The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by kanyakudfoo, 2021-06-26 23:33:22

รูปแบบการบริหารงานวิชาการสู้ความเป็นเลิศของโรงเรียนสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

241

ตอนที่ 1 คาถามเก่ียวกบั ผ๎ูตอบแบบสอบถาม
โปรดตอบแบบสอบถามตามข๎อมลู ของทาํ นลงใน โดยทาเคร่ืองหมาย  ลงในชํองวาํ ง

สาหรับคาตอบในแตลํ ะขอ๎ ตามความเปน็ จริง
ผ๎เู ชยี่ วชาญ
ผู๎อานวยการสถานศึกษา
รองผู๎อานวยการสถานศกึ ษาฝา่ ยวชิ าการ/ หวั หนา๎ งานวชิ าการ

ตอนที่ 2 แบบสอบถามความคิดเห็นเก่ียวกบั ความเหมาะสมของคํมู อื การปฏิบตั ิงานวชิ าการ
สูํความเปน็ เลิศของโรงเรยี นสังกัดองคก๑ รปกครองสวํ นท๎องถิ่น

โปรดแสดงความคิดเห็นของทาํ น โดยทาเคร่ืองหมาย  ลงในชอํ งความเหมาะสม
ของรายการประเมนิ วํามคี วามเหมาะสมเพียงใด

รายการประเมิน ความเหมาะสม
321
1. ความชัดเจนของหลักการและเหตุผลในคมํู ือฯ
2. คูํมือฯ นี้มีความเหมาะสมในการนาไปใช๎เพือ่ พัฒนาคุณภาพงานวิชาการ

ในสถานศึกษา
3. ความชัดเจนของวัตถุประสงค๑
4. เนอ้ื หาด๎านภาวะผนู๎ าทางวชิ าการครอบคลุม
5. เนอื้ หาดา๎ นภารกิจและขอบขาํ ยในการบริหารงานวชิ าการ

สามารถนาไปปฏบิ ัตไิ ด๎
6. เน้อื หาดา๎ นกระบวนการบรหิ ารงานวชิ าการมขี ้ันตอนชัดเจน
7. ภาษาทใี่ ชส๎ ื่อสารในคํมู ือฯ เข๎าใจงํายและเหมาะสม
8. การเรยี งลาดบั เนื้อหามคี วามเหมาะสม
9. การจดั รูปแบบการพมิ พม๑ ีความเหมาะสม
10. คูํมือฯ อํานเข๎าใจงํายสามารถนาไปปฏิบัตไิ ดจ๎ รงิ

ขอ้ เสนอแนะ
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………

ขอขอบพระคณุ อยาํ งสงู

242

ภาคผนวก ง
คูมํ ือการปฏิบตั งิ านวิชาการสํูความเปน็ เลิศของโรงเรียนสงั กัดองค๑กรปกครองสวํ นท๎องถน่ิ

243

คมู่ อื
การปฏิบัติงานวิชาการสคู่ วามเปน็ เลิศของโรงเรียน

สงั กัดองคก์ รปกครองสว่ นท้องถน่ิ

ของ
นางสาวอมลรดา พทุ ธนิ นั ท์

เอกสารประกอบดุษฎนี พิ นธ์
“เรื่อง รปู แบบการบริหารงานวิชาการสู่ความเปน็ เลิศของโรงเรียน

สังกดั องคก์ รปกครองสว่ นท้องถ่ิน”
สาขาวชิ าการบรหิ ารการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบรู พา

244

คานา

คูํมอื การปฏิบตั ิงานวิชาการสูํความเป็นเลิศของโรงเรียนสงั กัดองค๑กรปกครองสํวนท๎องถ่ิน
ฉบับน้ีเป็นสวํ นหน่ึงของดุษฎีนพิ นธ๑ เรื่อง “รูปแบบการบริหารงานวิชาการสํูความเป็นเลิศของโรงเรียน
สงั กัดองค๑กรปกครองสวํ นทอ๎ งถ่นิ ” ของนางสาวอมลรดา พทุ ธนิ ันท๑ รหสั นสิ ิต 54810129 นิสติ หลักสตู ร
ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา คณะศึกษาศาสตร๑ มหาวิทยาลัยบูรพา โดยมี
จุดประสงคเ๑ พ่ือศึกษาความเหมาะสมของรูปแบบการบริหารงานวิชาการสํคู วามเปน็ เลิศของโรงเรียน
สังกัดองค๑กรปกครองสวํ นท๎องถิ่นท่ีสร๎างข้ึนวาํ สงํ ผลตํอการปฏิบตั ิงานได๎จรงิ หรือไมํ โดยนาแนวคิด
จากการสังเคราะห๑เอกสาร ตารา วรรณกรรม และงานวิจยั ท่ีเก่ียวข๎องกับรูปแบบการบริหารงานวิชาการ
สคํู วามเป็นเลศิ อีกท้ัง สมั ภาษณผ๑ ๎ูบริหารสถานศึกษาทไ่ี ด๎รบั การยอมรับในการบริหารงานสถานศกึ ษา
นามาสังเคราะห๑องค๑ประกอบได๎ 4 องค๑ประกอบ ไดแ๎ กํ ภาวะผนู๎ าทางวิชาการ ภารกิจและขอบขําย
งานวิชาการในโรงเรียน กระบวนการบริหารงานวิชาการและการมีสํวนรํวมในการจัดการศึกษา
นามาวเิ คราะห๑ขอ๎ มูลอกี ครง้ั เพื่อเขียนเป็นคมูํ อื การปฏบิ ัตงิ านวชิ าการสคูํ วามเป็นเลศิ ของโรงเรยี น
สังกัดองค๑กรปกครองสํวนท๎องถนิ่ ฉบบั น้ี

ผู๎เขียนหวังเป็นอยาํ งยง่ิ วํา คูมํ ือฉบับนีจ้ ะมีประโยชน๑แกํผนู๎ าไปใชเ๎ ป็นแนวทางในการปฏิบตั ิ
งานบริหารงานวชิ าการ ทกุ ทําน

อมลรดา พุทธนิ ันท๑

245

สารบัญ

บทท่ี หน๎า
1 บทนา..................................................................................................................... 1
1.1 หลกั การและเหตผุ ล........................................................................................ 1
1.2 วัตถปุ ระสงค.๑ .................................................................................................. 4
1.3 ขอบเขตของการศึกษา.................................................................................... 4
1.4 คาจากดั ความเบ้ืองต๎น..................................................................................... 4
2 แนวคดิ ในการบริหารงานวิชาการสูคํ วามเป็นเลศิ .................................................. 6
2.1 แนวคดิ ทฤษฎีเกี่ยวกับการพฒั นาคุณภาพองค๑กร............................................ 6
2.2 แนวคดิ ความเป็นเลิศของปเี ตอรแ๑ ละวอเตอร๑แมน.......................................... 6
2.3 รปู แบบโรงเรยี นเป็นเลิศประเทศสิงคโปร๑...................................................... 9
2.4 รางวัลความเป็นเลศิ ประเทศออสเตรเลีย......................................................... 10
2.5 รางวลั ความเป็นเลิศของโรงเรียนประเทศฮํองกง............................................ 11
2.6 เกณฑ๑คุณภาพการศึกษาเพ่ือการดาเนินการทเ่ี ปน็ เลิศ..................................... 14
3 วธิ ดี าเนนิ งาน......................................................................................................... 16
3.1 ดา๎ นภาวะผนู๎ าทางวิชาการ.............................................................................. 16
3.2 ดา๎ นกระบวนการบริหารงานวชิ าการ.............................................................. 17
4 แนวทางการบรหิ ารงานวชิ าการสูคํ วามเปน็ เลิศ..................................................... 18
4.1 การพัฒนาหลกั สูตรและกระบวนการเรียนรู.๎ .................................................. 18
4.2 การพฒั นาแหลํงเรยี นร๎.ู ................................................................................... 19
4.3 การพฒั นาสือ่ นวตั กรรม เทคโนโลยีเพอื่ การศกึ ษา........................................ 20
4.4 การนเิ ทศการศึกษา......................................................................................... 21
4.5 การวิจยั เพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษา.............................................................. 21
4.6 การประกันคณุ ภาพภายในสถานศกึ ษา........................................................... 21
4.7 การวัดผล ประเมินผล และเทียบโอนผลการเรยี น.......................................... 22
23
บรรณานกุ รม.......................................................................................................................

246

ภาพแสดงข้ันตอนการใชค๎ ํูมือปฏิบตั ิงานวิชาการสคํู วามเปน็ เลศิ ของโรงเรยี น
สงั กดั องคก๑ รปกครองสํวนท๎องถ่นิ

1. วิเคราะหป๑ ญั หา ความต๎องการ และตน๎ ทุนในการพัฒนา
- งบประมาณทีใ่ ช๎ในการดาเนินงาน
- โครงสรา๎ งการบรหิ ารงาน
- บคุ ลากรในการดาเนนิ งาน
- วสั ดุ อปุ กรณ๑ เครอ่ื งมอื ทใ่ี ช๎ในการดาเนินงาน

2. การวางแผนงานวิชาการ
- การพัฒนาหลักสูตรและกระบวนการเรยี นร๎ู
- การพัฒนาแหลํงเรียนรู๎
- การพฒั นาสือ่ นวตั กรรมและเทคโนโลยที างการศกึ ษา
- การพฒั นานเิ ทศการศกึ ษา
- การวจิ ยั เพอื่ พฒั นาคณุ ภาพการศกึ ษา
- การประกันคุณภาพการศึกษา
- การวดั ผล ประเมินผล และเทียบโอนผลการเรยี น

3. ดาเนินงานตามแผน มีปัญหา
1. วิเคราะห๑ปญั หา/ การพฒั นา
4. นิเทศติดตาม 2. วางแผนการแกป๎ ัญหา/ การพัฒนา
3. จดั กิจกรรมแกป๎ ญั หา/ การพฒั นา
ไมํมปี ัญหา 4. เกบ็ รวบรวมข๎อมูล วเิ คราะหข๑ อ๎ มลู
5. ทารายงานผลการดาเนนิ งาน

5. สรุปผลการแกไ๎ ขปญั หา/ การพัฒนา
และนาไปปรบั ปรงุ ทกุ ขั้นตอน

247

บทท่ี 1
บทนา

หลกั การและเหตผุ ล

นานาประเทศให๎ความสาคัญกับการเพ่ิมขีดความสามารถในการแขํงขันของประเทศ
สะทอ๎ นไดจ๎ ากการกาหนดนโยบายเพอ่ื พัฒนาประเทศของภาครฐั ท่มี ีการกาหนดยทุ ธศาสตรก๑ ารพัฒนา
ขีดความสามารถในการแขงํ ขันของประเทศ (ชรินรตั น๑ พมุํ เกษม, 2557, หนา๎ 24) ดังน้ัน จงึ มีการปรับ
แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสงั คมแหงํ ชาติ ฉบบั ที่ 12 (2560-2564) โดยยึดหลกั “ปรชั ญาของเศรษฐกิจ
พอเพียง” “การพฒั นาท่ียง่ั ยืน” และ “คนเป็นศูนย๑กลางการพัฒนา” ทตี่ ํอเน่ืองจากแผนพัฒนาเศรษฐกิจ
และสังคมแหงํ ชาติ ฉบับที่ 9-11 และยดึ หลักการเจริญเตบิ โตทางเศรษฐกจิ ท่ีลดความเหลอื่ มลา้ และ
ขับเคลือ่ นการเจริญเติบโต จากการเพม่ิ ผลติ ภาพการผลิตบนพน้ื ฐานการใช๎ภูมปิ ญั ญาและนวัตกรรม
(สานักงานคณะกรรมการการพัฒนาเศรษฐกิจและสงั คมแหงํ ชาติ, 2559, หนา๎ 1-2) จากปจั จยั ข๎างต๎น
รัฐบาลได๎ให๎ความสาคัญด๎านการพัฒนาการศึกษาเร่ือยมา แม๎การปฏิรูปการศึกษาในชํวงท่ีผํานมา
จะประสบความสาเร็จดา๎ นการปรับโครงสร๎างหนวํ ยงานใหม๎ ีเอกภาพยิ่งขึ้น มีระบบการประเมินคุณภาพ
การศกึ ษาทชี่ ดั เจน แตํการพฒั นาในมติ ขิ องคณุ ภาพการศึกษาขน้ั พ้ืนฐานนบั เปน็ ส่งิ ที่มีความสาคญั
ท่ีต๎องดาเนินการเรํงดํวน โดยเฉพาะคุณภาพผ๎ูเรียนในด๎านงานวิชาการ ความรู๎ ความสามารถในการอําน
เขยี น คิดคานวณ และทกั ษะการคิดวิเคราะห๑ นาไปสูํความจาเป็นต๎องพัฒนาครู อาจารย๑ และบคุ ลากร
ทางการศึกษา สอดคล๎องกับพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภมู ิพลอดลุ ยเดช
ทรงใหค๎ วามสาคัญกับการศึกษา “ประเทศชาติของเราจะเจริญหรือเสื่อมลงนน้ั ยํอมข้ึนอยูํกับการศึกษา
ของประชาชนแตํละคนเป็นสาคัญ ผลของการศึกษาอบรมในวนั นี้ จะเป็นเคร่ืองกาหนดอนาคตของชาติ
ในวนั ข๎างหนา๎ ” ผู๎เป็นครู อาจารยต๑ ๎องสอนให๎สู๎กบั อาเซยี นทว่ั โลกได๎ อบรมให๎เป็นคนดี เป็นรากแก๎ว
มีคุณธรรม จริยธรรม วัฒนธรรมรวมทง้ั มารยาทไทยรับผิดชอบในหนา๎ ท่ี ทราบวาํ พลเมืองดีต๎องทา
อยํางไร (สมปอง สมญาติ และวรี ะพงษ๑ อู๐เจริญ, 2560, หนา๎ 7)

การยกระดับคุณภาพการศกึ ษาของประเทศเพ่ือให๎เกิดความทดั เทียมกับอารยประเทศและ
สามารถแขงํ ขนั ไดใ๎ นระดบั นานาชาติ ซง่ึ เปน็ ความมุงํ หวังของคนไทยทง้ั ประเทศ จึงเปน็ ภารกิจสาคญั
ที่ต๎องปรับปรุงคุณภาพงานวิชาการ ดังนั้น การพัฒนาการศึกษาไทยภายใต๎แผนการศึกษาแหํงชาติ
พ.ศ. 2560-2579 จงึ มํุงเน๎นแกป๎ ญั หาและเรงํ ยกระดบั คุณภาพการศกึ ษาของไทยผําน 6 ยทุ ธศาสตร๑
เพ่ือให๎ “คนไทยทุกคนได๎รับการศึกษาและเรียนรู๎ตลอดชีวิตอยํางมีคุณภาพดารงชีวิตอยํางเป็นสุข
สอดคล๎องกับหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และการเปลย่ี นแปลงของโลกในศตวรรษที่ 21”

248

(จอมหทยาสนิท พงษ๑เสถยี ร, 2560, หนา๎ 25) โดยการจัดการศกึ ษาในทศวรรษที่ 21 ตอ๎ งเน๎นในเรอ่ื ง
ของการเรยี นรูต๎ ลอดชีวติ คือ การเรียนรู๎เพื่อชวี ติ การเรียนรเู๎ พ่ือปฏบิ ัตไิ ดอ๎ ยาํ งจริงจงั ผ๎ูเรยี นมีคุณลกั ษณะ
ใฝด่ ี คิดวิเคราะห๑ มีการแก๎ปัญหา มีความคิดรเิ ร่ิม สร๎างสรรค๑ ตลอดจนมจี ิตสาธารณะ รวมทั้งมีระเบยี บ
วินัย มีจริยธรรม คุณธรรม และใฝ่เรยี นร๎ูอยํางตํอเนื่อง (สภุ สิทธ์ิ ภภู กั ดี, 2558, หน๎า 7) เด็กไทยในโลก
ศตวรรษท่ี 21 ต๎องมีคุณลักษณะ 3Rsx8Cs ได๎แกํ การอํานออก (Reading) การเขียนได๎ (Writing)
การคิดเลขเป็น (Arithmetic) การคิดอยํางมวี ิจารณญาณและมที กั ษะในการแกป๎ ัญหา (Critical thinking
and solving problem) ทกั ษะด๎านการคดิ สร๎างสรรค๑และนวัตกรรม (Creative and innovation) ทักษะ
การรํวมมอื และทางานเป็นทีม ภาวะผูน๎ า (Collaboration teamwork and leadership) ทักษะดา๎ นความเข๎าใจ
ความตาํ งของนวตั กรรม ตํางกระบวนทศั น๑ (Crosscultural understanding) มที ักษะดา๎ นการสอื่ สาร
สารสนเทศและร๎เู ทําทันส่ือ (Communicating informationand media literacy) ทกั ษะด๎านคอมพวิ เตอร๑
และเทคโนโลยีสารสนเทศและการส่อื สาร (Computing and media literacy) มีทักษะอาชีพและ
การเรียนร๎ู (Career and learning self-reliance) รวมถงึ มีเมตตา กรุณา คุณธรรม จริยธรรม และวนิ ยั
(Compassion) สามารถสรา๎ งสงั คมแหงํ การเรียนรูโ๎ ดยมีหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพยี งเปน็ ภูมิคุ๎มกัน
ใหป๎ ระเทศกา๎ วไปขา๎ งหนา๎ อยาํ งมน่ั คง (สานักส่ือสารประชาสัมพันธ๑, 2560, หนา๎ 3)

จะเห็นไดว๎ าํ การพัฒนาเยาวชนไทยในศตวรรษที่ 21 ทีอ่ ยทูํ าํ มกลางกระแสของความเปล่ียนแปลง
อยาํ งรวดเร็วทงั้ ด๎านเศรษฐกิจ สงั คม วัฒนธรรม ทาให๎การพัฒนาเยาวชนต๎องไมํใชเํ พยี งการกาหนด
คุณลักษณะท่ีพงึ ประสงค๑ หากแตํมองการณ๑ไกลไปถงึ การสรา๎ งเยาวชนใหม๎ ีคุณลกั ษณะการเป็นบคุ คล
แหํงการเรียนรู๎ตลอดชีวิตที่มีศักยภาพท้ังในด๎านพฤติกรรม ทักษะ เจตคติ และความร๎ู โดยต๎องให๎
ความสาคัญกับการวางแนวทางการพัฒนาอยํางเหมาะสมกับลกั ษณะของเยาวชนที่เป็นบุคคลแหํง
การเรียนร๎ูจะเป็นกาลงั สาคัญขับเคลื่อนสังคมไทยสกูํ ารเป็นสังคมแหงํ การเรียนร๎ูทม่ี ศี ักยภาพในอนาคต
(ชศู กั ดิ์ เอือ้ งโชคชยั , 2560, หน๎า 28) ดังนนั้ หากพฒั นาคุณภาพงานวิชาการจะสํงผลตอํ การพฒั นาคุณภาพ
การศกึ ษาในภาพรวมเพราะการศกึ ษาเป็นเรื่องท่ีมีความสาคัญโดยตรงตอํ การพฒั นาทรัพยากรบุคคล
ของประเทศให๎เป็นผู๎ร๎ูจักคดิ รจ๎ู กั ทา รู๎จักแก๎ไขปญั หา ตลอดจนรู๎จกั ใชท๎ รัพยากรธรรมชาตทิ ี่มีอยูํให๎
เกิดประโยชน๑สูงสดุ และสนิ้ เปลืองน๎อยที่สุด การที่ประเทศจะเจริญก๎าวหน๎าไดจ๎ าเป็นต๎องมที รพั ยากร
บคุ คลทีม่ ีความร๎ู ความคดิ ความสามารถเปน็ จานวนมาก (วรี จิตร สมคั รพันธ๑, 2557, หน๎า 1)

หากแตปํ จั จุบันผลการพฒั นาคณุ ภาพการศกึ ษาของไทยไมํเปน็ ทีน่ ําพงึ พอใจ ไมํเปน็ ไป
ตามทศิ ทางการพฒั นาคณุ ภาพการศกึ ษาซง่ึ มขี อ๎ มลู นําสนใจใน 3 ด๎าน ดังนี้ 1) บรบิ ทของการจัดการศกึ ษา
1.1) เดก็ ท่ีจะเข๎าสํูระบบการศึกษามีแนวโน๎มลดลง 1.2) สถานศึกษามีแนวโน๎มขนาดเล็กลงและมจี านวน
เพมิ่ มากข้ึน มีข๎อเสนอวําทบทวนการบรหิ ารจัดการทรัพยากรท่ีอยํูในระบบการศึกษาใหม๎ ีประสิทธภิ าพ
และใชป๎ ระโยชน๑ได๎อยาํ งสูงสุด 2) โอกาสทางการศึกษา 2.1) ประชากรกลมุํ อายุวยั เรยี นมีโอกาสเขา๎ รบั

249

การศกึ ษาในระดบั การศกึ ษาข้ันพื้นฐาน (อนุบาล-มธั ยมศึกษาตอนปลาย) เพ่ิมสงู ขนึ้ 2.2) เด็กด๎อยโอกาส
และผู๎มีความต๎องการจาเป็นพิเศษที่ได๎เข๎าเรียนมแี นวโน๎มเพิ่มขน้ึ 2.3) การออกกลางคัน ยังคงเป็นปัญหา
ตํอเน่ือง แตํมีแนวโน๎มท่ดี ขี นึ้ 2.4) ระดบั การศึกษาของประชากรวัยแรงงานทม่ี ีอายุ 15-59 ปี มจี านวน
ปีการศกึ ษาเฉลีย่ เพิ่มขึ้นจาก 8.0 ปี ในปี พ.ศ. 2552 เป็น 10.0 ปี 2.5) อัตราการไมรํ ู๎หนังสือของประชากร
อายุ 15 ปีขึ้นไป มีแนวโน๎มลดลงจากร๎อยละ 5.9 ในปี พ.ศ. 2550 เป็นร๎อยละ 3.3 ในปี พ.ศ. 2558
มีข๎อเสนอวําแม๎โอกาสทางการศึกษาจะมีแนวโน๎มท่ีดีขึ้นแตํยังพบปัญหาประชากรวัยเรียนระดับ
ม.ต๎นที่ไมํไดเ๎ ขา๎ รับการศึกษาในระบบประมาณรอ๎ ยละ 11.7 และประชากรวัยแรงงานท่ีมีการศึกษา
ต่ากวํามัธยมศึกษาตอนต๎น 3) คุณภาพของการศึกษา 3.1) พัฒนาการของเด็กแรกเกิดถึงอายุ 5 ปี
ในชวํ งปี พ.ศ. 2553-2557 พบวาํ มีพฒั นาการสมวยั ลดลงจากร๎อยละ 73.4 เปน็ รอ๎ ยละ 72.7 3.2) ผลสมั ฤทธิ์
ทางการเรยี นระดับการศกึ ษาข้ันพ้ืนฐาน จากคะแนน 0-Net ยงั ไมเํ ปน็ ทน่ี ําพอใจ 3.3) ความสามารถ
ในการเรียนรข๎ู องผู๎เรยี นเทยี บกบั นานาประเทศทว่ั โลกและในอาเซียน ไทยยังอยใํู นลาดบั ท่ตี า่ 3.4) ทักษะ
การเรียนร๎ูและการใฝ่หาความร๎ูของคนไทยพบวาํ เพิม่ มากขึ้น แตยํ ังขาดความสามารถในการจัดการ
และการสังเคราะหข๑ ๎อมูล 3.5) จานวนคดเี ดก็ และเยาวชนท่ีถกู ดาเนนิ คดีมีแนวโนม๎ ลดลง 3.6) ทกั ษะ
ดา๎ นภาษาของแรงงานท่ีตอบสนองตํอความตอ๎ งการของผู๎ประกอบการมีแนวโน๎มลดลง 3.7) ผลผลติ
ของการศกึ ษากบั ความตอ๎ งการกาลังคน พบวาํ มีความไมสํ อดคล๎องกันมขี อ๎ เสนอวาํ 1) คุณภาพการศกึ ษา
ทง้ั ดา๎ นวิชาการและคุณลักษณะของผู๎เรยี นยงั ไมนํ ําพอใจและทักษะของกาลงั แรงงานยงั ไมตํ อบสนอง
ความต๎องการของผ๎ูประกอบการ 2) ตอ๎ งมกี ารวิเคราะห๑ทบทวนเป้าหมายและสาขาการผลิตและคุณภาพ
ของกระบวนการจดั การศกึ ษา (เผชญิ ธรรมสรางกูร, 2560, หนา๎ 66)

จะเห็นได๎วาํ ทิศทางการพฒั นาคุณภาพการศึกษาของไทย และปัญหาคุณภาพการศกึ ษา
ดงั กลาํ วผบ๎ู ริหารสถานศกึ ษาและผ๎ูมสี วํ นเก่ียวขอ๎ งทางการศกึ ษาควรพฒั นาในดา๎ นวชิ าการให๎มากยงิ่ ขึ้น
เพราะงานวิชาการเป็นงานท่ีสาคญั ที่สดุ ของโรงเรียน เนอื่ งจากการบริหารงานวชิ าการเก่ยี วข๎องกบั
กิจกรรมทุกชนิดในโรงเรียน โดยเฉพาะเก่ียวกับการปรับปรุงคุณภาพการเรียนการสอน ซ่ึงเป็น
จดุ มงุํ หมายหลกั ของสถานศึกษาและเป็นเคร่ืองช้ีความสาเร็จ และความสามารถของผู๎บริหาร ผ๎ูเขียน
ในฐานะเป็นผ๎ูบริหารสถานศึกษาคนหน่ึง ท่ีคาดหวังเห็นการศึกษาของไทยมีคุณภาพมากย่ิงข้ึน
จึงเขยี นคมํู อื การปฏบิ ัติงานบรหิ ารงานวชิ าการสคํู วามเป็นเลิศของโรงเรียนสงั กดั องคก๑ รปกครอง
สํวนท๎องถ่นิ เพ่ือใชเ๎ ปน็ แนวทางในการพัฒนาคุณภาพการจัดการเรยี นการสอนไปสํูความเปน็ เลิศ
ยกระดบั คณุ ภาพงานวิชาการให๎มปี ระสิทธภิ าพมากยิง่ ขนึ้

250

วตั ถปุ ระสงค์

วัตถปุ ระสงค๑ของคมํู ือในการนาไปใช๎
1. เพ่ือศึกษาความเหมาะสมของรูปแบบการบริหารงานวิชาการสูํความเป็นเลิศของโรงเรียน
ท่สี ร๎างขึ้นวาํ สงํ ผลตํอการปฏบิ ตั ิงานไดจ๎ รงิ หรือไมํ
2. เพ่ือทราบความคิดเห็นของผเู๎ กี่ยวข๎องท่มี ตี ํอคํมู ือการปฏิบัตงิ านวชิ าการสคูํ วามเป็นเลิศ
ของโรงเรยี นสงั กดั องค๑กรปกครองสวํ นท๎องถิ่น จากการนาไปใช๎
3. เพื่อนาแนวคิด ข๎อเสนอแนะ ไปปรับปรุงรปู แบบการบริหารงานวิชาการสํูความเป็นเลิศ
ของโรงเรยี นสังกัดองคก๑ รปกครองสวํ นท๎องถนิ่ ทีส่ ร๎างขึ้น

ขอบเขตของการศกึ ษา

ผเู๎ ขยี นไดส๎ รปุ เนื้อหาของคํูมือการปฏบิ ัติงานบริหารงานวิชาการสูํความเป็นเลิศของโรงเรยี น
สงั กัดองค๑กรปกครองสํวนท๎องถนิ่ จากการสงั เคราะห๑ เอกสาร และงานวจิ ยั ท่ีเก่ยี วข๎องผลการศึกษา
ทไี่ ดป๎ ระกอบด๎วย 4 องค๑ประกอบ ไดแ๎ กํ องค๑ประกอบท่ี 1 ภาวะผู๎นาทางวชิ าการ องค๑ประกอบท่ี 2
ภารกจิ และขอบขํายงานวชิ าการในโรงเรียน องคป๑ ระกอบที่ 3 กระบวนการบริหารงานวชิ าการ
องคป๑ ระกอบที่ 4 การมีสวํ นรํวมในการจัดการศึกษา

คาจากัดความเบือ้ งต้น

1. รูปแบบการบริหารงานวชิ าการสํคู วามเปน็ เลิศ หมายถงึ องคป๑ ระกอบที่ได๎จาก
การสังเคราะห๑ แนวคิด ทฤษฎีงานวจิ ัยของนักการศกึ ษา การสัมภาษณ๑ผูเ๎ ช่ียวชาญประกอบด๎วย

1.1 ภาวะผู๎นาทางวิชาการ หมายถึง ผู๎บริหารสถานศกึ ษาต๎องมภี าวะผู๎นา มกี ารกาหนด
ทิศทางในการบริหารงานอยํางชัดเจน ผู๎บริหารต๎องผลักดันและสนับสนุนให๎เกิดการดาเนินงาน
ตามทิศทางที่กาหนด ตลอดจนติดตามและทบทวนผลการดาเนินงาน ประกอบดว๎ ย การจัดองคก๑ าร
เพอื่ การเรยี นการสอน การกาหนดทิศทาง นโยบาย เป้าหมาย และแนวทางการจัดการศึกษาการพัฒนา
ระบบงานและคณุ ลกั ษณะการเปน็ ผู๎นาสถานศกึ ษา

1.2 ภารกิจและขอบขํายงานวชิ าการในโรงเรยี น หมายถงึ ผ๎บู รหิ ารสถานศึกษาต๎องมี
การวางแผนกลยุทธอ๑ ยาํ งเหมาะสมกบั สภาพแวดล๎อมทั้งภายในและภายนอก และทีส่ าคัญต๎องมกี ารนา
กลยุทธ๑ไปสกูํ ารปฏิบตั ิ ตลอดจนมีการติดตามผลการปฏิบตั ิงานเพื่อให๎บรรลุวัตถุประสงค๑ความเป็นเลิศ
ของสถานศึกษา ภารกิจหลักของสถานศึกษาด๎านงานวิชาการ ประกอบด๎วย การพัฒนาหลักสูตร
สถานศึกษาการพฒั นากระบวนการเรียนรู๎ การพัฒนาแหลํงเรยี นร๎ู การพฒั นาสอื่ นวัตกรรมและ

251

เทคโนโลยีเพื่อการศึกษา การนิเทศการศกึ ษา การวิจยั เพ่อื พฒั นาคณุ ภาพการศกึ ษา การประกนั คุณภาพ
ภายในสถานศกึ ษา การแนะแนวการศึกษา และการวัดผล ประเมนิ ผล และเทยี บโอนผลการเรียน

1.3 กระบวนการบริหารงานวิชาการ หมายถึง การจัดการบริหารงานวิชาการในดา๎ นตําง ๆ
ในดา๎ นการวางแผนงานวิชาการ การนาแผนไปปฏบิ ัติ การตรวจสอบและประเมินผล และการนาผล
มาปรับปรุงพัฒนา

1.4 การมีสํวนรํวมในการบริหารงานวิชาการ หมายถงึ ผ๎ูบริหารสถานศึกษาสร๎างคํานิยม
ของคนในสถานศกึ ษาใหม๎ สี วํ นรวํ ม มีความสัมพันธ๑เชิงบวกในการทางานให๎บรรลุเป้าหมายอยาํ งมี
ประสิทธภิ าพและประสทิ ธผิ ล จูงใจ ชวํ ยให๎ครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษาสามารถพฒั นาและใช๎
ศักยภาพของตนเองอยาํ งเตม็ ที่ ในการมํุงไปสํเู ป้าหมายของสถานศกึ ษา ตามวัตถปุ ระสงคแ๑ ละแผน
ปฏิบัติการ รวมไปถงึ การสร๎างบรรยากาศท่ีเก้อื หนนุ เพอื่ โนม๎ ไปสผูํ ลการดาเนินการท่เี ป็นเลศิ
ประกอบดว๎ ย การมสี ํวนรํวมของผ๎ูมสี วํ นไดส๎ ํวนเสยี ในการจดั การศึกษา การสงํ เสริมความรู๎ทางวิชาการ
แกํผมู๎ ีสวํ นได๎สํวนเสยี

2. ความเป็นเลศิ หมายถึง ระดับความสาเร็จ หรือประสทิ ธิผลของการดาเนินงานทีม่ ีคุณภาพ
มคี วามโดดเดนํ เปน็ ท่ีพึงพอใจและยอมรับของผเ๎ู กยี่ วขอ๎ ง สามารถเปน็ แบบอยํางของงานชนิดเดียวกันได๎
รวมทง้ั สามารถดารงคุณภาพไวไ๎ ด๎อยํางยง่ั ยนื

252

บทที่ 2
แนวคิดในการบรหิ ารงานวิชาการสู่ความเป็นเลิศ

แนวคดิ ในการสร๎างคํูมือ การปฏบิ ตั ิงานวชิ าการสคูํ วามเป็นเลศิ ของโรงเรียน ในสงั กดั
องคก๑ รปกครองสํวนท๎องถ่นิ ผ๎วู จิ ยั ได๎ศกึ ษาทฤษฎี แนวคิดเกยี่ วกบั การพัฒนาคณุ ภาพองค๑การ ดังนี้

แนวคดิ ทฤษฎเี กีย่ วกับการพฒั นาคณุ ภาพองค์กร

แนวคิดความเปน็ เลิศของปีเตอร์และวอเตอร์แมน
Peter and Waterman (1988, pp. 13-19) เสนอกรอบแนวคิดตามคณุ ลักษณะ 8 ประการ
ของความเป็นเลิศในการบริหารเปน็ การจาแนกกรอบพื้นฐาน 7-S ทคี่ ๎นพบจากการวิจยั ทบี่ ริษทั
ในอเมริกันประสบความสาเร็จในการดาเนนิ งานอยํางสูงมรี ายละเอียด ดงั น้ี
1. มุํงการปฏบิ ัติ (A bias for action) มขี ั้นตอนดังน้ี

- การทาให๎องค๑การมีความคลํองตัว
- การแบํงออกเป็นกลุํม ๆ
- องค๑กรคิดคน๎ ทดลองปฏิบัติ
- เน๎นความเรว็ และจานวน
- เน๎นการเรียนร๎ูแบบประหยัด
- เนน๎ เน้ือหาการทดลองปฏบิ ัติ
- ระบบทีง่ ําย
2. การใกล๎ชิดกบั ลูกคา๎ (Closed to customer)
- กลยทุ ธด๑ า๎ นบรกิ ารคุณภาพและความเช่อื ถือ
- ความเปน็ นักหาชํองทาง
- การรบั ฟังความคดิ เหน็ ของลกู คา๎
3. ความเป็นอิสระและความเป็นเจา๎ ของ (Autonomy and entrepreneurship)
- การกระจายอานาจ
- จัดกลมํุ งานขนาดเล็ก
- สนับสนุนการคดิ ค๎นส่ิงใหมํ ๆ
- เน๎นการแขํงขัน

253

- ใช๎การติดตอํ ส่อื สารอยํางไมเํ ป็นทางการ
- อดทนตํอความล๎มเหลว
4. การเพ่ิมผลผลติ โดยอาศยั คน (Productivity through people)
- ผ๎บู รหิ ารมที ัศนคติที่ดีตอํ พนักงาน
- นาองคป๑ ระกอบระบบสไตลก๑ ารบรหิ ารคํานยิ มรํวม สนับสนนุ ใหเ๎ พม่ิ ผลผลติ
- ใชน๎ โยบายไมปํ ลดพนักงานออก ฝึกอบรมและพฒั นาพนกั งาน
- ใช๎ภาษาใหเ๎ กยี รติ
- นาระบบการจงู ใจมาใช๎
- สร๎างบรรยากาศในการทางานรํวมกนั
- ไมเํ ข๎มงวดในเร่ืองการปฏิบัติตามสายบังคบั บญั ชามากนัก
- สร๎างความตื่นตวั ให๎แกพํ นักงาน
- เข๎มงวดกบั การคดั เลือกกล่ันกรองและการรับพนกั งานใหมํ
- ให๎พนักงานใหมไํ ด๎สัมผัสงานจรงิ ดว๎ ยตัวเอง
- ให๎พนกั งานมสี ํวนรํวมในการรบั ทราบขอ๎ มลู
- เนน๎ การปรับกลมํุ งานใหม๎ ขี นาดเลก็ กะทัดรัด
- กาหนดปรชั ญาท่ีเนน๎ ความไว๎วางใจพนกั งานมาใช๎
5. การสมั ผัสและมุงํ คุณคํา (Hand-on and close to the customer value-driven)
- ให๎ความสาคัญกบั คุณคําและคณุ ภาพการบริการ
- กาหนดเป้าหมายเชิงคุณภาพมากกวาํ ปรมิ าณ
- เชือ่ วาํ พนกั งานทุกคนเป็นทรพั ยากรท่ีมคี ุณคํา
- ต๎องมีวิสยั ทศั น๑กวา๎ งไกล
- ไมเํ รียกพนักงานมาพบท่ีห๎องทางาน
- จดั ให๎มีการพบปะสงั สรรคใ๑ นกลุํมผูบ๎ รหิ ารระดบั สูง
- สํงเสรมิ บรรยากาศท่ดี ีในการทางานไมํเครียดจนเกินไป
6. ทาแตธํ รุ กจิ ที่มคี วามเช่ยี วชาญและเกยี่ วเน่ือง (Stick to the knitting)
- ไมํขยายธรุ กจิ ออกไปในดา๎ นที่ตนเองไมํชานาญ
- หากตอ๎ งขยายธุรกจิ ของตนเองออกไปในด๎านท่ีตนเองไมํชานาญต๎องใชเ๎ งนิ ไมํสงู นกั
มํงุ ความเฉพาะดา๎ นบางสาขาเพื่อสนับสนนุ งานหลกั ท่ีดาเนินการอยํู ควรทดลองเพิ่มข้ึนทีละน๎อย
และหากไปได๎ดีก็ให๎ความสาคญั มากข้ึน

254

7. รูปแบบท่เี รยี บงาํ ยและใช๎คนน๎อย (Simple form and lean staff)
- จัดโครงสรา๎ งองค๑การแบบเมทริกซ๑
- การจดั โครงสร๎างองค๑การในระดบั บนดว๎ ยการใชโ๎ ครงสรา๎ งแบบรปู แบบเดียว
- โครงสรา๎ งมีขนาดกะทดั รัด ใชค๎ นนอ๎ ย
- โครงสร๎างมีความเหมาะสม สามารถปรับตวั แตํยังคงรปู เดิม

8. การเขม๎ งวดและผอํ นปรนในขณะเดียวกัน (Simultaneous loose tight properties)
- สรา๎ งสภาพแวดลอ๎ มท่ีเหมาะสมตํอการทางาน
- โครงสร๎างมคี วามยดื หยุํน
- ใหพ๎ นกั งานทางานโดยสมคั รใจ ยอมรบั นักคิดค๎นสงิ่ ใหมํ ๆ
- ตั้งทมี หรือกลุํมงานทมี่ งุํ ทดลองปฏิบัติ
- ประเมินแบบไมํเป็นทางการดา๎ นบวกและสรา๎ งเครือขํายทางสงั คม
- สร๎างเคร่ืองมือดา๎ นการควบคุม
- ให๎ความสาคญั กบั คุณภาพมากอํ นตน๎ ทุน
- เขม๎ งวดกบั ระเบียบขอ๎ บงั คับตําง ๆ
- ให๎พนกั งานทุกคน ยดึ ถอื การทางานทมี่ ีคุณภาพ
- เน๎นการกระทาสง่ิ ตําง ๆ อยํางเรยี บงํายโดยอาศัยหลักของความเปน็ จริง
- เน๎นการสอื่ สารท่ีจะต๎องกระทาอยาํ งจริงจัง เข๎มงวดและรวดเร็ว

ความสัมพันธร๑ ะหวํางโครงสรา๎ งพื้นฐาน McKinsey framework 7-S กับคณุ ลกั ษณะของ
ความเป็นเลศิ ในเชงิ บริหาร 8 ประการ ซึง่ โดยนัยกค็ ือ วิธกี ารบริหารตวั แปรท้งั ฮารด๑ แวร๑และ
ซอฟท๑แวร๑ของบรษิ ัทอเมรกิ ันดเี ดํน ดังนี้

255

ตารางท่ี 1 ความสมั พนั ธ๑ระหวาํ งโครงสร๎างพนื้ ฐาน McKinsey framework 7-S กับคณุ ลักษณะของ
ความเปน็ เลิศในเชงิ บรหิ าร (Peter & Waterman, 1982)

โครงสร้างพื้นฐาน คุณลกั ษณะความเปน็ เลิศดา้ นการบริหาร
1. โครงสรา๎ ง (Structure)
2. กลยุทธ๑ (Strategy) 1. รูปแบบเรียบงาํ ยธรรมดา
3. บุคลากร (Staff) พนกั งานอานวยการ มจี านวนจากัด
4. รูปแบบการบริหารจดั การ (Style)
5. ระบบและวธิ กี าร (Systems) 2. มคี วามใกลช๎ ิดกับลกู คา๎
6. คณุ คํารํวม (Shared values) 3. ทาแตํธุรกจิ ท่มี คี วามเชี่ยวชาญและเก่ียวเนื่อง
7. ทกั ษะ (Skills) 4. มคี วามอิสระในการทางาน และความร๎ูสกึ

เจ๎าของกจิ การ
5. เพิ่มผลผลติ โดยอาศยั พนักงาน
6. สัมผัสกับงานอยาํ งใกลช๎ ดิ
7. มุํงเน๎นการปฏบิ ัติ
8. ความเช่ือมั่นในคุณคําเป็นแรงผลกั ดนั
9. เขม๎ งวดและผํอนปรนในเวลาเดยี วกนั

กลําวโดยสรุป แนวคิดทฤษฎีเกยี่ วกับการบริหารสูํความเป็นเลศิ โดยภาพรวมประกอบดว๎ ย
ภาวะผนู๎ า การวางแผนกลยทุ ธ๑ การมงํุ เน๎นทรพั ยากรบคุ คล กระบวนการ และผลลพั ธ๑

รปู แบบโรงเรียนเป็นเลศิ ประเทศสิงคโปร์ (School Excellence Model: SEM)
รปู แบบโรงเรยี นเปน็ เลศิ ประเทศสงิ คโปร๑ (SEM) คือ รปู แบบการประเมนิ ตนเองของโรงเรยี น
ซ่งึ ได๎บรู ณาการ รปู แบบความเป็นเลศิ ท่ีชอื่ เสียงตําง ๆ เชํน รางวลั คุณภาพของยโุ รป รางวัลคณุ ภาพ
ของสิงคโปร๑ รางวัลคณุ ภาพประเทศสหรัฐอเมรกิ าเขา๎ ด๎วยกัน โดยโรงเรียนสามารถกาหนดทิศทาง
การดาเนินงานของตนเอง โดยการเทยี บเคียงการจัดการศกึ ษาทเ่ี ปน็ เลศิ ของชาติ รปู แบบโรงเรียน
เป็นเลิศประเทศสิงคโปร๑ (SEM) มีจุดประสงค๑เพ่ือการพฒั นาด๎านคุณภาพของโรงเรียน การวัดผล
ประเมินผลของโรงเรียนและการเทียบเคยี งกบั โรงเรยี นเป็นเลศิ ตําง ๆ ในการจัดการศกึ ษาของประเทศ
สิงคโปร๑มีปจั จยั ดังน้ี
1. ด๎านภาวะผนู๎ า ตอ๎ งมีภาวะผ๎นู า คาํ นยิ ม ด๎านการจัดการเรยี นการสอน การวัดผล
ประเมนิ ของนักเรียนมงุํ สคํู วามเป็นเลศิ ทางการศึกษาโดยการมีสํวนรํวมของชุมชนและสงั คม
2. ด๎านการวางแผนกลยุทธ๑ ตอ๎ งรํวมกันกาหนดโครงสร๎าง การวางแผนกลยุทธเ๑ ป้าหมาย
การจัดการศึกษาอยํางชัดเจน โปรํงใส โดยการมีสวํ นรวํ มของผม๎ู สี ํวนได๎สวํ นเสยี

256

3. ด๎านการจัดการบคุ ลากร ผู๎อานวยการโรงเรยี น ครูและบุคลากรทางการศกึ ษา
ต๎องมีความร๎ู มคี วามพร๎อมในการพัฒนาโรงเรยี นสํคู วามเป็นเลศิ

4. ดา๎ นทรพั ยากร ตอ๎ งให๎การสนบั สนนุ ด๎านทรัพยากร วสั ดุ อปุ กรณใ๑ นการจัดการศึกษา
ทง้ั ภายในและภายนอกโรงเรียนอยํางเพียงพอ

5. ด๎านเป้าหมายนักเรยี น ต๎องออกแบบ กระบวนการจัดการศึกษา การนาไปใช๎ การบริหาร
จดั การศกึ ษาและระบบการทางานของครู และบคุ ลากร ตลอดจนด๎านคณุ ภาพของนกั เรียนสคูํ วามเป็นเลศิ

6. ด๎านการบรหิ ารและผลการปฏิบตั งิ าน
7. ดา๎ นผลลัพธข๑ องบุคลากร ตอ๎ งมคี วามตระหนักในดา๎ นประสทิ ธิภาพของนกั เรยี น
สํคู วามเป็นเลิศ
8. ดา๎ นการมสี วํ นรํวมและสังคม ตอ๎ งมคี วามตระหนัก ด๎านมคี วามสมั พนั ธ๑อนั ดีกบั ผู๎ปกครอง
ชมุ ชน และสงั คม
9. ด๎านผลการประเมินการปฏบิ ัตงิ าน ต๎องมคี วามตระหนัก ดา๎ นผลการประเมินการปฏิบตั งิ าน
ของบุคลากรทกุ คนต๎องมคี วามต้ังใจ ความรํวมมอื และมีความปรารถนาดีในการจดั การศึกษามุํงสํู
ความเปน็ เลศิ จากทุกฝา่ ย
สรปุ ไดว๎ าํ รูปแบบโรงเรียนเป็นเลศิ ประเทศสงิ คโปร๑ (SEM) ประกอบด๎วย ดา๎ นภาวะผน๎ู า
ด๎านการวางแผนกลยุทธ๑ ดา๎ นการจดั การบุคลากร ดา๎ นทรัพยากร ด๎านเปา้ หมายนกั เรยี น ผอ๎ู านวยการ
โรงเรียน ครู และบคุ ลากรทางการศกึ ษา ดา๎ นการบริหารและผลการปฏบิ ัติงาน ด๎านผลลพั ธ๑ของบุคลากร
ดา๎ นการมสี ํวนรํวมและสังคม และดา๎ นผลการประเมินการปฏบิ ตั งิ าน
รางวลั ความเปน็ เลิศประเทศออสเตรเลยี (Australian Excellence Award: AEA)
รางวลั ความเป็นเลิศประเทศออสเตรเลยี เม่ือปี ค.ศ. 1983 กรอบแนวคิดของรางวัลน้ีมาจาก
การศกึ ษาและรวบรวมข๎อมลู จากองคก๑ รตําง ๆ ที่ประสบความสาเร็จในการประกอบธุรกิจเปน็ เวลา
กวาํ 15 ปี การพฒั นากรอบแนวคดิ เพื่อพฒั นานวตั กรรม การปรับปรงุ และการประสบความสาเรจ็
ทย่ี าวนานซึ่งสามารถนาไปใชก๎ ับทกุ องค๑กร ทุกขนาด และทกุ ประเภท
องคป๑ ระกอบของรางวัลนีม้ ีท้ังหมด 6 องค๑ประกอบ และในแตลํ ะองค๑ประกอบ
เพอ่ื เป็นแนวทางในการดาเนินงานสคูํ วามเป็นเลิศ ได๎แกํ
1. ภาวะผ๎ูนา ทิศทางกลยุทธ๑ วัฒนธรรมองคก๑ าร การวางแผน การพฒั นา และการปรบั ใช๎
ของผลลัพธ๑
2. ความร๎แู ละสารสนเทศ การเก็บข๎อมลู และแปลขอ๎ มูลไปสสํู ารสนเทศ การบูรณาการ
และการใชค๎ วามรู๎ในการตัดสินใจ การสรา๎ งและการจัดการความรู๎

257

3. การมุํงเนน๎ ลกู คา๎ และตลาด ความรู๎เก่ียวกับลกู ค๎าและตลาด การจดั การความสมั พนั ธ๑
กับลกู ค๎า การรับร๎ขู องลกู คา๎ ในคณุ คาํ

4. นวตั กรรม คณุ ภาพ และการปรบั ปรุง กระบวนการเกี่ยวกับนวตั กรรม กระบวนการ
เกี่ยวกบั คํคู ๎า และหุ๎นสวํ น การจดั การ และการปรบั ปรงุ กระบวนการ

5. คณุ ภาพของสนิ ค๎าและบริการ ผลสาเรจ็ และความยั่งยืน ตัวช้วี ัดความสาเร็จตัวช้ีวดั
ความยง่ั ยนื

การประเมนิ โดยผ๎ูเช่ียวชาญจะครอบคลุม 4 ด๎าน คือ องคก๑ ารมีการวางแผนและการจัด
โครงสร๎างอยาํ งไร การนาแผนและโครงสร๎างตําง ๆ ไปสกูํ ารปฏิบตั ิ การวัดและวิเคราะหผ๑ ลลพั ธ๑
และการเรียนร๎ูจากประสบการณ๑ที่ผํานมา การประเมินเหลําน้ีเป็นการประเมินท่ีเรียกวํา ADRI
เป็นการประเมินในดา๎ นการเข๎าถึง (Approach) การแปลไปสกูํ ารปฏิบัติ (Deploy) ผลลพั ธ๑ (Result)
และการปรับปรงุ (Improvement) รางวัลความเป็นเลิศประเทศออสเตรเลยี (Australian Excellent
Award: AEA) (เขา๎ ถงึ เมอ่ื 13 มกราคม 2555 เข๎าถึงได๎จาก http://sai-global.com)

รางวัลความเปน็ เลิศของโรงเรยี นประเทศฮ่องกง (The Outstanding Teachers and
School Award: HK)

รางวลั ความเป็นเลศิ ของประเทศฮอํ งกง เป็นแผนงานหน่ึงในแผนการปฏิรูปคณุ ภาพการศกึ ษา
ของฮํองกง คณะกรรมการกองทนุ คุณภาพการศึกษาจะให๎รางวัลความเปน็ เลศิ ของสถานศกึ ษาปลี ะคร้ัง
โดยมีวัตถุประสงค๑ 1) เพื่อเป็นการยกยํองและสํงเสริมโรงเรียนที่มผี ลงานเป็นเลิศ 2) สํงเสรมิ และ
เผยแพรํขยายวธิ ีปฏิบตั ิทางการศกึ ษาของโรงเรียนท่มี ีความเป็นเลิศ และ 3) เพื่อสรา๎ งสรรคว๑ ัฒนธรรม
คณุ ภาพการศกึ ษาในโรงเรยี นของฮํองกงเพ่ือมุงํ สํคู วามเป็นเลิศภายในสภาพแวดลอ๎ ม และเง่ือนไข
ของแตํละโรงเรียน รางวัลความเป็นเลิศจะให๎แกํโรงเรยี นซึ่งสามารถแสดงผลสมั ฤทธแ์ิ ละการปฏบิ ัติ
ท่ีมคี วามเปน็ เลศิ ใน 4 ดา๎ นของการศกึ ษา ดังนี้

1. ดา๎ นการจัดการและการจัดองคก๑ าร
1.1 การวางแผนและการบริการ
1.1.1 พันธกจิ และวสิ ยั ทัศน๑ของสถานศกึ ษา: สถานศึกษาจัดทาภารกิจและวิสัยทศั น๑

ของสถานศึกษาให๎ครอบคลุมวัตถปุ ระสงค๑ของการศึกษา
1.1.2 แผนพัฒนาการศกึ ษา สถานศึกษาจัดทาแผนพัฒนาการศึกษา และยทุ ธวธิ กี าร

ปฏิบตั ิ เพือ่ บรรลุเป้าหมายให๎สนองความต๎องการของนักเรียนและผ๎ปู กครองสามารถใช๎ประโยชน๑
จากจุดแข็งและลดจุดอํอน แผนการพัฒนาสถานศึกษามีเป้าหมายท่ีชัดเจน และม่ันคงในแงํของ
การสํงเสรมิ จรยิ ธรรมและศีลธรรม สตปิ ัญญา อารมณ๑ ราํ งกาย สงั คม และสุนทรยี ภาพของนักเรียน
ครูมีสวํ นรํวมในการพัฒนาแผนของสถานศกึ ษาและเอกสาร แผนไดส๎ ํงไปยงั ผม๎ู สี ํวนเกย่ี วขอ๎ งอยาํ งทว่ั ถงึ

258

1.2 การพัฒนาคณาจารย๑
1.2.1 การประสานงานของคณาจารย๑: สถานศกึ ษามชี ํองทางการประสานงาน

ระหวํางคณาจารย๑เป็นอยาํ งดี มีการสงํ เสริมการทางานเปน็ ทมี มสี ํวนรวํ มในการตดั สนิ ใจ และมี
การตัดสนิ ใจเปน็ คณะ

1.2.2 การพัฒนาและการประเมนิ คณาจารย๑: สถานศกึ ษามีแผนและให๎โอกาส
คณาจารย๑ในการพัฒนา และมรี ะบบการประเมินคณาจารยอ๑ ยาํ งมีประสทิ ธิภาพ เพอ่ื เป็นการสงํ เสรมิ
และพฒั นาวชิ าชีพครูอยาํ งตอํ เนอ่ื ง

1.3 การจัดสรรทรัพยากรในการดาเนนิ งาน: การจัดสรรทรัพยากรอยาํ งมีประสิทธภิ าพ
1.4 กลไกการประเมินและข๎อมูลปอ้ นกลับ

1.4.1 การประเมินผล: สถานศึกษามคี ณะกรรมการติดตามการปฏิบตั ิงานของ
สถานศึกษาอยาํ งสม่าเสมอและอยาํ งมปี ระสิทธภิ าพ มีกลไกการประเมินเพอ่ื ประเมนิ ผลงานของ
สถานศกึ ษาตามเปา้ หมายท่กี าหนด

1.4.2 ข๎อมูลป้อนกลบั และการเรยี นรู๎ดว๎ ยตนเอง: สถานศกึ ษามชี อํ งทางทเี่ หมาะสม
ในการใหข๎ อ๎ มลู ปอ้ นกลับแกํครู นกั เรยี น และผูป๎ กครอง เพอ่ื สงํ เสรมิ การเรียนของนกั เรยี น
ดา๎ นการเรียนการสอน

2. ดา๎ นการเรยี นการสอน
2.1 หลกั สตู ร: สถานศึกษามหี ลักสตู รท่ีมเี ปา้ หมายท่ีแจมํ ชัด มคี วามตํอเน่ือง มรี ะบบ

ทีม่ ปี ระสทิ ธิภาพเพอ่ื ใหค๎ ณาจารยม๑ ีสํวนรํวมในการตรวจสอบ หลกั สูตร ตดิ ตามและการพฒั นา
หลักสตู ร

2.2 การเรยี นการสอนในชน้ั
2.2.1 ยุทธวิธกี ารสอน: สถานศกึ ษามกี ลไกทม่ี ปี ระสิทธภิ าพเพอ่ื ใหค๎ รูนาวธิ กี าร

สอนที่เหมาะสมมาใช๎ ครูยอมรับรปู แบบการสอนท่ีเหมาะสมเพอ่ื พฒั นาความรู๎ พฒั นาความคิด
ระดบั สงู พฒั นาความคิดสร๎างสรรค๑ พัฒนาทักษะการเรียน และทศั นคติของนักเรยี น

2.2.2 ทักษะการสอน: สถานศึกษามีคณะกรรมการติดตาม และมรี ะบบการตรวจสอบ
เพ่อื ให๎ข๎อมูลปอ้ นกลับทางด๎านทักษะการสอน สงํ เสรมิ การแลกเปลย่ี นเรยี นร๎วู ธิ กี ารสอนทดี่ ี
มกี ารสรา๎ งสรรคแ๑ ละแลกเปลี่ยนเรยี นร๎ูทักษะการจัดการห๎องเรียนในบรรดาคณาจารย๑

2.2.3 บรรยากาศห๎องเรยี น: สถานศกึ ษามนี โยบายทีช่ ัดเจนสนับสนุนคณาจารย๑
เพือ่ สํงเสริมความคาดหวงั เชิงบวก จัดบรรยากาศของห๎องเรยี นให๎เหมาะสมกบั ความแตกตาํ งของ
นกั เรียนเปน็ รายบคุ คล จัดให๎มแี รงจงู ใจในเชิงบวก สรา๎ งบรรยากาศท่ีเป็นประชาธปิ ไตยและมอี สิ ระ
เพ่ือการเรียนท่ีมปี ระสิทธิภาพ

259

2.3 การประเมินผล: สถานศกึ ษามรี ะบบ และนโยบายประเมนิ ผลที่เหมาะสม
สนองตอบเป้าหมายของหลกั สูตร มีความคาดหวงั ตํอนักเรียนบนพ้ืนฐานของความสามารถและ
ความต๎องการของนกั เรยี น มีระบบการบนั ทึกและการรายงาน เพือ่ ใหม๎ กี ารใหข๎ อ๎ มลู ป้อนกลับที่มี
ประสทิ ธิภาพแกนํ กั เรียนและผ๎ปู กครอง เพือ่ สนบั สนนุ การเรียนของนกั เรยี นดา๎ นการสนับสนนุ
จดุ มุํงหมายของนกั เรยี นและสถานศกึ ษา

3. ดา๎ นการสนบั สนนุ จุดมุงํ หมายของนกั เรียนและสถานศึกษา
3.1 การเอาใจใสํและให๎ความดูแลนักเรยี น
3.1.1 วินัย การแนะแนว การใหค๎ าปรึกษา: สถานศึกษามีวธิ กี ารทมี่ ีประสทิ ธภิ าพ

เพอื่ สงํ เสรมิ การพัฒนาบุคลิกภาพของนักเรยี น
3.2 การพัฒนาบุคลากร สงั คม และวฒั นธรรม
3.2.1 กิจกรรมเสรมิ หลกั สูตร: สถานศึกษาใหก๎ ารสนบั สนุนกิจกรรมเสรมิ

หลกั สตู รอยํางจริงใจเพ่ือใหเ๎ กิดกิจกรรมเสรมิ หลกั สตู รที่มีความสมบูรณ๑ สมดลุ และครอบคลมุ
การพฒั นานกั เรียนทุกดา๎ น

3.2.2 โปรแกรมเสริมหลกั สตู ร: สถานศึกษาได๎วางแผนโปรแกรมเสริมหลักสูตรที่ดี
และอยาํ งเพียงพอในดา๎ นหน๎าทีพ่ ลเมือง จรยิ ธรรม ศีลธรรม เพศศกึ ษา และส่ิงแวดล๎อมศึกษา

3.3 การสนบั สนนุ นกั เรยี นที่มีความตอ๎ งการพิเศษ
3.3.1 โปรแกรมสนบั สนุนการเรยี น: สถานศกึ ษามีแผนการสอนซอํ มเสริมทีม่ ี

ประสทิ ธิภาพแกนํ ักเรยี น ผซู๎ ่ึงมีความยํุงยากในการเรยี น และมกี ารเสรมิ สร๎างและขยายโปรแกรม
การเรียนร๎สู าหรบั นกั เรยี นท่ีมีพรสวรรค๑

3.3.2 บรกิ ารดูแลนักเรียน: สถานศึกษาให๎การสนบั สนนุ เด็กพิการ เด็กท่ีมีปัญหา
การปรับตัว หรอื เดก็ ทีม่ ปี ัญหาครอบครวั อยาํ งเพียงพอ

3.4 การเชือ่ มโยงกับผูป๎ กครองและชุมชน
3.4.1 ความรํวมมือระหวํางบา๎ นกบั สถานศึกษา: สถานศึกษากาหนดชํองทาง

การส่ือสารอยาํ งดี และมีประสิทธิภาพระหวํางสถานศึกษากับผป๎ู กครอง
3.4.2 การมสี ํวนรํวมในกจิ กรรมของชมุ ชน: สถานศึกษามีสํวนรวํ มในกจิ กรรม

ของชุมชน และสรา๎ งสายใยกบั งานอืน่ ๆ เพื่อสํงเสรมิ การเรียนร๎ูของนกั เรยี น
3.5 บรรยากาศของสถานศึกษา
3.5.1 กาลงั ใจ: ทกุ คนในสถานศกึ ษามีสํวนรํวมในการกาหนดวสิ ัยทัศน๑และความเช่ือ

มีความรูส๎ กึ เปน็ สวํ นหน่ึงของสถานศึกษาและมีความภูมิใจทงั้ ครูและนักเรียน

260

3.5.2 มนษุ ยสมั พนั ธ:๑ ครูมคี วามรักและความเอาใจใสตํ ํอนักเรียน มีความสมั พันธ๑
อนั ดีระหวาํ งคณาจารย๑ ระหวํางคณาจารยก๑ บั นกั เรียน และระหวํางนักเรียนด๎วยกนั สถานศกึ ษามีหลกั ฐาน
ใหเ๎ หน็ ถงึ วฒั นธรรมของความเป็นเพ่ือนรํวมงาน และมีความเกีย่ วพันอยาํ งดีกับสมาคมศษิ ย๑เกาํ

4. ดา๎ นผลสมั ฤทธแิ์ ละระดบั การพฒั นาของนักเรียน
สรุปไดว๎ าํ รางวลั ความเปน็ เลศิ ของประเทศฮอํ งกง มีเกณฑก๑ ารใหร๎ างวลั แบํงตามหลกั
หรอื งานของการศกึ ษา ประกอบดว๎ ย ดา๎ นการจัดการและการจดั องค๑กร ด๎านการเรยี นการสอน
ด๎านการสนับสนุนจุดมํุงหมายของนักเรยี นและสถานศกึ ษา และด๎านผลสัมฤทธิ์และระดับการพัฒนา
ของนักเรยี น
เกณฑ์คุณภาพการศึกษาเพ่อื การดาเนนิ การท่ีเป็นเลิศ (Education criteria for performance
excellence)
เกณฑ๑คณุ ภาพการศึกษาเพอ่ื การดาเนนิ การที่เปน็ เลิศ (Education criteria for performance
excellence) ได๎ถูกจัดทาข้ึนโดยอาศัยหลักการและแนวคดิ ของการนาองค๑กรอยํางมีวิสัยทัศน๑
ความเปน็ เลิศทม่ี ุงํ เนน๎ ลกู คา๎ การเรยี นร๎ูขององคก๑ ารและพนักงาน การให๎ความสาคัญตํอพนักงาน
และลกู คา๎ ความคลํองตวั การมุํงเนน๎ อนาคต การจัดการเพ่ือนวัตกรรม การจัดการโดยใช๎ขอ๎ มูลจริง
การรับผิดชอบตํอสาธารณะ การมงุํ เนน๎ ที่ผลลัพธ๑และการสร๎างคณุ คาํ และมุมมองในเชิงระบบ
สาหรับประเด็นสาคญั ขององค๑ประกอบหลกั ในการตรวจสอบคณุ ภาพการศึกษา
เพ่ือการดาเนินการทีเ่ ป็นเลิศ ประกอบดว๎ ยองคป๑ ระกอบยํอย 7 ดา๎ น ดังน้คี ือ
1. การนาองค๑การ หมายถึง การตรวจสอบวําผน๎ู าระดบั สูงใชว๎ ิธีการในการกาหนดคาํ นยิ ม
ทศิ ทางและความคาดหวงั ในการดาเนินงาน รวมทั้งการแสดงความรบั ผดิ ชอบตํอสาธารณะและ
การสนบั สนุนชมุ ชน
2. การวางแผนเชงิ กลยทุ ธ๑ หมายถงึ การตรวจสอบถงึ กระบวนการในการพัฒนาและ
การเลือกจดุ ประสงคเ๑ ชงิ กลยทุ ธ๑ และแผนปฏบิ ตั ิการ รวมท้งั วัดความก๎าวหน๎าด๎วย โดยพจิ ารณาจาก
2 ประเด็นหลกั คอื การจดั ทากลยทุ ธ๑ และการถํายทอดกลยทุ ธ๑เพ่อื นาไปปฏิบตั ิ
3. การมงุํ เน๎นผ๎เู รียน/ นกั ศกึ ษา ผูม๎ ีสวํ นได๎สวํ นเสีย และตลาด หมายถงึ การตรวจสอบ
วธิ ีการที่องคก๑ รใชใ๎ นการระบุขอ๎ กาหนด ความคาดหวงั และความรบั ผิดชอบของผเู๎ รียนผู๎มสี วํ นได๎
สํวนเสยี และตลาด รวมท้ังวธิ กี ารท่ีใชใ๎ นการระบุข๎อสมั พันธ๑ และการตอบสนองผ๎มู สี ํวนได๎สวํ นเสยี
ตลอดจนการจัดการบรหิ ารที่เป็นเลศิ
4. การวัด การวิเคราะห๑ และการจัดการความรู๎ หมายถึง การตรวจสอบการจัดการสารสนเทศ
และระบบในการจัดสมรรถนะ (Competency) การดาเนินงานขององค๑การ/ สถานศึกษา รวมท้ังวธิ ีการ
ที่ใช๎ในการวิเคราะห๑ข๎อมลู และสารสนเทศ

261

5. การมุงํ เนน๎ ผป๎ู ฏบิ ัตงิ าน หมายถึง การตรวจสอบวิธกี ารทอ่ี งคก๑ รใชใ๎ นการจงู ใจ และทา
ใหบ๎ ุคลากรพัฒนา และใช๎ศักยภาพเตม็ ทใ่ี นการทางาน รวมทง้ั วธิ กี ารสร๎างเสรมิ ซง่ึ สภาพแวดลอ๎ ม
ทเี่ ออื้ ตอํ การเตบิ โตของบคุ ลากร และหนวํ ยงานยอํ ย

6. การจัดกระบวนการ หมายถงึ การตรวจสอบ ประเดน็ สาคญั ของการบริหารกระบวนการ
ขององคก๑ ร/ สถานศกึ ษา ตงั้ แตกํ ารออกแบบ และการจัดการศกึ ษาท่เี นน๎ การเรยี น และการบรหิ ารนักเรยี น
และกระบวนการสนับสนุน โดยพจิ ารณาในทกุ กระบวนการและทุกหนํวยงานยํอย

7. ผลลัพธ๑ หมายถึง การตรวจสอบผลการดาเนินงานขององคก๑ รและระดบั การปฏบิ ัติงาน
เมื่อเทยี บกบั คูํแขงํ หรือหนํวยงานตาํ ง ๆ ที่สามารถเทยี บเคียงกันไดอ๎ ยาํ งเหมาะสม

สรปุ ได๎วาํ การบริหารเพ่อื มํุงสํคู วามเปน็ เลิศด๎านการจดั การศึกษา ตามรูปแบบการบริหาร
ซึ่งเปน็ มาตรฐานสากล จะต๎องดาเนนิ งานการจัดการศึกษาทค่ี รอบคลุม 7 ดา๎ น คือ ดา๎ นการนาองค๑กร
ดา๎ นการวางแผนกลยทุ ธ๑ ดา๎ นการมงํุ เน๎นผเู๎ รียน ดา๎ นผ๎ูมีสวํ นได๎สวํ นเสยี และตลาด ดา๎ นการวัด วิเคราะห๑
และการจัดการความร๎ู ด๎านมํุงเน๎นผ๎ูปฏิบัตงิ าน ด๎านการจัดการกระบวนการ และดา๎ นผลลัพธ๑

262

บทที่ 3
วธิ ีดาเนนิ งาน

วธิ กี ารดาเนินงานการบริหารงานวชิ าการสู่ความเปน็ เลิศของโรงเรยี น

บทนีเ้ ป็นแนวทางในการพัฒนางานวชิ าการของผบ๎ู ริหารสถานศึกษา โดยดาเนินงานตาม
คมูํ ือการบริหารงานวิชาการสํคู วามเป็นเลิศของโรงเรียนสงั กดั องคก๑ รปกครองสวํ นท๎องถิ่น มีเน้ือหา
สาระ และแนวทางการปฏบิ ัตงิ าน ดงั น้ี

ด้านภาวะผนู้ าทางวิชาการ

สงิ่ ทีค่ วรมี สาระที่นาไปใช้
1. คุณลักษณะความเปน็ ผนู๎ า
- ผ๎บู ริหารเป็นแบบอยํางท่ีดใี นการทางาน
ทางวิชาการ - ผ๎บู รหิ ารเขา๎ ใจพืน้ ฐานของผใ๎ู ตบ๎ งั คับบญั ชา เชํน
สภาพครอบครัว ปญั หา และอปุ นสิ ยั เพื่อมอบหมายงาน
2. ความศรทั ธา และความเช่ือมนั่ ได๎ตามความเหมาะสม
- นาหลกั ธรรมาภิบาลมาใช๎ในการบริหารสถานศกึ ษา
3. อารมณ๑ และบคุ ลิกภาพ - ผบู๎ ริหารเปิดโอกาสให๎ทกุ คนมีสํวนรํวม รับฟังและ
4. มนุษยสัมพนั ธ๑ ยอมรับความคิดเห็นของผู๎อื่น เนน๎ การทางานเปน็ ทมี
- รอบรู๎ เข๎าใจหลกั การ แนวคิด ทฤษฎีทางการบรหิ ารงาน
วิชาการ และกฎหมายทเี่ กี่ยวข๎อง
- ผู๎บรหิ ารมคี วามสามารถในการใชอ๎ านาจหน๎าที่อยาํ งเหมาะสม
- ตัดสนิ ใจ แกป๎ ัญหา ตอบสนองตํอสถานการณ๑
โดยให๎คาแนะนา ปรกึ ษา แนวทางแกผํ ูใ๎ ตบ๎ งั คับบัญชา
ไดอ๎ ยํางเหมาะสม
- มบี ุคลิกภาพเหมาะสมตามโอกาสตาํ ง ๆ และมีความม่นั คง
ทางอารมณ๑
- มที ักษะในการประสานงานกบั ทกุ ฝ่ายท้งั ในระดับบน
และระดบั ลํางให๎ทางานอยํางมีประสิทธิภาพ

263

ด้านกระบวนการบริหารงานวชิ าการ

ต้นทุนในการพฒั นา เสน้ ทางส่คู วามสาเรจ็

1. งบประมาณทีใ่ ช๎ในการดาเนินงาน 1. การวางแผนงานวชิ าการ

2. โครงสรา๎ งการบรหิ ารงานวิชาการ 1.1 จัดประชุมทุกระดับเพ่ือผลักดันนโยบายสํกู ารปฏบิ ตั ิ

3. ระยะเวลาในการดาเนนิ งาน ชแี้ จงนโยบาย และรวํ มกันวางแผนการปฏบิ ัติงาน

4. บุคลากรครบตาแหนํง ให๎ทกุ ฝา่ ยเขา๎ ใจเปิดโอกาสให๎ทุกคนมีสํวนรวํ ม

5. เครื่องมอื ท่ีใช๎ในการดาเนินงาน 1.2 ศึกษาสภาพแวดล๎อม จุดเดํน จุดด๎อย โอกาส

6. อบรมวิธีสอน พฒั นาเทคนิคการสอน อปุ สรรค นามาวิเคราะหเ๑ พ่อื เป็นแนวทางดาเนินงาน

1.3 กาหนด วสิ ัยทศั น๑ ภารกจิ เป้าหมาย ตัวชีว้ ัด

กลยทุ ธ๑ แผนปฏบิ ัตงิ าน โครงการ/ กิจกรรม

1.4 จัดลาดบั ความสาคัญของเป้าหมาย โดยให๎

ความสาคัญกบั ส่งิ ท่ตี ๎องทากํอน-หลงั ตามลาดับ

1.5 จดั ทาแผนปฏบิ ัติงาน คมํู ือ และขน้ั ตอนการปฏิบัติ

1.6 กาหนดหน๎าท่ีความรบั ผิดชอบ ชัดเจนตามโครงสร๎าง

2. การออกแบบการดาเนนิ งาน

2.1 จัดระบบข๎อมูลสารสนเทศ

2.2 พัฒนางานบคุ ลากรวิธีการสอนของครู

2.3 จัดหา/ จัดทาเครื่องมอื เพือ่ ใชใ๎ นการดาเนินงาน

3. ตดิ ตาม ตรวจสอบการดาเนินงาน

3.1 ประเมนิ ผลการดาเนินงานจากกิจกรรมวชิ าการ

3.2 วิเคราะห๑ผลลัพธ๑ นามาพัฒนาปรบั ปรุง

4. นาผลการประเมินมาวิเคราะหเ๑ พ่ือวางแผนในระยะตํอไป

4.1 จดั ทารายงาน ข๎อมูลสารสนเทศท่เี ป็นปจั จุบัน

4.2 นาผลการประเมินงานมาวางแผนเพื่อแก๎ไขปัญหา

ในระยะตอํ ไป

264

บทท่ี 4
แนวทางการบริหารงานวชิ าการสคู่ วามเป็นเลิศ

วิธกี ารดาเนนิ งานการบริหารงานวชิ าการสูค่ วามเปน็ เลศิ ของโรงเรียน

จากบทท่ี 1-3 ไดล๎ งสํูแนวทางในการปฏิบตั ิงานในบทที่ 4 เพ่อื ให๎รองผ๎ูอานวยการสถานศกึ ษา
หรือหัวหน๎างานวิชาการนาไปใชใ๎ นการปฏบิ ตั งิ านบริหารงานวชิ าการสํคู วามเป็นเลศิ มีรายละเอยี ด
ดงั น้ี

1. การพฒั นาหลักสูตรและกระบวนการเรียนรู้

ต้นทุนในการพัฒนา เสน้ ทางสู่ความสาเร็จ
1. ทกั ษะการจดั กิจกรรมการสอน
1. วางแผนการพัฒนาหลักสตู รและกระบวนการเรยี นรู๎
เชํน วธิ ีสอน 1.1 ศกึ ษาสภาพปัญหา และความต๎องการของชุมชน/ ท๎องถิ่น
2. สือ่ การเรยี นวัสดุ อปุ กรณ๑ รวมทั้งวเิ คราะห๑เอกสารหลักสตู รสถานศึกษา
3. งบประมาณในการพฒั นาวิธีสอน 1.2 กาหนดวสิ ยั ทศั น๑ ภารกจิ เปา้ หมาย จุดมุํงหมายของ
4. แบบประเมินผลการใชห๎ ลักสตู ร การเรยี น
1.3 คัดเลือกเน้ือหาวิชา จัดโครงสรา๎ งหลักสูตร
1.4 รวบรวมข๎อมูล โดยพิจารณาความยากงํายของเน้ือหา
สาระ และความพรอ๎ มของผูเ๎ รยี น

2. การจดั กจิ กรรมการเรียนการสอน
2.1 จดั ทาแผนการจัดการเรียนรู๎ท่ีเนน๎ ผ๎ูเรียนเปน็ สาคัญ
ของสาระตําง ๆ
2.2 จัดทาแผนงาน/ โครงการ เพอื่ สงํ เสริมกิจกรรม
เสรมิ หลกั สตู ร
2.3 จดั การเรยี นการสอนโดยสํงเสริมใหค๎ รูจัดกิจกรรม
การเรยี นร๎ูโดยยดึ หลักสูตรสถานศกึ ษาเช่ือมโยง
และจดั ลาดับกิจกรรมใหม๎ ีความสอดคล๎องกัน

265

1. การพัฒนาหลกั สูตรและกระบวนการเรยี นรู้ (ต่อ)

ต้นทนุ ในการพฒั นา เสน้ ทางสู่ความสาเร็จ
3. นเิ ทศการใชห๎ ลักสูตร เพ่อื ตดิ ตามและประเมินผล

3.1 ประเมนิ ผลการจดั กิจกรรมการเรียนการสอน
4. รายงานผลการใชห๎ ลักสูตร นาข๎อเสนอแนะไปพัฒนา

ตํอไป

2. การพฒั นาแหล่งเรียนรู้

ต้นทุนในการพฒั นา เส้นทางสคู่ วามสาเร็จ

1. งบประมาณในการสร๎างและ 1. วางแผนการพัฒนาแหลํงเรียนรู๎

พัฒนาแหลงํ เรียนร๎ู 1.1 กาหนดนโยบายในการพัฒนาแหลงํ เรยี นร๎ู

2. ความสัมพนั ธร๑ ะหวาํ งโรงเรยี น 1.2 สารวจ วเิ คราะหส๑ ภาพแวดล๎อม แหลํงเรียนรู๎

และชุมชน ที่เก่ยี วข๎องทง้ั ในสถานศึกษา ชมุ ชน และท๎องถิน่

3. แหลํงสนบั สนุนภายนอก เชนํ 1.3 จดั ทาแผนปฏิบัติการสรา๎ งและการพัฒนา

องคก๑ ร ชุมชน หนวํ ยงาน แหลงํ เรียนรู๎

ต๎นสงั กดั 1.4 สรา๎ งความเข๎าใจแกํบุคลากรของโรงเรียน

4. ทรพั ยากร วัสดุ อุปกรณท๑ ่ีจาเป็น และชุมชนเพอื่ สร๎างความตระหนักในการพฒั นา

และใช๎แหลงํ เรียนรู๎

2. สรา๎ งและพัฒนาแหลํงเรียนรู๎

2.1 แตงํ ตั้งผู๎รบั ผดิ ชอบแหลงํ เรยี นรู๎ สารวจ วิเคราะห๑

ข๎อมลู กาหนดแหลงํ เรียนร๎ู จดั ทาระบบสารสนเทศ

2.2 สร๎างและพฒั นาแหลงํ เรียนรู๎ให๎เกดิ องค๑ความรู๎

โดยประสานความรํวมมอื กับทุกฝ่ายเพอ่ื พัฒนา

แหลงํ เรยี นรู๎รวํ มกนั

2.3 จดั ทาและใช๎แผนการจดั กิจกรรมการเรียนร๎ู

โดยใชแ๎ หลํงเรยี นร๎ู

266

2. การพฒั นาแหล่งเรียนรู้ (ตอ่ )

ต้นทนุ ในการพัฒนา เสน้ ทางสคู่ วามสาเรจ็

2.4 สงํ เสริมการใชแ๎ หลงํ เรยี นร๎ู เก็บรวบรวมข๎อมูล
การใช๎ ประชาสมั พันธ๑ จัดทาเอกสารเผยแพรํ
แหลงํ การเรยี นรู๎เพ่ือใหแ๎ หลงํ เรียนรู๎เกดิ ประโยชน๑
และคม๎ุ คํา

3. ตดิ ตาม ตรวจสอบการใช๎แหลํงเรียนร๎ู
3.1 ประเมินผลการจดั กจิ กรรมการเรียนรู๎
โดยใช๎แหลํงเรยี นรู๎
3.2 วเิ คราะห๑ผลการใชแ๎ หลงํ เรียนรู๎ นามาพฒั นา
ปรบั ปรุง

4. รายงานผลการสรา๎ งและพัฒนาแหลํงเรียนร๎ู

3. การพฒั นาส่อื นวัตกรรม และเทคโนโลยีเพ่อื การศกึ ษา

ตน้ ทุนในการพัฒนา เสน้ ทางสคู่ วามสาเร็จ

1. งบประมาณ 1. วางแผนการพัฒนาสอ่ื นวัตกรรม และเทคโนโลยี

2. การคานึงถึงความแตกตําง 1.1 ศกึ ษาวเิ คราะหค๑ วามต๎องการจาเป็นในการใชส๎ ือ่

ระหวํางบุคคล นวัตกรรม

3. แหลํงสนับสนุนภายนอก เชํน 1.2 สํงเสริมให๎ครผู ลิต พัฒนา สือ่ นวตั กรรม

องคก๑ ร ชมุ ชน หนํวยงานต๎นสังกัด ให๎สอดคลอ๎ งกบั วธิ ีการเรยี นร๎ู/ ธรรมชาตขิ อง

4. ทรพั ยากร วัสดุ อปุ กรณท๑ ่ีจาเป็น สาระการเรียนรู๎

1.3 ออกแบบสอื่ นวตั กรรม

2. สร๎าง/ พฒั นา ส่ือนวัตกรรม ตามข้นั ตอนท่ีออกแบบ

ทดลองใชส๎ ่ือ นวัตกรรมท่ีสร๎างขน้ึ

3. ประเมินผลการใชส๎ อ่ื นวัตกรรมท่สี ร๎างข้ึนอยาํ งเปน็ ระบบ

นาขอ๎ เสนอแนะไปปรับปรงุ พัฒนาสอ่ื นวตั กรรมท่ีสร๎างขน้ึ

4. สรุป รายงานผลและเผยแพรํสอ่ื นวัตกรรม

267

4. การนเิ ทศการศึกษา

ตน้ ทุนในการพฒั นา เสน้ ทางส่คู วามสาเรจ็
1. ความสมั พันธ๑ระหวํางผ๎นู ิเทศ
1. วางแผนการนิเทศการศึกษา
และผ๎รู บั การนิเทศ 1.1 ศึกษาสภาพปัจจุบัน ทบทวนภารกิจของสถานศึกษา
2. สือ่ และเครื่องมือในการนิเทศ 1.2 กาหนดจุดประสงคก๑ ารนเิ ทศการศึกษา
3. เทคนคิ วธิ กี าร 1.3 จดั ทาโครงการนเิ ทศการศึกษา
4. แบบประเมินผลการนิเทศ 1.3.1 ปฏิทินการนเิ ทศการศึกษา
1.3.2 กาหนดวัน เวลา สถานทใ่ี นการนเิ ทศ
1.3.3 สร๎างสอื่ นวัตกรรม เครื่องมอื ในการนิเทศ
1.3.4 กาหนดบทบาทหน๎าทีค่ วามรบั ผดิ ชอบ

2. ดาเนนิ การนิเทศการศึกษา
2.1 ให๎ความรู๎ในการปฏบิ ตั งิ าน/ ข๎อเสนอแนะ
2.2 สร๎างขวัญและกาลงั ใจในการทางาน

3. ตดิ ตาม ตรวจสอบผลการนเิ ทศการศกึ ษา
3.1 ประเมินผลการนเิ ทศการศึกษาจากการจดั กจิ กรรม
การเรยี นร๎ู
3.2 วิเคราะหผ๑ ลการนเิ ทศการศึกษา นามาพฒั นาปรับปรงุ

4. นาผลการประเมินมาวิเคราะหเ๑ พอ่ื วางแผนในระยะตํอไป

5. การวิจัยเพอื่ พฒั นาคุณภาพการศกึ ษา

ตน้ ทนุ ในการพัฒนา เสน้ ทางสคู่ วามสาเร็จ

1. ความตะหนักของผวู๎ ิจัย 1. วางแผนการวิจยั เพือ่ พัฒนาคณุ ภาพการศกึ ษา

ถึงความสาคัญในการวิจยั 1.1 วิเคราะหค๑ วามต๎องการของผ๎ูเรยี น/ เลือกหัวขอ๎

2. เครื่องมอื ท่ใี ช๎ในการเกบ็ รวบรวม ในการวจิ ยั

ขอ๎ มลู / วเิ คราะหข๑ ๎อมลู 1.2 ศึกษาเอกสารท่ีเกยี่ วข๎อง ทฤษฎี แนวคดิ เคร่ืองมือ

3. ความสามารถในการวิจัยของผู๎วจิ ัย และเทคนิคท่ีใช๎ในการวิเคราะห๑ขอ๎ มูล

4. งบประมาณท่ีใช๎ในการวิจัย

268

5. การวจิ ยั เพ่ือพัฒนาคุณภาพการศึกษา (ต่อ)

ตน้ ทุนในการพฒั นา เส้นทางสู่ความสาเรจ็
5. กลํมุ ตวั อยําง 2. การดาเนินการวิจัยเพื่อพัฒนาคณุ ภาพการศกึ ษา
6. ระยะเวลาในการดาเนินงาน
2.1 ออกแบบงานวิจยั / กาหนดกรอบแนวคดิ ในการวจิ ัย
2.2 จัดกจิ กรรมการเรียนร๎ูตามขั้นตอนการออกแบบ
2.3 เกบ็ รวบรวมข๎อมูล
2.4 วิเคราะห๑ข๎อมูล/ แปลความหมาย
3. ประเมินผลการเรียนรู๎
4. เขยี นรายงานการวจิ ัย เผยแพรเํ พ่ือให๎ผอ๎ู ่ืนนาไปศึกษา
5. ผลการศึกษานาไปปรบั ปรงุ พฒั นาตํอไป

6. การประกันคุณภาพภายในสถานศกึ ษา

ต้นทนุ ในการพัฒนา เสน้ ทางสู่ความสาเรจ็

1. ทรัพยากร วัสดุ อุปกรณ๑ 1. วางแผนพัฒนาระบบประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา

2. งบประมาณ 1.1 ศกึ ษาปญั หา กาหนดเปา้ หมาย/ มาตรฐานการศกึ ษา

3. บุคลากรทมี่ ีความเขา๎ ใจในระบบ เกณฑ๑การประเมินตามตวั ชวี้ ดั ของ สมศ.

การประกันคุณภาพ 1.2 จัดลาดบั ความสาคัญของเป้าหมาย

4. เครอ่ื งมือทใี่ ช๎ในการวิเคราะห๑ขอ๎ มลู 1.3 กาหนดแนวทางการดาเนินงาน

1.4 จดั ระบบโครงสรา๎ งการประกนั คุณภาพภายใน

สถานศึกษา

1.5 กาหนดระยะเวลางบประมาณ ผร๎ู บั ผิดชอบงาน

1.6 จัดให๎มกี ารฝึกอบรม สรา๎ งความเขา๎ ใจให๎บุคลากร

ทเ่ี กยี่ วขอ๎ งเข๎าใจ

1.7 กาหนดเครอ่ื งมือทใ่ี ช๎ในการประเมินผล

2. ดาเนินการตามแผนการดาเนินงาน

2.1 ประสานความรํวมมือกบั หนํวยงานตน๎ สงั กัด

และหนํวยงานอืน่ ในการปรบั ปรงุ พัฒนาระบบ

การประกนั คณุ ภาพภายในสถานศกึ ษา

269

6. การประกันคุณภาพภายในสถานศกึ ษา (ตอ่ )

ต้นทนุ ในการพัฒนา เสน้ ทางสูค่ วามสาเร็จ
3. ตดิ ตามประเมนิ ผลคุณภาพภายในสถานศึกษา

3.1 ประเมินผลตามเกณฑ๑ที่กาหนด
3.2 จดั เตรยี มเครื่องมือแปลความหมาย
3.3 ตรวจสอบ/ ปรบั ปรุงคุณภาพการประเมิน
4. การปรับปรงุ ผลการดาเนินงาน
4.1 บันทกึ ผลการปฏิบัติงาน จัดทาข๎อมูลสารสนเทศ
4.2 จัดทารายงานการประเมินตนเอง
4.3 เผยแพรํผลการปฏิบัติงานให๎ไดร๎ ับทราบโดยท่ัวกัน
4.4 วางแผนการดาเนินงานในระยะตอํ ไป

7. การวดั ผล ประเมินผล และเทยี บโอนผลการเรียน

ต้นทุนในการพฒั นา เสน้ ทางสู่ความสาเรจ็
1. เคร่ืองมือในการวัดผล ประเมนิ ผล
2. เกณฑใ๑ นการวัดผล ประเมนิ ผล 1. วางแผนการวัดผลประเมินผลการศกึ ษา
1.1 กาหนดจดุ มุํงหมาย ขอบเขตในการวัดผลประเมินผล
1.2 กาหนดเน้อื หาสาระ พฤตกิ รรมทจี่ ะวัดผลประเมินผล
1.3 กาหนดเคร่ืองมือที่ใช๎ในการวดั ผลประเมนิ ผล
1.4 กาหนดระเบยี บ แนวทางปฏบิ ัติในการวัดผลประเมินผล

2. การสรา๎ งเครื่องมือในการวดั ผล ประเมนิ ผล
2.1 สงํ เสรมิ ใหค๎ รูเลือกและสร๎างเครื่องมอื เพือ่ ใช๎
ในการวดั ผล และประเมินผลการเรยี นใหส๎ อดคล๎อง
กับมาตรฐานเพือ่ นาเครือ่ งมือไปวัดผล ประเมนิ ผล
การเรียนการสอนตามสภาพจริง
2.1.1 เขียนข๎อคาถาม
2.1.2 พิจารณาการเลอื กข๎อคาถาม
2.1.3 พจิ ารณาคาถามท่เี ลือกใช๎
2.1.4 พมิ พ๑และอัดสาเนาเครื่องมือที่เลอื กใช๎

270

7. การวดั ผล ประเมินผล และเทยี บโอนผลการเรียน (ตอ่ )

ต้นทนุ ในการพฒั นา เส้นทางสคู่ วามสาเร็จ
2.1.5 ทาเฉลย
2.1 6 จัดเตรยี มเครื่องมอื ทใ่ี ช๎
2.2 กาหนดเกณฑ๑ในการวดั ผล ประเมินผล
3. นาเคร่ืองมือไปใชต๎ ามข้นั ตอน ตรวจและใชผ๎ ลการวดั
พจิ ารณาตามเกณฑท๑ ก่ี าหนด
4. ตรวจสอบคณุ ภาพเครื่องมอื นามาปรบั ปรงุ แกไ๎ ข
5. จดั ทาคูมํ อื กาหนดกฎเกณฑ๑ ระเบยี บในการวัดผล
ประเมินผล และเทียบโอนผลการเรียนเพ่อื พัฒนาเคร่ืองมือ
วัดผล และประเมินผลให๎ไดม๎ าตรฐาน

271

บรรณานุกรม

จอมหทยาสนิท พงษ๑เสถียร. (2560). บทเรียนจากเกาหลีกับบทบาทของสภาการศึกษา.
วารสารการศกึ ษาไทย, 13(138), 23-26.

ชรนิ รตั น๑ พํุมเกษม. (2557). สมรรถนะของคนไทยกบั ความสามารถในการแขํงขนั ของประเทศ.
วารสารการศกึ ษาไทย, 11(116), 24-26.

ชศู กั ดิ์ เอื้องโชคชยั . (2560). แนวทางการพัฒนาเยาวชนให๎มคี ณุ ลักษณะการเปน็ บคุ คลแหงํ
การเรียนร๎ูตลอดชีวิต. วารสารการศกึ ษาไทย, 14(139), 28-33.

รางวัลคุณภาพแหง่ ออสเตรเลีย (Australian Quality Award: AQA). (ม.ป.ป.). เข๎าถึงไดจ๎ าก
http://www.google.co.th/webhp?sourceid-toobar-inst.

วีรจิตร สมัครพนั ธ๑. (2557). ความพงึ พอใจของผปู้ กครองนักเรียนทีม่ ีต่อการจัดการศึกษาของ
โรงเรียนบา้ นไร่จันดี อาเภอเมือง จงั หวัดระยอง. งานนิพนธ๑การศกึ ษามหาบัณฑิต,
สาขาวิชาการบริหารการศึกษา, คณะศกึ ษาศาสตร,๑ มหาวิทยาลัยบูรพา.

สมปอง สมญาติ และวีรพงษ๑ อเู๐ จริญ. (2560). เรยี นรพ๎ู ระบรมราโชบายด๎านการศึกษา
และการพฒั นาคนตาม (ราํ ง) มาตรฐานการศึกษาของชาติ ฉบับใหมํ.
วารสารการศกึ ษาไทย, 14(140), 6-8.

สานักงานคณะกรรมการการพัฒนาเศรษฐกิจและสงั คมแหํงชาติ. (2559). แผนพัฒนาเศรษฐกจิ
และสงั คมแหง่ ชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560-2564). กรงุ เทพฯ: สานกั นายกรฐั มนตร.ี

สานักสือ่ สารและประชาสัมพนั ธ๑. (2560). เปดิ ตวั แผนการศึกษาแหงํ ชาติ 20 ปี ย่งิ ใหญํ.
วารสารการศกึ ษาไทย, 14(139), 3-6.

สุภสิทธิ์ ภูภักด.ี (2558). สกศ. ประสานความรํวมมือจัดทารายงาน ทศิ ทางการพฒั นาการศกึ ษา
ระดบั ภาคการศึกษา. วารสารการศึกษาไทย, 12(120), 7-10.

272

ภาคผนวก จ
รายช่อื ผ๎เู ชยี่ วชาญตรวจสอบคุณภาพเครื่องมอื ทใ่ี ชใ๎ นการเก็บรวบรวมข๎อมลู

273

รายชื่อผูเ้ ช่ียวชาญตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือทใี่ ช้ในการเก็บรวบรวมขอ้ มลู

1. รองศาสตราจารย๑ ดร.ยทุ ธนา ฉัพพรรณรัตน๑ ผู๎ชวํ ยอธิการบดงี านด๎านวชิ าการ
2. ผช๎ู ํวยศาสตราจารย๑ ดร.สุภาพ กญั ญาคา และประกันคุณภาพหลักสตู ร
จุฬาลงกรณ๑มหาวิทยาลยั
3. นางสุรางค๑ วงษส๑ มบรู ณ๑ ภาควชิ าวิทยาการคอมพิวเตอร๑
4. นายกิตติศักดิ์ ศิริเลิศ และสารสนเทศ
5. นายอภิรักษ๑ นาคฤทธ์ิ มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร๑
วทิ ยาเขตเฉลมิ พระเกียรติ
จังหวัดสกลนคร
อดตี ผอู๎ านวยการสถานศกึ ษาเชี่ยวชาญพเิ ศษ
ผูอ๎ านวยการสถานศึกษาชานาญการพเิ ศษ
โรงเรยี นอนุบาลเทศบาลเมืองหนองปรือ
ผูอ๎ านวยการสถานศกึ ษาเช่ยี วชาญ
โรงเรยี นเทศบาล 8 อนุบาลฝันทเ่ี ป็นจริง

274

ภาคผนวก ฉ
รายชือ่ ผ๎เู ชยี่ วชาญประเมนิ ความเหมาะสมของคูํมือ
การบรหิ ารงานวิชาการสูํความเปน็ เลศิ ของโรงเรยี นสังกดั องค๑กรปกครองสวํ นท๎องถ่นิ

275

รายชอ่ื ผู้เช่ียวชาญประเมนิ ความเหมาะสม
ของคมู่ ือการบริหารงานวิชาการสูค่ วามเปน็ เลิศของโรงเรียน

สังกดั องคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถ่นิ

1. รองศาสตราจารย๑ ดร.ยทุ ธนา ฉัพพรรณรัตน๑ ผช๎ู วํ ยอธิการบดีงานดา๎ นวิชาการ
2. ผู๎ชํวยศาสตราจารย๑ ดร.สุภาพ กญั ญาคา และประกนั คณุ ภาพหลักสตู ร
จุฬาลงกรณม๑ หาวิทยาลยั
3. นางสรุ างค๑ วงษส๑ มบรู ณ๑ ภาควิชาวทิ ยาการคอมพิวเตอร๑
4. นายกติ ตศิ ักด์ิ ศิริเลิศ และสารสนเทศ
5. นายอภิรักษ๑ นาคฤทธ์ิ มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร๑
วิทยาเขตเฉลิมพระเกียรติ
จังหวัดสกลนคร
อดีตผ๎ูอานวยการสถานศกึ ษาเชีย่ วชาญพิเศษ
ผอู๎ านวยการสถานศกึ ษาชานาญการพเิ ศษ
โรงเรยี นอนุบาลเทศบาลเมืองหนองปรือ
ผอ๎ู านวยการสถานศกึ ษาเชีย่ วชาญ

276

ภาคผนวก ช
รายช่อื สถานศกึ ษาทีผ่ ๎บู ริหารสถานศกึ ษา หรอื หวั หนา๎ งานวชิ าการใหส๎ มั ภาษณ๑

277

รายชอื่ สถานศึกษาทผ่ี บู้ ริหารสถานศึกษา หรอื หัวหนา้ งานวชิ าการให้สมั ภาษณ์

1. โรงเรยี นเทศบาลปลูกปญั ญาในพระอปุ ถมั ภ๑
2. โรงเรยี นอนุบาลเมืองใหมํชลบุรี
3. โรงเรียนเทศบาลแหลมฉบัง 1
4. โรงเรยี นเทศบาล 4 ฉลองรัตน๑
5. โรงเรียนอนุบาลเทศบาลเมอื งหนองปรือ
6. โรงเรียนเทศบาล 8 อนุบาลฝันทเี่ ปน็ จริง
7. โรงเรยี นเทศบาลปลายบางวดั โคนอนราษฎร๑บารงุ
8. โรงเรียนเทศบาล 5 เดนํ 5
9. โรงเรยี นเทศบาล 1 (วดั เทวสังฆาราม) ในพระสังฆราชูปถัมภ๑
10. โรงเรียนเทศบาล 4 วดั ศรบี ัวบาน
11. โรงเรียนเทศบาลวดั เขยี น
12. โรงเรยี นเทศบาล 5 (วดั ปา่ จติ ตสามัคคี)

278

ภาคผนวก ซ
รายชอื่ สถานศึกษาท่ผี ูบ๎ รหิ ารสถานศึกษา หรอื หวั หน๎างานวชิ าการให๎ขอ๎ มลู ตอบแบบสอบถาม

279

รายช่ือสถานศึกษาทผี่ บู้ ริหารสถานศึกษา หรือหัวหนา้ งานวชิ าการ
ใหข้ ้อมูลตอบแบบสอบถาม

1. โรงเรยี นเทศบาลปลกู ปญั ญาในพระอปุ ถมั ภ๑
2. โรงเรยี นอนุบาลเมืองใหมํชลบรุ ี
3. โรงเรยี นเทศบาลแหลมฉบงั 1
4. โรงเรียนเทศบาล 4 ฉลองรัตน๑
5. โรงเรียนอนบุ าลเทศบาลเมอื งหนองปรือ
6. โรงเรียนเทศบาล 8 อนุบาลฝันที่เป็นจรงิ
7. โรงเรียนเทศบาลปลายบางวดั โคนอนราษฎรบ๑ ารุง
8. โรงเรียนเทศบาลตาบลทําแพ
9. โรงเรียนเทศบาล 1 (วัดเทวสังฆาราม) ในพระสงั ฆราชูปถัมภ๑
10. โรงเรียนเทศบาล 4 วดั ศรีบวั บาน
11. โรงเรียนเทศบาลวดั เขยี น
12. โรงเรยี นเทศบาล 5 (วัดปา่ จิตตสามคั คี)
13. โรงเรยี นนานาชาตินครศรีธรรมราช
14. โรงเรยี นเทศบาล 1 บ๎านสามพราน
15. โรงเรยี นเทศบาลวัดเชียงยืน
16. โรงเรยี นเทศบาล 5 (กระดาษไทยอนเุ คราะห)๑
17. โรงเรียนพลูตาหลวงวิทยา (อบจ.ชบ.6)

280

ภาคผนวก ฌ
รายช่อื ผ๎เู ช่ียวชาญประเมนิ ความเหมาะสมของคมํู อื การบริหารงานวชิ าการสูคํ วามเปน็ เลศิ

ของโรงเรียนสงั กัดองคก๑ รปกครองสํวนท๎องถ่นิ

281

รายชอื่ ผเู้ ช่ยี วชาญประเมินความเหมาะสม
ของคมู่ ือการบริหารงานวิชาการสูค่ วามเปน็ เลิศของโรงเรียน

สงั กัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

1. รองศาสตราจารย๑ ดร.ยทุ ธนา ฉัพพรรณรัตน๑ ผู๎ชวํ ยอธกิ ารบดีงานดา๎ นวชิ าการ
และประกนั คุณภาพหลักสตู ร
2. ผ๎ชู ํวยศาสตราจารย๑ ดร.สุภาพ กัญญาคา จฬุ าลงกรณม๑ หาวิทยาลัย
ภาควชิ าวิทยาการคอมพิวเตอร๑
3. นายยุทธนา ม่ิงเมือง และสารสนเทศ
4. นายกติ ติศักดิ์ ศิรเิ ลิศ มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร๑
5. นายอภริ ักษ๑ นาคฤทธิ์ วทิ ยาเขตเฉลมิ พระเกียรติ
6. นายปภพ ภาลนี นท๑ จังหวดั สกลนคร
7. นางพลบั พลึง โพธกิ ุล ผ๎ูอานวยการกองการศึกษา
8. นางสาวเพ็ญนภา สีหาโครต เทศบาลเมืองคูคต
9. นายกติ ตกิ รณ๑ มีแกว๎ ผู๎อานวยการสถานศกึ ษา
โรงเรยี นอนุบาลเทศบาลเมืองหนองปรอื
ผู๎อานวยการสถานศกึ ษา
โรงเรยี นเทศบาล 8 อนุบาลฝันท่ีเป็นจริง
ผูอ๎ านวยการสถานศกึ ษา
โรงเรยี นเทศบาลเมอื งบา๎ นทํุม
รองผ๎ูอานวยการสถานศึกษาฝ่ายวิชาการ
โรงเรยี นอนบุ าลเมืองใหมํชลบรุ ี
รองผู๎อานวยการสถานศกึ ษาฝ่ายวชิ าการ
โรงเรียนเทศบาล 5 (กระดาษไทยอนเุ คราะห)๑
หัวหน๎างานวชิ าการ โรงเรยี นเทศบาล
ปลายบางวดั โคนอนราษฎร๑บารุง

282

ภาคผนวก ญ
ผลการตรวจสอบความสอดคลอ๎ งของเนื้อหาแบบสอบถาม
องค๑ประกอบของรปู แบบการบริหารงานวิชาการสคํู วามเป็นเลศิ ของโรงเรยี น

สังกัดองค๑กรปกครองสํวนท๎องถ่นิ
โดยคําความสอดคลอ๎ งความคดิ เห็นของผู๎เช่ยี วชาญ

283

องคป์ ระกอบท่ี 1 ภาวะผน๎ู าทางวชิ าการ

ความคิดเหน็ ของ

องคป์ ระกอบหลัก และตวั บง่ ชย้ี ่อย ผู้เชี่ยวชาญ IOC

12345

1. ดา้ นการจดั องคก์ ารเพอ่ื การเรียนการสอน

1.1 กาหนดโครงสรา๎ ง สายบังคับบัญชาหนา๎ ท่คี วามรับผิดชอบ +1 +1 +1 +1 +1 1.00

ที่ชดั เจน

1.2 จดั บคุ ลากรครบตาแหนํงตามโครงสรา๎ งองค๑การ +1 +1 +1 +1 +1 1.00

อยํางเหมาะสม

1.3 จัดทาคูํมือ แนวทางการปฏิบตั งิ านวิชาการกาหนดไว๎ +1 0 +1 +1 +1 0.80

อยาํ งชัดเจน

1.4 สํงเสริมใหค๎ รจู ัดกิจกรรมการเรยี นรู๎โดยยึดหลักสูตร +1 0 +1 +1 +1 0.80

สถานศกึ ษา

1.5 วิเคราะหภ๑ าระงาน ออกแบบงานจัดโครงสร๎างครอบคลุม +1 +1 +1 +1 0 0.80

ภารกจิ งาน

2. การกาหนดทศิ ทาง นโยบาย เป้าหมาย และแนวทาง

การจดั การศึกษา

2.1 วิเคราะห๑จดุ แข็ง จุดอํอนขององคก๑ ร +1 +1 +1 +1 +1 1.00

2.2 กาหนดทิศทาง วิสัยทัศน๑ พันธกิจ เปา้ หมาย กลยทุ ธ๑ +1 +1 +1 +1 +1 1.00

อยํางชัดเจน

2.3 เปิดโอกาสใหท๎ ุกคนมีสํวนรํวมในการจัดการศึกษา +1 +1 +1 +1 +1 1.00

2.4 เผยแพรขํ ําวสารประชาสัมพันธโ๑ รงเรยี นให๎ผูม๎ สี วํ นได๎ +1 0 +1 +1 +1 0.80

สวํ นเสยี ทราบ

2.5 ประสานความรํวมมือกับกรรมการสถานศึกษาและ +1 0 +1 +1 +1 0.80

ผม๎ู ีสํวนเก่ยี วข๎อง

2.6 จดั ระบบสารสนเทศพ้ืนฐานงาํ ยตํอการใชง๎ าน +1 +1 +1 +1 +1 1.00

2.7 กาหนดตวั ช้ีวัดความสาเร็จ +1 +1 +1 +1 +1 1.00

284

องค์ประกอบที่ 1 ภาวะผ๎ูนาทางวชิ าการ (ตํอ)

ความคดิ เหน็ ของ

องคป์ ระกอบหลกั และตวั บง่ ชี้ย่อย ผ้เู ชย่ี วชาญ IOC

12345

3. การพัฒนาระบบงาน

3.1 ผู๎บริหารสถานศึกษาเน๎นการทางานเป็นทีม +1 +1 +1 +1 +1 1.00

3.2 จดั ระบบข๎อมูลสารสนเทศให๎เป็นระบบ +1 +1 +1 +1 +1 1.00

3.3 พฒั นาระบบงานบคุ ลากร +1 +1 +1 +1 +1 1.00

3.4 กาหนดกระบวนการพฒั นางานวชิ าการอยํางเปน็ ระบบ +1 +1 +1 +1 0 0.80

4. คณุ ลักษณะการเป็นผนู้ าสถานศกึ ษา

4.1 อุทิศตนในการปฏบิ ตั งิ าน +1 +1 +1 +1 +1 1.00

4.2 สร๎างความศรัทธา ความเชือ่ ม่นั ใหท๎ ุกฝ่ายเป็นทยี่ อมรับ +1 +1 +1 +1 +1 1.00

4.3 มีบคุ ลิกภาพทีด่ ี และมคี วามมน่ั คงทางอารมณ๑ +1 +1 +1 +1 +1 1.00

4.4 มีทักษะในการประสานงานกับทกุ ฝา่ ยใหด๎ าเนินงาน +1 +1 +1 +1 +1 1.00

อยาํ งมีประสทิ ธิภาพ

4.5 เข๎าใจพื้นฐานผู๎ใต๎บังคบั บัญชา มอบหมายงาน +1 +1 +1 +1 +1 1.00

ตามความเหมาะสม

4.6 ผบู๎ ริหารสถานศึกษาใช๎หลกั ธรรมาภิบาลในการจัดการศึกษา +1 +1 +1 +1 +1 1.00

4.7 ปฏิบัติตนตามจรรยาบรรณวชิ าชพี +1 +1 +1 +1 +1 1.00

4.8 มคี วามรค๎ู วามเขา๎ ใจ หลักการ ทฤษฎีทางการบริหารจัดการ +1 +1 +1 +1 +1 1.00

สถานศกึ ษา

285

องคป์ ระกอบที่ 2 ภารกิจและขอบขาํ ยงานวิชาการในโรงเรียน

ความคดิ เห็นของ

องค์ประกอบหลกั และตวั บ่งชี้ยอ่ ย ผู้เช่ียวชาญ IOC

1. การพัฒนาหลกั สูตรสถานศกึ ษา 12345
1.1 ศึกษาวิเคราะหเ๑ อกสารหลกั สตู รสถานศกึ ษา
1.2 จัดทาหลกั สตู รตรงตามความตอ๎ งการของผู๎เรียน +1 +1 +1 +1 +1 1.00
1.3 จัดทาแผนการจัดการเรียนร๎ทู เ่ี นน๎ ผ๎ูเรียนเป็นสาคญั +1 +1 +1 +1 +1 1.00
1.4 สงํ เสรมิ ให๎ครจู ัดกจิ กรรมการเรยี นรู๎โดยยึดหลักสตู ร +1 +1 +1 +1 +1 1.00
+1 +1 +1 +1 +1 1.00
สถานศึกษา
1.5 ตดิ ตาม นเิ ทศการใช๎หลักสตู รสถานศึกษา +1 +1 +1 +1 +1 1.00
1.6 ตรวจสอบ ประเมินผล ปรับปรุงพัฒนาหลกั สูตรสถานศึกษา +1 +1 +1 +1 +1 1.00
2. การพัฒนากระบวนการเรียนรู้
2.1 ศกึ ษาวิเคราะห๑ความพร๎อมของสถานศึกษาในการจัดการ +1 +1 +1 +1 +1 1.00

เรียนร๎ู +1 +1 +1 +1 +1 1.00
2.2 จดั กิจกรรมการเรยี นรู๎ให๎ตรงตามความต๎องการของผูเ๎ รียน +1 +1 +1 +1 +1 1.00
2.3 จดั ประชมุ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการจัดกจิ กรรม
+1 +1 +1 +1 +1 1.00
การเรยี นร๎ู +1 +1 +1 +1 +1 1.00
2.4 เปิดโอกาสให๎ชมุ ชนมสี ํวนรํวมในการจัดการเรยี นรู๎
2.5 จดั ทาแผนงานโครงการของโรงเรยี นเพอื่ สงํ เสริมกิจกรรม +1 +1 +1 +1 +1 1.00

เสริมหลกั สูตร +1 +1 +1 +1 +1 1.00
2.6 สงํ เสรมิ ให๎ครูพัฒนาทกั ษะเกย่ี วกับการจดั กิจกรรม
+1 +1 +1 +1 +1 1.00
การเรยี นรู๎
2.7 สงํ เสริมใหค๎ รูจัดกจิ กรรมให๎นกั เรยี นพัฒนาทักษะ +1 +1 +1 +1 +1 1.00

กระบวนการคิด
2.8 สงํ เสริมให๎ครพู ัฒนาออกแบบการเรียนร๎ใู ห๎เหมาะสม

กับนกั เรียน
2.9 สํงเสริมใหค๎ รจู ัดกิจกรรมการเรียนรทู๎ ีส่ อดแทรกคุณธรรม

จริยธรรม

286

องคป์ ระกอบท่ี 2 ภารกจิ และขอบขาํ ยงานวชิ าการในโรงเรียน (ตอํ )

ความคดิ เห็นของ

องคป์ ระกอบหลัก และตัวบง่ ชีย้ อ่ ย ผเู้ ชย่ี วชาญ IOC

12345

3. การพฒั นาแหล่งเรียนรู้

3.1 สารวจแหลงํ เรียนร๎ู +1 +1 +1 +1 +1 1.00

3.2 เผยแพรํแหลงํ การเรยี นร๎ูในโรงเรยี นให๎บุคคลทัว่ ไปทราบ +1 +1 +1 +1 +1 1.00

3.3 พฒั นาแหลงํ เรยี นร๎ใู หน๎ ักเรียนเกดิ การเรียนรู๎ +1 0 +1 +1 +1 0.80

3.4 สนับสนุนให๎ครใู ช๎แหลงํ เรียนร๎ูท้ังภายในและภายนอก +1 +1 +1 +1 +1 1.00

ในการจัดการเรยี นร๎ู

3.5 สนับสนนุ ใหค๎ รจู ัดการเรียนรู๎ครอบคลมุ ภูมิปญั ญาท๎องถ่นิ +1 +1 +1 +1 +1 1.00

3.6 ตดิ ตามประเมินผลการใช๎แหลงํ เรยี นรทู๎ ั้งภายในและภายนอก +1 +1 +1 +1 +1 1.00

4. การพัฒนาสือ่ นวตั กรรม และเทคโนโลยเี พื่อการศกึ ษา

4.1 ศกึ ษาวิเคราะห๑ความตอ๎ งการจาเปน็ ในการใชส๎ ือ่ และ +1 +1 +1 +1 +1 1.00

เทคโนโลยี

4.2 สงํ เสรมิ ใหค๎ รูผลิต และพฒั นาส่ือการเรยี นร๎ู +1 +1 +1 +1 +1 1.00

4.3 ประสานความรวํ มมือกับทุกฝา่ ยเพือ่ สนับสนุนงบประมาณ +1 +1 +1 +1 +1 1.00

ในการจดั หาสื่อการเรยี นรู๎

4.4 จดั หาส่ือและเทคโนโลยเี พ่ือใช๎ในการเรยี นการสอน +1 +1 +1 +1 +1 1.00

4.5 จัดเก็บส่ือเทคโนโลยีอยํางเปน็ ระบบ งํายตํอการใช๎งาน +1 +1 +1 +1 +1 1.00

4.6 ประเมินผลการพัฒนาการใช๎สื่อ นวัตกรรม และเทคโนโลยี +1 +1 +1 +1 +1 1.00

ทางการศึกษา

5. การนเิ ทศการศกึ ษา

5.1 จดั ทาแผนงานโครงการนิเทศงานในสถานศกึ ษา +1 +1 +1 +1 +1 1.00

5.2 แตํงตง้ั คณะกรรมการในการนเิ ทศการศกึ ษาของสถานศึกษา +1 +1 +1 +1 +1 1.00

5.3 จดั การนิเทศการศกึ ษาในสถานศึกษา +1 +1 +1 +1 +1 1.00

5.4 สงํ เสริมการแลกเปล่ียนเรียนร๎ู ให๎ความร๎แู กํครูในการนิเทศ +1 +1 +1 +1 +1 1.00

การศึกษา

287

องค์ประกอบท่ี 2 ภารกิจและขอบขาํ ยงานวชิ าการในโรงเรียน (ตํอ)

ความคดิ เห็นของ

องค์ประกอบหลัก และตวั บง่ ชีย้ อ่ ย ผเู้ ชี่ยวชาญ IOC

12345

5.5 ประเมนิ ผลการนเิ ทศในสถานศกึ ษา +1 +1 +1 +1 +1 1.00

5.6 นาผลการนิเทศไปปรับปรุงพฒั นาการจัดการเรียนรู๎ +1 +1 +1 +1 +1 1.00

6. การวจิ ัยเพอื่ พฒั นาคณุ ภาพการศกึ ษา

6.1 กาหนดใหค๎ รทู าวจิ ยั ในช้ันเรยี น +1 +1 +1 +1 +1 0.80

6.2 สรา๎ งความตระหนกั ถงึ ความสาคญั ของการวิจยั ในชน้ั เรียน +1 +1 +1 +1 +1 1.00

6.3 กาหนดมาตรฐานในการทาวิจยั ในช้นั เรยี น +1 +1 +1 +1 +1 1.00

6.4 ตดิ ตามผลการวิจยั ในชน้ั เรยี น +1 +1 +1 +1 +1 1.00

6.5 เผยแพรงํ านวจิ ัยในชนั้ เรียน +1 +1 +1 +1 +1 1.00

7. การประกันคุณภาพภายในสถานศกึ ษา

7.1 วางแผนพฒั นาระบบการประกันคุณภาพการศกึ ษา +1 +1 +1 +1 +1 1.00

7.2 แตงํ ตง้ั คณะกรรมการผรู๎ ับผดิ ชอบการประกนั คุณภาพ +1 +1 +1 +1 +1 1.00

การศึกษาอยาํ งชัดเจน

7.3 กาหนดเกณฑ๑การประเมินตามตัวช้ีวดั ของ สมศ. +1 +1 +1 +1 +1 1.00

7.4 สรา๎ งความเข๎าใจใหบ๎ ุคลากรทเ่ี ก่ียวขอ๎ งเข๎าใจแนวทาง +1 +1 +1 +1 +1 1.00

การประกันคุณภาพการศกึ ษา

7.5 ประสานความรํวมมือกับหนวํ ยงานต๎นสงั กดั +1 +1 +1 +1 +1 1.00

และหนํวยงานอ่ืนในการปรบั ปรุงพัฒนาระบบประกนั

คุณภาพ

7.6 ปรบั ปรงุ พัฒนางานประเมินคณุ ภาพภายในสถานศกึ ษา +1 +1 +1 +1 +1 1.00

7.7 ตดิ ตามประเมนิ ผลคุณภาพภายในสถานศกึ ษา +1 +1 +1 +1 +1 1.00

7.8 จดั ทาสรุปรายงานการประเมนิ คุณภาพภายในสถานศกึ ษา +1 +1 +1 +1 +1 1.00

288

องค์ประกอบที่ 2 ภารกจิ และขอบขาํ ยงานวิชาการในโรงเรียน (ตอํ )

ความคดิ เหน็ ของ

องค์ประกอบหลกั และตวั บง่ ช้ยี อ่ ย ผเู้ ช่ียวชาญ IOC

12345

8. การแนะแนวการศึกษา

8.1 จัดทาแผนงานโครงการแนะแนวในสถานศกึ ษาอยํางชัดเจน +1 +1 +1 +1 +1 1.00

8.2 จดั ระบบการแนะแนวทางวิชาการในสถานศกึ ษา +1 +1 +1 +1 +1 1.00

8.3 แตงํ ต้งั คณะกรรมการแนะแนวของสถานศึกษา +1 +1 +1 +1 +1 1.00

8.4 ดาเนนิ การแนะแนวการศกึ ษา +1 +1 +1 +1 +1 1.00

8.5 ประสานงานกับหนํวยงานอื่นในการแนะแนวเพื่อศึกษาตํอ +1 +1 +1 +1 +1 1.00

8.6 สรา๎ งความรูค๎ วามเขา๎ ใจให๎บุคลากรในการบรกิ ารแนะแนว +1 +1 +1 +1 +1 1.00

การศกึ ษา

8.7 จัดระบบการแนะแนวทางวิชาการเช่ือมโยงกับระบบดูแล +1 +1 +1 +1 +1 1.00

ชํวยเหลือนักเรยี น

8.8 ติดตามและประเมนิ ผลการแนะแนวการศกึ ษา +1 +1 +1 +1 +1 1.00

8.9 แลกเปลย่ี นเรยี นรก๎ู บั เครือขาํ ยการศึกษาเพ่ือพัฒนาระบบ +1 +1 +1 +1 0 0.80

การแนะแนวสถานศกึ ษา

9. การวัดผล ประเมินผล และเทยี บโอนผลการเรียน

9.1 กาหนดระเบียบ แนวทางปฏิบัติในการวัดผล ประเมินผล +1 +1 +1 0 +1 0.80

และเทยี บโอนผลการเรยี น

9.2 จดั ทาคูํมือ และกาหนดระเบยี บกฎเกณฑ๑ในการวดั ผล +1 +1 +1 +1 +1 1.00

ประเมนิ ผล และเทยี บโอนผลการเรยี น

9.3 จดั ระบบการเทยี บโอนผลการเรยี นที่สอดรับกับ +1 +1 +1 +1 +1 1.00

ทุกสถาบนั การศกึ ษา

289

องคป์ ระกอบที่ 3 กระบวนการบริหารงานวิชาการ

ความคิดเห็นของ

องค์ประกอบหลกั และตัวบง่ ชย้ี อ่ ย ผ้เู ช่ียวชาญ IOC

12345

1. แนวทางการบริหารงานวิชาการ

1.1 การกาหนดเป้าหมายงานวิชาการรํวมกัน +1 +1 +1 +1 +1 1.00

1.2 การจดั อันดับความสาคัญของเป้าหมายรวํ มกัน +1 +1 +1 +1 +1 1.00

1.3 การกาหนดแนวทางการดาเนนิ งานรํวมกัน +1 +1 +1 +1 +1 1.00

1.4 การกาหนดระยะเวลาสาหรบั การดาเนินงานรวํ มกนั +1 +1 +1 +1 +1 1.00

1.5 กาหนดงบประมาณที่ใช๎ในการดาเนนิ งานรํวมกนั +1 +1 +1 +1 +1 1.00

1.6 กาหนดผู๎รับผิดชอบในการดาเนินงานรํวมกนั +1 +1 +1 +1 +1 1.00

1.7 กาหนดโครงสร๎างในการบริหารงานวิชาการรวํ มกัน +1 +1 +1 +1 +1 1.00

2. การนาแผนงานวิชาการไปปฏบิ ตั ิ

2.1 จัดประชุมทกุ ระดับเพอ่ื ผลักดันนโยบายสูํการปฏบิ ัติ +1 +1 +1 +1 +1 1.00

2.2 วางแผนการประชุมอยํางชดั เจน +1 +1 0 +1 +1 0.80

2.3 ชแี้ จงนโยบาย และแนวทางปฏบิ ตั ิตามแผนให๎ทกุ ฝ่ายเข๎าใจ +1 +1 +1 +1 +1 1.00

2.4 กากับตดิ ตามผลการดาเนินงานอยาํ งตํอเนื่อง +1 +1 +1 +1 +1 1.00

2.5 มแี ผนงานวิชาการที่เปน็ รูปธรรมลงสกูํ ารปฏบิ ตั ิ +1 +1 +1 +1 +1 1.00

3. การตรวจสอบ ประเมนิ ผลงานวชิ าการ

3.1 การวางกรอบการประเมินงานวชิ าการรํวมกนั +1 +1 +1 +1 +1 1.00

3.2 การจัดหา/ จัดทาเคร่ืองมือในการดาเนนิ งานวชิ าการรํวมกนั +1 +1 +1 +1 +1 1.00

3.3 การเก็บรวบรวมข๎อมลู การจัดการเรยี นรู๎รํวมกัน +1 +1 +1 +1 +1 1.00

3.4 การวเิ คราะหข๑ อ๎ มลู รวํ มกัน +1 +1 +1 +1 +1 1.00

3.5 การแปลความหมายรวํ มกนั +1 +1 +1 +1 +1 1.00

3.6 การตรวจสอบ/ ปรบั ปรงุ คุณภาพการประเมินงานวชิ าการ +1 +1 +1 +1 +1 1.00

รํวมกัน

290

องค์ประกอบท่ี 3 กระบวนการบริหารงานวิชาการ (ตอํ )

ความคดิ เห็นของ

องค์ประกอบหลกั และตัวบ่งชยี้ อ่ ย ผูเ้ ชี่ยวชาญ IOC

12345

4. การนาผลประเมินมาปรับปรงุ งานวชิ าการ

4.1 นาเสนอผลการประเมินตํอผม๎ู สี ํวนเกี่ยวขอ๎ ง +1 0 +1 +1 +1 0.80

4.2 จดั ทารายงานผลการประเมินเผยแพรใํ ห๎ผู๎มีสํวนได๎ +1 +1 +1 +1 +1 1.00

สํวนเสียทราบ

4.3 การนาผลการประเมนิ ไปใช๎ +1 +1 +1 +1 +1 1.00

4.3.1 ปรบั ปรงุ การปฏบิ ัตงิ านของผู๎บริหาร +1 +1 +1 +1 +1 1.00

4.3.2 ปรบั ปรุงการปฏิบตั ิงานของครู +1 +1 +1 +1 +1 1.00

4.3.3 วางแผนแกไ๎ ขระยะตํอไป +1 +1 +1 +1 +1 1.00

4.4 การจัดทาข๎อมูลสารสนเทศท่สี ามารถใชไ๎ ดส๎ ะดวก รวดเรว็ +1 +1 +1 +1 +1 1.00

และเปน็ ปจั จบุ นั


Click to View FlipBook Version