The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by thippawan_kai, 2022-09-15 03:38:07

เอกสารประกอบการสอน “การจัดการการจัดหาและการจัดซื้อ”

ดร.พิเซษฐ เนตรสว่าง

Keywords: เอกสารประกอบการสอน ตำรา

190 การจัดการการจดั หาและการจดั ซอื้

8.6 ทฤษฎมี รู ิ มูระ มูดะ (MURI MURA และ MUDA)
ถา้ หากมองภาพถึงประสิทธิภาพ (Efficiency) คือ ความสามารถในการใช้ทรัพยากรต่างๆ ได้

อยา่ งคมุ้ ค่ามากน้อยเพยี งใด โดยนาผลผลิตทีไ่ ด้ไปหารด้วยปัจจัยนาเขา้ เปอรเ์ ซ็นตย์ ่งิ สงู น้ันแสดงว่า
กระบวนการผลิตสามารถใช้ทรัพยากรได้อย่างคุ้มค่ามาก การผลิตสินค้าหรือกระบวนการผลิตใดมี
ประสิทธิภาพดี ก็จะสามารถสร้างกาไรได้มากย่ิงขึ้น เพราะน้ันหมายความว่าต้นทุนในการผลิตต่า
เกดิ การสญู เสียนอ้ ย

เพ่ือสร้างความเข้าใจมากยิ่งข้ึน บริษัทจะไปทาความรู้จักกับคาว่า “ต้นทุน” และ
“ความสูญเสีย” ซ่ึงคนส่วนใหญ่มักเขา้ ใจผิด เร่ืองการลดตน้ ทุนว่า การลดราคาปัจจยั นาเข้าเป็นหลัก
เช่น การซ้ือวัตถุดิบในราคาที่ถูก การจ้างแรงงานที่มีราคาถูกลง หรือซื้อเคร่ืองมืออุปกรณ์และ
เครื่องจักรราคาถูก เป็นต้น แต่แท้จริงแล้วการลดต้นทุนหมายถึง การลดความสูญเสียนั่นเอง 3MU
คอื

ต้นทุน (Cost) หมายถงึ มลู ค่าของทรัพยากร ท่ใี ช้ในการผลติ หรอื การให้บรกิ าร อาจอยู่ในรูป
ของเงนิ สดหรอื ค่าใช้จ่ายในรปู แบบอ่นื ๆ ท่ีจ่ายไป เพอื่ ให้ได้มาซึ่งผลผลิตหรือบริการ

การตระหนกั ถึงความสญู เสีย เน่ืองจากการทาธรุ กจิ มกั ไม่ค่อยมีการแข่งขนั ทางธุรกจิ ทีร่ ุนแรง
เพราะอุปสงค์ (demand) “ความต้องการของผู้บริโภค” มีมากกว่า อุปทาน (Supply) “ผู้ผลิตหรือ
ความสามารถในการผลิต” มีน้อย หมายถึง “ใครผลิตอะไรก็ขายได้” องค์กรอยากได้กาไรมากข้ึน
ก็สามารถเพิ่มราคาขายได้ หรือ หากเพ่ิมยอดขายได้มาก ข้ึนองค์กรก็จะได้กาไรมากขึ้นเป็นลาดับ
แตใ่ นปจั จุบนั สภาพการแข็งขัน ทางเศรษฐกิจมเี พ่ิมสูงขึ้นอย่างรวดเรว็ การท่ีจะมุง่ เพิ่มยอดขายเพียง
อย่างเดียว คงจะไม่เพียงพอ ส่วนการจะเพิ่มราคาขายน้ัน คงไม่ต้องคิดเพราะเป็นไปได้น้อยมากๆ
สง่ิ ทีส่ าคัญทีจ่ ะชว่ ยให้องค์กรมกี าไรมากขน้ึ และสามารถแข่งขันกับภายนอกไดน้ ้ัน คือ “การลดความ
สญู เสีย” เพราะ“ความสญู เสยี ” มกั จะซอ่ นอยู่ในกระบวนการทางานท่ีไร้ประสทิ ธิภาพ แลว้ ยงั ส่งผล
กระทบโดยตรงตอ่ “ต้นทนุ ”

นิยามความสูญเสีย ในแนวคิดของประเทศญ่ีปุ่น ซ่ึงได้อธิบายความสูญเสียแบ่งออกเป็น
3 ประเภท ประกอบไปด้วย MUDA, MURA และMURI สามารถอธบิ ายความหมายได้ดังน้ี 3MU คือ

8.6.1 มูริ (MURI) หมายถึง การฝืนทาสิ่งต่างๆหรือการทาอะไรไม่สมเหตุผล เช่น การท่ี
เครื่องจกั รหรือท่ีมีความสามารถในการทางานน้อยกว่าปริมาณงานที่ป้อนเข้าไป หรือมีความสามารถ
นอ้ ยกวา่ ภาระงาน (Capacity < Load) สามารถวเิ คราะห์ MURI จาก 4M1E ได้ดงั น้ี

บทท่ี 8 ระบบทนั เวลาพอดีเพ่ือประสทิ ธิภาพในงานจดั ซอื้ จดั หา 191

(1) คน (MAN) เช่น จานวนคนน้อยกว่างาน (คน < งาน), มีการหยุดพักการรองาน
(งาน < เวลา), คนไม่มีความรู้ ความชานาญและประสบการณ์ตรงตามความตอ้ งการ (ความสามารถ
ของคน < ลักษณะของงาน)

(2) วัตถุดิบ (Material) เช่น คุณภาพ ความแข็งแรง และประสิทธิภาพกาหนดไว้เกิน
วิสยั ทจี่ ะทาได้ การส่งมอบเร็วจนสุดวสิ ยั

(3) เคร่ืองมือและเครื่องจักร (Machine & Equipment เช่น ใช้อุปกรณ์ไม่เต็มกาลัง
(ใช้งานไม่เต็มที่) ความสามารถของเคร่ืองจักรต่าเกินไป ความละเอียดของเคร่ืองมือวัดหยาบเกินไป
ช่วยลดการผิดพลาดขาดการปรับต้ัง ปรับแต่งเครื่องมือจับให้ได้มาตรฐานอยู่ งานท่ีต้องใช้แรงงานที่
เสี่ยงอันตรายและงานที่ไม่ถูกสุขลักษณะเปลี่ยนเป็นใช้เครื่องจักรแทนได้หรือไม่ (ใช้เคร่ืองจักรน้อย
เกินไป)

(4) วิธีการและส่ิงแวดล้อม (Environment) เช่น สภาพแวดล้อมในการปฏิบัติงาน เช่น
แสงสว่าง ความร้อน เสียงรบกวน เหมาะสมดีแล้วหรือยัง เวลาฉุกเฉินรีบด่วน มีระบบหนุนช่วยจาก
แผนกอืน่ ๆ หรอื ไม่ ไม่มลี าดบั ขั้นตอนการทางานทีช่ ัดเจน

8.6.2 มูระ (MURA) หมายถึง การสูญเสีย เน่ืองจากความไม่สม่าเสมอหรือความสูญเสียด้าน
ความแปรผัน ความคลาดเคลื่อน ความไม่สม่าเสมอใน กระบวนการ (Variation) หรือมีความสามารถ
ไม่สมา่ เสมอ (Capacity > or < Load) สามารถวิเคราะห์ MURA จาก 4M1E ไดด้ ังน้ี

(1) คน (man) เชน่ ไม่มีการจดั วางตาแหนง่ คนให้เหมาะสมกบั งาน, บางคร้ังกย็ งุ่ เกินไป
บางครง้ั กว็ ่างเกนิ ไป, ในการปฏิบตั งิ านท่ีมีสภาพดา้ นหนึง่ กาลงั ปฏบิ ตั ิงาน และด้านหนง่ึ กาลังรออยู่

(2) วัตถดุ ิบ (Material) เชน่ คุณภาพ รปู ทรง ชิ้นงานสาเรจ็ , คุณสมบัติวสั ดุเด๋ียวดี เด๋ยี ว
ไมด่ ี โดยไม่ทราบสาเหตุ การสง่ ของมีความคลาดเคล่อื น

(3) เครื่องมือและเครื่องจักร (Machine & Equipment) เช่น ไม่มีความสมดุลของคน
และเคร่ืองจักร, มีเวลารองาน เวลาว่างเปล่า, ไม่มีการปรับความละเอียดของเครื่องมือวัดและ
เคร่ืองจักรอยา่ งสมา่ เสมอ, ไม่มีการใชอ้ ปุ กรณห์ รือเคร่อื งมือจับ (Jig)

(4) วิธกี ารและสงิ่ แวดลอ้ ม (Environment) เช่น คุณภาพ และปริมาณงานไมส่ ม่าเสมอ
เกิดจากการวางแผน และการเตรียมงานท่ีไม่ดี ไม่มีการจัดทาขั้นตอนการทางานให้เป็นมาตรฐาน
วธิ ีการทางานธรุ การและเอกสารต่างๆ แปรใหเ้ ปน็ มาตรฐานแล้วหรอื ยงั

8.6.3 มูดะ (MUDA) หมายถึง ความสูญเปล่า ความสูญเสียด้านสมรรถนะ (Capacity)
เช่น การซื้อเคร่ืองจักรอุปกรณ์ราคาสูงๆ ความสามารถเยอะๆ แต่ใช้งานได้ไม่ เต็มท่ี หรือมี

192 การจดั การการจดั หาและการจัดซอ้ื

ความสามารถมากกว่าภาระงาน (Capacity > Load) สอดคล้องกับแนวคิดความสูญเสีย 7 ประการ
อนั ได้แก่

(1) มีการผลติ มากเกินไป (Over Production)
(2) มกี ารกักเก็บสนิ ค้าท่ีไมจ่ าเปน็ (Unnecessary Stock)
(3) มกี ารขนย้ายมากเกินไป (Transportation)
(4) มีของเสียมากหรืองานทาซา้ มาก (Defect/Rework)
(5) กระบวนการทไ่ี ม่มปี ระสิทธิผล (Non-Effective Process)
(6) มีการรอคอยระหวา่ งกระบวนการ (Idle)
(7) มีการเคล่ือนไหวที่ไมจ่ าเปน็ (Motion)
สามารถวิเคราะห์ MUDA จาก 4M1E ไดด้ งั นี้
(ก) คน (MAN) เช่น คนมากกว่างาน, การเพ่ือเวลางานมากกว่าคน, การใช้คนที่มี
ความสามารถมากทางานงา่ ย, ความสามารถของคน มากกวา่ ลักษณะของงาน
(ข) วัสดุวัตถุดิบ (Material)เช่น ท้ิงของท่ียังใช้ได้, ใช้วัสดุอย่างสิ้นเปลืองอันได้แก่
น้ามัน ไฟฟ้า ไอน้า น้า รวมท้งั การสูญเสยี พลงั งานต่างๆ ทร่ี วั่ ไหล
(ค) เครื่องมือและเคร่ืองจักร (Machine & Equipment) เช่น การใช้อุปกรณ์เกิน
กาลังสูงสุด, มีการเดินเคร่ืองตัวเปล่า, ความละเอียดของเครื่องมือวัดละเอียดเกินความจาเป็น,
มีเคร่ืองมือจบั มากเกินความจาเปน็ งานที่ควรให้เคร่อื งทามกี ารทาดว้ ยมืออยู่หรือไม่ (ไม่ใช้เครื่องจกั ร
ให้เป็นประโยชน์)
(ง) วิธีการและสิ่งแวดล้อม (Environment) เช่น สะสางสิ่งของให้เหลือเฉพาะที่
จาเป็นจริงหรือไม่, จัดวางส่ิงของให้หยิบได้ง่าย, ใช้งานง่ายหรือไม่, วางแผนการทางาน มีการใช้
ขนั้ ตอนที่ยงุ่ ยาก ซับซ้อน แทนท่จี ะใชว้ ิธที ่ีง่ายกว่า แตบ่ รรลุผลลัพธ์ไดเ้ หมอื นกัน
การขจัด 3MU คือ การลดต้นทุน การสร้างกาไร องค์กรที่สามารถลดต้นทุนได้
อย่างมีประสิทธิภาพ ก็จะมีความสามารถในการทากาไรได้มากขึ้น องค์กรก็จะแข็งขันกับคู่แข่งได้
มีความม่ันคงมากย่ิงข้ึน สามารถแบ่งปันกาไรท่ีได้ ไปยังหุ้นส่วนต่างๆได้ เช่น เพิ่มสวัสดิการให้
พนักงาน การแบ่งกาไรให้กับผู้ถือหุ้น หรือนากาไรที่ได้ไปขยายกิจการ องค์กรก็จะเจริญเติบโตและ
กา้ วขน้ึ ไปเปน็ ผนู้ าในการแข่งขนั

บทท่ี 8 ระบบทนั เวลาพอดีเพื่อประสิทธภิ าพในงานจดั ซื้อจดั หา 193

8.7 ระบบไคเซน็ (Kaizen)
ไคเซ็น หมายถึง กลยุทธ์การบริหารงานแบบญ่ีปุ่น (Kaizen) เป็นภาษาญ่ีปุ่น แปลว่า

การปรับปรุง (Improvement) เป็นแนวคิดท่ีทาใช้ในการบริหารการจัดการมีประสิทธิผล โดยมุ่ง
ปรับปรุงวิธีการส่วนร่วมของพนักงานทุกคน บุคลากรทุกระดับ ร่วมกันแสวงหาแนวทางใหม่ ๆ
เพอ่ื ปรับปรุงวิธกี ารทางานใหด้ ีขน้ึ ไปเร่ือย ๆ อย่างต่อเน่ือง ทงั้ ฝ่ายบริหารและฝา่ ยปฏิบัตเิ กิดจากการ
บริหาร ที่ประสบปัญหาที่เกิดขึ้นในระหว่างทศวรรษท่ี 1980 และทศวรรษที่ 1990 บริษัทที่ประสบ
ความสาเร็จมักนาเอาแนวคิดของไคเซ็นคือการยอมรับว่าการบริ หารให้ประสบผลสาเร็จจะต้อง
แสวงหาวิธีการที่จะทาให้ลูกค้าพึงพอใจและตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดี เป็น
กลยุทธใ์ นการปรับปรงุ ทมี่ ุง่ ทตี่ ัวลูกค้า

นอกจากน้ีแนวคิดไคเซ็นยังขยายขอบข่ายออกไปถึงความสัมพันธ์ระหว่างพนักงานกับ
นายจ้างด้วยในด้านการผลิต การตลาด การจัดจาหน่าย อย่างเป็นระบบ Kaizen ให้ความสาคัญกับ
กระบวนการทางานและรเิ ริ่มวิธีการคิดท่ีมุ่งกระบวนการทางานและระบบการบรหิ ารทสี่ นบั สนนุ และ
ยอมรับแนวคิดของผู้บริหารและพนักงาน จากหลักการของ Kaizen จึงเป็นแนวคิดที่จะช่วย
มาตรฐานที่มีอยู่เดิม (Maintain) และปรับปรุงให้ดีย่ิงขึ้น (Improvement) ความสาคัญ
ในกระบวนการของ Kaizen คือ การใช้ความรู้ความสามารถของพนักงานมาคิดปรับปรุงงาน โดยใช้
การลงทุนเพียงเล็กน้อยซ่ึงกอ่ ใหเ้ กิดการปรับปรุงทีละเล็กที่ละนอ้ ยทีค่ ่อย ๆ เพ่ิมพนู ข้ึนอย่างต่อเนื่อง
ดังนั้นไม่ว่าจะอยใู่ นสภาวะเศรษฐกิจแบบใดกส็ ามารถใชว้ ธิ กี ารของ Kaizen เพ่ือปรบั ปรุงได้

8.7.1 กลยทุ ธห์ ลกั Kaizen คอื
(1) รายการตรวจสอบ 3-Mu’s หมายถึง ระบบตรวจสอบซ่ึงได้รับการพัฒนาข้ึนมาเพ่ือ

เป็นแนวทางช่วยผู้บริหารและพนักงานช่วยกันแก้ไขปรับปรุงงานของตนอยู่เสมอ 3-Mus
ประกอบด้วย (Muda) คือความสูญเปล่า (Muri) คือความตึง (Mura) คือความแตกต่างขัดแย้งกัน
โดยการนาเอา 3-Mu’s ไปพจิ ารณาองคป์ ระกอบตา่ ง ๆ ของการทางาน เช่น กาลงั คน เทคนคิ วิธีการ
เวลา สิ่งอานวยความสะดวกและเคร่ืองมอื เคร่ืองใช้ วสั ดุทใ่ี ช้ ปริมาณการผลิต สินค้าคงคลงั สถานท่ี
ทางาน แนวความคดิ ในการทางาน

(2) หลักการ 6 ส ได้แก่ สะสาง (Seiri) สะดวก (Seiton) สะอาด (Seiso) สุขลักษณะ
(Seiketsu) สร้างวนิ ัย (Shitsuke) สรา้ งเสรมิ ลกั ษณะนิสยั ท่ดี ี (Sahou)

(3) หลกั การ 5 W 1H ได้แก่ Who ใครเป็นผทู้ า What ทาอะไร Where ทาทไ่ี หน When
ทาเมอ่ื ไร Why ทาไมต้องทายา่ งนน้ั How ทาอยา่ งไร

194 การจัดการการจัดหาและการจัดซอ้ื

(4) รายการตรวจสอบ 4M 1 E ได้แก่ Man หมายถึง การตรวจสอบผู้ปฏิบัติทางานตาม
มาตรฐานท่ีกาหนดหรือไม่ มีความรับผิดชอบหรือไม่ ผู้ปฏิบัติมีทักษะความชานาญหรือไม่ผู้ปฏิบัติ
ไดร้ ับมอบงานที่ตรงกบั ความสามารถหรอื ไม่ Machine หมายถึง การตรวจสอบอุปกรณ์อานวยความ
สะดวกสอดคล้องกับความสามารถของขบวนการผลิตหรือไม่เคร่ืองจักรขัดข้องบ่อยหรือไม่ การจัด
วางเหมาะสมหรือไม่ เคร่ืองจักรอยู่ในสภาพการใช้งานหรือไม่ Material หมายถึง การตรวจสอบ
ข้อผิดพลาดในเรื่องคุณภาพการตรวจสอบระบบคงคลังเพียงพอหรือไม่ Method หมายถึง
การตรวจสอบว่ามาตรฐานในการทางานมีเพียงพอหรือไม่ มีวิธีที่ปลอดภัยหรือไม่ เป็นวิธีที่มี
ประสิทธิภาพหรือไม่ลาดับขั้นตอนการทางานเหมาะสมหรือไม่ และส่ิงแวดล้อม (Environment)
มองถึง สภาพแวดลอ้ มในการปฏิบตั งิ าน เช่น แสงสว่าง ความรอ้ น เสียงรบกวน

8.7.2 ระบบทสี่ าคัญของ Kaizen
ในระบบแนวคิดของไคเซ็นประกอบด้วยระบบสาคัญอย่างน้อย 5 ระบบ คือ
(1) การควบคุมคุณภาพและการบริหารคุณภาพท้ังระบบ เก่ียวข้องกับการควบคุม

กระบวนการคุณภาพต้ังแต่เริ่มต้นการผลิตจนกระท่ังผลิตสาเร็จ ซึ่งเกี่ยวข้องกับบุคคลหลายฝ่าย
ไดแ้ ก่ ผบู้ รหิ ารระดบั สงู ระดบั กลาง และหวั หน้างานรวมท้ังพนักงานทุกคน รวมไปถึงสภาพแวดลอ้ ม
ภายในองค์กรด้วย การวางแผนเพื่อการตรวจสอบติดต่อประเมินผล การเผยแพร่นโยบาย (Policy /
De-plotment) การสรา้ งระบบประกันคณุ ภาพ (Quality Assurance Systems)

(2) ระบบการผลิตแบบทันเวลาพอดี Just in Time Production system (JIT) ระบบนี้
เกิดขึ้นที่บริษัทโตโยต้า มอเตอร์ ประเทศญี่ปุ่น ในการผลิตเพ่ือส่งมอบสินค้าให้แก่ลูกค้าในเวลา
ท่ีกาหนดโดยมีการออกแบบรองรับการผลิตท่ียืดหยุ่น เพ่ือรองรับความไม่แน่นอนท่ีอาจเกิดข้ึนจาก
กระบวนการต่าง ๆ เช่น กระบวนการสั่งสินค้าท่ีอาจเปล่ียนแปลงได้ตามความต้องการของลูกค้า
การส่ังซื้อวัตถุดิบล่าช้า กระบวนการผลิตที่อาจมีปัญหา แนวคิด JIT เป็นแนวคิดที่จะขจัดกิจกรรมที่
ไม่มีมูลค่าเพ่ิมทุกชนิดออกไปโดยใช้ระบบการผลิตท่ีเรียกว่า Take time คือ เวลาท่ีใช้ในการผลิต
ช้ินงานหน่ึงหน่วยเปรียบเทียบกับเวลาวงจรการผลิต Cycle time กระแสการผลิตท่ีละช้ินสว่ น One
Piece Flow การผลิตแบบดึง (Pull Production) การลดเวลากับค่าใช้จ่ายในการต้ังระบบการผลิต
ใหม่แต่ละครงั้ (Setup Time and Cost Reduction) ระบบการผลติ แบบทันเวลาพอดีจะชว่ ยใหข้ จัด
งานที่ไม่มีมูลค่าเพ่ิมออกไปและยังสามารถช่วยลดต้นทุนในการผลิตได้อย่างมหาศาลและทาให้มี
การนาส่งมอบสินค้าท่กี าหนดนัดหมายอนั เป็นการชว่ ยเพม่ิ ผลกาไรให้แกบ่ ริษัทมผี ลกาไรให้แก่บริษัท

บทที่ 8 ระบบทันเวลาพอดีเพื่อประสทิ ธิภาพในงานจัดซอ้ื จดั หา 195

(3) การบารุงรักษาทวีผล (Total Productive Maintenance: TPM) หมายถึงการ
กาหนดเป้าหมายให้เคร่ืองจักรอยู่ในสภาพที่มีประสิทธิภาพสูงสุดเป็นการปรับปรุงประสิทธิภาพ
โดยรวม เป็นการสร้างระบบรวม (Total System) โดยมีเป้าหมายท่ีวงจรชีวิตของเคร่ืองจักรโดย
สร้างความร่วมมือระหว่างทุกฝ่ายท้ังฝ่ายบริหาร ฝ่ายผลิต ฝ่ายบารุงรักษา พนักงานทุกระดับมีส่วน
ร่วม และผู้บริหารสร้างแรงจูงใจ ส่งเสริมกจิ กรรมกลุ่มย่อยในการบารุงรกั ษาเคร่ืองจักรเครื่องใช้ให้มี
อายุการใชง้ านยาวนาน โดยทกุ คนช่วยกนั ดูแลบารงุ รักษาตามแผนการท่ีกาหนด

(4) ระบบข้อเสนอแนะ (Suggestion System) เป็นระบบการบารุงขวัญกาลังใจให้แก่
พนักงานในการเปิดโอกาสให้มีส่วนในเชิงสร้างสรรค์ โดยกระตุ้นให้พนักงานได้แสดงออกในการให้
ข้อเสนอแนะในเรื่องต่าง ๆ เน้นปริมาณของความคิดเห็นข้อเสนอแนะ ส่งเสริมให้มีการพูดคุย
ปรึกษาหารือกับหัวหน้างาน เพื่อให้ได้แนวคิดที่เป็นประโยชน์ในการทางาน พัฒนาการในด้าน
การปลูกฝังจิตสานึกความมีความคิดริเริ่มให้แก่พนักงาน ระบบข้อเสนอแนะ เกิดจากกิจกรรมที่มี
ปัญหาโดยพนักงานเป็นผู้ค้นหาสิ่งผิดปกติที่อยู่ใกล้ตัวก่อน หาสาเหตุที่แท้จริงของสิ่งผิดปกติ และ
เสนอแนะวิธกี ารแก้ไขทสี่ าเหตขุ องปัญหา องค์ประกอบของข้อเสนอแนะทด่ี ีประกอบด้วย

(5) กิจกรรมกลุ่มย่อย Small Group Activities หมายถึง บรรดากลุ่มพนักงานภายใน
หน่วยงานเดียวกัน แต่ละกลุ่มท่ีมีจานวนสมาชิกไม่มากนักที่รวมตัวกันอย่างไม่เป็นทางการเพ่ือ
ร่วมกันทางานเล็กๆ กิจกรรมกลุ่มย่อยมีหลายประเภท เช่น การสร้างระบบและกลไกในการทางาน
การสรา้ งพนั ธมิตรทางการคา้ การวิเคราะหจ์ ากปัญหาท่พี บเจอในระหว่างปฏบิ ัตงิ าน

8.8 ระบบลนี (LEAN)
เป็นระบบที่เหมาะสาหรับการประกอบการโรงงาน ช่วยลดความสูญเสีย เปลี่ยนความสูญเปล่า

ให้มีเกิดคุณค่า นามาซ่ึงการบริหารจัดการท่ีประสบความสาเร็จ เก่ยี วข้องกับการผลิตโดยตรง ทาให้
กระบวนการผลิตมีประสิทธิภาพมากข้ึน สามารถบริหารต้นทุนได้ดีข้ึน ท่ีผ่านมามีบริษัทยักษ์ใหญ่
หลายราย นาระบบลีนไปประยุกต์ใช้กับกระบวนการผลิตภายในบริษัท การันตีว่าระบบลีนเป็นที่
ยอมรบั ในวงกวา้ ง วา่ เป็นระบบที่มีประสิทธภิ าพอยา่ งแท้จริง

8.8.1 ระบบลนี (LEAN) คือ การปรับการทางานในโรงงานใหม้ ปี ระสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยการลด
สิ่งที่ไม่เกิดมูลค่าหรือ Waste โดยแนวคิดของการลีนได้ถูกนามาใช้ในกระบวนการผลิตในโรงงาน
อตุ สาหกรรมเพื่อลดเช่นกัน แต่เป็นการลด “ความสูญเปล่า” หมายถึง เดิมทีมีความสูญเปล่าเกิดขึ้น
เท่าไร หลังใช้ระบบลีนแล้วจะมีความสูญเปล่าเกิดข้ึนน้อยลงจากเดิม โดยระบบลีนเป็นระบบ

196 การจัดการการจัดหาและการจดั ซอื้

ที่เกี่ยวกับการจัดการกับความสูญเปล่าที่เกิดขึ้นในกระบวนการผลิต เปลี่ยนความสูญเปล่าให้
กลายเป็นมูลค่า ชว่ ยเพิม่ โอกาสการผลติ ให้มากขึน้ สง่ ผลต่อการสร้างกาไรท่เี พิ่มข้นึ ดว้ ย

ระบบลีนน้ันเก่ียวกับการลดความสูญเปล่าในกระบวนการผลิตในโรงงาน ซึ่งส่งผลต่อ
การลดต้นทุน ทาให้ผลกาไรเพิ่มขึ้น โดยความสูญเปล่า มีด้วยกันทั้งหมด 7 อย่าง หรือที่เรียกว่า
7 waste ได้แก่ ความสูญเสียทั้ง 7 อย่าง คือส่ิงท่ีทาให้เกิดต้นทุนโดยไม่จาเป็น เมื่อกาจัดความ
สญู เสียเหลา่ น้ีได้ จงึ ชว่ ยลดตน้ ทุนลง เป็นผลพวงท่ที าให้กาไรเพ่มิ ขน้ึ

8.8.2 หลักการของระบบลนี สาหรบั กาจดั สง่ิ ทส่ี ญู เปล่า
(1) ความสูญเสียเนื่องจากการผลิตมากเกินไป (Overproduction) ในกระบวนการ

ผลิตในโรงงานมีส่ิงหน่ึงที่ทาให้เกิดความสูญเสีย น่ันก็คือความเชื่อที่ว่าต้องผลิตออกมาจานวนมาก
ที่สุดเท่าที่จะทาได้ เป็นการสร้างผลผลิตล่วงหน้า ทาให้เกิดผลผลิตมากเกินความจาเป็น เกิดการ
สญู เสยี จากต้นทุนการผลติ ต่อหน่วยที่มาจากการเกิดงานจานวนมาก ปัญหาที่เกิดจากการผลิตที่มาก
เกินไป คือการสูญเสียแรงงาน สูญเสียผลผลิตบางส่วนที่เกิดจากการเน่าเสีย รวมถึงการใช้ทรัพยากร
ที่มากเกินความจาเป็น ณ ขณะน้ัน ปรับปรุงได้โดยการลดกาลังการผลิตลงเพ่ือให้สอดคล้องกับ
จานวนของการนาออกของผลผลิตสู่ท้องตลาด ช่วยลดความสูญเสียท่ีเกิดข้ึนจากการทางานของ
เคร่อื งจักร อาจตอ้ งลดการตั้งเวลาของเครื่องจกั รลงเพือ่ ใหไ้ ด้ผลผลติ ที่เหมาะสม

(2) ความสญู เสียเน่ืองจากการเก็บวัสดุคงคลัง (Inventory) ความสูญเสียท่ีเกดิ จากการ
เก็บวัสดุคงคลงั น้ันมาจากการวางแผนการสั่งซื้อ Material จานวนมากต่อหนึ่งคร้ัง ด้วยความคิดที่ว่า
จะมีวัสดเุ พียงพอตอ่ การผลิตสินค้า ทงั้ ยงั มีในเร่ืองของการซ้ือเพือ่ แลกส่วนลด ทาให้มวี ัสดอุ ยู่ในโกดัง
คลังสินค้ามากเกินความจาเป็น และเกิดความสูญเสียกลายเป็น waste ปัญหาที่เกิดข้ึนจากความ
สูญเสียน้ี ได้แก่ การใช้พื้นที่ในการจัดเก็บที่มากเกินความจาเป็น ต้นทุนจม หากมีการปรับเปลี่ยน
แผนในการบริหารจัดการ อาจทาให้วัสดุตกค้าง โดยไม่มีกาหนดการว่าจะได้ใช้งานเมื่อไร ปรับปรุง
โดยการกาหนดปริมาณการจัดเก็บหรือพ้ืนท่ีการจัดเก็บที่ชัดเจน และจัดทาแผนการระบบจัดซื้อท่ี
สอดคล้องกบั การผลิต รวมถงึ การใชร้ ะบบเข้าก่อน ออกก่อน (First in First out เพือ่ ลดปรมิ าณวัสดุ
ตกค้างเป็นเวลานาน

(3) ความสญู เสียเนอ่ื งจากการขนส่ง (Transportation) ความสญู เสียจากการขนสง่ เกิด
จากการขนส่งในระยะทางท่ีมากเกินความจาเป็น ทาให้เกิดต้นทุนในเร่ืองของเช้ือเพลิง แรงงาน ค่า
บารุงรักษารถยนตท์ ใี่ ชข้ นส่ง ปรับปรงุ ไดโ้ ดยการศกึ ษาเส้นทางการขนส่งใหด้ เี พื่อให้ระยะทางส้ันทสี่ ุด
และบริหารจัดการในการขนส่งแต่ละคร้ัง เพื่อการขนส่งวัตถุที่มากที่สุดต่อคร้ัง เพื่อประหยัดจานวน

บทที่ 8 ระบบทันเวลาพอดีเพือ่ ประสิทธิภาพในงานจดั ซ้อื จดั หา 197

คร้ังในการส่ง และควรบริหารจัดการในเร่ืองของการจัดวางเครื่องจักรให้เหมาะสม ระหว่างโรงงาน
การผลิตไม่ควรอยูห่ า่ งกนั เกินไป เพือ่ ประหยัดตน้ ทนุ

(4) ความสูญเสียเน่ืองจากการเคลื่อนไหว (Motion) ความสูญเสียด้านนี้สอดคล้องกับ
แรงงานในกระบวนการผลิต การให้คนงานมีการเคลื่อนไหวมากๆ อาจมาจากการวางวัตถุอยู่ห่างกัน
ทาใหต้ ้องเดินไกล หรือเอื้อมหยิบของท่ีอยู่ไกล รวมถึงการกม้ ตัวยกของหนกั บนพน้ื ฯลฯ ส่งผลใหเ้ กิด
ความเหนื่อยล้าและอาจบาดเจ็บต่อร่างกาย ทาให้ทางานได้ล่าช้า ปรับปรุงโดยการจัดวางส่ิงของ
ต่างๆ ใหอ้ ยูใ่ กล้กัน รวมท้งั การจัดวางผงั ภายในโรงงงานใหเ้ หมาะสมกับกระบวนการทางาน

(5) ความสูญเสียเนื่องจากกระบวนการผลิต (Processing) กระบวนการผลติ ในโรงงาน
ที่ส่งผลให้เกิดการทางานซ้าซ้อนหลายข้ันตอน ทาให้เกิดความสูญเสียได้เช่นกัน เกิดปัญหาในเรื่อง
ของต้นทุนท่ีไม่จาเป็นในการทางาน และส่งผลให้การทางานล่าช้าออกไป ปรับปรุงโดยการใช้
หลักการ 5 W 1 H ในกระบวนการผลิต ได้แก่ What ทาอะไร When ทาเม่ือไร Where ทาที่ไหน
Who ใครเปน็ ผ้ทู า How ทาอย่างไร และ Why ทาไม เพือ่ วเิ คราะหก์ ารทางานและบรหิ ารจดั การ

(6) ความสูญเสียเนื่องจากการรอคอย (Delay) เกิดจากการหยุดทางานของเครื่องจักร
หรือพนักงาน ส่งผลต่อการผลิต ทาให้เกดิ การรอคอยบางปัจจัยที่จาเป็นต่อการผลิต ปัญหาท่ีเกิดขึ้น
คือ ต้นทุนที่สูญเปล่าของแรงงาน เคร่ืองจักร ซึ่งไม่ก่อให้เกิดมูลค่าเพิ่ม เกิดต้นทุนค่าเสียโอกาส
การปรับปรุงโดยการจัดลาดับการผลิตให้ดี และจัดสรรปริมาณแรงงานให้มีความสมดุลในการผลิต
มแี รงงานเพยี งพอที่จะทดแทนหากเกิดการหยุดการทางานของแรงงานบางส่วน รวมถึงฝึกทักษะการ
ทางานให้กบั แรงงาน เพือ่ รองรบั การทางานทดแทน

(7) ความสูญเสียเน่ืองจากการผลิตของเสีย (Defect) ปัญหาจากการผลิตของเสีย
ทาให้สิน้ เปลืองการผลิต เพราะตอ้ งผลิตใหม่หรือกาจัดท้ิงไปโดยเปล่าประโยชน์ ทั้งยงั เกดิ การซ้าซอ้ น
ในการทางาน เกิดต้นทุนค่าเสียโอกาส ปรับปรุงโดยการปรับปรุงมาตรฐานการผลิตให้ดีขึ้น เพ่ือลด
อตั ราของเสียให้ลดลง พฒั นาวิธีการทางานของพนักงาน เพ่ือป้องกันการผลิตของเสีย

8.9 อตุ สาหกรรมสีเขยี ว (Green Industry)
ประเทศไทยมุ่งสกู่ ารพฒั นาทยี่ งั่ ยนื (Sustainable Development) ตามที่ได้ใหส้ ตั ยาบนั รบั รอง

ปฏิญญา โจฮนั เนสเบิร์กว่าดว้ ยการพฒั นาอันย่ังยืน (Johannesburg Declaration on Sustainable
Development – JDSD) เม่อื ปี พ.ศ. 2545 และปฏิญญามะนลิ าว่าด้วยอุตสาหกรรมสีเขียว (Manila
Declaration) เม่ือปี พ.ศ. 2552 รวมถึงได้ รับรองความตกลงปารีส (Paris Agreement) ในการ
ประชุม COP 21 ณ กรุงปารีส สาธารณรัฐฝรั่งเศส เมื่อปี พ.ศ. 2558 ซ่ึงเป็นตราสารกฎหมาย

198 การจัดการการจัดหาและการจดั ซือ้

ทร่ี ับรองภายใต้กรอบอนุสญั ญา UNFCCC ฉบับล่าสุด โดยมีขอ้ ตกลงรว่ มกนั ในการ รักษาการเพ่ิมข้ึน
ของอุณหภูมิเฉล่ียโลก ให้ต่ากว่า 2 องศาเซลเซียส เมื่อเทียบกับระดับของอุณหภูมิเฉลี่ยก่อนยุค
อุตสาหกรรม และจะพยายามรักษาเป้าหมายการเพ่ิมขึ้นของอุณหภูมิ ไม่ให้เกิน 1.5 องศาเซลเซียส
เพ่ือลดความเส่ียง จากผลกระทบรุนแรงเน่ืองจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กระทรวง
อตุ สาหกรรม ซ่งึ เป็นหน่วยงานหลักในการพัฒนาเศรษฐกจิ ของประเทศไทยจงึ ไดก้ าหนด ยทุ ธศาสตร์
ในการพัฒนาอุตสาหกรรมเพื่อส่ิงแวดล้อมและสังคม โดยดาเนินการในเชิงรุกมุ่งเน้นในการส่งเสริม
และ พัฒนาภาคอุตสาหกรรมให้เติบโตและพัฒนาอย่างย่ังยืน การพัฒนาอุตสาหกรรมของประเทศ
ไทยในอดีตมุ่งเน้นการสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างย่ิงการพัฒนากลุ่ม
อุตสาหกรรมการผลิตทใี่ ชท้ รพั ยากรอย่างเตม็ ท่ี สังคมไทยยงั คงเผชญิ กับปญั หาต่าง ๆ จากการพฒั นา
อุตสาหกรรมอย่างต่อเน่ือง เช่น ความเส่ือมโทรมของ ทรัพยากรธรรมชาติ ปัญหาสิ่งแวดล้อม
ความเหล่ือมล้าทางสงั คม ปัญหาเหลา่ นี้สะท้อนให้เห็นถึงการพัฒนาประเทศอย่างไม่สมดุลอาจกล่าว
ได้ว่า การมุ่งเน้นการเตบิ โตของ ภาคอตุ สาหกรรมในเชิงเศรษฐกิจเพยี งมิตเิ ดยี ว ไม่สามารถก่อให้เกิด
การพัฒนาอย่างยัง่ ยืนไดจ้ งึ จาเป็นที่จะต้องสรา้ ง ความสมดุลให้เกิดขนึ้

การดาเนินโครงการอุตสาหกรรมสีเขียวของกระทรวงอุตสาหกรรมจะมีหลายหน่วยงานร่วมมือ
กันประกอบด้วย สานักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม (สปอ.) กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.)
กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) กรมอุตสาหกรรมพ้ืนฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) สานักงาน
มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) สานักงานรับรองมาตรฐานไอเอสโอ (สรอ.) การนิคม
อุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ซ่ึงการ
ดาเนนิ งานโครงการต่างๆ สามารถเทียบได้กับระดับของอตุ สาหกรรมสเี ขยี ว สรปุ ไดด้ ังน้ี

ระดับท่ี 1 ความมุ่งมั่นสีเขียว (Green Commitment) คือ การแสดงความมุ่งมั่นใน
รูปแบบของนโยบาย เป้าหมายและแผนงานที่จะลดผลกระทบต่อส่ิงแวดล้อม และมีการสื่อสาร
ภายในองคก์ รให้ทราบโดยทัว่ กนั

ระดับท่ี 2 ปฏิบัติการสีเขียว (Green Activity) คือ การดาเนินกิจกรรมตามนโยบาย
เป้าหมายและแผนงานท่ีกาหนดเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นรูปธรรมและสาเร็จตาม
ความมงุ่ มัน่ ทต่ี ง้ั ไว้

ระดับท่ี 3 ระบบสีเขียว (Green System) คือ การบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างเป็น
ระบบ มีการติดตาม ประเมินผลและทบทวนเพ่ือการพัฒนาอย่างต่อเน่ืองหรือการได้รับรางวัลด้าน

บทท่ี 8 ระบบทนั เวลาพอดีเพ่ือประสทิ ธภิ าพในงานจัดซื้อจดั หา 199

สิ่งแวดล้อมอันเป็นท่ียอมรับ หรอื ได้รับการรับรองมาตรฐานท่เี ก่ียวขอ้ งกบั การอนุรักษ์ทรัพยากรและ
สง่ิ แวดลอ้ มต่าง ๆ

ระดับที่ 4 วัฒนธรรมสีเขียว (Green Culture) คือ การท่ีทุกคนในองค์กรมีจิตสานึก
ร่วมกันในการสงวนและรักษาไว้ซึ่งส่ิงแวดล้อมที่ดีและให้ความร่วมมือร่วมใจในทุกด้านของ
การประกอบกิจการให้เป็นมิตรกับส่ิงแวดล้อมและดาเนินการต่างๆจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของ
วัฒนธรรมองค์กร

ระดับที่ 5 เครือข่ายสีเขียว (Green Network) คือ การขยายขอบเขตของการเป็น
อุตสาหกรรมสีเขียวจากภายในองค์กรเองออกสู่ภายนอก ตลอดโซ่อุปทาน ( Supply Chain)
โดยสนับสนุนให้คูค่ ้าและพันธมิตรเป็นอตุ สาหกรรมสเี ขียวด้วย

ภาพที่ 8.2 ระดับการพฒั นา 5 ขัน้ สอู่ ตุ สาหกรรมสเี ขียว
ทมี่ า: (กรมโรงงานอตุ สาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม, 2563)
8.10 กิจกรรม 6 ส. สะสาง สะดวก สะอาด สุขลกั ษณะ สร้างนิสยั สรา้ งเสรมิ ลกั ษณะนิสยั ทดี่ ี

(กรมพัฒนาธรุ กิจการค้า. 2557) กจิ กรรม 6 ส. หมายถึง กจิ กรรมสรา้ งความเปน็ ระเบียบ
ของสถานท่ีทางาน เป็นหลักการเบ้ืองต้นของการปรับปรงุ สภาพการทางาน และเป็นกิจกรรมพน้ื ฐาน
ท่นี าไปสู่การประกันคณุ ภาพขององคก์ ร ความปลอดภยั การส่งมอบตรงเวลา การสร้างผลกาไร และ
การสร้างขวญั กาลงั ใจใหก้ ับพนกั งานในองค์ ซ่ึงกระบวนการของ 6 ส. ประกอบไปดว้ ย

200 การจัดการการจัดหาและการจดั ซ้อื

8.10.1 สะสาง (Seiri) คือ การแยกของที่ต้องการออกจากของที่ไม่ต้องการใช้ และหา
แนวทางขจัดของทไี่ ม่ต้องการออกไปอย่างเหมาะสม โดยมขี ้นั ตอนปฏิบัตดิ งั ตอ่ ไปน้ี

การสะสาง ---> สารวจ ---> คดั แยก --> จัดเกบ็ ในทท่ี างาน --> จัดเกบ็ ในทีส่ งวนรักษา
--> จัดเกบ็ ทาลาย --> จัดการขาย

ส. 1 สะสาง การสะสางทาให้เกดิ ประโยชนด์ ังนี้
1) พ้นื ทท่ี างานเพ่ิมขน้ึ เมื่อกาจัดสงิ่ ที่ไมต่ ้องการใชง้ านออกไป
2) ลดความสูญเสียและสิ้นเปลืองวัสดุหรือวัตถุดิบ เพราะการสะสางทาให้ทราบ

ปริมาณวัสดุหรือวัตถุดิบที่มีอยู่จริง ทาให้นามาใช้อย่างคุ้มค่า หรือได้ใช้ก่อน
หมดอายุ
3) ลดเวลาการทางาน เพราะการสะสางนาไปสู่การจัดระเบียบและการจัดวาง
อยา่ งถกู ที่
4) ลดอุบตั เิ หตทุ ่ีเกิดขึ้นจากความคับแคบของพนื้ ที่ จากการค้นหาสงิ่ ของ จากการ
วางอุปกรณ์ไม่เหมาะสมหรือจากการลดปริมาณสินค้าและวัตถุดิบคงคลัง
ไมต่ อ้ งจัดหางบประมาณสร้างคลงั สินค้าเพิม่ ขนึ้ เรอ่ื ยๆ
8.10.2 สะดวก (Seiton) คือ การจัดวางอุปกรณ์และส่ิงต่างๆ ที่จาเป็นในการใช้งานอย่าง
เป็นระเบียบมคี วามสะดวกเมอื่ ตอ้ งการใช้ มีขนั้ ตอนปฏบิ ตั ดิ ังน้ี
การทาให้สะดวก --> จัดเกบ็ ให้ถกู ท่ี --> มปี า้ ยชื่อชดั เจน --> ตั้งเกณฑ์การใช้
--> หยบิ ไปตอ้ งบอก --> ตรวจสอบถกู ตอ้ ง
ส. 2 สะดวก การจัดวางอุปกรณ์สิ่งของและเคร่ืองใช้อย่างเป็นระเบียบทาให้เกิด
ประโยชน์ดงั นี้
1) ลดเวลาการทางาน เพราะมีความสะดวก
2) เพ่ิมประสิทธิภาพการทางาน เพราะสามารถตรวจสอบอุปกรณ์เครื่องมือ
เครื่องใชใ้ ห้มคี วามพร้อมใชง้ าน
3) ความเป็นระเบียบเรียบร้อยสร้างความสวยงามสบายตา สบายใจ มีผลต่อขวัญ
กาลังใจในการทางาน
4) ความสะดวกชว่ ยลดอุบตั เิ หตุ
5) ลดความส้ินเปลืองจากการหาของไม่พบหรือของหาย เพราะความสะดวกทาให้
ทราบไดท้ นั ทเี่ มอื่ ของหาย

บทที่ 8 ระบบทนั เวลาพอดีเพ่ือประสทิ ธภิ าพในงานจัดซือ้ จดั หา 201

8.10.3 สะอาด (Seiso) คือ การดูแลรักษาสถานที่ทางาน เคร่ืองมืออุปกรณ์ ให้มีความ
สะอาดอุปกรณ์เคร่ืองใช้เคร่ืองจักร จัดว่าเป็นส่วนหนึ่งของการบารุงรักษาด้วย โดยมีข้ันตอนปฏิบัติ
ดงั นี้

การทาความสะอาด --> ปดั กวาด เชด็ ถู --> สถานท่ีทางาน โต๊ะทางาน--> การดแู ลตรววจสอบ
--> เคร่ืองใชเ้ ครอ่ื งจกั ร--> สร้างสรรค์ เพ่มิ เติม --> สภาพแวดลอ้ มภายในและภายนอกสวยงาม

ส. 3 สะอาด การดูแลรักษาความสะอาดสถานท่ีทางาน เครื่องมือ เครื่องใช้
อุปกรณ์ และเครอื่ งจกั ร ทาใหเ้ กิดประโยชน์ดงั นี้

1) ภาพพจนท์ ดี่ ขี ององคก์ ร หน่วยงาน และบคุ ลากรเจา้ ของสถานท่ีนั้น และยัง
เกดิ ความประทบั ใจให้กับลูกคา้ ท่มี าตดิ ต่องาน

2) ความเช่อื มัน่ ของลกู คา้ เมื่อเห็นสถานที่ทางานมคี วามสะอาดและเปน็ ระเบียบ
3) ลดความสูญเสียของเคร่อื งจักร เพราะการทาความสะอาดเครอ่ื งจักร คอื ส่วน

หน่งึ ของการบารุงรักษาและยงั ได้พบขอ้ บกพร่องหรือส่วนที่จาเปน็ ต้องซ่อม
ต้องเปล่ยี นอะไหล่
4) สร้างความสุขกายสบายใจให้กบั พนักงานและลูกค้า
5) ทาใหอ้ งคก์ รเข้าสู่มาตรฐานของกระทรวงอตุ สาหกรรม
8.10.4 สุขลกั ษณะ (seiketsu) คือ การดูแลรกั ษาสถานท่ีทางานใหม้ ีความปลอดภยั มกี าร
ระบายอากาศที่ดี มีแสงสว่างเพียงพอ ปราศจากเสียงและกลิ่นที่รบกวนสมาธิการทางาน ปัจจุบัน
ยังรวมถึงสภาพแวดล้อมทั้งภายในและภายนอกสถานท่ีทางานซึ่งมีมาตรฐานของกระทรวง
อตุ สาหกรรมบงั คบั อยู่
ส. 4 สุขลักษณะ จากการดาเนินกิจกรรมสะสาง สะดวก และสะอาดแล้วยังต้อง
เพิ่มดา้ นการกาจดั เสียงและกล่ินทร่ี บกวนการทางานดว้ ย ทาใหส้ ถานทที่ างาน มีสงิ่ ตอ่ ไปน้ี
1) มีความพร้อมกบั การทางาน
2) มคี วามสขุ กับการทางาน
3) มคี วามปลอดภัยในการทางาน
4) มีความร่วมมือร่วมใจในการทางาน เพราะกิจกรรม 5 ส. เป็นกิจกรรม

กลุ่มคุณภาพ
8.10.5 สรา้ งนิสยั (shitsuke) คือ การปฏบิ ัติกิจกรรม 4 ส. ขา้ งต้นอย่างตอ่ เนื่องและ ยัง
ตอ้ งรักษาระเบียบวนิ ัยขององค์กรอยา่ งเคร่งครัดดว้ ย

202 การจดั การการจดั หาและการจดั ซอ้ื

ส. 5 สร้างนิสัย การดาเนินกิจกรรม 4 ส. อย่างต่อเนื่องจนเป็นนิสัยพร้อมกับ
การรกั ษาระเบียบวนิ ัยขององคก์ ร ทาให้เกิดคณุ ภาพต่อไปนี้

1) คุณภาพระดับบุคคล พนักงานได้รับการยอมรับจากหน่ายงานองค์กรและ
ลกู ค้า ทาใหพ้ นักงานมีความภาคภมู ใิ จและเห็นคุณค่าของตัวเองและสามารถ
พฒั นาตัวเองตอ่ ไป

2) คุณภาพระดับองค์กร หน่วยงานและองค์กรได้รับการยอมรับจากลูกค้า
หุน้ ส่วน ผู้ถอื หุ้น เป็นโอกาสใหอ้ งค์กรสามารถขยายงานได้ตอ่ ไปในอนาคต

3) คุณภาพระดับประเทศ นานาชาติจะยอมรับและมีความน่าเชื่อถือระบบ
การบริหารของคนไทย ประสิทธิภาพของคนไทย ทาให้ตัดสินใจมาลงทุน
รว่ มกบั คนไทย

8.10.6 สร้างเสรมิ ลกั ษณะนิสยั ทด่ี ี (Sahou)
การมีสามัญสานึกทั่วไปที่คนพึงมีปฏิบัติจนเป็นนิสัย เช่น การทักทาย การมีน้าใจ

ตอ่ กนั การมีความเห็นอกเห็นใจผู้อนื่ ช่วยให้พนักงานมีการทางานร่วมกันอยา่ งเป็นทีมมากขนึ้ ทาให้
การทางานมีประสิทธิภาพสูงมากขึ้น เพราะปัจจุบันบริษัทไม่ได้พัฒนาแค่สถานที่ทางานหรือ
สภาพแวดล้อมภายนอกอีกต่อไป แต่การให้ความสาคัญและการยกระดับจิตใจของพนักงาน ก็คือ
อกี หน่ึงตัวช่วยปรับปรุงสภาพแวดล้อมภายในให้กับการทางาน ซึ่งการมีสามัญสานุกที่ดี คือหลักการ
ใหมล่ ่าสุดทเ่ี พม่ิ ข้นึ มาจาก 5 ส กลายเปน็ 6 ส ที่ตอบโจทย์การทางานในปจั จบุ ัน

นโยบาย 6 ส เป็นแนวคิดที่เกิดข้ึน เสริมสร้างประสิทธิภาพในการทางานและ
การเพิ่มผลผลิตให้สูงขึ้น โดยมุ่งพัฒนาจากเร่ืองพื้นฐานอย่างการสร้างสภาพแวดล้อมในสถานท่ี
ทางานและสร้างสุขภาพทั้งกายและใจของพนักงานให้แข็งแกร่ง มีความสุข ลดการเกิดอุบัติเหตุและ
โรคภยั ไขเ้ จบ็ รวมถงึ ความสะดวกสบายในการทางาน ทา่ มกลางสภาพแวดล้อมทด่ี ี

การนาหลักกการ 6 ส ไปปฏิบัติในองค์กร หน่วยงาน หรือแม้แต่ในโรงงาน โกดัง
หรือคลงั สนิ คา้ อยา่ งเคร่งครัด จริงจงั และต่อเน่ือง จะทาให้สถานที่ทางานมีความสะอาดขน้ึ หยบิ ของ
หรือสินค้า หาได้ง่ายมากขึ้น เกิดความเป็นระเบียบเรียบร้อย ส่งผลดีต่อสภาพจิตใจของผู้ปฏิบัติงาน
ทาให้ผลงานและผลผลติ ที่องคก์ รตอ้ งการดยี ิง่ ขึน้

การนาระบบ 6 ส มาปฏิบัติ ไม่ว่าจะเป็นในองค์กร หรือ 6 ส มาประยุกต์ใช้ใน
โรงงานอุตสาหกรรมน้นั ตา่ งก็มสี ว่ นช่วยสร้างนิสัยทด่ี ีใหก้ ับบุคลกร อีกทัง้ ยงั สะดวก รวดร็ว ประหยัด
ค่าใช้จา่ ยในการดาเนินงานอกี ด้วย

บทที่ 8 ระบบทันเวลาพอดีเพื่อประสทิ ธิภาพในงานจัดซื้อจดั หา 203

8.11 เทคนคิ การทางานท่เี หมาะสมตอ่ บุคลากร (Competency)
(กระทรวงอุตสาหกรรม. 2559) ความของหมายของ Competency ออกเปน็ 2 กลุ่มคือ
กลุ่มที่ 1 หมายถึง บุคลิกลักษณะของคนท่ีสะท้อนให้เห็นถึงความรู้ (Knowledge) ทักษะ

(Skill) ทัศนคติ (Attitude) ความเชอ่ื (Belief) และอุปนิสัย (Trait)
กลุ่มท่ี 2 หมายถึง กลุ่มของความรู้ (Knowledge) ทกั ษะ (Skill) และคุณลักษณะของบุคคล

(Attributes) หรอื เรียกกันว่า KSAs ซึ่งสะท้อนให้เหน็ จากพฤตกิ รรมในการทางานท่ีแสดงออกมาของ
แต่ละบุคคลท่ีสามารถวัดและสังเกตเห็นได้ เป็นท่ีน่าสังเกตว่า บริษัทไม่พบคาว่า Competency
ตามข้อกาหนดมาตรฐานต่างๆ แต่บริษัทจะพบคาใกล้เคียงกันก็คือ Competence ก็อย่าได้แปลกใจ
เพราะวา่ ท้งั 2 คามีความหมายทีค่ ลา้ ยกัน

Competency นน้ั มีต้นแบบมาจากประเทศสหรฐั อเมริกา ซ่ึงจะมุ่งเน้นไปทผี่ ลงานเป็นหลัก
โดยยึดว่าเป็นหลักเฉพาะตัวของพนักงานต้นแบบที่องค์กรพยายามค้นหาและนาไปขยายผลต่อกับ
พนักงานอ่ืนๆ แต่ Competence มาจากอังกฤษ ซ่ึงจะมุ่งเน้นไปที่การสร้างมาตรฐานของงานโดย
ยึดถือลักษณะงานหรือตาแหน่งท่ีมาจากพนักงานตามความสมารถในงานท่ีควรพึงจะมี ดังนั้น
Competency ของคนเกิดได้จาก 3 ทางคือ 1) เป็นพรสวรรค์ท่ีติดตัวมาต้ังแต่เกิด 2) เกิดจาก
ประสบการณ์การทางาน 3) เกิดจากการศกึ ษาอบรม

8.11.1 ประเภทของ Competency แบง่ ออกเปน็ 3 ประเภทคอื
1) Core Competency หมายถึง ลักษณะของคนท่ีสะท้อนให้เห็นถึงความรู้ ทักษะ

ทัศนคติ ความเชอ่ื และอุปนิสัยของคนทีจ่ ะช่วยสนบั สนนุ ใหอ้ งค์กรบรรลุเปา้ หมายตามวสิ ัยทศั น์ได้
2) Job Competency หมายถึง บุคลิกลักษณะของคนที่สะท้อนให้เห็นถึงความรู้

ทักษะ ทัศนคติ ความเช่ือ และอุปนิสัย ที่จะช่วยส่งเสริมให้คนๆ น้ัน สามารถสร้างผลงานในการ
ปฏิบัติงานตาแหน่งน้นั ๆ ไดส้ ูงกวา่ มาตรฐาน

3) Personal Competency หมายถึง บุคลิกลักษณะของคนที่สะท้อนให้เห็นถึง
ความรู้ ทักษะ ทัศนคติ ความเชื่อ และอุปนิสัย ที่ทาให้บุคคลน้ันมีความสามารถในการทาส่ิงใดส่ิง
หน่ึงได้โดดเด่นกว่าคนท่ัวไป เช่น พวกท่ีสามารถอาศัยอยู่กับแมลงป่องหรืออสรพิษได้ เป็นต้น ซ่ึง
บริษทั มกั จะเรียก Personal Competency วา่ “ความสามารถพเิ ศษสว่ นบคุ คล” (หา้ มเลยี นแบบ)

8.11.2 ประโยชน์ Competency มดี งั นี้
(1) ช่วยสนบั สนนุ วิสยั ทัศน์ ภารกจิ และกลยทุ ธข์ ององค์กร
(2) ใช้เปน็ กรอบในการสรา้ งวฒั นธรรมองค์กร

204 การจัดการการจดั หาและการจัดซอื้

(3) เป็นเครื่องมอื ในการบรหิ ารด้านทรพั ยากรมนุษย์
(3.1) ใช้ในการคัดเลือกบุคคลเข้าทางาน
(3.2) ใช้ในการฝกึ อบรม
(3.3) ใช้ในการเล่อื นระดับปรบั ตาแหน่งงาน
(3.4) ใชใ้ นการโยกยา้ ยตาแหน่งงาน
(3.5) ใช้ในการประเมินผลการปฏบิ ัติงาน
(3.6) ใช้ในการบริหารผลตอบแทน

ดังนน้ั สรุปไดว้ า่ Competency จะต้องมีลักษณะทีป่ ระกอบเขา้ ดว้ ยกนั 3 ประการ คอื
1) Competency จะต้องประกอบด้วย 2 ส่วนอันไดแ้ ก่

ส่วนที่ 1 คือส่วนท่ีบริษัทมองเหน็ คือ ทักษะ (Skill) และความรู้ (Knowledge)
ส่วนท่ี 2 คอื ส่วนทซ่ี ่อนเร้นคือ พฤติกรรม (Behavior) ท่ีสะท้อนมาจากคา่ นิยม (Value)
อุปนิสยั (Trait) ทศั นคติ (Attitude) และแรงขบั (Drive)
2) Competency ต้องแสดงใหเ้ หน็ ถึงผลงาน (Outcome)
3) ผลงานนัน้ ตอ้ สามารถวัดคา่ ได้ (Measurable) ทว่ั ไป แต่โดยทัว่ ไปจะคุน้ เคยกบั คาว่า
KPI (Key Performance Indicator)

8.12 การประกนั คณุ ภาพโดยใช้ Six Sigma ในอตุ สาหกรรมโลจสิ ตกิ ส์
การประกันคุณภาพโดยใช้ Six Sigma เป็นกลยุทธ์ที่สามารถนามาใช้ปรับปรุงและพัฒนา

กระบวนการในทุกระดับ จนถึงระดับปฏิบัติการที่จะต้องมีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า การประสาน
กระบวนการในการปรับปรงุ และพัฒนาด้วยเคร่ืองมอื Six Sigma น้ี ถึงแม้จะมีเทคนคิ ทางสถติ ิเข้ามา
เก่ียวข้องอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ยากต่อการนามาใช้เพ่ือช่วยให้องค์กรได้รับผลประโยชน์เพ่ิมพูนขึ้นอย่าง
คุ้มค่า ซ่ึงสามารถจะเรยี กไดว้ ่าเปน็ “คาตอบทยี่ อดเยี่ยม (Smarter Solutions)” สาหรับทุกคนและ
ทุกองค์กร และนี่เองท่ีได้กลายเป็นเคร่ืองหมายบริการ “Smarter Six Sigma Solutions (S4)”
ที่มไี วเ้ พื่อใชใ้ นการใหบ้ ริการแกอ่ งคก์ รทัว่ โลก

8.12.1 ความเปน็ มาของ Six Sigma
(ณัฏฐพันธ์ เขจรนันทน์, 2561) Six Sigma ถูกพัฒนาขึ้นมาในช่วงทศวรรษท่ี 1980

โดยบริษัท Motorola หลายบริษัทได้นา Six Sigma มาใช้เป็นแผนกลยุทธ์ของกิจการและประสบ
ความสาเร็จกันมากมาย เริ่มจาก General Electric (GE), AlliedSignal และ Sony รวมถึงบริษัท
Motorola เอง

บทที่ 8 ระบบทันเวลาพอดีเพือ่ ประสิทธภิ าพในงานจดั ซ้ือจดั หา 205

หลังจากนั้น Six Sigma ก็ถูกเผยแพร่ไปยังบริษัทต่างๆ โดยได้เข้าไปมีบทบาทในการ
เปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมองค์กร และพัฒนาแนวคิดของการบริหารคุณภาพขึ้นใหม่จากระดับล่างสู่
ระดบั บนทวั่ ทั้งองค์กร

8.12.2 Six Sigma ในอตุ สาหกรรมของโลกปจั จุบัน
บริษัท Motorola คือ สถานที่เกิดของ Six Sigma รองประธานอาวุโสฝ่ายการศึกษา

และฝึกอบรม (Bill Wiggenhorn) ของบริษัท และเป็นอธิการบดีของมหาวิทยาลัย Motorola
คนปัจจบุ ัน ได้เล่าไวว้ ่า ผ้ใู ห้กาเนิด Six Sigma ก็คือ Bill Smith ผู้ซ่งึ เป็นนักวิทยาศาสตร์และวิศวกร
อาวุโสในกิจการสายโทรคมนาคมของบริษัท Bill ไดป้ ระยุกต์สูตรและวิธีการทางสถิติ เพ่ือกล่ันกรอง
เปน็ วิธีการของ Six Sigma โดยนาแนวคดิ ไปเสนอ Bob Galvin ซ่งึ เป็น CEO ในขณะน้ัน

(GE : General Electric Jack Welch 1997 ) ซึ่งเป็น CEO ของบริษัทได้กล่าวเอาไว้ว่า
“Six Sigma เป็นโครงการที่ให้ผลตอบแทนเป็นมูลค่ามหาศาลท่ีสุดเท่าที่บริษัทเคยทามาก่อนใน
บริษัท”จากผลประกอบการปี 1997 ของ GE พบว่า Six Sigma สามารถทาให้ผลกาไรจากการ
ดาเนินงานเพิ่มสูงขึ้นจากเดิมเป็นมูลค่าถึง 300 ล้านดอลลาร์ และในปี 1998 ก็ได้ขยับข้ึนเป็น 750
ลา้ นดอลลาร์

ตัวอย่างบริษัทในเคร่ือง GE ท่ีได้นา Six Sigma เข้ามาช่วยในการเพ่ิมประสิทธิภาพและ
ประสทิ ธผิ ลของกิจการ ดังนี้

1) บริษัท Medical System นา Six Sigma มาช่วยยืดอายุการใช้งานของหลอดรังสีของ
เครอ่ื งเอกซเรย์ 10 เท่า ทาใหเ้ พม่ิ ผลกาไรให้กับบรษิ ทั เปน็ อันมาก และยังชว่ ยให้รักษาคนไขม้ ากขึ้น

2) ธุรกิจเกี่ยวกับเพชร ทาให้ผลผลิตเพิ่มข้ึน 4 เท่า ทาให้ผลประกอบการของกิจการสูงสุด
ในรอบทศวรรษ

3) ธุรกิจลีสซ่ิงรถรางเล่ือน ช่วยลดรอบเวลาในการซ่อมแซมเครื่องจักรลงได้ 62 เปอร์เซ็นต์
ทาให้เพ่ิมประสิทธิผลในการผลิตมากกว่าเดิม 2-3 เท่า ขั้นต่อไป บริษัทจะให้ทีมงาน Black Belts,
Green Belts และทมี งานอ่นื ๆ ไดช้ ว่ ยกันปรบั ปรุงกระบวนการอีก เพื่อช่วยลดระยะเวลาลงอีก 50%

4) ธุรกจิ พลาสติก สามารถผลติ ไดเ้ พม่ิ ขึ้น 300 ล้านปอนดต์ ่อปี ซ่ึงเทา่ กับได้โรงงานฟรีมาอีก
1 โรงงาน ช่วยให้ลดค่าใช้จ่ายในการลงทุนไปอีก 400 ล้านดอลลาร์ และคาดว่าในปี 2000 จะ
ประหยดั ได้อีก 400 ล้านดอลลาร์

206 การจัดการการจดั หาและการจัดซอื้

สรปุ

ระบบทันเวลาพอดีเพื่อประสิทธิภาพในงานจัดซ้ือจัดหา อาจเรียกได้หลายชอื่ เช่น ระบบสินค้า
คงคลังเท่ากับศูนย์ (Zero Inventory) หรือ ระบบการผลิตท่ีไม่มีสินค้าคงคลัง (Stockless
Production) หรือ ระบบสั่งวัสดุเมือ่ ต้องการ (Material as needed) โดยส่วนใหญใ่ ชใ้ นกระบวนการ
ผลิต เช่น โรงงานผลิตรถยนต์ ระบบการผลิตแบบทันเวลาพอดี เป็นระบบการส่งมอบวัตถุดิบ สินค้า
หรือบรกิ าร มาถงึ ผู้ใช้หรือลูกค้าในเวลาท่ตี ้องการ และจานวนทตี่ อ้ งการใชเ้ ท่านน้ั

เทคนิคท่ีใช้ร่วมกับระบบทันเวลาพอดีเพ่ือประสิทธิภาพในงานจัดซื้อจัดหา ประกอบไปด้วย
1) ระบบคัมบัง เป็นส่วนผสมของระบบ JIT ที่ได้รับการพัฒนาข้ึนมาเพื่อช่วยให้การทางานมีการ
ประสานงานท่ีดีและมีประสิทธิภาพ 2) ระบบ Muri Mura Muda คือ การลดต้นทุน การสร้างกาไร
องค์กรท่ีสามารถลดต้นทุนได้ อย่างมีประสิทธิภาพ ก็จะมีความสามารถในการทากาไรได้มากขึ้น
3) ระบบไคเซ็น คือ กลยุทธก์ ารบริหารงานแบบญ่ปี ่นุ (Kaizen) เป็นภาษาญปี่ ุ่น แปลวา่ การปรับปรุง
(Improvement) เป็นแนวคิดที่ทาใช้ในการบริหารการจัดการมีประสิทธิผล โดยมุ่งปรับปรุงวิธีการ
ส่วนรว่ มของพนกั งานทุกคน 4) ระบบลีน คือ การปรบั การทางานในโรงงานให้มีประสิทธิภาพมากข้ึน
ดว้ ยการลดส่ิงท่ีไมเ่ กิดมูลคา่ หรือ Waste โดยแนวคิดของการลีนไดถ้ ูกนามาใช้ในกระบวนการผลิตใน
โรงงานอุตสาหกรรมเพ่ือลดเช่นกัน แต่เป็นการลด “ความสูญเปล่า” 5) อุตสาหกรรมสีเขียว
มี 5 ระดับ คือ ระดับท่ี 1 ความมุ่งมั่นสีเขียว (Green Commitment) ระดับที่ 2 ปฏิบัติการสีเขียว
(Green Activity) ระดับที่ 3 ระบบสีเขียว (Green System) ระดับที่ 4 วัฒนธรรมสีเขียว (Green
Culture) ระดับท่ี 5 เครือข่ายสีเขียว (Green Network) 6) กิจกรรม 6 ส เป็นเทคนิคที่ทุกคน
สามารถเข้าใจแนวทางการปฏิบัติได้ง่าย อุปกรณ์ท่ีใช้มีเพียงเคร่ืองมือทาความสะอาด ซ่ึงใช้
งบประมาณต่า ผู้ทา 6 ส ได้เรียนรู้การทางานเป็นทีมเป็นกิจกรรมที่ปฏิบัติเป็นกลุ่มพื้นที่ ซึ่งมีส่วน
สนับสนุนเรื่องการทางานเป็นทีม สมาชิกในพ้ืนที่ได้ร่วมกันวางแผน และลงมือปรับปรุงพื้นที่
ปฏิบัติงานของตนเอง และกลุ่มกิจกรรม 6 ส ยังช่วยเสริมสร้างทักษะการเป็นผู้นาให้แก่หัวหน้าพื้นที่
อีกด้วยและเทคนคิ 7) Competency คอื สมรรถนะ ความรู้ ทักษะ และพฤติกรรม ทีพ่ นักงานแสดง
ออกมา เพื่อให้งานที่ทาน้ันประสบความสาเร็จ 8) การประกันคุณภาพโดยใช้ Six Sigma ใน
อุตสาหกรรมโลจิสติกส์

บทท่ี 8 ระบบทันเวลาพอดีเพอ่ื ประสิทธิภาพในงานจัดซอ้ื จดั หา 207

คาถามทา้ ยบทท่ี 8

1. ให้นกั ศึกษาอธบิ ายความหมายของระบบการผลิตแบบทันเวลาพอดี
2. วัตถปุ ระสงคข์ องระบบทนั เวลาพอดเี ปน็ อย่างไร และยกตัวอย่างธรุ กจิ ทใี่ ชร้ ะบบ JIT
3. ให้นกั ศกึ ษาอธบิ ายระบบคัมบงั (Kanban System) มาพอเข้าใจ
4. ใหน้ กั ศึกษาสามารถอธิบายความหมายของ MUDA, MURA และ MURI
5. ให้นกั ศกึ ษาอธิบายความหมายของ ระบบไคเซ็น มาพอเขา้ ใจ
6. หลกั การของระบบลนี สาหรบั กาจัดสิ่งทสี่ ญู เปลา่ เปน็ อย่างไร
7. ระดับของอุตสาหกรรมสเี ขียว มกี ่รี ะดับ อะไรบ้าง อธบิ ายมาพอเขา้ ใจ
8. ใหน้ ักศึกษาอธิบายกิจกรรม 6 ส วา่ เปน็ อยา่ งไร
9. ให้นกั ศึกษาอธิบายความหมายของคาวา่ “Competency”
10. ประโยชน์ของ Competency มีอยา่ งไรบา้ ง

208 การจัดการการจัดหาและการจัดซื้อ

เอกสารอา้ งอิง

กตัญญู หิรญั ญสมบูรณ์.(2559) การบริหารอตุ สาหกรรม. เทก็ ซ์ แอนด์ เจอรน์ ัล พบั ลิเคช่ัน จากดั .
กรุงเทพฯ

กรมโรงงานอุตสาหกรรม (2563) Green Industry กระทรวงอุตสาหกรรม กรงุ เทพฯ
ชุติภา โอภาสานนท์. (2560).ก้าวสู่ความเป็นผู้ประกอบการ. กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวง

อุตสาหกรรม. กรงุ เทพมหานคร: วันทนีย์ ภูมภิ ทั ราคม และคณะ.
ชยั ยนต์ ชโิ นกุล, (2559) การจดั การโซ่อปุ ทานและโลจิสติกส์ พมิ พ์คร้ังที่ 5 กรุงเทพฯ: ห้างหนุ้ ส่วน

จากดั วีเจ.พรนิ ตงิ้
ฐาปนา บญุ หล้า,FCILT,CMC, (2559) คู่มือการตรวจประเมนิ โลจสิ ติกส์ พิมพ์ครั้งท่ี 5 กรุงเทพฯ :

แอคทฟี พร้นิ จากดั
ฐาปนา บุญหล้า,FCILT,CMC, (2560) คู่มือสัมนาโลจิสติกส์และซัพพลายเชน พิมพ์ครั้งที่ 7

กรงุ เทพฯ : แอคทีฟ พร้นิ จากดั
ณรงค์วิทย์ แสนทอง “มารู้จัก Competency กันเถอะ”, (2560) กรุงเทพฯ: บริษัท เอช อาร์ เซ็น

เตอร์ จากดั ”
ณัฏฐพันธ์ เขจรนันทน์ และคณะแปล ,(2561) “คู่มือปฏิบัติ Six Sigma เพ่ือสร้างความเป็นเลิศใน

องคก์ าร”, พมิ พค์ รง้ั ที่ 5, กรุงเทพฯ: สานักพมิ พ์ Be Bright Books
ณัฐพล ชวลติ ชีวิน และปราโมทย์ ศภุ ปัญญา , (2560) “เทคนิคการวดั ผลงานสมัยใหม่”, พมิ พค์ รง้ั ที่

3, กรุงเทพฯ: สานกั พิมพ์อนิ ฟอร์มเี ดยี บคุ๊ ส์
เรอื งวิทย์ เกษสวุ รรณ, (2561) การจัดการคณุ ภาพ .ซเี อด็ ยูเคช่ัน จากัด (มหาชน)
วรภัทร์ ภู่เจริญ, กาญจนา สร้อยระย้า และธนกฤต จรัสรุ่งชวลิต (2561) “ชาแหละ Six Sigma”,

พิมพ์คร้งั ท่ี 4, กรงุ เทพฯ: บรษิ ัท อรยิ ชน จากัด,
สถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ, (2559). กลยทุ ธ์การจดั การโลจสิ ติกส์อย่างมคี ุณภาพ. กรุงเทพฯ
สถาบนั เพ่มิ ผลผลิตแห่งชาต.ิ (2559). รางวัลคุณภาพแห่งชาติ Thailand Quality Award: TQ4.

กรุงเทพฯ
เอกสารประกอบการอบรม,(2559). แกน่ แท้การบริหารคลงั สินคา้ . กรุงเทพฯ:
Mark, M. Davis, Nicholas, J. Aquilano, and Richard, B. Chase, (2017): Fundamentals of

Operations Management,

บทท่ี 9 การจัดการคุณภาพในงานจัดหาและจดั ซือ้ 209

บทท่ี 9

การเลอื กสรรผลติ ภัณฑท์ ีม่ คี ณุ ภาพ

ในกระบวนการผลิต อุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ จะมีการเปลี่ยนแปลงระดับคุณภาพ
อยู่ตลอดเวลาซ่ึงเป็นการเปลี่ยนแปลงโดยธรรมชาติ หากมีการเปลี่ยนแปลงที่มีสาเหตุเป็น
การเปลี่ยนแปลงที่ผิดปกติ จะได้รับการแก้ไข แผนภูมิควบคุมจะแสดงถึงขอบข่ายการเปล่ียนแปลง
โดยธรรมชาติ และแสดงใหท้ ราบถึงการเปล่ียนแปลงท่ีมสี าเหตุจาเพาะท่ีอาจจะเกดิ มีขนึ้ ได้

เราทุกคนต่างก็ต้องการความมีคุณภาพ (Quality) ในทุกๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นคุณภาพของ
สินค้า และบริการแต่ยังรวมไปถึงองค์กร สังคม หรือประเทศ ซ่ึงคุณภาพของส่ิงเหล่าน้ีจะทาให้เรา
มีคุณภาพชีวิตท่ีดีข้ึนอย่างต่อเน่ือง การให้ความสาคัญในเร่ืองของการบริหารคุณภาพยังช่วยกระตุ้น
ให้เกิดการแขง่ ขนั ในการพัฒนาคุณภาพ และศักยภาพในการแข่งขนั ของธุรกจิ ท้ังภายในและภายนอก
ประเทศอีกด้วย ดังจะเห็นได้จากการจัดให้มีการมอบรางวัลให้กับบริษัทหรือกลุ่มองค์กรทางด้าน
คุณภาพของสินค้า และบริการ ซึ่งรวมไปถึงคุณภาพของการผลิตและการดาเนินงานอย่างมีคุณภาพ
อาทิเช่น รางวัล Malcolm Baldrige National Quality Award (MBNQA) ซึ่งเป็นรางวัลท่ีจัดมอบ
ให้กับบริษทั หรอื องค์กรที่ประสบความสาเร็จทางด้านคณุ ภาพ เป็นต้น โดยเน้ือหาในบทนจี้ ะประกอบ
ไปด้วยความหมายของคุณภาพ การจัดการคุณภาพของสินค้าและบริการ ต้นทุนของคุณภาพของ
สนิ คา้ และบริการ รางวัลแห่งคุณภาพ เทคนคิ ในการคัดสรรผลิตภัณฑ์ทม่ี ีคณุ ภาพ และประโยชนข์ อง
การเลอื กสรรผลติ ภัณฑท์ ่ีมีคณุ ภาพ โดยมีรายละเอยี ดดงั ตอ่ ไปน้ี

9.1 ความหมายของคุณภาพ
จากการศึกษาความหมายของคุณภาพจากนักวิชาการ (Mark, M. Davis, Nicholas, J.

Aquilano, and Richard, B. Chase, Fundamentals of Operations Management, 2 0 1 7 )
การดาเนินงานที่มีคุณภาพไม่เพียงแต่จะช่วยให้องค์กรสามารถทางานได้ดีตามเป้าหมายท่ีต้องการ
เท่านั้นแต่ยังช่วยสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า และมีต้นทุนในการดาเนินงานที่ได้เปรียบคู่แข่ง
นักวิชาการไดใ้ หค้ วามหมายของคาวา่ “คุณภาพ” ดงั ต่อไปน้ี

210 การจดั การการจดั หาและการจัดซ้อื

(1) Walter A. Shewhart (ค.ศ. 1925) เปน็ ผูร้ เิ รม่ิ ใช้วิธีการทางสถิตใิ นการควบคมุ คณุ ภาพ
ท่ีเรียกว่า การควบคุมคุณภาพเชิงสถิติ (Statistical Quality Control) โดยใช้แผนภูมิควบคุม และ
การสมุ่ ตัวอยา่ ง เพ่อื การตรวจสอบผลิตภัณฑ์ ซ่ึงใช้ในการควบคมุ คุณภาพมาจนถงึ ทุกวันน้ี

(2) W. Edwards Deming (ค.ศ.1938) เป็นผู้บัญญัติหลักการบริหารคุณภาพ จงสร้าง
ปณิธานอันมุ่งมั่นแน่วแน่ในการปรับปรุงคุณภาพของสินค้าหรือบริการ ทั้งในระยะส้ันและระยะยาว
อย่างชัดเจน โดยผูกพันในเป้าหมายอย่างต่อเนื่องและจริงจังใน 4 เป้าหมายหลักคือ นวัตกรรม
(Innovation) การวิจัยและพัฒนา (Research and Development) การปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง
(Continuous Improvement) การบารุงรักษาเชิงป้องกัน (Preventive Maintenance) และ
ยอมรับปรัชญาใหม่ๆ ของการบริหารคุณภาพ โดยนาเอาวัฒนธรรมแห่งคุณภาพมาเป็นหลักการ
ประจาใจของพนักงานทุกคน โดยเปล่ียนแปลงจากการทางานตามที่ได้รับคาสั่งมาเป็นการดูแล
รับผิดชอบในผลงานของตนเอง

(3) Joseph M. Juran (ค.ศ. 1960) เป็นผู้ท่ีได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง
ความสาเร็จของอุตสาหกรรมญี่ปุ่น เขาได้เสนอแนวคิดเกี่ยวกับคุณภาพ หมายถึง ความเหมาะสมกับ
ประโยชน์ใช้สอยที่ผู้ใช้ผลิตภัณฑ์หรือผู้รับบริการต้องการ (fitness for Use) พนักงานควรเอาใจใส่
เสนองานท่ีมีคุณภาพต่อลูกค้าภายใน (Internal Customer) เท่ากับการเอาใจใส่ในระดับคุณภาพที่
ลูกค้าภายนอก (External Customer) ลูกค้าภายในคือ แผนกงานขั้นตอนต่อไปที่รับผลงานไปผลิต
ต่อ ดังนั้นถ้าพนักงานทุกคนพิถีพิถันให้งานมีคุณภาพดีในทุกข้ันตอน ทุกแผนกงานย่อมจะทาให้
ผลผลติ ทจ่ี ะออกไปสู่ลกู คา้ ภายนอกมคี วามสมบรู ณ์แบบ

(4) Phillip B. Crosby (ค.ศ. 1979) ในอดีตรองประธานกรรมการและกรรมการด้าน
คุณภาพของบริษัท ITT แห่งสหรัฐอเมริกา ได้เสนอแนวคิดเกี่ยวกับการบริหารคุณภาพเป็นเรื่องท่ี
ได้มาโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเลย (Quality is Free) เพราะคุณภาพการผลิตต่าจะทาให้สินค้าขาย
ไม่ได้ แต่คุณภาพการผลิตสูงจะทาให้สินค้าขายได้แม้ต้นทุนการผลิตจะสูงก็ตาม ดังนั้นต้นทุนการมี
คุณภาพท่ีดีตา่ กวา่ ต้นทุนการมีคณุ ภาพไม่ดี

(5) A.V. Feigenbuam (ค.ศ. 1960) เป็นผู้เขียนหนังสือการควบคุมคุณภาพสมบูรณ์แบบ
ซ่ึงเน้นการประสานงานและความร่วมมือของทุกคนในองค์การ อันเป็นแนวทางที่ประเทศญ่ีปุ่นได้
นาไปปฏิบตั จิ นกา้ วขึ้นสู่ประเทศอตุ สาหกรรมช้ันนาของโลก โดยเน้นการป้องกันความผิดพลาดตา่ งๆ

(6) Kaoru Ishikawa (ค.ศ. 1955) ได้ร่วมมือกับ Shewhart ในการใช้หลักการควบคุม
คุณภาพเชิงสถิติ และได้นาเอาแผนภูมิควบคุมไปใช้ในอุตสาหกรรมญ่ีปุ่น ผลงานของเขาคือการ

บทที่ 9 การจัดการคณุ ภาพในงานจัดหาและจัดซอ้ื 211

พัฒนาเคร่ืองมือ 7 อย่างในการควบคุมคุณภาพ (7 QC Tools) ได้แก่ แผนผังแสดงเหตุและผลหรือ
แผนผังก้างปลา ผังพาเรโต้ กราฟ ฮีสโตแกรม แผนภูมิการควบคุมกระบวนการแผนผังการกระจาย
และใบตรวจสอบ

(7) Genichi Taguchi เป็นผู้สร้างแนวคิดที่ว่า คุณภาพท่ีดีต้องเริ่มต้นต้ังแต่การออกแบบ
ซึ่งคือ ความจริงจังของคุณภาพ (Quality Robust) เป็นแนวคิดในการผลิตผลิตภัณฑ์อย่างเป็นแบบ
แผนเดียวกันภายใต้ระบบและสภาวะของการผลิตท่ีไม่เหมาะสม เม่ือมีของเสียเกิดขึ้นจากเหตุ
ดังกล่าว ควรแก้ไขโดยขจัดผลเสียนั้นมากกว่าการขจัดสาเหตุ เพราะค่าใช้จ่ายในการขจัดผลต่ากว่า
ค่าใชจ้ ่ายในการขจดั สาเหตุ เน่ืองจากข้อบกพรอ่ งบางอันเล็กน้อยจนไมม่ ผี ลกระทบต่อคุณภาพ

สรุปได้ว่า “คุณภาพ (Quality)” ผู้เช่ียวชาญทางด้านคุณภาพจากนักวิชาการท่ีกล่าวมา
ข้างต้นได้ให้ความหมายซึ่งพอสรุปได้ดังต่อไปนี้ คือ เป็นการดาเนินงานให้เป็นไปตามข้อกาหนดท่ี
ต้องการ โดยคานึงถึงการสร้างความพอใจให้กับลูกค้า และมีต้นทุนการดาเนินงานท่ีเหมาะสม ลด
หรือตัดค่าใช้จ่ายและต้นทุนท่ีไม่จาเป็นออกจากกระบวนการผลิต โดยสรุปได้เป็น 2 ลักษณะ
ซงึ่ ประกอบไปด้วย

(1) ลกั ษณะของผลติ ภัณฑท์ มี่ คี ุณภาพ (Quality in Goods)
(1.1) การปฏิบตั ิงานได้ (Performance) ผลติ ภัณฑ์ต้องสามารถใช้งานไดต้ ามหนา้ ที่

ทีก่ าหนดไว้
(1.2) ความสวยงาม (Aesthetics) ผลิตภัณฑ์ต้องมีรูปร่าง ผิวสัมผัส กล่ิน รสชาติ

และสีสันท่ีดึงดูดใจลกู ค้า
(1.3) คณุ สมบัติพเิ ศษ (Special Features) ผลติ ภัณฑ์ควรมลี กั ษณะพิเศษทโ่ี ดดเด่น

แตกต่างจากผู้อนื่
(1.5) ความสอดคลอ้ ง (Conformance) ผลติ ภัณฑ์ใชง้ านได้ตามท่ลี ูกค้าคาดหวังไว้
(1.6) ความปลอดภยั (Safety) ผลิตภัณฑ์มีความเส่ียงอันตรายในการใชน้ ้อยทส่ี ดุ
(1.7) ความเช่ือถือได้ (Reliabity) ผลิตภณั ฑค์ วรใชง้ านได้อยา่ งสมา่ เสมอ
(1.8) ความคงทน (Durability) ผลติ ภณั ฑ์มอี ายุการใชง้ านทย่ี าวนานในระดบั หน่งึ
1.9) คณุ คา่ ท่ีรับรู้ (Perceived Quality) ผลิตภัณฑค์ วรสรา้ งความประทับใจ และมี

ภาพพจน์ท่ดี ใี นสายตาลกู ค้า

212 การจัดการการจดั หาและการจัดซ้ือ

(1.10) การบริการหลังการขาย (Service after Sale) ธุรกิจควรมีการบริการหลัง
การขายอย่างต่อเน่ืองทาให้สินค้าสามารถคงคุณสมบัติหรือหน้าท่ีการงานที่สมบูรณ์ต่อไปได้ รวมท้ัง
บริการในการรบั ฟังความคิดเห็นจากลกู ค้าเก่ยี วกับตัวผลติ ภัณฑ์ด้วย

(2) ลักษณะของบรกิ ารทม่ี ีคณุ ภาพดี (Quality in Services)
(2.1) ความเช่อื ถอื ได้ (Reliability) การบรหิ ารสามารถใหบ้ รกิ ารไดอ้ ยา่ งสม่าเสมอ
(2.2) ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ (Responsiveness) ตรงตามความ

ต้องการทแี่ ท้จริงของลูกคา้
(2.3) ความสามารถ (Competence) พนกั งานทใี่ ห้บริการจะต้องมที ักษะและความรู้

เพอื่ ปฏบิ ัติในการบริการ
(2.4) ความสุภาพ (Courtesy) พนักงานผู้ให้บริการจะต้องมีมารยาทท่ีดี เป็นมิตร

และออ่ นน้อม
(2.5) ความน่าไว้วางใจ (Credibity) ผู้ให้บริการจะต้องเป็นคนท่ีมีความซื่อสัตย์,

ความน่าไวใ้ จและนา่ เชือ่ ถอื
(2.6) ความปลอดภัย (Security) การบริการจะตอ้ งมคี วามปลอดภัย ไมม่ คี วามเส่ยี ง
(2.7) ความเข้าถึง (Access) การบริการควรจะงา่ ยตอ่ การตดิ ต่อ
(2.8) การติดต่อส่อื สาร (Communication) การบริการควรจะสามารถให้ข้อมูลเม่ือ

ลูกคา้ ต้องการหรอื สอบถาม
(2.9) ความเข้าใจในตัวลูกค้า (Understanding the Customer) การเข้าใจลักษณะ

เฉพาะของลกู ค้าแต่ละคน
(3) ทัศนะคติของลกู ค้าในแงข่ องผลติ ภัณฑ์ทม่ี ีคณุ ภาพทีด่ ี
(3.1) ผลติ ภณั ฑส์ ามารถใช้งานได้ดตี ามรายละเอยี ดทางวศิ วกรรม (Specification)
(3.2) ผลติ ภัณฑค์ มุ้ คา่ กับเงินหรอื ราคาทลี่ ูกค้าจ่ายเพอื่ จะได้ผลิตภณั ฑ์นั้นมา
(3.3) ผลิตภัณฑ์เหมาะสมกับการใช้งานตามวัตถุประสงค์ของผู้ใช้ โดยมีความ

ปลอดภัยต่อผใู้ ช้และสง่ิ แวดล้อมด้วย
(3.4) ผลิตภัณฑ์มีการบริการประกอบเพื่อความสะดวกของลูกค้า หรือเพ่ือรักษา

สภาพทีส่ มบรู ณ์ของสนิ ค้าให้คงอยู่ในชว่ งระยะเวลาการใช้งานไดต้ ลอด
(3.5) ผลิตภณั ฑส์ ร้างความภาคภูมใิ จ ความประทับใจใหแ้ กผ่ ู้ใช้

(4) ทศั นคติของลูกคา้ ในแง่ของผลติ ภณั ฑท์ ี่มีคุณภาพทีด่ สี าหรบั ผู้ผลติ คุณภาพทดี่ ี

บทท่ี 9 การจัดการคณุ ภาพในงานจัดหาและจดั ซอ้ื 213

(4.1) การผลติ ใหถ้ กู ต้องต้งั แต่แรก
(4.2) การผลิตที่มีระดับของของเสียอยู่ในเกณฑ์ท่ีกาหนดไว้ และเป็น Zero Defect
ซึง่ หมายถึงไม่มีของเสียจากการผลิตเลย
(4.3) การผลติ ตามตวั แปรท่ตี ้องการอย่างถกู ต้อง ไมเ่ บยี่ งเบนจากมาตรฐานทตี่ งั้ ไว้
(4.4) การผลิตทมี่ ีระดบั ต้นทุนทีเ่ หมาะสม ซ่งึ จะทาใหล้ ูกค้าที่มคี วามตอ้ งการสามารถ
ซื้อผลติ ภณั ฑ์ในระดับราคาทีย่ อมรับได้

9.2 การจดั การคณุ ภาพของสินค้าและบริการ
(Quality Management in Product & Service)
ความหมายท่ีสาคัญของคุณภาพของสินค้าและบริการ คือ ความเหมาะสมท่ีจะใช้งาน

การจัดการคุณภาพเพ่ือให้ผลิตภัณฑ์หรือบริการมีความเหมาะสมกับการใช้งาน ควรมีการควบคุม
คุณภาพในการผลิต ตลอดจนการควบคุมภายใน การจาหนา่ ย ตดิ ต้ังและใชง้ าน

คุณภาพของสนิ ค้าทผ่ี ลติ ออกมาหรือชิน้ ส่วนวตั ถุดิบที่นามาใชง้ านซง่ึ มเี ปน็ จานวนมากอาจใช้
วธิ ีการสุ่มตัวอย่างมาตรวจสอบเพียงบางอย่าง วิธีการสุ่มตัวอย่างนี้กาหนดข้ึนโดยพิจารณาจากระดับ
คณุ ภาพท่ีต้องการเทียบกบั โอกาสเสี่ยงในความผิดพลาดท่ีอาจจะเกิดข้ึนในการท่ีสนิ คา้ ที่ดอี าจไม่ผ่าน
การตรวจสอบและสินค้าทคี่ ุณภาพไม่ดีอาจผ่านการตรวจสอบเน่ืองจากความเสี่ยงในการสุ่มตัวอย่าง
โดยอาจใชต้ ารางมาตรฐานช่วยกาหนดแผนการสุ่มตวั อย่างได้

ดังน้ันจะเห็นว่า ความต้องการในด้านคุณภาพได้เข้ามามีบทบาทกับชีวิตประจาวันของเรา
ทุกคนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างย่ิงในการแข่งขันของธุรกิจที่การวัดความสาเร็จขององค์การ
จะอยู่ท่ีผลงานท่ีมีคุณภาพ โดยที่คุณภาพถือเป็นส่ิงที่สาคัญย่ิงในการที่เราต้องปฏิบัติ และพัฒนา
อย่างตอ่ เน่อื ง เพราะคุณภาพเปน็ ส่งิ ที่มีอิทธพิ ลต่อความดารงอยู่ของธุรกจิ และองค์กร

(ฐาปนา บุญหล้า,FCILT,CMC, 2559) จากความหมายของคาว่าคุณภาพของสินค้าและ
บริการ มาสู่แนวทางการดาเนินการเพ่ือคุณภาพที่ดีนั้น ได้มีคาท่ีใช้ในการบ่งบอกถึงการปฏิบัติการ
เกี่ยวกบั คุณภาพ เช่น ระบบคุณภาพ การควบคุมคุณภาพ การประกันคุณภาพ หรือ การบริหารงาน
คุณภาพ ฯลฯ ซึงมคี วามหมายแตกต่างกันดังตอ่ ไปน้ี

9.2.1 การควบคุมคุณภาพของสินค้าและบริการ (Quality Control in Product & Service)
หมายถึง กิจกรรมและกลวิธีการปฏิบัติเพ่ือสนองความต้องการด้านคุณภาพภายในธุรกิจ โดยการ
ตรวจสอบ การวัด และการทดสอบท่ีมุ่งจะควบคุมวัตถุดิบ กระบวนการ และการกาจัดสาเหตุของ

214 การจัดการการจดั หาและการจัดซอื้

ข้อบกพร่องที่เกิดขึ้นจากการดาเนินการท้ังหมด เช่น การสุ่มตัวอย่างน้าผลไม้กระป๋องมาตรวจสอบ
รสชาติ

การควบคุมคุณภาพเน้นการตรวจสอบและแยกแยะของดีและของเสียออกจากกัน โดยระบุ
เป็นร้อยละของของเสียที่พบจากล็อตการผลิต เพื่อควบคุมมิให้ของเสียมีมากเกินกว่าที่กาหนดและ
ในปจั จบุ นั การควบคมุ คณุ ภาพมงุ่ เน้นทีข่ องเสียต้องเป็นศนู ย์ (Zero Defect)

9.2.2 การประกนั คุณภาพของสินคา้ และบรกิ าร (Quality Assurance in Product & Service)
หมายถึง การดาเนินการเพ่ือสุขภาพตามระบบและแผนงานท่ีวางไว้อย่างเคร่งครัด เพื่อที่จะมั่นใจได้
ว่าผลิตภัณฑ์หรือบริการมีคุณภาพตามท่ีลูกค้าต้องการ เช่น การดาเนินงานตามมาตรฐานคุณภาพ
สากล ISO 9000

9.2.3 การบริหารคุณภาพของสินค้าและบริการ (Quality Management in Product &
Service) หมายถึง การจัดการระบบคุณภาพโดยทุกคนที่เก่ียวข้องท้ังภายในและภายนอกองค์การ
รับผิดชอบต่องานท่ีตนเองกระทาอย่างเต็มที่เพื่อให้สินค้าและบริการเป็นไปตามต้องการของลูกค้า
เช่น การใชร้ ะบบการบริหารคุณภาพสมบรู ณแ์ บบ (Total Quality Management หรือ TQM)

วัตถุประสงค์หลักของการจัดการคุณภาพ คือ การผลิตสินค้าหรือบริการที่ตอบสนอง
ความต้องการของลูกค้า ซึ่งความต้องการของลูกค้าจะเป็นกรอบกาหนดระบบคุณภาพขององค์การ
ท้ังทางตรงและทางอ้อม ดังน้ันการจัดการคุณภาพจะมุ่งสร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้าเป็นสาคัญ
โดยยดึ ถือคาที่เรยี กวา่ “สินค้าที่มคี ณุ ภาพ สร้างความพงึ พอใจให้กบั ลูกค้า”

9.3 ตน้ ทนุ ของคุณภาพของสนิ ค้าและบริการ (The cost of Quality Product & Service)
เรืองวิทย์ เกษสุวรรณ, (2561) คณุ ภาพเป็นปจั จัยท่มี คี วามสาคญั ต่อความสาเร็จของธุรกจิ ซึ่ง

คุณภาพจะเกิดขึ้นได้จะต้องอาศัยความรู้ ความเข้าใจ การทุ่มเทในการปฏิบัติ และการพัฒนาอย่าง
ต่อเนือ่ ง เพ่ือท่ีจะนาไปผลิตสินค้า หรือบริการให้แก่ลูกค้า นอกจากนก้ี ารท่ีบริษัทมีสินคา้ หรือบริการ
ทม่ี ีคณุ ภาพ ย่อมส่งผลให้ยอดการขายหรือบริการเพ่ิมสงู ขึ้น ซ่ึงช่วยให้ธุรกิจดาเนินต่อไปได้ แต่การท่ี
จะทาให้สินค้าและบริการมีคุณภาพได้นั้น ก็จะต้องใช้ต้นทุนต่างๆ เพื่อส่งเสริมให้สินค้า และบริการ
มคี ณุ ภาพ โดยตน้ ทุนดังกล่าวนี้ แบง่ ออกเป็น

9.3.1 ต้นทุนของการปอ้ งกัน (Prevention Cost) เปน็ คา่ ใชจ้ ่ายท่ีเกดิ จากการป้องกันไม่ให้เกิด
ของเสียหรือการทางานที่บกพรอ่ ง ได้แก่ ต้นทุนการอบรมคนงาน ต้นทุนการวางแผนคุณภาพ ต้นทุน
การออกแบบผลติ ภัณฑ์ และกระบวนการผลติ ให้ผลิตงา่ ยไมเ่ กดิ ปัญหาขณะผลติ

บทท่ี 9 การจัดการคุณภาพในงานจดั หาและจัดซอื้ 215

9.3.2 ต้นทุนของการประเมิน (Appraisal Cost) เป็นค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบหรือประกัน
คณุ ภาพในระหว่างการผลติ ได้แก่ ค่าตรวจสอบคุณภาพ ค่าจ้างหรือเงนิ เดือนพนักงายฝ่ายตรวจสอบ
คณุ ภาพ คา่ ใช้จ่ายในห้องปฏบิ ัติการ

9.3.3 ต้นทุนของการผิดพลาด (Cost of Failure) เป็นค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเมื่อดาเนินงานหรือ
ผลิตภัณฑ์ และบริการมีความบกพร่องเกิดข้ึนทาให้จะต้องเสียเวลา และค่าใช้จ่ายในการแก้ไข
โดยตน้ ทุนของความผดิ พลาดแบ่งออกเปน็ 2 ประเภท ดังนี้

- ต้นทุนของความผิดพลาดภายใน (Internal Failure Cost) เป็นค่าใช้จ่ายของ
การแก้ไขงานใหม่ก่อนส่งสินค้าหรือบริการถึงมือลูกค้า เน่ืองจากคุณภาพของงานไม่ได้ตามระดับ
คุณภาพที่ต้องการ ได้แก่ ต้นทุนการทางานซ้า ต้นทุนวัตถุดิบค่าแรง และพลังงานที่ต้องใช้ในการ
ปรบั ปรุงแก้ไขผลิตภณั ฑใ์ หม่

- ต้นทุนของความผิดพลาดภายนอก (External Failure Cost) เป็นค่าใช้จ่าย
ที่เกี่ยวข้องกับของเสียท่ีตรวจพบหลังจากสินค้าถึงมือลูกค้า ได้แก่ ค่าใช้จ่ายในการซ่อมสินค้าใน
ระยะเวลารับประกนั ค่าปรับค่าความเสยี หายของภาพพจน์ธุรกิจ

9.4 รางวัลแหง่ คุณภาพ (Quality Award)
(ณัฐพล ชวลิตชีวิน และปราโมทย์ ศุภปัญญา, 2560) คุณภาพท่ีดีย่อมนาซึ่งความสาเร็จ

แก่องค์การท้ังทางตรงและทางอ้อม และการบริหารคุณภาพท่ีดีนอกจากจะสร้างผลกาไร
เชิงเศรษฐกิจใหแ้ ก่องค์การธุรกิจแล้ว ยังนามาซึ่งการได้รางวัลเกียรติยศท่ียอมรับกันในสังคมอีกด้วย
รางวัลแห่งคณุ ภาพทม่ี ชี ือ่ เสยี งในระดับนานาชาติมี 2 รางวลั ดังต่อไปนี้

9.4.1 รางวัลคุณภาพแห่งชาติมัลคัมบาล์ดริจ (Malcolm Baldrige National Quality Award,
เป็นรางวัลแห่งคุณภาพท่ีก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1987 โดยสภาองเกรสแห่งสหรัฐอเมริกา ตามชื่อของ
เลขาธิการแห่งกระทรวงพาณิชย์ ผซู้ ่ึงมคี วามมุ่งหมายอนั แรงกล้าท่จี ะสง่ เสริมคุณภาพเพื่อลดการขาด
ดุลการค้า และให้รางวัลแก่ผู้ประสบความสาเร็จในการบริหารคุณภาพ โดยแยกประเภทผู้รับรางวัล
เป็น 3 จาพวก คือ ผู้ผลิตสินค้ารายใหญ่ ผู้ให้บริการรายใหญ่ และผู้ผลิตสินค้าหรือบริการขนาดเล็ก
รางวัลนี้มีองค์การธุรกิจที่มีชื่อเสียงได้รับหลายองค์การ เช่น Motorola, IBM, Xerox, AT&T,
FeDex, Westinghouse ฯลฯ

การพิจารณารางวัลรางวัลคุณภาพแห่งชาตมิ ัลคมั บาล์ดริจจะตดั สินจากปจั จยั ดงั ต่อไปน้ี
- ความเปน็ ผ้นู าในด้านการสร้างสรรคแ์ ละรกั ษาไวซ้ ่ึงวฒั นธรรมแหง่ คณุ ภาพ

216 การจัดการการจดั หาและการจดั ซ้อื

- ความมีประสิทธิผลในการเก็บและรวบรวมข้อมูลข่าวสารเพื่อพัฒนาและวางแผน
คณุ ภาพ ความมปี ระสิทธิผลในการรวมความต้องการด้านคณุ ภาพเข้าสู่กระบวนการวางแผนกลยุทธ์

- ความสาเร็จในการใช้ประโยชน์อย่างเต็มท่ีจากแรงงานที่มีอยู่เพื่อปรับปรุงคุณภาพ
ความมปี ระสทิ ธิผลของระบบการประกนั คณุ ภาพของบริษัท

- ผลของการปรบั ปรุงคุณภาพที่แสดงออกในเชงิ ปรมิ าณ
- ความพงึ พอใจของลกู คา้ ในการไดร้ บั สงิ่ ที่เขาต้องการ
รางวัลคุณภาพแห่งชาติมัลคัมบาล์ดริจส่งเสริมการปรับปรุงพัฒนาการบริหารคุณภาพ และ
สร้างภาพทเี่ ป็นนามธรรมของคุณภาพให้ชดั เจนข้นึ ในสายตาของสาธารณชนได้ในท่สี ดุ
9.4.2 รางวัลเดมมิง่ (Deming Prize)

(ณัฐพล ชวลิตชีวิน และปราโมทย์ ศุภปัญญา , 2560) เป็นรางวัลที่ตั้งชื่อตาม
ปรมาจารย์คนสาคัญด้านคุณภาพคือ Edwards W. Deming ผู้ซ่ึงช่วยพัฒนาประเทศญี่ปุ่นหลังพ่าย
แพส้ งครามโลกคร้ังท่ี 2 จนประสบความสาเร็จเป็นประเทศอุตสาหกรรมชัน้ นาของโลก ซ่ึงรางวัลนไี้ ด้
เริ่มต้นประกาศตง้ั แต่ปี ค.ศ. 1951 โดยสหภาพนักวิทยาศาสตร์และวิศวกรแห่งประเทศญี่ปุ่นเพ่ือให้
เกยี รตแิ ก่บรษิ ัทท่ีมีระบบคณุ ภาพยอดเยี่ยม รางวลั เดมม่งิ มวี ตั ถปุ ระสงคห์ ลัก 2 ประการคอื

- เผยแพร่ให้ความรู้และเทคนิคการควบคุมคุณภาพเชิงสถิติ (Statistical Process
Control) แก่อุตสาหกรรมญ่ปี นุ่

- เพ่ิมพูนจิตสานึกของสาธารณชนให้ตระหนักถึงวัตถุประสงค์ และเทคนิคของ
การบริหารคณุ ภาพ

นอกจากนั้น ยังมีการมอบรางวัลเดมมิ่งแก่บุคคลท่ีมีผลงานดีเด่นด้านการพัฒนา
แนวความคดิ ดา้ นคณุ ภาพอกี ด้วย

9.5 เทคนิคในการคดั สรรผลิตภัณฑ์ทมี่ ีคุณภาพ
เครอ่ื งมือในการจัดการคุณภาพน้ันมิได้เปน็ เครื่องมอื สาหรับบุคคลทที่ างานเกย่ี วกับการผลิต

เท่าน้ัน ยังเก่ียวข้องกับฝ่ายอื่นๆ เช่น ฝ่ายบุคคล ฝ่ายบัญชีการเงิน ฝ่ายจัดซ้ือ ฝ่ายช่างซ่อมบารุง
ฝ่ายสนิ ค้าคงคลัง เปน็ ต้น

เคร่ืองมือในควบคุมคุณภาพมีมากมายหลายรูปแบบ ข้ึนกับแตล่ ะกิจการจะเลือกนามาใช้ให้
เหมาะสมกับขนาดและประเภทของกิจการ ในปัจจุบนั ท่ีสภาพการแข่งขันสูง กิจการจะอยู่รอดต่อไป
ได้อย่างยั่งยืนนั้น กิจการจะต้องให้ความสาคัญเรื่อง “คุณภาพ” ท้ังในส่วนของการพัฒนาปรับปรุง

บทที่ 9 การจัดการคุณภาพในงานจดั หาและจัดซ้อื 217

คุณภาพของสินค้าและบริการ รวมถึงการพัฒนาคุณภาพบุคลากร เพ่ือสร้างความพึงพอใจให้กับ
ผบู้ ริโภคและผูป้ ฏบิ ัตงิ าน

ศา ส ตร า จา ร ย์ คา โ อรุ อิ ชิก า ว่า (Kaoru Ishikawa ,1955) ไ ด้ ร่ ว ม มื อกั บ Walter
A. Shewhart ในการใช้หลักการควบคุมคุณภาพเชิงสถิติ และได้นาเอาแผนภูมิควบคุมไปใช้ใน
อุตสาหกรรมญ่ีปุ่น ผลงานของเขาคือ การพัฒนาเครื่องมือ 7 อย่างในการควบคุมคุณภาพ
(7 QC Tools) ได้แก่ แผนผังแสดงเหตุและผลหรือแผนผังก้างปลา ผังพาเรโต้ กราฟ ฮีสโตแกรม
แผนภมู ิการควบคุมกระบวนการแผนผงั การกระจาย และใบตรวจสอบเครื่องมือทใี่ ชไ้ ด้แก่

9.5.1 แผนผังแสดงเหตุและผล หรอื แผนผังกา้ งปลา (Fish Bone Diagram)
แผนผังสาเหตุและผลเป็นแผนผังที่แสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่างปัญหา (Problem)

กบั สาเหตุท้ังหมดท่ีเป็นไปได้ท่ีอาจก่อให้เกิดปัญหาน้ัน (Possible Cause) เราอาจคุ้นเคยกับแผนผัง
สาเหตุและผล ในช่ือของ "ผังก้างปลา (Fish Bone Diagram)" เน่ืองจากหน้าตาแผนภูมิมีลักษณะ
คล้ายปลาที่เหลือแต่ก้าง หรือหลายๆ คนอาจรู้ จักในชื่อของแผนผังอิชิกาว่า (Ishikawa Diagram)
ซึ่งได้รับการพัฒนาคร้ังแรกเมื่อปี ค.ศ. 1943 โดย ศาสตราจารย์คาโอรุ อิชิกาว่า แห่งมหาวิทยาลัย
โตเกียว

(1) การใช้แผนผงั กา้ งปลา
ก. เมอื่ ต้องการค้นหาสาเหตแุ ห่งปญั หา
ข. ต้องการทาการศึกษา ทาความเข้าใจ หรือทาความรู้จักกับกระบวนการอ่ืน ๆ

เพราะว่าโดยส่วนใหญ่พนักงานจะรู้ปัญหาเฉพาะในพื้นที่ของตนเท่าน้ัน แต่เม่ือมีการ ทาผังก้างปลา
แลว้ จะทาใหเ้ ราสามารถรู้กระบวนการของแผนกอืน่ ได้ง่ายข้ึน

ค. เม่ือต้องการให้เป็นแนวทางใน การระดมสมอง ซึ่งจะช่วยให้ทุกๆ คนให้ความ
สนใจในปญั หาของกล่มุ ซึ่งแสดงไว้ทีห่ วั ปลา

(2) วิธกี ารสร้างแผนผงั สาเหตแุ ละผลหรอื ผงั ก้างปลา
สงิ่ สาคัญในการสรา้ งแผนผัง คอื ตอ้ งทาเป็นทีม เป็นกลมุ่ โดยมี 6 ขน้ั ตอนดงั ต่อไปนี้
ข้ันตอนท่ี 1 กาหนดประโยคปัญหาท่ีหวั ปลา
ขน้ั ตอนท่ี 2 กาหนดกลมุ่ ปจั จัยท่ีจะทาใหเ้ กดิ ปัญหานัน้ ๆ
ขน้ั ตอนที่ 3 ระดมสมองเพื่อหาสาเหตุในแตล่ ะปจั จัย
ขัน้ ตอนที่ 4 หาสาเหตุหลักของปัญหา

218 การจัดการการจัดหาและการจดั ซื้อ
ขน้ั ตอนท่ี 5 จดั ลาดับความสาคัญของสาเหตุ
ข้ันตอนท่ี 6 ใช้แนวทางการปรับปรุงที่จาเป็น

(3) การกาหนดปัจจัยบนก้างปลา
เราสามารถท่ีจะกาหนดกลุ่มปัจจัยอะไรก็ได้ แต่ต้องมั่นใจว่ากลุ่มที่เรากาหนดไว้เป็น

ปัจจัยนั้นสามารถที่จะช่วยให้เราแยกแยะและกาหนดสาเหตุต่างๆ ได้อย่างเป็นระบบ และเป็นเหตุ
เป็นผล

โดยส่วนมากมักจะใชห้ ลักการ 4M 1E เปน็ กลุ่มปัจจัย (Factors) เพ่ือจะนาไปสูก่ ารแยกแยะ
สาเหตตุ า่ งๆ ซ่ึง 4M 1E น้ีมาจาก

M - Man คนงาน หรือพนกั งาน หรือบคุ ลากร
M - Machine เครื่องจกั รหรืออุปกรณ์อานวยความสะดวก
M - Material วัตถุดบิ หรอื อะไหล่ อุปกรณอ์ ืน่ ๆ ท่ีใช้ในกระบวนการ
M - Method กระบวนการทางาน
E - Environment อากาศ สถานท่ี ความสวา่ ง และบรรยากาศการทางาน

ภาพที่ 9.1 รปู แบบผงั ก้างปลา
ทม่ี า: (เรอื งวทิ ย์ เกษสุวรรณ, 2561)

การกาหนดก้างปลาไม่ได้หมายความว่า จะต้องใช้ 4M 1E เสมอไป เพราะหากเรา
ไม่ไดอ้ ยู่ในกระบวนการผลิตแลว้ ปจั จัยนาเข้า (input) ในกระบวนการก็จะเปล่ยี นไป เช่น ปจั จยั การ
นาเข้าเป็น 4P ได้แก่ Place , Procedure, People และ Policy หรือเป็น 4S Surrounding,

บทที่ 9 การจัดการคณุ ภาพในงานจัดหาและจดั ซ้อื 219

Supplier, System แ ล ะ Skill ก็ ไ ด้ ห รื อ อ า จ จ ะ เ ป็ น MILK Management, Information,
Leadership, Knowledge ก็ได้ นอกจากน้ัน หากกลุ่มท่ีใช้ก้างปลามีประสบการณ์ในปัญหาที่เกิด
ขึน้ อยู่แล้ว ก็สามารถทีจ่ ะกาหนดกลุ่ม ปัจจยั ใหมใ่ ห้เหมาะสมกบั ปัญหาต้งั แต่แรกเลยก็ได้ เช่นกนั

(4) การกาหนดหัวข้อปัญหาท่ีหวั ปลา
การกาหนดหัวข้อปัญหาควรกาหนดให้ชัดเจนและมคี วามเปน็ ไปได้ ซึง่ หากเรากาหนด

ประโยคปัญหาน้ีไม่ชัดเจนต้ังแต่แรกแล้ว จะทาให้เราใช้เวลามากในการค้นหา สาเหตุ และจะใช้
เวลานานในการทาผงั ก้างปลา

การกาหนดปัญหาท่ีหัวปลา เช่น อัตราของเสีย อัตราชั่วโมงการทางานของคนท่ี
ไม่มีประสิทธิภาพ อัตราการเกิดอุบัติเหตุ หรืออัตราต้นทุนต่อสินค้าหน่ึงชิ้น เป็นต้น ซ่ึงจะเห็นได้ว่า
ควรกาหนดหัวขอ้ ปัญหาในเชิงลบ

เทคนิคการระดมความคิดเพื่อจะได้ก้างปลาที่ละเอียดสวยงาม คือ การถาม ทาไม
ทาไม ทาไม ในการเขยี นแตล่ ะกา้ งย่อยๆ โดยผังกา้ งปลาประกอบด้วยส่วนตา่ งๆ ดังต่อไปน้ี

(1) ส่วนปัญหาหรือผลลัพธ์ (Problem or Effect) ซ่งึ จะแสดงอยูท่ ่ีหวั ปลา
(2) ส่วนสาเหตุ (causes) จะสามารถแยกย่อยออกได้อกี เป็น
(3) ปัจจัย (Factors) ทส่ี ่งผลกระทบต่อปญั หา (หัวปลา)

ก) สาเหตหุ ลกั ข) สาเหตยุ ่อย
ซ่ึงสาเหตุของปัญหา จะเขียนไว้ในก้างปลาแต่ละก้าง ก้างย่อยเป็นสาเหตุของก้าง
รองและก้างรองเปน็ สาเหตุของกา้ งหลัก เปน็ ตน้
หลักการเบ้ืองต้นของแผนภูมิก้างปลา (fishbone diagram) คือการใส่ช่ือของ
ปญั หาทต่ี ้องการวิเคราะห์ ลงทางด้านขวาสุดหรอื ซา้ ยสุดของแผนภูมิ โดยมเี ส้นหลกั ตามแนวยาวของ
กระดูกสนั หลัง จากนั้นใส่ช่อื ของปัญหาย่อย ซ่งึ เป็นสาเหตุของปัญหาหลัก 3 - 6 หัวขอ้ โดยลากเป็น
เส้นก้างปลา (sub-bone) ทามุมเฉียงจากเส้นหลัก เส้นก้างปลาแต่ละเส้นให้ใส่ช่ือของสิ่งท่ีทาให้เกิด
ปัญหาน้ันขึ้นมา ระดับของปัญหาสามารถแบ่งย่อยลงไปได้อีก ถ้าปัญหาน้ันยังมีสาเหตุที่เป็น
องค์ประกอบย่อยลงไปอีก โดยทั่วไปมักจะมีการแบ่งระดับของสาเหตุย่อยลงไปมากท่ีสุด 4 – 5
ระดับ เมื่อมีขอ้ มูลในแผนภูมิที่สมบูรณ์แล้ว จะทาให้มองเห็นภาพขององค์ประกอบทั้งหมด ที่จะเป็น
สาเหตขุ องปัญหาท่ีเกิดขึ้น

220 การจดั การการจัดหาและการจดั ซือ้
ตัวอยา่ งท่ี 9.1 แสดงรายละเอียดของผงั กา้ งปลา (Fish Bone Diagram) จากสาเหตุการเกดิ อบุ ตั เิ หตุ
ในการขนสง่ ทางน้าลมุ่ แม่นา้ เจ้าพระยา

ภาพที่ 9.2 ตัวอย่างแสดงรายละเอยี ดของผังกา้ งปลา
ทม่ี า: (พิเชษฐ เนตรสว่าง, 2561)

(5) ขอ้ ดีและข้อเสียของการใช้แผนผงั ก้างปลา
(5.1) ข้อดี
- ไม่ต้องเสียเวลาแยกความคิดต่าง ๆ ที่กระจัดกระจายของแต่ละสมาชิก แผนภูมิ

ก้างปลาจะช่วยรวบรวมความคิดของสมาชิกในทีม
- ทาให้ทราบสาเหตุหลัก ๆ และสาเหตุย่อย ๆ ของปัญหา ทาให้ทราบสาเหตุท่ี

แทจ้ ริงของปัญหา ซึ่งทาใหเ้ ราสามารถแก้ปญั หาไดถ้ ูกวธิ ี
(5.2) ข้อเสีย
- ความคิดไม่อิสระเนื่องจากมีแผนภูมิก้างปลาเป็นตัวกาหนดซึ่งความคิดของ

สมาชิกในทีมจะมารวมอยู่ทแ่ี ผนภูมิกา้ งปลา
- ตอ้ งอาศัยผูท้ ่ีมีความสามารถสงู จงึ จะใช้แผนภูมกิ า้ งปลาในการระดมความคดิ

บทที่ 9 การจัดการคุณภาพในงานจดั หาและจดั ซ้อื 221

9.5.2 แผนผังพาเรโต (Pareto Diagram)
(Paleto Diagram,Vilfredo Federico Damaso Pareto, 1848) ผงั พาเรโตเป็นแผนภมู ิ

ที่ใช้แสดงใหเ้ หน็ ถึงความสัมพันธ์ระหว่างสาเหตุของความบกพร่องกบั ปริมาณความสูญเสียทเี่ กดิ ข้นึ
(1) การใช้แผนผังพาเรโต
(1.1) กาหนดสาเหตุสาคัญ (Critical Factor) ของปญั หาเพ่ือแยกออกจากสาเหตุอน่ื ๆ
(1.2) ต้องการยนื ยนั ผลลพั ธจ์ ากการแก้ปัญหาโดยเปรียบเทยี บ“กอ่ นทา”กบั “ หลังทา”
(1.3) เมือ่ ตอ้ งการค้นหาปัญหาและหาคาตอบในการดาเนนิ กจิ กรรมแก้ปญั หา
(2) ประโยชนข์ องแผนผังพาเรโต
(2.1) สามารถบ่งช้ใี หเ้ ห็นวา่ หัวขอ้ ใดเปน็ ปัญหามากทส่ี ุด
(2.2) สามารถเข้าใจวา่ แตล่ ะหวั ข้อมีอัตราส่วนเป็นเท่าใดในส่วนทง้ั หมด
(2.3) ใช้กราฟแท่งบ่งช้ีขนาดของปัญหา ทาใหโ้ น้มนา้ วจติ ใจได้ดี
(2.4) ไม่ตอ้ งใช้การคานวณท่ียุ่งยาก ก็สามารถจัดทาได้และใชใ้ นการเปรียบเทียบผลได้
(2.5) ใช้สาหรับการตง้ั เป้าหมาย ทงั้ ตัวเลขและปัญหา

ภาพที่ 9.3 ตัวอยา่ งแผนผังพาเรโต
ที่มา: (เรอื งวทิ ย์ เกษสุวรรณ, 2561)

(3) โครงสร้างของแผนผงั พาเรโต
(3.1) ประกอบดว้ ยกราฟแทง่ และกราฟเส้น
(3.2) นอกจากแกนในแนวต้ัง (แกน Y) และแกนแนวนอน (แกน X) กราฟพาเรโตจะมี

แกนแสดงร้อยละหรือเปอรเ์ ซ็นต์ (%) ของข้อมูลสะสมอยทู่ างด้านขวามือของแผนผงั ดว้ ย

222 การจดั การการจดั หาและการจัดซ้ือ

(3.3) ความสูงของแท่งกราฟจะเรียงลาดับจากมากไปหาน้อย จากซ้ายมือไปขวามือ
ยกเว้นในกลมุ่

*** ขอ้ มลู ทเี่ ป็น “ ข้อมูลอน่ื ๆ ” จะนาไปไว้ทตี่ าแหนง่ สดุ ท้ายของแกนในแนวนอนเสม
(4) ข้ันตอนการสรา้ งแผนผงั พาเรโต

(4.1) ตดั สนิ ใจวา่ จะศกึ ษาปญั หาอะไร และตอ้ งการเกบ็ ขอ้ มูลชนดิ ไหน เชน่

เลอื กปัญหา ( แกน Y) ชนดิ ข้อมลู ( แกน X)
• สาเหตุของการเกิดปญั หา • ลักษณะของการเกดิ ความเสยี หาย
• ความถี่ของการเกดิ (ครงั้ ) • ตาแหนง่ ของการเกิดเสียหาย
• มลู ค่า • 4M1E

ตวั อย่างท่ี 9.2 แนวทางการเขยี นแผนผงั พาเรโต จากข้อมลู สถิตกิ ารเกิดอุบัติเหตุในการขนส่งทางน้า
ลุ่มแม่น้าเจ้าพระยา

สถติ กิ ารเกดิ อุบัติเหตุในการขนสง่ ทางนา้

รอ้ ย ร้อยละ

ละ 82.35 88.24 94.12 100.00 100.00

100.00 76.47 90.00
90.00 64.71 80.00
80.00 70.00
70.00
60.00 60.00
50.00 50.00
40.00 41.18 40.00

30.00 23.53 5.88 5.88 5.88 30.00
20.00 11.76 5.88 20.00
10.00 10.00
0.00 0.00

สาเหตุของการเกดิ

ภาพที่ 9.4 ตวั อยา่ งแนวทางการเขยี นแผนผงั พาเรโต
ทม่ี า: (พิเชษฐ เนตรสวา่ ง, 2561)

บทท่ี 9 การจดั การคุณภาพในงานจัดหาและจดั ซอื้ 223

(4.2) ข้นั ตอนวธิ กี ารวิเคราะห์แผนผงั พาเรโต มีดงั นี้
(ก) กาหนดวธิ กี ารเกบ็ ขอ้ มลู และช่วงเวลาที่จะทาการเก็บ
(ข) ออกแบบแผน่ บันทึก
(ค) นาไปเก็บข้อมลู
(ง) นาขอ้ มลู มาสรปุ จัดเรยี งลาดับ
(จ) เขยี นแผนผงั พาเรโต

9.5.3 เทคนิคกราฟ (Graphs)
(เรืองวิทย์ เกษสุวรรณ, 2561) "กราฟ" คือ เคร่ืองมือสาหรับใช้ในการแสดงข้อมูลท่ีเป็น

ตวั เลขออกมาให้เห็นภาพ เพ่อื สะดวกในการวเิ คราะห์ข้อมลู ทเ่ี ป็นตัวเลขทุกประเภทสามารถนาเสนอ
ในรปู กราฟ

ข้อดี ของกราฟ คือ เขียนง่าย อ่านงา่ ย เขา้ ใจงา่ ย ช่วยให้ตีความหมายของข้อมูลได้รวดเร็ว
และสามารถเปรยี บเทียบขอ้ มูลหลาย ๆ ชดุ ใหเ้ หน็ ความแตกต่างได้ชัดเจน

กราฟท่ีนิยมใช้กันอย่างแพร่หลายและเป็นที่คุ้นเคยกันดี ได้แก่ กราฟเส้น กราฟแท่ง กราฟ
วงกลม และกราฟรูปภาพ ในทางปฏิบัติ มีการใช้กราฟมากมายหลายชนิดอย่างน้อยอาจแบ่งออกได้
เป็น 7 ชนดิ คือ

(1) กราฟเสน้ (Line Graphs) เปน็ ชนดิ ทนี่ ยิ มใชก้ นั ทวั่ ไปมากท่ีสดุ
(2) กราฟแท่งแนวด่ิง (Column Graphs) มีลกั ษณะตามชื่อ คือ เปน็ แท่งคอลัมน์

แสดงข้อมูลตามที่ต้องการนาเสนอ
(3) กราฟแท่งแนวนอน (Bar Graphs) มลี กั ษณะตามชือ่ คือ เปน็ แทง่ คลา้ ยกราฟ

คอลัมน์ เพยี งแต่เปน็ แท่งตามแนวนอน
(4) กราฟวงกลม (Pie Graphs) มักใช้ในการแสดงค่าร้อยละขององค์ประกอบต่าง ๆ

ทร่ี วมกันเป็นร้อย เช่น ค่าใช้จ่ายประเภทตา่ ง ๆ ยอดขายของสินคา้ ประเภทต่าง ๆ
เปน็ ต้น
(5) กราฟบันทกึ (Record Graphs) ใช้ในการบันทึกขอ้ มูลประเภทตา่ ง ๆ เชน่ อณุ หภูมิ
ความกลม ความเรียบของผิวหน้า ความหนาแน่น ปริมาณพลังงานในเตาปฏิกรณ์
ปรมาณู เป็นต้น
(6) กราฟรูปภาพ (Pictorial Graphs) ใช้รูปภาพ เช่น รูปทหาร รูปคน แสดงจานวน
ทหาร จานวนประชากรในปตี ่าง ๆ หรือใชร้ ูปสตางค์แสดงจานวนเงิน เป็นต้น

224 การจดั การการจดั หาและการจดั ซื้อ

(7) กราฟพาเรโต(Pareto Graphs), ฮิสโตแกรม (Histograms) แผนภูมิเหตุและผล
(Cause and Effect Diagrams)หรือผังก้างปลา และกราฟอ่ืน ๆ เช่น ผังเรดาร์
(Radar Chart) ล้วนเป็นกราฟประเภทต่าง ๆ ทม่ี ีใช้อยู่ในปจั จุบัน ในอนาคตอาจมี
กราฟรูปแบบใหม่เกิดขึ้นได้อีกมาก อันเป็นผลจากความคิดสร้างสรรค์และเพ่ือ
สนองความจาเปน็ บางประการใหไ้ ดผ้ ลดยี ่งิ ข้นึ

ในที่นี้จะขอแสดงรายละเอียดและตัวอย่างเฉพาะกราฟบางชนิดท่ีนิยมใช้มี 3 ชนิด คือ
กราฟเสน้ กราฟแท่ง และกราฟวงกลม

ข้อมูลท่ีใช้ในการเขียนกราฟ หากว่ามีจานวนมาก จะต้องคานวณเป็นค่าร้อยละ หรือ
เปอรเ์ ซน็ ต์ก่อนเพ่ือความสะดวกในการแทนคา่ ลงในแกน

รอ้ ยละของการบกพรอ่ ง

60
50 52

40

30
20 21

10 10 3 7
0 5
2

ภาพที่ 9.5 ตัวอยา่ งกราฟเสน้
ทีม่ า: (พิเชษฐ เนตรสว่าง, 2563)

60 บทท่ี 9 การจดั การคุณภาพในงานจัดหาและจดั ซื้อ 225
50 ร้อยละของการบกพร่อง
40
30 21
20 52 10 5 3 2 7
10
0

ภาพท่ี 9.6 ตัวอย่างแผนภูมิแทง่
ทมี่ า: (พิเชษฐ เนตรสว่าง, 2563)

กราฟวงกลม ใช้พ้ืนท่ีวงกลมแทนขนาดข้อมูล จึงต้องเทียบค่าของข้อมูลกับจานวนองศาที่
จุดศูนย์กลางของวงกลม คือ 360 องศา จากข้อมูลในตัวอย่างจึงได้ค่าองศาดังต่อไปน้ี คือ ชนิดของ
ความบกพรอ่ งและคิดคานวณเปอร์เซ็นความบกพรอ่ ง

5.คราบสกปรก, 6.ช่องว่าง, 2% 7.อืน่ ๆ, 7%

3%
4.รอยแตก, 5%

3.รูเข็ม, 10% 1.รอยยน่ , 52%
2.รอยขว่ น, 21%

ภาพท่ี 9.7 ตวั อย่างกราฟวงกลม
ทมี่ า: (พเิ ชษฐ เนตรสวา่ ง, 2563)

226 การจัดการการจดั หาและการจัดซือ้
9.5.4 ใบตรวจสอบ (Check Sheet)
(ชุติภา โอภาสานนท์, 2560) คือ ใบรายการท่ีเราใช้อ้างอิงสาหรับการตรวจสอบ เปรียบเทียบ

ระบบงานที่เราได้กระทาจริงกับระบบงานที่กาหนดไว้ว่าเป็นอย่างไร ใบตรวจสอบนี้ สามารถใช้
สาหรบั การเกบ็ ข้อมลู ซ่งึ จะชว่ ยให้ได้ข้อมลู ท่ีถกู ตอ้ งอกี ด้วย
ตัวอยา่ งที่ 9.3 การใชใ้ บตรวจสอบสภาพเครือ่ งจักร

ภาพท่ี 9.8 ใบตรวจสอบ
ท่มี า: (เรอื งวทิ ย์ เกษสวุ รรณ,2561)

(1) ความสาคัญของใบตรวจสอบ
เราสามารถนาใบตรวจสอบมาใช้ในการทางานหลายประเภท ใบตรวจสอบจะช่วยให้

เรามองเห็นได้ชัดเจนข้ึนว่าตอนน้ีเราอยู่ในตาแหน่งไหน เช่น หากเราใช้ใบตรวจสอบสาหรับ
ตรวจสอบความก้าวหน้าของงานทีเ่ ราทา เราจะทราบได้ว่างานของเราก้าวหน้าไปถึงจุดไหนแล้ว เม่ือ

บทท่ี 9 การจัดการคุณภาพในงานจดั หาและจดั ซ้อื 227

นามาเทียบกับแผนท่ีวางไว้แล้วดีกว่าหรือเลวกว่า อีกทั้งยังนามาช่วยในการปรับเปล่ียนให้ แผนการ
ทางานในช่วงเวลาท่ีเหลือมีความเหมาะสม เพ่ือให้งานเสร็จตามกาหนดการและตาม เป้าหมายที่
ตงั้ ไวอ้ ยา่ งมีประสิทธภิ าพ

ใบตรวจสอบยังมีประโยชน์ในด้านของการควบคุมรายละเอียด ใบตรวจสอบที่มี
การ ออกแบบมาดีจะสามารถเก็บรายละเอียดต่างๆของข้อมูล หรือสิ่งท่ีเราทาการตรวจสอบได้อย่าง
ครบถ้วน ไมเ่ ยนิ่ เย้อออกไป นอกจากนี้เรายังนาใบตรวจสอบมาใชเ้ ป็นหลักฐานอ้างอิงหรอื เปน็ เกณฑ์
ในการพิจารณาประสิทธิภาพการทางานของเราอีกด้วย

(2) การออกแบบใบตรวจสอบ
(2.1) กาหนดเป้าหมายในการตรวจสอบ เพ่ือเราจะออกแบบใบตรวจสอบให้สามารถ

ใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มท่ี เราต้องทราบถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงว่าเราจะนา ใบตรวจสอบมาใช้
ตรวจสอบข้อมูลอะไรบ้าง และข้อมูลท่ีเราได้จากการตรวจสอบนั้นจะเอาไปใช้ทาอะไร เราอาจนา
เทคนิคการต้ังคาถามมาช่วยในข้ันตอนนี้ก็ได้ เพื่อให้สามารถหาคาตอบได้ง่ายข้ึน เช่น “ปัญหา คือ
อะไร” “ข้อมูลอะไรบ้างท่โี ครงการจดั ทาข้อมูลองค์ความรู้ งวดที่ 1 : นยิ ามธรุ กิจ: การผลิตต้องใช้ใน
การวเิ คราะหป์ ญั หา” “ใครจะเป็นคนใชข้ ้อมลู น้ี” “ใครมหี น้าทใ่ี นการเกบ็ ข้อมูล” ฯลฯ

(2.2) กาหนดแบบฟอร์มสาหรับการเก็บรวบรวมข้อมูล โดยเราจะกาหนดให้หัวข้อ
ของ ขอ้ มลู ท่ีเราตอ้ งการทาการตรวจสอบอยทู่ างด้านซ้ายมอื ของกระดาษ ทางขวามือจะเว้นว่างไวใ้ ห้
ผูต้ รวจสอบกรอกรายละเอยี ดได้

(2.3) จัดเกบ็ ขอ้ มูลที่ต้องการนามาใช้ในการตรวจสอบ ผู้ทาการรวบรวมข้อมูลจะต้อง
ทาการบนั ทึกข้อมลู ท่เี กดิ ขึน้ จริง

(2.4) รวบรวมข้อมูลที่เก็บไดท้ ้งั หมดและนาไปวิเคราะห์
(3) ข้อพิจารณาในการนาความรไู้ ปประยุกตใ์ ช้ใบตรวจสอบกบั การนาไปใชง้ าน

ในการทางานจริงโรงงานบางท่ีอาจไม่รู้ว่าจะต้องใช้ใบตรวจสอบแบบไหนกับงานแต่ละ
ประเภทที่แตกต่างกัน ในระยะแรกผู้ประกอบการจึงอาจจะหาตัวอย่างของใบตรวจสอบมาจาก
หนังสือ คู่มือ ตาราต่างๆ โดยเฉพาะในงานดา้ นวิศวกรรมจะมีตัวอย่างของใบตรวจสอบปรากฏอยู่ใน
หนังสือหลายเล่ม หรืออาจไปขอยืมมาจากโรงงานท่ีรู้จักกันมาใช้ไปก่อน หลังจากนามาใช้ไปได้พัก
หนึ่ง ทางโรงงานควรตรวจสอบดูว่าในการใช้งานมีปัญหาอะไรหรือไม่ สามารถบอกข้อมูลที่เรา
ต้องการได้หรือไม่ แล้วจึงทาการดัดแปลงใบตรวจสอบให้มีลักษณะเฉพาะกับงานของเรา เพ่ือท่ี
ใบตรวจสอบจะชว่ ยให้เราสามารถพัฒนาการทางานใหม้ ีประสทิ ธภิ าพสูงสดุ ได้

228 การจัดการการจดั หาและการจดั ซ้ือ

9.5.5 ฮิสโตแกรม (Histogram)
(ณัฐพล ชวลิตชีวิน และปราโมทย์ ศุภปญั ญา, 2560) "ฮิสโตแกรม" คือ ผังภาพที่แสดง

การกระจายตัว (ความผันแปรออกจากศูนย์กลาง) ของข้อมูลชุดหน่ึงซ่ึงแสดงคุณลักษณะอย่างใด
อยา่ งหน่ึง เชน่ ความยาว นา้ หนัก เวลา อุณหภมู ิ หรอื ความแข็ง เป็นตน้

โดยให้แกนนอนแสดงค่าของข้อมูลซึ่งแบ่งออกเป็นช่วง ๆ ท่ีมีขนาดเท่ากัน หรือเรียกว่า
“อันตรภาคช้ัน” แต่ในท่ีนี้จะเรียกง่าย ๆ ว่าช่วงช้ัน) และให้ความสูงของกราฟแท่งแสดงความถี่
(หรือจานวน) ของข้อมูล ทม่ี คี ่าอยใู่ นช่วงชน้ั เดยี วกัน

(1) ประโยชนข์ องฮิสโตแกรม
(1.1) เพ่ือศึกษาว่าข้อมูลชุดหนึ่ง มีการกระจายตัวมากหรือน้อยเพียงไร อยู่ใน

ขอบเขตที่ยอมรับได้ (ตามสเปก) มากหรือนอ้ ยเพียงไร
(1.2) ใชใ้ นการคานวณหาค่าทางสถติ ิของขอ้ มูลชดุ น้ัน อาทิ คา่ สูงสุด คา่ ตา่ สุด ค่าพิสัย

คา่ เฉล่ยี คา่ เบยี่ งเบนมาตรฐาน
(1.3) จากค่าขอบเขตท่ียอมรับได้ (ตามสเปก) และ ค่าทางสถิติท่ีคานวณได้ ทาให้

สามารถระบุค่า "ดัชนีวัดความสามารถของกระบวนการ (Process Capability Index : PCI)" ได้ ซ่ึง
จะเป็นประโยชน์ในการ "เปรียบเทยี บสมรรถนะ (benchmarking)" และการปรับปรุงกระบวนการ

(1.4) ใชต้ รวจสอบประสทิ ธิผลของการปรับปรงุ
9.5.6 ผงั การกระจาย (Scatter Diagrams)

(เรืองวิทย์ เกษสุวรรณ, 2561) การนาค่าตัวแปร สองตัวแปรมาจุดลงในกราฟ xy เพ่ือ
พจิ ารณาความสมั พนั ธ์ ระหว่างตัวแปรทัง้ สอง ตวั อยา่ งเชน่

- ความเรว็ รอบการหมนุ กบั ความเรยี บของผวิ เพลากลม
- แรงดนั ไฟฟ้า กับ ความหนาของการชุบโลหะ
- อณุ หภมู กิ ารอบ กับ สขี องขนมอบ
- ระยะเวลาเก็บรักษา กบั คุณภาพของอาหาร
เครื่องมอื ที่ใช้หาความสัมพนั ธ์แทจ้ ริง ของตัวแปรทงั้ สองได้ คอื ผงั การกระจาย
ความสมั พันธ์ 2 ตัวแปร ทพ่ี บมากไดแ้ ก่

 คุณสมบัติทางคุณภาพตวั แปรหนึ่ง กบั ตวั แปรในกระบวนการผลติ
 คุณสมบตั ทิ างคุณภาพ 2 ตวั แปร
 ปัจจัยการผลติ 2 ตัวแปร ทมี่ ีผลตอ่ คุณสมบัติทางคณุ ภาพเดียวกัน

บทที่ 9 การจดั การคณุ ภาพในงานจัดหาและจัดซื้อ 229

9.5.7 แผนภูมิควบคมุ (Control Chart)
(Kaoru Ishikawa :1943) การควบคมุ คณุ ภาพโดยวธิ ีทางสถติ ิ เปน็ เครอ่ื งมือท่ีมีประโยชน์

ต่อการประเมินผลซ่ึงใช้กันมากในบริษัทหรืออุตสาหกรรมที่มีระบบการควบคุมคุณภาพ ไม่ได้
จาเปน็ ต้องใช้นักสถติ ิ แต่จะใช้นักควบคุมคุณภาพทไ่ี ดร้ บั การฝกึ อบรม

การประเมินผลข้อมูลจากการควบคุมคุณภาพ เป็นหน้าที่หลักของนักควบคุมคุณภาพ
นอกเหนือจากการทางานในห้องปฏิบัติการ หรือกล่าวได้ว่านักควบคุมคุณภาพจะต้องรับผิดชอบต่อ
การกระทาเพื่อให้ผลิตภัณฑ์อยู่ในขอบเขตที่กาหนด และเกิดความเข้าใจของระบบการควบคุม
คณุ ภาพ โดยวิธีทางสถิติ จาเป็นต้องยอมรับว่าความผันแปรอาจเกิดข้นึ ได้เสมอในการวดั คุณภาพของ
ผลิตภัณฑ์ ซง่ึ แบ่งออกเป็น 2 สว่ นคือ

ก. Chance causes ความแปรปรวนท่เี กิดจากอุบัตเิ หตหุ รอื โดยบงั เอญิ
ข. Assignable causes ความแปรปรวนทีส่ ามารถตรวจพบและแกไ้ ขดว้ ยวิธีท่เี หมาะสม

ดังนั้นวธิ กี ารควบคมุ คุณภาพจงึ ใช้หลักการและวิธีการทางสถติ ิ เพื่อการวัดขนาดของความ
แปรปรวนท่ีเกิดโดยบังเอิญ และตรวจหาความแปรปรวนท่ีเกิดโดยความตั้งใจ โดยยึดหลัก กฎของ
ความนา่ จะเปน็ (Law of probability)

แผนภูมิควบคุม จัดเป็นเทคนิคหรือเครื่องมือท่ีใช้ในการประเมินความสามารถของ
กระบวนการหรือตัวแปรที่สามารถวัดค่าได้เป็นตัวเลข เพ่ือแสดงการเปลี่ยนแปลงท่ีเกิดขึ้น
เมื่อดาเนินการอยู่ในระดับท่ีพอใจ แผนภูมิควบคุมสามารถแสดงการเปล่ียนแปลงอย่างมีนัยสาคัญ
ถ้าตัวอย่างมีค่าเฉลี่ยอยู่นอกเขตที่ควบคุม แสดงว่ามีข้อผิดพลาดที่เกิดจาก assignable cause
ทตี่ ้องไดร้ บั การแก้ไข

(1) วัตถุประสงค์ของแผนภูมคิ วบคมุ
(1.1) เพ่ือใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในปัจจุบันเกี่ยวกับสิ่งที่ได้ทาการผลิตไป

แล้ว หรือใช้เป็นข้อมูลช่วยติดสินใจว่าส่ิงท่ีผลิตไปนั้นเหมาะสมท่ีจะส่งออกจาหน่ายไปยังลูกค้า หรือ
จาเป็นตอ้ งมกี ารเปลีย่ นแปลงอะไรบ้าง

(1.2) เพ่ือใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจเกี่ยวกับกระบวนการผลิต หรือ ใช้เป็น
ข้อมูลช่วยตัดสินใจว่าเม่ือเกิดการแปรปรวนท่ีเป็นปกติขึ้น ก็ควรจะปล่อยให้กระบวนการนั้นดาเนิน
ต่อไป และเมื่อเกิดความแปรปรวนท่ีไม่ปกติ ควรจะได้มีการค้นหา และขจัดสาเหตุอันเป็น
assignable cause ออกไป

230 การจัดการการจดั หาและการจัดซอื้

(1.3) เพอื่ ใช้เปน็ ข้อมูลในการตดั สินใจเกีย่ วกบั
- product specification
- production process
- inspection procedure

ดังน้ันข้อมูลจากแผนภูมิควบคุมสามารถใช้ในการกาหนดข้อกาหนดคุณภาพผลิตภัณฑ์
ประเมินกระบวนการผลติ และเปลย่ี นแปลงวิธีการตรวจสอบ

(1.4) เพื่อใช้เป็นวิธีในการแสดงกระบวนการทางาน หรือเป็นหลักให้กับบุคคลท่ีมี
หนา้ ทีร่ บั ผิดชอบในการควบคุมคณุ ภาพ

(2) การพิจารณากอ่ นการสร้างแผนภูมิควบคมุ
(2.1) ต้องการวัดอะไร (What) ในการควบคุมน้าหนักของตัวอย่างท่ีเป็นของเหลว

หมายถงึ การวดั คา่ น้าหนัก หากจะนาไปประยุกตใ์ ชก้ บั ผลิตภณั ฑอ่ืนท่ีจาเปน็ ต้องพจิ ารณาให้ดวี ่าควร
จะวดั อะไร ยกตัวอย่างในการบรรจชุ ้ินสับปะรดลงกระป๋อง ซึ่งอาจบรรจุไดต้ ัง้ แต่ 5-9 ชนิ้ ถา้ สมมตุ วิ ่า
เพียง 5 ช้ิน ก็สามารถได้น้าหนักตามกาหนด จะทาให้ได้กาไรมาก แต่มีปัญหา Overfill ข้ึน ดังนั้น
จะใช้แผนภูมิควบคุมเพื่อควบคุมน้าหนักบรรจุเพียงอย่างเดียวไม่ได้ จาเป็นต้องมีการควบคุมขนาด
เขา้ มาเก่ยี วขอ้ ง เพอ่ื สามารถควบคุมได้ตามความต้องการ

(2.2) ทาการวัดอยา่ งไร (How) วธิ กี ารทจ่ี ะใช้วดั นนั้ ควรจะต้องตรงตามวัตถุประสงค์
ได้คา่ แมน่ ยา และละเอียด ดังน้นั จึงควรเปน็ วธิ ีการวดั ท่ีสามารถใชเ้ ครอ่ื งมือได้มากกวา่ ทจ่ี ะใชค้ น

ถ้าสมมุติว่าเครื่องบรรจุอัตโนมัติ (Filler) สามารถปรับให้ทางานอย่างมีความ
ละเอียดในช่วง ± 1.0 จึงเปน็ สงิ่ จาเป็นสาหรับผู้ตรวจสอบตอ้ งหาเครื่องชง่ั ที่สามารถบอก
ความละเอยี ดได้ใกล้เคยี งกัน

(2.3) จะทาการวัดท่ีไหน (Where) โดยทั่วไปจุดท่ีควรเป็นจุดควบคุมหรือทาการ
ทดสอบ ควรอยใู่ กล้กับจุดที่ทาการผลติ มากกว่าท่ีจะไปอยู่ในห้อง Lab เช่น ต้องการควบคุมน้าหนัก
บรรจุ ก็ควรจะทาใกล้กับเคร่ืองบรรจุ การวดั บางชนิดอาจมีความสาบาก เชน่ การตรวจสอบทางเคมี
อยา่ งไรกต็ ามการทาแผนภูมิควรอยู่ในท่ที ี่สามารถดาเนินการแก้ไขไดท้ นั ท่วงที

(2.4) จะทาการวัดเมื่อไร (When) ความถ่ีของการวัดอาจจะพิจารณาคล้ายกับการ
หาจานวนตัวอย่าง โดยเฉพาะอย่างย่ิงในกรณีท่ีต้องการแยกขนาด จัดระดับช้ินคุณภาพ หรือการ
ขนส่ง ถ้าแผนการสุ่มตัวอย่างกาหนดว่า จะเก็บ 500 หน่วย จากการผลิตท้ังหมด 50,000 หน่วย
ดงั นัน้ อาจทาการวัดทุก ๆ หน่วยที่ 100

บทท่ี 9 การจดั การคุณภาพในงานจัดหาและจัดซอื้ 231

แต่ทั้งนี้ข้ึนอยู่กับวัตถุประสงค์ในการวัด เช่น ต้องการวัดเพ่ือดูว่าจะเกิด out of control
ให้เร็วท่ีสุด เพ่ือจาเป็นต้องมีการแก้ไข ก็ต้องวัดให้ถ่ีมากข้ึน และมีผลต่อต้นทุน ของการวัด, ราคาท่ี
ตอ้ งสูญเสีย หากเกิด out of control โดยท่วั ไปมกั จะวัดตามช่วงเวลาทส่ี ม่าเสมอ

(2.5) ในแต่ละครั้งต้องวัดจานวนเท่าไร (How many) ในการสร้าง R chart
จาเป็นตอ้ งมหี ลายๆ คา่ ในการวัดแตล่ ะครัง้ โดยทั่วไปจะใช้ 4-10 ค่า ขึน้ อยกู่ ับเวลาและตน้ ทนุ ท่ใี ช้

9.6 ประโยชนข์ องการเลือกสรรผลิตภัณฑ์ที่มคี ณุ ภาพ
การเลือกสรรผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ไม่ได้จากัดอยู่กับฝ่ายใดฝ่ายหน่ึงเท่านั้น จะต้องทา

เป็นระบบทั้งองค์การตั้งแต่การควบคุมระดับนโยบายการออกแบบผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพตามที่
กาหนด ตลอดทัง้ การควบคมุ คณุ ภาพในการผลติ ซึง่ ประกอบด้วย 3 ขน้ั ตอน คือ

(1) การตรวจสอบคุณภาพวัตถดุ ิบ
(2) การควบคมุ การผลิตในกระบวนการผลติ
(3) การตรวจสอบคุณภาพของผลิตภัณฑ์ท่ีทาสาเร็จรูปแล้วประโยชน์อันเกิดจาก
การควบคมุ คุณภาพท่ี วิชัย แหวนเพชร (2534 : 1144) ไดส้ รุปดังนี้

(ก) ลดค่าใช้จ่าย เช่น ลดการทาให้ผลผลิตเสียหาย ลดการทางานซับซ้อน ลดการ
ซ่อมแซมหรือแก้ไขผลผลิตใหม่ ลดค่าใช้จ่ายในการคัดเลือกผลิตภัณฑ์ดีไม่ดีออก
จากกนั และลดเวลา เนอ่ื งจากหยดุ ทาการผลติ ได้

(ข) ลดค่าใช้จ่ายภายนอกในโรงงาน เช่น คา่ โฆษณา ลดการตาหนิจากลกู ค้า
(ค) ทาให้ขายผลผลิตไดใ้ นราคาที่ต้งั ไว้ หากผลผลิตไม่มีคุณภาพย่อมไม่ได้รับความนิยม

อาจจะทาใหล้ ดราคาถึงจะขายได้
(ง) ทาใหบ้ รรยากาศในการทางานดีขน้ึ ซงึ่ จะส่งผลให้เกิดพัฒนาคุณภาพต่อไป
(จ) ทาให้บรรยากาศในการทางานดีขึ้น เพราะธุรกิจดาเนินไปด้วยดีย่อมส่งผลให้

พนกั งานมกี าลังใจ มีความภาคภมู ใิ จ

232 การจัดการการจัดหาและการจัดซื้อ

สรปุ

การเลือกสรรผลิตภัณฑ์ท่ีมีคุณภาพ เป็นการจัดคุณภาพต้ังแต่กระบวนการออกแบบ การ
แปรงสภาพวัตถุดิบ การวางแผนการผลิต กระบวนการแปรงสภาพ การทดสอบและตรวจสอบ
คุณภาพ การจัดการการขนส่งและโลจิสติกส์ การจัดการคลังสินค้า การกระจายสินค้า โดยมีมารตร
ฐานในการวัดประสิทธิภาพและบรกิ ารด้านโลจิสติกส์ และการส่งมองถึงมือลูกค้า ซ่ึงคุณภาพของสิ่ง
เหล่านี้จะทาให้ลูกค้ามีคุณภาพชีวิตที่ดีข้ึนอย่างต่อเน่ือง การให้ความสาคัญในเร่ืองของการบริหาร
คุณภาพยงั ช่วยกระตุ้นให้เกิดการแข่งขันในการพัฒนาคุณภาพ และศักยภาพในการแข่งขนั ของธรุ กิจ
ทั้งภายในและภายนอกประเทศอีกด้วย จะเห็นได้จากการจัดให้มีการมอบรางวัลให้กับบริษัทหรือ
กลุ่มองค์กรทางด้านคุณภาพของสินค้า และบริการ ซ่ึงรวมไปถึงคุณภาพของการผลิตและการ
ดาเนินงานอย่างมีคุณภาพ อาทิเช่น รางวัล Malcolm Baldrige National Quality Award
(MBNQA) ซึ่งเป็นรางวัลท่จี ัดมอบใหก้ บั บริษทั หรือองค์กรท่ีประสบความสาเร็จทางด้านคณุ ภาพ

ดงั น้นั จะเหน็ ไดว้ า่ ความต้องการในด้านคณุ ภาพได้เข้ามามีบทบาทกบั ชีวิตประจาวนั ของทุก
คนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างย่ิงในการแข่งขันของธุรกิจที่การวัดความสาเร็จขององค์กรจะอยู่ท่ี
ผลงานท่ีมีคุณภาพ โดยที่คุณภาพในระบบโลจิสติกส์ ถือเป็นส่ิงที่สาคัญย่ิงในการที่ต้องปฏิบัติ และ
พฒั นาอย่างต่อเนื่อง เพราะคุณภาพเป็นส่ิงท่ีมีอิทธพิ ลต่อความดารงอยู่ของธุรกิจ องค์กร ประชาชน
ทว่ั โลก

เครือ่ งมือในควบคุมคณุ ภาพมีมากมายหลายรูปแบบ ข้ึนอยู่กับแต่ละกิจการจะเลือกนามาใช้
ให้เหมาะสมกับขนาดและประเภทของกิจการ ในปัจจุบันที่สภาพการแข่งขันสูง กิจการจะอยู่รอด
ต่อไปได้อย่างย่ังยืนน้ัน กิจการจะต้องให้ความสาคัญเร่ือง “คุณภาพ” ทั้งในส่วนของการพัฒนา
ปรับปรุงคุณภาพของสินค้าและบริการ รวมถึงการพัฒนาคุณภาพบุคลากร เพ่ือสร้างความพึงพอใจ
ใหก้ บั ผบู้ ริโภคและผปู้ ฏิบัติงาน เคร่ืองมือท่ีใชใ้ นการควบคุมคณุ ภาพในผลติ ภัณฑอ์ ุตสาหกรรมและโล
จิสติกส์ คือ แผนผังแสดงเหตุและผล แผนผังพาเรโต กราฟ ใบตรวจสอบ ฮีสโตแกรม แผนภูมิการ
ควบคมุ กระบวนการ แผนผังการกระจาย

บทท่ี 9 การจดั การคุณภาพในงานจัดหาและจัดซื้อ 233

คาถามท้ายบทที่ 9

1. ให้นักศึกษาอธิบายลักษณะของผลิตภัณฑ์ที่คุณภาพ และลักษะของการให้บริการที่มี
คณุ ภาพ

2. ต้นทนุ คณุ ภาพมีกปี่ ระเภท อะไรบ้าง อธิบายอย่างละเอยี ด
3. ให้นักศึกษาอธิบายความหมายของการควบคุมคุณภาพ การประกันคุณภาพและ

การบรหิ ารคุณภาพของสนิ คา้ และบริการ
4. ให้นักศึกษาอธิบายรูปแบบการพิจารณารางวัลคุณภาพแห่งชาติมัลคัมบาล์ดริจ มีปัจจัย

ใดบา้ ง
5. รางวลั เดมม่งิ (Deming Prize) เกดิ ข้ึนไดอ้ ยา่ งไร
6. ให้นกั ศึกษาอธิบายหลักการ 4M 1E ว่าเป็นอยา่ งไร
7. ข้อดี ข้อเสีย ของการทาผงั กา้ งปลามอี ะไรบ้าง
8. ให้นักศึกษา เขยี นแผนผังสาเหตแุ ละผลเปน็ แผนผังที่แสดงถงึ ความสัมพนั ธร์ ะหว่างปญั หา

(Problem) กับสาเหตุท้ังหมดท่ีเป็นไปได้ ซึ่งอาจก่อให้เกิดปัญหาน้ัน (Possible Cause)
เราอาจคุ้นเคยกับแผนผังสาเหตุและผล หรือ ผังก้างปลา โดยกาหนดปัญหาสถานที่
จอดรถไมเ่ พยี งพอภายในมหาวิทยาลยั ราชภฏั พระนครศรีอยุธยา
9. ให้นกั ศกึ ษาบอกถงึ ประโยชน์การเลอื กสรรผลติ ภัณฑ์ที่มคี ณุ ภาพ
10. เครอ่ื งมือที่ใชใ้ นการควบคมุ คณุ ภาพสนิ ค้ามีอะไรบ้าง

234 การจัดการการจดั หาและการจดั ซ้ือ

เอกสารอา้ งอิง

กตัญญู หิรัญญสมบูรณ์.(2559) การบริหารอุตสาหกรรม. กรุงเทพฯ: เท็กซ์ แอนด์ เจอร์นัล
พบั ลเิ คชั่น จากัด.

ชุติภา โอภาสานนท์. (2560).ก้าวสู่ความเป็นผู้ประกอบการ. กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวง
อตุ สาหกรรม. กรุงเทพมหานคร: วนั ทนีย์ ภูมิภทั ราคม และคณะ.

ชัยยนต์ ชโิ นกุล, (2559) การจัดการโซอ่ ุปทานและโลจสิ ติกส์ พิมพ์ครง้ั ที่ 5 กรุงเทพฯ: หา้ งหนุ้ ส่วน
จากัด วเี จ.พรินตง้ิ

ฐาปนา บุญหล้า,FCILT,CMC, (2559) คู่มือการตรวจประเมินโลจิสติกส์ พิมพ์คร้ังท่ี 5 กรุงเทพฯ :
แอคทฟี พรนิ้ จากดั

ประชาคมอาเซยี น. จดหมายขา่ วอาเซยี นศึกษามหาวิทยาลยั ธรรมศาสตร์, 1 (7), 2.
เรอื งวิทย์ เกษสุวรรณ, (2561) การจดั การคุณภาพ .ซีเอ็ดยูเคชั่น จากัด (มหาชน)
พชิ ญดา ดอนสมจิตร. (2555). การเปรยี บเทียบคุณภาพบรกิ ารของผใู้ หบ้ ริการ
พิเชษฐ เนตรสว่าง (2561) การศึกษาสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุในการขนส่งทางนาลุ่มแม่นา

เจา้ พระยา มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏพระนครศรีอยธุ ยา
มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์. (2555). ทิศทางเศรษฐกจิ ไทยและโลจิสตกิ สไ์ ทย
มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยพี ระจอมเกลา้ ธนบุร.ี (2557). การพฒั นาเกณฑค์ ุณภาพธรุ กจิ โลจิสตกิ ส.์

กรงุ เทพฯ: ผูแ้ ต่ง.
สถาบนั เพิ่มผลผลิตแห่งชาต.ิ (2555). กลยทุ ธ์การจดั การโลจสิ ตกิ สอ์ ยา่ งมีคณุ ภาพ.
สถาบันเพิม่ ผลผลิตแหง่ ชาต.ิ (2556). รางวัลคุณภาพแห่งชาติ Thailand Quality Award: TQ4.

กรงุ เทพฯ: ผแู้ ตง่ .
Mark, M. Davis, Nicholas, J. Aquilano, and Richard, B. Chase, (2017): Fundamentals of

Operations Management,
Detroit, Michigan (2 0 0 8 ) Water Transport Management of Exchange Membrane
Fuel Cell.
Georgios. I. Zekos 2000 Safety sea And Air transport under EU Law.
Kaoru Ishikawa (1943) Quality Management, The University of Tokyo.

บทที่ 9 การเลือกสรรผลิตภณั ฑ์ทม่ี ีคณุ ภาพ 209

บทที่ 9

การเลอื กสรรผลิตภณั ฑ์ที่มีคณุ ภาพ

ในกระบวนการผลิต อุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ จะมีการเปล่ียนแปลงระดับคุณภาพ
อยู่ตลอดเวลาซ่ึงเป็นการเปลี่ยนแปลงโดยธรรมชาติ หากมีการเปลี่ยนแปลงที่มีสาเหตุเป็น
การเปล่ียนแปลงที่ผิดปกติ จะได้รับการแก้ไข แผนภูมิควบคุมจะแสดงถึงขอบข่ายการเปล่ียนแปลง
โดยธรรมชาติ และแสดงให้ทราบถงึ การเปลี่ยนแปลงที่มีสาเหตุจาเพาะที่อาจจะเกิดมีขึน้ ได้

เราทุกคนต่างก็ต้องการความมีคุณภาพ (Quality) ในทุกๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นคุณภาพของ
สินค้า และบริการแต่ยังรวมไปถึงองค์กร สังคม หรือประเทศ ซ่ึงคุณภาพของสิ่งเหล่าน้ีจะทาให้เรา
มีคุณภาพชีวิตที่ดีข้ึนอย่างต่อเน่ือง การให้ความสาคัญในเรื่องของการบริหารคุณภาพยังช่วยกระตุ้น
ใหเ้ กิดการแข่งขันในการพัฒนาคณุ ภาพ และศักยภาพในการแข่งขนั ของธุรกิจทั้งภายในและภายนอก
ประเทศอีกด้วย ดังจะเห็นได้จากการจัดให้มีการมอบรางวัลให้กับบริษัทหรือกลุ่มองค์กรทางด้าน
คุณภาพของสินค้า และบริการ ซ่ึงรวมไปถึงคุณภาพของการผลิตและการดาเนินงานอย่างมีคุณภาพ
อาทิเช่น รางวัล Malcolm Baldrige National Quality Award (MBNQA) ซ่ึงเป็นรางวัลท่ีจัดมอบ
ให้กบั บริษทั หรือองค์กรทป่ี ระสบความสาเรจ็ ทางด้านคณุ ภาพ เปน็ ต้น โดยเนือ้ หาในบทนี้จะประกอบ
ไปด้วยความหมายของคุณภาพ การจัดการคุณภาพของสินค้าและบริการ ต้นทุนของคุณภาพของ
สนิ คา้ และบรกิ าร รางวัลแหง่ คุณภาพ เทคนคิ ในการคัดสรรผลิตภัณฑ์ทมี่ ีคณุ ภาพ และประโยชน์ของ
การเลอื กสรรผลติ ภัณฑท์ ีม่ คี ุณภาพ โดยมีรายละเอียดดงั ตอ่ ไปน้ี

9.1 ความหมายของคณุ ภาพ
จากการศึกษาความหมายของคุณภาพจากนักวิชาการ (Mark, M. Davis, Nicholas, J.

Aquilano, and Richard, B. Chase, Fundamentals of Operations Management, 2 0 1 7 )
การดาเนินงานท่ีมีคุณภาพไม่เพียงแต่จะช่วยให้องค์กรสามารถทางานได้ดีตามเป้าหมายที่ต้องการ
เท่านั้นแต่ยังช่วยสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า และมีต้นทุนในการดาเนินงานท่ีได้เปรียบคู่แข่ง
นักวชิ าการไดใ้ ห้ความหมายของคาวา่ “คณุ ภาพ” ดังต่อไปนี้

210 การจดั การการจดั หาและการจัดซ้อื

(1) Walter A. Shewhart (ค.ศ. 1925) เปน็ ผูร้ เิ รม่ิ ใช้วิธีการทางสถิตใิ นการควบคมุ คณุ ภาพ
ท่ีเรียกว่า การควบคุมคุณภาพเชิงสถิติ (Statistical Quality Control) โดยใช้แผนภูมิควบคุม และ
การสมุ่ ตัวอยา่ ง เพ่อื การตรวจสอบผลิตภัณฑ์ ซ่ึงใช้ในการควบคมุ คุณภาพมาจนถงึ ทุกวันน้ี

(2) W. Edwards Deming (ค.ศ.1938) เป็นผู้บัญญัติหลักการบริหารคุณภาพ จงสร้าง
ปณิธานอันมุ่งมั่นแน่วแน่ในการปรับปรุงคุณภาพของสินค้าหรือบริการ ทั้งในระยะส้ันและระยะยาว
อย่างชัดเจน โดยผูกพันในเป้าหมายอย่างต่อเนื่องและจริงจังใน 4 เป้าหมายหลักคือ นวัตกรรม
(Innovation) การวิจัยและพัฒนา (Research and Development) การปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง
(Continuous Improvement) การบารุงรักษาเชิงป้องกัน (Preventive Maintenance) และ
ยอมรับปรัชญาใหม่ๆ ของการบริหารคุณภาพ โดยนาเอาวัฒนธรรมแห่งคุณภาพมาเป็นหลักการ
ประจาใจของพนักงานทุกคน โดยเปล่ียนแปลงจากการทางานตามที่ได้รับคาสั่งมาเป็นการดูแล
รับผิดชอบในผลงานของตนเอง

(3) Joseph M. Juran (ค.ศ. 1960) เป็นผู้ท่ีได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง
ความสาเร็จของอุตสาหกรรมญี่ปุ่น เขาได้เสนอแนวคิดเกี่ยวกับคุณภาพ หมายถึง ความเหมาะสมกับ
ประโยชน์ใช้สอยที่ผู้ใช้ผลิตภัณฑ์หรือผู้รับบริการต้องการ (fitness for Use) พนักงานควรเอาใจใส่
เสนองานท่ีมีคุณภาพต่อลูกค้าภายใน (Internal Customer) เท่ากับการเอาใจใส่ในระดับคุณภาพที่
ลูกค้าภายนอก (External Customer) ลูกค้าภายในคือ แผนกงานขั้นตอนต่อไปที่รับผลงานไปผลิต
ต่อ ดังนั้นถ้าพนักงานทุกคนพิถีพิถันให้งานมีคุณภาพดีในทุกข้ันตอน ทุกแผนกงานย่อมจะทาให้
ผลผลติ ทจ่ี ะออกไปสู่ลกู คา้ ภายนอกมคี วามสมบรู ณ์แบบ

(4) Phillip B. Crosby (ค.ศ. 1979) ในอดีตรองประธานกรรมการและกรรมการด้าน
คุณภาพของบริษัท ITT แห่งสหรัฐอเมริกา ได้เสนอแนวคิดเกี่ยวกับการบริหารคุณภาพเป็นเรื่องท่ี
ได้มาโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเลย (Quality is Free) เพราะคุณภาพการผลิตต่าจะทาให้สินค้าขาย
ไม่ได้ แต่คุณภาพการผลิตสูงจะทาให้สินค้าขายได้แม้ต้นทุนการผลิตจะสูงก็ตาม ดังนั้นต้นทุนการมี
คุณภาพท่ีดีตา่ กวา่ ต้นทุนการมีคณุ ภาพไม่ดี

(5) A.V. Feigenbuam (ค.ศ. 1960) เป็นผู้เขียนหนังสือการควบคุมคุณภาพสมบูรณ์แบบ
ซ่ึงเน้นการประสานงานและความร่วมมือของทุกคนในองค์การ อันเป็นแนวทางที่ประเทศญ่ีปุ่นได้
นาไปปฏิบตั จิ นกา้ วขึ้นสู่ประเทศอตุ สาหกรรมช้ันนาของโลก โดยเน้นการป้องกันความผิดพลาดตา่ งๆ

(6) Kaoru Ishikawa (ค.ศ. 1955) ได้ร่วมมือกับ Shewhart ในการใช้หลักการควบคุม
คุณภาพเชิงสถิติ และได้นาเอาแผนภูมิควบคุมไปใช้ในอุตสาหกรรมญ่ีปุ่น ผลงานของเขาคือการ

บทท่ี 9 การเลอื กสรรผลติ ภณั ฑ์ทม่ี คี ุณภาพ 211

พัฒนาเคร่ืองมือ 7 อย่างในการควบคุมคุณภาพ (7 QC Tools) ได้แก่ แผนผังแสดงเหตุและผลหรือ
แผนผังก้างปลา ผังพาเรโต้ กราฟ ฮีสโตแกรม แผนภูมิการควบคุมกระบวนการแผนผังการกระจาย
และใบตรวจสอบ

(7) Genichi Taguchi เป็นผู้สร้างแนวคิดท่ีว่า คุณภาพที่ดีต้องเริ่มต้นตั้งแต่การออกแบบ
ซึ่งคือ ความจริงจังของคุณภาพ (Quality Robust) เป็นแนวคิดในการผลิตผลิตภัณฑ์อย่างเป็นแบบ
แผนเดียวกันภายใต้ระบบและสภาวะของการผลิตท่ีไม่เหมาะสม เม่ือมีของเสียเกิดข้ึนจากเหตุ
ดังกล่าว ควรแก้ไขโดยขจัดผลเสียนั้นมากกว่าการขจัดสาเหตุ เพราะค่าใช้จ่ายในการขจัดผลต่ากว่า
ค่าใช้จา่ ยในการขจดั สาเหตุ เนือ่ งจากขอ้ บกพรอ่ งบางอนั เล็กน้อยจนไมม่ ีผลกระทบต่อคณุ ภาพ

สรุปได้ว่า “คุณภาพ (Quality)” ผู้เชี่ยวชาญทางด้านคุณภาพจากนักวิชาการท่ีกล่าวมา
ข้างต้นได้ให้ความหมายซ่ึงพอสรุปได้ดังต่อไปนี้ คือ เป็นการดาเนินงานให้เป็นไปตามข้อกาหนดท่ี
ต้องการ โดยคานึงถึงการสร้างความพอใจให้กับลูกค้า และมีต้นทุนการดาเนินงานที่เหมาะสม ลด
หรือตัดค่าใช้จ่ายและต้นทุนท่ีไม่จาเป็นออกจากกระบวนการผลิต โดยสรุปได้เป็น 2 ลักษณะ
ซ่ึงประกอบไปด้วย

(1) ลกั ษณะของผลิตภณั ฑท์ ม่ี คี ุณภาพ (Quality in Goods)
(1.1) การปฏิบตั ิงานได้ (Performance) ผลิตภัณฑ์ต้องสามารถใช้งานได้ตามหนา้ ที่

ท่กี าหนดไว้
(1.2) ความสวยงาม (Aesthetics) ผลิตภัณฑ์ต้องมีรูปร่าง ผิวสัมผัส กลิ่น รสชาติ

และสีสันทด่ี ึงดดู ใจลูกค้า
(1.3) คุณสมบตั พิ ิเศษ (Special Features) ผลติ ภัณฑ์ควรมลี กั ษณะพิเศษทีโ่ ดดเด่น

แตกต่างจากผอู้ ่นื
(1.5) ความสอดคลอ้ ง (Conformance) ผลติ ภัณฑ์ใช้งานได้ตามท่ีลูกค้าคาดหวงั ไว้
(1.6) ความปลอดภัย (Safety) ผลิตภัณฑ์มีความเส่ียงอันตรายในการใช้นอ้ ยท่สี ดุ
(1.7) ความเช่อื ถือได้ (Reliabity) ผลิตภณั ฑ์ควรใชง้ านได้อยา่ งสม่าเสมอ
(1.8) ความคงทน (Durability) ผลติ ภณั ฑ์มอี ายุการใช้งานทย่ี าวนานในระดบั หนง่ึ
1.9) คณุ ค่าท่ีรบั รู้ (Perceived Quality) ผลิตภัณฑค์ วรสร้างความประทับใจ และมี

ภาพพจน์ท่ีดใี นสายตาลูกค้า

212 การจัดการการจดั หาและการจัดซ้ือ

(1.10) การบริการหลังการขาย (Service after Sale) ธุรกิจควรมีการบริการหลัง
การขายอย่างต่อเน่ืองทาให้สินค้าสามารถคงคุณสมบัติหรือหน้าท่ีการงานที่สมบูรณ์ต่อไปได้ รวมท้ัง
บริการในการรบั ฟังความคิดเห็นจากลกู ค้าเก่ยี วกับตัวผลติ ภัณฑ์ด้วย

(2) ลักษณะของบรกิ ารทม่ี ีคณุ ภาพดี (Quality in Services)
(2.1) ความเช่อื ถอื ได้ (Reliability) การบรหิ ารสามารถใหบ้ รกิ ารไดอ้ ยา่ งสม่าเสมอ
(2.2) ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ (Responsiveness) ตรงตามความ

ต้องการทแี่ ท้จริงของลูกคา้
(2.3) ความสามารถ (Competence) พนกั งานทใี่ ห้บริการจะต้องมที ักษะและความรู้

เพอื่ ปฏบิ ัติในการบริการ
(2.4) ความสุภาพ (Courtesy) พนักงานผู้ให้บริการจะต้องมีมารยาทท่ีดี เป็นมิตร

และออ่ นน้อม
(2.5) ความน่าไว้วางใจ (Credibity) ผู้ให้บริการจะต้องเป็นคนท่ีมีความซื่อสัตย์,

ความน่าไวใ้ จและนา่ เชือ่ ถอื
(2.6) ความปลอดภัย (Security) การบริการจะตอ้ งมคี วามปลอดภัย ไมม่ คี วามเส่ยี ง
(2.7) ความเข้าถึง (Access) การบริการควรจะงา่ ยตอ่ การตดิ ต่อ
(2.8) การติดต่อส่อื สาร (Communication) การบริการควรจะสามารถให้ข้อมูลเม่ือ

ลูกคา้ ต้องการหรอื สอบถาม
(2.9) ความเข้าใจในตัวลูกค้า (Understanding the Customer) การเข้าใจลักษณะ

เฉพาะของลกู ค้าแต่ละคน
(3) ทัศนะคติของลกู ค้าในแงข่ องผลติ ภัณฑ์ทม่ี ีคณุ ภาพทีด่ ี
(3.1) ผลติ ภณั ฑส์ ามารถใช้งานได้ดตี ามรายละเอยี ดทางวศิ วกรรม (Specification)
(3.2) ผลติ ภัณฑค์ มุ้ คา่ กับเงินหรอื ราคาทลี่ ูกค้าจ่ายเพอื่ จะได้ผลิตภณั ฑ์นั้นมา
(3.3) ผลิตภัณฑ์เหมาะสมกับการใช้งานตามวัตถุประสงค์ของผู้ใช้ โดยมีความ

ปลอดภัยต่อผใู้ ช้และสง่ิ แวดล้อมด้วย
(3.4) ผลิตภัณฑ์มีการบริการประกอบเพื่อความสะดวกของลูกค้า หรือเพ่ือรักษา

สภาพทีส่ มบรู ณ์ของสนิ ค้าให้คงอยู่ในชว่ งระยะเวลาการใช้งานไดต้ ลอด
(3.5) ผลิตภณั ฑส์ ร้างความภาคภูมใิ จ ความประทับใจใหแ้ กผ่ ู้ใช้

(4) ทศั นคติของลูกคา้ ในแง่ของผลติ ภณั ฑท์ ี่มีคุณภาพทีด่ สี าหรบั ผู้ผลติ คุณภาพทดี่ ี

บทท่ี 9 การเลือกสรรผลิตภัณฑ์ทมี่ ีคณุ ภาพ 213

(4.1) การผลิตให้ถกู ต้องตั้งแตแ่ รก
(4.2) การผลิตที่มีระดับของของเสียอยู่ในเกณฑ์ที่กาหนดไว้ และเป็น Zero Defect
ซงึ่ หมายถึงไมม่ ขี องเสยี จากการผลติ เลย
(4.3) การผลติ ตามตวั แปรทีต่ ้องการอยา่ งถกู ตอ้ ง ไมเ่ บีย่ งเบนจากมาตรฐานทต่ี ัง้ ไว้
(4.4) การผลิตที่มีระดับตน้ ทุนที่เหมาะสม ซ่งึ จะทาให้ลกู คา้ ที่มีความตอ้ งการสามารถ
ซื้อผลิตภัณฑ์ในระดบั ราคาท่ยี อมรับได้

9.2 การจดั การคุณภาพของสินคา้ และบริการ
(Quality Management in Product & Service)
ความหมายท่ีสาคัญของคุณภาพของสินค้าและบริการ คือ ความเหมาะสมท่ีจะใช้งาน

การจัดการคุณภาพเพ่ือให้ผลิตภัณฑ์หรือบริการมีความเหมาะสมกับการใช้งาน ควรมีการควบคุม
คุณภาพในการผลติ ตลอดจนการควบคมุ ภายใน การจาหนา่ ย ติดตง้ั และใชง้ าน

คุณภาพของสินค้าท่ผี ลติ ออกมาหรือชนิ้ สว่ นวตั ถุดบิ ท่นี ามาใชง้ านซง่ึ มีเป็นจานวนมากอาจใช้
วธิ ีการสุ่มตัวอย่างมาตรวจสอบเพียงบางอย่าง วิธีการสุ่มตัวอย่างน้กี าหนดข้ึนโดยพิจารณาจากระดับ
คุณภาพท่ีต้องการเทียบกบั โอกาสเสี่ยงในความผิดพลาดทีอ่ าจจะเกิดข้ึนในการท่ีสนิ คา้ ที่ดีอาจไม่ผ่าน
การตรวจสอบและสินค้าท่คี ุณภาพไม่ดีอาจผ่านการตรวจสอบเน่ืองจากความเสี่ยงในการสุ่มตัวอย่าง
โดยอาจใช้ตารางมาตรฐานชว่ ยกาหนดแผนการสุม่ ตัวอยา่ งได้

ดังนั้นจะเห็นว่า ความต้องการในด้านคุณภาพได้เข้ามามีบทบาทกับชีวิตประจาวันของเรา
ทุกคนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการแข่งขันของธุรกิจที่การวัดความสาเร็จขององค์การ
จะอยู่ที่ผลงานท่ีมีคุณภาพ โดยที่คุณภาพถือเป็นสิ่งที่สาคัญย่ิงในการท่ีเราต้องปฏิบัติ และพัฒนา
อยา่ งต่อเน่อื ง เพราะคณุ ภาพเปน็ สิง่ ทม่ี อี ิทธิพลตอ่ ความดารงอยขู่ องธุรกจิ และองคก์ ร

(ฐาปนา บุญหล้า,FCILT,CMC, 2559) จากความหมายของคาว่าคุณภาพของสินค้าและ
บริการ มาสู่แนวทางการดาเนินการเพื่อคุณภาพที่ดีนั้น ได้มีคาที่ใช้ในการบ่งบอกถึงการปฏิบัติการ
เกี่ยวกับคุณภาพ เช่น ระบบคุณภาพ การควบคุมคณุ ภาพ การประกันคุณภาพ หรือ การบริหารงาน
คุณภาพ ฯลฯ ซงึ มคี วามหมายแตกตา่ งกนั ดังตอ่ ไปน้ี

9.2.1 การควบคุมคุณภาพของสินค้าและบริการ (Quality Control in Product & Service)
หมายถึง กิจกรรมและกลวิธีการปฏิบัติเพื่อสนองความต้องการด้านคุณภาพภายในธุรกิจ โดยการ
ตรวจสอบ การวัด และการทดสอบท่ีมุ่งจะควบคุมวัตถุดิบ กระบวนการ และการกาจัดสาเหตุของ


Click to View FlipBook Version