214 การจัดการการจดั หาและการจัดซอื้
ข้อบกพร่องที่เกิดขึ้นจากการดาเนินการท้ังหมด เช่น การสุ่มตัวอย่างน้าผลไม้กระป๋องมาตรวจสอบ
รสชาติ
การควบคุมคุณภาพเน้นการตรวจสอบและแยกแยะของดีและของเสียออกจากกัน โดยระบุ
เป็นร้อยละของของเสียที่พบจากล็อตการผลิต เพื่อควบคุมมิให้ของเสียมีมากเกินกว่าที่กาหนดและ
ในปจั จบุ นั การควบคมุ คณุ ภาพมงุ่ เน้นทีข่ องเสียต้องเป็นศนู ย์ (Zero Defect)
9.2.2 การประกนั คุณภาพของสินคา้ และบรกิ าร (Quality Assurance in Product & Service)
หมายถึง การดาเนินการเพ่ือสุขภาพตามระบบและแผนงานท่ีวางไว้อย่างเคร่งครัด เพื่อที่จะมั่นใจได้
ว่าผลิตภัณฑ์หรือบริการมีคุณภาพตามท่ีลูกค้าต้องการ เช่น การดาเนินงานตามมาตรฐานคุณภาพ
สากล ISO 9000
9.2.3 การบริหารคุณภาพของสินค้าและบริการ (Quality Management in Product &
Service) หมายถึง การจัดการระบบคุณภาพโดยทุกคนที่เก่ียวข้องท้ังภายในและภายนอกองค์การ
รับผิดชอบต่องานท่ีตนเองกระทาอย่างเต็มที่เพื่อให้สินค้าและบริการเป็นไปตามต้องการของลูกค้า
เช่น การใชร้ ะบบการบริหารคุณภาพสมบรู ณแ์ บบ (Total Quality Management หรือ TQM)
วัตถุประสงค์หลักของการจัดการคุณภาพ คือ การผลิตสินค้าหรือบริการที่ตอบสนอง
ความต้องการของลูกค้า ซึ่งความต้องการของลูกค้าจะเป็นกรอบกาหนดระบบคุณภาพขององค์การ
ท้ังทางตรงและทางอ้อม ดังน้ันการจัดการคุณภาพจะมุ่งสร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้าเป็นสาคัญ
โดยยดึ ถือคาที่เรยี กวา่ “สินค้าที่มคี ณุ ภาพ สร้างความพงึ พอใจให้กบั ลูกค้า”
9.3 ตน้ ทนุ ของคุณภาพของสนิ ค้าและบริการ (The cost of Quality Product & Service)
เรืองวิทย์ เกษสุวรรณ, (2561) คณุ ภาพเป็นปจั จัยท่มี คี วามสาคญั ต่อความสาเร็จของธุรกจิ ซึ่ง
คุณภาพจะเกิดขึ้นได้จะต้องอาศัยความรู้ ความเข้าใจ การทุ่มเทในการปฏิบัติ และการพัฒนาอย่าง
ต่อเนือ่ ง เพ่ือท่ีจะนาไปผลิตสินค้า หรือบริการให้แก่ลูกค้า นอกจากนก้ี ารท่ีบริษัทมีสินคา้ หรือบริการ
ทม่ี ีคณุ ภาพ ย่อมส่งผลให้ยอดการขายหรือบริการเพ่ิมสงู ขึ้น ซ่ึงช่วยให้ธุรกิจดาเนินต่อไปได้ แต่การท่ี
จะทาให้สินค้าและบริการมีคุณภาพได้นั้น ก็จะต้องใช้ต้นทุนต่างๆ เพื่อส่งเสริมให้สินค้า และบริการ
มคี ณุ ภาพ โดยตน้ ทุนดังกล่าวนี้ แบง่ ออกเป็น
9.3.1 ต้นทุนของการปอ้ งกัน (Prevention Cost) เปน็ คา่ ใชจ้ ่ายท่ีเกดิ จากการป้องกันไม่ให้เกิด
ของเสียหรือการทางานที่บกพรอ่ ง ได้แก่ ต้นทุนการอบรมคนงาน ต้นทุนการวางแผนคุณภาพ ต้นทุน
การออกแบบผลติ ภัณฑ์ และกระบวนการผลติ ให้ผลิตงา่ ยไมเ่ กดิ ปัญหาขณะผลติ
บทท่ี 9 การเลือกสรรผลิตภัณฑ์ทม่ี ีคณุ ภาพ 215
9.3.2 ต้นทุนของการประเมิน (Appraisal Cost) เป็นค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบหรือประกัน
คุณภาพในระหว่างการผลติ ได้แก่ คา่ ตรวจสอบคุณภาพ ค่าจ้างหรอื เงนิ เดือนพนักงายฝ่ายตรวจสอบ
คุณภาพ คา่ ใช้จ่ายในหอ้ งปฏิบัติการ
9.3.3 ต้นทุนของการผิดพลาด (Cost of Failure) เป็นค่าใช้จ่ายที่เกิดข้ึนเมื่อดาเนินงานหรือ
ผลิตภัณฑ์ และบริการมีความบกพร่องเกิดข้ึนทาให้จะต้องเสียเวลา และค่าใช้จ่ายในการแก้ไข
โดยต้นทุนของความผิดพลาดแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดงั น้ี
- ต้นทุนของความผิดพลาดภายใน (Internal Failure Cost) เป็นค่าใช้จ่ายของ
การแก้ไขงานใหม่ก่อนส่งสินค้าหรือบริการถึงมือลูกค้า เน่ืองจากคุณภาพของงานไม่ได้ตามระดับ
คุณภาพท่ีต้องการ ได้แก่ ต้นทุนการทางานซ้า ต้นทุนวัตถุดิบค่าแรง และพลังงานที่ต้องใช้ในการ
ปรับปรงุ แกไ้ ขผลติ ภณั ฑใ์ หม่
- ต้นทุนของความผิดพลาดภายนอก (External Failure Cost) เป็นค่าใช้จ่าย
ท่ีเก่ียวข้องกับของเสียท่ีตรวจพบหลังจากสินค้าถึงมือลูกค้า ได้แก่ ค่าใช้จ่ายในการซ่อมสินค้าใน
ระยะเวลารบั ประกนั คา่ ปรบั ค่าความเสียหายของภาพพจน์ธุรกิจ
9.4 รางวลั แห่งคุณภาพ (Quality Award)
(ณัฐพล ชวลิตชีวิน และปราโมทย์ ศุภปัญญา, 2560) คุณภาพที่ดีย่อมนาซ่ึงความสาเร็จ
แก่องค์การทั้งทางตรงและทางอ้อม และการบริหารคุณภาพท่ีดีนอกจากจะสร้างผลกาไร
เชิงเศรษฐกิจใหแ้ ก่องค์การธุรกิจแล้ว ยังนามาซ่ึงการได้รางวัลเกียรติยศท่ียอมรับกนั ในสังคมอีกด้วย
รางวลั แห่งคณุ ภาพทม่ี ชี อ่ื เสยี งในระดบั นานาชาติมี 2 รางวัล ดงั ตอ่ ไปนี้
9.4.1 รางวัลคุณภาพแห่งชาติมลั คัมบาล์ดริจ (Malcolm Baldrige National Quality Award,
เป็นรางวัลแห่งคุณภาพท่ีก่อต้ังขึ้นในปี ค.ศ. 1987 โดยสภาองเกรสแห่งสหรัฐอเมริกา ตามช่ือของ
เลขาธิการแห่งกระทรวงพาณชิ ย์ ผ้ซู ึ่งมคี วามม่งุ หมายอนั แรงกล้าท่ีจะสง่ เสริมคุณภาพเพ่อื ลดการขาด
ดุลการค้า และให้รางวัลแก่ผู้ประสบความสาเร็จในการบริหารคุณภาพ โดยแยกประเภทผู้รับรางวัล
เป็น 3 จาพวก คือ ผู้ผลิตสินค้ารายใหญ่ ผู้ให้บริการรายใหญ่ และผู้ผลิตสินค้าหรือบริการขนาดเล็ก
รางวัลนี้มีองค์การธุรกิจที่มีชื่อเสียงได้รับหลายองค์การ เช่น Motorola, IBM, Xerox, AT&T,
FeDex, Westinghouse ฯลฯ
การพจิ ารณารางวลั รางวลั คณุ ภาพแห่งชาติมลั คมั บาลด์ รจิ จะตดั สนิ จากปจั จยั ดังต่อไปนี้
- ความเปน็ ผูน้ าในดา้ นการสรา้ งสรรคแ์ ละรกั ษาไวซ้ ง่ึ วฒั นธรรมแหง่ คณุ ภาพ
216 การจัดการการจดั หาและการจดั ซ้อื
- ความมีประสิทธิผลในการเก็บและรวบรวมข้อมูลข่าวสารเพื่อพัฒนาและวางแผน
คณุ ภาพ ความมปี ระสิทธิผลในการรวมความต้องการด้านคณุ ภาพเข้าสู่กระบวนการวางแผนกลยุทธ์
- ความสาเร็จในการใช้ประโยชน์อย่างเต็มท่ีจากแรงงานที่มีอยู่เพื่อปรับปรุงคุณภาพ
ความมปี ระสทิ ธิผลของระบบการประกนั คณุ ภาพของบริษัท
- ผลของการปรบั ปรุงคุณภาพที่แสดงออกในเชงิ ปรมิ าณ
- ความพงึ พอใจของลกู คา้ ในการไดร้ บั สงิ่ ที่เขาต้องการ
รางวัลคุณภาพแห่งชาติมัลคัมบาล์ดริจส่งเสริมการปรับปรุงพัฒนาการบริหารคุณภาพ และ
สร้างภาพทเี่ ป็นนามธรรมของคุณภาพให้ชดั เจนข้นึ ในสายตาของสาธารณชนได้ในท่สี ดุ
9.4.2 รางวัลเดมมิง่ (Deming Prize)
(ณัฐพล ชวลิตชีวิน และปราโมทย์ ศุภปัญญา , 2560) เป็นรางวัลที่ตั้งชื่อตาม
ปรมาจารย์คนสาคัญด้านคุณภาพคือ Edwards W. Deming ผู้ซ่ึงช่วยพัฒนาประเทศญี่ปุ่นหลังพ่าย
แพส้ งครามโลกคร้ังท่ี 2 จนประสบความสาเร็จเป็นประเทศอุตสาหกรรมชัน้ นาของโลก ซ่ึงรางวัลนไี้ ด้
เริ่มต้นประกาศตง้ั แต่ปี ค.ศ. 1951 โดยสหภาพนักวิทยาศาสตร์และวิศวกรแห่งประเทศญี่ปุ่นเพ่ือให้
เกยี รตแิ ก่บรษิ ัทท่ีมีระบบคณุ ภาพยอดเยี่ยม รางวลั เดมม่งิ มวี ตั ถปุ ระสงคห์ ลัก 2 ประการคอื
- เผยแพร่ให้ความรู้และเทคนิคการควบคุมคุณภาพเชิงสถิติ (Statistical Process
Control) แก่อุตสาหกรรมญ่ปี นุ่
- เพ่ิมพูนจิตสานึกของสาธารณชนให้ตระหนักถึงวัตถุประสงค์ และเทคนิคของ
การบริหารคณุ ภาพ
นอกจากนั้น ยังมีการมอบรางวัลเดมมิ่งแก่บุคคลท่ีมีผลงานดีเด่นด้านการพัฒนา
แนวความคดิ ดา้ นคณุ ภาพอกี ด้วย
9.5 เทคนิคในการคดั สรรผลิตภัณฑ์ทมี่ ีคุณภาพ
เครอ่ื งมือในการจัดการคุณภาพน้ันมิได้เปน็ เครื่องมอื สาหรับบุคคลทที่ างานเกย่ี วกับการผลิต
เท่าน้ัน ยังเก่ียวข้องกับฝ่ายอื่นๆ เช่น ฝ่ายบุคคล ฝ่ายบัญชีการเงิน ฝ่ายจัดซ้ือ ฝ่ายช่างซ่อมบารุง
ฝ่ายสนิ ค้าคงคลัง เปน็ ต้น
เคร่ืองมือในควบคุมคุณภาพมีมากมายหลายรูปแบบ ข้ึนกับแตล่ ะกิจการจะเลือกนามาใช้ให้
เหมาะสมกับขนาดและประเภทของกิจการ ในปัจจุบนั ท่ีสภาพการแข่งขันสูง กิจการจะอยู่รอดต่อไป
ได้อย่างยั่งยืนนั้น กิจการจะต้องให้ความสาคัญเรื่อง “คุณภาพ” ท้ังในส่วนของการพัฒนาปรับปรุง
บทที่ 9 การเลอื กสรรผลติ ภณั ฑท์ ม่ี คี ณุ ภาพ 217
คุณภาพของสินค้าและบริการ รวมถึงการพัฒนาคุณภาพบุคลากร เพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับ
ผบู้ ริโภคและผู้ปฏบิ ตั งิ าน
ศา ส ตร า จา ร ย์ คา โ อรุ อิ ชิก า ว่า (Kaoru Ishikawa ,1955) ไ ด้ ร่ ว ม มื อกั บ Walter
A. Shewhart ในการใช้หลักการควบคุมคุณภาพเชิงสถิติ และได้นาเอาแผนภูมิควบคุมไปใช้ใน
อุตสาหกรรมญี่ปุ่น ผลงานของเขาคือ การพัฒนาเคร่ืองมือ 7 อย่างในการควบคุมคุณภาพ
(7 QC Tools) ได้แก่ แผนผังแสดงเหตุและผลหรือแผนผังก้างปลา ผังพาเรโต้ กราฟ ฮีสโตแกรม
แผนภูมกิ ารควบคุมกระบวนการแผนผงั การกระจาย และใบตรวจสอบเครือ่ งมือทใี่ ชไ้ ดแ้ ก่
9.5.1 แผนผังแสดงเหตแุ ละผล หรอื แผนผังกา้ งปลา (Fish Bone Diagram)
แผนผังสาเหตุและผลเป็นแผนผังท่ีแสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่างปัญหา (Problem)
กับสาเหตุท้ังหมดท่ีเป็นไปได้ท่ีอาจก่อให้เกิดปัญหานั้น (Possible Cause) เราอาจคุ้นเคยกับแผนผัง
สาเหตุและผล ในชื่อของ "ผังก้างปลา (Fish Bone Diagram)" เน่ืองจากหน้าตาแผนภูมิมีลักษณะ
คล้ายปลาท่ีเหลือแต่ก้าง หรือหลายๆ คนอาจรู้ จักในช่ือของแผนผังอิชิกาว่า (Ishikawa Diagram)
ซ่ึงได้รับการพัฒนาคร้ังแรกเม่ือปี ค.ศ. 1943 โดย ศาสตราจารย์คาโอรุ อิชิกาว่า แห่งมหาวิทยาลัย
โตเกยี ว
(1) การใช้แผนผังกา้ งปลา
ก. เมื่อตอ้ งการคน้ หาสาเหตแุ หง่ ปัญหา
ข. ต้องการทาการศึกษา ทาความเข้าใจ หรือทาความรู้จักกับกระบวนการอื่น ๆ
เพราะว่าโดยส่วนใหญ่พนักงานจะรู้ปัญหาเฉพาะในพื้นที่ของตนเท่าน้ัน แต่เม่ือมีการ ทาผังก้างปลา
แลว้ จะทาให้เราสามารถร้กู ระบวนการของแผนกอนื่ ได้งา่ ยขนึ้
ค. เมื่อต้องการให้เป็นแนวทางใน การระดมสมอง ซ่ึงจะช่วยให้ทุกๆ คนให้ความ
สนใจในปัญหาของกลุ่มซึง่ แสดงไวท้ ี่หวั ปลา
(2) วธิ ีการสร้างแผนผังสาเหตแุ ละผลหรือผงั กา้ งปลา
ส่งิ สาคญั ในการสร้างแผนผัง คอื ต้องทาเปน็ ทมี เป็นกลุ่ม โดยมี 6 ขนั้ ตอนดังต่อไปน้ี
ขน้ั ตอนที่ 1 กาหนดประโยคปญั หาที่หวั ปลา
ข้นั ตอนที่ 2 กาหนดกลุ่มปจั จัยท่จี ะทาให้เกดิ ปัญหาน้นั ๆ
ขัน้ ตอนที่ 3 ระดมสมองเพ่ือหาสาเหตุในแตล่ ะปัจจยั
ข้นั ตอนที่ 4 หาสาเหตหุ ลักของปญั หา
218 การจัดการการจัดหาและการจดั ซื้อ
ขน้ั ตอนท่ี 5 จดั ลาดับความสาคัญของสาเหตุ
ข้ันตอนท่ี 6 ใช้แนวทางการปรับปรุงที่จาเป็น
(3) การกาหนดปัจจัยบนก้างปลา
เราสามารถท่ีจะกาหนดกลุ่มปัจจัยอะไรก็ได้ แต่ต้องมั่นใจว่ากลุ่มที่เรากาหนดไว้เป็น
ปัจจัยนั้นสามารถที่จะช่วยให้เราแยกแยะและกาหนดสาเหตุต่างๆ ได้อย่างเป็นระบบ และเป็นเหตุ
เป็นผล
โดยส่วนมากมักจะใชห้ ลักการ 4M 1E เปน็ กลุ่มปัจจัย (Factors) เพ่ือจะนาไปสูก่ ารแยกแยะ
สาเหตตุ า่ งๆ ซ่ึง 4M 1E น้ีมาจาก
M - Man คนงาน หรือพนกั งาน หรือบคุ ลากร
M - Machine เครื่องจกั รหรืออุปกรณ์อานวยความสะดวก
M - Material วัตถุดบิ หรอื อะไหล่ อุปกรณอ์ ืน่ ๆ ท่ีใช้ในกระบวนการ
M - Method กระบวนการทางาน
E - Environment อากาศ สถานท่ี ความสวา่ ง และบรรยากาศการทางาน
ภาพที่ 9.1 รปู แบบผงั ก้างปลา
ทม่ี า: (เรอื งวทิ ย์ เกษสุวรรณ, 2561)
การกาหนดก้างปลาไม่ได้หมายความว่า จะต้องใช้ 4M 1E เสมอไป เพราะหากเรา
ไม่ไดอ้ ยู่ในกระบวนการผลิตแลว้ ปจั จัยนาเข้า (input) ในกระบวนการก็จะเปล่ยี นไป เช่น ปจั จยั การ
นาเข้าเป็น 4P ได้แก่ Place , Procedure, People และ Policy หรือเป็น 4S Surrounding,
บทท่ี 9 การเลอื กสรรผลติ ภัณฑท์ ม่ี ีคุณภาพ 219
Supplier, System แ ล ะ Skill ก็ ไ ด้ ห รื อ อ า จ จ ะ เ ป็ น MILK Management, Information,
Leadership, Knowledge ก็ได้ นอกจากนั้น หากกลุ่มที่ใช้ก้างปลามีประสบการณ์ในปัญหาท่ีเกิด
ขน้ึ อยูแ่ ลว้ ก็สามารถทจ่ี ะกาหนดกลุ่ม ปัจจัยใหมใ่ ห้เหมาะสมกับปญั หาตง้ั แตแ่ รกเลยกไ็ ด้ เชน่ กัน
(4) การกาหนดหัวข้อปญั หาทีห่ ัวปลา
การกาหนดหัวข้อปัญหาควรกาหนดใหช้ ดั เจนและมคี วามเป็นไปได้ ซึ่งหากเรากาหนด
ประโยคปัญหาน้ีไม่ชัดเจนตั้งแต่แรกแล้ว จะทาให้เราใช้เวลามากในการค้นหา สาเหตุ และจะใช้
เวลานานในการทาผงั กา้ งปลา
การกาหนดปัญหาที่หัวปลา เช่น อัตราของเสีย อัตราช่ัวโมงการทางานของคนท่ี
ไม่มีประสิทธิภาพ อัตราการเกิดอุบัติเหตุ หรืออัตราต้นทุนต่อสินค้าหน่ึงชิ้น เป็นต้น ซ่ึงจะเห็นได้ว่า
ควรกาหนดหัวขอ้ ปัญหาในเชิงลบ
เทคนิคการระดมความคิดเพ่ือจะได้ก้างปลาท่ีละเอียดสวยงาม คือ การถาม ทาไม
ทาไม ทาไม ในการเขยี นแตล่ ะกา้ งยอ่ ยๆ โดยผงั ก้างปลาประกอบด้วยส่วนต่างๆ ดังตอ่ ไปนี้
(1) ส่วนปญั หาหรือผลลัพธ์ (Problem or Effect) ซึ่งจะแสดงอยทู่ ่ีหวั ปลา
(2) ส่วนสาเหตุ (causes) จะสามารถแยกย่อยออกได้อีกเป็น
(3) ปจั จัย (Factors) ที่สง่ ผลกระทบต่อปัญหา (หวั ปลา)
ก) สาเหตหุ ลัก ข) สาเหตุย่อย
ซึ่งสาเหตุของปัญหา จะเขียนไว้ในก้างปลาแต่ละก้าง ก้างย่อยเป็นสาเหตุของก้าง
รองและก้างรองเปน็ สาเหตุของกา้ งหลกั เป็นตน้
หลักการเบื้องต้นของแผนภูมิก้างปลา (fishbone diagram) คือการใส่ชื่อของ
ปญั หาท่ีตอ้ งการวิเคราะห์ ลงทางดา้ นขวาสดุ หรอื ซา้ ยสุดของแผนภูมิ โดยมเี ส้นหลกั ตามแนวยาวของ
กระดูกสนั หลัง จากนั้นใส่ชอื่ ของปัญหาย่อย ซ่งึ เป็นสาเหตุของปัญหาหลัก 3 - 6 หัวขอ้ โดยลากเป็น
เส้นก้างปลา (sub-bone) ทามุมเฉียงจากเส้นหลัก เส้นก้างปลาแต่ละเส้นให้ใส่ช่ือของสิ่งท่ีทาให้เกิด
ปัญหานั้นขึ้นมา ระดับของปัญหาสามารถแบ่งย่อยลงไปได้อีก ถ้าปัญหาน้ันยังมีสาเหตุท่ีเป็น
องค์ประกอบย่อยลงไปอีก โดยทั่วไปมักจะมีการแบ่งระดับของสาเหตุย่อยลงไปมากที่สุด 4 – 5
ระดับ เม่ือมีข้อมูลในแผนภมู ิท่ีสมบูรณ์แลว้ จะทาให้มองเหน็ ภาพขององค์ประกอบท้ังหมด ที่จะเป็น
สาเหตุของปญั หาทเี่ กิดข้นึ
220 การจดั การการจัดหาและการจดั ซือ้
ตัวอยา่ งท่ี 9.1 แสดงรายละเอียดของผงั กา้ งปลา (Fish Bone Diagram) จากสาเหตุการเกดิ อบุ ตั เิ หตุ
ในการขนสง่ ทางน้าลมุ่ แม่นา้ เจ้าพระยา
ภาพที่ 9.2 ตัวอย่างแสดงรายละเอยี ดของผังกา้ งปลา
ทม่ี า: (พิเชษฐ เนตรสว่าง, 2561)
(5) ขอ้ ดีและข้อเสียของการใช้แผนผงั ก้างปลา
(5.1) ข้อดี
- ไม่ต้องเสียเวลาแยกความคิดต่าง ๆ ที่กระจัดกระจายของแต่ละสมาชิก แผนภูมิ
ก้างปลาจะช่วยรวบรวมความคิดของสมาชิกในทีม
- ทาให้ทราบสาเหตุหลัก ๆ และสาเหตุย่อย ๆ ของปัญหา ทาให้ทราบสาเหตุท่ี
แทจ้ ริงของปัญหา ซึ่งทาใหเ้ ราสามารถแก้ปญั หาไดถ้ ูกวธิ ี
(5.2) ข้อเสีย
- ความคิดไม่อิสระเนื่องจากมีแผนภูมิก้างปลาเป็นตัวกาหนดซึ่งความคิดของ
สมาชิกในทีมจะมารวมอยู่ทแ่ี ผนภูมิกา้ งปลา
- ตอ้ งอาศัยผูท้ ่ีมีความสามารถสงู จงึ จะใช้แผนภูมกิ า้ งปลาในการระดมความคดิ
บทที่ 9 การเลอื กสรรผลติ ภณั ฑ์ทม่ี คี ณุ ภาพ 221
9.5.2 แผนผงั พาเรโต (Pareto Diagram)
(Paleto Diagram,Vilfredo Federico Damaso Pareto, 1848) ผังพาเรโตเป็นแผนภมู ิ
ท่ใี ชแ้ สดงให้เห็นถึงความสมั พันธ์ระหว่างสาเหตุของความบกพร่องกบั ปริมาณความสูญเสียทเี่ กดิ ขน้ึ
(1) การใช้แผนผงั พาเรโต
(1.1) กาหนดสาเหตุสาคัญ (Critical Factor) ของปัญหาเพอื่ แยกออกจากสาเหตุอนื่ ๆ
(1.2) ตอ้ งการยืนยันผลลพั ธ์จากการแก้ปัญหาโดยเปรยี บเทียบ“กอ่ นทา”กบั “ หลงั ทา”
(1.3) เม่ือต้องการค้นหาปัญหาและหาคาตอบในการดาเนินกจิ กรรมแก้ปัญหา
(2) ประโยชน์ของแผนผงั พาเรโต
(2.1) สามารถบง่ ชใ้ี ห้เห็นวา่ หัวขอ้ ใดเป็นปญั หามากท่สี ุด
(2.2) สามารถเขา้ ใจว่าแต่ละหัวข้อมีอตั ราสว่ นเป็นเทา่ ใดในสว่ นทัง้ หมด
(2.3) ใช้กราฟแทง่ บง่ ชข้ี นาดของปญั หา ทาให้โน้มน้าวจิตใจได้ดี
(2.4) ไม่ตอ้ งใชก้ ารคานวณทย่ี ุ่งยาก ก็สามารถจดั ทาได้และใชใ้ นการเปรยี บเทยี บผลได้
(2.5) ใชส้ าหรับการต้งั เป้าหมาย ทัง้ ตัวเลขและปญั หา
ภาพท่ี 9.3 ตวั อย่างแผนผงั พาเรโต
ท่มี า: (เรอื งวทิ ย์ เกษสวุ รรณ, 2561)
(3) โครงสร้างของแผนผังพาเรโต
(3.1) ประกอบดว้ ยกราฟแทง่ และกราฟเสน้
(3.2) นอกจากแกนในแนวตั้ง (แกน Y) และแกนแนวนอน (แกน X) กราฟพาเรโตจะมี
แกนแสดงร้อยละหรือเปอรเ์ ซน็ ต์ (%) ของข้อมลู สะสมอยู่ทางดา้ นขวามอื ของแผนผงั ดว้ ย
222 การจดั การการจดั หาและการจัดซ้ือ
(3.3) ความสูงของแท่งกราฟจะเรียงลาดับจากมากไปหาน้อย จากซ้ายมือไปขวามือ
ยกเว้นในกลมุ่
*** ขอ้ มลู ทเี่ ป็น “ ข้อมูลอน่ื ๆ ” จะนาไปไว้ทตี่ าแหนง่ สดุ ทา้ ยของแกนในแนวนอนเสม
(4) ข้ันตอนการสรา้ งแผนผงั พาเรโต
(4.1) ตดั สนิ ใจวา่ จะศกึ ษาปญั หาอะไร และตอ้ งการเกบ็ ขอ้ มลู ชนดิ ไหน เชน่
เลอื กปัญหา ( แกน Y) ชนิดข้อมลู ( แกน X)
• สาเหตุของการเกิดปญั หา • ลักษณะของการเกิดความเสียหาย
• ความถี่ของการเกดิ (ครงั้ ) • ตาแหน่งของการเกดิ เสยี หาย
• มลู ค่า • 4M1E
ตวั อย่างท่ี 9.2 แนวทางการเขยี นแผนผงั พาเรโต จากข้อมลู สถิตกิ ารเกิดอุบตั ิเหตใุ นการขนสง่ ทางน้า
ลุ่มแมน่ ้าเจ้าพระยา
สถติ กิ ารเกิดอุบัติเหตุในการขนส่งทางน้า
รอ้ ย รอ้ ยละ
ละ 82.35 88.24 94.12 100.00 100.00
100.00 76.47 90.00
90.00 64.71 80.00
80.00 70.00
70.00
60.00 60.00
50.00 50.00
40.00 41.18 40.00
30.00 23.53 5.88 5.88 5.88 30.00
20.00 11.76 5.88 20.00
10.00 10.00
0.00 0.00
สาเหตุของการเกดิ
ภาพที่ 9.4 ตวั อยา่ งแนวทางการเขยี นแผนผงั พาเรโต
ทม่ี า: (พิเชษฐ เนตรสวา่ ง, 2561)
บทท่ี 9 การเลอื กสรรผลติ ภณั ฑ์ทมี่ ีคณุ ภาพ 223
(4.2) ขนั้ ตอนวิธีการวเิ คราะห์แผนผังพาเรโต มดี งั นี้
(ก) กาหนดวิธกี ารเก็บขอ้ มูลและช่วงเวลาที่จะทาการเกบ็
(ข) ออกแบบแผ่นบนั ทึก
(ค) นาไปเกบ็ ขอ้ มลู
(ง) นาขอ้ มูลมาสรุปจดั เรยี งลาดับ
(จ) เขยี นแผนผังพาเรโต
9.5.3 เทคนิคกราฟ (Graphs)
(เรืองวิทย์ เกษสุวรรณ, 2561) "กราฟ" คือ เครื่องมือสาหรับใช้ในการแสดงข้อมูลท่ีเป็น
ตัวเลขออกมาให้เห็นภาพ เพ่ือสะดวกในการวิเคราะห์ข้อมูลทเี่ ป็นตัวเลขทุกประเภทสามารถนาเสนอ
ในรูปกราฟ
ข้อดี ของกราฟ คือ เขียนง่าย อ่านง่าย เข้าใจงา่ ย ช่วยให้ตีความหมายของข้อมลู ได้รวดเร็ว
และสามารถเปรียบเทยี บข้อมลู หลาย ๆ ชดุ ใหเ้ ห็นความแตกต่างไดช้ ดั เจน
กราฟที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายและเป็นที่คุ้นเคยกันดี ได้แก่ กราฟเส้น กราฟแท่ง กราฟ
วงกลม และกราฟรูปภาพ ในทางปฏิบัติ มีการใช้กราฟมากมายหลายชนิดอย่างน้อยอาจแบ่งออกได้
เปน็ 7 ชนิด คอื
(1) กราฟเส้น (Line Graphs) เป็นชนดิ ทนี่ ยิ มใช้กันท่ัวไปมากท่ีสดุ
(2) กราฟแทง่ แนวดิง่ (Column Graphs) มีลกั ษณะตามชื่อ คือ เป็นแท่งคอลัมน์
แสดงขอ้ มลู ตามทตี่ อ้ งการนาเสนอ
(3) กราฟแทง่ แนวนอน (Bar Graphs) มีลกั ษณะตามช่ือ คือ เป็นแท่งคลา้ ยกราฟ
คอลัมน์ เพยี งแตเ่ ปน็ แทง่ ตามแนวนอน
(4) กราฟวงกลม (Pie Graphs) มักใช้ในการแสดงค่าร้อยละขององค์ประกอบต่าง ๆ
ทีร่ วมกันเป็นร้อย เช่น ค่าใช้จ่ายประเภทต่าง ๆ ยอดขายของสินค้าประเภทต่าง ๆ
เป็นต้น
(5) กราฟบนั ทึก (Record Graphs) ใชใ้ นการบันทกึ ขอ้ มูลประเภทตา่ ง ๆ เช่น อุณหภูมิ
ความกลม ความเรียบของผิวหน้า ความหนาแน่น ปริมาณพลังงานในเตาปฏิกรณ์
ปรมาณู เป็นตน้
(6) กราฟรูปภาพ (Pictorial Graphs) ใช้รูปภาพ เช่น รูปทหาร รูปคน แสดงจานวน
ทหาร จานวนประชากรในปตี า่ ง ๆ หรือใชร้ ปู สตางคแ์ สดงจานวนเงิน เปน็ ต้น
224 การจดั การการจดั หาและการจดั ซื้อ
(7) กราฟพาเรโต(Pareto Graphs), ฮิสโตแกรม (Histograms) แผนภูมิเหตุและผล
(Cause and Effect Diagrams)หรือผังก้างปลา และกราฟอ่ืน ๆ เช่น ผังเรดาร์
(Radar Chart) ล้วนเป็นกราฟประเภทต่าง ๆ ทม่ี ีใช้อยู่ในปจั จุบัน ในอนาคตอาจมี
กราฟรูปแบบใหม่เกิดขึ้นได้อีกมาก อันเป็นผลจากความคิดสร้างสรรค์และเพ่ือ
สนองความจาเปน็ บางประการให้ไดผ้ ลดยี ่งิ ข้นึ
ในที่นี้จะขอแสดงรายละเอียดและตัวอย่างเฉพาะกราฟบางชนิดท่ีนิยมใช้มี 3 ชนิด คือ
กราฟเสน้ กราฟแท่ง และกราฟวงกลม
ข้อมูลท่ีใช้ในการเขียนกราฟ หากว่ามีจานวนมาก จะต้องคานวณเป็นค่าร้อยละ หรือ
เปอรเ์ ซน็ ต์ก่อนเพ่ือความสะดวกในการแทนคา่ ลงในแกน
รอ้ ยละของการบกพรอ่ ง
60
50 52
40
30
20 21
10 10 3 7
0 5
2
ภาพที่ 9.5 ตัวอยา่ งกราฟเสน้
ทีม่ า: (พิเชษฐ เนตรสว่าง, 2563)
60 บทที่ 9 การเลือกสรรผลติ ภัณฑ์ทม่ี ีคุณภาพ 225
50 รอ้ ยละของการบกพรอ่ ง
40
30 21
20 52 10 5 3 2 7
10
0
ภาพที่ 9.6 ตัวอยา่ งแผนภูมแิ ทง่
ทม่ี า: (พิเชษฐ เนตรสว่าง, 2563)
กราฟวงกลม ใช้พ้ืนท่ีวงกลมแทนขนาดข้อมูล จึงต้องเทียบค่าของข้อมูลกับจานวนองศาที่
จุดศูนย์กลางของวงกลม คือ 360 องศา จากข้อมูลในตัวอย่างจึงได้ค่าองศาดังต่อไปน้ี คือ ชนิดของ
ความบกพร่องและคิดคานวณเปอร์เซน็ ความบกพร่อง
5.คราบสกปรก, 6.ชอ่ งว่าง, 2% 7.อนื่ ๆ, 7%
3%
4.รอยแตก, 5%
3.รเู ขม็ , 10% 1.รอยย่น, 52%
2.รอยขว่ น, 21%
ภาพท่ี 9.7 ตัวอยา่ งกราฟวงกลม
ทีม่ า: (พเิ ชษฐ เนตรสวา่ ง, 2563)
226 การจัดการการจดั หาและการจัดซือ้
9.5.4 ใบตรวจสอบ (Check Sheet)
(ชุติภา โอภาสานนท์, 2560) คือ ใบรายการท่ีเราใช้อ้างอิงสาหรับการตรวจสอบ เปรียบเทียบ
ระบบงานที่เราได้กระทาจริงกับระบบงานที่กาหนดไว้ว่าเป็นอย่างไร ใบตรวจสอบนี้ สามารถใช้
สาหรบั การเกบ็ ข้อมลู ซ่งึ จะชว่ ยให้ได้ข้อมลู ท่ีถกู ตอ้ งอกี ด้วย
ตัวอยา่ งที่ 9.3 การใชใ้ บตรวจสอบสภาพเครือ่ งจักร
ภาพท่ี 9.8 ใบตรวจสอบ
ท่มี า: (เรอื งวทิ ย์ เกษสวุ รรณ,2561)
(1) ความสาคัญของใบตรวจสอบ
เราสามารถนาใบตรวจสอบมาใช้ในการทางานหลายประเภท ใบตรวจสอบจะช่วยให้
เรามองเห็นได้ชัดเจนข้ึนว่าตอนน้ีเราอยู่ในตาแหน่งไหน เช่น หากเราใช้ใบตรวจสอบสาหรับ
ตรวจสอบความก้าวหน้าของงานทีเ่ ราทา เราจะทราบได้ว่างานของเราก้าวหน้าไปถึงจุดไหนแล้ว เม่ือ
บทท่ี 9 การเลอื กสรรผลติ ภัณฑ์ทม่ี คี ณุ ภาพ 227
นามาเทียบกับแผนที่วางไว้แล้วดีกว่าหรือเลวกว่า อีกทั้งยังนามาช่วยในการปรับเปลี่ยนให้ แผนการ
ทางานในช่วงเวลาที่เหลือมีความเหมาะสม เพื่อให้งานเสร็จตามกาหนดการและตาม เป้าหมายท่ี
ตง้ั ไว้อย่างมปี ระสิทธิภาพ
ใบตรวจสอบยังมีประโยชน์ในด้านของการควบคุมรายละเอียด ใบตรวจสอบที่มี
การ ออกแบบมาดีจะสามารถเกบ็ รายละเอียดต่างๆของข้อมูล หรือสิ่งที่เราทาการตรวจสอบได้อย่าง
ครบถ้วน ไมเ่ ยน่ิ เย้อออกไป นอกจากน้ีเรายังนาใบตรวจสอบมาใชเ้ ปน็ หลักฐานอ้างอิงหรือเป็นเกณฑ์
ในการพจิ ารณาประสิทธภิ าพการทางานของเราอกี ด้วย
(2) การออกแบบใบตรวจสอบ
(2.1) กาหนดเป้าหมายในการตรวจสอบ เพื่อเราจะออกแบบใบตรวจสอบให้สามารถ
ใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ เราต้องทราบถึงจุดประสงค์ท่ีแท้จริงว่าเราจะนา ใบตรวจสอบมาใช้
ตรวจสอบข้อมูลอะไรบ้าง และข้อมูลที่เราได้จากการตรวจสอบนั้นจะเอาไปใช้ทาอะไร เราอาจนา
เทคนิคการตั้งคาถามมาช่วยในขั้นตอนนี้ก็ได้ เพื่อให้สามารถหาคาตอบได้ง่ายขึ้น เช่น “ปัญหา คือ
อะไร” “ข้อมูลอะไรบ้างทโี่ ครงการจัดทาข้อมูลองค์ความรู้ งวดที่ 1 : นิยามธรุ กิจ: การผลติ ต้องใช้ใน
การวเิ คราะหป์ ัญหา” “ใครจะเป็นคนใช้ขอ้ มลู นี้” “ใครมีหน้าท่ีในการเกบ็ ขอ้ มูล” ฯลฯ
(2.2) กาหนดแบบฟอร์มสาหรับการเก็บรวบรวมข้อมูล โดยเราจะกาหนดให้หัวข้อ
ของ ข้อมูลท่ีเราต้องการทาการตรวจสอบอยทู่ างดา้ นซา้ ยมือของกระดาษ ทางขวามือจะเว้นว่างไวใ้ ห้
ผ้ตู รวจสอบกรอกรายละเอยี ดได้
(2.3) จัดเก็บขอ้ มูลที่ตอ้ งการนามาใชใ้ นการตรวจสอบ ผทู้ าการรวบรวมข้อมูลจะต้อง
ทาการบันทกึ ข้อมลู ทเ่ี กิดข้ึนจริง
(2.4) รวบรวมขอ้ มลู ท่เี ก็บไดท้ ั้งหมดและนาไปวเิ คราะห์
(3) ข้อพจิ ารณาในการนาความร้ไู ปประยุกตใ์ ชใ้ บตรวจสอบกับการนาไปใชง้ าน
ในการทางานจริงโรงงานบางท่ีอาจไม่รู้ว่าจะต้องใช้ใบตรวจสอบแบบไหนกับงานแต่ละ
ประเภทที่แตกต่างกัน ในระยะแรกผู้ประกอบการจึงอาจจะหาตัวอย่างของใบตรวจสอบมาจาก
หนังสือ คู่มือ ตาราต่างๆ โดยเฉพาะในงานดา้ นวิศวกรรมจะมีตัวอย่างของใบตรวจสอบปรากฏอยู่ใน
หนังสือหลายเล่ม หรืออาจไปขอยืมมาจากโรงงานท่ีรู้จักกันมาใช้ไปก่อน หลังจากนามาใช้ไปได้พัก
หนึ่ง ทางโรงงานควรตรวจสอบดูว่าในการใช้งานมีปัญหาอะไรหรือไม่ สามารถบอกข้อมูลท่ีเรา
ต้องการได้หรือไม่ แล้วจึงทาการดัดแปลงใบตรวจสอบให้มีลักษณะเฉพาะกับงานของเรา เพื่อท่ี
ใบตรวจสอบจะชว่ ยให้เราสามารถพฒั นาการทางานให้มีประสิทธภิ าพสูงสดุ ได้
228 การจัดการการจดั หาและการจัดซอ้ื
9.5.5 ฮิสโตแกรม (Histogram)
(ณัฐพล ชวลิตชีวิน และปราโมทย์ ศุภปญั ญา, 2560) "ฮิสโตแกรม" คือ ผังภาพที่แสดง
การกระจายตัว (ความผันแปรออกจากศูนย์กลาง) ของข้อมูลชุดหนึ่งซ่ึงแสดงคุณลักษณะอย่างใด
อยา่ งหน่ึง เชน่ ความยาว นา้ หนัก เวลา อุณหภมู ิ หรือ ความแขง็ เป็นตน้
โดยให้แกนนอนแสดงค่าของข้อมูลซึ่งแบ่งออกเป็นช่วง ๆ ท่ีมีขนาดเท่ากัน หรือเรียกว่า
“อันตรภาคช้ัน” แต่ในท่ีนี้จะเรียกง่าย ๆ ว่าช่วงชั้น) และให้ความสูงของกราฟแท่งแสดงความถี่
(หรือจานวน) ของข้อมูล ทม่ี คี า่ อยู่ในช่วงชั้นเดยี วกัน
(1) ประโยชนข์ องฮสิ โตแกรม
(1.1) เพ่ือศึกษาว่าข้อมูลชุดหนึ่ง มีการกระจายตัวมากหรือน้อยเพียงไร อยู่ใน
ขอบเขตที่ยอมรับได้ (ตามสเปก) มากหรือนอ้ ยเพยี งไร
(1.2) ใชใ้ นการคานวณหาค่าทางสถิติของขอ้ มูลชุดน้นั อาทิ คา่ สูงสุด คา่ ตา่ สุด ค่าพิสัย
คา่ เฉล่ยี คา่ เบยี่ งเบนมาตรฐาน
(1.3) จากค่าขอบเขตที่ยอมรับได้ (ตามสเปก) และ ค่าทางสถิติท่ีคานวณได้ ทาให้
สามารถระบุค่า "ดัชนีวัดความสามารถของกระบวนการ (Process Capability Index : PCI)" ได้ ซ่ึง
จะเป็นประโยชน์ในการ "เปรียบเทยี บสมรรถนะ (benchmarking)" และการปรับปรุงกระบวนการ
(1.4) ใชต้ รวจสอบประสทิ ธิผลของการปรับปรุง
9.5.6 ผงั การกระจาย (Scatter Diagrams)
(เรืองวิทย์ เกษสุวรรณ, 2561) การนาค่าตัวแปร สองตัวแปรมาจุดลงในกราฟ xy เพ่ือ
พจิ ารณาความสมั พนั ธ์ ระหว่างตวั แปรทัง้ สอง ตวั อยา่ งเช่น
- ความเรว็ รอบการหมุน กบั ความเรียบของผวิ เพลากลม
- แรงดนั ไฟฟ้า กับ ความหนาของการชุบโลหะ
- อณุ หภมู กิ ารอบ กับ สีของขนมอบ
- ระยะเวลาเก็บรักษา กบั คุณภาพของอาหาร
เครื่องมอื ที่ใช้หาความสัมพนั ธ์แท้จริง ของตัวแปรทงั้ สองได้ คือ ผังการกระจาย
ความสมั พันธ์ 2 ตัวแปร ทพี่ บมากไดแ้ ก่
คุณสมบัติทางคุณภาพตวั แปรหนึง่ กบั ตัวแปรในกระบวนการผลติ
คุณสมบตั ทิ างคุณภาพ 2 ตวั แปร
ปัจจัยการผลติ 2 ตวั แปร ทมี่ ีผลต่อคณุ สมบัตทิ างคณุ ภาพเดียวกัน
บทที่ 9 การเลือกสรรผลติ ภณั ฑ์ทมี่ ีคณุ ภาพ 229
9.5.7 แผนภมู ิควบคุม (Control Chart)
(Kaoru Ishikawa :1943) การควบคุมคุณภาพโดยวิธีทางสถติ ิ เป็นเครื่องมือทม่ี ปี ระโยชน์
ต่อการประเมินผลซ่ึงใช้กันมากในบริษัทหรืออุตสาหกรรมท่ีมีระบบการควบคุมคุณภาพ ไม่ได้
จาเปน็ ตอ้ งใชน้ กั สถติ ิ แตจ่ ะใชน้ กั ควบคุมคุณภาพทไี่ ดร้ บั การฝึกอบรม
การประเมินผลข้อมูลจากการควบคุมคุณภาพ เป็นหน้าที่หลักของนักควบคุมคุณภาพ
นอกเหนือจากการทางานในห้องปฏิบัติการ หรือกล่าวได้ว่านักควบคุมคุณภาพจะต้องรับผิดชอบต่อ
การกระทาเพื่อให้ผลิตภัณฑ์อยู่ในขอบเขตท่ีกาหนด และเกิดความเข้าใจของระบบการควบคุม
คุณภาพ โดยวธิ ีทางสถติ ิ จาเป็นตอ้ งยอมรบั ว่าความผันแปรอาจเกิดขึ้นได้เสมอในการวดั คุณภาพของ
ผลิตภัณฑ์ ซึง่ แบ่งออกเปน็ 2 ส่วนคอื
ก. Chance causes ความแปรปรวนทเ่ี กิดจากอบุ ัติเหตุหรอื โดยบังเอิญ
ข. Assignable causes ความแปรปรวนทส่ี ามารถตรวจพบและแกไ้ ขดว้ ยวิธที ่เี หมาะสม
ดงั นั้นวิธกี ารควบคมุ คณุ ภาพจงึ ใช้หลักการและวิธกี ารทางสถิติ เพ่ือการวดั ขนาดของความ
แปรปรวนท่ีเกิดโดยบังเอิญ และตรวจหาความแปรปรวนท่ีเกิดโดยความต้ังใจ โดยยึดหลัก กฎของ
ความนา่ จะเปน็ (Law of probability)
แผนภูมิควบคุม จัดเป็นเทคนิคหรือเครื่องมือที่ใช้ในการประเมินความสามารถของ
กระบวนการหรือตัวแปรท่ีสามารถวัดค่าได้เป็นตัวเลข เพ่ือแสดงการเปล่ียนแปลงที่เกิดข้ึน
เม่ือดาเนินการอยู่ในระดับท่ีพอใจ แผนภูมิควบคุมสามารถแสดงการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสาคัญ
ถ้าตัวอย่างมีค่าเฉลี่ยอยู่นอกเขตท่ีควบคุม แสดงว่ามีข้อผิดพลาดที่เกิดจาก assignable cause
ที่ต้องได้รบั การแกไ้ ข
(1) วัตถุประสงคข์ องแผนภูมิควบคุม
(1.1) เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในปัจจุบันเก่ียวกับสิ่งท่ีได้ทาการผลิตไป
แล้ว หรือใช้เป็นข้อมูลช่วยติดสินใจว่าสิ่งท่ีผลิตไปนั้นเหมาะสมท่ีจะส่งออกจาหน่ายไปยังลูกค้า หรือ
จาเป็นต้องมกี ารเปล่ยี นแปลงอะไรบ้าง
(1.2) เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจเกี่ยวกับกระบวนการผลิต หรือ ใช้เป็น
ข้อมูลช่วยตัดสินใจว่าเม่ือเกิดการแปรปรวนท่ีเป็นปกติข้ึน ก็ควรจะปล่อยให้กระบวนการนั้นดาเนิน
ต่อไป และเมื่อเกิดความแปรปรวนที่ไม่ปกติ ควรจะได้มีการค้นหา และขจัดสาเหตุอันเป็น
assignable cause ออกไป
230 การจัดการการจดั หาและการจัดซอื้
(1.3) เพอื่ ใช้เปน็ ข้อมูลในการตดั สินใจเกีย่ วกบั
- product specification
- production process
- inspection procedure
ดังน้ันข้อมูลจากแผนภูมิควบคุมสามารถใช้ในการกาหนดข้อกาห นดคุณภาพผลิตภัณฑ์
ประเมินกระบวนการผลติ และเปลย่ี นแปลงวิธีการตรวจสอบ
(1.4) เพื่อใช้เป็นวิธีในการแสดงกระบวนการทางาน หรือเป็นหลักให้กับบุคคลที่มี
หนา้ ทีร่ บั ผิดชอบในการควบคุมคณุ ภาพ
(2) การพิจารณากอ่ นการสร้างแผนภูมิควบคุม
(2.1) ต้องการวัดอะไร (What) ในการควบคุมน้าหนักของตัวอย่างท่ีเป็นของเหลว
หมายถงึ การวดั คา่ น้าหนัก หากจะนาไปประยุกตใ์ ชก้ บั ผลติ ภณั ฑอื่นท่ีจาเปน็ ต้องพจิ ารณาให้ดวี า่ ควร
จะวดั อะไร ยกตัวอย่างในการบรรจชุ ้ินสับปะรดลงกระปอ๋ ง ซึ่งอาจบรรจุไดต้ ัง้ แต่ 5-9 ชน้ิ ถา้ สมมตุ ิว่า
เพียง 5 ช้ิน ก็สามารถได้น้าหนักตามกาหนด จะทาให้ได้กาไรมาก แต่มีปัญหา Overfill ข้ึน ดังน้ัน
จะใช้แผนภูมิควบคุมเพื่อควบคุมน้าหนักบรรจุเพียงอย่างเดียวไม่ได้ จาเป็นต้องมีการควบคุมขนาด
เขา้ มาเก่ยี วขอ้ ง เพอ่ื สามารถควบคุมได้ตามความต้องการ
(2.2) ทาการวัดอยา่ งไร (How) วธิ กี ารทีจ่ ะใช้วดั นัน้ ควรจะต้องตรงตามวัตถปุ ระสงค์
ได้คา่ แมน่ ยา และละเอียด ดังน้นั จึงควรเปน็ วธิ ีการวดั ท่ีสามารถใชเ้ ครอ่ื งมือได้มากกวา่ ทจ่ี ะใชค้ น
ถ้าสมมุติว่าเครื่องบรรจุอัตโนมัติ (Filler) สามารถปรับให้ทางานอย่างมีความ
ละเอียดในช่วง ± 1.0 จึงเปน็ สงิ่ จาเป็นสาหรับผู้ตรวจสอบตอ้ งหาเครื่องชง่ั ที่สามารถบอก
ความละเอยี ดได้ใกล้เคยี งกัน
(2.3) จะทาการวัดท่ีไหน (Where) โดยทั่วไปจุดท่ีควรเป็นจุดควบคุมหรือทาการ
ทดสอบ ควรอยใู่ กล้กับจุดที่ทาการผลติ มากกว่าท่ีจะไปอยู่ในห้อง Lab เช่น ต้องการควบคุมนา้ หนัก
บรรจุ ก็ควรจะทาใกล้กับเคร่ืองบรรจุ การวัดบางชนิดอาจมีความสาบาก เชน่ การตรวจสอบทางเคมี
อยา่ งไรกต็ ามการทาแผนภูมิควรอยู่ในท่ที ี่สามารถดาเนินการแก้ไขไดท้ นั ท่วงที
(2.4) จะทาการวัดเมื่อไร (When) ความถ่ีของการวัดอาจจะพิจารณาคล้ายกับการ
หาจานวนตัวอย่าง โดยเฉพาะอย่างย่ิงในกรณีท่ีต้องการแยกขนาด จัดระดับชิ้นคุณภาพ หรือการ
ขนส่ง ถ้าแผนการสุ่มตัวอย่างกาหนดว่า จะเก็บ 500 หน่วย จากการผลิตท้ังหมด 50,000 หน่วย
ดงั นัน้ อาจทาการวัดทุก ๆ หน่วยที่ 100
บทท่ี 9 การเลอื กสรรผลิตภณั ฑท์ ม่ี ีคุณภาพ 231
แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ในการวัด เช่น ต้องการวัดเพ่ือดูว่าจะเกิด out of control
ให้เร็วท่ีสุด เพ่ือจาเป็นต้องมีการแก้ไข ก็ต้องวัดให้ถ่ีมากขึ้น และมีผลต่อต้นทุน ของการวัด, ราคาที่
ต้องสูญเสยี หากเกดิ out of control โดยทวั่ ไปมักจะวดั ตามช่วงเวลาที่สมา่ เสมอ
(2.5) ในแต่ละครั้งต้องวัดจานวนเท่าไร (How many) ในการสร้าง R chart
จาเป็นตอ้ งมหี ลายๆ คา่ ในการวดั แต่ละคร้ัง โดยทวั่ ไปจะใช้ 4-10 ค่า ข้นึ อยูก่ บั เวลาและต้นทุนท่ใี ช้
9.6 ประโยชน์ของการเลือกสรรผลิตภัณฑ์ทีม่ คี ุณภาพ
การเลือกสรรผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ไม่ได้จากัดอยู่กับฝ่ายใดฝ่ายหน่ึงเท่านั้น จะต้องทา
เป็นระบบท้ังองค์การตั้งแต่การควบคุมระดับนโยบายการออกแบบผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพตามท่ี
กาหนด ตลอดทง้ั การควบคุมคุณภาพในการผลติ ซ่ึงประกอบดว้ ย 3 ขั้นตอน คือ
(1) การตรวจสอบคุณภาพวตั ถดุ ิบ
(2) การควบคุมการผลิตในกระบวนการผลิต
(3) การตรวจสอบคุณภาพของผลิตภัณฑ์ท่ีทาสาเร็จรูปแล้วประโยชน์อันเกิดจาก
การควบคุมคณุ ภาพที่ วชิ ยั แหวนเพชร (2534 : 1144) ไดส้ รุปดงั นี้
(ก) ลดค่าใช้จ่าย เช่น ลดการทาให้ผลผลิตเสียหาย ลดการทางานซับซ้อน ลดการ
ซ่อมแซมหรือแก้ไขผลผลิตใหม่ ลดค่าใช้จ่ายในการคัดเลือกผลิตภัณฑ์ดีไม่ดีออก
จากกนั และลดเวลา เน่ืองจากหยุดทาการผลติ ได้
(ข) ลดคา่ ใช้จา่ ยภายนอกในโรงงาน เชน่ คา่ โฆษณา ลดการตาหนจิ ากลูกคา้
(ค) ทาให้ขายผลผลิตไดใ้ นราคาที่ต้ังไว้ หากผลผลิตไมม่ ีคุณภาพย่อมไมไ่ ด้รับความนิยม
อาจจะทาให้ลดราคาถงึ จะขายได้
(ง) ทาใหบ้ รรยากาศในการทางานดีข้นึ ซงึ่ จะส่งผลใหเ้ กิดพัฒนาคณุ ภาพตอ่ ไป
(จ) ทาให้บรรยากาศในการทางานดีขึ้น เพราะธุรกิจดาเนินไปด้วยดีย่อมส่งผลให้
พนกั งานมีกาลงั ใจ มคี วามภาคภูมิใจ
232 การจดั การการจดั หาและการจัดซื้อ
สรปุ
การเลือกสรรผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ เป็นการจัดคุณภาพต้ังแต่กระบวนการออกแบบ การ
แปรงสภาพวัตถุดิบ การวางแผนการผลิต กระบวนการแปรงสภาพ การทดสอบและตรวจสอบ
คุณภาพ การจัดการการขนส่งและโลจิสติกส์ การจัดการคลังสินค้า การกระจายสินค้า โดยมีมารตร
ฐานในการวัดประสิทธิภาพและบริการด้านโลจิสติกส์ และการส่งมองถึงมือลูกค้า ซ่ึงคุณภาพของสิ่ง
เหล่าน้ีจะทาให้ลูกค้ามีคุณภาพชีวิตท่ีดีข้ึนอย่างต่อเน่ือง การให้ความสาคัญในเร่ืองของการบริหาร
คุณภาพยังชว่ ยกระตุ้นให้เกิดการแข่งขันในการพัฒนาคณุ ภาพ และศักยภาพในการแข่งขันของธรุ กิจ
ทั้งภายในและภายนอกประเทศอีกด้วย จะเห็นได้จากการจัดให้มีการมอบรางวัลให้กับบริษัทหรือ
กลุ่มองค์กรทางด้านคุณภาพของสินค้า และบริการ ซึ่งรวมไปถึงคุณภาพของการผลิตและการ
ดาเนินงานอย่างมีคุณภาพ อาทิเช่น รางวัล Malcolm Baldrige National Quality Award
(MBNQA) ซงึ่ เปน็ รางวลั ที่จัดมอบใหก้ บั บรษิ ทั หรือองคก์ รท่ีประสบความสาเรจ็ ทางดา้ นคุณภาพ
ดงั นน้ั จะเห็นไดว้ า่ ความต้องการในด้านคุณภาพได้เข้ามามีบทบาทกับชีวิตประจาวันของทุก
คนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการแข่งขันของธุรกิจที่การวัดความสาเร็จขององค์กรจะอยู่ที่
ผลงานที่มีคุณภาพ โดยท่ีคุณภาพในระบบโลจิสติกส์ ถือเป็นส่ิงที่สาคัญย่ิงในการที่ต้องปฏิบัติ และ
พัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพราะคุณภาพเป็นสิ่งที่มีอิทธพิ ลต่อความดารงอยู่ของธุรกิจ องค์กร ประชาชน
ทว่ั โลก
เคร่ืองมือในควบคุมคณุ ภาพมีมากมายหลายรูปแบบ ข้ึนอยู่กับแต่ละกิจการจะเลือกนามาใช้
ให้เหมาะสมกับขนาดและประเภทของกิจการ ในปัจจุบันที่สภาพการแข่งขันสูง กิจการจะอยู่รอด
ต่อไปได้อย่างย่ังยืนนั้น กิจการจะต้องให้ความสาคัญเรื่อง “คุณภาพ” ท้ังในส่วนของการพัฒนา
ปรับปรุงคุณภาพของสินค้าและบริการ รวมถึงการพัฒนาคุณภาพบุคลากร เพื่อสร้างความพึงพอใจ
ใหก้ ับผูบ้ ริโภคและผ้ปู ฏิบัติงาน เครื่องมือท่ใี ชใ้ นการควบคุมคณุ ภาพในผลติ ภัณฑอ์ ุตสาหกรรมและโล
จิสติกส์ คือ แผนผังแสดงเหตุและผล แผนผังพาเรโต กราฟ ใบตรวจสอบ ฮีสโตแกรม แผนภูมิการ
ควบคุมกระบวนการ แผนผังการกระจาย
บทที่ 9 การเลอื กสรรผลิตภัณฑท์ ม่ี ีคุณภาพ 233
คาถามท้ายบทที่ 9
1. ให้นักศึกษาอธิบายลักษณะของผลิตภัณฑ์ท่ีคุณภาพ และลักษะของการให้บริการที่มี
คณุ ภาพ
2. ต้นทุนคณุ ภาพมีก่ีประเภท อะไรบา้ ง อธบิ ายอยา่ งละเอียด
3. ให้นักศึกษาอธิบายความหมายของการควบคุมคุณภาพ การประกันคุณภาพและ
การบริหารคณุ ภาพของสินค้าและบรกิ าร
4. ให้นักศึกษาอธิบายรูปแบบการพิจารณารางวัลคุณภาพแห่งชาติมัลคัมบาล์ดริจ มีปัจจัย
ใดบา้ ง
5. รางวลั เดมมงิ่ (Deming Prize) เกดิ ขนึ้ ได้อย่างไร
6. ให้นกั ศกึ ษาอธิบายหลกั การ 4M 1E ว่าเปน็ อยา่ งไร
7. ข้อดี ขอ้ เสยี ของการทาผงั กา้ งปลามีอะไรบา้ ง
8. ให้นกั ศกึ ษา เขยี นแผนผังสาเหตแุ ละผลเป็นแผนผงั ท่ีแสดงถงึ ความสัมพนั ธร์ ะหว่างปัญหา
(Problem) กับสาเหตุท้ังหมดท่ีเป็นไปได้ ซึ่งอาจก่อให้เกิดปัญหาน้ัน (Possible Cause)
เราอาจคุ้นเคยกับแผนผังสาเหตุและผล หรือ ผังก้างปลา โดยกาหนดปัญหาสถานที่
จอดรถไม่เพยี งพอภายในมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยธุ ยา
9. ให้นกั ศกึ ษาบอกถงึ ประโยชน์การเลอื กสรรผลติ ภณั ฑท์ ่ีมีคณุ ภาพ
10. เครอื่ งมือทใ่ี ชใ้ นการควบคมุ คณุ ภาพสนิ ค้ามีอะไรบ้าง
234 การจัดการการจดั หาและการจดั ซ้ือ
เอกสารอา้ งอิง
กตัญญู หิรัญญสมบูรณ์.(2559) การบริหารอุตสาหกรรม. กรุงเทพฯ: เท็กซ์ แอนด์ เจอร์นัล
พบั ลเิ คชั่น จากัด.
ชุติภา โอภาสานนท์. (2560).ก้าวสู่ความเป็นผู้ประกอบการ. กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวง
อตุ สาหกรรม. กรุงเทพมหานคร: วนั ทนีย์ ภูมิภทั ราคม และคณะ.
ชัยยนต์ ชโิ นกุล, (2559) การจัดการโซอ่ ุปทานและโลจสิ ติกส์ พิมพ์ครง้ั ที่ 5 กรุงเทพฯ: หา้ งหนุ้ ส่วน
จากัด วเี จ.พรินตง้ิ
ฐาปนา บุญหล้า,FCILT,CMC, (2559) คู่มือการตรวจประเมินโลจิสติกส์ พิมพ์คร้ังท่ี 5 กรุงเทพฯ :
แอคทฟี พรนิ้ จากดั
ประชาคมอาเซยี น. จดหมายขา่ วอาเซยี นศกึ ษามหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์, 1 (7), 2.
เรอื งวิทย์ เกษสุวรรณ, (2561) การจดั การคณุ ภาพ .ซีเอ็ดยูเคชัน่ จากัด (มหาชน)
พชิ ญดา ดอนสมจิตร. (2555). การเปรยี บเทยี บคุณภาพบรกิ ารของผใู้ หบ้ ริการ
พิเชษฐ เนตรสว่าง (2561) การศึกษาสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุในการขนส่งทางนาลุ่มแม่นา
เจา้ พระยา มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏพระนครศรีอยธุ ยา
มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์. (2555). ทิศทางเศรษฐกจิ ไทยและโลจิสตกิ สไ์ ทย
มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยพี ระจอมเกลา้ ธนบุรี. (2557). การพัฒนาเกณฑค์ ุณภาพธรุ กจิ โลจิสตกิ ส.์
กรงุ เทพฯ: ผูแ้ ต่ง.
สถาบนั เพิ่มผลผลิตแห่งชาต.ิ (2555). กลยุทธ์การจดั การโลจสิ ตกิ สอ์ ยา่ งมีคณุ ภาพ.
สถาบันเพิม่ ผลผลิตแหง่ ชาต.ิ (2556). รางวัลคณุ ภาพแห่งชาติ Thailand Quality Award: TQ4.
กรงุ เทพฯ: ผแู้ ตง่ .
Mark, M. Davis, Nicholas, J. Aquilano, and Richard, B. Chase, (2017): Fundamentals of
Operations Management,
Detroit, Michigan (2 0 0 8 ) Water Transport Management of Exchange Membrane
Fuel Cell.
Georgios. I. Zekos 2000 Safety sea And Air transport under EU Law.
Kaoru Ishikawa (1943) Quality Management, The University of Tokyo.
บทท่ี 10 การใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศตอ่ การจดั หาจดั ซอื้ 235
บทท่ี 10
การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศตอ่ การจัดหาจดั ซื้อ
ในโลกของธุรกิจปัจจุบัน ได้มีการกล่าวถึงการทา E-Procurement หรือการจัดซื้อจัดจ้าง
แบบออนไลน์กันอย่างมาก ทั้งในภาครัฐและ ภาคเอกชน โดยทางภาครัฐได้มอง E-Procurement
เป็นส่วนหน่ึงของการก้าวไปสู่ยุค E-Government และในภาคเอกชนเองก็ได้เลง็ เห็นถึงประโยชน์ใน
การใช้งานอย่างมาก ระบบจัดซ้ือจัดจ้างออนไลน์ หรือที่รู้จักกันว่า E-Procurement ได้นาเอา
เทคโนโลยีด้านอินเทอร์เน็ตมาใช้ ในกระบวนการจัดซ้ือของวงจรห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain)
ตราบเทา่ ท่ีการดาเนนิ ธุรกิจยังต้องการท่ีจะปรับปรุงการจัดการ และบรหิ ารการเงิน ตลอดจนการลด
ค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการแล้วล่ะก็ E-Procurement นับเป็นสิ่งจาเป็นทีเดียว ที่จะทาให้เรา
บรรลจุ ุดประสงค์เหลา่ น้ันได้
1. การคัดเลอื กผูผ้ ลติ / 6. การจัดสง่ สนิ ค้า 7. การออกใบเรยี ก
ผู้จาหน่าย เกบ็ เงิน
2. ติดต่อขอ 5. ระบุจานวนและ 8. การชาระค่าสินคา้
ใบเสนอราคา กาหนดระยะเวลา และบริการ
ส่งมอบ
3. ขออนมุ ัติ 4. ออกใบสัง่ ซ้ือให้ 9. เก็บข้อมูล/เอกสาร
ในการส่งั ซ้อื ผู้ผลติ /ผ้จู าหนา่ ย หลักฐาน
ภาพท่ี 10.1 ขัน้ ตอนกระบวนการของ E-Procurement
ทมี่ า : (พิเชษฐ เนตรสว่าง, 2564)
236 การจัดการการจดั หาและการจัดซอ้ื
กระบวนการของ E-Procurement โดยทั่วไปแล้วจะเริ่มจาก 1. การคัดเลือกผู้ผลิต/
ผู้จาหน่าย 2. ติดต่อขอใบเสนอราคา 3. ขออนุมัติในการส่ังซื้อ 4. ออกใบสั่งซ้ือให้ผู้ผลิต/ผู้จาหน่าย
5. ระบุจานวนและกาหนดระยะเวลาส่งมอบ 6. การจัดส่งสินค้า 7. การออกใบเรียกเก็บเงินและ
8. การชาระค่าสินคา้ และบริการ 9. เกบ็ ข้อมลู /เอกสารหลักฐาน
E-Procurement หรือ Electronics Procurement ก็คือกระบวนการจัดซ้ือจัดจ้าง
ที่ดาเนนิ การผ่านทางอินเทอร์เน็ต โดยเป็นไปอย่างอัตโนมัติบนเครือข่ายอินเทอรเ์ น็ต ซึง่ เป็นระบบที่
ผสมผสานการทางานระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย โดยโซลูชันนี้ ยังสามารถให้ข้อมูลที่สาคัญและช่วยให้
บริษัทสามารถตัดสินใจ ในการจัดซื้อจัดจ้างสินค้า และบริการได้ดียิ่งขึ้น ทั้งนี้ความสามารถของ
E-Procurement นั้นโดยทั่วไปแล้ว ก็จะเริ่มจากการจัดซ้ือจัดจ้างสินค้าและบริการออนไลน์แบบ
ง่ายๆ จนไปถึงสามารถต่อเช่ือมไปยังตลาดซ้ือขายแบบอิเล็คทรอนิกส์ทั้งระบบ โดยจะมีวิวัฒนาการ
เปน็ ขั้นๆ ซึ่งสามารถแบ่ง ออกมาไดเ้ ปน็ 4 เฟสดังต่อไปน้ี
1) ระบบจดั ซอื้ จัดจ้างภายใน (Internal Buy-Side System) ในเฟสแรกนี้แผนกจัดซึ้อจะทา
กจิ กรรมด้านการจัดซื้อแบบออนไลน์ โดยผู้ซื้อสามารถค้นหาสินค้าจากบัญชีสินค้ารวมแบบออนไลน์
ซ่งึ รวบรวมจากหลากหลายบริษัท และหลายผู้ผลิต และทาการจัดซื้อสินค้าผ่านทางเว็บ ซึ่งในส่วนนี้
นบั เปน็ รากฐานสาคัญ ในการขยายการทางานของการดาเนนิ การดา้ น E-Procurement ตอ่ ไป
2) ระบบจัดซื้อจัดจ้างโดยตรง (Direct Purchasing System) สาหรับเฟสท่ีสองนี้ องค์กร
ขององค์กรและผู้ขายได้มีการต่อเชื่อมกันอย่างใกล้ชิด ซ่ึงทาให้สามารถย่นและลดเวลาในด้าน
การเตรียมเอกสารเบ้ืองต้น และการข้ึนบัญชีผู้ค้า โดยยังสามารถแบ่งปันข้อมูลต่างๆ กับผู้ขายผ่าน
ทางเว็บไซด์ได้อีกด้วย ซึ่งจะสามารถย่นเวลาในการจัดซ้ือจัดจ้างได้อย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการเช็ค
เครดติ การตรวจสอบทอี่ ยู่ทีจ่ ะทา การจัดสง่ และกระบวนการอ่นื ๆ
3) การเข้าสู่ตลาดอิเล็คทรอนิกส์ (E-Marketplace Involvement) ในข้ันตอนนี้บริษัทหรือ
องค์กรจะเข้าร่วมหรืออาจจะเป็นผู้พัฒนา E-marketplace ข้ึนเอง โดยรูปแบบจะเป็นการทางาน
ผ่านทางเว็บที่รวบรวมให้ผู้ซื้อ ผู้ขาย และคนกลางเข้าไว้ด้วยกัน ซ่ึงจะเพิ่มการแข่งขันกันระหว่าง
ผู้ขายและเปิดโอกาสให้ผู้ขายได้พบกับผู้ซื้อกลุ่มใหญ่ในตลาด โดย E-Marketplace ได้นาเสนอ
การกาหนดราคาแบบลอยตัว การรวมจานวนการสั่งซ้ือ การทางานร่วมกันอย่างลงตวั
4) การทางานร่วมกัน (Collaboration) ในเฟสสุดท้ายน้ี บริษัทจะทาการต่อเช่ือมระบบ
การจัดซ้ือจัดจ้างภายในองค์กร เข้ากับระบบของผู้ขายผ่านทางโครงข่ายคู่ค้าภายนอก (Partner
Extranet) ซึ่งโดยท่ัวไปจะเป็นช่องทางการส่ือสารท่ีมีความปลอดภัยสูง ผ่านทางโครงข่าย
บทที่ 10 การใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศต่อการจดั หาจัดซอ้ื 237
อินเทอร์เน็ตสาธารณะ เมื่อไรก็ตามที่ต้องการสินค้าหรือบริการ ระบบน้ีก็สามารถทางานตาม
กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างได้อย่างอัตโนมัติ ต้ังแต่ตรวจสอบว่ามีสินค้าเพียงพอหรือไม่ จัดตาราง
การจัดส่งสินค้า และดาเนินการชาระค่าสินค้าและบริการ ท้ังน้ีระบบ E-Marketplace สามารถ
ต่อเชื่อมเข้ากับผู้ค้าหลายๆ รายได้ในเวลาเดียวกัน โดยอาศัยมาตรฐานกลางของระบบจัดซ้ือจัดจ้าง
ประโยชน์มากมายจากระบบ E-Procurement สามารถช่วยให้องค์กรลดค่าใช้จ่ายได้ ท้ังทางตรง
และทางอ้อม ไม่วา่ จะเป็นราคาของวัตถุดิบ ไปจนถึงค่าใช้จ่ายในกระบวนการผลิตท่ีลดลง นอกจากน้ี
ยังสามารถควบคุมขั้นตอนการจัดซ้ือจัดจ้างได้ โดยเป็นผลจากการจัดการในการเลือก ผู้ผลิต/
ผู้จาหน่ายสินค้าและบริการที่ให้สินค้าคุณภาพดี และราคาเป็นที่น่าพอใจ และการลดต้นทุนจาก
การเพิ่มประสิทธิภาพในการทางาน ของเจ้าหน้าที่ในแผนกจัดซื้อ ซึ่งรวมไปถึงการลดกระบวนการ
ท่ีอาศัยระบบเอกสารท่ีเป็นกระดาษออกไป ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้ว E-Procurement สามารถช่วยบริษัท
ประหยัด ได้ประมาณ 15-35 เปอร์เซ็นต์ โดยข้ึนอยู่กับระดับของการใช้งาน ทางด้านระบบบัญชีและ
ระบบรายงานนนั้ ก็สามารถตรวจสอบและติดตามการส่ังซื้อสินค้าและบริการต่างๆ ได้แบบออนไลน์
ซึง่ ช่วยให้มีความถูกต้องมากกว่าการทางานในอดีต ทอี่ าจเกิดความผดิ พลาดจากการใชร้ ะบบเอกสาร
ได้ และทสี่ าคัญทีส่ ุดก็คอื ความสะดวกรวดเร็ว
การวดั ความสาเรจ็ ในการทา E-Procurement นัน้ ก็เหมอื นกบั การวัดความสาเร็จของแผนก
จัดซื้อของบริษัทในอดีตที่ผ่านมา ซ่ึงโดยมากก็จะเป็นการวัดความสามารถท่ีจะได้สินค้าและบริการ
ท่ีมีคุณภาพดี ราคาท่ีเหมาะสม และการจัดส่ง สินค้าที่ตรงเวลา ตลอดจนลดจานวนในการส่งคืน
สินค้าท่ีไม่ได้คุณภาพ และในทางอ้อม ก็สามารถดูได้จาก ค่าจัดเก็บสินค้า ค่าวัตถุดิบ และค่าใช้จ่าย
ในการส่งสินค้าโดย E-Procurement สามารถมีส่วนท้ังในทางตรงและทางอ้อม การตรวจสอบและ
วัดผลกิจกรรมด้านการจัดซื้อจัดจ้าง เป็นส่ิงจาเป็นที่จะบ่งชี้จุดท่ีเป็นปัญหา และจุดท่ีเป็นผลสาเร็จ
โดย ระบบ E-Procurement สามารถบอกได้ว่า บริษัทกาลังทางานได้อย่างถูกต้องหรือไม่
ซ่งึ อยากจะให้มองระบบออนไลน์นี้ เป็นเคร่ืองมือท่ีจะช่วยในการระบุกิจกรรมทจี่ ะตรวจสอบและทา
การแก้ไข
โดยสรุปแล้วกิจกรรมด้าน E-Procurement สามารถช่วยให้บริษัท จัดการรายช่ือผู้ขาย
ลดต้นทุน พัฒนาการลื่นไหลของข้อมูล และยังจัดกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง ซ่ึงในระหว่าง
การดาเนินการ และใช้งานโซลูชันด้าน E-Procurement น้ัน บริษัทต้องเตรียมพร้อมในการจัดการ
สาหรับความเปลี่ยนแปลงในด้านกลยุทธ์ กระบวนการ บุคลากร และเทคโนโลยี โดยที่ความสาเร็จ
238 การจัดการการจดั หาและการจดั ซือ้
ในการทา E-Procurement น้ีจะส่งผลโดยตรงต่อธุรกิจโดยภาพรวม ด้วยผลลัพท์ทางด้านบวกใน
ทกุ ๆ ด้าน ทีเ่ ป็นสว่ นสาคญั ของธรุ กจิ เชน่ การลดตน้ ทนุ และผลกาไรทีส่ ูงขึน้ เป็นต้น
ผู้บริหารที่มีวิสัยทัศน์ต้องมีการวางแผนนาเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาใช้ในองค์การ โดยเฉพาะ
ด้านการจัดหาจัดซ้ือได้มีการพัฒนาและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีต่างๆ ท่ีทันสมัยอย่างต่อเน่ือง
ซ่ึงกิจกรรมการจัดหาจัดซ้ือประกอบด้วย การบริการลูกค้า การจัดการคาสั่งซื้อของลูกค้า
การพยากรณ์ความต้องการของลูกค้า การจัดซ้ือ การบริหารสินค้าคงคลัง การบริหารการขนส่ง
การบริหารคลังสินค้าและการจัดเก็บ การส่งคืนสินค้ากลับ การจัดเตรียมอะไหล่และชิ้นส่วนต่าง ๆ
การเลือกท่ีต้ังโรงงานและคลังสินค้า การเคลื่อนย้ายวัตถุดิบและสินค้า การบรรจุภัณฑ์และหีบห่อ
การสอื่ สารในการกระจายสนิ ค้า และการกาจดั ของเสียเพ่อื นากลับมาใชใ้ หม่
กิจกรรมเหล่านี้เป็นพื้นฐานท่ีผู้บริหารจะต้องนาไปใช้เพื่อสร้างประสิทธิภาพในองค์การ
โดยจะต้องประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่จาเป็นต่อการจัดหาและจัดซ้ือ บทน้ีจะกล่าวถึงเทคโนโลยี
ท่ีมคี วามจาเป็นและสาคัญต่อการใช้ในการจัดหาและจดั ซ้อื ในปจั จบุ นั ประกอบด้วย
1) ระบบการแลกเปล่ียนข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ ( Electronic Data Interchange
System: EDI)
2) ระบบบาร์โคด้ (Barcode System)
3) รหัสบง่ ช้ีโดยใช้ความถ่ีของคล่ืนวทิ ยุ (Radio Frequency Identification: RFID)
4) การวางแผนทรพั ยากรองคก์ ารโดยรวม (Enterprise Resource Planning: ERP)
5) ระบบการจดั การคลงั สนิ คา้ (Warehouse Management System: WMS)
6) โปรแกรมไมโครซอฟเอกเซล (Microsoft Excel Program)
ซึ่งแต่ละเทคโนโลยีที่ช่วยอานวยความสะดวกต่อการจัดหาและจัดซื้อ มีรายละเอียด
ดงั ตอ่ ไปนี้
10.1 ระบบการแลกเปลี่ยนข้อมูลผา่ นระบบอิเล็กทรอนกิ ส์ (Electronic Data Interchange
System: EDI)
ระบบการแลกเปลี่ยนข้อมูลผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Data Interchange
System: EDI) เปน็ ระบบเทคโนโลยที ่มี กี ารแลกเปลย่ี นเอกสารทางธรุ กิจระหวา่ งบรษิ ัทคู่คา้ 2 ฝา่ ยใน
รูปแบบมาตรฐานสากลจากคอมพิวเตอร์เคร่ืองหน่ึงไปยังคอมพิวเตอร์อีกเคร่ืองหนึ่ง โดยจะมีการใช้
เอกสารท่ีเป็นอิเล็กทรอนิกส์มาแทนเอกสารที่เป็นกระดาษ เช่น ใบสงั่ ซ้ือสินค้าบัญชีราคาสินค้า ใบ
ส่งของ รายงาน เปน็ ต้น ภายใตม้ าตรฐานท่ีกาหนดไวซ้ ่ึงจะ ทาใหเ้ อกสารมีการแลกเปลีย่ นกันได้
บทท่ี 10 การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศต่อการจดั หาจัดซื้อ 239
ระบบ EDI เหมาะกับทุกธุรกิจที่มีการใช้เอกสารจานวนมากและเป็นประจาโดยมีขั้นตอน
ซ้าๆ แต่ต้องการความถูกต้องรวดเร็วและแม่นยาของข้อมูลเช่นธุรกิจค้าส่งและค้าปลีกที่ต้องมี
การสั่งซ้ือสินค้าเป็นประจา ธุรกิจขนส่งซึ่งต้องใช้ข้อมูลประกอบในการจัดการขนส่งสินค้า ธุรกิจ
เกย่ี วกบั การผลติ สินค้าทตี่ ้องสัง่ ซือ้ วัตถุดบิ และธุรกจิ การคา้ ระหวา่ งประเทศ เปน็ ต้น
ปัจจุบันองค์การหลายแห่งได้ใช้บริการของผู้ท่ีให้บริการEDI (EDI Service Provider)
มากกว่าที่จะสร้างเครือข่ายขึ้นมาเอง เน่ืองจากต้องใช้เงินลงทุนสูง ซ่ึงผู้ที่ให้บริการ EDI จะเป็น
ตัวกลางบริการเช่ือมโยงข้อมูลเรียกว่า เครือข่ายเพ่ิมมูลค่า VAN (Value Added Network: VAN)
โดยจะมีการเก็บค่าบริการเป็นการเช่าโครงสร้างพ้ืนฐาน ซ่ึงสามารถแสดงการส่งผ่านข้อมูลของ
ผ้ใู ห้บริการ EDI การแลกเปล่ียนข้อมลู ด้วยส่ืออิเล็กทรอนิกส์มีแนวโน้มท่ีจะขยายขอบเขตการใช้งาน
ไปยังองค์กรต่างๆ ในภาครัฐและเอกชนอย่างกว้างขวางยิ่งขึ้นทั้งในแง่ของจานวนผู้ใช้ปริมาณการใช้
และลักษณะการใช้งานเครือข่าย Internet เป็นเครือข่ายท่ีสามารถติดต่อส่ือสารได้ทั่วโลก
โดยไร้ขอบเขตหากการพัฒนาเทคโนโลยีสามารถแก้ปัญหาเรื่องความปลอดภัยของการส่งผ่านข้อมูล
บนเครอื ขา่ ย Internet ไดแ้ ลว้ นน้ั จะทาให้การส่งข้อมูลผ่านเครอื ข่ายเปน็ ไปอย่างมปี ระสทิ ธิภาพและ
เหมาะกับการใช้เปน็ ชอ่ งทางการส่งข้อมลู EDI ในอนาคต
EDI
Your ขั้นตอนของ Supplier
Company EDI
EDI
ภาพท่ี 10.2 ขัน้ ตอนการทางานของระบบ EDI
ท่มี า : (พิเชษฐ เนตรสว่าง, 2564)
240 การจัดการการจดั หาและการจัดซือ้
ตัวอย่างเช่น กระบวนการสั่งซ้ือสินค้าผ่านระบบ EDI ผู้ซื้อจะทาการส่งใบส่ังซื้อมาทาง
อิเล็กทรอนิกส์ ผู้ผลิตเมื่อรับใบส่ังฯ มาแล้วก็สามารถดาเนินการผลิตทันที จากนั้นผู้ผลิตก็จัดการส่ง
สินค้าและส่งใบเรียกเก็บเงินไปยังผู้ส่ังซ้ือทางอิเล็กทรอนิกส์ และผู้สั่งซ้ือก็สามารถโอนเงินค่า สินค้า
ผ่านระบบ EDI ได้เช่นกัน ขั้นตอนท้ังหมดยกเว้นการส่งมอบสินค้า สามารถกระทาผ่านระบบ EDI
ซึ่งกระบวนการนี้ เม่ือกระทาโดยไม่ใช้ระบบ EDI จะต้องมีการผลิตเอกสารขึ้นมาจานวนหน่ึง และ
จะต้องเสียเวลาในการดาเนินการมาก แม้ว่าระบบ EDI จะมีกระบวนการทางานคล้ายกับการส่ง
จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (E-Mail) หรือการแลกเปล่ียนแฟ้มข้อมูลภายในองค์กร แต่ก็มีข้อแตกต่าง
ท่สี าคัญ 2 ประการ
ประการท่ี 1 เปน็ การแลกเปล่ยี นเอกสารระหวา่ งองคก์ ร
ประการที่ 2 เอกสารนน้ั จะต้องอยใู่ นรปู แบบมาตรฐานบางอย่าง
10.1.1 ส่วนประกอบที่จาเปน็ ของระบบ EDI
(1) ฮาร์ดแวร์ (Hardware) อุปกรณ์คอมพิวเตอรเ์ ป็นองค์ประกอบท่ีสาคัญในการตดิ ตั้ง
สาหรบั การตดิ ตอ่ ส่อื สาร โดย EDI จะเป็นตัวที่ช่วยสง่ ผ่านข้อมลู ระหว่างคู่ค้าให้สามารถตดิ ต่อกันได้
(2) เครือข่ายโทรคมนาคม (Telecommunication Network) เครือข่ายจะใช้
สายโทรศัพท์ (Telephone Line) ในการสง่ ผ่านขอ้ มูลระหว่างผู้ส่ง และผูร้ ับโดยอาจมกี ารติดตอ่ ผา่ น
ดาวเทียมก็ได้
(3) ซอฟต์แวร์การติดต่อสื่อสาร (Communication Software) เป็นโปรแกรมท่ีใช้ใน
การส่งและรับข้อมูลซ่ึงจะมีการใส่รหัสและถอดรหัสข้อมูลระหว่างคอมพิวเตอร์โดยท้ัง 2 ฝ่าย
จะสามารถติดต่อกันไดเ้ น่อื งจากมีการกาหนดมาตรฐานสากลในการใชง้ าน
10.1.2 ขน้ั ตอนการทางานของระบบ EDI มดี ังน้ี
(1) ผ้สู ง่ ทาการเตรยี มข้อมลู และแปลงให้อยูใ่ นรูปแบบมาตรฐาน UN/EDIFACT โดยใช้
Translation Software
(2) ผู้ส่งทาการส่งข้อมูลไปยังศูนย์บริการของผู้ให้บริการ EDI ผ่านเครือข่ายสาธารณะ
โดยใช้ Modem
(3) ผู้ให้บริการ EDI จะจัดเก็บข้อมูลเหล่านี้ไว้ในตู้ไปรษณีย์ (Mailbox) ของผู้รับ
เมอื่ ขอ้ มูลไปถึงศนู ยบ์ รกิ าร
(4) ผู้รับติดต่อมายังศูนย์บริการผ่าน Modem เพ่ือรับข้อมูล EDI ท่ีอยู่ในตู้ไปรษณีย์
ของ บริษทั ตนเอง
บทที่ 10 การใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศตอ่ การจดั หาจดั ซ้ือ 241
(5) ผู้รับแปลงข้อมูลกลับโดยใช้ Translation Software ให้อยู่ในรูปแบบท่ีระบบงาน
ของตนสามารถรบั ไปประมวลผลได้
10.1.3 หลักการการนาระบบ EDI ซ่ึงเป็นเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในการจัดหาจัดซื้อของ
องคก์ ร ต้องคานึงถึงลกั ษณะขององค์กรต้ังแต่กลยุทธ์ในการบริหาร จนถงึ กลยุทธ์การดาเนินงานและ
ส่ิงแวดล้อมในการนาเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาใช้ในระบบ นอกจากน้ีบทบาทของเทคโนโลยี
สารสนเทศท่ีจะทาให้ซัพพลายเชน ออกไปสรู่ ะดบั โลก (Global Supply Chain) ประสบความสาเร็จ
ในการบรหิ าร คอื
(1) ตอ้ งสามารถสะท้อนใหเ้ ห็นวสิ ัยทศั น์ของผูบ้ ริหารระดับสงู ได้
(2) เทคโนโลยีสารสนเทศ ต้องช่วยในการแปลวิสัยทัศน์มาเป็นหลักการท่ีทาให้เกิดขึ้น
จรงิ ได้
(3) เทคโนโลยีสารสนเทศต้องช่วยในการทางานเป็นทีม และสามารถให้ข้อมูลเพ่ือช่วย
การตัดสนิ และประมวลความสามารถของระบบได้
(4) เทคโนโลยีสารสนเทศต้องสามารถมีส่วนช่วยในการวางแผนและควบคุมการใช้
ทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพถึงแม้ว่าการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศจะมี
ประโยชนอ์ ยา่ งมากในการจัดการโซ่อุปทาน
สง่ิ ท่ีต้องคานึงถึงและต้องการการศึกษาวิจัยต่อเน่ืองยงั ปรากฏอยู่ ยกตวั อย่างเชน่
(ก) การศึกษาถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากความคลาดเคลื่อนของเวลาระหว่างการใช้
เทคโนโลยสี ารสนเทศในโซอ่ ุปทาน
(ข) การศึกษาถึงจุดเสียหายที่อาจเกิดข้ึนในซัพพลายเชน และบทบาทของเทคโนโลยี
สารสนเทศทจ่ี ะเขา้ มาแกป้ ัญหา
(ค) การศึกษาการวัดความสามารถของการเช่ือมโยงข้อมูลโดยเทคโนโลยีสารสนเทศ
รวมถึงการพฒั นาตวั วัดความสามารถของเทคโนโลยสี ารสนเทศในซพั พลายเชน
(ง) การศึกษาถึงผลกระทบท่ีอาจเกิดข้ึนจากการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศช่วยใน
การตัดสนิ ใจในซัพพลายเชน การแลกเปล่ยี นข้อมลู ทางอเิ ล็กทรอนกิ ส์
ในการจัดการซัพพลายเชนนั้น หนึ่งในหลักการท่ีสาคัญท่ีสุดน้ันก็คือ การเช่ือมโยง
กระบวนการในองค์กรหรือระหว่างองค์กรเข้าด้วยกัน การเชื่อมโยงกระบวนการนั้นทาได้ โดยการ
เป็นพันธมิตรซึ่งกันและกัน ไม่มีการปกปิดการทางานระหว่างกัน การทาให้กระบวนการแต่ละฝ่าย
หรือแต่ละองค์กรเช่ือมโยงกันได้นั้น แต่ละฝ่ายต้องรับรู้สถานะการทางานของอีกฝ่ายเสมอ นั่นก็คือ
242 การจดั การการจดั หาและการจัดซือ้
การมองเห็นข้อมูลซึ่งแสดงสถานะของอีกฝ่ายได้ เรียกว่า การเปิดเผยและแลกเปล่ียนข้อมูลซึ่งกัน
และกัน (Data Interchange) ในการกระทาดังนี้จาต้องอาศัยเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาเป็น
เครื่องมืออานวยความสะดวกให้แก่การจัดการและแลกเปล่ียนข้อมูลระหว่างกันได้ มีเครื่องมือ
อุปกรณ์ โปรแกรมคอมพิวเตอร์หลาย ๆ แบบ ถือกาเนิดขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์นี้ ย่ิงอุปกรณ์หรือ
โปรแกรมจาพวกนสี้ ร้างการแลกเปลี่ยนขอ้ มลู ใหเ้ ป็นปัจจุบนั ได้มากเทา่ ไร ประสทิ ธภิ าพของ ซพั
พลายเชน ก็ย่ิงมากข้ึนเท่านั้น เพราะข้อมูลจะถูกส่งผ่านและไหลเวียนให้ทุก ๆ ฝ่ายรู้สถานะของตน
และฝา่ ยอื่น ๆ โดยภาพรวมในซพั พลายเชนได้
ระบบ EDI สามารถนามาใช้ในระบบการบริหารซัพพลายเชนขององค์กร โดยเอกสารทาง
ธุรกจิ ทใี่ ช้อยู่ในปจั จบุ นั นี้ สามารถทดแทนด้วยเอกสาร EDI ได้ทั้งหมด
(1) ด้านการจัดซื้อ การจัดซ้ือเป็นกิจกรรมหนึ่งในการจัดการโลจิสติกส์ ซ่ึงความเข้าใจของคน
ทั่วไปอาจมองโลจิสติกส์เป็นเพียงกิจกรรมการขนส่ง และคลังสินค้า แต่ความจริงแล้วโลจิสติกส์
มีหลายกิจกรรม อันได้แก่ การพยากรณ์ การจัดการสินค้าคงคลัง การวางแผนการผลิต การจัดซื้ อ
บรรจุภณั ฑ์ การเคล่ือนย้ายภายในองคก์ ร การผลติ การคลังสนิ คา้ การขนส่ง การกระจายสนิ ค้า และ
การบรกิ ารลกู คา้ เปน็ ตน้ โดยเป็นการดาเนนิ งานตามขั้นตอนตา่ ง ๆ เพอื่ ใหไ้ ดม้ าซ่ึงวตั ถดุ บิ วสั ดุ และ
ส่ิงของเครื่องใช้ต่าง ๆ ที่จาเป็นโดยมีคุณสมบัติ ปริมาณ ราคา ช่วงเวลา แหล่งขาย และการนาส่ง
ณ สถานท่ีถูกต้อง โดยระบบปฏิบัติในการจัดซ้ือของแต่ละกิจการย่อมแตกต่างกันไป แต่โดยท่ัวไป
ระบบปฏบิ ตั ิในการจดั หาจัดซือ้ ทส่ี มบรู ณจ์ ะประกอบด้วยข้ันตอนพ้ืนฐานดังน้ี
(1.1) รบั การวิเคราะหใ์ บขอให้ซือ้ (Purchase Requisition) ซง่ึ จะวเิ คราะห์ถงึ ประเภท
ของส่งิ ของและจานวนทซี่ ้อื
(1.2) ศึกษาถงึ สภาพตลาด แหล่งท่ีจะจัดซอ้ื และผูข้ าย
(1.3) สง่ ใบขอใหเ้ สนอราคา (Request for Quotations) ไปยังผูข้ ายหลาย ๆ แหลง่
(1.4) รับและวิเคราะหใ์ บขอใหเ้ สนอราคาจากผู้ขาย
(1.5) เลอื กผู้ขายท่เี สนอราคาและเง่อื นไขตา่ ง ๆ ท่ีดที ่ีสดุ
(1.6) คานวณราคาของสิง่ ของท่ีจะส่ังซอื้ ใหถ้ ูกต้อง
(1.7) ส่งใบสั่งซอ้ื (Purchase Order) ไปยงั ผขู้ ายท่ตี ้องการจะซอ้ื
(1.8) ติดตามผลใหเ้ ป็นไปตามทีไ่ ด้ตดิ ต่อหรือตามสญั ญา
(1.9) วเิ คราะห์รายงานการรับรองของ
(1.10) วิเคราะห์และตรวจสอบใบกากบั สนิ คา้ (Invoice) ของผู้ขายเพ่อื การจา่ ยเงิน
บทท่ี 10 การใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศต่อการจดั หาจดั ซือ้ 243
ระบบ EDI ท่ีนามาบริหารซัพพลายเชนขององค์กร โดยใช้เอกสารทางธุรกิจที่ใช้อยู่ใน
ปัจจุบันน้ี ได้แก่ ใบสั่งซื้อ (Purchase Order) ใบแจ้งหนี้ (Invoice) ใบเสนอราคา (Quotation)
ใบแจ้งราคาสนิ คา้ (Price/Sales Catalogue)
(2) ด้านการเงิน ได้แก่ ใบส่ังให้ธนาคารจ่ายเงิน (Payment Order) ใบแจ้งการส่ังจ่าย
(Remittance Advice) เปน็ ต้น
(3) ด้านการขนส่ง ได้แก่ ใบตราส่ง (Bill of Lading) ใบจองตู้สินค้า (Booking) แผนผังการ
บรรทกุ สนิ ค้าภายในเรอื (Bay plan) ใบสั่งปล่อยสนิ ค้า (Delivery Order) เป็นตน้
(4) ด้านการค้าระหว่างประเทศ ได้แก่ ใบขนสินค้า (Customs Declaration) บัญชีตู้สินค้า
(Manifest) เปน็ ตน้
การนาระบบ EDI กับระบบการทางานของธุรกิจในปัจจุบัน สามารถมีประโยชน์อย่างยิ่งต่อ
ของธุรกิจ สามารถเพิ่มความถูกต้อง รวดเร็ว และแม่นยาในการรับ-ส่งเอกสาร ลดงานซ้าซ้อน และ
ลดข้ันตอนการจัดการรับ-ส่งเอกสาร ลดค่าใช้จ่ายในการจัดส่งเอกสาร เช่น ค่าแสตมป์ ค่าพัสดุ
ไปรษณีย์ และพนักงาน เพ่ิมความรวดเร็วในการทาธุรกิจโดยเฉพาะอยา่ งยิ่งในสภาวะท่ีมีการแข่งขัน
สูงขึ้น เพ่ิมความสัมพันธ์ที่ดีกับคู่ค้าในซัพพลายเชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม ก็ยังมี
ปัญหาอุปสรรคในการนาระบบ EDI มาใช้ โดยเฉพาะเรื่องบุคลากรท่ีมีความรู้ความเข้าใจเก่ียวกับ
เร่ือง EDI จาเป็นต้องใช้เวลาในการปรับเปล่ียนระบบงานและขั้นตอนการบริหารงานภายใน ยังขาด
แคลนผู้เช่ียวชาญดา้ นสารสนเทศ ที่จะนา EDI ไปใชใ้ หส้ อดคลอ้ งกบั ระบบ IT ทม่ี ีองค์กรมอี ยู่ด้วย
10.1.3 ประโยชนข์ อง EDI
(1) ช่วยลดข้อผิดพลาดจากการบันทึกข้อมูลเข้าระบบและเม่ือผู้ที่เก่ียวข้องนาไปใช้งาน
กจ็ ะได้ขอ้ มูลทีถ่ ูกตอ้ ง แม่นยาและรวดเรว็ มากขึน้
(2) ช่วยลดงบประมาณ ในเรื่องของเอกสาร และการปฏบิ ตั งิ านท่ีซา้ ซ้อนขององค์การ
(3) ชว่ ยเพ่ิมประสิทธิภาพในการปฏิบตั ิงานสามารถทาให้ผู้ที่เกี่ยวข้องโตต้ อบกับค่คู ้าได้
อย่างรวดเรว็ ซ่ึงจะทาให้เกดิ ประสทิ ธภิ าพที่ดใี นการทางานทัง้ 2 ฝา่ ย
(4) ช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันองค์การที่มีการนา EDI มาใช้สามารถช่วยให้
ผบู้ รหิ ารตดั สินใจได้อย่างรวดเรว็ และถูกต้อง ทาให้มีความไดเ้ ปรยี บทางการแข่งขันมากกว่าคแู่ ข่งขัน
EDI ในปัจจุบัน เน่ืองจากธุรกิจมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา และเครือข่าย
อินเทอร์เน็ตมีบทบาทต่อการดาเนินงานขององค์การเป็นอย่างมากจึงมีการส่งผ่านข้อมูลของระบบ
EDI แทนการสร้างเครือข่ายส่วนตัวทาให้ค่าใช้จ่ายในการติดต้ังและบารุงรักษาระบบถูกลงมากเม่ือ
244 การจดั การการจดั หาและการจดั ซอ้ื
เทียบกับในอดีต ดังนั้นในปัจจุบัน บริษทั ขนาดกลางและขนาดเล็กจงึ สามารถติดตัง้ ระบบ EDI ได้งา่ ย
ข้ึน และสามารถใช้งานได้หลากหลายเช่น สามารถรับส่งแบบฟอร์มอิเล็กทรอนิกส์ ระหว่างบริษัท
จากโปรแกรมเวบ็ บราวเซอร์โดยผ่านเครือขา่ ยอนิ เทอรเ์ น็ตได้ เปน็ ต้น EDI สามารถใชใ้ นการส่งข้อมูล
ระหว่างฝ่ายในองค์การ อาทิฝ่ายการเงิน ฝ่ายจัดซื้อ ฝ่ายขาย และฝ่ายจัดส่งสินค้าฯ เพื่อให้
กระบวนการส่ังซ้ือสินค้าและการชาระเงินเป็นไปโดยอัตโนมัติช่วยเพ่ิมประสิทธิภาพ ลดค่าใช้จ่าย
ดา้ นเอกสารและบคุ ลากร
10.2 ระบบบาร์โค้ด (Barcode System)
บา ร์โ ค้ด หรื อร หัส แท่ง เป็ นร ะบ บบ่ งชี้ ท่ีมีกา ร นา มา ใช้ งา นมากท่ีสุ ด เมื่อเ ทีย บกับร ะบ บอื่ น ๆ
เน่ืองจากเป็นที่นิยมในการติดบนตัวสินค้า เพ่ือต้องการทราบรหัสหมายเลขประจาตัว อนั จะส่งผลให้
กิจการทราบข้อมลู อ่ืนๆ ของสินค้าได้รวดเร็ว เช่น ยอดขายจานวนสินค้าทข่ี าย จานวนสินค้าที่อยู่ใน
คลังสินคา้ เป็นต้น
(พงษ์ชัย อธคิ มรัตนกุล,2550, 140) บาร์โค้ดได้มีการบรรจุข้อมูลต่างๆ ที่จาเป็นต่อการทาธุรกิจ
โดยมอี งค์ประกอบทีส่ าคญั อยู่ 3 สว่ น คือ
10.2.1 หมายเลขประจาตัวสินค้า ประกอบด้วยแท่งสีดาและช่องว่างระหว่างแท่งจะเป็นสีขาว
ซง่ึ วางขนานไปในลกั ษณะแนวตัง้ ประกอบดว้ ยตวั เลข12หลกั ซึ่งเป็นมาตรฐานสากลท่ีใชอ้ า้ งองิ ทั่วโลก
โดยรหัสถูกแบ่งออกเป็น 4 ส่วน คือ ส่วนแรกมีตัวเลข 3 ตัวใช้แทนรหัสประเทศส่วนท่ีสองมีตัวเลข
4 ตัวใช้แทนรหัสประจาตัวบริษัท ส่วนท่ีสามมีตัวเลข 4 ตัวใช้แทนรหัสสินค้า และส่วนสุดท้ายซ่ึงมี
ตัวเลข 1 ตวั จะใชเ้ ป็นรหัสหรือตวั เลขท่ใี ช้ตรวจสอบขององค์การทอี่ อกบาร์โคด้ ซึง่ สามารถแสดงตาม
ภาพที่ 10.3
ภาพท่ี 10.3 บารโ์ คด้ ทแี่ สดงหมายเลขประจาตวั สนิ คา้
(http://www.gs1thailand.org/index.php?option=com_content&view=article&id=47&Ite
mid=, 2564)
บทที่ 10 การใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศต่อการจดั หาจดั ซ้อื 245
ภาพท่ี 10.4 อปุ กรณ์ท่ใี ช้สาหรบั งานบาร์โค้ด
ทมี่ า: (http://www.software.worldmedic.com/webboard/view.php, 2562)
10.2.2 เครื่องพิมพ์แถบบาร์โค้ด ซึ่งก่อนเลือกเครื่องพิมพ์ต้องพิจารณาท้ังอุปกรณ์ที่ใช้งาน
ในปัจจุบันและเครื่องพิมพ์ที่จะต้องซื้อใช้งานในอนาคตว่ามีความสอดคล้องกันหรือไม่ เพราะจะเป็น
การลงทนุ ทีต่ ้องผสมผสานอุปกรณ์หลายอยา่ งเข้าด้วยกัน และสามารถทางานไดอ้ ย่างมีประสิทธิภาพ
โดยเทคโนโลยีทนี่ ิยมใช้คือ แบบอมิ แพค (Impact) แบบใช้อณุ หภูมิ (Thermal) แบบเลเซอร์ (Laser)
และแบบอิงคเ์ จต็ (Ink-Jet)
10.2.3 เคร่ืองอ่านบาร์โค้ด เป็นอุปกรณ์ทจี่ ะใช้ในการอ่านรหัสแท่ง โดยมกี ารแบ่งไดเ้ ป็น 2 กลุ่ม
คือ แบบสัมผัส เช่น เคร่ืองอ่านแบบปากกา เคร่ืองอ่านบัตร เป็นต้นและแบบไม่สัมผัส เช่น เคร่ือง
อ่านแบบ CCD (Charge Coupled Device Scanner) เคร่ืองอ่านแบบเลเซอร์ เป็นต้น นอกจากน้ี
เคร่ืองอ่านยังสามารถแยกตามลักษณะการเคล่ือนย้าย โดยแบ่งกลุ่มเป็นแบบเคล่ือนย้ายได้และแบบ
ยดึ ตดิ กับท่ี โดยสามารถเลอื กใช้ไดต้ ามความเหมาะสมของงาน
10.2.4 เคร่ืองคอมพิวเตอร์พร้อมซอฟต์แวร์ ( Computer and Software) ท่ีใช้ในการ
ประมวลผล เป็นอุปกรณ์ท่ีใช้เมื่อได้มีการบันทึกหมายเลขประจาตัวสินค้าแล้ว เพ่ือทาให้ผู้บริหารได้
ทราบข้อมูลสาหรับการตัดสินใจว่าควรจะจัดการกับสินค้านั้นๆ อย่างไรเช่น ควรผลิตสินค้าเพ่ิม
หรอื ไมเ่ น่อื งจากสนิ ค้ามีจานวนไมม่ ากในคลงั สินคา้ เป็นต้น
246 การจดั การการจดั หาและการจดั ซื้อ
10.2.5 ประโยชน์ของบารโ์ คด้
(1) ทาให้กระบวนการทางานที่จาเปน็ ตอ้ งใชข้ ้อมูลสินค้าสามารถทาได้อยา่ งรวดเรว็
ถูกต้องมากข้นึ ไม่วา่ จะเป็นผู้ผลติ ผ้จู ัดจาหนา่ ย ผู้ซ้อื สามารถใชร้ หสั บารโ์ ค้ดทา
ธรุ กรรมรว่ มกนั ได้
(2) คคู่ า้ ทุกระดับตัง้ แตต่ น้ น้าจนถึงปลายนา้ สามารถประหยดั คา่ ใช้จา่ ย ลดระยะเวลา
และปญั หาท่ีอาจเกิดจากขอ้ ผิดพลาดในบันทึกข้อมูลตัวสินคา้ ได้
(3) สามารถต่อยอดขดี ความสามารถทางดา้ นโลจิสตกิ สด์ ้านอ่นื ๆ เชน่ ระบบบรหิ าร
คลังสนิ ค้า ระบบการจัดซ้ือ ระบบขนส่งสนิ ค้า เป็นต้น
(4) สามารถใชโ้ ปรแกรมระบบการจัดการการจดั หาและการจัดซื้อแบบสมัยใหม่ ได้
เช่น Cross-Docking, Just-in-Time (JIT), Vendor Managed Inventory (VMI)
เป็นตน้
(5) สามารถตรวจสอบข้อมูลย้อนกลบั ของสนิ คา้ (Traceability) ทาให้ทราบว่าสนิ คา้
ทราบนนั้ มีแหล่งวัตถุดบิ หรือแหลง่ ผลติ จากทีใ่ ดตลอดทง้ั ระบบหว่ งโซอ่ ุปทาน
10.3 ระบบคล่ืนวิทยุ (Radio Frequency Identification: RFID)
(สถาบันส่งเสริมความเป็นเลิศทางเทคโนโลยีอาร์เอฟไอดีแห่งประเทศไทย ,ม.ป.ป.2562)
เป็นเทคโนโลยีที่ระบุตาแหน่งของวัตถุ เช่น คน สัตว์ส่ิงของ เป็นต้นด้วยคลื่นความถ่ีวิทยุโดยมีการ
ติดป้าย (RFID Tag) ที่วัตถุเหล่าน้ัน นอกจากนี้RFID จะเป็นเทคโนโลยีที่เข้ามาแทนที่บาร์โค้ด
ในอนาคต เน่อื งจากมีความสะดวกและประสิทธิภาพการใชง้ านดีกว่า แต่เนื่องจาก RFID ยังมีราคาสูง
จึงทาให้บาร์โค้ดยังคงได้รับความนิยมอยู่ อย่างไรก็ตาม การนาระบบ RFID มาใช้ผู้บริหารต้องคานึง
ขอ้ จากัดต่างๆ ของการใชง้ าน เช่น กฎหมายทีเ่ ก่ียวข้องกับระเบียบการใช้คล่ืนความถ่วี ิทยุและกาลัง
ส่งของแต่ละประเทศ หรอื สนามแมเ่ หลก็ ไฟฟ้าในสภาพแวดล้อมทีแ่ ตกต่างกนั ของการใชเ้ ป็นต้น
10.3.1 ส่วนประกอบของ RFID
(1) ป้าย (RFID Tag) ป้ายน้ีประกอบด้วย ชิป (Chip) หรือหน่วยความจาสายอากาศ
แบตเตอรี่ (อาจจะมีหรือไมม่ กี ็ได้)
(2) เครือ่ งอ่าน (RFID Reader) จะมีสายอากาศโมดลู คลื่นวทิ ยแุ ละสว่ นควบคมุ
(3) ตัวควบคุม (Controller) ทาหน้าท่ีเป็นฐานข้อมูลเชื่อมระหว่างเครื่องอ่านและ
ซอฟตแ์ วรท์ ีใ่ ชใ้ นการอา่ นป้าย
บทท่ี 10 การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศตอ่ การจดั หาจดั ซือ้ 247
การส่ือสารระหว่างเคร่ืองอ่านและป้าย จะเกิดขึ้นเมื่อวัตถุที่ติดป้าย RFID เข้าไปในบริเวณที่มี
สัญญาณจากเคร่ืองอ่านซ่ึงจะเกิดคลื่นสนามแม่เหล็กไฟฟ้า ทาให้ป้ายสร้างพลังงานไฟฟ้าส่งข้อมูล
กลับไปยังเครื่องอ่านได้เช่น หมายเลข (Identification: ID) วันท่ีผลิต วันหมดอายุ แหล่งท่ีผลิต
เป็นต้น หลังจากน้ันเครื่องอ่านก็จะส่งข้อมูลไปยังตัวควบคมุ เพื่อนาข้อมูลท่ีได้ไปใช้ในงานท่ีเกี่ยวข้อง
ตอ่ ไป เช่น การทาบัญชรี ายการสินคา้ การส่งข้อมูลไปฝ่ายผลิต ฝ่ายจัดซ้ือ ฝา่ ยคลงั สินคา้ ฝ่ายขนส่ง
เปน็ ต้น
10.3.2 การประยุกตใ์ ช้ RFID กบั การจัดการคลังสนิ คา้
การบันทึกข้อมูลท่ัวไปของสินค้าบน RFID ลักกษณะการนาไปใช้ เนื่องจากสินค้าแต่ละ
ชนิด จะมีข้อมูลเฉพาะอยู่ เช่น ชื่อ รหัสสินค้า ลักษณะทางกายภาพ หน้าท่ีการใช้งาน แหล่งท่ีมา
เปน็ ต้น ขอ้ มูลเหล่านจี้ ะทาใหเ้ ราทราบถงึ ตัวของสินค้าทีแ่ น่นอน เพื่อการนาไปใชง้ านได้อย่างถกู ต้อง
ตัวอย่างการนาไปใช้
ภาพที่ 10.5 สว่ นประกอบของ RFID
ทมี่ า: (http://www.rfid.or.th/th/technology/component.asp, 2563)
(1) การบันทกึ ข้อมูลแหลง่ ผลติ อาหาร )Food Safety through Traceability) สามารถ
ช่วยบอกได้ว่ามาจากแหล่งผลิตใด และเม่ือเกิดปัญหาด้านการปนเปื้อน ทาให้
สามารถยตุ ปิ ัญหาไดอ้ ยา่ งรวดเรว็ เพราะทราบที่มาที่ไป
(2) การบันทึกข้อมูลยาทุกชนิดในโรงพยาบาล ช่วยให้การจัดการข้อมูลยา และการ
ตรวจสภาพของผู้ป่วยกับข้อจากัดการใช้ยากับฐานข้อมูลเป็นไปได้โดยสะดวกยิ่งข้ึน
เป็นต้น
248 การจดั การการจัดหาและการจดั ซ้อื
(3) การบันทึกสถานะของสินค้าบน RFID ลักษณะการนาไปใช้การจะทราบได้ว่า
สินค้าน้ีอยู่ในกิจรรมใด สามารถนาไปใช้งาน หรือส่งมอบให้กับลูกค้าได้ทันเวลา
หรือไม่ ต้องมีการบนั ทึกสถานะของสนิ ค้า
(4) การบริหารจัดการคลังสินค้ารถยนต์มือสองเพื่อการประมูล มีสถานะของรถยนต์
เป็นจานวนมาก และมีโอกาสในการย้ายพื้นที่ในการประมูลบ่อยคร้งั รวมถึงโอกาส
ในการเข้าประมูลแต่ละคร้ังที่มีความไม่แน่นอนว่าสามารถประมูลออกไปได้หรือไม่
ดังน้ัน เจ้าหน้าท่ีจึงควรระบุสถานะการทางานตลอดเวลาที่มีการเปล่ียนแปลง
ท้ังสถานะการนารถยนต์เข้าคลังสินค้ารถยนต์ สถานะการตรวจสอบสภาพรถยนต์
สถานะการขนย้ายจากคลังสินค้ารถยนต์ ไปพื้นที่การประมูล สถานะท่ีรถยนต์
สามารถประมูลได้ และจะทาให้มีการตัดจานวนรถยนต์ที่ออกไป และตามสถานะ
ความเปน็ จริงได้ทันที
10.3.3 ประโยชน์ของ RFID
(1) ความถกู ตอ้ งมีค่าเฉลย่ี ถงึ ร้อยละ 99.5 แตก่ ารอา่ นจากบาร์โคด้ อย่ทู ีร่ ้อยละ 80
(2) มีความละเอียด และสามารถบรรจุข้อมูลได้มาก ซ่ึงสามารถแยกความแตกต่างของ
สินคา้ แต่ละชนิ้ ได้ แม้เป็นสินค้า (Stock Keeping Unit: SKU) ชนดิ เดียวกนั
(3) สามารถอา่ นข้อมูลสนิ คา้ จากแถบ RFID ไดพ้ ร้อมกันจานวนมาก
(4) ความเรว็ ในการอา่ นข้อมูลจากแถบ RFID เรว็ กวา่ การอา่ นแถบจากบารโ์ ค้ด
(5) สามารถส่งข้อมูลไปยังเคร่ืองอ่านได้โดยไม่จาเป็นต้องไปนาอ่านข้อมูลให้ใกล้
เหมือนกับบาร์ โคด้
(6) สามารถเขียนข้อมูลทับได้จึงสามารถนากลับไปใช้ใหม่ได้ซึ่งทาให้ลดต้นทุนการผลิต
ป้ายสินค้า
(7) ความเสียหายของป้าย (RFID Tag) น้อยกว่าบาร์โค้ดเน่ืองจากไม่จาเป็นต้องติดไว้
ภายนอกบรรจภุ ณั ฑ์
(8) สามารถขจดั ปัญหาการอ่านข้อมลู ซา้ ท่ีอาจเกิดข้นึ จากระบบบารโ์ ค้ด
(9) ระบบความปลอดภัยสูง ยากต่อการเปล่ียนแปลงและลอกเลยี นแบบ
(10) ทนทานต่อความเปียกชื้น แรงส่นั สะเทือน การกระทบกระแทกระบบกาหนดพกิ ัด
ที่ตงั้
บทท่ี 10 การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศต่อการจดั หาจดั ซ้อื 249
10.4 การวางแผนทรัพยากรองค์การโดยรวม (Enterprise Resource Planning: ERP)
ธุรกิจมีการใช้ทรัพยากรทางการจัดการ ประกอบด้วย คน เครื่องจักร วัตถุดิบ เงิน และ
การจดั การ เพ่ือทาใหก้ ารผลิตสินค้าและบริการ มกี ารใชท้ รัพยากรร่วมกันอยา่ งมีประสิทธิภาพอันจะ
ทาให้เกดิ ประสิทธิผลทดี่ แี ละสามารถสร้างผลประโยชน์สงู สุดแก่องคก์ ารได้
ภาพท่ี 10.6 โครงสรา้ งระบบการทางาน ของ ERP
ทีม่ า: (http://www.gotoknow.org/blogs/posts/340944, 2563)
10.4.1 ระบบการทางาน ของ ERP
(คานาย อภิปรัชญาสกุล, 2553) ERP เป็นชุดระบบสารสนเทศท่ีนาแนวคิดและวิธีการ
บริหาร มาทาให้เกิดเป็นระบบเชิงปฏิบัติการในองค์การ จึงช่วยให้ผู้บริหารวางแผนและบรูณาการ
กระบวนการหลากหลายหน้าที่กับงานหลักต่างๆ ในองค์การERP จึงเป็นซอฟต์แวร์สาเร็จรูปท่ีมีชุด
การทางานหลายชุดและแตล่ ะชุดมกี ารทางานทเ่ี ป็นมาตรฐาน ปจั จุบันชดุ ทางานทเี่ ป็นแบบมาตรฐาน
และพอเพียงกับการใช้งาน มี 3 ชุดทางาน คือ การเงิน (Finance) การจัดการทรัพยากรมนุษย์
(Human Resource) และโลจิสติกส์(Logistics) แต่องค์การขนาดใหญ่อาจใช้ซอฟต์แวร์ ERP ที่มี
ลักษณะเฉพาะและมีรูปแบบชุดทางานท่ีแตกต่ างกันไปในแต่ ละอุตสาหกรรม ธุรกิจควรเลือก
ซอฟต์แวร์ทใี่ ช้งานเท่าที่จาเป็นเท่านั้น เพราะถา้ ซื้อมากเกินความจาเป็นก็จะเป็นการเพม่ิ ต้นทุนใหก้ ับ
กจิ การ และอาจทาใหผ้ ้ปู ฏิบตั ิงานมีความสบั สนมากขน้ึ ซงึ่ ชุดการทางานที่สาคัญ 3 ชดุ ประกอบด้วย
250 การจัดการการจดั หาและการจดั ซอ้ื
(1) ชุดการทางานทางการเงิน (Financial Modules) ชุดการทางานนี้ทาให้เห็นภาพรวม
ทางบัญชีและการเงินสามารถสร้างรายงานได้อย่างรวดเร็วทาให้ผู้บริหารสามารถตัดสินใจได้อย่างมี
ประสทิ ธภิ าพชดุ การทางานทางการเงินแยกออกเปน็ ชดุ หลกั ๆ อกี คอื
(ก) ชุดบัญชีการเงิน มีชุดทางานย่อย เช่น บัญชีแยกประเภทบัญชีลูกหนี้การค้า บัญชี
เจา้ หนบ้ี ญั ชสี นิ ทรัพยก์ ารรวมบญั ชีจาก บริษทั ในเครอื เป็นตน้
(ข) ชดุ การควบคมุ เป็นชุดการทางานท่ีสัมพันธ์กบั ต้นทุนฐานกิจกรรม การควบคุมต้นทุน
การผลติ และสินคา้ สาเร็จรปู การวเิ คราะหค์ วามสามารถในการทากาไร
(ค) ชุดควบคุมองค์การ เป็นชุดที่ใช้ติดตามปัจจัยความสาเร็จ และจุดสาคัญท่ีต้องมีการ
ควบคุม เชน่ ระบบข้อมูลของผบู้ รหิ าร ระบบการรวบรวมการจัดการ บญั ชีศูนยก์ ลาง
กาไร เปน็ ต้น
(ง) การจัดการเงินลงทุน เป็นชุดทางานเพื่อวางแผนและจัดการโครงการเงินลงทุนและ
งบประมาณและจดั การทรัพยส์ ินทีม่ ีตัวตน
(จ) ชุดการทางานระบบทรัพยากรมนุษย์ )Human Resource Modules) ชุดการทางาน
น้ีสามารถจัดการทรัพยากรมนุษย์ให้มีประสิทธิภาพต้ังแต่การสรรหาบุคคลจนถึง
การประเมนิ ผลงาน การจา่ ยเงนิ เดอื น การฝึกอบรม
(2) ชดุ การทางานระบบทรพั ยากรมนุษยม์ ีการแยกออกเปน็ ชดุ หลกั ๆ คือ
(ก) การบริหารงานบุคคลเป็นชุดการทางานที่ใช้สาหรับการวางแผนกาลังคนการรับสมัคร
บุคลากร การจัดการเวลา และการจดั การผลตอบแทนท้งั ค่าจ้าง เงนิ เดือน โบนสั ฯลฯ
(ข) การพัฒนาบุคลากร เป็นชุดการทางานที่เกี่ยวกับการพัฒนาบุคลากร การจัดการ
องค์การ การจัดการอบรม/สัมมนา และการวางแผนการใช้หอ้ งประชุม
(3) ชุดการทางานระบบโลจิสติกส์ (Logistics Modules) เป็นชุดการทางานท่ีใหญ่ท่ีสุด
เพราะครอบคลุมระบบห่วงโซ่อุปทานของสินค้า ต้ังแต่การจัดซ้ือวัตถุดิบจนถึงการจัดส่งสินค้าให้กับ
ลกู ค้าคนสุดท้าย ชุดการทางานนี้จะมีความสลับซับซ้อนเพราะมีความสัมพันธ์และเช่ือมต่อกับทุกชุด
ทางาน ท้ังการเงนิ การผลติ การตลาดทรัพยากรมนษุ ยโ์ ดยโลจสิ ตกิ สส์ ามารถแบง่ เปน็ ชดุ ยอ่ ยดงั น้ี
(ก) โลจสิ ตกิ สท์ ั่วไป จะเกีย่ วขอ้ งกบั ระบบสารสนเทศโลจิสตกิ ส์การพยากรณ์ เป็นตน้
(ข) การจัดการวัตถุดิบจะเกี่ยวข้องกับระบบการจัดการสินค้าคงคลัง การจัดซื้อ
การจัดการคลงั สินคา้ เป็นต้น
บทท่ี 10 การใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศตอ่ การจดั หาจัดซ้อื 251
(ค) การวางแผนการผลิต จะเก่ียวข้องกับระบบการประกอบตามคาสั่งซื้อ การวางแผน
ความต้องการกาลังการผลิตการวางแผนความต้องการวัสดุ การออกใบส่ังผลิต
การวางแผนการดาเนนิ งานและการขาย เปน็ ต้น
(ง) การซ่อมบารุงโรงงานจะเก่ียวข้องกับระบบสารสนเทศซ่อมบารุงโรงงานการบริหาร
การซอ่ มบารุงการจัดการคาสัง่ ซ่อมบารงุ เป็นต้น
(จ) ระบบโครงการจะเกี่ยวข้องกับระบบสารสนเทศโครงการ การวางแผนโครงการ
โครงสรา้ งการดาเนินงาน เปน็ ต้น
(ฉ) ระบบการจัดการคุณภาพจะเกี่ยวข้องกับการประมวลผลการตรวจสอบ เครื่องมือใน
การวางแผน การแจง้ เตือนด้านคณุ ภาพ เปน็ ต้น
(ช) การขายและการจัดจาหน่ายสินค้า จะเก่ียวข้องกับระบบใบเรียกเก็บเงิน
การแลกเปลี่ยนข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์การค้ากับต่างประเทศ การจัดส่ง การขาย
การขนส่ง เป็นตน้
10.4.2 คณุ สมบตั ิท่ดี ีของ ERP
1) โปรแกรมสามารถปรับตามการใช้งานของผู้ใช้ (User) เพราะเป็นระบบเปิด (Open
Source) โดยปรบั ไดต้ ามความต้องการของผใู้ ช้
2) เป็นซอฟต์แวร์สาเร็จรูปที่มีชุดการทางานหลายชุดซ่ึงมีความสามารถสูงสาหรับ
ทางานหลักๆ ร่วมกนั ของธุรกิจได้
3) มรี ะบบสนับสนุนการดูแลและบารุงรักษาระบบ
4) มีข้ันตอนและวธิ ีการในการตดิ ตง้ั ระบบERP ในองค์การที่พรอ้ มและชดั เจน
5) สามารถพฒั นาในส่วนของงานท่ียังมีการใช้ระบบเดิมอยู่และสามารถใช้ข้อมูลร่วมกับ
โปรแกรมท่ีมีอยใู่ นบริษัทได้โดยการเช่ือมโยงข้อมูล เชน่ การวางแผน การบญั ชีตน้ ทุน
บัญชเี งินเดือน การสง่ ออก เป็นตน้
ปัจจุบันองค์การท้ังขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และขนาดเล็กมีความมุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหา
การจัดการองค์การด้วยการนา ERP มาใช้แต่เพ่ือให้การนา ERP มาใช้เป็นไปอย่างถูกต้อง สิ่งท่ีขาด
ไม่ได้ก็คือ การสร้างระบบสารสนเทศองค์การใหม่ ซึ่งต้องเริ่มจากกิจกรรมเพ่ือเปลี่ยนแปลงจิตสานึก
ให้เห็นความสาคัญของการปฏิรูปองค์การ เพื่อทาให้เกิดความเข้าใจในแนวคิดของ ERP ทั่วท้ัง
องค์การต่อจากน้ันต้องทบทวนห่วงโซ่ของมูลค่า (Value Chain) เดิมและสร้างระบบใหม่ขึ้น
ใหส้ ามารถสรา้ งมูลคา่ เพม่ิ เพอ่ื สนองตอบความต้องการของลูกคา้ ได้ดียงิ่ ข้นึ
252 การจัดการการจดั หาและการจดั ซ้ือ
10.5 ระบบการจัดการคลงั สินค้า (Warehouse Management System: WMS)
ปจั จุบันการบริหารคลังสินค้าจาเป็นตอ้ งใช้เทคโนโลยีในการปฏิบตั ิงานเนื่องจากงานมีปริมาณ
และความซับซ้อนท่ีมากขึ้นโดยได้มีการพัฒนาซอฟต์แวร์ข้ึนมาเรียกว่า ระบบการจัดการคลังสินค้า
(Warehouse Management System: WMS) ท่ีถูกสร้างและพัฒนาข้ึนมา เพ่ือช่วยให้การ
ปฏิบัติงานภายในคลังสินค้าและการบริหารสต็อกให้เป็นโดยอัตโนมัติมีความถูกต้อง รวดเร็วและ
แม่นยามากขึ้น สามารถดาเนินการผ่านหนา้ จอคอมพิวเตอร์ โดยไม่จาเปน็ ต้องอาศัยงานที่ใชก้ ระดาษ
(Paperless)
ภาพท่ี 10.7 ระบบการจดั การคลังสินคา้ (Warehouse Management System: WMS)
ท่ีมา: (http://www.gotoknow.org/blogs/posts/340974, 2564)
ความสาเร็จของธุรกิจค้าส่ง ค้าปลีก และธุรกิจการขนส่งสินค้า ส่วนหนึ่งน้ันมาจากการบริ
การจัดการคลังสินค้าท่ีมีประสิทธิภาพ หน้าที่หลักของคลังสินค้าคือ การจัดเก็บและกระจายสินค้า
และเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างผู้ผลิตและผู้บริโภค คลังสินค้าเป็นส่วนประกอบที่สาคัญในระบบ
โลจิสติกส์ การใช้ระบบการบริหารคลังสินค้า (Warehouse management system: WMS) ที่มี
ประสิทธิภาพจะทาให้บริษัทสามารถลดต้นทุนในการดาเนินการ เพ่ิมผลกาไร และได้เปรียบใน
การแขง่ ขันในเชิงธรุ กจิ
ซึง่ ระบบนีไ้ ด้ถกู ออกแบบเพ่ือใหส้ ามารถรองรับการบรหิ ารจัดการกจิ กรรมภายในคลงั สนิ ค้า
ในทุกๆขนาดและอตุ สาหกรรมหลายๆประเภท อาทิเชน่ อุตสาหกรรมการค้าส่ง/ค้าปลีก เฟอร์นิเจอร์
วัสดุก่อสร้าง โลหะภัณฑ์ ยานยนต์ และอิเล็คทรอนิคส์ เป็นตน้ นอกจากโมดลู มาตรฐาน (Standard
modules) ท่ีมีอยู่ในลักษณะเดียวกับซอฟต์แวร์การจัดการคลังสินค้าท่ัวๆไป โปรแกรม Dolphin
บทที่ 10 การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศตอ่ การจดั หาจดั ซอ้ื 253
Integration ยังสามารถทางานในเชิงลึกในลักษณะงานจาเพาะตามความต้องการของบริษัท
(Customer oriented) โดยออกแบบเป็นโมดูลพิเศษ (Add-in modules) ท่ีเพ่ิมเข้าไปในโมดูล
มาตรฐาน และสามารถดัดแปลงเพ่ือเช่ือมโยงกับระบบการจัดการคลังสินค้าหรือระบบการวางแผน
ทรัพยากรของธุรกิจ (Enterprise resource planning: ERP) อ่ืนๆที่หน่วยงานหรือองค์กรมีอยู่ใน
บางครั้งเพื่อลดความสับสน เราอาจจะเรียกระบบ WMS ท่ีสนับสนุนระบบ ERP ว่า Warehouse-
focused ERP system ความยืดหยุ่นดังกล่าวจะช่วยทาให้บริษัทท่ีมีระบบในการจัดการคลังสินค้า
อยู่แลว้ ไม่จาเปน็ จะต้องเสยี ค่าใชจ้ ่ายและเรยี นรู้ระบบใหม่ท้ังหมด
การเชื่อมโยงข้อมูลภายในระบบเครือข่าย (Data network flow) โดยโปรแกรม Dolphin
Integration อนุญาตให้ผู้ใช้ใน Supply network ได้แก่ คลังสินค้า (จานวน 1 แห่งหรือมากกว่า
1 แห่ง) ผู้ผลิตสินค้า (Manufacture/Supplier) ศูนย์กระจายสินค้า (Distributor) และลูกค้า
(Customer) สามารถทราบข้อมูลและสถานะของสินค้าแบบเรียลไทม์ ยกตัวอย่างเช่น ผู้ผลิตสินค้า
(Supplier) สามารถทราบปริมาณของสินค้าที่ถูกจัดจาหน่ายออกไปและปริมาณสินค้าคงคลัง ทาให้
ผู้ผลิตสามารถคาดคะเนและจัดหาวัตถุดิบได้ล่วงหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งข้ึน ซึ่งลดปัญหา
การขาดแคลนสินค้า (Back order) และเพิ่มระดับการบริการให้แก่ลูกค้า การกาหนดสิทธิในการ
เขา้ ถงึ หรือเปลีย่ นแปลงฐานขอ้ มูลสามารถกาหนดให้ผูใ้ ช้หลายระดับได้แก่
(ก) ผูบ้ ริหารจัดการระบบฐานข้อมลู (Administrator)
(ข) ผู้ปฏิบตั ิการ (Operator)
(ค) ผใู้ ช้งาน (User)
(ง) ผูผ้ ลิต (Supplier/Manufacture)
10.5.1 การประยกุ ตใ์ ชร้ ะบบ WMS กับกจิ กรรมต่างๆ
(1) การจัดซ้ือสินค้า (Purchasing) โปรแกรม Dolphin Integration อนุญาตให้ผู้ใช้
สามารถควบคุมการจัดซื้อสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ โมดูลการจัดซื้อจะทางานร่วมกับโมดูล
การควบคุมสินค้าคงคลัง ซ่ึงจะเตือนว่า ณ เวลาใดควรจะทาการส่ังซ้ือสินค้า ในขณะเดียวกันผู้ผลิต
(Supplier) ท่ีเป็นคู่ค้ากับบริษัทก็จะได้ข้อมูลดังกล่าวเช่นเดียวกัน ผู้ผลิตอาจจะทาการเตือนและ
ยนื ยนั การสง่ั สินคา้ จากบริษัท เพ่อื วางแผนการผลิตได้ล่วงหน้า
(2) การรับสินค้า (Receiving) การรับสินค้าเป็นขั้นตอนท่ีกระทาต่อเนื่องมาจากการ
จัดซ้ือซ่ึงถูกจัดทาเป็นฐานข้อมูลการส่ังซ้ือ(Purchase order: P/O) โมดูลการรับสินค้าจะใช้ข้อมูล
การส่ังซ้ือ (P/O) เป็นข้อมูลการนาเข้า (Input data) ซึ่งทาให้ผู้รับสินค้าทราบว่า สินค้านั้นๆส่ังซ้ือ
254 การจดั การการจดั หาและการจดั ซ้อื
เม่ือใด ปริมาณเท่าไร ผู้ขายและผู้ซ้ือคือใคร และกาหนดการส่งมอบสินค้าว่าตรงตามเวลาหรือไม่
นอกจากนี้ข้อมูลการส่ังซื้อท่ีเป็นระบบฐานข้อมูลท่ีเช่ือมโยงกันสามารถทาให้ฝ่ายปฏิบัติการ
คลังสินค้าสามารถจัดสรรพนื้ ทีแ่ ละชั้นเก็บของ (Rack/Slot) ในการวางสินคา้ ได้ล่วงหน้า ในบางกรณี
ท่ีสินค้ายังไม่ได้ถูกกาหนดข้อมูลหรือบาร์โค๊ดไว้ก่อนล่วงหน้า โปรแกรม Dolphin Integration
อนุญาตให้ผู้ใช้สามารถพิมพ์ข้อมูลลงไปในระบบฐานข้อมูลและพิมพ์บาร์โค๊ดออกมาตามมาตรฐาน
ตา่ งๆท่ตี อ้ งการ
(3) การเก็บสินค้า (Put-away) โปรแกรมจะทาการตรวจสอบขนาดของพ้ืนท่ีและช้ัน
เก็บของต่างๆว่ามีขนาดและน้าหนักเท่าไร เพียงพอต่อสินค้าที่จะนามาเก็บหรือไม่ และจาแนก
ประเภทของสินค้าไปเก็บไว้ในพ้ืนที่ที่เหมาะสมหรือตามเง่ือนไขท่ีต้องการแล้วทาการบันทึกลงใน
ระบบฐานข้อมูลในโมดูลการควบคุมสินค้าคงคลัง ต่อจากนั้นโปรแกรมจะทาการกาหนดลาดับงาน
และเส้นทางในการจัดเก็บสินค้าท่ีเหมาะสมที่สุด (Optimal path) ให้กับพนักงานเก็บสินค้า
สังเกตด้วยว่า ในบางกรณีเม่ือลูกค้าต้องการสินค้าแต่ไม่มีสินค้าอยู่ในคลัง เมื่อ
เจา้ หน้าที่รบั สนิ คา้ เข้ามา โปรแกรม Dolphin Integration จะทาการเตอื นและแนะนาให้เคลื่อนย้าย
สินค้าน้ันๆไปยังพ้ืนที่ส่งผ่าน (Cross dock) โดยทันทีโดยไม่ต้องนาสินค้านั้นๆไปเก็บในคลังและ
ทาการหยบิ สนิ คา้ ออกมายังจุดเตรียมส่ง (Shipping dock) อีกครงั้ หน่ึง
(4) การหยบิ สินคา้ (Order picking) เมื่อคลังสินค้าได้รับใบส่ังสินคา้ จากลูกค้า (Order)
เจ้าหน้าท่ีคลังสินค้าจะต้องออกไปหยิบสินค้า (Items) ท่ีกาหนดไว้ภายใน Order ซึ่งอยู่กระจัด
กระจายอยภู่ ายในคลังสนิ คา้ แลว้ นากลับมาที่จุดรบั ของหรอื จุดส่งของ (Shipping dock) หลังจากน้ัน
สินคา้ จะถูกส่งไปตามที่อย่ขู องลูกค้าแต่ละคน สิ่งแรกท่ีจะต้องพิจารณาในกระบวนการหยิบสินค้าคือ
ลกั ษณะในการหยิบสินคา้ เชน่ การหยิบสนิ ค้าทเี่ กบ็ ไวใ้ นคลังนานที่สุดกอ่ น (First in first out: FIFO)
หรือ LIF0 ซึ่งโปรแกรม Dolphin integration จะทาการประมวลข้อมูลจากฐานข้อมูลและ
จัดเรียงลาดับกอ่ นหลังการหยิบสินคา้ ตามเงื่อนไขทก่ี าหนด
เม่ือคลังสินค้ามีขนาดใหญ่และมี Order เป็นจานวนมากในแต่ละช่วงเวลา
ผู้ประกอบการคลังสินค้าจะต้องออกแบบและใช้วิธีการหยิบสินค้าที่มีประสิทธิภาพ โปรแกรม
Dolphin Integration อนุญาตให้ผู้ใช้สามารถเลือกเทคนิคในการหยิบสินค้าได้หลายวิธี ซ่ึงขึ้นอยู่กับ
เง่ือนไข ข้อจากัดและลักษณะของสินค้า เทคนิคในการหยิบสินค้าในโมดูลมาตรฐานของโปรแกรม
Dolphin Integration ได้แก่ การหยิบสินค้าแบบเวฟ (Wave picking) การหยิบสินค้าแบบกลุ่ม
(Batch picking) การหยิบสินค้าแบบโซน (Zone picking)
บทท่ี 10 การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศตอ่ การจดั หาจดั ซอื้ 255
(5) การตรวจสอบยอดสินค้า (Cycle count) โปรแกรม Dolphin Integration)
อนุญาตให้ผู้ใช้ทาการตรวจนับสินค้าเฉพาะบางส่วนหรือที่ต้องการภายในช่วงเวลาท่ีกาหนด
โดยอาศัยการประมวลจากฐานข้อมูลแบบเรียลไทม์ และตรวจนับในขณะท่ีกาลังปฏิบัติงานอยู่
(เช่น อยู่ในระหว่างข้ันตอนการหยิบสินค้า) โดยที่โมดูล Cycle count สามารถเชื่อมต่อกับโมดูล
Mobile network ซ่ึงจะทาใหก้ ารตรวจนับสนิ ค้ามีความถูกตอ้ งมากยง่ิ ขึน้
(6) การควบคุมสินค้าคงคลัง (Inventory control) การควบคุมสินค้าคงคลังเป็นการ
บริหารทรัพย์สิน (นั่นคือสินค้า) ท่ีมีอยู่อย่างมีประสิทธิภาพ โมดูล Inventory control ถือได้ว่าเป็น
หัวใจในการบริหารจัดการคลังสินค้าโดยการทางานเช่ือมต่อกับโมดูลอื่นๆ ควบคุมและตรวจเช็ค
การไหลเวียนของสินค้าภายในคลังเช่น สินค้ารายการใดจาหน่ายได้ดีหรือไม่ มีสินค้าเหลือปริมาณ
เท่าไร ทาให้สินคา้ ไม่จมคลังสินค้า และเม่ือไรควรจะทาการสั่งซื้อสินค้าใหม่ ซงึ่ ทาให้กิจกรรมภายใน
คลงั สินคา้ เป็นไปอย่างราบร่นื และมีประสทิ ธภิ าพ
10.6 โปรแกรมไมโครซอฟเอกเซลสาหรับการจัดหาจดั ซอื้ (Microsoft Excel Program)
โปรแกรม Microsoft Excel เป็นโปรแกรมประเภทสเปรดชีต (spreadsheet) หรือ
โปรแกรมตารางทางานซ่ึงใช้เก็บข้อมูลต่าง ๆ สูตรคานวณ ลงบนแผ่นตารางงานคล้ายกับการเขียน
ข้อมูลลงไปในสมุดท่ีมีการตีช่องตารางท้ังแนวนอนและแนวตั้ง ตารางแต่ละช่องจะมีชื่อกากับไว้ใน
แนวต้ังหรือสดมภ์ของตารางเป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษเร่ิมจาก A,B,C,...เร่ือยไปจนสุดขอบตาราง
ทางขวา มีทั้งหมด 256 สดมภ์ (Column) แนวนอนมีหมายเลขกากับเป็นบรรทัดท่ี 1,2,3,...เร่ือยไป
จนถึงบรรทัดสุดท้ายจานวนบรรทัดจะต่างกันในแต่ละโปรแกรมในท่ีน้ีเท่ากับ 65,536 แถว
(Row) ช่องที่แนวต้ังและแนวนอนตัดกันเรียกว่า เซลล์ (Cell) ใช้บรรจุข้อมูล ข้อความ หรือสูตร
คานวณ ปัจจุบันโปรแกรมตารางทางาน มีความสามารถ 3 ด้าน คือ คานวณ นาเสนองานด้วย
กราฟและแผนภูมิ จดั การฐานข้อมูล โปรแกรมประเภทตารางทางานมีผพู้ ัฒนาข้นึ มาหลายโปรแกรม
เช่น ปี 2522ใช้โปรแกรมตารางทางานช่ือว่า วิสิแคล(VisiCalc) ต่อมาปรับปรุงช่ือว่า ซุปเปอร์แคล
(Super Calc) ในปี 2525 ในพัฒนาโปรแกรมชื่อว่า มัลติแพลน (Multiplan) ปี2526ได้ปรับปรุง
โปรแกรมช่ือว่าโลตัส 1-2-3 (Lotus 1-2-3) เป็นที่นิยมอย่างมาก ออราคิล (Oracle) และต่อมา
บริษัทไมโครซอฟท์ได้พัฒนาระบบงานวินโดวส์ข้ึนมาเพ่ือให้ใช้ได้ง่ายชื่อว่า ไมโครซอฟท์เอ็กเซล
(Microsoft Excel) ซ่งึ เรียกว่า เอก็ เซล (Excel)
10.6.1 ความหมายของการจัดเก็บขอ้ มูลในการจดั หาจัดซื้อโดยใช้โปรแกรมไมโครซอฟเอกเซล
256 การจัดการการจัดหาและการจัดซื้อ
(สุเมธ สุวัยดี.2549,20-22) การจัดเก็บข้อมูล หมายถึง การจัดเก็บข้อมูลการเรียกใช้ข้อ
มูลรวมถึงการวิเคราะห์ข้อมูลเพ่ือการใช้งานที่รวดเร็วจึงจัดเก็บในลักษณะของฐานข้อมูลการจัดเก็บ
ข้อมูลจาเป็นต้องมีแผนในการดาเนินการ หรือกล่าวได้ว่า การได้มาซ่ึงข้อมูลที่จะนามาใช้ประโยชน์
องค์ครธุรกจิ เป็นการลงทุนทง้ั ในดา้ นตัวข้อมูล เคร่ืองจักร และอุปกรณ์ ตลอดจนการพัฒนาบุคลากร
มารองรับระบบเพื่อให้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ การจัดการระบบข้อมูลจึงต้องคานึงถึงปัญหา
ต่าง ๆและพยายามมองปัญหาแบบท่ีเป็นจริง สามารถดาเนินการได้ให้ประสิทธิผลคุ้มค่ากับ
การลงทุนข้อมูลท่ีดีจะต้องมีคุณสมบตั ิขนั้ พนื้ ฐานดังน้ี
(1) ความถูกต้อง (Accuracy) ข้อมูลท่ีดี ต้องมีความถูกต้อง เพ่ือให้สามารถนาเอาไปใช้
ประโยชน์ได้ หากมีการเก็บรวบรวมข้อมูลแล้ว ถ้าข้อมูลที่เก็บมาเช่ือถือไม่ได้ จะทาให้เกิดผลเสีย
อย่างมาก ผู้ใช้จะไม่กล้าอ้างอิงหรือนาไปใช้ประโยชน์ ึซ่งเป็นเหตุให้การตัดสินใจของผู้บริหารขาด
ความแม่นยา และอาจมีโอกาสผิดพลาดได้รูปแบบการจัดเก็บข้อมูล ต้องคานึงถึงกรรมวิธีการ
ดาเนนิ งานเพ่ือให้ไดว้ ามถูกตอ้ งแม่นยามากทีส่ ดุ
(2) ความรวดเร็วและเป็นปัจจุบัน (Update) ข้อมูลที่ดีจาเป็นต้องมีการปรับปรุงแก้ไข
ให้มีความเปน็ ปัจจุบันอยเู่ สมอ การไดม้ าของขอ้ มูล จาเปน็ ต้องให้ทนั ตอ่ ความต้องการของผ้ใู ช้
(3) ความสมบูรณ์ (Complete) ข้อมูลที่มีความสมบูรณ์ คือ ข้อมูลที่สามารถตอบสนอง
ความต้องการของผู้ใช้ ซึ่งขึ้นอยู่กับวิธีการรวบรวมข้อมูลและวิธีการประมวลผล ดังน้ันในการ
ดาเนนิ การรวบรวมขอ้ มลู ต้องสารวจความต้องการในการใชข้ ้อมลู เพ่ือให้ไดข้ ้อมูลท่ีมคี วามสมบูรณ์
(4) ตรงตามความต้องการ (Relevance) และสอดคลอ้ งตามความต้องการเป็นเร่ืองที่สาคัญ
ดังนั้น จึงต้องมีการสารวจเพื่อหาความต้องการของหน่วยงานและองค์กร ดูสภาพการใช้ข้อมูลและ
ขอบเขตขอ้ มูล ทสี่ อดคล้องกบั ความต้องการ
(5) สามารถตรวจสอบได้ (Verifiable) ทั้งมีความกระชับและชัดเจนของแหล่งข้อมูลท่ีมาใช้
ต้องเป็นขอ้ มลู ทตี่ รวจสอบได้ มที ม่ี าน่าเชอื่ ถอื เพอื่ จะได้นาข้อมูลที่ได้รับบมาใช้ประโยชน์
10.6.2 การใช้โปรแกรม Microsoft Excel
(วิศัลย์ พัวรุ่งโรจน์, 2553, 21) โปรแกรม Microsoft Excel คือโปรแกรมประเภท
สเปรดชีท (Spead sheet) หรือโปรแกรมตารางงาน ึซ่งจะเก็บข้อมูลต่าง ๆ ลงบนแผ่นตารางงาน
คล้ายกับการเขยี นขอ้ มลู ลงไปในสมุด ทีม่ ีการตีชอ่ งตารางทั้งแนวนอนและแนวต้ัง ึซง่ ชอ่ งตารางแตล่ ะ
ช่องจะมีช่อื ประจาแต่ละช่อง ทาใหง้ ่ายต่อการปอ้ นข้อมูลการแก้ไขข้อมูล สะดวกต่อการคานวณและ
บทที่ 10 การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศตอ่ การจดั หาจัดซ้ือ 257
การนาข้อมูลไปประยุกต์ใช้สามารถจัดข้อมูลต่างๆได้อย่างเป็นหมวดหมู่และเป็นระเบียบมากยิ่งขึ้น
โดยมีลกั ษณะการใชง้ านโปรแกรม Excel ดังนี้
(1) ความสามารถด้านการคานวณ โปรแกรม Microsoft Excel สามารถป้อนสูตร
การคานวณทางคณิตศาสตร์ เช่น บวก ลบ คูณ หาร เป็นต้น
(2) ความสามารถด้านใช้ฟังก์ชัน เช่น ฟังก์ชันเกี่ยวกับตัวอักษร ตัวเลข วันที่ ฟังก์ชัน
เกยี่ วกบั การเงิน หรอื เกี่ยวกบั การตัดสนิ ใจ
(3) ความสามารถในการสร้างกราฟ โปรแกรม Microsoft Excel สามารถนาข้อมูลที่ปอ้ น
ลงในตารางมาสร้างเปน็ กราฟได้ทันที
(4) ความสามารถในการตกแต่งตารางข้อมูล โปรแกรม Microsoft Excel สามารถ
ตกแต่งตารางข้อมูลหรือกราฟ ข้อมูลด้วยภาพ สี และรูปแบบตัวอักษรต่าง ๆ เพ่ือให้
เกิดความสวยงามและทาใหแ้ ยกแยะข้อมลู ได้ง่ายขน้ึ
(5) ความสามารถในการเรียงลาดับขอ้ มูล โปรแกรม Microsoft Excel สามารถคัดเลือก
เฉพาะขอ้ มูลทต่ี ้องการมาวเิ คราะหไ์ ด้
(6) ความสามารถในการพิมพ์งานของโปรแกรม Microsoft Excel สามารถพิมพ์งานทั้ง
ขอ้ มูลและรูปภาพหรือกราฟออกทางเครือ่ งพมิ พ์ได้ ซง่ึ ทาให้งา่ ยตอ่ การสร้างรายงาน
(7) ความสามารถในการแปลงขอ้ มูลในตารางให้เป็นเว็บเพจ เพ่ือนาไปแสดงในโฮมเพจ
10.6.5 ประโยชนก์ ารใชง้ านโปรแกรม Microsoft Excel (ฟองจนั ทร์ สขุ ย่งิ , 2550, 10)
(1) สร้างตารางทางาน จดั ตารางสวยงาม ในรปู แบบต่างๆ
(2) สร้างเอกสารท่ีต้องมีการคานวณ เชื่อมโยงสูตร (สามารถเชื่อมโยงในไฟล์เดียวกัน
ข้ามไฟลห์ รอื ขา้ มเคร่อื งกไ็ ด้)
(3) งานจัดเกบ็ ข้อมลู เบ้ืองต้น ที่จานวนข้อมูลไม่เกิน 1 ลา้ นแถว (ในทางปฏิบัติ แนะนา
ว่าไมเ่ กนิ หลักแสน จะทางานไดค้ ล่องตัว)
(4) สร้างรายงานสรุปผลในมุมมองต่างๆ เช่น ตารางสรุปยอดขาย ตารางสรุปข้อมูล
สินค้า สรุปงบดุล สรปุ แผนการผลติ สรุปขอ้ มูล ขาดลามาสาย ของพนักงาน
(5) สรา้ งกราฟ นาเสนอขอ้ มลู ในรูปแบบต่างๆ ไมว่ า่ จะเป็นกราฟแท่ง กราฟเสน้ วงกลม
จดุ ท้ัง 2 มติ ิ และ 3 มติ มิ ีรปู แบบตา่ งๆ มากมาย
(6) การวิเคราะห์การคานวณทางการเงิน/การบัญชีและการกู้เงินระบบการคานวณ
ประเภทอื่นๆได้เป็นต้น
258 การจดั การการจัดหาและการจดั ซอ้ื
สรปุ
เน่ืองจากในปัจจุบันเทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทที่สาคัญ ในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของ
ผู้ประกอบการ ในการบริหารงานขององค์กรธุรกิจ ส่งผลให้ความสามารถในการส่ือสาร ควบคุม
ตลอดจนการประมวลผลเพื่อตัดสินใจเปน็ ไปอย่างถูกต้อง รวดเร็ว ซ่ึงเทคโนโลยที ี่นยิ มนามาใช้ในการ
เพิ่มประสิทธิภาพในการจัดหาและจัดซ้ือภายในองค์กรธุรกิจให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพที่ สาคัญ
คือ เทคโนโลยีต่างๆ ซึ่งประกอบด้วย 1) EDI (Electronic Data Interchange) เป็นการใช้เครื่อง
คอมพิวเตอร์ในการรับ-ส่งเอกสารธรุ กิจระหว่างหน่วยงานต้ังแต่ 2 หน่วยงานขึ้นไป ที่มีมาตรฐานอัน
เป็นที่ยอมรับร่วมกัน โดยผ่านเครือข่ายสื่อสาร 2) Barcode เป็นเทคโนโลยีในการตรวจสอบสินค้า
ขณะขาย การตรวจสอบยอดการขาย การตรวจสอบยอดขาย และสินค้าคงคลัง 3) RFID (Radio
Frequency Identification) เป็นเทคโนโลยีท่ีใช้ในการระบุส่ิงต่าง ๆ แบบไม่ต้องสัมผัสโดยใช้คลื่น
ความถ่ีวิทยุ 4) การวางแผนทรัพยากร (Enterprise Resource Planning: ERP) เป็นเคร่ืองมือที่ใช้
ในการจัดการและวางแผนการใช้ทรัพยากรต่าง ๆ ขององค์กรวิสาหกิจ โดยเป็นระบบที่เชื่อมโยง
ระบบงานต่าง ๆ ขององค์กรวิสาหกิจเข้าด้วยกัน 5) ระบบการจัดการคลังสินค้า (Warehouse
Management System: WMS) เป็นซอฟต์แวร์เพ่ือช่วยให้การปฏิบัติงานภายในคลังสินค้าและ
การบริหารสต็อกให้เป็นโดยอัตโนมัติมีความถูกต้อง รวดเร็วและแม่นยามากขึ้น 6) โปรแกรม
Microsoft Excel สามารถสร้างโปรแกรมตารางงาน ึซ่งจะเก็บข้อมูลต่าง ๆ ลงบนแผ่นตารางงาน
คล้ายกับการเขียนข้อมูลลงไปในสมุด ท่ีมีการตีชอ่ งตารางทั้งแนวนอนและแนวต้ัง ึซ่งชอ่ งตารางแต่ละ
ชอ่ งจะมีช่ือประจาแต่ละช่อง ทาให้ง่ายต่อการป้อนข้อมูลการแก้ไขข้อมูล สะดวกตอ่ การคานวณและ
การนาข้อมูลไปประยุกต์ใช้สามารถจัดข้อมูลต่างๆได้ ซึ่งจะทาให้องค์กร ธุรกิจที่มีการประยุกต์ใช้
เทคโนโลยี ใหมีประสิทธิภาพในการจัดการหาจัดซื้อ ได้มีศักยภาพในการแข่งขันในการทาธุรกิจใน
ปจั จบุ นั ได้เป็นอย่างดี
บทท่ี 10 การใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศต่อการจดั หาจัดซื้อ 259
คาถามท้ายบทท่ี 10
1. เทคโนโลยีทีจ่ าเป็นสาหรบั การจัดหาจดั ซอื้ ในยคุ ปจั จบุ นั ก่รี ะบบ อะไรบ้าง
2. สว่ นประกอบท่จี าเป็นของระบบ EDI มอี ะไรบา้ ง และ EDI มปี ระโยชนอ์ ย่างไร
3. ให้นักศึกษาอธิบายขั้นตอนการทางานของระบบการแลกเปลี่ยนข้อมูลผ่านระบบ
อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ (Electronic Data Interchange System: EDI)
4. องค์ประกอบที่สาคัญบาร์โค้ดได้มีอะไรบ้าง และ Barcode มีประโยชน์อย่างไรต่อการ
ดาเนนิ ธุรกจิ ในปจั จุนนั
5. ให้นักศึกษาอธิบายการทางานของคล่ืนวิทยุ (Radio Frequency Identification: RFID)
เป็นอย่างไร
6. ระบบการทางานคลื่นวิทยุ (Radio Frequency Identification: RFID) มีประโยชน์อย่างไร
บ้าง
7. ใหน้ ักศึกษาอธิบายคณุ สมบตั ทิ ่ดี ขี อง ERP วา่ เปน็ อยา่ งไร (อธิบายมาพอเข้าใจ)
8. ระบบการจัดการคลังสินค้า (Warehouse Management System: WMS) สามารถนามา
ประยกุ ตใ์ ชก้ ับกิจกรรมต่างๆ
9. ใหน้ ักศกึ ษาอธบิ ายการใชง้ านโปรแกรม Excel ที่ใช้ในการจัดหาจัดซื้อมาพอเข้าใจ
10. ใหน้ กั ศกึ ษาอธิบายประโยชน์ของการใชง้ านโปรแกรม Microsoft Excel
260 การจดั การการจัดหาและการจดั ซ้ือ
เอกสารอ้างอิง
คานาย อภิปรัชญาสกุล. (2553) การจัดการสินค้าคงคลัง Inventory management บริษัท
โฟกัสมีเดยี แอนด์ พบั ลิชชง่ิ , กรุงเทพฯ.
วิโชติ สัมพันธรัตน.์ (2548) ประสิทธภิ าพของการรายงานการบรรทุกขนถา่ ย และการรายงานการ
รับมอบส่งมอบตู้สินค้าด้วยระบบการส่งเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ ของ บริษัท ที ไอ พี เอส
จากัด ท่าเรือแหลมฉบัง ทา่ บี 4. งานนพิ นธป์ ริญญาวทิ ยาศาสตรม์ หาบัณฑิต สาขาวิชาการ
จดั การการขนสง่ และโลจิสติกส:์ บณั ฑติ วทิ ยาลยั มหาวิทยาลยั บูรพา.
สนั่น เถาชารี. (2552) การปรับปรุงประสิทธิภาพการจัดการกระบวนการทางธุรกิจของวิสาหกิจ
ขนาดกลางและขนาดย่อมโดยใชร้ ะบบ ERP: กรณีศึกษาโรงงานผลิตขนมปงั และเบเกอร่ี.
วทิ ยานพิ นธ์ปรญิ ญาวิศวกรรมศาสตรม์ หาบณั ฑติ : มหาวทิ ยาลัยขอนแกน่ ,
สุมาลี บัวขาว. (2548) การใช้รหัสแท่งในการบริหารสินค้าคงคลังของอุตสาหกรรมอาหารและ
เครื่องด่ืม. การศึกษาค้นคว้าอิสระปริญญาบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต: บัณฑิตวิทยาลัย
มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์,
สุวาริน พรรคเจริญ. (2550) การศึกษาความเป็นไปได้ในการนาเทคโนโลยีบ่งชี้วัตถุด้วยคลื่น
ความถี่วิทยุ มาใช้ในการบริหารรถยนต์ภายในลานจอด. งานนิพนธ์ปริญญาวิทยาศาสตร์
มหาบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการการขนส่งและโลจิสติกส์: บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัย
บูรพา,
http://www.barcode-produce.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=539352178
https://www.blogger.com/profile/15310147878392969862
http://www.bu.ac.th/knowledgecenter/executive_journal/oct_dec_11/pdf/aw02.pdf
http://www.ecti-thailand.org/emagazine/views/60
http://www.gs1thailand.org/index.php?option=com_content&view=article&id=47&Ite
mid=2564)
http://www.logisticscorner.com/index.php?option=com_content&view=article&id=17
85:-gps-gps&catid=45:any-talk&Itemid=56
https://www.youtube.com/results?search_query
http://www.tpa.or.th/writer/author_des.php?passTo=62e910fa5312fa86d74d4f9a500c
4a5a&authorID=1766
บรรณานุกรม 261
บรรณานกุ รม
หนังสอื และบทความในประเทศ
กตญั ญู หริ ญั ญสมบูรณ์.(2559) การบรหิ ารอุตสาหกรรม. กรงุ เทพฯ: เทก็ ซ์ แอนด์ เจอรน์ ัล พับลิเคช่นั
จากดั .
กมลชนก สุทธิวาทนฤพุฒิ. (2547). การจัดการโซ่อุปทานและโลจิสติกส์ (Supply Chain and
Logistics. กรงุ เทพมหานคร: สานักพมิ พท์ ้อป.
กมลชนก สุทธิวาทนฤพุฒิ,ศลิษา ภมรสถิตย์ และจักรกฤษณ์ ดวงพัสตรา. (2546).การจัดการโซ่
อุปทานและโลจสิ ตกิ ส์.กรุงเทพฯ: ท้อป.
กระทรวงอุตสาหกรรม. (2559). ตัวชี้วัดมาตรฐานสาหรับผู้ประกอบการคา้ นโลจิสติกส์. กรุงเทพฯ
ธรุ กิจโลจิสติกส์โดยใชม้ าตรฐาน ISO. จดหมายข่าวกรมพฒั นาธรุ กจิ การคา้ .
กรมโรงงานอุตสาหกรรม (2563) Green Industry กระทรวงอุตสาหกรรม กรงุ เทพฯ
กติ ิมา สรุ สนธิ (2554) ความรู้ทางการสื่อสาร. กรงุ เทพฯ: คณะวารสารศาสตร์และส่ือสารมวลชน
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.
กลุ ชลี ไชยนนั ตา. (2539). กระบวนการตดั สนิ ใจ. กรุงเทพฯ: ประยูรวงศ
โกศล ดศี ิลธรรม. (2553). เทคนคิ การจัดการโลจิสตกิ สแ์ ละซัพพลายเชนในโลกธุรกิจยคุ ใหม.่
กรงุ เทพฯ: อนิ ฟอรม์ ีเดียบุค๊ ส.์
โกศล ดศี ีลธรรม. (2551). บทที่ 7 การสร้างประสิทธิภาพการขนสง่ . Modern Business Logistics
& Supply Chain Management - how to make companies global
competitive โลจิสติกส์และหว่ งโซ่อุปทานสาหรับการแข่งขนั ยคุ ใหม่. กรงุ เทพฯ:
ฐานบคุ๊ ส.์
ก่อเกยี รติ วริ ิยะกจิ พัฒนา.(2549).โลจิสติกสแ์ ละโซอ่ ุปทาน (พพิ มค์ รั้งท่ี 1).กรุงเทพฯ: วังอักษร,
กฤช ชาวดอน.(2546). การพยากรณ์อุปสงค์ในห่วงโซ่อุปทานสาหรับการจัดการสินค้าคงคลังท่ี
เหมาะสม วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต.มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, วิทยาลัย
นวตั กรรมอุดมศึกษา,สาขาการบรหิ ารเทคโนโลยี
คานาย อภิปรชั ญาสกลุ . (2553). การจัดการสินค้าคงคลงั . พิมพค์ รัง้ ที่ 1. กรุงเทพฯ: บริษัท โฟกสั
262 การจดั การการจัดหาและการจดั ซือ้
มเี ดียรแ์ อนด์พับลชิ ช่ิง จากัด.
คานาย อภิปรัชญาสกุล. (2537). ส่วนที่ 3 โลจิสติกส์และการจัดการซัพพลายเชน. ในโลจิสติกส์
เพอื่ การผลิต และการจัดการดาเนนิ งาน. บริษทั ซี.วาย.ซซิ เทมิ พริ้นต่ิง จากัด.
ชนงกรณ์ กุณฑลบุตร. (2552). องค์การและการจัดการแนวคิดการบริหารธุรกิจในสถานการณ์
ปจั จบุ นั , กรุงเทพฯ; แหง่ จฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลัย.
ชุติภา โอภาสานนท์. (2560). ก้าวสู่ความเป็นผู้ประกอบการ. กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวง
อตุ สาหกรรม. กรุงเทพมหานคร: วนั ทนีย์ ภูมิภัทราคม และคณะ.
ชัยยนต์ ชโิ นกลุ , (2559) การจดั การโซ่อปุ ทานและโลจิสติกส์ พิมพ์คร้ังที่ 5 กรุงเทพฯ: ห้างหนุ้ สว่ น
จากัด วเี จ.พรนิ ตง้ิ
ฐาปนา บุญหลา้ ,FCILT,CMC, (2559) คูม่ ือการตรวจประเมินโลจสิ ตกิ ส์ พิมพ์ครั้งท่ี 5 กรงุ เทพฯ :
แอคทฟี พริ้น จากดั
ฐาปนา บุญหล้า,FCILT,CMC, (2560) คู่มือสัมนาโลจิสติกส์และซัพพลายเชน พิมพ์ครั้งที่ 7
กรงุ เทพฯ : แอคทฟี พร้นิ จากัด
ฐาปนา บุญหล้า และนงลักษณ์ นิมตรภูวดล. 2555. การจัดการโลจิสติกส์ มิติซัพพลายเชน
(Logistics Management: a Supply Chain Perspective). กรงุ เทพ: สานักพิมพ์
ซเี อด็ ยเู คชน่ั พิมพ์คร้งั ที่ 1
ณฐั พนธ์ เกษสาคร. (2562). สารสนเทศเพอ่ื การจัดการโลจสิ ตกิ ส์ บทที่ 1. เข้าถึงไดจ้ ากสารสนเทศ
เพ่ือการจัดการโลจิสตกิ ส์บทที่1 https://www.scribd.com/doc/153952720/
สารสนเทศเพ่ือการจัดการโลจสิ ตกิ สบทท่ี 1
ธนิต โสรตั น์. (2552). ค่มู อื การจัดการคลังสนิ คา้ และการกระจายสนิ คา้ . กรงุ เทพฯ: วีเซริ ์ฟโลจิส
ติกส์
ธิดารัตน์ ภัทราดูลย์. (2552) ธิดารัตน์ ภัทราดูลย์. (2552). เกณฑ์การตัดสินใจในการจัดซื้อ.
Online].Available:http://www.logisticscorner.com/index.php?option=
com_content&view=category&id=37&Itemid=88 [20 ตุลาคม 2555].
ทวีศักด์ิ เทพพิทักษ์. (2550). การจัดการโลจสิ ติกส์และซพั พลายเชน. กรุงเทพมหานคร: สานกั พิมพ์
เอก็ ซเปอร์เนท็ .
ธนภัทร์ ธชพันธ์. (21 สิงหาคม 2559). บทนาของวัสดุบรรจุภัณฑ์. สงขลา, ไทย. เข้าถึงได้จาก
Slide Share.
บรรณานกุ รม 263
ปริญ ลักษิตานนท์, ศุกร เสรีรัตน์, องอาจ ปถะวานิช ศิริวรรณ เสรีรัตน์. (2547). การวางตาแหน่ง
ใหม่สู่ตลาดส่วนล่าง. ใน ปริญ ลักษิตานนท์, ศุกร เสรีรัตน์, องอาจ ปถะวานิช ศิ
ริวรรณ เสรีรัตน์, กลยุทธ์การตลาด การบริหารการตลาดและกรณีศึกษา (หน้า
136). กรงุ เทพฯ: ธีระฟิลม์ และไซเท็กซ.์
ปรียา วอนขอพร และคณะ. (2534). หลกั การตลาด. กรงุ เทพมหานคร: จุฬาลงกรณ์มหาวิทลยั .
พิภพ ลลิตาภรณ์. (2552). การบริหารพัสดุคงคลัง (Inventory Management). กรุงเทพฯ :
สานักพมิ พ์สมาคมส่งเสริมเทคโนโลยี (ไทย-ญี่ปุน่ )
รุธิร์ พนมยงค์ และคณะ (2550) การจัดหาและการบริหารความสัมพันธ์กับผู้ส่งมอบในโซ่
อปุ ทาน กรงุ เทพมหานคร : ไอทแี อล เทรด มีเดยี ,
เรอื งวิทย์ เกษสุวรรณ, (2561) การจดั การคุณภาพ .ซเี อด็ ยูเคชน่ั จากดั (มหาชน)
วรภัทร์ ภู่เจริญ, กาญจนา สร้อยระย้า และธนกฤต จรัสรุ่งชวลิต (2561) “ชาแหละ Six Sigma”,
พมิ พ์ครัง้ ที่ 4, กรงุ เทพฯ: บรษิ ัท อริยชน จากัด,
ศศิประภา พรมทอง (2562) การจัดการการดาเนินงาน คณะวิทยาการจดั การ มหาวิทยาลัยราชภัฏ
อุบลราชธานี
สถาบันเพ่มิ ผลผลิตแหง่ ชาติ, (2559). กลยทุ ธก์ ารจัดการโลจสิ ตกิ ส์อย่างมคี ณุ ภาพ. กรุงเทพฯ
สถาบนั เพ่มิ ผลผลิตแห่งชาต.ิ (2559). รางวัลคุณภาพแห่งชาติ Thailand Quality Award: TQ4.
กรงุ เทพฯ
สนั่น เถาชารี. (2552) การปรับปรุงประสิทธิภาพการจัดการกระบวนการทางธุรกิจของวิสาหกิจ
ขนาดกลางและขนาดย่อมโดยใช้ระบบ ERP: กรณีศึกษาโรงงานผลิตขนมปัง
แ ล ะ เ บ เ ก อ รี่ . วิ ทย านิ พน ธ์ป ริญ ญา วิศ ว ก รร มศ าส ตร์ มห าบั ณฑิ ต :
มหาวิทยาลัยขอนแก่น,
สุมาลี บัวขาว. (2548) การใช้รหัสแท่งในการบริหารสินค้าคงคลังของอุตสาหกรรมอาหารและ
เคร่ืองดื่ม. การศึกษาค้นคว้าอิสระปริญญาบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต: บัณฑิต
วิทยาลยั มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์,
สุวาริน พรรคเจริญ. (2550) การศึกษาความเป็นไปได้ในการนาเทคโนโลยีบ่งชี้วัตถุด้วยคลื่น
ความถี่วิทยุ มาใช้ในการบริหารรถยนต์ภายในลานจอด. งานนิพนธ์ปริญญา
วิทยาศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการการขนส่งและโลจิสติกส์: บัณฑิต
วิทยาลัย มหาวทิ ยาลยั บรู พา,