The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

คู่มือครูรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.3 เล่ม 2 (ปรับปรุงเดือนธ.ค.64)

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by panuwitpadee, 2022-09-12 12:56:57

คู่มือครูรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.3 เล่ม 2 (ปรับปรุงเดือนธ.ค.64)

คู่มือครูรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.3 เล่ม 2 (ปรับปรุงเดือนธ.ค.64)

คมู ือครรู ายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ป.3 เลม 2 | หนวยที่ 4 แรงในชีวติ ประจาํ วัน

 แมเ หล็กไมไดดึงดูดโลหะทุกชนดิ
โลหะท่ีแมเ หล็กดึงดูดได เชน เหล็ก สวนโลหะท่ีแมเ หล็กไมดงึ ดูด เชน
เงิน ทองคํา อะลูมิเนยี ม ทองแดง สงั กะสี

 แมเ หล็กดึงดดู วัสดทุ ี่เปน สารแมเหลก็
และแมเหล็กดวยกนั ซึ่งแมเหล็กบางชนดิ กไ็ มไดม ลี ักษณะมันวาว

 เมอ่ื นาํ แมเหลก็ 2 แทง เขาใกลกนั
อาจเกดิ แรงดึงดูดหรือแรงผลกั ข้ึนอยูกบั ข้ัวของแมเหลก็ ดา นท่ีนาํ มาเขาใกลกัน



สถาบันสง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี 61

คูมอื ครรู ายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ป.3 เลม 2 | หนวยท่ี 4 แรงในชีวติ ประจําวัน




62 สถาบันสง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี

คูมอื ครูรายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ป.3 เลม 2 | หนว ยที่ 4 แรงในชวี ติ ประจาํ วนั

เรอ่ื งที่ 1 แรงสมั ผสั กบั การเปล่ยี นแปลงการเคล่อื นท่ีของวตั ถุ

ในเรื่องนี้นักเรียนจะไดเรียนรูเกี่ยวกับผลของแรงที่มีตอ
การเปลยี่ นแปลงการเคลอื่ นท่ีของวตั ถุในลกั ษณะตา ง ๆ

จุดประสงคก ารเรียนรู

อธิบายการเปล่ียนแปลงการเคล่ือนที่ของวัตถุใน
ลักษณะตาง ๆ เมือ่ มีแรงมากระทาํ

เวลา 3 ชั่วโมง

วัสดุ อุปกรณส ําหรับทํากจิ กรรม

ลกู บอล ตะเกียบ

ส่ือการเรียนรแู ละแหลง เรียนรู

1. หนงั สอื เรยี น ป.3 เลม 2 หนา 27-32
2. แบบบันทึกกิจกรรม ป.3 เลม 2 หนา 24-29

สถาบันสงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี 63

คูมือครูรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี ป.3 เลม 2 | หนว ยท่ี 4 แรงในชีวติ ประจําวัน

แนวการจัดการเรียนรู (60 นาที)

ขัน้ ตรวจสอบความรู (10 นาที)

1. ครูตรวจสอบความรูเดิมของนักเรียนเกี่ยวกับแรงกับการเคลื่อนที่ของ ในการตรวจสอบความรเู ดมิ
วัตถุ โดยการอภิปรายประสบการณการเลนเคร่ืองเลนตาง ๆ ในสนาม ครูรับฟงเหตุผลของนักเรียนเปน
เด็กเลน โดยอาจใชค ําถาม ดังนี้ สําคัญ ครูยังไมเฉลยคําตอบใด ๆ
1.1 นักเรียนเคยไปเลนเคร่ืองเลนตาง ๆ ในสนามเด็กเลนหรือไม แตชักชวนใหหาคําตอบที่ถูกตอง
ในสนามเด็กเลนมีเครื่องเลนอะไรบาง (นักเรียนตอบตาม จากการอานเน้อื เรอ่ื ง
ประสบการณของตนเองวาเคยไปเลนเครื่องเลนท่ีสนามเด็กเลน
หรือไม และตัวอยางเคร่ืองเลน เชน มาโยก ชิงชา กระดานลื่น
มา หมุน)
1.2 เคร่ืองเลนแตละชนิดมีวิธีการเลนอยางไร (นักเรียนตอบตามความ
เขาใจ เชน มาโยก ตองออกแรงโยกหรือกด ชิงชา ตองออกแรง
แกวง กระดานล่ืน ตองออกแรงไถล มา หมุน ตองออกแรงผลัก)
ครูอาจใหตัวแทนนักเรียนออกมาแสดงทาทางประกอบ เชน
การแกวงชงิ ชา มีการออกแรงในลักษณะอยางไร

2. ครูเชื่อมโยงความรูเดิมของนักเรียนสูการเรียนเรื่องแรงสัมผัสกับการ
เปล่ียนแปลงการเคลื่อนที่ของวตั ถุ โดยชักชวนนักเรียนอานเนื้อเรอ่ื งใน
หนังสือเรียน หนา 27 เกี่ยวกับเคร่ืองเลนตาง ๆ ที่พบในสนามเด็กเลน
และหาคาํ ตอบวา เครอื่ งเลนแตละชนิดมีวธิ ีการเลน อยางไร

ขัน้ ฝก ทักษะจากการอาน (35 นาท)ี

3. นักเรียนอานช่ือเร่ืองและคําถามในคิดกอนอาน ในหนังสือเรียน
หนา 27 จากน้ันรวมกันอภิปรายเพ่ือหาแนวคําตอบและนําเสนอ โดย
ครูบันทึกคําตอบของนักเรียนบนกระดานเพื่อใชเปรียบเทียบคําตอบ

หลงั จากอานเนอ้ื เร่ือง
4. นักเรียนอานคําสําคัญ ท้ังภาษาไทยและภาษาอังกฤษ (หากนักเรียน

อานไมได ครูควรสอนอานใหถูกตอง) จากน้ันครูชักชวนใหนักเรียน

อธบิ ายความหมายของคําสําคัญตามความเขา ใจของตนเอง

64 สถาบันสง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี

คมู ือครูรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี ป.3 เลม 2 | หนว ยที่ 4 แรงในชวี ติ ประจําวนั

5. นักเรียนอานเน้ือเรื่องในหนังสือเรยี นหนา 27 โดยครูฝกทักษะการอาน หากนักเรียนไมสามารถตอบ
ตามวิธีการอานท่ีเหมาะสมกับความสามารถของนักเรียน จากน้ันครู คําถามหรืออภิปรายไดตามแนว
ตรวจสอบความเขาใจจากการอาน โดยใชคําถามดงั นี้ คําตอบ ครูควรใหเวลานักเรียนคิด
5.1 นักเรียนสังเกตเห็นเคร่ืองเลนอะไรบางในสนามเด็กเลน (ชิงชา อยางเหมาะสม รอคอยอยางอดทน
กระดานล่ืน มา โยก) แ ล ะ รั บ ฟ ง แ น ว ค ว า ม คิ ด ข อ ง
5.2 เมื่อเริ่มเลนชิงชา ขาวตูออกแรงกระทําตอชิงชาอยางไร นักเรียน
(ขา วตูดงึ ชงิ ชาในทิศทางเขาหาตัว)
5.3 ขาวตูทําอยางไรเพื่อใหชิงชาเคล่ือนที่เร็วขึ้นและแกวงไดสูงขึ้น
(ขาวตอู อกแรงผลกั ชิงชา ในทศิ ทางออกจากตวั )
5.4 ถานักเรียนเปนขาวตูและตองการแกวงชิงชาใหเคล่ือนท่ีเร็วข้ึน
และแกวงไดสูงขึ้น จะทําไดอยางไร (นักเรียนตอบตามความคิด
ของตนเอง เชน ดงึ ชิงชา เขาหาตวั สงู ๆ ผลักชงิ ชาใหแ รง ๆ)
5.5 นักเรียนคิดวาการเลนมาโยกและกระดานลื่น ตองใชแรงกระทํา
ในลักษณะเดียวกันหรือไม อยางไร (นักเรียนตอบตามความคิด
ของตนเอง เชน มา โยก ตอ งใชแรงทัง้ การดึงและการผลักเพ่ือทํา
ใหมาโยกเคลื่อนที่ สวนกระดานล่ืน ตองใชแรงในการผลักให
ตัวเราเคล่อื นท่ไี ปตามทางลาดของกระดานล่นื )
5.6 การดึงและการผลักแตกตางกนั อยางไร (การดึงเปนการออกแรง
ในทิศทางเขาหาตัวผูออกแรง สวนการผลักเปนการออกแรงใน
ทิศทางออกจากตัวผอู อกแรง)
5.7 เพราะเหตุใดแรงท่ีขา วตูใชในการเลน เคร่ืองเลน จึงเปนแรงสัมผัส
( เ พ ร า ะ เ ป น ก า ร อ อ ก แ ร ง ที่ ต อ ง สั ม ผั ส กั บ วั ต ถุ เ พ่ื อ ใ ห วั ต ถุ
เปล่ียนแปลงการเคลื่อนท)่ี

ข้นั สรุปจากการอา น (15 นาที)

6. นักเรียนรวมกันสรุปเรื่องที่อานซึ่งควรสรุปไดวา การออกแรงลักษณะ
ตาง ๆ ทาํ ใหเ ครอื่ งเลน หรือตัวผูเลน เคล่ือนทไ่ี ด เชน ออกแรงในการดึง
ซึ่งเปนการออกแรงในทิศทางเขาหาตัวผูออกแรง หรือออกแรงใน
การผลกั ซ่งึ เปน การออกแรงในทิศทางออกจากตวั ผูออกแรง แรงทีใ่ ชใน
การดึงและการผลักเคร่ืองเลน เปนแรงสมั ผัส เพราะเปนการออกแรงท่ีมี
การสัมผสั กับเครอื่ งเลน โดยตรง

7. นักเรยี นตอบคําถามในรูหรือยงั ในแบบบนั ทึกกจิ กรรม หนา 24

สถาบันสง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี 65

คมู ือครูรายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี ป.3 เลม 2 | หนว ยท่ี 4 แรงในชวี ิตประจาํ วัน

8. ครแู ละนักเรยี นรว มกนั อภปิ รายเพ่ือเปรียบเทียบคาํ ตอบของนักเรียนใน การเตรียมตัวลวงหนา สําหรับครู
รูหรือยัง กบั คําตอบท่ีเคยตอบและบันทึกไวใ นคดิ กอนอาน เพ่อื จัดการเรียนรใู นครงั้ ถัดไป

9. นักเรียนตอบคําถามทายเร่ืองท่ีอานในหนังสือเรียนหนา 28 ดังนี้ แรง ในคร้ังถัดไป นักเรียนจะไดทํา
กิจกรรมที่ 1 แรงมีผลตอการเคลื่อนท่ี
มีผลตอการเปล่ียนแปลงการเคล่ือนที่ของวัตถุอยางไรบาง (นักเรียน ของวัตถุอยางไร ครูควรเตรียมลูกบอล
ตอบตามความเขา ใจของตนเอง) เชน ลกู ฟุตบอล ลูกวอลเลยบ อล หรือลูก
บาสเกตบอล ตามจํานวนกลมุ ใหนักเรยี น
ครูยังไมเฉลยคําตอบ แตชักชวนใหนักเรียนหาคําตอบจากการ ไดผลัดกันรับสงลูกบอลเพื่อสังเกตการ
ออกแรงท่ีมีผลตอการเปลี่ยนแปลงการ
ทาํ กิจกรรม เคลอ่ื นที่ของลูกบอล และควรหาสถานท่ี
ท่ีเหมาะสําหรับการทํากิจกรรม เชน
สนามฟตุ บอล ลานอเนกประสงค

66 สถาบันสงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี

คมู ือครูรายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี ป.3 เลม 2 | หนว ยท่ี 4 แรงในชวี ิตประจาํ วนั

แนวคาํ ตอบในแบบบนั ทึกกจิ กรรม

ออกแรงในการดงึ หรือผลกั ชิงชา
การดงึ และการผลักเหมือนกันตรงท่ีมกี ารออกแรงกระทําตอวัตถุ แตแตกตาง
กนั ท่ลี ักษณะการออกแรง โดยการดงึ เปน การออกแรงในทศิ ทางเขา หา
ตัวผอู อกแรง แตการผลักเปนการออกแรงในทศิ ทางออกจากตัวผูออกแรง

สถาบันสง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี 67

คูม ือครรู ายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ป.3 เลม 2 | หนวยที่ 4 แรงในชีวติ ประจาํ วนั

กิจกรรมที่ 1 แรงมีผลตอการเคล่ือนที่ของวัตถุอยา งไร

กจิ กรรมน้ีนักเรียนจะไดสงั เกตการเปลีย่ นแปลงการ
เคล่ือนท่ีที่เกิดข้ึนกับวัตถุในลักษณะตาง ๆ เมื่อมีแรงมา
กระทาํ ตอวตั ถุนน้ั

เวลา 2 ชว่ั โมง

จุดประสงคการเรยี นรู

สงั เกตและอธบิ ายผลของแรงทม่ี ตี อ การเปล่ยี นแปลงการ

เคล่ือนท่ีของวัตถุ

วสั ดุ อุปกรณสําหรับทํากจิ กรรม

สง่ิ ท่ีครูตอ งเตรียม/กลุม

1. ลูกบอล 1 ลกู

2. ตะเกียบ 1 อัน สอ่ื การเรยี นรูและแหลง เรียนรู

ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร 1. หนงั สือเรียน ป.3 เลม 2 หนา 29-31

S1 การสังเกต 2. แบบบนั ทกึ กจิ กรรม ป.3 เลม 2 หนา 25-29

S8 การลงความเหน็ จากขอมลู 3. วีดิทศั นตัวอยางการปฏิบตั กิ ารวทิ ยาศาสตรส าํ หรับครู
เรือ่ ง วัตถเุ ปลี่ยนแปลงการเคล่ือนท่ไี ดอยา งไร
S13 การตคี วามหมายขอมลู และลงขอสรุป
http://ipst.me/9863

ทักษะแหงศตวรรษที่ 21

C4 การสอ่ื สาร

C5 ความรว มมือ

68 สถาบันสงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี

คูม ือครรู ายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี ป.3 เลม 2 | หนวยที่ 4 แรงในชีวติ ประจาํ วัน

แนวการจัดการเรียนรู ในการตรวจสอบความรูเดิม
ครูรับฟงเหตุผลของนักเรียนเปน
1. ครูตรวจสอบความรูเดิมของนักเรียนเก่ียวกับผลของแรงตอการ สําคัญ ครูยังไมเฉลยคําตอบใด ๆ
เคลื่อนที่ของวัตถุ โดยชักชวนนักเรียนสนทนาเก่ียวกับกีฬาท่ีนักเรียน แตชักชวนใหหาคําตอบที่ถูกตอง
ชอบ เชน ฟุตบอล โดยครูอาจเปดวีดิทัศนการเลนฟุตบอลโดยให จากการทาํ กิจกรรม
นักเรียนสังเกตการเตะลูกฟุตบอลของนักฟุตบอล ลักษณะการออกแรง
ท่ีกระทําตอลูกฟตุ บอล และผลท่เี กิดข้ึนกับลูกฟตุ บอล ครอู าจสอบถาม 69
หรือใหนักเรียนท่ีเคยเลนฟุตบอลออกมาอธิบายวิธีการเตะลูกฟุตบอล
โดยครูกระตนุ ใหน กั เรียนคนอ่ืนคิดตามและรว มกันตอบคาํ ถาม ดงั นี้
1.1 ขณะเลนฟุตบอล นักเรียนมีการออกแรงกระทําตอลูกฟุตบอล
หรือไม อยางไร (นักเรียนตอบจากประสบการณหรือความคิด
ของตนเอง เชน มีการออกแรงในลักษณะตาง ๆ เชน การเตะ
ขวาง รับ เขีย่ ลูกฟุตบอล)
1.2 ถานกั เรียนตองการทาํ ใหล ูกฟุตบอลเคลื่อนท่ีไปยงั ประตูของฝาย
ตรงขามอยางรวดเร็ว จะทําไดอยางไร (นักเรียนตอบตามความ
เขาใจ เชน เตะลูกฟุตบอลแรง ๆ เพื่อสงลูกฟุตบอลใหเพ่ือน
แ ล ว ใ ห เ พื่ อ น อ อ ก แ ร ง เ ต ะ ต า ม ทิ ศ ท า ง ก า ร เ ค ล่ื อ น ท่ี ข อ ง
ลูกฟุตบอลตอ ไปยงั ประต)ู
1.3 ถานักเรียนเปนผูรักษาประตู นักเรียนจะตองออกแรงกระทําตอ
ลูกฟุตบอลอยางไรเพื่อไมใหลูกฟุตบอลเขาประตู (นักเรียนตอบ
ตามความเขาใจของตนเอง เชน ออกแรงในทิศทางตรงกันขาม
กับทิศทางที่ลูกฟุตบอลเคล่ือนที่มาเพ่ือใหลูกฟุตบอลหยุด
เคลื่อนท่ีหรือออกแรงปดใหลูกฟุตบอลเปลี่ยนทิศทางการ
เคล่ือนที)่

2. ครูเชื่อมโยงความรูเดิมของนักเรียนเขาสูกิจกรรมที่ 1 โดยใชคําถาม
ดงั น้ี วตั ถุจะเกดิ การเปล่ยี นแปลงอยา งไรเมื่อมีแรงมากระทาํ และถาเรา
ตองการใหวัตถุเกิดการเคล่ือนท่ีท่ีแตกตางกัน จะตองออกแรงกระทํา
ตอ วัตถุอยางไร

3. นักเรียนอานชื่อกิจกรรม และทําเปนคิดเปน ในหนังสือเรียนหนา 29

จากนั้นรวมกันอภิปรายเพ่ือตรวจสอบความเขาใจเกี่ยวกับจุดประสงค

ในการทาํ กจิ กรรม โดยใชคําถาม ดังนี้

3.1 กิจกรรมน้ีนักเรียนจะไดเรียนเร่ืองอะไร (ผลของแรงที่มีตอ

การเปล่ียนแปลงการเคล่ือนท่ีของวัตถ)ุ

3.2 นกั เรยี นจะไดเ รียนรเู รอ่ื งนี้ดวยวธิ ใี ด (การสงั เกต)

สถาบันสง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี

คูมือครูรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ป.3 เลม 2 | หนว ยท่ี 4 แรงในชีวติ ประจําวนั

3.3 เม่ือเรียนแลวนักเรียนจะทําอะไรได (อธิบายผลของแรงที่มีตอ ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรแ ละ
ทกั ษะแหงศตวรรษที่ 21
การเปลี่ยนแปลงการเคล่ือนท่ขี องวัตถ)ุ
ท่นี กั เรียนจะไดฝกจากการทํากจิ กรรม
4. นักเรียนบันทึกจุดประสงคลงในแบบบันทึกกิจกรรม หนา 25 และอาน
สิ่งทต่ี องใชใ นการทาํ กจิ กรรม S1 สั ง เ ก ต ก า ร อ อ ก แ ร ง แ ล ะ ก า ร
เปล่ียนแปลงการเคล่ือนที่ของลูกบอล
5. นักเรียนอานทําอยางไรทีละขอ โดยครูใชวิธีฝกทักษะการอาน ก อ น แ ล ะ ห ลั ง อ อ ก แ ร ง ก ร ะ ทํ า ต อ
ที่เหมาะสมกับความสามารถของนักเรียน จากน้ันครูตรวจสอบ ลูกบอล
ความเขาใจเก่ียวกับวิธีการทํากิจกรรม จนนักเรียนเขาใจลําดับการทํา
กิจกรรม โดยใชค ําถามดงั น้ี S8 ลงความเห็นเกี่ยวกับสาเหตุที่ทําให
5.1 เม่ือนักเรียนจับคูโดยยืนหางกัน 3 เมตร จากน้ันนักเรียนตองทํา วตั ถมุ กี ารเปลีย่ นแปลงการเคลื่อนท่ี

อะไร (ผลัดกันรับสงลูกบอล โดยสังเกตการออกแรงและผลท่ีมี C4 นําเสนอขอมูลเกี่ยวกับลักษณะ
การออกแรงและผลของแรงที่มีตอ
ตอการเคลอื่ นท่ขี องลกู บอลทั้งขณะท่ีสงและรับลูกบอล) การเปลี่ยนแปลงการเคล่ือนท่ีของ
วัตถใุ หผ อู ื่นเขา ใจ
5.2 หลังจากผลัดกันรับสงลูกบอลแลว นักเรียนตองทําอะไรตอไป
C5 ทํางานรวมกับผอู ื่นในการทํากิจกรรม
(ผลกั ลกู บอลที่อยูบ นพน้ื ใหเคล่อื นท่ี โดยสังเกตการออกแรงและ ออกแรงกระทําตอลูกบอล แล ะ
รวมกันสังเกตผลของแรงท่ีมีตอการ
ผลทีม่ ีตอการเคลื่อนที่ของลูกบอล จากน้นั ใหผ ลกั ลูกบอลอีกครั้ง เปล่ียนแปลงการเคล่อื นท่ขี องลูกบอล

แลวใชตะเกียบออกแรงกระทําตอลูกบอลท่ีกําลังเคลื่อนที่ หากนักเรียนไมสามารถตอบ
คําถามหรืออภิปรายไดตามแนว
ใหเคลื่อนทต่ี อ ไป) คําตอบ ครูควรใหเวลานักเรียนคิด
อยางเหมาะสม รอคอยอยางอดทน
5.3 เมื่อออกแรงผลักลูกบอล แลวใชตะเกียบออกแรงกระทําตอ แ ล ะ รั บ ฟ ง แ น ว ค ว า ม คิ ด ข อ ง
นักเรียน
ลูกบอลที่กําลังเคล่ือนท่ีใหเคล่ือนท่ีตอไป กําหนดใหออกแรง

กระทําตอลูกบอลในทิศทางใดบาง (ออกแรงกระทําในทิศทาง

เดียวกับทิศทางการเคลื่อนท่ีของลูกบอล ออกแรงกระทําใน

ทิศทางตรงกันขามกับทิศทางการเคล่ือนท่ีของลกู บอล และออก

แรงกระทําในทศิ ทางอืน่ )

6. เม่ือนักเรียนเขาใจวิธีการทํากิจกรรมในทําอยางไร แลว ครูพานักเรียน
ออกไปยังบริเวณท่ีสามารถทํากิจกรรมได จากนั้นแจกลูกบอลให
นกั เรยี นเริ่มทาํ กิจกรรม โดยกําหนดเวลาตามความเหมาะสม

7. หลังจากทํากิจกรรม ครูใหนักเรียนชวยกันเก็บลูกบอล จากนั้นรวมกัน
อภปิ รายผลการทํากจิ กรรม ตามแนวคําถามดังน้ี

การสงลูกบอล
7.1 ขณะทีน่ กั เรยี นสงลูกบอลใหเ พ่อื น นกั เรียนตองออกแรงหรือไม
(ตองออกแรง)

70 สถาบนั สง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี

คูม อื ครูรายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี ป.3 เลม 2 | หนวยท่ี 4 แรงในชีวติ ประจําวนั

7.2 ลักษณะการออกแรงเปนอยางไร จึงทําใหลูกบอลเคลื่อนท่ีไปหา การออกแรงในทิศทางตรงกันขามกับ
เพ่ือน (เราตองผลักลูกบอลออกไป เพ่ือใหลูกบอลเคล่ือนท่ีไป ทศิ ทางทีล่ กู บอลกําลงั เคลื่อนท่ี
ขา งหนา )
ขอเสนอแนะเพ่ิมเติม
7.3 กอนออกแรงกระทําตอลูกบอล ลูกบอลมีการเคล่ือนท่ีหรือไม ครูควรอธิบายหรือใหคําแนะนํา
(ไมเคลื่อนท)่ี เพ่ิมเติมเม่ือนักเรียนทํากิจกรรมแลว
พบวา นักเรียนออกแรงกระทําตอ
7.4 เมื่อออกแรงกระทําตอลูกบอล ลูกบอลเคล่ือนทอี่ ยางไร (เคล่ือนท่ี วัตถุในทิศทางตรงกันขามกับทิศทาง
ไปขางหนา) ท่ีวัตถุน้ันเคลื่อนที่ แตใชแรงที่มาก
ก็อาจทําใหลูกบอลเคลื่อนที่กลับไป
การรบั ลูกบอล ยงั ทิศทางเดมิ ที่เคล่ือนที่มาได
7.5 ในการรับลูกบอลที่เคล่ือนที่เขามาหา เราตองออกแรงหรือไม
อยางไร (ตองออกแรง โดยออกแรงในทิศทางตรงกันขามกับ
การเคล่อื นทขี่ องลกู บอล)
7.6 เม่ือออกแรงกระทําตอลูกบอล ลูกบอลเปนอยางไร (ลูกบอลหยุด
เคลอื่ นท่ี)

การออกแรงกระทําตอลูกบอลท่ีกําลังเคลื่อนที่ โดยใหแรงกระทําในทิศทาง
ตาง ๆ

7.7 เม่ือออกแรงกระทําตอลูกบอลในทิศทางเดียวกับทิศทางการ
เคลื่อนท่ีของลูกบอล การเคล่ือนที่ของลูกบอลเปนอยางไร
(ลูกบอลท่กี ําลงั เคลือ่ นท่ี เคลื่อนท่เี รว็ ขึ้น)

7.8 เมื่อออกแรงกระทําตอลูกบอลในทิศทางตรงกันขามกับทิศทาง
การเคลื่อนท่ีของลูกบอล การเคล่ือนท่ีของลูกบอลเปนอยางไร
(ลกู บอลทกี่ ําลงั เคล่อื นท่ี เคลือ่ นทต่ี อ ไปแตชา ลง)

7.9 เม่ือออกแรงกระทําตอลูกบอลในทิศทางอ่ืน การเคล่ือนท่ีของ
ลูกบอลเปนอยางไร (ลูกบอลท่ีกําลังเคลื่อนที่ เปลี่ยนทิศทางการ
เคลอ่ื นที่)

8. ครูเปดโอกาสใหนักเรียนซักถามในส่ิงที่อยากรูเพิ่มเติมเก่ียวกับผลของ
แรงที่มีตอการเคล่ือนท่ีของวัตถุ จากน้ันรวมกันอภิปรายและลงขอสรุป
ดังนี้
- ถา ออกแรงกระทาํ ตอ วัตถุท่ีอยนู ่ิง จะทาํ ใหว ตั ถุเปลย่ี นเปนเคลื่อนท่ี
- ถาออกแรงกระทําตอวัตถุในทิศทางเดียวกันกับทิศทางท่ีวัตถุน้ัน
กาํ ลงั เคลื่อนที่ วัตถุจะเคลอื่ นท่ีตอไปในทิศทางเดมิ แตเร็วขึ้น
- ถาออกแรงกระทําตอวัตถุที่กําลังเคลื่อนท่ีโดยออกแรงกระทําใน
ทิศทางตรงกันขามกับทิศทางท่ีวัตถุนั้นกําลังเคล่ือนท่ี วัตถุจะ
เคลอ่ื นท่ตี อ ไปในทศิ ทางเดมิ แตช า ลงหรือหยดุ นงิ่

สถาบนั สงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี 71

คมู ือครูรายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี ป.3 เลม 2 | หนวยที่ 4 แรงในชีวิตประจาํ วัน

- ถาออกแรงกระทําตอวัตถุท่ีกําลังเคล่ือนที่โดยทิศของแรงไมไดอยู ถาครูพบวานักเรียนยังมี
ในทิศทางเดียวกันหรือทิศทางตรงขามกันกับทิศทางการเคลื่อนท่ี แนวคิดคลาดเคล่ือนเกี่ยวกับ
ลกั ษณะการออกแรงและผลของ
ของวัตถุ วตั ถุจะเปลี่ยนทิศทางการเคล่ือนที่ (S13) แรงที่มีตอการเปล่ียนแปลงการ
9. นักเรียนรวมกันอภิปรายเพ่ือตอบคําถามใน ฉันรูอะไร ในหนังสือเรียน เ ค ล่ื อ น ที่ ข อ ง วั ต ถุ ใ ห ร ว ม กั น
อภิปรายจนนักเรียนมีแนวคิดที่
หนา 30 โดยครูอาจใชค าํ ถามเพิม่ เตมิ เพ่ือใหไดแ นวคําตอบท่ีถูกตอง ถกู ตอ ง
10. นักเรียนอาน สิ่งที่ไดเรียนรู ในหนังสือเรียน หนา 31 และเปรียบเทยี บ

กับขอ สรปุ ของตนเอง
11. ครูกระตุนใหนักเรียนฝกต้ังคําถามเก่ียวกับเร่ืองที่สงสัยหรืออยากรู

เพิ่มเติมใน อยากรูอีกวา จากน้ันครูอาจสุมนักเรียน 2-3 คน นําเสนอ
คําถามของตนเองหนาชั้นเรียน จากนั้นนักเรียนรวมกันอภิปราย
เกี่ยวกบั คําถามที่นาํ เสนอ

12. ครูนําอภิปรายเพื่อใหนักเรียนทบทวนวาไดฝกทักษะกระบวนการทาง

วทิ ยาศาสตรแ ละทักษะแหง ศตวรรษที่ 21 อะไรบา งและในขั้นตอนใด
13. นักเรียนรวมกันอานรูอะไรในเรื่องนี้ ในหนังสือเรียน หนา 32 ครูนํา

อภิปรายเพ่ือนําไปสูขอสรุปเกี่ยวกับส่ิงที่ไดเรียนรูในเรื่องน้ี จากนั้นครู

กระตุนใหนักเรียนตอบคําถามในชวงทายของเน้ือเร่ือง ดังนี้ วัตถุจะ
เปล่ียนแปลงการเคลื่อนท่ีโดยไมตองใชแรงสัมผัสไดหรือไม โดยให

นักเรียนรวมกันอภิปรายแนวทางการตอบคําถาม ซึ่งครูควรเนนให

นักเรียนตอบคําถามพรอมอธิบายเหตุผลประกอบและชักชวนให
นักเรยี นไปหาคาํ ตอบรว มกนั จากการเรียนเร่อื งตอ ไป

72 สถาบันสง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี

คมู ือครรู ายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ป.3 เลม 2 | หนวยที่ 4 แรงในชีวิตประจาํ วนั

แนวคาํ ตอบในแบบบนั ทกึ กิจกรรม

สังเกตและอธิบายผลของแรงท่ีมีตอการเปลี่ยนแปลง
การเคลอ่ื นทข่ี องวัตถุ

 73





สถาบันสง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี

คูมือครรู ายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ป.3 เลม 2 | หนวยท่ี 4 แรงในชีวติ ประจาํ วนั




กาํ ลังเคลื่อนที่
เคลือ่ นท่ีเรว็ ขน้ึ ในทิศทางเดมิ

กาํ ลงั เคลือ่ นท่ี
เคลื่อนที่ชาลงในทศิ ทางเดมิ

กําลังเคล่ือนที่
เปลี่ยนแปลงทิศทางการเคลอื่ นที่

74 สถาบันสงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี

คูมอื ครรู ายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี ป.3 เลม 2 | หนวยท่ี 4 แรงในชีวิตประจําวัน

ตองออกแรง โดยลูกบอลมกี ารเปล่ียนแปลงจากอยนู ิง่ เปนเคลอื่ นที่

ตอ งออกแรง โดยลูกบอลมีการเปล่ยี นแปลงจากกาํ ลงั เคลอ่ื นทีเ่ ปนหยดุ นงิ่
ออกแรงกระทําตอลกู บอลในทศิ ทางเดยี วกับทิศทางที่ลูกบอลกําลงั เคลอ่ื นท่ี

ออกแรงกระทําตอลูกบอลในทิศทางตรงกันขามกับทิศทางท่ีลูกบอลกําลัง
เคลือ่ นที่

สถาบันสง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี 75

คูมอื ครูรายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ป.3 เลม 2 | หนว ยที่ 4 แรงในชวี ิตประจาํ วัน

ออกแรงกระทําตอ ลูกบอลในทศิ ทางอืน่ ๆ ทไ่ี มใ ชทศิ ทางที่ลูกบอลกําลงั เคล่ือนท่ี
เมื่อออกแรงกระทาํ ตอ วตั ถุ จะมผี ลทาํ ใหว ตั ถทุ อี่ ยนู ง่ิ เปล่ียนเปนเคล่อื นที่
หรอื ทาํ ใหวตั ถทุ ่ีกาํ ลงั เคลอ่ื นท่ี เคลือ่ นท่ีเรว็ ขึน้ เคลอ่ื นท่ีชาลง หรอื เปลยี่ น
ทศิ ทางการเคลอื่ นท่ี
แรงทาํ ใหวตั ถเุ ปล่ียนแปลงการเคลอื่ นท่ี

76 สถาบนั สง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี

คูม อื ครรู ายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี ป.3 เลม 2 | หนวยที่ 4 แรงในชีวิตประจําวนั
คําถามของนักเรียนที่ตัง้ ตามความอยากรขู องตนเอง

สถาบนั สง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี 77

คูมือครูรายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ป.3 เลม 2 | หนว ยที่ 4 แรงในชวี ติ ประจาํ วนั

แนวการประเมินการเรียนรู

การประเมินการเรยี นรูของนักเรียนทําได ดังนี้
1. ประเมนิ ความรูเดิมจากการอภปิ รายในช้ันเรียน
2. ประเมนิ การเรยี นรจู ากคาํ ตอบของนกั เรยี นระหวางการจดั การเรียนรูและจากแบบบันทึกกิจกรรม
3. ประเมนิ ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรและทักษะแหง ศตวรรษท่ี 21 จากการทํากจิ กรรมของนักเรยี น

การประเมินจากการทาํ กิจกรรมท่ี 1 แรงมีผลตอ การเคลอ่ื นท่ีของวัตถอุ ยางไร

รหัส สงิ่ ที่ประเมนิ คะแนน

ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร
S1 การสงั เกต
S8 การลงความเหน็ จากขอมลู
S13 การตคี วามหมายขอมลู และลงขอ สรุป
ทกั ษะแหงศตวรรษท่ี 21
C4 การสือ่ สาร
C5 ความรวมมอื

รวมคะแนน

ตาราง รายการประเมินและเกณฑการประเมนิ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร

78 สถาบนั สงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี

คูมอื ครูรายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี ป.3 เลม 2 | หนวยท่ี 4 แรงในชีวติ ประจําวัน

ทักษะ เกณฑการประเมนิ

กระบวนการทาง รายการประเมนิ ดี (3) พอใช (2) ควรปรบั ปรงุ (1)
วิทยาศาสตร

S1 การสงั เกต การสังเกตและบรรยาย สามารถสังเกตและ สามารถสงั เกตและ สามารถสังเกตและ
บรรยายลักษณะการ บรรยายลักษณะการ
ลักษณะการออกแรง บรรยายลักษณะการ ออกแรงและการ ออกแรงและการ
และการเปล่ยี นแปลง ออกแรงและการ เปลี่ยนแปลงการ เปลี่ยนแปลงการ
การเคล่อื นท่ีของ เปลี่ยนแปลงการ เคลื่อนท่ีของลูกบอลได เคลอ่ื นท่ีของลูกบอลได
ลกู บอลกอนและหลัง เคลื่อนท่ีของลูกบอลได ถูกตองจากการช้ีแนะ ถูกตองบางสว น แมจ ะ
ออกแรงกระทําตอ ถูกตองดวยตนเอง โดย ของครูหรือผูอนื่ หรือ ไดรับการชีแ้ นะจากครู
ไมเพิ่มความคิดเห็น มกี ารเพมิ่ เติมความ หรือผอู ืน่
ลกู บอล คดิ เห็น

S8 การลง การลงความเห็นจาก สามารถลงความเหน็ จาก สามารถลงความเหน็ สามารถลงความเหน็
ความเห็นจาก ขอมลู ไดว า แรงเปน ขอ มูลไดถูกตองดว ย จากขอมูลไดถูกตอง จากขอมลู ไดถูกตอง
ขอ มูล สาเหตุทท่ี าํ ใหว ตั ถุ ตนเองวา แรงเปน สาเหตุ จากการชี้แนะจากครู เพยี งบางสวน แมว าจะ
เปล่ยี นแปลงการ ท่ที ําใหว ตั ถุเปลยี่ นแปลง หรอื ผูอ่นื วา แรงเปน ไดรับการชีแ้ นะจากครู
S13 การ เคล่ือนท่ใี นลักษณะ การเคลื่อนท่ใี นลกั ษณะ สาเหตทุ ี่ทาํ ใหวตั ถุ หรือผอู ่นื วา แรงเปน
ตีความหมาย ตาง ๆ ตา ง ๆ เปลย่ี นแปลงการ สาเหตทุ ท่ี าํ ใหว ตั ถุ
ขอ มลู และลง เคลือ่ นท่ีในลักษณะ เปล่ียนแปลงการ
ขอสรุป การตคี วามหมายขอมลู สามารถตีความหมาย ตา ง ๆ เคลอื่ นทีใ่ นลักษณะ
จากการสังเกต ขอมูลจากการสังเกต ตา ง ๆ
การอภิปราย และลง การอภิปราย และลง สามารถตีความหมาย
ขอ สรปุ ไดว า แรงทําให ขอสรุปไดถูกตองดวย ขอมูลจากการสังเกต สามารถตีความหมาย
วตั ถเุ ปลีย่ นแปลงการ ตนเองวา แรงทําใหวตั ถุ การอภปิ ราย และลง ขอมูลจากการสงั เกต
เคลอ่ื นท่ี เปลย่ี นแปลงการ ขอสรปุ ไดถูกตองโดย การอภปิ ราย และลง
เคลอ่ื นที่ อาศัยการช้แี นะจากครู ขอ สรปุ ไดถูกตองเพียง
หรือผอู ่ืนวา แรงทําให บางสวน แมว าจะไดรบั
วตั ถุเปลยี่ นแปลงการ การชีแ้ นะจากครูหรือ
เคลอื่ นที่ ผูอืน่ วา แรงทําใหว ตั ถุ
เปลยี่ นแปลงการ
เคลื่อนที่

ตาราง รายการประเมินและเกณฑการประเมินทักษะแหงศตวรรษที่ 11

สถาบันสง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี 79

คมู อื ครรู ายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี ป.3 เลม 2 | หนวยที่ 4 แรงในชวี ิตประจําวัน

ทักษะแหง รายการประเมนิ ดี (3) เกณฑก ารประเมนิ ควรปรบั ปรงุ (1)
ศตวรรษท่ี 21 พอใช (2)
C4 การสอ่ื สาร
การนําเสนอขอ มูล สามารถนาํ เสนอขอมูล สามารถนําเสนอขอมลู สามารถนําเสนอขอมลู
C5 ความรวมมอื
เก่ยี วกับลกั ษณะ เก่ียวกบั ลักษณะการ เก่ียวกบั ลักษณะการออก เกีย่ วกับลักษณะการออก

การออกแรงและผล ออกแรงและผลของ แรงและผลของแรงท่ีมตี อ แรงและผลของแรงทม่ี ตี อ

ของแรงท่มี ีตอการ แรงที่มีตอการ การเปลย่ี นแปลงการ การเปลีย่ นแปลงการ

เปลย่ี นแปลงการ เปลย่ี นแปลงการ เคลือ่ นที่ของวัตถใุ หผูอื่น เคลอ่ื นท่ีของวัตถใุ หผูอ นื่

เคล่ือนที่ของวตั ถใุ ห เคล่ือนที่ของวตั ถุให เขา ใจไดถกู ตองจากการ เขา ใจไดเพยี งบางสวน

ผอู ่ืนเขา ใจ ผูอ่ืนเขาใจไดถูกตอง ช้ีแนะของครูหรือผอู ่ืน แมวา จะไดรบั การช้ีแนะ

ดวยตนเอง จากครหู รอื ผูอ่ืน

การทํางานรวมกับ สามารถทํางานรวมกบั สามารถทํางานรวมกับผอู ืน่ สามารถทํางานรว มกับ

ผอู น่ื ในการออกแรง ผอู ืน่ ในการออกแรง ในการออกแรงกระทาํ ตอ ผอู น่ื ในการออกแรง

กระทาํ ตอ ลกู บอล กระทําตอ ลกู บอลโดย ลูกบอลโดยรว มกันสงั เกต กระทําตอลูกบอลโดย

โดยรวมกนั สังเกต รว มกนั สงั เกตและ และอภิปรายผลของแรงทม่ี ี รวมกันสังเกตและ

และอภปิ รายผลของ อภปิ รายผลของแรงทม่ี ี ตอการเปลยี่ นแปลงการ อภิปรายผลของแรงทีม่ ี

แรงทม่ี ีตอการ ตอ การเปลี่ยนแปลง เคล่อื นท่ีของลูกบอลโดยให ตอ การเปล่ียนแปลงการ

เปล่ยี นแปลงการ การเคลื่อนท่ขี อง ความรวมมอื เปน บาง เคล่อื นที่ของลูกบอลโดย

เคลอ่ื นท่ีของลูกบอล ลกู บอลตลอดชวงเวลา ชว งเวลาท่ที าํ กิจกรรม ใหความรว มมือเปนบาง

ของการทํากิจกรรม ชว งเวลาทท่ี ํากิจกรรม

ทงั้ นีต้ อ งอาศยั การ

กระตนุ จากครูหรือผูอื่น

80 สถาบันสงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี

คมู ือครูรายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี ป.3 เลม 2 | หนวยท่ี 4 แรงในชีวิตประจาํ วัน

เรื่องท่ี 2 แรงไมสมั ผสั กบั การเปล่ยี นแปลงการเคลื่อนท่ีของวตั ถุ

ในเรื่องนี้นักเรียนจะไดเรียนรูเกี่ยวกับแรงแมเหล็กซึ่งเปน
แรงไมสัมผัส โดยการสังเกตลักษณะของแมเหล็กและผล
ของแรงแมเหล็กท่ีมีตอการเปล่ียนแปลงการเคล่ือนท่ีของวัตถุ
ตา ง ๆ

จดุ ประสงคก ารเรยี นรู

อธิบายลักษณะของแมเหล็กแล ะแรงแมเหล็ก
บ อ ก ค ว า ม ห ม า ย ข อ ง แ ร ง ไ ม สั ม ผั ส กั บ ก า ร เ ป ล่ี ย น แ ป ล ง
การเคลอื่ นที่ของวตั ถุ

เวลา 7 ชวั่ โมง

วสั ดุ อุปกรณสาํ หรับทํากจิ กรรม

ลวดเหล็ก ลวดทองแดง แทงแมเหล็ก ยางลบ
ไมบรรทัดพลาสติก กระดาษ กระปองนํ้าอัดลม ไมจ้ิมฟน
ลวดเสียบกระดาษ แกวพลาสติก ยางรัดของ กลองใส
ลวดเสียบกระดาษ ดินสอไม ตะปู เหรียญหาบาท แทงไม
เกา อไี้ มห รือเกาอ้พี ลาสตกิ เชอื กฟาง เทปกาว เขม็ ทิศ ดินสอ

สอ่ื การเรียนรูแ ละแหลงเรียนรู

1. หนงั สอื เรยี น ป.3 เลม 2 หนา 33-46
2. แบบบนั ทกึ กจิ กรรม ป.3 เลม 2 หนา 30-43

สถาบนั สงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี 81

คูมอื ครูรายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี ป.3 เลม 2 | หนวยที่ 4 แรงในชวี ติ ประจาํ วัน

แนวการจัดการเรยี นรู (60 นาที) ใ น ก า ร ท บ ท ว น ค ว า ม รู
พ้ืนฐาน ครูควรใหเวลานักเรียน
ขั้นตรวจสอบความรู (10 นาท)ี คิดอยางเหมาะสม รอคอยอยาง
1. ครูทบทวนความรูพ้ืนฐานของนักเรียนเกี่ยวกับผลของแรงที่มีตอ อดทน นักเรียนตองตอบคําถาม
เหลาน้ีไดถูกตอง หากตอบไมได
การเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนที่ของวัตถุ โดยใหนักเรียนสังเกตรูป หรือลืม ครูตองใหความรูที่
สถานการณการเปด บานประตู ดงั รปู ถกู ตอ งทนั ที

การเปดบานประตู ในการตรวจสอบความรูเดิม
จากนัน้ อภิปรายโดยอาจใชคาํ ถามดงั น้ี ครูรับฟงเหตุผลของนักเรียนเปน
1.1 ถาตองการเปดหรือปดบานประตู ดังรูป นักเรียนตองทําอยางไร สําคัญ ครูยังไมเฉลยคําตอบใด ๆ
แตชักชวนใหหาคําตอบที่ถูกตอง
(ออกแรงในการดงึ หรอื ผลัก) จากการอา นเนอื้ เรอื่ ง
1.2 การผลักและการดึงบานประตูมีลักษณะการออกแรงเหมือนและ
แผน พลาสติกลูกฟกู ลวดเสยี บกระดาษ
แตกตางกันอยางไร (การดึงและการผลักบานประตูมีลักษณะการ
ออกแรงเหมือนกัน คือ เปนการออกแรงกระทําโดยตองสัมผัสกับ แทง วัตถปุ ริศนา
บานประตู แตการดึงและการผลักบานประตูมีทิศทางการออกแรง ตัวอยางการทํากจิ กรรม
แตกตางกัน คือ การดึงบานประตูเปนการออกแรงในทิศทางเขาหา
ตัวผูออกแรง สวนการผลักบานประตูเปนการออกแรงใน
ทศิ ทางออกจากตวั ผูออกแรง)
2. ครูตรวจสอบความรูเดิมของนักเรียนเกี่ยวกับแรงแมเหล็กโดยเตรียม
แทงแมเหล็กท่ีมีแรงแมเหล็กมาก หอดวยกระดาษทึบเพ่ือไมใหเห็น
แทงแมเหล็กท่ีอยูดานใน จากนั้นครูถือแผนพลาสติกลูกฟูกไว แลวให
ตัวแทนนักเรียนหนึ่งคนมาถือหอแทงแมเหล็กซ่ึงครูเรียกวาแทงวัตถุ
ปริศนา ครูใหตัวแทนนักเรียนถือแทงวัตถุปริศนาทาบไวกับดานลางของ
แผนพลาสติกลูกฟูก จากน้ันครูนําวัตถุตาง ๆ เชน กรรไกรขนาดเล็ก
ลวดเสียบกระดาษ ไมบรรทัดเหล็ก มาวางบนแผนพลาสติกลูกฟูก โดย
วางใหตรงกับตําแหนงของแทงวัตถุปริศนา ดังรูป จากน้ันใหตัวแทน
นักเรียนลากแทงวัตถุปริศนาไปมา โดยใหนักเรียนทุกคนสังเกตการ
เปลี่ยนแปลงที่เกิดข้ึน ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายส่ิงที่เกิดข้ึนโดย
อาจใชค ําถามดงั น้ี

82 สถาบนั สง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี

คูมอื ครูรายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี ป.3 เลม 2 | หนวยที่ 4 แรงในชีวิตประจาํ วนั

2.1 นักเรียนสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงอยางไรบางเม่ือลาก
แทงวัตถุปริศนาไปมา (วตั ถทุ ่อี ยบู นแผนพลาสตกิ ลูกฟูกเคล่ือนท่ี
ได)

2.2 นักเรียนคิดวามีแรงมากระทําตอวัตถุที่อยูบนแผนพลาสติก
ลูกฟูกหรือไม รูไดอยางไร (มีแรงมากระทํา เพราะวัตถุน้ันมีการ
เปลย่ี นแปลงการเคลือ่ นทจี่ ากอยูนงิ่ เปน เคลื่อนทีไ่ ด)

2.3 นักเรยี นที่ออกแรงลากแทงวัตถุปริศนาไดใชมอื เล่ือนใหวัตถุท่ีอยู
บนแผน พลาสติกลูกฟูกเคลื่อนที่หรือไม (ไมไดใชมือเล่ือน เพราะ
มือของนักเรียนคนนั้นกําลังจับวัตถุปริศนา ซ่ึงอยูดานลางของ
แผน พลาสติกลูกฟูก)

2.4 แรงทก่ี ระทําตอวัตถทุ วี่ างอยูบนแผนพลาสติกลูกฟูกคือแรงอะไร
แรงน้ันมาจากไหน (นักเรียนตอบตามความเขาใจของตนเอง
เชน แรงแมเหลก็ )

3. ครูเช่ือมโยงความรูเดิมของนักเรียนสูการเรียนเรื่องแรงไมสัมผัสกับการ
เปล่ียนแปลงการเคลื่อนท่ีของวัตถุ โดยชักชวนนักเรียนอานเน้ือเรื่อง
เก่ียวกับแมเหล็ก และมาหาคําตอบกันวามีวิธีการใดหรือไมท่ีจะทําให
วตั ถเุ คลื่อนที่ไดโ ดยไมตอ งสมั ผัสกับวตั ถุ

ข้ันฝกทกั ษะจากการอาน (40 นาท)ี

4. นักเรียนอานช่ือเร่ืองและคําถามในคิดกอนอาน ในหนังสือเรียนหนา 33
แลวรวมกันอภิปรายเพ่ือหาแนวคําตอบและนําเสนอ ครูบันทึกคําตอบ
ของนกั เรียนบนกระดานเพ่อื ใชเ ปรยี บเทียบคําตอบหลงั จากอา นเนื้อเรื่อง

5. นักเรยี นอานคาํ สาํ คัญ ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ (หากนกั เรียนอาน
ไมได ครูควรสอนอานใหถูกตอง) จากน้ันครูชักชวนใหนักเรียนอธิบาย
ความหมายของคาํ สําคญั ตามความเขา ใจของตนเอง

6. นักเรียนอานเนื้อเรื่องในหนังสือเรียนหนา 33-34 โดยครูฝกทักษะ
การอานตามวิธีการอานที่เหมาะสมกับความสามารถของนักเรียน
จากน้นั ครูตรวจสอบความเขาใจจากการอาน โดยใชคาํ ถามดงั นี้
6.1 แมเหล็กท่ีติดตูเย็นมีลักษณะอยางไร (นักเรียนตอบตามความคิด
หรือประสบการณของตนเอง เชน แมเหล็กที่ติดตเู ย็นมีลักษณะเปน
แผน สีดํา ส่เี หล่ียม หรือเปนแผนสีดาํ กลม ๆ )

สถาบนั สงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี 83

คมู ือครูรายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ป.3 เลม 2 | หนวยที่ 4 แรงในชีวติ ประจาํ วัน

6.2 แมเ หลก็ มรี ูปรางอยา งไรบาง (มรี ูปรา งหลายแบบ เชน ทรงสเ่ี หลี่ยม การเตรียมตวั ลว งหนาสาํ หรบั ครู
มมุ ฉาก ทรงกระบอก รูปเกอื กมา รูปวงแหวน) เพอ่ื จดั การเรียนรใู นครง้ั ถัดไป

6.3 จากเร่ืองเลา ใครเปนผูคนพบหินวิเศษ และคนพบไดอยางไร ในคร้ังถัดไป นักเรียนจะไดทํา
(ชายเลี้ยงแกะชื่อวาแมกนัสเปนผูคนพบหินวิเศษโดยบังเอิญ กจิ กรรมที่ 2.1 แรงแมเ หล็กเปนอยา งไร
ขณะกาํ ลังเลยี้ งแกะในทงุ หญา) โ ดยการสังเกตแลว นําผ ล ก า ร ทํ า
กิจกรรมมาอภิปรายรวมกัน ดังน้ัน
6.4 หินวิเศษมีลักษณะอยางไรและเพราะเหตุใดจึงเรียกหินดังกลาววา ครูควรเตรียมความพรอ มสําหรับการทาํ
หินวิเศษ (หินวิเศษมีลักษณะเปนกอนหินสีดําขนาดใหญ และมีแรง กิจกรรม ดังน้ี
ดงึ ดูดไมตอนแกะและตะปูได) 1. ตรวจสอบแทงแมเหล็กท่ีจะนํามา

6.5 หินวิเศษในเร่ืองนี้มีชื่อเรียกวาอะไร มีความหมายตรงกับคําวาอะไร ใ ห นั ก เ รี ย น ทํ า กิ จ ก ร ร ม โ ด ย
ในภาษาไทย (เราเรียกหินวิเศษนี้วา แมกเนต ตรงกับคําใน แ ท ง แ ม เ ห ล็ ก ค ว ร อ ยู ใ น ส ภ า พ
ภาษาไทย คือ แมเหล็ก) พรอมใชงาน เชน มีแรงดึงดูด
เพียงพอท่จี ะสามารถสังเกตผลการ
6.6 เพราะเหตุใด หินวิเศษนี้จึงถูกเรียกวาแมกเนต (เปนการตั้งช่ือตาม ทาํ กิจกรรมไดชัดเจน
สถานทีแ่ ละช่อื ของชายเล้ยี งแกะท่ีเปน ผคู น พบคนแรก) 2. ครูอาจแนะนําใหนักเรียนนํา
อุ ป ก ร ณ อื่ น ๆ ท่ี ส น ใ จ ม า ทํ า
6.7 แรงท่ีแมเหล็กดึงดูดใหไมตอนแกะและตะปูเคล่ือนที่เขาไปหาได กิจกรรม นอกจากน้ีครูอาจให
เรียกวา อะไร (แรงแมเ หลก็ ) นั ก เ รี ย น นํ า เ ห รี ย ญ ท่ี มี มู ล คา
แตกตางกัน ปที่ผลิตตางกันมาใช
6.8 เพราะเหตุใดแรงแมเหล็กจึงเปนแรงไมสัมผัส (เพราะเปนแรงที่ ทํากจิ กรรม
สามารถดึงดูดวัตถุใหเคล่ือนที่เขาหาไดโดยท่ีแมเหล็กไมจําเปนตอง 3. ครูเตรียมขอมูลเก่ียวกับวัสดุที่ใช
สมั ผสั กบั วตั ถนุ น้ั ) ผลิตเหรียญมูลคาตาง ๆ จาก
เว็บไซตของสํานักกษาปณเพ่ือใช
ข้นั สรุปจากการอาน (10 นาที) ในการอภปิ รายผลการทํากิจกรรม

7. นักเรียนรวมกนั สรุปเรอ่ื งท่อี า นซึง่ ควรสรุปไดว า แมเหล็กมรี ปู รา งตา ง ๆ
การคนพบแมเหล็กเกิดจากชายคนหนึ่งคนพบกอนหินท่ีสามารถดึงดูด
ไมตอนแกะและตะปูได จึงต้ังช่ือกอนหินน้ันตามชื่อสถานท่ีและผูท่ีพบ
คนแรกวาแมกเนตหรือแมเหล็กในภาษาไทย สวนแรงที่กอนหินน้ัน
ดึงดดู ใหไมตอนแกะและตะปเู คลื่อนที่เขา หาโดยไมจําเปนตองสมั ผัสกับ
วัตถุ เรียกวา แรงแมเหล็ก

8. นกั เรียนตอบคาํ ถามในรหู รือยงั ในแบบบนั ทึกกิจกรรม หนา 30
9. ครแู ละนกั เรียนรว มกนั อภิปรายเพอื่ เปรยี บเทยี บคําตอบของนกั เรยี นใน

รหู รือยัง กับคําตอบที่เคยตอบและบนั ทึกไวใ นคดิ กอนอาน
10. นักเรียนตอบคําถามทายเรื่องที่อาน ดังนี้ แมเหล็กมีสมบัติและมีแรง

กระทําตอวัตถอุ ยางไร (นักเรยี นตอบตามความเขาใจของตนเอง)
ครูยังไมเฉลยคําตอบแตชักชวนใหนักเรียนหาคําตอบจากการทํา

กจิ กรรม

84 สถาบนั สง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี

คูมอื ครรู ายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี ป.3 เลม 2 | หนวยท่ี 4 แรงในชีวิตประจําวนั

แนวคาํ ตอบในแบบบนั ทึกกิจกรรม

เพราะดา นหลงั ของวตั ถุนั้นมีแมเหล็กตดิ อยู ซึ่งแมเ หล็ก
สามารถดึงดดู ใหวตั ถุติดอยกู ับตูเยน็ ได

แมเหล็กมรี ูปรางตา ง ๆ เชน ทรงสเ่ี หล่ียมมุมฉาก ทรงกระบอก
รปู เกอื กมา รปู วงแหวน

สถาบนั สง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี 85

คูมอื ครรู ายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ป.3 เลม 2 | หนวยท่ี 4 แรงในชวี ติ ประจาํ วนั

กจิ กรรมที่ 2.1 แรงแมเ หลก็ เปน อยางไร

กิจกรรมน้ีนักเรียนจะทํากิจกรรมผานการสังเกตเพ่ือ

จําแนกวัตถทุ ่แี มเ หล็กดึงดูดไดแ ละไมดึงดดู และเปรียบเทียบ

ความเหมือนและความแตกตางระหวางแรงไมสัมผัสกับ

แรงสัมผัส

เวลา 2 ช่วั โมง

จุดประสงคการเรียนรู

1. สงั เกตและจําแนกวัตถุโดยใชการดึงดดู กับ

แมเหล็กเปนเกณฑ

2. เปรียบเทยี บลักษณะและผลของแรงไมสัมผสั กับ

แรงสมั ผัสทกี่ ระทาํ ตอวัตถุ

วัสดุ อุปกรณสาํ หรบั ทํากจิ กรรม ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร

ส่ิงท่ีครูตองเตรยี ม/กลุม S1 การสังเกต
S4 การจําแนกประเภท
1. ลวดเหลก็ 1 เสน S7 การพยากรณ
S8 การลงความเหน็ จากขอมลู
2. ลวดทองแดง 1 เสน S13 การตีความหมายขอมูลและลงขอสรปุ

3. แทง แมเ หล็ก 1 แทง ทกั ษะแหง ศตวรรษท่ี 21

4. ไมบรรทัดพลาสตกิ 1 อัน C4 การส่อื สาร
C5 ความรว มมือ
5. ยางลบ 1 กอ น C6 การใชเ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสาร

6. กระดาษ 1 แผน สื่อการเรียนรูและแหลงเรียนรู

7. กระปองนาํ้ อัดลม 1 กระปอง 1. หนงั สอื เรยี น ป.3 เลม 2 หนา 35-38
2. แบบบันทึกกจิ กรรม ป.3 เลม 2 หนา 31-35
8. ไมจมิ้ ฟน 1 อนั 3. เว็บไซตส าํ นักกษาปณ www.royalthaimint.net
4. วดี ทิ ัศนตวั อยา งการปฏิบตั ิการวทิ ยาศาสตรส าํ หรบั ครู
9. ลวดเสียบกระดาษ 1 อนั
เรอ่ื งแมเหล็กดงึ ดดู อะไรไดบา ง http://ipst.me/8751
10. แกว พลาสตกิ 1 ใบ

11. ยางรดั ของ 1 เสน

12. กลอ งใสลวดเสยี บกระดาษ 1 กลอ ง

13. ดนิ สอไม 1 แทง

14. ตะปู 1 ตัว

15. เหรียญหาบาท 1 เหรียญ

86 สถาบันสงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี

คูมือครูรายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี ป.3 เลม 2 | หนวยที่ 4 แรงในชีวติ ประจําวนั

แนวการจดั การเรียนรู ในการตรวจสอบความรูเดิม
ครูรับฟงเหตุผลของนักเรียนเปน
1. ครตู รวจสอบความรูเ ดิมของนักเรียนเก่ียวกบั แรงแมเหลก็ โดยใหน ักเรียน สําคัญ ครูยังไมเฉลยคําตอบใด ๆ
สังเกตสิ่งท่ีเกิดข้ึนจากการทํากิจกรรม โดยผูกลวดเสียบกระดาษ แตชักชวนใหหาคําตอบที่ถูกตอง
แลวแขวนไวกับเสนเอ็น จากน้ันนําแทงแมเหล็กเขาใกลลวดเสียบ จากการทํากจิ กรรม
กระดาษ นักเรียนจะสังเกตเห็นลวดเสียบกระดาษอยูนิ่ง ไมหลนลงมา
โดยมีชองวางระหวางแมเหล็กกับลวดเสียบกระดาษ ดังรูป จากนั้นครูนาํ ตัวอยางการทาํ กจิ กรรม
อภิปรายโดยอาจใชค ําถามดงั นี้
1.1 เพราะเหตุใดลวดเสียบกระดาษจึงเคล่ือนท่ีเขาหาแทงแมเหล็กได ตัวอยา งการทาํ กิจกรรม
(นกั เรยี นตอบตามความคดิ ของตนเอง เชน มแี รงจากแมเหล็กดึงดูด
ใหล วดเสยี บกระดาษเคล่อื นทไี่ ด) ตวั อยา งการทาํ กิจกรรม
1.2 นักเรียนคิดวาจะเกิดอะไรข้ึน ถาครูนําแผนกระดาษเคล่ือนที่ผาน
ชองวางระหวางลวดเสียบกระดาษกับแทงแมเหล็ก (นักเรียนตอบ
ตามความคดิ ของตนเอง เชน ลวดเสยี บกระดาษยงั อยูน่งิ เหมือนเดิม
หรือลวดเสียบกระดาษจะตกสพู ืน้ )
จ า ก นั้ น ค รู ใ ช แ ผ น ก ร ะ ด า ษ เ ค ลื่ อ น ที่ ผ า น ช อ ง ว า ง ร ะ ห ว า ง

ลวดเสียบกระดาษกับแทงแมเหล็ก ซึ่งผลที่เกิดขึ้นคือลวดเสียบ

กระดาษก็อยูนิ่งเหมือนเดิม ครูใหนักเรียนลองคิดหาเหตุผลวาเพราะ

เหตุใดจงึ เปน เชนนัน้

1.3 ถาครูเปล่ียนจากกระดาษแผนบาง ๆ เปนวัตถุอื่น เชน กรรไกร
แผนไม หรือแผนพลาสติก นักเรียนคิดวาผลการทํากิจกรรมจะเปน
เหมือนเดิมหรือไม เพราะเหตุใด (นักเรียนตอบตามความคิดของ
ตนเอง โดยครูยังไมเฉลยคําตอบ แตจะใหนักเรียนไปหาความรูจาก
กจิ กรรม หลงั จากนัน้ จะกลับมาเฉลยคําตอบนอี้ ีกครั้ง)

2. ครูเช่ือมโยงความรูของนักเรียนเขาสูกิจกรรมท่ี 2.1 วากิจกรรมน้ีจะได
เรียนรเู กย่ี วกับแรงแมเหล็กและผลของแรงแมเหลก็ ที่กระทําตอวัตถุ

3. นักเรียนอานชื่อกิจกรรม และทําเปนคิดเปน จากนั้นรวมกันอภิปราย
เพื่อตรวจสอบความเขาใจเก่ียวกับจุดประสงคในการทํากิจกรรม โดยใช

คาํ ถาม ดงั น้ี

3.1 กิจกรรมน้ีนักเรียนจะไดเรียนเร่ืองอะไร (การดึงดูดของแมเหล็กท่ี
กระทําตอวัตถุ ลักษณะของแรงแมเหล็กและผลของแรงท่ีกระทํา
ตอวัตถ)ุ

สถาบนั สง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี 87

คมู ือครูรายวชิ าพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี ป.3 เลม 2 | หนวยท่ี 4 แรงในชีวติ ประจําวนั

3.2 นักเรียนจะไดเรียนรูเรื่องนี้ดวยวิธีใด (การสังเกตและการ ขอ เสนอแนะเพิ่มเติม
เปรยี บเทยี บ)
ครูอาจชี้แจงเพ่ิมเติมเกี่ยวกับ
3.3 เม่ือเรียนแลวนักเรียนจะทําอะไรได (จําแนกวัตถุโดยใชการดึงดูด แ ร ง สั ม ผั ส ซึ่ ง เ ป น แ ร ง ช นิ ด ห นึ่ ง ที่
กับแมเหล็กเปนเกณฑ และเปรียบเทียบลักษณะของแรงแมเหล็ก นักเรียนไดเรียนผานมาแลว โดยใน
กับแรงสมั ผสั และผลของแรงทกี่ ระทําตอ วัตถุ) กิ จ ก ร ร ม น้ี นั ก เ รี ย น จ ะ ไ ด นํ า เ รื่ อ ง
แ ร ง สั ม ผั ส ม า เ ป รี ย บ เ ที ย บ กั บ แ ร ง
4. นักเรียนบันทึกจุดประสงคลงในแบบบันทึกกิจกรรม หนา 31 และอาน อกี ชนดิ หนง่ึ ที่จะไดเ รียนในกจิ กรรมน้ี
สิง่ ทต่ี อ งใชใ นการทาํ กิจกรรม
ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรและ
5. นักเรียนอานทําอยางไร ทีละขอ โดยครูใชวิธีฝกทักษะการอานที่ ทักษะแหงศตวรรษท่ี 21
เหมาะสมกับความสามารถของนักเรยี น จากนั้นครูตรวจสอบความเขาใจ
เกี่ยวกับวิธีการทํากิจกรรม จนนักเรียนเขาใจลําดับการทํากิจกรรม โดย ท่ีนกั เรียนจะไดฝกจากการทํากิจกรรม
ใชคาํ ถามดังนี้
5.1 ในขั้นตอนแรกนักเรียนตองทําอะไร (นําแทงแมเหล็กเขาใกล S1 สังเกตการเปล่ียนแปลงการ
ลวดเหล็ก ลวดทองแดง ไมบรรทัดพลาสติก ยางลบ กระดาษ เคลื่อนท่ีของวัตถุตาง ๆ เมื่อนํา
กระปองน้ําอดั ลม และไมจิ้มฟน แลว สงั เกตสิ่งท่ีเกดิ ข้นึ ) แทง แมเหล็กมาเขาใกล
5.2 หลังจากทํากิจกรรมข้ันตอนแรก นักเรียนตองพยากรณเก่ียวกับ
เรื่องอะไร (เม่ือนําแทงแมเหล็กเขาใกลวัตถุอ่ืน ๆ ที่ทําจากวัสดุ S4 จําแนกประเภทวัตถุโดยใชการ
ตาง ๆ แมเ หล็กจะดงึ ดูดวัตถุใดบาง) ดึงดดู กับแมเหล็กเปนเกณฑ
5.3 หลังจากพยากรณและตรวจสอบการพยากรณแลว นักเรียนตอง
ทาํ อะไรตอ ไป (จาํ แนกวตั ถุโดยใชก ารดงึ ดูดกับแมเหลก็ เปนเกณฑ) S7 พยากรณวัตถุท่ีแมเหล็กสามารถ
5.4 หลังจากจําแนกวัตถุแลว นักเรียนตองสืบคนขอมูลและอภิปราย ดึงดดู ได
รวมกับเพ่ือนในประเด็นใด (แมเหล็กสามารถดึงดูดวัสดุประเภท
ใดบาง และสารแมเหล็กคอื อะไร) S8 ลงความเห็นจากขอมูลเกี่ยวกับ
5.5 ข้ันตอนสุดทายของกิจกรรม นักเรียนตองทําอะไร (รวมกัน วัสดทุ ่แี มเหล็กสามารถดึงดูดได
อภิปรายและเปรียบเทียบลักษณะและผลของแรงไมสัมผัสกับ
แรงสมั ผัสท่ีกระทําตอวตั ถ)ุ C4 สือ่ สารผลการทาํ กิจกรรมและ
ผลการสบื คนขอมูลเก่ียวกับ
6. เมื่อนักเรียนเขาใจวิธีการทํากิจกรรมในทําอยางไรแลว ใหนักเรียนรับ สารแมเ หล็กใหผอู ่นื เขา ใจ
อปุ กรณและเรม่ิ ปฏิบตั ติ ามขัน้ ตอนการทํากจิ กรรม
C5 ทํางานรวมกับผอู นื่ ในการทํา
7. หลังจากทํากิจกรรมแลว นักเรียนรวมกันอภิปรายผลการทํากิจกรรม กิจกรรมทดสอบการดงึ ดูดของ
ตามแนวคาํ ถามดงั นี้ แมเ หล็กกับวตั ถตุ าง ๆ
7.1 แมเ หลก็ ดงึ ดูดวตั ถใุ ดบา ง (ลวดเหลก็ ลวดเสียบกระดาษ ตะป)ู
7.2 แมเหล็กไมดึงดูดวัตถุใดบาง (ลวดทองแดง ไมบรรรทัดพลาสติก C6 เลอื กใชเทคโนโลยีในการสืบคน
ยางลบ กระดาษ กระปองน้ําอัดลม ไมจิ้มฟน แกวพลาสติก ขอมลู เก่ียวกับสารแมเหล็กจาก
ยางรัดของ) แหลง ทีม่ าทีน่ า เช่ือถือ

88 สถาบนั สง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี

คูมอื ครรู ายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี ป.3 เลม 2 | หนวยที่ 4 แรงในชีวิตประจาํ วนั

7.3 วัตถทุ ่ีแมเ หลก็ ดงึ ดูดได ทํามาจากวสั ดปุ ระเภทใด (ทาํ มาจากวัสดุท่ี ขอ เสนอแนะเพิ่มเติม
เปน เหล็ก)
ในการสืบคนขอมูลเกี่ยวกับ
7.4 ถาใชการดึงดูดของวัตถุกับแมเหล็กเปนเกณฑ จะแบงวัตถุไดเปน สารแมเหล็ก นักเรียนอาจพบ
กกี่ ลุม อะไรบา ง (2 กลมุ คือ กลมุ วัตถทุ แี่ มเหล็กดึงดูดได และกลุม ขอมูลท่ีหลากหลายซึ่งอาจเปน
วัตถุท่ีแมเ หล็กดงึ ดูดไมได) ขอมูลที่ซับซอนเกินกวาระดับช้ัน
ของนักเรียน ครูอาจชวยแนะนําวา
7.5 จากการสืบคนขอมูล สารแมเหล็กคืออะไร (นักเรียนตอบตาม นั ก เ รี ย น จ ะ ไ ด เ รี ย น เ พ่ิ ม เ ติ ม ใ น
ผลการสืบคนขอมูล เชน สารแมเหล็ก คือ วัสดุท่ีแมเหล็กสามารถ ระดับชนั้ ทีส่ งู ขนึ้ ไป
ดงึ ดดู ได ไดแก เหลก็ นิกเกิล โคบอลต)

7.6 แมเหลก็ ดงึ ดดู โลหะไดท ุกชนิดหรอื ไม อยางไร (แมเ หล็กไมสามารถ
ดึงดูดโลหะไดทุกชนิด โดยแมเหล็กดึงดูดไดเฉพาะเหล็กหรือวัตถุ
ที่มสี ารแมเหล็กเปน สวนประกอบ)

7.7 แรงแมเหล็กเปนแรงสัมผัสหรือไม เพราะเหตุใด (แรงแมเหล็กเปน
แรงไมสัมผัส เพราะแรงแมเหล็กสามารถทําใหวัตถุเคลื่อนท่ีได
โดยไมตอ งสมั ผสั วตั ถนุ ้นั )

7.8 แรงสัมผัสและแรงไมสัมผัสเหมือนหรือแตกตางกันอยางไร
(เหมือนกัน โดยแรงท้ังสองสามารถทําใหวัตถุเปลี่ยนแปลงการ
เคลื่อนที่ได แตแตกตางกันที่แรงสัมผัสตองมีการออกแรงสัมผัสกับ
วัตถุโดยตรง สวนแรงไมสัมผัสไมจําเปนตองออกแรงสัมผัสกับวัตถุ
โดยตรง)

8. ครูเปดโอกาสใหนักเรียนซักถามในสิ่งท่ีอยากรูเพ่ิมเติมเกี่ยวกับ
แรงแมเหล็ก จากนั้นรวมกันอภิปรายและลงขอสรุปวา แรงแมเหล็กเปน
แรงไมสัมผัส โดยแมเหล็กสามารถดึงดูดวัตถุที่เปนสารแมเหล็ก ไดแก
เหล็ก นิกเกิล โคบอลต โดยไมจําเปนตองสัมผัสกับวัตถุโดยตรง
ซ่ึงแตกตางจากแรงสัมผัสท่ีตองมีการสัมผัสกับวัตถุเพ่ือทําใหวัตถุ
เปลย่ี นแปลงการเคลือ่ นท่ี (S13)

9. ครูนําชุดอุปกรณการทํากิจกรรมชวงนําเขาสูบทเรียนมาใหนักเรียน
อธิบายสิ่งท่ีเกิดข้ึนและตอบคําถามที่ทิ้งไวในชวงตนอีกคร้ัง โดยครูและ
นักเรียนรว มกันอภปิ รายตามแนวคาํ ถาม ดังนี้
9.1 เพราะเหตุใดลวดเสียบกระดาษจึงไมหลนลงมา (เพราะมีแรงจาก
แมเหล็กดึงดดู ลวดเสียบกระดาษใหเ คลื่อนท่เี ขาหาแทง แมเหล็ก)
9.2 เพราะเหตุใดเมื่อเรานําแผนกระดาษมาเคลื่อนท่ีผานชองวาง
ระหวางแทงแมเหล็กกับลวดเสียบกระดาษ ลวดเสียบกระดาษ

สถาบันสงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี 89

คมู ือครูรายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี ป.3 เลม 2 | หนวยที่ 4 แรงในชีวิตประจาํ วนั

จึงไมเกิดการเปล่ียนแปลง (เพราะแทงแมเหล็กไมดึงดูดกระดาษ ถาครูพบวานักเรียนยังมี
ดงั น้นั แทง แมเ หล็กจงึ ยังคงดงึ ดดู กับลวดเสยี บกระดาษได) แนวคิดคลาดเคลื่อนเก่ียวกับ
9.3 นักเรยี นคิดวาถานําวตั ถอุ น่ื ๆ เชน กรรไกร แผนไม หรือ แผน วัตถุท่ีแมเหล็กสามารถดึงดูด
พลาสติก มาเคล่ือนที่ผานชองวางระหวางแทงแมเหล็กกับ ลวด ได ใหรวมกันอภิปรายจน
เสียบกระดาษ ผลการทํากจิ กรรมจะเหมือนกับการใชแผน กระดาษ นักเรียนมแี นวคิดทถี่ กู ตอ ง
หรือไม เพราะเหตุใด (ถาใชแผนไมหรือแผนพลาสติกผลการทํา
กิจกรรมจะเหมือนกับแผนกระดาษ เพราะท้ังแผนไมและแผน การเตรยี มตวั ลว งหนา สําหรับครู
พลาสติกไมใชสารแมเหล็กจึงไมดึงดูดกับแทงแมเหล็ก แตถาใช เพ่อื จดั การเรยี นรูในครง้ั ถัดไป
ปลายกรรไกรที่ทําจากเหลก็ มาเคล่ือนท่ีผาน แทงแมเหล็กจะดึงดูด
กรรไกรแทนลวดเสียบกระดาษ จึงทําใหลวดเสียบกระดาษตกลงสู ในครั้งถัดไป นักเรียนจะไดทํ า
พ้นื ) กิจกรรมท่ี 2.2 หาข้ัวแมเหล็กไดอยางไร
ครูใหน ักเรียนลองทาํ กิจกรรมเพอ่ื ตรวจสอบความคิดของตนเองอีกคร้งั โดยการสังเกตลักษณะการวางตัวของ
แทงแมเหล็กและระบุข้ัวของแมเหล็ก
10. ครูอาจใหนักเรียนทดสอบวัสดุตาง ๆ เพ่ิมเติม โดยใหนักเรียนนําวัตถุ ดังน้ันครูควรเตรียมอุปกรณตามรายการ
อ่ืน ๆ ที่นํามาทดสอบการดึงดูดของแมเหล็กตอวัตถุ โดยใหนักเรียน ใหพรอม และตรวจสอบแทงแมเหล็กให
รวมกันอภิปรายกอนวาวัตถุน้ัน ๆ ทํามาจากวัสดุอะไร และเมื่อนํา อยูในสภาพพรอมใชงานกอนนํามาทํา
แมเหล็กมาเขาใกล จะเกิดการดึงดูดกันหรือไม นอกจากนี้ครูอาจ กิจกรรม นอกจากน้ีครูควรเตรียมบริเวณ
ชักชวนนักเรียนทดสอบการดึงดูดของแมเหล็กกับเหรียญมูลคาตาง ๆ ท่ีใชสําหรับทํากิจกรรมคร้ังหนา โดยตอง
ที่ผลิตในปท่ีแตกตางกัน ซึ่งจะเห็นไดวาแมเหล็กไมไดดึงดูดเหรียญ เปนบริเวณท่ีไมอยูใกลสารแมเหล็ก เชน
ทุกชนิดหรือแมแตเหรียญชนิดเดียวกันก็อาจมีการดึงดูดกับแมเหล็กที่ ตูเ หล็ก โตะเหล็ก
แตกตางกันหากเปนปการผลิตที่แตกตางกัน ในชวงการอภิปรายน้ี
ครูอาจนําขอมูลเก่ียวกับสวนประกอบของเหรียญแตละชนิดจาก
เว็บไซตของสํานักกษาปณเพ่ือแสดงใหเห็นวาเหรียญมูลคาตาง ๆ
มีสวนประกอบแตกตางกัน โดยหากเหรียญนั้นมีสวนประกอบของ
สารแมเหล็กมากก็จะสามารถดึงดูดกับแมเหล็กได และในปท่ีผลิตท่ี
แตกตางกัน เหรียญบางมูลคาก็อาจมีสวนประกอบแตกตางกัน ดังนั้น
จงึ ทาํ ใหเกิดการดึงดดู กบั แมเ หลก็ ทแี่ ตกตางกนั

11. นักเรียนรวมกันอภิปรายเพื่อตอบคําถามใน ฉันรูอะไร โดยครูอาจใช
คําถามเพิ่มเตมิ เพ่ือใหไ ดแ นวคําตอบที่ถูกตอ ง

12. นักเรยี นอา นส่งิ ที่ไดเรยี นรู และเปรียบเทยี บกบั ขอ สรปุ ของตนเอง
13. ครูกระตุนใหนักเรียนฝกตั้งคําถามเกี่ยวกับเร่ืองท่ีสงสัยหรืออยากรู

เพ่ิมเติมใน อยากรูอีกวา จากน้ันครูอาจสุมนักเรียน 2 -3 คน นําเสนอ
คําถามของตนเองหนาชั้นเรียน จากน้ันนักเรียนรวมกันอภิปราย
เก่ยี วกับคําถามทน่ี าํ เสนอ

90 สถาบนั สง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี

คมู ือครรู ายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี ป.3 เลม 2 | หนวยที่ 4 แรงในชีวติ ประจาํ วนั

14. ครูชักชวนนักเรียนรวมกันอภิปรายคําถามในชวนคิด ในหนังสือเรียน
หนา 38 วาถา เรานําดานอนื่ ๆ นอกจากปลายของแทงแมเหล็กเขาใกล
สารแมเหล็ก จะมีแรงแมเหล็กกระทําตอสารแมเหล็กนั้นหรือไม
อยางไร โดยอาจใชเวลานอกช่ัวโมงเรยี นใหนักเรียนไปสืบคนขอมูลเพื่อ
หาคําตอบ

15. ครูนําอภิปรายเพื่อใหนักเรียนทบทวนวาไดฝกทักษะกระบวนการทาง
วทิ ยาศาสตรและทักษะแหงศตวรรษท่ี 21 อะไรบา งและในขั้นตอนใด

ความรเู พิ่มเติมสาํ หรับครู

สวนประกอบของเหรียญมลู คาตาง ๆ
เหรียญกษาปณห มุนเวียนปจ จุบนั รัชกาลท่ี 10

ทมี่ า : สาํ นกั กษาปณ (www.royalthaimint.net) 91
สืบคนเมื่อเดือนมนี าคม 2563

สถาบนั สง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี

คูมือครูรายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี ป.3 เลม 2 | หนวยท่ี 4 แรงในชีวิตประจําวนั

ความรเู พิ่มเติมสําหรับครู

สังกะสี ท่ีใชมุงหลังคาจะมีเหล็กเปนองคประกอบหลัก แลวเคลือบดวยโลหะสังกะสี เพ่ือปองกัน
การเกิดสนิม แมเหล็กจงึ สามารถดึงดูดสงั กะสที ี่ใชม ุงหลงั คาได

วธิ ีการปอ งกันการเกิดสนมิ เหลก็ อกี วธิ หี นึ่ง คอื การทําเหลก็ กลา ไรส นมิ หรือสเตนเลส ซงึ่ เปน เหลก็
ทที่ นทานตอการกัดกรอน ผลติ ขนึ้ ครัง้ แรกในป ค.ศ. 1903 โดยการเติมโครเมียมลงในเหล็กกลา ธรรมดา

92 สถาบนั สงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี

คมู อื ครูรายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี ป.3 เลม 2 | หนวยที่ 4 แรงในชีวติ ประจําวัน

แนวคําตอบในแบบบนั ทกึ กิจกรรม

1. สังเกตและจาํ แนกวัตถุโดยใชก ารดงึ ดูดกบั แมเ หล็กเปนเกณฑ
2. เปรยี บเทยี บลกั ษณะและผลของแรงไมสัมผัสกบั แรงสัมผัสท่กี ระทําตอวตั ถุ










สถาบันสงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี 93

คมู ือครูรายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี ป.3 เลม 2 | หนวยที่ 4 แรงในชีวิตประจําวัน


นักเรยี นพยากรณต ามความคิดของตนเอง








94 สถาบันสงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี

คมู ือครรู ายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี ป.3 เลม 2 | หนวยที่ 4 แรงในชีวติ ประจาํ วัน

ลวดเหลก็ ลวดเสียบกระดาษ ตะปู

เหล็ก

ลวดทองแดง ไมบรรทัดพลาสติก ยางลบ
กระดาษ กระปองน้าํ อัดลม ไมจมิ้ ฟน แกวพลาสตกิ ยางรัดของ
กลองใสลวดเสยี บกระดาษ ดนิ สอไม เหรียญหาบาท

ทองแดง พลาสติก ยาง กระดาษ อะลูมิเนยี ม ไม

วตั ถุที่แมเหลก็ ดึงดดู ได
เหล็ก นกิ เกลิ โคบอลต

แหลงขอมลู ทน่ี ักเรียนสืบคน เชน www.scimath.org
www.ngthai.com

 95
เปล่ยี นแปลงการเคลอื่ นทีไ่ ด
เปล่ยี นแปลงการเคลื่อนท่ไี ด

สถาบันสง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี

คมู ือครรู ายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี ป.3 เลม 2 | หนวยที่ 4 แรงในชวี ติ ประจาํ วนั

มแี รงกระทาํ รูไดจ ากวตั ถนุ ้นั มีการเปลยี่ นแปลงการเคลอื่ นท่ี

สารแมเหล็ก ไดแก เหล็ก นิกเกลิ โคบอลต

ทงั้ แรงไมสัมผสั และแรงสมั ผัสเปนแรงทีก่ ระทาํ ตอ วตั ถุโดยมผี ลทาํ ใหวัตถุเปล่ยี นแปลง
การเคล่ือนทไ่ี ดเ หมอื นกัน แตต า งกันที่แรงไมสัมผสั เปนแรงท่ีทาํ ใหวัตถุเปลี่ยนแปลง
การเคลอื่ นทโ่ี ดยไมจ าํ เปน ตองสัมผัสกับวัตถุน้ัน สวนแรงสมั ผสั เปนแรงที่ตองมี
การสัมผัสกบั วัตถโุ ดยตรงจึงจะทาํ ใหวัตถเุ ปล่ียนแปลงการเคลอื่ นทไ่ี ด

วัสดุท่แี มเหล็กสามารถดึงดดู ได คอื เหลก็ นกิ เกลิ โคบอลต สวนวัสดุทีแ่ มเหล็ก
ไมสามารถดึงดดู ได เชน อะลมู ิเนยี ม ไม ทองแดง ยาง กระดาษ

แรงแมเหล็กเปนแรงไมสัมผัส โดยแมเหลก็ จะมแี รงกระทาํ ตอ สารแมเ หล็ก
โดยไมจําเปนตองสัมผัสกับสารแมเหล็ก แตกตางจากแรงสมั ผัสทตี่ องออกแรงกระทาํ
โดยการสัมผัสกับวตั ถโุ ดยตรง

แมเหล็กสามารถดึงดดู สารแมเ หลก็ ได แรงแมเ หล็กเปน แรงไมส มั ผัส
ซึง่ แตกตา งจากแรงสัมผัส โดยแรงไมสมั ผสั ไมจาํ เปนตอ งออกแรงกระทํา
ตอ วัตถุโดยตรงเพ่อื ทาํ ใหว ตั ถุเปลีย่ นแปลงการเคลอื่ นท่ี

96 สถาบันสงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี

คูม อื ครรู ายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี ป.3 เลม 2 | หนวยท่ี 4 แรงในชีวติ ประจาํ วนั

คําถามของนักเรียนทตี่ ้ังตามความอยากรขู องตนเอง

ถา เรานาํ ดา นอ่นื ๆ นอกจากดานปลายของแทงแมเ หลก็ เขา ใกลส ารแมเหล็ก
เชน ลวดเสียบกระดาษ จะมีแรงแมเหล็กกระทําตอลวดเสียบกระดาษ
โดยสามารถดึงดูดลวดเสียบกระดาษไดทุกดานของแทงแมเหล็ก ดังนั้น
จะเห็นไดว า รอบ ๆ แทง แมเ หลก็ มแี รงแมเ หล็ก

สถาบันสง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี 97

คูม ือครูรายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี ป.3 เลม 2 | หนวยท่ี 4 แรงในชีวิตประจาํ วัน

แนวการประเมินการเรียนรู

การประเมินการเรียนรูข องนักเรียนทําได ดงั น้ี
1. ประเมนิ ความรเู ดิมจากการอภิปรายในช้ันเรียน
2. ประเมนิ การเรยี นรูจากคําตอบของนักเรยี นระหวางการจดั การเรยี นรูและจากแบบบันทึกกิจกรรม
3. ประเมนิ ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรและทกั ษะแหงศตวรรษที่ 21 จากการทาํ กจิ กรรมของนกั เรยี น

การประเมนิ จากการทาํ กจิ กรรมท่ี 2.1 แรงแมเ หล็กเปน อยางไร

รหสั สงิ่ ทป่ี ระเมิน คะแนน

ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร
S1 การสังเกต
S4 การจาํ แนกประเภท
S7 การพยากรณ
S8 การลงความเหน็ จากขอมลู
S13 การตีความหมายขอ มลู และลงขอสรุป
ทักษะแหงศตวรรษท่ี 21
C4 การส่อื สาร
C5 ความรว มมอื
C6 การใชเทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอื่ สาร

รวมคะแนน

98 สถาบนั สงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี

คมู ือครูรายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี ป.3 เลม 2 | หนวยที่ 4 แรงในชีวิตประจาํ วนั

ตาราง รายการประเมินและเกณฑการประเมินทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร

ทกั ษะ รายการประเมนิ เกณฑการประเมนิ
กระบวนการทาง
การใชป ระสาทสัมผสั ดี (3) พอใช (2) ควรปรับปรุง (1)
วทิ ยาศาสตร เกบ็ รายละเอียด
เกยี่ วกบั การ สามารถใชป ระสาท สามารถใชประสาท สามารถใชป ระสาท
S1 การสงั เกต เปลย่ี นแปลงการ สมั ผัสเก็บรายละเอียด
เคลื่อนท่ีของวัตถุตางๆ เกยี่ วกบั การ
เม่ือนาํ แทง แมเ หลก็ เปลี่ยนแปลงการ สัมผสั เกบ็ รายละเอียด สมั ผสั เกบ็ รายละเอยี ด
เขาใกลวตั ถตุ าง ๆ เคลือ่ นที่ของวัตถุตาง ๆ
เมือ่ นําแทง แมเหลก็ เกย่ี วกับการ เกยี่ วกบั การเปลยี่ นแปลง
เขา ใกลวตั ถุตาง ๆ ได
ถูกตองดวยตนเอง เปลี่ยนแปลงการ การเคล่อื นที่ของวตั ถุ

เคลื่อนท่ีของวัตถตุ า งๆ ตา งๆเมื่อนาํ แทงแมเหล็ก

เมือ่ นาํ แทงแมเหลก็ เขา ใกลว ัตถตุ าง ๆ ได

เขา ใกลวัตถุตาง ๆ ได ถกู ตองบางสว น แมว าจะ

ถูกตองจากการช้แี นะ ไดร บั คําช้แี นะจากครู

ของครหู รือผูอ่นื หรอื ผอู นื่

S4 ก า ร จํ า แ น ก การจําแนกประเภท สามารถจาํ แนกประเภท สามารถจําแนก สามารถจําแนกประเภท
ของวัตถุตาง ๆ โดยใช
ประเภท ของวตั ถุตา ง ๆ โดยใช การดึงดดู กบั แมเหล็ก ประเภทของวตั ถุตาง ๆ ของวัตถุตา ง ๆ โดยใช
เปนเกณฑไ ดอยา ง
การดึงดดู กับแมเ หล็ก ถกู ตองดว ยตนเอง โดยใชก ารดึงดดู กับ การดงึ ดูดกับแมเ หล็ก

เปน เกณฑ แมเหลก็ เปนเกณฑได เปน เกณฑไ ดถูกตอง

อยางถูกตองจากการ บางสว น แมวา จะได

ชแี้ นะของครูหรือผอู ืน่ รับคําชแี้ นะจากครหู รอื

ผูอ ื่น

S7 การพยากรณ การพยากรณเกี่ยวกับ สามารถพยากรณ สามารถพยากรณ สามารถพยากรณ

ส่ิงที่จะเกิดข้ึนเมื่อนํา เกีย่ วกับส่ิงทจี่ ะเกดิ ขึ้น เกี่ยวกับส่งิ ทจ่ี ะเกิดขึ้น เกีย่ วกบั ส่ิงทีจ่ ะเกิดขึน้

แทงแมเหล็กเขาใกล เมื่อนาํ แทงแมเหลก็ เมอื่ นําแทงแมเหล็ก เม่ือนําแทง แมเ หล็ก

วัตถุท่ีทําจากวัสดุชนิด เขาใกลว ตั ถุที่ทาํ จาก เขา ใกลว ัตถุท่ที ําจาก เขา ใกลว ตั ถุทีท่ าํ จาก
ตาง ๆ วสั ดชุ นดิ ตา ง ๆ ได
สมเหตุสมผลดวยตนเอง วสั ดชุ นิดตา ง ๆ ได วัสดชุ นดิ ตาง ๆ ได

สมเหตสุ มผลจากการ สมเหตุสมผลบางสว น

ช้ีแนะของครหู รือผูอืน่ แมว าจะไดร ับคาํ ช้แี นะ

จากครูหรือผูอ่นื

สถาบันสง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี 99

คูมือครูรายวชิ าพน้ื ฐานวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี ป.3 เลม 2 | หนวยท่ี 4 แรงในชวี ิตประจาํ วัน

ทกั ษะ รายการประเมนิ ดี (3) เกณฑก ารประเมิน ควรปรบั ปรงุ (1)
กระบวนการทาง
การลงความเหน็ จาก สามารถลงความเห็นจาก พอใช (2) สามารถลงความเหน็ จาก
วทิ ยาศาสตร ขอมูลเกย่ี วกบั วัสดุที่ ขอมลู เก่ยี วกับวสั ดุท่ี ขอ มูลเกี่ยวกบั วัสดทุ ี่
แมเ หล็กสามารถดงึ ดดู แมเหลก็ สามารถดึงดูดได สามารถลงความเห็น แมเหลก็ สามารถดงึ ดดู ได
S8 การลง ได ถกู ตองดว ยตนเอง จากขอมูลเกย่ี วกับวสั ดุ ถกู ตองบางสวน แมวาจะ
ทแ่ี มเหลก็ สามารถ ไดรบั คาํ ช้แี นะจากครู
ความเหน็ จาก ดงึ ดดู ไดถกู ตองจาก หรือผอู น่ื
การช้ีแนะของครูหรือ
ขอมูล ผอู ื่น

S13 การ การตคี วามหมาย สามารถตคี วามหมาย สามารถตีความหมาย สามารถตคี วามหมาย
ตีความหมาย
ขอ มูลและลง ขอ มลู จากการสังเกต ขอมูลจากการสังเกต ขอ มูลจากการสงั เกต ขอมลู จากการสงั เกต
ขอสรุป
อภิปราย และสืบคน อภิปราย และสืบคน อภปิ ราย และสืบคน อภิปราย และสืบคน

ขอมูล และลงขอสรุป ขอ มูลและลงขอสรปุ ได ขอมูลและลงขอสรุปได ขอ มูลไดถูกตองบางสว น

ไดวา แมเหลก็ สามารถ ดว ยตนเองวา แมเหล็ก ถกู ตองจากการชแ้ี นะ แมวา จะไดร บั คําชแี้ นะ

ดึงดูดวัตถุทที่ ําจาก สามารถดงึ ดูดวตั ถุทท่ี าํ ของครหู รอื ผอู ่นื วา จากครหู รอื ผูอื่นวา

สารแมเหลก็ แรง จากสารแมเหลก็ แรง แมเหลก็ สามารถ แมเ หล็กสามารถ

แมเหลก็ เปนแรงไม แมเหล็กเปน แรงไมสมั ผัส ดึงดดู วัตถุท่ีทําจาก ดึงดูดวัตถุทที่ ําจาก

สมั ผัส ซึ่งแตกตางจาก ซง่ึ แตกตางจากแรง สารแมเหล็ก แรง สารแมเหลก็ แรง

แรงสมั ผัสโดยแรงไม สัมผสั โดยแรงไมส มั ผัส แมเ หล็กเปน แรง แมเ หล็กเปนแรงไมสมั ผัส

สมั ผัสไมจ าํ เปน ตอง ไมจ าํ เปน ตองออกแรง ไมส มั ผสั ซ่ึงแตกตา ง แตส รปุ ความแตกตาง

ออกแรงกระทําตอ วัตถุ กระทาํ ตอ วัตถโุ ดยตรง จากแรงสมั ผัสโดยแรง ระหวางแรงสัมผสั และ

โดยตรงเพอ่ื ทําใหว ัตถุ เพ่ือทาํ ใหวตั ถุ ไมสมั ผสั ไมจ ําเปนตอง แรงไมส ัมผสั ไมช ัดเจน

เปลี่ยนแปลงการ เปลย่ี นแปลงการ ออกแรงกระทําตอ วัตถุ

เคล่ือนที่ เคล่ือนที่ โดยตรงเพ่ือทําใหว ัตถุ

เปล่ยี นแปลงการ

เคล่ือนท่ี

100 สถาบนั สงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี

คมู ือครรู ายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี ป.3 เลม 2 | หนวยที่ 4 แรงในชีวิตประจําวัน

ตาราง รายการประเมนิ และเกณฑการประเมินทักษะแหงศตวรรษที่ 21

ทกั ษะแหง รายการประเมิน เกณฑการประเมิน
ศตวรรษที่ 21
C4 การสื่อสาร ดี (3) พอใช (2) ควรปรบั ปรุง (1)

C5 ความรว มมือ การอภิปรายสือ่ สาร สามารถอภปิ รายส่ือสาร สามารถอภิปรายสื่อสาร สามารถอภิปรายสื่อสาร

C6 การใช ผลการทาํ กจิ กรรม ผลการทํากิจกรรมและ ผลการทาํ กิจกรรมและผล ผลการทํากิจกรรมและ
เทคโนโลยี
สารสนเทศและ และผลการสืบคน ผลการสบื คน ขอ มลู การสืบคน ขอมลู เก่ียวกบั ผลการสบื คนขอมลู
การสอ่ื สาร
ขอ มลู เก่ียวกับสาร เก่ียวกบั สารแมเหล็ก สารแมเ หล็กและการ เก่ียวกบั สารแมเหล็ก

แมเ หล็กและการ และการเปรียบเทยี บ เปรียบเทียบแรงไมสมั ผัส และการเปรยี บเทยี บ

เปรยี บเทยี บแรงไม แรงไมส มั ผสั กับ กับแรงสมั ผัสใหผ ูอื่น แรงไมสัมผัสกับ

สมั ผสั กับแรงสัมผสั แรงสัมผัสใหผอู น่ื เขา ใจ เขาใจไดถกู ตองมีเหตผุ ล แรงสัมผัสใหผ อู ่นื เขา ใจ

ไดถูกตอ งมเี หตผุ ลดวย โดยอาศัยการชีแ้ นะของ ได แตยงั ไมเปนเหตุเปน

ตนเอง ครูหรอื ผอู ่ืน ผล แมว าจะไดรบั การ

ช้ีแนะจากครหู รือผูอ่นื

การทํางานรวมกบั สามารถทํางานรว มกับ สามารถทาํ งานรวมกับ สามารถทาํ งานรวมกบั

ผอู ืน่ ในการทาํ ผอู ่นื ในการทํากจิ กรรม ผูอ ื่นในการทํากิจกรรม ผอู น่ื ในการทาํ กิจกรรม

กิจกรรม อภปิ ราย อภิปราย และสบื คน อภิปราย และสบื คน อภิปราย และสบื คน

และสืบคนขอมูล ขอมูลเกี่ยวกับการดงึ ดูด ขอมูลเกย่ี วกบั การดงึ ดดู ขอมลู เก่ียวกบั การดงึ ดดู

เก่ียวกับการดึงดดู ของแมเ หล็กกบั วตั ถุ ของแมเหล็กกบั วตั ถุ ของแมเ หล็กกบั วตั ถุ

ของแมเหลก็ กบั วัตถุ ตา งๆ และการ ตาง ๆ และการ ตา ง ๆ และการ

ตา ง ๆ และการ เปรยี บเทยี บแรง เปรยี บเทยี บแรงไมส ัมผสั เปรยี บเทียบแรง

เปรยี บเทียบแรง ไมส ัมผัสแรงสัมผัส กบั แรงสัมผัส รวมทั้ง ไมส มั ผัสกบั แรงสัมผัส

ไมส ัมผสั กับแรง รวมทั้งยอมรบั ความ ยอมรับความคดิ เห็นของ รวมทัง้ ยอมรับความ

สัมผัส รวมทั้ง คิดเหน็ ของผูอ ืน่ ตลอด ผอู ื่นในบางชวงเวลาที่ทํา คดิ เหน็ ของผูอ่ืนบาง

ยอมรับความคิดเห็น ชว งเวลาของการทาํ กิจกรรม ชว งเวลาทท่ี าํ กจิ กรรม

ของผูอ่ืน กจิ กรรม ทัง้ นี้ตองอาศัยการ

กระตนุ จากครหู รือผูอ่นื

การเลือกใช สามารถเลอื กใช สามารถเลอื กใช สามารถเลือกใช

เทคโนโลยเี พอื่ สบื คน เทคโนโลยีเพ่ือสืบคน เทคโนโลยเี พ่อื สืบคน เทคโนโลยเี พอื่ สบื คน

ขอมูลเกี่ยวกับ ขอมลู เกย่ี วกับ ขอ มลู เกย่ี วกับ ขอมูลเกย่ี วกบั

สารแมเหล็กจากสื่อ สารแมเหล็กจากสื่อที่ สารแมเหล็กจากส่ือท่ี สารแมเหล็กไดแตไม

ทีน่ า เชื่อถือ นาเชือ่ ถือไดด วยตนเอง นา เช่ือถอื ไดจ ากการ สมบูรณ แมว าจะได

ชแ้ี นะของครูหรือผูอ นื่ รับคาํ ชี้แนะจากครูหรือ

ผูอืน่

สถาบนั สงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี 101

คูม ือครรู ายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ป.3 เลม 2 | หนวยที่ 4 แรงในชวี ติ ประจาํ วนั

กิจกรรมท่ี 2.2 หาขัว้ แมเหล็กไดอ ยางไร

กิจกรรมนี้นักเรียนจะทํากิจกรรมเพื่อหาข้ัวแมเหล็ก

จากการสังเกตลักษณะการวางตัวของแทงแมเหล็กท่ีแขวน

ใหแ กวงไดอยา งอิสระ

เวลา 2 ชั่วโมง
จดุ ประสงคก ารเรียนรู

1. สังเกตและอธิบายลกั ษณะการวางตัวของ

แทงแมเ หล็กท่ีแขวนน่งิ

2. สงั เกตและระบขุ ัว้ ของแมเหล็ก

วสั ดุ อุปกรณสาํ หรบั ทํากจิ กรรม

ส่ิงทค่ี รูตองเตรียม/กลุม

1. แทง แมเ หล็กแบบที่มสี ที แ่ี ตกตา งกันในแตละดา น

และมสี ัญลกั ษณ N S บนแทง แมเ หล็ก 1 แทง

2. แทง ไม 1 ทอ น

3. เกา อี้ไมหรือเกาอพ้ี ลาสติก 2 ตวั สือ่ การเรียนรแู ละแหลงเรียนรู

4. เชือกฟาง 1 เสน 1. หนงั สอื เรยี น ป.3 เลม 2 หนา 39-41

5. เทปกาว 1 มวน 2. แบบบันทกึ กิจกรรม ป.3 เลม 2 หนา 36-39
3. วดี ทิ ศั นตัวอยางการปฏบิ ตั กิ ารทางวทิ ยาศาสตร
6. ไมบ รรทัดพลาสติก 1 อนั
สาํ หรับครูเรอ่ื งหาขัว้ แมเหล็กไดอยา งไร
7. เขม็ ทิศ 1 อนั
http://ipst.me/8752
ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร

S1 การสังเกต

S8 การลงความเหน็ จากขอมลู

S13 การตคี วามหมายขอมูลและลงขอ สรปุ

ทกั ษะแหงศตวรรษที่ 21

C4 การสอ่ื สาร

C5 ความรวมมือ

102 สถาบนั สง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี

คูมือครรู ายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ป.3 เลม 2 | หนวยที่ 4 แรงในชีวิตประจาํ วัน

แนวการจดั การเรียนรู ในการตรวจสอบความรูเดิม
ครูรับฟงเหตุผลของนักเรียนเปน
1. ครูตรวจสอบความรูเดิมของนักเรียนเกี่ยวกับขั้วของแมเหล็ก โดยครูเลา สําคัญ ครูยังไมเฉลยคําตอบใด ๆ
สถานการณใหนักเรียนฟง ดังน้ี ถาครูนําของไปซอนไวทางทิศเหนือ แตชักชวนใหหาคําตอบท่ีถูกตอง
ของหอง และตองการใหนักเรียนหาของชิ้นนั้นใหพบ นักเรียนจะทําได จากการทํากิจกรรม
อยางไร โดยครูอาจใชแนวคาํ ถามเพื่อนําไปสูการอภปิ ราย ดังนี้
1.1 ถานักเรียนตองการหาของท่ีอยูในทิศท่ีครูกําหนด นักเรียนจะใช
อุปกรณใดในการระบุทิศ (นักเรียนตอบตามความคิดของตนเอง
เชน เข็มทศิ แทงแมเ หลก็ )
1.2 เพราะเหตุใดนักเรยี นจึงเลือกใชอุปกรณดังกลา ว (นักเรียนตอบตาม
ความคิดของตนเอง เชน เพราะเข็มทิศหรือแทงแมเหล็กใชใน
การหาทิศได)
1.3 เข็มทิศหรือแทงแมเหล็กท่ีนักเรียนเคยเห็นมีลักษณะอยางไร
(นักเรียนตอบตามความเขาใจของตนเอง เชน เขม็ ทิศมีลักษณะเปน
หนาปดวงกลม มีเข็มอยูดานใน ที่ปลายเข็มมีสีปายอยู สวนแทง
แมเหล็กมีลักษณะเปนแทง มี 2 สี มีสัญลักษณ N S แสดงท่ีปลาย
แทง แมเหล็ก)
ครูเช่ือมโยงความรูจากท่ีนักเรียนเคยเห็นหรือใชแทงแมเหล็กวา
นักเรียนเคยเห็นหรือใชแทงแมเหล็กที่มีสี 2 สีหรือไม อยางไร และการ
กําหนดสีของแทงแมเหล็กทําไปเพื่ออะไร ครูชักชวนนักเรียนไปหา
คําตอบจากการทํากจิ กรรม

2. นักเรียนอานช่ือกิจกรรม และทําเปนคดิ เปน จากนั้นรวมกันอภปิ ราย
เพื่อตรวจสอบความเขาใจเกี่ยวกับจุดประสงคในการทํากิจกรรม โดย
ใชค าํ ถาม ดงั นี้
2.1 กิจกรรมนี้นักเรียนจะไดเรียนเรื่องอะไร (ลักษณะการวางตัว
ของแทงแมเ หล็กท่แี ขวนนิง่ และการระบขุ ัว้ ของแมเ หล็ก)
2.2 นักเรียนจะไดเ รียนรเู ร่ืองนี้ดวยวธิ ีใด (การสังเกต)
2.3 เม่ือเรียนจบแลว นักเรียนจะทําอะไรได (สามารถอธิบาย
ลักษณะการวางตัวของแทงแมเหล็กท่ีแขวนนิ่ง และสามารถ
ระบุขวั้ ของแมเหล็กได)

3. นักเรยี นบันทึกจุดประสงคล งในแบบบนั ทึกกจิ กรรม หนา 36 และอาน
สง่ิ ทีต่ อ งใชใ นการทาํ กิจกรรม

สถาบนั สงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี 103

คมู ือครูรายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี ป.3 เลม 2 | หนวยที่ 4 แรงในชวี ิตประจาํ วัน

4. นักเรียนอานทําอยางไร ทีละขอ โดยครูใชวิธีฝกทักษะการอานที่ ขอ เสนอแนะเพม่ิ เตมิ
เหมาะสมกับความสามารถของนักเรียน จากนั้นครูตรวจสอบความ
เขาใจเก่ียวกับวิธีการทํากิจกรรม จนนักเรียนเขาใจลําดับการทํา 1. ในขั้นตอนของการระบุทิศตาง ๆ ในหองเรียน
กจิ กรรม โดยใชคาํ ถามดังน้ี นักเรียนตองใชเข็มทิศเปนเครื่องมือในการหา
4.1 ในข้ันตอนแรกของการทํากิจกรรม นักเรียนตองทําอะไร (รวมกัน ทิศตาง ๆ ครูอาจสาธิตวิธีการใชเข็มทิศเพื่อให
อภิปรายเพ่ือระบุทิศตาง ๆ ของหองเรียนโดยใชเข็มทิศแลวเขียน นกั เรียนเขาใจตรงกนั โดยวางเขม็ ทศิ ในแนวราบ
บนฝามือ แลวสังเกตท่ีปลายของเข็มทิศท่ี
ชอ่ื ทศิ ตา ง ๆ ติดไวทผ่ี นังของหองเรยี น) ปายสีไววาชี้ไปทางใด ซึ่งทางนั้น คือ ทิศเหนือ
4.2 หลังจากระบุทิศของหองเรียนแลว นักเรียนตองทําอะไรตอไป ของหองเรียน จากน้ันใหนักเรียนหมุนทหี่ นาปด
ของเข็มทิศเพ่ือทําใหตัวอักษร N บนเข็มทิศมา
(สังเกต อภิปรายลักษณะของแทง แมเ หลก็ และนาํ เสนอ) อยูตรงปลายเข็ม ทําเชนน้ีนักเรียนก็จะสามารถ
4.3 ในการทํากิจกรรมน้ี นักเรียนตองจัดอุปกรณอยางไร (ใชปลาย ระบุทศิ ทเ่ี หลอื ไดจ ากตัวอักษรทีแ่ สดงบนเข็มทิศ
วาแตล ะทศิ อยทู างใดของหองเรยี น
ดานหนึ่งของเชือกฟางผูกบริเวณกึ่งกลางของแทงแมเหล็ก
ปลายเชือกอีกดานผูกกับแทงไม จากนั้นนําแทงไมไปวางพาด 2. ตําแหนงที่ใชแขวนแทงแมเหล็กควรหางจาก
วัตถุท่ีทําจากเหล็ก เชน เกาอี้หรือโตะเหล็ก
ระหวางเกาอี้ โดยใหแทงแมเหล็กลอยอยูเหนือพ้ืน แลวรอจน ตูเหล็ก กลองดินสอเหล็ก หรือแมเหล็ก
แทงแมเหล็กหยดุ นิ่ง) แทงอื่น ๆ ดวย เพื่อใหผลการทํากิจกรรมไม
ผดิ พลาด
4.4 สิ่งที่นักเรียนตองสังเกตคืออะไร (สังเกตแนวการวางตัวของ
แทงแมเหล็กและตัวอักษรท่ีอยูบนแทงแมเหล็กท่ีชีไ้ ปยังทิศตาง ๆ 3. ควรฉีกเชือกฟางเปนเสนเล็ก ๆ แตไมควรใช
เสนดายแทนเชือกฟางเพราะแทงแมเหล็กจะ
โดยเทยี บกับชอื่ ทศิ ตาง ๆ ที่ตดิ ไวในหอ งเรียน) หมุนไปตามเกลียวของเสนดาย จึงทําใหแทง
4.5 เม่ือสังเกตแนวการวางตัวของแทงแมเหล็กแลว นักเรียนตองทํา แมเหลก็ หยดุ หมุนไดยากกวา

อะไรตอไป (วางไมบรรทัดบนพ้ืนในแนวเดียวกันกับการวางตัว 4. ในการปด แทงแมเหลก็ ใหหมนุ ในแตล ะครั้ง ควร
ของแทง แมเ หลก็ จากนน้ั ติดเทปกาวท่ีปลายทงั้ สองของไมบรรทัด ปดเบา ๆ เนื่องจากถาปดแรงจะใชเวลานานใน
การรอใหแ ทง แมเหล็กหยุดหมนุ
พรอมกับเขียนตวั อักษรบนเทปกาวใหตรงกบั ตัวอักษรที่ปลายของ
แทงแมเ หลก็ ) เขม็ ทิศ

4.6 หลังจากเขียนตัวอักษรบนไมบรรทัดแลว ตองทําอยางไร (ใชมือ
ปดแทงแมเหล็กใหหมุน แลวรอจนหยุดน่ิง สังเกตแนวการวางตัว

ของแทงแมเหล็ก และตัวอักษรที่ปลายของแทงแมเหล็กเทียบกับ
แนวการวางตัวของไมบรรทัด และตัวอักษรท่ีปลายไมบรรทัด

หลงั จากนน้ั ใหท ํากจิ กรรมแบบเดิมซา้ํ อีกครั้ง)
5. เมื่อนักเรียนเขาใจวิธีการทํากิจกรรมในทําอยางไรแลว ครูอภิปราย

รวมกับนักเรียนวาจะบันทึกผลในแบบบันทึกกิจกรรมอยางไร
จากน้ันใหนักเรียนรับอุปกรณและเริ่มปฏิบัติตามข้ันตอนการทํา
กจิ กรรม

104 สถาบนั สง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี

คูม ือครูรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ป.3 เลม 2 | หนวยท่ี 4 แรงในชีวติ ประจาํ วนั

6. ครูใหความรูเพ่ิมเติมวาหากไมมีเข็มทิศ นักเรียนอาจระบุทิศไดจาก ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรและ
การสังเกตการข้ึนและตกของดวงอาทิตยโดยนักเรียนจะไดเรียนรู ทกั ษะแหงศตวรรษที่ 21
อีกครงั้ ในหนวยท่ี 5 การขนึ้ และตกของดวงอาทิตย
ที่นกั เรยี นจะไดฝก จากการทํากจิ กรรม
7. หลังจากทํากิจกรรมแลว นักเรียนรวมกันอภิปรายผลการทํากิจกรรม
ตามแนวคาํ ถามดังนี้ S1 สังเกตลักษณะของแทงแมเหล็ก
7.1 แทงแมเ หล็กที่นกั เรยี นใชมีลกั ษณะอยา งไร (แทง แมเหลก็ มี 2 สี โดย แ ล ะ แ น ว ก า ร ว า ง ตั ว ข อ ง แ ท ง
แมเ หลก็ เมื่อแขวนใหอ ยนู ่ิง
ครึ่งหนึ่งของแทงแมเหล็กเปนสีน้ําเงิน และอีกครึ่งหน่ึงของแทง
S8 ลงความเห็นจากขอมูลเก่ียวกับ
เปน สีแดง มีตัวอกั ษร N อยูปลายดานหนึ่งและอีกปลายดานหน่ึงมี แนวการวางตัวของแทงแมเหล็ก
เมือ่ แขวนใหอ ยูนิ่ง
ตัวอักษร S)
C4 ส่ือสารผลการสังเกตเกี่ยวกับ
7.2 เม่ือแทงแมเหล็กหยุดน่ิง แนวการวางตัวของแทงแมเหล็กเปน ลักษณะของแทงแมเหล็กและ
อยางไร และตัวอักษรที่อยูบนแทงแมเหล็กชี้ไปทิศใดเม่ือเทียบกับ แนวการวางตัวของแทงแมเหล็ก
ชือ่ ทศิ ทีต่ ิดไวใ นหองเรียน (แทง แมเ หล็กวางตวั ในแนวทศิ เหนือทิศใต เม่อื แขวนใหอ ยนู ง่ิ ใหผ อู ื่นเขาใจ
โดยตัวอักษร N บนแทงแมเ หล็กชไ้ี ปทางทศิ เหนือ และตัวอักษร S บน
แทง แมเ หลก็ ชไี้ ปทางทศิ ใต) C5 ทํ า ง า น ร ว ม กั บ ผู อื่ น ใ น ก า ร
ทดสอบการวางตัว ของ แ ทง
7.3 เม่ือทํากิจกรรมซํ้าอีก 2 ครั้ง โดยปดแทงแมเหล็กใหหมุน แลวรอ แมเหล็ก

จนหยุดนิ่ง ผลการสังเกตเหมือนเดิมหรือไม รูไดอยางไร หากนักเรียนไมสามารถตอบ
คําถามหรืออภิปรายไดตามแนว
(แทงแมเ หล็กยังคงวางตวั ในแนวเดิมโดยตัวอักษร N และตัวอักษร คําตอบ ครูควรใหเวลานักเรียนคิด
อยางเหมาะสม รอคอยอยางอดทน
S ยังชี้ไปในทิศทางเดิม รูไดจากการเทียบกับแนวของไมบรรทัดที่ แ ล ะ รั บ ฟ ง แ น ว ค ว า ม คิ ด ข อ ง
นกั เรียน
วางไวใ นแนวทิศเหนือทศิ ใตจ ากการทาํ กิจกรรมคร้ังแรก)

7.4 สัญลักษณ N และ S บนแทงแมเหล็กสัมพันธกับทิศในหองเรียน

อยางไร (แมเหล็กจะหันปลายดานสัญลักษณ N ไปทางทิศเหนือ

และหนั ปลายดา นสัญลกั ษณ S ไปทางทศิ ใต)

7.5 แมเหล็กมีก่ีขั้ว และเรียกแตละข้ัววาอยางไร (แมเหล็กมี 2 ข้ัว คือ

ข้ัวเหนือและข้ัวใต โดยครูอาจใหความรูเพ่ิมเติมวา N ยอมาจากคาํ วา

North คอื ทศิ เหนือ และ S ยอมาจากคาํ วา South คือ ทิศใต)

7.6 เม่ือปลอยใหแทงแมเหล็กท่ีแกวงอยางอิสระหยุดน่ิง ข้ัวเหนือและ

ขั้วใตของแทงแมเหล็กช้ีไปทางทิศใด (ขั้วเหนือของแทงแมเหล็กช้ีไป

ทางทศิ เหนือ และข้ัวใตของแทงแมเ หล็กชไ้ี ปทางทศิ ใต)

7.7 เพราะเหตุใดเราจึงตองแขวนแทงแมเหล็กใหลอยเหนือพ้ืน

(เพอื่ ใหแ ทง แมเหล็กแกวงไดอ ยา งอสิ ระในแนวราบ)

สถาบนั สงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี 105

คมู ือครูรายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี ป.3 เลม 2 | หนวยที่ 4 แรงในชีวิตประจาํ วัน

7.8 เพราะเหตุใดเราจึงตองใชมือปดปลายแทงแมเหล็กท่ีหยุดน่ิงแลว การเตรยี มตวั ลวงหนาสําหรบั ครู
เพือ่ จดั การเรียนรูในครงั้ ถดั ไป
ใหแกวงใหมอีกคร้ัง (เพื่อตรวจสอบการวางตัวของแทงแมเหล็ก
ในคร้ังถัดไป นักเรียนจะได
ซาํ้ อกี คร้งั วาช้ไี ปทางแนวเดมิ หรือทศิ ทางเดมิ หรือไม) เรียนกิจกรรมที่ 2.3 แรงระหวาง
แมเหล็กเปนอยางไร โดยการ
ครูใหความรูเพ่ิมเติมวา นักเรียนอาจพบแมเหล็กท่ีมีสีและรูปราง สังเกตแลวนําผลการทํากิจกรรม
มาอภิปรายรวมกัน ดังน้ันครูควร
ตางจากแมเหล็กท่ีใชในกิจกรรม ดังเชนที่นักเรียนไดอานมาแลวใน เตรียมวาดรูปแมเหล็กขนาดใหญ
2 แทง บนกระดานหรือบน
หนังสือเรียน หนา 33 แตอยางไรก็ตาม ไมวาแมเหล็กจะมีรูปรางหรือสี กระดาษปรูฟเพ่ือใชอภิปรายผล
การทาํ กจิ กรรม
อยางไร แมเหลก็ ทุกแทงจะประกอบดวยขัว้ 2 ขว้ั คอื ขั้วเหนอื และขัว้ ใต

8. ครเู ปดโอกาสใหน ักเรยี นตอบหรอื ซักถามในส่งิ ท่อี ยากรเู พ่ิมเตมิ เก่ียวกับ
ข้ัวของแมเหล็ก จากน้ันรวมกันอภิปรายและลงขอสรุปวาแมเหล็กมี
2 ขั้ว คือ ข้ัวเหนือและขั้วใต ซ่ึงเมื่อปลอยใหแทงแมเหล็กหมุนไดอยาง
อิสระ และรอใหแทงแมเหล็กหยุดนงิ่ แทงแมเหล็กจะวางตวั ในแนวเดิม
เสมอ คือ แนวทิศเหนือทิศใต โดยขั้วเหนือของแทงแมเหล็กช้ีไปทาง
ทิศเหนือ และขวั้ ใตของแทงแมเหลก็ ชี้ไปทางทิศใต (S13)

9. ครูชักชวนนักเรียนอภิปรายเก่ียวกับเข็มทิศที่ใชในการหาทิศของ
หองเรียนได โดยปลายเข็มของเข็มทิศดานหนึ่งจะชี้ไปทางทิศเหนือ
เสมอ ครูอาจใชคําถามวาเพราะเหตุใดเข็มของเข็มทิศดานท่ีปายสีไวจ งึ
ชี้ไปทางทิศเหนือเสมอ เพื่อใหนักเรียนเชื่อมโยงความรูจากกิจกรรมมา
ใชอ ธบิ ายไดว า เข็มของเข็มทิศทําจากแมเหล็ก จงึ สามารถหันปลายดาน
ที่ปายสีไวไปทางทิศเหนือเสนอ ซ่ึงปลายดานน้ัน คือขั้วเหนือของ
แมเ หลก็

10. นักเรียนรวมกันอภิปรายเพ่ือตอบคําถามในฉันรูอะไร โดยครูอาจใช
คาํ ถามเพิ่มเตมิ เพอื่ ใหไดแนวคําตอบที่ถูกตอง

11. นกั เรยี นอานสงิ่ ทีไ่ ดเ รียนรู และเปรยี บเทยี บกบั ขอ สรปุ ของตนเอง
12. ครูกระตุนใหนักเรียนฝกต้ังคําถามเกี่ยวกับเรื่องท่ีสงสัยหรืออยากรู

เพิ่มเติมในอยากรูอีกวา จากน้ันครูอาจสุมนักเรียน 2 -3 คน นําเสนอ
คําถามของตนเองหนาช้ันเรียน จากน้ันนักเรียนรวมกันอภิปราย
เกยี่ วกบั คาํ ถามที่นําเสนอ
13. ครูนําอภิปรายเพื่อใหนักเรียนทบทวนวาไดฝกทักษะกระบวนการทาง
วทิ ยาศาสตรแ ละทักษะแหงศตวรรษท่ี 21 อะไรบา งและในข้นั ตอนใด

106 สถาบันสงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี

คมู อื ครรู ายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี ป.3 เลม 2 | หนวยที่ 4 แรงในชีวิตประจําวัน

ความรเู พ่มิ เติมสาํ หรบั ครู

เน่ืองจากแมเ หล็กวางตวั ในแนวทิศเหนอื ทิศใต เราจึงนําความรดู ังกลา วมาใชทาํ เข็มทิศ โดยเขม็ ทิศ (ดานปลายท่ีทาส)ี
จะช้ีไปทางทศิ เหนือเสมอ

ดานปลาย
ทีท่ าสี

เนอ่ื งจากโลกประพฤตติ วั เสมือนมีแทง แมเ หล็กโดยวางตวั ในแนวทิศเหนอื ทิศใต ดังรูป

ดงั นนั้ ปลายเข็มทศิ ทชี่ ไ้ี ปทางทศิ เหนือ (ดานปลายท่ีทาสี) จึงชไี้ ปทางขั้วใตข องแมเหลก็ โลกหรือข้ัวโลกเหนือทางภูมิศาสตร และ
ปลายเขม็ ทช่ี ้ีไปทางทิศใตจะชี้ไปทางขัว้ เหนือของแมเหล็กโลกหรือข้ัวโลกใตทางภมู ศิ าสตร

เชนเดยี วกนั เม่ือเราแขวนแทงแมเหล็กใหแ กวง ไดอยางอิสระ แทงแมเหล็กจะแกวงและหยดุ น่งิ ในแนวทิศเหนือทิศใต
โดยหนั ขั้วเหนือไปทางทศิ เหนือ (ขว้ั โลกเหนอื ทางภูมิศาสตร) และหนั ขวั้ ใตไปทางทิศใต (ข้ัวโลกใตท างภมู ศิ าสตร)

ขัว้ ใตของ
แมเ หลก็ โลก

ขัว้ เหนอื ของ
แมเหลก็ โลก

สถาบันสงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี 107

คมู ือครรู ายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ป.3 เลม 2 | หนวยที่ 4 แรงในชวี ิตประจาํ วัน

ขว้ั ของแมเ หลก็ จะอยูทีป่ ลายทั้งสองดานของแทง แมเ หลก็ แตแ มเหล็กบางชนดิ อาจมีขวั้ อยูดา นขาง
S

N
N

S

NN

N
N

108 สถาบันสงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี

คูมือครรู ายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ป.3 เลม 2 | หนวยที่ 4 แรงในชีวติ ประจาํ วนั

แนวคําตอบในแบบบนั ทึกกิจกรรม

1. สงั เกตและอธบิ ายลกั ษณะการวางตวั ของแทง แมเ หล็กทีแ่ ขวนนิ่ง
2. สงั เกตและระบุข้วั ของแมเหล็ก

SN

แมเหล็กมี 2 สี โดยครึ่งหน่ึงของแทงแมเ หลก็ เปนสนี ้ําเงนิ 109
และอีกคร่ึงหนึง่ เปนสแี ดง ที่ปลายดา นหนง่ึ มตี วั อักษร N และอีกดาน
มตี ัวอักษร S

สถาบันสง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี

คูม ือครรู ายวชิ าพ้ืนฐานวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี ป.3 เลม 2 | หนวยท่ี 4 แรงในชีวิตประจาํ วัน

N ทศิ เหนือทศิ ใต
เหนอื
ทศิ เหนอื ทิศใต
S ทศิ เหนอื ทิศใต
ใต

เดยี ว
N
เหนือ
S
ใต

ตรง

เดยี ว
N

เหนอื
S
ใต

ตรง

110 สถาบนั สง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี


Click to View FlipBook Version