ค�ำอธิบายรายวิชา ภูมิศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 เวลาเรียน 40 ชั่วโมง/ปี ศึกษา ใช้แผนที่และเครื่องมือทางภูมิศาสตร์ในการค้นหา วิเคราะห์และสรุปข้อมูลตามกระบวนการทางภูมิศาสตร์ และน�ำภูมิสารสนเทศมาใช้ประโยชน์ในชีวิตประจ�ำวัน การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพของพื้นที่ซึ่งได้รับอิทธิพลจากปัจจัย ทางภูมิศาสตร์ลักษณะทางกายภาพซึ่งท�ำให้เกิดปัญหาหรือภัยพิบัติทางธรรมชาติและปฏิสัมพันธ์ระหว่างสิ่งแวดล้อมทาง กายภาพกับกิจกรรมของมนุษย์ในการสร้างสรรค์วิถีการด�ำเนินชีวิตของท้องถิ่นทั้งในประเทศไทยและภูมิภาคต่างๆของโลก ความส�ำคัญของสิ่งแวดล้อมที่มีผลต่อการด�ำเนินชีวิตของมนุษย์สถานการณ์สาเหตุและผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงด้าน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของประเทศไทยและภูมิภาคต่างๆ ของโลก ระบุมาตรการการป้องกันและแก้ไขปัญหา กฎหมายและนโยบายด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม บทบาทขององค์การที่เกี่ยวข้อง การประสานความร่วมมือ ทั้งในประเทศและระหว่างประเทศวิเคราะห์แนวทางและมีส่วนร่วมในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพื่อการ พัฒนาที่ยั่งยืน โดยใช้ทักษะทางภูมิศาสตร์ด้านการสังเกต การแปลความข้อมูลทางภูมิศาสตร์การใช้เทคนิคและเครื่องมือทาง ภูมิศาสตร์การคิดเชิงพื้นที่ การคิดแบบองค์รวม การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ การใช้สถิติพื้นฐาน ใช้แผนที่และเครื่องมือ ทางภูมิศาสตร์ในการสืบค้น วิเคราะห์และสรุปข้อมูลตามกระบวนการทางภูมิศาสตร์กระบวนการสืบเสาะหาความรู้รวมถึง ทักษะด้านการสื่อสารและการรู้เท่าทันสื่อ เพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจ มีความสามารถทางภูมิศาสตร์กระบวนการทางภูมิศาสตร์ทักษะภูมิศาสตร์และมี ทักษะในศตวรรษที่21มีคุณลักษณะด้านจิตสาธารณะมีวินัย ใฝ่เรียนรู้มุ่งมั่นในการท�ำงานมีส่วนร่วมในการจัดการ พัฒนา ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ตัวชี้วัด ส 5.1 ม.4-6/1 ม.4-6/2 ม.4-6/3 ส 5.2 ม.4-6/1 ม.4-6/2 ม.4-6/3 ม.4-6/4 รวม 7 ตัวชี้วัด
Pedagogy คู่มือครู ภูมิศ าสตร์ ม.4-6 จัดทำ�ขึ้นเพื่อให้ผู้สอนน�ำไปใช้เป็นแนวทางวางแผนพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียน โดยสามารถวางแผนการจัดการเรียนรู้ประกอบการใช้หนังสือเรียนภูมิศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 (ฉบับอนุญาต) ที่ทาง บริษัท อักษรเจริญทัศน์อจท.จ�ำกัดจัดพิมพ์จ�ำหน่ายเพื่อให้สอดคล้องตามมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดสาระภูมิศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560) กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษา ขั้นพื้นฐาน พ.ศ.2551โดยออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้(InstructionalDesign) ให้ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจความสามารถ และทักษะกระบวนการทางภูมิศาสตร์ที่สะท้อนสมรรถนะส�ำคัญ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผู้เรียน ดังนี้ นอกจากใช้รูปแบบการสอนการรู้เรื่องภูมิศาสตร์(Geo-literacy) เป็นวิธีการหลักในการจัดการเรียนการสอนแล้วยังมี รูปแบบการจัดการเรียนการสอนอื่นๆ ได้แก่ รูปแบบการสอนแบบ 5Es วิธีการสอน • การสาธิต • การทดลอง • การใช้กรณีตัวอย่าง • การอภิปรายกลุ่มย่อย เทคนิคการสอน • ใช้คำถาม • เล่าเหตุการณ์ที่น่าสนใจและทันสมัย • ใช้ผังกราฟิก • การออกนอกสถานที่ • การเล่นเกม การจัดการเรียนการสอนตามแนวทางดังกล่าว จะท�ำให้ผู้เรียนได้พัฒนาทักษะในศตวรรษที่ 21 อันจะน�ำไปสู่การน�ำไป ปรับใช้ได้จริงในการด�ำเนินชีวิต เพื่อให้ผู้เรียนได้รู้เท่ากันต่อการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้ เป้าหมายการจัดการการเรียนการสอนสาระภูมิศาสตร์ • กระตุ้นความสนใจ • ส�ำรวจค้นหา • อธิบายความรู้ • ขยายความรู้ • ตรวจสอบผล สาระ ภูมิศาสตร์ กระบวนการ ทักษะ ความรู้ ความสามารถ สมรรถนะส�ำคัญ คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ • ลักษณะทางกายภาพของโลก • การใช้แผนที่และเครื่องมือทางภูมิศาสตร์ • กระบวนการทางภูมิศาสตร์ • การใช้ภูมิสารสนเทศ • ปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสิ่งแวดล้อม ทางกายภาพ • การตั้งค�ำถามเชิงภูมิศาสตร์ • การรวบรวมข้อมูล • การจัดการข้อมูล • การวิเคราะห์ข้อมูล • การสรุปเพื่อตอบคำถาม • ความเข้าใจระบบธรรมชาติและมนุษย์ • การใช้เหตุผลทางภูมิศาสตร์ • การตัดสินใจอย่างเป็นระบบ • การสังเกต • การแปลความข้อมูลทางภูมิศาสตร์ • การใช้เทคนิคและเครื่องมือทางภูมิศาสตร์ • การคิดเชิงภูมิสัมพันธ์ • การคิดแบบองค์รวม • การใช้เทคโนโลยี • การใช้สถิติพื้นฐาน
ภูมิศาสตร์ ม.4-6 หน่วย การเรียนรู้ ตัวชี้วัด ทักษะที่ได้ เวลาที่ใช้ การประเมิน สื่อที่ใช้ 1 เครื่องมือทาง ภูมิศาสตร์ ส 5.1 ม.4-6/3 ใช้แผนที่และเครื่องมือทาง ภูมิศาสตร์ในการค้นหา วิเคราะห์และสรุป ข้อมูลตามกระบวนการทางภูมิศาสตร์และน�ำ ภูมิสารสนเทศมาใช้ประโยชน์ในชีวิตประจ�ำวัน - การสังเกต - การแปลความข้อมูล ทางภูมิศาสตร์ - การใช้เทคนิคและ เครื่องมือทางภูมิศาสตร์ - การคิดเชิงพื้นที่ - การใช้เทคโนโลยี - การใช้สถิติพื้นฐาน 4 ชั่วโมง - ตรวจแบบทดสอบ ก่อนเรียน - ตรวจใบงาน - ตรวจแบบฝึก สมรรถนะและการคิด ภูมิศาสตร์ม.4-6 - ตรวจแบบวัดและ บันทึกผลการเรียนรู้ ภูมิศาสตร์ม.4-6 - สังเกตพฤติกรรมการ ทำงานกลุ่ม - สังเกตคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - ตรวจแบบทดสอบ หลังเรียน - หนังสือเรียน ภูมิศาสตร์ม.4-6 - ใบงาน - แบบฝึกสมรรถนะและ การคิด ภูมิศาสตร์ม.4-6 - แบบวัดและบันทึกผล การเรียนรู้ภูมิศาสตร์ ม.4-6 - แบบทดสอบก่อนเรียน - แบบทดสอบหลังเรียน - PowerPoint - เครื่องมือทาง ภูมิศาสตร์เช่น แผนที่ เข็มทิศ รูปถ่ายทาง อากาศ ภาพจาก ดาวเทียม 2 การเปลี่ยนแปลง ทางกายภาพ ของโลก ส 5.1 ม.4-6/1 วิเคราะห์การเปลี่ยนแปลง ทางกายภาพในประเทศไทยและภูมิภาคต่างๆ ของโลก ซึ่งได้รับอิทธิพลจากปัจจัยทาง ภูมิศาสตร์ - การแปลความข้อมูล ทางภูมิศาสตร์ - การคิดเชิงพื้นที่ 11 ชั่วโมง - ตรวจแบบทดสอบ ก่อนเรียน - ตรวจใบงาน - ตรวจแบบฝึก สมรรถนะและการคิด ภูมิศาสตร์ม.4-6 - ตรวจแบบวัดและ บันทึกผลการเรียนรู้ ภูมิศาสตร์ม.4-6 - สังเกตพฤติกรรมการ ทำงานกลุ่ม - สังเกตคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - ตรวจแบบทดสอบ หลังเรียน - หนังสือเรียน ภูมิศาสตร์ม.4-6 - ใบงาน - แบบฝึกสมรรถนะและ การคิด ภูมิศาสตร์ม.4-6 - แบบวัดและบันทึกผล การเรียนรู้ภูมิศาสตร์ ม.4-6 - แบบทดสอบก่อนเรียน - แบบทดสอบหลังเรียน - PowerPoint - เครื่องมือทาง ภูมิศาสตร์เช่น แผนที่ เข็มทิศ รูปถ่ายทาง อากาศ ภาพจาก ดาวเทียม 3 สิ่งแวดล้อมทาง กายภาพกับ ประชากรและ การตั้งถิ่นฐาน ส 5.2 ม.4-6/1 วิเคราะห์ปฏิสัมพันธ์ ระหว่างสิ่งแวดล้อมทางกายภาพกับกิจกรรม ของมนุษย์ ในการสร้างสรรค์วิถีการด�ำเนิน ชีวิตของท้องถิ่นทั้งในประเทศไทยและ ภูมิภาคต่างๆของโลกและเห็นความส�ำคัญ ของสิ่งแวดล้อมที่มีผลต่อการด�ำรงชีวิตของ มนุษย์ - การแปลความข้อมูล ทางภูมิศาสตร์ - การใช้เทคนิคและ เครื่องมือทางภูมิศาสตร์ - การคิดเชิงพื้นที่ - การคิดแบบองค์รวม 6 ชั่วโมง - ตรวจแบบทดสอบ ก่อนเรียน - ตรวจใบงาน - ตรวจแบบฝึก สมรรถนะและการคิด ภูมิศาสตร์ม.4-6 - ตรวจแบบวัดและ บันทึกผลการเรียนรู้ ภูมิศาสตร์ม.4-6 - สังเกตพฤติกรรมการ ทำงานกลุ่ม - สังเกตคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - ตรวจแบบทดสอบ หลังเรียน - หนังสือเรียน ภูมิศาสตร์ม.4-6 - ใบงาน - แบบฝึกสมรรถนะและ การคิด ภูมิศาสตร์ม.4-6 - แบบวัดและบันทึกผล การเรียนรู้ภูมิศาสตร์ ม.4-6 - แบบทดสอบก่อนเรียน - แบบทดสอบหลังเรียน - PowerPoint - เครื่องมือทาง ภูมิศาสตร์เช่น แผนที่ เข็มทิศ รูปถ่ายทาง อากาศ ภาพจาก ดาวเทียม Teacher Guide Overview
หน่วย การเรียนรู้ ตัวชี้วัด ทักษะที่ได้ เวลาที่ใช้ การประเมิน สื่อที่ใช้ 4 สิ่งแวดล้อมทาง กายภาพกับ กิจกรรมทาง เศรษฐกิจ ส 5.2 ม.4-6/1 วิเคราะห์ปฏิสัมพันธ์ ระหว่างสิ่งแวดล้อมทางกายภาพกับกิจกรรม ของมนุษย์ ในการสร้างสรรค์วิถีการด�ำเนิน ชีวิตของท้องถิ่นทั้งในประเทศไทยและ ภูมิภาคต่างๆของโลกและเห็นความส�ำคัญ ของสิ่งแวดล้อมที่มีผลต่อการด�ำรงชีวิตของ มนุษย์ - การแปลความข้อมูลทาง ภูมิศาสตร์ - การใช้เทคนิคและ เครื่องมือทางภูมิศาสตร์ - การคิดเชิงพื้นที่ - การคิดแบบองค์รวม 5 ชั่วโมง - ตรวจแบบทดสอบ ก่อนเรียน - ตรวจใบงาน - ตรวจแบบฝึก สมรรถนะและการคิด ภูมิศาสตร์ม.4-6 - ตรวจแบบวัดและ บันทึกผลการเรียนรู้ ภูมิศาสตร์ม.4-6 - สังเกตพฤติกรรมการ ทำงานกลุ่ม - สังเกตคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - ตรวจแบบทดสอบ หลังเรียน - หนังสือเรียน ภูมิศาสตร์ม.4-6 - ใบงาน - แบบฝึกสมรรถนะและ การคิด ภูมิศาสตร์ม.4-6 - แบบวัดและบันทึกผล การเรียนรู้ภูมิศาสตร์ ม.4-6 - แบบทดสอบก่อนเรียน - แบบทดสอบหลังเรียน - PowerPoint - เครื่องมือทาง ภูมิศาสตร์เช่น แผนที่ เข็มทิศ รูปถ่ายทาง อากาศ ภาพจาก ดาวเทียม 5 ภัยพิบัติทาง ธรรมชาติ ส 5.1 ม.4-6/2 วิเคราะห์ลักษณะทาง กายภาพซึ่งท�ำให้เกิดปัญหาและภัยพิบัติ ทางธรรมชาติในประเทศไทยและภูมิภาค ต่างๆ ของโลก ส 5.2 ม.4-6/2 วิเคราะห์สถานการณ์ สาเหตุ และผลกระทบของการเปลี่ยนแปลง ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ของประเทศไทยและภูมิภาคต่างๆ ของโลก - การสังเกต - การแปลความข้อมูลทาง ภูมิศาสตร์ - การใช้เทคนิคและ เครื่องมือทางภูมิศาสตร์ - การคิดเชิงพื้นที่ - การคิดแบบองค์รวม - การใช้สถิติพื้นฐาน 8 ชั่วโมง - ตรวจแบบทดสอบ ก่อนเรียน - ตรวจใบงาน - ตรวจแบบฝึก สมรรถนะและการคิด ภูมิศาสตร์ม.4-6 - ตรวจแบบวัดและ บันทึกผลการเรียนรู้ ภูมิศาสตร์ม.4-6 - สังเกตพฤติกรรมการ ทำงานกลุ่ม - สังเกตคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - ตรวจแบบทดสอบ หลังเรียน - หนังสือเรียน ภูมิศาสตร์ม.4-6 - ใบงาน - แบบฝึกสมรรถนะและ การคิด ภูมิศาสตร์ม.4-6 - แบบวัดและบันทึกผล การเรียนรู้ภูมิศาสตร์ ม.4-6 - แบบทดสอบก่อนเรียน - แบบทดสอบหลังเรียน - PowerPoint - เครื่องมือทาง ภูมิศาสตร์เช่น แผนที่ เข็มทิศ รูปถ่ายทาง อากาศ ภาพจาก ดาวเทียม 6 ทรัพยากร ธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อมกับ การพัฒนาที่ ยั่งยืน ส 5.2 ม.4-6/2 วิเคราะห์สถานการณ์ สาเหตุและผลกระทบของการเปลี่ยนแปลง ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ของประเทศไทยและภูมิภาคต่างๆ ของโลก ส 5.2 ม.4-6/3 ระบุมาตรการป้องกัน และแก้ไขปัญหากฎหมายและนโยบาย ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม บทบาทขององค์การที่เกี่ยวข้อง และการ ประสานความร่วมมือทั้งในประเทศ และระหว่างประเทศ ส 5.2 ม.4-6/4 วิเคราะห์แนวทางและ มีส่วนร่วมในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน - การสังเกต - การแปลความข้อมูลทาง ภูมิศาสตร์ - การใช้เทคนิคและ เครื่องมือทางภูมิศาสตร์ - การคิดเชิงพื้นที่ - การคิดแบบองค์รวม 6 ชั่วโมง - ตรวจแบบทดสอบ ก่อนเรียน - ตรวจใบงาน - ตรวจแบบฝึก สมรรถนะและการคิด ภูมิศาสตร์ม.4-6 - ตรวจแบบวัดและ บันทึกผลการเรียนรู้ ภูมิศาสตร์ม.4-6 - สังเกตพฤติกรรมการ ทำงานกลุ่ม - สังเกตคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - ตรวจแบบทดสอบ หลังเรียน - หนังสือเรียน ภูมิศาสตร์ม.4-6 - ใบงาน - แบบฝึกสมรรถนะและ การคิด ภูมิศาสตร์ม.4-6 - แบบวัดและบันทึกผล การเรียนรู้ภูมิศาสตร์ ม.4-6 - แบบทดสอบก่อนเรียน - แบบทดสอบหลังเรียน - PowerPoint - เครื่องมือทาง ภูมิศาสตร์เช่น แผนที่ เข็มทิศ รูปถ่ายทาง อากาศ ภาพจาก ดาวเทียม
สำรบัญ Chapter Title Chapter Overview Teacher Script หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เครื่องมือทำงภูมิศำสตร์ T1 T2 • แผนที่ • เทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ T3 - T8 T9 - T23 หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 กำรเปลี่ยนแปลงทำงกำยภำพของโลก T24 - T25 T26 • ธรณีภาค • บรรยากาศภาค • อุทกภาค • ชีวภาค • การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพที่ส่งผลต่อภูมิประเทศ ภูมิอากาศ และทรัพยากรธรรมชาติ T27 - T40 T41 - T55 T56 - T61 T62 - T67 T68 - T91 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 สิ่งแวดล้อมทำงกำยภำพกับประชำกรและกำรตั้งถิ่นฐำน T92 - T93 T94 • ประชากรโลกและประชากรไทย • การเปลี่ยนแปลงประชากรโลกและประชากรไทย • การตั้งถิ่นฐานเมืองและชนบท • ความเปนเมือง การใช้ที่ดินในเมือง และปญหาเมือง T95 - T106 T107 - T117 T118 - T121 T122 - T129 หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 สิ่งแวดล้อมทำงกำยภำพกับกิจกรรมทำงเศรษฐกิจ T130 - T131 T132 • เกษตรกรรม • อุตสาหกรรมการผลิต • การท่องเที่ยวและการบริการ T133 - T147 T148 - T156 T157 - T163 หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 ภัยพิบัติทำงธรรมชำติ T164 - T165 T166 • ภัยพิบัติธรรมชาติทางธรณีภาค • ภัยพิบัติธรรมชาติทางบรรยากาศภาค • ภัยพิบัติธรรมชาติทางอุทกภาค • ภัยพิบัติธรรมชาติทางชีวภาค T167 - T188 T189 - T205 T206 - T212 T213 - T225 หน่วยการเรียนรู้ที่ 6 ทรัพยำกรธรรมชำติและสิ่งแวดล้อม กับกำรพัฒนำที่ยั่งยืน T226 - T227 T228 • สถานการณ์การเปลี่ยนแปลงด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม • มาตรการปองกันและแก้ไขปญหาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม • กฎหมายและนโยบายด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของไทย • บทบาทขององค์กรและการประสานความร่วมมือในประเทศไทยและต่างประเทศ • การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม T229 - T244 T245 - T247 T248 - T251 T252 - T256 T257 - T262 บรรณำนุกรม T263 - T264
Chapter Overview แผนการจัด การเรียนรู้ สื่อที่ใช้ จุดประสงค์ วิธีสอน ประเมิน ทักษะที่ได้ คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ แผนฯ ที่ 1 เครื่องมือ ทางภูมิศาสตร์ 2 ชั่วโมง - หนังสือเรียน ภูมิศาสตร์ม.4-6 - แบบฝึกสมรรถนะ และการคิด ภูมิศาสตร์ ม.4-6 - แบบทดสอบก่อนเรียน - PowerPoint - ใบงานที่ 1.1 - เครื่องมือทาง ภูมิศาสตร์เช่น แผนที่ เข็มทิศ รูปถ่ายทางอากาศ ภาพจากดาวเทียม 1. อธิบายความส�ำคัญและ ประโยชน์ของเครื่องมือ ทางภูมิศาสตร์ประเภท ต่างๆ ได้(K) 2. เลือกใช้เครื่องมือทาง ภูมิศาสตร์ในการสืบค้น ข้อมูลอันเป็นประโยชน์ ต่อการใช้ชีวิตประจ�ำวัน ได้(P) 3. เห็นคุณค่าของการ ศึกษาเครื่องมือทาง ภูมิศาสตร์เพื่อการใช้ ประโยชน์ในชีวิต เพิ่มมากขึ้น (A) กระบวนการ ทางภูมิศาสตร์ (Geographic Inquiry Process) - ตรวจแบบทดสอบก่อนเรียน - ตรวจการท�ำแบบฝึก สมรรถนะและการคิด ภูมิศาสตร์ม.4-6 - ตรวจใบงานที่ 1.1 - ประเมินการน�ำเสนอผลงาน - สังเกตพฤติกรรม การท�ำงานรายบุคคล - สังเกตพฤติกรรม การท�ำงานกลุ่ม - ประเมินคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - การสังเกต - การแปลความ ข้อมูลทาง ภูมิศาสตร์ - การใช้เทคนิค และเครื่องมือ ทางภูมิศาสตร์ - การคิดเชิงพื้นที่ - การใช้เทคโนโลยี - การใช้สถิติพื้นฐาน 1. ใฝ่เรียนรู้ 2. มุ่งมั่นใน การท�ำงาน แผนฯ ที่ 2 เทคโนโลยี ภูมิสารสนเทศ 2 ชั่วโมง - หนังสือเรียน ภูมิศาสตร์ม.4-6 - แบบฝึกสมรรถนะ และการคิด ภูมิศาสตร์ ม.4-6 - แบบวัดและบันทึกผล การเรียนรู้ภูมิศาสตร์ ม.4-6 - แบบทดสอบหลังเรียน - PowerPoint - ใบงานที่1.2, 1.3, 1.4, 1.5 - เครื่องมือทางภูมิศาสตร์ เช่น แผนที่ เข็มทิศ รูปถ่ายทางอากาศ ภาพจากดาวเทียม 1. อธิบายความส�ำคัญ และประโยชน์ของ เทคโนโลยี ภูมิสารสนเทศได้(K) 2. ประยุกต์ความรู้เกี่ยวกับ เทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ มาใช้ในชีวิตประจ�ำวัน ได้(P) 3. เห็นคุณค่าของการศึกษา เทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ เพื่อการใช้ประโยชน์ ในชีวิตเพิ่มมากขึ้น (A) กระบวนการ ทางภูมิศาสตร์ (Geographic Inquiry Process) - ตรวจการท�ำแบบฝึก สมรรถนะและการคิด ภูมิศาสตร์ม.4-6 - ตรวจการท�ำแบบวัดและ บันทึกผลการเรียนรู้ ภูมิศาสตร์ม.4-6 - ตรวจใบงานที่ 1.2, 1.3, 1.4, 1.5 - ประเมินการน�ำเสนอผลงาน - สังเกตพฤติกรรม การท�ำงานรายบุคคล - สังเกตพฤติกรรม การท�ำงานกลุ่ม - ประเมินคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - ตรวจแบบทดสอบหลังเรียน - การสังเกต - การแปลความ ข้อมูลทาง ภูมิศาสตร์ - การใช้เทคนิค และเครื่องมือ ทางภูมิศาสตร์ - การคิดเชิงพื้นที่ - การใช้เทคโนโลยี - การใช้สถิติพื้นฐาน 1. ใฝ่เรียนรู้ 2. มุ่งมั่นใน การท�ำงาน T1
ปัจจุบันเครื่องมือทางภูมิศาสตร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ ภูมิศาสตร์มีจ�านวนมากและมีความทันสมัยมากขึ้น และเป็น เครื่องมือส�าคัญในการศึกษาลักษณะทางกายภาพและสิ่งแวดล้อม การศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับลักษณะส�าคัญ ประโยชน์ และการใช้งาน จะช่วยให้เลือกใช้เครื่องมือต่าง ๆ ทางภูมิศาสตร์ได้อย่างถูกต้อง และเหมาะสม ¡ÒÃ͋ҹἹ·Õè กำรแปลควำมหมำย รูปถ่ำยทำงอำกำศ และภำพจำกดำวเทียม มีวิธีกำรอย่ำงไร สำระกำรเรียนรู้แกนกลำง • แผนที่และองค์ประกอบ • การอ่านแผนที่เฉพาะเรื่อง • การแปลความหมายรูปถ่ายทาง อากาศและภาพจากดาวเทียม • การน�าภูมิสารสนเทศไป ใช้ ในชีวิต ประจ�าวัน ตัวชี้วัด ส 5.1 ม.4-6/3 เครื่องมือ ทางภูมิศาสตร์ หน่วยการเรียนรูที่1 2 ขั้นนํา (Geographic Inquiry Process) 1. ครูแจงใหนักเรียนทราบถึงวิธีสอนแบบ กระบวนการทางภูมิศาสตร (Geographic Inquiry Process) ชื่อเรื่อง จุดประสงค และ ผลการเรียนรู 2. ครูใหนักเรียนทําแบบทดสอบกอนเรียน หนวยการเรียนรูที่ 1 เรื่อง เครื่องมือทาง ภูมิศาสตร 3. ครูนําภาพ หรือคลิปวิดีโอลักษณะทางกายภาพ ในทวีปตางๆ ของโลกมาใหนักเรียนดู ซึ่งมี ทั้งภูเขา ที่ราบสูง แมนํ้า และทะเลทราย 4. ครูถามคําถามกระตุนความคิด เชน • ถาเราตองการเดินทางไปทองเที่ยวประเทศ ตางๆ ในโลก เราควรศึกษาความรูเกี่ยวกับ การเดินทาง สถานที่ทองเที่ยว หรือสภาพ ภูมิประเทศ ดังนั้น จะสามารถใชเครื่องมือ ทางภูมิศาสตรใดไดบาง และประโยชนที่จะ ไดรับจากเครื่องมือดังกลาวคืออะไร (แนวตอบ เชน แผนที่ เพราะนําเสนอขอมูล ลักษณะของสิ่งที่ปรากฏบนผิวโลก และ ทําใหทราบไดถึงสภาพภูมิประเทศ ตลอดจน สถานที่ทองเที่ยวในบริเวณตางๆ บนโลกได เปนอยางดี) • เครื่องมือทางภูมิศาสตรสําคัญอยางไร (แนวตอบ เปนเครื่องมือที่สามารถใชศึกษา เรื่องราวสภาพพื้นที่ตางๆ บนโลก เชน ลักษณะทางกายภาพของโลก ตลอดจนการ สะทอนใหเห็นถึงสภาพสังคมและการดํารง ชีวิตประจําวันของมนุษย จึงนํามาซึ่งขอมูล ที่มีความถูกตองและทันสมัย รวมถึงสามารถ นํามาประยุกตใชเพื่อเปนประโยชนในการ ดํารงชีวิตประจําวันได) เกร็ดแนะครู ครูควรจัดกิจกรรมการเรียนรูเพื่อใหนักเรียนสามารถใชเครื่องมือทางภูมิศาสตร ในการรวบรวม วิเคราะห และนําเสนอขอมูลภูมิสารสนเทศอยางมี ประสิทธิภาพ โดยเนนทักษะกระบวนการที่สําคัญ เชน ทักษะการฝกปฏิบัติ กระบวนการกลุม กระบวนการสืบสอบ ดังตัวอยางตอไปนี้ • ครูแบงนักเรียนออกเปนกลุมเพื่อใหชวยกันศึกษาเกี่ยวกับเครื่องมือทางภูมิศาสตรจากหนังสือเรียนและแหลงการเรียนรูอื่นๆ แลวสุมตัวแทนนักเรียน ในแตละกลุมใหอธิบายความรู จากนั้นใหชวยกันรวบรวมขอมูลทางภูมิศาสตรที่พบไดในชุมชน แลวจัดทําเปนบันทึกการศึกษาขอมูลทางภูมิศาสตรในชุมชน พรอมทั้งสงตัวแทนนําเสนอผลงานที่หนาชั้นเรียน นํา นํา สอน สรุป ประเมิน T2
ขอสอบเนน การคิด Geo Tip 1 แผนที่ แผนที่เป็นเครื่องมือส�าคัญในการอธิบายข้อมูลและปรากฏการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นบนพื้นโลก การศึกษาถึงความหมาย องค์ประกอบ การอ่าน และแปลความหมายของแผนที่ ท�าให้มีความรู้ น�าไปประยุกต์ใช้ ในชีวิตประจ�าวันได้ 1.1 ประเภทของแผนที่ แผนที่แบ่งตามการใช้งานได้ ดังน�้ 1) แผนที่อ้ำงอิง (general reference map) เป็นแผนที่มาตราส่วนใหญ่ที่ใช้เป็น แผนที่ฐานส�าหรับสร้างแผนที่เฉพาะเรื่อง แสดงรายละเอียดทั้งทางราบและทางดิ่ง ประเทศไทยใช้ แผนที่ภูมิประเทศมาตราส่วน 1: 50,000 ชุด L7018 เป็นแผนที่ฐาน 2) แผนที่เฉพำะเรื่อง (thematic map) เป็นแผนที่ที่แสดงข้อมูลเฉพาะเรื่องใด เรื่องหนึ่ง โดยใช้แผนที่อ้างอิงเป็นแผนที่ฐาน มีมาตราส่วนเหมาะสมกับการแสดงรายละเอียดต่าง ๆ เช่น แผนที่ความหนาแน่นประชากร แผนที่อากาศ แผนที่ป่าไม้ 1.2 องค์ประกอบของแผนที่เฉพาะเรื่อง องค์ประกอบของแผนที่ คือ สิ่งต่าง ๆ ที่ปรากฏอยู่บนแผนที่เพื่อให้ผู้ ใช้งานแผนที่ได้รับ ทราบข้อมูลข่าวสารและรายละเอียดเพียงพอส�าหรับการใช้แผนที่นั้น ๆ แผนที่ที่สมบูรณ์ประกอบ ด้วยองค์ประกอบที่ส�าคัญ ดังนี้ 1) ชื่อแผนที่ (title) ระบุว่าแผนที่นั้นเป็นแผนที่แสดงอะไร เพื่อให้สามารถน�าแผนที่ มาใช้ ได้อย่างถูกต้องและตรงตามความต้องการ ของผู้ ใช้แผนที่ เช่น แผนที่แสดงลักษณะ ภูมิประเทศจังหวัดสงขลา แผนที่แสดงเนื้อที่ ป่าไม้จังหวัดเชียงใหม่ 2) ขอบระวำง (margin) เป็นขอบ ทั้งสี่ด้านของแผนที่ มีพื้นที่ขอบระวางส�าหรับ แสดงรายละเอียดขององค์ประกอบภายนอก ขอบระวางแผนที่ เช่น ชื่อแผนที่ มาตราส่วน ค�าอธิบายสัญลักษณ์ ทิศ เส้นขอบระวางแต่ละ ด้านมีตัวเลขบอกค่าพิกัดภูมิศาสตร์ (ค่าของ ละติจูดและลองจิจูด) ก�ากับไว้ด้วย แผนที่เชิงเลข (digital map) เป็นแผนที่ที่จัดเก็บในรูปแบบ ไฟล์ภาพ สามารถเรียกแสดงผล ด้วยโปรแกรมประยุกต์ หรือ แอปพลิเคชันบนอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น หน้าจอคอมพิวเตอร์ สมาร์ตโฟน แท็บเล็ต หรือ พิมพ์ออกทางเครื่องพิมพ์ตามมาตราส่วนที่ ต้องการได้ จึงเป็นแผนที่ที่ใช้งานในการสืบค้น ข้อมูลต่าง ๆ ได้สะดวก 3 แผนที่ แผนที่ภูมิประเทศมาตราส่วน 1: 50,000 ชุด L7018 เป็นแผนที่ฐาน 1 2 ขั้นสอน ขั้นที่ 1 การตั้งคําถามเชิงภูมิศาสตร 1. ครูนําแผนที่ประเภทตางๆ มาใหนักเรียนดู แลวรวมกันตอบคําถามตามประเด็น หรือแสดง ความคิดเห็นเพิ่มเติมประกอบการตั้งคําถาม จาก Geo Tip ในหนังสือเรียน ภูมิศาสตร ม.4-6 เชน • นักเรียนพบเห็นสิ่งใดจากแผนที่บาง (แนวตอบ ชื่อแผนที่ เสนโครงแผนที่ สี สัญลักษณ มาตราสวน พิกัดทางภูมิศาสตร ฯลฯ) • นักเรียนคิดวา แผนที่มีประโยชนอยางไร (แนวตอบ เชน ใชศึกษาลักษณะภูมิประเทศ ลักษณะทรัพยากรธรรมชาติ สภาพอากาศ เสนทางการเดินทาง หรือเสนทางการ ทองเที่ยว) • หากนักเรียนมีการสืบคนขอมูลจากแผนที่ เชิงเลขบนสมารตโฟน จะสามารถตรวจสอบ ความถูกตองไดจากสวนใดของแผนที่ (แนวตอบ มาตราสวน เนื่องจากขอมูลของ แผนที่เชิงเลขมีความสัมพันธระหวางขอมูล พิกัดและสัญลักษณแสดงผล โดยสามารถ แสดงรายละเอียดทั้งทางราบและทางดิ่งได จึงมีความถูกตองที่จะสามารถพิจารณาได ตามหลักเกณฑของมาตราสวน เชนเดียวกับ แผนที่ประเภทกระดาษทั่วไป) นักเรียนควรรู 1 แผนที่ แผนที่ที่เกาแกที่สุดในโลก คือ แผนที่ของชาวเมโสโปเตเมีย เมื่อ 2,300 ปกอนพุทธศักราช ทําดวยดินเหนียวใชแสดงกรรมสิทธิ์ที่ดิน 2 L7018 เปนหมายเลขประจําชุด บอกใหทราบวาแผนที่อยูในชุดใด เปน การกําหนดตามมาตรฐานสากลของสหรัฐอเมริกาซึ่งถือตามขอตกลงของนาโต มีองคประกอบ 4 ประการ คือ ตัวอักษร L หมายถึง ภูมิภาคหนึ่งของทวีปเอเชีย ซึ่งตรงกับของประเทศไทย เลข 7 หมายถึง กลุมของมาตราสวนที่กําหนดไวแนนอน เลข 0 หมายถึง ตัวเลขแสดงสวนยอยของภูมิภาค และเลข 18 หมายถึง จํานวนครั้ง ที่จัดทําแผนที่ชุดนั้นในภูมิภาค ขอใดไมใชแผนที่เฉพาะเรื่อง 1. แผนที่ภูมิประเทศ 2. แผนที่การใชที่ดิน 3. แผนที่แสดงความลาดชัน 4. แผนที่แสดงชั้นบรรยากาศ 5. แผนที่แสดงความหนาแนนของประชากร (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. แผนที่เฉพาะเรื่องเปนแผนที่ที่จัด ทําขึ้นเพื่อแสดงขอมูลหลักเฉพาะเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ซึ่งสอดคลอง กับคําตอบขอ 2.- 5. สวนแผนที่ภูมิประเทศไมใชแผนที่เฉพาะเรื่อง จึงตอบ ขอ 1.) นํา สอน สรุป ประเมิน T3
ขอสอบเนนการคิด GN GN GN ประเภทสัญลักษณ์ สัญลักษณ์/ค�ำอธิบำยสัญลักษณ์ จุด (point) ใช้แสดงถึงสถานที่ก�าหนด ต�าแหน่งของวัตถุต่าง ๆ วัด โรงเรียน โรงพยาบาล เส้น (line) ใช้แสดงสิ่งต่าง ๆ ที่มีความยาว หรือเป็นเส้นถนน แม่น�้า ทางรถไฟ พื้นที่ (polygon) ใช้แสดงพื้นที่ที่ปรากฏบน พื้นโลก แหล่งน�้า ป่าไม้ นาข้าว 5) ทิศ (direction) คือ แนวที่ใช้เป็นหลักในการวัดทิศทางไปยังที่หมาย ในทาง ภูมิศาสตร์ใช้ทิศเหนือเป็นหลัก แบ่งได้เป็น 3 ชนิด ได้แก่ ★ ทิศเหนือจริง (true north) คือ แนวตามเส้นเมริเดียนที่ชี้ไปยังขั้วโลกเหนือ ทิศเหนือกริด (grid north) คือ แนวทิศเหนือตามเส้นกริดทางดิ่งของระบบ เส้นโครงแผนที่ ทิศเหนือแม่เหล็ก (magnetic north) คือ แนวที่ปลายเข็มทิศชี้ไปในทิศทาง ที่เป็นขั้วเหนือของแม่เหล็กโลกเหนือ ส่วนลูกศรครึ่งซีกแสดงถึงทิศทางของ ทิศเหนือแม่เหล็กที่บ่ายเบนออกไปจากทิศเหนือจริง 3) มำตรำส่วน (scale) คือ อัตราส่วนระหว่างระยะทางบนแผนที่กับระยะทางจริงบน พื้นผิวโลก แสดงได้ 3 รูปแบบ ดังนี้ มาตราส่วนค�าพูด เช่น ระยะทาง 1 เซนติเมตรบนแผนที่ เท่ากับระยะทางจริง บนพื้นผิวโลก 500 เมตร มาตราส่วนสัดส่วน เช่น มาตราส่วน 1: 50,000 หมายถึง ระยะทาง 1 ส่วนบนแผนที่ เท่ากับระยะทางจริงบนพื้นผิวโลก 50,000 ส่วน เขียนเป็นสมการได้ว่า มาตราส่วน = ระยะทำงบนแผนที่ ระยะทำงจริงบนพื้นผิวโลก มาตราส่วนเส้น เช่น เมตร1,500 500 1,000 0 1.50.5 21 กิโลเมตร มาตราส่วนทั้ง 3 แบบนี้ สามารถแปลงจากแบบหนึ่งเป็นอีกแบบหนึ่งได้ 4) สัญลักษณ์ (symbol) สัญลักษณ์ที่ปรากฏในแผนที่ เพื่อแทนลักษณะภูมิประเทศ และต�าแหน่งที่ตั้งต่าง ๆ โดยมีค�าอธิบายสัญลักษณ์อยู่บริเวณขอบระวางแผนที่ 4 ขั้นสอน ขั้นที่ 1 การตั้งคําถามเชิงภูมิศาสตร 2. ครูใหนักเรียนชวยกันตั้งประเด็นคําถามเชิง ภูมิศาสตรเกี่ยวกับแผนที่ เพื่อคนหาคําตอบ เชน • แผนที่แตละประเภท มีขอแตกตางกัน อยางไร • การใชประโยชนจากแผนที่มีขอจํากัดหรือไม อยางไร • เพราะเหตุใด แผนที่จึงถูกนํามาใชในการ ศึกษาขอมูลทางภูมิศาสตรในประเทศไทย และโลก • สวนประกอบตางๆ ที่พบในแผนที่มีความ สัมพันธกันหรือไม อยางไร • หากในอนาคตไมมีแผนที่เปนหนึ่งใน เครื่องมือทางภูมิศาสตรจะสงผลกระทบ อยางไร 3. ครูอาจใหนักเรียนศึกษามาตราสวน หรือ สัญลักษณตางๆ ที่พบในแผนที่จากหนังสือเรียน ภูมิศาสตร ม.4-6 ประกอบการตั้งคําถาม เชิงภูมิศาสตรเพิ่มเติม เกร็ดแนะครู ครูควรอธิบายนักเรียนเพิ่มเติมเกี่ยวกับมาตราสวนแผนที่วา มาตราสวน แผนที่ หมายถึง อัตราสวนระหวางระยะทางในแผนที่กับระยะทางจริงใน ภูมิประเทศ เชน 1 : 100,000 แปลวา ระยะทางในแผนที่ 1 เซนติเมตร เทากับ ระยะทางจริงในภูมิประเทศ 100,000 เซนติเมตร หรือ 1 กิโลเมตรนั่นเอง ซึ่ง นอกจากมาตราสวนขางตนแลว อาจพบมาตราสวนแบบคําพูด เชน 1 เซนติเมตร ตอ 5 กิโลเมตร และมาตราสวนแบบบรรทัดหรือกราฟกไดดวย แผนที่ภูมิประเทศมาตราสวนใดของประเทศไทยที่ครอบคลุม พื้นที่ทั้งจังหวัด 1. 1 : 10,000 2. 1 : 50,000 3. 1 : 100,000 4. 1 : 250,000 5. 1 : 300,000 (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. 1 : 250,000 เปนมาตราสวนที่ใช ในการจัดทําแผนที่รายจังหวัดของกรมแผนที่ทหาร กองบัญชาการ กองทัพไทย) นํา สอน สรุป ประเมิน T4
0 ํ 0 ํ 20 ํN 40 ํN 60 ํN 20 ํS 40 ํS 60 ํS 100 ํE 80 ํE 60 ํE 40 ํE 20 ํE20 ํE 40 ํE 60 ํE 80 ํE 100 ํE 0 ํ 0 ํ 20 ํN 40 ํN 60 ํN 20 ํS 40 ํS 60 ํS 100 ํE 80 ํE 60 ํE 40 ํE 20 ํE20 ํE 40 ํE 60 ํE 80 ํE 100 ํE 0 ํ 0 ํ 20 ํ 40 ํ 60 ํ 80 ํ 20 ํS 20 ํN 40 ํN 60 ํN 80 ํN ขั้วโลกเหน�อ 90 ํN 40 ํS 60 ํS 80 ํS ขั้วโลกใต 90 ํS 0 ํ 90 ํW 60 ํW 30 ํW 180 ํ 150 ํW 120 ํW 30 ํE 60 ํE 90 ํE 120 ํE 150 ํE 180 ํ ละติจูด (latitude) ซีกโลกเหน�อ ซีกโลกใต ซีกโลกตะวันตก ซีกโลกตะวันออก ลองจิจูด (longitude) 20 ํN 50 ํN 30 ํN 40 ํN 10 ํN 0 ํ 40 ํW 0 ํ20 ํW 20 ํE 40 ํE 20 ํN 50 ํN 30 ํN 40 ํN 10 ํN 0 ํ 40 ํW 0 ํ20 ํW 20 ํE 40 ํE 90ํE 0 ํ 30ํE 60ํE 30 ํW 60 ํW 90ํE 120 ํE 150 Eํ 180 ํ 90 Wํ 120 Wํ 150 Wํ 90 ํN เทียบคา 1 ํ มี 60' 1' มี 60" 6) เส้นโครงแผนที่ (map projection) เป็นระบบที่ใช้ถ่ายทอดเส้นขนานกับเส้น เมริเดียนจากลักษณะทรงกลมของโลกไปบนพื้นรับภาพ โดยใช้การย่อส่วน การฉายแสง และ หลักการทางคณิตศาสตร์ พื้นรับภาพมี 3 แบบ ได้แก่ แบบกรวย แบบกระบอก และแบบระนาบ 7) ระบบพิกัดภูมิศำสตร์ (geographic coordinate system) เป็นระบบบอกต�าแหน่ง รายละเอียดต่าง ๆ ในแผนที่ซึ่งเกิดจากการตัดกันของเส้นขนานละติจูดกับเส้นเมริเดียน อ่านจุดบนเส้นขนานว่า “ละติจูด” อ่านจุดบนเส้นเมริเดียนว่า “ลองจิจูด” จุดที่ตัดกันเรียกว่า “ค่าพิกัด” มีหน่วยเป็น องศา ( � ) ลิปดา ( ' ) พิลิปดา ( " ) เช่น ต�าแหน่ง A มีค่าพิกัดละติจูดที่ 40 � N ลองจิจูดที่ 120 � E แบบกรวย แบบกระบอก แบบระนำบ A 5 7) ระบบพิกัดภูมิศำสตร์ 1 ขั้นสอน ขั้นที่ 2 การรวบรวมขอมูล 1. ครูใหนักเรียนแบงกลุม สืบคนขอมูลเกี่ยวกับ แผนที่ จากหนังสือเรียน ภูมิศาสตร ม.4-6 หรือจากแหลงการเรียนรูอื่นๆ เชน หนังสือ ในหองสมุด เว็บไซตในอินเทอรเน็ต เพื่อนํา มาอภิปรายรวมกันในชั้นเรียนตามประเด็น ตอไปนี้ • ประเภทของแผนที่ • องคประกอบของแผนที่เฉพาะเรื่อง • การอานและแปลความแผนที่ • การใชประโยชนแผนที่ 2. ครูนําแผนที่ที่แสดงเสนโครงแผนที่และระบบ พิกัดทางภูมิศาสตรมาใหนักเรียนศึกษา ประกอบการรวบรวมขอมูล 3. ครูแนะนําแหลงขอมูลสารสนเทศที่นาเชื่อถือ เกี่ยวกับแผนที่และการอานแผนที่ เพื่อเปนการ รวบรวมขอมูลเพิ่มเติม นักเรียนควรรู 1 ระบบพิกัดภูมิศาสตร คือ ระบบอางอิงคาพิกัดสากลซึ่งเปนที่ยอมรับกัน ทุกประเทศ โดยตั้งอยูบนพื้นฐานที่วาโลกมีสัณฐานเปนทรงกลม 3 มิติ และ ทุกตําแหนงของจุดบนพื้นโลกจะมีระบบบอกคาพิกัดทางราบเปนคาละติจูดและ ลองจิจูด ซึ่งเกิดจากการตัดกันของเสนสมมติละติจูดกับเสนสมมติลองจิจูด สวนคาพิกัดทางมุมจะคิดเปนองศา ลิปดา ฟลิปดา โดยกําหนดให 1 องศาเทากับ 60 ลิปดา และ 1 ลิปดาเทากับ 60 ฟลิปดา กิจกรรม ทาทาย ครูจัดกิจกรรม “เกมบอกชื่อประเทศบนแผนที่” โดยครู กําหนดคาพิกัดทางภูมิศาสตร เชน ละติจูด 55 องศาเหนือ ลองจิจูด 37 องศาตะวันออก, ละติจูด 39 องศาเหนือ ลองจิจูด 116 องศาตะวันออก, ละติจูด 15 องศาใต ลองจิจูด 47 องศา ตะวันตก แลวใหนักเรียนรวมกันทายวาคาพิกัดเหลานั้นเปนที่ตั้ง ของเมือง หรือประเทศใด นํา สอน สรุป ประเมิน T5
95 ํE 100 ํE 105 ํE 110 ํE 5 ํN 10 ํN 15 ํN 20 ํN 25 ํN 25 ํN 5 ํN 10 ํN 15 ํN 20 ํN แองสกลนคร ที่ราบลุมแมน้ำโขง ที่ราบลุม แมน้ำอิรวดี ที่ราบลุม เจาพระยา ที่ราบลุม แมน้ำแดง แ อ ง โ ค ร า ช ที่ ร า บ สู ง ช า น ที่ราบสูง เชียงขวาง ตาเสวชาน ท.แ ด น ลาว ท.คาดามอน ท.ฮวางเลยีนเซิน ทิวเขาอาระกันโยมา ท.หลวงพระบาง ท.ผีปนนาํ้ ท.พนมดงรัก ท.ตีตีวังซ า ทิวเขา บ ารีซัน ทิวเขาถนนธงชัย ทิวเขาอัน นัม น.อิรวดี น.อริวดีนอ.ริวดี น.สาละวนิน.โขง น.โขง น.แดง น.ดำ น.โข ง น.โขง น.สาละวนิ น.เจาพระย า น.มูล น.มูล น.ชี โตนเลสาบ ส.สงขลา ส.โตบา อาวเบงกอล อาวไทย อาวตัง เ ก๋ีย ท ะเลจีนใต มหาสมุทรอินเดีย ทะเลอันดามัน อาวเมาะตะมะ ก.ภูเก็ต ก.สมุย กลุมเกาะมะริด เกาะไหหนาน หมูเกาะอันดามัน และนิโคบาร (อินเดีย) เกาะสุมาตรา เนปยีดอ เวียงจันทน ฮานอย กรุงเทพฯ พนมเปญ กัวลาลัมเปอร ไ ท ย กั ม พู ช า ล า ว เ มี ย น ม า จีน อินเดีย เวีย ด นาม อิ น โ ด นี เ ซี ย สิงคโปร ม า เ ล เ ซี ย 1 : 20,000,000 0100 100 200 300 400กม. คำอธิบายสัญลักษณ เมืองหลวง เขตประเทศ ทางน้ำ แหลงน้ำ - สูงกวา 3,000 - 2,000 - 1,000 - 400 - 200 - 0 ระดับความสูง (เมตร) แผนที่แสดงลักษณะภูมิประเทศคาบสมุทรอินโดจีน N Projection : Polyconic ตัวอย่าง องค์ประกอบของแผนที่ ชื่อแผนที่ ทิศ ค�ำอธิบำยสัญลักษณ์ มำตรำส่วน ขอบระวำง พิกัดภูมิศำสตร์ ค่ำละติจูด ค่ำลองจิจูด 6 ละติจูด ลองจิจูด 1 2 กิจกรรม ทาทาย ขั้นสอน ขั้นที่ 3 การจัดการขอมูล 1. สมาชิกแตละคนในกลุมนําขอมูลที่ตนไดจาก การรวบรวมมาอธิบายแลกเปลี่ยนความรู ระหวางกัน 2. จากนั้นสมาชิกในกลุมชวยกันคัดเลือกขอมูลที่ นําเสนอเพื่อใหไดขอมูลที่ถูกตอง และรวมกัน อภิปรายแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม 3. ครูใหนักเรียนแตละกลุมศึกษาตัวอยาง องคประกอบของแผนที่ จากแผนที่แสดง ลักษณะภูมิประเทศคาบสมุทรอินโดจีนจาก หนังสือเรียน ภูมิศาสตร ม.4-6 หรืออาจใช สมารตโฟนคนหาสัญลักษณที่พบในแผนที่ เพิ่มเติม แลวนําขอมูลมาอภิปรายรวมกัน ภายในชั้นเรียน 4. ครูอาจถามคําถามนักเรียนจากการศึกษา แผนที่แสดงลักษณะภูมิประเทศคาบสมุทร อินโดจีนเพิ่มเติม เชน • ประเทศใดบางที่อยูในบริเวณคาบสมุทร อินโดจีน (แนวตอบ ประเทศไทย กัมพูชา เวียดนาม ลาว เมียนมา มาเลเซีย) นักเรียนสืบคนแผนที่ภูมิประเทศของประเทศที่นักเรียนสนใจ แลวอธิบายองคประกอบที่ปรากฏในแผนที่นั้น พรอมบันทึกลง ในสมุด นักเรียนควรรู 1 ละติจูด ระยะทางเชิงมุมที่วัดไปตามขอบเมริเดียนซึ่งผานตําบลที่ตรวจ โดยนับ 0 องศาจากเสนศูนยสูตรไปทางเหนือ หรือใตจนถึง 90 องศาที่ขั้วโลกทั้งสอง หรือเปนมุมแนวตั้งที่ศูนยกลางโลกระหวางเสนรัศมีของโลกที่ผานจุดซึ่งเสนเมริเดียน ตัดเสนศูนยสูตรกับเสนรัศมีที่ผานตําบลที่ตรวจ 2 ลองจิจูด ระทางทางเชิงมุมระหวางเมริเดียนกรีนิชกับเมริเดียนซึ่งผานตําบล ที่ตรวจซึ่งวัดไปตามขอบของเสนศูนยสูตร หรือขอบของเสนขนานละติจูด หรือเปน มุมแนวระดับที่แกนโลกในระหวางพื้นของเมริเดียนกรีนิชกับพื้นของเมริเดียนซึ่ง ผานตําบลที่ตรวจ กิจกรรม สรางเสริม นักเรียนอธิบายองคประกอบแผนที่ภูมิประเทศจังหวัดของตนเอง หรือแผนที่ประเทศไทย แลวบันทึกลงในสมุด นํา สอน สรุป ประเมิน T6
ขอสอบเนน การคิด 20 ํW 10 ํW 0 ํ 10 ํE 20 ํE 30 ํE 40 ํE 50 ํE 60 ํE 0 ํ 20 ํS 30 ํS 10 ํS 20 ํN 10 ํN 30 ํN 40 ํN Af Am Aw Aw Aw BWh BWh BSh BSh BSh BSh BSk BWk BWk BWh Am Cs Cw Cf Cf มหาสมุทรแอตแลนติก มหาสมุทรอินเดีย แผนที่แสดงเขตภูมิอากาศทวีปแอฟริกา 0 1,000 2,000 กม.มาตราสวน 1 : 100,000,000 Af Am Aw เขตรอน แบบรอนชื้น แบบมรสุม แบบสะวันนา BWk BWh BSk BSh แบบทะเลทรายเขตอบอุน แบบทะเลทรายเขตรอน แบบกึ�งทะเลทรายเขตอบอุน แบบกึ�งทะเลทรายเขตรอน เขตแหงแลง Cf Cs Cw แบบชื้นกึ�งรอน แบบเมดิเตอรเรเน�ยน แบบอบอุนภาคพื้นทวีป เขตอบอุน คำอธิบายสัญลักษณเขตภูมิอากาศ Af Am Aw เขตรอน แบบรอนชื้น แบบมรสุม แบบสะวันนา BWk BWh BSk BSh แบบทะเลทรายเขตอบอุน แบบทะเลทรายเขตรอน แบบกึ�งทะเลทรายเขตอบอุน แบบกึ�งทะเลทรายเขตรอน เขตแหงแลง Cf Cs Cw แบบชื้นกึ�งรอน แบบเมดิเตอรเรเน�ยน แบบอบอุนภาคพื้นทวีป เขตอบอุน คำอธิบายสัญลักษณเขตภูมิอากาศ 1.3 การอ่านและแปลความแผนที่ การอ่านและแปลความแผนที่ เป็นการแปลความหมายของสิ่งที่ปรากฏบนองค์ประกอบ ของแผนที่ เช่น สัญลักษณ์ เส้นชั้นความสูง สี เส้น ท�าให้สามารถใช้ประโยชน์จากแผนที่ได้ตาม จุดมุ่งหมายเหมือนกับผู้ใช้อยู่ในพื้นที่นั้น ๆ โดยต้องรู้ข้อมูลเบื้องต้นที่เป็นองค์ประกอบของแผนที่ ความหมายของสัญลักษณ์เพื่อแปลความหมายและท�าให้ได้ข้อมูลต่าง ๆ ที่ปรากฏอยู่บนแผนที่ได้ ถูกต้อง สิ่งส�าคัญในการอ่านและแปลความแผนที่ 1. ศึกษาสัญลักษณ์สีที่ ใช้ ในแผนที่โดยดูจากค�าอธิบายสัญลักษณ์ 2. วิเคราะห์ความเชื่อมโยงของเขตภูมิอากาศกับที่ตั้งตามต�าแหน่งละติจูดและลักษณะ ภูมิประเทศ ตัวอย่าง การอ่านและแปลความ • ตอนกลางของทวีปแอฟริกา มีภูมิอากาศแบบเขตร้อน เนื่องจากอยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตร และได้รับอิทธิพลจาก ลมประจ�า • บริเวณตอนเหนือและตะวัน ตกเฉียงใต้ของทวีปแอฟริกา มีภูมิอากาศแบบทะเลทราย เขตร้อนและกึ่งทะเลทราย เขตร้อน ตัวอย่าง การอ่านและแปลความแผนที่เขตภูมิอากาศของทวีปแอฟริกา 7 เกร็ดแนะครู ครูควรฝกทักษะการอานแผนที่ใหนักเรียนโดยอธิบายถึงวิธีการ และสาธิต การอานแผนที่ประเภทตางๆ แลวมอบหมายใหนักเรียนฝกอานแผนที่ภูมิประเทศ หรือแผนที่เฉพาะเรื่องตางๆ จากนั้นบันทึกผลการฝกปฏิบัติเพื่อสงเสริมใหเกิด การเรียนรูอยางมีความหมาย และสอดคลองกับการจัดการเรียนรูแบบ Active Learning บุคคลในขอใดนาจะเปนผูใชแผนที่ไดอยางชํานาญที่สุด 1. วจีมีความรูเรื่องแผนที่เปนอยางดี 2. สุพัตราสอบเรื่องการอานแผนที่ไดคะแนนสูงสุด 3. รวิภาทองจําแผนที่ประเภทตางๆ ไดอยางแมนยํา 4. ทัศนียรวบรวมแผนที่เฉพาะเรื่องไวไดอยางหลากหลาย 5. มาลินีใชแผนที่ในชีวิตประจําวันและศึกษาเพิ่มเติมอยูเสมอ (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 5. ผูที่ใชแผนที่ไดอยางชํานาญควร เปนผูที่มีความรูความเขาใจและหมั่นฝกฝนอานแผนที่อยาง สมํ่าเสมอ เพราะฉะนั้น มาลินีจึงเปนผูที่ใชแผนที่ไดชํานาญที่สุด) ขั้นสอน ขั้นที่ 4 การวิเคราะหและแปลผลขอมูล 1. ครูสุมนักเรียนเพื่ออานและแปลความหมาย ตัวอยางแผนที่เขตภูมิอากาศของทวีปแอฟริกา จากหนังสือเรียน ภูมิศาสตร ม.4-6 แลวอภิปราย รวมกันในกลุม พรอมทั้งประโยชนที่ไดรับ 2. ครูใหสมาชิกแตละกลุมนําขอมูลที่รวบรวมได มาวิเคราะหรวมกันเพื่ออธิบายคําตอบ 3. ตัวแทนกลุมนําเสนอผลงานหนาชั้นเรียน สมาชิกกลุมอื่นผลัดกันใหขอคิดเห็น หรือ ขอเสนอแนะเพิ่มเติม 4. สมาชิกแตละกลุมนําความรูที่ไดจากการศึกษา และวิเคราะหขอมูลมาวิเคราะหและเรียบเรียง ประเด็นสําคัญเพื่อรวมกันทําใบงานที่ 1.1 เรื่อง เครื่องมือทางภูมิศาสตร และรวมกัน เฉลยคําตอบ นํา สอน สรุป ประเมิน T7
ขอสอบเนนการคิด Geo Tip ผูใช ผลิตภัณฑ ขอมูล แหลงพลังงาน ลักษณะผิวหนาของโลก ระบบถายภาพ การกระจายผานชั้นบรรยากาศ การรับสัญญาณขอมูล การวิเคราะหขอมูล ผลิตภัณฑ สารสนเทศกระบวนการ แปลภาพ ภาพ ดวยสายตา ตัวเลข ขอมูลอางอิง ดวย คอมพิวเตอร 1.4 การใช้ประโยชน์แผนที่ แผนที่เป็นเครื่องมือทางภูมิศาสตร์ที่มีความจ�าเป็นส�าหรับการศึกษาสภาพแวดล้อมทาง ภูมิศาสตร์ และเป็นประโยชน์ในการด�าเนินกิจกรรมต่าง ๆ ของมนุษย์ ดังนี้ 1. ใช้ในชีวิตประจ�าวัน เช่น ช่วยในการเดินทาง โดยใช้แผนที่ที่แสดงเส้นทางคมนาคม ทางบก ทางน�้า ทางอากาศ และบอกที่ตั้งของสถานที่ส�าคัญต่าง ๆ ในปัจจุบันสามารถใช้แผนที่ผ่าน โทรศัพท์เคลื่อนที่ประเภทสมาร์ตโฟนหรือแท็บเล็ต ท�าให้ใช้งานแผนที่ได้สะดวกมากขึ้น 2. หน่วยงานต่าง ๆ น�าไปใช้ในการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับพื้นที่ เช่น กรมที่ดินใช้ การส�ารวจรังวัดท�าแผนที่เพื่อออกโฉนดที่ดินให้ประชาชน กรมทางหลวงจัดท�าแผนที่ทางหลวง เพื่อใช้ประกอบการเดินทาง กรมป่าไม้จัดท�าแผนที่ป่าไม้เพื่อเป็นฐานข้อมูลในการจัดการป่าไม้ 3. ใช้ในกิจการทหาร โดยน�าไปเป็นข้อมูลในการวางแผนทางยุทธศาสตร์ เช่น การเลือกที่ตั้งค่ายทหาร การทิ้งระเบิดโจมตีทางอากาศ 4. ใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม เช่น แผนที่แสดงความ หนาแน่นของประชากร แผนที่แสดงแหล่งปลูกพืชเศรษฐกิจ โรงงาน ซึ่งช่วยท�าให้ทราบข้อมูล พื้นฐานเพื่อน�าไปวางแผนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมต่อไป 5. ใช้ในการรายงานปรากฏการณ์ธรรมชาติ เช่น แผนที่แสดงอุณหภูมิ แผนที่แสดง การเคลื่อนที่ของพายุ ซึ่งท�าให้เข้าใจปรากฏการณ์ธรรมชาติต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น 6. ใช้ส�าหรับการเรียนการสอน เช่น โรงเรียนใช้แผนที่ประกอบการเรียนรู้เพื่อให้ นักเรียนเข้าใจลักษณะทางกายภาพและต�าแหน่งที่ตั้งบนโลก Google Maps เป็นบริการแผนที่ของ Google ใช้ในการ ค้นหาเส้นทาง ดูสภาพการจราจร เพื่อวางแผน การเดินทางจากสถานที่หนึ่งไปยังอีกสถานที่หนึ่ง ซึ่งท�าให้ทราบเส้นทางที่ดีที่สุด ใช้ระยะเวลาน้อย ที่สุด รวมถึงการเลือกประเภทพาหนะที่ใช้เดินทาง เช่น รถยนต์ รถประจ�าทาง การเดินเท้า พร้อม แสดงเวลาโดยประมาณที่ใช้ในการเดินทางก�ากับ ไว้ด้วย แอปพลิเคชันแผนที่ 8 ขั้นสอน ขั้นที่ 5 การสรุปเพื่อตอบคําถาม 1. นักเรียนในชั้นเรียนรวมกันสรุปเกี่ยวกับแผนที่ องคประกอบของแผนที่ การอานและแปลความ แผนที่ ตลอดจนการใชประโยชนแผนที่ โดย อาจศึกษา Geo Tip เกี่ยวกับแอปพลิเคชัน แผนที่ จากหนังสือเรียน ภูมิศาสตร ม.4-6 เพิ่มเติม 2. ครูใหสมาชิกในแตละกลุมชวยกันสรุปสาระ สําคัญเพื่อตอบคําถามเชิงภูมิศาสตร โดยครู แนะนําเพิ่มเติม 3. นักเรียนทําแบบฝกสมรรถนะฯ ภูมิศาสตร ม.4-6 เรื่อง แผนที่ เพื่อทดสอบความรูที่ไดศึกษามา ขั้นสรุป ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรูเกี่ยวกับ แผนที่ ตลอดจนความสําคัญของแผนที่มีอิทธิพล ตอการดําเนินชีวิตของผูคนในปจจุบัน หรืออาจ ใช PPT สรุปสาระสําคัญของเนื้อหา ขั้นประเมิน 1. ครูประเมินผลโดยสังเกตจากการตอบคําถาม การรวมกันทํางาน และการนําเสนอผลงาน หนาชั้นเรียน 2. ครูตรวจสอบผลจากการทําใบงานและแบบฝก สมรรถนะฯ ภูมิศาสตร ม.4-6 แนวทางการวัดและประเมินผล ครูสามารถวัดและประเมินความเขาใจเนื้อหา เรื่อง เครื่องมือทางภูมิศาสตร ไดจากการใชเครื่องมือทางภูมิศาสตรในการสืบคนและนําเสนอผลงานหนา ชั้นเรียน โดยศึกษาเกณฑการวัดและประเมินผลจากแบบประเมินการนําเสนอ ผลงานที่แนบมาทายแผนการจัดการเรียนรูหนวยที่ 1 เรื่อง เครื่องมือทางภูมิศาสตร แบบประเมินการน าเสนอผลงาน ค าชี้แจง : ให้ผู้สอนประเมินผลการน าเสนอผลงานของนักเรียนตามรายการ แล้วขีด ลงในช่องที่ ตรงกับระดับคะแนน ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ............/................./................ เกณฑ์การให้คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินสมบูรณ์ชัดเจน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินเป็นส่วนใหญ่ ให้ 2 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินบางส่วน ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ต่ ากว่า 8 ปรับปรุง ล าดับที่ รายการประเมินระดับคะแนน 3 2 1 1 ความถูกต้องของเนื้อหา 2 การล าดับขั้นตอนของเรื่อง 3 วิธีการน าเสนอผลงานอย่างสร้างสรรค์ 4 การใช้เทคโนโลยีในการน าเสนอ 5 การมีส่วนร่วมของสมาชิกในกลุ่ม รวม แผนที่มีประโยชนในการดําเนินชีวิตของบุคคลทั่วไปและ การพัฒนาสังคมและประเทศชาติอยางไร (แนวตอบ แผนที่มีประโยชนตอบุคคลทั่วไปในการดําเนินชีวิต หลายดาน เชน การเดินทาง การคนหาที่ตั้งของสถานที่ และมี ประโยชนในการพัฒนาสังคมและประเทศชาติ คือ การใชเปน ขอมูลพื้นฐานในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม เชน การวางแผน สรางระบบสาธารณูปโภค การปกปนเขตแดนระหวางประเทศ และการทหาร) นํา สอน สรุป ประเมิน T8
ขอสอบเนน การคิด ผูใช ผลิตภัณฑ ขอมูล แหลงพลังงาน ลักษณะผิวหนาของโลก ระบบถายภาพ การกระจายผานชั้นบรรยากาศ การรับสัญญาณขอมูล การวิเคราะหขอมูล ผลิตภัณฑ สารสนเทศกระบวนการ แปลภาพ ภาพ ดวยสายตา ตัวเลข ขอมูลอางอิง ดวย คอมพิวเตอร 2 เทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ ภูมิสารสนเทศ (Geoinformatics) คือ ศาสตร์สารสนเทศที่เน้นการบูรณาการเทคโนโลยี ด้านการส�ารวจ การท�าแผนที่ และการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงพื้นที่เข้าด้วยกัน เพื่อศึกษาเกี่ยวกับ พื้นที่บนโลก โดยอาศัยเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ ประกอบด้วย การรับรู้จากระยะไกล (RS) ระบบ ก�าหนดต�าแหน่งบนพื้นโลก (GPS) และระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ (GIS) 2.1 การรับรู้จากระยะไกล การรับรู้จากระยะไกล (Remote Sensing: RS) เป็นระบบส�ารวจเก็บข้อมูลเกี่ยวกับ พื้นผิวโลกด้วยเครื่องรับรู้ (sensor) ซึ่งติดตั้งกับดาวเทียม เครื่องบิน หรือบอลลูน เครื่องรับรู้ ตรวจจับคลื่นพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้าที่สะท้อนจากวัตถุบนผิวโลก หรือตรวจจับคลื่นที่ส่งไปและ สะท้อนกลับมา แล้วแปลงข้อมูลเชิงเลขที่ถูกบันทึกไว้ออกมาเป็นข้อมูลภาพ หลักการท�างานของการรับรู้ระยะไกล ประกอบด้วย 2 กระบวนการ ดังนี้ 1) กำรได้รับข้อมูล (data acquisition) อาศัยหลักการว่า ดวงอาทิตย์ที่เป็น แหล่งก�าเนิดพลังงานตามธรรมชาติ ซึ่งแผ่พลังงานแม่เหล็กไฟฟ้ามายังพื้นผิวโลก วัตถุแต่ละชนิด ดูดกลืนและสะท้อนพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้าได้แตกต่างกัน พลังงานที่ถูกสะท้อนกลับจะถูกบันทึก โดยอุปกรณ์บันทึกข้อมูลบนอากาศยานหรือบนยานอวกาศ ได้ข้อมูลที่เป็นรูปภาพและข้อมูลเชิงเลข 2) กำรวิเครำะห์ข้อมูล (data analysis) ประกอบด้วยการแปลข้อมูลภาพ ด้วยสายตา (visual interpretation) และการวิเคราะห์เชิงเลข (digital analysis) ด้วยคอมพิวเตอร์ ท�าให้ได้ผลิตภัณฑ์สารสนเทศออกมา เช่น รูปถ่ายทางอากาศ ภาพจากดาวเทียม แผนที่ เพื่อให้ ผู้ใช้น�าไปใช้ประโยชน์ต่อไป ภาพแสดงหลักการท�างานของ Remote Sensing 9 ขั้นนํา Geographic Inquiry Process 1. ครูใหนักเรียนเลนเกมแขงขันการใชสมารตโฟน คนหาเสนทางไปยังสถานที่ที่นักเรียนสนใจ ในทวีปตางๆ จํานวน 10 แหง ภายในเวลาที่ กําหนด จากนั้นอภิปรายแสดงความคิดเห็น รวมกัน 2. ครูสนทนาประกอบการซักถามเกี่ยวกับ เทคโนโลยีภูมิสารสนเทศในความรูความเขาใจ เบื้องตนของนักเรียนเพิ่มเติม เชน • เทคโนโลยีภูมิสารสนเทศไดแกสิ่งใด (แนวตอบ เชน รูปถายทางอากาศ ภาพจาก ดาวเทียม GPS GIS) • ในปจจุบันเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ มีประโยชนอยางไรบาง (แนวตอบ เชน มีประโยชนในดานการสํารวจ การสืบคนขอมูล การวิเคราะหขอมูลการ บริหาร การวางแผนในพื้นที่ที่มีขอจํากัด ทั้งในดานระยะทาง หรือการเขาถึง ตลอดจน เปนการอํานวยความสะดวกในการนํา เทคโนโลยีมาใชในชีวิตประจําวันเพิ่ม มากขึ้น) ขอใดไมใชประโยชนของรีโมตเซนซิง 1. สํารวจการใชที่ดิน 2. การพยากรณอากาศ 3. ใชเตือนภัยจากธรรมชาติ 4. ทําแบบจําลองความสูงเชิงเลข 5. การตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงพื้นที่ปาไม (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. การทําแบบจําลองความสูงเชิงเลข เนื่องจากตองใชขอมูลจากภาพถายออรโธสีที่มีลักษณะคลายกับ รูปถายทางอากาศเปนขอมูลพื้นฐานสวนหนึ่งของการจัดทํา) เกร็ดแนะครู ครูอาจอธิบายเปรียบเทียบหลักการทํางานและประโยชนของขอมูลจาก การรับรูจากระยะไกลแบบขอมูล จากรูปถายทางอากาศกับภาพจากดาวเทียม โดยใชผังกราฟกที่แสดงการเปรียบเทียบ หรือจําแนกรายละเอียดขอมูล เชน ตารางเวนน ไดอะแกรม (Venn Diagram) หรือผังมโนทัศน เพื่อใหนักเรียน เกิดความรูความเขาใจในการรับรูจากระยะไกลยิ่งขึ้น นํา นํา สอน สรุป ประเมิน T9
ขอสอบเนนการคิดแนว O-NET รูปถ่ายทางอากาศแนวเฉียงสูง เห็นแนวขอบฟ้า บริเวณรัฐวิสคอนซิน สหรัฐอเมริกา ที่มำ : https://blogs.uoregon.edu รูปถ่ายทางอากาศแนวดิ่ง อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ที่มำ : กรมแผนที่ทหาร กระทรวงกลาโหม รูปถ่ายทางอากาศแนวเฉียงต�่า ไม่เห็นแนวขอบฟ้า บริเวณรัฐวิสคอนซิน สหรัฐอเมริกา ที่มำ : https://blogs.uoregon.edu ข้อมูลจากการรับรู้ระยะไกล มีดังนี้ 1) รูปถ่ำยทำงอำกำศ คือ รูปภาพของลักษณะภูมิประเทศที่ปรากฏอยู่บนพื้น ผิวโลก ที่ได้จากการถ่ายภาพทางอากาศ โดยผ่านเลนส์กล้องและฟิล์ม ซึ่งถ่ายด้วยกล้องที่ติดไว้ กับอากาศยาน ได้แก่ บอลลูน และเครื่องบิน ปัจจุบันการถ่ายรูปทางอากาศมีการใช้กล้องดิจิทัล บันทึกข้อมูลเชิงเลข คล้ายกับข้อมูลจากดาวเทียม แต่มีรายละเอียดสูงมาก รวมทั้งยังน�าไปติดตั้ง ไว้กับอากาศยานไร้คนขับกันมากขึ้น ท�าให้สามารถถ่ายรูปได้ตามขนาดและเวลาที่สะดวกขึ้น รูปถ่ายทางอากาศ แบ่งได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ ตามลักษณะการถ่ายรูป ดังนี้ 1.1) รูปถ่ำยทำงอำกำศแนวดิ่ง เป็นรูปถ่ายทางอากาศที่ถ่ายรูปในแนวตั้งฉาก กับผิวโลกและไม่เห็นแนวขอบฟ้า 1.2) รูปถ่ำยทำงอำกำศแนว เฉียง เป็นรูปถ่ายที่เกิดจากการก�าหนดแกนของ กล้องในลักษณะเฉียง แบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ • รูปถ่ายทางอากาศแนว เฉียงสูง ลักษณะรูปถ่ายจะเห็นแนวขอบฟ้าเป็น แนวกว้างใหญ่ • รูปถ่ายทางอากาศแนว เฉียงต�่า เป็นรูปถ่ายทางอากาศที่ไม่ปรากฏเส้น ขอบฟ้าในภาพ รูปถ่ายทางอากาศแนวเฉียงสูงและแนวเฉียงต�่าใช้แสดงภาพรวมของพื้นที่ แต่มี มาตราส่วนบนรูปถ่ายทางอากาศแตกต่างกัน รูปถ่ายทางอากาศแนวดิ่งมีมาตราส่วนในรูปค่อนข้าง คงที่ จึงเป็นที่นิยมน�ามาใช้ท�าแผนที่ 10 ไว้กับอากาศยานไร้คนขับกันมากขึ้น ท� 1 ขั้นสอน ขั้นที่ 1 การตั้งคําถามเชิงภูมิศาสตร 1. ครูนํารูปถายทางอากาศและภาพจากดาวเทียม มาใหนักเรียนดู จากนั้นใหนักเรียนลองบอก สิ่งที่เห็นจากสายตา ประกอบการถามคําถาม เชน • อุปสรรคที่สําคัญของการถายภาพทาง อากาศคือสิ่งใด (แนวตอบ เชน หมอกควัน เนื่องจากการถาย ภาพทางอากาศนั้นจะมีการติดตั้งอุปกรณ ถายภาพกับอากาศยานแลวถายภาพมายัง พื้นที่ตางๆ ซึ่งอุปสรรคสําคัญในการถายภาพ ทางอากาศ คือ หมอกควันที่บดบังพื้นที่ ทําใหไดรูปถายทางอากาศที่ไมชัดเจน) 2. ครูกระตุนใหนักเรียนชวยกันตั้งประเด็นคําถาม เชิงภูมิศาสตร เชน • เทคโนโลยีภูมิสารสนเทศที่นํามาใชในการหา เสนทางการเดินทางไปยังเปาหมาย เรียกวา ระบบอะไร • เทคโนโลยีภูมิสารสนเทศแตละประเภท มีความเหมือนหรือแตกตางกันหรือไม อยางไร • นอกจากเครื่องมือทางภูมิศาสตรอยาง ลูกโลก แผนที่ รูปถายทางอากาศ และภาพ จากดาวเทียมแลว ยังมีเครื่องมือใดอีกบาง ที่ใชศึกษาขอมูลทางภูมิศาสตร และให ขอมูลเกี่ยวกับอะไร นักเรียนควรรู 1 อากาศยานไรคนขับ มีขนาด รูปราง รูปแบบ และเอกลักษณที่แตกตางกัน เปนอากาศยานที่ควบคุมจากระยะไกล ใชการควบคุมอัตโนมัติ มี 2 ลักษณะ ไดแก การควบคุมอัตโนมัติจากระยะไกล และการควบคุมแบบอัตโนมัติโดยใช ระบบการบินดวยตนเองซึ่งตองอาศัยโปรแกรมคอมพิวเตอรที่มีระบบซับซอน ติดตั้งไวในอากาศยาน อากาศยานไรคนขับไมตองใชนักบินประจําอากาศยาน ซึ่งมีการติดตั้งกลองถายภาพคุณภาพสูงที่สามารถบันทึกภาพระยะไกลได แลวแพรภาพสัญญาณมายังจอภาพที่สถานีภาคพื้นดินในเวลาที่ใกลเวลาจริง มากที่สุด รูปถายทางอากาศสามารถแสดงขอมูลพื้นที่เปนภาพ 3 มิติ ไดจากขอใด 1. ถายรูปพื้นที่ซอนกัน 2. บันทึกขอมูลแบบแอกทีฟ 3. การกําหนดมาตราสวนของแผนที่ 4. ความละเอียดขั้นสูงในการถายภาพ 5. ใชฟลมคุณภาพสูงในการบันทึกภาพ (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. การถายรูปทางอากาศสามารถ แสดงขอมูลพื้นที่เปนภาพสามมิติไดจากการถายรูปที่มีพื้นที่ ซอนกัน (overlap)) นํา สอน สรุป ประเมิน T10
Geo Tip 2) ภำพจำกดำวเทียม คือ ภาพที่ได้จากการถ่ายและบันทึกข้อมูลเชิงเลขของค่าการ สะท้อนช่วงคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากวัตถุต่าง ๆ ที่มีค่าการสะท้อนแสงแตกต่างกัน จึงท�าให้สามารถ จ�าแนกวัตถุต่าง ๆ ได้จากการแปลความสิ่งที่ปรากฏบนภาพ เช่น สี ขนาด รูปร่าง ทั้งนี้ ดาวเทียม ถูกพัฒนาขึ้นหลายรูปแบบตามภารกิจ เช่น ดาวเทียมส�ารวจทรัพยากร ดำวเทียมส�ำรวจทรัพยำกร เป็นดาวเทียมที่ใช้ในการเก็บข้อมูลด้านทรัพยากรต่าง ๆ เช่น พืชพรรณ ทรัพยากรน�้า ลักษณะการ ใช้ประโยชน์ที่ดิน ในประเทศไทยมีสถานีรับสัญญาณดาวเทียมส�ารวจทรัพยากร ตั้งอยู่ที่อ�าเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี และที่เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร เมื่อสถานีภาคพื้นดินรับสัญญาณตัวเลขที่ส่ง มาแล้ว จึงแปลงตัวเลขเป็นภาพที่สามารถน�าไปแปลความหมายต่อไปได้ ตัวอย่างดาวเทียมส�ารวจทรัพยากร เช่น SPOT, THEOS, MOS, WorldView, GeoEye, QuickBird, Landsat ดาวเทียมไทยโชต หรือ THEOS ดาวเทียมส�ารวจ ทรัพยากรดวงแรกของประเทศไทย ดาวเทียม Landsat-8 โดยความร่วมมือระหว่าง องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ (NASA) กับส�านักงานส�ารวจธรณีวิทยาแห่งชาติ สหรัฐอเมริกา (USGS) ระบบบันทึกข้อมูลของดาวเทียมในปัจจุบันมีวิวัฒนาการไปอย่างรวดเร็ว มีคุณสมบัติ หลายประการ ดังนี้ 2.1) กำรบันทึกข้อมูลเปนบริเวณกว้ำง ภาพจากดาวเทียมภาพหนึ่ง ๆ ครอบคลุม พื้นที่กว้างท�าให้ได้ข้อมูลในลักษณะต่อเนื่องในระยะเวลาบันทึกภาพสั้น ๆ เช่น ภาพจากดาวเทียม SPOT คลุมพื้นที่ 60 x 60 ตร.กม. หรือ 3,600 ตร.กม. 2.2) กำรบันทึกภำพบริเวณเดิม ดาวเทียมส�ารวจทรัพยากรมีวงโคจรจากเหนือ ลงใต้ และกลับมายังจุดเดิม ท�าให้ได้ข้อมูลบริเวณเดียวกันหลาย ๆ ช่วงเวลา สามารถเปรียบเทียบ และติดตามการเปลี่ยนแปลงบนพื้นผิวโลกได้ เช่น ดาวเทียม Landsat มีรอบโคจรทุก ๆ 16 วัน 11 ตัวอย่างดาวเทียมส�ารวจทรัพยากร เช่น SPOT, THEOS, MOS, WorldView, GeoEye, 1 ขั้นสอน ขั้นที่ 1 การตั้งคําถามเชิงภูมิศาสตร 3. ครูอาจใหนักเรียนศึกษา Geo Tip เกี่ยวกับ ดาวเทียมสํารวจทรัพยากร จากหนังสือเรียน ภูมิศาสตร ม.4-6 ประกอบการตั้งประเด็น คําถามเชิงภูมิศาสตร ผานการถามคําถาม เพิ่มเติมเชน • ภาพจากดาวเทียมมีที่มาอยางไร (แนวตอบ การรับขอมูลตัวเลขจากดาวเทียม ที่โคจรอยูรอบโลกของสถานีรับสัญญาณ ดาวเทียมตางๆ โดยดาวเทียมนั้นแปลง ขอมูลภาพทรัพยากรธรรมชาติ หรือสิ่งที่ มนุษยสรางขึ้นเปนตัวเลข สถานีรับสัญญาณ จึงตองแปลงขอมูลตัวเลขนั้นกลับเปนภาพ อีกครั้งหนึ่ง อยางไรก็ตาม ขอมูลตัวเลขนั้น สามารถนํามาวิเคราะหเชิงสถิติเพื่อจัดกลุม ขอมูลใหมซึ่งเปนการแปลความหมายอีก รูปแบบหนึ่งได) ขอสอบเนนการคิดแนว O-NET ขอมูลที่ใช ในการพยากรณอากาศของพื้นที่หนึ่งๆ มาจาก หลักการทํางานของดาวเทียมในขอใด 1. ดาวเทียมคงที่ 2. ดาวเทียมสํารวจทรัพยากร 3. ดาวเทียมพลังงานธรรมชาติ 4. ดาวเทียมพลังงานคลื่นแมเหล็กไฟฟา 5. ดาวเทียมโคจรรอบโลกในแนวเหนือ-ใต (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. การพยากรณอากาศพื้นที่หนึ่งๆ ดวยขอมูลจากดาวเทียม ดาวเทียมนั้นตองมีหลักการทํางาน แบบดาวเทียมคงที่ คือ ดาวเทียมที่โคจรรอบโลกเทากับการหมุน ของโลก ซึ่งมีการสํารวจและรวบรวมขอมูลดานภูมิอากาศของ พื้นที่นั้นๆ) นักเรียนควรรู 1 THEOS เปนดาวเทียมสํารวจทรัพยากรดวงแรกของไทย ขึ้นสูอวกาศ เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2551 โดยจรวดนําสงเนปเปอร (Dnepr) จากฐาน สงจรวดเมืองยาสนี (Yasny) ประเทศรัสเซีย ดาวเทียม THEOS เปนดาวเทียม ขนาดเล็ก มีอายุการใชงานอยางนอย 5 ป ทํางานโดยอาศัยแหลงพลังงานจาก ดวงอาทิตย สามารถบันทึกภาพไดครอบคลุมพื้นที่ทั่วโลก สื่อ Digital ศึกษาคนควาขอมูลเกี่ยวกับดาวเทียมตางๆ ไดที่ http://www.gistda. or.th/main/th/node/90 สํานักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องคการมหาชน) นํา สอน สรุป ประเมิน T11
ขอสอบเนนการคิด 2.3) รำยละเอียดของภำพ ภาพจากดาวเทียมให้รายละเอียดหลายระดับ มีผลดี ในการน�าไปใช้ประโยชน์ในการศึกษาด้านต่างๆ เช่น ภาพถ่ายจากดาวเทียม Landsat-7 มี รายละเอียดที่ระดับ 30 เมตร ใช้ศึกษาสภาพการใช้ที่ดินระดับจังหวัดได้ ในขณะที่ภาพถ่ายจาก ดาวเทียม GeoEye -1 ที่มีรายละเอียดสูงที่ระดับ 46 เซนติเมตร เห็นวัตถุต่าง ๆ ได้อย่างชัดเจน ข้อมูลภาพจากดาวเทียมที่มีรายละเอียดภาคพื้นดินมาก จะให้รายละเอียดของวัตถุบนโลก ที่ชัดเจนมากขึ้น ภาพถ่ายจากดาวเทียม GeoEye-1 มีรายละเอียดสูง ที่ระดับ 46 เซนติเมตร ท�าให้เห็นวัตถุได้อย่างชัดเจน ภาพถ่ายจากดาวเทียม WorldView-2 แสดงภาพสีผสม จริง ซึ่งมีสีเหมือนที่ปรากฏในธรรมชาติ ภาพถ่ายจากดาวเทียม Landsat-7 มีรายละเอียดปานกลาง ที่ระดับ 30 เมตร ท�าให้เห็นภาพรวมของการใช้ประโยชน์ที่ดิน ภาพถ่ายจากดาวเทียม QuickBird แสดงภาพสีผสมเท็จ ท�าให้เห็นส่วนที่เป็นป่าไม้มีสีแดง 2.4) กำรบันทึกภำพได้หลำยช่วงคลื่นแสง ระบบบันทึกข้อมูลสามารถบันทึกภาพ ได้หลายช่วงคลื่นแสงในบริเวณเดียวกัน ทั้งในช่วงคลื่นแสงที่สายตามองเห็น และช่วงคลื่นแสง นอกเหนือสายตามนุษย์ เมื่อน�าข้อมูลภาพในแต่ละช่วงคลื่นแสงมาซ้อนทับกัน จะเกิดเป็นภาพถ่าย สีผสมจริง ซึ่งมีสีเหมือนที่ปรากฏในธรรมชาติ และภาพถ่ายสีผสมเท็จ ท�าให้แยกวัตถุต่าง ๆ บน พื้นผิวโลกได้อย่างชัดเจน 12 ได้หลายช่วงคลื่นแสงในบริเวณเดียวกัน ทั้งในช่วงคลื่นแสงที่สายตามองเห็น และช่วงคลื่นแสง 1 นักเรียนควรรู 1 ชวงคลื่นแสงที่สายตามองเห็น แสงที่มนุษยมองเห็น หมายถึง คลื่นแมเหล็ก ไฟฟาที่มีความยาวคลื่นอยูในชวง 400-700 นาโนเมตร ซึ่งถือวาเปนเพียงชวง แคบๆ ของแถบคลื่นแมเหล็กไฟฟาทั้งหมด นอกจากนี้ ความยาวคลื่นยังบอก ถึงสีดวย ความยาวคลื่นมากที่สุดที่มนุษยมองเห็นไดจะมีสีแดง (ประมาณ 700 นาโนเมตร) และความยาวคลื่นนอยที่สุดที่มองเห็นไดจะมีสีนํ้าเงิน (ประมาณ 400 นาโนเมตร) ขอใดคือเทคโนโลยีในการบันทึกขอมูลของภาพจากดาวเทียม 1. คลื่นวิทยุ 2. รังสีแกมมา 3. รังสีความรอน 4. คลื่นแมเหล็กไฟฟา 5. พลังงานแสงอาทิตย (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. ภาพจากดาวเทียม คือ ภาพ ที่ไดจากการถายและบันทึกขอมูลเชิงเลขของคาการสะทอน ชวงคลื่นแมเหล็กไฟฟาจากวัตถุตางๆ ที่มีการสะทอนแสงแตกตางกัน จึงทําใหสามารถจําแนกวัตถุตางๆ ได จากการแปลความสิ่งที่ ปรากฏบนภาพ เชน สี ขนาด รูปราง) ขั้นสอน ขั้นที่ 2 การรวบรวมขอมูล 1. ครูใหนักเรียนแบงกลุม กลุมละ 4 คน โดยให นักเรียนในแตละกลุมมีหมายเลขประจําตัว คือ หมายเลข 1 2 3 และ 4 เรียกวา กลุมแมบาน 2. นักเรียนกลุมแมบานแยกยายไปรวมกันตาม หมายเลขเดียวกัน เรียกวา กลุมผูเชี่ยวชาญ 3. สมาชิกในกลุมผูเชี่ยวชาญ รวมกันสืบคน ความรู เรื่อง เทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ จาก หนังสือเรียน ภูมิศาสตร ม.4-6 และสรุปความรู ลงในใบงาน ตามประเด็นตอไปนี้ • หมายเลข 1 ทําใบงานที่ 1.2 เรื่อง การรับรู จากระยะไกล • หมายเลข 2 ทําใบงานที่ 1.3 เรื่อง ระบบ กําหนดตําแหนงบนพื้นโลก • หมายเลข 3 ทําใบงานที่ 1.4 เรื่อง ระบบ สารสนเทศภูมิศาสตร • หมายเลข 4 ทําใบงานที่ 1.5 เรื่อง การใช ประโยชนเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ 4. สมาชิกในกลุมผูเชี่ยวชาญแตละหมายเลข ทําการรวบรวมและอภิปรายขอมูลจากการทํา ใบงาน 5. ครูอาจใหนักเรียนแตละกลุมศึกษารายละเอียด ของภาพถายจากดาวเทียมประกอบการรวบรวม ขอมูลเพิ่มเติม นํา สอน สรุป ประเมิน T12
กิจกรรม Geo - Literacy ปาไมธรรมชาติ ปาปลูกหรือ สวนเกษตรกรรม 4 5 รถยนตบนลานจอดรถ 6 เงาของอาคาร 7 พื้นดิน ลำนำ้สาขา แหลงน้ำ แมน ้ำ 1 2 3 4 ลำนำ้สาขา 3) กำรแปลควำมหมำยรูปถ่ำยทำงอำกำศและภำพจำกดำวเทียม หลักการ แปลความหมายด้วยสายตา ใช้องค์ประกอบหลักที่ส�าคัญ ดังนี้ การแปลความหมายได้ดีและถูกต้องขึ้นอยู่กับองค์ประกอบต่างๆ ซึ่งการตรวจสอบ ภาคสนามช่วยให้การแปลความหมายมีความถูกต้องแม่นย�ามากขึ้น นอกจากนี้ รูปถ่ายทางอากาศ หรือภาพจากดาวเทียมที่บันทึกในช่วงปีที่แตกต่างกันยังช่วยให้เห็นการเปลี่ยนแปลงของพื้นที่ใน แต่ละบริเวณได้ชัดเจนเพิ่มขึ้นด้วย 1. ควำมเข้มของสี วัตถุต่าง ชนิดกันมีการสะท้อนคลื่นแสงแตกต่างกัน เช่น พื้นดินไม่มีต้นไม้ปกคลุมสะท้อนคลื่นแสงมาก จึงมีสีจาง น�้าดูดซับคลื่นแสงมากจึงสะท้อนคลื่น แสงน้อย ภาพที่ได้บริเวณพื้นน�้าจึงมีสีเข้ม 2. ขนำด ความยาว ความกว้าง หรือพื้นที่ แสดงให้เห็นความแตกต่างของขนาด เช่น ระหว่างแม่น�้ากับล�าน�้าสาขา 3. รูปร่ำง สิ่งที่ปรากฏในภาพ ส่วนใหญ่มีรูปทรงเรขาคณิต เช่น พื้นที่เกษตรกรรม เป็นแปลงรูปสี่เหลี่ยม 4. เนื้อภำพ เป็นความหยาบ ความละเอียดของผิววัตถุ เช่น น�้ามีลักษณะเรียบ และป่าไม้มีลักษณะขรุขระ 5. แบบรูป สิ่งที่เกิดขึ้นตาม ธรรมชาติมีแบบรูปแตกต่างจากสิ่งที่มนุษย์สร้าง ขึ้น เช่น ป่าไม้ธรรมชาติกับป่าปลูก ซึ่งป่าปลูก มีแบบรูปต้นไม้ปลูกอย่างเป็นระเบียบมากกว่า 6. ควำมสูงและเงำ เงาของวัตถุ ใช้อธิบายความสูงของวัตถุ เช่น ต้นไม้ อาคาร เมื่อถ่ายรูปทางอากาศในระดับความสูงไม่มาก ในช่วงเช้าและบ่ายมีเงาสามารถน�ามาค�านวณ หาความสูงของวัตถุได้ 7. ต�ำแหน่ง แสดงความสัมพันธ์ ซึ่งกันและกัน เช่น รถยนต์บนลานจอดรถ 13 ขนำด ความยาว ความกว้าง มสูงและเงำ เงาของวัตถุ 1 2 ขั้นสอน ขั้นที่ 3 การจัดการขอมูล 1. สมาชิกในกลุมผูเชี่ยวชาญแตละหมายเลข กลับไปยังกลุมแมบานของตนเอง 2. สมาชิกแตละคนในกลุมนําขอมูลที่ตนไดจาก การรวบรวมมาอธิบายแลกเปลี่ยนความรู ระหวางกัน 3. จากนั้นสมาชิกในกลุมชวยกันคัดเลือกขอมูล ที่นําเสนอเพื่อใหไดขอมูลที่ถูกตอง นักเรียนควรรู 1 ขนาด การพิจารณารายละเอียดเกี่ยวกับขนาด ตองมีความรูเรื่องความ สัมพันธและสมบูรณของขนาด หากพิจารณาภาพของรายละเอียดในรูปถายและ รูขนาดที่แนนอนของรายละเอียดที่ปรากฏในภูมิประเทศแลว ก็สามารถหาขนาด ของรายละเอียดอื่นๆ ได โดยเปรียบเทียบกับขนาดของรายละเอียดที่ทราบแลว 2 เงา การพิจารณารูปรางของรายละเอียดใหไดผลดีจะพิจารณาจากเงา ไดมากกวาการพิจารณาจากสี หรือลวดลาย เนื่องจากขนาดทางดิ่งที่แสดง ดวยเงานั้น จะปรากฏใหเห็นชัดกวาขนาดในทางราบ ที่แสดงดวยภาพของ รายละเอียดสีของภาพ โดยรายละเอียดเหลานั้นจะเปลี่ยนไปตามสภาพแวดลอม แตเงาจะแสดงใหเห็นชัดเจน ครูนําภาพจากดาวเทียมที่แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงของพื้นที่ ในลักษณะตางๆ เชน • ลักษณะชายฝงทะเลอันดามันกอนและหลังประสบภัยสึนามิ • การเปลี่ยนแปลงของพื้นที่ปาสงวน จากนั้นใหนักเรียนอานและแปลความภาพจากดาวเทียม โดยอาศัยหลักการแปลความหมายทางสายตา แลวสรุปสงครูผูสอน นํา สอน สรุป ประเมิน T13
ขอสอบเนนการคิด B B B 1: 4,000 N พิจำรณำจำก เนื้อภาพและแบบรูป : มีเรือนยอดเป็นแฉกสูงใกล้ เคียงกัน เป็นลักษณะของพืชตระกูลปาล์ม และเรียง เป็นระเบียบ จึงสรุปว่า เป็นสวนปาล์ม บริเวณต�าแหน่ง A บริเวณต�าแหน่ง B = สวนปาล์ม = อำคำร ขนาดและรูปร่าง : มีรูปร่างสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดใหญ่ ความสูงและเงา : มีเงาพาดทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ = ต้นไม้ ขนาดและรูปร่าง : มีรูปร่างเกือบกลม ลักษณะเป็นพุ่มขนาดเล็ก ความสูงและเงา : มีเงาพาดทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ มีความสูง ประมาณหนึ่ง B = เสำธง ขนาดและรูปร่าง : มีรูปร่างเป็นขาแยกขนาดเล็ก ความสูงและเงา : มีเงาพาดทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ มีความสูง ประมาณหนึ่ง อ่านและแปลความได้ว่า เมื่อพิจารณาต�าแหน่งและความสัมพันธ์ร่วมด้วยแล้ว สรุปได้ว่า เป็นบริเวณ โรงเรียน เนื่องจากมีอาคารรูปร่างสี่เหลี่ยมผืนผ้ายาวและสูงประมาณหนึ่งอยู่รอบพื้นที่ว่าง และมีเสา ธงชาติ บริเวณโดยรอบประกอบด้วยบ้านเรือน และพื้นที่ทางการเกษตร คือ สวนปาล์มทางทิศตะวันออก และทิศใต้ของโรงเรียน A B รูปถ่ายทางอากาศ บริเวณโรงเรียนเขาทะลุพิทยาคม ต�าบลเขาทะลุ อ�าเภอสวี จังหวัดชุมพร ตัวอย่าง การแปลความหมายรูปถ่ายทางอากาศ 14 1 ขั้นสอน ขั้นที่ 4 การวิเคราะหและแปลผลขอมูล 1. สมาชิกแตละกลุมนําขอมูลที่ไดจากการศึกษา มาทําการวิเคราะห และรวมกันตรวจสอบ ความถูกตองของขอมูล โดยครูชวยชี้แนะ เพิ่มเติม 2. ครูใหนักเรียนแตละกลุมใชความรูเรื่อง เทคโนโลยีสารสนเทศที่นํามาใชประโยชน ในชีวิตประจําวัน มาประกอบการนําเสนอ เพิ่มเติมตามประเด็น ดังนี้ • กลุมที่ 1 เรื่อง การรับรูจากระยะไกล • กลุมที่ 2 เรื่อง ระบบกําหนดตําแหนง บนพื้นโลก • กลุมที่ 3 เรื่อง ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร • กลุมที่ 4 เรื่อง การใชประโยชนเทคโนโลยี ภูมิสารสนเทศ 3. ครูและนักเรียนวิเคราะหเรื่องราวที่นําเสนอ และอภิปรายเสนอแนะขอคิดเห็นรวมกัน 4. ครูใหนักเรียนจับคูใชสมารตโฟนสืบคนรูปถาย ทางอากาศจากอินเทอรเน็ต จากนั้นผลัดกัน อานและแปลความรูปถายทางอากาศที่สืบคน มาได 5. ครูสุมนักเรียนบางคูมาอานและแปลความ รูปถายทางอากาศบริเวณหนาชั้นเรียน อภิปราย และแสดงความคิดเห็นรวมกัน นักเรียนควรรู 1 การแปลความหมายรูปถายทางอากาศ เปนการแสดงลักษณะของวัตถุ ที่ปรากฏในรูปถายทางอากาศและหาความหมาย หรือความสําคัญของวัตถุ เหลานั้น ปจจุบันมีการนําการแปลความหมายภาพไปใชในกิจการอื่นนอกเหนือ จากกิจการทหาร เพราะรูปถายทางอากาศสามารถใหขอมูลที่เปนประโยชนตอ โครงการตางๆ หลายโครงการ เชน การกําหนดเขตที่ดิน การสํารวจแหลงแร การขุดคนทางโบราณคดี รูปถายทางอากาศใหขอมูลของสิ่งที่ปรากฏบนพื้นผิวโลก คอนขางละเอียด เพราะเหตุใด (แนวตอบ รูปถายทางอากาศไดจากการถายรูปของอากาศยาน โดยขอมูลที่ไดเปนรูป หรือขอมูลเชิงเลข ในสวนของกลองถายรูป ทางอากาศมีลักษณะคลายกับกลองถายรูปทั่วไปในอดีต แตมี ขนาดใหญกวา เลนสยาวกวา และใชฟลมขนาดใหญ จึงทําให ขอมูลที่คอนขางละเอียดสามารถนํามาซอนทับกันเปนภาพสามมิติ ของพื้นที่นั้นได) นํา สอน สรุป ประเมิน T14
4) กำรใช้ประโยชน์รูปถ่ำยทำงอำกำศและภำพจำกดำวเทียมรูปถ่ายทางอากาศ และภาพจากดาวเทียมสามารถน�าไปใช้ประโยชน์ ดังนี้ 4.1) ด้ำนกำรผังเมืองและกำรขยำยเมือง ข้อมูลจากดาวเทียมที่มีความละเอียดสูง สามารถใช้ในการติดตามการขยายตัวของเมืองและแหล่งชุมชน เพื่อวางแผนรองรับด้านโครงสร้าง พื้นฐาน หรือหาต�าแหน่งที่เหมาะสมในการตั้งถิ่นฐานใหม่ 4.2) ด้ำนป่ำไม้ใช้ข้อมูลในการท�าแผนที่ป่าไม้แสดงพันธุ์ไม้ประเภทของป่า ใช้เพื่อตรวจสอบความหนาแน่นและขนาดของต้นไม้และแก้ปัญหาการจัดการด้านป่าไม้เช่น การบุกรุกป่าและขอบเขตของป่า ความเสียหายจากไฟป่า 4.3) ด้ำนกำรใช้ที่ดิน ใช้ข้อมูลท�าแผนที่การใช้ดินเพื่อการเกษตร อุตสาหกรรม ผังเมือง เพื่อหาพื้นที่เหมาะสมในด้านต่าง ๆ 4.4) ด้ำนภัยพิบัติใช้ข้อมูลป้องกันเตือนภัยและประเมินค่าความเสียหายจาก ภัยพิบัติต่าง ๆ เช่น ดินถล่ม น�้าท่วม สึนามิ ภัยแล้ง ภาพจากดาวเทียมแสดงพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายจากไฟป่า เวสมานลันด์เคาน์ตี (Vä stmanland) ประเทศสวีเดน เมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2557 15 กิจกรรม สรางเสริม กิจกรรม ทาทาย ขั้นสอน ขั้นที่ 4 การวิเคราะหและแปลผลขอมูล 6. ครูใหนักเรียนแตละกลุมออกมาเขียนอธิบาย สรุปผลการวิเคราะหขอมูลที่ไดจากการศึกษา เทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ และการใชประโยชน จากเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ ตามความถนัด หรือความสนใจเพิ่มเติมที่หนาชั้นเรียน เชน • การทํางานของการรับรูจากระยะไกลดวย เครื่องบิน (แนวตอบ การทํางานของการรับรูจาก ระยะไกลดวยเครื่องบิน เรียกวา รูปถาย ทางอากาศ เนื่องจากเกิดจากการถายรูป ทางอากาศแลวนําฟลมไปลางและอัดเปน ภาพทั้งสี และขาว-ดํา สามารถขยายได หลายเทาโดยไมสูญเสียรายละเอียดของ ขอมูล เพราะใชกลองและฟลมที่มีคุณภาพสูง รูปที่ถายทางอากาศนี้สามารถแปลความหมาย พื้นที่ผิวโลกไดดวยสายตา ทั้งนี้ การถายรูป ทางอากาศตองมีการวางแผนการบินและ กําหนดมาตราสวนของแผนที่ลวงหนา เสียกอน) • การใชประโยชนในการจัดการพื้นที่จากภาพ จากดาวเทียม (แนวตอบ ภาพจากดาวเทียมแสดงขอมูลของ พื้นที่ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงในดานตางๆ เชน ความเสื่อมโทรมของพื้นที่ปาไม การ ขยายตัวของเขตเมือง การกัดเซาะชายฝง ของนํ้าทะเล นอกจากนี้ ยังใหขอมูลเกี่ยวกับ แหลงทรัพยากรธรรมชาติตางๆ เชน แรธาตุ ทําใหหนวยงานที่เกี่ยวของสามารถวางแผน ในการจัดการพื้นที่ไดอยางมีประสิทธิภาพ) นักเรียนสืบคนและแปลความหมายจากรูปถายทางอากาศ เพื่อเปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลงดานพื้นที่ปาไม หรือการใชที่ดิน เพื่อการเกษตร นักเรียนวิเคราะห เปรียบเทียบ และแปลความหมายภาพจาก ดาวเทียม ที่บันทึกขอมูลภูมิอากาศของกรมอุตุนิยมวิทยา เพื่อ ติดตามขอมูลการพยากรณอากาศ เตรียมตัวปองกัน และระวัง ภัยพิบัติ เกร็ดแนะครู ครูอธิบายเพิ่มเติมวา ขอมูลจากดาวเทียมและรูปถายทางอากาศเปน อุปกรณสําคัญในการสํารวจและจําแนกดิน ทําใหทราบถึงชนิด การแพรกระจาย และความอุดมสมบูรณของดิน จึงใชจัดลําดับความเหมาะสมของดินได เชน ความเหมาะสมสําหรับปลูกพืชแตละชนิด ความเหมาะสมดานวิศวกรรม นํา สอน สรุป ประเมิน T15
สถานีควบคุม/ ติดตาม เครื่องรับ สัญญาณ ดาวเทียมน�าทาง 2.2 ระบบก�าหนดต�าแหน่งบนพื้นโลก ระบบก�าหนดต�าแหน่งบนพื้นโลก (Global Positioning System) หรือจีพีเอส (GPS) หมายถึง เทคโนโลยีที่ใช้ก�าหนดต�าแหน่งบนพื้นโลก โดยอาศัยดาวเทียม สถานีภาคพื้นดิน และ เครื่องรับจีพีเอส โดยเครื่องรับจีพีเอสรับสัญญาณมาค�านวณหาระยะเสมือนจริงแต่ละระยะ และ จะใช้ข้อมูลจากดาวเทียมอย่างน้อย 3 ดวง มาค�านวณหาต�าแหน่งของเครื่องรับ พร้อมทั้งแสดงให้ ผู้ใช้ทราบบนจอแอลซีดีของเครื่องเป็นค่าละติจูด ลองจิจูด และค่าพิกัดยูทีเอ็ม 1) หลักกำรท�ำงำนของระบบก�ำหนดต�ำแหน่งบนพื้นโลก ต้องอาศัยการท�างาน ร่วมกันขององค์ประกอบทั้ง 3 ส่วน ดังนี้ 1.1) ส่วนอวกำศ (space segment) ประกอบด้วยดาวเทียม 24 ดวง แบ่งออก เป็น 6 วงโคจร วงโคจรละ 4 ดวง ท�าหน้าที่ส่งสัญญาณคลื่นวิทยุจากอวกาศมายังส่วนผู้ใช้ หรือ เครื่องรับจีพีเอส 1.2) ส่วนสถำนีควบคุม (control segment) ได้แก่ สถานีภาคพื้นดินที่กระจาย อยู่ตามส่วนต่าง ๆ บนพื้นโลก ท�าหน้าที่ปรับปรุงข้อมูลให้มีความถูกต้อง โดยค�านวณวงโคจรและ ต�าแหน่งของดาวเทียมที่ขณะเวลาต่าง ๆ แล้วส่งข้อมูลเหล่านี้ไปยังส่วนอวกาศ 1.3) ส่วนผู้ใช้ (user segment) ได้แก่ เครื่องรับสัญญาณจีพีเอส มีหลายขนาด สามารถพกพาหรือติดไว้ในยานพาหนะได้ ท�าหน้าที่แปลงสัญญาณและค�านวณหาพิกัดต�าแหน่ง บนพื้นโลก 16 2.2 ระบบก�าหนดต�าแหน่งบนพื้นโลก1 กิจกรรม ทาทาย ขั้นสอน ขั้นที่ 4 การวิเคราะหและแปลผลขอมูล • การทํางานของระบบกําหนดตําแหนงบน พื้นโลก (แนวตอบ การกําหนดตําแหนงบนพื้นโลก โดยอาศัยการสื่อสารผานคลื่นวิทยุความ เร็วสูงจากดาวเทียมใหแกสถานีรับภาค พื้นดินและสงไปยังเครื่องรับจีพีเอส โดย เครื่องรับจีพีเอสจะรับสัญญาณมาคํานวณ หาระยะเสมือนจริง และจะใชขอมูลดังกลาว จากดาวเทียมอยางนอย 4 ดวง มาคํานวณ หาตําแหนงของเครื่องรับ พรอมทั้งแสดง ขอมูลใหผูใชทราบบนหนาจอเครื่องเปน คาละติจูด ลองจิจูด และอื่นๆ) • กิจการที่ใหกําเนิดระบบกําหนดตําแหนง บนพื้นโลก (แนวตอบ การทหาร เปนกิจการที่ทําใหเกิด ระบบกําหนดตําแหนงบนพื้นโลกขึ้น โดย กระทรวงกลาโหมของสหรัฐอเมริกาใชหา ตําแหนงและพิกัดทางภูมิศาสตรในระหวาง การสงคราม จึงกลาวไดวา ระบบกําหนด ตําแหนงบนพื้นโลกเกิดขึ้นจากความขัดแยง และความรุนแรง แตตอมาไดนํามาใชเปน ประโยชนในการดําเนินชีวิตและสามารถ สรางสันติภาพไดมากขึ้น) นักเรียนควรรู 1 ระบบกําหนดตําแหนงบนพื้นโลก พัฒนาโดยกระทรวงกลาโหมของ สหรัฐอเมริกา โดยนักวิทยาศาสตรชื่อ ดร.ริชารด บี เคิรชเนอร ไดติดตาม การสงดาวเทียมสปุตนิกของสหภาพโซเวียต และพบคลื่นวิทยุที่สงกลับมาจาก ดาวเทียม จึงเกิดแนวคิดอันเปนที่มาของระบบกําหนดตําแหนงบนพื้นโลกวา หากทราบตําแหนงที่แนนอนบนพื้นโลก ก็สามารถระบุตําแหนงของดาวเทียม ไดจากคลื่นวิทยุ ในทางกลับกันหากทราบตําแหนงที่แนนอนของดาวเทียม ก็สามารถระบุตําแหนงบนพื้นโลกไดเชนเดียวกัน ใหนักเรียนวิเคราะหและยกตัวอยางอุปกรณที่ใชในชีวิต ประจําวัน ที่มีความเกี่ยวของกับหลักการทํางานของระบบกําหนด ตําแหนงบนพื้นโลก พรอมทั้งบอกขอดี และขอจํากัดของอุปกรณ ดังกลาว นําเสนอ และอภิปรายรวมกัน นํา สอน สรุป ประเมิน T16
กิจกรรม เสริมสรางคุณลักษณะอันพึงประสงค 2) การใช้ประโยชน์ของระบบก�าหนดต�าแหน่งบนพื้นโลก GPS เป็นอีกเทคโนโลยี ใกล้ตัวเราเป็นอย่างมาก และด้วยความสามารถของ GPS ท�าให้เราน�าข้อมูลต�าแหน่งมาประยุกต์ ใช้งานในด้านต่าง ๆ ดังนี้ การติดตั้งระบบ GPS ไว้ ในยานพาหนะต่างๆ เพื่อหาเส้นทาง ไปยังจุดหมาย และระบุต�าแหน่งปัจจุบันของยานพาหนะ GPS ติดรถยนต์ ช่วยในการน�าทาง 2.1) การคมนาคมขนส่งและ การจราจร โดยการน�าระบบ GPS มาใช้งาน ควบคุมคู่กับระบบขนส่งสินค้า ท�าให้ทราบที่ อยู่ปัจจุบันของรถขนส่งสินค้าที่อยู่ระหว่างการ ปฏิบัติงานได้ทันที หรือใช้รายงานการจราจร ต�าแหน่งที่เกิดอุบัติเหตุ และปัจจุบันนิยมใช้เป็น ระบบน�าทางในยานพาหนะ 2.2) การให้บริการข้อมูล ข่าวสารเชิงต�าแหน่ง เป็นการใช้งานระบบ GPS ร่วมกับอุปกรณ์สมาร์ตโฟน เช่น การถ่ายรูป การน�าทาง การระบุต�าแหน่ง 2.3) การควบคุมเครื่องจักรกลในการท�าการเกษตร ช่วยลดปัญหาด้านแรงงาน เพิ่มความสะดวกรวดเร็วและเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการ โดยติดตั้งระบบ GPS ในรถแทรกเตอร์ เพื่อใช้ในการควบคุม การหยอดเมล็ด หยอดปุ๋ย ให้น�้า และเก็บเกี่ยวด้วยค่าพิกัดที่แม่นย�า ตาม แผนที่และค�าสั่งที่ตั้งค่าไว้ 2.4) การส�ารวจต�าแหน่งที่เกิดเหตุต่าง ๆ เช่น อุบัติเหตุบนทางหลวง ต�าแหน่งเรือ ในทะเล หรือการหลงป่า ท�าให้การช่วยเหลือเป็นไปอย่างแม่นย�าและรวดเร็ว โทรศัพท์เคลื่อนที่หรือสมาร์ตโฟนสามารถค้นหาต�าแหน่ง ต่าง ๆ ได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว 17 ขั้นสอน ขั้นที่ 4 การวิเคราะหและแปลผลขอมูล • ประโยชนของระบบกําหนดตําแหนง บนพื้นโลก (แนวตอบ ระบบกําหนดตําแหนงบนพื้นโลกมี ประโยชนมากในการกําหนดจุดพิกัดผิวโลก โดยแสดงขอมูลทั่วไป เชน อาคาร บานเรือน ถนน นาขาว ซึ่งอาจใชเปนขอมูลพื้นฐานของ ระบบสารสนเทศภูมิศาสตรและขอมูลเฉพาะ เชน ตําแหนงที่เกิดภัยธรรมชาติ อุบัติเหตุ บนทางหลวง หรือกลางทะเล โดยเครื่อง จีพีเอสมีหลากหลายขนาด สามารถพกติดตัว หรือติดตั้งในรถยนตเพื่อสํารวจทิศทางของ จุดหมายทําใหสามารถเดินทางไดสะดวก รวดเร็วมากยิ่งขึ้น) • การใชประโยชนของระบบกําหนดตําแหนง บนพื้นโลกที่ใกลตัวมากที่สุด (แนวตอบ เชน การใชประโยชนของระบบ กําหนดตําแหนงบนพื้นโลก หรือ GPS ในการ ระบุพิกัดภูมิศาสตรของโรงเรียน เนื่องจาก GPS เปนเครื่องรับระบบกําหนดตําแหนง บนพื้นโลกที่สามารถหาพิกัดภูมิศาสตรของ สถานที่ตางๆ บนพื้นโลกไดจากดาวเทียม ที่โคจรอยูรอบโลก) นักเรียนแบงกลุมตามความสมัครใจ ทําชิ้นงาน การใชเครื่องมือ ทางภูมิศาสตรในการประชาสัมพันธชุมชนของนักเรียน โดยกําหนด ใหจัดทําชิ้นงานนําเสนออยางหลากหลาย และชิ้นงานตองแสดง ใหเห็นถึงการใชทักษะทางภูมิศาสตรมานําเสนอขอมูลไดอยางมี คุณภาพ บูรณาการอาเซียน นักเรียนสามารถใชเทคโนโลยีสารสนเทศในการสืบคนขอมูลผานสมารตโฟน ที่ติดตั้งระบบรับสัญญาณดาวเทียมนําทางและกลองถายภาพที่พัฒนาจาก เทคโนโลยีในการติดตามขอมูลขาวสารดานตางๆ ของประเทสสมาชิกอาเซียน เชน ลักษณะภูมิประเทศ ภูมิอากาศ ทรัพยากรธรรมชาติ เพื่อเรียนรูขอมูล พื้นฐานของประชาคมอาเซียน การรูเทาทันสื่อ และเสริมสรางทักษะทาง ภูมิศาสตร นํา สอน สรุป ประเมิน T17
ขอสอบเนนการคิด Geo Tip ฮารดแวร ซอฟตแวร กระบวนการวิเคราะห ขอมูล ผูใช Geographic Information System 2.3 ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ (Geographic Information System: GIS) เป็นระบบข้อมูลที่ เชื่อมโยงกับค่าพิกัดภูมิศาสตร์และรายละเอียดของพื้นที่ โดยใช้คอมพิวเตอร์และแสดงผลลัพธ์ใน รูปแบบต่าง ๆ เช่น แผนที่ ภาพสามมิติ สถิติ ตารางข้อมูล 1) หลักกำรท�ำงำนของระบบสำรสนเทศภูมิศำสตร์ มีหลักการท�างาน ดังนี้ 1.1) กำรน�ำเข้ำข้อมูล (input) ก่อนที่ข้อมูลทางภูมิศาสตร์จะถูกใช้งานได้ใน GIS ข้อมูลต้องได้รับการแปลงให้มาอยู่ในรูปแบบของข้อมูลเชิงตัวเลข (digital format) เสียก่อน เช่น จากแผนที่กระดาษไปสู่ข้อมูลในรูปแบบดิจิทัลหรือแฟ้มข้อมูลบนเครื่องคอมพิวเตอร์ 1.2) กำรปรับแต่งข้อมูล (manipulation) ข้อมูลที่ได้รับเข้าสู่ระบบบางอย่างจ�าเป็น ต้องได้รับการปรับแต่งให้เหมาะสมกับงาน เช่น ข้อมูลบางอย่างมีขนาดที่แตกต่างกัน หรือใช้ระบบ พิกัดแผนที่ที่แตกต่างกัน ข้อมูลเหล่านี้ต้องปรับให้อยู่ในระดับเดียวกันเสียก่อน 1.3) กำรบริหำรข้อมูล (management) ในระบบ GIS นิยมใช้ระบบจัดการฐาน ข้อมูลซึ่งถูกจัดเก็บในรูปของตาราง 1.4) กำรเรียกค้นและวิเครำะห์ข้อมูล (query and analysis) เมื่อระบบ GIS มีความพร้อมของข้อมูลแล้ว สามารถน�าข้อมูลเหล่านี้มาใช้ให้เกิดประโยชน์ เช่น การสอบถาม ข้อมูลอย่างง่ายๆ ในบริเวณที่ต้องการ เพื่อสอบถามหรือเรียกค้นข้อมูล นอกจากนี้ ระบบ GIS ยังมี เครื่องมือในการวิเคราะห์ เช่น การวิเคราะห์เชิงประมาณค่า การวิเคราะห์เชิงซ้อน (overlay analysis) 1.5) กำรน�ำเสนอข้อมูล (visualization) จากการด�าเนินการเรียกค้นและวิเคราะห์ ข้อมูล ผลลัพธ์ที่ได้อยู่ในรูปของตัวเลขหรือตัวอักษร ซึ่งยากต่อการตีความหมาย การน�าเสนอ ข้อมูลที่ดี ทั้งการแสดงชาร์ต (chart) แบบ 2 มิติ หรือ 3 มิติ รูปภาพจากสถานที่จริง ภาพเคลื่อนไหว แผนที่ หรือแม้กระทั่งระบบมัลติมีเดีย สื่อต่างๆ เหล่านี้จะท�าให้เข้าใจความหมายและมองภาพ ของผลลัพธ์ได้ดียิ่งขึ้น องค์ประกอบที่ส�ำคัญของ GIS 18 การสํารวจขอมูลของภูมิสารสนเทศศาสตรชนิดใดแตกตาง จากขออื่น 1. แผนที่การใชที่ดิน 2. ภาพจากดาวเทียม 3. การรับรูจากระยะไกล 4. ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร 5. ระบบกําหนดตําแหนงบนพื้นโลก (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. ดาวเทียมเปนเครื่องมือหลักในการ สํารวจขอมูลภูมิสารสนเทศชนิดตางๆ โดยเฉพาะระบบสารสนเทศ ภูมิศาสตรและระบบกําหนดตําแหนงบนพื้นโลก สวนการรับรูจาก ระยะไกล มีเครื่องมือเก็บขอมูลแบงออกเปน 2 สวน คือ ดาวเทียม และอากาศยานตางๆ เชน เครื่องบิน บอลลูน) ขั้นสอน ขั้นที่ 4 การวิเคราะหและแปลผลขอมูล • ความรูเบื้องตนเกี่ยวกับระบบสารสนเทศ ภูมิศาสตร (แนวตอบ เชน เครื่อง GPS รับสัญญาณ คลื่นวิทยุจากดาวเทียมที่โคจรอยูรอบโลก แลวแสดงภาพบนหนาจอ ใหขอมูลเกี่ยวกับ เสนทางคมนาคม ตําแหนงที่ตั้งของสถานที่ ตางๆ สภาพการจราจร สามารถนํามาใช ประโยชนในชีวิตประจําวันได) เกร็ดแนะครู ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการนําเสนอขอมูลทางภูมิศาสตรที่มีรูปแบบตางๆ ดังนี้ • แบบบรรยาย เปนวิธีการนําเสนอขอมูลที่เปนพื้นฐาน ควรใชขอความสั้นๆ เขาใจงาย • แบบแผนภูมิ เปนวิธีการนําเสนอขอมูลเพื่อเปรียบเทียบในแตละสวน • แบบแผนที่ เปนวิธีการนําเสนอขอมูลที่ตองการใหเห็นภาพของพื้นที่ ประเทศและภูมิภาคโดยไมตองอธิบายเพิ่มเติม นํา สอน สรุป ประเมิน T18
เมืองหลวง กรุงเทพมหานคร Field Name Country Area Pop. Value Bangkok Thailand 1566.737 5776181 ข้อมูลแผนที่ ข้อมูลคุณลักษณะ 2) ประเภทของข้อมูล ข้อมูลเกี่ยวกับโลกมีความสลับซับซ้อนมากเกินกว่าที่จะเก็บ ข้อมูลทั้งหมดไว้ในรูปข้อมูลได้ ในระบบ GIS จึงต้องเปลี่ยนปรากฏการณ์บนผิวโลกจัดเก็บในรูป ของตัวเลขเชิงรหัส (digital code) มีส่วนประกอบ 2 ส่วน คือ 2.1) ข้อมูลแผนที่ (cartographic data) เป็นข้อมูลที่เกี่ยวข้อง กับต�าแหน่งที่ตั้งของข้อมูลต่าง ๆ บนพื้นโลก ประกอบด้วยข้อมูล จุด เส้น และพื้นที่ 2.2) ข้อมูลคุณลักษณะ (attribute data) เป็นข้อมูลที่อธิบายถึงคุณลักษณะ ต่าง ๆ ในพื้นที่นั้น เช่น ข้อมูลจ�านวนประชากร ในกรุงเทพมหานคร ข้อมูลเชิงภาพ (graphic data) แบ่งได้เป็น 3 ประเภท คือ 1. จุด (point) ลักษณะทางภูมิศาสตร์ที่มีต�าแหน่งที่ตั้งเฉพาะเจาะจง หรือมี เพียงอย่างเดียว สามารถแทนได้ด้วยจุด เช่น หมุดหลักเขต จุดความสูง อาคาร สิ่งก่อสร้าง 2. เสน (line) ลักษณะทางภูมิศาสตร์ที่วางตัวไปตามทางระหว่างจุด 2 จุด หรือ หลายจุดต่อกันจะแทนด้วยเส้น เช่น ล�าน�้า ถนน โครงข่ายสาธารณูปโภค เส้นชั้นความสูง 3. พื้นที่ (polygon) ลักษณะทางภูมิศาสตร์ที่มีพื้นที่เดียวกันจะถูกล้อมรอบด้วย เส้นเพื่อแสดงขอบเขตเป็นพื้นที่ เช่น เขตต�าบล อ�าเภอ จังหวัด ขอบเขตอุทยานแห่งชาติ ข้อมูลเหล่านี้ถูกจัดเก็บในรูปของแฟ้ม ข้อมูลที่แยกออกจากกันเป็นชั้นข้อมูล (layer) ตามลักษณะเพื่อความสะดวกในการจัดเก็บ และแก้ไข แฟ้มของชั้นข้อมูลเหล่านี้จะเชื่อม ต่อกันในลักษณะซ้อนทับ โดยอาศัยต�าแหน่ง ทางภูมิศาสตร์เป็นตัวเชื่อมในลักษณะอ้างอิงกับ ต�าแหน่งจริงบนพื้นผิวของโลก (geocoding) เส้นทางคมนาคม การใช้ที่ดิน ขอบเขตป่าไม้ แหล่งน�้า ความสูงต�่า แผนที่ภูมิประเทศ ชั้นข้อมูล 19 ขั้นสอน ขั้นที่ 4 การวิเคราะหและแปลผลขอมูล • องคประกอบของระบบสารสนเทศภูมิศาสตร (แนวตอบ ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร มีองคประกอบ 5 ดาน ไดแก ขอมูล คือ ขอมูลเชิงพื้นที่มีลักษณะเปนจุด เชน โรงเรียน วัด ขอมูลเสน เชน ถนน แมนํ้า ทางรถไฟ ขอมูลรูปปด เชน ขอบเขตของ อําเภอ จังหวัด ขอมูลคําอธิบาย เปนขอมูล ประกอบขอมูลเชิงพื้นที่ สวนชุดคําสั่งหรือ ซอฟตแวร คือ โปรแกรมคอมพิวเตอรที่ใชใน การจัดการขอมูล สวนเครื่องหรือฮารดแวร คือ อุปกรณที่ใชกับระบบสารสนเทศ ภูมิศาสตร กระบวนการวิเคราะห คือ การ วิเคราะหขอมูลชั้นตาง ๆ ตามวัตถุประสงค และบุคลากร คือ ผูที่มีความรูความสามารถ ดานระบบสารสนเทศภูมิศาสตร รวมถึง พัฒนาระบบใหมีคุณภาพอยูเสมอ) เกร็ดแนะครู ครูอาจนําแผนใสที่มีขอมูลดานตางๆ ของทองถิ่นหรือประเทศ เชน ลักษณะ ภูมิประเทศ เสนทางคมนาคม การตั้งถิ่นฐาน การใชที่ดิน มาวางซอนทับกัน เพื่อใหนักเรียนไดพิจารณาและทําความเขาใจถึงการซอนทับกันของชั้นขอมูล ในการจัดทําระบบสารสนเทศภูมิศาสตรไดชัดเจนยิ่งขึ้น ขอสอบเนนการคิดแนว O-NET ขอใดกลาวถูกตองเกี่ยวกับองคประกอบของระบบสารสนเทศ ภูมิศาสตร 1. มีรายละเอียดของขอมูลที่หลากหลาย 2. ขอมูลเปนเชิงตัวเลขและการเปลี่ยนแปลงทางสถิติ 3. วิเคราะหขอมูลจากฐานขอมูลชั้นเดียวหรือหลายชั้น 4. บุคลากรเปนผูวิเคราะหขอมูลดวยสายตาและการคํานวณ 5. มีฮารดแวรเปนเครื่องรับระบบกําหนดตําแหนงบนพื้นโลก (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. วิเคราะหขอมูลจากฐานขอมูล ชั้นเดียวหรือหลายชั้นตามวัตถุประสงคของผูใช เนื่องจากระบบ สารสนเทศภูมิศาสตร จัดเก็บขอมูลของพื้นที่ในดานตางๆ เชน ลักษณะภูมิประเทศ ทรัพยากรธรรมชาติ การใชพื้นที่ เปนฐาน ขอมูลชั้นตางๆ การวิเคราะหขอมูลจึงอาจวิเคราะหขอมูลจากฐาน เพียงชั้นเดียวหรือหลายชั้นก็ได) นํา นํา สอน สอ สรุป ประเมิน T19
2.4 การใช้ประโยชน์เทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ ปัจจุบันภูมิสารสนเทศมีบทบาทในชีวิตทั้งทางตรงและทางอ้อม เทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ พบได้ทั้งบนคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์เคลื่อนที่ประเภทสมาร์ตโฟน และแท็บเล็ต ท�าให้การใช้ ภูมิสารสนเทศแพร่หลายมากขึ้น สามารถใช้ข้อมูลร่วมกันได้ระหว่างข้อมูลจาก GPS ข้อมูลภาพ จากดาวเทียม ข้อมูลระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ถูกน�ามาประยุกต์ใช้ในด้านการบริหารจัดการ และการวางแผนก�าหนดนโยบายของหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน 1) ด้ำนกำรบริหำรจัดกำร ท�าการวิเคราะห์หาพื้นที่ที่มีความเหมาะสมส�าหรับ การท�ากิจกรรมต่าง ๆ ได้ด้วยความสะดวกและรวดเร็ว เพิ่มประสิทธิภาพและลดระยะเวลาในการ ตัดสินใจและการปฏิบัติงานให้กับผู้ใช้ข้อมูลสารสนเทศ เช่น 1.1) กำรจัดท�ำแผนที่ภำษีมีระบบภูมิสารสนเทศเข้ามาเป็นเครื่องมือช่วยวาง แผนงานในการจัดเก็บภาษีท�าให้การจัดเก็บภาษีง่ายและสะดวกขึ้น ภายในระบบสารสนเทศ มีข้อมูลที่ใช้ในการค�านวณภาษีทั้งภาษีบ�ารุงท้องที่และภาษีโรงเรือน เช่น ข้อมูลถนนที่ระบุประเภท ถนนสายหลัก-สายรอง แปลงที่ดิน แปลงโรงเรือน ประเภทกิจการ แผนที่ภาษีที่สร้างขึ้นด้วย โปรแกรมภูมิสารสนเทศสามารถระบุได้ว่าแปลงที่ดินแปลงใดเสียภาษีหรือยังไม่ได้เสียภาษี ตลอดจน สามารถจัดท�ารายงานสรุปการเสียภาษีในรอบปีได้ 07 08 02 01 03 04 05 06 0 400 800 ม. ระบบขอมูลสารสนเทศภูมิศาสตรแผนที่ภาษี (GIS Tax Mapping) เทศบาลนครพิษณุโลก เทศบาลนคร พิษณุโลก คำอธิบายสัญลักษณ เลขที่แบงเขตพื้นที่ ทางรถไฟ ถนน แหลงน้ำ โรงเรือนที่ตอง จัดเก็บภาษี 01 ขอมูลแผนที่ภาษีและทะเบียนทรัพยสิน (ขอมูล ณ เดือนสิงหาคม 2557) จำนวนพื้นที่ทั้งหมด จำนวนเขต (โซน) จำนวนเขตยอย (บล็อก) ผูถือกรรมสิทธิ์ จำนวนแปลงที่ดินทั้งหมด อยูในขายเสียภาษี อยูในขายยกเวนภาษี ผูถือกรรมสิทธิ์ที่ดิน จำนวนโรงเรือนทั้งหมด อยูในขายเสียภาษี อยูในขายยกเวนภาษี 18.268 117 23,469 31,117 15,556 15,837 17,196 27,911 13,006 14,905 ตร.กม. เขต เขต ยอย แปลง แปลง แปลง ราย หลัง หลัง หลัง 20 1.1) กำรจัดท�ำแผนที่ภำษี1 กิจกรรม ทาทาย ขั้นสอน ขั้นที่ 4 การวิเคราะหและแปลผลขอมูล • ประโยชนของเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ (แนวตอบ ระบบเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ มีประโยชนในดานการจัดการพื้นที่เปนหลัก จึงถูกใชมากในหนวยงานภาครัฐและ ภาคเอกชน โดยใหขอมูลเพื่อการจัดการ ดานเศรษฐกิจ สังคม ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดลอม ซึ่งที่สําคัญ คือ การจัดการ ภัยธรรมชาติ ในสวนของบุคคลทั่วไป เทคโนโลยีภูมิสารสนเทศก็มีประโยชนใน การบอกตําแหนงของสถานที่ ชื่อสถานที่ พิกัดทางภูมิศาสตร จึงชวยในการวางแผน การเดินทางได) นักเรียนควรรู 1 แผนที่ภาษี เปนแผนที่ที่แสดงตําแหนงรูปราง ลักษณะ และขนาดของที่ดิน อาคารและสิ่งปลูกสราง รวมทั้งรหัสประจําแปลงที่ดินและเลขที่บาน หรืออาคาร แบงเปน 2 ประเภท คือ แผนที่ภาษีบํารุงทองที่และแผนที่ภาษีโรงเรือนและที่ดิน นักเรียนคนควาการใชประโยชนจากระบบสารสนเทศ ภูมิศาสตรในการจัดการพื้นที่ดานตางๆ ไดแก การวางผังเมือง การอนุรักษทรัพยากรธรรมชาติ และการจัดการภัยพิบัติจากแหลง ขอมูลตางๆ แลวบันทึกผลการศึกษาคนควาสงครูผูสอน กิจกรรม สรางเสริม นักเรียนสรุปการใชประโยชนระบบสารสนเทศภูมิศาสตรใน การจัดการพื้นที่ดานตางๆ จากแหลงขอมูลตางๆ เชน เว็บไซต ของศูนยวิจัยภูมิสารสนเทศเพื่อประเทศไทย คณะวิทยาศาสตร จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย แลวนําสงครูผูสอน นํา สอน สรุป ประเมิน T20
1.2) กำรสร้ำงข้อมูลเชิงพื้นที่เพื่อสนับสนุนกำรบริหำรพื้นที่ เช่น กระทรวงเกษตร และสหกรณ์ได้จัดท�า “ระบบแผนที่เกษตรเพื่อการบริหารจัดการ หรือ Agri-Map” โดยบูรณาการ 2) ด้ำนกำรวำงแผนก�ำหนดนโยบำย มีความส�าคัญต่อการพัฒนาพื้นที่จากการ ใช้ข้อมูลจากระบบภูมิสารสนเทศ สามารถน�าเสนอข้อมูลแบบบูรณาการร่วมกันระหว่างข้อมูลทาง ด้านลักษณะสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติและข้อมูลทางด้านสิ่งแวดล้อม ทางสังคม ที่เกิดขึ้นในแต่ละ พื้นที่ ท�าให้เกิดการวางแผนตัดสินใจและก�าหนดนโยบายแบบองค์รวม โดยครอบคลุมพื้นที่และ ปัจจัยต่าง ๆ ที่มีผลต่อการพัฒนาการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ เช่น การวางแผน การใช้ที่ดิน การวาง ผังเมือง การพัฒนาเส้นทางคมนาคม ระบบ GPS ติดตามต�าแหน่งยานพาหนะ รถคันที่ 2ระยะทาง 20.3 กม. ใช้เวลา 52 นาที ความเร็ว 50 กม./ชม. ความเร็วเฉลี่ย 45 กม./ชม. ข้อมูลพื้นที่ที่เหมาะสมส�าหรับ ปลูกพืชเศรษฐกิจในจังหวัดจันทบุรี ข้อมูลพืชเศรษฐกิจ ชุดดิน ภูมิอากาศ และข้อมูลอื่น ๆ ท�าให้ได้ข้อมูลเชิงพื้นที่ที่เหมาะส�าหรับปลูกพืช เศรษฐกิจส�าคัญของประเทศ เผยแพร่ แอปพลิเคชัน และเผยแพร่ข้อมูลผ่านทาง เว็บไซต์ (http://agri-map-online. moac.go.th/) ให้ผู้ใช้ทั่วไปสามารถเข้าใช้ ประโยชน์ได้สะดวก 2.1) กำรใช้ระบบ GPS ใน ยำนพำหนะเพื่อกำรติดตำมและบริหำรจัดกำร เช่น บริษัทด้านขนส่งและโลจิสติกส์ ได้น�าระบบ GPS ไปติดตั้งในรถยนต์ เพื่อติดตามเส้นทาง เดินรถว่าไปยังจุดหมายตามเส้นทางที่ก�าหนด หรือไม่ สามารถค�านวณระยะเวลาที่ใช้ ความเร็ว ในการขับ รวมถึงการค�านวณและวางแผนเรื่อง ค่าใช้จ่ายน�้ามันเชื้อเพลิง ซึ่งเป็นต้นทุนในการ ขนส่งสินค้า รถคันที่ 1 ระยะทาง 11.6 กม. ใช้เวลา 26 นาที ความเร็ว 43 กม./ชม. ความเร็วเฉลี่ย 38 กม./ชม. การติดตามเตาทะเล 21 ขั้นสอน ขั้นที่ 5 การสรุปเพื่อตอบคําถาม 1. ครูใหสมาชิกในแตละกลุมชวยกันสรุปสาระ สําคัญเพื่อตอบคําถามเชิงภูมิศาสตร 2. ครูใหนักเรียนใชสมารตโฟนสองดู QR Code เกี่ยวกับการติดตามเตาทะเล ซึ่งเปนตัวอยางของ การใชประโยชนจากเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ ประกอบการสรุปความรูเกี่ยวกับเครื่องมือทาง ภูมิศาสตรเพิ่มเติม 3. ครูมอบหมายใหนักเรียนทําชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด) การทํารายงาน แผนที่ Google Maps กําหนดเสนทางจากบานของฉันถึง โรงเรียน โดยกําหนดใหปกหมุด “บานของฉัน” และ “โรงเรียน” พรอมอธิบายวิธีการนําระบบ ภูมิสารสนเทศมาใชประโยชนใหเขาใจงาย และชัดเจน ขอสอบเนนการคิดแนว O-NET เครื่องมือทางภูมิศาสตรในขอใดสามารถเปรียบเทียบการ เปลี่ยนแปลงของพื้นที่ปาชายเลนในประเทศไทยระหวาง พ.ศ. 2530-2555 ไดดีที่สุด 1. แผนที่รัฐกิจ 2. แผนที่ภูมิประเทศ 3. รูปถายทางอากาศ 4. ภาพจากดาวเทียม 5. แผนที่ทรัพยากรธรรมชาติ (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. ภาพจากดาวเทียมเปนเครื่องมือ ทางภูมิศาสตรที่ทันสมัยและตรงกับความเปนจริงมากที่สุด และ ภาพจากดาวเทียมมีจุดประสงคเฉพาะ เชน การสํารวจทรัพยากร จึงสามารถใชในการติดตามสถานการณการเปลี่ยนแปลงที่ เกิดขึ้นได) เกร็ดแนะครู ครูอธิบายเกี่ยวกับประโยชนของระบบสารสนเทศภูมิศาสตรเพิ่มเติมวา สามารถนํามาใชในการจัดการดานเศรษฐกิจและสังคม เพราะทําใหทราบขอมูล ตางๆ เชน ที่ตั้งของโรงงานประเภทตางๆ ความหนาแนนของประชากร เพศ อายุ เพื่อนํามาใชวางแผนดานเศรษฐกิจและสังคมได นอกจากนี้ ยังสามารถใช คาดการณแนวโนมการเปลี่ยนแปลงพื้นที่ในชวงเวลาที่กําหนดได นํา สอน สรุป ประเมิน T21
100 ํ 20' E 100 ํ 40' E 101 ํ 00' E 101 ํ 20' E 100 ํ 20' E 100 ํ 40' E 101 ํ 00' E 101 ํ 20' E 18 ํ 00' N 18 ํ 20' N 18 ํ 40' N 19 ํ 00' N 19 ํ 20' N 19 ํ 40' N 18 ํ 00' N 18 ํ 20' N 18 ํ 40' N 19 ํ 00' N 19 ํ 20' N 19 ํ 40' N พะเยา แพร อุตรดิตถ ลาว เฉลิมพระเกียรติ ทุงชาง ปว บอเกลือ เชียงกลาง สองแคว ทาวังผา สันติสุข แมจริม ภูเพียง บานหลวง อำเภอเมือง นาน เวียงสา นานอย นาหมื่น อุทยานแหงชาติ ดอยภูคาบอเกลือ อุทยานแหงชาติ ขุนนาน อุทยานแหงชาติ นันทบุรี อุทยานแหงชาติ ลำน้ำนาน อุทยานแหงชาติ อุทยานแหงชาติ ศรีนาน อุทยานแหงชาติ ขุนสถาน อุทยานแหงชาติ ดอยภูคา อุทยานแหงชาติ ลำน้ำนาน อุทยานแหงชาติ นันทบุรี อุทยานแหงชาติ ขุนนาน อุทยานแหงชาติ ศรีนาน อุทยานแหงชาติ ขุนสถาน แมนำ้นาน แมน ำ้นาน มาตราสวน 1 : 1,500,000 0 10 20 30 กม. สัญลักษณ จังหวัด อำเภอ เขตประเทศ เขตจังหวัด ทางน้ำ พื้นที่ไมใชปา พื้นที่ปา หมายเหตุ : พื้นที่ปาไมแปลตีความจากภาพถายดาวเทียมไทยโชต พ.ศ. 2557 แผนที่แสดงพื้นที่ปาไม จังหวัดนานN W E S 2.2) กำรจัดท�ำขอบเขตของพื้นที่ป่ำไม้เพื่อกำรวำงแผนก�ำหนดนโยบำย กรมป่าไม้ ได้แปลหรือตีความภาพจากดาวเทียมและใช้ภูมิสารสนเทศเป็นเครื่องมือในการจัดเก็บข้อมูลไว้ อย่างต่อเนื่อง สามารถน�าข้อมูลเหล่านี้มาวิเคราะห์ได้ว่า บริเวณใดที่มีพื้นที่ป่าไม้ลดลง หรือ เพิ่มขึ้น บริเวณใดที่ควรเฝ้าระวังเป็นพิเศษ พื้นที่ใดควรมีการฟนฟูป่าไม้ให้อุดมสมบูรณ์ กล่าวโดยสรุป การรู้เรื่องภูมิศาสตร์เป็นการศึกษาเกี่ยวกับการจัดการพื้นที่และสิ่งแวดล้อม โดยอาศัยวิธีการและเครื่องมือต่าง ๆ เครื่องมือที่มีการใช้อย่างแพร่หลายมาก คือ แผนที่ และ ยังมีเครื่องมืออีกหลายชนิดที่มีการน�ามาใช้รวบรวม วิเคราะห์ และน�าเสนอข้อมูลทางภูมิศาสตร์ เช่น รูปถ่ายทางอากาศ ภาพจากดาวเทียม ซึ่งให้ข้อมูลที่ถูกต้องและรวดเร็ว รวมถึงเทคโนโลยี ภูมิสารสนเทศ ทั้งระบบก�าหนดต�าแหน่งบนพื้นโลก การรับรู้ระยะไกล ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ ได้มีบทบาทในชีวิตประจ�าวันมากขึ้น บุคคลทั่วไปสามารถเข้าถึงการใช้งานภูมิสารสนเทศได้สะดวก รวมถึงปัจจุบันภาครัฐและเอกชนก็น�าข้อมูลจากภูมิสารสนเทศมาใช้งานด้านต่าง ๆ อย่างแพร่หลาย แผนที่แสดงพื้นที่ป่าไม้ จังหวัดน่าน พ.ศ. 2557 ภาพจากดาวเทียมจังหวัดน่าน 22 ขั้นสอน ขั้นที่ 5 การสรุปเพื่อตอบคําถาม 4. ใหนักเรียนทําแบบวัดฯ ภูมิศาสตร ม.4-6 เรื่อง เครื่องมือทางภูมิศาสตรเพื่อทดสอบ ความรูที่ไดศึกษามา ขั้นสรุป ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรูเกี่ยวกับ เครื่องมือทางภูมิศาสตร หรือใช PPT สรุปสาระ สําคัญของเนื้อหา ตลอดจนความสําคัญของ เครื่องมือทางภูมิศาสตรตอการดําเนินชีวิต ประจําวัน ขั้นประเมิน 1. ครูประเมินผลโดยสังเกตจากการตอบคําถาม การรวมกันทํางาน และการนําเสนอผลงาน หนาชั้นเรียน 2. ครูตรวจสอบผลจากการทําใบงาน แบบวัดฯ และแบบฝกสมรรถนะฯ ภูมิศาสตร ม.4-6 3. ครูใหนักเรียนทําแบบทดสอบหลังเรียนหนวย การเรียนรูที่ 1 เรื่อง เครื่องมือทางภูมิศาสตร ปภ. สุพรรณบุรีระดมเครื่องสูบนํ้า เรงแกปญหานํ้าทวม 4 จังหวัด ผูอํานวยการศูนยปองกันและบรรเทา สาธารณภัย เขต 2 สุพรรณบุรี กลาววา จากกรณี รองมรสุมพาดผานภาคกลางตอนลางและภาคใต ตอนบนจึงมีฝนตกชุกหนาแนน กับมีฝนตกหนัก ซึ่งทําใหเกิดนํ้าทวมฉับพลัน นํ้าปาไหลหลาก และนํ้าทวมขังในที่ราบลุม ในพื้นที่รับผิดชอบ โดยเฉพาะจังหวัดสุพรรณบุรี กาญจนบุรี นครปฐม ศูนยฯ ไดสนับสนุนเครื่องสูบนํ้าที่มีสมรรถนะสูง เรือทองแบน พรอมเจาหนาที่ และใหการสนับสนุนเรือพายขนาดเล็กใหกับ อปท. ที่มา: http://static.naewna.com/uploads/news/source 1. ขาวที่หามานี้ เปนขาวเกี่ยวกับอะไร และมีการใชเครื่องมือทางภูมิศาสตร ใด ..................................................................................................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................................................................................................... 2. จากขาว การใชเครื่องมือชนิดนี้มีประโยชนอยางไร ..................................................................................................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................................................................................................... 3. เครื่องมือนี้มีวิธีการเพื่อให ไดขอมูลมาอยางไร ..................................................................................................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................................................................................................... 4. นอกจากเครื่องมือที่ปรากฏอยูในขาว มีเครื่องมือทางภูมิศาสตรอื่น ๆ ประเภทใดที่นํามาใชกับ สถานการณนี้ได ..................................................................................................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................................................................................................... 5. หากนักเรียนมีโอกาสใชเครื่องมือทางภูมิศาสตรชนิดนี้ นักเรียนจะใชศึกษาเรื่องใด ..................................................................................................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................................................................................................... คะแนนเต็ม คะแนนที่ได้ 5 กิจกรรมที่ 1.4 ใหนักเรียนหาขาวเกี่ยวกับการใชเครื่องมือทางภูมิศาสตร นําขาวมาติด แลวตอบคําถาม ส 5.1 ม.4-6/3 Geo Skill • การคิดเชิงพื้นที่ • การใชเทคโนโลยี • การใชสถิติพื้นฐาน ฉบับ เฉลย (แนวตอบ) ໚¹¢‹ÒÇà¡ÕèÂÇʶҹ¡Òó¹íéÒ·‹ÇÁ·Õèà¡Ô´¢Öé¹ã¹ ¨Ñ§ËÇÑ´ ÊØ¾ÃóºØÃÕ ¡ÒÞ¨¹ºØÃÕ ¹¤Ã»°Á áÅÐã¹¢‹ÒǹÕéÁÕ¡ÒùíÒÃÙ»¶‹Ò·ҧÍÒ¡ÒÈÁÒ㪌 à¾×èÍáÊ´§ãËŒàËç¹¾×é¹·Õè»ÃÐʺÀѹíéÒ·‹ÇÁ ÃÙ»¶‹Ò·ҧÍÒ¡ÒÈ ª‹ÇÂãËŒàËç¹¾×é¹·Õè»ÃÐʺÀѹíéÒ·‹ÇÁ¨Ò¡ÁØÁÊÙ§ «Ö觨ÐàËç¹ÊÀÒ¾â´ÂÃÇÁ 䴌͋ҧªÑ´à¨¹ ÊÒÁÒö¹íÒä»ãªŒÈÖ¡ÉÒà¾×èÍÇÒ§á¼¹áÅÐËÒá¹Ç·Ò§á¡Œä¢Í‹ҧÁÕ»ÃÐÊÔ·¸ÔÀÒ¾ ໚¹¡ÒùíҡŌͧ¢Öé¹ä»¡ÑºÍÒ¡ÒÈÂÒ¹ ઋ¹ à¤Ã×èͧºÔ¹ ºÍÅÅÙ¹ â´Ã¹ áŌǶ‹ÒÂÀÒ¾¨Ò¡ÁØÁÊÙ§ ÀÒ¾·Õèä´Œ¨ÐàËç¹¾×é¹·Õ赋ҧ æ ä´Œ ã¹ÁØÁ¡ÇŒÒ§áÅЪѴਹ ÊÒÁÒö㪌Ἱ·ÕèࢌÒÁÒª‹ÇÂÈÖ¡ÉÒ àÊŒ¹·Ò§ ÊÀÒ¾·Ò§ÀÙÁÔÈÒʵà ¢Í§¾×é¹·Õè·Õè»ÃÐʺÀÑ ¹íéÒ·‹ÇÁ ¹Í¡¨Ò¡¹Õé ÊÒÁÒö¹íÒÀÒ¾¶‹Ò´ÒÇà·ÕÂÁࢌÒÁÒª‹ÇÂ㹡ÒÃÈÖ¡ÉÒàÊŒ¹·Ò§¢Í§ÁÇŹíéÒ ¨Ð¹íÒä»ãªŒÈÖ¡ÉÒàÃ×èͧ¾×é¹·Õ軆ÒäÁŒ à¾ÃÒеŒÍ§¡Ò÷ÃҺNjҾ×é¹·Õèã´ÁÕÊÀÒ¾»†ÒÍØ´ÁÊÁºÙó áÅо×é¹·Õèã´¾×é¹·Õè»†Ò·ÃØ´â·ÃÁ à¾×è͹íÒ¢ŒÍÁÙÅÁÒÈÖ¡ÉÒáÅÐËÒá¹Ç·Ò§ã¹¡ÒÃ͹ØÃѡɿ„œ¹¿Ù»†Òµ‹Íä» 7 แบบวัดฯ แนวทางการวัดและประเมินผล ครูสามารถวัดและประเมินความเขาใจเนื้อหา เรื่อง เทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ ไดจากการใชเครื่องมือทางภูมิศาสตรในการสืบคนและนําเสนอผลงานหนา ชั้นเรียน โดยศึกษาเกณฑการวัดและประเมินผลจากแบบประเมินการนําเสนอ ผลงานที่แนบมาทายแผนการจัดการเรียนรูหนวยที่ 1 เรื่อง เครื่องมือทางภูมิศาสตร แบบประเมินการน าเสนอผลงาน ค าชี้แจง : ให้ผู้สอนประเมินผลการน าเสนอผลงานของนักเรียนตามรายการ แล้วขีด ลงในช่องที่ ตรงกับระดับคะแนน ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ............/................./................ เกณฑ์การให้คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินสมบูรณ์ชัดเจน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินเป็นส่วนใหญ่ ให้ 2 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินบางส่วน ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ต่ ากว่า 8 ปรับปรุง ล าดับที่ รายการประเมินระดับคะแนน 3 2 1 1 ความถูกต้องของเนื้อหา 2 การล าดับขั้นตอนของเรื่อง 3 วิธีการน าเสนอผลงานอย่างสร้างสรรค์ 4 การใช้เทคโนโลยีในการน าเสนอ 5 การมีส่วนร่วมของสมาชิกในกลุ่ม รวม กิจกรรม 21st Century Skills ครูจัดกิจกรรมฝกการคิดวิเคราะห โดยการประยุกตใช ความรูจากสถานการณ “ถาครอบครัวของนักเรียนวางแผนจะทํา ไรนาสวนผสมตามแนวคิดปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” โดยเริ่ม จากการสํารวจพื้นที่ แลวตอบคําถามในประเด็นที่กําหนด เชน • นักเรียนจะแนะนําใหครอบครัวใชเครื่องมือทางภูมิศาสตร ชนิดใด • เพราะเหตุใดนักเรียนจึงแนะนําเครื่องมือดังกลาว • ขอมูลที่จะไดรับจากเครื่องมือนั้นคืออะไร แลวบันทึกคําตอบสงครูผูสอน นํา สอน สรุป ประเมิน T22
ค�าถามเน้นการคิด กิจกรรมพัฒนาทักษะ 1. นักเรียนเคยน�าแผนที่มาใช้ประโยชน์อย่างไรบ้าง 2. ถ้าต้องการศึกษาเรื่องประชากรของประเทศไทย นักเรียนควรน�าแผนที่ชนิดใดมาใช้ประโยชน์ ได้บ้าง 3. รูปถ่ายทางอากาศและภาพจากดาวเทียมมีความส�าคัญอย่างไร 4. นักเรียนเคยน�ารูปถ่ายทางอากาศ หรือภาพจากดาวเทียมมาใช้ให้เกิดประโยชน์ในเรื่องใด เพราะเหตุใด 5. ในปัจจุบันภูมิสารสนเทศมีบทบาทส�าคัญอย่างไรบ้าง และนักเรียนสามารถใช้ประโยชน์จาก ภูมิสารสนเทศได้อย่างไรบ้าง 1. นักเรียนเคยน�าแผนที่มาใช้ประโยชน์อย่างไรบ้าง 2. ถ้าต้องการศึกษาเรื่องประชากรของประเทศไทย นักเรียนควรน�าแผนที่ชนิดใดมาใช้ประโยชน์ 3. รูปถ่ายทางอากาศและภาพจากดาวเทียมมีความส�าคัญอย่างไร 4. นักเรียนเคยน�ารูปถ่ายทางอากาศ หรือภาพจากดาวเทียมมาใช้ให้เกิดประโยชน์ในเรื่องใด 5. ในปัจจุบันภูมิสารสนเทศมีบทบาทส�าคัญอย่างไรบ้าง และนักเรียนสามารถใช้ประโยชน์จาก 1. เลือกศึกษาเหตุการณ์ปัจจุบันของโลกหรือของประเทศไทย 1 เหตุการณ์ โดยใช้แผนที่ เฉพาะเรื่องประกอบการศึกษา เพื่อวิเคราะห์เหตุการณ์หรือสถานที่เกิดขึ้น 2. น�าภาพถ่ายทางอากาศหรือภาพจากดาวเทียมของชุมชน หรือบริเวณพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง ให้นักเรียนอ่านและแปลความหมายด้วยสายตา โดยแปลความหมายจากองค์ประกอบหลัก เช่น สี ขนาดและรูปร่าง ความสูงและเงา ต�าแหน่ง 3. แบ่งกลุ่ม ศึกษาสภาพพื้นที่โดยใช้เครื่องมือทางภูมิศาสตร์และเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ ในปัจจุบัน และน�าเสนอในชั้นเรียน 1. เลือกศึกษาเหตุการณ์ปัจจุบันของโลกหรือของประเทศไทย 1 เหตุการณ์ โดยใช้แผนที่ 2. น�าภาพถ่ายทางอากาศหรือภาพจากดาวเทียมของชุมชน หรือบริเวณพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง 3. แบ่งกลุ่ม ศึกษาสภาพพื้นที่โดยใช้เครื่องมือทางภูมิศาสตร์และเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ 23 เฉลย คําถามเนนการคิด 1. นําแผนที่มาใชในการเดินทางทองเที่ยว เพื่อคนหาเสนทางและสถานที่ตางๆ 2. แผนที่เฉพาะเรื่อง เชน แผนที่ประเทศไทย แสดงจํานวนประชากร เพื่อศึกษาจํานวน ประชากรและความหนาแนนของประชากร ของไทย 3. รูปถายทางอากาศและภาพจากดาวเทียม มีความสําคัญโดยนํามาใชประโยชนดาน การวางผังเมืองและการขยายเมือง ใชเปน ขอมูลทําแผนที่ปาไม ใชเปนขอมูลเตือน ภัยพิบัติ 4. นํามาใชประโยชน เชน วิเคราะหพื้นที่ปาไม ของไทยจากภาพจากดาวเทียม 5. ภูมิสารสนเทศมีบทบาทสําคัญ เชน การบริหาร จัดการของภาครัฐเพื่อวิเคราะหหาพื้นที่ที่มี ความเหมาะสมในการทํากิจกรรมตางๆ เชน ใชเปนขอมูลเชิงพื้นที่สําหรับการปลูกพืช การวางผังเมือง การพัฒนาเสนทางคมนาคม การติดตามยานพาหนะในการขนสงโลจิสติกส เฉลย แนวทางประเมินกิจกรรมพัฒนาทักษะ ประเมินความรอบรู • ใชในการประเมินความรอบรูในหลักการพื้นฐาน กระบวนการความสัมพันธของขั้นตอนการปฏิบัติงาน รวมถึงทักษะการคิดในเรื่องตางๆ โดยทั่วไป งานหรือชิ้นงานใชเวลาไมนาน งานสําหรับประเมินรูปแบบนี้อาจเปนคําถามปลายเปด หรือผังมโนทัศนนิยมสําหรับประเมินผูเรียนรายบุคคล ประเมินความสามารถ • เชน ความคลองแคลวในการใชเครื่องมือทางภูมิศาสตร การแปลความหมายขอมูล ทักษะการตัดสินใจ ทักษะการแกปญหา งานหรือชิ้นงานจะสะทอนถึง ทักษะและระดับความสามารถในการนําความรูไปใช อาจเปนการประเมินการเขียน ประเมินกระบวนการทํางานทางภูมิศาสตรตางๆ หรือการวิเคราะห และการแกปญหา ประเมินทักษะ • มีเปาหมายหลายประการ ผูเรียนไดแสดงทักษะ ความสามารถทางภูมิศาสตรตางๆ ที่ซับซอนขึ้น งานหรือชิ้นงานมักเปนโครงงานระยะยาว ซึ่งผูเรียน ตองมีการนําเสนอผลการปฏิบัติงานตอผูเกี่ยวของหรือตอสาธารณะ สิ่งที่ตองคํานึงถึงในการประเมิน คือ จํานวนงานหรือกิจกรรมที่ผูเรียนปฏิบัติ ซึ่งผูประเมินควรกําหนดรายการประเมินและทักษะที่ตองการประเมินให ชัดเจน นํา สอน สรุป ประเมิน T23
Chapter Overview แผนการจัด การเรียนรู้ สื่อที่ใช้ จุดประสงค์ วิธีสอน ประเมิน ทักษะที่ได้ คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ แผนฯ ที่ 1 ธรณีภาค 2 ชั่วโมง - หนังสือเรียน ภูมิศาสตร์ม.4-6 - แบบฝึกสมรรถนะ และการคิด ภูมิศาสตร์ม.4-6 - แบบทดสอบ ก่อนเรียน - PowerPoint - ใบงานที่ 2.1 - เครื่องมือทาง ภูมิศาสตร์เช่น แผนที่ เข็มทิศ รูปถ่ายทางอากาศ ภาพจากดาวเทียม 1. วิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ ด้านธรณีภาคของพื้นที่ในประเทศไทย และภูมิภาคต่างๆ ของโลก ซึ่งได้รับ อิทธิพลจากปัจจัยทางภูมิศาสตร์ได้(K) 2. วิเคราะห์โครงสร้างและกระบวนการ เปลี่ยนแปลงทางธรณีภาคของโลกได้ (K) 3.เลือกใช้เครื่องมือทางภูมิศาสตร์ในการ ศึกษาการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ ด้านธรณีภาคของพื้นที่ในประเทศไทย และภูมิภาคต่างๆ ของโลก ซึ่งได้รับ อิทธิพลจากปัจจัยทางภูมิศาสตร์ได้(P) 4. สนใจศึกษาการเปลี่ยนแปลงทาง กายภาพของพื้นที่ในประเทศไทยและ ภูมิภาคต่างๆของโลกซึ่งได้รับอิทธิพล จากปัจจัยทางภูมิศาสตร์เพิ่มมากขึ้น(A) กระบวนการ ทางภูมิศาสตร์ (Geographic Inquiry Process) - ตรวจแบบทดสอบก่อนเรียน - ตรวจการท�ำแบบฝึก สมรรถนะและการคิด ภูมิศาสตร์ม.4-6 - ตรวจใบงานที่ 2.1 - ประเมินการน�ำเสนอผลงาน - สังเกตพฤติกรรม การท�ำงานรายบุคคล - สังเกตพฤติกรรม การท�ำงานกลุ่ม - ประเมินคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - การแปลความ ข้อมูลทาง ภูมิศาสตร์ - การคิดเชิงพื้นที่ 1. ใฝ่เรียนรู้ 2. มุ่งมั่นใน การท�ำงาน แผนฯ ที่ 2 บรรยากาศภาค 2 ชั่วโมง - หนังสือเรียน ภูมิศาสตร์ม.4-6 - แบบฝึกสมรรถนะ และการคิด ภูมิศาสตร์ม.4-6 - PowerPoint - ใบงานที่ 2.2 - เครื่องมือทาง ภูมิศาสตร์เช่น แผนที่ เข็มทิศ รูปถ่ายทางอากาศ ภาพจากดาวเทียม 1. วิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ ด้านบรรยากาศภาคของพื้นที่ใน ประเทศไทยและภูมิภาคต่างๆของโลก ซึ่งได้รับอิทธิพลจากปัจจัยทาง ภูมิศาสตร์ได้(K) 2. อธิบายชั้นบรรยากาศและบอก องค์ประกอบส�ำคัญของชั้นบรรยากาศ ของโลกได้(K) 3. เลือกใช้เครื่องมือทางภูมิศาสตร์ในการ ศึกษาการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ ด้านบรรยากาศภาคของพื้นที่ใน ประเทศไทยและภูมิภาคต่างๆของโลก ซึ่งได้รับอิทธิพลจากปัจจัยทาง ภูมิศาสตร์ได้(P) 4. สนใจศึกษาการเปลี่ยนแปลงทาง กายภาพของพื้นที่ในประเทศไทยและ ภูมิภาคต่างๆ ของโลก ซึ่งได้รับอิทธิพล จากปัจจัยทางภูมิศาสตร์เพิ่มมากขึ้น(A) กระบวนการ ทางภูมิศาสตร์ (Geographic Inquiry Process) - ตรวจการท�ำแบบฝึก สมรรถนะและการคิด ภูมิศาสตร์ม.4-6 - ตรวจใบงานที่ 2.2 - ประเมินการน�ำเสนอผลงาน- สังเกตพฤติกรรม การท�ำงานรายบุคคล - สังเกตพฤติกรรม การท�ำงานกลุ่ม - ประเมินคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - การแปลความ ข้อมูลทาง ภูมิศาสตร์ - การคิดเชิงพื้นที่ 1. ใฝ่เรียนรู้ 2. มุ่งมั่นใน การท�ำงาน แผนฯ ที่ 3 อุทกภาค 2 ชั่วโมง - หนังสือเรียน ภูมิศาสตร์ม.4-6 - แบบฝึกสมรรถนะ และการคิด ภูมิศาสตร์ม.4-6 - PowerPoint - ใบงานที่ 2.3 - เครื่องมือทาง ภูมิศาสตร์เช่น แผนท ี่ เข็มทิศ รูปถ่ายทางอากาศ ภาพจากดาวเทียม 1. วิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงทาง กายภาพด้านอุทกภาคของพื้นที่ ในประเทศไทยและภูมิภาคต่างๆ ของโลก ซึ่งได้รับอิทธิพลจากปัจจัย ทางภูมิศาสตร์ได้(K) 2. อธิบายวัฏจักรทางอุทกวิทยา และ ผลกระทบที่เกิดจากน�้ำในมหาสมุทร ได้(K) 3. เลือกใช้เครื่องมือทางภูมิศาสตร์ ในการศึกษาการเปลี่ยนแปลงทาง กายภาพ ด้านอุทกภาคของพื้นที่ ในประเทศไทยและภูมิภาคต่างๆ ของโลกซึ่งได้รับอิทธิพลจากปัจจัย ทางภูมิศาสตร์ได้(P) 4. สนใจศึกษาการเปลี่ยนแปลงทาง กายภาพของพื้นที่ในประเทศไทย และภูมิภาคต่างๆ ของโลก ซึ่งได้รับ อิทธิพลจากปัจจัยทางภูมิศาสตร์ เพิ่มมากขึ้น (A) กระบวนการ ทางภูมิศาสตร์ (Geographic Inquiry Process) - ตรวจการท�ำแบบฝึก สมรรถนะและการคิด ภูมิศาสตร์ม.4-6 - ตรวจใบงานที่ 2.3 - ประเมินการน�ำเสนอผลงาน - สังเกตพฤติกรรม การท�ำงานรายบุคคล - สังเกตพฤติกรรม การท�ำงานกลุ่ม - ประเมินคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - การแปลความ ข้อมูลทาง ภูมิศาสตร์ - การคิดเชิงพื้นที่ 1. ใฝ่เรียนรู้ 2. มุ่งมั่นใน การท�ำงาน T24
แผนการจัด การเรียนรู้ สื่อที่ใช้ จุดประสงค์ วิธีสอน ประเมิน ทักษะที่ได้ คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ แผนฯ ที่ 4 ชีวภาค 2 ชั่วโมง - หนังสือเรียน ภูมิศาสตร์ม.4-6 - แบบฝึกสมรรถนะ และการคิด ภูมิศาสตร์ม.4-6 - PowerPoint - ใบงานที่ 2.4 - เครื่องมือทาง ภูมิศาสตร์เช่น แผนที่เข็มทิศ รูปถ่ายทางอากาศ ภาพจากดาวเทียม 1. วิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ ด้านชีวภาคของพื้นที่ในประเทศไทย และภูมิภาคต่างๆ ของโลก ซึ่งได้รับ อิทธิพลจากปัจจัยทางภูมิศาสตร์ได้(K) 2. อธิบายระบบนิเวศและลักษณะการ เปลี่ยนแปลงทางชีวภาคของแต่ละ พื้นที่ได้(K) 3. เลือกใช้เครื่องมือทางภูมิศาสตร์ในการ ศึกษาการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ ด้านชีวภาคของพื้นที่ในประเทศไทย และภูมิภาคต่างๆ ของโลกซึ่งได้รับ อิทธิพลจากปัจจัยทางภูมิศาสตร์ได้(P) 4. สนใจศึกษาการเปลี่ยนแปลงทาง กายภาพของพื้นที่ในประเทศไทย และภูมิภาคต่างๆ ของโลก ซึ่งได้รับ อิทธิพลจากปัจจัยทางภูมิศาสตร์ เพิ่มมากขึ้น (A) กระบวนการ ทางภูมิศาสตร์ (Geographic Inquiry Process) - ตรวจการท�ำแบบฝึก สมรรถนะและการคิด ภูมิศาสตร์ม.4-6 - ตรวจใบงานที่ 2.4 - ประเมินการน�ำเสนอผลงาน - สังเกตพฤติกรรม การท�ำงานรายบุคคล - สังเกตพฤติกรรม การท�ำงานกลุ่ม - ประเมินคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - การแปลความ ข้อมูลทาง ภูมิศาสตร์ - การคิดเชิงพื้นที่ 1. ใฝ่เรียนรู้ 2. มุ่งมั่นใน การท�ำงาน แผนฯ ที่ 5 การเปลี่ยนแปลง ทางกายภาพ ที่ส่งผลต่อ ภูมิประเทศ ภูมิอากาศ และทรัพยากร ธรรมชาติ 3 ชั่วโมง - หนังสือเรียน ภูมิศาสตร์ม.4-6 - แบบฝึกสมรรถนะ และการคิด ภูมิศาสตร์ม.4-6 - แบบวัดและบันทึก ผลการเรียนรู้ ภูมิศาสตร์ม.4-6 - แบบทดสอบ หลังเรียน - PowerPoint - ใบงานที่ 2.5 - เครื่องมือทาง ภูมิศาสตร์เช่น แผนที่เข็มทิศ รูปถ่ายทางอากาศ ภาพจากดาวเทียม 1. วิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ ที่ส่งผลต่อภูมิประเทศ ภูมิอากาศ และ ทรัพยากรธรรมชาติของพื้นที่ ในประเทศไทยและภูมิภาคต่างๆ ของโลก ซึ่งได้รับอิทธิพลจากปัจจัย ทางภูมิศาสตร์ได้(K) 2. เลือกใช้เครื่องมือทางภูมิศาสตร์ในการ ศึกษาการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพที่ ส่งผลต่อภูมิประเทศ ภูมิอากาศ และทรัพยากรธรรมชาติของพื้นที่ ในประเทศไทย และภูมิภาคต่างๆ ของโลก ซึ่งได้รับอิทธิพลจากปัจจัยทาง ภูมิศาสตร์ได้(P) 3. สนใจศึกษาการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ ที่ส่งผลต่อภูมิประเทศ ภูมิอากาศ และทรัพยากรธรรมชาติของพื้นที่ ในประเทศไทย และภูมิภาคต่างๆ ของโลก ซึ่งได้รับอิทธิพลจากปัจจัย ทางภูมิศาสตร์เพิ่มมากขึ้น (A) กระบวนการ ทางภูมิศาสตร์ (Geographic Inquiry Process) - ตรวจการท�ำแบบฝึก สมรรถนะและการคิด ภูมิศาสตร์ม.4-6 - ตรวจการท�ำแบบวัดและ บันทึกผลการเรียนรู้ ภูมิศาสตร์ม.4-6 - ตรวจใบงานที่ 2.5 - ประเมินการน�ำเสนอผลงาน - สังเกตพฤติกรรม การท�ำงานรายบุคคล - สังเกตพฤติกรรม การท�ำงานกลุ่ม - ประเมินคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - ตรวจแบบทดสอบหลังเรียน - การแปลความ ข้อมูลทาง ภูมิศาสตร์ - การคิดเชิงพื้นที่ 1. ใฝ่เรียนรู้ 2. มุ่งมั่นใน การท�ำงาน T25
¡ÒÃà»ÅÕè¹á»Å§ ·Ò§¡ÒÂÀÒ¾ à¡Ô´¨Ò¡»˜¨¨ÑÂÍÐäúŒÒ§ โลกประกอบด้วยสภาวะแวดล้อมทางธรรมชาติ 4 ภาค ได้แก่ ธรณีภาค คือ ส่วนที่เป็นของแข็งของโลก บรรยากาศภาค คือ ส่วนที่เป็นแก๊สหุ้มห่อปกคลุมพื้นผิวโลก อุทกภาค คือ ส่วนที่เป็นน�้า และชีวภาค คือ ส่วนที่เป็นสิ่งมีชีวิต ซึ่งแต่ละภาค ต่างมีปฏิสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ ย่อมส่งผลต่อภูมิประเทศ ภูมิอากาศ และทรัพยากรธรรมชาติ สาระการเรียนรู้แกนกลาง • การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ (ประกอบด้วย 1. ธรณ�ภาค 2. บรรยากาศภาค 3. อุทกภาค 4. ชีวภาค) ของพื้นที่ ในประเทศไทย และภูมิภาคต่าง ๆ ของโลก ซึ�งได้รับ อิทธิพลจากปัจจัยทางภูมิศาสตร์ • การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพที่ ส่งผลต่อภูมิประเทศ ภูมิอากาศ และ ทรัพยากรธรรมชาติ ตัวชี้วัด ส 5.1 ม.4-6/1 การเปลี่ยนแปลง ทางกายภาพของโลก หน่วยการเรียนรู้ที่2 24 ขั้นนํา (Geographic Inquiry Process) 1. ครูแจงใหนักเรียนทราบถึงวิธีสอนแบบ กระบวนการทางภูมิศาสตร (Geographic Inquiry Process) ชื่อเรื่อง จุดประสงค และ ผลการเรียนรู 2. ครูใหนักเรียนทําแบบทดสอบกอนเรียน หนวยการเรียนรูที่ 2 เรื่อง การเปลี่ยนแปลง ทางกายภาพของโลก 3. ใหนักเรียนดูภาพแกรนดแคนยอน รัฐแอริโซนา สหรัฐอเมริกา ถามคําถามและใหนักเรียน สืบคนขอมูลเพิ่มเติม • ลักษณะภูมิประเทศในภาพเปนอยางไร (แนวตอบ เปนหินที่ถูกกัดกรอนมีลักษณะเปน หนาผาสูง หุบเหวชัน) • เพราะเหตุใดจึงเปนแบบนั้น (แนวตอบ เกิดจากอิทธิพลของแมนํ้าไหลผาน ที่ราบสูง ทําใหเกิดการสึกกรอนของหิน) 4. ครูใหนักเรียนวิเคราะหรวมกันเกี่ยวกับปจจัย ที่กอใหเกิดการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพของ โลกตามความคิดโดยเบื้องตนของนักเรียน 5 ครูใหนักเรียนดูภาพ หรือคลิปวิดีโอเกี่ยวกับ การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพของโลก ดาน ธรณีภาค เชน • เปลือกโลกและโครงสรางเปลือกโลก • ทฤษฎีการเลื่อนของทวีป • การเคลื่อนที่ของแผนธรณีภาค • การเปลี่ยนแปลงภายในเปลือกโลก เกร็ดแนะครู ครูควรจัดกิจกรรม Geo-literacy ใหนักเรียนไดฝกตั้งคําถามเชิงภูมิศาสตร ใชทักษะ กระบวนการ เพื่อใหเกิดความสามารถทางภูมิศาสตร เชน ทักษะการใชเครื่องมือทางภูมิศาสตร การแปลความขอมูลทางภูมิศาสตร การใชเทคโนโลยี การคิดเชิงพื้นที่ การคิดเชื่อมโยง โดยจัดกิจกรรม เชน • นําภาพ หรือคลิปวิดีโอ การเกิดลักษณะภูมิประเทศตางๆ ของโลก มาใหนักเรียนไดตั้งคําถาม วิเคราะห • นําเครื่องมือทางภูมิศาสตร เชน แผนที่ ภาพถาย การใช Google Earth ศึกษาลักษณะทางกายภาพของพื้นที่ตางๆ ของโลก นํา นํา สอน สรุป ประเมิน T26
1 ธรณีภาค (lithosphere) ธรณีภาค คือ ส่วนเปลือกโลกที่เป็นของแข็ง หุ้มห่ออยู่ชั้นนอกสุดของโลก ชั้นบนเป็นพื้นที่ ที่มนุษย์ใช้เป็นที่อยู่อาศัย มีทรัพยากรธรรมชาติหลากหลายที่มนุษย์ใช้ด�าเนินกิจกรรมต่าง ๆ ทั้ง ด้านเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อม 1.1 โครงสรางของโลก โลกมีลักษณะเกือบกลมหรือกลมรีเล็กน้อย มีเส้นผ่านศูนย์กลางที่เส้นศูนย์สูตรยาว 12,755 กิโลเมตร และเส้นผ่านศูนย์กลางตามแนวขั้วโลกยาว 12,711 กิโลเมตร แบ่งเป็น 3 ชั้นหลัก ได้แก่ เปลือกโลก เนื้อโลก และแก่นโลก ชั้นต่าง ๆ ของโลกตั้งแต่ผิวโลกถึงใจกลางโลก ธรณีภาค (lithosphere) คือ ส่วนที่เป็นเปลือกโลกและ เนื้อโลกชั้นบนสุด ประกอบ ด้วยหินและดินต่าง ๆ ซึ่งอยู่ ในระดับความลึกไม่เกิน 100 กิโลเมตร จากผิวโลก เปลือกโลกภาคพื้นมหาสมุทร เปลือกโลกภาคพื้นทวีป ฐานธรณีภาค (asthenosphere) หรือ เนื้อโลกส่วนบน คือ ส่วนของเนื้อโลกที่ รองรับชั้นธรณีภาคให้อยู่ในภาวะสมดุล อยู่ในระดับความลึก 100 - 350 กิโลเมตร เป็นอาณาบริเวณที่มีการหลอมละลาย ของหินเนื้อโลกเป็นบางส่วน ฐานธรณีภาค เนื้อโลกส่วนล่าง เขตเปลี่ยนแปลง แก่นโลกชั้นนอก แก่นโลก ชั้นใน เปลือกโลก เนื้อโลก แก่นโลก ของเหลว ของแข็ง 2 3 1 25 ขั้นสอน ขั้นที่ 1 การตั้งคําถามเชิงภูมิศาสตร 1. ครูใหนักเรียนดูโครงสรางของเปลือกโลก จาก หนังสือเรียน ภูมิศาสตร ม.4-6 แลวรวมกัน แสดงความคิดเห็นตามประเด็น เชน • พื้นผิวของโลก มีลักษณะเชนไร (แนวตอบ พื้นผิวของโลกมีเนื้อที่ประมาณ 525 ลานตารางกิโลเมตร โดยสวนใหญ เปนทะเลหรือมหาสมุทร สวนที่เปนแผนดิน มีระดับของพื้นผิวที่แตกตางกันออกไปตาม ลักษณะภูมิประเทศแบบตางๆ ทั้งเทือกเขาสูง ที่ราบ หุบเขา โดยจุดสูงที่สุดของพื้นผิวโลก อยูบริเวณที่เปนแผนดิน คือ ยอดเขา เอเวอเรสต เทือกเขาหิมาลัย สวนจุดที่ตํ่า ที่สุดอยูในมหาสมุทรแปซิฟก คือ รองลึกกน มหาสมุทรมาเรียนา) • นักเรียนคิดวา ปจจัยที่ทําใหบริเวณเปลือกโลก มีสัณฐานและคุณสมบัติทางเคมีแตกตาง กันคืออะไร (แนวตอบ เชน เนื่องดวยปจจัยวัตถุธาตุ ตนกําเนิด กระบวนการเกิด สภาพแวดลอม และระยะเวลาการเกิดที่แตกตางกัน) เกร็ดแนะครู ครูนําคลิปวิดีโอโครงสรางของโลกมาใหนักเรียนดูประกอบกับภาพในหนังสือ อธิบายเพิ่มเติม โลกเปนดาวเคราะหดวงหนึ่งของระบบสุริยะ มีวงโคจรอยูรอบ ดวงอาทิตย โลกจะเอียงไปตามเสนแกนการหมุนของโลก ทําใหเกิดฤดูกาลที่ แตกตางกัน บนโลกมีทั้งสิ่งมีชีวิตและไมมีชีวิตอาศัยอยู แบงออกเปน 3 ชั้นหลัก คือ แกนโลก เนื้อโลก และเปลือกโลก เนื้อหาในสวนนี้เชื่อมโยงกับกลุมสาระวิทยาศาสตร สาระโลก ดาราศาสตร และอวกาศ ใหนักเรียนจัดทําโมเดลโครงสรางของโลก แสดงรายละเอียด ชั้นตางๆ ของโลก โดยสืบคนขอมูลเพิ่มเติมจากแหลงการเรียนรู เพิ่มเติม แลวนําโมเดลที่ไดมาอธิบายโครงสรางโลกใหเพื่อนฟง นํา สอน สรุป ประเมิน T27 บูรณาการเชื่อมสาระ
ขอสอบเนนการคิด Geo Tip 1) เปลือกโลก (crust) เป็นส่วนชั้นบนสุดของโลก มีความหนาประมาณ 5 - 60 กิโลเมตร แบ่งเป็น 2 ชั้น คือ 1.1) เปลือกโลกภาคพื้นทวีป (continental crust) เป็นเปลือกโลกที่รองรับส่วนที่ เป็นพื้นทวีปและไหล่ทวีป มีความหนาประมาณ 35 - 60 กิโลเมตร องค์ประกอบส่วนใหญ่เป็น ซิลิคอนและอะลูมินา เรียกว่า ไซอัล (SIAL มาจาก silica กับ alumina) ซึ่งเป็นองค์ประกอบหลัก คล้ายหินแกรนิต 1.2) เปลือกโลกภาคพื้นมหาสมุทร (oceanic crust) เป็นเปลือกโลกที่อยู่ใต้บริเวณ มหาสมุทรต่าง ๆ มีความหนา 5 - 10 กิโลเมตร เป็นเปลือกโลกที่เกิดใหม่จากการปะทุและการไหล ของหินใต้มหาสมุทร องค์ประกอบส่วนมากเป็นซิลิคอนกับแมกนีเซียม เรียกว่า ไซมา (SIMA มาจาก silica กับ magnesium) ซึ่งเป็นองค์ประกอบหลักคล้ายหินบะซอลต์ 2) เนื้อโลก (mantle) เป็นชั้นที่อยู่ถัดจากชั้นเปลือกโลก มีความหนาประมาณ 2,900 กิโลเมตร ประกอบด้วยแมกนีเซียมและเหล็กเป็นส่วนใหญ่ แบ่งเป็น 3 ชั้น คือ 2.1) เนื้อโลกส่วนบนสุด (uppermost mantle) มีสถานะเป็นของแข็ง อยู่ชั้นล่าง ของธรณีภาค มีความหนาประมาณ 5 - 75 กิโลเมตร 2.2) เนื้อโลกส่วนบน (upper mantle) หรือฐานธรณีภาค มีความลึกประมาณ 400 กิโลเมตร ประกอบด้วยหินที่ส่วนใหญ่อยู่ในสภาพหลอมละลาย เรียกว่า แมกมา (magma) 2.3) เนื้อโลกส่วนล่าง (lower mantle) มีความลึกประมาณ 1,000 - 2,900 กิโลเมตร ประกอบด้วยหินหนืดที่มีความหนืดมากกว่าเนื้อโลกชั้นบน 3) แก่นโลก (core) เป็นส่วนชั้นในสุดของโลก มีความหนาประมาณ 3,500 กิโลเมตร มีความหนาแน่นมาก แบ่งเป็น 2 ชั้น คือ 3.1) แก่นโลกส่วนนอก (outer core) ประกอบด้วยเหล็กและนิกเกิลที่อยู่ในสภาพ หลอมละลาย มีความลึกประมาณ 2,900 - 5,100 กิโลเมตร 3.2) แก่นโลกส่วนใน (inner core) เป็นชั้นของแข็ง มีความหนาแน่นมาก ประกอบ ด้วยเหล็กและนิกเกิลที่อยู่ในสภาพของแข็ง มีความลึกประมาณ 5,100 - 6,370 กิโลเมตร แมกมา (magma) คือ สารเหลวร้อนที่เกิดตามธรรมชาติอยู่ใต้ผิวโลก สามารถเคลื่อนตัวไปมาได้ ในวงจ�ากัด อาจมีของแข็ง เช่น ผลึกเศษหินแข็งและแก๊สรวมอยู่ด้วย หรืออาจไม่มีเลยก็ได้ เมื่อแมกมาแทรกดันหรือพุพุ่งขึ้นมาสู่ผิวโลก แล้วไหลลามออกไปจากปล่องภูเขาไฟหรือจาก รอยแยกของเปลือกโลกขณะที่ยังร้อนและไม่แข็งตัว มีลักษณะเหนียวหนืด เรียกว่า ลาวา (lava) และ เมื่อเย็นตัวลงจนแข็งตัวจะกลายเป็นหินอัคนี 26 ซิลิคอนและอะลูมินา เรียกว่า ไซอัล (SIAL มาจาก silica กับ alumina) ซึ่งเป็นองค์ประกอบหลัก ของหินใต้มหาสมุทร องค์ประกอบส่วนมากเป็นซิลิคอนกับแมกนีเซียม เรียกว่า ไซมา (SIMA 1 2 ขั้นสอน ขั้นที่ 1 การตั้งคําถามเชิงภูมิศาสตร 2. ครูใหนักเรียนรวมกันศึกษา Geo Tip เกี่ยวกับ แมกมา จากหนังสือเรียน ภูมิศาสตร ม.4-6 แลวรวมกันแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม โดยใช ประเด็นคําถาม เชน • แมกมากับลาวาแตกตางกันอยางไร (แนวตอบ แมกมาหรือหินหนืด คือ วัตถุ หลอมละลายใตพื้นผิวเปลือกโลก ประกอบ ดวยแรตางๆ ที่ขนหนืด มีความรอนสูง ประมาณ 700-1,300 องศาเซลเซียส สวน ลาวา คือ หินหนืดที่ไหลอยางชาๆ ออกจาก ภูเขาไฟที่ปะทุ) นักเรียนควรรู 1 ไซอัล (SIAL) เปลือกโลกชั้นบนสุด ประกอบดวย แรซิลิกาและอะลูมินาซึ่งเปน หินแกรนิตชนิดหนึ่ง บริเวณผิวจะเปนหินตะกอน ชั้นหินไซอัลนี้จะมีเฉพาะ เปลือกโลกสวนที่เปนทวีปเทานั้น สวนเปลือกโลกที่อยูใตทะเลและมหาสมุทร จะไมมีหินชั้นนี้ 2 ไซมา (SIMA) ชั้นที่อยูใตหินชั้นไซอัลลงไป สวนใหญเปนหินบะซอลต ประกอบดวยแรซิลิกา เหล็กออกไซด และแมกนีเซียม หอหุมทั้งพื้นโลกที่อยูใน ทะเลและมหาสมุทร โลกมีลักษณะโครงสรางอยางไร (แนวตอบ โครงสรางโลก ประกอบดวยเปลือกโลก เปนสวน ชั้นบนสุดของโลก แกนโลก เปนสวนชั้นในสุดของโลก ประกอบ ดวยธาตุเหล็กและนิกเกิลเปนสวนใหญ เนื้อโลก เปนสวนที่อยู ถัดจากแกนโลก ประกอบดวยแมกนีเซียมและเหล็กเปนสวนใหญ) นํา สอน สรุป ประเมิน T28
ขอสอบเนน การคิด 250 ลานปกอน (Permian) พันเจี ย มหาสมทุรพนัทาลสัซา มหาสมุทรเททิส 50 ลานปกอน - ปจจุบัน เสนศูนยสูตร เอเชีย แอฟริกา ออสเตรเลีย แอนตารกติกา อเมริกาใต อเมริกาเหน�อ อินเดีย อินเดีย อเมริกาใต ออสเตรเลีย แผนดินยูเรเชีย แผนดิน แอฟริกา 65 ลานปกอน (Cretaceous) แผนดินลอเรเซีย อินเดีย ออสเตรเลีย แผนดินกอนดวานา ทะเลเททิส 145 ลานปกอน (Jurassic) 200 ลานปกอน (Triassic) แผนดินลอเรเซีย แผนดินกอนดวานา ทะเลเททิส มหาสมทุรพนัทาลสัซา 250 ลานปกอน (Permian) พันเจี ย มหาสมทุรพนัทาลสัซา มหาสมุทรเททิส 50 ลานปกอน - ปจจุบัน เสนศูนยสูตร เอเชีย แอฟริกา ออสเตรเลีย แอนตารกติกา อเมริกาใต อเมริกาเหน�อ อินเดีย อินเดีย อเมริกาใต ออสเตรเลีย แผนดินยูเรเชีย แผนดิน แอฟริกา 65 ลานปกอน (Cretaceous) แผนดินลอเรเซีย อินเดีย ออสเตรเลีย แผนดินกอนดวานา ทะเลเททิส 145 ลานปกอน (Jurassic) 200 ลานปกอน (Triassic) แผนดินลอเรเซีย แผนดินกอนดวานา ทะเลเททิส มหาสมทุรพนัทาลสัซา 1.2 การเลื่อนของทวีป การเคลื่อนของทวีปเกิดบริเวณส่วนของแผ่นธรณีภาคซึ่งเป็นชั้นหินแข็งที่ลอยอยู่บนฐาน ธรณีภาคและแมกมา เป็นหินหนืดที่ร้อนและหลอมเหลว เมื่อแมกมาเคลื่อนไหวเนื่องจากการถ่ายเท พลังงานความร้อน ส่งผลให้แผ่นธรณีภาคเคลื่อนที่อย่างช้า ๆ ตลอดเวลา อัลเฟรด เวเกเนอร์ (Alfred Wegener) นักฟิสิกส์ชาว เยอรมัน เป็นผู้เสนอทฤษฎีการเลื่อนของทวีป (continental drift) ซึ่งเป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไป มีสมมติฐานว่า แผ่นธรณีภาค มีการเลื่อนไหลช้า ๆ ตลอดเวลา นับตั้งแต่โลกเย็นตัวลง มีทั้ง การชนกัน การมุดลงใต้แผ่นเปลือกโลกอื่น การแยกออกจากกัน หรือการเฉือนกันในแนวระนาบที่เกิดขึ้นตั้งแต่มหายุคพรีแคมเบรียน (Precambrian) เวเกเนอร์ได้น�าเสนอช่วงเวลาทางธรณีวิทยา หลังจากมีหลักฐานของฟอสซิลที่ชัดเจน โดยแบ่งเป็น 5 ช่วง ดังนี้ เมื่อ 250 ล้านปีมาแล้ว เปลือกโลกเชื่อมต่อ กันเป็นผืนแผ่นดินขนาดใหญ่เพียงผืนเดียวครอบคลุม ซีกโลกเหนือและซีกโลกใต้ เรียกว่า แผ่นดินพันเจีย (Pangea/Pangaea) และด้านตะวันตก มีมหาสมุทร พันทาลัสซา (Panthalassa Ocean) ด้านตะวันออก มีมหาสมุทรเททิส (Thethys Ocean) ทฤษฎีการเลื่อนของทวีป อัลเฟรด เวเกเนอร์ ยุคเพอร์เมียน (Permian) ยุคไทรแอสซิก (Triassic) เมื่อประมาณ 200 ล้านปีมาแล้ว แผ่นธรณีภาค ค่อยแยกออกจากกัน เกิดแผ่นธรณีภาคขนาดใหญ่ 2 แผ่น คือ แผ่นดินลอเรเซีย (Laurasia) ทางซีกโลก เหนือ และแผ่นดินกอนด์วานา (Gondwanaland) ทาง ซีกโลกใต้ และยังคงมีมหาสมุทรพันทาลัสซาทางด้าน ตะวันตก และทะเลเททิส (Tethys Sea) อยู่ทาง ด้านตะวันออก 27 ขั้นสอน ขั้นที่ 1 การตั้งคําถามเชิงภูมิศาสตร 3. ครูใหนักเรียนดูคลิปวิดีโอที่เกี่ยวของกับ การเลื่อนของทวีปหรือทฤษฎีประกอบการ เลื่อนไหลของทวีป จากอินเทอรเน็ต และ ขอมูลประกอบจากหนังสือเรียน ภูมิศาสตร ม.4-6 แลวรวมกันแสดงความคิดเห็นตาม ประเด็น เชน • เพราะเหตุใด แผนธรณีภาคของโลกเมื่อ 250 ลานปกอน จึงมีความแตกตางจากใน ปจจุบัน (แนวตอบ เพราะแผนธรณีภาคที่เปนของแข็ง ของโลก เปนชั้นหินที่ลอยอยูบนฐานธรณี ภาคและแมกมารอนที่มีการหลอมเหลวและ มีการเคลื่อนตัวอยางตอเนื่อง อันมีสาเหตุ จากการถายเทพลังงานความรอน ทําให แผนธรณีภาคคอยๆ เคลื่อนที่อยางชาๆ ตลอดเวลา ดังนั้น จึงเปนสาเหตุที่ทําใหแผน ธรณีภาค หรือแผนเปลือกโลกมีการเคลื่อนที่ ไปเรื่อยๆ จนเกิดการชนกัน มุดเกยกัน หรือแยกตัวออกจากกัน จึงทําใหแผนธรณี ภาคของโลกเมื่อ 250 ลานปกอน มีความ แตกตางจากในปจจุบันเปนอยางมาก) เกร็ดแนะครู ครูอธิบาย ทวีปเลื่อน (continental displacement) เพิ่มเติมวา ธรณีภาค ประกอบดวยแผนภาคพื้นทวีปและแผนภาคพื้นมหาสมุทร ถูกรองรับดวยฐาน ธรณีภาคกับสวนเนื้อโลกที่เปนหินหนืด (magma) โดยหินหนืดเปนสารเหลวรอน มีการเคลื่อนตัวภายในโลก สงผลใหเปลือกโลกมีการเคลื่อนที่ทั้งแผนภาค พื้นทวีปและแผนภาคพื้นสมุทร จากนั้นอภิปรายถึงลักษณะการเคลื่อนที่ของ แผนเปลือกโลก มีทั้งลักษณะการเคลื่อนตัวแยกออกจากกันและเลื่อนชนกัน หรือมุดเขาหากันของเปลือกโลก แลวสรุปผลกระทบ หลักฐานทางธรณีวิทยาขอใดที่สนับสนุนวาทวีปตางๆ ใน ปจจุบัน แตเดิมเปนผืนแผนดินเดียวกัน 1. รอยตอของแผนธรณีภาค 2. รอยตอของแผนเปลือกโลก 3. รอยตอของเนื้อโลกสวนบนสุด 4. รอยตอของแกนโลกสวนนอกสุด 5. รอยตอของเนื้อโลกสวนบนและสวนลาง (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. แผนธรณีภาคแตละแผนจะมีการ เคลื่อนตลอดเวลา บางแผนเคลื่อนที่เขาหากัน บางแผนเคลื่อนที่ ผานกัน เมื่อพิจารณาจากแผนที่โลกปจจุบัน พบวา แตละทวีปมี รูปรางตางกันแตเมื่อนําแตละทวีปมาตอกันจะเห็นวามีสวนตอกัน ไดเปนผืนเดียวกัน เชน แผนอเมริกาเหนือกับแผนอเมริกาใต) นํา สอน สรุป ประเมิน T29
Geo Tip 250 ลานปกอน (Permian) พันเจีย มหาสมทุรพนัทาลสัซา มหาสมุทรเททิส 50 ลานปกอน - ปจจุบัน เสนศูนยสูตร เอเชีย แอฟริกา ออสเตรเลีย แอนตารกติกา อเมริกาใต อเมริกาเหน�อ อินเดีย อินเดีย อเมริกาใต ออสเตรเลีย แผนดินยูเรเชีย แผนดิน แอฟริกา 65 ลานปกอน (Cretaceous) แผนดินลอเรเซีย อินเดีย ออสเตรเลีย แผนดินกอนดวานา ทะเลเททิส 145 ลานปกอน (Jurassic) 200 ลานปกอน (Triassic) แผนดินลอเรเซีย แผนดินกอนดวานา ทะเลเททิส มหาสมทุรพนัทาลสัซา 250 ลานปกอน (Permian) พันเจีย มหาสมทุรพนัทาลสัซา มหาสมุทรเททิส 50 ลานปกอน - ปจจุบัน เสนศูนยสูตร เอเชีย แอฟริกา ออสเตรเลีย แอนตารกติกา อเมริกาใต อเมริกาเหน�อ อินเดีย อินเดีย อเมริกาใต ออสเตรเลีย แผนดินยูเรเชีย แผนดิน แอฟริกา 65 ลานปกอน (Cretaceous) แผนดินลอเรเซีย อินเดีย ออสเตรเลีย แผนดินกอนดวานา ทะเลเททิส 145 ลานปกอน (Jurassic) 200 ลานปกอน (Triassic) แผนดินลอเรเซีย แผนดินกอนดวานา ทะเลเททิส มหาสมทุรพนัทาลสัซา250 ลานปกอน (Permian) พันเจีย มหาสมทุรพนัทาลสัซา มหาสมุทรเททิส 50 ลานปกอน - ปจจุบัน เสนศูนยสูตร เอเชีย แอฟริกา ออสเตรเลีย แอนตารกติกา อเมริกาใต อเมริกาเหน�อ อินเดีย อินเดีย อเมริกาใต ออสเตรเลีย แผนดินยูเรเชีย แผนดิน แอฟริกา 65 ลานปกอน (Cretaceous) แผนดินลอเรเซีย อินเดีย ออสเตรเลีย แผนดินกอนดวานา ทะเลเททิส 145 ลานปกอน (Jurassic) 200 ลานปกอน (Triassic) แผนดินลอเรเซีย แผนดินกอนดวานา ทะเลเททิส มหาสมทุรพนัทาลสัซา เมื่อ 145 ล้านปีมาแล้ว แผ่นดินลอเรเซียและ แผ่นดินกอนด์วานาเริ่มแยกจากกัน แผ่นดินลอเรเซีย เริ่มแยกออกเป็นแผ่นทวีปเอเชียและอเมริกาเหนือ ส่วนแผ่นดินกอนด์วานามีแผ่นดินอเมริกาใต้และ แอฟริกายังติดกันอยู่ แต่แผ่นดินอินเดียเคลื่อนขึ้น ทิศเหนือ ส่วนแผ่นออสเตรเลียยังติดอยู่ขั้วโลกใต้ ปลายยุคเกิดมหาสมุทรแปซิฟิก เมื่อ 65 ล้านปีมาแล้ว แผ่นเปลือกโลกแยกออก จากกันมากขึ้น เกิดเป็นแผ่นดินยูเรเชียกับแผ่นดิน แอฟริกา ส่วนอเมริกาใต้แยกออกจากแอฟริกาอย่าง ชัดเจน แผ่นดินอินเดียเลื่อนไปทางเหนือมากขึ้น แต่ ออสเตรเลียยังคงอยู่ที่ขั้วโลกใต้ เมื่อมีการเกิดแผ่นดิน ใหม่มากขึ้นจึงเริ่มมีมหาสมุทรใหม่เกิดขึ้น แผ่นดินยังคงมีการเลื่อนไหลอย่างต่อเนื่อง จน เมื่อประมาณ 55 - 50 ล้านปีที่ผ่านมา แผ่นดินอินเดีย เริ่มชนกับแผ่นดินยูเรเชีย ซึ่งคือ เอเชียในปัจจุบัน ท�าให้เกิดเทือกเขาหิมาลัยขึ้น จนถึงปัจจุบันจึงเกิดเป็น แผ่นธรณีภาคหรือแผ่นเปลือกโลกใหญ่ถึง 15 แผ่น ที่เป็นลักษณะของแผ่นทวีปและแผ่นมหาสมุทรเช่น ในปัจจุบัน และในอนาคตการเลื่อนไหลของทวีปจะยัง คงเกิดขึ้นต่อเนื่องกันไป หลักฐานที่สนับสนุนทฤษฎีการเลื่อนของทวีป คือ การพบซากดึกด�าบรรพ์ของไดโนเสาร์หลายชนิด เช่น มีโซซอรัส (Mesosaurus) พบในทวีปอเมริกาใต้และแอฟริกาเท่านั้น จึงสันนิษฐานว่าทวีปทั้งสอง อาจจะเคยเชื่อมต่อกันมาก่อน ยุคจูแรสซิก (Jurassic) ยุคครีเทเชียส (Cretaceous) 50 ล้านปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน 28 ยุคจูแรสซิก (Jurassic) 1 ยุคครีเทเชียส (Cretaceous) 2 ขั้นสอน ขั้นที่ 1 การตั้งคําถามเชิงภูมิศาสตร 4. ครูใหนักเรียนรวมกันศึกษา Geo Tip เกี่ยวกับ หลักฐานที่สนับสนุนทฤษฎีการเลื่อนของทวีป จากหนังสือเรียน ภูมิศาสตร ม.4-6 แลว รวมกันแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม 5. ครูอาจนําภาพหรือแผนที่ที่แสดงการเลื่อนของ ทวีปในชวงเวลาตางๆ มาใหนักเรียนทดลอง วิเคราะหและเรียงลําดับการเลื่อนของทวีป ประกอบการตั้งคําถามเชิงภูมิศาสตร กิจกรรม ทาทาย จากทฤษฎีการเลื่อนของทวีป ใหนักเรียนสืบคนขอมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับลักษณะเดนของสิ่งมีชีวิตและทางธรณีวิทยา คนละ 1 ยุค แลววาดภาพจําลองของยุคนั้นประกอบ ตัวอยาง ยุคจูแรสซิก เมื่อ 145 ลานปมาแลว เมื่อแผนดิน พันเจียแยกตัว ทําใหเกิดหมูเกาะมากมาย มีความอุดมสมบูรณ ทั้งผืนปา มหาสมุทร แผนดินปกคลุมดวยพืชพวกสน เฟรน และตนไมขนาดใหญ ซึ่งพืชเหลานี้เปนอาหารของไดโนเสาร นอกจากนี้ ในยุคจูแรสซิกยังพบไดโนเสารขนาดใหญที่สุดอีกดวย นักเรียนควรรู 1 ยุคจูแรสซิก เปนยุคกลางของมหายุคเมโซโซอิก เปนยุคที่ไดโนเสาร เจริญเต็มที่หรือยุคไดโนเสารครองโลก ไดโนเสารบินไดเริ่มพัฒนาเปนสัตวปก จํานวนนก ในปายังเปนพืชไรดอก ประเทศไทยมีหินที่อยูในยุคจูแรสซิกหลายแหง โดยเฉพาะในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หลักฐานทางโบราณคดีพบวา หินจูแรสซิกในภาคตะวันออกเฉียงเหนือสวนใหญจะอยูในหินชุดโคราช และ บางสวนของหมวดหินภูพาน รองรอยไดโนเสารแรกๆ ที่มีการคนพบ ไดแก รอยเทาของคารโนซอรบนภูเวียง 2 ยุคครีเทเชียส เปนยุคสุดทายของมหายุคเมโซโซอิก มีสิ่งมีชีวิตที่เกิดขึ้นใหม ไดแก งู นก และพืชมีดอก ไดโนเสารวิวัฒนาการใหมีนอ ครีบหลัง และผิวหนังหนา ไวปองกันตัว และในปลายยุคครีเทเชียสไดโนเสารไดสูญพันธุไปจากโลก นํา สอน สรุป ประเมิน T30
ขอสอบเนน การคิด 1.3 การเปลี่ยนแปลงของธรณีภาค โลกมีการเปลี่ยนแปลงทั้งจากแรงภายในเปลือกโลกและภายนอกเปลือกโลกมาเป็นเวลานาน และต่อเนื่องตลอดเวลา เป็นการปรับระดับของเปลือกโลก เช่น การเปลี่ยนแปลงภายในโลก ท�าให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต�าแหน่ง โครงสร้าง และลักษณะของเปลือกโลกจากการเคลื่อนที่ของ แผ่นธรณีภาคอย่างช้า ๆ ที่เกิดจากการไหลเวียนของพลังงานความร้อนของแมกมาในเปลือกโลก หรือจากการไหลหรือปะทุของแมกมาออกมานอกเปลือกโลกที่เกิดขึ้นได้อย่างช้า ๆ จนถึงแบบเร็ว และรุนแรง มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงทางธรณีภาคระดับกว้าง เช่น ท�าให้เปลือกโลกยกระดับสูงขึ้น หรือลดระดับต�่าลง การเกิดภูเขาไฟ การเกิดเทือกเขา โครงสร้างทางธรณีวิทยา การเปลี่ยนแปลงทางธรณีภาคที่เกิดขึ้นบนพื้นผิวโลก เนื่องจากแรงโน้มถ่วงและตัวกระท�า ต่าง ๆ เช่น การผุพังอยู่กับที่ของหินและแร่ การเคลื่อนย้ายมวลดินและหินในพื้นที่มีความลาดชัน สูง เช่น 1) กระบวนการเปลี่ยนแปลงภายในโลก เกิดจากพลังงานความร้อนภายในโลก ท�าให้เกิดการไหลของมวลแมกมาร้อนและข้นหนืดใต้เปลือกโลก หรือเกิดการปะทุของแมกมา ออกมาบนพื้นผิวโลก การเปลี่ยนแปลงนี้ท�าให้เปลือกโลกแตกออกเป็นแผ่นและเคลื่อนที่ในลักษณะ ต่าง ๆ รวมทั้งก่อให้เกิดแผ่นดินไหว การปะทุของภูเขาไฟ การบีบอัดท�าให้เกิดโครงสร้างคดโค้ง รอยเลื่อน และการแตกหักของหิน แผ่นดินที่ถูกยกตัวขึ้นหลังจากเกิดแผ่นดินไหวขนาด 7.8 ที่เกาะใต้ ประเทศนิวซีแลนด์ เมื่อ พ.ศ. 2559 29 ลักษณะภูมิประเทศตามขอใดเกิดจากแผนธรณีภาคพื้นทวีป เคลื่อนที่ชนกัน 1. ทะเลแดง 2. หมูเกาะญี่ปุน 3 ทะเลสาบมาลาวี 4. เทือกเขาแอนดีส 5. เทือกเขาหิมาลัย (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 5. เทือกเขาหิมาลัยเกิดจากแผนธรณี ภาคแผนอินเดียเคลื่อนที่มุดชนกับแผนธรณีภาคยูเรเชีย สวน ทะเลสาบมาลาวี ทะเลแดง เกิดจากแผนธรณีทวีปเคลื่อนที่ออก จากกัน หมูเกาะญี่ปุนเกิดจากแผนธรณีมหาสมุทรเคลื่อนที่ชนกัน เทือกเขาแอนดีสเกิดจากแผนธรณีมหาสมุทรชนกับแผนธรณีทวีป) ขั้นสอน ขั้นที่ 1 การตั้งคําถามเชิงภูมิศาสตร 6. ครูใหนักเรียนดูคลิปวิดีโอเกี่ยวกับธรณีภาค ที่มีการเปลี่ยนแปลงในบริเวณพื้นที่ตางๆ ของโลก จากนั้นสอบถามความคิดเห็นของ นักเรียนเกี่ยวกับสาเหตุการเกิด บริเวณพื้นที่ ที่เกิด และผลกระทบที่เกิดขึ้น 7. ครูใหนักเรียนรวมกันแสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับการเคลื่อนที่ของแผนธรณีภาค จาก หนังสือเรียน ภูมิศาสตร ม.4-6 แลวรวมกัน อภิปรายเพิ่มเติมตามประเด็นลักษณะการ เคลื่อนที่ของแผนธรณีภาค โดยที่ครูแนะนํา เพิ่มเติม อันไดแก • การเคลื่อนที่ของแผนธรณีภาคลูเขาหากัน • การเคลื่อนที่ของแผนธรณีภาคแยกจากกัน • การเคลื่อนที่ของแผนธรณีภาคตามแนว ระดับ เกร็ดแนะครู ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับกระบวนการเปลี่ยนแปลงภายในโลกทําใหเกิด ปรากฏการณที่สงผลกระทบตอพื้นผิวโลก เชน การเกิดแผนดินไหว เปนผล สืบเนื่องจากการเคลื่อนตัวของเปลือกโลก บริเวณแนวรอยเลื่อนของเปลือกโลก การปะทุของภูเขาไฟ แผนดินอาจสั่นสะเทือนเล็กนอย หรือสั่นสะเทือนรุนแรง บริเวณศูนยกลางกําเนิดแผนดินไหว ซึ่งทําใหบริเวณนั้นไดรับความเสียหาย มากที่สุด แตเมื่อการแผกระจายคลื่นความไหวสะเทือนหางจากศูนยกําเนิด แผนดินไหวออกไป ความสั่นสะเทือนและความเสียหายจะลดลง นํา สอน สรุป ประเมิน T31
เหวสมุทร เหวสมุทร เน�้อโลก ชั้นบนสุด เน�้อโลกสวนบน เปลือกโลก ภาคพื้นสมุทรโบราณ เทือกเขา ที่ราบสูง เน�้อโลกชั้นบนสุด 1.1) การเคลื่อนที่ของแผนธรณีภาค การเคลื่อนที่ของแผนธรณีภาค ทั้งสวนที่ เปนเปลือกโลกภาคพื้นทวีป เปลือกโลกภาคพื้นมหาสมุทร และสวนเนื้อโลกชั้นบนสุด มีทั้งขนาด ใหญและขนาดเล็ก มีการเคลื่อนที่แบบเคลื่อนเขาหากันหรือชนและมุดเขาหากัน แยกจากกัน หรือ เคลื่อนสวนกันในแนวระนาบตลอดเวลา โดยมีอัตราความชาเร็วตางกัน 1. การเคลื่อนที่ของแผนธรณีภาคเคลื่อนหากัน เกิดไดเปน 3 แบบ เมื่อแผนเปลือกโลกเคลื่อนเขาหากัน เปลือกโลกที่มีความหนาแนนมากกวามุดเขาไป ใตเปลือกโลกที่มีความหนาแนนนอยกวาและหลอมละลายหากมีความลึกมากจนถึงชั้นแมกมา และมักทําใหเปลือกโลกอีกดานหนึ่งถูกอัดและผลักดันใหคอย ๆ สูงชันขึ้นจนเปนเทือกเขา เชน การเคลื่อนเขาหากันระหวางเปลือกโลกภาคพื้นมหาสมุทร ทําใหเกิดหมูเกาะภูเขาไฟกลาง มหาสมุทรเปนแนวโคง การเคลื่อนหากันระหวางเปลือกโลกภาคพื้นมหาสมุทร การเคลื่อนหากันระหวางเปลือกโลกภาคพื้นทวีป การเคลื่อนหากันระหวางเปลือกโลกภาคพื้นมหาสมุทรกับเปลือกโลกภาคพื้นทวีป 2 3 1 เปลือกโลก ภาคพื้นทวีป เปลือกโลกภาคพื้นทวีป เปลือกโลกภาคพื้นทวีป เปลือกโลกภาคพื้นสมุทร เปลือกโลกภาคพื้นสมุทร เปลือกโลก ภาคพื้นทวีป เนื้อโลกชั้นบนสุด เนื้อโลกชั้นบนสุด เนื้อโลกชั้นบนสุด เนื้อโลกชั้นบนสุด เนื้อโลกสวนบน เนื้อโลกสวนบน 30 กิจกรรม ทาทาย ขั้นสอน ขั้นที่ 1 การตั้งคําถามเชิงภูมิศาสตร 8. ครูใหนักเรียนรวมกันศึกษาภาพประกอบ หรือคลิปวิดีโอเกี่ยวกับการเคลื่อนที่ของแผน ธรณีภาค ทั้ง 3 ลักษณะ จากหนังสือเรียน ภูมิศาสตร ม.4-6 หรือจากแหลงการเรียนรูอื่นๆ เชน หนังสือในหองสมุด เว็บไซตในอินเทอรเน็ต เพิ่มเติม โดยครูอาจสนทนาประกอบการ ซักถามกับนักเรียนเพิ่มเติม เชน • แผนเปลือกโลกที่เราอาศัยอยูมีลักษณะ สําคัญอยางไร (แนวตอบ แผนเปลือกโลกที่เราอาศัยอยู โดยเฉพาะสวนที่เปนเปลือกโลกภาคพื้น ทวีป สวนใหญเปนแผนเปลือกโลกชั้นไซอัล ที่มีหินแกรนิตเปนสวนประกอบหลัก และมี แรซิลิกอนและอะลูมิเนียม นอกจากนี้ ยังมี แผนเปลือกโลกชั้นมาไซซึ่งเปนสวนลางของ ภาคพื้นทวีป ทะเลและมหาสมุทร โดยมีหิน บะซอลตเปนสวนประกอบหลัก) • ปจจัยสําคัญที่สงผลใหแผนเปลือกโลกเกิด การเคลื่อนตัว คืออะไร (แนวตอบ ความหนาแนน เปนปจจัยสําคัญที่ สงผลใหแผนเปลือกโลกเกิดการ เคลื่อนตัว โดยเปลือกโลกชั้นไซมาที่มีความหนาแนน มากกวาชั้นไซอัลจึงมักจะมุดตัวลงใตชั้น ไซอัล กอใหเกิดการเคลื่อนตัวของแผน เปลือกโลกและแผนดินไหว) ใหนักเรียนจําลองการเคลื่อนที่ของแผนธรณีภาคแบบ • การเคลื่อนหากันระหวางแผนเปลือกโลกภาคพื้นสมุทรกับ เปลือกโลกภาคพื้นทวีป • การเคลื่อนหากันระหวางเปลือกโลกภาคพื้นมหาสมุทร • การเคลื่อนหากันระหวางเปลือกโลกภาคพื้นทวีป • การเคลื่อนที่แยกจากกันของเปลือกโลกภาคพื้นมหาสมุทร • การเคลื่อนแยกจากกันของเปลือกโลกภาคพื้นทวีป เกร็ดแนะครู ครูอธิบายการเคลื่อนที่เขาหากันของเปลือกโลก เชน แผนเปลือกโลก ภาคพื้นมหาสมุทรชนกับแผนเปลือกโลกภาคพื้นทวีป แผนเปลือกโลก ภาคพื้นสมุทรเปนหินบะซอลต มีความหนาแนนมากกวาแผนเปลือกโลก ภาคพื้นทวีป ซึ่งเปนหินแกรนิต เมื่อแผนธรณีทั้งสองปะทะกัน แผนเปลือกโลก ภาคพื้นสมุทรจะจมตัวลงและหลอมละลายเปนหินหนืด เนื่องจาก หินหนืด มีความหนาแนนนอยกวาเนื้อโลกในชั้นฐานธรณีภาค จึงยกตัวขึ้นดันเปลือกโลก ทวีปใหกลายเปนเทือกเขาสูง เกิดแนวภูเขาไฟเรียงรายตามชายฝง ขนานกับ รองลึกกนสมุทร เชน การเกิดเทือกเขาแอนดีสในทวีปอเมริกาใต นํา สอน สรุป ประเมิน T32
ขอสอบเนน การคิด ภูเขาไฟเกิดขึ้นใกลแนวเทือกเขา หินหลอมเหลวไหลขึ้นไป ระหวางแผนเปลือกโลก เทือกเขาแยกจากกันเกิดหินใหมขึ้นบริเวณน�้ และแผนเปลือกโลกถูกผลักใหแยกจากกัน เปลือกโลกภาคพื้นมหาสมุทร แมกมา ภูเขาคิลิมันจาโร ภูเขาเลงไก หุบเขาทรุด แมกมา การเคลื่อนที่แยกจากกันของเปลือกโลกภาค พื้นมหาสมุทร 2 แผ่น มีแมกมาไหลปะทุขึ้นมาจน เกิดเป็นแนวสันเขาใต้มหาสมุทร (mid ocean ridge) เช่นบริเวณสันเขาใต้มหาสมุทรแอตแลนติก การเคลื่อนที่แยกจากกันของเปลือกโลก ภาคพื้นทวีป เมื่อมีการแยกออกจากกันอาจเกิด การยุบลงของแผ่นดินเช่นเกรตริฟต์แวลลีย์(Great RiftValley) ทางตะวันออกของทวีปแอฟริกา 2. การเคลื่อนที่ของแผ่นธรณีภาคแยกจากกัน เป็นการเปิดแนวรอยต่อให้ แมกมาไหลหรือเกิดภูเขาไฟปะทุขึ้นมา ส่วนมากเกิดใต้มหาสมุทร 3. การเคลื่อนที่ของแผ่นธรณีภาคตามแนวระดับเป็นการเคลื่อนที่ของเปลือก โลกสองแผ่นสวนทางกันในแนวระนาบ อาจท�าให้เกิดการสั่นสะเทือนหรือแผ่นดินไหวรุนแรง และ เกิดรอยเลื่อนตามแนวระดับขนาดใหญ่ เช่น ท�าให้เทือกเขาเลื่อนแยกจากกันถนนหรือสิ่งก่อสร้าง แตกและแยกจากกัน พบมากจากการเคลื่อนที่ของเปลือกโลกภาคพื้นมหาสมุทรแต่ก็พบได้ระหว่าง เปลือกโลกภาคพื้นทวีป เช่น รอยเลื่อนแซนแอนเดรียส (San Andreas) ในทวีปอเมริกาเหนือ การเคลื่อนที่แยกจากกันระหว่างเปลือกโลก ภาคพื้นมหาสมุทร การเคลื่อนแยกออกจากกันระหว ่างเปลือกโลก ภาคพื้นทวีป การเคลื่อนที่ผ ่านกันระหว ่างเปลือกโลก ภาคพื้นทวีปกับเปลือกโลกภาคพื้นทวีป การเคลื่อนที่ตามแนวระดับระหว่างเปลือกโลก ภาคพื้นมหาสมุทร เขตรอยแตกเขตรอยแตก หินใกล้ขอบแผ่น เปลือกโลก เกิดรอยเลื่อน และเอียง แผ่นเปลือกโลก เคลื่อนที่ตาม แนวระดับ ท�าให้ เกิดแผ่นดินไหว รอยเลื่อนตามแนวระดับ 31 หุบเขาทรุด เกิดเป็นแนวสันเขาใต้มหาสมุทร 1 2 ขั้นสอน ขั้นที่ 1 การตั้งคําถามเชิงภูมิศาสตร 9. ครูใหนักเรียนชวยกันตั้งประเด็นคําถาม เชิงภูมิศาสตรเกี่ยวกับธรณีภาคและการ เปลี่ยนแปลงทางธรณีภาค เพื่อคนหาคําตอบ เชน • การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพของโลกมี กระบวนการอยางไร • การเปลี่ยนแปลงภายในเปลือกโลกสงผลตอ ลักษณะทางกายภาพอยางไร • การเปลี่ยนแปลงบนเปลือกโลกสงผลตอ ลักษณะทางกายภาพของโลกอยางไร • ประเทศไทยประสบปญหาการเปลี่ยนแปลง ทางธรณีภาคในประเด็นใดมากที่สุด เพราะ เหตุใด การเคลื่อนที่ของแผนธรณีภาคตามแนวระดับ สงผลใหเกิด ลักษณะภูมิประเทศแบบใด 1. ภูเขา 2. หมูเกาะ 3. เกิดรอยแยก 4. เกิดรอยเลื่อน 5. เกิดการทับถม (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. การเคลื่อนที่ของแผนธรณีภาค ตามแนวระดับเปนการเคลื่อนที่ของเปลือกโลกสองแผนสวนทาง กันในแนวระนาบ ทําใหเกิดการสั่นสะเทือน เกิดแผนดินไหวรุนแรง และเกิดรอยเลื่อนขนาดใหญ) นักเรียนควรรู 1 หุบเขาทรุด (Rift Valley) เปนพื้นที่ราบตํ่า ลักษณะเปนสันยาว ขนาบขาง ดวยพื้นที่ราบสูงหรือแนวเทือกเขา เกิดจากแผนเปลือกโลกขยายตัว เนื่องจาก แรงดึงดูดทางกระบวนการแปรสัณฐาน สงผลใหเกิดรอยแตกที่ผิวเปลือกโลก เกิดไดทั้งบนแผนทวีปและมหาสมุทร 2 สันเขาใตมหาสมุทร เกิดจากแรงดันในชั้นฐานธรณีภาคดันใหแผนธรณี มหาสมุทรยกตัวขึ้นเปนสันเขาใตสมุทร แลวเกิดรอยแตกที่สวนยอด แมกมา ผลักใหแผนธรณีมหาสมุทรแยกออกจากกัน เชน สันเขาใตมหาสมุทรแอตแลนติก นํา สอน สรุป ประเมิน T33
180 ํ 0 ํ 20 ํE 60 ํE 100 ํE 140 ํE 140 ํW 100 ํW 60 ํW 20 ํE20 ํW 40 ํE 80 ํE 120 ํE 160 ํE 160 ํW 120 ํW 80 ํW 0 ํ40 ํW 20 ํS 20 ํN 40 ํN 40 ํS 60 ํN 60 ํS 80 ํN 80 ํS 0 ํ 20 ํS 20 ํN 40 ํN 60 ํN 80 ํN 40 ํS 60 ํS 80 ํS 1 : 230,000,000ขนาดแผนดินไหว 9.0 ขึ้นไป 8.0-8.9 7.0-7.9 6.0-6.9 0 2,000 4,000 กม. N 120 ํE 160 ํE 160 ํW 120 ํW 80 ํE40 ํE 40 ํW80 ํW 80 ํW 0 ํ 0 ํ 120 ํE 160 ํE 160 ํW 120 ํW 80 ํE40 ํE 40 ํW 80 ํS 80 ํN 60 ํN 60 ํS 40 ํN 40 ํS 20 ํN 20 ํS 0 ํ 80 ํN 80 ํS 60 ํN 60 ํS 40 ํN 40 ํS 20 ํN 20 ํS 0 ํ เขตรอยเลื่อนชนกัน เขตรอยเลื่อนตามแนวระดับ ทิศทางการแยกออกจากกันของแผนเปลือกโลก ทิศทางการมุดตัวของแผนเปลือกโลก ขอบเขตแผนเปลือกโลก รอยแยกใตพื้นมหาสมุทร รองลึกกนสมุทร แ ผ น แ ป ซิ ฟ ก แผนอินโด - ออสเตรเลีย แผนแอฟริกา แผนอาหรับ แผนสโกเชีย แผน แคริบเบียน แผน ฮวนเดฟูกา แผน โคโคส แผนฟลิปปน แผน นัซกา แผนอเมริกาใต แผน อเมริกา เหน�อ แผน อเมริกา เหน�อ แ ผ น ยู เ ร เ ชี ย แ ผ น แ อ น ต า ร ก ติ ก N 1 : 160,000,000 0 2,000 4,000 กม. แผนที่แสดงแผนเปลือกโลกสำคัญ แผนที่แสดงแผ่นเปลือกโลกส�าคัญ 32 กิจกรรม ทาทาย ขั้นสอน ขั้นที่ 2 การรวบรวมขอมูล 1. ครูใหนักเรียนแบงกลุม สืบคนขอมูลเกี่ยวกับ การเปลี่ยนแปลงทางธรณีภาค ประกอบการใช เครื่องมือทางภูมิศาสตร เชน แผนที่แสดงแผน เปลือกโลกสําคัญ จากหนังสือเรียน ภูมิศาสตร ม.4-6 หรือจากแหลงการเรียนรูอื่นๆ ใน ประเด็นตอไปนี้ • กระบวนการเปลี่ยนแปลงภายในโลก • กระบวนการปรับระดับพื้นผิวโลก 2. ครูอาจถามคําถามประกอบการสืบคนของ นักเรียนเพิ่มเติม เชน • จากแผนที่แสดงแผนเปลือกโลกที่สําคัญ และทิศทางการเคลื่อนที่ของแผนเปลือกโลก สงผลตอลักษณะภูมิประเทศอยางไรบาง (แนวตอบ การเคลื่อนที่ของแผนเปลือกโลก ขนาดใหญจากมวลหินหนืดดานลางกอให เกิดลักษณะภูมิประเทศแบบเทือกเขาและ ภูเขาไฟใตทะเลเปนสวนใหญ เชนเดียวกับ ลักษณะภูมิประเทศที่ปรากฏบนภาคพื้นทวีป คือ เทือกเขาสูงที่วางตัวทอดออกจากชุม เขาปามีรทางตอนกลางของทวีปเอเชีย เชน เทือกเขาหิมาลัย เทือกเขาฮินดูกูช ฯลฯ ที่ เกิดจากการเคลื่อนที่ในลักษณะชนกันของ แผนเปลือกโลกยูเรเชียกับอินเดีย ทําให แผนดินโกงตัวขึ้นเปนเทือกเขาสูงชัน) 3. ครูแนะนําแหลงขอมูลสารสนเทศที่นาเชื่อถือ ใหกับนักเรียนเพิ่มเติม เกร็ดแนะครู ครูสรุปความรูเกี่ยวกับเปลือกโลก ดังนี้ 1. แผนยูเรเชีย รองรับทวีปเอเชียและทวีปยุโรป และพื้นนํ้าบริเวณใกลเคียง 2. แผนอเมริกา รองรับทวีปอเมริกาเหนือและอเมริกาใต และพื้นนํ้าครึ่งซีก ตะวันตกของมหาสมุทรแอตแลนติก 3. แผนแปซิฟก รองรับมหาสมุทรแปซิฟก 4. แผนออสเตรเลีย รองรับทวีปออสเตรเลียและประเทศอินเดีย และพื้นนํ้า ระหวางประเทศออสเตรเลียกับประเทศจีน 5. แผนแอนตารกติก รองรับทวีปแอนตารกติก และพื้นนํ้าโดยรอบ 6. แผนแอฟริกา รองรับทวีปแอฟริกา และพื้นนํ้ารอบๆ ทวีปแอฟริกา ใหนักเรียนทํา Powerpoint จําลองการเคลื่อนตัวของเปลือกโลก สืบคนขอมูลจากเว็บไซตตางๆ แลวนําเสนอในชั้นเรียน นํา สอน สรุป ประเมิน T34
180 ํ 0 ํ 20 ํE 60 ํE 100 ํE 140 ํE 140 ํW 100 ํW 60 ํW 20 ํE20 ํW 40 ํE 80 ํE 120 ํE 160 ํE 160 ํW 120 ํW 80 ํW 0 ํ40 ํW 20 ํS 20 ํN 40 ํN 40 ํS 60 ํN 60 ํS 80 ํN 80 ํS 0 ํ 20 ํS 20 ํN 40 ํN 60 ํN 80 ํN 40 ํS 60 ํS 80 ํS 1 : 230,000,000ขนาดแผนดินไหว 9.0 ขึ้นไป 8.0-8.9 7.0-7.9 6.0-6.9 0 2,000 4,000 กม. N แผนที่แสดงการกระจายของขนาดแผ่นดินไหวของโลก 1.2) การเกิดแผ่นดินไหว (earthquake) เป็นการสั่นสะเทือนของเปลือกโลกที่เกิด จากการปรับตัวให้เกิดดุลเสมอภาคของแผ่นเปลือกโลก เป็นการปลดปล่อยพลังงานความเครียดที่ สะสมออกมาอย่างรวดเร็วจากการเคลื่อนที่ของรอยเลื่อนใต้เปลือกโลก หรือเกิดจากการปะทุของ ภูเขาไฟ ทั่วโลกมีการกระจายของแผ่น ดินไหวขนาดใหญ่ ๆ โดยเฉพาะบริเวณที่เป็นรอย ต่อของแผ่นเปลือกโลก ระหว่างเปลือกโลกภาค พื้นมหาสมุทรกับเปลือกโลกภาคพื้นทวีป เช่น บริเวณรอบ ๆ แนวรอยต่อของแผ่นแปซิฟิกหรือ วงแหวนแห่งไฟ และตะวันออกของแผ่นอินโด - ออสเตรเลีย ที่มีการเกิดแผ่นดินไหวบ่อยและ รุนแรง นอกจากนี้ แผ่นดินไหวยังเกิดตามรอย ต่อระหว่างเปลือกโลกภาคพื้นทวีป และตาม จุดร้อน (hotspot) ของเปลือกโลกภาคพื้น มหาสมุทรและเปลือกโลกภาคพื้นทวีปอีกด้วย รอยเลื่อนแซนแอนเดรียส รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา เป็นรอยเลื่อนขนาดใหญ่ที่มีพลังมากและมีโอกาสเกิด แผ่นดินไหวรุนแรง 33 จุดร้อน (hotspot) ของเปลือกโลกภาคพื้น 1 กิจกรรม ทาทาย ขั้นสอน ขั้นที่ 3 การจัดการขอมูล 1. สมาชิกแตละคนในกลุมนําขอมูลที่ตนไดจาก การรวบรวม มาอธิบายแลกเปลี่ยนความรู ระหวางกัน 2. จากนั้นสมาชิกในกลุมชวยกันคัดเลือกขอมูล ที่นําเสนอเพื่อใหไดขอมูลที่ถูกตอง และรวม อภิปรายแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม 3. ครูใหนักเรียนแตละกลุมใชสมารตโฟนคนหา การกระจายและขนาดของแผนดินไหวใน บริเวณพื้นที่ตางๆ ของโลกเพิ่มเติม แลว นําขอมูลมาอภิปรายรวมกันภายในชั้นเรียน ประกอบการใชคําถาม เชน • การเกิดแผนดินไหวจากการเคลื่อนตัวของ เปลือกโลกมีลักษณะอยางไร (แนวตอบ การเคลื่อนตัวของเปลือกโลกใน บริเวณแนวรอยเลื่อนตางๆ ทําใหแผนดิน เกิดการสั่นสะเทือนซึ่งมีระดับความรุนแรง แตกตางกันไป ปจจัยสําคัญของระดับ ความรุนแรง ไดแก ลักษณะหรือพลังในการ เคลื่อนตัวของเปลือกโลก และความลึกของ จุดศูนยกลางแผนดินไหว) นักเรียนควรรู 1 จุดรอน (hot spot) สวนหนึ่งของพื้นผิวโลกที่คาดวาอยูหางจากขอบเขต การแปรสัณฐานของเปลือกโลก และเปนปรากฏการณทางภูเขาไฟ เกิดจากการ ถายเทพลังงานของมวลที่แข็งและรอนในชั้นของเปลือกโลกแมนเทิล (Mantle) ซึ่งเปนชั้นหินหลอมเหลวใตเปลือกโลก ลักษณะปรากฏการณดังกลาวทําให เกิดภูเขาไฟและภูเขาไฟปะทุ เกร็ดแนะครู ครูใหนักเรียนดูแผนที่ แลวใชทักษะทางภูมิศาสตรวิเคราะหการเกิด แผนดินไหวในพื้นที่ตางๆ ของโลก พรอมยกตัวอยางการเกิดแผนดินไหวครั้ง รายแรงของโลก เชน แผนดินไหวที่ประเทศญี่ปุน ใน ค.ศ. 2011 ขนาด 9.0 ริกเตอร และเกิดคลื่นยักษสึนามิที่มีความสูงกวา 40.5 เมตร ในพื้นที่ชายฝงทางตะวันออก โดยคลื่นซัดขึ้นมาบนชายฝงเปนระยะทางกวา 10 กิโลเมตร สรางความเสียหาย กับเตาปฏิกรณของโรงไฟฟานิวเคลียรฟุกุชิมะ ไดอิจิ นักเรียนสืบคนบริเวณพื้นที่ที่มีการเกิดแผนดินไหวมากที่สุด หรือรุนแรงที่สุดในโลก โดยระบุตําแหนงลงบนแผนที่แสดง การกระจายของขนาดแผนดินไหวของโลก พรอมทั้งระบุถึงสาเหตุ และผลกระทบจากเหตุการณดังกลาว นํา สอน สรุป ประเมิน T35
ลาวาหรือหินละลาย คือ แมกมาที่ดันตัวออก มาสู่ผิวโลก มีอุณหภูมิประมาณ 900 - 1,300 �C แก๊สต่าง ๆ CO2 NO2 SO2 มวลแมกมา(magma chamber) ปากปล่องภูเขาไฟ กรวยย่อย การปะทุของภูเขาไฟ 1.3) การปะทุของภูเขาไฟ (volcanic eruption) เมื่อรอยต่อระหว่างแผ่นเปลือก โลกแยกออกจากกันหรือเคลื่อนเข้าหากัน หรือเมื่อบนเปลือกโลกมีจุดร้อน ท�าให้แมกมาปะทุ หรือไหลออกมาเป็นลาวา ซึ่งขึ้นอยู่กับชนิดและองค์ประกอบของแมกมาและแรงดันที่อยู่ภายใต้ เปลือกโลกบริเวณนั้น หากเป็นแมกมาเหลว ไม่มีไอน�้าและแก๊สมาก ลาวาที่ปะทุออกมาจะไหลไป ตามความลาดของพื้นที่ หรือปล่องด้านข้างของภูเขาไฟ หากแมกมามีความหนืด มีไอน�้า แก๊ส และมีแรงดันมากจะเกิดการปะทุที่รุนแรง ซึ่งบางครั้งปะทุขึ้นไปสูงหลายกิโลเมตร มีมวลไอน�้าแก๊ส และเศษหินปะทุสูงขึ้นไปในบรรยากาศ แก๊สจากการปะทุของภูเขาไฟเป็นแก๊สพิษที่เป็นอันตราย ต่อสุขภาพของสิ่งมีชีวิต เศษหินขนาดใหญ่ที่ลอยขึ้นไปสู่บรรยากาศจะเย็นลงอย่างรวดเร็วและตกลง มาสะสมใกล้ปล่องภูเขาไฟ ส่วนเถ้าละอองฝุ่นขนาดเล็กลอยไปไกลจากบริเวณที่ปะทุ 1.4) โครงสร้างทางธรณีวิทยา (geologic structure) การเคลื่อนที่ของเปลือกโลก เข้าหากันท�าให้เกิดแรงอัดระหว่างแผ่นเปลือกโลก ก่อให้เกิดโครงสร้างทางธรณีวิทยาและภูมิประเทศ ของหินตะกอนที่โผล่พ้นผิวดินที่หลากหลาย เช่น 34 กิจกรรม ทาทาย เกร็ดแนะครู ครูควรเปดคลิปวิดีโอสารคดีภูเขาไฟปะทุ ใหนักเรียนไดดูประกอบการ อธิบาย เชน จากภาพยนตรสารคดีสั้น Twig เรื่อง การปะทุของภูเขาไฟ ที่ http://www.twig-aksorn.com/film/time-zoom-8376/ และสรุปกระบวนการ เกิดภูเขาไฟปะทุ โดยใช infographic การปะทุของภูเขาไฟ จากหนังสือเรียน ประกอบ ขั้นสอน ขั้นที่ 4 การวิเคราะหและแปลผลขอมูล 1. ครูใหสมาชิกแตละกลุมวิเคราะหเพิ่มเติม ถึงลักษณะและผลกระทบของการปะทุของ ภูเขาไฟแตละรูปแบบ ตลอดจนยกตัวอยาง การปะทุของภูเขาไฟที่พบในแตละภูมิภาค ของโลกประกอบการวิเคราะหเชื่อมโยงกับ การเปลี่ยนแปลงทางธรณีภาคเพิ่มเติม 2. สมาชิกแตละกลุมนําขอมูลของตนเองมา วิเคราะหถึงความเชื่อมโยงกับโครงสรางทาง ธรณีวิทยาวา มีความเกี่ยวของกันหรือไม อยางไร ตลอดจนยกตัวอยางประกอบเพิ่มเติม ใหนักเรียนสืบคนขอมูลการปะทุของภูเขาไฟครั้งสําคัญ ของโลก สรุปกระบวนการเกิด ผลกระทบตอมนุษยและสิ่งแวดลอม และวิเคราะหแนวโนมสถานการณ พื้นที่เสี่ยงตอการเกิดภูเขาไฟ ปะทุของโลก สรุปความรูเปนแผนผังความคิด กิจกรรม สรางเสริม ใหนักเรียนสืบคนขาว หรือเหตุการณการปะทุของภูเขาไฟ ในประเทศเพื่อนบาน สรุปกระบวนการเกิด และผลกระทบตอ สิ่งแวดลอม นํา สอน สรุป ประเมิน T36
ขอสอบเนน การคิด • โครงสร้างคดโค้ง เป็นการคดโค้งคล้ายลูกฟูก หรือแบบโดม หรือโดมกลับหัว ขนาดของการคดโค้งต่างกัน เช่น โครงสร้างหินโค้งรูปประทุนคว�่า หินโค้งรูปประทุนหงาย ซึ่งอาจ มีลักษณะเป็นรูปประทุนต่อเนื่องกันคล้ายแผ่นสังกะสีมุงหลังคา ลักษณะของการคดโค้งอาจเป็น แบบคดโค้งสมมาตร หรือคดโค้งไม่สมมาตร หรือคดโค้งตลบทับ หินที่มีอายุมากกว่า (เกิดก่อน) อยู่ชั้นล่าง • โครงสร้างรอยเลื่อน เกิดจากการเคลื่อนที่ของเปลือกโลกหรือแผ่นหินในแนวดิ่ง หรือแนวระนาบ เช่น รอยเลื่อนปกติ เป็นรอยเลื่อนที่หินเพดานเลื่อนลงเมื่อเปรียบเทียบกับหินพื้น รอยเลื่อนย้อน เป็นรอยเลื่อนที่หินเพดานเลื่อนขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับหินพื้น ถ้ารอยเลื่อนย้อน มีค่ามุมเทเท่ากับหรือน้อยกว่า 45 องศา เรียกว่า รอยเลื่อนย้อนมุมต�่า รอยเลื่อนตามแนวระดับ หรือรอยเลื่อนเหลื่อมข้าง เป็นรอยเลื่อนในหินที่สองฟากของรอยเลื่อนเคลื่อนตัวในแนวราบ รอยเลื่อนปกติ รอยเลื่อนย้อน รอยเลื่อนตามแนวระดับ โครงสร้างหินโค้งรูปประทุนคว�่า หินที่มีอายุมากกว่า อยู่ด้านใน โครงสร้างหินโค้งรูปประทุนหงาย หินที่มีอายุมากกว่า อยู่ด้านนอก โครงสร้างหินโค้งรูปประทุนคว�่า โครงสร้างหินโค้งรูปประทุนหงาย 35 ขนาดของการคดโค้งต่างกัน เช่น โครงสร้างหินโค้งรูปประทุนคว�่า หินโค้งรูปประทุนหงาย ซึ่งอาจ 1 2 นักเรียนควรรู 1 โคงรูปประทุนควํ่า (Anticline) มีลักษณะเปนชั้นหินที่โคงเหมือนเอาประทุน เรือมาวางควํ่า ชั้นหินที่อยูบริเวณใจกลางของโคงประทุนจะมีอายุเกาแกที่สุด 2 โคงรูปประทุนหงาย (Syncline) มีลักษณะเปนชั้นหินที่โคงตัวเหมือนเอา ประทุนเรือมาวางหงาย ชั้นหินที่อยูใจกลางของโคงประทุนหงาย จะมีอายุนอย ที่สุด เกร็ดแนะครู ครูอธิบายเพิ่มเติม ถึงการเปลี่ยนแปลงภายในโลก ทําใหเกิดโครงสราง ทางธรณีวิทยา เกิดรอยเลื่อนในลักษณะตางๆ ขั้นสอน ขั้นที่ 4 การวิเคราะหและแปลผลขอมูล 3. ครูนําตัวอยางหินตะกอน หินอัคนี และหิน บะซอลตมาใหนักเรียนดู พรอมทั้งสอบถาม นักเรียนเกี่ยวกับที่มา โครงสราง และความ สัมพันธทางธรณีวิทยา จากนั้นครูแนะนํา เพิ่มเติมประกอบการซักถาม เชน • การเกิดแผนดินไหวสอดคลองกับบริเวณ ที่เปนแนวรอยเลื่อนของแผนเปลือกโลก อยางไร (แนวตอบ การเคลื่อนตัวในรูปแบบตางๆ กอใหเกิดแผนดินไหวที่มีความรุนแรง แตกตางกัน โดยมากแผนดินไหวที่รุนแรง เกิดจากการเคลื่อนตัวในรูปแบบชน หรือ มุดของแผนเปลือกโลก นอกจากนี้ ยังกอ ใหเกิดลักษณะภูมิประเทศแบบตางๆ เชน เทือกเขาในมหาสมุทร หรือเทือกเขาบน ภาคพื้นทวีปอีกดวย) รอยเลื่อนขอใดมีทิศทางการเคลื่อนที่เปนไปในทิศทางตาม แรงดึงดูดของโลก 1. รอยเลื่อนยอน 2. รอยเลื่อนปกติ 3. รอยเลือนตามแนวระดับ 4. รอยเลื่อนยอนและรอยเลื่อนปกติ 5. รอยเลื่อนปกติและรอยเลื่อนตามแนวระดับ (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. รอยเลื่อนปกติ หมายถึง รอยเลื่อน ที่มีทิศทางการเคลื่อนที่เสมือนหรือไปในทิศทางตามแรงดึงดูด ของโลก) นํา สอน สรุป ประเมิน T37
ขอสอบเนนการคิด 2) กระบวนการปรับระดับพื้นผิวโลก เป็นการปรับระดับผิวแผ่นดิน เพื่อให้ผิว เปลือกโลกอยู่ในสภาพสมดุล พื้นที่ที่เป็นที่สูง เช่น ภูเขา หรือที่สูงชันถูกกระบวนการทางธรรมชาติ ท�าให้ลดระดับต�่าลง ในขณะที่พื้นที่ที่ต�่ากว่า เช่น แอ่ง หรือพื้นที่ลุ่มจะมีตะกอนมาตกทับถมให้ สูงขึ้น การปรับระดับผิวแผ่นดินเป็นกระบวนการท�าให้เกิดการลดระดับแผ่นดินให้ต�่าลง และการ เพิ่มระดับแผ่นดินที่ท�าให้พื้นที่ต�่ากว่ามีระดับสูงขึ้น ดังนี้ 2.1) การผุพังอยู่กับที่ (weathering) เป็นกระบวนการที่ท�าให้แร่ประกอบหินเกิด การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพและทางเคมี ผุกร่อน แตกหัก ละลาย โดยไม่มีการสึกกร่อนหรือพัดพา แต่เป็นการเปลี่ยนสภาพอยู่ ณ ที่เดิมของภูมิประเทศที่เกิดขึ้นอยู่ก่อนแล้ว เกิดใน 3 ลักษณะ ดังนี้ ภูมิประเทศคาสต์เกิดจากน�้าฝนละลายหินปูน เห็นชัดจาก ส่วนยอดเขา การผุพังของหินอัคนีที่แตกเป็นกาบมนคล้ายกลีบหัวหอม • การผุพังอยู่กับที่ทาง กายภาพ เกิดจากแรงกดดันและอุณหภูมิเป็น หลัก เช่น หินอัคนีที่ประกอบด้วยแร่หลายชนิด เมื่อได้รับความร้อนจากแสงแดดจัด เช่น ใน ทะเลทรายแร่จะขยายตัวได้ไม่เท่ากัน ท�าให้เกิด การแตกร่วงหลุดออกมา ส่วนในเขตหนาวจัด น�้าที่แทรกอยู่ในร่องหินจะแข็งและขยายตัว ท�าให้หินแตกออกจากกัน • การผุพังอยู่กับที่ทาง เคมี เป็นการเปลี่ยนแปลงทางเคมีของหิน และแร่ เช่น การมีโมเลกุลของน�้าเข้าไปอยู่ในหิน หรือแร่ ท�าให้แร่ขยายตัวและยุ่ยง่ายขึ้น ออกซิเจน ไปท�าปฏิกิริยากับแร่โลหะ เช่น เหล็กจะเกิดสนิม เหล็ก หินปูนประกอบด้วยแคลเซียมคาร์บอเนต เมื่อถูกน�้าฝนหรือแช่น�้าที่มีสภาพเป็นกรดอ่อนจะ เกิดการละลาย ท�าให้เกิดโพรง หรือถ�้า • การผุพังอยู่กับที่ทาง ชีวภาพ เกิดจากกิจกรรมของสิ่งมีชีวิต เช่น ราก พืชแทรกเข้าไปขยายรอยแตกของหิน จุลินทรีย์ ย่อยสลายอินทรียวัตถุ ท�าให้เกิดกรดที่ท�า ปฏิกิริยากับแร่ประกอบหินบางชนิด 36 ภูมิประเทศคาสต์เกิดจากน�้ 1 วนอุทยานถํ้าหลวง-ขุนนํ้านางนอน อ.แมสาย จ.เชียงราย เปนลักษณะภูมิประเทศแบบคาสต เกิดจากการกระทําของสิ่งใด 1. กระแสลมพัดแรง 2. กระแสนํ้าไหลเชี่ยว 3. การครูดถูของธารนํ้าแข็ง 4. การกัดกรอนของธารนํ้าไหล 5. การละลายของหินปูนโดยธารนํ้าใตดิน (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 5. นํ้าฝนเปนตัวการสําคัญที่ทําใหเกิด การเปลี่ยนแปลง การผุพังทางเคมีทําใหหินปูนเปลี่ยนรูปทรงและ สวนประกอบของเนื้อหิน ทําใหเปนโพรงหรือถํ้า) ขั้นสอน ขั้นที่ 4 การวิเคราะหและแปลผลขอมูล 4. นักเรียนวิเคราะหและเชื่อมโยงความสัมพันธ ของโครงสรางทางธรณีวิทยาโดยดูตัวอยางหิน กับกระบวนการปรับระดับพื้นผิวโลก ระหวาง นั้นครูอาจใหนักเรียนใชสมารตโฟนสืบคน เพื่อขยายความรูเกี่ยวกับการผุพังของหิน และแร จากหนังสือเรียน ภูมิศาสตร ม.4-6 เพิ่มเติม จากนั้นรวมกันตรวจสอบความ ถูกตองของขอมูล นักเรียนควรรู 1 ภูมิประเทศคาสต (karst topography) เปนลักษณะของหินปูนที่ถูกนํ้าฝน ละลายหินออกไป จนเหลือหินเปนลักษณะตะปุมตะปา เต็มไปดวยหลุมบอ ถํ้า และทางนํ้าใตดิน บริเวณภูมิประเทศแบบคาสตพบไดที่ปาหิน หลุมยุบ สะพานหิน อุโมงคธรรมชาติ ถํ้า หินงอก และหินยอย เกร็ดแนะครู ครูใหความรูพื้นฐานเกี่ยวกับกระบวนการปรับระดับพื้นผิวโลก (gradation) เปนกระบวนที่ทําใหระดับพื้นผิวโลกมีระดับราบหรือลาดสมํ่าเสมอ กระบวนการ ที่ทําใหเกิดการปรับระดับผิวแผนดิน มี 4 ตัวการ คือ 1. การผุพังอยูกับที่ (weathering) 2. การกัดกรอน (erosion) 3. การทับถม (deposition) 4. การพัดพา (transportation) นํา สอน สรุป ประเมิน T38
ขอสอบเนน การคิด • แรงกระแทก เกิดจาก กระแสน�้าไหลเชี่ยว กระแสลมพัดแรง หรือ กระแสลมและน�้าที่มีฝุ่นหรือมีเศษหินขนาดเล็ก พัดไปกระแทกกับหน้าผา และก้อนหิน จนเกิด เป็นโพรง เช่น แกรนด์แคนยอน โกรกธารในรัฐ แอริโซนา สหรัฐอเมริกา • การครูดถู ธารน�้าแข็ง ที่มีเศษหินติดมาด้วยจะครูดถูไปกับพื้นธารและ ด้านข้างของหุบเขา ท�าให้หินแตกหักหลุดติดไป กับธารน�้าแข็งได้ ลมพัดทรายครูดถูผนังแนว แกรนด์แคนยอน รัฐแอริโซนา สหรัฐอเมริกา วนอุทยานถ�้าหลวง - ขุนน�้านางนอน อ.แม่สาย จ.เชียงราย เป็นภูมิประเทศคาสต์ที่เกิดจากการละลายของหินปูน โดยธารน�้าใต้ดิน 2.2) การกร่อน (erosion) เป็นกระบวนการที่หินและดินแตกหักหรือหลุดเป็นก้อน เล็กจากตัวกระท�า เช่น ธารน�้าไหล คลื่น ลม ธารน�้าแข็ง ดังนี้ หินทราย เช่น เดอะเวฟ (The Wave) รัฐแอริโซนา สหรัฐอเมริกา หรือน�้าในธารพัดเอากรวดทราย มาหมุนวนอยู่ในแอ่งเล็ก ๆ บนหน้าหิน กรวดทรายเป็นตัวการครูดถู ขัดสี ท�าให้เกิดเป็นหลุมบ่อ ถล่ม เรียกว่า กุมภลักษณ์ เช่น สามพันโบก อ.โพธิ์ไทร จ.อุบลราชธานี • การละลาย เกิดจากน�้าละลายแร่บางชนิดให้หลุดลอยหรือละลายไปกับน�้า ท�าให้เกิดภูมิประเทศคาสต์ ในพื้นที่หินปูน น�้าจะละลายหินออกไปมากจนพื้นผิวของหินกลายเป็น ตะปุ่มตะป่าเต็มไปด้วยหลุมบ่อ ถ�้า และทางน�้าใต้ดินที่จะละลายเอาเนื้อหินดังกล่าวแทรกซึม หายลงไป พื้นที่แบบนี้จึงมักเป็นที่แห้งแล้ง และมีธารน�้าไหลลงที่ต�่าในหน้าฝน เช่น วนอุทยาน ถ�้าหลวง - ขุนน�้านางนอน อ.แม่สาย จ.เชียงราย 2.3) การพัดพาและการทับถม (transportation and deposition) การพัดพาและ การทับถมเป็นกระบวนการที่เกิดคู่กัน คือ เมื่อ มีการพัดพาตะกอนออกไปจากที่หนึ่ง ท�าให้เกิด การทับถมในเวลาต่อมาตามลักษณะของตะกอน และสภาพแวดล้อม การพัดพาและการทับถม ท�าให้เกิดสภาพภูมิประเทศต่างกันไปตามชนิด ของตะกอนและตัวกระท�านั้น ๆ 37 เป็นโพรง เช่น แกรนด์แคนยอน โกรกธารในรัฐ 1 ขั้นสอน ขั้นที่ 4 การวิเคราะหและแปลผลขอมูล 5. ครูใหนักเรียนยกตัวอยางสถานที่ทองเที่ยว ในโลกหรือในประเทศไทยที่เกิดจากการกรอน ของหินและดิน พรอมทั้งวิเคราะหและแสดง ความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานที่ดังกลาวรวมกัน 6. ครูใหนักเรียนรวมกันใชสมารตโฟนสืบคนเพื่อ ขยายความรูเกี่ยวกับการพัดพาและการทับถม จากหนังสือเรียน ภูมิศาสตร ม.4-6 เพิ่มเติม 7. ครูใหสมาชิกแตละกลุมนําขอมูลที่รวบรวมได ทําการวิเคราะหรวมกันเพื่ออธิบายคําตอบ และรวมกันตรวจสอบความถูกตองของขอมูล จากนั้นแตละกลุมนําเสนอขอมูลจากการศึกษา ธรณีภาคและการเปลี่ยนแปลงทางธรณีภาค สมาชิกกลุมอื่นผลัดกันใหขอคิดเห็น หรือ ขอเสนอแนะเพิ่มเติม เพราะเหตุใดกระบวนการพัดพาและการทับถมจึงเปน กระบวนการที่เกิดขึ้นควบคูกัน (แนวตอบ การพัดพา เปนกระบวนการพัดพาตะกอนจากที่หนึ่ง ไปอีกที่หนึ่งจากกระทําของนํ้า ลม ธารนํ้าแข็ง ตะกอนที่ถูก พัดพาเหลานั้นจะไปทับถมบริเวณตางๆ เชน การทับถมของ ตะกอนดินดอนสามเหลี่ยม เกิดจากการทับถมของตะกอน ที่บริเวณปากแมนํ้า เปนรูปสามเหลี่ยม เนื่องจากกระแสนํ้า บริเวณปากแมนํ้าเคลื่อนที่ชาลง จึงเกิดการทับถมของตะกอนอยู ตลอดเวลา) นักเรียนควรรู 1 แกรนดแคนยอน รัฐแอริโซนา สหรัฐอเมริกา เปนดินแดนหินผา และ หุบเหว เนื้อที่ทอดตัวยาว 450 กิโลเมตร รองผาลึก 1.6 กิโลเมตร และกวาง โดยเฉลี่ย 15 กิโลเมตร เกิดจากการกัดเซาะของแมนํ้าโคโลราโด เกิดเปนแผน ผาหินแกรนิตที่มองเห็นเปนแถบลายทอดตัวเหนือแมนํ้าโคโลราโด เปนแหลง ทองเที่ยวทางธรรมชาติที่เปนที่นิยมของนักทองเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก เกร็ดแนะครู ครูและนักเรียนรวมกันสรุปกระบวนการกรอน และใหนักเรียนสืบคนภาพ ลักษณะภูมิประเทศที่เกิดจากกระบวนการดังกลาวจากเว็บไซต เพื่อประกอบ การอธิบาย เชน แกรนดแคนยอน ในสหรัฐอเมริกา สามพันโบก ถํ้าหลวง-ขุนนํ้า นางนอน หรือถํ้าในจังหวัดตางๆ ของไทย หรือใหนักเรียนดูคลิปการเกิด ลักษณะภูมิประเทศที่เกิดจากกระบวนการกรอน นํา สอน สรุป ประเมิน T39
การคัดขนาดตะกอนด้วยการพัดพาของน�้า หิน ทิศทางการพัดพา น�้า ทราย ทรายแป้ง ดินเหนียว • การพัดพา เป็นกระบวนการพัดพาตะกอนหิน แร่ ดิน อินทรียวัตถุ และ สารละลายออกไปจากพื้นที่ โดยตัวกระท�า เช่น ธารน�้าไหล กระแสน�้าทะเล ธารน�้าแข็ง ลม ซึ่งจะ มีตะกอนที่เป็นก้อนหิน สารแขวนลอยหรือสารละลาย ขึ้นอยู่กับชนิดของตัวกระท�าที่ท�าให้ตะกอน ถูกพัดพาไปเป็นระยะทางสั้น ๆ หรือไกลออกไปจากแหล่งก�าเนิดมากได้ เช่น ธารน�้าไหลพัดพา ตะกอนหินขนาดใหญ่ไปได้ไม่ไกลแต่ตะกอนที่เป็นสารละลายจะพัดพาไปไกลมาก ส่วนธารน�้าแข็ง พัดพาตะกอนหลายขนาดไปพร้อมกับการไหลได้ • การทับถม เกิดขึ้นเมื่อมีการสูญเสียพลังงานในการพัดพาของตัวกระท�า เช่น เมื่อกระแสน�้าลดลงท�าให้เกิดการทับถมของตะกอนที่น�้าพัดพามาด้วย ตะกอนขนาดใหญ่จะ ตกทับถมก่อนตะกอนขนาดเล็ก และสารละลายจะตกตะกอนเมื่อน�้านิ่ง ตะกอนที่ธารน�้าแข็งพัดพา มาเกิดการทับถมเมื่อน�้าแข็งละลาย 2.4) การเคลื่อนที่ของมวล (mass wasting) เกิดขึ้นเมื่อก้อนหินหรือมวลดิน ผสมเศษหินที่อยู่บนพื้นที่ลาดชันร่วงหล่นไปตามความลาดชัน เนื่องจากมีน�้าหนักมากและจาก หน้าผา Seven Sisters ในสหราชอาณาจักรเกิดการถล่ม ท�าให้หินชอล์กกว่า 50,000 ตัน เคลื่อนลงไปในทะเล แรงโน้มถ่วงของโลก การเคลื่อนที่จะเกิดขึ้นช้า หรือเร็วขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ เช่น ความลาดชัน ของพื้นที่ น�้า พืช ถ้ามีพืชปกคลุมจะท�าให้ดิน ยึดเกาะกันได้ดี แต่ถ้ามีพืชมากเกินไปก็อาจ ท�าให้ดินต้องรับน�้าหนักมาก และปัจจัยกระตุ้น อื่น ๆ เช่น การสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว การ ปะทุของภูเขาไฟ รวมทั้งลักษณะการเคลื่อนที่ ของมวล เช่น หินพัง การเลื่อนถล่ม การไหล ซึ่งจะท�าให้เกิดสภาพภูมิประเทศ เช่น กองหิน บริเวณตีนเขา เนินตะกอนรูปพัด 38 ขั้นสอน ขั้นที่ 5 การสรุปเพื่อตอบคําถาม 1. นักเรียนในชั้นเรียนรวมกันสรุปเกี่ยวกับการใช เครื่องมือทางภูมิศาสตร และเครื่องมือดาน เทคโนโลยีในการสืบคนธรณีภาค 2. ครูใหสมาชิกในแตละกลุมชวยกันสรุปสาระ สําคัญเพื่อตอบคําถามเชิงภูมิศาสตร 3. นักเรียนกลุมเดิมรวมกันทําใบงานที่ 2.1 ปรากฏการณทางธรณีภาค โดยครูแนะนํา เพิ่มเติม 4. นักเรียนทําแบบฝกสมรรถนะฯ ภูมิศาสตร ม.4-6 เกี่ยวกับเรื่อง ธรณีภาค เพื่อเปนการบาน สงครูในชั่วโมงถัดไป ขั้นสรุป ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรูเกี่ยวกับ ธรณีภาค ตลอดจนความสําคัญที่มีอิทธิพลตอการ ดําเนินชีวิตของประชากร หรือใช PPT สรุปสาระ สําคัญของเนื้อหา ขั้นประเมิน 1. ครูประเมินผลโดยสังเกตจากการตอบคําถาม การรวมกันทํางาน และการนําเสนอผลงาน หนาชั้นเรียน 2. ครูตรวจสอบผลจากการทําใบงาน และแบบฝก สมรรถนะฯ ภูมิศาสตร ม.4-6 แนวทางการวัดและประเมินผล ครูสามารถวัดและประเมินความเขาใจเนื้อหา เรื่อง ธรณีภาค ไดจากการ ตอบคําถาม การรวมกันทํางาน และนําเสนอผลงานหนาชั้นเรียน โดยศึกษา เกณฑการวัดและประเมินผลจากแบบประเมินการนําเสนอผลงานที่แนบทาย แผนการจัดการเรียนรูหนวยที่ 2 เรื่อง การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพของโลก แบบประเมินการน าเสนอผลงาน ค าชี้แจง : ให้ผู้สอนประเมินผลการน าเสนอผลงานของนักเรียนตามรายการ แล้วขีด ลงในช่องที่ ตรงกับระดับคะแนน ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ............/................./................ เกณฑ์การให้คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินสมบูรณ์ชัดเจน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินเป็นส่วนใหญ่ ให้ 2 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินบางส่วน ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ต่ ากว่า 8 ปรับปรุง ล าดับที่ รายการประเมินระดับคะแนน 3 2 1 1 ความถูกต้องของเนื้อหา 2 การล าดับขั้นตอนของเรื่อง 3 วิธีการน าเสนอผลงานอย่างสร้างสรรค์ 4 การใช้เทคโนโลยีในการน าเสนอ 5 การมีส่วนร่วมของสมาชิกในกลุ่ม รวม กิจกรรม สรางเสริม ครูและนักเรียนรวมกันสรุปกระบวนการพัฒนา การทับถมและ การเคลื่อนที่ของมวลใหนักเรียนสืบคนภาพลักษณะภูมิประเทศ ที่เกิดจากกระบวนการดังกลาวจากเว็บไซต เพื่อประกอบการ อธิบาย เชน ตะกอนรูปพัดปากแมนํ้าเจาพระยา หรือใหนักเรียน ดูคลิปการเกิดลักษณะภูมิประเทศที่เกิดจากกระบวนการพัดพา และการทับถม นํา สอน สรุป ประเมิน T40
ขอสอบเนน การคิด แก๊สไนโตรเจน 78.084% แก๊สออกซิเจน 20.946% แก๊สอาร์กอน 0.934% แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ 0.033% Geo Tip ส่วนประกอบของอากาศ 2 บรรยากาศภาค (atmosphere) บรรยากาศมีความส�าคัญต่อสิ่งมีชีวิตบนผิวโลก เนื่องจากเกี่ยวข้องกับปรากฏการณ์ต่าง ๆ เช่น การเกิดลม เมฆ ฝน หยาดน�้าฟ้า นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันความร้อนจากการแผ่รังสี ดวงอาทิตย์และรังสีอัลตราไวโอเลตไม่ให้ผ่านลงมาถึงผิวโลกมากจนเป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิต 2.1 ส่วนประกอบของบรรยากาศ อากาศเป็นส่วนผสมระหว่างแก๊สชนิดต่าง ๆ ได้แก่ แก๊สไนโตรเจน แก๊สออกซิเจน แก๊ส อาร์กอน และแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ อนุภาคของของแข็งขนาดเล็กและควัน มีปริมาณแตกต่างกัน ดังนี้ เช่น แก๊สนีออน แก๊สฮีเลียม แก๊สคริปตอน แก๊สซีนอน แก๊สไฮโดรเจน แก๊สมีเทน แก๊สไนตรัสออกไซด์ รวมถึงฝุ่นละอองและควัน ส่วนประกอบของอากาศแห้ง หากเป็นอากาศชื้น จะมีไอน�้าผสมอยู่ในอากาศประมาณร้อยละ 0.1 - 4.0 แปรผันไปตาม ลักษณะพื้นที่ เช่น แหล่งน�้า ป่าไม้ ทะเลสาบ รวมทั้งฤดูของท้องถิ่น แก๊สไนโตรเจน (nitrogen) มีลักษณะเป็นแก๊สไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ไม่ไวต่อปฏิกิริยาเคมี มีปรากฏอยู่ ประมาณร้อยละ 78 ในบรรยากาศ มีความส�าคัญในการช่วยเจือจางแก๊สออกซิเจนในอากาศให้มีความ เข้มข้นเหมาะสมส�าหรับการหายใจของสิ่งมีชีวิต แก๊สอื่น ๆ 0.003% 39 เกร็ดแนะครู ครูอธิบายเพิ่มเติมวา บรรยากาศของโลก คือ อากาศที่หอหุมโลกอยู โดยรอบ มีขอบเขตนับจากระดับนํ้าทะเลขึ้นไป ประมาณ 1,000 กิโลเมตร ที่บริเวณใกลระดับนํ้าทะเลอากาศจะมีความหนาแนนมาก และจะคอยๆ ลดลง เมื่อสูงขึ้นไปจากระดับนํ้าทะเล จากนั้นใหนักเรียนดูแผนภาพสวนประกอบ ของอากาศแหง ตั้งประเด็นการสนทนา เชน • สิ่งมีชีวิตตองการแกสอะไรมากที่สุด และควรทําอยางไรเพื่อรักษาสมดุล ของอากาศ ขั้นนํา (Geographic Inquiry Process) 1. ครูแจงชื่อเรื่อง จุดประสงค และผลการเรียนรู 2. ครูใหนักเรียนดูภาพหรือคลิปวิดีโอเกี่ยวกับ การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพของโลกดาน บรรยากาศภาค 3. ครูและนักเรียนรวมกันแสดงความคิดเห็นจาก ภาพหรือคลิปวิดีโอ และจากการศึกษา Geo Tip เกี่ยวกับแกสไนโตรเจน จากหนังสือเรียน ภูมิศาสตร ม.4-6 4. ครูถามคําถามกระตุนความคิด เชน • บรรยากาศของโลกมีลักษณะอยางไร (แนวตอบ บรรยากาศของโลกเปนอากาศ ที่หอหุมโลก ซึ่งประกอบดวย แกสตางๆ ไอนํ้า และฝุนละออง ทั้งนี้ สามารถแบงออก ไดเปนชั้นตางๆ ตามระดับความสูงและ สภาวะในชั้น) • ความสําคัญของบรรยากาศของโลกตอ การดํารงชีวิตของมนุษย คืออะไร (แนวตอบ บรรยากาศมีแกสออกซิเจนที่มนุษย ใชหายใจ มีแกสคารบอนไดออกไซดใหพืช เพื่อใชในการสังเคราะหแสง นอกจากนี้ ยังชวยกรองรังสีตางๆ ที่เปนอันตรายตอ มนุษย ชวยทําหนาที่คลายเรือนกระจก อบความรอน ทําใหอุณหภูมิในระหวาง กลางวันกับกลางคืนไมแตกตางกันมากนัก ตลอดจนเปนแหลงสะสมไอนํ้าและทําใหเกิด การเปลี่ยนแปลงของวัฏจักรนํ้า) แกสในบรรยากาศขอใดมีความสําคัญในการชวยเจือจางแกส ออกซิเจนในอากาศใหมีความเขมขนเหมาะสมสําหรับการหายใจ ของสิ่งมีชีวิต 1. แกสนีออน 2. แกสอารกอน 3. แกสไฮโดรเจน 4. แกสไนโตรเจน 5. แกสคารบอนไดออกไซด (วิเคราะหคําตอบ ตอบ ขอ 4.แกสไนโตรเจน มีลักษณะเปนแกส ไมมีสี กลิ่น รส ไมไวตอปฏิกิริยาเคมี มีปรากฏอยูในบรรยากาศ ประมาณรอยละ 78 มีความสําคัญในการชวยเจือจางแกสออกซิเจน ในอากาศใหมีความเขมขนเหมาะสมสําหรับการหายใจ) นํา นํา สอน สรุป ประเมิน T41