ ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 6
2. สสวท. Learning space http://www.scimath.org

แนวการจัดการเรียนรู้
1. ครนู �ำ เขา้ สบู่ ทเรยี นโดยใหน้ กั เรยี นพจิ ารณารปู แผน่ ธรณแี ละทศิ ทางการเคลอ่ื นทข่ี องแผน่ ธรณี

(ดาวนโ์ หลดจาก QR code ประจ�ำ บท) จากนน้ั ใหน้ กั เรยี นอภปิ รายรว่ มกนั โดยใชค้ �ำ ถามดงั ตวั อยา่ ง

รูป แผน่ ธรณีของโลก
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คูม่ ือครู วิทยาศาสตร์โลก และอวกาศ บทที่ 6 | การแปรสัณฐานของแผ่นธรณี 167

ตำ�แหน่งของทวีปอเมริกาใต้ และทวีปแอฟริกาในปจั จบุ ันเปน็ ผลมาจากการเคล่ือนท่แี ยกออก
จากกันของแผ่นธรณี นักเรียนคิดว่าอีกฝ่ังหน่ึงของแผ่นธรณีที่เคล่ือนท่ีแยกจากกันจะมีสิ่งใด
เกิดข้นึ
แนวค�ำ ตอบ อกี ดา้ นหนงึ่ ของแผน่ ธรณอี าจชนหรอื เบยี ดกบั แผน่ ธรณอี กี แผน่ หนง่ึ หรอื นกั เรยี น
ตอบตามความคดิ ของตนเอง

จากรูป แผ่นธรณตี ่าง ๆ ของโลกเคลอ่ื นทีไ่ ดก้ ่ีรูปแบบ สงั เกตจากสิง่ ใด
แนวคำ�ตอบ 3 รูปแบบคือ เคลื่อนท่ีเข้าหากัน แยกออกจากกัน และเคลื่อนท่ีผ่านกัน
ในแนวราบ โดยสังเกตจากลูกศรแสดงทิศทางการเคล่ือนที่

นักเรียนคิดว่าเม่ือแผ่นธรณีเคล่ือนที่จะส่งผลให้เกิดส่ิงใดบ้าง และผลเหล่านั้นจะเกิดท่ี
บริเวณใดบนแผ่นธรณี
แนวค�ำ ตอบ เกิดธรณีสัณฐาน โครงสร้างทางธรณี และธรณีพิบัติภัยต่าง ๆ หรือนักเรียนตอบ
ตามความเขา้ ใจของตนเอง

2. ให้นักเรียนแบ่งกลุ่มเพื่อศึกษาถึงผลที่เกิดจากการเคลื่อนที่ของแผ่นธรณีจากการปฏิบัติ
กิจกรรม 6.3 ตามหนังสอื เรยี นหน้า 130

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

168 บทท่ี 6 | การแปรสัณฐานของแผ่นธรณี คมู่ อื ครู วิทยาศาสตร์โลก และอวกาศ

กิจกรรม 6.3 ท่องโลกกว้างตามหาธรณีสัณฐานและโครงสร้างทางธรณี

จดุ ประสงคก์ จิ กรรม

1. ระบุลักษณะธรณีสัณฐานและโครงสรา้ งทางธรณี
2. เชอ่ื มโยงความสมั พนั ธข์ องธรณสี ณั ฐาน และโครงสรา้ งทางธรณี กบั การเคลอ่ื นทร่ี ปู แบบ

ต่าง ๆ ของแผ่นธรณี

เวลา 1 ชว่ั โมง

วสั ดุ-อุปกรณ์

1. แผนทภ่ี ูมปิ ระเทศ
2. รูปแสดงทศิ ทางการเคลอื่ นทีข่ องแผน่ ธรณี
3. เอกสารความรู้ธรณสี ัณฐาน และโครงสร้างทางธรณี
หมายเหต:ุ ขอ้ มูล 1-3 ดาวนโ์ หลดจาก QR code กิจกรรมในหนงั สือเรียนหนา้ 130

การเตรียมตวั ลว่ งหน้า

1. ครูอาจเตรียมหรือให้นักเรียน ดาวน์โหลดโปรแกรม google earth ลงในคอมพิวเตอร์
หรอื สมารท์ โฟน เพอ่ื ใชใ้ นการสำ�รวจธรณีสณั ฐานแบบตา่ ง

2. ดาวนโ์ หลดภาพธรณีสณั ฐานและโครงสร้างทางธรณีจาก QR code
3. ใหน้ ักเรียนดาวนโ์ หลดแผนทภ่ี ูมปิ ระเทศและรูปแสดงทศิ ทางการเคลอื่ นที่ของแผน่ ธรณี

ข้อเสนอแนะส�ำ หรบั ครู

ครูควรทบทวนเก่ียวกับการเกิดภูมิประเทศรูปแบบต่าง ๆ รวมท้ังตำ�แหน่งของประเทศ
ทวปี ตา่ งๆ บนแผนที่ภูมิประเทศใหก้ บั นกั เรียน

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คมู่ อื ครู วทิ ยาศาสตร์โลก และอวกาศ บทท่ี 6 | การแปรสัณฐานของแผน่ ธรณี 169

สถานการณ์

“นกั ธรณวี ทิ ยาไดส้ ำ�รวจพบลักษณะธรณสี ัณฐาน และโครงสรา้ งทางธรณีแบบตา่ ง ๆ
ดงั ต่อไปนี้ สนั เขากลางมหาสมุทรแอตแลนตกิ หม่เู กาะภูเขาไฟรูปโคง้ ประเทศญป่ี ่นุ
หุบเขาทรุดท่ีทะเลแดง ร่องลึกก้นสมุทรมาเรียนา แนวรอยเล่ือนซานแอนเดรียส
แนวเทือกเขาหมิ าลัย แนวเทือกเขาแอนดีส”

วธิ ีการท�ำ กิจกรรม

1. ศึกษาลักษณะของธรณีสัณฐาน และโครงสร้างทางธรณีจากเอกสารความรู้ที่กำ�หนดให้
และระบุบริเวณที่พบลงบนแผนท่ภี มู ปิ ระเทศ

2. เชื่อมโยงข้อมูลบริเวณท่ีพบธรณีสัญฐานและโครงสร้างทางธรณีกับแนวรอยต่อและ
ทิศทางการเคลอื่ นทขี่ องแผ่นธรณีจากรูปท่ีกำ�หนดให้

3. ออกแบบและนำ�เสนอแนวคิดเพื่ออธิบายความสัมพันธ์ระหว่างการเกิดธรณีสัณฐาน
และ โครงสร้างทางธรณีท่ีกำ�หนดให้กับทิศทางการเคลื่อนที่ของแผ่นธรณีในบริเวณ
แนวรอยตอ่ ของแผน่ ธรณี

4. นำ�เสนอและอภิปรายผลการท�ำ กจิ กรรม

ตวั อย่างผลการท�ำ กิจกรรม

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

170 บทท่ี 6 | การแปรสณั ฐานของแผน่ ธรณี คู่มือครู วิทยาศาสตร์โลก และอวกาศ

ธรณสี ัณฐาน/โครงสรา้ ง ลกั ษณะ ตำ�แหนง่ ทิศทางการ
ทางธรณี บนแผน่ ธรณี เคลื่อนที่
ของแผน่ ธรณี

สันเขากลางมหาสมุทร สันเขาท่ีมีฐานกว้าง รอยต่อระหว่างแผ่น เคลือ่ นทอ่ี อก

แอตแลนติก ส่ ว น ย อ ด มี ลั ก ษ ณ ะ อเมริกาใต้ และแผ่น จากกนั

ของหุบเขาทรุด มรี อย แ อ ฟ ริ ก า ห รื อ ร อ ย

แ ต ก แ ล ะ ร อ ย เ ลื่ อ น ต่อระหว่างแผ่นยูเร

ตัดขวางกับรอยแยก เซยี และแผน่ อเมรกิ า

จำ�นวนมาก เหนอื

หมู่เกาะภูเขาไฟรูปโค้ง เป็นหมู่เกาะแนวยาว รอยต่อระหว่างแผ่น เคล่ือนทีเ่ ขา้ หากนั
ประเทศญ่ีปุ่น และมีภูเขาไฟจำ�นวน ยูเรเซีย แผ่นอเมริกา
มากบนเกาะ เหนือ แผน่ ฟิลิปปินส์

หบุ เขาทรดุ ท่ที ะเลแดง มีลักษณะการแยกตัว รอยต่อระหว่างแผ่น เคลื่อนที่ออกจาก
และการทรุดตัวของ แ อ ฟ ริ ก า แ ล ะ แ ผ่ น กัน
เปลือกโลก อาระเบียน

รอ่ งลกึ กน้ สมทุ รมาเรยี นา ร่องลึกในมหาสมุทรที่ รอยต่อระหว่างแผ่น เคลอ่ื นท่ีเขา้ หากนั
มคี วามลกึ มากท่ีสุด แ ป ซิ ฟิ ก แ ล ะ แ ผ่ น
ฟลิ ปิ ปนิ ส์

แนวรอยเลอื่ น แนวรอยเล่ือนในแนว รอยต่อระหว่างแผ่น เ ค ลื่ อ น ที่ ผ่ า น กั น
ซานแอนเดรยี ส ระดับขนาดใหญ่ แ ป ซิ ฟิ ก แ ล ะ แ ผ่ น ในแนวราบ
อเมรกิ าเหนอื

แนวเทอื กเขาหมิ าลยั เทอื กเขาสงู ร อ ย ต่ อ ร ะ ห ว่ า ง เคล่ือนทเี่ ขา้ หากนั
แผน่ ยเู รเซยี และแผน่
อินเดยี -ออสเตรเลยี

แนวเทอื กเขาแอนดสี เทอื กเขาสูง รอยต่อระหว่างแผ่น เคลือ่ นที่เขา้ หากัน
น า ส ค า แ ล ะ แ ผ่ น
อเมริกาใต้

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คูม่ อื ครู วิทยาศาสตร์โลก และอวกาศ บทที่ 6 | การแปรสัณฐานของแผ่นธรณี 171

สรุปผลการท�ำ กจิ กรรม

ธรณสี ณั ฐานและโครงสรา้ งทางธรณแี บบตา่ ง ๆ เกดิ ขน้ึ ในบรเิ วณแนวรอยตอ่ ของแผน่ ธรณี
ทม่ี คี วามสมั พนั ธก์ บั การเคลอ่ื นทข่ี องแผน่ ธรณี โดย แนวรอยตอ่ ของแผน่ ธรณมี ี 3 รปู แบบ คอื
1. แนวแผ่นธรณีแยกตัว (divergent plate boundary) 2. แนวแผ่นธรณีเคลื่อนท่ีหากัน
(convergent plate boundary) 3. แนวแผ่นธรณีเคล่ือนผ่านกันในแนวราบ (trans-
form plate boundary) โดยแต่ละรูปแบบส่งผลให้เกิดธรณีสัณฐานแตกต่างกัน เช่น
สนั เขากลางสมทุ ร หมเู่ กาะภเู ขาไฟรปู โคง้ หบุ เขาทรดุ รอ่ งลกึ กน้ สมทุ ร แนวรอยเลอ่ื นขนาด
ใหญ่ แนวเทือกเขาสูง รวมทั้งการเกิดปรากฏการณ์ทางธรณีท่ีสำ�คัญ เช่น แผ่นดินไหว
ภูเขาไฟระเบิด สนึ ามิ

ค�ำ ถามท้ายกิจกรรม

1. จากกิจกรรมถ้าจำ�แนกแนวรอยต่อของแผ่นธรณีตามลักษณะการเคล่ือนที่ของแผ่นธรณี
แลว้ แนวรอยต่อของแผน่ ธรณีมีกร่ี ปู แบบ อยา่ งไรบ้าง

แนวค�ำ ตอบ แนวรอยตอ่ ของแผน่ ธรณมี ี 3 แบบ จากแนวลกู ศรแสดงทศิ ทางการเคลอ่ื นท่ี
โดยมแี นวรอยตอ่ แผน่ ธรณเี คลอ่ื นทแ่ี ยกจากกนั แนวรอยตอ่ แผน่ ธรณเี คลอ่ื นทเี่ ขา้ หากนั
และแนวรอยตอ่ แผน่ ธรณีเคลือ่ นทีผ่ ่านกันธรณีเคลือ่ นทผ่ี า่ นกัน โดยแต่ละรปู แบบส่งผล
ให้เกิดธรณีสัณฐานแตกต่างกนั

2. การเคลื่อนท่ีของแผ่นธรณีแต่ละรูปแบบทำ�ให้เกิดธรณีสัณฐาน หรือโครงสร้าง
ทางธรณีแบบใดบ้าง

แนวค�ำ ตอบ
1. การเคล่ือนท่ีออกจากกันของแผ่นธรณีทำ�ให้เกิด สันเขากลางมหาสมุทร เช่น

แอตแลนติก หุบเขาทรดุ ที่ทะเลแดง
2. การเคลื่อนท่ีเข้าหากันของแผ่นธรณีทำ�ให้เกิด หมู่เกาะภูเขาไฟรูปโค้ง ประเทศ

ญ่ีปุ่น ร่องลกึ กน้ สมุทรมาเรยี นา แนวเทอื กเขาหิมาลัย แนวเทือกเขาแอนดีส
3. การเคลื่อนที่ผ่านกันในแนวระนาบของแผ่นธรณีทำ�ให้เกิด แนวรอยเล่ือน

ซานแอนเดรยี ส

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

172 บทที่ 6 | การแปรสัณฐานของแผน่ ธรณี คมู่ อื ครู วทิ ยาศาสตร์โลก และอวกาศ

3. ครูให้นักเรียนนำ�เสนอผลการวิเคราะห์ของตนหน้าช้ันเรียน กลุ่มละ 3 นาที โดยควรนำ�เสนอ
ข้อมูลดังน้ีธรณีสัณฐานท้ัง 7 แห่ง และร่วมกันอภิปรายผลการทำ�กิจกรรม พร้อมตอบคำ�ถามท้าย
กิจกรรม โดยมแี นวทางการอภิปรายและแนวทางการตอบคำ�ถามดงั แสดงด้านบน

4. ให้นักเรียนร่วมกันสรุปองค์ความรู้เกี่ยวกับแนวรอยต่อของแผ่นธรณีที่สัมพันธ์กับรูปแบบ
การเคลอื่ นท่ขี องแผ่นธรณี และผลที่เกิดขึ้นจากการเคลอื่ นท่ีของแผน่ ธรณี โดยใชร้ ูปแนวรอยตอ่ ของ
แผน่ ธรณี 3 รปู แบบ และธรณสี ณั ฐาน โครงสรา้ งทางธรณที ีส่ มั พนั ธก์ ับแนวรอยตอ่ ตามหนังสือเรยี น
หน้า 131-133

5. ครนู �ำ อภปิ รายเพมิ่ เตมิ เกยี่ วกบั ผลอน่ื ๆ ทเ่ี กดิ จากการเคลอื่ นทขี่ องแผน่ ธรณี โดยใชค้ �ำ ถามดงั นี้
การเคลอื่ นทขี่ องแผน่ ธรณที งั้ 3 รปู แบบ นอกจากจะท�ำ ใหเ้ กดิ ธรณสี ณั ฐานและโครงสรา้ งทางธรณแี บบ
ต่าง ๆ ยงั ทำ�ใหเ้ กิดสิง่ ใดอกี บา้ ง
แนวค�ำ ตอบ การเคล่ือนที่ของแผ่นธรณีทั้ง 3 รูปแบบ นอกจากจะทำ�ให้เกิดธรณีสัณฐานและ
โครงสร้างทางธรณีแบบต่าง ๆ ตรงบริเวณแนวรอยต่อของแผ่นธรณีแล้ว ยังทำ�ให้เกิดการเปล่ียน
ลักษณะของหิน เกิดเป็นโครงสร้างทางธรณีแบบต่าง ๆ อีก เช่น รอยคดโค้งหรือช้ันหินคดโค้ง
รอยเล่ือน ซ่ึงเกิดขึ้นได้ท้ังบริเวณท่ีเป็นแนวรอยต่อของแผ่นธรณี แต่ละบริเวณภายในแผ่นธรณีท่ี
ผลกระทบของแรงส่งไปถึง และยังทำ�ให้เกิดปรากฏการณ์ทางธรณีที่สำ�คัญ คือ แผ่นดินไหว
ภเู ขาไฟระเบิด และสนึ ามิ

แนวทางการวัดและประเมนิ ผล

KPA แนวทางการวดั และประเมนิ ผล
K: รปู แบบ และผลทเี่ กดิ ขน้ึ จากการเคลอ่ื นทข่ี อง 1. ผลการปฏิบัติกิจกรรม 6.3 และ
แผ่นธรณี
การตอบค�ำ ถามท้ายกิจกรรม
P: 2. การอภิปรายเพอ่ื สรปุ องคค์ วามรู้
1. ความสัมพันธ์ระหว่างสเปซกับสเปซ และ 3. แบบฝกึ หัด

สเปซกับเวลา 1. การบันทึกผลการปฏบิ ัติกิจกรรม 6.3
2. การสอ่ื สารสารสนเทศและการรู้เทา่ ทนั ส่อื 2. การนำ�เสนอผลการทำ�กจิ กรรม 6.3
A: ความใจกวา้ ง
การร่วมอภปิ รายและการตอบคำ�ถาม

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คู่มอื ครู วิทยาศาสตรโ์ ลก และอวกาศ บทที่ 6 | การแปรสัณฐานของแผน่ ธรณี 173

ความรเู้ พ่มิ เติม

การเปลีย่ นลักษณะของหนิ
การเคลอื่ นทขี่ องแผน่ ธรณที งั้ 3 รปู แบบ นอกจากจะท�ำ ใหเ้ กดิ ธรณสี ณั ฐานและโครงสรา้ ง
ทางธรณแี บบตา่ ง ๆ ตรงบรเิ วณแนวรอยตอ่ ของแผน่ ธรณแี ลว้ ยงั ท�ำ ใหเ้ กดิ การเปลยี่ นลกั ษณะ
ของหิน เกดิ เป็นโครงสรา้ งทางธรณแี บบต่าง ๆ อกี เชน่ รอยคดโคง้ หรอื ชัน้ หินคดโคง้ (fold)
รอยเลื่อน (fault) ซึ่งเกิดข้ึนได้ทั้งท่ีบริเวณแนวรอยต่อของแผ่นธรณี และบริเวณภายใน
แผ่นธรณีที่ผลกระทบของแรงส่งไปถึง กระบวนการเคลื่อนที่ของแผ่นธรณี ทำ�ให้เกิดแรง
ต่าง ๆ กระท�ำ ตอ่ หนิ ในเปลอื กโลก สง่ ผลใหเ้ กิดความเคน้ ในหิน ซ่ึงความเคน้ น้จี ะก่อใหเ้ กิด
การเปล่ียนแปลงรูปร่าง และ/หรือ ปริมาตรของหิน และทำ�ให้หินอยู่ในภาวะความเครียด
(strain condition) โดยปกติแล้วความเค้นที่กระทำ�ต่อหินจะไม่เท่ากันทุกทิศทาง และ
สามารถแยกความเคน้ ได้เปน็ 3 ชนิด ดังรปู 1 คือ

ความเคน้ ดึง (tensional stress)

• ความเค้นบบี อดั (compressional stress)
•• ความเค้นเฉอื น (shear stress)

รปู 1 ความเค้นทงั้ 3 ชนิด คอื (ก) ความเค้นดงึ (ข) ความเค้นบีบอดั (ค) ความเคน้ เฉือน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

174 บทท่ี 6 | การแปรสัณฐานของแผ่นธรณี คู่มอื ครู วทิ ยาศาสตรโ์ ลก และอวกาศ

ความเค้นท่ีกระทำ�ต่อหินทำ�ให้หินเปลี่ยนลักษณะได้แตกต่างกัน ซึ่งการเปล่ียนแปลง
ลักษณะของหินข้ึนอยู่กับชนิดของความเค้นที่มากระทำ� อุณหภูมิ ระยะเวลา และอัตรา
ของความเคน้ ทีม่ ากระท�ำ รวมถึงสมบัตขิ องหิน เช่น ในกรณที ่ีความเคน้ กระทำ�ต่อช้ันหินชนิด
หน่ึงท่อี ยู่ใตผ้ ิวโลกในระดบั ลึกที่มอี ณุ หภูมิและความดันสงู หินจะมีสมบัตคิ ล้ายดินนำ้�มันหรือ
มสี ภาพพลาสตกิ ชนั้ หนิ มกี ารเปลยี่ นลกั ษณะเปน็ ชนั้ หนิ คดโคง้ แตใ่ นขณะทห่ี นิ ชนดิ เดยี วกนั
ใกล้ผิวโลกมีสมบัติแข็งเกร็งและเปราะคล้ายสมบัติของเวเฟอร์ ช้ันหินจะเกิดรอยแตกและ
รอยเลอื่ น

รอยเล่ือน (fault) เป็นโครงสร้างทางธรณีที่เกิดจากชั้นหินที่สมบัติแข็งเกร็งและเปราะถูก
ความเค้นมากระทำ�จนแตกและเคล่ือนที่ตามระนาบรอยแตก ซ่ึงสามารถจำ�แนกรอยเลื่อน
ออกไดเ้ ป็น 3 ประเภทหลักตามลกั ษณะความเค้นทมี่ ากระท�ำ ดังรูป 2 คอื

รูป 2 รอยเลอื่ น 3 ประเภท (ก) รอยเลอื่ นปกติ (normal fault) (ข) รอยเลอ่ื นย้อน (reverse fault)
(ค) รอยเลือ่ นตามแนวระดับ (strike-slip fault)

รอยเล่ือนปกติ (normal fault) เป็นรอยเล่ือนท่ีมีการเคล่ือนท่ีตามมุมเทของระนาบ
รอยเล่ือน โดยท่ีหินเพดาน (hanging-wall block) มีการเคล่ือนที่ลง เทียบกับหินพ้ืน
(footwall block) ทม่ี ีการเคล่ือนท่ีขึ้น ดังรูป 3 เปน็ ผลมาจากความเค้นดงึ

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คู่มอื ครู วิทยาศาสตรโ์ ลก และอวกาศ บทท่ี 6 | การแปรสัณฐานของแผ่นธรณี 175

รูป 3 รอยเลื่อนปกติ เมอื งมริ ิ ประเทศมาเลเซีย
ทีม่ าของรูป สคุ นธ์เมธ จติ รมหนั ตกุล

รอยเล่ือนย้อน (reverse fault) เป็นรอยเล่ือนท่ีมีการเคล่ือนที่ตามมุมเทของระนาบ
รอยเลื่อนเช่นเดียวกับรอยเล่ือนปกติ แต่ทิศทางการเคลื่อนจะกลับกัน กล่าวคือหินเพดาน
จะเคลื่อนท่ีข้ึนเมื่อเปรียบเทียบกับหินพ้ืน ถ้ารอยเลื่อนย้อนมีมุมเอียงเทตำ่�กว่าหรือเท่ากับ
45 องศา จะมีช่ือเรียกเฉพาะว่า รอยเลื่อนย้อนมุมต่ำ� (thrust fault) ซ่ึงรอยเล่ือนท้ัง
สองแบบเปน็ ผลมาจากความเค้นบบี อัด

รอยเลอ่ื นตามแนวระดบั (strike-slip fault) เปน็ รอยเลอื่ นทม่ี กี ารเคลอื่ นทใ่ี นแนวระดบั
เป็นผลมาจากความเคน้ เฉือน

นอกจากนี้ยังมีรอยเล่ือนท่ีมีการเคลื่อนที่ผสมกันท้ังตามแนวเอียงเทของระนาบ
รอยเลื่อนและในแนวระดับของระนาบรอยเล่ือน เรียกว่า รอยเลื่อนเฉียง (oblique fault)
ดงั รูป 4 ซ่งึ เป็นผลมาจากความเคน้ ทมี่ ากระทำ�ในหลายทิศทาง

รปู 4 รอยเลอ่ื นเฉียง
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

176 บทที่ 6 | การแปรสณั ฐานของแผ่นธรณี คู่มือครู วิทยาศาสตร์โลก และอวกาศ

ในกรณที มี่ คี วามเคน้ บบี อดั มากระท�ำ กบั ชน้ั หนิ ทมี่ สี ภาพพลาสตกิ จะท�ำ ใหเ้ กดิ โครงสรา้ ง
ทางธรณีท่เี รียกวา่ ชั้นหินคดโค้ง ซึง่ สามารถแบง่ ได้ เป็น 2 ลักษณะ ไดแ้ ก่

ชนั้ หนิ คดโคง้ รปู ประทนุ (anticline) เปน็ การโคง้ งอของระนาบชน้ั หนิ คลา้ ยรปู ประทนุ
หรือสะพานโค้งเมื่อมองจากด้านหน้าตัดท่ีต้ังฉากกับแกนช้ันหินคดโค้ง (axis) หินที่มีอายุ
มากกว่า จะอยบู่ ริเวณส่วนกลางของแกนช้นั หินคดโค้ง ดงั รปู 5

ช้ันหินคดโค้งรูปประทุนหงาย (syncline) เป็นการโค้งงอของช้ันหินคล้ายรูปตัวยู
หินท่ีมีอายุน้อยสุดจะอยู่บริเวณส่วนกลางของแนวคดโค้ง และช้ันหินที่อยู่บริเวณโดยรอบ
แนวแกนชั้นหินคดโค้ง ในธรรมชาติอาจพบชั้นหินคดโค้งทั้งสองเกิดร่วมกันและจะใช้
ส่วนขา้ งของชนั้ หินคดโคง้ (limb) รว่ มกนั ดังรูป 6

รูป 5 ชั้นหนิ คดโค้ง
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ค่มู อื ครู วิทยาศาสตรโ์ ลก และอวกาศ บทท่ี 6 | การแปรสัณฐานของแผน่ ธรณี 177

รูป 6 ชั้นหินคดโค้งรปู ประทุน และรูปประทนุ หงาย บ่อดนิ ขุด อ.พัฒนานคิ ม จ.ลพบุรี
ท่ีมาของรูป สคุ นธ์เมธ จติ รมหันตกุล

โครงสร้างทางธรณีเหล่าน้ี นักธรณีวิทยาใช้ในการศึกษาเพื่อตรวจสอบ และอธิบาย
ประวัติ ขนาด และทศิ ทางของแรงตา่ ง ๆ ท่มี ากระทำ�ตอ่ ตวั หินหรอื เปลอื กโลกในบรเิ วณนัน้
ๆ และสามารถนำ�มาแสดงบนแผนท่ีธรณีวิทยา ทำ�ให้สามารถเข้าใจสภาพธรณีวิทยาของ
พ้ืนทีใ่ นลักษณะเปน็ 3 มิติ เพ่อื น�ำ ไปใชป้ ระโยชน์ในการวางแผนการใชพ้ ื้นท่ี และการสำ�รวจ
ทรพั ยากรธรณตี า่ ง ๆ โดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ปโิ ตรเลยี ม เนอ่ื งจากโครงสรา้ งทางธรณบี างลกั ษณะ
มีความสัมพันธก์ บั แหล่งกักเกบ็ ปโิ ตรเลยี ม

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

178 บทท่ี 6 | การแปรสณั ฐานของแผน่ ธรณี คูม่ อื ครู วทิ ยาศาสตรโ์ ลก และอวกาศ

แบบฝกึ หัดท้ายบท

1. จงนำ�กลุ่มค�ำ ต่อไปนเี้ ตมิ ลงในตารางใหส้ มั พันธ์กับทฤษฎที ีก่ �ำ หนดให้ ( สามารถเตมิ ค�ำ ตอบ
ซ�้ำ กันได)้

ทฤษฎีทวปี เลื่อน ทฤษฎีการแผ่ ทฤษฎีการแปรสณั ฐาน
ขยายพนื้ สมุทร ของแผน่ ธรณี

ไซโนเนทสั อายหุ ินบนพนื้ มหาสมุทร วงจรการพาความร้อน

ก า ร เ ค ลื่ อ น ที่ ข อ ง ภาวะแมเ่ หล็กบรรพกาล แนวมดุ ตวั ของแผน่ ธรณี

ธารน�ำ้ แขง็ บรรพกาล สันเขากลางสมุทร หมเู่ กาะภูเขาไฟรูปโค้ง

ความคล้ายคลึงกัน หุบเขาทรุด รอยเลอื่ นในแนวระดบั

ของกลุม่ หนิ สนั เขากลางสมุทร

มีโซซอรสั หบุ เขาทรดุ

ลอเรเซีย

พันเจยี

แนวเทอื กเขาสูง

2. จงตอบคำ�ถามต่อไปนี้
2.1 เพราะเหตุใด อัลเฟรด เวเกเนอร์จึงเช่ือว่าทวีปต่าง ๆ ในปัจจุบันเคยติดกันเป็น
แผ่นเดียวมากอ่ น

แนวคำ�ตอบ อัลเฟรด เวเกเนอร์สังเกตรูปร่างของขอบทวีป เช่น ทวีปอเมริกาใต้
และทวีปแอฟรกิ า มีส่วนท่ตี อ่ กนั ไดเ้ หมือนจ๊กิ ซอว์ จงึ สนั นษิ ฐานว่าทวีปต่าง ๆ อาจ
เคยอยตู่ ดิ กันมากอ่ น จากน้นั เวเกเนอร์ได้ศึกษาหาหลกั ฐานต่าง ๆ มาเพ่มิ เติม ไดแ้ ก่
หลกั ฐานจากซากดึกดำ�บรรพ์ หลกั ฐานจากกล่มุ หนิ และแนวเทือกเขา หลักฐานจาก
การเคลอื่ นที่ของธารน�ำ้ แข็งบรรพกาล

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

คู่มือครู วทิ ยาศาสตร์โลก และอวกาศ บทท่ี 6 | การแปรสณั ฐานของแผ่นธรณี 179

2.2 การคน้ พบสิง่ ใดของ แฮรี่ เฮส ทถ่ี กู นำ�มาใชส้ นับสนุนทฤษฎกี ารแผข่ ยายพ้นื สมทุ ร
แนวค�ำ ตอบ แฮร่ี เฮสคน้ พบของสันเขาทีเ่ ป็นแนวยาวกลางมหาสมทุ รแอตแลนตกิ

ท�ำ ใหเ้ กดิ แนวคดิ วา่ พนื้ มหาสมทุ รมกี ารเคลอ่ื นทเ่ี นอื่ งจากการแทรกดนั อยา่ งตอ่ เนอื่ ง
ของแมกมาบรเิ วณสันเขา
2.3 ถ า้ มกี ารคน้ พบสนั เขากลางสมทุ รในมหาสมทุ รแหง่ หนง่ึ ในเวลาตอ่ มามหาสมทุ รแหง่ นน้ั
จะกวา้ งขึ้น หรอื แคบลง เพราะเหตใุ ด
แนวค�ำ ตอบ กวา้ งขน้ึ เนอื่ งจากการพบสนั เขากลางสมทุ รแสดงวา่ มกี ารแทรกดนั ของ
แมกมาในบรเิ วณรอยแยกกลางมหาสมทุ รทำ�ให้พ้นื มหาสมุทรเกิดการขยายตัว
2.4 สนั เขากลางมหาสมุทรแอตแลนตกิ เกดิ จากการเคลอ่ื นที่ของแผน่ ธรณรี ปู แบบใด
แนวค�ำ ตอบ เคล่ือนทแี่ ยกออกจากกัน
2.5 หมูเ่ กาะภเู ขาไฟรูปโค้งเกดิ จากการเคลอ่ื นที่ของแผน่ ธรณรี ปู แบบใด
แนวค�ำ ตอบ เคลอื่ นทีเ่ ข้าหากัน

3. จงท�ำ เครอ่ื งหมาย ( ) หนา้ ขอ้ ความทถ่ี กู และท�ำ เครอ่ื งหมาย ( ) หนา้ ขอ้ ความทผ่ี ดิ

ค�ำ ตอบ คำ�ถาม

1. หนิ บะซอลตท์ พ่ี บใกลร้ อยแยกบรเิ วณสนั เขากลางสมทุ รจะมอี ายอุ อ่ น
กวา่ หนิ บะซอลต์ท่อี ยู่ไกลจากรอยแยกออกไป

2. เม่ือแผ่นธรณีมหาสมุทรเกิดรอยแยกและเคลื่อนที่ออกจากกัน
อย่างช้า ๆ จะมีเนื้อหินแกรนิตจากส่วนล่างแทรกดันข้ึนมาตรง
รอยแยกเกิดเปน็ ธรณีภาคใหม่

3. วงจรการพาความร้อนเป็นกระบวนการที่ทำ�ให้เกิดการเคลื่อนท่ีของ
แผน่ ธรณี

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

180 บทที่ 6 | การแปรสณั ฐานของแผน่ ธรณี คู่มอื ครู วิทยาศาสตรโ์ ลก และอวกาศ

ค�ำ ตอบ โจทย์

4. อัลเฟรด เวเกเนอร์ เป็นผ้เู สนอทฤษฎีการแผข่ ยายพื้นสมทุ ร

5. บรเิ วณทะเลแดงเกดิ จากการเคลอ่ื นทชี่ นกนั ของแผน่ ธรณมี หาสมทุ ร
กบั แผน่ ธรณีทวปี

6. เทอื กเขาหิมาลัยเกิดจากการเคล่ือนท่ีเข้าหากนั ของแผน่ ธรณียูเรเซีย
และแผน่ ธรณอี ินเดีย – ออสเตรเลีย

7. แผ่นธรณี คือเปลือกโลกเฉพาะส่วนท่ีเป็นพื้นทวีปท่ีแตกออกเป็น
หลายแผน่

8. ร่องลกึ กน้ สมทุ รเกิดข้นึ บริเวณกลางมหาสมทุ รแอตแลนตกิ

9. รอยเลอ่ื นซานแอนเดรยี สเกดิ จากการเคลอ่ื นทเี่ ขา้ หากนั ของแผน่ ทวปี

10. ภาวะแม่เหล็กบรรพกาลของพื้นมหาสมุทรเป็นหลักฐานยืนยัน
การเคล่ือนทอ่ี อกจากกันของแผ่นทวปี

4. พิจารณารปู 1 และ 2 แล้วตอบคำ�ถามดงั ตอ่ ไปนี้
4.1 จงจับคู่รอยตอ่ A B และ C กับ รูป (ก) (ข) และ (ค) ทมี่ คี วามสัมพันธก์ นั โดยเขียน
ค�ำ ตอบลงในกลอ่ งขอ้ ความในรปู 1

คก ข

รูป 1 รอยต่อของแผ่นธรณี
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

ค่มู ือครู วิทยาศาสตร์โลก และอวกาศ บทที่ 6 | การแปรสณั ฐานของแผน่ ธรณี 181

4.2 ธรณีสัณฐานท่ีปรากฎในรูป 2 (ก)-(ค) มีกระบวนการเกิดอย่างไร และมีบริเวณใด
อีกบา้ งทีม่ ลี ักษณะคล้ายกบั ในรูป 2 (ก)-(ค) จงยกตัวอย่าง

(ก) (ข)

รูป 2 แสดงธรณีสัณฐาน ณ บริเวณต่าง
ๆ บนโลก
(ก) รอยเลื่อนซานแอนเดรียส ประเทศ

สหรฐั อเมรกิ า
(ข) สนั เขากลางมหาสมทุ รแอตแลนติก
(ค) รอ่ งลกึ ก้นสมทุ รญป่ี ุ่น
(ค)

รปู ก รอยเลอ่ื นซานแอนเดรยี ส เกดิ จากการเคลอ่ื นทผ่ี า่ นกนั ในแนวระดบั ของแผน่ ธรณี
รูป ข สันเขากลางมหาสมุทรแอตแลนติก เกิดจากการเคล่อื นท่แี ยกออกจากกันของ
แผน่ ธรณี
รปู ค รอ่ งลกึ กน้ สมทุ ร ประเทศญป่ี นุ่ และหมเู่ กาะญป่ี นุ่ เกดิ จากการเคลอ่ื นทเ่ี ขา้ หากนั
ของแผน่ ธรณี

5. จากหลักฐานการแผ่ขยายของพ้ืนมหาสมุทรแอตแลนติกส่งผลอย่างไรต่อการเคล่ือนที่
ของทวีปอเมริกาใตแ้ ละแอฟรกิ า

แนวค�ำ ตอบ ท�ำ ใหท้ วปี อเมริกาใตแ้ ละทวปี แอฟรกิ าเคล่อื นที่แยกออกจากกัน

6. ลกั ษณะของทวปี ในปจั จบุ นั เหมอื นหรอื ตา่ งกบั ทวปี เมอื่ ประมาณ 200 ลา้ นปกี อ่ นอยา่ งไร
แนวค�ำ ตอบ ทวปี ในปจั จบุ นั แยกออกจากกนั ไมไ่ ดอ้ ยตู่ ดิ กนั เปน็ แผน่ ดนิ เดยี วเหมอื นเมอื่

200 ลา้ นปีกอ่ น

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

182 บทที่ 6 | การแปรสณั ฐานของแผน่ ธรณี คู่มือครู วทิ ยาศาสตรโ์ ลก และอวกาศ

7. แนวคิดทฤษฎีทวีปเล่ือน ทฤษฎีการแผ่ขยายพื้นสมุทร และทฤษฎีการแปรสัณฐานของ
แผ่นธรณีมีความเหมือน และแตกตา่ งกนั ในเรอ่ื งใดบ้าง

แนวคำ�ตอบ ท้ังสามทฤษฎีต่างกล่าวถึงการเคลื่อนที่ของแผ่นธรณีเหมือนกัน แต่แตก
ต่างกันที่รายละเอียดและหลักฐานสนับสนุน ทฤษฎีทวีปเล่ือนมีหลักฐานสนับสนุน เช่น
หลักฐานซากดกึ ด�ำ บรรพ์ หลกั ฐานจากกลุ่มหินและแนวเทอื กเขา และหลกั ฐานจากการ
เคลื่อนที่ของธารน้ำ�แข็งบรรพกาล แต่ยังไม่สามารถอธิบายสาเหตุของการเคล่ือนท่ีได้
ทฤษฎีการแผ่ขยายพื้นสมุทรมีหลักฐานการขยายตัวของพื้นมหาสมุทร คือ
การคน้ พบสนั เขากลางสมุทร อายุของหินบะซอลตบ์ นพื้นมหาสมทุ ร และภาวะแม่เหลก็
บรรพกาล ถึงแม้จะสามารถอธิบายว่าทวีปเคลื่อนท่ีออกจากกันได้เพราะมหาสมุทร
ขยายตัวแต่กย็ งั ไมส่ ามารถอธบิ ายกลไกการเคลอื่ นทีข่ องทวีปได้

ทฤษฎีการแปรสัณฐานของแผ่นธรณี รวมเอาหลกั ฐาน แนวคิด ทฤษฎี ตา่ ง ๆ เช่น
ทฤษฎีทวีปเลื่อน ทฤษฎีการแผ่ขยายพ้ืนสมุทร และแนวคิดวงจรการพาความร้อนมา

อธิบายการเคลื่อนท่ีของแผ่นธรณีและการเปลี่ยนแปลงลักษณะของแผ่นธรณี โดย
ใช้ข้อมูลการพาความร้อนของแมกมาภายในฐานธรณีภาค และใช้การเคล่ือนท่ีของ
แผน่ ธรณใี นลกั ษณะตา่ ง ๆ มาอธบิ ายธรณสี ณั ฐาน โครงสรา้ งทางธรณี และปรากฏการณ์
ทางธรณวี ทิ ยาตา่ งๆ ทม่ี กี ระบวนการเกดิ อยภู่ ายในโลกและสง่ ผลกระทบขนึ้ มาสโู่ ลก เชน่
แผน่ ดินไหว ภูเขาไฟระเบดิ

8. เพราะเหตุใดเม่ือแผ่นธรณีมหาสมุทรและแผ่นธรณีทวีปเคล่ือนที่เข้าหากัน
แผ่นธรณีสมุทรจึงมุดตัวลงข้างใต้แผ่นธรณีทวีป ส่วนที่มุดตัวจะลงไปอยู่ที่ส่วนใดของ
โครงสรา้ งโลก

แนวค�ำ ตอบ เน่ืองจากแผน่ ธรณีสมทุ รมคี วามหนาแนน่ มากกว่าแผ่นธรณีทวปี และสว่ น
ทมี่ ดุ ตัวจะเคลือ่ นท่ีลงไปท่ีฐานธรณภี าค

9. จากรปู 1 แสดงบริเวณทีร่ าบสูงทิเบต และแนวเทอื กเขาหมิ าลยั ซ่งึ เกดิ จากการเคลื่อนท่ี
เข้าหากันของแผ่นธรณอี นิ เดยี -ออสเตรเลยี และแผ่นธรณยี ูเรเซยี หากแผ่นธรณดี ังกล่าว
เคลอื่ นทใ่ี นทศิ ทางเดมิ ตอ่ ไปเรอื่ ย ๆ นกั เรยี นคดิ วา่ ลกั ษณะของธรณสี ณั ฐานบรเิ วณนน้ั จะ
เปน็ อยา่ งไร

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี


Click to View FlipBook Version