The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการจัดการเรียนรู้ วิชาวิทยาศาสตร์พื้นฐาน
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 จำนวน 18 แผน
- หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 ปฏิกิริยาเคมีและวัสดุในชีวิตประจำวัน
- หน่วยการเรียนรู้ที่ 6 ไฟฟ้า
- หน่วยการเรียนรู้ที่ 7 ระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by lava67038, 2022-03-13 04:17:28

แผนการจัดการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์พื้นฐาน ชั้น ม.3

แผนการจัดการเรียนรู้ วิชาวิทยาศาสตร์พื้นฐาน
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 จำนวน 18 แผน
- หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 ปฏิกิริยาเคมีและวัสดุในชีวิตประจำวัน
- หน่วยการเรียนรู้ที่ 6 ไฟฟ้า
- หน่วยการเรียนรู้ที่ 7 ระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพ

Keywords: แผนการจัดการเรียนรู้ ,วิทยาศาสตร์

๓๔

 กลมุ่ สงิ่ มีชวี ิตในระบบนเิ วศแบง่ ตาม ๑.อธิบายความสมั พันธข์ องผ้ผู ลิต

หนา้ ทไ่ี ด้เปน็ ๓ กลมุ่ ได้แก่ ผู้ผลติ ผู้บรโิ ภค และผยู้ อ่ ยสลาย(K)

สายใย ผู้บริโภค และผยู้ อ่ ยสลาย สารอนิ ทรยี ์ ๒. สรา้ งแบบจำลองในการอธบิ ายการ

ส่งิ มีชีวิตทงั้ ๓ กลมุ่ นี้ มีความสมั พนั ธ์กนั ถ่ายทอดพลังงานในสายใยอาหาร(P)

ง ผผู้ ลิตเป็นสิง่ มชี ีวิตทส่ี รา้ งอาหารได้เอง ๓. อธบิ ายการสะสมสารพษิ ในสิ่งมีชวี ติ ใน

ย โดยกระบวนการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง โซอ่ าหาร(K)

ผู้บริโภค เปน็ สง่ิ มีชีวิตทไ่ี มส่ ามารถสร้าง ๔. มีความกระตอื รอื ร้นในการทำงาน

ษใน อาหารได้เอง และต้องกินผ้ผู ลิตหรอื แสดงความคิดเห็นอย่างสรา้ งสรรค์ และมี

ส่งิ มีชวี ติ อ่นื เปน็ อาหาร เมอื่ ผูผ้ ลิตและ สว่ นร่วมในการทำงานเป็นกลุ่ม(A)

ผู้บริโภคตายลงจะถูกย่อยโดยผู้ยอ่ ยสลาย ๕. ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์

สารอนิ ทรียซ์ ึง่ จะเปลี่ยนสารอินทรยี เ์ ป็น (Sc. Process Skills):

สารอนินทรีย์กลบั คืนสสู่ งิ่ แวดลอ้ ม ทำให้ - การสังเกต

เกิดการหมุนเวยี นสารเป็นวฏั จักร จำนวน - การจำแนกประเภท

ผผู้ ลิต ผู้บรโิ ภค และผูย้ อ่ ยสลาย - การจดั กระทำและสื่อความหมายขอ้ มูล

สารอนิ ทรยี จ์ ะต้องมคี วามเหมาะสม จึงทำ - การลงความเห็นจากข้อมูล

ใหก้ ลุ่มสิ่งมชี ีวติ อยไู่ ด้อยา่ งสมดลุ - การตีความหมายขอ้ มลู และลงข้อสรุป

 พลังงานถูกถ่ายทอดจากผู้ผลิตไปยัง

ผู้บริโภคลำดับต่าง ๆ รวมทั้งผู้ย่อยสลาย

สารอินทรีย์ในรูปแบบสายใยอาหาร ท่ี

ประกอบด้วย โซ่อาหารหลายโซ่ท่สี ัมพันธ์

กัน ในการถ่ายทอดพลังงานในโซ่อาหาร

๑๗ รูปแบบความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมชี วี ติ กับ ๒ มาตรฐาน ว ๑.๑
สง่ิ มชี วี ิต ม.๓/๒ อธบิ ายรูปแบบความสมั
ระหว่างสง่ิ มชี ีวิตกบั ส่ิงมชี ีวิตรูปแ
ต่าง ๆ ในแหล่งทอ่ี ยู่เดียวกนั ท่ีได
การสำรวจ
ม.๓/๖ ตระหนกั ถงึ ความสมั พนั
ส่ิงมีชีวติ และส่ิงแวดลอ้ มในระบ
นิเวศ โดยไม่ทำลายสมดุลของระ
นเิ วศ

๓๕

พลังงานที่ถูกถ่ายทอดไปจะลดลงเรื่อย ๆ

ตามลำดบั ของการบรโิ ภค

 การถ่ายทอดพลงั งานในระบบนเิ วศ

อาจทำใหม้ สี ารพษิ สะสมอยู่ในส่งิ มชี วี ติ ได้

จนอาจก่อใหเ้ กดิ อันตรายต่อส่งิ มีชีวิต และ

ทำลายสมดุลในระบบนเิ วศ ดงั น้ันการดแู ล

รักษาระบบนเิ วศให้เกิดความสมดุล และ

คงอยตู่ ลอดไปจึงเปน็ สิ่งสำคัญ

 สง่ิ มชี ีวติ กับส่งิ มชี วี ิตมีความสมั พนั ธก์ นั ๑. อธบิ ายรูปแบบความสัมพนั ธร์ ะหว่าง

มพนั ธ์ ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น ภาวะพงึ่ พากนั สง่ิ มชี ีวติ กบั ส่งิ มีชวี ติ รปู แบบต่าง ๆ ใน

แบบ ภาวะอิงอาศัย ภาวะเหยอ่ื กบั ผลู้ ่า ภาวะ แหล่งทอี่ ยู่(K)

ด้จาก ปรสติ ๒. ยกตวั อยา่ งคสู่ ิ่งมีชวี ิตอนื่ ๆ ทม่ี ี

 ส่งิ มชี วี ิตชนดิ เดียวกันที่อาศัยอยูร่ ่วมกนั ความสัมพันธ์กันในรูปแบบต่าง ๆ(K)

นธ์ของ ใน ๓. เขยี นรูปแบบความสัมพันธ์ระหวา่ ง

บบ แหลง่ ทีอ่ ยู่เดยี วกนั ในชว่ งเวลาเดียวกนั ส่ิงมีชีวติ กบั สงิ่ มีชวี ิตรปู แบบตา่ ง ๆ ใน

ะบบ เรียกว่า ประชากร แหล่งที่อยู่ และใชส้ ัญลักษณ์ไดถ้ ูกตอ้ ง (P)

 กลุ่มส่ิงมีชีวติ ประกอบด้วยประชากร ๔. มีความกระตือรอื ร้นในการทำงาน

ของสิ่งมชี วี ิตหลาย ๆ ชนิด อาศยั อยู่ แสดงความคิดเห็นอย่างสรา้ งสรรค์ และมี

รว่ มกนั ในแหล่งท่ีอยูเ่ ดียวกนั ส่วนร่วมในการทำงานเปน็ กลุม่ (A)

 การถ่ายทอดพลังงานในระบบนิเวศ ๕. ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์

อาจทำใหม้ สี ารพษิ สะสมอยใู่ นสิง่ มีชีวติ ได้ (Sc. Process Skills):

๑๘-๑๙ บทที่ ๒ ความหลากหลายทางชีวภาพ ๔ มาตรฐาน ว ๑.๑
- ความหลากหลายของชนิดสง่ิ มีชวี ิต ม.๓/๙ เปรียบเทยี บความหลาก
ทางชวี ภาพในระดับชนดิ สิ่งมีชวี
ระบบนเิ วศตา่ ง ๆ
ม.๓/๑๐ อธิบายความสำคัญขอ
ความหลากหลายทางชวี ภาพทม่ี
การรกั ษาสมดุลของระบบนิเวศแ
ตอ่ มนษุ ย์
ม.๓/๑๑ แสดงความตระหนกั ใน
คุณค่าและความสำคญั ของความ
หลากหลายทางชีวภาพ โดยมสี ่ว
รว่ มในการดแู ลรักษาความ
หลากหลายทางชีวภาพ

๓๖

จนอาจก่อใหเ้ กดิ อนั ตรายต่อสิง่ มีชวี ิต และ - การสังเกต

ทำลายสมดุลในระบบนิเวศ ดังน้นั การดแู ล - การจำแนกประเภท

รักษาระบบนิเวศให้เกิดความสมดุล และ - การจัดกระทำและสื่อความหมายข้อมูล

คงอยูต่ ลอดไปจงึ เปน็ สง่ิ สำคัญ - การลงความเห็นจากขอ้ มูล

- การตคี วามหมายขอ้ มูลและลงข้อสรปุ

 ความหลากหลายทางชวี ภาพ มี ๓ ๑.เปรียบเทยี บความหลากหลายทาง

กหลาย ระดับ ได้แก่ ความหลากหลายของระบบ ชวี ภาพในระดบั ชนดิ สง่ิ มชี ีวิตในระบบ
วิตใน
นเิ วศ ความหลากหลายของชนิดส่ิงมชี วี ิต นิเวศต่าง ๆ(K)
อง
มตี อ่ และความหลากหลายทางพันธุกรรม ๒. อธบิ ายความสำคัญของความ
ศและ
ความหลากหลายทางชวี ภาพน้มี ี หลากหลายทางชีวภาพที่มีต่อการ

ม ความสำคัญต่อการรักษาสมดุลของระบบ รกั ษาสมดุลของระบบนเิ วศและต่อ
วน
นเิ วศ ระบบนเิ วศทีม่ คี วามหลากหลายทาง มนษุ ย์(K)

ชวี ภาพสูงจะรกั ษาสมดุลได้ดีกวา่ ระบบ ๓. สามารถสร้างแบบจำลองหลากหลาย

นเิ วศท่ีมคี วามหลากหลายทางชวี ภาพต่ำ ทางชีวภาพในระดบั ชนิดสง่ิ มีชวี ติ ในระบบ

กว่า นอกจากน้ี ความหลากหลายทาง นิเวศ(P)

ชวี ภาพยังมีความสำคญั ตอ่ มนุษยใ์ นด้าน ๓. ตระหนกั ในคุณคา่ และความสำคัญของ

ต่าง ๆ เช่น ใช้เป็นอาหาร ยารักษาโรค ความหลากหลายทางชวี ภาพ โดยนำเสนอ

วตั ถุดิบในอตุ สาหกรรมตา่ ง ๆ ดังนนั้ จงึ แนวทางในการดแู ลรกั ษาความ

เป็นหนา้ ท่ีของทุกคนในการดูแลรกั ษา หลากหลายทางชวี ภาพ(A)

ความหลากหลายทางชวี ภาพให้คงอยู่

๒๐ สอบปลายภาค ๒

๓๗

๔. ให้ความสนใจในบทเรียน ตอบคำถาม
และใหค้ วามร่วมมือในการทำงานเป็นกลุ่ม
(A)
๕. ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์
(Sc. Process Skills):
- การสังเกต
- การจัดกระทำและส่ือความหมายขอ้ มูล
- การลงความเหน็ จากข้อมูล
- การต้ังสมมตฐิ าน
- การกำหนดนิยามเชงิ ปฏิบัตกิ าร
- การตคี วามหมายขอ้ มูลและลงขอ้ สรุป

๓๘

แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ ๑

กลมุ่ สาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นมธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๓

รายวิชา วิทยาศาสตร์พื้นฐาน ๖ รหัสวิชา ว๒๓๑๐๒

หน่วยการเรียนรู้ที่ ๕ เร่ือง ปฏกิ ริ ยิ าเคมีและวัสดุในชวี ติ ประจำวนั ๑๐ ช่วั โมง

หนว่ ยการเรียนรยู้ ่อย ๕.๑ เรือ่ ง การเกดิ ปฏกิ ิรยิ าเคมี ๑ ๒ ชัว่ โมง

ผสู้ อน นางสาวพลอยทพิ ย์ เวียงสมุทร ตำแหน่ง นักศกึ ษาปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ภาคเรียนท่ี ๒/๒๕๖๔

สาระท่ี ๒ วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ

มาตรฐาน ว ๒.๑ เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติ ของสสารกับ
โครงสรา้ ง และแรงยึดเหน่ียวระหวา่ งอนุภาค หลกั และธรรมชาติ ของการเปลย่ี นแปลง
สถานะของสสาร การเกดิ สารละลาย และการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี

ระดบั ชั้น ตัวช้วี ัด สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง
 การเกิดปฏกิ ริ ิยาเคมหี รอื การเปล่ยี นแปลงทาง
ม.๓ ม.๓/๓ อธิบายการเกิดปฏกิ ริ ิยาเคมี รวมถึง เคมีของสาร เป็นการเปลี่ยนแปลงทที่ ำให้เกดิ สาร
ใหม่ โดยสารที่เข้าทำปฏิกิริยาเรยี กวา่ สารต้ังต้น
การจัดเรยี งตวั ใหม่ของอะตอมเมอ่ื สารใหมท่ ี่เกดิ ขึ้นจากปฏิกริ ิยา เรียกว่า ผลิตภัณฑ์
การเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมีสามารถเขียนแทนไดด้ ้วย
เกดิ ปฏกิ ิรยิ าเคมโี ดยใช้แบบจำลองและ สมการขอ้ ความ
 การเกดิ ปฏิกริ ิยาเคมี อะตอมของสารตง้ั ต้นจะมี
สมการข้อความ การจัดเรยี งตวั ใหม่ ได้เปน็ ผลติ ภัณฑ์ ซึง่ มีสมบตั ิ
แตกต่างจากสารตัง้ ตน้ โดยอะตอมแตล่ ะชนิดกอ่ น
ม.๓/๔ อธบิ ายกฎทรงมวล โดยใช้หลกั ฐาน และหลังเกิดปฏิกริ ิยาเคมมี ีจำนวนเทา่ กัน
 เม่ือเกดิ ปฏิกิริยาเคมี มวลรวมของสารตัง้ ต้น
เชิงประจักษ์ เท่ากบั มวลรวมของผลิตภัณฑ์ ซึง่ เปน็ ไปตามกฎ
ทรงมวล

๑. กําหนดเป้าหมายการเรียนรู้
๑.๑ สาระการเรียนร/ู้ เน้ือหาการเรียนรู้
เรื่องที่ ๑ การเกดิ ปฏกิ ิรยิ าเคมี
๑) การเกิดปฏิกิรยิ าเคมี

๓๙

๒) การจัดเรยี งตวั ใหมข่ องอะตอม

๑.๒ สาระสําคญั /ความคิดรวบยอดของเรอ่ื งทีเ่ รยี น

ปฏิกิรยิ าเคมีหรือการเปลี่ยนแปลงทางเคมีของสาร ทำใหเ้ กดิ สารใหม่ โดยสารทเ่ี ข้าทำปฏกิ ิรยิ าเรียกว่า สาร
ตั้งต้น และสารที่เกิดขึ้นใหม่ เรียกว่า ผลิตภัณฑ์ที่มีสมบัติแตกต่างไปจากสารตั้งต้นเนื่องจาก
มกี ารจัดเรยี งอะตอมใหม่ของสารตง้ั ตน้ ขณะเกิดปฏิกิริยา
การเกิดปฏิกิริยาเคมีสามารถเขียนได้เป็นสมการข้อความที่แสดงถึงจำนวนอะตอมแต่ละชนิดก่อนและหลัง
การทำปฏิกิริยาเคมีจะมีจำนวนเท่ากันและมวลรวมของสารตั้งต้นจะเท่ากับมวลรวมของผลิตภัณฑซ์ ึ่งเป็นไป
ตามกฏทรงมวล

๑.๓ จุดประสงค์การเรยี นรู้: เม่ือผเู้ รยี นจบกิจกรรมการเรยี นรู้ ผเู้ รยี นสามารถ

ด้านความรู้ (K: Knowledge)  อธิบายการเกิดปฏกิ ริ ิยาเคมีโดยใชส้ มการขอ้ ความ

 อธบิ ายการจดั เรยี งตวั ใหม่ของอะตอมเม่ือ

เกดิ ปฏิกริ ิยาเคมี

 อธบิ ายกฎทรงมวล โดยใช้หลักฐานเชงิ ประจกั ษ์

ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P: Process)  ทดลองการเกิดปฏิกริ ิยาเคมี

ด้านคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ (A: Attribute)  มีความกระตือรือร้นในการทำงาน แสดงความ

คิดเห็นอยา่ งสร้างสรรค์ และมีส่วนรว่ มในการทำงาน

เปน็ กลมุ่

ด้านทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ (Sc.P: Science Process Skills)

 การสงั เกต  การลงความเหน็ จากขอ้ มลู

 การวัด  การกำหนดและควบคมุ ตัวแปร

 การคำนวณ/การใช้ตัวเลข  การกำหนดนิยามเชงิ ปฏบิ ัติการ

 การจำแนกประเภท  การต้งั สมมตฐิ าน

 การจดั กระทำและสือ่ ความหมายขอ้ มลู  การทดลอง

 การหาความสัมพันธ์ระหว่างสเปซกับสเปซ  การตีความหมายข้อมูลและลงขอ้ สรุป

และสเปซกับเวลา  การสร้างแบบจำลอง

 การพยากรณ์/การทำนาย

๒. กระบวนการจัดกจิ กรรมการเรียนร้แู บบ ๕E

๒.๑ ขน้ั การสร้างความสนใจ (Engagement)

๑. ให้นักเรียนศึกษาภาพจากใบงาน เรื่อง การเปลี่ยนแปลงของสาร แล้วให้นักเรียนระบุว่า การ
เปล่ยี นแปลงของสารในภาพใดเกิดปฏิกริ ยิ าเคมี

๒. ใหน้ ักเรยี นจบั ค่กู บั เพื่อนแลกเปลย่ี นเสนอความคิดเหน็ กัน

๔๐

๓. ครูสุ่มเรียกนักเรียน ๒-๓ คน ระบุว่าภาพใดเกิดปฏิกิริยาเคมี พร้อมอธิบายเหตุผลที่ได้จากการ
อภปิ รายรว่ มกบั เพือ่ น

๔. นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายเพื่อให้ได้ข้อสรุปว่า “การเปลี่ยนแปลงของสารที่บ่งบอกว่า
เกดิ ปฏิกิรยิ าเคมสี ามารถสงั เกตไดจ้ ากผลิตภณั ฑ์ท่ีเกดิ ขึ้นใหม่ซงึ่ อาจอยใู่ นสถานะของแข็ง ของเหลว หรือแก๊สก็
ได้ เช่น การเผาไหม้เชื้อเพลงิ ทำใหเ้ กิดพลังงานและไดผ้ ลติ ภัณฑ์เป็นนำ้ และแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ในกรณีที่มี
การเผาไหม้อยา่ งสมบรู ณ์ การเกดิ สนิมเหล็กซง่ึ เกิดจากเหลก็ และน้ำทำปฏกิ ิรยิ ากนั แตก่ ารเปลี่ยนสถานะของ
สารเนื่องจากความร้อน เช่น การต้มน้ำเดือดให้กลายเป็นไอน้ำ หรือการหลอมละลายของน้ำแข็งเนื่องจาก
อุณหภูมิทส่ี ูงขึน้ ไมใ่ ช่การเปลยี่ นแปลงทางเคมที ี่เกดิ ขน้ึ จากปฏกิ ริ ิยาเคมีแตเ่ ป็นการเปล่ียนแปลงทางกายภาพ”

๒.๒ ขน้ั การสำรวจและค้นหา (Exploration)

๑. นกั เรียนจับกลุ่มกับเพอ่ื นในชน้ั เรียนตามความสมัครใจ กลุ่มละ ๕-๖ คน คละความสามารถ เก่ง
กลางออ่ น

๒. ครูเตรยี มสารละลายและอปุ กรณท์ ีใ่ ชท้ ำกิจกรรมท่ี ๕.๑ การเกดิ ปฏิกิรยิ าเคมีเปน็ อยา่ งไร และ
กจิ กรรมที่ ๕.๒ มวลรวมของสารก่อนและหลังเกิดปฏิกริ ยิ าเคมเี ป็นอย่างไร ตามหนงั สือเรยี นรายวิชา
พนื้ ฐานวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.๓ เล่ม ๒

๓. นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ ทำกจิ กรรมท่ี ๕.๑ การเกดิ ปฏกิ ริ ิยาเคมีเป็นอย่างไร และกจิ กรรมท่ี ๕.๒ มวล
รวมของสารกอ่ นและหลงั เกดิ ปฏิกริ ยิ าเคมีเป็นอย่างไร พรอ้ มตอบคำถามท้ายกิจกรรม เตรียมนำเสนอผลการ
ทำกิจกรรมหนา้ ช้ันเรยี น

๒.๓ ขั้นการอธบิ ายและลงข้อสรุป (Explanation)

๑. นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มออกมานำเสนอผลการปฏิบัตกิ ิจกรรมหนา้ ชนั้ เรยี น ในระหวา่ งทน่ี ักเรียนนำเสนอครู
คอยใหข้ อ้ เสนอแนะเพม่ิ เติม เพ่ือให้นกั เรียนมคี วามเขา้ ใจทถี่ ูกตอ้ ง

๒. นกั เรยี นและครรู ่วมกันอภปิ รายผลการปฏบิ ัติกจิ กรรม เพือ่ ใหไ้ ด้ขอ้ สรุปรว่ มกนั
๓. ครแู ละนักเรียนรว่ มกนั อธิบายและลงข้อสรุปเก่ียวกับการเกิดปฏิกริ ิยาเคมี โดยครใู ช้แผนภาพ วิดิ
ทศั น์ หรอื Power Point ประกอบการอธิบายและลงข้อสรุป

ตัวอย่างสรุป การเกดิ ปฏกิ ริ ิยาเคมี

ปฏกิ ิรยิ าเคมแี บ่งออกได้เป็นหลายประเภท โดยทกุ ปฏิกิริยาล้วนเกดิ จากการทส่ี ารเกิดการเปลี่ยนแปลงทางเคมี
ทำให้เกิดสารชนิดใหม่ และการเกิดปฏิกิรยิ าเคมีล้วนประกอบด้วยสาร ๒ กลุ่ม คอื สารต้ังต้นและผลติ ภณั ฑ์ ซ่ึง
การเกิดปฏิกิริยาเคมีสามารถสงั เกตได้จากการเปลี่ยนสีของสาร การเกิดตะกอน การเกิดฟองแกส๊ การระเบดิ
หรือการเกิดประกายไฟ การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ โดยการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ทำให้สารที่เกิดขึ้นมีสมบัติ
แตกต่างไปจากเดิม

๔๑

๒.๔ ขั้นการขยายความรู้ (Elaboration)
๑. ครอู ธบิ ายเพิม่ เติมให้นักเรยี นเขา้ ใจวา่ “การเกิดปฏกิ ริ ยิ าเคมีทำให้สารเกดิ เปลย่ี นแปลงทางเคมี

ส่งผลให้สารต้ังต้นเปลีย่ นแปลงและเกิดสารใหม่ เรียกวา่ ผลติ ภัณฑ์ ซงึ่ มสี มบตั แิ ตกตา่ งไปจากเดิม โดยสารท่ี
เกดิ ปฏิกริ ยิ าสามารถสงั เกตไดด้ ังนี้ มีตะกอนเกดิ ข้นึ เกิดฟองแก๊ส อณุ หภูมิเปลีย่ นแปลง สีเปล่ยี น ซึ่งนักเรยี นรู้
หรือไม่ ปฏกิ ิริยาเคมีสามารถเขยี นเปน็ สมการข้อความได้”

๒. ให้นกั เรยี นศกึ ษาหนงั สือเรยี นรายวชิ าพืน้ ฐานวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ม.๓ เลม่ ๒ เกยี่ วกับ
การเขียนสมการเคมี

๓. ใหน้ ักเรยี นจับคู่กบั เพือ่ นแลว้ รว่ มกนั อธบิ ายการเขยี นสมการเคมใี ห้เพอ่ื นเข้าใจ

๔. ครสู มุ่ เรียกนักเรียน ๒-๓ คน ออกมาเขียนขัน้ ตอนการเขยี นสมการเคมี

๕. ครเู ขียนสมการเคมีปฏกิ ิรยิ าเคมรี ะหว่างแกส๊ ไฮโดรเจนและแก๊สออกซเิ จนได้นำ้ เป็นผลิตภัณฑไ์ วบ้ น
กระดาน และใช้แบบจำลองอะตอมโดยใช้ดินนำ้ มันสแี ดงแทนอะตอมของไฮโดรเจน ดนิ น้ำมนั สฟี ้าแทนอะตอม
ของออกซเิ จน และดนิ นำ้ มนั สีเขยี วแทนอะตอมของคาร์บอน เพื่ออธบิ ายใหน้ ักเรยี นเข้าใจเกยี่ วกับการดลุ
สมการเคมี

สมการเคมี H๒ + O๒ H๒O

“จะเห็นว่า อะตอมของสารตั้งต้นก่อนเกิดปฏิกิริยาไม่เท่ากับจำนวนอะตอมของผลิตภัณฑ์หลัง

เกิดปฏิกิริยา ดังนั้น หากครูเพิ่มน้ำอีกโมเลกุลหนึ่งเข้าไป อะตอมของออกซิเจนก่อนเกิดปฏิกิริยาจะเท่ากับ

อะตอมของออกซิเจนหลังเกิดปฏิกริ ยิ า และไฮโดรเจนอะตอมของสารตงั้ ต้นจะน้อยกว่าผลิตภณั ฑ์ ดังนั้น หลัง

เพม่ิ โมเลกุลนำ้ แล้ว จึงต้องเพิม่ โมเลกลุ ของแก๊สไฮโดรเจนดว้ ย จึงเขยี นได้เปน็ สมการขอ้ ความ ดงั น้ี”

สมการเคมี ๒H๒ + O๒ ๒H๒O

ดังนนั้ จำนวนอะตอมของสารตัง้ ตน้ ก่อนทำปฏิกริ ยิ าจะเท่ากับจำนวนอะตอมของสารผลติ ภัณฑ์ เป็นไปตามกฎ
ทรงมวล

๔๒

๖. ครูอธิบายเพิ่มเติมว่า “จากกฎทรงมวลนักเรียนจึงต้องทำให้จำนวนอะตอมรวมของสารตั้งต้นและ
ผลิตภัณฑเ์ ท่ากนั จงึ ต้องทำการดลุ สมการเคมี โดยมขี ั้นตอน ดังน้ี

- ทำจำนวนอะตอมของธาตุต่าง ๆ ในโมเลกุลใหญ่ที่สุดให้เท่ากันก่อน หลังจากนั้นจึงค่อย
พิจารณาอะตอมของธาตุทเี่ ล็กลง ตามลำดบั

- หากปฏิกิริยามีกลุ่มอะตอมหรือโมเลกุลให้ดุลจำนวนอะตอมของสารท่ีเป็นกลุ่มก่อน จากน้ัน
คอ่ ยดุลธาตอุ สิ ระ

- วางสมั ประสทิ ธ์ิหน้าสมการเคมีหรอื ตวั เลขไวห้ น้าอะตอมหรอื โมเลกุล แล้วนับจำนวนแต่ละข้าง
ใหเ้ ทา่ กัน

- บางกรณอี าจจะตอ้ งทำจำนวนอะตอมของธาตุทัง้ ๒ ขา้ งของสมการใหเ้ ป็นเลขคกู่ อ่ น เพอ่ื จะได้
ดลุ สมการได้สะดวก

- ตรวจสอบความถูกตอ้ ง”
๗. นกั เรียนและครูร่วมกันสรปุ การเขยี นสมการเคมวี า่ “ปฏิกิริยาเคมสี ามารถเขียนด้วยสัญลักษณ์โดยจะ
เขียนสารตง้ั ตน้ ทางซ้ายมอื แล้วเขียนลูกศรแทนการเกิดปฏิกริ ยิ าและหวั ลกู ศรชี้ไปทางผลิตภัณฑ์ หากมีสารตั้ง
ต้น หรอื ผลิตภัณฑม์ ากกว่า ๑ ตวั จะใช้เครอ่ื งหมายบวกค่ัน และเขียนสถานะของสารแตล่ ะชนิดด้วยอักษรย่อ
ไว้ด้านข้าง ดังนี้ สารที่อยู่ในสถานะของแขง็ (solid) เขียนแทนด้วย (s) สารที่อยู่ในสถานะของเหลว (liquid)
เขียนแทนด้วย (l) สารที่อยู่ในสถานะแก๊ส (gas) เขียนแทนด้วย (g) และสารที่อยู่ในสถานะสารละลาย
(aqueous) เขียนแทนด้วย (aq) โดยอะตอมของธาตุแต่ละชนิดก่อนและหลังการเกิดปฏิกิริยาเคมีจะต้องมี
จำนวนเท่ากัน แสดงให้เห็นว่า มวลรวมของสารตั้งต้นก่อนเกิดปฏิกิริยาเคมีและมวลรวมของผลิตภัณฑ์หลัง
เกิดปฏกิ ริ ยิ าเคมีจะต้องมคี ่าเท่ากัน ซงึ่ เป็นไปตามกฎทรงมวล”
๒.๕ ขนั้ การประเมนิ (Evaluation)

๑. ครปู ระเมนิ โดยใช้คำถาม ดงั น้ี

- มวลของสารก่อนเกดิ ปฏกิ ิรยิ าและหลงั เกดิ ปฏิกริ ยิ ามีค่าเทา่ กนั หรือไม่ อยา่ งไร
(แนวตอบ: เทา่ กนั เนอ่ื งจากปฏกิ ิริยาเกิดขึ้นในระบบปิด)

- ถ้าไม่ปิดจุกยางหลอดทดลองในกิจกรรมตอนที่ ๒ มวลของสารที่ชัง่ ได้ก่อนเกิดปฏิกิริยาและ
หลังเกิดปฏกิ ิรยิ ามีค่าแตกตา่ งกนั หรอื ไม่ เพราะเหตุใด
(แนวตอบ: แตกตา่ งกัน เนอ่ื งจากแกส๊ ทเี่ กดิ ข้นึ บางสว่ นจะออกสสู่ ิ่งแวดลอ้ ม)
๒. นกั เรยี นทำกจิ กรรมและตอบคำถามในชัน้ เรยี น

๓. นกั เรยี นทำใบงาน เรอ่ื ง สมการเคมี

๓. ส่ือ/อุปกรณ/์ แหลง่ เรียนรู้

๓.๑ คมู่ อื ครูรายวิชาพน้ื ฐาน วิชาวทิ ยาศาสตร์ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๓ เล่ม ๒ (สสวท.)

๔๓

๓.๒ หนงั สือเรยี นรายวชิ าพนื้ ฐาน วิชาวิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี ๓ เลม่ ๒ (สสวท.)

๓.๓ Power Point เรอื่ ง ปฏิกิริยาเคมี

๔. การวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้

จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ วธิ ีการวดั ผลการเรยี นรู้ เกณฑ์การประเมินผล
ผ่านเกณฑ์ไมน่ อ้ ยกวา่
ด้านความรู้ (K: Knowledge) - การตอบคำถาม ร้อยละ ๘๐

 อธบิ ายการเกดิ ปฏิกริ ิยาเคมโี ดยใช้สมการขอ้ ความ ผา่ นเกณฑ์ไมน่ อ้ ยกวา่
ร้อยละ ๘๐
 อธิบายการจัดเรียงตวั ใหมข่ องอะตอมเม่ือเกดิ ปฏกิ ิริยาเคมี ผา่ นเกณฑ์ไมน่ อ้ ยกว่า
ร้อยละ ๘๐
 อธบิ ายกฎทรงมวล โดยใช้หลกั ฐานเชิงประจกั ษ์
ผา่ นเกณฑไ์ ม่นอ้ ยกวา่
ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P: Process) - การตอบคำถาม ร้อยละ ๘๐

 ทดลองการเกิดปฏิกริ ยิ าเคมี - การทำกิจกรรม

ด้านคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ (A: Attribute) - สงั เกตพฤติกรรมในการ

 มีความกระตือรือรน้ ในการทำงาน แสดงความคิดเหน็ อยา่ ง ทำงาน

สร้างสรรค์ และมีส่วนร่วมในการทำงานเปน็ กลมุ่

ดา้ นทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ - การตอบคำถาม

(Sc.P: Science Process Skills)

 การสังเกต

 การวดั

 การคำนวณ/การใช้ตัวเลข

 การจำแนกประเภท

 การจัดกระทำและส่อื ความหมายขอ้ มลู

 การหาความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งสเปซกบั สเปซและสเปซกับเวลา

 การพยากรณ์/การทำนาย

 การลงความเห็นจากขอ้ มลู

 การตคี วามหมายขอ้ มูลและลงข้อสรุป

 การสรา้ งแบบจำลอง

๔๔

แบบสังเกตพฤตกิ รรมรายบุคคลชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี ๓
คำชี้แจง ให้ครปู ระเมนิ พฤติกรรมของนกั เรียนรายบุคคลในชนั้ เรยี นตามแบบประเมนิ รายการในตาราง แล้วขดี
 ลงในช่องที่ตรงกับคะแนน
เกณฑ์การใหค้ ะแนน ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมอยา่ งสม่ำเสมอ ให้ ๓ คะแนน
ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง ให้ ๒ คะแนน
ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤติกรรมบางครั้ง ให้ ๑ คะแนน

ลำดับ ชอ่ื -สกุล ความมีวินัย ความมี การรับฟัง การแสดง การตรงตอ่ รวม
ที่ น้ำใจ ความ ความ เวลา ๑๕
เออ้ื เฟือ้ คิดเหน็ คิดเหน็ คะแนน
เสียสละ

๓๒๑๓๒๑๓๒๑๓๒๑๓๒๑










๑๐
๑๑
๑๒
๑๓

๑๔

๑๕

๑๖

๑๗

๑๘
๑๙

๒๐

๒๑

๒๒

๒๓

๒๔

๒๕ ๔๕
๒๖
๒๗ ลงชอ่ื …………………………………………………ผปู้ ระเมิน
๒๘ ( นางสาวพลอยทพิ ย์ เวียงสมทุ ร )
๒๙
๓๐ วันท…่ี ……เดือน………………..……….. พ.ศ.๒๕๖๕
๓๑
๓๒
๓๓
๓๔
๓๕
๓๖
๓๗
๓๘
๓๙
๔๐

เกณฑก์ ารตัดสินคุณภาพ

ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ

๑๒ - ๑๕ ดี

๑๘ - ๑๑ พอใช้

ต่ำกว่า ๘ ปรบั ปรุง

๔๖

แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานกล่มุ

ช่อื กลมุ่ …………………………………………………………………………………………………………………..ชนั้ …………

คำชี้แจง : ให้ผสู้ อนสงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แลว้ ขีด  ลงในชอ่ ง

ท่ีตรงกับระดับคะแนน

ลำดบั ที่ รายการประเมิน ระดบั คะแนน
๓๒๑
๑ การแบง่ หน้าที่กนั อยา่ งเหมาะสม
๒ ความรว่ มมอื กนั ทำงาน รวม
๓ การแสดงความคิดเหน็
๔ การรับฟงั ความคดิ เหน็
๕ ความมีน้ำใจชว่ ยเหลอื กนั

เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ

ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ ลงชอื่ …………………………………………………ผปู้ ระเมิน
( นางสาวพลอยทพิ ย์ เวียงสมทุ ร )
๑๒ - ๑๕ ดี
วนั ท…ี่ ……เดอื น………………..……….. พ.ศ.๒๕๖๕
๑๘ - ๑๑ พอใช้

ต่ำกว่า ๘ ปรับปรุง

๔๗

บนั ทกึ ผลหลงั การจัดการเรียนรู้

ผลการจัดกจิ กรรม
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

ปัญหา/อุปสรรค
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข

..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

ลงชื่อ………………………………………….นักศกึ ษาปฏิบตั ิการสอนในสถานศึกษา
(นางสาวพลอยทิพย์ เวยี งสมุทร)

วันที.่ ...........เดอื น...............................พ.ศ.๒๕๖๕

ความคิดเหน็ ของครูพ่เี ลี้ยง
เปน็ แผนการจดั การเรียนรูท้ ่ี

 นำไปใช้สอนได้
 ควรปรบั ปรงุ กอ่ นนำไปใช้
ขอ้ เสนอแนะอื่นๆ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

ลงชอ่ื ……………………………………..
(นางอรญั ญา บรจิ าค)

๔๘

ความคิดเห็นของหัวหน้ากลุ่มสาระการเรยี นรู้
เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ท่ี

 นำไปใช้สอนได้
 ควรปรบั ปรงุ กอ่ นนำไปใช้
ขอ้ เสนอแนะอ่ืนๆ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

ลงชอ่ื ……………………………………..
(นายธนภณ อ่นุ วเิ ศษ)

ความคิดเหน็ ของหวั หน้ากลุ่มงานบริหารงานวชิ าการ
๑. เป็นแผนการจัดการเรียนร้ทู ่ี
 องค์ประกอบครบถ้วน  องคป์ ระกอบไม่ครบ คือ.........................................................
๒. การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้/กระบวนการเรียนรเู้ หมาะสม
 เน้นผูเ้ รียนเป็นสำคญั กิจกรรมเหมาะสมกบั เนือ้ หา/สอ่ื /เวลา
 ไมเ่ นน้ ผู้เรยี นเปน็ สำคัญ ควรปรบั ปรงุ พัฒนาตอ่ ไป
๓. การวดั /ประเมินผล
 หลากหลาย เหมาะสม ประเมนิ ตามสภาพจริง
 การประเมินผลควรหลากหลาย และประเมนิ ตามสภาพจรงิ

ขอ้ เสนอแนะอน่ื ๆ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

ลงช่ือ……………………………………..
(นายวิทยา อินกง)

ความคดิ เหน็ ของผอู้ ำนวยการโรงเรยี นหรือผู้ท่ีได้รับมอบหมาย
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

ลงช่อื ……………………………………..
(นางสาวสุภาวดี ผาตะเนตร)
ตำแหน่ง รองผู้อำนวยการโรงเรยี นกลุ่มงานบรหิ ารงานวิชาการ

๔๙

ใบงาน
เรอื่ ง การเปลีย่ นแปลงของสาร

คำช้ีแจง : พิจารณาภาพท่ีกำหนดให้แล้วทำเครื่องหมาย ✓ ลงในชอ่ ง  ท่ีเกิดปฏิกิริยาเคมี

๕๐

กจิ กรรมที่ ๕.๑ การเกิดปฏิกริ ิยาเคมีเป็นอย่างไร

สมาชิก

๑. ชอื่ ……………………………………………………………………………………………………………………….. ชนั้ ………………….. เลขที่ ………………..
๒. ชอ่ื ……………………………………………………………………………………………………………………….. ชน้ั ………………….. เลขท่ี ………………..
๓. ชอ่ื ……………………………………………………………………………………………………………………….. ชัน้ ………………….. เลขท่ี ………………..
๔. ชื่อ ……………………………………………………………………………………………………………………….. ชน้ั ………………….. เลขท่ี ………………..
๕. ชอ่ื ……………………………………………………………………………………………………………………….. ชน้ั ………………….. เลขที่ ………………..
๖. ชอ่ื ……………………………………………………………………………………………………………………….. ช้ัน ………………….. เลขท่ี ………………..
๗. ชือ่ ……………………………………………………………………………………………………………………….. ชั้น ………………….. เลขที่ ………………..
จุดประสงค์

๑. สังเกตและอธบิ ายการเกิดปฏกิ ิรยิ าเคมโี ดยใชแ้ บบจำลอง
วัสด/ุ อปุ กรณ์

๑. แคลเซียมคารบ์ อเนต
๒. สารละลายกรดไฮโดรคลอริกหรือสารละลายกรดเกลือ
๓. บกี เกอร์ขนาด ๕๐ cm๓
๔. กระบอกตวงขนาด ๑๐ cm๓
๕. ช้อนตักสารเบอร์ ๒
๖. หลอดทดลองขนาดใหญ่
๗. ทีว่ างหลอดทดลอง
๘. แวน่ ตานริ ภัย
๙. ถงุ มือยาง
ขั้นตอนการดำเนนิ กิจกรรม

๑. ตกั แคลเซียมคาร์บอเนตปรมิ าณ ๑ ชอ้ นเบอร์ ๒ ลงในหลอดทดลองขนาดใหญ่ สังเกตลกั ษณะสาร
และบันทกึ ผล

๒. รินสารละลายกรดไฮโดรคลอริกปริมาตร ๑๐ cm๓ ลงในบีกเกอร์ สังเกตลักษณะสารและบันทึกผล
๓. รนิ สารละลายกรดไฮโดรคลอรกิ ลงในแคลเซียมคารบ์ อเนต เขย่า สังเกตการณ์เปล่ียนแปลงและบนั ทึก

ผล
๔. สบื ค้นสารทเ่ี กิดข้ึนทง้ั หมดจากการเปลีย่ นแปลงและบันทกึ ผล

๕๑

๕. นำเสนอขอ้ มูลท่ีไดจ้ ากการทำกจิ กรรมและการสืบคน้ โดยใชแ้ บบจำลองอธิบายการเปลยี่ นแปลงที่
เกิดขึน้

ตารางบนั ทึกผล

สาร ผลที่สังเกตได้
แคลเซยี มคาร์บอเนต

สารละลายกรดไฮโดรคลอรกิ

แคลเซียมคารบ์ อเนต + สารละลายกรดไฮโดรคลอริก

สมการขอ้ ความตอ่ ไปน้ี มีสารใดบ้างเป็นสารต้ังตน้ สารใดบ้างเปน็ ผลติ ภณั ฑ์

แคลเซยี มคาร์บอเนต + สารละลายกรดไฮโดรคลอริก แคลเซยี มคลอไรด์ + น้ำ + แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….

สมการข้อความต่อไปนี้ มสี ารใดบ้างเป็นสารตัง้ ต้น สารใดบา้ งเป็นผลิตภัณฑ์

แกส๊ าร์บอนไดออกไซด์ + แคลเซียมไฮดรอกไซด์ แคลเซยี มคารบ์ อเนต + น้ำ

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….

การเกดิ ปฏิกิรยิ าเคมรี ะหว่างโซเดียมไฮโดรเจนคารบ์ อเนตกับกรดไฮโดรคลอรกิ ไดผ้ ลติ ภัณฑ์เป็นโซเดียมคลอ
ไรด์ แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ และนำ้ เขยี นแทนด้วยสมการข้อความไดอ้ ยา่ งไร

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….

๕๒

คำถามทา้ ยกจิ กรรม

๑. การเปล่ยี นแปลงที่เกิดขน้ึ เปน็ การเกิดปฏิกิริยาเคมีหรือไม่ ทราบไดอ้ ย่างไร
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….

๒. สารท่เี กิดข้ึนจากการเปลยี่ นแปลงดังกลา่ วมีสารใดบา้ ง
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….

๓. ใชแ้ บบจำลองอธบิ ายการเปลีย่ นแปลงนไี้ ดอ้ ยา่ งไร
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….

๔. จากกิจกรรม สรุปได้ว่าอยา่ งไร
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….

๕๓

กจิ กรรมท่ี ๕.๒ มวลรวมของสารก่อนและหลงั เกิดปฏิกริ ยิ าเคมเี ป็นอยา่ งไร

สมาชกิ

๑. ชอ่ื ……………………………………………………………………………………………………………………….. ชั้น ………………….. เลขท่ี ………………..
๒. ชอ่ื ……………………………………………………………………………………………………………………….. ชน้ั ………………….. เลขท่ี ………………..
๓. ชือ่ ……………………………………………………………………………………………………………………….. ชน้ั ………………….. เลขท่ี ………………..
๔. ชอ่ื ……………………………………………………………………………………………………………………….. ชั้น ………………….. เลขที่ ………………..
๕. ชือ่ ……………………………………………………………………………………………………………………….. ช้นั ………………….. เลขที่ ………………..
๖. ชื่อ ……………………………………………………………………………………………………………………….. ชั้น ………………….. เลขท่ี ………………..
๗. ช่อื ……………………………………………………………………………………………………………………….. ชั้น ………………….. เลขที่ ………………..
จุดประสงค์

๑. สงั เกตและเปรยี บเทียบมวลรวมของสารกอ่ นและหลังเกิดปฏกิ ริ ิยาเคมี
วสั ด/ุ อปุ กรณ์

๑. สารละลายโซเดียมคาร์บอเนต
๒. สารละลายแคลเซียมคลอไรด์
๓. สารละลายกรดไฮโดรคลอรกิ หรอื สารละลายกรดเกลอื
๔. แคลเซียมคารบ์ อเนตแบบเมด็
๕. บกี เกอร์ขนาด ๒๕๐ cm๓
๖. หลอดทดลองขนาดใหญ่
๗. จกุ ยางเบอร์สิบ
๘. เครอ่ื งชงั่
๙. ชอ้ นตักสารเบอร์ ๑
๑๐.แว่นตานิรภัย
๑๑.ถุงมือยาง
ข้นั ตอนการดำเนนิ กิจกรรม

ตอนที่ ๑ มวลรวมของสารกอ่ นและหลังเกิดปฏกิ ริ ิยาเคมี

๑. ชง่ั ภาชนะและอปุ กรณ์ท้ังหมดท่ใี ช้ในกจิ กรรม ดังภาพ อ่านค่ามวล และบนั ทกึ ผล
๒. รินสารละลายแคลเซียมคลอไรดล์ งในหลอดทดลองท่ี ๑ ประมาณ ๑ ใน ๓ ของหลอด และรนิ

สารละลายโซเดยี มคารบ์ อเนตปริมาณเท่ากันลงในหลอดทดลองที่ ๒ สงั เกตลกั ษณะสารและบนั ทึกผล

๕๔

๓. ปดิ หลอดทดลองท้ังสองดว้ ยจกุ ยาง นำหลอดทดลองท้งั สองใสใ่ นบกี เกอร์ แลว้ ช่ังมวลรวมอีกคร้งั อา่ น
คา่ มวลและบันทกึ ผล

๔. รนิ สารละลายแคลเซยี มคลอไรด์จากหลอดทดลองที่ ๑ ลงในสารละลายโซเดยี มคารบ์ อเนตในหลอด
ทดลองท่ี ๒ เขยา่ แลว้ ปิดด้วยจุกยาง สงั เกตการณ์เปล่ยี นแปลงและบันทกึ ผล

๕. ชงั่ มวลรวมของผลติ ภณั ฑ์ท่ีเกิดขนึ้ พร้อมภาชนะและอปุ กรณท์ ้ังหมดทีใ่ ชใ้ นกิจกรรม อ่านค่ามวลและ
บนั ทึกผล

ตารางบนั ทกึ ผล

สาร ผลท่ีสงั เกตได้
สารละลายแคลเซียมคลอไรด์

สารละลายโซเดียมคาร์บอเนต

สารละลายแคลเซยี มคลอไรด์ + สารละลายโซเดยี ม
คารบ์ อเนต

มวลของภาชนะทใ่ี ช้ในกจิ กรรม มวลรวมของสารกอ่ น มวลรวมของสารหลัง
(กรัม) เกดิ ปฏกิ ริ ิยาคมี (กรมั ) เกิดปฏิกริ ิยาคมี (กรัม)

คำถามทา้ ยกิจกรรม

๑. เมอ่ื รินสารละลายแคลเซียมคลอไรดล์ งในสารละลายโซเดยี มคารบ์ อเนต มีปฏกิ ริ ยิ าเคมีเกิดขึน้ หรือไม่
ทราบไดอ้ ยา่ งไร

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….

๕๕

๒. มวลรวมของสารก่อนและหลังเกดิ ปฏิกิริยาเคมมี ีค่าเทา่ ใด หาไดอ้ ยา่ งไร
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….

๓. มวลรวมของสารก่อนและหลังเกิดปฏกิ ิรยิ าเคมีมีการเปลย่ี นแปลงหรือไม่ อย่างไร
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….

๔. จากกจิ กรรมตอนที่ ๑ สรปุ ได้ว่าอย่างไร
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
ตอนที่ ๒ มวลรวมของสารกอ่ นและหลงั เกิดปฏกิ ริ ิยาเคมเี มือ่ ผลติ ภัณฑท์ ไ่ี ด้เป็นฟองแกส๊

๑. ช่ังภาชนะและอปุ กรณท์ ั้งหมดทีใ่ ชใ้ นกิจกรรม ดังภาพ อา่ นค่ามวล และบนั ทกึ ผล
๒. รินสารละลายกรดไฮโดรคลอรกิ ลงในหลอดทดลองท่ี ๑ ประมาณ ๑ ใน ๓ ของหลอด และแคลเซียม

คาร์บอเนตแบบเม็ดในหลอดทดลองที่ ๒ สงั เกตลักษณะสารและบนั ทกึ ผล
๓. ปดิ หลอดทดลองท้งั สองด้วยจุกยาง นำหลอดทดลองทงั้ สองใส่ในบกี เกอร์ แล้วช่ังมวลรวมอีกครง้ั อ่าน

ค่ามวลและบนั ทกึ ผล
๔. นำแคลเซยี มคาร์บอเนตแบบเมด็ ในหลอดทดลองที่ ๒ ลงในสารละลายกรดไฮโดรคลอรกิ ลงในหลอด

ทดลองที่ ๑ เขย่า แล้วปดิ ด้วยจุกยาง สังเกตการณเ์ ปล่ยี นแปลงและบนั ทึกผล
๕. ชงั่ มวลรวมของผลิตภณั ฑท์ ่ีเกดิ ขึ้นพรอ้ มภาชนะและอปุ กรณท์ งั้ หมดทใ่ี ช้ในกจิ กรรม อา่ นค่ามวลและ

บนั ทึกผล

๕๖

ตารางบันทึกผล ผลท่ีสงั เกตได้
สาร

สารละลายกรดไฮโดรคลอรกิ

แคลเซียมคารบ์ อเนต

แคลเซยี มคารบ์ อเนต + สารละลายกรดไฮโดรคลอริก

มวลของภาชนะที่ใชใ้ นกจิ กรรม มวลรวมของสารกอ่ น มวลรวมของสารหลงั
(กรมั ) เกดิ ปฏกิ ริ ิยาคมี (กรมั ) เกดิ ปฏกิ ริ ิยาคมี (กรัม)

คำถามท้ายกจิ กรรม

๑. เมอ่ื ผลติ ภัณฑท์ ่ีไดเ้ ป็นแก๊ส จะมวี ิธีการหามวลรวมของสารหลงั เกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมไี ดอ้ ยา่ งไร
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….

๒. มวลรวมของสารก่อนและหลังเกดิ ปฏกิ ริ ิยาเคมี มีการเปลย่ี นแปลงหรอื ไม่ อยา่ งไร
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….

๓. จากกจิ กรรมตอนที่ ๒ สรปุ ได้ว่าอยา่ งไร
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….

๕๗

ใบงาน เร่ือง สมการเคมี

คำช้ีแจง : จงเขียนสมการเคมีให้ถูกต้อง
๑. ปฏิกิริยาระหว่างแผ่นโลหะแมกนีเซียม (Mg) กับสารละลายกรดไฮโดรคลอริก (HCl) ได้ผลิตภัณฑ์เป็น
สารละลายแมกนีเซียมคลอไรด์ (MgCl๒) และแก๊สไฮโดรเจน (H๒)

…………………………………………………………………………………………………………………………….

๒. ปฏิกิรยิ าระหวา่ งแก๊สไฮโดรเจน (H๒) กบั แก๊สออกซเิ จน (O๒) ได้ผลิตภัณฑเ์ ปน็ นำ้

…………………………………………………………………………………………………………………………….

๓. ปฏิกิริยาระหว่างสารละลายโพแทสเซียมไอโอไดด์ (KI) กับสารละลายเลด (II) ไนเตรต (Pb(NO๓)๒)
ได้ผลติ ภณั ฑเ์ ปน็ โพแทสเซียมไนเตรต (KNO๓) กับเลด (II) ไอโอไดด์ (PbI๒)

…………………………………………………………………………………………………………………………….

๔. ปฏิกิริยาระหว่างสารละลายโซเดียมไนเตรต (NaNO๓) กับสารละลายแมกนีเซียมคลอไรด์ (MgCl๒)
ได้ผลติ ภณั ฑ์เปน็ โซเดยี มคลอไรด์ (NaCl) และแมกนเี ซียมไนเตรต (MgNO๓)

…………………………………………………………………………………………………………………………….

๕. ปฏกิ ิรยิ าระหว่างสารละลายซิลเวอรไ์ นเตรต (AgNO๓) กบั สารละลายแบเรยี มคลอไรด์ (BaCl๒) ได้
ผลติ ภัณฑ์เป็นซลิ เวอร์คลอไรด์ (AgCl) และแบเรียมไนเตรต (MgNO๓)

…………………………………………………………………………………………………………………………….

๖. ปฏิกิริยาระหว่างกรดแอซีติก (CH๓COOH) กับโซเดียมไฮดรอกไซด์ (NaOH) ได้ผลิตภัณฑ์เป็นโซเดียม
แอซีเตต (CH๓COONa) และนำ้ (H๒O)

…………………………………………………………………………………………………………………………….

๗. ปฏกิ ริ ยิ าระหว่างโซเดียมซลั เฟต (Na๒SO๔) กับสารละลายแบเรียมไนเตรต (Ba(NO๓)๒) ไดผ้ ลิตภัณฑ์เป็น
แบเรียมซลั เฟต (BaSO๔) และโซเดยี มไนเตรต (NaNO๓)

…………………………………………………………………………………………………………………………….

๘. ปฏิกิริยาระหว่างแก๊สไฮโดรเจน (H๒) กับแก๊สซัลเฟอร์ (S๒) ได้ผลิตภัณฑ์เป็นแก๊สไข่เน่า หรือแก๊ส
ไฮโดรเจน ไดออกไซด์ (H๒S)

…………………………………………………………………………………………………………………………….

แผนการจัดการเรยี นร้ทู ี่ ๒

กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๓

รายวิชา วิทยาศาสตรพ์ นื้ ฐาน ๖ รหัสวิชา ว๒๓๑๐๒

หน่วยการเรียนรู้ท่ี ๕ เรอื่ ง ปฏิกริ ยิ าเคมีและวสั ดุในชวี ติ ประจำวัน ๑๐ ชัว่ โมง

หนว่ ยการเรียนรู้ย่อย ๕.๑ เรือ่ ง การเกิดปฏิกิรยิ าเคมี ๒ ๒ ชั่วโมง

ผ้สู อน นางสาวพลอยทพิ ย์ เวยี งสมทุ ร ตำแหน่ง นกั ศึกษาปฏิบตั กิ ารสอนในสถานศกึ ษา ภาคเรียนที่ ๒/๒๕๖๔

สาระที่ ๒ วทิ ยาศาสตร์กายภาพ

มาตรฐาน ว ๒.๑ เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติ ของสสารกับ
โครงสรา้ ง และแรงยดึ เหนยี่ วระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติ ของการเปลี่ยนแปลง
สถานะของสสาร การเกดิ สารละลาย และการเกิดปฏกิ ริ ยิ าเคมี

ระดบั ชน้ั ตวั ชวี้ ัด สาระการเรยี นรู้แกนกลาง

ม.๓ ม.๓/๕ วิเคราะหป์ ฏิกริ ิยาดดู ความรอ้ น และ  เม่ือเกดิ ปฏกิ ริ ิยาเคมี มกี ารถ่ายโอนความร้อน

ปฏกิ ริ ิยาคายความรอ้ น จากการ ควบคู่ไปกบั การจดั เรียงตวั ใหม่ของอะตอมของสาร

เปลยี่ นแปลงพลังงานความร้อนของปฏิกริ ิยา ปฏิกริ ิยาทีม่ กี ารถ่ายโอนความรอ้ นจากสง่ิ แวดลอ้ ม

เขา้ สรู่ ะบบเปน็ ปฏิกริ ิยาดดู ความรอ้ น ปฏิกิริยาท่มี ี

การถา่ ยโอนความร้อนจากระบบออกสสู่ ง่ิ แวดล้อม

เป็นปฏกิ ริ ิยาคายความรอ้ น โดยใช้เครื่องมอื ที่

เหมาะสมในการวดั อณุ หภูมิ เชน่ เทอรม์ อมิเตอร์

หวั วดั ทีส่ ามารถตรวจสอบการเปลีย่ นแปลงของ

อณุ หภูมไิ ด้อย่างตอ่ เนอื่ ง

๑. กาํ หนดเปา้ หมายการเรยี นรู้
๑.๑ สาระการเรียนร้/ู เนื้อหาการเรยี นรู้
เร่อื งที่ ๑ การเกิดปฏิกิรยิ าเคมี
๑) ปฏิกิริยาเคมดี ูดความรอ้ นและปฏกิ ริ ิยาคายความรอ้ น
๑.๒ สาระสําคญั /ความคิดรวบยอดของเรอ่ื งทเี่ รียน

ในขณะที่เกิดปฏิกิริยาเคมีจะมีการถ่ายโอนความร้อนควบคู่ไปกับการจัดเรียงตัวใหม่ของอะตอมของสาร
จงึ ทำให้แบง่ ปฏิกิรยิ าเคมีออกได้เปน็ ๒ ประเภท ไดแ้ ก่ ปฏกิ ริ ยิ าท่มี ีการถ่ายโอนความร้อนจากสิ่งแวดล้อมเข้า

๕๙

สู่ระบบ เรียกว่า ปฏิกิริยาดูดความร้อน และปฏิกิริยาที่มีการถ่ายโอนความร้อนจากระบบออกสู่สิ่งแวดล้อม
เรยี กวา่ ปฏกิ ริ ยิ าคายความรอ้ น

๑.๓ จุดประสงคก์ ารเรียนรู้: เมือ่ ผู้เรียนจบกิจกรรมการเรยี นรู้ ผูเ้ รยี นสามารถ

ด้านความรู้ (K: Knowledge)  อธิบายการเกดิ ปฏิกริ ิยาเคมีโดยใชส้ มการข้อความ

 อธบิ ายการจดั เรียงตัวใหม่ของอะตอมเมอ่ื

เกิดปฏิกิริยาเคมี

 อธิบายกฎทรงมวล โดยใช้หลกั ฐานเชงิ ประจกั ษ์

ด้านทักษะกระบวนการ (P: Process)  ทดลองการเกิดปฏิกริ ยิ าเคมี

ดา้ นคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ (A: Attribute)  มีความกระตือรือร้นในการทำงาน แสดงความ

คดิ เห็นอย่างสร้างสรรค์ และมีส่วนรว่ มในการทำงาน

เปน็ กลุ่ม

ดา้ นทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ (Sc.P: Science Process Skills)

 การสังเกต  การลงความเห็นจากข้อมูล

 การวัด  การกำหนดและควบคมุ ตัวแปร

 การคำนวณ/การใชต้ ัวเลข  การกำหนดนิยามเชิงปฏิบัตกิ าร

 การจำแนกประเภท  การตัง้ สมมตฐิ าน

 การจดั กระทำและส่ือความหมายข้อมลู  การทดลอง

 การหาความสัมพันธ์ระหว่างสเปซกับสเปซ  การตคี วามหมายข้อมูลและลงขอ้ สรุป

และสเปซกับเวลา  การสรา้ งแบบจำลอง

 การพยากรณ์/การทำนาย

๒. กระบวนการจัดกิจกรรมการเรียนรแู้ บบ ๕E

๒.๑ ข้ันการสรา้ งความสนใจ (Engagement)

๑. ครูทบทวนเนอ้ื หาเก่ียวกับการเกดิ ปฏิกริ ิยาเคมแี ละสมการเคมี
๒. ครูอธิบายเพมิ่ เติมวา่ “เมอื่ เกิดปฏกิ ริ ิยาเคมี นอกจากจะมีการจดั เรียงตัวใหม่ของอะตอมแล้ว ยังมี
การถา่ ยโอนความรอ้ นอกี ดว้ ย ทำใหพ้ ลังงานของสารมีการเปลย่ี นแปลง”
๒.๒ ข้ันการสำรวจและค้นหา (Exploration)

๑. นักเรยี นจับกลุ่มกับเพื่อนในช้ันเรยี นตามความสมัครใจ กล่มุ ละ ๕-๖ คน คละความสามารถ เกง่
กลางออ่ น

๒. นกั เรียนแตล่ ะกลมุ่ กจิ กรรมท่ี ๕.๓ การถา่ ยโอนความรอ้ นของปฏิกิรยิ าเคมเี ปน็ อยา่ งไร พร้อม

ตอบคำถามในใบกิจกรรม เตรียมนำเสนอหน้าชน้ั เรียน

๖๐

๒.๓ ข้นั การอธิบายและลงขอ้ สรปุ (Explanation)

๑. นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอผลการปฏิบัติกิจกรรมหน้าชั้นเรียน ในระหว่างที่นักเรียน
นำเสนอครคู อยใหข้ อ้ เสนอแนะเพม่ิ เติม เพอ่ื ใหน้ ักเรยี นมคี วามเข้าใจทถ่ี ูกต้อง

๒. นกั เรียนและครรู ่วมกนั อภิปรายผลการปฏบิ ัตกิ ิจกรรม เพ่ือใหไ้ ด้ข้อสรุปรว่ มกัน
๓. ครูและนักเรยี นรว่ มกนั อธิบายและลงข้อสรุปเกยี่ วกบั การถ่ายโอนความรอ้ นของปฏิกิรยิ าเคมี โดย
ครใู ชแ้ ผนภาพ วดิ ทิ ศั น์ หรอื Power Point ประกอบการอธิบายและลงข้อสรปุ

ตวั อยา่ งสรปุ ถ่ายโอนความร้อนของปฏกิ ิริยาเคมี

๑. ปฏิกิรยิ าดูดความรอ้ น ( Endothermic reaction) เป็นปฏิกริ ิยาท่ีดูดพลังงานเข้าไปสลายพันธะมากกว่าที่
คายออกมาเพื่อสร้างพันธะ โดยในปฏิกิริยาดูดความร้อนนี้สารตั้งต้นจะมีพลังงานต่ำกว่าผลิตภัณฑ์ จึงทำให้
สิง่ แวดล้อมเย็นลง อณุ หภูมลิ ดลง เม่ือเอามือสมั ผัสภาชนะจะรู้สึกเยน็

๒. ปฏิกิริยาคายความรอ้ น ( Exothermic reaction) เป็นปฏิกิริยาที่ดูดพลังงานเข้าไปสลายพันธะนอ้ ยกว่าท่ี
คายออกมาเพื่อสร้างพันธะ โดยในปฏิกิริยาคายความร้อนนี้สารตั้งต้นจะมีพลังงานสูงกว่าผลิตภัณฑ์ จึงให้
พลงั งานความร้อนออกมาส่สู ่งิ แวดลอ้ ม ทำใหอ้ ณุ หภมู สิ ูงขนึ้ เมอื่ เอามือสัมผัสภาชนะจะรสู้ ึกรอ้ น

๒.๔ ขัน้ การขยายความรู้ (Elaboration)

๑. ครูเตรียมอุปกรณท์ ่ีใช้ทำกิจกรรม ไดแ้ ก่ เทอร์มอมิเตอร์ กระบอกตวงวัดปรมิ าตร บีกเกอร์ขนาด
๒๕๐ cm๓ แท่งแก้วคนสาร ชอ้ นตักสาร เบอร์ ๑ โซเดียมไฮโดรเจนคาร์บอเนต ๑ กระปุก แผน่ โลหะ
แมกนเี ซยี ม สารละลายกรดไฮโดรคลอรกิ เข้มขน้ ๑ mol/dm๓

๒. ครใู หน้ กั เรยี นนบั เลข ๑-๕ หรอื ๑-๖ เรยี งต่อกัน แลว้ แตค่ วามเหมาะสมของจำนวนนักเรยี นใน
หอ้ งเรียน โดยนกั เรยี นที่นบั หมายเลขเหมือนกันใหจ้ ดั เป็นกลมุ่ เดียวกัน

๓. ให้แต่ละกลมุ่ ส่งตวั แทนนกั เรยี น ๒ คน ออกมารับอปุ กรณท์ ใี่ ช้ทำกจิ กรรม การเปลยี่ นแปลง
พลังงานความร้อนของปฏกิ ริ ิยา

๔. ให้สมาชิกภายในกลมุ่ แบ่งภาระและหนา้ ท่ีรบั ผิดชอบภายในกลุม่ เพ่อื ทำกิจกรรม การเปลี่ยนแปลง
พลังงานความรอ้ นของปฏกิ ิริยาในหนงั สือเรียนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ม.๓ เล่ม ๒ และลงมือปฏิบัติ
กจิ กรรม

๕. ให้นักเรยี นต้งั สมมติฐานการทดลอง กำหนดตวั แปรต้น ตัวแปรตาม และตัวแปรควบคมุ รวมท้งั
ออกแบบตารางบนั ทกึ ผลการทดลอง

๖๑

๖. ใหน้ กั เรียนทำการทดลอง โดยสังเกตและเปรียบเทียบอุณหภูมิของสารละลายในบกี เกอร์ท้ัง ๒ ใบ
แล้วบนั ทกึ ผลลง

๗. นกั เรยี นและครรู ่วมกนั วิเคราะห์ผลการทดลองของแต่ละกลุ่ม แล้วร่วมกนั อภปิ รายเพือ่ ใหไ้ ด้
ข้อสรปุ ว่า “ปฏกิ ิรยิ าทเี่ กิดขน้ึ ในบกี เกอรท์ ่ี ๑ เป็นปฏิกริ ยิ าคายความร้อน เน่อื งจากหลงั เกดิ ปฏิกิรยิ าในบกี
เกอรท์ ี่ ๑ อุณหภูมิเพม่ิ ขึน้ ขณะทป่ี ฏิกิรยิ าท่เี กิดขึ้นในบีกเกอรท์ ี่ ๒ เป็นปฏกิ ิรยิ าดูดความร้อน เนอื่ งจากหลัง
เกดิ ปฏกิ ริ ิยาในบีกเกอร์ที่ ๒ อุณหภูมลิ ดตำ่ ลง”

๒.๕ ข้ันการประเมิน (Evaluation)

๑. นักเรยี นทำกจิ กรรมและตอบคำถามในชนั้ เรียน

๒. นักเรยี นทำแบบทดสอบหลังเรยี น เรื่อง ถ่ายโอนความร้อนของปฏิกิริยาเคมี

๓. สอ่ื /อปุ กรณ์/แหล่งเรียนรู้

๓.๑ คู่มือครรู ายวชิ าพื้นฐาน วิชาวทิ ยาศาสตร์ ช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี ๓ เล่ม ๒ (สสวท.)

๓.๒ หนงั สือเรียนรายวิชาพ้ืนฐาน วิชาวิทยาศาสตร์ ชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ ๓ เลม่ ๒ (สสวท.)

๓.๓ Power Point เรื่อง ถ่ายโอนความรอ้ นของปฏกิ ริ ยิ าเคมี

๔. การวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ๖๒

จุดประสงค์การเรยี นรู้ วธิ กี ารวัดผลการเรียนรู้ เกณฑก์ ารประเมินผล
ผา่ นเกณฑ์ไมน่ อ้ ยกวา่
ด้านความรู้ (K: Knowledge) - การตอบคำถาม รอ้ ยละ ๘๐

 อธบิ ายการเกิดปฏิกริ ิยาเคมีโดยใชส้ มการข้อความ ผ่านเกณฑ์ไมน่ อ้ ยกวา่
รอ้ ยละ ๘๐
 อธบิ ายการจดั เรียงตวั ใหมข่ องอะตอมเม่ือเกิดปฏกิ ิริยาเคมี ผ่านเกณฑ์ไมน่ อ้ ยกว่า
รอ้ ยละ ๘๐
 อธบิ ายกฎทรงมวล โดยใชห้ ลักฐานเชิงประจกั ษ์
ผา่ นเกณฑไ์ ม่นอ้ ยกวา่
ดา้ นทักษะกระบวนการ (P: Process) - การตอบคำถาม ร้อยละ ๘๐

 ทดลองการเกดิ ปฏกิ ิรยิ าเคมี - การทำกิจกรรม

ดา้ นคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ (A: Attribute) - สังเกตพฤตกิ รรมในการ

 มีความกระตือรือรน้ ในการทำงาน แสดงความคิดเห็นอยา่ ง ทำงาน

สร้างสรรค์ และมีสว่ นรว่ มในการทำงานเปน็ กลุ่ม

ดา้ นทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ - การตอบคำถาม

(Sc.P: Science Process Skills)

 การสังเกต

 การวัด

 การคำนวณ/การใชต้ ัวเลข

 การจำแนกประเภท

 การจดั กระทำและสอ่ื ความหมายขอ้ มูล

 การหาความสัมพันธร์ ะหวา่ งสเปซกบั สเปซและสเปซกบั เวลา

 การพยากรณ์/การทำนาย

 การลงความเห็นจากข้อมูล

 การตคี วามหมายขอ้ มูลและลงขอ้ สรปุ

 การสรา้ งแบบจำลอง

๖๓

แบบสังเกตพฤตกิ รรมรายบุคคลชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี ๓
คำชี้แจง ให้ครปู ระเมนิ พฤติกรรมของนกั เรียนรายบุคคลในชนั้ เรยี นตามแบบประเมนิ รายการในตาราง แล้วขดี
 ลงในช่องที่ตรงกับคะแนน
เกณฑ์การใหค้ ะแนน ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมอยา่ งสม่ำเสมอ ให้ ๓ คะแนน
ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง ให้ ๒ คะแนน
ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤติกรรมบางครั้ง ให้ ๑ คะแนน

ลำดับ ชอ่ื -สกุล ความมีวินัย ความมี การรับฟัง การแสดง การตรงตอ่ รวม
ที่ น้ำใจ ความ ความ เวลา ๑๕
เออ้ื เฟือ้ คิดเหน็ คิดเหน็ คะแนน
เสียสละ

๓๒๑๓๒๑๓๒๑๓๒๑๓๒๑










๑๐
๑๑
๑๒
๑๓

๑๔

๑๕

๑๖

๑๗

๑๘
๑๙

๒๐

๒๑

๒๒

๒๓

๒๔

๒๕ ๖๔
๒๖
๒๗ ลงชอ่ื …………………………………………………ผปู้ ระเมิน
๒๘ ( นางสาวพลอยทพิ ย์ เวียงสมทุ ร )
๒๙
๓๐ วันท…่ี ……เดือน………………..……….. พ.ศ.๒๕๖๕
๓๑
๓๒
๓๓
๓๔
๓๕
๓๖
๓๗
๓๘
๓๙
๔๐

เกณฑก์ ารตัดสินคุณภาพ

ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ

๑๒ - ๑๕ ดี

๑๘ - ๑๑ พอใช้

ต่ำกว่า ๘ ปรบั ปรุง

๖๕

แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานกล่มุ

ช่อื กลมุ่ …………………………………………………………………………………………………………………..ชนั้ …………

คำชี้แจง : ให้ผสู้ อนสงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แลว้ ขีด  ลงในชอ่ ง

ท่ีตรงกับระดับคะแนน

ลำดบั ที่ รายการประเมิน ระดบั คะแนน
๓๒๑
๑ การแบง่ หน้าที่กนั อยา่ งเหมาะสม
๒ ความรว่ มมอื กนั ทำงาน รวม
๓ การแสดงความคิดเหน็
๔ การรับฟงั ความคดิ เหน็
๕ ความมีน้ำใจชว่ ยเหลอื กนั

เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ

ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ ลงชอื่ …………………………………………………ผปู้ ระเมิน
( นางสาวพลอยทพิ ย์ เวียงสมทุ ร )
๑๒ - ๑๕ ดี
วนั ท…ี่ ……เดอื น………………..……….. พ.ศ.๒๕๖๕
๑๘ - ๑๑ พอใช้

ต่ำกว่า ๘ ปรับปรุง

๖๖

บนั ทกึ ผลหลงั การจัดการเรียนรู้

ผลการจัดกจิ กรรม
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

ปัญหา/อุปสรรค
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข

..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

ลงชื่อ………………………………………….นักศกึ ษาปฏิบตั ิการสอนในสถานศกึ ษา
(นางสาวพลอยทิพย์ เวยี งสมุทร)

วันที.่ ...........เดอื น...............................พ.ศ.๒๕๖๕

ความคิดเหน็ ของครูพ่เี ลี้ยง
เปน็ แผนการจดั การเรียนรูท้ ่ี

 นำไปใช้สอนได้
 ควรปรบั ปรงุ กอ่ นนำไปใช้
ขอ้ เสนอแนะอื่นๆ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

ลงชอ่ื ……………………………………..
(นางอรญั ญา บรจิ าค)

๖๗

ความคิดเห็นของหัวหน้ากลุ่มสาระการเรยี นรู้
เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ท่ี

 นำไปใช้สอนได้
 ควรปรบั ปรงุ กอ่ นนำไปใช้
ขอ้ เสนอแนะอ่ืนๆ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

ลงชอ่ื ……………………………………..
(นายธนภณ อ่นุ วเิ ศษ)

ความคิดเหน็ ของหวั หน้ากลุ่มงานบริหารงานวชิ าการ
๑. เป็นแผนการจัดการเรียนร้ทู ่ี
 องค์ประกอบครบถ้วน  องคป์ ระกอบไม่ครบ คือ.........................................................
๒. การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้/กระบวนการเรียนรเู้ หมาะสม
 เน้นผูเ้ รียนเป็นสำคญั กิจกรรมเหมาะสมกบั เนือ้ หา/สอ่ื /เวลา
 ไมเ่ นน้ ผู้เรยี นเปน็ สำคัญ ควรปรบั ปรงุ พัฒนาตอ่ ไป
๓. การวดั /ประเมินผล
 หลากหลาย เหมาะสม ประเมนิ ตามสภาพจริง
 การประเมินผลควรหลากหลาย และประเมนิ ตามสภาพจรงิ

ขอ้ เสนอแนะอน่ื ๆ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

ลงช่ือ……………………………………..
(นายวิทยา อินกง)

ความคดิ เหน็ ของผอู้ ำนวยการโรงเรยี นหรือผู้ท่ีได้รับมอบหมาย
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

ลงช่อื ……………………………………..
(นางสาวสุภาวดี ผาตะเนตร)
ตำแหน่ง รองผู้อำนวยการโรงเรยี นกลุ่มงานบรหิ ารงานวิชาการ

๖๘

กจิ กรรมที่ ๕.๓ การถ่ายโอนความร้อนของปฏกิ ิรยิ าเคมีเป็นอย่างไร

สมาชิก

๑. ชอ่ื ……………………………………………………………………………………………………………………….. ชน้ั ………………….. เลขท่ี ………………..
๒. ชอ่ื ……………………………………………………………………………………………………………………….. ชัน้ ………………….. เลขที่ ………………..
๓. ชอ่ื ……………………………………………………………………………………………………………………….. ชน้ั ………………….. เลขที่ ………………..
๔. ชอื่ ……………………………………………………………………………………………………………………….. ชน้ั ………………….. เลขที่ ………………..
๕. ชื่อ ……………………………………………………………………………………………………………………….. ช้ัน ………………….. เลขท่ี ………………..
๖. ชอ่ื ……………………………………………………………………………………………………………………….. ชน้ั ………………….. เลขที่ ………………..
๗. ช่อื ……………………………………………………………………………………………………………………….. ชน้ั ………………….. เลขที่ ………………..
จดุ ประสงค์

๑. สงั เกตและอธบิ ายการถา่ ยโอนความร้อนของปฏกิ ิริยาเคมี
วัสด/ุ อุปกรณ์

๑. โซเดียมไฮโดรเจนคาร์บอเนต
๒. สารละลายกรดแอซิตกิ หรอื นำ้ สม้ สายชู
๓. สารละลายโซเดียมไฮดรอกไซด์หรือสารละลายโซดาไฟ
๔. บีกเกอรข์ นาด ๕๐ cm๓
๕. หลอดทดลองขนาดกลาง
๖. ที่วางหลอดทดลอง
๗. กระบอกตวงขนาด ๒๕ cm๓
๘. เทอรม์ อมเิ ตอร์
๙. ชอ้ นตักสารเบอร์ ๒
๑๐.แวน่ ตานิรภยั
๑๑.ถงุ มอื ยาง
ข้ันตอนการดำเนนิ กจิ กรรม

๑. ตกั โซเดยี มไฮโดรเจนคาร์บอเนตปริมาณ ๒ ช้อนเบอร์ ๒ ลงในหลอดทดลอง รินสารละลายกรดแอ
ซิติกปรมิ าตร ๒๐ cm๓ ลงใบบีกเกอรใ์ บที่ ๑ และปริมาตร ๑๐ cm๓ ลงบกี เกอร์ใบที่ ๒ รินสารละลาย
โซเดยี มไฮดรอกไซดป์ ริมาตร ๑๐ cm๓ ลงในบีกเกอรใ์ บที่ ๓ สงั เกตลักษณะ วัดอุณหภมู ิและบนั ทึกผล

๒. เทโซเดยี มไฮโดรเจนคาร์บอเนตลงหลอดทดลองในขอ้ ที่ ๑ ลงในบกี เกอรใ์ บที่ ๑ ท่มี ีสารละลายกรดแอ
ซติ ิก เขยา่ สงั เกตการณ์เปลีย่ นแปลง วดั อุณหภูมิทนั ที และบันทกึ ผล

๖๙

๓. รนิ สารละลายโซเดยี มไฮดรอกไซด์จากบีกเกอรใ์ บท่ี ๓ ลงในบกี เกอรใ์ บท่ี ๒ ทมี่ ีสารละลายกรดแอซิตกิ
เขย่า สงั เกตการณ์เปล่ยี นแปลง วัดอุณหภูมิทันที และบนั ทึกผล

ตารางบนั ทกึ ผล

สาร ผลท่ีสังเกตได้ อุณหภมู ขิ องสาร
โซเดียมไฮโดรเจนคารบ์ อเนต

สารละลายกรดแอซิตกิ

สารละลายโซเดียมไฮดรอกไซด์

โซเดยี มไฮโดรเจนคารบ์ อเนต +
สารละลายกรดแอซติ ิก
สารละลายกรดแอซติ ิก +

สารละลายโซเดยี มไฮดรอกไซด์

คำถามท้ายกจิ กรรม

๑. เม่ือผสมสารละลายกรดแอซิติกกบั โซเดยี มไฮโดรเจนคารบ์ อเนต เกดิ ปฏิกิรยิ าเคมีหรอื ไม่ ทราบได้
อยา่ งไร

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….

๒. เม่อื ผสมสารละลายกรดแอซติ ิกกับสารละลายโซเดียมไฮดรอกไซด์ เกดิ ปฏิกริ ิยาเคมหี รอื ไม่ ทราบได้
อย่างไร

…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….

๓. การเปลีย่ นแปลงของสารทเ่ี กิดข้นึ มกี ารถ่ายโอนความรอ้ นหรอื ไม่ อย่างไร
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….

๗๐

๔. จากกิจกรรม สรปุ ได้วา่ อย่างไร
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….

แผนการจดั การเรียนรู้ที่ ๓

กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ มัธยมศึกษาปที ่ี ๓

รายวชิ า วิทยาศาสตร์พน้ื ฐาน ๖ รหสั วชิ า ว๒๓๑๐๒

หน่วยการเรียนรู้ท่ี ๕ เรอื่ ง ปฏกิ ริ ิยาเคมแี ละวัสดุในชวี ิตประจำวนั ๑๐ ช่วั โมง

หนว่ ยการเรยี นรูย้ อ่ ย ๕.๒ เร่อื ง ปฏิกริ ยิ าเคมีรอบตวั ๒ ช่ัวโมง

ผู้สอน นางสาวพลอยทพิ ย์ เวยี งสมุทร ตำแหน่ง นักศกึ ษาปฏิบัตกิ ารสอนในสถานศึกษา ภาคเรยี นที่ ๒/๒๕๖๔

สาระที่ ๒ วิทยาศาสตรก์ ายภาพ

มาตรฐาน ว ๒.๑ เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติ ของสสารกับ
โครงสร้าง และแรงยดึ เหนย่ี วระหวา่ งอนภุ าค หลักและธรรมชาติ ของการเปลี่ยนแปลง
สถานะของสสาร การเกดิ สารละลาย และการเกดิ ปฏกิ ริ ิยาเคมี

ระดับชน้ั ตวั ชีว้ ัด สาระการเรยี นรู้แกนกลาง

ม.๓ ม.๓/๖ อธบิ ายปฏกิ ริ ยิ าการเกิดสนิมของ  ปฏิกริ ิยาเคมีที่พบในชวี ติ ประจำวนั มหี ลายชนดิ

เหล็ก ปฏิกิรยิ าของกรดกับโลหะ ปฏกิ ิริยา เช่น ปฏกิ ริ ิยาการเผาไหม้ การเกดิ สนมิ ของเหล็ก

ของกรดกับเบส และปฏิกิรยิ าของเบสกบั ปฏกิ ิรยิ าของกรดกับโลหะ ปฏกิ ิริยาของกรดกบั

โลหะ โดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์ และ เบส ปฏกิ ริ ิยาของเบสกับโลหะ การเกิดฝนกรด

อธบิ ายปฏกิ ริ ยิ าการเผาไหม้ การเกิดฝนกรด การสังเคราะห์ด้วยแสง ปฏกิ ิริยาเคมีสามารถเขยี น

การสงั เคราะห์ดว้ ยแสง โดยใชส้ ารสนเทศ แทนได้ดว้ ยสมการข้อความ ซ่งึ แสดงชื่อของสารตั้ง

รวมทัง้ เขียนสมการขอ้ ความแสดงปฏิกิรยิ า ต้นและผลติ ภัณฑ์ เชน่ เชอ้ื เพลิง + ออกซิเจน →

ดังกล่าว คาร์บอนไดออกไซด์ + นำ้ ปฏิกิริยาการเผาไหม้

เป็นปฏิกริ ิยาระหวา่ งสารกบั ออกซิเจน สารท่ี

เกดิ ปฏกิ ริ ยิ าการเผาไหม้สว่ นใหญเ่ ป็นสารประกอบ

ที่มคี ารบ์ อนและไฮโดรเจนเป็นองคป์ ระกอบ ซึ่งถ้า

เกดิ การเผาไหม้อย่างสมบูรณ์ จะได้ผลติ ภัณฑ์เปน็

คารบ์ อนไดออกไซด์และน้ำ

 การเกิดสนิมของเหล็ก เกิดจากปฏกิ ิริยาเคมี

ระหวา่ งเหลก็ น้ำ และออกซิเจน ไดผ้ ลิตภัณฑ์เป็น

สนิมของเหลก็

 ปฏกิ ริ ยิ าการเผาไหม้และการเกดิ สนมิ ของเหล็ก

เปน็ ปฏกิ ิรยิ าระหวา่ งสารตา่ ง ๆ กับออกซเิ จน

๗๒

 ปฏิกิรยิ าของกรดกบั โลหะ กรดทำปฏิกิริยากับ
โลหะได้หลายชนดิ ได้ผลิตภัณฑเ์ ป็นเกลอื ของโลหะ
และแกส๊ ไฮโดรเจน
 ปฏกิ ิรยิ าของกรดกับสารประกอบคารบ์ อเนตได้
ผลิตภัณฑ์เปน็ แก๊สคารบ์ อนไดออกไซด์ เกลอื ของ
โลหะ และนำ้
 ปฏกิ ริ ิยาของกรดกับเบส ได้ผลติ ภัณฑ์เป็นเกลอื
ของโลหะและน้ำ หรืออาจได้เพยี งเกลือของโลหะ
 ปฏิกิริยาของเบสกบั โลหะบางชนิด ได้ผลติ ภณั ฑ์
เป็นเกลือของเบสและแก๊สไฮโดรเจน
 การเกิดฝนกรด เปน็ ผลจากปฏิกิริยาระหว่าง
นำ้ ฝนกับออกไซด์ของไนโตรเจน หรือออกไซด์ของ
ซัลเฟอร์ ทำให้นำ้ ฝนมีสมบตั ิเป็นกรด
 การสงั เคราะหด์ ้วยแสงของพืช เป็นปฏกิ ริ ยิ า
ระหว่างแกส๊ คาร์บอนไดออกไซดก์ บั นำ้ โดยมีแสง
ช่วยในการเกิดปฏกิ ริ ิยา ไดผ้ ลติ ภณั ฑ์เปน็ น้ำตาล
กลโู คสและออกซิเจน

๑. กําหนดเป้าหมายการเรียนรู้
๑.๑ สาระการเรียนรู้/เนือ้ หาการเรียนรู้
เรอ่ื งท่ี ๒ ปฏิกิริยาเคมรี อบตวั
๑) ชนดิ ของปฏิกริ ยิ าเคมี
๑.๒ สาระสาํ คัญ/ความคิดรวบยอดของเรื่องทีเ่ รียน
ปฏิกิริยาเคมีท่ีพบในชีวิตประจำวันมีหลายชนิด เช่น ปฏิกิริยาการเผาไหม้เป็นปฏิกิริยาระหว่าง

สารกบั ออกซเิ จน ซ่งึ ส่วนใหญ่เป็นสารประกอบทีม่ คี ารบ์ อนและไฮโดรเจนเป็นองค์ประกอบ (การเผาไหม้อย่าง
สมบูรณ์จะได้ผลิตภณั ฑ์เปน็ คารบ์ อนไดออกไซด์ และน้ำ) การเกิดสนิมเหล็กเกดิ จากปฏกิ ริ ยิ าเคมีระหว่างเหล็ก
น้ำ และออกซิเจน ได้ผลิตภัณฑ์เป็นสนิมของเหล็ก ปฏิกิริยาของกรดกับโลหะจะได้ผลิตภัณฑ์เป็นเกลือของ
โลหะกับแก๊สไฮโดรเจน ปฏิกิริยาของกรดกับสารประกอบคาร์บอเนตจะได้ผลิตภัณฑ์เป็นแก๊ส
คารบ์ อนไดออกไซด์ เกลอื ของโลหะ และนำ้ ปฏิกริ ิยาของกรดกับเบสจะได้ผลิตภัณฑ์เปน็ เกลือของโลหะ และ
น้ำ ปฏกิ ิริยาของเบสกบั โลหะบางชนิดจะไดผ้ ลิตภัณฑ์เปน็ เกลือของเบสและแกส๊ ไฮโดรเจน การเกดิ ฝนกรดเกิด
จากปฏิกิริยาระหว่างน้ำฝนกับออกไซด์ของไนโตรเจน หรือออกไซด์ของซัลเฟอร์ ทำให้ได้น้ำฝนท่ีมีสมบัตเิ ปน็

๗๓

กรด การสังเคราะห์ด้วยแสงของพชื เป็นปฏิกริ ยิ าที่เกดิ ขน้ึ ระหว่างแก๊สคารบ์ อนไดออกไซดก์ บั นำ้ โดยมแี สงเป็น
ปจั จัยทท่ี ำให้เกดิ ปฏกิ ริ ิยา และไดผ้ ลิตภัณฑ์เป็นนำ้ ตาลกลูโคส แกส๊ ออกซเิ จน และนำ้

๑.๓ จดุ ประสงค์การเรียนรู้: เมื่อผ้เู รียนจบกิจกรรมการเรยี นรู้ ผู้เรยี นสามารถ

ดา้ นความรู้ (K: Knowledge)  อธิบายปฏกิ ิรยิ าของกรดกับเบส ปฏกิ ริ ิยาของกรด

กับโลหะ ปฏิกริ ิยาของเบสกับโลหะ การเกิดสนมิ

เหล็ก การเผาไหม้ การเกิดฝนกรด และการ

สงั เคราะหด์ ้วยแสงรวมท้ังเขียนสมการขอ้ ความ

แสดงปฏกิ ริ ยิ า

ด้านทกั ษะกระบวนการ (P: Process)  ทดลองการเกิดปฏิกริ ยิ าเคมี

ดา้ นคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ (A: Attribute)  มีความกระตือรือร้นในการทำงาน แสดงความ

คิดเหน็ อยา่ งสรา้ งสรรค์ และมีส่วนร่วมในการทำงาน

เปน็ กลุ่ม

ด้านทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ (Sc.P: Science Process Skills)

 การสังเกต  การลงความเห็นจากขอ้ มลู

 การวดั  การกำหนดและควบคุมตวั แปร

 การคำนวณ/การใชต้ วั เลข  การกำหนดนิยามเชงิ ปฏิบตั ิการ

 การจำแนกประเภท  การตั้งสมมติฐาน

 การจดั กระทำและสอ่ื ความหมายข้อมลู  การทดลอง

 การหาความสัมพันธ์ระหว่างสเปซกับสเปซ  การตีความหมายข้อมูลและลงข้อสรุป

และสเปซกับเวลา  การสร้างแบบจำลอง

 การพยากรณ/์ การทำนาย

๒. กระบวนการจัดกจิ กรรมการเรียนรแู้ บบ ๕E

๒.๑ ขั้นการสรา้ งความสนใจ (Engagement)

๑. ครกู ระตุ้นความสนใจของนกั เรียนโดยการสนทนาเกี่ยวกบั ปฏกิ ริ ยิ าเคมีทเ่ี กดิ ข้ึนรอบตัวเรา เชน่
ปฏิกริ ิยาการเผาไหม้ ปฏิกริ ิยาการเกิดฝนกรด การเกิดปฏกิ ิริยาการสังเคราะห์ดว้ ยแสง ซง่ึ ปฏิกริ ิยาเหล่าน้ี
นักเรยี นพอเรียนมาบา้ งแล้วทัง้ สิน้

๒. ครูเปดิ วดี ทิ ัศน์เกี่ยวกบั ปฏกิ ริ ยิ าการเผาไหม้ ปฏิกิริยาการเกิดฝนกรด และการสังเคราะห์ดว้ ยแสง
เพือ่ ใหน้ ักเรยี นศึกษาหรือทบทวนความรเู้ ดิม หรือ QR code เรอ่ื ง ปฏกิ ิรยิ าการเผาไหม้

๓. ครูถามคำถามเพ่อื กระตนุ้ ความคิดของนักเรียน ดังน้ี
- ปฏิกิรยิ าการเผาไหมแ้ บ่งออกได้เปน็ กีป่ ระเภท
(แนวตอบ : ๒ ประเภท คอื ปฏกิ ิริยาการเผาไหมส้ มบรู ณ์ และปฏิกริ ยิ าการเผาไหม้ไม่สมบรู ณ์)

๗๔

- ฝนกรดเกดิ ขึน้ ไดอ้ ยา่ งไร
(แนวตอบ : นำ้ ฝนรวมตวั กับออกไซด์ของไนโตรเจน หรอื ออกไซด์ของซฟั เฟอร์ ทำใหน้ ้ำฝนมีสมบัติ
เปน็ กรด)
- สารตั้งตน้ และผลิตภัณฑ์ทพ่ี ืชใช้ในการสงั เคราะหด์ ้วยแสงคอื อะไรบ้าง
(แนวตอบ : สารตั้งต้น คือ คาร์บอนไดออกไซด์และน้ำ ผลิตภัณฑ์ คือ น้ำตาลกลูโคส
แกส๊ ออกซิเจน และน้ำ)
๒.๒ ข้นั การสำรวจและค้นหา (Exploration)

๑. นักเรยี นจับกลุม่ กบั เพ่อื นในชนั้ เรียนตามความสมคั รใจ กลมุ่ ละ ๕-๖ คน คละความสามารถ เกง่
กลางออ่ น

๒. ครูเตรยี มสลากหมายเลข ๑-๔ แต่ละกลุ่มจะไดร้ ับมอบหมายให้ศึกษาเนอ้ื หาและทำกิจกรรมที่
ได้รับตามหมายเลข ดังนี้

๑) ปฏิกริ ยิ าการเกิดสนมิ ของตะปูเหลก็
๒) ปฏกิ ริ ยิ าของกรดกับโลหะ
๓) ปฏิกิริยาของกรดกับเบส
๔) ปฏกิ ริ ยิ าของเบสกบั โลหะ
๓. นกั เรียนแตล่ ะกล่มุ สง่ ตัวแทนจับสลาก และรบั ทราบหวั ขอ้ ท่ไี ดศ้ ึกษาเนอ้ื หา
๔. นักเรียนแตล่ ะกลมุ่ รว่ มกันศกึ ษาคน้ คว้าขอ้ มลู ในเนือ้ หาทีก่ ลุ่มของตนได้รับและทำกจิ กรรม จาก
หนงั สือเรยี นวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ม.๓ เลม่ ๒ หน่วยการเรียนรู้ท่ี ๕ ปฏิกริ ยิ าเคมแี ละวสั ดใุ น
ชวี ติ ประจำวัน หรือแหล่งการเรียนรตู้ ่าง ๆ เชน่ อินเทอร์เน็ต
๕. ครูแจกกระดาษฟลิปชาร์ตใหน้ ักเรยี นกลุม่ ละ ๑ แผน่ พร้อมปากกาและดนิ สอสี ให้นักเรยี นแต่ละ
กลมุ่ สรปุ เนื้อหาและผลการทำกิจกรรมที่ไดศ้ กึ ษาข้อมลู มาและเขยี นลงในกระดาษฟลปิ ชาร์ต เตรยี มนำเสนอ
หนา้ ชน้ั เรยี น
๒.๓ ขั้นการอธบิ ายและลงข้อสรปุ (Explanation)

๑. นักเรียนแต่ละกลุม่ ออกมานำเสนอผลการปฏิบัตกิ จิ กรรมหนา้ ชั้นเรียน ในระหว่างทน่ี ักเรียน
นำเสนอครูคอยให้ขอ้ เสนอแนะเพมิ่ เตมิ เพ่ือใหน้ กั เรยี นมีความเข้าใจทถ่ี ูกตอ้ ง

๒. ให้นักเรียนทุกกลุ่มรว่ มกันอภิปรายผลการทดลองก่อน แล้วจึงรว่ มกันอภิปรายผลกิจกรรมไปพรอ้ ม
กบั ครเู พื่อให้ไดข้ ้อสรุปว่า “ปฏิกิริยาระหวา่ งกรดหรือเบสกับโลหะจะมฟี องแก๊สไฮโดรเจนเกิดขึ้น แต่ปฏิกิริยา
ระหวา่ งกรดกบั เบส หรือเรยี กวา่ ปฏกิ ิรยิ าสะเทนิ จะไม่มีฟองแกส๊ เกิดขึน้ แตจ่ ะได้ผลติ ภณั ฑ์เปน็ เกลือ”

๓. นกั เรียนและครูรว่ มกันสรุปผลการทดลอง ดังน้ี
• ผลการทดลอง การเกิดสนิมเหล็ก คือ “ตะปูตัวที่เกิดสนิมเหล็ก คือ ตะปูตัวที่แช่อยู่ในน้ำและ

สมั ผัสกบั อากาศ เน่ืองจากสนิมเหลก็ เกิดจากตะปเู หลก็ ทำปฏิกิริยากับนำ้ และแก๊สออกซเิ จน
ได้ผลิตภัณฑเ์ ปน็ สนมิ ของเหล็ก”

๗๕

• ผลการทดลองของกลมุ่ ที่ ๑ คือ “เมอื่ ใส่แผน่ โลหะลงในสารละลายกรดจะเกิดฟองแก๊สผดุ ออกมาจาก
แทง่ โลหะ”

• ผลการทดลองของกลุ่มท่ี ๒ คอื “เม่ือเติมสารละลายกรดลงในสารละลายเบส จะเกิดตะกอนเกลอื ”
• ผลการทดลองของกลุ่มที่ ๓ คือ “เมื่อใสแ่ ผน่ โลหะลงในสารละลายเบสจะเกิดฟองแก๊ส
ผุดออกมาจากแทง่ โลหะ”
๔. ให้นักเรยี นแตล่ ะคนสรปุ ผลการทดลองเป็นสมการขอ้ ความพร้อมท้ังระบุสารตั้งต้นและผลิตภณั ฑ์
ลงในสมดุ ประจำตวั นกั เรยี น แลว้ นำมาส่งครู

๒.๔ ขัน้ การขยายความรู้ (Elaboration)

๑. ครอู ธบิ ายเพิม่ เตมิ ให้นักเรยี นเข้าใจเก่ียวกับปฏิกริ ยิ าเคมที ่ีพบในชีวติ ประจำวันวา่ “ปฏกิ ริ ิยาเคมี
หน่ึงที่เราสามรถพบได้ในชีวติ ประจำวันของเรา คือ การหายใจ ซ่ึงการหายใจแบง่ ออกเป็น ๒ ประเภท คอื การ
หายใจแบบใชอ้ อกซเิ จน และการหายใจแบบไม่ใช้ออกซิเจน”

๒. ครูใหน้ ักเรียนในชนั้ เรยี นรว่ มกันสบื ค้นข้อมลู เกยี่ วกับการหายใจ และเขียนสมการเคมีหนา้ ชัน้ เรียน
๒.๕ ขนั้ การประเมิน (Evaluation)

๑. นักเรียนทำกจิ กรรมและตอบคำถามในชนั้ เรียน

๒. นักเรยี นทำแบบทดสอบหลงั เรยี น เรื่อง ปฏิกิรยิ าเคมรี อบตัว

๓. สื่อ/อุปกรณ/์ แหลง่ เรียนรู้

๓.๑ คมู่ ือครูรายวิชาพื้นฐาน วิชาวิทยาศาสตร์ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๓ เล่ม ๒ (สสวท.)

๓.๒ หนังสือเรียนรายวชิ าพ้นื ฐาน วิชาวทิ ยาศาสตร์ ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ ๓ เล่ม ๒ (สสวท.)

๓.๓ Power Point เรื่อง ปฏกิ ริ ยิ าเคมรี อบตัว

๔. การวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ วิธกี ารวัดผลการเรยี นรู้ ๗๖
- การตอบคำถาม
จุดประสงค์การเรียนรู้ เกณฑก์ ารประเมินผล
ด้านความรู้ (K: Knowledge) - การตอบคำถาม ผ่านเกณฑ์ไมน่ อ้ ยกวา่
 อธบิ ายปฏิกริ ิยาของกรดกบั เบส ปฏกิ ริ ยิ าของกรดกบั โลหะ - การทำกิจกรรม ร้อยละ ๘๐
ปฏกิ ิรยิ าของเบสกับโลหะ การเกิดสนิมเหลก็ การเผาไหม้ การ - สงั เกตพฤติกรรมในการ
เกดิ ฝนกรด และการสังเคราะห์ดว้ ยแสงรวมทงั้ เขียนสมการ ทำงาน ผ่านเกณฑ์ไมน่ อ้ ยกวา่
ขอ้ ความแสดงปฏิกิริยา - การตอบคำถาม ร้อยละ ๘๐
ผา่ นเกณฑ์ไมน่ อ้ ยกว่า
ดา้ นทักษะกระบวนการ (P: Process) รอ้ ยละ ๘๐
 ทดลองการเกดิ ปฏกิ ิริยาเคมี
ดา้ นคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ (A: Attribute) ผา่ นเกณฑไ์ ม่นอ้ ยกวา่
 มคี วามกระตือรือร้นในการทำงาน แสดงความคิดเห็นอยา่ ง ร้อยละ ๘๐
สรา้ งสรรค์ และมีส่วนร่วมในการทำงานเป็นกลุ่ม
ด้านทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
(Sc.P: Science Process Skills)
 การสังเกต
 การวดั
 การจำแนกประเภท
 การจัดกระทำและส่ือความหมายข้อมูล
 การลงความเห็นจากข้อมูล
 การกำหนดและควบคุมตวั แปร
 การทดลอง
 การตคี วามหมายข้อมลู และลงข้อสรุป

๗๗

แบบสังเกตพฤตกิ รรมรายบุคคลชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี ๓
คำชี้แจง ให้ครปู ระเมนิ พฤติกรรมของนกั เรียนรายบุคคลในชนั้ เรยี นตามแบบประเมนิ รายการในตาราง แล้วขดี
 ลงในช่องที่ตรงกับคะแนน
เกณฑ์การใหค้ ะแนน ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมอยา่ งสม่ำเสมอ ให้ ๓ คะแนน
ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง ให้ ๒ คะแนน
ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤติกรรมบางครั้ง ให้ ๑ คะแนน

ลำดับ ชอ่ื -สกุล ความมีวินัย ความมี การรับฟัง การแสดง การตรงตอ่ รวม
ที่ น้ำใจ ความ ความ เวลา ๑๕
เออ้ื เฟือ้ คิดเหน็ คิดเหน็ คะแนน
เสียสละ

๓๒๑๓๒๑๓๒๑๓๒๑๓๒๑










๑๐
๑๑
๑๒
๑๓

๑๔

๑๕

๑๖

๑๗

๑๘
๑๙

๒๐

๒๑

๒๒

๒๓

๒๔

๒๕ ๗๘
๒๖
๒๗ ลงชอ่ื …………………………………………………ผปู้ ระเมิน
๒๘ ( นางสาวพลอยทพิ ย์ เวียงสมทุ ร )
๒๙
๓๐ วันท…่ี ……เดือน………………..……….. พ.ศ.๒๕๖๕
๓๑
๓๒
๓๓
๓๔
๓๕
๓๖
๓๗
๓๘
๓๙
๔๐

เกณฑก์ ารตัดสินคุณภาพ

ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ

๑๒ - ๑๕ ดี

๑๘ - ๑๑ พอใช้

ต่ำกว่า ๘ ปรบั ปรุง

๗๙

แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานกล่มุ

ช่อื กลมุ่ …………………………………………………………………………………………………………………..ชนั้ …………

คำชี้แจง : ให้ผสู้ อนสงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรียน แลว้ ขีด  ลงในชอ่ ง

ท่ีตรงกับระดับคะแนน

ลำดบั ที่ รายการประเมิน ระดบั คะแนน
๓๒๑
๑ การแบง่ หน้าที่กนั อยา่ งเหมาะสม
๒ ความรว่ มมอื กนั ทำงาน รวม
๓ การแสดงความคิดเหน็
๔ การรับฟงั ความคดิ เหน็
๕ ความมีน้ำใจชว่ ยเหลอื กนั

เกณฑก์ ารตัดสินคณุ ภาพ

ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภาพ ลงชอื่ …………………………………………………ผปู้ ระเมิน
( นางสาวพลอยทพิ ย์ เวียงสมทุ ร )
๑๒ - ๑๕ ดี
วนั ท…ี่ ……เดอื น………………..……….. พ.ศ.๒๕๖๕
๑๘ - ๑๑ พอใช้

ต่ำกว่า ๘ ปรับปรุง

๘๐

บนั ทกึ ผลหลงั การจัดการเรียนรู้

ผลการจัดกจิ กรรม
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

ปัญหา/อุปสรรค
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

ข้อเสนอแนะ/แนวทางแก้ไข

..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

ลงชื่อ………………………………………….นักศกึ ษาปฏิบตั ิการสอนในสถานศึกษา
(นางสาวพลอยทิพย์ เวยี งสมุทร)

วันที.่ ...........เดอื น...............................พ.ศ.๒๕๖๕

ความคิดเหน็ ของครูพ่เี ลี้ยง
เปน็ แผนการจดั การเรียนรูท้ ่ี

 นำไปใช้สอนได้
 ควรปรบั ปรงุ กอ่ นนำไปใช้
ขอ้ เสนอแนะอื่นๆ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..

ลงชอ่ื ……………………………………..
(นางอรญั ญา บรจิ าค)


Click to View FlipBook Version