รายงานการวิจัย
เรือ่ ง
การพฒั นาศูนย์การเรียนรู้แบบมีสว่ นรว่ มในการอนุรกั ษพ์ นั ธก์ุ ลว้ ย
จงั หวัดสพุ รรณบรุ ี
Development of participatory learning center for banana conservation
in Suphanpuri province
โดย
พระครโู สภณวรี านุวัตร, ดร.
พระครูวบิ ูลเจติยานรุ ักษ์, ดร.
พระครูใบฎกี าศกั ด์ดิ นยั
นายเอกมงคล เพ็ชรวงษ์
มหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวิทยาลัย
วิทยาลัยสงฆส์ พุ รรณบุรีศรสี วุ รรณภมู ิ
พ.ศ. 2563
ไดร้ บั ทนุ อุดหนุนการวจิ ัย จากวสิ าหกจิ ชมุ ชนศูนยอ์ นรุ ักษ์พันธุ์กล้วยสุพรรณบุรี
2
รายงานการวจิ ยั
เรอ่ื ง
การพัฒนาศูนยก์ ารเรยี นรู้แบบมสี ่วนร่วมในการอนุรกั ษพ์ นั ธก์ุ ล้วย
จังหวดั สุพรรณบรุ ี
Development of participatory learning center for banana conservation
in Suphanpuri province
โดย
พระครโู สภณวรี านวุ ัตร, ดร.
พระครวู ิบูลเจติยานุรักษ์, ดร.
พระครูใบฎีกาศกั ดิด์ นยั
นายเอกมงคล เพช็ รวงษ์
มหาวทิ ยาลยั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั
วทิ ยาลยั สงฆส์ พุ รรณบุรีศรีสุวรรณภมู ิ
พ.ศ. 2563
ไดร้ ับทนุ อดุ หนนุ การวิจยั จากวิสาหกจิ ชุมชนศูนยอ์ นรุ กั ษพ์ ันธ์ุกล้วยสพุ รรณบุรี
(ลิขสทิ ธ์เป็นของวทิ ยาลยั สงฆ์สพุ รรณบุรีศรีสุวรรณภูมิ)
3
Research Report
Development of participatory learning center for banana conservation
in Suphanpuri province
By
Phrakrusoponweeranuwat, Dr.
Phrakhru wiboonjetiyanurak, Dr.
Phrakhubaidika Sakdanai
Aekmongkol Phetchawong
Mahachulalongkornrajavidyalaya University
Suphanburi Srisuwannaphumi Buddhist College
B.E. 2563
Research Projects Funded by Wat Palelai Community Enterprise
(Copyright Mahachulalongkornrajavidyalaya University)
4
บทคดั ย่อ
หัวข้อการคน้ ควา้ อสิระ : การพฒั นาศูนยก์ ารเรียนรแู้ บบมีสว่ นร่วมในการอนรุ กั ษพ์ นั ธุ์กล้วย
จงั หวดั สุพรรณบรุ ี
ชือ่ ผู้วิจัย : พระครโู สภณวีรานวุ ตั ร,ดร.
พระครูวบิ ูลเจตยิ านรุ กั ษ์, ดร.,
พระครใู บฎีกาศักด์ดิ นยั
นายเอกมงคล เพช็ รวงษ์
คณะ/มหาวิทยาลัย : มหาวทิ ยาลยั มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, วทิ ยาลยั สงฆส์ ุพรรณบรุ ี
ศรีสวุ รรณภมู ิ จงั หวัดสุพรรณบรุ ี.
ปีการศึกษา : พ.ศ. ๒๕๖๓
บทคัดย่อ
การวจิ ัยครงั้ น้ี มวี ัตถปุ ระสงคเ์ พ่ือศึกษา ๑) การพัฒนามาตรฐานคุณภาพศูนย์การเรียนรู้แบบ
มีส่วนร่วมในการอนุรักษ์พันธุ์กล้วย ๒) กลยุทธ์การตลาดด้านบริการที่มีผลต่อการพัฒนาศูนย์การ
เรียนรู้แบบมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์พันธุ์กล้วยให้มีมาตรฐานคุณภาพ และ ๓) ความสัมพันธ์ระหว่าง
กลยุทธ์การตลาดด้านบริการกับการพัฒนามาตรฐานคุณภาพศูนย์การเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมในการ
อนุรักษ์พันธุ์กล้วย จังหวัดสุพรรณบุรี เครื่องมือการวิจัยใช้แบบสอบถามในการเก็บข้อมูลจากกลุ่ม
ตัวอย่างแบบบังเอิญ จำนวน ๓๒๗ ชุด และแบบสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้างจากผู้ให้ข้อมูลสำคัญ
จำนวน ๑๕ ชุด ทำการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณา โดยการหาค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วน
เบย่ี งเบนมาตรฐาน และคา่ สมั ประสิทธส์ิ หสัมพนั ธ์แบบเพียร์สนั
ผลการวจิ ัย พบว่า ๑) กลุ่มตัวอยา่ ง มคี วามคดิ เหน็ ต่อการพฒั นามาตรฐานคุณภาพศูนย์การ
เรียนรู้แบบมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์พันธุ์กล้วย ในภาพรวมมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมากที่สุด เท่ากับ
๔.๒๖ ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ ๐.๓๖ เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านพบว่า ด้านสภาพทั่วไปของ
ศูนย์ฯมีค่าเฉลี่ยสูงสุดเท่ากับ ๔.๓๗ ๒) กลุ่มตัวอย่างมีความคิดเห็นต่อกลยุทธ์การตลาดด้านบริการ
การพัฒนาศูนย์ฯ ให้มีมาตรฐานคุณภาพ ในภาพรวมมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับมากที่สุดเท่ากับ ๔.๒๕ ค่า
เบย่ี งเบนมาตรฐานเท่ากับ ๐.๔๑ เม่อื พิจารณาเปน็ รายด้านพบว่า การพัฒนาด้านภาพลักษณ์และการ
นำเสนอลักษณะ มีค่าเฉลี่ยอยู่ในลำดับสูงสุดเท่ากับ ๔.๓๕ และ ๓) ความสัมพันธ์ระหว่างกลยุทธ์
5
การตลาดด้านบริการกับการพัฒนามาตรฐานคุณภาพศูนย์การเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์
พันธุ์กล้วย มีระดับความสัมพันธ์เชิงบวกในระดับปานกลาง และเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับ การ
พัฒนามาตรฐานคุณภาพศูนย์การเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์พันธุ์กล้วย โดยมี่ค่า r เท่ากับ
๐.๔๔๓ มีค่า Sig < ๐.๐๕ สอดคล้องกับสมมติฐานที่ตั้งไว้ สามารถอธิบายได้ว่า กลยุทธ์การตลาด
ด้านการบริการส่งผลให้การพัฒนาศูนย์การเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์พันธุ์กล้วย จังหวัด
สพุ รรณบรุ มี ีมาตรฐานคณุ ภาพ
ผลสรุปจากการประชุมกลุ่ม (Focus Group) เสนอแนวทางการพัฒนาศูนย์การเรยี นรู้แบบ
มีส่วนร่วมในการอนุรักษ์พันธุ์กล้วย จังหวัดสุพรรณบุรีให้มีมาตรฐานคุณภาพเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิง
เกษตร ได้แก่ ผลิตภัณฑ์สินค้าเกษตร ผลิตให้สอดคล้องกับความจำเป็น มีคุณค่าจริง ราคาไม่สูงมาก
นัก มีความโดดเด่น มีเอกลักษณ์ มีการประชาสัมพันธ์หลายช่องทาง มีวิทยากรที่มีความเชี่ยวชาญ
ถ่ายทอดความรู้เรื่องการอนุรักษ์พันธุ์กล้วย มีสิ่งอำนวยความสะดวก เพิ่มที่นั่ง เพิ่มห้องน้ำ สำหรับผู้
สูงวัย และคนพิการ รวมทั้งใหก้ ารต้อนรับอย่างกัลยาณมิตร มีระบบเทคโนโลยีและมีพ้ืนที่รองรับผูม้ า
เขา้ เยีย่ มชมศนู ย์ฯอยา่ งพอเพยี ง
คำสำคญั การพฒั นาศนู ยก์ ารเรยี นรู้, มสี ่วนร่วม, อนรุ ักษ์พนั ธ์กุ ล้วย
6
Research Title : Development of participatory learning center for banana
conservation in Suphanpuri province
Researchers : Phrakhrusophonweeranuwat,Dr.,
Phrakhru wiboonjetiyanurak,Dr.,
Phrakhubaidika Sakdanai and Aekmongkol Phetchawong
Department : Mahachulalongkornrajavidyalaya University SuphanBuri
Sri Suvarnabhum Buddhist College
Fiscal Year : 2563
Research Scholarship Sponsor : Wat Palelai Community Enterprise
Abstract
This research The objectives of this study are to study 1) development of
quality standards for a participatory learning center for conservation of banana
varieties; 2) marketing strategies for services affecting the development of a
participatory learning center for conservation of banana varieties. There are quality
standards, and 3) the relationship between service marketing strategy and the
development of quality standards for participatory learning centers in banana
conservation. Suphanburi The research tool used questionnaires to collect data from
327 random samples and structured interviews from 15 key informants. The data were
analyzed by descriptive statistics. By finding the percentage, mean and standard
deviation And the Pearson correlation coefficient
The research results were as follows: 1) the sample Opinion on the
development of quality standards in the learning center with participation in the
conservation of banana varieties. In the overall picture, the mean was at the highest
level, which was 4.26, standard deviation equal to 0.36. The general condition of the
center had the highest average of 4.37 2) The sample group had opinions on the
marketing strategy of the center development service To have quality standards In the
overall picture, the mean was at the highest level, which was 4.25 standard deviation
equal to 0.41. Image development and characterization Having the highest ranking
7
mean of 4.35 and 3) Relationship between service marketing strategy and development
of quality standards for participatory learning centers in banana conservation. Have a
moderate level of positive correlation And in the same direction as the development
of quality standards for a participatory learning center in the conservation of banana
varieties with a r value of 0.443 with a Sig <0.05 in line with the assumptions
established. Can be described as Service marketing strategy resulted in the
development of a learning center with participation in banana conservation.
Suphanburi province has quality standards.
Conclusions from the Focus Group proposed a guideline for developing a
participatory learning center for banana conservation. Suphanburi province to have
quality standards as an agricultural tourism destination, namely agricultural products.
Produced in accordance with the necessity, the real value, the price is not very high.
It is distinctive, unique and has many public relations channels. There is a lecturer who
has the expertise to pass on knowledge about the conservation of banana varieties.
There are additional seating facilities, additional toilets for the elderly and disabled, as
well as providing a warm welcome. There is a technology system and sufficient space
for visitors to visit the center.
Keywords Development of participatory, learning center, banana conservation
8
กติ ตกิ รรมประกาศ
งานวิจยั ฉบับน้ี สำเรจ็ ไดด้ ้วยดีเพราะได้รบั ความเมตตาอนเุ คราะห์ชว่ ยเหลือเป็นอย่างดียิ่ง
จากคณาจารยผ์ ู้ทรงคณุ วฒุ ิ และผู้มีพระคณุ ทง้ั หลาย ผู้วิจยั ขอจารึกนามใหป้ รากฏเพ่ือเป็นเกียรติ บาง
ทา่ นดงั ต่อไปน้ี
ขอกราบ ขอบพระคุณพระเดชพระคุณพระธรรมพุทธิมงคล สิรินันโท มีนามเดิมว่า สอ้ิง
อาจสน์สถิตย์ เป็นผู้ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดสุพรรณบุรีและวิทยาลัยสงฆ์สุพรรณบุรีศรีสุวรรณภูมิ
จังหวัดสุพรรณบุรี และพระครูวิบูลเจติยานุรักษ์,ดร. (เป็นผู้อำนวยการวิทยาลัยสงฆ์สุพรรณบุรีศรี
สุวรรณภูมิ/ตำแหน่งรองเจ้าคณะจังหวัดสุพรรณบุรี) ซึ่งแต่ละท่านเป็นกรรมการที่ปรึกษางานวิจัย
เป็นผู้ให้กำลังใจสนับสนุนช่วยเหลือด้านแนวคิด ความคิดเห็น ด้านวิชาการ และข้อมูลอื่นๆ ท่ี
เกี่ยวข้องกบั การพัฒนาศูนยก์ ารเรียนรูแ้ บบมีสว่ นร่วมในการอนุรักษพ์ นั ธ์ุกลว้ ย
ขอกราบขอบคุณท่านผู้อำนวยการสถาบันวิจัยพุทธศาสตร์ พระเดชพระคุณพระสุธีรัตน
บัณฑิต (สุทิตย์ อาภากโร/อบอุ่น เจ้าอาวาสวัดสุทธิวราราม รวมทั้งคณาจารย์ในสถาบันวิจัยทุกรูป/
คน ได้กรณุ าเปน็ อาจารย์ท่ีปรกึ ษาให้คำแนะนำช้แี นะตรวจแก้ไขตามระเบียบวธิ วี จิ ยั จนทำให้งานวิจัย
ฉบับน้ี ดำเนินไปไดโ้ ดยสมบูรณ์
ขอขอบคุณผู้บริหารและคณาจารย์ประจำหลักสูตรและคณาจารย์ทุกท่าน ของวิทยาลัย
สงฆ์สุพรรณบุรีศรีสุวรรณภูมิจังหวัดสุพรรณบุรี ที่ให้ความช่วยเหลือในด้านวิชาการ แนวคิด ที่เป็น
ประโยชน์ต่อการทำวิจัย โดยเฉพาะคณะทำงานทั้งหมดที่ให้ความร่วมมือสนับสนุนในการจัดทำ
งานวิจัยคร้งั นี้ ทกุ อย่างทุกประการเป็นอย่างดเี ยีย่ ม
ขอขอบคุณ ท่านผู้ทรงคุณ ผู้ชำนาญการ นักวิชาการทางด้านการเกษตร อุตสาหกรรม
การตลาด เป็นต้น ร่วมทั้งผู้ร่วมโครงการทั้งหมด ทุกๆท่าน อานิสงส์ คุณูปการที่เกิดจากการทำงาน
วจิ ัยนี้ ผู้วิจัย ขอน้อมถวายเปน็ สักการบชู าแด่คุณพระศรรี ตั นตรัย ผู้ให้ขอ้ มูลทกุ ท่าน ท่านเจา้ ของตำรา
ข้อมูลจากทุกส่วนงาน ผู้วิจัยนำมาใช้เพื่อการศึกษาค้นคว้า ตลอดถึงผู้มีอุปการคุณทุกท่านและขอ
อทุ ศิ กุศลผลบุญท่ี เกิดจากการวิจัยน้แี ก่บพุ การีชนผู้ล่วงลบั แต่ หากว่ามขี อ้ บกพร่องใดๆ ทเ่ี กิดจากการ
วิจัยน้ี ผวู้ จิ ัยขอรับไวแ้ ตเ่ พยี งผเู้ ดยี ว
พระครูโสภณวีรานุวตั ร, ดร.
8 พฤศจิกายน 2563
9
สารบญั
หน้า
บทที่ ๑ บทนำ
ความเป็นมาและความสำคัญของปญั หา....................................................................... ๑
๑.๒ คำถามเพื่อการวิจยั ...........................................................................................
๑.๓ วตั ถปุ ระสงคใ์ นการวจิ ัย........................................................................................... ๔
๑.๔ ขอบเขตการวิจัย...................................................................................................... ๔
๑.๕ สมมตฐิ านการวิจยั ............................................................................................... ๕
๑.๖ นิยามศพั ท์เพื่อการวจิ ยั ........................................................................................... ๕
๑.๗ ประโยชนท์ คี่ าดว่าจะได้รับจากการวิจัย.................................................................. ๗
บทที่ ๒ แนวคิด ทฤษฎแี ละงานวจิ ยั ทีเ่ กยี่ วข้อง ..................................................................... ๙
๒.๑ แนวคดิ และทฤษฎเี กยี่ วกบั การพฒั นา...................................................................... ๙
๒.๒ แนวคิดเก่ยี วกับศนู ย์การเรยี นรชู้ มุ ชน .................................................................... ๑๖
๒.๓ แนวคดิ ทฤษฎเี กย่ี วกบั การมสี ว่ นรว่ ม........................................................................ ๒๓
๒.๔ แนวคดิ ทฤษฎเี กยี่ วกับกลยทุ ธ์การตลาด ............................................... ๒๘
๒.๕ แนวคดิ ทฤษฏพี ฒั นาการและลกั ษณะทางพฤกษศาสตรก์ ลว้ ย................................ ๓๔
๒.๖ บริบทพ้นื ท่ีการวจิ ัย........................................................................................... ๘๖
๒.๗ งานวิจัยทีเ่ กี่ยวขอ้ ง........................................................................................ ๑๑๓
๒.๘ กรอบแนวคดิ ในการวจิ ัย........................................................................................... ๑๑๖
บทที่ ๓ วธิ ดี ำเนนิ การวิจยั
๓.๑ รูปแบบการวจิ ัย.................................................................................................... ๑๑๘
๓.๒ ประชากรและกลุ่มตัวอย่างและผู้ใหข้ ้อมลู สำคัญ...................................................... ๑๒๐
๓.๓ เคร่อื งมือทใี่ ช้ในการวิจัย........................................................................................ ๑๒๑
๓.๔ การเก็บรวบรวมข้อมลู …………….............................................................................. ๑๒๒
๓.๕ การวเิ คราะหข์ อ้ มลู ............................................................................................. ๑๒๓
บทท่ี ๔ ผลการศกึ ษา............................................................................................. ๑๒๗
10
บทที่ ๕ สรุปผล อภิปรายผลและข้อเสนอแนะ........................................................................... ๑๗๔
๕.๑. สรุปผลการวจิ ยั ........................................................................... ๑๗๔
๕.๒ อภปิ รายผล........................................................................... ๑๗๖
บรรณานกุ รม ...................................................................................................................... ๑๘๐
ภาคผนวก ๑๘๙
ภาคผนวก ก บทความวิชาการ ๑๙๑
ภาคผนวก ข กจิ กรรมทเ่ี กยี่ วขอ้ งกบั การนำผลจากโครงการวิจยั ไปใชป้ ระโยชน์…….. ๒๐๕
ภาคผนวก ค ตารางเปรยี บเทยี บกจิ กรรมท่ไี ดด้ ำเนนิ การและผลท่ีได้จากการวจิ ัย ............๒๐๘
ภาคผนวก ง เครอ่ื งมอื เพอ่ื การวจิ ยั ………………………………………………………….................๒๑๑
ภาคผนวก จ รูปภาพกจิ กรรมท่ดี ำเนนิ การวิจยั ………………………………………………………..๒๒๘
ภาคผนวก ฉ แบบสรปุ โครงการวจิ ัย ...............................................................................๒๓๗
ประวัตผิ ู้วิจยั …………………………………………………………………………………………………… ๒๔๓
11
บทที่ ๑
บทนำ
๑.๑ ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา
สภาพปัจจุบันเศรษฐกิจโลก ส่งผลให้ประเทศไทยยังคงเผชิญกับความเสี่ยงจากความ
เปราะบางหรือความผันผวนของเศรษฐกิจ มีผลกระทบต่อภาคการเกษตรของประเทศ รวมถึงปัญหา
ภายในประเทศทั้งด้านการเมือง ด้านสังคม ยังเป็นข้อจำกัดสำคัญต่อการพัฒนาการเกษตรของ
ประเทศ ในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับท่ี ๑๒ (พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๖๔) จึงเน้น
ความต่อเนื่องกับแผนพัฒนาการเกษตรในช่วงแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ ๑๑ (พ.ศ. ๒๕๕๕ - ๒๕๕๙) โดย
เนน้ “เกษตรกร” เป็นศนู ย์กลางการพฒั นาอย่างสมดลุ มสี ว่ นร่วมในรปู แบบชุมชน ให้ความสำคัญกับ
การรวมกลุ่มเกษตรกร เพื่อผลักดันให้สามารถดำเนินการในรูปของธุรกิจเกษตร โดยน้อมนำหลัก
ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ มาขยายผลและ
ประยุกต์ใช้ต่อเนื่องจากแผนที่ผ่านมา เพื่อให้เกษตรกรสามารถพึง่ พาตนเองได้ อันจะเป็น ส่วนหนึง่ ท่ี
ผลักดันให้ประเทศไทยสามารถบรรลุวิสัยทัศน์ “มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” โดยมีประเด็นสำคัญที่ควร
พิจารณาเพอ่ื นำไปสูก่ ารพฒั นาและแกไ้ ขในอนาคต
ในอดีตสังคมไทยมีความผูกพันกับธรรมชาติเป็นอย่างมาก ดังจะเห็นได้จากลักษณะการ
ปรบั ตวั เขา้ หาธรรมชาติและใช้ประโยชนจ์ ากธรรมชาติ ได้แก่ การต้งั ถ่นิ ฐานท่ีอยู่อาศัย การเพาะปลูก
ทำการเกษตร รวมไปถึงการพัฒนาวิถีชีวิต ความคิดความเชื่อ ประเพณี วัฒนธรรม และศาสนาที่
สอดคล้องกับทรัพยากรหรอื ถิ่นฐานที่ตนอาศัยอยู่ วิถีการดำเนนิ ชีวิตของมนุษยใ์ นสมัยก่อนจึงมีความ
เกื้อกูลกับการพัฒนาสภาพแวดล้อมที่ตนอยู่อาศัย มีความใกล้ชิดผูกพันกับธรรมชาติ โดยเฉพาะด้าน
การเกษตรมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม สังคมและวัฒนธรรมของประเทศไทยไม่วาจะเป็น
ในอดีตหรือปัจจุบัน โดยเฉพาะต่อประชากรในระดับรากหญ้าซึ่งเป็นบุคลากรกลุ่มใหญ่ของประเทศ
ดังนั้น ภาคการเกษตรของไทยจึงเป็นตัวขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศ เป็น
รากฐานของการสร้างความมั่นคงทางอาหารของประเทศและของโลก ประชากรส่วนใหญข่ องประเทศ
อยู่ในภาคการผลิตทางการเกษตร และยังเป็นการเกษตรที่ต้องอาศัยต้นทุนทางธรรมชาติอยู่มาก ด้ัง
นั้นสภาพแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ กิจกรรมการเกษตร วิธีการผลิตทางการเกษตร ตลอดจน
เทคโนโลยีและนวัตกรรมในการสนับสนุนการเกษตรย่อมส่งผลต่อการพัฒนาการเกษตรในอนาคตไม่
ว่าจะเป็นเรื่องปริมาณผลผลิตหรือต้นทุนการผลิตทางการเกษตรฯลฯ สิ่ง ต่าง ๆ เหล่าน้ีส่งผลท้ังใน
ระดับครัวเรือน อาทิ รายได้ครัวเรือน ความม่ันคงทางอาหารต้ังแต่ระดับครัวเรือน ระดับประเทศ
12
ภูมิภาคและระดับโลก1 การปรับเปลี่ยนวิธีการทำการเกษตรหรือกิจกรรมการเกษตรที่มีความมั่นคง
จะส่งผลต่อความย่ังยืนในระยะยาว ดังนนั้ การจัดต้งั ศนู ย์การเรียนรใู้ นการอนรุ ักษ์พนั ธก์ุ ล้วยซึ่งเป็นพืช
เศรษฐกิจและผูกพันกับวิถชี วี ิตของสังคมไทยมายาวนาน จงึ เป็นวิธีหนึ่งท่ีจะส่งเสรมิ ให้เกษตรกรมีการ
รวมกลมุ่ เกดิ การเรยี นรทู้ ้งั การอนุรกั ษ์และการตลาด
การตลาดนับว่าเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญในการพัฒนาศูนย์การเรียนรู้และการอนุรักษ์พันธุ์
กล้วย เพราะศูนย์ฯ จะมีรายได้หลักจากการจำหน่ายสินค้าทางการเกษตร จากการท่องเที่ยวเชิง
เกษตร เพื่อนำไปส่งเสริมกิจกรรมการเรียนรู้ การพัฒนาศูนย์ฯ ให้มีมาตรฐานคุณภาพ เป็นสิ่งดึงดูด
นักท่องเที่ยว สร้างสถานที่ให้มีความโดดเด่นในด้านภูมิทัศน์ ดังนั้น การพัฒนาศูนย์ฯ ควรใช้กลยุทธ์
ส่วนประสมทางการตลาด (Marketing Mix) ซึ่งเป็นปัจจัยหลักการในการส่งเสริมการตลาดที่มี
ความสำคัญ นักการตลาดส่วนใหญ่ได้นำมาใช้เป็นกลยุทธ์ทางการตลาด เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ใน
การดำเนินธุรกิจการตลาด แต่ในการทำตลาดของศูนย์การเรียนรู้และการอนุรักษ์พันธุ์กล้วยนั้นเป็น
การตลาดแบบด้านการบริการ การสรา้ งแรงจงู ใจใหผ้ ู้บริโภคตดั สินใจมาใช้บริการจำเปน็ ต้องใช้ทฤษฏี
แนวคิดส่วนประสมทางการตลาดเป็นกรอบในการพัฒนาเพื่อให้สัมพันธ์กับบริบทของพื้นที่ จังหวัด
สุพรรณบุรี ซึ่งนอกจากจะมีแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ การท่องเที่ยวทางธรรมชาติแล้ว การ
สรา้ งแหล่งท่องเท่ยี วเชงิ เกษตรในรปู แบบการเรียนรู้ การอนุรกั ษ์ และการจำหน่ายสนิ คา้ เกษตร นา่ จะ
สอดคลอ้ งกับพื้นทแี่ ละสรา้ งรายได้ให้กับเกษตรกรเพ่ิมขนึ้ เพราะมพี ืน้ ทที่ เี่ หมาะสมกบั การเกษตร เช่น
การปลูกข้าว การทำไร่ ทำสวน การใช้พื้นที่วา่ งตามหัวไรป่ ลายนา พื้นที่ว่างรอบ ๆ บ้าน หรือตามคัน
นา ปลูกผักผลไม้เพื่อการบริโภค ส่วนผลผลิตที่เหลือจากการบริโภคในครัวเรือนแล้วก็จำหน่ายจ่าย
แจกตามญาติมิตร ในการเพาะปลูกพืชผักแต่ละรอบปีจะพบปัญหาเรื่องการตลาดเป็นด้านหลัก เช่น
ปัญหาผลผลิตล้นตลาด ผลผลิตไม่ได้มาตรฐาน ราคาตกต่ำ ไม่มีสถานที่จำหน่าย กลุ่มผู้บริโภคอยู่ใน
เขตจำกดั การสร้างรูปลกั ษณ์ผลติ ภณั ฑ์ไมน่ ่าสนใจ ไมม่ ีความหลากหลายในการแปรรูปผลิตภณั ฑ์ เปน็
ต้น การเลือกใช้กลยุทธ์ทางการตลาดที่เรียกว่า“ส่วนประสมทางการตลาด ๗ P’s”2 ประกอบด้วย
ผลิตภัณฑ์ ราคา ช่องทางการจำหน่าย การส่งเสริมการตลาด เจ้าหน้าที่ผู้ให้บริการ ภาพลักษณ์ของ
สถานที่ และการให้บริการ น่าจะเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ศูนย์การเรียนรู้และการอนุรักษ์พันธุ์กล้วย
1 ย่ิงลกั ษณ์ กาญจนฤกษ์และคณะ, รายงานวิจยั ฉบบั สมบรู ณ,์ โครงการ “การยกระดบั ความย่งั ยนื ทางการเกษตร
ของเกษตรรายย่อย อ.แจห้ ม่ จ.ลาปาง, 2560 หนา้ 24
2 ภัทราพร อาวชั นาการ, ปจั จัยทางการตลาดและพฤติกรรมของนักทอ่ งเท่ียวเชงิ วัฒนธรรมอยา่ งยั่งยืน
ในเขตอำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์, หลักสูตรบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี
มหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์, 2558 : 17-19.
13
จงั หวัดสพุ รรณบรุ ี มสี มรรถนะในการสร้างแรงจูงใจให้กลุ่มผู้บรโิ ภคเกดิ ความสนใจและตัดสินใจเข้ามา
ศึกษา เยยี่ มชม ซื้อสนิ คา้ การเกษตรอ่ืนๆ รวมทั้งผลผลิตจากกล้วย
กล้วยจัดเป็นไม้ผลชนิดหนึ่ง ที่มีความผูกพันและมีความสำคัญต่อชีวิตคนไทยมาช้านาน ซ่ึง
สามารถพบเห็นกล้วยโดยทั่วไปตามภูมิภาคต่าง ๆ แต่ผู้คนส่วนใหญ่กลับมองข้ามความสำคัญของ
กล้วย ทั้ง ๆ ที่มีคุณค่าในเชิงวัฒนธรรม วิถีชีวิต พิธีกรรม มีคุณค่าทางด้านอาหาร สุขภาพ ร่างกาย
แม้กระทั่งในเชงิ เศรษฐกิจ ตลอดจนการใช้ประโยชน์จากส่วนต่าง ๆ ของลำต้นกล้วย ในผลกล้วยอดุ ม
ด้วยนำตาลจากธรรมชาติ คอื ซโู ครส ฟรกุ โทส และกลูโคส รวมท้งั เส้นใย กากอาหาร กลว้ ยช่วยเสริม
เพิ่มพลังงานให้กับร่างกายได้ทันที นอกจากนั้น การรับประทานกล้วยยังช่วยป้องกันโรคต่าง ๆ ที่จะ
เกิดขึ้นกับร่างกาย เช่น โรคโลหิตจาง เนื่องจากมีธาตุเหล็กสูง โรคความดันโลหิตสูง บำรุงสมอง โรค
ท้องผูก แก้อาการเมาค้าง แก้อาการเสียดท้อง รักษาโรคลำไส้เป็นแผล3 เป็นต้น การจะสร้างความ
ตระหนักใหเ้ กดิ การรับรู้ได้อยา่ งกวา้ งขวางและยั่งยืนนน้ั การจัดตง้ั ศูนย์การเรียนรู้ในชุมชนแบบมีส่วน
ร่วม การเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนของชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในด้านการวิเคราะห์ปัญหาและสาเหตุ
ของปัญหา การมีส่วนร่วมในการวางแผน การมีส่วนรว่ มในการดำเนินงาน/กิจกรรม การมีส่วนร่วมใน
การติดตามและประเมินผล และการมีส่วนร่วมในการรับประโยชน์ การพัฒนาศูนย์การเรียนรู้ในการ
อนุรักษ์พันธุ์กล้วย น่าจะยังประโยชน์สุขแก่กลุ่มฐานรากของสังคม เพราะศูนย์การเรียนรู้ มีลักษณะ
เปน็ แหล่งใหบ้ รกิ ารความรู้ ขา่ วสาร ข้อมลู ใหก้ ับประชาชนในชุมชน มเี จ้าหน้าทปี ฏิบัติงานในลักษณะ
ประจำ เป็นศูนย์กลางการติดต่อจากภายนอก เป็นเครือข่ายในการจัดการเรียนรู้ในสังคม บทบาของ
ศูนย์การเรียนรู้โดยทั่วไปอาจประกอบด้วย การทำงานร่วมกับชมุ ชน การบริหารศูนย์การเรียนรู้ และ
การพฒั นาหลกั สูตร4
ด้วยมีความตระหนักในความสำคัญและเกิดประโยชน์สุขแก่กลุ่มเกษตรกร จึงร่วมกับกลุ่ม
วิสาหกจิ ชมุ ชนจัดตง้ั “ศนู ย์อนุรักษ์พันธ์ุกลว้ ย จังหวดั สุพรรณบุรี” ข้นึ ต้ังอยู่ทางด้านทิศใต้ของวัดป่า
เลไลก์วรวหิ าร ในพื้นที่ ๑๒ ไร่ แบ่งเป็นพื้นที่เพาะปลูก อาคารจัดแสดงพันธุ์กล้วย ห้องการเรียนรู้ ระบบ
การเพาะปลูกกล้วย อาคารจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรจากวิสาหกิจชุมชน แหล่งท่องเที่ยวทางน้ำ
ทำพิธีเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ ๑๕ เดือน มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๓ ในการบริหารจัดการศูนย์ฯ มี
คณะกรรมการคำเนินการ ประกอบด้วยผู้แทนจากผู้นำชุมชน กลุ่ม/องค์กร เครือข่ายองค์กรชุมชน
ปราชญช์ าวบา้ น อาสาสมคั ร ฯลฯ ได้มาจากการคัดเลือกของชาวบ้าน และชาวบ้านให้การยอมรับ ซ่ึง
3นคิ ม วงศ์นันตา, วทิ ยา เจรญิ อรณุ รัตน,์ รายงานผลโครงการวิชาการ เร่อื งเรยี นรกู้ ารอนุรักษ์?และ
รวบรวมพันธกุ์ ล้วย, สำนกั วจิ ัยและสง่ เสรมิ วิชาการเกษตร, มหาวทิ ยาลยั แมโ่ จ,้ ๒๕๕๗, หน้า ๑.
4สุพรรณี ไชยอําพร, คมพล สวุ รรณกูฏ, รายงานฉบับสมบูรณ์ การศึกษาศูนยก์ ารเรียนรดู้ ้านการพฒั นา
สังคมและสวัสดิการระดบั ชมุ ชน: กรณีศึกษาชมุ ชนแมร่ ะกา ตำบลแม่ระกา อำเภอวังทอง จงั หวัดพิษณโุ ลก
,๒๕๕๐ หน้า 2- 5.
14
คณะกรรมการจะร่วมมือกันวางแผน และดำเนินตามแผนยุทธศาสตร์ที่ได้ร่วมกันกำหนด เพื่อระดม
พลังให้เกิดการเรียนรู้และบริหารจัดการในศูนย์อนุรักษ์พันธุ์กล้วยให้สามารถดำเนินการได้อย่างมี
ประสิทธิภาพ มีที่ปรึกษา เป็นภาคีการพัฒนาภาครัฐ เช่น พัฒนาชุมชน การศึกษานอกโรงเรียน
เกษตร สาธารณสุข อุตสาหกรรม พาณิชย์ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จัดทำระเบียบ
ข้อบังคับ ซึ่งคณะกรรมการฯ ได้จัดทำขึ้นเป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อเป็นแนวทางในการบริหารศูนย์
งบประมาณในการจัดสร้างศนู ย์ฯ และการบริหารศูนย์ฯได้รบั การสนับสนุนจากวัดป่าเลไลยก์วรวิหาร
มีบทบาทและหน้าที่ ได้แก่ การจัดให้เป็นศูนย์อนุรักษ์พันธุ์กลว้ ย เป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ตลอดชีวิต
ทุกด้านทุกรูปแบบของประชาชนในการจัดการความรู้ที่ดำเนินการโดยประชาชนและเพื่อประชาชน
ยุคไทยแลนด์ ๔.๐ เป็นศูนย์ประสานและบูรณาการการทำงานของทุกวิสาหกิจชุมชน และสถานท่ี
จำหน่ายผลิตผลทางการเกษตร รวมทั้งเป็นศูนย์รวมของข้อมูล ข่าวสาร สาระความรู้ ที่เอื้อต่อการ
เรียนรู้เท่าทันสถานการณ์โลก รวบรวมภูมิปัญญาท้องถิ่น องค์ความรู้ของปราชญ์ชาวบ้าน จัดให้เป็น
หมวดหมู่ มีความชัดเจนเป็นรูปธรรม เปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถเข้ามาเรียนรู้ ค้นคว้าหาความรู้
แลกเปล่ยี นความรู้และประสบการณ์ รวมทง้ั การพบปะสังสรรค์ เพ่ือสร้างความเขา้ ใจ ความร่วมมือใน
การพัฒนาตนเองและชุมชน จัดให้มีกิจกรรมการเรียนรู้ การถ่ายทอด การแลกเปลี่ยนประสบการณ์
ตลอดจนการสบื ทอดภูมิปญั ญาท้องถิน่ และการเรยี นรดู้ ้านตา่ ง ๆ ของประชาชนในชุมชน
ประเด็นปัญหาที่ผู้วิจยั ต้องการศึกษาคือ ในการพัฒนาศูนย์การเรียนรูแ้ ละการอนุรักษ์พันธุ์
กล้วยให้มีมาตรฐานคุณภาพ นั้น ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์กล้วย ได้มีการวางแผนพัฒนาเพื่อให้ เป็นแหล่ง
เรียนรู้ในการอนรุ กั ษร์ วบรวมพันธ์ุกลว้ ย ใหม้ กี ารเก้ือหนนุ ต่อกลุ่มเกษตรกร ใหเ้ ปน็ แหล่งท่องเท่ียวเชิง
เกษตรที่มีมาตรฐานคุณภาพ ให้บริการวิชาการสู่เกษตรกรและบุคคลทั่วไป และขยายผลสู่เกษตรกร
เพื่อผลิตเชิงพาณิชย์อย่างไรบ้าง คณะผู้วิจัยจึงมีความสนใจศึกษาโดยเลือกกลยุทธ์การตลาดด้าน
บริการมาเปน็ แกนหลกั ในการพฒั นาศนู ย์การเรียนร้แู ละการอนุรักษ์พันธุ์กลว้ ย จงั หวัดสพุ รรณบรุ ี
๑.๒ คำถามเพอ่ื การวิจยั
๑) การพฒั นามาตรฐานคุณภาพศูนย์การเรยี นร้แู บบมีสว่ นร่วมในการอนรุ ักษ์พนั ธกุ์ ลว้ ย
จังหวัดสพุ รรณบุรี ควรมีลักษณะอยา่ งไร
๒) กลยุทธ์การตลาดด้านบริการที่มีผลต่อการพัฒนาศูนย์การเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมในการ
อนรุ ักษพ์ นั ธุก์ ล้วย จังหวัดสุพรรณบุรี ใหม้ มี าตรฐานคุณภาพ ควรมีลักษณะอย่างไร
๒) กลยุทธ์ทางการตลาดด้านบรกิ ารมีปัจจัยใดบ้างที่มคี วามสมั พันธ์ในเชิงบวกและเป็นไปใน
ทิศทางเดียวกันกับการพัฒนามาตรฐานคุณภาพศูนย์การเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์พันธุ์
กลว้ ย จังหวดั สพุ รรณบรุ ี
๑.๓ วัตถุประสงคใ์ นการวจิ ยั
15
๑) เพื่อศึกษาการพัฒนามาตรฐานคุณภาพศูนยก์ ารเรียนรู้แบบมีส่วนรว่ มในการอนุรักษ์พนั ธุ์
กล้วย จังหวัดสพุ รรณบรุ ี
๒) เพ่อื ศกึ ษากลยทุ ธ์การตลาดด้านบริการทมี่ ีผลต่อการพฒั นาศูนย์การเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม
ในการอนรุ ักษ์พันธกุ์ ลว้ ย จังหวดั สพุ รรณบรุ ี ให้มีมาตรฐานคณุ ภาพ
๓) เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างกลยุทธ์การตลาดด้านบริการกับการพัฒนามาตรฐาน
คุณภาพศูนยก์ ารเรยี นรูแ้ บบมสี ่วนร่วมในการอนรุ ักษ์พันธ์กุ ล้วย จงั หวดั สุพรรณบรุ ี
๑.๔ ขอบเขตการวิจัย
๑.๔.๑ รูปแบบการวจิ ยั ประกอบดว้ ย
๑) เป็นการวจิ ัยเชิงปฏิบัตกิ าร ซึ่ง Kemmis and McTaggart ได้นำแนวคิดของ เลวนิ
มาพัฒนาเป็นการวิจัยปฏิบัติการแบบบันไดเวียน (Spiral of Steps) ประกอบด้วย การวางแผน
(Plan) การปฏิบัติและการสังเกต (Act & Observe) การสะท้อนกลบั (Reflection)5
๒) เปน็ การวจิ ยั แบบผสานวธิ ี ท้งั เชงิ ปริมาณและเชิงคุณภาพ
๑.๔.๒ ขอบเขตดา้ นเน้อื หา
ผู้วิจัยกำหนดเนื้อหาในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาศูนย์การเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมใน
การอนุรักษ์พันธุ์กลว้ ย ได้แก่ ความคิดเหน็ ทีเ่ ป็นข้อมูลเชิงลึกในด้านต่างๆของชุมชน อันประกอบด้วย
ด้านบริบทของชุมชน ได้แก่ สภาพทั่วไปของศูนย์ฯ ลักษณะโครงสร้างของศูนย์ฯ และบทบาทของ
เจ้าหน้าที่ของศูนย์ ศักยภาพการบริหารจัดการของศูนย์ ศักยภาพการรองรับผู้มาเยี่ยมชมของศูนย์ฯ
ศกั ยภาพการให้บริการของศูนยฯ์ และศกั ยภาพการดึงดดู ผู้มาเย่ียมชมของศนู ย์ฯ6 ด้านพฤติกรรมของ
ผู้บริโภค ด้านการมีส่วนร่วมของวิสาหกิจชุมชน และงานวิจัยที่เกีย่ วข้อง ทำการผสมผสานหลอมรวม
เป็นรปู แบบการพฒั นาศนู ย์การเรยี นรู้แบบมสี ่วนรว่ มในการอนุรกั ษ์พันธ์ุกลว้ ย จังหวดั สพุ รรณบุรี
๑.๔.๓ ขอบเขตดา้ นประชากร
ผู้วิจัยกำหนดประชากรที่จะทำการศึกษา ประกอบด้วยการสัมภาษณ์สมาชิกของกลุ่ม
วิสาหกิจชุมชน คณะกรรมการบริหารศูนย์ฯ ที่ปรึกษาศูนย์ฯ พัฒนาชุมชนอำเภอ เกษตรอำเภอ
5ฬิฏา สมบรู ณ์, วจิ ยั เชิงปฏิบตั กิ าร(4) [ออนไลน์] เขา้ ถงึ ได้จาก https://www.
gotoknow.org/posts/34875 สืบคน้ เมอื่ วนั ที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๖๓.
6กรมการท่องเท่ียว. คู่มอื การประเมนิ มาตรฐานการทอ่ งเท่ยี วเชิงเกษตร. (สำนักพัฒนาแหล่งท่องเทย่ี ว
: กระทรวงการท่องเทยี่ วและกฬี า.๒๕๕๓), หนา้ ๒
16
อุตสาหกรรมจังหวัด พาณิชย์จังหวัด ผู้นำชุมชน และการตอบแบบสอบถามของผู้มาเยี่ยมชม/
ทอ่ งเท่ียวศนู ย์ฯ
๑.๔.๔ พื้นที่ในการศึกษาวิจัย ได้แก่ ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์กล้วย ตำบลรั้วใหญ่ อำเภอเมือง
จงั หวัดสุพรรณบรุ ี
๑.๔.๕ ขอบเขตด้านระยะเวลา เริ่มตั้งแต่ เดือนเมษายน ๒๕๖๓ – สิงหาคม ๒๕๖๓ รวม
ระยะเวลา ๕ เดอื น
๑.๔.๖ ขอบเขตด้านตัวแปร
ตัวแปรทศี่ ึกษา ประกอบด้วย
๑) ตวั แปรต้น ไดแ้ ก่ การพัฒนามาตรฐานคุณภาพศูนย์การเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมใน
การอนุรักษ์พนั ธ์กุ ลว้ ย จังหวดั สพุ รรณบุรี
๒) ตัวแปรตาม ได้แก่ ศูนย์การเรียนรู้และอนุรักษ์พันธุ์กล้วย จังหวัดสุพรรณบุรี
เปน็ แหล่งทอ่ งเทยี่ วเชงิ เกษตรท่มี ีมาตรฐานคุณภาพ
๑.๕ สมมติฐานการวิจัย
กลยทุ ธท์ างการตลาดด้านการบริการมีความสัมพันธ์ต่อการพัฒนามาตรฐานศนู ย์การเรียนรู้
แบบมสี ว่ นร่วมในการอนุรกั ษ์พันธุ์กล้วย จงั หวัดสุพรรณบรุ ี
๑.๖ นยิ ามศัพทเ์ พอื่ การวจิ ยั
การพัฒนา ในงานวจิ ัยฉบับน้ี หมายถงึ กระบวนการเปลี่ยนแปลงปัจจัยทางการบริหาร
จัดการรวมถึงกลยุทธ์ทางการตลาดด้านบริการใหเ้ ปน็ ระบบที่มกี ารกระทำทงั้ ด้านคณุ ภาพ ปรมิ าณ
และสิง่ แวดลอ้ มใหด้ ีขึน้ ไปพร้อม ๆ กัน
กลยทุ ธ์การตลาดดา้ นบริการ หมายถึง กิจกรรมการใหบ้ รกิ ารด้านตา่ ง ๆ ประกอบด้วย
๑) ด้านผลิตภัณฑ์ (Product) หมายถึงการบริการสำหรับตอบสนองความต้องการ
แก่ผู้มาเรียนรู้ หรือเยี่ยมชมศูนย์การเรียนรู้และการอนุรักษ์พันธ์กล้วย รวมทั้งหมายถึง ผลิตภัณฑ์ท่ี
อาจจับต้องได้ เชน่ ผลผลิตแปรรปู ทางการเกษตร และ ผลติ ภัณฑท์ จี่ ับตอ้ งไม่ได้ เชน่ การใหบ้ ริการ
๒) ด้านการจัดจำหน่าย (Place or Distribution) หมายถึงสถานที่ในการนำเสนอ
หรือ สำหรับใช้ในการให้บรกิ ารแก่ผู้มาเรยี นรู้ หรือเยี่ยมชมศูนยก์ ารเรียนรู้และการอนุรักษ์พันธ์กลว้ ย
สามารถเดนิ ทางสัญจรได้อยา่ งสะดวกรวดเร็ว มีระบบการตดิ ตอ่ ส่อื สารทีด่ ีในบริเวณนั้น ๆ
๓) ด้านการกำหนดราคา (Price) หมายถึง มีความเหมาะสมของราคา ในการ
ใหบ้ ริการแก่ผู้มาเรียนรู้ หรอื เย่ยี มชมศนู ย์การเรียนรู้และการอนรุ ักษ์พนั ธ์กล้วย กับคุณค่า (Value) ท่ี
17
ผู้ใช้บริการ จะได้รับ มีความสัมพันธ์กับความเมาะสมของราคา กับคุณค่าที่ผู้มาเรียนรู้ หรือเยี่ยมชม
ศูนย์การเรียนรูแ้ ละการอนุรักษ์พนั ธ์กลว้ ย เม่ือเปรียบเทยี บกับคแู่ ข่งขนั อื่นๆ
๔) ดา้ นการสง่ เสริมการตลาด (Promotion) หมายถงึ การส่งเสริมการตลาด การ
ประชาสัมพนั ธ์ การส่งเสริมแหล่งท่องเทย่ี วประวัติศาสตร์ แก่ผมู้ าเรยี นรู้ หรือเยยี่ มชมศูนย์การเรยี นรู้
และการอนรุ กั ษ์พันธ์กล้วย
๕) ดา้ นบุคคล (People) หรือพนกั งาน (Employee) หมายถึงบุคคล หรอื พนักงาน
ของศูนย์การเรียนรู้และการอนุรักษ์พันธุ์กล้วย มีความสามารถในการตอบสนองแก่ผู้มาเรียนรู้ หรือ
เยี่ยมชมศูนย์การเรียนรู้และการอนุรักษ์พนั ธ์กล้วย มีความคิดริเร่ิมสร้างสรรค์ และมีความสามารถใน
การแกป้ ญั หาต่างๆ
๖) ด้านกายภาพและการนำเสนอ (Physical Evidence/Environment and
Presentation) หมายถึง การแสดงความเป็นมืออาชีพของการให้บริการแก่ผู้มาเรียนรู้ หรือเยี่ยมชม
ศูนยก์ ารเรียนรแู้ ละการอนรุ กั ษ์พันธ์กลว้ ย ใหม้ มี าตรฐานความสะอาดและปลอดภัย
๗) ดา้ นกระบวนการ (Process) หมายถึง กระบวนการทำงานการให้บริการแก่ผ้มู า
เรียนรู้ หรือเย่ยี มชมศูนย์การเรียนรแู้ ละการอนุรกั ษ์พันธ์กล้วย มีการออกแบบกระบวนการทำงานไป
ในทิศทางเดยี วกนั
ผบู้ รโิ ภค หมายถงึ ผทู้ ่เี คยเข้ามาเยยี่ มชม/ เข้ามาเรยี นรู้ /เขา้ มาซ้ือ/เคยซ้ือสินค้าผลิตภัณฑ์
จากผลผลิตทางการเกษตรที่ผลติ โดยกลุ่มวิสาหกิจชุมชน อำเภอเมือง จังหวัดสพุ รรณบุรี ณ ศูนย์การ
เรียนรูแ้ ละการอนรุ ักษพ์ นั ธก์ ลว้ ย จงั หวัดสุพรรณบรุ ี
ศูนย์การเรียนรู้ ในงานวิจัยฉบับน้ี หมายถึง ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์กล้วยจังหวัดสุพรรณบุรี เป็น
สถานท่ีศึกษา/อบรม/ดูงาน และรวบรวมข้อมูล สารสนเทศ ที่เกี่ยวกับกล้วย รวมถึงการเข้าถึงข้อมูล
พืน้ ฐานที่จำเป็นผา่ นระบบอินเตอรเ์ น็ต
การมีส่วนร่วม ในงานวิจัยฉบับนี้ หมายถึง การมีส่วนร่วมในด้านการวิเคราะห์ปัญหา
และสาเหตุของปัญหา การมีส่วนร่วมในการวางแผน การมีส่วนร่วมในการดำเนินงาน/
กิจกรรม การมีส่วนร่วมในการติดตามและประเมินผล และการมีส่วนร่วมในการรับ
ประโยชน์
ศูนยอ์ นุรักษ์ ในงานวิจัยฉบับน้ี หมายถงึ ศนู ย์การเรียนรใู้ นการรกั ษา/ปกป้องและการ
ถ่ายทอดภมู ิปัญญา/ขยายพันธุ์/การดูแล /บำรุงรกั ษา/การรวบรวมพันธุก์ ลว้ ย/เทคนิคการแปรรูป
ผลผลติ การเกษตร ใหเ้ ปน็ ศนู ยก์ ารเรยี นรูแ้ ละอนรุ กั ษ์พันธ์ุกลว้ ย จังหวดั สุพรรณบุรี
มาตรฐานคุณภาพ หมายถึง การกำหนด แนวทางการพัฒนา การบริหารจัดการ การ
บริการและความปลอดภัย เพื่อการยกระดับคุณภาพของศูนย์การเรียนรู้และการอนุรักษ์พันธุ์กล้วย
18
จังหวดั สพุ รรณบุรีใหเ้ ป็นแหลง่ ท่องเท่ียวเชิงเกษตร ท่ีมีองค์ประกอบครบ ๔ ประการ คอื ๑) ศักยภาพ
การบริหารจัดการศูนย์การเรียนรู้และการอนุรักษ์พันธุ์กล้วย จังหวัดสุพรรณบุรี ๒). ศักยภาพการ
รองรบั ขอศนู ย์การเรียนรแู้ ละการอนุรกั ษพ์ ันธ์ุกล้วย จงั หวดั สพุ รรณบรุ ี ๓) ศักยภาพการให้บริการของ
ศนู ย์การเรียนรู้และการอนุรักษ์พันธุ์กล้วย จังหวดั สพุ รรณบุรี และ ๔). ศักยภาพการดึงดูดใจของศูนย์
การเรียนรู้และการอนุรกั ษ์พันธก์ุ ลว้ ย จงั หวัดสพุ รรณบรุ ี โดยคำนงึ ถงึ การสรา้ งจิตสำนึกและการมีส่วน
ร่วมรบั ผดิ ชอบ ต่อสงั คม ทรพั ยากร และสิ่งแวดลอ้ ม
พันธ์กุ ล้วย ในงานวิจัยฉบับนี้ หมายถงึ กล้วยสายพนั ธุ์ตา่ ง ๆ ทีม่ อี ยู่ในประเทศไทยจำแนก
ชนิดตามจโี นม มีทั้งหมด ๘ กลุ่ม7 ประกอบดว้ ย
๑) กลมุ่ AA ได้แก่ กล้วยปา่ กลว้ ยไข่ กลว้ ยเล็บมือนาง กล้วยหอมจนั ทร์ กลว้ ยไข่
ทองร่วง กล้วยไขจ่ ีน กล้วยน้ำนม กล้วยไล กล้วยสา กลว้ ยหอม กล้วยหอมจำปา กลว้ ยทองกาบดำ
๒) กลุ่ม AAA ไดแ้ ก่ กลว้ ยหอมทอง กล้วยนาก กลว้ ยครัง่ กลว้ ยหอมเขียว กล้วยกุ้ง
เขียว กล้วยหอมแม้ว กลว้ ยไข่พระตะบอง กลว้ ยคลองจงั
๓) กลุ่ม BB ไดแ้ ก่ กลว้ ยตานี
๔) กลุ่ม BBB ได้แก่ กล้วยเล็บช้างกุด
๕) กล่มุ AAB ได้แก่ กล้วยน้ำ กล้วยน้ำฝาด กล้วยนมสวรรค์ กล้วยนิ้วมอื นาง กล้วย
ไข่โบราณ กลว้ ยทองเดช กล้วยศรีนวล กลว้ ยขม กล้วยนมสาว
๖) กลมุ่ ABB ได้แก่ กลว้ ยหักมกุ เขยี ว กล้วยหกั มุกนวล กล้วยเปลือกหนา กล้วยส้ม
กล้วยนางพญา กล้วยนมหมี กลว้ ยน้ำวา้ สำหรบั กลว้ ยน้ำวา้ แบง่ ออกเป็น ๓ ชนิด ตามสีของเน้ือ คือ
นำ้ วา้ แดง นำ้ วา้ ขาว และน้ำว้าเหลือง
๗) กลุ่ม ABBB ไดแ้ ก่ กลว้ ยเทพรส หรอื กล้วยทิพรส
๘) กลุ่ม AABB ไดแ้ ก่ กล้วยเงิน
วิสาหกิจชุมชน ในงานวิจัยฉบับนี้ หมายถึง กลุ่มผู้ประกอบการผลิตสินค้า การแปรรูป
จากผลผลิตการเกษตรหรือสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) ในเขตอำเภอเมือง
จังหวัดสุพรรณบุรี
๑.๗ ประโยชนท์ คี่ าดวา่ จะไดร้ บั จากการวจิ ัย
๑.๗.๑ เด็ก/เยาวชน/เกษตรกรมแี หล่งเรยี นรู้เรือ่ งพันธ์กุ ลว้ ยในประเทศไทย
7สารานกุ รมไทยสำหรบั เยาวชนฯ, เร่ืองที่ ๖ กลว้ ย/พันธุก์ ลว้ ยในประเทศไทย เลม่ ที่ ๓๐ [ออนไลน]์
เข้าถงึ ไดจ้ าก http://saranukromthai.or.th/sub/book/book.php?book=30&chap=6&page=t30-6-info
detail05.html สืบค้นเมือ่ วันที่ ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๖๓.
19
๑.๗.๒ เป็นศูนยร์ วมผลผลิตทางการเกษตรเพือ่ การจำหน่ายแก่ผบู้ ริโภค
๑.๗.๓ เปน็ ศนู ยอ์ นุรกั ษ์พันธก์ุ ล้วยและเป็นแหล่งทอ่ งเที่ยวเชงิ เกษตรจงั หวัด
สุพรรณบุรี
20
บทที่ ๒
แนวคดิ ทฤษฎีและงานวจิ ัยที่เกยี่ วข้อง
การนำเสนอแนวคิด ทฤษฎี และงานวิจัยที่เกี่ยวข้องครั้งนี้ มีจุดมุ่งหมายที่จะทำให้เกิด
ความเข้าใจในหลักการสำคัญเกี่ยวกับแนวคิด ทฤษฎี การพัฒนาศูนย์การเรียนรู้ การมีส่วนร่วม การ
อนุรักษ์ กลยุทธ์การตลาดบริการ รวมทั้งรายละเอียดของหลักการที่นำมากำหนดเป็นกรอบแนวคิด
ของการทำการวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยได้ค้นคว้าจากเอกสารตำราและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง โดยนำเสนอ
ตามลำดบั ดังนี้
๒.๑ แนวคดิ และทฤษฎเี กี่ยวกบั การพฒั นา
๒.๒ แนวคิดเกี่ยวกบั ศนู ยก์ ารเรียนรชู้ ุมชน
- แนวทางการดำเนินงานศูนย์การเรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้า
เกษตร
- มาตรฐานแหลง่ ท่องเทีย่ วเชงิ เกษตร
๒.๓ แนวคิดการมีสว่ นร่วม
๒.๔ แนวคิด ทฤษฎเี กี่ยวกบั กลยทุ ธ์การตลาด
- กลยทุ ธ์การตลาดดา้ นบรกิ าร
- พฤติกรรมของผบู้ รโิ ภค
- ความพงึ พอใจของลูกค้า
๒.๕ แนวคดิ ทฤษฏีพัฒนาการและลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์กลว้ ย
๒.๖ บรบิ ทพื้นท่ีการวจิ ัย
๒.๗ งานวจิ ัยทเ่ี ก่ียวขอ้ ง
๒.๘ กรอบแนวคดิ ในการวิจยั
๒.๑ แนวคิดและทฤษฎเี ก่ียวกับการพัฒนา
๑) ความหมายของการพฒั นา
คำว่า การพัฒนาใช้ในภาษาอังกฤษว่า Development นำมาใช้เป็นคำเฉพาะและใช้
ประกอบคำอื่นก็ได้เช่น การพัฒนาประเทศ การพัฒนาชนบท การพัฒนาเมือง และการพัฒนา
ขา้ ราชการ การพัฒนาศนู ย์การเรียนรู้ เปน็ ตน้ การพฒั นาจึงถูกนำไปใช้กันโดยทัว่ ไปและมีความหมาย
แตกต่างกันออกไปดังกล่าวแล้ว เกี่ยวกบความหมายของการพัฒนานั้นได้มีนักวิชาการให้ความหมาย
ไว้หลายความหมายทง้ั ความหมายที่คลา้ ยคลึงกันและแตกตางกนั ดงั น้ี
21
(๑) ความหมายโดยทว่ั ไป
พัฒนาที่เข้าใจโดยทั่วไป มีความหมายใกล้เคียงกับความหมายจากรูปศัพท์ คือ หมายถึง
การทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจากสภาพหนึ่งไปสู่อีกสภาพหนึ่งที่ดีกว่าเดิมอย่างเป็นระบบ หรือการ
ทำให้ดีขึ้นกว่าสภาพเดิมที่เป็นอยู่อย่างเป็นระบบ8 ซึ่งเป็นการเปรียบเทียบทางด้านคุณภาพระหว่าง
สภาพการณ์ของสิ่งใดสิ่งหนึ่งในช่วงเวลาที่ต่างกัน กล่าวคือ ถ้าในปัจจุบัน สภาพการณ์ ของสิ่งน้ัน
ดีกว่า สมบรู ณ์กว่ากแ็ สดงวา่ เป็นการพัฒนา9
การพัฒนา ในความหมายโดยทั่วไป จึงหมายถึงการเปลี่ยนแปลงสิ่งใดสิ่งหนึ่งให้เกิด
คุณภาพดีขึ้นกว่าเดิม ความหมายน้ี นบั วา่ เปน็ ความหมายที่รู้จักกันโดยท่ัวไป เพราะนำมาใช้ มากกว่า
ความหมายอน่ื ๆ แม้วา่ จะไม่เปน็ ท่ยี อมรับของนักวชิ าการกต็ าม10
(๒) ความหมายทางพระพุทธศาสนา
สมเดจ็ พระพทุ ธโฆษาจารย์ (ป.อ. ปยตุ โฺ ต) ได้ใหค้ วามหมายและอธบิ ายไวว้ ่า
ในทางพุทธศาสนา ุ การพัฒนา มาจากคำภาษาบาลีวา่ วฒั นะ แปลวา่ เจริญ แบ่งออกได้
เปน็ ๒ ส่วน คอื การพฒั นาคน เรยี กวา่ ภาวนา กับการพัฒนาสง่ิ อื่นๆ ท่ีไมใ่ ช่คน เชน่ วัตถุ
สง่ิ แวดล้อมตา่ ง ๆ เรยี กว่า พัฒนา หรอื วัฒนา เช่น การสร้างถนน บ่อน้ำ อ่างเกบ็ น้ำ ซึ่งเปน็ เร่อื งของ
การเพ่ิมพูนขยาย ทำให้มากหรอื ทำให้เติบโตขึ้นทางวตั ถุและไดเ้ สนอข้อคดิ ไว้ว่า คำว่า การพฒั นา
หรอื คำว่าเจริญ นั้นไม่ได้แปลวา่ ทำให้มากขึ้น เพ่ิมพนู ขึ้นอย่างเดียวเท่านั้น แต่มีความหมายวา่ ตดั หรือ
ท้งิ เช่น เจรญิ พระเกศา คือตัดผม มีความหมายว่า รก เชน่ นสิ ยา โลกวฑฒโฺ น แปลว่า อยา่ เปน็ คน
รกโลก ดังน้นั การพฒั นาจึงเป็นสิ่งท่ีทำแล้วมคี วามเจรญิ จรงิ ๆ คอื ต้องไมเ่ กิดปัญหาตดิ ตามมาหรือไม่
เสอื่ มลงกว่าเดิม ถ้าเกดิ ปญั หาหรอื เสอื่ มลง ไม่ใชเ่ ป็นการพัฒนา แตเ่ ป็นหายนะซ่ึงตรงกันข้ามกับการ
พัฒนา11
สนธยา พลศรี กล่าวว่า การพัฒนา ในทางพระพุทธศาสนา หมายถงึ การพัฒนาคนให้มี
ความสขุ มีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม การพฒั นาในความหมายนี้ มลี ักษณะเดียวกนั กับการพฒั นาใน
ความหมายทางดา้ นการวางแผน คอื เป็นเรอ่ื งของมนุษยเ์ ท่าน้นั แตกต่างกนั เพียงการวางแผนใหค้ วามสำคัญ
8 ยุวัฒน์ วฒุ ิเมธี, หลักการพัฒนาชมุ ชนและการพัฒนาชนบท,(กรงุ เทพมหานคร:ไทยอนุเคราะหไ์ ทย.
9 ปกรณ์ ปรยี ากร, ทฤษฎแี ละแนวคดิ เก่ียวกับการพัฒนาในการบริหารการพฒั นา,:(
กรุงเทพมหานคร: สามเจรญิ พานชิ ,.๒๕๓๘), หน้า ๕.
10 สนธยา พลศร,ี ทฤษฎแี ละหลกั การพัฒนาชุมชน. (พมิ พค์ รงั้ ที่๕),:( กรงุ เทพมหานคร: โอเดยี นส
โตร์.๒๕๔๗, หน้า ๒.
11 สมเดจ็ พระพุทธโฆษาจารย์ ( ป.อ. ปยตุ โฺ ต), การพฒั นาทยี่ ง่ั ยืน,:( กรงุ เทพมหานคร: มลู นิธิโกมลคมี
ทอง.๒๕๓๐), หนา้ ๑๖-๑๘.
22
ทว่ี ิธกี ารดำเนินงาน สว่ นพทุ ธศาสนามงุ่ เนน้ ผลทเี่ กดิ ขึ้น คือ ความสขุ ของมนุษยเ์ ทา่ นั้น12
(๓) ความหมายทางพฒั นบรหิ ารศาสตร์
นักพัฒนาบริหารศาสตร์ได้ให้ความหมายของการพัฒนา เป็น ๒ ระดับ คือ ความหมาย
อย่างแคบและความหมายอยา่ งกว้าง
ความหมายอย่างแคบ การพัฒนา หมายถึง การเปลี่ยนแปลงในตัวระบบการกระทำการ
ให้ดีข้นึ อนั เป็นการเปลยี่ นแปลงในด้านคุณภาพเพียงด้านเดยี ว
ความหมายอย่างกว้าง การพฒั นา เป็นกระบวนการของการเปลย่ี นแปลงในตวั ระบบการ
กระทำทั้งด้านคุณภาพ ปรมิ าณและสิ่งแวดล้อมใหด้ ีข้ึนไปพร้อม ๆ กัน ไมใ่ ช่ดา้ นใดด้านหนึ่งเพียงด้าน
เดียว การพัฒนา ในความหมายของนักพัฒนาบริหารศาสตร์จะมีขอบข่ายกว้างขวางกว่า ความหมาย
จากรูปศัพท์ ความหมายโดยทั่วไป และความหมายทางเศรษฐศาสตร์ที่กล่าวมาแล้ว เพราะหมายถึง
การเปลี่ยนแปลงของสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ทั้งในด้านคุณภาพ (ดีขึ้น) ปริมาณ (มากขึ้น) และสิ่งแวดล้อม (มี
ความเหมาะสม) ไม่ใชก่ ารเปลยี่ นแปลงดา้ นใดด้านหนึง่ เพียงดา้ นเดยี ว13
๒) แนวคิดและทฤษฎเี ก่ียวกับการพัฒนา แบง่ ออกเป็น
(๑)ทฤษฎีความทนั สมัย
แนวทางการพัฒนาโดยอาศัยทฤษฎีความทันสมัย(Modernization Theory) นับว่าได้รบั
ความนิยมอย่างสูงในประเทศตะวันตกในช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่สอง เนื่องจากเมื่อใช้วิธีการ
วิเคราะห์ทางประวัติศาสตร์การพัฒนาทางเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ แลว้ เหน็ วา่ ประเทศแถบยุโรป
และประเทศสหรัฐอเมริกาซึ่งพัฒนาแลว้ ได้ใชแ้ นวทางในการฟน้ื ฟปู ระเทศของตนเปน็ ผลสำเรจ็ ดังน้ัน
แนวคิดการพัฒนาตามแบบจำลองดังกล่าวได้แพร่กระจายได้รับการนำไปใช้เป็นกระแสหลักในการ
พัฒนาประเทศด้อยพัฒนาต่างๆ ผลงานด้านวิชาการที่เกี่ยวกับการพัฒนาในช่วงระยะเวลาดังกล่าว
ส่วนใหญ่ เน้นการนำเอาแบบจำลองความทันสมัยเป็นองค์ความรู้ที่สำคัญในการประยุกต์ใช้เพื่อการ
พฒั นาด้านตา่ งๆ ของประเทศ
(๒) ทฤษฎีการพฒั นาแบบพ่ึงพา
ในเวลาเดียวกัน กลุ่มประเทศยุโรปและอเมริกาได้มีการใช้แนวคิดการพัฒนาในด้านการ
สร้างความทันสมัยเป็นกระแสหลักในการกำหนดแนวทางการพัฒนาประเ ทศและได้รับความสำเร็จ
เป็นทีน่ ยิ มอย่างกวา้ งขวางนั้น นักวชิ าการกลุม่ ประเทศด้อยพัฒนาในกลมุ่ ประเทศลาตินอเมริกากลับมี
12 สนธยา พลศร,ี เร่ืองเดยี วกัน หนา้ ๔.
13 เรือ่ งเดียวกัน, หน้า ๓
23
แนวคิดคดั คา้ นการพัฒนาดว้ ยการสรา้ งภาวะความทันสมยั ดังกล่าวทัง้ นเี้ ปน็ ผลจากความล้มเหลวและ
วิกฤติการณ์ทางเศรษฐกิจซึ่งกลุ่มประเทศเหล่านี้เผชิญนั่นเอง ความล้มเหลวที่เกิดในประเทศบราซิล
อารเ์ จนตินา และหลายประเทศในกลุ่มลาตินอเมริกา นับเป็นปรากฏการณส์ ำคัญอันเปน็ ท่ีมาของการ
เสนอทฤษฎีการพึ่งพา (dependency theory) ในเวลาต่อมา แนวทางที่ใช้ในการพัฒนาเศรษฐกิจ
ของประเทศที่พัฒนาแล้วไม่น่าจะมีความเหมาะสม และใช้ได้กับประเทศด้อยพัฒนา ทั้งนี้เพราะผล
การพัฒนาที่เกิดจากแนวคิดของการพัฒนากระแสหลัก เช่นแนวคิดหลักขั้นตอนการเติบโตทาง
เศรษฐกิจของรอสโทวไ์ ม่เป็นไปตามเป้าหมาย ความเติบโตที่เกิดขึน้ กับประเทศด้อยพัฒนาส่วนใหญม่ ี
น้อยมาก ยิ่งกว่านั้นความเติบโตทางเศรษฐกิจทำให้เกิดความร่ำรวยกับคนเพียงบางกลุ่ม เกิดปัญหา
ตามมาทั้งด้านปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อม การพัฒนาทำให้ประเทศด้อยพัฒนากลายเป็นส่วนหนึ่ง
ของระบบทนุ นยิ มโลกอย่างไม่มีทางหลกี เลยี่ ง
ซานโทส14 (T. Dos Santos) นักวิชาการซึ่งมีแนวคิดจัดอยู่ในกลุ่มทฤษฎีการพึ่งพากล่าว
ว่า สาเหตุที่แท้จริงของความด้อยพัฒนาหรือการต้องพึ่งพาในกลุ่มประเทศลาตินอเมริกานั้นมิได้เกิด
จากเพียงแค่ความสัมพันธ์ทางประวัติศาสตร์ และความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการเมืองระหว่าง
ประเทศศูนย์กลางและประเทศบริวาร แต่เกิดจากการที่โครงสร้างภายในของประเทศเหล่านี้ถูก
กำหนดโดยความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่ต้องพึ่งพากันในทางเศรษฐกิจโลก การพึ่งพาเป็น
สถานการณ์เงื่อนไขเมื่อเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศหนึ่งจะเติบโตหรือไม่ ต้องขึ้นกับการขยายตัวและ
การพัฒนาผ่านระบบการค้าหรอื ระบบเศรษฐกจิ โลกของประเทศผทู้ ่ีมอี ิทธิพลอ่นื ๆ
แนวทางในการพัฒนาประเทศได้เร่ิมต้นขนึ้ ในประเทศตะวันตกซึ่งในอดีตเป็นท่ียอมรับกัน
วา่ มีความสำคัญและมีศักยภาพทางเศรษฐกิจสูงจึงเรียกตนเองวา่ เป็น ประเทศท่ีพัฒนาแล้ว และเรียก
ประเทศที่ล้าหลังกว่าตนว่าประเทศด้อยพัฒนา ประเทศที่พัฒนาแล้ว มักจะหยิบยื่นความช่วยเหลือ
ใหแ้ กป่ ระเทศด้อยพัฒนา ในลกั ษณะของ “ผ้มู ีอำนาจ” หยิบยืน่ ให้ “ผูด้ อ้ ยโอกาส” แนวความคิดแบบ
Modernization เน้นความเจริญทางวตั ถุ โดยผูม้ ีอำนาจให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ด้อยโอกาสเพื่อให้เกดิ
การขยายตัวทางเศรษฐกิจตามแนวทางที่ผู้มีอำนาจซึ่งก็คือประเทศที่พัฒนาแล้วต้องการ เช่น การ
พัฒนาใหเ้ ปน็ ประเทศอุตสาหกรรม (Industrialization) โดยเช่อื วา่ การพัฒนาเชน่ นี้จะก่อให้เกิดความ
มั่นคง และความสมบรู ณ์ทางเศรษฐกจิ
ส่วนแนวคิดสังคมนิยม (Socialism) เป็นแนวคิดอีกกลุ่มหนึ่งที่ให้ความสำคัญกับการ
เปลี่ยนแปลงทางสังคมอันเนื่องมาจากช่องว่างระหว่างชนชั้น โดยมองว่า การมุ่งเน้นความเจริญทาง
วัตถุเป็นการให้ความสำคัญกับทุนนยิ ม (Capitalism) ซึง่ ทำให้ย่งิ พฒั นาประเทศยิ่งยากจนลง มองว่าผู้
14 T. Dos Santos, อา้ งใน บวั พันธ์ พรหมพกั พิง, “ความอยดู่ ีมสี ุข,”แนวคิดและประเด็นการ
ศึกษาวจิ ยั ปที ่ี ๒๓ ฉบับท่ี ๒ (๒๕๔๙), ๑-๓๑
24
ที่มีอำนาจน่าจะเป็นประชาชนส่วนใหญค่ ือชนช้ันกรรมาชพี และไม่ควรให้โอกาสแก่รัฐบาลในระบอบ
เผด็จการมามบี ทบาทในการบริหารประเทศ
แนวคิดในการพัฒนาประเทศของตะวันตกทั้งสองสำนักที่กล่าวมานี้มีอิทธิพลเป็นอย่าง
มากต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทยในระยะแรก เพราะนักวิชาการส่วนใหญแ่ ละผู้
ที่มีบทบาทในการบริหารประเทศเคยได้รับการศึกษามาจากประเทศตะวันตกจึงนำแนวคิดเหล่านี้ซ่ึง
กำลังแพร่หลายและเปน็ แนวโน้มสำคัญของการพัฒนาประเทศตะวนั ตกในคริสตศ์ ตวรรษท่ี ๒๐ มาใช้
ในการบริหารประเทศ การวิเคราะห์แนวความคิดและทฤษฎีดงั กล่าวจึงมีความจำเปน็ อย่างยิ่งต่อการ
มองภาพรวมการพฒั นาของประเทศไทย ซ่งึ เร่ิมต้นต้งั แตม่ ีแผนพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติ (พ.ศ.๒๕๐๔)
เป็นตน้ มา แนวคดิ ดงั กลา่ วสามารถจำแนกกว้าง ๆ ไดเ้ ปน็ ๒ สำนัก คือ แนวคดิ การทำให้ทันสมยั อย่าง
ตะวันตก (Modernization) และแนวคดิ สังคมนยิ ม (Socialism)
แนวคดิ การพฒั นานมี้ ีนกั ทฤษฎที ีส่ ำคญั คือ
Moore15 มองว่าการเปลีย่ นแปลงทางสงั คมในประเทศกำลังพัฒนาเป็นกระบวนการไปสู่
ความทนั สมยั (Modernization) Moore ได้ใหค้ วามหมายวา่ Modernization หมายถงึ การ
เปลีย่ นแปลงโดยสิน้ เชงิ ของสังคมดงั้ เดิม ไปสู่รูปแบบของประเทศทางตะวนั ตก มลี ักษณะสำคัญคือ มี
การใช้เทคนิควทิ ยาการ ใช้การจดั องค์กรทางสงั คมท่ีกา้ วหนา้ มเี ศรษฐกิจที่เฟ่ืองฟู และค่อนข้างจะมี
เสถียรภาพทางการเมือง
Smelser16 เห็นวา่ การเปลยี่ นแปลงทางสังคมในประเทศกำลังพฒั นาเปน็ กระบวนการ
ไปสูค่ วามทันสมยั ซ่ึงเกยี่ วข้องกับ ๔ กระบวนการท่ีแตกต่างกันแตม่ ีความเกี่ยวเน่ืองกนั คือ
๑. ทางด้านเทคโนโลยี เปลี่ยนจากการใช้เทคนิคง่ายๆ และดั้งเดิมไปสู่การใช้ความรู้ทาง
วทิ ยาศาสตร์
๒. ทางดา้ นเกษตรกรรม เปลี่ยนจากการทำการเกษตรเพ่อื ยงั ชพี ไปสู่การผลิตเพื่อการคา้
๓. ทางด้านอุตสาหกรรม เปลี่ยนจากการใช้แรงงานมนุษย์และสัตว์ ไปสู่อุตสาหกรรมอย่าง
แทจ้ ริง
๔. ทางดา้ นการจดั การทางนเิ วศน์วทิ ยา เปลีย่ นจากสงั คมชนบทเปน็ สังคมเมอื งนอกจากน้ี
ในกระบวนการไปสู่ความทนั สมัยมอี งคป์ ระกอบทเ่ี ก่ยี วขอ้ ง ๓ ประการคือ
15 Moore, อ้างใน บวั พันธ์ พรหมพกั พิง, “ความอย่ดู ีมีสขุ ,”แนวคิดและประเดน็ การศึกษาวจิ ัย
ปที ี่ ๒๓ ฉบบั ที่ ๒ (๒๕๔๙), ๑-๓๑.
16 Smelser, อ้างใน บวั พนั ธ์ พรหมพกั พงิ , “ความอยู่ดีมีสุข,”แนวคดิ และประเดน็ การ
ศกึ ษาวิจยั ปที ่ี ๒๓ ฉบบั ท่ี ๒ (๒๕๔๙), ๑-๓๑.
25
๔.๑ การแยกย่อยของโครงสร้างและหน้าท่ี (Differentiation) ในสงั คมที่พัฒนาแลว้
จะมีระดับของการแยกย่อยของโครงสร้างและหน้าท่สี ูง สว่ นสังคมที่ยังไม่พฒั นาจะมรี ะดับของการ
แยกยอ่ ยต่ำ
๔.๒ การผสมผสานของส่วนต่าง ๆ ในระบบ (Integration) เน่อื งจากในขณะท่ีสงั คม
มีการแยกย่อยเพิม่ ข้นึ จะต้องมกี ารเพ่ิมกลไกท่จี ะทำการผสมผสานและสง่ เสริมความสัมพันธ์ระหว่าง
บคุ คลท่ีมีความสนใจแตกตา่ งกันออกไป
๔.๓ ความระส่ำระสายในสงั คม (Social Disturbance) เนื่องจากมีการเปล่ียนแปลง
โครงสร้างสังคมที่มอี ยู่เดมิ มีการเรียกร้องให้มีการสร้างสิ่งใหม่ ๆ เพื่อที่จะ ผสมผสานส่วนที่แยกย่อย
ออกไป ซงึ่ จะสรา้ งความขดั แยง้ กับแบบแผนเกา่ ๆในสังคม สร้างความไม่พอใจใหก้ ับผูค้ นในสงั คมด้วย
หากพิจารณาแนวความคิดเหล่านี้แล้วจะเห็นว่าประเทศไทยเองก็ได้ปรับโฉมหน้าของ
ประเทศไปตามกระแสความคิดดังกล่าว การพัฒนาประเทศตามแนวคิด Modernization เริ่มขึ้นใน
รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (พ.ศ. ๒๔๑๑-๒๔๕๓) โดยการเปิดประตูสู่โลก
ตะวันตก จากการทพ่ี ระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หวั ไดเ้ สด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศใน
ยุโรปตะวนั ตกถงึ ๒ ครัง้ และมพี ระราชดำริวา่ การทำประเทศใหท้ ันสมยั อย่างตะวันตกจะทําให้เป็นที่
ยอมรับของ อารยประเทศ อันจะเปน็ หนทางเดยี วที่จะนำพาประเทศให้รอดพ้นจากการล่าอาณานิคม
การตัดสินพระทัยในครั้งนั้นทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศเดียวในภูมิภาค ที่รอดพ้นจากการตกเป็น
อาณานิคมของประเทศตะวันตก นอกจากน้ียังทรงริเริ่มใหม้ ีการเลิกทาสอันเป็นรากฐานแห่งความเท่า
เทียมกันในสังคม (Social Equity) โดยนําแนวคดิ ของตะวันตกมาปรบั ใช้ให้เหมาะสมกับสังคมไทยใน
ขณะนั้น จึงทำให้การเลิกทาสในเมืองไทยไม่สูญเสียเลือดเน้ือดังเช่นที่เคยเกิดขึ้นในประเทศที่เป็น
ต้นแบบ ต่อมาเมื่อประชากรของประเทศเพิ่มมากขึ้น การพัฒนาตามแนวคิด Modernization
จำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับภาวะทางเศรษฐกิจและสังคมที่ได้ทวีความสลับซับซ้อน
ข้ึน แมว้ ่าการพัฒนาตามแนวคดิ Modernization ทผ่ี ่านมาต้ังแต่เริ่มมีแผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสังคม
แห่งชาติ (พ.ศ. ๒๕๐๔) เป็นต้นมาจะทำให้เศรษฐกิจโดยรวมของประเทศขยายตัวมาโดยตลอด ใน
รอบสบิ ปีทผี่ า่ นมามีการขยายตัวเกิดขึน้ ในอัตราท่ีเร็วมาก แต่อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจรวมศูนย์
อยูท่ ี่เมอื ง แทนท่ีจะกระจายไปในชนบท ส่งผลใหค้ วามแตกต่างระหว่างสังคมเมืองและสังคมชนบทยิ่ง
เด่นชัดขึน้ ประชากรท่ีมฐี านะดอี ยแู่ ล้วยงิ่ ร่ำรวยมากข้นึ ส่วนประชากรที่ยากจนกลบั จนลงกว่าเดิม ผล
ที่ได้จากการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยกค็ ือบุคคลที่รวยที่สุด ๒๐% ในประเทศได้ขยายทรัพย์สินของ
ตนเองจนควบคุมรายไดเ้ กินคร่ึงหนึ่งของชาติ ส่วนบุคคลทีจ่ นที่สุด ๒๐% ควบคุมเพยี ง ๔.๖% เท่านั้น
ตรงตามปรัชญาของการพัฒนาชนบทที่ว่า แม้ว่าในภาพรวมรัฐบาลจะประสบผลสำเร็จในการเพ่ิม
ผลผลิตและกระจายรายได้ แต่ถ้าประชาชนไม่สามารถเพิ่มผลผลิตและรายได้ที่จำเป็นเกี่ยวกับ
26
ปัจจัยพื้นฐานในการดำรงชีวิตแล้ว ก็ยังถือว่าชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในชนบทไม่ดีขึ้นและมิ
อาจกล่าวไดว้ ่าเปน็ การพัฒนาชนบทท่แี ท้จริงได้
Marx17 กล่าวว่า “สังคมนิยมเป็นระบบการปกครองและเศรษฐกิจที่ได้มาจากชนช้ัน
กรรมาชีพเอง เพื่ออิสรภาพของประชาชน ไม่ใช่ระบบที่คนอื่นหรือผู้นำใด ๆ จะเอามาให้ประชาชน
ได้” ประเทศทางตะวันตกได้พยายามที่จะเรียกรอ้ งความเสมอภาคทางสังคม และนำมาสู่การยอมรบั
ในปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน (Universal Declaration of Human Rights) เมื่อวันที่ ๑๐
ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๙๑
แม้ว่าแนวความคิดสังคมนิยมจะตอกย้ำความผิดพลาดในการมุ่งเน้นความเจริญทางวัตถุ
โดยการให้ความสำคัญกับทุนนิยมจนนำไปสู่ความขัดแย้งระหว่างชนชั้น สังคมนิยมให้ความสำคัญกับ
ประชากรส่วนใหญ่ ซงึ่ ในยโุ รปหมายถึงชนชั้นกรรมาชีพ แตส่ งั คมนิยมกม็ สี ่วนถูกในการให้ความหมาย
ตอ่ กลุ่มชนที่ควรไดร้ ับการพฒั นา ในประเทศไทยกลุ่มชนน้ีไดแ้ กป่ ระชากรผยู้ ากไรใ้ นชนบท“กลุ่มชน”
ของทฤษฎีตะวันตก และตะวันออกจึงแตกต่างกัน และบางครั้งไม่สามารถนำทฤษฎีเดียวกันมาใช้
ปฏิบัติในต่างพื้นที่ได้โดยไม่มีการประยุกต์ใช้ ชาวชนบทในประเทศไทยแม้จะหมายถึงประชากรส่วน
ใหญ่ของประเทศซึ่งจำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือจากผู้มศี ักยภาพสงู กว่า อัน หมายถึงนายทุนและ
รัฐบาล การพัฒนาตามแนวนี้จะสัมฤทธิผลถ้าประชากรส่วนใหญ่ ตามทฤษฎีของ Marx ได้รับความ
ช่วยเหลอื ดว้ ยความเห็นใจและเขา้ ใจ มโี อกาสเรียนรู้ ทีจ่ ะดาํ รงชพี ได้อย่างผาสกุ รฐั บาลท่ีมีบทบาทใน
การบริหารประเทศต้องยอมรับในภูมิปัญญาของเขาเหล่านัน้ การพัฒนาร่วมกันในลักษณะการพึ่งพา
อาศัยกันจึงจะธำรงอยู่ได้
สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ประยุทธ์ ปยุตฺโต) อธิบายความหมายของการพัฒนาที่ยั่งยืน
ว่า มลี ักษณะเป็น การพฒั นาทเ่ี ปน็ บรู ณาการ (integrated) คอื ทำใหเ้ กิดเป็นองค์รวม (holistic) และ
มดี ลุ ยภาพ (balanced) ระหว่างการพิทักษร์ กั ษาทรัพยากรธรรมชาตแิ ละการแก้ไขกำจดั ความยากจน
ทำให้เกดิ สภาพท่ีเรียกว่าเปน็ ภาวะย่ังยนื ท้ังในทางเศรษฐกิจและในทางสภาพแวดล้อม หรือคือการทำ
ให้กิจกรรมของมนุษย์สอดคล้องกบั กฎเกณฑข์ องธรรมชาติ18
การพัฒนาโดยทั่วไปเป็นการปรับเปลี่ยนให้สภาพเศรษฐกิจ สังคม และคุณภาพชีวิตดีขึน้
การพัฒนาชนบทที่ยั่งยืนเป็นการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตของประชากรในชนบท ก่อให้เกิดกระแสรายได้
เพิ่มพูนทุนทรัพย์ พัฒนาเทคโนโลยี ทำให้สินทรัพย์ในการลงทุนงอกเงยขึ้นทั้งในด้านกายภาพและ
17 Marx, อ้างใน บัวพนั ธ์ พรหมพักพิง, “ความอยดู่ ีมสี ขุ ,”แนวคดิ และประเดน็ การศึกษาวจิ ยั ปีท่ี
๒๓ ฉบบั ที่ ๒ (๒๕๔๙), ๑-๓๑.
18 สมเดจ็ พระพุทธโฆษาจารย์ (ประยทุ ธ์ ปยตุ โฺ ต), พทุ ธศาสนากับสังคมไทย, (พมิ พ์ครง้ั ท่ี๓),
(กรุงเทพมหานคร : มลู นธิ ิ โกมลคมี ทอง,๒๕๓๒).
27
ทรัพยากรมนุษย์ การพัฒนาที่ยั่งยืนจะต้องพัฒนาให้เกิดการเติบโตทางเศรษฐกิจเพื่อสนองความ
ต้องการขั้นพื้นฐานให้ได้ก่อน แต่ลำพังการเติบโตทางเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียวไม่อาจบรรลุถึงการ
พัฒนาที่ยั่งยืนได้ ด้วยเหตุนี้การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ควบคู่ไปกับการพัฒนาทางเศรษฐกิจจึงเป็น
ปัจจัยสำคัญ ดังที่ Javier Perez de Cuellar19 อดีตเลขาธิการองค์การสหประชาชาติได้ให้ข้อสังเกต
ในการประชุม World Decade for Cultural Development (๑๙๘๘-๑๙๙๗) ว่า “ความล้มเหลว
ในการพัฒนาส่วนใหญ่นั้นมีสาเหตุเนื่องมาจากการที่โครงการพัฒนาส่วนมาก ไม่ให้ความสำคัญต่อ
ปัจจัยทางด้านทรัพยากรมนุษย์ ซึ่งเกี่ยวโยงอย่างสลับซับซ้อนในเรื่องสัมพันธภาพระหว่างความเชื่อ
ค่านิยม และแรงจูงใจอันหลายหลากที่ประกอบกันเข้าเป็นหัวใจของวัฒนธรรม “ซึ่งการศึกษาจะเป็น
เครื่องมือที่ช่วยให้มนุษย์เรียนรู้เกี่ยวกับเทคนิคได้ดีและลึกซึ้งขึ้น สามารถประดิษฐ์คิดค้น หาสิ่ง
ทดแทนที่ไม่ทำลายสภาพแวดลอ้ มได้ ปจั จุบันการรกั ษาสภาพแวดล้อมเปน็ เรื่องท่ีมนุษย์ให้ความสนใจ
ที่จะบำรุงรักษา ทรัพยากรแวดล้อมเปรียบได้กับต้นทุนเดิมทางเศรษฐกิจซึ่งไม่ต้องมีการลงทุน เช่น
อุทยานแห่งชาติ นำ้ ตก เปน็ ตน้
วิฑูรย์ ปัญญากุล กล่าวว่า “การพัฒนาแบบยั่งยืนจะต้องมีลักษณะที่หลากหลาย ที่
สอดคล้องกับสภาพแวดล้อม และเงือ่ นไขเฉพาะของแต่ละชุมชนในแต่ละภมู ิภาค โดยแนวทางสำหรับ
การพัฒนาแบบยั่งยืนนั้นต้องตั้งอยู่บนพื้นฐาน ๓ ประการ คือ การมีประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจ มี
ความเหมาะสมกับสภาพแวดล้อม และมีความยุติธรรมทางสังคม จากหลักการพัฒนาแบบยั่งยืน
ดงั กลา่ ว โครงการพัฒนาควรจะมีลักษณะท่ีสำคญั ๓ ประการ คอื
๑. เปน็ โครงการขนาดเลก็ ท่ตี งั้ อยบู่ นพนื้ ฐานของภมู ิปัญญาท้องถ่นิ
๒. มีความสอดคลอ้ งกบั ระบบนิเวศนท์ อ้ งถิน่
๓. ประชาชนต้องมีส่วนร่วมในกระบวนการพัฒนา การพัฒนาที่ยั่งยืนจึงเป็นรูปแบบที่
ได้รับความนิยมในปัจจุบัน มีการผสมผสานส่วนที่ดีของแนวคิดแต่ละทฤษฎีที่ได้วิเคราะห์วิจัยแล้วว่า
เหมาะสมที่จะนำมาประยุกต์ใช้กับการพัฒนาชนบทของประเทศไทยได้ ทั้งยังนำเอาภูมิปัญญา
ชาวบ้านซึ่งเป็นผลของการใช้สติปัญญาในการปรับตัวเข้ากับสภาวะต่างๆ ในพื้นที่ที่ตนอยู่อาศัยมา
ประยุกต์ใช้ด้วย เพื่อให้ประชาชนในชนบทสามารถบริหารและจัดการได้ด้วยตนเอง ตามวิถีและ
ครรลองที่เหมาะสมกบั สภาพท้องถิ่นของตน ไมจ่ ำเป็นต้องพ่งึ ผู้เช่ียวชาญ เทคโนโลยี หรือแนวคิดจาก
ต่างประเทศเสมอไป และหนั มาใหค้ วามสนใจกับระบบเกษตรกรรมท่ีย่งั ยืน20
19 Javier Perez de Cuellar, อา้ งใน บัวพันธ์ พรหมพกั พงิ , “ความอยดู่ มี สี ขุ ,”แนวคดิ และประเด็น
การศกึ ษาวิจัย ปีที่ ๒๓ ฉบับที่ ๒ (๒๕๔๙), ๑-๓๑
20 วิฑูรย์ ปัญญากลุ , การพฒั นาต้องมาจากประชาชนชาวบา้ นเวที ๓๔.(พิมพ์คร้ังที่ ๒),.
กรุงเทพมหานคร : สถาบันชมุ ชนทอ้ งถิน่ พฒั นา, ๒๕๓๕.
28
๒.๒ แนวคิดเกี่ยวกับศูนย์การเรยี นรชู้ มุ ชน
ความหมายของศูนย์การเรียนรู้ชุมชน (สำนักงานพัฒนาชุมชนขามสะแกแสง, ๒๕๖๐
หน้า ๓๒)21 ศูนย์เรียนรู้ชุมชน เป็นศูนย์กลางรวบรวมข้อมูลข่าวสารความรู้ของชุมชนที่จะนำไปสู่
การส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้สำหรับประชาชน ในชุมชน เป็นแหล่งเสริมสร้างโอกาสในการเรียนรู้
การถา่ ยทอด การแลกเปล่ยี นประสบการณ์ การสบื ทอดภูมปิ ัญญา วัฒนธรรม ค่านยิ ม และเอกลักษณ์
ของชุมชน อีกท้ังเป็นแหลง่ บริการชุมชนด้านต่าง ๆ เช่น การจัดกิจกรรมที่สอดคลอ้ งกับความต้องการ
เรียนรู้ ของชุมชน โดยเน้นการกระบวนการเรียนรู้เพื่อวิถีชีวิตของคนในชุมชน เพื่อให้ทันกับการ
เปลี่ยนแปลงของสังคม ก่อให้เกิดชุมชนแห่ง เรียนรู้ และมุ่งการพัฒนาแบบพึ่งตนเอง เป็นศูนย์ฯ ของ
ประชาชน ทีด่ ำเนนิ การโดยประชาชน และเพือ่ ประชาชน ทจี่ ะก่อใหเ้ กดิ ความเข้มแขง็ ของชุมชนอย่างยั่งยืน
จากความหมายขา้ งต้นจะเห็นไดว้ า่ ศูนยเ์ รยี นร้ชู ุมชนในความคาดหวังของกรมการพัฒนา
ชุมชน ไมใ่ ช่ศูนย์ฝึกอบรมประจำหมู่บ้านท่ีรอรบั การนัดหมายจากวิทยากรภายนอก แตจ่ ะเป็นสถานท่ี
ทจ่ี ะสรา้ งความผกู พนั ระหว่างคนในชมุ ชนกบั เร่อื งราวของเขาเองเป็นสำคัญ
หลกั การสำคญั ของศูนย์เรียนรชู้ มุ ชน
เป็นแหล่งเรียนรู้ทุกด้าน ทุกรูปแบบไม่เน้นการเรียนการสอนในห้องเรียน
เป็นศูนย์กลางที่ประชาชนทุกคนสามารถเข้ามาเรียนรู้ ค้นคว้าหาความรู้ แลกเปลี่ยนความรู้และ
ประสบการณ์ รวมท้ังการพบปะ สงั สรรค์ เพื่อสรา้ งความเข้าใจ ความรว่ มมอื ในการพฒั นาตนเองและ
ชุมชนเปน็ ศูนย์กลางการเรียนรู้ตลอดชีวิตของประชาชน โดยประชาชนและเพอื่ ประชาชน
ภารกจิ ของศูนย์เรียนรชู้ มุ ชน
จดั ให้มกี จิ กรรมการเรียนรู้ การถา่ ยทอด การแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ตลอดจนการสืบทอด
ภูมิปัญญาท้องถิ่นและการเรียนรู้ด้านต่าง ๆ ของประชาชนในชุมชนเป็นศูนย์รวมของข้อมูล รวมทั้ง
ข่าวสาร สาระความรู้ ที่เอื้อต่อการเรียนรู้ เท่าทันสถานการณ์โลกรวบรวมภูมิปั ญญาท้องถ่ิน
องค์ความรู้ของปราชญ์ชาวบ้าน องค์ความรู้ที่มีอยู่กระจัดกระจายในชุมชน และจัดการให้เป็น
หมวดหมู่ มีความชัดเจนเป็นรูปธรรม ที่ประชาชนสามารถเข้าไปสืบค้นศึกษาและ เรียนรู้ได้ทุกเวลา
เป็นศูนย์กลางในการจัดการความรู้ ที่ดำเนินการโดยประชาชนและเพื่อประชาชน
เป็นศูนย์ประสานและบูรณาการการทำงานของทุกภาคส่วน ภาคประชาชน ได้แก่ ผู้นำ กลุ่ม/องค์กร
เครือข่าย ภาคเอกชน และภาคีการพัฒนาภาครัฐเป็นสถานที่แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ของปราชญ์
21สำนกั งานพัฒนาชมุ ชนอำเภอขามสะแกแสง, ศูนยเ์ รยี นรชู้ มุ ชน, (ออนไลน์), แหลง่ ท่ีมา
http://district.cdd.go.th/khamsakaesaeng/services/. (๑๙ มกราคม ๒๕๖๑).
29
ชาวบา้ น เปน็ สถานท่ที ่มี โี ครงสรา้ งเป็นอาคาร หรือสถานท่ีใด ๆ ก็ได้ ทมี่ ีองค์ความรู้ สามารถให้การเรยี นรู้ แก่
ประชาชนทีต่ อ้ งการความรู้ สามารถเข้าถึงได้
องค์ประกอบ/รปู แบบองคป์ ระกอบศนู ย์เรียนร้ชู ุมชน
๑) วธิ กี ารกอ่ เกิด
ศูนย์เรียนรู้ชุมชน จะเกิดขึ้นได้ต้องเป็นความต้องการของประชาชนในชุมชน เพราะจะ
เป็นสมบัติของชุมชน จึงควรนำแนวคิดเข้าเวที ประชุมประชาคมของหมู่บ้าน เผยแพร่ความคิด
โน้มน้าวสร้างการยอมรับ และชี้ให้เห็นความสำคัญของการมีแหล่งเรียนรู้ของชุมชน การจัดเก็บองค์
ความรู้ ประวัติชุมชน และภูมิปัญญาของชุมชนอย่างเปน็ ระบบ การแสดงข้อมูลข่าวสารของชุมชนให้
ได้เรียนรู้กันอย่างทั่วถึง รวมทั้งการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้สม่ำเสมอ โดยเริ่มจากการจัดระเบียบ
แหล่งเรียนรู้ที่มีอยู่ในชุมชน และให้เป็นไปตามกำลังที่ชุมชนจะสามารถดำเนินการได้ อีกทั้งให้มี
ขอบเขต และลกั ษณะตามความเห็นของชมุ ชน
๒) โครงสรา้ ง ของศูนยเ์ รยี นรู้ชมุ ชน ประกอบด้วย
คณะกรรมการ ประกอบด้วยผู้แทนจากผู้นำชุมชน กลุ่ม/องค์กร เครือข่ายองค์กรชุมชน
ปราชญ์ชาวบ้าน อาสาสมัคร ฯลฯ โดยมาจากการคัดเลือกของชาวบ้านเอง และชาวบ้านให้การ
ยอมรับ ซึ่งคณะกรรมการจะร่วมมือกันวางแผน และดำเนินตามแผนยุทธศาสตร์ที่ได้ร่วมกันกำหนด
เพื่อระดมพลังให้เกิดการเรียนรู้และบริหารจัดการในศูนย์เรียนรู้ให้สามารถดำเนินการได้อย่างมี
ประสิทธภิ าพ
ที่ปรึกษา เป็นภาคีการพัฒนาภาครัฐ เช่น พัฒนาชุมชน การศึกษานอกโรงเรียน เกษตร
สาธารณสขุ และองค์กรปกครองส่วนท้องถน่ิ
ระเบียบข้อบังคับ ซึ่งคณะกรรมการฯ ได้จัดทำขึ้นที่เป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อเป็น
แนวทางในการบรหิ ารศนู ย์
สถานท่ี เล็กใหญ่ไม่สำคัญ อาจจะอยู่ในห้องของอาคาร อบต. บ้านผใู้ หญ่บ้าน บ้านผู้นำ บ้าน
ปราชญ์ชาวบ้าน ศาลาวัด ใต้ต้นไม้ ศาลากลางบ้าน ซึ่งเป็นสถานที่ให้พบปะ ประชุม ทำงานกันได้
ตลอดเวลา ให้เป็นสถานที่ที่เป็นสัญลักษณ์ของการรวมตัวกัน เพื่อการเรียนรู้ ไม่จำเป็นต้องหา
งบประมาณมาก่อสร้างศูนย์ใหม่
การบริหารจดั การศนู ยฯ์ คณะกรรมการฯ ทไ่ี ดร้ บั การคดั เลอื ก มกี ารบริหารจัดการเพอ่ื ให้
ศนู ยฯ์ สามารถบรหิ ารจัดการไดอ้ ย่างเปน็ รูปธรรม
30
งบประมาณ เพื่อพัฒนาคณะกรรมการของศูนย์เรียนรู้ชุมชนให้สามารถทำงานได้อย่างมี
ประสิทธ ิภาพ และจัดซื้อว ัสดุ อุปกรณ์ที่จำเป็นในการพัฒนาศูนย์เรียนรู้ชุมชน
โครงสร้างทั้งหมดนี้ ไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้นมาครบถ้วนในระยะเริ่มแรก ขอให้ศึกษาเพิ่มเติมในแนว
ทางการดำเนินงาน ซงึ่ อย่ใู นบทต่อไป
๓) กจิ กรรมการเรียนรู้ แบ่งเปน็ ๒ ลักษณะ ดงั นี้
๓.๑ สถานที่จัดกิจกรรมเรียนรู้ อาจดำเนินการได้ทั้งในอาคารศูนย์ฯ และนอกอาคาร
ศูนย์ฯ โดยมีการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ในชุมชน เชน่ บ้านปราชญช์ าวบ้าน ในไรน่ า เพอื่ สาธิตกิจกรรม
การเรยี นรู้ เชน่ การปลกู ผัก การเลย้ี งสัตว์ ฯลฯ
๓.๒ กิจกรรมการเรียนรู้ ได้แก่ การเรียน/การสอน การจัดการความรู้เกี่ยวกับ
ประวัติความเป็นมาของชาติพันธุ์ ขนบประเพณี วัฒนธรรม การรับความรู้จากปราชญ์ชาวบ้าน การ
จัดเวทีประชาคมเพื่อการเรียนรู้และการตัดสินใจร่วมกัน การเรียนรู้ผ่าน E-Learning การสาธิต การ
จัดนทิ รรศการ การจดั สมั มนา อภิปราย ฯลฯ
สรุปได้ว่า การถ่ายทอดความรู้ หมายถึง การถ่ายทอดความรู้เป็นวิธีการหนึ่งเพื่อการ
พัฒนาประชาชนและชุมชนท้องถ่ิน เป็นการเรียกกระบวนการแบ่งปันความรู้ถูกถ่ายทอดจากคนหนงึ่
ไปยังอีกคน กลุ่มหนึ่งไปยังอีกกลุ่ม หรือจะเป็นจากองค์กรหนึ่งไปยังอีกองค์กร กล่าวคือเป็นการ
ถ่ายทอดความรจู้ ากผ้รู ู้ไปยงั ผทู้ ่ีตอ้ งการความรูห้ รือการไดม้ าซึ่งความรู้ของผู้ท่ีต้องการความรู้
๒.๒.๑ แนวทางการดำเนินงานศนู ย์เรยี นรู้การเพ่มิ ประสิทธิภาพการผลิตสนิ ค้าเกษตร
กรมสง่ เสรมิ การเกษตรไดม้ ีการปรับปรุงระบบสง่ เสรมิ การเกษตร ใหส้ ามารถรองรบั การ
เปลีย่ นแปลงและภารกิจตา่ ง ๆ ขบั เคลื่อนการดำเนนิ งานด้วยกระบวนการเรยี นร้แู ละการมสี ่วนร่วม
และใชว้ ธิ กี ารทำงานรูปแบบ MRCF system ทมี่ จี ุดมุง่ หมายท่ชี ดั เจนทำให้เกิดการพฒั นาทต่ี รงจุด
และยั่งยืน
ในปี ๒๕๕๗ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีนโยบายให้กรมส่งเสรมิ การเกษตรในฐานะท่ี
เป็นหน่วยงานหลักในการส่งเสริมและพัฒนาเกษตรกร ครอบครัวเกษตรกร องค์กรเกษตรกร และ
วิสาหกิจชุมชน ให้มีความเข้มแข็ง พึ่งพาตนเองได้ ดำเนินการจัดตั้งศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพ
การผลติ สินค้าเกษตรในระดบั ชมุ ชนอำเภอละ ๑ ศนู ย์ รวม ๘๘๒ ศนู ย์ การคดั เลือกศนู ย์เรยี นรู้ฯ เน้น
จุดนำร่องการปฏบิ ัตงิ านสง่ เสริมการเกษตรตามรูปแบบ MRCF ทีม่ กี ารวิเคราะห์ พื้นท่ี คน สินค้า ตาม
หลักการ Zoning ซึ่งมีการจำแนกพื้นที่ ที่มีความเหมาะสมมาก (S๑) เหมาะสมปานกลาง (S๒)
เหมาะสมน้อย (S๓) และไม่เหมาะสม (N) ร่วมกับความต้องการของเกษตรกรในชุมชน จึงมีประเด็น
การเรียนรู้ทั้งจากการพัฒนาและการปรับเปลี่ยนกิจกรรมตามหลักของ Zoning เพื่อเป็นแหล่งศึกษา
31
และเรียนรู้ของเกษตรกรและประชาชนที่สนใจในด้านการเกษตรจากถานที่จริง เรียนรู้จากเกษตรกร
ต้นแบบที่ทำอาชพี การเกษตรและประสบความสำเร็จ สามารถลดต้นทนุ การผลิต ผลผลิตทีไ่ ด้เพิ่มขนึ้
และมีคุณภาพมากยิ่งขึ้น โดยเน้นการใช้เทคโนโลยีการผลิตที่เหมาะสม การปรับปรุงบำรุงดิน การใช้
น้ำอย่างรู้คุณค่า พร้อมทั้งการน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ให้เกิด
ประโยชนส์ งู สุด เพอ่ื นำไปสู่กระบวนการผลิตที่เปน็ มิตรกบั ส่ิงแวดลอ้ ม
จากการดำเนินงานที่ผ่านมาเกษตรกรที่เรียนรู้จากศูนย์เรียนรูไ้ ด้รับความรูแ้ ละนำไปปรบั
ใช้ในพื้นที่ของตนเองจนเกดิ การเปล่ียนแปลงในการผลิตสนิ ค้าเกษตรทีด่ ีขึ้น ดังนั้นจึงเหน็ สมควรทีจ่ ะ
ให้มีการดำเนินงานต่อในปีงบประมาณ ๒๕๕๘ โดยพัฒนาการดำเนินงานศูนย์เรียนรู้การเพ่ิม
ประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตรให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เน้นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ตลอด
ฤดูกาลเพาะปลูก (เช่น แนวทางโรงเรียนเกษตรกร) กับเกษตรกรต้นแบบ ในเรื่องการเพิ่ม
ประสิทธิภาพในการผลิตสินค้าเกษตรที่เหมาะสมกับบริบท หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง การทำ
บัญชีครัวเรือน ฯลฯ ซึ่งจะช่วยใหเ้ กษตรกรเกิดจติ สำนึกและนำความรู้ท่ีไดร้ ับจากการเรียนรู้จากศนู ย์
เรียนรู้ฯไปปรับใช้ในพื้นที่ของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ อันจะส่งผลให้เกษตรกรสามารถพึ่งพา
ตนเองไดอ้ ยา่ งยัง่ ยนื ต่อไป โดยมีวตั ถปุ ระสงคเ์ พอ่ื ๑) พฒั นาศูนย์เรียนรกู้ ารเพมิ่ ประสิทธภิ าพการผลิต
สนิ คา้ เกษตร ใหเ้ ป็นต้นแบบในการเรียนรู้ของชุมชนในการผลิตสนิ ค้าเกษตรอย่างมปี ระสิทธิภาพ โดย
ยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และสอดคล้องกับบริบทของชุมชน ๒) ให้เกษตรกรได้
แลกเปลี่ยนเรียนรู้กับเกษตรกรต้นแบบ ในการสร้างความรู้ ความเข้าใจ และเกิดจิตสำนึกในการเพิ่ม
ประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร โดยการใช้ปัจจัยการผลิตได้อย่างเหมาะสม โดยคำนึงถึง
สภาพแวดล้อม และ ๓) ให้เกษตรกรปรับเปลยี่ นระบบการผลิตใหส้ ามารถพ่งึ พาตนเองได้
นิยามศัพท์
ศูนย์เรยี นรู้การเพ่ิมประสิทธภิ าพการผลิตสินค้าเกษตร หมายถึง ศนู ย์เรียนรู้ท่ีมีคุณสมบัติ
ดงั นี้
๑) มอี งค์ความรู้และกิจกรรมทางการเกษตรท่ีมีความโดดเด่นเปน็ ตน้ แบบได้
๒) นอ้ มนำหลกั ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี งมาใช้ในการประกอบอาชีพและการดำรงชวี ิต
๓) มีกิจกรรมทางการเกษตรที่เหมาะสมสอดคล้องกับศักยภาพของพื้นที่ตามหลักการ
บริหารจัดการพ้นื ทีเ่ กษตรกรรม (Zoning) และความตอ้ งการของชมุ ชน
๔)เกษตรกรต้นแบบเจ้าของศูนย์เรียนรู้ฯ มีจิตอาสาและมีความพร้อมที่จะแลกเปลี่ยน
เรยี นรู้ร่วมกบั เกษตรกรรายอนื่ ๆ
แนวทางการดำเนนิ งาน
๑) องคป์ ระกอบของศนู ยเ์ รยี นรู้
องค์ประกอบของศูนย์การเรียนรู้การเพมิ่ ประสทิ ธิภาพการผลิตสินคา้ เกษตร ประกอบด้วย
32
ทีม่ า: กรมสง่ เสรมิ การเกษตร (กมุ ภาพนั ธ์ ๒๕๕๘)
(๑) เกษตรกรต้นแบบ เป็นเกษตรกรเจ้าของแปลงเรียนรู้ฯ ที่ประสบความสำเร็จในเพ่ิม
ประสทิ ธิภาพการผลิตทางการเกษตร ที่สามารถเปน็ ตน้ แบบให้กบั เกษตรกรรายอ่ืน ๆ ในชุมชน และมี
ความรู้ ทักษะและความพร้อมในการถ่ายทอดความรู้
(๒) แปลงเรียนรู้ เป็นแปลงของเกษตรกรต้นแบบท่ีดำเนินการเพ่ิมประสิทธิภาพการผลิต
สินค้าเกษตร (ลดต้นทุนการผลิต เพิ่มผลผลิต และพัฒนาคุณภาพผลผลิต) ซึ่งเป็นการดำเนินการที่ได้
จากการวเิ คราะห์ข้อมูลของแตล่ ะพื้นที่
(๓) หลักสูตรการเรียนรู้ โดยสำนักงานเกษตรอำเภอและเกษตรกรต้นแบบร่วมกัน
กำหนดหลักสูตรและแผนการเรียนรู้ โดยเน้นประเด็นหลักในการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้า
เกษตร (ลดต้นทุนการผลิต เพิ่มผลผลิต และพัฒนาคุณภาพผลผลิต) และเป็นหลักสูตรที่เน้น
กระบวนการเรยี นรูแ้ บบมีส่วนร่วมและตอ่ เน่อื งตลอดฤดูการผลิต
(๔) ฐานการเรยี นรู้ ต่าง ๆ ในการเพ่ิมประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ลดต้นทุนการ
ผลิต เพิ่มผลผลิต และพัฒนาคุณภาพผลผลิต) ซึ่งฐานการเรียนรู้จะสอดคล้องกับหลักสูตรการเรียนรู้
โดยใหม้ ีขอ้ มูลประกอบในแต่ละฐานการเรียนรู้ ด้วย22
22กรมสง่ เสรมิ การเกษตร. แนวทางการดำเนนิ งานศูนยเ์ รยี นรูก้ ารเพิ่มประสทิ ธภิ าพการผลิตสนิ ค้า
เกษตร : (กระทรวงเกษตรและสหกรณ,์ ๒๕๕๘, หนา้ ๑-๕.
33
สรุป ศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร เป็นศูนย์การแลกเปลี่ยน
เรียนรู้ของกลุ่มเกษตรกร เพอ่ื ให้เกิดการเพ่มิ ประสิทธภิ าพการผลิตสนิ ค้าเกษตร ใหม้ ีความหลากหลาย
ตรงตามกลมุ่ ผ้บู รโิ ภค
สำหรับงานวิจัยฉบับนี้ ได้นำกรอบศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินคา้ เกษตร
ของกรมส่งเสริมการเกษตรและหลักการจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ชุมชนของกรมการพัฒนาชุมชนมา
ประยุกต์รวมกันแล้วจัดตั้งศูนย์การเรียนรูแ้ บบมีส่วนรว่ มในการอนุรักษ์พันธุ์กล้วย โดยร่วมกันพัฒนา
ศูนย์ฯให้มีมาตรฐานคุณภาพตามเกณฑ์แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร เพื่อสร้างความมั่นคง มั่งคั่ง และ
ยั่งยนื แกก่ ลุ่มเกษตรกร สบื ไป
๒.๒.๒ มาตรฐานแหลง่ ท่องเที่ยวเชงิ เกษตร
ในประเทศไทย ถือไดว่าเริ่มมีการพัฒนาการทองเที่ยวให้เป็นรูปแบบและเป็นระบบมาก
ขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับนักท่องเที่ยว และเพิ่มรูปแบบทางการ
ทอ่ งเทยี่ วเพ่ือสง่ เสริมให้ประเทศไทยเปน็ แหลง่ ท่องเทีย่ วท่ีสำคญั สามารถเดนิ ทางท่องเที่ยวได้ตลอดปี
และเพอื่ เพิม่ การกระจายตัวไปทั่งภมู ิภาค
การท่องเที่ยวเชิงเกษตรเป็นส่วนหนึ่งของการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ที่เปิดโอกาสให้
นักท่องเที่ยวได้มีส่วนร่วมกับการเข้าไปสัมผัสกับธรรมชาติโดยมีกระบวนการเรียนรู้ด้วยวิธีต่าง ๆ ซึ่ง
ทำให้นักท่องเที่ยวเกิดจิตสำนึกที่จะอนุรักษ์และตระหนักถึงความสำคัญของธรรมชาติและการรักษา
สิ่งแวดล้อมให้ดำรงอยู่ได้ โดยไมมีการทำลาย เพื่อยกระดับมาตรฐานในการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวให
ยั่งยืน รวมทั้งกำหนดแนวทางในการบริหารจัดการคุณภาพของแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร ให้เป็นไป
ตามไปตามระดับมาตรฐานคณุ ภาพแหล่งทอ่ งเทยี่ วเทยี่ วเชิงเกษตร ที่กำหนดไว้ตอ่ ไป
มาตรฐานคุณภาพแหล่งท่องเที่ยวเที่ยวเชิงเกษตร หมายถึง การกำหนดแนวทางการ
พัฒนา การบริหารจัดการ การบริการและความปลอดภัย เพื่อการยกระดับคุณภาพของแหล่ง
ทอ่ งเทีย่ วเชงิ เกษตร ประกอบดว้ ย ๔ องค์ประกอบหลกั ไดแก
๑) ศักยภาพการบรหิ ารจัดการของแหล่งท่องเทยี่ วเทีย่ วเชงิ เกษตร
๒) ศกั ยภาพการรองรบั ของแหล่งทอ่ งเที่ยวเชิงเกษตร
๓) ศกั ยภาพการให้บริการของแหลง่ ทอ่ งเทยี่ วเชงิ เกษตร
๔) ศักยภาพการดงึ ดดู ใจของแหลง่ ทอ่ งเทย่ี วเท่ยี วเชงิ เกษตร
โดยคำนึงถึงการสร้างจิตสำนึกและการมีส่วนร่วมรับผิดชอบต่อสังคม ทรัพยากร และ
ส่งิ แวดล้อม เพ่ือใหเ้ กิดการพฒั นาแหลง่ ทอ่ งเทย่ี วอย่างย่ังยนื
34
การกำหนดกรอบแนวคิดและกำหนดเกณฑ์มาตรฐานคุณภาพแหล่งทองเท่ียวเชิงเกษตร
พิจารณาจากองค์ประกอบของอุตสาหกรรมการทองเที่ยว ๕ ปัจจัยร่วมกับมุมมองด้านการพัฒนา
อย่างย่งั ยนื ๕ ปจั จัย ดงั น้ี •
องคป์ ระกอบของอตุ สาหกรรมการทองเที่ยว
๑) ปัจจยั ด้านความดงึ ดูดของแหล่งทอ่ งเท่ยี ว (Attraction)
๒) ปจั จัยด้านส่ิงอำนวยความสะดวก (Amenities)
๓) ปัจจัยดา้ นการเขา้ ถึงแหลง่ ทอ่ งเที่ยว (Accessibility)
๔) ปจั จัยด้านความหลากหลายของกจิ กรรม (Activities)
๕) ปจั จยั ดา้ นทพี่ ัก (Accommodation) •
มมุ มองดา้ นการพฒั นาอย่างย่ังยืน
๑) ปจั จยั ด้านการจดั การแหลง่ ท่อง (Site Management)
๒) ปัจจยั ด้านแหลง่ เรยี นรู้ทางการเกษตร (Knowledge Management)
๓) ปัจจัยด้านการมีส่วนร่วมของชุมชนและความเขมแข็ง (Community Participations
and Community Strength)
๔) ปจั จัยดา้ นความมีไมตรจี ิต (Hospitality)
๕) ปัจจยั ดา้ นความปลอดภยั (Safety)23
๒.๓ แนวคดิ ทฤษฎีเก่ียวกับการมสี ว่ นรว่ ม
การมีส่วนร่วม “Participation” หมายถึง การมีส่วนร่วมของสมาชิกผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
(Stakeholders) ในชุมชนหรือประชาชนในการเข้ามาร่วมมีบทบาทในการดำเนินงานพัฒนาของ
ภาครฐั
๒.๓.๑ ความหมายการมีสว่ นร่วม
การมีส่วนร่วม (Public Participation) หมายถึง การกระจายโอกาสให้ประชาชนมีส่วน
ร่วมทางการบริหารเกี่ยวกับการตัดสินใจในเรื่องต่าง ๆ ร่วมทั้ง การจัดสรรทรัพยากรของชุมชนและ
ของชาติ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชน โดยการให้ข้อมูล แสดงความ
23 อา้ งแลว้ . กรมการทอ่ งเทย่ี ว. คู่มอื การประเมนิ มาตรฐานการท่องเท่ยี วเชงิ เกษตร. หนา้ ๑-๓
35
คิดเห็น ให้คำแนะนำปรึกษา ร่วมวางแผน ร่วมปฏิบัติ รวมตลอดจนการควบคุมโดยตรงจาก
ประชาชน24
การมีส่วนร่วม (Participation) ตามพจนานุกรมอังกฤษฉบับอ๊อกฟอร์ด ได้ให้คำนิยามไว้
ว่า “เป็นการมีส่วน (ร่วมกับคนอื่น) ในการกระทำบางอย่างหรือบางเรื่อง” คำว่า การมีส่วนร่วม
โดยมากมกั จะใชใ้ นความหมายตรงขา้ มกับคำว่า “การเมนิ เฉย (Apathy)” ฉะนัน้ คำวา่ การมีส่วนร่วม
ตามความหมายข้างต้น จงึ หมายถงึ การที่บุคคลกระทำการในเรื่องใดเรือ่ งหน่ึงหรือในประเด็นที่บุคคล
นั้นสนใจ ไม่ว่าเขาจะได้ปฏิบัติการเพื่อแสดงถึงความสนใจอย่างจริงจังหรือไม่ก็ตาม และไม่จำเป็นที่
บุคคลนั้นจะต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับกิจกรรมนั้นโดยตรงก็ได้ แต่การมีทัศนคติ ความคิดเห็น ความ
สนใจ หว่ งใย ก็เพียงพอแลว้ ท่ีจะเรยี กวา่ เปน็ การมีสว่ นรว่ มได้25
เสาวนิตย์ ชัยมุสิก ได้กล่าวถึงการมีส่วนร่วม หมายถึง การที่ปัจเจกบุคคลก็ดี กลุ่มคน
หรือองค์กรประชาชนได้อาสาเข้ามามีส่วนร่วมในการตัดสินใจการดำเนินโครงการ การแบ่งปัน
ผลประโยชน์และการประเมินผลโครงการพัฒนาด้วยความสมัครใจโดยปราศจากข้อกำหนดที่มาจาก
บคุ คลภายนอกและเปน็ ไปเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของสมาชิกในชุมชน รวมท้ังท่ี อำนาจอิสระ
ในการแบ่งปนั ผลประโยชนท์ ีเ่ กิดจากการพฒั นาให้กับสมาชิกดว้ ยความพึงพอใจและผู้เขา้ มามีส่วนร่วม
มคี วามรูส้ กึ เปน็ เจา้ ของโครงการด้วย26
การมีส่วนร่วม หมายถึง “กระบวนการที่ความกังวล ความต้องการ และคุณค่าของ
ประชาชน ไดร้ บั การบรู ณาการในกระบวนการตัดสินใจของภาครัฐ ผา่ นกระบวนการสื่อสารแบบ สอง
ทาง โดยมีเป้าหมายโดยรวมเพื่อที่จะทำให้เกิดการตัดสินใจที่ดีขึ้นและได้รับการสนับสนุนจาก
ประชาชน” การมีสว่ นรว่ มนนั้ จะหมายถึงการที่ประชาชนมีโอกาสแสดงความคิดเหน็ ก่อนการตัดสินใจ
จะเกิดขึ้น หรือหมายความว่า ผู้มีอำนาจตัดสินใจจะสามารถตัดสินใจใดๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อ
ประชาชนได้ก็ตอ่ เมอื่ ไดร้ ับความเหน็ ชอบ จากประชาชนก่อนเทา่ นัน้ Creighton ต้ังคำถามถงึ ประเด็น
ผู้มีอำนาจตัดสินใจ โดยพิจารณาว่าทำไม เจ้าหน้าที่ของรัฐจึงเป็นผู้มีอำนาจตัดสินใจได้เท่านั้น
ถึงแม้ว่าปัจจุบันเจ้าหน้าที่ของรัฐมีแนวโน้มที่จะทำกระบวนการตัดสินใจให้เปิดเผย และมีความ
24 คะนึงนิจ ศรีบัวเอ่ียม และคณะ. แนวทางการเสรมิ สรา้ งประชาธิปไตยแบบมสี ่วนรว่ มตาม
รฐั ธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจักรไทย พ.ศ.๒๕๔๐ : ปญั หา อุปสรรค และทางออก, (กรงุ เทพฯ : ธรรมดาเพลส,
๒๕๔๕).
25 เกยี รตขิ จร วจั นะสวสั ด,ิ์ การมีส่วนร่วมของประชาชนต่อการดำเนนิ นโยบายของรัฐบาลด้านการ
บรกิ ารจดั หางาน, (กรุงเทพฯ : กองแผนงานและสารสนเทศ กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน, ๒๕๕๐), หนา้ ๑.
26 เสาวนิตย์ ชยั มสุ ิก, การบริหารโรงเรยี นเปน็ ฐานเพือ่ การประกนั คณุ ภาพการศกึ ษา,
(กรุงเทพมหานคร : โรงพมิ พ์บุคพอยท์ , ๒๕๔๒), หน้า ๔๑.
36
โปร่งใสมากขึ้น แต่ในหลายกรณีหรือสถานการณ์ โดยอำนาจการตัดสินใจขั้นสุดท้ายก็ยังคงเป็นของ
เจา้ หน้าทภี่ าครัฐอยู่นนั่ เอง27
ตามความหมายของนักวิชาการท่ีใหข้ า้ งตน้ สรุปไดว้ า่ การมีส่วนร่วม หมายถึง การทบ่ี คุ คล
มสี ่วนรว่ มในการคิด การวางแผน การตัดสนิ ใจ การแกไ้ ขปัญหาและมีส่วนร่วมในการปฏิบัติ เพ่ือแก้ไข
ปรับปรุง วางแผน และประเมนิ ผลงานน้ันๆ
๒.๓.๒ ทฤษฎกี ารมสี ่วนรว่ ม
แบง่ ออกเปน็ ๒ กล่มุ ใหญ่ คือ
๑) ทฤษฎีความเป็นผู้แทน (Representative) ทฤษฎีนี้เนน้ ความเปน็ ผู้แทนของผู้นำ และ
ถือว่าการมีส่วนร่วมในการเลือกตั้งหรือถอดถอนผู้นำเป็นเครื่องหมายของการที่จะให้หลักประกันกับ
การบริหารงานที่ดี อย่างไรก็ตามทฤษฎีนี้ เน้นเฉพาะการวางโครงสร้างสถาบัน เพื่อเป็นเครื่องมือใน
การให้ผ้ตู ามเข้ามามสี ว่ นร่วมในการตัดสินใจขององค์กรอยา่ งแท้จริง ผู้ทมี่ สี ว่ นรว่ มอย่างแท้จริงในการ
ตดั สินใจ ไดแ้ ก่ บรรดาผนู้ ำต่างๆ ทเ่ี สนอตัวเขา้ มาสมัครรับเลือกตั้ง สว่ นผู้ตามน้ันเป็นเพียงไม้ประดับ
เท่าน้นั
๒) ทฤษฎปี ระชาธิปไตยแบบมีสว่ นรว่ ม (Participatory democracy) ทฤษฎีนี้การมีส่วน
ร่วม มีวัตถุประสงค์ไม่เฉพาะแค่การเข้าไปพิจารณาเลือกตั้ง หรือถอดถอนผู้นำเท่านั้น แต่ยังรวมไป
ถึงการเข้าไปมีส่วนร่วมในทุกขั้นตอนของการวางนโยบาย ยิ่งกว่านั้นทฤษฎีนี้ ยังมองการมีส่วนร่วม
เป็นการให้การศึกษา และพัฒนาการกระทำทางการเมืองและสังคมที่มีความรับผิดชอบนั้นคือการไม่
ยอมให้มีส่วนร่วมที่นับว่าเป็นการคุกคามต่อเสรีภาพของผู้ตาม ลักษณะการมีส่วนร่วมของประชาชน
ในการพฒั นา ดังนี้
๑. ร่วมทำการศึกษา ค้นคว้าปัญหา และสาเหตุของปัญหาที่เกิดขึ้นในชุมชน ตลอดถึง
ความตอ้ งการของชมุ ชน
๒. ร่วมคิดและสร้างรูปแบบและวิธีการพัฒนาเพื่อแก้ไขและลดปัญหาของชุมชน หรือ
สรา้ งสรรคส์ ิ่งใหม่ทีเ่ ปน็ ประโยชน์ตอ่ ชุมชนหรอื สนองความตอ้ งการของชมุ ชน
๓. ร่วมวางนโยบายหรือแผนงานหรือโครงการหรอื กิจกรรมเพื่อขจดั และแก้ไขปัญหาและ
สนองความตอ้ งการของชุมชน
27 ศ.นพ.วนั ชัย วฒั นศพั ท,์ ค่มู ือการมีสว่ นรว่ มของประชาชนในการตัดสินใจของชมุ ชน,
(กรุงเทพมหานคร : สถาบันพระปกเกล้า และ มูลนธิ ิอาเซยี , ๒๕๕๒), หน้า ๗.
37
๔. ร่วมตัดสินใจการใช้ทรัพยากรที่มีจำกัดให้เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม ร่วมจัดหรือ
ปรับปรุง ระบบการบรหิ ารงานพฒั นาให้มปี ระสิทธิภาพและประสิทธิผล
๕. ร่วมลงทุนในกิจกรรมโครงการของชุมชนตามขดี ความสามารถของตนเอง
๖. ร่วมปฏิบตั ติ ามนโยบาย แผนงาน โครงการ และกิจกรรมให้บรรลุตามเป้าหมาย
๗. ร่วมควบคุม ติดตาม ประเมินผล และร่วมบำรุงรักษาโครงการ และกิจกรรมที่ได้ทำไว้
โดยเอกชน และรัฐบาลใหใ้ ช้ประโยชนไ์ ดต้ ลอดไป
กลุ่มผู้เชี่ยวชาญที่ให้ข้อเสนอแนะ เกี่ยวกับการมีส่วนร่วมของประชาชนในการประชุม ณ
องค์การสหประชาชาติ เคยระบุไว้ว่า การมีส่วนร่วมของประชาชนเป็นคำที่ไม่อาจกำหนด นิยาม
ความหมายเดียวที่ครอบคลุมได้ เพราะความหมายของการมีส่วนร่วมอาจแตกต่างกันไปในแต่ละ
ประเทศ หรือแมแ้ ต่ในประเทศเดียวกันกต็ าม หากจะใหเ้ ขา้ ใจชดั และมกี ารนิยามความหมายของการมี
ส่วนร่วมของประชาชนควรมีลักษณะจำกัดเฉพาะในระบบเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองหนึ่งๆ น้ัน
อย่างไรก็ดีกลุ่มผู้เชี่ยวชาญดังกล่าวได้ขยายความการมีส่วนร่วมของประชาชนว่า ครอบคลุมประเด็น
ดังนี้
๑. การมีส่วนร่วมของประชาชนครอบคลุมการสร้างโอกาสที่เอื้อให้สมาชิกทุกคนของ
ชุมชน และของสังคมได้ร่วมกิจกรรม ซึ่งนำไปสู้และมีอิทธิพลต่อกระบวนการพัฒนา และเอื้อใหไดรับ
ประโยชนจ์ ากการพฒั นาโดยเท่าเทียมกัน
๒. การมีส่วนร่วมสะท้อนการเขย่าเกี่ยวข้อง โดยสมัครใจและเป็นประชาธิปไตยในกรณี
ดังต่อไปนี้
๒.๑ การเอ้อื ให้เกิดการพยายามพฒั นา
๒.๒ การแบ่งสรรผลประโยชนจากการพัฒนาโดยเทา่ เทยี มกัน
๒.๓ การตัดสินใจเพื่อกำหนดเป้าหมายกำหนดนโยบายการวางแผนดำเนินการโครงการ
พัฒนาทางเศรษฐกิจและสงั คม
๓. เมื่อพิจารณาในแง่นี้การมีส่วนร่วมเป็นตัวเชื่อมโยงระหว่างสาวนที่ประชาชนลงแรง
และ ทรัพยากรเพื่อพัฒนา กับประโยชน์ที่ได้รับจากการลงทุนลงแรงดังกล่าว กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ
การมี
ส่วนรวมของประชาชนในการตดั สินใจ ไม่ว่าระดับทอ้ งถิน่ ภูมิภาค และระดับชาติจะชว่ ย
ก่อใหเ้ กดิ ความเชอื่ มโยงระหว่างสง่ิ ท่ีประชาชนลงทุนลงแรงกับประโยชนท์ ี่ได้
38
๔. การมีส่วนร่วมของประชาชนอาจผิดแผกแตกต่างกันไปตามสภาพเศรษฐกิจของ
ประเทศ นโยบายและโครงสร้างการบริหาร รวมทั้งลักษณะเศรษฐกิจสังคมของประชากรการมีส่วน
ร่วมของ ประชาชนมิได้เป็นเพียงเทคนิควิธีการแต่เป็นปัจจัยสำคัญในการประกันให้เกิ ด
กระบวนการพฒั นา ทีม่ งุ่ ประโยชน์ต่อประชาชน
๕. การพิจารณาการมีส่วนร่วมในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาอาจนำไปสู่ข้อสรุปที่ว่า
การมีสว่ นรว่ มเปน็ กระบวนการปลดปล่อยมนุษยจ์ ากโซ่ตรวนผูกพนั ใหเ้ ป็นอิสระในการกำหนดวิถีชีวิต
ของตนเอง ดังมีผู้นิยามว่า โดยพื้นฐานแล้ว การมีส่วนร่วมหมายถึง การปลดปล่อยประชาชนให้ หลุด
พ้นจากการเปน็ ผู้รบั ผลจากการพัฒนาและให้กลายเป็นผู้กระทำในกระบวนการเปล่ยี นแปลง และการ
เข้าสูภ่ าวะทันสมัย ดังนนั้ การมีส่วนรว่ ม ของประชาชนจึงหมายถึง กระบวนการกระทำที่ประชาชนมี
ความสมคั รใจเขา้ มามสี ว่ นในการกำหนดการเปลี่ยนแปลงเพ่ือประชาชนเอง โดยใหป้ ระชาชนได้มีส่วน
ในการตดั สนิ ใจเพอ่ื ตนเอง28
๒.๓.๓ ทฤษฎีการมสี ่วนรว่ มของประชาชน มีดังนี้
๑) ทฤษฎีการเกลี้ยกล่อมมวลชน (Mass Persuation Theory) กล่าวถึงการใช้ คำพูด
หรือการเขียนเพื่อให้เกดิ ความเชื่อถือและการกระทำโดยใช้หลักพฤติกรรมของมนุษย์ การเกลี้ยกล่อม
ต้องอาศัยชนส่วนใหญ่ และใช้เวลามาก ในการเกลี้ยกล่อมต้องอาศัยพฤติกรรม สัญชาตญาณ
การศึกษาอบรมและความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งแวดล้อมรอบตัว การเกลี้ยกล่อมจะให้ ผลดีต้องสร้าง
ความสนใจในเร่ืองที่จะเกลย้ี กล่อมใหเ้ ขา้ ใจแจ่มแจ้ง ให้เกิดศรัทธาตรงกบั
๒) ทฤษฎีการระดมสร้างขวัญของชนในชาติ (National Morale Theory) กล่าวถึงการ
สร้างกำลังใจหรือการสร้างขวัญขึ้นมาเพื่อให้คนเกิดกำลังใจในการทำงานในการฝ่าฟัน อุปสรรค ต่าง
ๆ คนที่มีขวัญในการทำงานดีจะเกิดความรู้สึกรับผิดชอบต่อส่วนรวมมากกว่าคนที่ ไม่มีขวัญและ
กำลงั ใจ เมอ่ื คนมสี ำนึกรับผิดชอบต่อสว่ นรวม กจ็ ะทำใหเ้ ขามีความคิดที่จะเข้าไป มีส่วนร่วมกับสังคม
ในด้านตา่ ง ๆ เพื่อทจ่ี ะพิทักษ์รกั ษาทรัพย์สมบัติของสว่ นรวมเอาไว้
๓) ทฤษฎีการสร้างผู้นำ (Leadership Theory) ทฤษฎีนี้กล่าวถึงการจูงใจให้ คนทำงาน
ด้วยความเต็มใจ เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ร่วมกัน ชนหมู่มากจำเป็นจะต้องมีผู้นำที่มี ความสามารถใน
การตัดสินใจ รู้จักประนีประนอม รับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น และอดทน ต่อคำวิพากษ์วิจารณ์ ผู้นำ
ช่วยให้เกิดความร่วมมือในการปฏิบัติงานกันอย่างมีขวัญและกำลังใจ ทำให้คนหมู่มากเข้ามาร่วมคิด
28 พนั ธทิพย รามสูตร, การวิจัยเชิงปฏิบัตกิ ารอยางมสี วนรวม, (กรงุ เทพฯ: สถาบนั พัฒนาการ
สาธารณสขุ อาเซียน มหาวิทยาลยั มหดิ ล, ๒๕๔๐), หนา ๒.
39
ร่วมทำกิจกรรมตา่ ง ๆ ให้สำเร็จลุล่วงไปได้ การสร้างผูน้ ำจึงเป็น การส่งเสริมการมีส่วนรว่ มอย่างหน่งึ
เพราะผนู้ ำที่ดี สามารถจงู ใจใหค้ นคล้อยตาม และเต็มใจทจ่ี ะ ให้ความรว่ มมือดว้ ยดี
๔) ทฤษฎีการใช้วิธีและระบบทางการบริหาร (Administrative System and Method
Theory) กล่าวว่าการใช้ระบบการบริหารเป็นวิธีการในการระดมความร่วมมือที่ง่ายที่สุด เพราะใช้
กฎหมายระเบียบแบบแผนในการดำเนินการ แต่ผลของการร่วมมือยังไม่มีระบบใดดีที่สุด ระบบการ
บริหารแบบกระจายอำนาจ ถือว่าเป็นหัวใจสำคัญของแนวการพัฒนาที่มุ่งให้ประชาชน มีส่วนร่วมใน
การกำหนดนโยบาย ในการตัดสินใจ การประเมินผลโครงการและอื่น ๆ ไม่ว่า ประชาชนจะเข้าร่วม
โดยตรง หรือเขา้ ร่วมโดยออ้ ม ผา่ นผู้แทนหรือไม่กต็ าม
๕) ทฤษฎีแรงจูงใจ (Theory of Human Motivation) มาสโลว์ ไดอ้ ธิบายวา่ การท่ีจะจูง
ใจคนนั้น จะต้องรู้ความต้องการตามลำดับข้ันของคน และการปฏิบัตกิ ารเพ่ือสนองตอบความต้องการ
เหลา่ นั้น มาสโลว์ แบง่ ลำดับความตอ้ งการ ของคนออกเปน็ ๕ ระดับ
๒.๓.๔ หลกั การสรา้ งการมสี ว่ นรว่ มของประชาชน
การเปดิ โอกาสให้ประชาชนและผู้ที่เก่ียวข้องทุกภาคส่วนของสังคมได้เข้ามามีส่วนร่วมกับ
ภาคราชการนั้น International Association for Public Participation ได้แบ่งระดับของการสร้าง
การมีส่วนรว่ มของประชาชนเปน็ ๕ ระดับ29 ดงั น้ี
๑. การให้ข้อมูลข่าวสาร ถือเป็นการมีส่วนร่วมของประชาชนในระดับต่ำที่สุด แต่เป็น
ระดับที่สำคัญที่สุด เพราะเป็นก้าวแรกของการที่ภาคราชการจะเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้าสู่
กระบวนการมีส่วนร่วมในเรื่องต่าง ๆ วิธีการให้ข้อมูลสามารถใช้ช่องทางต่าง ๆ เช่น เอกสารสิ่งพิมพ์
การเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารผ่านทางสื่อต่าง ๆ การจัดนิทรรศการ จดหมายข่าว การจัดงานแถลงข่าว
การตดิ ประกาศ และการใหข้ ้อมลู ผ่านเวบ็ ไซต์ เปน็ ต้น
๒. การรับฟังความคิดเห็น เป็นกระบวนการที่เปิดให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการให้ข้อมูล
ข้อเท็จจรงิ และความคิดเหน็ เพื่อประกอบการตัดสินใจของหน่วยงานภาครฐั ด้วย วธิ ีตา่ ง ๆ เช่น การ
รับฟังความคิดเห็น การสำรวจความคิดเห็น การจัดเวทีสาธารณะ การแสดงความคิดเห็นผ่าน
เว็บไซต์ เป็นต้น
๓. การเกี่ยวข้อง เป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการปฏิบัติงาน หรือร่วม
เสนอแนะแนวทางที่นำไปสู่การตัดสินใจ เพื่อสร้างความมั่นใจให้ประชาชนว่าข้อมูลความคิดเห็นและ
29 กลุม่ พฒั นาระบบบรหิ าร, การมีสว่ นรว่ มของประชาชน, กรุงเทพมหานคร : สำนักงาน
ปลดั กระทรวงสาธารณสขุ , ๒๕๔๙, (อดั สำเนา).
40
ความต้องการของประชาชนจะถูกนำไปพิจารณาเป็นทางเลือกในการบรหิ ารงานของภาครฐั เชน่ การ
ประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อพิจารณาประเด็นนโยบายสาธารณะ ประชาพิจารณ์ การจัดตั้งคณะทำงาน
เพ่อื เสนอแนะประเด็นนโยบาย เป็นตน้
๔. ความร่วมมือ เป็นการให้กลุ่มประชาชนผู้แทนภาคสาธารณะมีส่วนร่วม โดย
เปน็ หนุ้ สว่ นกบั ภาครฐั ในทุกข้ันตอนของการตัดสนิ ใจ และมกี ารดำเนินกิจกรรมรว่ มกนั อย่างต่อเนื่อง
เช่น คณะกรรมการท่มี ีฝา่ ยประชาชนรว่ มเปน็ กรรมการ เป็นต้น
๕. การเสริมอำนาจแก่ประชาชน เป็นขั้นที่ให้บทบาทประชาชนในระดับสูงที่สุด โดยให้
ประชาชนเป็นผูต้ ัดสินใจ เช่น การลงประชามติในประเด็นสาธารณะต่าง ๆ โครงการกองทุนหมู่บ้านท่ี
มอบอำนาจใหป้ ระชาชนเป็นผ้ตู ดั สินใจท้ังหมด เป็นตน้
๒.๓.๕ การส่งเสริมการมีสว่ นรว่ มของประชาชน
หลกั การสำคญั ของการส่งเสริมการมสี ว่ นรว่ มของประชาชนมดี งั น้ี30
๑. หลักการสรา้ งความสมั พนั ธท์ ดี่ ีต่อกนั ระหวา่ งทางราชการกบั ประชาชน โดยยึดถือ
ความศรัทธาของประชาชนที่มีต่อหนว่ ยงานหรือตอ่ บุคคล
๒. หลกั การขจดั ความขดั แรง ความขดั แยง้ ในเรื่องผลประโยชนแ์ ละความคิด จะมีอิทธิพล
ตอ่ การดำเนินงานพัฒนาเปน็ อยา่ งมากเพราะจะทำให้งานหยุดชะงักและลมเหลว
๓. หลักการสร้างอุดมการณ์และค่านิยมในด้านความขยัน ความอดทน การร่วมมือ การ
ซื่อสัตย์ และการพึ่งตนเอง เพราะอุดมการณ์เป็นเรื่องที่จะจูงใจประชาชนให้ร่วมสนับสนุนนโยบาย
และเป้าหมายการดำเนนิ งาน และอาจก่อใหเ้ กิดขวญั และกำลังใจ ในการปฏบิ ัตงิ าน
๔. การใหก้ ารศึกษาอบรมอย่างต่อเนื่องเปน็ การส่งเสรมิ ใหค้ นมีความรู้ความคิดของตนเอง
ช่วยให้ประชาชนมั่นใจในตนเองมากขึ้น การให้การศึกษาอบรมโดยให้ประชาชนมีโอกาสทดลองคิด
ปฏิบัติ จะช่วยให้ประชาชนสามารถคุ้มครองตนเองได้ รู้จักวิเคราะห์เห็นคุณค่าของงาน และนำไปสู่
การเขา้ รว่ มในการพฒั นา
๕. หลักการทำงานเปน็ ทมี สามารถนำมาใช้ในการแสวงหาความรว่ มมือในการพัฒนาไดส้ ิ
๖. หลกั การสรา้ งพลังชุมชน การรวมกลมุ่ กันทำงานจะทำให้เกิดพลังในการทำงานและทำ
ใหง้ านเกดิ ประสทิ ธิภาพ
30 ชิต นิลพานิช และกลุ ธน ธนาพงศธร. การมสี ว่ นรว่ มของประชาชนในการพฒั นาชนบท. เอกสาร
การสอนชุดวิชาความร้ทู ัว่ ไปสำหรบั การพัฒนาระดบั ตำบล หมูบ่ า้ น (พิมพค์ ร้งั ที่ ๓, หน่วยท่ี ๘), (นนทบุรี : โรงพมิ พ์
มหาวทิ ยาลยั สุโขทยธรรมาธิราช, ๒๕๓๒), หน้า ๓๖๒.
41
๒.๓.๖ กรรมวธิ ใี นการมีส่วนรว่ มของประชาชน
กรรมวิธกี ารมสี ว่ นร่วมของประชาชนสามารถทำได้หลายวธิ ีท่ีสำคญั 31 มดี งั ต่อไปนี้
๑. การเข้าร่วมประชุมอภิปราย เป็นการเข้าร่วมถกปัญหาหรือเนื้อหาสาระของ แผนงาน
หรือโครงการพฒั นา เพอื่ สอบถามความคิดเหน็ ของประชาชน
๒. การถกเถียง เปน็ การแสดงความคิดเห็นโตแ้ ยง้ ตามวถิ ีทางประชาธิปไตยเพ่ือใหท้ ราบถึง
ผลดี ผลเสียในกรณีต่างๆ โดยเฉพาะประชาชนในท้องถิ่นที่มีผลกระทบทั้งทางบวกและทางลบต่อ
ความเปน็ อยู่ของเขา
๓. การให้คำปรึกษาแนะนำ ประชาชนต้องร่วมเป็นกรรมการในคณะกรรมการบริหาร
โครงการเพื่อให้ความมั่นใจว่ามีเสียงของประชาชนที่ถูกผลกระทบเข้ามีส่วนร่วม รับรู้และร่วมในการ
ตัดสินใจและการวางแผน
๔. การสำรวจ เปน็ วิธกี ารให้ประชาชนไดม้ ีสว่ นรว่ มแสดงความคิดเหน็ ในเรื่อง ต่างๆ อยา่ ง
ทั่วถึง
๕. การประสานงานร่วมเป็นกรรมวิธีที่ประชาชนเข้าร่วมตั้งแต่การคัดเลือกตัวแทนของ
กลุ่มเข้าไปเป็นแกนนำในการจดั การหรอื บริหาร
๖. การจัดทัศนศึกษาเป็นการให้ประชาชนได้เข้าร่วมตรวจสอบข้อเท็จจริง ณ จุด
ดำเนนิ การกอ่ นใหม้ ีการตดั สินใจอยา่ งใดอยา่ งหนงึ่
๗. การสัมภาษณ์หรือพูดคุยอย่างไม่เป็นทางการกับผู้นำ รวมทั้งประชาชนที่ได้รับ
ผลกระทบเพื่อหาขอ้ มูลเกีย่ วกับความคดิ เหน็ และความต้องการทแ่ี ทจ้ รงิ ของท้องถิน่
๘. การไต่สวนสาธารณะเป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนทุกกลุ่มเข้าร่วมแสดงความ
คดิ เหน็ ตอ่ นโยบาย กฎ ระเบยี บในประเด็นต่างๆ ท่ีจะมผี ลกระทบต่อประชาชนโดยรวม
๙. การสาธิต เป็นการใช้เทคนิคการสื่อสารทุกรูปแบบเพื่อเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร ให้
ประชาชนรบั ทราบอยา่ งทัว่ ถงึ และชัดเจนอันจะเปน็ แรงจูงใจใหเ้ ข้ามามสี ว่ นรว่ ม
๑๐. การรายงานผล เป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนทบทวนและสะท้อนผลการตัดสินใจ
ตอ่ โครงการอีกครง้ั หน่ึง หากมีการเปล่ยี นแปลงจะได้แก้ไขได้ทนั ท่วงที
๒.๔ แนวคิดทฤษฎีดา้ นกลยุทธ์การตลาด
31 โกวทิ ย์ พวงงาม. การเสริมสร้างความเข้มแขง็ ของชมุ ชน. (ม.ป.ท, ๒๕๔๕), หนา้ ๑๑.
42
การจดั การดา้ นการตลาด คอื การท่ธี ุรกิจต้องการทำใหผ้ บู้ ริโภคมีความต้องการและ
เกดิ ความพึงพอใจในตวั สินค้า ได้รับความสะดวกในการซ้ือสินค้า ตลอดจนทราบรายละเอียดเกี่ยวกับ
สินค้า ธุรกิจหรือองค์กรต้องทำการวางแผนการจัดการด้านส่วนประสมทางการตลาด (Marketing
Mix) ในขั้นต้นธุรกิจต้องกำหนดตลาดเป้าหมายและระบุตำแหน่งทางการตลาดให้ชัดเจนโดยอาศัย
กระบวนการ STP marketing (Segmenting, Targeting, Positioning) 32 ซงึ่ ประกอบดว้ ย
๑. การแบ่งส่วนตลาด (Segmenting หรือ Market Segmentation) หมายถึง การ
แบ่งตลาด ของผลิตภัณฑ์ชนิดใดชนิดหนึง่ ออกตามลักษณะความต้องการที่คล้ายคลึงกันออกเป็นตลาดย่อย
(Sub Market) หรือ ส่วนตลาด (Market Segment) เพื่อที่จะเลือกตลาดใดตลาดหนึ่งเป็นตลาด
เป้าหมายแล้วใช้ส่วนประสมทางการตลาดเฉพาะอย่าง เพ่อื ให้เขา้ ถึงลูกค้าตามตลาดเปา้ หมาย
๒. การกำหนดตลาดเป้าหมาย (Targetingหรือ Market Targeting) หมายถึง การประเมิน
และเลือกหนึ่งส่วนตลาดหรือมากกว่าเป็นเป้าหมาย เป็นงานที่ต้องทำเมื่อมีการแบ่งส่วนตลาดแล้ว
ซ่ึงประกอบด้วยส่วนของการประเมินสว่ นตลาดและการเลือกส่วนตลาด
๓. การกำหนดตำแหน่งผลิตภัณฑ์ (Positioning หรือ Market Positioning)
หมายถึง กิจกรรมการออกแบบผลิตภัณฑ์ของธุรกิจและภาพลักษณ์ของสิ่งที่นำเสนอเพื่อให้เป็น
ตำแหน่งที่มี ความสำคัญและตำแหน่งในการแข่งขันที่แตกต่างในจิตใจของลูกค้าที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย
การจัดการเกี่ยวกับส่วนประสมทางการตลาด หมายถึง การจัดการเครื่องมือทางการตลาด ที่ควบคุม
ได้และนำมาใช้ร่วมกนั เพ่ือตอบสนองความพึงพอใจของกลุ่มเป้าหมาย เพื่อใหบ้ รรลุ วัตถุประสงค์ทาง
การตลาดท่ีกำหนดไว้ สว่ นประสมทางการตลาดประกอบดว้ ย
๑. ผลิตภัณฑ์ (Product) หมายถึง สิ่งที่เสนอขายโดยธุรกิจเพื่อสนองความต้องการ
ของ ลูกค้าให้พึงพอใจ ผลิตภัณฑ์ที่เสนอขายอาจจะมีตัวตนหรือไม่มีตัวตนก็ได้ ผลิตภัณฑ์ (Product)
นี้ ประกอบด้วย สินค้า บริการ ความคิด สถานท่ี องค์กรหรือบุคคล ผลิตภัณฑ์ต้องมีอรรถประโยชน์
หรอื มมี ลู ค่าในสายตาลูกคา้ จงึ มผี ลทำใหผ้ ลติ ภณั ฑ์สามารถขายได้
๒. ราคา (Price) หมายถึง มูลค่าผลิตภัณฑ์ในรูปตัวเงิน ราคาเป็นต้นทุนของลูกค้า
โดย ลูกค้าจะเปรียบเทียบระหว่างมูลค่าผลิตภัณฑ์กับราคาผลิตภัณฑ์ ถ้ามูลค่าสูงกว่าราคา ลูกค้าจึง
ตัดสนิ ใจซอื้ การกำหนดราคาควรจะเป็นทยี่ อมรับของลูกค้าโดยควรคำนงึ ถึงตน้ ทุนและการแข่งขนั
๓. การจัดจำหน่าย (Place หรือ Distribution) หมายถึง โครงสร้างของช่องทาง ซึ่งประกอบด้วย
สถาบันและกิจกรรม ใช้เพ่ือเคลื่อนย้ายผลิตภัณฑ์และการบริการจากองค์กรไปยังตลาด สถาบันที่นำ
32 เสรรี ัตน์ และคณะ. องค์การและการจดั การ. กรงุ เทพมหานคร: โรงพมิ พธ์ รรมสาร. ๒๕๔๕หนา้ ๑๘
43
ผลิตภัณฑอ์ อกสูต่ ลาดเป้าหมาย ซึ่งก็คือ สถาบันตลาด ส่วนกิจกรรมเป็นกิจกรรมที่ช่วยในการกระจาย
ตวั สนิ ค้า ประกอบดว้ ย การขนสง่ การคลงั สินคา้ และการเก็บรักษาสินค้า คงคลงั
๔. การสง่ เสริมการตลาด (Promotion) เป็นการติดตอ่ ส่ือสารเกี่ยวกบั ข้อมลู ระหว่าง
ผู้ขายกับผู้ซื้อ เพื่อสร้างทัศนคติและพฤติกรรมการซื้อ การติดต่อสื่อสารอาจเป็นการขายโดยใช้
พนักงานขาย (Personal Selling) และการติดต่อสื่อสารโดยใช้สื่อ (Non Personal Selling) โดยมี
รายละเอยี ด ดังนี้
๔.๑ การโฆษณา (Advertising) เป็นกิจกรรมในการเสนอข่าวสารเกี่ยวกับ
องค์กรและ ผลิตภัณฑ์ บริการ หรือแนวความคิด ที่ต้องการจ่ายเงินโดยผู้อุปถัมภ์รายการ เช่น การ
โฆษณาสินค้า หรือบริการผ่านสื่อโทรทศั น์ วทิ ยุ หนังสอื พิมพ์ นติ ยสาร ฯลฯ
๔.๒ การขายโดยใช้พนักงานขาย (Personal Selling) เป็นกิจกรรมการ
แจง้ ขา่ วสารและ จูงใจตลาดโดยใช้บคุ คล
๔.๓ การให้ข่าวและการประชาสมั พนั ธ์ (Publicity and Public Relation)
การให้ข่าว เป็นการเสนอความคิดเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการที่ไม่ต้องมีการจ่ายเงิน ส่วนการ
ประชาสัมพันธ์ หมายถึง การพยายามที่มีการวางแผนโดยองค์กรหนึง่ เพื่อสร้างทัศนคติที่ดีต่อองค์กร
ใหเ้ กิดกับกล่มุ ใดกลุ่มหนึ่ง
๔.๔ การส่งเสริมการขาย (Sales Promotion) หมายถึง กิจกรรมการ
ส่งเสริมที่ นอกเหนือจากการโฆษณา การขายโดยใช้พนักงาน และการให้ข่าวและการประชาสัมพันธ์
ซึ่งสามารถกระตุ้นความสนใจ ทดลองใช้หรือการซื้อโดยลูกค้าขั้นสุดท้ายหรือบุคคลอื่นช่องทาง การ
ส่งเสริมการขายอาจมุ่งผู้บริโภค เช่น การแจกของแถม ลดราคา แจกของตัวอย่าง ฯลฯ หรือ อาจจะ
มุ่งที่คนกลาง เช่น การให้ส่วนลด การให้คูปองการคา้ ฯลฯ หรืออาจจะมุ่งที่พนกั งานขาย เช่น การให้
รางวลั การประชุมพนกั งานขาย ฯลฯ
๒.๓.๑ กลยทุ ธ์การตลาดดา้ นบรกิ าร
ทฤษฎีสว่ นประสมทางการตลาดสำหรับธรุ กจิ บรกิ าร (๗P’s)
ในอดีตนั้นจะมีการกล่าวถึงแค่ส่วนประสมทางการตลาดสำหรับสินค้า(๔P’s) ซึ่งจะ
ประกอบไปด้วย ๔ องค์ประกอบ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ ราคา ช่องทางการจัดจำหน่าย และการส่งเสริม
การตลาด แต่ปัจจุบันได้เกิดธุรกิจบริการเพิ่มมากขึ้นและการขายสินค้านั้นจะประกอบไปด้วยการ
บริการเพิ่มขึ้นมา จึงทำให้เกิดแนวคิดใหม่ คือ ส่วนประสมทางการตลาดสำหรับธุรกิจบริการ (๗P’s)
ที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ไดก้ ับทกุ ธุรกิจ โดยเพิ่มในส่วนของพนักงาน กระบวนการในการให้บรกิ าร
และส่ิงแวดล้อมทางกายภาพ
44
ส่วนประสมทางการตลาดสำหรับธุรกิจบริการของ Philip Kotle (๗P’s)33 มีรายละเอียด
ดงั ต่อไปน้ี
๑) ผลติ ภณั ฑ์ (Product)
สำหรับธุรกิจบริการนั้น ผลิตภัณฑ์ไม่มีตัวตน ไม่สามารถจับต้องได้ มีลักษณะเป็นการ
กระทำ ซง่ึ คณุ ภาพของการบริการจะมาจากหลายปจั จัย เชน่ ความรคู้ วามสามารถ และการให้บริการ
ทดี่ ีของพนักงาน ความพรอ้ มของเคร่ืองมือหรืออุปกรณ์ที่ใช้ในการให้บริการ ความสะอาดของสถานท่ี
ที่ใหบ้ ริการ เปน็ ตน้
๒).ราคา (Price)
การตั้งราคาเป็นสิ่งที่กำหนดรายได้ของกิจการ แต่ก็ไม่สามารถตั้งราคาตามใจชอบได้
ขึ้นอยู่กับสภาวะการแข่งขันภายในตลาดและความต้องการของลูกค้า โดยการตั้งราคาจะมีผลต่อการ
ตัดสินใจซ้อื บริการของลูกคา้ และเปน็ ตัวบ่งบอกคุณภาพของการให้บริการ กล่าวคอื ถ้าตั้งราคาสูงจะ
สะท้อนถึงคุณภาพการให้บริการที่ดี และลูกค้าก็จะมีความคาดหวังที่สูงตามไปด้วย ทั้งนี้ การที่ลูกค้า
ตอ้ งจ่ายเงนิ มากข้ึน กจ็ ะมีการเปรยี บเทียบกบั คู่แขง่ และความคุ้มค่ากับสงิ่ ท่ีจะได้รับ แต่ถ้าต้ังราคาต่ำ
ลกู ค้าบางสว่ นมักคิดว่าจะได้รบั บริการท่ไี ม่ดี ทำใหไ้ ม่ตดั สนิ ใจใช้บรกิ ารกไ็ ด้ ดังนัน้ จะเหน็ ได้ว่าการตั้ง
ราคาสำหรบั ธรุ กจิ บรกิ ารนนั้ เปน็ เรอ่ื งทีม่ ีความซบั ซอ้ นมากกว่าการตง้ั ราคาสนิ คา้ ทว่ั ไป
๓) การจัดจำหนา่ ย (Place)
ในการใหบ้ ริการนั้นจะแบ่งเป็น ๔ รปู แบบดว้ ยกันดงั นี้
(๑) การให้บริการผ่านร้าน (Outlet) คือ การให้บริการด้วยการเปิดร้านตามชุมชน
ห้างสรรพสินค้า หรือสถานที่ต่างๆ และอาจจะมีการขยายสาขา เพื่อให้บริการลูกค้าได้มากขึ้นโดยจะ
เป็นการทำให้ผูท้ ่ีตอ้ งการใช้บรกิ ารและผู้ที่ให้บรกิ ารมาพบกนั ณ สถานที่แหง่ หนึ่ง เช่น ร้านเสริมสวย
ร้านอาหาร ธนาคาร เป็นต้น
(๒) การให้บริการถึงสถานที่ที่ลูกค้าต้องการ (Delivery) การให้บริการถึงสถานที่ท่ี
ลูกค้าต้องการ คือ การส่งพนักงานไปให้บริการยังสถานที่ที่ลูกค้าต้องการ เช่น บริการจัดส่งอาหาร
การสง่ พนกั งานไปทำความสะอาดอาคาร การจา้ งวิทยากรมาอบรมพนักงานยงั สถานทที่ ำงาน เป็นต้น
ซึง่ การใหบ้ ริการในรูปแบบนีอ้ าจจะไม่จาเปน็ ต้องต้งั สำนักงานก็ได้
33ภัทราพร อาวชั นาการ. ปจั จัยทางการตลาดและพฤติกรรมของนกั ท่องเทยี่ วเชงิ วฒั นธรรมอยา่ ง
ยง่ั ยนื ในเขตอำเภอลบั แล จังหวดั อุตรดติ ถ์. บรหิ ารธุรกิจมหาบณั ฑติ คณะพาณิชยศาสตรแ์ ละการบัญชี มหาวทิ ยา
ลันธรรมศาสตร์,๒๕๕๘, หนา้ ๑๗-๑๙.
45
(๓) การให้บริการผ่านตัวแทน (Agent) คือ การบริการที่มีการขายแฟรนไชส์
(Franchise) หรือจัดตั้งตัวแทนในการให้บริการ เช่น ร้านแมคโดนัลด์ที่ขยายธุรกิจไปทั่วโลกผ่านการ
ขายแฟรนไชส์ เปน็ ต้น
(๔) การให้บริการผา่ นทางอเิ ล็กทรอนิกส์ (E-Commerce) คือ การใช้เทคโนโลยใี น
การให้บริการ เพื่อให้ผู้ใช้บริการเกิดความสะดวกสบาย เช่น การบริการตู้เอทีเอ็ม การทำาธุรกรรม
ตา่ งๆ ผ่านเวบ็ ไซต์ ซง่ึ ผูใ้ ชบ้ ริการสามารถใช้บริการไดต้ ลอดเวลา ๒๔ ช่วั โมง
๔) การสง่ เสริมการตลาด (Promotion)
การส่งเสริมการตลาดของธุรกิจบริการจะมีลักษณะคล้ายคลึงกับธุรกิจขายสินค้า โดย
สามารถทำไดห้ ลากหลายรปู แบบ เชน่ การโฆษณาและประชาสมั พนั ธ์ การลดแลกแจกแถม การตลาด
ผ่านสอ่ื สังคมออนไลน์ การสมคั รสมาชิก เปน็ ตน้
๕) พนักงาน (People)
พนักงาน หมายถึง ทุกคนในองค์กร โดยพนักงานจะประกอบไปด้วย ๒ ส่วน ได้แก่
พนักงานส่วนหนา้ คือ พนักงานที่ให้บรกิ ารลูกคา้ โดยตรง และพนักงานสว่ นหลัง คอื พนักงานท่ีทำงาน
สนับสนุนพนักงานส่วนหน้า เพื่อให้บริการอย่างดีที่สุดแก่ลูกค้า ซึ่งจะต้องมีการประสานงานอย่างดี
เพราะหากเกิดปัญหากบั ลูกค้า ลกู คา้ ย่อมตำหนิพนักงานส่วนหน้า โดยไม่สนใจวา่ จะเกิดจากพนักงาน
ส่วนไหนก็ตาม ดังนน้ั การบรหิ ารจัดการพนักงานจึงมีสว่ นสำคัญอย่างมาก เพอ่ื ให้เกิดประสิทธิภาพท่ี
ดใี นการให้บรกิ าร
๖) กระบวนการใหบ้ รกิ าร (Process)
กระบวนการให้บริการ หมายถึง เมื่อลูกค้าเข้ามาใช้บริการแล้วจะต้องมีขั้นตอนการ
ให้บริการอย่างไรบ้างตั้งแต่ต้นจนจบ เพราะธุรกิจบริการจะประกอบไปด้วยหลายขั้นตอน เช่น การ
ต้อนรับ การสอบถามข้อมูล การให้บริการการชำระเงิน เป็นต้น ซึ่งในแต่ละขั้นตอนจะต้องมีการ
ประสานงานและเชอ่ื มโยงกันเปน็ อย่างดี เพราะถ้ามีข้ันตอนใดที่ไม่ดยี ่อมส่งผลให้ลูกค้าเกิดความไม่พึง
พอใจตอ่ การใหบ้ ริการทั้งหมดได้
๗) ส่ิงแวดลอ้ มทางกายภาพ (Physical Evidence)
ส่ิงแวดลอ้ มทางกายภาพ ได้แก่ สถานท่ีของธุรกิจบรกิ ารการตกแต่งเคร่ืองมือและอุปกรณ์
ต่างๆ ที่ใหบ้ ริการ เปน็ ต้น ซึ่งส่งิ ตา่ งๆ เหล่านเ้ี ป็นสิง่ ที่ลูกคา้ สามารถมองเห็นได้ง่าย จึงเป็นปัจจัยหนึ่ง
ในการเลือกใช้บริการ ดังนั้น ถ้าสิ่งเหล่านี้ดูดีและสวยงามจะสะท้อนให้เห็นถึงการบริการที่น่าจะมี
คณุ ภาพทดี่ ดี ้วย
46
๒.๔.๒ พฤตกิ รรมของผู้บริโภค
แนวคดิ ท่เี ก่ยี วข้องกบั พฤติกรรมผูบ้ ริโภค
Belch and Belch34 ให้ความหมายของพฤติกรรมผู้บริโภค ไว้ว่า พฤติกรรมผู้บริโภค
หมายถึง กระบวนการและกิจกรรมต่าง ๆ ที่บุคคลไดม้ ีการเสาะแสวงหา การเลือก การซื้อ การใช้ การ
ประเมินผล รวมถึงการกำจัดผลิตภัณฑ์และบริการหลังการใช้ เพื่อตอบสนองความต้องการของตนเอง
และทำใหต้ นเองไดค้ วามพึงพอใจ
คอทเลอร์ (Kotler)35 ได้ใหค้ วามหมายของพฤติกรรมผ้บู รโิ ภคว่า พฤตกิ รรมผู้บริโภคเป็น
การกระทำของบุคคลใดบคุ คลหน่งึ ซึ่งเก่ยี วขอ้ งโดยตรงกับการจดั หาใหไ้ ดม้ าซง่ึ สินคา้ และบรกิ าร ซ่งึ รวมถงึ
กระบวนการตัดสินใจ และการกระทำของบคุ คลที่เกยี่ วกับการซือ้ และการใช้สนิ ค้า
ธงชัย สันติวงษ์36 กล่าวว่า พฤติกรรมผู้บริโภค หมายถึง การกระทำของบุคคลซึ่งเกี่ยวข้อง
โดยตรงในการจดั หาให้ได้มาซ่ึงสินค้าและบริการ โดยกระบวนการตัดสนิ ใจน้นั มีมาก่อน และเป็นส่วน
ในการกำหนดใหม้ ีการกระทำ
สรุปได้ว่า พฤติกรรมผู้บริโภค หมายถึง การแสดงออกของแตล่ ะบุคคลที่เกี่ยวข้องโดยตรง
กับการใช้สินค้าและบริการ ซึ่งผู้บริโภคมีความคาดหวังที่สินค้า และบริการเหล่านั้นจะสามารถ
ตอบสนองความต้องการ และความพึงพอใจของตนเองภายใต้กระบวนการตัดสินใจที่มีมาก่อนการ
ตดั สินใจซ้อื ดงั นน้ั เมอ่ื ธรุ กิจทราบถึงพฤติกรรมของผูบ้ รโิ ภคแลว้ จะสามารถนำมาวิเคราะห์ เพื่อทราบ
ถึงพฤติกรรมที่แท้จริงของผู้บริโภค เพื่อให้แต่ละธุรกิจสามารถนำเสนอสินค้าและการบริการที่ดีในการ
ตอบสนองความต้องการของผบู้ รโิ ภค และมคี วามสอดคล้องกับพฤติกรรมของผูบ้ รโิ ภค โดยพฤติกรรม
ของผ้บู รโิ ภคสามารถวิเคราะห์ได้ดังน้ี
๒.๔.๓ การวเิ คราะห์พฤตกิ รรมผบู้ รโิ ภค
34Belch, George E. and Belch, Michael A. Introduction to Advertising and Promotion
: An Integrated Marketing Communications Perspective. ๒nd ed. Boston, Mass. : Richard D.
Irwin, Inc., ๑๙๙๓, p. ๑๐๓.
35คอทเลอร์ (Kotler), อ้างถงึ ใน ศิริวรรณ เสรีรัตน์ และคณะ, กลยุทธก์ ารตลาดสำหรับธุรกิจบริการ,
(กรงุ เทพมหานคร: บรษิ ทั ธนวชั การพิมพ์ จำกัด ๒๕๔๑), หน้า ๑๒๔-๑๒๕.
36ธงชยั สันตวิ งษ์. พฤตกิ รรมการบรโิ ภคทางการตลาด. (พิมพค์ รงั้ ท่ี๙).กรุงเทพมหานคร, ไทยวฒั นา
พานชิ , ๒๕๔๐, หน้า ๒๙.
47
สมจิตร ล้วนจำเริญ37 กล่าวว่า ลักษณะพฤติกรรมของผู้บริโภคตามลักษณะ
ประชากรศาสตร์น้นั มีลักษณะทีแ่ ตกตา่ งกัน โดยสามารถแบ่งกลมุ่ ผู้บรโิ ภคออกเป็น ๖ ลักษณะดงั น้ี
๑) กลุ่มผู้บริโภคตามช่วงอายุ พฤติกรรมในการซื้อของผู้บริโภคนั้นมีความแตกต่างกัน
ในแต่ละช่วงอายุ โดยผู้บริโภคทมี่ ีช่วงอายตุ ้ังแต่ ๑๖-๓๕ ปี จะมีพฤติกรรมในการเลือกซ้ือสินค้าที่เป็น
สมัยนิยม และมีการใช้จ่ายเงินที่ฟุ่มเฟือย เนื่องจากคนกลุ่มนี้มีการรับวัฒนธรรมใหม่ ๆ เข้ามาเป็น
ปัจจัยในการเลือกซื้อสินค้า อีกทั้งมีพฤติกรรมการเลือกซื้อสินค้าที่เปลี่ยนแปลงค่อนข้างเร็วอีกด้วย
ในขณะท่ีกลมุ่ ผู้บรโิ ภคทม่ี าอายุตง้ั แต่ ๓๖-๕๕ ปี คนกลุ่มนี้มีอาชพี การทำงานที่ม่นั คง จึงมีกำลังในการ
เลอื กซ้ือสนิ ค้าที่ค่อนข้างสงู และนิยมซ้ือสนิ ค้าทมี่ ีราคาแพง ได้แก่ บา้ น หรือ รถยนต์ เป็นต้น สำหรับ
กลมุ่ ผบู้ ริโภคที่มาอายุต้งั แต่ ๕๖ ปขี น้ึ ไปน้นั เปน็ กลุ่มคนทีใ่ กลเ้ กษียณอายุการทำงาน คนกลุ่มน้ีจึงมอง
หาความสุข บั้นปลายของชีวิต และมีพฤติกรรมในการดูแลสุขภาพให้แข็งแรงมากกว่าการเลือกซ้ือ
สนิ ค้าเพ่อื ตอบสนองความต้องการของตนเอง
๒) กลุ่มผู้บริโภคตามเพศ กลุ่มผู้บริโภคเพศหญิงจะมีพฤติกรรมการซื้อสินค้าโดยมี
แรงจูงใจในการเลือกซื้อทางด้านอารมณ์มากกว่าด้านเหตุผล ในขณะทเ่ี พศชายเปน็ เพศท่ีไม่ใช้อารมณ์
ในการซื้อสินค้ามากนัก ทั้งนี้ลักษณะการซื้อสินค้าของเพศหญิงจะมีพฤติกรรมในการซื้อสินค้าที่เน้น
รูปทรงที่มีความบอบบาง กะทัดรัด ซึ่งให้ความรู้สึกท่ีนุม่ นวล และมีสีสันทีส่ ดใส ในขณะที่เพศชายนั้น
จะเน้นที่รปู ทรงทีด่ ูบึกบึน มีขนาดกว้างใหญ่ และมสี ีสันทเ่ี รียบง่าย
๓) กลุ่มผู้บริโภคตามสถานะทางสังคม กลุ่มผู้บริโภคที่แต่งงานแล้ว จะมีความ
ต้องการซื้อสินค้าที่สามารถใชร้ ว่ มกันภายในครอบครวั ได้ โดยเฉพาะกลุ่มครอบครวั ทีม่ ีบุตร ในขณะที่
กล่มุ ผ้บู รโิ ภคทีเ่ ป็นโสด จะมีความต้องการซื้อสินคา้ ทเี่ ป็นสว่ นตัวมากกว่า
๔) กลุ่มผู้บริโภคตามรายได้ กลุ่มผู้บริโภคที่มีรายได้สูง ได้แก่ ประธานบริษัท เป็น
ต้น จะมีพฤติกรรมในการจับจ่ายใช้สอยที่ค่อนข้างมาก เนื่องจากคนกลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มที่หาความสุข
ใหก้ บั ชีวติ โดยเลอื กซ้อื สินค้าเพ่ือแสดงถงึ ภาพลักษณข์ องตนเอง ดงั นัน้ การตดั สนิ ใจซ้ือของคนกลุ่มน้ี
นิยมซื้อสินค้า ฟุ่มเฟือย โดยไม่คำนึงถึงปัจจัยทางด้านราคา และในขณะที่กลุ่มผู้บริโภคที่มีระดับ
เงินเดือนสูง ได้แก่ นักธุรกิจระดับบริหาร นักธุรกิจขนาดเล็ก ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ เป็นต้น แม้ว่าคน
กลุ่มนี้ จะมีอำนาจในการซื้อสินค้า แต่ผู้บริโภคกลุ่มนี้จะใช้เหตุผลประกอบการซื้อมากกว่าทางด้าน
อารมณ์ เนื่องจากคนกลุ่มนี้ใช้จ่ายเงินตามเงินเดือนหรือรายได้ที่ตนเองได้รับ อย่างไรก็ดี คนกลุ่มนี้
ยงั คงนิยมใชส้ นิ คา้ ทีไ่ ด้รับความนยิ มเปน็ หลัก แต่สำหรับผู้บริโภคทเี่ ป็นพนักงานบรษิ ัท หรอื ข้าราชการ
37 สมจิตร ลว้ นจำเรญิ . (2541). พฤตกิ รรมผบู้ ริโภค. (กรุงเทพมหานคร: มหาวิทยาลยั รามคำแหง.สม
จติ ร ล้วนจำเรญิ , ๒๕๔๑), หน้า ๓๒๕
48
ระดับกลาง เป็นต้น คนกลุ่มนี้จะตดั สินใจซือ้ สินค้าโดยจะคำนึงถึงราคาสินคา้ ที่มีราคาถูก และมองหา
สนิ ค้าทท่ี ำสำเรจ็ รูปแล้วมากกวา่ การสั่งทำสนิ คา้ พิเศษ
๕) กลุ่มผู้บริโภคตามระดับการศึกษา ผู้บริโภคที่มีการศึกษาจะมีพฤติกรรมการซื้อ
สินค้าที่คำนึงถึงเหตุผลในการซื้อ รวมถึงปัจจัยทางด้านความคุ้มค่า และความต้องการยกระดับ
มาตรฐาน เพ่ือสร้างภาพลักษณ์ท่ีดีให้กับตนเอง
๖) กลุม่ ผูบ้ รโิ ภคตามเชื้อชาติ พฤตกิ รรมการซ้ือนน้ั ข้ึนอยู่กบั กลุ่มเช้ือชาติของตนเป็น
ใหญ่ ไดแ้ ก่ ผู้บริโภคที่มเี ชื้อชาติจีนจะมีพฤติกรรมการซ้ือทบี่ ่งบอกถงึ ความมั่งค่ัง เชน่ การซ้อื สินค้าท่ีมี
สีแดง และ สีทอง เป็นต้น ในขณะที่ผู้บริโภคที่มีเชื้อชาติตะวันตก จะนิยมซื้อสินค้าที่ช่วยรักษา
ทรพั ยากรของโลก และผู้บรโิ ภคทมี่ ีเช้อื ชาติไทยจะนยิ มซ้ือสนิ คา้ จากตา่ งประเทศ เปน็ ต้น
๒.๔.๕ ความพึงพอใจของลูกค้า
การใหบ้ รกิ ารแก่ลูกค้าหรือผูร้ บั บรกิ าร ควรจดั ใหเ้ หมาะสมและตรงตามความต้องการของ
ลูกค้าหรือผู้รับบริการ โดยผู้ให้บริการควรที่จะคำนึงถึงความพึงพอใจของลูกค้าหรือผู้รับบริการเป็น
หลัก เพื่อให้ลูกค้าหรือผู้รับบริการเกิดความพึงพอใจ และกลับมารับบริการอีก โดยความพึงพอใจ
สามารถแบ่งไดเ้ ป็น ๓ ระดบั 38 คอื
๑. ลกู ค้าไม่พอใจถา้ ประสิทธิภาพของผลติ ภัณฑท์ ี่ไดร้ บั ต่ำกว่าความคาดหวงั
๒. ลกู ค้าพอใจเมอื่ ผลติ ภัณฑ์มปี ระสิทธภิ าพใกลเ้ คยี งกับความคาดหวัง
๓. ลูกค้าพอใจมากเมื่อประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ที่ได้รับสูงกว่าความคาดหวงั และ
ความพอใจมาก เป็นสิ่งสร้างความผูกพันทางจิตใจให้กับลูกค้ามีความจงรักภักดีในตราผลิตภัณฑ์
โดยการบริหารความพึงพอใจของลูกค้า องค์กรธุรกิจต้องตรวจสอบวัดระดับความพอใจของลูกค้า
อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ได้ข้อมูลมาปรับปรุงประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับความต้องการของ
ลกู คา้ โดยวธิ วี ัดระดับความพอใจของลูกค้ามีหลายวธิ ี ดงั น้ี
๑. การพิจารณาข้อร้องเรียนและข้อเสนอแนะของลูกค้า (Complaint an
suggestion systems) องค์กรธุรกิจกับทุกความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากลูกค้า ผ่านศูนย์รับข้อ
รอ้ งเรียนหรือตั้งกล่องรับความคดิ เห็นหรอื ผา่ นเวบ็ ไซด์หรอื ส่งมาทางอีเมล์โดยตรง
38ปราณี เอย่ี มลออ, การบริหารการตลาด, (กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์ธนาเพลส, ๒๕๕๑),หนา้ ๒๔-
๒๕.
49
๒. การสำรวจความพึงพอใจของลูกค้า (Customer satisfaction surveys)
ปัญหาสำคญั ของการรับรคู้ วามพอใจของลูกค้า คอื ลูกคา้ ไมร่ อ้ งเรยี นเก่ยี วกับความไม่พอใจ ดังนัน้ การ
สำรวจความพงึ พอใจของลกู ค้าโดยการสอบถามกลมุ่ ตัวอย่างลูกคา้ เปน็ วิธีหนง่ึ ทใี่ หท้ ราบสถานะความ
ไมพ่ อใจ
๓ การปลอมตัวเป็นลูกค้า (Ghost shopping) การให้บุคคลปลอมตัวแสร้ง
ว่ามาซื้อผลิตภัณฑ์ขององค์กรธุรกิจและซื้อผลิตภัณฑ์ของคู่แข่ง โดยรายงานผลเปรียบเทียบกับการ
บริหารงานขององค์การธุรกิจคู่แข่ง เป็นการทดสอบพนักงานขายในด้านความสามารถแก้ไข
สถานการณต์ า่ งๆ
๔. การวิเคราะห์ผลของการสูญเสียลูกค้า (Lost customer analysis) การ
มุ่งเน้นการศึกษากลุ่มลูกค้าท่ีเปลี่ยนไปใช้ผลติ ภณั ฑ์ของคู่แข่ง เพื่อให้ทราบถึงสาเหตุท่ีแท้จริงที่ส่งผล
ใหล้ ูกค้าไม่พอใจเพอ่ื เป็นข้อเสนอแนะในการปรบั ปรงุ ส่วนประสมผลติ ภัณฑ์ในทุกด้าน
ความพึงพอใจของลูกค้าเป็นอีกสว่ นสำคัญท่ีผู้ผลิตหรือผู้จาหน่ายจำเป็นทีจ่ ะต้องคำนงึ ถึง
เนื่องจากเมื่อลูกค้าเกิดความพึงพอใจ ลูกค้าก็จะกลับมาใช้บริการในครั้งต่อไป ความพึงพอใจของ
ลูกค้าควรที่จะแสดงในรายการพึงพอใจในคณุ ภาพของสนิ ค้าและบริการจากทางร้านจัดจาหนา่ ย และ
ควรที่จะมีการหาวิธีตรวจวัดความพึงพอใจของลูกค้า เพื่อนาผลที่ได้นั้นมาพัฒนาหรือปรับปรุงให้ตรง
ตามความต้องการของลกู คา้
๒.๕ แนวคดิ ทฤษฏีพัฒนาการและลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์กล้วย
ลาํ ต้น ลําตน้ แทข้ องกล้วยมีลักษณะเปน็ หวั อยู่ใตด้ ิน (Corm) ทเ่ี รียกวา่ ไรโซม (rhizome)
ไรโซม มีการเจริญคล้ายซิมโปเดยี ล (symbodial like) ซึง่ เปน็ ลักษณะโดยทัว่ ไปของพืชใบเล้ียงเดย่ี วท่ี
มีลาํ ตน้ แบบไรโซม ในกล้วยเกอื บทุกชนดิ การเจริญของหน่อ (sucker) จะอยู่ขนานกบั พ้ืนดนิ และแทง
ขนึ้ สู่ อากาศซึ่งจะมองเหน็ ได้อยา่ งชดั เจน เม่ือมีการแทงหนอ่ มากขนึ้ เราเรียกวา่ การแตกกอ ในกลว้ ย
สว่ น ใหญ่มีการแตกกอและแน่น แตบ่ างชนิดมีการแตกกอหา่ งหรือกระจาย เชน่ กลว้ ยหก และกลว้ ย
บัวสีสม้ ซึ่งแตกกอห่างไกลจากตน้ แม่มาก นอกจากน้ียังพบว่ากลว้ ยในสกลุ กลว้ ยผา ไม่มีการแตกกอ
และกลว้ ย สกลุ นตี้ อ้ งขยายพันธ์ุโดยใช้เมลด็
50
ภาพที่ ๒.๑ แสดงลกั ษณะต้นและการแตกกอของกลว้ ย
ทห่ี ัวหรอื ทีล่ ําต้นแท้ของกล้วยจะเหน็ ตา (bud) เจริญอยทู่ างด้านขา้ ง ตาน้จี ะอยรู่ ะหวา่ ง
กึ่งกลางของฐานใบและมีฐานกาบใบหุม้ อยู่ ดงั น้ันจึงมองไม่ค่อยเหน็ ในช่วงแรกของการเจรญิ ของตา
จะเหน็ ตาเป็นรปู หา้ เหลย่ี ม และเมื่อมีการเจรญิ ขนึ้ รูปรา่ งของตาคอ่ ย ๆ ขยายกลายเป็นสเ่ี หลีย่ ม ตา
เหลา่ นีจ้ ะเกิดรอบ ๆ ต้น เม่ือมีการเจรญิ เตบิ โตจะมกี ารแทงหน่อต้งั ขน้ึ และมีการเจรญิ อยา่ งรวดเร็ว
เมือ่ ผ่าหัว หรือลําตน้ ใตด้ ิน (corm) ดู จะพบว่าหัวแบง่ ออกเป็น ๒ ส่วน คือ สว่ นใจกลาง
เรียกว่า central cylinder และสว่ นลอ้ มรอบของ cortex ดงั แสดงในภาพท่ี ๒
ภาพท่ี ๒.๒ แสดงส่วนภายในของหวั เม่ือผา่ ตามยาว (จาก Simmonds, ๑๙๖๖)