กิจกรรม เสริมสรางคุณลักษณะอันพึงประสงค 5.2) ผลกระทบของวิกฤตการณ์ขยะและของเสียอันตราย ที่ส�ำคัญ มีดังนี้ 1. มีสารพิษปนเปื้อนสู่สิ่งแวดล้อม ของเสียอันตรำยบำงอย่ำง เช่น ถ่ำนไฟฉำย หลอดไฟ แบตเตอรี่โทรศัพท์เคลื่อนที่ มีสำรโลหะหนักบรรจุอยู่ เมื่อปนเปื้อนสู่ดิน และน�้ำส่งผลเสียต่อระบบนิเวศ และจะเป็นอันตรำยเมื่อเข้ำสู่ร่ำงกำยของมนุษย์และสะสมปริมำณ มำกขึ้นเป็นเวลำนำน 2. เป็นแหล่งเพาะพันธุ์เชื้อโรค ขยะมูลฝอยที่มีเศษอำหำรปะปนและเหลือ ตกค้ำง เป็นแหล่งเพำะพันธุ์ของแมลงสำบ แมลงวัน และหนู ซึ่งเป็นสัตว์พำหะน�ำโรค 3. ท�าให้แหล่งน�้าเน่าเสีย ขยะมูลฝอยประเภทอินทรีย์ เมื่อถูกทิ้งปนเปื้อน ลงสู่แหล่งน�้ำ จะถูกจุลินทรีย์ในน�้ำย่อยสลำยท�ำให้ออกซิเจนในน�้ำลดลง ส่งผลให้น�้ำเน่ำเสีย 4. ท�าให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินและสังคม ของเสียอันตรำยที่ติด ไฟง่ำยหรือมีส่วนประกอบของสำรที่ติดไฟง่ำยหรือสำรไวไฟ ท�ำให้เกิดไฟไหม้ได้หำกเก็บไว้ใกล้ไฟ หรือในที่ที่มีอุณหภูมิสูงมำก ๆ หรือของเสียอันตรำยที่มีฤทธิ์เป็นกรดหรือด่ำง ท�ำให้เกิดกำรกัดกร่อน เสียหำยต่อวัสดุต่อเนื้อเยื่อของร่ำงกำยมนุษย์ตลอดจนเกิดควำมเสื่อมโทรมของสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะส่งผลกระทบทำงอ้อมท�ำให้เกิดปัญหำทำงสังคมด้วย 5.3) แนวทางแก้ไขวิกฤตการณ์ขยะและของเสียอันตราย มีดังนี้ 1. คัดแยกประเภทของขยะและของเสียอันตราย ท�ำให้ง่ำยต่อกำรเก็บ และกำรท�ำลำย ช่วยลดขยะในระบบ และลดปัญหำด้ำนสิ่งแวดล้อม 2. น�าขยะมารีไซเคิล โดยกำรแปรสภำพและหมุนเวียนกลับมำใช้ใหม่ เช่น ประเทศสิงคโปร์สำมำรถน�ำขยะไปผลิตกระแสไฟฟ้ำได้มำกถึง 56 เมกะวัตต์ต่อวัน ประเทศสวีเดน น�ำขยะมำใช้ประโยชน์ในกำรผลิตพลังงำน 3. ใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมเพื่อลดกำรเคลื่อนย้ำยขยะติดเชื้อเน้นหลักกำร ก�ำจัดที่แหล่งก�ำเนิด เช่น เทคโนโลยีกำรท�ำลำยเชื้อด้วยไอน�้ำ ณ แหล่งก�ำเนิด 4. เลือกซื้อ เลือกใช้สินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น ใช้สินค้ำฉลำกเขียว เช่น ถ่ำนไฟฉำยสูตรไม่ผสมสำรปรอท ตู้เย็นฉลำกเขียว สีอิมัลชันสูตรลดสำรพิษ หรือใช้สำรสกัด จำกธรรมชำติหรือสมุนไพรแทนกำรใช้สำรเคมีที่สังเครำะห์ขึ้น Geo Tip การคัดแยกขยะมูลฝอย กำรจัดกำรขยะมูลฝอยจ�ำเป็นต้องมีกำรคัดแยกขยะประเภทต่ำง ๆ เพื่อน�ำกลับไปใช้ประโยชน์ใหม่ และง่ำยต่อกำรก�ำจัด ดังนี้ ขยะอันตราย/ขยะพิษ • ถ่ำนไฟฉำย • หลอดไฟ • แบตเตอรี่ ฯลฯ ขยะทั่วไป • ถุงพลำสติก • ซองขนมขบเคี้ยว • กล่องโฟม ฯลฯ ขยะรีไซเคิล • ขวดแก้ว • กระดำษ • กระป๋องเครื่องดื่มฯลฯ ขยะย่อยสลายได้ • เศษอำหำร • เศษผัก เปลือกผลไม้ • ใบไม้ ฯลฯ 232 233 การคัดแยกขยะมูลฝอย 1 ขั้นสอน ขั้นที่ 4 การวิเคราะหและแปลผลขอมูล 15. ครูใหนักเรียนศึกษา Geo Tip เกี่ยวกับ การคัดแยกขยะมูลฝอย จากหนังสือเรียน ภูมิศาสตร ม.4-6 และวิเคราะหขอมูลรวมกัน 16. ครูใหนักเรียนรวมกันนําเสนอแนวทางแกไข วิกฤตการณเกี่ยวกับขยะและของเสียอันตราย เพิ่มเติม และนําขอมูลที่ไดมาอภิปรายสรุป รวมกัน นักเรียนควรรู 1 การคัดแยกขยะมูลฝอย ในการจัดการขยะมูลฝอยจําเปนตองมีระบบ การคัดแยกขยะประเภทตางๆ โดยมีวัตถุประสงคเพื่อนํากลับไปใชประโยชน ไดใหม สามารถทําไดตั้งแตแหลงกําเนิด โดยจัดวางภาชนะรองรับขยะมูลฝอย ใหเหมาะสม และแบงแยกประเภทของถังหรือภาชนะใหชัดเจนตามสีตางๆ โดยมีถุงบรรจุในถังเพื่อความสะดวกและขยะไมตกหลนหรือแพรกระจาย นักเรียนแบงกลุมเสนอแนวทางการจัดการขยะมูลฝอย อยางครบวงจร เพื่อลดปริมาณขยะมูลฝอยในชุมชน และสามารถ นําขยะมูลฝอยมาใชประโยชน ทั้งการใชซํ้า หรือนํากลับมาใช ใหม โดยนําเสนอวิธีการดําเนินงาน ดังนี้ • การลดปริมาณการผลิตขยะมูลฝอย • การจัดระบบการรีไซเคิล • การคัดแยก เก็บรวบรวม และการขนสงขยะมูลฝอย • การกําจัด นํา สอน สรุป ประเมิน T242
1.3 การเปลี่ยนแปลงความหลากหลายทางชีวภาพ ปัจจุบันสิ่งมีชีวิตในระบบนิเวศทั้งผู้ผลิต ผู้บริโภค และผู้ย่อยสลำยทั่วโลกก�ำลังลดจ�ำนวนลง ในอัตรำที่สูงกว่ำที่เคยเป็นมำในอดีต และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ ในอนำคต เมื่อระบบนิเวศ ถูกท�ำลำยจนเสียสมดุล ส่งผลให้ควำมหลำกหลำยทำงชีวภำพลดลงอย่ำงรวดเร็ว 1) สถานการณ์การเปลี่ยนแปลงความหลากหลายทางชีวภาพ ปัจจุบันโลกก�ำลัง สูญเสียสัตว์และพืชในป่ำเขตร้อนอย่ำงน้อย 27,000 ชนิดต่อปี หรือสิ่งมีชีวิตสูญพันธุ์ไปจำกโลกนี้ ประมำณ 3 - 4 สปีชีส์ต่อชั่วโมง เพรำะเขตภูมิอำกำศเขตร้อนเป็นเขตที่อุดมสมบูรณ์มีควำม หลำกหลำยทำงชีวภำพมำก แต่เมื่อใดที่ควำมหลำกหลำยทำงชีวภำพถูกท�ำลำยแล้วก็จะฟื้นฟู ให้กลับสู่ควำมอุดมสมบูรณ์เหมือนเดิมได้ยำกเช่นกัน สำเหตุหลักมำจำกกำรสูญเสียที่อยู่อำศัย ตำมธรรมชำติ เนื่องจำกกำรขยำยตัวของประชำกรโลกและกิจกรรมทำงเศรษฐกิจของมนุษย์ นอกจำกในป่ำเขตร้อนแล้วควำมหลำกหลำยทำงชีวภำพในระบบนิเวศอื่น ๆ ก็ก�ำลังลดลงเช่นกัน เช่น ในแนวปะกำรัง พื้นที่ชุ่มน�้ำบนเกำะหรือบนภูเขำ ประเทศไทยมีนักวิชำกำรประมำณชนิดของสิ่งมีชีวิตว่ำมีอยู่ถึงร้อยละ 7 ของชนิด สิ่งมีชีวิตทั้งหมดในโลกซึ่งมีประมำณ 5 ล้ำนชนิดโดยเป็นพืชประมำณ 15,000ชนิดสัตว์ประมำณ 16,000 ชนิด แต่ปัจจุบันทรัพยำกรธรรมชำติและพื้นที่ป่ำไม้ในประเทศไทยลดลงอย่ำงรวดเร็ว ในช่วง 30 - 40 ปีที่ผ่ำนมำ จำกเดิมร้อยละ 70 ของพื้นที่ เหลือร้อยละ 25 สำเหตุส่วนใหญ่มำจำก กำรกระท�ำของมนุษย์เพรำะกำรเพิ่มขึ้นของประชำกรมนุษย์ท�ำให้มีกำรบุกรุกท�ำลำยป่ำไม้ส่งผลให้ สัตว์ป่ำต้องสูญเสียแหล่งที่อยู่อำศัยหรืออพยพ และหลำยชนิดได้สูญพันธุ์ไปจำกประเทศไทย เช่น สมัน กูปรีหรือโคไพร กำรบุกรุกท�ำลำยพื้นที่ป่ำไม้ สำเหตุหลักของกำรสูญเสียควำมหลำกหลำยทำงชีวภำพ 232 233 เกร็ดแนะครู ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานการณความหลากหลายทางชีวภาพของ ประเทศไทยวาเปนพื้นที่ที่มีจํานวนและชนิดพันธุพืชและพันธุสัตวที่หลากหลาย เนื่องจากมีพื้นที่ปาไมและทิวเขาอันเปนรอยตอกับพื้นที่ขางเคียง และเชื่อมตอ กับแมนํ้าโขง อาวไทย และทะเลอันดามัน จึงไดรับการจัดลําดับใหเปนหนึ่งใน ประเทศที่มีความหลากหลายทางชีวภาพสูง แตปจจุบันทรัพยากรธรรมชาติของ ประเทศถูกคุกคามอยางตอเนื่องจากการใชประโยชนมากเกินไป การคุกคาม แหลงอาศัย การนําสัตวตางถิ่นเขามา การถมพื้นที่ชุมนํ้า เหลานี้ลวนเปนปจจัย ที่ทําใหความหลากหลายทางชีวภาพของประเทศลดลงอยางตอเนื่อง กิจกรรม สรางเสริม นักเรียนรวมกันเสนอแนวทางการจัดการความหลากหลายทาง ชีวภาพ เพื่อใหเกิดการอนุรักษและการใชประโยชนอยางยั่งยืน ทั้งทางตรงและทางออม เชน การสรางความตระหนักและ ปลูกจิตสํานึกใหแกประชาชน การใหความรูเกี่ยวกับการใช ทรัพยากรธรรมชาติอยางเหมาะสม โดยครูเปดโอกาสใหนักเรียน ไดเสนอความคิดเห็นอยางหลากหลาย และนํามาอภิปรายรวมกัน ในชั้นเรียน ขั้นสอน ขั้นที่ 5 การสรุปเพื่อตอบคําถาม 1. ครูใหสมาชิกในแตละกลุมชวยกันสรุปสาระ สําคัญเพื่อตอบคําถามเชิงภูมิศาสตร 2. ครูใหนักเรียนรวมกันทําใบงานที่ 6.1 เรื่อง สถานการณการเปลี่ยนแปลงดานทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดลอม 3. ครูใหนักเรียนทําแบบฝกสมรรถนะฯ ภูมิศาสตร ม.4-6 เกี่ยวกับเรื่องสถานการณ การเปลี่ยนแปลงดานทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดลอม โดยครูแนะนําเพิ่มเติม นํา สอน สรุป ประเมิน T243
กิจกรรม Geo-Literacy ที่มา : Ecology: The effect of conservation spending (2016) 0 ํ 0 ํ 20 ํN 20 ํN 20 ํS 20 ํS 40 ํN 40 ํN 40 ํS 40 ํS 60 ํN 60 ํN 60 ํS 60 ํS 80 ํN 80 ํN 160 ํW 120 ํW 80 ํW 40 ํW 40 ํE 0 ํ 80 ํE 120 ํE 160 ํE 160 ํW 120 ํW 80 ํW 40 ํW 40 ํE 0 ํ 80 ํE 120 ํE 160 ํE 80 ํS 80 ํS N 0 2000 4000 กม. 1 : 250,000,000 อัตราการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ 5%4%3%2%1% 2) ปจจัยที่ท�าให้เกิดการเปลี่ยนแปลงความหลากหลายทางชีวภาพ มีดังนี้ 2.1) การเพิ่มของจ�านวนประชากรและการกระจายตัวของประชากร ท�ำให้เกิดกำร รุกล�้ำเข้ำไปในพื้นที่ที่มีควำมหลำกหลำยทำงชีวภำพสูง ซึ่งส่งผลกระทบต่อควำมสมดุลของระบบนิเวศ 2.2) การเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศของโลก โดยเฉพำะภำวะโลกร้อนที่มี ผลกระทบต่อกำรเจริญเติบโตของสิ่งมีชีวิต ท�ำให้สิ่งมีชีวิตหลำยชนิดสูญพันธุ์ 2.3) การใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างสิ้นเปลือง ส�ำหรับกำรด�ำรงชีวิตและเพื่อ ผลประโยชน์ทำงกำรค้ำ เช่น กำรค้ำไม้และสัตว์ป่ำอย่ำงผิดกฎหมำย 2.4) การเกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม เช่น กำรทิ้งขยะมูลฝอยลงแม่น�้ำล�ำคลอง กำรปล่อยควันพิษหรือของเสียจำกโรงงำนอุตสำหกรรม 2.5) ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีชีวภาพ (biotechnology) ด้ำนกำรตัดต่อหน่วย พันธุกรรม หรือจีเอ็มโอ (Genetically Modified Organisms: GMOs) หรือพันธุวิศวกรรม (genetic engineering) ส่งผลให้เกิดกำรสูญเสียควำมหลำกหลำยทำงชีวภำพ จำกแผนที่ พื้นที่ที่มีกำรสูญเสียควำมหลำกหลำยทำงชีวภำพ ส่วนใหญ่เกิดในพื้นที่ที่มีกำร ตัดไม้ท�ำลำยป่ำเป็นจ�ำนวนมำก โดยเฉพำะประเทศอินโดนีเซีย มีกำรตัดไม้ท�ำลำยป่ำในบริเวณ เกำะสุมำตรำ รวมถึงปัญหำไฟป่ำ ส่งผลให้เกิดกำรสูญเสียควำมหลำกหลำยทำงชีวภำพ เช่น กำรลดจ�ำนวนลงของช้ำงสุมำตรำ แรดสุมำตรำ จนเสี่ยงต่อกำรสูญพันธุ์ ในขณะที่ประเทศอินเดีย สัตว์ที่หำยำกถูกคุกคำม เช ่น เสือโคร ่งเบงกอล สิงโตอินเดีย นอกจำกนี้ ยังมีกำรสูญเสีย ควำมหลำกหลำยทำงชีวภำพยังเกิดขึ้นมำกในประเทศออสเตรเลีย จีน สหรัฐอเมริกำ บรำซิล และทวีปยุโรป แผนที่แสดงการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ 234 235 ขั้นสรุป ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรู ตลอดจน การใชเครื่องมือทางภูมิศาสตร และเครื่องมือ ดานเทคโนโลยีในการสืบคนเกี่ยวกับสถานการณ การเปลี่ยนแปลงดานทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดลอม หรือใช PPT สรุปสาระสําคัญของ เนื้อหา ขั้นประเมิน 1. ครูประเมินผลโดยสังเกตจากการตอบคําถาม การรวมกันทํางาน และการนําเสนอผลงาน หนาชั้นเรียน 2. ครูตรวจสอบผลจากการทําใบงาน และแบบฝก สมรรถนะฯ ภูมิศาสตร ม.4-6 แนวทางการวัดและประเมินผล ครูสามารถวัดและประเมินความเขาใจเนื้อหา เรื่อง สถานการณการ เปลี่ยนแปลงดานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอม ไดจากการตอบคําถาม การรวมกันทํางาน และการนําเสนอผลงานหนาชั้นเรียน โดยศึกษาเกณฑ การวัดและประเมินผลจากแบบประเมินการนําเสนอผลงานที่แนบมาทาย แผนการจัดการเรียนรูหนวยที่ 6 เรื่อง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอมกับ การพัฒนาที่ยั่งยืนแบบประเมินการน าเสนอผลงาน ค าชี้แจง : ให้ผู้สอนประเมินผลการน าเสนอผลงานของนักเรียนตามรายการ แล้วขีด ลงในช่องที่ ตรงกับระดับคะแนน ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ............/................./................ เกณฑ์การให้คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินสมบูรณ์ชัดเจน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินเป็นส่วนใหญ่ ให้ 2 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินบางส่วน ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ต่ ากว่า 8 ปรับปรุง ล าดับที่ รายการประเมินระดับคะแนน 3 2 1 1 ความถูกต้องของเนื้อหา 2 การล าดับขั้นตอนของเรื่อง 3 วิธีการน าเสนอผลงานอย่างสร้างสรรค์ 4 การใช้เทคโนโลยีในการน าเสนอ 5 การมีส่วนร่วมของสมาชิกในกลุ่ม รวม ครูนําภาพหรือขาวเกี่ยวกับการจัดการสิ่งกอสราง เชน ที่พักตาก อากาศ สวนสัตว และชุมชนที่บุกรุกพื้นที่ปาเพื่อการอนุรักษตางๆ การสรางที่พักตากอากาศในพื้นที่อุทยานแหงชาติของนายทุน หรือของหนวยงานที่เกี่ยวของ มาใหนักเรียนพิจารณารวมกัน แลวตั้งประเด็นอภิปรายที่ชวยพัฒนาทักษะการคิด เชน • การอนุรักษปาไมโดยการบังคับใชกฎหมายหรือสรางจิตสํานึก • แนวทางการอยูรวมกันระหวางคนกับปา นักเรียนสรุปผลการอภิปรายเพื่อใหเขาใจสถานการณการบุกรุก พื้นที่ปาในประเทศไทย ทั้งนําไปสูการสรางจิตสํานึกในการมีสวนรวม ในการอนุรักษปา นํา สอน สรุป ประเมิน T244
ขจัดความ ยากจน น�้าสะอาดและ สุขาภิบาล เมืองและ ชุมชนยั่งยืน การรับมือกับ Climate Change การผลิตและ บริโภคที่ รับผิดชอบ ขจัดความ หิวโหย พลังงานสะอาด และจ่ายได้ งานที่มีคุณค่า เศรษฐกิจที่ เติบโต อุตสาหกรรม นวัตกรรม โครงสร้างพื้นฐาน การศึกษา ที่มีคุณภาพ ความเท่าเทียม ทางเพศ การมีสุขภาพ และความ เป็นอยู่ที่ดี ลดความ เหลื่อมล�้า นิเวศทางทะเล และมหาสมุทร ระบบนิเวศ บนบก สันติภาพและ สถาบันเข้มแข็ง หุ้นส่วนเพื่อ การพัฒนา 2 มาตรการป้องกันและแก้ ไขปัญหาทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ปัญหำทรัพยำกรธรรมชำติและสิ่งแวดล้อม ส่วนใหญ่เกิดจำกกำรกระท�ำของมนุษย์ทั้งทำงตรง และทำงอ้อม มำกกว่ำเกิดจำกกำรกระท�ำของธรรมชำติ ดังนั้น กำรแก้ไขปัญหำจึงต้องด�ำเนินกำร โดยมนุษย์เอง มำตรกำรป้องกันและแก้ไขปัญหำ มีดังนี้ 2.1 การพัฒนาที่ยั่งยืน กำรพัฒนำสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน หมำยถึง กำรพัฒนำทรัพยำกรธรรมชำติและสิ่งแวดล้อม โดยค�ำนึงถึงควำมเสียหำย มีกำรป้องกันปัญหำที่เกิดแก ่สิ่งแวดล้อมหรือก ่อให้เกิดควำม เสียหำยน้อยที่สุด โดยค�ำนึงถึงควำมต้องกำรพื้นฐำนของประชำกรในประเทศด้วย ปัจจุบันองค์กำร สหประชำชำติได้เผยแพร่ “เป้ำหมำยกำรพัฒนำที่ยั่งยืน” (Sustainable Development Goals: SDGs) ที่ประชำคมโลกตกลงร่วมกันที่จะใช้เป็นกรอบในกำรด�ำเนินงำนด้ำนกำรพัฒนำ ตั้งแต่ เดือนกันยำยน พ.ศ. 2558 - สิงหำคม พ.ศ. 2573 ครอบคลุมระยะเวลำ 15 ปี โดยมีเป้ำหมำย 17 ข้อ ดังนี้ 234 235 ขั้นนํา (5Es Instructional Model) ขั้นที่ 1 กระตุนความสนใจ 1. ครูแจงชื่อเรื่องที่จะเรียนรู และผลการเรียนรู 2. ครูใหนักเรียนใชสมารตโฟนสืบคนขาวที่ เกี่ยวของกับปญหาทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดลอม เชน ขาวการลักลอบตัดไม ขาว การลาสัตวในเขตปาหวงหาม ฯลฯ จากนั้น วิเคราะหประเด็นปญหาจากขาวรวมกัน 3. ครูใหนักเรียนรวมกันแสดงความคิดเห็น เชื่อมโยงความเกี่ยวของของขาวที่ไดจากการ สืบคนกับแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืน ขอสอบเนนการคิดแนว O-NET ประเทศใดตอไปนี้นาจะมีปญหาสิ่งแวดลอมมากที่สุดตาม หลักการจัดการสิ่งแวดลอม 1. ประเทศ ก มีพื้นที่นอย แตมีที่ตั้งเหมาะเปนเมืองทา 2. ประเทศ ข มีประชากรมาก แตสวนใหญไมไดรับการศึกษา ที่มีคุณภาพ 3. ประเทศ ค มีทรัพยากรนอย แตหลากหลายประเภทและ กระจายอยูทั่วประเทศ 4. ประเทศ ง มีทรัพยากรนอย แตมีการสํารวจเพิ่มและหา สิ่งทดแทนการใชทรัพยากร 5. ประเทศ จ มีทรัพยากรมาก แตไมหลากหลาย ตองพึ่งพา การนําเขาทรัพยากรจากตางประเทศ (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. เนื่องจากหลักการจัดการ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอมรวมถึงการพัฒนาที่ยั่งยืน เนนเรื่องคุณภาพของประชากรในประเทศเปนสําคัญ) บูรณาการอาเซียน อาเซียนไดดําเนินงานดานสิ่งแวดลอมอยางตอเนื่องมาโดยตลอด โดยมี การดําเนินงานที่สอดคลองหรือเกี่ยวของกับความตกลงระหวางประเทศทั้งใน ระดับภูมิภาค และสนธิสัญญาระหวางประเทศในเรื่องที่เกี่ยวของกับสิ่งแวดลอม เชน ความตกลงอาเซียนวาดวยมลพิษและหมอกควัน อนุสัญญาสตอกโฮลมวา ดวยสารมลพิษที่ตกคางยาวนาน และยังมีการดําเนินงานดานสิ่งแวดลอมเพื่อ “สิ่งแวดลอมที่ยั่งยืนของอาเซียน” ตามแผนงานประชาคมอาเซียน นํา นํานํา สอนสอน สรุปสรุป ประเมิน ประเมิน T245
ขอสอบเนนการคิดแนว O-NET เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนที่เกี่ยวข้องกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ดังนี้ เป้าหมายข้อที่ จุดมุ่งหมาย แนวทางด�าเนินการ • ให้ทุกคนมีน�้าดื่มที่ปลอดภัยและเข้าถึง สุขอนามัยที่พอเพียงและเป็นธรรม • ยกระดับคุณภาพน�้า ด�าเนินการบริหารจัดการ ทรัพยากรน�้าแบบองค์รวมในทุกระดับ • ปกป้องและฟื้นฟูระบบนิเวศที่เกี่ยวข้องกับ แหล่งน�้า รวมถึงภูเขาป่าไม้ พื้นที่ชุ่มน�้า แม่น�้า ชั้นหินอุ้มน�้า และทะเลสาบ • ขยายความร่วมมือระหว่างประเทศและ เสริมสร้างขีดความสามารถให้แก่ประเทศ ก�าลังพัฒนาในกิจกรรมและแผนงาน เกี่ยวกับน�้าและสุขอนามัยรวมถึงการใช้ น�้าอย่างมีประสิทธิภาพ การจัดการน�้าเสีย เทคโนโลยีการน�าน�้ากลับมาใช้ใหม่ • ให้ทุกคนเข้าถึงการบริการพลังงานสมัยใหม่ ในราคาที่สามารถซื้อหาได้ • เพิ่มสัดส่วนของพลังงานทดแทนในการผสม ผสานการใช้พลังงานของโลก • เพิ่มอัตราการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้ พลังงานของโลกให้เพิ่มขึ้น 2 เท่า • ยกระดับความร่วมมือระหว่างประเทศใน การเข้าถึงการวิจัยและเทคโนโลยีพลังงาน ที่สะอาด • ขยายโครงสร้างพื้นฐานและพัฒนา เทคโนโลยีส�าหรับจัดส่งบริการพลังงาน สมัยใหม่และยั่งยืนในประเทศก�าลังพัฒนา • เสริมสร้างภูมิต้านทานในการปรับตัวต ่อ อันตรายและภัยพิบัติทางธรรมชาติที่เกี่ยวข้อง กับภูมิอากาศ • พัฒนาการศึกษา สร้างความตระหนักรู้ในการ ลดปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การปรับตัว การลดผลกระทบ และการเตือน ภัยล่วงหน้า • ด�าเนินการให้เกิดผลตามพันธกรณี ในอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วย การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ • เพิ่มขีดความสามารถในการวางแผน และการบริหารจัดการที่เกี่ยวข้องกับ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างมี ประสิทธิผลในประเทศพัฒนาน้อยที่สุด • ป้องกันและลดมลพิษทางทะเลทุกประเภท • บริหารจัดการและปกป้องระบบนิเวศทางทะเล และชายฝั่ง เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบทางลบ • อนุรักษ์พื้นที่ทางทะเลและชายฝั่งอย่างน้อย ร้อยละ 10 ให้เป็นไปตามกฎหมายระหว่าง ประเทศและภายในประเทศ • เพิ่มความรู้ทางวิทยาศาสตร์ พัฒนางาน วิจัย และถ่ายทอดเทคโนโลยีทางทะเล • เพิ่มพูนการอนุรักษ์และการใช้มหาสมุทร และทรัพยากรอย่างยั่งยืน • จัดให้มีการเข้าถึงทรัพยากรทางทะเลและ ตลาดส�าหรับชาวประมงพื้นบ้านรายเล็ก • ปกป้อง ฟื้นฟูและสนับสนุนการใช้ระบบนิเวศ บนบกอย่างยั่งยืน • ส่งเสริมการบริหารจัดการป่าไม้ทุกประเภท อย่างยั่งยืน ฟื้นฟูที่ดินที่เสื่อมโทรมให้ฟื้น สภาพกลับมาใหม่ และหยุดการสูญเสียความ หลากหลายทางชีวภาพ • ระดมและเพิ่มเงินทุนเพื่อการอนุรักษ์และ การใช้ความหลากหลายทางชีวภาพและ ระบบนิเวศอย่างยั่งยืน • เพิ่มพูนการสนับสนุนในระดับโลกที่จะ ต่อต้านการล่าและการเคลื่อนย้ายชนิด พันธุ์คุ้มครอง รวมถึงเพิ่มความร่วมมือ ของชุมชนท้องถิ่น น�้ำสะอำดและ สุขำภิบำล พลังงำนสะอำด และจ่ำยได้ กำรรับมือกับ Climate Change นิเวศทำงทะเล และมหำสมุทร ระบบนิเวศ บนบก 236 237 ชั้นหินอุ้มน�้า 1 ขั้นนํา ขั้นที่ 1 กระตุนความสนใจ 4. ครูนําภาพขาวเกี่ยวกับบทบาทในการดูแล รักษาสิ่งแวดลอมของหนวยงานที่เกี่ยวของและ องคกรตางๆ ทั้งในประเทศและตางประเทศ มาใหนักเรียนดู เชน การรื้อถอนสิ่งกอสราง ที่รุกลํ้าพื้นที่ปาเพื่อการอนุรักษของเจาหนาที่ กรมอุทยานแหงชาติ สัตวปา และพันธุพืช การพัฒนาแนวทางการอยูรวมกันระหวาง ปาอนุรักษกับชาวบานในชุมชนบริเวณผืนปา ภาคตะวันตกของมูลนิธิสืบนาคะเสถียร และ การลงนามในพิธีสารเกียวโต (Kyoto Protocol) ของประเทศตางๆ เพื่อรวมกันลดการปลอย แกสเรือนกระจกขึ้นสูบรรยากาศ จากนั้นให นักเรียนบอกชื่อหนวยงานและองคกรทาง สิ่งแวดลอมและกิจกรรมของหนวยงานนั้นๆ ที่ นักเรียนทราบเพิ่มเติม 5. ครูใหนักเรียนเชื่อมโยงความสัมพันธบทบาท ในการดูแลรักษาสิ่งแวดลอมของหนวยงาน ตางๆ กับเปาหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของ องคการสหประชาชาติวามีความเกี่ยวของกัน หรือไม อยางไร นักเรียนควรรู 1 ชั้นหินอุมนํ้า ชั้นหินที่มีสมบัติยอมใหนํ้าซึมเขาไดโดยงาย เนื่องจากมี ชองวางระหวางเม็ดแรที่กวาง มีโพรง หรือรอยแตกตอเนื่องกัน จึงทําใหเก็บนํ้า ไวไดในปริมาณมาก จนกลายเปนแหลงนํ้าใตดิน ชั้นหินนี้อยูในเขตอิ่มนํ้า ตัวอยางชั้นหินอุมนํ้า เชน หินทราย หินปูน การปฏิบัติตนเพื่อการอนุรักษและพัฒนาคุณภาพสิ่งแวดลอม ทําไดหลายวิธี ยกเวนขอใด 1. หลีกเลี่ยงไมใชสินคาที่เปนอันตรายตอสิ่งแวดลอม 2. เลือกใชเครื่องใชไฟฟาใหเหมาะสมกับฐานะของครอบครัว 3. ลางรถยนตดวยการตักนํ้าใสถังแทนการใชนํ้าจากสายยาง 4. ใชหนังสือพิมพหอเศษอาหารกอนนําไปทิ้งลงถังขยะสีเขียว 5. การประสานความรวมมือระหวางรัฐบาลและประชาชนใน การดูแลรักษาปา (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. การเลือกใชเครื่องใชไฟฟาให เหมาะสมกับฐานะของครอบครัว เปนการปฏิบัติตนเพื่อประหยัด คาใชจายในครัวเรือน ซึ่งควรพิจารณาจากความปลอดภัยในการ ผลิตและการใชงาน รวมถึงการประหยัดพลังงานของเครื่องใช ไฟฟาประกอบดวย สวนตัวเลือกในขออื่นเปนวิธีปฏิบัติตนเพื่อการ อนุรักษและพัฒนาสิ่งแวดลอมที่ถูกตองเหมาะสม) นํา นํา สอน สรุป ประเมิน T246
2.2 การผลิตและการบริโภคอย่างยั่งยืน กำรผลิตและกำรบริโภคอย่ำงยั่งยืน (sustainable consumption and production) คือ กำรผลิตและกำรบริโภคที่เน้นกำรจัดกำรและกำรใช้ทรัพยำกรธรรมธรรมชำติอย่ำงมีประสิทธิภำพ และยั่งยืน กำรลดของเสียที่เป็นอำหำร ลดกำรปล่อยสำรเคมีและของเสียเป็นพิษออกสู่ธรรมชำติ และจัดกำรอย่ำงถูกต้อง กำรลดของเสียโดยกระบวนกำรกำรใช้ซ�้ำ (reuse) และกำรน�ำไปผลิตกลับ มำใช้ ใหม่ (recycle) ภำยใต้สภำวะที่มีอยู่อย่ำงจ�ำกัดของทรัพยำกรธรรมชำติ ที่ต้องสงวนรักษำ ไว้ ใช้ประโยชน์และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้น โดยกำรผลิตและกำรบริโภคอย่ำงยั่งยืน มีแนวทำง ดังนี้ แผนผังแสดงแนวทำงกำรผลิตและกำรบริโภคอย่ำงยั่งยืน แนวทาง การผลิตและการบริโภค อย่างยั่งยืน พัฒนำสินค้ำหรือบริกำร ที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม มีควำมปลอดภัยในกำรใช้งำน ใช้ทรัพยำกรอย่ำงมีประสิทธิภำพ มีมำตรกำรประหยัดพลังงำนและ มีกำรน�ำทรัพยำกรกลับมำใช้ ใหม่ ส่งเสริมนโยบำยกำรซื้อ สินค้ำและบริกำรที่เป็นมิตร กับสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมให้เกิดกำรตลำดที่ยั่งยืน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม กำรรับรองผลิตภัณฑ์ ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยให้ฉลำกสิ่งแวดล้อม ลดขยะเศษอำหำรของโลกลง ครึ่งหนึ่ง และลดกำรสูญเสีย อำหำรจำกกระบวนกำรผลิต เสริมสร้ำงควำมตระหนักและ กระตุ้นกำรปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ด้ำนกำรผลิตและกำรบริโภคอย่ำง ยั่งยืน ใช้เทคโนโลยีและขั้นตอน กำรผลิตที่มีมำตรฐำนด้ำน สิ่งแวดล้อม และลดปริมำณ กำรปล่อยมลพิษ จัดให้มีระบบกำรบริหำรงำน ด้ำนสิ่งแวดล้อมที่เหมำะสม และติดตำมประเมินผล กำรด�ำเนินงำน อย่ำงสม�่ำเสมอ 236 237 โดยให้ฉลำกสิ่งแวดล้อม1 ขั้นนํา ขั้นที่ 1 กระตุนความสนใจ 6. ครูใหนักเรียนศึกษาแผนผังแสดงแนวทาง การผลิตและการบริโภคอยางยั่งยืน จาก หนังสือเรียน ภูมิศาสตร ม.4-6 จากนั้น สอบถามถึงพฤติกรรมประจําวันของนักเรียน และบุคคลใกลชิดกับแนวทางตามแผนผัง ดังกลาว ขั้นสอน ขั้นที่ 2 สํารวจคนหา 1. ครูใหนักเรียนแบงกลุม กลุมละ 3 คน คละ ความสามารถ คือ เกง ปานกลาง ออน โดย ใหนักเรียนในแตละกลุมมีหมายเลขประจําตัว คือ หมายเลข 1 2 3 เรียกวา กลุมแมบาน โดยครูอธิบายเพิ่มเติมถึงหลักการทํางานตาม วิถีประชาธิปไตย มีการรับฟงความคิดเห็น รวมถึงชวยเหลือซึ่งกันและกันอยางมีเหตุผล สื่อ Digital ศึกษาคนควาขอมูลเกี่ยวกับประเภทของฉลากสิ่งแวดลอม ไดที่ https:// scpdatacenter.deqp.go.th/articledetail.php?id=12 ระบบฐานขอมูล การผลิต การบริการและการบริโภคที่เปนมิตรกับสิ่งแวดลอม กรมสงเสริม คุณภาพสิ่งแวดลอม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอม กิจกรรม สรางเสริม ครูนําฉลากสิ่งแวดลอมประเภทตางๆ มาใหนักเรียนดู เชน ฉลากเขียว ตะกราเขียว ใบไมเขียว ฉลากประหยัดไฟเบอร 5 ฉลากคารบอน cool mode แลวตั้งคําถามใหนักเรียนรวมกัน อภิปรายในชั้นเรียน เชน ฉลากแตละประเภทสื่อถึงอะไร ฉลาก แตละประเภทมีความเหมือนหรือแตกตางกันอยางไร โดยเปด โอกาสใหนักเรียนไดแสดงความคิดเห็นอยางหลากหลาย นักเรียนควรรู 1 ฉลากสิ่งแวดลอม เปนกลไกการสื่อสารและบงบอกความเปนมิตรตอ สิ่งแวดลอมของผลิตภัณฑใหแกผูบริโภคไดรับทราบ เปนฉลากที่มอบใหแก ผลิตภัณฑคุณภาพที่มีผลกระทบตอสิ่งแวดลอมนอยกวาผลิตภัณฑที่ทําหนาที่ อยางเดียวกัน นํา นํา สอน สรุป ประเมิน T247
ขอสอบเนนการคิด 3 กฎหมายและนโยบายด้านทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมของไทย ในประเทศไทยปัญหำสิ่งแวดล้อมถือว่ำเป็นปัญหำระดับชำติ และได้มีกำรระบุแนวนโยบำย กำรแก้ปัญหำอย่ำงเป็นรูปธรรมไว้ในแผนพัฒนำเศรษฐกิจและสังคมแห่งชำติทุกฉบับ กฎหมำย หรือนโยบำยเพื่อกำรคุ้มครองทรัพยำกรธรรมชำติมีขึ้นเพื่อส่งเสริม บ�ำรุงรักษำ และคุ้มครองคุณภำพ สิ่งแวดล้อมตำมหลักกำรพัฒนำที่ยั่งยืน ตลอดจนลงโทษผู้กระท�ำควำมผิด 3.1 กฎหมายเกี่ยวกับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมของไทย กฎหมำยเกี่ยวกับกำรอนุรักษ์ทรัพยำกรธรรมชำติและสิ่งแวดล้อมของไทย ที่ส�ำคัญ มีดังนี้ 1) พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติพ.ศ.2504 เป็นกฎหมำยที่ออกมำเพื่อ คุ้มครองรักษำทรัพยำกรธรรมชำติที่มีอยู่ เช่น พันธุ์ไม้และของป่ำ สัตว์ป่ำ ให้คงอยู่ในสภำพ ธรรมชำติเดิม มิให้ถูกท�ำลำยหรือเปลี่ยนแปลงไปเพื่อประโยชน์ของรัฐและประชำชน โดยมี ข้อปฏิบัติในเขตอุทยำนแห่งชำติ ที่ส�ำคัญ ดังนี้ 1. ห้ำมครอบครองที่ดิน รวมถึงก่อสร้ำง แผ้วถำง หรือเผำป่ำ 2. ห้ำมน�ำสัตว์ออกจำกอุทยำนแห่งชำติ 3. ห้ำมน�ำเครื่องมือส�ำหรับล่ำสัตว์ หรือจับสัตว์ หรืออำวุธเข้ำไป เว้นแต่ได้รับ อนุญำตจำกเจ้ำหน้ำที่และปฏิบัติตำมเงื่อนไขที่ก�ำหนด 4. ห้ำมเก็บ น�ำออกไป หรือท�ำให้เป็นอันตรำย หรือท�ำให้เสื่อมสภำพแก่กล้วยไม้ น�้ำผึ้ง ครั่ง ถ่ำนไม้ เปลือกไม้ หรือมูลค้ำงคำว 5. ห้ำมเปลี่ยนแปลงทำงน�้ำ หรือท�ำให้น�้ำในล�ำธำร ล�ำห้วยบึง ท่วมท้นเหือดแห้ง 2) พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 พระรำชบัญญัติฉบับนี้เป็น กฎหมำยที่ก�ำหนดขึ้นโดยมีแนวคิดในกำรอนุรักษ์ป่ำสงวนแห่งชำติ คือ กำรสงวนและรักษำไว้ซึ่ง ทรัพยำกรป่ำไม้ เพื่อประโยชน์ในด้ำนกำรพัฒนำเศรษฐกิจอย่ำงยั่งยืน มีประสิทธิภำพ และให้มี กำรใช้ประโยชน์ได้นำนที่สุด โดยมีกำรก�ำหนดหลักเกณฑ์ และวิธีควบคุมดูแลรักษำพื้นที่ป่ำสงวน แห่งชำติไว้ ดังนี้ 1. ห้ำมบุคคลเข้ำยึดถือ ครอบครอง ท�ำประโยชน์ หรืออำศัยอยู่ แผ้วถำง เผำป่ำ หรือเข้ำไปก่อสร้ำงในเขตป่ำสงวน ท�ำให้เกิดกำรเสื่อมสภำพของป่ำ 2. ห้ำมท�ำไม้ซึ่งรวมถึงกำรตัดขุด หรือชักลำกไม้ที่มีอยู่ในป่ำ หรือน�ำไม้ที่อยู่ในป่ำ ออกมำจำกป่ำสงวนแห่งชำติ รวมถึงห้ำมเก็บหำของป่ำ เว้นแต่จะได้รับอนุญำตจำกเจ้ำพนักงำน 3. ในกรณีที่พื้นที่ป่ำสงวนที่มีสภำพเสื่อมโทรม กรมป่ำไม้สำมำรถอนุญำตให้ รำษฎรที่ไม่มีที่ดินท�ำกินเข้ำท�ำกินได้ โดยไม่สำมำรถถือเอำกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองได้ หรือ ให้เอกชนเข้ำมำปลูกป่ำทดแทนเพื่อฟื้นฟูสภำพป่ำไม้ ให้ดีขึ้น รวมถึงเพื่อประโยชน์ ในกำรศึกษำ 238 239 3. ในกรณีที่พื้นที่ป่ำสงวนที่มีสภำพเสื่อมโทรม1 ขั้นสอน ขั้นที่ 2 สํารวจคนหา 2. นักเรียนกลุมแมบานแยกยายไปรวมกันตาม หมายเลขเดียวกัน เรียกวา กลุมผูเชี่ยวชาญ 3. สมาชิกในกลุมผูเชี่ยวชาญ รวมกันสืบคน ความรู เรื่อง มาตรการปองกันและแกไข ปญหาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอม จากหนังสือเรียน ภูมิศาสตร ม.4-6 หรือจาก แหลงการเรียนรูอื่นๆ เชน หนังสือในหองสมุด เว็บไซตในอินเทอรเน็ต ตามประเด็นตอไปนี้ • หมายเลข 1 เรื่อง มาตรการปองกัน และแกไขปญหาทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดลอม • หมายเลข 2 เรื่อง กฎหมายและนโยบายดาน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอมของไทย • หมายเลข 3 เรื่อง บทบาทขององคกรและ การประสานความรวมมือในประเทศและ ตางประเทศ 4. ครูแนะนําแหลงขอมูลสารสนเทศที่นาเชื่อถือ ใหกับนักเรียนเพิ่มเติม หากบริษัทปาไมไทยตองการปลูกปาทดแทนในบริเวณปาสงวน ที่มีสภาพเสื่อมโทรม สามารถทําไดหรือไม เพราะอะไร (แนวตอบ สามารถทําได แตตองไดรับอนุญาตจากกรมปาไม ทั้งนี้ ในกรณีที่ปาสงวนมีสภาพเสื่อมโทรม กรมปาไมสามารถ อนุญาตใหเอกชนเขามาปลูกปาทดแทนเพื่อฟนฟูสภาพปาใหดี ขึ้นได) นักเรียนควรรู 1 ปาสงวนที่มีสภาพเสื่อมโทรม หรือปาเสื่อมโทรม หมายความวา ปาที่มี สภาพเปนปาไมรางหรือทุงหญา หรือเปนปาที่ไมมีไมมีคาขึ้นอยูเลย หรือมีไม มีคาลักษณะสมบูรณเหลืออยูเปนจํานวนนอย และปานั้นยากที่จะฟนคืนความ อุดมสมบูรณตามธรรมชาติได เกร็ดแนะครู ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับพระราชบัญญัติปาสงวนแหงชาติ พ.ศ. 2507 วา ในกรณีที่ปาสงวนแหงชาติมีสภาพเปนปาเสื่อมโทรม ใหอธิบดีโดยไดรับอนุมัติ จากรัฐมนตรีมีอํานาจอนุญาตเปนหนังสือใหบุคคลหนึ่งบุคคลใดทําการบํารุงปา หรือปลูกสรางสวนปา หรือไมยืนตนในเขตปาเสื่อมโทรมไดภายในระยะเวลาและ เงื่อนไขที่กําหนด นํา สอน สรุป ประเมิน T248
3) พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 กฎหมายฉบับนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อคุ้มครองป้องกันสัตว์ป่า เพื่อมิให้สัตว์ป่าลดจ�านวนลงหรือสูญพันธุ์ไป ตาม ประเภท ตัวอย่างสัตว์ป่า 1. สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม มี 201 ชนิด เม่นใหญ่ แมวดาว ลิงกัง วัวแดง เสือโคร่ง หมาใน หมีขอ 2. นก มี 952 ชนิด ไก่ป่า นกกระปูดเล็ก นกกระสาคอด�า นกขุนทอง นกยูง 3. แมลง มี 20 ชนิด ด้วงดินขอบทองแดง ด้วงดินปีกแผ่น ผีเสื้อถุงทองป่าสูง 4. สัตว์เลื้อยคลาน มี 91 ชนิด งูจงอาง งูสิง งูเหลือม จระเข้น�้าเค็ม จระเข้น�้าจืด เต่านา 5. ปลา มี 14 ชนิด ปลาติดหิน ปลาตะพัดหรือปลาอโรวาน่า ปลาเสือตอ 6. สัตว์สะเทินน�้าสะเทินบก มี 12 ชนิด กบเกาะช้าง กบท่าสาร กะทั่ง คางคกเล็ก จงโคร่ง 7. สัตว์ ไม่มีกระดูกสันหลัง มี 12 ชนิด กัลปังหา ปะการัง ปูเจ้าฟ้า ปูราชินี หอยสังข์แตร พระราชบัญญัติฉบับนี้ สัตว์ป่า หมายถึง สัตว์ทุก ชนิด ไม่ว่าสัตว์บก สัตว์น�้า สัตว์ปีก แมลงหรือ แมง ซึ่งโดยสภาพธรรมชาติย่อมเกิดและด�ารง ชีวิตอยู่ในป่าหรือในน�้า และรวมถึงไข่ของสัตว์ ป่าเหล่านั้นทุกชนิดด้วย แต่ไม่ได้หมายรวมถึง สัตว์พาหนะที่ได้จดทะเบียนท�าตั๋วรูปพรรณตาม กฎหมาย 3.1) สัตว์ป่าสงวน เป็นสัตว์ป่า ที่หายากตามบัญชีพระราชบัญญัติและตาม ก�าหนดโดยตราเป็นพระราชกฤษฎีกา มี 15 ชนิด ได้แก่ นกเจ้าฟ้าหญิงสิรินธร แรด กระซู่ กูปรี พะยูนหรือหมูน�้า พบได้บริเวณหาดเจ้าไหม และรอบ ๆ เกาะลิบง จังหวัดตรัง ควายป่า ละองหรือละมั่ง สมันหรือเนื้อสมัน เลียงผา กวางผา นกแต้วแล้วท้องด�า นกกระเรียน แมวลายหินอ่อน สมเสร็จ เก้งหม้อ พะยูน และมีสัตว์ป่าที่เสนอขึ้นบัญชีเพิ่มเติม 4 ชนิด ได้แก่ วาฬบรูด้า วาฬโอมูระ เต่ามะเฟือง และฉลามวาฬ 3.2) สัตว์ป่าคุ้มครอง* หมายถึง สัตว์ป่าตามที่กระทรวงก�าหนดให้เป็นสัตว์ป่า คุ้มครอง แบ่งออกเป็น 7 ประเภท ดังนี้ *กฎกระทรวงก�าหนดให้สัตว์ป่าบางชนิดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2561 เพิ่มบัญชีสัตว์ป่าคุ้มครอง 12 ชนิด ซึ่งเป็นสัตว์จ�าพวกปลาที่หายาก เช่น กลุ่มปลากระเบนปีศาจ ปลากระเบนแมนต้า ปลากระเบนราหูน�้าจืด ปลาโรนิน ปลาฉนาก 238 239 ปลาติดหิน ปลาตะพัดหรือปลาอโรวาน่า ปลาเสือตอ กบเกาะช้าง กบท่าสาร กะทั่ง คางคกเล็ก จงโคร่ง 1 2 กิจกรรม ทาทาย ขั้นสอน ขั้นที่ 3 อธิบายความรู 1. สมาชิกในกลุมผูเชี่ยวชาญแตละหมายเลข ทําการรวบรวมและอภิปรายขอมูล และกลับ ไปยังกลุมแมบานของตนเอง 2. สมาชิกในแตละกลุมแมบานนําขอมูลที่ตนได จากการสืบคนมาหลอมรวมเปนประเด็นสําคัญ จากนั้นอธิบายแลกเปลี่ยนความรูระหวางกัน โดยเรียงตามลําดับหมายเลข 3. ตัวแทนในแตละกลุมนําเสนอผลงานหนา ชั้นเรียน 2-3 กลุม แลวใหกลุมอื่นนําเสนอตอ จากนั้นใหทุกกลุมสงผลงานตอครูผูสอน เพิ่มเติมในสวนที่แตกตางกัน ครูตรวจสอบ ความถูกตอง และใหขอเสนอแนะเพิ่มเติม นักเรียนแบงกลุมอธิบายสัตวปาคุมครองตามกฎกระทรวง จากนั้นใหนักเรียนรวมกันวิเคราะหสาเหตุและแนวโนมการลดลง ของสัตวปา เพื่อใหนักเรียนเกิดความรูความเขาใจถึงดานการ ลดลงของจํานวนสัตวปาแตละประเภท อันเกิดจากสาเหตุและ ปจจัยที่แตกตางกัน นักเรียนควรรู 1 ปลาตะพัดหรือปลาอโรวานา อาศัยอยูในแมนํ้าที่ใสสะอาด มีนิสัย คอนขางดุ มักอาศัยอยูตัวเดียวหรือเปนคู ถาอยูเปนฝูงจะไมเกิน 3-5 ตัว พบได ในหลายประเทศของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต เชน ไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย ปลาในแตละแหลงนํ้าจะมีสีสันแตกตางกันออกไป 2 จงโครง เปนคางคกขนาดใหญ พบในประเทศไทย มีสันแข็งที่บริเวณเหนือ ตาและหูโดยคั่นอยูระหวางเปลือกตา ความกวางของหัวมากกวาความยาวของหัว ที่ไมมีสันขมับ ปลายปากคอนขางมน ผิวลําตัวดานบนมีตอมขนาดใหญ ลําตัว ดานบนมีสีดําหรือสีนํ้าตาลเขม ทองสีครีมอมเทา ตัวผูมีเสียงรองคลายสุนัขเหา จึงมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งวา หมานํ้า นํา สอน สรุป ประเมิน T249
3.3) การล่าสัตว์และการมีสัตว์ป่าไว้ในครอบครองทั้งที่มีชีวิตและซากสัตว์ป่า กฎหมำยก�ำหนดไว้ ดังนี้ 1. ห้ำมมิให้ผู้ใดล่ำ หรือพยำยำมล่ำสัตว์ป่ำสงวน หรือสัตว์ป่ำคุ้มครอง เว้นแต่เป็นกำรกระท�ำโดยทำงรำชกำรที่ได้รับกำรยกเว้น เช่น เพื่อกำรส�ำรวจ กำรศึกษำและวิจัย ทำงวิชำกำรเพื่อกำรคุ้มครองสัตว์ป่ำ กำรเพำะพันธุ์ หรือเพื่อกิจกำรสวนสัตว์สำธำรณะ 2. ห้ำมเพำะพันธุ์สัตว์ป่ำสงวนหรือสัตว์ป่ำคุ้มครอง เว้นแต่เป็นกำรเพำะพันธุ์ สัตว์ป่ำคุ้มครองชนิดที่คณะกรรมกำรสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่ำแห่งชำติ ก�ำหนดให้เป็นสัตว์ป่ำชนิด ที่เพำะพันธุ์ของผู้รับใบอนุญำตจัดตั้งและด�ำเนินกิจกำรสวนสัตว์สำธำรณะ 3. ห้ำมเก็บ ท�ำอันตรำย หรือมีไว้ในครอบครอง ซึ่งรังของสัตว์ป่ำสงวน หรือสัตว์ป่ำคุ้มครอง ยกเว้นผู้ที่ได้รับอนุญำตให้เก็บรังนกนำงแอ่นตำมกฎหมำย 4. ห้ำมครอบครองสัตว์ป่ำสงวนสัตว์ป่ำคุ้มครอง รวมถึงซำก เว้นแต่จะเป็น สัตว์ป่ำคุ้มครองชนิดที่ก�ำหนดไว้ตำมหลักเกณฑ์ของกฎหมำย ซึ่งได้มำจำกกำรเพำะพันธุ์และต้อง ได้รับอนุญำตจำกอธิบดีอีกทั้งต้องปฏิบัติตำมข้อก�ำหนดในกฎกระทรวงและเงื่อนไขที่ก�ำหนดไว้ ในใบอนุญำต 5. ห้ำมค้ำสัตว์ป่ำสงวนสัตว์ป่ำคุ้มครอง รวมถึงซำกหรือผลิตภัณฑ์ที่ท�ำจำก ซำกของสัตว์ป่ำดังกล่ำว เว้นแต่เป็นกำรค้ำสัตว์ป่ำคุ้มครองชนิดได้รับควำมเห็นชอบตำมกฎหมำย 4) กฎหมายส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติพระรำชบัญญัติ ส่งเสริมและรักษำคุณภำพสิ่งแวดล้อมแห่งชำติ พ.ศ. 2535 มีมำตรกำรส่งเสริมและรักษำคุณภำพ สิ่งแวดล้อม โดยเปิดโอกำสให้ทุกภำคส่วนเข้ำมำมีส่วนร่วมในกำรจัดกำรกับสิ่งแวดล้อม โดยมี หลักกำรและเหตุผลที่ส�ำคัญ ดังนี้ 1. กำรก�ำหนดเขตอนุรักษ์และคุ้มครองสิ่งแวดล้อมส�ำหรับพื้นที่ที่มีสภำพธรรมชำติ และสิ่งแวดล้อมอันสมควรอนุรักษ์ เช่น เขตอุทยำนแห่งชำติและเขตรักษำพันธุ์สัตว์ป่ำ หรือพื้นที่ ต้นน�้ำล�ำธำร กำรด�ำเนินกำรใด ๆ จะต้องระมัดระวังไม่ ให้เกิดปัญหำสิ่งแวดล้อม 2. ก�ำหนดให้มีมำตรฐำนในกำรควบคุมมลพิษ ได้แก่ มลพิษทำงอำกำศและเสียง มลพิษทำงน�้ำ รวมถึงมลพิษอื่น ๆ และของเสียอันตรำย โดยกำรจัดให้มีระบบบ�ำบัดและให้อ�ำนำจ พนักงำนหรือเจ้ำหน้ำที่ในกำรตรวจสอบยำนพำหนะหรืออุปกรณ์เครื่องมือต่ำง ๆ 3. สนับสนุนให้ประชำชนและองค์กรเอกชนมีส่วนร่วมในกำรส่งเสริมและรักษำ คุณภำพสิ่งแวดล้อม ให้องค์กรเอกชนซึ่งมีฐำนะเป็นนิติบุคคลตำมกฎหมำยไทยหรือกฎหมำย ต่ำงประเทศ ที่มีกิจกรรมเกี่ยวข้องโดยตรงกับกำรคุ้มครองสิ่งแวดล้อม มีสิทธิขอจดทะเบียนเป็น องค์กรเอกชนด้ำนกำรคุ้มครองสิ่งแวดล้อม และอนุรักษ์ทรัพยำกรธรรมชำติได้ 240 241 เว้นแต่เป็นกำรเพำะพันธุ์ เขตอุทยำนแห่งชำติและเขตรักษ 1 2 ขั้นสอน ขั้นที่ 3 อธิบายความรู 4. ครูตั้งคําถามเกี่ยวกับการอนุรักษทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดลอม เพื่อเปนการอธิบาย ความรูเพิ่มเติม โดยใหนักเรียนแตละกลุม ชวยกันตอบกลุมละ 1 คําถาม โดยใชคําถาม ที่มีลักษณะขยายประสบการณจากชีวิต ประจําวัน ทองถิ่น หรือประเทศ เชน • หนวยงานภาครัฐ องคกรสวนทองถิ่น และ ชาวบานจะมีแนวทางในการรวมมือกัน เพื่อการจัดการสัตวปาไดอยางไร (แนวตอบ การจัดการสัตวปาที่สําคัญตอง อาศัยความรวมมือจากภาคสวนตางๆ ทั้ง หนวยงานภาครัฐ องคกรสวนทองถิ่น และ ชาวบาน รวมถึงองคกรอิสระตางๆ ในการ รวมกันวางแผนและชวยกันดูแลรักษาปา ซึ่งเปนที่อยูอาศัยและแหลงอาหารของ สัตวปา ปองกันการลักลอบลาสัตวใน ทองถิ่น และการควบคุมไฟปาดวยวิธีการ ตางๆ เชน การทําแนวกันไฟ การจัดตั้ง หนวยเฝาระวัง และการแจงเจาหนาที่ หรือ หนวยงานที่เกี่ยวของในการควบคุมไฟปา รวมถึงปองกันการนําสัตวตางถิ่นเขามา ในทองถิ่น ซึ่งอาจเกิดการปะปน หรือแพร กระจายโรคติดตอสูสัตวปาในทองถิ่นได) นักเรียนควรรู 1 การเพาะพันธุ เปนบทบาทสําคัญของหนวยงานภาครัฐ คือ สํานักอนุรักษ สัตวปา กรมอุทยานแหงชาติ สัตวปา และพันธุพืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดลอม โดยมีอํานาจหนาที่ในการกําหนดนโยบาย กลยุทธ และแผน ดําเนินงานการสงวนคุมครองและอนุรักษสัตวปา กําหนดหลักเกณฑ มาตรฐาน รูปแบบ เทคนิค วิธีการ และตัวชี้วัดการจัดการพื้นที่การอนุรักษสัตวปา 2 อุทยานแหงชาติ อุทยานแหงชาติเขาใหญ เปนอุทยานแหงชาติแหงแรก ของประเทศไทย ไดรับการประกาศใน พ.ศ. 2505 ครอบคลุมพื้นที่ 4 จังหวัด ไดแก นครราชสีมา สระบุรี นครนายก และปราจีนบุรี กิจกรรม สรางเสริม นักเรียนสืบคนขาวเกี่ยวกับการลาสัตวและการมีสัตวปาไว ในครอบครองทั้งที่มีชีวิตและซากสัตวปาตามที่กฎหมายกําหนด จากนั้นใหนักเรียนชวยกันสรุปสาระสําคัญของบทบัญญัติเกี่ยวกับ โทษของการลาสัตวและการมีสัตวปาไวในครอบครอง นํา สอน สรุป ประเมิน T250
ขอสอบเนน การคิด 3.2 นโยบายด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประเทศไทยมีนโยบำยในกำรจัดกำรทรัพยำกรธรรมชำติและสิ่งแวดล้อม ดังนี้ 1) รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มีบัญญัติในเรื่องที่ เกี่ยวข้องกับทรัพยำกรธรรมชำติและสิ่งแวดล้อมไว้ว่ำ กำรด�ำเนินกำรใดของรัฐหรือที่รัฐจะอนุญำต ให้ผู้ใดด�ำเนินกำร ถ้ำกำรนั้นอำจมีผลกระทบต่อทรัพยำกรธรรมชำติ คุณภำพสิ่งแวดล้อม สุขภำพ อนำมัย คุณภำพชีวิต หรือส่วนได้เสียส�ำคัญอื่นใดของประชำชน ชุมชน หรือสิ่งแวดล้อมอย่ำง รุนแรง รัฐต้องด�ำเนินกำรให้มีกำรศึกษำและประเมินผลกระทบต่อคุณภำพสิ่งแวดล้อมและสุขภำพ ของประชำชนหรือชุมชน และจัดให้มีกำรรับฟังควำมคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสียและประชำชน และชุมชนที่เกี่ยวข้องก่อนเพื่อน�ำมำประกอบกำรพิจำรณำ ด�ำเนินกำรหรืออนุญำตตำมที่กฎหมำย บัญญัติ 2) แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560 - 2564) กำรพัฒนำประเทศตำมแนวทำงของแผนพัฒนำเศรษฐกิจและสังคมแห่งชำติที่ผ่ำนมำ ส่งผลให้ ประเทศไทยมีระดับกำรพัฒนำที่สูงขึ้นตำมล�ำดับ ในขณะเดียวกัน ก็ส่งผลให้ทรัพยำกรธรรมชำติ และสิ่งแวดล้อมเสื่อมโทรมลงอย่ำงรวดเร็ว ดังนั้น ประเด็นที่ต้องเร่งด�ำเนินกำร ได้แก่ กำรสร้ำง ควำมมั่นคงของฐำนทรัพยำกรธรรมชำติและยกระดับคุณภำพสิ่งแวดล้อมเพื่อสนับสนุนกำรเติบโต ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและคุณภำพชีวิตของประชำชน ดังนี้ 1. กำรรักษำฟื้นฟูทรัพยำกรธรรมชำติ โดยอนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยำกรป่ำไม้ อนุรักษ์ และใช้ประโยชน์ควำมหลำกหลำยทำงชีวภำพอย่ำงยั่งยืน พัฒนำระบบบริหำรจัดกำรที่ดิน ปกป้อง ทรัพยำกรทำงทะเล และป้องกันกำรกัดเซำะตลิ่งและชำยฝั่ง วำงแผนบริหำรจัดกำรทรัพยำกรแร่ 2. เพิ่มประสิทธิภำพกำรบริหำรจัดกำรทรัพยำกรน�้ำ และเพิ่มประสิทธิภำพกำร เก็บกักน�้ำของแหล่งน�้ำต้นทุนและระบบกระจำยน�้ำ เพิ่มประสิทธิภำพกำรใช้น�้ำและกำรจัดสรรน�้ำ 3. แก้ ไขปัญหำวิกฤตสิ่งแวดล้อม ปัญหำขยะตกค้ำง สนับสนุนกำรแปรรูปเป็น พลังงำน 4. ส่งเสริมกำรผลิตและกำรบริโภคที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมโดยส่งเสริมกำรผลิต และกำรลงทุนในภำคอุตสำหกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมกำรท่องเที่ยวที่ยั่งยืน 5. สนับสนุนกำรลดกำรปล่อยแก๊สเรือนกระจกและเพิ่มขีดควำมสำมำรถในกำร ปรับตัวต่อกำรเปลี่ยนแปลงสภำพภูมิอำกำศ พัฒนำกลไกเพื่อสนับสนุนกำรลดแก๊สเรือนกระจก ในทุกภำคส่วน 6. บริหำรจัดกำรเพื่อลดควำมเสี่ยงด้ำนภัยพิบัติ เสริมสร้ำงขีดควำมสำมำรถใน กำรเตรียมควำมพร้อมและกำรรับมือภัยพิบัติ พัฒนำระบบกำรจัดกำรภัยพิบัติในภำวะฉุกเฉิน 7. กำรพัฒนำควำมร่วมมือด้ำนสิ่งแวดล้อมระหว่ำงประเทศ 240 241 ขั้นสรุป ขั้นที่ 4 ขยายความเขาใจ 1. ครูตั้งประเด็นใหนักเรียนแตละกลุมอภิปราย กลุมยอยเกี่ยวกับนโยบายของหนวยงาน ภาครัฐที่เกี่ยวของกับการอนุรักษสิ่งแวดลอม ของไทย เชน กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดลอม กระทรวงเกษตรและสหกรณ กระทรวงมหาดไทย ในนโยบายและบทบาท หนาที่ของหนวยงานภาครัฐกับการอนุรักษ สิ่งแวดลอมของไทย กลไกการอนุรักษ สิ่งแวดลอมของภาครัฐและทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดลอมแลวใหนักเรียนแตละกลุม สงตัวแทนออกมานําเสนอผลการอภิปราย กลุมยอยของตนที่หนาชั้นเรียน โดยครูแนะนํา เพิ่มเติม เกร็ดแนะครู ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับยุทธศาสตรการเติบโตที่เปนมิตรกับสิ่งแวดลอม เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนวา ปจจุบันสภาพทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอม กําลังเปนจุดออนสําคัญตอการรักษาฐานการผลิตและการใหบริการ รวมทั้ง การดํารงชีวิตของคนไทย ซึ่งปญหาดังกลาวเกิดขึ้นจากการลดลงของพื้นที่ ปาไม ทรัพยากรดินเสื่อมโทรม ความหลากหลายทางชีวภาพถูกคุกคาม การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภัยพิบัติทางธรรมชาติมีความรุนแรง มากขึ้น ดังนั้น การพัฒนาในระยะยาวจึงมุงเนนรักษาและฟนฟูฐานทรัพยากร ธรรมชาติ และเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการเพื่อลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ หากนักเรียนเปนรัฐบาลจะมีนโยบายในการจัดการทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดลอมอยางไร (แนวตอบ ใหการอนุรักษ คุมครอง บํารุงรักษา ฟนฟู บริหาร จัดการ หรือจัดใหมีการใชประโยชนจากทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดลอม และความหลากหลายทางชีวภาพอยางสมดุลและ ยั่งยืน โดยใหประชาชนและชุมชนในทองถิ่นเขามามีสวนรวม ดําเนินการ และไดรับผลประโยชนจากการดําเนินการดังกลาว ตามกฎหมาย) นํา สอน สรุป ประเมิน T251
4 บทบาทขององค์กรและการประสานความร่วมมือ ในประเทศไทยและต่างประเทศ จำกปัญหำควำมเสื่อมโทรมของทรัพยำกรธรรมชำติและสิ่งแวดล้อมส่งผลให้ทั้งภำครัฐและ เอกชนของประเทศต่ำง ๆ ทั่วโลกได้มีกำรจัดตั้งองค์กรและหน่วยงำนทำงด้ำนสิ่งแวดล้อมขึ้น รวมถึงออกกฎหมำยระหว่ำงประเทศที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม 4.1 หน่วยงานและองค์กรด้านสิ่งแวดล้อม กำรดูแลรักษำทรัพยำกรธรรมชำติและสิ่งแวดล้อมเป็นหน้ำที่ของประชำชนทุกคน รวมทั้ง หน่วยงำนต่ำง ๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งภำครัฐและเอกชน 1) หน่วยงานด้านสิ่งแวดล้อมของประเทศไทยมีทั้งภำครัฐและเอกชน ที่ส�ำคัญ ดังนี้ 1.1) กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อมมีภำรกิจหลักในกำรสร้ำงควำมยั่งยืนให้แก่ ทรัพยำกรธรรมชำติและสิ่งแวดล้อมผ่ำนกำรพัฒนำพลเมืองให้มีจิตส�ำนึกและร่วมกันรักษำ ฟื้นฟู และใช้ประโยชน์จำกสิ่งแวดล้อมอย่ำงรู้คุณค่ำและยั่งยืน โดยมีผลงำนที่ส�ำคัญ ดังนี้ 1. จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ กำรวิจัยด้ำนกำรเปลี่ยนแปลง สภำพภูมิอำกำศ โดยเฉพำะด้ำนกำรศึกษำ กำรสร้ำงจิตส�ำนึก กำรมีส่วนร่วมของประชำชน 2. จัดสัมมนาวิชาการเผยแพร่ผลงานวิจัยด้านสิ่งแวดล้อม“วิจัยสิ่งแวดล้อม สู่ยุค Thailand 4.0” ขึ้น เพื่อเผยแพร่ผลงำนวิจัยและแลกเปลี่ยนควำมคิดเห็นจำกทุกภำคส่วน ถึงแนวทำงกำรน�ำผลงำนวิจัยไปใช้ในกำรแก้ไขปัญหำสิ่งแวดล้อมในด้ำนต่ำง ๆ ของประเทศ 3. จัดการอบรมเพิ่มศักยภาพพัฒนาองค์ความรู้ชุมชนปลอดขยะ โรงเรียน ปลอดขยะ และนวัตกรรมกำรจัดกำรขยะมูลฝอยชุมชน เร่งลดปริมำณขยะโดยใช้หลัก 3Rs ได้แก่ กำรลดกำรใช้ (Reduce) กำรใช้ซ�้ำ (Reuse) และกำรน�ำกลับมำใช้ใหม่ (Recycle) กำรเผยแพร่ประชำสัมพันธ์ควำมรู้ด้ำนสิ่งแวดล้อมแก่ประชำชน เป็นภำรกิจหนึ่งของกรมส่งเสริมคุณภำพสิ่งแวดล้อม ในกำรสร้ำงควำมยั่งยืนทำงทรัพยำกรธรรมชำติและสิ่งแวดล้อม 242 243 1.1) กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม1 นักเรียนควรรู 1 กรมสงเสริมคุณภาพสิ่งแวดลอม เปนหนวยงานในสังกัดกระทรวง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอม มีอํานาจหนาที่ในการเผยแพรประชาสัมพันธ ดานสิ่งแวดลอม รวบรวม จัดทํา และใหบริการขอมูลดานสิ่งแวดลอม สงเสริม การมีสวนรวมของประชาชนในการสงวน รักษา และใชประโยชนจากทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดลอมอยางสมดุล ยั่งยืน ศึกษาวิจัย พัฒนา ถายทอดและ สงเสริมเทคโนโลยีและการจัดการดานสิ่งแวดลอม รวมทั้งเปนศูนยเทคโนโลยี สะอาด และศูนยปฏิบัติการอางอิงดานสิ่งแวดลอม ขั้นสรุป ขั้นที่ 4 ขยายความเขาใจ 2. ครูตั้งคําถามเกี่ยวกับบทบาทหนาที่ของ หนวยงานภาครัฐ และการประสานความ รวมมือตางๆ ทั้งในและตางประเทศที่เกี่ยวของ กับสิ่งแวดลอม แลวสุมใหนักเรียนชวยกัน ตอบ เชน • หนวยงานหลักในการอนุรักษทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดลอม รวมถึงสงเสริม และดําเนินการตามโครงการอันเนื่องมาจาก พระราชดําริตางๆ คือหนวยงานใด และมี ขอบขายหนาที่อยางไร (แนวตอบ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดลอมเปนหนวยงานหลักที่มีหนาที่ ในการอนุรักษ ฟนฟูทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดลอมในประเทศ เพื่อตอบสนอง ความตองการตามศักยภาพใหเกิดประโยชน อยางยั่งยืน รวมถึงสงเสริมและดําเนินการ ตามโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดําริ ที่เกี่ยวของกับสิ่งแวดลอมตางๆ ผาน ทางการจัดทําระเบียบ กฎ และระบบการ เขาถึงทรัพยากรธรรมชาติของประชาชนใน ทุกภาคสวนบนพื้นฐานของการวิจัยและ พัฒนาเพื่อนําไปสูการปฏิบัติอยางจริงจัง) กิจกรรม สรางเสริม นักเรียนสืบคนขอมูลเกี่ยวกับหนวยงานภาครัฐที่เกี่ยวของกับ การอนุรักษสิ่งแวดลอมของไทยในประเด็นตางๆ เชน • บทบาทหนาที่ของหนวยงานกับการอนุรักษทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดลอม • การดําเนินงานเกี่ยวกับงานในหนาที่ นักเรียนออกมานําเสนอผลการศึกษาหนาชั้นเรียน นํา สอน สรุป ประเมิน T252
1.2) กรมควบคุมมลพิษ มีหน้ำที่ควบคุม ป้องกัน และแก้ไขปัญหำสิ่งแวดล้อม อันเนื่องมำจำกภำวะมลพิษ เช่น คุณภำพน�้ำ คุณภำพอำกำศ กำรก�ำจัดขยะและของเสียอันตรำย รวมไปถึงกำรประกำศเขตควบคุมมลพิษ โดยสนับสนุนให้ประชำชนทุกภำคส่วนมีส่วนร่วมในกำร จัดกำรมลพิษ โดยมีผลงำนที่ส�ำคัญดังนี้ 1. การจัดการมลพิษทางน�้า เช่นก�ำหนดมำตรฐำนควบคุมกำรระบำยน�้ำทิ้ง จำกแหล่งก�ำเนิด ส่งเสริมกำรใช้มำตรกำรทำงสังคมในกำรบริหำรจัดกำรมลพิษทำงน�้ำ 2. การจัดการมลพิษทางอากาศและเสียง เช่น ก�ำหนดมำตรฐำนคุณภำพ อำกำศและเสียงในบรรยำกำศ ศึกษำและน�ำเทคโนโลยีมำใช้ควบคุมและลดมลพิษทำงอำกำศ จำกแหล่งก�ำเนิดมลพิษ 3. การจัดการขยะมูลฝอยและของเสียอันตรายเช่นสนับสนุนนโยบำยแปรรูป ขยะมูลฝอยเป็นพลังงำน ด�ำเนินกำรตำมอนุสัญญำระหว่ำงประเทศด้ำนมลพิษ เช่น อนุสัญญำ บำเซิล (Basel Convention) 1.3) ส�านักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหน่วยงำน ในสังกัดกระทรวงทรัพยำกรธรรมชำติและสิ่งแวดล้อมมีบทบำทหน้ำที่เกี่ยวกับกำรก�ำหนดนโยบำย และแผนกำรส่งเสริมและรักษำคุณภำพสิ่งแวดล้อมโดยเสนอแนะนโยบำยและแผนกำรอนุรักษ์และ บริหำรจัดกำรทรัพยำกรธรรมชำติและสิ่งแวดล้อมรวมทั้งสนับสนุนกำรจัดกำรเพื่อน�ำไปสู่กำรปฏิบัติ อย่ำงเป็นรูปธรรม ตลอดจนติดตำมตรวจสอบตำมรำยงำนกำรวิเครำะห์ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อให้เศรษฐกิจของประเทศมีควำมเข้มแข็ง เพื่อกำรพัฒนำที่ยั่งยืนและมีคุณภำพชีวิตที่ดีโดยกำร ด�ำเนินงำนที่ส�ำคัญ เช่น กำรจัดท�ำแผนจัดกำรคุณภำพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2560 - 2564 ซึ่งเปิด โอกำสให้หน่วยงำน องค์กรทั้งภำครัฐและเอกชนได้เข้ำมำมีส่วนร่วมในกำรให้ข้อคิดเห็นข้อเสนอแนะ ทั้งนี้ ก็เพื่อส่งเสริมให้กำรบริหำรจัดกำรทรัพยำกรธรรมชำติและสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และสังคม มีทิศทำงและเป้ำหมำยที่ชัดเจน และน�ำประเทศไปสู่กำรพัฒนำที่ยั่งยืน 1.4) องค์กรพัฒนาเอกชนด้านสิ่งแวดล้อมในประเทศไทย หรือเอ็นจีโอ (Non - Governmental Organization: NGO) มีบทบำทในกำรดูแลรักษำสิ่งแวดล้อม เมื่อรัฐบำล ประกำศใช้แผนพัฒนำเศรษฐกิจและสังคมแห่งชำติ ฉบับที่ 7 (พ.ศ. 2535 - 2539) ระบุให้มีกำร ปรับปรุงระบบบริหำรและจัดกำรทรัพยำกรธรรมชำติ โดยสนับสนุนให้ประชำชนและรัฐบำลร่วมกัน ด�ำเนินกำร โดยที่รัฐบำลจะต้องส่งเสริมองค์กรประชำชนและองค์กรพัฒนำเอกชนทั้งในส่วนกลำง และส่วนท้องถิ่น ให้มีบทบำทในกำรก�ำหนดโครงกำรจัดหำทรัพยำกรธรรมชำติ Activity นักเรียนวำงแผนกำรลดปริมำณขยะในบ้ำนหรือในชุมชน โดยใช้หลักกำร 3Rs (Reduce - Reuse - Recycle) แล้วน�ำไปปฏิบัติในกำรคัดแยกขยะเป็นเวลำ 1 สัปดำห์ รำยงำนผลกำรปฏิบัติและบอกประโยชน์ ที่ได้รับ Geo 242 243 ขอสอบเนนการคิดแนว O-NET การดําเนินงานดานสิ่งแวดลอมขององคกรเอกชนใดถูกตอง เหมาะสมที่สุด 1. กลุมรักษไมจัดตั้งกองกําลังติดอาวุธเฝาระวังการบุกรุกปา 2. กลุมรักษพิทักษสัตวนําชิ้นสวนสัตวปาออกขายเพื่อนําเงิน มาพัฒนาองคกร 3. องคกรพิทักษปาแหงชาติตอตานการดําเนินงานของรัฐดาน ปาไมและสัตวปา 4. สมาคมคนรักสัตวปานําสัตวปาที่ใกลสูญพันธุมาเพาะพันธุ ดวยนวัตกรรมของตนเอง 5. มูลนิธิสิ่งแวดลอมรับบริจาคเงินและอุปกรณเพื่อนําไปใชใน การดําเนินงานดานสิ่งแวดลอม (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 5. เพราะเปนการสงเสริมการมีสวนรวม ในการอนุรักษทรัพยากรธรรมชาติของประชาชน) ขั้นสรุป ขั้นที่ 4 ขยายความเขาใจ • ฐานะทางกฎหมายขององคกรพัฒนาเอกชน ดานสิ่งแวดลอมเปนเชนไร (แนวตอบ องคกรพัฒนาเอกชนดาน สิ่งแวดลอมในประเทศไทยมีทั้งสถานะที่เปน นิติบุคคลตามกฎหมาย และไมมีสถานะเปน นิติบุคคล เนื่องจากไมไดจดทะเบียนตาม กฎหมาย) • องคกรพัฒนาเอกชนดานสิ่งแวดลอมมี ลักษณะการดําเนินงานที่สําคัญอยางไร (แนวตอบ องคกรพัฒนาเอกชนดาน สิ่งแวดลอมดําเนินการและจัดกิจกรรมที่ เกี่ยวของกับการอนุรักษทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดลอม โดยไมดําเนินกิจกรรม ทางการเมือง ไมแสวงหาผลกําไรหรือ ผลประโยชนทางธุรกิจ) เกร็ดแนะครู ครูอธิบายเกี่ยวกับลักษณะสําคัญขององคกรพัฒนาเอกชนดานสิ่งแวดลอม เพิ่มเติมวา องคกรพัฒนาเอกชนดานสิ่งแวดลอมจะดําเนินกิจการและกิจกรรม ที่เกี่ยวของโดยตรงกับการดูแลสิ่งแวดลอมและการอนุรักษทรัพยากรธรรมชาติ โดยไมดําเนินกิจกรรมใดๆ ทางการเมือง ไมดําเนินการใดๆ ที่เปนการแสวงหา ผลกําไรหรือผลประโยชนทางธุรกิจ และหากเปนองคกรพัฒนาเอกชนระหวาง ประเทศ จะตองมีสํานักงานสาขาอยูในประเทศไทย นํา สอน สรุป ประเมิน T253
ขอสอบเนนการคิดแนว O-NET มูลนิธิโลกสีเขียว ก่อตั้งขึ้นเมื่อเดือนสิงหำคม พ.ศ. 2533 เพื่อจัดท�ำ สื่อสิ่งพิมพ์ให้ควำมรู้ด้ำนสิ่งแวดล้อมและให้ข่ำวสำรควำมเคลื่อนไหว ด้ำนสิ่งแวดล้อมแก่สำธำรณชน มูลนิธิสืบนาคะเสถียร ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 18 กันยำยน พ.ศ. 2533 หลังกำรเสียชีวิตของสืบ นำคะเสถียร หัวหน้ำเขตรักษำพันธุ์สัตว์ป่ำ ห้วยขำแข้ง เพื่อส่งเสริมสนับสนุนประชำชนที่อยู่บริเวณใกล้เคียงให้ ตระหนักถึงควำมส�ำคัญของกำรอนุรักษ์ป่ำไม้และสัตว์ป่ำ 2) องค์กรสิ่งแวดล้อมโลก มีวัตถุประสงค์ ในกำรอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทั่วโลก ที่ส�ำคัญ เช่น กรีนพีซ มูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่ำโลก กรีนพีซ (Greenpeace) ก่อตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2514 มีส�ำนักงำน ทั่วโลกกว่ำ 41 ประเทศ รวมทั้งประเทศไทย ผลงานเด่น คัดค้ำนกำรใช้ถ่ำนหินที่เพิ่มขึ้นในประเทศฟิลิปปินส์ กำรยุติสร้ำงโรงไฟฟ้ำถ่ำนหินที่อ�ำเภอบ่อนอก และอ�ำเภอบ้ำนกรูด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กำรเจรจำปกป้องวำฬ ฉลำมขำว เป็นต้น มูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่าโลก (World Wide Fund Nature: WWF) เป็น องค์กรนำนำชำติที่ด�ำเนินกำรด้ำนกำรอนุรักษ์ทรัพยำกรธรรมชำติ และสิ่งแวดล้อม โดยให้ควำมส�ำคัญกับกระบวนกำรสิ่งแวดล้อม ผลงานเด่น มีบทบำทส�ำคัญในกำรจัดตั้งอนุสัญญำว ่ำด้วยควำม หลำกหลำยทำงชีวภำพ รวมถึงอนุสัญญำสหประชำชำติว่ำด้วยกำร เปลี่ยนแปลงสภำพภูมิอำกำศ ตัวอย่าง ตัวอย่าง องค์กรพัฒนาเอกชนด้านสิ่งแวดล้อมของไทย องค์กรพัฒนาเอกชนด้านสิ่งแวดล้อมของโลก ผลงานเด่น ริเริ่มโครงกำรสมำชิกอุปถัมภ์เพื่อเผยแพร่ข่ำวสำรด้ำนสิ่งแวดล้อมสู่วงกว้ำงให้มำกที่สุด ก่อตั้งศูนย์ข้อมูลและห้องสมุดของมูลนิธิโลกสีเขียวใน พ.ศ. 2537 เพื่อรวบรวมข่ำวสำรข้อมูลกำร เคลื่อนไหวด้ำนสิ่งแวดล้อม ทั้งในประเทศและของโลกอย่ำงมีระบบ ผลงานเด่น ให้กำรสนับสนุนงำนอนุรักษ์ผืนป่ำและสัตว์ป่ำของเขตรักษำพันธุ์สัตว์ป่ำห้วยขำแข้ง เขต รักษำพันธุ์สัตว์ป่ำทุ่งใหญ่นเรศวร และสถำนีวิจัยสัตว์ป่ำเขำนำงร�ำ นอกจำกนี้ ยังมีกำรจัดสรรงบประมำณ สนับสนุนกำรอนุรักษ์ผืนป่ำตะวันตกร่วมกับกรมป่ำไม้ และกำรคัดค้ำนกำรสร้ำงเขื่อนแม่วงก์ 244 245 มูลนิธิคุ้มครองสัตว์ป่าโลก (World Wide Fund Nature: WWF) เป็น 1 นักเรียนควรรู 1 มูลนิธิคุมครองสัตวปาโลก ไดสนับสนุนการกอตั้งมูลนิธิคุมครองสัตวปา และพรรณพืชแหงประเทศไทยใน พ.ศ. 2525 และตอมาไดรวมตัวกับกัมพูชา ลาว และเวียดนาม ใชชื่อ WWF Greater Mekong Programme เพื่อขยายงาน ดานการอนุรักษใหกวางขวางออกไป โดยมีภารกิจหลัก เชน ใหความชวยเหลือ สัตวที่ใกลสูญพันธุ ฟนฟูระบบนิเวศปา ขั้นสรุป ขั้นที่ 4 ขยายความเขาใจ • องคกรพัฒนาเอกชนดานสิ่งแวดลอมใน ประเทศไทยที่มีบทบาทสําคัญในการเผย แพรขอมูลขาวสารไดแกองคกรใด และมี การดําเนินงานอยางไร (แนวตอบ เชน มูลนิธิโลกสีเขียว มีบทบาท หนาที่หลักในการเผยแพรความรูและขอมูล ขาวสารใหแกประชาชนเพื่อความเขาใจใน สิ่งแวดลอมไทย ผานการจัดทําหนังสือชุด โลกสีเขียว และนิตยสารโลกสีเขียว รวมถึง กิจกรรมอื่น ๆ เชน นักสืบสิ่งแวดลอม จักรยานกลางเมือง รานโลกสีเขียว ฯลฯ) • กิจกรรมหลักของกรีนพีซที่สอดคลองกับ วิกฤตการณดานสิ่งแวดลอมของโลกคือ อะไร (แนวตอบ การหยุดภาวะโลกรอนดวยการ ผลักดันใหมีการใชพลังงานสะอาดตางๆ เพื่อลดการปลอยแกสเรือนกระจกซึ่งเปน สาเหตุสําคัญของภาวะโลกรอน ทั้งในระดับ หนวยงานที่เกี่ยวของของภาครัฐและเอกชน และในระดับประชาชนทั่วไปที่ใชพลังงาน และเครื่องอุปโภคบริโภคตางๆ ในชีวิต ประจําวัน อันจะนําไปสูการพัฒนาที่ยั่งยืน) องคการเอกชนใหญที่สุดที่เฝาระวังและดูแลทรัพยากรทั่วโลก คือองคการใด 1. Think Earth 2. Greenpeace International 3. World Wild Fund for Nature 4. Global Environmental Facility 5. United Nation Environment Programme (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. World Wild Fund for Nature หรือ WWF เปนองคการเอกชนดานสิ่งแวดลอมขนาดใหญที่สุดใน โลกปจจุบัน จากทุนบริจาคของประชาชนทั่วไป หนวยงาน และ รัฐบาลของประเทศตางๆ ปจจุบันองคการไดชวยอนุรักษพันธุพืช และสัตวไปแลวประมาณ 12,000 ชนิด) นํา สอน สรุป ประเมิน T254
4.2 การประสานความร่วมมือทางด้านสิ่งแวดล้อมระหว่างประเทศ ในช่วงศตวรรษที่ผ่ำนมำได้มีกำรออกกฎหมำยระหว่ำงประเทศที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม เป็นจ�ำนวนมำก ที่ส�ำคัญ มีดังนี้ 1) อนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ เรียกอีกอย่ำงว่ำ อนุสัญญำไซเตส (Convention on International Trade in Endangered Species of Wild Fauna and Flora: CITES) ใน พ.ศ. 2516 สหภำพนำนำชำติเพื่อกำรอนุรักษ์ธรรมชำติ และทรัพยำกรธรรมชำติ ได้จัดประชุมที่กรุงวอชิงตันดี.ซี. สหรัฐอเมริกำ เพื่อร่ำงอนุสัญญำว่ำด้วย กำรค้ำสัตว์ป่ำและพืชป่ำที่ใกล้สูญพันธุ์ ประเทศไทยเข้ำเป็นสมำชิกเมื่อ พ.ศ. 2526 มีวัตถุประสงค์ เพื่อควบคุมกำรค้ำสัตว์ป่ำและพืชป่ำที่ใกล้สูญพันธุ์ตลอดจนผลิตภัณฑ์จำกสัตว์ป่ำและพืชป่ำ โดยสร้ำงกลไกที่มีโครงข่ำยทั่วโลกเพื่อควบคุมกำรสร้ำงระบบกำรออกใบอนุญำตในกำรน�ำเข้ำ ส่งออก หรือน�ำผ่ำนของสัตว์ป่ำและพืชป่ำที่ ใกล้สูญพันธุ์ 2) อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (United Nations Framework Convention on Climate Change: UNFCCC) จำกปัญหำแก๊สเรือนกระจก ที่ส่งผลให้อุณหภูมิสูงขึ้น จึงได้มีกำรประชุมเพื่อหำทำงแก้ ไขและป้องกันขึ้นใน พ.ศ. 2535 ที่เมือง รีอูดีจำเนรู ประเทศบรำซิล ซึ่งประเทศไทยเข้ำเป็นสมำชิกในอนุสัญญำนี้ด้วย มีวัตถุประสงค์เพื่อ ป้องกันกำรคุกคำมที่อันตรำยของมนุษย์ต่อระบบภูมิอำกำศ โดยกำรควบคุมควำมเข้มข้นของแก๊ส เรือนกระจกที่เกิดขึ้นโดยมนุษย์ ให้อยู่ในระดับที่จะไม่ก่อให้เกิดอันตรำยต่อสภำพภูมิอำกำศ นอกจำกนี้ ยังต้องสร้ำงควำมมั่นคงด้ำนกำรผลิตอำหำร และกำรพัฒนำอย่ำงยั่งยืนของมนุษยชำติ 3) อนุสัญญาว่าด้วยการอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน�้า (Convention on Wetlands of พื้นที่ชุ่มน�้ำโมรอนดำวำ ประเทศมำดำกัสกำร์ International Importance especially as Waterfowl Habitat) มีกำรประชุมรับรอง อนุสัญญำฉบับนี้ขึ้นเมื่อวันที่ 2 กุมภำพันธ์ พ.ศ.2514 ที่เมืองแรมซำร์ประเทศอิหร่ำน และ มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 21 ธันวำคม พ.ศ.2518 ส�ำหรับประเทศไทยได้เข้ำร่วมเป็นภำคีอนุสัญญำ ในวันที่13 พฤษภำคม พ.ศ.2541มีวัตถุประสงค์ เพื่ออนุรักษ์และฟื้นฟูพื้นที่ชุ่มน�้ำทั่วโลกอย่ำง ยั่งยืน เนื่องจำกเป็นแหล่งที่มีควำมหลำกหลำย ทำงนิเวศวิทยำและเป็นที่อยู่อำศัยของนกน�้ำ 244 245 3) อนุสัญญาว่าด้วยการอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน�้า 1 นักเรียนควรรู 1 อนุสัญญาวาดวยการอนุรักษพื้นที่ชุมนํ้า พื้นที่ชุมนํ้าแหงแรกของประเทศไทย ที่ไดรับการประกาศใหเขาเปนทําเนียบของอนุสัญญา คือ พรุควนขี้เสียน เขตหามลาสัตวปาทะเลนอย จังหวัดพัทลุง ลําดับถัดมา ไดแก เขตหามลา สัตวปาบึงโขงหลง จังหวัดหนองคาย ปากแมนํ้ากระบี่ จังหวัดกระบี่ เขตรักษา พันธุสัตวปาเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (ปาพรุโตะแดง) จังหวัดนราธิวาส ดอนหอยหลอด จังหวัดสมุทรสงคราม และ เขตหามลาสัตวปาหนองบงคาย จังหวัดเชียงราย ขอสอบเนนการคิดแนว O-NET ดอนหอยหลอด จังหวัดสมุทรสงคราม เกี่ยวของกับอนุสัญญา ฉบับใด 1. IPCC 2. CITES 3. Ramsar 4. UNFCCC 5. Kyoto Protocal (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. Ramsar จากมติการประชุมของ คณะกรรมการสิ่งแวดลอมนานาชาติใน ค.ศ. 2001 ดวยเหตุที่ มีความสําคัญทางระบบนิเวศชายฝง โดยเปนหาดเลนนํ้าทวมถึง บริเวณปากแมนํ้าแมกลอง มีสัตวสําคัญ คือ หอยหลอด ซึ่งมี ประโยชนสําคัญตอเศรษฐกิจของทองถิ่นดวย) ขั้นสรุป ขั้นที่ 4 ขยายความเขาใจ • โครงการพัฒนาปาชุมชนในประเทศไทย เปนการดําเนินงานที่สอดคลองกับอนุสัญญา ฉบับใด (แนวตอบ อนุสัญญาวาดวยการคาระหวาง ประเทศซึ่งชนิดสัตวปาและพืชปาที่ใกล สูญพันธุ หรืออนุสัญญาไซเตส เนื่องจาก โครงการพัฒนาปาชุมชนของประเทศไทย มีวัตถุประสงคหลักของการดําเนินงานที่ สอดคลองกับอนุสัญญาไซเตส กลาวคือ การควบคุมมิใหมีการบุกรุกพื้นที่ปาสงวน เพื่อลักลอบคาพืชและสัตวปา โดยการสราง จิตสํานึกใหแกชาวบานในชุมชนที่อาศัยปา ในการดํารงชีวิต และสงเสริมใหชาวบาน ชวยกันเฝาระวังมิใหมีการบุกรุกพื้นที่ปา สงวน) 3. ครูใหนักเรียนทบทวนความรู หรือใช PPT สรุปสาระสําคัญของเนื้อหาที่ไดศึกษามา 4. ครูใหนักเรียนรวมกันทําใบงานที่ 6.2 เรื่อง มาตรการปองกันและแกไขปญหาทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดลอม 5. ครูใหนักเรียนทําแบบฝกสมรรถนะฯ ภูมิศาสตร ม.4-6 เกี่ยวกับเรื่อง มาตรการปองกันและแกไข ปญหาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอม นํา สอน สรุป ประเมิน T255
ขอสอบเนนการคิดแนว O-NET 4) อนุสัญญาบาเซิลว่าด้วยการควบคุมการเคลื่อนย้ายข้ามแดนของของเสีย อันตรายและการก�าจัด (Basel Convention on the Control of Transboundary Movements of Hazardous Wastes and their Disposal) หรือเรียกย่อ ๆ ว่ำ อนุสัญญำบำเซิล (Basel Convention) มีวัตถุประสงค์เพื่อคุ้มครองสุขภำพอนำมัยของมนุษย์และสิ่งแวดล้อมจำกของเสีย อันตรำยและกำรป้องกันอันตรำยต ่อสิ่งแวดล้อมในประเทศก�ำลังพัฒนำ โดยมีวัตถุประสงค์ 3 ประกำร ได้แก่ 1. เพื่อลดกำรเคลื่อนย้ำยของเสียอันตรำยข้ำมแดนให้น้อยที่สุด 2. เพื่อก�ำจัดของเสียอันตรำยที่แหล่งก�ำเนิดให้ ได้มำกที่สุด 3. เพื่อลดกำรก่อก�ำเนิดของเสียอันตรำยทั้งในเชิงปริมำณและควำมเป็นอันตรำย หลักกำรส�ำคัญของอนุสัญญำนี้ คือ กำรใช้มำตรกำรทำงกฎหมำยในกำรควบคุมกำร เคลื่อนย้ำยของเสีย และเครื่องมือหรือกลไกกำรจัดกำรของเสียอันตรำยให้อยู่ ในระดับสำกล ทั้งนี้ ประเทศไทยได้ ให้สัตยำบันเมื่อ พ.ศ. 2540 5) อนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ (Convention on Biological Diversity: CBD) เป็นข้อตกลงด้ำนสิ่งแวดล้อมระหว ่ำงประเทศ ที่มีวัตถุประสงค์ ให้รัฐบำล ทุกประเทศพัฒนำประเทศโดยไม่ละเลยกำรอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและทรัพยำกรธรรมชำติ โดยมีกำร ก�ำหนดวัตถุประสงค์หลักไว้ 3 ประกำร ได้แก่ 1. เพื่ออนุรักษ์ควำมหลำกหลำยทำงชีวภำพ 2. เพื่อใช้ประโยชน์จำกควำมหลำกหลำยทำงชีวภำพอย่ำงยั่งยืน 3. เพื่อแบ่งปันผลประโยชน์ที่ได้จำกกำรใช้ทรัพยำกรพันธุกรรมอย่ำงเท่ำเทียม และยุติธรรม ประเทศไทยให้สัตยำบันในอนุสัญญำว่ำด้วยควำมหลำกหลำยทำงชีวภำพ เมื่อวันที่ 31 ตุลำคม พ.ศ. 2546 อนุสัญญำว่ำด้วยควำมหลำกหลำยทำงชีวภำพ มีจุดมุ่งหมำยเพื่ออนุรักษ์พันธุกรรม ชนิดพันธุ์ และระบบนิเวศ เพื่อควำม หลำกหลำยทำงชีวภำพ 246 247 ขั้นประเมิน 1. ครูประเมินผลโดยสังเกตจากการตอบคําถาม การรวมกันทํางาน และการนําเสนอผลงาน หนาชั้นเรียน 2. ครูตรวจสอบผลจากการทําใบงาน และแบบฝก สมรรถนะฯ ภูมิศาสตร ม.4-6 แนวทางการวัดและประเมินผล ครูสามารถวัดและประเมินความเขาใจเนื้อหา เรื่อง มาตรการปองกัน และแกไขปญหาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอม ไดจากการตอบคําถาม การรวมกันทํางาน และการนําเสนอผลงานหนาชั้นเรียน โดยศึกษาเกณฑ การวัดและประเมินผลจากแบบประเมินการนําเสนอผลงานที่แนบมาทาย แผนการจัดการเรียนรูหนวยที่ 6 เรื่อง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอมกับ การพัฒนาที่ยั่งยืนแบบประเมินการน าเสนอผลงาน ค าชี้แจง : ให้ผู้สอนประเมินผลการน าเสนอผลงานของนักเรียนตามรายการ แล้วขีด ลงในช่องที่ ตรงกับระดับคะแนน ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ............/................./................ เกณฑ์การให้คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินสมบูรณ์ชัดเจน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินเป็นส่วนใหญ่ ให้ 2 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินบางส่วน ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ต่ ากว่า 8 ปรับปรุง ล าดับที่ รายการประเมินระดับคะแนน 3 2 1 1 ความถูกต้องของเนื้อหา 2 การล าดับขั้นตอนของเรื่อง 3 วิธีการน าเสนอผลงานอย่างสร้างสรรค์ 4 การใช้เทคโนโลยีในการน าเสนอ 5 การมีส่วนร่วมของสมาชิกในกลุ่ม รวม โครงการพัฒนาปาชุมชนในประเทศไทยเปนการดําเนินงาน ที่สอดคลองกับอนุสัญญาฉบับใด 1. อนุสัญญาไซเตส 2. อนุสัญญาบาเซิล 3. อนุสัญญาเวียนนา 4. อนุสัญญาวาดวยการอนุรักษพื้นที่ชุมนํ้า 5. อนุสัญญาวาดวยความหลากหลายทางชีวภาพ (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. เนื่องจากโครงการพัฒนาปาชุมชน ของไทยมีวัตถุประสงคหลักของการดําเนินงานที่สอดคลองกับ อนุสัญญาไซเตส กลาวคือ การควบคุมไมใหมีการบุกรุกพื้นที่ปา สงวนเพื่อลักลอบคาพืชและสัตวปา โดยการสรางจิตสํานึกใหแก ชาวบานในชุมชนที่อาศัยปาในการดํารงชีวิต และสงเสริมให ชาวบานชวยกันเฝาระวังไมใหมีการบุกรุกพื้นที่ปาสงวน) ขั้นสรุป ขั้นที่ 5 ตรวจสอบผล ครูและนักเรียนรวมกันตรวจสอบและสรุปผล จากการตอบคําถาม การทําใบงาน และการทํา แบบฝกสมรรถนะฯ ภูมิศาสตร ม.4-6 ตลอดจน การใชเครื่องมือทางภูมิศาสตร และเครื่องมือ ดานเทคโนโลยีในการสืบคนเกี่ยวกับมาตรการ ปองกันและแกไขปญหาทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดลอม หรือใช PPT สรุปสาระสําคัญของ เนื้อหา นํา สอน สรุป ประเมิน T256
5 การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กำรจัดกำรสิ่งแวดล้อม (environmental management) เป็นกระบวนกำรใช้สิ่งแวดล้อมอย่ำง มีประสิทธิภำพและเป็นระบบ โดยกำรวำงแผน ด�ำเนินงำนติดตำมประเมินผล และปรับปรุงแก้ไข พัฒนำให้ดีขึ้น ทั้งนี้ ต้องค�ำนึงถึงกำรใช้อย่ำงประหยัดให้เกิดประโยชน์สูงสุดและยั่งยืนยำวนำน 5.1 หลักการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในกำรจัดกำรทรัพยำกรธรรมชำติและสิ่งแวดล้อม จะต้องมีแนวทำงและมำตรกำรต่ำง ๆ เพื่อให้สอดคล้องกับสถำนกำรณ์ สภำพปัญหำที่เป็นอยู่ โดยมีหลักกำรส�ำคัญ ดังนี้ 1) การควบคุมจ�านวนประชากร เนื่องจำกจ�ำนวนประชำกรที่มำกขึ้น ส่งผลให้มี กำรใช้ทรัพยำกรเพิ่มขึ้นตำมไปด้วย รัฐบำลควรมีนโยบำยในกำรลดอัตรำกำรเพิ่มของประชำกร โดยจัดตั้งโครงกำรวำงแผนครอบครัว 2) การส่งเสริมคุณภาพประชากร ให้มีควำมรู้ ควำมเข้ำใจ มีจิตส�ำนึก ตระหนักถึง ควำมส�ำคัญและควำมจ�ำเป็นของกำรอนุรักษ์ทรัพยำกรธรรมชำติและสิ่งแวดล้อม โดยบรรจุเป็น หลักสูตรในโรงเรียน และกำรให้กำรศึกษำอย่ำงไม่เป็นทำงกำรผ่ำนสื่อมวลชน 3) การส�ารวจแหล่งทรัพยากรเพิ่ม และสิ่งทดแทนกำรใช้ทรัพยำกร เช่น กำรส�ำรวจ แหล่งแร่และพลังงำน กำรคิดค้นกรรมวิธีขยำยพันธุ์พืชและสัตว์เพื่อเพิ่มปริมำณ 4) การปองกันรักษา เพื่อมิให้ทรัพยำกรเสื่อมโทรม ร่อยหรอลง เช่น กำรป้องกัน กำรท�ำลำยป่ำ กำรป้องกันทรัพยำกรน�้ำ อำกำศ แร่ ไม่ ให้เกิดกำรปนเปื้อนจำกสำรพิษ 5) การใช้ทรัพยากรให้ถูกประเภท เพรำะทรัพยำกรหลำยประเภทเป็นสิ่งที่ ใช้แล้ว หมดไปเสื่อมโทรมลง จึงต้องใช้ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่น กำรใช้ที่ดินที่อุดมสมบูรณ์ ในกำร เพำะปลูก 6) การปรับปรุงคุณภาพทรัพยากร ทรัพยำกรที่เสื่อมโทรมควรมีกำรพัฒนำปรับปรุง คุณภำพ เช่น กำรฟื้นฟูสภำพป่ำที่ถูกท�ำลำย กำรใช้ปุ๋ยอินทรีย์ กำรปลูกพืชตระกูลถั่วคลุมดิน กำรแก้ปัญหำน�้ำเน่ำเสีย เช่น กำรใช้กังหันชัยพัฒนำเพื่อเพิ่มออกซิเจนในน�้ำ 7) การใช้ทรัพยากรทดแทนกัน เป็นกำรน�ำทรัพยำกรที่มีมำกหรือเกิดขึ้นใหม่ มำใช้ทดแทนทรัพยำกรที่หำยำกหรือมีรำคำแพง เช่น กำรใช้พลำสติกแทนโลหะหรือไม้ กำรใช้ พลังงำนจำกน�้ำ ลม แสงอำทิตย์ แทนน�้ำมัน ถ่ำนหิน 8) การน�ามาใช้ใหม่ เป็นกำรน�ำทรัพยำกรกลับมำใช้ใหม่ เช่น หลอมพลำสติก เศษโลหะมำใช้ ใหม่ น�ำกระดำษมำผลิตใหม่ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอมกับการพัฒนาที่ยั่งยืน 246 247 1) การควบคุมจ�านวนประชากร เนื่องจำกจ�ำนวนประชำกรที่มำกขึ้น ส่งผลให้มี 1 ขั้นนํา (Geographic Inquiry Process) 1. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรม “ทานถาม-เราตอบ” โดยผลัดกันตั้งคําถามเกี่ยวกับการจัดการ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอม (มอบหมาย ใหนักเรียนเตรียมคําถามเปนการบานกลุมละ 2 ขอ) 2. ครูสุมนักเรียนใหเลาความประทับใจ หรือยก ตัวอยางการจัดการทรัพยากรและสิ่งแวดลอม ของประเทศไทยที่มีแนวโนม หรือไดรับผล สําเร็จตามเปาหมาย 3. ครูใหนักเรียนใชสมารตโฟนสองดู QR Code เกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอม กับการพัฒนาที่ยั่งยืน จากหนังสือเรียน ภูมิศาสตร ม.4-6 และอภิปรายแสดงความ คิดเห็นรวมกัน นักเรียนควรรู 1 การควบคุมจํานวนประชากร การเพิ่มขึ้นของจํานวนประชากรทําใหเกิด การใชทรัพยากรอยางกวางขวาง จึงตองมีการผลิตอาหารและจัดสรรที่อยู อาศัยเพิ่มขึ้น ความตองการที่เพิ่มขึ้นเหลานี้กอใหเกิดการขาดแคลนทรัพยากร เกิดสารพิษในสิ่งแวดลอม และทําใหธรรมชาติขาดสมดุลในที่สุด การควบคุม การเพิ่มจํานวนประชากรเปนแนวทางหนึ่งที่จะชวยลดความเสื่อมโทรมของ สิ่งแวดลอม และลดปริมาณการใชทรัพยากรธรรมชาติลงได กิจกรรม สรางเสริม ครูจัดกิจกรรมการเรียนรูเกี่ยวกับแนวทางการอนุรักษ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอมตามหลัก 7R โดยเนนฝกทักษะ การปฏิบัติของนักเรียน เพื่อใหนักเรียนสามารถใชความรูเกี่ยวกับ แนวทางการอนุรักษทรัพยากรธรรมชาติในการดําเนินชีวิตประจําวัน ไดอยางถูกตอง นํา นํานํา สอนสอน สรุปสรุป ประเมิน ประเมิน T257
ขอสอบเนนการคิด 5.2 แนวทางในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในภูมิภาคต่าง ๆ ของโลก ปัญหำสิ่งแวดล้อมและกำรขำดแคลนทรัพยำกรธรรมชำติ มีผลกระทบต่อประชำชนใน ทวีปต่ำง ๆ ของโลก ดังนั้น ทุกคนจ�ำเป็นต้องมีควำมรับผิดชอบร่วมกันในกำรอนุรักษ์ทรัพยำกร ธรรมชำติให้คงอยู่ต่อไปอย่ำงยั่งยืน 1) ทวีปเอเชีย ในภูมิภำคต่ำง ๆ ของทวีปเอเชียได้มีกำรวำงแผนจัดกำร เพื่อกำร อนุรักษ์ทรัพยำกรธรรมชำติและสิ่งแวดล้อมเช่น ภูมิภำคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ร่วมกันจัดตั้ง มรดกอุทยำนแห่งอำเซียน โดยมีวัตถุประสงค์ให้อุทยำนแห่งอำเซียนมีลักษณะเป็นหนึ่งเดียว มีกำรท�ำนุบ�ำรุงกระบวนกำรทำงนิเวศวิทยำ และกำรอนุรักษ์ไว้ซึ่งควำมหลำกหลำยทำงพันธุศำสตร์ และระบบนิเวศอย่ำงยั่งยืน หรือกำรจัดตั้งสมำคมสวนสัตว์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นกำรรวม กลุ ่มกันของสวนสัตว์ในภูมิภำคเพื่อกำรให้ควำมรู้แก ่สำธำรณชน กระตุ้นเตือนให้ประชำชน ตระหนักถึงกำรอนุรักษ์ทรัพยำกรธรรมชำติและสิ่งแวดล้อม รวมถึงกำรให้ควำมส�ำคัญต่อคุณค่ำ ของสัตว์ป่ำ นอกจำกนี้ ยังมีกำรส่งเสริมกำรพัฒนำพลังงำนสะอำด กำรก่อตั้งกองทุนสีเขียว และกำรจัดท�ำระบบบ�ำบัดน�้ำเสีย ภูมิภำคเอเชียตะวันออก ในประเทศญี่ปุ่น มีนโยบำยพัฒนำภำคอุตสำหกรรมควบคู่ ไปกับกำรรักษำสภำพแวดล้อม เพื่อท�ำให้ประชำชนมีคุณภำพชีวิตที่ดีตำมคุณสมบัติของประเทศ ที่พัฒนำแล้วโดยเน้นนโยบำยด้ำนกำรน�ำของเสียกลับมำใช้ ใหม่ ในขณะที่ประเทศเกำหลีใต้มี นโยบำยในกำรลดกำรปล่อยแก๊สเรือนกระจก กำรลดกำรพึ่งพำน�้ำมันและเพิ่มกำรพึ่งพำตัวเองใน ด้ำนพลังงำน และกระจำยอ�ำนำจกำรปกครองสู่ท้องถิ่นให้สำมำรถบริหำรจัดกำรสิ่งแวดล้อมได้เอง 2) ทวีปออสเตรเลีย มีกำรจัดตั้งพื้นที่อนุรักษ์ทำงทะเลจ�ำนวน 200 แห่ง โดย ครอบคลุมพื้นที่เกือบ 65 ล้ำนเฮกตำร์ รวมถึงอุทยำนทำงทะเลแนวปะกำรังขนำดใหญ่ ที่เรียกว่ำ เกรตแบร์ริเออร์รีฟ (Great Barrier Reef) พื้นที่อนุรักษ์ถิ่นที่อยู่ของปลำ เขตสงวนพันธุ์ปลำ และ พื้นที่อนุรักษ์อีกหลำยแห่ง นอกจำกนี้ รัฐบำลออสเตรเลียยังได้จัดท�ำข้อตกลงด้ำนป่ำไม้ระดับ ภูมิภำค (Regional Forest Agreements: RFAs) เพื่ออนุรักษ์และบริหำรจัดกำรป่ำไม้พื้นเมือง ของออสเตรเลียอย่ำงยั่งยืน และเพื่อปกป้องควำมหลำกหลำยทำงชีวภำพ 3) ทวีปแอฟริกา บำงประเทศในทวีปแอฟริกำได้จัดท�ำโครงกำรเพื่อรักษำและฟื้นฟู สภำพแวดล้อมมีกำรจัดพื้นที่คุ้มครองเพื่อฟื้นฟูพันธุ์พืชและสัตว์ในอุทยำนและเขตสงวนทำงด้ำน ตะวันออกของทวีปหลำยเขต เช่น มำไซมำรำ ประเทศเคนยำ เซเรนเกติประเทศแทนซำเนีย มีกำร ช่วยในกำรแพร่พันธุ์ของนกฟลำมิงโก รวมถึงกำรขับไล่ช้ำงออกจำกพื้นที่กำรเกษตรด้วยวิธีกำร ธรรมชำติ และกำรใช้ระบบวนอุทยำนในกำรปลูกธัญพืช 248 249 ในฐานะพลเมืองคนหนึ่งนักเรียนจะปฏิบัติตนเพื่ออนุรักษและ พัฒนาสิ่งแวดลอมอยางไรจึงจะเหมาะสม (แนวตอบ การใชทรัพยากรธรรมชาติทุกชนิดไมวาจะเปน อาหาร นํ้า ไฟฟา จะตองลดปริมาณการใชลงใหเหลือเทาที่จําเปน ตองใช การใชทรัพยากรใหคุมคา คือ การนําทรัพยากรมาใชให เกิดประโยชนสูงสุด ลดละเลิกการใชสารพิษ โดยหันมาใชสาร ธรรมชาติที่ไมเปนอันตรายตอสิ่งแวดลอมและสุขภาพ ชวยกัน ปลูกตนไมและดูแลตนไมสาธารณะ เพื่อปองกันการแพรกระจาย ของสารพิษและชวยดูดซับมลภาวะตางๆ) ขั้นสอน ขั้นที่ 1 การตั้งคําถามเชิงภูมิศาสตร 1. ครูนําภาพหรือคลิปวิดีโอที่เกี่ยวของกับ การกระทํา หรือกิจกรรมที่แสดงถึงความ รวมมือในการอนุรักษทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดลอมในทวีปตางๆ ทั่วโลก เชน • โครงการขยายพันธุพืชและพันธุสัตว • การเพาะเลี้ยงสัตวนํ้า • การใชพลังงานลม • การนํากระดาษมาใชใหม • การทําเกษตรอินทรีย 2. ครูใหนักเรียนรวมกันอภิปรายเพิ่มเติมจากภาพ หรือคลิปวิดีโอดังกลาว บูรณาการอาเซียน ครูอธิบายใหนักเรียนมีความรูความเขาใจเกี่ยวกับแผนงานการจัดตั้ง ประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน วาประกอบไปดวยความรวมมือในดาน ตางๆ โดยเฉพาะความยั่งยืนดานสิ่งแวดลอม เชน การจัดการและการปองกัน มลพิษทางสิ่งแวดลอมขามแดน สงเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืนโดยการศึกษาดาน สิ่งแวดลอมและการมีสวนรวมของประชาชน สงเสริมมาตรฐานการดํารงชีวิต ในเขตเมือง สงเสริมการใชทรัพยากรชายฝงและทรัพยากรทางทะเลอยางยั่งยืน สงเสริมความยั่งยืนของทรัพยากรนํ้าจืด การตอบสนองตอการเปลี่ยนแปลง สภาพภูมิอากาศและการจัดการตอผลกระทบ และสงเสริมการบริหารจัดการ ปาไมอยางยั่งยืน นํา สอน สรุป ประเมิน T258
4) ทวีปยุโรป ได้มีกำรออกนโยบำยด้ำนสิ่งแวดล้อม โดยมุ ่งเน้นกำรคุ้มครอง สิ่งแวดล้อมอย่ำงรอบด้ำน ทั้งในด้ำนกำยภำพ เช่น น�้ำ ดิน อำกำศ และพัฒนำพลังงำนทดแทน ดังนี้ 1. ด้ำนปัญหำกำรเปลี่ยนแปลงสภำพภูมิอำกำศ มีโครงกำรซื้อขำยสิทธิกำรปล่อย แก๊สคำร์บอนไดออกไซด์ โดยมีเป้ำหมำยเพื่อกำรลดแก๊สเรือนกระจก 2. ด้ำนควำมหลำกหลำยทำงชีวภำพ มีแผนยุทธศำสตร์ ระบุให้มีกฎระเบียบและ นโยบำยที่ค�ำนึงถึงผลกระทบด้ำนควำมหลำกหลำยทำงชีวภำพ โดยเฉพำะอย่ำงยิ่งนโยบำยด้ำน สิ่งแวดล้อม ป่ำไม้ และกำรท่องเที่ยว 3. ด้ำนสิ่งแวดล้อม สุขภำพและคุณภำพชีวิต เป็นกำรปกป้องสิ่งแวดล้อมและ สุขภำพของประชำชนด้วยกำรหำทำงจ�ำกัดสำรพิษและป้องกันกำรก่อมลภำวะต่ำง ๆ เพื่อควบคุม กำรผลิต กำรใช้ และกำรจ�ำหน่ำยสำรเคมีอันตรำย 4. ด้ำนทรัพยำกรธรรมชำติและของเสีย เป็นกำรจัดกำรทรัพยำกรธรรมชำติและ ของเสีย ได้แก่ กำรก�ำหนดระเบียบว่ำด้วยกำรจ�ำกัดกำรใช้สำรอันตรำยในผลิตภัณฑ์ไฟฟ้ำและ อิเล็กทรอนิกส์ ลดกำรใช้พลังงำนในกำรท�ำลำยขยะและน�ำกลับมำใช้ ใหม่ 5. ด้ำนกำรใช้พลังงำนทดแทน ได้แก่ กำรใช้พลังงำนจำกธรรมชำติ รวมถึงกำร ใช้พลังงำนนิวเคลียร์ ในกำรผลิตกระแสไฟฟ้ำ เช่นในประเทศเยอรมนีเดนมำร์กและมีกำรส่งออก เทคโนโลยีกังหันลมและสนับสนุนกำรใช้พลังงำนลมมำกที่สุดในโลก 5) ทวีปอเมริกาเหนือและอเมริกาใต้มีแนวทำงในกำรแก้ไขปัญหำทรัพยำกร ธรรมชำติและสิ่งแวดล้อมในด้ำนต่ำง ๆ ดังนี้ 1. ด้ำนควำมหลำกหลำยทำงชีวภำพ มีกำรจัดตั้งเขตอุทยำนแห่งชำติขึ้น เพื่อให้กำรคุ้มครองพันธุ์สัตว์และพืชที่อยู่ในภำวะเสี่ยงต่อกำรสูญพันธุ์ มีกำรเชื่อมอุทยำนต่ำง ๆ เข้ำด้วยกัน 2. กำรใช้พลังงำนทดแทนในทวีปอเมริกำเหนือสหรัฐอเมริกำและแคนำดำมีอัตรำ กำรผลิตพลังงำนไฟฟ้ำจำกพลังงำนทดแทน แทนกำรใช้น�้ำมันเชื้อเพลิงมำกที่สุดในทวีป มีกำร ออกแบบรถยนต์ที่สำมำรถใช้ได้กับทั้งน�้ำมันและเอทำนอล ซึ่งได้รับควำมนิยมมำก 3. กำรแก้ปัญหำภำวะโลกร้อน สหรัฐอเมริกำมีกำรออกฎหมำยเพื่อป้องกันกำร เปลี่ยนแปลงสภำพภูมิอำกำศโลกและกำรใช้พลังงำนสะอำด โดยก�ำหนดให้มีกำรลดกำรปล่อย แก๊สเรือนกระจกให้ ได้ร้อยละ 17 ภำยใน พ.ศ. 2563 4. ลดอัตรำกำรท�ำลำยพื้นที่ป่ำฝนของประเทศต่ำง ๆ ในทวีปอเมริกำใต้โดยเฉพำะ พื้นที่ป่ำแอมะซอนมีควำมพยำยำมในกำรลดอัตรำกำรตัดไม้ท�ำลำยป่ำ ด้วยกำรไม่ปรับสภำพพื้นที่ ป่ำเป็นทุ่งหญ้ำเลี้ยงสัตว์ และกำรสนับสนุนระบบเกษตรอินทรีย์ 248 249 รถใช้ได้กับทั้งน�้ำมันและเอทำนอล ยพื้นที่ป่ำฝนของประเทศต่ 1 2 ขั้นสอน ขั้นที่ 1 การตั้งคําถามเชิงภูมิศาสตร 3. ครูกระตุนใหนักเรียนชวยกันตั้งประเด็นคําถาม เชิงภูมิศาสตร เชน • หลักการสําคัญในการจัดการทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดลอมมีอะไรบาง • แนวทางในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดลอมเพื่อการพัฒนาอยางยั่งยืน มีอะไรบาง • ประเทศใดบางที่มีวิธีการจัดการการอนุรักษ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอมที่เปน แบบอยางที่ดี นักเรียนควรรู 1 เอทานอล คือ แอลกอฮอลที่ไดจากการหมักพืชผลทางการเกษตร เชน ออย มันสําปะหลัง กากนํ้าตาล โดยผานกระบวนการยอยสลายและหมักจาก แปงเปนนํ้าตาล และสุดทายเปลี่ยนเปนแอลกอฮอล และแยกจนไดความบริสุทธิ์ สามารถนํามาใชเปนเชื้อเพลิงสําหรับเครื่องยนตได 2 ปาฝน ปาไมที่มีปริมาณฝนตกชุกตลอดป โดยมากอยูในบริเวณอากาศ ประเภทรอนชื้นแถบศูนยสูตร เชน ปาในเขตลุมนํ้าแอมะซอน ทวีปอเมริกาใต ลุมนํ้าคองโกในทวีปแอฟริกา เกาะบอรเนียวในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต ขอสอบเนนการคิดแนว O-NET บุคคลในขอใดมีสวนรวมในการจัดการทรัพยากรและสิ่งแวดลอม ที่ใหผลยั่งยืนยาวนาน 1. นายเอตรวจวัดคุณภาพอากาศเปนประจํา 2. นายบีใชสารดีดีทีกําจัดแมลงแทนสารซีเอฟซี 3. นายซีปลูกหญาแฝกเพื่อปองกันนํ้าเซาะตลิ่งพัง 4. นายดีพัฒนาเทคโนโลยีที่ใชทรัพยากรฟุมเฟอย 5. นายเอฟใชหนังสือพิมพหอขยะเปยกกอนทิ้งลงถังขยะสีเหลือง (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. การปลูกหญาแฝกเพื่อปองกัน นํ้าเซาะตลิ่ง เปนการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอม ที่ยั่งยืน สวนการกระทําของบุคคลอื่นไมถูกตองตามแนวทาง จัดการทรัพยากรและสิ่งแวดลอม และการกระทําของเอได เพียงขอมูลคุณภาพอากาศแตยังไมไดลงมือปฏิบัติเพื่อจัดการ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอมแตอยางใด) ขั้นที่ 2 การรวบรวมขอมูล 1. ครูใหนักเรียนแบงกลุม กลุมละ 5-7 คน สืบคนขอมูลเกี่ยวกับแนวทางการจัดการ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอม รวมถึง การมีสวนรวมในการแกปญหาและการดําเนิน ชีวิตตามแนวทางการจัดการทรัพยากร ธรรมชาติที่ยั่งยืน จากหนังสือเรียน ภูมิศาสตร ม.4-6 หรือจากแหลงการเรียนรูอื่นๆ เชน หนังสือในหองสมุด เว็บไซตในอินเทอรเน็ต 2. นักเรียนแตละกลุมรวมกันศึกษาขอมูลในหัวขอ ที่รับผิดชอบ โดยนําความรูเกี่ยวกับเครื่องมือ ทางภูมิศาสตรมาใชประกอบในการศึกษาดวย นํา สอน สรุป ประเมิน T259
ขอสอบเนนการคิด Knowledge Geo ประเทศที่มีการจัดการทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมดีที่สุดในโลก ดัชนีผลงำนด้ำนสิ่งแวดล้อม Environmental Performance Index (EPI) เป็นกำรจัดอันดับผลงำน กำรจัดกำรด้ำนสิ่งแวดล้อมของประเทศต่ำง ๆ รวม 163 ประเทศ โดยผู้เชี่ยวชำญจำกมหำวิทยำลัยเยล (Yale University) และมหำวิทยำลัยโคลัมเบีย (Columbia University) ในกำรจัดอันดับ จะพิจำรณำจำกสภำพปัจจัยในด้ำนต่ำง ๆ เช่น คุณภำพของอำกำศ กำรบริหำร จัดกำรแหล่งน�้ำธรรมชำติ ควำมหลำกหลำยทำงชีวภำพ สภำพป่ำไม้ กำรท�ำเกษตรกรรม กำรเปลี่ยนแปลง ของชั้นบรรยำกำศ พ.ศ. 2561 ประเทศที่มีกำรจัดกำรทรัพยำกรธรรมชำติและสิ่งแวดล้อมดีที่สุด คือ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ รองลงมำ คือ ฝรั่งเศส เดนมำร์ก มอลตำ และสวีเดน ตำมล�ำดับ ส�ำหรับปัจจัยส�ำคัญที่ท�ำให้ประเทศเหล่ำนี้ประสบควำมส�ำเร็จในกำรจัดกำรทรัพยำกรธรรมชำติ และสิ่งแวดล้อม คือ กำรมีนโยบำยรัฐด้ำนกำรรักษำทรัพยำกรธรรมชำติและสิ่งแวดล้อมที่ต่อเนื่อง มีกำร ลงทุนในโครงสร้ำงพื้นฐำนด้ำนสิ่งแวดล้อม กำรควบคุมมลภำวะที่เข้มงวด รวมถึงกำรสร้ำงจิตส�ำนึก แก่ประชำชนให้เห็นควำมส�ำคัญในกำรรักษำทรัพยำกรธรรมชำติและสิ่งแวดล้อม โครงกำร Bergwaldprojekt เป็นโครงกำร อนุรักษ์ป่ำไม้ของสวิตเซอร์แลนด์ ที่เปิดรับ สมัครอำสำสมัครเพื่อเข้ำไปท�ำกิจกรรมฟื้นฟู อนุรักษ์ป่ำไม้ โดยไม่จ�ำกัดเพศ วัย เชื้อชำติ และไม่เก็บค่ำใช้จ่ำย เป็นตัวอย่ำงหนึ่งในกำร จัดกำรทรัพยำกรธรรมชำติและสิ่งแวดล้อม ที่มีประสิทธิภำพของสวิตเซอร์แลนด์ อันดับ ประเทศ คะแนนที่ได้ 1 สวิตเซอร์แลนด์ 87.42 2 ฝรั่งเศส 83.95 3 เดนมำร์ก 81.60 4 มอลตำ 80.90 5 สวีเดน 80.51 6 สหรำชอำณำจักร 79.89 7 ลักเซมเบิร์ก 79.12 8 ออสเตรเลีย 78.97 9 ไอร์แลนด์ 78.77 10 ฟินแลนด์ 78.64 ที่มา : http://epi.envirocenter.yele.edu/2018 EPI 2018 Rankings 250 251 ขั้นสอน ขั้นที่ 2 การรวบรวมขอมูล 3. ครูใหนักเรียนศึกษา Geo Knowledge เกี่ยวกับ ประเทศที่มีการจัดการทรัพยากรและ สิ่งแวดลอมดีที่สุดในโลก จากหนังสือเรียน ภูมิศาสตร ม.4-6 ประกอบการรวบรวมขอมูล 4. ครูแนะนําแหลงขอมูลสารสนเทศที่เชื่อถือได ใหกับนักเรียนเพิ่มเติม เกร็ดแนะครู ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับดัชนีชี้วัดผลการดําเนินงานดานสิ่งแวดลอม หรือ EPI เพิ่มเติมวา เปนการนํากิจกรรมที่เกี่ยวของกับสิ่งแวดลอมของประเทศหนึ่งๆ มาแปลงใหเปนระบบเมตริกอยางงายที่เริ่มตนจากศูนย หมายถึง เปนมิตรตอ สิ่งแวดลอมนอยที่สุด จนถึงหนึ่งรอย หมายถึง เปนมิตรกับสิ่งแวดลอมมากที่สุด เมื่อมีการจัดอันดับกลุมประเทศสแกนดิเนเวียจะอยูในอันดับตนๆ และประเทศ ในทวีปแอฟริกาจะอยูในอันดับทายๆ ขั้นที่ 3 การจัดการขอมูล 1. สมาชิกแตละคนในกลุมนําขอมูลที่ตนไดจาก การรวบรวม มาอธิบายแลกเปลี่ยนความรูกัน 2. จากนั้นสมาชิกในกลุมชวยกันคัดเลือกขอมูล ที่นําเสนอเพื่อใหไดขอมูลที่ถูกตอง และรวม อภิปรายแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม ขั้นที่ 4 การวิเคราะหและแปลผลขอมูล 1. ครูใหนักเรียนแตละกลุมนําขอมูลที่ไดทําการ สืบคนมาเรียบเรียงเปนบทความในหัวขอ “การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอม” เพื่อเปนการทบทวนและวิเคราะหความรู เพิ่มเติม 2. ครูสุมนักเรียนจํานวน 2-3 คน เพื่อยก ตัวอยางการมีสวนรวมในการแกปญหาและ การดําเนินชีวิตตามแนวทางการจัดการ ทรัพยากรธรรมชาติที่ยั่งยืนในชีวิตประจําวัน บริเวณหนาชั้นเรียน ในการพัฒนาที่ยั่งยืน นักเรียนสามารถใชประโยชนจาก ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอมไดหรือไม อยางไร (แนวตอบ ได โดยการพัฒนาที่ยั่งยืนไมไดปฏิเสธการใชประโยชน จากทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอม แตควรมีการศึกษา และวางแผนการใชอยางถูกตองเหมาะสม เชน ศึกษาความ อุดมสมบูรณของดินเพื่อกําหนดพื้นที่เพาะปลูกพืชแตละชนิด เลี้ยงสัตว หรือกอสรางที่อยูอาศัย และการใชประโยชนตองไมกอให เกิดผลเสียตอสิ่งแวดลอม เชน บานเรือนหรือโรงงานอุตสาหกรรม ตองมีการบําบัดนํ้าเสียกอนปลอยลงสูแหลงนํ้าธรรมชาติ) นํา สอน สรุป ประเมิน T260
Reject : การปฏิเสธการใช้บรรจุภัณฑ์ที่สร้ำงมลพิษ เช่น กล่องโฟมหรือพลำสติก ประเภทใช้ครั้งเดียวทิ้ง Reduce : การลดการใช้เช่น ถ้ำบ้ำนอยู่ทำงเดียวกันก็นั่ง รถไปคันเดียวกันช่วยประหยัดน�้ำมัน หรือน�ำสินค้ำที่ซื้อมำ ใส่รวมในถุงเดียวกันเพื่อลดกำรใช้ถุง Recycle : การน�าไปผลิตขึ้นใหม่ เช่น กำรน�ำของที่ ใช้งำนไม่ได้แล้วไปเข้ำ กระบวนกำรผลิต เป็นวัตถุดิบตั้งต้นใหม่ เช่น ถุงพลำสติก ขวดแก้ว Reuse : การน�าของใช้แล้วกลับมาใช้ใหม่เช่น กำรน�ำบรรจุภัณฑ์ที่ ใช้แล้วมำใช้ ใหม่ หรือใช้ถุงพลำสติกใส่ของหลำย ๆ ครั้ง Repair : การซ่อมแซมฟื้นฟูเช่น กำรซ่อมแซมกระเป๋ำ เสื้อผ้ำที่ ฉีกขำดให้ ใช้งำนได้อีก Recovery : การถนอมรักษา เช่น สิ่งของเครื่องใช้ในวันส�ำคัญหรือ เทศกำลต่ำง ๆ ควรเก็บไว้ใช้ ในครั้งต่อไป หรือกำรเก็บรักษำกระเป๋ำ เดินทำงให้อยู่ในสภำพดี Renewal : การเสริมแต่งของเก่า เช่น กำรตกแต่งกระเป๋ำ เสื้อผ้ำเก่ำให้สวยงำมขึ้น และน�ำไปใช้ต่อได้ R1 R2 R3 R4 R6 R7 R5 7R หลัก 5.3 การมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาและการด�าเนินชีวิตตามแนวทาง การจัดการทรัพยากรธรรมชาติ ปัญหำสิ่งแวดล้อมและกำรขำดแคลนทรัพยำกรธรรมชำติย่อมส่งผลกระทบต่อมนุษย์ดังนั้น ประชำชนทุกคนจ�ำเป็นต้องมีส่วนร่วมในกำรแก้ปัญหำและกำรด�ำเนินชีวิตตำมแนวทำงจัดกำร ทรัพยำกรธรรมชำติและสิ่งแวดล้อม โดยใช้หลัก 7R ดังนี้ กล่ำวโดยสรุปรอบตัวเรำมีทรัพยำกรธรรมชำติอยู่มำกมำย ทรัพยำกรบำงชนิดใช้แล้วหมดไป บำงชนิดต้องใช้ระยะเวลำในกำรฟื้นตัวและบำงชนิดเป็นทรัพยำกรที่ไม่มีวันหมดแต่จำกกำรพัฒนำ ในด้ำนต่ำง ๆ ทั้งด้ำนเกษตรกรรม อุตสำหกรรม ตลอดจนกำรขยำยตัวของเมือง ท�ำให้ทรัพยำกร ธรรมชำติและสิ่งแวดล้อมถูกท�ำลำยอยู่เรื่อย ๆ ดังนั้น กำรใช้ประโยชน์จำกทรัพยำกรธรรมชำติจึงต้อง มีกำรจัดกำรทรัพยำกรที่เหมำะสมและกำรพัฒนำควำมรู้และเทคโนโลยีใหม่ ๆ ตลอดจนอำศัย ควำมร่วมมือจำกทุกฝ่ำย จะช่วยให้ใช้ทรัพยำกรอย่ำงเกิดประโยชน์คุ้มค่ำมำกที่สุดและก่อให้เกิด ผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด 250 251 ขั้นสอน ขั้นที่ 5 การสรุปเพื่อตอบคําถาม 1. ครูใหนักเรียนแตละกลุมนําเสนอขอมูลจากการ ศึกษา และอภิปรายความคิดเห็นรวมกัน 2. ครูใหสมาชิกในแตละกลุมชวยกันสรุปสาระ สําคัญเพื่อตอบคําถามเชิงภูมิศาสตร 3. นักเรียนรวมกันทําใบงานที่ 6.3 เรื่อง การ จัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอม ที่ยั่งยืน 4. ครูใหนักเรียนทําแบบฝกสมรรถนะฯ ภูมิศาสตร ม.4-6 เกี่ยวกับการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดลอมที่ยั่งยืน 5. นักเรียนทําแบบวัดฯ ภูมิศาสตร ม.4-6 เรื่อง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอมกับการ พัฒนาที่ยั่งยืน เพื่อทดสอบความรู ขั้นสรุป ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรูเกี่ยวกับ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอมกับการพัฒนา ที่ยั่งยืน ตลอดจนความสําคัญที่มีอิทธิพลตอการ ดําเนินชีวิตของประชากรและทรัพยากรตางๆ หรือใช PPT สรุปสาระสําคัญของเนื้อหา ขั้นประเมิน 1. ครูประเมินผลโดยสังเกตจากการตอบคําถาม การรวมกันทํางาน และการนําเสนอผลงาน 2. ครูตรวจสอบผลจากการทําใบงาน แบบวัดฯ และแบบฝกสมรรถนะฯ ภูมิศาสตร ม.4-6 3. ครูใหนักเรียนทําแบบทดสอบหลังเรียนหนวย การเรียนรูที่ 6 เรื่อง ทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดลอมกับการพัฒนาที่ยั่งยืน แนวทางการวัดและประเมินผล ครูสามารถวัดและประเมินความเขาใจเนื้อหา เรื่อง การจัดการ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอมที่ยั่งยืน ไดจากการตอบคําถาม การรวมกัน ทํางาน และการนําเสนอผลงานหนาชั้นเรียน โดยศึกษาเกณฑการวัดและประเมิน ผลจากแบบประเมินการนําเสนอผลงานที่แนบมาทายแผนการจัดการเรียนรู หนวยที่ 6 เรื่อง ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอมกับการพัฒนาที่ยั่งยืน กิจกรรม 21st Century Skills ครูมอบหมายใหนักเรียนชวยกันทําโครงการที่เกี่ยวของกับการ จัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอมในทองถิ่นหรือชุมชน ของตนเอง ทั้งในสวนของการแกไขปญหา การปองกัน และการ พัฒนาอยางถูกตองเหมาะสม โดยจัดทําแผนการดําเนินโครงการ ใหครูตรวจพิจารณากอนนําไปดําเนินการจริง แลวนําเสนอผลการ ดําเนินโครงการหนาชั้นเรียน จากนั้นรวบรวมไวเปนแหลงการ เรียนรูในโรงเรียน หรือนําออกเผยแพรแกชุมชนแบบประเมินการน าเสนอผลงาน ค าชี้แจง : ให้ผู้สอนประเมินผลการน าเสนอผลงานของนักเรียนตามรายการ แล้วขีด ลงในช่องที่ ตรงกับระดับคะแนน ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ............/................./................ เกณฑ์การให้คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินสมบูรณ์ชัดเจน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินเป็นส่วนใหญ่ ให้ 2 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินบางส่วน ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ต่ ากว่า 8 ปรับปรุง ล าดับที่ รายการประเมินระดับคะแนน 3 2 1 1 ความถูกต้องของเนื้อหา 2 การล าดับขั้นตอนของเรื่อง 3 วิธีการน าเสนอผลงานอย่างสร้างสรรค์ 4 การใช้เทคโนโลยีในการน าเสนอ 5 การมีส่วนร่วมของสมาชิกในกลุ่ม รวม นํา สอน สรุป ประเมิน T261
ค�าถามเน้นการคิด กิจกรรมพัฒนาทักษะ 1. ภำวะโลกร้อนเกิดจำกสำเหตุใด ส่งผลกระทบต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อมอย่ำงไร 2. กำรลดลงของป่ำดิบชื้นแหล่งใหญ่ของโลก เช่น บริเวณเกำะสุมำตรำ บริเวณลุ่มน�้ำแอมะซอน ส่งผลกระทบอย่ำงไร 3. เพรำะเหตุใดสัตว์ป่ำหลำยชนิดของไทยได้สูญพันธุ์ หรืออยู่ในภำวะเสี่ยงใกล้สูญพันธุ์ และควร มีมำตรกำรหรือแนวทำงกำรปฏิบัติเพื่อแก้ปัญหำนี้อย่ำงไร 4. ในปัจจุบันปริมำณกำรใช้น�้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้น ในขณะที่ปริมำณแร ่เชื้อเพลิงมีจ�ำกัด มีแนวทำงในกำรแก้ปัญหำนี้อย่ำงไรบ้ำง 5. นักเรียนสำมำรถมีส่วนร่วมในกำรจัดกำรทรัพยำกรธรรมชำติและสิ่งแวดล้อมอย่ำงยั่งยืนได้ อย่ำงไรบ้ำง 1. ภำวะโลกร้อนเกิดจำกสำเหตุใด ส่งผลกระทบต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อมอย่ำงไร 2. กำรลดลงของป่ำดิบชื้นแหล่งใหญ่ของโลก เช่น บริเวณเกำะสุมำตรำ บริเวณลุ่มน�้ำแอมะซอน 3. เพรำะเหตุใดสัตว์ป่ำหลำยชนิดของไทยได้สูญพันธุ์ หรืออยู่ในภำวะเสี่ยงใกล้สูญพันธุ์ และควร 4. ในปัจจุบันปริมำณกำรใช้น�้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้น ในขณะที่ปริมำณแร ่เชื้อเพลิงมีจ�ำกัด 5. นักเรียนสำมำรถมีส่วนร่วมในกำรจัดกำรทรัพยำกรธรรมชำติและสิ่งแวดล้อมอย่ำงยั่งยืนได้ 1. เลือกสืบค้นข้อมูลสถำนกำรณ์ด้ำนทรัพยำกรธรรมชำติและสิ่งแวดล้อมของไทยหรือของโลก ต่อไปนี้ 1 ข้อ โดยใช้กระบวนกำรทำงภูมิศำสตร์ • ภำวะโลกร้อน • ป่ำไม้และสัตว์ป่ำ • กำรใช้ที่ดินและน�้ำ • แร่และแร่พลังงำน • อำหำร • กำรละลำยของน�้ำแข็งขั้วโลก โดยวิเครำะห์สถำนกำรณ์ สำเหตุกำรเปลี่ยนแปลง ผลกระทบ กำรป้องกันและแก้ปัญหำ อย่ำงยั่งยืน จำกนั้นสรุปสำระส�ำคัญน�ำเสนอในชั้นเรียน 2. อภิปรำยร่วมกันในชั้นเรียนเกี่ยวกับกิจกรรมของมนุษย์ที่มีส่วนท�ำให้เกิดปัญหำสิ่งแวดล้อม วิเครำะห์หำสำเหตุ ผลกระทบ และแนวทำงกำรจัดกำรเพื่อป้องกันและแก้ ไขปัญหำ จำกนั้น ช่วยกันจัดท�ำโปสเตอร์เพื่อเผยแพร่ในโรงเรียน 1. เลือกสืบค้นข้อมูลสถำนกำรณ์ด้ำนทรัพยำกรธรรมชำติและสิ่งแวดล้อมของไทยหรือของโลก 2. อภิปรำยร่วมกันในชั้นเรียนเกี่ยวกับกิจกรรมของมนุษย์ที่มีส่วนท�ำให้เกิดปัญหำสิ่งแวดล้อม 252 253 เฉลย คําถามเนนการคิด 1. เกิดจากการสะสมของแกสเรือนกระจก และ การเก็บกักความรอนในชั้นบรรยากาศที่เพิ่ม สูงขึ้น สวนทางกับปริมาณปาไมที่ลดลง ทําให ภูมิอากาศมีการเปลี่ยนแปลงอยางฉับพลัน อุณหภูมิโดยเฉลี่ยของโลกเพิ่มสูงขึ้น เกิดการ เปลี่ยนแปลงของระบบนิเวศ เชน ไฟปา สัตวปา ลมตาย การละลายของหิมะและนํ้าแข็ง ขั้วโลก ซึ่งสงผลใหหมีขั้วโลกลดลงอยาง รวดเร็ว ในขณะที่ประเทศเขตรอนเกิดภาวะ ขาดแคลนนํ้าเปนบริเวณกวาง 2. ทําใหพืชและสัตวหลายชนิดสูญพันธุ เนื่องจาก ขาดแคลนอาหารและที่อยูอาศัย รวมถึงทําให เกิดภาวะโลกรอน เนื่องจาก ขาดแหลงดูดซับ แกสคารบอนไดออกไซดจากชั้นบรรยากาศ สงผลใหอุณหภูมิสูงขึ้น นํ้าแข็งขั้วโลกละลาย ระดับนํ้าทะเลสูงขึ้น และเกิดอุทกภัยตามมา 3. เนื่องจากเกิดการสูญเสียพื้นที่ปาไมซึ่งเปน แหลงที่อยูและอาหารของสัตวปา รวมถึงมีการ ลักลอบคาสัตวปาที่ผิดกฎหมายจํานวนมาก จึงควรมีการกําหนดมาตรการปองกันการ บุกรุกพื้นที่ปา กําหนดพื้นที่ปาเพื่อการอนุรักษ สัตวปา หรือฟนฟูและเพาะพันธุสัตวปาที่ หายากและใกลสูญพันธุ 4. พัฒนาและสงเสริมใหมีการเลือกใชพลังงาน ทดแทน หรือพลังงานหมุนเวียนประเภทอื่นๆ เชน พลังงานนํ้า พลังงานความรอนใตพิภพ พลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย พลังงาน จากคลื่นทะเล ที่นอกจากจะเปนพลังงานที่ สามารถหมุนเวียนได ยังเปนพลังงานที่เปน มิตรกับสิ่งแวดลอมอีกดวย 5. ใหความรวมมือและปฏิบัติตามกฎหมาย หรือนโยบายที่เกี่ยวของกับการจัดการ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอม ศึกษา และนําแนวทางการผลิตและการบริโภคอยาง ยั่งยืนมาปรับใชในชีวิตประจําวัน เชน ซื้อและ ใชสินคาและบริการที่เปนมิตรกับสิ่งแวดลอม ใชทรัพยากรและพลังงานอยางประหยัด คุมคา หรือหมุนเวียนนํากลับมาใชใหม เฉลย แนวทางประเมินกิจกรรมพัฒนาทักษะ ประเมินความรอบรู • ใชในการประเมินความรอบรูในหลักการพื้นฐาน กระบวนการความสัมพันธของขั้นตอนการปฏิบัติงาน รวมถึงทักษะการคิดในเรื่องตางๆ โดยทั่วไป งานหรือชิ้นงานใชเวลาไมนาน งานสําหรับประเมินรูปแบบนี้อาจเปนคําถามปลายเปดหรือผังมโนทัศน นิยมสําหรับประเมินผูเรียนรายบุคคล ประเมินความสามารถ • เชน ความคลองแคลวในการใชเครื่องมือทางภูมิศาสตร การแปลความหมายขอมูล ทักษะการตัดสินใจ ทักษะการแกปญหา งานหรือชิ้นงานจะสะทอนถึง ทักษะและระดับความสามารถในการนําความรูไปใช อาจเปนการประเมินการเขียน ประเมินกระบวนการทํางานทางภูมิศาสตรตางๆ หรือการวิเคราะห และการแกปญหา ประเมินทักษะ • มีเปาหมายหลายประการ ผูเรียนไดแสดงทักษะ ความสามารถทางภูมิศาสตรตางๆ ที่ซับซอนขึ้น งานหรือชิ้นงานมักเปนโครงงานระยะยาว ซึ่งผูเรียน ตองมีการนําเสนอผลการปฏิบัติงานตอผูเกี่ยวของหรือตอสาธารณะ สิ่งที่ตองคํานึงถึงในการประเมิน คือ จํานวนงานหรือกิจกรรมที่ผูเรียนปฏิบัติ และผูประเมินควรกําหนดรายการประเมิน และทักษะที่ตองการประเมินให ชัดเจน นํา สอน สรุป ประเมิน T262
บรรณานุกรม คณะกรรมการวิชาสิ่งแวดล้อม เทคโนโลยีและชีวิต ศูนย์วิชาบูรณาการ หมวดวิชาศึกษาทั่วไปมหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์. 2549. สิ่งแวดล้อม เทคโนโลยีและชีวิต. กรุงเทพมหานคร : มหาวิทยาเกษตรศาสตร์. ภาควิชาปฐพีวิทยา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. 2548. ปฐพีวิทยาเบื้องต้น. กรุงเทพมหานคร : มหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์. ภาควิชาภูมิศาสตร์ คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามค�าแหง. 2535. ภูมิศาสตร์เศรษฐกิจ. กรุงเทพมหานคร : มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. ชัชพล ทรงสุนทรวงศ์. 2546. มนุษย์กับสิ่งแวดล้อม. กรุงเทพมหานคร : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. ดาณุภา ไชยพรธรรม. 2537. สึนามิ-แผ่นดินไหว ภัยใกล้ตัว. กรุงเทพมหานคร : ยูโรปา เพรส. ทิศนา แขมมณี 2557. ศาสตร์การสอน : องค์ความรู้เพื่อการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ. กรุงเทพมหานคร : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. เทพพรรณี เสตสุบรรณ. (ม.ป.ป). ภัยพิบัติจากธรรมชาติในเขตร้อน. กรุงเทพมหานคร : โอเดียนสโตร์. นิวัติ เรืองพานิช. 2528. การอนุรักษ์ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม. กรุงเทพมหานคร : เฉลิมชาญการพิมพ์. นิศศา ศิลปเสรฐ. 2560. อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว. กรุงเทพมหานคร : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. ประสิทธิ์ ทีฆพุฒิ และศุภฤกษ์ ตันศรีรัตนวงศ์. 2549. คู่มือเตือนภัยพิบัติทางธรรมชาติ. กรุงเทพมหานคร : ดอกหญ้า กรุ๊ป. ปัญญา จารุศิริ และคณะ. 2557. ภูมิศาสตร์กายภาพ. กรุงเทพมหานคร : ด่านสุทธาการพิมพ์. มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช สาขาวิชาส่งเสริมการเกษตรและสหกรณ์. 2548. เอกสารการสอนชุดวิชา นิเวศวิทยาและการจัดการทรัพยากรธรรมชาติ. นนทบุรี : มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. มาตรินี รักษ์ตานนท์ชัย และคณะ. 2557. ภูมิศาสตร์มนุษย์. กรุงเทพมหานคร : ด่านสุทธาการพิมพ์. ราชบัณฑิตยสถาน. 2549. พจนานุกรมศัพท์ภูมิศาสตร์ ฉบับราชบัณฑิตยสถาน. พิมพ์ครั้งที่ 4 (แก้ไขเพิ่มเติม). กรุงเทพมหานคร : ราชบัณฑิตยสถาน. _______.2549. พจนานุกรมชื่อภูมิศาสตร์สากล เล่ม 1 (อักษร A - L) ฉบับราชบัณฑิตยสถาน. กรุงเทพมหานคร : ราชบัณฑิตยสถาน. _______.2550. พจนานุกรมชื่อภูมิศาสตร์สากล เล่ม 2 (อักษร M - Z) ฉบับราชบัณฑิตยสถาน. กรุงเทพมหานคร : ราชบัณฑิตยสถาน. _______.2557. อักขรานุกรมภูมิศาสตร์ไทย เล่ม 1 ฉบับราชบัณฑิตยสถาน. พิมพ์ครั้งที่ 5. กรุงเทพมหานคร : ราชบัณฑิตยสถาน. _______. 2558. พจนานุกรมศัพท์ธรณีวิทยา. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพมหานคร : ราชบัณฑิตยสถาน. วิโรจน์ เอี่ยมเจริญ และคณะ. (ม.ป.ป). Aksorn Thailand Atlas. กรุงเทพมหานคร : อักษรเจริญทัศน์. ศึกษาธิการ, กระทรวง. 2543. ภูมิศาสตร์ประชากร. กรุงเทพมหานคร : ศูนย์พัฒนาหนังสือกรมวิชาการ. สากล สถิตวิทยานันท์. 2555. ทรัพยากรธรรมชาติและการจัดการ. กรุงเทพมหานคร : มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์. สิริพร เกรียงไกรเพชร และคณะ. 2559. ภูมิศาสตร์เทคนิค. กรุงเทพมหานคร : ด่านสุทธาการพิมพ์. สิริวรรณ ศรีพหล. 2552. การจัดการเรียนการสอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม. นนทบุรี : มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช. สมยศ วัฒนากมลชัย. 2554. ภูมิศาสตร์การท่องเที่ยว. ปทุมธานี : มหาวิทยาลัยกรุงเทพ. PB 253 นํา สอน สรุป ประเมิน T263
สุคนธ์ สินทพานนท์. 2552. สุดยอดวิธีสอนสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม น�าไปสู่การจัดการเรียนการสอน ของครูยุคใหม่. กรุงเทพมหานคร : อักษรเจริญทัศน์. สุรภี อิงคากุล. 2548. การวิเคราะห์ข้อมูลจากระยะไกล. กรุงเทพมหานคร : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. ส�านักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน). 2552. ต�าราเทคโนโลยีอวกาศและ ภูมิสารสนเทศ. กรุงเทพมหานคร : อัมรินทร์พรินติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง. ส�านักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน).2553. สมุดภาพแผนที่ประเทศไทย จากดาวเทียม. กรุงเทพมหานคร : อัมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง. Dorling Kindersley, Inc. 2016. Concise World Atlas. 7th. London: DK Publishing (Dorling Kindersley). Fabritius, Heidi. et al. Maa Elaman Planeetta. Helsinki: Otava. Harrison, James and Mcrae, Anne. 2008. Children’s World Atlas. Florence: Anne McRae, Marco Nardi. Janssen, Sarah. 2016. The World Almanac and Book of Fact 2017. Indiana: LSC communications. Kaplan, David H. and Monmonier, Mark. 2006. Perthes World Atlas. Gotha: Klett - Perthes Verlag. Pask, Raymond, Peters, Andrew and Yu Sandra. 2017. All About Geography Elective. Singapore: Hachettle Singapore Pte Ltd. Strahler, Arthur N. 1975. Physical Geography. Fourth Edition. New York: John Wiley and Sons. สื่อข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ การท่องเที่ยวและกีฬา, กระทรวง. สถิตินักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทย ปี 2560 (ออนไลน์). สืบค้นเมื่อ 7 กุมภาพันธ์ 2561. จาก http://www.mots.go.th/more_news.php?cid=465&filename =index ทรัพยากรธรณี, กรม.แนวทางการลดความเสี่ยงภัยสึนามิของประเทศไทย. (ออนไลน์). สืบค้นเมื่อ 3 กรกฎาคม 2561. จาก http://www.dmr.go.th/download/TSUNAMI_RISK_TH.pdf ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, กระทรวง. รายงานสถานการณ์มลพิษของประเทศไทย พ.ศ. 2559. (ออนไลน์). สืบค้นเมื่อ 3 กรกฎาคม 2561. จาก http://infofile.pcd.go.th/mgt/Thailand_state_pollution2017%20 Thai.pdf?CFID=1448694&CFTOKEN=37204735 บัญชา ธนบุญสมบัติ. พายุงวงช้างในประเทศไทย. (ออนไลน์). สืบค้นเมื่อ 25 ตุลาคม 2561. จาก https:// www2.mtec.or.th/th/e-magazine/admin/upload/295_66.pdf พัฒนาที่ดิน, กรม. การใช้ที่ดินของประเทศไทย. (ออนไลน์). สืบค้นเมื่อ 25 ตุลาคม 2561. จาก http://www. ldd.go.th/www/lek_web/web.jsp?id=18671 ศูนย์การเรียนรู้วิทยาศาสตร์โลกและดาราศาสตร์. แหล่งน�้า. (ออนไลน์). สืบค้นเมื่อ 30 มกราคม 2561. จาก http://www.lesa.biz/earth/hydrosphere/water-resources Mark Fonstad. IMAGES OF WISCONSIN. (online). Retrieved October 25, 2018. From https://blogs. uoregon.edu/fonstad/images-of-wisconsin/ Population Reference Bureau. 2017 World Population Data Sheet. (online). Retrieved January 20, 2018. Available http://www.prb.org/pdf17/2017_World_Population.pdf ฺ ฺ ฺ ฺ 254 PB นํา สอน สรุป ประเมิน T264