The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by suwimolsoisan3254, 2023-01-17 04:43:13

ภูมิศาสตร์ ม.4-6

ภูมิศาสตร์ ม.4-6

ค�ำอธิบายรายวิชา ภูมิศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 เวลาเรียน 40 ชั่วโมง/ปี ศึกษา ใช้แผนที่และเครื่องมือทางภูมิศาสตร์ในการค้นหา วิเคราะห์และสรุปข้อมูลตามกระบวนการทางภูมิศาสตร์ และน�ำภูมิสารสนเทศมาใช้ประโยชน์ในชีวิตประจ�ำวัน การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพของพื้นที่ซึ่งได้รับอิทธิพลจากปัจจัย ทางภูมิศาสตร์ลักษณะทางกายภาพซึ่งท�ำให้เกิดปัญหาหรือภัยพิบัติทางธรรมชาติและปฏิสัมพันธ์ระหว่างสิ่งแวดล้อมทาง กายภาพกับกิจกรรมของมนุษย์ในการสร้างสรรค์วิถีการด�ำเนินชีวิตของท้องถิ่นทั้งในประเทศไทยและภูมิภาคต่างๆของโลก ความส�ำคัญของสิ่งแวดล้อมที่มีผลต่อการด�ำเนินชีวิตของมนุษย์สถานการณ์สาเหตุและผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงด้าน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของประเทศไทยและภูมิภาคต่างๆ ของโลก ระบุมาตรการการป้องกันและแก้ไขปัญหา กฎหมายและนโยบายด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม บทบาทขององค์การที่เกี่ยวข้อง การประสานความร่วมมือ ทั้งในประเทศและระหว่างประเทศวิเคราะห์แนวทางและมีส่วนร่วมในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพื่อการ พัฒนาที่ยั่งยืน โดยใช้ทักษะทางภูมิศาสตร์ด้านการสังเกต การแปลความข้อมูลทางภูมิศาสตร์การใช้เทคนิคและเครื่องมือทาง ภูมิศาสตร์การคิดเชิงพื้นที่ การคิดแบบองค์รวม การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ การใช้สถิติพื้นฐาน ใช้แผนที่และเครื่องมือ ทางภูมิศาสตร์ในการสืบค้น วิเคราะห์และสรุปข้อมูลตามกระบวนการทางภูมิศาสตร์กระบวนการสืบเสาะหาความรู้รวมถึง ทักษะด้านการสื่อสารและการรู้เท่าทันสื่อ เพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจ มีความสามารถทางภูมิศาสตร์กระบวนการทางภูมิศาสตร์ทักษะภูมิศาสตร์และมี ทักษะในศตวรรษที่21มีคุณลักษณะด้านจิตสาธารณะมีวินัย ใฝ่เรียนรู้มุ่งมั่นในการท�ำงานมีส่วนร่วมในการจัดการ พัฒนา ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ตัวชี้วัด ส 5.1 ม.4-6/1 ม.4-6/2 ม.4-6/3 ส 5.2 ม.4-6/1 ม.4-6/2 ม.4-6/3 ม.4-6/4 รวม 7 ตัวชี้วัด


Pedagogy คู่มือครู ภูมิศ าสตร์ ม.4-6 จัดทำ�ขึ้นเพื่อให้ผู้สอนน�ำไปใช้เป็นแนวทางวางแผนพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียน โดยสามารถวางแผนการจัดการเรียนรู้ประกอบการใช้หนังสือเรียนภูมิศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 (ฉบับอนุญาต) ที่ทาง บริษัท อักษรเจริญทัศน์อจท.จ�ำกัดจัดพิมพ์จ�ำหน่ายเพื่อให้สอดคล้องตามมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดสาระภูมิศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560) กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษา ขั้นพื้นฐาน พ.ศ.2551โดยออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้(InstructionalDesign) ให้ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจความสามารถ และทักษะกระบวนการทางภูมิศาสตร์ที่สะท้อนสมรรถนะส�ำคัญ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียน ดังนี้ นอกจากใช้รูปแบบการสอนการรู้เรื่องภูมิศาสตร์(Geo-literacy) เป็นวิธีการหลักในการจัดการเรียนการสอนแล้วยังมี รูปแบบการจัดการเรียนการสอนอื่นๆ ได้แก่ รูปแบบการสอนแบบ 5Es วิธีการสอน • การสาธิต • การทดลอง • การใช้กรณีตัวอย่าง • การอภิปรายกลุ่มย่อย เทคนิคการสอน • ใช้คำถาม • เล่าเหตุการณ์ที่น่าสนใจและทันสมัย • ใช้ผังกราฟิก • การออกนอกสถานที่ • การเล่นเกม การจัดการเรียนการสอนตามแนวทางดังกล่าว จะท�ำให้ผู้เรียนได้พัฒนาทักษะในศตวรรษที่ 21 อันจะน�ำไปสู่การน�ำไป ปรับใช้ได้จริงในการด�ำเนินชีวิต เพื่อให้ผู้เรียนได้รู้เท่ากันต่อการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้ เป้าหมายการจัดการการเรียนการสอนสาระภูมิศาสตร์ • กระตุ้นความสนใจ • ส�ำรวจค้นหา • อธิบายความรู้ • ขยายความรู้ • ตรวจสอบผล สาระ ภูมิศาสตร์ กระบวนการ ทักษะ ความรู้ ความสามารถ สมรรถนะส�ำคัญ คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ • ลักษณะทางกายภาพของโลก • การใช้แผนที่และเครื่องมือทางภูมิศาสตร์ • กระบวนการทางภูมิศาสตร์ • การใช้ภูมิสารสนเทศ • ปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสิ่งแวดล้อม ทางกายภาพ • การตั้งค�ำถามเชิงภูมิศาสตร์ • การรวบรวมข้อมูล • การจัดการข้อมูล • การวิเคราะห์ข้อมูล • การสรุปเพื่อตอบคำถาม • ความเข้าใจระบบธรรมชาติและมนุษย์ • การใช้เหตุผลทางภูมิศาสตร์ • การตัดสินใจอย่างเป็นระบบ • การสังเกต • การแปลความข้อมูลทางภูมิศาสตร์ • การใช้เทคนิคและเครื่องมือทางภูมิศาสตร์ • การคิดเชิงภูมิสัมพันธ์ • การคิดแบบองค์รวม • การใช้เทคโนโลยี • การใช้สถิติพื้นฐาน


ภูมิศาสตร์ ม.4-6 หน่วย การเรียนรู้ ตัวชี้วัด ทักษะที่ได้ เวลาที่ใช้ การประเมิน สื่อที่ใช้ 1 เครื่องมือทาง ภูมิศาสตร์ ส 5.1 ม.4-6/3 ใช้แผนที่และเครื่องมือทาง ภูมิศาสตร์ในการค้นหา วิเคราะห์และสรุป ข้อมูลตามกระบวนการทางภูมิศาสตร์และน�ำ ภูมิสารสนเทศมาใช้ประโยชน์ในชีวิตประจ�ำวัน - การสังเกต - การแปลความข้อมูล ทางภูมิศาสตร์ - การใช้เทคนิคและ เครื่องมือทางภูมิศาสตร์ - การคิดเชิงพื้นที่ - การใช้เทคโนโลยี - การใช้สถิติพื้นฐาน 4 ชั่วโมง - ตรวจแบบทดสอบ ก่อนเรียน - ตรวจใบงาน - ตรวจแบบฝึก สมรรถนะและการคิด ภูมิศาสตร์ม.4-6 - ตรวจแบบวัดและ บันทึกผลการเรียนรู้ ภูมิศาสตร์ม.4-6 - สังเกตพฤติกรรมการ ทำงานกลุ่ม - สังเกตคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - ตรวจแบบทดสอบ หลังเรียน - หนังสือเรียน ภูมิศาสตร์ม.4-6 - ใบงาน - แบบฝึกสมรรถนะและ การคิด ภูมิศาสตร์ม.4-6 - แบบวัดและบันทึกผล การเรียนรู้ภูมิศาสตร์ ม.4-6 - แบบทดสอบก่อนเรียน - แบบทดสอบหลังเรียน - PowerPoint - เครื่องมือทาง ภูมิศาสตร์เช่น แผนที่ เข็มทิศ รูปถ่ายทาง อากาศ ภาพจาก ดาวเทียม 2 การเปลี่ยนแปลง ทางกายภาพ ของโลก ส 5.1 ม.4-6/1 วิเคราะห์การเปลี่ยนแปลง ทางกายภาพในประเทศไทยและภูมิภาคต่างๆ ของโลก ซึ่งได้รับอิทธิพลจากปัจจัยทาง ภูมิศาสตร์ - การแปลความข้อมูล ทางภูมิศาสตร์ - การคิดเชิงพื้นที่ 11 ชั่วโมง - ตรวจแบบทดสอบ ก่อนเรียน - ตรวจใบงาน - ตรวจแบบฝึก สมรรถนะและการคิด ภูมิศาสตร์ม.4-6 - ตรวจแบบวัดและ บันทึกผลการเรียนรู้ ภูมิศาสตร์ม.4-6 - สังเกตพฤติกรรมการ ทำงานกลุ่ม - สังเกตคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - ตรวจแบบทดสอบ หลังเรียน - หนังสือเรียน ภูมิศาสตร์ม.4-6 - ใบงาน - แบบฝึกสมรรถนะและ การคิด ภูมิศาสตร์ม.4-6 - แบบวัดและบันทึกผล การเรียนรู้ภูมิศาสตร์ ม.4-6 - แบบทดสอบก่อนเรียน - แบบทดสอบหลังเรียน - PowerPoint - เครื่องมือทาง ภูมิศาสตร์เช่น แผนที่ เข็มทิศ รูปถ่ายทาง อากาศ ภาพจาก ดาวเทียม 3 สิ่งแวดล้อมทาง กายภาพกับ ประชากรและ การตั้งถิ่นฐาน ส 5.2 ม.4-6/1 วิเคราะห์ปฏิสัมพันธ์ ระหว่างสิ่งแวดล้อมทางกายภาพกับกิจกรรม ของมนุษย์ ในการสร้างสรรค์วิถีการด�ำเนิน ชีวิตของท้องถิ่นทั้งในประเทศไทยและ ภูมิภาคต่างๆของโลกและเห็นความส�ำคัญ ของสิ่งแวดล้อมที่มีผลต่อการด�ำรงชีวิตของ มนุษย์ - การแปลความข้อมูล ทางภูมิศาสตร์ - การใช้เทคนิคและ เครื่องมือทางภูมิศาสตร์ - การคิดเชิงพื้นที่ - การคิดแบบองค์รวม 6 ชั่วโมง - ตรวจแบบทดสอบ ก่อนเรียน - ตรวจใบงาน - ตรวจแบบฝึก สมรรถนะและการคิด ภูมิศาสตร์ม.4-6 - ตรวจแบบวัดและ บันทึกผลการเรียนรู้ ภูมิศาสตร์ม.4-6 - สังเกตพฤติกรรมการ ทำงานกลุ่ม - สังเกตคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - ตรวจแบบทดสอบ หลังเรียน - หนังสือเรียน ภูมิศาสตร์ม.4-6 - ใบงาน - แบบฝึกสมรรถนะและ การคิด ภูมิศาสตร์ม.4-6 - แบบวัดและบันทึกผล การเรียนรู้ภูมิศาสตร์ ม.4-6 - แบบทดสอบก่อนเรียน - แบบทดสอบหลังเรียน - PowerPoint - เครื่องมือทาง ภูมิศาสตร์เช่น แผนที่ เข็มทิศ รูปถ่ายทาง อากาศ ภาพจาก ดาวเทียม Teacher Guide Overview


หน่วย การเรียนรู้ ตัวชี้วัด ทักษะที่ได้ เวลาที่ใช้ การประเมิน สื่อที่ใช้ 4 สิ่งแวดล้อมทาง กายภาพกับ กิจกรรมทาง เศรษฐกิจ ส 5.2 ม.4-6/1 วิเคราะห์ปฏิสัมพันธ์ ระหว่างสิ่งแวดล้อมทางกายภาพกับกิจกรรม ของมนุษย์ ในการสร้างสรรค์วิถีการด�ำเนิน ชีวิตของท้องถิ่นทั้งในประเทศไทยและ ภูมิภาคต่างๆของโลกและเห็นความส�ำคัญ ของสิ่งแวดล้อมที่มีผลต่อการด�ำรงชีวิตของ มนุษย์ - การแปลความข้อมูลทาง ภูมิศาสตร์ - การใช้เทคนิคและ เครื่องมือทางภูมิศาสตร์ - การคิดเชิงพื้นที่ - การคิดแบบองค์รวม 5 ชั่วโมง - ตรวจแบบทดสอบ ก่อนเรียน - ตรวจใบงาน - ตรวจแบบฝึก สมรรถนะและการคิด ภูมิศาสตร์ม.4-6 - ตรวจแบบวัดและ บันทึกผลการเรียนรู้ ภูมิศาสตร์ม.4-6 - สังเกตพฤติกรรมการ ทำงานกลุ่ม - สังเกตคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - ตรวจแบบทดสอบ หลังเรียน - หนังสือเรียน ภูมิศาสตร์ม.4-6 - ใบงาน - แบบฝึกสมรรถนะและ การคิด ภูมิศาสตร์ม.4-6 - แบบวัดและบันทึกผล การเรียนรู้ภูมิศาสตร์ ม.4-6 - แบบทดสอบก่อนเรียน - แบบทดสอบหลังเรียน - PowerPoint - เครื่องมือทาง ภูมิศาสตร์เช่น แผนที่ เข็มทิศ รูปถ่ายทาง อากาศ ภาพจาก ดาวเทียม 5 ภัยพิบัติทาง ธรรมชาติ ส 5.1 ม.4-6/2 วิเคราะห์ลักษณะทาง กายภาพซึ่งท�ำให้เกิดปัญหาและภัยพิบัติ ทางธรรมชาติในประเทศไทยและภูมิภาค ต่างๆ ของโลก ส 5.2 ม.4-6/2 วิเคราะห์สถานการณ์ สาเหตุ และผลกระทบของการเปลี่ยนแปลง ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ของประเทศไทยและภูมิภาคต่างๆ ของโลก - การสังเกต - การแปลความข้อมูลทาง ภูมิศาสตร์ - การใช้เทคนิคและ เครื่องมือทางภูมิศาสตร์ - การคิดเชิงพื้นที่ - การคิดแบบองค์รวม - การใช้สถิติพื้นฐาน 8 ชั่วโมง - ตรวจแบบทดสอบ ก่อนเรียน - ตรวจใบงาน - ตรวจแบบฝึก สมรรถนะและการคิด ภูมิศาสตร์ม.4-6 - ตรวจแบบวัดและ บันทึกผลการเรียนรู้ ภูมิศาสตร์ม.4-6 - สังเกตพฤติกรรมการ ทำงานกลุ่ม - สังเกตคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - ตรวจแบบทดสอบ หลังเรียน - หนังสือเรียน ภูมิศาสตร์ม.4-6 - ใบงาน - แบบฝึกสมรรถนะและ การคิด ภูมิศาสตร์ม.4-6 - แบบวัดและบันทึกผล การเรียนรู้ภูมิศาสตร์ ม.4-6 - แบบทดสอบก่อนเรียน - แบบทดสอบหลังเรียน - PowerPoint - เครื่องมือทาง ภูมิศาสตร์เช่น แผนที่ เข็มทิศ รูปถ่ายทาง อากาศ ภาพจาก ดาวเทียม 6 ทรัพยากร ธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อมกับ การพัฒนาที่ ยั่งยืน ส 5.2 ม.4-6/2 วิเคราะห์สถานการณ์ สาเหตุและผลกระทบของการเปลี่ยนแปลง ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ของประเทศไทยและภูมิภาคต่างๆ ของโลก ส 5.2 ม.4-6/3 ระบุมาตรการป้องกัน และแก้ไขปัญหากฎหมายและนโยบาย ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม บทบาทขององค์การที่เกี่ยวข้อง และการ ประสานความร่วมมือทั้งในประเทศ และระหว่างประเทศ ส 5.2 ม.4-6/4 วิเคราะห์แนวทางและ มีส่วนร่วมในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน - การสังเกต - การแปลความข้อมูลทาง ภูมิศาสตร์ - การใช้เทคนิคและ เครื่องมือทางภูมิศาสตร์ - การคิดเชิงพื้นที่ - การคิดแบบองค์รวม 6 ชั่วโมง - ตรวจแบบทดสอบ ก่อนเรียน - ตรวจใบงาน - ตรวจแบบฝึก สมรรถนะและการคิด ภูมิศาสตร์ม.4-6 - ตรวจแบบวัดและ บันทึกผลการเรียนรู้ ภูมิศาสตร์ม.4-6 - สังเกตพฤติกรรมการ ทำงานกลุ่ม - สังเกตคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - ตรวจแบบทดสอบ หลังเรียน - หนังสือเรียน ภูมิศาสตร์ม.4-6 - ใบงาน - แบบฝึกสมรรถนะและ การคิด ภูมิศาสตร์ม.4-6 - แบบวัดและบันทึกผล การเรียนรู้ภูมิศาสตร์ ม.4-6 - แบบทดสอบก่อนเรียน - แบบทดสอบหลังเรียน - PowerPoint - เครื่องมือทาง ภูมิศาสตร์เช่น แผนที่ เข็มทิศ รูปถ่ายทาง อากาศ ภาพจาก ดาวเทียม


สำรบัญ Chapter Title Chapter Overview Teacher Script หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เครื่องมือทำงภูมิศำสตร์ T1 T2 • แผนที่ • เทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ T3 - T8 T9 - T23 หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 กำรเปลี่ยนแปลงทำงกำยภำพของโลก T24 - T25 T26 • ธรณีภาค • บรรยากาศภาค • อุทกภาค • ชีวภาค • การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพที่ส่งผลต่อภูมิประเทศ ภูมิอากาศ และทรัพยากรธรรมชาติ T27 - T40 T41 - T55 T56 - T61 T62 - T67 T68 - T91 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 สิ่งแวดล้อมทำงกำยภำพกับประชำกรและกำรตั้งถิ่นฐำน T92 - T93 T94 • ประชากรโลกและประชากรไทย • การเปลี่ยนแปลงประชากรโลกและประชากรไทย • การตั้งถิ่นฐานเมืองและชนบท • ความเปนเมือง การใช้ที่ดินในเมือง และปญหาเมือง T95 - T106 T107 - T117 T118 - T121 T122 - T129 หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 สิ่งแวดล้อมทำงกำยภำพกับกิจกรรมทำงเศรษฐกิจ T130 - T131 T132 • เกษตรกรรม • อุตสาหกรรมการผลิต • การท่องเที่ยวและการบริการ T133 - T147 T148 - T156 T157 - T163 หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 ภัยพิบัติทำงธรรมชำติ T164 - T165 T166 • ภัยพิบัติธรรมชาติทางธรณีภาค • ภัยพิบัติธรรมชาติทางบรรยากาศภาค • ภัยพิบัติธรรมชาติทางอุทกภาค • ภัยพิบัติธรรมชาติทางชีวภาค T167 - T188 T189 - T205 T206 - T212 T213 - T225 หน่วยการเรียนรู้ที่ 6 ทรัพยำกรธรรมชำติและสิ่งแวดล้อม กับกำรพัฒนำที่ยั่งยืน T226 - T227 T228 • สถานการณ์การเปลี่ยนแปลงด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม • มาตรการปองกันและแก้ไขปญหาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม • กฎหมายและนโยบายด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของไทย • บทบาทขององค์กรและการประสานความร่วมมือในประเทศไทยและต่างประเทศ • การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม T229 - T244 T245 - T247 T248 - T251 T252 - T256 T257 - T262 บรรณำนุกรม T263 - T264


Chapter Overview แผนการจัด การเรียนรู้ สื่อที่ใช้ จุดประสงค์ วิธีสอน ประเมิน ทักษะที่ได้ คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ แผนฯ ที่ 1 เครื่องมือ ทางภูมิศาสตร์ 2 ชั่วโมง - หนังสือเรียน ภูมิศาสตร์ม.4-6 - แบบฝึกสมรรถนะ และการคิด ภูมิศาสตร์ ม.4-6 - แบบทดสอบก่อนเรียน - PowerPoint - ใบงานที่ 1.1 - เครื่องมือทาง ภูมิศาสตร์เช่น แผนที่ เข็มทิศ รูปถ่ายทางอากาศ ภาพจากดาวเทียม 1. อธิบายความส�ำคัญและ ประโยชน์ของเครื่องมือ ทางภูมิศาสตร์ประเภท ต่างๆ ได้(K) 2. เลือกใช้เครื่องมือทาง ภูมิศาสตร์ในการสืบค้น ข้อมูลอันเป็นประโยชน์ ต่อการใช้ชีวิตประจ�ำวัน ได้(P) 3. เห็นคุณค่าของการ ศึกษาเครื่องมือทาง ภูมิศาสตร์เพื่อการใช้ ประโยชน์ในชีวิต เพิ่มมากขึ้น (A) กระบวนการ ทางภูมิศาสตร์ (Geographic Inquiry Process) - ตรวจแบบทดสอบก่อนเรียน - ตรวจการท�ำแบบฝึก สมรรถนะและการคิด ภูมิศาสตร์ม.4-6 - ตรวจใบงานที่ 1.1 - ประเมินการน�ำเสนอผลงาน - สังเกตพฤติกรรม การท�ำงานรายบุคคล - สังเกตพฤติกรรม การท�ำงานกลุ่ม - ประเมินคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - การสังเกต - การแปลความ ข้อมูลทาง ภูมิศาสตร์ - การใช้เทคนิค และเครื่องมือ ทางภูมิศาสตร์ - การคิดเชิงพื้นที่ - การใช้เทคโนโลยี - การใช้สถิติพื้นฐาน 1. ใฝ่เรียนรู้ 2. มุ่งมั่นใน การท�ำงาน แผนฯ ที่ 2 เทคโนโลยี ภูมิสารสนเทศ 2 ชั่วโมง - หนังสือเรียน ภูมิศาสตร์ม.4-6 - แบบฝึกสมรรถนะ และการคิด ภูมิศาสตร์ ม.4-6 - แบบวัดและบันทึกผล การเรียนรู้ภูมิศาสตร์ ม.4-6 - แบบทดสอบหลังเรียน - PowerPoint - ใบงานที่1.2, 1.3, 1.4, 1.5 - เครื่องมือทางภูมิศาสตร์ เช่น แผนที่ เข็มทิศ รูปถ่ายทางอากาศ ภาพจากดาวเทียม 1. อธิบายความส�ำคัญ และประโยชน์ของ เทคโนโลยี ภูมิสารสนเทศได้(K) 2. ประยุกต์ความรู้เกี่ยวกับ เทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ มาใช้ในชีวิตประจ�ำวัน ได้(P) 3. เห็นคุณค่าของการศึกษา เทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ เพื่อการใช้ประโยชน์ ในชีวิตเพิ่มมากขึ้น (A) กระบวนการ ทางภูมิศาสตร์ (Geographic Inquiry Process) - ตรวจการท�ำแบบฝึก สมรรถนะและการคิด ภูมิศาสตร์ม.4-6 - ตรวจการท�ำแบบวัดและ บันทึกผลการเรียนรู้ ภูมิศาสตร์ม.4-6 - ตรวจใบงานที่ 1.2, 1.3, 1.4, 1.5 - ประเมินการน�ำเสนอผลงาน - สังเกตพฤติกรรม การท�ำงานรายบุคคล - สังเกตพฤติกรรม การท�ำงานกลุ่ม - ประเมินคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - ตรวจแบบทดสอบหลังเรียน - การสังเกต - การแปลความ ข้อมูลทาง ภูมิศาสตร์ - การใช้เทคนิค และเครื่องมือ ทางภูมิศาสตร์ - การคิดเชิงพื้นที่ - การใช้เทคโนโลยี - การใช้สถิติพื้นฐาน 1. ใฝ่เรียนรู้ 2. มุ่งมั่นใน การท�ำงาน T1


ปัจจุบันเครื่องมือทางภูมิศาสตร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ ภูมิศาสตร์มีจ�านวนมากและมีความทันสมัยมากขึ้น และเป็น เครื่องมือส�าคัญในการศึกษาลักษณะทางกายภาพและสิ่งแวดล้อม การศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับลักษณะส�าคัญ ประโยชน์ และการใช้งาน จะช่วยให้เลือกใช้เครื่องมือต่าง ๆ ทางภูมิศาสตร์ได้อย่างถูกต้อง และเหมาะสม ¡ÒÃ͋ҹἹ·Õè กำรแปลควำมหมำย รูปถ่ำยทำงอำกำศ และภำพจำกดำวเทียม มีวิธีกำรอย่ำงไร สำระกำรเรียนรู้แกนกลำง • แผนที่และองค์ประกอบ • การอ่านแผนที่เฉพาะเรื่อง • การแปลความหมายรูปถ่ายทาง อากาศและภาพจากดาวเทียม • การน�าภูมิสารสนเทศไป ใช้ ในชีวิต ประจ�าวัน ตัวชี้วัด ส 5.1 ม.4-6/3 เครื่องมือ ทางภูมิศาสตร์ หน่วยการเรียนรูที่1 2 ขั้นนํา (Geographic Inquiry Process) 1. ครูแจงใหนักเรียนทราบถึงวิธีสอนแบบ กระบวนการทางภูมิศาสตร (Geographic Inquiry Process) ชื่อเรื่อง จุดประสงค และ ผลการเรียนรู 2. ครูใหนักเรียนทําแบบทดสอบกอนเรียน หนวยการเรียนรูที่ 1 เรื่อง เครื่องมือทาง ภูมิศาสตร 3. ครูนําภาพ หรือคลิปวิดีโอลักษณะทางกายภาพ ในทวีปตางๆ ของโลกมาใหนักเรียนดู ซึ่งมี ทั้งภูเขา ที่ราบสูง แมนํ้า และทะเลทราย 4. ครูถามคําถามกระตุนความคิด เชน • ถาเราตองการเดินทางไปทองเที่ยวประเทศ ตางๆ ในโลก เราควรศึกษาความรูเกี่ยวกับ การเดินทาง สถานที่ทองเที่ยว หรือสภาพ ภูมิประเทศ ดังนั้น จะสามารถใชเครื่องมือ ทางภูมิศาสตรใดไดบาง และประโยชนที่จะ ไดรับจากเครื่องมือดังกลาวคืออะไร (แนวตอบ เชน แผนที่ เพราะนําเสนอขอมูล ลักษณะของสิ่งที่ปรากฏบนผิวโลก และ ทําใหทราบไดถึงสภาพภูมิประเทศ ตลอดจน สถานที่ทองเที่ยวในบริเวณตางๆ บนโลกได เปนอยางดี) • เครื่องมือทางภูมิศาสตรสําคัญอยางไร (แนวตอบ เปนเครื่องมือที่สามารถใชศึกษา เรื่องราวสภาพพื้นที่ตางๆ บนโลก เชน ลักษณะทางกายภาพของโลก ตลอดจนการ สะทอนใหเห็นถึงสภาพสังคมและการดํารง ชีวิตประจําวันของมนุษย จึงนํามาซึ่งขอมูล ที่มีความถูกตองและทันสมัย รวมถึงสามารถ นํามาประยุกตใชเพื่อเปนประโยชนในการ ดํารงชีวิตประจําวันได) เกร็ดแนะครู ครูควรจัดกิจกรรมการเรียนรูเพื่อใหนักเรียนสามารถใชเครื่องมือทางภูมิศาสตร ในการรวบรวม วิเคราะห และนําเสนอขอมูลภูมิสารสนเทศอยางมี ประสิทธิภาพ โดยเนนทักษะกระบวนการที่สําคัญ เชน ทักษะการฝกปฏิบัติ กระบวนการกลุม กระบวนการสืบสอบ ดังตัวอยางตอไปนี้ • ครูแบงนักเรียนออกเปนกลุมเพื่อใหชวยกันศึกษาเกี่ยวกับเครื่องมือทางภูมิศาสตรจากหนังสือเรียนและแหลงการเรียนรูอื่นๆ แลวสุมตัวแทนนักเรียน ในแตละกลุมใหอธิบายความรู จากนั้นใหชวยกันรวบรวมขอมูลทางภูมิศาสตรที่พบไดในชุมชน แลวจัดทําเปนบันทึกการศึกษาขอมูลทางภูมิศาสตรในชุมชน พรอมทั้งสงตัวแทนนําเสนอผลงานที่หนาชั้นเรียน นํา นํา สอน สรุป ประเมิน T2


ขอสอบเนน การคิด Geo Tip 1 แผนที่ แผนที่เป็นเครื่องมือส�าคัญในการอธิบายข้อมูลและปรากฏการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นบนพื้นโลก การศึกษาถึงความหมาย องค์ประกอบ การอ่าน และแปลความหมายของแผนที่ ท�าให้มีความรู้ น�าไปประยุกต์ใช้ ในชีวิตประจ�าวันได้ 1.1 ประเภทของแผนที่ แผนที่แบ่งตามการใช้งานได้ ดังน�้ 1) แผนที่อ้ำงอิง (general reference map) เป็นแผนที่มาตราส่วนใหญ่ที่ใช้เป็น แผนที่ฐานส�าหรับสร้างแผนที่เฉพาะเรื่อง แสดงรายละเอียดทั้งทางราบและทางดิ่ง ประเทศไทยใช้ แผนที่ภูมิประเทศมาตราส่วน 1: 50,000 ชุด L7018 เป็นแผนที่ฐาน 2) แผนที่เฉพำะเรื่อง (thematic map) เป็นแผนที่ที่แสดงข้อมูลเฉพาะเรื่องใด เรื่องหนึ่ง โดยใช้แผนที่อ้างอิงเป็นแผนที่ฐาน มีมาตราส่วนเหมาะสมกับการแสดงรายละเอียดต่าง ๆ เช่น แผนที่ความหนาแน่นประชากร แผนที่อากาศ แผนที่ป่าไม้ 1.2 องค์ประกอบของแผนที่เฉพาะเรื่อง องค์ประกอบของแผนที่ คือ สิ่งต่าง ๆ ที่ปรากฏอยู่บนแผนที่เพื่อให้ผู้ ใช้งานแผนที่ได้รับ ทราบข้อมูลข่าวสารและรายละเอียดเพียงพอส�าหรับการใช้แผนที่นั้น ๆ แผนที่ที่สมบูรณ์ประกอบ ด้วยองค์ประกอบที่ส�าคัญ ดังนี้ 1) ชื่อแผนที่ (title) ระบุว่าแผนที่นั้นเป็นแผนที่แสดงอะไร เพื่อให้สามารถน�าแผนที่ มาใช้ ได้อย่างถูกต้องและตรงตามความต้องการ ของผู้ ใช้แผนที่ เช่น แผนที่แสดงลักษณะ ภูมิประเทศจังหวัดสงขลา แผนที่แสดงเนื้อที่ ป่าไม้จังหวัดเชียงใหม่ 2) ขอบระวำง (margin) เป็นขอบ ทั้งสี่ด้านของแผนที่ มีพื้นที่ขอบระวางส�าหรับ แสดงรายละเอียดขององค์ประกอบภายนอก ขอบระวางแผนที่ เช่น ชื่อแผนที่ มาตราส่วน ค�าอธิบายสัญลักษณ์ ทิศ เส้นขอบระวางแต่ละ ด้านมีตัวเลขบอกค่าพิกัดภูมิศาสตร์ (ค่าของ ละติจูดและลองจิจูด) ก�ากับไว้ด้วย แผนที่เชิงเลข (digital map) เป็นแผนที่ที่จัดเก็บในรูปแบบ ไฟล์ภาพ สามารถเรียกแสดงผล ด้วยโปรแกรมประยุกต์ หรือ แอปพลิเคชันบนอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น หน้าจอคอมพิวเตอร์ สมาร์ตโฟน แท็บเล็ต หรือ พิมพ์ออกทางเครื่องพิมพ์ตามมาตราส่วนที่ ต้องการได้ จึงเป็นแผนที่ที่ใช้งานในการสืบค้น ข้อมูลต่าง ๆ ได้สะดวก 3 แผนที่ แผนที่ภูมิประเทศมาตราส่วน 1: 50,000 ชุด L7018 เป็นแผนที่ฐาน 1 2 ขั้นสอน ขั้นที่ 1 การตั้งคําถามเชิงภูมิศาสตร 1. ครูนําแผนที่ประเภทตางๆ มาใหนักเรียนดู แลวรวมกันตอบคําถามตามประเด็น หรือแสดง ความคิดเห็นเพิ่มเติมประกอบการตั้งคําถาม จาก Geo Tip ในหนังสือเรียน ภูมิศาสตร ม.4-6 เชน • นักเรียนพบเห็นสิ่งใดจากแผนที่บาง (แนวตอบ ชื่อแผนที่ เสนโครงแผนที่ สี สัญลักษณ มาตราสวน พิกัดทางภูมิศาสตร ฯลฯ) • นักเรียนคิดวา แผนที่มีประโยชนอยางไร (แนวตอบ เชน ใชศึกษาลักษณะภูมิประเทศ ลักษณะทรัพยากรธรรมชาติ สภาพอากาศ เสนทางการเดินทาง หรือเสนทางการ ทองเที่ยว) • หากนักเรียนมีการสืบคนขอมูลจากแผนที่ เชิงเลขบนสมารตโฟน จะสามารถตรวจสอบ ความถูกตองไดจากสวนใดของแผนที่ (แนวตอบ มาตราสวน เนื่องจากขอมูลของ แผนที่เชิงเลขมีความสัมพันธระหวางขอมูล พิกัดและสัญลักษณแสดงผล โดยสามารถ แสดงรายละเอียดทั้งทางราบและทางดิ่งได จึงมีความถูกตองที่จะสามารถพิจารณาได ตามหลักเกณฑของมาตราสวน เชนเดียวกับ แผนที่ประเภทกระดาษทั่วไป) นักเรียนควรรู 1 แผนที่ แผนที่ที่เกาแกที่สุดในโลก คือ แผนที่ของชาวเมโสโปเตเมีย เมื่อ 2,300 ปกอนพุทธศักราช ทําดวยดินเหนียวใชแสดงกรรมสิทธิ์ที่ดิน 2 L7018 เปนหมายเลขประจําชุด บอกใหทราบวาแผนที่อยูในชุดใด เปน การกําหนดตามมาตรฐานสากลของสหรัฐอเมริกาซึ่งถือตามขอตกลงของนาโต มีองคประกอบ 4 ประการ คือ ตัวอักษร L หมายถึง ภูมิภาคหนึ่งของทวีปเอเชีย ซึ่งตรงกับของประเทศไทย เลข 7 หมายถึง กลุมของมาตราสวนที่กําหนดไวแนนอน เลข 0 หมายถึง ตัวเลขแสดงสวนยอยของภูมิภาค และเลข 18 หมายถึง จํานวนครั้ง ที่จัดทําแผนที่ชุดนั้นในภูมิภาค ขอใดไมใชแผนที่เฉพาะเรื่อง 1. แผนที่ภูมิประเทศ 2. แผนที่การใชที่ดิน 3. แผนที่แสดงความลาดชัน 4. แผนที่แสดงชั้นบรรยากาศ 5. แผนที่แสดงความหนาแนนของประชากร (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. แผนที่เฉพาะเรื่องเปนแผนที่ที่จัด ทําขึ้นเพื่อแสดงขอมูลหลักเฉพาะเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ซึ่งสอดคลอง กับคําตอบขอ 2.- 5. สวนแผนที่ภูมิประเทศไมใชแผนที่เฉพาะเรื่อง จึงตอบ ขอ 1.) นํา สอน สรุป ประเมิน T3


ขอสอบเนนการคิด GN GN GN ประเภทสัญลักษณ์ สัญลักษณ์/ค�ำอธิบำยสัญลักษณ์ จุด (point) ใช้แสดงถึงสถานที่ก�าหนด ต�าแหน่งของวัตถุต่าง ๆ วัด โรงเรียน โรงพยาบาล เส้น (line) ใช้แสดงสิ่งต่าง ๆ ที่มีความยาว หรือเป็นเส้นถนน แม่น�้า ทางรถไฟ พื้นที่ (polygon) ใช้แสดงพื้นที่ที่ปรากฏบน พื้นโลก แหล่งน�้า ป่าไม้ นาข้าว 5) ทิศ (direction) คือ แนวที่ใช้เป็นหลักในการวัดทิศทางไปยังที่หมาย ในทาง ภูมิศาสตร์ใช้ทิศเหนือเป็นหลัก แบ่งได้เป็น 3 ชนิด ได้แก่ ★ ทิศเหนือจริง (true north) คือ แนวตามเส้นเมริเดียนที่ชี้ไปยังขั้วโลกเหนือ ทิศเหนือกริด (grid north) คือ แนวทิศเหนือตามเส้นกริดทางดิ่งของระบบ เส้นโครงแผนที่ ทิศเหนือแม่เหล็ก (magnetic north) คือ แนวที่ปลายเข็มทิศชี้ไปในทิศทาง ที่เป็นขั้วเหนือของแม่เหล็กโลกเหนือ ส่วนลูกศรครึ่งซีกแสดงถึงทิศทางของ ทิศเหนือแม่เหล็กที่บ่ายเบนออกไปจากทิศเหนือจริง 3) มำตรำส่วน (scale) คือ อัตราส่วนระหว่างระยะทางบนแผนที่กับระยะทางจริงบน พื้นผิวโลก แสดงได้ 3 รูปแบบ ดังนี้ มาตราส่วนค�าพูด เช่น ระยะทาง 1 เซนติเมตรบนแผนที่ เท่ากับระยะทางจริง บนพื้นผิวโลก 500 เมตร มาตราส่วนสัดส่วน เช่น มาตราส่วน 1: 50,000 หมายถึง ระยะทาง 1 ส่วนบนแผนที่ เท่ากับระยะทางจริงบนพื้นผิวโลก 50,000 ส่วน เขียนเป็นสมการได้ว่า มาตราส่วน = ระยะทำงบนแผนที่ ระยะทำงจริงบนพื้นผิวโลก มาตราส่วนเส้น เช่น เมตร1,500 500 1,000 0 1.50.5 21 กิโลเมตร มาตราส่วนทั้ง 3 แบบนี้ สามารถแปลงจากแบบหนึ่งเป็นอีกแบบหนึ่งได้ 4) สัญลักษณ์ (symbol) สัญลักษณ์ที่ปรากฏในแผนที่ เพื่อแทนลักษณะภูมิประเทศ และต�าแหน่งที่ตั้งต่าง ๆ โดยมีค�าอธิบายสัญลักษณ์อยู่บริเวณขอบระวางแผนที่ 4 ขั้นสอน ขั้นที่ 1 การตั้งคําถามเชิงภูมิศาสตร 2. ครูใหนักเรียนชวยกันตั้งประเด็นคําถามเชิง ภูมิศาสตรเกี่ยวกับแผนที่ เพื่อคนหาคําตอบ เชน • แผนที่แตละประเภท มีขอแตกตางกัน อยางไร • การใชประโยชนจากแผนที่มีขอจํากัดหรือไม อยางไร • เพราะเหตุใด แผนที่จึงถูกนํามาใชในการ ศึกษาขอมูลทางภูมิศาสตรในประเทศไทย และโลก • สวนประกอบตางๆ ที่พบในแผนที่มีความ สัมพันธกันหรือไม อยางไร • หากในอนาคตไมมีแผนที่เปนหนึ่งใน เครื่องมือทางภูมิศาสตรจะสงผลกระทบ อยางไร 3. ครูอาจใหนักเรียนศึกษามาตราสวน หรือ สัญลักษณตางๆ ที่พบในแผนที่จากหนังสือเรียน ภูมิศาสตร ม.4-6 ประกอบการตั้งคําถาม เชิงภูมิศาสตรเพิ่มเติม เกร็ดแนะครู ครูควรอธิบายนักเรียนเพิ่มเติมเกี่ยวกับมาตราสวนแผนที่วา มาตราสวน แผนที่ หมายถึง อัตราสวนระหวางระยะทางในแผนที่กับระยะทางจริงใน ภูมิประเทศ เชน 1 : 100,000 แปลวา ระยะทางในแผนที่ 1 เซนติเมตร เทากับ ระยะทางจริงในภูมิประเทศ 100,000 เซนติเมตร หรือ 1 กิโลเมตรนั่นเอง ซึ่ง นอกจากมาตราสวนขางตนแลว อาจพบมาตราสวนแบบคําพูด เชน 1 เซนติเมตร ตอ 5 กิโลเมตร และมาตราสวนแบบบรรทัดหรือกราฟกไดดวย แผนที่ภูมิประเทศมาตราสวนใดของประเทศไทยที่ครอบคลุม พื้นที่ทั้งจังหวัด 1. 1 : 10,000 2. 1 : 50,000 3. 1 : 100,000 4. 1 : 250,000 5. 1 : 300,000 (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. 1 : 250,000 เปนมาตราสวนที่ใช ในการจัดทําแผนที่รายจังหวัดของกรมแผนที่ทหาร กองบัญชาการ กองทัพไทย) นํา สอน สรุป ประเมิน T4


0 ํ 0 ํ 20 ํN 40 ํN 60 ํN 20 ํS 40 ํS 60 ํS 100 ํE 80 ํE 60 ํE 40 ํE 20 ํE20 ํE 40 ํE 60 ํE 80 ํE 100 ํE 0 ํ 0 ํ 20 ํN 40 ํN 60 ํN 20 ํS 40 ํS 60 ํS 100 ํE 80 ํE 60 ํE 40 ํE 20 ํE20 ํE 40 ํE 60 ํE 80 ํE 100 ํE 0 ํ 0 ํ 20 ํ 40 ํ 60 ํ 80 ํ 20 ํS 20 ํN 40 ํN 60 ํN 80 ํN ขั้วโลกเหน�อ 90 ํN 40 ํS 60 ํS 80 ํS ขั้วโลกใต 90 ํS 0 ํ 90 ํW 60 ํW 30 ํW 180 ํ 150 ํW 120 ํW 30 ํE 60 ํE 90 ํE 120 ํE 150 ํE 180 ํ ละติจูด (latitude) ซีกโลกเหน�อ ซีกโลกใต ซีกโลกตะวันตก ซีกโลกตะวันออก ลองจิจูด (longitude) 20 ํN 50 ํN 30 ํN 40 ํN 10 ํN 0 ํ 40 ํW 0 ํ20 ํW 20 ํE 40 ํE 20 ํN 50 ํN 30 ํN 40 ํN 10 ํN 0 ํ 40 ํW 0 ํ20 ํW 20 ํE 40 ํE 90ํE 0 ํ 30ํE 60ํE 30 ํW 60 ํW 90ํE 120 ํE 150 Eํ 180 ํ 90 Wํ 120 Wํ 150 Wํ 90 ํN เทียบคา 1 ํ มี 60' 1' มี 60" 6) เส้นโครงแผนที่ (map projection) เป็นระบบที่ใช้ถ่ายทอดเส้นขนานกับเส้น เมริเดียนจากลักษณะทรงกลมของโลกไปบนพื้นรับภาพ โดยใช้การย่อส่วน การฉายแสง และ หลักการทางคณิตศาสตร์ พื้นรับภาพมี 3 แบบ ได้แก่ แบบกรวย แบบกระบอก และแบบระนาบ 7) ระบบพิกัดภูมิศำสตร์ (geographic coordinate system) เป็นระบบบอกต�าแหน่ง รายละเอียดต่าง ๆ ในแผนที่ซึ่งเกิดจากการตัดกันของเส้นขนานละติจูดกับเส้นเมริเดียน อ่านจุดบนเส้นขนานว่า “ละติจูด” อ่านจุดบนเส้นเมริเดียนว่า “ลองจิจูด” จุดที่ตัดกันเรียกว่า “ค่าพิกัด” มีหน่วยเป็น องศา ( � ) ลิปดา ( ' ) พิลิปดา ( " ) เช่น ต�าแหน่ง A มีค่าพิกัดละติจูดที่ 40 � N ลองจิจูดที่ 120 � E แบบกรวย แบบกระบอก แบบระนำบ A 5 7) ระบบพิกัดภูมิศำสตร์ 1 ขั้นสอน ขั้นที่ 2 การรวบรวมขอมูล 1. ครูใหนักเรียนแบงกลุม สืบคนขอมูลเกี่ยวกับ แผนที่ จากหนังสือเรียน ภูมิศาสตร ม.4-6 หรือจากแหลงการเรียนรูอื่นๆ เชน หนังสือ ในหองสมุด เว็บไซตในอินเทอรเน็ต เพื่อนํา มาอภิปรายรวมกันในชั้นเรียนตามประเด็น ตอไปนี้ • ประเภทของแผนที่ • องคประกอบของแผนที่เฉพาะเรื่อง • การอานและแปลความแผนที่ • การใชประโยชนแผนที่ 2. ครูนําแผนที่ที่แสดงเสนโครงแผนที่และระบบ พิกัดทางภูมิศาสตรมาใหนักเรียนศึกษา ประกอบการรวบรวมขอมูล 3. ครูแนะนําแหลงขอมูลสารสนเทศที่นาเชื่อถือ เกี่ยวกับแผนที่และการอานแผนที่ เพื่อเปนการ รวบรวมขอมูลเพิ่มเติม นักเรียนควรรู 1 ระบบพิกัดภูมิศาสตร คือ ระบบอางอิงคาพิกัดสากลซึ่งเปนที่ยอมรับกัน ทุกประเทศ โดยตั้งอยูบนพื้นฐานที่วาโลกมีสัณฐานเปนทรงกลม 3 มิติ และ ทุกตําแหนงของจุดบนพื้นโลกจะมีระบบบอกคาพิกัดทางราบเปนคาละติจูดและ ลองจิจูด ซึ่งเกิดจากการตัดกันของเสนสมมติละติจูดกับเสนสมมติลองจิจูด สวนคาพิกัดทางมุมจะคิดเปนองศา ลิปดา ฟลิปดา โดยกําหนดให 1 องศาเทากับ 60 ลิปดา และ 1 ลิปดาเทากับ 60 ฟลิปดา กิจกรรม ทาทาย ครูจัดกิจกรรม “เกมบอกชื่อประเทศบนแผนที่” โดยครู กําหนดคาพิกัดทางภูมิศาสตร เชน ละติจูด 55 องศาเหนือ ลองจิจูด 37 องศาตะวันออก, ละติจูด 39 องศาเหนือ ลองจิจูด 116 องศาตะวันออก, ละติจูด 15 องศาใต ลองจิจูด 47 องศา ตะวันตก แลวใหนักเรียนรวมกันทายวาคาพิกัดเหลานั้นเปนที่ตั้ง ของเมือง หรือประเทศใด นํา สอน สรุป ประเมิน T5


95 ํE 100 ํE 105 ํE 110 ํE 5 ํN 10 ํN 15 ํN 20 ํN 25 ํN 25 ํN 5 ํN 10 ํN 15 ํN 20 ํN แองสกลนคร ที่ราบลุมแมน้ำโขง ที่ราบลุม แมน้ำอิรวดี ที่ราบลุม เจาพระยา ที่ราบลุม แมน้ำแดง แ อ ง โ ค ร า ช ที่ ร า บ สู ง ช า น ที่ราบสูง เชียงขวาง ตาเสวชาน ท.แ ด น ลาว ท.คาดามอน ท.ฮวางเลยีนเซิน ทิวเขาอาระกันโยมา ท.หลวงพระบาง ท.ผีปนนาํ้ ท.พนมดงรัก ท.ตีตีวังซ า ทิวเขา บ ารีซัน ทิวเขาถนนธงชัย ทิวเขาอัน นัม น.อิรวดี น.อริวดีนอ.ริวดี น.สาละวนิน.โขง น.โขง น.แดง น.ดำ น.โข ง น.โขง น.สาละวนิ น.เจาพระย า น.มูล น.มูล น.ชี โตนเลสาบ ส.สงขลา ส.โตบา อาวเบงกอล อาวไทย อาวตัง เ ก๋ีย ท ะเลจีนใต มหาสมุทรอินเดีย ทะเลอันดามัน อาวเมาะตะมะ ก.ภูเก็ต ก.สมุย กลุมเกาะมะริด เกาะไหหนาน หมูเกาะอันดามัน และนิโคบาร (อินเดีย) เกาะสุมาตรา เนปยีดอ เวียงจันทน ฮานอย กรุงเทพฯ พนมเปญ กัวลาลัมเปอร ไ ท ย กั ม พู ช า ล า ว เ มี ย น ม า จีน อินเดีย เวีย ด นาม อิ น โ ด นี เ ซี ย สิงคโปร ม า เ ล เ ซี ย 1 : 20,000,000 0100 100 200 300 400กม. คำอธิบายสัญลักษณ เมืองหลวง เขตประเทศ ทางน้ำ แหลงน้ำ - สูงกวา 3,000 - 2,000 - 1,000 - 400 - 200 - 0 ระดับความสูง (เมตร) แผนที่แสดงลักษณะภูมิประเทศคาบสมุทรอินโดจีน N Projection : Polyconic ตัวอย่าง องค์ประกอบของแผนที่ ชื่อแผนที่ ทิศ ค�ำอธิบำยสัญลักษณ์ มำตรำส่วน ขอบระวำง พิกัดภูมิศำสตร์ ค่ำละติจูด ค่ำลองจิจูด 6 ละติจูด ลองจิจูด 1 2 กิจกรรม ทาทาย ขั้นสอน ขั้นที่ 3 การจัดการขอมูล 1. สมาชิกแตละคนในกลุมนําขอมูลที่ตนไดจาก การรวบรวมมาอธิบายแลกเปลี่ยนความรู ระหวางกัน 2. จากนั้นสมาชิกในกลุมชวยกันคัดเลือกขอมูลที่ นําเสนอเพื่อใหไดขอมูลที่ถูกตอง และรวมกัน อภิปรายแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม 3. ครูใหนักเรียนแตละกลุมศึกษาตัวอยาง องคประกอบของแผนที่ จากแผนที่แสดง ลักษณะภูมิประเทศคาบสมุทรอินโดจีนจาก หนังสือเรียน ภูมิศาสตร ม.4-6 หรืออาจใช สมารตโฟนคนหาสัญลักษณที่พบในแผนที่ เพิ่มเติม แลวนําขอมูลมาอภิปรายรวมกัน ภายในชั้นเรียน 4. ครูอาจถามคําถามนักเรียนจากการศึกษา แผนที่แสดงลักษณะภูมิประเทศคาบสมุทร อินโดจีนเพิ่มเติม เชน • ประเทศใดบางที่อยูในบริเวณคาบสมุทร อินโดจีน (แนวตอบ ประเทศไทย กัมพูชา เวียดนาม ลาว เมียนมา มาเลเซีย) นักเรียนสืบคนแผนที่ภูมิประเทศของประเทศที่นักเรียนสนใจ แลวอธิบายองคประกอบที่ปรากฏในแผนที่นั้น พรอมบันทึกลง ในสมุด นักเรียนควรรู 1 ละติจูด ระยะทางเชิงมุมที่วัดไปตามขอบเมริเดียนซึ่งผานตําบลที่ตรวจ โดยนับ 0 องศาจากเสนศูนยสูตรไปทางเหนือ หรือใตจนถึง 90 องศาที่ขั้วโลกทั้งสอง หรือเปนมุมแนวตั้งที่ศูนยกลางโลกระหวางเสนรัศมีของโลกที่ผานจุดซึ่งเสนเมริเดียน ตัดเสนศูนยสูตรกับเสนรัศมีที่ผานตําบลที่ตรวจ 2 ลองจิจูด ระทางทางเชิงมุมระหวางเมริเดียนกรีนิชกับเมริเดียนซึ่งผานตําบล ที่ตรวจซึ่งวัดไปตามขอบของเสนศูนยสูตร หรือขอบของเสนขนานละติจูด หรือเปน มุมแนวระดับที่แกนโลกในระหวางพื้นของเมริเดียนกรีนิชกับพื้นของเมริเดียนซึ่ง ผานตําบลที่ตรวจ กิจกรรม สรางเสริม นักเรียนอธิบายองคประกอบแผนที่ภูมิประเทศจังหวัดของตนเอง หรือแผนที่ประเทศไทย แลวบันทึกลงในสมุด นํา สอน สรุป ประเมิน T6


ขอสอบเนน การคิด 20 ํW 10 ํW 0 ํ 10 ํE 20 ํE 30 ํE 40 ํE 50 ํE 60 ํE 0 ํ 20 ํS 30 ํS 10 ํS 20 ํN 10 ํN 30 ํN 40 ํN Af Am Aw Aw Aw BWh BWh BSh BSh BSh BSh BSk BWk BWk BWh Am Cs Cw Cf Cf มหาสมุทรแอตแลนติก มหาสมุทรอินเดีย แผนที่แสดงเขตภูมิอากาศทวีปแอฟริกา 0 1,000 2,000 กม.มาตราสวน 1 : 100,000,000 Af Am Aw เขตรอน แบบรอนชื้น แบบมรสุม แบบสะวันนา BWk BWh BSk BSh แบบทะเลทรายเขตอบอุน แบบทะเลทรายเขตรอน แบบกึ�งทะเลทรายเขตอบอุน แบบกึ�งทะเลทรายเขตรอน เขตแหงแลง Cf Cs Cw แบบชื้นกึ�งรอน แบบเมดิเตอรเรเน�ยน แบบอบอุนภาคพื้นทวีป เขตอบอุน คำอธิบายสัญลักษณเขตภูมิอากาศ Af Am Aw เขตรอน แบบรอนชื้น แบบมรสุม แบบสะวันนา BWk BWh BSk BSh แบบทะเลทรายเขตอบอุน แบบทะเลทรายเขตรอน แบบกึ�งทะเลทรายเขตอบอุน แบบกึ�งทะเลทรายเขตรอน เขตแหงแลง Cf Cs Cw แบบชื้นกึ�งรอน แบบเมดิเตอรเรเน�ยน แบบอบอุนภาคพื้นทวีป เขตอบอุน คำอธิบายสัญลักษณเขตภูมิอากาศ 1.3 การอ่านและแปลความแผนที่ การอ่านและแปลความแผนที่ เป็นการแปลความหมายของสิ่งที่ปรากฏบนองค์ประกอบ ของแผนที่ เช่น สัญลักษณ์ เส้นชั้นความสูง สี เส้น ท�าให้สามารถใช้ประโยชน์จากแผนที่ได้ตาม จุดมุ่งหมายเหมือนกับผู้ใช้อยู่ในพื้นที่นั้น ๆ โดยต้องรู้ข้อมูลเบื้องต้นที่เป็นองค์ประกอบของแผนที่ ความหมายของสัญลักษณ์เพื่อแปลความหมายและท�าให้ได้ข้อมูลต่าง ๆ ที่ปรากฏอยู่บนแผนที่ได้ ถูกต้อง สิ่งส�าคัญในการอ่านและแปลความแผนที่ 1. ศึกษาสัญลักษณ์สีที่ ใช้ ในแผนที่โดยดูจากค�าอธิบายสัญลักษณ์ 2. วิเคราะห์ความเชื่อมโยงของเขตภูมิอากาศกับที่ตั้งตามต�าแหน่งละติจูดและลักษณะ ภูมิประเทศ ตัวอย่าง การอ่านและแปลความ • ตอนกลางของทวีปแอฟริกา มีภูมิอากาศแบบเขตร้อน เนื่องจากอยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตร และได้รับอิทธิพลจาก ลมประจ�า • บริเวณตอนเหนือและตะวัน ตกเฉียงใต้ของทวีปแอฟริกา มีภูมิอากาศแบบทะเลทราย เขตร้อนและกึ่งทะเลทราย เขตร้อน ตัวอย่าง การอ่านและแปลความแผนที่เขตภูมิอากาศของทวีปแอฟริกา 7 เกร็ดแนะครู ครูควรฝกทักษะการอานแผนที่ใหนักเรียนโดยอธิบายถึงวิธีการ และสาธิต การอานแผนที่ประเภทตางๆ แลวมอบหมายใหนักเรียนฝกอานแผนที่ภูมิประเทศ หรือแผนที่เฉพาะเรื่องตางๆ จากนั้นบันทึกผลการฝกปฏิบัติเพื่อสงเสริมใหเกิด การเรียนรูอยางมีความหมาย และสอดคลองกับการจัดการเรียนรูแบบ Active Learning บุคคลในขอใดนาจะเปนผูใชแผนที่ไดอยางชํานาญที่สุด 1. วจีมีความรูเรื่องแผนที่เปนอยางดี 2. สุพัตราสอบเรื่องการอานแผนที่ไดคะแนนสูงสุด 3. รวิภาทองจําแผนที่ประเภทตางๆ ไดอยางแมนยํา 4. ทัศนียรวบรวมแผนที่เฉพาะเรื่องไวไดอยางหลากหลาย 5. มาลินีใชแผนที่ในชีวิตประจําวันและศึกษาเพิ่มเติมอยูเสมอ (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 5. ผูที่ใชแผนที่ไดอยางชํานาญควร เปนผูที่มีความรูความเขาใจและหมั่นฝกฝนอานแผนที่อยาง สมํ่าเสมอ เพราะฉะนั้น มาลินีจึงเปนผูที่ใชแผนที่ไดชํานาญที่สุด) ขั้นสอน ขั้นที่ 4 การวิเคราะหและแปลผลขอมูล 1. ครูสุมนักเรียนเพื่ออานและแปลความหมาย ตัวอยางแผนที่เขตภูมิอากาศของทวีปแอฟริกา จากหนังสือเรียน ภูมิศาสตร ม.4-6 แลวอภิปราย รวมกันในกลุม พรอมทั้งประโยชนที่ไดรับ 2. ครูใหสมาชิกแตละกลุมนําขอมูลที่รวบรวมได มาวิเคราะหรวมกันเพื่ออธิบายคําตอบ 3. ตัวแทนกลุมนําเสนอผลงานหนาชั้นเรียน สมาชิกกลุมอื่นผลัดกันใหขอคิดเห็น หรือ ขอเสนอแนะเพิ่มเติม 4. สมาชิกแตละกลุมนําความรูที่ไดจากการศึกษา และวิเคราะหขอมูลมาวิเคราะหและเรียบเรียง ประเด็นสําคัญเพื่อรวมกันทําใบงานที่ 1.1 เรื่อง เครื่องมือทางภูมิศาสตร และรวมกัน เฉลยคําตอบ นํา สอน สรุป ประเมิน T7


ขอสอบเนนการคิด Geo Tip ผูใช ผลิตภัณฑ ขอมูล แหลงพลังงาน ลักษณะผิวหนาของโลก ระบบถายภาพ การกระจายผานชั้นบรรยากาศ การรับสัญญาณขอมูล การวิเคราะหขอมูล ผลิตภัณฑ สารสนเทศกระบวนการ แปลภาพ ภาพ ดวยสายตา ตัวเลข ขอมูลอางอิง ดวย คอมพิวเตอร 1.4 การใช้ประโยชน์แผนที่ แผนที่เป็นเครื่องมือทางภูมิศาสตร์ที่มีความจ�าเป็นส�าหรับการศึกษาสภาพแวดล้อมทาง ภูมิศาสตร์ และเป็นประโยชน์ในการด�าเนินกิจกรรมต่าง ๆ ของมนุษย์ ดังนี้ 1. ใช้ในชีวิตประจ�าวัน เช่น ช่วยในการเดินทาง โดยใช้แผนที่ที่แสดงเส้นทางคมนาคม ทางบก ทางน�้า ทางอากาศ และบอกที่ตั้งของสถานที่ส�าคัญต่าง ๆ ในปัจจุบันสามารถใช้แผนที่ผ่าน โทรศัพท์เคลื่อนที่ประเภทสมาร์ตโฟนหรือแท็บเล็ต ท�าให้ใช้งานแผนที่ได้สะดวกมากขึ้น 2. หน่วยงานต่าง ๆ น�าไปใช้ในการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับพื้นที่ เช่น กรมที่ดินใช้ การส�ารวจรังวัดท�าแผนที่เพื่อออกโฉนดที่ดินให้ประชาชน กรมทางหลวงจัดท�าแผนที่ทางหลวง เพื่อใช้ประกอบการเดินทาง กรมป่าไม้จัดท�าแผนที่ป่าไม้เพื่อเป็นฐานข้อมูลในการจัดการป่าไม้ 3. ใช้ในกิจการทหาร โดยน�าไปเป็นข้อมูลในการวางแผนทางยุทธศาสตร์ เช่น การเลือกที่ตั้งค่ายทหาร การทิ้งระเบิดโจมตีทางอากาศ 4. ใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม เช่น แผนที่แสดงความ หนาแน่นของประชากร แผนที่แสดงแหล่งปลูกพืชเศรษฐกิจ โรงงาน ซึ่งช่วยท�าให้ทราบข้อมูล พื้นฐานเพื่อน�าไปวางแผนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมต่อไป 5. ใช้ในการรายงานปรากฏการณ์ธรรมชาติ เช่น แผนที่แสดงอุณหภูมิ แผนที่แสดง การเคลื่อนที่ของพายุ ซึ่งท�าให้เข้าใจปรากฏการณ์ธรรมชาติต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น 6. ใช้ส�าหรับการเรียนการสอน เช่น โรงเรียนใช้แผนที่ประกอบการเรียนรู้เพื่อให้ นักเรียนเข้าใจลักษณะทางกายภาพและต�าแหน่งที่ตั้งบนโลก Google Maps เป็นบริการแผนที่ของ Google ใช้ในการ ค้นหาเส้นทาง ดูสภาพการจราจร เพื่อวางแผน การเดินทางจากสถานที่หนึ่งไปยังอีกสถานที่หนึ่ง ซึ่งท�าให้ทราบเส้นทางที่ดีที่สุด ใช้ระยะเวลาน้อย ที่สุด รวมถึงการเลือกประเภทพาหนะที่ใช้เดินทาง เช่น รถยนต์ รถประจ�าทาง การเดินเท้า พร้อม แสดงเวลาโดยประมาณที่ใช้ในการเดินทางก�ากับ ไว้ด้วย แอปพลิเคชันแผนที่ 8 ขั้นสอน ขั้นที่ 5 การสรุปเพื่อตอบคําถาม 1. นักเรียนในชั้นเรียนรวมกันสรุปเกี่ยวกับแผนที่ องคประกอบของแผนที่ การอานและแปลความ แผนที่ ตลอดจนการใชประโยชนแผนที่ โดย อาจศึกษา Geo Tip เกี่ยวกับแอปพลิเคชัน แผนที่ จากหนังสือเรียน ภูมิศาสตร ม.4-6 เพิ่มเติม 2. ครูใหสมาชิกในแตละกลุมชวยกันสรุปสาระ สําคัญเพื่อตอบคําถามเชิงภูมิศาสตร โดยครู แนะนําเพิ่มเติม 3. นักเรียนทําแบบฝกสมรรถนะฯ ภูมิศาสตร ม.4-6 เรื่อง แผนที่ เพื่อทดสอบความรูที่ไดศึกษามา ขั้นสรุป ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรูเกี่ยวกับ แผนที่ ตลอดจนความสําคัญของแผนที่มีอิทธิพล ตอการดําเนินชีวิตของผูคนในปจจุบัน หรืออาจ ใช PPT สรุปสาระสําคัญของเนื้อหา ขั้นประเมิน 1. ครูประเมินผลโดยสังเกตจากการตอบคําถาม การรวมกันทํางาน และการนําเสนอผลงาน หนาชั้นเรียน 2. ครูตรวจสอบผลจากการทําใบงานและแบบฝก สมรรถนะฯ ภูมิศาสตร ม.4-6 แนวทางการวัดและประเมินผล ครูสามารถวัดและประเมินความเขาใจเนื้อหา เรื่อง เครื่องมือทางภูมิศาสตร ไดจากการใชเครื่องมือทางภูมิศาสตรในการสืบคนและนําเสนอผลงานหนา ชั้นเรียน โดยศึกษาเกณฑการวัดและประเมินผลจากแบบประเมินการนําเสนอ ผลงานที่แนบมาทายแผนการจัดการเรียนรูหนวยที่ 1 เรื่อง เครื่องมือทางภูมิศาสตร แบบประเมินการน าเสนอผลงาน ค าชี้แจง : ให้ผู้สอนประเมินผลการน าเสนอผลงานของนักเรียนตามรายการ แล้วขีด ลงในช่องที่ ตรงกับระดับคะแนน ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ............/................./................ เกณฑ์การให้คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินสมบูรณ์ชัดเจน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินเป็นส่วนใหญ่ ให้ 2 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินบางส่วน ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ต่ ากว่า 8 ปรับปรุง ล าดับที่ รายการประเมินระดับคะแนน 3 2 1 1 ความถูกต้องของเนื้อหา 2 การล าดับขั้นตอนของเรื่อง 3 วิธีการน าเสนอผลงานอย่างสร้างสรรค์ 4 การใช้เทคโนโลยีในการน าเสนอ 5 การมีส่วนร่วมของสมาชิกในกลุ่ม รวม แผนที่มีประโยชนในการดําเนินชีวิตของบุคคลทั่วไปและ การพัฒนาสังคมและประเทศชาติอยางไร (แนวตอบ แผนที่มีประโยชนตอบุคคลทั่วไปในการดําเนินชีวิต หลายดาน เชน การเดินทาง การคนหาที่ตั้งของสถานที่ และมี ประโยชนในการพัฒนาสังคมและประเทศชาติ คือ การใชเปน ขอมูลพื้นฐานในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม เชน การวางแผน สรางระบบสาธารณูปโภค การปกปนเขตแดนระหวางประเทศ และการทหาร) นํา สอน สรุป ประเมิน T8


ขอสอบเนน การคิด ผูใช ผลิตภัณฑ ขอมูล แหลงพลังงาน ลักษณะผิวหนาของโลก ระบบถายภาพ การกระจายผานชั้นบรรยากาศ การรับสัญญาณขอมูล การวิเคราะหขอมูล ผลิตภัณฑ สารสนเทศกระบวนการ แปลภาพ ภาพ ดวยสายตา ตัวเลข ขอมูลอางอิง ดวย คอมพิวเตอร 2 เทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ ภูมิสารสนเทศ (Geoinformatics) คือ ศาสตร์สารสนเทศที่เน้นการบูรณาการเทคโนโลยี ด้านการส�ารวจ การท�าแผนที่ และการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงพื้นที่เข้าด้วยกัน เพื่อศึกษาเกี่ยวกับ พื้นที่บนโลก โดยอาศัยเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ ประกอบด้วย การรับรู้จากระยะไกล (RS) ระบบ ก�าหนดต�าแหน่งบนพื้นโลก (GPS) และระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ (GIS) 2.1 การรับรู้จากระยะไกล การรับรู้จากระยะไกล (Remote Sensing: RS) เป็นระบบส�ารวจเก็บข้อมูลเกี่ยวกับ พื้นผิวโลกด้วยเครื่องรับรู้ (sensor) ซึ่งติดตั้งกับดาวเทียม เครื่องบิน หรือบอลลูน เครื่องรับรู้ ตรวจจับคลื่นพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้าที่สะท้อนจากวัตถุบนผิวโลก หรือตรวจจับคลื่นที่ส่งไปและ สะท้อนกลับมา แล้วแปลงข้อมูลเชิงเลขที่ถูกบันทึกไว้ออกมาเป็นข้อมูลภาพ หลักการท�างานของการรับรู้ระยะไกล ประกอบด้วย 2 กระบวนการ ดังนี้ 1) กำรได้รับข้อมูล (data acquisition) อาศัยหลักการว่า ดวงอาทิตย์ที่เป็น แหล่งก�าเนิดพลังงานตามธรรมชาติ ซึ่งแผ่พลังงานแม่เหล็กไฟฟ้ามายังพื้นผิวโลก วัตถุแต่ละชนิด ดูดกลืนและสะท้อนพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้าได้แตกต่างกัน พลังงานที่ถูกสะท้อนกลับจะถูกบันทึก โดยอุปกรณ์บันทึกข้อมูลบนอากาศยานหรือบนยานอวกาศ ได้ข้อมูลที่เป็นรูปภาพและข้อมูลเชิงเลข 2) กำรวิเครำะห์ข้อมูล (data analysis) ประกอบด้วยการแปลข้อมูลภาพ ด้วยสายตา (visual interpretation) และการวิเคราะห์เชิงเลข (digital analysis) ด้วยคอมพิวเตอร์ ท�าให้ได้ผลิตภัณฑ์สารสนเทศออกมา เช่น รูปถ่ายทางอากาศ ภาพจากดาวเทียม แผนที่ เพื่อให้ ผู้ใช้น�าไปใช้ประโยชน์ต่อไป ภาพแสดงหลักการท�างานของ Remote Sensing 9 ขั้นนํา Geographic Inquiry Process 1. ครูใหนักเรียนเลนเกมแขงขันการใชสมารตโฟน คนหาเสนทางไปยังสถานที่ที่นักเรียนสนใจ ในทวีปตางๆ จํานวน 10 แหง ภายในเวลาที่ กําหนด จากนั้นอภิปรายแสดงความคิดเห็น รวมกัน 2. ครูสนทนาประกอบการซักถามเกี่ยวกับ เทคโนโลยีภูมิสารสนเทศในความรูความเขาใจ เบื้องตนของนักเรียนเพิ่มเติม เชน • เทคโนโลยีภูมิสารสนเทศไดแกสิ่งใด (แนวตอบ เชน รูปถายทางอากาศ ภาพจาก ดาวเทียม GPS GIS) • ในปจจุบันเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ มีประโยชนอยางไรบาง (แนวตอบ เชน มีประโยชนในดานการสํารวจ การสืบคนขอมูล การวิเคราะหขอมูลการ บริหาร การวางแผนในพื้นที่ที่มีขอจํากัด ทั้งในดานระยะทาง หรือการเขาถึง ตลอดจน เปนการอํานวยความสะดวกในการนํา เทคโนโลยีมาใชในชีวิตประจําวันเพิ่ม มากขึ้น) ขอใดไมใชประโยชนของรีโมตเซนซิง 1. สํารวจการใชที่ดิน 2. การพยากรณอากาศ 3. ใชเตือนภัยจากธรรมชาติ 4. ทําแบบจําลองความสูงเชิงเลข 5. การตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงพื้นที่ปาไม (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. การทําแบบจําลองความสูงเชิงเลข เนื่องจากตองใชขอมูลจากภาพถายออรโธสีที่มีลักษณะคลายกับ รูปถายทางอากาศเปนขอมูลพื้นฐานสวนหนึ่งของการจัดทํา) เกร็ดแนะครู ครูอาจอธิบายเปรียบเทียบหลักการทํางานและประโยชนของขอมูลจาก การรับรูจากระยะไกลแบบขอมูล จากรูปถายทางอากาศกับภาพจากดาวเทียม โดยใชผังกราฟกที่แสดงการเปรียบเทียบ หรือจําแนกรายละเอียดขอมูล เชน ตารางเวนน ไดอะแกรม (Venn Diagram) หรือผังมโนทัศน เพื่อใหนักเรียน เกิดความรูความเขาใจในการรับรูจากระยะไกลยิ่งขึ้น นํา นํา สอน สรุป ประเมิน T9


ขอสอบเนนการคิดแนว O-NET รูปถ่ายทางอากาศแนวเฉียงสูง เห็นแนวขอบฟ้า บริเวณรัฐวิสคอนซิน สหรัฐอเมริกา ที่มำ : https://blogs.uoregon.edu รูปถ่ายทางอากาศแนวดิ่ง อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ที่มำ : กรมแผนที่ทหาร กระทรวงกลาโหม รูปถ่ายทางอากาศแนวเฉียงต�่า ไม่เห็นแนวขอบฟ้า บริเวณรัฐวิสคอนซิน สหรัฐอเมริกา ที่มำ : https://blogs.uoregon.edu ข้อมูลจากการรับรู้ระยะไกล มีดังนี้ 1) รูปถ่ำยทำงอำกำศ คือ รูปภาพของลักษณะภูมิประเทศที่ปรากฏอยู่บนพื้น ผิวโลก ที่ได้จากการถ่ายภาพทางอากาศ โดยผ่านเลนส์กล้องและฟิล์ม ซึ่งถ่ายด้วยกล้องที่ติดไว้ กับอากาศยาน ได้แก่ บอลลูน และเครื่องบิน ปัจจุบันการถ่ายรูปทางอากาศมีการใช้กล้องดิจิทัล บันทึกข้อมูลเชิงเลข คล้ายกับข้อมูลจากดาวเทียม แต่มีรายละเอียดสูงมาก รวมทั้งยังน�าไปติดตั้ง ไว้กับอากาศยานไร้คนขับกันมากขึ้น ท�าให้สามารถถ่ายรูปได้ตามขนาดและเวลาที่สะดวกขึ้น รูปถ่ายทางอากาศ แบ่งได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ ตามลักษณะการถ่ายรูป ดังนี้ 1.1) รูปถ่ำยทำงอำกำศแนวดิ่ง เป็นรูปถ่ายทางอากาศที่ถ่ายรูปในแนวตั้งฉาก กับผิวโลกและไม่เห็นแนวขอบฟ้า 1.2) รูปถ่ำยทำงอำกำศแนว เฉียง เป็นรูปถ่ายที่เกิดจากการก�าหนดแกนของ กล้องในลักษณะเฉียง แบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ • รูปถ่ายทางอากาศแนว เฉียงสูง ลักษณะรูปถ่ายจะเห็นแนวขอบฟ้าเป็น แนวกว้างใหญ่ • รูปถ่ายทางอากาศแนว เฉียงต�่า เป็นรูปถ่ายทางอากาศที่ไม่ปรากฏเส้น ขอบฟ้าในภาพ รูปถ่ายทางอากาศแนวเฉียงสูงและแนวเฉียงต�่าใช้แสดงภาพรวมของพื้นที่ แต่มี มาตราส่วนบนรูปถ่ายทางอากาศแตกต่างกัน รูปถ่ายทางอากาศแนวดิ่งมีมาตราส่วนในรูปค่อนข้าง คงที่ จึงเป็นที่นิยมน�ามาใช้ท�าแผนที่ 10 ไว้กับอากาศยานไร้คนขับกันมากขึ้น ท� 1 ขั้นสอน ขั้นที่ 1 การตั้งคําถามเชิงภูมิศาสตร 1. ครูนํารูปถายทางอากาศและภาพจากดาวเทียม มาใหนักเรียนดู จากนั้นใหนักเรียนลองบอก สิ่งที่เห็นจากสายตา ประกอบการถามคําถาม เชน • อุปสรรคที่สําคัญของการถายภาพทาง อากาศคือสิ่งใด (แนวตอบ เชน หมอกควัน เนื่องจากการถาย ภาพทางอากาศนั้นจะมีการติดตั้งอุปกรณ ถายภาพกับอากาศยานแลวถายภาพมายัง พื้นที่ตางๆ ซึ่งอุปสรรคสําคัญในการถายภาพ ทางอากาศ คือ หมอกควันที่บดบังพื้นที่ ทําใหไดรูปถายทางอากาศที่ไมชัดเจน) 2. ครูกระตุนใหนักเรียนชวยกันตั้งประเด็นคําถาม เชิงภูมิศาสตร เชน • เทคโนโลยีภูมิสารสนเทศที่นํามาใชในการหา เสนทางการเดินทางไปยังเปาหมาย เรียกวา ระบบอะไร • เทคโนโลยีภูมิสารสนเทศแตละประเภท มีความเหมือนหรือแตกตางกันหรือไม อยางไร • นอกจากเครื่องมือทางภูมิศาสตรอยาง ลูกโลก แผนที่ รูปถายทางอากาศ และภาพ จากดาวเทียมแลว ยังมีเครื่องมือใดอีกบาง ที่ใชศึกษาขอมูลทางภูมิศาสตร และให ขอมูลเกี่ยวกับอะไร นักเรียนควรรู 1 อากาศยานไรคนขับ มีขนาด รูปราง รูปแบบ และเอกลักษณที่แตกตางกัน เปนอากาศยานที่ควบคุมจากระยะไกล ใชการควบคุมอัตโนมัติ มี 2 ลักษณะ ไดแก การควบคุมอัตโนมัติจากระยะไกล และการควบคุมแบบอัตโนมัติโดยใช ระบบการบินดวยตนเองซึ่งตองอาศัยโปรแกรมคอมพิวเตอรที่มีระบบซับซอน ติดตั้งไวในอากาศยาน อากาศยานไรคนขับไมตองใชนักบินประจําอากาศยาน ซึ่งมีการติดตั้งกลองถายภาพคุณภาพสูงที่สามารถบันทึกภาพระยะไกลได แลวแพรภาพสัญญาณมายังจอภาพที่สถานีภาคพื้นดินในเวลาที่ใกลเวลาจริง มากที่สุด รูปถายทางอากาศสามารถแสดงขอมูลพื้นที่เปนภาพ 3 มิติ ไดจากขอใด 1. ถายรูปพื้นที่ซอนกัน 2. บันทึกขอมูลแบบแอกทีฟ 3. การกําหนดมาตราสวนของแผนที่ 4. ความละเอียดขั้นสูงในการถายภาพ 5. ใชฟลมคุณภาพสูงในการบันทึกภาพ (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. การถายรูปทางอากาศสามารถ แสดงขอมูลพื้นที่เปนภาพสามมิติไดจากการถายรูปที่มีพื้นที่ ซอนกัน (overlap)) นํา สอน สรุป ประเมิน T10


Geo Tip 2) ภำพจำกดำวเทียม คือ ภาพที่ได้จากการถ่ายและบันทึกข้อมูลเชิงเลขของค่าการ สะท้อนช่วงคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากวัตถุต่าง ๆ ที่มีค่าการสะท้อนแสงแตกต่างกัน จึงท�าให้สามารถ จ�าแนกวัตถุต่าง ๆ ได้จากการแปลความสิ่งที่ปรากฏบนภาพ เช่น สี ขนาด รูปร่าง ทั้งนี้ ดาวเทียม ถูกพัฒนาขึ้นหลายรูปแบบตามภารกิจ เช่น ดาวเทียมส�ารวจทรัพยากร ดำวเทียมส�ำรวจทรัพยำกร เป็นดาวเทียมที่ใช้ในการเก็บข้อมูลด้านทรัพยากรต่าง ๆ เช่น พืชพรรณ ทรัพยากรน�้า ลักษณะการ ใช้ประโยชน์ที่ดิน ในประเทศไทยมีสถานีรับสัญญาณดาวเทียมส�ารวจทรัพยากร ตั้งอยู่ที่อ�าเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี และที่เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร เมื่อสถานีภาคพื้นดินรับสัญญาณตัวเลขที่ส่ง มาแล้ว จึงแปลงตัวเลขเป็นภาพที่สามารถน�าไปแปลความหมายต่อไปได้ ตัวอย่างดาวเทียมส�ารวจทรัพยากร เช่น SPOT, THEOS, MOS, WorldView, GeoEye, QuickBird, Landsat ดาวเทียมไทยโชต หรือ THEOS ดาวเทียมส�ารวจ ทรัพยากรดวงแรกของประเทศไทย ดาวเทียม Landsat-8 โดยความร่วมมือระหว่าง องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ (NASA) กับส�านักงานส�ารวจธรณีวิทยาแห่งชาติ สหรัฐอเมริกา (USGS) ระบบบันทึกข้อมูลของดาวเทียมในปัจจุบันมีวิวัฒนาการไปอย่างรวดเร็ว มีคุณสมบัติ หลายประการ ดังนี้ 2.1) กำรบันทึกข้อมูลเปนบริเวณกว้ำง ภาพจากดาวเทียมภาพหนึ่ง ๆ ครอบคลุม พื้นที่กว้างท�าให้ได้ข้อมูลในลักษณะต่อเนื่องในระยะเวลาบันทึกภาพสั้น ๆ เช่น ภาพจากดาวเทียม SPOT คลุมพื้นที่ 60 x 60 ตร.กม. หรือ 3,600 ตร.กม. 2.2) กำรบันทึกภำพบริเวณเดิม ดาวเทียมส�ารวจทรัพยากรมีวงโคจรจากเหนือ ลงใต้ และกลับมายังจุดเดิม ท�าให้ได้ข้อมูลบริเวณเดียวกันหลาย ๆ ช่วงเวลา สามารถเปรียบเทียบ และติดตามการเปลี่ยนแปลงบนพื้นผิวโลกได้ เช่น ดาวเทียม Landsat มีรอบโคจรทุก ๆ 16 วัน 11 ตัวอย่างดาวเทียมส�ารวจทรัพยากร เช่น SPOT, THEOS, MOS, WorldView, GeoEye, 1 ขั้นสอน ขั้นที่ 1 การตั้งคําถามเชิงภูมิศาสตร 3. ครูอาจใหนักเรียนศึกษา Geo Tip เกี่ยวกับ ดาวเทียมสํารวจทรัพยากร จากหนังสือเรียน ภูมิศาสตร ม.4-6 ประกอบการตั้งประเด็น คําถามเชิงภูมิศาสตร ผานการถามคําถาม เพิ่มเติมเชน • ภาพจากดาวเทียมมีที่มาอยางไร (แนวตอบ การรับขอมูลตัวเลขจากดาวเทียม ที่โคจรอยูรอบโลกของสถานีรับสัญญาณ ดาวเทียมตางๆ โดยดาวเทียมนั้นแปลง ขอมูลภาพทรัพยากรธรรมชาติ หรือสิ่งที่ มนุษยสรางขึ้นเปนตัวเลข สถานีรับสัญญาณ จึงตองแปลงขอมูลตัวเลขนั้นกลับเปนภาพ อีกครั้งหนึ่ง อยางไรก็ตาม ขอมูลตัวเลขนั้น สามารถนํามาวิเคราะหเชิงสถิติเพื่อจัดกลุม ขอมูลใหมซึ่งเปนการแปลความหมายอีก รูปแบบหนึ่งได) ขอสอบเนนการคิดแนว O-NET ขอมูลที่ใช ในการพยากรณอากาศของพื้นที่หนึ่งๆ มาจาก หลักการทํางานของดาวเทียมในขอใด 1. ดาวเทียมคงที่ 2. ดาวเทียมสํารวจทรัพยากร 3. ดาวเทียมพลังงานธรรมชาติ 4. ดาวเทียมพลังงานคลื่นแมเหล็กไฟฟา 5. ดาวเทียมโคจรรอบโลกในแนวเหนือ-ใต (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. การพยากรณอากาศพื้นที่หนึ่งๆ ดวยขอมูลจากดาวเทียม ดาวเทียมนั้นตองมีหลักการทํางาน แบบดาวเทียมคงที่ คือ ดาวเทียมที่โคจรรอบโลกเทากับการหมุน ของโลก ซึ่งมีการสํารวจและรวบรวมขอมูลดานภูมิอากาศของ พื้นที่นั้นๆ) นักเรียนควรรู 1 THEOS เปนดาวเทียมสํารวจทรัพยากรดวงแรกของไทย ขึ้นสูอวกาศ เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2551 โดยจรวดนําสงเนปเปอร (Dnepr) จากฐาน สงจรวดเมืองยาสนี (Yasny) ประเทศรัสเซีย ดาวเทียม THEOS เปนดาวเทียม ขนาดเล็ก มีอายุการใชงานอยางนอย 5 ป ทํางานโดยอาศัยแหลงพลังงานจาก ดวงอาทิตย สามารถบันทึกภาพไดครอบคลุมพื้นที่ทั่วโลก สื่อ Digital ศึกษาคนควาขอมูลเกี่ยวกับดาวเทียมตางๆ ไดที่ http://www.gistda. or.th/main/th/node/90 สํานักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องคการมหาชน) นํา สอน สรุป ประเมิน T11


ขอสอบเนนการคิด 2.3) รำยละเอียดของภำพ ภาพจากดาวเทียมให้รายละเอียดหลายระดับ มีผลดี ในการน�าไปใช้ประโยชน์ในการศึกษาด้านต่างๆ เช่น ภาพถ่ายจากดาวเทียม Landsat-7 มี รายละเอียดที่ระดับ 30 เมตร ใช้ศึกษาสภาพการใช้ที่ดินระดับจังหวัดได้ ในขณะที่ภาพถ่ายจาก ดาวเทียม GeoEye -1 ที่มีรายละเอียดสูงที่ระดับ 46 เซนติเมตร เห็นวัตถุต่าง ๆ ได้อย่างชัดเจน ข้อมูลภาพจากดาวเทียมที่มีรายละเอียดภาคพื้นดินมาก จะให้รายละเอียดของวัตถุบนโลก ที่ชัดเจนมากขึ้น ภาพถ่ายจากดาวเทียม GeoEye-1 มีรายละเอียดสูง ที่ระดับ 46 เซนติเมตร ท�าให้เห็นวัตถุได้อย่างชัดเจน ภาพถ่ายจากดาวเทียม WorldView-2 แสดงภาพสีผสม จริง ซึ่งมีสีเหมือนที่ปรากฏในธรรมชาติ ภาพถ่ายจากดาวเทียม Landsat-7 มีรายละเอียดปานกลาง ที่ระดับ 30 เมตร ท�าให้เห็นภาพรวมของการใช้ประโยชน์ที่ดิน ภาพถ่ายจากดาวเทียม QuickBird แสดงภาพสีผสมเท็จ ท�าให้เห็นส่วนที่เป็นป่าไม้มีสีแดง 2.4) กำรบันทึกภำพได้หลำยช่วงคลื่นแสง ระบบบันทึกข้อมูลสามารถบันทึกภาพ ได้หลายช่วงคลื่นแสงในบริเวณเดียวกัน ทั้งในช่วงคลื่นแสงที่สายตามองเห็น และช่วงคลื่นแสง นอกเหนือสายตามนุษย์ เมื่อน�าข้อมูลภาพในแต่ละช่วงคลื่นแสงมาซ้อนทับกัน จะเกิดเป็นภาพถ่าย สีผสมจริง ซึ่งมีสีเหมือนที่ปรากฏในธรรมชาติ และภาพถ่ายสีผสมเท็จ ท�าให้แยกวัตถุต่าง ๆ บน พื้นผิวโลกได้อย่างชัดเจน 12 ได้หลายช่วงคลื่นแสงในบริเวณเดียวกัน ทั้งในช่วงคลื่นแสงที่สายตามองเห็น และช่วงคลื่นแสง 1 นักเรียนควรรู 1 ชวงคลื่นแสงที่สายตามองเห็น แสงที่มนุษยมองเห็น หมายถึง คลื่นแมเหล็ก ไฟฟาที่มีความยาวคลื่นอยูในชวง 400-700 นาโนเมตร ซึ่งถือวาเปนเพียงชวง แคบๆ ของแถบคลื่นแมเหล็กไฟฟาทั้งหมด นอกจากนี้ ความยาวคลื่นยังบอก ถึงสีดวย ความยาวคลื่นมากที่สุดที่มนุษยมองเห็นไดจะมีสีแดง (ประมาณ 700 นาโนเมตร) และความยาวคลื่นนอยที่สุดที่มองเห็นไดจะมีสีนํ้าเงิน (ประมาณ 400 นาโนเมตร) ขอใดคือเทคโนโลยีในการบันทึกขอมูลของภาพจากดาวเทียม 1. คลื่นวิทยุ 2. รังสีแกมมา 3. รังสีความรอน 4. คลื่นแมเหล็กไฟฟา 5. พลังงานแสงอาทิตย (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. ภาพจากดาวเทียม คือ ภาพ ที่ไดจากการถายและบันทึกขอมูลเชิงเลขของคาการสะทอน ชวงคลื่นแมเหล็กไฟฟาจากวัตถุตางๆ ที่มีการสะทอนแสงแตกตางกัน จึงทําใหสามารถจําแนกวัตถุตางๆ ได จากการแปลความสิ่งที่ ปรากฏบนภาพ เชน สี ขนาด รูปราง) ขั้นสอน ขั้นที่ 2 การรวบรวมขอมูล 1. ครูใหนักเรียนแบงกลุม กลุมละ 4 คน โดยให นักเรียนในแตละกลุมมีหมายเลขประจําตัว คือ หมายเลข 1 2 3 และ 4 เรียกวา กลุมแมบาน 2. นักเรียนกลุมแมบานแยกยายไปรวมกันตาม หมายเลขเดียวกัน เรียกวา กลุมผูเชี่ยวชาญ 3. สมาชิกในกลุมผูเชี่ยวชาญ รวมกันสืบคน ความรู เรื่อง เทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ จาก หนังสือเรียน ภูมิศาสตร ม.4-6 และสรุปความรู ลงในใบงาน ตามประเด็นตอไปนี้ • หมายเลข 1 ทําใบงานที่ 1.2 เรื่อง การรับรู จากระยะไกล • หมายเลข 2 ทําใบงานที่ 1.3 เรื่อง ระบบ กําหนดตําแหนงบนพื้นโลก • หมายเลข 3 ทําใบงานที่ 1.4 เรื่อง ระบบ สารสนเทศภูมิศาสตร • หมายเลข 4 ทําใบงานที่ 1.5 เรื่อง การใช ประโยชนเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ 4. สมาชิกในกลุมผูเชี่ยวชาญแตละหมายเลข ทําการรวบรวมและอภิปรายขอมูลจากการทํา ใบงาน 5. ครูอาจใหนักเรียนแตละกลุมศึกษารายละเอียด ของภาพถายจากดาวเทียมประกอบการรวบรวม ขอมูลเพิ่มเติม นํา สอน สรุป ประเมิน T12


กิจกรรม Geo - Literacy ปาไมธรรมชาติ ปาปลูกหรือ สวนเกษตรกรรม 4 5 รถยนตบนลานจอดรถ 6 เงาของอาคาร 7 พื้นดิน ลำนำ้สาขา แหลงน้ำ แมน ้ำ 1 2 3 4 ลำนำ้สาขา 3) กำรแปลควำมหมำยรูปถ่ำยทำงอำกำศและภำพจำกดำวเทียม หลักการ แปลความหมายด้วยสายตา ใช้องค์ประกอบหลักที่ส�าคัญ ดังนี้ การแปลความหมายได้ดีและถูกต้องขึ้นอยู่กับองค์ประกอบต่างๆ ซึ่งการตรวจสอบ ภาคสนามช่วยให้การแปลความหมายมีความถูกต้องแม่นย�ามากขึ้น นอกจากนี้ รูปถ่ายทางอากาศ หรือภาพจากดาวเทียมที่บันทึกในช่วงปีที่แตกต่างกันยังช่วยให้เห็นการเปลี่ยนแปลงของพื้นที่ใน แต่ละบริเวณได้ชัดเจนเพิ่มขึ้นด้วย 1. ควำมเข้มของสี วัตถุต่าง ชนิดกันมีการสะท้อนคลื่นแสงแตกต่างกัน เช่น พื้นดินไม่มีต้นไม้ปกคลุมสะท้อนคลื่นแสงมาก จึงมีสีจาง น�้าดูดซับคลื่นแสงมากจึงสะท้อนคลื่น แสงน้อย ภาพที่ได้บริเวณพื้นน�้าจึงมีสีเข้ม 2. ขนำด ความยาว ความกว้าง หรือพื้นที่ แสดงให้เห็นความแตกต่างของขนาด เช่น ระหว่างแม่น�้ากับล�าน�้าสาขา 3. รูปร่ำง สิ่งที่ปรากฏในภาพ ส่วนใหญ่มีรูปทรงเรขาคณิต เช่น พื้นที่เกษตรกรรม เป็นแปลงรูปสี่เหลี่ยม 4. เนื้อภำพ เป็นความหยาบ ความละเอียดของผิววัตถุ เช่น น�้ามีลักษณะเรียบ และป่าไม้มีลักษณะขรุขระ 5. แบบรูป สิ่งที่เกิดขึ้นตาม ธรรมชาติมีแบบรูปแตกต่างจากสิ่งที่มนุษย์สร้าง ขึ้น เช่น ป่าไม้ธรรมชาติกับป่าปลูก ซึ่งป่าปลูก มีแบบรูปต้นไม้ปลูกอย่างเป็นระเบียบมากกว่า 6. ควำมสูงและเงำ เงาของวัตถุ ใช้อธิบายความสูงของวัตถุ เช่น ต้นไม้ อาคาร เมื่อถ่ายรูปทางอากาศในระดับความสูงไม่มาก ในช่วงเช้าและบ่ายมีเงาสามารถน�ามาค�านวณ หาความสูงของวัตถุได้ 7. ต�ำแหน่ง แสดงความสัมพันธ์ ซึ่งกันและกัน เช่น รถยนต์บนลานจอดรถ 13 ขนำด ความยาว ความกว้าง มสูงและเงำ เงาของวัตถุ 1 2 ขั้นสอน ขั้นที่ 3 การจัดการขอมูล 1. สมาชิกในกลุมผูเชี่ยวชาญแตละหมายเลข กลับไปยังกลุมแมบานของตนเอง 2. สมาชิกแตละคนในกลุมนําขอมูลที่ตนไดจาก การรวบรวมมาอธิบายแลกเปลี่ยนความรู ระหวางกัน 3. จากนั้นสมาชิกในกลุมชวยกันคัดเลือกขอมูล ที่นําเสนอเพื่อใหไดขอมูลที่ถูกตอง นักเรียนควรรู 1 ขนาด การพิจารณารายละเอียดเกี่ยวกับขนาด ตองมีความรูเรื่องความ สัมพันธและสมบูรณของขนาด หากพิจารณาภาพของรายละเอียดในรูปถายและ รูขนาดที่แนนอนของรายละเอียดที่ปรากฏในภูมิประเทศแลว ก็สามารถหาขนาด ของรายละเอียดอื่นๆ ได โดยเปรียบเทียบกับขนาดของรายละเอียดที่ทราบแลว 2 เงา การพิจารณารูปรางของรายละเอียดใหไดผลดีจะพิจารณาจากเงา ไดมากกวาการพิจารณาจากสี หรือลวดลาย เนื่องจากขนาดทางดิ่งที่แสดง ดวยเงานั้น จะปรากฏใหเห็นชัดกวาขนาดในทางราบ ที่แสดงดวยภาพของ รายละเอียดสีของภาพ โดยรายละเอียดเหลานั้นจะเปลี่ยนไปตามสภาพแวดลอม แตเงาจะแสดงใหเห็นชัดเจน ครูนําภาพจากดาวเทียมที่แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงของพื้นที่ ในลักษณะตางๆ เชน • ลักษณะชายฝงทะเลอันดามันกอนและหลังประสบภัยสึนามิ • การเปลี่ยนแปลงของพื้นที่ปาสงวน จากนั้นใหนักเรียนอานและแปลความภาพจากดาวเทียม โดยอาศัยหลักการแปลความหมายทางสายตา แลวสรุปสงครูผูสอน นํา สอน สรุป ประเมิน T13


ขอสอบเนนการคิด B B B 1: 4,000 N พิจำรณำจำก เนื้อภาพและแบบรูป : มีเรือนยอดเป็นแฉกสูงใกล้ เคียงกัน เป็นลักษณะของพืชตระกูลปาล์ม และเรียง เป็นระเบียบ จึงสรุปว่า เป็นสวนปาล์ม บริเวณต�าแหน่ง A บริเวณต�าแหน่ง B = สวนปาล์ม = อำคำร ขนาดและรูปร่าง : มีรูปร่างสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดใหญ่ ความสูงและเงา : มีเงาพาดทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ = ต้นไม้ ขนาดและรูปร่าง : มีรูปร่างเกือบกลม ลักษณะเป็นพุ่มขนาดเล็ก ความสูงและเงา : มีเงาพาดทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ มีความสูง ประมาณหนึ่ง B = เสำธง ขนาดและรูปร่าง : มีรูปร่างเป็นขาแยกขนาดเล็ก ความสูงและเงา : มีเงาพาดทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ มีความสูง ประมาณหนึ่ง อ่านและแปลความได้ว่า เมื่อพิจารณาต�าแหน่งและความสัมพันธ์ร่วมด้วยแล้ว สรุปได้ว่า เป็นบริเวณ โรงเรียน เนื่องจากมีอาคารรูปร่างสี่เหลี่ยมผืนผ้ายาวและสูงประมาณหนึ่งอยู่รอบพื้นที่ว่าง และมีเสา ธงชาติ บริเวณโดยรอบประกอบด้วยบ้านเรือน และพื้นที่ทางการเกษตร คือ สวนปาล์มทางทิศตะวันออก และทิศใต้ของโรงเรียน A B รูปถ่ายทางอากาศ บริเวณโรงเรียนเขาทะลุพิทยาคม ต�าบลเขาทะลุ อ�าเภอสวี จังหวัดชุมพร ตัวอย่าง การแปลความหมายรูปถ่ายทางอากาศ 14 1 ขั้นสอน ขั้นที่ 4 การวิเคราะหและแปลผลขอมูล 1. สมาชิกแตละกลุมนําขอมูลที่ไดจากการศึกษา มาทําการวิเคราะห และรวมกันตรวจสอบ ความถูกตองของขอมูล โดยครูชวยชี้แนะ เพิ่มเติม 2. ครูใหนักเรียนแตละกลุมใชความรูเรื่อง เทคโนโลยีสารสนเทศที่นํามาใชประโยชน ในชีวิตประจําวัน มาประกอบการนําเสนอ เพิ่มเติมตามประเด็น ดังนี้ • กลุมที่ 1 เรื่อง การรับรูจากระยะไกล • กลุมที่ 2 เรื่อง ระบบกําหนดตําแหนง บนพื้นโลก • กลุมที่ 3 เรื่อง ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร • กลุมที่ 4 เรื่อง การใชประโยชนเทคโนโลยี ภูมิสารสนเทศ 3. ครูและนักเรียนวิเคราะหเรื่องราวที่นําเสนอ และอภิปรายเสนอแนะขอคิดเห็นรวมกัน 4. ครูใหนักเรียนจับคูใชสมารตโฟนสืบคนรูปถาย ทางอากาศจากอินเทอรเน็ต จากนั้นผลัดกัน อานและแปลความรูปถายทางอากาศที่สืบคน มาได 5. ครูสุมนักเรียนบางคูมาอานและแปลความ รูปถายทางอากาศบริเวณหนาชั้นเรียน อภิปราย และแสดงความคิดเห็นรวมกัน นักเรียนควรรู 1 การแปลความหมายรูปถายทางอากาศ เปนการแสดงลักษณะของวัตถุ ที่ปรากฏในรูปถายทางอากาศและหาความหมาย หรือความสําคัญของวัตถุ เหลานั้น ปจจุบันมีการนําการแปลความหมายภาพไปใชในกิจการอื่นนอกเหนือ จากกิจการทหาร เพราะรูปถายทางอากาศสามารถใหขอมูลที่เปนประโยชนตอ โครงการตางๆ หลายโครงการ เชน การกําหนดเขตที่ดิน การสํารวจแหลงแร การขุดคนทางโบราณคดี รูปถายทางอากาศใหขอมูลของสิ่งที่ปรากฏบนพื้นผิวโลก คอนขางละเอียด เพราะเหตุใด (แนวตอบ รูปถายทางอากาศไดจากการถายรูปของอากาศยาน โดยขอมูลที่ไดเปนรูป หรือขอมูลเชิงเลข ในสวนของกลองถายรูป ทางอากาศมีลักษณะคลายกับกลองถายรูปทั่วไปในอดีต แตมี ขนาดใหญกวา เลนสยาวกวา และใชฟลมขนาดใหญ จึงทําให ขอมูลที่คอนขางละเอียดสามารถนํามาซอนทับกันเปนภาพสามมิติ ของพื้นที่นั้นได) นํา สอน สรุป ประเมิน T14


4) กำรใช้ประโยชน์รูปถ่ำยทำงอำกำศและภำพจำกดำวเทียมรูปถ่ายทางอากาศ และภาพจากดาวเทียมสามารถน�าไปใช้ประโยชน์ ดังนี้ 4.1) ด้ำนกำรผังเมืองและกำรขยำยเมือง ข้อมูลจากดาวเทียมที่มีความละเอียดสูง สามารถใช้ในการติดตามการขยายตัวของเมืองและแหล่งชุมชน เพื่อวางแผนรองรับด้านโครงสร้าง พื้นฐาน หรือหาต�าแหน่งที่เหมาะสมในการตั้งถิ่นฐานใหม่ 4.2) ด้ำนป่ำไม้ใช้ข้อมูลในการท�าแผนที่ป่าไม้แสดงพันธุ์ไม้ประเภทของป่า ใช้เพื่อตรวจสอบความหนาแน่นและขนาดของต้นไม้และแก้ปัญหาการจัดการด้านป่าไม้เช่น การบุกรุกป่าและขอบเขตของป่า ความเสียหายจากไฟป่า 4.3) ด้ำนกำรใช้ที่ดิน ใช้ข้อมูลท�าแผนที่การใช้ดินเพื่อการเกษตร อุตสาหกรรม ผังเมือง เพื่อหาพื้นที่เหมาะสมในด้านต่าง ๆ 4.4) ด้ำนภัยพิบัติใช้ข้อมูลป้องกันเตือนภัยและประเมินค่าความเสียหายจาก ภัยพิบัติต่าง ๆ เช่น ดินถล่ม น�้าท่วม สึนามิ ภัยแล้ง ภาพจากดาวเทียมแสดงพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายจากไฟป่า เวสมานลันด์เคาน์ตี (Vä stmanland) ประเทศสวีเดน เมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2557 15 กิจกรรม สรางเสริม กิจกรรม ทาทาย ขั้นสอน ขั้นที่ 4 การวิเคราะหและแปลผลขอมูล 6. ครูใหนักเรียนแตละกลุมออกมาเขียนอธิบาย สรุปผลการวิเคราะหขอมูลที่ไดจากการศึกษา เทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ และการใชประโยชน จากเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ ตามความถนัด หรือความสนใจเพิ่มเติมที่หนาชั้นเรียน เชน • การทํางานของการรับรูจากระยะไกลดวย เครื่องบิน (แนวตอบ การทํางานของการรับรูจาก ระยะไกลดวยเครื่องบิน เรียกวา รูปถาย ทางอากาศ เนื่องจากเกิดจากการถายรูป ทางอากาศแลวนําฟลมไปลางและอัดเปน ภาพทั้งสี และขาว-ดํา สามารถขยายได หลายเทาโดยไมสูญเสียรายละเอียดของ ขอมูล เพราะใชกลองและฟลมที่มีคุณภาพสูง รูปที่ถายทางอากาศนี้สามารถแปลความหมาย พื้นที่ผิวโลกไดดวยสายตา ทั้งนี้ การถายรูป ทางอากาศตองมีการวางแผนการบินและ กําหนดมาตราสวนของแผนที่ลวงหนา เสียกอน) • การใชประโยชนในการจัดการพื้นที่จากภาพ จากดาวเทียม (แนวตอบ ภาพจากดาวเทียมแสดงขอมูลของ พื้นที่ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงในดานตางๆ เชน ความเสื่อมโทรมของพื้นที่ปาไม การ ขยายตัวของเขตเมือง การกัดเซาะชายฝง ของนํ้าทะเล นอกจากนี้ ยังใหขอมูลเกี่ยวกับ แหลงทรัพยากรธรรมชาติตางๆ เชน แรธาตุ ทําใหหนวยงานที่เกี่ยวของสามารถวางแผน ในการจัดการพื้นที่ไดอยางมีประสิทธิภาพ) นักเรียนสืบคนและแปลความหมายจากรูปถายทางอากาศ เพื่อเปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลงดานพื้นที่ปาไม หรือการใชที่ดิน เพื่อการเกษตร นักเรียนวิเคราะห เปรียบเทียบ และแปลความหมายภาพจาก ดาวเทียม ที่บันทึกขอมูลภูมิอากาศของกรมอุตุนิยมวิทยา เพื่อ ติดตามขอมูลการพยากรณอากาศ เตรียมตัวปองกัน และระวัง ภัยพิบัติ เกร็ดแนะครู ครูอธิบายเพิ่มเติมวา ขอมูลจากดาวเทียมและรูปถายทางอากาศเปน อุปกรณสําคัญในการสํารวจและจําแนกดิน ทําใหทราบถึงชนิด การแพรกระจาย และความอุดมสมบูรณของดิน จึงใชจัดลําดับความเหมาะสมของดินได เชน ความเหมาะสมสําหรับปลูกพืชแตละชนิด ความเหมาะสมดานวิศวกรรม นํา สอน สรุป ประเมิน T15


สถานีควบคุม/ ติดตาม เครื่องรับ สัญญาณ ดาวเทียมน�าทาง 2.2 ระบบก�าหนดต�าแหน่งบนพื้นโลก ระบบก�าหนดต�าแหน่งบนพื้นโลก (Global Positioning System) หรือจีพีเอส (GPS) หมายถึง เทคโนโลยีที่ใช้ก�าหนดต�าแหน่งบนพื้นโลก โดยอาศัยดาวเทียม สถานีภาคพื้นดิน และ เครื่องรับจีพีเอส โดยเครื่องรับจีพีเอสรับสัญญาณมาค�านวณหาระยะเสมือนจริงแต่ละระยะ และ จะใช้ข้อมูลจากดาวเทียมอย่างน้อย 3 ดวง มาค�านวณหาต�าแหน่งของเครื่องรับ พร้อมทั้งแสดงให้ ผู้ใช้ทราบบนจอแอลซีดีของเครื่องเป็นค่าละติจูด ลองจิจูด และค่าพิกัดยูทีเอ็ม 1) หลักกำรท�ำงำนของระบบก�ำหนดต�ำแหน่งบนพื้นโลก ต้องอาศัยการท�างาน ร่วมกันขององค์ประกอบทั้ง 3 ส่วน ดังนี้ 1.1) ส่วนอวกำศ (space segment) ประกอบด้วยดาวเทียม 24 ดวง แบ่งออก เป็น 6 วงโคจร วงโคจรละ 4 ดวง ท�าหน้าที่ส่งสัญญาณคลื่นวิทยุจากอวกาศมายังส่วนผู้ใช้ หรือ เครื่องรับจีพีเอส 1.2) ส่วนสถำนีควบคุม (control segment) ได้แก่ สถานีภาคพื้นดินที่กระจาย อยู่ตามส่วนต่าง ๆ บนพื้นโลก ท�าหน้าที่ปรับปรุงข้อมูลให้มีความถูกต้อง โดยค�านวณวงโคจรและ ต�าแหน่งของดาวเทียมที่ขณะเวลาต่าง ๆ แล้วส่งข้อมูลเหล่านี้ไปยังส่วนอวกาศ 1.3) ส่วนผู้ใช้ (user segment) ได้แก่ เครื่องรับสัญญาณจีพีเอส มีหลายขนาด สามารถพกพาหรือติดไว้ในยานพาหนะได้ ท�าหน้าที่แปลงสัญญาณและค�านวณหาพิกัดต�าแหน่ง บนพื้นโลก 16 2.2 ระบบก�าหนดต�าแหน่งบนพื้นโลก1 กิจกรรม ทาทาย ขั้นสอน ขั้นที่ 4 การวิเคราะหและแปลผลขอมูล • การทํางานของระบบกําหนดตําแหนงบน พื้นโลก (แนวตอบ การกําหนดตําแหนงบนพื้นโลก โดยอาศัยการสื่อสารผานคลื่นวิทยุความ เร็วสูงจากดาวเทียมใหแกสถานีรับภาค พื้นดินและสงไปยังเครื่องรับจีพีเอส โดย เครื่องรับจีพีเอสจะรับสัญญาณมาคํานวณ หาระยะเสมือนจริง และจะใชขอมูลดังกลาว จากดาวเทียมอยางนอย 4 ดวง มาคํานวณ หาตําแหนงของเครื่องรับ พรอมทั้งแสดง ขอมูลใหผูใชทราบบนหนาจอเครื่องเปน คาละติจูด ลองจิจูด และอื่นๆ) • กิจการที่ใหกําเนิดระบบกําหนดตําแหนง บนพื้นโลก (แนวตอบ การทหาร เปนกิจการที่ทําใหเกิด ระบบกําหนดตําแหนงบนพื้นโลกขึ้น โดย กระทรวงกลาโหมของสหรัฐอเมริกาใชหา ตําแหนงและพิกัดทางภูมิศาสตรในระหวาง การสงคราม จึงกลาวไดวา ระบบกําหนด ตําแหนงบนพื้นโลกเกิดขึ้นจากความขัดแยง และความรุนแรง แตตอมาไดนํามาใชเปน ประโยชนในการดําเนินชีวิตและสามารถ สรางสันติภาพไดมากขึ้น) นักเรียนควรรู 1 ระบบกําหนดตําแหนงบนพื้นโลก พัฒนาโดยกระทรวงกลาโหมของ สหรัฐอเมริกา โดยนักวิทยาศาสตรชื่อ ดร.ริชารด บี เคิรชเนอร ไดติดตาม การสงดาวเทียมสปุตนิกของสหภาพโซเวียต และพบคลื่นวิทยุที่สงกลับมาจาก ดาวเทียม จึงเกิดแนวคิดอันเปนที่มาของระบบกําหนดตําแหนงบนพื้นโลกวา หากทราบตําแหนงที่แนนอนบนพื้นโลก ก็สามารถระบุตําแหนงของดาวเทียม ไดจากคลื่นวิทยุ ในทางกลับกันหากทราบตําแหนงที่แนนอนของดาวเทียม ก็สามารถระบุตําแหนงบนพื้นโลกไดเชนเดียวกัน ใหนักเรียนวิเคราะหและยกตัวอยางอุปกรณที่ใชในชีวิต ประจําวัน ที่มีความเกี่ยวของกับหลักการทํางานของระบบกําหนด ตําแหนงบนพื้นโลก พรอมทั้งบอกขอดี และขอจํากัดของอุปกรณ ดังกลาว นําเสนอ และอภิปรายรวมกัน นํา สอน สรุป ประเมิน T16


กิจกรรม เสริมสรางคุณลักษณะอันพึงประสงค 2) การใช้ประโยชน์ของระบบก�าหนดต�าแหน่งบนพื้นโลก GPS เป็นอีกเทคโนโลยี ใกล้ตัวเราเป็นอย่างมาก และด้วยความสามารถของ GPS ท�าให้เราน�าข้อมูลต�าแหน่งมาประยุกต์ ใช้งานในด้านต่าง ๆ ดังนี้ การติดตั้งระบบ GPS ไว้ ในยานพาหนะต่างๆ เพื่อหาเส้นทาง ไปยังจุดหมาย และระบุต�าแหน่งปัจจุบันของยานพาหนะ GPS ติดรถยนต์ ช่วยในการน�าทาง 2.1) การคมนาคมขนส่งและ การจราจร โดยการน�าระบบ GPS มาใช้งาน ควบคุมคู่กับระบบขนส่งสินค้า ท�าให้ทราบที่ อยู่ปัจจุบันของรถขนส่งสินค้าที่อยู่ระหว่างการ ปฏิบัติงานได้ทันที หรือใช้รายงานการจราจร ต�าแหน่งที่เกิดอุบัติเหตุ และปัจจุบันนิยมใช้เป็น ระบบน�าทางในยานพาหนะ 2.2) การให้บริการข้อมูล ข่าวสารเชิงต�าแหน่ง เป็นการใช้งานระบบ GPS ร่วมกับอุปกรณ์สมาร์ตโฟน เช่น การถ่ายรูป การน�าทาง การระบุต�าแหน่ง 2.3) การควบคุมเครื่องจักรกลในการท�าการเกษตร ช่วยลดปัญหาด้านแรงงาน เพิ่มความสะดวกรวดเร็วและเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการ โดยติดตั้งระบบ GPS ในรถแทรกเตอร์ เพื่อใช้ในการควบคุม การหยอดเมล็ด หยอดปุ๋ย ให้น�้า และเก็บเกี่ยวด้วยค่าพิกัดที่แม่นย�า ตาม แผนที่และค�าสั่งที่ตั้งค่าไว้ 2.4) การส�ารวจต�าแหน่งที่เกิดเหตุต่าง ๆ เช่น อุบัติเหตุบนทางหลวง ต�าแหน่งเรือ ในทะเล หรือการหลงป่า ท�าให้การช่วยเหลือเป็นไปอย่างแม่นย�าและรวดเร็ว โทรศัพท์เคลื่อนที่หรือสมาร์ตโฟนสามารถค้นหาต�าแหน่ง ต่าง ๆ ได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว 17 ขั้นสอน ขั้นที่ 4 การวิเคราะหและแปลผลขอมูล • ประโยชนของระบบกําหนดตําแหนง บนพื้นโลก (แนวตอบ ระบบกําหนดตําแหนงบนพื้นโลกมี ประโยชนมากในการกําหนดจุดพิกัดผิวโลก โดยแสดงขอมูลทั่วไป เชน อาคาร บานเรือน ถนน นาขาว ซึ่งอาจใชเปนขอมูลพื้นฐานของ ระบบสารสนเทศภูมิศาสตรและขอมูลเฉพาะ เชน ตําแหนงที่เกิดภัยธรรมชาติ อุบัติเหตุ บนทางหลวง หรือกลางทะเล โดยเครื่อง จีพีเอสมีหลากหลายขนาด สามารถพกติดตัว หรือติดตั้งในรถยนตเพื่อสํารวจทิศทางของ จุดหมายทําใหสามารถเดินทางไดสะดวก รวดเร็วมากยิ่งขึ้น) • การใชประโยชนของระบบกําหนดตําแหนง บนพื้นโลกที่ใกลตัวมากที่สุด (แนวตอบ เชน การใชประโยชนของระบบ กําหนดตําแหนงบนพื้นโลก หรือ GPS ในการ ระบุพิกัดภูมิศาสตรของโรงเรียน เนื่องจาก GPS เปนเครื่องรับระบบกําหนดตําแหนง บนพื้นโลกที่สามารถหาพิกัดภูมิศาสตรของ สถานที่ตางๆ บนพื้นโลกไดจากดาวเทียม ที่โคจรอยูรอบโลก) นักเรียนแบงกลุมตามความสมัครใจ ทําชิ้นงาน การใชเครื่องมือ ทางภูมิศาสตรในการประชาสัมพันธชุมชนของนักเรียน โดยกําหนด ใหจัดทําชิ้นงานนําเสนออยางหลากหลาย และชิ้นงานตองแสดง ใหเห็นถึงการใชทักษะทางภูมิศาสตรมานําเสนอขอมูลไดอยางมี คุณภาพ บูรณาการอาเซียน นักเรียนสามารถใชเทคโนโลยีสารสนเทศในการสืบคนขอมูลผานสมารตโฟน ที่ติดตั้งระบบรับสัญญาณดาวเทียมนําทางและกลองถายภาพที่พัฒนาจาก เทคโนโลยีในการติดตามขอมูลขาวสารดานตางๆ ของประเทสสมาชิกอาเซียน เชน ลักษณะภูมิประเทศ ภูมิอากาศ ทรัพยากรธรรมชาติ เพื่อเรียนรูขอมูล พื้นฐานของประชาคมอาเซียน การรูเทาทันสื่อ และเสริมสรางทักษะทาง ภูมิศาสตร นํา สอน สรุป ประเมิน T17


ขอสอบเนนการคิด Geo Tip ฮารดแวร ซอฟตแวร กระบวนการวิเคราะห ขอมูล ผูใช Geographic Information System 2.3 ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ (Geographic Information System: GIS) เป็นระบบข้อมูลที่ เชื่อมโยงกับค่าพิกัดภูมิศาสตร์และรายละเอียดของพื้นที่ โดยใช้คอมพิวเตอร์และแสดงผลลัพธ์ใน รูปแบบต่าง ๆ เช่น แผนที่ ภาพสามมิติ สถิติ ตารางข้อมูล 1) หลักกำรท�ำงำนของระบบสำรสนเทศภูมิศำสตร์ มีหลักการท�างาน ดังนี้ 1.1) กำรน�ำเข้ำข้อมูล (input) ก่อนที่ข้อมูลทางภูมิศาสตร์จะถูกใช้งานได้ใน GIS ข้อมูลต้องได้รับการแปลงให้มาอยู่ในรูปแบบของข้อมูลเชิงตัวเลข (digital format) เสียก่อน เช่น จากแผนที่กระดาษไปสู่ข้อมูลในรูปแบบดิจิทัลหรือแฟ้มข้อมูลบนเครื่องคอมพิวเตอร์ 1.2) กำรปรับแต่งข้อมูล (manipulation) ข้อมูลที่ได้รับเข้าสู่ระบบบางอย่างจ�าเป็น ต้องได้รับการปรับแต่งให้เหมาะสมกับงาน เช่น ข้อมูลบางอย่างมีขนาดที่แตกต่างกัน หรือใช้ระบบ พิกัดแผนที่ที่แตกต่างกัน ข้อมูลเหล่านี้ต้องปรับให้อยู่ในระดับเดียวกันเสียก่อน 1.3) กำรบริหำรข้อมูล (management) ในระบบ GIS นิยมใช้ระบบจัดการฐาน ข้อมูลซึ่งถูกจัดเก็บในรูปของตาราง 1.4) กำรเรียกค้นและวิเครำะห์ข้อมูล (query and analysis) เมื่อระบบ GIS มีความพร้อมของข้อมูลแล้ว สามารถน�าข้อมูลเหล่านี้มาใช้ให้เกิดประโยชน์ เช่น การสอบถาม ข้อมูลอย่างง่ายๆ ในบริเวณที่ต้องการ เพื่อสอบถามหรือเรียกค้นข้อมูล นอกจากนี้ ระบบ GIS ยังมี เครื่องมือในการวิเคราะห์ เช่น การวิเคราะห์เชิงประมาณค่า การวิเคราะห์เชิงซ้อน (overlay analysis) 1.5) กำรน�ำเสนอข้อมูล (visualization) จากการด�าเนินการเรียกค้นและวิเคราะห์ ข้อมูล ผลลัพธ์ที่ได้อยู่ในรูปของตัวเลขหรือตัวอักษร ซึ่งยากต่อการตีความหมาย การน�าเสนอ ข้อมูลที่ดี ทั้งการแสดงชาร์ต (chart) แบบ 2 มิติ หรือ 3 มิติ รูปภาพจากสถานที่จริง ภาพเคลื่อนไหว แผนที่ หรือแม้กระทั่งระบบมัลติมีเดีย สื่อต่างๆ เหล่านี้จะท�าให้เข้าใจความหมายและมองภาพ ของผลลัพธ์ได้ดียิ่งขึ้น องค์ประกอบที่ส�ำคัญของ GIS 18 การสํารวจขอมูลของภูมิสารสนเทศศาสตรชนิดใดแตกตาง จากขออื่น 1. แผนที่การใชที่ดิน 2. ภาพจากดาวเทียม 3. การรับรูจากระยะไกล 4. ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร 5. ระบบกําหนดตําแหนงบนพื้นโลก (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. ดาวเทียมเปนเครื่องมือหลักในการ สํารวจขอมูลภูมิสารสนเทศชนิดตางๆ โดยเฉพาะระบบสารสนเทศ ภูมิศาสตรและระบบกําหนดตําแหนงบนพื้นโลก สวนการรับรูจาก ระยะไกล มีเครื่องมือเก็บขอมูลแบงออกเปน 2 สวน คือ ดาวเทียม และอากาศยานตางๆ เชน เครื่องบิน บอลลูน) ขั้นสอน ขั้นที่ 4 การวิเคราะหและแปลผลขอมูล • ความรูเบื้องตนเกี่ยวกับระบบสารสนเทศ ภูมิศาสตร (แนวตอบ เชน เครื่อง GPS รับสัญญาณ คลื่นวิทยุจากดาวเทียมที่โคจรอยูรอบโลก แลวแสดงภาพบนหนาจอ ใหขอมูลเกี่ยวกับ เสนทางคมนาคม ตําแหนงที่ตั้งของสถานที่ ตางๆ สภาพการจราจร สามารถนํามาใช ประโยชนในชีวิตประจําวันได) เกร็ดแนะครู ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการนําเสนอขอมูลทางภูมิศาสตรที่มีรูปแบบตางๆ ดังนี้ • แบบบรรยาย เปนวิธีการนําเสนอขอมูลที่เปนพื้นฐาน ควรใชขอความสั้นๆ เขาใจงาย • แบบแผนภูมิ เปนวิธีการนําเสนอขอมูลเพื่อเปรียบเทียบในแตละสวน • แบบแผนที่ เปนวิธีการนําเสนอขอมูลที่ตองการใหเห็นภาพของพื้นที่ ประเทศและภูมิภาคโดยไมตองอธิบายเพิ่มเติม นํา สอน สรุป ประเมิน T18


เมืองหลวง กรุงเทพมหานคร Field Name Country Area Pop. Value Bangkok Thailand 1566.737 5776181 ข้อมูลแผนที่ ข้อมูลคุณลักษณะ 2) ประเภทของข้อมูล ข้อมูลเกี่ยวกับโลกมีความสลับซับซ้อนมากเกินกว่าที่จะเก็บ ข้อมูลทั้งหมดไว้ในรูปข้อมูลได้ ในระบบ GIS จึงต้องเปลี่ยนปรากฏการณ์บนผิวโลกจัดเก็บในรูป ของตัวเลขเชิงรหัส (digital code) มีส่วนประกอบ 2 ส่วน คือ 2.1) ข้อมูลแผนที่ (cartographic data) เป็นข้อมูลที่เกี่ยวข้อง กับต�าแหน่งที่ตั้งของข้อมูลต่าง ๆ บนพื้นโลก ประกอบด้วยข้อมูล จุด เส้น และพื้นที่ 2.2) ข้อมูลคุณลักษณะ (attribute data) เป็นข้อมูลที่อธิบายถึงคุณลักษณะ ต่าง ๆ ในพื้นที่นั้น เช่น ข้อมูลจ�านวนประชากร ในกรุงเทพมหานคร ข้อมูลเชิงภาพ (graphic data) แบ่งได้เป็น 3 ประเภท คือ 1. จุด (point) ลักษณะทางภูมิศาสตร์ที่มีต�าแหน่งที่ตั้งเฉพาะเจาะจง หรือมี เพียงอย่างเดียว สามารถแทนได้ด้วยจุด เช่น หมุดหลักเขต จุดความสูง อาคาร สิ่งก่อสร้าง 2. เสน (line) ลักษณะทางภูมิศาสตร์ที่วางตัวไปตามทางระหว่างจุด 2 จุด หรือ หลายจุดต่อกันจะแทนด้วยเส้น เช่น ล�าน�้า ถนน โครงข่ายสาธารณูปโภค เส้นชั้นความสูง 3. พื้นที่ (polygon) ลักษณะทางภูมิศาสตร์ที่มีพื้นที่เดียวกันจะถูกล้อมรอบด้วย เส้นเพื่อแสดงขอบเขตเป็นพื้นที่ เช่น เขตต�าบล อ�าเภอ จังหวัด ขอบเขตอุทยานแห่งชาติ ข้อมูลเหล่านี้ถูกจัดเก็บในรูปของแฟ้ม ข้อมูลที่แยกออกจากกันเป็นชั้นข้อมูล (layer) ตามลักษณะเพื่อความสะดวกในการจัดเก็บ และแก้ไข แฟ้มของชั้นข้อมูลเหล่านี้จะเชื่อม ต่อกันในลักษณะซ้อนทับ โดยอาศัยต�าแหน่ง ทางภูมิศาสตร์เป็นตัวเชื่อมในลักษณะอ้างอิงกับ ต�าแหน่งจริงบนพื้นผิวของโลก (geocoding) เส้นทางคมนาคม การใช้ที่ดิน ขอบเขตป่าไม้ แหล่งน�้า ความสูงต�่า แผนที่ภูมิประเทศ ชั้นข้อมูล 19 ขั้นสอน ขั้นที่ 4 การวิเคราะหและแปลผลขอมูล • องคประกอบของระบบสารสนเทศภูมิศาสตร (แนวตอบ ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร มีองคประกอบ 5 ดาน ไดแก ขอมูล คือ ขอมูลเชิงพื้นที่มีลักษณะเปนจุด เชน โรงเรียน วัด ขอมูลเสน เชน ถนน แมนํ้า ทางรถไฟ ขอมูลรูปปด เชน ขอบเขตของ อําเภอ จังหวัด ขอมูลคําอธิบาย เปนขอมูล ประกอบขอมูลเชิงพื้นที่ สวนชุดคําสั่งหรือ ซอฟตแวร คือ โปรแกรมคอมพิวเตอรที่ใชใน การจัดการขอมูล สวนเครื่องหรือฮารดแวร คือ อุปกรณที่ใชกับระบบสารสนเทศ ภูมิศาสตร กระบวนการวิเคราะห คือ การ วิเคราะหขอมูลชั้นตาง ๆ ตามวัตถุประสงค และบุคลากร คือ ผูที่มีความรูความสามารถ ดานระบบสารสนเทศภูมิศาสตร รวมถึง พัฒนาระบบใหมีคุณภาพอยูเสมอ) เกร็ดแนะครู ครูอาจนําแผนใสที่มีขอมูลดานตางๆ ของทองถิ่นหรือประเทศ เชน ลักษณะ ภูมิประเทศ เสนทางคมนาคม การตั้งถิ่นฐาน การใชที่ดิน มาวางซอนทับกัน เพื่อใหนักเรียนไดพิจารณาและทําความเขาใจถึงการซอนทับกันของชั้นขอมูล ในการจัดทําระบบสารสนเทศภูมิศาสตรไดชัดเจนยิ่งขึ้น ขอสอบเนนการคิดแนว O-NET ขอใดกลาวถูกตองเกี่ยวกับองคประกอบของระบบสารสนเทศ ภูมิศาสตร 1. มีรายละเอียดของขอมูลที่หลากหลาย 2. ขอมูลเปนเชิงตัวเลขและการเปลี่ยนแปลงทางสถิติ 3. วิเคราะหขอมูลจากฐานขอมูลชั้นเดียวหรือหลายชั้น 4. บุคลากรเปนผูวิเคราะหขอมูลดวยสายตาและการคํานวณ 5. มีฮารดแวรเปนเครื่องรับระบบกําหนดตําแหนงบนพื้นโลก (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. วิเคราะหขอมูลจากฐานขอมูล ชั้นเดียวหรือหลายชั้นตามวัตถุประสงคของผูใช เนื่องจากระบบ สารสนเทศภูมิศาสตร จัดเก็บขอมูลของพื้นที่ในดานตางๆ เชน ลักษณะภูมิประเทศ ทรัพยากรธรรมชาติ การใชพื้นที่ เปนฐาน ขอมูลชั้นตางๆ การวิเคราะหขอมูลจึงอาจวิเคราะหขอมูลจากฐาน เพียงชั้นเดียวหรือหลายชั้นก็ได) นํา นํา สอน สอ สรุป ประเมิน T19


2.4 การใช้ประโยชน์เทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ ปัจจุบันภูมิสารสนเทศมีบทบาทในชีวิตทั้งทางตรงและทางอ้อม เทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ พบได้ทั้งบนคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์เคลื่อนที่ประเภทสมาร์ตโฟน และแท็บเล็ต ท�าให้การใช้ ภูมิสารสนเทศแพร่หลายมากขึ้น สามารถใช้ข้อมูลร่วมกันได้ระหว่างข้อมูลจาก GPS ข้อมูลภาพ จากดาวเทียม ข้อมูลระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ถูกน�ามาประยุกต์ใช้ในด้านการบริหารจัดการ และการวางแผนก�าหนดนโยบายของหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน 1) ด้ำนกำรบริหำรจัดกำร ท�าการวิเคราะห์หาพื้นที่ที่มีความเหมาะสมส�าหรับ การท�ากิจกรรมต่าง ๆ ได้ด้วยความสะดวกและรวดเร็ว เพิ่มประสิทธิภาพและลดระยะเวลาในการ ตัดสินใจและการปฏิบัติงานให้กับผู้ใช้ข้อมูลสารสนเทศ เช่น 1.1) กำรจัดท�ำแผนที่ภำษีมีระบบภูมิสารสนเทศเข้ามาเป็นเครื่องมือช่วยวาง แผนงานในการจัดเก็บภาษีท�าให้การจัดเก็บภาษีง่ายและสะดวกขึ้น ภายในระบบสารสนเทศ มีข้อมูลที่ใช้ในการค�านวณภาษีทั้งภาษีบ�ารุงท้องที่และภาษีโรงเรือน เช่น ข้อมูลถนนที่ระบุประเภท ถนนสายหลัก-สายรอง แปลงที่ดิน แปลงโรงเรือน ประเภทกิจการ แผนที่ภาษีที่สร้างขึ้นด้วย โปรแกรมภูมิสารสนเทศสามารถระบุได้ว่าแปลงที่ดินแปลงใดเสียภาษีหรือยังไม่ได้เสียภาษี ตลอดจน สามารถจัดท�ารายงานสรุปการเสียภาษีในรอบปีได้ 07 08 02 01 03 04 05 06 0 400 800 ม. ระบบขอมูลสารสนเทศภูมิศาสตรแผนที่ภาษี (GIS Tax Mapping) เทศบาลนครพิษณุโลก เทศบาลนคร พิษณุโลก คำอธิบายสัญลักษณ เลขที่แบงเขตพื้นที่ ทางรถไฟ ถนน แหลงน้ำ โรงเรือนที่ตอง จัดเก็บภาษี 01 ขอมูลแผนที่ภาษีและทะเบียนทรัพยสิน (ขอมูล ณ เดือนสิงหาคม 2557) จำนวนพื้นที่ทั้งหมด จำนวนเขต (โซน) จำนวนเขตยอย (บล็อก) ผูถือกรรมสิทธิ์ จำนวนแปลงที่ดินทั้งหมด อยูในขายเสียภาษี อยูในขายยกเวนภาษี ผูถือกรรมสิทธิ์ที่ดิน จำนวนโรงเรือนทั้งหมด อยูในขายเสียภาษี อยูในขายยกเวนภาษี 18.268 117 23,469 31,117 15,556 15,837 17,196 27,911 13,006 14,905 ตร.กม. เขต เขต ยอย แปลง แปลง แปลง ราย หลัง หลัง หลัง 20 1.1) กำรจัดท�ำแผนที่ภำษี1 กิจกรรม ทาทาย ขั้นสอน ขั้นที่ 4 การวิเคราะหและแปลผลขอมูล • ประโยชนของเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ (แนวตอบ ระบบเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ มีประโยชนในดานการจัดการพื้นที่เปนหลัก จึงถูกใชมากในหนวยงานภาครัฐและ ภาคเอกชน โดยใหขอมูลเพื่อการจัดการ ดานเศรษฐกิจ สังคม ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดลอม ซึ่งที่สําคัญ คือ การจัดการ ภัยธรรมชาติ ในสวนของบุคคลทั่วไป เทคโนโลยีภูมิสารสนเทศก็มีประโยชนใน การบอกตําแหนงของสถานที่ ชื่อสถานที่ พิกัดทางภูมิศาสตร จึงชวยในการวางแผน การเดินทางได) นักเรียนควรรู 1 แผนที่ภาษี เปนแผนที่ที่แสดงตําแหนงรูปราง ลักษณะ และขนาดของที่ดิน อาคารและสิ่งปลูกสราง รวมทั้งรหัสประจําแปลงที่ดินและเลขที่บาน หรืออาคาร แบงเปน 2 ประเภท คือ แผนที่ภาษีบํารุงทองที่และแผนที่ภาษีโรงเรือนและที่ดิน นักเรียนคนควาการใชประโยชนจากระบบสารสนเทศ ภูมิศาสตรในการจัดการพื้นที่ดานตางๆ ไดแก การวางผังเมือง การอนุรักษทรัพยากรธรรมชาติ และการจัดการภัยพิบัติจากแหลง ขอมูลตางๆ แลวบันทึกผลการศึกษาคนควาสงครูผูสอน กิจกรรม สรางเสริม นักเรียนสรุปการใชประโยชนระบบสารสนเทศภูมิศาสตรใน การจัดการพื้นที่ดานตางๆ จากแหลงขอมูลตางๆ เชน เว็บไซต ของศูนยวิจัยภูมิสารสนเทศเพื่อประเทศไทย คณะวิทยาศาสตร จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย แลวนําสงครูผูสอน นํา สอน สรุป ประเมิน T20


1.2) กำรสร้ำงข้อมูลเชิงพื้นที่เพื่อสนับสนุนกำรบริหำรพื้นที่ เช่น กระทรวงเกษตร และสหกรณ์ได้จัดท�า “ระบบแผนที่เกษตรเพื่อการบริหารจัดการ หรือ Agri-Map” โดยบูรณาการ 2) ด้ำนกำรวำงแผนก�ำหนดนโยบำย มีความส�าคัญต่อการพัฒนาพื้นที่จากการ ใช้ข้อมูลจากระบบภูมิสารสนเทศ สามารถน�าเสนอข้อมูลแบบบูรณาการร่วมกันระหว่างข้อมูลทาง ด้านลักษณะสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติและข้อมูลทางด้านสิ่งแวดล้อม ทางสังคม ที่เกิดขึ้นในแต่ละ พื้นที่ ท�าให้เกิดการวางแผนตัดสินใจและก�าหนดนโยบายแบบองค์รวม โดยครอบคลุมพื้นที่และ ปัจจัยต่าง ๆ ที่มีผลต่อการพัฒนาการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ เช่น การวางแผน การใช้ที่ดิน การวาง ผังเมือง การพัฒนาเส้นทางคมนาคม ระบบ GPS ติดตามต�าแหน่งยานพาหนะ รถคันที่ 2ระยะทาง 20.3 กม. ใช้เวลา 52 นาที ความเร็ว 50 กม./ชม. ความเร็วเฉลี่ย 45 กม./ชม. ข้อมูลพื้นที่ที่เหมาะสมส�าหรับ ปลูกพืชเศรษฐกิจในจังหวัดจันทบุรี ข้อมูลพืชเศรษฐกิจ ชุดดิน ภูมิอากาศ และข้อมูลอื่น ๆ ท�าให้ได้ข้อมูลเชิงพื้นที่ที่เหมาะส�าหรับปลูกพืช เศรษฐกิจส�าคัญของประเทศ เผยแพร่ แอปพลิเคชัน และเผยแพร่ข้อมูลผ่านทาง เว็บไซต์ (http://agri-map-online. moac.go.th/) ให้ผู้ใช้ทั่วไปสามารถเข้าใช้ ประโยชน์ได้สะดวก 2.1) กำรใช้ระบบ GPS ใน ยำนพำหนะเพื่อกำรติดตำมและบริหำรจัดกำร เช่น บริษัทด้านขนส่งและโลจิสติกส์ ได้น�าระบบ GPS ไปติดตั้งในรถยนต์ เพื่อติดตามเส้นทาง เดินรถว่าไปยังจุดหมายตามเส้นทางที่ก�าหนด หรือไม่ สามารถค�านวณระยะเวลาที่ใช้ ความเร็ว ในการขับ รวมถึงการค�านวณและวางแผนเรื่อง ค่าใช้จ่ายน�้ามันเชื้อเพลิง ซึ่งเป็นต้นทุนในการ ขนส่งสินค้า รถคันที่ 1 ระยะทาง 11.6 กม. ใช้เวลา 26 นาที ความเร็ว 43 กม./ชม. ความเร็วเฉลี่ย 38 กม./ชม. การติดตามเตาทะเล 21 ขั้นสอน ขั้นที่ 5 การสรุปเพื่อตอบคําถาม 1. ครูใหสมาชิกในแตละกลุมชวยกันสรุปสาระ สําคัญเพื่อตอบคําถามเชิงภูมิศาสตร 2. ครูใหนักเรียนใชสมารตโฟนสองดู QR Code เกี่ยวกับการติดตามเตาทะเล ซึ่งเปนตัวอยางของ การใชประโยชนจากเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ ประกอบการสรุปความรูเกี่ยวกับเครื่องมือทาง ภูมิศาสตรเพิ่มเติม 3. ครูมอบหมายใหนักเรียนทําชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด) การทํารายงาน แผนที่ Google Maps กําหนดเสนทางจากบานของฉันถึง โรงเรียน โดยกําหนดใหปกหมุด “บานของฉัน” และ “โรงเรียน” พรอมอธิบายวิธีการนําระบบ ภูมิสารสนเทศมาใชประโยชนใหเขาใจงาย และชัดเจน ขอสอบเนนการคิดแนว O-NET เครื่องมือทางภูมิศาสตรในขอใดสามารถเปรียบเทียบการ เปลี่ยนแปลงของพื้นที่ปาชายเลนในประเทศไทยระหวาง พ.ศ. 2530-2555 ไดดีที่สุด 1. แผนที่รัฐกิจ 2. แผนที่ภูมิประเทศ 3. รูปถายทางอากาศ 4. ภาพจากดาวเทียม 5. แผนที่ทรัพยากรธรรมชาติ (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. ภาพจากดาวเทียมเปนเครื่องมือ ทางภูมิศาสตรที่ทันสมัยและตรงกับความเปนจริงมากที่สุด และ ภาพจากดาวเทียมมีจุดประสงคเฉพาะ เชน การสํารวจทรัพยากร จึงสามารถใชในการติดตามสถานการณการเปลี่ยนแปลงที่ เกิดขึ้นได) เกร็ดแนะครู ครูอธิบายเกี่ยวกับประโยชนของระบบสารสนเทศภูมิศาสตรเพิ่มเติมวา สามารถนํามาใชในการจัดการดานเศรษฐกิจและสังคม เพราะทําใหทราบขอมูล ตางๆ เชน ที่ตั้งของโรงงานประเภทตางๆ ความหนาแนนของประชากร เพศ อายุ เพื่อนํามาใชวางแผนดานเศรษฐกิจและสังคมได นอกจากนี้ ยังสามารถใช คาดการณแนวโนมการเปลี่ยนแปลงพื้นที่ในชวงเวลาที่กําหนดได นํา สอน สรุป ประเมิน T21


100 ํ 20' E 100 ํ 40' E 101 ํ 00' E 101 ํ 20' E 100 ํ 20' E 100 ํ 40' E 101 ํ 00' E 101 ํ 20' E 18 ํ 00' N 18 ํ 20' N 18 ํ 40' N 19 ํ 00' N 19 ํ 20' N 19 ํ 40' N 18 ํ 00' N 18 ํ 20' N 18 ํ 40' N 19 ํ 00' N 19 ํ 20' N 19 ํ 40' N พะเยา แพร อุตรดิตถ ลาว เฉลิมพระเกียรติ ทุงชาง ปว บอเกลือ เชียงกลาง สองแคว ทาวังผา สันติสุข แมจริม ภูเพียง บานหลวง อำเภอเมือง นาน เวียงสา นานอย นาหมื่น อุทยานแหงชาติ ดอยภูคาบอเกลือ อุทยานแหงชาติ ขุนนาน อุทยานแหงชาติ นันทบุรี อุทยานแหงชาติ ลำน้ำนาน อุทยานแหงชาติ อุทยานแหงชาติ ศรีนาน อุทยานแหงชาติ ขุนสถาน อุทยานแหงชาติ ดอยภูคา อุทยานแหงชาติ ลำน้ำนาน อุทยานแหงชาติ นันทบุรี อุทยานแหงชาติ ขุนนาน อุทยานแหงชาติ ศรีนาน อุทยานแหงชาติ ขุนสถาน แมนำ้นาน แมน ำ้นาน มาตราสวน 1 : 1,500,000 0 10 20 30 กม. สัญลักษณ จังหวัด อำเภอ เขตประเทศ เขตจังหวัด ทางน้ำ พื้นที่ไมใชปา พื้นที่ปา หมายเหตุ : พื้นที่ปาไมแปลตีความจากภาพถายดาวเทียมไทยโชต พ.ศ. 2557 แผนที่แสดงพื้นที่ปาไม จังหวัดนานN W E S 2.2) กำรจัดท�ำขอบเขตของพื้นที่ป่ำไม้เพื่อกำรวำงแผนก�ำหนดนโยบำย กรมป่าไม้ ได้แปลหรือตีความภาพจากดาวเทียมและใช้ภูมิสารสนเทศเป็นเครื่องมือในการจัดเก็บข้อมูลไว้ อย่างต่อเนื่อง สามารถน�าข้อมูลเหล่านี้มาวิเคราะห์ได้ว่า บริเวณใดที่มีพื้นที่ป่าไม้ลดลง หรือ เพิ่มขึ้น บริเวณใดที่ควรเฝ้าระวังเป็นพิเศษ พื้นที่ใดควรมีการฟนฟูป่าไม้ให้อุดมสมบูรณ์ กล่าวโดยสรุป การรู้เรื่องภูมิศาสตร์เป็นการศึกษาเกี่ยวกับการจัดการพื้นที่และสิ่งแวดล้อม โดยอาศัยวิธีการและเครื่องมือต่าง ๆ เครื่องมือที่มีการใช้อย่างแพร่หลายมาก คือ แผนที่ และ ยังมีเครื่องมืออีกหลายชนิดที่มีการน�ามาใช้รวบรวม วิเคราะห์ และน�าเสนอข้อมูลทางภูมิศาสตร์ เช่น รูปถ่ายทางอากาศ ภาพจากดาวเทียม ซึ่งให้ข้อมูลที่ถูกต้องและรวดเร็ว รวมถึงเทคโนโลยี ภูมิสารสนเทศ ทั้งระบบก�าหนดต�าแหน่งบนพื้นโลก การรับรู้ระยะไกล ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ ได้มีบทบาทในชีวิตประจ�าวันมากขึ้น บุคคลทั่วไปสามารถเข้าถึงการใช้งานภูมิสารสนเทศได้สะดวก รวมถึงปัจจุบันภาครัฐและเอกชนก็น�าข้อมูลจากภูมิสารสนเทศมาใช้งานด้านต่าง ๆ อย่างแพร่หลาย แผนที่แสดงพื้นที่ป่าไม้ จังหวัดน่าน พ.ศ. 2557 ภาพจากดาวเทียมจังหวัดน่าน 22 ขั้นสอน ขั้นที่ 5 การสรุปเพื่อตอบคําถาม 4. ใหนักเรียนทําแบบวัดฯ ภูมิศาสตร ม.4-6 เรื่อง เครื่องมือทางภูมิศาสตรเพื่อทดสอบ ความรูที่ไดศึกษามา ขั้นสรุป ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรูเกี่ยวกับ เครื่องมือทางภูมิศาสตร หรือใช PPT สรุปสาระ สําคัญของเนื้อหา ตลอดจนความสําคัญของ เครื่องมือทางภูมิศาสตรตอการดําเนินชีวิต ประจําวัน ขั้นประเมิน 1. ครูประเมินผลโดยสังเกตจากการตอบคําถาม การรวมกันทํางาน และการนําเสนอผลงาน หนาชั้นเรียน 2. ครูตรวจสอบผลจากการทําใบงาน แบบวัดฯ และแบบฝกสมรรถนะฯ ภูมิศาสตร ม.4-6 3. ครูใหนักเรียนทําแบบทดสอบหลังเรียนหนวย การเรียนรูที่ 1 เรื่อง เครื่องมือทางภูมิศาสตร ปภ. สุพรรณบุรีระดมเครื่องสูบนํ้า เรงแกปญหานํ้าทวม 4 จังหวัด ผูอํานวยการศูนยปองกันและบรรเทา สาธารณภัย เขต 2 สุพรรณบุรี กลาววา จากกรณี รองมรสุมพาดผานภาคกลางตอนลางและภาคใต ตอนบนจึงมีฝนตกชุกหนาแนน กับมีฝนตกหนัก ซึ่งทําใหเกิดนํ้าทวมฉับพลัน นํ้าปาไหลหลาก และนํ้าทวมขังในที่ราบลุม ในพื้นที่รับผิดชอบ โดยเฉพาะจังหวัดสุพรรณบุรี กาญจนบุรี นครปฐม ศูนยฯ ไดสนับสนุนเครื่องสูบนํ้าที่มีสมรรถนะสูง เรือทองแบน พรอมเจาหนาที่ และใหการสนับสนุนเรือพายขนาดเล็กใหกับ อปท. ที่มา: http://static.naewna.com/uploads/news/source 1. ขาวที่หามานี้ เปนขาวเกี่ยวกับอะไร และมีการใชเครื่องมือทางภูมิศาสตร ใด ..................................................................................................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................................................................................................... 2. จากขาว การใชเครื่องมือชนิดนี้มีประโยชนอยางไร ..................................................................................................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................................................................................................... 3. เครื่องมือนี้มีวิธีการเพื่อให ไดขอมูลมาอยางไร ..................................................................................................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................................................................................................... 4. นอกจากเครื่องมือที่ปรากฏอยูในขาว มีเครื่องมือทางภูมิศาสตรอื่น ๆ ประเภทใดที่นํามาใชกับ สถานการณนี้ได ..................................................................................................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................................................................................................... 5. หากนักเรียนมีโอกาสใชเครื่องมือทางภูมิศาสตรชนิดนี้ นักเรียนจะใชศึกษาเรื่องใด ..................................................................................................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................................................................................................... คะแนนเต็ม คะแนนที่ได้ 5 กิจกรรมที่ 1.4 ใหนักเรียนหาขาวเกี่ยวกับการใชเครื่องมือทางภูมิศาสตร นําขาวมาติด แลวตอบคําถาม ส 5.1 ม.4-6/3 Geo Skill • การคิดเชิงพื้นที่ • การใชเทคโนโลยี • การใชสถิติพื้นฐาน ฉบับ เฉลย (แนวตอบ) ໚¹¢‹ÒÇà¡ÕèÂÇʶҹ¡Òó¹íéÒ·‹ÇÁ·Õèà¡Ô´¢Öé¹ã¹ ¨Ñ§ËÇÑ´ ÊØ¾ÃóºØÃÕ ¡ÒÞ¨¹ºØÃÕ ¹¤Ã»°Á áÅÐã¹¢‹ÒǹÕéÁÕ¡ÒùíÒÃÙ»¶‹Ò·ҧÍÒ¡ÒÈÁÒ㪌 à¾×èÍáÊ´§ãËŒàËç¹¾×é¹·Õè»ÃÐʺÀѹíéÒ·‹ÇÁ ÃÙ»¶‹Ò·ҧÍÒ¡ÒÈ ª‹ÇÂãËŒàËç¹¾×é¹·Õè»ÃÐʺÀѹíéÒ·‹ÇÁ¨Ò¡ÁØÁÊÙ§ «Ö觨ÐàËç¹ÊÀÒ¾â´ÂÃÇÁ 䴌͋ҧªÑ´à¨¹ ÊÒÁÒö¹íÒä»ãªŒÈÖ¡ÉÒà¾×èÍÇÒ§á¼¹áÅÐËÒá¹Ç·Ò§á¡Œä¢Í‹ҧÁÕ»ÃÐÊÔ·¸ÔÀÒ¾ ໚¹¡ÒùíҡŌͧ¢Öé¹ä»¡ÑºÍÒ¡ÒÈÂÒ¹ ઋ¹ à¤Ã×èͧºÔ¹ ºÍÅÅÙ¹ â´Ã¹ áŌǶ‹ÒÂÀÒ¾¨Ò¡ÁØÁÊÙ§ ÀÒ¾·Õèä´Œ¨ÐàËç¹¾×é¹·Õ赋ҧ æ ä´Œ ã¹ÁØÁ¡ÇŒÒ§áÅЪѴਹ ÊÒÁÒö㪌Ἱ·ÕèࢌÒÁÒª‹ÇÂÈÖ¡ÉÒ àÊŒ¹·Ò§ ÊÀÒ¾·Ò§ÀÙÁÔÈÒʵÏ ¢Í§¾×é¹·Õè·Õè»ÃÐʺÀÑ ¹íéÒ·‹ÇÁ ¹Í¡¨Ò¡¹Õé ÊÒÁÒö¹íÒÀÒ¾¶‹Ò´ÒÇà·ÕÂÁࢌÒÁÒª‹ÇÂ㹡ÒÃÈÖ¡ÉÒàÊŒ¹·Ò§¢Í§ÁÇŹíéÒ ¨Ð¹íÒä»ãªŒÈÖ¡ÉÒàÃ×èͧ¾×é¹·Õ軆ÒäÁŒ à¾ÃÒеŒÍ§¡Ò÷ÃҺNjҾ×é¹·Õèã´ÁÕÊÀÒ¾»†ÒÍØ´ÁÊÁºÙó áÅо×é¹·Õèã´¾×é¹·Õè»†Ò·ÃØ´â·ÃÁ à¾×è͹íÒ¢ŒÍÁÙÅÁÒÈÖ¡ÉÒáÅÐËÒá¹Ç·Ò§ã¹¡ÒÃ͹ØÃѡɏ¿„œ¹¿Ù»†Òµ‹Íä» 7 แบบวัดฯ แนวทางการวัดและประเมินผล ครูสามารถวัดและประเมินความเขาใจเนื้อหา เรื่อง เทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ ไดจากการใชเครื่องมือทางภูมิศาสตรในการสืบคนและนําเสนอผลงานหนา ชั้นเรียน โดยศึกษาเกณฑการวัดและประเมินผลจากแบบประเมินการนําเสนอ ผลงานที่แนบมาทายแผนการจัดการเรียนรูหนวยที่ 1 เรื่อง เครื่องมือทางภูมิศาสตร แบบประเมินการน าเสนอผลงาน ค าชี้แจง : ให้ผู้สอนประเมินผลการน าเสนอผลงานของนักเรียนตามรายการ แล้วขีด ลงในช่องที่ ตรงกับระดับคะแนน ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ............/................./................ เกณฑ์การให้คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินสมบูรณ์ชัดเจน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินเป็นส่วนใหญ่ ให้ 2 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินบางส่วน ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ต่ ากว่า 8 ปรับปรุง ล าดับที่ รายการประเมินระดับคะแนน 3 2 1 1 ความถูกต้องของเนื้อหา 2 การล าดับขั้นตอนของเรื่อง 3 วิธีการน าเสนอผลงานอย่างสร้างสรรค์ 4 การใช้เทคโนโลยีในการน าเสนอ 5 การมีส่วนร่วมของสมาชิกในกลุ่ม รวม กิจกรรม 21st Century Skills ครูจัดกิจกรรมฝกการคิดวิเคราะห โดยการประยุกตใช ความรูจากสถานการณ “ถาครอบครัวของนักเรียนวางแผนจะทํา ไรนาสวนผสมตามแนวคิดปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” โดยเริ่ม จากการสํารวจพื้นที่ แลวตอบคําถามในประเด็นที่กําหนด เชน • นักเรียนจะแนะนําใหครอบครัวใชเครื่องมือทางภูมิศาสตร ชนิดใด • เพราะเหตุใดนักเรียนจึงแนะนําเครื่องมือดังกลาว • ขอมูลที่จะไดรับจากเครื่องมือนั้นคืออะไร แลวบันทึกคําตอบสงครูผูสอน นํา สอน สรุป ประเมิน T22


ค�าถามเน้นการคิด กิจกรรมพัฒนาทักษะ 1. นักเรียนเคยน�าแผนที่มาใช้ประโยชน์อย่างไรบ้าง 2. ถ้าต้องการศึกษาเรื่องประชากรของประเทศไทย นักเรียนควรน�าแผนที่ชนิดใดมาใช้ประโยชน์ ได้บ้าง 3. รูปถ่ายทางอากาศและภาพจากดาวเทียมมีความส�าคัญอย่างไร 4. นักเรียนเคยน�ารูปถ่ายทางอากาศ หรือภาพจากดาวเทียมมาใช้ให้เกิดประโยชน์ในเรื่องใด เพราะเหตุใด 5. ในปัจจุบันภูมิสารสนเทศมีบทบาทส�าคัญอย่างไรบ้าง และนักเรียนสามารถใช้ประโยชน์จาก ภูมิสารสนเทศได้อย่างไรบ้าง 1. นักเรียนเคยน�าแผนที่มาใช้ประโยชน์อย่างไรบ้าง 2. ถ้าต้องการศึกษาเรื่องประชากรของประเทศไทย นักเรียนควรน�าแผนที่ชนิดใดมาใช้ประโยชน์ 3. รูปถ่ายทางอากาศและภาพจากดาวเทียมมีความส�าคัญอย่างไร 4. นักเรียนเคยน�ารูปถ่ายทางอากาศ หรือภาพจากดาวเทียมมาใช้ให้เกิดประโยชน์ในเรื่องใด 5. ในปัจจุบันภูมิสารสนเทศมีบทบาทส�าคัญอย่างไรบ้าง และนักเรียนสามารถใช้ประโยชน์จาก 1. เลือกศึกษาเหตุการณ์ปัจจุบันของโลกหรือของประเทศไทย 1 เหตุการณ์ โดยใช้แผนที่ เฉพาะเรื่องประกอบการศึกษา เพื่อวิเคราะห์เหตุการณ์หรือสถานที่เกิดขึ้น 2. น�าภาพถ่ายทางอากาศหรือภาพจากดาวเทียมของชุมชน หรือบริเวณพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง ให้นักเรียนอ่านและแปลความหมายด้วยสายตา โดยแปลความหมายจากองค์ประกอบหลัก เช่น สี ขนาดและรูปร่าง ความสูงและเงา ต�าแหน่ง 3. แบ่งกลุ่ม ศึกษาสภาพพื้นที่โดยใช้เครื่องมือทางภูมิศาสตร์และเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ ในปัจจุบัน และน�าเสนอในชั้นเรียน 1. เลือกศึกษาเหตุการณ์ปัจจุบันของโลกหรือของประเทศไทย 1 เหตุการณ์ โดยใช้แผนที่ 2. น�าภาพถ่ายทางอากาศหรือภาพจากดาวเทียมของชุมชน หรือบริเวณพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง 3. แบ่งกลุ่ม ศึกษาสภาพพื้นที่โดยใช้เครื่องมือทางภูมิศาสตร์และเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ 23 เฉลย คําถามเนนการคิด 1. นําแผนที่มาใชในการเดินทางทองเที่ยว เพื่อคนหาเสนทางและสถานที่ตางๆ 2. แผนที่เฉพาะเรื่อง เชน แผนที่ประเทศไทย แสดงจํานวนประชากร เพื่อศึกษาจํานวน ประชากรและความหนาแนนของประชากร ของไทย 3. รูปถายทางอากาศและภาพจากดาวเทียม มีความสําคัญโดยนํามาใชประโยชนดาน การวางผังเมืองและการขยายเมือง ใชเปน ขอมูลทําแผนที่ปาไม ใชเปนขอมูลเตือน ภัยพิบัติ 4. นํามาใชประโยชน เชน วิเคราะหพื้นที่ปาไม ของไทยจากภาพจากดาวเทียม 5. ภูมิสารสนเทศมีบทบาทสําคัญ เชน การบริหาร จัดการของภาครัฐเพื่อวิเคราะหหาพื้นที่ที่มี ความเหมาะสมในการทํากิจกรรมตางๆ เชน ใชเปนขอมูลเชิงพื้นที่สําหรับการปลูกพืช การวางผังเมือง การพัฒนาเสนทางคมนาคม การติดตามยานพาหนะในการขนสงโลจิสติกส เฉลย แนวทางประเมินกิจกรรมพัฒนาทักษะ ประเมินความรอบรู • ใชในการประเมินความรอบรูในหลักการพื้นฐาน กระบวนการความสัมพันธของขั้นตอนการปฏิบัติงาน รวมถึงทักษะการคิดในเรื่องตางๆ โดยทั่วไป งานหรือชิ้นงานใชเวลาไมนาน งานสําหรับประเมินรูปแบบนี้อาจเปนคําถามปลายเปด หรือผังมโนทัศนนิยมสําหรับประเมินผูเรียนรายบุคคล ประเมินความสามารถ • เชน ความคลองแคลวในการใชเครื่องมือทางภูมิศาสตร การแปลความหมายขอมูล ทักษะการตัดสินใจ ทักษะการแกปญหา งานหรือชิ้นงานจะสะทอนถึง ทักษะและระดับความสามารถในการนําความรูไปใช อาจเปนการประเมินการเขียน ประเมินกระบวนการทํางานทางภูมิศาสตรตางๆ หรือการวิเคราะห และการแกปญหา ประเมินทักษะ • มีเปาหมายหลายประการ ผูเรียนไดแสดงทักษะ ความสามารถทางภูมิศาสตรตางๆ ที่ซับซอนขึ้น งานหรือชิ้นงานมักเปนโครงงานระยะยาว ซึ่งผูเรียน ตองมีการนําเสนอผลการปฏิบัติงานตอผูเกี่ยวของหรือตอสาธารณะ สิ่งที่ตองคํานึงถึงในการประเมิน คือ จํานวนงานหรือกิจกรรมที่ผูเรียนปฏิบัติ ซึ่งผูประเมินควรกําหนดรายการประเมินและทักษะที่ตองการประเมินให ชัดเจน นํา สอน สรุป ประเมิน T23


Chapter Overview แผนการจัด การเรียนรู้ สื่อที่ใช้ จุดประสงค์ วิธีสอน ประเมิน ทักษะที่ได้ คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ แผนฯ ที่ 1 ธรณีภาค 2 ชั่วโมง - หนังสือเรียน ภูมิศาสตร์ม.4-6 - แบบฝึกสมรรถนะ และการคิด ภูมิศาสตร์ม.4-6 - แบบทดสอบ ก่อนเรียน - PowerPoint - ใบงานที่ 2.1 - เครื่องมือทาง ภูมิศาสตร์เช่น แผนที่ เข็มทิศ รูปถ่ายทางอากาศ ภาพจากดาวเทียม 1. วิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ ด้านธรณีภาคของพื้นที่ในประเทศไทย และภูมิภาคต่างๆ ของโลก ซึ่งได้รับ อิทธิพลจากปัจจัยทางภูมิศาสตร์ได้(K) 2. วิเคราะห์โครงสร้างและกระบวนการ เปลี่ยนแปลงทางธรณีภาคของโลกได้ (K) 3.เลือกใช้เครื่องมือทางภูมิศาสตร์ในการ ศึกษาการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ ด้านธรณีภาคของพื้นที่ในประเทศไทย และภูมิภาคต่างๆ ของโลก ซึ่งได้รับ อิทธิพลจากปัจจัยทางภูมิศาสตร์ได้(P) 4. สนใจศึกษาการเปลี่ยนแปลงทาง กายภาพของพื้นที่ในประเทศไทยและ ภูมิภาคต่างๆของโลกซึ่งได้รับอิทธิพล จากปัจจัยทางภูมิศาสตร์เพิ่มมากขึ้น(A) กระบวนการ ทางภูมิศาสตร์ (Geographic Inquiry Process) - ตรวจแบบทดสอบก่อนเรียน - ตรวจการท�ำแบบฝึก สมรรถนะและการคิด ภูมิศาสตร์ม.4-6 - ตรวจใบงานที่ 2.1 - ประเมินการน�ำเสนอผลงาน - สังเกตพฤติกรรม การท�ำงานรายบุคคล - สังเกตพฤติกรรม การท�ำงานกลุ่ม - ประเมินคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - การแปลความ ข้อมูลทาง ภูมิศาสตร์ - การคิดเชิงพื้นที่ 1. ใฝ่เรียนรู้ 2. มุ่งมั่นใน การท�ำงาน แผนฯ ที่ 2 บรรยากาศภาค 2 ชั่วโมง - หนังสือเรียน ภูมิศาสตร์ม.4-6 - แบบฝึกสมรรถนะ และการคิด ภูมิศาสตร์ม.4-6 - PowerPoint - ใบงานที่ 2.2 - เครื่องมือทาง ภูมิศาสตร์เช่น แผนที่ เข็มทิศ รูปถ่ายทางอากาศ ภาพจากดาวเทียม 1. วิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ ด้านบรรยากาศภาคของพื้นที่ใน ประเทศไทยและภูมิภาคต่างๆของโลก ซึ่งได้รับอิทธิพลจากปัจจัยทาง ภูมิศาสตร์ได้(K) 2. อธิบายชั้นบรรยากาศและบอก องค์ประกอบส�ำคัญของชั้นบรรยากาศ ของโลกได้(K) 3. เลือกใช้เครื่องมือทางภูมิศาสตร์ในการ ศึกษาการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ ด้านบรรยากาศภาคของพื้นที่ใน ประเทศไทยและภูมิภาคต่างๆของโลก ซึ่งได้รับอิทธิพลจากปัจจัยทาง ภูมิศาสตร์ได้(P) 4. สนใจศึกษาการเปลี่ยนแปลงทาง กายภาพของพื้นที่ในประเทศไทยและ ภูมิภาคต่างๆ ของโลก ซึ่งได้รับอิทธิพล จากปัจจัยทางภูมิศาสตร์เพิ่มมากขึ้น(A) กระบวนการ ทางภูมิศาสตร์ (Geographic Inquiry Process) - ตรวจการท�ำแบบฝึก สมรรถนะและการคิด ภูมิศาสตร์ม.4-6 - ตรวจใบงานที่ 2.2 - ประเมินการน�ำเสนอผลงาน- สังเกตพฤติกรรม การท�ำงานรายบุคคล - สังเกตพฤติกรรม การท�ำงานกลุ่ม - ประเมินคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - การแปลความ ข้อมูลทาง ภูมิศาสตร์ - การคิดเชิงพื้นที่ 1. ใฝ่เรียนรู้ 2. มุ่งมั่นใน การท�ำงาน แผนฯ ที่ 3 อุทกภาค 2 ชั่วโมง - หนังสือเรียน ภูมิศาสตร์ม.4-6 - แบบฝึกสมรรถนะ และการคิด ภูมิศาสตร์ม.4-6 - PowerPoint - ใบงานที่ 2.3 - เครื่องมือทาง ภูมิศาสตร์เช่น แผนท ี่ เข็มทิศ รูปถ่ายทางอากาศ ภาพจากดาวเทียม 1. วิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงทาง กายภาพด้านอุทกภาคของพื้นที่ ในประเทศไทยและภูมิภาคต่างๆ ของโลก ซึ่งได้รับอิทธิพลจากปัจจัย ทางภูมิศาสตร์ได้(K) 2. อธิบายวัฏจักรทางอุทกวิทยา และ ผลกระทบที่เกิดจากน�้ำในมหาสมุทร ได้(K) 3. เลือกใช้เครื่องมือทางภูมิศาสตร์ ในการศึกษาการเปลี่ยนแปลงทาง กายภาพ ด้านอุทกภาคของพื้นที่ ในประเทศไทยและภูมิภาคต่างๆ ของโลกซึ่งได้รับอิทธิพลจากปัจจัย ทางภูมิศาสตร์ได้(P) 4. สนใจศึกษาการเปลี่ยนแปลงทาง กายภาพของพื้นที่ในประเทศไทย และภูมิภาคต่างๆ ของโลก ซึ่งได้รับ อิทธิพลจากปัจจัยทางภูมิศาสตร์ เพิ่มมากขึ้น (A) กระบวนการ ทางภูมิศาสตร์ (Geographic Inquiry Process) - ตรวจการท�ำแบบฝึก สมรรถนะและการคิด ภูมิศาสตร์ม.4-6 - ตรวจใบงานที่ 2.3 - ประเมินการน�ำเสนอผลงาน - สังเกตพฤติกรรม การท�ำงานรายบุคคล - สังเกตพฤติกรรม การท�ำงานกลุ่ม - ประเมินคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - การแปลความ ข้อมูลทาง ภูมิศาสตร์ - การคิดเชิงพื้นที่ 1. ใฝ่เรียนรู้ 2. มุ่งมั่นใน การท�ำงาน T24


แผนการจัด การเรียนรู้ สื่อที่ใช้ จุดประสงค์ วิธีสอน ประเมิน ทักษะที่ได้ คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ แผนฯ ที่ 4 ชีวภาค 2 ชั่วโมง - หนังสือเรียน ภูมิศาสตร์ม.4-6 - แบบฝึกสมรรถนะ และการคิด ภูมิศาสตร์ม.4-6 - PowerPoint - ใบงานที่ 2.4 - เครื่องมือทาง ภูมิศาสตร์เช่น แผนที่เข็มทิศ รูปถ่ายทางอากาศ ภาพจากดาวเทียม 1. วิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ ด้านชีวภาคของพื้นที่ในประเทศไทย และภูมิภาคต่างๆ ของโลก ซึ่งได้รับ อิทธิพลจากปัจจัยทางภูมิศาสตร์ได้(K) 2. อธิบายระบบนิเวศและลักษณะการ เปลี่ยนแปลงทางชีวภาคของแต่ละ พื้นที่ได้(K) 3. เลือกใช้เครื่องมือทางภูมิศาสตร์ในการ ศึกษาการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ ด้านชีวภาคของพื้นที่ในประเทศไทย และภูมิภาคต่างๆ ของโลกซึ่งได้รับ อิทธิพลจากปัจจัยทางภูมิศาสตร์ได้(P) 4. สนใจศึกษาการเปลี่ยนแปลงทาง กายภาพของพื้นที่ในประเทศไทย และภูมิภาคต่างๆ ของโลก ซึ่งได้รับ อิทธิพลจากปัจจัยทางภูมิศาสตร์ เพิ่มมากขึ้น (A) กระบวนการ ทางภูมิศาสตร์ (Geographic Inquiry Process) - ตรวจการท�ำแบบฝึก สมรรถนะและการคิด ภูมิศาสตร์ม.4-6 - ตรวจใบงานที่ 2.4 - ประเมินการน�ำเสนอผลงาน - สังเกตพฤติกรรม การท�ำงานรายบุคคล - สังเกตพฤติกรรม การท�ำงานกลุ่ม - ประเมินคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - การแปลความ ข้อมูลทาง ภูมิศาสตร์ - การคิดเชิงพื้นที่ 1. ใฝ่เรียนรู้ 2. มุ่งมั่นใน การท�ำงาน แผนฯ ที่ 5 การเปลี่ยนแปลง ทางกายภาพ ที่ส่งผลต่อ ภูมิประเทศ ภูมิอากาศ และทรัพยากร ธรรมชาติ 3 ชั่วโมง - หนังสือเรียน ภูมิศาสตร์ม.4-6 - แบบฝึกสมรรถนะ และการคิด ภูมิศาสตร์ม.4-6 - แบบวัดและบันทึก ผลการเรียนรู้ ภูมิศาสตร์ม.4-6 - แบบทดสอบ หลังเรียน - PowerPoint - ใบงานที่ 2.5 - เครื่องมือทาง ภูมิศาสตร์เช่น แผนที่เข็มทิศ รูปถ่ายทางอากาศ ภาพจากดาวเทียม 1. วิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ ที่ส่งผลต่อภูมิประเทศ ภูมิอากาศ และ ทรัพยากรธรรมชาติของพื้นที่ ในประเทศไทยและภูมิภาคต่างๆ ของโลก ซึ่งได้รับอิทธิพลจากปัจจัย ทางภูมิศาสตร์ได้(K) 2. เลือกใช้เครื่องมือทางภูมิศาสตร์ในการ ศึกษาการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพที่ ส่งผลต่อภูมิประเทศ ภูมิอากาศ และทรัพยากรธรรมชาติของพื้นที่ ในประเทศไทย และภูมิภาคต่างๆ ของโลก ซึ่งได้รับอิทธิพลจากปัจจัยทาง ภูมิศาสตร์ได้(P) 3. สนใจศึกษาการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ ที่ส่งผลต่อภูมิประเทศ ภูมิอากาศ และทรัพยากรธรรมชาติของพื้นที่ ในประเทศไทย และภูมิภาคต่างๆ ของโลก ซึ่งได้รับอิทธิพลจากปัจจัย ทางภูมิศาสตร์เพิ่มมากขึ้น (A) กระบวนการ ทางภูมิศาสตร์ (Geographic Inquiry Process) - ตรวจการท�ำแบบฝึก สมรรถนะและการคิด ภูมิศาสตร์ม.4-6 - ตรวจการท�ำแบบวัดและ บันทึกผลการเรียนรู้ ภูมิศาสตร์ม.4-6 - ตรวจใบงานที่ 2.5 - ประเมินการน�ำเสนอผลงาน - สังเกตพฤติกรรม การท�ำงานรายบุคคล - สังเกตพฤติกรรม การท�ำงานกลุ่ม - ประเมินคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - ตรวจแบบทดสอบหลังเรียน - การแปลความ ข้อมูลทาง ภูมิศาสตร์ - การคิดเชิงพื้นที่ 1. ใฝ่เรียนรู้ 2. มุ่งมั่นใน การท�ำงาน T25


¡ÒÃà»ÅÕè¹á»Å§ ·Ò§¡ÒÂÀÒ¾ à¡Ô´¨Ò¡»˜¨¨ÑÂÍÐäúŒÒ§ โลกประกอบด้วยสภาวะแวดล้อมทางธรรมชาติ 4 ภาค ได้แก่ ธรณีภาค คือ ส่วนที่เป็นของแข็งของโลก บรรยากาศภาค คือ ส่วนที่เป็นแก๊สหุ้มห่อปกคลุมพื้นผิวโลก อุทกภาค คือ ส่วนที่เป็นน�้า และชีวภาค คือ ส่วนที่เป็นสิ่งมีชีวิต ซึ่งแต่ละภาค ต่างมีปฏิสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ ย่อมส่งผลต่อภูมิประเทศ ภูมิอากาศ และทรัพยากรธรรมชาติ สาระการเรียนรู้แกนกลาง • การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ (ประกอบด้วย 1. ธรณ�ภาค 2. บรรยากาศภาค 3. อุทกภาค 4. ชีวภาค) ของพื้นที่ ในประเทศไทย และภูมิภาคต่าง ๆ ของโลก ซึ�งได้รับ อิทธิพลจากปัจจัยทางภูมิศาสตร์ • การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพที่ ส่งผลต่อภูมิประเทศ ภูมิอากาศ และ ทรัพยากรธรรมชาติ ตัวชี้วัด ส 5.1 ม.4-6/1 การเปลี่ยนแปลง ทางกายภาพของโลก หน่วยการเรียนรู้ที่2 24 ขั้นนํา (Geographic Inquiry Process) 1. ครูแจงใหนักเรียนทราบถึงวิธีสอนแบบ กระบวนการทางภูมิศาสตร (Geographic Inquiry Process) ชื่อเรื่อง จุดประสงค และ ผลการเรียนรู 2. ครูใหนักเรียนทําแบบทดสอบกอนเรียน หนวยการเรียนรูที่ 2 เรื่อง การเปลี่ยนแปลง ทางกายภาพของโลก 3. ใหนักเรียนดูภาพแกรนดแคนยอน รัฐแอริโซนา สหรัฐอเมริกา ถามคําถามและใหนักเรียน สืบคนขอมูลเพิ่มเติม • ลักษณะภูมิประเทศในภาพเปนอยางไร (แนวตอบ เปนหินที่ถูกกัดกรอนมีลักษณะเปน หนาผาสูง หุบเหวชัน) • เพราะเหตุใดจึงเปนแบบนั้น (แนวตอบ เกิดจากอิทธิพลของแมนํ้าไหลผาน ที่ราบสูง ทําใหเกิดการสึกกรอนของหิน) 4. ครูใหนักเรียนวิเคราะหรวมกันเกี่ยวกับปจจัย ที่กอใหเกิดการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพของ โลกตามความคิดโดยเบื้องตนของนักเรียน 5 ครูใหนักเรียนดูภาพ หรือคลิปวิดีโอเกี่ยวกับ การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพของโลก ดาน ธรณีภาค เชน • เปลือกโลกและโครงสรางเปลือกโลก • ทฤษฎีการเลื่อนของทวีป • การเคลื่อนที่ของแผนธรณีภาค • การเปลี่ยนแปลงภายในเปลือกโลก เกร็ดแนะครู ครูควรจัดกิจกรรม Geo-literacy ใหนักเรียนไดฝกตั้งคําถามเชิงภูมิศาสตร ใชทักษะ กระบวนการ เพื่อใหเกิดความสามารถทางภูมิศาสตร เชน ทักษะการใชเครื่องมือทางภูมิศาสตร การแปลความขอมูลทางภูมิศาสตร การใชเทคโนโลยี การคิดเชิงพื้นที่ การคิดเชื่อมโยง โดยจัดกิจกรรม เชน • นําภาพ หรือคลิปวิดีโอ การเกิดลักษณะภูมิประเทศตางๆ ของโลก มาใหนักเรียนไดตั้งคําถาม วิเคราะห • นําเครื่องมือทางภูมิศาสตร เชน แผนที่ ภาพถาย การใช Google Earth ศึกษาลักษณะทางกายภาพของพื้นที่ตางๆ ของโลก นํา นํา สอน สรุป ประเมิน T26


1 ธรณีภาค (lithosphere) ธรณีภาค คือ ส่วนเปลือกโลกที่เป็นของแข็ง หุ้มห่ออยู่ชั้นนอกสุดของโลก ชั้นบนเป็นพื้นที่ ที่มนุษย์ใช้เป็นที่อยู่อาศัย มีทรัพยากรธรรมชาติหลากหลายที่มนุษย์ใช้ด�าเนินกิจกรรมต่าง ๆ ทั้ง ด้านเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อม 1.1 โครงสรางของโลก โลกมีลักษณะเกือบกลมหรือกลมรีเล็กน้อย มีเส้นผ่านศูนย์กลางที่เส้นศูนย์สูตรยาว 12,755 กิโลเมตร และเส้นผ่านศูนย์กลางตามแนวขั้วโลกยาว 12,711 กิโลเมตร แบ่งเป็น 3 ชั้นหลัก ได้แก่ เปลือกโลก เนื้อโลก และแก่นโลก ชั้นต่าง ๆ ของโลกตั้งแต่ผิวโลกถึงใจกลางโลก ธรณีภาค (lithosphere) คือ ส่วนที่เป็นเปลือกโลกและ เนื้อโลกชั้นบนสุด ประกอบ ด้วยหินและดินต่าง ๆ ซึ่งอยู่ ในระดับความลึกไม่เกิน 100 กิโลเมตร จากผิวโลก เปลือกโลกภาคพื้นมหาสมุทร เปลือกโลกภาคพื้นทวีป ฐานธรณีภาค (asthenosphere) หรือ เนื้อโลกส่วนบน คือ ส่วนของเนื้อโลกที่ รองรับชั้นธรณีภาคให้อยู่ในภาวะสมดุล อยู่ในระดับความลึก 100 - 350 กิโลเมตร เป็นอาณาบริเวณที่มีการหลอมละลาย ของหินเนื้อโลกเป็นบางส่วน ฐานธรณีภาค เนื้อโลกส่วนล่าง เขตเปลี่ยนแปลง แก่นโลกชั้นนอก แก่นโลก ชั้นใน เปลือกโลก เนื้อโลก แก่นโลก ของเหลว ของแข็ง 2 3 1 25 ขั้นสอน ขั้นที่ 1 การตั้งคําถามเชิงภูมิศาสตร 1. ครูใหนักเรียนดูโครงสรางของเปลือกโลก จาก หนังสือเรียน ภูมิศาสตร ม.4-6 แลวรวมกัน แสดงความคิดเห็นตามประเด็น เชน • พื้นผิวของโลก มีลักษณะเชนไร (แนวตอบ พื้นผิวของโลกมีเนื้อที่ประมาณ 525 ลานตารางกิโลเมตร โดยสวนใหญ เปนทะเลหรือมหาสมุทร สวนที่เปนแผนดิน มีระดับของพื้นผิวที่แตกตางกันออกไปตาม ลักษณะภูมิประเทศแบบตางๆ ทั้งเทือกเขาสูง ที่ราบ หุบเขา โดยจุดสูงที่สุดของพื้นผิวโลก อยูบริเวณที่เปนแผนดิน คือ ยอดเขา เอเวอเรสต เทือกเขาหิมาลัย สวนจุดที่ตํ่า ที่สุดอยูในมหาสมุทรแปซิฟก คือ รองลึกกน มหาสมุทรมาเรียนา) • นักเรียนคิดวา ปจจัยที่ทําใหบริเวณเปลือกโลก มีสัณฐานและคุณสมบัติทางเคมีแตกตาง กันคืออะไร (แนวตอบ เชน เนื่องดวยปจจัยวัตถุธาตุ ตนกําเนิด กระบวนการเกิด สภาพแวดลอม และระยะเวลาการเกิดที่แตกตางกัน) เกร็ดแนะครู ครูนําคลิปวิดีโอโครงสรางของโลกมาใหนักเรียนดูประกอบกับภาพในหนังสือ อธิบายเพิ่มเติม โลกเปนดาวเคราะหดวงหนึ่งของระบบสุริยะ มีวงโคจรอยูรอบ ดวงอาทิตย โลกจะเอียงไปตามเสนแกนการหมุนของโลก ทําใหเกิดฤดูกาลที่ แตกตางกัน บนโลกมีทั้งสิ่งมีชีวิตและไมมีชีวิตอาศัยอยู แบงออกเปน 3 ชั้นหลัก คือ แกนโลก เนื้อโลก และเปลือกโลก เนื้อหาในสวนนี้เชื่อมโยงกับกลุมสาระวิทยาศาสตร สาระโลก ดาราศาสตร และอวกาศ ใหนักเรียนจัดทําโมเดลโครงสรางของโลก แสดงรายละเอียด ชั้นตางๆ ของโลก โดยสืบคนขอมูลเพิ่มเติมจากแหลงการเรียนรู เพิ่มเติม แลวนําโมเดลที่ไดมาอธิบายโครงสรางโลกใหเพื่อนฟง นํา สอน สรุป ประเมิน T27 บูรณาการเชื่อมสาระ


ขอสอบเนนการคิด Geo Tip 1) เปลือกโลก (crust) เป็นส่วนชั้นบนสุดของโลก มีความหนาประมาณ 5 - 60 กิโลเมตร แบ่งเป็น 2 ชั้น คือ 1.1) เปลือกโลกภาคพื้นทวีป (continental crust) เป็นเปลือกโลกที่รองรับส่วนที่ เป็นพื้นทวีปและไหล่ทวีป มีความหนาประมาณ 35 - 60 กิโลเมตร องค์ประกอบส่วนใหญ่เป็น ซิลิคอนและอะลูมินา เรียกว่า ไซอัล (SIAL มาจาก silica กับ alumina) ซึ่งเป็นองค์ประกอบหลัก คล้ายหินแกรนิต 1.2) เปลือกโลกภาคพื้นมหาสมุทร (oceanic crust) เป็นเปลือกโลกที่อยู่ใต้บริเวณ มหาสมุทรต่าง ๆ มีความหนา 5 - 10 กิโลเมตร เป็นเปลือกโลกที่เกิดใหม่จากการปะทุและการไหล ของหินใต้มหาสมุทร องค์ประกอบส่วนมากเป็นซิลิคอนกับแมกนีเซียม เรียกว่า ไซมา (SIMA มาจาก silica กับ magnesium) ซึ่งเป็นองค์ประกอบหลักคล้ายหินบะซอลต์ 2) เนื้อโลก (mantle) เป็นชั้นที่อยู่ถัดจากชั้นเปลือกโลก มีความหนาประมาณ 2,900 กิโลเมตร ประกอบด้วยแมกนีเซียมและเหล็กเป็นส่วนใหญ่ แบ่งเป็น 3 ชั้น คือ 2.1) เนื้อโลกส่วนบนสุด (uppermost mantle) มีสถานะเป็นของแข็ง อยู่ชั้นล่าง ของธรณีภาค มีความหนาประมาณ 5 - 75 กิโลเมตร 2.2) เนื้อโลกส่วนบน (upper mantle) หรือฐานธรณีภาค มีความลึกประมาณ 400 กิโลเมตร ประกอบด้วยหินที่ส่วนใหญ่อยู่ในสภาพหลอมละลาย เรียกว่า แมกมา (magma) 2.3) เนื้อโลกส่วนล่าง (lower mantle) มีความลึกประมาณ 1,000 - 2,900 กิโลเมตร ประกอบด้วยหินหนืดที่มีความหนืดมากกว่าเนื้อโลกชั้นบน 3) แก่นโลก (core) เป็นส่วนชั้นในสุดของโลก มีความหนาประมาณ 3,500 กิโลเมตร มีความหนาแน่นมาก แบ่งเป็น 2 ชั้น คือ 3.1) แก่นโลกส่วนนอก (outer core) ประกอบด้วยเหล็กและนิกเกิลที่อยู่ในสภาพ หลอมละลาย มีความลึกประมาณ 2,900 - 5,100 กิโลเมตร 3.2) แก่นโลกส่วนใน (inner core) เป็นชั้นของแข็ง มีความหนาแน่นมาก ประกอบ ด้วยเหล็กและนิกเกิลที่อยู่ในสภาพของแข็ง มีความลึกประมาณ 5,100 - 6,370 กิโลเมตร แมกมา (magma) คือ สารเหลวร้อนที่เกิดตามธรรมชาติอยู่ใต้ผิวโลก สามารถเคลื่อนตัวไปมาได้ ในวงจ�ากัด อาจมีของแข็ง เช่น ผลึกเศษหินแข็งและแก๊สรวมอยู่ด้วย หรืออาจไม่มีเลยก็ได้ เมื่อแมกมาแทรกดันหรือพุพุ่งขึ้นมาสู่ผิวโลก แล้วไหลลามออกไปจากปล่องภูเขาไฟหรือจาก รอยแยกของเปลือกโลกขณะที่ยังร้อนและไม่แข็งตัว มีลักษณะเหนียวหนืด เรียกว่า ลาวา (lava) และ เมื่อเย็นตัวลงจนแข็งตัวจะกลายเป็นหินอัคนี 26 ซิลิคอนและอะลูมินา เรียกว่า ไซอัล (SIAL มาจาก silica กับ alumina) ซึ่งเป็นองค์ประกอบหลัก ของหินใต้มหาสมุทร องค์ประกอบส่วนมากเป็นซิลิคอนกับแมกนีเซียม เรียกว่า ไซมา (SIMA 1 2 ขั้นสอน ขั้นที่ 1 การตั้งคําถามเชิงภูมิศาสตร 2. ครูใหนักเรียนรวมกันศึกษา Geo Tip เกี่ยวกับ แมกมา จากหนังสือเรียน ภูมิศาสตร ม.4-6 แลวรวมกันแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม โดยใช ประเด็นคําถาม เชน • แมกมากับลาวาแตกตางกันอยางไร (แนวตอบ แมกมาหรือหินหนืด คือ วัตถุ หลอมละลายใตพื้นผิวเปลือกโลก ประกอบ ดวยแรตางๆ ที่ขนหนืด มีความรอนสูง ประมาณ 700-1,300 องศาเซลเซียส สวน ลาวา คือ หินหนืดที่ไหลอยางชาๆ ออกจาก ภูเขาไฟที่ปะทุ) นักเรียนควรรู 1 ไซอัล (SIAL) เปลือกโลกชั้นบนสุด ประกอบดวย แรซิลิกาและอะลูมินาซึ่งเปน หินแกรนิตชนิดหนึ่ง บริเวณผิวจะเปนหินตะกอน ชั้นหินไซอัลนี้จะมีเฉพาะ เปลือกโลกสวนที่เปนทวีปเทานั้น สวนเปลือกโลกที่อยูใตทะเลและมหาสมุทร จะไมมีหินชั้นนี้ 2 ไซมา (SIMA) ชั้นที่อยูใตหินชั้นไซอัลลงไป สวนใหญเปนหินบะซอลต ประกอบดวยแรซิลิกา เหล็กออกไซด และแมกนีเซียม หอหุมทั้งพื้นโลกที่อยูใน ทะเลและมหาสมุทร โลกมีลักษณะโครงสรางอยางไร (แนวตอบ โครงสรางโลก ประกอบดวยเปลือกโลก เปนสวน ชั้นบนสุดของโลก แกนโลก เปนสวนชั้นในสุดของโลก ประกอบ ดวยธาตุเหล็กและนิกเกิลเปนสวนใหญ เนื้อโลก เปนสวนที่อยู ถัดจากแกนโลก ประกอบดวยแมกนีเซียมและเหล็กเปนสวนใหญ) นํา สอน สรุป ประเมิน T28


ขอสอบเนน การคิด 250 ลานปกอน (Permian) พันเจี ย มหาสมทุรพนัทาลสัซา มหาสมุทรเททิส 50 ลานปกอน - ปจจุบัน เสนศูนยสูตร เอเชีย แอฟริกา ออสเตรเลีย แอนตารกติกา อเมริกาใต อเมริกาเหน�อ อินเดีย อินเดีย อเมริกาใต ออสเตรเลีย แผนดินยูเรเชีย แผนดิน แอฟริกา 65 ลานปกอน (Cretaceous) แผนดินลอเรเซีย อินเดีย ออสเตรเลีย แผนดินกอนดวานา ทะเลเททิส 145 ลานปกอน (Jurassic) 200 ลานปกอน (Triassic) แผนดินลอเรเซีย แผนดินกอนดวานา ทะเลเททิส มหาสมทุรพนัทาลสัซา 250 ลานปกอน (Permian) พันเจี ย มหาสมทุรพนัทาลสัซา มหาสมุทรเททิส 50 ลานปกอน - ปจจุบัน เสนศูนยสูตร เอเชีย แอฟริกา ออสเตรเลีย แอนตารกติกา อเมริกาใต อเมริกาเหน�อ อินเดีย อินเดีย อเมริกาใต ออสเตรเลีย แผนดินยูเรเชีย แผนดิน แอฟริกา 65 ลานปกอน (Cretaceous) แผนดินลอเรเซีย อินเดีย ออสเตรเลีย แผนดินกอนดวานา ทะเลเททิส 145 ลานปกอน (Jurassic) 200 ลานปกอน (Triassic) แผนดินลอเรเซีย แผนดินกอนดวานา ทะเลเททิส มหาสมทุรพนัทาลสัซา 1.2 การเลื่อนของทวีป การเคลื่อนของทวีปเกิดบริเวณส่วนของแผ่นธรณีภาคซึ่งเป็นชั้นหินแข็งที่ลอยอยู่บนฐาน ธรณีภาคและแมกมา เป็นหินหนืดที่ร้อนและหลอมเหลว เมื่อแมกมาเคลื่อนไหวเนื่องจากการถ่ายเท พลังงานความร้อน ส่งผลให้แผ่นธรณีภาคเคลื่อนที่อย่างช้า ๆ ตลอดเวลา อัลเฟรด เวเกเนอร์ (Alfred Wegener) นักฟิสิกส์ชาว เยอรมัน เป็นผู้เสนอทฤษฎีการเลื่อนของทวีป (continental drift) ซึ่งเป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไป มีสมมติฐานว่า แผ่นธรณีภาค มีการเลื่อนไหลช้า ๆ ตลอดเวลา นับตั้งแต่โลกเย็นตัวลง มีทั้ง การชนกัน การมุดลงใต้แผ่นเปลือกโลกอื่น การแยกออกจากกัน หรือการเฉือนกันในแนวระนาบที่เกิดขึ้นตั้งแต่มหายุคพรีแคมเบรียน (Precambrian) เวเกเนอร์ได้น�าเสนอช่วงเวลาทางธรณีวิทยา หลังจากมีหลักฐานของฟอสซิลที่ชัดเจน โดยแบ่งเป็น 5 ช่วง ดังนี้ เมื่อ 250 ล้านปีมาแล้ว เปลือกโลกเชื่อมต่อ กันเป็นผืนแผ่นดินขนาดใหญ่เพียงผืนเดียวครอบคลุม ซีกโลกเหนือและซีกโลกใต้ เรียกว่า แผ่นดินพันเจีย (Pangea/Pangaea) และด้านตะวันตก มีมหาสมุทร พันทาลัสซา (Panthalassa Ocean) ด้านตะวันออก มีมหาสมุทรเททิส (Thethys Ocean) ทฤษฎีการเลื่อนของทวีป อัลเฟรด เวเกเนอร์ ยุคเพอร์เมียน (Permian) ยุคไทรแอสซิก (Triassic) เมื่อประมาณ 200 ล้านปีมาแล้ว แผ่นธรณีภาค ค่อยแยกออกจากกัน เกิดแผ่นธรณีภาคขนาดใหญ่ 2 แผ่น คือ แผ่นดินลอเรเซีย (Laurasia) ทางซีกโลก เหนือ และแผ่นดินกอนด์วานา (Gondwanaland) ทาง ซีกโลกใต้ และยังคงมีมหาสมุทรพันทาลัสซาทางด้าน ตะวันตก และทะเลเททิส (Tethys Sea) อยู่ทาง ด้านตะวันออก 27 ขั้นสอน ขั้นที่ 1 การตั้งคําถามเชิงภูมิศาสตร 3. ครูใหนักเรียนดูคลิปวิดีโอที่เกี่ยวของกับ การเลื่อนของทวีปหรือทฤษฎีประกอบการ เลื่อนไหลของทวีป จากอินเทอรเน็ต และ ขอมูลประกอบจากหนังสือเรียน ภูมิศาสตร ม.4-6 แลวรวมกันแสดงความคิดเห็นตาม ประเด็น เชน • เพราะเหตุใด แผนธรณีภาคของโลกเมื่อ 250 ลานปกอน จึงมีความแตกตางจากใน ปจจุบัน (แนวตอบ เพราะแผนธรณีภาคที่เปนของแข็ง ของโลก เปนชั้นหินที่ลอยอยูบนฐานธรณี ภาคและแมกมารอนที่มีการหลอมเหลวและ มีการเคลื่อนตัวอยางตอเนื่อง อันมีสาเหตุ จากการถายเทพลังงานความรอน ทําให แผนธรณีภาคคอยๆ เคลื่อนที่อยางชาๆ ตลอดเวลา ดังนั้น จึงเปนสาเหตุที่ทําใหแผน ธรณีภาค หรือแผนเปลือกโลกมีการเคลื่อนที่ ไปเรื่อยๆ จนเกิดการชนกัน มุดเกยกัน หรือแยกตัวออกจากกัน จึงทําใหแผนธรณี ภาคของโลกเมื่อ 250 ลานปกอน มีความ แตกตางจากในปจจุบันเปนอยางมาก) เกร็ดแนะครู ครูอธิบาย ทวีปเลื่อน (continental displacement) เพิ่มเติมวา ธรณีภาค ประกอบดวยแผนภาคพื้นทวีปและแผนภาคพื้นมหาสมุทร ถูกรองรับดวยฐาน ธรณีภาคกับสวนเนื้อโลกที่เปนหินหนืด (magma) โดยหินหนืดเปนสารเหลวรอน มีการเคลื่อนตัวภายในโลก สงผลใหเปลือกโลกมีการเคลื่อนที่ทั้งแผนภาค พื้นทวีปและแผนภาคพื้นสมุทร จากนั้นอภิปรายถึงลักษณะการเคลื่อนที่ของ แผนเปลือกโลก มีทั้งลักษณะการเคลื่อนตัวแยกออกจากกันและเลื่อนชนกัน หรือมุดเขาหากันของเปลือกโลก แลวสรุปผลกระทบ หลักฐานทางธรณีวิทยาขอใดที่สนับสนุนวาทวีปตางๆ ใน ปจจุบัน แตเดิมเปนผืนแผนดินเดียวกัน 1. รอยตอของแผนธรณีภาค 2. รอยตอของแผนเปลือกโลก 3. รอยตอของเนื้อโลกสวนบนสุด 4. รอยตอของแกนโลกสวนนอกสุด 5. รอยตอของเนื้อโลกสวนบนและสวนลาง (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. แผนธรณีภาคแตละแผนจะมีการ เคลื่อนตลอดเวลา บางแผนเคลื่อนที่เขาหากัน บางแผนเคลื่อนที่ ผานกัน เมื่อพิจารณาจากแผนที่โลกปจจุบัน พบวา แตละทวีปมี รูปรางตางกันแตเมื่อนําแตละทวีปมาตอกันจะเห็นวามีสวนตอกัน ไดเปนผืนเดียวกัน เชน แผนอเมริกาเหนือกับแผนอเมริกาใต) นํา สอน สรุป ประเมิน T29


Geo Tip 250 ลานปกอน (Permian) พันเจีย มหาสมทุรพนัทาลสัซา มหาสมุทรเททิส 50 ลานปกอน - ปจจุบัน เสนศูนยสูตร เอเชีย แอฟริกา ออสเตรเลีย แอนตารกติกา อเมริกาใต อเมริกาเหน�อ อินเดีย อินเดีย อเมริกาใต ออสเตรเลีย แผนดินยูเรเชีย แผนดิน แอฟริกา 65 ลานปกอน (Cretaceous) แผนดินลอเรเซีย อินเดีย ออสเตรเลีย แผนดินกอนดวานา ทะเลเททิส 145 ลานปกอน (Jurassic) 200 ลานปกอน (Triassic) แผนดินลอเรเซีย แผนดินกอนดวานา ทะเลเททิส มหาสมทุรพนัทาลสัซา 250 ลานปกอน (Permian) พันเจีย มหาสมทุรพนัทาลสัซา มหาสมุทรเททิส 50 ลานปกอน - ปจจุบัน เสนศูนยสูตร เอเชีย แอฟริกา ออสเตรเลีย แอนตารกติกา อเมริกาใต อเมริกาเหน�อ อินเดีย อินเดีย อเมริกาใต ออสเตรเลีย แผนดินยูเรเชีย แผนดิน แอฟริกา 65 ลานปกอน (Cretaceous) แผนดินลอเรเซีย อินเดีย ออสเตรเลีย แผนดินกอนดวานา ทะเลเททิส 145 ลานปกอน (Jurassic) 200 ลานปกอน (Triassic) แผนดินลอเรเซีย แผนดินกอนดวานา ทะเลเททิส มหาสมทุรพนัทาลสัซา250 ลานปกอน (Permian) พันเจีย มหาสมทุรพนัทาลสัซา มหาสมุทรเททิส 50 ลานปกอน - ปจจุบัน เสนศูนยสูตร เอเชีย แอฟริกา ออสเตรเลีย แอนตารกติกา อเมริกาใต อเมริกาเหน�อ อินเดีย อินเดีย อเมริกาใต ออสเตรเลีย แผนดินยูเรเชีย แผนดิน แอฟริกา 65 ลานปกอน (Cretaceous) แผนดินลอเรเซีย อินเดีย ออสเตรเลีย แผนดินกอนดวานา ทะเลเททิส 145 ลานปกอน (Jurassic) 200 ลานปกอน (Triassic) แผนดินลอเรเซีย แผนดินกอนดวานา ทะเลเททิส มหาสมทุรพนัทาลสัซา เมื่อ 145 ล้านปีมาแล้ว แผ่นดินลอเรเซียและ แผ่นดินกอนด์วานาเริ่มแยกจากกัน แผ่นดินลอเรเซีย เริ่มแยกออกเป็นแผ่นทวีปเอเชียและอเมริกาเหนือ ส่วนแผ่นดินกอนด์วานามีแผ่นดินอเมริกาใต้และ แอฟริกายังติดกันอยู่ แต่แผ่นดินอินเดียเคลื่อนขึ้น ทิศเหนือ ส่วนแผ่นออสเตรเลียยังติดอยู่ขั้วโลกใต้ ปลายยุคเกิดมหาสมุทรแปซิฟิก เมื่อ 65 ล้านปีมาแล้ว แผ่นเปลือกโลกแยกออก จากกันมากขึ้น เกิดเป็นแผ่นดินยูเรเชียกับแผ่นดิน แอฟริกา ส่วนอเมริกาใต้แยกออกจากแอฟริกาอย่าง ชัดเจน แผ่นดินอินเดียเลื่อนไปทางเหนือมากขึ้น แต่ ออสเตรเลียยังคงอยู่ที่ขั้วโลกใต้ เมื่อมีการเกิดแผ่นดิน ใหม่มากขึ้นจึงเริ่มมีมหาสมุทรใหม่เกิดขึ้น แผ่นดินยังคงมีการเลื่อนไหลอย่างต่อเนื่อง จน เมื่อประมาณ 55 - 50 ล้านปีที่ผ่านมา แผ่นดินอินเดีย เริ่มชนกับแผ่นดินยูเรเชีย ซึ่งคือ เอเชียในปัจจุบัน ท�าให้เกิดเทือกเขาหิมาลัยขึ้น จนถึงปัจจุบันจึงเกิดเป็น แผ่นธรณีภาคหรือแผ่นเปลือกโลกใหญ่ถึง 15 แผ่น ที่เป็นลักษณะของแผ่นทวีปและแผ่นมหาสมุทรเช่น ในปัจจุบัน และในอนาคตการเลื่อนไหลของทวีปจะยัง คงเกิดขึ้นต่อเนื่องกันไป หลักฐานที่สนับสนุนทฤษฎีการเลื่อนของทวีป คือ การพบซากดึกด�าบรรพ์ของไดโนเสาร์หลายชนิด เช่น มีโซซอรัส (Mesosaurus) พบในทวีปอเมริกาใต้และแอฟริกาเท่านั้น จึงสันนิษฐานว่าทวีปทั้งสอง อาจจะเคยเชื่อมต่อกันมาก่อน ยุคจูแรสซิก (Jurassic) ยุคครีเทเชียส (Cretaceous) 50 ล้านปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน 28 ยุคจูแรสซิก (Jurassic) 1 ยุคครีเทเชียส (Cretaceous) 2 ขั้นสอน ขั้นที่ 1 การตั้งคําถามเชิงภูมิศาสตร 4. ครูใหนักเรียนรวมกันศึกษา Geo Tip เกี่ยวกับ หลักฐานที่สนับสนุนทฤษฎีการเลื่อนของทวีป จากหนังสือเรียน ภูมิศาสตร ม.4-6 แลว รวมกันแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม 5. ครูอาจนําภาพหรือแผนที่ที่แสดงการเลื่อนของ ทวีปในชวงเวลาตางๆ มาใหนักเรียนทดลอง วิเคราะหและเรียงลําดับการเลื่อนของทวีป ประกอบการตั้งคําถามเชิงภูมิศาสตร กิจกรรม ทาทาย จากทฤษฎีการเลื่อนของทวีป ใหนักเรียนสืบคนขอมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับลักษณะเดนของสิ่งมีชีวิตและทางธรณีวิทยา คนละ 1 ยุค แลววาดภาพจําลองของยุคนั้นประกอบ ตัวอยาง ยุคจูแรสซิก เมื่อ 145 ลานปมาแลว เมื่อแผนดิน พันเจียแยกตัว ทําใหเกิดหมูเกาะมากมาย มีความอุดมสมบูรณ ทั้งผืนปา มหาสมุทร แผนดินปกคลุมดวยพืชพวกสน เฟรน และตนไมขนาดใหญ ซึ่งพืชเหลานี้เปนอาหารของไดโนเสาร นอกจากนี้ ในยุคจูแรสซิกยังพบไดโนเสารขนาดใหญที่สุดอีกดวย นักเรียนควรรู 1 ยุคจูแรสซิก เปนยุคกลางของมหายุคเมโซโซอิก เปนยุคที่ไดโนเสาร เจริญเต็มที่หรือยุคไดโนเสารครองโลก ไดโนเสารบินไดเริ่มพัฒนาเปนสัตวปก จํานวนนก ในปายังเปนพืชไรดอก ประเทศไทยมีหินที่อยูในยุคจูแรสซิกหลายแหง โดยเฉพาะในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หลักฐานทางโบราณคดีพบวา หินจูแรสซิกในภาคตะวันออกเฉียงเหนือสวนใหญจะอยูในหินชุดโคราช และ บางสวนของหมวดหินภูพาน รองรอยไดโนเสารแรกๆ ที่มีการคนพบ ไดแก รอยเทาของคารโนซอรบนภูเวียง 2 ยุคครีเทเชียส เปนยุคสุดทายของมหายุคเมโซโซอิก มีสิ่งมีชีวิตที่เกิดขึ้นใหม ไดแก งู นก และพืชมีดอก ไดโนเสารวิวัฒนาการใหมีนอ ครีบหลัง และผิวหนังหนา ไวปองกันตัว และในปลายยุคครีเทเชียสไดโนเสารไดสูญพันธุไปจากโลก นํา สอน สรุป ประเมิน T30


ขอสอบเนน การคิด 1.3 การเปลี่ยนแปลงของธรณีภาค โลกมีการเปลี่ยนแปลงทั้งจากแรงภายในเปลือกโลกและภายนอกเปลือกโลกมาเป็นเวลานาน และต่อเนื่องตลอดเวลา เป็นการปรับระดับของเปลือกโลก เช่น การเปลี่ยนแปลงภายในโลก ท�าให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต�าแหน่ง โครงสร้าง และลักษณะของเปลือกโลกจากการเคลื่อนที่ของ แผ่นธรณีภาคอย่างช้า ๆ ที่เกิดจากการไหลเวียนของพลังงานความร้อนของแมกมาในเปลือกโลก หรือจากการไหลหรือปะทุของแมกมาออกมานอกเปลือกโลกที่เกิดขึ้นได้อย่างช้า ๆ จนถึงแบบเร็ว และรุนแรง มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงทางธรณีภาคระดับกว้าง เช่น ท�าให้เปลือกโลกยกระดับสูงขึ้น หรือลดระดับต�่าลง การเกิดภูเขาไฟ การเกิดเทือกเขา โครงสร้างทางธรณีวิทยา การเปลี่ยนแปลงทางธรณีภาคที่เกิดขึ้นบนพื้นผิวโลก เนื่องจากแรงโน้มถ่วงและตัวกระท�า ต่าง ๆ เช่น การผุพังอยู่กับที่ของหินและแร่ การเคลื่อนย้ายมวลดินและหินในพื้นที่มีความลาดชัน สูง เช่น 1) กระบวนการเปลี่ยนแปลงภายในโลก เกิดจากพลังงานความร้อนภายในโลก ท�าให้เกิดการไหลของมวลแมกมาร้อนและข้นหนืดใต้เปลือกโลก หรือเกิดการปะทุของแมกมา ออกมาบนพื้นผิวโลก การเปลี่ยนแปลงนี้ท�าให้เปลือกโลกแตกออกเป็นแผ่นและเคลื่อนที่ในลักษณะ ต่าง ๆ รวมทั้งก่อให้เกิดแผ่นดินไหว การปะทุของภูเขาไฟ การบีบอัดท�าให้เกิดโครงสร้างคดโค้ง รอยเลื่อน และการแตกหักของหิน แผ่นดินที่ถูกยกตัวขึ้นหลังจากเกิดแผ่นดินไหวขนาด 7.8 ที่เกาะใต้ ประเทศนิวซีแลนด์ เมื่อ พ.ศ. 2559 29 ลักษณะภูมิประเทศตามขอใดเกิดจากแผนธรณีภาคพื้นทวีป เคลื่อนที่ชนกัน 1. ทะเลแดง 2. หมูเกาะญี่ปุน 3 ทะเลสาบมาลาวี 4. เทือกเขาแอนดีส 5. เทือกเขาหิมาลัย (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 5. เทือกเขาหิมาลัยเกิดจากแผนธรณี ภาคแผนอินเดียเคลื่อนที่มุดชนกับแผนธรณีภาคยูเรเชีย สวน ทะเลสาบมาลาวี ทะเลแดง เกิดจากแผนธรณีทวีปเคลื่อนที่ออก จากกัน หมูเกาะญี่ปุนเกิดจากแผนธรณีมหาสมุทรเคลื่อนที่ชนกัน เทือกเขาแอนดีสเกิดจากแผนธรณีมหาสมุทรชนกับแผนธรณีทวีป) ขั้นสอน ขั้นที่ 1 การตั้งคําถามเชิงภูมิศาสตร 6. ครูใหนักเรียนดูคลิปวิดีโอเกี่ยวกับธรณีภาค ที่มีการเปลี่ยนแปลงในบริเวณพื้นที่ตางๆ ของโลก จากนั้นสอบถามความคิดเห็นของ นักเรียนเกี่ยวกับสาเหตุการเกิด บริเวณพื้นที่ ที่เกิด และผลกระทบที่เกิดขึ้น 7. ครูใหนักเรียนรวมกันแสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับการเคลื่อนที่ของแผนธรณีภาค จาก หนังสือเรียน ภูมิศาสตร ม.4-6 แลวรวมกัน อภิปรายเพิ่มเติมตามประเด็นลักษณะการ เคลื่อนที่ของแผนธรณีภาค โดยที่ครูแนะนํา เพิ่มเติม อันไดแก • การเคลื่อนที่ของแผนธรณีภาคลูเขาหากัน • การเคลื่อนที่ของแผนธรณีภาคแยกจากกัน • การเคลื่อนที่ของแผนธรณีภาคตามแนว ระดับ เกร็ดแนะครู ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับกระบวนการเปลี่ยนแปลงภายในโลกทําใหเกิด ปรากฏการณที่สงผลกระทบตอพื้นผิวโลก เชน การเกิดแผนดินไหว เปนผล สืบเนื่องจากการเคลื่อนตัวของเปลือกโลก บริเวณแนวรอยเลื่อนของเปลือกโลก การปะทุของภูเขาไฟ แผนดินอาจสั่นสะเทือนเล็กนอย หรือสั่นสะเทือนรุนแรง บริเวณศูนยกลางกําเนิดแผนดินไหว ซึ่งทําใหบริเวณนั้นไดรับความเสียหาย มากที่สุด แตเมื่อการแผกระจายคลื่นความไหวสะเทือนหางจากศูนยกําเนิด แผนดินไหวออกไป ความสั่นสะเทือนและความเสียหายจะลดลง นํา สอน สรุป ประเมิน T31


เหวสมุทร เหวสมุทร เน�้อโลก ชั้นบนสุด เน�้อโลกสวนบน เปลือกโลก ภาคพื้นสมุทรโบราณ เทือกเขา ที่ราบสูง เน�้อโลกชั้นบนสุด 1.1) การเคลื่อนที่ของแผนธรณีภาค การเคลื่อนที่ของแผนธรณีภาค ทั้งสวนที่ เปนเปลือกโลกภาคพื้นทวีป เปลือกโลกภาคพื้นมหาสมุทร และสวนเนื้อโลกชั้นบนสุด มีทั้งขนาด ใหญและขนาดเล็ก มีการเคลื่อนที่แบบเคลื่อนเขาหากันหรือชนและมุดเขาหากัน แยกจากกัน หรือ เคลื่อนสวนกันในแนวระนาบตลอดเวลา โดยมีอัตราความชาเร็วตางกัน 1. การเคลื่อนที่ของแผนธรณีภาคเคลื่อนหากัน เกิดไดเปน 3 แบบ เมื่อแผนเปลือกโลกเคลื่อนเขาหากัน เปลือกโลกที่มีความหนาแนนมากกวามุดเขาไป ใตเปลือกโลกที่มีความหนาแนนนอยกวาและหลอมละลายหากมีความลึกมากจนถึงชั้นแมกมา และมักทําใหเปลือกโลกอีกดานหนึ่งถูกอัดและผลักดันใหคอย ๆ สูงชันขึ้นจนเปนเทือกเขา เชน การเคลื่อนเขาหากันระหวางเปลือกโลกภาคพื้นมหาสมุทร ทําใหเกิดหมูเกาะภูเขาไฟกลาง มหาสมุทรเปนแนวโคง การเคลื่อนหากันระหวางเปลือกโลกภาคพื้นมหาสมุทร การเคลื่อนหากันระหวางเปลือกโลกภาคพื้นทวีป การเคลื่อนหากันระหวางเปลือกโลกภาคพื้นมหาสมุทรกับเปลือกโลกภาคพื้นทวีป 2 3 1 เปลือกโลก ภาคพื้นทวีป เปลือกโลกภาคพื้นทวีป เปลือกโลกภาคพื้นทวีป เปลือกโลกภาคพื้นสมุทร เปลือกโลกภาคพื้นสมุทร เปลือกโลก ภาคพื้นทวีป เนื้อโลกชั้นบนสุด เนื้อโลกชั้นบนสุด เนื้อโลกชั้นบนสุด เนื้อโลกชั้นบนสุด เนื้อโลกสวนบน เนื้อโลกสวนบน 30 กิจกรรม ทาทาย ขั้นสอน ขั้นที่ 1 การตั้งคําถามเชิงภูมิศาสตร 8. ครูใหนักเรียนรวมกันศึกษาภาพประกอบ หรือคลิปวิดีโอเกี่ยวกับการเคลื่อนที่ของแผน ธรณีภาค ทั้ง 3 ลักษณะ จากหนังสือเรียน ภูมิศาสตร ม.4-6 หรือจากแหลงการเรียนรูอื่นๆ เชน หนังสือในหองสมุด เว็บไซตในอินเทอรเน็ต เพิ่มเติม โดยครูอาจสนทนาประกอบการ ซักถามกับนักเรียนเพิ่มเติม เชน • แผนเปลือกโลกที่เราอาศัยอยูมีลักษณะ สําคัญอยางไร (แนวตอบ แผนเปลือกโลกที่เราอาศัยอยู โดยเฉพาะสวนที่เปนเปลือกโลกภาคพื้น ทวีป สวนใหญเปนแผนเปลือกโลกชั้นไซอัล ที่มีหินแกรนิตเปนสวนประกอบหลัก และมี แรซิลิกอนและอะลูมิเนียม นอกจากนี้ ยังมี แผนเปลือกโลกชั้นมาไซซึ่งเปนสวนลางของ ภาคพื้นทวีป ทะเลและมหาสมุทร โดยมีหิน บะซอลตเปนสวนประกอบหลัก) • ปจจัยสําคัญที่สงผลใหแผนเปลือกโลกเกิด การเคลื่อนตัว คืออะไร (แนวตอบ ความหนาแนน เปนปจจัยสําคัญที่ สงผลใหแผนเปลือกโลกเกิดการ เคลื่อนตัว โดยเปลือกโลกชั้นไซมาที่มีความหนาแนน มากกวาชั้นไซอัลจึงมักจะมุดตัวลงใตชั้น ไซอัล กอใหเกิดการเคลื่อนตัวของแผน เปลือกโลกและแผนดินไหว) ใหนักเรียนจําลองการเคลื่อนที่ของแผนธรณีภาคแบบ • การเคลื่อนหากันระหวางแผนเปลือกโลกภาคพื้นสมุทรกับ เปลือกโลกภาคพื้นทวีป • การเคลื่อนหากันระหวางเปลือกโลกภาคพื้นมหาสมุทร • การเคลื่อนหากันระหวางเปลือกโลกภาคพื้นทวีป • การเคลื่อนที่แยกจากกันของเปลือกโลกภาคพื้นมหาสมุทร • การเคลื่อนแยกจากกันของเปลือกโลกภาคพื้นทวีป เกร็ดแนะครู ครูอธิบายการเคลื่อนที่เขาหากันของเปลือกโลก เชน แผนเปลือกโลก ภาคพื้นมหาสมุทรชนกับแผนเปลือกโลกภาคพื้นทวีป แผนเปลือกโลก ภาคพื้นสมุทรเปนหินบะซอลต มีความหนาแนนมากกวาแผนเปลือกโลก ภาคพื้นทวีป ซึ่งเปนหินแกรนิต เมื่อแผนธรณีทั้งสองปะทะกัน แผนเปลือกโลก ภาคพื้นสมุทรจะจมตัวลงและหลอมละลายเปนหินหนืด เนื่องจาก หินหนืด มีความหนาแนนนอยกวาเนื้อโลกในชั้นฐานธรณีภาค จึงยกตัวขึ้นดันเปลือกโลก ทวีปใหกลายเปนเทือกเขาสูง เกิดแนวภูเขาไฟเรียงรายตามชายฝง ขนานกับ รองลึกกนสมุทร เชน การเกิดเทือกเขาแอนดีสในทวีปอเมริกาใต นํา สอน สรุป ประเมิน T32


ขอสอบเนน การคิด ภูเขาไฟเกิดขึ้นใกลแนวเทือกเขา หินหลอมเหลวไหลขึ้นไป ระหวางแผนเปลือกโลก เทือกเขาแยกจากกันเกิดหินใหมขึ้นบริเวณน�้ และแผนเปลือกโลกถูกผลักใหแยกจากกัน เปลือกโลกภาคพื้นมหาสมุทร แมกมา ภูเขาคิลิมันจาโร ภูเขาเลงไก หุบเขาทรุด แมกมา การเคลื่อนที่แยกจากกันของเปลือกโลกภาค พื้นมหาสมุทร 2 แผ่น มีแมกมาไหลปะทุขึ้นมาจน เกิดเป็นแนวสันเขาใต้มหาสมุทร (mid ocean ridge) เช่นบริเวณสันเขาใต้มหาสมุทรแอตแลนติก การเคลื่อนที่แยกจากกันของเปลือกโลก ภาคพื้นทวีป เมื่อมีการแยกออกจากกันอาจเกิด การยุบลงของแผ่นดินเช่นเกรตริฟต์แวลลีย์(Great RiftValley) ทางตะวันออกของทวีปแอฟริกา 2. การเคลื่อนที่ของแผ่นธรณีภาคแยกจากกัน เป็นการเปิดแนวรอยต่อให้ แมกมาไหลหรือเกิดภูเขาไฟปะทุขึ้นมา ส่วนมากเกิดใต้มหาสมุทร 3. การเคลื่อนที่ของแผ่นธรณีภาคตามแนวระดับเป็นการเคลื่อนที่ของเปลือก โลกสองแผ่นสวนทางกันในแนวระนาบ อาจท�าให้เกิดการสั่นสะเทือนหรือแผ่นดินไหวรุนแรง และ เกิดรอยเลื่อนตามแนวระดับขนาดใหญ่ เช่น ท�าให้เทือกเขาเลื่อนแยกจากกันถนนหรือสิ่งก่อสร้าง แตกและแยกจากกัน พบมากจากการเคลื่อนที่ของเปลือกโลกภาคพื้นมหาสมุทรแต่ก็พบได้ระหว่าง เปลือกโลกภาคพื้นทวีป เช่น รอยเลื่อนแซนแอนเดรียส (San Andreas) ในทวีปอเมริกาเหนือ การเคลื่อนที่แยกจากกันระหว่างเปลือกโลก ภาคพื้นมหาสมุทร การเคลื่อนแยกออกจากกันระหว ่างเปลือกโลก ภาคพื้นทวีป การเคลื่อนที่ผ ่านกันระหว ่างเปลือกโลก ภาคพื้นทวีปกับเปลือกโลกภาคพื้นทวีป การเคลื่อนที่ตามแนวระดับระหว่างเปลือกโลก ภาคพื้นมหาสมุทร เขตรอยแตกเขตรอยแตก หินใกล้ขอบแผ่น เปลือกโลก เกิดรอยเลื่อน และเอียง แผ่นเปลือกโลก เคลื่อนที่ตาม แนวระดับ ท�าให้ เกิดแผ่นดินไหว รอยเลื่อนตามแนวระดับ 31 หุบเขาทรุด เกิดเป็นแนวสันเขาใต้มหาสมุทร 1 2 ขั้นสอน ขั้นที่ 1 การตั้งคําถามเชิงภูมิศาสตร 9. ครูใหนักเรียนชวยกันตั้งประเด็นคําถาม เชิงภูมิศาสตรเกี่ยวกับธรณีภาคและการ เปลี่ยนแปลงทางธรณีภาค เพื่อคนหาคําตอบ เชน • การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพของโลกมี กระบวนการอยางไร • การเปลี่ยนแปลงภายในเปลือกโลกสงผลตอ ลักษณะทางกายภาพอยางไร • การเปลี่ยนแปลงบนเปลือกโลกสงผลตอ ลักษณะทางกายภาพของโลกอยางไร • ประเทศไทยประสบปญหาการเปลี่ยนแปลง ทางธรณีภาคในประเด็นใดมากที่สุด เพราะ เหตุใด การเคลื่อนที่ของแผนธรณีภาคตามแนวระดับ สงผลใหเกิด ลักษณะภูมิประเทศแบบใด 1. ภูเขา 2. หมูเกาะ 3. เกิดรอยแยก 4. เกิดรอยเลื่อน 5. เกิดการทับถม (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. การเคลื่อนที่ของแผนธรณีภาค ตามแนวระดับเปนการเคลื่อนที่ของเปลือกโลกสองแผนสวนทาง กันในแนวระนาบ ทําใหเกิดการสั่นสะเทือน เกิดแผนดินไหวรุนแรง และเกิดรอยเลื่อนขนาดใหญ) นักเรียนควรรู 1 หุบเขาทรุด (Rift Valley) เปนพื้นที่ราบตํ่า ลักษณะเปนสันยาว ขนาบขาง ดวยพื้นที่ราบสูงหรือแนวเทือกเขา เกิดจากแผนเปลือกโลกขยายตัว เนื่องจาก แรงดึงดูดทางกระบวนการแปรสัณฐาน สงผลใหเกิดรอยแตกที่ผิวเปลือกโลก เกิดไดทั้งบนแผนทวีปและมหาสมุทร 2 สันเขาใตมหาสมุทร เกิดจากแรงดันในชั้นฐานธรณีภาคดันใหแผนธรณี มหาสมุทรยกตัวขึ้นเปนสันเขาใตสมุทร แลวเกิดรอยแตกที่สวนยอด แมกมา ผลักใหแผนธรณีมหาสมุทรแยกออกจากกัน เชน สันเขาใตมหาสมุทรแอตแลนติก นํา สอน สรุป ประเมิน T33


180 ํ 0 ํ 20 ํE 60 ํE 100 ํE 140 ํE 140 ํW 100 ํW 60 ํW 20 ํE20 ํW 40 ํE 80 ํE 120 ํE 160 ํE 160 ํW 120 ํW 80 ํW 0 ํ40 ํW 20 ํS 20 ํN 40 ํN 40 ํS 60 ํN 60 ํS 80 ํN 80 ํS 0 ํ 20 ํS 20 ํN 40 ํN 60 ํN 80 ํN 40 ํS 60 ํS 80 ํS 1 : 230,000,000ขนาดแผนดินไหว 9.0 ขึ้นไป 8.0-8.9 7.0-7.9 6.0-6.9 0 2,000 4,000 กม. N 120 ํE 160 ํE 160 ํW 120 ํW 80 ํE40 ํE 40 ํW80 ํW 80 ํW 0 ํ 0 ํ 120 ํE 160 ํE 160 ํW 120 ํW 80 ํE40 ํE 40 ํW 80 ํS 80 ํN 60 ํN 60 ํS 40 ํN 40 ํS 20 ํN 20 ํS 0 ํ 80 ํN 80 ํS 60 ํN 60 ํS 40 ํN 40 ํS 20 ํN 20 ํS 0 ํ เขตรอยเลื่อนชนกัน เขตรอยเลื่อนตามแนวระดับ ทิศทางการแยกออกจากกันของแผนเปลือกโลก ทิศทางการมุดตัวของแผนเปลือกโลก ขอบเขตแผนเปลือกโลก รอยแยกใตพื้นมหาสมุทร รองลึกกนสมุทร แ ผ น แ ป ซิ ฟ ก แผนอินโด - ออสเตรเลีย แผนแอฟริกา แผนอาหรับ แผนสโกเชีย แผน แคริบเบียน แผน ฮวนเดฟูกา แผน โคโคส แผนฟลิปปน แผน นัซกา แผนอเมริกาใต แผน อเมริกา เหน�อ แผน อเมริกา เหน�อ แ ผ น ยู เ ร เ ชี ย แ ผ น แ อ น ต า ร ก ติ ก N 1 : 160,000,000 0 2,000 4,000 กม. แผนที่แสดงแผนเปลือกโลกสำคัญ แผนที่แสดงแผ่นเปลือกโลกส�าคัญ 32 กิจกรรม ทาทาย ขั้นสอน ขั้นที่ 2 การรวบรวมขอมูล 1. ครูใหนักเรียนแบงกลุม สืบคนขอมูลเกี่ยวกับ การเปลี่ยนแปลงทางธรณีภาค ประกอบการใช เครื่องมือทางภูมิศาสตร เชน แผนที่แสดงแผน เปลือกโลกสําคัญ จากหนังสือเรียน ภูมิศาสตร ม.4-6 หรือจากแหลงการเรียนรูอื่นๆ ใน ประเด็นตอไปนี้ • กระบวนการเปลี่ยนแปลงภายในโลก • กระบวนการปรับระดับพื้นผิวโลก 2. ครูอาจถามคําถามประกอบการสืบคนของ นักเรียนเพิ่มเติม เชน • จากแผนที่แสดงแผนเปลือกโลกที่สําคัญ และทิศทางการเคลื่อนที่ของแผนเปลือกโลก สงผลตอลักษณะภูมิประเทศอยางไรบาง (แนวตอบ การเคลื่อนที่ของแผนเปลือกโลก ขนาดใหญจากมวลหินหนืดดานลางกอให เกิดลักษณะภูมิประเทศแบบเทือกเขาและ ภูเขาไฟใตทะเลเปนสวนใหญ เชนเดียวกับ ลักษณะภูมิประเทศที่ปรากฏบนภาคพื้นทวีป คือ เทือกเขาสูงที่วางตัวทอดออกจากชุม เขาปามีรทางตอนกลางของทวีปเอเชีย เชน เทือกเขาหิมาลัย เทือกเขาฮินดูกูช ฯลฯ ที่ เกิดจากการเคลื่อนที่ในลักษณะชนกันของ แผนเปลือกโลกยูเรเชียกับอินเดีย ทําให แผนดินโกงตัวขึ้นเปนเทือกเขาสูงชัน) 3. ครูแนะนําแหลงขอมูลสารสนเทศที่นาเชื่อถือ ใหกับนักเรียนเพิ่มเติม เกร็ดแนะครู ครูสรุปความรูเกี่ยวกับเปลือกโลก ดังนี้ 1. แผนยูเรเชีย รองรับทวีปเอเชียและทวีปยุโรป และพื้นนํ้าบริเวณใกลเคียง 2. แผนอเมริกา รองรับทวีปอเมริกาเหนือและอเมริกาใต และพื้นนํ้าครึ่งซีก ตะวันตกของมหาสมุทรแอตแลนติก 3. แผนแปซิฟก รองรับมหาสมุทรแปซิฟก 4. แผนออสเตรเลีย รองรับทวีปออสเตรเลียและประเทศอินเดีย และพื้นนํ้า ระหวางประเทศออสเตรเลียกับประเทศจีน 5. แผนแอนตารกติก รองรับทวีปแอนตารกติก และพื้นนํ้าโดยรอบ 6. แผนแอฟริกา รองรับทวีปแอฟริกา และพื้นนํ้ารอบๆ ทวีปแอฟริกา ใหนักเรียนทํา Powerpoint จําลองการเคลื่อนตัวของเปลือกโลก สืบคนขอมูลจากเว็บไซตตางๆ แลวนําเสนอในชั้นเรียน นํา สอน สรุป ประเมิน T34


180 ํ 0 ํ 20 ํE 60 ํE 100 ํE 140 ํE 140 ํW 100 ํW 60 ํW 20 ํE20 ํW 40 ํE 80 ํE 120 ํE 160 ํE 160 ํW 120 ํW 80 ํW 0 ํ40 ํW 20 ํS 20 ํN 40 ํN 40 ํS 60 ํN 60 ํS 80 ํN 80 ํS 0 ํ 20 ํS 20 ํN 40 ํN 60 ํN 80 ํN 40 ํS 60 ํS 80 ํS 1 : 230,000,000ขนาดแผนดินไหว 9.0 ขึ้นไป 8.0-8.9 7.0-7.9 6.0-6.9 0 2,000 4,000 กม. N แผนที่แสดงการกระจายของขนาดแผ่นดินไหวของโลก 1.2) การเกิดแผ่นดินไหว (earthquake) เป็นการสั่นสะเทือนของเปลือกโลกที่เกิด จากการปรับตัวให้เกิดดุลเสมอภาคของแผ่นเปลือกโลก เป็นการปลดปล่อยพลังงานความเครียดที่ สะสมออกมาอย่างรวดเร็วจากการเคลื่อนที่ของรอยเลื่อนใต้เปลือกโลก หรือเกิดจากการปะทุของ ภูเขาไฟ ทั่วโลกมีการกระจายของแผ่น ดินไหวขนาดใหญ่ ๆ โดยเฉพาะบริเวณที่เป็นรอย ต่อของแผ่นเปลือกโลก ระหว่างเปลือกโลกภาค พื้นมหาสมุทรกับเปลือกโลกภาคพื้นทวีป เช่น บริเวณรอบ ๆ แนวรอยต่อของแผ่นแปซิฟิกหรือ วงแหวนแห่งไฟ และตะวันออกของแผ่นอินโด - ออสเตรเลีย ที่มีการเกิดแผ่นดินไหวบ่อยและ รุนแรง นอกจากนี้ แผ่นดินไหวยังเกิดตามรอย ต่อระหว่างเปลือกโลกภาคพื้นทวีป และตาม จุดร้อน (hotspot) ของเปลือกโลกภาคพื้น มหาสมุทรและเปลือกโลกภาคพื้นทวีปอีกด้วย รอยเลื่อนแซนแอนเดรียส รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา เป็นรอยเลื่อนขนาดใหญ่ที่มีพลังมากและมีโอกาสเกิด แผ่นดินไหวรุนแรง 33 จุดร้อน (hotspot) ของเปลือกโลกภาคพื้น 1 กิจกรรม ทาทาย ขั้นสอน ขั้นที่ 3 การจัดการขอมูล 1. สมาชิกแตละคนในกลุมนําขอมูลที่ตนไดจาก การรวบรวม มาอธิบายแลกเปลี่ยนความรู ระหวางกัน 2. จากนั้นสมาชิกในกลุมชวยกันคัดเลือกขอมูล ที่นําเสนอเพื่อใหไดขอมูลที่ถูกตอง และรวม อภิปรายแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม 3. ครูใหนักเรียนแตละกลุมใชสมารตโฟนคนหา การกระจายและขนาดของแผนดินไหวใน บริเวณพื้นที่ตางๆ ของโลกเพิ่มเติม แลว นําขอมูลมาอภิปรายรวมกันภายในชั้นเรียน ประกอบการใชคําถาม เชน • การเกิดแผนดินไหวจากการเคลื่อนตัวของ เปลือกโลกมีลักษณะอยางไร (แนวตอบ การเคลื่อนตัวของเปลือกโลกใน บริเวณแนวรอยเลื่อนตางๆ ทําใหแผนดิน เกิดการสั่นสะเทือนซึ่งมีระดับความรุนแรง แตกตางกันไป ปจจัยสําคัญของระดับ ความรุนแรง ไดแก ลักษณะหรือพลังในการ เคลื่อนตัวของเปลือกโลก และความลึกของ จุดศูนยกลางแผนดินไหว) นักเรียนควรรู 1 จุดรอน (hot spot) สวนหนึ่งของพื้นผิวโลกที่คาดวาอยูหางจากขอบเขต การแปรสัณฐานของเปลือกโลก และเปนปรากฏการณทางภูเขาไฟ เกิดจากการ ถายเทพลังงานของมวลที่แข็งและรอนในชั้นของเปลือกโลกแมนเทิล (Mantle) ซึ่งเปนชั้นหินหลอมเหลวใตเปลือกโลก ลักษณะปรากฏการณดังกลาวทําให เกิดภูเขาไฟและภูเขาไฟปะทุ เกร็ดแนะครู ครูใหนักเรียนดูแผนที่ แลวใชทักษะทางภูมิศาสตรวิเคราะหการเกิด แผนดินไหวในพื้นที่ตางๆ ของโลก พรอมยกตัวอยางการเกิดแผนดินไหวครั้ง รายแรงของโลก เชน แผนดินไหวที่ประเทศญี่ปุน ใน ค.ศ. 2011 ขนาด 9.0 ริกเตอร และเกิดคลื่นยักษสึนามิที่มีความสูงกวา 40.5 เมตร ในพื้นที่ชายฝงทางตะวันออก โดยคลื่นซัดขึ้นมาบนชายฝงเปนระยะทางกวา 10 กิโลเมตร สรางความเสียหาย กับเตาปฏิกรณของโรงไฟฟานิวเคลียรฟุกุชิมะ ไดอิจิ นักเรียนสืบคนบริเวณพื้นที่ที่มีการเกิดแผนดินไหวมากที่สุด หรือรุนแรงที่สุดในโลก โดยระบุตําแหนงลงบนแผนที่แสดง การกระจายของขนาดแผนดินไหวของโลก พรอมทั้งระบุถึงสาเหตุ และผลกระทบจากเหตุการณดังกลาว นํา สอน สรุป ประเมิน T35


ลาวาหรือหินละลาย คือ แมกมาที่ดันตัวออก มาสู่ผิวโลก มีอุณหภูมิประมาณ 900 - 1,300 �C แก๊สต่าง ๆ CO2 NO2 SO2 มวลแมกมา(magma chamber) ปากปล่องภูเขาไฟ กรวยย่อย การปะทุของภูเขาไฟ 1.3) การปะทุของภูเขาไฟ (volcanic eruption) เมื่อรอยต่อระหว่างแผ่นเปลือก โลกแยกออกจากกันหรือเคลื่อนเข้าหากัน หรือเมื่อบนเปลือกโลกมีจุดร้อน ท�าให้แมกมาปะทุ หรือไหลออกมาเป็นลาวา ซึ่งขึ้นอยู่กับชนิดและองค์ประกอบของแมกมาและแรงดันที่อยู่ภายใต้ เปลือกโลกบริเวณนั้น หากเป็นแมกมาเหลว ไม่มีไอน�้าและแก๊สมาก ลาวาที่ปะทุออกมาจะไหลไป ตามความลาดของพื้นที่ หรือปล่องด้านข้างของภูเขาไฟ หากแมกมามีความหนืด มีไอน�้า แก๊ส และมีแรงดันมากจะเกิดการปะทุที่รุนแรง ซึ่งบางครั้งปะทุขึ้นไปสูงหลายกิโลเมตร มีมวลไอน�้าแก๊ส และเศษหินปะทุสูงขึ้นไปในบรรยากาศ แก๊สจากการปะทุของภูเขาไฟเป็นแก๊สพิษที่เป็นอันตราย ต่อสุขภาพของสิ่งมีชีวิต เศษหินขนาดใหญ่ที่ลอยขึ้นไปสู่บรรยากาศจะเย็นลงอย่างรวดเร็วและตกลง มาสะสมใกล้ปล่องภูเขาไฟ ส่วนเถ้าละอองฝุ่นขนาดเล็กลอยไปไกลจากบริเวณที่ปะทุ 1.4) โครงสร้างทางธรณีวิทยา (geologic structure) การเคลื่อนที่ของเปลือกโลก เข้าหากันท�าให้เกิดแรงอัดระหว่างแผ่นเปลือกโลก ก่อให้เกิดโครงสร้างทางธรณีวิทยาและภูมิประเทศ ของหินตะกอนที่โผล่พ้นผิวดินที่หลากหลาย เช่น 34 กิจกรรม ทาทาย เกร็ดแนะครู ครูควรเปดคลิปวิดีโอสารคดีภูเขาไฟปะทุ ใหนักเรียนไดดูประกอบการ อธิบาย เชน จากภาพยนตรสารคดีสั้น Twig เรื่อง การปะทุของภูเขาไฟ ที่ http://www.twig-aksorn.com/film/time-zoom-8376/ และสรุปกระบวนการ เกิดภูเขาไฟปะทุ โดยใช infographic การปะทุของภูเขาไฟ จากหนังสือเรียน ประกอบ ขั้นสอน ขั้นที่ 4 การวิเคราะหและแปลผลขอมูล 1. ครูใหสมาชิกแตละกลุมวิเคราะหเพิ่มเติม ถึงลักษณะและผลกระทบของการปะทุของ ภูเขาไฟแตละรูปแบบ ตลอดจนยกตัวอยาง การปะทุของภูเขาไฟที่พบในแตละภูมิภาค ของโลกประกอบการวิเคราะหเชื่อมโยงกับ การเปลี่ยนแปลงทางธรณีภาคเพิ่มเติม 2. สมาชิกแตละกลุมนําขอมูลของตนเองมา วิเคราะหถึงความเชื่อมโยงกับโครงสรางทาง ธรณีวิทยาวา มีความเกี่ยวของกันหรือไม อยางไร ตลอดจนยกตัวอยางประกอบเพิ่มเติม ใหนักเรียนสืบคนขอมูลการปะทุของภูเขาไฟครั้งสําคัญ ของโลก สรุปกระบวนการเกิด ผลกระทบตอมนุษยและสิ่งแวดลอม และวิเคราะหแนวโนมสถานการณ พื้นที่เสี่ยงตอการเกิดภูเขาไฟ ปะทุของโลก สรุปความรูเปนแผนผังความคิด กิจกรรม สรางเสริม ใหนักเรียนสืบคนขาว หรือเหตุการณการปะทุของภูเขาไฟ ในประเทศเพื่อนบาน สรุปกระบวนการเกิด และผลกระทบตอ สิ่งแวดลอม นํา สอน สรุป ประเมิน T36


ขอสอบเนน การคิด • โครงสร้างคดโค้ง เป็นการคดโค้งคล้ายลูกฟูก หรือแบบโดม หรือโดมกลับหัว ขนาดของการคดโค้งต่างกัน เช่น โครงสร้างหินโค้งรูปประทุนคว�่า หินโค้งรูปประทุนหงาย ซึ่งอาจ มีลักษณะเป็นรูปประทุนต่อเนื่องกันคล้ายแผ่นสังกะสีมุงหลังคา ลักษณะของการคดโค้งอาจเป็น แบบคดโค้งสมมาตร หรือคดโค้งไม่สมมาตร หรือคดโค้งตลบทับ หินที่มีอายุมากกว่า (เกิดก่อน) อยู่ชั้นล่าง • โครงสร้างรอยเลื่อน เกิดจากการเคลื่อนที่ของเปลือกโลกหรือแผ่นหินในแนวดิ่ง หรือแนวระนาบ เช่น รอยเลื่อนปกติ เป็นรอยเลื่อนที่หินเพดานเลื่อนลงเมื่อเปรียบเทียบกับหินพื้น รอยเลื่อนย้อน เป็นรอยเลื่อนที่หินเพดานเลื่อนขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับหินพื้น ถ้ารอยเลื่อนย้อน มีค่ามุมเทเท่ากับหรือน้อยกว่า 45 องศา เรียกว่า รอยเลื่อนย้อนมุมต�่า รอยเลื่อนตามแนวระดับ หรือรอยเลื่อนเหลื่อมข้าง เป็นรอยเลื่อนในหินที่สองฟากของรอยเลื่อนเคลื่อนตัวในแนวราบ รอยเลื่อนปกติ รอยเลื่อนย้อน รอยเลื่อนตามแนวระดับ โครงสร้างหินโค้งรูปประทุนคว�่า หินที่มีอายุมากกว่า อยู่ด้านใน โครงสร้างหินโค้งรูปประทุนหงาย หินที่มีอายุมากกว่า อยู่ด้านนอก โครงสร้างหินโค้งรูปประทุนคว�่า โครงสร้างหินโค้งรูปประทุนหงาย 35 ขนาดของการคดโค้งต่างกัน เช่น โครงสร้างหินโค้งรูปประทุนคว�่า หินโค้งรูปประทุนหงาย ซึ่งอาจ 1 2 นักเรียนควรรู 1 โคงรูปประทุนควํ่า (Anticline) มีลักษณะเปนชั้นหินที่โคงเหมือนเอาประทุน เรือมาวางควํ่า ชั้นหินที่อยูบริเวณใจกลางของโคงประทุนจะมีอายุเกาแกที่สุด 2 โคงรูปประทุนหงาย (Syncline) มีลักษณะเปนชั้นหินที่โคงตัวเหมือนเอา ประทุนเรือมาวางหงาย ชั้นหินที่อยูใจกลางของโคงประทุนหงาย จะมีอายุนอย ที่สุด เกร็ดแนะครู ครูอธิบายเพิ่มเติม ถึงการเปลี่ยนแปลงภายในโลก ทําใหเกิดโครงสราง ทางธรณีวิทยา เกิดรอยเลื่อนในลักษณะตางๆ ขั้นสอน ขั้นที่ 4 การวิเคราะหและแปลผลขอมูล 3. ครูนําตัวอยางหินตะกอน หินอัคนี และหิน บะซอลตมาใหนักเรียนดู พรอมทั้งสอบถาม นักเรียนเกี่ยวกับที่มา โครงสราง และความ สัมพันธทางธรณีวิทยา จากนั้นครูแนะนํา เพิ่มเติมประกอบการซักถาม เชน • การเกิดแผนดินไหวสอดคลองกับบริเวณ ที่เปนแนวรอยเลื่อนของแผนเปลือกโลก อยางไร (แนวตอบ การเคลื่อนตัวในรูปแบบตางๆ กอใหเกิดแผนดินไหวที่มีความรุนแรง แตกตางกัน โดยมากแผนดินไหวที่รุนแรง เกิดจากการเคลื่อนตัวในรูปแบบชน หรือ มุดของแผนเปลือกโลก นอกจากนี้ ยังกอ ใหเกิดลักษณะภูมิประเทศแบบตางๆ เชน เทือกเขาในมหาสมุทร หรือเทือกเขาบน ภาคพื้นทวีปอีกดวย) รอยเลื่อนขอใดมีทิศทางการเคลื่อนที่เปนไปในทิศทางตาม แรงดึงดูดของโลก 1. รอยเลื่อนยอน 2. รอยเลื่อนปกติ 3. รอยเลือนตามแนวระดับ 4. รอยเลื่อนยอนและรอยเลื่อนปกติ 5. รอยเลื่อนปกติและรอยเลื่อนตามแนวระดับ (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. รอยเลื่อนปกติ หมายถึง รอยเลื่อน ที่มีทิศทางการเคลื่อนที่เสมือนหรือไปในทิศทางตามแรงดึงดูด ของโลก) นํา สอน สรุป ประเมิน T37


ขอสอบเนนการคิด 2) กระบวนการปรับระดับพื้นผิวโลก เป็นการปรับระดับผิวแผ่นดิน เพื่อให้ผิว เปลือกโลกอยู่ในสภาพสมดุล พื้นที่ที่เป็นที่สูง เช่น ภูเขา หรือที่สูงชันถูกกระบวนการทางธรรมชาติ ท�าให้ลดระดับต�่าลง ในขณะที่พื้นที่ที่ต�่ากว่า เช่น แอ่ง หรือพื้นที่ลุ่มจะมีตะกอนมาตกทับถมให้ สูงขึ้น การปรับระดับผิวแผ่นดินเป็นกระบวนการท�าให้เกิดการลดระดับแผ่นดินให้ต�่าลง และการ เพิ่มระดับแผ่นดินที่ท�าให้พื้นที่ต�่ากว่ามีระดับสูงขึ้น ดังนี้ 2.1) การผุพังอยู่กับที่ (weathering) เป็นกระบวนการที่ท�าให้แร่ประกอบหินเกิด การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพและทางเคมี ผุกร่อน แตกหัก ละลาย โดยไม่มีการสึกกร่อนหรือพัดพา แต่เป็นการเปลี่ยนสภาพอยู่ ณ ที่เดิมของภูมิประเทศที่เกิดขึ้นอยู่ก่อนแล้ว เกิดใน 3 ลักษณะ ดังนี้ ภูมิประเทศคาสต์เกิดจากน�้าฝนละลายหินปูน เห็นชัดจาก ส่วนยอดเขา การผุพังของหินอัคนีที่แตกเป็นกาบมนคล้ายกลีบหัวหอม • การผุพังอยู่กับที่ทาง กายภาพ เกิดจากแรงกดดันและอุณหภูมิเป็น หลัก เช่น หินอัคนีที่ประกอบด้วยแร่หลายชนิด เมื่อได้รับความร้อนจากแสงแดดจัด เช่น ใน ทะเลทรายแร่จะขยายตัวได้ไม่เท่ากัน ท�าให้เกิด การแตกร่วงหลุดออกมา ส่วนในเขตหนาวจัด น�้าที่แทรกอยู่ในร่องหินจะแข็งและขยายตัว ท�าให้หินแตกออกจากกัน • การผุพังอยู่กับที่ทาง เคมี เป็นการเปลี่ยนแปลงทางเคมีของหิน และแร่ เช่น การมีโมเลกุลของน�้าเข้าไปอยู่ในหิน หรือแร่ ท�าให้แร่ขยายตัวและยุ่ยง่ายขึ้น ออกซิเจน ไปท�าปฏิกิริยากับแร่โลหะ เช่น เหล็กจะเกิดสนิม เหล็ก หินปูนประกอบด้วยแคลเซียมคาร์บอเนต เมื่อถูกน�้าฝนหรือแช่น�้าที่มีสภาพเป็นกรดอ่อนจะ เกิดการละลาย ท�าให้เกิดโพรง หรือถ�้า • การผุพังอยู่กับที่ทาง ชีวภาพ เกิดจากกิจกรรมของสิ่งมีชีวิต เช่น ราก พืชแทรกเข้าไปขยายรอยแตกของหิน จุลินทรีย์ ย่อยสลายอินทรียวัตถุ ท�าให้เกิดกรดที่ท�า ปฏิกิริยากับแร่ประกอบหินบางชนิด 36 ภูมิประเทศคาสต์เกิดจากน�้ 1 วนอุทยานถํ้าหลวง-ขุนนํ้านางนอน อ.แมสาย จ.เชียงราย เปนลักษณะภูมิประเทศแบบคาสต เกิดจากการกระทําของสิ่งใด 1. กระแสลมพัดแรง 2. กระแสนํ้าไหลเชี่ยว 3. การครูดถูของธารนํ้าแข็ง 4. การกัดกรอนของธารนํ้าไหล 5. การละลายของหินปูนโดยธารนํ้าใตดิน (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 5. นํ้าฝนเปนตัวการสําคัญที่ทําใหเกิด การเปลี่ยนแปลง การผุพังทางเคมีทําใหหินปูนเปลี่ยนรูปทรงและ สวนประกอบของเนื้อหิน ทําใหเปนโพรงหรือถํ้า) ขั้นสอน ขั้นที่ 4 การวิเคราะหและแปลผลขอมูล 4. นักเรียนวิเคราะหและเชื่อมโยงความสัมพันธ ของโครงสรางทางธรณีวิทยาโดยดูตัวอยางหิน กับกระบวนการปรับระดับพื้นผิวโลก ระหวาง นั้นครูอาจใหนักเรียนใชสมารตโฟนสืบคน เพื่อขยายความรูเกี่ยวกับการผุพังของหิน และแร จากหนังสือเรียน ภูมิศาสตร ม.4-6 เพิ่มเติม จากนั้นรวมกันตรวจสอบความ ถูกตองของขอมูล นักเรียนควรรู 1 ภูมิประเทศคาสต (karst topography) เปนลักษณะของหินปูนที่ถูกนํ้าฝน ละลายหินออกไป จนเหลือหินเปนลักษณะตะปุมตะปา เต็มไปดวยหลุมบอ ถํ้า และทางนํ้าใตดิน บริเวณภูมิประเทศแบบคาสตพบไดที่ปาหิน หลุมยุบ สะพานหิน อุโมงคธรรมชาติ ถํ้า หินงอก และหินยอย เกร็ดแนะครู ครูใหความรูพื้นฐานเกี่ยวกับกระบวนการปรับระดับพื้นผิวโลก (gradation) เปนกระบวนที่ทําใหระดับพื้นผิวโลกมีระดับราบหรือลาดสมํ่าเสมอ กระบวนการ ที่ทําใหเกิดการปรับระดับผิวแผนดิน มี 4 ตัวการ คือ 1. การผุพังอยูกับที่ (weathering) 2. การกัดกรอน (erosion) 3. การทับถม (deposition) 4. การพัดพา (transportation) นํา สอน สรุป ประเมิน T38


ขอสอบเนน การคิด • แรงกระแทก เกิดจาก กระแสน�้าไหลเชี่ยว กระแสลมพัดแรง หรือ กระแสลมและน�้าที่มีฝุ่นหรือมีเศษหินขนาดเล็ก พัดไปกระแทกกับหน้าผา และก้อนหิน จนเกิด เป็นโพรง เช่น แกรนด์แคนยอน โกรกธารในรัฐ แอริโซนา สหรัฐอเมริกา • การครูดถู ธารน�้าแข็ง ที่มีเศษหินติดมาด้วยจะครูดถูไปกับพื้นธารและ ด้านข้างของหุบเขา ท�าให้หินแตกหักหลุดติดไป กับธารน�้าแข็งได้ ลมพัดทรายครูดถูผนังแนว แกรนด์แคนยอน รัฐแอริโซนา สหรัฐอเมริกา วนอุทยานถ�้าหลวง - ขุนน�้านางนอน อ.แม่สาย จ.เชียงราย เป็นภูมิประเทศคาสต์ที่เกิดจากการละลายของหินปูน โดยธารน�้าใต้ดิน 2.2) การกร่อน (erosion) เป็นกระบวนการที่หินและดินแตกหักหรือหลุดเป็นก้อน เล็กจากตัวกระท�า เช่น ธารน�้าไหล คลื่น ลม ธารน�้าแข็ง ดังนี้ หินทราย เช่น เดอะเวฟ (The Wave) รัฐแอริโซนา สหรัฐอเมริกา หรือน�้าในธารพัดเอากรวดทราย มาหมุนวนอยู่ในแอ่งเล็ก ๆ บนหน้าหิน กรวดทรายเป็นตัวการครูดถู ขัดสี ท�าให้เกิดเป็นหลุมบ่อ ถล่ม เรียกว่า กุมภลักษณ์ เช่น สามพันโบก อ.โพธิ์ไทร จ.อุบลราชธานี • การละลาย เกิดจากน�้าละลายแร่บางชนิดให้หลุดลอยหรือละลายไปกับน�้า ท�าให้เกิดภูมิประเทศคาสต์ ในพื้นที่หินปูน น�้าจะละลายหินออกไปมากจนพื้นผิวของหินกลายเป็น ตะปุ่มตะป่าเต็มไปด้วยหลุมบ่อ ถ�้า และทางน�้าใต้ดินที่จะละลายเอาเนื้อหินดังกล่าวแทรกซึม หายลงไป พื้นที่แบบนี้จึงมักเป็นที่แห้งแล้ง และมีธารน�้าไหลลงที่ต�่าในหน้าฝน เช่น วนอุทยาน ถ�้าหลวง - ขุนน�้านางนอน อ.แม่สาย จ.เชียงราย 2.3) การพัดพาและการทับถม (transportation and deposition) การพัดพาและ การทับถมเป็นกระบวนการที่เกิดคู่กัน คือ เมื่อ มีการพัดพาตะกอนออกไปจากที่หนึ่ง ท�าให้เกิด การทับถมในเวลาต่อมาตามลักษณะของตะกอน และสภาพแวดล้อม การพัดพาและการทับถม ท�าให้เกิดสภาพภูมิประเทศต่างกันไปตามชนิด ของตะกอนและตัวกระท�านั้น ๆ 37 เป็นโพรง เช่น แกรนด์แคนยอน โกรกธารในรัฐ 1 ขั้นสอน ขั้นที่ 4 การวิเคราะหและแปลผลขอมูล 5. ครูใหนักเรียนยกตัวอยางสถานที่ทองเที่ยว ในโลกหรือในประเทศไทยที่เกิดจากการกรอน ของหินและดิน พรอมทั้งวิเคราะหและแสดง ความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานที่ดังกลาวรวมกัน 6. ครูใหนักเรียนรวมกันใชสมารตโฟนสืบคนเพื่อ ขยายความรูเกี่ยวกับการพัดพาและการทับถม จากหนังสือเรียน ภูมิศาสตร ม.4-6 เพิ่มเติม 7. ครูใหสมาชิกแตละกลุมนําขอมูลที่รวบรวมได ทําการวิเคราะหรวมกันเพื่ออธิบายคําตอบ และรวมกันตรวจสอบความถูกตองของขอมูล จากนั้นแตละกลุมนําเสนอขอมูลจากการศึกษา ธรณีภาคและการเปลี่ยนแปลงทางธรณีภาค สมาชิกกลุมอื่นผลัดกันใหขอคิดเห็น หรือ ขอเสนอแนะเพิ่มเติม เพราะเหตุใดกระบวนการพัดพาและการทับถมจึงเปน กระบวนการที่เกิดขึ้นควบคูกัน (แนวตอบ การพัดพา เปนกระบวนการพัดพาตะกอนจากที่หนึ่ง ไปอีกที่หนึ่งจากกระทําของนํ้า ลม ธารนํ้าแข็ง ตะกอนที่ถูก พัดพาเหลานั้นจะไปทับถมบริเวณตางๆ เชน การทับถมของ ตะกอนดินดอนสามเหลี่ยม เกิดจากการทับถมของตะกอน ที่บริเวณปากแมนํ้า เปนรูปสามเหลี่ยม เนื่องจากกระแสนํ้า บริเวณปากแมนํ้าเคลื่อนที่ชาลง จึงเกิดการทับถมของตะกอนอยู ตลอดเวลา) นักเรียนควรรู 1 แกรนดแคนยอน รัฐแอริโซนา สหรัฐอเมริกา เปนดินแดนหินผา และ หุบเหว เนื้อที่ทอดตัวยาว 450 กิโลเมตร รองผาลึก 1.6 กิโลเมตร และกวาง โดยเฉลี่ย 15 กิโลเมตร เกิดจากการกัดเซาะของแมนํ้าโคโลราโด เกิดเปนแผน ผาหินแกรนิตที่มองเห็นเปนแถบลายทอดตัวเหนือแมนํ้าโคโลราโด เปนแหลง ทองเที่ยวทางธรรมชาติที่เปนที่นิยมของนักทองเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก เกร็ดแนะครู ครูและนักเรียนรวมกันสรุปกระบวนการกรอน และใหนักเรียนสืบคนภาพ ลักษณะภูมิประเทศที่เกิดจากกระบวนการดังกลาวจากเว็บไซต เพื่อประกอบ การอธิบาย เชน แกรนดแคนยอน ในสหรัฐอเมริกา สามพันโบก ถํ้าหลวง-ขุนนํ้า นางนอน หรือถํ้าในจังหวัดตางๆ ของไทย หรือใหนักเรียนดูคลิปการเกิด ลักษณะภูมิประเทศที่เกิดจากกระบวนการกรอน นํา สอน สรุป ประเมิน T39


การคัดขนาดตะกอนด้วยการพัดพาของน�้า หิน ทิศทางการพัดพา น�้า ทราย ทรายแป้ง ดินเหนียว • การพัดพา เป็นกระบวนการพัดพาตะกอนหิน แร่ ดิน อินทรียวัตถุ และ สารละลายออกไปจากพื้นที่ โดยตัวกระท�า เช่น ธารน�้าไหล กระแสน�้าทะเล ธารน�้าแข็ง ลม ซึ่งจะ มีตะกอนที่เป็นก้อนหิน สารแขวนลอยหรือสารละลาย ขึ้นอยู่กับชนิดของตัวกระท�าที่ท�าให้ตะกอน ถูกพัดพาไปเป็นระยะทางสั้น ๆ หรือไกลออกไปจากแหล่งก�าเนิดมากได้ เช่น ธารน�้าไหลพัดพา ตะกอนหินขนาดใหญ่ไปได้ไม่ไกลแต่ตะกอนที่เป็นสารละลายจะพัดพาไปไกลมาก ส่วนธารน�้าแข็ง พัดพาตะกอนหลายขนาดไปพร้อมกับการไหลได้ • การทับถม เกิดขึ้นเมื่อมีการสูญเสียพลังงานในการพัดพาของตัวกระท�า เช่น เมื่อกระแสน�้าลดลงท�าให้เกิดการทับถมของตะกอนที่น�้าพัดพามาด้วย ตะกอนขนาดใหญ่จะ ตกทับถมก่อนตะกอนขนาดเล็ก และสารละลายจะตกตะกอนเมื่อน�้านิ่ง ตะกอนที่ธารน�้าแข็งพัดพา มาเกิดการทับถมเมื่อน�้าแข็งละลาย 2.4) การเคลื่อนที่ของมวล (mass wasting) เกิดขึ้นเมื่อก้อนหินหรือมวลดิน ผสมเศษหินที่อยู่บนพื้นที่ลาดชันร่วงหล่นไปตามความลาดชัน เนื่องจากมีน�้าหนักมากและจาก หน้าผา Seven Sisters ในสหราชอาณาจักรเกิดการถล่ม ท�าให้หินชอล์กกว่า 50,000 ตัน เคลื่อนลงไปในทะเล แรงโน้มถ่วงของโลก การเคลื่อนที่จะเกิดขึ้นช้า หรือเร็วขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ เช่น ความลาดชัน ของพื้นที่ น�้า พืช ถ้ามีพืชปกคลุมจะท�าให้ดิน ยึดเกาะกันได้ดี แต่ถ้ามีพืชมากเกินไปก็อาจ ท�าให้ดินต้องรับน�้าหนักมาก และปัจจัยกระตุ้น อื่น ๆ เช่น การสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว การ ปะทุของภูเขาไฟ รวมทั้งลักษณะการเคลื่อนที่ ของมวล เช่น หินพัง การเลื่อนถล่ม การไหล ซึ่งจะท�าให้เกิดสภาพภูมิประเทศ เช่น กองหิน บริเวณตีนเขา เนินตะกอนรูปพัด 38 ขั้นสอน ขั้นที่ 5 การสรุปเพื่อตอบคําถาม 1. นักเรียนในชั้นเรียนรวมกันสรุปเกี่ยวกับการใช เครื่องมือทางภูมิศาสตร และเครื่องมือดาน เทคโนโลยีในการสืบคนธรณีภาค 2. ครูใหสมาชิกในแตละกลุมชวยกันสรุปสาระ สําคัญเพื่อตอบคําถามเชิงภูมิศาสตร 3. นักเรียนกลุมเดิมรวมกันทําใบงานที่ 2.1 ปรากฏการณทางธรณีภาค โดยครูแนะนํา เพิ่มเติม 4. นักเรียนทําแบบฝกสมรรถนะฯ ภูมิศาสตร ม.4-6 เกี่ยวกับเรื่อง ธรณีภาค เพื่อเปนการบาน สงครูในชั่วโมงถัดไป ขั้นสรุป ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรูเกี่ยวกับ ธรณีภาค ตลอดจนความสําคัญที่มีอิทธิพลตอการ ดําเนินชีวิตของประชากร หรือใช PPT สรุปสาระ สําคัญของเนื้อหา ขั้นประเมิน 1. ครูประเมินผลโดยสังเกตจากการตอบคําถาม การรวมกันทํางาน และการนําเสนอผลงาน หนาชั้นเรียน 2. ครูตรวจสอบผลจากการทําใบงาน และแบบฝก สมรรถนะฯ ภูมิศาสตร ม.4-6 แนวทางการวัดและประเมินผล ครูสามารถวัดและประเมินความเขาใจเนื้อหา เรื่อง ธรณีภาค ไดจากการ ตอบคําถาม การรวมกันทํางาน และนําเสนอผลงานหนาชั้นเรียน โดยศึกษา เกณฑการวัดและประเมินผลจากแบบประเมินการนําเสนอผลงานที่แนบทาย แผนการจัดการเรียนรูหนวยที่ 2 เรื่อง การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพของโลก แบบประเมินการน าเสนอผลงาน ค าชี้แจง : ให้ผู้สอนประเมินผลการน าเสนอผลงานของนักเรียนตามรายการ แล้วขีด ลงในช่องที่ ตรงกับระดับคะแนน ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ............/................./................ เกณฑ์การให้คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินสมบูรณ์ชัดเจน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินเป็นส่วนใหญ่ ให้ 2 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินบางส่วน ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ต่ ากว่า 8 ปรับปรุง ล าดับที่ รายการประเมินระดับคะแนน 3 2 1 1 ความถูกต้องของเนื้อหา 2 การล าดับขั้นตอนของเรื่อง 3 วิธีการน าเสนอผลงานอย่างสร้างสรรค์ 4 การใช้เทคโนโลยีในการน าเสนอ 5 การมีส่วนร่วมของสมาชิกในกลุ่ม รวม กิจกรรม สรางเสริม ครูและนักเรียนรวมกันสรุปกระบวนการพัฒนา การทับถมและ การเคลื่อนที่ของมวลใหนักเรียนสืบคนภาพลักษณะภูมิประเทศ ที่เกิดจากกระบวนการดังกลาวจากเว็บไซต เพื่อประกอบการ อธิบาย เชน ตะกอนรูปพัดปากแมนํ้าเจาพระยา หรือใหนักเรียน ดูคลิปการเกิดลักษณะภูมิประเทศที่เกิดจากกระบวนการพัดพา และการทับถม นํา สอน สรุป ประเมิน T40


ขอสอบเนน การคิด แก๊สไนโตรเจน 78.084% แก๊สออกซิเจน 20.946% แก๊สอาร์กอน 0.934% แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ 0.033% Geo Tip ส่วนประกอบของอากาศ 2 บรรยากาศภาค (atmosphere) บรรยากาศมีความส�าคัญต่อสิ่งมีชีวิตบนผิวโลก เนื่องจากเกี่ยวข้องกับปรากฏการณ์ต่าง ๆ เช่น การเกิดลม เมฆ ฝน หยาดน�้าฟ้า นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันความร้อนจากการแผ่รังสี ดวงอาทิตย์และรังสีอัลตราไวโอเลตไม่ให้ผ่านลงมาถึงผิวโลกมากจนเป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิต 2.1 ส่วนประกอบของบรรยากาศ อากาศเป็นส่วนผสมระหว่างแก๊สชนิดต่าง ๆ ได้แก่ แก๊สไนโตรเจน แก๊สออกซิเจน แก๊ส อาร์กอน และแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ อนุภาคของของแข็งขนาดเล็กและควัน มีปริมาณแตกต่างกัน ดังนี้ เช่น แก๊สนีออน แก๊สฮีเลียม แก๊สคริปตอน แก๊สซีนอน แก๊สไฮโดรเจน แก๊สมีเทน แก๊สไนตรัสออกไซด์ รวมถึงฝุ่นละอองและควัน ส่วนประกอบของอากาศแห้ง หากเป็นอากาศชื้น จะมีไอน�้าผสมอยู่ในอากาศประมาณร้อยละ 0.1 - 4.0 แปรผันไปตาม ลักษณะพื้นที่ เช่น แหล่งน�้า ป่าไม้ ทะเลสาบ รวมทั้งฤดูของท้องถิ่น แก๊สไนโตรเจน (nitrogen) มีลักษณะเป็นแก๊สไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ไม่ไวต่อปฏิกิริยาเคมี มีปรากฏอยู่ ประมาณร้อยละ 78 ในบรรยากาศ มีความส�าคัญในการช่วยเจือจางแก๊สออกซิเจนในอากาศให้มีความ เข้มข้นเหมาะสมส�าหรับการหายใจของสิ่งมีชีวิต แก๊สอื่น ๆ 0.003% 39 เกร็ดแนะครู ครูอธิบายเพิ่มเติมวา บรรยากาศของโลก คือ อากาศที่หอหุมโลกอยู โดยรอบ มีขอบเขตนับจากระดับนํ้าทะเลขึ้นไป ประมาณ 1,000 กิโลเมตร ที่บริเวณใกลระดับนํ้าทะเลอากาศจะมีความหนาแนนมาก และจะคอยๆ ลดลง เมื่อสูงขึ้นไปจากระดับนํ้าทะเล จากนั้นใหนักเรียนดูแผนภาพสวนประกอบ ของอากาศแหง ตั้งประเด็นการสนทนา เชน • สิ่งมีชีวิตตองการแกสอะไรมากที่สุด และควรทําอยางไรเพื่อรักษาสมดุล ของอากาศ ขั้นนํา (Geographic Inquiry Process) 1. ครูแจงชื่อเรื่อง จุดประสงค และผลการเรียนรู 2. ครูใหนักเรียนดูภาพหรือคลิปวิดีโอเกี่ยวกับ การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพของโลกดาน บรรยากาศภาค 3. ครูและนักเรียนรวมกันแสดงความคิดเห็นจาก ภาพหรือคลิปวิดีโอ และจากการศึกษา Geo Tip เกี่ยวกับแกสไนโตรเจน จากหนังสือเรียน ภูมิศาสตร ม.4-6 4. ครูถามคําถามกระตุนความคิด เชน • บรรยากาศของโลกมีลักษณะอยางไร (แนวตอบ บรรยากาศของโลกเปนอากาศ ที่หอหุมโลก ซึ่งประกอบดวย แกสตางๆ ไอนํ้า และฝุนละออง ทั้งนี้ สามารถแบงออก ไดเปนชั้นตางๆ ตามระดับความสูงและ สภาวะในชั้น) • ความสําคัญของบรรยากาศของโลกตอ การดํารงชีวิตของมนุษย คืออะไร (แนวตอบ บรรยากาศมีแกสออกซิเจนที่มนุษย ใชหายใจ มีแกสคารบอนไดออกไซดใหพืช เพื่อใชในการสังเคราะหแสง นอกจากนี้ ยังชวยกรองรังสีตางๆ ที่เปนอันตรายตอ มนุษย ชวยทําหนาที่คลายเรือนกระจก อบความรอน ทําใหอุณหภูมิในระหวาง กลางวันกับกลางคืนไมแตกตางกันมากนัก ตลอดจนเปนแหลงสะสมไอนํ้าและทําใหเกิด การเปลี่ยนแปลงของวัฏจักรนํ้า) แกสในบรรยากาศขอใดมีความสําคัญในการชวยเจือจางแกส ออกซิเจนในอากาศใหมีความเขมขนเหมาะสมสําหรับการหายใจ ของสิ่งมีชีวิต 1. แกสนีออน 2. แกสอารกอน 3. แกสไฮโดรเจน 4. แกสไนโตรเจน 5. แกสคารบอนไดออกไซด (วิเคราะหคําตอบ ตอบ ขอ 4.แกสไนโตรเจน มีลักษณะเปนแกส ไมมีสี กลิ่น รส ไมไวตอปฏิกิริยาเคมี มีปรากฏอยูในบรรยากาศ ประมาณรอยละ 78 มีความสําคัญในการชวยเจือจางแกสออกซิเจน ในอากาศใหมีความเขมขนเหมาะสมสําหรับการหายใจ) นํา นํา สอน สรุป ประเมิน T41


Click to View FlipBook Version