The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

รายงานการขับเคลื่อนศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา โดยใช้รูปแบบ LOTUS Model

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by anuban, 2024-03-25 23:54:05

รายงานการขับเคลื่อนศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา โดยใช้รูปแบบ LOTUS Model

รายงานการขับเคลื่อนศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา โดยใช้รูปแบบ LOTUS Model

รายงานการขับเคลื่อนศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ด้านการศึกษา โดยใช้รูปแบบ LOTUS Model ของโรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเพชรบุรี เขต 1 นายสุริยา มนตรีภักดิ์ ตำแหน่ง ผู้อำนวยการสถานศึกษา วิทยฐานะ ผู้อำนวยการชำนาญการพิเศษ โรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเพชรบุรี เขต 1 สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ


ก ชื่อเรื่อง รายงาน การขับเคลื่อนศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ด้านการศึกษา โดยใช้รูปแบบ LOTUS Model ของโรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเพชรบุรี เขต 1 ผู้รายงาน นายสุริยา มนตรีภักดิ์ ปีที่รายงาน 2565 – 2566 บทคัดย่อ รายงาน การขับเคลื่อนศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา โดย ใช้รูปแบบ LOTUS Model ของโรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา เพชรบุรี เขต 1 มีวัตถุประสงค์คือ 1) เพื่อศึกษาการขับเคลื่อนศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา โดยใช้รูปแบบ LOTUS Model ของโรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี สำนักงาน เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเพชรบุรี เขต 1 และ 2) เพื่อศึกษาผลการขับเคลื่อนศูนย์การเรียนรู้ตาม หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา โดยใช้รูปแบบ LOTUS Model ของโรงเรียนอนุบาล เพชรบุรี สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเพชรบุรี เขต 1 ระยะเวลาในการดำเนินงานตั้งแต่ 1 พฤษภาคม 2565 ถึง - 31 มีนาคม 2566 ประชากร ได้แก่ ผู้บริหารและครูจำนวน 61 คน คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานจำนวน 15 คน ผู้ปกครองนักเรียน จำนวน 1,460 คน ซึ่งมีสถานภาพดังกล่าวอยู่ในปีการศึกษา 2566 กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ผู้บริหารและครู ไม่นับรวมผู้รายงานจำนวน 60 คน คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานไม่นับรวมผู้รายงานจำนวน 14 คน และผู้ปกครองนักเรียนกำหนดขนาดกลุ่มตัวอย่างตามตารางสำเร็จรูปของ Krejcie, R.V. and Morgan.D.W. (1970:608) ได้กลุ่มตัวอย่างจำนวน 306 คน โดยใช้วิธีสุ่มอย่างง่าย รวมขนาดกลุ่มตัวอย่าง ทุกกลุ่มจำนวน 380 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา คือ แบบประเมินผลการขับเคลื่อนศูนย์การเรียนรู้ตาม หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา โดยใช้รูปแบบ LOTUS Model ของโรงเรียนอนุบาล เพชรบุรี สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเพชรบุรีเขต 1 มี3 ตอน โดยตอนที่ 1 เป็นข้อมูล สถานภาพของผู้ตอบแบบสอบถาม ตอนที่ 2 มีลักษณะเป็นแบบเลือกตอบซึ่งสามารถเลือกตอบได้มากกว่า 1 ข้อ ตอนที่ 3 มีลักษณะเป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ (Rating Scale) ตามแบบของลิเคอร์ท (Likert Scale) มี3 ด้านประกอบด้วย ด้านรูปแบบ LOTUS Model ด้านการขับเคลื่อนศูนย์การเรียนรู้ ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา และด้านผลการขับเคลื่อนศูนย์การเรียนรู้ตามหลัก ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา โดยใช้รูปแบบ LOTUS Model


ข ผลการดำเนินงาน 1. ผลการศึกษาการขับเคลื่อนศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ด้านการศึกษา โดยใช้รูปแบบ LOTUS Model ของโรงเรียนอนุบาลเพชรบุรีสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาเพชรบุรี เขต 1 ทำให้ได้ผลจากการศึกษาซึ่งสามารถสรุปผลเป็นด้านต่าง ๆ ที่สอดคล้องตาม กระบวนการของกระทรวงศึกษาธิการ ในด้านต่าง ๆ ดังนี้ ด้านการบริหารจัดการสถานศึกษา สถานศึกษาได้แนวทางในการกำหนดนโยบายในการ บริหารงานวิชาการ งานบริหารงบประมาณ งานบริหารบุคคล และงานบริหารทั่วไปที่มีการน้อมนำ หลักการทรงงานของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 มาปรับใช้ในการบริหารจัดการศึกษาของสถานศึกษา บริหารทรัพยากรทางการศึกษาตามหลัก ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และการมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการศึกษา ด้านหลักสูตรและการจัดการเรียนการสอน สถานศึกษามีศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษาที่นำมาบูรณาการกับหลักสูตรสถานศึกษาในการจัดการเรียนรู้เพื่อ พัฒนาศักยภาพของผู้เรียน ครูผู้สอนจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแผนการจัดการเรียนรู้ที่บูรณาการ ประยุกต์ใช้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา ด้านการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน สถานศึกษามีการประยุกต์ใช้และพัฒนากิจกรรมจากการ ขับเคลื่อนศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษาที่สอดคล้องกับหลัก วิชาการอย่างสมเหตุสมผล เป็นการส่งเสริมการเรียนรู้ควบคู่กับคุณธรรมให้แก่ผู้เรียน ด้านการพัฒนาบุคลากร ครูได้รับการพัฒนาวิชาชีพจากการเข้ารับการประชุม อบรม สัมมนาและศึกษาดูงานเกี่ยวกับศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา และ นำความรู้มาพัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อพัฒนาคุณภาพผู้เรียนได้อย่างเหมาะสมและสอดคล้อง กับบริบทของสถานศึกษา ส่งผลให้ผู้เรียนได้รับการพัฒนาอย่างเต็มตามศักยภาพ จนทำให้ได้รับรางวัล ต่าง ๆ มากมาย 2. ผลการขับเคลื่อนศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา โดยใช้รูปแบบ LOTUS Model ของโรงเรียนอนุบาลเพชรบุรีสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา เพชรบุรี เขต 1 โดยรวมพบว่า มีการปฏิบัติอยู่ในระดับมากที่สุด ( ̅ = 4.88,S.D. = 0.30 ) และเมื่อ พิจารณาเป็นรายด้านปรากฏ ดังนี้ 2.1 ผลการขับเคลื่อนศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้าน การศึกษา โดยใช้รูปแบบ LOTUS Model ของโรงเรียนอนุบาลเพชรบุรีสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาเพชรบุรี เขต 1 ด้านผู้เรียน มีการปฏิบัติอยู่ในระดับมากที่สุด (̅ = 4.86, S.D. = 0.31)


ค 2.2 ผลการขับเคลื่อนศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้าน การศึกษา โดยใช้รูปแบบ LOTUS Model ของโรงเรียนอนุบาลเพชรบุรีสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาเพชรบุรี เขต 1 ด้านครูผู้สอน มีการปฏิบัติอยู่ในระดับมากที่สุด (̅ = 4.85, S.D.= 0.29) 2.3 ผลการขับเคลื่อนศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้าน การศึกษา โดยใช้รูปแบบ LOTUS Model ของโรงเรียนอนุบาลเพชรบุรีสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาเพชรบุรี เขต 1 ด้านสถานศึกษา มีการปฏิบัติอยู่ในระดับมากที่สุด ( ̅ = 4.93, S.D. = 0.31) 2.4 ผลการขับเคลื่อนศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้าน การศึกษา โดยใช้รูปแบบ LOTUS Model ของโรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาเพชรบุรี เขต 1 ด้านผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง มีการปฏิบัติอยู่ในระดับมากที่สุด ( ̅ = 4.86, S.D. = 0.29)


ง กิตติกรรมประกาศ รายงานการขับเคลื่อนศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา โดยใช้รูปแบบ LOTUS Model ของโรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา เพชรบุรี เขต 1 เป็นการรายงานการศึกษาและรายงานผลที่เกิดขึ้นจากการขับเคลื่อนศูนย์การเรียนรู้ตาม หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา โดยใช้รูปแบบ LOTUS Model ของโรงเรียนอนุบาล เพชรบุรี ที่ผู้รายงานได้ดำเนินการสร้างและพัฒนาขึ้นเพื่อใช้เป็นแนวทางในการดำเนินงานการบริหาร จัดการสถานศึกษาในการขับเคลื่อนศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา ซึ่งส่งผลทำให้การพัฒนาคุณภาพการศึกษาของโรงเรียนอนุบาลเพชรบุรีมีประสิทธิภาพ รายงานการขับเคลื่อนศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา โดยใช้รูปแบบ LOTUS Model ของโรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา เพชรบุรี เขต 1 บรรลุตามวัตถุประสงค์และสำเร็จลุล่วงลงด้วยดีทั้งนี้เนื่องจากความกรุณาของ ดร.บดินท์ ธรรมสังวาลย์ ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเพชรบุรี เขต 1 ที่ให้การสนับสนุน แนวคิดและแก้ไขข้อบกพร่อง พร้อมทั้งให้ข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์สำหรับการพัฒนางาน ผู้รายงาน ขอกราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูงยิ่งไว้ ณ โอกาสนี้ ขอขอบพระคุณ รศ.ดร.กาญจนา บุญส่ง คณะบดีคณะครุศาสตร มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี ผศ.ดร.ปัญญา ทองนิล อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรีดร.นิกูล ประทีปพิชัย อดีตศึกษานิเทศก์เชี่ยวชาญและรองผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเพชรบุรี เขต 2 ว่าที่ร้อยตรีประเสริฐ รุจิรา อดีตผู้อำนวยการเชี่ยวชาญ โรงเรียนอนุบาลเพชรบุรีสำนักงานเขตพื้นที่ การศึกษาประถมศึกษาเพชรบุรี เขต 1 และนางยุวนิตย์ เชื้อนิล อดีตรองผู้อำนวยการเชี่ยวชาญ โรงเรียน อนุบาลเพชรบุรีสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเพชรบุรี เขต 1 ที่ให้ความอนุเคราะห์เป็น ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือ ขอขอบพระคุณผู้บริหารและครูโรงเรียนวัดดอนไก่เตี้ย จังหวัดเพชรบุรีที่ได้ให้ความกรุณาเป็น กลุ่มทดลองใช้เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ขอขอบพระคุณคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ครูและบุคลากรทางการศึกษา ผู้ปกครอง นักเรียน โรงเรียนอนุบาลเพชรบุรีที่เป็นหน่วยประชากรและกลุ่มตัวอย่างในครั้งนี้ คุณค่าและประโยชน์ที่พึงได้จากรายงานฉบับนี้ขอมอบเป็นกตัญญูกตเวทิตาแด่บิดา มารดา ครู อาจารย์ที่ได้กรุณาอบรมสั่งสอนถ่ายทอดวิชาความรู้และเป็นกำลังใจที่ดีแก่ผู้รายงาน ซึ่งเป็นผลให้ ผู้รายงานสามารถจัดทำรายงานฉบับนี้ได้สมบูรณ์และสำเร็จลุล่วงตามวัตถุประสงค์เป็นที่เรียบร้อย ขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูงยิ่งไว้ ณ โอกาสนี้ นายสุริยา มนตรีภักดิ์ ผู้อำนวยการ โรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี


จ สารบัญ บทที่ บทคัดย่อ ………………………………………………………………………….…………………………………….. กิตติกรรมประกาศ ……………………………………………………………………………………….………….. สารบัญ................................................................................................................................... สารบัญตาราง ………………………………………………..……………………………………………………….. สารบัญแผนภูมิ …..…………………………………………………………………………………………………... 1 บทนำ ……………………………………………………………...................................………………… ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา .....……...........………………………………… วัตถุประสงค์ของการศึกษา..………………………….....................……....................... ขอบเขตของการศึกษา..................…………………………………………………………..... นิยามศัพท์เฉพาะ ……………………………………………………………........................... ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ...............................................……….................……… กรอบแนวคิดในการศึกษา..................…………………………………........................... 2 เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง...................................................................................... บริบทโรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี……………………..………………..…………………………. แนวคิดการจัดการศึกษา...................................................................................... ศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา................. การขับเคลื่อนหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา ....................... ศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษาของ โรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี…………………….………………………………….……………….... รูปแบบ LOTUS Model……............................................................................... วงจรการบริหารงานคุณภาพ (Deming Cycle) …………………………………………. งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง.............................................................................................. 3 วิธีดำเนินการศึกษา…………………………............................................................………… ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง………………………………………………………………….. เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา………………………...................………………………….. การสร้างเครื่องมือและตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือที่ใช้ในรายงาน……… การเก็บรวบรวมข้อมูล………………………………………………………………………… หน้า ก ง จ ช ฌ 1 1 3 3 3 7 8 9 10 20 24 35 38 44 68 75 89 112 112 112 114


ฉ สารบัญ บทที่ หน้า การวิเคราะห์ข้อมูล………………………………………….…………………………………. สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล……………………………………………………………… 4 ผลการดำเนินงาน………........................................................................................... การนำเสนอการวิเคราะห์ข้อมูล....................................................................... ผลการวิเคราะห์ข้อมูล ……………………………………………..…………………………. 5 สรุปผล อภิปรายผลและข้อเสนอแนะ...................................................................... สรุปผลการศึกษา.............................................................................................. การอภิปรายผล................................................................................................. ข้อเสนอแนะ……………………………….................................................................. บรรณานุกรม ……………………………....................................………………………………………. ภาคผนวก ….................................………………………………………………………………………… ภาคผนวก ก รายนามผู้เชี่ยวชาญ……………....................................................… ภาคผนวก ข หนังสือเผยแพร่ผลงาน................................................................. ภาคผนวก ค แบบประเมินค่าดัชนีความสอดคล้อง (IOC) การขับเคลื่อนศูนย์ การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา โดยใช้รูปแบบ LOTUS Model ................................................. ภาคผนวก ง แบบประเมินผลการขับเคลื่อนศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษาโดยใช้รูปแบบ LOTUS Model ........................................................................................ ภาคผนวก จ ผลการวิเคราะห์ค่าความสอดคล้องเชิงเนื้อหา (IOC) ................... ภาคผนวก ฉ ผลการวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติด้วยโปรแกรมสำเร็จรูป……………. ภาคผนวก ช ภาพผลงานเชิงประจักษ์………...............................................……. ประวัติผู้รายงาน ……………………………………………………...................................……………. 114 115 117 117 118 170 172 173 175 177 186 187 199 222 234 248 252 256 270


ช สารบัญตาราง ตารางที่ หน้า 1 แสดงค่าจำนวนและค่าร้อยละของกลุ่มตัวอย่าง จำแนกตามเพศ อายุ ประสบการณ์ใน การทำงานและตำแหน่ง..................................................................................................... 2 แสดงผลการขับเคลื่อนศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้าน การศึกษา โดยใช้รูปแบบ LOTUS Model ของโรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี สำนักงาน เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเพชรบุรี เขต 1................................................................. 3 แสดงผลการขับเคลื่อนศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้าน การศึกษา โดยใช้รูปแบบ LOTUS Model ของโรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี สำนักงาน เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเพชรบุรี เขต 1 ด้านรูปแบบ LOTUS Model............. 4 แสดงผลการขับเคลื่อนศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้าน การศึกษา โดยใช้รูปแบบ LOTUS Model ของโรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี สำนักงาน เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเพชรบุรี เขต 1 ด้านการขับเคลื่อนศูนย์การเรียนรู้ตาม หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา............................................................ 5 แสดงผลการขับเคลื่อนศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้าน การศึกษา โดยใช้รูปแบบ LOTUS Model ของโรงเรียนอนุบาลเพชรบุรีสำนักงานเขต พื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเพชรบุรีเขต 1 ด้านผู้เรียน .................................................. 6 แสดงผลการขับเคลื่อนศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้าน การศึกษา โดยใช้รูปแบบ LOTUS Model ของโรงเรียนอนุบาลเพชรบุรีสำนักงานเขต พื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเพชรบุรีเขต 1 ด้านครูผู้สอน .............................................. 7 แสดงผลการขับเคลื่อนศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้าน การศึกษา โดยใช้รูปแบบ LOTUS Model ของโรงเรียนอนุบาลเพชรบุรีสำนักงานเขต พื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเพชรบุรีเขต 1 ด้านสถานศึกษา ......................................... 8 แสดงผลการขับเคลื่อนศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้าน การศึกษา โดยใช้รูปแบบ LOTUS Model ของโรงเรียนอนุบาลเพชรบุรีสำนักงานเขต พื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเพชรบุรีเขต 1 ด้านผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง .................................. 119 120 121 122 122 124 125 126


ซ สารบัญตาราง ตารางที่ หน้า 9 แสดงผลการขับเคลื่อนศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้าน การศึกษา โดยใช้รูปแบบ LOTUS Model ของโรงเรียนอนุบาลเพชรบุรีสำนักงานเขต พื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเพชรบุรีเขต 1 ด้านผลการขับเคลื่อนศูนย์การเรียนรู้ตาม หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา ........................................................... 10 แสดงผลลัพธ์ที่เกิดกับผู้เรียน .......................................................................................... 11 แสดงผลลัพธ์ที่เกิดกับครูผู้สอน ..................................................................................... 12 แสดงผลที่เกิดกับสถานศึกษา ........................................................................................ 127 128 157 168


ฌ สารบัญแผนภูมิ แผนภูมิที่ หน้า 1 1 แสดงกรอบแนวคิดในการศึกษา……………………………………………………………………………… 2 แสดงหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง……………………………………………………….……..... 3 แสดงรูปแบบ LOTUS Model ………………......……………………………………………………… 8 28 51


บทที่ 1 บทนำ ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา จากพระบรมราโชวาทในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานแก่นิสิต มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ซึ่งเน้นความสำคัญในการพัฒนาประเทศแบบสร้างพื้นฐาน คือ “ความพอมีพอกิน พอใช้” ต่อมาพระองค์มีพระราชดำรัสอีกครั้งเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2517 ณ ศาลาดุสิ ดาลัย เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษาทรงเน้นคำว่า “พอมีพอกิน” ดังนั้นคำว่า “เศรษฐกิจพอเพียง” จึงมาจากจุดเริ่มต้นว่า”พอมีพอกิน พอใช้” หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงที่พระบาทสมเด็จพระ เจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ชี้แนวทางการดำเนินชีวิตให้แก่ปวงชนชาวไทยมาเป็นระยะเวลานานในช่วงตั้งแต่ ก่อนการเกิดวิกฤติเศรษฐกิจเพื่อมุ่งให้พสกนิกรได้ดำรงชีวิตอยู่อย่างยั่งยืนมั่นคงและปลอดภัยภายใต้การ เปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่เกิดขึ้นตามกระแสโลกาภิวัตน์ ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงจึงเป็นแนวทางการ ดำรงชีวิตและการปฏิบัติตนของประชาชนทุกระดับโดยยึดแนวทางการพัฒนาที่มีคนหรือประชาชนเป็น ศูนย์กลางซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเป็นตัวการที่นำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน (มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์,2566 : ออนไลน์) การบริหารจัดการ เพื่อการพัฒนาสู่ความยั่งยืนโดยมีความพอดีเป็นรากฐานความคิด กล่าวคือ ทำให้พอเหมาะพอควรด้วยเหตุผล ไม่เอาเปรียบหรือเบียดเบียนตนเองและผู้อื่น แนวคิดดังกล่าวสามารถ นำไปประยุกต์ได้หลากหลายทั้งการปฏิบัติตนของประชาชนในทุกระดับและการพัฒนาเศรษฐกิจเป็น แนวคิดที่ถูกพัฒนาขึ้นตามกาลเวลาจากสถานการณ์ความไม่ยั่งยืนต่างๆ และมีพระราชวินิจฉัยในการ แก้ปัญหาที่เกิดขึ้นประกอบกับพระราชดำรัสและพระบรมราโชวาทตลอดระยะเวลาที่ทรงครองราชย์ คณะผู้ทำงานซึ่งประกอบไปด้วย นักวิชาการศึกษา ข้าราชการและผู้ทรงคุณวุฒิจากสาขาต่างๆ ได้รวมตัว กันและจัดตั้งคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อพัฒนาประเทศชาติ นำ โดยรองศาสตราจารย์ ดร.จิรายุ อัศรางกูร ณ อยุธยา ผ่านสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติในการทูลเกล้า ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตเผยแพร่หลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียงฉบับแรกเพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติของหน่วยงานต่างๆ และประชาชนทั่วไป (ณัฐสรณ์ เกตุประภากร, 2564 : 53 – 56) กระทรวงศึกษาธิการ จึงได้มีการน้อมนำเนื้อหาเกี่ยวกับ “หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” เข้าสู่หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2544 โดยระบุไว้ในมาตรฐานการเรียนรู้ของกลุ่มสาระ การเรียนรู้สังคมศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม สาระเศรษฐศาสตร์โดยกำหนดให้นักเรียนทุกระดับชั้น เมื่อจบการศึกษาตามหลักสูตรนี้แล้ว จะต้องเข้าใจและสามารถบริหารจัดการทรัพยากรการผลิตและการ บริโภคการใช้ทรัพยากรที่มีอย่างอยู่อย่างจำกัดได้อย่างมีประสิทธิภาพจะคุ้มค่า รวมทั้งเข้าใจหลักการของ เศรษฐกิจพอเพียง เพื่อการดำรงชีวิตอย่างมีดุลยภาพ ส่งผลให้เกิด การจัดการเรียนรู้เกี่ยวกับหลักปรัชญา


2 ของเศรษฐกิจพอเพียงอย่างแพร่หลายในโรงเรียนทั่วไป แต่ก็พบว่ายังมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนและ ไม่ถูกต้องชัดเจนเกี่ยวกับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในภาคการศึกษาเนื่องจากการจัดการเรียนรู้ ตามหลักสูตรที่กำหนดไว้ดังกล่าว มักมุ่งเน้นที่กิจกรรมการเกษตร การปลูกพืชผักสวนครัวในโรงเรียน หรือกิจกรรมการออมทรัพย์เป็นส่วนมากแต่ยังไม่ได้มุ่งเน้นการจัดกิจกรรมให้ผู้เรียนได้ยึดหลักปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพียงที่เป็นหลักคิดหลักปฏิบัติในการประพฤติปฏิบัติตนและการทำกิจกรรมต่างๆ ตามมาตรฐานตัวชี้วัดในหลักสูตรสถานศึกษาที่มุ่งหวังให้เกิดขึ้น ต่อมาสำนักงานคณะกรรมการการศึกษา ขั้นพื้นฐานได้ปรับปรุงหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2544 ให้มีความชัดเจนในเป้าหมายและ คุณภาพผู้เรียนและสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 โดยประกาศใช้หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้น พื้นฐานพุทธศักราช 2551 ซึ่งได้กำหนด 1 ใน 5 เป้าหมายของหลักสูตร คือ “การพัฒนาผู้เรียนให้มี คุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมที่พึงประสงค์ มีวินัยและปฏิบัติตนตามหลักธรรมของพระพุทธศาสนาหรือ ศาสนาที่ตนนับถือ ยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” และมีคุณลักษณะอันพึงประสงค์(character) หรือเน้นในการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน 8 ประการ ซึ่งได้แก่ รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ซื่อสัตย์ สุจริต มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ อยู่อย่างพอเพียง มุ่งมั่นในการทำงาน รักความเป็นไทย มีจิตสาธารณะ การกำหนดมาตรฐาน ตัวชี้วัดในหลักสูตรพุทธศักราช 2551 จึงเป็นไปในทิศทางการปลูกฝังและบ่มเพาะผู้เรียนให้ยึดหลักปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพียงในการคิด การวางแผนและการปฏิบัติตนพร้อมกับคุณลักษณะอื่นๆ ที่จำเป็นใน การดำรงชีวิตในศตวรรษที่ 21 (ศูนย์สถานศึกษาพอเพียง มูลนิธิยุวสถิรคุณ, 2560 : ออนไลน์) สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเพชรบุรี เขต 1 เป็นหน่วยงานทางการศึกษาภายใต้การ กำกับดูแลของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ มีสถานศึกษาในสังกัด จำนวน 91 แห่ง จึงได้กำหนดนโยบายให้สถานศึกษาในสังกัดมีการน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียงด้านการศึกษาเข้ามาใช้ในสถานศึกษา โดยให้แนวคิดที่จะพัฒนาตัวครูก่อนเป็นอันดับแรกเพราะ ถือว่าครูเป็นทรัพยากรที่สำคัญในการถ่ายทอดความรู้และปลูกฝังสิ่งต่างๆให้แก่ผู้เรียน ดังนั้นจึงควร ส่งเสริมให้ครูมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงอย่างถ่องแท้ก่อนเพราะเมื่อ ครูเข้าใจก็จะสามารถเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่นักเรียนได้ (สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา เพชรบุรีเขต 1 ; 2560 : รายงานการประชุมผู้บริหารสถานศึกษา) โรงเรียนอนุบาลเพชรบุรีได้มีการจัดการเรียนรู้ในรูปแบบศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา ซึ่งได้จัดตั้งขึ้น และผ่านการประเมินเป็นศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา ในปีการศึกษา 2563 โดยประกาศของกระทรวงศึกษาธิการ เมื่อวันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2564 (โรงเรียนอนุบาลเพชบุรี, 2563: 4 - 6) ซึ่งแบ่งออกเป็นฐานการเรียนรู้จำนวน 6 ฐาน มีรายละเอียดดังต่อไปนี้ ฐานการเรียนรู้ที่ 1 : ฐานการเรียนรู้ วิชาการสานศาสตร์พระราชา ฐานการเรียนรู้ที่ 2 : ฐานการเรียนรู้รู้รักษาสิ่งแวดล้อม ฐานการเรียนรู้ที่ 3 : ฐานการเรียนรู้ น้อมนำศิลปะภูมิปัญญา


3 ฐานการเรียนรู้ที่ 4 : ฐานการเรียนรู้ เลิศล้ำค่าคุณธรรม ฐานการเรียนรู้ที่ 5 : ฐานการเรียนรู้ ก้าวนำทักษะชีวิต ฐานการเรียนรู้ที่ 6 : ฐานการเรียนรู้สุขภาพกายจิตสุขสันต์ ผู้รายงาน เล็งเห็นความสำคัญในการพัฒนาคุณภาพศึกษาอย่างต่อเนื่อง จึงได้มีการน้อมนำ หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา มาใช้ในการพัฒนาคุณภาพการศึกษา โดยได้กำหนด แนวทางการบริหารจัดการศึกษาในการขับเคลื่อนศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ด้านการศึกษา ในปีการศึกษา 2565 เป็นจำนวน 6 ฐานการเรียนรู้ 19 กิจกรรม เพื่อพัฒนาคุณภาพการ จัดการศึกษาของโรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี ให้มีความต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น วัตถุประสงค์ของการศึกษา 1. เพื่อศึกษาการขับเคลื่อนศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา โดยใช้รูปแบบ LOTUS Model ของโรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา เพชรบุรี เขต 1 2. เพื่อศึกษาผลการขับเคลื่อนศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้าน การศึกษา โดยใช้รูปแบบ LOTUS Model ของโรงเรียนอนุบาลเพชรบุรีสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาเพชรบุรี เขต 1 ขอบเขตของการศึกษา 1. ประชากร ได้แก่ผู้บริหารและครูจำนวน 61 คน คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานจำนวน 15 คน ผู้ปกครองนักเรียนจำนวน 1,460 คนซึ่งมีสถานภาพดังกล่าวอยู่ในปีการศึกษา 2566 2. กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ ผู้บริหารและครูไม่นับรวมผู้รายงานจำนวน 60 คนคณะกรรมการ สถานศึกษาขั้นพื้นฐานไม่นับรวมผู้รายงานจำนวน 14 คน และผู้ปกครองนักเรียน กำหนดขนาดกลุ่ม ตัวอย่างตามตารางสำเร็จรูปของ Krejcie, R.V. and Morgan.D.W. (1970: 608) ได้กลุ่มตัวอย่างจำนวน 306 คน โดยใช้วิธีสุ่มอย่างง่าย รวมกลุ่มตัวอย่างทุกกลุ่มจำนวน 380 คน 3. ระยะเวลาในการดำเนินงานตั้งแต่ 1 พฤษภาคม 2565 ถึง - 31 มีนาคม 2566 ปีการศึกษา 2565 4. ระยะเวลาในการรายงานผลการขับเคลื่อนศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียงด้านการศึกษา โดยใช้รูปแบบ LOTUS Model ของโรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี สำนักงานเขตพื้นที่ การศึกษาประถมศึกษาเพชรบุรี เขต 1 ตั้งแต่ 1 เมษายน 2566 – 30 กันยายน 2566 นิยามศัพท์เฉพาะ 1. การขับเคลื่อนศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา โดยใช้ รูปแบบ LOTUS Model ของโรงเรียนอนุบาลเพชรบุรีสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเพชรบุรี


4 เขต 1 หมายถึง การน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในชีวิตประจำวันและการปฏิบัติ ภารกิจของของสถานศึกษา เพื่อปลูกฝังและบ่มเพาะผู้เรียนให้มีจิตสำนึกและอุปนิสัยพอเพียง ภายใต้การ บริหารจัดการศึกษาของโรงเรียนอนุบาลเพชรบุรีที่มุ่งบริหารจัดการศึกษาตลอดจนจัดการเรียนการสอน ได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ ผู้เรียนได้รับการพัฒนาที่สอดคล้องกับบริบทของสถานศึกษา ผ่านการขับเคลื่อนศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ด้านการศึกษา โดยใช้รูปแบบ LOTUS Model 2. รูปแบบ LOTUS Model หมายถึง รูปแบบการบริหารจัดการศึกษา ที่นำมาใช้ในการขับเคลื่อน ศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา ของโรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี เพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษา ได้แก่ 2.1 L : Learning to Learner หมายถึง การจัดการเรียนรู้เป็นการจัดกระบวนการเรียนรู้ให้ ผู้เรียนมีทักษะที่จำเป็นในโลกศตวรรษที่ 21 มีความสามารถในการแก้ปัญหา ปรับตัว สื่อสาร ทำงาน ร่วมกับผู้อื่นได้ มีนิสัยใฝ่เรียนรู้ มีการพัฒนาอย่างเต็มศักยภาพ และมุ่งส่งเสริมให้ผู้เรียนมีการพัฒนาตาม ความถนัด ความสามารถของพหุปัญญา ได้แก่ ด้านภาษา ด้านตรรกศาสตร์และคณิตศาสตร์ ด้านมิติ สัมพันธ์ ด้านร่างกายและการเคลื่อนไหว ด้านดนตรี ด้านมนุษยสัมพันธ์ ด้านการเข้าใจตนเอง และ ด้านธรรมชาติวิทยา ทั้งนี้เพื่อให้ผู้เรียนนำความรู้ ความสามารถไปใช้ในการพัฒนาตนเองในชีวิตประจำวัน และนำไปสู่เป้าหมายในอนาคต ซึ่งการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่ดีนั้น ครูผู้สอนควรคำนึงถึงความแตกต่าง ระหว่างผู้เรียน และพัฒนาผู้เรียนให้สอดคล้องกับพัฒนาการทางสมอง และมุ่งเน้นความรู้คู่คุณธรรม จัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ มีความหลากหลาย ทันสมัย เหมาะสมกับวัยของผู้เรียน และ ธรรมชาติของวิชา ส่งเสริมให้ผู้เรียนได้ศึกษาค้นคว้าหรือเข้าถึงแหล่งเรียนรู้ตามความสนใจ โดยใช้สื่อการ เรียนรู้ที่หลากหลายเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติจริง 2.2 O : Organization by Cooperation หมายถึง ความร่วมมือในการบริหารสถานศึกษา ที่มุ่งเน้นการประสานความร่วมมือทั้งในองค์กรและนอกองค์กร เพื่อนำไปสู่ความสำเร็จโดยใช้หระบวนการ ของหลักธรรมาภิบาล (Good Governance) อันได้แก่ หลักนิติธรรม หลักคุณธรรม หลักความโปร่งใส หลักความมีส่วนร่วม หลักความรับผิดชอบ หลักความคุ้มค่า ซึ่งความร่วมมือของทุกฝ่ายในการดำเนินงาน ถือว่ามีความสำคัญยิ่งต่อการพัฒนางานอย่างเป็นระบบ โดยมีความภาคภูมิใจ ความมุ่งมั่นในการพัฒนา สถานศึกษา เป็นพื้นฐานสำคัญของการทำงานร่วมกัน และมีแรงขับเคลื่อนเพื่อความสำเร็จอย่าง มีประสิทธิภาพด้วยการประสานความร่วมมืออันดีกับหน่วยงานภายนอก ชุมชน รวมถึงองค์กรอื่นๆ และ ใช้รูปแบบ Networking เพื่อแลกเปลี่ยนข่าวสารและทำกิจกรรมร่วมกัน มีการบริหารจัดการในระบบ เครือข่ายด้วยความเป็นอิสระ เท่าเทียมกันภายใต้พื้นฐานของความเคารพสิทธิ เชื่อถือ และช่วยเหลือซึ่งกัน และกัน


5 2.3 T : Technology หมายถึง เทคโนโลยีการจัดการเรียนรู้ให้กับผู้เรียนด้วยเทคโนโลยีที่ ทันสมัย ส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถศึกษา ค้นคว้า สืบหาข้อมูลได้ด้วยตนเอง บนพื้นฐานของการเรียนรู้ อย่างเท่าทัน เพื่อให้สามารถนำความรู้ ความเข้าใจ ทักษะ กระบวนการ จากการเรียนรู้ผ่านเทคโนโลยีไปใช้ ประโยชน์ในการพัฒนาตนเอง และพัฒนาสังคมต่อไป สื่อ เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ใช้ในการจัดการ เรียนรู้จึงมีความจำเป็นและสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อส่งเสริมให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้อย่างเข้าใจและรวดเร็ว ซึ่งครูผู้สอนควรมีการพัฒนาตนเองด้านเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถนำไปใช้ในการพัฒนาการ จัดการเรียนการสอน พัฒนางานได้อย่างเป็นระบบและทันสมัย ตามแนวคิดธรรมมาภิบาล (Good Governance) โดยใช้เทคโนโลยีเพื่อพัฒนาการทำงานให้มีประสิทธิภาพ การบริหารจัดการที่ดีด้าน เทคโนโลยีสารสนเทศและการใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด 2.4 U : Unity หมายถึง เอกลักษณ์การแสดงออกถึงความเป็นตัวตน ความเป็นน้ำหนึ่งใจ เดียวกัน เป็นขนบธรรมเนียมที่ปฏิบัติสืบต่อกันมา และเป็นภาพลักษณ์ที่บ่งบอกความเป็นหนึ่งเดียว รวมถึงการพัฒนานวัตกรรม (Innovation) เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาได้อย่างเหมาะสม และ สอดคล้องกับอัตลักษณ์อันเป็นค่านิยมที่มีจุดเด่น เพิ่มคุณภาพและประสิทธิภาพ เพื่อพัฒนาการจัด การศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยยึดปรัชญาการศึกษาที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ให้เป็นผู้ใฝ่รู้ มีความคิดสร้างสรรค์ มีความสามารถในการสื่อสาร สามารถดำรงชีวิตและทำงานร่วมกับผู้อื่นที่มีความหลากหลายทาง วัฒนธรรมได้อย่างมีความสุข 2.5 S : Standard หมายถึง โรงเรียนมาตรฐานสากลเป็นการบริหารจัดการด้านการศึกษา ด้วยระบบคุณภาพตามมาตรฐานสากล จัดการเรียนการสอน มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้มีศักยภาพเป็นพลโลก มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ประกอบด้วย 5 เป้าหมาย ได้แก่ ผู้เรียนมีความเป็นเลิศทางวิชาการ ผู้เรียน มีทักษะและความสามารถด้านภาษาทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ผู้เรียนมีความคิดริเริ่ม สร้างสรรค์มีความคิดอย่างวิทยาศาสตร์ มีความคิดอย่างมีวิจารณญาณ มีทักษะความสามารถในการคิด วิเคราะห์ ผู้เรียนมีทักษะความสามารถในการศึกษาเรียนรู้ด้วยตนเอง มีความสามารถในการผลิตผลงาน ด้านต่างๆ ด้วยตนเอง และผู้เรียนมีจิตสาธารณะ มีจิตสำนึกในการบริการสังคม มีความรับผิดชอบต่อสังคม มีจิตสำนึกในการรักษาสิ่งแวดล้อม มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับวิถีชีวิต ศิลปะวัฒนธรรม 3. ศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษาของโรงเรียนอนุบาล เพชรบุรี หมายถึง ศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา ของโรงเรียน อนุบาลเพชรบุรีในปีการศึกษา 2565 ซึ่งประกอบด้วยฐานการเรียนรู้ จำนวน 6 ฐาน โดยมีรายละเอียด ดังต่อไปนี้


6 3.1 ฐานการเรียนรู้ที่ 1 : ฐานการเรียนรู้ วิชาการสานศาสตร์พระราชา หมายถึง ฐานการเรียนรู้ ที่ส่งเสริมให้นักเรียนมีความรอบรู้ รอบคอบ รู้จักพัฒนาตนเอง เกิดทักษะกระบวนการในการทำงาน สามารถวางแผนในการปฏิบัติงานได้ ฝึกฝนให้นักเรียนคิดเป็น ทำเป็น แก้ปัญหาเป็น 3.2 ฐานการเรียนรู้ที่ 2 : ฐานการเรียนรู้รู้รักษาสิ่งแวดล้อม หมายถึง ฐานการเรียนรู้ที่ส่งเสริม ให้นักเรียนเห็นคุณค่าของธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และตระหนักในการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า เพื่อให้เกิด ประโยชน์สูงสุดต่อส่วนรวม 3.3 ฐานการเรียนรู้ที่ 3 : ฐานการเรียนรู้ น้อมนำศิลปะภูมิปัญญา หมายถึง ฐานการเรียนรู้ที่ ส่งเสริมให้นักเรียนได้แสวงหาความรู้จากแหล่งเรียนรู้ภายในและภายนอกสถานศึกษา ส่งเสริมการมีส่วน ร่วมของผู้ปกครอง การเรียนรู้จากวิทยากรภายนอก และภูมิปัญญาท้องถิ่น 3.4 ฐานการเรียนรู้ที่ 4 : ฐานการเรียนรู้ เลิศล้ำค่าคุณธรรม หมายถึง ฐานการเรียนรู้ที่ส่งเสริม ให้นักเรียนเป็นผู้มีคุณธรรม รักษาวัฒนธรรมงามอย่างไทย รู้จักการประหยัดอดออม และการปฏิบัติตน ตามจารีตประเพณี ในวันสำคัญต่างๆได้อย่างถูกต้องเหมาะสมตามกาลเทศะ 3.5 ฐานการเรียนรู้ที่ 5 : ฐานการเรียนรู้ ก้าวนำทักษะชีวิต หมายถึง ฐานการเรียนรู้ที่ส่งเสริมให้ นักเรียนได้ฝึกฝนทักษะในการดำรงชีวิต เห็นคุณค่าของทรัพยากร และการปฏิบัติตนในการอยู่ร่วมกันใน สังคม เคารพในสิทธิเสรีภาพอันเท่าเทียมกัน รู้จักการเป็นผู้นำ ผู้ตามที่ดี 3.6 ฐานการเรียนรู้ที่ 6 : ฐานการเรียนรู้สุขภาพกายจิตสุขสันต์ หมายถึง ฐานการเรียนรู้ที่ ส่งเสริมให้นักเรียนรู้จักดูแลสุขภาพของตนเองให้แข็งแรง ปลอดภัย ซึ่งเป็นพื้นฐานที่สำคัญสู่การดูแล สุขภาพของบุคคลอื่นต่อไป 4. ศึกษาการขับเคลื่อนศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา โดยใช้รูปแบบ LOTUS Model ของโรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา เพชรบุรี เขต 1 หมายถึง การขับเคลื่อนศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ด้านการศึกษา โดยใช้รูปแบบ LOTUS Model ที่ใช้หลักการดำเนินงานผ่านกระบวนการวงจรคุณภาพของ เดมมิ่ง (PDCA Deming Cycle) เพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษาให้มีคุณภาพเทียบเคียงมาตรฐานสากลและ เป็นไปตามข้อกำหนดของกระทรวงศึกษาธิการ ที่กำหนดให้สถานศึกษาดำเนินการขับเคลื่อนหลักปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพียงสู่การจัดการเรียนการสอน โดยให้ดำเนินการน้อมนำหลักการดังกล่าวไปประยุกต์ใช้ ใน 4 ด้าน ได้แก่ด้านการบริหารจัดการสถานศึกษา ด้านหลักสูตรและการจัดการเรียนการสอน ด้านการ จัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนและด้านการพัฒนาบุคลากร 5. ผลการขับเคลื่อนศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา โดยใช้ รูปแบบ LOTUS Model ของ โรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี หมายถึง ผลที่เกิดขึ้นจากการบริหารจัดการศึกษา ของโรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี ในการขับเคลื่อนศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้าน การศึกษา ซึ่งแบ่งออกเป็น 4 ด้าน ได้แก่


7 5.1 ด้านผู้เรียน หมายถึง ผลที่เกิดจากการขับเคลื่อนศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา ที่เกิดเป็นผลสำเร็จกับผู้เรียน ซึ่งดำเนินการประเมินผลโดยใช้ แบบประเมินผลการขับเคลื่อนศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา โดยใช้รูปแบบ LOTUS Model ของโรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี 5.2 ด้านครูผู้สอน หมายถึง ผลที่เกิดจากการขับเคลื่อนศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา ที่เกิดเป็นผลสำเร็จกับครูผู้สอน ซึ่งดำเนินการประเมินผลโดยใช้ แบบประเมินผลการขับเคลื่อนศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา โดยใช้รูปแบบ LOTUS Model ของโรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี 5.3 ด้านสถานศึกษา หมายถึง ผลที่เกิดจากการขับเคลื่อนศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา ที่เกิดเป็นผลสำเร็จกับผู้บริหารและสถานศึกษา ซึ่งดำเนินการประเมินผล โดยใช้ แบบประเมินผลการขับเคลื่อนศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา โดยใช้รูปแบบ LOTUS Model ของโรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี 5.4 ด้านผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง หมายถึง ผลที่เกิดจากการขับเคลื่อนศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา ที่ส่งผลต่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ได้แก่ ชุมชน คณะกรรมการสถานศึกษา ขั้นพื้นฐาน ผู้ปกครองนักเรียน หน่วยงานต้นสังกัดและองค์กรอื่น ๆ ซึ่งดำเนินการประเมินผลโดยใช้ แบบ ประเมินความพึงพอใจในการขับเคลื่อนศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้าน การศึกษา โดยใช้รูปแบบ LOTUS Model ของโรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี 6. ครู หมายถึง ผู้อำนวยการสถานศึกษา รองผู้อำนวยการสถานศึกษา และครูที่ปฏิบัติงานอยู่ใน โรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี 7. ผู้ปกครองนักเรียน หมายถึง ผู้ปกครองนักเรียนโรงเรียนอนุบาลเพชรบุรีในปีการศึกษา 2565 8. คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน หมายถึง คณะกรรมการสถานศึกษา โรงเรียนอนุบาล เพชรบุรีในปีการศึกษา 2565 9.โรงเรียน หมายถึง โรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี จังหวัดเพชรบุรี ภายใต้การกำกับดูแลของ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเพชรบุรี เขต 1 สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ 10. สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเพชรบุรี เขต 1 หมายถึง หน่วยงานทางการศึกษา ภายใต้การกำกับดูแลของ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 1. โรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี มีรูปแบบสำหรับการบริหารการจัดการศึกษาในการขับเคลื่อนศูนย์ การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา ที่มีประสิทธิภาพและดำเนินการได้บรรลุ ตามเป้าหมาย


8 2. โรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี ได้ข้อมูลสารสนเทศในการบริหารจัดการศึกษา สำหรับใช้ใน การวางแผน กำหนดแนวทางการพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษา โครงการ กิจกรรม ให้สอดคล้องกับ บริบทและความต้องการของสถานศึกษา เพื่อพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาในทุก ๆ ด้าน ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นต่อไป กรอบแนวคิดในการศึกษา ในการรายงานผล การขับเคลื่อนศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ด้านการศึกษา โดยใช้รูปแบบ LOTUS Model ของ โรงเรียนอนุบาลเพชรบุรีสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาเพชรบุรี เขต 1 ในครั้งนี้ผู้รายงานได้นำเสนอรูปแบบการบริหารจัดการศึกษาในรูปแบบ LOTUS Model ซึ่งเป็นนวัตกรรมทางการบริหารจัดการศึกษา โดยผู้รายงานได้สังเคราะห์จากเอกสาร ต่าง ๆ พร้อมทั้งได้สังเคราะห์บริบท สังเคราะห์จากทฤษฎี พร้อมทั้งดำเนินการพัฒนานวัตกรรมผ่าน ขั้นตอนการพัฒนา ขั้นทดลองและขั้นประเมินผลและรายงานตลอดจนจัดทำคู่มือการใช้นวัตกรรม จนได้รับการรับรองจากการส่งผลงานการปฏิบัติงานเพื่อรับรางวัลทรงคุณค่า สพฐ. (OBEC Awards) ประจำปีการศึกษา 2564 ด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อการเรียนการสอนยอดเยี่ยม ประเภทโรงเรียน ประถมศึกษาขนาดใหญ่ และผ่านการประเมินเป็นศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ด้านการศึกษา ในปีการศึกษา 2563 โดยประกาศของกระทรวงศึกษาธิการ เมื่อวันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2564 (โรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี.2563 : 4-6) ผู้รายงานจึงได้นำมาใช้ในการขับเคลื่อนศูนย์การเรียนรู้ตาม หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา จำนวน 6 ฐานการเรียนรู้ 19 กิจกรรม โดยใช้รูปแบบ LOTUS Model ของโรงเรียนอนุบาลเพชรบุรีสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเพชรบุรี เขต 1 ในปีการศึกษา 2565 ดังนี้ แผนภูมิที่ 1 แสดงกรอบแนวคิดในการศึกษา


บทที่ 2 เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง รายงานการขับเคลื่อนศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา โดยใช้รูปแบบ LOTUS Model ของโรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา เพชรบุรี เขต 1 ผู้รายงานได้ทำการศึกษาค้นคว้าหลักการ แนวคิด ทฤษฎี จากเอกสารและงานวิจัยที่ เกี่ยวข้อง ดังนี้ 1. บริบทโรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี 1.1 ประวัติโรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี 1.2 กลยุทธ์ของสถานศึกษาและจุดเน้นการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน 1.3 หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) 1.4 หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี พุทธศักราช 2560 2. แนวคิดการจัดการศึกษา 2.1 การจัดการศึกษาระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน 2.2 การพัฒนาผู้เรียน 3. ศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา 3.1 ความเป็นมาหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 3.2 ความหมายหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 3.3 หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา 3.4 ความหมายของศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา 3.5 ความสำคัญของศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา 3.6 จุดมุ่งหมายของศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา 4. การขับเคลื่อนหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา 5. ศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา ของโรงเรียนอนุบาล เพชรบุรี 6. รูปแบบ LOTUS Model 6.1 ความเป็นมาของ LOTUS Model 6.2 การดำเนินการพัฒนารูปแบบ LOTUS Model 6.3 การมีส่วนร่วมในการพัฒนารูปแบบ LOTUS Model 6.4 ความหมายและความสำคัญของรูปแบบ LOTUS Model 6.5 การขับเคลื่อนรูปแบบ LOTUS Model ของโรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี 7. วงจรการบริหารงานคุณภาพ (Deming Cycle)


10 8. งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง 8.1 งานวิจัยในประเทศ 8.2 งานวิจัยต่างประเทศ 1. บริบทโรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี 1.1 ประวัติโรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี โรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี ตั้งอยู่เลขที่ 4 ถนนหลังศาลากลาง ตำบลคลองกระแชง อำเภอเมืองเพชรบุรี จังหวัดเพชรบุรี รหัสไปรษณีย์ 76000 สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเพชรบุรี เขต 1 โทรศัพท์ 032–426105 โทรสาร 032–401545E–mail:[email protected] Website http://www.abphet.ac.th เปิดสอนห้องเรียนปกติตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาลปีที่ 2 (4 ขวบ) ถึงระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 และโครงการ ห้องเรียนสองภาษา ตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาลปีที่ 2 ถึงระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนมีบริเวณพื้นที่ทั้งหมด 5 ไร่ 1 งาน 38 ตารางวา ปัจจุบันมีจำนวนนักเรียนทั้งสิ้น 1,460 คน ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา จำนวน 125คน โรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี สังกัดกรมสามัญศึกษา เปิดทำการสอนครั้งแรกวันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2512 ในระดับชั้นอนุบาลปีที่ 1 มีนักเรียนทั้งหมด 45 คน นางสาวสมปอง ตันหนึ่ง และนางสาว ปลื้มจิตต์ วงศ์น้ำเพชร เป็นครูประจำชั้น พ.ศ. 2513 ได้แต่งตั้ง นางสาวสมพิศ เจตนะจิต มารักษาการครูใหญ่ และได้งบประมาณต่อเติม ห้องเรียน 2 ห้อง งบประมาณ 100,000 บาท เปิดสอนระดับชั้นอนุบาลปีที่ 2 และระดับชั้นประถมศึกษา ปีที่ 1 ถึงระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 พ.ศ. 2522 เปิดสอนระดับชั้นอนุบาลปีที่ 1 -2 และระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 -6 รวม 16 ห้องเรียน จำนวนนักเรียน 411 คน พ.ศ. 2523 ได้โอนจากกรมสามัญศึกษามาสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ (สปช.) พ.ศ. 2531 โรงเรียนอนุบาลเพชรบุรีได้รับรางวัลพระราชทาน ระดับประถมศึกษา ประจำปีการศึกษา 2531 พ.ศ. 2540 เปิดสอนระดับชั้นอนุบาลปีที่ 1 – 2 - 3 และระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 - 6 รวม 27 ห้องเรียน จำนวนนักเรียน 1,051 คน พ.ศ. 2546 โอนมาสังกัดคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานในวันที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ.2546 นางสมพิศ สิริภัทรวณิช เกษียณอายุราชการ ในวันที่ 30 กันยายน พ.ศ.2546 สำนักงานคณะกรรมการ การศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้แต่งตั้ง นายวิชัย เกษมสงคราม ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านซ่อง สังกัดสำนักงานเขต พื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเพชรบุรี เขต 2 มาดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2546


11 พ.ศ. 2551 นายวิชัย เกษมสงคราม ได้เกษียณอายุราชการในวันที่ 30 กันยายน พ.ศ.2551 สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเพชรบุรี เขต 1 ได้แต่งตั้ง นายสุวรรณ ไตรพฤกษชาติ ผู้อำนวยการ โรงเรียนบ้านยางน้ำกลัดเหนือ มาดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี เมื่อวันที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2552 พ.ศ. 2556 โรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี ได้รับรางวัลพระราชทานในโครงการคัดเลือกนักเรียน นักศึกษา และสถานศึกษา เพื่อรับรางวัลพระราชทานระดับก่อนประถมศึกษาขนาดใหญ่ ประจำปี การศึกษา 2555 ของกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ. 2558 นายสุวรรณ ไตรพฤกษชาติ ผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี เกษียณอายุ ราชการในวันที่ 30 กันยายน พ.ศ.2558 สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเพชรบุรี เขต 1 ได้แต่งตั้งให้ ว่าที่ร้อยตรีประเสริฐ รุจิรา ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านยางน้ำกลัดใต้ วิทยฐานะผู้อำนวยการ เชี่ยวชาญ มาดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 พ.ศ.2564 ว่าทีร้อยตรีประเสริฐ รุจิรา ผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี เกษียณอายุราชการ ในวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2564 สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเพชรบุรี เขต 1 ได้แต่งตั้งให้ นายสุริยา มนตรีภักดิ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านหนองหญ้าปล้อง (อุดมวนา) วิทยฐานะผู้อำนวยการ ชำนาญการพิเศษ มาดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2564 ปัจจุบัน ณ วันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ.2566 โรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี มีจำนวนนักเรียนทั้งสิ้น 1,435 คน ครูประจำการ 62 คน บุคลากรทางการศึกษา 3 คน ลูกจ้างประจำ 1 คน อัตราจ้างชั่วคราว ตำแหน่ง ครูผู้ช่วย 29 คน ครูอัตราจ้างชาวต่างประเทศ 11 คน และเจ้าหน้าที่อื่น ๆ 24 คน วิสัยทัศน์(Vision) โรงเรียนอนุบาลเพชรบุรีเป็นโรงเรียนชั้นนำ ก้าวล้ำเทคโนโลยี มีความเป็นเลิศทางวิชาการตาม มาตรฐานสากล ชุมชนประสานความร่วมมือ ยึดถือคุณธรรม น้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง พันธกิจ (Mission) 1. พัฒนาการจัดการเรียนการสอนให้มีคุณภาพตามมาตรฐานสากล 2. พัฒนาผู้เรียนให้เป็นคนดี มีคุณธรรม รักษ์ความเป็นไทย 3. พัฒนาผู้เรียนให้เกิดทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 และยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 4.พัฒนาคุณภาพครูเป็นครูมืออาชีพ 5. พัฒนาสื่อนวัตกรรมการเรียนรู้ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ภายใต้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียง 6. พัฒนาการบริหารจัดการทั้งระบบอย่างมีประสิทธิภาพ โดยการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน


12 เป้าหมาย (Goals) 1. ผู้เรียนได้รับการพัฒนาการจัดการเรียนการสอนตามหลักสูตรมาตรฐานสากล เป็นเลิศทาง วิชาการ สื่อสารได้อย่างน้อยสองภาษา ล้ำหน้าทางความคิด ผลิตงานอย่างสร้างสรรค์ ร่วมกันรับผิดชอบ ต่อสังคมโลก 2. ผู้เรียนเป็นคนดี มีคุณธรรม มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ อนุรักษ์ความเป็นไทย 3. ผู้เรียนมีทักษะการอ่าน การเขียน คิดคำนวณ และสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษ มีการพัฒนาอย่าง ต่อเนื่อง 4. ครูมีความรู้ความสามารถ มีทักษะในการจัดการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพ และได้รับการ ยกย่องเชิดชูเกียรติ 5. ครูพัฒนาสื่อนวัตกรรมการเรียนรู้ทางด้านเทคโนโลยีเพื่อสนับสนุนการสอนให้มีประสิทธิภาพ บนพื้นฐานหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 6. โรงเรียนมีการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ ภายใต้กลยุทธ์ 4 ข้อ โดยใช้ หลักการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน แผนที่โรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี ข้อมูลอาคารสถานที่ โรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี มีพื้นที่ 5 ไร่ 1งาน 38 ตารางวา ประกอบด้วย อาคารเรียน 5 หลัง ได้แก่ อาคารบัวขาว อาคารบัวหลวง อาคารเฉลิมพระเกียรติ อาคารเฉลิมขวัญและอาคารบัวฉัตร ซึ่งใช้เป็น อาคารเรียนของนักเรียนสองภาษา (English Program) และอาคารที่ต่อเติมจากอาคารบัวฉัตร เพื่อใช้เป็น


13 ห้องเรียนคอมพิวเตอร์ และห้องคณิตศาสตร์ อาคารเอนกประสงค์ 1 หลัง (ห้องประชุมสัตตบงกช) สระว่าย น้ำ 1 สระ สนามหญ้า สนามเด็กเล่น ลานเอนกประสงค์ ห้องน้ำนักเรียน 2 หลัง โรงครัว 1 หลัง จำนวนห้องเรียนทั้งหมด 40 ห้องเรียน ประกอบด้วย ระดับชั้นอนุบาลปีที่ 2 – 3 (EP) 2 ห้องเรียน ระดับชั้น ป.1 – ป.6 (EP) 6 ห้องเรียน ระดับชั้นอนุบาลปีที่ 2 – 3 (ปกติ) สายระดับชั้นละ 1 ห้องเรียน = 8 ห้องเรียน ระดับชั้น ป.1 – ป.6 (ปกติ) สายระดับชั้นละ 4 ห้องเรียน = 24 ห้องเรียน ห้องที่จัดไว้เป็นห้องพิเศษ / ใช้ปฏิบัติกิจกรรมเฉพาะมีทั้งหมด 19 ห้อง ได้แก่ ห้องประชุมขวัญ บัว ห้องประชุมบัวชมพู ห้องประชุมยูงทอง ห้องสมุด ห้องคอมพิวเตอร์ (3 ห้อง) ห้องคณิตศาสตร์ ห้องวิชาการ ห้องวิทยาศาสตร์ห้องเรียนสีเขียว ห้องศิลปะ ห้องดนตรี–นาฏศิลป์ ห้องพยาบาล ห้องวีดีทัศน์ ห้องพลศึกษา ห้องสหกรณ์ ห้องพัสดุ ห้องกลุ่มสาระการเรียนรู้ 8 ห้อง ห้องจริยศึกษา ห้องอาเซียน และห้อง E – Classroom ข้อมูลสภาพชุมชนโดยรวม 1) สภาพชุมชนรอบบริเวณสถานศึกษา มีลักษณะเป็นชุมชนเมือง รอบ ๆ โรงเรียนเป็นสถานที่ ราชการสำคัญหลายแห่ง บ้านพักข้าราชการ โรงเรียน และวัด สถานที่ราชการที่อยู่ใกล้โรงเรียน คือศาลา กลางจังหวัด ศาลจังหวัด สถานีตำรวจ และจวนผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี ด้านข้างของโรงเรียนติดกับ บ้านพักของผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเพชรบุรี เขต 1 บ้านพักคลังจังหวัด และ สนามเทนนิส ด้านหน้าโรงเรียนเป็นบ้านพักอัยการจังหวัด และสรรพสามิตเพชรบุรี ส่วนด้านหลังโรงเรียน ติดกับวัดชีสระอินทร์และโรงเรียนราษฎร์วิทยา บริเวณโดยรอบเป็นชุมชนเมืองที่ประกอบไปด้วย ห้างสรรพสินค้า ร้านค้าต่าง ๆ ตลาด มีจำนวนครัวเรือน 599 ครัวเรือน จำนวนประชากรรวมกันทั้งสิ้น 1,788 คน อาชีพหลักของชุมชน คือ ค้าขาย เนื่องจากเป็นชุมชนเมือง ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนา พุทธ ร้อยละ 95.00 ประเพณี ศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นที่เป็นที่รู้จักกันทั่วไปคือ ประติมากรรมปูนปั้น 2) ผู้ปกครองส่วนใหญ่ จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย อาชีพหลักประกอบอาชีพ ค้าขาย คิดเป็น ร้อยละ 90.00 นับถือศาสนาพุทธ ร้อยละ 95.00 ฐานะทางเศรษฐกิจ รายได้โดยเฉลี่ยต่อครอบครัว ต่อปี 120,000 บาท จำนวนคนเฉลี่ยต่อครอบครัว 5 คน 1.2 กลยุทธ์ของสถานศึกษาและจุดเน้นการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน โรงเรียนอนุบาลเพชรบุรีได้ขับเคลื่อนการบริหารงานของสถานศึกษา เพื่อให้เป็นไปตาม มาตรฐานสากล มุ่งเน้นการบริหารจัดการศึกษาอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้เพื่อพัฒนาผู้เรียนให้ได้รับการจัด การศึกษาอย่างเท่าเทียม ทั้งในระดับปฐมวัย และระดับประถมศึกษา มุ่งเน้นความปลอดภัยในสถานศึกษา ตลอดจนมุ่งเน้นการกระจายอำนาจให้ทุกฝ่ายเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา รวมถึงการมีส่วนร่วมใน การพัฒนาสถานศึกษาอย่างเข้มแข็ง และเพื่อให้การดำเนินงานของโรงเรียนอนุบาลเพชรบุรีเป็นไปอย่าง มีคุณภาพ โรงเรียนอนุบาลเพชรบุรีได้กำหนดกลยุทธ์ของสถานศึกษา ดังนี้


14 1. ยกระดับคุณภาพการศึกษาตามมาตรฐานสากล 2. ส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียนให้มีความเป็นเลิศทางวิชาการ และเป็นผู้มีคุณลักษณะตาม ค่านิยมที่พึงประสงค์ 12 ประการ 3. ส่งเสริม สนับสนุน พัฒนาครูและบุคลากรให้มีประสิทธิภาพ 4. พัฒนาประสิทธิภาพของระบบการบริหารจัดการและการมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา อย่างไรก็ดีโรงเรียนอนุบาลเพชรบุรีตระหนักถึงการพัฒนาผู้เรียนเป็นสำคัญ เพื่อให้ผู้เรียน เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ทั้งร่างกาย จิตใจ สติปัญญา ความรู้ คุณธรรม มีจริยธรรม และวัฒนธรรม ในการ ดำรงชีวิต สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นอย่างมีความสุขและมีคุณลักษณะเป็นคนดี คนเก่ง นำความรู้ ประสบการณ์ไปใช้ในการพัฒนาตนเอง สังคม และประเทศชาติต่อไป ทั้งนี้โรงเรียนอนุบาลเพชรบุรีได้ กำหนดจุดเน้นการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ไว้ดังนี้ 1. เด็กปฐมวัยทุกคนได้รับการพัฒนาด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปัญญา อย่างเต็มศักยภาพ 2. ผู้เรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 5 กลุ่มสาระการเรียนรู้หลัก ได้แก่ ภาษาไทย คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม และภาษาอังกฤษ เพิ่มขึ้นอย่างน้อย ร้อยละ 4 3. ผู้เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ทุกคน อ่านออก เขียนได้ คิดเป็น 4. เพิ่มศักยภาพนักเรียนในด้านภาษา คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี เพื่อพัฒนาสู่มาตรฐานสากล 5. ผู้เรียนทุกคนมีความสำนึกในความรักชาติ มีมารยาทงามตามแบบไทย 6. ผู้เรียนทุกคนเข้าถึงโอกาสทางการศึกษาอย่างทั่วถึงและศึกษาต่อ 7. ส่งเสริมการจัดการศึกษาตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 8. สถานศึกษาผ่านการรับรองมาตรฐานการศึกษา มีระบบประกันคุณภาพภายในที่ เข้มแข็ง และผ่านการรับรองจากการประเมินคุณภาพภายนอก จากกลยุทธ์ของสถานศึกษาและจุดเน้นการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนดังกล่าว จะเห็นได้ว่า โรงเรียนอนุบาลเพชรบุรีให้ความสำคัญในการพัฒนาสถานศึกษา อันประกอบด้วย การพัฒนาระบบการ บริหารจัดการของสถานศึกษา การพัฒนาผู้เรียน และการพัฒนาครูและบุคลากร ซึ่งล้วนเป็นองค์ประกอบ สำคัญของสถานศึกษาที่มีคุณภาพ 1.3 หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) กระทรวงศึกษาธิการ (2555 : 21-24) ได้ประกาศใช้หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) และได้กำหนดจุดมุ่งหมายในการพัฒนาผู้เรียน ให้มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ดังนี้


15 1) รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เป็นพลเมืองดี รักษาความเป็นไทย ยึดมั่นและปฏิบัติตนตามหลัก ศาสนา เคารพเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ 2) ซื่อสัตย์สุจริต ประพฤติต่อตนเองและผู้อื่นตรงตามความเป็นจริง ทั้งด้านกาย วาจา ใจ 3) มีวินัย ประพฤติตามข้อตกลง กฎเกณฑ์ ระเบียบ ข้อบังคับ ของครอบครัว โรงเรียนและ สังคม 4) ใฝ่เรียนรู้ ตั้งใจ เพียรพยายามในการเรียนและร่วมกิจกรรมการเรียนรู้ แสวงหาความรู้จาก แหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ ทั้งภายในและภายนอกโรงเรียนด้วยการเลือกใช้สื่ออย่างเหมาะสม และนำความรู้มา ใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวันได้ 5) อยู่อย่างพอเพียง ดำเนินชีวิตอย่างพอประมาณ มีเหตุผล รอบคอบ มีคุณธรรม มีภูมิคุ้มกัน ปรับตัวเพื่ออยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข 6) มุ่งมั่นในการทำงาน ตั้งใจและรับผิดชอบในหน้าที่การงาน ทำงานด้วยความเพียรพยายามและ อดทนจนงานสำเร็จตามเป้าหมาย 7) รักความเป็นไทย ภาคภูมิใจในขนบธรรมเนียมประเพณีศิลปะวัฒนธรรมไทย กตัญญู ต่อประเทศไทย เห็นคุณค่าและใช้ภาษาไทยในการสื่อสารได้อย่างถูกต้องเหมาะสม พร้อมทั้งอนุรักษ์และ ช่วยสืบทอดภูมิปัญญาไทย 8) มีจิตสาธารณะ ช่วยเหลือผู้อื่นด้วยความเต็มใจโดยไม่หวังผลตอบแทน เข้าร่วมกิจกรรมที่เป็น ประโยชน์ต่อโรงเรียน ชุมชน และสังคม ทั้งนี้ สถานศึกษาสามารถกำหนดคุณลักษณะอันพึงประสงค์เพิ่มเติมให้สอดคล้องตามบริบทและ จุดเน้นของตนเองได้ 1.4 หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี พุทธศักราช 2560 หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี พุทธศักราช 2560 ตามหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง 2560) เป็นแผนหรือแนวทาง หรือข้อกำหนดของ การจัดการศึกษาของโรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี ที่จะใช้ในการจัดการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาผู้เรียนให้มี คุณภาพตามมาตรฐานที่กำหนด มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้เป็นคนดี มีปัญญา มีความสุข และมีศักยภาพ ในการศึกษาต่อ โดยมุ่งหวังให้มีความสมบูรณ์ทั้งด้านร่างกาย จิตใจ และสติปัญญา อีกทั้งมีความรู้และ ทักษะที่จำเป็นสำหรับการดำรงชีวิต และมีคุณภาพได้มาตรฐานสากลเพื่อการแข่งขันในยุคปัจจุบัน ดังนั้น หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี พุทธศักราช 2560 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษา ขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง 2560) จึงประกอบด้วยสาระสำคัญของหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 สาระความรู้ที่เกี่ยวข้องกับชุมชนท้องถิ่น และสาระสำคัญ ที่สถานศึกษาพัฒนาเพิ่มเติม โดยจัดเป็นสาระการเรียนรู้รายวิชาพื้นฐานตามมาตรฐานการเรียนรู้และ ตัวชี้วัด และสาระการเรียนรู้รายวิชาเพิ่มเติม จัดกิจกรรมลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ จัดกิจกรรมพัฒนา


16 ผู้เรียนระดับประถมศึกษาเป็นรายปีและกำหนดคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของสถานศึกษาตาม คุณลักษณะอันพึงประสงค์ของหลักสูตรแกนการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี พุทธศักราช 2560 ตามหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง 2560) มีความสำคัญในการพัฒนาผู้เรียนให้มี คุณภาพตามมาตรฐานการเรียนรู้ ตัวชี้วัด และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ตามที่กำหนดไว้เป็นแนวทาง ให้ผู้บริหารสถานศึกษา ครู และบุคลากรในสถานศึกษา ตลอดจนผู้เกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษาของ สถานศึกษา ในการจัดมวลประสบการณ์ให้แก่ผู้เรียนได้พัฒนาให้บรรลุถึงคุณภาพตามมาตรฐานในการ พัฒนาเยาวชนของชาติ นอกเหนือจากการใช้เป็นแนวทาง หรือข้อกำหนดในการจัดการศึกษาของ สถานศึกษาให้บรรลุตามจุดหมายของการจัดการศึกษาแล้ว หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี พุทธศักราช 2560 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง 2560) ที่พัฒนาขึ้นยังเป็นหลักสูตรที่มีจุดมุ่งหมายให้ครอบครัว ชุมชน องค์กรในท้องถิ่น ทั้งภาครัฐและเอกชนเข้า ร่วมจัดการศึกษาของสถานศึกษา โดยมีแนวทางสำคัญที่สถานศึกษากำหนดไว้ในหลักสูตรสถานศึกษา ดังนี้ 1. หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี พุทธศักราช 2560 ตามหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง 2560) มุ่งพัฒนาให้ผู้เรียนเกิดความสนุกสนาน และความเพลิดเพลินในการเรียนรู้เปรียบเสมือนเป็นวิธีสร้างกำลังใจ และเร้าให้เกิดความก้าวหน้า แก่ผู้เรียนให้มากที่สุด มีความรู้สูงสุด ผู้เรียนทุกคนมีความเข้มแข็ง ความสนใจ มีประสบการณ์ และความ มั่นใจ เรียนและทำงานอย่างเป็นอิสระและร่วมใจกัน มีทักษะในการอ่านออกเขียนได้ คิดเลขเป็น รู้ข้อมูล สารสนเทศและเทคโนโลยีสื่อสาร ส่งเสริมจิตใจที่อยากรู้อยากเห็น และมีกระบวนการคิดอย่างมีเหตุผล 2. หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี พุทธศักราช 2560 ตามหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง 2560) ส่งเสริมการพัฒนาด้านจิตวิญญาณ จริยธรรม สังคมและวัฒนธรรม พัฒนาหลักการในการจำแนกระหว่างถูกและผิด เข้าใจและศรัทธาในความ เชื่อของตน ความเชื่อและวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน พัฒนาหลักคุณธรรมและความอิสระของผู้เรียน และ ช่วยให้เป็นพลเมืองที่มีความรับผิดชอบ สามารถช่วยพัฒนาสังคมให้เป็นธรรมขึ้น มีความเสมอภาค พัฒนา ความตระหนัก เข้าใจ และยอมรับสภาพแวดล้อมที่ตนดำรงชีวิตอยู่ ยึดมั่นในข้อตกลงร่วมกันต่อการ พัฒนาที่ยั่งยืนทั้งในระดับส่วนตน ระดับท้องถิ่น ระดับชาติ และระดับโลก สร้างให้ผู้เรียนมีความพร้อมใน การเป็นผู้บริโภคที่ตัดสินใจแบบมีข้อมูล เป็นอิสระ และมีความรับผิดชอบ หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี พุทธศักราช 2560 ตามหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง 2560) เป็นหลักสูตรที่สถานศึกษาได้พัฒนาขึ้นเพื่อ พัฒนาผู้เรียนในระดับประถมศึกษา โดยยึดองค์ประกอบหลักสำคัญ 3 ส่วนคือ หลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น และสาระสำคัญที่สถานศึกษาพัฒนา เพิ่มเติม เป็นกรอบในการจัดทำรายละเอียดเพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานการศึกษาขั้นพื้นฐานที่กำหนด เหมาะสมกับสภาพชุมชนและท้องถิ่นและจุดเน้นของสถานศึกษา โดยหลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียน


17 อนุบาลเพชรบุรี พุทธศักราช 2560 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง 2560) ที่พัฒนาขึ้นมีลักษณะของหลักสูตร ดังนี้ 1. เป็นหลักสูตรเฉพาะของสถานศึกษา สำหรับจัดการศึกษาในหลักสูตรแกนกลางการศึกษา ขั้นพื้นฐาน จัดการศึกษา ระดับประถมศึกษา (ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 – 6) 2. มีความเป็นเอกภาพ หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี พุทธศักราช 2560 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง 2560) เป็นหลักสูตรของ สถานศึกษาสำหรับให้ครูผู้สอนนำไปจัดการเรียนรู้ได้อย่างหลากหลาย โดยกำหนดให้ 2.1 มีกลุ่มสาระการเรียนรู้ที่สถานศึกษาใช้เป็นหลักเพื่อสร้างพื้นฐานการคิด การเรียนรู้ และการแก้ปัญหา ประกอบด้วย ภาษาไทย คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และสังคมศึกษา ศาสนา และ วัฒนธรรม 2.2 มีกลุ่มสาระการเรียนรู้ที่เสริมสร้างความเป็นมนุษย์ ศักยภาพการคิดและการทำงาน ประกอบด้วย สุขศึกษาและพลศึกษา ศิลปะ การงานอาชีพและเทคโนโลยี และภาษาอังกฤษ 2.3 มีกลุ่มสาระการเรียนรู้เพิ่มเติม โดยจัดทำเป็นรายวิชาเพิ่มเติมตามความเหมาะสม และสอดคล้องกับโครงสร้างเวลาเรียน สาระการเรียนรู้ท้องถิ่น ความต้องการของผู้เรียน และบริบทของ สถานศึกษา 2.4 มีจัดกิจกรรมลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ ที่สอดคล้องกับบริบทของสถานศึกษาและ ดำเนินการตามนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการกำหนด เพื่อพัฒนาคุณภาพผู้เรียนทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจ สติปัญญา อารมณ์ และสังคม โดยให้นักเรียนได้มีการลงมือปฏิบัติจริง 2.5 มีกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เพื่อพัฒนาผู้เรียนทั้งด้านร่างกาย จิตใจ สติปัญญา อารมณ์ และ สังคม เสริมสร้างการเรียนรู้นอกจากสาระการเรียนรู้ 8 กลุ่ม และการพัฒนาตนตามศักยภาพ 2.6 มีการกำหนดมาตรฐานของสถานศึกษาที่สอดคล้องกับมาตรฐานระดับต่าง ๆ เพื่อเป็นเป้าหมายของการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษา จัดทำรายละเอียดสาระการเรียนรู้ และจัดกระบวนการเรียนรู้ให้สอดคล้องกับสภาพในชุมชน สังคม และภูมิปัญญาท้องถิ่น 3. มีมาตรฐานการเรียนรู้เป็นเป้าหมายสำคัญของการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน หลักสูตรสถานศึกษา โรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี พุทธศักราช 2560 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง 2560) เป็นหลักสูตรที่มีมาตรฐานเป็นตัวกำหนดเกี่ยวกับคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ของผู้เรียน เพื่อเป็นแนวทางในการประกันคุณภาพการศึกษา โดยมีการกำหนดมาตรฐานไว้ ดังนี้ 3.1 มาตรฐานหลักสูตรเป็นมาตรฐานด้านผู้เรียนหรือผลผลิตของหลักสูตรสถานศึกษา อันเกิดจากการได้รับการอบรมสั่งสอนตามโครงสร้างของหลักสูตรทั้งหมดใช้เป็นแนวทางในการตรวจสอบ คุณภาพโดยรวมของการจัดการศึกษาตามหลักสูตรในทุกระดับ และสถานศึกษาต้องใช้สำหรับการประเมิน ตนเองเพื่อจัดทำรายงานประจำปีตามบทบัญญัติในพระราชบัญญัติการศึกษา นอกจากนี้ยังเป็นแนวทาง


18 ในการกำหนดแนวปฏิบัติในการส่งเสริม กำกับ ติดตาม ดูแล และปรับปรุงคุณภาพ เพื่อให้ได้ตาม มาตรฐานที่กำหนด 3.2 มีตัวชี้วัดชั้นปีเป็นเป้าหมายระบุสิ่งที่นักเรียนพึงรู้และปฏิบัติได้ รวมทั้งคุณลักษณะ ของผู้เรียนในแต่ละระดับชั้นซึ่งสะท้อนถึงมาตรฐานการเรียนรู้ มีความเฉพาะเจาะจง และมีความเป็นรูปธรรม นำไปใช้ในการกำหนดเนื้อหา จัดทำหน่วยการเรียนรู้ จัดการเรียนการสอน และเป็นเกณฑ์สำคัญสำหรับ การวัดประเมินผลเพื่อตรวจสอบคุณภาพผู้เรียน ตรวจสอบพัฒนาการผู้เรียน ความรู้ ทักษะ กระบวนการ คุณธรรม จริยธรรมและค่านิยมอันพึงประสงค์ และเป็นหลักในการเทียบโอนความรู้และประสบการณ์จาก การศึกษาในระบบการศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย 3.3 มีความเป็นสากล ความเป็นสากลของหลักสูตรสถานศึกษา คือ มุ่งให้ผู้เรียนมีความรู้ ความสามารถในเรื่องเทคโนโลยีสารสนเทศ ภาษาอังกฤษ การจัดการสิ่งแวดล้อม ภูมิปัญญาท้องถิ่น มีคุณลักษณะที่จำเป็นในการอยู่ในสังคม ได้แก่ ความซื่อสัตย์ ความรับผิดชอบ การตรงต่อเวลา การ เสียสละ การเอื้อเฟื้อ โดยอยู่บนพื้นฐานของความพอดีระหว่างการเป็นผู้นำ และผู้ตาม การทำงานเป็นทีม และการทำงานตามลำพังการแข่งขัน การรู้จักพอ และการร่วมมือกันเพื่อสังคม วิทยาการสมัยใหม่ และภูมิ ปัญญาท้องถิ่น การรับวัฒนธรรมต่างประเทศ และการอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยการฝึกฝนทักษะเฉพาะทาง และการบูรณาการในลักษณะที่เป็นองค์รวม 4. มีความยืดหยุ่นหลากหลาย หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี พุทธศักราช 2560 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง 2560) เป็นหลักสูตรที่ สถานศึกษาจัดทำรายละเอียดต่าง ๆ ขึ้นเอง โดยยึดโครงสร้างหลักที่กำหนดไว้ในหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 เป็นขอบข่ายในการจัดทำ จึงทำให้หลักสูตรของสถานศึกษามี ความยืดหยุ่น หลากหลาย สอดคล้องกับสภาพปัญหาและความต้องการของท้องถิ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งมี ความเหมาะสมกับตัวผู้เรียน 5. การวัดและประเมินผล เน้นหลักการพื้นฐานสองประการ คือ การประเมินเพื่อพัฒนาผู้เรียน และเพื่อตัดสินผลการเรียน โดยผู้เรียนต้องได้รับการพัฒนาและประเมินตามตัวชี้วัดเพื่อให้บรรลุตาม มาตรฐานการเรียนรู้ สะท้อนสมรรถนะสำคัญ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียน เป็นเป้าหมาย หลักในการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ในทุกระดับไม่ว่าจะเป็นระดับชั้นเรียน ระดับสถานศึกษา ระดับ เขตพื้นที่การศึกษา และระดับชาติ การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ เป็นกระบวนการพัฒนาคุณภาพ ผู้เรียน และใช้ผลการประเมินเป็นข้อมูลและสารสนเทศที่แสดงพัฒนาการ ความก้าวหน้า และความสำเร็จ ทางการเรียนของผู้เรียน ตลอดจนข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการส่งเสริมให้ผู้เรียนเกิดการพัฒนาและเรียนรู้ อย่างเต็มตามศักยภาพ


19 จุดเน้นการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน 1. เพิ่มผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 5 กลุ่มสาระวิชาหลัก ได้แก่ ภาษาไทย คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม และภาษาอังกฤษ เพิ่มขึ้นอย่างน้อยร้อยละ 4 2. นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ทุกคน อ่านออก เขียนได้ 3. เพิ่มศักยภาพนักเรียนในด้านภาษา คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี เพื่อพัฒนา คุณภาพสู่มาตรฐานสากล 4. นักเรียนทุกคนมีความสำนึกในความรักชาติ มีมารยาทงามตามแบบไทย 5. นักเรียนทุกคนเข้าถึงโอกาสทางการศึกษา และศึกษาต่ออย่างทั่วถึง 6. ส่งเสริมการจัดการศึกษาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 7. นักเรียน ครู และสถานศึกษา ได้รับการพัฒนาเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน และ มาตรฐานสากล แนวทางการพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาของสถานศึกษา 1. ส่งเสริมการจัดการเรียนการสอนที่มุ่งเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ 2. ส่งเสริมให้ครูพัฒนาผู้เรียนให้มีความสามารถด้านการคิดอย่างเป็นระบบ 3. ส่งเสริมและเร่งรัดในการยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ 4. ส่งเสริมการจัดการศึกษาโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน และเน้นการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน 5. ส่งเสริมและพัฒนาผู้เรียนทุกคน ให้มีส่วนร่วมในกิจกรรมเพื่อร่วมอนุรักษ์วัฒนธรรมไทย และรักษาธรรมชาติสิ่งแวดล้อม สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี พุทธศักราช 2560 ตามหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้มีสมรรถนะสำคัญ 5 ประการตามเจตนารมณ์ ของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน ดังนี้ 1. ความสามารถในการสื่อสาร เป็นความสามารถในการรับและส่งสาร มีวัฒนธรรมในการใช้ ภาษาถ่ายทอดความคิด ความรู้ความเข้าใจ ความรู้สึก และทัศนะของตนเองเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร และประสบการณ์อันจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาตนเองและสังคม รวมทั้งเจรจาต่อรองเพื่อขจัดและลด ปัญหาความขัดแย้งต่าง ๆ การเลือกรับหรือไม่รับข้อมูลข่าวสารด้วยหลักเหตุผล และความถูกต้อง ตลอดจนการเลือกใช้วิธีการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพโดยคำนึงถึงผลกระทบที่มีต่อตนเองและสังคม 2. ความสามารถในการคิด เป็นความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์ การคิด อย่างสร้างสรรค์ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ และการคิดเป็นระบบ เพื่อนำไปสู่การสร้างองค์ความรู้หรือ สารสนเทศเพื่อการตัดสินใจเกี่ยวกับตนเองและสังคมได้อย่างเหมาะสม 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา เป็นความสามารถในการแก้ปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ที่เผชิญได้อย่างถูกต้องเหมาะสมบนพื้นฐานของหลักเหตุผล คุณธรรมและข้อมูลสารสนเทศ เข้าใจ


20 ความสัมพันธ์และการเปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์ต่าง ๆ ในสังคม แสวงหาความรู้ ประยุกต์ความรู้มาใช้ใน การป้องกันและแก้ไขปัญหาและมีการตัดสินใจที่มีประสิทธิภาพโดยคำนึงถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อตนเอง สังคมและสิ่งแวดล้อม 4. ความสามารถในการใช้ทักษะชีวิต เป็นความสามารถในการนำกระบวนการต่าง ๆ ไปใช้ ในการดำเนินชีวิตประจำวัน การเรียนรู้ด้วยตนเอง การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง การทำงานและการอยู่ร่วมกัน ในสังคมด้วยการสร้างเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างบุคคล การจัดการปัญหาและความขัดแย้งต่างๆ อย่างเหมาะสม การปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมและสภาพแวดล้อมและการรู้จักหลีกเลี่ยง พฤติกรรมไม่พึงประสงค์ที่ส่งผลกระทบต่อตนเองและผู้อื่น 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี เป็นความสามารถในการเลือกและใช้เทคโนโลยีด้าน ต่างๆ และมีทักษะกระบวนการทางเทคโนโลยี เพื่อการพัฒนาตนเองและสังคม ในด้านการเรียนรู้ การสื่อสาร การทำงาน การแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ ถูกต้องเหมาะสมและมีคุณธรรม คุณลักษณะอันพึงประสงค์ หลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี พุทธศักราช 2560 ตามหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ เพื่อให้ผู้เรียน สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมได้อย่างมีความสุข ในฐานะพลเมืองไทยและพลโลก ดังนี้ 1. รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 2. ซื่อสัตย์สุจริต 3. มีวินัย 4. ใฝ่เรียนรู้ 5. อยู่อย่างพอเพียง 6. มุ่งมั่นในการทำงาน 7. รักความเป็นไทย 8. มีจิตสาธารณะ 2. แนวคิดการจัดการศึกษา ความหมายของการจัดการศึกษา ในการจัดการศึกษาเพื่อพัฒนาคุณภาพผู้เรียนนั้น มีนักวิชาการหลายท่านให้ความหมายของการ จัดการศึกษาไว้ดังนี้ กระทรวงศึกษาธิการ (2560 : 4) ได้ให้ความหมายของการจัดการศึกษาตามพระราชบัญญัติ การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 มาตรา 10 ว่า ต้องจัดให้บุคคล มีสิทธิและโอกาสเสมอกันในการรับการศึกษาขั้นพื้นฐานไม่น้อยกว่าสิบสองปีที่รัฐต้องจัดให้อย่างทั่วถึงและ มีคุณภาพโดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย สำหรับบุคคลซึ่งมีความบกพร่องทางร่างกาย อารมณ์ - จิตใจ สังคมและ


21 สติปัญญา การสื่อสารและการเรียนรู้ หรือมีร่างกายพิการ หรือทุพลภาพหรือบุคคลอื่นซึ่งไม่สามารถ พึ่งตนเองได้ หรือไม่มีผู้ดูแลหรือด้อยโอกาส ต้องจัดให้บุคคลดังกล่าวมีสิทธิหรือ โอกาสได้รับการศึกษา ขั้นพื้นฐานเป็นพิเศษ สำหรับคนพิการให้จัดตั้งแต่แรกเกิดหรือพบความพิการ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และให้ บุคคลดังกล่าวมีสิทธิ์ได้รับสิ่งอำนวยความสะดวก สื่อ บริการและความช่วยเหลืออื่นใดทางการศึกษา ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง ตามความเหมาะสม โสภิณ ม่วงทอง (2556 : 123) ได้ให้ความหมายของการจัดการศึกษาไว้ว่า การจัดการศึกษา หมายถึง การบริหารการศึกษา ซึ่งภาระหน้าที่ของผู้นำของกลุ่มจะต้องจัดการให้ทรัพยากรทั้งที่เป็นตัวคน และวัตถุสามารถประสานเข้าด้วยกัน เพื่อร่วมกันทำงานเป็นองค์กรให้มีประสิทธิภาพได้ ยุพา บุญอนันต์ (2555 : 12) ได้ให้ความหมายของการจัดการศึกษาว่า เป็นการพัฒนาคุณภาพ และกายภาพของคนไทย เป็นการบูรณาการวิชีวิตให้อยู่ร่วมกันอย่างสมานฉันท์และมีความสุขที่ยั่งยืน สอดคล้องกับสภาพความต้องการของท้องถิ่นและประเทศชาติ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ระดับประเทศและนานาชาติ รวมทั้งการจัดการศึกษาตามอัธยาศัย และภารกิจด้านศาสนา ศิลปะวัฒนธรรม ประเพณีและภูมิปัญญาท้องถิ่น เพื่อสร้างการเรียนรู้ตลอดชีวิตและสร้างความเข้มแข็ง ทางสังคมให้แก่ประชาชนในท้องถิ่น สรุปได้ว่า การจัดการศึกษา คือ การจัดกิจกรรมต่าง ๆ ที่บุคคลมีส่วนเกี่ยวข้องกับการศึกษา ร่วมมือกันอย่างมีกระบวนการ โดยการจัดทำแผนยุทธศาสตร์ ดำเนินการโดยใช้ศาสตร์และศิลป์เพื่อนำ ทรัพยากรต่าง ๆ ไปใช้ในการพัฒนาสมาชิกในสังคม ชุมชน ซึ่งรัฐจะต้องจัดการศึกษาให้บุคคลมีสิทธิเสมอ กันในการได้รับการศึกษาไม่น้อยกว่า 12 ปี โดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย เพื่อพัฒนาคนไทยให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ ทั้งทางด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม สติปัญญา ความรู้ความสามารถ และมีคุณธรรมจริยธรรม ตลอดถึงการมีวัฒนธรรมในการดำรงชีวิต สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข ดังนั้น รัฐจะต้อง สนับสนุนให้ได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐานโดยทั่วกันเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของการจัดการศึกษาและทันต่อ กระแสโลกาภิวัฒน์นำความรู้ความสามารถไปพัฒนาประเทศชาติต่อไป หลักการของการจัดการศึกษา ในหลักการจัดการศึกษาเพื่อพัฒนาผู้เรียน มีนักวิชาการและองค์กร สำนักงานต่าง ๆ ได้ให้แนวคิดของหลักการจัดการศึกษาไว้ดังนี้ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (2555: 10-11) ได้วางหลักการของการจัด การศึกษาขั้นพื้นฐานไว้ ดังนี้ 1. หลักการพัฒนาผู้เรียนอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ ทั้งทางด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม สติปัญญา ความรู้และคุณธรรม เป็นผู้มีจริยธรรมในการดำรงชีวิต สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่าง มีความสุข ใฝ่รู้ มีทักษะในการแสวงหาความรู้ที่พอเพียงต่อการพัฒนางานอาชีพและคุณภาพชีวิตส่วนตน สามารถเผชิญความเปลี่ยนแปลงได้อย่างเท่าทันและชาญฉลาด มีความเป็นประชาธิปไตย


22 2. หลักการจัดการศึกษาเพื่อความเป็นไทย ให้มีความรัก ความภูมิใจในท้องถิ่นและประเทศชาติ มีความรู้และทักษะพื้นฐานสำหรับการประกอบอาชีพสุจริต มีความมุ่งมั่น ขยัน ซื่อสัตย์ ประหยัด อดทน มีลักษณะนิสัยและทัศนคติที่พึงประสงค์เพื่อเป็นสมาชิกที่ดีของครอบครัว ชุมชน สังคมไทยและสังคมโลก 3. หลักแห่งความเสมอภาค คนไทยทุกคนต้องมีสิทธิ์เสมอกันในการได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ไม่น้อยกว่า 12 ปี อย่างทั่วถึง เท่าเทียม ควบคู่ไปกับความมีคุณภาพ โดยไม่แบ่งชนชั้นหรือความแตกต่าง ทางสังคมและวัฒนธรรม 4. หลักการมีส่วนร่วม องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและภาคเอกชนมีส่วนร่วมในการบริหารและ จัดการศึกษา ร่วมกับคณะกรรมการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาและสถานศึกษาเพื่อเสริมสร้าง เอกลักษณ์ ศักดิ์ศรี และตอบสนองความต้องการของท้องถิ่นตามนัยของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 เกี่ยวกับการกระจายอำนาจ 5. หลักแห่งความสอดคล้อง อุดมการณ์ หลักการและมาตรฐานในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน ต้องสอดคล้องระหว่างสาระบัญญัติในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 และ พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 นโยบาย การศึกษาของรัฐที่แถลงต่อรัฐบาล สอดคล้องกับมาตรฐานการศึกษาของชาติ และสัมพันธ์เชื่อมโยง กับมาตรฐานการอาชีวศึกษาและมาตรฐานการอุดมศึกษา มนตรี อารีราษฎร์ (2557:11) ได้ให้แนวคิดของหลักการจัดการศึกษาไว้ว่า เป็นการเรียนรู้ตลอด ชีวิต เป็นกระบวนการให้คนในสังคมได้รับความรู้และประสบการณ์ การปรับเปลี่ยนทัศนคติ การสร้างจิตสำนึก การเพิ่มพูนทักษะ การทำความเข้าใจให้กระจ่าง การอบรมปลูกฝังค่านิยม การถ่ายทอด ศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรมของสังคม การพัฒนาความคิดใครมีวัตถุประสงค์ที่จะให้บุคคลมีความเจริญ งอกงามทางปัญญา มีความรู้ความสามารถที่เหมาะสมสำหรับการประกอบอาชีพ สามารถดำรงชีวิต ได้อย่างเหมาะสม มีค่านิยมที่ดีและอยู่ร่วมกับผู้อื่นอย่างมีความสุข กระทรวงศึกษาธิการ (2560 : 0) ได้ให้แนวคิดหลักของการจัดการศึกษาตามพระราชบัญญัติ การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 มาตรา 8 ว่า เป็นหลักสำคัญ ในการจัดการศึกษา ซึ่งกำหนดหลักการไว้ 3 ประการ คือ การศึกษาตลอดชีวิต การมีส่วนร่วมและ การพัฒนาต่อเนื่อง ดังนี้ 1. การศึกษาตลอดชีวิต ถือว่าการจัดการศึกษานั้นเป็นการศึกษาตลอดชีวิตสำหรับประชาชน หลักการ คือ คนทุกคนต้องได้รับการศึกษาอย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต การศึกษานี้ต้องครอบคลุมทุกด้าน มิใช่เฉพาะชีวิตการงานเท่านั้น เพราะไม่เพียงบุคคลต้องพัฒนาตนเองและความสามารถในการประกอบ อาชีพของคน คนแต่ละคนต้องมีส่วนร่วมรับผิดชอบในการพัฒนาชุมชนและประเทศโดยส่วนรวม จึงจำเป็นต้องศึกษาความเป็นไปรอบตัวเพื่อให้สามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงได้อย่างเหมาะสม 2. การมีส่วนร่วม สังคมต้องมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา การมีส่วนร่วมนั้นแสดงออกได้หลาย ลักษณะ เช่น ร่วมเป็นกรรมการ ร่วมแสดงความคิดเห็น ร่วมสนับสนุนกิจกรรมทางการศึกษา


23 ร่วมสนับสนุนทรัพยากร ร่วมติดตามประเมินผล ส่งเสริมให้กำลังใจและปกป้องผู้ปฏิบัติงานที่มุ่งประโยชน์ ต่อส่วนรวม 3. การพัฒนาต่อเนื่อง เป็นเรื่องที่ต้องปรับเปลี่ยนตลอดเวลาให้ทันกับความรู้ที่ก้าวหน้าไป ไม่หยุดยั้ง การจัดการศึกษาต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนาสาระและกระบวนการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง การพัฒนานี้มีทั้งการคิดค้นอิสระ กระบวนการเรียนรู้ใหม่ ๆ การประยุกต์ปรับปรุงเนื้อหาสาระที่มีอยู่ และการติดตามเรียนรู้เนื้อหาสาระที่มีผู้ประดิษฐ์คิดค้นมาแล้ว ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ไม่ว่าครู ผู้บริหาร บุคลากรทางการศึกษา ต้องถือเป็นภาระหน้าที่ที่สำคัญในการพัฒนาการจัดการศึกษาให้ทันโลกและ ทันสมัย เป็นหน้าที่ของทุกฝ่ายที่จะต้องช่วยกันดูแลเพื่อประโยชน์ของผู้เรียนและสังคมโดยแท้จริง สรุปได้ว่า หลักการจัดการศึกษา เป็นการจัดการศึกษาตลอดชีวิตสำหรับประชาชน ทั้งนี้ให้ สังคมมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา และการพัฒนาสาระการเรียนรู้ให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง เพื่อพัฒนา สังคมไทยให้เป็นสังคมแห่งการเรียนรู้และการศึกษาตลอดชีวิต ที่มุ่งสร้างคุณภาพชีวิต เป็นกระบวนการ ให้ความรู้และประสบการณ์เพื่อการปรับเปลี่ยนทัศนคติในทางที่ดี การสร้างจิตสำนึกในทางที่ดี การเพิ่มพูนทักษะ การทำความเข้าใจในเรื่องต่าง ๆ ให้การอบรม ปลูกฝังค่านิยม การถ่ายทอดศาสนา ศิลปะวัฒนธรรม จริยธรรม จารีตประเพณีและภูมิปัญญาท้องถิ่นเพื่อให้เกิดสังคมภูมิ ปัญญาแห่ง การเรียนรู้ และสังคมที่เอื้ออาทรต่อกัน สืบทอดวัฒนธรรมความภาคภูมิใจในเอกลักษณ์ ความเป็นไทย และท้องถิ่นให้กับนักเรียนในชุมชน สังคม และประเทศชาติ ซึ่งจะทำให้นักเรียนเป็นบุคคลที่ดี มีความเจริญงอกงามทางด้านสติปัญญา มีความรู้ความสามารถสำหรับนำไปประกอบ อาชีพ สามารถ ดำรงชีวิตได้อย่างเหมาะสมและอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุขในสังคม 2.1 การจัดการศึกษาระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน การจัดการศึกษาในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน มุ่งพัฒนาบุคคลให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ทั้ง ร่างกาย จิตใจ สติปัญญา ความรู้ คุณธรรม จริยธรรม และวัฒนธรรมในการดำรงชีวิต สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้ อย่างมีความสุข การจัดการศึกษาในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ต้องคำนึงถึงประเด็น ต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ กระทรวงศึกษาธิการ (2560 : 9) ได้กล่าวถึง การจัดการศึกษาในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานว่า พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่2) พ.ศ.2545 ได้กำหนด บทบาทและหน้าที่ของโรงเรียนในการจัดการศึกษา โดยใช้บทบาทและศักยภาพของตนเองหรือ ร่วมกับ บุคคลอื่น หรือหน่วยงานอื่น เพื่อกําหนดหลักการ ทิศทาง แนวทางการดำเนินการเตรียม ความพร้อม เตรียมทรัพยากร ข้อมูลสารสนเทศ และการกำหนดกิจกรรมโครงการในการจัด การศึกษาเพื่อพัฒนา ศักยภาพของนักเรียน 2.2 การพัฒนาผู้เรียน สุพล วังสินธ์ (2555: 12-17) ได้ให้แนวคิดเกี่ยวกับเป้าหมายการพัฒนานักเรียนว่า นักเรียน ทุกคนมีความสามารถในการเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ โดยกระบวนการจัดการศึกษาต้องส่งเสริม ให้นักเรียนมีความสามารถพัฒนาตนเองตามธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพ เพื่อให้เกิดการพัฒนา


24 ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงในทุกองค์ประกอบ โดยผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเข้ามามีส่วนร่วมอย่างเหมาะสม ทั้ง ผู้บริหาร ครู นักเรียน ผู้ปกครอง และชุมชน ตลอดจนบุคคลต่าง ๆ จากหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อการดำเนินงานที่ส่งผลให้นักเรียนเป็นคนดี คนเก่งและมีความสุข โดยมีลักษณะ ดังนี้ 1) คนดี คือ คนที่ดำเนินชีวิตอย่างมีคุณภาพ มีจิตใจดีงาม มีคุณธรรมจริยธรรม มีคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ทั้งทางด้านจิตใจและด้านพฤติกรรมที่แสดงออก เช่น มีความเมตตากรุณา มีระเบียบวินัย มีความรับผิดชอบ มีความกตัญญูรู้คุณ มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีความซื่อสัตย์สุจริต ขยัน ประหยัด อดทน มีความเสียสละ มีเหตุผล รู้หน้าที่ ยึดดมั่นคุณธรมจริยธรรม มีจิตใจเป็นประชาธิปไตย เคารพ ความคิดเห็น และสิทธิของผู้อื่นในสังคม รักษาสิ่งแวดล้อม สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข 2) คนเก่ง คือ คนที่มีสมรรถภาพสูงในการดำเนินชีวิต ในความสามารถในด้านใดด้านหนึ่ง หรือ รอบด้าน หรือมีความสามารถพิเศษเฉพาะทาง เช่น ทักษะและกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ความสามารถทางด้านคณิตศาสตร์ มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ มีความสามารถด้านภาษา ศิลปะ ดนตรีและ กีฬา มีภาวะผู้นำ รู้จักตนเอง ควบคุมตนเองได้ เป็นคนทันสมัย ทันโลก ทันเหตุการณ์ ทันเทคโนโลยี มีความเป็นไทย สามารถพัฒนาตนเองได้เต็มตามศักยภาพ และทำประโยชน์ให้เกิดแก่ตนเอง ครอบครัว ชุมชน สังคม และประเทศชาติได้ 3) คนมีความสุข คือ คนที่มีสุขภาพกายและสุขภาพจิตดี เป็นคนร่าเริงแจ่มใส ร่างกายแข็งแรง จิตใจเข้มแข็ง มีมนุษยสัมพันธ์ มีความรักต่อทุกสรรพสิ่ง มีอิสรภาพ ปลอดภัย พ้นจากการตกเป็นทาสของ อบายมุข และสามารถดำรงชีวิตได้อย่างเพียงพอแก่อัตภาพ 3. ศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา ศาสตร์พระราชา ศาสตร์พระราชา เป็นแนวพระราชดำริขององค์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในการมุ่งพัฒนาคุณภาพชีวิตของพสกนิกรชาวไทยให้สามารถดำรงชีวิตอยู่บนพื้นฐานของความยั่งยืน ศาสตร์พระราชามีลักษณะและความหมายดังต่อไปนี้ สมบัติ นพรัก (2561: 28) ได้ให้ความหมายว่า ศาสตร์พระราชา หมายถึง ความรู้ (Knowledge) ที่เกิดจากปัญหา (Wisdom) ด้วยการศึกษา ค้นคว้า ทดลอง จนเกิดเป็นองค์ความรู้ (Body of Knowledge) ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จนกระทั่งเป็นโครงการตาม พระราชดำริถึง 4,685 โครงการ ครอบคลุมปัจจัยแวดล้อมที่สำคัญต่อชีวิต ได้แก่ด้านแหล่งน้ำ ด้านสิ่งแวดล้อม ด้านการเกษตร ด้านคมนาคมและการสื่อสาร ด้านสาธารณสุขด้านสังคมและ ด้านการศึกษา ฯลฯ และการดำรงชีวิตด้านส่งเสริมอาชีพของมนุษยชาติตั้งแต่เกิดจนตาย องค์ความรู้ ทั้งหมดคือแนวทางการดำเนินการ “ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” ทั้งหมด“ศาสตร์พระราชา” และ “ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” ส่งผลให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development)


25 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา (2560: 7) กล่าวในรายการ “ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่าง ยั่งยืน” เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2559 โดยรัฐบาลได้น้อมนำศาสตร์พระราชามาบริหารประเทศเพื่อสร้าง การพัฒนาที่ยั่งยืน โดยประชาชนทุกคนร่วมมือกันสานต่อพระราชปณิธาน ขับเคลื่อนประเทศสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน“ศาสตร์พระราชาของพระองค์ ได้แก่ พระราชดำริ คือ แนวคิดและปรัชญาพระราชดำรัส คือ คำสั่งสอน ตักเตือน ให้สติ พระราชกรณียกิจ คือ หลักการทรงงาน และพระราชจริยาวัตรของพระองค์ คือ การประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดี แก่ปวงพสกนิกรชาวไทยซึ่งจะยังคงอยู่คู่แผ่นดินไทยตลอดไป สามารถน้อมนำประยุกต์ใช้ได้ในทุกระดับ ตั้งแต่การประกอบกิจวัตรประจำวันและสัมมาชีพของ แต่ละบุคคล ไปจนถึงการบริหารราชการแผ่นดิน เพื่อสร้างการพัฒนาที่ยั่งยืนซึ่งเป็นแนวทางให้กับรัฐบาล และข้าราชการทุกคน วิษณุ เครืองาม (2560: 8) ได้ให้ความหมายว่า “องค์ความรู้สำคัญ ที่ทรงศึกษา สั่งสมพัฒนา เพื่อการพัฒนาประเทศให้ประชาชนอยู่ดีกินดี มีความสงบสุข ตั้งอยู่บนพื้นฐานของกิจที่ทรงทำคำที่ ทรงแนะ/สอนจากพระประสบการณ์ 3 มิติ คือ มิติที่ 1 ศาสตร์แห่งการพัฒนา มิติที่ 2 ศาสตร์แห่ง ความประพฤติ การครองตนในสังคมอย่างสงบสุข มิติที่ 3 ศาสตร์แห่งการอยู่ร่วมกัน ปรองดองและสงบสุข ซึ่งมีพื้นฐานมาจาก 3 ป. ได้แก่ ปฏิบัติ ปริยัติ และปฏิเวธ คณะอนุกรรมการการศึกษาปรัชญา ทฤษฎีแห่งศาสตร์พระราชา (2560: 10) ได้ให้ความหมายว่า “ศาสตร์พระราชา” หมายถึง บรรดาองค์ความรู้และภูมิปัญญาของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหา ภูมิพล อดุลยเดช บรมนาถบพิตร ที่ได้พระราชทานผ่านวิธีการต่าง ๆด้วยความมุ่งหมายที่จะพัฒนา ป้องกันหรือแก้ไขปัญหาเพื่อประโยชน์สุขแก่เหล่าพสกนิกรและส่งผลถึงมนุษยชาติทั้งปวง ให้สามารถ ดำรงชีวิตได้อย่างมั่นคง สันติสุขและยั่งยืน ดร.มนัส สุวรรณ (2560: 2) ได้ให้ความหมายว่า ศาสตร์พระราชา คือ องค์ความรู้ที่เกิดจาก การคิด การค้นคว้า และการทดลองของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชด้วยการบูรณา การศาสตร์ชาวบ้าน หรือที่เรียกว่า ภูมิปัญญาท้องถิ่นเข้ากับศาสตร์สากล จนเกิดเป็นแนวทางปฏิบัติ ที่ดีที่สุด (Best Practices) ที่สามารถนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้จริง สรุปได้ว่า ศาสตร์พระราชาคือความรู้สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน เกิดจากการคิด การค้นคว้า และการ ทดลองของของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล อดุลยเดช บรมนาถบพิตร ที่มุ่งหมายจะพัฒนา ป้องกันหรือแก้ไขปัญหาเพื่อประโยชน์สุขแก่เหล่าพสกนิกรให้อยู่ดีกินดี มีความสงบสุข 3.1 ความเป็นมาหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (2566: ออนไลน์) ได้กล่าวถึงความเป็นมาตามหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียง ไว้ดังนี้ เศรษฐกิจพอเพียงเกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อ วันที่ 18 กรกฎาคม 2517 โดยเริ่มต้นจาก พระบรมราโชวาทในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานแก่นิสิตมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ซึ่งเน้น ความสำคัญในการพัฒนาประเทศแบบสร้างพื้นฐานคือ "ความพอมีพอกิน พอใช้" ต่อมาพระองค์มีพระราช ดำรัสอีกครั้งเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2517 ณ ศาลาดุสิดาลัยเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา ทรงเน้นคำว่า


26 "พอมีพอกิน" ดังนั้นคำว่า "เศรษฐกิจพอเพียง" จึงมาจากจุดเริ่มต้นว่า "พอมีพอกินพอใช้" นั่นเอง เศรษฐกิจ พอเพียง คือ ปรัชญาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงชี้แนวทางการดำเนินชีวิตให้แก่ปวงชนชาวไทยมา เป็นระยะเวลานาน ในช่วงตั้งแต่ก่อนการเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ เพื่อมุ่งให้พสกนิกรได้ดำรงชีวิตอยู่ได้อย่าง ยั่งยืน มั่นคง และปลอดภัย ภายใต้ความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นตามกระแสโลกาภิวัตน์ปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียงจึงเป็นแนวทางการดำรงชีวิตและการปฏิบัติตนของประชาชนทุกระดับ โดยยึดแนว ทางการพัฒนาที่มีคน หรือประชาชนเป็นศูนย์กลาง ซึ่งสิ่งเหล่านี้เองจะเป็นตัวการที่นำไปสู่การพัฒนาที่ ยั่งยืน ณัฐสรณ์ เกตุประภากร (2564: 53-56) กล่าวถึง ความเป็นมาของหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียงไว้ดังนี้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เป็นปรัชญาที่พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดช มหาราชบรมนาถบพิตร พระราชทานให้แก่ประชาชนชาวไทยเพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตและ กำหนดนโยบาย การบริหารจัดการเพื่อการพัฒนาสู่ความยั่งยืนโดยมีความพอดีเป็นรากฐานความคิด กล่าวคือ ทำให้พอเหมาะพอควรด้วยเหตุผล ไม่เอาเปรียบหรือเบียดเบียนตนเองและผู้อื่นแนวคิดดังกล่าว สามารถนำไปประยุกต์ได้หลากหลายทั้งการปฏิบัติตนของประชาชนในทุกระดับและการพัฒนาเศรษฐกิจ ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไม่ได้ถูกคิดขึ้นในครั้งเดียว แต่เป็นแนวคิดที่ถูกพัฒนาขึ้นตามกาลเวลาจาก สถานการณ์ความไม่ยั่งยืนต่าง ๆ และมีพระบรมราชวินิจฉัยในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ประกอบกับ พระราชดำรัสและพระบรมราโชวาท ตลอดระยะเวลาที่ทรงครองราชย์ คณะผู้ทำงาน ซึ่งประกอบไปด้วย นักวิชาการ ข้าราชการ และผู้ทรงคุณวุฒิจากสาขาต่าง ๆ ได้รวมตัวกันและจัดตั้งคณะอนุกรรมการ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อพัฒนา "ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง" นำโดยรองศาสตราจารย์ ดร.จิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผ่านสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในการ ทูลเกล้าขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตเผยแพร่หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงฉบับแรก เพื่อเป็น แนวทางปฏิบัติของหน่วยงานต่าง ๆ และประชาชนทั่วไป จากความเป็นมาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ดังกล่าว สรุปได้ว่า เศรษฐกิจพอเพียง เกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อ วันที่ 18 กรกฎาคม 2517 โดยเริ่มต้นจากพระบรมราโชวาทในพระบาทสมเด็จพระ เจ้าอยู่หัวพระราชทานแก่นิสิตมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ซึ่งเน้นความสำคัญในการพัฒนาประเทศ แบบสร้างพื้นฐาน คือ "ความพอมีพอกิน พอใช้" ต่อมาพระองค์มีพระราชดำรัสอีกครั้ง เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2517 ณ ศาลาดุสิดาลัยเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา ทรงเน้นคำว่า "พอมีพอกิน" ดังนั้นคำว่า "เศรษฐกิจพอเพียง" มาจากจุดเริ่มต้นว่า "พอมีพอกินพอใช้" หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง จึงเป็น ปรัชญาที่พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร พระราชทานให้แก่ประชาชน ชาวไทย เพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตและกำหนดนโยบายการบริหารจัดการเพื่อการพัฒนาสู่ความ ยั่งยืน โดยมีความพอดีเป็นรากฐานความคิด


27 3.2 ความหมายหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง บุษยา มั่นฤกษ์ (2556: 8) กล่าวถึงความหมายไว้ว่า เศรษฐกิจพอเพียง หมายถึง ความรอบคอบ รอบรู้และความระมัดระวัง ในการดำเนินงานหรือประกอบกิจการงานใด ๆ มีความ เพียงพอ พออยู่ พอกินในการดำรงชีวิตในระดับครอบครัว ชุมชนและมีความเข้มแข็ง มีวิถีชีวิตความเป็นอยู่ ที่สอดคล้องกับหลักธรรมคำสอนในศาสนา เพื่อสังคมที่สงบสุข กินดีอยู่ดีและสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่าง ยั่งยืน ศรประภา พงษ์หัตถาศิลป์ (2557: 21) กล่าวถึงความหมายไว้ว่า เศรษฐกิจพอเพียง หมายถึง การดำเนินชีวิตของไทยที่ยึดเส้นทางสายกลางของความพอดี ให้ประเทศไทยสามารถพัฒนาอย่างมั่นคง ภายใต้กระแสโลกาภิวัฒน์และเห็นความสำคัญกับการสร้างรากฐานทางเศรษฐกิจและสังคมให้เข้มแข็ง รักษาความสมดุลของทุนและทรัพยากรสามารถปรับตัวพร้อมรับต่อการเปลี่ยนแปลงมีความอดทน เพียร พยายาม ใช้ปัญญานำไปสู่ความสุขของประชาชน สิรินันท์ ศรีวีระสกุล และคณะ (2559: 21) กล่าวถึงความหมายไว้ว่า หลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียง คือ แนวคิดปรัชญาที่ชี้ถึงแนวทางการดำรงอยู่และปฏิบัติตนของสังคมไทย เพื่อให้ก้าวทันต่อยุค โลกาภิวัตน์ เพื่อให้เกิดความก้าวหน้าไปพร้อมกับความสมดุลและพร้อมรับต่อการเปลี่ยนแปลง โดยใช้หลัก ความพอเพียงเป็นหลักคิดและหลักปฏิบัติในการดำเนินชีวิต นรีรัตน์ ทับทองกล (2559: 21) กล่าวถึงความหมายไว้ว่า ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นปรัชญา ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำรัสและทรงพระราชทานให้แก่พสกนิกรชาวไทย เป็นการชี้แนะแนวทางการตัดสินใจหรือจะกระทำการใด ๆ ในการดำเนินชีวิตให้ตั้งอยู่บนพื้นฐานของทาง สายกลาง ความพอเพียงหรือความพอดี คือไม่มากไม่น้อยเกินไป จึงไม่ได้หมายถึง ความเพียงพอเพราะ ความเพียงพออาจ จะทำให้เกิดความเดือดร้อนหรือประสบปัญหา แต่ความพอเพียงเน้นความพอเพียง สำหรับทุกคน ทุกครอบครัวให้มีความพอเพียงด้านชีวิต ด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยอาศัย ความรอบรู้ รอบคอบ ระมัดระวัง และยืดหลักคุณธรรมมาใช้ในการวางแผนและดำเนินการตามขั้นตอนทุก ขั้นตอน ไม่ได้ปฏิเสธความหรูหรา ความร่ำรวยหรือความเจริญทางวัตถุตามกระแสโลกาภิวัฒน์แต่สำคัญ ที่สุด คือ จะต้องคำนึงถึง ความพอประมาณ มีเหตุมีผล มีภูมิคุ้มกันในตัวที่ดีพร้อมทั้งใช้ความรู้ควบคู่กับ คุณธรรม หรือเรียกสั้น ๆ ว่าหลัก 3 ห่วง 2 เงื่อนไข ดังแผนภูมิที่ 2


28 แผนภูมิที่ 2 หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ที่มา : สำนักงานคณะกรรมการการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ, กรอบยุทธศาสตร์ การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจและสังคม ของประเทศในระยะ 4 ปี (2548 - 2551) ณัฐธยาน์ ขวัญโกศลินี และคณะ (2560: 5) กล่าวถึงความหมายว่า ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง คือ หลักปรัชญาในการดำเนินชีวิตที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช (รัชกาลที่ 9) ได้พระราชทานแก่พสกนิกรชาวไทยเพื่อใช้บริหารองค์กร บริหารประเทศ โดยตั้งอยู่บนพื้นฐานของทาง สายกลางและความไม่ประมาทคำนึงถึงความพอประมาณ มีเหตุผล มีภูมิคุ้มกันที่ดี ใช้ความรอบรู้ รอบคอบ และคุณธรรมประกอบการวางแผนตัดสินใจ และการกระทำเพื่อพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงจาก โลกภายนอก สามารถดำเนินชีวิตได้อย่างมั่นคง เพื่อการพัฒนาอย่างสมดุล ประเทศชาติเจริญก้าวหน้า อย่างยั่งยืน ปวริศ เมตตา (2560: 9) กล่าวถึงความหมายไว้ว่า เศรษฐกิจพอเพียง คือ การดำเนินชีวิตที่ตั้งอยู่ บนพื้นฐานของสายกลาง และความไม่ประมาท สามารถดำรงชีวิตได้โดยไม่เดือดร้อน ไม่หลงใหลไปตาม กระแสของสังคม จนสามารถปรับตัวเองให้สมดุลกับกระแสการเปลี่ยนแปลงของสังคม บนพื้นฐานแห่ง ความมั่นคงและยั่งยืนได้ ทั้งนี้ ต้องคำนึงถึงความพอประมาณ ความมีเหตุผล การสร้างภูมิคุ้มกันในตัวที่ดี ตลอดจนใช้ความรู้และคุณธรรมเป็นพื้นฐานในการดำรงชีวิตด้วย


29 อรวรรณ ป้อมดำ (2561: 11) กล่าวถึงความหมายว่า หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง หมายถึง แนวทางการปฏิบัติตนและการดำเนินชีวิตอันพึงประสงค์ ดังนี้ 1. ปฏิบัติตนให้มีความพอประมาณ รู้จักการประมาณตน รู้จักศักยภาพของตนที่มีอยู่ 2. ปฏิบัติตนอย่างมีเหตุผล ปฏิบัติสิ่งต่าง ๆ บนพื้นฐานของความมีสติปัญญา ยึดทางสาย กลางในการปฏิบัติ 3. มีภูมิคุ้มกันที่ดีในตัว พร้อมรับผลกระทบและการเปลี่ยนแปลงด้านต่าง ๆ 4. มีความรอบรู้ในเรื่องที่เกี่ยวข้อง สามารถคิดวิเคราะห์และปฏิบัติด้วยความรอบคอบ ระมัดระวัง 5. ปฏิบัติตนและดำเนินชีวิตอย่างมีคุณธรรมตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้วย ความซื่อสัตย์สุจริต ขยัน อดทน เพียรพยายาม แบ่งปัน มีสติปัญญา มีวินัย พึ่งตนเอง แบ่งปัน เอื้ออาทร รับผิดชอบ และอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข วัชรินทร์ ศรีวิรานนท์ (2564: 16) กล่าวถึงความหมายไว้ว่า เศรษฐกิจพอเพียง หมายถึง การดำเนินชีวิตความเป็นอยู่ที่สามารถอุ้มชูตัวเองได้ พึ่งพาตัวเองได้ มีชีวิตอยู่ได้ โดยไม่เดือดร้อน เน้นการสร้างรากฐานทางเศรษฐกิจและสังคมให้เกิดความเข้มแข็ง มีความสมดุล สามารถนำไปใช้ได้ ในสังคมทุกระดับ ตั้งแต่ระดับปัจเจกบุคคล ครอบครัว ระดับชุมชน ระดับรัฐหรือระดับประเทศ เพื่อให้เกิด ความเจริญ ความก้าวหน้า และมีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น จากความหมายหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ดังกล่าว สรุปได้ว่า หลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียง หมายถึง แนวทางในการดำเนินชีวิตให้ตั้งอยู่บนพื้นฐานของทางสายกลาง ประกอบด้วย หลัก 3 ห่วง 2 เงื่อนไข โดยหลัก 3 ห่วง ได้แก่ ความพอประมาณ มีเหตุผล มีภูมิคุ้มกันในตัวที่ดี 2 เงื่อนไข ได้แก่ ความรู้และคุณธรรม เพื่อพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงจากโลกภายนอกสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างมั่นคง สู่การพัฒนาอย่างสมดุล ประเทศชาติเจริญก้าวหน้าอย่างยั่งยืน 3.3 หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา ศูนย์สถานศึกษาพอเพียง มูลนิธิยุวสถิรคุณ (2560: ออนไลน์) ได้กล่าวถึง หลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา เริ่มมาจากหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2544 ได้น้อมนำเนื้อหา เกี่ยวกับ “หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง”ตามคำนิยามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้รับพระราชทานเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2542 เข้าสู่หลักสูตร โดยระบุ ไว้ในมาตรฐานการเรียนรู้ของกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม สาระเศรษฐศาสตร์ ซึ่งได้กำหนดให้นักเรียนทุกระดับชั้น เมื่อจบการศึกษาตามหลักสูตรนี้แล้ว จะต้องเข้าใจและสามารถ บริหารจัดการทรัพยากรการผลิตและการบริโภค การใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ และคุ้มค่า รวมทั้งเข้าใจหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อการดำรงชีวิตอย่างมีดุลยภาพ ส่งผลให้เกิด การจัดการเรียนรู้เกี่ยวกับ “หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” อย่างแพร่หลายในโรงเรียนทั่วไป แต่ก็ พบว่ายังมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน ไม่ถูกต้องชัดเจน เกี่ยวกับหลักเศรษฐกิจพอเพียงในภาคการศึกษา


30 เนื่องจากการจัดการเรียนรู้ตามหลักสูตรที่กำหนดไว้ดังกล่าว มักมุ่งเน้นที่กิจกรรมเกษตร การปลูกพืชผัก สวนครัวในโรงเรียน หรือกิจกรรมการออมทรัพย์ เป็นส่วนมาก แต่ยังไม่ได้มุ่งเน้นการจัดกิจกรรมให้ผู้เรียน ได้ยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงที่เป็นหลักคิด หลักปฏิบัติในการประพฤติตน และการทำกิจกรรมต่าง ๆ ตามมาตรฐานตัวชี้วัดในหลักสูตรการศึกษาที่มุ่งหวังให้เกิดขึ้น ต่อมาสำนักงานคณะกรรมการการศึกษา ขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ปรับปรุงหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2544 ให้มีความชัดเจนในเป้าหมาย และคุณภาพของผู้เรียน และสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 โดยประกาศใช้หลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551 ซึ่งได้กำหนด 1 ใน 5 เป้าหมายของหลักสูตร คือ “การพัฒนาผู้เรียนให้ มีคุณธรรม จริยธรรม และค่านิยมที่พึงประสงค์ มีวินัย และปฏิบัติตนตามหลักธรรมของพระพุทธศาสนา หรือศาสนาที่ตนนับถือ ยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” และมีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (Character) หรือจุดเน้นคุณภาพผู้เรียน 8 ประการ ได้แก่ รักชาติศาสน์กษัตริย์ ซื่อสัตย์สุจริต มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ อยู่อย่างพอเพียง มุ่งมั่นในการทำงาน รักความเป็นไทย มีจิตสาธารณะ การกำหนดมาตรฐาน ตัวชี้วัดในหลักสูตร พ.ศ. 2551 จึงเป็นไปในทิศทางการปลูกฝังและบ่มเพาะผู้เรียนให้ยึดหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียงในการคิด การวางแผน และการปฏิบัติตน พร้อมกับคุณลักษณะอื่น ๆ ที่จำเป็นในการ ดำเนินชีวิตในศตวรรษที่ 21 ปรัชญา พลพุฒินันท์(2566: ออนไลน์) ได้กล่าวไว้ว่า หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้าน การศึกษา จะต้องมุ่งพัฒนาที่ตัวครูก่อนเป็นอันดับแรก เพราะครูถือว่าเป็นทรัพยากรที่สำคัญในการ ถ่ายทอดความรู้ และปลูกฝังสิ่งต่าง ๆ ให้แก่เด็ก ดังนั้นจึงควรส่งเสริมครูให้มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับ หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงอย่างถ่องแท้ก่อน เพราะเมื่อครูเข้าใจ ครูก็จะได้เป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่เด็ก ได้ ครูจะสอนให้เด็กรู้จักพอ อยู่อย่างพอเพียงและเตรียมพร้อมที่จะรับมือกับสภาพ และผลจากการ เปลี่ยนแปลงในมิติต่าง ๆ ได้อย่างรอบคอบและระมัดระวัง โดยเป้าหมายสำคัญของการขับเคลื่อน คือ การทำให้เด็กรู้จักความพอเพียง ปลูกฝัง อบรม บ่มเพาะให้เด็กมีความสมดุลทางเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรม โดยสอดแทรกแนวคิดตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงให้เข้าเป็นส่วน หนึ่งของหลักสูตร กลุ่มสาระเรียนรู้ต่าง ๆ เพื่อสอนให้เด็กรู้จักการใช้ชีวิตได้อย่างสมดุล ตามแนวทาง เศรษฐกิจพอเพียง เห็นคุณค่าของทรัพยากรต่าง ๆ รู้จักอยู่ร่วมกับผู้อื่น รู้จักเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่และแบ่งปัน มีจิตสำนึกรักษ์สิ่งแวดล้อม และเห็นคุณค่าของวัฒนธรรมค่านิยม ความเป็นไทย จากหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา ดังกล่าว สรุปได้ว่า หลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา เริ่มมาจากหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2544 ได้น้อมนำเนื้อหา เกี่ยวกับ “หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” กำหนดให้นักเรียนทุกระดับชั้น เมื่อจบการศึกษาตาม หลักสูตรนี้แล้ว จะต้องเข้าใจและสามารถบริหารจัดการทรัพยากรการผลิตและการบริโภค การใช้ ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดได้อย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่า รวมทั้งเข้าใจหลักการของเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อการดำรงชีวิตอย่างมีดุลยภาพ ส่งผลให้เกิดการจัดการเรียนรู้เกี่ยวกับ “หลักเศรษฐกิจพอเพียง” มุ่งเน้นการจัดกิจกรรมให้ผู้เรียนได้ยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงที่เป็นหลักคิด หลักปฏิบัติในการประพฤติตน


31 และการทำกิจกรรมต่าง ๆ จึงเป็นไปในทิศทางการปลูกฝังและบ่มเพาะผู้เรียนให้ยึดหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียงในการคิด การวางแผน และการปฏิบัติตน พร้อมกับคุณลักษณะอื่น ๆ ที่จำเป็นในการ ดำเนินชีวิตในศตวรรษที่ 21 3.4 ความหมายของศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา ศูนย์สถานศึกษาพอเพียง มูลนิธิยุวสถิรคุณ (2560: 1) ได้กล่าวถึง ความหมายศูนย์การเรียนรู้ตาม หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา เป็นสถานศึกษาพอเพียงที่มีความประสงค์จะพัฒนา อย่างต่อเนื่องและมีศักยภาพที่จะเป็นพี่เลี้ยงขยายผลไปสู่สถานศึกษาอื่น ๆ ในการน้อมนำหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียงเข้าสู่สถานศึกษา ด้วยการเป็นสถานที่ศึกษาดูงานเกี่ยวการจัดการศึกษาตามหลักปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพียง มีบุคลากรที่สามารถเป็นวิทยากร ไม่ว่าจะเป็นผู้บริหาร ครู หรือนักเรียนแกนนำ เป็นพี่เลี้ยงให้แก่สถานศึกษาอื่น ๆ ที่สนใจได้ และมีผลงานเชิงประจักษ์ว่าสามารถเป็นพี่เลี้ยงช่วยพัฒนา สถานศึกษาอื่นให้ผ่านการประเมินเป็นสถานศึกษาพอเพียงได้อย่างน้อย 1 แห่ง ซึ่งมูลนิธิสยามกัมมาจล ธนาคารไทยพาณิชย์ได้มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาสถานศึกษาพอเพียงเหล่านี้โดยร่วมมือกับหน่วยงาน ต่าง ๆ และดำเนินการโดยเน้นความสมัครใจ การถอดบทเรียน การสร้างเครือข่าย ผ่านตลาดนัดวิชาการ เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียง จนเมื่อได้มีการดำเนินการมาเป็นระยะเวลาหนึ่ง ในปี พ.ศ. 2553 กระทรวงศึกษาธิการจึงได้ ร่วมมือกับเครือข่ายขับเคลื่อนหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง หลายหน่วยงานพัฒนาเครื่องมือและ ขั้นตอน วิธีการประเมิน ตลอดจนพัฒนาและแต่งตั้งคณะกรรมการประเมิน “ศูนย์การเรียนรู้ตามหลัก ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา” เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนอย่างเป็นระบบ สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (2565: 22) ได้กล่าวถึง ความหมายศูนย์การเรียนรู้ตามหลัก ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา เป็นห้องที่รวบรวมข้อมูลสารสนเทศ สาระความรู้ ชิ้นงาน และผลงานที่เกี่ยวกับการขับเคลื่อนหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของสถานศึกษา และศาสตร์ พระราชา เช่น หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง หลักการทรงงานของรัชกาลที่ 9 โครงการ ในพระราชดำริของรัชกาลที่ 9 พระราชดำรัสและพระบรมราโชวาทของรัชกาลที่ 9 พระบรมราโชบายด้าน การศึกษาของ รัชกาลที่ 10 สื่ออุปกรณ์ของฐานการเรียนรู้ แผนการจัดการเรียนรู้ เอกสารการประเมิน ต่าง ๆ สื่ออุปกรณ์สำหรับการเรียนรู้และการขยายผล เป็นต้น ตลอดจนมีการจัดบรรยากาศให้เอื้อต่อการ เรียนรู้และการเสริมสร้างค่านิยมในการเทิดทูนและแสดงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ จากความหมายของศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา ดังกล่าว สรุปได้ว่า ศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา คือ สถานศึกษาพอเพียงที่ มีความประสงค์จะพัฒนาอย่างต่อเนื่องและมีศักยภาพที่จะเป็นพี่เลี้ยงขยายผลไปสู่แก่สถานศึกษาอื่น ๆ ในการน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเข้าสู่สถานศึกษา และเป็นแหล่งเรียนรู้ศึกษาดูงาน เกี่ยวกับการจัดการศึกษาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ทั้งนี้ มีห้องที่รวบรวมข้อมูลสารสนเทศ


32 สาระความรู้ ชิ้นงาน และผลงานที่เกี่ยวกับการขับเคลื่อนหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของ สถานศึกษา และศาสตร์พระราชา และมีการจัดบรรยากาศให้เอื้อต่อการเรียนรู้ของนักเรียน 3.5 ความสำคัญของศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (2565: 1) ได้กล่าวไว้ว่า กระทรวงศึกษาธิการมีนโยบาย มุ่งพัฒนาสถานศึกษาทุกแห่ง ให้สามารถจัดกระบวนการเรียนการสอนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียง และเพื่อให้การพัฒนาเป็นไปอย่างมีคุณภาพด้วยความยั่งยืน จึงต้องมีการพัฒนา “สถานศึกษา พอเพียง” ให้เป็น “ศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา” เพื่อเป็น เครื่องมือสำคัญในการขยายผลการขับเคลื่อนหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงสู่สถานศึกษาได้อย่าง มีประสิทธิผล ซึ่งเป็นบทบาทหน้าที่ของหน่วยงานต้นสังกัดโดยอาจร่วมมือกับหน่วยงานอื่น ๆ ในการ ดำเนินงานตามความเหมาะสมและศักยภาพของสถานศึกษา ตลอดจนกระทรวงศึกษาธิการได้กำหนด บทบาทหน้าที่ แนวทางในการพัฒนา และพัฒนาเกณฑ์การประเมินศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา เพื่อให้สถานศึกษา หน่วยงานต่าง ๆ ได้นำไปใช้และพัฒนาการขับเคลื่อน หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงสู่สถานศึกษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ โรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี (2563: 1) ได้เห็นความสำคัญของศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา การอยู่อย่างพอเพียง และตระหนักถึงการน้อมนำหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร มาใช้ในการบริหารจัดการสถานศึกษาในกลุ่มงานต่าง ๆ ได้แก่ งานวิชาการ งานบริหารทั่วไป งานกิจการ นักเรียน และปกครอง และงานนโยบายและแผนงบประมาณ และบุคคล นำมาประยุกต์ใช้ในการจัดการ เรียนรู้ให้กับนักเรียน รวมถึงการจัดกิจกรรมต่าง ๆ โดยมุ่งส่งเสริมให้ครู นักเรียน บุคลากรทุกคนยึดหลัก ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงสู่การปฏิบัติ ทั้งนี้ในการดำเนินกิจกรรม การดำเนินชีวิตย่อมต้องอาศัยการ เรียนรู้ทั้งสิ้น ประกอบกับการใช้คุณธรรมเพื่อให้ทุกกิจกรรม ทุกการกระทำเป็นไปด้วยความเรียบร้อย อย่างไรก็ดีในการปฏิบัติสิ่งที่ควรคำนึงถึงคือ ความพอประมาณ ความมีเหตุผลของการปฏิบัติ ตลอดจน ต้องมีการวางแผน เพื่อป้องกันความเสี่ยง และมุ่งสู่เป้าหมายด้วยความสำเร็จ โดยเน้นประโยชน์ของ ส่วนรวมเป็นสำคัญ ซึ่งจากที่กล่าวมาแสดงให้เห็นว่า หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมีความสำคัญต่อ ทุกคน โดยเฉพาะนักเรียนที่ควรได้รับการเพาะบ่มอย่างถูกทางเพื่อให้เป็นผู้ใหญ่ที่จะสามารถดูแลตนเอง ดูแลครอบครัว และดูแลประเทศชาติต่อไปอย่างมั่นคงและยั่งยืน ซึ่งโรงเรียนอนุบาลเพชรบุรีได้รับการ ประกาศผลให้เป็นสถานศึกษาพอเพียง ในปีการศึกษา 2563 และได้ใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ในการจัดการบริหารสถานศึกษา จัดการศึกษามาอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้มีเป้าหมายสำคัญคือ การมุ่งให้ทุกคน ทุกฝ่ายสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข ตระหนักในการดำรงชีวิตด้วยความพอประมาณ รอบคอบ พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงในปัจจุบันและการวางแผนสู่อนาคต ตลอดจนขอเป็นส่วนหนึ่งในการขยายผล การใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในการบริหารสถานศึกษาให้กับสถานศึกษาและหน่วยงานอื่น ต่อไป ซึ่งเป็นเหตุผลสำคัญของการขอเป็นศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้าน


33 การศึกษา และได้ผ่านการประเมินเป็นศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้าน การศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ ตามประกาศ เมื่อวันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2564 จากความสำคัญของศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา ดังกล่าว สรุปได้ว่า ศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา สามารถจัด กระบวนการเรียนการสอนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และเป็นเครื่องมือสำคัญในการขยายผล การขับเคลื่อนหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงสู่สถานศึกษาได้อย่างมีประสิทธิผล 3.6 จุดมุ่งหมายของศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (2565: 28-31) ได้นำเสนอถึงจุดมุ่งหมายที่สำคัญของการ เป็นศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา คือ เพื่อเสริมสร้างศักยภาพ ในการขยายผลการขับเคลื่อนหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และเป็นแหล่งเรียนรู้ให้กับผู้เรียน เป็นแหล่งศึกษาดูงานให้กับหน่วยงานและผู้สนใจเข้าไปศึกษาเรียนรู้โดยศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษาจะต้องมีมาตรฐาน ประกอบด้วย 3 ด้าน 8 องค์ประกอบ ได้แก่ ด้านที่ 1 บุคลากร จำนวน 4 องค์ประกอบ ดังนี้ องค์ประกอบที่ 1 ผู้บริหาร ผู้บริหารเป็นผู้บริหารมืออาชีพ บริหารจัดการสถานศึกษาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียงอย่างมีประสิทธิภาพที่ส่งผลต่อคุณภาพของผู้เรียน มีการพัฒนานวัตกรรม/รูปแบบ/วิธีการ บริหารจัดการตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงที่มีคุณภาพ และเป็นที่ยอมรับของครู นักเรียน ผู้ปกครอง ชุมชน และหน่วยงานอื่น องค์ประกอบที่ 2 ครู/บุคลากร ครูและบุคลากรทางการศึกษาจัดการเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงอย่าง มีคุณภาพที่ส่งผลต่อคุณภาพของผู้เรียน มีการพัฒนานวัตกรรม/รูปแบบ/ วิธีการจัดการเรียนรู้ที่ดีตาม ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงโดยบูรณาการศาสตร์การพัฒนา 3 ศาสตร์จนเป็นผลงานที่มีคุณภาพเป็น แบบอย่างที่ดีและเป็น ที่ยอมรับ องค์ประกอบที่ 3 นักเรียน/นักศึกษา /ผู้เรียน นักเรียนมีความรู้ ทักษะการคิด และทักษะการทำงานตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียง เกิดคุณลักษณะอยู่อย่างพอเพียง มีจิตสำนึกที่ดีและปฏิบัติตนต่อความเป็นพลเมืองที่ดีต่อสังคม และสถาบันหลักของชาติสามารถปรับตัวพร้อมรับต่อการเปลี่ยนแปลงของสังคม เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และธำรงวัฒนธรรมความภาคภูมิใจของท้องถิ่นและสถาบันหลักของชาติ องค์ประกอบที่ 4 คณะกรรมการสถานศึกษา คณะกรรมการสถานศึกษาตระหนักในความสำคัญ และเห็นคุณค่าของหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียง ให้การสนับสนุน ส่งเสริม และสืบสานหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของ สถานศึกษา อย่างต่อเนื่องจนสถานศึกษาเป็นที่ยอมรับ


34 ด้านที่ 2 การจัดการสภาพแวดล้อมทางกายภาพ จำนวน ๒ องค์ประกอบ ดังนี้ องค์ประกอบที่ 1 อาคาร สถานที่และสิ่งแวดล้อม อาคารสถานที่ และสิ่งแวดล้อมเอื้อต่อการเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง องค์ประกอบที่ 2 แหล่งเรียนรู้/ฐานการเรียนรู้ และ/หรือกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อ เสริมสร้างอุปนิสัยอยู่อย่างพอเพียง แหล่งเรียนรู้/ฐานการเรียนรู้สอดคล้องกับบริบท และภูมิสังคมของสถานศึกษาที่ส่งเสริม การจัดกิจกรรมการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เพื่อเสริมสร้างอุปนิสัยอยู่อย่าง พอเพียง การมีจิตสำนึกที่ดีและปฏิบัติตนต่อความเป็นพลเมืองที่ดีต่อสังคมและสถาบันหลักของชาติและ การเสริมสร้างผู้เรียนให้มีคุณสมบัติของคนไทยที่พึงประสงค์ตามแนวพระบรมราโชบายด้านการศึกษาของ รัชกาลที่ 10 ด้านที่ 3 ความสัมพันธ์กับหน่วยงานภายนอก จำนวน ๒ องค์ประกอบ ดังนี้ องค์ประกอบที่ 1 ความสัมพันธ์กับสถานศึกษาอื่นในการขยายผลการขับเคลื่อนหลัก ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา สถานศึกษามีความสัมพันธ์อันดีกับสถานศึกษาอื่น หน่วยงาน/ชุมชน/องค์กร/ภาคี เครือข่ายต่าง ๆ ในการขยายผลการขับเคลื่อนหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงได้ประสบผลสำเร็จ องค์ประกอบที่ 2 ความสัมพันธ์กับหน่วยงานต้นสังกัด และ/หรือหน่วยงานภายนอก (ภาครัฐ ภาคเอกชน และชุมชน) สถานศึกษามีความสัมพันธ์อันดีกับหน่วยงานต้นสังกัด/หรือหน่วยงานภายนอก ได้รับ การยอมรับ และความร่วมมือจากหน่วยงาน/ชุมชน/องค์กร/ภาคีเครือข่ายต่าง ๆ ในการขับเคลื่อนหลัก ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงทั้งภายในสถานศึกษาและภายนอกสถานศึกษาได้ประสบผลสำเร็จ โรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี (2563: 10-11) ได้กำหนดจุดมุ่งหมายการพัฒนาสถานศึกษา พอเพียงให้เป็นศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา ประกอบด้วย 3 องค์ประกอบ ได้แก่ 1. บุคลากร มีการพัฒนาครู และบุคลากรทางการศึกษา ดังนี้ - จัดการประชุม อบรมเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ด้านการศึกษา การฝึกถอดบทเรียน 2 เงื่อนไข 3 ห่วง 4 มิติ - จัดกิจกรรมการเรียนการสอนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงให้กับนักเรียน - จัดฐานการเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา เพื่อให้ นักเรียนได้เรียนรู้ และเกิดทักษะ ประสบการณ์ นำไปใช้ในชีวิตประจำวันต่อไป - จัดทำโครงการ งาน/ กิจกรรมตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงโดยคำนึงถึง ความคุ้มค่า และประโยชน์กับนักเรียนเป็นสำคัญ


35 - จัดให้มีการศึกษาข้อมูล และศึกษาดูงานโรงเรียนที่เป็นศูนย์การเรียนรู้ตามหลัก ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา 2. การจัดสภาพแวดล้อมทางกายภาพ มีการพัฒนาสภาพแวดล้อมทางกายภาพ ดังนี้ - การจัดอาคารสถานที่ และสิ่งแวดล้อมตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง โดย จัดเป็นฐานการเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา - การจัดสภาพแวดล้อมภายใน และภายนอกห้องเรียนที่เอื้อต่อการเรียนรู้ตามหลัก ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และส่งเสริมให้มีการใช้แหล่งเรียนรู้ภายในโรงเรียนให้เกิดประโยชน์มากที่สุด 3. ความสัมพันธ์กับหน่วยงานภายนอก มีการสร้างความสัมพันธ์กับหน่วยงานภายนอก ดังนี้ - ประสานความสัมพันธ์กับชุมชน หน่วยงาน องค์กร ให้มีส่วนร่วมในการส่งเสริม การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และสร้างความสัมพันธ์อันดีกับชุมชน หน่วยงาน องค์กร - สร้างเครือข่ายการเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงให้กับสถานศึกษา อื่น ๆ ในด้านการบริหาร ด้านจัดการเรียนการสอนและการจัดกิจกรรมตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียง จากจุดมุ่งหมายของศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา ดังกล่าว สรุปได้ว่า ศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา มีจุดมุ่งหมาย คือ เพื่อเสริมสร้างศักยภาพในการขยายผลการขับเคลื่อนหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และเป็น แหล่งเรียนรู้ให้กับผู้เรียน เป็นแหล่งศึกษาดูงานให้กับหน่วยงานและผู้สนใจเข้าไปศึกษาเรียนรู้โดยศูนย์ การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษาจะต้องมีมาตรฐาน ประกอบด้วย 3 ด้าน ได้แก่ ด้านบุคลากร ด้านการจัดสภาพแวดล้อมทางกายภาพ และด้านความสัมพันธ์กับหน่วยงานภายนอก สรุปได้ว่า ศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา คือ การน้อมนำ เนื้อหาเกี่ยวกับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษามาใช้ในการวางแผน กำหนดแนวทางการ บริหารจัดการสถานศึกษา เพื่อให้สถานศึกษาได้นำไปใช้และพัฒนาการขับเคลื่อนหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียงสู่สถานศึกษาได้อย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผล 4. การขับเคลื่อนหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา ศูนย์สถานศึกษาพอเพียง มูลนิธิยุวสถิรคุณ (2557: 12-15) ได้กล่าวไว้ว่า การขับเคลื่อน หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา หมายถึง การดำเนินการส่งเสริมและสนับสนุนให้ บุคลากรในภาคการศึกษาทุกระดับ น้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในชีวิตประจำวันและ การปฏิบัติภารกิจ เช่น การบริหารการศึกษา การบริหารจัดการงบประมาณการศึกษา การจัดสถานศึกษา การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ การจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน การจัดกิจกรรมนักเรียน เป็นต้น เพื่อที่ท้ายที่สุด แล้วเกิดกระบวนการปรับเปลี่ยนวิธีคิดและวิถีปฏิบัติ จนเป็นวิถีชีวิต เพื่อผลให้เกิดการปลูกฝังและบ่มเพาะ ผู้เรียน เด็ก และเยาวชน ให้มีจิตสำนึกและอุปนิสัย “พอเพียง” (Sufficiency Mindset and Behavior)


36 เพื่อจะได้สามารถดำรงตน และดำเนินชีวิตให้เจริญก้าวหน้าไปได้อย่างสมดุลและพร้อมรับต่อ การเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ การขับเคลื่อนหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในสถานศึกษา โดยเริ่มต้นจาก การเตรียมความพร้อมของสถานศึกษาในการน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้เพื่อให้เกิด เป็นภูมิคุ้มกันที่ดีของสถานศึกษาในการดำเนินงานอย่างมีระบบ และมีทีมบุคลากรที่มีความเข้มแข็ง เป็น กำลังสำคัญในการขับเคลื่อนสถานศึกษาสู่ความยั่งยืน 1. การเตรียมความพร้อมของผู้บริหาร เป็นผู้ที่มีแรงบันดาลใจจากพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวฯ และได้น้อมนำพระราชดำริ หลักการทรงงาน และหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมา เป็นแนวทางในการดำรงวิถีชีวิตของตนเองอยู่ก่อนแล้ว ครั้นเมื่อมีนโยบายจากกระทรวงศึกษาธิการในการ ขับเคลื่อนหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงสู่สถานศึกษา จึงสามารถนำมาต่อยอดในสถานศึกษาได้อย่าง มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยผู้บริหารต้องเริ่มพัฒนาจากตัวเองเพื่อเพิ่มเติมความรู้จากที่เคยรู้ เคยปฏิบัติมา ในวิถีชีวิตส่วนตัวก่อนแล้ว แต่เมื่อนำมาเข้าสู่การบริหารสถานศึกษา จึงจำเป็นต้องเป็นผู้ใฝ่เรียนรู้ ค้นคว้า หาความรู้เพิ่มขึ้น โดยมีการพัฒนาความรู้อย่างสม่ำเสมอ ทั้งในศาสตร์พระราชา ศาสตร์สากล และศาสตร์ ท้องถิ่น เพื่อที่ผู้บริหารจะได้เป็นผู้รอบรู้ มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง สามารถนำมาประยุกต์ใช้ และเผยแพร่ความรู้ให้แก่ผู้อื่นได้อย่างถูกต้อง ผู้บริหาร สามารถนำไปแนวทาง หลักคิดและหลักปฏิบัติ สามารถปฏิบัติตนให้เป็นต้นแบบและสร้างแรงจูงใจแก่ผู้อื่น และเสริมสร้างให้เกิด ความมีส่วนร่วมจากทุกฝ่าย เกิดความร่วมมืออย่างเต็มใจ ทำด้วยใจอย่างเต็มที่และมีหลักการบริหาร จัดการสถานศึกษา คือ การบริหารแบบมีส่วนร่วมโดยผู้บริหารเป็นนักบริหาร นักพัฒนา และนักปฏิบัติ ผู้บริหารรู้จักตนเอง รู้จักบริบท และรู้จักผู้อื่นด้วยการเข้าใจ เข้าถึงอย่างมีเหตุผล นำมาสู่การพัฒนาอย่าง พอเพียง สอดคล้องกับหลักการทรงงาน คือ การระเบิดจากข้างในที่ผู้บริหารได้นำมาเป็นแนวคิดแนว ปฏิบัติอีกหลักหนึ่ง อันเป็นภูมิคุ้มกันที่ดีให้ผู้บริหารได้เข้าใจและสามารถบริหารจัดการทั้งบุคลากร และ ทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่าในบริบทของตนเอง อีกทั้งยังนำไปสู่การรู้รักสามัคคีของ บุคลากรในศูนย์ และชุมชน ก่อให้เกิดทีมงานที่เข้มแข็งยิ่งขึ้น ผู้บริหารมีการวางแผน วางนโยบาย การสร้างวิสัยทัศน์ พันธกิจ และกลยุทธ์ของสถานศึกษาในการขับเคลื่อนหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียงในสถานศึกษาในแผนปฏิบัติการของสถานศึกษา พร้อมทั้งจัดสรรงบประมาณอย่างเหมาะสมและ ผู้บริหาร ต้องมีความเข้าใจและสามารถบริหารจัดการทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดตามบริบทของตนเองได้ อย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่า 2. การเตรียมความพร้อมของครู เพื่อให้ครูและบุคลากรมีภูมิคุ้มกันที่ดี ในวิถีชีวิต สามารถให้การส่งเสริม สนับสนุน และพัฒนาครูและบุคลากรให้เป็นผู้ยึดถือ และน้อมนำหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียงไปเป็นหลักคิด และหลักปฏิบัติจนเกิดเป็นอุปนิสัยพอเพียงในวิถีชีวิตส่วนตัวและวิชาชีพ ครู อันจะนำไปสู่แนวทางในการจัดการเรียนการสอนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อพัฒนา คุณภาพของผู้เรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยประการแรก คือ การมีภาวะผู้นำของผู้บริหารที่จะต้อง ดำรงตนเป็นต้นแบบและสร้างแรงจูงใจให้แก่ครูและบุคลากร ซึ่งเป็นการระเบิดจากข้างในในการเตรียมคน


37 และสร้างแรงจูงใจให้เกิดความร่วมมืออย่างเต็มใจ นำไปสู่การสร้างความเข้มแข็งของทีมงาน ทีมบุคลากร มีสภาพความพร้อมที่จะรับการพัฒนา โดยที่ผู้บริหารดำเนินการจัดกิจกรรมเป็นขั้น ๆ ต่อไป โดยเริ่มจาก ประชุมครู และกำหนดเป็นวาระการประชุมในวาระสำคัญให้ครูและบุคลากรเห็นความสำคัญในนโยบาย ที่ผู้บริหารได้วางแผนไว้อย่างชัดเจน อีกทั้งการส่งเสริมสนับสนุนและจัดสรรงบประมาณให้ครูแกนนำได้รับ การอบรม การศึกษาคูงาน เรียนรู้กับปราชญ์ชาวบ้านศึกษาเรียนรู้ด้วยตนเอง 3. การเตรียมความพร้อมของนักเรียน เพื่อให้นักเรียนมีภูมิคุ้มกันที่ดีในชีวิต สามารถให้ การส่งเสริมและพัฒนานักเรียนให้เกิดการเรียนรู้ตามความเหมาะสมแก่ศักยภาพ และพร้อมเรียนรู้อย่า งมีความสุข สถานศึกษามีการเตรียมความพร้อมในระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน เพื่อให้นักเรียนพร้อมที่จะ เรียนรู้ทั้งสุขภาพกาย สุขภาพจิตและสติปัญญา โดยมีกิจกรรมการเตรียมความพร้อม ดังนี้ 3.1 ระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนในโรงเรียนระดับประถมศึกษา จะมีการดูแล ช่วยเหลือนักเรียนในหลายลักษณะ ได้แก่ (1) โครงการเยี่ยมบ้านนักเรียน (2) จัดให้มีระบบคัดกรอง พฤติกรรมของนักเรียน (3) จัดตั้งกองทุนการศึกษาหรือจัดหาทุนการศึกษาให้กับนักเรียนที่ขาดแคลนทุน ทรัพย์ และ (4) จัดระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนที่มีความบกพร่องทางสติปัญญาหรือบกพร่องทาง พฤติกรรม และ โรงเรียนระดับมัธยมศึกษา จะมีระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียนที่เป็นขั้นตอน คือ (1) การรู้จักนักเรียนเป็นรายบุคคล (2) การคัดกรองนักเรียน (3) การส่งเสริมนักเรียน (4) การป้องกันและ แก้ไขปัญหาและ (5) การส่งต่อกระบวนการดำเนินงานระบบดูแลและช่วยเหลือนักเรียน 3.2 การเตรียมความพร้อมในด้านร่างกาย ได้แก่ (1) โครงการอาหารกลางวัน และ (2) การจัดระบบการส่งเสริมสุขภาพอนามัยที่ดี และด้านจิตใจ โดยมีโครงการเข้าค่ายคุณธรรม (3) การ เตรียมความพร้อมของชุมชน เพื่อให้ชุมชนมีภูมิคุ้มกันที่ดีในการเข้าใจในบทบาทและหน้าที่ในการเข้ามามี ส่วนร่วมกับสถานศึกษา ให้ความร่วมมืออย่างเต็มใจ และทำด้วยใจอย่างเต็มที่ จึงมีการประชุมชี้แจงแก่ คณะกรรมการสถานศึกษา ผู้ปกครอง คณะกรรมการหมู่บ้านและชุมชน เพื่อสร้างความสัมพันธ์ และสร้าง ความเข้าใจตรงกันถึงบทบาทหน้าที่ในการช่วยเหลือ สนับสนุน รวมทั้งขอความร่วมมือในการดำเนิน กิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกับทางสถานศึกษา ซึ่งผู้บริหารต้องยึดหลักการบริหารแบบมีส่วนร่วม และมีกลยุทธ์ใน การสร้างเสริมให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา ไปสู่เป้าหมายร่วมกัน (5) การเตรียมความพร้อมของสภาพแวดล้อมของสถานศึกษา เพื่อให้เกิด สภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ (Enabling Environment) ซึ่งรวมถึงสภาพแวดล้อมทางกายภาพ วัฒนธรรมการอยู่ร่วมกันของสังคมหรือค่านิยมร่วมขององค์กร/ชุมชน/สังคม และเป็นแบบอย่างที่ดีในทาง ปฏิบัติ(Role Model) ดังนั้น จึงได้มีการพัฒนาสภาพแวดล้อมของสถานศึกษาให้มีความสะอาด ร่มรื่น มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย สวยงามโดยการปลูกต้นไม้ หรือการจัดสวนหย่อม นอกจากนี้ยังออกแบบ สถานที่ภายในสถานศึกษาให้ใช้ประโยชน์สูงสุด โดยจัดเป็นแหล่งเรียนรู้ เช่น ต้นไม้พูดได้การจัดป้าย ความรู้ ป้ายคติเตือนใจ ป้ายคำพ่อสอน จัดทำป้ายนิเทศและบอร์ดความรู้ต่าง ๆ ห้องพิพิธภัณฑ์ ห้อง นิทรรศการหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง รวมทั้งจัดทำฐานการเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ


38 พอเพียงด้านการศึกษา เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ ในแนวคิดพื้นฐานเดียวกัน อันนำไปสู่การปฏิบัติได้ โดยการ ใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า เหมาะสม และพอเพียงกับบริบท กระทรวงศึกษาธิการ (2559: 43) ได้กำหนดให้สถานศึกษาดำเนินการขับเคลื่อนหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพียงสู่การจัดการเรียนการสอน ตามหลักสูตรการจัดการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการโดย ให้ดำเนินการน้อมนำหลักการดังกล่าวไปประยุกต์ใช้ใน 5 ด้าน ดังนี้ 1. ด้านการบริหารจัดการสถานศึกษา โดยการกำหนดเป็นนโยบาย งานวิชาการ งบประมาณบุคคล บริหารทั่วไป ชุมชนสัมพันธ์ นำหลักการทรงงาน (เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา) มาปรับใช้ ในการบริหารสถานศึกษาและบริหารทรัพยากรตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงการมีส่วนร่วม รู้รักสามัคคี ไม่ประมาท 2. ด้านหลักสูตรและการจัดการเรียนการสอน โดยการสอนวิชาเศรษฐกิจพอเพียงตาม หลักสูตรการจัดการศึกษา บูรณาการหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงกับสาระการเรียนรู้หน่วยการ เรียนรู้ และสร้างบรรยากาศที่ส่งเสริมการเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 3. ด้านการจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน โดยต่อยอดหรือพัฒนากิจกรรมที่สอดคล้องกับภูมิ สังคมบริบทของสถานศึกษา มีการวางแผนอย่างรอบคอบ คำนึงถึงความเสี่ยงต่าง ๆ ใช้หลักคิด หลัก ปฏิบัติที่สอดคล้องกับหลักวิชาการอย่างสมเหตุสมผล และส่งเสริมการเรียนรู้และคุณธรรม 4. ด้านการพัฒนาบุคลากร โดยการกำหนดแผนงาน โครงการการพัฒนาบุคลากรใน สถานศึกษาอย่างต่อเนื่อง และส่งเสริมให้บุคลากรในสถานศึกษาศึกษาหาความรู้ที่เกี่ยวข้องอย่างสม่ำเสมอ 5. ด้านผลลัพธ์/ภาพความสำเร็จ โดยจัดสภาพภูมิทัศน์ในสถานศึกษา สร้างบรรยากาศ ที่ดีในการปฏิบัติงานของบุคลากรในสถานศึกษา รายงานผลการร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ในชุมชน และมีการ เผยแพร่ผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้" จากการศึกษาการขับเคลื่อนหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษาดังกล่าว สรุปได้ว่า การขับเคลื่อนหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา เป็นการน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียงมาใช้ในด้านการบริหารจัดการสถานศึกษา ด้านหลักสูตรและการจัดการเรียนการสอน ด้านการ จัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน และด้านการพัฒนาบุคลากร สามารถประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน และการ ปฏิบัติภารกิจของสถานศึกษา เพื่อปลูกฝังและบ่มเพาะผู้เรียน เด็ก และเยาวชนให้มีจิตสำนึกและอุปนิสัย “พอเพียง” สามารถดำรงตน และดำเนินชีวิตให้เจริญก้าวหน้าไปได้อย่างสมดุล และพร้อมรับต่อการ เปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ในการขับเคลื่อนหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษาสู่ความสำเร็จ ได้แก่ การบริหารจัดการของสถานศึกษา ผู้บริหารสถานศึกษา ครู ผู้เรียน และผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง 5. ศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา ของโรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี โรงเรียนอนุบาลเพชรบุรี(2563:13) ได้จัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ พอเพียงด้านการศึกษาขึ้นในปีการศึกษา 2563 และผ่านการประเมินเป็นศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญา


39 ของเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา โดยประกาศของกระทรวงศึกษาธิการ เมื่อวันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2564 (คณะกรรมการโครงการพัฒนาการเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง. 2563: 4-6) ซึ่งประกอบด้วย ฐานการเรียนรู้ จำนวน 6 ฐาน โดยมีกิจกรรมการเรียนรู้ทั้งสิ้น 23 กิจกรรม รายละเอียด ดังต่อไปนี้ ฐานการเรียนรู้ที่ 1 : ฐานการเรียนรู้ วิชาการ สานศาสตร์พระราชา เป็นฐานการเรียนรู้ ที่ส่งเสริมให้นักเรียนมีความรอบรู้ รอบคอบ รู้จักพัฒนาตนเอง เกิดทักษะ กระบวนการในการทำงาน สามารถวางแผนในการปฏิบัติงานได้ ฝึกฝนให้นักเรียนคิดเป็น ทำเป็น แก้ปัญหาเป็น ประกอบด้วย 3 กิจกรรม ได้แก่ 1. กิจกรรมเรียนรู้สู่ประสบการณ์ เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้ มีประสบการณ์ ทักษะกระบวนการด้วยตนเองอย่างรอบคอบ ประกอบด้วย 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ ได้แก่ ภาษาไทย คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม สุขศึกษาและ พลศึกษา ศิลปะ การงานอาชีพ และ 2 กิจกรรม ได้แก่ กิจกรรมพัฒนานักเรียนระดับประถมศึกษา และ กิจกรรมเสริมประสบการณ์ระดับปฐมวัย 2. กิจกรรมห้องสมุดจุดประกายฝัน เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมให้นักเรียนมีทักษะการฟัง พูด อ่าน เขียน รู้จักศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง และปลูกฝังคุณนิสัยรักการอ่าน 3. กิจกรรมเช้านี้ที่อนุบาล เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมให้นักเรียนได้นำเสนอสาระความรู้ ผ่านรายการวีดีทัศน์ ช่วงเวลา 8.15– 8.30 น. ในวันจันทร์ วันพุธ และวันพฤหัสบดี ณ ห้องวีดิทัศน์ ฐานการเรียนรู้ที่ 2 : ฐานการเรียนรู้รู้รักษา สิ่งแวดล้อม เป็นฐานการเรียนรู้ที่ส่งเสริม ให้นักเรียนเห็นคุณค่าของธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม และตระหนักในการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า เพื่อให้เกิด ประโยชน์สูงสุดต่อส่วนรวม ประกอบด้วย 4 กิจกรรม ได้แก่ 1. กิจกรรมห้องเรียนสีเขียว เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมให้นักเรียนมีความรู้ด้านการอนุรักษ์ และประหยัดพลังงาน นำไปสู่การปฏิบัติจริงในชีวิตประจำวัน 2. กิจกรรมผลิตน้ำหมักชีวภาพและธนาคารขยะเป็นศูนย์ เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริม ให้นักเรียนได้เรียนรู้เชิงปฏิบัติการในการผลิตน้ำหมักชีวภาพจากเศษอาหารในโรงครัวของโรงเรียน รวมทั้ง ธนาคารขยะที่ฝึกการคัดแยกขยะในห้องเรียน และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับขยะ 3. กิจกรรมปลูกพืชกลับหัว เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมให้นักเรียนได้เรียนรู้การปลูกพืช ในหลากหลายรูปแบบ ฝึกการวิเคราะห์ การเจริญเติบโตของพืช 4. กิจกรรมสายธารแห่งความพอเพียง เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมให้นักเรียนรู้จักนำวัสดุเหลือ ใช้มาประดิษฐ์เป็นสิ่งของชิ้นใหม่ เป็นการสร้างชีวิตที่สองของขยะ คุ้มค่าและได้ประโยชน์


40 ฐานการเรียนรู้ที่ 3 : ฐานการเรียนรู้ น้อมนำ ศิลปภูมิปัญญา เป็นฐานการเรียนรู้ที่ส่งเสริม ให้นักเรียนได้แสวงหาความรู้จากแหล่งเรียนรู้ภายในและภายนอกสถานศึกษา ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของ ผู้ปกครองการเรียนรู้จากวิทยากรภายนอก และภูมิปัญญาท้องถิ่น ประกอบด้วย 2 กิจกรรม ได้แก่ 1. กิจกรรมทัศนศึกษาแหล่งเรียนรู้ในท้องถิ่น เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมให้นักเรียนได้ศึกษา แหล่งเรียนรู้ในท้องถิ่นเพชรบุรี โดยศึกษาศิลปวัฒนธรรม ภูมิปัญญา วิถีชีวิตและสถานที่สำคัญของจังหวัด เพชรบุรี 2. กิจกรรมผู้ใหญ่ใจดีเป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมให้ผู้ปกครองเข้ามามีส่วนร่วมในการให้ ความรู้ ทักษะ ประสบการณ์กับนักเรียน ฐานการเรียนรู้ที่ 4 : ฐานการเรียนรู้ เลิศล้ำค่า คุณธรรม เป็นฐานการเรียนรู้ที่ส่งเสริมให้ นักเรียนเป็นผู้มีคุณธรรม รักษาวัฒนธรรมงามอย่างไทย รู้จักการประหยัดอดออม และการปฏิบัติตนตาม จารีตประเพณี ในวันสำคัญต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้องเหมาะสมตามกาลเทศะ ประกอบด้วย 6 กิจกรรม ได้แก่ 1. กิจกรรมอัตลักษณ์สายชั้น เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมให้นักเรียนมีคุณธรรมในการปฏิบัติ ตนตามข้อตกลงของแต่ละสายชั้น 2. กิจกรรมออมทรัพย์นักเรียน เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมให้นักเรียนฝึกการแบ่งส่วนต่างจาก ค่าขนมของแต่ละวันฝากในบัญชีเงินฝากของตนเอง และนำไปสู่การฝากเงินในระบบบัญชีธนาคาร ตามลำดับ 3. กิจกรรมสหกรณ์โรงเรียน เป็นกิจกรรมที่ฝึกฝนให้นักเรียนมีทักษะการทำงานร่วมกัน การค้าขายการประชุม การทำบัญชีการแบ่งปันผลประโยชน์อย่างเท่าเทียม 4. กิจกรรมวันสำคัญของเราชาวอนุบาลเพชรบุรี เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมให้นักเรียนเห็น ความสำคัญและร่วมกิจกรรมในวันสำคัญของ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เรียนรู้ประวัติความเป็นมา และแสดงออกอย่างถูกกาลเทศะ 5. กิจกรรมเสริมสร้างคุณธรรม นำสู่โรงเรียนสุจริต เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมให้นักเรียน มีความซื่อสัตย์สุจริตในการจำหน่ายสินค้าผ่านบริษัทสร้างการดี 6. กิจกรรมบรรพชาสามเณรและบวชศีลจาริณี เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมให้นักเรียนได้ฝึก ปฏิบัติธรรมด้วยตนเอง โดยการบรรพชาเป็นสามเณรในนักเรียนชาย การบวชศีลจาริณีในนักเรียนหญิง ฝึกปฏิบัติคุณธรรม ความกตัญญู การเป็นพุทธศาสนิกชนที่ดี ฐานการเรียนรู้ที่ 5 : ฐานการเรียนรู้ ก้าวนำ ทักษะชีวิต เป็นฐานการเรียนรู้ที่ส่งเสริม ให้นักเรียนได้ฝึกฝนทักษะในการดำรงชีวิต เห็นคุณค่าของทรัพยากร และการปฏิบัติตนในการอยู่ร่วมกันใน สังคม เคารพในสิทธิเสรีภาพอันเท่าเทียมกัน รู้จักการเป็นผู้นำ ผู้ตามที่ดี ประกอบด้วย 4 กิจกรรม ได้แก่ 1. กิจกรรมประชาธิปไตยในโรงเรียน เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมให้นักเรียนได้มีอิสระ ทางความคิด ฝึกการเป็นผู้นำ ผู้ตามที่ดี


Click to View FlipBook Version