191
ความรู๎ทางวชิ าการแกบํ ุคลากร ดา๎ นท่ี 2 การสงํ เสรมิ ความร๎ทู างวิชาการแกคํ รอบครวั ด๎านท่ี 3 การสงํ เสริม
ความรู๎ทางวชิ าการแกํชุมชน ด๎านที่ 4 การประสานความรํวมมอื ทางวิชาการกบั สถานศกึ ษาอน่ื โดยต๎อง
ให๎ชุมชนเข๎ามามีสํวนรํวม มีความตื่นตัวในการเรียนร๎ูให๎เป็นสังคมแหํงการเรียนรู๎ นอกจากการน้ี
การศึกษาของภัธรภร ปุยสุวรรณ (2556, หน๎า 230) ได๎อธิบายความหมายของ “การมีสํวนรํวมของ
สมาชิก” ซึ่งอธิบายวาํ การมีสํวนรํวมของสมาชกิ หมายถงึ สมาคมฯ มสี ํวนรํวมทางตรงและทางอ๎อม
ซึ่งเป็นการมสี ํวนรํวมท่ีบุคคลเขา๎ ไปมกี จิ กรรมในกระบวนการตัดสนิ ใจและวางแผนพัฒนากาหนด
นโยบายการศึกษาที่สอดคล๎องตอํ ความต๎องการของบุตรหลาน การสร๎างความตระหนกั และความเข๎าใจ
รวํ มกนั การกระตน๎ุ ผ๎ปู กครองใหเ๎ หน็ ความสาคัญในการมีสวํ นรวํ มจัดการศึกษาโดยการสรา๎ งความ
ภูมิใจและความศรัทธา การติดตํอสื่อสารรํวมกัน และการช้ีแจงการปฏิบัติงานของสถานศึกษาให๎
ผ๎ูปกครองรับทราบและประชาสัมพันธ๑ถึงแผนการพัฒนาของสถานศึกษาให๎ผ๎ูปกครองรับทราบ
สอดคล๎องกบั แนวคิด รางวัลคณุ ภาพแหงํ ชาตปิ ระเทศสิงคโปร๑ ในดา๎ นการมุํงเนน๎ ทรัพยากรบุคคล
เป็นการมงํุ เน๎นวํา องค๑การสามารถนาศกั ยภาพของพนักงานมาใช๎ในการสร๎างผลงานท่ีสงู กับองค๑การ
และองค๑การมีความตระหนักถงึ ความสาคัญของความต๎องการในการฝึกอบรมและการพัฒนาดา๎ นอาชีพ
สุขภาพและความพึงพอใจ และพนักงานตาํ งสรา๎ งผลงานและมีความสานึกในการมุํงไปสํเู ปา้ หมาย
ขององคก๑ าร การวางแผนทรพั ยากรบคุ คล การมีสวํ นรํวมและพันธะผกู พันของพนักงาน การใหก๎ ารศกึ ษา
การอบรม และการพฒั นาบคุ ลากร ความพึงพอใจและสขุ ภาพของพนักงาน ผลการดาเนนิ งานและ
ความสานึกของพนักงาน
2. ผลการตรวจสอบรูปแบบการบริหารงานวิชาการสูคํ วามเปน็ เลิศของโรงเรียน สงั กัดองคก๑ ร
ปกครองสวํ นท๎องถิ่น โดยการสอบถามความคิดเห็นตํอคํูมือการปฏบิ ัตงิ านวิชาการสํูความเป็นเลิศของ
โรงเรียน สังกัดองค๑กรปกครองสวํ นท๎องถ่ิน ผลการประเมินในภาพรวมอยูใํ นระดับเหมาะสมมากทส่ี ุด
ท้ังน้ีอาจเป็นเพราะวํา รูปแบบการบริหารงานวิชาการสูํความเป็นเลิศของโรงเรยี น สงั กดั องค๑กรปกครอง
สํวนท๎องถ่ิน ทสี่ ร๎างข้ึนมานน้ั ไดผ๎ าํ นขน้ั ตอน กระบวนการตาํ ง ๆ อยาํ งเหมาะสม โดยเฉพาะการสอบถาม
ความสอดคลอ๎ งขององค๑ประกอบของรปู แบบจากผเ๎ู ชย่ี วชาญ ผู๎บริหารสถานศกึ ษาและหัวหนา๎ งาน
วชิ าการทม่ี ีผลงานดเี ดนํ ในระดับตําง ๆ ทาใหไ๎ ด๎รูปแบบการบริหารงานวิชาการสํูความเปน็ เลิศของ
โรงเรยี น สังกัดองคก๑ รปกครองสวํ นท๎องถิน่ ทมี่ ีความสมบูรณ๑ ครอบคลุมการดาเนินงานวิชาการของ
สถานศกึ ษา และสามารถนามาประยกุ ต๑ใชใ๎ ห๎เป็นประโยชน๑และบรบิ ทของสถานศึกษา ในการประเมิน
รูปแบบการบริหารงานวิชาการสูํความเป็นเลิศของโรงเรียนสังกัดองค๑กรปกครองสํวนท๎องถ่ิน
ไดผ๎ ลการประเมินในภาพรวมอยํใู นระดบั มากท่สี ดุ เม่ือพิจารณารายด๎าน พบวํา อยใูํ นระดับมากท่ีสดุ
ทุกดา๎ น เรียงลาดบั ความถจี่ ากมากไปนอ๎ ยได๎ ดังน้ี
192
ด๎านความเป็นประโยชน๑ อยใํู นระดบั มากทส่ี ุด แสดงใหเ๎ ป็นวาํ รูปแบบการบริหารงาน
วชิ าการสคํู วามเป็นเลิศของโรงเรยี นสังกัดองค๑กรปกครองสํวนท๎องถิ่น มีความชัดเจน ทาใหส๎ ถานศกึ ษา
มีความมั่นใจในการนาคํูมือฯ ไปเป็นแนวทางในการปฏิบัติงานวิชาการ ซ่ึงจะทาให๎ได๎แนวทาง
ในการพฒั นาคุณภาพการศึกษาสํูความเปน็ เลศิ ตอํ ไปในอนาคต
ดา๎ นความเป็นไปได๎ อยํใู นระดบั มากที่สดุ แสดงให๎เป็นวาํ รปู แบบการบริหารงานวิชาการ
สูํความเปน็ เลศิ ของโรงเรียนสงั กดั องค๑กรปกครองสํวนท๎องถน่ิ มีความเป็นไปไดใ๎ นการนาไปใชไ๎ ด๎
ในสถานการณจ๑ รงิ
ดา๎ นความเหมาะสม อยใูํ นระดับมากท่ีสดุ แสดงใหเ๎ ป็นวํา เม่ือนาคํูมือการปฏบิ ัติงานวชิ าการ
สคํู วามเป็นเลศิ ของโรงเรียนสังกัดองคก๑ รปกครองสํวนท๎องถนิ่ ไปใชใ๎ นสถานศกึ ษาสามารถพัฒนา
คณุ ภาพการศกึ ษาได๎เพม่ิ มากข้นึ
ข้อเสนอแนะ
ข้อเสนอแนะในการนาผลการวจิ ัยไปใช้
ผู๎บริหารสถานศึกษาควรนาแนวทางทค่ี น๎ พบจากงานวิจัยไปประยุกตใ๑ ช๎เพอื่ กํอให๎เกดิ ผล
การปฏิบตั ิงานท่เี ป็นเลิศของสถานศกึ ษา ตามแนวทางดงั น้ี
1. ควรศกึ ษาบริบทจุดเดํนของสถานศึกษาเพ่ือนามาพัฒนาสูคํ วามเป็นเลิศ
2. สร๎างเครือขํายเพื่อทาให๎ทราบข๎อมูลสารสนเทศในการนามาพฒั นาสูคํ วามเป็นเลศิ
3. ให๎ผู๎มีสวํ นได๎สวํ นเสยี เขา๎ มามีสวํ นรวํ มในการจัดการศึกษา สรา๎ งความรักความผูกพัน
ในสถานศกึ ษา
ข้อเสนอแนะในการทาวิจัยครง้ั ต่อไป
1. ควรมีการศึกษาเชิงเปรียบเทียบระหวํางรปู แบบการบริหารงานวิชาการสํูความเป็นเลศิ ของ
โรงเรียนสงั กัดองคก๑ รปกครองสวํ นท๎องถิ่น ทมี่ กี ารบริหารงานวิชาการแตกตํางกัน ระหวาํ งสถานศกึ ษา
ขนาดเลก็ และสถานศกึ ษาขนาดใหญํ
2. ควรศกึ ษาการทดลองใช๎รูปแบบการบริหารงานวชิ าการสคํู วามเป็นเลศิ ของโรงเรียน
สังกดั องคก๑ รปกครองสํวนท๎องถิน่ เพอ่ื สรปุ เปน็ องคค๑ วามรู๎ที่สมบรู ณ๑ตํอไป
193
บรรณานุกรม
กมล ภํปู ระเสรฐิ . (2555). การบรหิ ารงานวชิ าการในสถานศกึ ษา. กรุงเทพฯ: เมธที ิปส๑.
กมล สุดประเสริฐ. (2550). ตัวช้ีวดั ภาวะผูน๎ าของผบู๎ รหิ ารสถานศกึ ษาในการปรบั ปรงุ ผลสัมฤทธิ์
ทางการเรียน. วารสารวทิ ยาจารย,์ 107(9), 39.
กรมสํงเสรมิ การปกครองสวํ นท๎องถ่ิน. (2553). มาตรฐานการจัดการศึกษา. กรงุ เทพฯ:
กระทรวงมหาดไทย.
กรมสงํ เสรมิ การปกครองสวํ นท๎องถ่นิ . (2559). สถติ ิขอ้ มูลโรงเรยี นสังกดั องคก์ รปกครอง
ส่วนทอ้ งถ่ิน. กรงุ เทพฯ: กลุมํ งานยทุ ธศาสตรก๑ ารพฒั นาการจดั การศึกษาทอ๎ งถ่นิ
กระทรวงมหาดไทย.
กระทรวงศกึ ษาธกิ าร. (2545). หลักสตู รการศึกษาขั้นพืน้ ฐาน พทุ ธศกั ราช 2545. กรุงเทพฯ:
องค๑การรับสงํ สินค๎าและพัสดุภณั ฑ๑.
กระทรวงศึกษาธกิ าร. (2551). หลักสูตรการศกึ ษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551. กรงุ เทพฯ:
คุรุสภา ลาดพร๎าว.
กระทรวงศกึ ษาธกิ าร. (2553). การประกันคุณภาพการศกึ ษา. กรุงเทพฯ: คุรุสภา ลาดพรา๎ ว.
การสกั เตะ๏ ขนั หมาก. (2531). การเสริมสรา้ งสมรรถนะทางกาย. กรงุ เทพฯ: ศูนยว๑ ิทยาศาสตร๑
การกีฬา.
จันทรพ๑ ิมพ๑ วงศป๑ ระชารัตน๑. (2556). รปู แบบการนิเทศการศกึ ษาโดยกรรมการสถานศึกษา
ขนั้ พืน้ ฐานผู้เป็นบุคคลภายนอก. ดษุ ฎีนิพนธป๑ รัชญาดษุ ฎีบณั ฑิต, สาขาวิชาการบริหาร
การศกึ ษา, บณั ฑติ วทิ ยาลยั , มหาวิทยาลยั ศิลปากร.
จิรชั ญา พดั ศรีเรือง. (2556). ตวั บ่งช้สี ากลของการนิเทศโรงเรียน. ดุษฎนี ิพนธป๑ รชั ญาดษุ ฎบี ัณฑติ ,
สาขาวิชาการบรหิ ารการศกึ ษา, บณั ฑติ วิทยาลัย, มหาวิทยาลยั ศลิ ปากร.
จริ าภรณ๑ พุฒตาล. (2559). การมีสว่ นร่วมในการประกันคุณภาพภายในสถานศกึ ษาของโรงเรียน
ปากคลองบางขนาก สงั กดั สานักงานเขตพื้นท่ีการประถมศึกษาฉะเชิงเทรา เขต 1.
งานนิพนธ๑การศึกษามหาบณั ฑิต, สาขาวิชาการบริหารการศกึ ษา, คณะศกึ ษาศาสตร๑,
มหาวิทยาลัยบูรพา.
จมุ พล พูลภัทรชีวิน. (2548). การปฏบิ ัตกิ ารวิจัยดว๎ ย EDFR. วารสารบริหารการศกึ ษา
มหาวทิ ยาลัยขอนแกน่ , 1(2), 19-31.
194
ชนดั ดา บบุ ผามาศ. (2557). การประเมินโครงการระบบโครงขา่ ยการเรยี นรไู้ ร้พรมแดน โรงเรยี น
สังกัดสานกั งานเขตพืน้ ทก่ี ารศึกษามัธยมศกึ ษา เขต 18. งานนพิ นธ๑การศกึ ษามหาบัณฑิต,
สาขาวชิ าพฒั นศึกษา, คณะศกึ ษาศาสตร๑, มหาวิทยาลัยศลิ ปากร.
ชรินรัตน๑ พมุํ เกษม. (2557). สมรรถนะของคนไทยกบั ความสามารถในการแขํงขนั ของประเทศ.
วารสารการศกึ ษาไทย, 11(116).
โชตชิ วํ ง พันธเุ วช. (2551). การจดั การศึกษาเชงิ คุณภาพและการประกนั คุณภาพตามเกณฑร์ างวัล
คณุ ภาพแห่งชาติ. กรงุ เทพฯ: ศนู ยส๑ ื่อและสิง่ พิมพแ๑ กว๎ เจ๎าจอม มหาวิทยาลยั ราชภฏั
สวนสุนันทา.
โชตมิ า หนพู ริก. (2553). การพฒั นาระบบประเมินการเรียนการสอนคณิตศาสตร์ สาหรบั นักเรยี น
ชัน้ มัธยมศึกษาปที ี่ 1. ดษุ ฎนี ิพนธป๑ รชั ญาดษุ ฎีบณั ฑิต, สาขาวชิ าหลักสตู รและการสอน,
บัณฑติ วทิ ยาลยั , มหาวิทยาลัยศิลปากร.
ไชยยศ เวยี งสุวรรณ. (2553). เทคโนโลยีทางการศกึ ษา หลกั การและการปฏบิ ัติ. กรุงเทพฯ:
เรือนแก๎วการพมิ พ๑.
ณัฏฐธ๑ นัน ระวิพงษ๑. (2557). กลยุทธก์ ารบริหารการคงสภาพของสถานศึกษาดเี ด่น. ดุษฎีนิพนธ๑
ปรชั ญาดษุ ฎีบณั ฑติ , สาขาวชิ าการบรหิ ารการศึกษา, บัณฑิตวิทยาลัย, มหาวิทยาลยั
ศลิ ปากร.
ณัฐตะวนั ลมิ้ ประสงค๑. (2556). การบริหารจดั การประกันคณุ ภาพสถานศึกษาสาหรบั อนาคต.
ดุษฎนี พิ นธ๑ปรัชญาดุษฎบี ัณฑิต, สาขาวชิ าการบริหารการศกึ ษา, บณั ฑติ วิทยาลยั ,
มหาวิทยาลยั ศลิ ปากร.
ดาราวรรณ สุขคนั ธรกั ษ๑. (2556). ยุทธศาสตรก์ ารขับเคล่ือนการบริหารงานวชิ าการของสถานศึกษา
ขัน้ พืน้ ฐานสู่ประชาคมอาเซียน. ดษุ ฎนี พิ นธ๑ปรัชญาดุษฎบี ัณฑิต, สาขาวิชาการบริหาร
การศึกษา, บณั ฑิตวิทยาลยั , มหาวทิ ยาลัยศลิ ปากร.
ทรงพล เจรญิ คา. (2552). รูปแบบความเป็นเลิศของโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานคร. ดุษฎนี พิ นธ๑
ปรชั ญาดษุ ฎีบัณฑิต, สาขาวิชาการบริหารการศกึ ษา, บัณฑิตวิทยาลยั ,
มหาวทิ ยาลยั ศิลปากร.
ทรงศักดิ์ สิงหนสาย. (2556). การดาเนินงานวิชาการของผู้บริหารสถานศกึ ษาในศูนยค์ ุณภาพ
การศกึ ษามอ่ นป่ิน อาเภอฝาง จงั หวัดเชียงใหม่. การค๎นคว๎าอิสระการศึกษามหาบณั ฑติ ,
สาขาวชิ าการบรหิ ารการศึกษา, บัณฑติ วทิ ยาลยั , มหาวิทยาลยั เชียงใหมํ.
195
ธเนศ เกสรสิริธร. (2555). การจัดการความรูแ้ หลง่ เรยี นรู้: กรณพี ระราชนิเวศน์มฤคทายวนั
และสถานศึกษาใกล้เคยี ง. วทิ ยานพิ นธ๑ศลิ ปศาสตรมหาบัณฑิต, สาขาวชิ าการจัดการ
ทรัพยากรวฒั นธรรม, บณั ฑิตวิทยาลยั , มหาวทิ ยาลัยศิลปากร.
ธานนิ ทร๑ ศลิ ป์จารุ. (2548). การวิจัยและการวิเคราะหข์ ้อมลู ทางสถติ ิด้วย SPSS. กรุงเทพฯ:
วีอินเตอร๑พรน้ิ ท.๑
ธารง บวั ศรี. (2532). ทฤษฎหี ลักสตู รการออกแบบและพัฒนา. กรุงเทพฯ: คุรสุ ภา ลาดพรา๎ ว.
ธรี ะ รุญเจริญ. (2554). ความเปน็ มอื อาชพี ในการจดั และบรหิ ารการศกึ ษายคุ ปฏิรปู การศกึ ษา
(ฉบับปรบั ปรงุ ) เพ่ือปฏิรปู รอบสองและประเมินภายนอกรอบสาม. กรงุ เทพฯ: ขา๎ วฟา่ ง.
ธรี ะพร อายุวัฒน๑. (2552). แนวปฏิบัติท่ีเปน็ เลิศในการบริหารงานวชิ าการของสถานศึกษา
ขนั้ พนื้ ฐานขนาดเลก็ . ดษุ ฎีนิพนธ๑ปรัชญาดุษฎบี ัณฑิต, สาขาวชิ าการบริหารการศกึ ษา,
บัณฑิตวิทยาลัย, มหาวทิ ยาลยั ศลิ ปากร.
บญุ เลยี้ ง ทุมทอง. (2553). การพัฒนาหลักสูตร Curriculum Development. กรงุ เทพฯ: จุฬาลงกรณ๑
มหาวทิ ยาลัย.
ประกาศกระทรวงศกึ ษาธิการ เรือ่ ง การแบงํ สํวนราชการภายในสานกั งานเขตพ้นื ทกี่ ารศกึ ษา
ประถมศึกษา พ.ศ. 2553. (2553). ราชกิจจานเุ บกษา, เลมํ 127 ตอนพิเศษ 109 ง, 14
กนั ยายน 2553.
ประจกั ษ๑พงศ๑ วรรณโชติ. (2556). การพฒั นารปู แบบการบริหารโรงเรียนมธั ยมศึกษาประจาตาบล
ใหเ้ ป็นโรงเรียนคุณภาพโดยกลยุทธ์การปฏิบัติทเี่ ป็นเลศิ . ดุษฎนี ิพนธก๑ ารศึกษาดุษฎบี ัณฑติ ,
สาขาวชิ าการบริหารการศึกษา, บณั ฑติ วทิ ยาลัย, มหาวทิ ยาลยั บรู พา.
ปรชี า จันทรมณ.ี (2556). ตวั บง่ ชค้ี วามสาเร็จในการบริหารงานวิชาการศูนยก์ ารศึกษานอกระบบ
และการศกึ ษาตามอธั ยาศัยในอาเภอ. ดษุ ฎีนิพนธป๑ รชั ญาดุษฎบี ัณฑติ ,
สาขาวิชาการบริหารการศกึ ษา, บณั ฑิตวทิ ยาลยั , มหาวิทยาลยั ศิลปากร.
ปรียาพร วงศ๑อนุตรโรจน๑. (2553). การบริหารงานวชิ าการ. กรงุ เทพฯ: ศูนยส๑ ื่อสํงเสริมกรุงเทพฯ.
ปองสิน วเิ ศษศิริ. (2556). การพัฒนารูปแบบการนานโยบายสู่การปฏิบตั ิ สาหรบั สถานศกึ ษา
ขั้นพืน้ ฐาน. กรุงเทพฯ: จฬุ าลงกรณม๑ หาวิทยาลยั .
ปณุ ณดา ภมุ ราภรณ๑. (2557). การพฒั นาตัวแบบเสริมสร้างภาวะผูน้ าของหัวหน้าพนักงานตอ้ นรับ
บนเคร่ืองบินตามการประยุกตฐ์ านคิดจิตตปญั ญาศึกษาในสายการบินใหบ้ ริการ
เตม็ รูปแบบ. ดุษฎนี ิพนธป๑ รชั ญาดุษฎีบัณฑิต, สาขาวชิ าการจัดการ, บัณฑติ วิทยาลยั ,
มหาวิทยาลยั ศิลปากร.
196
ผอํ งพรรณ จันทร๑คา. (2557). แนวทางการบริหารงานวชิ าการในสถานศกึ ษาของเครือข่ายพร้าว 1
อาเภอพร้าว สงั กดั สานกั งานเขตพื้นทก่ี ารศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่ เขต 2.
ดุษฎีนิพนธ๑การศกึ ษาดษุ ฎบี ณั ฑิต, สาขาวิชาการบริหารการศกึ ษา, บณั ฑติ วทิ ยาลัย,
มหาวิทยาลยั มหามกุฏราชวทิ ยาลัย.
พรรณนภา องิ พงษพ๑ ันธ.๑ (2554). การบริหารเชงิ กลยุทธข์ องผู้บริหารกบั ผลการปฏบิ ัติงานวิชาการ
ในสถานศึกษา สงั กดั องคก์ ารบริหารสว่ นจังหวัด กลุ่มการศึกษาทอ้ งถิ่นท่ี 1. วทิ ยานพิ นธ๑
การศึกษามหาบัณฑติ , สาขาวชิ าการบริหารการศกึ ษา, บัณฑติ วทิ ยาลัย, มหาวทิ ยาลัย
ศลิ ปากร.
พรศกั ดิ์ สจุ ริตรกั ษ.๑ (2551). ตัวบ่งช้กี ารบริหารสถานศกึ ษาทสี่ ง่ เสรมิ ทกั ษะการคดิ ของนักเรยี น.
ดุษฎนี พิ นธ๑การศกึ ษาดษุ ฎีบัณฑิต, สาขาวชิ าการบริหารการศกึ ษา, บัณฑติ วิทยาลัย,
มหาวิทยาลัยเชยี งใหม.ํ
พระมหาประจกั ษ๑ กิตฺติเมธี (ทองดาษ). (2554). การบรหิ ารงานวชิ าการ สานักเรียนพระปริยัตธิ รรม
แผนกบาลีดีเด่น กรงุ เทพมหานคร. กรงุ เทพฯ: ม.ป.ท.
พระวเิ ชยี ร ศรหี าบุตร. (2557). การพฒั นารปู แบบการบริหารงานวิชาการของมหาวิทยาลยั
มหามกฏุ ราชวทิ ยาลยั ในสังคมอนาคต. ดษุ ฎีนิพนธป๑ รัชญาดุษฎีบัณฑติ ,
สาขาวชิ าการบริหารการศกึ ษา, บัณฑติ วทิ ยาลยั , มหาวิทยาลัยศลิ ปากร.
พรม้ิ เพรา วราพนั ธพุ๑ ิพธิ . (2556). ข้อเสนอเชิงนโยบายเพื่อความเป็นเลิศของสถานศึกษาข้นั พ้ืนฐาน
สงั กัดองค์กรปกครองสว่ นท้องถน่ิ . วิทยานพิ นธป๑ รัชญาดุษฎบี ัณฑติ ,
สาขาวิชาการบริหารการศกึ ษา, บัณฑติ วทิ ยาลัย, มหาวิทยาลัยขอนแกํน.
พิจติ รา ทสี กุ ะ. (2556). การพฒั นารปู แบบการเรียนการสอน โดยใช้วจิ ัยเป็นฐานวชิ าการพัฒนา
หลักสูตร สาหรบั นกั ศึกษาวิชาชีพครู. ดษุ ฎีนิพนธป๑ รชั ญาดษุ ฎีบัณฑติ ,
สาขาวิชาหลกั สตู รและการสอน, บัณฑติ วิทยาลยั , มหาวทิ ยาลยั ศลิ ปากร.
พิณสดุ า สริ ิธรงั ศรี. (2552). การวิจยั ดา้ นการจัดการศกึ ษา. กรงุ เทพฯ: มหาวทิ ยาลัยธรุ กจิ บัณฑติ ย.๑
ภณั ฑริ า สปุ การ. (2557). รูปแบบการบริหารจัดการการนิเทศการศกึ ษา สาหรบั ศตวรรษที่ 21.
ดษุ ฎีนพิ นธ๑ปรัชญาดษุ ฎบี ณั ฑิต, สาขาวชิ าการบริหารการศึกษา, บัณฑติ วิทยาลัย,
มหาวิทยาลัยศลิ ปากร.
ภธั รภร ปุยสุวรรณ. (2556). แนวทางการมสี ว่ นร่วมในการบรหิ ารจดั การสถานศกึ ษาของสมาคม
ผ้ปู กครองและครูทเี่ หมาะสมกับสังคมไทย. ดุษฎนี พิ นธ๑ปรัชญาดุษฎบี ัณฑิต,
สาขาวชิ าการบริหารการศกึ ษา, บัณฑติ วิทยาลัย, มหาวิทยาลยั ศิลปากร.
197
ภาวดิ า ธาราศรสี ุทธ.ิ (2550). การบริหารงานวิชาการในสถานศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน. กรงุ เทพฯ:
มหาวทิ ยาลยั รามคาแหง.
มานดิ า มณอี ินทร๑. (2547). วสิ ยั ทัศนข์ องผู้เชี่ยวชาญดา้ นเทคโนโลยกี ารศึกษา สาขาวิทยาศาสตร์
การแพทย์ คณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลัยในช่วงอกี 10 ปขี า้ งหนา้
(พ.ศ. 2546-2556) โดยใช้เทคนคิ วิจัยอนาคต. วทิ ยานพิ นธศ๑ ึกษาศาสตรมหาบณั ฑิต,
สาขาวชิ าเทคโนโลยีการศึกษา, บณั ฑติ วทิ ยาลยั , มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร.๑
มารตุ พฒั ผล. (2556). การประเมินหลักสตู รเพื่อการเรียนรู้และพัฒนา (พิมพ๑ครง้ั ที่ 2).
กรงุ เทพฯ: อารแ๑ อนด๑เอ็นปรินท๑.
ยภุ าวรรณ โมรัฐเถียร. (2555). การพฒั นารูปแบบการบริหารโรงเรียนสู่ความเป็นเลศิ
โรงเรยี นสังกัดกรุงเทพมหานคร. ดุษฎีนิพนธ๑ปรชั ญาดุษฎบี ัณฑิต, สาขาวชิ าการบริหาร
การศึกษา, บณั ฑิตวทิ ยาลัย, มหาวทิ ยาลัยบูรพา.
รุํง แก๎วแดง. (2546). โรงเรียนนิตบิ ุคคล. กรุงเทพฯ: วฒั นาพานชิ .
รงํุ ชชั ดาพร เวหาชาต.ิ (2552). การบริหารงานวิชาการสถานศึกษาขัน้ พื้นฐาน. สงขลา: ศูนยห๑ นังสอื
มหาวทิ ยาลัยทกั ษณิ .
วลยั พรรณ บุญมี. (2556). สหสัมพนั ธค์ าโนนคิ อลของปัจจัยการนิเทศการบริหารโรงเรียน.
ดุษฎีนิพนธป๑ รัชญาดษุ ฎีบัณฑิต, สาขาวชิ าการบริหารการศกึ ษา, บัณฑติ วิทยาลยั ,
มหาวทิ ยาลยั ศิลปากร.
วสนั ต๑ ปรีดานนั ต๑. (2553). การบรหิ ารงานวชิ าการของสถานศกึ ษาข้ันพน้ื ฐาน สังกัดเทศบาล
เมืองสมทุ รสงคราม จงั หวัดสมทุ รสงคราม. วทิ ยานพิ นธ๑ศึกษาศาสตรมหาบัณฑติ ,
สาขาวิชาการบรหิ ารการศึกษา, บณั ฑิตวทิ ยาลยั , มหาวทิ ยาลยั ศิลปากร.
วัฒนา โรจน๑เจริญชัย. (2553). การบริหารงานโดยใชโ้ รงเรียนเป็นฐานของสถานศกึ ษาในกลุ่ม
เครือขา่ ยพัฒนาคณุ ภาพการศึกษาเบญจมบพติ ร อาเภอแม่แจ่ม จงั หวัดเชยี งใหม่.
วิทยานพิ นธค๑ รศุ าสตรมหาบัณฑติ , สาขาวิชาการบริหารการศึกษา, บัณฑิตวทิ ยาลัย,
มหาวทิ ยาลัยเชียงใหมํ.
วภิ า ทองหงา. (2554). รปู แบบการบริหารงานวิชาการของโรงเรยี นสงั กัดกรงุ เทพมหานคร.
ดษุ ฎนี พิ นธ๑ปรัชญาดษุ ฎบี ณั ฑติ , สาขาวชิ าการบริหารการศกึ ษา, บณั ฑิตวิทยาลัย,
มหาวิทยาลัยศลิ ปากร.
วิเศษ ชาวระนอง. (2558). รปู แบบการพฒั นาองค์การแห่งการเรียนรขู้ องโรงเรียนคาสรอ้ ยพทิ ยาสรรค์
สงั กดั สานักงานเขตพ้ืนทีก่ ารศกึ ษามธั ยมศึกษา เขต 22. ดษุ ฎีนิพนธก๑ ารศกึ ษาดุษฎีบัณฑิต,
สาขาวิชาการบริหารการศกึ ษา, บณั ฑติ วิทยาลยั , มหาวิทยาลยั บรู พา.
198
ศริ ิพร ขัมภลิขิต. (2551). เอกสารประกอบการสอน วิชา 464201 ประเดน็ และแนวโนม้
ทางการศกึ ษาคณะศึกษาศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยศิลปากร. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยศลิ ปากร.
สงัด อุทรานันท๑. (2532). พื้นฐานและการพัฒนาหลกั สูตร. กรงุ เทพฯ: คณะครศุ าสตร๑ จฬุ าลงกรณ๑
มหาวิทยาลยั .
สถาบนั เพิม่ ผลผลิตแหงํ ชาต.ิ (2553). การจดั การความรู้จากทฤษฎสี ู่การปฏบิ ตั ิ. กรงุ เทพฯ: ซีเอด็ ยเู คชัน่ .
สมกิต บุญยะโพธ.์ิ (2555). รปู แบบการบริหารสถานศกึ ษาขน้ั พ้ืนฐานสงั กัดสานกั งานเขตพนื้ ที่
การศึกษาประถมศกึ ษาสู่ความเปน็ เลศิ . ดุษฎนี พิ นธ๑ปรัชญาดุษฎีบัณฑติ ,
สาขาวิชาการบรหิ ารการศึกษา, บณั ฑติ วทิ ยาลัย, มหาวิทยาลยั ศลิ ปากร.
สมปอง สมญาติ. (2557). การจัดการเรียนร๎ูด๎วยนวัตกรรมการเรยี นรเู๎ พื่อสร๎างสรรค๑ด๎วยปัญญา
(Constructionism) ของสถานศกึ ษา. วารสารการศึกษา, 11(113).
สมหมาย เทียนสมใจ. (2556). รูปแบบการบรหิ ารงานทมี่ ีประสิทธผิ ลของสานกั งานเขตพนื้ ท่ี
การศึกษาประถมศึกษา. ดษุ ฎีนพิ นธ๑ปรัชญาดษุ ฎีบณั ฑติ , สาขาวชิ าการบรหิ ารการศกึ ษา,
บณั ฑิตวทิ ยาลยั , มหาวิทยาลยั ศิลปากร.
สนั ติ บญุ ภิรมย.๑ (2552). การบริหารงานวชิ าการ. กรงุ เทพฯ: บคุ๏ พอยท.๑
สาธร ทรัพย๑รวงทอง. (2555). การบรหิ ารงานวิจยั เพ่ือการพฒั นาท้องถน่ิ ของมหาวิทยาลยั ราชภัฏ.
ดุษฎีนิพนธป๑ รชั ญาดษุ ฎีบณั ฑิต, สาขาวชิ าการบริหารการศกึ ษา, บณั ฑติ วิทยาลัย,
มหาวิทยาลัยศลิ ปากร.
สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พื้นฐาน. (2550). แนวทางการกระจายอานาจการบรหิ าร
และการจดั การศกึ ษา. กรงุ เทพฯ: ชุมนมุ สหกรณ๑การเกษตรแหํงประเทศไทย.
สานกั งานคณะกรรมการพฒั นาเศรษฐกิจและสังคมแหงํ ชาติ. (2559). แผนพัฒนาเศรษฐกิจและ
สงั คมแหง่ ชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560-2564). กรงุ เทพฯ: สานักนายกรัฐมนตรี.
สานกั งานรับรองมาตรฐานและประเมินคณุ ภาพการศึกษา (องค๑การมหาชน). (2555). คู่มอื การประเมิน
คุณภาพภายนอกรอบสาม (2554-2558) ระดบั อดุ มศกึ ษา ฉบับสถานศกึ ษา แกไ้ ขเพ่ิมเตมิ
พฤศจิกายน 2554. กรุงเทพฯ: สานักงานรบั รองมาตรฐานและประเมนิ คณุ ภาพการศึกษา.
สานักงานเลขาธกิ ารสภาการศกึ ษา. (2554). ขอ้ เสนอการปฏริ ูปการศกึ ษาในทศวรรษที่สอง
(พ.ศ. 2552-2561). กรงุ เทพฯ: พรกิ หวานกราฟฟิค.
สาราญ มุลิ. (2554). การมสี ว่ นรว่ มในการดาเนินการประกนั คณุ ภาพการศึกษาของครูผสู้ อน
ในศูนยพ์ ฒั นาเด็กเลก็ สังกดั องคก์ รปกครองสว่ นท้องถิ่น อาเภอแกลง จังหวัดระยอง.
วิทยานพิ นธ๑การศกึ ษามหาบัณฑิต, สาขาวชิ าการบริหารการศึกษา, คณะศึกษาศาสตร๑,
มหาวทิ ยาลัยบูรพา.
199
สจุ ริต คูณธนกลุ วงศ.๑ (2547). การบริหารโรงเรยี น: นวัตกรรมเทคนิค: ประสบการณ์. กรงุ เทพฯ: ศาสนา.
สุภสทิ ธิ์ ภภู กั ดี. (2558). เลขาธกิ ารสภาการศกึ ษายา้ คุณภาพการศกึ ษาของเดก็ ข้ึนกบั ครูผ๎สู อน.
วารสารการศึกษา, 2(120).
สุรศักดิ์ ศภุ เมธีวรกลุ . (2557). รูปแบบการพัฒนาสมรรถนะผนู้ าการเปลย่ี นแปลงสคู่ วามเป็นเลศิ
ตามมาตรฐานสากลในการบรหิ ารสถานศกึ ษาขน้ั พ้ืนฐาน สังกัดสานกั งานคณะกรรมการ
การศึกษาขั้นพื้นฐาน. ดษุ ฎนี ิพนธ๑การศกึ ษาดษุ ฎบี ัณฑติ , สาขาวชิ าการจดั การศกึ ษา,
วิทยาลยั ครุศาสตร,๑ มหาวิทยาลัยธรุ กิจบัณฑติ ย๑.
แสงอรณุ ขจรนา้ ทรง. (2556). การบริหารจัดการหลักสตู รสถานศึกษา ตามแนวคดิ ของ Jon Wiles
และ Joseph Bondi กรณศี ึกษา โรงเรียนเทศบาลแหลมฉบัง 2 (มลู นิธิไต้ลงั้ -เซ็ง พรประภา)
สังกัดเทศบาลนครแหลมฉบัง. ดุษฎนี พิ นธป๑ รชั ญาดษุ ฎีบัณฑติ , สาขาวชิ าหลกั สตู ร
และการสอน, บัณฑติ วทิ ยาลัย, มหาวิทยาลัยบรู พา.
อภิญญา เจริญกิจ. (2556). การศึกษาการบรหิ ารงานวิชาการทส่ี ัมพันธก์ ับการทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิ
ระดบั ชาติของนักเรยี นระดับช้ันมธั ยมศกึ ษาปีท่ี 3 โรงเรยี นมัธยมศึกษาสังกดั เขตพน้ื ท่ี
การศึกษามธั ยมศกึ ษา เขต 18 จงั หวดั ระยอง. วทิ ยานิพนธ๑การศกึ ษามหาบัณฑติ ,
สาขาวชิ าการบรหิ ารการศกึ ษา, คณะศกึ ษาศาสตร๑, มหาวิทยาลยั บูรพา.
อาจินต๑ จรญู ผล. (2556). การพฒั นารปู แบบการบรหิ ารวชิ าการที่มีประสิทธิผลของโรงเรยี น
มธั ยมศึกษา สงั กดั สานักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พ้ืนฐาน. ดษุ ฎีนิพนธ๑การศกึ ษา
ดุษฎีบัณฑิต, สาขาวชิ าการบรหิ ารการศึกษา, บณั ฑติ วิทยาลัย, มหาวทิ ยาลยั บรู พา.
อาภรณ๑ ใจเท่ยี ง. (2553). หลกั การสอน. กรุงเทพฯ: โอ. เอส. พรนิ้ ต้ิงเฮ๎าส๑.
Armstrong, D. G. (1989). Developing and documenting the curriculum. Needham Heights,
Mass: Allyn & Bacon.
Austin, G. E., & Reynolds, L. (1990). Managing for improved school effectiveness:
An international survey. School Organization, 10(2-3), 167-178.
Best, J. W. (1981). Research in education (4th ed.). New Jersey: Prentice Hall.
Bloom, B. (1976). Human characteristics and school learning. New York: McGraw-Hill.
Brown, B. R. (2000). An analysis of the perceived effectiveness of school-based management by
School and Communication Stakeholders. Dissertation Abstracts International, 59,
09A: 3296A.
Calhoum, C. (1997). The difference and inequality (7th ed.). New York: McGraw-Hill.
200
Campbell, R. F., Corbally, J. E., & Nystrand, R. O. (1977). Introduction to educational
Administration (6th ed.). Boston: Allyn & Bacon.
Cobb, P. (2003). Where is the mind? Constructivist and sociocultural perspectives on
mathematical development. Education research, 23(7), 13-20.
Collins, E. (2006). Collins essential thesaurus (2nd ed.). Retrieved from http://www.thefreedirectionary.
Com/indicator.
Cronbach, L. J. (1973). Dictionary of education. New York: McGraw-Hill.
Davis, G., & Thomas, A. M. (1989). Effective school and effective teachers. Boston:
Allyn & Bacon.
Doll, R. (1996). Curriculums improvement. Boston: Allyn & Bacon.
Donabedian, A. (1980). Explorations in quality assessment and monitoring: Vol.I. The definition
of quality and approachers to assessment. Ann Arbor, MI: Health Administration Press.
Faber, C. F., & Sherron, F. G. (1970). Elementary school administration. New York: Holt
Rinehart and Winston.
Forest & Kinser. (2002). Higher education in the United States: An encyclopedia, Santa
Barbara. CA: ABC-CLIO.
Fry, H., Ketteridge, S., & Marshal, S. (2008). A Handbook for teaching and learning in higher
education (3rd ed.). London, Kogan Page.
Fulstonschools. (2003). Excellence model. Retrieved from http://www.fulschool.org/dept/
prodev/leadership/model.html
Glickman, D. (2001). Supervision and instructional leadership a developmental approach.
USA.: Bacon, fifth.
Glickman, C. D., Gordon, S. P., & Ross-Gordon, J. M. (2001). Supervision and instructional
leadership: A developmental approach (5th ed.). USA: Allyn & Bacon.
Good, C. V. (1973). Dictionary of education (3rd ed.). New York: McGraw-Hill.
Gordon, J. R. (1991). A diagnostic approach to organizational behavior (3rd ed.).
Massachusetts: Allyn & Baco.
Hilglard, R. E., & Bower, H. G. (1975). Theories of learning (4th ed.). Englewood Cliffs, N.J.:
Prentice Hall.
201
Hoy, W. K., & Miskel, C. G. (2001). Education administration: Theory research and practice
(6th ed.). McGraw-Hill.
Joseph, L. M., & Douglas, J. (1981). Managing: A contemporary introduction (3rd ed.).
New Jersey: Prentice Hall.
Ka-ho Mok. (2003). Decentralization and marketization in Singapore: A case study of the
excellence model. Journal of educational administration, 41(4), 12-22.
Kao, R. W., Kao, R. R., & Jing, Y. (2006). An entrepreneurial approach to corporate
management (2nded.). Jurong, Singapore: Pearson Education South Asia.
Kerlinger, F. N. (1986). Foundation of behavioral research (3th ed.). USA: Holt, Rinehart and
Winston,Inc.
Kimbrough, R. B., & Nunnery, M. Y. (1998). Education administration: An introduction (3rd ed.).
New York: Macmillan.
Leithewood, K. A., & Duke, D. L. (1999). A century’s quest to understand school leadership.
In Murphy, J. and Louis, K. S. (Eds). Handbook of Research on Educational
Administrators. San Francisco, CA.: Jossey-Bass.
Lewin, K. (1951). Field theory and learning Ind. Carwright field theory in social science:
selected theoretical. New York: Harper & Row.
Lewis, R. G., & Douglas, H. S. (1994). Title total quality in higher education. Imprint Delray
Beach, Fla.: St. Lucie Press, Extent xiii, 330 P.; 24 cm.
Liston, C. (1999). Managing quality and standard. Buckingham: Open University Press.
Longman Dictionary of Contemporary English. (1987). English: Clays.
Massie, J. L., & Douglas, J. (1981). Managing: A contemporary introduction. Englewood Cliffs,
N.J.: Prentice Hall.
Miller, V. (1965). Administration of American school. New York: McMillan.
Mingucci, M. M. (2002, August). Action research as ESL teacher professional development.
Dissertation Abstracts International, 63(2), 451-A.
Peter, T. J., & Waterman, R. H., Jr. (1982). In research of excellence: Lessons from America’s
best-run companies. New York: Harper & Row.
Pierce, L. V. (1991). Effective schools for national origin language minority students.
Washington, D. C.: The Mid Athantic Equity Center.
202
Sammons, P., Hillman, J., & Mortimore, P. (1995). Key characteristics of effective school:
a review of school effectiveness research. London: OFSTED.
Scribner, A. P. (1999). High performing his panic schools: An introduction, In P. Reyes,
J. D. Scribner and A.P. Scribner (Lessons from high performing Hispanic schools:
Creating Learning Communities. New York: Teachers College.
Sentell, G. D. (1994). Fast focused and flexible: Bold new imperatives for the high performance
organization. Knoxville, NJ: Pressmark International.
Sergiovani, T. J. (1991). The principalship: A reflective practice perspective (2nd ed.). Needham
Height: Allyn & Bacon.
Smith, J. M. (1995). Blended learning: An old friend gets a new name. Retrieved from
http://www.gwsae.org/Excutiveupdate/2001/March/blender.htm.
Soliman, H. S. (1997). Customer relationship management and its relationship to the marketing
performance. International Journal of Business and Social Science, 2(10), 166-182.
Sowell, E. J. (1996). Curriculum: An integrative introduction. United State of America:
Merrill Prentice Hall.
Stebbing, L. (1993). Quality assurance: The route to efficiency and competitiveness (3rded.).
New York: Ellis Horwood.
Taba, H. (1962). Curriculum development theory and practice. New York: Harcourt,
Brace & World.
The European Foundation for Quality Management. (2005). The EFQM excellence model.
Retrieved from http://www.european.quality.co.uk.faq and http://www.efqm.org.
203
ภาคผนวก
204
ภาคผนวก ก
แบบสมั ภาษณท๑ ใ่ี ชใ๎ นการเก็บรวบรวมขอ๎ มูล
205
แบบสัมภาษณ์เพือ่ การวิจัย
เรื่อง รูปแบบการบริหารงานวิชาการสํคู วามเป็นเลิศของโรงเรียนสงั กดั องค๑กรปกครองสํวนท๎องถิ่น
หลักการ
แบบสัมภาษณน๑ ีส้ รา๎ งขึน้ เพ่ือสัมภาษณค๑ วามคิดเห็นและขอ๎ เสนอแนะจากผเู๎ ชีย่ วชาญ
ในการวจิ ยั เรือ่ ง “รูปแบบการบรหิ ารงานวิชาการสคํู วามเป็นเลศิ ของโรงเรียนสังกดั องค๑กรปกครอง
สวํ นท๎องถิ่น” เป็นการสมั ภาษณ๑โดยเปิดโอกาสให๎ผสู๎ มั ภาษณ๑แสดงความคิดเหน็ ได๎อยํางอสิ ระ
ในทุกประเด็นเกีย่ วกับการบริหารงานวิชาการสํูความเป็นเลศิ ของโรงเรยี นสังกัดองคก๑ รปกครอง
สวํ นทอ๎ งถ่นิ โดยพจิ ารณาเกณฑ๑ผู๎สัมภาษณซ๑ ง่ึ กาหนดคุณสมบตั ิ ดงั นี้
1. เป็นผ๎บู ริหารสถานศึกษา สังกดั องค๑กรปกครองสวํ นท๎องถิ่น ในโรงเรียนต๎นแบบ
หรือโรงเรยี นพระราชทาน มีประสบการณ๑ในการบรหิ ารงานไมํนอ๎ ยกวาํ 5 ปี หรอื
2. เป็นหวั หนา๎ งานวิชาการ สังกัดองค๑กรปกครองสํวนทอ๎ งถิน่ ในโรงเรียนตน๎ แบบ
หรอื โรงเรียนพระราชทาน มีประสบการณ๑ในการทางานไมนํ ๎อยกวาํ 5 ปี
แบบสมั ภาษณค๑ วามคดิ เห็นเก่ยี วกับองคป๑ ระกอบของรูปแบบการบริหารงานวิชาการ
สูํความเปน็ เลศิ ของโรงเรยี นสังกัดองคก๑ รปกครองสวํ นท๎องถ่นิ ได๎ศกึ ษาวิเคราะห๑ แนวคดิ ทฤษฎี
งานวจิ ยั ทเ่ี กยี่ วข๎อง นาข๎อสรุปท่ีไดม๎ าสงั เคราะห๑เป็นองคค๑ วามร๎ู (Content synthesis) ใช๎เปน็ กรอบ
ในการสร๎างแบบสมั ภาษณ๑แบบมีโครงสรา๎ ง (Structured interview) 4 องค๑ประกอบ มีความหมาย ดังน้ี
1. ภาวะผ๎นู าทางวชิ าการ หมายถงึ ผบู๎ ริหารสถานศกึ ษาตอ๎ งมีภาวะผูน๎ า มกี ารกาหนดทิศทาง
ในการบรหิ ารงานอยํางชดั เจน ผบู๎ รหิ ารต๎องผลกั ดันและสนบั สนุนให๎เกดิ การดาเนินงานตามทิศทาง
ทก่ี าหนด ตลอดจนตดิ ตามและทบทวนผลการดาเนินงาน ประกอบดว๎ ย การจดั องค๑การเพื่อการเรยี น
การสอน การกาหนดทศิ ทาง นโยบาย เปา้ หมาย และแนวทางการจดั การศึกษา การพัฒนาระบบงาน
และคณุ ลกั ษณะการเป็นผนู๎ าสถานศึกษา
2. ภารกิจและขอบขํายงานวชิ าการในโรงเรียน หมายถึง ผู๎บริหารสถานศึกษาต๎องมี
การวางแผนกลยุทธ๑อยํางเหมาะสมกบั สภาพแวดล๎อมท้ังภายในและภายนอก และท่สี าคัญต๎องมกี ารนา
กลยทุ ธไ๑ ปสกูํ ารปฏิบตั ิ ตลอดจนมกี ารติดตามผลการปฏิบตั ิงาน เพื่อให๎บรรลวุ ัตถุประสงค๑ความเป็นเลิศ
ของสถานศึกษา ภารกิจหลกั ของสถานศึกษาด๎านงานวิชาการ ประกอบด๎วย การพัฒนาหลักสูตร
สถานศึกษา การพัฒนากระบวนการเรียนรู๎ การพัฒนาแหลํงเรียนรู๎ การพัฒนาสื่อ นวัตกรรม และ
เทคโนโลยีเพ่ือการศึกษา การนิเทศการศึกษา การวิจัยเพ่ือพฒั นาคณุ ภาพการศึกษา การประกันคุณภาพ
ภายในสถานศึกษา การแนะแนวการศึกษา และการวดั ผล ประเมนิ ผล และเทยี บโอนผลการเรยี น
206
3. กระบวนการบริหารงานวิชาการ หมายถงึ การจัดการบริหารงานวชิ าการในด๎านตาํ ง ๆ
ในดา๎ นการวางแผนงานวชิ าการ การนาแผนไปปฏบิ ัติ การตรวจสอบและประเมินผล และการนาผล
มาปรับปรงุ พัฒนา
4. การมสี ํวนรํวมในการบริหารงานวิชาการ หมายถงึ ผ๎ูบริหารสถานศกึ ษาสร๎างคํานิยม
ของคนในสถานศึกษาใหม๎ ีสํวนรํวมมคี วามสัมพันธ๑เชิงบวกในการทางานใหบ๎ รรลุเป้าหมายอยํางมี
ประสิทธิภาพและประสิทธผิ ล จูงใจ ชวํ ยให๎ครูและบคุ ลากรทางการศกึ ษาสามารถพัฒนาและใช๎
ศักยภาพของตนเองอยาํ งเต็มที่ ในการมงํุ ไปสํเู ปา้ หมายของสถานศึกษา ตามวัตถุประสงคแ๑ ละแผน
ปฏิบัติการ รวมไปถงึ การสรา๎ งบรรยากาศท่ีเก้ือหนุนเพ่ือโน๎มไปสํูผลการดาเนินการท่ีเป็นเลิศ
ประกอบด๎วย การมีสํวนรํวมของผู๎มสี ํวนได๎สวํ นเสยี ในการจัดการศึกษา การสงํ เสริมความรู๎ทางวิชาการ
แกํผมู๎ ีสํวนไดส๎ ํวนเสยี
207
แบบสัมภาษณเ์ พือ่ การวจิ ัย
เรื่อง รปู แบบการบริหารงานวิชาการสูคํ วามเป็นเลิศของโรงเรียนสงั กัดองคก๑ รปกครองสํวนท๎องถิ่น
ช่ือ-นามสกุล ผ๎ูให๎สมั ภาษณ๑..............................................................................................................
ปฏิบตั ิหนา๎ ที่............................................... โรงเรียน...........................................................
อายุ...............................ปี ประสบการณท๑ างาน.....................................ปี
สมั ภาษณเ๑ มือ่ วันที.่ .................เดอื น..................................พ.ศ. .................... เวลา ........................น.
คาชแี้ จง
โปรดแสดงความคิดเหน็ ตามสภาพความเป็นจริงเก่ียวกบั องคป๑ ระกอบของรูปแบบการบริหาร
งานวชิ าการสคํู วามเปน็ เลศิ ของโรงเรยี นสังกดั องคก๑ รปกครองสํวนทอ๎ งถนิ่ ตามประเดน็ คาถามทกี่ าหนด
สาหรับข๎อมลู ท่ีได๎จะใช๎เฉพาะการวจิ ัยครง้ั น้ีเทํานั้น และจะเปน็ ประโยชน๑อยาํ งยง่ิ ในการพัฒนารูปแบบ
การบรหิ ารงานวิชาการสูํความเป็นเลศิ ของโรงเรยี นสังกดั องคก๑ รปกครองสํวนท๎องถ่นิ ตอํ ไป
1. ด๎านภาวะผู๎นาทางวชิ าการ ผ๎ูบริหารสถานศกึ ษามคี ุณลักษณะพฤติกรรม วธิ กี าร แนวทาง
การดาเนินงานตามประเดน็ ตํอไปนี้อยาํ งไร
1.1 ดา๎ นการจัดองคก๑ ารเพื่อการเรยี นการสอน
ทํานมี การจัดองค๑กรเพื่อการเรียนการสอนหรือไมํ ถ๎ามีควรเป็นอยาํ งไร มีวธิ ีการอยาํ งไร
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
ถา๎ ไมํมี ทาํ นดาเนนิ การบริหารงานวชิ าการอยาํ งไร
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
208
1.2 ด๎านการกาหนดทศิ ทาง นโยบาย เป้าหมาย และแนวทางการจดั การศกึ ษา
ทาํ นกาหนดทิศทาง นโยบาย เป้าหมาย และแนวทางการจัดการศึกษาไว๎อยํางไรบ๎างและ
ควรมแี นวโน๎มเป็นอยาํ งไร
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
1.3 ดา๎ นการพฒั นาระบบงาน
ทํานมี วิธกี ารพัฒนาระบบงานในโรงเรียนของทํานหรอื ไมํ วิธีการเปน็ อยํางไร
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
ถ๎าไมํมี ทํานดาเนินการบริหารงานวิชาการอยํางไร
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
1.4 ด๎านคุณลักษณะการเปน็ ผูน๎ าสถานศึกษา
ทํานคดิ วาํ ผู๎นาสถานศกึ ษาควรมีคณุ สมบตั ิอยํางไร
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
ถา๎ ไมํมี คุณสมบัตผิ ู๎นาสถานศกึ ษา ทาํ นคิดวําโรงเรยี นจะเป็นอยาํ งไร
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
209
2. ภารกจิ และขอบขาํ ยงานวิชาการในโรงเรียน
2.1 การพัฒนาหลกั สูตรสถานศกึ ษา
ทาํ นมี การพัฒนาหลกั สตู รสถานศึกษา ในโรงเรยี นหรือไมํ ถา้ มี ทํานมวี ธิ กี ารพฒั นา
อยาํ งไร
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
ถา๎ ไมมํ ี เพราะเหตุใด
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
2.2 การพฒั นากระบวนการเรยี นรู๎
ทาํ นมี การพฒั นาหลักสตู รสถานศกึ ษา ในโรงเรียนหรือไมํ ถา้ มี ทาํ นมวี ิธกี ารพฒั นาอยาํ งไร
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
ถา๎ ไมมํ ี เพราะเหตใุ ด
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
2.3 การพฒั นาแหลงํ เรียนร๎ู
ทาํ นมี การพัฒนาแหลํงเรียนรู๎ในโรงเรยี นหรือไมํ ถ้ามี ทาํ นมวี ธิ ีการพัฒนาอยํางไร
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
ถา๎ ไมมํ ี เพราะเหตุใด
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
210
2.4 การพัฒนาสื่อ นวัตกรรม และเทคโนโลยี
ทํานมี การพัฒนาส่อื นวตั กรรม และเทคโนโลยีในโรงเรยี นหรอื ไมํ ถ้ามี ทาํ นมีวธิ กี าร
พัฒนาอยาํ งไร
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
ถา๎ ไมํมี เพราะเหตุใด
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
2.5 การนเิ ทศการศกึ ษา
ทาํ นมี การนิเทศการศึกษาในโรงเรียนหรือไมํ ถ้ามี ทาํ นมีวิธีการพัฒนาอยาํ งไร
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
ถ๎าไมํมี เพราะเหตใุ ด
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
2.6 การวจิ ัยเพื่อพฒั นาคุณภาพการศึกษา
ทาํ นมี การวิจยั เพอ่ื พัฒนาคุณภาพการศึกษาในโรงเรียนหรือไมํ ถา้ มี ทาํ นมีวธิ ีการ
พฒั นาอยํางไร
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
ถา๎ ไมํมี เพราะเหตใุ ด
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
211
2.7 การประกันคณุ ภาพภายในสถานศกึ ษา
ทาํ นมี การประกนั คณุ ภาพภายในสถานศึกษาในโรงเรียนหรือไมํ ถา้ มี ทาํ นมีวธิ ีการ
พฒั นาอยํางไร
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
ถา๎ ไมมํ ี เพราะเหตใุ ด
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
2.8 การแนะแนวการศกึ ษา
ทาํ นมี การแนะแนวการศกึ ษาในโรงเรียนหรอื ไมํ ถา้ มี ทํานมวี ิธกี ารพัฒนาอยาํ งไร
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
ถ๎าไมมํ ี เพราะเหตใุ ด
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
2.9 การวดั ผล ประเมินผล และเทยี บโอนผลการเรียน
ทาํ นมี การวัดผล ประเมินผล และเทยี บโอนผลการเรยี นในโรงเรยี นหรือไมํ ถา้ มี
ทาํ นมวี ิธกี ารพัฒนาอยาํ งไร
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
ถา๎ ไมมํ ี เพราะเหตุใด
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
212
3. กระบวนการบรหิ ารงานวิชาการ
3.1 การวางแผนงานวชิ าการ
ทําน มกี ารวางแผนงานวชิ าการ ในโรงเรียนหรอื ไมํ ถ้ามี ทํานมวี ธิ กี ารอยํางไร
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
ถา๎ ไมมํ ี ทาํ นดาเนนิ การบริหารงานวิชาการอยาํ งไร
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
3.2 การนาแผนงานวิชาการไปปฏบิ ัติ
จากข๎อ 3.1 ถ๎ามีการวางแผน ทํานมวี ิธีการนาแผนงานวิชาการไปปฏิบัติอยํางไร
ให๎ไดผ๎ ลมากท่ีสดุ
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
3.3 การตรวจสอบ และประเมนิ ผล
ทํานมี การตรวจสอบ และประเมินผลหรือไมํ ถา้ มี ทาํ นมวี ธิ ีการตรวจสอบ ประเมินผล
อยาํ งไร
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
ถ๎าไมํมี เพราะเหตุใด
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
213
3.4 การนาผลการประเมินมาพัฒนาปรับปรงุ
ทํานมี การนาผลการประเมนิ มาพฒั นาปรบั ปรุงคณุ ภาพงานวิชาการในโรงเรียนหรือไมํ
ถา้ มี ทํานมวี ิธกี ารดาเนินงานอยาํ งไร
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
ถา๎ ไมํมี เพราะเหตใุ ด
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
4. การมสี ํวนรวํ มในการบริหารงานวชิ าการ
4.1 ทํานมี การสํงเสรมิ ให๎ผม๎ู ีสวํ นไดส๎ ํวนเสยี มีสวํ นรวํ มในการจัดการศกึ ษาของ
โรงเรียนหรือไมํ ถ้ามี ทาํ นมีวธิ กี ารอยาํ งไร
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
4.2 ทํานมี การสงํ เสรมิ ความรู๎ทางวิชาการให๎แกํผ๎ูมสี วํ นไดส๎ ํวนเสยี ของโรงเรียนหรือไมํ
ถ้ามี ทาํ นมวี ธิ ีการอยาํ งไร
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
ความคิดเหน็ และขอ้ เสนอแนะ
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
214
ภาคผนวก ข
แบบสอบถามเพอื่ การวิจยั
เร่ือง รปู แบบการบริหารงานวิชาการสคํู วามเป็นเลิศของโรงเรยี นสังกดั องค๑กรปกครองสํวนท๎องถ่ิน
215
แบบสอบถามเพือ่ การวิจยั รอบที่ 1
เรื่อง รูปแบบการบริหารงานวิชาการสูคํ วามเป็นเลิศของโรงเรียนสังกดั องคก๑ รปกครองสํวนท๎องถิ่น
คาช้ีแจง ในการตอบแบบสอบถาม
1. แบบสอบถามน้มี งุํ เพอ่ื ศึกษาองค๑ประกอบของรูปแบบการบริหารงานวชิ าการ
สูํความเป็นเลิศของโรงเรยี นสังกัดองค๑กรปกครองสํวนท๎องถิน่ โดยใชเ๎ ทคนคิ การวิจัยแบบ EDFR
(Ethnographic Delphi Futures Research)
2. แบบสอบถามชดุ นแ้ี บงํ เป็น 2 ตอน
ตอนที่ 1 คาถามเกี่ยวกับผ๎ตู อบแบบสอบถาม
ตอนที่ 2 สอบถามเก่ียวกับความเหมาะสมขององค๑ประกอบของรูปแบบการบริหารงาน
วชิ าการสคํู วามเป็นเลิศของโรงเรยี นสงั กัดองค๑กรปกครองสํวนท๎องถ่ิน
3. ผูต๎ อบแบบสอบถาม ได๎แกํ ผบู๎ ริหารสถานศกึ ษา และ/ หรือหวั หนา๎ งานวชิ าการ
4. กรุณาตอบแบบสอบถามใหค๎ รบทุกข๎อ
5. ข๎อมูลทีไ่ ดจ๎ ากการตอบแบบสอบถามนี้จะทาใหท๎ ราบข๎อเท็จจรงิ เกี่ยวกับองค๑ประกอบ
ของรปู แบบการบริหารงานวิชาการสคํู วามเป็นเลิศของโรงเรียนสังกัดองคก๑ รปกครองสวํ นทอ๎ งถิน่
อันจะนาไปสกูํ ารพัฒนาการบริหารงานวชิ าการสคํู วามเป็นเลศิ ตอํ ไป โดยขอ๎ มลู ท่ีทาํ นตอบเปน็ รายบคุ คล
จะเก็บไว๎เป็นความลับและไมํมีผลกระทบตอํ การปฏิบัติงานของทาํ นแตํอยาํ งใด
ขอขอบพระคณุ เป็นอยาํ งสูงในการให๎ความอนเุ คราะหต๑ อบแบบสอบถาม
อมลรดา พุทธินันท๑
นิสิตปริญญาเอก สาขาวิชาการบรหิ ารการศึกษา
คณะศึกษาศาสตร๑ มหาวทิ ยาลยั บรู พา
216
ตอนที่ 1 คาถามเกยี่ วกบั ผ๎ูตอบแบบสอบถาม
ผู๎อานวยการสถานศึกษา
รองผู๎อานวยการสถานศกึ ษาฝา่ ยวิชาการ/ หวั หนา๎ งานวิชาการ
อายุ..................................ปี ประสบการณ๑ในการทางาน.......................................ปี
ตอนท่ี 2 สอบถามเกี่ยวกับความเหมาะสมขององคป๑ ระกอบของรปู แบบการบรหิ ารงานวิชาการ
สํูความเปน็ เลิศของโรงเรยี นสงั กดั องคก๑ รปกครองสวํ นท๎องถ่นิ
คาชแ้ี จง
1. แบบสอบถามนปี้ ระกอบดว๎ ยองคป๑ ระกอบของการบริหารงานวชิ าการ ซึ่งได๎แกํ ภาวะผนู๎ า
ทางวชิ าการ ภารกิจและขอบขํายงานวชิ าการในโรงเรียน กระบวนการบริหารงานวิชาการและ
การมีสวํ นรวํ มในการจัดการศกึ ษา
2. การตอบแบบสอบถาม ขอใหท๎ ํานทาเคร่ืองหมาย ลงในชํองวํางสาหรับเลือกคาตอบ
ในแตํละข๎อขององคป๑ ระกอบของการบริหารงานวิชาการ เพ่อื แสดงความเหมาะสม โดยมีรายละเอยี ด
ความหมายของแตลํ ะชํอง ดงั นี้
5 หมายถึง มีความเหน็ วาํ องคป๑ ระกอบมีความเหมาะสมมากที่สุด
4 หมายถงึ มคี วามเหน็ วําองค๑ประกอบมคี วามเหมาะสมมาก
3 หมายถึง มคี วามเหน็ วําองคป๑ ระกอบมคี วามเหมาะสมปานกลาง
2 หมายถงึ มคี วามเห็นวาํ องคป๑ ระกอบมีความเหมาะสมน๎อย
1 หมายถงึ มคี วามเห็นวําองค๑ประกอบมีความเหมาะสมน๎อยท่สี ุด
ตวั อย่าง องค๑ประกอบท่ี 1 ภาวะผ๎ูนาทางวิชาการ
องคป์ ระกอบหลกั และตัวบ่งชี้ย่อย ความเหมาะสม 1
1. ดา๎ นการจัดองค๑การเพ่ือการเรยี นการสอน 5432
อธบิ าย คาตอบ ในชํองความเหมาะสมของตวั บงํ ชี้ อนั ดับคะแนน 4 แสดงวํา ผู๎ตอบมคี วามเห็น
วาํ ตวั บงํ ชีด้ งั กลําวมีความเหมาะสมมากในด๎านการจัดองค๑การเพือ่ การเรียนการสอน
217
องค์ประกอบที่ 1 ภาวะผูน๎ าทางวิชาการ
ทาํ นคดิ วําองคป๑ ระกอบยํอยของภาวะผนู๎ าทางวิชาการ ในการนาการบริหารงานวิชาการ
สํูความเป็นเลศิ ของโรงเรยี น มคี วามเหมาะสมเพียงใด
องคป์ ระกอบหลกั และตวั บง่ ชี้ยอ่ ย ความเหมาะสม
54321
1. ด้านการจดั องคก์ ารเพอ่ื การเรียนการสอน
1.1 กาหนดโครงสรา๎ ง สายบังคบั บัญชาหน๎าที่ความรับผิดชอบ
ที่ชัดเจน
1.2 จัดบุคลากรครบตาแหนํงตามโครงสรา๎ งองค๑การอยํางเหมาะสม
1.3 จดั ทาคมูํ ือ แนวทางการปฏิบัตงิ านวชิ าการกาหนดไว๎อยาํ งชดั เจน
1.4 สงํ เสริมให๎ครจู ัดกิจกรรมการเรยี นร๎ูโดยยดึ หลักสตู รสถานศึกษา
1.5 วเิ คราะห๑ภาระงาน ออกแบบงานจดั โครงสรา๎ งครอบคลุม
ภารกจิ งาน
2. การกาหนดทิศทาง นโยบาย เปา้ หมาย และแนวทางการจัดการศึกษา
2.1 วเิ คราะห๑จุดแขง็ จดุ อํอนขององค๑การ
2.2 กาหนดทิศทาง วสิ ัยทศั น๑ พนั ธกจิ เปา้ หมาย กลยทุ ธอ๑ ยาํ งชัดเจน
2.3 เปดิ โอกาสให๎ทกุ คนมีสํวนรํวมในการจัดการศกึ ษา
2.4 เผยแพรขํ าํ วสารประชาสมั พนั ธโ๑ รงเรยี นให๎ผ๎ูมีสํวนได๎สวํ นเสียทราบ
2.5 ประสานความรํวมมือกบั กรรมการสถานศกึ ษาและผม๎ู ีสํวนเก่ยี วข๎อง
2.6 จัดระบบสารสนเทศพนื้ ฐานงํายตํอการใช๎งาน
2.7 กาหนดตัวชี้วดั ความสาเร็จ
3. การพฒั นาระบบงาน
3.1 ผู๎บรหิ ารสถานศึกษาเน๎นการทางานเป็นทมี
3.2 จดั ระบบข๎อมูลสารสนเทศให๎เป็นระบบ
3.3 พัฒนาระบบงานบุคลากร
3.4 กาหนดกระบวนการพัฒนางานวชิ าการอยํางเป็นระบบ
218
องคป์ ระกอบที่ 1 ภาวะผ๎ูนาทางวิชาการ (ตํอ)
องค์ประกอบหลกั และตัวบง่ ชี้ย่อย ความเหมาะสม
54321
4. คณุ ลกั ษณะการเป็นผู้นาสถานศกึ ษา
4.1 อุทิศตนในการปฏบิ ัติงาน
4.2 สรา๎ งความศรทั ธา ความเชือ่ ม่นั ให๎ทุกฝ่ายเปน็ ที่ยอมรับ
4.3 มีบุคลกิ ภาพทดี่ ี และมีความมนั่ คงทางอารมณ๑
4.4 มที ักษะในการประสานงานกับทุกฝา่ ยใหด๎ าเนินงาน
อยาํ งมีประสิทธิภาพ
4.5 เข๎าใจพ้ืนฐานผใ๎ู ตบ๎ ังคบั บัญชา มอบหมายงานตามความเหมาะสม
4.6 ผบ๎ู ริหารสถานศกึ ษาใชห๎ ลกั ธรรมาภบิ าลในการจัดการศึกษา
4.7 ปฏบิ ตั ติ นตามจรรยาบรรณวชิ าชพี
4.8 มีความรคู๎ วามเขา๎ ใจ หลักการ ทฤษฎีทางการบริหารจัดการ
สถานศกึ ษา
ข้อเสนอแนะ ทีท่ ํานเห็นวาํ ควรเพ่ิมเตมิ ในการบริหารงานวชิ าการสูคํ วามเปน็ เลศิ ของโรงเรียน
ด๎านภาวะผ๎นู าทางวชิ าการ
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
219
องคป์ ระกอบที่ 2 ภารกจิ และขอบขาํ ยงานวิชาการในโรงเรียน
ทาํ นคดิ วาํ องคป๑ ระกอบยอํ ยของการปฏบิ ตั ภิ ารกจิ งานวิชาการในโรงเรียน
มีความเหมาะสมเพียงใด
องค์ประกอบหลกั และตัวบง่ ชยี้ อ่ ย ความเหมาะสม
54321
1. การพัฒนาหลักสูตรสถานศกึ ษา
1.1 ศกึ ษาวเิ คราะหเ๑ อกสารหลักสูตรสถานศกึ ษา
1.2 จัดทาหลักสูตรตรงตามความต๎องการของผ๎ูเรยี น
1.3 จดั ทาแผนการจัดการเรยี นรทู๎ ีเ่ น๎นผ๎ูเรยี นเปน็ สาคญั
1.4 สํงเสริมใหค๎ รูจัดกิจกรรมการเรยี นรู๎โดยยึดหลักสตู รสถานศึกษา
1.5 ตดิ ตาม นิเทศการใชห๎ ลักสตู รสถานศกึ ษา
1.6 ตรวจสอบ ประเมินผล ปรบั ปรงุ พัฒนาหลกั สูตรสถานศึกษา
2. การพฒั นากระบวนการเรียนรู้
2.1 ศึกษาวิเคราะหค๑ วามพร๎อมของสถานศึกษาในการจัดการเรียนร๎ู
2.2 จดั กิจกรรมการเรยี นรใู๎ ห๎ตรงตามความต๎องการของผเู๎ รียน
2.3 จัดประชมุ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู๎
2.4 เปดิ โอกาสให๎ชมุ ชนมสี ํวนรํวมในการจัดการเรยี นรู๎
2.5 จัดทาแผนงานโครงการของโรงเรียนเพื่อสงํ เสรมิ กิจกรรม
เสริมหลกั สตู ร
2.6 สงํ เสริมใหค๎ รูพัฒนาทักษะเกีย่ วกบั การจดั กิจกรรมการเรียนร๎ู
2.7 สงํ เสรมิ ใหค๎ รจู ัดกิจกรรมใหน๎ กั เรยี นพัฒนาทกั ษะกระบวนการคิด
2.8 สํงเสรมิ ให๎ครพู ฒั นาออกแบบการเรียนร๎ูให๎เหมาะสมกับนกั เรยี น
2.9 สํงเสริมให๎ครจู ัดกจิ กรรมการเรียนรู๎ที่สอดแทรกคุณธรรมจริยธรรม
3. การพัฒนาแหลง่ เรียนรู้
3.1 สารวจแหลํงเรียนร๎ู
3.2 เผยแพรํแหลงํ การเรยี นรู๎ในโรงเรยี นให๎บุคคลทั่วไปทราบ
3.3 พัฒนาแหลงํ เรียนร๎ูให๎นักเรยี นเกดิ การเรยี นร๎ู
3.4 สนบั สนุนให๎ครใู ช๎แหลํงเรียนรูท๎ ้ังภายในและภายนอก
ในการจัดการเรยี นร๎ู
220
องค์ประกอบท่ี 2 ภารกจิ และขอบขาํ ยงานวชิ าการในโรงเรียน (ตอํ )
องค์ประกอบหลัก และตัวบง่ ชย้ี ่อย ความเหมาะสม
54321
3.5 สนบั สนุนให๎ครจู ัดการเรียนรค๎ู รอบคลมุ ภูมิปญั ญาท๎องถิน่
3.6 ตดิ ตามประเมนิ ผลการใชแ๎ หลงํ เรยี นรูท๎ ้งั ภายในและภายนอก
4. การพัฒนาส่อื นวตั กรรม และเทคโนโลยเี พ่ือการศึกษา
4.1 ศกึ ษาวเิ คราะห๑ความตอ๎ งการจาเป็นในการใชส๎ ่ือและเทคโนโลยี
4.2 สงํ เสริมใหค๎ รูผลติ และพัฒนาสอ่ื การเรยี นรู๎
4.3 ประสานความรวํ มมือกับทุกฝ่ายเพ่ือสนับสนนุ งบประมาณ
ในการจดั หาสือ่ การเรยี นรู๎
4.4 จดั หาสอ่ื และเทคโนโลยีเพ่ือใชใ๎ นการเรียนการสอน
4.5 จดั เกบ็ ส่อื เทคโนโลยอี ยํางเปน็ ระบบ งาํ ยตํอการใชง๎ าน
4.6 ประเมนิ ผลการพัฒนาการใช๎สื่อ นวัตกรรม และเทคโนโลยี
ทางการศกึ ษา
5. การนิเทศการศึกษา
5.1 จัดทาแผนงานโครงการนเิ ทศงานในสถานศึกษา
5.2 แตํงตงั้ คณะกรรมการในการนเิ ทศการศกึ ษาของสถานศึกษา
5.3 จดั การนิเทศการศึกษาในสถานศึกษา
5.4 สํงเสริมการแลกเปล่ยี นเรียนรู๎ ใหค๎ วามรแู๎ กํครูในการนิเทศการศึกษา
5.5 ประเมนิ ผลการนิเทศในสถานศกึ ษา
5.6 นาผลการนิเทศไปปรบั ปรงุ พัฒนาการจดั การเรยี นร๎ู
6. การวิจัยเพือ่ พฒั นาคณุ ภาพการศกึ ษา
6.1 กาหนดใหค๎ รทู าวจิ ัยในชั้นเรียน
6.2 สรา๎ งความตระหนักถงึ ความสาคญั ของการวิจยั ในช้นั เรียน
6.3 กาหนดมาตรฐานในการทาวิจัยในชน้ั เรียน
6.4 ตดิ ตามผลการวิจยั ในชนั้ เรียน
6.5 เผยแพรํงานวจิ ัยในชน้ั เรียน
221
องคป์ ระกอบท่ี 2 ภารกจิ และขอบขาํ ยงานวชิ าการในโรงเรียน (ตอํ )
องค์ประกอบหลัก และตวั บง่ ชย้ี ่อย ความเหมาะสม
54321
7. การประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา
7.1 วางแผนพัฒนาระบบการประกนั คุณภาพการศกึ ษา
7.2 แตํงต้ังคณะกรรมการผู๎รับผิดชอบการประกันคุณภาพการศึกษา
อยาํ งชัดเจน
7.3 กาหนดเกณฑ๑การประเมินตามตวั ชี้วัดของ สมศ.
7.4 สรา๎ งความเข๎าใจใหบ๎ คุ ลากรทีเ่ ก่ียวข๎องเข๎าใจแนวทาง
การประกันคุณภาพการศกึ ษา
7.5 ประสานความรวํ มมือกับหนํวยงานต๎นสังกัด และหนํวยงานอ่นื
ในการปรับปรงุ พฒั นาระบบประกนั คุณภาพ
7.6 ปรับปรุงพัฒนางานประเมนิ คณุ ภาพภายในสถานศกึ ษา
7.7 ตดิ ตามประเมินผลคุณภาพภายในสถานศกึ ษา
7.8 จดั ทาสรปุ รายงานการประเมินคณุ ภาพภายในสถานศึกษา
8. การแนะแนวการศึกษา
8.1 จัดทาแผนงานโครงการแนะแนวในสถานศกึ ษาอยํางชดั เจน
8.2 จัดระบบการแนะแนวทางวิชาการในสถานศึกษา
8.3 แตงํ ต้ังคณะกรรมการแนะแนวของสถานศึกษา
8.4 ดาเนินการแนะแนวการศกึ ษา
8.5 ประสานงานกับหนํวยงานอน่ื ในการแนะแนวเพ่ือศกึ ษาตํอ
8.6 สร๎างความร๎ูความเขา๎ ใจใหบ๎ คุ ลากรในการบริการแนะแนว
การศกึ ษา
8.7 จดั ระบบการแนะแนวทางวิชาการเชื่อมโยงกบั ระบบดูแล
ชํวยเหลอื นักเรยี น
8.8 ติดตามและประเมนิ ผลการแนะแนวการศึกษา
8.9 แลกเปลี่ยนเรยี นรูก๎ บั เครือขาํ ยการศึกษาเพ่ือพัฒนาระบบ
การแนะแนวสถานศึกษา
222
องคป์ ระกอบที่ 2 ภารกจิ และขอบขํายงานวชิ าการในโรงเรียน (ตํอ)
องคป์ ระกอบหลกั และตัวบ่งช้ยี อ่ ย ความเหมาะสม
54321
9. การวดั ผล ประเมินผล และเทียบโอนผลการเรียน
9.1 กาหนดระเบียบ แนวทางปฏิบตั ิในการวัดผล ประเมินผล
และเทียบโอนผลการเรียน
9.2 จัดทาคํูมือ และกาหนดระเบียบกฎเกณฑ๑ในการวัดผล ประเมนิ ผล
และเทียบโอนผลการเรียน
9.3 จดั ระบบการเทยี บโอนผลการเรยี นท่สี อดรบั กบั ทกุ สถาบันการศึกษา
ขอ้ เสนอแนะ ทท่ี ํานเห็นวําควรเพ่ิมเตมิ ในการดาเนินงานตามภารกจิ งานวิชาการในโรงเรียน
เพอื่ พัฒนาคณุ ภาพงานวชิ าการสคํู วามเปน็ เลิศ
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
223
องค์ประกอบท่ี 3 กระบวนการบริหารงานวิชาการ
ทาํ นคิดวํากระบวนการบริหารงานวิชาการ มีความเหมาะสมเพียงใด
องค์ประกอบหลกั และตวั บ่งชย้ี ่อย ความเหมาะสม
54321
1. แนวทางการบริหารงานวิชาการ
1.1 การกาหนดเป้าหมายงานวิชาการรวํ มกัน
1.2 การจัดอนั ดบั ความสาคญั ของเป้าหมายรวํ มกัน
1.3 การกาหนดแนวทางการดาเนินงานรํวมกัน
1.4 การกาหนดระยะเวลาสาหรบั การดาเนินงานรํวมกนั
1.5 กาหนดงบประมาณทใ่ี ช๎ในการดาเนนิ งานรวํ มกนั
1.6 กาหนดผู๎รบั ผิดชอบในการดาเนินงานรํวมกนั
1.7 กาหนดโครงสรา๎ งในการบริหารงานวิชาการรํวมกนั
2. การนาแผนงานวิชาการไปปฏบิ ตั ิ
2.1 จัดประชุมทกุ ระดบั เพ่อื ผลักดันนโยบายสํูการปฏิบตั ิ
2.2 วางแผนการประชมุ อยาํ งชดั เจน
2.3 ชแี้ จงนโยบาย และแนวทางปฏบิ ตั ิตามแผนใหท๎ กุ ฝ่ายเขา๎ ใจ
2.4 กากบั ติดตามผลการดาเนนิ งานอยํางตํอเนื่อง
2.5 มแี ผนงานวชิ าการทเี่ ปน็ รปู ธรรมลงสํูการปฏิบัติ
3. การตรวจสอบ ประเมนิ ผลงานวชิ าการ
3.1 การวางกรอบการประเมินงานวชิ าการรวํ มกัน
3.2 การจดั หา/ จัดทาเครอื่ งมือในการดาเนนิ งานวิชาการรํวมกนั
3.3 การเกบ็ รวบรวมข๎อมูลการจดั การเรียนรู๎รํวมกัน
3.4 การวิเคราะห๑ข๎อมูลรํวมกัน
3.5 การแปลความหมายรวํ มกัน
3.6 การตรวจสอบ/ ปรับปรงุ คณุ ภาพการประเมินงานวิชาการรวํ มกัน
224
องค์ประกอบท่ี 3 กระบวนการบริหารงานวชิ าการ (ตอํ )
องค์ประกอบหลกั และตัวบ่งชยี้ อ่ ย ความเหมาะสม
54321
4. การนาผลประเมนิ มาปรับปรงุ งานวชิ าการ
4.1 นาเสนอผลการประเมินตํอผู๎มสี ํวนเกย่ี วขอ๎ ง
4.2 จดั ทารายงานผลการประเมนิ เผยแพรํให๎ผ๎ูมสี ํวนไดส๎ วํ นเสยี ทราบ
4.3 การนาผลการประเมินไปใช๎
4.3.1 ปรับปรุงการปฏิบตั ิงานของผูบ๎ รหิ าร
4.3.2 ปรับปรงุ การปฏบิ ัตงิ านของครู
4.3.3 วางแผนแก๎ไขระยะตํอไป
4.4 การจดั ทาข๎อมลู สารสนเทศทส่ี ามารถใช๎ได๎สะดวก รวดเรว็
และเป็นปจั จบุ นั
ขอ้ เสนอแนะ ทท่ี าํ นเห็นวําควรเพิม่ เติมในกระบวนการบริหารงานวิชาการสํูความเป็นเลิศของโรงเรียน
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
225
องค์ประกอบที่ 4 การมีสวํ นรวํ มในการจัดการศกึ ษา
ทาํ นคิดวําองค๑ประกอบยํอยของการมสี ํวนรํวมในการจัดการศกึ ษา มีความเหมาะสมเพยี งใด
องค์ประกอบหลัก และตวั บง่ ช้ียอ่ ย ความเหมาะสม
54321
1. การมสี ่วนร่วมของผ้มู ีส่วนได้ส่วนเสยี ในการจดั การศึกษา
1.1 รับฟงั ความคดิ เห็นของผู๎มสี ํวนได๎สวํ นเสยี
1.2 กาหนดทศิ ทาง แนวทางการจดั การศึกษาตามความต๎องการ
ของผมู๎ สี ํวนได๎สํวนเสีย
1.3 ประชาสมั พันธ๑ขอ๎ มูลขําวสารให๎ผูม๎ สี ํวนไดส๎ ํวนเสยี รับทราบ
1.4 จดั แหลงํ ข๎อมลู สารสนเทศให๎ผ๎ูมสี ํวนไดส๎ วํ นเสียเข๎าถึงขอ๎ มลู ได๎
1.5 สร๎างเครือขํายผ๎ูปกครองในการจดั การศึกษา
1.6 สํงเสริมใหผ๎ ๎มู ีสํวนได๎สวํ นเสียเขา๎ รํวมกิจกรรมทางวิชาการ
ของสถานศกึ ษา
2. การส่งเสรมิ ความรทู้ างวชิ าการแก่ผู้มีสว่ นได้ส่วนเสยี
2.1 ออกแบบการสร๎างนวัตกรรมทางการศกึ ษา
2.2 สารวจความตอ๎ งการสนบั สนนุ งานวิชาการแกชํ ุมชน
2.3 จัดให๎ความร๎ูแกผํ ู๎มีสํวนได๎สวํ นเสียในท๎องถนิ่
2.4 สงํ เสรมิ ใหม๎ กี ารแลกเปลี่ยนเรียนรู๎
ข้อเสนอแนะ ที่ทํานเห็นวาํ ควรเพิม่ เติมในการมสี ํวนรวํ มในการจดั การศึกษาของโรงเรียน
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………
ขอขอบพระคณุ อยาํ งสงู
226
แบบสอบถามเพือ่ การวจิ ัย รอบท่ี 2
เรื่อง รูปแบบการบริหารงานวิชาการสูคํ วามเป็นเลิศของโรงเรยี นสงั กดั องค๑กรปกครองสํวนท๎องถิ่น
คาช้ีแจง ในการตอบแบบสอบถาม
แบบสอบถามรอบท่ี 2 น้ี มวี ัตถุประสงค๑เพอ่ื ใหท๎ าํ นได๎ทราบความคิดเห็นของกลุมํ
เปรียบเทยี บกบั คาตอบเดมิ ของทาํ น (ทแี่ สดงดว๎ ยเครื่องหมาย) และขอให๎ทาํ นไดพ๎ ิจารณาให๎ความคิดเหน็
ของทาํ นอีกคร้งั หนงึ่ วาํ จะ “ยืนยัน” หรือ “เปล่ียนแปลง” คาตอบในรอบนี้ โดยทาเครื่องหมาย
ลงในชํองใดชํองหน่ึงของชํองวาํ ง “ระดับความเป็นไปได๎” ขององค๑ประกอบของรูปแบบการบริหาร
งานวชิ าการสํคู วามเป็นเลศิ ของโรงเรียนสงั กัดองค๑กรปกครองสํวนท๎องถนิ่ โดยใหร๎ ะดับคะแนน
ดงั น้ี
5 หมายถึง มคี วามเหน็ วําองค๑ประกอบมคี วามเหมาะสมมากท่สี ดุ
4 หมายถึง มีความเหน็ วาํ องคป๑ ระกอบมีความเหมาะสมมาก
3 หมายถงึ มคี วามเห็นวาํ องคป๑ ระกอบมีความเหมาะสมปานกลาง
2 หมายถงึ มีความเหน็ วาํ องค๑ประกอบมีความเหมาะสมนอ๎ ย
1 หมายถึง มคี วามเหน็ วาํ องคป๑ ระกอบมคี วามเหมาะสมน๎อยท่ีสดุ
สาหรับผลการประมวลคาตอบในรอบทผี่ าํ นมาในชอํ ง “ความเหมาะสม” จะแสดงคาํ
มธั ยฐาน (Mdn) คําพสิ ัยระหวํางควอไทล๑ ( ) และตาแหนงํ ของคาตอบทํานได๎เลือกไว๎
ในแบบสอบถามรอบที่ 1 โดยสัญลักษณ๑ตาํ ง ๆ ท่ปี รากฏมีความหมาย ดังน้ี
สัญลกั ษณ์
Mdn หมายถึง ตาแหนํงของคาํ มธั ยฐานคาตอบของผู๎เชีย่ วชาญทั้งกลมุํ
หมายถึง ชํวงของคาํ พิสยั ระหวํางควอไทลท๑ ี่ 3 และควอไทล๑ที่ 1 (Q3-Q1) ของ
คาตอบ ถา๎ คาํ ที่ไดไ๎ มํเกนิ 1.50 แสดงวาํ ความคิดเหน็ ของกลุํมผเ๎ู ชี่ยวชาญสอดคล๎องกนั
X หมายถึง ตาแหนํงของคาตอบทีท่ าํ นได๎เลอื กไวใ๎ นแบบสอบถามรอบที่ 1
227
เกณฑก์ ารแปลความหมายค่าคะแนนมธั ยฐาน
คําคะแนนมธั ยฐาน (Mdn) ท่ีแสดงผลการประมวลรอบแรก มีความหมายดังน้ี
คา่ คะแนนมัธยฐาน (Mdn) มคี วามเหมาะสม
4.50-5.00 มากท่สี ดุ
3.50-4.49 มาก
2.50-3.49 ปานกลาง
1.50-2.49 น๎อย
1.00-1.49 นอ๎ ยท่สี ดุ
ตัวอย่าง
องคป์ ระกอบหลักและตวั บ่งชี้ยอ่ ย ระดับความเหมาะสม ผลรอบท่ี 1
54321 Mdn Q3-Q1
1. ดา้ นการจัดองค์การเพอ่ื การเรียนการสอน 5.00 5.00-4.00
1.1 กาหนดโครงสร๎าง สายบังคับบัญชา Mdn X
หน๎าทคี่ วามรบั ผิดชอบท่ีชดั เจน
จากตัวอยาํ งแสดงวาํ ผลการเปรียบเทยี บคาตอบของผู๎เชี่ยวชาญในรอบแรกมีความหมาย ดังน้ี
Mdn หมายถึง ตาแหนงํ ของคาํ มัธยฐานคาตอบของผู๎เชยี่ วชาญท้ังกลมํุ ในรอบแรก
มคี าํ เทํากบั 5.00
หมายถงึ ชํวงของคาํ พิสยั ระหวํางควอไทล๑ท่ี 3 และควอไทลท๑ ี่ 1 ของคาตอบ
ของกลมุํ ผู๎เชย่ี วชาญทง้ั กลุํมในรอบแรกมคี ําตงั้ แตํ 4.00-5.00
X หมายถงึ ตาแหนํงของคาตอบทท่ี าํ นได๎เลือกไว๎ในแบบสอบถามรอบที่ 1 คือ
ระดับความเป็นไปไดเ๎ ทาํ กับ 4
หมายถงึ คาตอบของทาํ นทตี่ อบในรอบทสี่ องน้ี โดยทํานเลือกคาตอบ
ระดับความเป็นไปได๎ 5
228
ดังนั้น ในการตอบแบบสอบถามในรอบที่ 2 นี้ ขอให๎ทํานทาเคร่ืองหมาย อกี ครั้ง
เพอ่ื เป็นการยนื ยันหรือเปลี่ยนแปลงคาตอบในชํอง “ระดับความเหมาะสม”
ผู๎วิจยั ขอขอบพระคณุ เปน็ อยาํ งสูงในการให๎ความอนุเคราะหต๑ อบแบบสอบถาม
อมลรดา พทุ ธินนั ท๑
นิสติ ปริญญาเอก สาขาวชิ าการบรหิ ารการศึกษา
คณะศกึ ษาศาสตร๑ มหาวทิ ยาลัยบรู พา
229
องคป์ ระกอบที่ 1 ภาวะผ๎ูนาทางวิชาการ
องค์ประกอบหลกั และตัวบง่ ช้ยี ่อย ระดบั ความเหมาะสม ผลรอบที่ 1
54321 Mdn Q3-Q1
1. ดา้ นการจัดองคก์ ารเพ่อื การเรียนการสอน Mdn 5.00 4.60-4.00
1.1 กาหนดโครงสร๎าง สายบังคับบญั ชา Mdn 5.00 4.64-3.83
4.00 4.33-3.33
หน๎าทคี่ วามรับผดิ ชอบที่ชัดเจน Mdn 5.00 4.67-4.00
1.2 จดั บคุ ลากรครบตาแหนงํ ตามโครงสร๎าง Mdn 4.00 4.50-3.56
องคก๑ ารอยํางเหมาะสม Mdn 5.00 4.60-3.71
1.3 จัดทาคํูมือ แนวทางการปฏบิ ตั ิงานวิชาการ 5.00 4.71-4.14
Mdn 5.00 4.71-4.14
กาหนดไว๎อยํางชดั เจน Mdn 5.00 4.56-3.40
1.4 สํงเสริมใหค๎ รูจัดกิจกรรมการเรียนร๎ูโดยยดึ Mdn 5.00 4.67-4.00
Mdn 4.00 4.43-3.29
หลกั สูตรสถานศกึ ษา Mdn 5.00 4.67-4.00
1.5 วิเคราะห๑ภาระงาน ออกแบบงานจัดโครงสร๎าง
Mdn
ครอบคลุมภารกจิ งาน Mdn
2. การกาหนดทศิ ทาง นโยบาย เป้าหมาย
และแนวทางการจดั การศึกษา
2.1 วิเคราะห๑จดุ แข็ง จดุ ออํ นขององค๑การ
2.2 กาหนดทศิ ทาง วสิ ยั ทศั น๑ พนั ธกิจ เป้าหมาย
กลยุทธอ๑ ยาํ งชัดเจน
2.3 เปดิ โอกาสให๎ทกุ คนมสี วํ นรํวมในการจัด
การศึกษา
2.4 เผยแพรขํ าํ วสารประชาสัมพันธโ๑ รงเรยี น
ใหผ๎ ม๎ู สี วํ นได๎สวํ นเสยี ทราบ
2.5 ประสานความรํวมมือกบั กรรมการสถานศกึ ษา
และผ๎มู ีสวํ นเกย่ี วข๎อง
2.6 จัดระบบสารสนเทศพ้ืนฐานงาํ ยตํอการใช๎งาน
2.7 กาหนดตวั ช้ีวัดความสาเร็จ
230
องค์ประกอบที่ 1 ภาวะผนู๎ าทางวชิ าการ (ตอํ )
องค์ประกอบหลัก และตวั บ่งช้ยี อ่ ย ระดับความเหมาะสม ผลรอบที่ 1
54321 Mdn Q3-Q1
3. การพฒั นาระบบงาน
3.1 ผ๎บู รหิ ารสถานศึกษาเนน๎ การทางานเปน็ ทมี Mdn 5.00 4.73-4.20
3.2 จดั ระบบข๎อมลู สารสนเทศให๎เปน็ ระบบ Mdn 4.00 4.43-3.50
3.3 พัฒนาระบบงานบคุ ลากร 5.00 4.56-3.57
3.4 กาหนดกระบวนการพัฒนางานวชิ าการ Mdn 5.00 4.64-3.80
Mdn
อยาํ งเป็นระบบ 5.00 4.73-4.20
4. คุณลกั ษณะการเป็นผูน้ าสถานศึกษา Mdn 5.00 4.67-4.00
4.1 อุทศิ ตนในการปฏิบัตงิ าน Mdn
4.2 สรา๎ งความศรทั ธา ความเช่ือมั่นให๎ทกุ ฝ่าย 5.00 4.69-4.08
Mdn 5.00 4.69-4.08
เปน็ ท่ยี อมรบั Mdn
4.3 มบี คุ ลิกภาพทดี่ ี และมีความมัน่ คงทางอารมณ๑ 5.00 4.71-4.14
4.4 มีทกั ษะในการประสานงานกับทกุ ฝ่าย Mdn
5.00 4.73-4.20
ใหด๎ าเนินงานอยํางมปี ระสิทธิภาพ Mdn
4.5 เข๎าใจพ้ืนฐานผใู๎ ต๎บงั คับบญั ชา มอบหมายงาน 5.00 4.71-4.14
Mdn 5.00 4.63-3.83
ตามความเหมาะสม Mdn
4.6 ผ๎บู รหิ ารสถานศกึ ษาใชห๎ ลักธรรมาภิบาล
ในการจดั การศกึ ษา
4.7 ปฏิบตั ติ นตามจรรยาบรรณวชิ าชพี
4.8 มคี วามรู๎ความเขา๎ ใจ หลกั การ ทฤษฎี
ทางการบริหารจัดการสถานศกึ ษา
231
องคป์ ระกอบที่ 2 ภารกิจและขอบขาํ ยงานวชิ าการในโรงเรียน
องค์ประกอบหลัก และตัวบ่งชีย้ อ่ ย ระดบั ความเหมาะสม ผลรอบท่ี 1
54321 Mdn Q3-Q1
1. การพัฒนาหลักสตู รสถานศกึ ษา Mdn 5.00 4.71-4.14
1.1 ศึกษาวิเคราะหเ๑ อกสารหลกั สูตรสถานศึกษา Mdn 5.00 4.60-3.67
1.2 จดั ทาหลกั สตู รตรงตามความต๎องการ 5.00 4.69-4.08
Mdn 5.00 4.44-3.63
ของผ๎เู รยี น Mdn 5.00 4.60-3.67
1.3 จดั ทาแผนการจัดการเรียนรูท๎ ่เี น๎นผ๎ูเรียน Mdn 5.00 4.64-3.80
Mdn
เปน็ สาคญั 5.00 4.67-4.00
1.4 สงํ เสริมใหค๎ รจู ัดกจิ กรรมการเรียนรู๎ Mdn 4.00 4.60-3.67
4.00 4.42-3.38
โดยยึดหลักสตู รสถานศึกษา Mdn 4.00 4.33-3.38
1.5 ติดตาม นเิ ทศการใชห๎ ลักสูตรสถานศึกษา Mdn 5.00 4.63-3.83
1.6 ตรวจสอบ ประเมนิ ผล ปรับปรงุ พัฒนา Mdn 5.00 4.60-3.71
Mdn
หลกั สูตรสถานศกึ ษา
2. การพฒั นากระบวนการเรียนรู้ Mdn
2.1 ศึกษาวิเคราะหค๑ วามพร๎อมของสถานศึกษา
ในการจัดการเรยี นร๎ู
2.2 จดั กิจกรรมการเรยี นรูใ๎ ห๎ตรงตาม
ความตอ๎ งการของผู๎เรียน
2.3 จัดประชมุ แลกเปล่ียนความคดิ เหน็
ในการจัดกิจกรรมการเรียนร๎ู
2.4 เปิดโอกาสให๎ชุมชนมีสํวนรํวม
ในการจัดการเรยี นรู๎
2.5 จัดทาแผนงานโครงการของโรงเรียน
เพื่อสงํ เสรมิ กจิ กรรมเสริมหลักสตู ร
2.6 สงํ เสรมิ ใหค๎ รูพัฒนาทกั ษะเก่ียวกับการจดั
กิจกรรมการเรียนรู๎
232
องคป์ ระกอบที่ 2 ภารกิจและขอบขํายงานวิชาการในโรงเรียน (ตํอ)
องคป์ ระกอบหลัก และตัวบง่ ชีย้ ่อย ระดับความเหมาะสม ผลรอบที่ 1
54321 Mdn Q3-Q1
2.7 สํงเสริมให๎ครูจัดกิจกรรมให๎นกั เรยี นพัฒนา Mdn 5.00 4.44-3.63
ทักษะกระบวนการคิด Mdn 5.00 4.60-3.67
5.00 4.67-4.00
2.8 สงํ เสริมใหค๎ รูพฒั นาออกแบบการเรียนร๎ู Mdn
ให๎เหมาะสมกับนักเรยี น 4.00 4.23-3.44
Mdn 4.00 4.00-3.33
2.9 สงํ เสรมิ ใหค๎ รจู ัดกิจกรรมการเรยี นรู๎ Mdn 5.00 4.56-3.50
ที่สอดแทรกคุณธรรมจริยธรรม 5.00 4.60-3.71
Mdn 4.00 4.33-3.40
3. การพัฒนาแหลง่ เรียนรู้ Mdn 4.00 4.33-3.40
3.1 สารวจแหลงํ เรยี นรู๎
3.2 เผยแพรแํ หลงํ การเรยี นร๎ูในโรงเรยี น Mdn 4.00 4.33-3.40
5.00 4.60-3.71
ให๎บคุ คลทั่วไปทราบ Mdn 5.00 4.44-3.63
3.3 พัฒนาแหลํงเรยี นรู๎ใหน๎ ักเรยี นเกิดการเรียนรู๎
3.4 สนบั สนุนให๎ครใู ช๎แหลํงเรยี นรู๎ท้งั ภายใน Mdn
Mdn
และภายนอกในการจัดการเรยี นร๎ู Mdn
3.5 สนบั สนุนใหค๎ รจู ัดการเรียนรค๎ู รอบคลุม
ภูมิปัญญาท๎องถิ่น
3.6 ติดตามประเมนิ ผลการใช๎แหลงํ เรยี นร๎ู
ทั้งภายในและภายนอก
4. การพัฒนาส่ือ นวตั กรรม และเทคโนโลยี
เพือ่ การศึกษา
4.1 ศกึ ษาวิเคราะหค๑ วามต๎องการจาเป็น
ในการใชส๎ ือ่ และเทคโนโลยี
4.2 สํงเสรมิ ให๎ครผู ลิต และพัฒนาสอ่ื การเรียนร๎ู
4.3 ประสานความรวํ มมอื กบั ทุกฝา่ ยเพื่อสนับสนนุ
งบประมาณในการจัดหาสอื่ การเรียนรู๎
233
องค์ประกอบท่ี 2 ภารกจิ และขอบขํายงานวชิ าการในโรงเรียน (ตํอ)
องคป์ ระกอบหลัก และตวั บง่ ชย้ี อ่ ย ระดับความเหมาะสม ผลรอบที่ 1
54321 Mdn Q3-Q1
4.4 จดั หาสอ่ื และเทคโนโลยีเพ่ือใชใ๎ น 4.00 4.43-3.50
การเรียนการสอน Mdn
Mdn 4.00 4.00-3.33
4.5 จดั เก็บสื่อเทคโนโลยีอยํางเปน็ ระบบ
งาํ ยตํอการใช๎งาน Mdn 4.00 4.00-3.33
4.6 ประเมินผลการพัฒนาการใช๎ส่ือ นวัตกรรม Mdn 5.00 4.67-4.00
และเทคโนโลยที างการศึกษา
Mdn 5.00 4.67-4.00
5. การนิเทศการศึกษา
5.1 จดั ทาแผนงานโครงการนเิ ทศงาน Mdn 5.00 4.67-4.00
Mdn 5.00 4.56-3.57
ในสถานศกึ ษา
5.2 แตํงตัง้ คณะกรรมการในการนิเทศการศึกษา Mdn 5.00 4.64-3.80
Mdn 5.00 4.60-3.67
ของสถานศกึ ษา
5.3 จัดการนิเทศการศกึ ษาในสถานศกึ ษา Mdn 5.00 4.60-3.83
5.4 สํงเสรมิ การแลกเปลี่ยนเรยี นรู๎ ให๎ความร๎ู Mdn 5.00 4.44-3.63
แกํครใู นการนิเทศการศึกษา Mdn 4.00 3.92-3.18
5.5 ประเมนิ ผลการนเิ ทศในสถานศึกษา Mdn 5.00 4.20-3.30
5.6 นาผลการนเิ ทศไปปรับปรุงพัฒนา Mdn 5.00 3.82-3.09
การจดั การเรยี นรู๎
6. การวจิ ัยเพ่ือพัฒนาคุณภาพการศกึ ษา
6.1 กาหนดใหค๎ รูทาวจิ ัยในชั้นเรยี น
6.2 สร๎างความตระหนักถงึ ความสาคัญของ
การวิจยั ในชน้ั เรียน
6.3 กาหนดมาตรฐานในการทาวิจัยในชน้ั เรยี น
6.4 ตดิ ตามผลการวิจัยในชน้ั เรียน
6.5 เผยแพรงํ านวจิ ัยในช้ันเรียน
234
องคป์ ระกอบท่ี 2 ภารกจิ และขอบขาํ ยงานวิชาการในโรงเรียน (ตํอ)
องค์ประกอบหลกั และตัวบ่งชยี้ ่อย ระดบั ความเหมาะสม ผลรอบที่ 1
54321 Mdn Q3-Q1
5.00 4.69-4.08
7. การประกันคุณภาพภายในสถานศึกษา Mdn 5.00 4.69-4.08
7.1 วางแผนพฒั นาระบบการประกนั คุณภาพ 5.00 4.69-4.08
5.00 4.64-3.83
การศกึ ษา 5.00 4.60-3.71
7.2 แตํงตัง้ คณะกรรมการผ๎ูรับผดิ ชอบการประกัน Mdn
5.00 4.71-4.14
คณุ ภาพการศกึ ษาอยาํ งชัดเจน Mdn 5.00 4.60-3.71
7.3 กาหนดเกณฑ๑การประเมินตามตัวช้ีวัด 4.00 4.64-3.83
ของ สมศ. Mdn 4.00 4.43-3.38
7.4 สร๎างความเข๎าใจใหบ๎ คุ ลากรทเี่ กี่ยวข๎อง 4.00 4.38-3.50
4.00 4.33-3.33
เขา๎ ใจแนวทางการประกันคณุ ภาพการศึกษา 4.00 4.38-3.50
7.5 ประสานความรํวมมือกับหนวํ ยงานต๎นสงั กดั Mdn 4.00 4.33-3.33
และหนํวยงานอนื่ ในการปรับปรุงพัฒนา
ระบบประกันคณุ ภาพ
7.6 ปรบั ปรงุ พัฒนางานประเมนิ คุณภาพภายใน Mdn
สถานศกึ ษา
7.7 ติดตามประเมินผลคุณภาพภายในสถานศกึ ษา Mdn
7.8 จดั ทาสรุปรายงานการประเมินคุณภาพภายใน Mdn
สถานศึกษา
8. การแนะแนวการศึกษา
8.1 จดั ทาแผนงานโครงการแนะแนวในสถานศกึ ษา Mdn
อยํางชดั เจน
8.2 จดั ระบบการแนะแนวทางวิชาการ Mdn
ในสถานศกึ ษา
8.3 แตงํ ต้งั คณะกรรมการแนะแนวของสถานศกึ ษา Mdn
8.4 ดาเนนิ การแนะแนวการศึกษา Mdn
8.5 ประสานงานกับหนํวยงานอ่ืนในการแนะแนว Mdn
เพ่อื ศึกษาตอํ
235
องคป์ ระกอบที่ 2 ภารกิจและขอบขาํ ยงานวชิ าการในโรงเรียน (ตํอ)
องค์ประกอบหลัก และตัวบง่ ชี้ยอ่ ย ระดบั ความเหมาะสม ผลรอบท่ี 1
54321 Mdn Q3-Q1
8.6 สรา๎ งความรค๎ู วามเข๎าใจใหบ๎ ุคลากร 4.00 3.84-3.23
ในการบรกิ ารแนะแนวการศึกษา Mdn 4.00 4.20-3.20
Mdn 5.00 4.56-3.50
8.7 จดั ระบบการแนะแนวทางวิชาการเช่ือมโยง Mdn
กบั ระบบดแู ลชวํ ยเหลือนกั เรยี น 4.00 3.91-3.18
Mdn 5.00 4.60-3.71
8.8 ตดิ ตามและประเมินผลการแนะแนวการศึกษา Mdn
9. การวดั ผล ประเมินผล และเทยี บโอน 5.00 4.50-3.50
Mdn
ผลการเรยี น
9.1 กาหนดระเบียบ แนวทางปฏิบตั ิในการวัดผล
ประเมนิ ผล และเทยี บโอนผลการเรียน
9.2 จัดทาคมํู อื และกาหนดระเบยี บกฎเกณฑ๑
ในการวัดผล ประเมินผล และเทียบโอน
ผลการเรียน
9.3 จัดระบบการเทยี บโอนผลการเรยี นทีส่ อดรบั
กบั ทกุ สถาบนั การศึกษา
236
องค์ประกอบท่ี 3 กระบวนการบริหารงานวิชาการ
องค์ประกอบหลกั และตัวบง่ ช้ยี ่อย ระดับความเหมาะสม ผลรอบท่ี 1
54321 Mdn Q3-Q1
1. แนวทางการบริหารงานวิชาการ
1.1 การกาหนดเป้าหมายงานวชิ าการรวํ มกัน Mdn 4.00 4.43-3.38
1.2 การจัดอนั ดับความสาคัญของเป้าหมาย Mdn 5.00 4.75-4.25
รวํ มกนั Mdn 5.00 4.64-3.83
1.3 การกาหนดแนวทางการดาเนินงานรํวมกัน Mdn 5.00 4.56-3.63
1.4 การกาหนดระยะเวลาสาหรับการดาเนินงาน
Mdn 5.00 4.64-3.83
รํวมกัน
1.5 กาหนดงบประมาณท่ใี ช๎ในการดาเนินงาน Mdn 5.00 4.64-3.83
Mdn 5.00 4.60-3.71
รวํ มกัน
1.6 กาหนดผ๎ูรับผิดชอบในการดาเนินงานรํวมกัน Mdn 5.00 4.66-4.00
1.7 กาหนดโครงสร๎างในการบรหิ ารงานวิชาการ
Mdn 5.00 4.62-4.00
รํวมกนั Mdn 5.00 4.71-4.14
2. การนาแผนงานวิชาการไปปฏิบัติ
2.1 จดั ประชุมทุกระดับเพอื่ ผลักดนั นโยบาย Mdn 5.00 4.66-4.00
Mdn 5.00 4.66-4.00
สกํู ารปฏบิ ัติ
2.2 วางแผนการประชุมอยาํ งชัดเจน Mdn 5.00 4.64-3.83
2.3 ชี้แจงนโยบาย และแนวทางปฏิบัติตามแผน Mdn 5.00 4.64-3.83
ใหท๎ กุ ฝา่ ยเข๎าใจ
2.4 กากับตดิ ตามผลการดาเนินงานอยาํ งตอํ เนื่อง
2.5 มแี ผนงานวิชาการที่เป็นรปู ธรรม
ลงสํูการปฏิบตั ิ
3. การตรวจสอบ ประเมนิ ผลงานวิชาการ
3.1 การวางกรอบการประเมินงานวิชาการรวํ มกนั
3.2 การจัดหา/ จดั ทาเครอ่ื งมือในการดาเนินงาน
วิชาการรวํ มกัน
237
องค์ประกอบท่ี 3 กระบวนการบรหิ ารงานวิชาการ (ตอํ )
องค์ประกอบหลกั และตวั บ่งชี้ยอ่ ย ระดับความเหมาะสม ผลรอบที่ 1
54321 Mdn Q3-Q1
3.3 การเก็บรวบรวมข๎อมลู การจดั การเรยี นรู๎ Mdn 5.00 4.64-3.83
รวํ มกัน Mdn
Mdn 5.00 4.64-3.83
3.4 การวเิ คราะหข๑ อ๎ มูลรวํ มกัน Mdn 5.00 4.60-3.71
3.5 การแปลความหมายรวํ มกัน 5.00 4.56-3.57
3.6 การตรวจสอบ/ ปรบั ปรงุ คณุ ภาพการประเมิน Mdn
Mdn 5.00 4.63-3.83
งานวิชาการรํวมกัน 4.00 4.33-3.40
4. การนาผลประเมนิ มาปรบั ปรุงงานวชิ าการ Mdn
4.1 นาเสนอผลการประเมินตํอผูม๎ ีสํวนเก่ยี วขอ๎ ง 4.00 4.43-3.50
4.2 จัดทารายงานผลการประเมนิ เผยแพรํ Mdn
4.00 4.43-3.50
ให๎ผมู๎ สี ํวนได๎สํวนเสียทราบ
4.3 การนาผลการประเมนิ ไปใช๎
4.3.1 ปรับปรุงการปฏบิ ัตงิ านของผ๎บู ริหาร
4.3.2 ปรบั ปรงุ การปฏบิ ตั ิงานของครู
4.3.3 วางแผนแกไ๎ ขระยะตอํ ไป
4.4 การจัดทาข๎อมลู สารสนเทศทีส่ ามารถใชไ๎ ด๎
สะดวก รวดเร็ว และเป็นปจั จุบนั
238
องคป์ ระกอบท่ี 4 การมสี วํ นรํวมในการจัดการศึกษา
องคป์ ระกอบหลัก และตวั บง่ ช้ยี ่อย ระดับความเหมาะสม ผลรอบท่ี 1
54321 Mdn Q3-Q1
1. การมสี ่วนรว่ มของผ้มู สี ่วนไดส้ ว่ นเสีย
ในการจัดการศึกษา Mdn 5.00 4.63-3.83
Mdn 4.00 4.23-3.44
1.1 รบั ฟงั ความคดิ เห็นของผู๎มีสวํ นไดส๎ วํ นเสยี 4.00 4.23-3.44
1.2 กาหนดทิศทาง แนวทางการจัดการศึกษา Mdn 4.00 4.20-3.30
5.00 4.44-3.63
ตามความต๎องการของผ๎ูมีสวํ นได๎สวํ นเสยี Mdn 4.00 4.50-3.56
1.3 ประชาสมั พนั ธข๑ ๎อมลู ขําวสารให๎ผูม๎ ีสวํ นได๎ Mdn
4.00 4.25-3.27
สวํ นเสยี รบั ทราบ Mdn 4.00 4.20-3.36
1.4 จดั แหลํงข๎อมลู สารสนเทศให๎ผม๎ู ีสํวนได๎ 4.00 3.92-3.31
Mdn 4.00 4.33-3.45
สวํ นเสยี เข๎าถงึ ข๎อมูลได๎ Mdn
1.5 สรา๎ งเครือขาํ ยผูป๎ กครองในการจัดการศึกษา Mdn
1.6 สํงเสริมให๎ผมู๎ ีสวํ นได๎สํวนเสยี เขา๎ รํวมกิจกรรม Mdn
ทางวชิ าการของสถานศกึ ษา
2. การส่งเสริมความรู้ทางวิชาการแกผ่ มู้ ีสว่ นได้
ส่วนเสยี
2.1 ออกแบบการสรา๎ งนวัตกรรมทางการศึกษา
2.2 สารวจความต๎องการสนับสนุนงานวิชาการ
แกชํ มุ ชน
2.3 จัดให๎ความรู๎แกผํ ูม๎ สี ํวนไดส๎ ํวนเสยี ในท๎องถน่ิ
2.4 สงํ เสริมให๎มีการแลกเปลย่ี นเรียนรู๎
ขอขอบพระคณุ อยาํ งสูง
239
ภาคผนวก ค
แบบสอบถามความคดิ เห็นเกี่ยวกับความเหมาะสม
คํมู อื การปฏบิ ตั งิ านวิชาการสูํความเปน็ เลศิ ของโรงเรียนสังกดั องคก๑ รปกครองสวํ นท๎องถน่ิ
240
แบบสอบถามความคดิ เหน็
คมู่ อื การปฏิบัติงานวิชาการสคูํ วามเป็นเลิศของโรงเรียนสังกัดองคก๑ รปกครองสวํ นท๎องถน่ิ
คาชี้แจง แบบสอบถามมที ัง้ หมด 2 ตอน ดงั น้ี
ตอนท่ี 1 คาถามเก่ียวกบั ผต๎ู อบแบบสอบถาม
ตอนท่ี 2 แบบสอบถามความคิดเหน็ เกีย่ วกับความเหมาะสมของคูมํ ือการปฏิบตั ิงาน
วิชาการสูคํ วามเป็นเลิศของโรงเรียนสงั กดั องค๑กรปกครองสํวนทอ๎ งถิ่น
โดยมเี กณฑ๑การพิจารณาความเหมาะสมของคมํู อื ฯ ดังนี้
3 หมายถงึ มีความเหมาะสมมากท่สี ุด
2 หมายถึง มีความเหมาะสมมาก
1 หมายถงึ มคี วามเหมาะสมปานกลาง
แบบสอบถามน้มี ีวัตถปุ ระสงค๑เพ่ือประเมินความเหมาะสมของคูมํ ือการปฏบิ ัติงานวชิ าการ
สํคู วามเปน็ เลิศของโรงเรยี นสงั กดั องคก๑ รปกครองสวํ นท๎องถิ่น โดยนาข๎อมลู ที่ได๎ไปปรับปรงุ แก๎ไข
รปู แบบและคูํมือฯ ดงั กลาํ ว ใหม๎ ีความเหมาะสมมากทส่ี ดุ ขอความกรุณาทาํ นได๎ตอบตรงกบั ความคดิ เหน็
ของทํานมากท่สี ุด ข๎อมูลจากแบบสอบถามจะใช๎เฉพาะงานวิจัยเทํานั้น และขอรับรองวําผลจากการตอบ
แบบสอบถามจะไมสํ ํงผลกระทบตํองานของทําน
ขอขอบพระคุณเป็นอยาํ งสงู ในความรวํ มมือของทาํ น
อมลรดา พุทธนิ ันท๑
นิสิตปริญญาเอก สาขาวชิ าการบรหิ ารการศกึ ษา
คณะศกึ ษาศาสตร๑ มหาวิทยาลัยบรู พา