๑๙๔
๕. นักเรียนสรุปองค์ความรู้จากการตอบคาถามลงในใบกิจกรรมที่ ๑ บทบาทสาคัญของ
พระมหากษตั ริย์ ไทยสมัยสุโขทยั และร่วมกันเฉลย
๖. ครเู พิม่ เตมิ วา่ สถาบนั พระมหากษัตริย์ของไทยอยู่อยา่ งสืบเน่ืองยาวนาน ความเข้มแข็ง
เสียสละและมคี ุณธรรมของพระมหากษตั รยิ ์ทาให้คนไทยมปี ระเทศอยอู่ าศยั จนทุกวันนี้
กิจกรรมท่ี ๒ รำลกึ อดีต
๘. ครูสมมุติให้นักเรียนย้อนอดีตไปสู่บ้านเมืองสมัยกรุงสุโขทัยเพื่อเรียนรู้เร่ืองราวขอ ง
พระมหากษตั ริยไ์ ทยในสมัยสโุ ขทยั ทม่ี บี ทบาทและผลงานสาคัญในการพัฒนาชาติ
๙. นกั เรียนดวู ีดที ัศนจ์ ากสอ่ื Virtual Field Trip ตอนท่ี ๑ สถาปนาอาณาจักรสุโขทยั
(ใชเ้ วลาประมาณ ๖ นาที) และสรปุ ความรูใ้ นใบกิจกรรมที่ ๒ สถาปนาอาณาจักรสโุ ขทัย
๑๐. นกั เรียนแบง่ กล่มุ เปน็ ๖ กลุม่ จานวนกลุ่มละประมาณ ๔-๖ คน สมมุติใหห้ ้องเรียนเป็น
อาณาจักรสโุ ขทยั มชี าวเมอื งสาคัญหลายเมอื ง ดังนี้
- กล่มุ ที่ ๑ ชาวเมอื งนครชมุ (จังหวดั กาแพงเพชร)
- กลมุ่ ท่ี ๒ ชาวเมืองสองแคว (จังหวดั พิษณุโลก)
- กลมุ่ ที่ ๓ ชาวเมืองสระหลวง (จังหวัดพิจิตร)
- กล่มุ ที่ ๔ ชาวเมอื งศรสี ชั นาลยั (อาเภอศรีสัชนาลยั จงั หวัดสโุ ขทยั )
- กล่มุ ท่ี ๕ ชาวเมอื งพลวั (อาเภอปัว จงั หวัดนา่ น)
- กลุม่ ท่ี ๖ ชาวเมอื งแพล (จงั หวัดแพร่)
๑๑. นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มทาป้ายชื่อเมือง วางแผนการ แบง่ งานสืบคน้ ประวตั ผิ ลงานของ
พระมหากษัตริยส์ ุโขทยั (พ่อขนุ รามคาแหง / พระยาลไิ ทย) โดยใช้วธิ ีการทางประวตั ิศาสตร์โดยไป
สืบคน้ ขอ้ มูลนอกเวลาเพือ่ เตรยี มทากิจกรรมในชวั่ โมงต่อไป
ช่วั โมงที่ ๒
กจิ กรรมที่ ๓ ลกู เขยพระร่วง
๑๒. ครูแจ้งว่ากิจกรรมในช่ัวโมงน้ีเป็นการให้ความรู้เรื่องลาดับพระนามพระมหากษัตริย์ในสมัย
สุโขทัยและผลงานการพัฒนาบา้ นเมอื งท่สี าคญั โดยการทาเสน้ เวลา
๑๓. ครูแจกกระดาษให้แต่ละกลุ่มเพื่อทาเส้นเวลาและเลือกนักเรียนคนหนึ่ง มาอ่านประกาศ
พระร่วงเจา้ หนา้ หอ้ งเรียน ขอ้ ความดังน้ี
“อาณาจกั รสุโขทัยประสงค์จะให้คนดีมฝี มี ือช่วยเรยี งรายพระนามกษัตริย์ทั้งหมดของอาณาจักร
สุโขทัยและผลงานเพื่อข้าจะได้รู้ลาดบั ลูกหลานและผลงานของลูกหลานของข้าใหท้ ุกเมืองสง่ ตัวแทนมารับ
ชื่อและผลงานที่ข้ามีให้เอาไปดาเนินการ เจ้าเมืองใดมีความสามารถ เรียงได้ถูกต้องรวดเร็ว ข้าจะยกลูก
สาวใหแ้ ต่งงานด้วย”
๑๔. นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนไปรับซองข้อมูลจากครูและช่วยกันเรียงรายพระนามตาม
ช่วงเวลาตั้งแต่ลาดับที่ ๑ – ๙ (ทาเส้นเวลาลงบนกระดาษฟลิบชาร์ท) นาผลงานไปติดให้ตรงกับราย
พระนามและเพ่ิมเตมิ ให้สมบูรณ์ที่สดุ โดยให้นาความรทู้ ี่ได้จากการสบื ค้นมาแล้วมาใช้
แนวการจดั การเรยี นรปู้ ระวตั ศิ าสตร์เพ่อื สรา้ งสานึกความเปน็ ไทย : สถาบันพระมหากษตั รยิ ์ในสงั คมไทย
แนวการจัดการเรียนร้ปู ระวัติศาสตรเ์ พอื่ สร้างสำนกึ ความเปน็ ไทย : สถาบนั พระมหากษัตริยใ์ นสังคมไทย
๑๙๕
๑๕. นักเรียนที่ทาเสร็จกลุ่มแรกให้ออกมาสั่นกระด่ิง และถวายรายงานรายพระนามกษัตริย์และ
ผลงานสาคญั ตอ่ พระร่วง
๑๖. นักเรยี นกลมุ่ อ่ืนๆ นาผลงาน ติดกระดาน
๑๗. นักเรยี นทุกคนเขียนสรปุ รายพระนามและผลงานพระมหากษตั ริยส์ ุโขทัยในกจิ กรรมที่ ๓
ลกู เขยพระร่วง
๑๘. ครเู ป็นตัวแทนพระรว่ งเจา้ ชมเชยการทางานของนกั เรยี นและมอบรางวลั เป็นภาพสาวสวย
๑ ภาพ)
ช่วั โมงที่ ๓
กจิ กรรมที่ ๔ ผลงำนสรำ้ งชำติ
๑๙. นักเรียนนาผลงานที่ไปสืบค้นเกี่ยวกับประวัติ ผลงานของ พระมหากษัตริย์สุโขทัย
(จากกิจกรรม : ราลกึ อดีต) มานาเสนอและรว่ มแลกเปลี่ยนรู้
ครูถามว่าพระมหากษัตริย์สุโขทัยท่ีสร้างผลงานที่สาคัญโดดเด่นมีใครบ้างและมีผลงานสา คัญ
อะไรบา้ ง ผลงานนั้นส่งผลอย่างไรตอ่ คนไทยในปัจจุบนั ใหแ้ ต่กล่มุ ร่วมกนั อธิบาย
๒๐. นักเรียนเขียนสรุปใบกิจกรรมท่ี ๔ ผลงานสร้างชาติ (แนวการตอบ พ่อขุนศรีอินทราทิตย์
พ่ขุนรามคาแหงมหาราช พระยาลิไทย ผลงานที่โดดเด่น คือ การสถาปนาอาณาจักร การประดิษฐ์
ตัวอักษรไทย การสง่ เสริมพระพทุ ธศาสนา เปน็ ต้น)
กิจกรรมที่ ๕ พระมหำกรุณำธคิ ุณ
๒๑. นักเรียนแต่ละกลุ่มชว่ ยกนั เขยี นคาประกาศยกยอ่ งเชิดชเู ทดิ พระเกียรติพระมหากษัตรยิ ์
ในสมยั สุโขทยั ดว้ ยความรูส้ กึ ของคนในปจั จุบัน โดยครใู ห้ดตู ัวอย่างลายสือไทยจากศลิ าจารึกหลกั ท่ี ๑
ดา้ นท่ี ๑
๒๒. นกั เรยี นแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนอ่านคาประกาศหน้าหอ้ งเรียนจนครบทกุ กลุ่ม
ช่วั โมงที่ ๔
๒๓. ครูนากลอ่ งกระดาษมาพรอ้ มอปุ กรณ์ ใหน้ ักเรียนแตล่ ะกลมุ่ ส่งตัวแทนมาช่วยกนั ทา
ศลิ าจารึกจาลองจากกล่องกระดาษ
๒๔. นักเรียนแต่ละกลุ่มนาคาประกาศจากกิจกรรมที่ ๕ พระมหากรุณาธิคุณ มาติดศิลาจารึก
จาลองเป็นศิลาจารึกหลกั พเิ ศษ
๒๕. นักเรียนนาผลงานใบกิจกรรมที่ ๑ - ๔ แล้วจัดบอร์ดนิทรรศการเทิดพระเกียรติ
พระมหากษัตริยส์ ุโขทยั หน้าหอ้ งเรียนโดยคิดชอื่ นทิ รรศการร่วมกนั
๒๖. ครูสรุปความสาคัญของสถาบันพระมหากษัตริย์ต่อสังคมไทย (แนวตอบ กษัตริย์เป็นผู้นาให้
คนไทยได้ร่วมกันสร้างชาติ สร้างสรรค์งานที่เป็นประโยชน์และร่วมกันรักษาชาติบ้านเมืองมาได้จนถึง
ปัจจุบัน
๒๗. ครูให้นกั เรยี นใหถ้ ามตัวเองว่าได้ทาอะไรใหบ้ า้ นเมืองบ้าง
๒๘. ทดสอบความรเู้ รอื่ งหลงั เรียน
แนวการจัดการเรยี นรปู้ ระวตั ศิ าสตร์เพอื่ สร้างสานึกความเปน็ ไทย : สถาบนั พระมหากษัตรยิ ์ในสังคมไทย
แนวการจัดการเรยี นรปู้ ระวัติศาสตรเ์ พื่อสร้างสำนึกความเปน็ ไทย : สถาบันพระมหากษตั ริย์ในสงั คมไทย
๑๙๖
๑๑. ส่อื /แหล่งเรียนรู้
๑. สือ่ การเรยี นรู้ สอื่ Virtual Field Trip ตอนท่ี ๑ สถาปนาอาณาจักร
๒. ภาพอนุสาวรียพ์ ่อขนุ รามคาแหงมหาราช
๓. ภาพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอย่หู ัวภูมิพลอดุลยเดช
๔. ชุดรายพระนามพระมหากษัตริย์ ๙ พระองคแ์ ละพระราชกรณียกจิ
๕. คาประกาศพระร่วงเจา้ (ประกอบแสดงบทบาทสมสมติ)
๖. หนังสือประวตั ิศาสตรส์ ุโขทัย
๗. หนังสือเรยี นประวตั ศิ าสตร์
๘. ใบกิจกรรมที่ ๑ บทบาทสาคัญของพระมหากษัตรยิ ไ์ ทยสมยั สุโขทยั
๙. ใบกิจกรรมที่ ๒ สถาปนาอาณาจกั รสโุ ขทัย
๑๐. กระดาษฟลิปชารท์
๑๒. ภาพสาวแสนสวย
๑๓. ใบกจิ กรรมที่ ๔ ผลงานสรา้ งชาติ
๑๔. ตวั อยา่ งลายสอื ไทยจากศิลาจารกึ หลกั ที่ ๑ ดา้ นท่ี ๑
๑๕. กล่องกระดาษ
แหล่งกำรเรยี นรู้
- ห้องสมุดโรงเรยี น
- ข้อมลู ทางอนิ เทอร์เนต็ เร่อื ง ประวตั ิศาสตร์สุโขทัย
- วดี ที ัศนส์ ารคดเี รื่องพ่อขุนรามคาแหงมหาราช
๑๒. บนั ทกึ หลังสอน
๑๒.๑ ดา้ นความรู้
............................................................................................................................. ..........................................
..................................................................................................................................... ..................................
๑๒.๒ ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ
............................................................................................................................. .......................................
........................................................................................... ........................................................................
๑๒.๓ ด้านคุณลักษณะอนั พึงประสงค์
............................................................................................................................. .......................................
............................................................................................................................. .......................................
๑๒.๔ ดา้ นสมรรถนะทสี่ าคัญของผู้เรียน
............................................................................................................................................................... .....
............................................................................................................................. ..........................................
แนวการจัดการเรยี นรปู้ ระวัตศิ าสตร์เพื่อสร้างสานกึ ความเปน็ ไทย : สถาบนั พระมหากษตั รยิ ์ในสงั คมไทย
แนวการจดั การเรียนรปู้ ระวัตศิ าสตร์เพ่อื สร้างสำนกึ ความเปน็ ไทย : สถาบนั พระมหากษตั ริยใ์ นสังคมไทย
๑๙๗
แนวการจดั การเรยี นรู้ประวัตศิ าสตรเ์ พื่อสรา้ งสำนกึ ความเป็นไทย : สถาบันพระมหากษัตรยิ ใ์ นสังคมไทย
๑๙๘
แนวการจดั การเรยี นร้ปู ระวตั ศิ าสตรเ์ พื่อสรา้ งสำนึกความเป็นไทย : สถาบันพระมหากษตั รยิ ์ในสังคมไทย
๑๓๙๙
ประกำศของพระร่วงเจำ้ เพ่อื แสดงบทบำทสมมตุ ิ
ประกำศของพระร่วงเจำ้
“อาณาจักรสุโขทัยประสงค์จะให้คนดีมีฝีมือ ช่วยเรียงรายพระนามกษัตรยิ ์
ท้ังหมดของอาณาจักรสุโขทัยและผลงาน เพื่อข้าจะได้รู้ลาดับลูกหลานและผลงาน
ของลูกหลานของข้า ให้ทุกเมืองส่งตัวแทนมารับสิ่งท่ีข้ามี ให้เอาไปดาเนินการ
เจา้ เมอื งใดมีความสามารถทาไดถ้ กู ต้องรวดเร็ว ข้าจะยกลูกสาวให้”
รำยพระนำมกษตั ริย์สโุ ขทัย
คำช้แี จง ใหค้ รตู ดั ข้อความทั้งหมดนีม้ าปนกนั นาใสซ่ องเพ่ือแจกใหน้ ักเรียนแตล่ ะกล่มุ ได้เรียงลาดบั
ทาเป็นเส้นเวลา (Time Line) และปะติดผลงานของแต่ละพระองค์
พ่อขุนศรีอินทรำฑติ ย์ พระมหำธรรมรำชำท่ี ๑ ลิไทย
เร่มิ เสวยราชย์ พ.ศ.๑๗๙๒ พ.ศ. ๑๘๙๐ - ๑๙๑๑
สวรรคตปใี ดไมป่ รากฎ พระมหำธรรมรำชำที่ ๒
พ.ศ. ๑๙๑๑ –ประมาณ พ.ศ. ๑๙๔๒
พ่อขุนบำนเมือง
ไมป่ รากฏปีทีข่ ึ้นครองราชย์ พระมหำธรรมรำชำท่ี ๓ ไสลือไทย
พ.ศ. ๑๙๔๓ - ๑๙๖๒
ถงึ พ.ศ. ๑๘๒๒
พระมหำธรรมรำชำท่ี ๔ บรมปำล
พ่อขนุ รำมคำแหงมหำรำช พ.ศ. ๑๙๖พ๒ร–ะยปำรงะั่วมนาำณถมพ.ศ.๑๙๘๑
ประมาณ พ.ศ.๑๘๒๒ – พ.ศ. ๑๘๔๑
ประมาณ พ.ศ.๑๘๖๖ - ๑๘๙๐
พระยำเลอไทย
พ.ศ.๑๘๔๑ – ประมาณ พ.ศ.๑๘๖๖
แนวการจัดการเรยี นการสอนประวัติศาสตรเ์ พือ่ สร้างสานึกความเปน็ ไทย : สถาบันพระมหากษัตริย์ในสังคมไทย
แนวการจดั การเรียนรปู้ ระวัตศิ าสตรเ์ พือ่ สรา้ งสำนกึ ความเปน็ ไทย : สถาบนั พระมหากษัตรยิ ใ์ นสงั คมไทย
๒๐๔๐
พระรำชกรณยี กิจและผลงำนที่สำคญั ของพระมหำกษัตริย์สโุ ขทยั
คำชี้แจง ให้ครูตัดข้อความท้ังหมดนใ้ี สซ่ องปนกนั กบั รายพระนามพระมหากษัตรยิ ์
สถำปนำอำณำจกั ร สรำ้ งพระพุทธชนิ รำช
ทำยุทธหตั ถีกับขุนสำมชน
ปลกู ตน้ ตำล
ประดษิ ฐล์ ำยสือไทย ทำเป็นดงตำล
หนังสือเร่ืองไตรภมู พิ ระรว่ ง
ได้เมืองเมำะตะมะ
เป็นเมอื งประเทศรำช
ทำนบุ ำรงุ พทุ ธศำสนำ ทำสญั ญำเปน็ ไมตรี
กับพญำมังรำยและ
ผลติ เงินหนกั ๑ บำท
ใช้เปน็ มำตรฐำน พญำงำเมือง
แนวการจดั การเรยี นการสอนประวัติศาสตรเ์ พ่ือสร้างสานกึ ความเปน็ ไทย : สถาบนั พระมหากษตั ริย์ในสังคมไทย
แนวการจัดการเรยี นรูป้ ระวตั ิศาสตร์เพอ่ื สรา้ งสำนึกความเปน็ ไทย : สถาบันพระมหากษัตริยใ์ นสงั คมไทย
๒๐๕๑
ใบกจิ กรรมท่ี เร่ือง กำรสถำปนำอำณำจักรสโุ ขทยั
และพระมหำกษัตริย์ในสมยั สโุ ขทัย
ชอื่ ………………………………………………………………….ชั้น………….เลขท…ี่ ……………
คำชแ้ี จง ให้นักเรียนบนั ทึกสาระสาคัญและความรู้สึกความภาคภูมใิ จท่ีได้จากการเรียนในใบกจิ กรรมนี้
กจิ กรรมที่ ๑ บทบาทสาคัญของพระมหากษัตริย์ไทยสมยั สุโขทัย
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
กจิ กรรมที่ ๒ การสถาปนาอาณาจกั รสโุ ขทยั
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
กิจกรรมที่ ๓ ลกู เขยพระรว่ ง
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
กิจกรรมท่ี ๔ ผลงานสร้างชาติ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
แนวการจัดการเรยี นการสอนประวตั ิศาสตรเ์ พื่อสร้างสานกึ ความเป็นไทย : สถาบันพระมหากษตั ริย์ในสังคมไทย
แนวการจัดการเรียนรู้ประวัติศาสตรเ์ พอ่ื สร้างสำนกึ ความเปน็ ไทย : สถาบันพระมหากษัตริย์ในสงั คมไทย
๒๐๖๒
ตัวอย่ำงรูปทรงศิลำจำรกึ
คำชีแ้ จง ใหค้ รเู ลอื กรูปแบบและจดั ทาศลิ าจารึกจาลองเพ่ือใหน้ กั เรยี นปดิ คาประกาศเกียรตภิ ูมิ
พระมหากษตั ริยส์ ุโขทยั
ศลิ ำจำรกึ แบบส่เี หล่ยี ม
ศลิ ำจำรึกแบบแผน่ แบน
แนวการจดั การเรยี นการสอนประวตั ิศาสตรเ์ พ่ือสร้างสานกึ ความเป็นไทย : สถาบันพระมหากษตั ริย์ในสงั คมไทย
แนวการจดั การเรยี นรปู้ ระวัติศาสตรเ์ พอ่ื สรา้ งสำนึกความเป็นไทย : สถาบนั พระมหากษตั ริยใ์ นสังคมไทย
๒๐๓
บรรพบรุ ษุ ไทย
เกรนิ่ นำ : ทำไมจงึ ต้องเรยี นเร่อื งนี้
บรรพบุรุษคือผู้คนในอดีตที่ได้สร้างสมความดีงามและมีวีรกรรมอันพึงเคารพยกย่องและ
ปฏิบัติตาม บรรพบุรษุ ทุกผู้ทุกคนต่างตระหนักในหน้าที่อันพึงมีต่อประเทศชาติและได้แสดงคุณธรรมอัน
น่ายกย่องสรรเสริญ บางท่านได้แสดงคุณลักษณะอันโดดเด่น เป็นที่ประจักษ์ชัดในสังคมโลก ทาให้ผู้อื่น
ได้รบั ทราบช่อื เสยี งของประเทศไทยในอดีต
บรรพบุรษุ ไทยในอดีตมีจานวนมาก เพราะต่างคนกม็ ีจติ สานึกของความเป็นชาติ ความเป็น
อันหน่ึงอันเดียวกัน และความสมัครสมานสามัคคี และมิได้คานึงถึงประโยชน์ส่วนตนก่อนประโยชน์
สว่ นรวม บรรพบุรษุ ของไทยจงึ เป็นตน้ แบบท่สี าคัญท่ที าให้คนรุ่นต่อมามจี ติ สานกั ของความรกั ชาตใิ นทาง
ท่ีถูกทค่ี วร
วีรกรรมของบรรพบุรุษไทยท่ีเราล้วนสานึกคือการปกป้องเอกราชและรักษาดินแดนไทย
ด้วยการพลีชีพเพ่ือชาติ หลายท่านได้สร้างสรรค์ความเจริญทางศิลปะก่อเกิดเป็นเอกลักษณ์ไทยที่
ต่างชาติยกย่อง เช่นศิลปกรรมไทย นาฏศิลป์ไทย ดนตรีไทย อาหารไทย หลายท่านได้อุทิศตนเองและ
ปฏิบัติหน้าที่อย่างเตม็ ความสามารถทาให้ชาติไทยพ้นวิกฤตรุนแรงและคงความเป็นชาติไทยมาจนถึงทุก
วนั น้ี การเรยี นรู้เรือ่ งราวของบรรพบุรุษไทยจึงเป็นส่วนหน่ึงของการสร้างความเข้าใจในความเป็นมาของ
ชาตนิ ั่นเอง
จุดม่งุ หมำย : เป้ำหมำยของกำรจดั กำรเรยี นรู้เร่อื งน้ี
๑. เสริมสร้างความรู้ความเข้าใจในเรื่องวีรกรรม และผลงานของบรรพบุรุษไทยที่สะท้อน
ถึงความอุตสาหะ ความยากลาบาก ความกล้าหาญ และความเสียสละของบรรพบุรุษไทยท่ีได้ร่วมกัน
สร้าง พฒั นา ปกป้องและกอบกชู้ าตไิ ทยให้คงอยู่จนถึงปจั จบุ นั นี้
๒. ตระหนักในความสาคัญ และภาคภาคภูมิใจบรรพบุรุษไทยท่ีได้ปกป้องชาติไทยและ
เอกราชไทยรวมทั้งการสรา้ งความเจรญิ รุ่งเรอื งให้กับประเทศไทย
๓. เห็นแนวทางในการปฏิบัติตนในการเป็นพลเมืองดีของชาติ และสามารถถ่ายทอด
เพอ่ื ใหผ้ ู้อ่ืนเข้าใจและปฏบิ ัตติ นไดถ้ กู ต้อง
ประเด็นสำคัญที่ครูควรรู้ พื้นฐำนควำมรู้ จดุ เน้นทค่ี วรเช่ือมโยง และสิ่งทต่ี ้อง
สร้ำงเสรมิ ใหเ้ กิดควำมภูมใิ จ
ประวัติศาสตร์ไทยในสมัยอยุธยา ได้บันทึกวีรกรรมของบรรพบุรุษไทยท่ีได้ร่วมกันปกป้อง
แผ่นดินโดยไม่เห็นแก่ชีวิตและทรัพย์สินของตนไว้ เช่นวีรกรรมของชาวบ้านบางระจัน วีรกรรมของ
พันท้ายนรสิงห์ หรือการเดินทางไปต่างประเทศของออกพระวิสุทธสุนทร (ปาน) เพ่ือเจริญพระราช
แนวการจดั การเรียนรู้ประวัตศิ าสตร์เพอ่ื สร้างสานกึ ความเปน็ ไทย: บรรพบรุ ุษไทย
แนวการจัดการเรยี นรปู้ ระวตั ศิ าสตร์เพื่อสร้างสำนกึ ความเปน็ ไทย : บรรพบุรุษไทย
๒๐๔
ไมตรีกับต่างประเทศ บรรพบุรุษเหล่านี้เป็นเพียงตัวอย่างของบุคคลที่มีจิตใจงดงามที่ทาหน้าท่ีเพ่ือ
ประเทศชาติ เพ่ือความถูกต้องตามกฎหมาย และเพื่อความเป็นเอกราชของอาณาจักร สมควรได้รับ
การยกย่องเป็นอยา่ งมาก
ในรัชกาลของสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ ๘ หรือ พระเจ้าเสือนั้น มักจะเสด็จพระราชดาเนิน
โดยเรือพระที่น่ังเอกชัย เพื่อประพาสทรงเบ็ด ณ ปากน้าเมืองสาครบุรี หรือเมืองสมุทรสาครในปัจจุบัน
โดยใช้เส้นทาวงคลองด่าน คลองสนามชัย เม่ือเรือพระท่ีน่ังถึงตาบลโคกขามซึ่งเป็นคลองคดเค้ียวและมี
กระแสน้าเชี่ยวกราก พันท้ายนรสิงห์ซ่ึงถือท้ายเรือพระท่ีนั่งมิสามารถคัดแก้ไขได้ทัน โขนเรือพระท่ีนั่ง
กระทบกับก่ิงไม้หักตกลงไปในน้า พันท้ายนรสิงห์จึงได้กระโดดข้ึนฝั่งแล้วกราบทูลให้ทรงลงพระอาญา
ตามพระกาหนดถึงสามคร้ังด้วยกัน เน่ืองจากในสองคร้ังแรก สมเด็จพระเจ้าเสือพระราชทานอภัยโทษ
เพราะเห็นวา่ เป็นอบุ ตั เิ หตสุ ุดวิสัยแตท่ า้ ยสดุ ก็ได้ตรัสสง่ั ใหป้ ระหารชวี ติ พนั ทา้ ยนรสิงห์ตามคาขอ
วีรกรรมของพันท้ายนรสิงห์จึงเป็นอุทาหรณ์ของความจงรักภักดีของผู้อยู่ใต้เบื้องพระยุคล
บาท และรับใช้พระมหากษัตริย์ และมีความซ่ือตรงต่อกฎหมายของแผ่นดิน การยินยอมรับโทษโดยไม่
รอ้ งขอให้ผ่อนผันน้ันเป็นแบบอยา่ งของการเรียนร้วู ่า สังคมมีกฎเกณฑ์ที่ต้องปฏิบตั ิ และพระเจ้าแผ่นดิน
ทรงไว้ซึ่งพระราชอานาจอย่างสมบูรณ์ แม้ว่า พันท้ายนรสิงห์อาจจะขอร้องให้พระราชทานอภัยโทษได้
กต็ าม
ส่วนวีรกรรมของชาวบ้านบางระจันน้ัน เป็นกลุ่มคนไทยที่มีความรักชาติและหวงแหน
แผ่นดินเกิดอย่างสูงสุด ยอมสละชีพของตนและสละบ้านเรือนเพ่ือธารงไว้ซึ่งเอกราชและชาติของไทย
แม้จะมีกาลังเพียงน้อยแต่ก็ยังสามารถต่อต้านการรบจากกองทัพพม่าไว้ได้อย่างเข้มแข็ง เด็ดเดี่ยวและ
เปน็ ตวั อย่างทดี่ ขี องการรกั ชาตโิ ดยไมเ่ ห็นแกป่ ระโยชน์สว่ นตน
ประวัติศาสตร์ไทยสมัยอยุธยาก่อนเสียกรุงครงั้ ท่ี ๒ พ.ศ. ๒๓๑๐ บันทึกว่ากองทัพพม่ายก
พลเข้ามาประชิดพระนคร โดยในปี พ.ศ. ๒๓๐๘ เนเมียวสีหบดียกทัพมาจากพม่ารุกเข้าจากทางเหนือ
ได้มาหยุดอยู่ที่เมืองวิเศษชัยชาญ และจัดให้ทหารพม่ากองหน่ึงเที่ยวกวาดต้อนทรัพย์สินและผู้คนทาง
เมืองวิเศษชัยชาญ ราษฎรต่างพากันโกรธแค้นต่อการกดขี่ข่มเหงของทหารพม่า จึงแอบคบคิดกันต่อสู้
ในเดือน ๓ พวกชาวเมืองวิเศษชัยชาญ เมืองสิงห์บุรี เมืองสรรคบุรี และชาวบ้านใกล้เคียงพากันคบคิด
อุบายเพ่ือล่อลวงทหารพม่า ท้ังรวบรวมผู้คนไว้เพ่ือทาการต่อไป ในบรรดาชาวบ้านที่ร่วมกันอยู่น้ีมี
หัวหน้าที่สาคัญ คือ นายแท่น นายโชติ นายอิน นายเมือง ซึ่งได้หลอกลวงทหารพม่านาไปหาทรัพย์
สิ่งของที่ต้องการ ทหารพม่าหลงเช่ือตามไป ก็ถูกนายโชติและพรรคพวกซุ่มอยู่บุกเข้ามาฆ่าฟันพม่าตาย
ประมาณ ๒๐ คน แลว้ จงึ พากนั หนีไปยงั บางระจนั หรอื ที่ปรากฎชื่อว่า “บา้ นระจนั ”
ในเวลานั้นชาวเมืองต่าง ๆ ที่อยู่ใกล้เคียงต่างก็เข้ามาหลบอาศัยอยู่ท่ีบางระจันเป็นจานวน
มากขึ้น มีพระอาจารย์ธรรมโชติ ซึ่งมีกิตติศัพท์ว่า มีความเชี่ยวชาญทางวิทยาคมมากเป็นผู้นาทางจิตใจ
ต่อมานายแท่นและผู้มีช่ือเสียงอ่ืน ๆ ชักชวนชาวบ้านได้อีกประมาณ ๔๐๐ คนเศษ พากันมาอยู่ท่ี
บ้านบางระจัน หลังจากนน้ั ก็ตั้งค่ายขน้ึ ลอ้ มรอบบ้านบางระจนั ๒ ค่าย เพ่ือป้องกันทหารพม่าที่จะยกทัพ
แนวการจดั การเรยี นรู้ประวตั ศิ าสตร์เพอ่ื สร้างสานึกความเปน็ ไทย: บรรพบรุ ุษไทย
แนวการจดั การเรยี นรปู้ ระวัตศิ าสตรเ์ พ่ือสรา้ งสำนึกความเป็นไทย : บรรพบุรษุ ไทย
๒๐๕
ติดตามมาและเพื่อจัดหากาลังและศัตราวุธในแถบตาบลน้ัน นอกจากน้ี มีคนไทยช้ันหัวหน้าที่เข้ามา
ร่วมด้วยอีก ๗ คน ที่ปรากฎช่ือในพระราชพงศาวดาร ได้แก่ ขุนสรรค์ พันเรือง นายทองเหม็น
นายจันหนวดเขยี้ ว นายทองแสงใหญ่ นายดอก และนายทองแกว้ รวมหัวหน้าทสี่ าคัญของค่ายบางระจัน
ครัง้ นัน้ รวม ๑๑ คน ตง้ั กองส้กู บั กองทพั พมา่
กองกาลังชาวบ้านบางระจันต้องรวบรวมเสบียงอาหารและสรรพอาวุธด้วยตนเอง และ
สามารถต้านทัพพม่าได้หลายครั้ง จนกระท่ังพ่ายแพ้ เพราะไม่มีกาลังและอาวุธเพียงพอ จะเห็นได้ว่า
ชาวบ้านบางระจนั มีความภูมิใจท่ีตนเป็นสว่ นหน่ึงของอาณาจักรอยธุ ยาและมีความหวงแหนแผ่นดินเกิด
ไม่ให้ใครเข้ามาครอบครองทาลาย แม้ว่าจะมีกาลังเพียงน้อยก็ตาม สมดังความท่ีจารึกไว้ท่ีฐานของ
อนุสาวรยี ์ชาวบา้ นบางระจัน ว่า
“เม่ือเดือนสาม ปีระกา พุทธศักราช ๒๓๐๘ นายจันหนวดเขี้ยว
นายโชติ นายดอก นายทองแก้ว นายทองเหม็น นายทองแสงใหญ่ นายแท่น
นายเมือง พันเรือง ขุนสรรค์ และนายอิน ได้เป็นหัวหน้ารวบรวมชาวบ้าน
ตั้งค่ายต่อสู้พม่าท่ีบ้านบางระจัน มีพระอาจารย์ธรรมโชติเป็นผู้ประสิทธ์ิ
ประสาทวิทยาคมบารุงขวัญ ตั้งแต่เดือนสี่ ปีระกา พุทธศักราช ๒๓๐๘
จนถึงเดือนเจ็ด ปีจอ พุทธศักราช ๒๓๐๙ วีรชนค่ายบางระจันได้ต่อสู้พม่า
ด้วยความกล้าหาญและด้วยกาลังใจอัน เด็ดเด่ียวยอมสละแม้เลือดเน้ือและ
ชีวิตเพื่อรักษาแผ่นดินไทย รบชนะพม่าถึงเจ็ดครั้ง จนพม่าคร่ันคร้ามฝีมือ
รั ฐ บ า ล แ ล ะ ป ร ะ ช า ช น ช า ว ไ ท ย จึ ง พ ร้ อ ม ใจ กั น ส ร้ า ง อ นุ ส า ว รี ย์ น้ี ข้ึ น
เพือ่ ประกาศเกยี รติคุณของวีรชนคา่ ยบางระจันให้ยงั่ ยืนชั่วกาลนาน”
บรรพบุรุษของไทยนั้นมิได้มีเพียงผู้ป้องกันประเทศด้วยความสามารถเท่าน้ัน หากแต่ยังมี
บรรพบุรุษที่เผยแพร่ช่ือเสียงของไทยไปสู่สากลด้วย เช่น ออกพระวิสุทธสุนทร (ปาน) หรือที่รู้จักกัน
ในช่ือโกษาปาน ราชทูตของสมเด็จพระนารายณ์มหาราชซึ่งเดินทางไปเจริญพระราชไมตรีกับพระเจ้าหลุยส์
ที่ ๑๔ แหง่ ประเทศฝรงั่ เศส
ในแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช การเปิดโลกทัศน์เป็นผลท่ีได้รับจากการส่งทูตไป
เจริญสัมพันธไมตรีด้านการค้ากับนานาประเทศโดยเฉพาะชาติตะวันตก ทาให้ประเทศไทยได้พบเห็น
วิทยาการ แนวคิดและมุมมองใหม่ ๆ ท่ีแตกต่างจากชาติที่เจริญกว่า และนาข้อดีเหล่าน้ีมาพัฒนา
ประเทศให้เจริญทัดเทียมประเทศอารยะท้ังหลาย เมื่อมีการส่งทตู ไปเจริญสัมพันธไมตรีกบั ชาติใดสมเด็จ
พระนารายณ์มหาราชก็มักจะส่งเหล่าขุนนางหรือพระบรมวงศานุวงศ์ไปด้วยจานวนหน่ึงเพื่อไปศึกษา
วิทยาการด้านการทหาร การบริหารบ้านเมือง และอ่ืน ๆ ที่สาคัญ ซึ่งนับว่าเป็นรากฐานของการพัฒนา
ประเทศชาตทิ ี่แยบยลอยา่ งหนง่ึ
แนวการจดั การเรยี นรู้ประวตั ศิ าสตรเ์ พ่อื สร้างสานกึ ความเปน็ ไทย: บรรพบุรษุ ไทย
แนวการจดั การเรียนรูป้ ระวัตศิ าสตร์เพอื่ สรา้ งสำนกึ ความเป็นไทย : บรรพบุรุษไทย
๒๐๖
อีกวิธีหน่ึงของการเปิดโลกทัศน์ของไทยก็คือ การเปิดโอกาสให้ชาวต่างชาติเข้ามารับ
ราชการเป็นขนุ นางของกรุงศรีอยธุ ยา ซึ่งบุคคลเหล่านี้ได้นาวิทยาการความรู้ใหม่ ๆ เข้ามาชว่ ยพัฒนาให้
ประเทศไทยเจรญิ ก้าวหนา้ ไดอ้ ย่างรวดเร็ว
สยามและฝรั่งเศสเริ่มต้นความสัมพันธ์ในด้านต่าง ๆ ในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์
มหาราชและสมเด็จพระนารายณ์มหาราชก็ทรงส่งคณะทูตไปเจริญสัมพันธไมตรีกับประเทศฝรั่งเศสถึง
๓ ครงั้
ครั้งแรก ทรงจัดให้ออกญาพิพัฒน์ราชไมตรีเป็นราชทูต ออกขุนศรีวิสารสุนทร
เป็นอุปทูต ออกขุนนครวิชัย เป็นตรีทูต ไปโดยเรือกาปั่นฝรั่งเศส เมื่อ พ.ศ. ๒๒๒๔ แต่ทว่าเคราะห์ร้าย
เรือท่ีไปอับปางทีน่ อกฝ่ังเกาะมาดากัสการ์ คณะทูตท้ังหมดสาบสญู ไปหมดและทางสยามก็ไม่ได้ขา่ วคราว
ใดใด
คร้ังท่ี ๒ สืบเนื่องมาจากคณะทูตชุดแรกท่ีสูญหายไปทาให้สมเด็จพระนารายณ์ฯ ทรง
พระวิตก จึงโปรดให้ขุนนาง ๒ คน คือ ออกขุนวิชัยวาทิต และ ออกขุนพิชิตไมตรี กับบาทหลวงวาเชต์
ผู้เป็นล่ามไปด้วยอกี คนหนึ่ง เดินทางออกไปสืบขา่ วทตู ไทยทีส่ ่งไปคราวแรก คณะทูตท่ีเดินทางไปคราวนี้
ไปโดยเรืออังกฤษออกจากสยามเมื่อวนั ท่ี ๒๕ มกราคม พ.ศ. ๒๒๒๖ ไปข้ึนท่เี มืองมารเ์ ก็ตท่าเรือประเทศ
อังกฤษ แล้วเดินทางไปลอนดอน พักอยู่ลอนดอนได้ไม่ช้าก็ข้ามมาประเทศฝรั่งเศส เน่ืองจากทูตท่ีไป
คราวนี้มิได้นาพระราชสาส์นของสมเด็จพระนารายณ์ฯ ไปด้วย เพราะประสงค์แต่เพียงไปสืบข่าวทูตที่
ส่งมาชุดแรก แต่ราชสานักฝร่ังเศสก็ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี แต่ทว่ามิได้เข้าเฝ้าพระเจ้าหลุยส์อย่าง
เป็นพิธีการ เป็นแต่ไปคอยเฝ้าเวลาเสด็จพระราชดาเนิน แต่ก็ทรงหยุดและทรงปราศรัยสอบถามเมื่อ
วันท่ี ๒๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๒๒๗ เม่ือพระเจ้าหลุยส์ทรงทราบความจริงว่า สยามได้เคยทรงทูตมา
แต่เรือแตกเสียกลางทาง ก็ทรงดาริเห็นว่าควรจะแต่งทูตมาเป็นการสนองตอบ เพ่ื อมิให้เสียทาง
พระราชไมตรีท่ีไทยมีต่อฝรั่งเศส ดังนั้น พระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ จึงแต่งคณะราชทูตพร้อมทั้งพระราชสาส์น
โดยการเดินทางคร้งั น้มี ี เมอสิเออร์ เลอ เชอวาลิเยร์ เดอ โชมองต์ เป็นราชทูต และมีบาทหลวง เดอ ชวั ซี
เมอสิเออร์ เลอ เชอวาลิเยร์ เดอ ฟอร์แบง บาทหลวงตาชาร์ด และขุนนางอีกหลายคนเดินทางเข้ามา
ด้วย เรือออกจากเมืองแบรสต์ ท่าเรือในฝร่ังเศสเม่ือวันที่ ๓ มีนาคม พ.ศ. ๒๒๒๘ มาถึงปากน้า
เจ้าพระยา เม่ือวันท่ี ๒๓ กันยายน พ.ศ. ๒๒๒๘ ราชทูตที่มาคราวนี้มาโดยเรือ ๒ ลา ชื่อ ลัวโซ กับ ลา
มาลีญ และ รบั ทตู ไทยท้ัง ๒ ทเี่ ดินทางไปสืบขา่ วน้นั กลบั มาด้วย
การต้อนรับคณะทูตและพระราชสาสน์จากฝรั่งเศสชุดแรกท่ีเดินทางมายังประเทศไทยนั้น
เป็นไปด้วยความยิ่งใหญ่อลังการและสมพระเกียรติกับพระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ เป็นอย่างมากเพราะ
พระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ ในขณะน้ันมีความเกรียงไกรท่ีสุดในบรรดากษัตริย์ทั้งหลายในแถบตะวันตก
และอาจจะในตะวันออกด้วย ซึ่งการต้อนรับในครั้งน้ันทาให้คณะทูตจากฝร่ังเศสซาบซ้ึงใน
พระมหากรณุ าธิคณุ ของสมเด็จพระนารายณ์ที่ทรงดแู ลพวกตนเปน็ อยา่ งดี
แนวการจัดการเรยี นรู้ประวตั ศิ าสตร์เพือ่ สร้างสานกึ ความเปน็ ไทย: บรรพบรุ ษุ ไทย
แนวการจดั การเรียนรู้ประวตั ิศาสตร์เพ่ือสร้างสำนึกความเป็นไทย : บรรพบุรุษไทย
๒๐๗
ส่วนครั้งที่ ๓ นั้นเน่ืองด้วยสมเด็จพระนารายณ์ต้องการเจริญทางพระราชไมตรีกับ
พระเจ้าหลุยส์ เพื่อเป็นการตอบแทนท่ีฝร่ังเศสได้ส่งทูตมายังประเทศไทย จึงจัดคณะทูตขึ้นชุดหน่ึง
ประกอบด้วย ออกพระวิสุทสุนทร (ปาน) เป็นราชทูต ออกหลวงกัลยาราชไมตรีเป็นอุปทูต ออกขุนศรี
วิสารวาจา เป็นตรีทูต เดินทางพร้อมกับคณะทูต เชอวาลิเยร์ เดอ โชมองต์ ซ่ึงจะกลับฝรั่งเศสใน
คราวเดียวกัน ออกเดินทางจากกรุงศรีอยุธยาเมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. ๒๒๒๘ ไปถึงเมืองแบรสต์ เมื่อ
วันที่ ๑๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๒๒๙ เม่ือขึ้นฝ่ังที่เมืองแบรสต์ แล้วก็เดินทางต่อไปยังเมืองน็องต์ เมืองออร์
เลออ็ งส์ เมอื งฟงแตนโบล และทส่ี ุดถึงกรุงปารีส
ภารกิจของโกษาปานในประเทศฝร่ังเศสนั้นเป็นข่าวสาคัญในทวีปยุโรป เพราะนับเป็น
ครั้งแรก ๆ ในประวัติศาสตร์การทูตของประเทศยุโรปที่ได้มีโอกาสต้อนรับคณะราชทูตจากดินแดน
อันไกลโพ้น ในหลักฐานฝ่ายฝร่ังเศสท่ีสาคัญ คือ รายงานข่าวกิจกรรมของโกษาปานและคณะซ่ึง
เมอซิเออร์ เดอ วีเซ่ เขียนรายงานเผยแพรใ่ นวารสารแมร์กลุ กาล็องต์ ในปี พ.ศ. ๒๒๒๙ และต่อมาแปล
เปน็ ภาษาไทยในชอื่ โกษาปานไปฝรงั่ เศส
ต้ังแต่ท่ีเดินทางถึงเมืองแบรสต์ คณะราชทูตสยามเป็นที่จับตามองของทุกคน และต่างก็
ได้รับคาส่ังให้ดูและคณะทูตชุดนี้ด้วยความเอาใจใส่ ตลอดเส้นทางการเดินทางจากเมืองแบรสต์ไปยัง
ปารีส เพ่ือเข้าเฝ้าพระเจ้าหลุยส์ท่ี ๑๔ ท่พี ระราชวงั แวร์ซายนั้น โกษาปานได้ผ่านเมืองสาคัญตา่ ง ๆ และ
ได้เยี่ยมชมสถานท่ีมากมาย ดังปรากฏในรายงานของ เดอ วีเซ่ คือ เม่ือคณะราชทูตสยามออกจากเมือง
แบรสต์ ก็เดิทานไปยังเมืองตูรส์ จากนั้นไปเมืองแวงแซนต์ ใกล้ปารีส และพานักท่ีปราสาทเดอแบร์นี ได้
เย่ยี มชมบา้ นเสนาบดีเซนเญอเล ไปดูนกั เรียนเล่นละครพดู ท่โี รงเรียนหลุยส์เลอกรองด์ จากน้นั ย้ายไปพัก
อยู่ท่ีเมืองรงบูเย เพ่ือเตรยี มจะเข้าเฝ้าฯ ชว่ งเวลาท่รี อเวลานัน้ ราชทตู ได้ไปดูการขดุ คลอง ดปู ้อมปราการ
และพระราชวังแองวาลีดส์ ไปเย่ียมราชบัณฑิตยสภาแห่งฝรั่งเศส ไปชมโรงช่างหัตถกรรม ไปดูอู่ต่อเรือ
ไปโรงละคร หอดูดาว ร้านค้าต่างๆ และท่ีพระราชวังแวร์ซายส์ น้ันราชทูตไดเ้ ขา้ เฝ้าพระเจา้ หลยุ ส์ที่ ๑๔
ทีห่ ้องทอ้ งพระโรงกระจก หลังจากเขา้ เฝ้าแลว้ ได้ไปเย่ียมชมสถานท่ีต่างๆ อีกมาก
ครั้นเม่ือจะเดินทางกลบั มา ราชสานักฝร่ังเศสได้สง่ ผู้แทนพิเศษ คือซมิ ง เดอ ลา ลูแบร์
และราชทูตเซเบอเรต์ พร้อมกองเรือฝร่ังเศสเข้ามาด้วย และเป็นเหตุให้พระเพทราชาไม่ไว้วางใจใน
การกระทาของฝรง่ั เศส จนในทีส่ ุดจึงเกดิ การปฏวิ ตั ผิ ลัดแผน่ ดนิ ข้ึน
ตลอดระยะเวลาท่ีออกพระวสิ ทุ สนุ ทร (ปาน) ได้ทาหน้าทเี่ ปน็ ผู้เจรญิ พระราชไมตรรี ะหว่าง
สยามกับฝร่ังเศสน้ัน ท่านได้ปฏิบัติภารกิจด้วยความพร้อมสมบูรณ์ อันเป็นเหตุให้ช่ือเสียงของสยาม
ประเทศได้เลื่องลือถึงเมืองตะวันตก และเม่ือกลับมายังสยามแล้วท่านยังรับหน้าท่ีสาคัญในการสมาน
ไมตรีต่าง ๆ มใิ ห้บาดหมางกันอกี ในหลายวาระ
ในส่วนของประวัติบรรพชนน้ัน อาจสรุปได้ตรงกันท้ังเอกสารไทยและต่างชาติว่า ออกพระวิ
สุทสุนทรเป็นราชนิกูลมาแต่ก่อน เอกสารร่วมสมัยเช่นในบันทึกของซิมง เดอ ลา ลูแบร์ ได้พูดถึงบรรพ
ชนของโกษาปานไว้ว่า “มารดาของท่านเอกอัครราชทูตท่ีเราได้เห็นตัวกันในที่น้ีเป็นพระนมเหมือนกัน”
แนวการจดั การเรียนรู้ประวตั ศิ าสตรเ์ พ่ือสร้างสานึกความเปน็ ไทย: บรรพบรุ ษุ ไทย
แนวการจัดการเรยี นรู้ประวตั ิศาสตร์เพอ่ื สร้างสำนึกความเปน็ ไทย : บรรพบรุ ุษไทย
๒๐๘
แสดงว่ามารดาของท่านมีตาแหน่งเป็นพระนมของพระมหากษัตริย์ ซ่ึงเรียกต่อมาว่า เป็นเจ้าแม่วัดดุสิต
ซง่ึ เป็นพระนมเอกของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
ประวัติของออกพระวิสุทสุนทรที่เป็นที่รู้จักกันน้ันเร่ิมบันทึกอย่างเป็นทางการในราวรัชกาล
ที่ ๔ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์โดยเซอร์ จอห์น เบาวริ่ง ได้กล่าวไว้ในหนังสือ The Kingdom and People
of Siam โดยอ้างพระราชหัตถเลขาพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวว่า บรรพบุรุษของพระองค์
น้ันสืบเช้ือสายมาแต่มอญท่ีกรุงหงสาวดี ต่อมาได้ตามสมเด็จพระนเรศวรมหาราชกลับมายังอยุธยา จึง
โปรดให้ต้ังบ้านเรือนบริเวณริมวัดขุนแสน ทางทิศเหนือของเกาะเมือง ต่อมามีลูกหลานท่ีสืบเช้ือสาย
หลายรุ่นจนถึงโกษาปาน จากน้ันมีหลานอีกคนหนึ่งรับราชการกับพระยาพิษณุโลก ได้รับพระราชทาน
บรรดาศักดิ์เป็นพระอักษรสุนทร พระอักษรสุนทรมีบุตรหลายคน คนที่ ๔ ผู้ชายซ่ึงเป็นปู่ของพระองค์
ทา่ น ซง่ึ ข้นึ เสวยราชสมบตั ิเปน็ พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟ้าจุฬาโลก รชั กาลที่ ๑
จึงเห็นได้ว่าโกษาปานน้ัน มิใช่เป็นราชทูตผู้อัญเชิญพระราชสาส์นและเจริญพระราชไมตรี
เทา่ น้ัน แตย่ ังเป็นผู้ท่ีสรา้ งสรรคใ์ ห้เกิดความสัมพันธ์อนั ยั่งยืนระหว่าง ๒ ประเทศ นับแตอ่ ดตี จนปจั จบุ ัน
ด้วย ด้วยความวิริยะอุตสาหะของท่าน ท่านได้แสดงความเฉลียวฉลาด สติปัญญา และไหวพริบที่ดีใน
การเจรจาความ และมีความจงรักภักดีต่อสมเด็จพระนารายณ์มหาราชอย่างสูง เป็นบรรพบุรุษท่ีทา
คุณประโยชน์แกป่ ระเทศชาติอย่างตอ่ เน่อื ง
นอกจากในสมัยอยุธยาแล้ว บรรพบุรุษของชาติไทยสมัยรัตนโกสินทร์อีกหลายพระองค์
หรือหลายคนก็ล้วนแต่มีความสาคัญและได้ร่วมสร้างความเป็นปึกแผ่นมั่นคงและความเจริญในด้าน
ต่าง ๆ ให้กับประเทศชาติด้วย เพราะเมื่อประเทศได้พัฒนาข้ึนทัดเทียมอารยะประเทศ บรรพบุรุษของ
ไทยก็ไดส้ รา้ งความเจริญให้แก่ชาติ ท้งั การศึกษา การสาธารณะสขุ การคมนาคม และอ่นื ๆ
เมื่อแรกสร้างกรุงรัตนโกสินทร์น้ัน แม้จะยังคงมีศึกสงครามกับพม่าอยู่บ้าง แต่ด้วยพระปรีชา
ญาณ และความเด็ดเดี่ยวสามารถของกรมพระราชวังบวรมหาสุรสงิ หนาท (บุญมา) กท็ รงขจัดข้าศึกท่ีจะ
เข้ามารุกรานกรุงรัตนโกสินทร์ได้อย่างสงบราบคาบ โดยเฉพาะในสงครามเก้าทัพ ที่พม่ายกกองทัพ
เข้ามาในปี พ.ศ. ๒๓๒๘
พระราชปณิธานในกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท ปรากฏชัดเจนว่าทรงหวงแหน
แผน่ ดนิ ไทยมาก เพราะเป็นแผ่นดินท่ีบรรพบุรุษของพระองคไ์ ด้มอบให้ไว้ การรักษาแผ่นดินคือการแสดง
ความกตัญญูที่สาคัญ ดังความในเพลงยาวนิราศกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาทเสด็จไปตีเมืองพม่า
เมอ่ื พ.ศ. ๒๓๓๖ ตอนหน่งึ ว่า
มนั ทำเมอื งเรำกอ่ นเท่ำใด จะทดแทนมันให้หมดส้นิ
มันจิตอหงั กำร์ทำมฬิ จะล้ำงใหส้ ุดสน้ิ อย่ำสงกำ
การเสร็จสาเร็จลงเมอ่ื ใด ซ่ึงคิดไวข้ อให้สมปรารถนา
แม้นมไิ ดก้ ไ็ มก่ ลับคืนมา จะเห็นเมืองพมา่ ในคร้งั นี้
เกรงกริ่งอยูแ่ ตข่ ้างทัพบก จะไมย่ กหกั ได้ให้ถึงที่
แนวการจดั การเรยี นรู้ประวัตศิ าสตร์เพอ่ื สร้างสานึกความเปน็ ไทย: บรรพบุรุษไทย
แนวการจัดการเรยี นรปู้ ระวตั ศิ าสตร์เพื่อสร้างสำนกึ ความเปน็ ไทย : บรรพบรุ ุษไทย
๒๐๙
เกลอื กมนั กน้ั ตดั ทางตี จะตดั ทเี่ สบียงอาหารไว้
ไมส่ มคะเนให้เรรวน ทาป่วนไมห่ ักเอามนั ได้
เท่าน้ดี อกท่ีวติ กใจ จะทาใหเ้ สียการเหมอื นทวาย
เม่อื ชนะแลว้ กลบั แพ้ให้แชไป จงึ เสียชัยเสยี เชิงไมส่ มหมาย
พากนั หนแี ตไ่ ม่มอี นั ตราย ถ้าเสียหายอยา่ งอนื่ ไมเ่ ป็นไร
อันกรุงรตั นอังวะครงั้ นฤ้ี ำ จกั พน้ เนอื้ มืออย่ำสงสัย
พมำ่ จะมำเปน็ ข้ำไท จะได้ใช้สร้ำงกรุงอยุธยำ
ในครั้งสงครามเก้าทพั พระเจ้าปดุงไดย้ กทัพมาถึง ๙ ทัพ รวมกาลังพลมากถงึ แสนกวา่ นาย
โดยแบ่งการเข้าโจมตีกรุงรัตนโกสินทร์ออกเป็น ๕ ทิศทาง โดยทัพหลวงมีพระเจ้าปดุงเป็นผู้คุมทัพ
มีกาลังพลมากที่สุดถึง ๕๐,๐๐๐ นาย ยกเข้ามาทางด่านพระเจดีย์สามองค์เพื่อรอสมทบกับทัพเหนือ
และใตโ้ ดยมีจดุ มุ่งหมายทีจ่ ะเข้ารบกบั กรุงเทพฯ
เวลาน้ันทางฝ่ายไทยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รวบรวมกาลังไพล่พลได้
เพียง 70,000 นายมีกาลังน้อยกว่าทัพพระเจ้าพม่าถึง 2 เท่า ประจวบเป็นทหารรบเดิมของพระเจ้ากรุง
ธนบรุ ีที่เคยกอบกู้บ้านเมืองสมัยเสยี กรุงศรีอยุธยาไว้ได้ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก จึงทรง
ปรึกษาวางแผนการรับข้าศึกกับ สมเด็จพระอนุชาธิราชเจ้า สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท
กรมพระราชวังบวรสถานมงคล ว่าจะทาการป้องกันบ้านเมืองอย่างไร แผนการรบของพระบาทสมเด็จ
พระพุทธยอดฟ้าฯ คือ จัดกองทัพออกเป็น 4 ทัพโดยให้รับศึกทางที่สาคัญก่อน แล้วค่อยผลัดตีทัพ
ท่เี หลอื
สมเด็จพระอนุชาธิราช พระบวรราชเจ้ามาหาสุรสิงหนาท ได้ยกกองทัพไปถึงเมือง
กาญจนบุรี ต้ังรับทัพอยู่บริเวณทุ่งลาดหญ้า เชิงเขาบรรทัด สกัดกั้นไม่ให้ทัพพม่าได้เข้ามารวบรวมกาลัง
พลกันได้ นอกจากน้ียงั จัดกาลังไปตัดการลาเลียงเสบียงของพม่าเพื่อให้กองทพั ขาดเสบยี งอาหาร แล้วยัง
ใช้อุบาย โดยทาเป็นถอยกาลังออกในเวลากลางคืน คร้ันรุ้งเช้าก็ให้ทหารเดินเข้ามาผลัดเวร เสมือนว่ามี
กาลังมากมาเพ่ิมเติมอยู่เสมอ เมื่อทัพพม่าขาดแคลนเสบียงอาหารประจวบกับครั้นคร้ามคิดว่ากองทัพ
ไทยมกี าลังมากกวา่ จงึ ไม่กล้าจะบกุ เข้ามาโจมตี สมเดจ็ พระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาทเมอื่ สบโอกาสทา
การโจมตีกองทัพ ๘ – ๙ จนถอยร่นพระเจ้าปดุงเม่ือเห็นว่าไมส่ ามารถบุกโจมตีต่อได้ประจวบท้ังกองทัพ
ขาดเสบียงอาหารจึงได้ถอยทัพกลับ สาหรับการโจมตีทางด้านอื่น ทางด้านเหนือพระยากาวิละเจ้าเมือง
ลาปางสามารถป้องกันทัพพมา่ ท่ียกมาทางหัวเมืองฝ่ายเหนือไดส้ าเร็จ เม่ือเสร็จศึกแล้ว สมเด็จพระบวร
ราช เจ้ามหาสุรสิงเสด็จยกทัพลงไปช่วยทางปักษ์ใต้ต่อ แต่ก่อนท่ีจะเสด็จไปถึง ทัพพม่าได้โจมตีเมือง
ระนอง เมืองถลาง เวลานั้นเจ้าเมืองถลางเพิ่งจะถึงแก่กรรมยังไม่มีการตั้งเจ้าเมืองคนใหม่ แต่ชาวเมือง
ถลางนาโดยคุณหญิงจันภริยาเจ้าเมืองถลางท่ีถึงแก่กรรมและนางมุกน้องสาว ได้รวบรวมกาลังชาวเมือง
ต่อสู้ข้าศึกจนสุดความสามารถ สามารถป้องกันข้าศึกพม่าไม่ให้ยึดเมืองถลางไว้ได้ หลังเสร็จศึกแล้ว
แนวการจัดการเรยี นรู้ประวตั ศิ าสตร์เพื่อสร้างสานกึ ความเปน็ ไทย: บรรพบุรษุ ไทย
แนวการจดั การเรยี นรปู้ ระวตั ศิ าสตรเ์ พอื่ สร้างสำนกึ ความเปน็ ไทย : บรรพบุรษุ ไทย
๒๑๐
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ได้โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้คุณหญิงจันเป็นท้าวเทพกษัตรีย์
นางมุกน้องสาวเป็นท้าวศรีสุนทร นอกจากนี้ทัพพม่าบางส่วนสามารถตีเมืองนครศรีธรรมราชได้ และ
ยกลงไปตเี มืองสงขลาต่อ เจา้ เมืองและกรมการเมืองสงขลาพอทราบข่าวทพั พม่าตีเมืองนครศรีธรรมราช
ได้ด้วยความขลาดจึงหลบหนีเอาตัวรอด แตเ่ จ้าเมอื งพัทลุงพระยาขุนคางเหล็กและได้นมิ นตภ์ ิกษุรูปหน่ึง
นามว่า พระมหาช่วย มีชาวบ้านนับถือศรัทธากันมาก ได้ชักชวนชาวเมืองพัทลุงให้ต่อสู้ป้องกันสกัด
ทัพพม่าไม่ให้เข้ายึดเมืองพัทลุงได้ เมืองกองทัพสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสรุ สิงหนาท ยกกองทัพลงมา
ช่วยหัวเมืองปักษ์ใต้ ตีทัพพม่าต้ังแต่เมืองไชยาลงมาจนถึงนครศรีธรรมราช เม่ือทพั พม่าแตกพ่ายถอยร่น
ไปพน้ จากหัวเมืองปักษ์ใต้แล้ว พระมหาชว่ ยต่อมาไดล้ าสิกขาบทและเข้ารบั ราชการ
เหตุการณ์น้ีเป็นการแสดงความสามัคคีของคนไทยท่ีร่วมใจกันต่อสู้อานาจของพม่า และ
ขจัดไมใ่ หผ้ ูอ้ ืน่ ผ้ใู ดเขา้ มาครอบครองแผน่ ดนิ ไทยได้
บรรพบุรุษของคนไทยทุกพระองค์ ทุกคน จึงเป็นแบบอย่างท่ีดีในการตระหนักรักความเป็น
ชาติเดียวกัน รว่ มแผ่นดินเกิดเดียวกัน มีจุดมุ่งหมายเพ่ือธารงไว้ซึ่งเอกราชของชาติและสร้างสรรค์ส่ิงอัน
เป็นประโยชนต์ อ่ ผอู้ น่ื
แนวการจดั การเรยี นรู้ประวตั ศิ าสตร์เพอ่ื สร้างสานกึ ความเปน็ ไทย: บรรพบุรุษไทย
แนวการจัดการเรียนรู้ประวตั ิศาสตรเ์ พ่ือสร้างสำนกึ ความเป็นไทย : บรรพบรุ ษุ ไทย
๒๑๑
ตัวอยำ่ งแผน
รำ่ งแผนกำรจัดกำรเรียนรู้ที่ ๑๑
กลมุ่ สำระกำรเรยี นรู้ สงั คมศึกษาศาสนาและวฒั นธรรม ชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ ๒
สำระที่ ๔ ประวตั ศิ าสตร์ รหสั วชิ า ........................
หน่วยกำรเรยี นรู้ที่ ……เร่ือง บรรพบรุ ษุ ไทย จานวน ๒ ช่ัวโมง
หนว่ ยยอ่ ยท่ี ........ เรอ่ื ง พันท้ายนรสิงห์ จานวน ๒ ชว่ั โมง
๑. มำตรฐำนกำรเรียนรู้/ตวั ช้วี ัด
มาตรฐานการเรียนรู้
ส ๔.๓ เขา้ ใจความเปน็ มาของชาติไทย วฒั นธรรม ภูมิปัญญา มีความรกั ความภมู ิใจ
และธารงความเป็นไทย
ตวั ชี้วัด
ระบบุ ุคคลท่ีทาประโยชน์ตอ่ ท้องถ่นิ หรอื ประเทศชาติ
๒. สำระสำคญั
พนั ท้ายนรสงิ หว์ ีรบุรษุ ไทยผู้มีความซื่อสัตย์สจุ ริต กลา้ หาญ เสยี สละ จงรักภกั ดี เคารพ
กฎหมาย รกั ษาระเบียบวินยั เปน็ บคุ คลทีน่ า่ ยกย่องและยึดถือเปน็ แบบอยา่ งของคนไทยรุ่นหลัง
๓. จดุ ประสงค์กำรเรยี นรู้
๑ เลา่ เรือ่ งบรรพบุรุษของไทยในอดีตท่ไี ดร้ ับการยกย่อง พันทา้ ยนรสงิ ห์ ได้
๒ บอกคณุ ลักษณะที่ดงี ามของพนั ทา้ ยนรสิงหไ์ ด้
๓ ปฏบิ ตั ิตนท่แี สดงออกถึงความภาคภมู ิใจในบรรพบรุ ุษของไทย
๔. สำระกำรเรยี นรู้
บรรพบรุ ษุ ของไทย “พนั ทา้ ยนรสิงห์”
๕. ทักษะ/กระบวนกำร
ทักษะค่านิยม สร้างความตระหนัก รักและภาคภมู ิใจในบรรพบุรุษไทย
๖. คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์
ซ่ือสัตย์ มีวนิ ยั เสยี สละ อดทน มีอุดมการณใ์ นสิง่ ดีงาม (คา่ นิยมหลักของคนไทย ๑๒
ประการ : ข้อ ๒ คสช.)
๗. สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รียน
ความสามารถในการส่ือสาร ความสามารถในการคดิ ความสามารถในการใช้ทักษะชีวติ
๘. หลกั ฐำนกำรเรยี นรู้
ชิน้ งำน
๑. ผงั ความคดิ การประยกุ ตใ์ ช้คณุ ลกั ษณะท่ีเปน็ แบบอย่างของพนั ทา้ ยนรสิงห์
๒. บนั ทึกข้อตกลงในช้นั เรยี น
แนวการจดั การเรยี นรู้ประวัตศิ าสตร์เพอื่ สร้างสานึกความเปน็ ไทย: บรรพบุรุษไทย
แนวการจดั การเรียนรู้ประวัตศิ าสตรเ์ พื่อสรา้ งสำนกึ ความเปน็ ไทย : บรรพบุรุษไทย
๒๑๒
๙. กำรวัดและกำรประเมิน
เป้ำหมำย วธิ วี ดั เคร่ืองมือวดั เกณฑก์ ำรประเมิน
ด้านความรู้ การทดสอบ แบบทดสอบ ร้อยละ ๖๐ ขนึ้ ไปผ่าน
ดี = ๓
ดา้ นทกั ษะ/ การสังเกต แบบสงั เกตการมีส่วน พอใช้ = ๒
กระบวนการ ร่วม ปรับปรงุ = ๑
ระดบั ปฏิบัติ
คุณลกั ษณะอันพึง การสังเกต แบบสงั เกตพฤติกรรม เป็นผูน้ า เป็นแบบอย่าง
ประสงค์ - ซ่ือสตั ย์ การปฏิบตั ิ เห็นไดช้ ดั เจน ตอ่ เนื่อง
- เสียสละ สม่าเสมอ = ๓
- อดทน เห็นได้ชดั เจน ตอ่ เน่ือง
- มอี ุดมการณ์ในสง่ิ ทด่ี ี สมา่ เสมอ = ๒
งาม เหน็ ไดช้ ัดเจน = ๑
ดี = ๓
ดา้ นสมรรถนะสาคัญ การสงั เกต แบบบนั ทกึ การสังเกต พอใช้ = ๒
ปรบั ปรุง = ๑
ของผเู้ รียน - ความสามารถในการ
ระดับปฏิบัติ
สือ่ สาร เปน็ ผนู้ า เปน็ แบบอยา่ ง
เห็นไดช้ ดั เจน ตอ่ เน่ือง
- ความสามารถในการคิด สมา่ เสมอ = ๓
เหน็ ไดช้ ัดเจน ตอ่ เน่ือง
- ความสามารถในการ สม่าเสมอ = ๒
เหน็ ไดช้ ัดเจน = ๑
ใช้ทักษะชีวิต
- ความสามารถในการ
ฟัง พูด ดู อา่ น เขียน
การสังเกต แบบสงั เกตพฤติกรรม
- การหาความเชื่อมโยง การปฏบิ ัติ
ระหว่างเหตุและผล
-การแยกแยะ
ข้อเทจ็ จริง
-การเช่อื มโยงการเรยี นรู้
การคาดคะเน
- การร้แู ละเลือกรบั
วธิ กี ารปฏิบตั ิ
แนวการจดั การเรียนรู้ประวตั ศิ าสตรเ์ พ่ือสร้างสานกึ ความเปน็ ไทย: บรรพบรุ ษุ ไทย
แนวการจัดการเรียนรู้ประวัตศิ าสตร์เพ่อื สรา้ งสำนกึ ความเปน็ ไทย : บรรพบรุ ษุ ไทย
๒๑๓
ด้ำนสมรรถนะที่ ควำมสำมำรถในกำรใช้ทกั ษะชวี ติ กำรเสริมสร้ำงควำมสมั พันธ์อนั ดรี ะหวำ่ งบคุ คล
สำคญั ของผเู้ รียน
สงั เกตพฤตกิ รรม แบบสงั เกต ระดบั ปฏบิ ตั ิ
- การทางานร่วมกับคนอืน่ พฤติกรรม เปน็ ผูน้ า เป็นแบบอย่าง เห็น
- การมบี ทบาท และความ การปฏิบัติ ไดช้ ัดเจน ตอ่ เน่ือง สมา่ เสมอ
รบั ผดิ ชอบ ได้ระดับ ๓
- การตง้ั ใจปฏบิ ัติ เหน็ ได้ชดั เจน ไมต่ ่อเน่ือง
สม่าเสมอ ไดร้ ะดับ ๒
เห็นไดไ้ มช่ ัดเจน ไดร้ ะดับ ๑
๑๐ . กจิ กรรมกำรเรยี นรู้ (เทคนิคการสอนโดยใชบ้ ทบาทสมมตุ ิ)
ขน้ั นำเขำ้ สบู่ ทเรยี น
๑. ครูนาภาพทเี่ กย่ี วข้องกบั ประวัติของพันท้ายนรสิงห์ เช่น ภาพการตกปลา การตอ่ ยมวย
ภาพทหารในสมัยอยธุ ยา ภาพเรอื พระท่ีนั่ง ภาพคลองโคกขามสมัยอยุธยา ภาพศาลพันท้ายนรสงิ ห์ หรือ
ภาพอื่นๆ มาให้เด็กดูเพ่ือเชื่อมโดยสู่การสนทนาถึง ความซื่อสัตย์ กล้าหาญ ความเสียสละของพันท้ายนรสิงห์
ซ่ึงเป็นสามัญชน ทีไ่ ด้รบั การจารึกในประวตั ศิ าสตร์ เปน็ บรรพชนตน้ แบบของความซื่อสัตย์และมวี ินยั
ขนั้ กำรจัดกจิ กรรมกำรเรยี นรู้
๒. ครูอธิบายเชื่อมโยงให้เห็นถึงการปกครองในยุคสมัย สุโขทัย อยุธยา รัตนโกสินทร์ ถึง
ปัจจุบัน ท่ีมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และกล่าวถึงสมัยอยุธยาตอนปลายซ่ึงเป็นสมัยของ
การปกครองระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช ที่พระมหากษัตริย์ทรงสิทธอิ านาจเด็ดขาด
๓. ครูแบ่งกลุ่มนักเรียนกลุ่มๆ ละ ๕ – ๖ คน แล้วให้นักเรียนในแต่ละกลุ่ม เรียนรู้เร่ือง
ประวตั ิพนั ทา้ ยนรสิงห์ โดยใช้สอ่ื การต์ ูนพันท้ายนรสิงห์ จาก You tube มาใหน้ กั เรยี นดู ให้นกั เรยี นทุกคน
ในกลุ่มได้เรียนรู้ เข้าใจเนื้อหา แนวคดิ ทั้งหมดของเร่อื ง ให้เข้าใจเร่อื งราวพอสงั เขป แลว้ ให้
ตัวแทนแต่ละกลุ่มช่วยกันเลา่ เรอื่ งพันทา้ ยนรสงิ หโ์ ดยสรุป
๔. ข้นั การแสดงบทบาทสมมุติ
๑) กาหนดสถานการณ์และวิเคราะหป์ ระเด็น
ครูร่วมกับนักเรียนวางแผนแสดงบทบาทสมมุติ เร่ืองพันท้ายนรสิงห์ โดยกาหนด
ข้ันตอนการแสดง ฉาก บทบาท บทสนทนา ร่วมกันเลือกตัวแสดง กาหนดบทบาท บทสนทนา โดยครู
กากับการฝึกซ้อมดาเนินการฝึกซ้อมเป็นอย่างดี พร้อมให้ท่องบทสนทนาให้ได้ โดยเน้นการมีส่วนร่วม
ของนักเรยี นทงั้ ชั้นหรอื ตามความเหมาะสม
๒) กาหนดผสู้ ังเกตการณ์วิเคราะห์ประเดน็
ครูกาหนดให้นักเรยี นเป็นผู้สงั เกตการณ์ วิเคราะห์ประเด็นกาหนดข้อคาถาม โดย
ให้นักเรียนท่ีเป็นผู้สังเกตการณ์ร่วมแสดงบทบาทสมมุติเป็นผู้ส่ือข่าว ครูซักซ้อมเตรียมคาถามให้
ผสู้ ่อื ข่าว
แนวการจดั การเรยี นรู้ประวัตศิ าสตร์เพ่อื สร้างสานึกความเปน็ ไทย: บรรพบรุ ษุ ไทย
แนวการจัดการเรียนรู้ประวตั ิศาสตร์เพ่อื สร้างสำนึกความเปน็ ไทย : บรรพบุรุษไทย
๒๑๔
๓) การแสดงบทบาทสมมุติ
ครใู ห้นกั เรียนแสดงบทบาทสมมุติ เรอ่ื ง พันทา้ ยนรสิงห์ โดย
- ให้นักเรียนเข้าแถวตอนโดยคนแรกย่ืนมือท้ังคู่ไปขา้ งหน้าเฉียงขึ้นบนสมมุติเป็น
หัวเรือ คนถัดมาย่ืนมือจับหลังคนข้างหน้า แล้วยื่นมือซ้ายเฉียงออกด้านข้างทาเป็นพาย คนถัดไปยื่นมือ
ขวาจับหลังคนข้างหน้า ยื่นมือขวาเฉียงออกด้านข้างทาเป็นพาย สลับต่อเนื่องโดยตลอด ถ้านักเรียนมี
มากอาจให้นักเรียนจับคู่ คนซ้ายหรือคนขวามือแตะหลังคนข้างหน้า คนด้านซ้ายย่ืนมือซ้ายเฉียงออก
ด้านข้างทาเป็นพาย คนด้านขวาย่ืนมือวางเฉียงออกด้านข้างทาเป็นพาย ต่อเนื่องโดยตลอดมีความยาว
พอสมควรคนสุดท้ายสมมุติเป็นพันท้ายนรสิงห์ ทาหน้าที่คัดท้ายเรือ คนกลางแต่งตัวสมมุติเป็นพระเจ้า
เสือ (สมเดจ็ สรรเพชญท์ ่ี ๘ พ.ศ. ๒๒๔๖-๒๒๕๑)
- ให้นักเรียนท่ีทาหน้าท่ีเป็นหัวเรือพาเดิน-ว่ิง คดเค้ียวไปมา สมมุติแล่นเรือไป
ตามลาคลองท่ีคดเคี้ยว ในที่สุดนักเรียนคนแรกท่ีสมมุติเป็นหัวโขนเรือชนกับก่ิงไม้หักทาให้ทุกคนล้มลง
ขบวนเรอื สลายตวั
- นักเรียนทุกคนสมมุติขน้ึ ฝ่ัง โดยมีนักเรียนที่สมมุติเป็นพระเจ้าเสอื น่งั ในท่ีสงู อัน
เหมาะสม แล้วพันท้ายนรสิงห์ จึงน้อมเข้ามาก้มกราบขอรับโทษ นักเรียน ๓ - ๔ คนสมมุติเป็น เสนา
อามาตย์ และองครักษ์ ยืนด้านหลังท่ีประทับ นักเรียนส่วนหน่ึงน่ังเป็นแถวหน้ากระดานซ้าย ขวา พัน
ท้ายนรสิงห์ อยกู่ ลาง ตรงหน้าพระเจ้าเสอื
- บทสนทนา
พระเจา้ เสือ “ไอ้สิงห์ เอง็ ทาหัวเรื่อขา้ หัก เอ็งต้องตาย แตเ่ อ็งเป็นเพื่อนขา้ จะยก
โทษตายให้”
พนั ท้ายนรสิงห์ แสดงทา่ กราบและยดื ตัวตรง “ไม่ได้พะยะค่ะ ทาผิดแลว้ ต้อง
ยอมรับผดิ ขา้ ขอรับโทษตามประเพณี”
พระเจ้าเสือ “เอาละ ประหารก็ประหาร ขา้ จะใหเ้ ขาป้ันหุน่ เป็นตวั เจา้ แลว้ ให้เขา
ประหารเสยี ”
พันท้ายนรสิงห์ “ขอใหป้ ระหารข้าพระพุทธเจา้ เถดิ ถ้าละเวน้ โทษตาย คนจะเอา
เยย่ี งอย่างเพื่อป้องกนั มิให้มันผ้ใู ดติเตียนพระเจ้าอยูห่ วั ทรงละเลยกฎหมายแผน่ ดิน”
๔) สังเคราะห์ อธิบาย สรุป
- ใหน้ กั เรยี นทเ่ี ปน็ ผู้สงั เกตการณ์ทแี่ สดงบทบาทสมมตุ ิเป็นนักข่าว ชอ่ ง ๓, ๕, ๗,
๘, ๙ ตามความเหมาะสม เข้ามาสัมภาษณ์พนั ทา้ ยนรสงิ ห์
- สนทนา “ พวกกระผมมาจากอนาคต ปี ๒๕๕๗ กาลงั เรียนประวัติศาสตร์บคุ คล
สาคัญขอสัมภาษณ์ พันท้ายนรสิงห์ ก่อนถูกประหาร ครับ
นกั ข่าว “ เหตใุ ดจงึ ทลู ขอใหป้ ระหารชวี ติ ทั้งๆที่พระเจา้ เสือทรงอภยั ใหแ้ ลว้ ”
แนวการจัดการเรยี นรู้ประวัตศิ าสตรเ์ พ่ือสร้างสานึกความเปน็ ไทย: บรรพบรุ ุษไทย
แนวการจัดการเรยี นรปู้ ระวัตศิ าสตร์เพ่ือสรา้ งสำนึกความเปน็ ไทย : บรรพบุรุษไทย
๒๑๕
พนั ท้ายนรสิงห์ “ข้าได้ทาความผิดสาเรจ็ แลว้ ตามกฎหมายว่าไวอ้ ยา่ งไรกต็ ้องยอมรับผิด
กฎหมายต้องเปน็ กฎหมาย ใครละเมิดจะมไิ ด้ มิให้เปน็ เยีย่ งอยา่ งสืบไป
นกั ขา่ ว “แลว้ ไมก่ ลวั ตายหรอื อยา่ งไร”
พันท้ายนรสิงห์ “ขา้ พเจ้าไม่กลวั เกดิ เป็นชายชาติทหาร เสยี ชีพอย่าเสียสตั ย์”
แล้วนักขา่ วหันไปถาม เสนาอามาตย์ “ขอสัมภาษณเ์ สนาอามาตยค์ รบั ”
นกั ข่าว “ทาไมพนั ท้ายนรสงิ หจ์ ึงไม่ยอมให้ละเว้นโทษ แต่กลับยอมตาย”
เสนาอามาตย์คนท่ี ๑ “เพราะพันท้ายนรสิงห์เป็นซื่อสัตย์ จงรักภักดี มีวินัยในตัวเอง
รับผดิ ชอบตอ่ หนา้ ท่ี เมอ่ื กระทาผดิ แล้วยอมตายโดยไมห่ ลีกเลย่ี ง”
เสนาอามาตยค์ นที่ ๒ “เขามีวินัย ซื่อตรง ซื่อสัตยส์ ุจริต”
เสนาอามาตยค์ นท่ี ๓ “เพราะการกระทาของเขาเปน็ การแสดงความกล้าหาญ เมอ่ื ทา
ผิดแล้วเขายอมรับผดิ เพื่อมใิ หเ้ ป็นเยี่ยงอยา่ งหนีคดีแผ่นดิน”
นักข่าว กล่าวกับผู้ชมทางบ้าน “สวัสดีครับท่านผู้ชม เร่ืองราวของพันท้ายนรสิงห์ เป็น
ตัวอย่างท่ีดี ได้รับการจารึกช่ือไว้เป็นประวัติศาสตร์ เป็นบรรพบุรุษไทยที่เป็นแบบอย่างในด้านความ
ซือ่ สัตย์ กล้าหาญเป็นผู้มคี วามกลา้ หาญเพ่อื รกั ษาระเบยี บ กฎหมาย
ขั้นสรปุ บทเรยี น
๕. ครูสรุปบทเรียนเรื่องพันท้ายนรสิงห์ สรุปได้ว่า พันท้ายนรสิงห์เป็นบรรพบุรุษไทยที่มี
ความซื่อสัตย์ต่อหน้าท่ีท่ีรับผิดชอบ รักษากฎหมายแทนท่ีจะรักชีวิตตน เป็นคนกล้าหาญไม่รักตัวกลัวตาย
ไม่หนีความผิด ซ่ึงเป็นบุคคลควรเอาเป็นตัวอย่าง และครูเช่ือมโยงให้เห็นถึงความสาคัญถึงการรักษากฎ
กติกา ระเบียบวนิ ัยในห้องเรียน โรงเรียน สงั คม และกฎหมายของประเทศชาติ
ขนั้ กำรนำไปประยกุ ต์ใช้
๖. ครูตั้งประเด็นคาถามให้นักเรียนช่วยกันตอบ เช่น นักเรียนชอบพันท้ายนรสิงห์ในด้าน
ใดมากท่ีสุด และนักเรียนจะนาส่ิงท่ีได้จากการเรียนรู้ เรื่องพันท้ายนรสิงห์มาใช้ในชีวิตประจาวันของ
นกั เรยี นได้อย่างไร แลว้ ใหน้ ักเรียนกลุ่มเดิมท่ีแบ่งกลุ่มไวแ้ ล้ว ร่วมกนั เขยี นเป็นผังความคิด คุณลักษณะท่ี
เป็นแบบอย่างที่ได้เรียนรู้ จากน้ันครูและนักเรียนร่วมกันสรุป แล้วทาเป็นบันทึกข้อตกลงในชั้นเรียน
เกีย่ วกับ ความซ่อื สตั ย์ ความมรี ะเบียบวนิ ยั ความรับผิดชอบ ความจงรกั ภักดี
๗. ครสู งั เกตพฤติกรรมการแสดงออกของนกั เรยี นทง้ั ในห้องเรียนและนอกห้องเรียน และ
ใหก้ ารเสรมิ แรงเชิงบวกเมอื่ นักเรยี นปฏบิ ัติสมา่ เสมอเปน็ แบบอยา่ งได้ เช่น ยกยอ่ งชมเชย ใหร้ างวลั ตาม
ความเหมาะสม เพ่ือสร้างแรงจูงใจให้เด็กเกดิ ความต่อเน่ืองในการปฏบิ ตั ิ แล้วบันทกึ ผลเพ่ือการกาหนด
กิจกรรมในการพัฒนาตอ่ ยอด
แนวการจดั การเรียนรู้ประวตั ศิ าสตร์เพือ่ สร้างสานึกความเปน็ ไทย: บรรพบุรุษไทย
แนวการจัดการเรียนร้ปู ระวตั ศิ าสตรเ์ พื่อสร้างสำนึกความเป็นไทย : บรรพบุรษุ ไทย
๒๑๖
๑๑. สื่อ/แหล่งเรียนรู้
๑. ภาพตวั อยา่ ง
๒. เว็ปไซด์
http://www.youtube.com/watch?v=_X๖zhttp://
http://www.youtube.com/watch?v=PbpN๘๗LrYuA
ภาพยนตร์การต์ ูน พันท้ายนรสิงห์
http://www.youtube.com/watch?v=Jw๘p๓cOf๑bA&list=PLbwwMHxx๒XPHUbTSvy๓-
jGEPBbO๖eaMhD&index=๓
๑๒. บันทึกหลังสอน
๑. ด้านความรู้
............................................................................................................................. .......................................
............................................................................................................................. .......................................
๒. ด้านทกั ษะ/กระบวนการ
....................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ......................................
๓. ดา้ นคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์
............................................................................................................................. .......................................
....................................................................................................................................................................
๔. ดา้ นสมรรถนะสาคัญของผู้เรียน
.................................................................................................................. ..................................................
............................................................................................................................. .......................................
แนวการจัดการเรียนรู้ประวตั ศิ าสตร์เพือ่ สร้างสานึกความเปน็ ไทย: บรรพบรุ ษุ ไทย
แนวการจดั การเรยี นร้ปู ระวตั ิศาสตรเ์ พือ่ สร้างสำนึกความเปน็ ไทย : บรรพบุรษุ ไทย
๒๑๗
แบบสงั เกตพฤติกรรมกำรเรียนรดู้ ้ำนทกั ษะค่ำนิยมกำรมีส่วนร่วม
**************
คำชี้แจง สังเกตและพจิ ารณาพฤติกรรมแลว้ ใหก้ ารเคร่อื งหมาย ในช่องระดับคะแนนที่ตรงกบั การปฏบิ ตั ขิ อง
นกั เรยี น
ระดับ พฤตกิ รรมการการเรยี นรดู้ า้ นทกั ษะคา่ นยิ มการมีส่วนร่วม
๑. มสี ่วนร่วมปฏบิ ตั กิ จิ กรรม เกิดความคดิ รวบยอด นาไปสกู่ ารปรับใช้ มีพฤตกิ รรมดขี ้ึนเห็นได้ชดั เจน
สมา่ เสมอ ให้ระดบั ๓ หมายถงึ ดี - ดีมาก
๒. มสี ว่ นรว่ มปฏบิ ตั ิกิจกรรม เกดิ ความคดิ รวบยอด นาไปส่กู ารปรับใช้ มีพฤติกรรมดีขนึ้
ให้ ระดบั ๒ หมายถึง ปานกลาง พอใช้
๓. มีสว่ นร่วมปฏบิ ตั กิ จิ กรรม ยังไม่นาไปสู่การปรับใช้ พฤติกรรมไม่ชดั เจน
ให้ ระดับ ๑ หมายถึง ควรปรับปรุง
เลขที่ ชือ่ -สกลุ ระดับพฤติกรรม
๓๒ ๑
๑
๒
๓
๔
๕
๖
๗
๘
๙
๑๐
๑๑
๑๒
๑๓
๑๔
๑๕
๑๖
เฉล่ยี
คร้งั ที.่ .....................วันท่ี................................/................................../..............................................
ช่อื ครผู ูส้ อน/ผสู้ งั เกต........................................................................................................................
แนวการจัดการเรียนรู้ประวตั ศิ าสตร์เพ่ือสร้างสานกึ ความเปน็ ไทย: บรรพบรุ ษุ ไทย
แนวการจัดการเรียนรู้ประวัตศิ าสตร์เพือ่ สรา้ งสำนึกความเปน็ ไทย : บรรพบุรษุ ไทย
๒๑๘
แบบสังเกตพฤตกิ รรม คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ และค่ำนิยม
ด้ำนควำมซ่ือ สตั ย์ มวี ินัย อดทน มีอดุ มกำรณใ์ นส่ิงดงี ำม
คำชี้แจง สังเกตและพิจารณาพฤติกรรมแล้วใหก้ ารเคร่ืองหมาย ในช่องระดับคะแนนทตี่ รงกับการ
ปฏิบัตขิ องนักเรยี น
ระดบั พฤตกิ รรมกำรเรยี นรู้ ด้านความซื่อ สตั ย์ มีวินัย อดทน มีอุดมการณ์ในส่ิงดงี าม
๑. ปฏบิ ตั ติ อ่ เน่อื งสม่าเสมอ ดว้ ยความยินดี เต็มใจ เปน็ แบบอยา่ ง และมคี วามเปน็ ผ้นู า
ใหร้ ะดบั ๓ หมายถงึ ดี - ดมี าก
๒. ปฏบิ ตั ติ อ่ เนื่อง สม่าเสมอ เปน็ แบบอย่างได้
ให้ ระดบั ๒ หมายถึง ปานกลาง พอใช้
๓. ปฏิบัติไมต่ ่อเนื่อง ไม่สามารถเป็นแบบอยา่ งได้
ให้ ระดับ ๑ หมายถงึ ควรปรับปรุง
เลขท่ี ชอ่ื -สกลุ ระดบั พฤติกรรม
๓๒๑
๑
๒
๓
๔
๕
๖
๗
๘
๙
๑๐
๑๑
๑๒
๑๓
เฉล่ีย
คร้ังท่.ี .....................วันท.่ี .............................../................................../..............................................
ช่ือครูผู้สอน/ผู้สงั เกต
......................................................................................................................
แนวการจัดการเรยี นรู้ประวตั ศิ าสตรเ์ พ่อื สร้างสานึกความเปน็ ไทย: บรรพบรุ ษุ ไทย
แนวการจัดการเรียนร้ปู ระวตั ศิ าสตร์เพอ่ื สรา้ งสำนกึ ความเป็นไทย : บรรพบรุ ษุ ไทย
๒๑๙
แบบสงั เกตพฤติกรรม ด้ำนสมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน
ด้านความความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถในการคิด ความสามารถการใชท้ ักษะชีวติ
**************
คำชี้แจง สังเกตและพิจารณาพฤติกรรมแล้วใหเ้ ขียนระดับคะแนน ในชอ่ งระดบั พฤตกิ รรมทีต่ รงกบั
สมรรถนะที่สาคัญ
ระดบั พฤติกรรมการการเรียนรู้ดา้ นสมรรถนะทสี่ าคญั ของผเู้ รยี น ความสามารถในการส่ือสาร
๑. มที กั ษะในการ ฟงั พดู ดู อ่าน เขียน ในระดับ ดี ให้ระดบั ๓
๒. มีทกั ษะในการ ฟัง พูด ดู อา่ น เขียน อยใู่ นระดับ พอใช้ ให้ระดับ ๒
๓. ยงั ขาดทกั ษะในการ ฟัง พูด ดู อา่ น เขียน ปรับปรงุ ให้ระดบั ๑
ระดับ พฤติกรรมการการเรียนร้ดู า้ นสมรรถนะทส่ี าคญั ความสามารถในการคดิ เชื่อมโยง คดิ อย่างมเี หตุผล
๑. หาความเชื่อมโยงระหวา่ งเหตุและผล แยกแยะข้อเทจ็ จรงิ คาดคะเนได้ รู้ และเลือกรับวธิ ีการปฏบิ ตั ทิ ดี่ ี
ในระดบั ดี ใหร้ ะดับ ๓
๒. หาความเช่อื มโยงระหว่างเหตแุ ละผล แยกแยะขอ้ เท็จจริง คาดคะเนได้ รู้ และเลือกรับวิธกี ารปฏิบตั ิทดี่ ี
ในระดับ พอใช้ ใหร้ ะดับ ๒
๓. ขาดความเชื่อมโยงระหว่างเหตุและผล ไมส่ ามารถแยกแยะขอ้ เท็จจรงิ และคาดคะเนได้ ขาดการเลอื ก
รับวิธีการปฏิบตั ิทีด่ ี ให้ระดับ ๑
ระดบั พฤตกิ รรมการการเรยี นรู้ดา้ นสมรรถนะทส่ี าคัญของผเู้ รียน ความสามรถในการใชท้ กั ษะชีวิต
๑. มที กั ษะชวี ติ ในการเสริมสร้างสัมพนั ธท์ ดี่ ีระหวา่ งบุคคล ในระดับ ดี ใหร้ ะดบั ๓
๒. มที ักษะชวี ติ ในการเสริมสรา้ งสัมพนั ธท์ ี่ดีระหว่างบุคคล อยู่ในระดบั พอใช้ ให้ระดับ ๒
๓. ยงั ขาดทักษะชีวติ ในการเสรมิ สร้างสัมพันธ์ท่ดี ีระหวา่ งบคุ คล ปรบั ปรุง ให้ระดับ ๑
ระดบั พฤติกรรมด้านสมรรถนะท่ีสาคัญ
เลขท่ี ช่อื -สกลุ ความสามารถ ความสามารถ ความสามารถใน
ในการสือ่ สาร ในการคดิ การใชท้ ักษะชีวติ
(๓) (๓) (๓)
๑
๒
๓
๔
๕
๖
เฉลี่ย
ครงั้ ที่......................วันท.่ี .............................../................................../..............................................
ชอื่ ครูผู้สอน/ผสู้ งั เกต
......................................................................................................................
แนวการจัดการเรยี นรู้ประวตั ศิ าสตรเ์ พอ่ื สร้างสานึกความเปน็ ไทย: บรรพบุรุษไทย
แนวการจัดการเรียนรูป้ ระวตั ศิ าสตรเ์ พอื่ สร้างสำนกึ ความเป็นไทย : บรรพบุรุษไทย
๒๒๐
ควำมร้สู ำหรับครู
ประวตั ิพนั ทำ้ ยนรสิงห์
พันท้ายนรสิงห์ มีนามเดิมว่า สิงห์ แต่ก่อนท่านก็เป็นนักมวยที่เก่งมากและก็เคยข้ึนชกกับ
พระเจ้าเสือมาแล้ว แต่ว่าเสมอกัน พระเจ้าเสือรู้สึกประทับใจจึงให้เข้ารับราชการเป็นมหาดเล็ก แล้ว
เลื่อนขึ้นมาเป็นราชองครักษ์ พันท้ายนรสิงห์ เป็นนายท้ายเรือพระทีน่ ั่งเอกไชยอยใู่ นรชั สมัยสมเด็จพระ
สรรเพชญ์ ที่ ๘ (พระเจ้าเสือ) ได้รับ ยกย่องว่าเป็นผู้มีความซื่อสัตย์สุจริต จงรักภักดีและรักษาระเบียบ
วินยั ยงิ่ ชีวิต
เร่ืองราวของพันท้ายนรสิงห์ปรากฏ อยู่ในพระราชพงศาวดารกรุงศรีอยธุ ยาฉบับต่างๆ ได้
กล่าวถึงเหตุการณ์ใน พ.ศ.๒๒๔๖ - ๒๒๕๒ สมเด็จพระสรรเพชญ์ ที่๘ ประพาสปากน้าสาครบุรี
(ปัจจุบันคือจังหวดั สมุทรสาคร) เพื่อทรงเบ็ด ดว้ ยเรือพระทีน่ ง่ั เอกไชย มพี ันทา้ ยนรสงิ ห์เป็นนายท้าย พัน
ท้ายนรสิงห์เป็นชาวบ้านนรสิงห์ แขวงเมืองอ่างทอง การเสด็จประพาสปากน้าสาครบุรีในครั้งน้ี เมื่อเรือ
พระที่นั่งไปถึงตาบลโคกขามคลองบริเวณดังกล่าวมีความคดเคี้ยวมาก พันท้ายนรสิงห์พยายามคัดท้ายเรือ
พระทนี่ งั่ อยา่ งระมัดระวงั แต่ไม่อาจหลบเลี่ยงอบุ ัตเิ หตไุ ด้ หัวเรอื พระทน่ี ่งั ชนก่ิงไมใ้ หญ่หักตกลงไปในน้า
พันท้ายนรสิงหร์ ู้โทษดวี ่า ความผิดคร้งั นี้ถึงประหารชีวิตตามโบราณราชประเพณีซ่ึงกาหนด
ว่าถ้าผู้ใดถือท้ายเรือพระที่นั่งให้หัวเรือพระที่น่ังหัก ผู้น้ันถึงมรณะโทษให้ตัดศีรษะเสียจึงกราบทูลพระ
กรุณาน้อมรับโทษตามพระราชประเพณี สมเด็จพระสรรเพชญ์ท่ี ๘ ทรงพิจารณาเห็นว่าอุบัติเหตุคร้ังน้ี
เป็นการสุดวิสัยมิใช่ความประมาท จึงพระราชทานอภัยโทษให้ แต่พันท้ายนรสิงห์กราบบังคมยืนยัน
ขอให้ตัดศีรษะตนเพ่ือรักษาขนบธรรมเนียมในพระราชกาหนดกฎหมาย เป็นการป้องกันมิให้ผู้ใดครหาติ
เตียนพระเจ้าอยู่หัวได้ว่าทรงละเลยพระราชกาหนดของแผ่นดินและเพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างสืบไป
พระองค์ทรงโปรดให้ฝพี ายท้ังปวงปั้นมูลดินเปน็ รูปพันท้ายนรสิงห์ แลว้ ใหต้ ดั ศรี ษะรูปดินน้นั เพอื่ เปน็ การ
ทดแทนกนั แตพ่ ันท้ายนรสิงห์ยงั บังคมกราบทลู ยนื ยันขอใหป้ ระหารตน
แม้สมเด็จพระสรรเพชญ์ ท่ี ๘ จะทรงอาลัยรกั นา้ ใจพนั ท้ายนรสงิ หเ์ พยี งใดก็ทรงจาพระทัย
ปฎิบัติตามพระราชกาหนด ดารัสสัง่ ใหเ้ พชฌฆาตประหารพนั ท้ายนรสิงห์แล้วโปรดให้ต้งั ศาลสูงประมาณ
เพียงตา นาศีรษะพันท้ายนรสิงห์กับหัวเรือพระท่ีนั่งเอกไชยซึ่งหักนั้น ข้ึนพลีกรรมไว้ด้วยกันบนศาล
แล้วทรงพระราชดาริว่าคลองโคกขามคดเคย้ี วนักไม่สะดวกตอ่ การเดินเรือ บางครั้งชาวเมืองต้องเดินเรือ
อ้อมเป็นที่ลาบากยงิ่ สมควรจะขดุ ลัดตัดตรง เมื่อขุดเสร็จจึงได้รบั พระราชทานนามว่า "คลองสนามไชย"
ต่อมาเปล่ียนเป็น "คลองมหาชัย"ทั้งน้ีเพื่อเป็นการราลึกถึงพันท้ายนรสิงห์ข้าหลวงเดิมซ่ึงเป็นคนซ่ือสัตย์
ม่ันคง ยอมเสียสละชีวิตโดยไม่ยอมเสียพระราชประเพณี กรมศิลปากรได้ดาเนินการจัดสร้างศาลพัน
ทา้ ยนรสิงหข์ ึ้น อยถู่ ัดจากศาลเกา่ ทพี่ งั ลงไมม่ ากนัก โดยกันอาณาบริเวณรอบๆ ศาลไว้
ที่มา www.oknation.net/blog/ThaiTeacher/๒๐๐๙/๐๖/๑๖/entry-๔fXh๗PZ๐
แนวการจัดการเรียนรู้ประวัตศิ าสตรเ์ พือ่ สร้างสานึกความเปน็ ไทย: บรรพบุรุษไทย
แนวการจัดการเรยี นรูป้ ระวัติศาสตร์เพอ่ื สร้างสำนึกความเป็นไทย : บรรพบุรุษไทย
๒๒๑
แบบทดสอบวัดควำมรู้ เรอ่ื งพันทำ้ ยนรสิงห์
๑. ให้นักเรยี นบอกลกั ษณะคุณความดี ของพันท้ายนรสิงห์
๑) ................................................................................
๒) ..............................................................................
๓).................................................................................
๔)................................................................................
๕) ..............................................................................
๒. นกั เรียนสามารถปฏิบัติตามคุณลกั ษณะทดี่ ี ขอ้ ใดไดบ้ าง
๑) .....................................................................................
๒) ....................................................................................
๓) ...................................................................................
๔) ...................................................................................
๕) ..................................................................................
เฉลย คณุ ลักษณะท่ดี ีของพันท้ายนรสิงห์
๑.ซอ่ื สัตย์ ๒. เสียสละ ๓. มวี นิ ัย ๔ กลำ้ หำญ ๕. รับผดิ ชอบ ๖. จงรักภกั ดี ๗. รกั ษำกฎ
กตกิ ำ
เกณฑ์กำรประเมนิ
๔ ข้อขน้ึ ไป ไดค้ ะแนน ๓
๒ – ๓ ข้อ ได้คะแนน ๒
๑ ข้อ ได้คะแนน ๑
แนวการจดั การเรยี นรู้ประวตั ศิ าสตร์เพ่ือสร้างสานกึ ความเปน็ ไทย: บรรพบุรษุ ไทย
แนวการจดั การเรยี นรูป้ ระวัติศาสตร์เพ่อื สรา้ งสำนึกความเป็นไทย : บรรพบุรษุ ไทย
๒๒๒
กลุม่ สำระกำรเรยี นรู้ ตัวอยำ่ งแผน ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ ๖
รำยวชิ ำ รำ่ งแผนกำรจัดกำรเรียนรทู้ ี่ ๑๒ รหัสวชิ า………………….
หน่วยกำรเรยี นร้ทู ่ี ๓ สังคมศึกษาสังคมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม จานวน ๒ ชว่ั โมง
หนว่ ยยอ่ ยที่ ๑ จานวน ๒ ชว่ั โมง
ประวัติศาสตร์
เรือ่ ง ทา้ วเทพกระษัตรี ท้าวศรีสุนทร
เรื่อง ทา้ วเทพกระษตั รี ท้าวศรสี ุนทร
๑. มำตรฐำนกำรเรยี นร/ู้ ตวั ชีว้ ัด
มาตรฐานการเรยี นรู้
ส ๔.๓ เข้าใจความเป็นมาของชาติไทย วฒั นธรรม ภูมิปญั ญาไทย มีความรัก
ความภมู ิใจและธารงความเป็นไทย
ตวั ช้วี ดั
ส ๔.๓ ป.๖ / ๓ ยกตัวอย่างผลงานของบุคคลสาคญั ด้านต่างๆสมยั รตั นโกสินทร์
๒. สำระสำคัญ
ท้าวเทพกระษัตรี ทา้ วศรีสนุ ทร เปน็ วรี สตรไี ทยทเ่ี ป็นผู้นา เสียสละ และกลา้ หาญ มสี ติปัญญา
สามารถใช้กลยทุ ธว์ างแผนเอาชนะขา้ ศึก (พม่า) ซ่งึ เราควรยึดถอื เปน็ แบบอย่าง และภาคภมู ใิ จ
๓. จุดประสงคก์ ำรเรียนรู้
๑. เล่าประวัติและผลงานของทา้ วเทพกระษัตรี ท้าวศรีสุนทรได้
๒. อธบิ ายได้วา่ กรุงเทพกบั เมืองถลางมคี วามสัมพันธก์ ันอย่างไร
๓. วิเคราะห์กลยุทธท์ ่ีทา้ วเทพกระษัตรี ท้าวศรีสนุ ทรใช้ตอ่ ส้กู บั ข้าศึกได้
๔. ตระหนักและภมู ิใจในความเป็นวีรสตรไี ทยของท้าวเทพกระษัตรี ทา้ วศรีสนุ ทร
๕. นาพฤติกรรมท่ีดีของท้าวเทพกระษัตรี ทา้ วศรีสนุ ทร ไปปฏิบัติในชีวติ ประจาวนั จนเป็นนิสยั
๔. สำระกำรเรียนรู้
๑. ประวัติและผลงานของท้าวเทพกระษัตรี ทา้ วศรีสนุ ทร
๒. ความสมั พนั ธร์ ะหว่างกรุงเทพกับเมืองถลาง
๓. กลยทุ ธท์ ่ที ้าวเทพกระษตั รี ทา้ วศรสี ุนทรใชส้ ูข้ ้าศกึ
๔. ความตระหนักความภมู ิใจในความเป็นวรี สตรีไทยของท้าวเทพกระษัตรี ท้าวศรีสุนทร
๕. ทักษะกระบวนกำร
กระบวนการกลุ่ม, กระบวนการคดิ วิเคราะห์, ทักษะการสบื ค้น
๖.คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ :คำ่ นิยมหลักของคนไทย ๑๒ ประกำร (คสช.)
๑. มคี วามรักชาติ ศาสน์ กษัตรยิ (์ คสช. :มคี วามรกั ชาติ ศาสนา พระมหากษัตรยิ ์)
แนวการจัดการเรียนรู้ประวัตศิ าสตร์เพอื่ สร้างสานกึ ความเปน็ ไทย: บรรพบรุ ุษไทย
แนวการจัดการเรยี นรู้ประวัติศาสตรเ์ พือ่ สร้างสำนกึ ความเป็นไทย : บรรพบรุ ษุ ไทย
๒๒๓
๒. ซอ่ื สตั ย์ สจุ ริต(คสช. :ซ่อื สัตย์ เสียสละ อดทน มีอดุ มการณใ์ นสิง่ ทด่ี งี ามเพื่อสว่ นรวม)
๓. ใฝ่เรียนรู้(คสช. :ใฝ่หาความรู้ หมนั่ ศกึ ษาเลา่ เรียน)
๔. มุ่งม่นั ในการทางาน(คสช. :มสี ติ รู้ตวั รคู้ ดิ ร้ทู า ร้ปู ฏบิ ตั ิ)
๕. รักความเปน็ ไทย(คสช. :รกั ษาวัฒนธรรมประเพณีอันงดงาม)
๗. สมรรถนะสำคัญของผูเ้ รียน
๑. ความสามารถในการส่อื สาร
๒. ความสามารถในการคิด
๓. ความสามารถในการแกป้ ญั หา
๔. ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ิต
๘. หลกั ฐำนกำรเรยี นรู้
๑. ชน้ิ งาน
-
๒. ภาระงาน
-
๙. กำรวดั และประเมินผล
เป้ำหมำย วธิ ีวดั เครือ่ งมอื วัด เกณฑก์ ำรประเมนิ
ด้ำนควำมรู้
๑.นักเรยี นสามารถเลา่ ประวตั ิ ทดสอบ แบบทดสอบ ๕ ขอ้ ผา่ นเกณฑ์ ๔ ขอ้
และผลงานของท้าวเทพ
กระษัตรี ทา้ วศรีสนุ ทรได้
๒.นักเรียนสามารถอธิบายได้ว่า
กรุงเทพกบั เมืองถลางมี ประเมนิ ชน้ิ งาน แบบประเมินชิน้ งาน ตามสภาพจริง
ความสมั พนั ธ์กนั อย่างไร
๓. นกั เรียนสามารถอธบิ ายกล
ยุทธ์ทีท่ า้ วเทพกระษตั รี ท้าวศรี
สนุ ทรใช้สู้ขา้ ศึกได้
๕. นกั เรียนเกิดความตระหนัก สงั เกต แบบสังเกต ผา่ นเกณฑ์ทีก่ าหนด
และภมู ิใจในความเปน็ วีรสตรี พฤติกรรม
ไทยของท้าวเทพกระษตั รี ทา้ ว
ศรสี ุนทร
แนวการจดั การเรยี นรู้ประวัตศิ าสตร์เพอ่ื สร้างสานึกความเปน็ ไทย: บรรพบรุ ษุ ไทย
แนวการจดั การเรยี นร้ปู ระวัติศาสตร์เพื่อสรา้ งสำนึกความเปน็ ไทย : บรรพบุรุษไทย
๒๒๔
ดำ้ นทกั ษะ/กระบวนกำร
๑. กระบวนการกล่มุ สงั เกต แบบสังเกต ระดับคุณภาพ ๒ ผ่าน
เกณฑ์
๒. กระบวนการคิดวิเคราะห์
๓. ทักษะการสบื ค้น
ด้ำนคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์
๑.รักชาติ ศาสนา สงั เกต แบบสงั เกตพฤติกรรม ระดับคุณภาพ ๒ ผ่าน
เกณฑ์
พระมหากษัตรยิ ์ พฤติกรรม
๒. ซอื่ สตั ย์ สุจรติ
๓. ใฝเ่ รียนรู้
๔. มงุ่ ม่ันในการทางาน
๕. รักความเปน็ ไทย
ด้ำนสมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น
๑. ความสามารถในการสอื่ สาร สงั เกต แบบสังเกตพฤติกรรม ระดบั คุณภาพ ๒ ผา่ น
๒. ความสามารถในการคดิ พฤติกรรม เกณฑ์
๓. ความสามารถในการ
แก้ปญั หา
๔. ความสามารถในการใช้
ทักษะชวี ิต
๑๐. กิจกรรมกำรเรียนรู้ ( กระบวนการกลุ่ม, กระบวนการคดิ วิเคราะห)์
ช่วั โมงที่ ๑
ข้ันนำเขำ้ สบู่ ทเรียน
๑. ครูสร้างความตระหนักให้นักเรียนเกิดความรักชาติ สานึกใน
ความสาคัญของบรรพบุรุษไทย โดยใหด้ ภู าพท้าวเทพกษัตรี ท้างศรสี ุนทร
เมอื งถลาง ปางพมา่ ล้อม ลุยรณั รอดเพราะคุณหญิงจนั รบั สู้
ผวั พญาผิวอาสญั เสยี กอ่ น ก็ดี เหลอื แต่หญงิ ยงั กู้ เกียรติไว้ชยั เฉลมิ
เรมิ่ รบรุกตลบต้าน โจมตี ท้ังสกดั ตัดเสบียงที ดกั ด้าว
พมา่ อดหมดพลังหนี จากเกาะ เจิงแฮ กลศึกแพ้แมท่ ้าว ไม่ทอ้ โถมหนอ
ข้อความท่ีแท่นฐานทิศเหนือ ด้านหนา้ อนสุ าวรยี โ์ ดย กรมพระนราธิปประพันธพ์ งศ์
แนวการจัดการเรียนรู้ประวัตศิ าสตรเ์ พ่ือสร้างสานึกความเปน็ ไทย: บรรพบรุ ุษไทย
แนวการจัดการเรยี นรูป้ ระวตั ิศาสตรเ์ พ่ือสร้างสำนึกความเป็นไทย : บรรพบรุ ษุ ไทย
๒๒๕
๒. หลังจากท่ีนักเรียนอ่านด้วยน้าเสียงท่ีดังๆ ครูถามนักเรียน "นักเรียนมีความรู้สึกอย่างไร
หลังจากทีไ่ ด้ดภู าพและได้อ่านขอ้ ความใตภ้ าพไดค้ วามรูอ้ ะไรจากภาพ จากข้อความท่ไี ด้อา่ น ลองช่วยกัน
วเิ คราะห์ภาพและขอ้ ความดูซิวา่ ในภาพเป็นใคร ทาอะไร ท่ีไหน อย่างไร"
๓. นักเรียนส่งตัวแทน ๒-๓ คน นาเสนอผลงานสาคัญพร้อมเปรียบเทียบเกี่ยวกับผลงานท่ี
โดดเด่นของบุคคลทั้งสองจากภาพครูชมเชยนักเรียนท่ีเป็นตัวแทน และเพ่ือนที่สนับสนุน ครูพยายาม
สร้างความตระหนักเสริมแรงให้นักเรียนเกิดความภูมิใจในบุคคลสาคัญในอดีตที่ทาให้ประเทศไทยรอด
พน้ จากขา้ ศึกในขณะนนั้ ท่ีใหน้ กั เรียนและครไู ดม้ ีแผน่ ดนิ อยู่จนถึงปจั จบุ นั
ขน้ั กำรจัดกิจกรรมกำรเรียนรู้
"กิจกรรมวรี สตรใี นดวงใจ"
๔. นักเรียนศึกษาใบความรู้เร่ืองท้าวเทพกระษัตรี ท้าวศรีสุนทรที่ครูเตรียมให้อย่างละเอียด
แลว้ ตอบคาถามดังนี้
๑.) ท้าวเทพกระษัตรี ทา้ วศรีสุนทร เดิมช่อื อะไรอยทู่ จ่ี งั หวัดใด
๒.) ทา่ นท้ังสองเปน็ บุตรของใคร มสี ามชี อ่ื อะไร สามีทา่ นมตี าแหนง่ อะไร
๓.) เกิดเหตุการณ์อะไรกบั ครอบครวั ของท่านและเมืองถลางทีท่ ่านอาศยั อยูเ่ กิดเมอ่ื ไร
๔.) ใครเปน็ ผทู้ าใหเ้ กดิ เหตุการณ์ท่านทง้ั สองใช้กลยทุ ธ์ใดในการแก้ปัญหา แก้ปัญหา
อย่างไร และมีผลอย่างไร
๕.) กรุงเทพกับเมืองถลางมีความสมั พนั ธ์กันยา่ งไร
๖.) นกั เรียนมีความรสู้ กึ อยา่ งไรกับท่านท้ังสอง และได้คุณธรรมในขอ้ ใดบ้าง
๗.) นกั เรยี นเห็นด้วยไหมท่ีจะยกย่องใหท้ ่านทง้ั สองเป็น "วรี สตรใี นดวงใจ"
ข้นั สรุป
๕. ครูและนักเรียนรว่ มกันสรุป เร่อื งท้าวเทพกษตั รี ท้าวศรสี ุนทร เปน็ การสะท้อนถึงการหวงแหน
แผ่นดินท่ีอาศัยอยู่ ยอมเสียสละความสุขของตนเองและครอบครัว เพื่อรักษาแผ่นดินให้อนุชนรนุ่ หลังได้
อยู่จนถึงทุกวันนี้ นับว่าท่านทั้งสองมีความกล้าหาญเด็ดเด่ียว เป็นตัวอย่างท่ีดี สาหรับตัวนักเรียนจะ
นาไปเป็นหลกั ในการปฏิบัติในชีวติ ประจาวนั อันเปน็ การสบื ทอด ความตระหนกั และความภมู ใิ จต่อไป
แนวการจัดการเรยี นรู้ประวตั ศิ าสตร์เพื่อสร้างสานึกความเปน็ ไทย: บรรพบรุ ุษไทย
แนวการจดั การเรยี นร้ปู ระวัตศิ าสตร์เพ่ือสร้างสำนึกความเปน็ ไทย : บรรพบุรษุ ไทย
๒๒๖
ชว่ั โมงที่ ๒
กิจกรรม"ฉนั อยำกเปน็ วรี สตรี/วีรบุรุษน้อย ๆ บ้ำง"
วัตถุประสงค์
๑. นักเรียนเกดิ ความตระหนักและภมู ใิ จในตนเอง
๒. นักเรียนได้แนวทางปฏิบตั ิตนต่อการพฒั นาตนเอง ครอบครวั ชุมชนและชาตไิ ทย
กิจกรรมทสี่ ำคญั
๑. ครูให้นักเรียนจัดกลมุ่ ตามความสมัครใจ ๔-๕ คน เขียนกจิ กรรม"ฉันอยำกเป็นวีรสตรี/
วรี บุรษุ น้อย ๆ บ้ำง" ตามประเด็นท่ีกาหนด และให้ยึดเป็นสัญญาใจวา่ ต่อไปเราจะปฏิบัตใิ ห้ได้จะได้
เป็นวีรสตรีไทยจริง ๆ ในส่วนผู้ชายให้เป็นวีรบุรุษน้อย ๆ บ้าง ตามสภาพจริงลงในสมุดบันทึกความดี
ของนกั เรยี น
๑.๑วรี สตรี/วรี บรุ ษุ นอ้ ยๆ ในบ้ำนนักเรยี นระบุพฤตกิ รรม
๑)เชื่อฟงั คาส่งั สอนของพ่อแม่
๒)ชว่ ยเหลอื งานครอบครัวได้ตามกาลัง
๓)เปน็ ตัวอย่างทีด่ ีแก่น้อง ๆ
ฯลฯ
๑.๒ วรี สตรี/วีรบรุ ุษน้อยๆ ในโรงเรียนนกั เรยี นระบุพฤติกรรม
๑)เปน็ นกั เรยี นตวั อยา่ งดา้ นคณุ ธรรมจริยธรรม
๒)เปน็ หวั หน้าชนั้ เรยี นดีเดน่
๓)เป็นประธานสภานกั เรยี น
ฯลฯ
๑.๓ วีรสตรี/วรี บรุ ุษนอ้ ยๆ ในชมุ ชนนักเรยี นระบพุ ฤติกรรม
๑)เป็นเยาวชนดีเดน่ ด้านจิตอาสาและเสยี สละ
๒)เป็นเยาวชนดเี ดน่ ดา้ นกตัญญกู ตเวที
๓)ชว่ ยเหลอื งานสว่ นรวม
ฯลฯ
๑.๔ วรี สตร/ี วีรบรุ ุษนอ้ ยๆ ในระดบั ประเทศนักเรียนระบพุ ฤตกิ รรม
๑)เป็นเยาวชนดีเดน่ ดา้ นเสียสละ
๒)เปน็ เยาวชนดีเดน่ ด้านกตญั ญู
๒. ครหู าอาสาสมัครท่ีจะนาเสนอผลงานของตนเองหน้าชั้นให้เพ่ือนไดร้ ับรู้ ๓- ๕ คน โดยครู
ชมเชย ส่วนคนอ่นื ๆ นาสง่ ครเู พื่อตรวจและเสริมแรงใหเ้ ดก็ มงุ่ มัน่ จะปฏิบตั ิตามท่ีเขียนสัญญาใจไว้
แนวการจัดการเรียนรู้ประวตั ศิ าสตรเ์ พ่ือสร้างสานกึ ความเปน็ ไทย: บรรพบุรษุ ไทย
แนวการจดั การเรยี นรู้ประวตั ศิ าสตรเ์ พือ่ สรา้ งสำนกึ ความเปน็ ไทย : บรรพบรุ ษุ ไทย
๒๒๗
๓. ให้นักเรียนสืบค้นบรรพบุรุษไทยท่ีทาคุณประโยชน์ให้แก่ชาติบ้านเมืองเพิ่มอีกอย่างน้อย
คนละ ๑ ท่าน แล้วนาสง่ ครู (การบา้ น)
ขน้ั สรุป
๔. ครแู นะนาใหน้ ักเรียนนากิจกรรม"ฉันอยำกเป็นวรี สตรี/วีรบรุ ุษน้อย ๆ บ้ำง" ไปเป็นหลัก
ในการปฏิบัติในชวี ิตประจาวันอนั เป็นการสบื ทอด ความตระหนักและความภูมิใจตอ่ ไป
๑๑. สอื่ และแหล่งกำรเรียนรู้
๑. ใบความรู้
๒. ภาพประกอบ
๓. เอกสารเร่ืองท้าวเทพกระษัตรี ท้าวศรีสุนทร
๔. หนังสือเรียนรายวิชาพน้ื ฐาน ประวตั ศิ าสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ ๖
๕. คาจารกึ จากอนุสาวรีย์ท้าวเทพกระษัตรี ท้าวศรีสุนทรโดย กรมพระนราธิปประพนั ธ์พงศ์
๑๒. บนั ทกึ หลังสอน
๑. ด้านความรู้
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
๒. ด้านทกั ษะ/กระบวนการ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
๓. ดา้ นคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
๔. ดา้ นสมรรถนะสาคัญของผู้เรียน
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
แนวการจัดการเรยี นรู้ประวัตศิ าสตรเ์ พือ่ สร้างสานึกความเปน็ ไทย: บรรพบุรุษไทย
แนวการจัดการเรยี นรู้ประวัตศิ าสตร์เพ่อื สร้างสำนึกความเป็นไทย : บรรพบรุ ษุ ไทย
๒๒๘
ใบควำมรู้
เร่อื ง ประวตั ิและผลงำนท้ำวเทพกระษตั รที ำ้ วศรีสุนทร
ท้าวเทพกระษัตรี(เกิดประมาณปี๒๒๗๘ หรือ ๒๒๘๐ -ตายปีประมาณปี ๒๓๓๖) ท้าวศรี
สุ น ท ร (ไม่ ท ร า บ )เป็ น วี ร ส ต รี ไท ย ที่ ป้ อ ง กั น เมื อ ง ถ ล า ง ให้ พ้ น จ า ก ข้ า ศึ ก ได้ ใน ส งค ร า ม เก้ า ทั พ ส มั ย
รัตนโกสินทร์ตอนต้นท้ำวเทพกระษัตรีมีช่ือเดิมว่า "ท่านผู้หญิงจัน"ท้ำวศรีสุนทรเป็นน้องมีช่ือเดิมว่า
"คณุ มุก" ทัง้ สองเปน็ บุตรีของจอมรง้ั เจา้ เมอื งถลาง
คุณจัน เป็นบุตรีคนแรกของจอมร้างบ้านเคียนซ่ึงเกิดจากนางหม้าเสี้ย มีพ่ีน้องร่วมบิดา
มารดาเดียวกัน ๕ คนเม่ืออายุสมควรจะมีเรือน บิดามารดาก็ได้จัดการแต่งงานให้กับหม่อมภักดีภูธร
(สามีคนแรก) มีธิดา ๑ คน คือแม่ปราง และบุตร ๑ คน คือนายเทียน (ต้นสกุลประทีป ณ ถลาง)
หลังจากคลอดนายเทียน หม่อมภักดีภูธรเสียชีวิตลงคุณจันอยู่เป็นหม้ายจนกระทั่งแต่งงานครั้งท่ีสองกับ
พระยาพิมลอัยา (ขัน)ภายหลังเป็นพระยาสุรินทราชาพิมลอัยา (ขัน) มีบุตรธิดาอีก ๒ คนคุณจันเป็นผู้
ประกอบด้วยความงาม มีอัธยาศัยสุภาพอ่อนโยนและมีความกล้าหาญเด็ดเด่ียวสมกับเป็นบุตรของจอม
รา้ งบ้านเคยี นจงึ เป็นท่สี นิทเสนา่ หาของบิดามารดาและวงศ์ญาติท้ังหลายเมื่อบิดามารดาแก่เฒ่า คณุ จันก็
ได้รับภาระปกครองผู้คนบ่าวไพร่และดูแลการงานภายในครอบครัวแทนบิดามารดาโดยสิทธ์ิขาดเพราะ
เปน็ พ่คี นโต
คณุ มุก เป็นบุตรคนที่ ๒ ของจอมร้างบ้านเคียน ซ่ึงเกิดจากนางหม้าเสี้ยมีกิริยาสุภาพออ่ นโยน
ท้ังมีสติปัญญาและความกล้าหาญเด็ดเด่ียวไม่ย่อหย่อนกว่าคุณจันผู้พ่ีเป็นที่สนิทเสน่หาของบิดามารดา
และวงศญ์ าติเชน่ กนั แต่งงานกับพระอาจฯท่านมุกไมม่ ีบุตรสบื ตระกูล
เมื่อจอมร้างบ้านเคียนถึงแก่กรรมลง พระถลางอาดบุตรชายและน้องชายท่านผู้หญิงจันได้
ครองเมืองถลาง ครองได้ไม่นานก็ถูกผู้ร้ายยิงตาย หลังสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีปราบก๊กพระยานครได้
ประมาณ ๗ ปี จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้พระยาสุรินทราชาพิมลอยั า (ขนั ) เปน็ เจ้าเมืองถลางท่าน
ผู้หญิงจันเป็นแม่เมืองปกครองเมืองถลางด้วยความสงบสุขสืบมาครั้นเมื่อพระยาสุรินทราชาพิมลอัยา
(ขัน) เจ้าเมืองถลางถึงแก่อนิจกรรมกองทหารจากเมืองหลวงที่ยึดค่ายปากพระได้เข้าเกาะตัวจับกุมท่าน
ผ้หู ญงิ จันเป็นเชลยศกึ ไปทคี่ ่ายปากพระ ในข้อกลา่ วหาอ้างวา่ สามีเป็นหนแ้ี ผ่นดิน
ส่วนแผ่นดินพม่ามีพระเจ้าปดุงครองราชสมบัติใต้ฟ้าแผ่นดินอังวะ ลุปีพ.ศ. ๒๓๒๘พม่าได้
เตรียมกองทัพใหญ่ด้วยพระประสงค์ท่ีจะขยายอาณาเขตด้วยกองทัพที่ยิ่งใหญ่แกร่งกล้าในการรบ
สามารถปราบรามัญไทใหญ่มณีปุระยะไข่รวบรวมไพร่พลได้ถึง ๑๔๔,๐๐๐ คน จัดเป็นทัพใหญ่หมาย
โจมตีสยามประเทศ เป็นท่ีรู้จกั กันดีในนามสงครามเก้าทัพพมา่ ยกทัพเข้าบุกตีค่ายปากพระ ซึ่งทหารของ
รัชกาลที่ ๑เป็นผู้บัญชาการค่าย พญาพิพิธโภไคยหนีไปเมืองพังงาท่านผู้หญิงจันในขณะนั้นยังถือว่าเป็น
แนวการจดั การเรยี นรู้ประวตั ศิ าสตรเ์ พือ่ สร้างสานกึ ความเปน็ ไทย: บรรพบรุ ุษไทย
แนวการจัดการเรียนรู้ประวัติศาสตร์เพือ่ สร้างสำนึกความเป็นไทย : บรรพบรุ ุษไทย
๒๒๙
เชลยศึก ได้หนีข้ามช่องปากพระเข้ามายังเมืองถลาง ผ่านบ้านไม้ขาว บ้านสาคู และบ้านเคียนอันเป็น
ทต่ี ัง้ เมืองถลาง
แมท่ ัพใหญ่ยี่หวนุ่ คมุ กาลัง ๓,๐๐๐ คน เข้าตหี ัวเมอื งทางชายฝ่ังทะเลตะวันตก ตงั้ แต่เมืองกระ
ตะกั่วป่าตะกั่วทุ่ง ค่ายปากพระ โดยมีเป้าหมายสุดท้ายที่เมืองถลางขุมคลังของสยามข่าวทัพเรือพม่า
บุกโจมตีกอปรกับเจ้าเมืองถลางเสียชีวิตเป็นข่าวร้ายที่ทาร้ายจิตใจชาวเมืองถลางให้อยู่ในความ
หวาดกลัว ไม่มีที่พ่ึงหมดหวังแต่พลังใจทั้งมวลกลับตั้งม่ันด้วยจิตใจท่ีเข็มแข็งของท่านผู้หญิงจันและคุณ
มุกน้องสาว โดยได้นากาลังจากบ้านสาคู บ้านในยาง บ้านดอน บ้านไม้ขาวบ้านแขนน บ้านลิพอน บ้าน
เหรียงมาเตรียมการรบ ณ ค่ายข้างวัดพระนางสร้างฝ่ายพม่ายกทัพเข้ามาเร่งก่อสร้างค่ายบริเวณทุ่งนา
(โคกชนะพม่า)เพื่อเตรียมโจมตีเมืองถลาง ส่วนท่านผู้หญิงจันคุณมุกและคณะกรมการเมืองวางแผนต้ัง
คา่ ยประชดิ ค่ายขา้ ศกึ เตรียมปืนใหญ่ตรึงไว้ดงึ เวลาได้หลายวันเป็นผลให้เสบียงอาหารของพม่าลดนอ้ ยลง
และวางแผนให้กลุ่มผู้หญิงแต่งตัวคล้ายทหารไทยเอาไม้ทองหลางเคลือบดีบุกมาถือแทนอาวุธทาทียก
ขบวนเข้าเมืองถลางในช่วงดึกลวงพม่าว่าเมืองถลางมีกาลังมาเสริมทุกคืนทาให้พม่าคาดการณ์กองกาลัง
เมืองถลางผิดพลาด การศึกครั้งนี้กินเวลายาวนานถึง ๑ เดือนเศษ กาลังพม่าท้ังอ่อนล้าและขาดเสบียง
อาหารเม่ือพม่าต้ังพลเข้าโจมตีถูกฝ่ายเมืองถลางระดมยิงปืนเล็กปืนใหญ่นาเอาดินประสิวไปโปรยใน
กองทัพพม่ายิงคบเพลิงเข้าไปผสมตามยุทธวิธีพระพิรุณสังหารคร้ันเม่ือชาวเมืองถลางยิงปืนใหญ่แม่นาง
กลางเมืองถูกต้นทองหลางหน้าค่ายพม่าหักลง กองทัพพม่าระส่าระสายเสียขวัญ และแตกทัพไปเม่ือวัน
จันทร์ เดือน ๔ แรม ๑๔ ค่า ปีมะเส็ง สัปตศก จุลศักราช ๑๑๔๗ ตรงกับวันท่ี๑๓ มีนาคมพ.ศ. ๒๓๒๘
เป็นวนั ถลางชนะศกึ
เมื่อความทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชมีพระบรมราช
โองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมบาเหน็จผู้ทาคุณแก่แผ่นดินให้ท่านผู้หญิงจันเป็น ท้าวเทพกษัตรี คุณ
มกุ นอ้ งสาวเปน็ ทา้ วศรีสุนทรดารงยศอันมีศักด์แิ ก่ฐานานรุ ูป เป็นศรแี กเ่ มืองถลาง และวงศต์ ระกลู สบื ไป
นำมสกุลทเ่ี ปน็ เช้ือสำย
๑.ประทีป ณ ถลาง๒.ณ ถลาง ๓.ณ ตะก่ัวทุ่ง ๔.จนิ ดาพล ๕.รัตนดิลก ณ ภเู ก็ต ๖.ศรี
สมทุ ร ๗.ศรีสวัสดิ์๘.จนั ทโรจน์วงศ์ ๙.ฉวีวงษ์ประทีป ๑๐.ฤกษ์ถลาง ๑๑.เทยี นถลาง ๑๒.เชอื้ นาคา๑๓.
เทพสกุล ๑๔.อปุ ถัมภ์ ๑๕.มาลกานนท์ ๑๖.มีเขา
อนุสำวรยี ์
อนุสาวรีย์ของท้ังสองท่านต้ังอยู่ที่วงเวียนส่ีแยกท่าเรือตาบลศรีสุนทรอาเภอถลางจังหวัด
ภูเก็ตสร้างข้ึนในปี พ.ศ. ๒๕๐๙ จากหลักฐานสาคัญในจดหมายเหตุเมืองถลาง ๖ ฉบับ เพื่อเป็นการ
เสริมและสนองพระราชดาริในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวในคราวเสด็จเปิดถนนสายถลาง
ท่ีได้พระราชทานนามว่า ถนนเทพกระษัตรีและได้มีการต้ังช่ือตาบลในภูเก็ต ๒ ตาบลตามท้าวเทพ
กระษตั รี ทา้ วศรสี นุ ทรคอื ตาบลเทพกระษตั รีและตาบลศรสี ุนทรโดยจะมีการจดั งานราลกึ ถึงทา่ นทุกปี
http://th.wikipedia.org/wikiE
http://variety.horoworld.com/๑๐๔๙๐_ประวัต-ิ ท้าวเทพกระษัตร-ี ย่ามุก-ท้าวศรีสนุ ทร-ย่าจนั -จงั หวัดภเู ก็ต
แนวการจดั การเรียนรู้ประวัตศิ าสตร์เพือ่ สร้างสานึกความเปน็ ไทย: บรรพบุรุษไทย
แนวการจดั การเรียนรูป้ ระวตั ิศาสตรเ์ พื่อสร้างสำนึกความเป็นไทย : บรรพบรุ ุษไทย
๒๓๐
คำจำรกึ ที่อนุสำวรียท์ ำ้ วเทพกระษตั รีทำ้ วศรีสนุ ทร
โดย กรมพระนรำธิปประพันธพ์ งศ์
เมืองถลาง ปางพมา่ ลอ้ ม ลุยรณั รอดเพราะคุณหญงิ จัน รับสู้
ผวั พญาผิวอาสญั เสียก่อน ก็ดี เหลือแต่หญิงยังกู้ เกียรติไวช้ ยั เฉลมิ
เริ่มรบรกุ ตลบต้าน โจมตี ทงั้ สกดั ตัดเสบียงที ดักดา้ ว
พมา่ อดหมดพลังหนี จากเกาะ เจิงแฮ กลศึกแพแ้ ม่ท้าว ไม่ทอ้ โถมหนอ
ขอ้ ความทแี่ ทน่ ฐานทศิ เหนือ ด้านหนา้ อนุสาวรีย์
ท้ำวเทพกระษัตรี ท้ำวศรีสนุ ทร
(จัน) (มกุ )
ได้กระทาการปอ้ งกันรกั ษาเมืองถลางไวเ้ ปน็ สามารถเมอ่ื ปมี ะเส็ง พ.ศ. ๒๓๒๘ มิให้ข้าศึกตหี ัก
เอาเมืองได้ เป็นวรี กรรมอันควรแกช่ นชาวเมอื งถลางตลอดจนชาวไทยท่ัวกันยกย่องสรรเสริญจงึ สรา้ ง
อนุสาวรียใ์ ห้ไวเ้ ป็นอนุสรณ์ เม่อื พ.ศ. ๒๕๐๙
ที่มา: http://th.wikipedia.org/wik
แนวการจดั การเรยี นรู้ประวัตศิ าสตร์เพอ่ื สร้างสานกึ ความเปน็ ไทย: บรรพบุรษุ ไทย
แนวการจดั การเรียนรู้ประวัติศาสตร์เพื่อสร้างสำนึกความเปน็ ไทย : บรรพบุรษุ ไทย
๒๓๑
ภำพประกอบ
อนุสำวรยี ท์ ำ้ วเทพกระษัตรที ้ำวศรีสนุ ทร
แนวการจดั การเรยี นรู้ประวัตศิ าสตรเ์ พือ่ สร้างสานึกความเปน็ ไทย: บรรพบุรุษไทย
แนวการจัดการเรียนรปู้ ระวัตศิ าสตรเ์ พื่อสรา้ งสำนกึ ความเป็นไทย : บรรพบุรษุ ไทย
๒๓๒
แบบประเมนิ ควำมรู้
เรื่อง ทา้ วเทพกระษตั รี ท้าวศรสี ุนทร
คำชแี้ จง
๑. แบบทดสอบมี ๕ ข้อ ๑๐ คะแนน
๒. ให้นักเรียนเติมคาลงในชอ่ งว่างให้สมบูรณ์
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
๑. ท้าวเทพกระษัตรี ท้าวศรีสุนทร เป็นวรี สตรีท่ีโดดเดน่ ในดา้ นใด และหลังจากเรยี นเรือ่ งท้าวเทพ
กระษัตรี ทา้ วศรีสุนทร จบแล้วนักเรยี นมคี วามภาคภูมิใจอย่างไร
………………………………………………………………………………………………………………………………………………
๒. นักเรยี นอธบิ ายกรงุ เทพกับเมอื งถลางมีความสัมพนั ธ์กันยา่ งไร
………………………………………………………………………………………………………..……………………………………
๓. ทา้ วเทพเทพกระษัตรี ท้าวศรีสนุ ทรมยี ทุ ธวธิ ีวางแผนการตอ่ ส้ขู า้ ศึกอยา่ งไรจงึ ได้รบั ชัยชนะ
…………………………………………………………………..…………………………………………………………………………
๔. ใหน้ ักเรียนสบื คน้ นามสกุลทเ่ี ปน็ เชื้อสายท้าวเทพกระษัตรี ท้าวศรีสุนทรว่ามีนามสกลุ อะไรบา้ ง
………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
๕. ถ้านกั เรยี นเป็นทา้ วเทพกระษัตรี ท้าวศรีสุนทร นักเรยี นจะตดั สินใจและมียุทธวธิ ีใดทสี่ ามารถต่อสู้
ขา้ ศกึ ได้
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
เกณฑ์กำรประเมิน
- นกั เรยี นตอบคาถามได้ ๔ใน ๕ ขอ้
แนวการจดั การเรยี นรู้ประวตั ศิ าสตร์เพ่อื สร้างสานึกความเปน็ ไทย: บรรพบรุ ุษไทย
แนวการจดั การเรียนรปู้ ระวตั ศิ าสตรเ์ พือ่ สร้างสำนกึ ความเป็นไทย : บรรพบุรุษไทย
๒๓๓
กำรประเมินชิน้ งำน/ภำระงำน (รวบยอด)
แบบประเมิน การสรปุ เรื่องทา้ วเทพกระษตั รี ท้าวศรสี นุ ทร
รายการประเมิน คาอธบิ ายระดบั คุณภาพ / ระดบั คะแนน
ดมี าก (๔) ดี (๓) พอใช้ (๒) ปรบั ปรุง (๑)
๑. สรุปประวตั แิ ละ สรปุ ประวตั ิและ สรปุ ประวัติและ สรปุ ประวตั ิและ สรปุ ประวัติและ
ผลงานของท้าวเทพ ผลงานของท้าวเทพ ผลงานของท้าว ผลงานของท้าว ผลงานของท้าว
กระษัตรี ทา้ วศรี กระษัตรี ท้าวศรี เทพกระษัตรี ทา้ ว เทพกระษัตรี ทา้ ว เทพกระษัตรี ท้าว
สนุ ทร สนุ ทรได้ถูกต้อง ศรีสนุ ทรได้ ศรสี นุ ทรได้ ศรีสนุ ทรไม่ได้
สมบรู ณ์ ถกู ต้อง บางส่วน
๒. สรุปความสมั พันธ์ สรปุ ความสมั พันธ์ สรปุ ความสมั พันธ์ สรุปความสมั พนั ธ์ สรปุ ความสมั พันธ์
กรุงเทพกับเมอื ง กรุงเทพกับเมือง กรงุ เทพกับเมอื ง กรงุ เทพกบั เมอื ง กรุงเทพกับเมือง
ถลาง ถลางได้ถูกต้อง ถลางได้ถกู ต้อง ถลางไดบ้ ้าง ถลางไม่ได้
สมบูรณ์
๓. สรุปกลยทุ ธ์ทท่ี า้ ว สรุปกลยุทธ์ทีท่ า้ ว สรปุ กลยุทธ์ท่ีท้าว สรปุ กลยทุ ธ์ทที่ า้ ว สรุปกลยุทธ์ทท่ี า้ ว
เทพกระษัตรี เทพกระษัตรี ท้าว เทพกระษัตรี ท้าว เทพกระษัตรี ทา้ ว เทพกระษัตรี ทา้ ว
ท้าวศรสี ุนทรใชส้ ู้ ศรีสุนทรใช้สูข้ ้าศึก ศรีสนุ ทรใชส้ ู้ ศรีสุนทรใชส้ ู้ ศรีสุนทรใชส้ ู้
ข้าศกึ ได้ ไดถ้ ูกต้องสมบรู ณ์ ข้าศึกได้ถูกต้อง ขา้ ศกึ ไดบ้ ้าง ข้าศึกไม่ได้
เกณฑ์การตดั สนิ คุณภาพ ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ
๑๑ - ๑๒ ดมี าก
๙ - ๑๐ ดี
๖-๘ พอใช้
ต่ากวา่ ๖ ปรบั ปรุง
แนวการจัดการเรียนรู้ประวัตศิ าสตร์เพอ่ื สร้างสานึกความเปน็ ไทย: บรรพบรุ ุษไทย
แนวการจดั การเรียนรูป้ ระวัติศาสตรเ์ พื่อสร้างสำนกึ ความเป็นไทย : บรรพบุรุษไทย
๒๓๔
แบบประเมินกำรนำเสนอผลงำน
คำชแ้ี จง : ให้ ผู้สอน สังเกตพฤติกรรมของนักเรยี นในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แลว้ ขีด
ลงในช่องว่างทีต่ รงกบั ระดับคะแนน
ลำดับที่ รำยกำรประเมนิ ระดบั คะแนน
๔๓๒๑
๑ นาเสนอเนอ้ื หาในผลงานได้ถูกต้อง
๒ การลาดับขนั้ ตอนของเน้ือเร่อื ง
๓ การนาเสนอมีความน่าสนใจ
๔ การมสี ว่ นร่วมของสมาชกิ ในกล่มุ
๕ การตรงต่อเวลา
รวม
ลงช่ือ...................................................ผูป้ ระเมนิ
............../.................../...............
เกณฑ์กำรใหค้ ะแนน
ผลงานหรือพฤติกรรมสมบรู ณ์ชัดเจน ให้ ๔ คะแนน
ผลงานหรอื พฤติกรรมมีข้อบกพร่องบางส่วน ให้ ๓ คะแนน
ผลงานหรือพฤตกิ รรมมขี ้อบกพรอ่ งเป็นสว่ นใหญ่ ให้ ๒ คะแนน
ผลงานหรือพฤตกิ รรมมขี ้อบกพรอ่ งมาก ให้ ๑ คะแนน
เกณฑก์ ำรตดั สนิ คณุ ภำพ
ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภำพ
๑๘ – ๒๐ ดีมาก
๑๔ – ๑๗ ดี
๑๐ – ๑๓ พอใช้
ตา่ กวา่ ๑๐ ปรับปรงุ
แนวการจดั การเรียนรู้ประวัตศิ าสตร์เพอ่ื สร้างสานกึ ความเปน็ ไทย: บรรพบรุ ุษไทย
แนวการจัดการเรยี นรูป้ ระวัติศาสตร์เพอื่ สร้างสำนกึ ความเปน็ ไทย : บรรพบุรุษไทย
๒๓๕
แบบสงั เกตพฤติกรรมกำรทำงำนกลุม่
คำช้ีแจง : ให้ ผู้สอน สงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด
ลงในชอ่ งว่างที่ตรงกบั ระดับคะแนน
ลำดบั ท่ี รำยกำรประเมิน ระดับคะแนน
๔๓๒๑
๑ การแบ่งหนา้ ที่กนั อยา่ งเหมาะสม
๒ ความรว่ มมือกันทางาน
๓ การแสดงความคิดเหน็
๔ การรับฟังความคดิ เห็น
๕ ความมีน้าใจช่วยเหลอื กัน
รวม
ลงชือ่ ...................................................ผู้ประเมนิ
............../.................../...............
เกณฑก์ ำรใหค้ ะแนน
ปฏบิ ตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมอย่างสม่าเสมอ ให้ ๔ คะแนน
ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครงั้ ให้ ๓ คะแนน
ปฏิบตั หิ รอื แสดงพฤติกรรมบางคร้งั ให้ ๒ คะแนน
ปฏบิ ัตหิ รอื แสดงพฤติกรรมน้อยครงั้ ให้ ๑ คะแนน
เกณฑก์ ำรตดั สนิ คุณภำพ
ชว่ งคะแนน ระดบั คณุ ภำพ
๑๘ – ๒๐ ดีมาก
๑๔ – ๑๗ ดี
๑๐ – ๑๓ พอใช้
ต่ากว่า ๑๐ ปรบั ปรงุ
แนวการจดั การเรียนรู้ประวตั ศิ าสตร์เพอื่ สร้างสานกึ ความเปน็ ไทย: บรรพบุรุษไทย
แนวการจัดการเรยี นรปู้ ระวัตศิ าสตร์เพื่อสรา้ งสำนึกความเป็นไทย : บรรพบรุ ษุ ไทย
๒๓๖
แบบประเมนิ คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ : คำ่ นยิ มหลกั ของคนไทย(คสช.)
ชอ่ื __________________________________________________ช้ัน ___________เลขท่ี ____
คำชี้แจง : นกั เรียนประเมินตนเองในระหว่างเรียน แลว้ ขดี ลงในช่องค่านิยมทนี่ าไปใช้ และบอก
เหตุผล ว่าไปใช้อยา่ งไร
ข้อ คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ค่านิยม คา่ นยิ มที่ นาไปใช้อย่างไร
ท่ี หลกั ของคนไทย นาไปใช้ ()
๑ มคี วามรักชาติ ศาสน์ กษตั ริย์(คสช.
: มคี วามรักชาติ ศาสนา
พระมหากษัตรยิ ์)
๒ มมี วี ินยั (คสช. : มรี ะเบียบวนิ ัย
เคารพกฎหมาย เคารพผใู้ หญ่)
๓ ใฝเ่ รียนรู้(คสช. : ใฝห่ าความรู้ หมนั่
ศกึ ษาเล่าเรียน)
๔ มุ่งมั่นในการทางาน(คสช. : มสี ติ
รตู้ วั รคู้ ิด รทู้ า ร้ปู ฏิบัติ)
๕ รักความเป็นไทย(คสช. : รักษา
วัฒนธรรมประเพณีอนั งดงาม)
แนวการจดั การเรียนรู้ประวตั ศิ าสตรเ์ พื่อสร้างสานกึ ความเปน็ ไทย: บรรพบรุ ษุ ไทย
แนวการจดั การเรยี นรูป้ ระวัติศาสตรเ์ พอ่ื สร้างสำนึกความเปน็ ไทย : บรรพบรุ ษุ ไทย
๒๓๗
แบบประเมินสมรรถนะสำคัญของผ้เู รยี น (นักเรียนประเมินตนเอง)
คำช้แี จง แบบประเมินความคิดเห็น ทศั นคติของผูเ้ รยี น เม่ือผู้เรียนอา่ นข้อความแต่ละข้อแล้ว
ผู้เรยี นมคี วามคิดเหน็ หรือ ทัศนคติอย่างไรให้ตอบในช่องท่ีตรงกับความคดิ เห็นหรอื ทัศนคติ
ของผู้เรยี นมากทส่ี ดุ คือ
ถา้ ผู้เรียนไม่เห็นด้วยอย่างยิง่ กบั ข้อความ ให้ใส่เครือ่ งหมาย ทช่ี อ่ ง ๑
ถา้ ผู้เรียนไมเ่ หน็ ด้วยกบั ข้อความ ให้ใสเ่ ครื่องหมาย ที่ช่อง ๒
ถ้าผู้เรยี นไมม่ ีข้อคิดเห็นข้อความ ให้ใส่เครอ่ื งหมาย ทช่ี ่อง ๓
ถ้าผเู้ รียนเห็นด้วยขอ้ ความ ใหใ้ สเ่ คร่ืองหมาย ทช่ี ่อง ๔
ถา้ ผเู้ รยี นเห็นดว้ ยอยา่ งยิง่ กบั ข้อความ ให้ใสเ่ ครือ่ งหมาย ที่ชอ่ ง ๕
ขอ้ ท่ี รำยกำรประเมิน ระดบั คะแนน ๕
๑๒๓๔
สมรรถนะท่ี ๑ ควำมสำมำรถในกำรส่อื สำร
๑ ขา้ พเจ้าคดิ ว่าการพดู อธบิ ายเร่ืองราวต่างๆให้ผ้อู น่ื ไดเ้ ขา้ ใจเป็นเรอื่ งทง่ี ่าย
๒ ขา้ พเจ้าคิดวา่ การใช้กาลงั แก้ปัญหาความขดั แยง้ ไดผ้ ลดกี ว่า
การเจรจาต่อรอง
๓ ข้าพเจ้าคิดวา่ ความขดั แย้งทางความคิดเปน็ เรื่องปัญหาเลก็ น้อยของสังคม
๔ ข้าพเจ้าคดิ ว่าการศึกษาคน้ ควา้ ทางอินเทอร์เน็ตสะดวกและรวดเรว็ ทนั ใจ
๕ ข้าพเจา้ คดิ ว่าการยนื ตรงเป็นการแสดงความเคารพ เม่อื ครูเดนิ ผ่าน
๖ ขา้ พเจ้าคิดว่าการมอบของท่ีระลึกหรอื บัตรอวยพรแดผ่ ปู้ กครอง
ในวันสาคัญเป็นการระลกึ ถึงผมู้ ีพระคณุ ท่เี กย่ี วข้อง
สมรรถนะท่ี ๒ ควำมสำมำรถในกำรคิด
๗ ขา้ พเจ้าคดิ ว่าการมองเหตกุ ารณเ์ พอ่ื เชือ่ มโยงไปยังเหตุการณ์อ่นื ๆ เป็นเรือ่ ง
ท่ีทุกคนควรกระทา
๘ ขา้ พเจ้าคดิ วา่ การฟังขา่ วที่มีการเสนอข้อมลู ในมมุ มองทแ่ี ตกต่าง
ทาให้เกดิ การเรยี นรู้
๙ ขา้ พเจ้าคิดวา่ คาติชมของเพ่ือนทาใหม้ คี วามกระตอื รอื ร้นที่
จะปรับปรุงผลงานของตน
๑๐ ขา้ พเจ้าคดิ ว่าการใชเ้ หตผุ ลในการตัดสินเพือ่ แกป้ ัญหาและไปใหถ้ งึ เป้าหมาย
เป็นสิ่งที่ทกุ คนต้องปฏบิ ตั ิ
๑๑ ขา้ พเจา้ คดิ ว่าการตดั สินใจโดยมขี อ้ สรุปท่มี ีฐานมาจากข้อมลู
ท่ีน่าเชื่อถือเป็นการตัดสนิ ใจท่เี หมาะสมกบั ผู้มีความคิด
๑๒ ขา้ พเจ้าคิดวา่ การสร้างขอ้ โต้แย้งทด่ี ีสมเหตสุ มผลก่อใหเ้ กดิ
การปรับปรุงและพฒั นาคน
แนวการจดั การเรียนรู้ประวัตศิ าสตร์เพ่ือสร้างสานกึ ความเปน็ ไทย: บรรพบรุ ุษไทย
แนวการจดั การเรียนรูป้ ระวตั ิศาสตรเ์ พ่ือสร้างสำนกึ ความเปน็ ไทย : บรรพบุรษุ ไทย
๒๓๘
ขอ้ ท่ี รำยกำรประเมิน ๑ ระดบั คะแนน ๕
๒๓๔
สมรรถนะท่ี ๓ ควำมสำมำรถในกำรแก้ปัญหำ
๑๓ ขา้ พเจ้าคดิ วา่ ปัญหาย่อมเกิดขึ้นกบั ตนเองและบุคคลใกลต้ ัว
๑๔ ข้าพเจา้ คิดว่าแนวโนม้ ของปญั หาอาจเกดิ ขึ้นในทุกสถานการณ์
๑๕ ขา้ พเจ้าคดิ วา่ การวางแผนในการแกป้ ัญหาเป็นสงิ่ ทีด่ ี
๑๖ ข้าพเจ้าคิดวา่ การแกป้ ัญหาตามแผนที่วางไวเ้ ป็นสิ่งทีน่ ่าภาคภมู ใิ จ
๑๗ ขา้ พเจา้ คดิ ว่าการนาข้อคน้ พบทีไ่ ด้จากการแก้ปญั หาไปประยกุ ต์ใช้
ในสถานการณอ์ ื่นๆ ทาให้เกิดความภาคภูมใิ จ
๑๘ ข้าพเจา้ คิดวา่ ผลท่ีเกิดจากการแก้ปัญหายอมรบั ได้เสมอ
สมรรถนะท่ี ๔ ควำมสำมำรถในกำรใชท้ ักษะชีวิต
๑๙ ข้าพเจา้ รู้สกึ วา่ งานที่ไมเ่ คยทาเปน็ งานที่ท้าทายความสามารถ
๒๐ ข้าพเจา้ รสู้ ึกมคี วามกระตือรือร้นท่จี ะได้เรียนร้สู ิง่ ใหม่ๆ
๒๑ ขา้ พเจ้ารู้สึกมีความสุขทีไ่ ด้ช่วยเหลือเพื่อน ครู ครอบครัว และผู้อนื่
เมอื่ มีโอกาส
๒๒ ข้าพเจ้าร้สู กึ มคี วามอดทนตอ่ การพูดส่อเสียดของผ้อู ื่น
๒๓ ข้าพเจา้ รู้สึกปล้มื ใจทีเ่ ด็กไทยไปไกลถึงเวทีโลก
๒๔ ขา้ พเจา้ รู้สึกภูมิใจที่ควบคุมอารมณ์ตนเองได้
สมรรถนะท่ี ๕ ควำมสำมำรถในกำรใชเ้ ทคโนโลยี
๒๕ ขา้ พเจ้าคิดวา่ เทคโนโลยีมปี ระโยชนต์ ่อการเรยี นรู้
๒๖ ขา้ พเจ้ารู้สกึ ชอบที่ครใู ชเ้ ทคโนโลยใี นการจัดการเรยี นการสอน
๒๗ ข้าพเจา้ รสู้ ึกเข้าใจบทเรยี นได้ดีข้ึนเม่ือครใู ชเ้ ทคโนโลยใี น
การจัดการเรียนการสอน
๒๘ ขา้ พเจา้ คิดว่าเทคโนโลยีมีประโยชนใ์ นการตดิ ตอ่ สื่อสาร
๒๙ ข้าพเจ้าคิดว่าการใช้คอมพวิ เตอร์ / อินเทอรเ์ นต็ มปี ระโยชน์ตอ่
การสบื ค้น รวบรวมความรู้ ให้เปน็ ประโยชน์ตอ่ ตนเองและชุมชน
๓๐ ข้าพเจ้าคดิ วา่ เทคโนโลยีมีบทบาทสาคญั ในการพฒั นาเศรษฐกิจ
และสังคม
ลงช่อื ...................................................ผปู้ ระเมิน
............../.................../................
แนวการจัดการเรียนรู้ประวัตศิ าสตร์เพ่ือสร้างสานึกความเปน็ ไทย: บรรพบรุ ษุ ไทย
แนวการจัดการเรียนรปู้ ระวัติศาสตร์เพือ่ สร้างสำนึกความเป็นไทย : บรรพบรุ ุษไทย
๒๓๙
เกณฑก์ ำรให้คะแนนคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์
พฤตกิ รรมบ่งช้ี ไมผ่ ำ่ น (๐) ผ่ำน (๑) ดี (๒) ดีเยีย่ ม (๓)
๑. รักชำติ ศำสน์ กษัตริย์ ปฏบิ ตั ติ นตามสิทธิ
และหนา้ ทขี่ อง
๑.มคี วามสามคั คี ปฏิบตั ิตนตามสทิ ธิ ปฏิบตั ติ นตามสทิ ธิ นกั เรยี นใหค้ วาม
ร่วมมือ รว่ มใจในการ
ปรองดอง และหน้าท่ีของ และหน้าทขี่ อง ทากิจกรรมกับ
สมาชกิ ในโรงเรียน
นักเรียน ใหค้ วาม นักเรียนใหค้ วาม ชมุ ชนและสงั คม
ปฏิบตั ิตนตามหลัก
รว่ มมอื ร่วมใจใน ร่วมมอื ร่วมใจใน ของศาสนาอย่าง
สม่าเสมอ เปน็
การทากิจกรรมกับ การทากิจกรรมกบั แบบอย่างที่ดี
เข้าร่วมกิจกรรมและ
สมาชิกในโรงเรียน สมาชิกในโรงเรียน มสี ว่ นร่วมในการจดั
กจิ กรรมที่เก่ียวกบั
และชมุ ชน สถาบัน
พระมหากษัตรยิ ์
๒. ปฏบิ ตั ิตนตาม ไม่เข้ารว่ ม ปฏบิ ัติตนตาม ปฏบิ ตั ิตนตามหลัก ตามทีโ่ รงเรยี น
และชมุ ชนจดั ข้ึนชน่ื
หลักของศาสนา กจิ กรรมทาง หลกั ของศาสนา ของศาสนาอย่าง ชมในพระราชกรณยี
กจิ พระปรชี าสามารถ
ที่ตนนบั ถือ ศาสนาท่ีตนนบั ถือ ตามโอกาส สมา่ เสมอ ของพระมหากษตั รยิ ์
และพระราชวงศ์
๓. แสดงออกซึง่ ไมเ่ ข้าร่วม เขา้ รว่ มกจิ กรรมที่ เขา้ รว่ มกิจกรรม
ความจงรักภกั ดี กิจกรรมที่เก่ยี วกับ เกีย่ วกับสถาบนั และมสี ว่ นรว่ มใน ไม่นาสงิ่ ของและ
ต่อสถาบัน สถาบัน พระมหากษัตรยิ ์ การจดั กจิ กรรมท่ี ผลงานของผู้อ่ืนมา
พระมหากษัตริย์ ตามทีโ่ รงเรียน เกีย่ วกับสถาบนั เปน็ ของตนเอง
พระมหากษัตริย์ และชุมชนจดั ขึ้น พระมหากษัตรยิ ์ ปฏบิ ตั ิตนต่อผอู้ ่นื
ตามทโ่ี รงเรยี นและ ดว้ ยความซ่อื ตรงไม่
ชุมชนจดั ขึน้ หาประโยชน์ในทางท่ี
๒. ซ่อื สตั ย์สุจรติ ไมน่ าสง่ิ ของและ ไม่นาสง่ิ ของและ
๑. ไม่ถือเอา นาสงิ่ ของของคน ผลงานของผู้อนื่ มา ผลงานของผู้อ่นื มา
สงิ่ ของหรือผลงาน อนื่ มาเปน็ ของ เป็นของตนเอง เป็นของตนเอง
ของผู้อ่นื มาเปน็ ตนเอง ปฏิบัตติ นต่อผ้อู น่ื ปฏบิ ัติตนตอ่ ผ้อู ่นื
ของตนเอง ด้วยความซื่อตรง ดว้ ยความซื่อตรง
๒. ปฏิบตั ติ นตอ่
ไม่หาประโยชน์
ผ้อู ื่นดว้ ยความ
แนวการจัดการเรยี นรู้ประวัตศิ าสตร์เพอื่ สร้างสานกึ ความเปน็ ไทย: บรรพบรุ ุษไทย
แนวการจัดการเรยี นรูป้ ระวตั ิศาสตรเ์ พอ่ื สร้างสำนึกความเปน็ ไทย : บรรพบรุ ุษไทย
๒๔๐
พฤติกรรมบ่งช้ี ไม่ผ่ำน (๐) ผำ่ น (๑) ดี (๒) ดเี ยย่ี ม (๓)
ซอื่ ตรง ในทางท่ีไม่ถกู ต้อง ไม่ถูกต้องและเป็น
๓. ไมห่ าประโยชน์ แบบอย่างทด่ี ีดา้ น
ในทางที่ไม่ ความซ่ือสัตย์
ถูกตอ้ ง
๓. ใฝเ่ รียนรู้ เขา้ เรยี นตรงเวลา เข้าเรยี นตรงเวลา เข้าเรียนตรงเวลา
๑. ตง้ั ใจเรียน ไม่ตั้งใจเรียน ตั้งใจเรียน เอาใจ ตั้งใจเรียน เอาใจใส่ ตัง้ ใจเรียน เอาใจใส่
๒. เอาใจใส่และมี ใส่ และมคี วาม และมีความเพียร และมีความเพียร
ความเพยี ร เพยี รพยายามใน พยายาม ในการ พยายาม ในการ
พยายามใน การเรียนรู้ มีสว่ น เรยี นรู้ มีสว่ นรว่ ม เรยี นรู้ มสี ่วนร่วม
การเรยี นรู้ ร่วมในการเรยี นรู้ กจิ กรรมการเรียนรู้ ในการเรยี นรู้ และ
๓. สนใจเข้ารว่ ม และเข้ารว่ ม ต่างๆ ท้งั ภายใน เขา้ รว่ มกิจกรรมการ
กิจกรรมการ กิจกรรมการ และภายนอก เรียนรตู้ ่างๆ
เรียนร้ตู ่างๆ เรยี นรู้ตา่ งๆ โรงเรียนบ่อยครัง้ ทงั้ ภายในและ
บางครัง้
๔. มุ่งมนั่ ในกำรทำงำน ภายนอกโรงเรียน
๑. เอาใจใส่ต่อการ ไม่ตง้ั ใจปฏบิ ตั ิ เปน็ ประจาและเปน็
แบบอยา่ งที่ดี
ปฏบิ ัตหิ นา้ ท่ี หน้าทก่ี ารงาน
ที่ได้รับมอบหมาย ตั้งใจและ ตั้งใจและ ต้งั ใจและรับผิดชอบ
๒. ตงั้ ใจและ รบั ผิดชอบในการ รับผิดชอบในการ ในการปฏบิ ตั ิหน้าท่ีที่
รบั ผดิ ชอบใน ปฏบิ ัติหน้าที่ที่ ปฏิบตั หิ นา้ ทีท่ ี่ ได้รับมอบหมายให้
การทางานให้ ไดร้ ับมอบหมาย ไดร้ บั มอบหมายให้ สาเร็จ มีการปรบั ปรุง
สาเรจ็ ให้สาเร็จมกี าร สาเรจ็ มกี าร และพฒั นาการ
๓. ปรับปรุงและ ปรับปรงุ และ ปรับปรุงและ ทางานใหด้ ีข้ึนด้วย
พัฒนาการ พัฒนาการทางาน พฒั นาการทางาน ตนเอง และเป็น
ทางานดว้ ย ใหด้ ขี นึ้ ให้ดีข้นึ ด้วยตนเอง แบบอยา่ งทด่ี ี
ตนเอง
แนวการจัดการเรียนรู้ประวัตศิ าสตรเ์ พอื่ สร้างสานกึ ความเปน็ ไทย: บรรพบุรุษไทย
แนวการจัดการเรยี นรู้ประวัติศาสตร์เพ่อื สร้างสำนกึ ความเปน็ ไทย : บรรพบรุ ษุ ไทย
๒๔๑
พฤติกรรมบ่งช้ี ไมผ่ ่ำน (๐) ผ่ำน (๑) ดี (๒) ดีเยยี่ ม (๓)
๕. รักควำมเปน็ ไทย
๑. แต่งกายและมี ไม่มสี มั มาคารวะ ปฏบิ ัตติ นเปน็ ผู้มี ปฏิบัตติ นเป็นผมู้ ี ปฏบิ ัตติ นเปน็ ผูม้ ี
มารยาทแบบไทย มารยาทแบบไทย มารยาทแบบไทย
มารยาทงดงาม ตอ่ ผู้ใหญ่ มีสมั มาคารวะ มีสมั มาคารวะ มสี มั มาคารวะ
แบบไทย กตัญญูกตเวทตี อ่ ผู้ กตัญญูกตเวที กตัญญูกตเวทตี อ่ ผู้มี
มีสมั มาภารวะ มพี ระคุณ และ ตอ่ ผูม้ พี ระคุณ พระคุณ แต่งกาย
กตัญญกู ตเวที แตง่ กายแบบไทย แต่งกายแบบไทย แบบไทย ด้วยความ
ตอ่ ผู้มีพระคณุ เขา้ ร่วมหรือมสี ว่ น ดว้ ยความ ภาคภูมิใจ เข้าร่วม
๒. รว่ มกิจกรรม รว่ มในกิจกรรมที่ ภาคภูมิใจ เข้าร่วม และมีสว่ นร่วมในการ
ทเ่ี กีย่ วขอ้ งกับ เก่ยี วขอ้ งกับ และมสี ่วนรว่ มใน จดั กิจกรรมท่ี
ประเพณี ศิลปะ ประเพณี ศลิ ปะ การจดั กจิ กรรมที่ เกย่ี วข้องกบั ประเพณี
และวฒั นธรรม และวัฒนธรรม เกี่ยวข้องกบั ศลิ ปะและวัฒนธรรม
ไทย ไทย ประเพณี ศิลปะ ไทย ชกั ชวน แนะนา
๓. ชักชวน แนะนา ผู้อ่นื และเป็นผู้นา
ให้ผอู้ ่นื ปฏิบัติ และวัฒนธรรมไทย หรือแกนนาในการ
ตาม ปฏบิ ัติตาม
ขนบธรรมเนยี ม ขนบธรรมเนยี ม
ประเพณี ศลิ ปะ ประเพณี ศลิ ปะและ
และวฒั นธรรม วัฒนธรรมไทย
ไทย
แนวการจดั การเรยี นรู้ประวตั ศิ าสตร์เพ่ือสร้างสานกึ ความเปน็ ไทย: บรรพบรุ ุษไทย
แนวการจัดการเรียนรู้ประวัตศิ าสตร์เพ่อื สร้างสำนึกความเปน็ ไทย : บรรพบรุ ษุ ไทย
๒๔๒
แบบประเมินคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์
คำชี้แจง : ผสู้ อน สงั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียน แลว้ ขดี ลงใน
ช่องว่างท่ตี รงกับระดบั คะแนน
คุณลักษณะ รำยกำรประเมนิ ระดับคะแนน
อนั พึงประสงค์ดำ้ น ๐๑๒๓
๑. รกั ชำติ ศำสน์ ๑.๑ มคี วามสามัคคี ปรองดอง
กษัตรยิ ์ ๑.๒ ปฏบิ ตั ติ นตามหลกั ของศาสนาทต่ี นนับถือ
๑.๓ แสดงออกซ่ึงความจงรักภักดีตอ่ สถาบัน
พระมหากษัตรยิ ์
๒. ซ่อื สัตย์สจุ ริต ๒.๑ ไมถ่ ือเอาส่งิ ของหรือผลงานของผู้อื่นมาเป็น
ของตนเอง
๒.๒ ปฏิบัตติ นตอ่ ผอู้ ่ืนดว้ ยความซ่ือตรง
๒.๓ ไมห่ าประโยชนใ์ นทางท่ีไม่ถูกต้อง
๓. ใฝ่เรียนรู้ ๓.๑ ตงั้ ใจเรียน
๓.๒ เอาใจใส่และมีความเพียรพยายามใน
การเรียนรู้
๓.๓ สนใจเข้ารว่ มกจิ กรรมการเรียนรู้ต่างๆ
๔. มงุ่ มัน่ ใน ๔.๑ เอาใจใส่ตอ่ การการปฏบิ ัตหิ น้าทที่ ไี่ ดร้ บั
กำรทำงำน มอบหมาย
๔.๒ ตงั้ ใจและรับผดิ ชอบในการทางานให้สาเร็จ
๔.๓ ปรับปรุงและพฒั นาการทางานดว้ ยตนเอง
๕. รักควำมเปน็ ไทย ๕.๑ แต่งกายและมีมารยาทงดงามแบบไทย
มสี มั มาคารวะ กตญั ญกู ตเวทีต่อผมู้ ีพระคุณ
๕.๒ ร่วมกจิ กรรมที่เก่ียวข้องกบั ประเพณี ศลิ ปะ
และวฒั นธรรมไทย
๕.๓ ชักชวน แนะนาใหผ้ ู้อ่ืนปฏบิ ตั ิตาม
ขนบธรรมเนียม ประเพณี ศลิ ปะ
และวัฒนธรรมไทย
ลงชอ่ื ...................................................ผู้ประเมิน
............../.................../................
แนวการจัดการเรยี นรู้ประวตั ศิ าสตร์เพือ่ สร้างสานกึ ความเปน็ ไทย: บรรพบุรษุ ไทย
แนวการจดั การเรียนรู้ประวัตศิ าสตร์เพ่ือสรา้ งสำนึกความเปน็ ไทย : บรรพบุรษุ ไทย
๒๔๓
ตวั อยำ่ งแผน
รำ่ งแผนกำรจดั กำรเรยี นรู้ท่ี ๑๓
กลมุ่ สำระกำรเรยี นรู้ สงั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม ช้ันมัธยมศกึ ษาปีท่ี ๓
รหสั วิชา ส ๒๓๑๐๕
รำยวชิ ำ ประวัติศาสตร์ จานวน ๘ คาบ
จานวน ๒ คาบ
หนว่ ยกำรเรียนร้ทู ี่....... เรอื่ ง บุคคลสาคัญในสมยั รตั นโกสินทร์
หนว่ ยย่อยที่ ........ เร่ือง ราลกึ อดีตบรรพบรุ ุษไทย
๑. มำตรฐำนกำรเรียนรู/้ ตัวชว้ี ดั
มาตรฐานการเรียนรู้
ส ๔.๓ เข้าใจความเปน็ มาของชาตไิ ทย วัฒนธรรม ภมู ิปญั ญา มคี วามรักความภมู ใิ จและธารง
ความเปน็ ไทย
ตัวชวี้ ัด
ส ๔.๓ ม.๓/๓ วิเคราะหภ์ มู ิปญั ญาและวฒั นธรรมไทยสมัยรัตนโกสินทร์ และอิทธพิ ลตอ่ การพฒั นาชาติไทย
๒. สำระสำคัญ/ควำมคิดรวบยอด
วีรกรรมความกล้าหาญ เสียสละและการสร้างสรรค์ผลงานของบรรพบุรษุ ไทย มีสว่ นสาคญั ท่ที า
ให้คนไทยสามารถสร้างราชธานีใหม่ และรอดพ้นจากการรุกรานของต่างชาติ ช่วยให้ชาติได้พัฒนา
รงุ่ เรอื งสืบมาจนถงึ ปจั จุบนั และ เปน็ แบบอย่างใหค้ นรนุ่ หลงั ไดป้ ระพฤตปิ ฏบิ ัติตาม
๓. จุดประสงค์กำรเรียนรู้
๑. บอกประวตั ชิ ีวิตและผลงานทส่ี าคัญของสมเด็จพระบวรราชเจ้า กรมพระราชวงั บวรมหา-
สุรสงิ หนาท(บญุ มา)
๒. วเิ คราะหว์ ีรกรรมท่สี าคัญของสมเด็จพระบวรราชเจา้ กรมพระราชวังบวรมหาสรุ สงิ หนาท
(บุญมา) ทส่ี ่งผลต่อการพัฒนาชาติไทย
๓. นาแบบอย่างการประพฤตปิ ฏบิ ัตติ นทด่ี ีงามไปใช้ในชวี ิตประจาวนั
๔. สำระกำรเรียนรู้
วรี กรรมของบรรพบรุ ุษไทย ผลงานของบุคคลสาคัญของไทยท่ีมสี ว่ นสรา้ งสรรคช์ าติไทย
สมเด็จพระบวรราชเจา้ กรมพระราชวังบวรมหาสรุ สงิ หนาท(บุญมา)
๕. ทกั ษะ/กระบวนกำร
๑. กระบวนการกลุ่ม
๒. กระบวนการสืบค้นข้อมูล
๓. กระบวนการคดิ อย่างสรา้ งสรรค์
แนวการจดั การเรยี นรู้ประวัตศิ าสตรเ์ พื่อสร้างสานึกความเปน็ ไทย: บรรพบรุ ุษไทย
แนวการจัดการเรยี นรูป้ ระวตั ิศาสตรเ์ พอ่ื สร้างสำนกึ ความเป็นไทย : บรรพบุรุษไทย