The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

คู่มือครูรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.3 เล่ม 1 (ปรับปรุงเดือนธ.ค.64)

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by panuwitpadee, 2022-09-12 12:56:09

คู่มือครูรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.3 เล่ม 1 (ปรับปรุงเดือนธ.ค.64)

คู่มือครูรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ป.3 เล่ม 1 (ปรับปรุงเดือนธ.ค.64)

คูมือครูรายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี ป.3 เลม 1 | หนว ยท่ี 2 อากาศและชวี ิตของสัตว

15. นักเรียนอาน ทําอยางไร ตอนที่ 2 ขอ 1-6 โดยครูใชวิธีฝกทักษะ ขอ เสนอแนะเพมิ่ เตมิ
การอานที่เหมาะสมกับความสามารถของนักเรียน จากน้ันครู
ตรวจสอบความเขาใจเกี่ยวกับลําดับข้ันตอนการทํากิจกรรม และ ตัวอยางลาํ ดบั ข้ันตอนการทาํ กิจกรรมตอนที่ 2
อาจใชคาํ ถามพรอมกบั เขยี นลาํ ดบั ข้นั ตอนบนกระดาน ดงั นี้
15.1 นักเรียนจะสรางแบบจําลองโดยใชขวดพลาสติกกี่ใบ และ สรางแบบจาํ ลองแลว นํามาครอบเทยี นไขที่ยังไมจดุ ไฟ
ขวดแตละใบมีขนาดอยางไร (ใชขวดพลาสติก 2 ใบ ขวด 
ใหญ 1 ใบ และขวดเลก็ 1 ใบ)
15.2 นักเรียนจะนําขวดแตละใบมาประกอบกันดังรูปไดอยางไร วัดและบันทึกอุณหภูมิของอากาศทป่ี ลายขวดท้งั สองใบ
(ตัดกนขวดทั้งสองใบ แลวทําเคร่ืองหมายกากบาท 
ตรงตําแหนง ท่ีจะสอดปากขวดใบเลก็ เขาไป จากนั้นกรดี ขวด
ใบใหญตามรอยกากบาท แลวเสียบปากขวดใบเลก็ เขาไปใน ใชธปู จอทปี่ ลายขวดแนวนอน
ชอ งใหแนน) 
15.3 เทยี นไขทใี่ ชในกิจกรรมตอ งสงู เทาใด (สูงเทา กับความสูงของ
ปากขวดใบเลก็ ท่ีวางนอนอย)ู สังเกตการเคลื่อนที่ของควันธูป
15.4 กิจกรรมน้ีนักเรียนจะวัดอุณหภูมิของอากาศเหนือปากขวด 
ในแนวตั้งและปลายขวดแนวนอนก่ีครั้ง แตละคร้ังวัดเม่ือไร
(วัด 2 ครั้ง คร้ังแรกวัดกอนจุดเทียนไข และวัดอีกคร้ังหลัง บันทกึ ผลโดยเขยี นลกู ศรตามทศิ ทางท่ีควันธปู เคลื่อนท่ีไป
จดุ เทยี นไข) 
15.5 เม่ือยังไมจุดเทียนไข สิ่งท่ีตองสังเกตเม่ือใชธูปท่ีมีควันจอที่
ปลายขวดในแนวนอนคืออะไร (สังเกตการเคล่ือนที่ของ พยากรณการเคลือ่ นทข่ี องควนั ธูป
ควันธูป) เมอ่ื จุดเทยี นไข บนั ทึกผล
15.6 นักเรียนตอ งพยากรณและบนั ทึกสง่ิ ใด (พยากรณแ ละบันทึก 
วาควันธูปจะเคล่ือนท่ีอยางไร เม่ือจุดเทียนไขแลวนําธูปที่มี จดุ เทียนไข
ควันจอที่ปลายขวดแนวนอนและบันทึกการพยากรณ 
การเคลอ่ื นที่ของควนั ธปู ในตารางท่ี 3 หนา 60)
15.7 บนั ทึกผลการสงั เกตการเคล่ือนทขี่ องควันธูปหลังจุดเทียนไข วดั และบนั ทกึ อุณหภมู ิของอากาศทีป่ ลายขวดทั้งสองใบ
อยางไร และบันทึกท่ีใด (เขียนลูกศรแสดงการเคลื่อนท่ีของ 
ควันธูป โดยเขียนหัวลูกศรช้ีทิศทางท่ีควันธูปเคล่ือนที่ไป
แลว บนั ทกึ ในแบบบันทึกกจิ กรรม หนา 61) จอควันธูปทป่ี ลายขวดใบเลก็


สังเกตการเคลื่อนทีข่ องควนั ธปู


บันทกึ ผลโดยเขยี นลกู ศรตามทิศทางทค่ี วันธูปเคลือ่ นที่ไป

สถาบนั สงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี 163

คูมือครูรายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี ป.3 เลม 1 | หนว ยท่ี 2 อากาศและชีวติ ของสตั ว

ครูแนะนําเพิ่มเติมวาควรใชดินน้ํามันหรือฝาขวดรองฐาน ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรและทกั ษะ
เทียนไขเพ่ือไมใหน้ําตาเทียนหยดลงบนโตะ และการดับไฟจาก แหงศตวรรษที่ 21 ท่ีนักเรยี นจะไดฝก จากการ
ไมขีดไฟใหปลอดภัยทําไดโดยปกไมขีดไฟที่ติดไฟลงในกระปอง
บรรจุทราย ทาํ กิจกรรม
16. นักเรียนแตละกลุมทํากิจกรรมตามลําดับที่เขียนไวบนกระดาน ตอนที่ 2
ครคู วรใหคาํ แนะนาํ และชวยเหลอื แตล ะกลุมตามความจําเปน
17. นักเรียนแตละกลมุ บันทึกผลการทํากิจกรรมในตารางท่ีครูเตรยี มไว S1 สงั เกตการเคลอื่ นท่ขี องควันธูปจากแบบจาํ ลอง
บนกระดาน จากน้ันครูและนักเรียนรวมกันอภิปราย โดยอาจใช S2 วัดอณุ หภมู ขิ องอากาศโดยใชเทอรมอมเิ ตอรและระบุ
คําถามดังน้ี
17.1 อุณหภูมิของอากาศเหนือปากขวดแนวต้ังและปลายขวด หนวยของอณุ หภมู ิของอากาศ
S7 พยากรณการเคลื่อนทข่ี องควนั ธูปจากแบบจาํ ลอง
แนวนอนกอนจุดเทียนไขและหลังจุดเทียนไขเทากันหรือไม S14 สรางแบบจําลองการเกดิ ลมและใชแ บบจําลอง
อยา งไร (ไมเทา กนั โดยกอนจุดเทียนไข อณุ หภมู ขิ องอากาศ
เหนือปากขวดแนวตั้งและปลายขวดแนวนอนเทากันหรือ อธิบายการเกิดลม
ใกลเคียงกัน แตหลังจากจุดเทียนไขแลว อุณหภูมิของ C2 คิดโดยใชเหตผุ ลเพอ่ื สรา งคําอธบิ ายการเกดิ ลมจาก
อากาศเหนอื ปากขวดแนวตัง้ จะสูงกวา ปลายขวดแนวนอน)
17.2 ผลการพยากรณการเคลื่อนที่ของควันธูปกอนทํากิจกรรม แบบจาํ ลองและจากขอ มูลทร่ี วบรวมได
เหมือนหรือแตกตางจากผลการสังเกตเมื่อทํากิจกรรม C4 นําเสนอขอ มลู จากใบความรูและจากการอภปิ ราย
หรือไม อยางไร (เม่ือจุดเทียนไข ควันธูปเคล่ือนท่ีจากปลาย
ขวดแนวนอนไปยังขวดแนวต้ัง แลวเคล่ือนท่ีขึ้นไปทาง การเกิดลม ประโยชนแ ละโทษของลม
ปากขวดแนวตั้ง ซึ่งอาจจะเหมือนหรือแตกตางจาก C5 รว มกนั สรางแบบจําลอง และสืบคนขอมูลเก่ียวกบั
การพยากรณข องนกั เรยี น)
17.3 ควนั ธปู เคล่อื นทไ่ี ดอ ยา งไร (อากาศพาควนั ธปู ใหเ คล่อื นท่ีไป) ประโยชนแ ละโทษของลม
17.4 การเคลื่อนทข่ี องควันธูปกอนจดุ เทยี นไขและหลงั จุดเทยี นไข
แตกตางกันหรือไม อยางไร (กอนจุดเทียนไข ควันธูปไมเขา ขอเสนอแนะเพ่มิ เติม
ไปในขวดแนวนอน แตเม่ือจุดเทียนไขแลว ควันธูปเคล่ือนท่ี
เขาไปในขวดแนวนอน แลวเคล่ือนท่ีสูงขึ้นออกไปทาง เ พื่ อ ค ว า ม ป ล อ ด ภั ย ใ น ก า ร ใ ช มี ด ตั ด
ปากขวดแนวต้งั ) กนขวด ครูอาจตัดกนขวดท้ังใบใหญและ
17.5 จากแบบจําลอง อากาศเคลื่อนที่จากบริเวณใดไปบริเวณใด ใบเล็กเตรียมไว พรอมทั้งเจาะขวดใบใหญให
(อากาศเคล่ือนที่จากปลายขวดแนวนอนที่มีอุณหภูมิตํ่ากวา ลวงหนา จากน้ันนักเรียนใชกรรไกรตัดขยาย
ใหชองใหญข้ึน เพื่อเสียบปากขวดใบเล็กเขา
ไดพอดี

164 สถาบันสงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี

คูมอื ครรู ายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี ป.3 เลม 1 | หนว ยที่ 2 อากาศและชวี ติ ของสตั ว

ไปยังขวดแนวตั้งที่มีอุณหภูมิสูงกวา แลวอากาศจะเคลื่อนที่
สงู ขนึ้ ในแนวต้งั )
17.6 อากาศเคล่ือนท่ีในขวดไดเพราะเหตุใด (อุณหภูมิของอากาศ
เหนอื ปากขวดแนวตง้ั และปลายขวดแนวนอนไมเทา กัน)
18. ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายเพ่ือใหไดขอสรุปวาเม่ืออุณหภูมิ
ของอากาศ 2 บริเวณแตกตางกัน จะทําใหอากาศเคลื่อนที่จาก
บริเวณท่ีมีอุณหภูมิตํ่ากวาในแนวราบไปยังบริเวณท่ีมีอุณหภูมิสูง
กวา จากนั้นอากาศก็จะเคลื่อนที่สูงข้ึนในแนวตงั้ (S13)
19. นักเรียนรวมกันอานทําอยางไร ตอนที่ 2 ขอที่ 7-9 โดยครูใชวิธฝี ก
ทกั ษะการอานท่ีเหมาะสมกับความสามารถของนกั เรียน จากนน้ั ครู
ตรวจสอบความเขาใจเก่ียวกบั ลําดบั ขั้นตอนการทํากจิ กรรม โดยใช
คาํ ถามดงั นี้
19.1 นักเรียนอานใบความรูเกี่ยวกับเร่ืองอะไร (การเกิดลม
ประโยชนและโทษของลม)
19.2 เม่ืออานใบความรูจบแลว นักเรียนตองรวมกันอภิปราย
เกี่ยวกับเรื่องอะไร (การเกิดลมจากแบบจําลอง และ
ประโยชนแ ละโทษของลม)
ครูมอบหมายใหนักเรียนอานใบความรูเก่ียวกับการเกิดลม
ประโยชนและโทษของลมนอกเวลาเรียน จากนั้นรวมกันอภิปราย
ผลการอานใบความรใู นการเรียนครง้ั ถดั ไป

20. ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายเก่ียวกับการเกิดลม ประโยชนและ หากนักเรียนไมสามารถตอบ
โทษของลม โดยอาจใชค าํ ถามดังนี้ คําถามหรืออภิปรายไดตามแนว
20.1 ลมเกิดข้ึนไดอยางไร (ลมเกิดขึ้นเม่ือมีการเคล่ือนที่ของ คําตอบ ครูควรใหเวลานักเรียนคิด
อากาศเน่ืองจากความแตกตางของอุณหภูมิของอากาศที่อยู อยางเหมาะสม รอคอยอยางอดทน
บรเิ วณใกลเคยี งกนั ) แ ล ะ รั บ ฟ ง แ น ว ค ว า ม คิ ด ข อ ง
20.2 ขอมูลจากแบบจําลองและจากการอานใบความรู มีส่ิงใดท่ี นักเรียน
เหมือนกัน (สิ่งท่ีเหมือนกัน คือ พบวาอากาศสามารถ

สถาบันสง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี 165

คูม อื ครูรายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี ป.3 เลม 1 | หนวยที่ 2 อากาศและชีวิตของสัตว

เคล่ือนที่ไดเมื่อมีความแตกตางของอุณหภูมิของอากาศ ถ า ค รู พ บ ว า นั ก เ รี ย น ยั ง มี
2 บริเวณ) แนวคิดคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับ
20.3 จากการอานใบความรูทําใหทราบขอมูลใดเพ่ิมเติมเกี่ยวกับ การเกิดลม ประโยชนและโทษ
การเกิดลมบาง (ขอมูลเพิ่มเติมท่ีไดจากการอานใบความรู ของลม ใหรวมกันอภิปรายจน
คือ เมื่ออากาศ 2 บริเวณที่อยูใกลกันมีอุณหภูมิไมเทากัน นักเรียนมีแนวคิดท่ถี ูกตอ ง
อากาศที่มีอุณหภูมิสูงกวาจะเคลื่อนที่สูงขึ้นในแนวตั้ง และ
อากาศที่มีอุณหภูมิตํ่ากวาจะเคลอ่ื นเขาไปแทนที่ในแนวราบ
ทําใหเ กิดการเคล่อื นท่ีของอากาศ เรยี กวา ลม)
20.4 แบบจําลองการเกิดลมเหมือนและแตกตางจากการเกิดลม
ตามธรรมชาติอยางไร (สิ่งท่ีเหมือนกัน คือ เกิดการเคลื่อนท่ี
ของอากาศจากการที่อากาศ 2 บริเวณ มีอุณหภูมิ
แตกตา งกัน สิง่ ท่ีแตกตา งกนั คอื แบบจาํ ลองมีขนาดเลก็ กวา
การเกิดลมในธรรมชาติ และในแบบจําลองแหลงที่
ใหความรอน คือ เทียนไข แตในธรรมชาติแหลงที่ใหความ
รอ น คอื ดวงอาทิตย)
20.5 จากการอานใบความรู ตัวอยางประโยชนของลมมีอะไรบาง
(ใชแลนเรือใบ ชวยใหเมล็ดพันธุพืชกระจายไปไดไกล
ใชห มุนระหดั วิดน้ํา ใชหมุนกังหนั ลมเพ่อื ผลิตไฟฟา )
20.6 ตัวอยางโทษของลมมีอะไรบาง (ลมที่เคลื่อนท่ีดวยความเร็ว
สูงหรือพายุ จะทําใหบานเรือนเสียหาย หรือลมพัดพา
กลน่ิ เหม็นเขามาในบา นได)
21. ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายเพื่อใหไดขอสรุปตอนที่ 2 วาเมื่อ
อุณหภูมิของอากาศ 2 บริเวณแตกตางกัน อากาศที่มีอุณหภูมิ
สูงกวาจะเคล่ือนท่ีสูงข้ึนในแนวตั้ง และอากาศท่ีมีอุณหภูมิต่ํากวา
จะเคลื่อนเขาไปแทนท่ีในแนวราบ ทําใหเกิดลม ซึ่งลมมีทั้ง
ประโยชนและโทษตอส่งิ มชี ีวิตและสง่ิ แวดลอ ม (S13)
22. นกั เรียนรว มกันอภิปรายเพื่อตอบคําถามใน ฉนั รอู ะไร ตอนที่ 2 ใน
แบบบันทึกกิจกรรม หนา 63-65 โดยครูอาจใชคําถามเพิ่มเติม
เพอื่ ใหไ ดแ นวคําตอบทถี่ กู ตอง

166 สถาบันสง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี

คูมอื ครรู ายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี ป.3 เลม 1 | หนวยท่ี 2 อากาศและชวี ิตของสตั ว

23. นักเรียนรวมกันสรุปสิ่งท่ีไดเรียนรูในกิจกรรมน้ี จากนั้นนักเรียน การเตรียมตัวลวงหนา สาํ หรบั ครู
อา นสิ่งทไ่ี ดเรียนรู และเปรียบเทียบกบั ขอสรปุ ของตนเอง เพอื่ จดั การเรียนรูในคร้ังถัดไป

24. ครูกระตุนใหนักเรียนฝกตั้งคําถามเก่ียวกับเรื่องที่สงสัยหรืออยากรู ในครั้งถัดไป นักเรียนจะไดเรียน
เพิ่มเติมใน อยากรูอีกวา ครูอาจสุมนักเรียน 2-3 คน นําเสนอ หนวยท่ี 2 บทท่ี 2 การดํารงชีวิตของ
คําถามของตนเองหนาชั้นเรียน จากน้ันรวมกันอภิปรายเกี่ยวกับ สัตว ครูควรเตรียมรูปพืช หรือตนพืช
คําถามทเี่ พอื่ นนําเสนอ จริง เพ่ือใชสําหรับทบทวนความรู
พื้ น ฐ า น เ ก่ี ย ว กั บ สิ่ ง ที่ จํ า เ ป น ต อ ก า ร
25. ครูนําอภิปรายเพ่ือใหนักเรียนทบทวนวาไดฝกทักษะกระบวนการ เจรญิ เติบโตของสงิ่ มชี วี ิต
ทางวิทยาศาสตรและทักษะแหงศตวรรษท่ี 21 อะไรบางและใน
ขนั้ ตอนใดบาง

26. นักเรียนรวมกันอานรูอะไรในเร่ืองนี้ ในหนังสือเรียน หนา 67-68
ครูนําอภิปรายเพื่อนําไปสูขอสรุปเกี่ยวกับสิ่งที่ไดเรียนรูในเร่ืองน้ี
จากนั้นครูกระตุนใหนักเรียนตอบคําถามในชวงทายของเนื้อเรื่อง
ซ่ึงเปนคําถามเพ่ือเช่ือมโยงไปสูการเรียนเนื้อหาในบทถัดไป ดังนี้
“นอกจากอากาศเปนสิ่งจําเปนในการดํารงชีวิตของสิ่งมีชีวิตแลว
ในการเจริญเติบโตและดํารงชีวิตของสิ่งมีชีวิตยังตองการอะไร
อีกบาง” นักเรียนสามารถตอบตามความเขาใจของตนเอง โดย
นกั เรียนจะหาคําตอบไดจ ากการเรียนในเร่อื งตอไป

สถาบันสงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี 167

คูมอื ครรู ายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี ป.3 เลม 1 | หนว ยที่ 2 อากาศและชวี ติ ของสัตว

ความรเู พิม่ เติมสาํ หรับครู

บางคร้ังในขณะนําธูปจอปลายขวดแนวนอนเม่ือจุดเทียนไขแลว อาจพบวาควันธูปเคล่ือนท่ี
เขาไปในขวดแนวนอนไดระยะหนึ่ง แลวเคล่ือนท่ียอนกลับออกมาทางปลายขวดแนวนอน ครูสามารถ
อธิบายใหนักเรียนเขาใจไดว า ควันธปู ทเี่ คล่ือนท่ยี อ นออกมานั้นอาจเกิดจากอากาศท่ีอยรู อบ ๆ ขวด เชน
มลี มจากบรเิ วณปากขวดดานบนซง่ึ อาจมาจากพดั ลมดานบน จึงอาจสง ผลทาํ ใหค วนั ธูปดานในยอนกลับ
ออกมาทางเดิมได ดังน้นั จึงควรเตรียมสถานท่ีในการทํากิจกรรมโดยปด พัดลมและหนาตาง เพ่อื ปองกัน
ลมจากดานนอก

เม่ือจุดเทียนไข อากาศบริเวณเหนือเทียนไขจะไดรับความรอน ทําใหอากาศขยายตัวมากกวา
บริเวณท่ีไมไ ดร ับความรอน ทาํ ใหอ ากาศท่ีมีอณุ หภูมสิ ูงกวา นน้ั มปี ริมาตรมากข้ึนกวา เดมิ ดงั นัน้ อากาศท่ี
ไดรับความรอนจะมีความหนาแนนของอากาศนอยกวาอากาศบริเวณอ่ืนรอบขาง อากาศรอนจึง
เคลอื่ นทส่ี ูงขึ้นไปดา นบนได

168 สถาบนั สง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี

คมู อื ครูรายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี ป.3 เลม 1 | หนว ยท่ี 2 อากาศและชีวติ ของสัตว
แนวคาํ ตอบในแบบบนั ทึกกิจกรรม

วัดและเปรยี บเทยี บอุณหภมู ิของอากาศในบริเวณตาง ๆ

สวนหยอมในโรงเรียน มีตนไม มีสระน้ําเลก็ ๆ ข้ึนอยูก ับผลการวัดตามจรงิ
ขึ้นอยกู ับผลการวัดตามจริง
สนามฟตุ บอล เปนสนามหญา โลงแจง

หมายเหตุ ผลการสงั เกตอาจแตกตา งจากตวั อยาง ขึ้นอยกู ับสภาพแวดลอ มของบรเิ วณท่ีวัดอณุ หภูมิ


คาํ ตอบข้นึ อยูกับผลการอภปิ รายของนกั เรยี น
เชน เก่ียวของหรอื ไมเ กย่ี วของ

สถาบันสง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี 169

คมู ือครูรายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี ป.3 เลม 1 | หนว ยที่ 2 อากาศและชีวติ ของสตั ว

สรางแบบจําลองและอธิบายการเกดิ ลม
สืบคน ขอ มูลและบรรยายประโยชนแ ละโทษของลม

ขนึ้ อยกู ับผลการวัดตามจริง โดยอณุ หภูมิของอากาศหลงั จุดเทียนไขจะสงู กวา
ขึน้ อยกู ับผลการวดั ตามจริง โดยอณุ หภูมขิ องอากาศกอนและหลังจดุ เทียนไข

ควรใกลเ คยี งกนั

คาํ ตอบขน้ึ อยกู ับการพยากรณข อง อากาศในขวดแนวต้งั มอี ณุ หภมู สิ งู กวา
นักเรียน อากาศในขวดแนวนอน

170 สถาบนั สง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี

คูมอื ครูรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี ป.3 เลม 1 | หนว ยท่ี 2 อากาศและชีวิตของสตั ว

อากาศ

ไมเ คลือ่ นท่ี

เขาไปในขวด

ควันธูปท่ีเคลื่อนที่ขึน้ ไปดานบนตรง ๆ
อากาศบริเวณปลายขวดแนวนอนมีอณุ หภูมิเทา กับอากาศบริเวณอืน่
อากาศจึงไมเคลอ่ื นท่เี ขา ไปในขวดแนวนอน

เคล่ือนท่ีเขา ไป

ในขวด
ควันธูปทเ่ี คล่อื นเขาไปในขวดแนวราบ
แลว เคลือ่ นท่สี ูงขน้ึ ในขวดแนวตง้ั

อุณหภูมิของอากาศในขวดแนวต้ังสูงกวาอณุ หภมู ขิ องอากาศในขวดแนวนอน

ไปดานบน เคลอื่ นท่ีขน้ึ
การเคลือ่ นทขี่ องควนั ธปู
เคลอ่ื นท่ใี นแนวราบเขาไปในขวด
อากาศในขวดแนวตั้งมีอณุ หภมู สิ งู กวาจะเคลอื่ นทข่ี ึ้นดา นบน อากาศ
บรเิ วณปลายขวดแนวนอนซึ่งอณุ หภูมิตํา่ กวา จะเคล่อื นเขา มาแทนที่

สถาบนั สง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี 171

คมู ือครูรายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี ป.3 เลม 1 | หนวยที่ 2 อากาศและชีวิตของสตั ว

ประโยชนข องลม โทษของลม

• ใชแลน เรือใบ • ลมพัดฝุนละออง หรือกลน่ิ เหมน็
• หมนุ กังหนั ลมเพื่อผลติ ไฟฟา เขา มา
• พดั พาเมลด็ พืชใหไ ปงอกใน
• ลมที่พดั รนุ แรงทําใหบ า นเรอื น
บริเวณตา ง ๆ เสียหาย
• ทําใหเกดิ เนนิ ทราย
• ใชหมนุ ระหัดวิดนา้ํ

172 สถาบันสงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี

คมู ือครูรายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี ป.3 เลม 1 | หนว ยที่ 2 อากาศและชวี ิตของสตั ว

เมอ่ื วัดอุณหภูมิของอากาศบริเวณตาง ๆ ในเวลาเดยี วกนั บริเวณทีอ่ ยูใน
ที่รม เชน สวนหยอมของโรงเรียนจะมอี ุณหภูมขิ องอากาศตํ่ากวา บริเวณ
สนามฟุตบอล ซึ่งอยกู ลางแจง
ในเวลาเดยี วกนั แตต า งสถานท่ีซึ่งมสี ภาพแวดลอมตางกัน เชน ในท่รี ม และ
บรเิ วณกลางแจง อาจจะมีอุณหภมู ิของอากาศไมเทา กัน

อากาศในแบบจาํ ลองมกี ารเคล่อื นท่ี รไู ดจ ากการเคลื่อนทข่ี องควนั ธูป

สถาบันสง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี 173

คูมือครูรายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี ป.3 เลม 1 | หนวยที่ 2 อากาศและชวี ิตของสัตว

อากาศในแบบจําลองกอนจุดเทียนไขและหลังจุดเทียนไขจะเคลอ่ื นท่ีแตกตางกนั
โดยกอ นจุดเทยี นไข อากาศดานนอกขวดจะไมเคลื่อนทีเ่ ขา ไปในขวดแนวนอน
แตเ ม่อื จดุ เทยี นไข อากาศจากภายนอกขวดจะเคลือ่ นทเ่ี ขาไปในขวดแนวนอน
ตอไปยงั ขวดแนวต้ัง แลวเคลอ่ื นที่สงู ข้ึนในแนวตัง้

การเคลอื่ นท่ขี องอากาศเก่ียวของกับอณุ หภูมิของอากาศ โดยในบริเวณท่มี ี
อณุ หภูมขิ องอากาศสูงกวา อากาศจะเคล่ือนทส่ี ูงข้ึน และอากาศจากบรเิ วณ
ทีม่ ีอุณหภมู ิตํา่ กวา จะเคลื่อนเขา ไปแทนท่ี

- ประโยชนของลม เชน ชวยพัดพาเมลด็ พชื ใหไ ปตกไกล ๆ เพอื่ ชวยใหเ มลด็ พืช
ไปเจริญเติบโตทีบ่ รเิ วณตา ง ๆ ได ใชแ ลน เรอื ใบ ใชห มนุ กังหันลมเพื่อผลติ ไฟฟา
ใชห มุนระหัดวดิ นา้ํ
- โทษของลม เชน พดั พาฝุน ละอองเขา สูบา นเรอื น ลมที่พัดแรงทาํ ใหบา นเรือนเสยี หาย

จากแบบจําลองการเกิดลม กอนจุดเทยี นไขในขวด อุณหภมู ิของอากาศ
เหนอื บรเิ วณปากขวดแนวตั้งและปลายขวดแนวนอนเทา กนั อากาศภายนอกจะ
ไมเคลื่อนทเ่ี ขา ไปในขวดแนวนอน แตเมอื่ จดุ เทียนไขในขวด อากาศในขวด
แนวต้งั จะมีอณุ หภมู ิสูงกวาอากาศในขวดแนวนอน ทาํ ใหอากาศในขวดแนวตง้ั
เคล่ือนทีส่ ูงขนึ้ ไป อากาศจากขวดแนวนอนเคลื่อนทีใ่ นแนวราบเขา ไปแทนที่
ทาํ ใหเกดิ ลม
ลมมีประโยชน เชน ชวยในการแลน เรอื ใบ พดั พาเมล็ดพืชไปตกและงอกในท่ี
ตาง ๆ แตล มก็มโี ทษ เชน ลมทพ่ี ดั แรงมาก ๆ อาจทาํ ใหบานเรือนเสียหายได

174 สถาบนั สง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี

คมู อื ครรู ายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี ป.3 เลม 1 | หนว ยท่ี 2 อากาศและชวี ิตของสัตว

ลมเกดิ จากความแตกตางของอุณหภูมิของอากาศ 2 บรเิ วณท่อี ยใู กลเคยี งกัน
โดยอากาศบรเิ วณทมี่ ีอณุ หภูมสิ ูงกวา จะเคล่อื นท่ีขนึ้ ไปในแนวตงั้ อากาศที่มี
อุณหภูมติ ่ํากวา จะเคลอ่ื นเขาไปแทนท่ีในแนวราบ ลมมีทงั้ ประโยชนแ ละโทษ
ตอ สิง่ มีชีวติ และสง่ิ แวดลอ ม

คําถามของนักเรยี นท่ีตั้งตามความอยากรขู องตนเอง

สถาบันสง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี 175

คมู ือครรู ายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี ป.3 เลม 1 | หนว ยท่ี 2 อากาศและชีวติ ของสตั ว

แนวการประเมินการเรียนรู

การประเมินการเรียนรูข องนกั เรยี นทาํ ได ดงั น้ี
1. ประเมนิ ความรเู ดิมจากการทํากิจกรรม หรือการอภปิ รายในช้ันเรยี น
2. ประเมนิ การเรยี นรูจากคาํ ตอบของนกั เรยี นระหวา งการจัดการเรยี นรูและจากแบบบนั ทึกกจิ กรรม
3. ประเมินทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรและทกั ษะแหง ศตวรรษท่ี 21 จากการทํากิจกรรมของนกั เรยี น

การประเมนิ จากการทาํ กิจกรรมที่ 1.3 ลมเกดิ ขึน้ ไดอยางไร

รหสั สิง่ ที่ประเมนิ คะแนน

ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร
S1 การสงั เกต
S2 การวัด
S7 การพยากรณ
S8 การลงความเหน็ จากขอมลู
S13 การตีความหมายขอมลู และลงขอ สรปุ
S14 การสรา งแบบจําลอง

ทกั ษะแหงศตวรรษท่ี 21
C2 การคดิ อยางมวี ิจารณญาณ
C4 การสือ่ สาร
C5 ความรว มมอื
รวมคะแนน

176 สถาบนั สงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี

คูมอื ครรู ายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี ป.3 เลม 1 | หนวยที่ 2 อากาศและชวี ิตของสตั ว

ตาราง รายการประเมินและเกณฑการประเมนิ ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร

ทักษะ เกณฑการประเมิน

กระบวนการทาง รายการประเมิน ดี (3) พอใช (2) ควรปรับปรงุ (1)
วทิ ยาศาสตร

S1 การสังเกต การบรรยาย สามารถใชป ระสาทสัมผสั สามารถใชป ระสาทสัมผสั สามารถใชป ระสาท
รายละเอียดลักษณะ
สภาพแวดลอมใน เกบ็ รายละเอยี ดลักษณะ เก็บรายละเอยี ดลักษณะ สมั ผสั เก็บ
บรเิ วณท่ีจะวัด
อณุ หภูมขิ องอากาศ สภาพแวดลอ มในบรเิ วณที่ สภาพแวดลอมในบริเวณท่ี รายละเอียดลักษณะ
และบรรยาย
รายละเอียดการ จะวดั อุณหภมู ิของอากาศ จะวัดอุณหภมู ิของอากาศ สภาพแวดลอมใน
เคล่ือนท่ีของควันธูป
จากแบบจําลองการ และการเคลื่อนที่ของควนั และการเคลื่อนที่ของควัน บรเิ วณท่ีจะวดั
เกดิ ลม
ธูปจากแบบจาํ ลองการเกิด ธูปจากแบบจําลองการเกิด อุณหภมู ขิ องอากาศ

ลมไดดว ยตนเอง โดยไม ลมจากการชีแ้ นะของครู และการเคลอ่ื นที่

เพม่ิ ความคดิ เห็น หรือผอู ืน่ หรอื มีการ ของควันธปู จาก

เพม่ิ เติมความคิดเห็น แบบจาํ ลองการเกิด

ลมไดเพยี งบางสวน

แมว าจะไดร บั คาํ

ช้ีแนะจากครหู รือ

ผูอื่น

S2 การวัด - การใช สามารถใชเทอรมอมิเตอร สามารถใชเ ทอรมอมิเตอร สามารถใช
เทอรม อมเิ ตอร วดั อณุ หภูมิของอากาศได
วดั อณุ หภูมขิ อง ดวยวธิ ีการทถ่ี ูกตอง และ วัดอุณหภมู ขิ องอากาศได เทอรมอมิเตอรวดั
อากาศ บอกหนว ยของอณุ หภมู ไิ ด
ถกู ตองดวยตนเอง ดวยวิธีการที่ถกู ตอง และ อณุ หภูมขิ องอากาศ
- การระบุหนวยของ
อุณหภูมิ บอกหนวยของอุณหภูมิได ไดด วยวิธกี ารท่ี

ถูกตองจากการชแ้ี นะของ ถกู ตองบางสวน

ครหู รอื ผอู นื่ แมว า จะไดร ับการ

ชแ้ี นะจากครูหรือ

ผูอ่ืน

S7 การพยากรณ การคาดการณการ สามารถคาดการณการ สามารถคาดการณการ สามารถคาดการณ
เคล่อื นท่ีของควันธูป เคลอ่ื นที่ของควนั ธปู จาก เคลือ่ นที่ของควันธูป จาก การเคล่อื นท่ขี อง

สถาบันสง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี 177

คมู อื ครรู ายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี ป.3 เลม 1 | หนวยท่ี 2 อากาศและชวี ิตของสตั ว

ทักษะ เกณฑการประเมิน
กระบวนการทาง
รายการประเมิน ดี (3) พอใช (2) ควรปรบั ปรุง (1)
วทิ ยาศาสตร

จากแบบจาํ ลองการ แบบจาํ ลองการเกดิ ลม แบบจาํ ลองการเกิดลม ควนั ธปู จาก
เกดิ ลม เมื่อจุดเทยี น เม่ือจดุ เทียนไขในขวด
ไขในขวดแนวตงั้ แนวตง้ั ไดอยาง เมื่อจุดเทียนไขในขวด แบบจาํ ลองการเกิด
สมเหตุสมผลดว ยตนเอง
โดยควันธปู จะเคลอื่ นที่ แนวต้ังไดอยาง ลม เมอื่ จดุ เทียนไข
จากบริเวณปลายขวด
แนวนอนไปยงั ขวดแนวตง้ั สมเหตุสมผลโดยอาศยั ในขวดแนวต้งั ไดโ ดย
โดยอาศยั ขอมูลจากการ
สงั เกตแบบจําลอง การชีแ้ นะจากครูหรอื ไมสมเหตุสมผล แม

ผอู ืน่ โดยควนั ธปู จะ จะไดรบั การชแ้ี นะ

เคล่อื นท่ีจากบริเวณปลาย จากครูหรือผูอ่ืน

ขวดแนวนอนไปยังขวด

แนวต้ัง โดยอาศัยขอมลู

จากการสงั เกต

แบบจําลอง

S8 การลงความ การลงความเห็นจาก สามารถลงความเห็นจาก สามารถลงความเห็นจาก สามารถลงความเห็น
เห็นจากขอมลู ขอมลู วา อุณหภมู ิของ ขอมลู ไดว าอุณหภูมขิ อง
อากาศใน แตล ะ อากาศในแตละสถานท่ีใน ขอมูลไดวา อุณหภมู ขิ อง จากขอมูลไดเพยี ง
สถานทใี่ นเวลา เวลาเดียวกนั อาจแตกตา ง
เดยี วกนั อาจแตกตาง กนั ไดด วยตนเอง อากาศในแตล ะสถานท่ใี น บางสว นเกย่ี วกับ
กนั
เวลาเดียวกันอาจแตกตา ง อุณหภูมิของอากาศ

กันไดจ ากการช้ีแนะของ ในแตละสถานที่ใน

ครหู รอื ผอู ืน่ เวลาเดยี วกนั แมวา

จะไดร ับคาํ ชแ้ี นะ

จากครหู รือผูอ่ืน

S13 การตีความ การตคี วามหมาย สามารถตคี วามหมาย สามารถตคี วามหมาย สามารถ
หมายขอมูลและ ขอ มูลที่ไดจ ากการ ขอ มลู ที่ไดจ ากการสรา ง ขอมลู ที่ไดจากการสรา ง ตคี วามหมายขอมลู ท่ี
ลงขอ สรุป สรา งแบบจําลอง แบบจาํ ลอง และการ แบบจําลอง และการ ไดจ ากการสราง
และการสบื คน ขอมลู สบื คน ขอมูล และลง สืบคน ขอ มลู และลง แบบจาํ ลอง และการ
และลงขอสรปุ และ ขอสรุปและบอกเหตุผลได ขอสรปุ และบอกเหตผุ ลได สืบคนขอ มลู และลง

178 สถาบันสง เสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี

คูมือครรู ายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี ป.3 เลม 1 | หนว ยท่ี 2 อากาศและชีวิตของสตั ว

ทกั ษะ เกณฑการประเมิน
กระบวนการทาง
รายการประเมนิ ดี (3) พอใช (2) ควรปรบั ปรุง (1)
วิทยาศาสตร

บอกเหตผุ ลไดวา ลม ถกู ตองวา ลมเกดิ จากความ ถกู ตองวา ลมเกดิ จาก ขอสรปุ ไดวา ลมเกดิ
ความแตกตา งของ จากความแตกตา ง
เกิดจากความ แตกตางของอุณหภูมขิ อง อณุ หภูมิของอากาศที่อยู ของอุณหภมู ิของ
บรเิ วณใกลกนั 2 บริเวณ อากาศท่ีอยบู ริเวณ
แตกตางของอุณหภมู ิ อากาศที่อยบู รเิ วณใกลก ัน ซึง่ ลมมที ้ังประโยชนและ ใกลก นั 2 บริเวณ ซึง่
โทษตอสิง่ มชี วี ิต จากการ ลมมที ้งั ประโยชน
ของอากาศที่อยู 2 บริเวณ ซ่งึ ลมมที ้งั ช้ีแนะของครูหรือผอู ่ืน และโทษตอส่งิ มชี วี ติ
แตไ มสามารถบอก
บริเวณใกลก นั ประโยชนแ ละโทษตอ ทศิ ทางการเคล่ือนท่ี
ของอากาศจาก
2 บรเิ วณ ซง่ึ ลมมที ั้ง ส่ิงมีชวี ติ ไดด ว ยตนเอง แบบจําลองได แมวา
จะไดรับคําชแี้ นะ
ประโยชนและโทษตอ จากครหู รอื ผูอ่ืน

สงิ่ มชี วี ติ

S14 การสรา ง การสรางแบบจําลอง สามารถสรา งแบบจําลอง สามารถสรา งแบบจําลอง สามารถสราง
แบบจําลอง และใชแบบจําลอง และใชแบบจําลองอธิบาย และใชแ บบจาํ ลองอธบิ าย แบบจาํ ลองและใช
เพื่ออธิบายการเกิด การเกิดลม โดยใชล กู ศร การเกิดลม โดยใชล ูกศร แบบจาํ ลองอธิบาย
ลม แสดงทิศทางของลมใน แสดงทิศทางของลมใน การเกดิ ลม โดยใช
แบบจําลองไดถูกตอ งจาก ลกู ศรแสดงทิศทาง
แบบจาํ ลองไดถ ูกตองดวย การชี้แนะจากครหู รอื ของลมใน
ตนเอง ผูอน่ื แบบจาํ ลองได

ถูกตองบางสวน
แมวาจะไดรบั การ
ชแ้ี นะจากครูหรือ
ผอู ืน่

สถาบนั สงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี 179

คูมอื ครูรายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี ป.3 เลม 1 | หนว ยที่ 2 อากาศและชีวิตของสัตว

ตาราง รายการประเมินและเกณฑการประเมนิ ทักษะแหงศตวรรษท่ี 21

ทักษะแหง รายการประเมนิ เกณฑก ารประเมิน ควรปรบั ปรงุ (1)
ศตวรรษท่ี 21 ดี (3) พอใช (2)

C2 การคดิ การคดิ โดยใชเหตุผลท่ี สามารถคิดโดยใชเหตผุ ลที่ สามารถคิดโดยใชเ หตผุ ล คดิ โดยใชเหตุผลท่ีไม
อยา งมี หลากหลาย เพอื่ สรา ง หลากหลายเพือ่ สรางคาํ ทหี่ ลากหลายเพื่อสรา ง เหมาะสมเพ่ือสราง
วจิ ารณญาณ คาํ อธิบายการเกดิ ลม อธิบายการเกดิ ลมจาก คําอธบิ ายการเกดิ ลม จาก คาํ อธบิ ายการเกิดลม
จากแบบจําลองและ แบบจาํ ลองและจากขอ มูล แบบจําลองและจาก จากแบบจาํ ลองและจาก
จากขอมลู ทีร่ วบรวมได ท่รี วบรวมไดอยา งถกู ตอ ง ขอ มลู ท่รี วบรวมไดอ ยาง ขอ มูลที่รวบรวมได
ดวยตนเอง ถกู ตองจากการชแ้ี นะของ
ครูหรอื ผูอน่ื

C4 การส่ือสาร การนําเสนอขอมลู จาก สามารถนําเสนอขอ มูลจาก สามารถนําเสนอขอ มูล สามารถนาํ เสนอขอ มูล
การอา นใบความรู และ
การอภิปราย เกี่ยวกับ การอานใบความรู และการ จากการอานใบความรู จากการอา นใบความรู
การเกดิ ลม ประโยชน
และโทษของลมดวย อภิปรายเกย่ี วกับการเกดิ และการอภิปรายเก่ยี วกับ และการอภปิ ราย
การพูด หรือเขียน
เพือ่ ใหผ ูอื่นเขาใจ ลม ประโยชนแ ละโทษของ การเกดิ ลม ประโยชนแ ละ เกยี่ วกับการเกิดลม

ลมดวยการพูด หรือเขยี น โทษของลมดว ยการพูด ประโยชนและโทษของ

เพ่ือใหผูอนื่ เขา ใจไดถูกตอง หรอื เขียนเพ่อื ใหผ ูอน่ื ลมดว ยการพดู หรือ

ไดด วยตนเอง เขา ใจไดถกู ตอง จากการ เขยี นเพ่ือใหผอู ่นื เขา ใจ

ชแ้ี นะของครหู รือผอู ื่น ไดเ พยี งบางสว น และ

ตอ งใชเวลานาน แมว า

จะไดร ับคาํ ชี้แนะจากครู

หรอื ผอู ่ืน

C5 ความ การทาํ งานรว มกบั ผอู ื่น สามารถทํางานรว มกับ สามารถทาํ งานรว มกับ สามารถทาํ งานรวมกับ
รวมมือ ในการสํารวจอณุ หภูมิ ผูอ่นื ในการสาํ รวจอุณหภูมิ ผูอ่นื ในการสาํ รวจ ผูอนื่ ในการสาํ รวจ
ของอากาศในบรเิ วณ ของอากาศในบริเวณ อณุ หภมู ขิ องอากาศใน อณุ หภมู ขิ องอากาศใน
ตาง ๆ และการสราง ตา ง ๆ และการสราง บรเิ วณตาง ๆ และการ บรเิ วณตา ง ๆ และการ
แบบจําลองการเกิดลม แบบจาํ ลองการเกิดลม สรางแบบจําลองการเกดิ สรา งแบบจําลองการเกดิ
รวบรวมขอมลู และ รวบรวมขอมลู และอธบิ าย ลม รวบรวมขอ มูล และ ลม รวบรวมขอ มลู และ

180 สถาบนั สง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี

คูมือครูรายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี ป.3 เลม 1 | หนว ยท่ี 2 อากาศและชวี ติ ของสัตว

ทกั ษะแหง รายการประเมิน เกณฑการประเมิน
ศตวรรษที่ 21
ดี (3) พอใช (2) ควรปรับปรงุ (1)

อธิบายการเกิดลมจาก การเกิดลมจากแบบจาํ ลอง อธิบายการเกิดลมจาก อธบิ ายการเกดิ ลมจาก
แบบจําลอง รวมทง้ั แบบจําลองในบาง
ยอมรบั ความคดิ เหน็ รวมทัง้ ยอมรบั ความ แบบจําลอง รวมทง้ั ชวงเวลาทีท่ าํ กจิ กรรม
ของผูอืน่ แตไมคอยสนใจความ
คิดเหน็ ของผอู ่นื ตลอดเวลา ยอมรับความคดิ เหน็ ของ คิดเห็นของผอู น่ื

ท่ที าํ กิจกรรม ผอู ่ืนเปน บางชวงเวลาที่

ทํากจิ กรรม

สถาบันสงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี 181

คูมอื ครรู ายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี ป.3 เลม 1 | หนวยที่ 2 อากาศและชวี ิตของสัตว

กิจกรรมทา ยบทท่ี 1 อากาศและความสําคญั ตอสิง่ มีชีวิต (1 ช่ัวโมง)

1. นักเรียนวาดรูปหรือเขียนสรุปส่ิงที่ไดเรียนรูจากบทน้ี ในแบบบันทึก
กิจกรรม หนา 66

2. นักเรียนตรวจสอบการสรุปสิ่งที่ไดเรียนรูของตนเองโดยเปรียบเทียบกบั
ภาพสรปุ เนอื้ หาประจําบทในหัวขอ รอู ะไรในบทน้ี ในหนงั สือเรียน หนา
70-71

3. นกั เรยี นกลับไปตรวจสอบคาํ ตอบของตนเองในสาํ รวจความรกู อนเรียน
ในแบบบันทึกกิจกรรม หนา 44-45 อีกครั้ง ถาคําตอบของนักเรียน
ไมถ กู ตองใหขีดเสน ทับขอความเหลา นน้ั แลวแกไ ขใหถกู ตอง นอกจากนี้
ครูอาจนําคําถามในรูปนําบทในหนังสือเรียน หนา 46 มารวมกัน
อภปิ รายคาํ ตอบอกี ครง้ั ดังนี้
3.1 อากาศมีสวนประกอบอะไรบาง (อากาศมีสวนประกอบของแกส
ไนโตรเจน แกสออกซิเจน แกสคารบอนไดออกไซดในปริมาณท่ี
ตา งกนั นอกจากนย้ี งั มีแกสอ่ืน รวมท้ังมไี อนํา้ เปนสว นประกอบ)
3.2 การเคลื่อนที่ของอากาศทําใหเกิดปรากฏการณใดบนโลกบาง (การ
เคลื่อนที่ของอากาศทําใหเกิดลม โดยลมจะเคล่ือนท่ีจากบริเวณท่ี
อากาศมอี ณุ หภมู ติ าํ่ ไปยังบรเิ วณที่อากาศมีอุณหภมู สิ ูง)

4. นักเรียนทํา แบบฝกหัดทายบทที่ 1 อากาศและความสําคัญตอ
ส่ิงมีชีวิต ในแบบบันทึกกิจกรรม หนา 67-69 จากนั้นนําเสนอคําตอบ
หนาช้ันเรียน ถาคําตอบยังไมถูกตอง ครูควรนําอภิปรายหรือให
สถานการณเพิ่มเตมิ เพื่อแกไขแนวคดิ คลาดเคล่อื นใหถูกตอง

5. นักเรียนรวมกันทํากิจกรรม รวมคิด รวมทํา โดยนักเรียนรวมกันระดม
ความคิดเก่ียวกับการใชประโยชนจากลม ถาบานของนักเรียนอยูใน
พ้ืนทีท่ ี่มีลมพัดแรงเกือบท้ังวนั โดยอาจใหน กั เรยี นนําเสนอหนาชน้ั เรียน
หรือทําผงั ความคดิ บนกระดาษปรูฟและตดิ แสดงท่ีผนังหอ ง

182 สถาบนั สง เสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี

คมู อื ครูรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี ป.3 เลม 1 | หนว ยที่ 2 อากาศและชวี ติ ของสตั ว

สรปุ ผลการเรียนรูข องตนเอง

รูปหรือขอความสรุปสิ่งท่ไี ดเ รยี นรจู ากบทนต้ี ามความเขาใจของนักเรียน

สถาบันสง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี 183

คมู อื ครรู ายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี ป.3 เลม 1 | หนวยท่ี 2 อากาศและชวี ติ ของสัตว

แนวคําตอบในแบบฝกหดั ทายบท

ลดการใชรถยนต เปลีย่ นมาใชรถจกั รยานในการเดนิ ทาง
ลดการเผาขยะ หรือเศษใบไม
ชวยกนั ปลกู ตนไม

184 สถาบันสง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี

คมู ือครรู ายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี ป.3 เลม 1 | หนว ยท่ี 2 อากาศและชวี ติ ของสตั ว

 185


สถาบันสง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี

คมู อื ครูรายวิชาพนื้ ฐานวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี ป.3 เลม 1 | หนว ยท่ี 2 อากาศและชวี ิตของสตั ว

ทําใหบริเวณน้ันไมสามารถใชป ระโยชนจากลมได เชน
- ทําใหเ มลด็ พืชไมสามารถปลิวไปตกท่ีอ่ืน
- ไมสามารถแลน เรอื ใบ
- ไมสามารถต้ังกังหันลมผลิตไฟฟา
- การกัน้ ทิศทางของลมสามารถชวยปองกันความเสียหายตาง ๆ ที่

อาจเกดิ กบั บา นเรือน หรอื สวน

นกั เรียนตอบตามความคิดของตนเอง
เชน ใชล มหมนุ กังหนั ลมผลิตไฟฟาขนาดเล็กท่ีสามารถผลติ ไฟฟา ใชใ น
บา นของตนเองได

186 สถาบันสง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี

คูมอื ครูรายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ป.3 เลม 1 | หนว ยที่ 2 อากาศและส่งิ มีชีวิต

บทท่ี 2 การดาํ รงชีวติ ของสตั ว

จุดประสงคการเรยี นรูประจาํ บท บทนี้มอี ะไร

เมอื่ เรียนจบบทนี้ นักเรยี นสามารถ เรอ่ื งที่ 1 ส่ิงที่จําเปนตอการเจริญเติบโตและ
1. บรรยายส่ิงท่ีจําเปนตอการเจริญเติบโตและ การดาํ รงชวี ติ ของสตั วและมนุษย
การดาํ รงชวี ิตของสัตวและมนษุ ย
2. ดูแลตนเองและสัตวใหไดรับอาหาร นํ้า และ กิจกรรมท่ี 1.1 สัตวตองการส่ิงใดในการเจริญเติบโต
อากาศอยา งเหมาะสม
3. สรางแบบจําลองที่บรรยายวัฏจักรชีวิตของสัตว และการดาํ รงชีวติ
และเปรียบเทยี บวฏั จกั รชีวิตของสตั วบ างชนิด
4. บอกแนวทางการไมทําใหวัฏจักรชีวิตของสัตว กจิ กรรมที่ 1.2 มนษุ ยต อ งการสิ่งใดในการ
เปล่ยี นแปลง
เจริญเติบโตและการดาํ รงชีวติ
เวลา 11 ชั่วโมง
เร่ืองท่ี 2 วฏั จักรชวี ิตของสัตว
แนวคดิ สาํ คญั กิจกรรมท่ี 2 วัฏจักรชีวติ ของสตั วเปน อยา งไร

สตั วต อ งการสิ่งท่ีจําเปน ตา ง ๆ ในการเจรญิ เตบิ โต
และการดาํ รงชวี ิตเชนเดียวกับมนุษย เมื่อสัตวเจรญิ เติบโต
เปน ตัวเตม็ วัย จะสืบพนั ธุแ ละมีลูก เม่อื ลกู เจรญิ เตบิ โตเปน
ตัวเต็มวัยก็จะสืบพันธุและมีลูกตอไปอีก การเปลี่ยนแปลง
น้มี ีการหมุนเวยี นเปนแบบรูปคงทซี่ ํ้าเดิมอยางตอเนื่องเปน
วัฏจักรชีวิต โดยสัตวแตละชนิดจะมีวัฏจักรชีวิตที่เฉพาะ
และแตกตางกัน สัตวมีประโยชนตอมนุษยหลายดาน เรา
จึงควรดูแลตนเองและดูแลสัตวใหไดรับสิ่งท่ีจําเปนตาง ๆ
ในการเจริญเติบโตและการดํารงชีวิตอยางเหมาะสม และ
ตองไมทําใหวฏั จกั รชีวติ ของสตั วเปล่ยี นแปลงไป

สอื่ การเรียนรแู ละแหลง เรยี นรู

1. หนงั สอื เรยี น ป.3 เลม 1 หนา 74-104
2. แบบบันทกึ กิจกรรม ป.3 เลม 1 หนา 70-97

สถาบันสง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี 187

คูม ือครรู ายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี ป.3 เลม 1 | หนว ยที่ 2 อากาศและชีวิตของสัตว

ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตรและทักษะแหง ศตวรรษท่ี 21

รหสั ทกั ษะ กจิ กรรมท่ี
1.1 1.2 2
ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร 
S1 การสงั เกต 
S2 การวดั
S3 การใชจ ํานวน 
S4 การจําแนกประเภท
S5 การหาความสมั พนั ธร ะหวาง 

 สเปซกบั สเปซ
 สเปซกบั เวลา 
S6 การจดั กระทําและสอ่ื ความหมายขอ มลู 
S7 การพยากรณ
S8 การลงความเหน็ จากขอมูล 
S9 การต้งั สมมติฐาน 
S10 การกําหนดนยิ ามเชงิ ปฏิบตั กิ าร 
S11 การกําหนดและควบคุมตวั แปร
S12 การทดลอง 
S13 การตีความหมายขอมูลและลงขอ สรุป
S14 การสรา งแบบจาํ ลอง
ทกั ษะแหงศตวรรษท่ี 21
C1 การสรางสรรค
C2 การคิดอยางมีวิจารณญาณ
C3 การแกปญหา
C4 การสื่อสาร
C5 ความรว มมือ
C6 การใชเ ทคโนโลยสี ารสนเทศและ
การส่ือสาร

หมายเหตุ: รหสั ทักษะที่ปรากฏน้ี ใชเฉพาะหนังสือคมู ือครูเลม น้ี

188 สถาบนั สง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี

คูมอื ครูรายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ป.3 เลม 1 | หนว ยท่ี 2 อากาศและชีวิตของสัตว

แนวคดิ คลาดเคลื่อน

แนวคิดคลาดเคลื่อนท่ีอาจพบและแนวคิดท่ีถกู ตอ งในบทที่ 2 การดํารงชีวิตของสตั ว มีดงั ตอไปน้ี

แนวคิดคลาดเคลอื่ น แนวคิดท่ีถกู ตอ ง

ยารกั ษาโรคเปน สง่ิ ท่ีจาํ เปน ตอการเจริญเติบโตของมนุษย * สิ่งที่จําเปนตอการเจริญเติบโตของมนุษย คือ อาหาร นํ้า
และอากาศ สวนยารักษาโรคจะใชเฉพาะเมื่อมีอาการปวย

จึงไมจัดเปนส่ิงท่ีจําเปนตอการเจริญเติบโต (Reece et al.,

2011; กองยา, 2016)

ความสูงของมนุษยขึ้นอยูกับอายุและเพศ คนท่ีมีอายุ ความสูงของมนุษยขึ้นอยูกับปจจัยหลายอยาง เชน

มากกวาจะตองสูงกวา และเพศชายจะสูงกวาเพศหญิง พันธุกรรม การรับประทานอาหาร สภาพแวดลอม คนท่ีมี

(Pine, et al., 2001) อายุมากกวาไมจําเปนตองสูงกวาคนที่มีอายุนอยกวา หรือ

เพศชายไมจําเปนตองสูงกวาเพศหญิงเสมอไป (Pine, et

al., 2010 และรชตะ ปว าวฒั นพาณชิ , 2019)

มนุษยไ มใชส ัตว (Phillips & Ryan, 2017) ในการจัดกลุมของสิ่งมีชีวิต จะจัดมนุษยอยูในกลุมสัตวมี

กระดูกสันหลังท่ีเล้ียงลูกดวยนํ้านม เนื่องจากมีลักษณะ

บางประการที่เหมือนกับสัตวในกลุมน้ี (Phillips & Ryan,

2017)

ไขของสัตวเปนสิ่งไมมีชีวิต (Noureddine & Zouhaire, ไขของสัตวเปนสิ่งมีชีวิต เพราะเปนเซลลสืบพันธุของสัตว

2017) เซลลไขที่มีการผสมกับอสุจิของเพศผูจะเปนตนกําเนิดของ

สงิ่ มชี ีวิตแตล ะชนดิ (Noureddine & Zouhaire, 2017)

ถาครูพบวามแี นวคดิ คลาดเคล่ือนใดท่ยี งั ไมไดแ กไ ขจากการทํากจิ กรรมการเรียนรู ครูควรจดั การเรียนรูเ พิ่มเตมิ เพ่อื
แกไขตอไปได

* ขอมลู ท่ีไดจากการสงั เกตชั้นเรยี นในการทดลองใชหนงั สอื เรียนของ สสวท.

สถาบันสง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี 189

คมู ือครูรายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี ป.3 เลม 1 | หนว ยท่ี 2 อากาศและชีวิตของสัตว

บทน้เี รม่ิ ตนอยางไร (1 ช่ัวโมง) ในการทบทวนความรูพ้ืนฐาน
ครูควรใหเวลานักเรียนคิดอยาง
1. ครูทบทวนความรูพ้ืนฐานเก่ียวกับสงิ่ ที่จาํ เปน ตอ การเจรญิ เติบโตของ เหมาะสม รอคอยอยางอดทน
พืช โดยนําตนพืชของจริง หรือรูปพืช มาใหนักเรียนสังเกต หรือให นักเรียนตอ งตอบคาํ ถามเหลานี้ได
นกั เรียนสงั เกตพชื ทอ่ี ยูรอบ ๆ หองเรียน แลวใชค าํ ถามดังน้ี ถูกตอง หากตอบไมไดหรือลืม
1.1 สิ่งนี้คืออะไร และเปนส่ิงมีชีวิตหรือไม (ตนพืช หรือตนไม หรือ ครูตอ งใหความรูท่ีถูกตอ งทันที
ชอ่ื พืชทค่ี รูนํามาใหสงั เกต และสงิ่ นีเ้ ปน สิง่ มีชวี ติ )
1.2 พืชตองการส่ิงท่ีจําเปนใดสําหรับการเจริญเติบโต (น้ํา แสง ในการตรวจสอบความรูเดิม
อากาศ ธาตอุ าหาร) ครูรับฟงเหตุผลของนักเรียนเปน
1.3 สิ่งที่จําเปนตาง ๆ ในขอ 1.2 มีความจําเปนตอการเจริญเติบโต สําคัญ ครูยังไมเฉลยคําตอบใด ๆ
ของพชื อยา งไร (พชื ใชน าํ้ ในการงอกของเมล็ด สรา งอาหาร และ แตชักชวนใหหาคําตอบที่ถูกตอง
ลําเลียงอาหารและธาตุอาหาร ใชแสงในการสรางอาหาร ใช จากกิจกรรมตา ง ๆ ในบทเรยี นนี้
อากาศในการงอกของเมล็ด หายใจ และสรางอาหาร และใช
ธาตอุ าหารเพอ่ื ชว ยใหเจรญิ เตบิ โตไดเ ปนปกต)ิ
1.4 นอกจากพืชแลวยังมีอะไรอีกบางท่ีเปนส่ิงมีชีวิต (มนุษยและ
สตั ว)

2. ครูตรวจสอบความรูเดิมเก่ียวกับสิ่งที่จําเปนตอการเจริญเติบโตและ
การดํารงชีวิตของสัตวและมนุษย และการเปล่ียนแปลงขณะ
เจรญิ เติบโตของสัตวแ ละมนษุ ย โดยใชค าํ ถามดังนี้
2.1 สัตวและมนุษยตองการสิ่งท่ีจําเปนตอการเจริญเติบโตและ
การดํารงชีวิตเหมือนกับพืชหรือไม อยางไร (นักเรียนตอบตาม
ความเขาใจของตนเอง เชน ไมเหมือนกัน พืชตองการแสง น้ํา
อากาศ ธาตุอาหาร สําหรับการเจริญเติบโตและการดํารงชีวิต
สวนสัตวและมนุษยตองการอาหาร นํ้า และอากาศ สําหรับ
การเจริญเตบิ โตและการดาํ รงชีวิต)
2.2 ในขณะเจริญเติบโต มนุษยและสัตวมีการเปล่ียนแปลงหรือไม
อยางไร (นักเรียนตอบตามความเขาใจของตนเอง เชน มีการ
เปล่ียนแปลง โดยขณะเจริญเติบโตมนุษยและสัตวจะมีขนาด
รางกายใหญข ึน้ หรือสตั วบางชนิดมรี ปู รางลักษณะ และรปู แบบ
การดาํ รงชวี ติ ทเ่ี ปล่ยี นแปลงไป)

3. ครูใหนักเรียนอานช่ือบท และจุดประสงคการเรียนรูประจําบท ใน
หนงั สือเรียน หนา 75 จากนั้นครใู ชค ําถามดงั นี้
3.1 บทนจี้ ะไดเรยี นเรอ่ื งอะไร (การดํารงชวี ิตของสตั ว)

190 สถาบันสง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี

คูมอื ครูรายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ป.3 เลม 1 | หนวยท่ี 2 อากาศและชีวิตของสัตว

3.2 จากจุดประสงคการเรียนรู เม่ือเรียนจบบทนี้นักเรียนสามารถ ขอ เสนอแนะเพ่ิมเตมิ
ทาํ อะไรไดบาง
(- บรรยายสง่ิ ทจ่ี ําเปน ตอการเจริญเตบิ โตและการดํารงชีวิตของ ครูอาจนําวีดิทศั นเกีย่ วกับการ
สัตวแ ละมนษุ ย แสดงดํานํ้าใหอาหารปลา มาให
- ดูแลตนเองและสัตวใหไดรับอาหาร นํ้า และอากาศอยาง นักเรียนดูเปนส่ือประกอบการอาน
เหมาะสม เน้ือเรื่อง โดยอาจใชคําคนหาวา
- สรางแบบจําลองที่บรรยายวัฏจักรชีวิตของสัตวและ “การแสดงดําน้ําใหอาหารปลา”
เปรยี บเทยี บวฏั จกั รชวี ติ ของสัตวบางชนิด หรือ “โชวใหอาหารปลา สงขลา
- บอกแนวทางการไมท าํ ใหวัฏจักรชวี ติ ของสตั วเ ปล่ียนแปลง) อควาเรียม” หรือ “อควาเรียม
80 บาท ที่สถาบันวิทยาศาสตร
4. นักเรียนอานแนวคิดสําคัญ ในหนังสือเรียน หนา 76 จากน้ันครูใช ทางทะเล มหาวิทยาลยั บรู พา”
คําถามวา จากการอานแนวคิดสําคัญ นักเรียนคิดวาจะไดเรียน
เกี่ยวกบั เร่ืองอะไรบาง หากนักเรียนไมสามารถตอบ
(- ส่ิงท่ีจําเปนตอการเจริญเติบโตและการดํารงชีวิตของสัตวและ คํ า ถ า ม ห รื อ อ ภิ ป ร า ย ไ ด ต า ม
มนุษย แนวคําตอบ ครูควรใหเวลา
- วฏั จกั รชวี ิตของสตั ว นักเรียนคิดอยางเหมา ะ ส ม
- การดูแลตนเองและสัตวใหไดรับอาหาร น้ํา และอากาศอยาง รอคอยอยางอดทน และรับฟง
เหมาะสม แนวความคดิ ของนักเรียน
- การไมทําใหวฏั จักรชวี ิตของสตั วเ ปลีย่ นแปลง)

5. ครูชักชวนใหนักเรยี นสังเกตรูปและอา นเนอ้ื เรือ่ งในหนงั สอื เรียน หนา
76 โดยครูฝกทักษะการอานตามวิธีการอานท่ีเหมาะสมกับ
ความสามารถของนักเรียน จากน้ันครูใชคําถามเพื่อตรวจสอบความ
เขา ใจจากการอาน ดังน้ี
5.1 รปู นคี้ ือสถานที่ใด (พพิ ธิ ภณั ฑสัตวนํา้ )
5.2 นักเรียนเคยไปเที่ยวพิพิธภัณฑสัตวน้ําหรือไม (นักเรียนตอบตาม
ประสบการณของตนเอง)
5.3 นกั เรยี นคดิ วา คนในรูปนคี้ ือใคร (นกั ประดานา้ํ )
5.4 นกั ประดานํา้ ดําน้ําลงไปในตูป ลาเพอื่ อะไร (ใหอาหารปลา)
5.5 นักประดานํ้า สามารถอยูใตนํ้าเปนเวลานานไดหรือไม อยางไร
(นักเรียนตอบตามความเขา ใจของตนเอง เชน อยูไดน าน เพราะ
เมือ่ อยใู ตน า้ํ นักประดานาํ้ ใชถังออกซเิ จนชว ยในการหายใจ)
5.6 ถานักเรียนลงไปในนํ้า จะอยูไดนานเหมือนนักประดานาํ้ หรือไม
เพราะเหตุใด (นักเรียนตอบตามความเขาใจของตนเอง เชน

สถาบนั สง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี 191

คมู อื ครรู ายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี ป.3 เลม 1 | หนว ยท่ี 2 อากาศและชวี ติ ของสัตว

อยูไดไมนานเหมือนนักประดานํ้า เพราะเราไมสามารถหายใจ การเตรียมตวั ลว งหนาสําหรบั ครู
ใตน้ําได) เพอ่ื จัดการเรียนรใู นครง้ั ถดั ไป
5.7 ปลาสามารถอยูในนํ้าตลอดเวลาไดเพราะเหตุใด (นักเรียนตอบ
ตามความเขาใจของตนเอง เชน ปลาหายใจในนํ้าได โดยใช ในครั้งถัดไป นักเรียนจะไดเรียน
เหงือกชว ยในการหายใจ) เรอื่ งท่ี 1 ส่ิงท่ีจาํ เปน ตอ การเจริญเติบโต
5.8 ปลาตอ งการอะไรบา งสําหรับการเจริญเตบิ โตและการดํารงชีวิต และการดํารงชีวิตของสัตวและมนุษย
(นักเรียนตอบตามความเขาใจของตนเอง เชน ปลาตองการ โดยครูเตรียมไขไกมา 1 ฟอง สําหรับใช
อาหาร นํ้า และอากาศสําหรับการเจริญเติบโ ตแล ะ ตรวจสอบความรูเดิมของนกั เรยี น
การดาํ รงชวี ิต)
6. ครูชักชวนนักเรียนตอบคําถามเกี่ยวกับการดํารงชีวิตของสัตวใน
สํารวจความรกู อนเรียน
7. นักเรียนทําสํารวจความรูกอนเรียน ในแบบบันทึกกิจกรรม หนา
72-76 โดยใหน กั เรียนอา นคาํ ถามแตละขอ ครตู รวจสอบความเขาใจ
ของนักเรียน จนแนใจวานักเรียนสามารถทําไดดวยตนเอง จึงให
นักเรียนตอบคําถาม โดยคําตอบของแตละคนอาจแตกตางกัน และ
คาํ ตอบอาจถูกหรอื ผดิ กไ็ ด
8. ครูสังเกตการตอบคําถามของนักเรียนเพ่ือตรวจสอบวานักเรียนมี
แนวคิดเกี่ยวกับการดํารงชีวิตของสัตวอยางไรบาง หรืออาจสุมให
นักเรียน 2-3 คน นําเสนอคําตอบของตนเอง ครูยังไมตองเฉลย
คําตอบ แตจะใหนักเรียนยอนกลับมาตรวจสอบอีกครั้งหลังเรียนจบ
บทน้ีแลว ทั้งนี้ครูอาจบันทึกแนวคิดคลาดเคล่ือนหรือแนวคิดท่ี
นาสนใจของนักเรียน แลวนํามาออกแบบการจัดการเรียนการสอน
เพ่ือแกไขแนวคิดคลาดเคล่ือนใหถูกตอง และตอยอดแนวคิดที่
นาสนใจของนกั เรยี น

192 สถาบันสงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี

คูมอื ครรู ายวิชาพ้ืนฐานวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ป.3 เลม 1 | หนว ยที่ 2 อากาศและชีวติ ของสตั ว

แนวคําตอบในแบบบนั ทึกกิจกรรม

การสํารวจความรกู อนเรยี น นักเรยี นอาจตอบคําถามถูกหรือผดิ ก็ไดข ึ้นอยกู ับความรเู ดิมของนักเรยี น
แตเมอื่ เรยี นจบบทเรียนแลว ใหนกั เรียนกลบั มาตรวจสอบคําตอบอีกครั้งและแกไขใหถูกตอง ดงั ตัวอยาง

ใชใ นการหายใจ

ชว ยใหร า งกาย
เจรญิ เตบิ โตและดาํ รงชวี ติ ไดอ ยางปกติ

ชว ยใหรางกายเจริญเติบโต
และแขง็ แรง

สถาบนั สงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี 193

คมู อื ครรู ายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี ป.3 เลม 1 | หนวยท่ี 2 อากาศและชวี ติ ของสตั ว

√ √


194 สถาบนั สง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี

คูมอื ครูรายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ป.3 เลม 1 | หนว ยที่ 2 อากาศและชวี ติ ของสตั ว

สถาบันสงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี 195

คมู อื ครูรายวิชาพืน้ ฐานวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี ป.3 เลม 1 | หนว ยที่ 2 อากาศและชีวติ ของสตั ว

วัฏจักรชีวิตของไกและยุงแตกตางกัน โดยรูปรางลักษณะในแตละระยะ
ของการเจริญเติบโตในวัฏจักรชีวิตของไกและยุงจะแตกตางกัน และ
ในขณะเจริญเติบโตต้ังแตออกจากไขจนเปนตัวเต็มวัย ไกจะไมมีการ
เปล่ียนแปลงรูปรางลักษณะ ในขณะท่ียุงมีการเปล่ียนแปลงรูปราง
ลักษณะ

196 สถาบนั สง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี

คูมอื ครูรายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี ป.3 เลม 1 | หนวยท่ี 2 อากาศและชีวติ ของสัตว



การรับประทานปูที่มีไข จะทําใหไ ขป ซู ่ึงจะเจริญเตบิ โตตอ ไปเปน
ลูกปมู ีจํานวนลดลง สงผลใหลูกปูมีจํานวนลดลงตามมา และทาํ ใหใหปูตัวเต็มวัย
ลดลงไปดวย วัฏจักรชีวติ ของปจู ึงเปล่ียนแปลงไป และถายังรับประทานปูท่ีมีไข
ตอ ไป ปอู าจสูญพันธุไ ด

สถาบนั สงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี 197

คูม ือครูรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี ป.3 เลม 1 | หนว ยที่ 2 อากาศและชีวติ ของสตั ว

เรอื่ งท่ี 1 ส่งิ ทจ่ี ําเปนตอ การเจริญเติบโตและการดํารงชีวติ
ของสตั วแ ละมนุษย

ในเร่ืองน้ีนักเรียนจะไดเรียนรูเก่ียวกับส่ิงที่จําเปน
ตอการเจริญเติบโตและการดํารงชีวิตของสัตวและมนุษย
และการดูแลตนเองและสัตวใหไดรับส่ิงที่จําเปนตอ
การเจรญิ เตบิ โตและการดาํ รงชีวิตอยางเหมาะสม

จุดประสงคก ารเรียนรู สอื่ การเรยี นรแู ละแหลงเรียนรู

1. สงั เกตและบรรยายสงิ่ ทจี่ ําเปนตอการเจริญเติบโต 1. หนงั สอื เรยี น ป.3 เลม 1 หนา 78-90
และการดํารงชวี ิตของสตั ว
2. แบบบนั ทึกกจิ กรรม ป.3 เลม 1 หนา 77-85
2. บอกแนวทางในการดูแลสัตวใหไดรับสิ่งท่ีจําเปน
ต อ ก า ร เ จ ริ ญ เ ติ บ โ ต แ ล ะ ก า ร ดํ า ร ง ชี วิ ต อ ย า ง
เหมาะสม

3. รวบรวมขอมูลและบรรยายสิ่งที่จําเปนตอ
การเจริญเติบโตและการดาํ รงชีวิตของมนษุ ย

4. สืบคนขอมูลและบอกแนวทางในการดูแลตนเอง
ใหไดรับสิ่งท่ีจําเปนตอการเจริญเติบโตและ
การดาํ รงชวี ติ อยางเหมาะสม

เวลา 6 ชว่ั โมง

วสั ดุ อุปกรณสาํ หรบั ทํากจิ กรรม

ภาชนะสําหรับเลี้ยงปลา ลูกปลา อาหารปลา
ไมบรรทัด สําลี จานกระดาษ กระชอนตักปลา นํ้า
วีดทิ ศั นเ กีย่ วกับการเจริญเตบิ โตและการดํารงชีวิตของสัตว
ชนิดตาง ๆ สมุดรายงานสุขภาพประจําป ที่วัดสวนสูง
เครือ่ งช่งั นํา้ หนัก

198 สถาบนั สง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี

คูมือครูรายวิชาพ้นื ฐานวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ป.3 เลม 1 | หนวยท่ี 2 อากาศและชีวิตของสัตว

แนวการจัดการเรียนรู (60 นาที) ในการตรวจสอบความรูเดิม
ครูรับฟงเหตุผลของนักเรียนเปน
ข้ันตรวจสอบความรู (10 นาท)ี สําคัญ ครูยังไมเฉลยคําตอบใด ๆ
แ ต ชั ก ช ว น ใ ห ห า คํ า ต อ บ ด ว ย
1. ครูตรวจสอบความรูเดิมเกี่ยวกับส่ิงที่จําเปนตอการเจริญเติบโตและ ตนเองจากการอานเน้ือเร่ือง
การดํารงชีวิตของสัตว โดยนําไขไกมาใหนักเรียนสังเกต จากนั้นรวมกัน
อภิปรายโดยใชคาํ ถามดงั ตอ ไปน้ี
1.1 ส่ิงนี้คืออะไร (ไขไก)
1.2 ไขไกเปนส่ิงมีชีวิตหรือไม (นักเรียนตอบตามความเขาใจของตนเอง
เชน ไขไ กเปน ส่งิ มีชีวิต)
1.3 นักเรียนคิดวา ไขจะฟกออกมาเปนอะไร (นักเรียนตอบตาม
ความเขาใจของตนเอง เชน ไขจะฟก ออกมาเปน ลกู ไกหรือลูกเจย๊ี บ)
1.4 ลูกไกตองการสิ่งใดบางในการเจริญเติบโตและการดํารงชีวิต
(นักเรียนตอบตามความเขาใจของตนเอง เชน ลูกไกตองการอาหาร
นาํ้ และอากาศในการเจรญิ เติบโตและการดาํ รงชวี ิต)

2. ครูเชื่อมโยงความรูเดิมของนักเรียนสูการเรียนเร่ืองการเจริญเติบโตและ
การดํารงชีวิตของสัตว โดยใชคําถามวา ไกและสัตวชนิดอื่น ๆ ตองการ
ส่ิงที่จาํ เปนใดบา งในการเจริญเตบิ โตและการดํารงชีวิต

ขน้ั ฝก ทกั ษะจากการอา น (35 นาที)

3. ครูใหนักเรียนอานชื่อเรื่อง และคิดกอนอาน ในหนังสือเรียน หนา 78
จากนน้ั รวมกนั อภิปรายเพอ่ื หาแนวคําตอบและนาํ เสนอ ครบู นั ทกึ คาํ ตอบ
ของนกั เรียนบนกระดานเพือ่ ใชเ ปรยี บเทยี บคําตอบหลังการอา นเร่ือง

4. นักเรยี นอา นคําสาํ คัญ ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ (หากนกั เรียนอาน
ไมได ครูควรสอนอานใหถูกตอง) จากน้ันครูชักชวนใหนักเรียนอธิบาย
ความหมายของคําสําคัญตามความเขา ใจของตนเอง

5. นักเรียนอานเน้ือเร่ืองในหนังสือเรียน หนา 78-79 โดยครูฝกทักษะ
การอานตามวิธีการอานท่ีเหมาะสมกับความสามารถของนักเรียน ครู
ตรวจสอบความเขา ใจจากการอาน โดยใชค ําถามดงั น้ี
5.1 แมไ กก กไขเ พ่อื อะไร (ใหค วามอบอนุ แกไ ข)
5.2 ไกทฟ่ี กออกมาจากไข เรียกวาอะไร (ลกู เจ๊ียบ)
5.3 ลกู เจยี๊ บมลี ักษณะอยางไร (ตัวเล็ก มขี นออ นสีเหลอื ง)

สถาบันสง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี 199

คมู ือครูรายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี ป.3 เลม 1 | หนว ยที่ 2 อากาศและชวี ิตของสตั ว

5.4 ขาวตูสงสัยเกี่ยวกับเร่ืองอะไร (ลูกเจี๊ยบตองการสิ่งท่ีจําเปนใดบาง หากนักเรียนไมสามารถตอบ
เพอื่ ใหรางกายเจรญิ เตบิ โตและดํารงชวี ติ อยูได) คํ า ถ า ม ห รื อ อ ภิ ป ร า ย ไ ด ต า ม
แนวคําตอบ ครูควรใหเวลา
5.5 การดาํ รงชีวติ คืออะไร (การมชี ีวิตอยูตอไปได) นักเรียนคิดอยางเหมา ะ ส ม
5.6 นักเรียนคิดวาลูกเจี๊ยบนาจะเจริญเติบโตและดํารงชีวิตไดหรือไม รอคอยอยางอดทน และรับฟง
แนวความคิดของนักเรยี น
เพราะเหตุใด (นักเรียนตอบตามความเขาใจของตนเอง เชน ได
เพราะลกู เจี๊ยบกินอาหาร กินนา้ํ และมีการหายใจ) ความรเู พ่มิ เติมสําหรบั ครู
5.7 ขา วตนู งั่ มองแมไกและลกู เจยี๊ บทําอะไร (คยุ เขยี่ หาอาหาร)
5.8 แมไกแ ละลูกไกทําสิ่งนัน้ เพอ่ื อะไร (เพ่อื หาอาหาร) หินยอย เปนหินปูนท่ีมีลักษณะ
5.9 ระหวางที่ขาวตูน่ังมองแมไกกับลูกเจ๊ียบ พอเรียกขาวตูไปดูขาว เ ป น แ ท ง ห รื อ แ ผ น ที่ ย อ ย ล ง ม า จ า ก
เก่ียวกับเรื่องอะไร (การพบตัวนักฟุตบอลเยาวชนทีมหน่ึงท่ีเขาไป เพดานถํ้า เกิดจากนํ้าทําปฏิกิริยากับ
ตดิ อยูในถํ้า) แ ก ส ค า ร บ อ น ไ ด อ อ ก ไ ซ ด เ กิ ด เ ป น
5.10 ทีมนักฟุตบอลเขาไปติดอยูในถํ้าเปนเวลากี่วัน เพราะเหตุใดจึงออก กรดคารบอนิกซ่ึงเปนกรดออนละลาย
จากถ้ําไมได (ทีมนักฟุตบอลเขาไปติดอยูในถ้ํา 10 วัน และออกจาก หินปูน และทําปฏิกิริยากับหินปูน ไดเปน
ถา้ํ ไมได เพราะมีนํ้าจํานวนมากก้นั ทางออกไว) แคลเซียมไบคารบอเนตซึ่งละลายนํ้าได
5.11 ขณะติดอยูในถํ้า นักฟุตบอลมีอาการอยางไร เพราะเหตุใดจึงมี เม่ือน้ําท่ีมีแคล เซียมไบ คารบ อ เ น ต
อาการเชนนั้น (นักฟุตบอลมีอาการออนเพลีย เพราะไมมีอาหาร ละลายอยูหยดลงมาจากเพดานถ้ําและ
และมนี า้ํ ไมเพียงพอ) สั ม ผั ส กั บ อ า ก า ศ จ ะ เ กิ ด ป ฏิ กิ ริ ย า เ ค มี
5.12 พวกเขาดาํ รงชีวติ อยูในถ้ําเปนเวลาหลายวันไดอยางไร (ด่มื นํา้ ที่ไหล ไดเปนแคลเซียมคารบอเนต น้ํา และ
ลงมาตามหินยอยและพยายามอยูน่ิง ๆ เพื่อใชพลังงานของรางกาย แกสคารบอนไดออกไซด โดยแคลเซียม-
ใหน อ ยทีส่ ดุ ) คารบอเนตท่ีเปนของแข็งจะสะสมตัว
5.13 ถาไมมีเจาหนาที่เขาไปคนหาหรือใหการชวยเหลือ พวกเขาจะเปน เ ป น แ ผ น ห รื อ แ ท ง พ อ ก ย า ว ล ง ม า จ า ก
อยา งไร (นักเรียนตอบตามความเขาใจของตนเอง เชน พวกเขาอาจ เพดานถํ้าเรอื่ ย ๆ ทลี ะนอ ย
ไมม ีชวี ติ รอด หรืออาจจะเกดิ โรคแทรกซอนตา ง ๆ เนื่องจากรา งกาย
ออ นแอ จนอาจทาํ ใหเ สยี ชวี ติ ) ค รู อ า จ ใ ห ค ว า ม รู แ ก นั ก เ รี ย น
ขัน้ สรุปจากการอา น (15 นาที) เพ่ิมเติมวา นํ้าท่ีไหลผานจากหินยอย
อาจมีเช้ือโรค เศษฝุน หรือสารบางอยาง
6. ครูใหนักเรียนรวมกันสรุปเร่ืองที่อานซึ่งควรสรุปไดวา แมไกกกไขเพ่ือให ปนมากับน้ํา ดังนั้นน้ําท่ีมาจากหินยอย
ความอบอุนแกไข เม่ือไขฟกออกมาเปนลูกเจ๊ียบ ลูกเจี๊ยบตองการส่ิงที่ จงึ ไมเ หมาะสําหรบั การด่ืม
จําเปนตาง ๆ สําหรับการเจริญเติบโตและการดํารงชีวิต สวนนักฟุตบอล
ท่ีติดอยูในถํ้ามีรางกายออนแอ เพราะไมไดรับอาหารและน้ําอยาง
เพียงพอ พวกเขาก็ตองการสิ่งท่ีจําเปนตาง ๆ สําหรับการเจริญเติบโต
และการดํารงชวี ติ เชนเดียวกัน

7. นักเรยี นตอบคาํ ถามในรหู รอื ยงั ในแบบบันทึกกิจกรรม หนา 77

200 สถาบนั สงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี

คูมือครรู ายวิชาพนื้ ฐานวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี ป.3 เลม 1 | หนวยที่ 2 อากาศและชวี ิตของสตั ว

8. ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายเพื่อเปรียบเทียบคําตอบของนักเรียนใน การเตรยี มตัวลวงหนาสาํ หรับครู
รหู รอื ยัง กบั คําตอบทีเ่ คยตอบและบันทกึ ไวใ นคดิ กอนอา น เพื่อจดั การเรียนรูใ นครง้ั ถดั ไป

9. ครใู หน ักเรียนตอบคาํ ถามทา ยเรอื่ งที่อาน ดังนี้ ในครั้งถัดไป นักเรียนจะไดทํา
9.1 เจาหนาที่ตองสงสิ่งใดเขาไปชวยเหลือนักฟุตบอลทีมน้ี เพ่ือให กิจกรรมที่ 1.1 สตั วต อ งการส่งิ ใดในการ
พวกเขายังคงดํารงชีวิตอยูตอไปได (นักเรียนตอบตามความเขาใจ เจริญเติบโตและการดํารงชีวิต ครูอาจ
ของตนเอง) เตรียมสิง่ ตาง ๆ ดังน้ี
9.2 สัตวตองการสิ่งท่ีจําเปนตอการเจริญเติบโตและการดํารงชีวิต 1. รูปสัตวชนิดใดชนิดหนึ่ง เชน สุนัข
เชนเดยี วกับมนุษยหรอื ไม (นกั เรยี นตอบตามความเขา ใจของตนเอง)
ครูยังไมเฉลยคําตอบแตชักชวนใหนักเรียนหาคําตอบจากการทํา แมว ซึ่งมีรางกายแข็งแรงสมบูรณ
กจิ กรรม 1 รู ป แ ล ะ มี ร า ง ก า ย ซู บ ผ อ ม
ออนแรง 1 รูป สําหรับใชตรวจสอบ
ความรเู ดมิ ของนกั เรียน
2. สแกน QR code ในหนังสือเรียน
หนา 80 เพ่ือศึกษาวีดิทัศนเกี่ยวกับ
การเจริญเติบโตและการดํารงชีวิต
ของสัตวชนิดตาง ๆ กอนถึงช่ัวโมง
เรียน

สถาบนั สงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี 201

คมู อื ครรู ายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี ป.3 เลม 1 | หนวยท่ี 2 อากาศและชีวิตของสัตว

แนวคาํ ตอบในแบบบันทึกกิจกรรม

เพ่ือใหค วามอบอนุ แกไ ข จนลูกเจ๊ียบฟกออกมาจากไข
ดมื่ น้ําทไ่ี หลลงมาตามหนิ ยอย และทกุ คนพยายามอยนู งิ่ ๆ เพ่อื ใช
พลงั งานของรางกายใหนอ ยท่ีสดุ

202 สถาบนั สงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี

คูมือครูรายวิชาพน้ื ฐานวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี ป.3 เลม 1 | หนวยที่ 2 อากาศและชีวติ ของสัตว

กจิ กรรมที่ 1.1 สตั วต อ งการสิง่ ใดในการเจริญเติบโตและการดํารงชวี ิต

กิจกรรมนี้นักเรียนจะไดสังเกตการเจริญเติบโต
และการดํารงชีวิตของสัตวชนิดตาง ๆ จากการเล้ียงปลา
และการดูวีดิทัศน เพื่อบรรยายส่ิงที่จําเปนตอการ
เจริญเติบโตและการดํารงชีวิตของสัตว รวมทั้งบอก
แนวทางในการดูแลสัตวใหไดรับสิ่งที่จําเปนตาง ๆ อยาง
เหมาะสม

เวลา 3 ชวั่ โมง

จดุ ประสงคการเรียนรู ทกั ษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร

1. สังเกตและบรรยายสิ่งท่ีจําเปนตอการเจริญเตบิ โต S1 การสังเกต
S2 การวดั
และการดาํ รงชีวิตของสัตว S8 การลงความเห็นจากขอมลู
S13 การตคี วามหมายขอมูลและลงขอ สรปุ
2. บอกแนวทางในการดูแลสัตวใหไดรับส่ิงท่ีจําเปน
ต อ ก า ร เ จ ริ ญ เ ติ บ โ ต แ ล ะ ก า ร ดํ า ร ง ชี วิ ต อ ย า ง ทักษะแหงศตวรรษท่ี 21

เหมาะสม C2 การคิดอยางมีวจิ ารณญาณ
C4 การสอ่ื สาร
วัสดุ อุปกรณสําหรับทํากจิ กรรม C5 ความรวมมือ

สงิ่ ทค่ี รตู อ งเตรยี ม/หอง ส่ือการเรียนรแู ละแหลง เรียนรู

1. วีดทิ ัศนเ กีย่ วกบั การเจริญเติบโตและ 1. หนังสอื เรยี น ป.3 เลม 1 หนา 80-84
2. แบบบันทึกกจิ กรรม ป.3 เลม 1 หนา 78-81
การดํารงชีวิตของสตั วชนดิ ตา ง ๆ 1 เร่ือง
1 ถุง
2. สําลี

สิ่งทค่ี รตู อ งเตรียม/กลุม

1. ภาชนะสําหรบั เลย้ี งปลา 1 ใบ

2. นาํ้ 1 ถงั

3. จานกระดาษ 3 ใบ

4. กระชอนตกั ปลา 1 อัน

สิง่ ทน่ี กั เรียนตอ งเตรยี ม/กลมุ

1. ลูกปลา 3 ตัว

2. อาหารปลา 1 ถุง

3. ไมบ รรทัด 1 อนั

สถาบนั สงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี 203

คมู อื ครรู ายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี ป.3 เลม 1 | หนว ยท่ี 2 อากาศและชีวติ ของสตั ว

แนวการจดั การเรียนรู ในการตรวจสอบความรูเดิม
ครูรับฟงเหตุผลของนักเรียนเปน
1. ครูตรวจสอบความรูเดิมของนักเรียนเก่ียวกับส่ิงท่ีจําเปนตอ สําคัญ ครูยังไมเฉลยคําตอบใด ๆ
การเจริญเติบโตและการดํารงชีวิตของสัตว โดยครูนํารูปสัตวชนิดใด แตชักชวนใหหาคําตอบที่ถูกตอง
ชนิดหน่ึง เชน สุนัข แมว ซ่ึงมีรางกายแข็งแรงสมบูรณ 1 รูป และมี จากการทํากจิ กรรม
รางกายซูบผอม ออนแรง 1 รูป มาใหนักเรียนสังเกต จากน้ันใหนักเรียน
รว มกันอภิปราย โดยใชคาํ ถามดงั ตอไปน้ี
1.1 สัตวในรปู นี้เปนสตั วชนดิ ใด (นักเรียนตอบชื่อสตั วตามทีส่ ังเกตได)
1.2 สตั วใ นรูปทง้ั สองมลี กั ษณะเหมือนหรือแตกตางกันอยางไร (นกั เรียน
ตอบตามท่ีสังเกตได เชน แตกตางกัน โดยสัตวในรูปหน่ึงมีรางกาย
แข็งแรงสมบูรณ รางกายสะอาด สวนสัตวอีกรูปหนึ่งมีรางกาย
ออนแอและซูบผอม)
1.3 เพราะเหตุใดสัตวในรูปท้ังสองน้ีจึงมีลักษณะแตกตางกัน (นักเรียน
ตอบตามความเขาใจของตนเอง เชน เพราะสัตวไดรับการดูแล
แตกตางกัน สัตวตัวหน่ึงอาจจะไดกินอาหารอยางเพียงพอ
สวนอีกตวั หน่ึงอาจจะไมไดกินอาหาร)
1.4 ถานักเรยี นตองเลีย้ งสตั วช นดิ นี้ นักเรยี นจะเลี้ยงใหม ีลกั ษณะตามรูป
ใด เพราะเหตใุ ด (นักเรียนตอบตามความคิดของตนเอง เชน ถาตอง
เล้ียงสัตวชนิดน้ีจะเลี้ยงใหมีลักษณะตามรูปสัตวท่ีมีรางกายแข็งแรง
สมบูรณ เพราะเปนการเล้ียงท่ีทําใหสัตวมีรางกายแข็งแรง สะอาด
และสขุ ภาพดี)
1.5 นักเรียนจะเลี้ยงสัตวอยางไรใหมีลักษณะตามความตองการ
(นักเรยี นตอบตามความคดิ ของตนเอง เชน ใหอาหารและน้าํ แกสัตว
ใหสัตวอยใู นท่ีทม่ี อี ากาศสะอาด รวมทงั้ ทาํ ความสะอาดรา งกายสัตว
ใหส ะอาดอยูเสมอ)

2. ครูเชื่อมโยงความรูเดิมของนักเรียนเขาสูกิจกรรมท่ี 1.1 โดยใชคําถามวา
เราจะเลี้ยงสัตวใหมีการเจริญเติบโตดี มีรางกายแข็งแรง และสุขภาพดี
ไดอ ยา งไร

3. นักเรียนอานช่ือกิจกรรม และทําเปนคิดเปน จากนั้นรวมกันอภิปราย
เพ่ือตรวจสอบความเขาใจเก่ียวกับจุดประสงคในการทํากิจกรรม โดยใช
คําถาม ดังนี้
3.1 กิจกรรมน้ีนักเรียนจะไดเรียนเรื่องอะไร (ส่ิงท่ีจําเปนตอการ

เจรญิ เติบโตและการดาํ รงชีวิตของสตั ว)

204 สถาบนั สง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี

คูมอื ครูรายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี ป.3 เลม 1 | หนว ยที่ 2 อากาศและชีวติ ของสตั ว

3.2 นักเรียนจะไดเ รยี นรูเรอื่ งน้ีดว ยวิธีใด (การสังเกต) ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตรและ
ทกั ษะแหงศตวรรษท่ี 21 ทนี่ ักเรียนจะได
3.3 เม่ือเรียนแลวนักเรียนจะทําอะไรได (บรรยายส่ิงที่จําเปนตอการ
ฝก จากการทํากจิ กรรม
เจริญเติบโตและการดํารงชีวิตของสัตว และบอกแนวทางในการ
S1 สงั เกตพฤตกิ รรมและการเปลยี่ นแปลง
ดแู ลสัตวใ หไดรบั สงิ่ ท่ีจาํ เปน อยา งเหมาะสม) รูปรา งลักษณะของปลาทเ่ี ลย้ี ง

4. นักเรยี นบันทึกจุดประสงคล งในแบบบันทึกกจิ กรรม หนา 78 S2 วัดความยาวของปลาดวยไมบรรทัด
และระบหุ นวยการวดั
5. นักเรียนอานสิ่งที่ตองใชในการทํากิจกรรม ซ่ึงถานักเรียนไมรูจักวัสดุ
อุปกรณบางอยาง ครูควรนําสงิ่ นัน้ มาแสดงใหดู S8 ลงความเห็นจากการสังเกต การอาน
ใบความรู และดูวีดิทัศนเกี่ยวกับสิ่งที่
6. นักเรียนอานทําอยางไร ขอ 1-5 ทีละขอ โดยครูใชวิธีฝกการอาน จําเปนตอการเจริญเติบโตและการ
ที่เหมาะสมกับความสามารถของนักเรียน จากนั้นครูตรวจสอบความ ดํารงชีวิตของสัตวตาง ๆ รวมทั้ง
เขาใจเก่ียวกับวิธกี ารทํากิจกรรม จนนักเรียนเขาใจลาํ ดับการทํากิจกรรม แนวทางการดูแลสัตวใหไดรับสิ่งที่
(ครอู าจเขยี นขนั้ ตอนการทาํ กจิ กรรมส้ัน ๆ บนกระดาน) โดยครใู ชค ําถาม จําเปน ตาง ๆ อยา งเหมาะสม
ดงั นี้
6.1 นักเรยี นตองทําอะไรเปนอันดับแรก (รวมกนั อภิปรายและเลือกชนิด C2 วิเคราะหการ เจ ริญ เติบ โต แ ล ะ
ปลาทจี่ ะเลีย้ ง) พฤติกรรมของปลาท่ีไดจากการอาน
6.2 นักเรียนสืบคนขอมูลและอภิปรายเก่ียวกับเร่ืองอะไร (วิธีการเล้ียง ใบความรูและการดูวีดิทัศน และสรุป
ปลา) ถึงสิ่งที่จําเปนตอการเจริญเติบโตและ
6.3 นักเรียนสามารถสืบคนขอมูลเก่ียวกับวิธีการเลี้ยงปลาไดจาก การดํารงชีวิตของปลา
ทใ่ี ดบา ง (อนิ เทอรเน็ต หนังสอื สอบถามครหู รือผูปกครอง)
6.4 เมื่อสืบคนขอมูลแลว นักเรียนตองทําอะไรตอไป (วางแผนการเล้ียง C4 นําเสนอวิธีการเล้ียงปลาและผลการ
ปลา จดั ภาชนะสาํ หรับเลย้ี งปลา และเลีย้ งปลาตามแผนท่ีวางไว) เลี้ยงปลาของกลุมตนเอง
6.5 เม่ือเลี้ยงปลาแลว นักเรียนตองทําอะไรบาง (สังเกตพฤติกรรมและ
การเปลี่ยนแปลงรูปรางลักษณะของปลาโดยการวัดความยาวของ C5 ทํางานรวมกับผูอ่ืนในการเล้ียงปลา
ปลา) สังเกตพฤติกรรมและการเจริญเติบโต
6.6 นักเรียนจะนําปลาออกมาเพ่ือวัดความยาวไดอยางไร (ใชกระชอน ของปลา รวมท้ังการอภิปรายเก่ียวกับ
ตักปลามาวางบนสําลีท่ีชุมน้ํา แลวใชสําลีที่ชุมนํ้าอีกแผนวางบนตัว ส่ิงท่ีจําเปนตอการเจริญเติบโตและ
ปลา) การดํารงชีวิตของสัตว และการดูแล
6.7 นกั เรียนจะใชอ ะไรวัดความยาวของปลา (ไมบ รรทดั ) สัตวชนิดตาง ๆ ใหไดรับส่ิงท่ีจําเปน
6.8 เม่ือตักปลาออกมาแลว นักเรียนจะวัดความยาวของปลาไดอยางไร เหลา นนั้ อยางเหมาะสม
(นาํ ไมบ รรทัดมาวางเทยี บกับตัวปลาต้ังแตห วั ปลาจนถงึ หางปลา)
ในกรณีท่ีนักเรียนใชไมบรรทัดไมถนัด อาจใชแถบกระดาษวัด
ความยาวของปลา โดยทําเคร่ืองหมายบนแถบกระดาษเพ่ือใชเปน
ตําแหนงปลายสุดของหัวปลา แลวนําแถบกระดาษมาทาบกับ
ตัวปลา ทําเคร่ืองหมายท่ีปลายสุดของหางปลา จากนั้นนํา

สถาบนั สง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี 205

คมู ือครูรายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี ป.3 เลม 1 | หนว ยที่ 2 อากาศและชวี ติ ของสัตว

แถบกระดาษที่ทําเครื่องหมายแลว ไปเทียบกับไมบรรทัดแลว ขอ เสนอแนะเพมิ่ เติม
อานคา ทั้งน้ีครูควรสาธิตวิธีการวัดความยาวของปลาใหนักเรียน
ดูกอ นลงมือทํากจิ กรรม ขอ แนะนําในการเลี้ยงปลามดี ังน้ี
6.9 เพราะเหตุใดจึงวัดการเจริญเติบโตของปลาดวยวิธีดังกลาว
(นักเรียนตอบตามความเขาใจของตนเอง เชน ปลาจะอยูน่ิงพอที่จะ 1. การทํากิจกรรมที่ 1.1 สัตวตองการสิ่งใด
สามารถวัดความยาวไดแ ละไมไ ดรบั อนั ตราย)
6.10 นักเรียนตองสังเกตพฤติกรรมและวัดความยาวของปลากี่คร้ัง และ ในการเจริญเติบโตและการดํารงชีวิต
วดั แตล ะครั้งหางกันกีว่ นั (3 ครงั้ โดยวัดสัปดาหละ 1 คร้งั ) นักเรียนควรเริ่มเลี้ยงปลาหลังจากทํา
กิจกรรมที่ 1.1 อากาศมีสวนประกอบ
ครูควรเนนย้ํานักเรียนใหสังเกตพฤติกรรมและวัดความยาว อะไรบาง ในบทท่ี 1 เรื่องท่ี 1 เพราะ
ของปลาทุกสปั ดาห จนครบ 3 สปั ดาห โดยอาจทําหลงั เลิกเรยี น นกั เรียนตองเลย้ี งปลาเปน เวลา 3 สัปดาห
6.11 เม่ือวดั ความยาวของปลาครบ 3 สัปดาหแลว นักเรยี นตอ งทาํ อะไร โดยหลังจากทํากิจกรรมที่ 1.1 อากาศมี
ตอไป (นําเสนอผลการเล้ียงปลาและอภิปรายเกี่ยวกับพฤติกรรม สวนประกอบอะไรบา งแลว ครใู หนกั เรียน
ของปลาและผลการวดั ความยาวของปลา) อานทําอยางไรของกิจกรรมน้ี ขอ 1-5
7. หลังจากเลี้ยงปลาครบ 3 สัปดาหแลว ครูใหนักเรียนนําเสนอผลการ และอภิปรายข้ันตอนการทํากิจกรรมตาม
เล้ียงปลา เชน วิธีการเล้ียงปลา การเจริญเติบโตของปลา และอภิปราย แนวการจัดการเรียนรูขอ 6 จากนั้นให
เกี่ยวกับพฤติกรรมของปลาและผลการวัดความยาวของปลา ตามแนว นักเรียนเร่ิมเล้ียงปลา สังเกตพฤติกรรม
คาํ ถาม ดังน้ี และการเปลี่ยนแปลงรูปรางลักษณะของ
7.1 นักเรยี นเลือกเลยี้ งปลาอะไร (นักเรียนตอบช่ือปลาทน่ี าํ มาเลย้ี ง) ปลา โดยการวัดความยาวของปลา
7.2 นกั เรียนมีวธิ ีการเล้ยี งปลาอยางไร (นกั เรยี นตอบตามท่ีทําจริง) ทุกสัปดาห สัปดาหละ 1 ครั้ง เปนเวลา
7.3 ปลามีพฤติกรรมอยางไรบาง (นักเรียนตอบตามที่สังเกตได เชน 3 สัปดาห เม่ือทํากิจกรรมครบทั้งสาม
วายนํ้า อาปากกินอาหาร อาและหุบปากบอย ๆ มีการขยับบริเวณ สั ป ด า ห ห รื อ เ มื่ อ ถึ ง ช่ั ว โ ม ง เ รี ย น ข อ ง
เหงือกตลอดเวลา) กิจกรรมน้ี ครูใหนักเรียนนําเสนอผลการ
7.4 เพราะเหตุใดปลาจึงมีพฤติกรรมเชนน้ัน (นักเรียนตอบตามความ เล้ียงปลาและรวมกันอภิปรายเกี่ยวกับ
เขาใจของตนเอง เชน ปลาเคลื่อนท่ี กินอาหาร หายใจ และนําน้ํา พฤติกรรมและผลการวัดความยาวของ
เขา สรู า งกาย) ปลาตามแนวการจดั การเรียนรูขอ ท่ี 7
7.5 ความยาวของตัวปลามีการเปลี่ยนแปลงหรือไม อยางไร (นักเรียน
ตอบตามผลการทํากิจกรรม เชน ความยาวของตัวปลามีการ 2. ควรเลอื กเลี้ยงลูกปลา และเลือกชนิดปลา
เปลี่ยนแปลง โดยปลามีความยาวเพ่มิ ข้นึ )
7.6 ปลาที่เลี้ยงมีการเจริญเติบโตหรือไม รูไดอยางไร (นักเรียนตอบตาม ท่ีสามารถเล้ียงในภาชนะท่ีขนาดไมใหญ
ความจริง เชน ปลามีการเจริญเติบโต รูไดจากในแตละสัปดาห เกินไป เลี้ยงงาย และเจริญเติบโตไดเร็ว
ปลามีความยาวเพมิ่ ขึ้น) เชน ปลาสอด ปลาหางนกยงู ปลาคารพ
8. นักเรียนอานทําอยางไร ขอ 6-7 โดยครูใชวิธีฝกการอานที่เหมาะสมกับ
ความสามารถของนักเรียน จากน้ันครูตรวจสอบความเขาใจเกี่ยวกับ 3. ควรเลี้ยงปลาอยางนอย 3 ตัว และวัด

ความยาวของปลาทั้งสามตัว ท้ังนี้เพื่อ
แกปญหาท่ีอาจมีปลาตายในชวงเวลา 3
สัปดาห

4. การตักปลามาวัดความยาวควรทําอยาง

ระมัดระวัง และไมค วรใชเวลานานเกนิ ไป
เพราะอาจทําใหปลาตายได อีกท้ังครูควร
สาธิตการวัดความยาวของตัวปลาให
นักเรียนดกู อ นท่จี ะลงมอื ทาํ

206 สถาบนั สงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี

คูมือครูรายวิชาพื้นฐานวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี ป.3 เลม 1 | หนว ยที่ 2 อากาศและชวี ิตของสัตว

วิธีการทํากิจกรรม จนนักเรียนเขาใจลําดับการทํากิจกรรม (ครูอาจเขียน หากนักเรียนไมสามารถตอบ
ข้นั ตอนการทาํ กิจกรรมบนกระดาน) โดยครใู ชคําถามดงั นี้ คําถามหรืออภิปรายไดตามแนว
8.1 นักเรียนตอ งอานใบความรเู รือ่ งอะไร (ชีวิตของปลา) คําตอบ ครูควรใหเวลานักเรียนคิด
8.2 นักเรียนสามารถสืบคนขอมูลเพิ่มเติมเก่ียวกับสิ่งท่ีจําเปนตอ อยางเหมาะสม รอคอยอยางอดทน
แ ล ะ รั บ ฟ ง แ น ว ค ว า ม คิ ด ข อ ง
การเจริญเติบโตและการดํารงชีวิตของสัตวชนิดอ่ืน ๆ ไดจากท่ีใด นักเรียน
(วีดิทศั น)
8.3 เม่ือดูวีดิทัศนแลว นักเรียนตองอภิปรายเกี่ยวกับเร่ืองอะไรบาง ถ า ค รู พ บ ว า นั ก เ รี ย น ยั ง มี
(สิ่งท่ีจําเปนตอการเจริญเติบโตและการดํารงชวี ิตของสัตว และสัตว แนวคิดคลาดเคล่ือนเก่ียวกับ
ไดรับสง่ิ เหลา น้ันอยา งเหมาะสมหรือไม) ส่ิงที่จําเปนตอการเจริญเติบโต
9. เมื่อนักเรียนเขาใจวิธีการทํากิจกรรมในทําอยางไร ขอ 6-7 แลว ครูให แ ล ะ ก า ร ดํ า ร ง ชี วิ ต ข อ ง สั ต ว
นกั เรียนเร่มิ ปฏิบตั ิตามขัน้ ตอนของกจิ กรรม ใหรวมกันอภิปรายจนนักเรียน
10. หลังจากทํากิจกรรมแลว ครูใหนักเรียนรวมกันอภิปรายผลการทํา มแี นวคดิ ทีถ่ กู ตอง
กิจกรรม โดยใชค าํ ถามดังตอไปน้ี
10.1 จากการสังเกตพฤติกรรมของปลาและพบวาปลามีการอาปาก

และหุบปากตลอดเวลา ปลาทาํ พฤติกรรมเชน นั้นเพ่ืออะไร (เพื่อ
นําน้าํ เขาสูรางกาย)
10.2 ปลาไดรับแกสออกซิเจนดวยวิธีใด (เม่ือนํ้าไหลผานเหงือก
เหงือกจะชวยกรองแกสออกซิเจนจากนํ้า ทําใหปลาไดรับ
แกสออกซิเจน)
ครูอาจจะใหความรูแกนักเรียนเพิ่มเติมเก่ียวกับแกสออกซิเจน
โดยเช่ือมโยงความรูพื้นฐานจากบทที่ 1 อากาศมีแกสออกซิเจนเปน
สวนประกอบ ซึ่งสิ่งมีชีวิตใชแกสออกซิเจนในการหายใจ และในนํ้าก็มี
แกส ออกซเิ จนละลายอยู สัตวน ้าํ จะใชแ กสออกซเิ จนในนํ้าในการหายใจ
เชนกนั
10.3 นอกจากน้ําและแกสออกซิเจนแลว ปลายังตองการส่ิงที่จําเปน
ใดอกี (อาหาร)
10.4 การเลี้ยงปลาที่ถูกตองและเหมาะสมทําไดอยางไร (เล้ียงปลาใน
นํ้าท่ีสะอาดและมีแกสออกซิเจนอยางเพียงพอ ใหปลาไดรับ
อาหารตามความเหมาะสมกบั ชนิดของปลาและขนาดของปลา)
10.5 ในวดี ิทัศนม ีสตั วอะไรบาง (แมว ไก วัว มา สุนขั )
10.6 สัตวแตละชนิดตองการส่ิงใดเพื่อใหรางกายเจริญเติบโตและ
ดํารงชีวิตอยูได (อาหาร นาํ้ และอากาศ)

สถาบันสง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี 207

คมู อื ครูรายวิชาพืน้ ฐานวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี ป.3 เลม 1 | หนวยที่ 2 อากาศและชวี ติ ของสัตว
11. ครูเปดโอกาสใหนักเรียนซักถามในสิ่งท่ีอยากรูเพิ่มเติมเกี่ยวกับส่ิงท่ี

จําเปนตอการเจริญเติบโตและการดํารงชีวิตของสัตว จากน้ันรวมกัน
อภิปรายและลงขอสรุปวา รางกายของสตั วมีการเจริญเติบโต สงั เกตได
จากสัตวมีความยาวของลําตัวหรือมีขนาดเพ่ิมข้ึน ซ่ึงส่ิงที่จําเปนตอ การ
เจริญเติบโตและการดํารงชีวิตของสัตว ไดแก อาหาร น้ํา และอากาศ
ซึ่งมีแกสออกซิเจนเปนสวนประกอบ เราจึงควรดูแลสัตวใหไดรับ
สงิ่ ทจ่ี าํ เปนเหลา นีอ้ ยางเหมาะสม (S13)
12. นักเรียนตอบคําถามในฉันรูอะไร และรวมกันอภิปรายเพ่ือใหไดแนว
คําตอบท่ีถูกตอง
13. นักเรยี นสรุปสง่ิ ท่ีไดเ รียนรใู นกิจกรรมนี้ จากน้ันครใู หน กั เรียนอาน สง่ิ ที่
ไดเรยี นรู และเปรยี บเทยี บกับขอ สรปุ ของตนเอง
14. ครูกระตุนใหนักเรียนฝกตั้งคําถามเก่ียวกับเรื่องที่สงสัยหรืออยากรู
เพิ่มเติมใน อยากรูอีกวา จากน้ันครูอาจสุมนักเรียน 2-3 คน นําเสนอ
คําถามของตนเองหนาช้ันเรียน และใหนักเรียนรวมกันอภิปราย
เกี่ยวกบั คาํ ถามที่นาํ เสนอ
15. ครูนําอภิปรายเพ่ือใหนักเรียนทบทวนวาไดฝกทักษะกระบวนการทาง
วทิ ยาศาสตรแ ละทกั ษะแหงศตวรรษท่ี 21 อะไรบางและในขั้นตอนใด

208 สถาบันสงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี

คูมือครูรายวิชาพน้ื ฐานวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ป.3 เลม 1 | หนวยท่ี 2 อากาศและชวี ิตของสัตว

แนวคาํ ตอบในแบบบันทกึ กิจกรรม

สงั เกตและบรรยายสง่ิ ท่ีจําเปน ตอการเจรญิ เติบโตและการดาํ รงชีวติ
ของสัตว
บอกแนวทางในการดแู ลสัตวใหไดรบั ส่ิงทีจ่ าํ เปนตอการเจรญิ เติบโต
และการดํารงชีวิตอยางเหมาะสม

คาํ ตอบขน้ึ อยูกับการเลือกชนิดปลาของนักเรยี น เชน ปลาสอด

คาํ ตอบขึ้นอยูกบั ผลการเลอื กชนดิ ปลา และการสบื คน ขอมลู ของนกั เรียน เชน
การเลี้ยงปลาสอด เตรียมตูปลาหรืออางท่ีมีขนาดพอเหมาะ ใสนํ้าสะอาด
ใสไ มน้าํ พืชนาํ้ หรอื สาหรา ยลงไปจาํ นวนหนงึ่ ไมมากเกนิ ไป จากน้นั ใสป ลาลง
ในตูปลาหรืออาง การใหอาหาร จะใหอาหารเม็ดสําเร็จรูปที่มีขนาดเล็กวันละ
2 ครั้ง เชาและเย็น คร้ังละประมาณ 10 เม็ดตอปลา 1 ตัว ในสัปดาหแรก
และอาจจะใหเพิ่มขึ้นในสัปดาหถัด ๆ ไป และถาไมเติมออกซิเจนลงไปในน้ํา
ควรเปลี่ยนนาํ้ ใหปลาสปั ดาหละ 1-2 ครั้ง

สถาบันสง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี 209

คูมือครรู ายวิชาพ้ืนฐานวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี ป.3 เลม 1 | หนว ยที่ 2 อากาศและชีวติ ของสัตว

คาํ ตอบข้ึนอยูกบั ผลการทาํ กิจกรรม
ของนักเรยี น เชน

ปลากนิ อาหาร วา ยน้ําไปมา 2.4, 2.3, 2.3
หรืออยนู ง่ิ ๆ อาปากและหุบปาก 3.2, 3.1, 3.0
บอย ๆ มีการขยบั แผน ปด เหงอื ก 3.4, 3.3, 3.4

ปลากนิ อาหาร วายน้าํ ไปมา
หรอื อยนู ิ่ง ๆ อา ปากและหบุ ปาก
บอย ๆ มีการขยบั แผนปด เหงอื ก

ปลากนิ อาหาร วายนาํ้ ไปมา
หรอื อยูน งิ่ ๆ อาปากและหบุ ปาก
บอ ย ๆ มีการขยบั แผน ปดเหงอื ก

อาหาร นาํ้ และแกส ออกซเิ จน

อาหาร นาํ้ อากาศ


สัตวแ ตล ะชนิดไดรบั อาหารแตกตางกัน ในปริมาณทเ่ี หมาะสมกับขนาดของสตั ว
รวมท้ังไดรบั นํา้ ทีส่ ะอาด อยใู นที่ทเ่ี หมาะสมและมีอากาศอยางเพียงพอ

210 สถาบนั สงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี

คูมอื ครูรายวิชาพ้นื ฐานวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี ป.3 เลม 1 | หนวยที่ 2 อากาศและชีวิตของสัตว

ใหอ าหารปลาตามความเหมาะสมกับชนดิ และขนาดของปลา เล้ียงปลาในนา้ํ
ที่สะอาด มแี กส ออกซเิ จนอยางเพียงพอ

ลกู ปลามกี ารเจริญเตบิ โต รไู ดจ ากลกู ปลามคี วามยาวลาํ ตัวเพมิ่ ข้นึ ในแตละ
สปั ดาห
กนิ อาหารเมอ่ื ใสอาหารลงไปในนาํ้ วา ยน้ําหรืออยูนิ่ง ๆ อาและหุบปาก
ตลอดเวลา ขยับแผนปดเหงือก เพือ่ นาํ น้ําและแกสออกซิเจนเขาสรู า งกาย
อาหาร นํา้ และอากาศ

ใหสตั วไดรบั อาหารทเ่ี หมาะสมกับชนดิ และขนาดของสตั ว ใหไดรบั น้าํ สะอาด
และใหอ ยใู นสถานที่ทมี่ ีอากาศสะอาดและถายเทสะดวก

สถาบนั สงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี 211

คมู อื ครรู ายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี ป.3 เลม 1 | หนวยที่ 2 อากาศและชีวิตของสตั ว

สัตวชนิดตาง ๆ เชน ปลา สุนัข แมว ไก ตองการอาหาร น้ํา และอากาศ
ซึ่งเปนสิ่งท่ีจําเปนตอการเจริญเติบโตและการดํารงชีวิต โดยควรให
อาหารตามความเหมาะสมกับชนิดและขนาดของสัตว ใหสัตวไดรับน้ําท่ี
สะอาดอยา งเพยี งพอ และใหอยใู นทีท่ ี่มอี ากาศสะอาดและถายเทสะดวก
อาหาร นาํ้ และอากาศเปน สิง่ ทีจ่ าํ เปนตอการเจรญิ เติบโตและการดํารงชวี ิตของ
สัตวชนิดตา ง ๆ จงึ ควรดแู ลสตั วใหไดร ับสิง่ ทีจ่ ําเปน เหลานัน้ อยา งเหมาะสม

คาํ ถามของนักเรียนทต่ี ั้งตามความอยากรขู องตนเอง

212 สถาบนั สงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี


Click to View FlipBook Version