๑๔๔
พระมหากษัตริย์ตามคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนา กล่าวว่าสมมติเทพหมายความถึง
พระมหากษัตริย์ พระราชเทวี พระราชโอรสธิดา และมีหน้าที่อันเป็นพระราชภาระ ๓ ประการ ดังในราช
สูตรซ่ึงได้กล่าวมาแล้วน้ัน เมื่อนามาปรับใช้ในสุโขทัยจะสังเกตเห็นว่ามีเง่ือนไขเพ่ิมขึ้นคือกษัตริย์หรือพระ
ยาในสุโขทัยเหล่านี้จะต้องรู้หลัก รู้บุญ รู้ธรรมต้องเป็นผู้ที่ฉลาดทรงพระสติปัญญา ในจารึกสุโขทัยยุคหลัง
บนั ทกึ ว่า ให้กษัตรยิ ์มมี นุษยธรรมดังพระยารามราชคือหมายความว่าให้เป็นดังท่ีพ่อขุนรามคาแหงมหาราช
ทรงกาหนดไว้ ก็แสดงว่าแนวคิดนี้ยังปฏิบัติสืบต่อกันตลอดมา และมีเป้าหมายเป็นธรรมราชา หรือมหา
ธรรมราชา เพ่อื มุ่งไปสคู่ วามเปน็ พระโพธสิ ตั ว์และพระพุทธเจา้ ในอนาคตกาล
เม่ือถงึ สมยั อยธุ ยา ประวัตศิ าสตร์ที่บนั ทึกไวส้ ะท้อนวา่ มีลักษณะของสถาบนั พระมหากษัตรยิ์
ท่ีแปลกกว่าในสมัยสุโขทัย กล่าว คือ พระมหำกษัตริย์มุ่งหมำยเป็นดุจพระพุทธเจ้ำ เมื่อจะเอ่ยถึง
พระมหากษัตริย์ก็จะเรียกว่าพระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัว ในเอกสารเก่าต่างๆ เรียกอย่างน้ีเสมอ
พระพุทธเจ้าเป็นลักษณะเด่นของสังคมอยุธยาซึ่งแตกต่างจากสุโขทัย การทาพุทธาภิเษกสร้างรูปเคารพ
สักการะแทนพระพุทธเจ้ากันด้วยอิฐ หิน ดิน ทราย ปูน เหล็ก มีให้เห็นกันอยู่ทั่วไป ดังนั้น สมัยอยุธยา
อาจจะมีพธิ ีทานองพุทธาภิเษกรวมอย่ใู นราชาภิเษกให้พระมหากษตั รยิ ์เป็นดุจพระพุทธเจ้ากย็ ่อมเป็นไปได้
อยา่ งยิ่ง
ข้อสังเกตประการหน่ึงคือคาว่าพระพุทธเจ้าอยู่หัวปรากฏมาต้ังแต่พระเจ้าอู่ทองแล้ว ใน
พงศาวดารระบุพระนามว่าพระรำมำธิบดีศรีสุนทรบรมพิตร พระพุทธิเจ้ำอยู่หัว พระราชโอรสของ
กษตั ริยข์ องอยธุ ยาทอ่ี งคส์ าคญั ๆ กเ็ รียกวา่ หนอ่ พระพุทธเจำ้ ก็แปลว่า โอรสของพระพทุ ธเจา้ หรือ หน่อ
พุทธำงกูรเจ้ำ คารับคาขานอย่างท่ีเราใช้กันอยู่ทุกวันนี้วา่ ข้ำพระพุทธเจ้ำ หรือ พระพุทธเจ้ำข้ำแสดงให้
เห็นว่าพระเจ้าอย่หู ัวเป็นพระพุทธเจ้า หรือดจุ พระพทุ ธเจา้ มาโดยตลอดไมไ่ ด้มีเปลย่ี นแปลงเลย นอกจากนี้
ยังมีถอ้ ยคาบางอย่างเชน่ คาวา่ พระกรุณาอย่างนี้ก็ใช้กันมากในเอกสาร กเ็ ป็นคาท่ีใช้กับพระพุทธเจ้า แม้แต่
คาวา่ พระรำชสมภำรเจ้ำ พระบรมโพธสิ มภำร ก็ใช้กับพระพุทธเจา้ คาวา่ สิน้ พระชนมเ์ อกสารอยธุ ยาใช้ว่า
นฤพาน ส่วนสุโขทัยน้ันใช้คาว่าสวรรคาลัย ฉะน้ัน ถ้ายกพระราชสถานะของพระมหากษัตริย์ให้เป็น
พระพุทธเจา้ แลว้ ต้องใช้นพิ พาน
ในพงศาวดารยังมีคาใช้อีกว่าพระพุทธเจ้ำหลวง ซึ่งใช้เรียกมาต้ังแต่ สมัยอยุธยา ใน
พงศาวดารฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติ์ซ่ึงแต่งครั้งสมเด็จพระนารายณ์มหาราชเรียกรัชกาลของสมเด็จ
พระมหาธรรมราชาธริ าชว่าสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงและคาน้ีใช้สุดท้ายคือในรัชกาลที่ ๕ คนทั่วไปยังนิยม
เรียก พระพุทธเจ้าหลวงอยู่ ท่ีสาคัญที่เมื่อดูเรื่องการตั้งเจ้าประเทศราชในอดีตไม่ว่าจะเป็นการตั้งเจ้า
เชียงใหม่ เจ้าหลวงพระบาง เจ้าเวียงจันทน์ เจ้าจาปาศักด์ิ ตลอดไปจนถึงเจ้าเขมรก็ดี ไทยไม่เคยให้คาว่า
พระพุทธเจ้าอยู่หัว แก่ใครเลย ดังเช่นต้ังพระเจ้ากรุงกัมพูชาในรัชกาลที่ ๑ เมื่อ พ.ศ. ๒๓๔๗ แม้จะ
พระราชทานให้เปน็ พระบาทสมเด็จ แต่ก็เพียง “พระบาทสมเด็จพระราชโองการพระนารายณ์ราชาธริ าช
รามาธิบดี” ไม่ได้ใช้คาว่า “พระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัว” นั่นหมายถึงว่าไทยสงวนไว้ว่าพระเจ้า
แผ่นดินก็คือพระพุทธเจ้าของเรา ที่ต้องเคารพสักการะ แต่มิใช้เพราะทรงเป็นพระพุทธเจ้าเท่านั้น แต่ทรง
ปฏบิ ัตทิ กุ ประการเพอื่ คนอ่นื เพ่ือใหป้ ระชาชนพน้ จากทุกข์นั่นเอง
แนวการจดั การเรียนรปู้ ระวตั ศิ าสตร์เพื่อสรา้ งสานกึ ความเปน็ ไทย : สถาบนั พระมหากษตั ริย์ในสงั คมไทย
แนวการจดั การเรยี นรู้ประวตั ิศาสตร์เพื่อสรา้ งสำนึกความเปน็ ไทย : สถาบันพระมหากษตั รยิ ์ในสังคมไทย
๑๔๕
หากย้อนไปดูในสมัยอยุธยา ในรัชกาลของสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถจะพบว่าเทพยดาของ
พราหมณ์ไม่ว่าจะเป็น พระอิศวร พระวิษณุ พระพรหม และเทพดาองค์อ่ืน ๆ อีก ๘ องค์ รวม ๑๑ องค์
เรียกว่า เอกาทศเทพ รวมกันเป็นพระองค์ท่าน พระนามของพระองค์ที่ปรากฏในกฎมณเฑียรบาล คือ
“สมเด็จพระเจ้ารามาธิบดีบรมไตรโลกนาถ มหามงกุฎมนุษวิสุทธิสุริยวงษองคพุทธางกูรบรมบพิตร
พระพุทธเจา้ อยูห่ วั ทรงทศพิธราชธรรม” ซงึ่ ก็ยังคงมคี วามหมายถึงพระพุทธเจ้าอยเู่ ช่นเดิม
ในการราชาภิเษกพราหมณ์ได้อัญเชิญเทพ ๑๑ องค์มาป้ันองค์สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ
เสร็จแลว้ เทพทั้ง ๑๑ องค์ทปี่ ้ันสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถก็มาป้ันให้พระองค์เป็นพระศรีสรรเพชญพุทธเจ้าใน
ลิลติ ยวนพา่ ยระบุวา่ “กฤษณนั้น บน้ั พรหมพษิ ณุ อศิ วรอดุลเดช เหตบุ พติ รคิดกรุณาประชาราษฎร อยยวจ
พินาศทังมูล สูญภพสบสิ่ง ธจ่ิงแกล้งแส้งสรวบ รวบเอาอัษเฎามูรรดิมาศิร ด้วยบพิตรเสร็จ ก็เสด็จมาอุบัติ
ในกระษตั ร”ี
จงึ เห็นได้ชดั เจนวา่ กษตั รยิ ์อยุธยาทรงเป็นทั้งสมมติเทพ อุปบัติเทพและวสิ ุทธเิ ทพ รวมอยู่ใน
พระองค์เดียวกัน การเป็นพระศรีสรรเพชญจึงกลายเคร่ืองพิสูจน์ว่ากษัตริย์อยุธยานั้นเป็นพระเจ้าอยู่หัว
เป็นพระพุทธเจ้าอยู่หัวหรือดุจพระพุทธเจ้าอยู่หัวจะเป็นพระองค์ท่ีทรงทศพิธราชธรรม แม้แต่ในรัชกาล
สมเด็จพระอินทราชาธิราช ซ่ึงเป็นพระอัยกาธิราชของสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ เม่ือปี พ.ศ. ๑๙๕๘ มี
จารึกลานทองท่ีพระบรมธาตุเมืองพิจิตรเก่า เรียกสมเด็จพระอินทราชาธิราชว่า “พระศรีสรรเพชญ”
เช่นกัน ซ่ึงหมายถึงว่าทรงเป็นพระพุทธเจ้าอยู่หัวโดยไม่ต้องสงสัยอนึ่งห่างมาอีก ๑๕๐ ปีตั้งแต่สมเด็จพระ
บรมไตรโลกนาถมาจนถึงสมเด็จพระเอกาทศรถก็เช่นเดียวกันอีกดังเช่นพระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา
ฉบับพระจักรพรรดิพงศ์ (จาด) ระบุพระนามถวายตอนปราบดาภิเษกเสวยราชสมบัติของสมเด็จพระเอกา
ทศรถไวว้ ่า “พระบาทสมเด็จพระเอกาทศรถอิศวรบรมนาถบพิตรพระพุทธเิ จา้ อยู่หัว...ทรงพระนามพระศรี
สรรเพชร...วิศาลวิสุทธอุดม เทพสมบูรณ์ในพระองค์บ่มิขาด อาทิคือพระพรหม พระพิษณุ พระอิศวร พระ
พายุ พระพรุณพระเพลิง พระยม พระไพศพ พระอินทร์ พระจันทร์ พระอาทิตย์” ในสมัยสมเด็จพระ
นารายณ์มหาราช จารกึ วดั จฬุ ามณีก็เอ่ยพระนามวา่ “พระศรีสรรเพชญ์สมเด็จพระรามาธิบดี” และในรชั กาล
สมเดจ็ พระนารายณ์มหาราชเช่นกันทีเ่ อกสารเรอื่ งราโชวาทชาดก ซง่ึ สมเดจ็ พระพุทธ โฆษาจารย์ วดั เดิมได้
แปลและเรียบเรียงถวายพระองค์ก็ระบุชัดเจนวา่ ประชาราษฎรทั้งหลายท้ังปวงนั้น สักการบูชาสมเด็จพระ
บรมกษัตริยาธิราชเจ้าดุจสักการบูชาซึ่งสมเด็จพระสรรเพชญ์พระพุทธเจ้า นอกจากนี้ในพระราช
พงศาวดารกรุงศรีอยุธยาฉบับฟานฟลีต ซ่ึงเขียนข้ึนเม่ือ พ.ศ. ๒๑๘๓ ก็ระบุว่า คนอยุธยาไม่มีการเอ่ยขาน
พระนามพระเจา้ แผน่ ดนิ สยามดว้ ยถอ้ ยคาอน่ื ใดที่ด้อยกวา่ พระนามของพระพุทธเจ้า ซ่ึงเป็นเครอ่ื งยนื ยันว่า
พระมหากษัตริย์ของอยธุ ยาทรงสถานะเสมือนพระพุทธเจ้าอย่างแทจ้ ริง
สถาบันพระมหากษัตริย์สมัยอยุธยา ธนบุรี และรัตนโกสินทร์ ท่ีคนมักสรุปความว่า เป็น
เทวราชาอย่างขอมเขมรน้ัน จึงไม่อาจเรียกเช่นน้ันได้เลย สมัยปลายกรุงศรีอยุธยา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
บรมโกศได้ทรงประกาศพระองค์ไว้โดยแจ่มชัดในพระราชกาหนดเก่า มาตรา ๕๐ ของกฎหมายตราสามดวง
ว่าพระองค์ท่านเป็น “สมมุติเทวดา” ตรงกับสมมุติเทพในคัมภีร์พระพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาท และตรงกับ
ไตรภูมกิ ถาของพระเจา้ ลิไทยดว้ ย ไม่มเี รียกกษัตริยไ์ ทยว่าเปน็ เทวราชหรือเทวราชา ตามนยั อย่างขอมเขมร
แนวการจัดการเรียนรปู้ ระวัตศิ าสตร์เพือ่ สร้างสานกึ ความเปน็ ไทย : สถาบันพระมหากษัตรยิ ์ในสังคมไทย
แนวการจัดการเรยี นร้ปู ระวตั ิศาสตร์เพอ่ื สรา้ งสำนึกความเปน็ ไทย : สถาบันพระมหากษตั รยิ ์ในสังคมไทย
๑๔๖
ไทยมิได้ถือพราหมณ์ฮินดูหรือพทุ ธศาสนานิกายมหายานเป็นหลักเป็นประธานของประเทศ มีทจี่ ะกล่าวได้
ก็เพียงว่า เปลือกนอกดูจะมีคติพราหมณ์และพื้นถ่ินด้ังเดิมของไทยเราผสมผสานปะปนกันอยู่บ้าง เช่น
พระเส้ือเมือง พระทรงเมือง พระหลักเมือง พระกาฬชัยศรี พระสยามเทวาธิราช ลัทธิบูชาบรรพบุรุษ
เทวดารักษาบ้านเรือนหรือท่ีดิน ส่วนแก่นแท้เนื้อในย่อมถือคติพระพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาทหรือพระ
รตั นตรัยเป็นสรณะสูงสุด พระมหากษัตริยเ์ ป็นดจุ พระพุทธเจ้าหรือธรรมราชาต้องทรงไว้ซงึ่ ทศพธิ ราชธรรม
ตอ้ งมีจกั รวรรดสิ ูตร ราชสังคหวัตถุ ๔ ไว้เป็นหลกั และดารงพระราชจรรยาอ่ืน ๆ อกี มากประการ และต้อง
ถือศีล ๕ เป็นพ้ืน นอกจากนี้ยังมีการทัดทานพระราชอานาจได้อีกด้วย ดังที่ปรากฏในกฎมณเฑียรบาล
มาตรา ๑๐๖ ว่า “อนึ่งพระเจ้าอยู่หัว ดารัสตรัสด้วยกิจราชการคดีถ้อยความประการใดๆ ต้องกฎหมาย
ประเวนีเปนยุติธรรมแล้ว ให้กระทาตาม ถ้าหมีชอบจงอาจพิดทูลทัดทาน คร้ัง ๑, ๒, ๓ ครั้ง ถ้าหมีฟังให้
งดไว้อย่าเพ่อสั่งไปให้ทูลในท่ีระโหถาน ถ้าหมีฟังจ่ึงให้กระทาตาม ถ้าผู้ใดมิได้กระทาตามพระอายการด่ังนี้
ท่านว่าผูน้ นั้ เลมดิ พระราชอาญา”
หมายความว่าเสนาบดีต้องทัดทานครั้งท่ี ๑ ท่ี ๒ ท่ี ๓ ทัดทาน ๓ ครั้ง ถ้าท่านยังไม่โปรด
อะไรก็ให้งดไปก่อนอย่าเพ่ิงดาเนินไปตามที่พระองค์ท่านส่ังแล้วก็ให้หาทางไปกราบบังคมทูลในท่ีรโหฐาน
ในกฎหมายกระบดศึกเชน่ กัน มีความว่า “...ถ้าอัคมหาเสนาธิบดีแลสมุหมนตรีปฤกษาโทษจะลงทัณทกาม์
ผู้ผิด แลจะประสาดรางวันสิ่งใด แก่ผู้มีความชอบต้องด้วยพระราชบัญญัติน้ีแล้ว แลพระมหากษัตราธิราช
เจ้า มิได้บันชา ถ้าทรงพระกรุณาตรัสประการใดเปนประสิทธิ ถ้ามิได้ต้องด้วยพระราชกาหนฎกฎหมาย ก็
ให้อัคมหาเสนาธบิ ดีมุกมนตรี เอาชีวิตรแลกความชอบไว้ในแผ่นดิน ให้เอารับสง่ั นั้นบังคมทูลพระเจ้าอยู่หัว
ถึง ๓ คร้ังก่อน ถ้ายังหมีบันชาอีกเล่า จ่ึงให้พระญาติพระวงษพระอัคมเหสี บังคมทูลในที่ระโหถาน ถ้ายัง
หมีบันชา จึง่ ให้พระสังฆราชถวายพระพร ถา้ ยงั หมีทรงพระกรณุ า จึ่งใหต้ ราเป็นพระราชกฤษฎีกาไว้”
เห็นได้ชัดว่าสามารถทัดทานพระราชอานาจของพระมหากษัตริย์ได้ ๓ คร้ัง ถ้าไม่โปรดไม่ได้
บัญชาอะไรมาก็ต้องให้พระญาติพระวงศ์และก็พระอัครมเหสีไปทูลอีก ทัดทานคร้ังที่ ๓ จะเป็นหน้าที่ของ
พระสังฆราช หรอื พระสงฆ์พระราชาคณะ
ในสมัยรัตนโกสินทร์ สิง่ สาคญั คอื พระปฐมบรมราชโองการในรชั กาลที่ ๑ ความว่า
“พรรณพฤกษาชลธี แลส่ิงของในแผ่นดินท่ัวเขตรพระนคร ซ่ึงหาผู้หวงแหนมิได้น้ัน ตามแต่
สมณชพี ราหมณาจารย์ราษฎรป์ รารถนาเถดิ ”
ซึ่งเป็นสัญญาประชาคมคือการให้เสรีภาพในทรัพย์สินว่าหากไม่มีใครหวงแหน ประชาชนก็
สามารถใช้ประโยชน์ได้ นี่คือพระราชกรณียกิจของพระองค์ในการอุปถัมภ์ประชาชน ส่วนการบารุง
พทุ ธศาสนาก็มคี วามจาเปน็ เพราะวา่ ศาสนจักรต้องคู่กบั ราชอาณาจักร ทรงเป็นตน้ แบบให้เจา้ นาย ขนุ นาง
และ ประชาชน สมาทานศลี ๕ ศลี ๘ ในวันพระ ฟื้นฟใู หช้ าระพระไตรปฎิ ก สนับสนุนใหภ้ ิกษสุ ะดวกสบาย
ในคนั ถธรุ ะ วปิ สั สนาธรุ ะ และปราบปรามอลชั ชีในพระศาสนา
คร้ันเข้าสู่ยุคสยามใหม่ตั้งแต่รัชกาลท่ี ๔เป็นต้นมาสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยไม่ได้หยุดนิ่ง
อยู่กับท่ีแต่ว่าปรับเปล่ียนเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วมาโดยตลอด รัชกาลที่ ๔ ทรงรู้ว่ากระแสโลกช่วงน้ันเป็น
ประชาธิปไตยแล้วหลายประเทศในยุโรปและอเมริกา เมื่อทรงข้ึนเสวยราชย์ ทรงประกาศต่อพระสหาย
แนวการจดั การเรยี นรปู้ ระวตั ศิ าสตร์เพอ่ื สร้างสานึกความเปน็ ไทย : สถาบันพระมหากษัตรยิ ์ในสงั คมไทย
แนวการจดั การเรยี นร้ปู ระวัตศิ าสตรเ์ พอื่ สร้างสำนกึ ความเปน็ ไทย : สถาบันพระมหากษตั ริย์ในสงั คมไทย
๑๔๗
ชาวต่างชาติหลายคนว่า ทรงต้องการให้การปกครองเป็นแบบ Limited monarchy หรือปัจจุบันอาจ
แปลว่าพระมหากษตั รยิ ภ์ ายใตร้ ัฐธรรมนูญหรอื ภายใต้กฎหมายแบบอังกฤษ
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ี ๔ ทรงทดลองปฏิบัติในเร่ืองการใช้
พระราชอานาจการปกครองแบบอังกฤษที่พระเจ้าแผ่นดินจากัดพระราชอานาจของพระองค์ก็ คือ
การปกครองระบอบประชาธิปไตยอย่างอังกฤษในยุคของสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย รัชกาลท่ี ๔
โปรดให้มีการกระจายอานาจ เช่นเม่ือก่อนบา้ นเมอื งเราปกครองด้วยระบบจตสุ ดมภ์ สมุหนายกรับผิดชอบ
ทางหัวเมืองฝ่ายเหนือสมุหพระกลาโหมดูแลทางหัวเมืองปักษ์ใต้ เจ้าพระยาพระคลังดูแลหัวเมืองทางภาค
กลาง เมือ่ เสดจ็ ข้ึนครองราชยแ์ ลว้ ทรงตงั้ สมเดจ็ เจา้ พระยาองค์ใหญ่ คือ สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยูร
วงศใ์ ห้รบั ผิดชอบท่ัวท้ังพระราชอาณาจักรเป็นแบบนายกรัฐมนตรีองั กฤษแลว้ ใหส้ มเด็จเจ้าพระยาองค์น้อย
คอื สมเด็จเจา้ พระยาบรมมหาพิชัยญาติ มีอานาจสทิ ธิขาดในพระนคร ลกั ษณะเหมือนนายกเทศมนตรีนคร
ลอนดอนแบบอังกฤษเช่นกัน จะเห็นได้ว่าเป็นการกระจายพระราชอานาจไม่ได้รวมศูนย์กลางไว้ท่ี
พระมหากษัตริย์อย่างก่อน แม้แต่ในสังฆมณฑลเม่ือก่อนก็มีสมเด็จพระสังฆราชใหญ่ปกครองวัดทางฝ่าย
เหนือ พระสังฆราชรองหรืออนุสังฆราชคือสมเด็จวันรัตปกครองวัดทางปักษ์ใต้ พระบาทสมเด็จพระจอม
เกลา้ เจา้ อยหู่ วั โปรดใหส้ มเด็จกรมพระปรมานชุ ิตชโิ นรสทรงปกครองดแู ลพระสงฆ์ท่ัวท้ังพระราชอาณาจักร
ดูคล้ายกับสังฆราชแห่งแคนเตอเบอรีของอังกฤษ จึงเป็นต้นเหตุของอานาจหน้าท่ีในคาวา่ “สังฆปรินายก”
ทีย่ ังใชอ้ ยใู่ นปัจจบุ ันน้ี
ส่วนในระบบราชการนั้น ทรงต้ังคณะเสนาบดีขึ้นเพื่อทางาน โดยทรงมอบหมายอานาจให้
ด้วย ทรงเห็นว่าพระมหากษัตริย์พระองค์เดียวไม่อาจจะปกครองประเทศให้เป็นไปด้วยดีได้และพระราช
อานาจก็มิได้ย่ิงใหญ่ไปกว่าความสุขส่วนรวมของประชาชน ทรงปกป้องไม่ให้มีการกดข่ีข่มเหงโดยไม่เป็น
ธรรมส่งิ สาคัญอีกประการหน่ึงก็คอื ในพระบรมนามาภไิ ธยของพระองค์นั้น มีสร้อยว่า “มหาชนนกิ รสโมสร
สมมติ”ต่างกว่าพระมหากษัตริย์พระองค์อื่นๆสร้อยพระบรมนามาภิไธยนี้แปลว่ามหาชนสมมติแต่งต้ัง
ยินยอมให้พระองค์ท่านข้ึนเป็นกษัตริย์ของพวกเขาและอีกนัยหนึ่ง หมายถึงทรงรับรู้อานาจของมหาชน
ฉะน้ันจึงเท่ากับย้อนไปสู่แนวคิดพระมหาสมมติอย่างเก่าตามคัมภีร์ในพระพุทธศาสนา หรือพระธรรมศาสตร์
ในกฎหมายตราสามดวง คือพระมหาสมมติน้ันเป็นผู้ท่ีประชาชนเลือกข้ึนมาปกครอง และยังสอดคล้องกับ
หลักประชาธิปไตยทั่วไปอีกด้วย ต่อมาในรัชกาลท่ี ๕ ทรงใช้ว่า “อเนกนิกรสโมสรสมมติ” ซึ่งเป็นคติตาม
รปู แบบการปกครองประชาธิปไตยมากขน้ึ ไปอีก
สถาบันพระมหากษัตริย์ไทยไม่ได้ทวนกระแสสังคมโลก รัชกาลท่ี ๔ ทรงเร่ิมปรับปรุง
พระองค์ คร้ันรัชกาลท่ี ๕ รัชกาลท่ี ๖ และรัชกาลท่ี ๗ ก็ทรงปรับในแนวทางให้เป็นประชาธิปไตยมาก
ยิ่งข้ึน อาจเรียกได้ว่า เป็นความพัฒนาของสถาบันกษัตริย์ หากจะมองย้อนกลับไปสมัยอยุธยาในรัชกาล
สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถสถาบันพระมหากษตั ริย์เองก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างย่ิง เพราะวา่ พระองค์ท่าน
ไปผนวกรัฐสุโขทัยเข้ามา รัฐสุโขทัยน้ันก็มีเจ้านายเก่ามากหลายพระองค์ พระราชมารดาพระองค์ท่านก็
เป็นเจ้านายสายสุโขทัยพระองค์หนึ่งด้วย ฉะนั้นราชสานักของพระองค์จึงต้องปรับปรุงใหม่ มีกาหนด
ตาแหน่งศักดิ์ที่สาคัญเช่น สมเด็จหน่อพุทธางกูรเจ้า หน่อพระพุทธเจ้า พระอนุชาธิราช และพระมหา
แนวการจัดการเรยี นรปู้ ระวัตศิ าสตร์เพ่อื สร้างสานึกความเปน็ ไทย : สถาบนั พระมหากษตั รยิ ์ในสังคมไทย
แนวการจดั การเรียนรูป้ ระวัตศิ าสตรเ์ พ่อื สร้างสำนกึ ความเปน็ ไทย : สถาบนั พระมหากษตั รยิ ใ์ นสังคมไทย
๑๔๘
อุปราช ตลอดจนเจ้านายช้ันต่างๆซ่ึงไม่เคยทามาแต่ก่อน ทั้งพระองค์เองต้องเสด็จไปประทับท่ีพิษณุโลก
ทรงมีราชสานักของพระราชโอรสอยู่อยุธยาอีกด้วย เท่ากับเป็น ๒ เมืองหลวง ดังน้ันจึงต้องทรงออก
กฎมณเฑียรบาลและพระอัยการตาแหน่งนาพลเรือนและนาทหารหัวเมือง จัดระเบียบท่ีเหมาะสมขึ้นเพื่อ
ความเรียบรอ้ ยและมัน่ คงของประเทศ สถาบนั กษัตริย์และพระพุทธศาสนา
คร้ันมาถึงรัชกาลปัจจุบัน พระราชกรณียกิจอเนกประการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เป็นที่ปรากฎชัดเจนท่ีสุดว่าทรงปฏิบัติเพื่อประชาชน ในท่ีนี้จะเห็นได้ว่าสถาบันพระมหากษัตริย์มีการ
ปรับปรุงใหญ่เชิงปฏริ ูป กล่าวคอื พระบรมวงศานวุ งศ์ทุกพระองค์ทรงชว่ ยเหลือชว่ ยประชาชนหรือสังคมใน
วงกว้างอย่างท่ีไม่เคยปรากฏมาแต่ก่อนโดยเฉพาะอย่างเจ้านายฝ่ายใน นับต้ังแต่สมเด็จพระบรมราชชนนี
สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ พระเจ้าหลานเธอ
ทกุ พระองค์ ซึง่ ในสมัยกอ่ นฝ่ายในไมไ่ ด้ออกมาปฏิบัติพระราชกรณียกิจหรือกจิ น้อยใหญ่ต่อประชาชนเช่นนี้
จะมบี ้างในรัชกาลที่ ๕ แตไ่ ม่มากมายเหมือนเช่นในรชั กาลปจั จบุ นั
ในยุคเปลี่ยนผ่านมาจนปัจจุบัน แม้ว่ากาลเวลาจะเปล่ียนผ่านไป หรือมีการเปลี่ยนแปลง
แผ่นดินอย่างใดก็ดี จะมกี ารเปลีย่ นราชวงศก์ ็ดี แนวคิดระบบการปกครองแบบกษตั ริย์ทเี่ คยมีมาน้นั ก็หาได้
เปลี่ยนไปดว้ ยไม่ แตก่ ลับแสดงใหเ้ ห็นว่าคนไทยมีความผูกพันแนบแน่นกับองค์พระมหากษัตริย์ ในระบอบ
ประชาธิปไตย พระมหากษัตริย์ทรงใช้พระราชอานาจผ่านกระบวนการ ๓ องค์กร คือนิติบัญญัติ บริหาร
และตุลาการ ซึ่ง เสมือนผู้แบ่งเบาหรือรับสนองพระราชภาระของพระองค์ แต่พระมหากษัตริย์ก็ยังทรงมี
พระมหากรุณาพระราชทานพระบรมราโชวาทสั่งสอน ช้ีนาแนวทางการดาเนินชีวิตท่ีถกู ทค่ี วร ให้มศี ลี ธรรม
กากับ ท้ังทรงปฏิบัติพระองค์ให้เป็นแบบอย่าง ด้วยพระมหากรุณาธิคุณเช่นน้ีคนไทยจึงมี คาเอ่ยพระนาม
พระมหากษัตริย์หลายคาที่บ่งบอกพระราชฐานะอาทิ พระเจ้าแผ่นดิน พระเจ้าอยู่หัวเจ้าชีวิต คาทั้ง ๓ น้ีมี
นยั ยะทสี่ ามารถอธบิ ายไดค้ ือ
พระเจ้ำแผ่นดินหรือพระมหำกษัตรยิ ์ มีความหมายถึงผู้ปกครอง ผู้ปกป้องท่ีเป็นเจ้าของ
แผ่นดิน ผู้นาที่มีสิทธิขาดในกิจการของแผ่นดินและสามารถพระราชทานท่ีดินให้แก่ผู้หน่ึงผู้ใดได้ แต่ใน
สังคมไทยพระเจ้าแผ่นดนิ ทรงมีพระราชกรณียกจิ เพิ่มต่างออกไปคือ ทรงบารุงรกั ษาแผน่ ดนิ ให้มีความอุดม
สมบูรณ์เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้ที่ดินในพระราชอาณาเขตของพระองค์ให้เกิดประโยชน์เช่นทาการ
เพาะปลูกให้ได้ผล ตลอดจนเอาพระราชหฤทัยใส่ในการบารุงแผ่นดินให้มีความอุดมสมบูรณ์อยู่เป็นนิจ
ดังที่ปรากฏเป็นโครงการพระราชดาริต่างๆ ในปัจจุบันนี้และเป็นที่ประจักษ์ในสากลว่า พระเข้าแผ่นดิน
ไทยทรงงานหนักทสี่ ุดในโลกและทรงรักประชาชนของพระองคอ์ ยา่ งแท้จริง
พระเจ้ำอยู่หัว หรือพระพุทธเจ้ำอยู่หัว เป็นคาเรียกพระมหากษัตริย์ที่ทรงพระคุณ
บริสุทธิ์ประเสริฐสูงสุดดุจพระพุทธเจ้าด้วยความเคารพสักการะและเทิดทูนอย่างสูงสุด นับเป็นยอดของ
มงคลท้ังปวง พระเจ้าอยู่หัวหรือพระพุทธเจ้าอยู่หัวหมายถึงการยอมรับพระราชฐานะท่ีเด่นชัดของ
พระเจ้าแผ่นดินว่าทรงเป็นองค์พระพุทธเจ้า ดังนั้น ส่ิงของต่างๆที่พระราชทานเช่น เคร่ืองราชอิสริยาภรณ์
พิธีกรรมต่างๆท่ีจัดขึ้นโดยพระบรมราชโองการ และการได้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท หรือแม้เพียงได้
เห็นองคพ์ ระเจา้ อยหู่ ัวจึงล้วนแต่เปน็ สิริมงคลอนั อดุ มทงั้ ส้ิน
แนวการจัดการเรียนรปู้ ระวัตศิ าสตร์เพ่ือสรา้ งสานึกความเปน็ ไทย : สถาบนั พระมหากษัตรยิ ์ในสงั คมไทย
แนวการจัดการเรียนรูป้ ระวัติศาสตรเ์ พอ่ื สรา้ งสำนกึ ความเป็นไทย : สถาบันพระมหากษตั รยิ ์ในสงั คมไทย
๑๔๙
เจ้ำชีวิต เป็นคาเรียกพระเจ้าแผ่นดินท่ีแสดงพระราชอานาจเหนือชีวิตคนทั้งปวงท่ีอยู่ใน
พระราชอาณาเขต คาๆนี้อาจหมายถึงพระเจ้าแผ่นดินที่ทรงสิทธิ์โดยธรรมในการสร้างหรือทาลายชีวิตใด
ชีวิตหน่ึงหรือชุบชีวิตให้พ้นความทุกข์ยากก็เป็นได้ ดังเช่นการทาให้ชีวิตตกไปหรือการพระราชทานอภัย
โทษ แต่สังคมไทยปัจจุบันน้ัน คาว่าเจ้าชีวิตมีความหมายถึงพระเจ้าแผ่นดินผู้พระราชทานกาเนิดแนวคิด
โครงการต่างๆ ให้ประชาชนอยู่ดีมีสุข พระเจ้าอยู่หัวมิได้ทรงใช้พระราชอานาจล่วงเกินขอบเขตแห่งราช
นีติธรรม คือทรงมีธรรมะเป็นองค์ประกอบในการตัดสินวินิจฉัยเร่ืองทั้งปวง เช่นเดียวกันผู้อยู่ใต้พระบรม
โพธิสมภาร คือประชาชนเรียกแทนตนเองว่า “ข้าพระพุทธเจ้า” ซ่ึงมีความหมายลึกซึ้งว่า พระเจ้าแผ่นดิน
นัน้ เปน็ เสมือนหนึ่งพระพุทธเจ้าผู้ทรงพระคณุ อันประเสริฐ ทุกคนนั้นตา่ งได้พึง่ พระบารมอี ยู่เปน็ นิจ
กล่าวโดยสรุปแล้ว สถาบันพระมหากษัตริย์ในปริบทของสังคมไทยมีรากฐานที่ยาวนาน
และสมควรภาคภูมิใจเป็นอย่างย่ิง พระเจ้าแผ่นดินทุกพระองค์ท่ีทรงสถาปนาอาณาจักรข้ึนก็ดี
พระเจ้าแผ่นดินท่ีทรงทาสงครามก็ดี ท่ีทรงอุปถัมภ์ค้าชูพระศาสนาก็ดี หรือที่ทรงบารุงศิลปวัฒนธรรมก็ดี
ล้วนเป็นเป็นพระราชกรณียกิจเพ่ือพสกนิกรท้ังสิ้น โดยเฉพาะในรัชกาลปัจจุบันนั้น คงไม่มีพระราชา
พระองค์ใดในโลกเทยี บพระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หวั ภูมิพลอดุลยเดชได้ พระราชวังท่ปี ระทบั ก็เป็นเสมือน
โรงทดลองทางการเกษตร เพ่ือพสกนกิ รของพระองคจ์ ะไดย้ น่ ระยะเวลาในการทางานใหน้ อ้ ยลง
การบูชาพระเจ้าอยู่หวั ไมว่ ่าจะด้วยกาย วาจา ใจ จึงลว้ นเปน็ สง่ิ อนั อดุ มด้วยมงคลท้งั สิ้น และ
คนไทยทง้ั ปวงตอ้ งระลกึ อยู่เสมอวา่
พระมหากรุณาธิคุณ และพระราชกรณียกิจน้อยใหญ่ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาล
ปัจจุบันทรงปฏิบัตินั้น เป็นท่ีประจักษ์ชัดว่าทรงปฏิบัติเพื่อพสกนิกรของพระองค์ เฉพาะโครงการตาม
พระราชดาริ และโครงการตามพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์เดียวกว่า
๔,๐๐๐ โครงการ จึงเห็นได้ว่าสถาบันพระมหากษัตริย์ไดป้ รับเปล่ียนบทบาทให้สอดคลอ้ งกับวิถีของโลกา
ภวิ ตั นเ์ สมอมา
ความสาคัญของสถาบันพระมหากษัตริย์สาหรับคนไทยน้ันไม่สามารถแยกออกจากกันโดย
เด็ดขาด และไม่มีทางท่ีประเทศไทยจะดารงอยู่โดยไม่มีสถาบันพระมหากษัตริย์ สถาบันพระมหากษัตริย์
ยังเป็นสถาบันที่ประชาชนให้ความเคารพสักการะนับถือด้วยความจงรักภักดีอย่างไม่เสื่อมคลาย เป็น
ศูนย์กลางของความสมัครสมานสามัคคีของคนในชาติ เช่นเดียวกับท่ีเคยปฏิบัติมาแต่ครั้งอดีต เพราะถือว่า
สถาบันกษัตริย์ พระพุทธศาสนาและประชาชนเป็นหน่ึงเดียวกันไม่เคยแยกออกจากกันและไม่ว่าเวลาจะ
เคลอื่ นไปนานเทา่ ใดก็ตาม “พระราชากย็ งั เปน็ กาลงั ของคนทกุ ข์ยาก” อย่ไู ม่เสอื่ มคลาย
๒. คณุ ธรรมประจำองค์พระมหำกษัตริย์
มักกล่าวกันว่าพระเจ้าแผ่นดินทรงคุณธรรมหลักคือทศพิธราชธรรมเท่าน้ัน ซึ่งเป็นเร่ืองที่
เข้าใจคลาดเคล่ือน เพราะทศพิธราชธรรม เป็นธรรมะ ๑๐ ประการที่ทรงปฏิบัติเพื่อบารุงพระองค์เองเปน็
หลกั แตย่ ังมีธรระมะอกี หลายหมวดทท่ี รงปฏิบัติดาเนนิ ตามเพ่ือประโยชน์สขุ ของประชาชนชาวไทย ได้แก่
๑. ว่าด้วยขตั ยิ วิไสย ๗ ประการ ตามคมั ภรี ์ราชนิตินัน้ ว่า ผเู้ ปนกระษัตริยม์ ขี ัตติยะวิไสย ๗ ประการคือ
แนวการจัดการเรียนรปู้ ระวัตศิ าสตร์เพอ่ื สร้างสานึกความเปน็ ไทย : สถาบนั พระมหากษัตริย์ในสงั คมไทย
แนวการจดั การเรียนรปู้ ระวตั ศิ าสตร์เพือ่ สรา้ งสำนึกความเปน็ ไทย : สถาบันพระมหากษัตรยิ ์ในสงั คมไทย
๑๕๐
๑. พระอัชฌาไศรยชอบปกครองขัติยธรรมเนยี มใหถ้ าวร
๒. มีอามาตยข์ า้ ราชการคอยกระทากจิ ตามพระราชประสงค์
๓. ต้ังตาแหนง่ เสนาบดีใหร้ ักษาการบ้านเมอื งตามหน้าท่ี
๔. บารุงตกแต่งเมืองใหม้ ั่นคงแข็งแรง
๕. ลงพระราชอาญาผู้ผดิ โดยสมควรแกโ่ ทษ
๖. ประมวญของสว่ ยต่างๆ ให้คลงั แลยงุ้ ฉางของหลวงเตม็ อยู่ไม่ส้ินไปโดยงา่ ย
๗. เปนไมตรีกับกระษัตรยิ ์เมืองอ่ืน
รวมขัติยวไิ สยของกระษัตริย์ ๗ ประการ
๒. ว่าดว้ ยพระกาลังพระมหากระษัตรยิ ์ ๕ ประการ
กล่าวตามจัตตาฬีสนิบาต เตสกณุ ชาดกนน้ั ว่า พระกาลังแห่งพระมหากระษตั รยิ ์ ๕ ประการคือ
๑. กาลงั แห่งพระพาหา
๒. กาลังพระราชทรพั ย์
๓. กาลงั แห่งพลเสนา
๔. กาลงั สนัตติ ซึง่ สบื เชอื้ พระวงษแ์ ห่งกระษตั ริย์อนั ประเสรฐิ
๕. กาลงั พระปญั ญา
รวมเป็นพระกาลงั ๕ ประการ
๓. ว่าด้วยลกั ษณธรรม ๘ ประการ ที่พระมหากระษตั รยิ ์ทรงประพฤติ
ในสุวรรณสามชาดกน้นั กลา่ ววา่ ธรรม ๘ ประการท่ีพระมหากระษัตริย์ทรงประพฤตนิ ้ัน คือ
๑. ทรงปฏบิ ัติเคารพในพระราชบิดาพระราชมารดา
๒. ทรงปฏิบตั ดิ ้วยดใี นพระมเหสี พระราชบุตร์ พระราชธดิ า แลนางนักสนมท้ังปวง
๓. ทรงประพฤติด้วยดีในพระราชวงษแ์ ลเสนามาตยร์ าชมนตรีทั้งปวง
๔. ทรงประพฤตดิ ้วยดีในขุนพลแลนายทพั นายกองพลทหารชา้ งม้าท่ัวไป
๕. ทรงประพฤติด้วยดีต่อราษฎรประชาชนในจาพวกบา้ นน้อยบา้ นใหญ่
๖. ทรงประพฤตดิ ้วยดีต่อประเทศบา้ นเมืองแลชาวชนบทบ้านนอก
๗. ทรงปฏิบตั ินับถือในสมณชีพราหมณท์ ัง้ หลาย
๘. ทรงประพฤติพระราชทานอภัยแกส่ ตั วเ์ น้ือนกใหพ้ น้ ความเบียดเบียน
รวมเป็นราชธรรม ๘ ประการ
๔. วา่ ด้วยลักษณจักรวัตตธิ รรม ๑๒ ประการ
๑. อนโฺ ตชนสฺมึ พลกายสมฺ ึ ควรอนุเคราะหค์ นในราชสานกั และคนภายนอก ให้มีความสุข ไม่
ปล่อยปละละเลย
๒. ขตตฺ ิเยสุ ควรผูกไมตรีกบั ประเทศอน่ื
๓. อนยุ นฺเตสุ ควรอนุเคราะห์พระราชวงศานวุ งศ์
๔. พฺราหมฺ ณคหปติเกสุ ควรเกอื้ กลู พราหมณ์ คหบดี และคฤหบดชี น คือเกื้อกูลพราหมณ์และผ้ทู ี่
อยู่ในเมือง
แนวการจดั การเรียนรปู้ ระวตั ศิ าสตร์เพ่ือสรา้ งสานกึ ความเปน็ ไทย : สถาบนั พระมหากษัตรยิ ์ในสังคมไทย
แนวการจดั การเรียนร้ปู ระวตั ิศาสตร์เพ่ือสรา้ งสำนึกความเป็นไทย : สถาบนั พระมหากษัตริยใ์ นสงั คมไทย
๑๕๑
๕. เนคมชานปเทสุ ควรอนเุ คราะห์ประชาชนในชนบท
๖. สมณพรฺ าหมฺ เณสุ ควรอนเุ คราะห์สมณพราหมณผ์ ู้มศี ลี
๗. มิคปกฺขีสุ ควรจกั รักษาฝงู เนอ้ื นก และสตั วท์ ัง้ หลายมใิ หส้ ูญพันธ์ุ
๘. อธมมฺ การปฏิกฺเขโป ควรห้ามชนทงั้ หลายมิใหป้ ระพฤติผิดธรรม และชกั นาดว้ ยตัวอยา่ งให้อยู่
ในกศุ ลสุจริต
๙. อธนาน ธนานปุ ฺปทาน ควรเลี้ยงดคู นจน เพื่อมิใหป้ ระกอบการทุจรติ กุศลและอกุศลตอ่ สงั คม
๑๐.สมณพฺราหมฺ เณอุปสงกฺ มิตวฺ า ปญฺหาปจุ ฺฉน ควรเข้าใกล้สมณพราหมณ์ เพ่ือศึกษาบุญและ
บาป กศุ ล และอกุศลใหแ้ จง้ ชัด
๑๑.อธมมฺ ราคสฺส ปหาน ควรหา้ มจิตมใิ หต้ อ้ งการไปในท่ีท่ีพระมหากษัตริย์ไม่ควรเสด็จ
๑๒.วสิ มโลภสสฺ ปหาน ควรระงบั ความโลภมิใหป้ รารถนาในลาภทพ่ี ระมหากษัตริย์มคิ วรจะได้รวม
จกั รวตั ตธิ รรม ๑๒ ประการ
๕. วา่ ด้วยราชธรรม ๑๐ ประการ แลวุฒิธรรม ๘ ประการ
กล่าวตามคัมภรี ์อสตี นิ ิบาตชาดก ในมหาหงั สชาดกน้ันว่า ราชธรรม ๑๐ ประการ ทีพ่ ระมหา
กระษัตรยิ ท์ รงประพฤตคิ ือ
๑. ทรงบาเพ็ญทาน
๒. ทรงสมาทานศีล ๕ เป็นนิจศีล แลศีล ๘ เปน็ อโุ บสถศีล
๓. ทรงบริจาคสรรพพัสดเุ ปน็ สาธารณทานประโยชน์
๔. ทรงประพฤติซ่ือตรงต่อธรรม
๕. มพี ระวาจาอ่อนหวานตอ่ ประชุมชน
๖. ทรงประพฤตบิ าราบบาปธรรมให้เรา่ ร้อน คือทรงสมาทานอุโบสถเปน็ การพเิ ศษตาม
สมควร
๗. ไมป่ ระพฤตทิ รงพระโกรธให้มาก หรือโกรธแต่น้อย
๘. ไมท่ รงประพฤตวิ ิหิงษาเบยี ดเบียนตอ่ ชาวเมืองโดยไม่ชอบธรรม
๙. ทรงประพฤติอดกลน้ั เป็นขนั ติธรรมโดยมาก
๑๐. ไมท่ รงพิโรธให้ผดิ ธรรมเป็นทร่ี ้าวฉานต่อชาวเมือง
รวมเป็นราชธรรม ๑๐ ประการ
๖. ว่าด้วยวฒุ ธรรม ๘ ประการ
กล่าวตามคัมภีร์ราชนิติ กระษัตริย์ทรงประพฤติราชธรรม ๘ ประการ ซ่ึงเรียกว่าวุฒธรรมใน
ทีบ่ างแหง่ คอื ทรงประพฤติดงั น้ี
๑. ทรงประพฤติเหมือนพระอนิ ทร์
๒. ทรงประพฤตเิ หมอื นพระอาทิตย์
๓. ทรงประพฤติเหมอื นพระพาย
๔. ทรงประพฤตเิ หมอื นพระยายมราช
แนวการจดั การเรียนรปู้ ระวตั ศิ าสตร์เพ่ือสร้างสานกึ ความเปน็ ไทย : สถาบันพระมหากษตั รยิ ์ในสังคมไทย
แนวการจัดการเรียนรู้ประวตั ิศาสตรเ์ พ่อื สร้างสำนึกความเปน็ ไทย : สถาบันพระมหากษตั รยิ ์ในสังคมไทย
๑๕๒
๕. ทรงประพฤตเิ หมอื นพระมหาสมุทร
๖. ทรงประพฤตเิ หมอื นพระจันทร์
๗. ทรงประพฤติเหมือนแผ่นพสุธา
๘. ทรงประพฤตเิ หมือนพระพิรุณ
รวมเป็นวุฒิราชธรรม ๘ ประการ
อธบิ ายวุฒริ าชธรรม ๘ ประการ
ข้อ ๑ สมเด็จพระอมรินทรเทวราชย่อมทรงติเตียนเทพยดาผู้ประพฤติผิดไม่ชอบธรรม
ยอ่ มทรงยกยอ่ งสรรเสรญิ เทพยดาผู้ประพฤติเป็นธรรม มิไดล้ าเอียงอาธรรมเลย มีอปุ ระมาฉันใด กระษัตริย์
ย่อมทรงกดขี่ข่มขู่ชาวเมืองผู้ละเมิดฝ่าฝืนต่อพระราชกาหนด แลทรงยกย่องสรรเสริญต่อผู้กระทาชอบตาม
พระราชบญั ญัติ มอี ปุ ระมัยเหมือนสมเด็จพระอมรนิ ทรผ์ ู้ทรงประพฤตติ ่อเทพยดาฉะน้นั
ข้อ ๒ทรงประพฤติเหมือนพระอาทิตย์นั้น ด้วยพระอาทิตย์แผ่รัศมีส่องโลกครบ ๘ เดือน
แล้ว แม่น้าลาธารใหญ่น้อยย่อมแห้งลงไปด้วยแสงแดดแผดเผาฉันใด การเก็บภาษีอากรในประเทศ
บ้านเมอื งจงึ ควรค่อยๆ เก็บฉนั นน้ั
ขอ้ ๓ ทรงประพฤติเหมือนพระพายน้ัน คือลมยอ่ มแลน่ ท่วั ไปภายในสริรร่างของมนุษย์ท้ัง
ปวงฉนั ใด กระษตั รยิ ์ควรใหค้ นสบื เหตลุ ับของราชการบา้ นเมอื ง เพื่อไดท้ ราบเหตกุ ารณข์ องผอู้ น่ื ฉนั นน้ั
ข้อ ๔ ทรงประพฤติเหมือนพระยายมราชนั้น คือว่า พระยายมราชผู้เป็นเจ้าเป็นใหญ่ใน
ยมโลกน้ัน ไม่ได้เลือกที่รักท่ีชัง ย่อมส่ังบังคับให้เนริยกะสัตว์ต้องตายด้วยกรรมที่ตนกระทามาฉันใด
กระษัตริย์กย็ ่อมไม่ทรงเลอื กท่ีรักทช่ี งั ให้ลงโทษผู้ผดิ ตามโทษานุโทษควรแก่พระราชอาญาฉันนั้น
ข้อ ๕ ทรงประพฤติเหมือนพระมหาสมุทรนั้น คือว่ามหาสมุทรอันใหญ่กว้างท้ังหลาย
ย่อมไม่อ้อนวอนขอร้องแม่น้าใหญ่น้อยท้ังปวงให้ไหลมาสู่ตนฉันใด กระษัตริย์ย่อมไม่อ้อนวอนขอร้องราช
ทรัพยแ์ ลราชสมบัตติ ่อบ้านเมืองใดๆ ในพระราชอาณาจักร ราชทรัพย์แลราชสมบัตยิ ่อมล้นไหลเข้ามาสคู่ ลัง
หลวงของพระองค์โดยราชธรรมตามพระราชประเพณที สี่ บื ต่อมาฉันนน้ั
ข้อ ๖ ทรงประพฤติเหมือนพระจันทร์นั้น คือว่าพระจันทร์มีรัศมีงามเต็มดวงในวันบรรณรสี
ข้ึน ๑๕ คา่ ส่องรัศมีให้โลกเหน็ เป็นที่ชนื่ ชมยนิ ดีทวั่ ไปฉันใด กระษัตรยิ ์ยอ่ มทรงสาแดงดวงพระพักตร์ให้ชน
ทั้งปวงเหน็ เปน็ ทนี่ า่ รักชน่ื ชมทาวไปฉันนน้ั
ข้อ ๗ ทรงประพฤติเหมือนแผ่นพสุธานั้น คือว่าพื้นแผ่นพุสธาดลนั้น อาจรองรับชนท้ังดี
แลชั่วไว้ทั้งส้ินฉันใด กระษัตริย์ผู้เป็นเจ้าเป็นใหญ่เหนือแผ่นปถพี ก็สมควรจะทรงรับรองประเทศบ้านเมือง
แลชนทง้ั ปวงอันดีแลช่ัวท่ีอยู่เหนือแผน่ ดินพระราชอาณาเขตรทั้งสน้ิ ฉนั นัน้
ข้อ ๘ ทรงประพฤติเหมือนพระพิรุณนั้น คือว่าพระพิรุณพลาหกย่อมบันดาลฝนให้ตก
เหนือแผ่นดินตลอดไปในส่ีเดือน ทาแผ่นดินแลต้นไม้ใหญ่น้อยให้ชุ่มช่ืนทั่วไปฉันใด กระษัตริย์ย่อมทรง
ประพฤติใหพ้ ลนกิ รทง้ั หลายชมุ่ ชนื่ ไปดว้ ยเสบยี งอาหาร แลของพระราชทานแจกจ่ายตามคราวท่ีถงึ กาหนด
ฉันนัน้
แนวการจัดการเรยี นรปู้ ระวตั ศิ าสตร์เพ่ือสร้างสานึกความเปน็ ไทย : สถาบันพระมหากษตั ริย์ในสังคมไทย
แนวการจัดการเรียนร้ปู ระวตั ิศาสตร์เพอ่ื สร้างสำนกึ ความเปน็ ไทย : สถาบันพระมหากษัตรยิ ใ์ นสังคมไทย
๑๕๓
๗. วา่ ด้วยสงั คหธรรมของกระษตั รยิ ์ ๔ ประการ ตามบาฬีอฏั ฐนิบาต อังคตุ ตรนกิ ายน้ันว่า สงั คหธรรม
ของกระษตั รยิ ์ ๔ ประการนัน้ คอื
๑. ย่อมเก็บของสว่ ยชกั แต่ ๑ ใน ๑๐ สว่ น
๒. แจกจ่ายเสบยี งอาหารแก่พวกโยธาทวยหาญคร้ัง ๑ ใน ๖ เดือน
๓. ยอ่ มใหท้ รัพยเ์ ป็นทนุ แก่คนขดั สน ครบ ๓ ปีแล้วเรยกเพียงทุนเดมิ มไิ ดด้ อกเบีย้
๔. ดารัสพระวาจาแกผ่ ้เู ถ้าผูใ้ หญ่อันเจรญิ ด้วยชาติแลไวยแลคุณด้วยพระวาจาออ่ นหวานเป็น
ทน่ี า่ ฟังน่ารัก
รวมเปน็ สังคหธรรม ๔ ประการ
๓. ควำมภำคภูมิใจในองค์พระมหำกษตั ริย์
คนไทยเกดิ มาใตร้ ม่ พระบารมีมาโดยตลอดระยะเวลา บ้านเมอื งนนั้ มีความสขุ สงบร่มเยน็ ไม่
มีเหตุการณ์ใดที่สรา้ งความแตกแยกระหวา่ งพระมหากษตั ริย์กบั ประชาชนได้ ยิ่งไปกว่านั้นในทางกลบั กัน
ความผูกพนั ระหวา่ งพระเจ้าอยหู่ ัวและประชาชนกลบั แน่นแฟ้นมากขึน้ อกี เพราะ พระเจ้าแผ่นดินทรงนอ้ ม
พระองคล์ งมาหาประชาชนทว่ั ถ่นิ ทรุ กันดาร
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงเปรียบประดุจเทวดาบนผืนแผ่นดิน
ทรงอานวยความสุข ความร่มเย็น และทรงระงับความทุกข์ร้อนท่ีเกิดข้นโดยใช้ธรรมะ พระราชกรณียกิจที่
ทรงปฏิบัติเป็นแบบอย่างแก่ประชาชนคือแนวทางในการดาเนินชีวิตในทางท่ีถูกที่ควร โครงการ
พระราชดาริมากมายเป็นไปเพ่ือความบริบูรณ์ของพลาหาร ธัญญาหาร มังสาหารของประเทศ เพ่ือให้
ประชากรมีความเป็นอยู่ท่ีดีขึ้น ไม่มีหน้ีสิน มีความสุขอย่างพอเพียง สมควรเป็นอย่างยิ่งที่คนไทยจะต้อง
ภาคภูมิใจและประกาศให้ชาวโลกได้รบั รู้ว่าคนไทยรกั และบชู าในหลวงมากเพียงใด
นอกจากนี้จะเห็นได้ว่าพระเจ้าอยู่หัวทรงอุปถัมภ์มรดกของชาติไทยตลอดเวลา การเสด็จ
พระราชดาเนินยังต่างจังหวัดนั้น ทรงใช้เวลาสนทนาธรรม ทอดพระเนตรแหล่งโบราณสถาน และทรงศึกษา
วิถีชีวิตของไพร่ฟ้าประชากรอันนาไปสู่การแก้ไขปัญหาท่ีเกิดขึ้นในการประกอบอาชีพ และทรงส่งเสริม
สนับสนุนประเพณี วิถีชีวิตที่เรียบง่ายแบบด้ังเดิม การทั้งปลายท้ังปวงน้ีย่อมเป็นท่ีประจักษ์ชัดว่า
พระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นท่ีรักย่ิงของคนไทยและคนไทยมีความจงรักภักดีอย่างไม่เส่ือมคลาย ส่ิงใดใดอันเป็น
โทษไมส่ ามารถระคายเคืองเบอื้ งพระยุคลบาทได้
แนวการจัดการเรยี นรปู้ ระวตั ศิ าสตร์เพือ่ สร้างสานึกความเปน็ ไทย : สถาบันพระมหากษัตรยิ ์ในสังคมไทย
แนวการจัดการเรียนรปู้ ระวัติศาสตรเ์ พ่อื สรา้ งสำนกึ ความเปน็ ไทย : สถาบนั พระมหากษัตรยิ ใ์ นสังคมไทย
๑๕๔
ตวั อยำ่ งแผน
ร่ำงแผนกำรจัดกำรเรยี นร้ทู ี่ ๗
กลุ่มสำระกำรเรียนรู้ สงั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม ช้ันประถมศึกษาปที ี่ ๓
รำยวิชำ ประวตั ศิ าสตร์ รหสั วิชา…………………
หน่วยกำรเรยี นรู้ที่ ๒ เร่อื ง ใตร้ ม่ พระบารมี จานวน ๒ คาบ
หนว่ ยย่อยท.ี่ ................. เรื่อง พระราชประวัติ และพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จ
พระเจ้าอยู่หัวรชั กาลที่ ๙
___________________________________________________________________________
๑. มำตรฐำนและตวั ช้วี ดั
มำตรฐำนกำรเรยี นรู้
ส ๔.๓ เข้าใจความเป็นมาของชาตไิ ทย วฒั นธรรม ภมู ปิ ญั ญาไทย มีความรกั ความภมู ิใจ และดารง
ความเป็นไทย
ตวั ชว้ี ัด
ป. ๓/๒ อธิบายพระราชประวัติ และพระราชกรณียกิจของพระมหากษัตรยิ ใ์ นรชั กาลปจั จุบัน
๒. สำระสำคญั /ควำมคดิ รวบยอด
เกิดความรัก ภาคภูมิใจ เห็นความสาคัญในพระราชประวัติ และพระราชกรณียกิจ ของ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอย่หู วั ภูมิพลอดุลยเดช ทท่ี รงอุทิศพระองค์เพ่ือช่วยเหลือประชาชนของพระองค์ให้
ดารงชีวิตอย่างมีความสุข และสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้กับประเทศชาติ เป็นที่ยอมรับแก่นานา
อารยประเทศ
๓. จดุ ประสงคก์ ำรเรียนรู้
๑. บอกพระราชประวัติและพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช
โดยย่อ
๒. อธบิ ายเหตุผลท่เี กิดความรัก ภาคภมู ิใจ “ทาไมจงึ รักในหลวง”
๔. สำระกำรเรียนรู้
พระราชประวัติ และพระราชกรณียกิจ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช
ที่ทรงอุทิศพระองค์เพื่อช่วยเหลือประชาชนของพระองค์ให้ดารงชีวิตอย่างมีความสุข และสร้าง
ความเจรญิ ร่งุ เรืองให้กบั ประเทศชาติ
๕. ทกั ษะ/กระบวนกำร
- ทกั ษะกระบวนการคิด
- ทักษะการสือ่ สาร
๖. คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์
-รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ (แสดงความสานึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์ ,
แสดงออกซึ่งความจงรักภกั ดตี อ่ สถาบันพระมหากษตั ริย์
แนวการจดั การเรียนรปู้ ระวตั ศิ าสตร์เพื่อสรา้ งสานกึ ความเปน็ ไทย : สถาบันพระมหากษตั รยิ ์ในสงั คมไทย
แนวการจดั การเรยี นรูป้ ระวตั ศิ าสตร์เพ่ือสร้างสำนกึ ความเปน็ ไทย : สถาบนั พระมหากษตั รยิ ์ในสงั คมไทย
๑๕๕
๗. สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รียน
- การสื่อสาร (พูดถ่ายทอดความรู้ ความเข้าใจจากเร่ืองท่ีอ่าน ฟัง หรือดูด้วยภาษาของตนเองได้
และเขียนถา่ ยทอดความคิด ความร้สู ึกและทศั นะของตนเองจากสารที่อ่าน ฟัง หรอื ดดู ว้ ยการวาดภาพตาม
จินตนาการของตนเองได้)
- การคิดวิเคราะห์ (คิดสร้างสรรค์ มีจินตนาการ คิดในทางบวก และสามารถประยุกต์สร้างสรรค์
สง่ิ ใหม่ เพือ่ ประโยชนต์ ่อตนเองและสงั คม)
๘. หลกั ฐำนกำรเรียนรู้
๑. ช้ินงาน
- แผนผงั ความคิด
- ภาพวาดระบายสีพระราชกรณียกจิ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดลุ ยเดช
๒. ภาระงาน
- การตอบคาถามของนกั เรยี น
- การวาดภาพระบายสี
๙. กำรวัดและประเมิน
เป้ำหมำย วธิ ีวดั เคร่อื งมอื วดั เกณฑก์ ำรประเมิน
ด้านความรู้ -ตอบคาถาม -บันทึกแผนผงั ความคดิ -บนั ทกึ ความรคู้ รอบคลุมตามประเดน็
-สงั เกตพฤติกรรม -แบบสังเกต คาถามถกู ตอ้ ง ร้อยละ ๗๕ (ผา่ น)
-ประเมนิ ชิ้นงาน -แบบประเมนิ ชน้ิ งาน -การประเมินชนิ้ งาน (พระราชประวัติ
และ พระราชกรณียกิจ) รอ้ ยละ ๕๐(ผา่ น)
ด้านทักษะ/ -การตอบคาถาม -บันทึกแผนผังความคดิ -บันทึกความรูค้ รอบคลุมตามประเด็น
กระบวนการ คาถามถกู ต้อง
-แบบประเมนิ ภาพระบาย รอ้ ยละ ๗๕ (ผา่ น)
-การวาดภาพตาม สี -การประเมินภาพวาดระบายสตี าม
จนิ ตนาการ จนิ ตนาการ(พระราชประวัติ และ
พระราชกรณยี กจิ ) ร้อยละ ๕๐(ผ่าน)
ด้านคุณลักษณะอนั -สังเกตพฤตกิ รรม -แบบสังเกตพฤตกิ รรม เกณฑ์การประเมินคณุ ลักษณะ
พึงประสงค์ รายบุคคล อันพึงประสงค์ รอ้ ยละ ๕๐
ดา้ นสมรรถนะ -สงั เกตการพดู -แบบสังเกตพฤตกิ รรม เกณฑก์ ารประเมนิ สมรรถนะสาคญั ของ
สาคญั ของผเู้ รียน ถ่ายทอดความรู้ รายบุคคล ผู้เรยี น รอ้ ยละ ๕๐
ความเขา้ ใจ
ความรสู้ ึก และ
การวาดภาพระบายสี
แนวการจดั การเรยี นรปู้ ระวัตศิ าสตร์เพ่อื สร้างสานึกความเปน็ ไทย : สถาบนั พระมหากษตั รยิ ์ในสงั คมไทย
แนวการจดั การเรยี นร้ปู ระวัติศาสตร์เพอ่ื สรา้ งสำนึกความเปน็ ไทย : สถาบันพระมหากษัตริยใ์ นสังคมไทย
๑๕๖
๑๐. กจิ กรรมกำรเรียนรู้ (ระบุวธิ สี อน/เทคนิคกำรสอน)
กิจกรรม
ขั้นนำ
๑. นักเรียนและครู ร่วมกันร้องเพลง “สดุดีมหาราชา” และสอบถามความรู้สึกท่ีได้ร้องเพลงน้ี
ตลอดจนบุคคลท่ีกล่าวถึงในเพลง มีใครบ้าง ? นักเรียนรู้จักหรือไม่ ? เคยพบเห็นจากท่ีใดบ้าง ? และรู้สึก
อย่างไร ? (เวลา ๕ นาที)
ขัน้ สอน
๒. เปิดวีดิทัศน์ “พระราชประวัติของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช” ให้นักเรียนชม
(เวลา ๕ นาที) และร่วมกนั สนทนาในประเดน็ ดงั น้ี
๑) เมอ่ื นกั เรยี นชมวีดีทศั น์แล้วรสู้ กึ อยา่ งไร ?
๒) พระราชบิดา และพระราชมารดาของพระองค์ท่าน และพระบรมวงศานุวงศ์
ทเี่ ก่ียวข้องโดยตรง (พอ่ แม่ พน่ี ้อง) มใี ครบ้าง ?
๓) พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยูห่ วั ภูมพิ ลอดลุ ยเดช ประพฤติตนเปน็ ลูกทด่ี ีด้านใดบา้ ง ?
๔) พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยหู่ วั ภูมิพลอดลุ ยเดช ทรงพระปรชี าสามารถด้านใดบา้ ง ?
(ด้านอัครศิลปิน ประกอบด้วย ภาพทรงเปียโน และเป่าแซกโซโฟน, ด้านกีฬา ประกอบด้วย ทรงเรือใบ
และ ทรงสรา้ งเรอื ใบ, ด้านครขู องแผน่ ดนิ ประกอบดว้ ย ภาพสอนหนังสือเด็กโรงเรยี นจิตรดา)
๓. ระหว่างการสนทนา คาตอบของนักเรียน ครูจะทาการบันทึกไว้บนกระดานดาทุกประเด็น
คาถาม
๔. นกั เรยี นแตล่ ะคน ถอื รูปภาพคนละ ๑ ภาพ (ประกอบด้วยภาพพระราชบิดา พระราชมารดา
และพระบรมวงศานุวงศ์อื่น ๆ) และให้นักเรียนร่วมจัดผังมโนทัศน์เครือญาติของพระบาทสมเด็จ
พระเจา้ อยูห่ ัวภูมิพลอดุลยเดช ดังภาพ (เวลา ๑๐ นาที)
เครอื ญาติพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยูห่ วั ภมู ิพลอดุลยเดช
รูปพระราชบิดา รปู พระราชมารดา
รปู สมเดจ็ พระพ่นี าง รูปพระบาทสมเดจ็ รูปพระบาทสมเดจ็
ฯ พระอานันทมหิดล พระเจ้าอยหู่ ัวภมู พิ ลอดุลยเดช
แนวการจดั การเรยี นรปู้ ระวัตศิ าสตร์เพอ่ื สรา้ งสานึกความเปน็ ไทย : สถาบันพระมหากษตั ริย์ในสงั คมไทย
แนวการจดั การเรียนรปู้ ระวัติศาสตร์เพื่อสร้างสำนึกความเปน็ ไทย : สถาบนั พระมหากษัตรยิ ใ์ นสังคมไทย
๑๕๗
๕. นักเรียนและครูรว่ มกันสรุปและทบทวนความรู้จากแผนภาพครอบครัวที่นักเรียนจัดแสดงและ
ตรวจสอบความถกู ตอ้ ง
๖. เปิดวีดิทัศน์ “ พระราชกรณียกิจของของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช” ให้
นักเรยี นชม (เวลา ๕ นาท)ี และรว่ มกนั สนทนาในประเด็นดงั น้ี
๑) นักเรียนชมวดี ีทัศน์แล้วรู้สึกอย่างไร ?
๒) ในหลวงทรงทาอะไรให้กับประชาชนของพระองคบ์ ้าง ?
๓) จานวนประชาชนมากมายท่มี าเฝ้ารับเสด็จ นกั เรียนคดิ ว่าเขามาจากท่ไี หนกนั บา้ ง ?
๔) ทาไมประชาชนเหลา่ นนั้ จงึ มากนั มากมายขนาดนี้ ?
๕) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ทรงอทุ ิศตน และทางานเพื่อใคร ? และอย่างไร ?
๖) มีใครอีกบ้างทที่ างานหนักเพ่ือผู้อื่น เท่ากบั พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หวั ภูมิพลอดุลยเดช
ซ่ึงเป็นพระมหากษตั รยิ ์ของไทย ?
๗. ระหว่างการสนทนา คาตอบของนักเรียน ครูจะทาการบันทึกไว้บนกระดานดาทุกประเด็น
คาถาม เพื่อทบทวน และให้นักเรียนบันทึกสรุปเป็นความคิดของตนเอง ในรูปแบบแผนผังความคิด ลงใน
กระดาษเอ ๔ ที่แจกให้ พร้อมกับตกแตง่ ใหส้ วยงาม (เวลา ๒๐ นาท)ี
๘. นักเรียนและครู ร่วมกันยืนร้องเพลง “สดุดีมหาราชา” อีกคร้ัง และถวายความเคารพต่อหน้า
พระบรมฉายาลกั ษณ์ (เวลา ๕ นาท)ี
ข้ันสรปุ
๙. ใหน้ กั เรียนวาดภาพความประทบั ใจพระราชกรณยี กจิ ของพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยู่หวั
ภมู ิพลดลุ ยเดช
๑๐. ครแู ละนกั เรยี นร่วมร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี สดดุ ีมหาราชา......
๑๑. สอ่ื /แหลง่ เรียนรู้
๑. วดี ทิ ัศน์ เรอ่ื ง “พระราชประวตั ิ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยหู่ ัวภูมิพลอดุลยเดช” และ
“พระราชกรณียกจิ ของของพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยหู่ ัวภูมพิ ลอดุลยเดช”
๒. รูปภาพพระราชบิดา พระราชมารดา และ พระบรมวงศานุวงศ์อ่ืน ๆ
๓. พระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเดจ็ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอย่หู ัว
๑๒. บันทกึ หลังสอน
๑. ด้านความรู้
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
แนวการจัดการเรยี นรปู้ ระวตั ศิ าสตร์เพอื่ สร้างสานกึ ความเปน็ ไทย : สถาบันพระมหากษัตรยิ ์ในสังคมไทย
แนวการจัดการเรียนรูป้ ระวตั ิศาสตรเ์ พือ่ สร้างสำนกึ ความเปน็ ไทย : สถาบนั พระมหากษตั รยิ ์ในสงั คมไทย
๑๕๘
๒. ดา้ นทักษะ/กระบวนการ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
๓. ด้านคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
๔. ด้านสมรรถนะท่สี าคัญของผ้เู รยี น
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
แนวการจัดการเรยี นรปู้ ระวตั ศิ าสตร์เพื่อสร้างสานึกความเปน็ ไทย : สถาบนั พระมหากษตั รยิ ์ในสงั คมไทย
แนวการจดั การเรยี นรูป้ ระวตั ิศาสตร์เพื่อสรา้ งสำนึกความเป็นไทย : สถาบันพระมหากษัตรยิ ์ในสงั คมไทย
๑๕๙
แบบประเมินคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์
เคำรพเทดิ ทูนสถำบันพระมหำกษัตริย์ ระดับคณุ ภำพ ปรบั ปรงุ (๐)
พฤตกิ รรมบ่งชี้ ดีเยีย่ ม (๓) ดี (๒) พอใช/้ ผ่ำนเกณฑ์ ไมเ่ ข้ารว่ มกิจกรรม
ข้ันต่ำ (๑) ท่เี ก่ียวกบั สถาบัน
๑.เขา้ ร่วมและ เขา้ ร่วมกิจกรรม พระมหากษัตรยิ ์
มีส่วนรว่ มใน และมีสว่ นรว่ ม เข้ารว่ มกจิ กรรม เข้ารว่ มกิจกรรม
การจดั กจิ กรรม ในการจดั กจิ กรรม กิจกรรมท่ีเกย่ี วกับ กิจกรรมทเ่ี กี่ยวกับ
เกย่ี วกับสถาบัน ที่เกี่ยวกบั สถาบัน สถาบัน สถาบนั
พระมหากษัตรยิ ์ พระมหากษัตรยิ ์ พระมหากษัตริย์ พระมหากษัตรยิ ์
๒. แสดงความ ตามท่ีโรงเรียน ตามท่ีโรงเรียน ตามที่โรงเรยี นจดั
สานกึ ในพระมหา และชมุ ชนจดั ขน้ึ และชุมชนจดั ข้ึน ข้นึ
กรุณาธคิ ุณของ
พระมหากษัตริย์
๓. แสดงออกซง่ึ
ความจงรักภกั ดี
ตอ่ สถาบนั
พระมหากษัตริย์
ระดับคณุ ภำพ ๕-๖ หมายถงึ ดเี ยีย่ ม
คะแนน ๓-๔ หมายถึง ดี
๑-๒ หมายถึง พอใช้
คะแนน ๐ หมายถึง ปรับปรุง
คะแนน
คะแนน
ผา่ นเกณฑ์การประเมินคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ ร้อยละ ๗๐
แนวการจัดการเรียนรปู้ ระวตั ศิ าสตร์เพื่อสร้างสานกึ ความเปน็ ไทย : สถาบนั พระมหากษตั รยิ ์ในสังคมไทย
แนวการจดั การเรียนร้ปู ระวตั ิศาสตร์เพ่ือสรา้ งสำนึกความเป็นไทย : สถาบันพระมหากษตั ริยใ์ นสงั คมไทย
๑๖๐
แบบประเมินสมรรถนะสำคัญ
ระดบั คณุ ภำพ
พฤตกิ รรมบ่งช้ี ดีเย่ียม (๓) ดี (๒) พอใช/้ ผ่ำนเกณฑ์ ปรับปรงุ (๐)
ข้นั ต่ำ (๑)
๑. พูดถา่ ยทอด พูดถ่ายทอดความรู้ พูดถา่ ยทอดความรู้ พูดถ่ายทอดความรู้ ไม่สามารถพดู
ความรู้ ความ ความเขา้ ใจจาก ความเขา้ ใจจาก ความเขา้ ใจ ถ่ายทอดความรู้
เขา้ ใจจากเร่ือง เรอื่ งท่ีอ่าน ฟงั ดู เร่อื งที่อ่าน ฟงั หรือ จากเรื่องทอี่ ่าน ความเข้าใจจาก
ท่ีอ่าน ฟัง หรือ ด้วยภาษาของ ดู ดว้ ยภาษาของ ฟัง หรือดู สารท่ีอ่าน ฟัง หรอื
ดูดว้ ยภาษาของ ตนเองได้อยา่ ง ตนเองได้อยา่ ง ด้วยภาษาของ ดู ด้วยภาษาของ
ตนเองได้ คลอ่ งแคล่วชดั เจน ชัดเจนแตข่ าด ตนเองไดบ้ า้ ง ตนเองหรือพดู ได้
ความคล่องแคลว่
๓. เขยี น เขยี นถ่ายทอด เขยี นถา่ ยทอด เขยี นถ่ายทอด เขยี นถา่ ยทอด
ถา่ ยทอดความรู้ ความรู้ ความเข้าใจ ความรู้ ความเขา้ ใจ ความรู้ ความเข้าใจ ความรู้ ความเข้าใจ
ความเขา้ ใจจาก จากสารท่อี ่าน ฟงั จากเรือ่ งท่ีอา่ น ฟัง จากเรื่องท่อี า่ น ฟัง จากเร่ืองท่ีอา่ น ฟัง
เรือ่ งที่อา่ น ฟงั ดู ด้วยการวาดภาพ ดู ด้วยด้วยการวาด ดู ดว้ ยการวาดภาพ หรือดตู ามแบบ
หรอื ดดู ว้ ยการ ตามจินตนาการ ภาพตาม ตามจนิ ตนาการ
วาดภาพตาม ของตนเอง จินตนาการของ ของตนเองได้มี
จนิ ตนาการ ครอบคลุมครบถว้ น ตนเองมเี นื้อหา เนือ้ หาสาคญั เป็น
ของตนเอง สาคญั เปน็ สว่ นใหญ่ บางส่วน
แต่ไม่ครบถว้ น
๒. คิดสรา้ งสรรค์ ใช้จินตนาการเชงิ ใช้จินตนาการ ใชจ้ นิ ตนาการ ใช้จินตนาการ
มจี ิตนาการ มี บวกในการ เชงิ บวกในการ เชิงบวกในการ เชิงบวกในการ
จนิ ตนาการ คิด สร้างสรรค์สง่ิ สรา้ งสรรคส์ ่งิ สรา้ งสรรค์ส่ิง สรา้ งสรรคส์ ่ิง
ในทางบวก และ แปลกใหม่ และ แปลกใหม่ และ แปลกใหม่ และ แปลกใหม่ และ
สามารถประยุกต์ หรอื ประยุกตส์ รา้ ง หรอื ประยุกตส์ รา้ ง หรอื ประยุกต์ หรอื ประยุกต์
สร้างสรรคส์ ่ิงใหม่ สิง่ ใหม่ ได้อยา่ งมี ส่งิ ใหมไ่ ด้อย่างมี สรา้ งสิง่ ใหมไ่ ด้ สร้างส่งิ ใหม่ไม่
เพื่อประโยชน์ต่อ ประสทิ ธิภาพต่อ ประสิทธิภาพ ตอ่
ตนเองและสงั คม ตนเองและสังคม ตนเองและสงั คม
แนวการจดั การเรยี นรปู้ ระวัตศิ าสตร์เพ่อื สรา้ งสานึกความเปน็ ไทย : สถาบันพระมหากษัตรยิ ์ในสังคมไทย
แนวการจดั การเรียนร้ปู ระวัตศิ าสตรเ์ พ่ือสรา้ งสำนกึ ความเปน็ ไทย : สถาบนั พระมหากษัตริยใ์ นสังคมไทย
๑๖๑
แบบประเมนิ ช้นิ งำน
๑. เกณฑ์กำรประเมินภำพวำด พระรำชประวัติ
ประเด็นกำร ระดบั คุณภำพ
ประเมิน ดเี ยย่ี ม (๓) ดี (๒) พอใช้/ผำ่ นเกณฑ์ ปรับปรงุ (๐)
ขน้ั ต่ำ (๑)
ถกู ต้องครบถ้วน วาดภาพพระราช วาดภาพพระราช วาดภาพพระราช วาดภาพพระราช
ตามทกี่ าหนด ประวัติไดถ้ ูกต้อง ประวัติได้ถูกต้อง ประวัติได้ถูกต้อง ประวตั ไิ ม่ถกู ต้อง
ความสวยงาม ครบถว้ น มากกว่า ครบถ้วน มากกวา่ ครบถ้วน มากกวา่
รอ้ ยละ ๗๐ ร้อยละ ๖๐ ร้อยละ ๕๐
ความคิด ภาพวาดมคี วาม ภาพวาดมคี วาม ภาพวาดมีความ ภาพวาดไม่
สร้างสรรค์ สวยงาม ท้งั การ สวยงาม แต่ สวยงาม แต่ไม่มี ครบถ้วนและไม่มี
วาดภาพและ ระบายสไี ม่ครบ การระบายสี การระบายสี
ระบายสี ทั้งภาพ
ภาพวาดมีความ ภาพวาดมี ภาพวาดมี ไม่มีการวาดภาพ
สรา้ งสรรค์ ความคดิ ความคดิ หรือใช้ความคดิ
สวยงาม สร้างสรรค์ สรา้ งสรรคอ์ าจมี สรา้ งสรรค์
แปลกใหม่ การคดั ลอกมา
๒. เกณฑ์กำรประเมินภำพวำดพระรำชกรณยี กจิ ระดับคุณภำพ
ประเด็นกำร
ประเมิน ดเี ย่ยี ม (๓) ดี (๒) พอใช/้ ผ่ำนเกณฑ์ ปรบั ปรงุ (๐)
ข้นั ต่ำ (๑)
ถกู ต้องครบถ้วน วาดภาพพระราช วาดภาพพระราช วาดภาพพระราช วาดภาพพระราช
ตามท่กี าหนด กรณียกจิ ได้ กรณยี กจิ ได้ กรณียกิจได้ กรณยี กจิ ไม่
ถกู ต้องครบถ้วน ถกู ต้องครบถ้วน ถูกต้องครบถว้ น ถูกต้อง
มากกวา่ ร้อยละ มากกวา่ ร้อยละ มากกวา่ ร้อยละ
๗๐ ๖๐ ๕๐
ความสวยงาม ภาพวาดมีความ ภาพวาดมคี วาม ภาพวาดมีความ ภาพวาดไม่
สวยงาม ท้ังการ สวยงาม แต่ สวยงาม แตไ่ ม่มี ครบถ้วนและไม่มี
วาดภาพและ ระบายสไี ม่ครบ การระบายสี การระบายส
ระบายสี ท้ังภาพ
ความคิด ภาพวาดมคี วาม ภาพวาดมี ภาพวาดมี ไม่มีการวาดภาพ
สร้างสรรค์ สร้างสรรค์ ความคดิ ความคิด หรือใชค้ วามคดิ
สวยงามแปลกใหม่ สรา้ งสรรค์ สรา้ งสรรค์อาจมี สร้างสรรค์
การคัดลอกมา
แนวการจัดการเรียนรปู้ ระวตั ศิ าสตร์เพือ่ สร้างสานึกความเปน็ ไทย : สถาบนั พระมหากษัตริย์ในสงั คมไทย
แนวการจัดการเรียนรู้ประวัติศาสตร์เพื่อสร้างสำนกึ ความเป็นไทย : สถาบนั พระมหากษัตริย์ในสงั คมไทย
๑๖๒
ภำคผนวก
แนวการจดั การเรยี นรปู้ ระวตั ศิ าสตร์เพื่อสร้างสานกึ ความเปน็ ไทย : สถาบนั พระมหากษตั ริย์ในสงั คมไทย
แนวการจัดการเรียนรู้ประวัตศิ าสตร์เพือ่ สร้างสำนกึ ความเปน็ ไทย : สถาบันพระมหากษตั ริย์ในสงั คมไทย
๑๖๓
แนวการจดั การเรยี นรปู้ ระวตั ศิ าสตร์เพ่อื สรา้ งสานึกความเปน็ ไทย : สถาบันพระมหากษัตริย์ในสงั คมไทย
แนวการจดั การเรียนร้ปู ระวตั ิศาสตร์เพือ่ สรา้ งสำนึกความเปน็ ไทย : สถาบันพระมหากษัตรยิ ์ในสงั คมไทย
๑๖๔
แนวการจัดการเรยี นรปู้ ระวตั ศิ าสตร์เพ่อื สร้างสานกึ ความเปน็ ไทย : สถาบันพระมหากษัตริย์ในสงั คมไทย
แนวการจดั การเรียนร้ปู ระวตั ิศาสตร์เพ่ือสรา้ งสำนกึ ความเป็นไทย : สถาบนั พระมหากษตั รยิ ์ในสังคมไทย
๑๖๕
กลุ่มสำระกำรเรียนรู้ ตัวอย่ำงแผน ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ ๔
รำยวชิ ำ รำ่ งแผนกำรจัดกำรเรยี นรูท้ ่ี ๘ รหัสวชิ า…………………
หนว่ ยกำรเรยี นร้ทู ี่ ๒ สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม จานวน ๒ คาบ
หนว่ ยยอ่ ยท่ี ๑
ประวัติศาสตร์
เรือ่ ง สถาบันพระมหากษัตรยิ ์
เรือ่ ง พ่อขนุ รามคาแหงมหาราช
๑. สำระ/มำตรฐำนกำรเรยี นรู/้ ตัวชว้ี ัด
มาตรฐานการเรยี นรู้
ส ๔.๓ เข้าใจความเป็นมาของชาติไทย วัฒนธรรม ภูมิปญั ญาไทย มคี วามรัก ความภูมใิ จและ
ธารงความเปน็ ไทย
ตวั ชวี้ ดั
ป. ๔/๒ บอกประวัตแิ ละผลงานของบุคคลสาคญั สมัยสโุ ขทัย
๒. สำระสำคัญ
พ่อขนุ รามคาแหงมหาราช เปน็ พระมหากษัตรยิ ์ราชวงศ์พระรว่ งแหง่ อาณาจักรสโุ ขทัยมีพระราช
กรณียกิจที่สาคัญ ทรงขยายอาณาเขตของอาณาจักรให้กว้างขวางออกไปกว่าก่อนมากและทรงสร้างสรรค์
ความเจริญรุ่งเรืองของสุโขทัยให้กลายเป็นเมืองสาคัญในบริเวณลุ่มแม่น้ายม ที่มีรากฐานของศาสนา
ประเพณวี ัฒนธรรม และตวั อกั ษรเป็นของตนเอง ซงึ่ เปน็ สิ่งทคี่ วรภาคภูมิใจมาจนปจั จบุ นั
๓. จุดประสงคก์ ำรเรียนรู้
๑. อธิบายประวัติพระราชกรณียกิจที่สาคัญของพ่อขุนรามคาแหงมหาราช (K) เล่า/บอก
พระปรชี าสามารถทแี่ สดงความกล้าหาญของพ่อขนุ รามคาแหง
๒. นาเสนอผลงานและประโยชน์ของผลงานของพ่อขนุ รามคาแหงมหาราชทม่ี ตี ่อชาตไิ ทย (P)
๓. เหน็ คุณค่าและช่นื ชมในสถาบันพระมหากษัตรยิ ไ์ ทย (A)
๔. สำระกำรเรยี นรู้
๑. พระราชประวัตแิ ละพระราชกรณยี กิจของพ่อขุนรามคาแหงมหาราช
๒. มรดกท่สี บื ทอดสูช่ นรุ่นหลังและสิง่ ท่ชี นร่นุ หลังเลอื กเปน็ แบบอยา่ ง เช่น ตัวอกั ษรไทย
๕. ทักษะ/กระบวนกำร
- ทกั ษะกระบวนการกลมุ่ ทักษะการคิดวิเคราะห์
๖. คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์
๑. รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์
๒. ใฝเ่ รียนรู้
๓. มงุ่ ม่ันในการทางาน
๔. รกั ความเปน็ ไทย
แนวการจัดการเรยี นรปู้ ระวตั ศิ าสตร์เพอ่ื สร้างสานึกความเปน็ ไทย : สถาบนั พระมหากษตั ริย์ในสงั คมไทย
แนวการจัดการเรียนรู้ประวตั ิศาสตร์เพ่อื สรา้ งสำนึกความเป็นไทย : สถาบันพระมหากษัตริยใ์ นสังคมไทย
๑๖๖
๗. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน
๑. ความสามารถในการสื่อสาร
๒. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
๓. ความสามารถในการคดิ วเิ คราะห์
๔. ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ
๘. หลักฐำนกำรเรยี นรู้
๑. ช้นิ งาน
- พาดหัวขา่ วหนงั สือพิมพส์ ดุดพี ่อขุนรามคาแหง
๒. ภาระงาน
- การนาเสนอผลงาน
๙. กำรวัดผลและประเมินผล
เปำ้ หมำย วธิ วี ัด เครื่องมอื วัด เกณฑ์กำรประเมนิ
ไดค้ ะแนนร้อยละ ๗๐
ด้ำนควำมรู้ - การสนทนา แบบทดสอบ
ไดค้ ะแนนรอ้ ยละ ๗๐
ซกั ถาม
- การทดสอบ
ดำ้ นทกั ษะ/กระบวนกำร
กระบวนการคดิ การสงั เกต แบบประเมิน
ดำ้ นคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์
รกั ชาติ ศาสนา และ การสงั เกต แบบประเมิน ไดค้ ะแนนร้อยละ ๗๐
พระมหากษัตรยิ ์ แบบประเมิน ไดค้ ะแนนรอ้ ยละ ๗๐
แบบประเมิน ได้คะแนนร้อยละ ๗๐
ใฝเ่ รียนรู้ การสงั เกต แบบประเมิน ได้คะแนนร้อยละ ๗๐
มุ่งมน่ั ในการทางาน การสงั เกต แบบประเมนิ ได้คะแนนรอ้ ยละ ๗๐
แบบประเมิน ไดค้ ะแนนร้อยละ ๗๐
รักความเปน็ ไทย การสงั เกต แบบประเมนิ ได้คะแนนร้อยละ ๗๐
ด้ำนสมรรถนะทส่ี ำคญั ของผู้เรียน
ความสามารถในการสื่อสาร การสังเกต
ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี การสังเกต
ความสามารถในการคดิ วิเคราะห์ การสังเกต
แนวการจดั การเรยี นรปู้ ระวัตศิ าสตร์เพื่อสร้างสานกึ ความเปน็ ไทย : สถาบันพระมหากษัตริย์ในสังคมไทย
แนวการจดั การเรยี นรู้ประวัติศาสตรเ์ พ่อื สร้างสำนึกความเปน็ ไทย : สถาบันพระมหากษัตรยิ ์ในสังคมไทย
๑๖๗
๑๐. กจิ กรรมกำรเรียนรู้ (วิธสี อนใช้กระบวนกำรกลมุ่ )
ขัน้ นำเข้ำส่บู ทเรยี น
กิจกรรมแรงบันดาลใจจากเพลง (๗ นาท)ี
เพลงเปน็ ส่อื ทสี่ าคญั ในการช่วยเรง่ เร้าความสนใจ เพ่มิ พนู ความรู้ความเขา้ ใจและความ
ตระหนักในเน้ือหาของบทเรียน ฝึกความคิดริเริ่มสร้างสรรค์และปลูกจิตสานึกรักความเป็นไทย ซึ่งมี
ข้นั ตอน ดังนี้
๑. ครูเขียนเนื้อเพลง “อานุภาพพ่อขุนรามคาแหง” ไว้บนกระดาษโปสเตอร์ และติดไว้ท่ีบอร์ด
หรอื กระดานดา
๒. ครรู ้องเพลงอานภุ าพพ่อขุนรามคาแหงใหน้ ักเรยี นฟงั ก่อน ๑ รอบ
๓. ให้นักเรียนร้องเพลง “อานุภาพพ่อขุนรามคาแหง” แล้วให้นักเรียนร่วมสนทนาและวิเคราะห์
เนอ้ื หาในบทเพลงดงั ประเดน็ ดังต่อไปน้ี
๑) เนอื้ หาในเพลง กลา่ วถึงอะไรบา้ ง
๒) เมื่อนกั เรยี นเพลงและร้องเพลงนแ้ี ลว้ นักเรยี นร้สู ึกอย่างไร ทาไมจงึ รสู้ ึกเช่นนัน้
ขน้ั สอน “กิจกรรมกำร์ตนู สอนใจ” (๒๐ นำที)
๔. การต์ ูนเป็นสอื่ ทสี่ ากลใหส้ ามารถสร้างความสนใจใหก้ ับผ้เู รยี นอยา่ งยงิ่ ในแผนนีใ้ ช้สอ่ื การ์ตูน
เรื่อง “ประวตั ิพ่อขุนรามคาแหงมหาราช” แล้วรว่ มกันวเิ คราะหแ์ ละสรุปเรื่องที่ไดศ้ ึกษา โดยครูใช้คาถาม ดังน้ี
- พ่อขุนรามคาแหงมหาราชทรงแสดงออกถึงความเป็นพระมหากษัตริย์ผู้มีความปรีชาสามารถ
ตอนพระชนมายุเท่าไร มีเหตุการณ์อะไร (ขณะมีพระชนมายุ ๑๙ พรรษา ทรงชนช้างชนะขุนสามชน
เจ้าเมืองฉอด)
- ทรงปกครองบ้านเมืองอย่างไร (ทรงปกครองโดยมีธรรมะและเอาใจใส่วิถีชีวิตของประชาชน
เพ่อื ใหป้ ระชาชนมีความสขุ )
- ทรงส่งเสริมสังคม ศาสนา และวัฒนธรรมอย่างไร (ทรงฟ้ืนฟูประเพณีต่างๆ เช่น วันพระ วัน
เข้าพรรษา วันวิสาขบูชา โดยถือเอาวันสาคัญทางพระพุทธศาสนาเป็นวันหยุดการทางาน เพ่ือทุกคนจะได้
ไปร่วมกันทากิจกรรมที่วัด จึงมีการสร้างวัดขึ้นมากมาย ทาให้พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองสืบเนื่องจนถึง
ปจั จบุ ัน และเกิดประเพณีต่างๆ ตามมา เช่น ประเพณีเผาเทียนเลน่ ไฟ ประเพณีลอยกระทง เปน็ ตน้ )
๕. กิจกรรมพาดหัวข่าว นสพ. “สดุดีพ่อขุนรามคาแหงมหาราช” กิจกรรมนี้มุ่งเน้นให้นักเรียน
แสดงถงึ ความรสู้ ึกที่มตี อ่ พ่อขุนรามคาแหงมหาราชอยา่ งเป็นรูปแบบและเพ่มิ พนู ทักษะการส่อื สาร
มขี ้ันตอนการสอน ดงั น้ี
๑) ครูนาหน้าแรกของหนังสือพิมพ์ในปัจจุบัน มาให้นักเรียนศึกษาวิธีการหรือเทคนิคการพาด
หวั ข่าว หรอื การเสนอข่าวในหน้าแรกของหนังสือพิมพ์ ครใู หแ้ นวคิดเกี่ยวกบั การพาดหวั ข่าวและการเสนอ
ขา่ วของหนังสอื พมิ พป์ ระกอบ
แนวการจัดการเรยี นรปู้ ระวัตศิ าสตร์เพอ่ื สร้างสานกึ ความเปน็ ไทย : สถาบันพระมหากษัตรยิ ์ในสงั คมไทย
แนวการจดั การเรยี นรปู้ ระวตั ิศาสตรเ์ พอ่ื สร้างสำนกึ ความเปน็ ไทย : สถาบนั พระมหากษัตรยิ ์ในสงั คมไทย
๑๖๘
๒) ให้นักเรียนแบ่งกลุ่มๆ ละ ๓ - ๔ คน แต่ละกลุ่มดาเนินการเลือกประธานและเลขานุการ
และให้แต่ละกลุ่มจัดทากิจกรรมพาดหัวข่าว โดยให้นักเรียนแต่ละกลุ่มยกตัวอย่างผลงาน และเนื้อข่าว
จากพระราชกรณียกิจของพ่อขุนรามคาแหงมหาราช
๓) ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันวางแผนการพาดหัวข่าวและเสนอข่าวหน้าแรก พร้อมตกแต่ง
ให้เหมอื นหนา้ แรกของหนังสือพมิ พ์
๔) ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มนาผลงานการจัดทาข่าวหนังสือพิมพ์หน้าแรก มาติดไว้ที่กระดานตา
และสง่ ตัวแทนนาเสนอผลงานใหน้ กั เรยี นแตล่ ะกลุ่มซักถามข้อสงสัยของแต่ละกลุ่ม
๕) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปว่า พ่อขุนรามคาแหงมหาราชทรงเป็นพระมหากษัตริย์ท่ีสาคัญ
มากท่ีสุดองค์หน่ึงของไทย พระทรงสร้างความเจริญทุกด้านให้กับชาติ ทรงขยายอาณาเตและสร้างความ
เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันให้เกิดขึ้น พร้อมกับทรงสร้างมรดกทางศิลปวัฒนธรรม ประเพณี ภาษา ให้คนรุ่น
หลังไดใ้ ชส้ บื ต่อมาจนปจั จบุ นั
๖.นักเรียนร่วมกนั สรุปผลงานสาคัญและประโยชนข์ องพระราชกรณียกิจทีม่ ตี ่อชาติ
ไทยของพอ่ ขุนรามคาแหงมหาราชเป็นผงั มโนทศั น์
๗. ใหน้ กั เรียนทุกกลมุ่ นาผลงานมาจดั ปา้ ยนิเทศ
แนวการจดั การเรียนรปู้ ระวัตศิ าสตร์เพ่ือสรา้ งสานกึ ความเปน็ ไทย : สถาบนั พระมหากษัตรยิ ์ในสังคมไทย
แนวการจดั การเรียนรู้ประวัติศาสตรเ์ พ่อื สรา้ งสำนกึ ความเป็นไทย : สถาบนั พระมหากษัตรยิ ใ์ นสังคมไทย
๑๖๙
(ตัวอยา่ งแผนภาพ)
ปกครองบ้านเมืองแบบพ่อ ฟ้ืนฟูประเพณีทาง
ปกครองลูกโดยการแขวน พระพุทธศาสนา
กระดง่ิ ร้องทุกข์ไวห้ นา้ วัง กาหนดใหว้ นั พระเป็นวนั หยดุ
ทาการค้ากับต่างประเทศ ผลงำนสำคัญของ สรา้ งวดั เปน็ ศูนย์กลาง
พอ่ ขุนรำมคำแหงมหำรำช ของชุมชน
ประดษิ ฐอ์ กั ษรไทยเปน็ ภำษำทำงรำชกำร
ทรงเป็นแบบอย่างของพระมหากษตั รยิ ์ พระพุทธศำสนำเจริญรุง่ เรือง
ที่มีเมตตาธรรม ประชำชนดำรงตนอยใู่ นหลักธรรม
มีมรดกทางวฒั นธรรม ประโยชนข์ องผลงำน ประเทศไทยมีภำษำไทยเปน็
สืบเนื่องจนถึงปจั จบุ ัน ทีม่ ตี ่อชำติ ภำษำประจำชำติ
ระบบเศรษฐกิจพัฒนาต่อเนื่อง
ตามยคุ สมยั
แนวการจดั การเรยี นรปู้ ระวตั ศิ าสตร์เพื่อสรา้ งสานกึ ความเปน็ ไทย : สถาบันพระมหากษัตรยิ ์ในสงั คมไทย
แนวการจัดการเรยี นรปู้ ระวัตศิ าสตรเ์ พ่อื สรา้ งสำนึกความเปน็ ไทย : สถาบันพระมหากษัตรยิ ์ในสังคมไทย
๑๗๐
๑๑. สอื่ /แหล่งเรียนรู้
๑. บทเพลงในน้ามีปลา ในนามขี า้ ว (youtube ในภาคผนวก)
เ พลง -ใน น้ำมปี ลำ ใน น ำมขี ำ้ ว-.MP4
๒. ภาพอนุสาวรยี พ์ ่อขนุ รามคาแหงมหาราช
๓. ภาพการทาหลักศิลาจารึกของพ่อขนุ รามคาแหงมหาราช
๔. วี ซี ดี การ์ตูน เรอื่ ง พ่อขุนรามคาแหงมหาราช (youtube ในภาคผนวก)
กำร์ตนู ปร ะวัตพิ ่อขนุ ร ำม. .wmv.MP4
๕. หนงั สอื พิมพ์
๖. กระดาษชาร์ทเทาขาว สี สเี มจิก กาว ภาพ
๑๒. บันทกึ หลังสอน
๑. ดา้ นความรู้
.................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ....................................
............................................................................................................................. ....................................
๒. ด้านทกั ษะ/กระบวนการ
.................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ....................................
............................................................................................................................... ..................................
................................................................................................ .................................................................
๓. ด้านคณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
............................................................................................................................. ....................................
............................................................................................................................. ....................................
........................................................................................... ......................................................................
............................................................................................................................. ....................................
๔. ดา้ นสมรรถนะที่สาคญั ของผเู้ รยี น
............................................................................................................................. ....................................
.................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ....................................
............................................................................................................................. ...................................
แนวการจดั การเรียนรปู้ ระวัตศิ าสตร์เพ่ือสร้างสานกึ ความเปน็ ไทย : สถาบนั พระมหากษัตริย์ในสงั คมไทย
แนวการจัดการเรยี นรู้ประวตั ิศาสตรเ์ พือ่ สรา้ งสำนึกความเปน็ ไทย : สถาบันพระมหากษตั ริย์ในสงั คมไทย
๑๗๑
ภาพอนสุ าวรยี พ์ ่อขนุ รามคาแหงมหาราช
ภาพจาลองหลกั ศลิ าจารกึ ของพอ่ ขนุ รามคาแหงมหาราช
แนวการจัดการเรียนรปู้ ระวตั ศิ าสตร์เพอื่ สร้างสานกึ ความเปน็ ไทย : สถาบันพระมหากษัตริย์ในสังคมไทย
แนวการจดั การเรียนรู้ประวตั ศิ าสตร์เพ่ือสรา้ งสำนกึ ความเป็นไทย : สถาบนั พระมหากษัตริย์ในสงั คมไทย
๑๗๒
แบบสังเกตพฤติกรรมกระบวนกำรทำงำนกลมุ่
คำชีแ้ จง ให้ผู้สอนสงั เกตพฤติกรรมของนกั เรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แล้วขีด
ลงในชอ่ งท่ตี รงกับระดับคะแนน
ท่ี ชือ่ – สกุลของผูร้ ับ การแสดง การยอมรบั การทางาน ความมี การมีสว่ น
กำรประเมนิ ความ ฟงั คนอืน่ ตามท่ไี ด้รบั นา้ ใจ
คิดเหน็ มอบหมาย รว่ มในการ รวม
ปรับปรุง คะแนน
ผลงานกลมุ่
๓ ๒ ๑ ๓ ๒ ๑ ๓ ๒ ๑ ๓ ๒ ๑ ๓ ๒ ๑ ๑๕
(ลงช่ือ).....................................................ผู้ประเมนิ
............../...................................../...............................
เกณฑก์ ำรให้คะแนน ให้ ๓ คะแนน
๑) ปฏิบตั ิหรือแสดงพฤตกิ รรมอย่างสม่าเสมอ ให้ ๒ คะแนน
๒) ปฏบิ ตั หิ รือแสดงพฤติกรรมบ่อยครงั้ ให้ ๑ คะแนน
๓) ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครัง้
เกณฑ์กำรตัดสินคุณภำพ
ชว่ งคะแนน ระดบั คุณภาพ
๑๒ – ๑๕ ดี
๘ – ๑๑ พอใช้
ต่ากวา่ ๘ ปรับปรุง
แนวการจัดการเรียนรปู้ ระวตั ศิ าสตร์เพอื่ สร้างสานึกความเปน็ ไทย : สถาบนั พระมหากษตั รยิ ์ในสังคมไทย
แนวการจัดการเรียนรู้ประวตั ิศาสตร์เพอ่ื สร้างสำนกึ ความเป็นไทย : สถาบันพระมหากษตั ริย์ในสังคมไทย
๑๗๓
แบบกำรนำเสนอผลงำน
คำช้แี จง ใหผ้ สู้ อนสงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรียน แลว้ ขีด
ลงในชอ่ งทีต่ รงกบั ระดับคะแนน
ลำดับ รำยกำรประเมนิ คะแนน
ท่ี ๓๒๑
๑ ความถกู ตอ้ งของเน้ือหา
๒ ความคดิ ริเริม่ สรา้ งสรรค์
๓ วิธกี ารนาเสนอผลงาน
๔ การนาไปใช้ประโยชน์
๕ การตรงต่อเวลา
รวม
(ลงช่อื ).....................................................ผ้ปู ระเมิน
............../...................................../...............................
เกณฑ์กำรให้คะแนน
๑) ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคลอ้ งกับรายการประเมินและสมบูรณ์ ให้ ๓ คะแนน
๒) ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมนิ เป็นสว่ นใหญ่ ให้ ๒ คะแนน
๓) ผลงานหรอื พฤติกรรมสอดคลอ้ งกับรายการประเมนิ บางส่วน ให้ ๑ คะแนน
เกณฑก์ ำรตัดสินคุณภำพ
ชว่ งคะแนน ระดับคณุ ภำพ
๑๒ – ๑๕ ดี
๘ – ๑๑ พอใช้
ต่ากวา่ ๘ ปรับปรุง
แนวการจดั การเรียนรปู้ ระวัตศิ าสตร์เพ่ือสร้างสานึกความเปน็ ไทย : สถาบันพระมหากษัตรยิ ์ในสังคมไทย
แนวการจดั การเรียนรูป้ ระวัตศิ าสตรเ์ พือ่ สรา้ งสำนึกความเปน็ ไทย : สถาบันพระมหากษัตรยิ ใ์ นสังคมไทย
๑๗๔
แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
คำช้ีแจง ให้ผู้สอนสงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหวา่ งเรียนและนอกเวลาเรียน แลว้ ขีด
ลงในชอ่ งทต่ี รงกับระดบั คะแนน
รำยกำรประเมนิ พฤติกรรมที่แสดงออก คะแนน
๓๒๑
ใฝเ่ รียนรู้ ๑. มีความกระตือรอื ร้นและสนใจที่จะแสวงหาความรู้
๒. ชอบสนทนา ซกั ถาม ฟงั หรอื อา่ นเพื่อให้ได้ความรู้เพิ่มข้นึ
มุ่งมน่ั ในกำร ๓. มีความสขุ ทไี่ ดเ้ รยี นรู้ในสงิ่ ที่ตนเองต้องการเรียนรู้
ทำงำน ๑. มคี วามตง้ั ใจและพยายามในการทางานท่ไี ดร้ ับมอบหมาย
รักควำมเป็นไทย ๒. มีความอดทนและไม่ท้อแท้ต่ออุปสรรคเพื่อให้งานสาเร็จ
๑. ใช้ภาษาไทยได้ถกู ต้อง
๒. รู้จกั อ่อนน้อมถ่อมตนและมสี มั มาคารวะ
๓. มีส่วนร่วมในการเผยแพร่และอนุรกั ษว์ ัฒนธรรมและ
ขนบธรรมเนยี มประเพณีไทย
คะแนนรวม
คะแนนเฉลีย่
เกณฑก์ ำรตดั สนิ คณุ ภำพ ๒.๓๔ – ๓.๐๐ ๑.๖๗ – ๒.๓๓ ๑.๐๐ – ๑.๖๖
ช่วงคะแนนเฉลีย่ ๓ = ดมี าก ๒ = พอใช้ ๑ = ควรปรบั ปรุง
ระดับคุณภำพ
สรุปผลกำรประเมนิ (เขยี นเครอ่ื งหมาย ลงในชอ่ ง )
ระดับคุณภำพที่ได้ ๓๒๑
ท่ี รำยกำร เห็นด้วย ไม่เห็นดว้ ย
๑. นักเรยี นเห็นพระบรมรปู ของพ่อขนุ รามคาแหงจะทาความเคารพทุกครง้ั
๒. เมื่อเรียนประวัตศิ าสตรเ์ กี่ยวกับการสถาปนากรุงสโุ ขทยั รูส้ กึ เบอ่ื และงว่ ง
๓. เม่อื มีการจัดทัศนศึกษาของโรงเรียนอยากให้หาไปจังหวัดสโุ ขทัย เพราะจะดู
แนวการจัดการเรียนรปู้ ระวัตศิ าสตร์เพ่ือสร้างสานกึ ความเปน็ ไทย : สถาบนั พระมหากษตั รยิ ์ในสังคมไทย
แนวการจัดการเรยี นรูป้ ระวตั ิศาสตรเ์ พื่อสร้างสำนึกความเปน็ ไทย : สถาบนั พระมหากษัตริยใ์ นสังคมไทย
๑๗๕
แบบประเมินสมรรถนะสำคัญของผูเ้ รียน
คำชี้แจง ใหผ้ สู้ อนสงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด
ลงในชอ่ งทตี่ รงกบั ระดับคะแนน
รำยกำรประเมิน พฤติกรรมที่แสดงออก คะแนน
๓๒๑
กำรสอ่ื สำร ๑. ใช้วิธกี ารสอ่ื สารในการนาเสนอขอ้ มูลความรู้ได้อย่างเหมาะสม
๒. เลือกรบั ข้อมลู ความรูด้ ว้ ยหลักเหตุผลและความถกู ต้อง
๓. ศกึ ษาคน้ ควา้ ขอ้ มลู ความรู้จากสอื่ และแหลง่ เรยี นร้ตู า่ งๆ ได้ด้วย
กำรใช้เทคโนโลยี ตนเอง
๔. เลอื กใชเ้ ทคโนโลยกี ารศกึ ษาค้นคว้าขอ้ มลู ความรไู้ ด้อย่างถกู ต้อง
เหมาะสมและมีคณุ ธรรม
๕. สรุปความคิดรวบยอดหรอื สาระสาคัญของเรื่องท่ีศึกษา
กำรคดิ วิเครำะห์ ๖. แปลความ ตขี อ้ ความ ภาพในเรอื่ งที่ศึกษา
๗. วเิ คราะห์หลักการหรือนาหลักการไปใชไ้ ด้อยา่ งสมเหตุสมผล
คะแนนรวม
คะแนนเฉล่ีย
เกณฑก์ ำรตัดสนิ คุณภำพ
ชว่ งคะแนนเฉลีย่ ๒.๓๔ – ๓.๐๐ ๑.๖๗ - ๒.๓๓ ๑.๐๐ - ๑.๖๖
ระดับคณุ ภำพ ๓ = ดีมาก ๒ = พอใช้ ๑ = ควรปรบั ปรุง
สรปุ ผลกำรประเมนิ (เขียนเคร่อื งหมาย ลงใน )
ระดบั คณุ ภำพทไ่ี ด้ ๓ ๒๑
แนวการจดั การเรียนรปู้ ระวัตศิ าสตร์เพือ่ สร้างสานึกความเปน็ ไทย : สถาบนั พระมหากษัตรยิ ์ในสังคมไทย
แนวการจดั การเรยี นรู้ประวตั ศิ าสตร์เพือ่ สรา้ งสำนึกความเปน็ ไทย : สถาบันพระมหากษตั รยิ ์ในสงั คมไทย
๑๗๖
ตัวอย่ำงผลงำนนกั เรียน
แนวการจดั การเรียนรปู้ ระวตั ศิ าสตร์เพื่อสร้างสานกึ ความเปน็ ไทย : สถาบันพระมหากษตั รยิ ์ในสงั คมไทย
แนวการจัดการเรียนรูป้ ระวัตศิ าสตร์เพอ่ื สร้างสำนกึ ความเปน็ ไทย : สถาบันพระมหากษัตริย์ในสังคมไทย
๑๗๗
ตัวอย่ำงแผน
รำ่ งแผนกำรจัดกำรเรียนรู้ท่ี ๙
กลมุ่ สำระกำรเรียนรู้ สงั คมศึกษา ศาสนา และวฒั นธรรม ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี ๕
รำยวิชำ
หน่วยกำรเรยี นรทู้ ่ี ๒ ประวตั ศิ าสตร์ รหัสวิชา…………………
หนว่ ยย่อยท่ี ๒
เรื่อง สมเด็จพระนเรศวรมหาราช, สมเดจ็ พระเจ้าตากสนิ มหาราช
เร่ือง สมเด็จพระเจา้ ตากสนิ มหาราช จานวน ๒ คาบ
๑. มำตรฐำนกำรเรียนร/ู้ ตวั ชว้ี ดั /
มาตรฐานการเรียนรู้
๔.๓ เข้าใจความเปน็ มาของชาติไทย วฒั นธรรม ภูมปิ ญั ญาไทย มีความรักความภาคภมู ิใจ
และธารงความเปน็ ไทย
ตวั ชีว้ ดั
ส ๔.๓ป.๕/๓ บอกประวัติและผลงานของบคุ คลสาคญั สมยั อยธุ ยาและธนบรุ ีท่นี า่ ภาคภูมิใจ
ส ๔.๓ป.๕/๔ อธิบายภูมปิ ัญญาไทยทส่ี าคญั สมัยอยธุ ยาและธนบุรีท่ีนา่ ภาคภมู ิใจและควรค่า
แกก่ ารอนุรักษ์ไว้
๒. สำระสำคัญ/ควำมคดิ รวบยอด
สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชพระมหากษัตริย์ไทยผู้ที่สร้างคุณูปการให้กับชาติไทยในอดีต
ทาให้ชาติไทยเป็นชาติทม่ี เี อกราชและคงอยู่อยา่ งมีศักด์ิศรีมาจนถงึ ปจั จบุ ัน
๓. จดุ ประสงคก์ ำรเรียนรู้
๑) นักเรียนสามารถบอกพระราชกรณยี กจิ ของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชได้อย่างถูกต้อง
๒) นักเรยี นเกดิ ความตระหนกั และภูมใิ จในสถาบนั พระมหากษตั ริย์
๓) นักเรียนสืบค้นโดยใช้ทักษะการรวบรวมข้อมูล ทักษะการคิดวิเคราะห์ทักษะความเช่ือมโยง
และทักษะการสรุปความคดิ เหน็
๔) นกั เรยี นปฏบิ ัตติ นโดยยดึ คณุ ลักษณะทส่ี าคญั ของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชได้
อย่างน้อย ๑ คุณลักษณะ
๔. สำระกำรเรยี นรู้
พระราชประวตั ิและพระราชกรณียกจิ สาคัญของสมเด็จพระเจา้ ตากสินมหาราช
๕. ทักษะ/กระบวนกำร
๑. ทักษะการรวบรวมขอ้ มูล
๒. ทกั ษะการคดิ วิเคราะห์
๓. ทักษะความเชือ่ มโยง
แนวการจดั การเรยี นรปู้ ระวตั ศิ าสตร์เพอ่ื สร้างสานกึ ความเปน็ ไทย : สถาบนั พระมหากษัตริย์ในสังคมไทย
แนวการจัดการเรียนรู้ประวัติศาสตร์เพอื่ สร้างสำนกึ ความเปน็ ไทย : สถาบนั พระมหากษัตริยใ์ นสังคมไทย
๑๗๘
๖. คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์
๑. รักชาตศิ าสน์ กษัตรยิ ์ (มีความรกั ชาติ ศาสนา พระมหากษัตรยิ ์ ค่านิยมหลักคนไทย ๑๒
ประการ)
๒. ใฝ่หาความรหู้ มั่นศึกษาเลา่ เรียนท้งั ทางตรง ทางออ้ ม
๓. รกั ความเปน็ ไทย
๗. สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รียน
๑. ความสามารถทางการส่อื สาร
๒. ความสามารถทางการคดิ
๘. หลกั ฐำนกำรเรยี นรู้
๑. ชนิ้ งาน
๑) เส้นเวลา (Time line) แสดงพระราชประวัติการรับราชการองพระองค์จนเป็น
พระมหากษตั รยิ ์
๒) แผนผังความรู้ในสงครามการกอบก้เู อกราชสมัยสมเดจ็ พระเจา้ ตากสนิ มหาราช
๓) ผังมโนทัศนแ์ สดงคุณลักษณะสาคัญของสมเดจ็ พระเจ้าตากสนิ มหาราช
๙. กำรวัดและกำรประเมิน
เปำ้ หมำย วิธีวดั เครื่องมอื วดั เกณฑ์กำรประเมนิ
ดา้ นความรู้ แบบทดสอบปรนัย ข้อสอบจานวน ๑๐ ขอ้ ผา่ นรอ้ ยละ ๖๐
ด้านทักษะ/ ตรวจผลงาน เกณฑ์การตรวจผลงาน รอ้ ยละ ๖๐ ผา่ นเกณฑ์
กระบวนการ
จากรายงานกลุ่ม ระดบั คณุ ภาพ ๒
ดา้ นคุณลักษณะ ผา่ นเกณฑ์
อนั พึงประสงค์ แบบประเมนิ คณุ ลักษณะ แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะ ระดับคุณภาพ ๓
ผ่านเกณฑ์
ด้านสมรรถนะท่ี สงั เกตพฤติกรรม แบบสังเกตพฤติกรรม
สาคญั ของผ้เู รยี น
๑๐. กจิ กรรมกำรเรยี นรู้(ระบุวิธีสอน/เทคนคิ กำรสอน)
ขัน้ นำสู่บทเรียน
กจิ กรรม “ภาพแห่งความทรงจา”
๑. ครูแบ่งนักเรยี นเปน็ กลมุ่ ต่อภาพจกิ ซอ
๑) ภาพสมเดจ็ พระตากสินมหาราช
๒) ภาพโบราณสถานทป่ี รกั หักพงั ในจังหวัดพระนครศรีอยธุ ยา
แนวการจดั การเรียนรปู้ ระวัตศิ าสตร์เพอ่ื สรา้ งสานึกความเปน็ ไทย : สถาบันพระมหากษตั รยิ ์ในสังคมไทย
แนวการจดั การเรียนรปู้ ระวตั ิศาสตร์เพือ่ สร้างสำนึกความเป็นไทย : สถาบนั พระมหากษตั ริย์ในสังคมไทย
๑๗๙
๒. นกั เรียนตอ่ ภาพเสร็จแล้ว ครถู ามนักเรยี นเกยี่ วกบั ภาพ ดงั น้ี
๑) ภาพทไี่ ด้ คอื ภาพอะไร สาคัญอยา่ งไร
๒) นกั เรียนรสู้ กึ อย่างไร เพราะอะไร
๓) นักเรยี นคิดว่า สองภาพมีความเก่ียวขอ้ ง / สัมพันธ์กนั อย่าไร
๓. ครสู รุปช่ัวโมงน้ี จะเรยี นพระราชกรณียกจิ ของสมเด็จพระเจ้าตากสิน
ขั้นกำรสอน
๔. ครูและนกั เรยี นร่วมกนั รอ้ งเพลงตากสนิ มหารา (ภาคผนวก) พรอ้ มวเิ คราะห์เน้อื หาในเพลงและ
แสดงความรู้สกึ ของนกั เรยี นต่อเพลงนี้
๕. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มศึกษาและสืบค้นพระราชประวัติและพระราชกรณียกิจของสมเด็จ
พระเจ้าตากสินมหาราชจากแหล่งเรียนรู้ตา่ ง ๆ และจากการชมวดี ีทศั น์ เรือ่ ง กรงุ ธนบรุ ี –
สมเด็จพระเจา้ ตากสินมหาราช
๖. มอบหมายให้นักเรียนทาเส้นเวลา (Time Line) แสดงพระรำชประวัติและพัฒนำกำรรับ
รำชกำรของพระองค์จนเป็นพระมหากษัตรยิ ์
๗. ให้นักเรียนแต่ละกลุ่มสรุปเสนอคุณลักษณะเด่นและพระราชกรณีกิจของพระเจ้าตากสิน
มหาราช ที่แสดงออกแต่ละด้านตามความคิดของนักเรียนลงกล่องควำมคิดท่ีนักเรียนร่วมกันกาหนด
ประเด็นแลว้ นาความคดิ ทไ่ี ดใ้ สก่ ล่อง เช่น
๑. กล่องความกลา้ หาญ
๒. กล่องความเป็นผนู้ า/การตดั สนิ ใจ
๓. กล่องความเสียสละ
๘. นักเรียนแตล่ ะกลมุ่ สรุปความคิดจากกล่องต่างๆเขียนเปน็ ผังมโนทศั น์แสดงคุณลกั ษณะสำคัญ
ของสมเด็จพระเจ้ำตำกสินมหำรำชท่ีควรนามาปฏิบัติในชีวิตประจาวันกลุ่มละด้านท่ีจะส่งผลดีต่อ
ประเทศชาติ
ขัน้ สรปุ
๙. ครูและนักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันอภิปราย สรุปความรู้ท่ีได้รับว่า ภายหลังการเสียกรุงศรีอยุธยา
ครั้งท่ี ๒ ชาติไทยเราไม่มีพระมหากษัตรยิ ์ท่มี ีความเสียสละ กล้าหาญ อย่างสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
แล้ว ชาติไทยเราก็คงไม่มีเอกราชมาจนถึงปัจจุบัน เพราะพระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ท่ีมีความสามารถใน
การวางแผน มองการณ์ไกลกล้าตัดสินใจ พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ที่สร้างอาณาจักรธนบุรี ซึ่งเป็น
อาณาจักรแห่งใหม่ของชาติไทยทั้งๆ ท่ีมีขีดจากัดอย่างมากจนเป็นท่ียอมรับจากอาณาจักรข้างเคียงสร้าง
ความตระหนักและภาคภูมใิ จ
ข้ันประเมนิ
๑๐. นักเรียนทาแบบทดสอบวัดความรู้ เรื่องพระราชพระราชกรณีกิจของสมเด็จพระเจ้า
ตากสินมหาราช
แนวการจัดการเรยี นรปู้ ระวัตศิ าสตร์เพ่ือสรา้ งสานกึ ความเปน็ ไทย : สถาบันพระมหากษัตริย์ในสงั คมไทย
แนวการจัดการเรียนรปู้ ระวตั ศิ าสตร์เพอื่ สร้างสำนกึ ความเปน็ ไทย : สถาบนั พระมหากษัตรยิ ์ในสังคมไทย
๑๘๐
๑๑. ตรวจแบบเสน้ เวลา (Time line) พระราชประวัติและพัฒนาการรับราชการของของสมเด็จ
พระเจ้าตากสนิ มหาราช
๑๒. ตรวจผังมโนทัศน์คุณลักษณะท่ีสาคัญของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชท่ีควรนามาปฏิบัติ
ของนักเรยี น
๑๑. ส่ือ/แหล่งเรยี นรู้
๑. ส่ือจิกซอ สมเด็จพระเจา้ ตากสินมหาราช และภาพโบราณสถานทป่ี รักหักพังในจังหวดั
พระนครศรีอยธุ ยา
๒. เพลง ตากสินมหาราช
๓. วดี ที ัศน์เรือ่ ง กรุงธนบรุ ี- สมเดจ็ พระเจ้าตากสินมหาราช
๑๒. บันทึกหลงั สอน
๑. ดา้ นความรู้
............................................................................................................................. ..........................................
.............................................................................................................................. .........................................
.......................................................................................................................................................................
๒. ด้านทักษะ/กระบวนการ
............................................................................................................................. ..........................................
............................................................................................................................. ..........................................
..............................................................................................................................................................
๓. ดา้ นคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์
............................................................................................................................. ..........................................
............................................................................................................................. ..........................................
........................................................................................................................................................... ...
๔. ดา้ นสมรรถนะที่สาคญั ของผ้เู รียน
..................................................................................................................... ..................................................
............................................................................................................................. ..........................................
.................................................................................................................................................................. ....
แนวการจดั การเรยี นรปู้ ระวตั ศิ าสตร์เพื่อสรา้ งสานึกความเปน็ ไทย : สถาบันพระมหากษัตรยิ ์ในสังคมไทย
แนวการจดั การเรียนรปู้ ระวัตศิ าสตรเ์ พอื่ สร้างสำนกึ ความเป็นไทย : สถาบนั พระมหากษัตริย์ในสังคมไทย
๑๘๑
แบบบนั ทึกสังเกตทกั ษะกระบวนกำร
คำช้ีแจง ๑. สังเกตพฤติกรรมการทางานของนักเรียนแลว้ ใหค้ ะแนนลงในชอ่ งคะแนน
๒. ระดับคะแนนมี ๕ โดยทาเคร่ืองหมาย ลงในชอ่ งที่เห็นวา่ มคี ณุ ภาพอยใู่ นระดับนนั้ ๆ
๕ หมายถงึ มีความสามารถในการปฏิบตั ิงานในระดับมากทส่ี ดุ
๔ หมายถึง มีความสามารถในการปฏิบัตงิ านในระดับมาก
๓ หมายถงึ มคี วามสามารถในการปฏบิ ัตงิ านในระดบั ปานกลาง
๒ หมายถงึ มคี วามสามารถในการปฏิบัติงานในระดับน้อย
๑ หมายถึง มีความสามารถในการปฏิบัติงานในระดบั น้อยท่สี ดุ
ประเด็นรำยกำร ระดบั คะแนน
๕๔๓๒๑
กระบวนกำรกลุ่มและรวบรวม
๑. การยอมรับฟงั ความคิดเหน็ ของเพอื่ นในกล่มุ ลงช่ือ…………..…………...........
๒. การเสนอความคิดเห็นในกลุ่ม (………………..……………..)
๓. การช่วยเหลอื กนั ขณะทางานกลมุ่ ผปู้ ระเมิน
๔. การยอมรับความสามารถของสมาชิกในกลมุ่
๕. ทาตามขัน้ ตอนทีก่ ลมุ่ กาหนด
ควำมกำรวิเครำะหข์ ้อมลู
๖. กาหนดประเด็นการค้นหารวมรวมขอ้ มลู ,ความรู้
๗. การใช้เหตแุ ละผลในการวิเคราะห์
๘.รวมกนั สรปุ โดยการสงั เคราะหท์ ่ตี รงประเดน็
กำรเชือ่ มโยง
๙. วธิ ีการนาเสนอขอ้ มลู
๑๐. การเปรียบเทยี บและเชอ่ื มโยงที่ตรงประเดน็ ศึกษา
๑๑. การสรุปประเด็นนาทีไ่ ด้สู่หัวขอ้ ท่ีกาหนด
แนวการจัดการเรยี นรปู้ ระวตั ศิ าสตร์เพอ่ื สร้างสานึกความเปน็ ไทย : สถาบันพระมหากษัตริย์ในสงั คมไทย
แนวการจัดการเรยี นร้ปู ระวัติศาสตร์เพื่อสรา้ งสำนึกความเป็นไทย : สถาบนั พระมหากษัตริย์ในสังคมไทย
๑๘๒
แบบประเมนิ กำรทำงำนด้วยกระบวนกำรกลุ่ม
กลุ่ม.....................................................................................ชน้ั ............................
กิจกรรม ระดบั คุณภำพ รวม
(Activity) ดมี ำก (๒๐-๒๕) ดี (๑๕-๑๙) พอใช้ (๑๐-๑๕) ควรปรบั ปรงุ (๑-๙) (Total)
เนอื้ หำ แสดงความรูค้ วาม แสดงความรู้ความ แสดงความรูค้ วาม แสดงความรคู้ วาม
(Content) เขา้ ใจในเนอื้ หาที่ เข้าใจในเน้ือหาท่ี เขา้ ใจในเน้ือหา เขา้ ใจในเน้อื หา
ค้นควา้ มาอย่างดีมาก คน้ ควา้ เปน็ อยา่ งดี มี ที่ค้นคว้าปานกลาง ท่ีคน้ ควา้ ปานกลาง
มขี ัน้ ตอน ครบถ้วน มี ข้ันตอน ครบถว้ น มี ขาดขนั้ ตอน และ ขาดขนั้ ตอน และ
การสรปุ ความคดิ เห็น การสรปุ ความคดิ เห็น รายละเอียดมกี าร รายละเอยี ด ไม่มีการ
โดยใชเ้ หตผุ ลได้อยา่ ง โดยใชเ้ หตผุ ลได้อยา่ ง สรุปความคดิ เห็น สรุปความคดิ เห็น
สมเหตุสมผล สมเหตสุ มผล
กำรนำ นาเสนอดว้ ยขอ้ มลู ท่ี นาเสนอดว้ ยขอ้ มลู นาเสนอด้วยขอ้ มลู นาเสนอดว้ ยขอ้ มลู
เสนอ ถกู ตอ้ ง ครอบคลมุ แบบท่ถี ูกตอ้ ง ถกู ต้อง แตไ่ ม่ ถูกต้องบางส่วน ขาด
ผลงำน หวั ขอ้ และรายละเอียด ครอบคลมุ หัวขอ้ ครอบคุลมใน บางประเด็นสาคญั
(Presentation) ที่สาคัญ สาคญั ขาดายละเอียด หวั ขอ้ สาคัญบาง และขาดรายละเอยี ด
ในบางหัวข้อ ประเด็นและขาด
รายละเอียด
กำร มีการออกแบบ มีการใช้เทคนิคสสี นั มีการใชเ้ ทคนิค ขาดการใช้ เทคนิคการ
ออกแบบ ทีเ่ ร้าความสนใจ เรา้ ความสนใจ มี สสี ัน นา่ สนใจ นาเสนอ
(Design) มีข้อมูลประกอบ ข้อมูล ทน่ี ่าสนใจ
สมเหตสุ มผล ประกอบ
ลงช่อื ..............................................ผูป้ ระเมิน
(.............................................)
แนวการจัดการเรียนรปู้ ระวัตศิ าสตร์เพ่อื สรา้ งสานึกความเปน็ ไทย : สถาบนั พระมหากษตั รยิ ์ในสังคมไทย
แนวการจัดการเรยี นรปู้ ระวตั ศิ าสตรเ์ พอื่ สร้างสำนึกความเปน็ ไทย : สถาบนั พระมหากษัตริยใ์ นสงั คมไทย
๑๘๓
แบบประเมนิ สมรรถนะและคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์
ลำ ทกั ษะ ทกั ษะ รักชำติ ศำสนำและ กำรใฝ่รู้ รักควำม รวม
ดบั ชื่อ - สกุล กำรคดิ กำรสือ่ สำร พระมหำกษัตรยิ ์ ใฝ่เรยี น เป็นไทย ๒๐
ที่ ๔ ๓ ๒ ๑ ๔ ๓ ๒ ๑ ๔ ๓ ๒ ๑ ๔ ๓ ๒ ๑ ๔ ๓ ๒ ๑ คะแนน
เกณฑ์กำรตดั สนิ คุณภำพ
ช่วงคะแนน ระดบั คุณภำพ
๑๗ – ๒๐ ดมี ำก
๑๓ – ๑๖ ดี
๙ – ๑๒ พอใช้
๕–๘ ปรบั ปรุง
เกณฑก์ ำรประเมนิ ทกั ษะกำรคิด
คะแนน ควำมหมำย เกณฑ์
๔
ดีเย่ียม มีจิตนาการเชิงบวกในการสร้างสรรค์สิ่งแปลงใหม่และหรือประยุกต์
๓
สร้างสรรค์ส่งิ แปลกใหม่อยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพตอ่ ตนเองและสังคม
๒
ดี มีจิตนาการเชิงบวกในการสร้างสรรค์ส่ิงแปลงใหม่และหรือประยุกต์
๑
สร้างสรรค์สงิ่ แปลกใหม่อยา่ งมีประสิทธิภาพตอ่ ตนเอง
พอใช้ มีจิตนาการเชิงบวกในการสร้างสรรค์ส่ิงแปลงใหม่และหรือประยุกต์
สร้างสรรคส์ ่ิงแปลกใหม่
ปรบั ปรุง มีจิตนาการเชงิ บวกในการสร้างสรรคส์ ิ่งแปลงใหม่
แนวการจดั การเรยี นรปู้ ระวัตศิ าสตร์เพ่ือสร้างสานึกความเปน็ ไทย : สถาบันพระมหากษตั ริย์ในสังคมไทย
แนวการจัดการเรยี นรู้ประวัตศิ าสตร์เพ่ือสรา้ งสำนึกความเปน็ ไทย : สถาบันพระมหากษัตริย์ในสังคมไทย
๑๘๔
เกณฑ์กำรประเมนิ ทักษะกำรสอ่ื สำร
คะแนน ควำมหมำย เกณฑ์
๔
ดีเย่ียม -พูดถ่ายทอดความรู้ความเข้าใจจากเรื่องท่ีอ่าน ฟังดูด้วยภาษาของตนเองได้
๓ ดี อยา่ งแคล่วคลอ่ งชดั เจน
-เขียนถ่ายทอดความรู้ความเข้าใจจากเร่ืองท่ีอ่าน ฟัง ดูตามจินตนาการของ
๒ พอใช้ ตนเองครอบคลมุ ครบถ้วน
๑ ปรบั ปรุง -พูดถ่ายทอดความรู้ความเข้าใจจากเรื่องที่อ่าน ฟังดูด้วยภาษาของตนเองได้แต่
ขาดความแคลว่ คล่อง
-เขียนถ่ายทอดความรู้ความเข้าใจจากเรื่องที่อ่าน ฟัง ดูตามจินตนาการของ
ตนเองมีเน้ือหาสาคญั เป็นส่วนใหญแ่ ตไ่ มค่ รบ
-พูดถา่ ยทอดความรคู้ วามเขา้ ใจจากเรอื่ งที่อ่าน ฟังดูดว้ ยภาษาของตนเองไดบ้ าง
-เขียนถ่ายทอดความรู้ความเข้าใจจากเรื่องท่ีอ่าน ฟัง ดูตามจินตนาการของ
ตนเองมีเนือ้ หาสาคญั เปน็ บางส่วน
-ไม่สามารถพูดถ่ายทอดความรู้ความเข้าใจจากเรื่องท่ีอ่าน ฟังดูด้วยภาษาของ
ตนเองได้
-เขยี นถ่ายทอดความรคู้ วามเข้าใจจากเรอื่ งท่อี ่าน ฟงั ดตู ามแบบ
คะแนน ควำมหมำย เกณฑก์ ำรประเมนิ กำรรักควำมเป็นไทย
๔ ดีเย่ยี ม
เกณฑ์
๓ ดี
-แต่งกายและมมี ารยาทงดงามแบบไทย มีสัมมาคารวะ มีความกตัญญกู ตเวทตี ่อผู้มี
๒ พอใช้ พระคุณ
๑ ปรบั ปรงุ -รว่ มกิจกรรมท่เี ก่ยี วข้องกบั ประเพณี ศลิ ปะ วัฒนธรรมไทย
-ชักชวนแนะนาใหผ้ อู้ น่ื ปฏบิ ัติตามขนบธรรมเนยี ม ประเพณี ศิลปะ วัฒนธรรมไทย
-ใช้ภาษาและตัวเลขไทยในการสอ่ื สารไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ งเหมาะสม
-ชักชวนแนะนาใหผ้ ู้อนื่ เหน็ คุณค่าของการใชภ้ าษาไทยได้ถกู ต้อง
-นาภูมปิ ัญญาไทยมาใช้ใหเ้ หมาะสมในวถิ ีชีวติ
-รว่ มกจิ กรรมที่เกี่ยวข้องกับภูมิปญั ญาไทย
-แนะนามีส่วนร่วมในการสบื ทอดภมู ิปญั ญาไทย
-แต่งกายและมีมารยาทงดงามแบบไทย มีสัมมาคารวะ มีความกตัญญูกตเวทตี ่อผ้มู ี
พระคุณ
-ร่วมกจิ กรรมที่เกี่ยวขอ้ งกับประเพณี ศิลปะ วฒั นธรรมไทย
-ใช้ภาษาและตวั เลขไทยในการสื่อสารไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งเหมาะสม
-นาภูมปิ ัญญาไทยมาใชใ้ หเ้ หมาะสมในวิถีชวี ติ
-ร่วมกจิ กรรมที่เกยี่ วขอ้ งกบั ภูมิปญั ญาไทย
-แตง่ กายและมีมารยาทงดงามแบบไทย มีสมั มาคารวะ มคี วาม กตัญญกู ตเวทตี ่อผู้มี
พระคุณ
-รว่ มกิจกรรมท่ีเกีย่ วข้องกบั ประเพณี ศิลปะ วัฒนธรรมไทย
-ร่วมกิจกรรมทเ่ี กย่ี วข้องกับภูมปิ ญั ญาไทย
-แตง่ กายและมมี ารยาทงดงามแบบไทย มสี มั มาคารวะ
-รว่ มกิจกรรมทเ่ี ก่ยี วขอ้ งกบั ประเพณี ศลิ ปะ วฒั นธรรมไทย
-ร่วมกิจกรรมที่เก่ยี วข้องกบั ภมู ิปัญญาไทย
แนวการจัดการเรียนรปู้ ระวัตศิ าสตร์เพ่ือสร้างสานึกความเปน็ ไทย : สถาบันพระมหากษตั ริย์ในสงั คมไทย
แนวการจดั การเรยี นรู้ประวัติศาสตรเ์ พ่อื สร้างสำนึกความเปน็ ไทย : สถาบนั พระมหากษตั รยิ ใ์ นสังคมไทย
๑๘๕
เกณฑก์ ำรประเมินกำรรกั ชำติ ศำสนำและพระมหำกษตั รยิ ์
คะแนน ควำมห เกณฑ์
มำย
๔ ดีเยี่ยม -เขา้ รว่ มและสนับสนุนกจิ กรรมทส่ี รา้ งความสามคั คที ี่เป็นประโยชนข์ องกลุ่ม
โรงเรยี น ชมุ ชน สังคม
-แสดงออกความหวงแหน ปกปอ้ ง ยกยอ่ งความเป็นชาติไทย
-เข้ารว่ มกิจกรรมทางศาสนาที่ตนนบั ถอื
-ปฏิบตั ิตนตามหลกั ของศาสนาทต่ี นนับถอื
-เปน็ แบบอยา่ งที่ดขี องศาสนิกชน
-มสี ว่ นร่วมหรอื จัดกิจกรรมท่เี กย่ี วขอ้ งกบั สถาบันพระมหากษตั รยิ ์
-แสดงความสานกึ ในพระมหากรณุ าธิคณุ ของพระมหากษัตรยิ ์
-แสดงออกซ่งึ ความจงรกั ภักดีตอ่ สถาบันพระมหากษัตริย์
๓ ดี -เขา้ ร่วมและสนับสนุนกิจกรรมท่ีสรา้ งความสามคั คที ี่เป็นประโยชน์ของกลุ่ม
โรงเรียน ชมุ ชน สงั คม
-เขา้ รว่ มกจิ กรรมทางศาสนาที่ตนนบั ถือ
-ปฏิบัติตนตามหลักของศาสนาทต่ี นนบั ถอื
-มีส่วนรว่ มหรือจัดกจิ กรรมทเ่ี กย่ี วข้องกับสถาบันพระมหากษตั รยิ ์
-แสดงความสานึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์
๒ พอใช้ เข้าร่วมและสนับสนนุ กิจกรรมที่สรา้ งความสามัคคีท่ีเป็นประโยชน์ของกลุ่ม
โรงเรียน ชุมชน สังคม
-เขา้ ร่วมกจิ กรรมทางศาสนาทตี่ นนับถือ
-มีสว่ นร่วมหรือจัดกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษตั รยิ ์
๑ ปรบั ปรุง -เขา้ ร่วมและสนบั สนุนกจิ กรรมที่สร้างความสามคั คีที่เปน็ ประโยชนข์ องกลุ่ม
โรงเรียน ชมุ ชน
-แสดงออกความหวงแหน ปกป้อง ยกย่องความเป็นชาตไิ ทย
-เข้าร่วมกจิ กรรมทางศาสนาทต่ี นนบั ถอื
-มสี ว่ นรว่ มหรอื จัดกจิ กรรมท่ีเกยี่ วขอ้ งกบั สถาบนั พระมหากษัตริย์
แนวการจดั การเรียนรปู้ ระวัตศิ าสตร์เพ่อื สรา้ งสานึกความเปน็ ไทย : สถาบันพระมหากษตั รยิ ์ในสงั คมไทย
แนวการจดั การเรียนรปู้ ระวตั ศิ าสตร์เพื่อสร้างสำนกึ ความเป็นไทย : สถาบันพระมหากษัตริยใ์ นสังคมไทย
๑๘๖
เกณฑก์ ำรประเมินกำรใฝ่เรยี นรู้
คะแนน ควำมหมำย เกณฑ์
๔
ดีเยี่ยม -มีความตั้งใจเรียน
๓
-มีการเอาใจใสแ่ ละมีความเพียรพยายามในการเรยี นรู้
๒
๑ -สนใจเขา้ รว่ มกิจกรรมการเรียนรตู้ า่ งๆ
-ศึกษาหาความรู้จากหนังสือ เอกสารส่ิงพิมพ์ สรุปเป็นองค์ความรู้สื่อ
เทคโนโลยีตา่ งๆจากแหลง่ ภายในและภายนอกได้อย่างเหมาะสม
-บันทกึ ความรู้ วเิ คราะห์ ตรวจสอบจากสิ่งทเี่ รยี นรู้
-แลกเปลี่ยนความรดู้ ้วยวธิ ีการต่างๆเพอื่ นาไปใชใ้ นชวี ิตประจาวนั
ดี -มคี วามตง้ั ใจเรยี น
-สนใจเขา้ รว่ มกิจกรรมการเรยี นรูต้ ่างๆ
-ศึกษาหาความรู้จากหนังสือ เอกสารส่ิงพิมพ์ สรุปเป็นองค์ความรู้ส่ือ
เทคโนโลยตี า่ งๆจากแหล่งภายในและภายนอกไดอ้ ย่างเหมาะสม
-แลกเปล่ยี นความรูด้ ้วยวธิ กี ารต่างๆเพือ่ นาไปใชใ้ นชีวติ ประจาวนั
พอใช้ -มีความตง้ั ใจเรยี น
-สนใจเขา้ ร่วมกิจกรรมการเรยี นรู้ตา่ งๆ
-แลกเปลย่ี นความรดู้ ว้ ยวิธีการต่างๆเพ่อื นาไปใช้ในชีวติ ประจาวัน
ปรับปรงุ -มคี วามตั้งใจเรียน
-สนใจเข้ารว่ มกิจกรรมการเรยี นรู้ต่างๆ
แนวการจัดการเรยี นรปู้ ระวตั ศิ าสตร์เพอ่ื สรา้ งสานกึ ความเปน็ ไทย : สถาบนั พระมหากษตั รยิ ์ในสงั คมไทย
แนวการจัดการเรยี นรู้ประวตั ศิ าสตร์เพ่อื สร้างสำนึกความเปน็ ไทย : สถาบันพระมหากษัตรยิ ์ในสังคมไทย
๑๘๗
แบบสงั เกตพฤติกรรมกำรทำงำนของผู้เรยี นเป็นรำยบคุ คล
คำช้ีแจง ผู้สอนสังเกตการทางานของผู้เรียนโดยการทาเคร่ืองหมายถูก ลงในช่องท่ีตรงกับความเป็น
จรงิ
พฤตกิ รรม ควำมสนใจใน กำรมสี ่วนรว่ ม กำรรบั ฟงั ควำม กำรตอบ ควำม รวม
กำรเรียน แสดงควำม คดิ เห็นของผู้อนื่ คำถำม รับผิดชอบต่อ คะแนน
คดิ เห็นในกำร งำนท่ไี ดร้ ับ
อภิปรำย มอบหมำย
ชือ่ -สกลุ ๓ ๒ ๑ ๓ ๒ ๑ ๓ ๒ ๑ ๓ ๒ ๑ ๓ ๒ ๑ ๑๕
๑ …………
๒ …………
๓ …………
๔ …………
๕ …………
๖…………
๗ …………
๘ …………
๙ …………
๑๐ ………
๑๑ ………
๑๒.………
๑๓ ………
๑๔ ………
๑๕ ………
เกณฑก์ ำรประเมิน ถ้าการทางานนั้นอยู่ในระดบั ดี
ใหค้ ะแนน ๓ ถ้าการทางานนั้นอยู่ในระดับพอใช้
ให้คะแนน ๒ ถา้ การทางานน้นั อยู่ในระดบั ตอ้ งปรับปรงุ
ใหค้ ะแนน ๑
แนวการจดั การเรยี นรปู้ ระวตั ศิ าสตร์เพื่อสรา้ งสานึกความเปน็ ไทย : สถาบนั พระมหากษัตรยิ ์ในสังคมไทย
แนวการจัดการเรยี นรปู้ ระวตั ิศาสตร์เพื่อสร้างสำนึกความเปน็ ไทย : สถาบันพระมหากษตั ริย์ในสังคมไทย
๑๘๘
เกณฑก์ ำรประเมินคุณภำพผลงำนรำยบคุ คล
คำชแ้ี จง
การตรวจผลงานนักเรียน โดยจัดระดับคุณภาพเป็น ๓ ระดับ ตามเกณฑ์ต่อไปนี้
ระดับ ๓ ไดค้ ะแนน ๑๐ – ๑๕ คะแนน
นักเรยี นสามารถปฏิบตั ติ ามกระบวนการและแกป้ ญั หาได้ครบทกุ ข้นั ตอน
ผลงานมขี อ้ มูลทีถ่ กู ตอ้ งครบถว้ นสมบูรณ์ตามจดุ ประสงค์ของกจิ กรรม
ผลงานของนักเรยี นมีผลงานชัดเจน ถูกต้องตามจุดประสงค์ของกจิ กรรม
นักเรยี นสามารถรายงานผลการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมหน้าชน้ั เรียนได้อยา่ งถูกตอ้ งชัดเจน
ระดบั ๒ ไดค้ ะแนน ๕ – ๙ คะแนน
นักเรยี นสามารถปฏบิ ตั ติ ามกระบวนและแก้ปญั หาไดแ้ ต่ไม่ครบทุกขั้นตอน
ผลงานมขี ้อมลู ทถ่ี กู ตอ้ งสมบรู ณพ์ อสมควรตามจุดประสงค์ของกิจกรรม
ผลงานของนกั เรียนมีผลงานถูกตอ้ งพอสมควรตามจดุ ประสงค์ของกจิ กรรม
นกั เรียนสามารถรายงานผลการปฏิบตั กิ ิจกรรมหนา้ ชั้นเรียนได้ถกู ต้องพอสมควร
ระดบั ๑ (ต้องแก้ไข) ไดค้ ะแนน ๐ – ๔ คะแนน
นกั เรยี นไมส่ ามารถปฏิบัตติ ามกระบวนและแกไ้ ขปญั หาได้
นกั เรยี นไมส่ ามารถทางานร่วมกับผอู้ ่นื ได้
ผลงานมีขอ้ มลู ที่ถูกตอ้ งเป็นสว่ นนอ้ ย ไม่สอดคล้องกบั จดุ ประสงคข์ องกิจกรรม
ผลงานนกั เรยี นไมต่ รงตามจดุ ประสงคข์ องกิจกรรม
นักเรียนไมส่ ามารถรายงานผลการปฏิบัตกิ ิจกรรมหนา้ ช้นั เรียนได้
แนวการจดั การเรยี นรปู้ ระวัตศิ าสตร์เพ่อื สรา้ งสานกึ ความเปน็ ไทย : สถาบนั พระมหากษัตรยิ ์ในสงั คมไทย
แนวการจดั การเรยี นรปู้ ระวตั ิศาสตร์เพ่อื สรา้ งสำนกึ ความเป็นไทย : สถาบันพระมหากษัตริยใ์ นสงั คมไทย
๑๘๙
เพลง ตำกสนิ มหำรำช
คำร้อง/ทำนอง ยืนยง โอภำกุล
ยุทธศาสตรย์ ่งิ ใหญ่ ความต้ังใจเด็ดเดย่ี ว
ม้อื นี้เราจะเค้ียวขา้ ว และทุบหม้อข้าว
ตีแหกฝา่ วงล้อม ลยุ พม่าข้าศกึ
นึกถงึ ความเปน็ ไทย ดีกวา่ ไปเป็นทาส
สองมือถอื ดาบอย่างม่ันใจ
นักรบไทยของพระเจ้าตาก
ฝากฝงั กรงุ อยธุ ยา
วันข้างหน้าขา้ จะมาทวงคืน
แผน่ ดินไทยดาลเดือด ทัพข้าศกึ รุมลอ้ ม
มัวแต่กล่อมสตรี เรงิ โลกีย์เปน็ หลกั
นักรบกลายเป็นศพ พบกบั ความปราชัย
เจ้าตากทนไม่ได้ แผน่ ดินไทยเป็นหลัก
นกั รบคือนักรบ นกั สู้แหง่ กรงุ ศรี
ตีฝา่ ทัพตองอู ตายหรอื อยู่ไม่สาคญั
คนื น้จี นั ทรห์ ลับใหล แหกวงในวงล้อม
ออ้ มออกจากกรุงศรี ไปเขา้ ตเี มอื งจนั ท์
ยึดเมืองจนั ทบรุ ี เป็นชุมนุมเจา้ ตาก
ตชี ุมนุมตา่ งๆ ตเี จ้าฝางให้แตก
ทบทวนความพ่ายแพ้ แก้ไขยทุ ธวธิ ี
รวมชุมนุมที่มี กอ่ นโจมตเี จา้ ฝาง
พ่ายแพเ้ ปน็ บทเรยี น ทาจากเลก็ ไปใหญ่
เจา้ ฝางชะล่าใจ ในไม่นานกแ็ ตก
จากอยธุ ยา มาเมอื งจนั ทบรุ ี
มากรุงธนบุรี ไทยจึงมเี อกราช
จากอยธุ ยา มาเมอื งจันทบุรี
มากรงุ ธนบรุ ี ตากสินมหาราช
แนวการจดั การเรยี นรปู้ ระวัตศิ าสตร์เพ่อื สร้างสานกึ ความเปน็ ไทย : สถาบนั พระมหากษัตรยิ ์ในสังคมไทย
แนวการจัดการเรยี นรู้ประวัตศิ าสตรเ์ พอ่ื สรา้ งสำนึกความเป็นไทย : สถาบนั พระมหากษัตรยิ ์ในสงั คมไทย
๑๙๐
พระบำทสมเด็จพระเจ้ำตำกสินมหำรำช
วี ร ก ษั ต ริ ย์ ผู้ ท ร ง ก อ บ กู้ เ อ ก ร ำ ช เ สี ย ส ล ะ เ พื่ อ ช า ติ แ ล ะ แ ผ่ น ดิ น ต า ม ป ร ะ วั ติ ศ า ส ต ร์ ช า ติ ไ ท ย
เราไดส้ ญู เสยี เอกราชแก่พม่าถงึ ๒ ครั้ง
ครัง้ แรกเม่อื ปี พ.ศ. ๒๑๑๒ ในรชั สมัยสมเด็จพระมหนิ ทราธริ าช ตอ่ มาสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
ทรงกอบกู้เอกราชกลับคืนมาไดเ้ ม่ือปี พ.ศ. ๒๑๒๗ รวมระยะเวลาทไ่ี ทยตกเปน็ เมืองข้นึ ของพมา่ อยู่ ๑๕ ปี
คร้ังที่ ๒ ในสมัยพระเจ้าเอกทัศน์ ซ่ึงถือว่าเป็นพระมหากษัตริย์องค์สุดท้ายของกรุงศรีอยุธยา
ไทยเสยี เอกราชแก่พม่าไปเม่ือปี พ.ศ.๒๓๑๐ แต่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชก็ทรงกอบกู้อสิ รภาคืนมาได้
ในปีเดียวกันคือ พ.ศ. ๒๓๑๐ โดยใช้ระยะเวลาเพียง ๗ เดือนเท่านั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าตากสิน
มหาราช ในตาแหน่งพระยาวชริปราการเจ้าเมืองกาแพงเพชรในขณะนั้นได้ปราบดาภิเษกเป็น
พระมหากษัตริย์ ทรงพระนามว่า “สมเด็จพระบรมราชาที่ ๔” เม่ือวันท่ี ๒๘ ธันวาคม ๒๓๑๐
แต่ประชาชนท่ัว ไปยังนิยมเรียกพระองค์ว่า “พระเจ้าตากสิน” อันเป็นตาแหน่งเดิม คือ เจ้าเมืองตาก
ก่อนที่พระองค์จะได้เล่ือนเป็นพระยาวชิรปราการ เจ้าเมืองกาแพงเพชร (แต่ยังไม่ทันไปปกครองเมือง
ดงั กลา่ วกเ็ กดิ ศกึ พม่าขน้ึ เสียก่อน)
ในพระรำชประวัติสมเด็จพระเจ้ำตำกสินมหำรำช เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันที่ ๑๗ เมษายน
พ.ศ. ๒๒๗๗ พระองค์เกิดปีขาล เป็นบุตรคนสามัญ บิดาเป็นจีนช่ือนายไหหอง เป็นขุนพัฒน์นายอากร
บ่อนเบี้ย มารดาเป็นไทยช่ือนางนกเอ้ียง ตั้งบ้านเรือนอยู่หนา้ บา้ นเจ้าพระยาจักรีสมุหนายก เม่ือเป็นทารก
ได้เกดิ เหตมุ หัศจรรย์คือมงี ูเหลือมตัวใหญ่มานอนขดล้อมทารกไว้แต่มิได้ทาอนั ตราย อันเปน็ นมิ ิตหมายของ
ผู้มีบุญวาสนา บิดามารดาจึงยกให้เป็นบุตรบุญธรรมของเจ้าพระยาจักรีซึ่งเม่ือได้เด็กชายผู้นี้หรือพระเจ้า
ตากสินในขณะน้ันมาเป็นบุตรบุญธรรมแล้ว ปรากฏว่าท่านมีฐานะความเป็นอยู่ดีข้ึนมาก จึงตั้ง ช่ือให้ว่า
“สิน” เดก็ ชายสินอายไุ ด้ ๙ ขวบ กไ็ ดไ้ ปศึกษาในสานักอาจารย์ทองดี ได้เรียนหนงั สือไทยและขอมจนจบ
จึงหันมาเรียนพระไตรปิฏกต่อพออายุได้ ๑๓ ปี ได้ถวายตัวเป็นมหาดเล็กในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ
จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้เป็นหลวงยกบัตรเมืองตาก ในปี พ.ศ. ๒๓๐๘ เมื่อพม่ายกมาตีกรุงศรี
อยธุ ยา พระยาตากได้มาช่วยรกั ษาพระนครไว้ได้ จงึ ไดเ้ ลอ่ื นเป็นพระยาวชิรปราการ เจ้าเมอื งกาแพงเพชร
แต่ยังไม่ทันไปรับตาแหน่ง ก็เกิดศึกพม่าคร้ังสาคัญข้ึนก่อน การทหารและการปกครอง ท้ายสุดเมื่อพม่า
ลอ้ มกรุงศรอี ยธุ ยาอยู่ ๑ ปี ๒ เดอื น กรุงศรอี ยุธยาซึง่ เป็นราชธานีของไทยอย่นู านถึง ๔๑๗ ปี ก็เสยี แก่พม่า
เม่ือเดือนเมษายน ๒๓๑๐ หลังจากเสียกรุงแล้ว ปรากฏว่าบ้านเมืองแตกแยก หัวเมืองต่าง ๆ ต่างตั้งตัว
เป็นใหญ่โดยแบ่งออกเป็นก๊กต่าง ๆ ถึง ๖ ก๊ก คือ ก๊กสุกี้พระนายกอง ซึ่งพม่าตั้งให้เป็นนายใหญ่คุมกาลัง
อยู่ค่ายโพธิส์ามต้น และนายทองอิน พม่าตั้งให้อยู่ท่ีเมืองธนบุรี คอยกวาดต้อนผู้คนและทรัพย์สินส่งพม่า
ก๊กพระยาพิษณุโลก อยู่เมืองพิษณุโลก ก๊กพระฝาง ต้ังอยู่ท่ีสวางคบุรี ก๊กเจ้าพระยานครศรีธรรมราช อยู่
ท่ีเมืองนครศรีธรรมราช ก๊กเจ้าพิมายมีกรมหมื่นเทพพิพิธ เป็นหัวหน้า อยู่เมืองพิมาย และก๊กเจ้าพระยาว
ชิรปราการหรือพระเจา้ ตากสินอยู่ท่ีจันทบรุ ี เจ้าพระยาวชริ ปราการเข้ายึดเมืองจันทบุรีได้ หลังเสยี กรุงแก่
พม่าราว๒ เดอื น จากน้ันจึงไดร้ วบรวมกาลงั พลและตระเตรยี มต่อเรือไวใ้ ช้ในการศกึ โดยได้คมุ เรือรบ ๑๐๐
แนวการจัดการเรียนรปู้ ระวัตศิ าสตร์เพอ่ื สร้างสานึกความเปน็ ไทย : สถาบนั พระมหากษัตรยิ ์ในสงั คมไทย
แนวการจดั การเรยี นร้ปู ระวัตศิ าสตรเ์ พื่อสร้างสำนกึ ความเปน็ ไทย : สถาบันพระมหากษตั รยิ ใ์ นสงั คมไทย
๑๙๑
ลาพร้อมไพร่พลราว ๕,๐๐๐ คนยกจากจันทบุรีมาทางปากน้าเจ้าพระยา ตีเมืองธนบุรีจับนายทองอิน
ประหารชีวิต จากน้ันได้ยกทัพตีค่ายโพธิ์สามต้นจนแตกพ่าย สุก้ีนายกองท่ีพม่าให้รักษาพระนครตายใน
ที่รบ ดังน้ัน กรุงศรีอยุธยาจึงได้กลับมาเป็นของไทยอีกครั้งหนึ่ง ในขณะพระชนมายุ ๓๓ พรรษา
ทรงพระนามวา่ “สมเด็จพระบรมราชาที่ ๔”
เหตุกำรณ์กำรกอบกเู้ อกรำชของสมเด็จพระเจ้ำตำกสนิ มหำรำช
หลังการกอบกู้เอกราชสมเด็จพระเจ้าตากสนิ ก็ได้ตัดสินใจที่จะไม่ใชก้ รุงศรอี ยุธยาเป็นราชธานีต่อไป
เพราะกรุงศรีอยุธยาถูกพม่าทาลายเสียหายยับเยิน และกาลังพลในขณะน้ันก็ไม่เพียงพอท่ีจะบูรณะให้
เหมือนเดิมได้ อีกทั้งชัยภมู ิของกรุงศรีอยธุ ยาสามารถถูกโจมตีได้ท้ังทางบกและทางน้าไหนจะต้องระวังก๊ก
ตา่ ง ๆ ท่ีรู้เส้นทางเดินทัพเป็นอยา่ งดี ดงั นั้น พระองค์จงึ ทรงตั้งกรงุ ธนบุรีเป็นราชธานี และได้ปราบดาภิเษก
ข้ึนเป็นกษัตริย์ ได้ยกทัพไปปราบปราบก๊กต่าง ๆ จนราบคาบ โดยใช้เวลาอยู่ ๓ ปี คือ พ.ศ. ๒๓๑๑ –
๒๓๑๓ จงึ สามารถรวบรวมอาณาเขตกลับคืนมาเปน็ ราชอาณาจักรเดยี วอยา่ งเดิมได้
ตลอดระยะเวลาที่ครองราชย์เป็นเวลา ๑๕ ปี พระบาทสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชต้องทรง
ตรากตราทาศึกสงครามต่อเน่ืองมาโดยตลอด นอกจากต้องรบพม่าเพ่ือกอบกู้เอกราชในครั้งแรก รวมถึง
การทาศึกกับก๊กต่าง ๆ ท่ีตั้งตัวเป็นใหญ่แล้ว ยังต้องทาการรบกับพม่าท่ียกมาโจมตีอีก ๙ ครั้งใหญ่
ในขณะเดียวกันก็ยังได้ทาสงครามขยายอาณาเขตอีกหลายคร้ัง เป็นผลให้ไทยมีประเทศราช
หลายแหง่ กลบั คืนมาเหมอื นสมัยอยธุ ยา
นอกจากนี้ ยงั ทรงมีพระราชกรณยี กจิ ด้านปกครองบา้ นเมอื งซึง่ อยู่ในระหวา่ งการก่อสร้างเมืองหลวง
ใหมท่ ่ตี อ้ งทาอยา่ งค่อยเป็นค่อยไป เพราะยงั อยูใ่ นระหว่างศึกสงคราม แต่กระนัน้ ก็ยังทรงให้ความสาคัญใน
ด้านศาสนา ทรงบูรณปฏิสงั ขรณ์วัดวาอาราม ฟื้นฟูศิลปวัฒนธรรม ต้ังคณะละครหลวงขึ้นแล้วยังทรงพระ
ราชนิพนธ์บทละครเร่ืองรามเกียรต์ิบางตอน รวบรวมวรรณคดีสมัยอยุธยาเพ่ือการสืบทอดอีกด้วยเพื่อเปน็
ขวัญและกาลังใจแก่ประชาชนและเพ่อื สบื ทอดมรดกทางวัฒนธรรมให้คงอยสู่ ืบไป
พระองค์จึงเสด็จสวรรคตเมื่อปี พ.ศ. ๒๓๒๕ ขณะน้ันมีพระชนมายุได้ ๔๘ พรรษา เราจะเห็น
ได้วา่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าตากสนิ มหาราชทรงต้องเหน็ดเหนื่อยพระวรกายและพระราชหฤทยั เป็นอย่าง
ย่ิง ตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์ตราบจนวาระสดุ ท้ายพระองค์ต้องใช้พระปรชี าสามารถ ความเสียสละ
และความเข้มแข็งเป็นอย่างมากที่ฝ่าฟัน อุปสรรคต่างๆ ท้ังในด้านการสงคราม การปกครองบ้านเมือง
กว่าจะเป็นปึกแผน่ ข้ึนมาได้ แม้ว่าทา้ ยสุดพระองค์จะต้องเสด็จสวรรคตด้วยเหตุอันน่าเศรา้ สลดก็ตาม แต่
วีรกรรมของพระองค์ก็เป็นสิ่งที่ประชาชนชาวไทยต้องจารึกไว้ และสานึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้น
พ้น หากไม่มีพระองค์ไหนเลยเราจะมีประเทศไทย ณ วันนี้ด้วยเหตุน้ี ประชาชนชาวไทยจึงได้พร้อมใจกัน
ถวายพระราชสมญั ญาพระองค์ว่า “พระบาทสมเด็จพระเจ้าตากสนิ มหาราช”
แนวการจัดการเรียนรปู้ ระวตั ศิ าสตร์เพ่ือสรา้ งสานึกความเปน็ ไทย : สถาบันพระมหากษัตรยิ ์ในสงั คมไทย
แนวการจดั การเรียนรปู้ ระวัตศิ าสตร์เพ่อื สร้างสำนึกความเปน็ ไทย : สถาบันพระมหากษตั รยิ ์ในสังคมไทย
๑๙๒
กลมุ่ สำระกำรเรียนรู้ ตวั อยำ่ งแผน ช้ันมธั ยมศกึ ษาปีที่ ๑
รำยวชิ ำ ร่ำงแผนกำรจดั กำรเรยี นรู้ที่ ๑๐ รหสั วิชา ส ๒๑๑๐๒
หนว่ ยกำรเรยี นรูท้ ี่ ๒ สงั คมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม จานวน ๘ คาบ
หนว่ ยยอ่ ยท่ี ๑ จานวน ๔ คาบ
ประวัตศิ าสตร์
เรอ่ื ง การสถาปนาอาณาจักรสุโขทยั
เรอื่ ง สถาบันกษัตริยใ์ นสมยั สุโขทัย
๑. มำตรฐำนกำรเรยี นรู้/ตวั ชีว้ ัด
ส ๔.๓ เขา้ ใจความเป็นมาของชาตไิ ทย วัฒนธรรม ภูมิปญั ญา มีความรักความภมู ิใจและ
ธารงความเปน็ ไทย
ตวั ช้วี ัด ส ๔.๓ ม.๑/๒ วเิ คราะห์พฒั นาการของอาณาจักรสโุ ขทัยในดา้ นต่างๆ
๒. สำระสำคญั /ควำมคดิ รวบยอด
สถาบนั พระมหากษัตรยิ ์มีบทบาทสาคัญในการสถาปนาอาณาจักรสุโขทยั ซง่ึ เป็นอาณาจักรแรก
ของไทย และทาให้อาณาเจริญรุง่ เรอื งเป็นรากฐานของอาณาจักรไทยสมยั หลงั
๓. จดุ ประสงค์กำรเรยี นรู้
๑. สืบค้นข้อมูลเกย่ี วกบั ประวัติและผลงานของพระมหากษัตริยใ์ นสมยั สโุ ขทัยที่มผี ลตอ่
การพฒั นาชาติไทย
๒. เขยี นคาประกาศเกยี รตภิ ูมิพระมหากษัตรยิ ์สมัยสุโขทยั ท่สี ร้างและพฒั นาชาติใหร้ ุ่งเรอื ง
๔. สำระกำรเรยี นรู้
๑. การสถาปนาและพัฒนาอาณาจกั รสโุ ขทยั
๒. บทบาทของสถาบันพระมหากษัตรยิ ์ในสมยั สโุ ขทยั
๕. ทกั ษะ/กระบวนกำร
๑. กระบวนการกล่มุ (การรวมกลมุ่ สบื ค้นข้อมลู )
๒. กระบวนการคดิ อยา่ งสร้างสรรค์ (การเขียนคาประกาศเกียรติคุณพระมหากษตั ริย์และ
จัดนิทรรศการ)
๖. คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์
๑. รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
๒. ใฝ่เรยี นรู้
๓. มุง่ มนั่ ในการทางาน
๔. อยอู่ ย่างพอเพียง
๗. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น
๑. ความสามารถในการส่ือสาร
๒. ความสามารถในการคิด
แนวการจัดการเรยี นรปู้ ระวัตศิ าสตร์เพอื่ สรา้ งสานึกความเปน็ ไทย : สถาบนั พระมหากษัตริย์ในสังคมไทย
แนวการจดั การเรยี นรู้ประวัตศิ าสตรเ์ พอื่ สรา้ งสำนึกความเปน็ ไทย : สถาบันพระมหากษัตรยิ ์ในสังคมไทย
๑๙๓
๓. ความสามารถในการแก้ปัญหา
๔. ความสามารถในทักษะชีวิต
๘. หลักฐำนกำรเรยี นรู้
๑. ชน้ิ งาน
๑) คาประกาศยกย่องเชดิ ชูเทิดพระเกยี รตพิ ระมหากษตั รยิ ์ในสมยั สโุ ขทัย
๒) การจดั นิทรรศการเทิดพระเกียรติพระมหากษตั ริยใ์ นสมยั สโุ ขทยั
๙. กำรวัดและกำรประเมิน
เป้ำหมำย วธิ วี ัด เคร่อื งมอื วดั เกณฑก์ ำรประเมนิ
ด้านความรู้ ทดสอบ แบบทดสอบ เกณฑ์การผา่ นร้อยละ ๖๐
ดา้ นทกั ษะ/ ประเมนิ โดยสมาชิกกลุ่ม แบบประเมิน เกณฑ์การผา่ น พอใช้
กระบวนการ
ด้านคณุ ลกั ษณะ ประเมนิ ตนเอง แบบประเมินคณุ ลักษณะ เกณฑ์การผา่ น ดี
อนั พงึ ประสงค์ ประเมนิ ช้ินงาน อนั พงึ ประสงค์
ดา้ นสมรรถนะท่ี สงั เกตพฤตกิ รรม แบบสงั เกตพฤติกรรม เกณฑ์การผ่าน ดี
สาคญั ของผูเ้ รียน
๑๐ . กจิ กรรมกำรเรยี นรู้
ชั่วโมงท่ี ๑ กิจกรรมนำเรื่อง
กจิ กรรมท่ี ๑ ภำพปริศนำ
๑. ครูสนทนากับนกั เรียนเกี่ยวกบั จดุ ประสงค์การเรียนรูแ้ ละทาแบบทดสอบก่อนเรียน
๒. ครนู าภาพพอ่ ขนุ รามคาแหงมหาราชและภาพพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอยู่หวั ภูมิพลอดุลยเดช
แบ่งเป็น ๔ สว่ นต่อภาพไปติดบนกระดาน
๓. นกั เรียนเลน่ เกมทายภาพแฟนพนั ธแุ์ ท้ โดยเปิดกระดาษทีละสว่ นและใหน้ ักเรียนบอกบคุ คลใน
ภาพคือใคร เกิดในยคุ สมยั ใด วา่ เป็นภาพอะไร
๔. นกั เรยี นเปรยี บเทยี บภาพท่ี ๑ และภาพท่ี ๒ แล้วชว่ ยกนั ตอบประเดน็ คาถามตอ่ ไป
- ส่ิงสาคัญท่สี ดุ ท่ีเหมือนกันของสองภาพน้ีคืออะไร (ตอบ พระมหากษัตรยิ ์ไทย)
- สิ่งสาคญั ทสี่ ุดทีแ่ ตกต่างกนั ของสองภาพน้ีคืออะไร (ตอบ ยคุ สมยั ของการครองราชย)์
- บคุ คลในภาพมบี ทบาทต่อประเทศชาติอยา่ งไร
- สถาบันพระมหากษัตริยข์ องไทยอยู่มาอย่างสบื เน่ืองยาวนานตั้งแต่สมยั สุโขทัย
มีบทบาทสาคัญอย่างไรกับสังคมไทย (ตอบ เป็นผู้นาในการสร้างชาติ ปกป้องชาติและสร้างสรรค์ผลงาน
หรือสนับสนนุ ใหเ้ กดิ ผลงานท่ีก่อความเจรญิ ความอยู่เยน็ เป็นสุขใหก้ ับประชาชน)
แนวการจดั การเรียนรปู้ ระวัตศิ าสตร์เพือ่ สรา้ งสานกึ ความเปน็ ไทย : สถาบนั พระมหากษตั ริย์ในสงั คมไทย
แนวการจัดการเรยี นรปู้ ระวัตศิ าสตร์เพื่อสรา้ งสำนึกความเปน็ ไทย : สถาบันพระมหากษัตรยิ ์ในสงั คมไทย