ตำำ�นาน พระเจ้้าเลีียบโลก ฉบัับสิิบสองปัันนา
ตํานาน พระเจ้าเลียบโลก ฉบับสิบสองปันนา
ÇÑ´»†Òਠ(àªμÇѹ) ¹¤ÃàªÕÂ§ÃØ‹§ ÊÔºÊͧ»˜¹¹Ò ¾Ô¸Õ¡ÂÍÊÁà´ç¨áÅФÃÙºÒàÁ×ͧ õ ÃÙ» ÀÒ¾ : ÇÊÑ¹μ »˜ÞÞÒᡌÇ
คํานํา (ฉบับพิมพเนื่องในวาระ ๕๐ ป เขตปกครองตนเองชนชาติไทสิบสองปนนา) เอกสารใบลานคอเอกสารสืาคํญเกัยวก ี่ บพัทธศาสนาซุงจดจารลงบนใบลาน ึ่ มีแหลงกาเนํดมาจากอินเดิ ีย เปนทเข ี่ าใจก นวัาตานานเอกสารเหลํานนถ ั้ กเผยแพรู เขาไปในศร ีลังกาโดยพทธศาสนาเถรวาทุราวศตวรรษท ี่ ๗ ตอมาจงเผยแผึเขามา ถึงสิบสองปนนา (ผานทางลานนา ภาคเหนือของประเทศไทยในปจจุบัน) จากการสารวจํ (ของนกวั ชาการในร ิฐบาลทัองถนส ิ่ บสองป ินนา ) พบวามเอกสารี ใบลานนับพันท ี่พบในพื้ นท ี่ทางตอนใตของมณฑลยูนนาน คือสิบสองปนนา ซือเหมา หลินชาง ไตคงและพื้นที่ใกลเคียง นอกเหนือจากจะจดจารเปนอักขระ ภาษาไท เอกสารใบลานเหลานี้ยังพบในดินแดนลาว พมา และภาคเหนือของ ประเทศไทย เอกสารใบลานอักขระไท คือมรดกทางภาษาและภูมิปญญา ที่ทรงคุณคา นอกเหนือจากหลักธรรมคําสอนทางพุทธศาสนา ตํานาน ประวัติศาสตรศาสนา บานเมือง ในเอกสารเหลานนย ั้ งมัเรีองราวความร ื่ เกู ยวก ี่ บโหราศาสตร ั ระบบปฏิทินไท ประวัติศาสตรสังคม กฎหมาย ขนบธรรมเนียม ประเพณีตํารายา ความรูทาง การแพทยแผนโบราณ สถาปตยกรรมศาสตรการสรางบาน วิถีชีวิต และศิลปะ วรรณคดี นับจากทเอกสารใบลานได ี่ เผยแพรเข ามาในพ นท ื้ ของคนไทในประเทศจ ี่ ีน (โดยเฉพาะในสิบสองปนนา ราวพุทธศตวรรษท ี่ ๑๙) พระสงฆไทไดคัดลอก แตงประพ นธั จดจาร เอกสารใบลานขนอ ึ้ กเป ีนจานวนมากํ โดยสวนใหญ เช อมโยง ื่ กับหลักธรรมคําสอนที่บันทึกไวในเอกสารใบลานที่คัดลอก บางสวนผสมผสาน กับภูมิปญญา วัฒนธรรมดั้งเดิมของชาวไทในสิบสองปนนา กลาวไดวา ตํานาน ตํานานพระเจ้าเลียบโลก ฉบับสิบสองปันนา ก
หลักธรรมคําสอนของพระพุทธเจา ภูมิปญญา และเอกสารเหลานั้น (ในตัวของ มันเอง) คือ อักขระภาษา ไดพัฒนากลายมาเปนสวนหน ึ่ งของชีวิตวัฒนธรรม จารีต ประเพณีของชาวไทในสิบสองปนนา อยางแนบแนน นานกวาพ นปั คนไทไดแสดงให เหนถ็งความนึยมชมชิ นในเอกสารใบลาน ื่ ที่จดจารเปนภาษาไทด วยการให ความหมายว าเป นประหน งทร ึ่ พยัสมบ ัติที่สงมา ตอมาจากอดีต อุปมาดั่ง เรือศักดิ์สิทธิ์ ที่สงตอประวัติศาสตรและวัฒนธรรมไท มาถงตราบจนป ึจจ ุบัน บันทกตึางๆ ในเอกสารใบลานยงถักอูาน ศึกษาใชประโยชน เปนบันทึกจารึกจดจํา เร ื่ องราวตางๆ ดังที่วัฒนธรรมประเพณีการจารคัดลอก เอกสารและการถวายทาน “ตานธรรม” เอกสารใบลาน เปนตวยันยืนการดัารงอยํ ู ของความหมายและคุณคาของมัน ในเดือนเมษายน พุทธศักราช ๒๕๔๔ รัฐบาลเขตปกครองตนเองชนชาติ ไทสิบสองปนนา ไดจัดประชุมสัมมนาเกี่ยวกับการศึกษาเอกสารใบลานขึ้นเปน คร ั้งแรกในนครเชียงรุง มีผูเขารวมซ ึ่งเปนผูเช ี่ ยวชาญมีความรูเก ี่ ยวเอกสาร ใบลานกวา ๒๐๐ คน รวมบทความที่นําเสนอประมาณ ๑๓๐ เรื่อง การประชุม ดังกลาวเปนส ิ่ งยืนยันไดเปนอยางดีถึงการท ี่คนไทใหความสําคัญกับเอกสาร ใบลาน ซึ่งเปนท ี่มาของอารยธรรมไท นับต ั้ งแตการกอต ั้งประเทศสาธารณรัฐ ประชาชนจีน (ในปพุทธศักราช ๒๔๙๒) ตามนโยบายของพรรคคอมมิวนิสต แหงประเทศจ ีน เรองความหลากหลายของชนชาต ื่ ิตางๆ และเสรภาพทางศาสนาี ในสิบสองปนนา รัฐบาลทองถ ิ่ นหลายระดับ ทั้งหมูบาน ตําบล อําเภอ และ เขตปกครองตนเอง ไดรวมกันอยางแข็งขันและยึดม ั่ นดวยใจศรัทธาท ี่จะปกปก รักษา และทําการสํารวจสืบคนวัฒนธรรมเอกสารใบลาน ประการแรก เราไดรวบรวมและจัดกลุมเอกสารใบลาน เพ ื่ อท ี่จะไมให สูญหาย หรอถืกทูาลายํ ตอมาไดมีการจดตังสถาบ ั้ ัน และมอบหมายใหผูเชยวชาญ ี่ จัดจําแนกลงทะเบียนและจัดทําเปนฉบับรวบรวม ตลอดจนเขียนสรุปบทคัดยอ ของเอกสารหนงสัอแตืละเลมน ั้น เรายงได ั มีการแปลเอกสารใบลานบางสวนออกมา ตามที่มีเน ื้ อหาสําคัญเก ี่ ยวพันกับวัฒนธรรมไทสิบสองปนนา และเรายังได มีการตีพิมพหนังสือจากเอกสารใบลานเปนภาษาจีน มากไปกวานั้น บทความ ข ตํานานพระเจ้าเลียบโลก ฉบับสิบสองปันนา
และเอกสารเหลาน ี้ไดถูกผลิตออกมาอยางสม ่ําเสมอในชวง ๒-๓ ปกอนหนาน ี้ โดยอาศัยเนื้อหาจากเอกสาร ตํานานตางๆ ที่ปรากฏในเอกสารใบลาน แวดวง วรรณกรรมและศิลปะยังไดประพันธผลงานศิลปะใหมๆ ขึ้นมา เชน การแสดง ละคร เรอง ื่ “เจาสทนุนางมโนรา” (จาก “ปญญาชาดก” ที่เดมแติงข นในล ึ้ านนา ) “ลังกาสิบหัว” (คือเร ื่ อง ทศกัณฑ-รามเกียรต ิ์) จนไปถึง การจัดงานเทศกาล สงกรานตดนตรและภาพยนตรี อีกทงงานจ ั้ ตรกรรมและชิ างฝ มือศลปะ ิ หัตถกรรม หลายอยางก็ไดถูกสรางสรรคขึ้นเช ื่อมโยงกับวรรณกรรมท ี่ปรากฏในเอกสาร ใบลาน หลายผลงานไดรับรางวัลอันเปนผลมาจากเอกลักษณเฉพาะของมัน ทั้งในประเทศและตางประเทศ อิทธิพลของเอกสารตํานานใบลานภาษาไท จึงมีแตงอกเงยและขยายออกมากขึ้นตามกาลเวลา อยางไรก็ตาม เราตระหนักดีวาการรวบรวมจัดหมวดหมูและการศึกษา เอกสารตํานานใบลานนั้นเปนเพียงแคการเร ิ่ มตน และยังตองใชเวลาอีกมาก เมื่อเทียบกับเนื้อหาที่ลึกซึ้งและกวางใหญไพศาลของมัน มากไปกวานั้น สวนที่ สําคญทั ี่สุดของเอกสารใบลานยงแทบไม ั มีการแปล หรอปร ืวรรติ ดวยเหตุนี้คุณคา ของมันจึงยังไมเปนที่รับรูในวงกวาง ความยุงยากอีกสวนหน ึ่ งก็คือ เอกสาร ตํานานเหลาน ี้จํานวนไมนอยยังอยูในมือของชาวบานชนบท หรือหมูบาน หางไกล ซึ่งมีโอกาสที่จะสูญหายไปตามกาลเวลา ภายใตเง ื่อนไขดังกลาว (โดยรวมมือกับ) สํานักพิมพประชาชนมณฑล ยูนนาน เราจึงตัดสินใจที่ จะตีพิมพเอกสารใบลาน ๑๐๐ ชุด โครงการรวบรวม ปรวรรตและจิดพัมพิครงน ั้ ี้นับวาสาคํญอยัางยงและม ิ่ ความหมายตี อประว ัติศาสตร วัฒนธรรมไท และประวัติศาสตรของพุทธศาสนาในประเทศสาธารณรัฐ ประชาชนจีน และหนงสั อปร ื วรรตและแปล ิ “ตํานานพระเจาเล ยบโลก ี ” คือเอกสาร เลมแรกที่เราเลือกตีพิมพออกมา เอกสารใบลาน ตํานานพทธศาสนาุที่จดจารเปนภาษาบาล (ีดวยอกขระไท ั ) อันเปนหน งในึ่ ๓ ภาษาสาคํญทั ใชี่ ในพ ทธศาสนาของประเทศจุีน เอกสารภาษาบาลี มีลักษณะเฉพาะของมัน ทั้งคําสอน แนวคิด และวัตรปฏิบัติทางศาสนาตางๆ ซึ่งถือวาใกลเคียงกับพุทธศาสนาในอดีตกาลมาก โดยการศึกษาผานเอกสาร ตํานานพระเจ้าเลียบโลก ฉบับสิบสองปันนา ค
ตํานานศาสนาในภาษาบาลีเราจึงสามารถเรียนรูรายละเอียดที่ถูกตองเก ี่ ยวกับ หลักธรรมคําสอน และประวัติพุทธศาสนาในยุคสมัยท ี่ พระพุทธเจายังมีชีวิตอยู ดวยเหตุนี้เอกสารใบลานจึงมีประโยชนตอการพัฒนา และเปนหลักฐานอันทรง คุณคาของศาสนาพุทธเถรวาท อันเปนหลักศาสนาพุทธของคนไท เอกสารตํานานท ี่ จดจารดวยอักขระภาษาไท จึงไมใชแคเอกสารทาง พุทธศาสนา แตคือผลงานวรรณกรรมท ี่ รวบรวมเอาวัฒนธรรม ประเพณีของ ชาวไทไวดวย เปรียบเสมือนเปน สาราณุกรมของชนชาติไท การพฒนาวัฒนธรรมของชนชาตั ิมีลักษณะสาคํญตามจารั ตประเพณ ีของี ชนชาตินั้น บันทึกท ั้งหลายในเอกสารใบลานไมไดขัดแยงกับเปาหมายของเรา ที่จะสรางอารยธรรมเชงจิตวิญญาณและสภาพวิตถัแนวสุงคมนัยมิ ในทางกลบกั ัน เปาหมายสังคมนิยมกับเน ื้อหาในเอกสารใบลานยังแสดงความเช ื่อมโยงตอกัน ในหลายกรณีดังน ั้ นเราจึงควรใหความสําคัญกับคุณคาของมรดกทางภาษา วัฒนธรรมของชนชาติและนําอดีตมารับใชปจจุบัน ดังไดกลาวไวในตอนตนวา เอกสารใบลานนั้นเปนวัฒนธรรมขามชาติ ขามภูมิภาค และขามชาต ิพันธุการตีพิมพและศกษาเอกสารตึานานจํงจะยึงสร ิ่ าง ความเขมแข็ง ความรูความเขาใจ และความรวมมือกันระหวางชนชาติระหวาง ประเทศ และภูมิภาคระดับโลก โดยเฉพาะอยางยิ่งความสัมพันธฉันมิตรที่มีตอ กันระหวางประเทศจีนและบรรดาประเทศเพื่อนบานในอุษาคเนยเอเชียใตและ เอเชียกลาง การตีพิมพเอกสารตํานานจึงจะมีสวนสรางเสริมบทบาทอยางสําคัญ ในการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหวางประเทศจีนกับประเทศเพื่อนบาน ประเทศที่มั่งคั่ง ประชาชนที่มั่งคั่ง ชาติที่มั่งคั่ง และสังคมที่มั่งคั่ง คือ ความปรารถนารวมโดยกลุมชนชาติทั้งหมดของสาธารณรัฐประชาชนจีน เจาแสงเมือง (Dao Shuren) ประธานพุทธสมาคม ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ๓ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๔๖ ง ตํานานพระเจ้าเลียบโลก ฉบับสิบสองปันนา
¾ÃиÒμØË¹‹Í (º¹Á‹Í¹´Í·Õè¾Ãоط¸à¨ŒÒ»ÃзѺÃ;Ãкҷ) ºŒÒ¹à¿Âŧ (¿‡ÒÇÅØ§) àÁ×ͧÅǧ ÊÔºÊͧ»˜¹¹Ò ÀÒ¾ : ÊØ´á´¹ ÇÔÊØ·¸ÔÅѡɳ
บรรณาธิการตนฉบับ: วสันตปญญาแกว ปริวรรตจากภาษาไทลานนาเปนภาษาไทย: ดิเรก อินจันทร พิมพครั้งที่ ๑: พฤษภาคม ๒๕๖๗ จํานวน: ๕๐๐ เลม จัดพิมพโดย: ภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา คณะสังคมศาสตรมหาวิทยาลัยเชียงใหม ๒๓๙ ถนนหวยแกว ตําบลสุเทพ อําเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม ๕๐๒๐๐ โทรศัพท๐ ๕๓๙๔ ๓๕๔๖ โทรสาร ๐ ๕๓๘๙ ๒๒๐๙ ออกแบบ/พิมพที่: หจก.วนิดาการพิมพ ๑๔/๒ หมู ๕ เทศบาลตําบลสันผีเสื้อ อําเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม ๕๐๓๐๐ โทรศัพท/โทรสาร ๐ ๕๓๑๑ ๐๕๐๓-๔ ขอมูลทางบรรณานุกรมของหอสมุดแหงชาติ ตํานานพระเจ้าเลียบโลก ฉบับสิบสองปันนา ตํานานพระเจาเลียบโลก ฉบับสิบสองปนนา.-- เชียงใหม : ภาควิชาสังคมวิทยา และมานุษยวิทยา คณะสังคมศาสตรมหาวิทยาลัยเชียงใหม, 2567. 278 หนา. 1. พุทธศาสนา -- ไทย (ภาคเหนือ). 2. พุทธศาสนา -- ตํานาน. I. ชื่อเรื่อง. 294.309593 ISBN 978-616-398-944-4
สารบัญ คํานํา ก บทนํา ซ บทอารัมภตํานาน ด ตํานานพระเจาเลียบโลก ผูก ๑ ๑ ตํานานพระเจาเลียบโลก ผูก ๒ ๒๕ ตํานานพระเจาเลียบโลก ผูก ๓ ๔๙ ตํานานพระเจาเลียบโลก ผูก ๔ ๖๙ ตํานานพระเจาเลียบโลก ผูก ๕ ๙๑ ตํานานพระเจาเลียบโลก ผูก ๖ ๑๑๔ ตํานานพระเจาเลียบโลก ผูก ๗ ๑๓๗ ตํานานพระเจาเลียบโลก ผูก ๘ ๑๖๒ ตํานานพระเจาเลียบโลก ผูก ๙ ๑๘๐ ตํานานพระเจาเลียบโลก ผูก ๑๐ ๒๐๒ ตํานานพระเจาเลียบโลก ผูก ๑๑ ๒๒๐ ศัพทานุกรม ๒๓๖ ตํานานพระเจ้าเลียบโลก ฉบับสิบสองปันนา ช
บทนํา ตํานานพระเจาเลียบโลก ฉบับสิบสองปนนา วสันตปญญาแกว วาดวยที่มาขององคพระธาตุหริภุญไชย ตามหลักฐานประวัติศาสตรเอกสาร ตํานาน ที่จดจารลงบนใบลาน และ พับสา เปนที่พอจะตกลงกันไดวา ความเปนมาของพุทธศาสนาในอาณาบริเวณ ภาคเหนือของประเทศไทยนั้น พอจะกลาวไดวา ราวพุทธศตวรรษท ี่ ๑๓ เปนตนมาพุทธศาสนาไดแพรกระจายขนมาจากพ ึ้ นท ื้ ตอนกลางของประเทศไทย ี่ ซึ่งในเวลานั้นเปนที่ตั้งของ “ละวาบุรี” (คือเมืองลพบุรี) ศูนยอํานาจของ อาณาจกรมอญั (ซึ่งครอบคลมทุงบร ั้ เิวณตอนกลางของประเทศไทยและตอนลาง ของพมาในปจจุบัน) การสถาปนาพุทธศาสนาขึ้นในดินแดนภาคเหนือ ที่ตอมา จะกลายเปน “ลานนาประเทศ” นั้น นักประวัติศาสตรลานนา มานุษยวิทยา โบราณคดีเห็นตรงกันวา นาจะเริ่มขึ้นในสมัยพระนางจามเทวีซึ่งตามตํานาน ไดนําเอาอารยธรรม พุทธศาสนา ภาษา และวัฒนธรรมความเชื่อของชาวมอญ ขึ้นมาจาก “ละวาบุรี” เม ื่ อมาครอง “หริภุญไชยนคร” (คือเวียงลําพูน) ตาม คําอัญเชิญของ “วาสุเทพษี” ผูเนรมิตสรางนครหริภุญไชยขึ้นบนฝงตะวันตก ของ “พิงคนที” ตํานานหลายฉบับโดยเฉพาะ “ตํานานมูลศาสนา” และ “จามเทวีวงศ” กลาวถึง การเดินทางไกลของธิดาของกษัตริยกรุงละโวหรือละวา ซึ่งขณะนั้น ทรงพระครรภอยูดวย ออกเดินทางพรอมบริวาร อมาตยขาไพรและพระสงฆ ซ ตํานานพระเจ้าเลียบโลก ฉบับสิบสองปันนา
ซึ่งสามารถรจนาพระไตรปฎกได ดวยถึง ๕๐๐ รูป รวมเวลากวา๖เดอนื (จากลพบุรี ขึ้นมาลําพูน) เพ ื่ อข ึ้นมาสถาปนาเปนเจาครองนครหริภุญไชย อันจะกลายเปน ศูนยกลางอํานาจและอารยธรรมของอาณาจักรมอญตอนเหนือ เสมือนเปน ภูมิธรรมความรูที่กลายเปนแหลงบมเพาะกอเกิด “อารยธรรมลานนา” ในเวลา ตอมา เม ื่ อพญามังรายขยายอํานาจลงมาจากเมืองเชียงรายทางเมืองฝาง จนรบยึดหริภุญไชยนครไวไดภายใตการปกครอง (ตนพุทธศตวรรษที่๑๘) การสถาปนาอํานาจของอาณาจักรหริภุญไชยและการแพรกระจายของ พุทธศาสนาเขามาในดินแดนที่ตอมาเรียกวา “ลานนา” จึงแทบจะกลายเปน กระบวนการเดยวกี ัน วาตาม จามเทววงศี แมวาพทธศาสนาจะพุฒนาขั นมาได ึ้ แล ว ในดินแดนแถบนี้ตั้งแตพุทธศตวรรษท ี่ ๑๓ สมัยพระนางจามเทวีทวายังหาได เปนท ี่ ยอมรับนับถืออยางกวางขวางไม พระนางและพระโอรสแฝดทั้ งสอง คือ พญาอนันตยศและพญามหันตยศ ตองขยายอํานาจจากหริภุญไชยนครไปยัง นครเขลางคควบคูไปกับการสถาปนาอํานาจชอบธรรม ผานอารยธรรมศาสนา จนสถาปนาอาณาจักรหริภุญไชยขึ้นมาไดอยางเปนปกแผนมั่นคง กระทั่งมาถึง รัชสมัยของพญาอาทิตยราชยราวพุทธศตวรรษท ี่ ๑๖ ตํานานไดเนนย ้ํ าถึง การคนพบองคพระธาตุตามนิมิตของกษัตริยหริภุญไชยเอง ตํานานจามเทวีวงศไดเลายอนถึงการคนพบพระธาตุวาเปนไปตาม คําทํานายของพระพุทธเจาท ี่ คร ั้ งหน ึ่งไดเคยเสด็จมา ณ ดินแดนแหงน ี้ และ ทรงทํานายไววา ในอนาคตจะกลายเปนบานเมืองที่พุทธศาสนาของพระองค จะเจริญรุงเรืองขึ้น จากนั้น (ตามพุทธทํานาย) ผานไปราว ๑,๕๐๐ ปกษัตริย ของนครหริภุญไชย คือพญาอาทตยราชยิ จึงมีนิมิตตามบญญาบารม ุของพระองคี และคนพบองคพระธาตุกอสรางเจดียและสรางวิหารครอบไวปวารณาตนเปน พุทธศาสนิกชนและสนับสนุนค ้ํ าจุนพุทธศาสนาในฐานะองค “จักรพรรดิราชย” และถือเอาพระธาตุเจดียนั้นเปนตัวแทนของพระพุทธองคที่ทรงสถิต อันเปน อํานาจอนศักดั ิ์สิทธในนครหร ิ์ ิภุญไชย ตลอดรชสมัยพญาอาทัตยิราชย ยังสถาปนา กฎหมายพระธรรมศาสตรขึ้น เปนรากฐานของอารยธรรมและการปกครองสร าง ความชอบธรรมของอารยธรรมมอญหริภุญไชยเหนือชนเผาพื้นเมือง บานเมือง ตํานานพระเจ้าเลียบโลก ฉบับสิบสองปันนา ฌ
นอยใหญในแถบลุมน ้ําปง (เชียงใหม-ลําพูน) และลุมน ้ํ าวัง (ลําปาง) ทําให นครหริภุญไชยกลายเปนราชธานีอันศักดิ์สิทธิ์ในนาม “พุทธเทศา” หรือเมือง บุญหลวง ตอมาแมจามเทวีวงศจะเส ื่ อมอํานาจลงไป พรอมกับสถานะราชธานีของ นครหริภุญไชย หลงพัายแพ ตอพญามงรายัฐานะความสาคํญของนครหรั ิภุญไชย นครอันเปนที่ตั้งของพระธาตุหลวงอันศักดิ์สิทธ ิ์ กลับไมเคยเปลี่ยนแปลง ทวา ยิ่งเพมความส ิ่ าคํญมากขั ึ้น วากนตามตัานานํ ในสมยแรกๆัองคเจด ียพระธาตกลางุ นครหริภุญไชยยังไมนาจะใหญโตเหมือนเชนปจจุบัน ตอมาเม ื่ ออารยธรรม พุทธศาสนาพฒนาเัจรญริงเร ุ องมากขื นในย ึ้ คลุานนาราชวงศ มังรายนเอง ี่ กษตรั ิย ลานนาไดบูรณะ ทํานุบํารุง สืบตอ อีกหลายครั้ง โดยเฉพาะจากสมัยพญากือนา จนมาถึงพญาติโลกราช ซึ่งวากันวาคือเวลาอันเปน “ยุคทอง” ของพุทธศาสนา และวรรณกรรมลานนาจนพระธาตหรุ ิภุญไชยกลายเปนพระธาตเจดุียองคหลวง ที่ตั้งอยูกลางนครเกาแก กลายมาเปนสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์สูงสุดในคติของ ชาวลานนาสืบมา ความสําคัญ ความศักดิ์สิทธิ์สูงสุดขององคพระธาตุและหริภุญไชยนคร ในฐานะ “พุทธเทศา” หรอเมืองบืญหลวง ุยังถกตอกยูาผล ้ํ ตซิ าในต ้ํ านานศาสนาํ ตางๆ ที่พบในลานนา ไมวาจะเปน ตํานานพระธาตุหริภุญไชย มูลศาสนา จามเทวีวงศและตํานานพระเจาเลียบโลก วาดวยที่มาของเถรวาทลังกาวงศในลานนา พุทธศาสนาในดนแดนลิานนาน ั้นนักมานษยวุทยาศาสนาและนิ กประว ั ัติศาสตร เสนอกันวา อาจจะแยกพิจารณาออกเปน ๓ ยุคสมัยดวยกัน คือ ๑. พุทธศาสนายุคกอนพญากือนา (กอนพุทธศักราช ๑๘๙๘) ซึ่งไดรับ อิทธพลสิงมากจากพูทธศาสนาทุี่มีพัฒนาการขนอย ึ้ างเจรญริงเรุ องในหร ื ิภุญไชยนคร (ดังกลาวขางตน) พุทธศาสนา “เถรวาทแบบมอญ” นี้มีลักษณะผสมผสาน ระหวางหินยานและมหายาน พราหมณ ฮินดูจนไปถึงความเช ื่ อด ั้ งเดิมของ ชนพนเม ื้ องืเชนเรอง ื่ การนบถัอและเซื นไหว “ ผีเจาท ” ี่ และสงศ ิ่ กดั ิ์สิทธในธรรมชาต ิ์ ิ ญ ตํานานพระเจ้าเลียบโลก ฉบับสิบสองปันนา
ดังปรากฏรองรอยสืบตอมาในพิธีกรรม ความเชื่อ หรือประเพณีวัฒนธรรม ในพุทธศาสนาของชาวลานนา ๒. พุทธศาสนาลังกาวงศเกา หรือ “เถรวาทแบบลานนาเดิม” ที่เริ่ม สถาปนาขนอย ึ้ างม ีนัยสาคํญตังแต ั้ สมยพญากัอนาื (พุทธศกราชั๑๘๙๘-๑๙๒๘) จนมาถึงสมัยพญาแสนเมืองมา (พุทธศักราช ๑๙๒๙-๑๙๔๕) ซึ่งบางตํานาน เชนในตํานานพระเจาเลียบโลกเรียกวา “พญาลานนา” เปนพุทธศาสนาเถรวาท ที่พระสงฆเช ยงใหม ี ได รับอทธิพลอยิางมากจากพระสงฆ สุโขทัย คือ พระสมนะเถระุ ซึ่งพญากือนาไดสรางวัดต ั้งเปนสํานักวิชาศูนยการศึกษาพระธรรมคําสอน และเผยแผศาสนานิกายนี้ที่ “วัดสวนดอก” โดยทั่วไปตํานานหลายฉบับ จึงมักจะกลาวถึงสํานักเถรวาทลานนาที่พัฒนาขึ้นในยุคนี้วา “สํานักสวนดอก” ๓. พุทธศาสนาเถรวาทลงกาวงศั ที่เจรญริงเร ุ องขืนอย ึ้ างมากจากยคพญา ุ สามฝงแกน (พุทธศักราช ๑๙๔๕-๑๙๘๔) และโดยเฉพาะในสมัยพญาติโลกราช (พุทธศักราช ๑๙๘๔-๒๐๓๐) จนมาถึงสมัยพญาแกว หรือพระเมืองแกว (พุทธศักราช ๒๐๓๘-๒๐๖๘) ซึ่งเรียกกันวา “ลังกาวงศใหม” เนื่องจากกษัตริย ลานนาเชยงใหม ี ได สงพระสงฆเด นทางไปศ ิกษารึาเร ่ํ ยนโดยตรง ีและนาอารยธรรมํ ภาษาพุทธศาสนาจากศรีลังกานิกายสิงหล กลับมาศึกษาและเผยแผ สถาปนา พุทธศาสนาแบบลานนาข ึ้น กระทงแพร ั่ กระจายออกจากลานนาลมนุ าป้ํ งไปตาม เครือขายหัวเมืองตางๆ ของชาวไท ในดินแดนลุมน้ําโขงตอนบน จนถึงลานชาง และสิบสองปนนา เถรวาทลังกาวงศใหมนี้ นักวิชาการเขาใจกันวามีศูนยกลางการศึกษา สํานักวิชาต ั้ งอยูที่วัดปาแดง อันเปนวัดท ี่ พญาติโลกราชใหสรางข ึ้ นและทรง ออกผนวชที่วัดนี้ดวย ตํานานศาสนาในลานนามักจะระบุถึงลังกาวงศใหม ในอีกชื่อหนึ่งวา “สํานักปาแดง” ตั้งแตสมัยพญาติโลกราช วัดปาแดงไดกลายเปนศูนยกลางสํานักวิชา พุทธศาสนาที่สําคัญ ขยายเครือขาย เผยแพรพุทธศาสนามีอิทธิพลสูง ในเขต นอกเมืองเชียงใหม (คือพะเยาและเชียงแสน) ออกไปไกลถึงเชียงตุง และหลาย หัวเมองในส ื บสองป ินนาขณะที่สํานกสวนดอกกั ไม็ ได ถูกกดกี ัน จึงขยายอทธิพลิ ตํานานพระเจ้าเลียบโลก ฉบับสิบสองปันนา ฎ
เผยแผศาสนานิกายของตนอยูในเขตเมืองเชียงใหมและเครือขายเมืองอ ื่ นๆ เชนกัน ในยุคสมัยของพญาติโลกราชซึ่งสถาปนาอํานาจกษัตริยขึ้นตามแบบ อโศกมหาราช กลาวกนวั า ดวยเหตุที่ตองผนกและสรึ างความเปนปกแผนให กับ อาณาจักรลานนา แมจะปวารณาตน สนับสนุน “สํานักปฏิรูป” คือวัดปาแดง จากลังกาอยางแข็งขัน พญาติโลกราชตองดําเนินนโยบายที่ เนนการยอมรับ ความแตกตางหลากหลายของนิกายสงฆพระองคคือกษัตริยผูที่สรางความเปน ปกแผนใหกับลานนา อยางปฏิเสธไมไดและอํานาจที่ยิ่งใหญของพระองคนั้น แผขยายและได รับความชอบธรรมอยางกวางขวางท งในล ั้ านนาและส บสองป ินนา จากการเผยแผอิทธพลของพิทธศาสนาเถรวาทลุานนาท ี่มีเชยงใหม ี เปนศนยูกลาง พญาตโลกราชค ิอองคืกษตรั ิยที่ยิ่งใหญของลานนาทสามารถสร ี่ าง “ชุมชน ศีลธรรม” ที่เปนอนหนังอ ึ่ นเดัยวกีนขันมา ึ้ บนรากฐานของการนบถัอพืทธศาสนาุ แบบเดียวกัน คือเถรวาทลานนาลังกาวงศ ความยิ่งใหญของอาณาจักรและความรุงเรืองของพุทธศาสนาอารยธรรม ลานนา ที่สถาปนาขึ้นในยุคพญาติโลกราชกลายเปนรากฐานสําคัญของ การกอเกิดยุคสมัยแหงภูมิปญญาลานนา ซึ่งมาบรรลุถึงจุดสูงสุดจนเรียกกันวา “ลานนายุคทอง” ในยุคสมัยของพระเมืองแกว ในสมัยพระเมืองแกว พระองคไดดําเนินการปกครองอาณาจักรและ สงเสรมพระพิทธศาสนาสุบตืออยางศรทธาและดัมด ื่ ่ําในยคทองของวรรณกรรมุ ลานนาน ี้ นอกจากจะอุปถัมภค้ําจุนพุทธศาสนา สรางความเปนปกแผนใหกับ คณะสงฆและฝกฝนอบรมกล มนุ กปราชญ ั ผลตผิ ูมีปญญาความรูอยางมากมาย จนกลาวไดวาเปนยุคที่รุงเรืองสูงสุดของการศึกษาภาษาบาลีอันถือเปนภาษา ศักดิ์สิทธิ์ที่ใชศึกษาคําสอนของพระพุทธเจา วากันวา วรรณกรรมภาษาบาลี ที่เขยนขี นในล ึ้ านนายคสมุยนั ี้ลวนแลวแต กลายมาเป นงานวรรณกรรมพทธศาสนาุ อันเปนทยอมร ี่ บกั นในระด ั บโลก ัเชน “จามเทววงศี ” ซึ่งแตงข นโดยพระโพธ ึ้ ิรังสี (ดังทกล ี่ าวถงหรึ ิภุญไชยนครในตอนตน) และ “เวชสนตระชาตะกะั ” (หรอตืานานํ มหาชาติชาดก) และ “มังคละ” ซึ่งแตงโดย พระสิริมังคลาจารยและตํานาน ฏ ตํานานพระเจ้าเลียบโลก ฉบับสิบสองปันนา
สําคัญที่สุดชิ้นหนึ่งของลานนาวรรณกรรม “ชินกาลมาลินี” ซึ่งประพันธขึ้นโดย พระรัตนปญญา และ “ชินกาลมาลินี” นี้นี่เองท ี่ เช ื่ อวานาจะเปน “ตนแบบ” มีอิทธพลติอแนวทางการเขยนวรรณกรรมลีานนาอกหลายเรี องในสม ื่ ยตัอมาและ หนึ่งในนั้นก็คือ “ตํานานพระเจาเลียบโลก” วาดวย ตํานานพระเจาเลียบโลก ฉบับสิบสองปนนา ตํานานพระเจาเลียบโลก แตงข ึ้นราวปลายสมัยของพระเมืองแกว (หากยึดตามที่ระบุไวทายตํานาน) ในปพุทธศักราช ๒๐๖๖ (กอนพระเมืองแกว สิ้นพระชนม๒ ป) เปนทเห ี่ นตรงก็ นในแวดวงมาน ัษยวุทยาลิานนาคด ีวา ตํานาน พระเจาเลียบโลก คือวรรณกรรมพุทธศาสนาเถรวาทลานนา (ที่แมไมไดรจนา เปนภาษาบาลีทั้งหมด) ที่มีอิทธิพลมากที่สุด มีการคัดลอกสืบตอกันมา มากคร ั้ งที่สุด ยาวนานมากที่สุด (ดูเพ ิ่ มเติมในบทอารัมภตํานาน ของสุดแดน วิสุทธิลักษณในสวนตอจาก “บทนํา” นี้ดวย) ทั้งยงเปันวรรณกรรมพทธศาสนาุ ที่สะทอนอํานาจของภาษาวรรณกรรมซ ึ่ งมีผลตอสังคม การเมือง ประเพณี ความเชื่อ และชีวิตวัฒนธรรมของผูคนในลานนาและสิบสองปนนา คงจะไมเปน คํากลาวเก นเลยไปน ิ ัก หากจะสรปวุา “ตํานานพระเจาเล ยบโลก ี ” คือ มหากาพย วรรณกรรม ที่ไดรับการเสกสรรขนด ึ้ วยภาษาภ ูมิธรรมความรของปราชญ ู ปญญาชน ในลานนา ทรงพลังมาอยางยาวนานรวม ๕๐๐ ปนับจากที่ไดมีการเขียนขึ้น ตํานานพระเจาเลียบโลกเอง และเร ื่องราวในตํานาน เก ี่ยวโยงพัวพัน ไปกับประเพณีชีวิตวัฒนธรรมของผูคนทุกระดับ ทั้งสังฆะ ฆราวาส สามัญชน ชนช ั้นปกครอง จนไปถึงชนเผาพ ื้ นเมืองหลากหลายชาติพันธุไมวาจะเปน คตการสริางพระธาตุการจารกแสวงบิญของพระน ุกบวชัการทาบํ ญไหว ุพระธาตุ รอยพระบาท ตามสถานที่สําคญซังระบ ึ่ ไวุในต านานํ ประเพณการคีดลอกตัานานํ และถวายตานานเป ํนกรรมบญค ุาจ ้ํ นพุทธศาสนาุจนนาไปส ํการแพร ู กระจายและ การใช “ภาษา” รวมกันใน “ชุมชนศีลธรรม” ที่กลาวไดวามีมาแตสมัย พญาตโลกราช ิการรอคอยการกลบมาของั “ธรรมกราชาิ ” ในนามของขบวนการ ตํานานพระเจ้าเลียบโลก ฉบับสิบสองปันนา ฐ
เคลอนไหวทางศาสนา ื่ และการปรากฏตนของ “ครบาู ” ทั้งหมดลวนแลวแตกลาย มาเปนคุณลักษณะอันโดดเดนของพุทธศาสนาแบบลานนาในปจจุบัน การปริวรรตตํานานพระเจาเลียบโลก ฉบับที่ทานอานอยูนี้จัดทําขึ้นเพื่อ เผยแพร ทั้งในวาระครบรอบ ๕๐๐ ปของการคัดลอกแตงตํานานข ึ้นในภาษา ลานนา (พุทธศักราช ๒๐๖๖-๒๕๖๖) และเพื่อรวมเฉลิมฉลองวาระครบ ๖๐ ป ภาควชาสิงคมวัทยาและมานิษยวุทยาิคณะสงคมศาสตรั มหาวทยาลิยเัชยงใหม ี (พุทธศักราช ๒๕๐๗-๒๕๖๗) การปริวรรตตีพิมพเผยแพรตํานานครั้งนี้จะวาไป ก็คงไดรับอิทธิพลมาจากประเพณี “การคัดลอก” ปริวรรต สืบตอตํานาน เพ ื่ อสานตอภูมิธรรมความรูและเผยแพรพระธรรมตํานาน แกสาธารณชน ตามธรรมเนียมประเพณีที่ปฏิบัติกันมา ไมมากก็นอย กลาวถึง ตนฉบับตํานานเอกสารซึ่งจดจารลงบนใบลานโดยอักขระภาษา ลานนา ที่นํามาปริวรรตเผยแพรคร ั้ งน ี้ ผูปริวรรต (คือ ดร.ดิเรก อินจันทร) ไดรับมอบตนฉบ ับ (จากผเขู ยนี ) และใชตัวเอกสารใบลานซงถ ึ่ ายเป นสาเนาภาพํ ลงบนหนังสือท ี่ ทางพุทธสมาคมสิบสองปนนาและนักวิชาการในรัฐบาล เขตปกครองตนเองชนชาติไทสิบสองปนนา มณฑลยูนนาน ประเทศสาธารณรัฐ ประชาชนจีน ใชเปนเอกสารตนฉบับ ดําเนินการแปล ปริวรรต และจัดพิมพขึ้น เปนหนังสือภาษาไทและภาษาจีนกลาง (ในเลมเดียวกัน) จัดพิธีเปดตัวไป ในวันท ี่ ๑๔ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๔๖ เพ ื่ อเฉลิมฉลองวาระครบรอบ การสถาปนา ๕๐ ปเขตปกครองตนเองชนชาติไทสิบสองปนนา (ซึ่งผูเขียนได เขาร วมและเป นเหต ใหุได รับหนงสัอตืานานฉบํบดังกลัาวนมา ี้ ) ดังท ี่ เจาแสงเมองื ไดเขียนคํานําอรรถาธิบายไวบนหนังสือเลมดังกลาว (ดู “คํานํา” เจาแสงเมือง ที่ผูเขียนแปลสรุปเปนภาษาไทย โดยไดขออนุญาตจากทานแลว ในหนังสือ เลมนี้ดวย) อนึ่ง เอกสารตนฉบ ับ (ที่ตีพิมพในหน งสั อในป ื ๒๕๔๖ ขางตน) ไดวางลาดํ ับ ตํานานผูก ๖ กับ ตํานานผูก ๓ สลับกัน ในการปริวรรตและตีพิมพครั้งนี้เราได สลับลําดับของผูกตํานานใหถูกตองตามตํานานสํานวนอ ื่ นๆ ที่พบและมีการ เผยแพรกันออกมากอนหนาแลวดวย ฑ ตํานานพระเจ้าเลียบโลก ฉบับสิบสองปันนา
การปรวรรตติ านานจากเอกสารใบลานคร ํงน ั้ ี้ เรายงพบวั าอันทจร ี่ งตินฉบ ับ เอกสารใบลานฉบบทั ใชี่ ปรวรรตนิ ี้ เดมทิ ไดี มีการคดลอกเพั อถวายเป ื่ นธรรมทาน ตามธรรมเนียมประเพณีของชาวไทที่ เรียกกันวา “ตานธรรม” โดยศรัทธา ครอบครวหนั งในบ ึ่ านเชยงจามีถวายตาน ณ วัดจอมทอง หรอวืดพระธาตัจอมคุํา เมืองเชียงตุง (ปที่คัดลอกและถวายตาน ไมไดระบุหรือปรากฏบนเอกสาร) ในทางภาษา คณะทํางานไดตัดสินใจที่จะพยายามคงสํานวนภาษา ตามที่เขียน บนเอกสารและการอานออกเสียงของภาษาตนฉบับ ที่ใชรวมกันท ั้งในเชียงตุง และเชยงรี ุงใหได ใกล เคยงมากที ี่สุด เพอประโยชน ื่ ที่อาจจะมีตอการศกษาตึานานํ วรรณกรรมของลานนา ตอไปในภายภาคหนา และแมจะเปนเอกสารตํานาน ที่คัดลอกถวายตานในเชยงตีุง ทวาสานวนภาษาและการจํดพัมพิเผยแพรเอกสาร ตํานานตนฉบบนันมาเก ั้ ดขินท ึ้ เช ี่ ยงรี ุง “ตํานานพระเจาเล ยบโลก ี ” ฉบบปร ัวรรติ เผยแพรเปนหนงสั อในวาระครบรอบ ื ๕ ศตวรรษของตานานนํ ี้จึงขอใหชื่อหนงสั ือ เลมนี้วา “ตํานานพระเจาเลียบโลก ฉบับสิบสองปนนา” ตํานานพระเจ้าเลียบโลก ฉบับสิบสองปันนา ฒ
á¼¹·Õè : ÊØ´á´¹ ÇÔÊØ·¸ÔÅѡɳ
บทอารัมภตํานาน ตํานานพระเจาเลียบโลก : ความสัมพันธระหวางลานนาและสิบสองปนนา ตํานานพระเจาเล ยบโลก ี เปนวรรณกรรมสาคํญทางพัทธศาสนาซุงระบ ึ่ ไวุวา คัดลอกขนเป ึ้ นคร งแรกในป ั้ พ.ศ. ๒๐๖๖โดยพระมหาโพธสมพาริ วัดเชงดอยเกิ ิ้ง (ในเขตอําเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม) จากตนฉบับของพระมหาธรรมรโส เมือง หงสาวดี หากเราเชอข ื่ อความตามทระบ ีุ่ไวในตํานาน ตํานานพระเจาเลียบโลกนั้น ก็มีอายุถึง ๕ ศตวรรษมาแลวและนาสนใ จวา ถือเปนวรรณกรรมทางพทธศาสนาุ ที่ไดรับความสนใจศกษาอยึางกวางขวาง มาเปนระยะเวลายาวนาน ทั้งเปนเอกสาร ที่คัดลอกสบตือก นมาไม ัขาดสายแมจนถ งปึจจ ุบันยงมัการจารตี านานลงบนใบลาน ํ เพอถวายเป ื่ นพทธบุชาในพูทธศาสนาุ ทุกวนนั ี้ยังคงพบตนฉบบคัดลอกตัานานํ พระเจาเลียบโลกซึ่งจารเปนภาษาทองถิ่น เชน อักษรธรรมลานนา ในวัดของ จังหวัดทางภาคเหนือของไทยหลายแหง (ตํานานพระเจาเลียบโลกฉบับท ี่ พบ เกาที่สุดตอนนี้มีอายุ ๒๑๖ ปปจจุบันเก็บรักษาไวที่หอสมุดแหงชาติกรุงเทพ จารลงบนใบลานดวยอกษรธรรมลัานนาภาษาบาลและไทยล ีานนา ) นอกจากนั้น ยังพบ “ตํานานพระเจาเลียบโลก” (เขียนเปนอักษรธรรมในระบบภาษาเขียน ลานนา) ในเขตพนท ื้ ี่ที่ไดรับอทธิพลพิทธศาสนาแบบลุานนา ทั้งในสานวนภาษาํ ไทลื้อสํานวนภาษาไทมาวในเขตพนท ื้ ี่ มณฑลยนนานูสาธารณรฐประชาชนจ ั ีน และพบในสํานวนภาษาไทขึน ที่เมืองเชียงตุง สาธารณรัฐสหภาพเมียนมา สุดแดน วิสุทธิลักษณ คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร ตํานานพระเจ้าเลียบโลก ฉบับสิบสองปันนา ด
นอกจากเอกสารลายลกษณัแล ว เรองราวเก ื่ ยวก ี่ บตัานานพระเจําเล ยบโลก ี ยังเปนท ี่รูจักอยางกวางขวางท งในเขตเม ั้ องตืางๆของสบสองป ินนามณฑลยนนานู สาธารณรฐประชาชนจ ั ีน แถบเมองเชืยงตีุงเขตเมองโต ื น-เมองหางในเขตร ืฐฉานั ของเมียนมา หรือในเขตพงสาลีของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ผูคนในทองถนจ ิ่ านวนมากยํงสามารถเลัาเรองเก ื่ ยวก ี่ บการเสดัจมาของพระพ็ทธเจุา (โคตมะพทธเจุา) ที่เชอมโยงก ื่ บชัมชนของตนเองวุาพระพทธองคุเสดจมากระท็ ํา กิจกรรมตางๆ เชน ฉันอาหาร สรงน้ํา ทรงชวยแนะนําการสรางกังหันน ้ํ าเพื่อ แกปญหาความแหงแลง ทรงประทับรอยพระบาท ประทานพระเกศาธาตุหรือ ทรงกําหนดวา ณ สถานท ี่ แหงน ี้จะเปนท ี่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุของ พระองค คนในชุมชนยังคงสามารถระบุถึงสถานที่ซึ่งพระพุทธองคเสด็จมาถึง เสมือนกับวาเปนเหตุการณที่เพิ่งผานพนไปเมื่อไมนานมานี้เอง ตามความรูสึกนกคึ ดของคนในช ิมชนุเสนทางการเดนทางของพระพิทธองคุ และตาแหนํงแหงท ี่ที่พระองคเสดจมาตามท็ ี่อางถงในต ึ านานได ํเช อมโยงความส ื่ มพันธั ของชมชนและพระพุทธองคุอยางแนบแน น เรองราวท ื่ กล ี่ าวถ งในต ึานานพระเํจา เลียบโลกนั้นเปนท ั้ งพ ื้ นที่ศักดิ์สิทธ ิ์ และเสนทางแสวงบุญของพุทธศาสนิกชน มานานนับศตวรรษ พระเจาเลียบโลก : เสนทางและพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ ของลุมแมน้ําปงและลุมแมน้ําโขงตอนบน เน ื้ อหาของ “ตํานานพระเจาเลียบโลก” กลาวถึงการเสด็จมาของ พระพุทธเจาและพุทธสาวกตามสถานท ี่ ตามเมืองตางๆ โดยเฉพาะในลานนา สิบสองปนนา (ในเขตยูนนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน และภาคเหนือของลาว) และดินแดนเก ี่ ยวเน ื่ อง (เชน ตาหล ี่) เพ ื่ อเทศนาส ั่ งสอน ประทับรอยพระบาท ประทานพระเกศาธาตุและมีพุทธทํานายเก ี่ ยวกับสถานที่ที่จะประดิษฐาน พระสารีริกธาตหลุงปร ั ินิพพาน ตํานานพระเจาเล ยบโลกพรรณนาถ ีงสภาพแวดลึอม ทางกายภาพของพ ื้ นท ี่ และเร ื่ องราวของผูคนในทองถิ่น ที่พระองคเสด็จผาน ความรงเร ุ องและเสือมทรามของบ ื่ านเมองและพืทธศาสนาุรวมถงการมาถึงของึ พระศรีอริยเมตไตร ต ตํานานพระเจ้าเลียบโลก ฉบับสิบสองปันนา
ในตานานกลําวถงสาเหตึ ุสําคญทัพระพ ี่ ทธองคุจะตองเดนทางิ “เลยบโลก ี ” เนองจากทรงเห ื่ นว็ า พระชนมชีพของพระองคนั้นมีจํากัด คือ ๘๐ ปเมอเท ื่ ยบกี ับ อายุขัยของอดีตพุทธเจาพระองคกอน เชน กัสสปพุทธเจา มีอายุขัย ๒๐,๐๐๐ ป หรือพระพุทธเจากกุสันโธ มีอายุ ๔๐,๐๐๐ ปพระองคจึงจําเปนตองเดินทางไป ในบานเมือง ชุมชนตางๆ อยางกวางขวาง เพ ื่ อเรงส ั่ งสอน ชวยเหลือสัตวโลก รวมถึงการย ่ํ ารอยพระบาท ประทานพระเกศาธาตุและกําหนดพ ื้ นที่ที่จะเปน ที่ประดิษฐานพระสารีริกธาตุของพระองคหลังปรินิพพาน เพ ื่อเปนเน ื้ อนาบุญ สําหรับกราบไหวและบูชาเพ ื่ อส ั่ งสมบุญกุศลของคนท ั้ งหลายจนกวาจะสิ้น พระศาสนา อาณาบริเวณท ี่ พระพุทธองคเดินทางไป ตามท ี่ ระบุอยูในตํานานนั้น ครอบคลุม ๔ ประเทศในปจจุบันคือ ดินแดนภาคเหนือตอนบนของประเทศไทย เขตพะโค-หงสาวดีและดินแดนตอนเหนือและฟากทิศตะวันออกของแมน้ํา สาละวนในสาธารณร ิฐแหังเมยนมาีเขตสบสองป ิ นนาในมณฑลย นนานูสาธารณรัฐ ประชาชนจีน และภูมิภาคตอนบนของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว โดยตาแหนํงเหนอสื ดในภุ ูมิศาสตรปจจุบันคอเมืองตืาหล (Dali) ี่ ตําแหนงสถานท ี่ ใตสุดและตะวนตกสั ดเปุนตาแหนํงเดยวกีนคัอพระธาตื ตะโคุงรางกุง (Yangon) เมียนมา และตะวันออกสุดคือเมืองอูใต (Muang Ou Tai) หากพิจารณาเน ื้ อหาของตํานานพระเจาเลียบโลกโดยรวม เสนทางการ เดินทางของพระพุทธเจาใชอาณาจักรหริภุญไชยและลุมแมน้ําปง เปนจุดเริ่มตน และเปนจดสุนส ิ้ ดการเดุนทางิ โดยมีทิศทางที่มุงขนไปทางท ึ้ ศเหนิอผืานเมองยองื เชียงตุง และลุมแมน้ําสาละวิน เขาสูลุมแมน้ําโขง เขตสิบสองปนนา มณฑล ยูนนาน สืบเนื่องตอไปดินแดนภายในตอนใตของยูนนาน เมืองมาวและแสนหวี ในลมแม ุ น้ํามาวเลยไปจนถงเมึองเหนือสืดของตุานานคํอเมืองตืาหล (ี่ ในมณฑล ยูนนานปจจุบัน) สวนเมืองใตสุดของลุมน ้ําปงท ี่ กลาวถึงในตํานานคือทาสรอย (เขตจังหวัดตากในปจจุบัน) เมอพ ื่ จารณาเนิ อหาในต ื้ านานโดยละเอ ํยดีพบวาตานานกลําวถงบึานเมองื และดินแดนในเขตสิบสองปนนามากที่สุด รองลงมาคือบริเวณลานนา เชียงตุงตํานานพระเจ้าเลียบโลก ฉบับสิบสองปันนา ถ
เมืองยอง หงสา/มอญ เมืองมาว และนานเจา (ตาหลี่) ตํานานระบุตําแหนงของ บานเมองหรือพืนท ื้ ี่ซึ่งพระพทธองคุทรงประท บรอยพระพัทธบาทอยุในพ ู นท ื้ ของ ี่ เมืองตางๆ ในสิบสองปนนามากที่สุดคือ ๖๐ แหง และมักอยูในเขตพื้นที่ในปา เขตชนบทหรืออยูระหวางรอยตอของชุมชน รองลงไปคือเขตลานนา ๑๘ แหง และเชียงตุง ๓ แหง หงสา/มอญและเมืองมาวอยางละ ๑ แหง สวนตําแหนงที่ ประทานพระเกศาธาตุ สวนใหญอยูในแดนดินลานนา คือ ๒๓ แหง รองลงไป เปนเชียงตุง-เมืองยอง ๒ แหง หงสาวดีและสิบสองปนนาอยางละ ๑ แหง นาสนใจวา ในตานานพระเจําเล ยบโลกระบ ี ุวาพนท ื้ ี่ที่พระพทธองคุกําหนดไว วาจะเปนท ประด ี่ ษฐานพระสาริ ีริกธาตุสวนใหญอย ในอาณาจ ู กรลัานนา คือ ๒๐ แหง (อยูในบริเวณลุมน้ําปง ๗ แหง เชน ที่วัดสวนดอก, พระธาตุดอยเกิ้ง ของจังหวัด เชียงใหม ที่เหลือกระจายในเมืองอ ื่ นๆ ของอาณาจักรลานนา เชน เชียงราย ลําปางแพร นาน และพะเยาเมองละื๑แหง) อยูที่อาณาจกรสั บสองป ินนา๓ แหง เชน พระธาตุดอยจอมตอง ที่เมืองเชียงรุง เมืองเชียงตุง-เมืองยอง ๓ แหง เชน พระธาตุจอมยอง และในมอญ มาวและนานเจาอยางละ ๑ แหง ในขณะที่ตํานานแสดงใหเห็นวา ตําแหนงของพ ื้ นที่ที่ทรงประทับรอย พระบาทนั้น สวนใหญอยูในสิบสองปนนาซ ึ่งเปนพ ื้ นที่ทุรกันดารหางไกล สวนตาแหนํงท ทรงประทานพระเกศาธาต ี่ และกุาหนดวําจะมพระสารี ีริกธาตอยุ ูนั้น จะอยูในเขตเมืองและเมืองใหญ ซึ่งมีผูคนอาศัยอยูเปนจํานวนมาก เชน ตาหล ี่ เชียงรุง เชียงตุง เมืองยอง และเชียงใหม โดยในพื้นที่ของอาณาจักรลานนาเปน พื้นที่ที่มีพระสารีริกธาตประดุ ษฐานอยิมากกว ู าดนแดนอินๆ ื่ ลานนาจงเปึนดนแดนิ แหง “พุทธกายา” เน ื่องจากเปนที่ฝงกระดูกสวนสําคัญของพระพุทธองคไว มากที่สุดตามที่อางไวในต านานํอาณาจกรลัานนาจงดึ ารงสถานะเป ํ น “ศูนยกลาง ของตานานพระเํจาเล ยบโลก ี ” โดยมเมีองหลวงของอาณาจืกรลัานนา คือเชยงใหม ี เปนเมองทื ี่มีความสาคํญสังสูดในตุานานํ โดยพนท ื้ ี่อื่นๆ ที่อยูหางไกลออกไปจาก ศูนยกลางเชน ในดนแดนของเมิองตืางๆ ในสบสองป ินนาหรอเมื ืองทางตอนใต ของลุมน้ําปงเปนอาณาบริเวณรอบนอก ท ตํานานพระเจ้าเลียบโลก ฉบับสิบสองปันนา
á¼¹·Õè : ÊØ´á´¹ ÇÔÊØ·¸ÔÅѡɳ
ตํานานพระเจาเลียบโลก : มรดกวัฒนธรรมรวม ของสิบสองปนนาและลานนา แมวา ตํานานพระเจาเลียบโลกจะยกใหลานนาเปนศูนยกลางของตํานาน แตในต านานพระเจําเล ยบโลกเองกล ีบบรรยายถังพึนท ื้ และผ ี่ คนในเขตส ู บสองป ินนา มากกวาท ี่อื่น ตํานานพรรณนาภูมิประเทศ ภูเขาแมน้ําและเสนทางการเดนทางิ อยางละเอียดพิสดาร (เชนกลาวถึงภูมิสัณฐานของกอนหินขนาดใหญ ที่เรียกวา เปน “พุทธบัลลังก” ซึ่งอดีตพุทธทุกพระองคตางเคยมาพักแรมที่นี่ รวมถึง พระพุทธเจาองคตอไปก็จะตองเสด็จมาดวย) รวมถึงเรื่องราวการเผชิญหนากัน ระหวางพระพุทธองคกับคนพ ื้ นเมืองอยางมีชีวิตชีวา ที่พระพุทธองคทั้งทรง กลาวถึงอยางตําหนิและสรรเสริญ ฝายคนพ ื้ นเมืองเองก็แสดงความรูสึกตอ พระองคทั้งดวยความกังขาหรือดวยความศรัทธาอยางสูงยิ่ง ตํานานพระเจาเล ยบโลกแสดงให ีเหนถ็งความหลากหลายของผึ คนในเขต ู สิบสองปนนาทงคนกล ั้ มนุ อยและกล มใหญ ุ โดยเฉพาะ ฮอ กับ ลื้อ ตํานานพระเจา เลียบโลกกลาวถึงเมืองสําคัญเมืองหน ึ่ งวาเปนรอยตอสําคัญของเขตแดนทาง วัฒนธรรมระหวางฮ อ (หอ) กับ ลื้อ ขณะเดยวกี ัน ตํานานพระเจาเล ยบโลกก ีระบ็ ไวุ ชัดเจนวาเขตแดนของลานนานนน ั้ บจากเมัองพยากลงมาื ตํานานพระเจาเล ยบโลก ี ยังกลาวถึงทรัพยากรสําคัญของสิบสองปนนา คือ ขาว เกลือ ชา หมากและพลู ที่ไหลเวียนอยูในพื้นที่ความสัมพันธของผูคนในทุงราบและหุบเขา ตํานานพระเจาเลียบโลก จึงเปนมรดกวัฒนธรรมที่สําคัญของท ั้งในเขต ลุมแมน้ําปงและเขตลมแม ุ น้ําโขงตอนบน ตํานานกลาวถ งปฏ ึ ิสัมพนธั ขามพรมแดน ของผูคนในเขตตอนบนของเอเชียอาคเนยที่เชื่อมโยงกับจีนทางตอนใตตํานาน พระเจาเล ยบโลกค ีอบืนทั กทางประว ึ ัติศาสตรเกยวก ี่ บชัมชนุการกอต วเปันบาน - เมืองและความสัมพันธในทางการคา เศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรมของผูคน ที่หลากหลาย ตํานานไดสถาปนาพื้ นท ี่ และเสนทางศักดิ์สิทธ ิ์โดยเช ื่อมโยงผูคน ตางชาติพันธในอาณาบร ุ เวณอินกวั างขวางให อย ภายใต ู กรอบโครงความเช อทาง ื่ พุทธศาสนา และทายที่สุด ตํานานพระเจาเลียบโลกเปนเสมือนขุมทรัพยและ น ตํานานพระเจ้าเลียบโลก ฉบับสิบสองปันนา
มรดกทางวฒนธรรมทั รอคอยให ี่ คนหา ขุดคน ตักตวงจากคนทกรุนทุ มาพร ี่ อมก ับ เครองม ื่ อใหม ื ๆ และความกระหายใครรูที่จะไดเดนทางเขิ าไปส ารวจอาณาบรํเวณนิ ี้ ดวยตัวของเขาเอง อางอิง สุดแดน วิสุทธิลักษณและ วัลลภ ทองออน. พุทธภูมิกายาและลานนาประเทศ : อานตานานพระเํจาเล ยบโลกผ ีานระบบสนเทศทางภ ูมิศาสตร. กรงเทพฯุ : คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร, ๒๕๖๔. สุดแดน วิสุทธิลักษณและ ณัฐพงษปญจบุรี. ตํานานพระเจาเลียบโลก ฉบับ วัดพระเกิด ตําบลในเวียง อําเภอเมืองนาน จังหวัดนาน. กรุงเทพฯ : คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร, ๒๕๖๕. ตํานานพระเจ้าเลียบโลก ฉบับสิบสองปันนา บ
ã¹μíÒ¹Ò¹¾ÃÐ਌ÒàÅÕºâÅ¡ ¡Å‹ÒÇÇ‹Ò “à¢ÒÃÑ§ÃØŒ§” Ç‹Ò໚¹àÊÁ×͹à¢μá´¹ÃÐËNjҧàÁ×ͧá¾ÃËÅǧ (¨Õ¹) àÁ×ͧáʹËÇÕ áÅÐËÃÔÀØÞªÑ áÅзÕèÂÍ´´ÍÂÊÙ§¹Ñé¹ ¨Ð໚¹·Õè»ÃдÔɰҹ¾Ãоط¸ºÒ· ô ÃÍ »˜¨¨ØºÑ¹´ÍÂÃÑ§ÃØŒ§ÍÂÙ‹ã¹à¢μ¾×é¹·ÕèàÁ×ͧâμŽ¹ ÃѰ¤ÐÂÒ ÊËÀÒ¾àÁÕ¹ÁÒ ÀÒ¾ : ÊØ´á´¹ ÇÔÊØ·¸ÔÅѡɳ ฏ
ฐ
¹¤ÃËÃÔÀØÞäªÂ ¹¤ÃÃѰ·Õèà¡‹Òá¡‹·ÕèÊØ´ º¹áÍ‹§·ÕèÃÒºàªÕ§ãËÁ‹-ÅíÒ¾Ù¹ (¡ÅÒ§ÀÒ¾´ŒÒ¹¢ÇÒ) ÀÒ¾ : ÇÊÑ¹μ »˜ÞÞÒᡌÇ
ตํานานพระเจาเลียบโลก ผูก ๑ นโม ตสสตฺ ฺถุฯ มหากรุณินาโถ หิตาย สพพปานฺินํปุเรตวาฺ ปารมีสพฺพปตฺโต สมฺโพธิมุตฺตมนฺติ๑ ฯ สาธโว ดูราสปุริสะ๒ ทังหลาย มหากรุณิ (โก นา) โถ อันวาพระพุทธเจา ตนประกอบดวยมหากร ณาในสุตตั โลวก ๓ ทังหลายมากนัก ปุเรตวาฺก็พ่ําเพง๔ แลว ยังปารมีธัมมเจาทงมวรั อันได๓๐ ทัด๕ คือวาปญจมหาจาคะอ นใหย ั ๕ พระการ๖ กับปริเยียด๗๓ พระการ กับทังสุจริตธัมม๓ พระการ ในกาละอันนานนักได ๒๐ อสงไขย ปาย๘ แสนมหากัปปหิตาย เพิ่อ๙ หื้อเปนประโยชนะ สปฺปปานินํ แกสัพพะสัตตทังมวรแล ฯ หิดวยมีแทแล อธิบายอันน ั้ นพระพุทธเจาแหงเรา ก็บังเกิดยังความอิดู๑๐ ขุณณา๑๑ ยังสัตตโลวกทังมวร แตยามเมิ่อ๑๒ เจาพ่ําเพง ๑ บทชยปริตร วา “มหากรุณิโก นาโถ หิตาย สพฺพปาณินํ. ปูเรตวา ปารมีสพฺพปตฺโต สมฺโพธิ มุตฺตมนฺติ”๒ สปุริสะ (สปฺปุริส) - สัตบุรุษ, ฅนดี, ผูมีคุณธัมม๓ โลวก - โลก๔ พ่ําเพง - บําเพ็ญ, ทําใหเต็ม ๕ ทัด - ถวน, เต็ม๖ พระการ - ประการ๗ ปริเยียด - ปริยัติ, การศึกษาเลาเรียน (จากคัมภีรหรือตํารา)๘ ปาย - ปลาย๙ เพิ่อ - เพื่อ๑๐ อิดู - เอ็นดู๑๑ ขุณณา - กรุณา ๑๒ เมิ่อ - เมื่อ ตํานานพระเจ้าเลียบโลก ฉบับสิบสองปันนา ๑
ยังโพธญาณอิ นได ั เปนมานวะผ ู๑ ปรากฏชอว ื่ ามาตธรกมานวะุ๑ วาอั้น ก็ไดเลยงด ีู้ แมแหงตน เจาก็ไดเอาแมแหงตน [หนาลานที่๒, น.๕] ไปกับดวยพอคาสะเพลา๒ ๕ รอยฅน นานได๗ วัน ก็ไปรอดไปถึงกาง๓ น้ําสมุททเริอซะเพลาก็แตกกาง แมน้ําสมุททที่นั้น อันวาพอคา ๕ รอยฅน ก็จิบหาย๔ เปนเหยื่อปลา แลจักเข มังกอรทังหลายหั้นแล ฯ ในกาละนั้น มาตุธรกมานวะผูนั้น ก็ทรงกําลังอุสสหะ๕ มากนัก ยินรักแม แหงตนเตนไปไกลได คาวุต ๑ คือวาสองพนวาแลัเจากลอยกว็ กไกว ั ๖ ดวยมอแลื ว กําลังแหงตนไปวันนั้น แลขืนไปไจๆ ได๗ วัน แลวเจาก็บถอยจากเพียรแหงตน หั้นแล ฯ ในกาละนั้น มหาฟม๗ ตน ๑อยูในฟมโลวกพูน ก็เลงหันยังผูชายทังหลาย ในมนุสสโลวกทังมวรอันจักปราถนา๘ เปนสัพพัญูตัญญาณนั้น ก็บหันสักฅน ก็เทาเลงหันยังชายผูเจ ๙ แหงแมตนลอยน ้ําไปสิ่ งเดียว เหียด๑๐ ประกอบดวย เพียรอุสสหะมากนักแล เหียดสันใด๑๑ มหาฟมจิ่งสระเดจลงมาจากฟมโลวก แลวก็บันรน๑๒ เขาหัวใจแหงมาตุธรกมานวะ หื้อบังเกิดความอิดู[หนาลานที่ ๓, น.๖] ขุณณา๑๓ ในสัพพะสัตตโลวกทังมวรมากนัก เพิ่อหื้อความปราถนามักใฅ๑๔ เปน ๑ มาตุธรกมานวะ, มาตุธรักกมานวะ - มาตุธารกมานวะ๒ สะเพลา, ซะเพลา - เรือสําเภา๓ กาง - กลาง๔ จิบหาย - ฉิบหาย ๕ อุสสหะ - อุตสาหะ, ความบากบั่น, ความขยัน, ความพยายาม๖ กวักไกว - กวักไกวแขนพยุงตัวในน้ํา, วายน้ํา๗ มหาฟม - มหาพรหม๘ ปราถนา - ปรารถนา, ตองการ๙ เจ - แบก๑๐ เหียด - เหตุ๑๑ สันใด - ฉันใด ๑๒ บันรน - บันดล, ทําใหเกิดขึ้น๑๓ ขุณณา - กรุณา ๑๔ ใฅ - อยาก, จะ ๒ ตํานานพระเจ้าเลียบโลก ฉบับสิบสองปันนา
สัพพัญูพระพุทธเจา ผวด๑ ยังสัตตโลวกทังมวรมากนัก จิ่งจักห ื้ อเจาร ่ํ าพึง ในใจวา พุทฺโธ โพเธยฺยํปุโต โมเจย ติโก ตยนฺติดั่งนี้พุทฺโธ อันวาพระพุทธเจา ตนตรสรั ูยังเยยยะธมมั ทังมวรแลยงภวะทั ัง ๓ คือวาสงสาร ไดขามพนแลวถ งฝึ ง กล ้ํ าหนาคือนิพพาน ตเรยฺยํ ยังทานผูอื่นห ื้ อพนจากดวยตนน ั้ นแลมีสันใด มานวะเจาก็มาร ่ํ าพึงสันน ี้ไจๆ แลวเจาก็เอาแมแหงตนลอยน ้ําไปไจๆ นานได ๗ วัน หั้นแล ฯ ทีนั้นนางเมขลาเทวดาอนอยั ูรักสานาสม ้ํ ททุก็กัว๒ ไดคําตเติยนนีนทาทิาน ผูอื่น แลคํานินทาเทวบุตตเทวดาอินทฟมทังหลายดั่งอั้น นางก็ไปเอาเจาทังสอง แมลูกหอได ื้ พนจากตกน้ําสมททสาครวุันนั้นแล มานวะเจากเอาแม็ พนจากนาแล ้ํ ว เจาก็มีใจชมชื่ นยินดีแลวจักมักใฅ ปราถนาเปนสัพพัญูดั่งอั้น เจาก็ไหวแม แหงตนแลวเจาก็อทิฏฐานปราถนา [หนาลานที่ ๔, น.๘] เปนสัพพัญูตัญญาณการ อันเปนพระดวยอันคึด๓ ในใจบออกปากเทิ่อ๔ วาเตชะบุญอันขาไดเจเอาแมลอย พนตกแมน้ําสมททุอันใหยหื้อไดพนน ี้ ขอจงหุ อข ื้ าได เปนส พพัญัตนู๑ ในอนาคตะ อันจกมาพายหนั า หื้อไดผวดสตตั โลวกท งมวรแดัเทอะิ ร่ําพงสึนนัแล ี้ วกอย็ ูอุปฏฐาก แมแหงตนดวยเขาน ้ําประจัยอยูไจๆ ตราบตอเทาอายุคันจุติตายก็ไดเมิอ๕ เกิดในชั้นฟาสวัรคเทวโลก๖ พุนก็มีแลฯแรกแตกาละนั้นไปพายหนาสวนอันวา มานวะผูนั้นเกิดมาภวะชาติอันใด ก็ปรากฏไดชื่อวาโพธิสัตตหั้นแล ฯ โสโพธสติ โตฺอันวาโพธ ิสัตตเจาตนน นได ั้ เก ดมาในภวะชาต ิ ิอันใดกได็เก ิด มาเปนเทวบุตตเทวดา เปนอินทฟมก็ดีเปนฅนก็ดีเปนสัตตริจสานตัวนอย ตัวใหยก็ดีประกอบดวยประญาปญญาอันตรัสรูสัพพะกิจการทังมวรแล เจาก็ หอมหยับ๗ กะทํา ๘ เพยรพี าเพงปารม ่ํ ไจี ๆ นานได๗ อสงไขย ปายแสนมหากปปัแล ๑ ผวด, โผด - โปรด๒ กัว - กลัว๓ คึด - คิด๔ เทิ่อ - เทื่อ, ยัง ๕ เมิอ, เมือ - ไป๖ สวัรคเทวโลวก - สวรรคเทวโลก คือสวรรคอันเปนที่อยูของเทวดา๗ หอมหยับ - สะสม, เค็บรวบรวม๘ กะทํา - กระทํา ตํานานพระเจ้าเลียบโลก ฉบับสิบสองปันนา ๓
เจาก็ไดจวบพบ [หนาลานที่ ๕, น.๑๐] พระพุทธเจาทังหลายไดแสน ปายสองหมื่น ๔ พันตน เจาก็ไหวแลปูชาเสี้ยงชูตน เจาก็ปราถนาเปนพระดวยอันคึดใจบออก ปากเทิ่อหั้นแล ฯ เมิ่อเมี้ยน๑ ๗ อสงไขย ปายแสนมหากัปปแลวเจาก็ไดเกิดมาเปนพระญา จักกวัตติตน ๑ ชื่อมาครจักกวัตติวาอั้น ในสาสนาพระเจาตน ๑ ชื่อวา โปราณะกัสสปะวาอั้น พระญาจักกวัตติตนนั้นก็มาสางแปง๒ ยังปราสาทหลัง๑ แลวดวยไมจันทนแดงหื้อเปนทาน เพิ่อหื้อเปนที่อยูแกวเจา ๓ พระการ แลเจา ก็ตั้งคําปราถนาวาหื้อขาไดปรากฏแกหมูฅนแลเทวดาทังหลายแดวาอั้น ฯ แรกแตนั้นมา เจาก็ไดเกิดภวะชาติอันใดก็ไดพ่ําเพงปารมีธัมมไปไจๆ นานได๙ อสงไขย ปายแสนมหากัปป ก็ไดจวบพบพระพุทธเจาได๓ แสน ปายหมื่น ปาย ๔ พันตน ก็ไดไหว แลป ชาปราถนาออกปากแทูหั้นแลในเมอเม ิ่ ยน ี้ อายุอสงไขย ปายแสนมหากัปปนั้น ก็ไดเกิดมาเปนพราหมณผู๑ ก็ไปบวช เปนรสี๓ อยูในปา ก็ปรากฏไดชื่อวาสุเมธรสี[หนาลานที่๖, น.๑๒] ในสาสนาพระเจา ตนชอท ื่ ีปงกระ ก็ไดเอาตนนอนทอดเปนข ัว๔ หื้อพระเจาแลอรหนตาเจัาทงหลายั วาไดแสนตนไตตางขัวไป เจาก็ปราถนาดวยออกปากดวยใจหั้นแล ฯ ทีนั้น พระเจาทีปงกระก็ทํานายทวายวาภิกขุทังหลาย ทานสุเมธรสีตนน ี้ จักไดตรัสประหญาสัพพัญูเปนพระตน ๑ ในภวะกัปปพายหนา ในเมิ่ อเม ี้ ยน อสงไขย ปายแสนมหากัปปนั้น มีหั้นชาแล ชื่อแหงทานจักปรากฏชื่อวาโคตมะ มหาราชาสมมาสัมพัทธเุจามีหั้นชาแล ฯ เมิง ๕ อันทานจกมาเกัดนินจ ั้ กได ั ชื่อวา กัปปลวัตถุนครวาอั้น ฯ พอแหงทานช ื่ อวาพระญาสรีสุทโธทนมหาราช ฯ แมแหงทานช ื่ อวานางสรีมหามายา วาอ ั้ นมีหั้นชาแล ฯ นางเทวีไดชื่อวา ยโสธราพมพาิ วาอนแล ั้ ฯ ลูกชายกได็ ชื่อวาราหลกุมารุฯ ทานกอย็ ในราชส ู มปัตต ิ ๑ เมี้ยน - สิ้น๒ สาง, แปง - สราง, แปลง๓ รสี - ษี๔ ขัว - สะพาน ๕ เมิง - เมือง ๔ ตํานานพระเจ้าเลียบโลก ฉบับสิบสองปันนา
อันเปนทาวพระญานานได๙ หมื่นปแลวก็จักละฅะวาส๑ เสีย แลวก็ออกไปบวช ชาแล ฯ ทานก็จักทรงยานชื่อวา [หนาลานที่ ๗, น.๑๔] กัณฐกะแล ก็ออกไปกะทํา เพยรในอร ี ญญะประเทส ั ก็จักไดตร สประหญาส ัพพัญัเหนูิอ๒ แทนแกวอนสั งไดู ๘ สอก แทบเคาไมสบาแพง๓ เปนไมสรีมหาโพธิแล ก็จักสั่งสอนยังปนนสัตต๔ ทังหลาย ๔ จําพวก หื้อไดมัคคผละนิพพาน ผวดยังสัตตโลวกทังหลายเสมอ ดั่งกตถาคตะนูี้บหนชาแลีฯ ตนอุปฏฐากนนได ั้ ชื่อวามหาอานนทเถรั บหนชาแลีฯ พระโคตมะตนนั้น จักมอายี ไดุ๘ สิบปชาแล ก็จักนพพานไป ิแลวจกตั งไั้ วสาสนา ๕ พันวสสาั บหนชาแลีฯ พระทีปงกระเจาตนนนก ั้ ็ทํานายทวายวาดงน ั่ ี้ก็มีหั้นแล ฯ สกิติสททาฺอันวาสททะสัาเนํยงเสียงแหีงพระเจาตนนนก ั้ ซลาบ็ ๕ ขึ้นไปถึง ชั้นฟาท ัง ๖ แลวก แปร ็ ไปท วหม ั่ นโลกจ ื่ กรวาลทังมวรแลั อันวาเสยงสาธีการอุนนั ั้น เกดแติแผนดนขิ นไปตราบต ึ้ อเทาถ งฟมโลวกพ ึนกุ ็มีแลแสนโกฏิจักรวาลทงมวรั ก็หว ั่นไหวไปมารอดทุกกล ้ํ าทุกพายแล หาฝนดอกไมทิพพทังหลายก็ตกลงมา อาการวิชุรตา๖ อันวาสายฟาบใชกาละเมิอแมบ๗ [หนาลานที่ ๘, น.๑๕] ก็แมบชูกล้ํา ชูพาย หาฝนชลเมฆาก็ไหลหลั่งลงมามากนัก สมฺปนิอจฺฉริยานิอันวาอัจสริยะ๘ ทังหลายตางๆ ก็ปรากฏเกิดมีเมิ่อนั้นหั้นแล ฯ สวนอนวัาเจาสเมธรสุไดี ยินคาทํานายแหํงพระเจาท ีปงกระแลวก ็ตั้งอยตาม ู เขียด๙ อายุแหงตน คันเม ี้ ยนอายุจุติตายก็ไดเอาตนเมิอเกิดฟมโลวกพุนก็มีแลฯ แตนั้นเมิอหนา เจาเกิดมาในภวะชาติอันใดดั่ งอั้น ก็ไดกะทําเพียรพ ่ําเพงปารมี ไปไจๆ นานไดสี่อสงไขย๑๐ ปายแสนมหากัปป ก็ไดจวบพบพระเจาทังหลาย ๑ ฅะวาส - ฆราวาส, ผูครองเรือน๒ เหิน - เหนือ๓ สบาแพง - ผาแปง, ตนดับยาง๔ ปนนสัตต - (บาลี.) ปาณสัตต, (สันสกฤต.) ปราณสัตตคือสัตตหรือสิ่งที่มีชีวิตที่มีลมหายใจ ๕ ซลาบ - แผซาน๖ อาการวิชุรตา - อกาลวิชุรตา๗ แมบ - (ฟา) แลบ๘ อัสริยะ - (บาลี.-อจฺฉริย) อัศจรรย, แปลก, ประหลาด๙ เขียด - เขต๑๐ อสงไขย - อสงขัย ตํานานพระเจ้าเลียบโลก ฉบับสิบสองปันนา ๕
๑๓๒ รอยตน แตนั้นไปหนานานได แสนมหาก ปปั ก็ไดพบพระเจาทงหลายั๑๐ ตน ก็ไดไหวแลปูชาชูตน แลวก็ตั้งคําปราถนาเปนพระดวยปาก ดวยใจแทหั้นแล พระเจาก็ทํานายทวายมาชูตนเปนดั่งพระเจาทีปงกรหากทํานายทวายนั้นแล ฯ ลําดับน ั้ นมาแตพระเจาเราปราถนาเปนพระแตหัวทีนั้นมาตราบตอเทาถึง ที่แลวแสนมหากัปปนั้นไดอสงไขย ปายแสนมหากัปป[หนาลานที่ ๙, น.๑๗] ไดจวบ พบพระเจาทังหลายได๔ แสน ปายหมื่น ปายพัน ปาย ๗ ตน แลวก็ไดเกิดเปน พระญาเวสสนตรราชราชากั ็มีแลฯ หิดวยมแทีแลพระเจาทงหลายพั าเพงปารม ่ํ ี ๓๐ ทัดนั้น ก็ไดสละหื้อทานอันเปน (ปถมะเบื้ องตน) แลห ื้ อทานด ั่ งอ ั้นเปน มัชฌิมะปานกลาง แลหื้อทานอันเปนอุคคัฏฐา๑ ยิ่งนัก เปนถาน สันนี้แล แมน รักสาสีล๒ สีล ๘ แลจตุปริสุทธสีลถานเคา แลสีลสิบ หื้อเปนอุคัฏฐายิ่งนักแล ก็จักบวชเปนรสี ๓ แลปริภาชิกะ๔ บวชเปนถานเคา ถานกลาง ถานปายยิ่ งนัก แลประกอบดวยป ญญาภาวนาสมถวิปสสนา ก็เปนถานเค า ถานกลาง ถานปาย ยิ่งนักแล แมนอยูมัชฌตา๕ เปนถานเคา ถานกลาง ถานปายยิ่งนัก เหียดดั่งอั้น จิ่งไดชื่อวาปารมีถานเคา ถานกลาง ถานปาย เพ ิ่ ออ ั้ นแล ฯ ปารมี (สิบทัด) อุปปารมีสิบทัด ปรมัตถปารมี๑๐ ทัด ทังมวรเปน ๓ สิบทัด เพิ่ออั้นแล ฯ พั่นด ั่ งพระเจาทังหลายไดพ่ําเพงยังมหาปริจาคะด ั่ งน ี้ ๕ พระการ แมน ปรจาคะอิ นโพธ ั ิสัตตเจาทงหลายั [หนาลานท ี่๑๐, น.๑๙] อันไดสละหอย ื้ งเขัาของงนฅึ ํา แกวแหวน ชางมาวัวควาย ขายิงขาชาย แลราชสัมปตติเปนตน หื้อทานมากนัก นานได๒๐ อสงไขยกปปั นั้น แมนจ กรอมไว ั บหื้อสบหายเสิยดีงอ ั่ ั้น ก็ยังจกมากกวั า สัมปตติแหงฅนทังหลายในโลกนี้กอนดาย ทานก็บรักบแพงไว หื้อเปนทาน ก็เพ ิ่อใฅตรัสประหญาสัพพัญูเปนพระ เมิอกรุณาผวดสัตตหื้อพนทุกขสงสาร นั้นแล ฯ ๑ อุคัฏฐา - (บาลี.) อุกฺกฐ, (สันสกต.) อุตฺกฤษฺฏ คือ อุกฤษฏ (สูงสุด, สุดยอด, ยวดยิ่ง)๒ สีล - ศีล๓ รสี - ษี, นักบวชประเภทหนึ่ง๔ ปริภาชิกะ - ปริพาชก, นักบวชนอกพุทธศาสนา ๕ มัชฌัตตา - ปานกลาง ๖ ตํานานพระเจ้าเลียบโลก ฉบับสิบสองปันนา
พระการ ๑ ชื่อวาอังคปริจาคะ คือวาเจาไดสละองคะ คือวาปาดเนิ้อ เถอหนิ ัง ๑ ตัดมือ ตัดหัว ตัดแขนเปนทาน นานได๒๐ อสงไขย ปายแสนมหากปปั ดั่งจักรอมไวก็ยังจักมากกวาแผนดินในมนุสสโลกเมิงฅนนี้กอนแล ฯ พระการ๑จักหอเล ื้ ิด๒ แลหวใจเปนทานไจ ั ๆ ดั่งจกรอมไว ั ก็ยังจกมากกวั า น้ําแม ๕ แม๓ กอนแล ฯ พระการ ๑ หัวใจก็ยังมากกวาเมดหิน เมดซาย๔ อันมีในน้ําใหย ๕ แม นี้ กอนแล ก็เหียดเพิ่อใฅไดประหญาสัพพัญูผวดเอาสัตตโลวกทังหลายนั้นแล ฯ พระการ ๑ เจาก็ขวักตาออกหื้อเปน [หนาลานที่๑๑, น.๒๑] ทานไจๆ นานได อสงไขย ปายแสนมหากัปป ดั่งจักรอมไวก็ยังจักมากกวาดาวอยูฟาน ั้ นกอนแล แมนเจ บปวดเวทนาเท ็ าใดก ็ดีเจากอด็เหยดใฅ ี ได ประหญาส พพัญัดวงยูงก ิ่ ็มัก ผวดสัตตทังหลายนั้นแล ฯ ชีวิตํ ปริจาคํ พระการ ๑ คือสละชีวิตตนเปนทาน คือวาตายตาง๕ พอแม ตางญาติกาวงสา ตางทานผูอื่นด ั่ งอั้น แมนจักรอมไวก็จักมากกวาชีวิตแหงฅน ทังหลายในชมพุทวูปนี ี้กอนดาย ก็เหยดใฅ ี ได ประหญาส พพัญัเพูอจ ิ่ กผวดสัตตั นั้นแล ฯ พระการ ๑ ปุตฺตปริจาค นั้นคืออันสละลูกยิงลูกชายหื้อเปนทานนั้นดั่งอั้น แมนจักรอมไวก็ยังจักมากกวาลูกยิงลูกชายแหงฅนทังหลาย ๖๖ เมิงน ั้ นกอนแล แมนรักปานใดเจาก็จักอุตสาหะสละหื้อเปนทาน เพิ่อแลกเอาประหญาสัพพัญู ดวงประเสิฏ ผวดสัตตโลกทังมวรนั้นแล ฯ พระการ ๑ ภริยาปริจาค ก็สละเมียรักพรากเปนทาน แมนมีสิเนหาเทาใด เจาก็อุตสาหะสละหื้อเปนทาน ยังจักรอมไวก็ยังมากกวา [หนาลานที่๑๒, น.๒๓] ผูยิง ทังหลายอันมีในเมิงใหยทังหลาย ๖ เมิงนั้นกอนแล ฯ ๑ ปาดเนิ้อเถิอหนัง - ปาดเนื้อเถือหนัง๒ เลิด - เลือด๓ น้ําแมหาแม - แมน้ําใหญ ๕ สาย (คงคา, ยมุนา, มหิ, อจิรวดีและสรภู)๔ เมดซาย - เม็ดทราย ๕ ตาง - แทน๖ ในที่นี้ควรจะเปน “๑๖” หมายถึงเมืองใหญ๑๖ เมือง (โสฬสนคร) ในสมัยพุทธกาล ตํานานพระเจ้าเลียบโลก ฉบับสิบสองปันนา ๗
อันวาพระเจาทังหลายพ ่ํ าเพงจริยา ๓ พระการนั้น พุทฺธจริยา คือกะทํา อันเปนประโยชนะก็จักหื้อไดเปนพระนั้นแล ฯ ยานตตฺถจริยา คือกะทําหื้อเปน ประโยชนะแกญาต ิพี่นองแหงตนนนแล ั้ ฯโลกตถจรฺยาิ คือกะทาอํ นเปนประโยชนะ ั แกโลกนั้นแล อันนี้ก็เปนจริยา ๓ พระการแล นานได๒๐ อสงไขย ปายแสน มหากัปปบัวรมวณแลว จิ่งจักไดมาเกิดเปนพระญาเวสสันตระ กะทําสุจริต ๓ พระการแล คือวา กายสุจริต วจีสุจริต มโนสุจริต นั้นแล ปรมโพธิสัตตเจา พ่ําเพงหอมหยับมายังสุจริตธัมมทังหลายฝูงกาว๑ มาน ี้ไจๆ ทุกชาติแล เส ี้ ยง กัปปนอย กัปปใหยทังหลายสืบมาตราบตอเทาเส ี้ ยงกาละอันมืนนานนักได ๒๐ อสงไขย ปายแสนมหากปปั บัวรมวณแลวจิ่งไดมาเก ดเปนพระญาเวสส ินตระั ซ้ําสละพ ่ําเพงปารมีทานปารมีสีลปารมีคือห ื้ อชางแกว [หนาลานที่๑๓, น.๒๔] เปนทาน แลวสละหื้อเขาของเปนทาน แลวันแลแสนฅําบขาด บเทานั้นก็หื้อสตม หาทาน๒ คือชาง มา รถ เกวยนีแลนางทงหลายัแลเขาของงนฅึ ําแกว ๗ พระการ แลขายิง ขาชาย ลูกรัก เมียรักเปนทาน แลวรักสาสีล ๕ สีล ๘ จําอุโปสถะสีลไป ไจๆ แลวก็ไดกะทําเนกขัมมะ ปพพชาออกบวชเปนรสีปญญาปารมีขงขวาย พ่ําเพงบุญไปไจๆ วิริยะ นั้นไดมาก แลพ ่ํ าเพงอุตสาหะกะทําบุญตางๆ ขันตี อันวาอดใจในคลองอันเปนบุญ สัจจปารมีอุตสาหะกาวคําอันเท ี่ ยงแทสิ่งเดียว อธิฏฐานปารมีก็อทิฏฐานไปไจๆ หื้อต ั้ งหม ั้นในอารมณอันเปนบุญเปนคุณไป ไจๆ เมตตาปารมีอันแผเมตตาไมตรีทุกฅ่ําเชา อุเปกขา อยูมัชฌัตตะในมัคคผล แลซ้ําถือเอายอดทานปารมีคือวาเจาชาลีแลนางกัณหา แลนางมัทรีเมียมิ่งเปน ทานวันนั้นแล เจาก็หอมหยับยังจริยา ๓ พระการไปไจๆ ตราบตอเทาเมี้ยนอายุ ก็เหียดใฅไดประหญาสัพพัญูผวด [หนาลานที่๑๔, น.๒๖] สัตตนั้นแล คันจุติ ตายจากอันเปนพระญาเวสสันตระนั้น ก็ไดเอาตนเมิอเกิดในชั้นฟาตุสิดา ตั้งอยู ๕ พันปทิพพนั้นแล ก็ลงมาเกิดเปนสิทธัตถะ แลวเจาก็ออกบวช ลวดไดตรัส ประหญาสัพพัญูเหนิอแทนแกวปลลังการแทบเคาไมมหาโพธิก็ประจญแพ หมูมาร ๕ พระการ แลวก็จระเดินไปบวชสั่งสอนยังสัตตโลวกทังมวร ดวยลําดับ ๑ กาว - กลาว๒ สตมหาทาน - การใหทานอันยิ่ง อยางละ ๑๐๐ ๘ ตํานานพระเจ้าเลียบโลก ฉบับสิบสองปันนา
วัสสาแลวก็อยูสํารานในปาเชตวันอารามแหงอนาถปณฑิกัสสะสัฏฐีอันมีที่ใกล เมิงสาวัตถีหื้อแลวพุทธกิจ ๕ พระการ ก็มีแล ฯ เอกํสมยํยังมสมียกาละคราบั๑ ภควา อันวาพระพทธเจุาตนประกอบด วย มหากรณาุก็เอาอรหนตาสาวกะเจั า ๕๐๐ ตน มีมหาสารีปุตตเถรเจาเปนประธาน ก็สระเดจออกจากส็งคหะผวดสัตตั ทังหลาย ก็ไปรอดไปถงเมึงมหานครหลวงลิ มฟุ า คือวาเมิงพาราณสีอันมีที่จิ่มใกลน้ํามหาสมุททสาคร พระพุทธเจาก็เทสนา สั่งสอนยังเวไนยสัตต[หนาลานที่ ๑๕, น.๒๘] ทังหลายหื้อไดถึงสุข ๓ พระการ ตาม บุญสมพารแหงตนแล คันอทิฏฐานตั้งไวยังธาตุประบาท ในบานในเมิงทังหลาย คือวาเมิงใหยเมิงนอยทังหลาย ขึ้นมาดวยลําดับมหานคร แลราชธานีทังหลาย ก็ขึ้นมาตามกระแสแมน้ํา กับดวยอรหันตาเจาทังหลาย ก็มารอดบานชนบทที่๑ ชื่อวาเมิงเวสาลีอันมีทิสะหนใตแหงเมิงหริภุญเชยยนครหั้น แลราชธานี ทังหลาย ฯ ในกาละนั้น ยังมีพระญานาคตัว ๑ ก็ออกมาไหวยังพระพุทธเจาห ั้ นแล ก็ขอไวยังประบาทซึ่ งพระพุทธเจา เพ ิ่ อจักไวไหวแลปูชาห ั้ นแล พระพุทธเจา ก็จิ่งย ่ํ าผากอน ๑ ไวหื้อแกพระญานาคตัวน ั้ นห ั้ นแล พระพุทธเจาก็เจียรจา ซึ่งมหาสารีปุตตเถียรวา ดูราสารีบุตตในเมิ่อตถาคตะนิพพานไปในกาละเมิ่อใด อันวารอยตีนพระตถาคตะก็จักปรากฏแกฅนทังหลาย บหนีชาแล ฯ พระพุทธเจาทํานายทวายเทาน ี้ แลวก็สระเด็จข ึ้นไปดวยฝ งน ้ํ าแมพิง เชียงใหมหั้นแล ก็มาทาหัวเคียนนา มีที่ใตเชียงใหมที่นั้นห ั้ นแล พระพุทธเจา ก็ย่ํารอยประบาทไวเหนิอผากอน ๑ [หนาลานที่๑๖, น.๓๐] พายใตน้ํานั้น ยังมีหมาก ผากอน ๑ เปนรูปอางสองอัน น้ํามีในอางอันนั้น ก็บแหง บบก๑ สักเทิ่อ ก็หาก พ่ําเพงเตมทุกเม ิ่ อแล ยังมีหินกอน ๑ มีทิสะวันตกแมน้ําฅงนั้น พระพุทธเจา ก็เจียรจาซ ึ่ งมหาสารีบุตตวา ดูราสารีบุตตในเมิ่ อกูตถาคตะแลนิพพานไปได รอยปแลวด ั่ งอั้น ก็จักมีภิกขุตน ๑ จักมาสําแดงห ื้อปรากฏแกฅนแลเทวดา ทังหลายแล ถึงปรวายสีเมิอหนา ซ้ําจักรุงเริง๒ ในเมิงอันนี้ก็มีชาแล ฯ ๑ บก - แหง, แหงเหือด๒ รุงเริง - รุงเรือง ตํานานพระเจ้าเลียบโลก ฉบับสิบสองปันนา ๙
ถัดนั้น พระก็เลียบข ึ้ นดวยฝ งน ้ํ าแมระมิงมาถึงหินกอน ๑ อยูประเทียด ปา ริมนาแม ้ํ ระม ิง ทีนั้นพระเจาก ็ขึ้นนงอย ั่ เหน ู อหินกิอนน ั้น แลวเทวดาก ็นําเอามา หริตผลํ ยังลูกไมหมากสมอ มาห ื้ อทานแกพระพุทธเจาห ั้ นแล ภควา อันวา พระพุทธเจา ปริภฺุชิก็กินยังหมากสมอ เหนิอหินกอนนั้นหั้นแล เหียดดั่งอั้น ประเทสอันนั้นจักไดชื่อวาหริภุญชะ บหนีชาแล ฯ คันพระเจาสัน๑ แลว ก็ยอมือไหวแลก็กาววา ดูราสารีบุตตพระตถาคตะ นิพพานไปแลว สาสนา [หนาลานที่๑๗, น.๓๒] กูตถาคตะก็จักมาต ั้ งอยูในที่นี้ ตราบเสี้ยง ๕ พันวัสสา ประเทียดที่นี้จักปรากฏเปนเมิงมหานครอันใหย๑ ยังมี พระญาตน ๑ ชื่อวาอาทิตตราชาวาอั้น ก็อยูสวย๒ เมิงที่นี้บหนีชาแล ฯ พระตถาคตะก็ทํานายด ั่ งน ี้ แลวก็สระเด็จไปสูอุตตรปพพตา คือดอย สุภะสเทพุไปถงสึณฐานทั ี่ ๑เปนอนราบเพัยงเรียงงามนี ัก มีทิสะหนวนออกอัสานิ แลวพระพทธเจุากเล็งด็ูรูแจงดวยอนาคตญาณแล ก็บอกกาวแกมหาสาร ีบุตตวา ดูราสารีบุตตพระตถาคตะ (นิพพานไปแลว สาสนา) ก็จักมาตั้งอยูในถานะที่นี้ พึงมีชาแล ก็หวาย๓ หนาเมิอทิสะหนวันออกสูแมน้ําระมิง แลวก็กาวซึ่งมหาสารี บุตตวา ดูราสารีบุตตทิสะวันออกแหงดอยอันนี้จักมีทาวพระญาเสนาอามาตย ทังหลายจักมาต ั้ งเวียงอยู ถานะที่นี้จักเปนมหานครอันใหยสาสนาแกวทัง ๓ จักมาต ั้ งอยูรุงเริงปรากฏงามนัก เวียงอันน ั้ นจักปรากฏชื่ อวาอภิวาหนคร คือ เวียงใหมวาอั้น พายหนาบหนีชาแล ฯ นับแตเวียงน ั้นมาไกลได๔๐,๐๐๐ วา [หนาลานท ี่๑๘, น.๓๔] ถึงตนดอยอีนนั ั้น ยังมมหาเถรตนี๑จักนาเอาธาตํแตุเมงลิงกาั ทวีป จักมาถปนนะกอมหาเจติยะไวเปนที่ อยูแกวทัง ๓ จักปรากฏชื่ อวา บุปผาราม คือวาวัดสวนดอก วาอั้นก็มีแล ฯ พระพทธเจุาทานายสํนนั ี้ แลวกสระเด็ จไปส ็ดอยอ ู ัน ๑งามนัก พระพทธเุจา ก็นอนอยู หวายหน าไปส หนว ู นออกั ยังมไมี ตน ๑อยพายหล ู งพระพัทธเจุา มีกิ่งคา อัน ๑ ก็หักคานตกลงมาที่นั้นหั้นแล มหาสารีปุตตเถียรเจาก็ไหวพระพุทธเจาวา ภนฺเต ขาแดพระพุทธเจา กิ่งไมหักตกลงมาเหียดสันใดชา พระพุทธเจากาววา ๑ สัน - ฉัน, ฉันภัตตาหาร๒ สวย - เสวย (สวยเมิง - ครองเมือง)๓ หวาย, อวาย - หันหนาไป ๑๐ ตํานานพระเจ้าเลียบโลก ฉบับสิบสองปันนา
สารีปุตฺต ดูราสารีบุตตกูตถาคตะนิพพานไปแลว ธาตุตถาคตะจักมาต ั้ งอยูใน ถานะน ี้จักรุงเริงเปนที่สักการะปูชาแกฅนแลเทวดา จักปรากฏชื่ อวาดอย พระนอน อัน ๑ ชื่อวาดอยพูเขางาม วาอั้น บหนีชาแล ฯ พระพทธเจุาทานายสํนนั ี้ แลวกสระเด็ จไปถ ็ ึงแมน้ําระมิง พระเจากลงอาบ็ ชําระตน แลวนุงผายืนอยู กาววา ดูราสารีบุตตที่นี้จักปรากฏชื่อวาทาพระเจา อาบวาอั้น พายหนาจกแผั ไปว าทาพระกวาง [หนาลานท ี่๑๙, น.๓๖] วาอนบ ั้ หนชาแลีฯ พระพุทธเจาทํานายทวายสันน ี้ แลวก็เลียบฝ งน ้ํ าแมขึ้นไปถึงท ี่ ๑ ยังมี นกสองตัว ตัว ๑ ลุกแตหนใตมา ตัว ๑ ลุกแตหนเหนิอมา ประสบพบกันทัดที่ พระเจามารอดที่นั้น ก็ยินดีมากนัก แลก็รองซาซา ดวยภาสาแหงนกห ั้ นแล พระพุทธเจาจิ่งทํานายวา ถานะที่นี้พายหนาจักปรากฏชื่อวาสบสา วาอั้นบหนี ชาแล ฯ พระพุทธเจาทํานายทวายสันน ี้ แลวก็สระเด็จไปถึงไมยางตน ๑ เปน หมอกเหมยก็ตกลงมามืดมากนัก มหาสารีบุตตก็ไหวพระพุทธเจาวา ในที่นี้ หมอกเหมยตกนัก ขอพระพุทธเจาจุงย ั้ งอยูที่นี้กอนเทิอะวาอั้น พระพุทธเจา ก็เขาไปอยูใตรมไมยางตนนั้น แลวก็เจียรจาซ ึ่ งสารีปุตตเถียรวา ดูราสารีบุตต กูตถาคตะนิพพานไปแลว ธาตุตถาคตะจักมาต ั้ งอยูในที่นี้จักรุงเริงมากนัก พายหนาไม ยางตนน ตายไปแล ี้ วไมมหาโพธ ิตนนี้จักมาปรากฏเกดทิดทั ี่นี้ถานะ ที่นี้พายหนาจักปรากฏชื่อวายางหมอก วาอั้น บหนีชาแล ฯ พระพุทธเจาก็ทํานายทวายสันนี้แลวก็ไปเอาเขาปณฑิบาต [หนาลานที่ ๒๐, น.๓๘] ในบานอ ัน ๑ ชื่อวาบานกอนวาอั้น คันวาได แลวก ไปส ็ ูหินกอน๑ ในสบหวย ที่นั้น น้ํากไหลออกมาห ็นแล ั้ ยามนนย ั้ งมัหมี ูตัว๑ ก็มายนอยื ูซองหนาพระพทธเจุา หั้นแล ยามน ั้ นมหาสารีบุตตก็เอาฝาบาตรไปตักน ้ํ ามาห ื้ อแกพระพุทธเจาห ั้ นแล เจากมาช็าระเนํอตนอาบองค ื้ สรงเกสบวรมวณแลั ว น้ําอนนันก ั้ ็บเสยง ี้ ก็ยังเทาเก า อยูหั้นแล มหาสารีบุตตหันอัจสริยะดั่งอั้น จิ่งไหวพระพุทธเจาวา ภนฺเต ภควา ขาแดพระพุทธเจา น้ําอันนี้ก็ยังมีสันเกา๑ เอามาฝาบาตร ๑ บดาย พระพุทธเจา สันแลวซวย ซ้ําอาบ ก็ยังบ (เสี้ยง) สันนี้ชา พระพุทธเจากาววา ดูราสารีบุตต ๑ สันเกา - ดังเดิม ตํานานพระเจ้าเลียบโลก ฉบับสิบสองปันนา ๑๑
พระตถาคตะนิพพานไปแลว ถานะที่นี้จักเปนที่ตั้งธาตุแลแกวทัง ๓ พระการ ชาแล เม ิ่อใดสาสนาพระตถาคตะขามลวงพนไป ๒ พันวัสสา ในกาละนั้ นยังมี พระญาตน ๑ ชื่อวาสามิกราชา ก็จักมาเลิกสาสนา ก็จักห ื้ อเสนาสองฅน กับ ชาวเจาทังหลายมาปกสาสนาหื้อเปนที่อยูแกวทัง ๓ ชาแล ฯ [หนาลานที่ ๒๑, น.๔๐] เทวดาอันรักสาที่นี้ก็เอาเขาของออกมาหื้อแกฅนทังหลายมากนัก บหนีชาแล ฯ พระพทธเจุาก ็ทํานายสนนั ี้ แลวเจาก ็ลุกจากที่นั้น อันวาแผนดนหลวงกิ ็รองกอง หวนไหวไปมา ั่ เปนนิมิตอนสาสนาจักมาตังอย ั้ ูรุงเรงในท ิ ี่นั้นแล พระพทธเจุาก ็ย่ํา หมากหนกิอน๑ไวรอยตนหีนแล ั้ คันพระพทธเุจาลกจากทุี่นั้นแลวเทวดาทงหลายั กัวเปนสาธารณแหงสัตตทังหลาย ก็มาบิดสะแคง๑ ผากอนน ั้นไวจักปรากฏ ไดชื่อวาผาสะแคง อันมีในเมิงฝางหั้นแล พายหนาพระญาธัมมิกราชาก็มาเลิก สาสนาหื้อปรากฏ มีหั้นชาแล ฯ พระพทธเจุาก ไปด ็วยลวงบนหนอากาส ก็เอามอชื ี้ยังหวดอยทั ี่ ๑แลวกาวว า สารีบุตตพายหนาธาตุกูตถาคตะก็จักมาตั้งอยูในที่นี้ก็จักปรากฏชื่อวาอาราม พระญาฅําแดง ในเมิงเชียงดาวที่นี้บหนีชาแล ฯ ถัดนั้น พระพทธเุจาก ไปถ ็งเมึ ิงสาลที่นั้น ี ก็เอามอชื ไปก ี้ าวว า ดูราสารีบุตต พระตถาคตะนิพพานไปแลว มีดขูด๒ พระตถาคตะจักมาตั้งไวในที่นี้ลวดจักเปน ที่อยูแกว ๓ พระการ บหนีชาแลฯ[หนาลานที่ ๒๒, น.๔๒] ฅนทังหลายอันอยูที่นี้เขา จักมาปกสาสนา มีดขูดไวหนาผากแหงเขาไวชูฅนหั้นแล ฯ ถัดนั้น พระพุทธเจาก็สระเด็จไปดวยบานนอยเมิงใหย ก็ไปรอดเมิงมหา อุมังคละ ในเมิงอุตตรนคร ปางเมิ่ อทานไดเกิดมาเปนมโหสถปณฑิตะหาก อทฏฐานมิดขีดนูั้น ก็เทสนาธมมั ปฏกะสงคหะสัตตั ทังหลายแล ก็สระเดจไปส ็เมู ิง วิเทหะหั้นแล ฯ ในกาละนั้ นพระญาวิเทหะบรูอัชฌาสัยหัวใจแหงพระพุทธเจาเท ิ่ อด ั่ งอั้น คันวาไดยินขาวสารวาพระพุทธเจามาเมตตาดั่งอั้น ก็ยินดีมากนัก ก็หื้อเพิ่นแตง แปงยงเขัาน าโภชนะอาหารใส ้ํ ในไตรฅ ําแลวกยกข็นต ึ้ งเหน ั้ อหลิงชัางแลวก ไปต ็อน ๑ สะแคง - ตะแคง, เอียงไปดานใดดานหนึ่ง๒ มีดขูด - มีดโกน ๑๒ ตํานานพระเจ้าเลียบโลก ฉบับสิบสองปันนา
ไปรบพระพัทธเจุาหนแล ั้ พระพทธเจุาบ พึงใจ ก็กาววาพระญาว เทหะประกอบด ิวย ราชมานะมากนัก พอยวาเอาเข าใสเหนอหลิงชัางมาหอแก ื้ กูนี้ชาเปนการปมาทะแล เม ิ่ อพายลูนแตนี้ไปหนา ชางก็บมีในเมิงที่นี้แลวาอั้น แตนั้นชางก็บมีในเมิง ตราบตอเทาในกาละบัดนี้แล ฯ พระพุทธเจาจากับดวยพระญาเทานั้น [หนาลานที่๒๓, น.๔๔] พระพุทธเจา ก็นอนอยูที่นั้นฅืน ๑ แลวคันรุงแจงก็ชําระอาบน ้ํ าเสีย แลวก็จระเดินเอาเขา ปณฑบาตมาสิ ัน แลวกเจ็ยรจากีบดัวยมหาสาร ีปุตตเถรวา ดูราสารีบุตตพระตถาคตะ นิพพานไปแลวธาตเขุยวฝาง ี้ ๑แลบาตรพระตถาคตะก็จักมาตงอย ั้ ูที่นี้จักปรากฏ เปนที่ตั้งแหงแกวเจา ๓ พระการ บหนีชาแลวาอั้น ฯ แลวพระพุทธเจาก็สระเด็จไปสูเมิงโกสัมพีสระเด็จเอาเขาปณฑิบาต แลวก็ออกไปถึงแมน้ําคงคา พระก็ชําระตนเหนิอหินกอน ๑ หัวทาเขาตอกหั้น น้ําที่นั้นก็พุงข ึ้ นพายบนเหมินด ั่ งเขาตอกดอกไมนั้น ลวดไดชื่อวาทาเขาตอก ก็มีแล ฯ ยังมพระญานาคตี ัว๑ ก็ออกมาไหวพระพทธเจุาแลลวดขอเอารอยประบาท ซึ่งพระพุทธเจาห ั้ นแล ก็ไหวพระพุทธเจาวา ภนฺเต ภควา ขาแดพระพุทธเจา จักไปสันเขาท ี่ใดชา พระพุทธเจาก็กาววา พระตถาคตะจักไปสันเขาเหนิอ ดอยเวภาปพพตา คือวาดอยรังรุง พุนวาอั้น พระญานาคกาววา สาธุดีแล ขาก็ขอเอาน ้ํ ามาห ื้อไดสันชาแล วาอ ั้ นแลวพระพุทธเจาก็สระเด็จไปสูดอย [หนาลานที่ ๒๔, น.๔๖] เวภารปพพตา อันมีที่จิ่มใกลแมน้ําพยัคฆะที่นี้คือวาน้ําฅง อันมในีเมงโกส ิมพั ีแลเมงหริ ิภุญเชยยนครแลเมงทิงหลายมาสัมกุัน เมงหลวงิ อันมีที่ตีนดอยคิชกูฏนั้นแล ฯ ดอยเวภารปพพตะ นั้นเปนอนราบเพัยงเรียงงามมากนี ัก พระเจาก ็นั่งอยู สันเขากับดวยหมูอรหันตา ๕ รอยตน คันพระพุทธเจาสันเขาแลว พระญานาค ก็เอาน ้ํ าแตน้ําแมฅง ออกมาอุปฏฐากพระพุทธเจา กับอรหันตาเจาทังหลายได ๕ รอยตนหั้นแล พระพุทธเจาชําระบวนปาก หวายหนาไปหนใตแลวก็ผูน้ําตก ไปทิสะหนใตหั้นแล มหาสารีปุตตเถรจิ่งไหววา ภนฺเต ภควา ขาแดพระพุทธเจา ๑ เขี้ยวฝาง - ฟนที่อยูระหวางฟนหนากับกราม (เขี้ยวหมา) ตํานานพระเจ้าเลียบโลก ฉบับสิบสองปันนา ๑๓
ดั่งรือผูน้ําไปหนเหนิอบดีแล พอยวาผูหนใตนี้ชา พระพุทธเจากาววา ดูรา สารีบุตตน้ําบวนปากพระตถาคตะอันนี้ปุคละผูใดไปดําหัวแลไดอาบ ไดกินก็ดี พยาธิโรคาทังมวรก็ระงับกลับหายไปเสี้ยงทังมวรแล แมนวาปราถนาบมักใฅหื้อ เขี้ยวหลอน หูหนวก ตาบอด แลอยาหื้อมีหงอกในหัววาอั้น [หนาลานที่ ๒๕, น.๔๘] ก็ดีอันวาพยาธ ิฝูงนนก ั้ ็จักระงบกลั บหายไปแก ัฅนท งหลายฝ ังนูนชาแล ั้ เหยดดีงอ ั่ ั้น พระตถาคตะจิ่งบวนปากตกไปพายหนใตเพิ่ออั้นแล ฯ ในกาละนั้น พระญาไอสวรทงหลายกัมาก็งผ ั้ าภดานพายบนหิวพระพัทธเจุา หั้นแลเทวดาทงหลายกั ไหว ็พระพทธเุจาหนแล ั้ คันเจากาวเทานแล ี้ วกเล็งด็รอยตูีน พระพทธเุจา ๓ ตน อันลวงแล ว คือพระกกุสันธะแลพระเจาโกนาคมนะ แลพระเจา กัสสปะ มีในที่นั้น พระพทธเจุากแย็ มใฅ หัวมากนกแลัมหาสารีปุตตเถรหนกั ไหว ็ พระพทธเจุาว า ภนเตฺภควา ขาแดพระพทธเุจาแย มใฅ หัวเหยดสี นใดชา ัพระพทธเจุา จิ่งกาววา ดูราสารีบุตตถานะที่นี้แมนเปนที่ อยูพระเจาทังหลาย ๓ ตน คือวา กกุสันธะโกนาคมนะ กัสสปะเจาทงหลายทั ัง ๓ ก็มาไวประบาทช ตนู กูก็จักไวซอน ประบาทแหงทานนี้รอย ๑ ชาแล แมนอริยเมตไตรยเจาตนจักมาพายหนา ทาน ก็จักมาย ่ํ าซอนเหนิอประบาททัง ๔ แหง [หนาลานที่๒๖, น.๔๙] แหงตูทังหลายน ี้ หื้อไดเปนอันเดียวเสียชาแล พายหนามีดั่งน ี้ แล ตถาคตะจ ิ่งใฅหัวเพ ิ่ ออ ั้ นแล วาอ ั้ นแลวพระพุทธเจาก็ลงไปย่ํ าซอนกันไว มีปายตีนเพียงกันไวชูตน ปายสน หยุดหยอนกันดวยลําดับไวแลวอทิฏฐานวา กูตถาคตะนิพพานไปแลว เทวดา จักเอาธาตุมาไวที่นี้ เพ ิ่ อบหื้อเปนสาธารณชาแล ในเมิ่ อตถาคตะนิพพานไปได สองพันวัสสานั้น พระธาตุเจาอันนี้ก็จักปรากฏแกฅนแลเทวดาทังหลาย บหนี ชาแล ฅนแลเทวดาทังหลายจักมาไหวมากนักแล ฯ พระพุทธเจาทํานายสันน ี้ แลวก็สระเด็จไปสูปาเชตวันอาราม อันมีที่ใกล เมิงสาวัตถีวันนั้นแล ฯ ตโต ปตฺถาย แรกแตนั้นไปหนา พระมหาสารีปุตตเถรเจาก็สําแดงยัง อัตถะทงมวรหัอแจ ื้ งค อประเทสเห ืยดการณี ทังมวร จิ่งกาวว า เอกํนครํเมงอิ ัน ๑ ชื่อวาเมงพระหลวงิ มีอุตตรทสะหนเหนิ อใกล ิ จิ่มเมงโกส ิมพั ีใกลดอยอ ิสีคือดอย ลินสองอัน มีในละแวกแควนเมิง [หนาลานที่๒๗, น.๕๑] หริภุญเชยยนครแล ๑๔ ตํานานพระเจ้าเลียบโลก ฉบับสิบสองปันนา
พระพุทธเจาก็สันเขาเหนิอดอยเวภารปพพตะที่นั้น ยังมีพระญาตน ๑ ก็เอาน้ํา มาหื้อเปนทานแกพระพุทธเจาหั้นแล ฯ พระเจาก ไว็ ประบาทท ี่นั้นแกไอสวรห นแล ั้ เทวดากมาก็งผ ั้ าภดานทิรอยต ี่ ีน พระพุทธเจาแล เทวดาก็มาปูชามากนักแล ในเมิ่ อพระเจานิพพานไปแลวนั้น ยังมเทวดาตนี๑ ชื่อวารมมตั ิวาอั้น ก็เอาธาตุกูมาตงไั้ วเหนอหมากหินอินพระเจั า มาสันเขานั้น แจงทิสะวันออกแจงเหนิอหินนั้น ยังมีไมทิพพเหลม๑ ๑ มีกิ่งกาน อันแดง มีใบอนหอมัสงสณฐานเปนด ั งไม ั่ สร ีนั้น มีวันออกแจงใต ผูใดมีบุญสมพาร จิ่งไดหัน เม ิ่ อเดินดับ๒ เดินเพง๓ นั้น ยังมีเทวดา ๕ ตน ก็มาอยูรักสาดอย ประบาทเจาอันนั้น ฯ ตน ๑ ชื่อเมกขละ อยูวันตกแจงหนเหนิอนั้น หื้อปูชาดวยดอกไมแดง ฯ ตน ๑ ชื่อชนกะ อยูวันออกแจงหนเหนิอ หื้อปูชาดวยดอกไมอันขาว ฯ ตน ๑ ชื่อลเชยยะ อยูหนเหนิอ หื้อปูชาดวยดอกไมอันเกิดมีในน้ํา คือวา ดอกบัว แลดอกพาน๔ จังกร๕ เปนตนแล [หนาลานที่ ๒๘, น.๕๓] ฯ ตน ๑ ชื่อคันธนะ อยูหนใตหื้อปูชาดวยดอกทายเหิน๖ ฯ ตน ๑ ชื่อจันทปติอยูวันตกแจงใตหื้อปูชาดวยดอกไมอันมีกล ิ่ นคันธะ อันหอมบัวรมวณ ฯ เทวดาสิบ ๕ ตน อยูรักสาประบาทเจากับทังธาตุตราบตอเทาเม ี้ ยน ๕ พันวสสาัตราบถงอรึยเมตเตยยะเจิาลงมาตร สประหญาส ัพพัญั เปนครูแกูโลก ก็จักมาสันเขาเหนิอดอยที่นี้แล ก็จักไวประบาทกวม๗ รอยตีนพระเจาทังสี่ เตม งามเปนแทงก็แทงเดียวแล ก็จักค้ําสาสนธัมมแกเทวดาทังหลาย มีรัมมติเทวดา เปนตน ก็จักถึงธัมมวิเสส คืออรหันตาไดหมื่นตน ก็จักมีหั้นชาแล ฯ ๑ เหลม - ตน, ลํา๒ เดินดับ - วันแรม ๑๔ ฅ่ํา หรือ ๑๕ ฅ่ํา๓ เดินเพง - วันขึ้น ๑๕ ฅ่ํา หรือวันพระจันทรเต็มดวง๔ พาน - บัวสาย ๕ จังกร, จังกอร - ดอกบัวจงกล๖ ดอกทายเหิน - ดอกมหาหงส๗ กวม - ครอบ, ทับ ตํานานพระเจ้าเลียบโลก ฉบับสิบสองปันนา ๑๕
ปุคละผูใดจักข ึ้นไหวสักการะปูชาธาตุแลประบาทเจาอันประเสิฏนี้ดั่งอั้น เปนภิกขุก็หื้อชําระสิกขาบท แลจตุปริสุทธสีลห ื้ อบัวริสุทธ ิ์ แทเทิอะ คันเปน สามเณร ก็หื้อชําระสังวรสีลหื้อบัวริสุทธิ์แทฯ คันเปนปุคละยิงชายทังหลาย ก็ควรสังรอมรักสาสีล ๕ สีล ๘ หื้อบัวริสุทธิ์ บอั้นเทวดาก็บพึงใจ ฅนฝูงมีบาปมีโทสดั่งอั้น ผีเสื้อยักขก็ใสพิสงวน๑ [หนาลานที่ ๒๙, น.๕๕] หื้อเปนอนทราย๒ ตางๆ มีตนวาเจ็บหัว เจ็บตา เจ็บทอง เจ็บไส เปนเภยยะตางๆ ชาแล ฯ ผิวานักบวชก็ดีคระหัฏฐยิงชายผูใดหลอนหากบังเกิดอนทราย สันนั้น๓ ก็หื้อสมมาคารวะ แลวห ื้ อสมาธานเอาสีลบัวริสุทธ ิ์ แทอุทิสะบุญไปรอดไปหา เทวดา หื้อปูชาที่ตีนดอยที่นั้น แลวเย๔ ขึ้นเมิอไหวแลปูชาเทิอะ บกะทําสันนั้น ก็บวุฒิมีอายุก็บหมั้นบยืนชาแล ฯ เมิ่อจักขึ้นเมิอไหวนั้น หื้อปูชาเทวดา ๕ ตนนั้น แลวจิ่งขึ้นเมิอไหวยังธาตุ แลประบาทเจาเทิอะ คันวาขึ้นเมิอรอดประบาทเจาแลว ผูยิงก็ (บ) ควรเขาไปใน ลําเวียง ฯ อัน ๑ อยาผาย๕ เขาตอกดอกไมใสรอยตีนประบาท เทวดาก็บพึงใจ ฯ พระการ ๑ อยาเทียว๖ ที่อรหันตาแลธาตุอยูนั้นเทิอะ เหียดวาธาตุแล อรหันตาอยูชูที่แล ฯ พระการ ๑ อยาเสียเหยื่อหยาทังหลาย อยาไดถมน้ําลาย ฅายขี้มูก อยา เสยมีตตะกุเลดิ ตกในขวงพายบนเทวดาบพึงใจจักกะทาหํ อเปนอนทรายแก ื้ มัน ผูนั้นชาแล ฯ ปุคละผูใดแลไดครบยําแยง๗ ดวยปาก ดวยใจ ดวยตน [หนาลานที่ ๓๐, น.๕๗] แทดั่งอั้น ฯ ๑ พิสงวน - ยาพิษ๒ อนทราย - อันตราย๓ สันนั้น - ฉันนั้น๔ เย, เยียะ - ทํา, จึง, จึงกะทํา ๕ ผาย - โปรย๖ เทียว - เดิน, เหยียบ๗ ครบยําแยง, ครบอยําแอยง - เคารพยําเกรง ๑๖ ตํานานพระเจ้าเลียบโลก ฉบับสิบสองปันนา
พระการ ๑ ยังมีดอยอัน ๑ ชื่อวากินรีคันขึ้นสูจอมดอยอันนั้น ก็จักหันเมิง โกสัมพีทังมวรแล ผิหันทาสะเภาเมิงลังกาแล เจารสีแลกินรีแลยักขทังหลาย ก็ลงมาจับจอมดอยที่นั้นแล จิ่งลงมาไหวแลปูชาธาตุแลประบาทก็มีแล ฯ พระการ ๑ ยังมีดอยหินอันใหย ๑ ชื่อวาผาหับธาตุ ก็มีแล ประบาทเจา ทังหลายฝูงนี้ปุคละยิงชายคระหัฏฐ๑ นักบวชเชิ่อใสยินดีแทดั่งอั้น บประหมาท ปฏิบัติตามคาสอนแหํงเราตนชอมหาสาร ื่ ีบุตตหากกาวนแท ี้ ก็จักสมรทธิ ิดวยบุญ แลคุณอันยิ่ง ตราบเมี้ยนอายุนิพพาน มีหั้นชาแล ฯ ปุคละทังหลายฝูงใดจักไหวประบาทเจาอันประเสิฏนั้น หื้อไดวาคาถา อันนี้เทิอะ โต สมิยํอวิทูเร โต ปพฺพโต กกุสนฺโธ โกนาคมโน กสฺสโป โคตโม ปาทเจติยํชินธาตุจ ฐเปตฺวา อหํวนฺทามิทูรโต ดั่งนี้ชูฅนเทิอะ ฯ มหาสารีปุตตเถรกาววาเม อใดแลพระพ ิ่ ทธเจุาน พพานไปแล ิ วอรหนตาแลั เทวดาตนชื่อรัมมติก็จักนําเอาธาตุพระพุทธเจา [หนาลานที่ ๓๑, น.๕๙] มาถปนะ๒ ตั้งไวเส ี้ ยง ๕ พันวัสสาชาแล ในเมิ่ อลวงพนสองพันวัสสานั้น ยังมีบานอัน ๑ ชื่อวาบานยางฅําวาอั้น ก็จักมีที่ใกลตีนดอยเวลาปพพตาท ี่นั้นหนแล ั้ ยังมเทวดาี ตน ๑ มักใฅหื้อปรากฏประบาท แลชินธาตุเจาดั่งอั้น เทวดาก็มาเนรมิตเปนรุง๓ ตัว๑ ก็ลงมาเอาไกชาวบานอนนั ั้น ไดแลวก ็บินขนเม ึ้ อสิจอมดอยท ู ี่นั้นบขาดสาย หั้นแล ฯ ยามนั้น ยังมพรานป ีาผ ู๑ อยในบ ู านท ี่นั้นมนกั ็หันรงเผุ กติวนั นลงมาเอาไก ั้ เมิอสูจอมดอยที่นั้น มันก็เคียดมากนัก มันก็ฅะนิงใจวารุงตัวน ี้ อยูที่ใด กูจักไป ชอม๔ ยิงหอม ื้ นตายเสัยชาแลวีาอ ั้น แตนั้นรงตุ วนันก ั้ ลงมาเอาไก ็เลาหนแล ั้ พรานปา ผูนั้นมนกั ็หันแลว มันกแล็ น๕ ชอมไป ก็หันยงรังตุ วนันบ ั้ นขินเม ึ้ อสิจอมดอยท ู ี่นั้น หั้นแล พรานก็ขึ้นเมิอรอด ก็บหันรุงสักตัว เทาไดหันประบาท แลธาตุพระเจา ถปนนะตั้งไวนั้นชูพระการแล พรานปามันก็ไดหันแลวก็ไหวนบครบยําแยงดวย ๑ คระหัฏฐ - คฤหัสถ, ผูครองเริน, ผูที่ไมใชนักบวช๒ ถปนะ, ถปนนะ, ถปนนา - (บาลี.-ฐาปน), กอตั้ง, กอสราง, ตั้งขึ้น๓ รุง - นกเหยี่ยวขนาดใหญ๔ ชอม - ตาม ๕ แลน - วิ่ง ตํานานพระเจ้าเลียบโลก ฉบับสิบสองปันนา ๑๗
หัวแหงตนแลวมนกัแล็ นมาป าวกาวแกฅนทงหลายหัอท ื้ วไปท ั่ กบุานนอยเม งใหย ิ ทังหลายหั้นแล ตั้งแรกแต [หนาลานที่ ๓๒, น.๖๑] ๑ นั้นไปหนา ประบาทเจาก็ปรากฏ ชื่อวาประบาทรังรุง วาอั้นสืบมา ก็มีแล แตนั้นมา ยังมีพระญาตน ๑ ชื่อวามังราย อยูเมิงเชียงใหม ไดยินวา ประบาทเจารังรุงประเสิฏมากนัก ก็มีปสทะสัทธา ใฅไหวแลปูชามากนัก ก็เอา กัญญาแลเทวีเสนาอามาตยทังหลายหอเปนปร ื้ วาริ ก็เขาไปด วยลาดํ ับ ก็ไปรอด ไปถึง แลวก็ขึ้นเมิอไหวแลปูชาประบาทเจา แลชินธาตุดวยจิตใจใสสัทธายินดี มากนัก พระญาก็อัสจรยัมากน ัก จิ่งจกมั พระราชอาชฌาไสยแทก ี ๒ ตั้งแตตีนดอย แวดทุกกล้ําทุกพาย มี๖๐๐ ปาย ๗ วา ฯ ตั้งแตตีนดอยขึ้นถึงรอยประบาท ได ๔๐๐ ปาย ๒๕ วา ฯ แทกแตจอมหมอกลงมาหาประบาท ไดรอย ๒๕ วา ฯ แทก แตจอมหมอกลงไปน้ําฅง ไกลได๕๐๐ วาแล ฯ แทกแตสะเพาไปรอดประบาท ได๒๔ วา ฯ รอยตีนพระเจากกุสันธะ ยาววาปาย ๓ สอก ฯ พระเจาโกนาคมนะ ยาวไดวาอก ฯรอยตีนพระเจากัสสปะ ยาววาปายสอก ฯรอยตีนพระเจาโคตมะ ยาววาฅืบ [หนาลานที่ ๓๓, น.๖๒] ปายตีนเพียงกัน สนหยุดหยอนกันก็มีแล ฯ พระญามังรายตนน ั้ นก็ไหวแลปูชา ก็เอายัสสปริวารแหงตนลงมารอด ระหวางป าไม ที่๑ ก็เปนปาเพยงมากี วาเปนกลางทง หาที่จักยงร ั้ มก ็บมีเทาเปน แขม แลปาเลา ปาฅา เปนหลมเปนพนเสียเส ี้ ยง พายลูนลวดแผชื่อเสียวา พูเลายางฅํา วาอั้น ฯ แรกแตพระญาม งรายมาไหว ั ประบาทแลธาต ุพอก๓ มาถงทึ ี่นั้น แลวลกแตุ พูเลายางฅาทํ ี่นั้นกมาต็งอย ั้ ระหว ู างท ี่ ๑ หัวดอยที่นั้นกปรากฏช ็อว ื่ าบานมงรายั สืบมาถึงกาละบัดนี้แล ฯ พระญาก็ยายจากที่นั้นไปตั้ งอยูเมิงเกาเพ ิ่ ออ ั้ นแล ตั้งแตพระญามังราย ไปไหวประบาทเจ าแลวพอกมาสเมู งเิชยงใหม ี นั้น พระญาก็ตั้งอยสวย ู ๔ ราชสมปัตต ิ ตราบเมี้ยนอายุแหงตน ฯ ๑ ภาพใบลานซ้ํากับ หนาลานที่ ๒๒, น.๔๒๒ แทก - วัด, วัดขนาด๓ พอก - กลับ๔ สวย - เสวย, ครอง ๑๘ ตํานานพระเจ้าเลียบโลก ฉบับสิบสองปันนา
แลวถัดน ั้ นยังมีลูกสวยราชสัมปตติแทนพอ แลสืบหลานเหลนมาถึง พระญาลานนาเมงเช ิ ยงใหม ี นั้ นแลได๗ เชนทาวแลวในกาละน นย ั้ งมั ีผาขาว ผู๑ อยูบานมังรายที่นั้น ก็เทียรเทียวไปอุปฏฐากประบาทเจาแลธาตุ [หนาลานที่ ๓๔, น.๖๔] อันประเสิฏนั้นหั้นแล ฯ ยังมในว ี ัน ๑เปนวนเดั ิน ๗ เพง ผาขาวผูนั้นก็ร่ําพงวึาจกเมั อไหว ิ ประบาท แลธาตุชาแลวาอั้น มันก็เมิอแลวคันวามันเมิอรอดแลวก็ไหวประบาทแลธาตุเจา แลวกภาวนาแลก็ ็ร่ําพงในใ ึจแหงมนวั า ดั่งรอฅนทืงหลายบั มาไหว ประบาทแลธาต ุ อันประเสิฏน ี้ ชาวาอั้น ในกาละนั้นเทวดาไดรูความร ่ํ าพึงแหงผาขาวสันนั้น ก็มาเนรมิตเปนภิกขุตน ๑ ภาวนาอยูเงิ้มผาหั้น ผาขาวก็ลงมาหันภิกขุปาตนนั้น ก็ถามวาขาแดเจากูในวันน ี้ ชาวเจาสมณพราหมณก็ดีเหียดด ั่ งรือบมาไหว ประบาทอันประเสิฏนี้ชาวาอั้น ฯ เมอน ิ่ ั้น เทวบตตุกลบเพสตนนันจ ั้ งก ิ่ าวว า ดูราผาขาวแตกอนฅนทงหลายั แลสมณพราหมณทังหลายก็ขึ้นมาไหวประบาทเจาน ี้ มากหลายแทแล เทาวารู บังเกิดเปนอนทรายแกเขามากนัก ก็ลวดพราน๑ กัวเสีย ก็ลวดบมาเพ ิ่ ออ ั้ นแล ผาขาวจิ่งถามวา ฅนแลสมณพราหมณทังหลายก็ไหวแลหื้อเปนอนทรายแกเขา นั้นชา สัพพัญูพระพุทธเจา [หนาลานที่ ๓๕, น.๖๖] ตั้งไวผวดสัตตทังหลายหื้อพน ทุกขถึงสุขดาย ดั่งรือแลหื้อเปนสันนั้นดั่งอั้น ภิกขุตนนั้นจิ่งกาววา ดูราอุปาสกะ ฅนคระหัฏฐแลนักบวชทังหลายข ึ้นมาไหวนี้เปนอันตางกัน ลางพรองก็มาดวย ปาก ดวยใจดวยตนอนซัอแท ื่ ลางพรองกมาด็วยคดเลยว ี้ บซื่อบใสในประบาทเจ า เขาก็มักขาสัตตลักทาน เหลนชูสูเมียทาน ลางพรองสนสอ กาวคําผรุสวาจา หาประโยชนะบได มักกนนิาเหล ้ํ า น้ําเมา บยินดในประบาทเ ีจาสกอั ัน เหยดดีงอ ั่ ั้น อนทรายทังหลายก็ลวดเกิดมีแกเขาเพ ิ่ ออ ั้ นแล คันเขาตายพรองก็ไดไปเปนผี ลางพรองก็ไปเกิดเปนสัตตตัวถอย ลางพรองก็ไดไปตกนรกแลวาอั้น ฯ เมิ่อนั้น ผาขาวจิ่งถามวา แตนี้ไปพายหนา ประบาทอันนี้ก็จักตั้งอยูรุงเริง บชา ภิกขตนมาเนรมุตจิงก ิ่ าวว า ดูราผาขาว ทานจงไปก ุ าวแกชาวเจ าแลฅนคระหฏฐั ทังหลายเทิอะ ฅนทังหลายฝูงใด คือวาคระหัฏฐแลนักบวชทังหลาย มีใจปสาทะ ๑ พราน - เกรง, พรั่นพรึงใจ, กลัว, ขยาด ตํานานพระเจ้าเลียบโลก ฉบับสิบสองปันนา ๑๙
สัทธาแลจักไปไหวยังประบาทเจาแลธาตุอันนี้ดั่งอั้น หื้อไดชวนกันรักสาสีล แล [หนาลานที่ ๓๖, น.๖๘] สังรอมอินทรียทัง ๖ คือวาหูตา ดัง ลิ้น ตน ใจ หื้อดีอยาได ผิดเถยงกี ัน อยาขาสตตั ตัดชีวิต อยาลกทัานอยามายาตาเหลอกือยาได เหลนช ู สูเมยทีานอยาลายอยาพรางผรสวาจาุแลอยากนเหลิายาเมาอยาเสยมีตตะกุเลสิ คือขี้เยี่ยว น้ํามูก น้ําลาย พายตีนดอยประบาทวันตก หื้อไปวันออกประบาท พุนเทิอะ ฯ พระการ ๑ ผูยิงทังหลายจักข ึ้นไหวประบาทเจา อยาล ้ํ าลวงเขาไปพาย ในกําแพงอันลอมไวนั้น อยาไดเทียวไปที่ พระเจาสันเขา อยาตีกลองสะบัดชัย อยากางทงชุอระ ๑ ที่ใกลประบาท ลมมาพดใส ั จับประบาทเจา มักใฅหื้อเปนบญพุอย เปนบาปชาแล อยาปรายเขาดอกใสรอยประบาท ที่พระพุทธเจานั่ง อยาปราย เขาตอกใสรูธาตุหื้อปรายที่ อรหันตาอยูนั้นควรชาแล คันกะทําบชอบ เทวดา ก็บพึงใจแล ธาตุเจาก็บผาย๒ ปาฏิหารยแล ฯ พระการ ๑ อยาถะ อยาถากเอาเปอกไมขึ้นพายบน ใสใจวาจักไดของดี เทวดาบพึงใจแลเหียดวาเทวดาหากรักสาชูเหลมไมแล ผิผูใดบฟง [หนาลานที่๓๗, น.๗๐] ดั่งอั้น มันผูนั้นก็จักสบหายิเจบปวดเปนด ็ งไม ั่ ตนนนแล ั้ คันวาไม ตนนนแล ั้ ตาย มันก็จักตายดงไม ั่ ตนนนแล ั้ ฯ คันไปไหวแลป ชานูั้น หื้อชาระกวาดเผํยวด ี้ แลี ว เยียะชวนกันลงมาไหวเทิอะ คันวาฅนคระหัฏฐนักบวชยิงชายทังหลายไหวแล กะทําสันนี้ก็แดนเที่ยงจักสมคํามักคําปราถนาชูอัน บอยาชาแล ฯ เวภารปพพตาฺปาทธาตกถาุ นิฐิตา กาวยงประบาท ัแลธาตพระพุทธเจุา อันมาตงไว ั้ ในดอยเวภารป พพตา คือวาประบาทร งรั ุง ก็แลวเทาน ี้หอง๑ กอนแลฯ แตนี้ไปพายหนา จักสําแดงประบาทอันต ั้งไวในเมิงฝางหลวงนั้นกอน ชาแล ผูมีประหญาพึงรูดั่งนี้เทิอะ ยังมีผาลูก ๑ ปรากฏชื่อวาดอยผากบดั่งอั้น พระพุทธเจาก็สระเด็จผวดสัตตโลกทังหลาย ก็มารอดมาถึงก็ทํานายทวายไววา พระตถาคตะนพพานไปแล ิ ว ถานะที่นี้ก็จักเปนที่ตั้งไวยังธาตุกูที่๑ ชาแลวาอ ั้น ฯ ๑ ระ - พาด๒ ผาย - แสดง (ผายปาฏิหารย – แสดงปาฏิหาริย) ๒๐ ตํานานพระเจ้าเลียบโลก ฉบับสิบสองปันนา