แนวการจัดการเรียนรู้ประวัติศาสตร์
เพื่อสร้างสำ�นึกความเป็นไทย
เอกสารประกอบการอบรมวทิ ยากรแกนน�ำ
ในการพัฒนาการจัดการเรยี นการสอนประวัติศาสตรแ์ ละหน้าทพ่ี ลเมอื ง
ส�ำ นกั วชิ าการและมาตรฐานการศึกษา
สำ�นักงานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พนื้ ฐาน
Ô
ĒîüÖćøÝéĆ Öćøđø÷Ċ îøĎš
ðøąüĆêýĉ ćÿêøŤ
đóęĂČ ÿøćš ÜÿćĞ îċÖÙüćöđðîŨ ĕì÷
đĂÖÿćøðøąÖĂïÖćøĂïøöüìĉ ÷ćÖøĒÖîîćĞ
ĔîÖćøóçĆ îćÖćøÝéĆ Öćøđø÷Ċ îÖćøÿĂîðøąüĆêĉýćÿêøĒŤ úąĀîćš ìóĊę úđöĂČ Ü
øîŠč ìęĊ Ģ øąĀüćŠ ÜüĆîìĊę ģģ – ģĦ ÖîĆ ÷ć÷î ģĦĦĨ è ēøÜĒøöĂąđéøĊ÷êĉÙ ÖøÜč đìóöĀćîÙø
øŠčîìęĊ ģ øąĀüćŠ ÜüîĆ ìĊę ģĥ – ģĨ ÖĆî÷ć÷î ģĦĦĨ è ēøÜĒøöĂąđéøĊ÷êĉÙ ÖøčÜđìóöĀćîÙø
øŠčîìĊę Ĥ øąĀüŠćÜüĆîìęĊ Ĥġ ÖĆî÷ć÷î – Ĥ êúč ćÙö ģĦĦĨ è ēøÜĒøöÖøčÜýøĊøĉđüĂøŤ ÝĆÜĀüĆé óøąîÙøýøĊĂ÷íč ÷ć
øčîŠ ìĊę ĥ øąĀüćŠ ÜüîĆ ìęĊ Ĥ – ħ êúč ćÙö ģĦĦĨ è ēøÜĒøöÖøčÜýøĊøĉđüĂøŤ ÝĆÜĀüéĆ óøąîÙøýøĊĂ÷íč ÷ć
ÿćĞ îÖĆ ÜćîÙèąÖøøöÖćøÖćøýÖċ þć×îĚĆ óîČĚ åćî
ÖøąìøüÜýÖċ þćíÖĉ ćø
ģĦĦĨ
ĒแîนüวÖกćาøรÝจัดĆéกÖาćรøเđรøยีĊ÷นîรøู้ปšðĎ รøะąวüัตĆêิศýĉ าćสÿตêรø์เđŤ พóื่อĂČę สÿøรćš้างÜÿสćĞำîนÖċกึ ÙคüวćาöมđเðปîŨ็นĕไทìย÷
๒
แนวทางการจัดการเรยี นการเรยี นรู้ประวตั ศิ าสตรเ์ พอ่ื สร้างสานกึ ความเป็นไทย
พิมพค์ ร้ังที่ ๑ พ.ศ. ๒๕๕๗
จำนวนพิมพ์ ๑,๕๐๐ เลม่
ลขิ สทิ ธ์ขิ องสำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศกึ ษำข้นั พ้นื ฐำน
กระทรวงศกึ ษำธกิ ำร
พมิ พ์ที่ โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณก์ ารเกษตรแห่งประเทศไทย จำกดั
๗๙ ถนนงามวงศ์วาน แขวงลาดยาว เขตจตจุ ักร กรุงเทพมหานคร ๑๐๙๐๐
โทร. ๐-๒๕๖๑-๔๕๖๗ โทรสาร ๐-๒๕๗๙-๕๑๐๑
นายโชคดี ออสวุ รรณ ผู้พมิ พผ์ โู้ ฆษณา พ.ศ. ๒๕๕๗
แแนนววกกาารรจจดั ดั กกาารรเรเรียยี นนรรปู้ ปู้ รระะววตั ัตศิ ิศาาสสตตรร์เพ์เพ่ืออ่ื สสรร้าา้งงสสาำนนึกกึ คคววาามมเปเปน็ น็ ไทไทยย
๑
คำนำ
สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำข้ันพื้นฐำนมีนโยบำยท่ีจะส่งเสริมคุณธรรม และ
สร้ำงจิตสำนึกควำมเป็นไทยให้เด็กและเยำวชนได้มีควำมรู้ควำมเข้ำใจเกี่ยวกับควำมเป็นชำติ เรียนรู้วิถีชีวิต
ควำมเป็นไทยจำกประวัติศำสตร์ชำติไทย และคณะรักษำควำมสงบแห่งชำติ (คสช.) ยังได้มีนโยบำย
ชัดเจนท่ีให้ส่งเสริมเด็กและเยำวชนในชำติให้มีควำมรู้ ควำมเข้ำใจในประวัติศำสตร์ ควำมเป็นไทย รักชำติ
ศำสนำ เทิดทูนสถำบันพระมหำกษัตริย์ และเป็นพลเมืองท่ีดีในระบอบประชำธิปไตย มีควำมปรองดอง
สมำนฉันท์ เพื่อสันติสุขในสังคมไทย ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในสภำพสังคมปัจจุบัน ท่ีควรส่งเสริมให้กำรจัด
กำรเรียนกำรสอนมีควำมเขม้ ขน้ ยิ่งขึ้น
สำนกั งำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำขั้นพื้นฐำนจึงได้จดั ทำ “เอกสำรแนวทำงกำรจัดกำรเรียนรู้
ประวัติศำสตร์เพ่อื สร้ำงสำนึกควำมเป็นไทย” ดว้ ยเหตุทว่ี ่ำ ประวัตศิ ำสตร์ช่วยให้ผเู้ รียนได้รับรู้และเข้ำใจ
ร่วมกันว่ำ ชำติไทยมีรำกเหง้ำและมีพัฒนำกำรซ่ึงแสดงถึงกำรต่อสู้ฟันฝ่ำร่วมกันมำยำวนำนของคนไทยท่ี
หลอมรวมเป็นชำตไิ ทยในปัจจบุ ัน เพ่อื ควำมเป็นอิสระ ควำมมนั่ คง ควำมเจรญิ รงุ่ เรือง และกำรอย่รู ่วมกัน
อย่ำงสันติสุข โดยมีสถำบันพระมหำกษัตริย์เป็นสถำบันหลักและมีบรรพบุรุษคนสำคัญๆ ในอดีตเป็น
แบบอย่ำงเร่ืองกำรต่อสู้และคุณลักษณ์ที่ดี และปรำกฏให้เห็นถึงสัญญลักษณ์ควำมเป็นชำติไทย
นอกจำกน้ัน ยังรับรู้และเข้ำใจร่วมกันว่ำ ประเทศไทยมีภูมิปัญญำ วัฒนธรรม วัง วัด และอุทยำนทำง
ประวัตศิ ำสตร์ซง่ึ แสดงออกถึงควำมเจริญ คณุ ธรรมประจำชำตแิ ละอัตลักษณ์ของควำมเป็นไทย ซึ่งทำให้
ชำติไทยมีพัฒนำสืบต่อมำได้จนถึงปัจจุบัน ทั้งหมดนี้คือสิ่งท่ีควรค่ำแก่ควำมรกั ควำมภูมิใจเพื่อกำรธำรง
รักษำซงึ่ ควำมเป็นชำตไิ ทย
เอกสำรแนวทำงกำรจัดกำรเรียนรู้ประวัติศำสตร์เพ่ือสร้ำงสำนึกควำมเป็นไทยจดั ทำขึ้นเพอ่ื
ใช้ประกอบกำรอบรมวิทยำกรแกนนำในกำรพัฒนำกำรจัดกำรเรียนกำรสอนประวัติศำสตร์และหน้ำท่ี
พลเมอื ง
สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำข้ันพื้นฐำน ขอขอบคุณผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้เชี่ยวชำญ
ด้ำนเนื้อหำทำงประวัติศำสตร์และเทคนิคกำรสอน ศึกษำนิเทศก์ ครู ในกำรจัดทำเอกสำรดังกล่ำว
หวังเป็นอย่ำงยิ่งว่ำเอกสำรแนวทำงกำรจัดกำรเรียนกำรสอนประวัติศำสตร์เพ่ือสร้ำงสำนึกควำมเป็นไทย
จะเป็นประโยชน์แก่ครูในกำรจัดกำรเรียนกำรสอนที่เน้นกิจกรรมสำคัญท่ีแสดงถึงควำมรักและ
ควำมภูมิใจในชำติผำ่ นกำรเรียนรทู้ ำงประวัตศิ ำสตร์
สำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศกึ ษำขัน้ พน้ื ฐำน
แแนนววกกาารรจจัดัดกกาารรเรเรียยี นนรรปู้ ู้ปรระะววัตัตศิ ิศาาสสตตรร์เพเ์ พ่อื ื่อสสรร้า้างงสสาำนนึกึกคคววาามมเปเปน็ น็ ไไททยย
๑
สารบัญเร่อื ง
เร่ือง หนา้
คำนำ
สำนกึ ควำมเปน็ ไทย ๑
ควำมเป็นมำของชำตไิ ทย ๘
๒๒
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ ๑ เรือ่ ง การสถาปนาอาณาจกั รรัตนโกสนิ ทร์ (ป.๖) ๔๐
๕๘
แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี ๒ เรื่อง ประเทศไทยกบั สงครามโลกครั้งที่ ๑ (ม.๓) ๙๒
๙๘
แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี ๓ เรอ่ื ง การวางรากฐานประชาธปิ ไตย (ม.๔-๖) ๑๑๘
๑๒๘
สญั ลักษณค์ วำมเป็นไทย ๑๓๙
แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ ๔ เรื่อง ธงชาตแิ ละเพลงชาตไิ ทย (ป.๑) ๑๕๔
แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ๕ เรอ่ื ง เพลงสรรเสรญิ พระบารมี/พระบรมฉายาลกั ษณ์ ๑๖๕
๑๗๗
แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ ๖ เรอ่ื ง สัญลกั ษณ์ของชาติไทย (ม.๓) ๑๙๒
สถำบนั พระมหำกษตั ริย์ในสังคมไทย ๒๐๓
๒๑๑
แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ๗ เรอ่ื ง พระราชประวัติ และพระราชกรณยี กจิ ของ ๒๒๒
๒๓๔
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยหู่ วั รัชกาลท่ี ๙ (ป.๓) ๒๖๑
๒๗๒
แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี ๘ เร่ือง พ่อขุนรามคาแหงมหาราช (ป.๔) ๒๗๙
๓๐๑
แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี ๙ เรอ่ื ง สมเดจ็ พระเจ้าตากสนิ มหาราช (ป.๕) ๓๐๘
๓๑๓
แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี ๑๐ เรื่อง สถาบันกษัตริย์ในสมยั สโุ ขทยั (ม.๑) ๓๒๒
บรรพบรุ ุษไทย
แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ ๑๑ เรื่อง พนั ท้ายนรสิงห์ (ป.๒)
แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี ๑๒ เรอื่ ง ทา้ วเทพกระษัตรี ท้าวศรสี นุ ทร (ป.๖)
แผนการจดั การเรียนรู้ที่ ๑๓ เรอ่ื ง ราลกึ อดีตบรรพบุรุษไทย (ม.๓)
ภูมิปญั ญำและวัฒนธรรมไทย
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ ๑๔ เร่อื ง ประเพณีการเล่นสงกรานต์ (ป.๒)
แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ๑๕ เรอ่ื ง ความหลากทางสงั คมสมัยอยธุ ยา (ม.๒)
พระบรมมหำรำชวงั พระรำชวัง และวัง
วัด : ศูนยร์ วมจิตใจและมรดกศิลปข์ องประเทศ
อทุ ยำนประวตั ิศำสตร์ : มรดกทำงวัฒนธรรม
คณะผูจ้ ัดทำ
แนวการจดั การเรียนรปู้ ระวัตศิ าสตร์เพื่อสร้างสำนึกความเป็นไทย
๑
สำนึกควำมเปน็ ไทย
เม่ือกว่า ๑๐ ปีที่แล้วในวงสนทนาทางวิชาการ อาจารย์เศรษฐศาสตร์ที่เคารพท่านหนึ่ง
ตั้งประเด็นขึ้นว่า “อะไรคือความเป็นไทย ดูกันที่ตรงไหน คนไทยคิดถึงความเป็นไทยตรงกันหรือไม่
ต้องใสช่ ุดไทย ผา้ ไทยหรอื จึงแสดงความเป็นไทย” ปี ๒๕๕๖ มีข่าวเรื่อง “โศกนาฏกรรมวันลอยกระทง
ครั้งใหญ่ในกัมพูชา” ก็มีน้องท่ีทางานในสานักวิชาการและมาตรฐานการศึกษาด้วยกันถามว่า “เขมรมี
ประเพณีลอยกระทงด้วยหรือ นึกว่าเป็นประเพณีไทยเสียอีก” ปีนี้ในระหว่างฟังวิทยากรเล่าเรื่อง
สงกรานต์ท่พี มา่ ครสู อนประวตั ศิ าสตร์ท่นี ั่งอยูข่ ้างกนั บน่ ขึ้นวา่ “น่ีเราจะเหลืออะไรท่เี ปน็ ไทยอยบู่ ้างนี่”
รวมท้ังข่าว “คนไทยปรี๊ด : สงกรานต์ที่สิงคโปร์” เรื่องราวเหล่านี้ทาให้ตระหนกข้ึนว่า เรื่องไทยๆ
ทค่ี ดิ ว่า คนไทยต้องรกู้ ใ็ ช่จะร้หู รอื รู้ตรงกนั ไม่
ในวาระที่ คณะรกั ษาความสงบแหง่ ชาติ (คสช.) ประกาศนโยบายในการสง่ เสริมใหเ้ ด็กและ
เยาวชนในชาติได้มีความรู้ ความเข้าใจในประวัติศาสตร์ ความเป็นไทย รักชาติ ศาสนา เทิดทูนสถาบัน
พระมหากษัตริย์ เป็นพลเมืองท่ีดีในระบอบประชาธิปไตย มีความปรองดอง สมานฉันท์ เพื่อสันติสุขใน
สังคมไทย ดังนั้นในฐานะท่ีอยู่ในวงการพัฒนาการเรียนการสอนประวัติศาสตร์ในระดับประถมศึกษา
และมัธยมศึกษา จึงขอใช้โอกาสน้ีแสดงความคิดเห็น ซ่ึงขอย้าว่าเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ความเข้าใจ
ในกล่มุ ผู้สนใจในเรือ่ งน้ีร่วมกนั ผา่ นบทความนี้
ประเด็นที่น่าสนใจคือ อาจารย์เศรษฐศาสตร์คิดถึงความเป็นไทยว่า คงไม่ใช่เฉพาะ
รูปลักษณ์ท่ีแสดงออกเป็นรูปธรรม ส่วนนักวิชาการ ครูสอนประวัติศาสตร์ ท้ังข่าวดังกล่าวสะท้อนว่า
คนทั่วไปเห็นว่า ประเพณีไทยเป็นหน่ึงในเอกลักษณ์ความเป็นไทย โดยจากัดพ้ืนที่ทางวัฒนธรรมเป็นแค่
ชาติไทยเท่านั้น
มีคร้ังหนึ่งในการสัมมนาทางประวัติศาสตร์ เคยใช้คาถามว่า “คุณภูมิใจในความเป็นไทย
ในเร่ืองใดบ้าง” คาตอบท้ังหมดสะท้อนแนวคิดว่าสิ่งที่ภูมิใจในความเป็นไทย คือ วัฒนธรรมไทย เช่น
ภาษาไทย มารยาทไทย ศิลปกรรมไทย และ ภูมิปัญญาไทย ท่ีได้รับการยอมรับและยกย่องในสังคม
นานาชาติ เช่น อาหารไทย มวยไทย นาฏศิลป์ไทย ยังจาได้ว่า เคยใช้คาพูดกระตุ้นคุณครูและ
ศึกษานิเทศก์ในการสัมมนาครั้งน้ันว่า “คุณไม่เคยภูมิใจในดินแดนไทยที่บรรพบุรุษของเราปกป้องรักษา
ไว้ให้เราหรือ ไม่ภูมิใจในรากเหง้าความเป็นมาของไทยที่กว่าจะเป็นประเทศไทยจนถึงทุกวันน้ี ไม่ภูมิใจ
ในพระมหากษัตรยิ ไ์ ทยท่ีเปน็ ผนู้ าในการพัฒนาชาติบ้านเมืองเลยหรือ”
คนที่เรียนประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่รู้ดีว่าสมเด็จฯ กรมพระยาดารงราชานุภาพได้ทรงแสดง
ปาฐกถาเร่ือง บรรยายพงศาวดารสยาม ณ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เม่ือ พ.ศ. ๒๔๗๓ ซ่ึงสะท้อนโลก
ทัศน์ของชนชั้นนาในเร่ืองความภูมิใจในความเป็นไทยในยุคปฏิรูปประเทศให้ทันสมัยตามแบบตะวันตก
แแนนววกกาารรจจัดัดกกาารรเรเรยี ียนนรรปู้ ปู้ รระะววัตตั ศิ ศิ าาสสตตรร์เพ์เพือ่ อื่ สสรร้า้างงสสาำนนกึ ึกคคววาามมเปเปน็ น็ ไทไทยย: :สาสนำึกนคึกวคาวมาเมปเ็นปไน็ ทไยทย
๒
หรือในยุคท่ีอิทธิพลจากจักรวรรดินิยมตะวันตก โดยเฉพาะอังกฤษและฝรั่งเศสแผ่ขยายอิทธิพลคุกคาม
อธิปไตยของไทยในขณะนน้ั
ปาฐกถาดังกล่าว นกั วชิ าการหลายทา่ นวิเคราะห์ว่าเป็นแนวคิดในการปลูกฝังค่านิยมให้แก่
คนไทย โดยทรงช้ีว่า “คนไทยอยู่รอดมาได้ด้วยคุณธรรมประจาชาติสามประการ คือ ความรักอิสรภาพ
(Love of National Independence) ขันติธรรม (Toleration) และความฉลาดในการประสาน
ประโยชน์ (Power of Assimilation)”* ซึ่งสาหรับตนเองแล้วเห็นด้วยกับแนวคิดท้ัง ๓ ประการ
เพราะปรากฏหลักฐานชัดเจน
เช่น ลาลูแบร์ ราชทูตฝร่ังเศสที่เดินทางมากรุงศรีอยุธยาในสมัยสมเด็จพระนารายณ์
มหาราช ที่ไดเ้ ท่ียวซักถามและรวบรวมข้อมลู เก่ียวกับคนไทยและอาณาจักรอยุธยากบ็ ันทกึ ไว้วา่ คนไทย
เรยี กตนเองวา่ ไทย ซ่ึงแปลวา่ เสรี จารกึ ในสมยั สโุ ขทัยทพ่ี บในหลายจังหวัดทางเหนอื และดินแดนล้านนา
ในอดีต ก็ใช้ “ไทย” ในความหมายถึงพลเมือง (รวมทั้งความหมายอ่ืน เช่น เวลาแบบไทย ภาษา และ
อักษรไทย) ส่วนความฉลาดในการประสานประโยชน์ก็ปรากฏชัดเจนในการผสมผสานทางเช้ือชาติ
วัฒนธรรม และขนบธรรมเนียมประเพณี หรือแม้แตข่ ันตธิ รรม หรอื การอดทนอดกล้ัน ก็พบอยู่หลายครั้ง
ในวิกฤตการณ์ในสังคมไทย โดยเฉพาะในช่วงที่ต้องเสียสละดินแดนและเกียรติภูมิเพื่อรักษาเอกราชของ
ชาติไว้ รวมท้งั การยอมรบั ในความแตกตา่ งหลากหลายทางศาสนาและความเชื่อก็ปรากฏเปน็ รูปธรรมใน
พิธีกรรมและความศรัทธาของคนไทยในปจั จบุ ัน
อะไรคือ “ความเป็นไทย” ในท่ีนี้ นอกจากวัฒนธรรมไทยที่เกิดจากภูมิปัญญาที่สะสมกัน
มาอย่างต่อเนื่อง จนเกิดเป็นรูปลักษณ์ที่ชัดเจนทั้งทางด้านภาษาไทย อักษรไทย มารยาทไทย ประเพณี
ไทย อาหารไทย ศิลปกรรมไทย ฯลฯ อยากให้พิจารณาความเป็นไทยทีมีอยู่ในวิถีคิดและวิถีปฏิบัติต่อ
กันและกัน ทั้งทางกาย วาจา และใจ รวมท้ังการปฏิบัติต่อผู้อื่น (แม้มิใช่คนไทย) วิถีเหล่าน้ีอยู่ในตัวเรา
ทุกคน แม้จะมีไม่เท่ากัน หรือเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา เช่น การไม่ผูกใจเจ็บ ไม่อาฆาตพยาบาท
ซ่ึงติดอยู่ในคาพูดท่ีว่า “ช่างเถอะ” หรือการให้อภัยซึ่งกันและกัน การชอบให้ความช่วยเหลือผู้อื่น
(เนน้ วา่ ชอบ) ชอบการละเลน่ หรอื ความรน่ื เรงิ การใหค้ วามเคารพผมู้ ีคุณวฒุ ิและวัยวฒุ ิที่สูงกวา่ ฯลฯ
สาหรับคาถามว่า อะไรคือความภูมิใจในความเป็นไทย คาตอบอาจแตกต่างกัน เพราะ
คนไทยแต่ละคนย่อมมีประสบการณ์ที่แตกต่างกัน ในที่น้ีจึงขอแสดงแนวคิดดังกล่าวด้วยแผนภาพ
ซ่งึ หลายทา่ นอาจเพิม่ เตมิ หรอื ปรบั แต่งไดต้ ามความเขา้ ใจของตนเอง
* ดร.วินัย พงศ์ศรีเพียร ในคมู่ อื การจดั กจิ กรรมการเรียนการสอนประวตั ศิ าสตร์: ประวัติศาสตรไ์ ทยจะเรยี นจะสอนกัน
อย่างไร. (๒๕๔๓; ๑๙)
แแนนววกการารจจัดดักการารเรเรยี ยี นนรรปู้ ูป้ รระวะวัตัตศิ ศิ าสาสตตรร์เพ์เพอ่ื อ่ืสสรร้างา้ งสสานำนึกกึคคววามามเปเปน็ ็นไทไทยย: :สาสนำึกนคึกวคาวมาเมปเ็นปไ็นทไยทย
๓
ดนิ แดนไทยทอี่ ุดม เชอื้ ชาติไทยทีผ่ สมผสาน ความเป็นมาของชาติ
สมบูรณ์และเหมาะสม เป็นพหสุ งั คม และความเป็นเอกราช
กับการอย่อู าศัย สถาบนั พระมหากษัตริยไ์ ทย
ในฐานะผนู้ าในการพฒั นา
ภมู ิปัญญาไทย ภูมิใจในความเปน็ ไทย บรรพบรุ ุษไทยท่ปี กปอ้ ง
และสร้างความเจริญ
- อาหารไทย ประเพณีและการละเลน่
- มวยไทย วถิ ไี ทย วัฒนธรรมไทยท่ี
-เรอื นไทย ผสมผสานและปรับใช้
-แพทยแ์ ผนไทย -ชา่ งเถอะ
-นาฏศิลปไ์ ทย -ชอบชว่ ยเหลอื ผู้อน่ื - มารยาทไทย
-ผา้ ทอไทย -การเคารพผมู้ วี ฒุ สิ ูงกวา่ -ศลิ ปกรรมไทย
- เครื่องจักสาน -ชอบความสนกุ สนาน - ภาษาและวรรณกรรมไทย
-ก -ก
- -
อันท่ีจริง การหาคาตอบว่าอะไรคือความเป็นไทย หน่วยงานท่ีรับผิดชอบ คือ กระทรวง
วัฒนธรรม และหน่วยงานอ่ืนที่เกี่ยวข้อง เช่น เอกลักษณ์ไทย ได้อธิบายไว้ชัดเจนปรากฏในเอกสาร
หลายที่ ซึ่งเราสามารถศึกษาแนวคิดได้จากเอกสาร หนังสือ หรือบทความที่มีการพิมพ์เผยแพร่
อย่างต่อเนื่อง ภายใต้ความห่วงใยว่าความเป็นไทยจะสูญสลายไปพร้อมกับความเจริญทางสารสนเทศ
ในยุคโลกาภิวัตน์ ทั้งยังมีงานวิจัยที่เก่ียวข้องกับความเป็นไทยอยู่บ้างโดยเฉพาะผลงานของกลุ่ม
มนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ เช่น วิทยานิพนธ์รัฐศาสตร์บัณฑิต คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ท่ีมองความเป็นไทยในลักษณะความเป็นพลวัตร ซึ่งแปรเปล่ียนตามมิติของเวลาทางประวัติศาสตร์ โดย
นิยามความเป็นไทยเป็น ๓ ประการ คือ ๑) ความเป็นไทยแบบวัฒนธรรมไทย–พุทธ ๒) ความเป็นไทย
แบบพหุนิยม และ ๓) ความเป็นไทยแบบกษัตริย์นิยม สาหรับแนวคิดของตนเองเห็นว่า ผลงานเหล่านี้
สะท้อนมุมมองของปัญญาชนที่มีต่อสังคมไทยในบริบทที่มีความแตกแยกทางการเมืองอย่างรุนแรง ซึ่ง
ผสู้ นใจสามารถศกึ ษาเพมิ่ เติมได้
แแนนววกกาารรจจดั ดั กกาารรเรเรยี ยี นนรรปู้ ูป้ รระะววตั ัตศิ ศิ าาสสตตรร์เพ์เพอื่ ือ่ สสรร้าา้งงสสาำนนึกกึ คคววาามมเปเปน็ น็ ไทไทยย: :สาสนำึกนคึกวคาวมาเมปเ็นปไ็นทไยทย
๔
ถ้าจะพิจารณา “ความเป็นไทย” ให้ชัดเจนขึ้น เราอาจเร่ิมทบทวนว่าปัจจัยท่ีทาให้เกิด
ความเป็นไทย ประกอบด้วยสาเหตุใดบ้าง ถ้าจะพิจารณาทางด้านวิถีการดาเนินชีวิตจนเกิดเป็น
วัฒนธรรม จะเห็นว่าเป็นผลมาจาก (๑) ท่ีต้ังและปัจจัยทางภูมิศาสตร์ ทั้งการเป็นรัฐทางการค้าท่ี
ตา่ งชาติแวะเวียนนาวัฒนธรรมแปลกใหมเ่ ข้ามาให้คนไทยได้คัดเลือกผสมผสาน และการเป็นรฐั กสิกรรม
ท่ีพ่ึงพิงธรรมชาติและต้องร่วมมือช่วยเหลือกันที่เรียกว่า “ลงแขก” เพื่อความอยู่รอด มักมีความเช่ือ
สะท้อนในพิธีกรรม และการละเล่นสนกุ สนานในยามรวมกลมุ่ กันทางานและยามว่าง ความอุดมสมบูรณ์
ทางธรรมชาติท่ีกล่าวกันเป็นวลีว่า “ในน้ามีปลา ในนามีข้าว” หรือความมีอาหารการกินอุดมสมบูรณ์
ทาให้คนไทยมีอัตลักษณ์แตกต่างจากชาติอ่ืนท่ีลาบากยากแค้นกว่าและอาจก่อให้เกิด “ย้ิมสยาม”
ท่แี ม้วา่ จะลดนอ้ ยลงแลว้ ก็ตาม (๒) สง่ิ แวดลอ้ มทางสังคม ทมี่ ีที่มาจากประวตั คิ วามเป็นมาของชาติ และ
อทิ ธพิ ลทีร่ บั จากความเชอื่ และศาสนา ดงั จะเหน็ ว่า ประเทศทีน่ ับถือพทุ ธศาสนา เชน่ เดียวกบั ไทยตา่ งก็มี
วันสาคัญและการประกอบพิธีกรรมตามความเช่ือเหมือน ๆ กัน หรือประเทศท่ีได้รับอิทธิพลทางวัฒนธรรม
จากอินเดยี และจีน ตา่ งกม็ ีความคล้ายคลึงทางขนบธรรมเนยี มประเพณีหลายประการ เชน่ วนั สงกรานต์
วันลอยกระทง การบวงสรวงเทพเจา้ และบรรพบุรษุ เป็นต้น นอกจากปัจจยั หลักทัง้ ๒ ประการน้ี สว่ นตัว
แล้วยังคิดว่า ความเป็นไทยเป็นผลมาจาก เช้ือชาติไทย ซ่ึงทาให้คนไทยแตกต่างจากคนเชื้อชาติอื่นใน
อาเซยี น แมจ้ ะนบั ถือศาสนาเดยี วกันหรอื อาศยั อยู่ในพื้นทร่ี าบลมุ่ และมีข้าวเป็นอาหารหลกั เหมือนกัน
อยา่ งไรก็ตามเราต้องเข้าใจดว้ ยว่า “ความเป็นไทย” มคี วามแปรเปล่ยี นและปรับตวั ไปตาม
กาละและเทศะ ในสมัยโบราณ ความเป็นไทยอาจมีปัจจัยหลักมาจากสภาพภูมิศาสตร์ เช้ือชาติไทย
ความเช่ือ และการนับถือพุทธศาสนา ต่อมาสังคมไทยมีลักษณะเป็นพหุสังคม คือ หลากหลายเชื้อชาติ
และวฒั นธรรม ความเปน็ ไทยก็ย่อมแปรเปลย่ี นตามปัจจัยทางดา้ นการพัฒนาเศรษฐกจิ และสงั คม รวมทง้ั
นโยบายของภาครฐั ในแต่ละสมัย ความเปน็ เมืองหรือชนบท โลกาภวิ ัตนแ์ ละความเป็นสากล ลว้ นส่งผล
ตอ่ การคงอยู่และการปรับตวั ในความเปน็ ไทยด้วยเชน่ กัน
เราควรอนุรักษ์ความเป็นไทยหรือไม่ การรักษาความเป็นไทยไว้จะส่งผลอย่างไรต่อตัวเรา
สังคม และประเทศชาติ คงเป็นเรื่องท่ีอภิปรายและถกเถียงกันได้ยาวนาน แต่ในฐานะท่ีเราเป็นครู มี
ภาระหน้าที่ด้านการพัฒนาเยาวชนโดยตรง เพื่อเตรียมพร้อมสู่การเป็นพลเมืองดีของประเทศ เราจะทา
อย่างไรในเร่ืองดังกล่าวเพ่ือให้บรรลุหลักสูตรหรือเป้าหมายทางการศึกษา คือ เยาวชนไทยภาคภูมิใจใน
ความเปน็ ไทย เหน็ คณุ คา่ ร่วมอนรุ กั ษแ์ ละสบื ทอดตอ่ ไป
สาหรับคาถามท่ีว่า “สอนอะไร สอนอย่างไรจึงจะเสริมสร้างจิตสานึกความเป็นไทย”
อาจมีแนวคิดและวิธีการหลายแนวทาง ขอเสนอความเห็นว่า จิตสานึกความเป็นไทยสามารถ
จดั กิจกรรมการเรียนรู้ผา่ นนยั สาคญั ๖ เรอ่ื งดว้ ยกัน คอื
๑) ประวัตคิ วามเปน็ มาหรือรากเหงา้ ของความเป็นไทย เนื่องจากเหน็ วา่ ไมว่ ่าเราจะหยิบ
ประเด็นใดในสังคมไทยข้ึนมาเป็นหัวเรื่องแล้ว ทุกเรื่องล้วนมีความเป็นมาทั้งส้ิน ดังนั้นการสอนเพื่อให้
เข้าถึง “กว่าจะเป็นวันน้ี” รวมทั้งพัฒนาการทางประวัติศาสตร์ของชาติไทย ในช่วงเวลาต่าง ๆ ต้ังแต่
แแนนววกการารจจดั ัดกการารเรเรยี ยี นนรรปู้ ู้ปรระวะวตั ัตศิ ศิ าสาสตตรร์เพเ์ พื่ออื่สสรรา้ ง้างสสานำนึกึกคคววามามเปเปน็ ็นไทไทยย: :สาสนำกึ นคกึ วคาวมาเมปเน็ ปไ็นทไยทย
๕
ก่อนสมัยสุโขทัย สมัยสโุ ขทัย สมัยอยุธยา สมัยธนบรุ ี และสมยั รัตนโกสนิ ทร์ จงึ เป็นเรือ่ งสาคัญที่สามารถ
สร้างความรู้สึกร่วมหรือสานึกร่วมในสังคม อันจะก่อให้เกิดความภาคภูมิใจ รักและหวงแหน หรือธารง
ความเปน็ ไทยน้ีสืบไป
๒) สัญลักษณ์ หรือเครื่องหมายความเป็นชาติ ในที่นี้หมายถึง ความเป็นไทย ท่ีจะนามา
สร้างความภูมิใจนั้นย่อมมีความเป็นรูปธรรม หรือลักษณะทางกายภาพท่ีเห็นได้ สัมผัสรับรู้ได้ การนา
รูปลักษณ์ดังกล่าวมาวิเคราะห์ทั้งด้านการก่อกาเนิดในบริบททางประวัติสาสตร์ วิวัฒนาการ หรือ
เปรียบเทียบกับสังคมอื่นในประเด็นเดียวกัน น่าจะสร้างสานึกในความเป็นชาติที่มีศักด์ิศรี มีเกียรติยศ
ทดั เทียมกับนานาประเทศในโลกปัจจบุ นั
๓) บรรพบุรุษ เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่า ความคงอยู่ของชาติในทุกวันนี้ รวมท้ังความ
เจริญรุ่งเรือง ความเป็นอัตลักษณ์ไทยผ่านสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมในปัจจุบัน ล้วนเกิดขึ้นจากความ
พยายามและภมู ปิ ญั ญาของบรรพบรุ ษุ ไทยในอดีต ดงั นนั้ การรู้จักบรรพบุรุษไทยในแง่ความเพยี รพยายาม
การเสียสละ ความมุ่งมั่น ความรับผิดชอบต่อชาติบ้านเมือง ย่อมสามารถสร้างความภูมิใจในความเป็น
ไทยไดด้ ี
๔) สถาบันพระมหากษัตรยิ ์ไทย เรายอ่ มตระหนักกันดีว่า พระมหากษตั ริย์ไทย โดยเฉพาะ
ในหลวงองค์ปัจจุบัน ทรงเป็นผู้นาชาติในทุก ๆ ด้าน พระมหากษัตริย์ไทยในอดีตก็เช่นกัน เราคงไม่มี
อักษรไทย วรรณกรรมไทย หากไมม่ ีนโยบายการสร้างชาติไทยของพ่อขุนรามคาแหงมหาราชแห่งสุโขทัย
ดินแดนไทยกับประเทศไทยที่คงอยู่ในปัจจุบันก็เป็นผลมาจากการปกป้องและการเป็นผู้นาในสงคราม
ของพระมหากษัตริย์ไทยและบรรพบุรษุ ไทยในอดีต ความทันสมยั ในปจั จุบนั ของเรากล็ ว้ นเป็นวิเทโศบาย
ของพระมหากษัตริย์ไทยในราชวงศ์จักรี และหากได้เปรียบเทียบกับเพ่ือนบ้านที่เคยมีการปกครองแบบ
สมบูรณาญาสิทธิราชย์หรือยังคงมีสถาบันกษัตริย์เช่นเราในปัจจุบัน เยาวชนไทยก็คงเกิดสานึกในความ
เปน็ ชาติไทยขน้ึ ได้
๕) วัฒนธรรมไทย ในทีน่ ีห้ มายรวมถงึ รูปลักษณ์และวิถไี ทยทีเ่ คยมีอยู่ในอดีตซ่ึงหลายเรื่อง
ได้ปรับเปล่ียนเพ่ือให้คงอยู่ได้ในปัจจุบัน นอกจากปัจจัยทางภูมิศาสตร์และความเชือ่ทางศาสนาแล้ว
หากเราไดพ้ จิ ารณาคณุ ลกั ษณะเด่นในสังคมไทยอยา่ งแจ่มชดั เราจะพบถงึ (๑) รากเหง้าความเปน็ มาของ
แต่ละวัฒนธรรม (๒) ความผสมผสานในพหุสังคม (๓) การคัดเลือกและการปรับใช้วัฒนธรรมอื่นหรือ
ความเจริญอ่ืนในวัฒนธรรมไทย ที่นับว่าเป็นความฉลาดในการประสานประโยชน์ของบรรพบุรุษไทย
และ (๔) ความสามารถของคนไทยที่แสดงถึงภูมิปัญญาไทย ซึ่งแทรกอยู่ในวัฒนธรรม การได้เรียนรู้และ
เข้าใจในเรอื่ งดังกล่าวอาจสร้างความภมู ิใจในความเป็นไทยได้ทางหน่งึ
๖) ภูมิปัญญาไทย หากเราได้พิจารณาทุกเร่ืองราวและทุกส่ิงที่จับต้องได้ เม่ือได้ทา
ความเข้าใจกับเรือ่ งราวดงั กล่าว เราจะพบว่า คนไทยในแตล่ ะแหลง่ ท่ีใช้ปญั ญาแกไ้ ขปัญหา หรอื ปรับปรงุ
สภาพแวดล้อมเพื่อให้ดารงชีวิตได้อย่างต่อเนื่อง เช่น หากได้วิเคราะห์การต้ังราชธานีไทยในด้านภูมิปัญญา
ของบรรพบุรุษอาจสร้างความภาคภูมิใจให้เยาวชนไทยได้ หากได้วิเคราะห์โครงการพระราชดาริซึ่งจะ
แแนนววกกาารรจจดั ดั กกาารรเรเรยี ยี นนรรปู้ ปู้ รระะววตั ัตศิ ศิ าาสสตตรร์เพ์เพือ่ ือ่ สสรร้าา้งงสสาำนนึกกึ คคววาามมเปเปน็ น็ ไทไทยย: :สาสนำกึนคึกวคาวมาเมปเ็นปไ็นทไยทย
๖
สะท้อนชัดเจนถึงในหลวงของเรา เป็นแบบอย่างของการเป็นผู้นาชาติที่ใช้ภูมิปัญญาในการแก้ไขปัญหา
พัฒนาวิถีความเป็นอยู่ของคนไทย และประเทศชาติ แม้เราจะแบ่งประเภทของภูมิปัญญาไทยออกเป็น
ชื่อเรียกต่าง ๆ เช่น ภูมิปัญญาชาวบ้าน ภูมิปัญญาท้องถ่ินไทย ภูมิปัญญาจากกรุงเทพฯ แต่ภายใต้ช่ือ
เหล่านี้เป็นเพียงสะท้อนถึงแหล่งกาเนิดและระดับการใช้สอยหรือประโยชน์ต่อสังคม ซึ่งทุกภูมิปัญญา
ลว้ นสร้างความภูมใิ จในความเป็นไทยได้ หากผสู้ อนไดเ้ น้นวิถีคดิ และความเป็นมาของส่ิงน้นั ให้ผู้เรียนได้
ตระหนักถึง “กวา่ จะเปน็ วันนไ้ี ด้”
สาหรับวิธีการสอนเพือ่ สร้างค่านิยม ความรัก ความภูมใิ จ เกิดเป็นจิตสานึกนนั้ เห็นวา่ จะมี
ความต่างจากการสรา้ งความรแู้ ละความเขา้ ใจมาก (ในทน่ี ีจ้ ะไมว่ พิ ากษ์ว่าการสอนเน้ือหา “ใคร ทาอะไร
ที่ไหน เม่ือไหร่” หรือข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์เป็นสิ่งจาเป็นหรือไม่ เพราะอย่างไรก็ตาม ความรู้
ความเข้าใจดังกล่าว เป็นความรู้ความเข้าใจพื้นฐานของการวิเคราะห์และวิพากษ์ แต่จะสร้างจิตสานึก
หรือไม่จะหยิบยกข้ึนพิจารณาต่อไป) และเห็นว่าการเสริมสร้างจิตสานึกแตกต่างจากการฝึกทักษะ
ทห่ี ากได้ฝกึ ซา้ ๆ บอ่ ย ๆ ก็จะเกิดความชานาญขน้ึ ได้ กล่าวคือเห็นว่า ไมว่ า่ จะสรา้ งจติ สานกึ ในเรือ่ งใดท้ัง
การอนุรักษ์ส่ิงแวดล้อม หรือความสานึกในความเป็นไทยไม่อาจเกิดขึ้นได้จากการพร่าบอกซ้าๆ จนอาจ
สร้างความเบื่อหน่ายหรือต่อต้านเงียบๆ แต่อาจเร่ิมต้นจากการรุกเร้าหรือกระตุก กระตุ้นให้เห็น
ความสาคัญของเรื่องน้ันก่อน โดยใช้คาถามหรือใช้ส่ืออ่ืนนา “ถ้าไม่มีส่ิงน้ันแล้วจะเกิดอะไรข้ึน” หรือ
อ้างอิงบทเรียนในประวัติศาสตร์ของสังคมอ่ืนที่ไม่มีสิ่งนั้นแล้วเป็นอย่างไร หรือนาสถานการณ์จริงใน
สังคมมาเป็นบทเรียน ตามด้วยให้ผู้เรียนมีส่วนร่วม (ร่วมคิด ร่วมวิพากษ์วิจารณ์ ร่วมแสดงความคิดเห็น
ได้ปฏิบัติจริง ได้ประเมิน) ใช้นัยสาคัญจาก ๖ เร่ืองที่กล่าวมาแล้ว เช่น ประวัติความเป็นมา และ
ภูมิปัญญาของบรรพบุรุษท่ีไดส้ รา้ งสรรค์ขึ้น รวมทั้งได้เห็นรูปลักษณ์ท่ีแสดงการเปลย่ี นแปลงตามมิตขิ อง
เวลา ท้ังหมด คอื กระบวนการคดิ วเิ คราะห์โดยใช้ข้อเทจ็ จรงิ ทางประวัติศาสตร์ สดุ ทา้ ยของแนวการสอน
น้ี คือ เหน็ แนวทางการปฏิบัติตนในสภาพปัจจุบนั
การจัดกระบวนการเรียนรู้ที่จะเสริมสร้างจิตสานึกความเป็นไทยดังกล่าวนี้ แนวทางหน่ึง
คอื การจดั การเรยี นรูผ้ ่านประสบการณ์ ดังน้ี
๑) กระตุกกระตุ้น เพื่อให้เกิดความสนใจในเร่ืองท่ีจะเรียนรู้ ซึ่งอาจสะท้อนผ่านประสาท
สมั ผัสต่างๆ เช่น การบรรยายภาพตามความเขา้ ใจของตนเอง การดูวิดที ศั น์
๒) สร้างความตระหนักในความสาคัญเรื่องที่เรียน เช่น การดึงปัญหาในสภาพสังคม
ที่เกีย่ วข้องให้วพิ ากษณ์วิจารณ์ ข้อดี-ขอ้ เสีย สาเหตแุ ละผลกระทบ เปน็ ต้น
๓) การมีส่วนร่วมในบทเรียน ท้ังด้านการวางแผนการตระเตรียม การได้แตะต้อง
ดว้ ยประสาทสัมผัสใหม้ ากกว่าการฟงั การเขยี น การตอบคาถามตามทค่ี รูกาหนด
๔) การตริตรอง นับเป็นหัวใจสาคัญของการเรียนรู้เพ่ือเสริมสร้างจิตสานึก เป็นทักษะ
ด้านการคิดวิเคราะห์จากข้อเท็จจริง (ใคร ทาอะไร ที่ไหน เมื่อไหร่) ถึงสาเหตุและผลกระทบท่ีเกิดข้ึน
ด้วยการนาเนือ้หาสาระท่ีเกี่ยวข้อง เช่น ประวัติความเป็นมา หรือ ภูมิปัญญาของบรรพบุรุษท่ีสอดแทรก
แแนนววกการารจจดั ดักการารเรเรียยี นนรรปู้ ้ปู รระวะวัตัตศิ ิศาสาสตตรร์เพ์เพอื่ ่ือสสรร้าง้างสสานำนึกึกคคววามามเปเปน็ น็ ไทไทยย: :สาสนำกึ นคกึ วคาวมาเมปเ็นปไ็นทไยทย
๗
อยู่ในสัญลักษณ์ต่างๆมาให้นักเรียนฝึกทักษะการคิดด้วยคาถามว่า ทาไมและอย่างไร (ไม่ใช่ ใคร อะไร
ที่ไหน เมือ่ ไหร่ ซึ่งเปน็ ทักษะการจา)
๕) การตรวจสอบ เป็นขั้นตอนของการรับรู้สภาพความเป็นจริงน้ันในสังคมรอบตัว
ตรวจสอบความเข้าใจของตนเอง กับความเข้าใจของผู้อื่น รวมท้ังการประเมินสถานการณ์และ
ความเข้าใจที่ถูกต้อง การรับรู้และการแลกเปลี่ยนแนวคิด การปรับเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อสังคมไทยให้
เป็นไปตามครรลองทถี่ กู ตอ้ ง
๖) การตลบคิด หรือการย้อนพินิจถึงประโยชน์ที่มีต่อสังคมและประเทศชาติโดยรวม
เหน็ แนวทางปฏบิ ตั ิตนในฐานะทีเ่ ปน็ คนไทย ท่ีจะมีสว่ นร่วมในการแก้ไขปัญหาสังคมหรือการอนุรักษ์และ
สบื สานความเปน็ ไทยต่อไป
หลายครั้งท่ีครูผู้สอนมุ่งเน้นในรายละเอียดของสาระเนื้อหา มากกว่าการสร้างจิตสานึก
“รักและภูมิใจความเป็นไทย” ดังน้ันการจัดกิจกรรมการเรียนรู้จึงไร้คุณค่า การสร้างความรู้และ
ความเข้าใจในสาระสาคัญ แม้ว่ามีความจาเป็น แต่การสร้างจิตสานึกในความเป็นไทยสาคัญย่ิงกว่า
เพราะหมายถงึ ความคงอยูข่ องชาติไทย ดินแดนไทย เอกลกั ษณใ์ นวฒั นธรรมไทย ซึง่ อาจสญู สิ้นไปได้
กลา่ วโดยสรปุ ผเู้ ขยี นเหน็ วา่ การสรา้ งจติ สานึกในความเป็นไทย ไมส่ ามารถเกิดขึ้นได้จาก
การพร่าบอกแต่ความดีงาม หรือจดจารายละเอียดของเนื้อหา โดยไม่ให้เข้าใจรากเหง้าความเป็นมา
ได้เห็นในรูปลักษณ์และการใช้ประโยชน์ ได้ตระหนักในความสาคัญของบรรพบุรุษในการปกป้องรักษา
เอกราชของชาติ และใช้ภูมิปัญญาในการสร้างสรรค์ และแก้ปัญหา รวมทั้งนัยสาคัญอ่ืน ๆ ที่เก่ียวเน่ือง
ซง่ึ แน่นอนสาระความรูเ้ หลา่ น้ีคุณครสู ามารถศึกษาจากผลงานหรือเอกสารทีผ่ ู้เชย่ี วชาญ ในศาสตร์ต่าง ๆ
ท่ีได้เผยแพรแ่ ลว้ เปน็ จานวนมาก แตก่ ารนาความรดู้ ังกล่าวไปใช้อย่างไร จงึ เกิดจติ สานกึ รกั และภูมิใจใน
ความเป็นไทย เห็นความจาเป็นการเสียสละตนเพื่อชาติ ย่อมไม่ใช่การท่องและจาได้ และควรให้
เหมาะสมกับเด็กในแต่ละระดับ ถือเป็นการท้าทายความสามารถของครูทุกท่านและทุกศาสตร์ที่จะได้มี
ส่วนรว่ มแกไ้ ขวิกฤตทางสังคมไทยเนื่องในวาระน้ี
แแนนววกกาารรจจดั ดั กกาารรเรเรยี ยี นนรรปู้ ปู้ รระะววตั ตั ศิ ศิ าาสสตตรร์เพเ์ พ่อื ื่อสสรรา้ า้งงสสาำนนึกกึ คคววาามมเปเปน็ ็นไทไทยย: :สาสนำึกนคึกวคาวมาเมปเน็ปไน็ ทไยทย
๘
ความเปน็ มาของชาตไิ ทย
จุดประสงคข์ องการศกึ ษาความเป็นมาของชาตไิ ทยในการจัดการศกึ ษาข้นั พนื้ ฐาน
เพ่ือสร้างเสริมให้คนไทย (นักเรียน) รู้และเข้าใจความเป็นมาของชาติไทย ท้ังน้ีเป็นไป
เพ่ือให้เกิดความรับรู้ และความสานึกเป็นเจ้าของประเทศร่วมกันและเป็นอันหน่ึงอันเดียวกันท่ามกลาง
ความแตกต่างทางชาติพันธุ์และวัฒนธรรม ตลอดจนมีความภาคภูมิใจในมรดกและทรัพย์สินของชาติ
ดา้ นภูมิปัญญาและวฒั นธรรม อีกท้งั ตระหนักถงึ ความยากลาบากของบรรพบุรษุ ท่ีได้ต่อสู้ฟันฝ่าอุปสรรค
นานปั การเพอ่ื สถาปนา ปกปอ้ ง และพัฒนาชาติไทยให้ดารงอย่ไู ด้จนถงึ ปจั จบุ นั
ความรับรู้ ความสานึก และการตระหนักนีเ้ ป็นพ้ืนฐานสาคัญสาหรับกระตุ้นคนไทยให้เห็น
ความสาคัญของการอยรู่ ว่ มกนั อย่างสนั ติสุข อกี ทงั้ ร่วมมอื กันปกป้องผลประโยชน์ของชาตแิ ละพัฒนาชาติ
สงิ่ ที่ครูควรรูโ้ ดยท่ัวไป
๑. จุดประสงคข์ องการเรียนการสอนประวัติศาสตรไ์ ทยในการจดั การศึกษาข้ันพ้ืนฐานเพื่อ
เสริมสร้างให้คนไทย (นกั เรยี น) รู้และเขา้ ใจความเป็นมาของชาติไทย ทงั้ นเี้ ปน็ ไปเพอ่ื ให้เกิด
๑.๑ ความรับรู้ และความสานึกเปน็ เจ้าของประเทศรว่ มกนั และเป็นอันหน่ึงอันเดยี วกัน
ท่ามกลางความแตกต่างทางชาติพันธ์ุและวัฒนธรรม ตลอดจนมีความภาคภูมิใจในมรดกและทรัพย์สิน
ของชาตดิ า้ นภูมิปญั ญาและวฒั นธรรม และ
๑.๒ การตระหนักถึงความยากลาบากของบรรพบรุ ุษท่ีไดต้ อ่ สู้ฟันฝ่าอุปสรรคนานัปการ
เพื่อสถาปนา ปกปอ้ ง และพฒั นาชาติไทยใหด้ ารงอยไู่ ด้จนถงึ ปจั จุบนั
๑.๓ ความรับรู้และความสานึก และการตระหนักนี้เป็นพื้นฐานสาคัญสาหรับกระตุ้น
คนไทยให้เห็นความสาคัญของการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข อีกทั้งร่วมมือกันปกป้องผลประโยชน์ของชาติ
และพฒั นาชาติ
๒. ความเปน็ ศาสตร์ของประวัติศาสตร์
๒.๑ ประวัติศาสตร์เป็นการศึกษาเรื่องราวในอดีตเก่ียวกับการกระทาของมนุษย์ทั้งใน
ฐานะปัจเจกบุคคลและสมาชกิ ของสังคม (คือการศึกษาเรือ่ งกรรมหรือการกระทาของมนษุ ยน์ ่ันเอง) โดย
อาศัยวิธีการทางประวัติศาสตร์ ซึ่งให้ความสาคัญกับข้อเท็จจริงและหลักฐานท่ีเช่ือถือได้ เพื่อให้ได้
ข้อสรปุ ที่นา่ เชอ่ื ถือและถกู ตอ้ งใกล้เคียงกับความเปน็ จริงมากทีส่ ุด (เมื่อเปน็ เช่นน้ี การพบข้อเทจ็ จริงและ
หลักฐานใหม่ ตลอดจนการตีความและอธิบายความใหม่ ก็อาจทาให้เร่ืองราวบางเรื่องและคาอธิบาย
บางอย่างเปลี่ยนแปลงได้)
๒.๒ ประวัติศาสตร์ประกอบไปด้วยเน้ือหา (เหตุการณ์และบุคคล) วิธีการศึกษา และ
ปรชั ญาและแนวคิด
แนแวนกวากราจรัดจกดั ากราเรเยี รนยี รนปู้ รู้ประรวะตัวศิตั าศิ สาตสรต์เรพ์เพอื่ ส่อื รส้ารงา้ สงาสนำกึนคึกวคาวมาเมปเปน็ ไน็ ทไยท:ย ค:วคามวาเปม็นเปมน็ ามขอาขงอชงาตชาไิ ทตยิไทย
๙
๒.๓ การศึกษาการกระทาของมนุษย์และความสัมพันธ์ของมนุษย์กับสังคมและ
สภาพแวดล้อมอื่นๆ
๓. ประโยชนแ์ ละอิทธิพลของประวัติศาสตร์
๓.๑ เน้อื หาทางประวตั ศิ าสตร์เป็นเรื่องราวทใ่ี ชเ้ ป็นตัวอย่างและบทเรยี นได้
๓.๒ วิธีการทางประวตั ศิ าสตร์โดยเฉพาะการวิพากษห์ ลักฐาน (ท้ังภายนอกและภายใน)
เป็นวิธีการที่สามารถใช้ในชีวิตประจาวันเพื่อตรวจสอบข้อมูลข่าวสารที่มีมากข้ึนและแพร่กระจายอย่าง
รวดเรว็ ในโลกยคุ สารสนเทศ
๓.๓ การให้ความสาคัญกับข้อเท็จจริงและหลักฐานของการศึกษาประวัติศาสตร์เป็น
การฝึกให้ผู้เรียนเห็นความสาคัญของข้อเท็จจริงและหลักฐาน ซ่ึงเป็นเรื่องท่ีแต่ละคนต้องพบใน
ชวี ิตประจาวันอยู่แล้ว เช่น วันเดือนปเี กดิ สูติบัตร ทะเบียนบ้าน ข้อเทจ็ จรงิ และหลักฐานเหล่าน้ีต้องใช้
สมคั รเรยี นหรอื สมคั รงาน หรือในการยนื่ คารอ้ งตา่ งๆ
๓.๔ ประวัติศาสตร์มีอิทธิพลต่ออนาคต ประวัติศาสตร์บอกเร่ืองราวของมนุษย์ในอดีต
จากความเข้าใจของคนรุ่นหลัง ตัวอย่าง บทเรียน ปรัชญาและแนวคิดต่างๆ ที่ได้จากการศึกษาจึงมี
อิทธิพลต่อการตดั สินใจกระทาหรอื ไมก่ ระทาอะไรของคน การตดั สินใจนี้จะสง่ ผลต่อเหตุการณ์ในอนาคต
เป็นทอดๆ ด้วย ในท่ีสุดอนาคตซ่งึ ไม่วา่ จะมอี ะไรเกดิ ข้ึนก็จะกลายเป็นอดีตให้ศึกษา ดังนั้น แตล่ ะคนจึงมี
สว่ นกาหนดอดตี หรอื เส้นทางประวัติศาสตร์ไม่มากกน็ ้อย
๓.๕ ครสู อนประวตั ิศาสตร์ (เชน่ เดยี วกับนักเรยี น) มีสิทธิทจ่ี ะศึกษา ตคี วามหรืออธิบาย
ความเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ได้ด้วยตนเอง ดังน้ัน ความรับรู้ เข้าใจ และทัศนะ (บวก-ลบ-กลาง)
ของครูต่อเหตุการณ์และบุคคลในประวัติศาสตร์ แล้วถ่ายทอดสู่นักเรียน จึงมีอิทธิพลต่อการรับรู้
การเข้าใจ และทศั นะของนักเรียนต่อเหตกุ ารณแ์ ละบุคคลในประวัติศาสตร์น้นั ๆ การตคี วามและอธิบาย
ความโดยอาศยั ข้อเทจ็ จรงิ และหลักฐานท่เี ช่ือถอื ได้และรอบดา้ นจะชว่ ยลดทศั นะทล่ี าเอยี งได้
๔. การเรยี นประวัติศาสตร์ชาติเป็นเรื่องที่มีในทกุ ชาติ เพราะทุกชาติต้องการสร้างเสรมิ ให้
ประชาชนของตนมีสานึกของความเป็นชาติร่วมกัน เพ่ือให้อยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข และรักษา
ผลประโยชน์ของชาติ บางชาติ เช่น อังกฤษมีการทดสอบความรู้ของผู้ที่ขอโอนสัญชาติเกี่ยว
ประวัติศาสตร์อังกฤษ (เรียกว่า Life in the UK Test เช่น The values and principles of the UK,
Traditions and culture from around the UK, The events and people that have shaped
the UK's history, The government and the law) และน่าสังเกตว่า ประเทศมหาอานาจทั้งหลาย
ให้ความสาคัญมากกับการศึกษาประวัติศาสตร์ และการศึกษาประวัติศาสตร์ก็เป็นท่ีนิยมของนักศึกษา
โดยเฉพาะในระดับอดุ มศกึ ษา
๕. การศึกษาเรื่องชาติ ต้องรู้ว่า การเป็นชาติได้ต้องมีองค์ประกอบสาคัญ ๔ อย่าง ได้แก่
ดนิ แดนที่แน่นอน อานาจอธิปไตยเหนือดินแดน รัฐบาล และประชาชน (ทีม่ ีความสานึกเปน็ ชาตริ ่วมกัน)
การศึกษาประวตั ศิ าสตร์ชาตจิ ึงตอ้ งศกึ ษาทุกองคป์ ระกอบอย่างเช่ือมโยงกัน
แแนนววกกาารรจจัดัดกกาารรเรเรยี ยี นนรรปู้ ู้ปรระะววตั ตั ศิ ศิ าาสสตตรร์เพ์เพื่อ่ือสสรร้าา้งงสสาำนนึกึกคคววาามมเปเปน็ ็นไทไทยย: :ควคาวมาเมปเ็นปม็นามขาอขงอชงาชตาิไตทิไยทย
๑๐
๖. วิธกี ารท่ีจะช่วยให้เขา้ ใจความเป็นมาของชาติไทยในแง่พัฒนาการได้รวดเร็ว
๖.๑ ความรู้เกี่ยวกับยุคสมัยท่ีสืบเน่ืองต่อกันมาของประวัติศาสตร์ชาติไทย รวมถึง
ลักษณะเด่นของแต่ละยคุ สมัย จะชว่ ยให้เห็นภาพรวมและความสืบเนื่องตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบนั และเป็น
กรอบสาหรับศกึ ษารายละเอียดต่อไป เชน่
๑) ยุคก่อนประวัติศาสตร์:- สมัยหิน–โลหะ–การตัง้ ชุมชนและสร้างบ้านแปงเมือง
๒) ยุคประวัติศาสตร์:- การสร้างบ้านแปงเมืองและการสถาปนาอาณาจักรแรก ๆ
ของคนไทยที่จะสืบต่อเนื่องต่อมาเป็นชาติไทยปัจจุบัน ได้แก่ สุโขทัย อยุธยา ธนบุรี รัตนโกสินทร์หรือ
กรุงเทพฯ
การรับรู้พัฒนาการของชาติไทยผ่านยุคสมัยจะช่วยให้นักเรียนเห็นความสืบเนื่องของ
ปัจจุบันกับอดีต ปัจจุบันไม่ได้ตัดขาดจากอดีต แต่เป็นความสืบเนื่อง และนักเรียนก็เป็นส่วนหน่ึงของ
ความสบื เนือ่ งนน้ั
๖.๒ เส้นเวลา (timeline) แสดงพัฒนาการของชาติไทย (ดินแดนและอาณาจักรไทย)
การแสดงยุคสมัยด้วยเส้นเวลาจะช่วยให้เห็นพัฒนาการของชาติไทยตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบันได้ง่าย เร่ือง
ดินแดนอาจย้อนถึงยุคดึกดาบรรพ์ก่อนกาเนิดบรรพบุรุษของมนุษย์ปัจจุบัน แล้วเช่ือมเข้าสู่ยุคก่อน
ประวัติศาสตร์และยุคประวัติศาสตร์ การก่อต้ังอาณาจักรไทยสมัยแรกๆ (โดยเฉพาะสุโขทัย) และ
อาณาจักรต่างๆ ซงึ่ สืบเนอื่ งต่อมาเปน็ ชาตไิ ทยในปจั จุบนั
ลาดับเหตุการณ์มีความสาคัญมากในการศึกษาประวัติศาสตรืในแง่การหาสาเหตุและผล
หรือเหตุผล เพราะการเกิดเหตุการณห์ น่ึง (สาเหตุ) ย่อมมอี ีกเหตุการณ์หน่ึงตามมา (ผล) เหตุการณ์ท่ีเกิด
ก่อนจึงอาจก่อให้เกิดเหตุการณ์ที่เป็นผลโดยตรง หรือเชื่อมโยงให้เกิดเหตุการณ์อื่นตามมา การลาดับ
เหตุการณ์ผิดอาจทาให้อธิบายความผิดได้ (ครูจึงต้องระมัดระวังเร่ืองการใช้วันเดือนปี โดยเฉพาะการ
เปล่ียนศักราชใหม่ในประวัติศาสตร์ไทยที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เป็นระยะ ก่อนจะใช้ตามหลักสากลใน
วันท่ี ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๔)
สาหรับยุคสมัยมีความสาคัญในแงข่ องการเข้าใจบริบทหรือสภาพแวดล้อมตา่ งๆ เพราะใน
แต่ละยุคสมัยมีลักษณะสาคัญหรือเด่นต่างกันไป ลักษณะสาคัน้ีจะช่วยให้นักเรียนสามารถเข้าใจการเกิด
เหตุการณ์ต่างๆ หรือการกระทาของคนในยุคสมัยนั้นๆ ได้ง่ายขึ้น เพราะสภาพแวดล้อมต่างๆ ย่อมมี
อทิ ธพิ ลต่อการเกดิ เหตกุ ารณห์ รือการกระทาของคน
๖.๓ แผนที่แสดงท่ีตั้งเมืองและอาณาจักรต่างๆ ชว่ ยใหเ้ ห็นทต่ี ั้งและเข้าใจความสมั พนั ธ์
ระหวา่ งเมอื งและอาณาจักรต่างๆ ไดง้ า่ ย
๖.๔ การรู้จักแหล่งข้อมูลที่เช่ือถือได้เพ่ือเข้าถึงองค์ความรู้และหลักฐานทาง
ประวตั ศิ าสตร์ หากเป็นแหลง่ ท่ีเข้าถงึ ได้ทางอินเทอร์เนต็ ก็จะช่วยให้ครแู ละนกั เรยี น โดยเฉพาะในพ้ืนที่ท่ี
ห่างไกล เขา้ ถึงองคค์ วามรทู้ างประวัติศาสตร์และหลกั ฐานได้ง่าย
๗. การศึกษาแบบวิเคราะห์ในการเรียนประวัติศาสตร์ระดับมัธยมศึกษาปีที่ ๔-๖ เพื่อให้
นักเรียนรับรู้หรือมีนโนภาพเก่ียวเรื่องราวท่ีจะศึกษาหรือภูมิหลังทางประวัติศาสตร์ในทิศทางเดียวกัน
แนแนวกวการาจรดัจดักการาเรรเยีรยีนนรปู้รปู้ระรวะัตวตัศิ ศิาสาสตตร์เรพเ์ พือ่ ่อืสสรา้รงา้ สงสานำนกึ กึคควาวมามเปเปน็ ็นไทไทยย: ค:วคาวมาเปมน็เปมน็ ามขาอขงอชงาชตาิไตทิไยทย
๑๑
และรู้ว่าเร่ืองท่ีจะศึกษาวิเคราะห์ต่อไปอยู่ตรงไหนของพัฒนาการทางประวัติศาสตร์ ครูควรให้ภาพรวม
ของพัฒนาการทางประวัติศาสตร์ก่อนที่จะมอบหมายให้นักเรียนศึกษาประเด็นๆ ใด นักเรียนจะได้ต่อ
ภาพเหตกุ ารณท์ างประวัตศิ าสตรไ์ ด้ถูกต้องและเข้าใจบริบททางประวัติศาสตร์ได้งา่ ย
สาหรบั ใบความรทู้ ่ีจะแจกให้นกั เรยี นไปศึกษาหรือแนะให้ไปคน้ คว้า ในเบอ้ื งตน้ อาจเริ่ม
จากตาราเรียนหลายๆ เลม่ ทีเ่ ขียนในประเด็นเดียวกัน ซ่ึงอาจเหมือนหรือต่างกนั ในเรอื่ งของข้อเท็จจรงิ
ตีความหรอื อธบิ าย จากน้ันให้นกั เรยี นศกึ ษาหาความเหมอื นและความแตกต่างเพื่อนาไปสู่การวิเคราะห์
หาข้อสรุป และครคู วรส่งเสริมให้นกั เรียนร้จู กั ศึกษาหาคาตอบจากหลกั ฐานชั้นต้นที่เก่ียวข้องในประเด็น
น้ันๆ
ภาพรวมจุดเน้น
ประเทศไทยมีลักษณะการปกครองเป็นรัฐเดี่ยวเรียกว่า ราชอาณาจักร (Kingdom of
Thailand) ในยามปกติ ประเทศไทยปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็น
ประมุขอยู่ใต้รัฐธรรมนูญ (constitutional monarchy) มีรัฐบาลเดียวอยู่ท่ีกรุงเทพมหานคร
นายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้ารัฐบาล ทาหน้าท่ีบริหารประเทศ ซึ่งแบ่งออกเป็น ๗๖ จังหวัด และ
๑ มหานคร คือกรุงเทพมหานคร
การเป็นรัฐเด่ียวทาให้ไทยแตกต่างจากประเทศเพ่ือนบ้านท่ีมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็น
ประมุขเช่นกัน เช่น มาเลเซีย ซึ่งมีลักษณะการปกครองเป็นสหพันธรัฐ (Federation of Malaysia)
ประกอบด้วยรัฐ ๑๓ รัฐท่ียังมีอานาจปกครองตนเองอยบู่ ้าง ในจานวนน้ีมี ๑๑ รัฐท่ีมีสลุ ต่านเป็นประมุข
แห่งรัฐฯ ซ่งึ จะทรงพลัดเปลยี่ นกันเป็นประมขุ ของประเทศตามวาระที่กาหนด
การเป็นรัฐเด่ียวของไทยเกิดขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
(พ.ศ. ๒๔๑๑ – ๒๔๕๓) หลังจากมีการปฏิรูปการปกครองในส่วนกลาง ส่วนภูมิภาคและส่วนท้องถิ่น
ตง้ั แตพ่ .ศ. ๒๔๓๕ เป็นตน้ มา ทาใหป้ ระเทศไทยเปลี่ยนจากรัฐแบบจารตี เปน็ รัฐชาติ (nation-state) เร่ิม
มีสถานะเป็นประเทศโดยสมบูรณ์ คือ มีองค์ประกอบครบ ๔ ประการ ได้แก่ ดินแดนท่ีแน่นอน อานาจ
อธปิ ไตยเหนอื ดนิ แดน รัฐบาล และประชาชนเรม่ิ มีสานกึ ของความเปน็ ชาตริ ่วมกัน
อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยมีความเป็นมายาวนานก่อนหน้านั้น สามารถสืบย้อนกลับได้
ชัดเจนถึงพุทธศตวรรษท่ี ๑๘ โดยเฉพาะการสถาปนาอาณาจักรสุโขทัย (พ.ศ. ๑๗๙๒) ซึ่งถือเป็น
อาณาจักรของคนไทยในยุคแรกๆ และมีความสาคัญในฐานะท่ีเป็นแหล่งกาเนิดอารยธรรมไทยท่ีอยู่สืบ
ต่อมา เช่น ภาษาไทย วรรณกรรม และนับจากนั้นจนถึงปัจจุบันรวมเวลากว่า ๗๐๐ ปี มีการเกิดข้ึนและ
ล่มสลายของอาณาจักรไทยอื่นๆ ซ่ึงเก่ียวพันกับอาณาจักรสุโขทัยสืบต่อมาเป็นลาดับดังน้ี พ.ศ. ๑๘๙๓
มีการสถาปนาอาณาจักรไทยอีกแห่งทางภาคกลางท่ีกรงุ ศรีอยุธยา ต่อมาอาณาจักรอยุธยาได้อาณาจักร
สุโขทัยเป็นประเทศราชในพ.ศ. ๑๙๘๑ ก่อนที่จะผนวกไว้ในภายหลัง แต่เม่ือถึงพ.ศ. ๒๓๑๐ อาณาจักร
อยธุ ยาเองกล็ ่มสลายจากการสงครามเสยี กรงุ ศรีอยธุ ยาครั้งท่ี ๒ จากการรุกรานของพม่า แต่อกี ประมาณ
๗ เดือนต่อมามีการสถาปนาอาณาจักรไทยขึ้นใหม่ท่ีกรุงธนบุรี แต่อยู่ได้ไม่นาน ในพ.ศ. ๒๓๒๕ ได้มี
แแนนววกกาารรจจัดัดกกาารรเรเรยี ยี นนรรปู้ ู้ปรระะววัตัตศิ ศิ าาสสตตรร์เพ์เพ่ืออ่ื สสรรา้ า้งงสสาำนนึกกึ คคววาามมเปเปน็ น็ ไทไทยย: :ควคาวมาเมปเน็ปม็นามขาอขงอชงาชตาิไตทไิ ยทย
๑๒
การสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์หรือกรุงเทพมหานครขึ้นเป็นราชธานีแทน อาณาจักรไทยที่มีศูนย์กลาง
อานาจอยทู่ ี่กรุงเทพฯ นีไ้ ดพ้ ัฒนาสบื ตอ่ มาเป็นประเทศไทยในปจั จบุ ัน
พฒั นาการของชาติไทยซึ่งมีอายุกว่า ๗๐๐ ปี แสดงให้ถึงพระราชกรณียกิจและพระปรีชา
สามารถของพระมหากษัตริย์ไทยในการสถาปนาอาณาจักรไทย ได้แก่ พ่อขุนศรีอินทราทิตย์
(กรุงสุโขทัย) (ปีครองราชย์ พ.ศ. ๑๗๙๒ -?) ขณะทรงเป็นพ่อขุนบางกลางหาว ทรงร่วมกับพ่อขุนผาเมือง
เจา้ เมืองราดต่อสกู้ บั ขอมสบาด โขลญลาพงท่ีปกครองสุโขทัยในเวลานั้น ทาให้สโุ ขทัยหลุดพ้นจากอานาจ
ขอม เป็นรัฐอิสระ สมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๑ (พระเจ้าอู่ทอง) (ปีครองราชย์ พ.ศ. ๑๘๙๓ – ๑๙๑๒)
ทรงสถาปนากรุงศรีอยุธยาใน พ.ศ. ๑๘๙๓ จากการรวมแคว้นละโว้และแคว้นสุพรรณภูมิ อาณาจักร
ไทยแห่งน้ีมีอายุถึง ๔๑๗ (พ.ศ. ๑๘๙๓– ๒๓๑๐) ปี จึงหมดอานาจลงจากการแพ้สงครามกับพม่าใน
พ.ศ. ๒๓๑๐ แต่ด้วยพระปรีชาสามารถและความกล้าหาญของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
(กรุงธนบุรี) (ปีครองราชย์ พ.ศ. ๒๓๑๐– ๒๓๒๕) ทาให้ทรงกอบกู้เอกราชและสถาปนาอาณาจักรข้ึน
ใหม่ท่ีกรงุ ธนบุรี พระองค์สามารถร้ือฟ้ืนอาณาจักรขึ้นมาใหม่ ด้วยการปราบปรามชุมนุมต่างๆ การขยาย
อานาจและป้องกันอาณาจักร กัมพูชา แต่ในปลายรัชกาล พระราชจริยวัตรที่ดูผิดปกติและปัญหาความ
แตกแยกภายใน (กบฏพระยาสรรค์) ทาให้พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
(ปีครองราชย์ พ.ศ. ๒๓๒๕-๒๓๕๒) ซ่ึงขณะน้ันทรงเป็นเจ้าพระยามหากษัติรย์ศึก เข้าปราบปรามแล้ว
ปราบดาภิเษกขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ หลังจากนั้น พระองค์โปรดให้ย้ายราชธานีจากรุงธนบุรไี ปยังท่ีตั้ง
ใหม่ริมฝั่งแม่น้าเจ้าพระยาทางทิศตะวันออกใน พ.ศ. ๒๓๒๕ เป็นสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์หรือ
กรุงเทพมหานคร เปน็ การสถาปนาอาณาจักรใหม่ ซงึ่ จะพฒั นาสบื ต่อมาเปน็ ประเทศไทยในปัจจบุ ัน
ตลอดระยะเวลากว่า ๗๐๐ น้ี พระมหากษัตริย์และบรรพบุรุษไทยท้ังหลายเป็นผู้นาและ
ร่วมกันปกป้องเและทานุบารุงอาณาจักรให้เจริญมั่นคงเป็นปึกแผ่นอยู่รอดถึงปัจจุบัน พระราชกรณีกิจ
ต่างๆ มีสาคัญกับการอยู่รอดและความม่ันคงของอาณาจักร เช่น การเลือกท่ีต้ังของราชธานี เช่น
กรุงศรีอยุธยา กรุงธนบุรี และกรุงเทพฯ แสดงถึงพระอัจฉริยภาพขององค์ผู้สถาปนาในการเลือกทาเล
ท่ีต้ังเมืองริมแม่น้าหรือมีแม่น้าล้อมรอบ ซ่ึงเหมาะกับการป้องกันเมืองในยามสงคราม แต่ในยามปกติก็
เหมาะกับการเป็นเมืองท่าค้าขายกับภายในและภายนอกอาณาจักร การเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ ๑
พ.ศ. ๒๑๑๒ และครั้งท่ี ๒ พ.ศ. ๒๓๑๐ จากการทาสงครามกับพม่าท้ังสองครั้งก็สามารถกอบกู้เอกราช
กลับคืนมาได้ก็จากพระปรีชาสามารถของพระมหากษัตริย์และบรรพบุรุษไทยท่ีร่วมกันต่อสู้ ได้แก่
สมเด็จพระนเรศวรมหาราช(ปีครองราชย์ พ.ศ. ๒๑๓๓ – ๒๑๔๘) ในขณะทรงเป็นพระมหาอุปราชใน
แผ่นดินพระมหาธรรมราชธริ าช (พ.ศ. ๒๑๑๒-๒๑๓๓) ได้ทรงประกาศอิสรภาพจากพม่าในพ.ศ. ๒๑๒๗
ทเี่ มืองแครง หลังเสด็จฯ ข้ึนครองราชยก์ ็ทรงทานบุ ารุงอาณาจกั รให้เปน็ ปึกแผน่ และทาสงครามปกป้อง
หรือขยายอาณาเขตอีกหลายครั้ง โดยเฉพาะการกระทายุทธหัตถีกับพระมหาอุปราชาของพม่าใน
พ.ศ. ๒๑๓๕ ท่ีตาบลหนองสาหร่าย (จังหวัดสุพรรณบุรี) ส่วนสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชมหาราช
ทรงกอบกู้เอกราชและร้ือฟ้ืนอาณาจักรไทยอีกคร้ังให้เป็นปึกแผ่นอีกครั้งหลังการเสียกรุงศรีอยุธยา
ครง้ั ท่ี ๒ ดังได้กลว่ มาแล้ว
แนแนวกวการาจรัดจดักการาเรรเียรียนนรปู้รู้ประรวะัตวัตศิ ศิาสาสตตร์เรพเ์ พอื่ ือ่สสรา้รง้าสงสานำนึกกึคควาวมามเปเปน็ ็นไทไทยย: ค:วคาวมาเปมน็เปมน็ ามขาอขงอชงาชตาิไตทิไยทย
๑๓
พระมหากษัตริย์หลายพระองค์ในประวัติศาสตร์ไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันทรงประกอบ
พระราชกรณียกิจน้อยใหญ่ในการสร้างความมน่ั คงและความรุ่งเรืองแก่อาณาจกั ร ดังน้ัน พระราชกรณียกิจ
ของพระมหากษัตริย์ไทยสาคัญๆ หลายพระองค์จึงเป็นปัจจัยสาคัญปัจจัยหนึ่งที่ทาให้ประเทศชาติ
ม่ันคงและเจริญรุ่งเรือง นอกจากนั้น พระราชกรณียกิจหลายอย่างมีส่วนสร้างเสริมภูมิปัญญาและ
วัฒนธรรมที่แสดงออกถึงความเป็นไทยและสืบทอดกันต่อมา เช่น ในสมัยสุโขทัย พ่อขุนรามคาแหง
มหาราช (พ.ศ. ๑๘๒๒ -๑๘๔๑) โปรดให้ประดิษฐ์ อักษรไทย ใน พ.ศ. ๑๘๒๖ มีหลักฐานกล่าวไว้
ชัดเจนใน ศิลาจารึกหลักที่ ๑ และในสมัยรัตนโกสินทรห์ รอื กรุงเทพฯ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า
จุฬาโลกมหาราช ทรงทานุบารงบ้านเมอื งเพื่อให้กลับไปร่งุ เรืองเหมือนสมยั อยุธยา จึงโปรดให้ฟื้นฟูและ
ทานุบารงศิลปวัฒนธรรม ตลอดจนงานวรรณกรรม และการศาสนา เช่น การสังคายนาพระไตรปิฎก
ส่งิ เหล่านส้ี ะทอ้ นถึงภมู ปิ ญั ญาหรอื ความชาญฉลาดของบรรพบรุ ษุ ไทยดว้ ย
ในสมัยกรุงเทพฯ นับตั้งแต่รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระน่ังเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๓ ปี
ครองราชย์ พ.ศ. ๒๓๖๗ – ๒๓๙๔) ไทยเร่ิมเผชิญกับภัยคุกคามจากการล่าอาณานิคมของชาติ
มหาอานาจตะวันตกชัดเจนข้ึน รัชกาลที่ ๓ และพระมหากษัตริย์พระองค์ต่อมาๆ ต่างทรงมีบทบาท
สาคัญนาพาประเทศให้รอดพน้ จากภัยคุกคาม ทาให้ไม่ตกเป็นอาณานิคมเชน่ กับประเทศเพ่ือนบ้าน เช่น
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวและพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ปีครองราชย์
พ.ศ. ๒๓๙๔– ๒๔๑๑) ทรงโอนอ่อนผ่อนตามความต้องการของชาติตะวันตกดว้ ยการยอมเปิดการค้าเสรี
กับชาติตะวันตก จึงทรงทาสนธิสัญญาทางพระราชไมตรีและการพาณิชยก์ ับชาติตะวันตก เชน่ รัชกาลท่ี
๓ โปรดให้ทาสนธิสัญญากับอังกฤษ (สนธิสัญญาเบอร์นี พ.ศ. ๒๓๖๙) และสหรัฐอเมริกา (สัญญา
รอเบิรตส์ พ.ศ. ๒๓๗๔) รัชกาลที่ ๔ โปรดให้ทาสัญญากับอังกฤษ (สนธิสัญญาเบาว์ริงพ.ศ. ๒๓๙๘)
และสหรัฐอเมริกา (สนธสิ ัญญาแฮรสี พ.ศ. ๒๓๙๙)
สนธิสญั ญาเบาว์ริงทาให้ไทยต้องยกเลิกการค้าผูกขาดของหลวง และเปิดให้พ่อค้าประเทศ
คู่สัญญาเขา้ มาค้าขายได้โดยเสรี มีการกาหนดอตั ราภาษีศุลกากรไว้ตายตัว เช่น ภาษีขาเข้าเก็บได้ไมเ่ กิน
รอ้ ยละ ๓ ภาษีขาออกให้เก็บได้คร้ังเดียวตามอัตราที่กาหนด และการอนุญาตให้ตั้งกงสุลและศาลกงสุล
เพื่อพิจารณาดดีท่ีบุคคลในบังคับชาติน้ันๆ กระทาผิด ซ่ึงหมายถึงการเสียสิทธิสภาพนอกอาณาเขต
(extraterritoriality) แต่เพื่อให้ชาติตะวันตกถ่วงดุลอานาจกันเอง รัชกาลที่ ๔ โปรดให้ทาสนธิสัญญา
ทานองเดียวกัน (จึงมักเรียกสนธิสัญญาที่ทาในช่วงเวลาน้ีว่าสนธิสัญญาเบาว์ริง) กับชาติตะวันตกอื่นๆ
ดว้ ย เชน่ ฝรั่งเศส โปรตุเกส เนเธอร์แลนด์ ปรัสเซีย (เยอรมน)ี
ในรัชกาลต่อมาคือพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ปีครองราชย์ พ.ศ. ๒๔๑๑
– ๒๔๕๓) ก็โปรดให้ทาสนธิสัญญาหรือความตกลงที่เรยี กว่า ปฏิญญา) ทานองเดียวกับชาติตะวันตกอีก
หลายประเทศ เช่น ออสเตรีย-ฮังการี และทาปฏิญญษกับชาติในเอเชียด้วยคือ ญี่ปุ่น การดาเนิน
พระบรมราโชบายโอนอ่อนผ่อนตามและถ่วงดุลข้างต้นแสดงถึงความรอบรู้ความเป็นไปของโลกของ
พระมหากษัตริย์ไทยทาให้ทรงหลีกเล่ียงที่จะเผชิญหน้ากับชาติตะวันตกและตกเป็นอาณานิคมของ
ชาตติ ะวันตกได้
แแนนววกกาารรจจัดดั กกาารรเรเรยี ยี นนรรปู้ ปู้ รระะววัตตั ศิ ศิ าาสสตตรร์เพ์เพือ่ อื่ สสรร้าา้งงสสาำนนึกกึ คคววาามมเปเปน็ ็นไทไทยย: :ควคาวมาเมปเน็ปมน็ ามขาอขงอชงาชตาิไตทิไยทย
๑๔
อย่างไรก็ดี ข้อตกลงบางอย่างในสนธิสัญญาเบาว์ริง ทาให้ไทยเป็นฝ่ายเสียเปรียบในระยะ
ยาวโดยเฉพาะการเสียสิทธิสภาพนอกอาณาเขต ซ่ึงเป็นการเสียเอกราชทางการศาล เร่ืองน้ีต่อมา
กลายเป็นภัยคุกคามความม่ันคงของไทยที่สาคัญ เมื่อชาติมหาอานาจพยายามเพ่ิมอานาจและอิทธิพล
ของชาติตในไทยด้วยการขยายสิทธินี้ครอบคลุมไปถึงคนเอเชยี ในบังคบั ของตนด้วย คนเอเชียในไทยท่ีมา
จากอาณานคิ มของชาติตะวันตกจงึ พยายามอ้างสทิ ธิน้ีเพ่ือหลีกเลีย่ งกฎหมายไทย
กระน้ันก็ดี ข้อตกลงในสนธิสัญญาช่วยเอื้อให้เศรษฐกิจของไทยขยายตัว การเปิดเสรีทาง
เศรษฐกิจด้วยการยกเลิกการผูกขาดการค้าของหลวง การมีสินค้าที่ตลาดต้องการ เช่น ข้าว ไม้สัก ดีบุก
การกาหนดอัตราภาษีอากรไว้ต่าและตายตัว และการให้สิทธิสภาพนอกอาณาเขต ทาให้พ่อค้าชาติ
ตะวันตกเข้ามาค้าขายและลงทุนในไทย จึงเกิดการขยายตัวทางการผลิตสินค้า และการลงทุนของ
ต่างชาติในไทย เช่น โรงสีข้าว โรงเล่ือยไม้ ร้านค้า การผลิตเพื่อส่งออกของไทยที่เคยมีอยู่ก่อนแล้วได้
ขยายตัวออกไปมากข้ึน ทาให้ระบบเศรษฐกิจไทยเปล่ียนจากการผลิตเพื่อยังชีพเป็นการผลิตเพื่อการค้า
เปน็ การวางรากฐานระบบเศรษฐกจิ เสรขี องไทยมาจนถงึ ปัจจุบัน
ภัยคุกคามจากการล่าอาณานิคมของชาติตะวันตก โดยเฉพาะการเข้ายึดครองอาณาจักร
เพ่ือนบ้าน เช่น พม่า เวียดนาม กัมพูชา ทาให้พระมหากษัตริย์ไทยทรงดาเนินนโยบายต่างๆ เพ่ือลด
เง่ือนไขไม่ให้ชาติตะวันตกใช้เป็นข้ออ้างในการยึดครอง ขณะเดียวกันก็พยายามพัฒนาประเทศให้มี
ศักยภาพพอท่ีจะต่อรองกับชาติตะวันตกได้ จึงเกิดการปฏิรูปประเทศให้ทันสมัยอย่างขนาดใหญ่ใน
รชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกลา้ เจ้าอยูห่ วั
ในรชั สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมีการปฏิรูปประเทศให้ทันสมัยในทุก
ด้าน เช่น การปกครองประเทศและบริหารราชการแผ่นดินเพ่ือเพ่ิมอานาจให้ส่วนกลางเข้าดูแลหัวเมือง
ต่างๆ และหัวเมืองประเทศราชได้โดยตรง กฎหมายและการศาลเพื่อให้เป็นไปตามแบบตะวันตกซึ่งจะทา
ให้ชาติตะวันตกยอมรับและคืนสิทธิสภาพนอกอาณาเขตแก่ไทย การศึกษาเพื่อต้องการคนท่ีมีความรู้
วิทยาการตามแบบตะวันตกสาหรับทางานให้สอดคล้องกับการปฏิรูปประเทศ การชลประทานเพ่ือ
การขยายพื้นที่การทานาให้สอดคล้องกับความต้องการข้าวเพื่อการส่งออกการคมนาคมทางบก
โดยเฉพาะรถไฟเพ่ือกระชับการปกครองและการป้องกันประเทศ การทหารเพื่อให้มีทหารอาชีพทา
หนา้ ทป่ี ้องกนั ประเทศ และวฒั นธรรมตา่ งๆ เชน่ การแตง่ กายเพอื่ ใหท้ ันสมยั เปน็ ที่ยอมรับ
สาหรบั การปกครองและการบริหารราชการแผ่นดนิ มีข้ึนท้ังในสว่ นกลาง (การตงั้ กระทรวง
ทบวงกรม) สว่ นภูมิภาค (ระบบเทศาภบิ าล) และส่วนท้องถิ่น (การแบ่งเป็นหมู่บ้าน-ตาบล) ทาให้อานาจ
การปกครองถูกดึงไปรวมศูนย์อยู่ที่ส่วนกลางท่ีสถาบันพระมหากษัตริย์ ผลสาคัญท่ีได้ก็คือ เอกภาพ
ทางการปกครอง โดยเฉพาะการนาระบบเทศาภิบาลมาใช้นั้นทาให้สามารถผนวกดินแดนต่างๆ ทั้งใน
ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคใต้ มาอยู่ใต้รัฐบาลเดียว การปกครองของไทยจึงเปลี่ยน
จากแบบรัฐจารีตเป็นรัฐสมัยใหม่หรือรัฐชาติ เป็นแบบรัฐเดี่ยว ตามองค์ประกอบของการเป็นรัฐชาติ
การเกิดรัฐชาติในช่วงน้ียังเป็นการรวมผู้คนท่ีแตกต่างกันทางชาติพันธ์ุและวัฒนธรรมด้วย เป็นท่ีมาหนึ่ง
ของความหลากหลายของชาตพิ ันธุ์และวฒั นธรรมในสังคมไทยปัจจบุ ัน
แนแนวกวการาจรดัจัดกการาเรรเียรยีนนรปู้รูป้ระรวะัตวตัศิ ิศาสาสตตร์เรพเ์ พ่อื ่อืสสรา้รง้าสงสานำนกึ ึกคควาวมามเปเปน็ ็นไทไทยย: ค:วคาวมาเปม็นเปมน็ ามขาอขงอชงาชตาไิ ตทไิยทย
๑๕
นอกจากนั้น การปฏิรูปหลายด้านเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนโฉมหน้าสังคมไทยสู่สังคม
ประชาธิปไตยที่คานึงถึงสิทธิเสรีภาพของประชาชน ถือเป็นการวางรากฐานประชาธิปไตย เช่น
การยกเลิกระบบไพร่-ทาส การปฏิรูปกฎหมายและการศาลตลอดจนกระบวนการยุติธรรมต่างๆ และ
การปฏิรูปการศึกษาก็เป็นการวางรากฐานระบอบประชาธิปไตยเช่นกัน ส่วนการเริ่มจัดการศึกษาจาก
ส่วนกลางด้วยการใช้หลกั สูตรเดียวกัน (ต่อมามีการศึกษาภาคบังคบั ในรชั กาลที่ ๖) ทาให้ประชาชนเรมิ่ มี
ความสานึกเป็นไทยร่วมกัน มีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ สอดคล้องกับการสร้างรัฐชาติ
ที่กาลังดาเนินอยู่ในเวลาน้ัน (ขณะน้ันกาลังมีการปักปันเขตแดนให้แน่นอนชัดเจน การสร้างรัฐบาลที่
เข้มแข็งและมีอานาจอธิปไตยหรืออานาจปกครองดินแดน) เป็นประโยชน์สาหรับการต่อต้านกับ
จกั รวรรดินยิ มตะวนั ตก
ขณะเดียวกันรัชกาลที่ ๕ ได้ทรงนาพาประเทศเข้าสู่เวทีโลก เพ่ือแสดงความเป็นเอกราช
ของไทย เช่น ไทยเป็นสมาชิกสหภาพไปรษณีย์สากล การส่งตัวแทนเข้าร่วมประชุมเกี่ยวกับกฎหมาย
สงครามที่กรุงเฮก (พ.ศ. ๒๔๕๐) การเข้าเป็นสมาชิกขององค์การระหว่างประเทศได้เท่ากับได้รับ
การรับรองว่า ไทยเป็นชาติเอกราช นอกจากน้ัน ยังเสด็จฯ ไปเยือนอาณานิคมของชาติตะวันตก เช่น
สิงคโปร์ ชวา อินเดีย และประเทศต่างๆ ในยุโรปถึง ๒ ครั้ง (อย่างเป็นทางการในพ.ศ. ๒๔๔๐ และไม่
เป็นทางการในพ.ศ. ๒๔๕๐) นอกจากเป็นการเจริญสัมพันธไมตรีกับชาติตะวันตกแล้ว การถวาย
การต้อนรับจากประมุขชาติตะวันตกยังแสดงออกถึงการยอมรับว่า รัชกาลท่ี ๕ ทรงเป็นประมุขของ
ประเทศเอกราชที่เสมอกันดว้ ย
ในรัชกาลต่อมา พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (ปีครองราชย์ พ.ศ. ๒๔๕๓ –
๒๔๖๘) ทรงร่วมมือกับฝ่ายสัมพันธมิตรในการทาสงครามกับฝ่ายมหาอานาจกลางในสงครามโลก
คร้ังที่ ๑ (พ.ศ. ๒๔๕๗– ๒๔๖๑) ด้วยการประกาศสงครามกับเยอรมนีและออสเตรีย-ฮังการีใน
พ.ศ. ๒๔๖๐ และการส่งกองทหารอาสาไปรบในยุโรป เป็นการนาพาประเทศไทยเข้าสู่เวทีโลกอย่าง
เสมอเท่าเทียมกับชาตติ ะวันตก ผลท่ไี ด้ประการหนึ่งคือ ไทยอยู่ฝ่ายชนะสงคราม ทาใหไ้ ทยสามารถบอก
เลิกสนธิสัญญากบั เยอรมนีและออสเตรยี -ฮังการี ซึ่งเป็นฝ่ายมหาอานาจกลาง เป็นการเรมิ่ ต้นที่สาคัญที่
จะแก้ไขสนธิสัญญาท้ังฉบับ และทาสนธิสญั ญาฉบับใหม่กบั ชาติอืน่ ในเวลาต่อมา อย่างไรกด็ ี กว่าไทยจะ
ไดเ้ อกราชทางการศาลสมบรู ณก์ ็หลงั การเปลี่ยนแปลงการปกครองพ.ศ. ๒๔๗๕ แล้ว
การเปิดประเทศและการปฏิรูปประเทศให้ทันสมัยทาให้ประเทศไทยเปิดรับแนวคิดใหม่
จากโลกตะวันตกผ่านทางการศึกษาแบบตะวันตก สื่อหนังสือพิมพ์ และอื่นๆ แนวคิดตะวันตกที่สาคัญ
ซึ่งจะส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยคือ ประชาธิปไตย ในที่สุด ชนช้ันนาใหม่ทั้งพลเรือนและ
ทหารทเ่ี ป็นผลผลิตของการศกึ ษาตามแบบตะวนั ตกในนามคณะราษฎร ได้ยึดอานาจเปล่ียนการปกครอง
ในวันที่ ๒๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๕๗ การประนีประนอมกับคณะราษฎรของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้า
เจ้าอยู่หัว (พ.ศ. ๒๔๖๘ – ๒๔๗๗) ทาใหไ้ ม่เกิดการต่อสู้นองเลือด การปกครองในระบอบประชาธิปไตย
ของไทยจึงเรม่ิ ต้นข้นึ ตง้ั แตน่ ้ันเปน็ ตน้ มา
แแนนววกกาารรจจดั ัดกกาารรเรเรยี ียนนรรปู้ ปู้ รระะววัตัตศิ ศิ าาสสตตรร์เพ์เพอ่ื อ่ื สสรร้า้างงสสาำนนึกกึ คคววาามมเปเปน็ น็ ไทไทยย: :ควคาวมาเมปเน็ปม็นามขาอขงอชงาชตาไิตทิไยทย
๑๖
อย่างไรก็ดี เมื่อมองย้อนกลับไปก่อนการเปล่ียนแปลงการปกครอง พ.ศ. ๒๔๗๕ พบว่า
พระมหากษัตริย์ ๓ พระองค์ได้แก่ รชั กาลที่ ๕, ๖, และ ๗ ต่างมีพระราชดาริและพระราชกรณียกิจท่ีจะ
เป็นการวางรากฐานประชาธิปไตยของไทย โดยเฉพาะการปฏิรูปประเทศให้ทันสมัยในสมัยรัชกาลท่ี ๕
ซึ่งทาให้ประชาชนมีสิทธิเสรีภาพมากข้ึน รัชกาลท่ี ๖ ทรงเปิดให้เสรีภาพแก่หนังสือพิมพ์ และรัชกาล
ที่ ๗ มีพระราชดารทิ ่ีจะพระราชทานรฐั ธรรมนูญ แต่มผี ไู้ ม่เห็นด้วย เรอ่ื งจงึ ระงับไป
หลงั การเปลี่ยนแปลงการปกครองประมาณ ๑๐ ปี ระหว่างทจี่ อมพล ป. พิบูลสงครามเป็น
นายกรัฐมนตรี (พ.ศ. ๒๔๘๑ – ๒๔๘๗) ไทยต้องเผชิญกับสงครามครั้งใหญ่อีกครั้งหน่ึงจากการเกิด
สงครามโลกคร้ังท่ี ๒ (พ.ศ. ๒๔๘๒– ๒๔๘๘) หลังเกิดสงครามโลกในยุโรป ไทยประกาศนโยบายเป็น
กลาง และมีการปลุกใจคนไทยให้เตรียมการต่อต้านการรุกรานจากต่างชาติ ไทยต้องเผชิญกับสงคราม
โดยตรงจากการบุกของญ่ีปุ่นในต้นเดือนธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๔ ในสงครามมหาเอเชียบูรพา ทหาร
ตารวจ ยวุ ชน และประชาชนตา่ งร่วมกนั ต่อตา้ นการรกุ รานของญีป่ นุ่ แต่ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา รัฐบาลจอมพล
ป. ก็เลือกที่จะยอมตามความต้องการของญ่ีปุ่นที่อ้างว่าต้องการเดินทัพผ่านไทยไปยังอาณานิคมของ
องั กฤษ (พม่าและมลายู) และไม่ก่ีวันตอ่ รัฐบาลไทยก็ได้ร่วมมือใกลช้ ิดและเป็นพันธมิตรร่วมรบกับญ่ีปุ่น
ตามมาด้วยการประกาศสงครามกับอังกฤษและสหรัฐฯ ในวันที่ ๒๕ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๕ ด้วยเหตุผล
วา่ เพอื่ ดารงเอกราชของชาติไว้
ขณะท่ีคนไทยฝ่ายที่ไม่เหน็ ด้วยทีอ่ ยู่ในประเทศและต่างประเทศ ได้แก่ สหรัฐฯ และอังกฤษ
ต่างจัดต้ังขบวนการต่อต้านที่ต่อมาเรียกรวมๆ ว่า ขบวนการเสรีไทย มีวัตถุประสงค์เพ่ือกอบกู้เอกราช
ด้วยการร่วมมือกับฝ่ายสัมพันธมิตร สมาชิกของขบวนการเสรีไทยจากนอกประเทศถูกส่งเข้ามา
ปฏิบัติการในไทย ขณะท่ีขบวนการเสรีไทยภายในประเทศติดต่อร่วมมือกับฝ่ายสัมพันธมิตร
การเคลือ่ นไหวของขบวนการเสรีไทยแสดงถึงการเสียสละของคนไทย ซงึ่ สว่ นใหญ่ยงั เปน็ คนหนุ่มคนสาว
คือ นักศึกษาและข้าราชการ การเคล่ือนไหวของขบวนการเสรีไทยมีส่วนทาให้ไทยไม่ตกเป็นประเทศ
ผู้แพ้สงคราม ต่างไปจากญี่ปุ่น
จุดท่ีควรเนน้ ในแต่ละหน่วย ส่ิงท่ีครูควรรู้
การสถาปนากรุงรัตนโกสนิ ทร์ ๑. พัฒนาการประวัตศิ าสตรไ์ ทยอยา่ งสัน้ ๆ ตั้งแต่อาณาจักร
หรือ กรุงเทพมหานคร (ป. ๖): สโุ ขทยั ถงึ ปัจจบุ นั เพ่ือช้ีให้เห็นว่า การสถาปนากรุง
รัตนโกสินทร์ อยู่ตรงไหนของประวัตศิ าสตร์ไทย
การสถาปนกรุงรัตนโกสินทรเ์ ปน็ ๒. แผนทกี่ รงุ เทพฯ เพ่ือแสดงการย้ายทต่ี ั้ง และอาณาเขตใน
การวางรากฐานประเทศไทยสืบ สมัยรชั กาลท่ี ๑ เพ่อื แสดงถึงการสรา้ งความเปน็ ปึกแผน่ ต่อ
ตอ่ มาจากสมัยธนบุรี กรุง จากสมยั ธนบุรี ซ่ึงจะกลายเป็นอาณาเขตของไทยในปจั จุบัน
รัตนโกสินทรห์ รอื กรงุ เทพฯ นี้จะ ๓. รายพระนามพระมหากษตั รยิ ์ ๙ พระองค์ และพระราชกรณีย
พฒั นาการมาเป็นประเทศไทย กจิ สาคญั ในการปกป้องและทานบุ ารงุ บา้ นเมือง ตลอดจน
ปจั จบุ นั โดยมีพระมหากษตั รยิ ์ เหตุการณส์ าคัญทท่ี าใหป้ ระเทศไทยเกิดการเปลี่ยนแปลง
แนแนวกวการาจรัดจดักการาเรรเยีรยีนนรปู้ร้ปูระรวะตัวัตศิ ศิาสาสตตร์เรพ์เพือ่ ่อืสสร้ารง้าสงสานำนกึ กึคควาวมามเปเปน็ ็นไทไทยย: ค:วคาวมาเปม็นเปมน็ ามขาอขงอชงาชตาิไตทิไยทย
๑๗
จุดทค่ี วรเน้นในแตล่ ะหนว่ ย ส่ิงท่ีครูควรรู้
ทรงเป็นผู้นาร่วมกับบรรพบุรุษ
ไทยในการปกป้องและทานุบารงุ
บา้ นเมอื ง
การเสยี กรุงศรีอยธุ ยาคร้งั ที่ ๑ ๑. ภาพรวมของประวัตศิ าสตรส์ มยั อยุธยาและธนบรุ ีท้ังหมดเพ่ือ
และคร้ังท่ี ๒ (ม. ๒): ช้ใี ห้เหน็ ว่า การเสยี กรุงศรอี ยุธยาคร้ังท่ี ๑ และคร้งั ท่ี ๒ อยู่
ตรงไหนของประวัตศิ าสตร์
ปญั หาความแตกแยกภายใน ๒. การเสียกรุงศรีอยธุ ยาคร้งั ที่ ๑ และ ๒ ศึกษาสาเหตุและผล
อาณาจักร ซึง่ จะเป็นสาเหตุหน่ึง ๓. บทบาทของสมเดจ็ พระนเรศวรมหาราชและสมเด็จพระเจ้า
ทาให้อาณาจกั รอ่อนแอจนพ่าย ตากสินมหาราชในการกอบกู้เอกราชและการสรา้ งอาณาจักร
แพ้แกข่ า้ ศกึ และพระปรีชา ให้เปน็ ปกึ แผ่น
สามารถของพระมหากษตั ริย์
และบรรพบุรษุ ในการกอบกู้เอก
ราช
ปจั จยั ความเจริญของอาณาจักร ๑. ภาพรวมของประวตั ศิ าสตร์สมยั อยุธยาและสมยั ธนบรุ ที ง้ั หมด
อยุธยาและอาณาจักรธนบุรี (ม. ๒): (พ.ศ. ๑๘๙๓ - ๒๓๒๕)
๒. ปจั จัยที่ทาให้อาณาจักรอยุธยาและอาณาจักรธนบรุ มี ีความ
พระราชกรณยี กิจของ ม่ันคงและเจริญรงุ่ เรือง
พระมหากษัตรยิ ์และการ ๓. รายพระนามพระมหากษัตรยิ ์องค์สาคัญและพระราชกรณยี
เสียสละของบรรพบุรษุ ไทยท่ีทา กจิ ท่ที าให้อาณาจักรอยุธยาและอาณาจักรธนบรุ ีมคี วาม
ใหอ้ าณาจักรอยธุ ยาและธนบรุ ี มัน่ คงและเจริญรุ่งเรือง
มน่ั คงและเจรญิ ร่งุ เรอื ง ๔. รายนามบรรพบุรุษไทยคนสาคญั ท่ีทาใหอ้ าณาจักรอยธุ ยา
และอาณาจักรธนบรุ มี ีความมั่นคงและเจริญรุ่งเรอื ง
ประเทศไทยกบั สงครามโลกคร้ังท่ี ๑. ภาพรวมของประวัตศิ าสตร์สมัยรัตนโกสินทร์ จนถงึ ส้นิ สดุ
๑ (ม. ๓): สงครามโลกครั้งที่ ๒ (พ.ศ. ๒๔๘๒ – ๒๔๘๘) โดยเฉพาะ
ดา้ นการตา่ งประเทศ
พระอจั ฉรยิ ภาพของรัชกาลท่ี ๖ ๒. การเข้ามาตดิ ต่อไทยของชาติตะวนั ตกในสมัยรัชกาลที่ ๑, ๒
ในการตัดสนิ พระทยั เข้าร่วม และ ๓
สงคราม ๓. การทาสนธสิ ญั ญาเบาวร์ งิ กับองั กฤษและสนธสิ ัญญาไม่เสมอ
ภาคกบั ชาตอิ ืน่ ๆ ในสมัยรชั กาลท่ี ๔ และ ๕ สาระสาคญั
และผลดีผลเสยี โดยเฉพาะปัญหาการเสียเอกราชทางการ
ศาลหรอื สทิ ธสิ ภาพนอกอาณาเขต
แแนนววกกาารรจจดั ัดกกาารรเรเรียียนนรรปู้ ู้ปรระะววัตตั ศิ ิศาาสสตตรร์เพเ์ พ่อื ือ่ สสรร้า้างงสสาำนนกึ กึ คคววาามมเปเปน็ น็ ไทไทยย: :ควคาวมาเมปเ็นปมน็ ามขาอขงอชงาชตาไิตทิไยทย
๑๘
จดุ ท่คี วรเน้นในแต่ละหนว่ ย สง่ิ ที่ครูควรรู้
๔. สาเหตุของสงครามโลกคร้ังที่ ๑ พ.ศ. ๒๔๕๗
๕. เหตุผลที่ทาใหไ้ ทยประกาศสงครามกับเยอรมนีและ
ออสเตรยี -ฮังการีใน พ.ศ. ๒๔๖๐
๖. บทบาทของกองทหารอาสาไทยในยโุ รป
๗. ผลประโยชนท์ ีไ่ ทยได้ในระยะสัน้ และระยะยาว เช่น การ
ยกเลกิ สนธสิ ญั ญาไมเ่ สมอภาคกบั เยอรมนีและออสเตรีย-
ฮงั การี และการแก้ไขสนธสิ ญั ญากบั นานาประเทศ ตลอดจน
การเปน็ สมาชกิ องค์การสนั นิบาตชาติ
ประเทศไทยกบั สงครามโลกคร้ังท่ี ๑. ภาพรวมของประวัติศาสตร์สมยั รัตนโกสนิ ทร์ จนถงึ สน้ิ สดุ
๒ (ม. ๓) : สงครามโลกครั้งท่ี ๒ โดยเฉพาะในด้านการตา่ งประเทศ
๒. สถานการณ์ในเอเชยี ตง้ั แต่ พ.ศ. ๒๔๘๐ ซ่ึงจะนาไปสู่
ความกล้าหาญและการเสียสละ สงครามมหาเอเชยี บูรพา เดือนธนั วาคม พ.ศ. ๒๔๘๔
ของบรรพบุรุษไทยในสงคราม ๓. การเกดิ มหาสงครามในยโุ รป พ.ศ. ๒๓๘๒ ท่ีเกย่ี วโยงกบั
มหาเอเชียบรู พา เชน่ ทหาร สงครามในเอเชยี
ตารวจ ยุวชนทหารและ ๔. การประกาศเปน็ กลางของไทย (รัฐบาลจอมพล ป. พิบูล
ขบวนการเสรไี ทย สงคราม) หลงั เกิดสงครามโลกครง้ั ที่ ๒ ในยุโรปและ
เคลือ่ นไหวต่อตา้ นการรุกรานจากตา่ งชาติ
๕. การเกิดสงครามมหาเอเชยี บรู พาและการบกุ ไทยของกองทัพ
ญี่ปนุ่ ในเดอื นธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๔
๖. สาเหตทุ ่ีทาให้ไทยรว่ มมือเป็นพันธมติ รรว่ มรบกับญีป่ ุน่ ของ
ไทย ซ่ึงจะตามมาด้วยการประกาศสงครามกบั สหรัฐฯ และ
องั กฤษในวนั ท่ี ๒๕ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๕
๗. การเกดิ ขบวนการเสรีไทยในไทยและต่างประเทศ ตลอดจน
การเคล่ือนไหวร่วมมือกบั ฝา่ ยสัมพนั ธมติ รต่อตา้ นญีป่ ่นุ
๘. ความแตกต่างระหวา่ งนโยบายของสหรัฐฯ กับอังกฤษที่มีต่อ
การประกาศสงครามของไทย ซ่งึ จะทาให้ไทยได้ประโยชน์
๙. ผลท่ีได้จากการร่วมมือกบั ฝา่ ยสมั พันธมติ รของขบวนการเสรี
ไทย โดยเฉพาะสหรัฐฯ
การวางรากฐานประชาธปิ ไตย ๑. ภาพรวมของประวตั ิศาสตร์สมยั รัตนโกสนิ ทร์ จนถงึ การ
(ม.๔ – ๖): เปล่ยี นแปลงทางการเมือง พ.ศ. ๒๔๗๕
๒. ภาพรวมของพระราชกรณยี กิจดา้ นต่างๆ ของ รัชกาลที่ ๕,
แนแนวกวการาจรดัจัดกการาเรรเยีรียนนรปู้รู้ประรวะัตวัตศิ ิศาสาสตตร์เรพ์เพ่ืออ่ืสสร้ารงา้ สงสานำนกึ กึคควาวมามเปเปน็ น็ไทไทยย: ค:วคาวมาเปม็นเปม็นามขาอขงอชงาชตาิไตทิไยทย
๑๙
จุดที่ควรเน้นในแตล่ ะหน่วย สงิ่ ท่ีครูควรรู้
ก่อนทจ่ี ะมีการเปล่ยี นแปลงการ ๖ และ ๗ ท่ีจะเปน็ การวางรากฐานประชาธิปไตย
ปกครอง พ.ศ. ๒๔๗๕ รชั กาลที่ ๓. การปฏริ ูปประเทศดา้ นตา่ งๆ ในสมัยรชั กาลท่ี ๕ เช่น
๕, ๖ และ ๗ ทรงมีบทบาทใน การศกึ ษา และการเลิกระบบไพร่-ทาส ซ่งึ จะทาให้ประชาชน
การวางรากฐานประชาธิปไตย เป็นเสรีชน และพระราชดาริของรัชกาลท่ี ๕ เกย่ี วกับ
โดยเฉพาะการปฏริ ูปประเทศ รัฐธรรมนูญ
ด้านตา่ งๆ ในสมัยรชั กาลท่ี ๕ ๔. การให้เสรภี าพแก่หนงั สือพมิ พใ์ นรัชกาลท่ี ๖ ซ่งึ จะเป็นการ
เป็นการเร่ิมต้นให้สิทธพิ ลเมือง เปิดกวา้ งทางความคิด การตงั้ ดสุ ิตธานี
แก่คนไทยและเป็นการสร้าง ๕. พระราชดาริที่จะพระราชทานรัฐธรรมนญู ของรชั กาลท่ี ๗
สานึกของความเป็นชาตริ ่วมกนั ๖. การเปลีย่ นแปลงการปกครอง พ.ศ. ๒๔๗๕ และผล
พระราชดารเิ ก่ียวกับการ
พระราชทานรฐั ธรรมนูญและ
ประชาธิปไตยของท้ังสาม
พระองคแ์ สดงถึงการให้
ความสาคัญกบั การปกครองใน
ระบอบประชาธปิ ไตย
โดยเฉพาะสทิ ธิขน้ั พ้นื ฐานของ
ประชาชน
ตวั อย่างแหล่งขอ้ มลู เพื่อการสบื คน้ เพิม่ เตมิ
ส่งิ พิมพ์
กองบัญชาการทหารสงู สุด. สงครามเกา้ ทพั . กรงุ เทพฯ: กรมยุทธศกึ ษาทหาร, ๒๕๔๓.
วัฒนธรรม พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ เอกลักษณ์และภูมิปัญญา. ๗๕ เล่ม (แยกตามจังหวัด).
กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์คุรุสภา, ๒๕๔๒ – ๒๕๔๔. (คณะกรรมการฝ่ายประมวลเอกสารและ
จดหมายเหตุในคณะกรรมการอานวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระ
เจ้าอยู่หัวจัดพิมพ์เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ, ๕
ธนั วาคม ๒๕๔๒) มที งั้ เปน็ เลม่ และดจิ ิทลั
สารานุกรมไทยสาหรับเยาวชน. เล่ม ๑– ๓๗.มที ัง้ เปน็ เล่มและดจิ ิทลั
หนังสือสารานุกรมไทย ฉบับเสริมการเรยี นรู้. เล่ม ๑ – ๑๙. มีทัง้ เปน็ เลม่ และดจิ ิทลั
แแนนววกกาารรจจัดัดกกาารรเรเรียียนนรรปู้ ู้ปรระะววตั ัตศิ ศิ าาสสตตรร์เพ์เพือ่ อื่ สสรรา้ ้างงสสาำนนกึ ึกคคววาามมเปเปน็ ็นไทไทยย: :ควคาวมาเมปเน็ปม็นามขาอขงอชงาชตาิไตทิไยทย
๒๐
ส่ิงพิมพด์ จิ ทิ ลั
วัฒนธรรม พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ เอกลักษณ์และภูมิปัญญา. ๗๕ เล่ม (แยกตามจังหวัด).
กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์คุรุสภา, ๒๕๔๒ – ๒๕๔๔. (คณะกรรมการฝ่ายประมวลเอกสารและ
จดหมายเหตุในคณะกรรมการอานวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระ บาทสมเด็จพระ
เจ้าอยู่หัวจัดพิมพ์เน่ืองในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๕
ธนั วาคม ๒๕๔๒.)
แหล่งสืบค้น เวบ็ ไซต์กระทรวงวัฒนธรรม (บริการข้อมูล>หนว่ ยงานในสงั กัด>ขอ้ มูลวฒั นธรรม ๗๕
จังหวดั ) (e-book)
สารานกุ รมไทยสาหรบั เยาวชน. เลม่ ท่ี ๑– ๓๗.
แหลง่ สืบคน้ เว็บไซตเ์ ครอื ขา่ ยกาญจนาภเิ ษกhttp://kanchanapisek.or.th/kp๖/(e-book) เชน่
เลม่ ที่ ๒ มเี รือ่ ง มหาราชในประวัตศิ าสตรไ์ ทย กรงุ เทพมหานคร, เล่มที่ ๔ มเี ร่อื ง การ
ศาสนา การตา่ งประเทศสมัยรัตนโกสินทร์ และลาดบั พระมหากษัตริย์ไทย, เลม่ ที่ ๑๘ มีเร่อื ง
สภาพแวดลอ้ มกับการตั้งถิน่ ฐานของมนุษย์ ประเพณหี ลวงและประเพณรี าษฎร์ การแต่งกายของคนไทย
กฎหมายกบั สังคมไทย ประวัตกิ ารพิมพ์ไทย ภาษา และอักษรไทย, ฯลฯ
หนังสอื สารานุกรมไทย ฉบับเสรมิ การเรยี นรู้. เลม่ ๑ – ๑๙.
แหลง่ สบื คน้ เวบ็ ไซต์เครอื ขา่ ยกาญจนาภเิ ษก. http://kanchanapisek.or.th/kp
๖/sub/Sbook/Sbook.php (e-book-บางเรอ่ื ง)
วิชาการป้องกันประเทศ, สถาบัน. การกอบกู้เอกราชของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช. กรุงเทพฯ:กอง
ประวตั ิศาสตร์และโบราณคดที หาร, ม.ป.ป. คลังความรู้ดิจติ อลของ สปท.
แหล่งสบื ค้น http://๒๐๒.๑๘๓.๒๓๕.๑๔/ndsi_tank/(e-book)
เวบ็ ไซต์
โครงการเครือข่ายห้องสมุดในประเทศไทย. แหลง่ สืบคน้ http://๒๐๒.๒๘.๑๙๙.๓/tdc/basic.php
(แหล่งรวมวทิ ยานพิ นธแ์ ละวจิ ยั ทางประวัติศาสตร์ และศาสตร์สาขาอ่นื )(e-book)
พิพิธภณั ฑ์พระบาทสมเดจ็ พระปกเกลา้ เจา้ อยู่หวั . แหล่งสืบค้น
http://www.kpi.ac.th/kingprajadhipokmuseum/
(มขี ้อมูลเกีย่ วกับพระบาทสมเดจ็ พระปกเกล้าเจ้าอยหู่ วั นิทรรศการ สื่อการศึกษา ภาพ ฯลฯ) มี
ใบความรู้
รฐั สภาไทย. แหล่งสืบคน้ http://www.parliament.go.th/
(มีข้อมูลเกยี่ วกับรฐั สภาไทย โดยเฉพาะจาก “ศูนย์ข้อมูลนติ ิบญั ญัติ” มีเอกสารเก่ียวกับการ
ประชมุ เชน่ ระเบยี บวาระ บันทึกการประชุม ข้อมลู การออกเสยี งลงคะแนน ฯลฯ
ราชกจิ จานุเบกษา. แหล่งสืบคน้ http://www.ratchakitcha.soc.go.th/
แนแนวกวการาจรดัจดักการาเรรเียรยีนนรปู้รู้ประรวะตัวตัศิ ิศาสาสตตร์เรพเ์ พ่อื อ่ืสสรา้รงา้ สงสานำนกึ กึคควาวมามเปเปน็ ็นไทไทยย: ค:วคาวมาเปมน็เปม็นามขาอขงอชงาชตาิไตทิไยทย
๒๑
(เปน็ แหลง่ รวมประกาศของทางราชการ กฎหมายตา่ งๆ ตงั้ แต่รัชกาลที่ ๔ ถงึ ปจั จบุ ัน ซึ่งจัดว่า
เป็นหลกั ฐานชน้ั ต้นในการศึกษาประวัติศาสตร์ สามารถสืบค้นและดาวน์โหลดได้)
สานกั พระราชวัง. แหลง่ สืบค้น http://www.brh.thaigov.net/brh-๒๐๑๑/index.php
(มีข้อมูลเก่ียวกับพระราชดารัส พระราชกรณยี กจิ ข่าวในพระราชสานกั พระบรมมหาราชวงั
และพระราชวังต่าง ๆ (สามารถชมทวั รเ์ สมอื นจริง) คลังภาพ ฯลฯ)
สานกั ราชเลขาธกิ าร. แหลง่ สบื คน้ http://www.ohm.go.th/th/office-of-his-majesty-principal-
private-secretary
(มขี ้อมูลเกีย่ วกับสถาบนั พระมหากษตั รยิ ์ ข่าวในพระราชสานกั โครงการอันเน่อื งมาจาก
พระราชดาริ โครงการพระราชทานความชว่ ยเหลอื แถลงการณแ์ ละประกาศ ข่าวตัดจากหนงั สอื พมิ พ์
วดี ทิ ศั น์ ภาพ ฯลฯ)
“องค์ความร.ู้ ” กระทรวงวฒั นธรรม. แหล่งสืบคน้ http://www.m-culture.go.th/index.php/th/
(บรกิ ารข้อมลู >หน่วยงานในสงั กัด>ขอ้ มูลวัฒนธรรม ๗๕ จังหวัด >องคค์ วามรู้)
(มีหวั ขอ้ เร่ืองต่างๆ เชน่ ประวตั ิศาสตรไ์ ทย บุคคลสาคัญของชาติ ศาสนา-ความเชอ่ื ประเพณี-
พิธีกรรม ภาษาไทย วรรณกรรมไทย ภูมปิ ัญญาไทย ข้อมูลวัฒนธรรม ๗๕ จงั หวดั อยา่ งไรกด็ ี หลายเรอื่ ง
ไม่ใช่ผลงานของกระทรวงวฒั นธรรม เป็นสาเนาจากแหล่งบรกิ ารข้อมลู อน่ื )
แแนนววกกาารรจจดั ัดกกาารรเรเรียียนนรรปู้ ูป้ รระะววัตตั ศิ ิศาาสสตตรร์เพ์เพอ่ื ื่อสสรร้าา้งงสสาำนนึกึกคคววาามมเปเปน็ ็นไทไทยย: :ควคาวมาเมปเน็ปมน็ ามขาอขงอชงาชตาไิตทิไยทย
๒๒
ตวั อยา่ งแผน ประถมศกึ ษาปีที่ ๖
ร่างแผนการจดั การเรียนรู้ที่ ๑ รหสั วชิ า......................
กลุม่ สาระการเรยี นรสู้ งั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรมชั้น จานวน ๔ ชว่ั โมง
จานวน ๔ ชวั่ โมง
รายวิชา ประวตั ศิ าสตร์
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ เรอื่ ง การสถาปนาอาณาจกั รรัตนโกสินทร์
หนว่ ยย่อยท.่ี .........เร่อื ง การสถาปนาอาณาจักรรตั นโกสินทร์
๑. สาระ/มาตรฐานการเรียนรู/้ ตัวชวี้ ดั /ผลการเรยี นรู้
มาตรฐานการเรียนรู้
ส ๔.๓ เขา้ ใจความเป็นมาของชาติไทย วัฒนธรรม ภมู ปิ ัญญาไทย มีความรัก ความภาคภมู ใิ จ
และธารงความเปน็ ไทย
ตวั ช้วี ดั
ป.๖/๑ อธิบายพฒั นาการของไทยในสมยั กรงุ รัตนโกสนิ ทร์
ป.๖/๒ อธบิ ายปจั จยั ที่ส่งเสริมความเจริญรุ่งเรืองของไทยสมยั รตั นโกสินทร์
๒. สาระสาคัญ
ผู้นา ท่ีตั้งเมืองหลวง สภาพภูมิศาสตร์ สภาพสังคม และสภาพเศรษฐกิจ เป็นปัจจัยสาคัญท่ี
ส่งผลต่อความมั่นคงและความเจริญรุ่งเรืองของอาณาจักร สาหรับอาณาจักรไทย ปัจจัยผู้นาคือ
พระมหากษัตริย์ ซ่ึงมีบทบาทสาคัญร่วมกบั บรรพบรุ ุษไทยในการปกป้องและทานุบารุงอาณาจักรไทยให้
พฒั นาสืบเน่ืองต่อมาเปน็ ประเทศไทยในถึงปจั จบุ นั
๓. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้
๑. อธิบายเหตุผลของการสถาปนากรงุ รัตนโกสินทรเ์ ปน็ ราชธานขี องไทย
๒. อธิบายพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกในการสถาปนากรุง
รัตนโกสนิ ทร์ใน พ.ศ. ๒๓๒๕ และการสรา้ งความเป็นปกึ แผ่นแกอ่ าณาจกั ร
๓. มองเห็นพัฒนาการของประวัติศาสตร์ไทยหลังการสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์อย่างส้ันๆ มา
จนถงึ ปัจจุบัน (เพ่อื แสดงความสบื เนอื่ ง)
๔. อธบิ ายปจั จยั ทส่ี ง่ เสริมความเจริญรุ่งเรืองของสมยั กรงุ รตั นโกสนิ ทร์
๕. ตระหนักถึงความสาคัญของสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยเฉพาะผู้สถาปนากรุงรัตนโกสินทร์
และพระมหากษตั ริยท์ ่ที รงมพี ระราชกรณยี กจิ สาคญั ในการทานุบารุงประเทศ
๔. สาระการเรียนรู้
๔.๑ เหตุผลทท่ี าใหม้ ีการสถาปนากรุงรัตนโกสนิ ทรเ์ ป็นราชธานีของไทย
๔.๒ พระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกในการสถาปนากรุง
รัตนโกสินทร์และสร้างความเป็นปกึ แผน่ แกอ่ าณาจักร
แนแนวกวการาจรัดจดักการาเรรเียรียนนรปู้รู้ประรวะตัวตัศิ ศิาสาสตตร์เรพเ์ พื่อื่อสสร้ารง้าสงสานำนึกกึคควาวมามเปเปน็ น็ไทไทยย: ค:วคาวมาเปม็นเปม็นามขาอขงอชงาชตาิไตทไิยทย
๒๓
๔.๓ พัฒนาการของกรุงรัตนโกสินทร์ที่สืบเน่ืองต่อเนื่องเป็นประเทศไทยปัจจุบัน นับตั้งแต่การ
สถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ ได้แก่ สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น (รัชกาลที่ ๑-๓) สมัยปฏิรูปประเทศให้
ทันสมัย (รัชกาลท่ี ๔-๗) และสมัยประชาธิปไตย (พ.ศ. ๒๔๗๕-ปัจจุบัน) (เพ่ือแสดงความสืบเน่ือง และ
แต่ละสมัยมีลักษณะเด่นอะไร เช่น สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น เป็นการฟ้ืนฟูอาณาจักรให้เป็นแบบสมัย
อยุธยา หรอื สมัยบ้านเมอื งดี สมัยปฏิรูปประเทศ เป็นช่วงการเปิดประเทศและปฏริ ูปประเทศให้ทันสมัย
ในด้านต่างๆ และสมัยประชาธิปไตย เป็นการปกครองประเทศภายใต้ระบอบประชาธิปไตยอันมี
พระมหากษัตริยท์ รงเป็นประมุข)
๔.๔ ปัจจัยท่ีส่งเสริมความเจริญรุ่งเรืองของกรุงรัตนโกสินทร์ เช่น ผู้นา, ท่ีต้ังราชธานี, สภาพ
ภมู ิศาสตร์ สภาพสังคม และสภาพเศรษฐกจิ
๕. ทักษะ/กระบวนการ
๕.๑ การจาแนก
๕.๒ การใหเ้ หตผุ ล
๕.๓ การสรุปความรู้
๕.๔ การรวบรวมข้อมูล
๕.๕ การวิเคราะห์
๖. คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์
๖.๑ รกั ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ (คสช. มคี วามรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ )
๖.๒ ใฝเ่ รียนรู้ (คสช. ใฝ่หาความรู้ หมน่ั ศกึ ษาเลา่ เรียน)
๖.๓ มุ่งม่ันในการทางาน (คสช. คานึงถงึ ผลประโยชนส์ ่วนรวมและของชาติมากกว่าผลประโยชน์
ของตนเอง)
๖.๔ รกั ความเป็นไทย (คสช. รักษาวฒั นธรรมประเพณีอันงดงาม)
๗. สมรรถนะสาคัญของผเู้ รียน
๗.๑ ความสามารถในการสือ่ สาร
๗.๒ ความสามารถในการวิเคราะห์
๗.๓ ความสามารถในการแก้ปญั หา
๗.๔ ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต
๗.๕ ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
๘. หลกั ฐานการเรียนรู้
๘.๑ ช้ินงาน
- รายงานปัจจัยท่ีส่งเสริมความเจริญรุ่งเรืองสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ เช่น ผู้นา ท่ีต้ังราชธานี
สภาพภูมิศาสตร์ สภาพสังคม และสภาพเศรษฐกิจ
- แผนภูมิพระราชประวัติและเส้นเวลาแสดงพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระ
พทุ ธยอดฟ้าจฬุ าโลกมหาราชในการสถาปนาและทานุบารงุ กรุงรตั นโกสนิ ทร์เปน็ ราชธานขี องไทย
แแนนววกกาารรจจัดัดกกาารรเเรรียยี นนรรปู้ ปู้ รระะววัตัตศิ ิศาาสสตตรร์เเ์พพ่อื อื่ สสรรา้ า้ งงสสาำนนกึ กึ คคววาามมเเปปน็ น็ ไไททยย::คควาวมามเปเป็นมน็ มาขาอขงอชงาชตาติไทิไทยย
๒๔
๘.๒ ภาระงาน
- อธิบายสาเหตใุ นการสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์เป็นราชธานีของไทย
- บรรยายความรู้สึกความภาคภูมใิ จในความเจริญรุ่งเรอื งของกรงุ รตั นโกสนิ ทรเ์ ปน็ เมือง
หลวงของไทย
๙. การวัดและการประเมนิ
เป้าหมาย วิธวี ัด เครอ่ื งมือวัด เกณฑ์การประเมิน
ดา้ นความรู้ ประเมนิ การนาเสนอ แบบประเมินการ ระดบั คุณภาพ ๒ ผา่ นเกณฑ์
ดา้ นทกั ษะ/ ผลงาน นาเสนอผลงาน ระดบั คุณภาพ ๒ ผา่ นเกณฑ์
กระบวนการ ประเมินสมรรถนะ แบบประเมนิ สมรรถนะ
สาคญั ของผู้เรียน สาคญั ของผู้เรยี น
ดา้ นคุณลกั ษณะ ประเมนิ คุณลกั ษณะท่ี แบบประเมนิ คุณลักษณะ ระดบั คุณภาพ ๒ ผ่านเกณฑ์
อันพึงประสงค์ พงึ ประสงค์ ที่พึงประสงค์
ดา้ นสมรรถนะที่ สงั เกตพฤตกิ รรมการ แบบสงั เกตพฤติกรรม ระดบั คุณภาพ ๒ ผ่านเกณฑ์
สาคญั ของผู้เรยี น ทางานกลุ่ม การทางานกลุ่ม
๑๐. กจิ กรรมการเรยี นรู้ (วิธสี อนเน้นกระบวนการกลุ่ม/ การจัดการเรยี นร้แู บบร่วมมือ/ การเรยี นรู้
แบบเส้นเวลา (Timeline) การจัดการเรียนรแู้ บบสร้างองค์ความรู้
ชั่วโมงท่ี ๑-๒ การสถาปนากรุงรตั นโกสนิ ทร์
ขั้นนาเขา้ สูบ่ ทเรยี น
๑. ครเู ปดิ เพลง กรุงเทพมหานคร ใหน้ ักเรยี นฟัง ๑ รอบ พร้อมฉายเนื้อเพลงบน Power Point
แลว้ ใหน้ กั เรยี นรอ้ งเพลงกรงุ เทพมหานครพร้อมๆ กนั ๑ รอบ
๒. ให้นักเรียนอ่านชอื่ เต็มของกรุงรตั นโกสินทร์ พร้อมๆ กัน ๑ รอบแลว้ สนทนาสอบถามทม่ี า
ของชื่อและให้นักเรียนช่วยกันบอกความหมาย
“ กรงุ เทพมหานคร อมรรัตนโกสนิ ทร์ มหนิ ทราอยุธยามหาดิลก นพรัตนราชธานบี รุ รี มย์
อดุ มราชนิเวศนมหาสถาน อมรพิมานอวตารสถิต สกั กทัตติยวิษณกุ รรมประสทิ ธิ์”
๓. ครูและนักเรยี นช่วยกนั แปลความหมายของชื่อกรงุ รัตนโกสินทร์แลว้ เปิด Power Point
ความหมายของกรุงเทพมหานครให้นกั เรยี นดู
“ เมอื งของเทวดาอนั เปน็ อมตะสงา่ งามด้วยแก้ว ๙ ประการและเป็นท่ปี ระทับของพระเจา้
แผ่นดินเมอื งที่มีพระราชวงั หลายแห่งดุจเปน็ วิมานของเทวดาซึ่งมพี ระวษิ ณุกรมสร้างขึ้นตามบัญชา
ของพระอนิ ทร์”
แนแนวกวการาจรัดจดักการาเรรเียรียนนรปู้รู้ประรวะัตวตัศิ ิศาสาสตตร์เรพ์เพือ่ ่อืสสร้ารง้าสงสานำนกึ กึคควาวมามเปเปน็ ็นไทไทยย: ค:วคาวมาเปมน็เปมน็ ามขาอขงอชงาชตาไิ ตทิไยทย
๒๕
ข้นั สอน
๑. ครูต้ังคาถามว่า ก่อนสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์เป็นเมืองหลวง ไทยมีอาณาจักรที่สืบเน่ือง
ต่อมาเป็นอาณาจักรกรุงเทพอะไรบ้าง และเมืองหลวงชื่ออะไร ให้นักเรียนตอบคาถามแล้วครูสรุปให้
นักเรยี นดู เปน็ เสน้ เวลา (Timeline) บนแผนผังจาก Power Point หรอื บนกระดานดา
๒. ครูเล่าเหตุการณ์ความไม่สงบภายในกรุงธนบุรีก่อนที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬา
โลกมหาราชจะปราบดาภิเษกขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ แล้วโปรดให้ย้ายเมืองหลวงไปท่ีใหม่เป็นการ
สถาปนากรุงรัตนโกสินทใน พ.ศ. ๒๓๒๕ จากนั้นครูตั้งคาถามว่า ทาไม ต้องย้ายเมืองหลวงจาก กรุง
ธนบรุ ี เมืองหลวงเก่ามาสถาปนากรงุ รตั นโกสนิ ทร์เมืองหลวงใหม่
๓. ครูให้นักเรียนศึกษาหนังสือประกอบการเรียนวิชาประวัติศาสตร์ชั้น ป. ๖ และใบความรู้
ที่ ๑ เร่ืองการสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์เป็นราชธานีใหม่ของไทย แล้วร่วมกันอภิปรายถึง เหตุผล การ
ย้ายเมอื งหลวงจากกรงุ ธนบุรไี ปสถาปนากรงุ รัตนโกสินทร์
๔. ครูและนักเรียนช่วยกันสรุป เหตุผล ในการย้ายเมืองหลวงจาก กรุงธนบุรีไป
กรงุ รัตนโกสินทร์ เมืองหลวงใหม่ของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจฬุ าโลกมหาราช ลงในแผนภมู ิบน
กระดานดา แล้วบันทึกลงในใบงานที่ ๑
ขน้ั สรปุ
๑. ครสู รปุ ความสาคัญของสถาบนั กษัตริย์คือพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
ผสู้ ถาปนากรุงรัตนโกสินทรห์ รอื กรงุ เทพมหานคร เป็นราชธานีและพระราชทานนามวา่
“ กรงุ เทพมหานคร บวรรัตนโกสินทร์ มหนิ ทราอยธุ ยามหาดลิ ก นพรตั นราชธานีบรุ รี มย์ อดุ ม
ราชนิเวศนมหาสถาน อมรพิมานอวตารสถิต สกั กทตั ตยิ วิษณุกรรมประสิทธิ์
ครอู ธิบายเพ่ิมเตมิ ว่า ต่อมาพระบาทสมเดจ็ พระจอมเกล้าเจา้ อยหู่ ัว (ปคี รองราชย์ พ.ศ. ๒๓๙๔-
๒๔๑๑) โปรดใหเ้ ปลีย่ นคาว่า “บวรรตั นโกสนิ ทร์” เปน็ “อมรรัตนโกสนิ ทร์” และใช้มาจนถงึ ปัจจบุ นั
เหมือนในเน้ือเพลง
ชวั่ โมงท่ี ๓ – ๔ พฒั นาการของไทยสมัยกรุงรตั นโกสินทร์ หรอื กรุงเทพมหานคร ((วธิ ีสอนเน้น
กระบวนการกลุ่ม/ การจดั การเรียนร้แู บบร่วมมือ/ การเรียนร้แู บบการเรยี นรแู้ บบเส้นเวลา
(Timeline) และการจัดการเรียนร้แู บบสร้างองคค์ วามรู้)
ขน้ั นาเข้าสบู่ ทเรยี น
๑. ครสู อบถามนักเรยี นวา่ เพราะเหตใุ ดหรือปจั จัยใดท่ีทาใหก้ รงุ เทพมหานครเป็นเมอื งหลวง
ของไทยท่ีมีความเจรญิ รุ่งเรอื งมานานเกือบ ๓๐๐ ปี
๒. ครูและนักเรยี นรว่ มกนั สรุปคาตอบ
ขนั้ สอน
๑. แบ่งกลมุ่ นกั เรียนออกเป็นกลุ่มจานวนสมาชกิ ในกลุม่ ตามความเหมาะสม
๒. ครูให้นักเรียนดู วีดิโอ หรือแผ่นภาพพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช,
ภาพเกาะกรุงรตั นโกสนิ ทร,์ ภาพกรุงเทพมหานครสมยั ก่อน, และภาพกรงุ เทพสมัยปัจจบุ ัน
แแนนววกกาารรจจัดดั กกาารรเรเรยี ียนนรรปู้ ปู้ รระะววัตัตศิ ิศาาสสตตรร์เพ์เพ่ือ่อื สสรรา้ ้างงสสาำนนกึ กึ คคววาามมเปเปน็ น็ ไทไทยย: :ควคาวมาเมปเ็นปม็นามขาอขงอชงาชตาิไตทิไยทย
๒๖
๓. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มศึกษา ใบความรู้ที่ ๒ เร่ืองพระราชประวัติของพระบาทสมเด็จพระ
พุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชและปัจจัยท่ีทาให้เกิดความรุง่ เรอื งในสมัยกรุงรัตนโกสนิ ทร์ เช่น ผู้นา ที่ตั้ง
สภาพภมู ิศาสตร์ และสภาพสังคม อาศยั ตาราเรียนประวตั ศิ าสตรป์ ระถมศึกษาปที ่ี ๖
๔. หลังจากนักเรยี นในกลุ่มได้ศึกษาหาความรแู้ ล้วครูให้นักเรียนแตล่ ะกลุ่มปฏิบตั ิตามใบงาน
ที่ ๒ จัดทาแผนผังปจั จัยท่ีส่งเสริมความเจริญรุง่ เรอื งด้านต่างๆ ตามข้อ ๓
๕. ให้ตัวแทนนักเรียนแต่ละกลุ่มนาเสนอผลงานแผนผังปัจจัยที่ส่งเสริมความเจริญรุ่งเรืองใน
ด้านตา่ งๆ แลว้ สง่ ผลงานใหค้ รูตรวจสอบ
ข้ันสรปุ
- ครูสรปุ ปัจจยั ตา่ งๆ ท่ีทาใหเ้ กดิ ความรุง่ เรืองในสมยั กรุงรตั นโกสนิ ทรพ์ อสงั เขป
๑๑. ส่อื /แหล่งเรียนรู้
- คลิปวดี ิโอ เพลงกรงุ เทพมหานคร
- คลิปวีดิโอการสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ (ร.ศ.๑ )
- Virtual Field Trip เกาะรตั นโกสนิ ทร์
- หนังสอื เรยี นประวตั ศิ าสตร์ชั้น ป. ๖
- พระราชประวัติของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
- ใบความรู้ที่ ๑
- ใบงานท่ี ๑.๒
๑๒. บันทึกหลังสอน
๑๒.๑ ด้านความรู้
............................................................................................................................. ................................
.............................................................................................................................................................
๑๒.๒ ดา้ นทักษะ/กระบวนการ
........................................................................................................ ............................................................
............................................................................................................................. ......................................
๑๒.๓ ดา้ นคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์
............................................................................................................................. .......................................
......................................................................................... ...........................................................................
๑๒.๔ ด้านสมรรถนะท่ีสาคญั ของผเู้ รยี น
............................................................................................................................. .......................................
............................................................................................................................. .......................................
แนแนวกวการาจรดัจัดกการาเรรเยีรียนนรปู้ร้ปูระรวะัตวตัศิ ศิาสาสตตร์เรพ์เพ่ือ่อืสสร้ารง้าสงสานำนกึ กึคควาวมามเปเปน็ น็ไทไทยย: ค:วคาวมาเปม็นเปมน็ ามขาอขงอชงาชตาไิ ตทิไยทย
๒๗
ใบความร้ทู ี่ ๑
การสถาปนากรุงรตั นโกสนิ ทรเ์ ป็นราชธานี
เม่ือเกิดเหตุจลาจลข้ึนในตอนปลายสมัยกรุงธนบุรี เจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกทราบข่าว จึง
ยกทัพกลับจากเขมร บรรดาขุนนางน้อยใหญ่ทั้งหลายก็พากันมาอ่อนน้อมยอมสวามิภักดิ์ เรียกร้องให้
ทรงแก้ไข วิกฤติการณ์ พร้อมทั้งทูลอัญเชิญขึน้ เป็นพระมหากษตั ริย์ ในวันท่ี ๖ เมษายน พ.ศ. ๒๓๒๕ ซึ่ง
นับเป็นวันเร่ิมต้นแห่งราชวงศ์จักรี ทางราชการจึงกาหนดให้วันที่ ๖ เมษายน ของทุกปี เป็นวันจักรี
หลังจากเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกทรงรับเป็นพระมหากษัตริย์แล้วจึงทรงชาระสอบสวนพฤติกรรมของ
ขุนนางข้าราชการท้ังหลาย ท่ีพบว่าไม่จงรักภักดีก็ให้เอาตัวไปประหารชีวิตเสีย พร้อมท้ั งได้ทรง
ปูนบาเหน็จแก่ผู้มีความดีความชอบ และทรงมีดาริว่า พระราชวังเดิมมีวัดขนาบทั้งสองด้าน ทาให้ขยาย
กว้างขวางออกไปไม่ได้ ไม่เหมาะที่จะเป็นราชธานีสืบไป จึงโปรดเกล้าฯ ให้ย้ายพระนครมายัง
ฝ่ังตะวันออก (ฝ่งั ซา้ ยของแมน่ า้ เจ้าพระยา) สรา้ งกรุงเทพฯ เปน็ ราชธานใี หม่
เหตุผลในการยา้ ยราชธานี
๑. ราชวังเดิมไม่เหมาะสมในแง่ยุทธศาสตร์ เพราะมีแม่น้าไหลผ่านกลางเมืองยาก แก่
การป้องกนั รักษา
๒. ฝ่ังตะวันออกของแม่น้าเจ้าพระยามีชัยภูมิดีกว่า เพราะเป็นด้านหัวแหลมมีลาน้าเป็น
พรมแดนกว่าครง่ึ
๓. เขตพระราชวังเดิมขยายไม่ได้ เพราะมีวัดกระหนาบอยู่ทั้งสองข้าง ได้แก่ วัดแจ้งและ
วดั ทา้ ยตลาด
ลกั ษณะของราชธานใี หม่
ราชธานีใหม่ท่ีพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชโปรดฯ ให้สร้างข้ึนได้ทาพิธี
ยกเสาหลักเมืองเมื่อวันที่ ๒๑ เมษายน พ.ศ. ๒๓๒๕ การสร้างราชธานีใหม่นี้โปรดฯ ให้สร้างเลียนแบบ
กรงุ ศรอี ยธุ ยา กล่าวคือกาหนดผงั เมอื งเป็น ๓ สว่ น
๑. ส่วนท่ีเป็นบริเวณพระบรมมหาราชวัง วังหน้า วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว)
ทุ่งพระเมรุ และสถานที่สาคัญอ่ืน ๆ มีอาณาบริเวณต้ังแต่ริมฝ่ังแม่น้าเจ้าพระยามาจนถึงคูเมืองเดิมสมัย
กรงุ ธนบรุ ี
๒. ส่วนที่เป็นบริเวณที่อยู่อาศัยภายในกาแพงเมืองเร่ิมตั้งแต่คูเมืองเดิมไปทาง ทิศตะวันออก
จนจดคูเมืองที่ขุดใหม่หรือคลองรอบกรุง ประกอบด้วย คลองบางลาพู และคลองโอ่งอ่าง และเพื่อ
สะดวกในการคมนาคม โปรดให้ขุดคลองสองคลองคือคลองหลอด ๑ และคลองหลอด ๒ เชื่อมคูเมืองเก่า
กับคูเมืองใหม่ติดต่อถงึ กนั ตามแนวคลองรอบกรุงน้ี ทรงสรา้ งกาแพงเมือง ประตูเมือง และป้อมปราการ
ขึ้นโดยรอบ นอกจากนี้ยังโปรดให้สร้างถนนสะพาน และสถานท่ีอ่ืน ๆ ท่ีจาเป็น ราษฎรที่อาศัยอยู่ใน
ส่วนนป้ี ระกอบอาชพี ค้าขายเป็นหลกั
แแนนววกกาารรจจัดดั กกาารรเรเรียยี นนรรปู้ ูป้ รระะววัตตั ศิ ศิ าาสสตตรร์เพเ์ พ่อื อ่ื สสรรา้ า้งงสสาำนนึกกึ คคววาามมเปเปน็ น็ ไทไทยย: :ควคาวมาเมปเ็นปมน็ ามขาอขงอชงาชตาิไตทิไยทย
๒๘
๓. ส่วนที่เป็นบริเวณท่ีอยู่อาศัยนอกกาแพงเมือง มีบ้านเรือนต้ังอยู่ริมคลองรอบกรุง เป็น
หย่อม ๆ กระจายกันออกไป คลองสาคัญที่โปรดให้ขุดขึ้น คือ คลองมหานาค ราษฎรในส่วนน้ีประกอบ
อาชพี การเกษตร และผลิตสินคา้ อุตสาหกรรมทางช่างประเภทตา่ ง ๆ
สาหรับการสร้างพระบรมมหาราชวังนั้น นอกจากจะให้สร้างปราสาทราชมณเฑียรแล้วยัง
โปรดให้สร้างวัดพระศรรี ัตนศาสดาราม (วัดพระแกว้ ) ขึน้ ภายในวงั ดว้ ย เหมือนวัดพระศรสี รรเพชญ์สมัย
กรุงศรีอยุธยา แล้วให้อัญเชิญพระแก้วมรกตมาประดิษฐานเป็นสิริมงคลแก่กรุงเทพมหานคร และ
พระราชทานนามใหม่ว่า พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร สาหรับพระนครเมื่อสร้างเสร็จสมบูรณ์ในปี
พ.ศ. ๒๕๒๘ แลว้ จัดใหม้ กี ารสมโภชกรงุ
แนแนวกวการาจรัดจดักการาเรรเยีรียนนรปู้รปู้ระรวะตัวตัศิ ิศาสาสตตร์เรพ์เพ่ือือ่สสร้ารงา้ สงสานำนกึ กึคควาวมามเปเปน็ ็นไทไทยย: ค:วคาวมาเปมน็เปมน็ ามขาอขงอชงาชตาิไตทไิยทย
๒๙
ใบความรทู้ ี่ ๒
พระราชประวตั ิรชั กาลท่ี ๑ แห่งราชวงศจ์ ักรี
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (ประสูติ พ.ศ. ๒๒๗๙ ข้ึนครองราชย์
พ.ศ. ๒๓๒๕ - พ.ศ. ๒๓๕๒) มพี ระนามเดมิ วา่ ทองดว้ ง
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกทรงเป็นปฐมกษัตริยแ์ ห่งพระบรมราชวงศ์จักรที รง
พระนามเต็มว่า " พระบาทสมเด็จพระบรมราชาธิราชรามาธิบดีศรีสินทรบรมมหาจักรพรรดิราชาธิบดินทร์
ธรณินทราธิราชรัตนากาศภาสกรวงศ์องค์ปรมาธิเบศร ตรีภูวเนตรวรนารถนายก ดิลกรัตนชาติอาชาว
ศรัยสมุทัยวโรมนต์สกลจักรฬาธิเบนทร์ สุริเยนทราธิบดินทรหริหรินทรธาดาธิบดีศรีสุวิบุลยคุณธขนิษฐ์
ฤทธิราเมศวรมหันต์บรมธรรมิกราชาธิราชเดโชไชยพรหมเทพา ดเิ ทพนฤดินทร์ภูมนิ ทรปรามาธิเบศรโลก
เชฎฐวิสุทธิร์ ตั นมกุฎประเทศคตามหาพทุ ธางกูรบรมบพิตร พระพทุ ธเจ้าอยูห่ วั "
ทรงประสูติเมื่อวันท่ี ๒๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๒๗๙ พระราชบิดาทรงพระนามว่าออกอักษร
สุนทรศาสตร์ พระราชมารดาทรงพระนามว่า ดาวเรอื งมบี ตุ รและธดิ ารวมทงั้ หมด ๕ คน คือ
คนที่ ๑ เปน็ หญงิ ชอ่ื "สา" (ตอ่ มาไดร้ ับสถาปนาเป็นพระเจ้าพนี่ างเธอ กรมสมเดจ็ พระเทพ
สดุ าวดี )
คนท่ี ๒ เป็นชายชอื่ "ขุนรามนรงค"์ (ถึงแก่กรรมกอ่ นท่ีจะเสียกรุงศรีอยุธยาแก่พมา่ ครง้ั ท่ี๒)
คนท่ี ๓ เป็นหญงิ ช่ือ "แกว้ " (ต่อมาไดร้ บั สถาปนาเป็นพระเจ้าพนี่ างเธอ กรมสมเดจ็ พระศรี
สุดารกั ษ์ )
คนที่ ๔ เป็นชายช่ือ "ดว้ ง" (พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟา้ จุฬาโลกมหาราช )
คนที่ ๕ เป็นชายชอ่ื "บญุ มา" (ตอ่ มาไดร้ บั สถาปนาเปน็ กรมพระราชวังบวรมหาสรุ สิงหนาท
สมเดจ็ พระอนุชาธริ าช )
เมื่อเจริญวัยได้ถวายตัวเป็นมหาดเล็กในสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟา้ อุทุมพรพระชนมายุ
๒๑ พรรษา ออกบวชทวี่ ัดมหาทลายแลว้ กลับมาเปน็ มหาดเลก็ หลวงในแผ่นดนิ พระเจา้ อุทมุ พร
พระชนมายุ ๒๕ พรรษา ได้รับตาแหน่งเป็นหลวงยกกระบัตรเมืองราชบุรีในแผ่นดินพระท่ีน่ัง
สรุ ิยามรนิ ทร์พระองคไ์ ด้ววิ าห์กบั ธดิ านาค ธิดาของท่านเศรษฐที องกบั ส้ม
พระชนมายุ ๓๒ พรรษา ในระหว่างท่ีรับราชการอยู่กับพระเจ้ากรุงธนบุรีได้เลื่อนตาแหน่ง
ดงั นี้
พระชนมายุ ๓๓ พรรษา พ.ศ. ๒๓๑๒ ได้เลื่อนเป็นพระยาอภัยรณฤทธ์ิเม่ือพระเจ้ากรุง
ธนบรุ ีปราบชมุ นมุ เจ้าพมิ าย
พระชนมายุ ๓๔ พรรษา พ.ศ. ๒๓๑๓ ได้เลื่อนเป็นพระยายมราชท่ีสมุหนายกเมื่อพระเจ้า
กรุงธนบุรไี ปปราบชมุ นุมเจา้ พระฝาง
พระชนมายุ ๓๕ พรรษา พ.ศ. ๒๓๑๔ ได้เลื่อนเป็นเจ้าพระยาจักรีเมื่อคราวเป็นแม่ทัพไปตี
เขมรคร้ังที่ ๒
แแนนววกกาารรจจัดัดกกาารรเรเรียียนนรรปู้ ปู้ รระะววัตัตศิ ศิ าาสสตตรร์เพ์เพอื่ ่ือสสรรา้ ้างงสสาำนนึกกึ คคววาามมเปเปน็ ็นไทไทยย: :ควคาวมาเมปเน็ปม็นามขาอขงอชงาชตาไิตทไิ ยทย
๓๐
พระชนมายุ ๔๑ พรรษา พ.ศ. ๒๓๒๑ ไดเ้ ลือ่ นเปน็ เจ้าพระยามหากษัตริย์ศกึ เม่อื คราวเป็นแม่
ทัพใหญ่ไปตเี มืองลาวตะวันออก
พ.ศ. ๒๓๒๓ เป็นครั้งสุดท้ายท่ีไปปราบเขมรขณะเดียวกับท่ีกรุงธนบุรีเกิดจลาจลจึงเสด็จยก
กองทัพกลับมากรงุ ธนบุรี เม่ือพ.ศ. ๒๓๒๕ พระองค์ทรงปราบปรามเส้ยี นหนามแผ่นดินเสรจ็ แลว้ จงึ เสด็จ
ข้ึนครองราชสมบัติ หลังการปราบดาภิเษกแล้วได้มีพระราชดารัสให้ขุดเอาหีบพระบรมศพของพระเจ้า
กรุงธนบุรขี ึน้ ตั้ง ณเมรุวัดบางย่ีเรอื พระราชทานพระสงฆบ์ ังสุกลุ แล้วถวายพระเพลิงพระบรมศพเสรจ็ แล้ว
ใหม้ ีการมหรสพ
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกทรงเป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรเมื่อวันที่ ๖
เมษายน พ.ศ. ๒๓๒๕ และปราบดาภิเษกเมื่อวันท่ี ๑๓ มิถุนายน พ.ศ. ๒๓๒๕ (วันพฤหัสบดี ขึ้น ๔ ค่า
ปขี าล) ขณะเสด็จขึ้นเสวยราชสมบัติทรงมีพระชนมายุได้ ๔๕ ปี โปรดให้สถาปนาพระอนุชา (เจ้าพระยา
สุรสีห์) เป็นกรมพระราชวังบวรมหาสุรสีหนาท พระนัดดา (พระยาสุริยอภัย) เป็นกรมหลวงอนุรักษ์
เทเวศร์ กรมพระราชวงั หลังถัดจากนั้นไดป้ ระกอบกจิ การที่สาคัญคือ สร้างกรงุ เทพมหานคร
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชได้เสด็จข้ึนครองราชสมบัติได้ย้ายราชธานี
จากกรุงธนบุรี เมื่อวันท่ี๒๑ เมษายน พ.ศ. ๒๓๒๕ (วันอาทิตย์ เดือน ๖ ข้ึน ๑๐ ค่าปีขาล) คือทาพิธียก
เขาเอก "เสาหลักเมอื ง" กรงุ เทพมหานครได้ลงมือกอ่ สรา้ งอย่างจรงิ จงั เมอ่ื พ.ศ. ๒๓๒๖ ปจั จบุ ันกรุงเทพฯ
มีช่ือเต็มว่า "กรุงเทพมหานคร อมรรัตนโกสินทร์มหินทรายุธยา มหาดิลกภพ นพรัตนราชธานีบุรีรมย์
อุดมราชนเิ วศมหาสถานอมรพมิ านอวตารสถติ สกั กทตั ตยิ ะวษิ ณุกรรมประสทิ ธ"ิ์
สาเหตทุ ี่ยา้ ยราชธานเี พราะ
๑. พระราชวงั เดมิ ทกี่ รงุ ธนบุรมี ีวัดขนาบท้งั สองข้างไมเ่ หมาะแก่การทจี่ ะขยายพระราชวัง
ออกไปได้อีก
๒. ทีต่ งั้ พระราชวงั เดมิ อย่ฝู ่งั ตะวันตกของแม่นา้ เจา้ พระยาเปน็ ทีท่ ี่นา้ เซาะ
๓. กรุงเทพมหานครอยู่ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้าเจ้าพระยา เป็นพื้นท่ีกว้างขวางเป็น
ชยั ภูมิที่เหมาะแกก่ ารป้องกันตัวเองจากข้าศึก
การสรา้ งพระบรมมหาราชวงั
พ.ศ. ๒๓๒๖ สร้างพระนคร ได้สร้างพระราชมณเฑียรสร้างพระราชวังบวรสถานมงคล (วัง
หนา้ )
พ.ศ. ๒๓๒๗ สร้างพระมหาปราสาท สร้างวัดพระแก้วและได้อัญเชิญพระแก้วมรกตจาก
พระราชวังเดิมกรุงธนบุรีมาสถิตอยู่ภายในวัดพระศรีรัตนศาสดารามในพระบรมมหาราชวังพร้อมกับได้
อัญเชิญพระบรมรูปของสมเด็จพระรามาธิบดีอู่ทองกษัตริย์ผู้สร้างกรุงศรีอยุธยามาสร้างเป็นพระรูปหุ้ม
เงินปิดทองประดษิ ฐานไว้ในพระวหิ ารทรงพระราชทานนามวิหารแห่งนีว้ ่า "หอพระเทพบิดร" ปฎสิ ังขรณ์
วัดสลกั
แนแนวกวการาจรัดจดักการาเรรเียรยีนนรปู้รูป้ระรวะตัวตัศิ ิศาสาสตตร์เรพเ์ พือ่ อื่สสร้ารงา้ สงสานำนึกกึคควาวมามเปเปน็ ็นไทไทยย: ค:วคาวมาเปม็นเปม็นามขาอขงอชงาชตาิไตทิไยทย
๓๑
พ.ศ. ๒๓๒๘ หล่อปืนใหญ่ขึ้น ๗ กระบอกสร้างวังให้พวกเจ้าเขมรท่ีเข้ามาพ่ึงพระบรมโพธิ
สมภาร ขดุ คลองมหานาคขดุ คูเมือง สร้างป้อมเชิงเทนิ ขึ้นมากมายฟ้นื ฟพู ระราชประเพณี เชน่ พระราชพิธี
บรมราชาภิเษก
การปกครองหลังจากปราบดาภิเษกแล้วทรงให้มีการตั้งข้าราชการท่ีมีความดีความชอบใน
ราชการใหม้ ียศถาบรรดาศักด์ใิ หญ่นอ้ ยตามฐานะทรงตง้ั ราชการวังหลวงขน้ึ
ด้านกฎหมายได้ทรงชาระกฎหมาย เรียกว่ากฎหมายตรา ๓ ดวง (คือ ตราราชสีห์คชสีห์บัวแก้ว)
เพอ่ื สาหรับวนิ ิจฉยั อรรถคดีและบริหารราชการแผ่นดินใหเ้ ป็นไปตามตัวบทกฎหมาย
การค้าขายกับต่างประเทศผลประโยชน์ของประเทศไทยท่ีได้รับขณะนั้นได้จากภาษีอากร
เช่น อากรสุรา อากรบ่อนเบี้ยอากรขนอนตลาด ภาษีค่าน้าเก็บตามเครื่องมืออีกท้ังส่วนสินค้าต่างๆท่ีให้
ผลประโยชน์มาก ก็คือการค้าสาเภาอันสืบเนื่องมากแต่สมัยกรุงธนบุรีการค้ากับต่างประเทศได้แก่
ประเทศจีน ลงั กา อนิ เดีย มลายู สิงคโปร์ มาเก๊า
การสงครามการสงครามกับพม่าในสมัยพระเจ้าปดุงโดยพม่าได้แบ่งกองทัพเข้าโจมตีไทย
หลายทางคือ เชียงใหม่ ตาก กาญจนบุรี ด่านพระเจดีย์สามองค์ ชุมพร ไชยาและเมืองถลางสมเด็จพระ
พุทธยอดฟ้าจฬุ าโลกได้ทรงปรกึ ษาการต่อสกู้ องทัพพม่าแล้วโปรดฯ ให้แบ่งกองทัพเปน็ ๔ ทพั คือ
กองทพั ที่ ๑ กรมหลวงอนรุ กั ษเ์ ทเวศร์เป็นแม่ทพั ไปขัดตาทัพท่เี มอื งนครสวรรค์
กองทัพที่ ๒ กรมพระราชบวรสถานมงคล ไปตัง้ รบั ท่ีเมืองกาญจนบรุ ี
กองทัพที่ ๓ เจา้ พระยาธรรมากับเจา้ พระยายมราชคอยคุมทางลาเลียงตดิ ต่อกองทัพ
กองทัพที่ ๔ เป็นกองทัพหลวงคอยช่วยศึกถ้าหากด้านใดเพล้ียงพล้าก็จะยกไปช่วยทันที
การสงครามครั้งน้ี พม่าได้ยกกองทัพเข้าตีไทยทีละทัพก็ถูกไทยตีแตกไปทุกทัพด้วยหลักยุทธศาสตร์ที่
เหนือกวา่
สงครามกบั พมา่ (พมา่ ล้อมเมืองถลาง พ.ศ. ๒๓๒๘)
กองทัพพมา่ ยกมาตีตะก่ัวปา่ ตะกวั่ ทงุ่ โดยทางเรือแล้วจึงข้ามไปตีเมืองถลาง ขณะนั้นเจ้าเมือง
ถลางถึงแก่กรรม คุณหญิงจนั ทร์ (ภรรยาเจา้ เมอื ง) กับนางมกุ (น้องสาวคุณหญิงจันทร)์ เกณฑ์ไพร่พล
ชาวเมอื งชว่ ยกนั ป้องกนั เมืองถลางทัพพม่าไมส่ ามารถจะเอาเมืองถลาง สู้รบกันประมาณเดอื นเศษพมา่
ขาดเสบยี งอาหารจงึ เลกิ ทัพกลับไปเมอ่ื ข่าวทราบถึงพระเจ้าอยู่หัวจงึ ไดท้ รงแต่งตั้งใหค้ ุณหญงิ จันทร์เป็น
ทา้ วเทพกษตั รีส่วนนางมุกเป็นท้าวศรสี นุ ทร
สงครามกบั พม่า (ศึกทา่ ดนิ แดง พ.ศ. ๒๓๒๙)
สงครามคร้ังนี้ ต่อเน่ืองมาจากสงครามคร้ังท่ีพม่าล้อมเมืองถลางพระเจ้าปดุงยกกองทัพเข้ามา
ทางด่วนเจดีย์สามองค์ด้านเดียวเน่ืองจากพระเจ้าปดุงรู้สึกว่าพระองค์ดาเนินการแผนผิดเพราะต้ังแต่ทา
สงครามมาไม่เคยแพ้ใครมาก่อนจึงพยายามที่จะตีไทยให้ได้จึงรวบรวมกาลังผูค้ นต้ังมั่นอยู่ที่เมืองเมาะตะ
มะ และให้พระมหาอุปราชคุมคน ๕ หม่ืนคนต้ังมั่นอยู่ท่ีตาบลสามสบ ท่าดินแดง พระบาทสมเด็จพระ
พุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชโปรดให้กรมพระราชวังบวรฯ เป็นแม่ทัพหน้าและสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า
แแนนววกกาารรจจัดัดกกาารรเรเรยี ียนนรรปู้ ปู้ รระะววตั ัตศิ ศิ าาสสตตรร์เพเ์ พอ่ื ่อื สสรรา้ ้างงสสาำนนกึ กึ คคววาามมเปเปน็ ็นไทไทยย: :ควคาวมาเมปเน็ปมน็ ามขาอขงอชงาชตาิไตทไิ ยทย
๓๒
จุฬาโลกเป็นจอมทัพหลวงทัพ ทั้งสองเข้าตีพร้อมกัน พม่าท้ิงค่ายแตกหนีทุกค่าย กองทัพไทยไล่ฆ่าฟัน
และจบั เชลยไดเ้ ปน็ อนั มากได้ทง้ั ชา้ ง ม้า เสบยี งอาหาร และอาวุธ ตลอดจนปืนใหญ่
สงครามกบั พม่า (ลาปางและปา่ ซาง พ.ศ. ๒๓๓๐)
การที่พม่าแพ้ไทย ประเทศราชของพม่าก็เร่ิมกระด้างกระเด่ือง พม่าต้องใช้เวลาปราบ จากนั้น
พม่าก็เลยมาตีเมืองป่าซางและลาปางซึ่งเป็นเขตไทยขณะท่ีตีอยู่นั้น ข่าวทราบถึงกรุงเทพฯ ซึ่งกาลัง
เตรียมทัพจะไปตีเมืองทวายต้องเปลี่ยนแผน รัชกาลท่ี ๑ โปรดให้กรมพระราชวังบวรฯ ไปช่วยเมืองท้ัง
สองโดยให้คนที่อยู่ในตัวเมืองตีด้านในทหารที่ไปช่วยรบตีด้านนอก เสด็จจากสงครามคร้ังน้ี
กรมพระราชวงั บวรฯ ได้อญั เชญิ พระพุทธสหิ งิ คม์ าประดิษฐาน ณ พระทีน่ งั่ พุทไธสวรรย์
ไทยตีเมืองทวาย พ.ศ. ๒๓๓๐
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชทรงต้ังพระทัยจะตีเมืองทวาย จึงโปรดให้
กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท คุมพล ๓ หมนื่ ยกไปทางเหนือ ส่วนพระองค์เองคุมพล ๒ หมื่นโดย
กระบวนเรือทางลาน้าไทรโยคขึ้นยกที่ท่าตะกั่วข้ามทิวเขาบรรทัดซ่ึงมีความลาบาก หนทางกันดารทาให้
คนในทัพเหน่ือยล้าอิดโรยจึงตีเมืองไม่ได้ ต้องเสด็จยกทัพกลับภายหลังต่อมาอีก ๔ ปี เมืองทวายเมือง
ตะนาวศรี และเมืองมะริดไดม้ าขอสวามภิ กั ดติ์ ่อไทย
การรบทเี่ มอื งทวาย พ.ศ. ๒๓๓๖
รัชกาลท่ี ๑ ทรงมีพระราชดาริจะรบกับพม่าให้ได้ ได้ตั้งพระทัยใช้เมืองทวายเป็นฐานทัพและ
รวบรวมเสบียงอาหารพระองคท์ รงยกทัพทางบกและโปรดให้กรมพระราชวังบวรฯ บัญชาการทัพเรือแต่
วา่ ไปถึงเมืองทวายเมืองตะนาวศรีและเมืองมะรดิ ชาวเมืองกลับไปเข้าข้างพม่าขณะน้ันพม่าก็ยกกองทัพ
มาตีทวายกลับคืนได้เกิดกบฏขึ้นในเมืองมะริดและเมืองทวาย กองทัพไทยจาต้องทาสงครามท้ังสองด้าน
ไทยขาดแคลนเสบยี งอาหารเพราะอาศยั เมอื งท้ังสามไม่ได้จึงต้องยกทพั กลบั ไป
พม่าตเี มืองเชียงใหม่ พ.ศ. ๒๓๔๐
พม่ายกทัพมาคราวน้ี ๗ ทัพ โดยมุ่งหมายจะตีลานนาไทยอีก รชั กาลที่ ๑ โปรดให้กรมพระวังบวรฯ
ทรงประชวรเป็นโรคนิ่ว จึงต้องหยุดประทับอยู่ท่ีน่ันโปรดให้กรมหลวงอนุรักษ์เทเวศร์กรมพระยาวังหลัง
ติดตามเสดจ็ ข้นึ ไปช่วยทรงบญั ชาการรบจนมีชยั ชนะทรงขบั ไล่พม่าออกจากแคว้นลานนาจนหมด
ศาสนา
พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชทรงได้ซ่อมแซมปฎิสังขรณ์วัดวาอารามและได้ทรงยก
สถาปนาตาแหน่งพระสังฆราชและพระราชาคณะผู้ใหญ่ ทาสังคายนาสอบสวนพระไตรปิฎกให้
ถูกต้องการติดต่อกับต่างประเทศเพ่ือนบ้าน การติดต่อกับญวน พ.ศ. ๒๓๒๕ กษัตริย์ประเทศญวน
ขณะนั้นก็คือ องเชียงสือได้ล้ีภัยจากพวกกบฎแห่งเมืองไกเชิงได้พามารดาเข้ามาอยูใ่ นเมอื งไทยในรัชสมัย
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงอุปถัมภ์ไว้และทรงช่วยเหลือเสบียงอาหารและ
สนับสนุนพร้อมท้ังอาวุธยุทธภัณฑ์ต่อมาองค์เชียงสือได้เข้าไปปราบปรามกู้บ้านเมืองได้และตั้งตนเป็น
กษตั รยิ ์ทรงพระนามว่า "พระเจา้ ยาลอง"
แนแนวกวการาจรดัจดักการาเรรเียรยีนนรปู้รู้ประรวะตัวัตศิ ิศาสาสตตร์เรพเ์ พ่อื อ่ืสสร้ารงา้ สงสานำนึกึกคควาวมามเปเปน็ ็นไทไทยย: ค:วคาวมาเปมน็เปม็นามขาอขงอชงาชตาไิ ตทไิยทย
๓๓
การตดิ ตอ่ กบั เขมร
นักองเองมกุฎราชกุมารแหง่ ประเทศเขมรยังทรงอ่อนวัยพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชทรง
แต่งตั้งให้พระยายมราช (แบน) เป็นผู้สาเร็จราชการประเทศเขมรทรงชุบเลี้ยงอย่างพระราชบุตรบุญ
ธรรมจนเวลาผ่านไปได้ ๑๒ ปี จึงได้กลับไปครองประเทศเขมร ทรงพระนามว่า "สมเด็จพระนารายณ์
รามาธิบดี " และโปรดให้พระยายมราชเป็นพระยาอภัยภูเบศร์ครองเมืองพระตะบองขึ้นกับไทย ผู้น้ีเป็น
ตน้ ตระกลู "อภยั วงศ์ "
การตดิ ต่อกับประเทศตะวันตก
ประเทศโปรตุเกส เป็นชาติแรกท่ีมาติดต่อกับไทยเมื่อ พ.ศ. ๒๓๒๙ องตนวีเสนได้อัญเชิญ
พระราชสาส์นเข้ามาเจริญพระราชไมตรี รชั กาลท่ี ๑ โปรดให้จดั การตอ้ นรบั อย่างสมเกียรติ
ประเทศอังกฤษ มีอิทธิพลทางใต้ของไทย ฟรานซิส ไลท์ คนอังกฤษได้เพียรขอเฝ้าฯ รัชกาล
ที่ ๑ ทูลเกล้าฯ ถวายดาบประดบั พลอยและปืนด้ามเงนิ กระบอกหนึง่ ตอ่ มาทรงแตง่ ต้ังใหเ้ ป็นพระยาราช
กัปตนั
พระราชนิพนธ์ งานพระราชนพิ นธ์รัชกาลท่ี ๑
- กลอนนิราศท่าดนิ แดง
- กลอนบทละครเรอ่ื งอเิ หนา
- กลอนบทละครเรื่อง รามเกยี รต์ิ ตอ่ จากสมัยกรุงธนบุรี
- กลอนบทละครเรือ่ ง อุณรุธ
เสดจ็ สวรรคต
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ครองราชสมบัติได้ ๒๗ ปีเศษตั้งแต่ทรงมี
พระชนมายุได้ ๔๗ พรรษา ได้เสด็จสู่สวรรคตเมื่อวันที่ ๗ กันยายน พ.ศ. ๒๓๕๒ ขณะนั้น
ทรงพระชนมายุได้ ๗๔ พรรษา พระองคม์ พี ระราชโอรสและพระราชธดิ ารวมทง้ั สน้ิ ๔๒ พระองค์
พระราชลญั จกรประจารชั กาลที่ ๑
เป็นรูปปทุมอุณาโลม มีอักขระ "อุ" อยู่กลางล้อมรอบด้วยกลีบบัวอันเป็นพฤกษชาติที่เป็น
สิริมงคลในพุทธศาสนา ตราอุณาโลมมีรปู ร่างคล้ายสงั ข์เวียนขวา อยู่ในกรอบลายกนก เริม่ ใชใ้ นพระราชพิธี
บรมราชาภเิ ษก พ.ศ. ๒๓๒๘
ที่มา....................................................
แแนนววกกาารรจจัดดั กกาารรเรเรยี ยี นนรรปู้ ้ปู รระะววตั ัตศิ ศิ าาสสตตรร์เพ์เพอ่ื ่อื สสรรา้ ้างงสสาำนนึกกึ คคววาามมเปเปน็ ็นไทไทยย: :ควคาวมาเมปเน็ปม็นามขาอขงอชงาชตาิไตทไิ ยทย
๓๔
ใบงานท่ี ๑
ช่ือ............................ชั้น..............................
เหตผุ ลทพ่ี ระบาทสมเดจ็ พระพุทธยอดฟ้าจฬุ าโลกมหาราช ทรงย้ายเมืองหลวงของไทย
ข้อเสียของกรุงธนบุรเี มอื งหลวงเกา่
๑...........................................................................................
๒...........................................................................................
๓............................................................................................
๔............................................................................................
๕............................................................................................
ข้อดีของกรุงรตั นโกสนิ ทร์เมืองหลวงใหม่
๑...........................................................................................
๒...........................................................................................
๓............................................................................................
๔............................................................................................
๕............................................................................................
แนแนวกวการาจรดัจัดกการาเรรเียรียนนรปู้รู้ประรวะัตวัตศิ ศิาสาสตตร์เรพเ์ พอ่ื ือ่สสรา้รง้าสงสานำนกึ กึคควาวมามเปเปน็ น็ไทไทยย: ค:วคาวมาเปมน็เปม็นามขาอขงอชงาชตาไิ ตทไิยทย
๓๕
ใบงานท่ี ๒
เรอ่ื ง ปจั จัยท่สี ง่ เสริมความเจริญรงุ่ เรืองในสมัยกรงุ รัตนโกสินทร์ เชน่ ผนู้ า, ทีต่ ั้งเมืองหลวง, สภาพ
ภูมศิ าสตร์ สภาพสังคม และสภาพเศรษฐกจิ
..........................................
คาชีแ้ จง ใหน้ กั เรียนบอกปจั จัยทีส่ ่งเสริมให้กรุงรตั นโกสนิ ทร์มีความเจริญรุ่งเรือง
มาจนถงึ ปัจจุบัน
๑. ผู้นาประกอบด้วย.........................................................................................................
..................................................................................................................................... .....................
............................................................................................................. ....................................................
๒. ท่ตี ้งั เมอื งหลวง.....................................................................................................................
...................................................................................................................... ............................................
............................................................................................................................. .....................................
๓. สภาพภูมิศาสตร์....................................................................................................
............................................................................................................................. .....................................
................................................................................................................................................... ...............
๔. สภาพสังคม................................................................................................................. ......
........................................................................................................................... ........................................
............................................................................................................................. .....................................
กลมุ่ ท่.ี ............
รายช่ือสมาชกิ ในกลุ่ม
๑..........................................................................๒......................................................................
๓..........................................................................๔......................................................................
๕..........................................................................๖......................................................................
แแนนววกกาารรจจัดัดกกาารรเรเรียยี นนรรปู้ ู้ปรระะววัตัตศิ ิศาาสสตตรร์เพเ์ พื่อื่อสสรร้า้างงสสาำนนกึ ึกคคววาามมเปเปน็ น็ ไทไทยย: :ควคาวมาเมปเ็นปม็นามขาอขงอชงาชตาไิตทไิ ยทย
๓๖
แบบประเมนิ การนาเสนอผลงานหรอื กรุงเทพมหานคร
คาชีแ้ จง ใหผ้ สู้ อนสงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขีด
ลงในช่องที่ตรงกับระดับคะแนน
ลาดับที่ รายการประเมนิ คะแนน
๓๒๑
๑ ความถกู ตอ้ งของเน้ือหา
๒ ความคดิ รเิ ริม่ สรา้ งสรรค์
๓ วิธกี ารนาเสนอผลงาน
๔ การนาไปใช้ประโยชน์
๕ การตรงต่อเวลา
รวม
(ลงชอ่ื ).....................................................ผ้ปู ระเมิน
............../...................................../...............................
เกณฑ์การใหค้ ะแนน
ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกบั รายการประเมินและสมบูรณ์ ให้ ๓ คะแนน
ผลงานหรือพฤตกิ รรมสอดคล้องกับรายการประเมินเปน็ ส่วนใหญ่ ให้ ๒ คะแนน
ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสอดคล้องกบั รายการประเมนิ บางสว่ น ให้ ๑ คะแนน
เกณฑ์การตัดสินคณุ ภาพ
ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ
๑๒ –๑๕ ดี
๘ - ๑๑ พอใช้
ต่ากว่า ๘ ปรบั ปรุง
แนแนวกวการาจรัดจดักการาเรรเยีรียนนรปู้รปู้ระรวะัตวัตศิ ศิาสาสตตร์เรพ์เพ่ืออ่ืสสร้ารง้าสงสานำนกึ กึคควาวมามเปเปน็ น็ไทไทยย: ค:วคาวมาเปม็นเปม็นามขาอขงอชงาชตาิไตทไิยทย
๓๗
แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
คาชี้แจง ใหผ้ สู้ อนสงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แลว้ ขดี ลงใน
ช่องทต่ี รงกับระดบั คะแนน
รายการ พฤติกรรมทีแ่ สดงออก คะแนน
ประเมิน ๓๒๑
รักชาติ ศาสน์ ๑. ยนื ตรงเม่อื ได้ยนิ เพลงชาติ ร้องเพลงชาติได้
กษัตรยิ ์ ๒. เข้าร่วมกจิ กรรมท่สี ร้างความสามคั คี ปรองดอง และเป็นประโยชน์
ต่อโรงเรียนและชุมชน
๓. เข้ารว่ มกจิ กรรมทางศาสนาทีต่ นนบั ถือ ปฏบิ ตั ิตนตามหลักของ
ศาสนา
๔. เขา้ รว่ มกจิ กรรมท่ีเก่ียวกับสถาบันพระมหากษตั รยิ ์ตามที่โรงเรียน
และชมุ ชนจัดข้ึน
ใฝเ่ รยี นรู้ ๑. มีความกระตือรอื ร้นและสนใจท่จี ะแสวงหาความรู้
๒. ชอบสนทนา ซกั ถาม ฟงั หรอื อา่ นเพื่อให้ได้ความร้เู พิ่มขึ้น
๓. มีความสขุ ที่ได้เรียนรู้ในสิ่งทต่ี นเองต้องการเรียนรู้
ม่งุ ม่นั ในการ ๑. มคี วามต้งั ใจและพยายามในการทางานท่ีไดร้ ับมอบหมาย
ทางาน ๒. มคี วามอดทนและไม่ท้อแทต้ อ่ อุปสรรคเพื่อให้งานสาเร็จ
รักความเป็น ๑. ใชภ้ าษาไทยได้ถกู ต้อง
ไทย ๒. รู้จักอ่อนนอ้ มถ่อมตนและมีสัมมาคารวะ
๓. มสี ่วนร่วมในการเผยแพรแ่ ละอนุรกั ษว์ ัฒนธรรมและ
ขนบธรรมเนยี มประเพณีไทย
คะแนนรวม
คะแนนเฉลยี่
เกณฑ์การตัดสนิ คุณภาพ ๑.๐๐ –๑.๖๖
ช่วงคะแนนเฉล่ยี ๒.๓๔ –๓.๐๐ ๑.๖๗ –๒.๓๓ ๑ = ควรปรับปรงุ
ระดับคุณภาพ ๓ = ดมี าก ๒ = พอใช้
สรปุ ผลการประเมนิ (เขยี นเคร่ืองหมาย ลงในช่อง )
ระดบั คุณภาพท่ไี ด้ ๓๒ ๑
แแนนววกกาารรจจดั ัดกกาารรเรเรยี ยี นนรรปู้ ปู้ รระะววัตตั ศิ ศิ าาสสตตรร์เพเ์ พ่ือือ่ สสรรา้ ้างงสสาำนนึกึกคคววาามมเปเปน็ น็ ไทไทยย: :ควคาวมาเมปเน็ปมน็ ามขาอขงอชงาชตาไิตทิไยทย
๓๘
แบบประเมนิ สมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น
คาชี้แจง : ให้ ผูส้ อน สงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี ลง
ในชอ่ งท่ีตรงกบั ระดบั คะแนน
สมรรถนะทป่ี ระเมนิ ระดับคะแนน
๓๒๑
๑. ความสามารถในการสอ่ื สาร
๑.๑ มคี วามสามารถในการรับ – ส่งสาร
๑.๒ มีความสามารถในการถ่ายทอดความรู้ ความคดิ ความเข้าใจของตนเอง
โดยใช้ภาษาอย่างเหมาะสม
๑.๓ ใช้วธิ กี ารส่ือสารที่เหมาะสม
๒. ความสามารถในการคดิ
๒.๑ มคี วามสามารถในการคิดวิเคราะห์เพือ่ การสรา้ งองคค์ วามรู้
๒.๒ มีความสามารถในการคิดเปน็ ระบบเพ่ือการสรา้ งองค์ความรู้
๓. ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวิต
๓.๑ ทางานและอยรู่ ว่ มกบั ผ้อู ื่นดว้ ยความสัมพันธ์อนั ดี
๓.๒ มวี ิธแี ก้ไขความขัดแย้งอยา่ งเหมาะสม
๔. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
๔.๑ เลอื กใช้ขอ้ มูลในการพัฒนาตนเองอย่างเหมาะสม
๔.๒ เลอื กใชข้ อ้ มูลในการทางานและอยรู่ ่วมกับผ้อู น่ื อย่างเหมาะสม
เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน: ลงช่อื .......................................................... ผปู้ ระเมนิ
พฤติกรรมท่ีปฏิบัติชดั เจนและสม่าเสมอ
ให้ ๓ คะแนน
พฤติกรรมทป่ี ฏิบตั ิชดั เจนและบ่อยครัง้ ให้ ๒ คะแนน
พฤติกรรมทป่ี ฏบิ ตั บิ างครง้ั ให้ ๑ คะแนน
แนแนวกวการาจรดัจัดกการาเรรเียรยีนนรปู้ร้ปูระรวะัตวัตศิ ิศาสาสตตร์เรพเ์ พื่อ่ือสสรา้รงา้ สงสานำนึกกึคควาวมามเปเปน็ ็นไทไทยย: ค:วคาวมาเปม็นเปมน็ ามขาอขงอชงาชตาิไตทไิยทย
๓๙
แบบสงั เกตพฤตกิ รรมกระบวนการทางานกลุ่ม
คาชี้แจง ใหผ้ สู้ อนสงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขดี
ท่ี ลงในชอ่ งทตี่ รงกับระดบั คะแนน
ช่ือ – สกลุ ของผู้รบั การแสดง การยอมรบั การทางาน ความมี การมีส่วน รวม
การประเมิน ความ ฟงั คนอืน่ ตามท่ไี ด้รับ น้าใจ ร่วมในการ คะแนน
คดิ เหน็ มอบหมาย ปรับปรุง
ผลงานกลมุ่ ๑๕
๓๒๑๓๒๑๓๒๑๓๒๑๓๒ ๑
(ลงชอ่ื ).....................................................ผูป้ ระเมิน
............../..................../...................
เกณฑก์ ารให้คะแนน
ปฏบิ ตั ิหรอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสม่าเสมอ ให้ ๓ คะแนน
ปฏิบตั หิ รือแสดงพฤติกรรมบ่อยคร้ัง ให้ ๒ คะแนน
ปฏบิ ัติหรอื แสดงพฤตกิ รรมบางคร้ัง ให้ ๑ คะแนน
เกณฑก์ ารตัดสินคุณภาพ
ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ
๑๒ –๑๕ ดี
๘ - ๑๑
ตา่ กว่า ๘ พอใช้
ปรับปรุง
แแนนววกกาารรจจดั ดั กกาารรเรเรยี ยี นนรรปู้ ปู้ รระะววตั ัตศิ ิศาาสสตตรร์เพเ์ พ่อื ่ือสสรร้า้างงสสาำนนกึ กึ คคววาามมเปเปน็ ็นไทไทยย: :ควคาวมาเมปเน็ปมน็ ามขาอขงอชงาชตาไิตทไิ ยทย
๔๐
ตวั อยา่ งแผน ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ ๓
รา่ งแผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี ๒ รหัสวิชา ส ๒๓๑๐๑
กลุ่มสาระการเรยี นรสู้ ังคมศกึ ษา ศาสนา และวฒั นธรรม จานวน ๒ คาบ
รายวิชา ประวัติศาสตร์
หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ ๓ เรื่อง ประเทศไทยกับสงครามโลกคร้ังที่ ๑
๑. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ช้ีวดั
มาตรฐานการเรยี นรู้
ส ๔.๓ เขา้ ใจความเปน็ มาของชาตไิ ทย วัฒนธรรม ภูมิปัญญาไทย มีความรกั ความภูมิใจ และ
ธารงความเปน็ ไทย
ตัวชว้ี ดั
ม.๓ /๒ วิเคราะห์ปัจจัยท่ีส่งผลต่อความม่ันคงและความเจริญรุ่งเรืองของไทยในสมัย
รตั นโกสนิ ทร์
๒. สาระสาคญั
การตัดสินใจอย่างรอบคอบของผู้นาจะก่อให้เกิดผลดีต่อประเทศ เช่นกรณีการตัดสินพระทัย
ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเมื่อทรงประกาศสงครามกับเยอรมนีและออสเตรีย -ฮังการี
ในวันที่ ๒๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๖๐ อยู่ข้างฝ่ายสัมพันธมติ ร ซ่ึงเป็นฝา่ ยชนะสงคราม ผลจากการอยู่ขา้ ง
ฝ่ายชนะสงคราม ทาให้ไทยสามารถยกเลิกสนธิสัญญาไม่เสมอภาคกับเยอรมนี และออสเตรีย-ฮังการี
และไดรบั การยอมรบั เข้าสสู่ งั คมนานาชาติ
๓. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
๓.๑ วิเคราะหส์ าเหตุที่ประเทศไทยต้องประกาศเข้ารว่ มสงครามโลกครงั้ ที่ ๑ได้
๓.๒ วิเคราะห์ผลทเี่ กิดขน้ึ จากการประกาศเขา้ รว่ มสงครามโลกคร้งั ท่ี ๑ กบั ฝ่ายสัมพันธมิตรได้
๔. สาระการเรียนรู้
๔.๑ สงครามโลกคร้งั ที่ ๑ (พ.ศ. ๒๔๕๗-๒๔๖๑)
๔.๒ สาเหตทุ ีป่ ระเทศไทยต้องประกาศเขา้ รว่ มสงครามโลกครัง้ ที่ ๑ กับฝา่ ยสัมพนั ธมิตร
๔.๓ การตัดสนิ พระทัยประกาศสงครามกบั เยอรมนีและออสเตรีย-ฮังการขี องรชั กาลท่ี ๖ พ.ศ.
๒๔๖๐
๔.๔ ผลของการประกาศเขา้ ร่วมสงครามโลกคร้ังท่ี ๑ กับฝ่ายสัมพันธมติ ร
๕. ทักษะ/กระบวนการ
๕.๑ กระบวนการกลมุ่
๖. คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
๖.๑ รักชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ (คสช.)
๖.๒ มวี นิ ยั
แนแนวกวการาจรัดจัดกการาเรรเียรียนนรปู้ร้ปูระรวะัตวัตศิ ศิาสาสตตร์เรพเ์ พ่ือ่อืสสร้ารงา้ สงสานำนกึ กึคควาวมามเปเปน็ น็ไทไทยย: ค:วคาวมาเปม็นเปมน็ ามขาอขงอชงาชตาิไตทิไยทย
๔๑
๗. สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน
-
๘. หลักฐานการเรียนรู้
๘.๑ ช้ินงาน
๑) ใบกิจกรรมท่ี ๑ เรอื่ ง ประเทศไทยกบั สงครามโลกครง้ั ท่ี ๑
๒) ใบกจิ กรรมท่ี ๒ เรือ่ ง พระอัจฉริยภาพของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลา้ เจา้ อยหู่ วั กับ
เหตุการณส์ งครามโลกครง้ั ท่ี๑
๓) ใบกิจกรรมท่ี ๓เรือ่ ง ข้อคิดทไ่ี ด้จากการศึกษาเหตกุ ารณ์ประเทศไทยกบั สงครามโลกครั้งท่ี ๑
๘.๒ ภาระงาน
๑) นักเรยี นทากิจกรรมใบกิจกรรมท่ี ๑ เร่อื ง ประเทศไทยกับสงครามโลกครง้ั ที่ ๑
๒) นักเรยี นทากิจกรรมใบกิจกรรมที่ ๒ เรื่อง พระอจั ฉริยภาพของพระบาทสมเดจ็ พระมงกุฎ
เกลา้ เจ้าอยูห่ ัว กับเหตุการณ์สงครามโลกคร้ังที่ ๑
๓) นกั เรยี นทากิจกรรมใบกจิ กรรมที่ ๒ เร่อื ง ข้อคิดที่ไดจ้ ากการศึกษาเหตุการณป์ ระเทศไทยกับ
สงครามโลกครัง้ ท่ี ๑
๙. การวดั และการประเมิน
เปา้ หมาย วธิ วี ดั เคร่ืองมือวัด เกณฑ์การ
ประเมนิ
ดา้ นความรู้ ๑) ตรวจใบกจิ กรรมท่ี ๑ เร่ือง ๑) ใบกจิ กรรมท๑่ี เรอ่ื งประเทศ ได้คะแนนรวม
ประเทศไทยกับสงครามโลกครง้ั ไทยกบั สงครามโลกคร้งั ที่๑ ตัง้ แตร่ อ้ ยละ
ด้านทักษะ/ ที่ ๑ ๒) ใบกจิ กรรมท่ี ๓ เรอื่ งข้อคิดที่ ๕๐ขนึ้ ไป
กระบวนการ ๒) ตรวจใบกจิ กรรมที่ ๓เร่ือง ได้จากการศึกษาเหตุการณ์
กระบวนการ ขอ้ คิดท่ไี ดจ้ ากการศึกษา ประเทศไทยกบั สงครามโลกครั้ง พฤติกรรม
กลุ่ม เหตกุ ารณป์ ระเทศไทยกับ ที่ ๑ นกั เรยี นอยใู่ น
สงครามโลกครัง้ ที่ ๑ ระดบั คุณภาพ
แบบสังเกตพฤติกรรมการ พอใช้ขึ้นไป
สงั เกตพฤติกรรม ปฏบิ ัตงิ านกลมุ่
การปฏบิ ตั ิงานกลุ่ม
แแนนววกกาารรจจัดดั กกาารรเรเรยี ียนนรรปู้ ปู้ รระะววัตตั ศิ ิศาาสสตตรร์เพเ์ พือ่ ื่อสสรร้า้างงสสาำนนกึ กึ คคววาามมเปเปน็ น็ ไทไทยย: :ควคาวมาเมปเ็นปมน็ ามขาอขงอชงาชตาไิตทิไยทย
๔๒
ดา้ นคณุ ลักษณะ
อันพึงประสงค์
๑. รกั ชาติ ๑) ประเมินจากการตอบคาถาม ๑)ใบกจิ กรรมท่ี ๓ เรอ่ื ง ข้อคิดท่ี ๑)ได้คะแนน
ศาสน์ กษตั รยิ ์ ข้อ ๑ ในใบกจิ กรรมที่ ๓ เรอื่ ง ได้จากการศึกษาเหตุการณ์ รวมตง้ั แต่รอ้ ย
ขอ้ คิดท่ีไดจ้ ากการศึกษา ประเทศไทยกบั สงครามโลกครัง้ ละ ๕๐ ขน้ึ ไป
เหตกุ ารณ์ประเทศไทยกับ ที่ ๑
สงครามโลกครัง้ ท่ี ๑
๒) ประเมนิ จากการตอบคาถาม ๒)ใบกจิ กรรมที่ ๓ เรื่องขอ้ คดิ ทไี่ ด้ ๒) นกั เรยี นมี
ข้อ ๒.๑ และ ๒.๓ ในใบกิจกรรม จากการศึกษาเหตุการณป์ ระเทศ พฤติกรรม
ท๓ี่ เรื่องข้อคดิ ท่ีไดจ้ ากการศึกษา ไทยกับสงครามโลกคร้ังท่ี ๑ ระดับผา่ นขนึ้
เหตุการณ์ประเทศไทยกบั ไป
สงครามโลกครั้งท่ี๑
๒. ดา้ นมวี นิ ัย สังเกตพฤติกรรมขณะจดั กจิ กรรม แบบสารวจรายการพฤติกรรม พฤติกรรม
การเรียนรู้ นักเรยี นดา้ นวนิ ัย นกั เรียนอยู่ใน
ระดับคุณภาพ
พอใช้ข้ึนไป
๑๐ . กิจกรรมการเรียนรู้ (วธิ ีสอนแบบบรรยายรว่ มกบั การใชส้ อ่ื ผสม)
๑๐.๑ ขัน้ นาเข้าสู่บทเรียน
๑. ครูสนทนากับนักเรียนเกี่ยวกับเหตุการณ์ความรุนแรงระหว่างประเทศในปัจจุบัน เช่น
ความขดั แยง้ ระหวา่ งอิสราเอลกับปาเลสไตน์ พร้อมสมุ่ ถามนกั เรยี นวา่ ความขดั แยง้ มสี าเหตมุ าจากอะไร
๒. ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล กับปาเลสไตน์ ซ่ึงมีผลมาจาก
ความต้องการดินแดนเพ่ือสร้างชาติและมีอานาจอธิปไตยเหนือดินแดนพร้อมอธิบายเพิ่มเติมให้นักเรียน
ทราบว่าในอดีตก็มีเหตุการณ์ความขัดแย้งต่าง ๆ เกิดข้ึนในโลกใบน้ีเช่นกัน และเป็นความขัดแย้งที่
ประเทศไทยได้เข้าร่วมสงครามในคร้ังนี้ด้วยเพ่ือต้องการรักษาอานาจอธิปไตยเหนือดินแดนผืนแผ่นดิน
ไทย นั่นคือเหตุการณ์สงครามโลกครั้งท่ี ๑ พร้อมแจ้งจุดประสงค์การเรียนรู้ให้นักเรียนทราบว่า เมื่อ
นักเรยี นเรียนจบแลว้ นักเรยี นจะต้องบรรลุจดุ ประสงค์ดงั ต่อไปนี้
๒.๑ วิเคราะห์สาเหตทุ ีป่ ระเทศไทยต้องประกาศเข้ารว่ มสงครามโลกคร้ังที่ ๑ ได้
๒.๒ วิเคราะหผ์ ลท่ีเกดิ ข้ึนจากการประกาศเขา้ รว่ มสงครามโลกคร้ังที่ ๑ กบั ฝ่ายสัมพนั ธมิตรได้
๑๐.๒ ขัน้ กิจกรรม
๓. แจกใบกิจกรรมที่ ๑ เร่ือง ประเทศไทยกบั สงครามโลกคร้งั ที่ ๑ และ “ประกาศกระแสร์
พระบรมราชโองการว่าด้วยการสงครามซ่ึงมีต่อประเทศเยอรมนีและออสเตรีย-ฮังการี” ให้นักเรียนคน
แนแนวกวการาจรัดจัดกการาเรรเียรียนนรปู้ร้ปูระรวะัตวัตศิ ิศาสาสตตร์เรพเ์ พอื่ ือ่สสรา้รงา้ สงสานำนึกกึคควาวมามเปเปน็ ็นไทไทยย: ค:วคาวมาเปมน็เปมน็ ามขาอขงอชงาชตาิไตทไิยทย
๔๓
ละ ๑ ชุด พร้อมช้ีแจงให้นักเรียนทราบว่าหลังจากนักเรียนดูวีดิทัศน์ เร่ือง ปีกแห่งเกียรติยศแล้ว ให้
นกั เรยี นตอบคาถามในใบกิจกรรมท่ี ๑
๔. จับกลุ่มนักเรียนกลุ่มละ ๔ คน เพื่อแลกเปลี่ยนความรูจ้ ากการตอบคาถามในใบกิจกรรม
ท่ี ๑ โดยนกั เรียนแต่ละคนสามารถเขียนคาตอบเพม่ิ เตมิ เพอ่ื ใหค้ าตอบมีความสมบรู ณ์มากยิง่ ข้นึ
๕. ตัวแทนนักเรียนตอบคาถามจากการปฏบิ ตั กิ ิจกรรมในใบกิจกรรมที่ ๑
๖. นกั เรียนและครูร่วมกนั เฉลยคาตอบในใบกจิ กรรมท่ี ๑ โดยครสู รุปสาระสาคัญเก่ียวกับ
๖.๑ เหตุผลสาคัญที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงส่งทหารเข้าร่วม
สงครามโลกครั้งท่ี ๑ กับฝ่ายสมั พนั ธมิตร โดยครูใชผ้ ังความคดิ ประกอบการสรปุ ดงั น้ี
ผงั ความคดิ เรอื่ ง พระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลา้ เจา้ อยหู่ ัว ทรงตัดสินพระทยั
ประกาศสงครามเขา้ รว่ มกับฝ่ายสัมพนั ธมติ ร
จะไดป้ ระโยชนจ์ ากการยดึ จะไดย้ กเลกิ สนธสิ ญั ญาท่ี
ทรัพยส์ มบตั ขิ องชาว ไทยทาเสยี เปรยี บกับ
ประเทศเยอรมนั และ
เยอรมนั และออสเตรีย – ออสเตรยี – ฮงั การี
ฮังการใี นไทย
หลีกเลย่ี งการคกุ คาม พระราชดาริและและพระราชประสงค์ จะไดย้ กเลกิ สนธสิ ญั ญา
จากมหาอานาจฝ่าย ของพระบาทสมเด็จพระมงกฎุ เกลา้ เสมอภาคทไ่ี ทยได้ทากับ
สมั พันธมติ รท่ีจะบบี นานาประเทศใน
บังคบั ใหไ้ ทยขบั ไล่ชน เจ้าอยหู่ ัว ท่ที าใหต้ ัดสินพระทัย ภายหลงั อาทิ องั กฤษ
ชาติเยอรมนั ออกจาก ประกาศสงครามเข้ารว่ มกบั ฝ่าย ฝร่งั เศส สหรัฐอเมริกา
ราชการ
สมั พันธมิตร
เพอ่ื รกั ษาธรรมระหวา่ งประเทศไว้
และป้องกันมใิ หป้ ระเทศใหญใ่ ช้
อานาจไมเ่ ป็นธรรมรุกรานประเทศ
เลก็ กวา่
แแนนววกกาารรจจัดดั กกาารรเรเรยี ียนนรรปู้ ู้ปรระะววัตตั ศิ ิศาาสสตตรร์เพเ์ พอื่ ื่อสสรรา้ ้างงสสาำนนึกึกคคววาามมเปเปน็ น็ ไทไทยย: :ควคาวมาเมปเ็นปมน็ ามขาอขงอชงาชตาไิตทิไยทย