๑๓๑
บนั ทึกผลหลังการจดั การเรียนรู้
ผลการจัดกจิ กรรม
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
ปัญหา/อุปสรรค
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
ลงชอื่ ………………………………………….นกั ศึกษาปฏิบัตกิ ารสอนในสถานศึกษา
(นางสาวพลอยทพิ ย์ เวยี งสมุทร)
วนั ท่.ี ...........เดือน...............................พ.ศ.๒๕๖๕
ความคิดเหน็ ของครูพเี่ ลีย้ ง
เปน็ แผนการจัดการเรียนรู้ที่
นำไปใช้สอนได้
ควรปรับปรุงก่อนนำไปใช้
ขอ้ เสนอแนะอนื่ ๆ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ลงชอื่ ……………………………………..
(นางอรญั ญา บริจาค)
๑๓๒
ความคิดเห็นของหัวหนา้ กลุ่มสาระการเรียนรู้
เปน็ แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี
นำไปใช้สอนได้
ควรปรบั ปรุงก่อนนำไปใช้
ขอ้ เสนอแนะอนื่ ๆ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ลงชือ่ ……………………………………..
(นายธนภณ อุ่นวิเศษ)
ความคิดเหน็ ของหวั หนา้ กลุ่มงานบรหิ ารงานวชิ าการ
๑. เปน็ แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี
องคป์ ระกอบครบถว้ น องคป์ ระกอบไม่ครบ คือ.........................................................
๒. การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้/กระบวนการเรยี นรเู้ หมาะสม
เน้นผ้เู รยี นเปน็ สำคญั กิจกรรมเหมาะสมกบั เนือ้ หา/สื่อ/เวลา
ไม่เนน้ ผูเ้ รียนเป็นสำคญั ควรปรบั ปรุงพัฒนาตอ่ ไป
๓. การวัด/ประเมนิ ผล
หลากหลาย เหมาะสม ประเมนิ ตามสภาพจริง
การประเมินผลควรหลากหลาย และประเมินตามสภาพจริง
ข้อเสนอแนะอื่นๆ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ลงช่ือ……………………………………..
(นายวทิ ยา อินกง)
ความคดิ เหน็ ของผูอ้ ำนวยการโรงเรยี นหรอื ผทู้ ่ีไดร้ บั มอบหมาย
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ลงชื่อ……………………………………..
(นางสาวสุภาวดี ผาตะเนตร)
ตำแหน่ง รองผู้อำนวยการโรงเรยี นกลมุ่ งานบริหารงานวิชาการ
๑๓๓
ใบงาน เรอื่ ง ความสัมพันธ์ระหวา่ งกระแสไฟฟ้ากับความตา่ งศักย์
คำสัง่ จงกาเคร่อื งหมาย ลงหน้าข้อความทีถ่ ูกตอ้ ง และกาเคร่อื งหมาย หนา้ ขอ้ ความ ที่ผิด
............... ๑) ความตา่ งศักย์ไฟฟ้ามีคา่ เปล่ียนไปตามอณุ หภมู ิ
............... ๒) อตั ราส่วนระหวา่ งความตา่ งศกั ยไ์ ฟฟ้ากบั กระแสไฟฟ้า คือ คา่ ความตา้ นทานไฟฟา้
............... ๓) เมอ่ื เพมิ่ ความต้านทานไฟฟ้าจะทำใหก้ ระแสไฟฟา้ มคี ่าเพม่ิ ข้ึน
............... ๔) อปุ กรณ์ทใ่ี ช้วัดความต่างศกั ย์ไฟฟ้าไดแ้ ก่ โวลต์มิเตอร์
............... ๕) เมอื่ เพ่ิมความต่างศักยไ์ ฟฟ้าในวงจรไฟฟ้าจะทำให้ค่าความต้านทานไฟฟา้ เพิ่มขึ้น
............... ๖) หากตอ้ งการวดั กระแสไฟฟ้าในวงจร ให้นำแอมมเิ ตอร์มาต่ออนุกรมกบั วงจรไฟฟา้
............... ๗) ความตา้ นทานไฟฟ้ามหี น่วยเป็นโอห์ม
............... ๘) กระแสไฟฟา้ มีหน่วยเป็นแอมแปร์
............... ๙) ความตา้ นทานไฟฟา้ ๑ โอห์ม หมายถงึ กระแสไฟฟา้ ๑ แอมแปร์ ไหลผ่าน บนตัวนำ
ไฟฟา้ ภายใต้ความต่างศักย์ไฟฟา้ ๑ โวลต์
...............๑๐) อปุ กรณ์ที่ใชว้ ัดความต้านทานไฟฟา้ คอื มัลตมิ ิเตอร์
๑. จงหากระแสไฟฟ้าท่ีไหลในวงจรไฟฟ้าเม่ือมแี บตเตอรท่ี ี่ให้ความต่างศักย์ ๑๕ โวลต์ และมีความต้านทาน
๒๐๐ โวลต์ต่อแอมแปร์ ตอ่ อยู่ในวงจรไฟฟา้
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
๑๓๔
๒. ต่อลวดโลหะเข้ากับเซลล์ไฟฟ้าหนึ่งพบว่ามีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านลวดโลหะขนาด ๐.๑ แอมแปร์ ถ้าลวด
โลหะนี้มคี วามต้านทาน ๕๐ โอหม์ ความต่างศกั ย์ของเซลลไ์ ฟฟา้ มขี นาดเท่าใด
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
๓. ลวดทองแดงต่ออยู่กับเซลล์ไฟฟ้าขนาด ๓ โวลต์ จะมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านลวดทองแดง ๐.๐๕ แอมแปร์
ลวดทองแดงจะมีความต้านทานเทา่ ใด
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ ๘
กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๓
รายวิชา วิทยาศาสตรพ์ ้นื ฐาน ๖ รหัสวิชา ว๒๓๑๐๒
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี ๖ เรือ่ ง ไฟฟา้ ๑๔ ช่ัวโมง
หนว่ ยการเรียนรู้ยอ่ ย ๖.๒ เรอ่ื ง วงจรไฟฟ้าแบบอนกุ รมและแบบขนาน ๑ ๒ ชั่วโมง
ผสู้ อน นางสาวพลอยทิพย์ เวยี งสมทุ ร ตำแหน่ง นกั ศึกษาปฏิบัติการสอนในสถานศกึ ษา ภาคเรียนที่ ๒/๒๕๖๔
สาระท่ี ๒ วิทยาศาสตร์กายภาพ
มาตรฐาน ว ๒.๓ เขา้ ใจความหมายของพลังงาน การเปลย่ี นแปลงและการถา่ ยโอนพลังงาน ปฏสิ ัมพันธ์
ระหว่างสสารและพลงั งาน พลังงานในชีวติ ประจำวัน ธรรมชาตขิ องคล่ืน ปรากฏการณ์
ท่เี กี่ยวขอ้ งกบั เสียง แสง และคลื่นแม่เหล็กไฟฟา้ รวมทงั้ นำความรไู้ ปใช้ประโยชน์
ระดับชั้น ตวั ชว้ี ัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง
ม.๓ ม.๓/๔ วเิ คราะหค์ วามตา่ งศกั ยไ์ ฟฟ้าและ ในวงจรไฟฟ้าประกอบด้วยแหลง่ กำเนดิ ไฟฟ้า
กระแสไฟฟา้ ในวงจรไฟฟ้าเมื่อตอ่ ตัว สายไฟฟ้า และอปุ กรณไ์ ฟฟา้ โดยอุปกรณ์ไฟฟา้ แต่
ตา้ นทานหลายตวั แบบอนุกรมและแบบ ละช้ินมคี วามตา้ นทาน ในการตอ่ ตวั ต้านทานหลาย
ขนานจากหลักฐานเชิงประจกั ษ์ ตัว มีท้งั ตอ่ แบบอนุกรมและแบบขนาน
ม.๓/๕ เขียนแผนภาพวงจรไฟฟ้าแสดงการ การตอ่ ตวั ต้านทานหลายตัวแบบอนุกรมใน
ตอ่ ตัวต้านทานแบบอนุกรมและขนาน วงจรไฟฟา้ ความต่างศกั ยท์ ่ีคร่อมตัวต้านทานแต่ละ
ตัวมีคา่ เท่ากับผลรวมของความต่างศักยท์ ่ีครอ่ มตวั
ตา้ นทานแตล่ ะตวั โดยกระแสไฟฟา้ ทีผ่ า่ นตวั
ตา้ นทานแต่ละตวั มคี ่าเท่ากัน
๑. กาํ หนดเป้าหมายการเรยี นรู้
๑.๑ สาระการเรยี นรู/้ เน้ือหาการเรยี นรู้
เรื่องที่ ๑ วงจรไฟฟ้าแบบอนกุ รมและแบบขนาน ๑
๑) สัญลักษณแ์ ทนอุปกรณ์ไฟฟ้า
๒) วงจรไฟฟา้ แบบอนกุ รมและแบบขนาน
๑๓๖
๑.๒ สาระสาํ คญั /ความคิดรวบยอดของเร่อื งท่ีเรยี น
อปุ กรณไ์ ฟฟา้ ในวงจรไฟฟา้ แตล่ ะชิน้ มกั จะมีความต้านทาน เมอ่ื นำมาต่อเขา้ กันเป็นวงจรส่วน
ใหญ่จะเปน็ การต่อแบบอนกุ รมและแบบขนานข้นึ อยู่กบั การใชง้ าน โดยความต่างศกั ยท์ ี่ตกครอ่ มตัวตา้ นทานแต่
ละตวั กบั กระแสไฟฟ้าท่ีไหลผ่านในวงจรจะมคี ่าแตกตา่ งกนั ไปตามรปู แบบการตอ่ วงจร
๑.๓ จดุ ประสงค์การเรียนรู้: เมอ่ื ผู้เรยี นจบกิจกรรมการเรียนรู้ ผู้เรยี นสามารถ
ดา้ นความรู้ (K: Knowledge) อธิบายความต่างศักย์ไฟฟา้ และกระแสไฟฟา้ ใน
วงจรไฟฟ้าเมอ่ื ต่ออปุ กรณไ์ ฟฟ้าแบบอนกุ รมและ
แบบขนาน
ด้านทกั ษะกระบวนการ (P: Process) เขียนแผนภาพวงจรไฟฟา้ แสดงการตอ่ อปุ กรณ์
ไฟฟ้าแบบอนกุ รมและแบบขนาน
ด้านคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ (A: Attribute) มีความกระตือรือร้นในการทำงาน แสดงความ
คดิ เหน็ อย่างสร้างสรรค์ และมสี ่วนร่วมในการทำงาน
เปน็ กลมุ่
ด้านทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ (Sc.P: Science Process Skills)
การสังเกต การลงความเหน็ จากข้อมูล
การวดั การกำหนดและควบคุมตวั แปร
การคำนวณ/การใช้ตัวเลข การกำหนดนิยามเชงิ ปฏิบัตกิ าร
การจำแนกประเภท การตง้ั สมมติฐาน
การจัดกระทำและสือ่ ความหมายข้อมูล การทดลอง
การหาความสัมพันธ์ระหว่างสเปซกับสเปซ การตีความหมายข้อมูลและลงข้อสรุป
และสเปซกับเวลา การสรา้ งแบบจำลอง
การพยากรณ/์ การทำนาย
๒. กระบวนการจัดกิจกรรมการเรียนร้แู บบ ๕E
๒.๑ ขั้นการสรา้ งความสนใจ (Engagement)
๑. ครูทบทวนความรูเ้ ดิมของนกั เรยี นเกี่ยวกบั เร่อื ง กฎของโอห์ม จากนน้ั ครใู หน้ กั เรยี นแต่ละคน
ออกมารับบัตรคำหน้าช้นั เรียน ซึง่ นกั เรยี นแต่ละคนจะได้บตั รคำทแ่ี ตกต่างกัน แลว้ ให้นักเรียนแตล่ ะคนเขยี น
อธิบายบตั รคำที่ตนเองไดร้ ับลงในสมุดประจำตัวนักเรียน
๒. นักเรียนแบ่งกลุม่ กลมุ่ ละ ๓ คน โดยแตล่ ะกลุ่มตอ้ งมีสมาชิกที่มีบัตรคำเกีย่ วกับความต่างศักย์
กระแสไฟฟา้ และความตา้ นทาน จากนนั้ ร่วมกันอภปิ รายแสดงความคดิ เหน็ เพื่อหาความสัมพันธ์ระหว่างความ
ตา่ งศกั ย์ กระแสไฟฟ้า และความต้านทาน
๑๓๗
๒.๒ ขน้ั การสำรวจและคน้ หา (Exploration)
๑. นักเรียนจับกล่มุ กับเพือ่ นในช้นั เรยี นตามความสมัครใจ กลมุ่ ละ ๕-๖ คน คละความสามารถ เก่ง
กลางอ่อน
๒. นกั เรยี นแต่กลมุ่ ทำกจิ กรรมท่ี ๖.๔ วงจรไฟฟา้ แบบอนุกรมเป็นอยา่ งไร และกจิ กรรมที่ ๖.๕
วงจรไฟฟ้าแบบขนานเป็นอยา่ งไร
๓. นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ รว่ มกนั ศกึ ษาและทำกิจกรรมที่กลุ่มของตนได้รับ โดยดวู ิธกี ารดำเนินงานจาก
หนงั สือเรยี นวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.๓ เล่ม ๒ หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ ๖ ไฟฟา้ หรอื แหล่งการเรียนรูต้ ่าง ๆ
เชน่ ใบความรู้ อนิ เทอร์เนต็
๔. ครูแจกกระดาษฟลปิ ชารต์ ใหน้ กั เรยี นกลุ่มละ ๑ แผ่น พรอ้ มปากกาและดินสอสี ใหน้ กั เรียนแตล่ ะ
กล่มุ สรุปผลการทำกิจกรรมท่ไี ดศ้ ึกษาข้อมูลมาและทำกิจกรรม เขียนลงในกระดาษฟลิปชาร์ต เตรยี มนำเสนอ
หน้าช้ันเรียน
๒.๓ ข้ันการอธิบายและลงขอ้ สรปุ (Explanation)
๑. นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอผลการปฏิบัตกิ จิ กรรมหนา้ ชัน้ เรยี น ในระหวา่ งทนี่ กั เรยี น
นำเสนอครูคอยให้ขอ้ เสนอแนะเพ่มิ เตมิ เพื่อใหน้ กั เรยี นมคี วามเข้าใจทีถ่ กู ตอ้ ง
๒. นักเรยี นและครูร่วมกนั อภิปรายผลการปฏิบัตกิ จิ กรรม เพื่อให้ได้ข้อสรุปรว่ มกัน
๓. ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกันอธิบายและลงขอ้ สรปุ เกี่ยวกับวงจรไฟฟ้าแบบอนกุ รมและแบบขนาน โดย
ครูใช้แผนภาพ วดิ ทิ ศั น์ หรือ Power Point ประกอบการอธิบายและลงข้อสรปุ
ตัวอยา่ งสรปุ
วงจรอนุกรม เป็นการนำเอาเคร่อื งใช้ไฟฟา้ หรอื โหลดหลายๆ อนั มาต่อเรยี งกนั ไปเหมอื นลกู โซ่
กลา่ วคือ ปลายของเคร่อื งใช้ไฟฟา้ ตัวท่ี ๑ นำไปต่อกับต้นของเคร่อื งใช้ไฟฟา้ ตัวท่ี ๒ และต่อเรียงกนั ไปเร่อื ยๆ
จนหมด แล้วนำไปตอ่ เข้ากบั แหล่งกำเนดิ การต่อวงจรแบบอนกุ รมจะมที างเดินของกระแสไฟฟา้ ได้ทางเดียว
เท่านน้ั ถา้ เกดิ เครือ่ งใช้ไฟฟ้าตวั ใดตวั หน่ึงเปดิ วงจรหรอื ขาด จะทำให้วงจรทง้ั หมดไม่ทำงาน
คณุ สมบตั ทิ ี่สำคญั ของวงจรอนุกรม
๑. กระแสไฟฟา้ จะไหลผา่ นเทา่ กนั และมีทศิ ทางเดียวกันตลอดทง้ั วงจร
๒. ความตา้ นทานรวมของวงจรจะมคี ่าเท่ากับผลรวมของความต้านทานแตล่ ะตัวในวงจรรวมกนั
๓. แรงดนั ไฟฟา้ ตกคร่อมส่วนตา่ งๆ ของวงจร เมือ่ นำมารวมกันแลว้ จะเทา่ กบั แรงดันไฟฟา้ ที่
แหล่งกำเนิด
๑๓๘
วงจรขนาน เป็นการนำเอาต้นของเคร่อื งใช้ไฟฟ้าทกุ ๆ ตัวมาต่อรวมกนั และตอ่ เขา้ กบั แหลง่ กำเนิดที่จุดหน่งึ นำ
ปลายสายของทุกๆ ตวั มาตอ่ รวมกนั และนำไปต่อกับแหลง่ กำเนิดอีกจุดหนึง่ ที่เหลอื ซ่งึ เมือ่ เคร่ืองใช้ไฟฟา้ แต่ละ
อันต่อเรียบร้อยแลว้ จะกลายเป็นวงจรยอ่ ย กระแสไฟฟ้าทไี่ หลจะสามารถไหลไดห้ ลายทางข้นึ อย่กู ับตวั ของ
เครื่องใชไ้ ฟฟา้ ทน่ี ำมาตอ่ ขนานกัน ถา้ เกดิ ในวงจรมเี ครือ่ งใชไ้ ฟฟ้าตัวหนง่ึ ขาดหรือเปิดวงจร เครื่องใช้ไฟฟา้ ท่ี
เหลือกย็ ังสามารถทำงานได้ ในบ้านเรอื นที่อยู่อาศัยปจั จุบันจะเปน็ การตอ่ วงจรแบบน้ที ั้งสิ้น
คณุ สมบตั ิท่ีสำคญั ของวงจรขนาน
๑. กระแสไฟฟา้ รวมของวงจรขนาน จะมคี ่าเทา่ กบั กระแสไฟฟา้ ยอ่ ยทไ่ี หลในแตล่ ะสาขาของวงจร
รวมกนั
๒. แรงดนั ไฟฟา้ ตกครอ่ มสว่ นตา่ งๆ ของวงจร จะเท่ากบั แรงดันไฟฟา้ ทีแ่ หลง่ กำเนิด
๓. ความต้านทานรวมของวงจร จะมีค่าน้อยกวา่ ความตา้ นทานตัวทนี่ ้อยที่สุดท่ตี อ่ อยู่ในวงจร
๒.๔ ข้ันการขยายความรู้ (Elaboration)
๑. ครูอธิบายเพ่มิ เติมใหน้ กั เรียนเข้าใจวา่ “นอกจากการต่อตวั ตา้ นทานแบบอนุกรมและแบบขนาน
แล้ว สามารถนำมาต่อเข้ากนั ทัง้ ๒ รปู แบบ เรียกการต่อแบบน้ีว่า การต่อตวั ต้านทานแบบผสม”
๒. ครตู ้งั ประเด็นคำถามกระตนุ้ ความคิดนกั เรยี น โดยใหน้ ักเรยี นแตล่ ะคนรว่ มกนั อภิปรายแสดงความ
คดิ เหน็ เพือ่ หาคำตอบ ดังนี้
• การตอ่ วงจรไฟฟ้าแบบใดที่ทำให้ความต้านทานรวมมคี ่าเพ่ิมขนึ้
(แนวตอบ : การต่อตัวต้านทานแบบอนุกรม)
• การต่อวงจรไฟฟา้ แบบใดที่ทำให้ความตา้ นทานรวมมีคา่ ลดลง
(แนวตอบ : การตอ่ ตวั ต้านทานแบบขนาน)
๓. นักเรียนจับคู่กับเพอื่ นในชั้นเรียนตามความสมัครใจ จากน้ันร่วมกนั ศึกษาตัวอยา่ งในหนังสือเรยี น
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.๓ เลม่ ๒ หน่วยการเรียนรทู้ ี่ ๖ ไฟฟ้า ครอู าจแนะนำให้นกั เรยี นทำตามขนั้ ตอน
การแกโ้ จทย์ปญั หา ดังน้ี
• ขน้ั ท่ี ๑ ทำความเข้าใจโจทยป์ ญั หา
• ขั้นที่ ๒ วางแผนการแก้โจทย์ปัญหา เช่น สิ่งทโ่ี จทย์ต้องการถามหา และจะหาสง่ิ ทโี่ จทย์
ตอ้ งการ ตอ้ งทำอย่างไร
• ขั้นที่ ๓ ดำเนนิ การแกโ้ จทย์ปัญหา
• ข้ันท่ี ๔ ตรวจสอบคำตอบ
๒.๕ ขนั้ การประเมิน (Evaluation)
๑. นักเรียนทำกจิ กรรมและตอบคำถามในช้ันเรยี น
๒. นักเรยี นทำใบงาน เรือ่ ง วงจรไฟฟา้ แบบอนุกรมและแบบขนาน
๑๓๙
๓. สื่อ/อุปกรณ/์ แหลง่ เรียนรู้
๓.๑ คูม่ อื ครรู ายวิชาพ้นื ฐาน วิชาวทิ ยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปที ่ี ๓ เลม่ ๒ (สสวท.)
๓.๒ หนังสือเรยี นรายวิชาพืน้ ฐาน วชิ าวิทยาศาสตร์ ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี ๓ เลม่ ๒ (สสวท.)
๓.๓ Power Point เร่ือง วงจรไฟฟ้าแบบอนกุ รมและแบบขนาน
๔. การวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้
จุดประสงค์การเรยี นรู้ วธิ กี ารวัดผลการเรียนรู้ เกณฑก์ ารประเมนิ ผล
ผา่ นเกณฑไ์ ม่นอ้ ยกว่า
ด้านความรู้ (K: Knowledge) - การตอบคำถาม ร้อยละ ๘๐
อธิบายความต่างศักย์ไฟฟ้าและกระแสไฟฟ้าในวงจรไฟฟ้าเมอื่ ผ่านเกณฑไ์ มน่ ้อยกวา่
ร้อยละ ๘๐
ต่ออุปกรณ์ไฟฟา้ แบบอนกุ รมและแบบขนาน
ผ่านเกณฑ์ไมน่ อ้ ยกว่า
ดา้ นทักษะกระบวนการ (P: Process) - การตอบคำถาม รอ้ ยละ ๘๐
เขียนแผนภาพวงจรไฟฟ้าแสดงการต่ออุปกรณ์ไฟฟ้าแบบ - การทำกจิ กรรม ผ่านเกณฑไ์ ม่นอ้ ยกวา่
รอ้ ยละ ๘๐
อนุกรมและแบบขนาน
ดา้ นคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ (A: Attribute) - สังเกตพฤติกรรมในการ
มีความกระตอื รือรน้ ในการทำงาน แสดงความคิดเห็นอยา่ ง ทำงาน
สร้างสรรค์ และมสี ว่ นร่วมในการทำงานเปน็ กลุ่ม
ดา้ นทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ - การตอบคำถาม
(Sc.P: Science Process Skills)
การสงั เกต
การวดั
การคำนวณ/การใชต้ ัวเลข
การจำแนกประเภท
การจัดกระทำและสื่อความหมายข้อมูล
การลงความเห็นจากขอ้ มูล
การตคี วามหมายข้อมลู และลงข้อสรปุ
๑๔๐
แบบสังเกตพฤติกรรมรายบุคคลชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ ๓
คำชีแ้ จง ให้ครูประเมนิ พฤติกรรมของนกั เรยี นรายบุคคลในชั้นเรยี นตามแบบประเมนิ รายการในตาราง แลว้ ขดี
ลงในชอ่ งท่ตี รงกับคะแนน
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมอยา่ งสม่ำเสมอ ให้ ๓ คะแนน
ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยคร้ัง ให้ ๒ คะแนน
ปฏิบัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมบางคร้งั ให้ ๑ คะแนน
ลำดับ ช่ือ-สกุล ความมวี นิ ยั ความมี การรับฟงั การแสดง การตรงตอ่ รวม
ท่ี นำ้ ใจ ความ ความ เวลา ๑๕
เอื้อเฟื้อ คิดเหน็ คดิ เห็น คะแนน
เสยี สละ
๓๒๑๓๒๑๓๒๑๓๒๑๓๒๑
๑
๒
๓
๔
๕
๖
๗
๘
๙
๑๐
๑๑
๑๒
๑๓
๑๔
๑๕
๑๖
๑๗
๑๘
๑๙
๒๐
๒๑
๒๒
๒๓
๒๔
๒๕ ๑๔๑
๒๖
๒๗ ลงช่อื …………………………………………………ผ้ปู ระเมิน
๒๘ ( นางสาวพลอยทิพย์ เวียงสมทุ ร )
๒๙
๓๐ วนั ท…ี่ ……เดอื น………………..……….. พ.ศ.๒๕๖๕
๓๑
๓๒
๓๓
๓๔
๓๕
๓๖
๓๗
๓๘
๓๙
๔๐
เกณฑ์การตดั สินคณุ ภาพ
ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ
๑๒ - ๑๕ ดี
๑๘ - ๑๑ พอใช้
ตำ่ กวา่ ๘ ปรบั ปรงุ
๑๔๒
แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุม่
ช่อื กล่มุ …………………………………………………………………………………………………………………..ชั้น…………
คำชแ้ี จง : ให้ผ้สู อนสังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ลงในชอ่ ง
ที่ตรงกับระดบั คะแนน
ลำดับท่ี รายการประเมิน ระดบั คะแนน
๓๒๑
๑ การแบง่ หน้าท่กี ันอยา่ งเหมาะสม
๒ ความร่วมมอื กันทำงาน รวม
๓ การแสดงความคิดเห็น
๔ การรบั ฟงั ความคิดเห็น
๕ ความมีน้ำใจช่วยเหลือกนั
เกณฑก์ ารตดั สินคุณภาพ
ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ ลงชื่อ…………………………………………………ผปู้ ระเมิน
( นางสาวพลอยทพิ ย์ เวียงสมุทร )
๑๒ - ๑๕ ดี
วนั ท…ี่ ……เดือน………………..……….. พ.ศ.๒๕๖๕
๑๘ - ๑๑ พอใช้
ต่ำกวา่ ๘ ปรับปรุง
๑๔๓
บนั ทึกผลหลังการจดั การเรียนรู้
ผลการจัดกจิ กรรม
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
ปัญหา/อุปสรรค
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแกไ้ ข
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
ลงชอื่ ………………………………………….นกั ศึกษาปฏิบัตกิ ารสอนในสถานศึกษา
(นางสาวพลอยทพิ ย์ เวยี งสมุทร)
วนั ท่.ี ...........เดือน...............................พ.ศ.๒๕๖๕
ความคิดเหน็ ของครูพเี่ ลีย้ ง
เปน็ แผนการจัดการเรียนรู้ที่
นำไปใช้สอนได้
ควรปรับปรุงก่อนนำไปใช้
ขอ้ เสนอแนะอนื่ ๆ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ลงชอื่ ……………………………………..
(นางอรญั ญา บริจาค)
๑๔๔
ความคิดเห็นของหัวหนา้ กลุ่มสาระการเรียนรู้
เปน็ แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี
นำไปใช้สอนได้
ควรปรบั ปรุงก่อนนำไปใช้
ขอ้ เสนอแนะอนื่ ๆ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ลงชือ่ ……………………………………..
(นายธนภณ อุ่นวิเศษ)
ความคิดเหน็ ของหวั หนา้ กลุ่มงานบรหิ ารงานวชิ าการ
๑. เปน็ แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี
องคป์ ระกอบครบถว้ น องคป์ ระกอบไม่ครบ คือ.........................................................
๒. การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้/กระบวนการเรยี นรเู้ หมาะสม
เน้นผ้เู รยี นเปน็ สำคญั กิจกรรมเหมาะสมกบั เนือ้ หา/สื่อ/เวลา
ไม่เนน้ ผูเ้ รียนเป็นสำคญั ควรปรบั ปรุงพัฒนาตอ่ ไป
๓. การวัด/ประเมนิ ผล
หลากหลาย เหมาะสม ประเมนิ ตามสภาพจริง
การประเมินผลควรหลากหลาย และประเมินตามสภาพจริง
ข้อเสนอแนะอื่นๆ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ลงช่ือ……………………………………..
(นายวทิ ยา อินกง)
ความคดิ เหน็ ของผูอ้ ำนวยการโรงเรยี นหรอื ผทู้ ่ีไดร้ บั มอบหมาย
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ลงชื่อ……………………………………..
(นางสาวสุภาวดี ผาตะเนตร)
ตำแหน่ง รองผู้อำนวยการโรงเรยี นกลมุ่ งานบริหารงานวิชาการ
๑๔๕
ใบงาน
เรอ่ื ง วงจรไฟฟา้ แบบอนุกรมและแบบขนาน
คำชแี้ จง : แสดงวิธีคำนวณเกีย่ วกบั การต่อตัวต้านทานสมมูลใหถ้ กู ตอ้ ง
๑. กำหนดให้ R๑ = ๑.๕ โอห์ม R๒ = ๒.๕ โอห์ม และ R๓ = ๓.๕ โอห์ม
RR R
.....................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
๒. กำหนดให้ R๑ = ๕ โอหม์ R๒ = ๒ โอห์ม R๓ = ๕ โอห์ม และ R๔ = ๑๐ โอหม์
RR R
R
.....................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
๑๔๖
๓. กำหนดให้ R๑ = ๑๓ โอห์ม R๒ = ๑๒ โอหม์ R๓ = ๑๕ โอห์ม และ R๔ = ๘๕ โอหม์
RR
RR
.....................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
๔. กำหนดให้ R๑ = ๑๓ โอห์ม R๒ = ๑๒ โอหม์ R๓ = ๑๕ โอห์ม R๔ = ๘๕ โอห์ม และ R๕ = ๑๒ โอห์ม
RR R
RR
.....................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
๑๔๗
๕. กำหนดให้ R๑ = ๑๒ โอหม์ R๒ = ๑๒ โอห์ม R๓ = ๒๐ โอหม์ และ R๔ = ๑๕ โอห์ม
R
R
R
R
.....................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
แผนการจดั การเรียนร้ทู ่ี ๙
กล่มุ สาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชนั้ มธั ยมศึกษาปีท่ี ๓
รายวชิ า วิทยาศาสตรพ์ น้ื ฐาน ๖ รหัสวิชา ว๒๓๑๐๒
หน่วยการเรียนรทู้ ่ี ๖ เรอ่ื ง ไฟฟา้ ๑๔ ช่วั โมง
หน่วยการเรียนร้ยู ่อย ๖.๒ เร่ือง วงจรไฟฟา้ แบบอนุกรมและแบบขนาน ๒ ๒ ชว่ั โมง
ผ้สู อน นางสาวพลอยทพิ ย์ เวยี งสมทุ ร ตำแหน่ง นกั ศึกษาปฏบิ ตั กิ ารสอนในสถานศึกษา ภาคเรยี นที่ ๒/๒๕๖๔
สาระที่ ๒ วทิ ยาศาสตร์กายภาพ
มาตรฐาน ว ๒.๓ เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปล่ียนแปลงและการถา่ ยโอนพลงั งาน ปฏิสัมพันธ์
ระหวา่ งสสารและพลังงาน พลังงานในชีวติ ประจำวนั ธรรมชาติของคล่ืน ปรากฏการณ์
ทเี่ กี่ยวขอ้ งกับเสียง แสง และคลื่นแมเ่ หล็กไฟฟ้ารวมทัง้ นำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์
ระดับชัน้ ตัวชี้วัด สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง
ม.๓ ม.๓/๔ วเิ คราะห์ความตา่ งศักย์ไฟฟา้ และ ในวงจรไฟฟ้าประกอบด้วยแหล่งกำเนิดไฟฟ้า
กระแสไฟฟา้ ในวงจรไฟฟ้าเมื่อตอ่ ตวั สายไฟฟ้า และอปุ กรณ์ไฟฟ้า โดยอุปกรณ์ไฟฟ้าแต่
ตา้ นทานหลายตัวแบบอนกุ รมและแบบ ละชิ้นมีความต้านทาน ในการต่อตัวตา้ นทานหลาย
ขนานจากหลกั ฐานเชิงประจกั ษ์ ตวั มที ้งั ต่อแบบอนกุ รมและแบบขนาน
ม.๓/๕ เขยี นแผนภาพวงจรไฟฟ้าแสดงการ การตอ่ ตัวตา้ นทานหลายตัวแบบอนุกรมใน
ต่อตัวตา้ นทานแบบอนกุ รมและขนาน วงจรไฟฟา้ ความตา่ งศักย์ท่ีครอ่ มตัวตา้ นทานแต่ละ
ตัวมคี ่าเท่ากับผลรวมของความต่างศกั ยท์ ่ีครอ่ มตวั
ตา้ นทานแตล่ ะตวั โดยกระแสไฟฟา้ ท่ผี ่านตัว
ต้านทานแต่ละตัวมีค่าเท่ากัน
๑. กาํ หนดเปา้ หมายการเรยี นรู้
๑.๑ สาระการเรยี นรู้/เนื้อหาการเรียนรู้
เรอ่ื งที่ ๒ วงจรไฟฟ้าแบบอนุกรมและแบบขนาน ๒
๑) วงจรไฟฟา้ ในบา้ น
๑.๒ สาระสาํ คญั /ความคิดรวบยอดของเรื่องทีเ่ รียน
อุปกรณไ์ ฟฟา้ ในวงจรไฟฟา้ แตล่ ะชน้ิ มักจะมคี วามตา้ นทาน เมอ่ื นำมาต่อเขา้ กันเปน็ วงจรสว่ นใหญจ่ ะเปน็ การ
ตอ่ แบบอนุกรมและแบบขนานขึ้นอยูก่ ับการใช้งาน โดยความต่างศักย์ที่ตกครอ่ มตวั ต้านทานแตล่ ะตัวกับ
กระแสไฟฟา้ ท่ไี หลผ่านในวงจรจะมีค่าแตกต่างกนั ไปตามรปู แบบการตอ่ วงจร
๑๔๙
๑.๓ จดุ ประสงค์การเรียนรู้: เม่ือผู้เรยี นจบกิจกรรมการเรยี นรู้ ผเู้ รยี นสามารถ
ด้านความรู้ (K: Knowledge) อธิบายความต่างศกั ยไ์ ฟฟา้ และกระแสไฟฟา้ ใน
วงจรไฟฟ้าเม่อื ต่ออปุ กรณ์ไฟฟ้าแบบอนุกรมและ
แบบขนาน
ด้านทักษะกระบวนการ (P: Process) เขยี นแผนภาพวงจรไฟฟ้าแสดงการต่ออปุ กรณ์
ไฟฟา้ แบบอนกุ รมและแบบขนาน
ด้านคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ (A: Attribute) มีความกระตือรือร้นในการทำงาน แสดงความ
คดิ เหน็ อยา่ งสร้างสรรค์ และมีสว่ นรว่ มในการทำงาน
เปน็ กลุ่ม
ด้านทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ (Sc.P: Science Process Skills)
การสังเกต การลงความเหน็ จากขอ้ มูล
การวดั การกำหนดและควบคมุ ตวั แปร
การคำนวณ/การใช้ตวั เลข การกำหนดนิยามเชงิ ปฏบิ ัติการ
การจำแนกประเภท การตั้งสมมตฐิ าน
การจดั กระทำและสอ่ื ความหมายข้อมูล การทดลอง
การหาความสัมพันธ์ระหว่างสเปซกับสเปซ การตคี วามหมายขอ้ มลู และลงข้อสรปุ
และสเปซกับเวลา การสร้างแบบจำลอง
การพยากรณ/์ การทำนาย
๒. กระบวนการจัดกจิ กรรมการเรียนรแู้ บบ ๕E
๒.๑ ข้นั การสรา้ งความสนใจ (Engagement)
๑. ครทู บทวนความรู้เดมิ ของนกั เรยี นเก่ียวกับเรอื่ งวงจรไฟฟ้าแบบอนุกรมและแบบขนาน แล้วให้
นกั เรียนแต่ละคนเขยี นสรุปยอ่ เนอ้ื หาทเ่ี รยี นในคาบที่แลว้ ประมาณ ๕ บรรทัด ลงในสมุดประจำตวั นกั เรยี น
๒.๒ ขน้ั การสำรวจและคน้ หา (Exploration)
๑. นักเรียนจบั กลุม่ กับเพ่อื นในช้นั เรียนตามความสมคั รใจ กลมุ่ ละ ๕-๖ คน คละความสามารถ เกง่
กลางออ่ น
๒. นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ ทำกิจกรรมท้ายบท ออกแบบวงจรไฟฟ้าในหอ้ งได้อยา่ งไร โดยศึกษาขอ้ มูล
และวิธดี ำเนินการจากหนังสือเรียนวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ม.๓ เล่ม ๒ หน่วยการเรยี นรู้ที่ ๖ ไฟฟ้า
๓. นกั เรียนแตล่ ะกล่มุ รว่ มกนั ศึกษาค้นคว้าขอ้ มูลในเนอื้ หาทีก่ ลุ่มของตนไดร้ ับ จากหนังสือเรยี น
วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ม.๓ เล่ม ๒ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี ๖ ไฟฟา้ หรอื แหลง่ การเรยี นรู้ต่าง ๆ เชน่
อินเทอรเ์ นต็
๑๕๐
๔. ครูแจกกระดาษฟลปิ ชาร์ตใหน้ ักเรียนกลุ่มละ ๑ แผน่ พรอ้ มปากกาและดนิ สอสี ให้นกั เรยี นแตล่ ะ
กล่มุ สรุปเนือ้ หาที่ได้ศึกษาขอ้ มูลมาและเขยี นลงในกระดาษฟลิปชารต์ เตรยี มนำเสนอหนา้ ชนั้ เรยี น
๒.๓ ขัน้ การอธบิ ายและลงขอ้ สรปุ (Explanation)
๑. นักเรียนแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอผลการปฏิบัติกิจกรรมหน้าชั้นเรียน ในระหว่างที่นักเรียน
นำเสนอครคู อยให้ข้อเสนอแนะเพิม่ เติม เพื่อให้นักเรียนมีความเข้าใจท่ีถกู ตอ้ ง
๒. นักเรียนและครูรว่ มกันอภปิ รายผลการปฏิบัติกจิ กรรม เพอ่ื ใหไ้ ดข้ อ้ สรปุ รว่ มกัน
๓. ครูและนักเรียนร่วมกันอธิบายและลงข้อสรุปเกี่ยวกับวงจรไฟฟ้าในบ้าน โดยครูใช้แผนภาพ วิดิ
ทัศน์ หรอื Power Point ประกอบการอธบิ ายและลงข้อสรุป
ตัวอย่างสรุป วงจรไฟฟา้ ในบา้ น
ขอ้ แตกตา่ งของการตอ่ หลอดไฟแบบอนุกรมและแบบขนาน อาจสรุปได้ดงั ตารางตอ่ ไปนี้
คุณลกั ษณะ วงจรไฟฟา้ แบบอนกุ รม วงจรไฟฟา้ แบบขนาน
ความสว่างของหลอดไฟ รวมทกุ หลอด สว่างน้อย สวา่ งมากกว่า
หลอดไฟดวงใดดวงหนง่ึ ชำรุด หลอดไฟที่เหลือดบั หมด หลอดไฟทเี่ หลือยังสามารถใช้งานได้
นอกจากนกี้ ารนำอุปกรณไ์ ฟฟา้ มาตอ่ แบบอนุกรมและขนานแล้ว ก็ยงั สามารถนำเซลล์ไฟฟา้ มาต่อ
แบบอนุกรมและขนานไดเ้ ชน่ กัน การนำเซลล์ไฟฟา้ มาตอ่ กันแบบอนกุ รมหรือต่อแบบขนานน้นั จะทำให้เรา
มองเซลล์ไฟฟา้ ทงั้ หมดรวมกันเป็นแหล่งจา่ ยพลงั งานแหล่งหน่งึ ได้
๒.๔ ขั้นการขยายความรู้ (Elaboration)
๑. ครเู ปิดโอกาสให้นักเรยี นซักถามเน้ือหาเกยี่ วกบั เร่ือง วงจรไฟฟา้ ในบ้าน และใหค้ วามร้เู พมิ่ เตมิ จาก
คำถามของนกั เรียน โดยครูใช้ PowerPoint เรอ่ื ง วงจรไฟฟ้าในบา้ น ในการอธิบายเพิม่ เตมิ
๒. ครอู ธิบายเพมิ่ เตมิ วา่ “การต่อแบบผสม คอื การตอ่ วงจรทั้งแบบอนกุ รมและแบบขนานเขา้ ไปใน
วงจรเดยี ว การตอ่ แบบนี้ โดยทว่ั ไปไม่นิยมใชก้ นั เพราะเกิดความยุ่งยาก จะใช้กนั แต่ในทางด้านอเิ ล็กทรอนิกส์
เป็นส่วนใหญ่ เช่น ตัวต้านทานตัวหน่ึง ตอ่ อนกุ รมกบั ตวั ต้านทานอกี ตัวหนงึ่ แล้วนำตัวตา้ นทานทั้งสองไปต่อ
ขนานกบั ตัวต้านทานอีกชุดหนง่ึ จะสังเกตเห็นไดว้ า่ ลกั ษณะการตอ่ วงจรแบบผสมนี้เป็นการนำเอาวงจรอนกุ รม
กับขนานมารวมกัน และสามารถประยกุ ตเ์ ปน็ รูปแบบอื่น ๆ ได้ ข้ึนอย่กู ับการนำไปใช้งานให้เหมาะสม เพราะ
การต่อแบบผสมนไ้ี มม่ กี ฎเกณฑ์ตายตัว เปน็ การตอ่ เพ่อื นำค่าท่ีได้ไปใชก้ ับงานอยา่ งใดอย่างหน่งึ เช่น ในวงจร
อเิ ลก็ ทรอนิกส์ เปน็ ตน้ ”
๑๕๑
๒.๕ ขน้ั การประเมิน (Evaluation)
๑. นกั เรยี นทำกิจกรรมและตอบคำถามในชน้ั เรยี น
๒. นักเรยี นทำแบบทดสอบท้ายบทจากหนงั สอื เรยี นวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.๓ เลม่ ๒ หนว่ ย
การเรียนรทู้ ี่ ๖ ไฟฟา้ จำนวน ๑๐ ข้อ
๓. สอ่ื /อปุ กรณ/์ แหล่งเรยี นรู้
๓.๑ คมู่ ือครรู ายวิชาพน้ื ฐาน วิชาวิทยาศาสตร์ ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที ี่ ๓ เล่ม ๒ (สสวท.)
๓.๒ หนังสอื เรียนรายวิชาพน้ื ฐาน วิชาวทิ ยาศาสตร์ ชน้ั มัธยมศึกษาปีที่ ๓ เลม่ ๒ (สสวท.)
๓.๓ Power Point เร่ือง วงจรไฟฟา้ ในบา้ น
๔. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
จุดประสงค์การเรยี นรู้ วธิ กี ารวดั ผลการเรียนรู้ เกณฑก์ ารประเมนิ ผล
ผา่ นเกณฑไ์ ม่น้อยกวา่
ดา้ นความรู้ (K: Knowledge) - การตอบคำถาม รอ้ ยละ ๘๐
อธิบายความต่างศกั ย์ไฟฟ้าและกระแสไฟฟ้าในวงจรไฟฟ้าเม่ือ ผา่ นเกณฑ์ไม่น้อยกวา่
รอ้ ยละ ๘๐
ต่ออปุ กรณไ์ ฟฟ้าแบบอนกุ รมและแบบขนาน
ผ่านเกณฑ์ไมน่ ้อยกวา่
ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P: Process) - การตอบคำถาม ร้อยละ ๘๐
เขียนแผนภาพวงจรไฟฟ้าแสดงการต่ออุปกรณ์ไฟฟ้าแบบ - การทำกจิ กรรม ผ่านเกณฑไ์ มน่ ้อยกวา่
รอ้ ยละ ๘๐
อนกุ รมและแบบขนาน
ดา้ นคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ (A: Attribute) - สงั เกตพฤติกรรมในการ
มคี วามกระตือรือร้นในการทำงาน แสดงความคิดเหน็ อย่าง ทำงาน
สร้างสรรค์ และมีสว่ นร่วมในการทำงานเป็นกลุ่ม
ด้านทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ - การตอบคำถาม
(Sc.P: Science Process Skills)
การสงั เกต
การวัด
การคำนวณ/การใช้ตัวเลข
การจำแนกประเภท
การจัดกระทำและสือ่ ความหมายข้อมลู
การลงความเห็นจากข้อมลู
การตคี วามหมายขอ้ มลู และลงข้อสรปุ
๑๕๒
แบบสังเกตพฤติกรรมรายบุคคลชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ ๓
คำชแ้ี จง ให้ครปู ระเมนิ พฤติกรรมของนกั เรยี นรายบุคคลในชั้นเรยี นตามแบบประเมนิ รายการในตาราง แลว้ ขดี
ลงในช่องทตี่ รงกับคะแนน
เกณฑ์การให้คะแนน ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมอยา่ งสม่ำเสมอ ให้ ๓ คะแนน
ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยคร้ัง ให้ ๒ คะแนน
ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤติกรรมบางคร้งั ให้ ๑ คะแนน
ลำดับ ช่ือ-สกุล ความมวี นิ ยั ความมี การรับฟงั การแสดง การตรงตอ่ รวม
ท่ี นำ้ ใจ ความ ความ เวลา ๑๕
เอื้อเฟื้อ คิดเหน็ คดิ เห็น คะแนน
เสยี สละ
๓๒๑๓๒๑๓๒๑๓๒๑๓๒๑
๑
๒
๓
๔
๕
๖
๗
๘
๙
๑๐
๑๑
๑๒
๑๓
๑๔
๑๕
๑๖
๑๗
๑๘
๑๙
๒๐
๒๑
๒๒
๒๓
๒๔
๒๕ ๑๕๓
๒๖
๒๗ ลงช่อื …………………………………………………ผ้ปู ระเมิน
๒๘ ( นางสาวพลอยทิพย์ เวียงสมทุ ร )
๒๙
๓๐ วนั ท…ี่ ……เดอื น………………..……….. พ.ศ.๒๕๖๕
๓๑
๓๒
๓๓
๓๔
๓๕
๓๖
๓๗
๓๘
๓๙
๔๐
เกณฑ์การตดั สินคณุ ภาพ
ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ
๑๒ - ๑๕ ดี
๑๘ - ๑๑ พอใช้
ตำ่ กวา่ ๘ ปรบั ปรงุ
๑๕๔
แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุม่
ช่อื กล่มุ …………………………………………………………………………………………………………………..ชั้น…………
คำชแ้ี จง : ให้ผ้สู อนสังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ลงในชอ่ ง
ที่ตรงกับระดบั คะแนน
ลำดับท่ี รายการประเมิน ระดบั คะแนน
๓๒๑
๑ การแบง่ หน้าท่กี ันอยา่ งเหมาะสม
๒ ความร่วมมอื กันทำงาน รวม
๓ การแสดงความคิดเห็น
๔ การรบั ฟงั ความคิดเห็น
๕ ความมีน้ำใจช่วยเหลือกนั
เกณฑก์ ารตดั สินคุณภาพ
ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ ลงชื่อ…………………………………………………ผปู้ ระเมิน
( นางสาวพลอยทพิ ย์ เวียงสมุทร )
๑๒ - ๑๕ ดี
วนั ท…ี่ ……เดือน………………..……….. พ.ศ.๒๕๖๕
๑๘ - ๑๑ พอใช้
ต่ำกวา่ ๘ ปรับปรุง
๑๕๕
บันทกึ ผลหลังการจัดการเรียนรู้
ผลการจัดกจิ กรรม
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
ปัญหา/อุปสรรค
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแก้ไข
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
ลงชอ่ื ………………………………………….นกั ศกึ ษาปฏิบตั ิการสอนในสถานศึกษา
(นางสาวพลอยทิพย์ เวยี งสมุทร)
วนั ที่............เดอื น...............................พ.ศ.๒๕๖๕
ความคดิ เหน็ ของครพู ่ีเลย้ี ง
เป็นแผนการจดั การเรียนรู้ที่
นำไปใช้สอนได้
ควรปรบั ปรงุ กอ่ นนำไปใช้
ขอ้ เสนอแนะอื่นๆ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ลงช่อื ……………………………………..
(นางอรญั ญา บรจิ าค)
๑๕๖
ความคิดเห็นของหัวหนา้ กล่มุ สาระการเรยี นรู้
เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ที่
นำไปใช้สอนได้
ควรปรบั ปรุงกอ่ นนำไปใช้
ขอ้ เสนอแนะอ่ืนๆ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ลงช่ือ……………………………………..
(นายธนภณ อ่นุ วิเศษ)
ความคดิ เห็นของหวั หนา้ กลุม่ งานบรหิ ารงานวิชาการ
๑. เป็นแผนการจัดการเรยี นรู้ที่
องคป์ ระกอบครบถ้วน องคป์ ระกอบไมค่ รบ คือ.........................................................
๒. การจัดกจิ กรรมการเรียนร/ู้ กระบวนการเรียนรเู้ หมาะสม
เน้นผเู้ รียนเปน็ สำคัญ กิจกรรมเหมาะสมกบั เน้อื หา/ส่อื /เวลา
ไม่เนน้ ผู้เรยี นเป็นสำคญั ควรปรับปรุงพฒั นาต่อไป
๓. การวดั /ประเมินผล
หลากหลาย เหมาะสม ประเมนิ ตามสภาพจริง
การประเมินผลควรหลากหลาย และประเมนิ ตามสภาพจริง
ขอ้ เสนอแนะอ่ืนๆ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ลงช่ือ……………………………………..
(นายวิทยา อนิ กง)
ความคดิ เหน็ ของผูอ้ ำนวยการโรงเรยี นหรือผู้ทีไ่ ดร้ บั มอบหมาย
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ลงช่อื ……………………………………..
(นางสาวสภุ าวดี ผาตะเนตร)
ตำแหน่ง รองผอู้ ำนวยการโรงเรียนกลมุ่ งานบรหิ ารงานวิชาการ
แผนการจัดการเรียนรูท้ ่ี ๑๐
กลุม่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี ๓
รายวชิ า วิทยาศาสตรพ์ น้ื ฐาน ๖ รหัสวิชา ว๒๓๑๐๒
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๖ เร่อื ง ไฟฟา้ ๑๔ ชั่วโมง
หน่วยการเรยี นรู้ยอ่ ย ๖.๓ เรอ่ื ง พลงั งานไฟฟา้ ๒ ชั่วโมง
ผูส้ อน นางสาวพลอยทพิ ย์ เวียงสมุทร ตำแหน่ง นักศึกษาปฏิบัติการสอนในสถานศึกษา ภาคเรยี นท่ี ๒/๒๕๖๔
สาระท่ี ๒ วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ
มาตรฐาน ว ๒.๓ เขา้ ใจความหมายของพลงั งาน การเปล่ยี นแปลงและการถา่ ยโอนพลงั งาน ปฏิสัมพันธ์
ระหว่างสสารและพลงั งาน พลงั งานในชีวิตประจำวัน ธรรมชาตขิ องคล่นื ปรากฏการณ์
ที่เกย่ี วข้องกับเสยี ง แสง และคลื่นแม่เหลก็ ไฟฟ้ารวมท้งั นำความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์
ระดบั ช้นั ตัวชว้ี ัด สาระการเรียนรแู้ กนกลาง
ม.๓ ม.๓/๘ อธบิ ายและคำนวณพลังงานไฟฟา้ เครื่องใช้ไฟฟา้ จะมีค่ากำลังไฟฟ้าและความต่าง
โดยใช้สมการ W = Pt รวมทั้งคำนวณค่า ศกั ย์กำกบั ไว้ กำลงั ไฟฟ้ามหี น่วยเปน็ วัตต์ ความ
ไฟฟา้ ของเคร่ืองใช้ไฟฟา้ ในบา้ น ตา่ งศักยม์ หี น่วยเปน็ โวลต์ ค่าไฟฟ้าสว่ นใหญ่คิด
ม.๓/๙ ตระหนักในคณุ คา่ ของการเลือกใช้ จากพลังงานไฟฟา้ ท่ใี ช้ท้ังหมด ซึ่งหาไดจ้ ากผลคูณ
เครอื่ งใชไ้ ฟฟ้าโดยนำเสนอวิธกี ารใช้ ของกำลังไฟฟ้า ในหนว่ ยกิโลวตั ต์ กบั เวลาในหน่วย
เครื่องใช้ไฟฟ้าอยา่ งประหยัดและปลอดภัย ชั่วโมง พลังงานไฟฟา้ มีหน่วยเป็นกโิ ลวตั ต์ ชัว่ โมง
หรือหนว่ ย
วงจรไฟฟ้าในบา้ นมีการต่อเครอ่ื งใช้
ไฟฟา้ แบบขนานเพ่อื ให้ความต่างศักยเ์ ทา่ กนั การ
ใชเ้ ครอ่ื งใช้ไฟฟา้ ในชีวติ
ประจำวันตอ้ งเลือกใช้เคร่อื งใชไ้ ฟฟา้ ที่มคี วามตา่ ง
ศักยแ์ ละกำลังไฟฟ้าให้เหมาะกับการใชง้ าน และ
การใช้เครอื่ งใช้ไฟฟา้ และอปุ กรณไ์ ฟฟา้ ต้องใชอ้ ยา่ ง
ถูกตอ้ ง ปลอดภัย และประหยัด
๑. กาํ หนดเปา้ หมายการเรยี นรู้
๑.๑ สาระการเรียนร/ู้ เนือ้ หาการเรียนรู้
เร่อื งที่ ๓ พลังงานไฟฟา้
๑๕๘
๑) การคำนวณพลังงานไฟฟ้าและคา่ ไฟฟา้ ของเครือ่ งใชไ้ ฟฟ้าในบา้ น
๒) การใช้เครื่องใช้ไฟฟา้ อย่างประหยัดและปลอดภัย
๑.๒ สาระสําคญั /ความคิดรวบยอดของเรอื่ งที่เรียน
พลังงานไฟฟ้าเปน็ งานหรอื พลงั งานที่ใช้ในการเคลือ่ นท่ีหรอื การถา่ ยเทของประจุไฟฟ้าจากจุด
หน่งึ ไปยังจุดหนง่ึ พลังงานไฟฟ้าทใี่ ช้ไปในหนง่ึ หนว่ ยเวลา เรยี กว่า กำลงั ไฟฟา้ มหี นว่ ยเป็น วตั ต์ หรือจูลต่อ
วนิ าที กล่าวได้ว่า กำลังไฟฟ้า คือ อัตราการใชพ้ ลังงานไฟฟา้ เคร่อื งมือท่ีใชใ้ นการวัดปรมิ าณการไหลของ
กระแสไฟฟ้าเขา้ สู่บ้านเรือนเรียกว่า มาตรไฟฟ้า
การใช้พลังงานไฟฟ้ามากจะทำใหเ้ สียคา่ ไฟฟ้าตอ่ หนว่ ยมากขนึ้ ดว้ ย เพอ่ื ความประหยัดควร
เลือกใช้เครอ่ื งใชไ้ ฟฟา้ ใหเ้ หมาะสมกับความต้องการในการใช้งานเท่าท่ีจำเปน็ เพ่อื ความปลอดภยั ของผู้ใช้
ไฟฟ้า ควรใชเ้ ครือ่ งใชไ้ ฟฟา้ อย่างระมัดระวงั รวมทั้งตรวจสอบสภาพการใชง้ านอยา่ งสมำ่ เสมอ
๑.๓ จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้: เมอ่ื ผเู้ รยี นจบกิจกรรมการเรียนรู้ ผ้เู รียนสามารถ
ด้านความรู้ (K: Knowledge) อธิบายและคำนวณพลงั งานไฟฟา้ โดยใช้สมการ W
= Pt
ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P: Process) คำนวณค่าไฟฟา้ ของเคร่อื งใชไ้ ฟฟา้ ในบา้ น
นำเสนอวธิ กี ารใช้เครอ่ื งใชไ้ ฟฟา้ อย่างประหยดั
และปลอดภัยใหม้ คี วามน่าสนใจ
ดา้ นคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ (A: Attribute) ให้ความสนใจในบทเรียน ตอบคำถาม และให้
ความร่วมมอื ในชั้นเรยี น
ดา้ นทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ (Sc.P: Science Process Skills)
การสังเกต การลงความเห็นจากขอ้ มูล
การวัด การกำหนดและควบคุมตวั แปร
การคำนวณ/การใช้ตวั เลข การกำหนดนิยามเชิงปฏิบัติการ
การจำแนกประเภท การตั้งสมมติฐาน
การจัดกระทำและส่ือความหมายขอ้ มูล การทดลอง
การหาความสัมพันธ์ระหว่างสเปซกับสเปซ การตคี วามหมายข้อมูลและลงขอ้ สรปุ
และสเปซกบั เวลา การสร้างแบบจำลอง
การพยากรณ์/การทำนาย
๒. กระบวนการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้แบบ ๕E
๒.๑ ขั้นการสร้างความสนใจ (Engagement)
๑๕๙
๑. นกั เรียนทำกจิ กรรมในหนังสือเรียนวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.๓ เลม่ ๒ หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ ๖
ไฟฟ้า พิจารณาภาพที่กำหนดให้ ภาพใดมีการใช้พลังงานไฟฟา้ มากกวา่ กัน ถา้ เปดิ ใชง้ านในเวลาที่เท่ากัน
เพราะเหตุใด
๒. ครเู ตรียมบตั รภาพเครื่องใชไ้ ฟฟ้าทเ่ี ขียนกำกับปรมิ าณกระแสไฟฟา้ และพลังงานไฟฟ้ามาให้
นกั เรยี นดู จากนนั้ ครูใช้คำถาม ในหนังสอื เรยี นวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.๓ เลม่ ๒ หนว่ ยการเรียนรู้ที่ ๖
ไฟฟา้ วา่ “ตวั เลขท่รี ะบุบนเครือ่ งใชไ้ ฟฟา้ ในบา้ นเกีย่ วขอ้ งกบั พลงั งานไฟฟา้ อย่างไร” โดยให้นกั เรยี นรว่ มกนั
อภิปรายแสดงความคดิ เหน็ อย่างอสิ ระโดยครเู ขียนคำตอบของนักเรยี นไว้ แล้วครจู ะมาตรวจสอบคำตอบหลัง
เรียนเสรจ็
(แนวตอบ: ตวั เลขบอกถงึ กำลังไฟฟ้าและความต่างศักยข์ องเคร่อื งใชไ้ ฟฟ้านน้ั ๆ โดยจะทำให้
ทราบถงึ พลังงานไฟฟา้ ที่จะต้องใช้ตามเวลาท่ีใช้งาน)
๒.๒ ข้ันการสำรวจและค้นหา (Exploration)
๑. นกั เรยี นจับกลุ่มกับเพือ่ นในชนั้ เรียนตามความสมคั รใจ กล่มุ ละ ๕-๖ คน คละความสามารถ เกง่
กลางอ่อน
๒. ครเู ตรยี มสลากหมายเลข ๑-๓ แต่ละกล่มุ จะได้รับมอบหมายให้ศกึ ษาเน้อื หาที่ไดร้ ับตามหมายเลข
ดังนี้
๑) หมายเลข ๑ ศกึ ษาเร่ือง กำลงั ไฟฟ้า
๒) หมายเลข ๒ ศึกษาเรือ่ ง พลงั งานไฟฟา้
๓) หมายเลข ๓ ศึกษาเรื่อง การคำนวณคา่ ไฟฟ้า
๓. นกั เรยี นแต่ละกล่มุ สง่ ตัวแทนจับสลาก และรบั ทราบหัวขอ้ ที่ไดศ้ กึ ษาเนอ้ื หา
๔. นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ ร่วมกนั ศึกษาคน้ คว้าขอ้ มูลในเนื้อหาทกี่ ลมุ่ ของตนไดร้ ับ จากหนงั สอื เรยี น
วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ม.๓ เลม่ ๒ หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ ๖ ไฟฟา้ หรอื แหลง่ การเรยี นรูต้ า่ ง ๆ เชน่
อนิ เทอรเ์ น็ต โดยใหน้ กั เรยี นแตล่ ะคนจดบันทึกขน้ั ตอนและวธิ ีการคำนวณหาผลลพั ธ์ลงในสมดุ ประจำตัว
นักเรยี น ครูอาจแนะนำใหน้ ักเรียนทำตามขนั้ ตอนการแกโ้ จทยป์ ัญหา ดังนี้
• ข้ันที่ ๑ ทำความเข้าใจโจทย์ปญั หา
• ข้ันท่ี ๒ วางแผนการแกโ้ จทยป์ ัญหา เช่น ส่งิ ทโี่ จทยต์ อ้ งการถามหา และจะหาสงิ่ ที่โจทย์
ตอ้ งการ ต้องทำอยา่ งไร
• ขั้นท่ี ๓ ดำเนินการแก้โจทย์ปญั หา
• ขัน้ ท่ี ๔ ตรวจสอบคำตอบ
๕. ครูแจกกระดาษฟลปิ ชาร์ตใหน้ กั เรยี นกลมุ่ ละ ๑ แผ่น พรอ้ มปากกาและดนิ สอสี ใหน้ กั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ สรปุ
เน้ือหาท่ีไดศ้ ึกษาข้อมูลมาและเขยี นลงในกระดาษฟลิปชาร์ต เตรียมนำเสนอหนา้ ชน้ั เรียน
๑๖๐
๒.๓ ขน้ั การอธิบายและลงข้อสรปุ (Explanation)
๑. นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ ออกมานำเสนอผลการปฏิบัตกิ ิจกรรมหน้าชน้ั เรยี น ในระหว่างท่นี กั เรียน
นำเสนอครูคอยให้ข้อเสนอแนะเพ่มิ เติม เพือ่ ให้นกั เรยี นมคี วามเข้าใจทีถ่ ูกตอ้ ง
๒. ครูถามคำถาม จากหนงั สือเรยี นวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ม.๓ เลม่ ๒ หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี ๖
ไฟฟ้า ว่า “ต้นทุนการผลติ สินคา้ ตอ่ หน่วยเกย่ี วกับปจั จยั ใดบา้ งและเขียนเปน็ สมการแสดงความสมั พันธไ์ ด้
อย่างไร” โดยให้นักเรยี นรว่ มกันอภปิ รายแสดงความคดิ เหน็ เพ่อื หาคำตอบ
(แนวตอบ : ค่าวัตถุดิบ ค่าแรงงาน ค่าใช้จ่ายในการผลติ โดยมีความสัมพนั ธด์ ังสมการ
ต้นทนุ การผลติ ตอ่ หนง่ึ หนว่ ย = (ค่าวัตถดุ บิ +จคำ่านแวรนงงสาินนคา้+ที่ผคล่าิตใไชดจ้ ้ า่ ยในการผลิต))
๓. นักเรยี นและครูร่วมกนั อภิปรายผลการปฏิบัติกิจกรรม เพ่อื ใหไ้ ด้ขอ้ สรปุ รว่ มกัน
๔. ครูยกตัวอย่างการคำนวณคา่ ไฟฟา้ โดยครเู ขยี นตวั อยา่ งและแสดงวธิ กี ารคำนวณใหน้ กั เรียนดบู น
กระดาน ดงั น้ี
ตัวอยา่ ง บา้ นของเดก็ ชายปงั ปอนด์มเี ครือ่ งปรับอากาศขนาด ๓,๐๐๐ วตั ต์ จำนวน ๒ เคร่อื ง เปิดใช้
งานวันละ ๖ ช่ัวโมง หลอดไฟฟ้าขนาด ๖๐ วัตต์ จำนวน ๒ หลอด เปิดใชง้ านวันละ ๖
ชว่ั โมง และโทรทศั นข์ นาด ๑๐ วตั ต์ จำนวน ๑ เครอ่ื ง เปดิ ใช้งานวนั ละ ๓ ชั่วโมง
จงหาพลงั งานไฟฟ้าท่ีใช้ทงั้ หมดในหนึง่ วนั
วิธีทำ คำนวณหาพลังงานไฟฟ้าทใี่ ชท้ ้ังหมดในหนง่ึ วนั
จากสมการ W = Pt
= 2 3,000 kW 6 h + 2 60 kW 6 h +
1,000 1,000
= 1 90 kW 3 h
1,000
W = 36 + 0.72 + 0.27
W = 36.99 kW h
ดงั นั้น พลังงานไฟฟ้าที่ใช้ทัง้ หมดในหนง่ึ วนั เทา่ กบั ๓๖.๙๙ กโิ ลวัตต์ ช่ัวโมง หรือ ๓๖.๙๙ หนว่ ย
๕. ครใู หน้ ักเรียนแต่ละคนคำนวณหาคา่ ไฟฟ้าฐาน ค่าไฟฟ้าผันแปร และค่าภาษีมูลค่าเพ่ิม ในรอบ
เดือนธันวาคมของบ้านเด็กชายปังปอนด์ (กำหนดให้ค่า Ft เท่ากับ -๑๑.๖๐ สตางค์ต่อหนว่ ย) จากตัวอยา่ งท่คี รู
เขียนบนกระดาน โดยแสดงวธิ ีการคำนวณหาผลลัพธล์ งในสมุดประจำตวั นักเรยี น
๑๖๑
๒.๔ ขน้ั การขยายความรู้ (Elaboration)
๑. ครูเปิดโอกาสให้นกั เรียนซักถามเนื้อหาเกีย่ วกับเรอื่ ง พลังงานไฟฟา้ กำลังไฟฟ้า และการคำนวณ
คา่ ไฟฟา้ และใหค้ วามรู้เพมิ่ เตมิ จากคำถามของนกั เรยี น โดยครูใช้ PowerPoint เร่อื ง พลังงาน
ไฟฟ้า ในการอธิบายเพิ่มเตมิ
๒. ครูตงั้ ประเดน็ คำถามกระตุน้ ความสนใจนกั เรียนว่า “ถา้ นักเรียนตอ้ งการจะประหยดั พลงั านไฟฟา้
นกั เรยี นจะมีหลักในการเลอื กใช้เคร่อื งใช้ไฟฟา้ อย่างไร และทราบหรอื ไม่ว่าพฤตกิ รรมการใชพ้ ลงั งานไฟฟา้ มี
ความเหมาะสมหรือเกิดการส้ินเปลืองอย่างไร” โดยให้นักเรยี นแต่ละคนร่วมกนั อภิปรายแสดงความคิดเห็น
อยา่ งอิสระโดยไมม่ กี ารเฉลยว่าถกู หรอื ผดิ
(แนวตอบ : คำตอบขน้ึ อยกู่ บั ดุลยพินจิ ของครูผ้สู อน)
๓. นักเรยี นแบง่ กลุม่ กล่มุ ละ ๕-๖ คน (กลุ่มเดิม) จากนนั้ ให้สมาชกิ ภายในกลมุ่ รว่ มกันพูดคยุ และคดิ
สถานการณ์จำลองเก่ยี วกับเรื่อง การเกดิ อุบัตเิ หตุ เนอื่ งมาจากความประมาทในการใช้เครอื่ งใชไ้ ฟฟา้ โดย
บันทกึ ขอ้ มลู ทไ่ี ดล้ งในกระดาษ A๔ ซ่ึงมขี ้อมลู และลำดับเนือ้ หา ดงั น้ี
• กำหนดชื่อสถานการณ์
• สาเหตุของการเกดิ อุบัติเหตุ
• ผลของการเกดิ อบุ ัติเหตุ
• การแก้ไขเมอื่ เกดิ อบุ ตั ิเหตุ
• วธิ กี ารปอ้ งกันไมใ่ ห้เกิดอุบัติเหตุ
๔. นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มออกมานำเสนอสถานการณ์จำลองหนา้ ช้ันเรยี น ในระหว่างทน่ี กั เรียนนำเสนอ
ครคู อยใหข้ ้อเสนอแนะเพม่ิ เติม เพอ่ื ให้นกั เรยี นมีความเขา้ ใจทีถ่ ูกต้อง
๒.๕ ขั้นการประเมิน (Evaluation)
๑. ครมู อบหมายใหน้ กั เรยี นแต่ละคนสำรวจเครอื่ งใช้ไฟฟา้ ภายในบา้ นของตนเอง จากนัน้ บันทกึ ขอ้ มูล
กำลงั ไฟฟา้ จากปา้ ยกำกับของเครอื่ งใชไ้ ฟฟ้าแต่ละช้นิ แลว้ นำมาคำนวณหาค่าไฟฟ้าจากการเปดิ ใชง้ านจรงิ
โดยแสดงวิธกี ารคำนวณหาผลลพั ธ์อย่างละเอยี ดลงในกระดาษ A๔ เปน็ การบ้านส่งในชวั่ โมงถัดไป
๒. นกั เรียนทำกิจกรรมและตอบคำถามในชน้ั เรียน
๓. นักเรยี นทำใบงาน เรือ่ ง พลังงานไฟฟ้า
๓. สื่อ/อุปกรณ/์ แหล่งเรยี นรู้
๓.๑ คูม่ ือครรู ายวชิ าพ้ืนฐาน วชิ าวิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี ๓ เลม่ ๒ (สสวท.)
๓.๒ หนังสือเรียนรายวชิ าพน้ื ฐาน วชิ าวิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศกึ ษาปที ่ี ๓ เล่ม ๒ (สสวท.)
๓.๓ Power Point เรือ่ ง พลังงานไฟฟ้า
๔. การวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ ๑๖๒
จุดประสงค์การเรยี นรู้ วธิ กี ารวดั ผลการเรียนรู้ เกณฑ์การประเมนิ ผล
ผา่ นเกณฑ์ไม่นอ้ ยกว่า
ดา้ นความรู้ (K: Knowledge) - การตอบคำถาม รอ้ ยละ ๘๐
ผ่านเกณฑไ์ ม่นอ้ ยกว่า
อธิบายและคำนวณพลังงานไฟฟ้าโดยใช้สมการ W = Pt รอ้ ยละ ๘๐
ดา้ นทกั ษะกระบวนการ (P: Process) - การตอบคำถาม ผ่านเกณฑไ์ มน่ ้อยกวา่
รอ้ ยละ ๘๐
คำนวณค่าไฟฟา้ ของเครื่องใชไ้ ฟฟ้าในบ้าน - การทำกจิ กรรม
ผา่ นเกณฑไ์ ม่น้อยกว่า
นำเสนอวธิ ีการใชเ้ คร่อื งใช้ไฟฟา้ อยา่ งประหยดั และปลอดภัยให้ ร้อยละ ๘๐
มีความนา่ สนใจ
ดา้ นคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ (A: Attribute) - สังเกตพฤตกิ รรมในการ
ให้ความสนใจในบทเรยี น ตอบคำถาม และให้ความร่วมมือใน ทำงาน
ช้ันเรียน
ดา้ นทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ - การตอบคำถาม
(Sc.P: Science Process Skills)
การสงั เกต
การคำนวณ/การใชต้ วั เลข
การจัดกระทำและสอ่ื ความหมายข้อมลู
การลงความเห็นจากขอ้ มลู
การตีความหมายขอ้ มูลและลงข้อสรุป
๑๖๓
แบบสังเกตพฤติกรรมรายบุคคลชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ ๓
คำชแ้ี จง ให้ครปู ระเมนิ พฤติกรรมของนกั เรยี นรายบุคคลในชั้นเรยี นตามแบบประเมนิ รายการในตาราง แลว้ ขดี
ลงในช่องทตี่ รงกับคะแนน
เกณฑ์การให้คะแนน ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมอยา่ งสม่ำเสมอ ให้ ๓ คะแนน
ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยคร้ัง ให้ ๒ คะแนน
ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤติกรรมบางคร้งั ให้ ๑ คะแนน
ลำดับ ช่ือ-สกุล ความมวี นิ ยั ความมี การรับฟงั การแสดง การตรงตอ่ รวม
ท่ี นำ้ ใจ ความ ความ เวลา ๑๕
เอื้อเฟื้อ คิดเหน็ คดิ เห็น คะแนน
เสยี สละ
๓๒๑๓๒๑๓๒๑๓๒๑๓๒๑
๑
๒
๓
๔
๕
๖
๗
๘
๙
๑๐
๑๑
๑๒
๑๓
๑๔
๑๕
๑๖
๑๗
๑๘
๑๙
๒๐
๒๑
๒๒
๒๓
๒๔
๒๕ ๑๖๔
๒๖
๒๗ ลงช่อื …………………………………………………ผ้ปู ระเมิน
๒๘ ( นางสาวพลอยทิพย์ เวียงสมทุ ร )
๒๙
๓๐ วนั ท…ี่ ……เดอื น………………..……….. พ.ศ.๒๕๖๕
๓๑
๓๒
๓๓
๓๔
๓๕
๓๖
๓๗
๓๘
๓๙
๔๐
เกณฑ์การตดั สินคณุ ภาพ
ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ
๑๒ - ๑๕ ดี
๑๘ - ๑๑ พอใช้
ตำ่ กวา่ ๘ ปรบั ปรงุ
๑๖๕
แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุม่
ช่อื กล่มุ …………………………………………………………………………………………………………………..ชั้น…………
คำชแ้ี จง : ให้ผ้สู อนสังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ลงในชอ่ ง
ที่ตรงกับระดบั คะแนน
ลำดับท่ี รายการประเมิน ระดบั คะแนน
๓๒๑
๑ การแบง่ หน้าท่กี ันอยา่ งเหมาะสม
๒ ความร่วมมอื กันทำงาน รวม
๓ การแสดงความคิดเห็น
๔ การรบั ฟงั ความคิดเห็น
๕ ความมีน้ำใจช่วยเหลือกนั
เกณฑก์ ารตดั สินคุณภาพ
ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ ลงชื่อ…………………………………………………ผปู้ ระเมิน
( นางสาวพลอยทพิ ย์ เวียงสมุทร )
๑๒ - ๑๕ ดี
วนั ท…ี่ ……เดือน………………..……….. พ.ศ.๒๕๖๕
๑๘ - ๑๑ พอใช้
ต่ำกวา่ ๘ ปรับปรุง
๑๖๖
บันทกึ ผลหลังการจัดการเรียนรู้
ผลการจัดกจิ กรรม
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
ปัญหา/อุปสรรค
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแก้ไข
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
ลงชอ่ื ………………………………………….นกั ศกึ ษาปฏิบตั ิการสอนในสถานศึกษา
(นางสาวพลอยทิพย์ เวยี งสมุทร)
วนั ที่............เดอื น...............................พ.ศ.๒๕๖๕
ความคดิ เหน็ ของครพู ่ีเลย้ี ง
เป็นแผนการจดั การเรียนรู้ที่
นำไปใช้สอนได้
ควรปรบั ปรงุ กอ่ นนำไปใช้
ขอ้ เสนอแนะอื่นๆ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ลงช่อื ……………………………………..
(นางอรญั ญา บรจิ าค)
๑๖๗
ความคิดเห็นของหัวหนา้ กล่มุ สาระการเรยี นรู้
เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ที่
นำไปใช้สอนได้
ควรปรบั ปรุงกอ่ นนำไปใช้
ขอ้ เสนอแนะอ่ืนๆ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ลงช่ือ……………………………………..
(นายธนภณ อ่นุ วิเศษ)
ความคดิ เห็นของหวั หนา้ กลุม่ งานบรหิ ารงานวิชาการ
๑. เป็นแผนการจัดการเรยี นรู้ที่
องคป์ ระกอบครบถ้วน องคป์ ระกอบไมค่ รบ คือ.........................................................
๒. การจัดกจิ กรรมการเรียนร/ู้ กระบวนการเรียนรเู้ หมาะสม
เน้นผเู้ รียนเปน็ สำคัญ กิจกรรมเหมาะสมกบั เน้อื หา/ส่อื /เวลา
ไม่เนน้ ผู้เรยี นเป็นสำคญั ควรปรับปรุงพฒั นาต่อไป
๓. การวดั /ประเมินผล
หลากหลาย เหมาะสม ประเมนิ ตามสภาพจริง
การประเมินผลควรหลากหลาย และประเมนิ ตามสภาพจริง
ขอ้ เสนอแนะอ่ืนๆ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ลงช่ือ……………………………………..
(นายวิทยา อนิ กง)
ความคดิ เหน็ ของผูอ้ ำนวยการโรงเรยี นหรือผู้ทีไ่ ดร้ บั มอบหมาย
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ลงช่อื ……………………………………..
(นางสาวสภุ าวดี ผาตะเนตร)
ตำแหน่ง รองผอู้ ำนวยการโรงเรียนกลมุ่ งานบรหิ ารงานวิชาการ
๑๖๘
ใบงาน
เรอ่ื ง พลังงานไฟฟ้า
คำช้ีแจง : ให้นักเรยี นตอบคำถามต่อไปน้ใี หถ้ กู ต้อง
๑. หนว่ ยงานใดเป็นต้นทางซ่ึงมีหน้าที่ในการผลิตและสง่ จา่ ยพลังงานไฟฟา้
........................................................................................................................................................................
๒. บา้ นหลังหน่งึ อยูใ่ นอำเภอเมอื ง จังหวัดชุมพร เกิดหม้อแปลงไฟฟ้าระเบดิ ทำให้ไฟฟ้าดบั เจา้ ของบ้านหลงั นี้
ควรแจ้งเหตกุ ารณต์ อ่ หนว่ ยงานใด เพอ่ื ดำเนนิ การแก้ไข
........................................................................................................................................................................
๓. นายสนั ตสิ ุขต้องการเปิดกิจการรา้ นอาหารแห่งใหมใ่ นจังหวดั สมุทรปราการ จะตอ้ งตดิ ตอ่ หน่วยงานใด
เพื่อขอใชไ้ ฟฟา้ ในรา้ นอาหาร
........................................................................................................................................................................
๔. หน่วยงานใดท่ีมหี น้าท่กี ำหนดอตั ราค่าไฟฟา้
........................................................................................................................................................................
๕. องคป์ ระกอบค่าไฟฟา้ มีก่ีส่วน อะไรบ้าง
........................................................................................................................................................................
๖. ค่าก่อสร้างโรงไฟฟา้ เปน็ ต้นทนุ นำมาในการคำนวณคา่ ไฟฟา้ แบบใด
........................................................................................................................................................................
๗. ค่าไฟฟ้าผันแปรขึ้นอยู่กบั ปัจจยั ใดบ้าง จงยกตวั อยา่ ง
........................................................................................................................................................................
๘. ภาษมี ลู ค่าเพิ่มในใบแจง้ ค่าไฟฟา้ คดิ อัตราภาษเี ท่าใด
........................................................................................................................................................................
๙. ค่าไฟฟา้ ที่คดิ แบบอตั ราก้าวหนา้ คอื อะไร
........................................................................................................................................................................
๑๐. รีดผ้าดว้ ยเตารีดไฟฟ้าขนาด ๑,๐๐๐ วตั ต์ เป็นเวลา ๑ช่วั โมง จะใช้พลงั งานไฟฟ้าไปก่หี นว่ ย
........................................................................................................................................................................
๑๖๙
บัตรภาพ
ภาพเครอ่ื งซักผ้า ภาพต้เู ย็น
๒๕๐-๒,๐๐๐ วัตต์ ๕๓-๑๙๔ วัตต์
ภาพเตารดี ภาพเตาอบไมโครเวฟ
๗๕๐-๒,๐๐๐ วัตต์ ๑,๐๐๐-๒,๐๐๐ วตั ต์
๑๗๐
ภาพเครอื่ งปรบั อากาศ ภาพโทรทศั น์สี
๖๘๐-๓,๓๐๐ วัตต์ ๔๓-๙๕ วตั ต์
ภาพเครื่องปิง้ ขนมปัง ภาพพัดลม
๖๐๐-๑,๐๐๐ วตั ต์ ๔๕-๗๕ วัตต์
แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ ๑๑
กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๓
รายวิชา วทิ ยาศาสตร์พืน้ ฐาน ๖ รหัสวิชา ว๒๓๑๐๒
หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี ๖ เรอื่ ง ไฟฟา้ ๑๔ ช่วั โมง
หนว่ ยการเรยี นร้ยู ่อย ๖.๔ เรื่อง อเิ ล็กทรอนิกส์ ๑ ๒ ช่วั โมง
ผ้สู อน นางสาวพลอยทิพย์ เวียงสมุทร ตำแหนง่ นักศกึ ษาปฏบิ ัติการสอนในสถานศกึ ษา ภาคเรยี นที่ ๒/๒๕๖๔
สาระท่ี ๒ วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ
มาตรฐาน ว ๒.๓ เขา้ ใจความหมายของพลงั งาน การเปลี่ยนแปลงและการถา่ ยโอนพลงั งาน ปฏสิ ัมพันธ์
ระหวา่ งสสารและพลังงาน พลังงานในชวี ติ ประจำวัน ธรรมชาติของคลืน่ ปรากฏการณ์
ทเ่ี ก่ียวข้องกบั เสียง แสง และคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ารวมทง้ั นำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์
ระดบั ช้นั ตัวชว้ี ัด สาระการเรยี นร้แู กนกลาง
ม.๓ ม.๓/๖ บรรยายการทำงานของชิน้ ส่วน การตอ่ ตัวตา้ นทานหลายตวั แบบขนานใน
อิเลก็ ทรอนกิ ส์อย่างง่ายในวงจรจากขอ้ มลู ท่ี วงจรไฟฟ้า กระแสไฟฟ้าทีผ่ ่านวงจรมีคา่ เท่ากบั
รวบรวมได้ ผลรวมของกระแสไฟฟ้าท่ผี ่านตวั ตา้ นทานแต่ละตวั
ม.๓/๗ เขยี นแผนภาพและตอ่ ชิ้นส่วน โดยความต่างศักย์ท่คี ร่อมตวั ต้านทานแต่ละตวั มีค่า
อิเลก็ ทรอนกิ ส์อย่างง่ายในวงจรไฟฟ้า เทา่ กนั
ชิน้ ส่วนอิเลก็ ทรอนิกสม์ หี ลายชนิด เชน่ ตัว
ตา้ นทาน ไดโอด ทรานซสิ เตอร์ ตัวเก็บประจุ โดย
ชน้ิ ส่วนแตล่ ะชนิดทำหน้าทีแ่ ตกต่างกันเพ่ือให้วงจร
ทำงานได้ตามตอ้ งการ
ตัวตา้ นทานทำหน้าที่ควบคุมปริมาณ
กระแสไฟฟา้ ในวงจรไฟฟ้า ไดโอดทำหนา้ ท่ีให้
กระแสไฟฟา้ ผ่านทางเดยี ว ทรานซิสเตอรท์ ำหนา้ ที่
เป็นสวิตช์ปิดหรอื เปิดวงจรไฟฟ้าและควบคมุ
ปริมาณกระแสไฟฟา้ ตวั เกบ็ ประจทุ ำหน้าที่เก็บ
และคายประจไุ ฟฟ้า
เครือ่ งใชไ้ ฟฟ้าอยา่ งงา่ ยประกอบด้วยช้ินส่วน
อเิ ล็กทรอนกิ ส์หลายชนิดท่ีทำงานรว่ มกนั การตอ่
วงจรอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์โดยเลอื กใชช้ ิ้นสว่ น
๑๗๒
อเิ ล็กทรอนิกส์ทเี่ หมาะสมตามหน้าทขี่ องช้ินส่วน
น้ัน ๆ จะสามารถทำให้วงจรไฟฟา้ ทำงานไดต้ าม
ต้องการ
๑. กาํ หนดเปา้ หมายการเรยี นรู้
๑.๑ สาระการเรยี นร้/ู เน้ือหาการเรยี นรู้
เรือ่ งที่ ๔ อิเลก็ ทรอนิกส์ ๑
๑) ชน้ิ ส่วนอเิ ลก็ ทรอนิกส์
๑.๒ สาระสําคญั /ความคิดรวบยอดของเรื่องท่ีเรยี น
ชนิ้ ส่วนอเิ ล็กทรอนิกสเ์ ปน็ อุปกรณ์ที่สำคญั อย่างหนงึ่ ในวงจรไฟฟ้า โดยช้ินส่วนอิเล็กทรอนิกส์แต่
ละอย่างจะมหี น้าทแี่ ตกตา่ งกันไป เช่น ตวั ตา้ นทาน ทำหนา้ ทคี่ วบคมุ ปริมาณกระแสไฟฟา้ ในวงจรไฟฟา้ ไดโอด
ทำหน้าที่ให้กระแสไฟฟ้าผ่านทางเดยี ว ทรานซิสเตอร์ ทำหน้าที่เป็นสวิตชป์ ิดหรือเปิดวงจรไฟฟ้าและควบคมุ
ปริมาณกระแสไฟฟ้า ตัวเก็บประจุ ทำหน้าที่เก็บและคายประจุไฟฟ้า การต่อชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์เข้าใน
วงจรไฟฟ้าจะต้องทำการต่อให้ถูกต้องและถูกหลักการทางไฟฟ้า จึงจะทำให้วงจรไฟฟ้านั้นทำงานได้ตามที่
ต้องการและมีประสทิ ธิภาพ
๑.๓ จุดประสงคก์ ารเรียนรู้: เม่ือผู้เรยี นจบกิจกรรมการเรียนรู้ ผู้เรียนสามารถ
ดา้ นความรู้ (K: Knowledge) บรรยายการทำงานของช้ินสว่ นอเิ ลก็ ทรอนิกสใ์ น
วงจรไฟฟ้า
ด้านทกั ษะกระบวนการ (P: Process) เขียนแผนภาพและต่อชน้ิ ส่วนอิเลก็ ทรอนิกสใ์ น
วงจรไฟฟา้ ใหท้ ำงานได้ตามต้องการ
ด้านคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ (A: Attribute) มีความกระตือรือร้นในการทำงาน แสดงความ
คดิ เห็นอย่างสร้างสรรค์ และมีสว่ นร่วมในการทำงาน
เป็นกลุ่ม
ด้านทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ (Sc.P: Science Process Skills)
การสังเกต การลงความเห็นจากข้อมูล
การวัด การกำหนดและควบคุมตวั แปร
การคำนวณ/การใช้ตัวเลข การกำหนดนิยามเชงิ ปฏิบัติการ
การจำแนกประเภท การตั้งสมมติฐาน
การจัดกระทำและสอ่ื ความหมายขอ้ มูล การทดลอง
การหาความสัมพันธ์ระหว่างสเปซกับสเปซ การตคี วามหมายขอ้ มูลและลงข้อสรปุ
และสเปซกับเวลา การสร้างแบบจำลอง
การพยากรณ/์ การทำนาย
๑๗๓
๒. กระบวนการจัดกิจกรรมการเรยี นรูแ้ บบ ๕E
๒.๑ ขนั้ การสร้างความสนใจ (Engagement)
๑. ครูเปิดประเด็นใหน้ ักเรียนทบทวนเน้อื หาเกย่ี วกับพลงั งานไฟฟา้ จากคาบท่ีแลว้
๒. . ครตู ้ังประเดน็ คำถามกระตนุ้ ความสนใจนกั เรียนว่า “นักเรยี นคิดวา่ ชน้ิ ส่วนอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ทำ
หนา้ ที่อะไร” โดยให้นักเรียนแต่ละคนรว่ มกันอภปิ รายแสดงความคิดเหน็ อย่างอิสระโดยครูเขยี นคำตอบของ
นกั เรยี นไว้บนกระดาน แลว้ ครูจะมาตรวจสอบคำตอบหลังเรยี นเสร็จ
(แนวตอบ : ควบคมุ การไหลของกระแสไฟฟ้าในวงจรไฟฟ้า)
๒.๒ ขัน้ การสำรวจและคน้ หา (Exploration)
๑. นกั เรียนจบั กล่มุ กับเพื่อนในชน้ั เรียนตามความสมัครใจ กลุ่มละ ๕-๖ คน คละความสามารถ เก่ง
กลางอ่อน
๒. ครูเตรยี มสลากหมายเลข ๑-๔ แต่ละกลุ่มจะได้รบั มอบหมายให้ศกึ ษาเนอ้ื หาและทำกิจกรรมท่ี
ได้รับตามหมายเลข ดงั นี้
๑. หมายเลข ๑ ทำกิจกรรมท่ี ๖.๗ ตัวต้านทานมีหน้าที่อะไร
๒. หมายเลข ๒ ทำกจิ กรรมที่ ๖.๘ ไดโอดมหี น้าท่ีอะไร
๓. หมายเลข ๓ ทำกิจกรรมท่ี ๖.๙ ตัวเก็บประจุมีหน้าทอ่ี ย่างไร
๔. หมายเลข ๔ ทำกิจกรรมที่ ๖.๑๐ ทรานซิสเตอร์มีหนา้ ท่อี ะไร
๓. นักเรียนแตล่ ะกลุ่มส่งตัวแทนจับสลาก และรบั ทราบหัวข้อทีไ่ ด้ศึกษาเนือ้ หา
๔. นักเรยี นแตล่ ะกล่มุ ร่วมกันศกึ ษาคน้ ควา้ ขอ้ มูลในเนื้อหาทกี่ ลมุ่ ของตนไดร้ ับ จากหนงั สอื เรียน
วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ม.๓ เลม่ ๒ หน่วยการเรียนรทู้ ี่ ๖ ไฟฟ้า หรือแหลง่ การเรียนรูต้ ่าง ๆ เช่น
อินเทอรเ์ นต็
๕. ครูแจกกระดาษฟลปิ ชาร์ตให้นกั เรียนกลมุ่ ละ ๑ แผ่น พร้อมปากกาและดนิ สอสี ให้นกั เรยี นแต่ละ
กล่มุ สรปุ เนือ้ หาทีไ่ ด้ศกึ ษาข้อมูลมาจากการทำกจิ กกรรมและเขยี นลงในกระดาษฟลปิ ชาร์ต เตรยี มนำเสนอ
หน้าชั้นเรียน
๒.๓ ข้นั การอธบิ ายและลงขอ้ สรปุ (Explanation)
๑. นักเรียนแตล่ ะกลุ่มออกมานำเสนอผลการปฏิบัตกิ ิจกรรมหนา้ ช้ันเรียน ในระหว่างทนี่ ักเรยี น
นำเสนอครูคอยให้ข้อเสนอแนะเพมิ่ เติม เพือ่ ให้นักเรียนมีความเขา้ ใจท่ถี ูกต้อง
๒. ครูตั้งประเด็นคำถามกระตุ้นความคิดนักเรียน โดยให้นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันอภิปรายแสดงความ
คดิ เห็นเพอื่ หาคำตอบ ดงั น้ี
• ถา้ นำขวั้ ลบของไอโอดเปลง่ แสงต่อกบั ข้ัวบวกของแบตเตอร่ี ผลทีเ่ กิดขน้ึ จะเปน็ อย่างไร
๑๗๔
(แนวตอบ : เนื่องจากการต่อไดโอดเปล่งแสงจะต้องต่อให้ถูกขั้ว กระแสไฟฟ้าจึงจะไหลครบวงจร ถ้าต่อ
ขั้วบวกกบั ข้ัวลบสลับกัน ไดโอดเปลง่ แสงจะเกดิ ความต้านทานสูง กระแสไฟฟ้าจะไมส่ ามารถไหลผา่ นได้ ไดโอด
จะไมท่ ำงาน)
• ทรานซสิ เตอร์ทำหน้าทส่ี ำคญั อยา่ งไร
(แนวตอบ : ขยายสญั ญาณของกระแสไฟฟ้าท่ีอ่อนใหม้ พี ลงั งานไฟฟ้ามากข้ึน และทำหน้าที่เป็นสวิตช์เปิด-
ปดิ ในเครื่องใช้ไฟฟา้ )
• ชน้ิ ส่วนอเิ ล็กทรอนกิ ส์ชนดิ ใดมสี มบัติคลา้ ยกบั ซิลคิ อน
(แนวตอบ : ทรานซิสเตอร์)
• การตอ่ ตวั เก็บประจุเขา้ ไปในวงจรไฟฟ้าโดยไมม่ ีตัวต้านทานในวงจรจะเกิดผลเสียอย่างไร
(แนวตอบ : จะสญู เสียประจุไฟฟ้าเร็วขึน้ )
๓. นกั เรียนและครรู ว่ มกนั อภิปรายผลการปฏบิ ัตกิ ิจกรรม เพ่ือใหไ้ ด้ข้อสรุปรว่ มกัน
๔. ครูและนักเรียนร่วมกันอธบิ ายและลงขอ้ สรุปเกี่ยวกบั ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ โดยครูใช้แผนภาพ วิดิ
ทัศน์ หรือ Power Point ประกอบการอธิบายและลงข้อสรปุ
ตัวอย่างสรุป ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์
ชน้ิ สว่ นอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์
ในวงจรไฟฟา้ ทุกวงจรจะมชี ิน้ ส่วนอิเลก็ ทรอนิกสป์ ระกอบอยู่ โดยอุปกรณ์เหลา่ นีท้ ำหน้าท่ีเป็นตัวควบคุมการ
ไหลของพลงั งานไฟฟ้า ใหเ้ ปน็ ไปตามความตอ้ งการของผอู้ อกแบบวงจร ในช้ันต้นน้ีอปุ กรณ์อิเลก็ ทรอนิกส์อย่าง
ง่ายท่คี วรรูจ้ ัก ไดแ้ ก่ ตัวต้านทาน ตวั เก็บประจุ ไดโอด ทรานซิสเตอร์ เปน็ ตน้
ตัวตา้ นทาน
ตัวต้านทาน (resistors) มักใช้อักษรย่อ R เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการกำจัดการไหลของกระแสไฟฟ้าในวงจร ตัว
ตา้ นทานที่มีค่ามากจะทำให้มีกระแสไหลผ่านได้นอ้ ย โดยทั่วไปมกั จะแบ่งตวั ตา้ นทานออกเป็น ๒ แบบ คือ ตัว
ต้านทานชนดิ คงตวั และ ตัวตา้ นทานชนดิ ปรับคา่ ได้
ตวั เก็บประจุ
ตัวเก็บประจุ (capacitor) เป็นชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถเกบ็ พลังงานไฟฟ้าที่ถูกจ่ายใหเ้ ก็บตวั ประจุได้
ถูกนำมาใช้ประกอบในวงจรไฟฟ้าหลายชนิด เช่น วงจรกรองความถี่ วงจรเชื่อมโยงสัญญาณ วงจรกรอง
กระแสไฟฟา้ เปน็ ต้น
ตัวเกบ็ ประจุมีอยู่ ๒ แบบ คอื ตวั เก็บประจุแบบค่าคงที่และตวั เก็บประจุแบบปรับได้ แต่โดยท่ัวไปตวั เก็บประจุ
แบบคา่ คงท่ีจะมีความนิยมในการใชง้ านมากกว่า ดังนั้น จึงเนน้ ทำความรู้จักกับตัวเก็บประจุชนิดค่าคงที่ใช้กัน
เป็นประจำในวงจอี ิเลก็ ทรอนิกส์ต่างๆ
๑๗๕
ไดโอด
ไดโอด (diode) เปน็ ชิ้นส่วนอเิ ลก็ ทรอนิกส์ท่ีผลิตมาจากสารกึง่ ตวั นำชนดิ ตา่ งๆ เช่น ซิลิคอน เจอเมเนียม เป็น
ต้น สามารถใช้ในการกำหนดทิศทางการไหลของกระแสไฟฟ้า และใช้ประกอบในวงจรแปลงไฟฟ้ากระแสสลับ
ใหก้ ลายเป็นไฟฟ้ากระแสตรง
การใช้งานไดโอดนั้น จะต้องต่อไดโอดเข้ากับแหล่งกำเนิดไฟฟ้าให้ถูกขั้ว คือ ไฟบวกป้อนเข้าที่ขาบวกหรือท่ี
เรียกว่า ขาแอโนด (anode) ส่วนไฟลบป้อนเข้าที่ขาลบหรือที่เรียกว่า ขาแคโทด (cathode) เรียกการต่อ
ไดโอดในวงจรแบบน้ีว่า ไบอัสตรง ซึ่งจะทำให้มีกระแสไฟฟา้ ไหลได้ในวงจร ในทางกลับกันถา้ ตอ่ ไฟลบเข้ากบั
ขาแอโนด และต่อไฟบวกเข้ากับขาแคโทด จะเรียกลักษณะต่อวงจรแบบนี้ว่า ไบอัสกลับ กระแสไฟฟ้าจะไม่
สามารถไหลผา่ นไดโอด
ทรานซสิ เตอร์
ทรานซิสเตอร์ (transistor) เป็นชิ้นส่วนอิเล็กทรอนกิ ส์ที่ผลิตมาจากสารกึ่งตัวนำ เป็นชิ้นส่วนที่มีความสำคญั
และถูกนำมาประกอบในวงจรอเิ ล็กทรอนิกสต์ า่ งๆ มากมาย
ทรานซิสเตอร์ เป็นชิ้นส่วนอเิ ล็กทรอนิกส์ทีม่ ีขา ๓ ขา แต่ละขาเรียกช่ือแตกต่างกันคือ ขาเบส (base : B) ขา
อิมิตเตอร์ (emitter : E) และขาแลกเตอร์ (collector : C) โดยแต่ละขาก็จะมีหน้าที่และการทำงานแตกต่าง
กันออกไป
๒.๔ ขั้นการขยายความรู้ (Elaboration)
๑. ครเู ปดิ โอกาสใหน้ กั เรยี นซักถามเนอ้ื หาเก่ียวกบั เร่ือง วงจรอิเลก็ ทรอนิกส์ และให้ความรู้
เพ่ิมเติมจากคำถามของนักเรียน โดยครูใช้ PowerPoint เรื่อง วงจรอเิ ลก็ ทรอนิกส์ ในการอธิบายเพมิ่ เติม
๒. นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ ๓-๔ คน ตามความสมัครใจ โดยให้นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันศึกษา
เนือ้ หาในหนงั สือเรียนวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ม.๓ เล่ม ๒ หน่วยการเรยี นรู้ที่ ๖ ไฟฟา้ เพ่ือออกแบบและ
สรา้ งห่นุ ยนต์ และนำเสนอผลงานหน้าช้นั เรยี น
๒.๕ ข้ันการประเมนิ (Evaluation)
๑. นกั เรียนทำกจิ กรรมและตอบคำถามในช้ันเรยี น
๒. นักเรียนทำใบงาน เรอื่ ง ชิ้นส่วนอเิ ล็กทรอนิกส์
๓. สอ่ื /อุปกรณ/์ แหล่งเรียนรู้
๓.๑ คู่มอื ครรู ายวิชาพ้ืนฐาน วิชาวิทยาศาสตร์ ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี ๓ เล่ม ๒ (สสวท.)
๓.๒ หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน วชิ าวิทยาศาสตร์ ช้นั มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๓ เล่ม ๒ (สสวท.)
๓.๓ Power Point เร่อื ง ช้นิ สว่ นอเิ ลก็ ทรอนิกส์
๔. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ๑๗๖
จุดประสงค์การเรยี นรู้ วธิ ีการวดั ผลการเรยี นรู้ เกณฑก์ ารประเมนิ ผล
ผ่านเกณฑไ์ ม่นอ้ ยกว่า
ดา้ นความรู้ (K: Knowledge) - การตอบคำถาม รอ้ ยละ ๘๐
ผ่านเกณฑไ์ มน่ ้อยกวา่
บรรยายการทำงานของชิน้ สว่ นอิเล็กทรอนิกส์ในวงจรไฟฟา้ ร้อยละ ๘๐
ด้านทกั ษะกระบวนการ (P: Process) - การตอบคำถาม ผา่ นเกณฑ์ไมน่ อ้ ยกว่า
รอ้ ยละ ๘๐
เขียนแผนภาพและต่อชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ในวงจรไฟฟ้าให้ - การทำกจิ กรรม
ผา่ นเกณฑไ์ ม่นอ้ ยกวา่
ทำงานได้ตามต้องการ รอ้ ยละ ๘๐
ด้านคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ (A: Attribute) - สงั เกตพฤตกิ รรมในการ
มีความกระตือรือรน้ ในการทำงาน แสดงความคิดเหน็ อยา่ ง ทำงาน
สรา้ งสรรค์ และมีส่วนรว่ มในการทำงานเปน็ กลุ่ม
ด้านทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ - การตอบคำถาม
(Sc.P: Science Process Skills)
การสงั เกต
การวดั
การจดั กระทำและส่อื ความหมายขอ้ มูล
การลงความเหน็ จากข้อมลู
การตีความหมายข้อมูลและลงข้อสรุป
การสรา้ งแบบจำลอง
๑๗๗
แบบสังเกตพฤติกรรมรายบุคคลชน้ั มัธยมศึกษาปที ี่ ๓
คำชแ้ี จง ให้ครปู ระเมนิ พฤติกรรมของนกั เรยี นรายบุคคลในชั้นเรยี นตามแบบประเมนิ รายการในตาราง แลว้ ขดี
ลงในช่องทตี่ รงกับคะแนน
เกณฑ์การให้คะแนน ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤติกรรมอยา่ งสม่ำเสมอ ให้ ๓ คะแนน
ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยคร้ัง ให้ ๒ คะแนน
ปฏบิ ัตหิ รือแสดงพฤติกรรมบางคร้งั ให้ ๑ คะแนน
ลำดับ ช่ือ-สกุล ความมวี นิ ยั ความมี การรับฟงั การแสดง การตรงตอ่ รวม
ท่ี นำ้ ใจ ความ ความ เวลา ๑๕
เอื้อเฟื้อ คิดเหน็ คดิ เห็น คะแนน
เสยี สละ
๓๒๑๓๒๑๓๒๑๓๒๑๓๒๑
๑
๒
๓
๔
๕
๖
๗
๘
๙
๑๐
๑๑
๑๒
๑๓
๑๔
๑๕
๑๖
๑๗
๑๘
๑๙
๒๐
๒๑
๒๒
๒๓
๒๔
๒๕ ๑๗๘
๒๖
๒๗ ลงช่อื …………………………………………………ผ้ปู ระเมิน
๒๘ ( นางสาวพลอยทิพย์ เวียงสมทุ ร )
๒๙
๓๐ วนั ท…ี่ ……เดอื น………………..……….. พ.ศ.๒๕๖๕
๓๑
๓๒
๓๓
๓๔
๓๕
๓๖
๓๗
๓๘
๓๙
๔๐
เกณฑ์การตดั สินคณุ ภาพ
ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ
๑๒ - ๑๕ ดี
๑๘ - ๑๑ พอใช้
ตำ่ กวา่ ๘ ปรบั ปรงุ
๑๗๙
แบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานกลุม่
ช่อื กล่มุ …………………………………………………………………………………………………………………..ชั้น…………
คำชแ้ี จง : ให้ผ้สู อนสังเกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ลงในชอ่ ง
ที่ตรงกับระดบั คะแนน
ลำดับท่ี รายการประเมิน ระดบั คะแนน
๓๒๑
๑ การแบง่ หน้าท่กี ันอยา่ งเหมาะสม
๒ ความร่วมมอื กันทำงาน รวม
๓ การแสดงความคิดเห็น
๔ การรบั ฟงั ความคิดเห็น
๕ ความมีน้ำใจช่วยเหลือกนั
เกณฑก์ ารตดั สินคุณภาพ
ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ ลงชื่อ…………………………………………………ผปู้ ระเมิน
( นางสาวพลอยทพิ ย์ เวียงสมุทร )
๑๒ - ๑๕ ดี
วนั ท…ี่ ……เดือน………………..……….. พ.ศ.๒๕๖๕
๑๘ - ๑๑ พอใช้
ต่ำกวา่ ๘ ปรับปรุง
๑๘๐
บันทกึ ผลหลังการจัดการเรียนรู้
ผลการจัดกจิ กรรม
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
ปัญหา/อุปสรรค
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
ขอ้ เสนอแนะ/แนวทางแก้ไข
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................
ลงชอ่ื ………………………………………….นกั ศกึ ษาปฏิบตั ิการสอนในสถานศึกษา
(นางสาวพลอยทิพย์ เวยี งสมุทร)
วนั ที่............เดอื น...............................พ.ศ.๒๕๖๕
ความคดิ เหน็ ของครพู ่ีเลย้ี ง
เป็นแผนการจดั การเรียนรู้ที่
นำไปใช้สอนได้
ควรปรบั ปรงุ กอ่ นนำไปใช้
ขอ้ เสนอแนะอื่นๆ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..
ลงช่อื ……………………………………..
(นางอรญั ญา บรจิ าค)