The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by kanyakudfoo, 2021-06-26 23:33:22

รูปแบบการบริหารงานวิชาการสู้ความเป็นเลิศของโรงเรียนสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

141

2.2 ชีแ้ จงนโยบายและแนวทางในการปฏิบัติตามแผนงานวิชาการให๎ผ๎มู ีสวํ นเกย่ี วข๎อง
2.3 มีแผนงานวิชาการที่เปน็ รปู ธรรมลงสกํู ารปฏิบัติ
3. การตรวจสอบ ประเมนิ ผลงานวิชาการ
3.1 ติดตาม นเิ ทศ ตรวจสอบการจัดการเรยี นรูข๎ องครูอยํางสมา่ เสมอ
3.2 วางกรอบการประเมินงานวิชาการรวํ มกัน
3.3 วิเคราะหข๑ ๎อมลู เพื่อนามาผลมาพฒั นาปรับปรงุ คณุ ภาพงาน
4. การนาผลประเมินมาปรบั ปรงุ งานวิชาการ
4.1 นาผลการประเมนิ มาใช๎ในการวางแผนงานวชิ าการใหม๎ ปี ระสทิ ธภิ าพในระยะตํอไป
4.2 จดั ทาสรุปผลรายงานทางวิชาการให๎ผู๎มีสวํ นเก่ยี วข๎องทราบ
องค๑ประกอบที่ 4 การมีสํวนรํวมในการบรหิ ารงานวิชาการ
1. การมีสํวนรวํ มของผมู๎ สี วํ นไดส๎ วํ นเสียในการจัดการศึกษา
1.1 ประสานความรวํ มมือกับผ๎ูมีสํวนได๎สวํ นเสยี ในการจัดการศึกษา
1.2 เผยแพรํขาํ วสารประชาสัมพันธโ๑ รงเรียนให๎ผมู๎ ีสวํ นได๎สํวนเสียรบั ทราบ
1.3 เปิดโอกาสใหท๎ กุ คนมีสํวนรวํ มในการจัดการศึกษา
1.4 จัดกิจกรรมเพ่ือสํงเสรมิ การมีสํวนรํวมในงานวชิ าการ
1.5 สรา๎ งเครือขาํ ยความรวํ มมือในการพัฒนางานวิชาการ
2. การสงํ เสรมิ ความรท๎ู างวชิ าการแกผํ ม๎ู สี ํวนได๎สํวนเสยี
2.1 จดั ให๎ความรู๎แกํผ๎ูมีสํวนไดส๎ วํ นเสียในท๎องถ่นิ
2.2 สํงเสรมิ ให๎มกี ารแลกเปลี่ยนเรยี นร๎ู
2. ผลการวิเคราะห๑ข๎อมลู แบบสอบถาม รอบที่ 1
ผว๎ู จิ ัยนาข๎อมูลท่ีได๎จากผลการสมั ภาษณ๑กลํมุ ผู๎บริหารสถานศกึ ษา และ/ หรือหัวหนา๎ งาน
วชิ าการ จานวน 12 คน ในข๎อ 2.1 มาสร๎างเป็นแบบสอบถามรอบที่ 1 จากน้ันนาไปสารวจความคิดเห็น
ของกลมุํ ผู๎บริหารสถานศึกษา และ/ หรือหัวหน๎างานวิชาการทั้งหมด จานวน 17 คน เพื่อหาฉันทามติ
(Consenus) ของกลํมุ ทีม่ ีความเป็นไปได๎ของรูปแบบการบริหารงานวิชาการสูํความเป็นเลิศของโรงเรียน
สงั กัดองค๑กรปกครองสํวนท๎องถน่ิ โดยแบงํ องค๑ประกอบออกเป็น 4 องคป๑ ระกอบ 20 ตวั บงํ ชี้ ได๎แกํ
ภาวะผูน๎ าทางวชิ าการ ภารกิจและขอบขํายงานวชิ าการในโรงเรยี น กระบวนการบริหารงานวิชาการ
และการมสี ํวนรํวมในการบริหารงานวิชาการ ซึง่ ผลการวิเคราะห๑ข๎อมูลแบบสอบถามรอบที่ 1 ดังปรากฏ
ในตารางท่ี 6-9

142

ตารางที่ 6 คําสถิติ และความเหมาะสมของรปู แบบการบริหารงานวชิ าการสคํู วามเป็นเลิศของ
โรงเรียนสังกดั องค๑กรปกครองสํวนทอ๎ งถ่นิ องค๑ประกอบที่ 1 ภาวะผูน๎ าทางวชิ าการ

องคป์ ระกอบหลัก และตวั บ่งช้ียอ่ ย Mdn Mo IR Mo- ความ
≥3.50 หรอื Mdn เหมาะสม/
Q3-Q1 ≤1.00 ความเปน็
≤1.50
ไปได้

1. ด้านการจดั องค์การเพื่อการเรียนการสอน

1.1 กาหนดโครงสรา๎ ง สายบังคับบัญชา 4.33 5.00 0.66 0.67 เหมาะสม/ ได๎

หน๎าทีค่ วามรบั ผดิ ชอบที่ชัดเจน

1.2 จดั บคุ ลากรครบตาแหนํงตาม 4.27 5.00 0.81 0.73 เหมาะสม/ ได๎

โครงสรา๎ งองคก๑ ารอยํางเหมาะสม

1.3 จัดทาคํูมือ แนวทางการปฏิบัตงิ าน 3.78 4.00 1.00 0.22 เหมาะสม/ ได๎

วิชาการกาหนดไว๎อยํางชดั เจน

1.4 สงํ เสริมให๎ครูจัดกจิ กรรมการเรยี นร๎ู 4.33 5.00 0.67 0.67 เหมาะสม/ ได๎

โดยยึดหลกั สูตรสถานศึกษา

1.5 วิเคราะห๑ภาระงาน ออกแบบงาน 4.00 4.00 0.94 0.00 เหมาะสม/ ได๎

จัดโครงสรา๎ งครอบคลมุ ภารกิจงาน

2. การกาหนดทศิ ทาง นโยบาย เปา้ หมาย

และแนวทางการจดั การศึกษา

2.1 วิเคราะห๑จุดแขง็ จุดอํอนขององคก๑ าร 4.20 5.00 0.89 0.80 เหมาะสม/ ได๎

2.2 กาหนดทิศทาง วสิ ัยทัศน๑ พนั ธกจิ 4.43 5.00 0.57 0.57 เหมาะสม/ ได๎

เปา้ หมาย กลยุทธอ๑ ยาํ งชัดเจน

2.3 เปดิ โอกาสให๎ทุกคนมีสวํ นรํวม 4.43 5.00 0.57 0.57 เหมาะสม/ ได๎

ในการจัดการศกึ ษา

2.4 เผยแพรํขําวสารประชาสัมพันธ๑ 4.11 5.00 1.16 0.89 เหมาะสม/ ได๎

โรงเรียนให๎ผูม๎ ีสวํ นได๎สํวนเสยี ทราบ

2.5 ประสานความรวํ มมือกับกรรมการ 4.33 5.00 0.67 0.67 เหมาะสม/ ได๎

สถานศึกษาและผ๎มู ีสวํ นเก่ยี วขอ๎ ง

143

ตารางท่ี 6 (ตํอ)

องคป์ ระกอบหลกั และตัวบ่งชยี้ ่อย Mdn Mo IR Mo- ความ
≥3.50 หรอื Mdn เหมาะสม/
2.6 จดั ระบบสารสนเทศพื้นฐาน Q3-Q1 ≤1.00 ความเป็น
งํายตํอการใชง๎ าน ≤1.50
ไปได้
2.7 กาหนดตวั ชี้วัดความสาเร็จ
3. การพฒั นาระบบงาน 3.86 4.00 1.14 0.14 เหมาะสม/ ได๎

3.1 ผบ๎ู ริหารสถานศึกษาเนน๎ การทางาน 4.47 5.00 0.67 0.53 เหมาะสม/ ได๎
เปน็ ทีม
4.47 5.00 0.53 0.53 เหมาะสม/ ได๎
3.2 จัดระบบข๎อมูลสารสนเทศ
ให๎เป็นระบบ 3.90 4.00 0.93 0.10 เหมาะสม/ ได๎

3.3 พฒั นาระบบงานบคุ ลากร 4.11 5.00 0.99 0.89 เหมาะสม/ ได๎
3.4 กาหนดกระบวนการพัฒนางาน 4.27 5.00 0.84 0.73 เหมาะสม/ ได๎

วชิ าการอยาํ งเป็นระบบ 4.47 5.00 0.53 0.53 เหมาะสม/ ได๎
4. คณุ ลกั ษณะการเป็นผูน้ าสถานศกึ ษา 4.33 5.00 0.67 0.67 เหมาะสม/ ได๎

4.1 อุทศิ ตนในการปฏิบตั ิงาน 4.38 5.00 0.61 0.62 เหมาะสม/ ได๎
4.2 สรา๎ งความศรัทธา ความเช่อื มัน่
4.38 5.00 0.61 0.62 เหมาะสม/ ได๎
ให๎ทุกฝ่ายเปน็ ที่ยอมรับ
4.3 มบี ุคลกิ ภาพทด่ี ี และมคี วามม่นั คง 4.43 5.00 0.57 0.57 เหมาะสม/ ได๎
4.47 5.00 0.53 0.53 เหมาะสม/ ได๎
ทางอารมณ๑
4.4 มีทักษะในการประสานงาน

กบั ทุกฝ่ายใหด๎ าเนินงาน
อยาํ งมีประสิทธิภาพ
4.5 เข๎าใจพ้นื ฐานผู๎ใตบ๎ งั คับบัญชา
มอบหมายงานตามความเหมาะสม
4.6 ผบ๎ู ริหารสถานศกึ ษาใช๎หลกั
ธรรมาภบิ าลในการจดั การศึกษา

144

ตารางท่ี 6 (ตํอ)

องคป์ ระกอบหลกั และตวั บ่งชยี้ อ่ ย Mdn Mo IR Mo- ความ
≥3.50 หรือ Mdn เหมาะสม/
Q3-Q1 ≤1.00 ความเป็น
≤1.50
ไปได้

4.7 ปฏบิ ตั ิตนตามจรรยาบรรณวิชาชพี 4.43 5.00 0.57 0.57 เหมาะสม/ ได๎

4.8 มคี วามรค๎ู วามเขา๎ ใจ หลกั การ ทฤษฎี 4.27 5.00 0.80 0.73 เหมาะสม/ ได๎

ทางการบริหารจัดการสถานศกึ ษา

จากตารางที่ 6 กลมุํ ผู๎บรหิ ารสถานศกึ ษา และ/ หรอื หวั หน๎างานวิชาการ มีความคิดเห็น
สอดคล๎องกนั วํา องคป๑ ระกอบที่ 1 ภาวะผ๎ูนาทางวชิ าการ มีความเหมาะสมและความเป็นไปได๎
ทุกตวั บงํ ชี้ (มีคาํ มธั ยฐานตง้ั แตํ 3.50 ข้ึนไป คําพิสยั ระหวํางควอไทลไ๑ มํเกิน 1.50 และผลตํางระหวําง
ฐานนยิ มกบั มัธยฐานไมเํ กนิ 1.50) ไดแ๎ กํ การจัดองคก๑ ารเพือ่ การเรยี นการสอน การกาหนดทศิ ทาง
นโยบาย เปา้ หมาย และแนวทางการจดั การศึกษา การพัฒนาระบบงาน และคุณลกั ษณะการเปน็ ผ๎ูนา
สถานศกึ ษา

ตารางที่ 7 คําสถติ ิ และความเหมาะสมของรูปแบบการบริหารงานวชิ าการสํูความเป็นเลศิ ของ
โรงเรยี นสงั กัดองค๑กรปกครองสวํ นทอ๎ งถ่นิ องคป๑ ระกอบที่ 2 ภารกจิ และขอบขาํ ย
งานวชิ าการในโรงเรียน

องค์ประกอบหลกั และตัวบ่งชย้ี ่อย Mdn Mo IR Mo- ความ
≥3.50 หรอื Mdn เหมาะสม/
Q3-Q1 ≤1.00 ความเปน็
≤1.50
ไปได้

1. การพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา

1.1 ศกึ ษาวิเคราะหเ๑ อกสารหลกั สูตร 4.43 5.00 0.57 0.57 เหมาะสม/ ได๎

สถานศกึ ษา

1.2 จดั ทาหลักสตู รตรงตามความต๎องการ 4.20 5.00 0.93 0.80 เหมาะสม/ ได๎

ของผู๎เรยี น

145

ตารางที่ 7 (ตอํ )

องคป์ ระกอบหลัก และตัวบ่งช้ียอ่ ย Mdn Mo IR Mo- ความ
≥3.50 หรือ Mdn เหมาะสม/
Q3-Q1 ≤1.00 ความเป็น
≤1.50
ไปได้

1.3 จดั ทาแผนการจัดการเรยี นรู๎ที่เน๎น 4.38 5.00 0.61 0.62 เหมาะสม/ ได๎

ผเ๎ู รียนเป็นสาคัญ

1.4 สงํ เสริมให๎ครูจัดกจิ กรรมการเรียนร๎ู 4.11 5.00 0.81 0.89 เหมาะสม/ ได๎

โดยยึดหลักสตู รสถานศกึ ษา

1.5 ติดตาม นเิ ทศการใช๎หลกั สตู ร 4.20 5.00 0.93 0.80 เหมาะสม/ ได๎

สถานศึกษา

1.6 ตรวจสอบ ประเมินผล ปรบั ปรงุ 4.27 5.00 0.84 0.73 เหมาะสม/ ได๎

พัฒนาหลกั สูตรสถานศึกษา

2. การพัฒนากระบวนการเรียนรู้

2.1 ศกึ ษาวเิ คราะห๑ความพร๎อมของ 4.33 5.00 0.67 0.67 เหมาะสม/ ได๎

สถานศกึ ษาในการจัดการเรียนร๎ู

2.2 จดั กจิ กรรมการเรียนร๎ูให๎ตรงตาม 4.20 5.00 0.93 0.80 เหมาะสม/ ได๎

ความตอ๎ งการของผู๎เรยี น

2.3 จัดประชมุ แลกเปลย่ี นความคดิ เห็น 3.89 4.00 1.04 0.11 เหมาะสม/ ได๎

ในการจัดกิจกรรมการเรยี นร๎ู

2.4 เปิดโอกาสใหช๎ มุ ชนมีสํวนรํวม 3.78 4.00 0.95 0.22 เหมาะสม/ ได๎

ในการจดั การเรียนรู๎

2.5 จัดทาแผนงานโครงการของโรงเรยี น 4.27 5.00 0.80 0.73 เหมาะสม/ ได๎

เพอื่ สํงเสรมิ กจิ กรรมเสรมิ หลกั สูตร

2.6 สงํ เสริมใหค๎ รูพัฒนาทักษะเก่ียวกับ 4.20 5.00 0.89 0.80 เหมาะสม/ ได๎

การจัดกิจกรรมการเรียนรู๎

2.7 สงํ เสรมิ ให๎ครูจัดกิจกรรมให๎นกั เรยี น 4.11 5.00 0.81 0.89 เหมาะสม/ ได๎

พฒั นาทักษะกระบวนการคิด

146

ตารางท่ี 7 (ตํอ)

องคป์ ระกอบหลกั และตัวบง่ ชีย้ ่อย Mdn Mo IR Mo- ความ
≥3.50 หรือ Mdn เหมาะสม/
Q3-Q1 ≤1.00 ความเปน็
≤1.50
ไปได้

2.8 สํงเสรมิ ใหค๎ รพู ัฒนาออกแบบ 4.20 5.00 0.93 0.80 เหมาะสม/ ได๎

การเรียนรู๎ให๎เหมาะสมกับนกั เรียน

2.9 สํงเสริมให๎ครูจัดกิจกรรมการเรยี นร๎ู 4.33 5.00 0.67 0.67 เหมาะสม/ ได๎

ทีส่ อดแทรกคุณธรรมจรยิ ธรรม

3. การพัฒนาแหล่งเรียนรู้

3.1 สารวจแหลงํ เรียนร๎ู 3.89 4.00 0.79 0.11 เหมาะสม/ ได๎

3.2 เผยแพรํแหลงํ การเรยี นร๎ใู นโรงเรยี น 3.67 4.00 0.67 0.33 เหมาะสม/ ได๎

ใหบ๎ คุ คลท่ัวไปทราบ

3.3 พัฒนาแหลํงเรยี นร๎ใู ห๎นักเรียน 4.11 5.00 1.06 0.89 เหมาะสม/ ได๎

เกิดการเรยี นรู๎

3.4 สนบั สนุนให๎ครใู ชแ๎ หลํงเรยี นรู๎ 4.20 5.00 0.89 0.80 เหมาะสม/ ได๎

ทั้งภายในและภายนอกในการจดั

การเรยี นร๎ู

3.5 สนบั สนนุ ให๎ครูจัดการเรยี นรู๎ 3.80 4.00 0.93 0.20 เหมาะสม/ ได๎

ครอบคลมุ ภูมิปัญญาท๎องถนิ่

3.6 ตดิ ตามประเมนิ ผลการใช๎แหลํงเรยี นร๎ู 3.80 4.00 0.93 0.20 เหมาะสม/ ได๎

ท้ังภายในและภายนอก

4. การพัฒนาส่ือ นวตั กรรม และเทคโนโลยี

เพ่ือการศึกษา

4.1 ศึกษาวเิ คราะหค๑ วามต๎องการจาเป็น 3.80 4.00 0.93 0.20 เหมาะสม/ ได๎

ในการใช๎สื่อและเทคโนโลยี

4.2 สํงเสริมใหค๎ รูผลิต และพัฒนาสอื่ 4.20 5.00 0.89 0.80 เหมาะสม/ ได๎

การเรียนร๎ู

147

ตารางท่ี 7 (ตํอ)

องคป์ ระกอบหลกั และตวั บ่งชี้ยอ่ ย Mdn Mo IR Mo- ความ
≥3.50 หรอื Mdn เหมาะสม/
Q3-Q1 ≤1.00 ความเปน็
≤1.50
ไปได้

4.3 ประสานความรํวมมือกับทุกฝา่ ยเพือ่ 4.11 5.00 0.81 0.89 เหมาะสม/ ได๎

สนับสนุนงบประมาณในการจัดหาส่ือ

การเรียนรู๎

4.4 จัดหาสอื่ และเทคโนโลยเี พ่ือใช๎ 3.90 4.00 0.93 0.10 เหมาะสม/ ได๎

ในการเรียนการสอน

4.5 จดั เก็บสอื่ เทคโนโลยีอยาํ งเป็นระบบ 3.67 4.00 0.67 0.33 เหมาะสม/ ได๎

งํายตอํ การใช๎งาน

4.6 ประเมินผลการพัฒนาการใชส๎ อ่ื 3.67 4.00 0.67 0.33 เหมาะสม/ ได๎

นวตั กรรม และเทคโนโลยี

ทางการศกึ ษา

5. การนิเทศการศึกษา

5.1 จดั ทาแผนงานโครงการนเิ ทศงาน 4.33 5.00 0.67 0.67 เหมาะสม/ ได๎

ในสถานศึกษา

5.2 แตํงตัง้ คณะกรรมการในการนเิ ทศ 4.33 5.00 0.67 0.67 เหมาะสม/ ได๎

การศกึ ษาของสถานศกึ ษา

5.3 จัดการนิเทศการศึกษาในสถานศึกษา 4.33 5.00 0.67 0.67 เหมาะสม/ ได๎

5.4 สงํ เสรมิ การแลกเปลย่ี นเรียนร๎ู 4.11 5.00 0.99 0.89 เหมาะสม/ ได๎

ใหค๎ วามรูแ๎ กํครูในการนิเทศการศึกษา

5.5 ประเมินผลการนิเทศในสถานศึกษา 4.27 5.00 0.84 0.73 เหมาะสม/ ได๎

5.6 นาผลการนิเทศไปปรับปรุงพัฒนา 4.20 5.00 0.93 0.80 เหมาะสม/ ได๎

การจัดการเรยี นรู๎

148

ตารางที่ 7 (ตอํ )

องค์ประกอบหลกั และตวั บ่งช้ยี ่อย Mdn Mo IR Mo- ความ
≥3.50 หรอื Mdn เหมาะสม/
Q3-Q1 ≤1.00 ความเปน็
≤1.50
ไปได้

6. การวจิ ัยเพอ่ื พัฒนาคณุ ภาพการศึกษา

6.1 กาหนดใหค๎ รูทาวจิ ยั ในช้ันเรยี น 4.20 5.00 0.77 0.80 เหมาะสม/ ได๎

6.2 สรา๎ งความตระหนักถงึ ความสาคญั 4.11 5.00 0.81 0.89 เหมาะสม/ ได๎

ของการวิจัยในชั้นเรยี น

6.3 กาหนดมาตรฐานในการทาวจิ ัย 3.55 4.00 0.74 0.45 เหมาะสม/ ได๎

ในชั้นเรียน

6.4 ติดตามผลการวจิ ยั ในชั้นเรียน 3.70 4.00 0.90 0.30 เหมาะสม/ ได๎

6.5 เผยแพรงํ านวิจัยในช้นั เรยี น 3.45 4.00 0.73 0.55 เหมาะสม/ ได๎

7. การประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา

7.1 วางแผนพฒั นาระบบการประกนั 4.38 5.00 0.61 0.62 เหมาะสม/ ได๎

คุณภาพการศกึ ษา

7.2 แตํงต้ังคณะกรรมการผ๎ูรับผดิ ชอบ 4.38 5.00 0.61 0.62 เหมาะสม/ ได๎

การประกันคุณภาพการศึกษา

อยาํ งชัดเจน

7.3 กาหนดเกณฑก๑ ารประเมิน 4.38 5.00 0.61 0.62 เหมาะสม/ ได๎

ตามตวั ชวี้ ัดของ สมศ.

7.4 สร๎างความเข๎าใจใหบ๎ ุคลากร 4.27 5.00 0.81 0.73 เหมาะสม/ ได๎

ทเ่ี ก่ียวข๎อง เข๎าใจแนวทาง

การประกนั คณุ ภาพการศึกษา

7.5 ประสานความรํวมมือกับหนํวยงาน 4.20 5.00 0.89 0.80 เหมาะสม/ ได๎

ต๎นสังกัด และหนํวยงานอนื่

ในการปรับปรงุ พฒั นาระบบประกัน

คุณภาพการศึกษา

149

ตารางท่ี 7 (ตํอ)

องคป์ ระกอบหลัก และตัวบง่ ชี้ยอ่ ย Mdn Mo IR Mo- ความ
≥3.50 หรอื Mdn เหมาะสม/
Q3-Q1 ≤1.00 ความเปน็
≤1.50
ไปได้

7.6 ปรับปรงุ พัฒนาการประเมนิ คณุ ภาพ 4.43 5.00 0.57 0.57 เหมาะสม/ ได๎

ภายในสถานศกึ ษา

7.7 ตดิ ตาม ประเมินผลคุณภาพภายใน 4.20 5.00 0.89 0.80 เหมาะสม/ ได๎

สถานศกึ ษา

7.8 จดั ทาสรปุ รายงานการประเมิน 4.27 5.00 0.81 0.73 เหมาะสม/ ได๎

คณุ ภาพภายในสถานศกึ ษา

8. การแนะแนวการศกึ ษา

8.1 จัดทาแผนงาน โครงการแนะแนว 3.83 4.00 1.05 0.17 เหมาะสม/ ได๎

ในสถานศึกษาอยํางชดั เจน

8.2 จดั ระบบการแนะแนวทางวิชาการ 4.00 4.00 0.88 0.00 เหมาะสม/ ได๎

ในสถานศกึ ษา

8.3 แตงํ ตงั้ คณะกรรมการแนะแนว 3.78 4.00 1.00 0.22 เหมาะสม/ ได๎

ของสถานศกึ ษา

8.4 ดาเนนิ การแนะแนวการศึกษา 4.00 4.00 0.88 0.00 เหมาะสม/ ได๎

8.5 ประสานงานกับหนวํ ยงานอื่น 3.78 4.00 1.00 0.22 เหมาะสม/ ได๎

ในการแนะแนวเพ่ือศึกษาตอํ

8.6 สร๎างความร๎คู วามเขา๎ ใจใหบ๎ ุคลากร 3.46 4.00 0.61 0.54 ไมเํ หมาะสม/

ในการบรกิ ารแนะแนวการศึกษา ไมํได๎

8.7 จดั ระบบการแนะแนวทางวชิ าการ 3.60 4.00 0.80 0.40 เหมาะสม/ ได๎

เชื่อมโยงกับระบบดูแลชวํ ยเหลอื

นักเรยี น

8.8 ตดิ ตามและประเมินผลการแนะแนว 4.11 5.00 1.06 0.89 เหมาะสม/ ได๎

การศึกษา

150

ตารางท่ี 7 (ตอํ )

องค์ประกอบหลัก และตัวบง่ ชยี้ อ่ ย Mdn Mo IR Mo- ความ
≥3.50 หรือ Mdn เหมาะสม/
9. การวัดผล ประเมินผล และเทยี บโอน Q3-Q1 ≤1.00 ความเป็น
ผลการเรยี น ≤1.50
9.1 กาหนดระเบยี บ แนวทางปฏิบัติ ไปได้
ในการวัดผล ประเมินผล และ
เทียบโอนผลการเรยี น 3.55 4.00 0.73 0.45 เหมาะสม/ ได๎
9.2 จดั ทาคมํู อื และกาหนดระเบียบ
กฎเกณฑใ๑ นการวดั ผล ประเมนิ ผล 4.20 5.00 0.89 0.80 เหมาะสม/ ได๎
และเทียบโอนผลการเรยี น
9.3 จัดระบบการเทียบโอนผลการเรยี น 4.00 4.00 1.00 0.00 เหมาะสม/ ได๎
ท่สี อดรบั กบั ทกุ สถาบันการศกึ ษา

จากตารางท่ี 7 กลํุมผบ๎ู ริหารสถานศกึ ษา และ/ หรือหวั หน๎างานวิชาการมีความคดิ เห็น
สอดคลอ๎ งกันวํา องคป๑ ระกอบท่ี 2 ภารกิจและขอบขาํ ยงานวิชาการในโรงเรียน มีความเหมาะสม
และความเปน็ ไปได๎ทกุ ตวั บํงช้ี (มีคาํ มัธยฐานตัง้ แตํ 3.50 ขน้ึ ไป คําพิสยั ระหวํางควอไทล๑ไมํเกิน
1.50 และผลตาํ งระหวํางฐานนยิ มกับมัธยฐานไมํเกนิ 1.50) ได๎แกํ การพฒั นาหลักสูตรสถานศกึ ษา
การพัฒนากระบวนการเรยี นร๎ู การพัฒนาแหลํงเรียนร๎ู การพัฒนาส่ือ นวัตกรรม เทคโนโลยีเพอื่
การเรยี นการสอน การนิเทศการศกึ ษา การวิจัยเพ่ือพัฒนาคุณภาพการศกึ ษา การประกันคณุ ภาพ
ภายในสถานศกึ ษา การแนะแนวการศกึ ษา และการวดั ผล ประเมินผล และเทยี บโอนผลการเรียน
ยกเว๎น การแนะแนวการศกึ ษา ตัวบงํ ช้ที ่ี 6.5 และตัวบงํ ชท้ี ี่ 8.6 (มีคาํ มัธยฐานตา่ กวํา 3.50)

151

ตารางที่ 8 คําสถิติ และความเหมาะสมของรปู แบบการบริหารงานวิชาการสํคู วามเป็นเลิศของ
โรงเรียนสงั กัดองค๑กรปกครองสวํ นทอ๎ งถิ่น องคป๑ ระกอบที่ 3 กระบวนการ
บริหารงานวิชาการ

องค์ประกอบหลัก และตวั บ่งชี้ย่อย Mdn Mo IR Mo- ความ
≥3.50 หรอื Mdn เหมาะสม/
1. แนวทางการบริหารงานวิชาการ Q3-Q1 ≤1.00 ความเปน็
1.1 การกาหนดเป้าหมายงานวิชาการ ≤1.50
รํวมกนั ไปได้
1.2 การจัดอนั ดับความสาคญั ของ
เปา้ หมายรวํ มกนั 3.89 4.00 1.05 0.11 เหมาะสม/ ได๎
1.3 การกาหนดแนวทางการดาเนินงาน 4.50 5.00
รํวมกัน 4.27 5.00 0.50 0.50 เหมาะสม/ ได๎
1.4 การกาหนดระยะเวลาสาหรบั 4.11 5.00
การดาเนินงานรวํ มกัน 0.81 0.73 เหมาะสม/ ได๎

0.93 0.89 เหมาะสม/ ได๎

1.5 กาหนดงบประมาณที่ใช๎ 4.27 5.00 0.81 0.73 เหมาะสม/ ได๎

ในการดาเนนิ งานรํวมกนั

1.6 กาหนดผ๎ูรับผิดชอบในการดาเนินงาน 4.27 5.00 0.81 0.73 เหมาะสม/ ได๎

รํวมกัน

1.7 กาหนดโครงสร๎างในการบรหิ ารงาน 4.20 5.00 0.89 0.80 เหมาะสม/ ได๎

วชิ าการรํวมกัน

2. การนาแผนงานวชิ าการไปปฏิบัติ

2.1 จดั ประชุมทกุ ระดับเพ่ือผลกั ดัน 4.33 5.00 0.66 0.67 เหมาะสม/ ได๎

นโยบายสํกู ารปฏบิ ัติ

2.2 วางแผนการประชุมอยํางชดั เจน 4.33 5.00 0.62 0.67 เหมาะสม/ ได๎

2.3 ชแ้ี จงนโยบาย และแนวทางปฏบิ ตั ิ 4.43 5.00 0.57 0.57 เหมาะสม/ ได๎

ตามแผนให๎ทุกฝ่ายเข๎าใจ

152

ตารางที่ 8 (ตํอ)

องค์ประกอบหลกั และตัวบง่ ชี้ยอ่ ย Mdn Mo IR Mo- ความ
≥3.50 หรือ Mdn เหมาะสม/
Q3-Q1 ≤1.00 ความเปน็
≤1.50
ไปได้

2.4 กากบั ตดิ ตามผลการดาเนินงาน 4.33 5.00 0.66 0.67 เหมาะสม/ ได๎

อยํางตํอเนื่อง

2.5 มแี ผนงานวิชาการทีเ่ ป็นรูปธรรม 4.33 5.00 0.66 0.67 เหมาะสม/ ได๎

ลงสูํการปฏบิ ัติ

3. การตรวจสอบ ประเมินผลงานวชิ าการ

3.1 การวางกรอบการประเมนิ งานวิชาการ 4.27 5.00 0.81 0.73 เหมาะสม/ ได๎

รํวมกนั

3.2 การจัดหา/ จัดทาเครอื่ งมอื 4.27 5.00 0.81 0.73 เหมาะสม/ ได๎

ในการดาเนินงานวิชาการรํวมกัน

3.3 การเก็บรวบรวมข๎อมูล 4.27 5.00 0.81 0.73 เหมาะสม/ ได๎

การจดั การเรียนร๎ูรวํ มกัน

3.4 การวเิ คราะห๑ขอ๎ มูลรํวมกนั 4.27 5.00 0.81 0.73 เหมาะสม/ ได๎

3.5 การแปลความหมายรํวมกนั 4.20 5.00 0.89 0.80 เหมาะสม/ ได๎

3.6 การตรวจสอบ/ ปรับปรุงคณุ ภาพ 4.11 5.00 0.99 0.89 เหมาะสม/ ได๎

การประเมินงานวิชาการรํวมกัน

4. การนาผลประเมินมาปรับปรุง

งานวิชาการ

4.1 นาเสนอผลการประเมินตํอผม๎ู สี ํวน 4.27 5.00 0.80 0.73 เหมาะสม/ ได๎

เกี่ยวข๎อง

4.2 จัดทารายงานผลการประเมินเผยแพรํ 3.80 4.00 0.93 0.20 เหมาะสม/ ได๎

ใหผ๎ มู๎ สี ํวนไดส๎ ํวนเสยี ทราบ

153

ตารางท่ี 8 (ตํอ)

องค์ประกอบหลกั และตัวบ่งช้ยี ่อย Mdn Mo IR Mo- ความ
≥3.50 หรอื Mdn เหมาะสม/
Q3-Q1 ≤1.00 ความเป็น
≤1.50
ไปได้

4.3 การนาผลการประเมินไปใช๎ 3.90 4.00 0.93 0.10 เหมาะสม/ ได๎

4.3.1 ปรับปรุงการปฏบิ ัติงานของ

ผ๎บู รหิ าร

4.3.2 ปรบั ปรุงการปฏิบัตงิ านของครู

4.3.3 วางแผนแกไ๎ ขระยะตํอไป

4.4 การจัดทาข๎อมูลสารสนเทศทสี่ ามารถ 3.90 4.00 0.93 0.10 เหมาะสม/ ได๎

ใช๎ได๎สะดวก รวดเรว็ และ

เป็นปจั จบุ ัน

จากตารางที่ 8 กลมุํ ผบ๎ู ริหารสถานศึกษา และ/ หรอื หวั หน๎างานวชิ าการ มีความคดิ เห็น
สอดคลอ๎ งกันวาํ องคป๑ ระกอบท่ี 3 กระบวนการบริหารงานวชิ าการ มีความเหมาะสมทกุ ตวั บงํ ชี้
(มคี าํ มัธยฐานต้ังแตํ 3.50 ขนึ้ ไป คําพสิ ัยระหวํางควอไทลไ๑ มํเกนิ 1.50 และผลตาํ งระหวาํ งฐานนิยม
กับมธั ยฐานไมเํ กิน 1.50) ได๎แกํ แนวทางการบริหารงานวิชาการ การนาแผนงานวชิ าการไปปฏิบัติ
การตรวจสอบ ประเมนิ ผลงานวชิ าการ และการนาผลประเมนิ มาปรบั ปรุงงานวิชาการ

154

ตารางที่ 9 คําสถิติ และความเหมาะสมของรปู แบบการบริหารงานวิชาการสคํู วามเปน็ เลิศของ
โรงเรียนสงั กัดองคก๑ รปกครองสวํ นทอ๎ งถนิ่ องคป๑ ระกอบที่ 4 การมีสวํ นรวํ ม
ในการบริหารงานวิชาการ

องคป์ ระกอบหลัก และตวั บ่งชีย้ ่อย Mdn Mo IR Mo- ความ
≥3.50 หรือ Mdn เหมาะสม/
1. การมสี ว่ นร่วมของผูม้ ีส่วนไดส้ ว่ นเสยี Q3-Q1 ≤1.00 ความเปน็
ในการจดั การศกึ ษา ≤1.50
1.1 รับฟงั ความคิดเหน็ ของผู๎มีสํวนได๎ ไปได้
สวํ นเสยี
1.2 กาหนดทศิ ทาง แนวทางการจัด 4.27 5.00 0.80 0.73 เหมาะสม/ ได๎
การศกึ ษา ตามความต๎องการของ 3.89 4.00 0.79 0.11 เหมาะสม/ ได๎
ผูม๎ สี วํ นได๎สวํ นเสยี
1.3 ประชาสมั พนั ธข๑ ๎อมูลขําวสาร 3.89 4.00 0.79 0.11 เหมาะสม/ ได๎
ใหผ๎ ๎ูมสี วํ นได๎สวํ นเสยี รบั ทราบ 3.70 4.00 0.90 0.30 เหมาะสม/ ได๎
1.4 จดั แหลงํ ข๎อมลู สารสนเทศใหผ๎ ู๎ 4.11 5.00 0.81 0.89 เหมาะสม/ ได๎
มีสํวนได๎สวํ นเสียเขา๎ ถงึ ข๎อมูลได๎ 4.00 4.00 0.94 0.00 เหมาะสม/ ได๎
1.5 สรา๎ งเครือขํายผ๎ูปกครองในการจัด
การศึกษา 3.64 4.00 0.98 0.36 เหมาะสม/ ได๎
1.6 สงํ เสริมใหผ๎ มู๎ สี ํวนได๎สํวนเสยี 3.73 4.00 0.84 0.27 เหมาะสม/ ได๎
เขา๎ รวํ มกิจกรรมทางวิชาการ
ของสถานศึกษา

2. การส่งเสริมความรทู้ างวชิ าการ
แกผ่ ูม้ สี ่วนไดส้ ่วนเสีย
2.1 ออกแบบการสรา๎ งนวัตกรรม
ทางการศกึ ษา
2.2 สารวจความตอ๎ งการสนับสนุน
งานวชิ าการแกชํ มุ ชน

155

ตารางท่ี 9 (ตอํ )

องค์ประกอบหลกั และตวั บ่งช้ยี อ่ ย Mdn Mo IR Mo- ความ
≥3.50 หรือ Mdn เหมาะสม/
2.3 จัดให๎ความร๎แู กผํ ๎มู สี ํวนไดส๎ ํวนเสีย Q3-Q1 ≤1.00 ความเปน็
ในทอ๎ งถ่นิ ≤1.50
ไปได้
2.4 สํงเสรมิ ใหม๎ ีการแลกเปลยี่ นเรยี นร๎ู
3.62 4.00 0.61 0.38 เหมาะสม/ ได๎

3.82 4.00 0.88 0.18 เหมาะสม/ ได๎

จากตารางท่ี 9 กลํมุ ผูบ๎ รหิ ารสถานศึกษา และ/ หรอื หัวหนา๎ งานวิชาการ มคี วามคดิ เห็น
สอดคลอ๎ งกันวาํ องค๑ประกอบท่ี 4 การมีสํวนรํวมในการบริหารงานวิชาการ มีความเหมาะสม
ทุกตวั บงํ ช้ี (มคี าํ มัธยฐานต้งั แตํ 3.50 ขึ้นไป คาํ พสิ ยั ระหวํางควอไทล๑ไมํเกนิ 1.50 และผลตาํ งระหวําง
ฐานนิยมกับมธั ยฐานไมํเกนิ 1.50) ไดแ๎ กํ การมสี วํ นรวํ มของผม๎ู ีสํวนได๎สวํ นเสียในการจดั การศึกษา
และการสํงเสริมความรูท๎ างวิชาการแกผํ ูม๎ ีสํวนได๎สวํ นเสีย

สาหรบั ข๎อคิดเห็นและขอ๎ เสนอแนะอ่ืน ๆ ได๎แกํ
1. ตอ๎ งมกี ารวางแผนกลยุทธใ๑ นการดาเนินงานวชิ าการเพ่ือเป็นแนวทางของครูผป๎ู ฏิบัติ
2. ต๎องมกี ารตดิ ตามการประเมนิ ผลการปฏิบัตงิ านอยาํ งสมา่ เสมอ
3. ผลการวเิ คราะห๑ขอ๎ มลู แบบสอบถาม รอบท่ี 2
ผลการวิเคราะห๑ข๎อมูลจากแบบสอบถามรอบท่ี 1 ของผู๎ตอบแบบสอบถามทง้ั 17 คน พบวํา
กลุํมผบ๎ู ริหารสถานศกึ ษา และ/ หรอื หวั หนา๎ งานวิชาการ เห็นวาํ องคป๑ ระกอบของรูปแบบการบริหารงาน
วชิ าการสคํู วามเปน็ เลศิ ของโรงเรียนสงั กัดองคก๑ รปกครองสํวนท๎องถิ่น มคี วามเหมาะสมทงั้
4 องค๑ประกอบ ดังนนั้ ผู๎วจิ ยั ไดน๎ าแบบสอบถามไปสอบถามกลุํมผู๎บรหิ ารสถานศกึ ษา และ/ หรือ
หวั หน๎างานวชิ าการ จานวน 17 คน อกี รอบ โดยในรอบน้ีผวู๎ ิจัยไดแ๎ สดงคาตอบเดิมของผ๎เู ชีย่ วชาญ
แตลํ ะคนในรอบท่ี 1 พร๎อมท้งั คาํ มัธยฐาน (Mdn) และคาํ พิสัยระหวํางควอไทล๑ (IR) จากผลการวิเคราะห๑
ข๎อมูลรอบที่ 1 ของกลมํุ ใหก๎ ลมุํ ผ๎บู รหิ ารสถานศึกษา และ/ หรือหัวหนา๎ งานวชิ าการ ได๎ทราบดว๎ ย เพอื่ ให๎
กลุมํ ผบ๎ู ริหารสถานศกึ ษา และ/ หรือหัวหน๎างานวิชาการ ไดท๎ ราบความคิดเห็นของตนเปรยี บเทียบ
กบั ความคดิ เหน็ ของกลมํุ และยืนยันหรือเปลย่ี นแปลงคาตอบในรอบนี้ ซึ่งผลการวิเคราะหข๑ อ๎ มูล
ในรอบที่ 2 ดงั ปรากฏในตารางท่ี 10-13

156

ตารางที่ 10 คาํ สถติ ิ และความเหมาะสมของรปู แบบการบริหารงานวชิ าการสูํความเปน็ เลศิ ของ
โรงเรียนสังกดั องคก๑ รปกครองสํวนทอ๎ งถิ่น องคป๑ ระกอบที่ 1 ภาวะผ๎นู าทางวิชาการ

องคป์ ระกอบหลัก และตวั บ่งช้ียอ่ ย Mdn Mo IR Mo- ความ
≥3.50 หรอื Mdn เหมาะสม/
Q3-Q1 ≤1.00 ความเปน็
≤1.50
ไปได้

1. ด้านการจัดองคก์ ารเพ่อื การเรียน

การสอน

1.1 กาหนดโครงสร๎าง สายบังคบั บัญชา 4.33 5.00 0.66 0.67 เหมาะสม/ ได๎

หนา๎ ท่คี วามรับผดิ ชอบทชี่ ดั เจน

1.2 จัดบคุ ลากรครบตาแหนงํ ตามโครงสร๎าง 4.27 5.00 0.81 0.73 เหมาะสม/ ได๎

องคก๑ ารอยาํ งเหมาะสม

1.3 จัดทาคมูํ อื แนวทางการปฏิบตั งิ าน 3.78 4.00 1.00 0.22 เหมาะสม/ ได๎

วิชาการกาหนดไว๎อยาํ งชดั เจน

1.4 สงํ เสรมิ ใหค๎ รจู ัดกิจกรรมการเรยี นรู๎ 4.33 5.00 0.67 0.67 เหมาะสม/ ได๎

โดยยึดหลักสตู รสถานศึกษา

1.5 วิเคราะห๑ภาระงาน ออกแบบงาน 4.00 4.00 0.94 0.00 เหมาะสม/ ได๎

จัดโครงสรา๎ งครอบคลุมภารกจิ งาน

2. การกาหนดทิศทาง นโยบาย เป้าหมาย

และแนวทางการจดั การศึกษา

2.1 วเิ คราะห๑จุดแขง็ จดุ อํอนขององค๑การ 4.20 5.00 0.89 0.80 เหมาะสม/ ได๎

2.2 กาหนดทิศทาง วสิ ัยทศั น๑ พนั ธกิจ 4.43 5.00 0.57 0.57 เหมาะสม/ ได๎

เปา้ หมาย กลยุทธ๑อยํางชัดเจน

2.3 เปดิ โอกาสใหท๎ ุกคนมีสํวนรํวม 4.43 5.00 0.57 0.57 เหมาะสม/ ได๎

ในการจดั การศกึ ษา

2.4 เผยแพรํขาํ วสารประชาสมั พนั ธ๑ 4.11 5.00 1.16 0.89 เหมาะสม/ ได๎

โรงเรยี นให๎ผ๎มู ีสวํ นได๎สํวนเสยี ทราบ

2.5 ประสานความรํวมมือกับกรรมการ 4.33 5.00 0.67 0.67 เหมาะสม/ ได๎

สถานศึกษาและผู๎มสี วํ นเกยี่ วข๎อง

157

ตารางที่ 10 (ตอํ )

องคป์ ระกอบหลัก และตวั บง่ ชีย้ อ่ ย Mdn Mo IR Mo- ความ
≥3.50 หรอื Mdn เหมาะสม/
Q3-Q1 ≤1.00 ความเปน็
≤1.50
ไปได้

2.6 จัดระบบสารสนเทศพื้นฐาน 3.86 4.00 1.14 0.14 เหมาะสม/ ได๎

งาํ ยตํอการใช๎งาน

2.7 กาหนดตวั ชี้วดั ความสาเร็จ 4.47 5.00 0.67 0.53 เหมาะสม/ ได๎

3. การพฒั นาระบบงาน

3.1 ผบ๎ู ริหารสถานศึกษาเน๎นการทางาน 4.47 5.00 0.53 0.53 เหมาะสม/ ได๎

เป็นทมี

3.2 จัดระบบข๎อมลู สารสนเทศ 3.90 4.00 0.93 0.10 เหมาะสม/ ได๎

ให๎เป็นระบบ

3.3 พัฒนาระบบงานบุคลากร 4.11 5.00 0.99 0.89 เหมาะสม/ ได๎

3.4 กาหนดกระบวนการพัฒนางาน 4.27 5.00 0.84 0.73 เหมาะสม/ ได๎

วิชาการอยาํ งเป็นระบบ

4. คุณลกั ษณะการเป็นผนู้ าสถานศกึ ษา

4.1 อทุ ิศตนในการปฏบิ ัติงาน 4.47 5.00 0.53 0.53 เหมาะสม/ ได๎

4.2 สรา๎ งความศรัทธา ความเชอื่ มน่ั 4.33 5.00 0.67 0.67 เหมาะสม/ ได๎

ใหท๎ กุ ฝ่ายเป็นทยี่ อมรับ

4.3 มบี คุ ลกิ ภาพทด่ี ี และมีความม่ันคง 4.38 5.00 0.61 0.62 เหมาะสม/ ได๎

ทางอารมณ๑

4.4 มที กั ษะในการประสานงานกบั 4.38 5.00 0.61 0.62 เหมาะสม/ ได๎

ทกุ ฝา่ ยให๎ดาเนินงานอยํางมี

ประสทิ ธภิ าพ

158

ตารางที่ 10 (ตํอ)

องคป์ ระกอบหลัก และตวั บ่งช้ีย่อย Mdn Mo IR Mo- ความ
≥3.50 หรือ Mdn เหมาะสม/
Q3-Q1 ≤1.00 ความเป็น
≤1.50
ไปได้

4.5 เขา๎ ใจพ้นื ฐานผ๎ใู ต๎บงั คับบัญชา 4.43 5.00 0.57 0.57 เหมาะสม/ ได๎

มอบหมายงานตามความเหมาะสม

4.6 ผบ๎ู รหิ ารสถานศึกษาใชห๎ ลกั 4.47 5.00 0.53 0.53 เหมาะสม/ ได๎

ธรรมาภบิ าลในการจดั การศกึ ษา

4.7 ปฏบิ ัติตนตามจรรยาบรรณวิชาชีพ 4.43 5.00 0.57 0.57 เหมาะสม/ ได๎

4.8 มีความรคู๎ วามเข๎าใจ หลกั การ ทฤษฎี 4.27 5.00 0.80 0.73 เหมาะสม/ ได๎

ทางการบรหิ ารจัดการสถานศกึ ษา

จากตารางที่ 10 กลุํมผูบ๎ รหิ ารสถานศึกษา และ/ หรอื หวั หน๎างานวชิ าการ มีความคิดเห็น
สอดคล๎องกันวํา องคป๑ ระกอบที่ 1 ภาวะผนู๎ าทางวชิ าการ มีความเหมาะสมทุกตัวบงํ ช้ี (มีคํามัธยฐาน
ตงั้ แตํ 3.50 ข้ึนไป คาํ พิสยั ระหวํางควอไทลไ๑ มเํ กนิ 1.50 และผลตาํ งระหวาํ งฐานนิยมกบั มัธยฐาน
ไมเํ กนิ 1.50) ดงั นี้

ดา๎ นการจัดองคก๑ ารเพอ่ื การเรียนการสอน มคี วามเหมาะสมอยใํู นระดบั มาก (Mdn = 3.50-4.49)
ทั้ง 5 ตัว กลํุมผบ๎ู รหิ ารสถานศึกษา และ/ หรอื หัวหนา๎ งานวิชาการมคี วามคิดเห็นสอดคล๎องกันวํา
ทุกตวั บํงชี้มีความเหมาะสม (Mo-Mdn = ≤1.00) โดยตัวบํงชี้มีความสอดคล๎องกันระดับสูง (IR > 0.50)
จานวน 4 ตวั บํงช้ี และตวั บํงชมี้ ีความสอดคล๎องกนั ระดบั สูงมาก (IR ≤ 0.50) จานวน 1 ตวั บงํ ชี้

ดา๎ นการกาหนดทศิ ทาง นโยบาย เป้าหมาย และแนวทางการจัดการศึกษา มีความเหมาะสม
อยูใํ นระดับมาก (Mdn = 3.50-4.49) ท้งั 7 ตัว กลุมํ ผู๎บริหารสถานศกึ ษา และ/ หรอื หัวหน๎างานวิชาการ
มีความคิดเห็นสอดคล๎องกันวําทกุ ตัวบํงช้ีมคี วามเหมาะสม (Mo-Mdn = ≤1.00) โดยตัวบํงช้ีมีความ
สอดคล๎องกนั ระดับสูง (IR > 0.50) จานวน 6 ตัวบํงช้ี และตวั บํงชม้ี ีความสอดคลอ๎ งกนั ระดับสูงมาก
(IR ≤ 0.50) จานวน 1 ตวั บํงชี้

ดา๎ นการพฒั นาระบบงาน มีความเหมาะสมอยูใํ นระดบั มาก (Mdn = 3.50-4.49) ทง้ั 5 ตัว
กลมํุ ผบ๎ู รหิ ารสถานศึกษา และ/ หรือหวั หน๎างานวชิ าการ มีความคิดเห็นสอดคลอ๎ งกันวาํ ทกุ ตวั บงํ ช้ี

159

มีความเหมาะสม (Mo-Mdn = ≤1.00) โดยตวั บงํ ชี้มคี วามสอดคล๎องกันระดบั สงู (IR > 0.50) จานวน
3 ตวั บงํ ช้ี และตัวบงํ ชมี้ คี วามสอดคลอ๎ งกันระดบั สูงมาก (IR ≤ 0.50) จานวน 1 ตัวบํงชี้

ดา๎ นคุณลกั ษณะการเปน็ ผน๎ู าสถานศกึ ษา มีความเหมาะสมอยใูํ นระดับมาก (Mdn = 3.50-4.49)
ทั้ง 8 ตัว กลุํมผบ๎ู รหิ ารสถานศกึ ษา และ/ หรือหัวหน๎างานวิชาการ มีความคิดเหน็ สอดคลอ๎ งกันวาํ
ทกุ ตัวบํงช้ีมีความเหมาะสม (Mo-Mdn = ≤1.00) โดยมตี ัวบํงชม้ี คี วามสอดคล๎องกันระดับสูง (IR > 0.50)
จานวน 8 ตัวบํงชี้

ตารางท่ี 11 คําสถติ ิ และความเหมาะสมของรปู แบบการบรหิ ารงานวิชาการสูํความเปน็ เลศิ ของ
โรงเรียนสงั กดั องค๑กรปกครองสํวนท๎องถนิ่ องค๑ประกอบท่ี 2 ภารกจิ และขอบขาํ ย
งานวชิ าการในโรงเรยี น

องคป์ ระกอบหลกั และตัวบง่ ช้ยี ่อย Mdn Mo IR Mo- ความ
≥3.50 หรือ Mdn เหมาะสม/
Q3-Q1 ≤1.00 ความเปน็
≤1.50
ไปได้

1. การพัฒนาหลกั สตู รสถานศึกษา

1.1 ศึกษาวเิ คราะหเ๑ อกสารหลักสตู ร 4.43 5.00 0.57 0.57 เหมาะสม/ ได๎

สถานศกึ ษา

1.2 จัดทาหลักสูตรตรงตามความต๎องการ 4.20 5.00 0.93 0.80 เหมาะสม/ ได๎

ของผ๎เู รยี น

1.3 จัดทาแผนการจัดการเรียนร๎ู 4.38 5.00 0.61 0.62 เหมาะสม/ ได๎

ทเี่ นน๎ ผ๎ูเรยี นเปน็ สาคัญ

1.4 สงํ เสรมิ ใหค๎ รูจัดกิจกรรมการเรยี นรู๎ 4.11 5.00 0.81 0.89 เหมาะสม/ ได๎

โดยยึดหลักสูตรสถานศกึ ษา

1.5 ติดตาม นเิ ทศการใช๎หลักสูตร 4.20 5.00 0.93 0.80 เหมาะสม/ ได๎

สถานศกึ ษา

1.6 ตรวจสอบ ประเมินผล ปรับปรงุ 4.27 5.00 0.84 0.73 เหมาะสม/ ได๎

พฒั นาหลกั สูตรสถานศกึ ษา

160

ตารางที่ 11 (ตํอ)

องค์ประกอบหลกั และตวั บ่งช้ยี ่อย Mdn Mo IR Mo- ความ
≥3.50 หรอื Mdn เหมาะสม/
Q3-Q1 ≤1.00 ความเป็น
≤1.50
ไปได้

2. การพฒั นากระบวนการเรียนรู้

2.1 ศึกษาวิเคราะหค๑ วามพรอ๎ มของ 4.33 5.00 0.67 0.67 เหมาะสม/ ได๎

สถานศกึ ษาในการจัดการเรียนรู๎

2.2 จัดกจิ กรรมการเรยี นร๎ูใหต๎ รงตาม 4.20 5.00 0.93 0.80 เหมาะสม/ ได๎

ความตอ๎ งการของผ๎ูเรียน

2.3 จดั ประชมุ แลกเปลีย่ นความคดิ เห็น 3.89 4.00 1.04 0.11 เหมาะสม/ ได๎

ในการจดั กิจกรรมการเรยี นรู๎

2.4 เปดิ โอกาสให๎ชมุ ชนมีสวํ นรํวม 3.78 4.00 0.95 0.22 เหมาะสม/ ได๎

ในการจดั การเรยี นร๎ู

2.5 จดั ทาแผนงานโครงการของโรงเรยี น 4.27 5.00 0.80 0.73 เหมาะสม/ ได๎

เพอื่ สํงเสรมิ กิจกรรมเสริมหลักสตู ร

2.6 สํงเสรมิ ให๎ครูพฒั นาทักษะเก่ยี วกบั 4.20 5.00 0.89 0.80 เหมาะสม/ ได๎

การจัดกิจกรรมการเรียนร๎ู

2.7 สงํ เสรมิ ให๎ครูจัดกิจกรรมให๎นักเรียน 4.11 5.00 0.81 0.89 เหมาะสม/ ได๎

พัฒนาทักษะกระบวนการคดิ

2.8 สํงเสรมิ ใหค๎ รพู ฒั นาออกแบบ 4.20 5.00 0.93 0.80 เหมาะสม/ ได๎

การเรียนร๎ใู ห๎เหมาะสมกับนักเรียน

2.9 สํงเสริมให๎ครูจัดกิจกรรมการเรียนรู๎ 4.33 5.00 0.67 0.67 เหมาะสม/ ได๎

ทสี่ อดแทรกคุณธรรมจริยธรรม

3. การพฒั นาแหล่งเรียนรู้

3.1 สารวจแหลํงเรยี นรู๎ 3.89 4.00 0.79 0.11 เหมาะสม/ ได๎

3.2 เผยแพรํแหลงํ การเรยี นรใ๎ู นโรงเรียน 3.67 4.00 0.67 0.33 เหมาะสม/ ได๎

ใหบ๎ ุคคลท่วั ไปทราบ

161

ตารางท่ี 11 (ตํอ)

องค์ประกอบหลกั และตัวบง่ ช้ียอ่ ย Mdn Mo IR Mo- ความ
≥3.50 หรือ Mdn เหมาะสม/
Q3-Q1 ≤1.00 ความเปน็
≤1.50
ไปได้

3.3 พัฒนาแหลํงเรยี นร๎ูให๎นกั เรยี น 4.11 5.00 1.06 0.89 เหมาะสม/ ได๎

เกดิ การเรียนร๎ู

3.4 สนบั สนุนให๎ครใู ชแ๎ หลํงเรียนร๎ู 4.20 5.00 0.89 0.80 เหมาะสม/ ได๎

ท้ังภายในและภายนอกในการจัดการ

เรียนร๎ู

3.5 สนบั สนุนใหค๎ รจู ัดการเรยี นร๎ู 3.80 4.00 0.93 0.20 เหมาะสม/ ได๎

ครอบคลุมภมู ิปัญญาท๎องถน่ิ

3.6 ตดิ ตามประเมนิ ผลการใชแ๎ หลงํ 3.80 4.00 0.93 0.20 เหมาะสม/ ได๎

เรียนร๎ูทั้งภายในและภายนอก

4. การพัฒนาส่อื นวตั กรรม และเทคโนโลยี

เพอ่ื การศกึ ษา

4.1 ศึกษาวเิ คราะห๑ความต๎องการจาเป็น 3.80 4.00 0.93 0.20 เหมาะสม/ ได๎

ในการใชส๎ อ่ื และเทคโนโลยี

4.2 สํงเสรมิ ใหค๎ รูผลติ และพฒั นาสื่อ 4.20 5.00 0.89 0.80 เหมาะสม/ ได๎

การเรียนรู๎

4.3 ประสานความรํวมมือกบั ทกุ ฝา่ ยเพ่อื 4.11 5.00 0.81 0.89 เหมาะสม/ ได๎

สนบั สนุนงบประมาณในการจัดหา

สอ่ื การเรียนร๎ู

4.4 จดั หาสอ่ื และเทคโนโลยีเพ่ือใช๎ 3.90 4.00 0.93 0.10 เหมาะสม/ ได๎

ในการเรยี นการสอน

4.5 จัดเกบ็ ส่อื เทคโนโลยีอยํางเป็นระบบ 3.67 4.00 0.67 0.33 เหมาะสม/ ได๎

งํายตํอการใช๎งาน

162

ตารางที่ 11 (ตํอ)

องค์ประกอบหลกั และตวั บง่ ชี้ย่อย Mdn Mo IR Mo- ความ
≥3.50 หรอื Mdn เหมาะสม/
Q3-Q1 ≤1.00 ความเป็น
≤1.50
ไปได้

4.6 ประเมินผลการพัฒนาการใชส๎ อ่ื 3.67 4.00 0.67 0.33 เหมาะสม/ ได๎

นวตั กรรม และเทคโนโลยี

ทางการศกึ ษา

5. การนเิ ทศการศกึ ษา

5.1 จัดทาแผนงานโครางการนิเทศงาน 4.33 5.00 0.67 0.67 เหมาะสม/ ได๎

ในสถานศึกษา

5.2 แตํงต้งั คณะกรรมการในการนเิ ทศ 4.33 5.00 0.67 0.67 เหมาะสม/ ได๎

การศกึ ษาของสถานศึกษา

5.3 จัดการนิเทศการศกึ ษาในสถานศกึ ษา 4.33 5.00 0.67 0.67 เหมาะสม/ ได๎

5.4 สงํ เสรมิ การแลกเปล่ยี นเรยี นร๎ู 4.11 5.00 0.99 0.89 เหมาะสม/ ได๎

ใหค๎ วามร๎ูแกํครใู นการนิเทศการศกึ ษา

5.5 ประเมนิ ผลการนิเทศในสถานศึกษา 4.27 5.00 0.84 0.73 เหมาะสม/ ได๎

5.6 นาผลการนิเทศไปปรับปรงุ 4.20 5.00 0.93 0.80 เหมาะสม/ ได๎

พัฒนาการจัดการเรยี นรู๎

6. การวิจยั เพ่อื พัฒนาคุณภาพการศึกษา

6.1 กาหนดให๎ครทู าวจิ ัยในช้ันเรยี น 4.20 5.00 0.77 0.80 เหมาะสม/ ได๎

6.2 สรา๎ งความตระหนักถึงความสาคัญ 4.11 5.00 0.81 0.89 เหมาะสม/ ได๎

ของการวิจัยในชน้ั เรยี น

6.3 กาหนดมาตรฐานในการทาวิจัย 3.55 4.00 0.74 0.45 เหมาะสม/ ได๎

ในชน้ั เรียน

6.4 ติดตามผลการวจิ ยั ในชน้ั เรยี น 3.70 4.00 0.90 0.30 เหมาะสม/ ได๎

6.5 เผยแพรงํ านวิจยั ในชั้นเรยี น 3.55 4.00 0.73 0.55 เหมาะสม/ ได๎

163

ตารางที่ 11 (ตอํ )

องคป์ ระกอบหลัก และตวั บ่งช้ียอ่ ย Mdn Mo IR Mo- ความ
≥3.50 หรอื Mdn เหมาะสม/
Q3-Q1 ≤1.00 ความเปน็
≤1.50
ไปได้

7. การประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา

7.1 วางแผนพัฒนาระบบการประกัน 4.38 5.00 0.61 0.62 เหมาะสม/ ได๎

คุณภาพการศึกษา

7.2 แตํงตั้งคณะกรรมการผรู๎ ับผิดชอบ 4.38 5.00 0.61 0.62 เหมาะสม/ ได๎

การประกนั คุณภาพการศกึ ษา

อยาํ งชัดเจน

7.3 กาหนดเกณฑก๑ ารประเมิน 4.38 5.00 0.61 0.62 เหมาะสม/ ได๎

ตามตวั ชี้วัดของ สมศ.

7.4 สรา๎ งความเข๎าใจใหบ๎ ุคลากร 4.27 5.00 0.81 0.73 เหมาะสม/ ได๎

ที่เก่ียวขอ๎ งเขา๎ ใจแนวทางการประกนั

คณุ ภาพการศกึ ษา

7.5 ประสานความรวํ มมือกบั หนวํ ยงาน 4.20 5.00 0.89 0.80 เหมาะสม/ ได๎

ต๎นสงั กดั และหนวํ ยงานอ่ืน

ในการปรับปรงุ พัฒนาระบบประกนั

คุณภาพการศกึ ษา

7.6 ปรับปรงุ พัฒนาการประเมนิ คุณภาพ 4.43 5.00 0.57 0.57 เหมาะสม/ ได๎

ภายในสถานศึกษา

7.7 ติดตาม ประเมนิ ผลคณุ ภาพภายใน 4.20 5.00 0.89 0.80 เหมาะสม/ ได๎

สถานศกึ ษา

7.8 จดั ทาสรุปรายงานการประเมิน 4.27 5.00 0.81 0.73 เหมาะสม/ ได๎

คณุ ภาพภายในสถานศึกษา

164

ตารางท่ี 11 (ตํอ)

องค์ประกอบหลัก และตวั บง่ ช้ยี อ่ ย Mdn Mo IR Mo- ความ
≥3.50 หรือ Mdn เหมาะสม/
Q3-Q1 ≤1.00 ความเปน็
≤1.50
ไปได้

8. การแนะแนวการศกึ ษา

8.1 จดั ทาแผนงาน โครงการแนะแนว 3.83 4.00 1.05 0.17 เหมาะสม/ ได๎

ในสถานศกึ ษาอยํางชดั เจน

8.2 จัดระบบการแนะแนวทางวิชาการ 4.00 4.00 0.88 0.00 เหมาะสม/ ได๎

ในสถานศึกษา

8.3 แตํงตัง้ คณะกรรมการแนะแนว 3.78 4.00 1.00 0.22 เหมาะสม/ ได๎

ของสถานศกึ ษา

8.4 ดาเนินการแนะแนวการศกึ ษา 4.00 4.00 0.88 0.00 เหมาะสม/ ได๎

8.5 ประสานงานกบั หนํวยงานอ่นื 3.78 4.00 1.00 0.22 เหมาะสม/ ได๎

ในการแนะแนวเพื่อศึกษาตอํ

8.6 สร๎างความร๎ูความเข๎าใจให๎บคุ ลากร 3.46 4.00 0.61 0.45 เหมาะสม/ ได๎

ในการบริการแนะแนวการศึกษา

8.7 จัดระบบการแนะแนวทางวชิ าการ 3.60 4.00 0.80 0.40 เหมาะสม/ ได๎

เช่อื มโยงกบั ระบบดูแลชํวยเหลอื

นกั เรียน

8.8 ติดตามและประเมินผลการแนะแนว 4.11 5.00 1.06 0.89 เหมาะสม/ ได๎

การศึกษา

9. การวดั ผล ประเมินผล และเทียบโอน

ผลการเรยี น

9.1 กาหนดระเบยี บ แนวทางปฏิบัติ 3.55 4.00 0.73 0.45 เหมาะสม/ ได๎

ในการวัดผล ประเมินผลและ

เทยี บโอนผลการเรยี น

165

ตารางที่ 11 (ตอํ )

องคป์ ระกอบหลกั และตัวบ่งชย้ี อ่ ย Mdn Mo IR Mo- ความ
≥3.50 หรอื Mdn เหมาะสม/
9.2 จัดทาคูมํ อื และกาหนดระเบียบ Q3-Q1 ≤1.00 ความเปน็
กฎเกณฑ๑ในการวัดผล ประเมินผล ≤1.50
และเทยี บโอนผลการเรียน ไปได้

9.3 จัดระบบการเทียบโอนผลการเรียน 4.20 5.00 0.89 0.80 เหมาะสม/ ได๎
ทสี่ อดรับกับทกุ สถาบนั การศกึ ษา
4.00 4.00 1.00 0.00 เหมาะสม/ ได๎

จากตารางท่ี 11 กลํุมผ๎บู รหิ ารสถานศกึ ษา และ/ หรือหัวหนา๎ งานวชิ าการ มีความคดิ เห็น
สอดคลอ๎ งกันวาํ องคป๑ ระกอบท่ี 2 ภารกิจและขอบขาํ ยงานวิชาการในโรงเรียน มคี วามเหมาะสม
ทุกตวั บํงช้ี (มคี ํามธั ยฐานตง้ั แตํ 3.50 ขึน้ ไป คาํ พิสยั ระหวํางควอไทลไ๑ มํเกนิ 1.50 และผลตํางระหวําง
ฐานนิยมกับมัธยฐานไมํเกนิ 1.50) ดงั น้ี

ดา๎ นการพัฒนาหลักสตู รสถานศกึ ษา มคี วามเหมาะสมอยใํู นระดบั มาก (Mdn = 3.50-4.49)
ทั้ง 6 ตวั กลมํุ ผบู๎ ริหารสถานศกึ ษา และ/ หรอื หัวหน๎างานวิชาการ มีความคิดเห็นสอดคลอ๎ งกนั วาํ
ทุกตวั บํงช้มี ีความเหมาะสม (Mo-Mdn = ≤1.00) โดยตัวบงํ ช้ีมคี วามสอดคล๎องกันระดับสูง (IR > 0.50)
จานวน 6 ตัวบํงช้ี

ด๎านการพฒั นากระบวนการเรยี นรู๎ มคี วามเหมาะสมอยใูํ นระดับมาก (Mdn = 3.50-4.49)
ทั้ง 9 ตัว กลุมํ ผ๎ูบริหารสถานศึกษา และ/ หรอื หัวหนา๎ งานวิชาการ มีความคดิ เห็นสอดคลอ๎ งกันวํา
ทกุ ตัวบํงชี้มีความเหมาะสม (Mo-Mdn = ≤1.00) โดยตัวบงํ ช้ีมคี วามสอดคล๎องกันระดับสงู (IR > 0.50)
จานวน 7 ตัวบํงช้ี และตัวบงํ ชมี้ คี วามสอดคลอ๎ งกนั ระดับสูงมาก (IR ≤ 0.50) จานวน 2 ตวั บํงช้ี

ด๎านการพฒั นาแหลงํ เรียนรู๎ มีความเหมาะสมอยํใู นระดบั มาก (Mdn = 3.50-4.49)
ทั้ง 6 ตวั กลํมุ ผู๎บรหิ ารสถานศึกษา และ/ หรอื หัวหน๎างานวชิ าการ มีความคิดเห็นสอดคล๎องกันวํา
ทุกตัวบํงชี้มีความเหมาะสม (Mo-Mdn = ≤1.00) โดยตัวบํงช้ีมีความสอดคล๎องกันระดับสงู (IR > 0.50)
จานวน 2 ตัวบํงช้ี และตัวบํงชี้มคี วามสอดคล๎องกันระดบั สูงมาก (IR ≤ 0.50) จานวน 4 ตัวบงํ ช้ี

ด๎านการพัฒนาสอ่ื นวัตกรรม และเทคโนโลยีเพื่อการศกึ ษา มคี วามเหมาะสมอยใูํ นระดับมาก
(Mdn = 3.50-4.49) ทงั้ 6 ตวั กลุํมผ๎บู รหิ ารสถานศกึ ษา และ/ หรือหัวหนา๎ งานวิชาการ มีความคดิ เห็น

166

สอดคลอ๎ งกนั วําทกุ ตัวบงํ ช้มี ีความเหมาะสม (Mo-Mdn = ≤1.00) โดยตัวบงํ ช้มี ีความสอดคลอ๎ งกัน
ระดบั สงู (IR > 0.50) จานวน 2 ตวั บํงชี้ และตวั บํงชี้มีความสอดคล๎องกนั ระดับสงู มาก (IR ≤ 0.50)
จานวน 4 ตัวบํงชี้

ดา๎ นการนิเทศการศกึ ษา มีความเหมาะสมอยใํู นระดับมาก (Mdn = 3.50-4.49) ทัง้ 6 ตวั
กลํุมผ๎บู ริหารสถานศกึ ษา และ/ หรือหัวหน๎างานวิชาการ มีความคิดเห็นสอดคลอ๎ งกันวาํ ทกุ ตัวบงํ ชี้
มีความเหมาะสม (Mo-Mdn = ≤1.00) โดยตวั บํงชม้ี ีความสอดคลอ๎ งกันระดับสงู (IR > 0.50) จานวน
6 ตัวบํงช้ี

ด๎านการวจิ ัยเพอ่ื พฒั นาคุณภาพการศกึ ษา มีความเหมาะสมอยํใู นระดบั มาก (Mdn = 3.50-4.49)
ท้ัง 5 ตัว กลุํมผูบ๎ ริหารสถานศกึ ษา และ/ หรอื หัวหนา๎ งานวชิ าการ มคี วามคิดเห็นสอดคล๎องกนั วํา
ทกุ ตวั บํงชี้มีความเหมาะสม (Mo-Mdn = ≤1.00) โดยตัวบํงชี้มีความสอดคล๎องกันระดับสูง (IR > 0.50)
จานวน 3 ตัวบํงชี้ และตวั บงํ ชีม้ ีความสอดคล๎องกันระดบั สงู มาก (IR ≤ 0.50) จานวน 2 ตวั บํงชี้

ดา๎ นการประกนั คณุ ภาพภายในสถานศึกษา มีความเหมาะสมอยํูในระดบั มาก (Mdn =
3.50-4.49) ทัง้ 5 ตัว กลมุํ ผูบ๎ ริหารสถานศึกษา และ/ หรือหัวหน๎างานวิชาการมคี วามคดิ เห็น
สอดคลอ๎ งกนั วาํ ทุกตัวบํงช้มี ีความเหมาะสม (Mo-Mdn = ≤1.00) โดยตวั บํงชี้ มีความสอดคล๎องกัน
ระดับสงู (IR > 0.50) จานวน 8 ตัวบํงชี้

ดา๎ นการแนะแนวการศึกษา มีความเหมาะสมอยํูในระดบั มาก (Mdn = 3.50-4.49)
ทัง้ 8 ตวั กลมุํ ผ๎บู รหิ ารสถานศึกษา และ/ หรอื หัวหน๎างานวิชาการ มคี วามคิดเหน็ สอดคลอ๎ งกันวํา
ทกุ ตัวบํงชีม้ ีความเหมาะสม (Mo-Mdn = ≤1.00) โดยตัวบงํ ช้ีมคี วามสอดคล๎องกันระดับสูง (IR > 0.50)
จานวน 1 ตวั บํงชี้ และตวั บงํ ชี้มีความสอดคล๎องกันระดับสงู มาก (IR ≤ 0.50) จานวน 7 ตวั บํงช้ี

ดา๎ นการวัดผล ประเมินผล และเทียบโอนผลการเรยี น มคี วามเหมาะสมอยํใู นระดบั มาก
(Mdn = 3.50-4.49) ทงั้ 3 ตวั กลุมํ ผ๎ูบริหารสถานศึกษา และ/ หรือหวั หน๎างานวชิ าการ มีความคดิ เห็น
สอดคลอ๎ งกนั วําทุกตัวบํงช้ีมีความเหมาะสม (Mo-Mdn = ≤1.00) โดยตัวบงํ ชีม้ ีความสอดคล๎องกนั
ระดับสูง (IR > 0.50) จานวน 1 ตวั บํงชี้ และตัวบงํ ชีม้ ีความสอดคลอ๎ งกันระดบั สูงมาก (IR ≤ 0.50)
จานวน 2 ตัวบงํ ช้ี

167

ตารางที่ 12 คําสถติ ิ และความเหมาะสมของรูปแบบการบรหิ ารงานวชิ าการสูํความเป็นเลิศของ
โรงเรยี นสังกดั องคก๑ รปกครองสวํ นท๎องถ่นิ องคป๑ ระกอบที่ 3 กระบวนการ
บรหิ ารงานวิชาการ

องคป์ ระกอบหลกั และตัวบง่ ชยี้ ่อย Mdn Mo IR Mo- ความ
≥3.50 หรือ Mdn เหมาะสม/
Q3-Q1 ≤1.00 ความเปน็
≤1.50
ไปได้

1. แนวทางการบริหารงานวิชาการ

1.1 การกาหนดเปา้ หมายงานวิชาการ 3.89 4.00 1.05 0.11 เหมาะสม/ ได๎

รวํ มกัน

1.2 การจดั อนั ดับความสาคญั ของ 4.50 5.00 0.50 0.50 เหมาะสม/ ได๎

เปา้ หมายรํวมกนั

1.3 การกาหนดแนวทางการดาเนนิ งาน 4.27 5.00 0.81 0.73 เหมาะสม/ ได๎

รํวมกนั

1.4 การกาหนดระยะเวลาสาหรบั 4.11 5.00 0.93 0.89 เหมาะสม/ ได๎

การดาเนนิ งานรวํ มกัน

1.5 กาหนดงบประมาณที่ใช๎ 4.27 5.00 0.81 0.73 เหมาะสม/ ได๎

ในการดาเนนิ งานรวํ มกนั

1.6 กาหนดผู๎รับผิดชอบ 4.27 5.00 0.81 0.73 เหมาะสม/ ได๎

ในการดาเนินงานรํวมกัน

1.7 กาหนดโครงสรา๎ งในการบรหิ ารงาน 4.20 5.00 0.89 0.80 เหมาะสม/ ได๎

วชิ าการรวํ มกัน

2. การนาแผนงานวชิ าการไปปฏบิ ตั ิ

2.1 จดั ประชุมทุกระดบั เพื่อผลักดัน 4.33 5.00 0.66 0.67 เหมาะสม/ ได๎

นโยบายสํกู ารปฏบิ ตั ิ

2.2 วางแผนการประชมุ อยํางชัดเจน 4.33 5.00 0.62 0.67 เหมาะสม/ ได๎

2.3 ช้ีแจงนโยบาย และแนวทางปฏบิ ตั ิ 4.43 5.00 0.57 0.57 เหมาะสม/ ได๎

ตามแผนใหท๎ กุ ฝา่ ยเขา๎ ใจ

168

ตารางที่ 12 (ตํอ)

องค์ประกอบหลัก และตัวบ่งชี้ย่อย Mdn Mo IR Mo- ความ
≥3.50 หรือ Mdn เหมาะสม/
Q3-Q1 ≤1.00 ความเปน็
≤1.50
ไปได้

2.4 กากับตดิ ตามผลการดาเนินงาน 4.33 5.00 0.66 0.67 เหมาะสม/ ได๎

อยาํ งตอํ เนื่อง

2.5 มีแผนงานวชิ าการที่เป็นรปู ธรรม 4.33 5.00 0.66 0.67 เหมาะสม/ ได๎

ลงสูํการปฏิบัติ

3. การตรวจสอบ ประเมนิ ผลงานวิชาการ

3.1 การวางกรอบการประเมินงาน 4.27 5.00 0.81 0.73 เหมาะสม/ ได๎

วชิ าการรํวมกัน

3.2 การจัดหา/ จัดทาเครือ่ งมอื 4.27 5.00 0.81 0.73 เหมาะสม/ ได๎

ในการดาเนนิ งานวิชาการรวํ มกัน

3.3 การเก็บรวบรวมข๎อมูล 4.27 5.00 0.81 0.73 เหมาะสม/ ได๎

การจดั การเรียนร๎ูรวํ มกัน

3.4 การวิเคราะห๑ขอ๎ มูลรํวมกัน 4.27 5.00 0.81 0.73 เหมาะสม/ ได๎

3.5 การแปลความหมายรํวมกัน 4.20 5.00 0.89 0.80 เหมาะสม/ ได๎

3.6 การตรวจสอบ/ ปรับปรุงคณุ ภาพ 4.11 5.00 0.99 0.89 เหมาะสม/ ได๎

การประเมินงานวิชาการรํวมกัน

4. การนาผลประเมนิ มาปรบั ปรงุ

งานวิชาการ

4.1 นาเสนอผลการประเมิน 4.27 5.00 0.80 0.73 เหมาะสม/ ได๎

ตอํ ผูม๎ สี วํ นเก่ยี วข๎อง

4.2 จดั ทารายงานผลการประเมนิ เผยแพรํ 3.80 4.00 0.93 0.20 เหมาะสม/ ได๎

ใหผ๎ ู๎มสี ํวนได๎สวํ นเสยี ทราบ

169

ตารางท่ี 12 (ตอํ )

องคป์ ระกอบหลกั และตัวบง่ ช้ยี อ่ ย Mdn Mo IR Mo- ความ
≥3.50 หรอื Mdn เหมาะสม/
Q3-Q1 ≤1.00 ความเปน็
≤1.50
ไปได้

4.3 การนาผลการประเมินไปใช๎ 3.90 4.00 0.93 0.10 เหมาะสม/ ได๎

4.3.1 ปรับปรุงการปฏบิ ัติงานของ

ผบ๎ู รหิ าร

4.3.2 ปรับปรงุ การปฏบิ ตั ิงานของครู

4.3.3 วางแผนแกไ๎ ขระยะตํอไป

4.4 การจัดทาข๎อมลู สารสนเทศท่สี ามารถ 3.90 4.00 0.93 0.10 เหมาะสม/ ได๎

ใชไ๎ ด๎สะดวก รวดเร็ว และเปน็ ปัจจุบัน

จากตารางท่ี 12 กลุํมผบ๎ู รหิ ารสถานศกึ ษา และ/ หรือหัวหน๎างานวชิ าการ มีความคดิ เห็น
สอดคล๎องกนั วํา องค๑ประกอบที่ 3 กระบวนการบรหิ ารงานวิชาการ มคี วามเหมาะสมทกุ ตวั บํงช้ี
(มีคาํ มธั ยฐานตงั้ แตํ 3.50 ขึ้นไป คาํ พิสยั ระหวาํ งควอไทล๑ไมํเกิน 1.50 และผลตาํ งระหวาํ งฐานนิยม
กับมัธยฐานไมํเกิน 1.50) ดงั น้ี

ดา๎ นแนวทางการบริหารงานวิชาการ มคี วามเหมาะสมอยูํในระดับมาก (Mdn = 3.50-4.49)
จานวน 6 ตวั และมีความเหมาะสมอยํใู นระดับมากทส่ี ุด (Mdn = 4.50-5.00) จานวน 1 ตวั กลุมํ ผบ๎ู ริหาร
สถานศกึ ษา และ/ หรือหัวหน๎างานวชิ าการ มีความคิดเหน็ สอดคลอ๎ งกันวําทุกตัวบํงชีม้ ีความเหมาะสม
(Mo-Mdn = ≤1.00) โดยตัวบํงชี้มีความสอดคล๎องกันระดับสงู (IR > 0.50) จานวน 6 ตัวบงํ ชี้ และ
ตัวบงํ ช้ีมคี วามสอดคลอ๎ งกันระดบั สงู มาก (IR ≤ 0.50) จานวน 1 ตวั บงํ ชี้

ด๎านการนาแผนงานวชิ าการไปปฏบิ ตั ิ มีความเหมาะสมอยใูํ นระดับมาก (Mdn = 3.50-4.49)
ทงั้ 5 ตวั กลมํุ ผ๎บู รหิ ารสถานศึกษา และ/ หรอื หัวหน๎างานวิชาการ มคี วามคิดเห็นสอดคล๎องกนั วาํ
ทุกตวั บํงชี้มคี วามเหมาะสม (Mo-Mdn = ≤1.00) โดยตัวบงํ ช้ีมีความสอดคล๎องกนั ระดับสงู
(IR > 0.50) จานวน 5 ตัวบํงชี้

ด๎านการตรวจสอบ ประเมนิ ผลงานวิชาการ มคี วามเหมาะสมอยูใํ นระดบั มาก (Mdn =
3.50-4.49) ท้ัง 6 ตัว กลํมุ ผู๎บริหารสถานศกึ ษา และ/ หรือหัวหนา๎ งานวชิ าการ มีความคิดเห็นสอดคลอ๎ ง

170

กันวาํ ทกุ ตัวบงํ ชม้ี ีความเหมาะสม (Mo-Mdn = ≤1.00) โดยตวั บงํ ชี้มีความสอดคล๎องกันระดบั สงู
(IR > 0.50) จานวน 6 ตัวบํงช้ี

ด๎านการนาผลประเมนิ มาปรับปรงุ งานวชิ าการ มคี วามเหมาะสมอยํใู นระดบั มาก (Mdn =
3.50-4.49) ท้ัง 4 ตัว กลํมุ ผ๎ูบริหารสถานศึกษา และ/ หรือหวั หน๎างานวิชาการ มีความคิดเห็นสอดคล๎อง
กนั วาํ ทกุ ตัวบํงชี้มีความเหมาะสม (Mo-Mdn = ≤1.00) โดยตัวบงํ ช้ีมีความสอดคล๎องกันระดบั สูง
(IR > 0.50) จานวน 1 ตวั บงํ ช้ี และตัวบํงชมี้ ีความสอดคลอ๎ งกันระดบั สูงมาก (IR ≤ 0.50) จานวน
3 ตวั บํงชี้

ตารางที่ 13 คําสถิติ และความเหมาะสมของรปู แบบการบรหิ ารงานวิชาการสํคู วามเป็นเลิศของ
โรงเรยี นสงั กัดองค๑กรปกครองสํวนท๎องถนิ่ องคป๑ ระกอบท่ี 4 การมีสํวนรวํ ม
ในการบรหิ ารงานวิชาการ

องค์ประกอบหลัก และตัวบ่งชี้ยอ่ ย Mdn Mo IR Mo- ความ
≥3.50 หรอื Mdn เหมาะสม/
1. การมสี ่วนร่วมของผู้มีส่วนไดส้ ว่ นเสยี Q3-Q1 ≤1.00 ความเป็น
ในการจัดการศกึ ษา ≤1.50
1.1 รับฟงั ความคดิ เห็นของผ๎ูมสี ํวนได๎ ไปได้
สวํ นเสีย
1.2 กาหนดทิศทาง แนวทางการจดั 4.27 5.00 0.80 0.73 เหมาะสม/ ได๎
การศึกษา ตามความต๎องการของ 3.89 4.00 0.79 0.11 เหมาะสม/ ได๎
ผม๎ู สี วํ นไดส๎ ํวนเสีย
1.3 ประชาสัมพันธข๑ อ๎ มูลขาํ วสาร 3.89 4.00 0.79 0.11 เหมาะสม/ ได๎
ใหผ๎ ู๎มีสํวนไดส๎ วํ นเสียรับทราบ 3.70 4.00 0.90 0.30 เหมาะสม/ ได๎
1.4 จดั แหลํงข๎อมลู สารสนเทศให๎ผ๎ูมี 4.11 5.00 0.81 0.89 เหมาะสม/ ได๎
สวํ นได๎สวํ นเสยี เขา๎ ถึงขอ๎ มูลได๎
1.5 สรา๎ งเครือขาํ ยผ๎ูปกครองในการจัด
การศึกษา

171

ตารางที่ 13 (ตํอ)

องคป์ ระกอบหลัก และตัวบ่งชยี้ ่อย Mdn Mo IR Mo- ความ
≥3.50 หรอื Mdn เหมาะสม/
1.6 สงํ เสรมิ ใหผ๎ ๎มู ีสวํ นได๎สํวนเสีย Q3-Q1 ≤1.00 ความเป็น
เข๎ารวํ มกิจกรรมทางวิชาการ ≤1.50
ของสถานศกึ ษา ไปได้

2. การส่งเสรมิ ความรทู้ างวิชาการ 4.00 4.00 0.94 0.00 เหมาะสม/ ได๎
แกผ่ ู้มีสว่ นได้สว่ นเสีย
2.1 ออกแบบการสรา๎ งนวัตกรรม 3.64 4.00 0.98 0.36 เหมาะสม/ ได๎
ทางการศึกษา 3.73 4.00 0.84 0.27 เหมาะสม/ ได๎
2.2 สารวจความตอ๎ งการสนับสนนุ 3.62 4.00 0.61 0.38 เหมาะสม/ ได๎
งานวิชาการแกชํ ุมชน 3.82 4.00 0.88 0.18 เหมาะสม/ ได๎
2.3 จดั ใหค๎ วามรแ๎ู กํผูม๎ ีสวํ นไดส๎ วํ นเสยี
ในทอ๎ งถิน่
2.4 สํงเสรมิ ใหม๎ ีการแลกเปลยี่ นเรียนร๎ู

จากตารางท่ี 13 กลุมํ ผู๎บริหารสถานศึกษา และ/ หรอื หัวหนา๎ งานวชิ าการ มคี วามคดิ เห็น
สอดคล๎องกนั วาํ องคป๑ ระกอบที่ 4 การมสี ํวนรํวมในการบรหิ ารงานวชิ าการ มคี วามเหมาะสมทุกตวั บงํ ช้ี
(มีคํามธั ยฐานต้ังแตํ 3.50 ขึน้ ไป คําพิสยั ระหวํางควอไทลไ๑ มํเกิน 1.50 และผลตํางระหวํางฐานนิยม
กับมธั ยฐานไมํเกนิ 1.50) ดังน้ี

ด๎านการมีสํวนรวํ มของผ๎มู สี วํ นไดส๎ ํวนเสียในการจัดการศึกษา มีความเหมาะสมอยํใู น
ระดับมาก (Mdn = 3.50-4.49) ทงั้ 6 ตัว กลํมุ ผ๎บู ริหารสถานศกึ ษา และ/ หรือหวั หน๎างานวิชาการ
มคี วามคิดเห็นสอดคลอ๎ งกันวาํ ทกุ ตัวบงํ ช้ีมคี วามเหมาะสม (Mo-Mdn = ≤1.00) โดยตัวบงํ ชี้
มคี วามสอดคล๎องกนั ระดับสูง (IR > 0.50) จานวน 2 ตัวบงํ ช้ี และตัวบงํ ช้ีมคี วามสอดคลอ๎ งกนั
ระดับสงู มาก (IR ≤ 0.50) จานวน 4 ตวั บงํ ช้ี

ดา๎ นการสํงเสริมความรทู๎ างวิชาการแกผํ ๎ูมสี วํ นได๎สํวนเสีย มีความเหมาะสมอยูใํ นระดับมาก
(Mdn = 3.50-4.49) ทง้ั 4 ตัว กลํมุ ผู๎บริหารสถานศึกษา และ/ หรือหวั หน๎างานวชิ าการ มีความคิดเห็น

172

สอดคลอ๎ งกันวําทกุ ตัวบงํ ชี้มีความเหมาะสม (Mo-Mdn = ≤1.00) โดยตัวบงํ ช้ีมีความสอดคล๎องกัน
ระดบั สูงมาก (IR ≤ 0.50) จานวน 4 ตวั บงํ ชี้

ตอนท่ี 3 ผลการสร๎างคมูํ ือการปฏบิ ตั ิงานวิชาการสํูความเป็นเลศิ ของโรงเรียนสังกัดองคก๑ ร
ปกครองสํวนท๎องถิน่ และตรวจสอบรูปแบบการบริหารงานวชิ าการสูํความเป็นเลิศของโรงเรยี น
สงั กัดองค๑กรปกครองสํวนท๎องถ่นิ

ในการประเมนิ ความเหมาะสมของรูปแบบการบรหิ ารงานวชิ าการสคํู วามเปน็ เลิศของโรงเรยี น
สงั กดั องค๑กรปกครองสํวนท๎องถ่ิน โดยประเมินคูํมือการปฏิบตั ิงานวิชาการสูํความเป็นเลศิ ของโรงเรียน
สังกดั องคก๑ รปกครองสํวนท๎องถนิ่ จากผู๎เช่ยี วชาญ ผ๎ูบริหารสถานศกึ ษา และหัวหน๎างานวชิ าการ
จานวน 9 คน ดังปรากฏในตารางที่ 14

ตารางที่ 14 ผลการประเมินความเหมาะสมของคมูํ อื การปฏิบัตงิ านวชิ าการสูํความเป็นเลิศ
ของโรงเรยี นสงั กดั องค๑กรปกครองสวํ นท๎องถิ่น

รายการประเมิน ความถ่ี รวม
321 23
1. ความชัดเจนของหลักการและเหตผุ ลในคูํมอื ฯ 621 25
2. คูํมือฯ น้ีมคี วามเหมาะสมในการนาไปใช๎ 720
23
เพอ่ื พัฒนาคณุ ภาพงานวิชาการในสถานศกึ ษา 540 24
3. ความชดั เจนของวัตถุประสงค๑ 630 25
4. เนือ้ หาดา๎ นภาวะผ๎ูนาทางวชิ าการครอบคลมุ 720
5. เน้อื หาดา๎ นภารกิจและขอบขํายใน 24
630
การบริหารงานวิชาการสามารถนาไปปฏิบตั ไิ ด๎ 23
6. เนอ้ื หาด๎านกระบวนการบริหารงานวิชาการ 540
23
มีข้นั ตอนชัดเจน 621 25
7. ภาษาท่ีใชส๎ ื่อสารในคมูํ อื ฯ เขา๎ ใจงาํ ยและ 720 24
630
เหมาะสม
8. การเรยี งลาดับเนื้อหามีความเหมาะสม
9. การจัดรูปแบบการพมิ พ๑มีความเหมาะสม
10. คมูํ ือฯ อํานเข๎าใจงํายสามารถนาไปปฏบิ ัตไิ ด๎จรงิ

173

จากตารางท่ี 14 ผลการวิเคราะหเ๑ นอ้ื หาจากคูมํ ือการปฏบิ ตั ิงานวิชาการสคํู วามเป็นเลิศ
ของโรงเรียน สังกัดองค๑กรปกครองสํวนท๎องถ่นิ ประกอบด๎วยเนื้อหา 10 ประเดน็ โดยประเด็นเนื้อหา
ทีม่ คี วามถี่สงู สดุ 3 อนั ดับแรก ประกอบดว๎ ย คมํู อื ฯ น้มี คี วามเหมาะสมในการนาไปใช๎เพ่ือพัฒนา
คุณภาพงานวิชาการในสถานศกึ ษา เน้ือหาด๎านภารกิจและขอบขาํ ยในการบริหารงานวิชาการ
สามารถนาไปปฏิบัตไิ ด๎ และการจัดรปู แบบการพมิ พม๑ คี วามเหมาะสม

ขอ้ เสนอแนะอน่ื ๆ
1. ผู๎บรหิ ารสถานศกึ ษาควรสํงเสริมใหค๎ รูเห็นความสาคัญของการวจิ ัยเพ่ือพัฒนา
คณุ ภาพการศึกษา สงํ เสริมความร๎ู แนวทางปฏิบัติเพอ่ื พัฒนาผ๎เู รยี นอยํางตํอเนื่อง
2. สงํ เสริมการใชส๎ ื่อ นวัตกรรม และเทคโนโลยเี พื่อการศึกษา โดยใหค๎ วามรใ๎ู นการใช๎
Internet มีระบบในการเข๎าถงึ แหลงํ ข๎อมลู ไดง๎ ําย

ภาวะผ้นู าทางวชิ าการ 174
- การจัดองคก๑ ารเพื่อการเรียนการสอน
- การกาหนดทิศทาง นโยบาย เปา้ หมาย ภารกิจและขอบข่ายงานวชิ าการในโรงเรยี น
และแนวทางการจัดการศึกษา - การพฒั นาหลักสูตร
- การพัฒนาระบบงาน - การพัฒนากระบวนการเรยี นร๎ู
- คุณลกั ษณะการเปน็ ผู๎นาสถานศกึ ษา - การพฒั นาแหลงํ เรยี นรู๎
- การพฒั นาสื่อ นวัตกรรม และเทคโนโลยี
เพ่อื การศกึ ษา
- การนเิ ทศการศกึ ษา
- การวิจัยเพื่อพฒั นาคณุ ภาพการศึกษา
- การประกนั คณุ ภาพภายในสถานศกึ ษา
- การแนะแนวการศกึ ษา
- การวดั ผล ประเมนิ ผล และเทียบโอน
ผลการเรยี น

รปู แบบการบริหารงานวิชาการ
สูคํ วามเปน็ เลิศของโรงเรียน

สังกัดองคก๑ รปกครอง
สวํ นท๎องถิ่น

กระบวนการบริหารงานวชิ าการ การมีสว่ นร่วมในการบรหิ ารงานวชิ าการ

- แนวทางการบริหารงานวชิ าการ - การมสี วํ นรํวมของผ๎มู ีสวํ นไดส๎ ํวนเสยี
- การนาแผนงานวชิ าการไปปฏิบัติ ในการจัดการศึกษา
- การตรวจสอบประเมินผลงานวิชาการ - การสงํ เสริมความร๎ูทางวชิ าการ
- การนาผลประเมินมาปรบั ปรุงงาน แกํผ๎ูมสี ํวนไดส๎ วํ นเสีย
วชิ าการ

ภาพท่ี 10 รปู แบบการบริหารงานวิชาการสคํู วามเป็นเลศิ ของโรงเรยี นสงั กัดองคก๑ รปกครอง
สํวนท๎องถน่ิ

175

บทท่ี 5
สรุป อภิปรายผล และขอ้ เสนอแนะ

การดาเนินการวิจัย เรื่อง “รูปแบบการบริหารงานวิชาการสํูความเป็นเลิศของโรงเรียน
สังกัดองคก๑ รปกครองสํวนท๎องถิน่ ” โดยมวี ัตถุประสงค๑เพื่อ 1) ศกึ ษาองค๑ประกอบของการบริหารงาน
วิชาการสคูํ วามเปน็ เลิศของโรงเรยี นสงั กัดองคก๑ รปกครองสวํ นทอ๎ งถน่ิ 2) พัฒนารูปแบบการบรหิ ารงาน
วชิ าการสคูํ วามเป็นเลิศของโรงเรียนสังกัดองคก๑ รปกครองสวํ นท๎องถิ่น และ 3) สรา๎ งคมํู ือการปฏบิ ตั ิงาน
วิชาการสํูความเป็นเลิศของโรงเรียนสังกัดองค๑กรปกครองสํวนท๎องถิ่น และตรวจสอบรูปแบบ
การบริหารงานวชิ าการสํคู วามเป็นเลิศของโรงเรียนสงั กัดองค๑กรปกครองสํวนท๎องถิ่น โดยใช๎เทคนคิ
การวจิ ยั แบบ EDFR ในการพัฒนารูปแบบการบรหิ ารงานวิชาการสูคํ วามเป็นเลศิ ของโรงเรียน
สังกัดองคก๑ รปกครองสํวนท๎องถิ่น โดยผู๎วิจยั กาหนดวธิ ดี าเนนิ การวจิ ยั ออกเป็น 3 ขั้นตอน ดังนี้

ตอนที่ 1 การศึกษาเอกสารและงานวจิ ัยที่เกยี่ วข๎อง
จากการวเิ คราะห๑เอกสารและงานวจิ ัยท่เี กีย่ วขอ๎ ง ประกอบดว๎ ย 4 องค๑ประกอบหลกั ดังน้ี
1) ภาวะผูน๎ าทางวชิ าการ 2) ภารกิจและขอบขาํ ยงานวิชาการในโรงเรียน 3) กระบวนการบริหารงาน
วิชาการ 4) การมีสวํ นรวํ มในการบรหิ ารงานวชิ าการ
ตอนท่ี 2 การพฒั นารูปแบบการบริหารงานวชิ าการสํูความเปน็ เลศิ ของโรงเรยี นสังกัดองค๑กร
ปกครองสํวนท๎องถ่นิ
ขน้ั ตอนนีเ้ ป็นการศึกษาโดยใชร๎ ะเบียบวิธีวิจัยในการรวบรวมข๎อมลู แบบ EDFR พบวาํ
องคป๑ ระกอบทุกองค๑ประกอบ มคี วามเหมาะสมทุกตวั บํงชี้ (มคี ํามัธยฐานตั้งแตํ 3.50 ขน้ึ ไป, คาํ พิสยั
ระหวาํ งควอไทล๑ไมํเกิน 1.50 และผลตาํ งระหวํางฐานนยิ มกับมธั ยฐานไมํเกนิ 1.50)
ตอนที่ 3 สร๎างคูมํ ือการปฏบิ ตั ิงานวิชาการสคูํ วามเป็นเลิศของโรงเรียนสงั กัดองคก๑ รปกครอง
สํวนท๎องถิ่น และตรวจสอบรูปแบบการบรหิ ารงานวิชาการสคํู วามเป็นเลศิ ของโรงเรยี นสังกัดองคก๑ ร
ปกครองสวํ นทอ๎ งถน่ิ
สร๎างคํูมือการปฏิบตั ิงานบริหารงานวิชาการสูคํ วามเป็นเลศิ ของโรงเรยี นสงั กดั องค๑กร
ปกครองสํวนท๎องถน่ิ โดยสํงคูมํ ือฯ ให๎ผู๎เช่ยี วชาญประเมนิ ความเหมาะสม เน้ือหาสาระ รูปแบบ
การพมิ พ๑ ความสะดวกในการนาไปใช๎ และลักษณะทางกายภาพ พร๎อมท้งั ใหข๎ ๎อเสนอแนะ

176

สรุปผลการวจิ ัย

ในการสรุปผลการวิจัย ผวู๎ ิจยั ได๎นาเสนอผลของการวิจยั 3 ตอน ดังน้ี
ตอนท่ี 1 ผลการศกึ ษาองค๑ประกอบของรปู แบบการบรหิ ารงานวิชาการสคูํ วามเปน็ เลิศ
ของโรงเรียนสงั กัดองคก๑ รปกครองสวํ นท๎องถ่ิน
ผ๎ูวจิ ยั ไดด๎ าเนนิ การวิเคราะห๑เน้ือหาจาก แนวคิด ทฤษฎี และงานวจิ ยั ที่เกยี่ วขอ๎ ง ดังน้ี
1. การพฒั นาคุณภาพองค๑การ
2. ความเป็นเลศิ ของโรงเรียน
3. การบริหารงานวิชาการ
นาขอ๎ มลู ท่ไี ดม๎ าสงั เคราะหเ๑ น้ือหา (Content analysis) และหาความสอดคล๎องของข๎อมลู
เพื่อราํ งองคป๑ ระกอบเก่ียวกับรปู แบบการบริหารงานวิชาการสํูความเป็นเลิศของโรงเรียน สงั กดั องค๑กร
ปกครองสวํ นท๎องถิ่น ประกอบดว๎ ย องคป๑ ระกอบหลกั 4 องคป๑ ระกอบ มีรายละเอียด ดังน้ี
องค์ประกอบที่ 1 ภาวะผู๎นาทางวิชาการ
1. การจดั องค๑การเพอื่ การเรียนการสอน
2. การกาหนดทศิ ทาง นโยบาย เปา้ หมาย และแนวทางการจัดการศึกษา
3. การพฒั นาระบบงาน
4. คุณลักษณะการเปน็ ผ๎ูนาสถานศึกษา
องค์ประกอบท่ี 2 ภารกจิ และขอบขํายงานวชิ าการในโรงเรียน
1. การพฒั นาหลกั สตู ร
2. การพัฒนากระบวนการเรียนร๎ู
3. การพฒั นาแหลํงเรยี นรู๎
4. การพัฒนาสื่อ นวัตกรรม และเทคโนโลยีเพอ่ื การศึกษา
5. การนเิ ทศการศกึ ษา
6. การวิจยั เพื่อพัฒนาคณุ ภาพการศึกษา
7. การประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา
8. การแนะแนวการศึกษา
9. การวดั ผล ประเมินผล และเทยี บโอนผลการเรียน
องคป์ ระกอบที่ 3 กระบวนการบรหิ ารงานวชิ าการ
1. แนวทางการบรหิ ารงานวิชาการ
2. การนาแผนงานวชิ าการไปปฏบิ ตั ิ

177

3. การตรวจสอบ ประเมินผลงานวชิ าการ
4. การนาผลประเมินมาปรับปรงุ งานวิชาการ
องคป์ ระกอบท่ี 4 การมีสํวนรํวมในการบริหารงานวิชาการ
1. การมีสวํ นรวํ มของผูม๎ สี วํ นได๎สํวนเสยี ในการจัดการศึกษา
2. การสํงเสริมความร๎ูทางวชิ าการแกํผมู๎ สี วํ นได๎สํวนเสีย
ตอนท่ี 2 ผลการพัฒนารปู แบบการบรหิ ารงานวชิ าการสคํู วามเปน็ เลศิ ของโรงเรยี น
สังกดั องค๑กรปกครองสวํ นท๎องถน่ิ แตลํ ะองคป๑ ระกอบมีรายละเอยี ด ดงั น้ี
ผลการพัฒนารูปแบบการบริหารงานวิชาการสูํความเป็นเลิศของโรงเรียนสังกัดองค๑กร
ปกครองสวํ นท๎องถ่ิน โดยใช๎เทคนิคการวิจยั แบบ EDFR จากการศึกษาเอกสารและงานวิจัยทเี่ กี่ยวข๎อง
ท่ีได๎จากข้ันตอนท่ี 1 ได๎แกํ ภาวะผู๎นาทางวิชาการ ภารกิจและขอบขํายงานวิชาการในโรงเรียน
กระบวนการบริหารงานวิชาการ และการมสี ํวนรํวมในการบริหารงานวิชาการ มาจดั ทาเปน็ กรอบรําง
เพือ่ ใชส๎ มั ภาษณ๑กลํุมผูบ๎ รหิ ารสถานศึกษา และ/ หรือหัวหนา๎ งานวชิ าการในรอบท่ี 1 โดยมลี กั ษณะ
เปน็ แบบสมั ภาษณ๑แบบก่ึงโครงสร๎าง จากน้ันนาแบบสมั ภาษณไ๑ ปสัมภาษณก๑ ลุมํ ผูบ๎ ริหารสถานศกึ ษา
และ/ หรือหัวหน๎างานวิชาการ จานวน 12 คน นาผลการสัมภาษณก๑ ลุํมผูบ๎ รหิ ารสถานศึกษา และ/ หรือ
หวั หนา๎ งานวชิ าการ จากเทคนิค EDFR รอบท่ี 1 มาวิเคราะห๑และแบํงข๎อมลู ออกเป็นกลํุม ๆ ตามเทคนคิ
การวิจยั แบบเดลฟาย (Delphi technique) และพัฒนาเปน็ แบบสอบถามความคิดเห็นเกย่ี วกบั ความเหมาะสม
ขององคป๑ ระกอบของรูปแบบการบริหารงานวิชาการสํูความเป็นเลิศของโรงเรยี นสงั กัดองค๑กรปกครอง
สวํ นทอ๎ งถ่ิน โดยมลี กั ษณะเป็นแบบสอบถามปลายปิดชนิดมาตราสํวนประมาณคาํ 5 ระดับ สอบถาม
ความคดิ เห็นของผบู๎ ริหารสถานศกึ ษา และ/ หรือหวั หนา๎ งานวชิ าการ ทง้ั หมด จานวน 17 คน ผลการตอบ
แบบสอบถาม รอบท่ี 1 พบวํา องคป๑ ระกอบทุกองค๑ประกอบ มคี วามเหมาะสมทุกตวั บํงช้ี (มีคํามธั ยฐาน
ตงั้ แตํ 3.50 ข้ึนไป, คาํ พิสยั ระหวํางควอไทลไ๑ มํเกิน 1.5 และผลตํางระหวํางฐานนยิ มกบั มัธยฐานไมํเกิน
1.50) จากนั้นผู๎วิจัยปรับปรงุ ตามข๎อเสนอแนะ และนาไปสอบถามความคิดเห็นของผูบ๎ รหิ ารสถานศึกษา
และ/ หรือหวั หนา๎ งานวิชาการ ทัง้ หมด จานวน 17 คน อกี คร้ังในรอบท่ี 2 โดยในรอบน้ีผูว๎ ิจัยไดแ๎ สดง
คาตอบเดิมของผู๎บริหารสถานศึกษา และ/ หรือหัวหน๎างานวิชาการ แตํละคนในรอบที่ 1 พร๎อมทั้ง
คํามธั ยฐาน (Mdn) และคาํ พิสยั ระหวํางควอไทล๑ (IR) จากผลการวิเคราะห๑ข๎อมูลในรอบท่ี 1 ของกลํุม
ให๎ผูบ๎ รหิ ารสถานศึกษา และ/ หรือหวั หนา๎ งานวชิ าการไดท๎ ราบดว๎ ย เพ่ือให๎ผ๎บู ริหารสถานศกึ ษาและ/ หรอื
หวั หน๎างานวชิ าการได๎ทราบความคิดเห็นของตนเปรียบเทียบกบั ความคิดเหน็ ของกลุมํ และยืนยนั หรือ
เปลย่ี นแปลงคาตอบในรอบนี้ ซึง่ ผลการวิเคราะหข๑ ๎อมลู ในรอบที่ 2 พบวาํ องค๑ประกอบของรูปแบบ
การบริหารงานวิชาการสูํความเป็นเลิศของโรงเรยี นสังกัดองคก๑ รปกครองสํวนท๎องถิ่น มี 4 องค๑ประกอบ

178

ประกอบดว๎ ย 19 องคป๑ ระกอบหลกั 114 ตัวบํงช้ี ผู๎บริหารสถานศกึ ษา และ/ หรอื หวั หน๎างานวิชาการ
มีความคดิ เห็นสอดคล๎องกันวํามีความเหมาะสมและมคี วามเปน็ ไปไดท๎ ้ังหมด ซง่ึ สามารถสรปุ ได๎ดังน้ี

องคป์ ระกอบที่ 1 ภาวะผู๎นาทางวชิ าการ
1. การจดั องคก๑ ารเพื่อการเรยี นการสอน มี 5 ตวั บงํ ช้ี ดงั นี้

1.1 กาหนดโครงสร๎าง สายบังคบั บญั ชาหนา๎ ท่คี วามรบั ผิดชอบทชี่ ดั เจน
1.2 จัดบคุ ลากรครบตาแหนํงตามโครงสร๎างองค๑การอยํางเหมาะสม
1.3 จดั ทาคํูมือ แนวทางการปฏบิ ัติงานวชิ าการกาหนดไว๎อยาํ งชดั เจน
1.4 สงํ เสริมให๎ครจู ัดกจิ กรรมการเรียนร๎ูโดยยดึ หลกั สตู รสถานศกึ ษา
1.5 วเิ คราะห๑ภาระงาน ออกแบบงานจดั โครงสรา๎ งครอบคลมุ ภารกจิ งาน
2. การกาหนดทศิ ทาง นโยบาย เป้าหมาย และแนวทางการจัดการศึกษา มี 7 ตัวบงํ ช้ี ดังน้ี
2.1 วิเคราะห๑จุดแขง็ จดุ ออํ นขององค๑การ
2.2 กาหนดทศิ ทาง วสิ ยั ทัศน๑ พนั ธกจิ เปา้ หมาย กลยทุ ธ๑อยํางชัดเจน
2.3 เปิดโอกาสใหท๎ ุกคนมีสํวนรวํ มในการจัดการศกึ ษา
2.4 เผยแพรํขําวสารประชาสัมพนั ธโ๑ รงเรียนใหผ๎ ๎มู สี ํวนได๎สํวนเสียทราบ
2.5 ประสานความรํวมมือกับกรรมการสถานศกึ ษาและผ๎ูมสี วํ นเกยี่ วขอ๎ ง
2.6 จัดระบบสารสนเทศพนื้ ฐานงํายตํอการใช๎งาน
2.7 กาหนดตวั ชี้วดั ความสาเร็จ
3. การพฒั นาระบบงาน มี 4 ตัวบงํ ชี้ ดงั นี้
3.1 ผู๎บริหารสถานศึกษาเน๎นการทางานเปน็ ทีม
3.2 จดั ระบบข๎อมลู สารสนเทศใหเ๎ ปน็ ระบบ
3.3 พัฒนาระบบงานบุคลากร
3.4 กาหนดกระบวนการพัฒนางานวิชาการอยํางเปน็ ระบบ
4. คณุ ลกั ษณะการเปน็ ผูน๎ าสถานศกึ ษา มี 8 ตัวบงํ ช้ี ดงั น้ี
4.1 อุทศิ ตนในการปฏบิ ตั งิ าน
4.2 สรา๎ งความศรัทธา ความเชื่อมนั่ ใหท๎ ุกฝ่ายเป็นท่ียอมรับ
4.3 มบี ุคลิกภาพทดี่ ี และมคี วามมนั่ คงทางอารมณ๑
4.4 มีทกั ษะในการประสานงานกบั ทุกฝ่ายให๎ดาเนนิ งานอยาํ งมปี ระสิทธิภาพ
4.5 เขา๎ ใจพน้ื ฐานผูใ๎ ตบ๎ งั คับบญั ชา มอบหมายงานตามความเหมาะสม
4.6 ผ๎บู รหิ ารสถานศกึ ษาใช๎หลักธรรมาภิบาลในการจัดการศกึ ษา

179

4.7 ปฏิบตั ติ นตามจรรยาบรรณวชิ าชีพ
4.8 มีความร๎คู วามเขา๎ ใจ หลักการ ทฤษฎที างการบริหารจัดการสถานศึกษา
องคป์ ระกอบท่ี 2 ภารกจิ และขอบขาํ ยงานวชิ าการในโรงเรียน
1. การพฒั นาหลักสตู รสถานศกึ ษา มี 6 ตัวบํงช้ี ดงั นี้
1.1 ศึกษาวิเคราะหเ๑ อกสารหลกั สูตรสถานศกึ ษา
1.2 จัดทาหลกั สูตรสถานศกึ ษาตรงตามความต๎องการของผูเ๎ รยี น
1.3 จัดทาแผนการจัดการเรียนร๎ูที่เนน๎ ผู๎เรียนเปน็ สาคัญ
1.4 สํงเสรมิ ใหค๎ รจู ัดกจิ กรรมการเรียนร๎ูโดยยึดหลกั สูตรสถานศกึ ษา
1.5 ติดตาม นิเทศการใชห๎ ลักสตู รสถานศึกษา
1.6 ตรวจสอบ ประเมินผล ปรับปรงุ พัฒนาหลกั สตู รสถานศกึ ษา
2. การพฒั นากระบวนการเรียนรู๎ มี 9 ตวั บงํ ช้ี ดงั นี้
2.1 ศกึ ษาวเิ คราะห๑ความพร๎อมของสถานศกึ ษาในการจัดการเรยี นรู๎
2.2 จดั กจิ กรรมการเรยี นรูใ๎ ห๎ตรงตามความต๎องการของผเ๎ู รยี น
2.3 จัดประชุมแลกเปลยี่ นความคิดเห็นในการจัดกิจกรรมการเรยี นรู๎
2.4 เปิดโอกาสให๎ชุมชนมสี ํวนรวํ มในการจัดการเรยี นร๎ู
2.5 จดั ทาแผนงานโครงการของโรงเรียนเพ่ือสํงเสรมิ กิจกรรมเสรมิ หลกั สูตร
2.6 สํงเสรมิ ให๎ครพู ัฒนาทกั ษะเก่ียวกับการจดั กจิ กรรมการเรียนร๎ู
2.7 สงํ เสรมิ ให๎ครูจัดกิจกรรมใหน๎ กั เรียนพัฒนาทกั ษะกระบวนการคดิ
2.8 สงํ เสรมิ ใหค๎ รพู ัฒนาออกแบบการเรยี นรูใ๎ ห๎เหมาะสมกบั นักเรียน
2.9 สํงเสริมให๎ครจู ัดกิจกรรมการเรยี นรทู๎ สี่ อดแทรกคุณธรรมจรยิ ธรรม
3. การพัฒนาแหลงํ เรียนร๎ู มี 6 ตวั บํงชี้ ดงั นี้
3.1 สารวจแหลงํ เรยี นร๎ู
3.2 เผยแพรํแหลํงการเรียนรู๎ในโรงเรียนให๎บุคคลทวั่ ไปทราบ
3.3 พฒั นาแหลํงเรยี นร๎ูใหน๎ ักเรยี นเกิดการเรยี นรู๎
3.4 สนบั สนนุ ใหค๎ รใู ช๎แหลงํ เรียนรู๎ทง้ั ภายในและภายนอกในการจดั การเรยี นร๎ู
3.5 สนบั สนนุ ให๎ครูจัดการเรียนร๎คู รอบคลมุ ภูมปิ ญั ญาท๎องถ่ิน
3.6 ตดิ ตามประเมินผลการใช๎แหลํงเรยี นรูท๎ ้ังภายในและภายนอก
4. การพฒั นาส่อื นวัตกรรม และเทคโนโลยีเพอ่ื การศกึ ษา มี 6 ตวั บงํ ชี้ ดังนี้
4.1 ศึกษาวิเคราะห๑ความตอ๎ งการจาเปน็ ในการใช๎สือ่ และเทคโนโลยี
4.2 สํงเสรมิ ให๎ครูผลิต และพฒั นาสอ่ื การเรยี นรู๎

180

4.3 ประสานความรวํ มมือกับทุกฝ่ายเพอ่ื สนบั สนนุ งบประมาณในการจดั หาส่ือ
4.4 จัดหาส่ือและเทคโนโลยีเพือ่ ใช๎ในการเรยี นการสอน
4.5 จดั เกบ็ ส่ือเทคโนโลยีอยํางเป็นระบบ งาํ ยตํอการใชง๎ าน
4.6 ประเมินผลการพัฒนาการใชส๎ ือ่ นวัตกรรม และเทคโนโลยที างการศึกษา
5. การนิเทศการศึกษา มี 6 ตัวบงํ ช้ี ดงั น้ี
5.1 จัดทาแผนงานโครางการนเิ ทศงานในสถานศกึ ษา
5.2 แตงํ ตง้ั คณะกรรมการในการนิเทศการศกึ ษาของสถานศึกษา
5.3 จัดการนิเทศการศกึ ษาในสถานศกึ ษา
5.4 สงํ เสรมิ การแลกเปล่ียนเรยี นรู๎ ให๎ความรแู๎ กํครูในการนเิ ทศการศกึ ษา
5.5 ประเมนิ ผลการนิเทศในสถานศกึ ษา
5.6 นาผลการนเิ ทศไปปรบั ปรุงพัฒนาการจดั การเรยี นรู๎
6. การวจิ ยั เพ่ือพัฒนาคณุ ภาพการศึกษา มี 5 ตวั บงํ ชี้ ดงั นี้
6.1 กาหนดใหค๎ รทู าวิจัยในช้ันเรยี น
6.2 สร๎างความตระหนกั ถึงความสาคญั ของการวิจัยในชน้ั เรียน
6.3 กาหนดมาตรฐานในการทาวจิ ยั ในชัน้ เรยี น
6.4 ตดิ ตามผลการวิจัยในช้ันเรยี น
6.5 เผยแพรงํ านวจิ ยั ในช้นั เรียน
7. การประกันคณุ ภาพภายในสถานศึกษา มี 8 ตวั บงํ ช้ี ดงั น้ี
7.1 วางแผนพัฒนาระบบการประกนั คุณภาพการศึกษา
7.2 แตงํ ตัง้ คณะกรรมการผ๎ูรับผดิ ชอบการประกันคุณภาพการศกึ ษาอยํางชดั เจน
7.3 กาหนดเกณฑ๑การประเมินตามตวั ชี้วดั ของ สมศ.
7.4 สร๎างความเข๎าใจใหบ๎ คุ ลากรที่เก่ียวข๎องเข๎าใจแนวทางการประกนั คุณภาพการศึกษา
7.5 ประสานความรวํ มมือกับหนวํ ยงานต๎นสังกดั และหนํวยงานอื่นในการปรับปรงุ
พฒั นาระบบประกันคณุ ภาพ
7.6 ปรบั ปรงุ พัฒนางานประเมินคณุ ภาพภายในสถานศึกษา
7.7 ติดตามประเมนิ ผลคณุ ภาพภายในสถานศกึ ษา
7.8 จัดทาสรุปรายงานการประเมนิ คณุ ภาพภายในสถานศึกษา
8. การแนะแนวการศกึ ษา มี 9 ตวั บงํ ชี้ ดงั น้ี
8.1 จดั ทาแผนงานโครงการแนะแนวในสถานศกึ ษาอยํางชัดเจน
8.2 จัดระบบการแนะแนวทางวชิ าการในสถานศกึ ษา

181

8.3 แตงํ ตง้ั คณะกรรมการแนะแนวของสถานศกึ ษา
8.4 ดาเนินการแนะแนวการศกึ ษา
8.5 ประสานงานกับหนวํ ยงานอน่ื ในการแนะแนวเพื่อศึกษาตํอ
8.6 สรา๎ งความร๎ูความเขา๎ ใจใหบ๎ คุ ลากรในการบริการแนะแนวการศกึ ษา
8.7 จัดระบบการแนะแนวทางวิชาการเช่ือมโยงกบั ระบบดูแลชวํ ยเหลอื นักเรยี น
8.8 ตดิ ตามและประเมนิ ผลการแนะแนวการศึกษา
8.9 แลกเปล่ยี นเรียนรก๎ู บั เครือขํายการศึกษาเพื่อพฒั นาระบบการแนะแนวสถานศึกษา
9. การวดั ผล ประเมินผล และเทยี บโอนผลการเรยี น มี 3 ตวั บงํ ช้ี ดังนี้
9.1 กาหนดระเบียบ แนวทางปฏิบตั ิในการวัดผล ประเมินผล และเทียบโอนผลการเรียน
9.2 จดั ทาคูมํ ือ และกาหนดระเบยี บกฎเกณฑใ๑ นการวดั ผล ประเมินผล และเทียบโอน
ผลการเรียน
9.3 จดั ระบบการเทียบโอนผลการเรียนที่สอดรับกับทกุ สถาบนั การศึกษา
องคป์ ระกอบท่ี 3 กระบวนการบริหารงานวชิ าการ
1. แนวทางการบรหิ ารงานวิชาการ มี 7 ตัวบํงชี้ ดังนี้
1.1 การกาหนดเปา้ หมายงานวชิ าการรวํ มกัน
1.2 การจดั อันดบั ความสาคัญของเป้าหมายรวํ มกัน
1.3 การกาหนดแนวทางการดาเนนิ งานรํวมกนั
1.4 การกาหนดระยะเวลาสาหรบั การดาเนินงานรวํ มกนั
1.5 กาหนดงบประมาณทใ่ี ช๎ในการดาเนนิ งานรวํ มกนั
1.6 กาหนดผู๎รับผดิ ชอบในการดาเนินงานรํวมกนั
1.7 กาหนดโครงสร๎างในการบรหิ ารงานวชิ าการรํวมกนั
2. การนาแผนงานวิชาการไปปฏิบตั ิ มี 5 ตัวบงํ ช้ี ดงั นี้
2.1 จดั ประชมุ ทุกระดับเพื่อผลักดันนโยบายสูํการปฏบิ ตั ิ
2.2 วางแผนการประชุมอยาํ งชัดเจน
2.3 ชี้แจงนโยบาย และแนวทางปฏิบัตติ ามแผนให๎ทกุ ฝา่ ยเข๎าใจ
2.4 กากับตดิ ตามผลการดาเนนิ งานอยํางตอํ เน่ือง
2.5 มแี ผนงานวชิ าการท่เี ปน็ รูปธรรมลงสกูํ ารปฏิบตั ิ
3. การตรวจสอบ ประเมนิ ผลงานวิชาการ มี 6 ตัวบงํ ชี้ ดงั นี้
3.1 การวางกรอบการประเมินงานวชิ าการรํวมกัน
3.2 การจัดหา/ จัดทาเครอ่ื งมือในการดาเนินงานวชิ าการรํวมกัน

182

3.3 การเกบ็ รวบรวมข๎อมูลการจดั การเรียนรู๎รวํ มกนั
3.4 การวิเคราะหข๑ ๎อมลู รํวมกัน
3.5 การแปลความหมายรวํ มกัน
3.6 การตรวจสอบ/ ปรับปรงุ คุณภาพการประเมินงานวชิ าการรวํ มกัน
4. การนาผลประเมินมาปรับปรงุ งานวิชาการ มี 4 ตัวบํงช้ี ดงั น้ี
4.1 นาเสนอผลการประเมินตํอผม๎ู สี ํวนเก่ยี วข๎อง
4.2 จดั ทารายงานผลการประเมินเผยแพรใํ ห๎ผ๎ูมสี วํ นไดส๎ วํ นเสียทราบ
4.3 การนาผลการประเมินไปใช๎

4.3.1 ปรับปรุงการปฏบิ ตั งิ านของผูบ๎ รหิ าร
4.3.2 ปรบั ปรุงการปฏบิ ตั งิ านของครู
4.3.3 วางแผนแกไ๎ ขระยะตํอไป
4.4 การจัดทาข๎อมูลสารสนเทศทส่ี ามารถใชไ๎ ดส๎ ะดวก รวดเรว็ และเปน็ ปจั จุบัน
องค์ประกอบที่ 4 การมสี ํวนรวํ มในการบริหารงานวชิ าการ
1. การมสี วํ นรํวมของผูม๎ ีสํวนได๎สวํ นเสียในการจัดการศึกษา มี 6 ตัวบงํ ช้ี ดงั นี้
1.1 รบั ฟงั ความคดิ เห็นของผู๎มสี วํ นได๎สวํ นเสยี
1.2 กาหนดทศิ ทาง แนวทางการจัดการศกึ ษาตามความต๎องการของผ๎ูมีสํวนไดส๎ ํวนเสยี
1.3 ประชาสมั พันธข๑ อ๎ มลู ขําวสารใหผ๎ ม๎ู สี ํวนไดส๎ ํวนเสียรับทราบ
1.4 จดั แหลํงข๎อมลู สารสนเทศใหผ๎ ูม๎ ีสํวนไดส๎ วํ นเสยี เข๎าถึงข๎อมลู ได๎
1.5 สรา๎ งเครือขํายผู๎ปกครองในการจัดการศึกษา
1.6 สํงเสรมิ ใหผ๎ ๎ูมีสํวนไดส๎ ํวนเสยี เขา๎ รํวมกิจกรรมทางวิชาการของสถานศึกษา
2. การสงํ เสรมิ ความร๎ูทางวชิ าการแกผํ ๎ูมีสํวนไดส๎ ํวนเสยี มี 4 ตัวบํงช้ี ดงั นี้
2.1 ออกแบบการสร๎างนวัตกรรมทางการศึกษา
2.2 สารวจความตอ๎ งการสนบั สนุนงานวชิ าการแกํชมุ ชน
2.3 จดั ใหค๎ วามรูแ๎ กํผ๎มู ีสวํ นได๎สวํ นเสียในท๎องถน่ิ
2.4 สงํ เสริมใหม๎ กี ารแลกเปล่ียนเรยี นร๎ู
ตอนที่ 3 สรา๎ งคมูํ ือการปฏบิ ัติงานวิชาการสํคู วามเป็นเลศิ ของโรงเรียน สงั กดั องคก๑ ร
ปกครองสํวนท๎องถนิ่ และตรวจสอบรปู แบบการบริหารงานวชิ าการสํูความเป็นเลิศของโรงเรียน
สังกัดองค๑กรปกครองสํวนท๎องถนิ่

183

การสร๎างคมูํ ือฯ ประกอบดว๎ ยสํวนสาคญั ดังน้ี (รายละเอียดปรากฏในภาคผนวก)
1. หลกั การและเหตุผล
2. แนวคดิ ในการบริหารงานวชิ าการสูํความเปน็ เลิศ
3. วธิ ีดาเนินงาน

3.1 ภาวะผน๎ู าทางวิชาการ
3.2 กระบวนการบรหิ ารงานวิชาการ
4. แนวทางการบริหารงานวิชาการสคูํ วามเปน็ เลศิ
4.1 การพฒั นาหลักสูตรสถานศึกษาและกระบวนการเรยี นร๎ู
4.2 การพัฒนาแหลํงเรียนรู๎
4.3 การพฒั นาสื่อ นวตั กรรม และเทคโนโลยีเพ่ือการศกึ ษา
4.4 การนเิ ทศการศกึ ษา
4.5 การวจิ ัยเพื่อพฒั นาคุณภาพการศกึ ษา
4.6 การประกนั คณุ ภาพภายในสถานศกึ ษา
4.7 การวดั ผล ประเมินผล และเทียบโอนผลการเรียน
ผว๎ู จิ ัยนาคมูํ ือฯ สอบถามเกยี่ วกบั ความชดั เจนด๎านเนื้อหาสาระ การจดั รปู แบบการพิมพ๑
ความสะดวกในการนาไปใช๎ และลักษณะทางกายภาพของคูํมอื ฯ พร๎อมทั้งข๎อคิดเห็นและข๎อเสนอแนะ
จากผเู๎ ชย่ี วชาญ ผบ๎ู ริหารสถานศกึ ษา และหัวหน๎างานวิชาการ จานวน 9 คน พบวาํ คูํมอื ฯ มีความเหมาะสม
ในระดบั มากทสี่ ดุ มีประโยชนใ๑ นการนาไปใชบ๎ ริหารงานวชิ าการ เพราะทาใหผ๎ ๎ูบริหารสถานศกึ ษา
และหัวหนา๎ งานวิชาการไดเ๎ ห็นแนวทางในการปฏบิ ตั ิ

อภปิ รายผลการวจิ ัย

รูปแบบการบริหารงานวิชาการสํูความเป็นเลิศของโรงเรียนสังกัดองค๑กรปกครอง
สวํ นท๎องถิ่นเป็นโครงสร๎างความสมั พันธ๑ขององค๑ประกอบในการบริหารงานวิชาการสูํความเป็นเลิศ
มีองค๑ประกอบท่ีสาคญั 4 ด๎าน คือ ภาวะผน๎ู าทางวชิ าการ ภารกิจและขอบขํายงานวชิ าการในโรงเรียน
กระบวนการบริหารงานวิชาการ และการมสี ํวนรํวมในการบริหารงานวิชาการ ซ่ึงองค๑ประกอบดังกลําว
มีความสาคญั ตอํ การบรหิ ารงานวชิ าการไปสูํความเปน็ เลศิ เพราะทาใหม๎ คี วามชดั เจน ผ๎บู รหิ ารสถานศึกษา
และหัวหน๎างานวิชาการ ตลอดจนครูที่ดาเนินงานด๎านวิชาการได๎เห็นแนวทางในการปฏิบัติงาน
และสามารถนาผลการบริหารงานวิชาการไปใช๎ในการปรับปรุงพัฒนาคุณภาพการศกึ ษา ซึง่ แตํละ
องค๑ประกอบอภิปรายได๎ดังน้ี

184

องค์ประกอบที่ 1 ภาวะผู๎นาทางวิชาการ กาหนดไว๎เป็นองค๑ประกอบหน่ึงของรูปแบบ
การบรหิ ารงานวชิ าการสูํความเปน็ เลิศของโรงเรียนสังกัดองค๑กรปกครองสวํ นท๎องถน่ิ ประกอบด๎วย
องคป๑ ระกอบหลัก 4 องคป๑ ระกอบ กลมํุ ผ๎ูบรหิ ารสถานศกึ ษา และ/ หรอื หวั หนา๎ งานวชิ าการ มีความคิดเหน็
วําทกุ ตัวบํงช้มี คี วามเหมาะสม และตัวบํงชท้ี ีม่ ีความเหมาะสมสอดคล๎องกันมากที่สุดทุกตัวบํงชี้ ได๎แกํ
ด๎านการกาหนดทิศทาง นโยบาย เป้าหมาย และแนวทางการจดั การศึกษา และด๎านคุณลกั ษณะการเป็น
ผู๎นาสถานศึกษา เน่ืองจากผู๎บริหารสถานศึกษาท่ีมีภาวะผู๎นาทางวิชาการจะสามารถกาหนดทิศทาง
การดาเนินงานของโรงเรยี นได๎อยาํ งชัดเจน รแู๎ ละเข๎าใจระบบงาน พรอ๎ มทงั้ ให๎คาแนะนา ปรึกษากับ
ผูใ๎ ตบ๎ ังคบั บัญชาเพื่อนาไปปรบั ปรงุ แกไ๎ ขพัฒนางานในทุกข้นั ตอน

1. การกาหนดทิศทาง นโยบาย เป้าหมาย และแนวทางการจัดการศึกษา ท้ังน้ีอาจเป็น
เพราะวาํ การกาหนดทิศทาง นโยบาย เป้าหมาย และแนวทางการจัดการศึกษา เป็นองค๑ประกอบ
ท่ีสาคัญองค๑ประกอบหน่ึงของรูปแบบการบริหารงานวิชาการสํูความเป็นเลิศของโรงเรียน สังกัด
องค๑กรปกครองสํวนท๎องถิ่น เน่ืองจาก การจัดการศึกษานัน้ โรงเรียนควรกาหนดทิศทางท่ีชัดเจน
เพอื่ ใหบ๎ ุคลากรในโรงเรยี นทราบถึงแนวทางในการจดั การศกึ ษาของโรงเรยี นวํามีเปา้ หมายอยํางไร
สอดคล๎องกับทรงพล เจริญคา (2552, หน๎า 296) ที่กลําววาํ ผ๎ูอานวยการสถานศกึ ษาเป็นปัจจัยท่ีมี
ความสาคัญในการบรหิ ารสถานศกึ ษา ชวํ ยสานความสมั พันธ๑กับครู ปรบั หน๎าที่การทางานให๎กา๎ วทัน
แรงผลักดันภายนอกและนาสรรพกาลังท่ีมีอยํูทัง้ หมดไปสูํเป้าหมายของโรงเรียน สอดคล๎องกับ
สมกิต บุญยะโพธิ์ (2555, หน๎า 320) ท่ีกลําววํา ในการบริหารโรงเรียนผ๎ูบริหารโรงเรียนจะต๎องมี
ความรู๎ความเข๎าใจและมีทักษะเกี่ยวกับทางด๎านการบริหารจัดการให๎ความสาคัญกับงานวิชาการ
เนน๎ กระบวนการจัดการเรียนรูข๎ องครผู ู๎สอนให๎กบั นกั เรียน สอดคลอ๎ งกบั วเิ ศษ ชาวระนอง (2558,
หน๎า 119) ท่ีได๎ศึกษา รูปแบบการพัฒนาองค๑การแหํงการเรียนร๎ูของโรงเรียนคาสร๎อยพิทยาสรรค๑
สานกั งานเขตพ้ืนทกี่ ารศึกษามัธยมศึกษา เขต 22 พบวํา ภาวะผน๎ู าของผ๎ูบริหารเป็นตัวชวี้ ัดทส่ี าคญั ท่สี ุด
ในการสร๎างวสิ ัยทศั น๑ของโรงเรยี นให๎เปน็ องคก๑ ารแหงํ การเรียนรู๎ เพราะข๎อค๎นพบของการวจิ ัยครงั้ นี้
คอื การทาแผนพัฒนาคุณภาพการศกึ ษาเป็นการประชุมวางแผนอนาคตของโรงเรียนเพื่อสร๎างวสิ ยั ทัศน๑
ของการเรียนร๎ู

2. คุณลกั ษณะการเป็นผ๎ูนาสถานศกึ ษา ทั้งน้ีอาจเป็นเพราะวํา แบบอยํางของผู๎บริหาร
สถานศึกษาสํงผลตํอความคิดของครูผ๎ูปฏิบัติงาน ความเชื่อม่ันในการนาโรงเรียนให๎เป็นที่ยอมรับ
ตอํ สังคม การใหค๎ าปรกึ ษากับครูเวลามีปัญหา สอดคล๎องกบั สมหมาย เทียนสมใจ (2556, หนา๎ 302)
ที่ได๎ศึกษา รูปแบบการบริหารงานท่ีมีประสิทธิผลของสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา
พบวาํ สภาพของกระแสโลกาภวิ ัตนแ๑ ละการแขงํ ขนั ทางเศรษฐกิจบนเวทโี ลก ทาใหส๎ ภาพการบริหารงาน

185

ของสานกั งานเขตพ้ืนท่ีการศึกษาต๎องเปลยี่ นแปลงปรับปรุงและพฒั นาองค๑การอยํูตลอดเวลา ทง้ั นี้
ขึ้นอยูํกับผู๎นาของสานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาประถมศกึ ษาเป็นสาคัญ สอดคล๎องกบั ณัฐตะวัน
ลิ้มประสงค๑ (2556, หนา๎ 4) ที่กลาํ ววํา ผ๎ูนาในยุคปัจจบุ ันมีรูปแบบของความเป็นผู๎นาการเปลย่ี นแปลง
ที่นาความเจริญก๎าวหน๎ามาสูํองค๑การ ผ๎ูนาขององค๑การหลายแหํงท่ีประสบความสาเร็จล๎วนแตํมี
ความเป็นผนู๎ าเชงิ กลยุทธท๑ งั้ ส้ิน ความเป็นผ๎นู าเชิงกลยุทธเ๑ ร่ิมจากการมคี ณุ สมบตั ิสาคัญ สอดคลอ๎ งกบั
ปุญณดา ภมุ ราภรณ๑ (2557, หน๎า 163) กลําววํา คาจากัดความของคาวาํ “ภาวะผูน๎ า” หมายถงึ ความสามารถ
ในการขบั เคล่อื นองค๑การใหเ๎ ปน็ ไปตามการตดั สินใจของผนู๎ า โดยคุณสมบัติในระดับต๎นคอื การสงํ เสรมิ
แรงบันดาลใจโดยต๎องได๎รับการยอมรบั เชอื่ ถือในความสามารถของผน๎ู าท่ีต๎องเริม่ จากความสามารถ
นาตนเองกํอน ควบคุมพฤติกรรมเป็นแบบอยาํ งเพ่ือรักษาภาพพจนท๑ ่ดี สี อดคล๎องกบั แนวคดิ วาํ การเป็น
แบบอยาํ งท่ีดีทาให๎เกิดความเชอ่ื ความศรัทธา สอดคลอ๎ งกบั วลัยพรรณ บุญมี (2556, หนา๎ 204) ได๎ศกึ ษา
สหสัมพนั ธค๑ าโนนิคอลของปัจจัยการนิเทศการบรหิ ารโรงเรยี น พบวาํ ผบ๎ู รหิ ารสถานศึกษาเปน็ ผม๎ู ี
บทบาทสาคัญและมีภาวะผู๎นาในการนิเทศบริหารวชิ าการ ผ๎ูบริหารโรงเรยี นใช๎ศาสตร๑และศิลปเ์ พ่ือให๎
การนิเทศการบริหารงานวิชาการในโรงเรยี นมีประสทิ ธิภาพ การนิเทศบริหารงานวิชาการเปน็ เคร่ืองมือ
สาคัญของผูบ๎ ริหารในการพัฒนาศักยภาพและความสามารถของครูและบุคลากรในโรงเรียน สอดคล๎อง
กับแนวคดิ ของ Brown (2000, p. 5) พบวํา ประสิทธิผลองค๑การข้ึนอยกูํ ับภาวะผู๎นาองค๑การมีสํวนสาคัญ
มากทส่ี ดุ นอกจากนยี้ ังสอดคล๎องกับแนวคิดของ Hoy and Miskel (2001) ทวี่ าํ ผู๎นาต๎องมีความสามารถ
ในการทางานจนเป็นท่ียกยอํ ง ต๎องปฏบิ ตั ิหน๎าที่เป็นผน๎ู าท่ีทาให๎ผู๎รํวมงานเกิดความพึงพอใจและต๎อง
สามารถทาใหว๎ ัตถปุ ระสงค๑ขององค๑กรเป็นไปตามวัตถปุ ระสงคท๑ ีว่ างไว๎ และยังสอดคล๎องกับแนวคิด
ของ Leitheood and Duke (1999) ที่กลําววํา ผู๎นาที่ประพฤติตนเป็นแบบอยํางของผู๎มีคุณธรรม
จริยธรรม และมีการแนะนาผ๎ูอืน่ ใหป๎ ฏบิ ัติตนเป็นคนดี รวมถงึ การสงํ เสริมการมีสํวนรํวมในกิจกรรม
ตาํ ง ๆ ของทางโรงเรียนโดยเปดิ โอกาสใหค๎ นในชุมชนเข๎ามามีสํวนรํวมในโรงเรียน มีความยดื หยํุน
ในการปฏบิ ตั ิงาน

องค์ประกอบท่ี 2 ภารกจิ และขอบขาํ ยงานวิชาการในโรงเรยี น ประกอบด๎วย องคป๑ ระกอบหลกั
9 องค๑ประกอบ กลุมํ ผบู๎ รหิ ารสถานศึกษา และ/ หรอื หวั หน๎างานวิชาการ มีความคดิ เหน็ วําทกุ ตัวบงํ ชี้
มคี วามเหมาะสม และตัวบํงชท้ี ีม่ คี วามเหมาะสมสอดคล๎องกนั มากทสี่ ดุ ทกุ ตัวบํงช้ี ไดแ๎ กํ ดา๎ นการพฒั นา
หลกั สตู รสถานศกึ ษา ด๎านการนิเทศการศึกษา และด๎านการวิจัยเพื่อพัฒนาคุณภาพการศกึ ษา

1. การพฒั นาหลกั สตู รสถานศึกษา ทัง้ นอ้ี าจเป็นเพราะวาํ หลกั สตู รสถานศึกษาเปน็ สิ่งท่ี
แสดงถงึ จุดมงุํ หมายของการศึกษา บอกแนวทางการจัดการเรยี นการสอนให๎แกํผู๎เรียนเพ่ือใหเ๎ กิดความร๎ู
ทักษะ และเจตคติที่ดอี ันเป็นสง่ิ ทจ่ี าเป็นในการดารงชีวิต สอดคล๎องกบั พิจิตรา ทสี ุกะ (2556, หน๎า 150)

186

กลําววํา เหตผุ ลประการหนึ่งที่สนับสนนุ ความมีประสิทธภิ าพของรูปแบบการเรยี นการสอนโดยใช๎
วจิ ัยเป็นฐาน วิชาการพัฒนาหลักสตู ร สาหรบั นักศกึ ษาวิชาชพี ครู คือ การนาสาระความร๎ู กระบวนการ
พฒั นาหลกั สูตร ประกอบดว๎ ย การวางแผนหลักสูตร การออกแบบหลักสตู ร การจัดระบบหลักสตู ร
และการประเมินหลกั สูตร มาออกแบบการจดั การเรยี นการสอน อาศยั ขน้ั ตอนการเรียนร๎ูแบบสรา๎ ง
องค๑ความร๎ูดว๎ ยตนเอง สอดคล๎องกับมารุต พัฒผล (2556, หน๎า 28) ไดส๎ รปุ สาระสาคญั ของการพัฒนา
หลักสูตร ประกอบด๎วย 1) การวิเคราะห๑ส่ิงท่ีกาหนดในหลักสูตร เป็นการวิเคราะห๑ข๎อมูลพ้ืนฐาน
ทีเ่ กีย่ วขอ๎ งและจาเปน็ ตอํ การพัฒนาหลกั สตู ร 2) การกาหนดรูปแบบของหลักสูตร เป็นการตัดสินใจ
เลอื กใช๎รปู แบบของหลกั สูตรสอดคล๎องกบั ความตอ๎ งการพฒั นาในการพฒั นาหลกั สตู รและกลมํุ เป้าหมาย
3) การพัฒนาหลักสูตร เป็นการจัดทาเอกสารหลักสูตรท่ีมีความเชื่อมโยงตลอดแนว (Alignment)
ระหวาํ งจุดมํุงหมายของหลกั สูตร การจัดประสบการณ๑เรยี นร๎ู และการวัดผลประเมินผลบนพ้นื ฐาน
สารสนเทศ องคค๑ วามรท๎ู ไี่ ด๎จากข้นั ตอนวิเคราะห๑ สงิ่ กาหนดหลกั สูตรโดยผ๎ูเชยี่ วชาญและไปทดลองใช๎
นารอํ ง เพอ่ื ให๎มั่นใจวําหลกั สตู รจะสามารถนาไปใช๎ได๎อยํางมีประสทิ ธภิ าพและประสิทธิผล สอดคล๎อง
กับแสงอรุณ ขจรน้าทรง (2556, หน๎า 13) ที่กลําววํา หลักสูตรเป็นส่ิงสาคัญของการจัดการศึกษา
เพราะเป็นสง่ิ ที่กาหนดแนวทางการปฏิบตั ิในการจดั การเรียนการสอนใหบ๎ รรลุจุดมงุํ หมายทก่ี าหนดไว๎
หลกั สูตรทด่ี ตี ๎องมกี ารพัฒนาอยูํเสมอเพ่ือให๎มีเนื้อหาสาระทนั กับสภาพการเปลี่ยนแปลงของสังคม
เศรษฐกิจ เทคโนโลยี และการเมือง สอดคล๎องกับ Sowell (1996, p. 5) กลําวถงึ หลักสตู รวาํ คือ
อะไรก็ได๎ท่นี ามาใช๎ในการเรียนการสอนใหแ๎ กํผ๎ูเรียน โดยมีจุดมํงุ หมายเพือ่ ให๎บรรลุวัตถปุ ระสงค๑
ของการศึกษาที่กาหนดไว๎แตกตํางกัน

2. การนิเทศการศึกษา ทัง้ นี้อาจเป็นเพราะวํา การนิเทศการศึกษาเป็นเรื่องที่เกยี่ วกับการดูแล
ควบคุม หรือการให๎คาแนะนาช้ีแจงในเร่ืองการจัดการเรียนการสอน การใหค๎ าแนะนาแกํครูหรือผู๎อ่ืน
ผ๎ูมีสํวนเก่ียวข๎องกับการศึกษา ให๎สามารถปรับปรุงการเรียนการสอนให๎ดีขึ้นสอดคล๎องกับจิรัชญา
พัดศรีเรือง (2556) ที่กลําววํา ตัวบํงชี้สากลของการนิเทศโรงเรียนน้ันมีความสาคัญในการกาหนด
นโยบาย การดาเนินงาน การกากับดูแล และประเมินผล และเปน็ เกณฑ๑เพื่อการเทียบเคียงเพอื่ ขับเคล่ือน
ไปสูํความมปี ระสิทธิภาพของสถานศกึ ษา ด๎วยการพัฒนาโรงเรยี นมาตรฐานสากล พัฒนาหลกั สตู ร
การสอน พัฒนาระบบการนิเทศภายในโรงเรียน สอดคลอ๎ งกับภัณฑิรา สุปการ (2557, หน๎า 284)
ได๎ศกึ ษาการบรหิ ารจัดการการนเิ ทศการศกึ ษา สาหรับศตวรรษที่ 21 ไดข๎ ๎อคน๎ พบที่วํา การนเิ ทศการศกึ ษา
ใหส๎ อดคล๎องกับการเปลย่ี นแปลงศตวรรษที่ 21 สงํ ผลตํอการดาเนินงานในทางปฏิบตั ทิ ุกด๎านท้ังทางตรง
และทางอ๎อมเกดิ เป็นผลลัพธ๑เชงิ บวกและเชงิ ลบได๎ ทัง้ นี้เน่ืองจากการเสริมแรงตํอผูร๎ บั การนิเทศด๎วย
ความเหมาะสมสํงผลให๎ผ๎ูนิเทศมคี วามม่ันใจ และเกิดความพึงพอใจในการปฏิบตั ิงานทาให๎งานประสบ
ผลสาเร็จ สอดคล๎องกับจันทร๑พิมพ๑ วงศ๑ประชารัตน๑ (2556, หน๎า 244) ได๎ศึกษารูปแบบการนิเทศ

187

การศกึ ษาโดยกรรมการสถานศึกษาข้ันพ้ืนฐานผ๎ูเป็นบุคคลภายนอก ได๎ข๎อค๎นพบวาํ การนิเทศการศกึ ษา
มีความจาเปน็ ตํอการพฒั นาคุณภาพการเรยี นการสอน เพราะจะนามาซ่ึงการปรับปรงุ แก๎ไข พัฒนา
การทางานของครูใหม๎ ปี ระสิทธิภาพและสงํ ผลให๎คณุ ภาพการศึกษาของนกั เรยี นมีผลสัมฤทธส์ิ งู ย่ิงข้ึน
สอดคล๎องกับวลัยพรรณ บุญมี (2556, หน๎า 204) ไดศ๎ กึ ษาสหสมั พันธ๑คาโนนิคอลของปัจจัยการนิเทศ
การบริหารโรงเรยี น พบวาํ การนิเทศงานวิชาการ เป็นปัจจัยสาคัญยง่ิ ในการบริหารโรงเรียน ซ่ึงตัวแปร
สาคัญท่ีอธบิ ายปัจจัยน้ี ไดแ๎ กํ ผบ๎ู ริหารโรงเรยี นเป็นผด๎ู าเนินงานใหค๎ รูและบุคลากรทกุ ฝ่ายมสี ํวนรํวม
ในการวางแผนนิเทศบรหิ ารงานวิชาการโรงเรียน ผบู๎ รหิ ารเป็นผค๎ู อยกากบั ติดตามให๎การนิเทศ บริหาร
งานวิชาการเป็นไปตามจุดหมายและวัตถุประสงค๑ที่กาหนดไว๎ ซึ่ง Collin (2003, p. 33-A) กลําววํา
การนิเทศเป็นกระบวนการสาคัญอยํางยิ่งที่จะชํวยพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอนได๎ดี โดยจาก
การวิจยั พบวาํ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรยี นของนักเรียนดีขึน้ มากอันเป็นผลมาจากการให๎ความชวํ ยเหลือ
ด๎านเทคโนโลยีสารสนเทศแกํครูผ๎ูสอน ดังน้ัน การนิเทศภายในจะชํวยเปล่ียนพฤติกรรมการสอน
ของครใู ห๎พัฒนาขึน้

3. ด๎านการวิจัยเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษา ท้งั นี้อาจเป็นเพราะวํา การวิจยั เป็นการศกึ ษา
ค๎นคว๎าหาความจรงิ อยํางเปน็ ระบบ ชํวยแก๎ปญั หาตําง ๆ ที่เกดิ ขน้ึ ในโรงเรยี นและชวํ ยพฒั นาความรู๎
ความสามารถในการปฏบิ ัติหนา๎ ที่ของครูให๎มีประสิทธภิ าพ สอดคล๎องกับณัฏฐ๑ธนัน ระวิพงษ๑ (2557)
ไดศ๎ กึ ษากลยุทธก๑ ารบริหารการคงสภาพของสถานศึกษาดีเดนํ พบวํา การทีส่ ถานศึกษาสามารถรกั ษา
ระดับการพัฒนาศักยภาพของผ๎เู รียนควบคไูํ ปกบั แผนการปรบั ปรุงของสถานศึกษานน้ั ๆ จะกํอให๎เกิด
การเตบิ โตและการพฒั นาเชงิ บวกของสถานศกึ ษานั้น ซง่ึ สํวนสนบั สนุนการศกึ ษาน้นั ผูบ๎ รหิ ารต๎อง
ทางานเพอ่ื บรรลุเปา้ หมาย มีการกาหนดเปา้ หมายอยํางชัดเจน สามารถวัดได๎ ประเมินได๎ นาการวิจัย
มาใชใ๎ นการจดั การเรียนการสอน โดยเน๎นการทางานอยาํ งมปี ระสิทธภิ าพลดต๎นทนุ เพมิ่ บริการทีด่ ี
สอดคล๎องกบั สาธร ทรพั ย๑รวงทอง (2555, หน๎า 3) ได๎ศึกษาการบรหิ ารงานวิจยั เพื่อการพฒั นาท๎องถิ่น
ของมหาวทิ ยาลัยราชภัฏ กลําววํา การวจิ ัยเป็นเครอ่ื งมือหนึ่งในการสรา๎ งองคค๑ วามรู๎ นวัตกรรมและ
เทคโนโลยีเพ่ือพัฒนาสังคมไทย และสังคมโลก ประเทศที่พัฒนาแล๎วได๎ทุํมทรัพยากรด๎านตําง ๆ
อาทิงบประมาณด๎านการวิจัยเป็นจานวนมากเพ่ือพัฒนาประเทศให๎เจริญก๎าวหน๎า และ Mingucci
(2002, Abstact) ได๎ศกึ ษาเร่ือง การวิจัยปฏบิ ตั กิ ารเพ่ือพัฒนาครผู ู๎สอนภาษาองั กฤษเปน็ ภาษาท่ีสอง
ผลการวิจยั พบวํา ครูมีความมน่ั ใจตนเองในความเป็นครูมืออาชีพรูจ๎ กั ตนเองมากขนึ้ และเพม่ิ ความเชอื่ ม่นั
ในการเป็นนกั วิจัย ครูเขา๎ ใจวัตถปุ ระสงค๑ของการวิจยั และพรอ๎ มทจี่ ะปรบั ปรงุ การสอนของตนและ
Calhoum (1998) ได๎ศึกษาการปฏิบัติการวิจัย 3 วิธี ผลการศึกษาพบวํา การวิจัยในช้ันเรียนจะชํวย
ปรับปรุงสภาพในโรงเรียน ชํวยครูในเร่ืองทักษะในการแก๎ปัญหากับเด็ก ๆ ตรวจสอบปัญหาและ

188

วธิ กี ารวัดในเร่ืองการสอน คนทเี่ กยี่ วข๎องกับการวิจัยในช้ันเรียนควรพิจารณาถงึ จุดประสงค๑ของ
การวิจัย ชนิดของข๎อมูลท่ีใช๎ ช่ือเรอ่ื งของการวิจยั และข๎อบงั คบั ของนักเรียน

องค์ประกอบที่ 3 กระบวนการบริหารงานวิชาการ ประกอบด๎วยองค๑ประกอบหลัก
4 องคป๑ ระกอบ กลุํมผ๎ูบริหารสถานศกึ ษา และ/ หรอื หวั หน๎างานวชิ าการ มีความคิดเห็นวําทุกตัวบงํ ช้ี
มีความเหมาะสม และตัวบงํ ชท้ี ่ีมคี วามเหมาะสมสอดคลอ๎ งกนั มากทสี่ ดุ ทกุ ตัวบํงชี้ ได๎แกํ การนาแผนงาน
วิชาการไปปฏบิ ตั ิ และดา๎ นการตรวจสอบ ประเมนิ ผลงานวิชาการ

1. การนาแผนงานวิชาการไปปฏบิ ตั ิ ทงั้ นี้อาจเป็นเพราะวาํ การทากิจกรรมใดในโรงเรียน
หากวางแผนดีแล๎วแตํไมํมีการนาไปปฏบิ ตั กิ ็ไมํสามารถบรรลเุ ปา้ หมายในการจดั การศึกษา สอดคล๎อง
กับธีระพร อายุวัฒน๑ (2552, หน๎า 511) ทก่ี ลําววาํ การวางแผนดา๎ นวชิ าการ เกิดจากการมสี ํวนรํวมของ
ทกุ ฝ่ายทีเ่ กี่ยวข๎อง ท้ังครู ผู๎ปกครอง คณะกรรมการสถานศึกษาขน้ั พ้ืนฐานของโรงเรียนด๎วยการสารวจ
สภาพปัจจบุ ัน ปัญหาความต๎องการ วิเคราะห๑ และจัดทาแผนกลยุทธข๑ องโรงเรยี น สร๎างความตระหนัก
ใหผ๎ เู๎ ก่ียวขอ๎ ง ผบ๎ู ริหารใช๎ภาวะผู๎นาทางวชิ าการ และมนษุ ยสมั พนั ธใ๑ นการดาเนนิ งาน มกี ารกาหนดปฏิทิน
การปฏิบัตงิ าน มแี นวดาเนินงานการวางแผนงานวิชาการท่ีเปน็ ขั้นตอน และรายงานผลการดาเนินงาน
ให๎ผ๎ูเก่ียวข๎องทราบทุกสิ้นปีการศึกษา สอดคล๎องกับสมหมาย เทียนสมใจ (2556, หน๎า 327) ที่ได๎
ศึกษารูปแบบการบริหารงานที่มปี ระสิทธิผลของสานักงานเขตพืน้ ทกี่ ารศึกษาประถมศกึ ษา พบวํา
องคป๑ ระกอบหนึ่งท่มี ีความสาคัญในการพัฒนาคุณภาพการศึกษา คือ การวางแผนกลยุทธ๑ สอดคล๎องกบั
ประจักษพ๑ งศ๑ วรรณโชติ (2556, หนา๎ 229) ไดศ๎ ึกษาการพัฒนารูปแบบการบรหิ ารโรงเรยี นมธั ยมศึกษา
ประจาตาบลใหเ๎ ป็นโรงเรียนคณุ ภาพโดยกลยทุ ธ๑การปฏิบัติท่เี ป็นเลิศ ไดข๎ ๎อสรปุ วาํ โรงเรยี นท่ีประสบ
ความสาเรจ็ ในการจัดการศกึ ษาไดน๎ าระบบวงจรคุณภาพตามรูปแบบของเดมมง่ิ (Demming cycle)
หรือวงจร PDCA มาใช๎ในการบริหารอยํางมีระบบของโรงเรียนโดยการวางแผนกลยุทธ๑ และแผน
ปฏบิ ตั ิการประจาปี การมอบหมายและลงมอื ปฏบิ ัติงานตามแผนทก่ี าหนดไว๎ การกากับตดิ ตามและ
ประเมินผลการดาเนินงานโครงการที่ดาเนินการ และการปรับปรุงแก๎ไข และพัฒนาให๎ดีขึน้ ซงึ่ Lewis
and Douglas (1994, p. 57) อธบิ ายวาํ ในการทางานให๎ประสบความสาเรจ็ ตามแนวคิดของไฟเกนบอม น้ัน
ขึน้ อยูกํ ับกระบวนการทางานขององคป๑ ระกอบอยํางนอ๎ ย 9 ตวั เรียกวํา “Concept 9 M’s” ไดแ๎ กํ การตลาด
(Market) การเงนิ (Money) การจัดการ (Management) บุคลากร (Men) แรงจงู ใจ (Motivation) วสั ดุ
(Material) เครื่องมือและเคร่ืองจกั ร (Machines and Mechanization) วธิ ีการให๎ข๎อมูลทท่ี ันสมัย (Modern
information method) และการยึดความต๎องการของสินคา๎ (Mounting product requirement) ผลการวิจยั
สอดคล๎องกบั เกณฑร๑ างวลั ความเป็นเลิศประเทศฮํองกง (HK) มีเกณฑก๑ ารให๎รางวัล 4 ด๎าน ในดา๎ น
การจัดการและการจัดองค๑กร สถานศึกษาต๎องจัดทาแผนพัฒนาการศึกษาและยุทธวิธกี ารปฏิบัติ

189

เพ่ือบรรลุเป้าหมายให๎สนองความต๎องการของนักเรียน และผ๎ูปกครอง สามารถใช๎ประโยชน๑จาก
จุดแขง็ จุดอํอน

2. การตรวจสอบ ประเมนิ ผลงานวชิ าการ ท้งั นจี้ ะเห็นได๎วาํ การบริหารงานวิชาการจะมี
ประสิทธิภาพมากย่ิงข้ึน หากมีการตรวจสอบผลหลังการดาเนินงาน เพื่อนาผลไปปรับปรุงพัฒนา
คณุ ภาพงาน ดงั ที่ โชติมา หนูพรกิ (2553, หนา๎ 214) ไดศ๎ ึกษาการพัฒนาระบบประเมนิ การเรียนการสอน
คณิตศาสตร๑ สาหรับนักเรียนมัธยมศกึ ษาปีท่ี 1 ผลการออกแบบและพัฒนาระบบประเมินการเรียน
การสอน พบวํา ระบบท่ีพัฒนาขน้ึ เปน็ ระบบท่ีอาศัยแนวคิดเชงิ ระบบ (System approach) ผลที่เกิดขึน้
กับครู ผลที่เกิดขน้ึ กบั นักเรียน เปา้ หมายสาคัญของระบบ คือ การนาสารสนเทศท่ไี ด๎จากการวดั ผล
และประเมนิ ผลการเรยี นร๎ูมาพัฒนา ความร๎ู ทกั ษะ และกระบวนการ สอดคล๎องกบั ยภุ าวรรณ โมรฐั เถยี ร
(2555, หน๎า 253) ได๎ศึกษาการพัฒนารูปแบบการบริหารโรงเรียนสูํความเป็นเลิศ โรงเรียนสังกัด
กรุงเทพมหานคร พบวํา การประเมนิ ผลท่ไี ด๎จากการทางานทาใหไ๎ ดป๎ ระโยชน๑ 2 สํวน คือ สวํ นแรก
ครูได๎นาขอ๎ มลู เกี่ยวกบั การพัฒนาตนเอง สามารถนาผลการประเมินไปใช๎ในการพัฒนาและปรับปรงุ
ตนเองและการปฏิบัติงาน สํวนท่ีสองเพื่อเป็นข๎อมูลสาคัญในการปรับปรุงกระบวนการวิจัยเพื่อ
การตัดสนิ ใจให๎ความชํวยเหลือครแู ตํละคนในการพัฒนาตนเองในการจัดการเรียนรู๎ ตลอดจนพัฒนา
คุณภาพของนกั เรียน และสอดคลอ๎ งกบั Hoy and Miskel (2001) ทีพ่ บวาํ โรงเรยี นท่มี คี ุณภาพและ
มีประสทิ ธผิ ลควรประกอบด๎วยสวํ นประกอบ 3 ดา๎ น คือ 1) ด๎านปัจจัย 2) ด๎านกระบวนการ และ 3) ด๎าน
ผลท่ีได๎รับ ซึ่งต๎องได๎รับการตรวจสอบและยังได๎ให๎ข๎อเสนอแนะอีกวําแนวปฏิบัติที่ดีควรอธิบาย
สภาพหรือแนวทางกวา๎ งแตจํ ะไมํระบุรายละเอียดมากเกนิ ไป

องค์ประกอบที่ 4 การมสี ํวนรวํ มในการบรหิ ารงานวิชาการ ประกอบดว๎ ยองค๑ประกอบหลัก
2 องคป๑ ระกอบ กลํุมผ๎ูบริหารสถานศึกษา และ/ หรือหัวหน๎างานวชิ าการ มีความคิดเห็นวําทกุ ตวั บํงชี้
มคี วามเหมาะสม และตัวบํงชี้ท่มี ีความเหมาะสมสอดคลอ๎ งกันมากทสี่ ุดทกุ ตัวบํงช้ี ได๎แกํ การสํงเสริม
ความร๎ทู างวชิ าการแกํผมู๎ ีสวํ นไดส๎ วํ นเสยี

1. การสํงเสริมความรู๎ทางวิชาการแกํผ๎ูมีสํวนได๎สํวนเสีย ทั้งนี้จะเห็นได๎วํา ปัจจุบันผู๎มี
สวํ นไดส๎ ํวนเสียมีผลตํอการจัดการศกึ ษาของโรงเรียน หากบคุ คลที่ใกล๎ชดิ นักเรียนมีความรู๎ความเข๎าใจ
ในการดแู ลบตุ รหลาน นอกจากนักเรียนจะได๎รบั ความร๎ูจากโรงเรยี นแลว๎ นกั เรียนยงั ได๎รบั การดูแล
เอาใจใสํอยํางถกู ต๎องกบั ผ๎ใู กลช๎ ดิ นักเรียน การสํงเสริมการมีสวํ นรํวมของผูม๎ ีสวํ นได๎สํวนเสียในการจัด
การศึกษา เป็นหน๎าทสี่ าคัญอยาํ งหน่งึ เพ่อื ให๎การพัฒนาการจดั การเรยี นการสอนมีคุณภาพเป็นไปตาม
ความต๎องการของท๎องถ่ิน ดังที่พระราชบัญญัตกิ ารศกึ ษาแหงํ ชาติ พ.ศ. 2542 มาตราท่ี 25 ได๎กาหนดวาํ
“รัฐต๎องสงํ เสรมิ การดาเนินงานและการจัดตั้งการเรียนรู๎ตลอดชีวิต” จึงเป็นหนา๎ ทสี่ าคัญของสถานศึกษา
ต๎องสํงเสริมงานวิชาการกับชุมชนในฐานะที่โรงเรียนมีหน๎าท่ีสร๎างสรรค๑ส่ิงใหมํ ๆ ให๎กับผู๎เรียน

190

โรงเรียนควรมีการบรกิ ารดา๎ นวิชาการ และสํงเสรมิ ความรูแ๎ กํชมุ ชนเพื่อรํวมกันพฒั นาโรงเรียนให๎
ก๎าวหนา๎ ไปพรอ๎ มกัน สอดคลอ๎ งกับ ภณั ฑิรา สปุ การ (2557, หน๎า 269) ไดศ๎ ึกษารปู แบบการจดั การนิเทศ
การศกึ ษา สาหรับศตวรรษที่ 21 กลาํ วสรุปไว๎วาํ กระทรวงศกึ ษาธกิ ารได๎กาหนดนโยบายการปฏิรูป
ในทศวรรษที่สอง (พ.ศ. 2552-2561) ภายใต๎วิสัยทัศน๑ “คนไทยไดเ๎ รยี นรตู๎ ลอดชีวิตอยํางมคี ณุ ภาพ”
โดยประเด็นหลกั ของเป้าหมายปฏริ ูปการศึกษามี 3 ประเด็น คือ การพัฒนาคณุ ภาพมาตรฐานการศกึ ษา
และการเรยี นรข๎ู องคนไทย เพิ่มโอกาสทางการศึกษาและการเรียนร๎ูอยาํ งท่ัวถึงและมคี ุณภาพการศกึ ษา
ทีป่ ระสบความสาเรจ็ น้ันต๎องเปิดโอกาสใหท๎ ุกฝ่ายมสี วํ นรํวม แลกเปล่ยี นความคิดเห็น เพื่อเปดิ โอกาส
ใหก๎ าหนดเปา้ หมายและข๎อตกลงรวํ มกัน สอดคลอ๎ งกับวิเศษ ชาวระนอง (2558, หน๎า 120) ไดศ๎ กึ ษา
รปู แบบการพัฒนาองคก๑ ารแหงํ การเรียนรูข๎ องโรงเรยี นคาสรอ๎ ยพิทยาสรรค๑ สังกัดสานักงานเขตพ้ืนที่
การศกึ ษามัธยมศกึ ษา เขต 22 พบวาํ บุคคลเป็นทรพั ยากรท่ีสาคัญทสี่ ุดขององค๑การ จงึ เป็นเร่อื งสาคัญ
ท่จี ะพัฒนาบุคลากรให๎มีความร๎ู ความสามารถเพราะเป็นสินทรัพยท๑ ีม่ ีคุณคําท่สี ดุ ขององค๑การ กํอให๎เกดิ
ความสาเร็จอยาํ งมีประสิทธภิ าพและประสิทธผิ ล การมที มี งาน การมสี ํวนรํวม และการทางานเป็นทีมน้นั
เป็นหลกั การในการทางานยคุ ใหมทํ ่จี ะชํวยอดุ ชํองโหวํ หรือจุดด๎อยตาํ ง ๆ ในการทางานได๎ สอดคลอ๎ ง
กับประจักษ๑พงศ๑ วรรณโชติ (2556, หนา๎ 229) ไดศ๎ กึ ษาการพฒั นารูปแบบการบริหารโรงเรียนมัธยมศกึ ษา
ประจาตาบลให๎เป็นโรงเรียนคุณภาพโดยกลยทุ ธ๑การปฏบิ ัตทิ ีเ่ ป็นเลิศ ได๎ข๎อสรปุ วาํ โรงเรียนท่ีประสบ
ความสาเรจ็ ในการจดั การศกึ ษา คือ โรงเรยี นเน๎นการบริหารแบบมสี วํ นรํวม ท้งั ในสํวนของของครู
นักเรียน และผู๎มีสํวนเกี่ยวข๎องกับการจัดการศึกษาของโรงเรียน เชํน คณะกรรมการสถานศึกษา
ขน้ั พืน้ ฐานของโรงเรยี น ผ๎ูปกครองนักเรียน และองค๑กรปกครองสํวนท๎องถิน่ ในการเข๎ามามีสํวนรํวม
พัฒนาคุณภาพการศึกษา สอดคล๎องกับจันทรพ๑ ิมพ๑ วงศ๑ประชารัตน๑ (2556, หนา๎ 266) กลําวสรปุ ไว๎วํา
การมีสํวนรํวมของทุกฝ่ายรวมท้ังคณะกรรมการสถานศึกษามีบทบาทสาคัญย่ิงตํอความสาเร็จของ
การบริหารในระดับสถานศึกษาโดยเฉพาะการบริหารโดยใชโ๎ รงเรยี นเป็นฐานท่ีเน๎นความเป็นอสิ ระและ
การมีสํวนรํวมของชมุ ชน ถ๎าทกุ คนมคี วามรูค๎ วามเขา๎ ใจและมสี ํวนรํวมอยาํ งเหมาะสม มคี วามรับผดิ ชอบ
ตํอหน๎าที่ มีการทางานท่ีโปรํงใสและตรวจสอบได๎ก็จะเป็นกาลังสาคัญที่จะชํวยใหก๎ ารศึกษาไทย
มีคุณภาพและการบริหารการศึกษามีประสิทธิภาพ ซ่ึง Austin and Reynolds (1690) พบวํา ความมี
ประสิทธิผลของสถานศึกษาจะต๎องประกอบด๎วยการบริหารงานวชิ าการทเ่ี ข๎มแขง็ ในด๎านตาํ ง ๆ คือ
1) การจัดระบบของหลักสูตรและการเรียนการสอน 2) การพัฒนาบุคลากรด๎านการสอน 3) การจัด
การเวลาเรียนที่เกิดประโยชน๑สูงสุด 4) ความเป็นเลิศทางวชิ าการที่ได๎รบั การยอมรับ 5) การมสี วํ นรํวม
และการสนับสนนุ จากผ๎ูปกครอง 6) การวางแผนรํวมกนั สอดคลอ๎ งกบั พระวิเชียร สหี าบุตร (2557,
หน๎า 214) ท่ีไดศ๎ กึ ษา การพัฒนารปู แบบการบริหารงานวิชาการของมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย
ในสงั คมอนาคต พบวาํ ความรํวมมือการสงํ เสรมิ การเรยี นร๎ูอยํใู นระดับมากทสี่ ุด ด๎านท่ี 1 การสงํ เสริม


Click to View FlipBook Version