The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แนวการจัดการเรียนรู้ประวัติศาสตร์เพื่อสร้างสำนึกความเป็นไทย สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by aeffeesocial, 2021-06-28 10:10:31

แนวการจัดการเรียนรู้ประวัติศาสตร์เพื่อสร้างสำนึกความเป็นไทย

แนวการจัดการเรียนรู้ประวัติศาสตร์เพื่อสร้างสำนึกความเป็นไทย สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน

๒๔๔

๖. คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์
๑. รักชาติ ศาสนา พระมหากษตั รยิ ์

๒. ใฝ่เรยี นรู้

๓. มุ่งม่ันในการทางาน
๗. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน

๑. ความสามารถในการสื่อสาร

๒. ความสามารถในการคดิ
๘. หลักฐำนกำรเรยี นรู้

๑. ชิ้นงำน
-

๒. ภำระงำน
- บนั ทึกการปฏบิ ัติตนตามคาสัญญาในการทาความดที ุกวันตลอดภาคเรียน

๙. กำรวัดและกำรประเมิน

เปำ้ หมำย วธิ ีวดั เคร่ืองมอื วดั เกณฑ์กำรประเมิน
ทดสอบ แบบทดสอบ เกณฑ์การผา่ นรอ้ ยละ
ด้านความรู้
๖๐
ดา้ นทกั ษะ/
กระบวนการ ประเมนิ ชน้ิ งาน แบบประเมนิ เกณฑ์การผา่ น พอใช้

ดา้ นคณุ ลักษณะ ประเมนิ แบบประเมินคุณลักษณะ เกณฑ์การผา่ น ดี
อนั พงึ ประสงค์ สังเกตพฤติกรรม อนั พงึ ประสงค์ เกณฑ์การผา่ น ดี
ดา้ นสมรรถนะท่ี
สาคัญของผู้เรียน แบบสังเกตพฤติกรรม

๑๐ . กจิ กรรมกำรเรยี นรู้
ช่ัวโมงท่ี ๑

ข้นั นำเข้ำสู่บทเรียน
๑. กจิ กรรมข้อคดิ จำกเพลง( ๑๕ นำที)
๑.) ครูถามว่านกั เรียนชอบฟังเพลงหรือไม่ ใหบ้ อกชอ่ื เพลงทีช่ ื่นชอบ

๒.) ครูบอกว่ามีเพลงที่ครูชนื่ ชอบเพลงหน่งึ วนั นีจ้ ะชวนใหน้ กั เรียนฟังเพลงน้ี ใหน้ ักเรียน

ลองทายช่อื เพลงท่ีครูชื่นชอบ

แนวการจัดการเรียนรู้ประวัตศิ าสตรเ์ พอื่ สร้างสานึกความเปน็ ไทย: บรรพบรุ ษุ ไทย
แนวการจัดการเรียนรู้ประวตั ศิ าสตร์เพอื่ สรา้ งสำนึกความเป็นไทย : บรรพบุรุษไทย

๒๔๕

๓.) ครูแจกเนื้อเพลงในใบกิจกรรมที่ ๑ ข้อคิดจากเพลง เฉลยวา่ เพลงท่ีครูชอบว่าช่ือเพลงเราสู้
๔.) นกั เรียนฟงั เพลงและร่วมร้อง “เพลงเรำสู้”
๕.) ครตู ้งั คาถาม ถามนักเรียนใหน้ ักเรียนตอบเก่ียวกับเพลงเราสู้

- เนอื้ เพลงนี้บอกว่าบรรพบุรุษของเราทาอยา่ งไรในการปกปอ้ งบ้านเมือง
- เกิดอะไรขึน้ บ้างจากการกระทาดังกล่าว
- การกระทานนั้ ทาให้คนไทยซ่ึงรวมถึงนักเรียนดว้ ยไดป้ ระโยชน์อะไรบ้าง
๖.) นกั เรยี นช่วยกันตอบคาถาม และสรปุ คาตอบในใบกิจกรรมที่ ๑ ข้อคิดจากเพลง
ขัน้ จดั กำรเรียนรู้
๒. กจิ กรรมใครหนอ (กจิ กรรมท่ี ๒)
๑.) ครใู ห้นักเรยี นดภู าพบุคคล ๕ ภาพและช่วยกนั ตอบว่า แตล่ ะภาพเปน็ ภาพของใคร
๒.) ครูเฉลยภาพของสมเด็จพระบวรราชเจ้า กรมพระราชวงั บวรมหาสรุ สิงหนาท
(บญุ มา) และถามว่ามีใครบ้างทย่ี ังจาประวัติของท่านได้ นกั เรียนทกุ คนเคยเรยี นเร่ืองราวของทา่ นมาใน
ชั้นประถามศกึ ษาปที ่ี ๖ เรอ่ื งสงครามเกา้ ทัพ
๓.) ครใู ห้นักเรยี นทบทวนประวตั ิของสมเด็จพระบวรราชเจา้ กรมพระราชวังบวรมหา
สรุ สงิ หนาท(บญุ มา) จากหนังสอื เรียนโดยการทาใบกิจกรรมที่ ๓ ชวี ติ ทา่ นสมั พันธก์ ับใคร และรว่ มกันเฉลย
๔.) นกั เรยี นชว่ ยกันสรุปประวตั ทิ สี่ าคัญของท่าน ( แนวกำรสรุปท่านเป็นทหารคน
สาคญั ทีช่ ว่ ยพระเจ้าตากสนิ มหาราชกอบกเู้ อกราชจากพม่าและเป็น น้องชายรว่ มพระราชบดิ ารพระราช
มารดาของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจฬุ าโลกมหาราช ได้รว่ มก่อตงั้ กรงุ เทพมหานครฯ ราชธานี
แห่งกรุงรตั นโกสินทร์ และทาสงครามสรา้ งความม่นั คงให้กับชาติ)
๕.) นักเรียนแบง่ กลุ่ม ๔-๖ คน วางแผน แบ่งงานการสืบค้นข้อมลู เกี่ยวกบั วีรกรรม
และผลงานอน่ื ของสมเด็จพระบวรราชเจ้า กรมพระราชวงั บวรมหาสุรสงิ หนาท(บุญมา)
๖.) ตวั แทนนกั เรยี นรับใบกจิ กรรมที่ ๔ วรี กรรมและผลงาน
ช่วั โมงท่ี ๒
๓. กจิ กรรมวีรกรรมและผลงำน
๑) ครูสนทนาซกั ถามถึงการสืบค้นข้อมูลของสมเดจ็ พระบวรราชเจ้า กรมพระราชวงั บวร
มหาสรุ สิหนาท(บุญมา) จากหลกั ฐานตา่ ง ๆของนกั เรยี นว่าเป็นอย่างไรบ้าง หายากหรอื หาง่าย
๒) ครูและนักเรยี นร่วมกนั เฉลยใบกิจกรรมท่ี ๔ วรี กรรมและผลงาน
๓) ครูถามนักเรยี นว่าผลงานของท่านมีสว่ นช่วยในการสรา้ งชาติและพัฒนาชาติอย่างไร
๔) นักเรียนช่วยกันตอบคาถาม แสดงความคดิ เหน็
๕) ครใู หน้ ักเรยี น แตล่ ะกล่มุ สรปุ เผลงานทส่ี าคญั อน่ื ๆ ของทา่ นในใบกิจกรรมท่ี ๕ ผลงาน
อ่ืนๆ

แนวการจัดการเรยี นรู้ประวัตศิ าสตร์เพอื่ สร้างสานกึ ความเปน็ ไทย: บรรพบรุ ุษไทย
แนวการจดั การเรียนรู้ประวัติศาสตรเ์ พื่อสร้างสำนกึ ความเปน็ ไทย : บรรพบุรษุ ไทย

๒๔๖

๔. กจิ กรรมคุณธรรมนำชวี ติ
๑) ครูให้นักเรียนวิเคราะห์วีรกรรมและผลงานท่ีสาคัญของสมเด็จพระบวรราชเจ้ากรม

พระราชวงั บวรมหาสุรสิงหนาท(บุญมา) ที่ไดส้ บื ค้นมาวา่ สะทอ้ นคุณธรรมอะไรบ้าง
๒) นกั เรียนช่วยกันสรุปไมเ่ กิน ๕ คุณธรรมโดยตอบในใบกจิ กรรมท่ี ๖ คุณธรรมนาชีวติ
๓) ครูถามว่านักเรียนสามารถทาส่ิงใดได้บ้างในการช่วยพัฒนาชาติบ้านเมือง นักเรียน

ชว่ ยกันตอบ
ข้นั สรุป

๕. กจิ กรรมคำม่นั สญั ญำ
๑) ครใู ห้นกั เรียนเขียนสะท้อนความรู้สกึ ดี ๆ ท่มี ตี ่อสมเดจ็ พระบวรราชเจ้า กรมพระราชวงั

บวรมหาสรุ สิงหนาท(บญุ มา)และเขียนคาสัญญาในการทาความดีเพื่อชาตใิ นกระดาษ A๔ ใบกจิ กรรม
ท่ี ๗ ระบคุ วามดีท่ีต้ังใจจะทาหลงั จากนี้ นาคาสญั ญาท่ีเขยี นของทกุ คนติดบอรด์ ในหอ้ งเรียน

๒) ครูสรุปร่วมกับนักเรียนว่าบรรพบุรุษของไทยท่ีมีความกล้าหาญและเสียสละเหมือนกับ
สมเด็จพระบวรราชเจ้ากรมพระราชวงั บวรมหาสุรสิงหนาท (บุญมา) มีหลายทา่ น จงึ ทาให้ประเทศไทยมี
เอกราชมาได้จนถึงทุกวันนี้ ซึ่งนักเรียนสามารถไปค้นคว้าเพิ่มเติมได้ ในหนังสือห้องสมุด หรือ
อินเตอร์เนต็

๓) นกั เรียนทาแบบทดสอบหลงั เรียน
๔) ครูติดตามการปฏบิ ัตติ นของนกั เรยี นตามคามน่ั สญั ญาท่เี ขยี นไวอ้ ยา่ งต่อเน่ือง
๑๑. สอื่ /แหลง่ เรียนรู้
๑.) หนังสือเรียนประวตั ศิ าสตร์ ชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี ๓
๒.) หนังสือประวัติศาสตรไ์ ทยสมัยรัตนโกสินทร์
๓.) รูปภาพ บุคคลสาคญั ทีม่ สี ่วนสร้างชาติ
๔.) ใบกิจกรรมท่ี ๑ ข้อคิดจากเพลง
๕.) กจิ กรรมท่ี ๒ ใครหนอ
๖.) ใบกจิ กรรมท่ี ๓ ชีวิตทา่ นสมั พันธก์ บั ใคร
๗.) ใบกจิ กรรมที่ ๔ วีรกรรมและผลงาน
๘.) ใบกิจกรรมท่ี ๕ ผลงานอ่ืน ๆ
๙.) ใบกิจกรรมที่ ๖ คณุ ธรรมนาชีวติ
๑๐.)กิจกรรมที่ ๗ คามั่นสัญญา
๑๑.)เนอ้ื เพลงเราสู้และคลิปวีดที ัศนเ์ พลงเราสู้

แนวการจัดการเรยี นรู้ประวัตศิ าสตร์เพือ่ สร้างสานกึ ความเปน็ ไทย: บรรพบรุ ุษไทย
แนวการจดั การเรียนร้ปู ระวตั ศิ าสตรเ์ พอ่ื สร้างสำนกึ ความเป็นไทย : บรรพบรุ ุษไทย

๒๔๗

แหล่งกำรเรยี นรู้
- หอ้ งสมุดโรงเรยี น
- ข้อมลู ทางอินเทอร์เนต็ เร่ืองบคุ คลสาคัญสมัยรตั นโกสินทร์สมเด็จพระบวรราชเจา้

กรมพระราชวังบวรสถานมงคล(บุญมา)
๑๒. บันทกึ หลงั สอน
๑. ด้านความรู้
............................................................................................................... .....................................................
............................................................................................................................. .....................................
............................................................................................................................. .......................................
๒. ด้านทักษะ/กระบวนการ
....................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .......................................
............................................................................................................................. .......................................

๓. ดา้ นคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์
....................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .......................................
............................................................................................................................. .......................................
๔. ด้านสมรรถนะท่สี าคัญของผเู้ รยี น
......................................................................................................................................................... ...........
...................................................................................................................... ..............................................
............................................................................................................................. .......................................

แนวการจัดการเรียนรู้ประวตั ศิ าสตรเ์ พื่อสร้างสานกึ ความเปน็ ไทย: บรรพบรุ ุษไทย
แนวการจัดการเรียนร้ปู ระวตั ศิ าสตรเ์ พอื่ สรา้ งสำนกึ ความเปน็ ไทย : บรรพบุรษุ ไทย

๒๔๘
กจิ กรรมท่ี ๑ ข้อคิดจากเพลง

ช่ือ................................................................................................ชัน้ ..............เลขท.่ี .............
*************************************************************************************

คำชีแ้ จง ให้นักเรียนฟงั เพลงและพิจารณาเนื้อเพลงแล้วตอบคาถาม

เนือ้ เพลงพระรำชนิพนธ์ เรำสู้

บรรพบุรษุ ของไทยแต่โบราณ ปกบ้านป้องเมืองคมุ้ เหย้า
เสียเลอื ดเสียเนอ้ื มิใช่เบา หนา้ ทเ่ี รารักษาสบื ไป
ลูกหลานเหลนโหลนภายหน้า จะได้มีพสุธาอาศัย
อนาคตจะต้องมีประเทศไทย มยิ อมให้ผใู้ ดมาทาลาย
ถงึ ขู่ฆ่าลา้ งโคตรก็ไม่หวนั่ จะส้กู นั ไม่หลบหนีหาย
สตู้ รงนีส้ ทู้ น่ี ่สี ู้จนตาย ถงึ เปน็ คนสดุ ท้ายกล็ องดู
บ้านเมอื งเราเราตอ้ งรักษา อยากทาลายเชิญมาเราสู้
เกยี รตศิ กั ดิ์ของเราเราเชิดชู เราสไู้ มถ่ อยจนก้าวเดยี ว

คำถำม
๑.จากเน้ือเพลงพระราชนพิ นธเ์ ราสู้ บรรพบุรุษของเราทาอย่างไรในการปกป้องบ้านเมอื ง
............................................................................................................................. .........................

.......................................................................................................... ..........................................................
๒. เกิดอะไรขน้ึ จากการกระทาดังกล่าว
............................................................................................................................. .........................

....................................................................................................................................... .............................
๓. การกระทาของบรรพบรุ ษุ ทาให้นักเรียนได้ประโยชนอ์ ะไรบา้ ง
........................................................................................................................................

............................................................................................................................. .......................................
๔. เม่ือได้ฟังเพลงน้ีนักเรยี นรู้สึกอย่างไร
............................................................................................................................. .........................

....................................................................................................................................................................

แนวการจัดการเรยี นรู้ประวัตศิ าสตร์เพ่ือสร้างสานกึ ความเปน็ ไทย: บรรพบุรุษไทย
แนวการจดั การเรียนรปู้ ระวัตศิ าสตรเ์ พอื่ สร้างสำนกึ ความเปน็ ไทย : บรรพบรุ ษุ ไทย

๒๔๙

เฉลยกจิ กรรมที่ ๑ ข้อคดิ จากเพลงเราสู้

ช่อื ................................................................................................ช้ัน..............เลขท.่ี .............
*************************************************************************************
คำชแ้ี จง ใหน้ กั เรียนฟงั เพลงและพิจารณาเนื้อเพลงแล้วตอบคาถาม

เนอื้ เพลงพระรำชนิพนธ์ เรำสู้

บรรพบรุ ุษของไทยแตโ่ บราณ ปกบ้านป้องเมืองคุ้มเหย้า

เสียเลือดเสียเน้อื มิใชเ่ บา หน้าท่เี รารักษาสืบไป

ลูกหลานเหลนโหลนภายหนา้ จะได้มพี สุธาอาศัย

อนาคตจะต้องมีประเทศไทย มยิ อมใหผ้ ใู้ ดมาทาลาย

ถงึ ขู่ฆ่าล้างโคตรก็ไมห่ ว่ัน จะสูก้ นั ไมห่ ลบหนีหาย

สูต้ รงน้ีสทู้ นี่ ่ีสู้จนตาย ถงึ เป็นคนสุดท้ายก็ลองดู

บ้านเมืองเราเราต้องรกั ษา อยากทาลายเชิญมาเราสู้

เกยี รตศิ ักด์ขิ องเราเราเชิดชู เราสไู้ มถ่ อยจนก้าวเดียว

คำถำม

๑.จากเนือ้ เพลงพระราชนพิ นธเ์ ราสู้ บรรพบรุ ุษของเราทาอย่างไรในการปกป้องบ้านเมือง

แนวกำรตอบ ส้รู บกับข้าศกึ ศตั รูทีเ่ ขา้ มารุกรานโดยใชช้ วี ิตเขา้ เส่ียง

๒. เกดิ อะไรขนึ้ จากการกระทาดงั กล่าว
แนวกำรตอบ การสูญเสยี ชวี ิตเลือดเนื้อของเหล่าบรรพบุรุษ

๓.การกระทาของบรรพบรุ ุษทาใหน้ ักเรยี นได้ประโยชนอ์ ะไรบ้าง
แนวกำรตอบ ได้มีผืนแผ่นดินที่เรียกวา่ ประเทศไทย และได้ใช้ผืนแผ่นดินน้ใี นการอยู่อาศัย ทา

มาหากินอย่างมีความสขุ โดยไมม่ ีใครมาขับไล่

๔. เมือ่ ได้ฟงั เพลงนี้ นักเรียนรู้สกึ อยา่ งไร

แนวกำรตอบ รสู้ ึกฮกึ เหิม ตระหนกั ถึงคุณคา่ ของบรรพบรุ ุษไทยทเ่ี อาชีวิตเข้าแลกเพื่อปกปอ้ ง
ประเทศชาติ

แนวการจัดการเรียนรู้ประวตั ศิ าสตร์เพ่ือสร้างสานึกความเปน็ ไทย: บรรพบรุ ษุ ไทย
แนวการจัดการเรียนรปู้ ระวัตศิ าสตร์เพือ่ สร้างสำนกึ ความเป็นไทย : บรรพบรุ ุษไทย

๒๕๐

กจิ กรรมท่ี ๒ ใครหนอ
นกั เรียนดภู าพบุคคล ๕ ภาพ แล้วตอบคาถามว่าเปน็ ภาพของใคร ระบุช่อื

ภาพที่ ๑ ภาพท่ี ๔

ภาพที่ ๒ ภาพที่ ๕

ภาพท่ี ๓

แนวการจดั การเรียนรู้ประวตั ศิ าสตรเ์ พอ่ื สร้างสานกึ ความเปน็ ไทย: บรรพบรุ ุษไทย
แนวการจดั การเรยี นรู้ประวตั ศิ าสตร์เพ่อื สรา้ งสำนกึ ความเป็นไทย : บรรพบุรษุ ไทย

๒๕๑
เฉลยกจิ ก๒ร๕ร๑มท่ี ๒ ใครหนอ
เฉลยกจิ กรรมท่ี ๒ ใครหนอ
ภำพที่ ๑ สมเดจ็ พระเจำ้ บรมวงศ์เธอเจำ้ ฟำ้ กรมพระยำนริศรำนุวตั วิ งศ์
ภำพที่ ๒๑ สมเดจ็ พระเบจวำ้ รบรรำมชวเจงศ้ำเ์ ธอกเรจม้ำพฟร้ำะกรรำมชพวรงั ะบยวำรนมรหศิ ำรสำุรนสวุ งิ ัตหิวนงำศท์ (บญุ มำ)
ภำพท่ี ๓๒ หสมเ่อดมจ็ รพำรชะวบงวศรค์ รึกำฤชทเจธ้ำิ์ ปรกำรโมพทรยะ์ รำชวังบวรมหำสรุ สิงหนำท(บญุ มำ)
ภำพที่ ๓๔ หสมเ่อดม็จรเำจช้ำวพงรศะค์ยกึำบฤทรมธมิ์ หปำรสำโรุ มยิ ทวยงศ์ ์ (ชว่ ง บนุ นำค)
ภำพที่ ๔๕ สพมระเดเจ็ ำ้เจบ้ำรพมรวะงยศำเ์ ธบอรมกมรหมำหสลุรวยิ งววงงศษ์ ำ(ชธริ่วำงชสบนนุ ทิ นำค)
ภำพท่ี ๕ พระเจำ้ บรมวงศ์เธอ กรมหลวงวงษำธริ ำชสนิท

แนวการจัดการเรยี นรู้ประวัตศิ าสตรเ์ พื่อสร้างสานกึ ความเปน็ ไทย: บรรพบุรษุ ไทย
แนแวนกาวรกจาดัรจกดัารกเารรียเรนยีรู้ปนรรู้ปะวรัตะวศิ ตัาสศิ ตาสรต์เพร่อื์เพสือ่รส้างรส้างานสกึำนคึกวคามวาเปมน็ เปไทน็ ยไท:ยบ:รรบพรบรุรพษุ บไรุทุษยไทย

๒๕๒
กจิ กรรมท่ี ๓ ชีวติ๒ท๕่า๒นสัมพันธ์กบั ใคร ?
กจิ กรรมท่ี ๓ ชีวติ ท่านสัมพนั ธ์กบั ใคร ?

ชอื่ ................................................................................................ช้นั ..............เลขท่.ี .............

***ช*่ือ*.*..*.*..*..*..*..*.*..*..*..*.*..*..*..*.*..*..*..*..*.*..*..*..*.*..*..*..*.*..*..*..*..*.*..*..*..*.*..*..*..*.*..*..*..*..*.*..*..*..*.*..*..*..*.*ช*น้ั *.*..*.*..*..*..*.*..*.เ*ล*ข**ท*ี่.*.*..*..*..*.*..*..*.**
คำชี้แ**จ*ง***ใ*ห*้โ*ย*ง*เ*ส*้น**ผ*ทู้**่มี *สี *ว่**น*เ*ก*ยี่ *ว**ข*อ้ *ง*ส**ัม*พ**นั *ธ*์เ*ป*็น**ญ**า*ต*ิใ*ก*ล**้ช*ดิ *ข**อ*ง*ส**ม*เ*ด*็จ*พ**ร*ะ*บ**ว*ร*ร*า*ช**เจ**้า**ก**ร*ม****
คพำรชะรแ้ี าจชงวงั ใบหว้โรยมงหเสา้นสผรุ ทู้ส่มีิงหีสน่วนาทเก(ีย่ บวุญขอ้มงาส) ัมพนั ธ์เป็นญาติใกล้ชิดของสมเด็จพระบวรราชเจา้ กรม

พระราชวังบวรมหาสรุ สงิ หนาท (บญุ มา)
ชือ่ บุคคลสำคญั ทเ่ี กี่ยวขอ้ ง

ชอ่ื บคุ คลสำคัญที่เก่ียวข้อง เจา้ จอมมารดาปรางค(์ ใหญ)่

เจา้ จอมมารดาปรางค(์ ใหญ)่
คุณหญิงจนั ทร์

คเจุณา้ พหรญะิงยจานสั ุรทวรง์ ศไ์ วยวฒั น์

เพจรา้ ะพชรนะยนาีหสยุรกวงศไ์ วยวฒั น์

พระชนนีหยก

สมเดจ็ พระบวรราชเจา้ กรมพระราชวงั บวร สมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟ้ าจุฬาโลกมหาราช
สมเดจ็ พรมะหบาวสรุรสาชิงเหจาน้ ากทร(มบพุญรมะาร)าชวงั บวร เสจมา้ คเดรจ็ อพกรฟะ้ าพศทุรีอธโยนอดชฟา้ าจุฬาโลกมหาราช
เจา้ ครอกฟ้ าศรีอโนชา
มหาสุรสิงหนาท(บุญมา) พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลิศหลา้ นภาลยั
พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลิศหลา้ นภาลยั

สมเด็จเจา้ พระยาบรมมหาประยรู วงศ์
สสมมเเดดจ็็จเพจรา้ พะประฐยมาบบรรมมชมนหกาทปอรงะดยีรู วงศ์
เสจมา้ ฟเด้ าจ็หพญริงะพปิกฐลุมทบอรงมกชรนมกขทนุ อศงรดีสี ุนทร
เพจรา้ ฟะ้อาหงคญเ์ จิงา้พสิกาลุ ยทอง กรมขนุ ศรีสุนทร
พระองคเ์ จา้ สาย

แนวการจัดการเรียนรู้ประวตั ศิ าสตร์เพอ่ื สร้างสานึกความเปน็ ไทย: บรรพบุรุษไทย
แแนนววกกาารรจจัดดั กกาารรเรเรยี ียนนรรู้ปู้ปรระะววตั ตั ศิ ศิ าาสสตตรร์เพ์เพือ่ ่อื สสรร้า้างงสสาำนนึกึกคคววาามมเปเปน็ น็ ไทไทยย: :บรบรรพรพบรุบุษรุ ไษุ ทไยทย

๒๕๓

อธิบายคาเฉลยกจิ กรรมที่ ๓ ชีวติ ท่านสัมพนั ธ์กบั

ชอ่ื ................................................................................................ช้ัน..............เลขที่. .............
*************************************************************************************
คำชี้แจง ใหโ้ ยงเสน้ ผทู้ ม่ี ีสว่ นเกีย่ วข้องสัมพนั ธ์เป็นญาติใกล้ชิดของสมเด็จพระบวรราชเจ้า กรม
พระราชวงั บวรมหาสรุ สงิ หนาท (บุญมา)

ชือ่ บคุ คลสำคัญที่เกี่ยวข้อง เจา้ จอมมารดาปรางค์ (ใหญ)่
ท่านผหู้ ญิงจนั ทร์
สมเด็จพระบวรราชเจา้ กรมพระราชวงั บวร เจา้ พระยาสุรวงศไ์ วยวฒั น์
มหาสุรสิงหนาท(บุญมา) พระชนนีหยก
สมเด็จพระพทุ ธยอดฟ้ าจุฬาโลกมหาราช
เจา้ ครอกฟ้ าศรีอโนชา
พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลิศหลา้ นภาลยั

สมเด็จเจา้ พระยาบรมมหาประยรู วงศ์
สมเด็จพระปฐมบรมชนกทองดี
เจา้ ฟ้ าหญิงพิกลุ ทอง กรมขนุ ศรีสุนทร
พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ ตากสินมหาราช

แนวการจดั การเรียนรู้ประวัตศิ าสตรเ์ พื่อสร้างสานึกความเปน็ ไทย: บรรพบุรษุ ไทย
แนวการจดั การเรยี นรู้ประวตั ิศาสตร์เพ่ือสร้างสำนึกความเปน็ ไทย : บรรพบรุ ุษไทย

๒๕๔

กิจกรรมที่ ๔ วีรกรรมและผลงานของทา่ น

ชอ่ื ................................................................................................ชน้ั ..............เลขท.่ี .............
*************************************************************************************
คำชแี้ จง ให้นักเรียนวิเคราะห์วรี กรรมเด่น และผลงานทเ่ี กี่ยวขอ้ งกับสมเดจ็ พระบวรราชเจา้ กรม
พระราชวงั บวรมหาสุรสิงหนาท(บญุ มา) โดยเลอื กตวั เลขหน้าขอ้ ความทางขวามือทมี่ ีความเก่ยี วข้องกบั
ทา่ นใดให้เขยี นตัวเลขในชอ่ งว่างใต้ภาพ

ข้อควำมทีเ่ ก่ียวข้อง ๑.The Prince Doctor

สมเด็จพระบวรราชเจา้ กรมพระราชวงั บวร ๒.สร้างประภาคารสนั ดอนปากแมน่ ้า
มหาสุรสิงหนาท(บุญมา) ๓.สร้างกาแพงพระนคร ป้ อมพระอาทิตย์
๔.หนงั สือประถมจินดามณีเลม่ ๑-๒
........................................................... ๕. สร้างวดั มหาธาตุ วดั ชนะสงคราม
1. ๖.แต่งตาราสรรพคุณยาสมุนไพร
๗.โปรดใหส้ ร้างพระราชวงั บวร
๘.ผสู้ าเร็จราชการแผน่ ดินสมยั รัชกาลท่ี ๕

๙.บุคคลสาคญั ดา้ นปราชญแ์ ละกวี UNESCO
๑๐.ต่อเรือแบบฝร่ังไดเ้ ป็นคนแรก

๑๑.การทาศึกสงครามกอบกเู้ อกราชกบั พระเจา้ ตากสิน

๑๒.ประสานงานการทาสนธิสญั ญาเบาริง
๑๓.เป็ นกาลงั สาคญั ในการทาสงครามเกา้ ทพั

แนวการจดั การเรยี นรู้ประวัตศิ าสตรเ์ พอ่ื สร้างสานึกความเปน็ ไทย: บรรพบรุ ษุ ไทย
แนวการจัดการเรยี นรู้ประวตั ิศาสตรเ์ พื่อสรา้ งสำนกึ ความเป็นไทย : บรรพบุรุษไทย

๒๕๕

เฉลยกิจกรรมท่ี ๔ วีรกรรมและผลงำนของท่ำน

ชือ่ ................................................................................................ชัน้ ..............เลขท่ี. .............
*************************************************************************************
คำช้แี จง ให้นกั เรยี นวิเคราะหว์ ีรกรรมเดน่ และผลงานทเ่ี ก่ียวขอ้ งกับสมเด็จพระบวรราชเจา้ กรม
พระราชวงั บวรมหาสุรสงิ หนาท(บุญมา) โดยเลือกตวั เลขหน้าข้อความทางขวามือที่มีความเกยี่ วขอ้ งกับทา่ น
เขียนในชอ่ งว่างใต้ภาพ

ข้อควำมทเี่ ก่ยี วข้อง

๑.The Prince Doctor

๒.สร้างประภาคารสนั ดอนปากแม่น้า

สมเดจ็ พระบวรราชเจ้า กรมพระราชวงั บวร ๓.สร้างกาแพงพระนคร ป้ อมพระอาทิตย์
มหาสุรสิงหนาท(บุญมา) ๔.หนงั สือประถมจินดามณีเล่ม ๒
หมายเลข ๓ , ๕ , ๗ , ๑๓ ๕. สร้างวดั มหาธาตุ วดั ชนะสงคราม
๖.แตง่ ตาราสรรพคุณยาสมุนไพร
๗.โปรดใหส้ ร้างพระราชวงั บวรสถาน
๘.ผสู้ าเร็จราชการแผน่ ดินสมยั รัชกาลท่ี ๕

๙.บุคคลสาคญั ดา้ นปราชญแ์ ละกวี UNESCO

๑๐.ต่อเรือแบบฝร่ังไดเ้ ป็นคนแรก

๑๑.การทาศึกสงครามกกู้ อบเอกราช

๑๒.ประสานงานการทาสนธิสญั ญาเบาริง

๑๓.เป็ นกาลงั สาคญั ในการทาสงครามเกา้ ทพั

แนวการจัดการเรียนรู้ประวัตศิ าสตร์เพ่อื สร้างสานกึ ความเปน็ ไทย: บรรพบุรุษไทย
แนวการจัดการเรยี นรปู้ ระวัตศิ าสตรเ์ พือ่ สร้างสำนกึ ความเปน็ ไทย : บรรพบุรษุ ไทย

๒๕๖
กจิ กรรมที่ ๕ ผลงำนอื่นๆ (เพม่ิ เติม)
ช่ือ................................................................................................ช้นั ..............เลขท่ี..............
********************************************************************************
คำชแ้ี จง ให้นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มรว่ มกันสืบค้นและสรุปผลงานอ่ืน ๆ ที่สาคัญของสมเดจ็ พระบวรราชเจ้า
กรมพระราชวังบวรมหาสุรสีหนาท(บญุ มา)
ผลงำนอืน่ ๆ ท่สี ำคัญของสมเดจ็ พระบวรรำชเจ้ำ กรมพระรำชวังบวรมหำสรุ สีหนำท(บุญมำ)
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………

แนวการจดั การเรยี นรู้ประวัตศิ าสตร์เพอื่ สร้างสานกึ ความเปน็ ไทย: บรรพบุรุษไทย
แนวการจัดการเรยี นรปู้ ระวัติศาสตรเ์ พื่อสรา้ งสำนึกความเป็นไทย : บรรพบุรุษไทย

๒๕๗
เฉลยกิจกรรมท่ี ๕ ผลงำนอืน่ ๆ (เพ่ิมเติม)

ช่อื ................................................................................................ชนั้ ..............เลขที.่ .............
*************************************************************************************
คำชี้แจง ให้นกั เรียนแตล่ ะกลมุ่ ร่วมกันสืบค้นและสรปุ ผลงานอน่ื ๆ ทสี่ าคญั ของสมเด็จพระบวรราชเจ้า

กรมพระราชวังบวรมหาสรุ สีหนาท(บญุ มา)

ผลงำนอืน่ ๆ ท่สี ำคัญ ของสมเด็จพระบวรรำชเจ้ำ กรมพระรำชวงั บวรสถำนมงคล (บญุ มำ)
แนวการตอบ

๑. ทรงร่วมสงครามกอบกูเ้ อกราชและการรวมชาติ สงครามป้องกันการรุกรานจาก
ตา่ งชาติ เช่นสงครามกบั พม่ากอ่ นเสียกรุงครัง้ ท่ี ๒ สงครามรวบรวมชมุ นมุ ตา่ ง ๆ ศกึ ๙ ทพั เปน็ ตน้
ท่านมสี ว่ นสาคญั ในการสรา้ งความสงบเรียบรอ้ ยใหเ้ กดิ ข้ึนในบา้ นเมอื งในช่วงของการต้ังราชธานีใหม่

๒. ทรงเสริมสร้างความมน่ั คงให้แก่บา้ นเมือง เช่น สรา้ งป้อมอิสนิ ธร ป้อมพระอาทิตย์
ป้อมพระจันทร์ ป้อมยุคนธร (ซ่ึงรื้อลงแล้ว) คงเหลือแต่ป้อมพระสเุ มรุ

๓. ทรงอปุ ถมั ภ์บารุงการพระศาสนา สรา้ งวดั โบสถ์ วดั เทวราชกุญชร (วดั สมอแครง)
วดั ราชผาตกิ าราม (วัดส้มเกลีย้ ง) วดั ปทมุ คงคา (วัดสาเพง็ ) วดั ครฑุ วดั สุวรรณครี ี (วัดข้เี หลก็ ) วัดสุวรรณ
ดาราราม ทรงสรา้ งหอมณเฑียรธรรมในวดั พระศรรี ตั นศาสดาราม วหิ ารคตวัดพระเชตุพนฯ

๔. สง่ เสริมงานด้านศลิ ปะและสถาปตั ยกรรม เช่นทรงสร้างประตูยอดของบรมมหาราชวัง
คือ ประตสู วสั ดิโสภา ประตมู ณนี พรัตน์ ประตูอดุ มสดุ ารักษ์ และทรงสร้างโรงเรอื ท่ฟี ากตะวันตก เป็นต้น

แนวการจดั การเรยี นรู้ประวัตศิ าสตรเ์ พื่อสร้างสานึกความเปน็ ไทย: บรรพบุรษุ ไทย
แนวการจัดการเรยี นร้ปู ระวตั ิศาสตร์เพ่ือสรา้ งสำนึกความเปน็ ไทย : บรรพบุรษุ ไทย

๒๕๘

ใบกจิ กรรมท่ี ๖ คณุ ธรรมนำชวี ติ

ชือ่ ................................................................................................ชนั้ ..............เลขท่ี. .............
*************************************************************************************
คำช้แี จง ให้นกั เรยี นรว่ มกนั วเิ คราะห์วีรกรรมและผลงานทสี่ าคัญของสมเดจ็ พระบวรราชเจา้

กรมพระราชวังบวรมหาสุรสงิ หนาท(บุญมา) ทไ่ี ดส้ ืบคน้ มาวา่ สะท้อนคุณธรรมใด

๑………………………………………. คุณธรรมทโ่ี ดดเด่นของท่ำน

ผลงานท่ีเป็ น ๒……………………………………
หลกั ฐาน………………………………
……………………………………… ผลงานทเ่ี ป็ น
……………………………………… หลกั ฐาน………………………………
………………………………………
………………………………………
………

สมเดจ็ พระบวรราชเจ้า ๓……………………………………
กรมพระราชวงั บวรมหาสุรสิงหนาท(บุญมา)
ผลงานที่เป็ น
๕. ……………………………….. หลกั ฐาน………………………………
………………………………………
ผลงานท่ีเป็ น ………………………………………
หลกั ฐาน………………………………
……………………………………… ๔…………………………………
………………………………………
ผลงานทีเ่ ป็ น
หลกั ฐาน………………………………
………………………………………
………………………………………
………

แนวการจัดการเรยี นรู้ประวตั ศิ าสตร์เพอื่ สร้างสานกึ ความเปน็ ไทย: บรรพบุรุษไทย
แนวการจดั การเรยี นรู้ประวัติศาสตร์เพื่อสร้างสำนกึ ความเป็นไทย : บรรพบุรุษไทย

๒๕๙

เฉลยแนวการตอบใบกจิ กรรมที่ ๕ คุณธรรมนาชีวติ

ช่ือ................................................................................................ช้นั ..............เลขที่..............
********************************************************************************
*****
คาชี้แจง ใหน้ กั เรียนร่วมกนั วเิ คราะห์วรี กรรมและผลงานท่ีสาคญั ของสมเด็จพระบวรราชเจา้

กรมพระราชวงั บวรมหาสุรสิงหนาท(บุญมา) ท่ีไดส้ ืบคน้ มาวา่ สะทอ้ นคุณธรรมใด

๑ ความรักชาติ ผลงานทเ่ี ป็ นหลกั ฐาน แนวการตอบ คุณธรรมทโ่ี ดดเด่นของท่าน
การออกส้รู บในสงครามตา่ ง ๆ ตงั้ แต่
ปลายกรุงศรีอยธุ ยาจนถงึ ต้นรตั นโกสนิ ทร์ ๒ รักศาสนา
จานวนถงึ ๒๖ ครงั้ สร้างกาแพงพระนคร ผลงานท่เี ป็ นหลกั ฐาน การอปุ ถมั ภ์บารุง
ป้ อมป้ องกนั พระนคร พระศาสนาโดยบรู ณะวดั การสร้างวดั วา
อารามตา่ ง ๆ เชน่ วดั เทวราชกญุ ชร
วดั ปทมุ คงคา เป็ นต้น

สมเด็จพระบวรราชเจา้ ๓ จงรักภกั ดีต่อพระมหากษัตริย์
กรมพระราชวงั บวรมหาสุรสิงหนาท(บุญมา) ผลงานท่ีเป็ นหลกั ฐาน เป็ นแมท่ พั ตอ่ ต้าน
ข้าศกึ ศตั รูตามพระบรมราชโองการอยา่ ง
๕.อดทนทาสง่ิ ดงี ามเพอื่ สว่ นรวม ถวายชวี ิตจนทาให้ชาตไิ ทยชนะใน
ผลงานท่เี ป็ นหลกั ฐานการออกสูร้ บเป็น สงครามปกป้ องบ้านเมืองไว้ได้
ระยะเวลายาวนานเพ่อื กอบกชู้ าติ
บา้ นเมืองและช่วยใหบ้ า้ นเมืองรอดพน้ จา ๔ รักษาวฒั นธรรมประเพณีไทยอนั
การรุกรานของขา้ ศึกศตั รู งดงาม
ผลงานทีเ่ ป็ นหลกั ฐาน การสร้าง
พระราชวงั บวรดว้ ยสถาปัตยกรรมไทยท่ี
งดงาม

แนวการจดั การเรียนรู้ประวัตศิ าสตรเ์ พือ่ สร้างสานึกความเปน็ ไทย: บรรพบุรุษไทย
แนวการจดั การเรยี นรูป้ ระวตั ิศาสตรเ์ พอ่ื สรา้ งสำนกึ ความเป็นไทย : บรรพบุรษุ ไทย

๒๖๐
ใบกจิ กรรมที่ ๗ ตัวอย่างคามั่นสัญญา

คามัน่ สัญญา
ขา้ พเจา้ เด็กหญิงรักไทย ไทยกลา้ ไดศ้ ึกษาผลงานของบรรพบุรุษไทยไดเ้ ห็นความ
กลา้ หาญ เสียสละ มุง่ มนั่ ในการรักษาชาติบา้ นเมือง ขา้ พเจา้ ขอใหค้ ามนั่ สัญญาวา่
“ขา้ พเจา้ จะต้งั ใจเรียน และประพฤติตนเป็นคนดี เห็นประโยชน์ของส่วนรวม
มากกวา่ ส่วนตนและจะปกป้ องชาติ ศาสนาและพระมหากษตั ริยจ์ นเตม็ กาลงั ”

ลงชื่อ .................................................
()

แนวการจัดการเรียนรู้ประวัตศิ าสตร์เพือ่ สร้างสานกึ ความเปน็ ไทย: บรรพบรุ ุษไทย
แนวการจัดการเรยี นรู้ประวัติศาสตร์เพอ่ื สรา้ งสำนกึ ความเป็นไทย : บรรพบุรษุ ไทย

๒๖๑

ภมู ปิ ญั ญาและวฒั นธรรมไทย

ความนา
วัฒนธรรม (culture) เป็นภาพชีวิต ของมนุษย์ทั้งโลก ท่ีประสงค์จะดาเนินชีวิตให้เป็นสุข

โดยอาศัยปัญญา (wisdom) เป็นเคร่ืองมือ ผลผลิตที่เกิดข้ึนจึงมีมากมายหลากหลาย และกลายเป็น
รากฐานของการพฒั นาใหส้ งั คมมนษุ ย์สามารถก้าวข้ามยุคสมัยมาได้เร่ือยๆจนถงึ ปจั จบุ ัน

Unesco จึงได้จัดตั้งขึ้นโดยมีหน้าท่ีหลักอย่างหน่ึงคือการศึกษาและดาเนินการให้เกิด
การอนุรักษ์วัฒนธรรมของทุกประเทศอันเป็นสมบัตติ กทอดที่สะท้อน ความเป็นมนุษย์และความรุ่งเร่อื ง
ทางปัญญาของมนุษย์ ในฐานะมรดกของชาวโลก ให้คงอยู่โดยไม่สูญหายเป็นจานวนมาก กระน้ันก็ยัง
เป็นโชคดขี องประเทศชาติ ทย่ี งั มีบางคน มองเห็นและตระหนักถงึ คุณคา่ ของเกา่ เหล่านั้น ในมิติเดยี วกัน
กับยูเนสโก และนักวิชาการ จึงได้รวบรวมไว้ด้วยทุนทรัพย์ส่วนตัว เราจึงมีพิพิธภัณฑ์พ้ืนบ้านเกิดขึ้น
กระจายอยู่ท่ัวประเทศ แม้จะไม่มากนักก็ตาม ที่สาคัญ เช่น พิพิธภัณฑ์พ้ืนบ้านจ่าทวี จังหวัดพิษณุโลก
ทาให้คนรุ่นหลังสามารถตามหาร่องรอยของบรรพบุรุษและวิถีไทยได้บ้าง จวบจนรัฐบาลได้จัดตั้งศูนย์
วัฒนธรรมแห่งประเทศไทยข้ึน โดยแยกออกจากกรมศิลปากร (ปัจจุบัน คือ กระทรวงวัฒนธรรม) คาว่า
วัฒนธรรม ภูมิปัญญา จึงได้มีการศึกษาอย่างเป็นระบบและกลายเป็นหน้าท่ีหลักของหน่วยงานรัฐทุก
ระดบั เชน่ ปจั จบุ ัน

แต่ด้วยเหตุทภ่ี ูมิปัญญาและวัฒนธรรมเปน็ เรื่องทคี่ รอบคลมุ ทั้งวถิ ีการดาเนินชวี ิต และแบบ
แผนของการดาเนนิ ชวี ิตของผู้คนนบั ตัง้ แต่ในครอบครวั ชุมชน ทอ้ งถ่นิ ประเทศชาติ และโลก มีขอบข่าย
กว้างขวางต้ังแต่กิจกรรมเล็ก ๆ ของคนบางจนถึงกิจกรรมท่ีขยายวงใหญ่ขึ้นตามจานวนคนท่ีเข้ามา
เกี่ยวข้องท้ังทางตรงและทางอ้อม อาจเร่ิมจากปัจจุบันย้อนไปอดีตอันยาวนานเท่ามีหลักฐานร่องรอยให้
ศึกษาหรือเร่ิมตั้งแต่อดีตกาลมาจนถงึ ปัจจุบัน ซงึ่ จะพบว่า ทัง้ หมดเปน็ เรื่องที่เก่ียวข้องกับประสบการณ์
อันหลากหลายของบรรพบุรุษนับแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน ที่มีการปรับเปล่ียนวิธีคิด รูปแบบ และแบบ
แผนของการดาเนินชีวิต เพื่อให้เกิด “ชีวิตท่ีลงตัว” หลายช่วง หลายคร้ัง ส่ิงท่ีหลงเหลือถึงปัจจุบันได้
กลายเปน็ “ชีวิตปจั จุบัน” ของคนทัง้ ชาตทิ ี่แสดงถึง “ความเปน็ ชาติ”

ดังนั้น การศึกษาเร่ืองภูมิปัญญาและวัฒนธรรมไทย ที่มีลักษณะเฉพาะมีคุณสมบัติเฉพาะ
เป็นท่ีรับรู้กันในสังคมโลกปัจจบุ ันว่านี่แหละ “คนไทย” น่ีแหละ “แบบไทย” จึงเป็นเร่ืองท่ีดูเหมือนจะ
หาขอบเขตมิได้ไม่ว่าจะหยิบวัตถุส่ิงของหรือช้ินงานใดข้ึนมาหน่ึงช้ินหรือหยิบยกพฤติกรรมบางเรื่องของ
คนไทยมาพิจารณา เช่น การเฝ้าดูละครโทรทัศน์หลังข่าวท่ีเป็นความบันเทิงของคนส่วนใหญ่ หรือชื่นชม
ต่อสถาปัตยกรรมไทยท่ีต้ังตระหง่านอยู่รอบตัว ฯลฯ ก็สามารถสะท้อนความคิด ความสามารถของคน

แแนนววกกาารรจจดั ดั กกาารรเเรรียียนนรรปู้ ู้ปรระะววัตตั ศิ ิศาาสสตตรร์เเ์พพือ่ อ่ื สสรรา้ า้ งงสสาำนนึกกึ คคววาามมเเปปน็ น็ ไไททยย::ภูมภูมปิ ปิญั ญั ญญาแาลและวะัฒวฒั นธนรธรรมรมไทไทยย

๒๖๒

ไทยไดเ้ สมอ ทาอยา่ งไรจงึ จะทาให้การศกึ ษาเรอื่ งนเี้ ปน็ เร่ืองทน่ี ่าสนใจ ล่มุ ลกึ ไม่ฉาบฉวย คือ สามารถทา
ให้ผู้เรียนตื่นตัว หรือท่ึงต่อ วิธีคิด วิธีปรับใช้ ความปราดเปรื่องของคนไทยได้ การกาหนดจุดมุ่งหมาย
เฉพาะจงึ น่าจะทาใหเ้ กิดแนวทางในการศึกษาได้กระชับและ “ตรง” มากขน้ึ เพราะหากไม่เรยี นรู้ ไม่ให้
ความสาคัญก็เปรียบเสมือนสังคมที่ขาดรากเหง้า ลอยเคว้งคว้างเหมือนลูกโป่งท่ีถูกลมพัดไปพัดมา
ความภาคภูมิใจในตัวตนของชาติก็จะสูญส้ินไปด้วย ความรู้สึกในตัวตนท่ีเฉพาะตนจะกลายเป็น
เป้าหมายหลกั ของแตล่ ะชีวิต แทนจติ สานึกร่วมกนั ของคนทัง้ ชาติ

จดุ มุง่ หมายเฉพาะของการศึกษา
๑. เพื่อให้เกิดความเข้าใจอย่างถูกต้องในความหมาย ความสาคัญ ความสัมพันธ์ ขอบข่าย

รวมทั้งบริบทของท้ังภูมิปัญญา และวัฒนธรรมที่ครอบคลุม “ชีวิต” ผู้คนทุกด้าน อันจะนาไปสู่ความ
เข้าใจเกี่ยวกบั ภมู ิปัญญา และวัฒนธรรม ชาวบา้ น / ท้องถ่นิ / ไทย ตลอดจนถงึ วฒั นธรรมราษฎร์ และ
วัฒนธรรมหลวง ซึง่ เป็นการศกึ ษาท่เี น้นไปท่กี ลุ่มคนและพ้ืนท่ี

๒. เพ่ือให้เกิดความตระหนักถึงความสามารถในการใช้ปัญญาอย่างลุ่มลึกของบรรพบุรุษไทย
ของคนไทย นับแต่อดีตถึงปัจจุบัน ท่ีช่วยกันหล่อหลอม “วิถีชีวิตแบบไทย” ให้เกิดข้ึนและสามารถดารง
อยู่ได้ถึงวันนี้ อันจะนาไปสู่การรูจ้ ักเลือกรบั วฒั นธรรมจากภายนอกด้วยภมู ิปัญญาอย่างใคร่ครวญโดยไม่
สญู เสีย “ความเปน็ ไทยอันงดงาม”

ประเด็นสาคญั ท่ีควรรูใ้ นการศกึ ษา
๑. ความหมายของภมู ปิ ญั ญาและวัฒนธรรม
สืบเน่ืองจากการที่นักวิชาการต่างให้ความหมายหรือคาจากัดความของท้ังคาว่า

ภมู ิปัญญา (Wisdom) และวฒั นธรรม (Culture) แตกต่างกนั ไปตามขอบข่าย (scope) ของระเบียบวิธีที่
ได้ฝึกฝนมาหรือตามความถนัดของตนเอง ซ่ึงอาจทาให้ผู้ที่เร่ิมต้นศึกษาเร่ืองนี้ เกิดความไม่แน่ใจและ
ตดั สินใจดว้ ยตนเองไม่ได้ว่าสงิ่ ที่กาลังทาอย่นู ้นั ถูกต้องหรือไม่ ดังน้ันในเอกสารชุดน้ี จงึ ไดน้ าความหมาย
ทมี่ อี ยหู่ ลากหลาย มานาเสนอเพือ่ ใช้เปน็ กรอบความคิดเพ่ือกาหนดแนวทางการเรียนรู้และศึกษาของตน
ได้ ดังเช่น

ความหมายของภูมิปญั ญา
ชลธิรา สัตยาวัฒนา กล่าวว่า ภูมิปัญญาเป็นผลึกขององค์ความรู้ท่ีมีกระบวนการสัง่ สม
สบื ทอดกล่ันกรองกันมายาวนาน มีที่มาหลากหลายไร้เอกภาพแต่ก็ได้ประสมประสานกันจนเป็นเหลี่ยม
มณที ี่จรสั แสงคงทนและท้าทายตลอดกาลเวลา ความรูอ้ าจจะไม่ไดเ้ ปน็ เอกภาพ (unity) แต่ภมู ิปัญญาจัด
วา่ เป็นเอกลกั ษณ์ (identity)
เอกวทิ ย์ ณ ถลาง ได้อธบิ ายความหมายของภูมปิ ัญญาว่า เป็นผลของประสบการณ์ส่ัง
สมของคนท่ีเรียนรู้จากปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมปฏิสัมพันธ์ในกลุ่มชนเดียวกันและระหว่างกลุ่มชุมชน
หลายๆ ชาติพันธ์ รวมไปถึงโลกทัศน์ท่ีมีต่อสิ่งเหนือธรรมชาติ ภูมิปัญญาเหล่านี้เอื้ออานวยให้คนไทย

แนแวนกวากราจรัดจกดั ากราเรรเยีรนียรนปู้ รปู้ระรวะตัวศิัตาิศสาตสรต์เรพเ์ พ่ือสื่อรส้ารงา้ สงาสนำกึนคกึ วคาวมามเปเปน็ ไ็นทไทยย::ภูมภมูิปปิัญญั ญญาแาลแะลวะฒัวฒั นธนรธรรมรมไทไทยย

๒๖๓

แก้ปัญหาได้ ดารงอยู่และสร้างสรรค์อารยธรรมของเราเองได้อย่างมีดุลยภาพกับส่ิงแวดล้อมโดยเฉพาะ
ในระดับพื้นฐานหรือระดับชาวบ้าน ภูมิปัญญาในแผ่นดินนี้มิได้เกิดข้ึนเป็นเอกเทศ แต่มีส่วนแลกเปลยี่ น
เลือกเฟน้ และปรบั ใชภ้ ูมิปญั ญาจากอารยธรรมอืน่ ตลอดมา

ธนาคารไทยพาณิชย์ มีแนวคิดเก่ียวกับภูมิปัญญาไทยว่า รากเหง้าของความเป็นไทย
เกิดจากการส่ังสมภูมิปัญญาของคนโบราณท่ีได้เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ จากประสบการณ์การดารงชีวิต
การผสมผสานของชาติพันธ์และสภาพสังคมอนั หลากหลายมานบั พันปี จากประสบการณ์ของคนโบราณ
ได้สร้างรูปแบบของวัฒนธรรมประเพณีที่สามารถรองรับการอยู่รวมกันในสังคมไทยมาไ ด้อย่างเป็น
ปึกแผ่น เหล่าน้ีคือภูมิปัญญาไทยที่คนในปัจจุบันควรตระหนักถึงและได้เรียนรดู้ ้วยความภาคภูมิใจ และ
ก้าวหน้าต่อไปอย่างมั่นใจในชาติภูมิของตน เพราะวัฒนธรรมคือรากฐานของการพัฒนาสังคมอย่างมี
ระบบ และนาไปสคู่ วามกา้ วหน้าของชาตบิ ้านเมืองในอนาคต

เสรี พงศ์พิศ กล่าวไว้ว่า ภูมิปัญญาไทย หมายถึง องค์ความรู้ในด้านต่าง ๆ ของการ
ดารงชีวิตของคนไทยที่เกิดจากการสะสมประสบการณ์ทั้งทางตรงและทางอ้อม ประกอบกับ
แนวความคิดวิเคราะห์ในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ของตนเอง จนเกิดหลอมรวมเป็นแนวความคิดในการ
แก้ไขปัญหาท่ีเป็นลักษณะของตนเองที่สามารถพัฒนาความรู้ดังกล่าวมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับกาล
สมัยในการแก้ปญั หาของการดาเนนิ ชีวติ

ฯลฯ
ด้วยความหมายท่ีหลากหลายข้างต้น หากพิจารณากันโดยละเอียดแล้วจะพบว่า
ภมู ิปญั ญาเกย่ี วข้องกับประเด็นสาคัญๆ เหล่านี้
- คนและการดารงชวี ิตของคนท่ีอยู่ในถิ่นต่างๆ ที่มีความแตกตา่ งกนั ท้งั สิ่งแวดลอ้ มทาง
สงั คมและธรรมชาติ
- คติ ความเชื่อ คา่ นิยม โลกทศั น์ และสิ่งเหนอื ธรรมชาติ
- การประดิษฐ์คิดค้นต่าง ๆ ท่ีไม่จาเป็นจะต้องเกิดจากความรู้ท่ีผ่านระบบการศึกษา
อย่างเป็นทางการ แต่สามารถเกิดขึ้นได้จากการสังเกต การทดลอง การศึกษาเรียนรู้ด้วยตนเอง
การศกึ ษานอกระบบ
- ปัญหา การแก้ปัญหา การเอาชนะธรรมชาติ เพ่ีอให้การดาเนินชีวิตได้รับความสุข
ความสะดวกสบาย
- องค์ความรู้ท่ีเกิดขึ้นใหม่ อาจเกิดจากการปรับเปลี่ยนจากความรู้เดิม ประสบการณ์เดิม
การรับมาจากกลุ่มชนกลุ่มอ่ืนแล้วนามาปรับเปล่ียน หรือการคิดค้น แสวงหา เทคโนโลยีและเทคนิค
วิธกี ารผลิตใหม่ๆ
- การเลือกสรรกล่ันกรอง การพัฒนา การถ่ายทอด การจัดการจัดสรร การปรับตัว
การสง่ ตอ่ การเคล่อื นไหวเปลย่ี นแปลงไปตามยุคสมัย
- เกียรติภูมขิ องครอบครัว ชุมชน ท้องถน่ิ

แแนนววกกาารรจจดั ดั กกาารรเเรรียยี นนรรปู้ ปู้ รระะววตั ัตศิ ศิ าาสสตตรร์เเ์พพอื่ อ่ื สสรรา้ ้างงสสาำนนึกึกคคววาามมเเปปน็ ็นไไททยย::ภูมภมูิปปิญั ัญญญาแาลและวะฒัวัฒนธนรธรรมรมไทไทยย

๒๖๔

ดังน้ันนับแต่อดีตกาลเราจะพบร่องรอยของการใช้ภมู ิปัญญาของมนุษย์สร้างสรรค์สิ่งตา่ งๆ
ขึ้นมาเพ่ือใช้ในการดารงชีวิต ท่ีมีความหลากหลายกันทั้งรูปแบบของช้ินงาน การใช้เทคโนโลยี และ
เทคนิควิธีผลิต แต่สามารถยังประโยชน์ได้ตามความต้องการของคนในแต่ละครอบครัว ชุมชน สังคม ท่ี
กระจัดกระจายกันไปทั้งโลก นั่นหมายความว่ามนุษย์ท่ีสามารถสืบเผ่าพันธุ์ต่อเน่ืองกันและสร้างสรรค์
ความเจริญ ความสะดวกสบายให้แก่สังคมของตนได้ตามความต้องการต่างมีความสามารถ มีสติปัญญา
มีความฉลาดลุ่มลึก หรือท่ีเรียกรวมว่าภูมิปัญญา ไม่แตกต่างกัน สภาพสังคมใดจะประดิษฐ์คิดค้นสิ่ง
ต่างๆ ได้มากน้อย แปลกไปจากสังคมอื่นมากน้อย เพียงใดก็ขึ้นอยู่กับวัสดุที่มีอยู่ในแต่ละท้องถิ่นเป็น
สาคญั

ภูมิปัญญาจะแฝงอยู่ในทุกมิติของชีวิต ครอบคลุมทุกกิจกรรมของการดาเนินชีวิต
เกี่ยวข้องทั้งกับคน ท้ังกับธรรมชาติ ครอบคลุมทุกกิจกรรม สามารถสร้างเง่ือนไขในการอยู่ร่วมกันได้
อย่างเป็นระบบ รวมท้ังยังนาไปสู่การจัดการให้เกิด “ชีวิตท่ีลงตัว” ได้ตลอดมา ท่ีสาคัญสามารถส่งต่อ
ผลผลิตของภูมปิ ัญญาไปเปน็ วฒั นธรรมของชาติไดอ้ กี ด้วย

ความหมายของวฒั นธรรม
สมคิด โชติกวณิชย์ กล่าวไว้ว่า วัฒนธรรมเป็นสิ่งสาคัญยิ่งท่ีแสดงถึงความเป็นชาติ
ประเทศชาติท่ีเจริญแล้วทั้งหลายตา่ งมีประวัติท่ียอ้ นหลังไปไกลหลายรอ้ ยหลายพันปี ซึ่งในช่วงเวลาแหง่
อดีตอันยาวนานน้ัน ได้มีการสร้างสมและสืบทอดวัฒนธรรมต่อกันมา โดยมีพัฒนาการเป็นขั้นเป็นตอน
จนเกิดเป็นเอกลักษณะที่แสดงความเป็นชาติของตน เราสามารถแยกแยะคนชาติต่างๆ ท่ีมีผิวพรรณ
และโครงสร้างทางกายภาพใกล้เคียงกันได้ ก็โดยมีวัฒนธรรมเป็นเครื่องบง่ ชี้ หากไม่มีวัฒนธรรมเป็นของ
ตนเอง เราก็คงแยกไมอ่ อกว่าเปน็ ไทย พมา่ มาเลย์ หรอื เขมร
นิคม มูสิกะคามะ กล่าวไว้ว่า วัฒนธรรม คือวิถีชีวิตของคนในชาติ ซึ่งประกอบด้วยส่ิงท่ี
เป็นมรดกตกทอดมาจากบรรพบุรุษ เรียกว่ามรดกทางวัฒนธรรม และวัฒนธรรมร่วมสมัย เป็น
เอกลักษณ์เฉพาะของคนแต่ละเผ่าพันธ์ุแต่ละชาติถือกันว่าเป็นจิตวิญญาณของคนในชาติน้ันๆ ย่อมมี
ความสาคัญในฐานะเป็นรากฐานในการศึกษาและพฒั นาประเทศ
แผนแมบ่ ทการอนรุ ักษ์สบื ทอดพัฒนาศิลปวัฒนธรรมยามวิกฤต พ.ศ. ๒๕๔๒-๒๕๔๔ ของ
กรมศลิ ปากร ไดก้ ล่าวว่า วฒั นธรรมคือรปู แบบวิถีชีวิตของคนที่สืบทอดประสบการณ์และสร้างสรรค์ต่อ
กันมาจากคนรุ่นหน่ึงไปยังคนอีกรุ่นหน่ึง โดยไม่สูญเสียเอกลักษณ์ของตนไป เป็นเครื่องมือสาคัญท่ีสุด
ในการสรา้ งความสขุ กายสบายใจและบ่งบอกถงึ เกียรติยศช่ือเสยี งของประเทศนัน้ ๆ
ทุกประเทศตระหนักต่อความสาคัญของวัฒนธรรม จึงจัดการศึกษาให้วัฒนธรรมเป็น
หลกั สูตรบงั คับให้เยาวชนได้เรยี นรู้ ครอบครัวชว่ ยกนั อบรมส่งั สอน ชุมชนชว่ ยกันทานุบารงุ รกั ษา
UNESCO ได้จัดการประชุมระดับโลกเกี่ยวกับนโยบายทางวัฒนธรรม (The world
Conference on Cultural Policies) ณ นครเม็กซิโก ระหว่างวันท่ี ๓๑ กรกฎาคม – ๗ สิงหาคม
พ.ศ. ๒๕๒๕ รวมท้ังได้มีข้อตกลง “การประกาศนโยบายด้านวัฒนธรรมของ UNESCO ณ นครเม็กซิโก

แนแวนกวากราจรัดจกดั ากราเรรเยีรนียรนปู้ ร้ปูระรวะัตวศิัตาศิ สาตสรต์เรพ์เพ่ือสอื่ รสา้ รงา้ สงาสนำึกนคึกวคาวมามเปเปน็ ไน็ ทไทยย::ภูมภมูปิ ปิญั ัญญญาแาลแะลวะฒัวัฒนธนรธรรมรมไทไทยย

๒๖๕

๗ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๒๕ (Mexico City Declaration on Cultural Policies)” ดว้ ย โดยที่ประชุมได้มี
มตริ ว่ มกันกาหนดความหมายของวัฒนธรรมอนั เปน็ เปา้ หมายแหง่ จิตวญิ ญาณของมนษุ ยช์ าติไว้ดังน้ี

- ในด้านความหมายท่ีกว้างขวางที่สุดอาจกล่าวได้ว่า “วัฒนธรรมเป็นองค์ประกอบ
ร่วมกันท้ังมวลท่ีแสดงให้เห็นอย่างเด่นชัดถึงจิตวิญญาณ วัตถุธรรม สติปัญญา ตลอดจนอารมณ์
ความร้สู กึ นกึ คิด ทีแ่ สดงถึงคุณสมบัติพเิ ศษเฉพาะของสังคมน้นั หรือของกล่มุ คนในสังคม ซึ่งไม่เพียงแต่
จะหมายถึงศิลปกรรมทั้งหลาย และตัวอักษรบันทึกต่างๆ แต่ยังรวมไปถึงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ สิทธิขั้น
มูลฐานของมนุษยชาติ ระบบต่าง ๆ ทางค่านิคม จารีตประเพณีที่สืบทอด ตลอดจนศรัทธาและความ
เชือ่ ทงั้ หลายทง้ั ปวงดว้ ย”

- วัฒนธรรมน้ีเองที่ทาให้คนสามารถสะท้อนความเป็นมนุษย์ของตน วัฒนธรรมนเี้ อง
ที่ทาให้จาแนกความพเิ ศษจาเพาะของความเปน็ มนุษยชาติ เป็นสงิ่ มชี วี ิตที่มีเหตุผล สามารถตัดสนิ ใจได้
โดยใช้วจิ ารณญาณ ตลอดจนการมีความรู้สึกนึกคิดในความยึดเหนยี่ วทางดา้ นศลี ธรรม มนษุ ย์สามารถ
มองเห็นคุณคา่ และทางเลือกต่างๆ ได้ โดยผา่ นกระบวนการทางวัฒนธรรม โดยวฒั นธรรมน้เี องท่ีทาให้
คนสามารถแสดงออกซ่ึงความเป็นตัวตนของตนเองได้ชัดแจ้ง ทาให้รู้จักตนเอง ทาให้ยอมรับใน
ความสาเร็จของตน เฝ้าเสาะแสวงหาวิถีทางใหม่ๆ โดยไม่รู้จักเหน่ือยล้า พยายามสร้างสรรค์ผลงาน
โดยก้าวข้ามความจากดั ต่างๆ ของตนไปใหไ้ ด้

ฯลฯ
จากความหมายดงั กล่าวจะเหน็ ไดว้ ่าวฒั นธรรมเกีย่ วขอ้ งกับประเดน็ สาคัญ ดงั นี้
- วิถีชีวติ รูปแบบและแบบแผนของวิถชี ีวติ ความเปน็ อยู่
- เป็นท้ังจิตวิญญาณ วัตถุธรรม สติปัญญา อารมณ์ ความรู้สึกนึกคิด ค่านิยม
ความเชอื่ และความศรัทธา จารตี ประเพณี ตลอดจนวธิ กี ารประเมินคุณค่าความเป็นมนษุ ย์อันเกย่ี วข้อง
กับสิทธิมลู ฐานของมนุษยชาตใิ นมิติปจั จุบัน
- การสร้างสมและสบื ทอดประสบการณม์ ายาวนาน และสง่ ต่อไปส่รู ุน่ ต่อรนุ่
- ทาให้รู้จักตนเอง ทาให้คนสามารถแสดงออกซ่ึงความเป็นตัวตนได้ชัดเจ้ง ทาให้
ยอมรบั ในความสาเร็จของตน
- ความเป็นชาติท่มี ีเอกลกั ษณ์เฉพาะ หรือเป็นคุณสมบัตพิ ิเศษเฉพาะของสังคมแตล่ ะ
สงั คม
- เกียรตยิ ศชอ่ื เสยี ง เกียรติภูมขิ องชาติ
- การสร้างความตระหนักถึงความสาคัญของวัฒนธรรมจาเป็นต้องผ่านระบบ
การศกึ ษา ครอบครวั และชมุ ชน
จะเหน็ ได้ว่าวัฒนธรรมและภูมิปัญญาเป็นมติ ิท่ีซ้อนทับกนั อยู่ เกยี่ วโยงกนั อยู่ และ
เคล่ือนไหวเปลย่ี นแปลงไปพร้อมๆ กันเสมอ

แแนนววกกาารรจจัดดั กกาารรเเรรยี ียนนรรปู้ ูป้ รระะววตั ตั ศิ ิศาาสสตตรร์เเ์พพื่อ่ือสสรรา้ ้างงสสาำนนกึ ึกคคววาามมเเปปน็ น็ ไไททยย::ภูมภมูปิ ปิัญญั ญญาแาลและวะัฒวัฒนธนรธรรมรมไทไทยย

๒๖๖

วัฒนธรรมจึงเป็นผลผลิตที่เกิดจากกระบวนการผสมผสานการคิด การสังเกต
การทดลอง การปรับปรุงแก้ไข การประยุกต์ใช้ การรับมาปรับใช้ การส่ังสม การคัดสรร และ
การเลอื กสรรสง่ิ ที่ดที สี่ ุด เพ่ือสง่ ต่อจากร่นุ ต่อรนุ่ ด้วยภมู ปิ ญั ญาของคนรุ่นบรรพบรุ ุษ จนตกทอดมาจนถึง
รุ่นปัจจุบัน และได้กลายเป็นแบบแผนของการดาเนินชีวิตของแต่ละสังคม อันมีลักษณะเฉพาะท่ี
กลายเปน็ เอกลักษณ์ของสังคม วฒั นธรรม สามารถคงอยู่ไดย้ าวนาน จนกลายเปน็ มรดกของชาติได้ หาก
ยังรองรับความต้องการของคนรุ่นต่อๆ มาได้ แต่เมื่อใดก็ตามท่ีแบบแผนของการดาเนินชีวิตของกลุ่มคน
จากสังคมภายนอก สามารถตอบโจทย์ของคนรุ่นใหม่ได้มากกว่า กระแสวัฒนธรรมแบบใหม่จาก
“คนนอก” ก็อาจเขา้ มาแทนทห่ี รือครอบงาได้ดังเชน่ ทปี่ รากฏในปจั จบุ นั ดงั นัน้ ทาอย่างไรจึงจะสามารถ
ปกป้อง รักษาและอนุรักษ์วัฒนธรรมให้สืบทอดความเป็นชาติไว้ให้ได้ เพราะวัฒนธรรมถือเป็นเกียรตยิ ศ
และเกียรติภูมิของชาติ ที่สะท้อนถึงความยาวนาน และรากเหง้าของประเทศชาติที่ครอบคลุมทุก
“มิติของชวี ติ ”

นอกจากน้ีในการประชุมใหญ่ขององค์การ UNESCO ท่ีประเทศเม็กซิโก เม่ือ พ.ศ. ๒๕๒๕
ยงั ไดก้ าหนดโครงสรา้ งของวฒั นธรรมออกเปน็ สาขาหลัก ๔ แกนคือ

๑. มรดกทางวัฒนธรรม ได้แก่ อนุสรณ์สถานหรือโบราณสถาน ( Monument)/
วัสดุเครื่องมือเคร่ืองใช้ในการดารงชีวิต (Artiface) / จดหมายเหตุและเอกสารกับแบบภาพอื่นๆ
(Archive) / หอสมดุ แหง่ ชาติ / ประวัติศาสตรแ์ ละโบราณคดี

๒. เอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ที่แสดงถึงความเป็นชาติและเผ่าพันธุ์ (identity)
ประกอบดว้ ย การผลิตและรูปแบบการดารงชีวิต / รปู แบบภาษา กริ ิยามารยาทและการศึกษา / ศาสนา
และหลักธรรม ความเช่ือ ค่านิยม พิธีกรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี ฯลฯ ศิลปะและสุนทรียภาพ/
ครอบครัว ชุมชน เศรษฐกจิ และการเมือง

๓. ภูมิปัญญาและเทคโนโลยี คือ ประสบการณ์สร้างสมที่สืบสานผ่านการศึกษาทั้งในและ
นอกระบบ ประกอบด้วย โหราศาสตร์ ดาราศาสตร์ คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ / การศึกษา ภาษา
กิริยามารยาท / การอาชีวศึกษา (การทามาหากิน) / ยุทธศาสตร์ ยุทธวิธี และการพิชัยสงคราม/
ธรรมศาสตร์ (ศาสนาการปกครองและกฎหมาย) / แพทย์ศาสตร์และการพยาบาล / ศิลปะศาสตร์ และ
นาฏดุรยิ างคศลิ ป์

๔. สิทธิมนุษยชนและระบอบประชาธิปไตย ครอบคลุม สิทธิมนุษยชนพ้ืนฐาน / เสรีภาพ
ของมนุษย์ / การกระจายอานาจและบทบาทของภาคเอกชน

อย่างไรก็ตามยูเนสโกก็ยังได้แบ่ง “มรดกวัฒนธรรม” ออกได้อีกเป็นสองส่วน คือ มรดก
วัฒนธรรมท่ีจับต้องได้ (Tangible Culture Heritage) เช่น โบราณวัตถุ โบราณสถาน และมรดก
วัฒนธรรมท่ีจับต้องไม่ได้ (Intangible Cultural Heritage) อันเป็นเร่ืองของ ภูมิปัญญา ทรัพย์สินทาง
ปัญญา ระบบคณุ ค่า ความเชื่อ พฤติกรรมและวถิ ชี วี ติ

แนแวนกวากราจรัดจกดั ากราเรรเียรนียรนปู้ รปู้ระรวะตัวศิตั าิศสาตสรต์เรพ์เพื่อสื่อรส้ารงา้ สงาสนำกึนคึกวคาวมามเปเปน็ ไ็นทไทยย::ภูมภมูปิ ิปญั ญั ญญาแาลแะลวะัฒวัฒนธนรธรรมรมไทไทยย

๒๖๗

ใน พ.ศ. ๒๕๓๘ คณะกรรมาธิการโลกว่าด้วยวัฒนธรรมและการพัฒนา (The World
Commission on Culture and Development) ได้เสนอสายงานต่อที่ประชุมของยูเนสโก เรื่อง
ความหลายทางวัฒนธรรม (Our Creation Diversity) ว่าวัฒนธรรมเป็นปัจจัยในการถ่ายทอด
พฤตกิ รรมและพลังแห่งการเปล่ียนแปลงสรา้ งสรรค์ เสรภี าพและความเปน็ ผู้ตนื่ ตัวต่อความแปลกใหม่ ท่ี
เกิดขึ้นในชีวิตอยู่เสมอ... ดังน้ัน ปัญหาท้าทายมนุษยชาติปัจจุบัน คือ การปรับวิถีชีวิตให้สอดคล้องกับ
สังคมและส่ิงแวดล้อมในปัจจุบัน และท่ีกาลังจะเปลี่ยนไปในอนาคต โดยเฉพาะการปรับแนวคิดใหม่
พฤติกรรมใหม่ การจัดระเบียบสังคมใหม่ และการส่งเสริมแนวทางการพัฒนาท้ังหลายบนพ้ืนฐานมิติ
ทางวฒั นธรรม

สาหรับการดาเนินงานวัฒนธรรมของกระทรวงวัฒนธรรมได้แบ่งประเภทของวัฒนธรรม
เป็น ๕ สาขา ตามนโยบายของยูเนสโก จากการประชุม ณ กรุงเวนิส ใน พ.ศ. ๒๕๑๓ ดังนี้ คือ สาขา
มนุษยศาสตร์ สาขาศิลปะ สาขาการช่างฝีมือ สาขาคหกรรมศิลป์ สาขากีฬาและนันทนาการ ดังท่ีเคย
ปฏบิ ตั ิกันมา (ดูรายละเอียดจากเวบ็ ไซตเ์ รอื่ งแผนแมบ่ ทวัฒนธรรมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๐ – ๒๕๕๔)

๒.ครคู วรรอู้ ะไร
เนื่องจากการศึกษาการเนน้ เกี่ยวกับเร่ืองวัฒนธรรมไทย (ประเพณไี ทย) หรือภมู ปิ ัญญา

ไทย ได้รับความสนใจ ใส่ใจอย่างเป็นระบบมากยิ่งข้ึน และบรรจุลงในหลักสูตรการเรียนการสอนต้ังแต่
ประถมศึกษาจนถึงมหาวิทยาลัย เพื่อตอกย้า และรักษาอัตลักษณ์ของตนเอง ทั้งระดับชุมชน ท้องถิ่น
รวมท้ังประเทศชาติ มาเป็นระยะเวลาพอสมควร น่ันคือคนไทยท่ีมีอายุราว ๓๐ – ๓๕ ปี ณ ปัจจุบันน้ี
จะตอ้ งเคยได้ยิน ไดเ้ ห็น ไดเ้ รียนรู้ ได้เสพผลงาน ช้นิ งาน ผลผลิตดงั กลา่ ว ผา่ นงานแสดงสินค้าไทย สนิ คา้
OTOP ผ่านการประชาสมั พนั ธ์ดว้ ยรูปแบบต่างๆ ทง้ั จากภาครัฐ ภาคเอกชนมาแลว้ ตงั้ แตเ่ ดก็ วิธกี ารและ
กระบวนการเหล่านี้ได้กลายเป็นกระแสของความเป็นไทยท่ีเป็นท่ีรู้จักของคนทั่วโลก ผ่านการท่องเท่ียว
การซื้อขายผลผลิตจากภมู ิปัญญาไทยทั้งหลาย จนกลายเป็นรายได้สาคัญส่วนหน่งึ ของรัฐไปแลว้ แต่ก็ยัง
ไม่สามารถทาใหค้ นร่นุ ใหม่ ทจี่ ะกลายเปน็ คนในอนาคต ตระหนักในความสาคญั ของความเปน็ ไทย ในมิติ
ที่ต้องสามารถรักษาบางส่ิงบางอย่างท่ีเป็นมรดกของชาติไว้ให้ได้ หรือบางสิ่งบางอย่างที่ต้องสามารถนา
ไปต่อยอดได้ หรือบางสิ่งบางอย่างท่ีไม่เหมาะสมกับโลกสมัยใหม่จริงๆ ก็ควรปรับให้ดีขึ้น เพื่อให้
วัฒนธรรมไทยที่เหมาะสมกับคนรุ่นใหม่ สามารถยืนหยัดเคียงคู่ไปกับวัฒนธรรม หรือความทันสมัยที่มา
จากนอกประเทศได้ โดยมีพื้นฐานอยู่บน “รากเหง้าท่ีดีงามแบบไทย” มิฉะนั้น ความเป็นไทย ก็จะเป็น
เพียงสิ่งทมี่ ีไว้ “ขาย หรือแสดง หรอื อวดอา้ ง” ให้ชาวโลกเข้าใจวา่ ไทยเป็นชาติเก่าแกย่ าวนานเทา่ นนั้ ซึ่ง
สง่ิ นไ้ี ม่ควรเป็นปจั จยั หลกั ของการศึกษา หรอื การส่งเสรมิ เก่ียวกบั เรื่องน้ี

ดังน้ัน การหันกลับไปดูว่าท่ีผ่านมา ทาไมคนรุ่นใหม่ของเราจึงยังไม่เข้าใจ หรือยังไม่ส่ือ
ไปถึงการใช้ปัญญา ความสามารถ ความฉลาดลุ่มลึกของบรรพบุรษุ ไทย ทาไมจึงยังมอง หรอื ตดั สนิ ว่าส่ิง
เหล่านี้เป็นความคร่าครึ โบราณ ล้าสมัย รุงรัง ไม่มีประโยชน์ต่อชีวิตสมัยใหม่ ความทุ่มเทจากภาครัฐ
และเอกชน ที่ตระหนักถึงพลังอานาจของความเป็นไทยบนเวทีโลก จึงดูเหมือนลงทุนมหาศาล แต่

แแนนววกกาารรจจดั ัดกกาารรเเรรยี ยี นนรรปู้ ู้ปรระะววัตตั ศิ ิศาาสสตตรร์เเ์พพ่อื ื่อสสรรา้ า้ งงสสาำนนึกึกคคววาามมเเปปน็ ็นไไททยย::ภูมภูมปิ ปิัญัญญญาแาลและวะัฒวัฒนธนรธรรมรมไทไทยย

๒๖๘

ผลตอบแทนน้อยนิด น่ันอาจเปน็ เพราะส่งิ ที่กลา่ วมานี้ดเู หมือนวา่ เป็นนาฏกรรมทีค่ นกลุ่มหนึ่งท่ีมีภาครัฐ
หนุนหลังอยู่ “กาลังแสดงอยู่บนเวทีย้อนยุค” ให้คนส่วนใหญ่ของประชากรไทยดู ดูแล้วก็เดินจากไป
อย่างเงียบๆ โดยไม่เข้าใจว่าแสดงอะไร ทาไปทาไม ไม่เข้าใจ จะร้ือฟื้นอะไรกันนักหนา ชีวิตเราไม่ได้
ต้องการส่ิงเหล่านี้เลย ว่างเปล่าจริงๆ เสียเวลา คนดูเหล่าน้ันไม่สามารถมอง หรือเข้าใจได้ลึกลงไปถึง
ภูมิปัญญาท่ีซ่อนอยู่เบื้องหลังผลงาน ชิ้นงาน ผลผลิตต่างๆเหล่าน้ันได้ ประโยชน์ท่ีควรจะได้รับ อันจะ
นาไปสู่เป้าหมายสูงสุด (ที่ทุกชาติก็มีเป้าหมายเดียวกัน) คือการสร้างสานึกความภูมิใจในบรรพบุรุษ คน
ไทย ชาตไิ ทย จงึ สญู หายไปอยา่ งน่าเสยี ดาย และคงจะสญู ส้ินไป ไมส่ ามารถอยรู่ วม หรือเป็นส่วนหนึ่ง ท่ี
ก้าวไปพร้อมกับกระแสโลกาภิวัตน์ได้ โดยอาจไม่เคยรู้ด้วยว่า ส่ิงที่เป็นไทยๆ หรือภูมิปัญญาไทยน้ี ได้
กลายเป็นขุมทองอันมหัศจรรย์ของนักวิจัยชาวต่างประเทศที่นาไปต่อยอดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเร่ืองอะไร
ดังนั้นคากล่าวที่ว่า “หากจะรอให้ถึงพรุ่งนี้ก็สายเสียแล้ว” จึงเหมาะสมท่ีสุดที่จะทาให้คนท่ีเก่ียวข้อง
เกิดความตระหนักร่วมกัน และทาให้เกิดเป็นมรรคเป็นผลข้ึนมา ด้วยการลุกข้ึนมาลงแรงร่วมกันโดย
ไมต่ ้องคอยให้ใครทากอ่ น เพราะทุกคนทาได้ เนือ่ งจากเปน็ เร่ืองของตัวเอง ไมใ่ ชเ่ รื่องของคนอนื่

๒.๑ สงิ่ ที่ครคู วรรู้
๒.๑.๑ แนวคิดและคาถามสาคัญทค่ี วรอยู่ในใจครูเสมอ คอื
- ทาอย่างไรจะทาให้เด็กๆของเราตระหนักถึงความเป็นชาติ เช่น เด็กญ่ีปุ่น

คนญี่ปุ่นที่บริโภค ความทันสมัยเช่นเดียวกับทั้งโลก แต่เด็กญ่ีปุ่นหรือคนญ่ีปุ่นท้ังหลายก็ยังคงหวงแหน
และยังเสพประเพณีวัฒนธรรมท่ีเกิดจากภมู ิปัญญาของคนญ่ีป่นุ โดยเฉพาะในชวี ิตสว่ นตวั อยเู่ หมือนเดิม
เช่นในอดีต จะมคี วามเปลยี่ นแปลงบา้ ง แต่ก็ไมส่ ามารถทาลาย “ความเป็นญ่ปี ่นุ ” ไปได้

- แม้ชีวิตและวิถีชีวิตของคนในปัจจุบันจะเปลี่ยนไปตามกระแสโลกาภิวัตน์
ซึ่งยากจะต้านทานได้ไม่ว่าประเทศมหาอานาจหรือว่าประเทศเล็กๆก็ตาม แต่ว่าจะทาอย่างไรท่ีจะสอน
ให้เด็กของเราเข้าใจความเก่งของบรรพบุรุษของเรา ท่ีมิไดห้ มายถงึ เฉพาะผ้นู า แตห่ มายถงึ ทุกคนในอดีต
ที่สามารถทาให้เผ่าพันธุ์ของเราสามารถสืบทอดมาได้จากอดีตจนถึงปัจจุบัน เป็นความสาเร็จของมนุษย์
ไทยที่ไม่ได้แตกต่างจากมนุษย์ยุโรป มนุษย์ญี่ปุ่น มนุษย์จีน มนุษย์อเมริกัน มนุษย์ทั่วโลก แต่สิ่งที่ทาให้
เกิดความแตกต่างกันก็คือ ความแตกต่างของสภาพธรรมชาติ ของถิ่นฐานท่ีอยู่อาศัยของคนแต่ละกลุ่ม
เปน็ สาคญั

- ความสาเร็จด้านต่างๆของมนุษย์ในอดีตท่ีอยู่ในพ้ืนท่ีท่ีแตกต่างกัน นามาซึ่ง
ความแตกตา่ งของความสาเร็จดังกล่าว ซ่งึ ในปจั จุบนั คนบางกลมุ่ อาจจะประเมินว่า แตกต่างกันอย่างสุด
ขั้วจนถึงกบั สรุปวา่ “เราสู้ชาติอ่ืนไม่ได้” โดยความเปน็ จรงิ แล้วมอี ะไรอกี บา้ งท่ีมีอิทธิพลตอ่ ความสาเร็จท่ี
แตกต่างกัน คาตอบอยู่ที่ต้องรู้จักมองผ่านพัฒนาการทางประวัติศาสตร์แบบเข้าใจและเห็นอกเห็นใจ
(understanding) แต่ไม่ได้หมายความว่า ในอนาคต เด็กของเราจะต้องย่าเท้าอยู่กับที่ ไม่สามารถก้าว
ข้ามผ่านอุปสรรคท้ังหลายทั้งปวงได้ ประเด็นสาคัญ คือ เด็กต้องเคารพตัวเอง ต้องรู้จักค้นหา
ความสามารถของตนเองให้พบ ต้องรู้จักภูมิในใจตนเอง ในบ้านเกิดของตนเอง ในชาติของตัวเอ ง

แนแวนกวากราจรดัจกดั ากราเรรเยีรนยี รนปู้ รปู้ระรวะตัวศิตั าศิ สาตสรต์เรพ์เพ่อื สื่อรส้ารงา้ สงาสนำึกนคกึ วคาวมามเปเปน็ ไ็นทไทยย::ภูมภูมปิ ิปญั ัญญญาแาลแะลวะัฒวัฒนธนรธรรมรมไทไทยย

๒๖๙

ประเดน็ สาคญั ที่สุด คอื ตอ้ งรสู้ ึกจริงใจและคานึงถงึ ประโยชน์ส่วนรวม อันจะนาไปส่กู ารอุทิศและรู้จัก
เสียสละเพื่อผอู้ านเป็นอันดบั แรก

๒.๑.๒ ครูทุกคนควรศึกษาให้ลุ่มลึกถึงความเป็นมาของภูมิปัญญาและวัฒนธรรม
ของชาติผ่านพัฒนาการของมนุษย์ พัฒนาการทางการเมืองการปกครอง พัฒนาการทางสังคมของ
ชาติไทย นับจากยุคก่อนประวัติศาสตร์ เข้าสู่ยุคประวัติศาสตร์ จนผ่านเข้าสู่สมัยสุโขทัย อยุธยา ธนบุรี
และรตั นโกสนิ ทร์ว่าเป็นมาอย่างไร นน่ั คือจะตอ้ งมภี าพประวัติศาสตร์ของแตล่ ะสมยั อย่างชดั เจน รวมถึง
ภาพวิถีชีวิตของผู้คนรวมอยู่ด้วย จากน้ันจึงค่อยมองหาว่าคนแต่ละสมัยได้ท้ิงอะไรเป็นร่องรอยของ
ภูมิปัญญาและส่งต่อสิ่งใดไว้ให้เป็นวัฒนธรรมตกทอดมาจนถึงปัจจุบันบ้างและทาได้อย่างไร มีชิ้นงานใด
หลงเหลืออยบู่ ้าง ถกู ใชง้ านในอดตี และในปัจจบุ ันอยา่ งไร ในฐานะใด อยู่ในวดั ในวงั หรือในวิถชี าวบา้ น

๒.๑.๓ ครูจะต้องสามารถแยกแยะได้ว่าการเกิดขึ้นมาของช้ินงานต่างๆท่ีกล่าว
มาแล้วนั้นเกิดจากการคิดเอง การรับมาใช้ การรับมาปรับเปล่ียนเป็นของตนเอง ฯลฯ ได้รับอิทธิพลท้ัง
จากโลกตะวันออกและโลกตะวนั ตกมากน้อย แค่ไหน เพราะเหตุใด ทั้งน้ีเพราะอย่าลืมวา่ ชาติของเราอยู่
ท่ามกลางกระแสของการผ่านไปผ่านมาของชาติอ่ืนๆ มาแต่โบราณกาลแล้วต้องสามารถมองลึกลงไปได้
ว่า ส่ิงใด ตรงไหนของช้ินงานเป็นการรับมา –จากใคร สิ่งใดตรงไหนเป็นการคิดเอง –ทาได้อย่าไง ส่ิงใด
ตรงไหนเป็นการรับมาปรับเปล่ียน –จากใคร -ทาได้อย่างไร และท้ังหมดน้ี ทาข้ึนเพื่อจุดประสงค์ใด
ทาหน้าที่อย่างไร ดังน้ันจึงเป็นความจาเป็นอย่างย่ิง ท่ีครูจะต้องอ่านเพ่ิมให้ลกึ ลงไปในสาขาวิชาเฉพาะท่ี
เก่ียวข้อง เช่น โบราณคดี ประวัติศาสตร์ศิลป์ ประวัติศาสตร์ศาสนา วรรณกรรม การแพทย์ การนวด
อาหารและวิทยาศาสตร์การอาหาร การแต่งกาย ดนตรี นาฏศิลป์ พุทธศิลป์ ศิลปไทย งานช่างไทย งาน
ช่างสบิ หมู่ เพ่อื ให้เกิดความรู้ ความคดิ เช่ือมโยง ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ และทสี่ าคัญคอื เพื่อให้
เกดิ ฐานข้อมูลของตนเองทีก่ ว้างขวางมากขน้ึ รอบดา้ นมากข้นึ ทจ่ี ะช่วยทาให้มองเห็นมิติสาคัญของเรื่อง
ท่ีกาลังจะสอนและเรื่องที่เก่ียวข้องมากขึ้น เป็นการอ่านเพ่ือให้เข้าใจเพิ่มข้ึน เพ่ืออธิบายและสรุปให้
เดก็ ๆได้ แตม่ ากกว่านัน้ ก็ คืออาจจะทาใหก้ ลายเปน็ ผูเ้ ช่ยี วชาญในด้านนน้ั ก็ได้ ในกรณีทพ่ี บขอ้ มลู ความรู้
ทค่ี ้นพบขดั แย้งกนั กค็ วร หันกลับไปใชว้ ธิ ีการทางประวตั ิศาสตร์ ประเมินความน่าเชื่อถือและหาข้อสรุป
บนการใช้ขอ้ มูลชดุ หน่ึง หลักฐาชุดหนึ่ง ณ ชว่ งเวลาหน่ึง

๒.๑.๔ ครูควรเข้าใจว่าภูมิปัญญาและวัฒนธรรมไม่ใช่เร่ืองยากพิศดารเกิน
ความสามารถของตนเองและเด็กท่ีจะเข้าใจและเรียนรู้ หากแต่จะเรียนอย่างไรจึงจะทาให้เกิดความ
ประทับใจ ภูมิใจในสติปัญญาของคนไทย และสามารถนาไปดัดแปลงต่อยอดหรือพัฒนาต่อจนสามารถ
นาไปสู่การยึดเป็นอาชีพได้ในอนาคต ซึ่งหากจะให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว ควรจะเข้าใจว่า ภูมิปัญญา
และวัฒนธรรมไทยแต่ละด้าน มจี ดุ เนน้ หลกั ในการเรียนรู้ตรงไหน อยา่ งไร เหมอื นหรอื แตกต่างกนั หรือไม่
อยา่ งไร

แแนนววกกาารรจจัดัดกกาารรเเรรยี ยี นนรรปู้ ูป้ รระะววัตัตศิ ศิ าาสสตตรร์เ์เพพ่ือ่อื สสรรา้ า้ งงสสาำนนึกกึ คคววาามมเเปปน็ ็นไไททยย::ภูมภมูิปปิัญญั ญญาแาลและวะฒัวฒั นธนรธรรมรมไทไทยย

๒๗๐

๒.๒ วิธกี าร-เทคนิคการสอน
เนือ่งจากเรือ่งภูมิปัญญาและวัฒนธรรมไทย เป็นเร่ืองท่ีกว้างขวาง ครอบคลุมมิติ

ของชีวิตซึ่งได้มีการอธิบายไว้ข้างต้นแล้ว แต่ละเรื่องก็ดูเหมือนแตกต่างกันคนละข้ัว บางเร่ืองดูสัมผัสได้
ง่าย บางเรื่องดูเหมือนเข้าไม่ถึง บางเร่ืองดูเหมือนไม่เคยรู้มาก่อน บ้างเร่ืองรู้มาตลอดแต่ไม่เคยให้
ความสาคญั ดังน้นั สภาพการสอนจึงไปไม่ถึงความเกง่ ความสามารถ การใช้ปัญญาอันล่มุ ลึกของคนไทย
ในอดีตและคนไทยในปัจจุบันด้วย ซ่ึงสิ่งน้ีเป็นหัวใจสาคัญของการสอนเร่ืองน้ี อันจะนาไปสู่
ความภาคภูมใิ จในคนไทย ชาติไทยได้ ท้ังนี้เพราะ อาจมจี ดุ ออ่ นของการสอนอยบู่ ้าง โดยเฉพาะการสอน
เพียงแต่ว่าให้รู้ว่ามีอะไรแล้วก็จบกันไป โดยมิได้บอกให้ลึกลงไปจนถึงหัวใจของการสอน ดังนั้นการจะ
สอนสงิ่ เหล่านี้ควรจะเริม่ ต้นอย่างไร น่นั คอื

ครูและนักเรียนควรเริ่มต้นคาถามท่ีเป็นชุดคาถาม เรื่องท่ีแสดงให้เห็น
กระบวนการเรียนรู้ท่ีต่อเน่ือง เป็นเหตุเป็นผลต่อกัน จนได้คาตอบที่พอใจ ไปถึงหัวใจสาคัญหรือ
เปา้ หมายสุดท้ายเก่ียวกบั การสอนเร่อื งนี้

๒.๒.๑ ทาไม
ต้องเร่ิมคาถามว่า ทาไม นั่นคือ ทาไมถึงต้องสร้างอาคารบ้านเรือน สร้างเขื่อน
เก็บน้า ทาไมต้องสร้างพระพุทธรูป ต้องเขียนวรรณกรรมศาสนา ต้องมีการตกแต่ง ทาไมต้องมีอาหาร
ทาไมต้องมียา ทายารักษาโรค ฯลฯ น่ันคือต้องตอบคาถามให้ได้ว่า ทาไมต้องทาขึ้นมา จะสนองความ
ตอ้ งการอะไร เพ่อื อะไร
๒.๒.๒ จะทาอะไร
เมื่อรู้แล้วว่าจะทาไปทาไม คาถามท่ีตามมาคือ จะทาอะไร ทาเป็นบ้าน เป็นวัด
เป็นวัง ทาเป็นอาคาร ทาเป็นอาหารที่กินรสอร่อย รสชาติดี ต้องเขียนวรรณกรรมให้คนอ่าน ต้องสร้าง
เป็นพระให้คนกราบไหว้บูชา น่ันคือจะเริ่มเลือกสรรรูปแบบของส่ิงที่จะสร้างขึ้น หรือกาหนด
ลักษณะเฉพาะให้ชดั เจนข้นึ
๒.๒.๓ จะทาไดอ้ ยา่ งไร
มีเครื่องมือเคร่ืองไม้ มีเทคโนโลยีใดบ้าง มีคนท่ีจะมาร่วมกันหรือไม่ ถ้าไม่มีจะเอา
มาจากไหน จะเอารูปแบบท่ตี ้องการมาจากไหน จะเอามาทาท้ังหมด จะคดิ เอง หรอื จะเอาบางส่วน หรอื
จะมีส่วนประกอบอย่างไร แต่ละส่วนมีหน้าที่หรือทาหน้าท่ีอย่างไร เพ่ือให้ได้ภาพท่ีชัดเจนว่าจะทาได้
อย่างไร
๒.๒.๔ มอี ะไรมากพอทจี่ ะทาให้สาเร็จได้บ้าง
คือ จะต้องหันไปพิจารณาสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติว่ามีวัสดุอะไรบ้างที่จะ
นามาทาได้ เช่น มีศิลาแลงไหม หรือใช้เป็นดินเผาได้ไหม ทายาหรือทาอาหารมีวัตถุดิบหรือไม่ จะแต่ง
กายเช่นน้ี จะเอาผ้ามาจากไหน ทาเองได้หรือไม่ คุณสมบัติเฉพาะของวัสดุท่ีจะนามาทาเป็นอย่างไร
เหมาะสมหรือไม่ ถ้านามาใช้รวมกับส่ิงอ่ืนจะเป็นอย่างไร จะใช้สิ่งใดแทนได้บ้าง หรือต้องเปล่ียนเป็นสิ่ง

แนแวนกวากราจรดัจกดั ากราเรรเียรนียรนปู้ รรูป้ ะรวะัตวศิตั าิศสาตสรต์เรพ์เพ่อื สอ่ื รส้ารง้าสงาสนำึกนคึกวคาวมาเมปเน็ปไน็ ทไยทย: :ภูมภิปูมญัปิ ัญญญาแาลแะลวะัฒวฒั นธนรธรรมรไมทไยทย

๒๗๑

ใด มีทุนทรัพย์ หรือทุนทางสังคม เช่นคนท่ีมีความสามรถมากพอหรือไม่ ภูมิอากาศ สภาพพ้ืนท่ี ความ
แนน่ หรือความลาดเอยี งของพ้ืนที่เป็นอย่างไร

๒.๒.๕ เริม่ ทา
ตอ้ งทาซา้ แล้ว ซา้ อกี คอื ทดลองทา เพ่ือใหไ้ ด้ผลผลิตท่ดี ีทีส่ ดุ พอใจมากทีส่ ดุ เป็น
การลองผิดลองถูกหรือหาวิธีการใหม่เพ่ือตอบโจทย์ท่ีตั้งไว้ให้ได้ ซ่ึงหากไม่พอใจ ก็อาจต้องดัดแปลง
แก้ไขไปเร่ือยๆ ทาใหม้ องเห็นพฒั นาการของเร่ืองตา่ งๆได้ บอกได้วา่ สงิ่ ไหนทากอ่ น ส่งิ ไหนทาหลงั ดังน้นั
เราจงึ สามารถแยกผลผลิตของภูมิปัญญา เปน็ ยคุ เปน็ สมยั ได้ เพราะในชว่ งชวี ิตของคนชุดหนง่ึ อาจพอใจ
แบบหนงึ่ คนอกี ชุดหน่งึ ทต่ี ามมาภายหลงั ไม่พอใจ จงึ ดดั แปลงใหม่ จงึ คิดขึ้นใหม่
จะเห็นได้ว่าชุดคาถามทั้ง 5 ข้อน้ี รวมอยู่ในการสอนของครูอยู่แล้ว แต่ในการค้นหาข้อมูล
ยังลงไปไม่ลึก ครูอาจจะต้ังคาถามกลับกันก็ได้ ไม่จาเป็นต้องเรียงลาดับเช่นนี้ และท่ีสาคัญคือ ไม่ได้ตอก
ย้าว่า สิ่งที่หลงเหลืออยู่เป็นส่ิงท่ีเกิดข้ึนได้เพราะปัญญาอันลุ่มลึกของคนไทยรุ่นก่อน ซึ่งคนไทยรุ่นใหม่ก็
สามารถใช้ปัญญาสร้างช้ินงานข้ึนมาใหม่ได้ เช่น คิดค้นเร่ืองรถอีแต๋น คิดส่วนผสมของน้ามันสาหรับ
รถยนต์ คิดสูตรอาหารใหม่ๆ สร้างสรรค์ศิลปะรูปแบบใหม่ นาตารับยาโบราณมาแยกแยะ และนา
กลบั มาใชใ้ หม่
ฉะน้ันการเรียนรู้เร่ืองภูมิปัญญาและวัฒนธรรมไทย จึงไม่ใช่เรื่องใหม่ ไม่ใช่เร่ืองยาก
เพียงแต่ต้องหาความเป็ฯเอกลักษณ์ (Identity) ของเราให้พบ จะต้องเข้าใจว่า กว่าจะกลายเป็น
เอกลกั ษณ์ของไทย ทุกอย่างไดผ้ า่ นกระบวนการแห่งการใช้ปญั ญาของบรรพบุรษุ ของคนมาแล้วท้ังสนิ้
๓. แหลง่ ทรัพยากรการเรยี นรู้
๓.๑ พิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงเร่ืองราวท่ีต้องเรียนรู้ทุกแห่ง ทั้งของภาครัฐ และ
ภาคเอกชน ทง้ั ในกรุงเทพ และในจังหวัด รวมท้งั พิพธิ ภัณฑ์พ้ืนบา้ นทุกแห่ง
๓.๒ ศนู ย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ศูนยว์ ฒั นธรรมจังหวัด ศนู ยว์ ฒั นธรรมอาเภอ
ทกุ แห่ง หรือศนู ยท์ อี่ ยใู่ นโรงเรียน
๓.๓ ศูนย์การเรียนรเู้ กยี่ วกบั เรอ่ื งตา่ งๆ ทเี่ ก่ยี วข้องทุกศนู ย์
๓.๔ เอกสาร หนังสือ วิดิทัศน์ เทปเพลงจากหน่วยงานหลัก เช่น สานักงาน
เอกลักษณ์แห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม ธนาคารท่ีมีบทบาทในการส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม สานัก
วิชาการและมาตรฐานการศกึ ษา สานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขั้นพน้ื ฐาน
๓.๕ ปญั ญาชนชาวบ้าน ผ้รู ใู้ นชุมชน ในทอ้ งถน่ิ โบราณวัตถุ โบราณสถาน ที่กระจัด
กระจายอยูใ่ นพืน้ ท่ี หรอื แหลง่ วัฒนธรรมอืน่ ๆ เช่น แหลง่ ขุดค้นทางโบราณคดี
๓.๖ อุทยานประวัติศาสตร์ทีก่ ระจัดกระจายอย่ทู ่วั ประเทศไทย

แแนนววกกาารรจจัดดั กกาารรเเรรียยี นนรรปู้ ู้ปรระะววัตตั ศิ ศิ าาสสตตรร์เเ์พพอ่ื ือ่ สสรรา้ ้างงสสาำนนึกกึ คคววาามมเเปปน็ ็นไไททยย::ภูมภูมปิ ปิัญัญญญาแาลและวะฒัวฒั นธนรธรรมรมไทไทยย

๒๗๒

ตวั อยา่ งแผน

ร่างแผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี ๑๔

กล่มุ สาระการเรยี นรู้ สงั คมศึกษาศาสนาและวฒั นธรรม ช้ันประถมศึกษาปที ่ี ๒

สาระท่ี ๔ ประวัติศาสตร์ รหัสวชิ า ........................

หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี ………เร่ือง ประเพณีสงกรานต์ จานวน ๒ ช่ัวโมง

หน่วยยอ่ ยที่ ........ เรอื่ ง ประเพณกี ารเลน่ สงกรานต์ จานวน ๒ ชัว่ โมง

๑. มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชีว้ ดั
มาตรฐานการเรยี นรู้

ส ๔.๓ เข้าใจความเปน็ มาของชาตไิ ทย วัฒนธรรม ภมู ปิ ญั ญา มคี วามรัก ความภมู ิใจ และธารง
ความเป็นไทย
ตัวชว้ี ดั

ยกตวั อยา่ งวฒั นธรรมประเพณี และภมู ปิ ญั ญาไทยท่ีภาคภูมิใจและควรอนุรกั ษ์ไว้
๒. สาระสาคัญ

ประเพณีสงกรานต์ เป็นประเพณีท่ีแสดงถึงความผูกพันของครอบครัวที่สืบทอดกันมาแต่
โบราณด้วยภูมิปัญญาของบรรพบรุ ุษ ประกอบด้วย ประเพณีทางศาสนา ประเพณีแสดงความกตัญญูตอ่
ผู้อาวุโส รวมทั้งมีการละเล่นตามประเพณีไทยเพื่อการพักผ่อน ซึ่งรัฐบาลตระหนักในความสาคัญและ
การรกั ษาวฒั นธรรมประเพณนี ี้ให้คงอยู่ตอ่ ไป จงึ สนบั สนนุ โดยกาหนดใหเ้ ป็นวันหยุดราชการ
๓. จุดประสงค์การเรียนรู้

๓.๑ บอกความเปน็ มา ความสาคัญของประเพณสี งกรานต์
๓.๒ ระบุการปฏบิ ตั ิตามประเพณีต่าง ๆ ของวันสงกรานต์ไดอ้ ยา่ งถูกต้องตามลาดบั ก่อนหลัง
๓.๓ ตระหนกั ในความสาคัญ และเหน็ คุณคา่ ของประเพณสี งกรานต์ ปฏบิ ตั ิอยา่ งภมู ใิ จและ

พยายามสบื ทอดวัฒนธรรมประเพณีไว้ รวมทั้งร่วมมือกันอนุรกั ษใ์ ห้อยู่ในแนวทางอันดีงามของไทยต่อไป
๔. สาระการเรียนรู้

วันสงกรานต์เป็นประเพณีท่ีสาคัญที่แสดงถึงภูมิปัญญาไทยอันลึกซึ้งที่ควรรักษาไว้ด้วยการ
ปฏิบัติอย่างถกู ต้องเหมาะสมในดา้ น

- ความเปน็ มา ความสาคัญของประเพณสี งกรานต์
- ประเพณีทางศาสนาในวนั สงกรานต์
- ประเพณีการแสดงความกตัญญตู ่อญาตผิ ใู้ หญ่ ผ้อู าวุโส
- การละเลน่ ตามประเพณไี ทย ในเทศกาลสงกรานต์
- การทอ่ งเที่ยวระหว่างเทศกาลสงกรานต์
- พฤติกรรมที่ไม่ควรปฏบิ ัติเพื่อใหส้ ามารถรักษาวฒั นธรรมประเพณีอันดีงามไว้ให้ได้

แนแวนกวากราจรดัจกดั ากราเรรเียรนียรนปู้ รปู้ระรวะัตวศิัตาิศสาตสรต์เรพเ์ พอื่ สอื่ รสา้ รง้าสงาสนำึกนคกึ วคาวมามเปเปน็ ไ็นทไทยย::ภูมภูมิปปิญั ญั ญญาแาลแะลวะัฒวฒั นธนรธรรมรมไทไทยย

๒๗๓

๕. ทกั ษะ/กระบวนการ
- กระบวนการกลุ่ม

- กระบวนการสรา้ งค่านิยม
๖. คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์

- รกั ความเปน็ ไทย

- รกั ษาวัฒนธรรมประเพณไี ทยอนั ดีงาม (คา่ นยิ มหลักของคนไทย ๑๒ ประการ : ข้อ ๕ คสช.)
๗. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รียน

ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวิต
๘. หลกั ฐานการเรยี นรู้

๘.๑ ชน้ิ งาน
ใบงานเรอ่ื งอะไรทีไ่ ม่ควรปฏบิ ตั ิในการเลน่ สาดนา้ วนั สงกรานต์

๘.๒ ภาระงาน

- การจัดสถานการณ์จาลองวันสงกรานตแ์ ละเขา้ ร่วมกจิ กรรม
- เล่าเรอื่ งจากภาพ

๙. การวัดและการประเมิน

เป้าหมาย วิธวี ดั เคร่อื งมือวดั เกณฑ์การประเมนิ

ดา้ นความรู้ - บอกความเปน็ มา ความสาคญั ของประเพณสี งสงกรานต์

ความเขา้ ใจ - ระบุการปฏิบัติตามประเพณตี า่ งๆ ของวนั สงกรานตไ์ ดอ้ ยา่ งถูกต้อง

เหมาะสมตามลาดับ

ซกั ถามความรู้ ความเขา้ ใจ คาถามสาหรับครู ดี – ดีมาก ได้ระดับ ๓

และตรวจสอบการตอบ ในขนั้ การจัด ปานกลาง พอใช้ ได้ระดับ ๒

คาถาม กจิ กรรมการ ควรปรับปรุง ได้ระดับ ๑

เรียนรู้ชว่ั โมงที่ ๒

ดา้ นทักษะ/ กระบวนการสรา้ งคา่ นยิ ม

กระบวนการ ๑) สร้างการรบั รู้ : กระตุก กระตนุ้ สรา้ งความตระหนกั ในความสาคญั

๒) การตอบสนอง : ตระเตรียม ตริตรอง ตรวจสอบบทเรียน

๓) เหน็ คุณค่า : การมสี ่วนร่วมในการคดิ การปฏิบัติ

๔) การจดั ระบบค่านิยม ตรวจสอบ เปรยี บเทียบ สรา้ งความคิดรวบยอด

๕) การสรา้ งลกั ษณะนิสยั สว่ นบุคคล : ตลบคดิ ย้อนพนิ จิ เหน็ แนวปฏิบตั ติ ่อไป

และปรบั ใช้อย่างเหมาะสม

แแนนววกกาารรจจัดดั กกาารรเเรรยี ียนนรรปู้ ้ปู รระะววตั ัตศิ ศิ าาสสตตรร์เเ์พพอ่ื ่ือสสรร้า้างงสสาำนนึกึกคคววาามมเเปปน็ น็ ไไททยย::ภูมภูมิปปิญั ญั ญญาแาลและวะฒัวฒั นธนรธรรมรมไทไทยย

๒๗๔

เปา้ หมาย วิธีวัด เคร่ืองมอื วัด เกณฑ์การประเมนิ

ด้านคณุ ลักษณะ สังเกต แบบสังเกตพฤติกรรม ระดบั ปฏบิ ัติ
อนั พงึ ประสงค์
-พฤติกรรมการรบั รู้ การรบั รู้ การอบสนอง บอ่ ย – บอ่ ยดี ได้ระดับ ๓
ดา้ นสมรรถนะที่
สาคัญของผู้เรยี น -การตอบสนอง การมีสว่ นร่วม พอสมควร ได้ระดับ ๒

-การมสี ่วนรว่ ม ปฏบิ ัติ การปฏบิ ัติ ความคิด น้อย ไม่ปฏบิ ัติ ได้ระดับ ๑

-ความคดิ รวบยอด รวบยอด และการ

-การปรับแนวคดิ ปรับแนวคดิ

รกั ความเป็นไทย รักษาวัฒนธรรมประเพณไี ทยอนั ดีงาม

สงั เกตการปฏบิ ตั ิ แบบสงั เกต ระดับปฏิบตั ิ

มพี ฤตกิ รรมทเ่ี ห็น พฤติกรรม เปน็ ผูน้ า เปน็ แบบอย่าง เหน็

ชัดเจนวา่ มีการปฏิบัติ การปฏบิ ัติ ได้ชดั เจน ตอ่ เนื่อง สมา่ เสมอ

ตอ่ เน่อื ง สม่าเสมอ ไดร้ ะดบั ๓

ดว้ ยความยนิ ดแี ละ เห็นได้ชดั เจน ตอ่ เน่ือง

เต็มใจ และการเป็น สม่าเสมอ ได้ระดบั ๒

ผ้นู า เป็นแบบอย่างใน เห็นได้ชัดเจน ได้ระดบั ๑

การปฏบิ ัติ

ความสามารถในการใชท้ ักษะชวี ติ ความสามารถในการนากระบวนการต่าง ๆ

ไปใชใ้ นการดาเนนิ ชวี ติ ประจาวัน การปรับตัวใหท้ ันตอ่ การเปลยี่ นแปลงของ

สงั คมและสภาพแวดล้อม

สงั เกตพฤติกรรม แบบสงั เกต ระดบั ปฏิบตั ิ

- การหาความ พฤติกรรม เป็นผนู้ า เป็นแบบอย่าง เห็น

เชื่อมโยงระหว่าง การคดิ และการ ได้ชัดเจน ต่อเนื่อง สม่าเสมอ

เปลี่ยนแปลง ปฏบิ ตั ิ ได้ระดับ ๓

- การแยกแยะความ เห็นได้ชัดเจน ตอ่ เน่ือง

แตกต่าง สม่าเสมอ ได้ระดบั ๒

- การเปรียบเทียบ เหน็ ได้ชัดเจน ได้ระดับ ๑

เชื่อมโยงการเรยี นรู้

- การรแู้ ละเลอื กรบั

การปรับเปลี่ยน วธิ ีการ

ปฏิบตั ิ

แนแวนกวากราจรดัจกัดากราเรรเยีรนียรนปู้ รปู้ระรวะตัวศิตั าศิ สาตสรต์เรพเ์ พ่ือสอ่ื รส้ารง้าสงาสนำึกนคกึ วคาวมามเปเปน็ ไ็นทไทยย::ภูมภูมปิ ิปัญัญญญาแาลแะลวะัฒวฒั นธนรธรรมรมไทไทยย

๒๗๕

๑๐ . กจิ กรรมการเรยี นรู้
(เทคนคิ การสอนโดยใชส้ ถานการณ์จาลอง)
ขั้นเตรียมกิจกรรม ครูและนักเรียนร่วมกันวางแผนแบ่งหน้าที่รับผิดชอบ โดยใช้เวลาหลัง

เลิกเรียนหรือเวลาท่ีหาได้ตามความเหมาะสม ซ่ึงไม่ใช่ชั่วโมงเรียน และต้องเป็นการวางแผนล่วงหน้า
อย่างน้อย ๑ สัปดาห์ เพ่ือจัดกิจกรรมสถานการณ์จาลองงานสงกรานต์ขึ้นในโรงเรียนที่สามารถจัดได้
ได้แก่ จัดเตรียมสถานที่สาหรับสรงน้าพระพุทธรูป การแสดงความกตัญญูต่อญาติผู้ใหญ่ ผู้อาวุโส คือ
การรดน้าขอพรผู้ใหญ่ การเล่นสาดน้าสงกรานต์ การละเล่นหรือการแสดง เช่น การรากลองยาว หรือ
การแสดงบนเวทีสั้นๆ หรือการประกวดหนูน้อยสงกรานต์ พร้อมทั้งเตรียมเครื่องมือ อุปกรณ์ เครื่อ ง
เสียง เทปเพลง เคร่ืองดนตรีต่าง ๆ และแจ้งให้นักเรียนเตรียมเส้ือผ้าสาหรับเล่นสาดน้าสงกรานต์
อุปกรณก์ ารเล่นสงกรานต์ใหพ้ รอ้ มมาในวันทจ่ี ะจัดกิจกรรมสถานการณ์จาลองงานสงกรานต์

ขั้นจดั กิจกรรมโดยใชส้ ถานการณ์จาลอง (ช่ัวโมงที่ ๑)
๑. ครูให้นกั เรียนจดั ประเพณีงานสงกรานตแ์ ละเขา้ ร่วมกจิ กรรมตามประสบการณข์ อง

นักเรยี นตามที่ได้วางแผนไวแ้ ละกระตุ้นใหเ้ ลน่ ดว้ ยความสนุกสนาน
๒. ครูถ่ายภาพกิจกรรมสาคัญต่าง ๆ ที่นักเรียนดาเนินการ และกิจกรรมการเล่นหรือ

การแสดงต่างๆ การเล่นสาดน้าให้ครบถ้วนทุกขั้นตอน เพ่ือนามาเป็นประเด็น ข้อวิพากษ์ในการจัด
กิจกรรมการเรียนรู้ในครั้งต่อไป และให้นักเรียนร่วมกับเก็บสิ่งของอุปกรณ์ ทาความสะอาดให้เรียบร้อย
หลงั สิน้ สุดเวลาที่กาหนดไว้ สามารถเตรยี มตัวแต่งกายเรียนช่ัวโมงตอ่ ไปได้

ขนั้ จดั กจิ กรรมการเรียนรู้ (ชว่ั โมงที่ ๒)
๑. ครูเชือ่ มโยงทบทวนการจัดสถานการณแ์ ละเข้าร่วมกิจกรรมจาลองงานสงกรานตท์ ่ี

นักเรียนร่วมกันจัดขึ้นในชั่วโมงก่อน โดยสนทนากับนักเรียนว่าสนุกหรือไม่ ดีหรือไม่ เหน่ือยไหมท่ีต้อง
เตรียมงาน จากนั้นซักถามนักเรียนว่ารู้ใช่ไหมว่ารัฐบาลให้ความสาคัญกับประเพณีนี้มาก จึงกาหนดให้
เป็นวันหยุดราชการยาวต่อเนื่อง ๓ วัน ต้ังแต่วันท่ี ๑๓ – ๑๕ เมษายน ของทุกปี คือ เป็นวันสงกรานต์
วันครอบครวั และวนั ผู้สูงอายุ มักเรียนรวู้ ่าประเพณีสงกรานต์มีความเป็นมาอย่างไร และสาคัญอย่างไร

ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปว่าประเพณีสงกรานต์ เป็นประเพณีของพวกอินเดียใต้
ต่อมาก็นามาเผยแพร่ที่ลังกา ลังกาจึงได้นาพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนาเข้ามาร่วมด้วย และถือเอา
ปฏทิ นิ สุรยิ คติทีเ่ ข้าสู่เดือนเมษายนเป็นวันสงกรานต์ เมอ่ื บรรพบุรุษไทยรับมาแลว้ จึงใหเ้ ป็นวนั ข้ึนปีใหม่
ของไทย ตามแบบเดมิ

๒. ครูสนทนากับนักเรียนว่าใครบ้างที่ได้ไปสรงน้าพระพุทธรูป รดน้าขอพรผู้ใหญ่ ใคร
เล่น สาดน้าบ้าง โดยครูบันทึกคาตอบของนักเรียนว่า แต่ละกิจกรรมมีจานวนนักเรียนเข้าร่วมมากน้อย
เพียงใด ซึ่งอาจแสดงให้เห็นว่า นักเรียน ละเลย การเข้าร่วมกิจกรรมบางอย่าง เช่น สรงน้าพระพุทธรูป
หรือรดน้าขอพรผู้ใหญ่ เพราะอาจมุ่งไปเล่นสนุกสนาน แต่เพียงอย่างเดียวแล้วบันทึกจานวนไว้บน
กระดาน

แแนนววกกาารรจจดั ัดกกาารรเเรรยี ยี นนรรปู้ ูป้ รระะววตั ัตศิ ิศาาสสตตรร์เเ์พพื่ออ่ื สสรรา้ า้ งงสสาำนนึกึกคคววาามมเเปปน็ น็ ไไททยย::ภูมภมูปิ ิปัญัญญญาแาลและวะฒัวฒั นธนรธรรมรมไทไทยย

๒๗๖

๓. ครูถามนักเรียนว่าใครเคยร่วมกิจกรรมใดบ้างในวันสงกรานต์ เพ่ือจะได้สรุปว่า
ประเพณสี งกรานต์ ประกอบดว้ ย

- ประเพณีทางศาสนา ได้แก่ ทาบุญตักบาตร ตอนเช้า การสรงน้าพระพุทธรูป
และสรงน้าพระสงฆ์ การปล่อยนก ปล่อยปลา การบังสุกุลอัฐิธาตุของบรรพบุรุษตามความเชื่อของ
ศาสนาพุทธ

- ประเพณีการแสดงความกตญั ญตู ่อผูอ้ าวโุ สดว้ ยการรดนา้ ขอพรผใู้ หญ่
- การละเล่นตามประเพณีไทย ได้แก่ การสาดน้าสงกรานต์ การรากลองยาว
การละเล่นพืน้ เมอื งต่าง ๆ เชน่ การเลน่ สะบ้า การเล่นเพลง การเล่นเพลงพวงมาลยั การเล่นมอญซ่อนผ้า
เพื่อสร้างความสนิทสนมสามัคคี ซ่ึงในปัจจุบันน้ีอาจเปล่ียนเป็นการประกวดเทพีสงกรานต์ การแสดง
ดนตรตี ามสมัยนยิ ม
- การท่องเที่ยวเพื่อเย่ียมเยียน ญาติพ่ีน้องต่างหมู่บ้านเพื่อเล่นสงกรานต์ หรือ
การละเลน่ ต่าง ๆ ร่วมกันเพอ่ื ความสนกุ สนาน พกั ผอ่ นหยอ่ นใจ ในโอกาสส่งทา้ ยปีเกา่ ตอ้ นรบั ปีใหม่
ครูถามนักเรียนว่า เพื่อความเหมาะสมควรร่วมกิจกรรมหรือประเพณีใดก่อน แล้วสรุป
ให้เขา้ ใจวา่ ควรร่วมประเพณีต่างๆ ตามลาดบั ทกี่ ลา่ วมาแล้ว
๔. ครูนาภาพถ่ายนักเรียนท่ีถ่ายไว้ระหว่างเล่นสงกรานต์และคลิปการเล่นสงกรานต์
โดยท่ัว ๆไป มาใช้อธิบายถึงความเหมาะสม เช่น การแต่งกายด้วยเส้ือผ้าท่ีบางเกินไปหรือไม่มิดชิด
การละเล่นที่ลวนลาม รุนแรง มึนเมา แล้วซักถามนักเรียนว่าเหมาะสม/ไม่เหมาะสม ใช่/ไม่ใช่ พร้อม
อธิบายเพิ่มเติมชี้แนะ ส่ิงท่ีดีงาม สิ่งที่ควร ไม่ควร เพราะเหตุใดเพื่อให้นักเรียนสามารถเลือกรับและ
ปฏบิ ัตไิ ด้อยา่ งถกู ตอ้ ง
ข้นั สรุปบทเรียน
ครูและนกั เรียนร่วมกันสรุปว่าประเพณสี งกรานต์ เป็นภูมิปญั ญาบรรพบรุ ุษท่ลี ึกซง้ึ โดย
ประเพณีทางศาสนา ทาให้คนยึดมั่นกับคาสอนและการปฏิบัติทางศาสนา เพื่อยึดเหนี่ยว
จติ ใจและเกิดสริ ิมงคลตอ่ ชีวิตในโอกาสขน้ึ ปีใหม่
ประเพณีแสดงกตัญญูต่อผู้อาวุโส และบรรพบุรุษท่ีล่วงลับไปแล้ว จะสร้างความผูกพัน
ความเคารพต่อกัน การตอบแทนพระคุณของผู้มีพระคุณ แม้จะเสียชีวิตไปแล้ว ให้รู้จักเด็ก รู้จักผู้ใหญ่
ออ่ นนอ้ มต่อกนั มีความนบั ถือและเกรงใจต่อกนั ตามลาดับอาวุโส
ส่วนการละเล่นตามประเพณีไทย คือ การสาดน้าสงกรานต์ก็จะช่วยบรรเทาความร้อนของ
อากาศในเดือนเมษายนให้คนไทยเย็นกาย เย็นใจ ในวันปีใหม่ ผ่อนคลายร่างกายและจิตใจ ด้วย
การละเลน่ และความบันเทิงตา่ ง
ดังน้ัน จึงควรใช้โอกาสน้ีสร้างความสัมพันธ์ท่ีดีต่อกันไม่ล่วงละเมิดหรือเอาเปรียบด้วยการ
ลวนลามตอ่ กันทั้งหญงิ และชาย ไม่ด่มื เครื่องด่มื มนึ เมา หรอื เลน่ การพนนั ซึง่ อาจทาใหเ้ กิดการววิ าทกนั ได้

แนแวนกวากราจรัดจกดั ากราเรรเียรนยี รนปู้ รูป้ระรวะัตวศิัตาิศสาตสรต์เรพเ์ พอ่ื สือ่ รสา้ รงา้ สงาสนำกึนคึกวคาวมามเปเปน็ ไน็ ทไทยย::ภูมภูมปิ ปิญั ัญญญาแาลแะลวะฒัวัฒนธนรธรรมรมไทไทยย

๒๗๗

ขัน้ ประยุกต์ใช้
๑. หลงั จากสรปุ บทเรยี นแล้วครูตัง้ คาถามให้นักเรียนตอบรายบคุ คลหรือรายกล่มุ
“นักเรียนมีความรสู้ ึกอยา่ งไรเม่อื ไดม้ ารว่ มงานวนั สงกรานต์”
“ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ นักเรียนคิดว่านอกจากกิจกรรมสรงน้าพระพุทธรูป

การแสดง ความกตัญญู โดยรดน้าขอพรจากผู้ใหญ่แลว้ ควรจะมีกิจกรรมท่ดี ีๆอะไรเพ่มิ ขึน้ อีกบ้าง”
“นักเรียนมีวธิ ีการรักษาวัฒนธรรมประเพณสี งกรานตใ์ ห้คงอยูค่ ู่ชาติไทยต่อไปได้อยา่ งไร?”

๒. จากนั้นแบ่งกล่มุ นักเรยี นชว่ ยกันวาดภาพระบายสี “วันสงกรานต์ตามจินตนาการของนักเรียน”
แล้วสง่ ตวั แทนออกมาเลา่ เรื่องจากภาพท่วี าด และครสู รุปแนะแนวทางทดี่ ีทกุ ครง้ั ทน่ี กั เรียนเลา่ จบ

๓. ครูให้นักเรียนทาใบงาน เร่ือง อะไรบ้างท่ีไม่ควรปฏิบัติในการเล่นสาดน้าวันสงกรานต์ ส่ง
ในช่ัวโมง ซึ่งในการจัดกิจกรรมแต่ละขั้นครูควรเสริมแรงเชิงบวก ตามความเหมาะสมเพ่ือสร้างขวัญ
และกาลังใจให้กับผู้เรยี น
๑๒. สอื่ /แหล่งเรยี นรู้

๑๑.๑ ภาพกิจกรรมวนั สงกรานต์ของนักเรียน
๑๑.๒ วีดทิ ศั น์หรอื คลิปการเล่นสงกรานต์โดยทั่วไปท่ีผา่ นมาแล้ว
๑๑.๓ กลอ้ งถ่ายรูป
๑๑.๔ เว็บไซด์

https://www.google.co.th/search?q
http://www.vcharkarn.com/varticle/๓๖๒๔๗#chapter๒
http://www.dmc.tv/pages/scoop.html
๑๒. บันทึกหลังสอน
๑๒.๑ ดา้ นความรู
............................................................................................................................. .......................................
............................................................................................ ........................................................................
๑๒.๒ ดา้ นทักษะ/กระบวนการ
............................................................................................................................. .......................................
............................................................................................................................. .......................................
๑๒.๓ ดา้ นคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์
............................................................................................................................. ......................................
............................................................................................ .......................................................................
๑๒.๔ ด้านสมรรถนะทีส่ าคัญของผเู้ รยี น
............................................................................................................................. ......................................
............................................................................................................................. .......................................

แแนนววกกาารรจจดั ัดกกาารรเเรรียียนนรรปู้ ปู้ รระะววตั ัตศิ ิศาาสสตตรร์เเ์พพื่อื่อสสรร้าา้ งงสสาำนนึกึกคคววาามมเเปปน็ น็ ไไททยย::ภูมภูมิปปิัญัญญญาแาลและวะฒัวฒั นธนรธรรมรมไทไทยย

๒๗๘
ใบงานเรือ่ ง อะไรทไ่ี มค่ วรปฏบิ ตั ิ ในการเล่นสาดนา้ วนั สงกรานต์
ช่อื .............................................................................ชัน้ ....................................เลขท่ี................................
วชิ า ประวตั ศิ าสตร์ไทย
คาชแี้ จง ใหน้ ักเรยี นระบวุ า่ มีอะไรบา้ งท่ีไม่ควรปฏิบัตใิ นการเลน่ สาดน้าวันสงกรานต์ คนละ ๓ เรื่องอย่าง
สน้ั ๆ
๑............................................................................................................................ .........
๒..................................................................................................... ................................
๓............................................................................................................................ .........
แนวการตอบ เชน่
๑. ใส่เสื้อสายเดี่ยว
๒. ด่มื สุรา
๓. เอาแป้งป้ายหนา้ ผหู้ ญงิ

แนแวนกวากราจรัดจกดั ากราเรรเียรนียรนปู้ รู้ประรวะตัวศิตั าศิ สาตสรต์เรพ์เพอื่ สื่อรส้ารง้าสงาสนำึกนคึกวคาวมามเปเปน็ ไ็นทไทยย::ภูมภมูปิ ปิัญัญญญาแาลแะลวะฒัวฒั นธนรธรรมรมไทไทยย

๒๗๙

ตวั อย่างแผน ชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ ๒
รา่ งแผนการจดั การเรียนรู้ท่ี ๑๕ รหัสวชิ า ส ๒๒๑๐๕
กล่มุ สาระการเรียนรสู้ ังคมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม จานวน ๘ คาบ
จานวน ๔ คาบ
รายวชิ า ประวัตศิ าสตร์

หน่วยการเรียนร้ทู ่ี....... เรือ่ ง พัฒนาการของอาณาจกั รอยุธยา

หนว่ ยย่อยที่ ........เร่ือง ความหลากทางสังคมสมัยอยุธยา

๑. สาระประวตั ิศาสตร์
มาตรฐานการเรยี นรู้

ส ๔.๓ เขา้ ใจความเป็นมาของชาตไิ ทย วัฒนธรรม ภมู ปิ ัญญา มีความรักความภมู ิใจและธารง

ความเป็นไทย

ตัวช้ีวัด
ม.๒/๓ ระบุภมู ปิ ัญญาและวฒั นธรรมไทยสมัยอยุธยาและธนบรุ ี และอิทธิพลของภมู ปิ ัญญา

ดงั กล่าวตอ่ การพฒั นาชาติไทยในยุคตอ่ มา
๒. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด

อยุธยาเป็นสังคมท่ีประกอบข้ึนจากผู้คนหลากหลายเช้ือชาติ ภูมิปัญญาและวัฒนธรรมของ

อยุธยาจงึ เกดิ จากการรับวัฒนธรรมต่างชาติต่าง ๆ ทอ่ี ยรู่ ว่ มกัน นามาปรบั เปลีย่ นผสมผสานให้เหมาะสม

และมีอิทธพิ ลตอ่ การพัฒนาชาติในยุคต่อมา
๓. จดุ ประสงค์การเรียนรู้

๓.๑ สืบค้นและระบุภูมิปัญญาและวัฒนธรรมไทยสมัยอยุธยาในด้านต่าง ๆ โดยใช้วิธีการทาง

ประวตั ิศาสตร์
๓.๒ ระบุอิทธพิ ลของภมู ปิ ญั ญาและวัฒนธรรมสมยั อยุธยาทมี่ ีผลต่อสงั คมไทยในสมัยต่อมา

๓.๓ เผยแพร่คุณคา่ ความสาคัญของภมู ปิ ญั ญาและวัฒนธรรมอยธุ ยาทม่ี ีต่อสังคมไทยในปัจจุบนั
๔. สาระการเรียนรู้

ภูมิปัญญาและวัฒนธรรมไทยท่ีสาคัญในสมัยอยุธยาในด้านรูปแบบการปกครอง การทหาร

ขนบธรรมเนียมการปกครอง การควบคมุ กาลังคน วทิ ยาศาสตร์ ศลิ ปกรรม อาหาร การแต่งกาย ฯลฯ ที่

มีอทิ ธติ ่อสงั คมไทยในสมัยต่อ ๆ มา
๕. ทกั ษะ/กระบวนการ

๕.๑ กระบวนการกลมุ่

๕.๒ กระบวนการสบื ค้นข้อมูลดว้ ยวธิ กี ารทางประวตั ิศาสตร์
๕.๒ กระบวนการคดิ อย่างสร้างสรรค์

แแนนววกกาารรจจดั ดั กกาารรเเรรยี ียนนรรปู้ ้ปู รระะววตั ัตศิ ศิ าาสสตตรร์เเ์พพ่ืออ่ื สสรร้าา้ งงสสาำนนึกกึ คคววาามมเเปปน็ ็นไไททยย::ภูมภูมปิ ปิัญญั ญญาแาลและวะัฒวฒั นธนรธรรมรมไทไทยย

๒๘๐

๖. คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์

๖.๑ รกั ชาติ ศาสนา พระมหากษตั ริย์

๖.๒ ใฝเ่ รยี นรู้

๖.๓ มุง่ มน่ั ในการทางาน

๗. สมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น

๗.๑ ความสามารถในการสื่อสาร

๗.๒ ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยเี พอื่ การสบื คน้

๗.๓ ความสามารถในการคดิ วิเคราะห์

๘. หลกั ฐานการเรยี นรู้

๘.๑ ช้ินงาน

- ใบกจิ กรรมท่ี ๑ เราอย่ดู ้วยกนั

- ใบกิจกรรมที่ ๒ ภูมิปัญญาท่ีมีอิทธิพลในสมยั ต่อมา

- โปสเตอรเ์ ผยแพรภ่ มู ปิ ัญญาและวฒั นธรรมอยุธยา

- ใบกจิ กรรมท่ี ๓ แสดงบทบาทสมมตุ ิ เรอ่ื ง จากทุกทิศ หยัง่ ลกึ เปน็ รากไทย

๘.๒ ภาระงาน

- การทาใบกิจกรรมท่ี ๑-๓

๙. การวดั และการประเมิน

เปา้ หมาย วิธวี ัด เคร่อื งมอื วดั เกณฑ์การประเมนิ

ดา้ นความรู้ ทดสอบ แบบทดสอบ เกณฑ์การผ่านรอ้ ยละ ๖๐

ด้านทักษะ/ ชิ้นงาน แบบประเมิน เกณฑ์การผา่ น พอใช้
กระบวนการ ประเมินโดยสมาชกิ กลมุ่

ดา้ นคุณลักษณะ ประเมนิ ตนเอง แบบประเมนิ เกณฑ์การผ่าน ดี
อนั พงึ ประสงค์ คุณลกั ษณะ
อนั พึงประสงค์

ด้านสมรรถนะท่ี สงั เกตพฤตกิ รรม แบบสังเกต เกณฑ์การผา่ น ดี
สาคญั ของผ้เู รียน พฤติกรรม

๑๐ . กิจกรรมการเรยี นรู้
ช่ัวโมงท่ี ๑
กิจกรรมขน้ั นา
ครูและนักเรียนช่วยกันทบทวนโดยวิธีการต้ังคาถามจากเน้ือหาท่ีเรียนผ่านมาแล้วและ

อภิปราย สรุปร่วมกันว่า เหตุใดอาณาจักรอยุธยาจึงมีความเจริญและมีผู้คนหลากหลายเช้ือชาติเข้ามา

แนแวนกวากราจรัดจกัดากราเรรเียรนยี รนปู้ รปู้ระรวะตัวศิัตาศิ สาตสรต์เรพเ์ พอื่ ส่ือรสา้ รง้าสงาสนำกึนคึกวคาวมามเปเปน็ ไน็ ทไทยย::ภูมภูมิปิปญั ญั ญญาแาลแะลวะัฒวัฒนธนรธรรมรมไทไทยย

๒๘๑

ต้ังถ่ินฐานอยู่ในอาณาจักร จากนั้นครูและนักเรียนสรุปร่วมกันว่า เป็นเพราะสภาพที่ต้ังทางภูมิศาสตร์
และสนิ คา้ ทอ่ี ยุธยามเี ป็นทีต่ ้องการของชาวตา่ งชาติ และที่สาคญั คือ พระมหากษัตริยไ์ ทยทรงเปิดโอกาส
ให้ชาวต่างเข้ามา และอยู่อาศัยในอาณาจักรได้ทาให้ “สังคมอยุธยาเป็นสังคมท่ีมีผู้คนหลากหลายเชื้อ
ชาติอยรู่ ว่ มกัน

กจิ กรรมข้นั สอน
กจิ กรรมที่ ๑ เราอยดู่ ว้ ยกัน
๑. ครูจดั เอกสารที่เกีย่ วข้องกับสงั คมอยุธยา เชน่ หนังสอื ประวตั ิศาสตรอ์ ยุธยา จดหมายเหตุที่
เกย่ี วกบั การเดนิ ทางของชาวต่างชาตเิ ขา้ มาในอยุธยา หนังสอื แบบเรียน ฯลฯ ให้นักเรยี นสบื ค้นเรือ่ งราว
ของชาวต่างชาติในสมัยอยุธยา โดยแบ่งกลุ่มนักเรียนประมาณกลุ่มละ ๔-๖ คนและให้ใช้วิธีการทาง
ประวตั ิศาสตร์ รว่ มกันหาคาตอบว่ามชี าวตา่ งชาตใิ ดบ้าง และบนั ทึกลงในใบกจิ กรรมท่ี ๑ เราอยดู่ ว้ ยกนั
๒. นักเรยี นร่วมกันเฉลยใบกิจกรรมที่ ๑ เราอยดู่ ้วยกัน และช่วยกันสรปุ ว่าต่างชาตติ ัง้ ถน่ิ ฐาน
อยู่ในอาณาจกั รอยธุ ยากี่ชาติ มากน้อยเพยี งใด และมีชาติใดบา้ ง โดยสืบค้นจากแหลง่ ขอ้ มูลชาวใดบา้ ง
๓. ครูเพิ่มเติมเนื้อหาให้นักเรียนเข้าใจว่าผู้คนแต่ละชาติที่เข้ามาอยู่ในอยุธยาได้นาเอา
วัฒนธรรมและภูมิปัญญาของตน ซึ่งแสดงออกผ่านการดาเนินชีวิตของตนเข้ามาด้วย นอกจากนั้น
พระเจ้าแผ่นดินอยุธยาทรงมีวิสัยทัศน์กว้างไกลท่ีทรงอนุญาตให้คนเหล่าน้ันมาอาศัยอยู่ในกรุงศรอี ยุธยา
เป็นชุมชนของแต่ละชาติ เช่น หมู่บ้านโปรตุเกส หมู่บ้านญ่ีปุ่น หมู่บ้านฮอลันดา ชุมชนชาวจีน ทาให้
ภูมิปัญญาและวัฒนธรรมของชาติต่าง ๆ หลอมรวมเข้าสู่วิถีชีวิตของคนอยุธยา โดยคนไทยอาจรับมาใช้
หรอื นามาปรบั เปลีย่ นดัดแปลงทาให้สอดคล้องกับวถิ ีชีวิตไทย
๔. ครูให้นักเรียนช่วยกันสบื คน้ เก่ยี วกบั ภมู ิปัญญาและวัฒนธรรม ดงั นี้

 ภูมิปัญญาและวัฒนธรรมของชาติที่คนไทยสมัยอยุธยารับมาหรือปรับเปลี่ยนนามาใช้
ให้เกิดประโยชน์ต่อบ้านเมืองและการดาเนินชีวิตของคนไทยสมัยอยุธยา มีสิงใดบ้าง ในประเด็นต่าง ๆ
เช่น ศาสนา และความเช่ือ รูปแบบการปกครอง การทหาร การควบคุมกาลังคน วิทยาศาสตร์
ศลิ ปกรรม อาหาร การแตง่ กาย ดนตรี ฯลฯ

 ภูมปิ ญั ญาและวฒั นธรรมเหลา่ นน้ั มสี ่ิงใดบ้างท่ีมีอทิ ธพิ ลหรอื ตกทอดมาถึงสงั คมไทย
สมัยต่อมา

๕. ให้นักเรียนร่วมกันวางแผนแบ่งงาน สืบค้นด้วยวิธีการทางประวัติศาสตร์เช่นเดิม ถ้า
ข้อมูลไม่เพียงพอให้สืบค้นนอกเวลา โดยแต่ละคนจดบันทึกข้อมูลสาคัญท่ีได้จากการสืบค้นเพื่อนามาใช้
ในชั่วโมงต่อไป ทั้งครูต้องสรุปให้นักเรียนเข้าใจว่าสิ่งท่ีสืบค้นมาสาคัญต่อความเข้าใจของนักเรียนว่า
สงั คมอยธุ ยาเป็นสังคมทีม่ คี วามหลากหลายจริงหรือไม่ มากนอ้ ยเพียงใด

แแนนววกกาารรจจัดดั กกาารรเเรรยี ยี นนรรปู้ ปู้ รระะววัตตั ศิ ศิ าาสสตตรร์เเ์พพอื่ อ่ื สสรรา้ ้างงสสาำนนึกึกคคววาามมเเปปน็ ็นไไททยย::ภูมภมูปิ ิปัญญั ญญาแาลและวะัฒวัฒนธนรธรรมรมไทไทยย

๒๘๒

ช่ัวโมงที่ ๒
กิจกรรมท่ี ๒ ภูมปิ ญั ญาทีม่ ีอทิ ธพิ ลในสมยั ต่อมา
๑. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มนาข้อมูลที่ได้จากการช่วยกันสืบค้นในช่ัวโมงท่ีผ่านมานาเสนอ

ตามประเด็นตา่ ง ๆ ที่ได้รบั มอบหมาย
๒. ครูและนักเรียนช่วยกันพิจารณาข้อมูลที่ได้มาจากการสืบค้นว่าได้มาจากแหล่งใด

น่าเชื่อถือหรือไม่ เพราะเหตุใด จากนั้นช่วยกันจัดกลุ่มข้อมูลให้เป็นชุดเดียวกันให้เป็นระบบ เช่นในด้าน
รูปแบบการปกครองมภี ูมิปญั ญาใดบ้างและรับมาจากชาตใิ ด

๓. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มช่วยกันทาแผนผังความคิดระบุภูมิปัญญาและวัฒนธรรมท่ีมี
ระบอุ ทิ ธิพลตอ่ การดาเนนิ ชวี ิตและการพัฒนาชาตไิ ทยในสมัยต่อมา

๔. นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนนาเสนอแผนผังความคิดภูมิปัญญาและวัฒนธรรมท่ี
รว่ มกนั ทาขึ้น

๕. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มเลือกภูมิปัญญาและวัฒนธรรมอยุธยาที่สมาชิกกลุ่มชื่นชอบ
และรูส้ ึกภูมิใจในความฉลาดหลักแหลมของบรรพบุรุษท่ตี ้องการเผยแพร่มากที่สุด ๑ ด้าน โดยให้เตรยี ม
ขอ้ มูลรปู แบบ กระดาษ สี กาว กรรไกร สาหรับจัดทาช้นิ งานโปสเตอร์เผยแพรป่ ระชาสัมพันธ์ในชั่วโมง
ตอ่ ไป

ชั่วโมงที่ ๓
กิจกรรมท่ี ๓ ร่วมภมู ิใจ

๑. ครูสมมุติสถานการณ์ว่าจังหวัดของเราจะจัดงานสืบสานอนุรักษ์ภูมิปัญญาและ
วัฒนธรรมไทยโดยนักเรยี นเป็นกล่มุ คนท่ีชื่นชอบภมู ปิ ญั ญา และวัฒนธรรมอยธุ ยา

๒. ครูนาตัวอย่างโปสเตอร์มาให้นักเรียนดูโดยติดไว้บนกระดาน เพ่ือให้นักเรียนเห็น
ตัวอย่างการนาเสนอ / เผยแพรเ่ พื่อการประชาสัมพันธ์

๓. นักเรียนแต่ละกลุ่มช่วยกันออกแบบและจัดทาโปสเตอร์ประชาสัมพันธ์ภูมิปัญญาและ
วฒั นธรรมอยุธยาท่สี มาชกิ กลุม่ ช่นื ชอบและเลอื กไวใ้ นชว่ั โมงที่แล้ว จนเสรจ็ พรอ้ มทจ่ี ะนาเสนอในช่วั โมง

๔. ครูช่วยใหค้ าช้แี นะในการใช้ข้อมูลและเพ่ิมเติมข้อมลู ตา่ ง ๆ ใหแ้ กก่ ลุม่ เพ่ือให้เกิดความ
เข้าใจมากยิ่งข้นึ และชิ้นงาน มคี วามสมบรู ณ์ ถูกตอ้ ง

๕. นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนนาภาพโปสเตอร์ เสนอหน้าชั้นเรียน โดยครูสรุปให้
นักเรียนเข้าใจอีกคร้ังว่าภูมิปัญญา และวัฒนธรรมท่ีนักเรียนนามาเสนอเป็นโปสเตอร์นั้น สะท้อนให้เห็น
ถึงอิทธิพลที่มีต่อการดาเนินชีวิตและการพัฒนาชาติไทยอย่างไร และมีภูมิปัญญาใดบ้างที่ได้รับการสืบ
สานมาจนถงึ ปจั จุบัน ครูนาโปสเตอร์เหล่าน้ี ตดิ ป้ายนิเทศใหน้ กั เรยี นชนื่ ชม

๖. ครูและนักเรียนร่วมกันวางแผนจัดกิจกรรมแสดงบทบาทสมมุติ เรื่อง จากทุกทิศ หย่ัง
ลึกเปน็ รากไทย ตามใบกิจกรรมที่ ๓ ลว่ งหนา้

แนแวนกวากราจรดัจกัดากราเรรเยีรนียรนปู้ รูป้ระรวะัตวศิตั าศิ สาตสรต์เรพ์เพื่อส่ือรสา้ รงา้ สงาสนำกึนคกึ วคาวมามเปเปน็ ไน็ ทไทยย::ภูมภมูปิ ปิญั ญั ญญาแาลแะลวะฒัวฒั นธนรธรรมรมไทไทยย

๒๘๓

ช่วั โมงท่ี ๔
กิจกรรมสรุป
กจิ กรรมที่ ๔ จากทกุ ทิศ หย่ังลึกเปน็ รากไทย
๑. ครูตรวจสอบการจัดสถานที่ อุปกรณ์ประกอบการแสดง รวมท้ังการจัดคิวการแสดง

ของนกั เรยี นให้พร้อมตามใบกจิ กรรมที่ ๓
๒. ให้นักเรียนแสดงบทบาทสมมุติ เร่ือง จากทุกทิศ หย่ังลึกเป็นรากไทย รวม ๔ ตอน และ

ปิดท้ายการแสดงด้วยเพลง คืนความสุขสู่คนไทย
๓. ครใู หน้ ักเรยี นแสดงความรูส้ กึ ทม่ี ีต่อการแสดงบทบาทสมมตุ ิทง้ั หมดว่าทาให้เกดิ ความเขา้ ใจ

ในประเด็นความหลากหลายทางสังคมอยุธยาได้มากน้อยเพียงใด เพราะอะไร โดยใช้การถาม –ตอบและ
ความหลากหลายทางสังคมอยธุ ยา ใหผ้ ลดตี ่อสังคมไทยสมยั ต่อมาอย่างไร

กิจกรรมที่ ๒ ภูมิปัญญาท่มี ีอทิ ธพิ ลต่อมา
๑. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มนาข้อมูลที่ได้จากการช่วยกันสืบค้นในช่ัวโมง นาเสนอตาม

ประเด็นตา่ ง ๆ ทไ่ี ด้รับมอบหมาย
๒. ครูและนักเรียนช่วยกันพิจารณาข้อมูลท่ีได้มาจากการสืบค้นว่าได้สามารถแหล่งใด

น่าเช่อื ถอื หรือไม่ เพราะเหตใุ ด จากน้ันชว่ ยกนั จดั กลุ่มข้อมลู ให้เป็นชุดเดยี วกันให้เปน็ ระบบ
๓. นักเรียนแต่ละกลุ่มช่วยกันทาแผนผังความคิดระบุภูมิปัญญาและวัฒนธรรมที่สาคัญ

และระบอุ ิทธพิ ลของภูมิปญั ญาและวัฒนธรรมนั้นท่ีมผี ลตอ่ การพฒั นาชาติไทยในยุคต่อมา
๔. นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนนาเสนอแผนผังความคิดภูมิปัญญาและวัฒนธรรมที่

ร่วมกันทาข้นึ
๕. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มเลือกภูมิปัญญาและวัฒนธรรมอยุธยาท่ีสมาชิกกลุ่มช่ืนชอบ

ร้สู ึกภมู ใิ จในความฉลาดหลักแหลมของบรรพบุรุษที่ต้องการเผยแพร่มากทสี่ ดุ ๑ ตน้ โดยให้เตรียมข้อมูล
รปู แบบ กระดาษ สี กาว กรรไกร สาหรับจัดทาช้ินงานโปสเตอร์ เผยแพรป่ ระชาสมั พนั ธ์ในช่วั โมงตอ่ ไป

ชั่วโมงที่ ๓
กจิ กรรมท่ี ๓ ร่วมภูมใิ จ

๑. ครสู มมุติสถานการณ์ว่าจงั หวัดของเราจะจดั งานสืบสานอนุรักษภ์ มู ิปัญญา และวัฒนธรรม
ไทยโดยนักเรียนเป็นกล่มุ คนท่ีช่นื ชอบภูมปิ ญั ญา วัฒนธรรมอยุธยา

๒. ครูนาตัวอย่างโปสเตอร์มาให้นักเรียนดูโดยติดไว้บนกระดาน เพื่อให้นักเรียนเห็น
ตวั อย่างการนาเสนอ / เผยแพร่เพอ่ื การประชาสัมพันธ์

๓. นักเรียนแต่ละกลุ่มช่วยกันออกแบบและจัดทาโปสเตอร์ประชาสัมพันธ์ ภูมิปัญญาและ
วฒั นธรรมอยุธยาท่ีสมาชกิ กลมุ่ ชน่ื ชอบและเลือกไวใ้ นชั่วโมงทีแ่ ล้ว จนเสร็จพร้อมที่จะนาเสนอในช่วั โมง

แแนนววกกาารรจจัดดั กกาารรเเรรยี ยี นนรรปู้ ้ปู รระะววัตัตศิ ศิ าาสสตตรร์เเ์พพือ่ ่อื สสรร้าา้ งงสสาำนนกึ กึ คคววาามมเเปปน็ น็ ไไททยย::ภูมภมูิปปิัญญั ญญาแาลและวะฒัวฒั นธนรธรรมรมไทไทยย

๒๘๔

๔. ครูช่วยให้คาชีแ้ นะในการใช้ข้อมลู และเพ่ิมเติมข้อมลู ต่าง ๆ ให้แกก่ ลมุ่ เพื่อใหเ้ กิดความ
เขา้ ใจมากย่ิงข้นึ และชนิ้ งาน มคี วามสมบรู ณ์ ถูกตอ้ ง

๕. นักเรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนนาภาพโปสเตอร์ เสนอหน้าชั้นเรียน โดยครูสรุปให้
นักเรียนเข้าใจอีกครั้งว่าภูมิปัญญา และวัฒนธรรมที่นักเรียนนามาเสนอเป็นโปสเตอร์น้ัน สะท้อนให้เห็น
ถึงอิทธิพลที่มีต่อการดาเนินชีวิตและการพัฒนาชาติไทยอย่างไร และมีภูมิปัญญาใดบ้างท่ีได้รับการสืบ
สานมาจนถงึ ปจั จบุ นั ครนู าโปสเตอร์เหล่าน้ี ตดิ ป้ายนิเทศให้นักเรยี นช่ืนชม

๖. ครูและนักเรียนร่วมกันวางแผนจัดกิจกรรมแสดงบทบาทสมมุติ เร่ือง จากทุกทิศ
หย่งั ลึกเปน็ รากไทย ตามใบกจิ กรรมที่ ๓ ล่วงหน้า

ช่ัวโมงที่ ๔
กิจกรรมสรปุ
กจิ กรรมที่ ๔ จากทกุ ทิศ หย่ังลึกเปน็ รากไทย
๑. ครูตรวจสอบการจัดสถานท่ี อุปกรณ์ประกอบการแสดง รวมท้ังการจัดคิวการแสดง

ของนักเรียนใหพ้ รอ้ มตามใบกิจกรรมท่ี ๓
๒. ให้นักเรียนแสดงบทบาทสมมุติ เรื่อง จากทุกทิศ หยั่งลึกเป็นรากไทย รวม ๔ ตอน และ

ปดิ ท้ายการแสดงด้วยเพลง คนื ความสขุ สู่คนไทย
๓. ครใู หน้ ักรเยนแสดงความรสู้ กึ ทีม่ ตี อ่ การแสดงบทบาทสมมตุ ทิ ง้ั หมดวา่ ทาไมเกิดความเข้าใจ

ในประเด็นความหลากหลายทางสังคมอยุธยาได้มากน้อยเพียงใด เพราะอะไร โดยใช้การถาม – ตอบและ
ความหลากหลายทางสงั คมอยุธยา ให้ผลดีต่อสงั คมไทยสมยั ต่อมาอยา่ งไร
๑๑. ส่อื /แหล่งเรียนรู้

๑๑.๑ หนังสือเรียนประวตั ิศาสตร์ ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ ๒
๑๑.๒ ขอ้ มลู เก่ยี วกบั ภมู ปิ ญั ญาและวัฒนธรรมสมยั อยธุ ยาจากอินเตอรเ์ น็ต
๑๑.๓ หนงั สอื จดหมายของชาวตา่ งชาตทิ เ่ี ดินทางเขา้ มาในอาณาจักรอยุธยา (มหี ลายเล่ม)
๑๑.๔ ใบกจิ กรรมท่ี ๑ เราอยู่ด้วยกนั
๑๑.๕ ใบกจิ กรรมที่ ๒ ตน้ ไม้แหง่ ภูมปิ ัญญา
๑๑.๖ ใบกิจกรรมท่ี ๓ จากทุกทศิ หย่งั ลึกเป็นรากไทย
๑๑.๗ ตัวอยา่ งภาพโปสเตอรโ์ ฆษณาเก่ียวกับสนิ คา้ ภูมิปัญญาและอ่นื ๆ
๑๑.๘ เน้อื เพลงรากไทยและคลิปวดี ีทัศนเ์ พลงรากไทย (คุณพระช่วย)
๑๑.๙ เทปเพลงอยุธยาราลกึ (เพลงบรรเลง)
๑๑.๑๐ เทปเพลงต้นการาเคียว
๑๑.๑๑ เทปเพลงสบิ สองภาษา
๑๑.๑๒ วดี ิทศั น์ เพลงคืนความสุขสคู่ นไทย

แนแวนกวากราจรัดจกดั ากราเรรเยีรนยี รนปู้ ร้ปูระรวะัตวศิตั าิศสาตสรต์เรพ์เพื่อส่อื รสา้ รง้าสงาสนำึกนคึกวคาวมามเปเปน็ ไน็ ทไทยย::ภูมภูมปิ ปิญั ญั ญญาแาลแะลวะฒัวฒั นธนรธรรมรมไทไทยย

๒๘๕

๑๑.๑๓ ฉากประกอบการแสดงบทบาทสมมตุ ิ เป็นเพาเวอรพ์ อยด์ภาพตอ่ ไปน้ี
- ฉากท่ี ๑ ภาพเกาะเมืองอยุธยา ทีว่ าดโดยาชาวตา่ งชาติ
- ฉากที่ ๒ ภาพแมน่ ้าเจ้าพระยามองผ่านป้อมเพชร
- ฉากที่ ๓ ภาพพระราชวังจนั ทเกษม อยธุ ยา
- ฉากท่ี ๔ ภาพหม่บู ้านไทยริมน้า
- ฉากท่ี ๕ ภาพเจดยี ์วัดใหญ่ชัยมงคลหรอื ภาพวดั โดย...............................

แหล่งการเรยี นรู้
- ห้องสมุดโรงเรียน
- ขอ้ มูลทางอินเทอร์เนต็ เร่ือง ภมู ปิ ัญญาและวฒั นธรรมสมัยอยธุ ยา

๑๒. บนั ทึกหลงั สอน
๑๒.๑ ดา้ นความรู้

............................................................................................................................. .......................................
............................................................................................ ....................................................................... .
............................................................................................................................. .......................................

๑๒.๒ ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ
............................................................................................................................. .......................................
.................................................................................. ..................................................................................
............................................................................................................................. .......................................

๑๒.๓ ด้านคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์
............................................................................................................................. .......................................
....................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .......................................

๑๒.๔ ดา้ นสมรรถนะทส่ี าคญั ของผู้เรยี น
............................................................................................................................. .......................................
................................................................................................................................................................... .
............................................................................................................................. .......................................

แแนนววกกาารรจจัดดั กกาารรเเรรียยี นนรรปู้ ู้ปรระะววตั ัตศิ ศิ าาสสตตรร์เเ์พพือ่ ่อื สสรรา้ า้ งงสสาำนนึกึกคคววาามมเเปปน็ ็นไไททยย::ภูมภูมปิ ปิัญัญญญาแาลและวะัฒวฒั นธนรธรรมรมไทไทยย

๒๘๖
กจิ กรรมท่ี ๑ เราอย่ดู ้วยกนั
ชือ่ ................................................................................................ชัน้ ..............เลขท่.ี .............
*****************************************************
คาช้แี จง ใหน้ กั เรยี นเติมช่อื ชาวต่างชาตทิ ่ีเขา้ มาตดิ ต่อสัมพันธ์กบั อาณาจักรอยธุ ยาในช่องสเ่ี หลย่ี มตาม
ขอ้ มูลท่ีสืบคน้ ได้

ชนชาตอิ ืน่ ๆ ท่ีนอกเหนอื จากที่เขยี นข้างบนนี้
............................................................................................................................. .......................................
............................................................................................ ........................................................................
............................................................................................................................. .......................................

แนแวนกวากราจรดัจกัดากราเรรเยีรนียรนปู้ รปู้ระรวะัตวศิัตาศิ สาตสรต์เรพเ์ พ่อื สื่อรส้ารง้าสงาสนำึกนคึกวคาวมามเปเปน็ ไ็นทไทยย::ภูมภูมปิ ิปญั ัญญญาแาลแะลวะฒัวัฒนธนรธรรมรมไทไทยย

๒๘๗
เฉลยกจิ กรรมที่ ๑ เราอยู่ด้วยกนั

ชอื่ ................................................................................................ชน้ั .......................เลขที่..............

************************************************

คาช้ีแจง ใหน้ กั เรยี นเตมิ ชื่อชาวตา่ งชาตทิ ี่เขา้ มาติดต่อสัมพันธ์กบั อาณาจักรอยธุ ยาในช่องส่เี หล่ียมตาม
ขอ้ มลู ทส่ี ืบคน้ ได้

เขมร ลาว พมา่

มอญ มลายู จีน

อินเดยี ญปี่ ุ่น โปรตุเกส

ฮอลันดา สเปน กรีก

ชาวต่างชาติอนื่ ๆ ทีน่ อกเหนือจากท่ีเขยี นขา้ งบนน้ี

คนล้านนา คนสุโขทยั
............................................................................................................................. .......................................
....................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. .......................................
.................................................................................................................................... ................................
............................................................................................................................. .......................................
........................................................................................... .........................................................................
............................................................................................................................. .......................................

แแนนววกกาารรจจัดดั กกาารรเเรรยี ียนนรรปู้ ปู้ รระะววัตตั ศิ ิศาาสสตตรร์เ์เพพ่อื ่ือสสรร้าา้ งงสสาำนนกึ ึกคคววาามมเเปปน็ ็นไไททยย::ภูมภมูปิ ปิัญัญญญาแาลและวะฒัวฒั นธนรธรรมรมไทไทยย

๒๘๘
กจิ กรรมที่ ๒ ภูมิปัญญาทมี่ ีอทิ ธิพลในสมยั ต่อมา
ชื่อ................................................................................................ช้นั ..............เลขท่ี. .............
*************************************************************************************
คาชี้แจง ให้นกั เรียนรว่ มกนั ทาแผนผงั ความคดิ สรปุ ประเด็น “ภมู ิปัญญาและวัฒนธรรมสมยั อยุธยาที่มี
อทิ ธพิ ลต่อการดาเนินชีวติ และการพัฒนาชาติไทยในสมยั ต่อมา

แนแวนกวากราจรัดจกัดากราเรรเียรนยี รนปู้ รปู้ระรวะัตวศิัตาศิ สาตสรต์เรพเ์ พื่อส่อื รสา้ รงา้ สงาสนำึกนคกึ วคาวมามเปเปน็ ไน็ ทไทยย::ภูมภูมิปิปญั ัญญญาแาลแะลวะฒัวัฒนธนรธรรมรมไทไทยย

๒๘๙

ใบกจิ กรรมท่ี ๓ จากทุกทศิ หยงั่ ลกึ เป็ นรากไทย

คาช้ีแจง ให้นักเรียนแสดงบทบาทสมมุติ เรื่อง จากทุกทิศ หยั่งลึกเป็นรากไทย ใช้เวลาไม่เกิน (๑๕-๒๐
นาท)ี ครูอาจเปลยี่ นจากบทบาทสมมุติในชั้นเรียนเป็นการแสดงบนเวทีของโรงเรียนในงานต่าง ๆ ไดต้ าม
ความเหมาะสนม
การเตรยี มการจดั การแสดงบทบาทสมมุติ

๑. วสั ดอุ ุปกรณ์
๑.๑ ป้ายบทบาท / อาชีพของชาวต่างชาติที่เข้ามาในสมัยอยุธยา เช่น พ่อค้าอาหรับ –

เปอรเ์ ชีย ทหารโปรตเุ กส พอ่ คา้ ฮอลันดา พ่อคา้ ญป่ี ุน่ พ่อคา้ จนี ขุนนางขน้ึ ขนุ นางเปอร์เซีย ขนุ นางไทย
ชาวบา้ นไทย ชาวบา้ นมอญ ชาวบา้ นล้านนา ชาวบ้านสาว ชาวบา้ ยเขมร (ทง้ั ชายและหญิง)

๑.๒ ปากกาเคมี สี ไม่ สีโปสเตอร์ (ถา้ จาเป็น) ไมบ้ รรทัด
๑.๓ เรือสาเภาจีน เรือกาปั้นอาหรับ เรือพายของชาวบ้าน จาลองด้วยกระดาษ หรือ
โครงไมไ้ ผ่ประกอบดว้ ยกระดาษ ขนาดเลก็ ใหญ่ ตามความตอ้ งการ จานวนเทา่ กบั จานวนชาวต่างชาติท่ี
เขา้ มาในอาณาจกั รอยธุ ยา
๑.๔ ผ้าพ้ืนสีห้าและสีขาว ความกว้างประมาณ ๐.๕๐ เมตร ความยาว ประมาณ ๒๕๐ เมตร
สีละ ๒ ผืน เพ่ือใหแ้ ทนคลืน่ และน้า
๑.๕ กระดาษสสี องหน้า
๑.๖ เชือกเกลยี วสขี าว หรือกระดาษกาวสองหนา้

ฯลฯ
๒. วีดทิ ศั น์/เทปเพลงและภาพพาวเวอร์พอยด์ (ดูรายละเอียดในเร่อื งสอ่ื และแหล่งเรยี นร้)ู
๓. หุ่นจาลองต้นไม้ขนาดใหญ่ที่แผก่ ิ่งก้านสาขาให้ร่มเงาร่มเย็น ไม่ต้องมีราก สามารถเคล่ือนที่ได้
ความสูงจากพ้ืนไม่เกิน ๐.๖๐ เมตร ความสูงของลาต้นไม่ควรเกิน ๑.๕๐ เมตร และรากต้นไม้ท่ีทาจาก
กระดาษ ยาวประมาณ ๐.๕๐ เมตร – ๐.๖๐ เมตร กว้างไม่เกินของลาตัวเด็ก เพื่อให้ท้ายลาตัวเด็กแต่
ละราก เขยี นช่ือชาวตา่ งชาติที่เข้ามาตง้ั ถ่นิ ฐานอยใู่ นอยธุ ยา ประมาณ ๖ – ๘ ราก
๔. อปุ กรณป์ ระกอบสาหรับตอนท่ี ๒ ทีแ่ สดงการคา้ ขายในตลาด
๕. คัดเลือกนักเรียนเพื่อแสดงบทบาทสมมุติตามข้อ ๑ แ ละ ข้อ ๓ และแสดงการละเล่น
ประกอบในตอนที่ ๒ และตอนที่ ๓
๖. จัดเตรียมบท และลาดับการแสดง รวมทั้งแบ่งหน้าท่ีของนักเรียนเป็นฝ่ายต่าง ๆ ตามความ
เหมาะสม ครูจัดทาบทบรรยายประกอบให้นักเรียนบรรยายและช่วยกันกาหนดท่าทางหรือลักษณะการ
แสดงบทบาทเอง

แแนนววกกาารรจจัดัดกกาารรเเรรียียนนรรปู้ ปู้ รระะววตั ตั ศิ ิศาาสสตตรร์เ์เพพื่ออ่ื สสรร้า้างงสสาำนนึกึกคคววาามมเเปปน็ น็ ไไททยย::ภูมภูมิปปิญั ัญญญาแาลและวะฒัวฒั นธนรธรรมรมไทไทยย

๒๙๐

การแสดงบทบาทสมมุติ
การแสดงบทบาทสมมุต เร่ือง จากทุกทิศ หย่งั ลึกรากไทย วัตถุประสงคเ์ พื่อให้เกิดความเข้าใจ

ต่อผู้เรยี นและผูช้ มว่าสงั คมอยุธยา นอกจากจะเป็นคนอยธุ ยาแล้ว ยงั ประกอบด้วยคนต่างชาติ ต่างภาษา
ทัง้ จากตะวนั ตกและตะวตั ออกมาอยู่รวมกัน สบื เผา่ พนั ธุแ์ ละภมู ปิ ัญญา วัฒนธรรมตอ่ มาเปน็ วถิ ชี ีวิตแบบไทย

การแสดงบทบาทสมมุติ ประกอบด้วย ๔ ตอน แต่ละตอนใช้เวลาประมาณ ๓-๖ นาที เริ่มต้น
โดยครูนาเสนอพาวเวอร์พอยเป็นภาพแผนท่ีกรุงศรีอยุธยาที่เขียนโดยชาวต่างชาติ เป็นฉากหลังและ
เขียนเร่ืองการแสดงชดุ นีด้ ้วย

ตอนที่ ๑ แสดงถึงการเดินทางเข้ามาของชาวต่างชาติท่ีเข้ามาในอยุธยาหลายบทบาทโดยเข้า
มาด้วยเรือสาเภาจีน หรือเรือกาปั้นอาหรับ เข้ามาจอดท่ีหน้าป้อมเพชร ให้แสดงถึงความคับค่ังและ
หนาแน่นของเรอื และผคู้ น

 ฉายพาวเวอร์พอยต์ ภาพป้อมเพชรเป็นฉากหลงั
 ใชเ้ พลงบรรเลงอยธุ ยาราลึกประกอบ
ตอนที่ ๒ แสดงถึงการอยู่ร่วมกันของชาวอยุธยาและชาวต่างชาติ ท่ีซ้ือขายแลกเปลี่ยนสินค้าท่ี
จาเป็นในการดาเนินชีวติ อยู่ที่ตลาดหน้ากาแพงพระราชวังจนั ทเกษม โดยให้มีเด็ก ๆ คนไทยเล่นอยู่ด้วย
เชน่ เล่นตจ่ี บั เล่นมอญซ่อนผ้า เดนิ กะลา เล่นมา้ ก้านกลว้ ย
 ใช้เพลงเตน้ การาเคยี ว และให้มีการแสดงประกอบเพลง ๓-๔ คู่
 ฉายพาวเวอรพ์ อยต์ ภาพพระราชวงั จนั ทรเกษมเป็นฉากหลัง
ตอนที่ ๓ แสดงถงึ การเกี้ยวพาราสี ระหว่างหญงิ ชายไทย กบั ชาวตา่ งชาติ แล้วจงึ มีเด็กๆ
ลูกครง่ึ ไทย-จนี ไทย-อาหรบั ไทย – โปรตเุ กส ฯลฯ ออกมาวงิ่ เล่น
 ฉายเวอร์พอยตเ์ ปน็ ภาพหมูบ่ า้ นไทยรมิ นา้
 ใชเ้ พลงสิบสองภาษา ประกอบ
ตอนท่ี ๔ แสดงใหเ้ ห็นการสบื เผา่ พันธ์ุและการอยู่รว่ มกนั เกิดลูก ๆ ที่กลายเปน็ รากไม้ทเ่ี กดิ
เป็นตน้ ไม้ใหญ่ แผ่กงิ่ กา้ นสาขาใหค้ วามรม่ เยน็ ต่อผู้คนท่เี ปน็ ตัวแทนของอาณาจักรอยธุ ยา
 ฉายพาวเวอรพ์ อยต์เปน็ ภาพเจดีย์วัดใหญ่ชยั มงคล
 ใช้เพลงรากไทยประกอบทั้งคาร้องและดนตรี
 ควรมภี าพบรรยายปดิ การแสดงบทบาทสมมุติ
ปิดการแสดงบทบาทสมมุติโดยใช้วีดทิ ัศนป์ ระกอบเพลง คนื ความสขุ สู่คนไทย โดยทกุ
คนรว่ มกันยืนขึน้ ร้องเพลงรว่ มกัน
ปิดการแสดง

แนแวนกวากราจรัดจกดั ากราเรรเยีรนยี รนปู้ รู้ประรวะัตวศิัตาศิ สาตสรต์เรพเ์ พอื่ สื่อรส้ารงา้ สงาสนำึกนคึกวคาวมามเปเปน็ ไ็นทไทยย::ภูมภูมิปปิญั ัญญญาแาลแะลวะัฒวัฒนธนรธรรมรมไทไทยย

๒๙๑

เพลงรากไทย

ศิลปิน : จากรายการคณุ พระชว่ ย
ลมจะแรงเพียงไหน ไมอ่ าจโค่นตน้ ไม้ลม้ ลงไป
ถึงก่ิงก้านรดิ ลงยังคงยืนได้ รากทห่ี ย่งั ลงไวค้ อยประคองม่ันคง
เมอื งไทยกเ็ หมือนต้นไมด้ ารง มั่นคงเนนิ่ เนาวเ์ พราะเรามรี าก
รากแห่งวฒั นธรรมไทย เหลา่ ลกู หลานตอ้ งคอยสืบสานอย่างม่ันใจ
ดแู ลตน้ ไทยให้มนั ยนื ยง คุณพระช่วยธารงรากเอย

เพลงอยุธยาราลกึ

มล.ขาบ กุลชร ณ อยธุ ยา
อยธุ ยาเมืองเก่าของเราแต่กอ่ น จติ ใจอาวรณ์ มาเล่าส่กู นั ฟงั อยธุ ยา แตก่ ่อนนย้ี ัง เป็น ดัง
เมอื งทอง ของพนี่ ้อง เผ่าพงศ์ไทย เด๋ียวน้ี ซทิ เี่ ป็นเมืองเก่า ชาวไทยแสนเศร้า ถูกขา้ ศึกรุกราน ชาวไทย
ทกุ คนหวั ใจรา้ วราน ข้าศึกเผาผลาญ แหลกลาญ วอดวาย
เราชนช้นั หลงั ฟังแล้วเศร้าใจ อนุสรณ์ เตือนให้ ชาวไทยคงมนั่ สมัครสมานร่วมใจกันสามัคคี คง
จะไม่มใี ครกล้าราวชี าติไทย
หมายเหตุ ให้ใช้เปน็ เพลงบรรเลง หากเปิดเนอ้ื ร้องใหเ้ ปิดเพลงเฉพาะท่อนที่ขดี เสน้ ใต้ไว้

หากตอ้ งการใหเ้ พลงมีความยาวมากขึน้ ใหว้ ธิ ีอดั เสียงร้องเฉพาะท่อนทต่ี ้องการซ้าหลาย ๆคร้งั

แแนนววกกาารรจจัดดั กกาารรเเรรยี ยี นนรรปู้ ูป้ รระะววตั ตั ศิ ศิ าาสสตตรร์เ์เพพอื่ ่อื สสรร้า้างงสสาำนนกึ ึกคคววาามมเเปปน็ ็นไไททยย::ภูมภูมปิ ิปญั ัญญญาแาลและวะฒัวฒั นธนรธรรมรมไทไทยย

๒๙๒
ตวั อย่างใบโฆษณา

ตัวอย่างใบโฆษณา

แนแวนกวากราจรัดจกดั ากราเรรเียรนียรนปู้ รู้ประรวะตัวศิัตาศิ สาตสรต์เรพเ์ พอื่ สอื่ รส้ารงา้ สงาสนำึกนคึกวคาวมามเปเปน็ ไน็ ทไทยย::ภูมภมูปิ ปิญั ญั ญญาแาลแะลวะฒัวฒั นธนรธรรมรมไทไทยย

๒๙๓
รูปภาพที่ ๑ เกาะเมอื งอยธุ ยา

รูปภาพท่ี ๒ แม่นา้ เจ้าพระยาผ่านป้ อมเพชร

แแนนววกกาารรจจดั ดั กกาารรเเรรยี ียนนรรปู้ ปู้ รระะววตั ัตศิ ิศาาสสตตรร์เ์เพพอ่ื อ่ื สสรร้าา้ งงสสาำนนึกึกคคววาามมเเปปน็ น็ ไไททยย::ภูมภูมปิ ปิัญญั ญญาแาลและวะฒัวฒั นธนรธรรมรมไทไทยย


Click to View FlipBook Version