202 Fundamental of Engineering Drawing
และเพื่อใหเขาใจและจําไดวาเสนแตละเสนหรือขอความที่ตองเขียนดังท่ีกลาวถึงขางตนคือสวน
ใดบางในการบอกขนาด จึงไดแยกใหเ ห็นไวอยางชัดเจนทีละสวนดังแสดงในรูปท่ี 7.3ก-จ รูปที่ 7.3ก
แสดงเสน extension lines ซึ่งจะเปนเสนตรงท่ีลากย่ืนออกมาจากขอบของวัตถุที่ตองการบอกขนาด
หรือลากออกมาจากจุดศูนยกลางของวงกลมเมื่อตองการบอกตําแหนงของวงกลมนั้น การลากเสน
extension lines นี้ ปกติจะลากออกมาจากรูปเปนคูเพ่ือใชกํากับขอบเขตที่ตองการบอกขนาดน่ันเอง
สวนรูปที่ 7.3ข น้ันแสดงเสน dimension lines เสนน้ีจะเปนเสนที่เร่ิมและจบดวยหัวลูกศรและใชคู
กบั เสน extension lines เสมอ
(ข) Extension lines (ก) Dimension lines
10 27 10 27
43 13 13 43
13
(ง) ตัวเลขบอกขนาด (ค) Leader lines
10 27 10 Drill, 2 Holes
R16
43
(จ) Local notes
รปู ที่ 7.3 ตวั อยา งของสวนประกอบสาํ หรบั การบอกขนาด
Orthographic Reading 203
สวนประกอบถดั ไปคอื ตัวเลขสาํ หรับบอกขนาด ซ่ึงจะเขียนอยูเหนือเสน dimension lines และขนาด
ที่บอกน้ันจะเทากับระยะหางระหวางเสน extension lines ท่ีตัวเลขน้ันไปวางตัวอยูระหวางกลางดัง
แสดงในรูปท่ี 7.3ค รูปท่ี 7.3ง แสดงเสนท่ีเรียกวา leader lines ซ่ึงจะเปนเสนที่ลากเฉียง ๆ มักใช
บอกขนาดกับสวนโคง โดยมีปลายดานหน่ึงเปนหัวลูกศรและปลายอีกดานหน่ึงเปนเสนนอนส้ัน ๆ
และปลายที่เปนหัวลูกศรน้ันจะตองจรดกับสวนโคงที่ตองการบอกขนาด สุดทายคือ local notes ซ่ึง
จะใชคูกับเสน leader lines เพื่อบอกขอมูลที่เกี่ยวกับสวนโคงนั้น โดยจะเขียนขอความนี้เหนือเสน
นอนสัน้ ๆ ดังแสดงในรปู ที่ 7.3จ
ขอควรปฏิบตั สิ ําหรับการใชส ว นประกอบเหลา นใี้ นการบอกขนาด
Extension lines
1. เสน extension lines ที่ลากออกจากขอบของรปู นั้น จะตองเวนชองวางเล็กนอย (ประมาณ
1 มม.) กอนท่จี ะเรม่ิ ลากเสนออกจากขอบของรูปดงั แสดงในรปู ท่ี 7.4ก
2. ใหลากเสน extension lines เลยเสน dimension lines ออกไปประมาณ 1-2 มม. เทานั้น
ดงั แสดงในรปู ที่ 7.4ข
3. ถาเสน extension lines ท่ีจะลากน้ันตองลากผานเสนรูป ก็ใหลากทับเสนรูปไปไดเลยไม
ตอ งเวนชอ งวางดงั แสดงในรปู ที่ 7.4ค
สวนรปู ท่ี 7.5 แสดงขอ ผิดพลาดที่มักจะเกดิ ขน้ึ ในการเขียนเสน extension lines
(ก) (ข)
(ค)
รูปที่ 7.4 ขอ ควรปฏบิ ตั ิสาํ หรับการเขยี นเสน extension lines
204 Fundamental of Engineering Drawing COMMON MISTAKE
COMMON MISTAKE
รูปท่ี 7.5 ขอผิดพลาดทม่ี ักจะเกดิ ข้นึ ในการเขยี นเสน extension lines
Dimension lines
เสน dimension lines ท่ีจะลากนั้นไมควรลากใหชิดกับเสน dimension lines เสนอ่ืน
หรือไมชิดกับตัวรูปมากจนเกินไป โดยเสน dimension lines ท่ีอยูใกลกับรูปมากที่สุดควรจะมี
ระยะหางประมาณสองเทาของตัวเลขบอกขนาดท่ีจะเขียน สวนระยะหางระหวางเสน dimension
lines ถดั ๆ ไปก็ควรจะมีระยะหา งประมาณหน่งึ ตัวอักษรดงั แสดงในรปู ท่ี 7.6
ควรมรี ะยะหา งประมาณสองเทาของตัวอกั ษร
35
16
11
34
ควรมีระยะหา งประมาณหนึง่ เทาของตัวอกั ษร
รูปท่ี 7.6 การเวนระยะหางระหวา งเสน dimension lines
Dimension figures (ตวั เลขบอกขนาด)
1. สาํ หรับตัวเลขบอกขนาดควรมขี นาดความสูงประมาณ 2.5 – 3 มม.
2. ตองเขียนใหอยูเหนือเสน dimension lines ประมาณ 1 มม. และอยูก่ึงกลางระหวางเสน
extension lines ดังแสดงในรูปท่ี 7.7 และอยาใชเสน dimension lines เปนเสนบรรทัดใน
การเขยี นตวั เลข
Orthographic Reading 205
COMMON MISTAKE
11
34
11
34
รูปที่ 7.7 ตัวอยา งการเขยี นตัวเลขบอกขนาดและขอผิดพลาดท่ีมกั จะเกดิ ขึน้
3. ถาชองวางระหวางเสน extension lines ไมพอใหเขียนตัวเลข และ/หรือไมพอใหเขียนหัว
ลูกศรของเสน dimension lines ใหนําตัวเลข และ/หรือหัวลูกศรไปเขียนนอกเสน
extension lines ไดด ังแสดงในรปู ท่ี 7.8ก-ข
16.25 11
(ก) กรณีเขยี นตัวเลขไมพ อ (ข) กรณเี ขยี นหวั ลกู ศรไม
รูปที่ 7.8 ตวั อยา งการเขียนตัวเลขบอกขนาดในกรณีท่ีมีทวี่ า งไมพอ
4. หนวยที่ใชในงานเขียนแบบวิศวกรรมน้ีจะใชหนวยเปน มิลลิเมตร และไมตองเขียนชื่อ
หนวยตามหลังตัวเลขบอกขนาด ถาตัวเลขท่ีบอกขนาดเก่ียวกับมุมก็ใหใชสัญลักษณ “ ° ”
กาํ กับดา นทา ยแทนคําวา “องศา”
5. มาตราฐานของแนวการวางตัวของตัวเลขสําหรับบอกขนาดจะมีอยูสองแบบดวยกันคือ
แบบ aligned และแบบ unidirectional โดยแบบ aligned ตัวเลขจะตองถูกวางตัวให
สามารถอานไดเมื่ออานจากทางดานลางหรือดานขวาของกระดาษเขียนแบบ สวนแบบ
unidirectional น้ันตัวเลขจะถูกเขียนใหอานไดจากทางดานลางของกระดาษเขียนแบบ
เพยี งทศิ ทางเดยี วเทานั้น สาํ หรับแนวการวางตวั ของตัวเลขบอกขนาดท่ีจะใชในวิชานี้จะใช
แบบ aligned เทานั้น ขอควรระวังท่ีสําคัญประการหนึ่งของการเขียนตัวเลขบอกขนาดก็
คือถาผเู ขียนเลอื กที่จะใชรูปแบบการเขยี นแบบใดแลวใหใชแบบน้ัน ๆ กับทุก ๆ งานเขียน
แบบที่ใชเกี่ยวเนื่องกัน เชน อุปกรณช้ินหน่ึงตองมีกระดาษเขียนแบบของอุปกรณชิ้นนั้น
206 Fundamental of Engineering Drawing
ท้ังหมด 15 แผน ดังน้ันทั้ง 15 แผนนี้จะตองใชระบบการเขียนตัวเลขแบบเดียวกันท้ังหมด
และเพื่อใหเกิดความเขาใจมากยิ่งข้ึนเกี่ยวกับลักษณะการเขียนตัวเลขบอกขนาดของท้ัง
สองแบบนี้ จงึ ไดแสดงตัวอยา งไวในรปู ที่ 7.9 และ 7.10
30 30
30 30
45o 30 30 30
45o 30
30 30
30 30
(ก) การเขยี นตวั เลขแบบ aligned (ข) การเขียนตัวเลขแบบ unidirectional
รูปที่ 7.9 ตัวอยา งการเขยี นตวั เลขบอกขนาดแบบ aligned และ unidirectional
45o 45o
45o 45o
45o 45o
45o 45o
45o 45o
(ก) การบอกขนาดมุมแบบ aligned (ข) การบอกขนาดมมุ แบบ unidirectional
รูปท่ี 7.10 ตวั อยา งการเขยี นตวั เลขบอกขนาดมุมแบบ aligned และ unidirectional
Local notes (การเขยี นหมายเหตเุ ฉพาะท)่ี
1. ตําแหนงการวางตัวของขอความท่ีเปนหมายเหตุนั้น ควรวางใหใกลกับบริเวณท่ีขอความ
นน้ั กลา วถึง และควรวางตวั อยูนอกรูป
2. ขอ ความท่ีเขยี นตอ งเขียนใหอ านไดในแนวนอนเทา นน้ั
Orthographic Reading 207
โดยรูปที่ 7.11 จะเปน การแสดงตัวอยา งการเขียนหมายเหตุเฉพาะท่ีและขอผิดพลาดท่ีมกั จะเกิดขนึ้
10 Drill COMMON MISTAKE 10 Drill
≈ 10mm
10 Drill
Too far
รูปที่ 7.11 ตัวอยา งการเขยี นหมายเหตเุ ฉพาะท่แี ละขอ ผดิ พลาดท่มี ักจะเกดิ ขึ้น
7.3 การบอกขนาดสาํ หรบั สว นตาง ๆ ของวตั ถุ
วัตถุประสงคหลักของการบอกขนาดก็คือตองใหขอมูลเกี่ยวกับขนาดและตําแหนงท่ี
จําเปน ตอการผลติ ช้นิ สวนน้ัน ๆ โดยขอมูลที่เขียนลงไปจะตองชัดเจน ครบถวนสมบูรณ และอํานวย
ประโยชนตอกระบวนการผลิตหรือทําใหการตรวจสอบชิ้นสวนน้ันเมื่อผลิตเสร็จแลวดวยการวัด
สามารถทาํ ได ดังตัวอยางเชน ถา ตอ งการผลติ ชนิ้ สว นทีม่ ีรูปรา งดงั แสดงในรปู ที่ 7.12 แลว เราจะตอง
เขียนแบบภาพออโธกราฟกของวัตถุน้ันดังแสดงในรูปท่ี 7.13 จากน้ันก็ตองทําการบอกขนาดซ่ึง
ขอ มูลที่ตอ งบอกของวตั ถตุ ัวอยางนจี้ ะประกอบไปดวย
1. ขนาดความกวาง ความลึก และความหนาของชิ้นวตั ถุ
2. ขนาดเสน ผาศนู ยก ลางและความลกึ ของรู
3. ตําแหนงของรเู จาะ
และเมอ่ื บอกขนาดตามขอมลู ที่แสดงขา งตนแลว จะไดภาพออโธกราฟก ดังแสดงในรปู ที่ 7.14
รปู ที่ 7.12 ตัวอยา งวัตถทุ จี่ ะผลติ รูปท่ี 7.13 ภาพออโธกราฟกของวตั ถทุ จี่ ะผลิต
208 Fundamental of Engineering Drawing L
L
S
LL
SS
S
“S” denotes size dimension.
“L” denotes location dimension.
รปู ที่ 7.14 ภาพออโธกราฟก พรอมการบอกขนาดและตําแหนงของวัตถุตวั อยาง
สําหรับหัวขอยอยถัด ๆ ไปจะกลาวถึงการบอกขนาดสําหรับสวนตาง ๆ ที่อาจจะเกิดข้ึนในภาพ
ออโธกราฟก
7.3.1 การบอกขนาดมุม
การบอกขนาดของมุมจะใชเสน dimension lines แบบโคง ซง่ึ การลากเสน โคง น้จี ะตอง
ใชจ ุดยอดของมุมท่ตี องการบอกขนาดเปน จดุ ศูนยก ลางสาํ หรับการเขยี นสวนโคง นนั้ ดงั ตวั อยา งท่ี
แสดงในรูปที่ 7.15 และตวั อยา งทม่ี กั จะทาํ ผดิ แสดงไวในรปู ท่ี 7.16
COMMON MISTAKE
รปู ที่ 7.15 ตัวอยา งการบอกขนาดมมุ รปู ที่ 7.16 ตวั อยางท่ีมักจะทาํ ผดิ ของ
การบองขนาดมมุ
Orthographic Reading 209
7.3.2 การบอกขนาดสวนโคง
1. การบอกขนาดสวนโคงจะตองบอกเปนรัศมี โดยใชเสน leader lines ใน
การบอกขนาด ซ่ึงหัวลูกศรของเสน leader lines ตองจรดท่ีสวนโคง
และแนวของเสนตอ งผานจดุ ศนู ย (ไมจ ําเปนทเี่ สน ตอ งผา นจดุ ศนู ยกลาง
แคแนวเสนก็พอ) และตองบอกในภาพท่เี หน็ ขนาดจรงิ ของสวนโคง น้ัน
2. ใชตัวอักษร R แทนคําวา Radius แลวตามดวยตัวเลขเพ่ือบอกขนาดของ
รัศมีสําหรับสว นโคง นน้ั ดงั แสดงในรูปที่ 7.17
รปู ที่ 7.17 การบอกขนาดสวนโคง ดวยเสน leader lines
3. ตัวเลขบอกขนาดและหัวลูกศรควรวางอยูภายในสวนโคงท้ังคู ถามีท่ีวาง
พอ (รูปที่ 7.18ก) แตถามีท่ีวางพอสําหรับเขียนหัวลูกศรเพียงอยางเดียวก็
สามารถนําตวั เลขบอกขนาดไปเขียนนอกสวนโคงได (รูปที่ 7.18ข) และถา
สวนโคง มีขนาดเล็กมากไมสามารถแมแ ตเขียนหวั ลกู ศร ก็สามารถเขียนหวั
ลูกศรและตัวเลขบอกขนาดไวน อกสวนโคงทัง้ หมดเลยกไ็ ด (รปู ท่ี 7.18ค)
R 62.5 R 6.5
R 58.5
(ก) (ข) (ค)
รูปที่ 7.18 การบอกขนาดสวนโคง เมื่อมีชอ งวางในการเขยี นตวั เลขไมพอ
4. เสน leader lines ทใี่ ชบอกขนาดสวนโคงน้ีตองลากใหเอียงทํามุมประมาณ
30 – 60 องศาเทียบกับแนวระดับ ดังตัวอยางท่ีแสดงในรูปที่ 7.19ก สวน
ตัวอยางท่ีมักทําผิดเก่ียวกับการเขียนเสน leader lines น้ีไดแสดงไวในรูป
210 Fundamental of Engineering Drawing
ท่ี 7.19ข ซ่งึ ไดแ กก ารเขียนเสน leader lines ในแนวดิ่งหรือแนวนอน หรือ
จะเปนการเขียนเสน leader lines โดยเอาหัวลูกศรไปชี้อยูที่จุดศูนยกลาง
หรอื แนวของเสน leader lines ไมผ า นจดุ ศูนยก ลาง เปนตน
COMMON MISTAKE
R62.5 R62.5 R62.5
R62.5 R62.5
R62.5
(ก) (ข)
รูปท่ี 7.19 แนวเอียงของเสน leader lines และตวั อยา งทม่ี ักจะทาํ ผดิ
5. ถาตําแหนงของจุดศูนยกลางสวนโคงอยูนอกกระดาษเขียนแบบหรือไปอยู
ซอ นทบั กบั ภาพขางเคียง เราสามารถยอ เสนบอกขนาดใหสน้ั ลงไดดงั แสดง
ในรูปที่ 7.20ก แตแนวของเสนยังตองผานจุดศูนยกลางอยูเชนเดิม หรือ
อาจเขียนจุดศูนยกลางสมมติข้ึนมาจุดหนึ่งแลวลากเสนหักงอมาจบที่จุด
ศนู ยก ลางสมมติน้ัน แตแนวเสนที่มีหัวลูกศรยังคงตองลากใหมีแนวผานจุด
ศูนยกลางท่แี ทจริงดงั แสดงในรูปท่ี 7.20ข
(ก) (ข)
รปู ที่ 7.20 การเขยี นเสน leader lines เมอื่ จดุ ศูนยก ลางอยนู อกกระดาษเขียนแบบ
Orthographic Reading 211
6. ถาขอบของวัตถุประกอบดวยสวนโคงหลายสวนตอเนื่องกัน ก็ใหบอก
ขนาดรัศมีของแตล ะสวนโคง และตาํ แหนง จดุ ศนู ยกลางของสวนโคงน้ัน ดัง
แสดงในรูปที่ 7.21ก แตการบอกขนาดในกรณีนี้มีขอควรระวังคืออยา
ลากเสน leader lines เพ่ือบอกขนาดที่จุดสัมผัสของสวนโคงท่ีลาก
ตอเน่ืองกัน เพราะจะไมสามารถแยกออกไดวา เสน leader lines นั้นใช
บอกขนาดสว นโคง ใด ดังแสดงในรปู ท่ี 7.21ข
COMMON MISTAKE
Tangent point
(ก) (ข)
รปู ที่ 7.21 การเขยี นหมายเหตุทวั่ ไปในการบอกขนาดของ fillets และ rounds
7.3.3 การบอกขนาด fillets และ rounds
ใหบอกขนาดเปนรัศมีเชนเดียวกับหลักการบอกขนาดของสวนโคง น่ันคือใชเสน
leader lines และเขียนหมายเหตุเฉพาะท่ีกํากับ แตถาภาพของวัตถุท่ีวาดประกอบดวย fillets และ
rounds เปนจํานวนมากและยังมีขนาดท่ีเทา ๆ กันอีกดวย ในกรณีน้ีใหเขียนเปนหมายเหตุท่ัวไป
(general note) แทน ซึ่งมีรูปแบบของขอความดังนี้ “All fillets and rounds are Rxx” โดย xx คือ
ตัวเลขบอกขนาดของรัศมีน่ันเองดังแสดงในรูปที่ 7.22ก และถาเปนกรณีที่ fillets และ rounds สวน
ใหญมีคาเทากัน แตมีเพียงไมก่ีที่เทาน้ันท่ีมีรัศมีแตกตางไป กรณีเชนน้ีใหเขียนขอความวา “All
fillets and rounds are Rxx unless otherwise specified” แลวก็ใชเสน leader lines กับหมายเหตุ
เฉพาะท่ใี นการบอกขนาดกบั สว นโคง ที่มีรัศมที ี่แตกตางไปดังแสดงในรปู ท่ี 7.22ข
R12
NOTE: NOTE:
All fillets and round are R6.5 All fillets and round are R6.5
unless otherwise specified.
(ก)
(ข)
รูปที่ 7.22 การเขียนหมายเหตทุ ว่ั ไปในการบอกขนาดของ fillets และ rounds
212 Fundamental of Engineering Drawing
7.3.4 การบอกขนาดทรงกระบอก
1. การบอกขนาดของทรงกระบอกตองใหขอ มูลของ ขนาดเสน ผาศูนยกลาง
และความยาวของทรงกระบอก ซึ่งสาเหตุที่ตองใหขอมูลเปนขนาด
เสนผาศูนยกลางนั้น เนื่องจากสามารถวัดขนาดไดดวยเคร่ืองมือดังแสดง
ในรูปที่ 7.23 แตถาใหขนาดเปนรัศมี เราจะไมสามารถหาตําแหนงจุด
ศนู ยก ลางเพ่ือวัดคารัศมีได
รปู ท่ี 7.23 การวัดขนาดของทรงกระบอกตองทําการวดั ขนาดเปนเสน ผาศูนยกลาง
2. การบอกขอมูลที่เก่ียวกับตําแหนงของทรงกระบอก จะตองบอกไปยังจุด
ศูนยกลางของทรงกระบอกและควรใหขอมูลน้ีในภาพที่เห็นทรงกระบอก
เปนวงกลมดงั แสดงในรูปที่ 7.24
รูปที่ 7.24 การบอกตาํ แหนงของทรงกระบอก
3. การใหขนาดของเสนผาศูนยกลางทรงกระบอก ควรใหในภาพท่ีเห็น
ทรงกระบอกตามความยาว และเขียนสัญลักษณ Ø นําหนาตัวเลขเพ่ือ
บอกขนาดเสนผาศนู ยก ลางดงั แสดงในรปู ที่ 7.25
φ 100 Orthographic Reading 213
φ 70
รูปท่ี 7.25 การใหข นาดเปน เสนผาศนู ยก ลางของทรงกระบอก
7.3.5 การบอกขนาดรู
1. การบอกขนาดของรูตองบอกขนาดเปนเสนผาศูนยกลางและความลึก
ดวยสาเหตุที่คลายกับการบอกขนาดของทรงกระบอก น่ันคือเราสามารถ
วัดขนาดเสนผาศูนยกลางของรูดวยเครื่องมือดังแสดงในรูปท่ี 7.26 ได
สะดวกกวาการพยายามหาจุดศนู ยกลางของรูแลวคอยวัดรศั มี
รูปท่ี 7.26 การวัดขนาดของของรตู องทาํ การวัดขนาดเปนเสน ผา ศนู ยก ลาง
2. การบอกขอ มลู ที่เก่ียวกับตําแหนงของรู จะตองบอกไปยังจุดศูนยกลางของ
รนู นั้ และควรใหขอมูลน้ีในภาพทเ่ี ห็นรูเปน วงกลมดังแสดงในรูปที่ 7.27
รูปท่ี 7.27 การบอกตาํ แหนง ของรู
214 Fundamental of Engineering Drawing
3. การบอกขนาดของรู ใหใชเสน leader line และหมายเหตุเฉพาะที่เพ่ือบอก
ขนาดเสนผาศูนยกลางและความลึกของรู โดยจะตองเขียนบอกขนาดใน
ภาพทเ่ี หน็ รูน้ันเปน วงกลม ถาเปนกรณีท่ีรูมีขนาดเล็กและรูนั้นถูกเจาะทะลุ
ใหเขียนบอกขนาดดวยเสน leader line รูปแบบใดรูปแบบหน่ึงดังท่ีแสดง
ในรปู ที่ 7.28ก-ง ซึ่งจากรปู จะเหน็ วา เสน leader line ตอ งมีทิศทางพุงเขาสู
จุดศูนยกลางของรู (หัวลูกศรตองหยุดอยูที่ขอบของรู หามพุงเขาไปหยุด
ท่ีจุดศูนยกลาง) และถาเปนรูท่ีเจาะทะลุเชนน้ีก็ไมจําเปนตองเขียน
ขอความใด ๆ ตามหลังการบอกขนาดของรูก็ได เพราะจะเปนท่ีทราบกัน
วา ถา ไมม ขี อความใด ๆ ตอ ทายตัวเลขบอกขนาดจะถอื วาเปนรูเจาะทะลุดัง
แสดงในรูปที่ 7.28ก และ 7.28ค สวนในกรณีท่ีรูเจาะไมทะลุ การบอก
ขนาดก็สามารถทําไดเชนเดียวกัน เพียงแตเพ่ิมเติมขอความบอกความลึก
ของรูเจาะวา มีคาเทา ใดตามหลังตัวเลขบอกขนาดดังแสดงในรูปท่ี 7.29 ขอ
สังเกตุเพิ่มเติมของรูเจาะไมทะลุก็คือ ภาพในดานหนาของรูเจาะดังท่ีแสดง
ในรูปท่ี 7.29 จะมีลักษณะเปนปลายแหลม เหมือนปลายแหลมของดอก
สวานท่ีใชเจาะรูน่ันเอง และความลึกของรูเจาะจะวัดจากผิวของวัตถุลึกลง
ไปจนถงึ แนวเสนตรงสดุ ทา ยกอนจะเขา ไปยังสวนของปลายแหลม
φ xx φ xx Thru. xx Drill. xx Drill, Thru.
(ก) (ข) (ค) (ง)
รูปที่ 7.28 การบอกขนาดของรเู จาะทะลุ
φ xx, yy Deep xx Drill, yy Deep
or
Hole’s
depth
รูปท่ี 7.29 การบอกขนาดของรเู จาะไมท ะลุ
Orthographic Reading 215
4. กรณีที่รูเจาะมีขนาดใหญ สามารถบอกขนาดรูไดโดยใชรูปแบบใดรูปแบบ
หนึ่งดังแสดงรูปท่ี 7.30ก-ค โดยรูปแบบแรกคือใชเสน extension line และ
เสน dimension line ในการบอกขนาด (รูปท่ี 7.30ก) สวนรูปแบบท่ีสองใช
เสน dimension line ลากเฉยี งผานจดุ ศูนยก ลางเพอ่ื บอกขนาด (รูปที่ 7.30
ข) และรูปแบบสุดทายคือใชเสน leader line และหมายเหตุเฉพาะที่
เหมอื นกับทใ่ี ชในกรณีรขู นาดเล็ก
Use extension and Use diametral Use leader line
dimension line dimension line and note
φ xx
(ก) (ข) (ค)
รปู ท่ี 7.30 การบอกขนาดสาํ หรับรขู นาดใหญ
5. สวนกรณีท่ีมักจะผิดพลาดบอย ๆ ในการบอกขนาดของรูไดแสดงรวมไว
ในรูปท่ี 7.31 ซึ่งมีท้ังการบอกขนาดดวยรัศมี แนวการลากเสน leader line
ไมผ านจุดศนู ยก ลาง ไมบ อกตําแหนง ของรูทีจ่ ุดศนู ยกลาง เปน ตน
COMMON MISTAKE
φ xx Rxx φ xx φ xx
φ xx
φ xx
รปู ที่ 7.31 การบอกขนาดสําหรบั รขู นาดใหญ
216 Fundamental of Engineering Drawing
7.3.6 การบอกขนาด chamfer
แนวระนาบเอียงท่ีเกิดขึ้นบริเวณขอบของวัตถุท่ีมีลักษณะเหมือนการลบมุมนั้น เราจะ
เรยี กวา chamfer ดังตัวอยางในรปู ท่ี 7.32 จากรปู จะเปนทรงกระบอกซึ่งถกู ทํา chamfer ท่ีปลายขาง
หน่ึง โดยขอมูลที่ตองใชในการบอกขนาดของ chamfer น้ีจะประกอบดวยมุมและระยะที่จะทํา
chamfer ดงั แสดงในภาพออโธกราฟกของ chamfer ในรปู ที่ 7.33
S
รูปที่ 7.32 ทรงกระบอกทมี่ ี chamfer รูปที่ 7.33 ขอมลู ที่ตองใชบ อกขนาด
ของ chamfer
แตการบอกขนาด chamfer นั้นจะไมเขียนตามแบบในรูปที่ 7.33 แตจะใชเสน leader line ในการ
บอกขอมูลของมุมและระยะท่ีทํา chamfer ดังรูปแบบที่แสดงในรูปที่ 7.34ก แตถามุมของการทํา
chamfer น้ันมีคา เทา กับ 45 องศา ก็จะบอกขนาดตามรปู แบบในรูปที่ 7.34ข หรอื 7.34ค แทน
Sθ CS SS
(ก) (ข) (ค)
รูปท่ี 7.34 การบอกขนาดสําหรับ chamfer
7.3.7 การบอกขนาดกับวตั ถทุ ม่ี ปี ลายเปน สวนโคง (rounded-end)
หลักในการบอกขนาดสําหรับวัตถุที่มีปลายเปนสวนโคงดังตัวอยางในรูปท่ี 7.35ก นั้น
คือจะบอกขนาดจากขอบที่มีไมสวนโคงไปยังจุดศูนยกลางของสวนโคงที่ปลายอีกขางหนึ่ง แลวใช
เสน leader line ในการบอกขนาดของสวนโคง ซึ่งผูเขียนแบบสวนใหญมักจะใหขนาดกับวัตถุที่มี
ลกั ษณะเชนน้ีไมเหมาะสม นนั่ คือพยายามจะบอกขนาดของความกวางและความสูงท้ังหมดของวัตถุ
24 Orthographic Reading 217
แลวใชเสน leader line ในการบอกขนาดของสวนโคงอีกครั้งหน่ึงดังท่ีแสดงในรูปที่ 7.35ข การบอก
ขนาดแบบนี้เปนการบอกที่ซ้ําซอน เน่ืองจากถาเราใหขอมูลตามรูปท่ี 7.35ก จะพบวาถาเอาระยะ
จากขอบท่ีไมมีสวนโคงไปถึงจุดศูนยกลางความโคงที่ปลายอีกขางหนึ่งบวกกับรัศมีสวนโคง เราก็จะ
ไดความกวางของวัตถุท้ังหมด และความสูงของวัตถุก็จะมีคาเทากับสองเทาของรัศมีนั่นเอง ดังนั้น
การใหข อ มลู ดงั แสดงในรูปท่ี 7.35ก ก็เพียงพอ
COMMON MISTAKE
R12 R12
21 33
(ก) (ข)
รปู ที่ 7.35 การบอกขนาดสําหรับวตั ถุทม่ี ปี ลายเปน สว นโคง
หลักของการลงขนาดสําหรับวัตถุท่ีมีปลายเปนสวนโคงอีกประการหน่ึงก็คือการลงขนาดโดยอางอิง
จากกระบวนการผลิตช้นิ สว นนนั้ ๆ ยกตัวอยางเชน ถาตอ งการสรางวัตถุทม่ี รี ูปรา งหนาตาดังแสดงใน
รูปที่ 7.36 เราก็ตองจัดเตรียมวัตถุท่ีมีรูปรางหนาตาดังแสดงในรูปที่ 7.37ก ข้ึนมากอน สวนการท่ีจะ
ผลติ ชิ้นสวนท่มี ลี กั ษณะดังรูปท่ี 7.37ก ข้ึนมาไดอยางไรน้ัน อยูนอกเหนือเนื้อหาที่เก่ียวกับงานเขียน
แบบวศิ วกรรมเบอื้ งตน ผูเรียนท่สี นใจสามารถศึกษาเพ่มิ เติมดวยตนเองเกยี่ วกบั กระบวนการผลติ
รูปที่ 7.36 วตั ถตุ วั อยา งสําหรบั การบอกขนาดตามกระบวนการผลติ
เมื่อไดวัตถุดังรูปที่ 7.37ก ขั้นตอนการผลิตถัดไปก็คือกระบวนการเจาะรู โดยใชสวานเจาะรู ณ
ตําแหนงที่หน่ึงกอนดังแสดงในรูปที่ 7.37ข เม่ือยกดอกสวานข้ึนแลวใหเลื่อนสวานไปยังตําแหนงท่ี
สองแลวทําการเจาะรูอีกคร้ังหน่ึง (รูปที่ 7.37ค) เมื่อเสร็จส้ินแลวก็จะไดวัตถุท่ีมีรูปรางหนาตาตามท่ี
218 Fundamental of Engineering Drawing
ตองการ ดังแสดงในรูปที่ 7.37ง จากขั้นตอนการผลิตท่ีอธิบายมานี้จะเห็นวาขอมูลที่สําคัญประการ
หน่ึงในการผลิตน้ีก็คือ ระยะในการเลื่อนดอกสวานจากตําแหนงที่หน่ึงไปยังตําแหนงท่ีสองเพื่อทํา
การเจาะรู ดังนั้นเมื่อตองการบอกขนาดใหกับภาพออโธกราฟกของวัตถุช้ินนี้ก็จะตองบอกระยะจาก
จุดศนู ยกลางฝงหนึ่งไปยังจดุ ศนู ยกลางอีกฝงหน่ึงดงั แสดงในรปู ท่ี 7.38
(ก) (ข) (ค) (ง)
รูปที่ 7.37 วตั ถตุ ัวอยางสาํ หรบั การบอกขนาดตามกระบวนการผลติ
φ 12, 2 Holes R12
21
5
รปู ที่ 7.38 การบอกขนาดโดยอา งองิ กับกระบวนการผลิต
รูปที่ 7.39 แสดงตวั อยา งของวัตถุท่ีคลายกับตัวอยา งทีแ่ ลว เพียงแตคราวนบ้ี รเิ วณตรงกลางของวตั ถุ
มีลกั ษณะเปน รอ งยาว แทนทีจ่ ะเปนรูเจาะสองรู ซึ่งกระบวนการผลิตก็จะคลาย ๆ กัน นั่นคือเร่ิมจาก
เตรียมวัตถุที่มีรูปรางตามรูปท่ี 7.37ก ตอไปก็ทําการเจาะรู ณ ตําแหนงที่หน่ึงดังรูปท่ี 7.37ข เม่ือ
เจาะรูเสร็จแลวใหเคล่ือนดอกสวานจากตําแหนงที่หน่ึงไปยังตําแหนงท่ีสองโดยไมตองยกดอกสวาน
ขึ้นก็จะทําใหบริเวณตรงกลางของวัตถุเกิดรองตามที่ตองการ ดังน้ันการบอกขนาดสําหรับวัตถุ
ตัวอยางนี้ก็คือตองบอกระยะการเคล่ือนท่ีของดอกสวานและความกวางของรองที่ตองการ ซ่ึงจะ
เทากับขนาดของดอกสวานนั่นเอง สวนภาพออโธกราฟกของวัตถุตัวอยางนี้พรอมการบอกขนาดได
แสดงไวในรปู ที่ 7.40
12 Orthographic Reading 219
5
รปู ที่ 7.39 วตั ถตุ วั อยางทม่ี รี องบริเวณกลางวัตถุ
10
5 16 R12
12 21
รูปที่ 7.40 การบอกขนาดของวตั ถตุ วั อยางทม่ี ีรอ งตรงกลาง
รปู ที่ 7.41 แสดงตัวอยางการบอกขนาดของวตั ถุทีม่ ีรอ งอีกตัวอยางหนึ่ง จากรูปจะเห็นไดวาการบอก
ขนาดท่ีบริเวณรองน้ันเหมือนกับที่แสดงในรูปที่ 7.40 เพียงแตในกรณีน้ีจะตองบอกขอมูลเพิ่มเติม
เก่ียวกับตําแหนงเริ่มตนของรอง โดยเราสามารถเลือกอางอิงกับขอบวัตถุดานใดดานหนึ่งก็ได สวน
รูปท่ี 7.42ก ก็เปนตัวอยางอีกแบบหนึ่งของวัตถุท่ีมีรอง แตรองของตัวอยางน้ีเปนรองแบบปลายเปด
ซ่ึงการบอกขนาดจะเปล่ียนไป โดยบอกเปนระยะจากขอบปลายเปดของรองไปยังปลายสวนโคง
ทายสุด แตอยางไรก็ดีระยะท่ีบอกนี้ก็มีคาเทากับระยะท่ีเครื่องกัดรองจะตองเดินทางเชนเดียวกันดัง
แสดงในรูปท่ี 7.42ข
R12
16 21
รปู ท่ี 7.41 การบอกขนาดและตําแหนงของรอ งในวัตถุตวั อยาง
220 Fundamental of Engineering Drawing Cutting tool
R12
2710
Tool cutting distance5 12
(ก) (ข)
รูปที่ 7.42 การบอกขนาดสาํ หรับวตั ถทุ ม่ี รี องแบบปลายเปด
ตัวอยางสุดทา ยของการบอกขนาดกับวัตถุท่ีมีปลายเปนสวนโคงก็คือการบอกขนาดของรองลิ่ม (key
way) การบอกขนาดของรองลิ่มนี้สามารถทําไดสองแบบดวยกัน โดยแบบแรกจะบอกขนาดโดย
อางอิงกับขนาดมาตราฐานของลิ่ม (key) ท่ีจะนํามาใสในรองลิ่มน้ัน หรืออาจจะบอกโดยอางอิง
ข้นั ตอนการผลติ รองล่ิมน้นั ก็ได ซง่ึ ลกั ษณะของรองลม่ิ และลม่ิ ไดแสดงไวใ นรปู ท่ี 7.43
Key way
Key
รปู ท่ี 7.43 ลกั ษณะของรองลิม่ และลมิ่ บนเพลา
รูปท่ี 7.44ก แสดงการบอกขนาดของรองลมิ่ โดยอา งอิงจากขนาดมาตราฐานของล่ิมน่ันคือบอกขนาด
เปนความยาวของล่ิมท้ังหมด สวนรูปที่ 7.44ข เปนการบอกขนาดโดยอางอิงจากกระบวนการผลิต
ของรองลิ่ม
25 20
(ก) (ข)
รปู ท่ี 7.44 การบอกขนาดรองลิม่ ตามขนาดมาตราฐานของลมิ่ และข้นั ตอนการผลิต
Orthographic Reading 221
7.4 ตําแหนงการวางตวั ของการบอกขนาด
ในหัวขอสุดทายของบทน้ีจะเปนขอแนะนําเกี่ยวกับการวางตัวของการบอกขนาด ซึ่ง
ประกอบไปดว ยหวั ขอยอ ย ๆ ดงั น้ี
1. ไมควรลากเสน extension lines หรือเสน leader line ตัดเสน dimension line ดัง
ตวั อยา งที่แสดงในรูปท่ี 7.45
POOR GOOD
รปู ท่ี 7.45
2. ควรลากเสน extension lines ออกจากจุดที่ใกลท่ีสุดที่ตองการบอกขนาดดัง
ตัวอยางในรปู ที่ 7.46
GOOD
POOR
รูปที่ 7.46
3. ถาบริเวณที่ตองการบอกขนาดอยูภายในรูปแลว เสน extension lines จะตองลาก
ออกจากจุดที่อยูในรูปน้ัน และใหลากเสน extension lines ผานเสนรูปออกมาเลย
โดยไมตอ งเวน ชองวางดงั ตัวอยางในรปู ท่ี 7.47
WRONG CORRECT
รปู ท่ี 7.47
222 Fundamental of Engineering Drawing
4. หามใชเสนรูป เสน center line หรอื เสน dimension line แทนเสน extension lines
นั่นหมายความวา ทุกคร้ังที่ตองการบอกขนาดตองลากเสน extension lines เสมอ
ดังตัวอยางที่แสดงในรปู ที่ 7.48
POOR GOOD
รูปท่ี 7.48
5. หลกี เลี่ยงการบอกขนาดกบั เสนประดังแสดงในรปู ที่ 7.49
POOR GOOD
รูปท่ี 7.49
6. ควรวางขอมูลท่ีตองการบอกขนาดไวนอกรูปท่ีวาดดังแสดงในรูปที่ 7.50 นอกจาก
วาการวางขอมูลนั้นในรูปจะใหขอมูลท่ีชัดเจนกวาหรือสามารถอานขอมูลไดงาย
กวาก็สามารถเขียนในรูปไดด งั ตัวอยางในรูปท่ี 7.51
POOR GOOD
รูปท่ี 7.50
Orthographic Reading 223
JUST OK !!!
BETTER
รูปท่ี 7.51
7. ใหบอกขนาดในภาพที่เห็นรูปรางหรือลักษณะที่ตองการบอกขนาดไดชัดเจนดัง
ตัวอยางที่แสดงในรูปท่ี 7.52 จากรูปจะเห็นวาถาตองการบอกขอมูลเกี่ยวกับความ
หนาของสวนใดสวนหน่ึงของวัตถุ เราควรจะเลือกภาพที่สามารถเห็นความหนานั้น
ไดอยางชัดเจน ซ่ึงในตัวอยางนี้ก็คือภาพดานหนา หรือการบอกขอมูลเกี่ยวกับ
ตาํ แหนง ของรู กค็ วรเลอื กบอกในภาพท่ีเหน็ รูเปน วงกลมนั่นเอง
POOR GOOD
รปู ท่ี 7.52
8. ควรจดั การลงขนาดใหอ ยรู วมกนั เปนกลุมใหไ ดมากทส่ี ุดดังตัวอยางในรปู ที่ 7.53
POOR GOOD
รูปท่ี 7.53
224 Fundamental of Engineering Drawing
9. อยาลงขนาดซ้ําซอน เชนถาบอกขนาดความกวางของวัตถุในภาพดานหนาแลวก็
ไมตองบอกขนาดความกวางน้ันซํ้าในภาพดานบนอีก ดังตัวอยางที่แสดงในรูปท่ี
7.54
POOR GOOD
รปู ท่ี 7.54
7.5 บทสรปุ
ในบทนี้ไดอธิบายถึงหลักในการบอกขนาดเบ้ืองตน ซึ่งเร่ิมต้ังแตการแสดง
ความสัมพันธระหวางการบอกขนาดกับกระบวนการผลิตช้ินสวนในงานวิศวกรรม โดยเปาหมาย
หลักของการบอกขนาดในภาพออโธกราฟกที่วาดก็คือ ตองบอกขอมูลของขนาดวัตถุใหครบถวนท้ัง
ความกวาง สงู และลึก รวมถึงขนาดของสวนประกอบอน่ื ๆ ในวตั ถุดว ย เชน ขนาดรเู จาะ ขนาดของ
สวนโคงตาง ๆ เปนตน และขอมูลท่ีสําคัญอีกประการหน่ึงในการบอกขนาดท่ีจะลืมไมไดก็คือ
ตําแหนงของสวนประกอบเหลานี้น่ันเอง จากนั้นไดทบทวนเก่ียวกับสวนประกอบสําหรับการบอก
ขนาดซึ่งประกอบไปดวยเสน extension lines เสน dimension line เสน leader line ตัวเลขบอก
ขนาดและหมายเหตุ ถัดไปก็เปน หัวขอท่ีแสดงการบอกขนาดสําหรบั สว นตาง ๆ ที่อาจจะมีอยใู นภาพ
ออโธกราฟก เชน การบอกขนาด fillet และ round การบอกขนาดสว นโคง การบอกขนาดรู การบอก
ตําแหนง ของรู และการบอกขนาดกับวัตถุท่ีมีปลายเปนสวนโคง สุดทายเปนการแนะนําตําแหนงการ
วางการบอกขนาดเพ่ือใหการบอกขนาดนั้นอานไดงายและใหขอมูลท่ีไมซ้ําซอนซ่ึงอาจทําใหเกิด
ความสับสนในการผลิตได
Orthographic Reading 225
แบบฝก หดั
1. จงแกไขการบอกขนาดใหถ ูกตอ ง
226 Fundamental of Engineering Drawing
2. จงแกไ ขการบอกขนาดใหถ กู ตอง
Orthographic Reading 227
3. จงบอกขนาดบนภาพออโธกราฟกดานลางใหสมบรู ณ
228 Fundamental of Engineering Drawing
4. จงบอกขนาดบนภาพออโธกราฟกดา นลางใหส มบรู ณ
Orthographic Reading 229
5. จากภาพออโธกราฟกทใ่ี ห จงแกไขภาพใหส มบูรณ พรอ มบอกขนาดใหถกู ตอ ง
230 Fundamental of Engineering Drawing
6. จากภาพออโธกราฟกทใ่ี ห จงแกไ ขภาพใหส มบรู ณ พรอมบอกขนาดใหถ ูกตอ ง
บทที่ 8
สัญนิยมของการเขยี นภาพ
ออโธกราฟก
ในบทนี้จะกลับไปกลาวถึงการเขียนภาพออโธกราฟกอีกครั้งหนึ่ง แตเปนเรื่องสัญนิยม
ของการเขียนภาพ ซึ่งผูเรียนก็คงเกิดความสงสัยวาสัญนิยมคืออะไร สัญนิยมก็คือขอตกลงที่เปนที่
ยอมรับรวมกันใหถือปฏิบัติในการเขียนภาพออโธกราฟก ซ่ึงในบางครั้งจะฝาฝนกฎของการเขียน
ภาพออโธกราฟกที่เคยเรียนมาแลว เพื่อใหภาพท่ีไดมีความชัดเจนมากย่ิงข้ึน สามารถสื่อสารทํา
ความเขาใจไดงายข้ึน ชวยใหการบอกขนาดทําไดสะดวกมากขึ้น สามารถลดการเขียนรูปใหนอยลง
และชวยใหใชพ้ืนที่ในการเขียนแบบไดอยางมีประสิทธิภาพ ดังนั้นในบทนี้ผูเรียนจะไดพบกับการ
ใชสญั นยิ มแบบตา ง ๆ ในการเขยี นภาพออโธกราฟก
8.1 ชนิดของสญั นิยมในการเขียนภาพออโธกราฟก
ตามท่ีไดกลาวไวขางตนแลววาสัญนิยมก็คือขอตกลงเพ่ิมเติมที่จะถูกนํามาใชรวมกับ
การเขียนภาพออโธกราฟกเพ่ือใหภาพท่ีไดอานงายย่ิงขึ้น ซ่ึงก็จะเห็นวาเปาหมายหลักของเราก็
ยังคงเปนการเขียนภาพออโธกราฟกน่ันเอง สวนสัญนิยมนั้นเปนเพียงสวนประกอบเพ่ิมเติมเทานั้น
ดังนั้นผูเรียนก็ไมตองกังวลวาทําไมจึงมีเร่ืองที่ตองเรียนมากมายขนาดน้ี เพราะเมื่อสังเกตุใหดีจะ
พบวาเนอื้ หาสว นใหญก็ยงั คงเปนการเขียนภาพออโธกราฟก เทานนั้ เอง
สัญนิยมแบบหน่ึงท่ีผูเรียนไดเรียนผานมาแลวก็คือ การใชเสนประแทนขอบของวัตถุที่
ถกู บงั อยูน่ันเอง สว นชนดิ ของสัญนยิ มทจ่ี ะกลา วถงึ ในบทน้มี ีอยูห ลายแบบดว ยกนั ซึ่งไดแ ก
232 Fundamental of Engineering Drawing
1. การวางตําแหนงของภาพดานขางอีกรูปแบบหน่ึง (alternative position of side
view)
2. การวาดภาพทีไ่ มส มบูรณตามแบบออโธกราฟก (incompleted view)
2.1 การเขยี นภาพดานขา งที่ไมสมบูรณ (incompleted side view)
2.2 การเขยี นภาพเพียงบางสวน (partial view)
2.3 การเขียนภาพเพียงครง่ึ เดียว (half view)
2.4 การเขียนภาพเฉพาะทข่ี องวัตถุ (local view)
3. การเขียนภาพแบบ align (aligned view)
4. การเขยี นภาพแบบขยาย (enlarge view)
5. การเขียนเสนทไี่ มเ กิดขึ้นตามหลักออโธกราฟก (non-existing intersection line)
6. รอยตัดของรกู ับทรงกระบอก
โดยในหัวขอยอยถัด ๆ ไปจะกลาวถึงชนิดของสัญนิยมในการเขียนภาพแตละชนิดดังที่ไดกลาวถึง
ดานบนอยา งละเอียดเพื่อใหส ามารถทาํ ความเขาใจไดง า ยขน้ึ
8.2 การวางตาํ แหนง ของภาพดา นขา งอีกรูปแบบหนงึ่
โดยปกติแลวตําแหนงของภาพดานขาง (ในกรณีของการฉายภาพแบบ 3rd angle) จะ
ไดวาภาพดานขวาจะตองวางตัวอยูดานขวามือของภาพดานหนา ภาพดายซายก็จะตองวางตัวอยู
ทางดา นซา ยมือของภาพดานหนา เปนตน แตถาวัตถุที่จะนํามาเขียนภาพออโธกราฟกน้ันมีลักษณะ
ท่ีความสูงของวัตถุมีคานอยกวาความลึกของวัตถุมาก ๆ ถาเปนเชนน้ีแลวการเขียนภาพ
ออโธกราฟก แบบธรรมดาจะทาํ ใหไ ดภาพดังแสดงในรปู ที่ 8.1
Top
Front Right
รปู ที่ 8.1 การเขยี นภาพออโธกราฟกแบบธรรมดา
Right Convention in Orthographic Writing 233
จากรูปจะเห็นวาเกิดการสูญเสียพ้ืนท่ีบริเวณดานขวาบนเปนอยางมากและพื้นที่ระหวางรูปกับกรอบ
กระดาษก็เหลือนอยมากเชนเดียวกัน ซ่ึงทําใหการบอกขนาดทําไดลําบาก สัญนิยมของการเขียน
ภาพในกรณที ่ีวตั ถุมีความสูงนอ ยกวาความลึกมาก ๆ เชน นีก้ ็คือ เราสามารถยายภาพดา นขวาข้ึนไป
วางขางภาพดานบนดังแสดงในรูปที่ 8.2 ได ซ่ึงจะทําใหการใชพ้ืนท่ีบนกระดาษเขียนแบบมี
ประสทิ ธภิ าพมากยง่ิ ข้ึนและยังเหลอื พื้นที่จากขอบกระดาษเพ่ือบอกขนาดไดมากขึ้นดวย เพ่ือใหเห็น
ลักษณะการประยุกตใชสัญนิยมขอน้ีไดชัดเจนขึ้นจึงขอยกตัวอยางภาพออโธกราฟกของวัตถุดัง
แสดงในรปู ท่ี 8.3ก-ข
Top
Front
รูปที่ 8.2 ตําแหนงของภาพดานขา งในอีกรปู แบบหนงึ่
(ก) (ข)
รปู ท่ี 8.3 ตวั อยางของการวางตําแหนง ของภาพดา นขางในอีกรปู แบบหนงึ่
จากตัวอยางในรูปที่ 8.3ก-ข ก็จะเห็นวาการยายภาพดานขวาข้ึนไปวางไวขางภาพดานบนน้ัน
นอกจากจะทําใหการใชพื้นท่ีบนกระดาษเขียนแบบเกิดประสิทธิภาพและมีพ้ืนท่ีสําหรับการบอก
ขนาดเพ่ิมขึ้นแลว ยังสามารถอานแบบไดงายข้ึนดวย เชน เสนประท่ีเกิดข้ึนบนภาพดานบนน้ัน เรา
สามารถลากเสน projection ไปยังภาพดานขวาซ่ึงถูกยายขึ้นมาวางขาง ๆ แลว เพ่ือหาขอมูลวา
234 Fundamental of Engineering Drawing
เสนประนั้นคืออะไรไดงายย่ิงข้ึน ซึ่งจากตัวอยางในรูปที่ 8.3ข เราก็จะไดวาเสนประนั้นก็คือรองรูป
สี่เหลย่ี มที่เซาะทะลตุ ลอดความยาวของวัตถุนน่ั เอง
8.3 การเขียนภาพดา นขา งที่ไมส มบูรณ
สัญนิยมในหัวขอนี้คือการเขียนภาพดานขางท่ีไมสมบูรณ เราจะใชสัญนิยมนี้ในการตัด
เสนบางเสนที่จากเดิมตองเขียนในภาพ ๆ นั้นออก โดยเฉพาะอยางยิ่ง “เสนประ” เพื่อใหภาพที่ได
แสดงขอมลู ของวตั ถทุ ่เี หน็ ไดใ นทศิ ทางน้ัน ๆ เทาน้ัน ซึ่งจะทําใหภาพมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้นและผู
ที่ตองการอานภาพอานแลวไมสับสน เพ่ือใหเขาใจหลักการดังกลาวไดดียิ่งข้ึนขอใหศึกษาจาก
ตัวอยางในรูปท่ี 8.4 จากรูปเปนภาพออโธกราฟกของวัตถุช้ินหน่ึงที่มีลักษณะบางและถูกงอเปนรูป
ตัว U ดังที่เห็นในภาพดานหนาของวัตถุ ซ่ึงเมื่อดูที่ภาพดานซายจะเห็นวาขอบขาของตัว U ที่ยื่น
ขึ้นมาทางดานซายน้ันมีลักษณะเปนส่ีเหล่ียม สวนขาตัว U ที่ย่ืนข้ึนมาทางดานขวาจะมีลักษณะ
ปลายโคงมนและสงู นอยกวาขาดานซา ย ทําใหภาพออโธกราฟกที่เกิดขึ้นมีท้ังเสนรูปของขาดานซาย
เสนประของขาดานขวาบางสวนและบางสวนของขาดานขวาก็เห็นเปนเสนรูปดวยในภาพดานซาย
ลักษณะเชนนี้อาจทําใหเกิดความสับสนมากย่ิงขึ้นกับการอานภาพของวัตถุและย่ิงถาวัตถุนั้นมี
รายละเอียดท่ีซับซอนกวาน้ีก็ยิ่งจะทําใหการอานภาพลําบากมากย่ิงข้ึนดวย ดังน้ันถาเรา
ประยุกตใชสัญนิยมในหัวขอนี้ เราก็จะไดภาพออโธกราฟกดังแสดงในรูปท่ี 8.5 ซึ่งจะเห็นวาภาพที่
ไดนน้ั สะอาดตามากกวาและนา จะทําใหผอู า นแบบสามารถอานแบบไดงา ยข้ึนดว ย
Left-side view Principal view Right-side view
รปู ท่ี 8.4 ตัวอยางภาพออโธกราฟก ที่ประกอบดว ยเสน มากมายที่อาจทาํ ใหเ กดิ ความสับสน
Incompleted Principal view Incompleted
left-side view right-side view
รูปที่ 8.5 ตัวอยา งการเขยี นภาพดา นขา งที่ไมสมบรู ณโ ดยการตดั เสน ประบางเสนออก
Convention in Orthographic Writing 235
จากรปู ท่ี 8.5 จะเห็นวา ภาพดานซายและภาพดา นขวาทน่ี ําเอาสญั นิยมมาประยุกตใ ชนั้น ไมจําเปนที่
จะตองกําจัดเสนประใหหมดไป เพราะถาเสนประนั้นไมรบกวนการอานขอมูลจากภาพและสามารถ
ใหขอมูลเพิ่มเติม (ในตัวอยางนี้ เสนประใหขอมูลความหนาของพ้ืนวัตถุ) แกผูอานแบบดวย กรณี
เชนนี้สามารถท่ีจะเก็บเสนประดังกลาวไวในรูปก็ได อีกตัวอยางหน่ึงของการประยุกตใชสัญนิยมใน
หัวขอน้ีสําหรับการเขียนภาพออโธกราฟกไดแสดงไวในรูปที่ 8.6 จากรูปจะเห็นวาภาพดานซายและ
ภาพดานขวาของวัตถุนี้เมื่อวาดตามหลักออโธกราฟกแลวจะมีความซับซอนมาก ซึ่งถาประยุกตใช
สัญนิยมเขาไปในการเขียนภาพแลวก็จะทําใหไดภาพดังแสดงในรูปที่ 8.7 จากรูปจะเห็นไดวาภาพท่ี
ไดมีความซับซอนนอ ยลงและใหรายละเอียดของวัตถุเมอื่ มองในทิศทางนั้น ๆ ไดช ดั เจนข้นึ
Principal view
รูปท่ี 8.6 ตัวอยางภาพออโธกราฟก ท่ปี ระกอบดว ยเสน มากมายทอี่ าจทาํ ใหเ กิดความสบั สน
Principal view
รปู ท่ี 8.7 ตัวอยางภาพออโธกราฟก ที่ประกอบดว ยเสน มากมายทอ่ี าจทําใหเกิดความสับสน
236 Fundamental of Engineering Drawing
8.4 การเขียนภาพเพียงบางสว น
สัญนิยมแบบนี้จะใชเพื่อแสดงภาพเพียงบางสวนของวัตถุเทานั้น ซึ่งการที่จะตองวาด
ภาพทั้งหมดของวัตถุในมุมมองใดมุมมองหนึ่งอาจไมมีความจําเปนและไดขอมูลที่ไมเหมาะสมดวย
ดังนั้นเราสามารถเลือกวาดเพียงบางสวนของวัตถุก็ได ซ่ึงสวนน้ันมักจะมีรายละเอียดหรือขอมูลที่
สําคัญและแตกตางไปจากบริเวณอื่น ยกตัวอยางเชนภาพของวัตถุท่ีแสดงในรูปที่ 8.8ก จากภาพ
เปนวัตถุที่มีลักษณะเปนแขนงอคลายบูมเมอแรง ซ่ึงการมองวัตถุแบบน้ีโดยใชมุมมองปกติ
(ดานซา ย ดา นขวาหรอื ดานบน) จะไมสามารถเหน็ รูปรางหรอื ขนาดที่แทจริงของบางสวนของวัตถุได
เพราะทิศทางการมองไมต้ังฉากกับสวนน้ันของวัตถุ ดังนั้นทิศทางการมองดังแสดงในรูปท่ี 8.8ข จะ
เปนทิศทางการมองที่ต้ังฉากกับแตละสวนของวัตถุเพ่ือที่จะไดภาพที่สามารถแสดงรูปรางและขนาด
ของสว นน้นั ๆ ไดถ กู ตอ ง ซ่งึ ภาพออโธกราฟก ท่ไี ดจ ะมลี กั ษณะดงั แสดงในรปู ท่ี 8.9
View direction
View direction
(ก) (ข)
รูปที่ 8.8 วัตถุตวั อยา งสาํ หรบั การแสดงภาพเพยี งบางสว น
รูปที่ 8.9 ภาพออโธกราฟกท่แี สดงภาพเพยี งบางสวนของวัตถุ
Convention in Orthographic Writing 237
8.5 การเขยี นภาพเพียงครง่ึ เดยี ว
ในกรณ่ีท่ีภาพของวัตถุมีความสมมาตรดังตัวอยางท่ีแสดงในรูปท่ี 8.10ก เราสามารถ
ใชสัญนิยมน้ีมาชวยลดภาระในการวาดรูปลงได เนื่องจากเราจะวาดสวนของวัตถุที่สมมาตรน้ีเพียง
คร่ึงเดียวเทานั้นดังแสดงในรูปท่ี 8.10ข จากรูปจะเห็นวาเราใชเสน center line เปนเสนแสดงความ
สมมาตรของวัตถุ แลวใชสัญลักษณที่เหมือนเคร่ืองหมายเทากับ “ = ” เขียนครอมบริเวณปลายเสน
center line ท่ีแสดงความสมมาตรนั้น โดยปกติเราจะเลือกเขียนดานท่ีสมมาตรในฝงท่ีใกลกับอีก
ภาพหนงึ่ ซ่งึ ในตัวอยางนเ้ี ราเลือกเขยี นภาพคร่งึ ดานซา ยเพราะอยูตดิ กบั ภาพดา นซายของวตั ถุ
(ก) (ข)
รปู ที่ 8.10 วตั ถตุ ัวอยา งสําหรบั การแสดงภาพเพียงคร่งึ เดยี ว
(ก) (ข)
รปู ท่ี 8.11 การแสดงภาพเพยี งคร่ึงเดยี วในรูปแบบอ่ืน
อยางไรก็ดียังมีรูปแบบอื่น ๆ สําหรับการแสดงภาพของวัตถุเพียงคร่ึงเดียวอีก รูปแบบท่ีนําเสนอใน
ท่ีน้ีแสดงไวในรูปท่ี 8.11ก-ข โดยรูปแบบแรก (รูปที่ 8.11ก) จะเขียนเสนของวัตถุเลยแนวสมมาตร
(เสน center line) ออกมาเล็กนอยและไมตองเขียนสัญลักษณบอกความสมมาตร “ = ” ลงไปในรูป
สวนรปู แบบท่สี องจะเขยี นเหมอื นกับรปู ที่ 8.11ก เพยี งแตเ พ่มิ เสน break line เขาไปดังแสดงในรูปที่
8.11ข โดยเสน break line น้จี ะเปน เสนทเ่ี ขยี นหกั ไปมาและใชเ สนเบา
7238 Fundamental of Engineering Drawing
8.6 การเขยี นภาพเฉพาะที่
ในกรณีท่ีวัตถุมีความซับซอนไมมากนัก การเขียนภาพเพียงภาพเดียวก็สามารถให
ขอ มูลเกี่ยวกบั ขนาดและรูปรางของวตั ถไุ ดครบถวน แตในบางคร้ังบนวัตถุท่ีมีความซับซอนไมมากน้ี
อาจมีรายละเอียดบางอยางท่ีตองแสดงเพิ่มเติมดวย แตการที่จะตองวาดภาพอีกภาพของวัตถุในอีก
มุมมองเพื่อใหเห็นรายละเอียดสวนน้ัน ๆ ก็จะเปนการเพิ่มภาระโดยไมจําเปนและเสียเวลาในการ
เขียนแบบดวย สัญนิยมในหัวขอน้ีจะสามารถชวยใหผูเขียนแบบสามารถแสดงรายละเอียดเฉพาะท่ี
บนวัตถุน้ันโดยไมตองเขียนภาพท้ังภาพได เพื่อใหเกิดความเขาใจมากขึ้นเกี่ยวกับสัญนิยมในหัวขอ
น้ี ขอใหศึกษาภาพวัตถุตัวอยางดังแสดงในรูปท่ี 8.12 จากภาพจะเห็นวาเราวาดภาพออโธกราฟก
เพียงภาพเดยี วแลวใชสญั นยิ มในหัวขอน้ีในการแสดงรายละเอียดของรองทางดานขางของวัตถุ ดวย
การวาดเฉพาะรองเทานั้น ไมตองวาดสวนขางเคียงของวัตถุเหมือนกับวิธีการเขียนภาพเพียง
บางสวน และการแสดงรายละเอียดเฉพาะท่ีของวัตถุเชนน้ีก็ยังทําใหการบอกขนาดกับสวนนั้น ๆ
สามารถทาํ ไดโ ดยงายดวย
R6
รปู ที่ 8.12 ตัวอยางการแสดงภาพเฉพาะทขี่ องวตั ถุ
8.7 การเขียนภาพแบบ align
บางครั้งการเขียนแบบโดยยึดหลักการฉายภาพแบบออโธกราฟกอยางเครงครัด จะทํา
ใหภาพที่ไดประกอบไปดวยเสนมากมายโดยเฉพาะอยางย่ิงเสนประ ดังแสดงในรูปที่ 8.13ก จาก
ภาพจะเห็นวา ภาพดานขางน้ันประกอบไปดวยเสนประมากมาย ซึ่งทําใหผูอานแบบเกิดความสับสน
กับเสนประมากมายเชนน้ีได อีกทั้งยังตองเสียเวลาในการวาดมากดวย แตถาเรานําเอาสัญนิยมท่ีจะ
กลาวถึงในหัวขอ นม้ี าประยุกตใช จะทําใหภาพออโธกราฟกท่ีไดมีลักษณะดังแสดงในรูปท่ี 8.13ข จะ
เห็นวาภาพที่ไดม ีเสน ประทนี่ อ ยลงและสามารถอา นแบบไดง า ยขน้ึ ดว ย
Convention in Orthographic Writing 239
(ก) ภาพออโธกราฟกธรรมดา (ข) การเขียนภาพแบบ align
รูปที่ 8.13 เปรียบเทยี บภาพออโธกราฟก แบบธรรมดากับภาพเขยี นแบบ align
ในทางปฏบิ ตั นิ นั้ ถาวตั ถมุ ีองคประกอบภายใน เชน รูหรือแผนครีบ วางตัวสมมาตรรอบ
แกนของวตั ถซุ ึง่ เมือ่ ฉายภาพแบบออโธกราฟกตามปกติแลวองคประกอบภายในนั้นไมแสดงขนาดที่
แทจริงของตัวเองหรือแสดงระยะที่ไมถูกตองของการวางตัวรอบแกนสมมาตรได กรณีเชนน้ีให
นําสัญนิยมแบบ align มาประยุกตใช โดยหลักการของสัญนิยมแบบน้ีก็คือ ใหผูเขียนแบบ
จินตนาการวาสามารถหมุนองคประกอบภายในของวัตถุนั้นรอบแกนสมมาตร จนกระทั่ง
องคประกอบดังกลาวสามารถแสดงขนาดหรือระยะสมมาตรที่แทจริงบนภาพขางเคียงได รวมถึงใน
กรณีท่ีภาพฉายขององคประกอบน้ันส่ือความหมายที่อาจทําใหผูอานแบบเขาใจผิดก็สามารถ
นาํ เอาสญั นิยมแบบ align มาประยุกตใ ชไ ดดวยเชน เดยี วกนั และเพอ่ื ใหเ ขา ใจถึงการใชสัญนิยมแบบ
น้ีไดดียิ่งข้ึน ขอใหพิจารณาตัวอยางดังท่ีแสดงในรูปท่ี 8.14ก ถาฉายภาพของวัตถุตัวอยางนี้ตาม
หลกั การออโธกราฟกแลว เราจะไดภ าพดังแสดงในรูปที่ 8.14ข จากภาพจะพบวาผูอานแบบอาจเกิด
ความเขาใจผิดไดวามีรูเจาะอยูกลางวัตถุ เน่ืองจากมีเสนประเกิดขึ้นตรงกลางของภาพดานหนา
ดังน้ันใหใชสัญนิยมแบบ align มาประยุกตใช โดยจินตนาการวาสามารถหมุนรูเจาะในแนวด่ิง
จนกระท่ังรูน้ันวางตัวอยูในแนวนอนดังแสดงในรูปท่ี 8.14ค ซึ่งเมื่อฉายภาพไปยังภาพดานหนาแลว
กจ็ ะไดภ าพออโธกราฟก ของวัตถนุ ี้ดังแสดงในรูปที่ 8.15 สว นภาพดา นบนยงั คงเขยี นเหมอื นเดมิ
(ก) (ข) (ค)
รปู ที่ 8.14 วตั ถตุ วั อยา งสําหรบั การแสดงสญั นยิ มแบบ align
240 Fundamental of Engineering Drawing
รปู ที่ 8.15 ภาพเขียนเม่อื ประยุกตใ ชส ัญนยิ มแบบ align
ตัวอยา งถัดไปดงั แสดงในรปู ท่ี 8.16ก มลี กั ษณะคลายกับตวั อยางในรูปท่ี 8.14ก แตมีรเู จาะเพียงสาม
รูเทาน้ัน ซึ่งถาฉายภาพออโธกราฟกแบบปกติแลวเราจะไดภาพดังในรูปท่ี 8.16ข จากรูปจะเห็นวา
เสนประท่ีแสดงขอบของรูในภาพดานหนาน้ัน อาจทําใหผูอานแบบเขาใจวารูเจาะบนวัตถุนั้นไม
สมมาตร ดังนั้นจึงควรนําสัญนิยมแบบ align มาประยุกตใช โดยใหผูเขียนแบบจินตนาการวา
สามารถหมุนรูเจาะสองรูดังที่แสดงดวยเสนสีแดงในรูปที่ 8.16ค มายังแนวระดับ จากนั้นฉายภาพ
ของรูเจาะทั้งสองนีจ้ ากตาํ แหนง ใหม เพราะเมื่อฉายภาพของรูเจาะจากตําแหนงนี้แลวจะไดระยะของ
รูท่ีหางจากแกนสมมาตรท่ีถูกตอง และจะทําใหภาพออโธกราฟกสุดทายของวัตถุนี้เปนดังภาพท่ี
แสดงในรปู ท่ี 8.17
(ก) (ข) (ค)
รูปท่ี 8.16 วตั ถตุ วั อยา งทสี่ องสาํ หรบั การแสดงสัญนยิ มแบบ align
ส่ิงสําคัญในการประยุกตใชสัญนิยมแบบ align นี้ก็คือ เราเพียงแตจินตนาการวาสามารถหมุน
สว นประกอบนนั้ ๆ ไปยงั ตําแหนง ทสี่ ามารถแสดงขนาดหรอื ระยะท่ีแทจ ริงไดเทา นั้น ไมใชวาเรายาย
ตําแหนงของสวนประกอบนั้นไปยังตําแหนงท่ีแสดงไวจริง ๆ ดังน้ันจะเห็นไดวาภาพดานบนใน
ตวั อยางทนี่ ํามาแสดงนยี้ ังคงตองวาดสว นประกอบนน้ั ๆ ในตาํ แหนงเดิมเสมอ
Convention in Orthographic Writing 241
รูปที่ 8.17 ภาพออโธกราฟก ของวัตถตุ วั อยา งท่สี องทีใ่ ชสัญนยิ มแบบ align
ตวั อยางทส่ี ามมลี ักษณะคลายกับตัวอยางแรกเหมือนกัน เพียงแตมีรูเจาะขนาดใหญอยู
ตรงกลางวัตถุดวยดังแสดงในรูปท่ี 8.18ก ซึ่งเม่ือประยุกตใชสัญนิยมแบบ align โดยจินตนาการวา
หมุนรูเจาะในแนวด่ิงมาอยูในแนวระดับแลวฉายภาพมายังภาพดานหนาอีกครั้ง ก็จะไดภาพออโธก
ราฟกสดุ ทายดงั แสดงในรูปท่ี 8.18ข
(ก) (ข)
รูปที่ 8.18 วตั ถตุ ัวอยา งทส่ี ามสําหรบั การแสดงสญั นิยมแบบ align
ตัวอยางท่ีสี่เปนวัตถุท่ีมีแผนครีบย่ืนออกมาสามแฉกดังแสดงในรูปท่ี 8.19ก และเม่ือ
ฉายภาพแบบออโธกราฟกตามปกติแลวก็จะไดภาพดังแสดงในรูปที่ 8.19ข ซ่ึงจะเห็นไดวาภาพ
ดานหนาของวัตถุน้ีมีความซับซอนมากและวาดไดยากดวย แตถาประยุกตใชสัญนิยมแบบ align
โดยการหมุนแผนครีบดังที่แสดงดวยเสนสีแดงมายังแนวระดับ (รูปที่ 8.19ค) แลวฉายภาพลงมายัง
ภาพดานหนาก็จะทําใหเราไดภาพออโธกราฟกสุดทายดังแสดงในรูปที่ 8.20 จากรูปจะพบวา รูปท่ี
ไดสามารถทําใหผูอานแบบเขาใจไดทันทีวาแผนครีบที่ย่ืนออกมานั้นมีลักษณะเปนสามเหล่ียม และ
ยื่นออกมาจากบรเิ วณตรงกลางอยา งสมมาตร
242 Fundamental of Engineering Drawing
(ก) (ข) (ค)
รปู ที่ 8.19 วตั ถตุ วั อยา งทส่ี ส่ี าํ หรบั การแสดงสญั นยิ มแบบ align
รปู ท่ี 8.20 ภาพออโธกราฟก ของวตั ถตุ วั อยา งทสี่ ที่ ใ่ี ชส ญั นิยมแบบ align
ตัวอยางที่หาเปนการผสมผสานระหวางตัวอยางที่ส่ีกับตัวอยางท่ีสอง นั่นคือวัตถุมีทั้ง
แผนครีบและรูเจาะ (รูปท่ี 8.21ก) ทําใหภาพฉายออโธกรฟกแบบปกติจะมีลักษณะดังแสดงในรูปที่
8.21ข ซ่ึงการประยุกตใชสัญนิยมแบบ align นี้ก็สามารถทําไดโดยการหมุนท้ังแผนครีบและรใู หมา
อยูในแนวระดับเพ่ือฉายภาพมายังภาพดานหนา (รูปที่ 8.21ค) ซ่ึงก็จะทําใหไดภาพออโธกราฟก
สดุ ทายดังแสดงในรูปท่ี 8.22 ตวั อยา งสดุ ทายของหัวขอนี้จะเหมือนกับตัวอยางท่ีหาเพียงแตเพ่ิมรอง
ลม่ิ เขาไปบริเวณดมุ ตรงกลางดวย ซง่ึ ภาพออโธกราฟก ของตัวอยา งสุดทายนี้จะมีลักษณะดังแสดงใน
รปู ที่ 8.23
8.8 การเขียนภาพแบบขยาย
สัญนิยมในหัวขอนี้จะเลือกบางสวนของภาพออโธกราฟกแลวนํามาเขียนใหมโดยใช
สเกลที่ขยายสวนน้ันใหใหญขึ้น ซ่ึงจะชวยใหผูอานแบบเห็นรายละเอียดในสวนน้ันไดชัดเจนและยัง
สามารถลงขนาดไดง ายขึ้นดว ย โดยตวั อยา งของการเขียนภาพแบบขยายนี้ไดแ สดงไวใ นรูปที่ 8.24
Convention in Orthographic Writing 243
(ก) (ข) (ค)
รปู ที่ 8.21 วตั ถตุ วั อยา งทหี่ า สําหรบั การแสดงสัญนยิ มแบบ align
รูปท่ี 8.22 ภาพออโธกราฟกของวัตถตุ วั อยา งท่หี า ท่ีใชสญั นยิ มแบบ align
รปู ที่ 8.23 วตั ถตุ วั อยา งทหี่ กสําหรบั การแสดงสัญนิยมแบบ align
244 Fundamental of Engineering Drawing
จากภาพจะเห็นวาเม่ือตองการขยายรายละเอียดสวนใดในภาพออโธกราฟก ใหเขียนกรอบลอมรอบ
บริเวณน้ันไวแลวตั้งชื่อกรอบดวย (ในตัวอยางน้ีใชกรอบวงกลมแลวต้ังช่ือกรอบวา A) จากน้ันใหนํา
รายละเอียดภายในบรเิ วณทถี่ กู ลอ มกรอบไวไ ปเขียนเปน ภาพขยาย โดยภาพขยายที่เขียนนั้นอาจจะ
วาดกรอบลอมรอบไวหรือไมก็ใชเสน break line ชวยจํากัดขอบเขตของภาพขยายท่ีเขียนก็ไดดัง
ตัวอยางท่ีแสดงในรูปที่ 8.24 สวนภาพที่ขยายน้ันจะตองเขียนช่ือกรอบกํากับไวเสมอพรอมท้ังสเกล
ทใ่ี ชข ยายภาพนั้น
or
A A (3:1)
A (3:1)
รปู ท่ี 8.24 ตัวอยา งการเขยี นภาพขยาย
8.9 การเขียนเสน ทไ่ี มเ กิดขึน้ ตามหลกั ออโธกราฟก
ในบางครั้งถาใชการฉายภาพออโธกราฟกแบบปกติ ภาพท่ีไดอาจทําใหผูอานแบบ
เขาใจผิดเก่ียวกับรูปรางลักษณะของวัตถุจริง ๆ ก็ได ดังน้ันการเพิ่มเสนเขาไปในภาพบางเสนซึ่ง
เปนการฝาฝนกฎการเขียนภาพออโธกราฟกที่ไดเคยเรียนไปแลวน้ัน อาจทําใหผูอานแบบเขาใจถึง
รูปรางลักษณะของวัตถุไดถูกตองมากยิ่งขึ้น โดยปกติแลวเสนท่ีเพ่ิมเขาไปน้ันจะเปนเสนท่ีควร
เกิดข้ึนถาไมมี fillet หรือ round บนวัตถุ และเพ่ือใหเขาใจสัญนิยมในหัวขอน้ีไดดียิ่งข้ึน จึงขอใหดู
ภาพวตั ถุตวั อยา งในรปู ที่ 8.25ก จากรปู เปนภาพออโธกราฟก ของวัตถุท่ีไมมี fillet และ round ดังนั้น
ขอบของพน้ื ผวิ ทม่ี ลี กั ษณะเปนกรวยท่ีถกู ตัดยอดนั้นจึงถูกแสดงดวยเสนวงกลมในภาพดานบน สวน
รูปที่ 8.25ข แสดงภาพออโธกราฟกของวัตถุลักษณะเดียวกันแตคราวนี้มี fillet และ round ที่ขอบ
ของกรวย ซงึ่ ตามหลกั การฉายภาพออโธกราฟกแลว บริเวณท่ีเปน fillet หรือ round จะไมทําใหเกิด
เสนบนภาพขางเคียง ดังน้ันภาพท่ีไดจึงควรมีลักษณะดังแสดงในรูปท่ี 8.25ข แตจากภาพดานบน
ของวัตถุจะเห็นไดวาผูอานแบบอาจเขาใจผิดไปวาวัตถุน้ีเปนแผนส่ีเหลี่ยมธรรมดาที่ถูกเจาะรู
สัญนิยมในหัวขอนี้จึงแนะนําวาถาเราฉายภาพตามหลักการออโธกราฟกที่กลาววา พ้ืนผิวโคงที่
ตอเน่ืองกันอยางเชนผิว fillet หรือ round น้ันจะไมทําใหเกิดเสนขึ้นในภาพขางเคียงแลว อาจทําให
ผูอานแบบเขาใจผิดเก่ียวกับรูปรางของวัตถุได ก็ใหละหลักการขอน้ีไปแลวเขียนเสนที่แสดงถึงรอย
ตัดสมมติของพ้ืนผิวเหลาน้ันเม่ือไมมี fillet หรือ round เกิดข้ึน ดังนั้นภาพออโธกราฟกของวัตถุท่ีมี
Convention in Orthographic Writing 245
fillet และ round ดังแสดงในรูปที่ 8.25ข จึงควรเปนดังรูปที่ 8.26 สวนรูปที่ 8.27 ก็เปนอีกตัวอยาง
หน่ึงที่ใชสัญนิยมของหัวขอน้ี โดยวัตถุมีลักษณะเปนอางนํ้ากนลึกและขอบมุมดานในของอางมี
ลักษณะเปน fillet ซึ่งตามความเปนจริงแลวไมตองเขียนเสนแสดงขอบมุมดานในของอางก็ได แตก็
จะทําใหภาพที่ไดไมสื่อถึงอางที่มีความลึก ดังนั้นจึงควรเขียนเสนแสดงขอบดานในของขอบอางน้ัน
ดว ยดงั แสดงในรปู ที่ 8.27
(ก) (ข)
รูปท่ี 8.25 ตวั อยา งภาพออโธกราฟก ของวตั ถทุ ี่มแี ละไมมี fillet และ round
รปู ท่ี 8.26 การใชส ญั นิยมในภาพออโธกราฟก ของวตั ถุทไี่ มมี fillet และ round
รปู ที่ 8.27 ตัวอยางการใชส ัญนยิ มในการเขยี นเสน ทไี่ มเ กดิ ขน้ึ ตามหลกั ออโธกราฟก
246 Fundamental of Engineering Drawing
กอนที่จะกลาวถึงหัวขอสุดทายของสัญนิยม จะขอยกตัวอยางกรณีที่พื้นผิว fillet หรือ round มา
บรรจบกัน เพราะเม่ือพื้นผิวเหลานี้มาบรรจบกันแลวจะทําใหเกิดรอยตัดในลักษณะแปลก ๆ ขึ้น ซึ่ง
เราจะเรยี กรอยตัดน้ันวา run out ตัวอยางของ run out แบบตาง ๆ ท่ีอาจจะเกิดขึ้นนี้ ไดนํามาแสดง
รวมไวใ นรปู ที่ 8.28 และ 8.29ก-ค
Runout
รปู ที่ 8.28 ตัวอยางแรกของรอยตดั ที่เรียกวา run out
(ก) (ข)
(ค)
รูปที่ 8.29 ตัวอยา งท่สี องของรอยตัดทีเ่ รียกวา run out
Convention in Orthographic Writing 247
รูปที่ 8.30 แสดงหลักการในการเขียน run out ซ่ึงจากรูปจะเห็นวาบริเวณที่ส้ินสุดของเสน run out
น้ันจะตองอยูในแนวเดียวกันกับตําแหนงจุดสัมผัสเม่ือพื้นผิวสองพ้ืนผิวมาบรรจบกัน สวนตัวอยาง
สุดทายในรูปที่ 8.31 น้ันจะแสดงใหเห็นวา ถึงแมวัตถุจะมีรูปรางลักษณะที่คลาย ๆ กันแตถาขนาด
ของ fillet หรือ round หรือของวัตถุมีคาไมเทากันแลวก็อาจจะสงผลทําใหภาพออโธกราฟกของวัตถุ
ที่ไดแ ตกตางกนั
Tangent point R
R
R/3
about 1/8 of circle
R = radius of fillet or round
รูปที่ 8.30 วธิ ีการเขยี น run out
รปู ท่ี 8.31 ตวั อยา งวัตถุทมี่ ลี ักษณะคลาย ๆ กันแตมีขนาด fillet ท่แี ตกตา งกัน
8.10 รอยตดั ของรูกับทรงกระบอก
ตัวอยางในรูปที่ 8.32ก-ข แสดงรอยตัดของรูเจาะที่เกิดขึ้นบนพ้ืนผิวทรงกระบอก โดย
รูปที่ 8.32ก น้ันเปนกรณีที่ขนาดเสนผาศูนยกลางของรูเจาะมีขนาดใหญ ซ่ึงจะเห็นไดวาภาพ
ดานหนาของทรงกระบอกท่ีมีรูเจาะขนาดใหญนี้จะเกิดรอยเวาขึ้น (รูปท่ี 8.32ก น้ีแสดงการวาดรอย
เวาที่จะเกิดขึ้นดวย) แตในรูปที่ 8.32ข น้ันเปนกรณีที่ขนาดของรูเจาะมีขนาดเล็กเม่ือเทียบกับขนาด
เสนผาศูนยกลางของทรงกระบอก รอยเวาดังกลาวจึงมีขนาดเล็กมาก ๆ ดวย ดังนั้นสัญนิยมในขอนี้
248 Fundamental of Engineering Drawing
ก็คือเราสามารถละทิ้งการวาดรอยเวาน้ันได ถึงแมวาตามความเปนจริงแลวพ้ืนผิวบริเวณน้ันก็
จะตองเกิดรอยเวา ข้ึนกต็ าม
รปู ที่ 8.32 รอยตัดของรูเจาะกบั พ้ืนผิวทรงกระบอก
8.11 บทสรุป
ในบทน้ีเปนการกลาวถึงสัญนิยมสําหรับการเขียนภาพออโธกราฟก โดยสัญนิยมก็คือ
ขอตกลงที่กําหนดขึ้นเพ่ือใชในการเขียนภาพออโธกราฟก ซ่ึงมีวัตถุประสงคในการทําใหการเขียน
ภาพออโธกราฟกนน้ั งายขนึ้ ลดภาระการเขยี นภาพลง สามารถลงขนาดไดสะดวกและทําใหการอาน
แบบทําไดงายขึ้นน่ันเอง จากนั้นจึงไดนําเสนอชนิดของสัญนิยมแบบตาง ๆ ซ่ึงประกอบไปดวย การ
วางตําแหนง ของภาพดานขางในรปู แบบอนื่ การเขยี นภาพดานขางที่ไมสมบูรณ การเขียนภาพเพียง
บางสวน การเขียนภาพเพียงครึ่งเดียว การเขียนภาพเฉพาะที่ การเขียนภาพแบบ align การเขียน
ภาพขยาย การเขียนเสนทไี่ มเ กิดข้ึนในภาพออโธกราฟก และสดุ ทา ยเปนการเขียนรอยตัดของรูเจาะ
กับพื้นผิวทรงกระบอก สัญนิยมตาง ๆ เหลานี้ผูเรียนควรทําความเขาใจใหดี เพราะนอกจากจะตอง
ใชในการเขียนภาพออโธกราฟกแลว ยังจะตองใชเ มือ่ ตองการอา นภาพออโธกราฟกดวย
Convention in Orthographic Writing 249
แบบฝกหดั
1. จงวาดภาพดา นหนา ดานบน ขางซา ยและขางขวาของวัตถุท่ีกําหนดใหดวยสเกล 1:1 พรอมท้ัง
ลงขนาดใหสมบรู ณ โดยเลือกใชสญั นยิ มทเ่ี หมาะสม
250 Fundamental of Engineering Drawing
2. จงเขียนภาพออโธกราฟกของวัตถุท่ีกําหนดใหโดยใชสเกล 1:1 พรอมท้ังลงขนาดใหสมบูรณ
และเลือกใชส ญั นยิ มทเ่ี หมาะสม
Convention in Orthographic Writing 251
3. จงเขียนภาพออโธกราฟกของวตั ถทุ ก่ี ําหนดใหพ รอ มทั้งลงขนาดใหส มบูรณ
ขอ กาํ หนด
- เขียนดว ยสเกล 1:1
- ในมมุ มองทเ่ี หน็ วัตถุเปน วงกลม ใหใชสญั นิยมการเขยี นภาพเพยี งคร่งึ เดยี ว
- ในมมุ มองดานขางของวัตถุ ใหใ ชส ัญนยิ มแบบ align
- ใหขยายรายละเอียดบรเิ วณ A โดยใชสญั นยิ มการเขยี นภาพขยาย (เลอื กใชสเกลตาม
ความเหมาะสมเอง)