The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by suwimolsoisan3254, 2023-01-17 04:43:13

ภูมิศาสตร์ ม.4-6

ภูมิศาสตร์ ม.4-6

Chapter Overview แผนการจัด การเรียนรู้ สื่อที่ใช้ จุดประสงค์ วิธีสอน ประเมิน ทักษะที่ได้ คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ แผนฯ ที่ 1 โครงสร้าง ประชากร การกระจายและ ความหนาแน่น ของประชากร 2 ชั่วโมง - หนังสือเรียน ภูมิศาสตร์ม.4-6 - แบบฝึกสมรรถนะ และการคิด ภูมิศาสตร์ ม.4-6 - แบบทดสอบก่อนเรียน - PowerPoint - ใบงานที่ 3.1 - เครื่องมือทาง ภูมิศาสตร์เช่น แผนที่ เข็มทิศ รูปถ่ายทางอากาศ ภาพจากดาวเทียม 1. วิเคราะห์โครงสร้าง ประชากรโลกและ ประชากรไทยได้(K) 2. วิเคราะห์ลักษณะการ กระจายและความ หนาแน่นของประชากร ได้(K) 3. วิเคราะห์ปฏิสัมพันธ์ ระหว่างสิ่งแวดล้อม ทางกายภาพกับ กิจกรรมของมนุษย์ที่ ก่อให้เกิดการกระจาย และความหนาแน่นของ ประชากรได้(K) 4. เลือกใช้เครื่องมือทาง ภูมิศาสตร์ในการศึกษา การกระจายและความ หนาแน่นของประชากร ได้(P) 5. สนใจศึกษาลักษณะ การกระจายและความ หนาแน่นของประชากร เพิ่มมากขึ้น (A) แบบสืบเสาะ หาความรู้ (5Es Instructional Model) - ตรวจแบบทดสอบก่อนเรียน - ตรวจการท�ำแบบฝึก สมรรถนะและการคิด ภูมิศาสตร์ม.4-6 - ตรวจใบงานที่ 3.1 - ประเมินการน�ำเสนอผลงาน - สังเกตพฤติกรรม การท�ำงานรายบุคคล - สังเกตพฤติกรรม การท�ำงานกลุ่ม - ประเมินคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - การแปลความ ข้อมูลทาง ภูมิศาสตร์ - การใช้เทคนิค และเครื่องมือ ทางภูมิศาสตร์ - การคิดเชิงพื้นที่ - การคิดแบบ องค์รวม 1. ใฝ่เรียนรู้ 2. มุ่งมั่นใน การท�ำงาน แผนฯ ที่ 2 การเปลี่ยนแปลง ประชากรโลก และประชากรไทย 2 ชั่วโมง - หนังสือเรียน ภูมิศาสตร์ม.4-6 - แบบฝึกสมรรถนะ และการคิด ภูมิศาสตร์ ม.4-6 - PowerPoint - ใบงานที่3.2, 3.3, 3.4, 3.5 - เครื่องมือทางภูมิศาสตร์ เช่น แผนที่ เข็มทิศ รูปถ่ายทางอากาศ ภาพจากดาวเทียม 1. วิเคราะห์ปฏิสัมพันธ์ ระหว่างสิ่งแวดล้อมทาง กายภาพกับกิจกรรม ของมนุษย์ที่ก่อให้เกิด การเปลี่ยนแปลง ประชากรโลกและ ประชากรไทยได้(K) 2. เลือกใช้เครื่องมือทาง ภูมิศาสตร์ในการศึกษา ประชากรและการ เปลี่ยนแปลงประชากร ได้(P) 3. สนใจศึกษาโครงสร้าง ประชากรและการ เปลี่ยนแปลงประชากร เพิ่มมากขึ้น (A) กระบวนการ ทางภูมิศาสตร์ (Geographic Inquiry Process) - ตรวจการท�ำแบบฝึก สมรรถนะและการคิด ภูมิศาสตร์ม.4-6 - ตรวจใบงานที่ 3.2, 3.3, 3.4, 3.5 - ประเมินการน�ำเสนอผลงาน - สังเกตพฤติกรรม การท�ำงานรายบุคคล - สังเกตพฤติกรรม การท�ำงานกลุ่ม - ประเมินคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - การแปลความ ข้อมูลทาง ภูมิศาสตร์ - การใช้เทคนิค และเครื่องมือ ทางภูมิศาสตร์ - การคิดเชิงพื้นที่ - การคิดแบบ องค์รวม 1. ใฝ่เรียนรู้ 2. มุ่งมั่นใน การท�ำงาน T92


แผนการจัด การเรียนรู้ สื่อที่ใช้ จุดประสงค์ วิธีสอน ประเมิน ทักษะที่ได้ คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ แผนฯ ที่ 3 การตั้งถิ่นฐาน และความเป็น เมือง 2 ชั่วโมง - หนังสือเรียน ภูมิศาสตร์ม.4-6 - แบบฝึกสมรรถนะ และการคิด ภูมิศาสตร์ม.4-6 - แบบวัดและบันทึกผล การเรียนรู้ภูมิศาสตร์ ม.4-6 - แบบทดสอบหลังเรียน - PowerPoint - ใบงานที่ 3.6 - เครื่องมือทาง ภูมิศาสตร์เช่น แผนที่ เข็มทิศ รูปถ่ายทาง อากาศ ภาพจาก ดาวเทียม 1. วิเคราะห์ลักษณะการ ตั้งถิ่นฐานและความ เป็นเมืองภายใต้ อิทธิพลของโลกาภิวัตน์ ได้(K) 2. วิเคราะห์ปฏิสัมพันธ์ ระหว่างสิ่งแวดล้อม ทางกายภาพกับ การตั้งถิ่นฐานและ ความเป็นเมืองภายใต้ อิทธิพลของโลกาภิวัตน์ ได้(K) 3. เลือกใช้เครื่องมือทาง ภูมิศาสตร์ในการศึกษา การตั้งถิ่นฐานและ ความเป็นเมือง ภายใต้ อิทธิพลของโลกาภิวัตน์ ได้(P) 4. สนใจศึกษาปฏิสัมพันธ์ ระหว่างมนุษย์กับ สิ่งแวดล้อมทางกายภาพ เพิ่มมากขึ้น (A) กระบวนการ ทางภูมิศาสตร์ (Geographic Inquiry Process) - ตรวจการท�ำแบบฝึก สมรรถนะและการคิด ภูมิศาสตร์ม.4-6 - ตรวจการท�ำแบบวัดและ บันทึกผลการเรียนรู้ ภูมิศาสตร์ม.4-6 - ตรวจใบงานที่ 3.6 - ประเมินการน�ำเสนอผลงาน - สังเกตพฤติกรรม การท�ำงานรายบุคคล - สังเกตพฤติกรรม การท�ำงานกลุ่ม - ประเมินคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - ตรวจแบบทดสอบหลังเรียน - การแปลความ ข้อมูลทาง ภูมิศาสตร์ - การใช้เทคนิค และเครื่องมือ ทางภูมิศาสตร์ - การคิดเชิงพื้นที่ - การคิดแบบ องค์รวม 1. ใฝ่เรียนรู้ 2. มุ่งมั่นใน การท�ำงาน T93


สิ่งแวดล้อมทางกายภาพกับ ประชากรและการตั้งถิ่นฐาน ปัจจุบันประชากรโลกมีมากกว่า 7 พันล้านคน และก�าลัง เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ การเปลี่ยนแปลงและความแตกต่างของ ประชากรเกิดจากปัจจัยทางกายภาพและปัจจัยอื่น ๆ ที่ส่งผลต่อ อัตราเกิด อัตราตาย และการย้ายถิ่นสุทธิ การเรียนรู้เกี่ยวกับ ประชากรและการตั้งถิ่นฐาน ท�าให้เข้าใจและวิเคราะห์ปฏิสัมพันธ์ ระหว่างสิ่งแวดล้อมทางกายภาพกับวิถีการด�าเนินชีวิตของ ประชากรทั้งในประเทศไทยและภูมิภาคต่าง ๆ ของโลก สาระการเรียนรู้แกนกลาง • ปฏิสัมพันธ์ระหว่างสิ�งแวดล้อมทาง กายภาพกับวิถีการด�าเนินชีวิต ภายใต้ กระแสโลกาภิวัตน์ ได้แก่ ประชากร และการตั้งถิ�นฐาน (การกระจายและ การเปลี่ยนแปลงประชากร ชุมชนเมือง และชนบท และการกลายเป็นเมือง) ตัวชี้วัด ส 5.2 ม.4 - 6/1 ÊÔè§áÇ´ÅŒÍÁ ·Ò§¡ÒÂÀÒ¾ ส่งผลต่อประชากร และการตั้งถิ�นฐาน อย่างไร หน่วยการเรียนรู้ที่3 90 ขั้นนํา (5Es Instructional Model) ขั้นที่ 1 กระตุนความสนใจ 1. ครูแจงใหนักเรียนทราบถึงวิธีสอน ชื่อเรื่อง จุดประสงค และผลการเรียนรู 2. ครูใหนักเรียนทําแบบทดสอบกอนเรียน หนวยการเรียนรูที่ 3 เรื่อง สิ่งแวดลอม ทางกายภาพกับประชากรและการตั้งถิ่นฐาน 3. ครูใหนักเรียนดูแผนที่ตัวอยางที่แสดงลักษณะ การตั้งถิ่นฐานที่แตกตางกันในแตละพื้นที่ ของโลก 4. ครูใหนักเรียนรวมกันแสดงความคิดเห็นจาก แผนที่ จากนั้นครูแนะนําเพิ่มเติมเชื่อมโยงกับ การกระจายและความหนาแนนของประชากร เกร็ดแนะครู ครูควรจัดกิจกรรมการเรียนรูเพื่อใหนักเรียนเขาใจความเปนไปของโลกผานปฏิสัมพันธของระบบธรรมชาติและระบบมนุษย โดยในระบบธรรมชาติจะ เกี่ยวกับสิ่งแวดลอมและนิเวศวิทยา สวนระบบมนุษยจะเปนการเขาใจการประกอบกิจกรรมตางๆ ของมนุษยบนผิวโลก เชน การตั้งถิ่นฐาน ลักษณะทาง เศรษฐกิจ วัฒนธรรมที่กอใหเกิดการเคลื่อนยายคน ขอมูล และขาวสาร โดยเนนการพัฒนาทักษะที่สําคัญ เชน การแปลความขอมูลทางภูมิศาสตร การคิด เชิงพื้นที่ การใชเทคนิคและเครื่องมือทางภูมิศาสตร ดังตอไปนี้ • ครูกําหนดสิ่งแวดลอมทางกายภาพ โดยใหนักเรียนเลือกไปตั้งถิ่นฐานในพื้นที่ที่กําหนด เชน ที่ราบลุมแมนํ้าคงคา ที่ราบสูงทิเบต ที่ราบไซบีเรีย ทุงหญา สะวันนา โดยใหนักเรียนศึกษาคนควาเกี่ยวกับพื้นที่นั้นๆ ผานเครื่องมือทางภูมิศาสตร เชน แผนที่กายภาพ ลูกโลก Google Earth อินเทอรเน็ต จากนั้น ใหนักเรียนระบุสาเหตุที่เลือกพื้นที่ดังกลาว แลวสรุปรูปแบบกิจกรรมของมนุษยกับสิ่งแวดลอมทางกายภาพในพื้นที่ที่เลือก ลงในกระดาษสงครูผูสอน นํา นํา สอน สรุป ประเมิน T94


1 ประชากรโลกและประชากรไทย ประชากร หมายถึง จ�านวนคนทั้งหมดในพื้นที่แห่งหนึ่ง ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง หรือในขณะใด ขณะหนึ่ง จ�านวนประชากรมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาตามอัตราเกิด อัตราตาย และการย้ายถิ่น ปัจจุบันการแพทย์มีความก้าวหน้าท�าให้ประชากรมีสุขภาพดีขึ้นและมีอายุเพิ่มขึ้น โดยเพศหญิง มีอายุยืนยาวกว่าเพศชาย 1.1 การกระจายและความหนาแน่นของประชากรโลก ใน พ.ศ. 2560 ประชากรโลกมีความหนาแน่นเฉลี่ยเท่ากับ 51 คนต่อตารางกิโลเมตร แต่เนื่องจากการกระจายตัวของประชากรในแต่ละพื้นที่ไม่เท่ากัน จึงมีผลท�าให้ความหนาแน่น ของประชากรในแต่ละพื้นที่แตกต่างกันไปด้วย ปัจจัยที่มีผลต่อการกระจายของประชากร มีดังนี้ ตารางแสดงปัจจัยที่มีผลต่อการกระจายของประชากร ปัจจัย ความหนาแน่นประชากรสูง ความหนาแน่นประชากรต�่า 1. ปัจจัยทางกายภาพ ลักษณะภูมิประเทศ ลักษณะพื้นที่เป็นที่ราบลุ่มแม่น�้า ที่มีความอุดมสมบูรณ์ ลักษณะพื้นที่เป็นที่สูงหรือภูเขา เช่น เทือกเขาหิมาลัย เขตทะเลทรายที่มี ความแห้งแล้งของพื้นดิน ทรัพยากร บริเวณที่มีทรัพยากรธรรมชาติ เช่น ป่าไม้ น�้า ดิน แหล่งอาหาร อุดมสมบูรณ์ บริเวณที่มีทรัพยากรธรรมชาติ หรือแหล่งอาหารน้อย ภูมิอากาศ บริเวณที่มีอากาศอบอุ่น และ ปริมาณฝนเพียงพอต่อการท�าการ เกษตร การด�ารงชีวิต บริเวณที่มีอากาศร้อน แห้งแล้ง หรือหนาวเย็นอย่างรุนแรง 2. ปัจจัยด้านมนุษย์ การเมือง ประเทศที่มีเสถียรภาพ และความมั่นคงทางการเมือง ประเทศที่มีความขัดแย้งทางด้าน การเมือง จนท�าให้เกิดการย้าย ถิ่นฐานของประชากร เศรษฐกิจ โอกาสในการท�างานสูง เช่น ในเมืองใหญ่ทั่วโลก โอกาสในการท�างานมีจ�ากัด 91 1.1 การกระจายและความหนาแน่นของประชากรโลก 1 2 ขั้นนํา ขั้นที่ 1 กระตุนความสนใจ 5. ครูตั้งคําถามกระตุนความคิดโดยใหนักเรียน รวมกันตอบคําถาม เชน • ปจจัยที่มีอิทธิพลตอการกระจายและความ หนาแนนของประชากรคือสิ่งใด (แนวตอบ สภาพทางภูมิศาสตร เชน มี ลักษณะเปนที่ราบลุมแมนํ้า ติดทะเล ใกล มหาสมุทร ทุงหญาเขตรอน หรือปาดงดิบ สิ่งเหลานี้ถือเปนสภาพทางภูมิศาสตรที่ลวนมี ผลตอการกระจายและความหนาแนนของ ประชากรแทบทั้งสิ้น) • การกระจายและความหนาแนนของประชากร มีลักษณะโดยภาพรวมเปนอยางไร (แนวตอบ โดยภาพรวมประเทศไทย มีลักษณะการกระจายและความหนาแนน ของประชากรที่แตกตางกันไปในแตละ จังหวัด โดยจังหวัดที่มีประชากรอาศัย อยูมาก สวนใหญเปนจังหวัดที่มีความเจริญ มีแหลงงานที่หลากหลาย เชน เชียงใหม กรุงเทพมหานคร สวนจังหวัดที่มีประชากร อาศัยอยูเบาบาง เชน จังหวัดแมฮองสอน เนื่องจากมีลักษณะภูมิประเทศเปนภูเขาสูง การคมนาคมไมสะดวก ประกอบกับใน ฤดูหนาว อากาศหนาวจัด ทําใหประชากร อาศัยอยูนอย) นักเรียนควรรู 1 การกระจาย การกระจายของประชากรในโลกไมสมํ่าเสมอกัน ประชากรกวา ครึ่งหนึ่งของประชากรโลกอาศัยในทวีปเอเชีย ซึ่งมีพื้นที่ 1 ใน 5 ของพื้นที่ดิน ในโลก สวนทวีปแอฟริกามีประชากรจํานวนนอยประมาณ 1 ใน 10 ของ ประชากรโลก ทั้งที่มีพื้นที่ประมาณ 1 ใน 4 ของพื้นที่โลกทั้งหมด อยางไรก็ตาม การกระจายของประชากรในทวีปเดียวกันก็ไมเทาเทียมกัน 2 ความหนาแนน ความหนาแนนของประชากรวัดได 2 แบบ คือ ความ หนาแนนของประชากรตอเนื้อที่ประเทศ และความหนาแนนของประชากรตอ เนื้อที่เพาะปลูก นักเรียนวิเคราะหวาสิ่งแวดลอมทางกายภาพ เชน ความสูง ของพื้นที่ ลักษณะภูมิประเทศ ลักษณะภูมิอากาศ แหลงทรัพยากร และพลังงาน สิ่งแวดลอมทางดานเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง มีผลตอการกระจายของประชากรอยางไร จากนั้นสรุปความรู ที่ไดสงครูผูสอน กิจกรรม สรางเสริม นํา นํา สอน สรุป ประเมิน T95


เอเชีย 59.63% ยุโรป 9.89% อเมริกาเหนือ 7.72% แอฟริกา 16.59% อเมริกาใต้5.61 % สัดส่วนประชากรแบ่งตามทวีป ออสเตรเลีย และโอเชียเนีย 0.56% ที่มา : World Population Data Sheet, 2017 กราฟแสดงอัตราการเปลี่ยนแปลงประชากรโลก พ.ศ. 2293 - 2623 2293 2343 2383 2423 2463 2503 2543 2583 2623 2 1.8 1.6 1.4 1.2 1 0.8 0.6 0.4 0.2 0 12 9 6 3 0 2.1% (พ.ศ. 2506) 0.1% 0.9 พันล้านคน 3 พันล้านคน 7.5 พันล้านคน (พ.ศ. 2560) 12 พันล้านคน อัตราเพิ่ม จ�านวนประชากร แนวโน้มในอนาคต ร้อยละ จ�านวนประชากร พ.ศ. ที่มา : UN Population Division, 2015 0 ํ 0 ํ 40 ํE 40 ํW 80 ํE 80 ํW 120 ํE 120 ํW 160 ํE 160 ํW 20 ํE20 ํW 60 ํE 60 ํW 100 ํE 100 ํW 140 ํE 180 ํ180 ํ 140 ํW 20 ํN 20 ํS 40 ํN 40 ํS 60 ํN 60 ํS 80 ํN 80 ํS 0 ํ 20 ํN 20 ํS 40 ํN 40 ํS 60 ํN 60 ํS 80 ํN 80 ํS กรุงเทพฯมะนิลา จาการตา ฮองกง โตเกียว นะโงะยะ โอซะกะ ธากา โกลกาตามุมไบ นิวเดลี การาจี เตหะราน ไคโร ลากอส กินซาซา อิสตันบูล มอสโกลอนดอน ปารีส นิวยอรก ชิคาโก ลอสแอนเจลิส ลิมา รีอูดีจาเนรู เซาเปาลู บัวโนสไอเรส ฉงชิง เปยจิง ชางไห โซล ประชากร (ลานคน) ความหนาแนน (คน/ตร.กม.) 582 ลานคน 23 คน/ตร.กม. อเมริกาเหน�อ 423 ลานคน 23 คน/ตร.กม. อเมริกาใต 745 ลานคน 73 คน/ตร.กม. ยุโรป 1,250 ลานคน 41 คน/ตร.กม. แอฟริกา 42 ลานคน 4 คน/ตร.กม. ออสเตรเลียและโอเชียเน�ย 4,494 ลานคน 100 คน/ตร.กม. เอเชีย 25-250 มากกวา 250 นอยกวา 5 5-25 ความหนาแนนประชากร (คน/ตร.กม.) 1 จุด = 500,000 คน เมืองที่มีประชากรมากกวา 8 ลานคน N 1 : 160,000,000 0 2,000 4,000 กม. แผนที่โลกแสดงการกระจายและความหนาแนนของประชากรโลก จากกราฟ แสดงให้เห็นว่าจ�านวนประชากรโลกเพิ่มขึ้นมากจาก 3 พันล้านคนในปี 2503 เป็น 7.5 พันล้านคนในปี 2560 พ.ศ. 2506 มีอัตราการเพิ่มขึ้นของประชากรสูงที่สุด คิดเป็น ร้อยละ 2.1 ถึงแม้จ�านวนประชากรเพิ่มขึ้นทุกปี แต่เป็นการเพิ่มในอัตราที่ลดลง ตั้งแต่ พ.ศ. 2506 เป็นต้นมา เหลือเพียงร้อยละ 1.2 ใน พ.ศ. 2560 และอาจลดลงจนเหลือเพียงร้อยละ 0.1 ในช่วงหลัง พ.ศ. 2623 เนื่องมาจากวางแผนประชากรให้เหมาะสมกับสภาพทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะ ในประเทศที่พัฒนาแล้ว สภาพทางเศรษฐกิจมีการแข่งขันสูง ท�าให้มีการพิจารณาในการมีบุตร รวมถึงระยะเวลาที่ต้องใช้เพื่อดูแลบุตร ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อรายได้ของครอบครัว ความหนาแน่นของประชากรมีความแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ บริเวณที่มีประชากร หนาแน่น ส่วนใหญ่เป็นบริเวณที่มีทรัพยากรธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ มีภูมิประเทศเหมาะแก่ การเกษตร อุตสาหกรรม และการคมนาคมขนส่ง มีสภาพภูมิอากาศเหมาะแก่การอยู่อาศัยและการ ด�าเนินชีวิต ในขณะที่บริเวณที่มีประชากรเบาบาง มักเป็นบริเวณที่มีสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม ต่อการตั้งถิ่นฐาน เช่น เขตทะเลทราย เขตหนาวจัด เขตเทือกเขาสูง 1) การกระจายและความหนา แน่นของประชากรโลก ประชากรโลกใน พ.ศ. 2560 มีจ�านวนมากกว่า 7,536 ล้านคน กระจาย อยู่ในทวีปต่าง ๆ ร้อยละ 59.63 อาศัยอยู่ในทวีป เอเชีย รองลงมา คือ ทวีปแอฟริกา ร้อยละ 16.59 ส่วนที่เหลือกระจายกันอยู่ในยุโรปอเมริกาใต้ อเมริกาเหนือ ส่วนทวีปออสเตรเลียและโอเชียเนีย มีประชากรน้อยที่สุด เพียงร้อยละ 0.56 ของ ประชากรโลก 92 เกร็ดแนะครู ครูควรอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับลักษณะของเขตประชากรหนาแนน ของโลก เชน เขตประชากรหนาแนนของทวีปยุโรปและอเมริกาเหนือมีลักษณะ คลายกัน กลาวคือ เปนเขตที่มีความเจริญทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม เปนเขตที่มีปริมาณการคาสูงทั้งการคาภายในประเทศและการคาระหวางประเทศ การคมนาคมขนสงมีประสิทธิภาพ มีเมืองใหญเปนจํานวนมาก มีมาตรฐาน ความเปนอยูและคุณภาพชีวิตสูง กิจกรรม ทาทาย นักเรียนสืบคนประเทศที่ประชากรหนาแนน (จํานวนคน ตอพื้นที่ตารางกิโลเมตร) มาก 10 อันดับ และประเทศที่มีความ หนาแนนนอย 10 อันดับ จากนั้นนําขอมูลที่ไดมานําเสนอในรูปแบบ แผนภูมิ กราฟ หรือในรูปแบบที่นักเรียนสนใจ เพื่อเปรียบเทียบ ใหเห็นความแตกตาง แลวนําเสนอหนาชั้นเรียน ขั้นนํา ขั้นที่ 1 กระตุนความสนใจ • ปจจัยใดบางที่มีผลทําใหอัตราประชากรโลก เกิดการเปลี่ยนแปลง (แนวตอบ เชน การศึกษา การสาธารณสุข สภาพเศรษฐกิจ เทคโนโลยี คานิยมทาง สังคม ฯลฯ) 6. ครูซักถามความคิดเห็นของนักเรียนในประเด็น “นักเรียนคิดวาในอนาคตอีก 20 ปขางหนา อัตราการกระจายและความหนาแนนของ ประชากรโลกจะมีแนวโนมเปนอยางไร” จากนั้น อภิปรายความคิดเห็นรวมกัน นํา นํา สอน สรุป ประเมิน T96


0 ํ 0 ํ 40 ํE 40 ํW 80 ํE 80 ํW 120 ํE 120 ํW 160 ํE 160 ํW 20 ํE20 ํW 60 ํE 60 ํW 100 ํE 100 ํW 140 ํE 180 ํ180 ํ 140 ํW 20 ํN 20 ํS 40 ํN 40 ํS 60 ํN 60 ํS 80 ํN 80 ํS 0 ํ 20 ํN 20 ํS 40 ํN 40 ํS 60 ํN 60 ํS 80 ํN 80 ํS กรุงเทพฯมะนิลา จาการตา ฮองกง โตเกียว นะโงะยะ โอซะกะ ธากา โกลกาตามุมไบ นิวเดลี การาจี เตหะราน ไคโร ลากอส กินซาซา อิสตันบูล มอสโกลอนดอน ปารีส นิวยอรก ชิคาโก ลอสแอนเจลิส ลิมา รีอูดีจาเนรู เซาเปาลู บัวโนสไอเรส ฉงชิง เปยจิง ชางไห โซล ประชากร (ลานคน) ความหนาแนน (คน/ตร.กม.) 582 ลานคน 23 คน/ตร.กม. อเมริกาเหน�อ 423 ลานคน 23 คน/ตร.กม. อเมริกาใต 745 ลานคน 73 คน/ตร.กม. ยุโรป 1,250 ลานคน 41 คน/ตร.กม. แอฟริกา 42 ลานคน 4 คน/ตร.กม. ออสเตรเลียและโอเชียเน�ย 4,494 ลานคน 100 คน/ตร.กม. เอเชีย 25-250 มากกวา 250 นอยกวา 5 5-25 ความหนาแนนประชากร (คน/ตร.กม.) 1 จุด = 500,000 คน เมืองที่มีประชากรมากกวา 8 ลานคน N 1 : 160,000,000 0 2,000 4,000 กม. แผนที่โลกแสดงการกระจายและความหนาแนนของประชากรโลก ที่มา : World Population Data Sheet, 2017 ที่มาแผนที่ : Heidi Fabritius et al. Maa Elaman Planeetta. p.86-87. ฺ ฺ ฺ ฺ 93 ไคโร 1 แผนที่โลกแสดงการกระจายและความหนาแนนของประชากรโลก1 นักเรียนควรรู 1 ความหนาแนนของประชากรโลก ประชากรเกือบ 4 ใน 5 ของโลกจะอาศัย อยูในเขตสําคัญ ไดแก เอเชียตะวันออก (จีน ญี่ปุน เกาหลีใต) และเอเชียใต (อินเดียและบังกลาเทศ) มีประชากรอาศัยอยูประมาณครึ่งหนึ่งของประชากรโลก ยุโรปตะวันตกและยุโรปกลาง เขตที่มีประชากรหนาแนนมาก ไดแก เนเธอรแลนด เบลเยียม สหราชอาณาจักร ทางตะวันออกของทวีปอเมริกาเหนือ และเขตที่มี ประชากรหนาแนนเปนแหงๆ เชน บริเวณปากแมนํ้าไนล ประเทศอียิปต กับ บริเวณเมืองใหญ กิจกรรม ทาทาย นักเรียนสืบคนการกระจายของประชากรในทวีปตางๆ ไดแก • ทวีปเอเชีย • ทวีปยุโรป • ทวีปอเมริกาเหนือ • ทวีปอเมริกาใต • ทวีปแอฟริกา • ทวีปออสเตรเลียและโอเชียเนีย จากนั้นรวมกันวิเคราะหรูปแบบการกระจายของประชากรวา มีความเหมือนหรือตางกัน อยางไร สรุปความรูที่ไดลงสมุดสงครู ผูสอน ขั้นนํา ขั้นที่ 1 กระตุนความสนใจ 7. ครูเชื่อมโยงใหนักเรียนดูแผนที่แสดงการ กระจายและความหนาแนนของประชากรโลก จากหนังสือเรียน ภูมิศาสตร ม.4-6 จากนั้นให นักเรียนลองบอกสิ่งที่เห็นจากสายตา 8. ครูตั้งคําถามใหนักเรียนชวยกันตอบเพื่อ เชื่อมโยงเขาสูเรื่อง การกระจายและความ หนาแนนของประชากร เชน • เพราะเหตุใดทวีปเอเชียจึงมีประชากร หนาแนนมากที่สุดในโลก (แนวตอบ ทวีปเอเชียเปนทวีปที่มีความ เกาแก ประชากรอาศัยอยูตั้งแตดั้งเดิม รวมถึงสวนใหญยึดอาชีพเกษตรกรรม เปนหลัก สอดคลองกับสภาพแวดลอมของ ทวีปเอเชียที่พื้นที่สวนใหญมีความอุดม สมบูรณทั้งในสวนของดิน แหลงนํ้า ตลอดจน ทรัพยากรธรรมชาติตางๆ) นํา นํา สอน สรุป ประเมิน T97


ขอสอบเนนการคิด จากแผนที่ แสดงให้เห็นบริเวณที่มีประชากรหนาแน่นมาก และบริเวณที่มีประชากร เบาบางในทวีปต่าง ๆ ดังนี้ 1.1) ทวีปเอเชีย ประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ความหนาแน่นของ ประชากรมีมากบริเวณลุ่มแม่น�้าหวางเหอและลุ่มแม่น�้าฉางเจียง บริเวณชายฝั่งตะวันออกของจีน บริเวณที่ราบลุ่มแม่น�้าสินธุ คงคา พรหมบุตร และเขตที่ราบชายฝั่งของมหาสมุทรอินเดียในเอเชียใต้ เนื่องจากเป็นเขตที่ราบ มีน�้าและดินอุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การเกษตร บริเวณที่ประชากรเบาบาง ได้แก่ ทางตอนเหนือของทวีปและที่ราบสูงทิเบต เนื่องจาก เป็นเขตเทือกเขาสูง มีสภาพอากาศที่หนาวเย็นไม่เหมาะต่อการเพาะปลูก และบริเวณเขตทะเลทราย ที่แห้งแล้งในเอเชียกลางและเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ 1.2) ทวีปยุโรป มีประชากรหนาแน่นมากบริเวณภาคกลาง และภาคตะวันตก ของทวีป ได้แก่ ประเทศฝรั่งเศส เบลเยียม เนเธอร์แลนด์ เยอรมนี และสหราชอาณาจักร เนื่องจาก มีการคมนาคมขนส่งสะดวก มีลักษณะภูมิประเทศและลักษณะภูมิอากาศเหมาะแก่การเพาะปลูก เลี้ยงสัตว์และด�ารงชีวิต มีวัตถุดิบที่ส่งเสริมด้านอุตสาหกรรม เช่น เหล็ก ถ่านหิน ประกอบกับ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ท�าให้ยุโรปพัฒนาเป็นแหล่งอุตสาหกรรมที่ส�าคัญของโลก เป็นชุมชน เมืองขนาดใหญ่ เช่น กรุงปารีส กรุงลอนดอน เมืองมิวนิก บริเวณที่ประชากรเบาบางมาก พบในบริเวณที่มีอากาศหนาวเย็นตลอดเวลา ได้แก่ บริเวณยุโรปเหนือ แถบคาบสมุทรสแกนดิเนเวีย ประเทศฟินแลนด์ และภาคตะวันตกเฉียงเหนือ ของรัสเซีย รวมทั้งบริเวณที่มีภูมิประเทศเป็นภูเขา พื้นที่ทุรกันดาร มีความลาดชัน มีหิมะน�้าแข็ง ปกคลุม ได้แก่ ภาคตะวันออกเฉียงใต้ ภาคกลาง และภาคใต้ของทวีป ในเขตเทือกเขาคาร์เพเทียน 1.3) ทวีปแอฟริกา มีประชากรหนาแน่นบริเวณลุ่มแม่น�้าไนล์ ในประเทศอียิปต์ซึ่ง เป็นที่ราบลุ่มน�้าที่มีความอุดมสมบูรณ์ รวมถึงในดินแดนแถบแอฟริกาตะวันตก ที่เรียกว่า ดินแดนฝั่ง อ่าวกินี และที่ราบลุ่มแม่น�้าไนเจอร์ เป็นแหล่งที่มีดินอุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การอยู่อาศัยและประกอบ อาชีพเกษตรกรรม โอเอซิสกลางทะเลทรายสะฮารา เป็นบริเวณที่มีประชากร อาศัยอยู่อย่างเบาบาง ประชากรอาศัยอยู่แบบเบาบาง มากในบริเวณที่เป็นเขตทะเลทราย โดยมีทะเล ทรายสะฮาราครอบคลุมอาณาบริเวณกว้างใหญ่ ทางตอนเหนือ และบริเวณลุ่มแม่น�้าคองโกซึ่ง เป็นป่าฝนร้อนชื้นแถบศูนย์สูตรที่เต็มไปด้วยบึง ที่ลุ่ม มีต้นไม้สูงใหญ่ขึ้นเบียดกันทึบ และมี ฝนตกชุกซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการคมนาคมและ การตั้งถิ่นฐาน 94 ทวีปยุโรป มีประชากรหนาแน่นมากบริเวณภาคกลาง และภาคตะวันตก ทวีปแอฟริกา มีประชากรหนาแน่นบริเวณลุ่มแม่น�้าไนล์ ในประเทศอียิปต์ซึ่ง 1 2 ขั้นสอน ขั้นที่ 2 สํารวจคนหา 1. ครูใหนักเรียนแบงกลุม กลุมละ 6-8 คน สืบคน ขอมูลเกี่ยวกับการกระจายและความหนาแนน ของประชากร จากหนังสือเรียน ภูมิศาสตร ม.4-6 หรือจากแหลงการเรียนรูอื่นๆ เชน หนังสือในหองสมุด เว็บไซตในอินเทอรเน็ต ในประเด็นตอไปนี้ • การกระจายและความหนาแนนของ ประชากรโลก • การกระจายและความหนาแนนของ ประชากรไทย 2. นักเรียนแตละกลุมรวมกันศึกษาขอมูลในหัวขอ ที่รับผิดชอบ โดยใชเครื่องมือทางภูมิศาสตรมา ประกอบในการศึกษา 3. ครูแนะนําแหลงขอมูลสารสนเทศที่นาเชื่อถือ ใหกับนักเรียนเพิ่มเติม นักเรียนควรรู 1 ทวีปยุโรป ประชากรจะอาศัยอยูตามแนวตะวันตกไปทางตะวันออกตามแนว ละติจูดที่ 50 องศา จากทะเลเหนือไปถึงลุมแมนํ้าดนีเปอร เรียกวา แกนประชากร ของยุโรป (European Population Axis) เปนเขตอุตสาหกรรมและเขตเมืองใหญ ประชากรจะอาศัยอยูหนาแนนที่สุดในเขตใกลปากแมนํ้าไรน ซึ่งอยูในเขตที่มีแรเหล็ก และถานหินและอยูใกลเสนทางคมนาคมทางนํ้า 2 ทวีปแอฟริกา เขตประชากรหนาแนนปานกลางของทวีปแอฟริกา ไดแก เขตภูมิอากาศแบบเมดิเตอรเรเนียน และเขตที่ราบสูงภาคตะวันออก ไดแก ประเทศ เคนยา แทนซาเนีย แซมเบีย และบนที่ราบสูงอะบิสซีเนีย (Abyssinian Highland) ในประเทศเอธิโอเปย ขั้นที่ 3 อธิบายความรู 1. สมาชิกแตละคนในกลุมนําขอมูลที่ไดจากการ รวบรวมมาอธิบายแลกเปลี่ยนกัน 2. สมาชิกในกลุมชวยกันคัดเลือกขอมูลที่นําเสนอ เพื่อใหไดขอมูลที่ถูกตอง บริเวณใดมีประชากรอาศัยอยูเบาบางที่สุด 1. ที่ราบสูงทิเบต 2. ดินแดนฝงอาวกินี 3. ที่ราบลุมแมนํ้าฉางเจียง 4. ภาคตะวันตกของทวีปยุโรป 5. ที่ราบชายฝงของมหาสมุทรอินเดีย (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. เนื่องจากภูมิประเทศโดยทั่วไป เปนที่ราบสูงและเทือกเขาสูง ซึ่งถือวาเปนภูมิภาคที่สูงที่สุดในโลก อีกทั้งยังมีอากาศหนาวเย็นและบริเวณเขตทะเลทรายที่แหงแลง จึงไมเหมาะแกการเพาะปลูกและอยูอาศัย) นํา สอน สรุป ประเมิน T98


ขอสอบเนน การคิด 1.4) ทวีปอเมริกาเหนือ มีประชากรหนาแน่นในเขตพื้นที่เพาะปลูกแถบที่ราบลุ่ม แม่น�้ามิสซิสซิปปี ลุ่มแม่น�้าเซนต์ลอว์เรนซ์ ด้านตะวันออกของสหรัฐอเมริกา แคนาดา และตอนกลาง ของประเทศเม็กซิโก ในเขตพื้นที่อุตสาหกรรม แถบสหรัฐอเมริกาทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือ และทางตะวันตก ซึ่งมีทั้งความเจริญในด้าน เทคโนโลยีอุตสาหกรรม และเป็นเมืองท่าที่ ส�าคัญ บริเวณที่ประชากรอาศัยอยู่ เบาบาง พบในบริเวณราบลุ่มแม่น�้าแมกเคนซีอยู่ ทางตอนเหนือของประเทศแคนาดา เป็นที่ราบลุ่ม แม่น�้าแคบๆ มีอากาศหนาวเย็น ส่วนใหญ่เป็น ชาวพื้นเมืองที่เรียกว่า “เอสกิโม” ซึ่งด�ารงชีพด้วย การล่าสัตว์และใช้กวางหรือสุนัขเป็นพาหนะลากเลื่อน 1.5) ทวีปอเมริกาใต้ มีประชากรอาศัยอยู่อย่างหนาแน่นบริเวณเขตทุ่งหญ้าสะวันนา ในประเทศบราซิล ชิลี และทุ่งหญ้าปัมปัสในประเทศอาร์เจนตินา เขตทุ่งหญ้าเหล่านี้เป็นแหล่งปลูก ข้าวสาลี ข้าวโพด ข้าวโอ๊ต และข้าวบาร์เลย์ และบริเวณชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกตั้งแต่ตอนใต้ ของปากแม่น�้าแอมะซอนลงมาทางใต้ในเขตประเทศบราซิล อุรุกวัย และบางส่วนของอาร์เจนตินา เนื่องจากมีลักษณะอากาศอบอุ่น มีปริมาณฝนเพียงพอต่อการท�าการเกษตร บริเวณที่มีประชากรอาศัยอยู่เบาบาง ได้แก่ บริเวณลุ่มน�้าแอมะซอน เป็นเขตที่มี อากาศร้อนและฝนตกชุก มีแมลงเป็นพาหะของโรคภัยไข้เจ็บชุกชุม และมีสัตว์ที่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ หลายชนิด พืชพรรณธรรมชาติขึ้นหนาทึบเป็นป่าดิบชื้น ท�าให้การคมนาคมไม่สะดวกสบาย และบริเวณภาคใต้ของประเทศอาร์เจนตินา ที่มีภูมิอากาศแห้งแล้งเป็นทะเลทราย 1.6) ทวีปออสเตรเลียและโอเชียเนีย ประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม อุตสาหกรรม และเป็นเมืองท่า มีประชากรหนาแน่นในเขตอบอุ่นทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ บริเวณเมืองซิดนีย์ เมลเบิร์น เนื่องจากเป็นแหล่งเพาะปลูก แหล่งอุตสาหกรรม และมีการคมนาคม ที่สะดวก รวมถึงในประเทศนิวซีแลนด์ เนื่องจากเป็นเมืองท่าบริเวณชายฝั่งของประเทศ บริเวณที่มีประชากรอาศัยอยู่เบาบาง พบในบริเวณเขตที่ราบภาคกลาง และ ทะเลทรายที่แห้งแล้งในภาคตะวันตก และภาคใต้ของประเทศออสเตรเลีย ได้แก่ ทะเลทรายกิบสัน ทะเลทรายเกรตวิกตอเรีย และทะเลทรายเกรตแซนดี ชาวเอสกิโมใช้สุนัขลากเลื่อนช่วยในการเดินทาง 95 เซนต์ลอว์เรนซ์ ด้านตะวันออกของสหรัฐอเมริกา แคนาดา และตอนกลาง 1 เพราะเหตุใดบริเวณชายฝงมหาสมุทรแอตแลนติกของทวีป อเมริกาใตจึงมีประชากรอาศัยอยูหนาแนน (แนวตอบ เพราะเปนเขตเมืองทา ทําใหการติดตอเปนไปได สะดวก และเปนแหลงเพาะปลูก เมืองขนาดใหญบริเวณชายฝง สวนใหญอยูดานตะวันออกของทวีป ไดแก รีอูดีจาเนรู เซาเปาลู ในเขตอบอุนมีประชากรหนาแนนในเขตเกษตรกรรม มีเมืองใหญ ไดแก บัวโนสไอเรส มอนเตวิเดโอ และโรซารีโอ) ขั้นสอน ขั้นที่ 3 อธิบายความรู 3. ครูสุมตัวแทนจากกลุมตางๆ ออกมาอธิบาย การกระจายและความหนาแนนของประชากร ประกอบการเขียนสรุปใจความสําคัญของเรื่อง ที่กลุมรับผิดชอบลงบนกระดานหนาชั้นเรียน 4. ครูใหนักเรียนแตละกลุมอธิบายความรู ประกอบการใชคําถาม เชน • บริเวณที่มีประชากรเบาบางของทวีป อเมริกาเหนือและอเมริกาใต มีความเหมือน หรือแตกตางกัน อยางไร เพราะเหตุใด (แนวตอบ มีความแตกตางกัน ตามลักษณะ ทางภูมิศาสตรในทวีปอเมริกาเหนือ ประชากรจะอาศัยอยูเบาบางในบริเวณทาง ตอนเหนือของประเทศแคนาดา เนื่องจาก มีอากาศหนาวเย็น ซึ่งเปนอิทธิพลจาก ลักษณะภูมิประเทศที่อยูติดกับบริเวณ ขั้วโลกเหนือ ในขณะที่ทวีปอเมริกาใต บริเวณที่มีประชากรอาศัยอยูเบาบาง คือ บริเวณลุมนํ้าแอมะซอน อันเปนเขตที่ มีอากาศรอนและฝนตกชุก พืชพรรณ ธรรมชาติเปนปาดิบชื้น และบริเวณตอนใต ของประเทศอารเจนตินา ที่มีภูมิอากาศ แหงแลงเปนทะเลทราย ดวยอิทธิพลของ ภูมิประเทศกับเสนศูนยสูตร จึงกลาวไดวา ทวีปอเมริกาเหนือและทวีปอเมริกาใต มีลักษณะพื้นที่ที่ประชากรอาศัยอยูเบาบาง แตกตางกัน เพราะลักษณะทางภูมิศาสตร ที่แตกตางกันนั่นเอง) นักเรียนควรรู 1 แคนาดา เขตประชากรหนาแนนของแคนาดา ไดแก พื้นที่ทางตะวันออกเฉียงใต ซึ่งเปนเขตเพาะปลูกและอุตสาหกรรม ไดแก บริเวณคาบสมุทร ออนแทรีโอ และแมนํ้าเซนตลอวเรนซ มีเมืองใหญ เชน แฮมิลตัน โทรอนโต นอกจากนี้ มีเขตประชากรหนาแนนในมณฑลริมฝงทะเลดานตะวันออกและ ทางตะวันตกเฉียงใตของบริติชโคลัมเบีย นํา สอน สรุป ประเมิน T99


กิจกรรม Geo - Literacy ที่มา : ส�ามะโนประชากรและเคหะ, 2553 2) การกระจายและความหนาแน่นของประชากรไทย ประชากรไทย ใน พ.ศ.2560 มีจ�านวนทั่วประเทศประมาณ 66 ล้านคน มากเป็นอันดับที่ 20 ของโลก โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สัดส่วนประชากรไทยแบ่งตามภาค ภาคตะวันออก เฉียงเหนือ 33.6% ภาคกลางภาคเหนือ 25.4% 18.3% ภาคใต้ 14.1% กทม. 8.6% ประมาณ 21 ล้านคน (ร้อยละ 33.6) ภาคกลาง (ไม่รวมกรุงเทพมหานคร) ประมาณ 15 ล้านคน (ร้อยละ 25.4) ภาคเหนือ ประมาณ 6.3 ล้านคน (ร้อยละ 18.3) ภาคใต้ ประมาณ 9.2 ล้านคน (ร้อยละ 14.1) และกรุงเทพมหานคร ประมาณ 5.6 ล้านคน (ร้อยละ 8.6) ใน พ.ศ. 2548 ประเทศไทยมีประชากร 62.4 ล้านคน ใน พ.ศ.2549 ประชากรเพิ่มขึ้น เป็น 62.8 ล้านคน เท่ากับว่าหนึ่งปีมีประชากรเพิ่มขึ้น 4 แสนคน คิดเป็นอัตราเพิ่มประชากร ร้อยละ 0.6 ต่อปี ประชากรยังคงเพิ่มขึ้นต่อไปเรื่อย ๆ แต่เป็นการเพิ่มที่ช้าลง โดยอัตราเพิ่มของ ประชากรค่อย ๆ ลดลง จากร้อยละ 0.61 ใน พ.ศ. 2552 เหลือร้อยละ 0.54 และ 0.35 ใน พ.ศ. 2554 และ พ.ศ. 2557 ตามล�าดับ (สถิติจ�านวนประชากร กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย) อัตราเพิ่มประชากรที่ลดลงอย่างต่อเนื่องทุกปี ท�าให้ ในอนาคต จ�านวนประชากรไทย จะค่อนข้างคงที่ในช่วง พ.ศ. 2565 เนื่องจากอัตราเกิดอยู่ในระดับใกล้เคียงกับอัตราตาย ท�าให้ อัตราเพิ่มของประชากรใกล้เคียงกับศูนย์ ผลมาจากการพัฒนาทางการแพทย์ สาธารณสุข และการวางแผนครอบครัว 2548 2551 2554 2557 2560 2563 2549 2552 2555 2558 2561 2564 2550 2553 2556 2559 2562 2565 67 66 65 64 63 62 61 60 0.7 0.6 0.5 0.4 0.3 0.2 0.1 0 จ�านวนประชากร (ล้านคน) อัตราเปลี่ยนแปลง (ร้อยละ) พ.ศ. กราฟแสดงอัตราการเปลี่ยนแปลงประชากรไทย พ.ศ. 2548 - 2565 จ�านวนประชากร อัตราเพิ่ม 96 ขั้นสอน ขั้นที่ 3 อธิบายความรู • หากพิจารณาจากสัดสวนประชากรไทยแบง ตามภาค พบวา ภาคใดที่มีความหนาแนน ของประชากรมากที่สุด เพราะเหตุใดจึงเปน เชนนั้น (แนวตอบ หากพิจารณาจากสัดสวนและพื้นที่ จะพบวา บริเวณพื้นที่ภาคกลางมีสัดสวน ความหนาแนนของประชากรมากที่สุด ถึงรอยละ 18.3 เนื่องจากความเหมาะสม ของลักษณะทางภูมิศาสตร เชน พื้นที่ สวนใหญของภาคกลางเปนที่ราบลุมแมนํ้า มีความอุดมสมบูรณ เปนบริเวณพื้นที่อยูอาศัย ดั้งเดิม มีการคมนาคมสะดวก เปนศูนยกลาง ความเจริญกาวหนาของประเทศ จึงเหมาะแก การอยูอาศัยของประชากรไทยโดยสวนใหญ ทําใหเปนภูมิภาคที่มีสัดสวนความหนาแนน ของประชากรมากที่สุด) • หากในอนาคตประชากรไทยมีอัตราลดลง จะสงผลกระทบอยางไร (แนวตอบ จะสงผลใหสังคมไทยเขาสูการ เปนสังคมผูสูงอายุ มีประชากรผูสูงอายุเปน ประชากรหลักของประเทศ สงผลใหตอง มีการดูแลผูสูงอายุจํานวนมาก อาจสงผล ตอเนื่องถึงงบประมาณของประเทศใน ดานการดูแล การรักษาพยาบาล และการ สาธารณสุขตางๆ ที่เพิ่มมากขึ้น) เกร็ดแนะครู ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการกระจายตัวของประชากรวา เปนการพิจารณา ลักษณะของประชากรในบริเวณหนึ่งๆ วามีการแยกยายกันออกไปตั้งถิ่นฐานตาม ลักษณะทางภูมิศาสตรหรือภาคการปกครอง สวนความหนาแนนของประชากร เปนการพิจารณาถึงจํานวนประชากรในสังคมหนึ่งในเวลาหนึ่งวา ใน 1 หนวย พื้นที่มีประชากรอาศัยอยูเปนจํานวนเทาใด นักเรียนแบงกลุมศึกษาคนควา หรือสํารวจภาวะประชากรใน ทองถิ่นดานขนาด องคประกอบ การกระจายและความหนาแนน ของประชากร และการเปลี่ยนแปลงประชากร โดยคนควาจาก ที่วาการอําเภอ องคการบริหารสวนตําบล หรือจากเว็บไซตของ สํานักงานสถิติแหงชาติ หรือหนวยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวของ แลวสรุป เปนรายงานสงครูผูสอน และอภิปรายหนาชั้นเรียน นํา สอน สรุป ประเมิน T100


จ�านวนประชากร เนื้อที่ (ตร.กม.) ความหนาแน่นของประชากร ภาคเหนือ 6.01 ล้านคน 93,690 ตร.กม. 64 คน/ตร.กม. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 21.90 ล้านคน 168,854 ตร.กม. 130 คน/ตร.กม. ภาคกลาง 15.06 ล้านคน 91,798 ตร.กม. 164 คน/ตร.กม. ภาคตะวันออก 4.65 ล้านคน 34,380 ตร.กม. 135 คน/ตร.กม ภาคตะวันตก 3.19 ล้านคน 53,679 ตร.กม. 59 คน/ตร.กม ภาคใต้ 9.28 ล้านคน 70,715 ตร.กม. 131 คน/ตร.กม. 96 ํE 98 ํE 100 ํE 102 ํE 104 ํE 106 ํE 96 ํE 98 ํE 100 ํE 102 ํE 104 ํE 106 ํE 20 ํN 18 ํN 16 ํN 14 ํN 12 ํN 10 ํN 8 ํN 6 ํN 20 ํN 18 ํN 16 ํN 14 ํN 12 ํN 10 ํN 8 ํN 6 ํN N 0 75 150 300 กม. ความหนาแน�นของประชากร (คน/ตารางกิโลเมตร) นอยกวา 20 21 - 50 51 - 100 101 - 150 151 - 200 201 - 250 251 - 300 มากกวา 300 อาวเมาะตะมะ ทะเลอันดามัน อาวไทย น.โขง น.สาละวิน น.โขง น.โขง น.โขง นส.าละวิน น.โขง ลาว เมียนมา กัมพูชา มาเลเซีย เวียดนาม แผนที่แสดงการกระจายและความหนาแนนของประชากรไทย รวมทั่วราชอาณาจักร 65.09 ล้านคน 513,115 ตร.กม. 127 คน/ตร.กม แผนที่แสดงการกระจายและความหนาแน่นของประชากรไทย ที่มา : ส�านักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2559 97 กิจกรรม ทาทาย นักเรียนแตละคนสํารวจประชากรในครอบครัวของนักเรียน โดยจําแนกตามองคประกอบดานเพศ อายุ เชื้อชาติ ศาสนา การศึกษา อาชีพ การยายถิ่นเขาและออกในรอบปที่ผานมา แลว นําขอมูลแตละคนมารวมกัน เพื่อใหเห็นภาพรวมภาวะประชากร ในครอบครัวของนักเรียนในชั้นเรียน ขั้นสอน ขั้นที่ 3 อธิบายความรู • จากแผนที่แสดงการกระจายและความ หนาแนนของประชากรไทย เพราะเหตุใด ภาคตะวันตกของประเทศไทยจึงมีความ หนาแนนของประชากรนอยที่สุด (แนวตอบ เนื่องจากพื้นที่สวนใหญของภาค ตะวันตกเปนแนวเทือกเขาสูง และมีลักษณะ เปนเทือกเขาในแนวดิ่งที่ทอดตัวจากทิศ เหนือลงสูทิศใต รวมถึงมีแนวเทือกเขาที่กั้น ทิศทางลมและฝน สงผลใหภาคตะวันตก เปนเขตเงาฝน หรือเขตอับฝน เปนอุปสรรค ตอการตั้งถิ่นฐานและการประกอบอาชีพ ทําใหภาคตะวันตกมีความหนาแนนของ ประชากรนอยที่สุด) บูรณาการอาเซียน สิงคโปรเปนประเทศที่มีความหนาแนนของประชากรมากที่สุดในอาเซียน คือ 8,260 คน/ตร.กม. รองลงมา ไดแก ฟลิปปนส เวียดนาม และอินโดนีเซีย สําหรับประเทศไทยมีความหนาแนนของประชากรเปนอันดับ 5 ของอาเซียน คือ 133 คน/ตร.กม. ขณะที่ประเทศที่มีความหนาแนนของประชากรนอยที่สุด คือ ลาวและกัมพูชา สื่อ Digital ศึกษาคนควาขอมูลเกี่ยวกับประชากรของประเทศไทย ไดที่ http://www. ipsr.mahidol.ac.th/ipsrbeta/th/gazette.aspx สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล นํา สอน สรุป ประเมิน T101


ขอสอบเนนการคิด จากแผนที่ ประชากรไทยมีการกระจายและความหนาแน่นมากที่สุดบริเวณ ภาคกลางรองลงมา คือ ภาคตะวันออก ภาคใต้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ และ ภาคตะวันตกตามล�าดับ ดังนี้ 2.1) ภาคกลาง เป็นภูมิภาคที่มีความหนาแน่นของประชากรมากที่สุด 164 คน/ ตร.กม. โดยเฉพาะกรุงเทพมหานคร มีความหนาแน่นของประชากรประมาณ 3,600 คน/ตร.กม. เนื่องจากเป็นเมืองหลวงและศูนย์กลางเศรษฐกิจของประเทศ ประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพ เกษตรกรรม และอุตสาหกรรม มีการกระจายอย่างหนาแน่นในเขตที่ราบภาคกลางตอนล่าง ที่เกิด จากการทับถมของตะกอน เกิดเป็นดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น�้าเจ้าพระยา ท�าให้มีความ อุดมสมบูรณ์เหมาะสมต่อการเพาะปลูก ในขณะที่จังหวัดอุทัยธานีมีความหนาแน่นของประชากร น้อยที่สุด เนื่องจากพื้นที่ส่วนใหญ่ทางตะวันตกเป็นป่าและภูเขาสูงสลับซับซ้อน 2.2) ภาคตะวันออก มีความหนาแน่นของประชากร 135 คน/ตร.กม. พบมาก บริเวณด้านทิศตะวันตกและทิศใต้จังหวัดชลบุรีมีการเติบโตทางเศรษฐกิจมากที่สุด มีอุตสาหกรรม และการท่องเที่ยวที่เจริญก้าวหน้าและมีชื่อเสียงมาก เพราะมีชายฝั่งทะเลที่มีความสวยงาม ในขณะที่จังหวัดสระแก้ว มีความหนาแน่นของประชากรน้อยที่สุด รวมถึงบริเวณตอนกลางของ ภูมิภาคเนื่องจากมีทิวเขาจันทบุรีวางตัวในแนวตะวันออก - ตะวันตก ท�าให้มีการตั้งถิ่นฐานน้อยกว่า บริเวณอื่น ๆ 2.3) ภาคใต้ มีความหนาแน่นของประชากร 131 คน/ตร.กม. จังหวัดที่มีประชากร อาศัยอยู่หนาแน่นเกิน 100 คน/ตร.กม. ส่วนมากอยู่บริเวณที่ราบชายฝั่ง เพราะเป็นพื้นที่ที่เหมาะสม ต่อการเพาะปลูกและการประมง บริเวณที่ราบชายฝั่งด้านตะวันออก เช่น จังหวัดปัตตานี สงขลา พัทลุง นราธิวาส นครศรีธรรมราช ยกเว้นจังหวัดภูเก็ต ที่อยู่ชายฝั่งตะวันตก ซึ่งมีประชากร หนาแน่นที่สุดของภาคนี้บริเวณที่มีประชากรเบาบาง เป็นภูมิประเทศแบบภูเขาสูงสลับซับซ้อน ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ราบสูง และมีที่ราบต�่าน้อย ไม่เหมาะต่อการตั้งถิ่นฐานและท�าการเกษตร เช่น ทิวเขาฝั่งตะวันตกของจังหวัดระนอง สุราษฎร์ธานี เมืองพัทยาเป็นเมืองท่องเที่ยวในจังหวัดชลบุรีที่มีจ�านวนประชากรอาศัยอยู่หนาแน่น 98 ภูมิภาคเนื่องจากมีทิวเขาจันทบุรีวางตัวในแนวตะวันออก ส่วนมากอยู่บริเวณที่ราบชายฝั่ง 1 2 ขั้นสอน ขั้นที่ 3 อธิบายความรู • บริเวณใดของภาคกลางที่ถือเปนที่ราบลุม เจาพระยาอันอุดมสมบูรณเหมาะสมแกการ เพาะปลูก (แนวตอบ บริเวณตั้งแตตําบลปากนํ้าโพ อําเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค ลงไปจนสุด อาวไทย เปนที่ราบที่เกิดจากตะกอนนํ้าพา ของแมนํ้าสายตางๆ ทับถมเปนที่ราบดิน ตะกอนขนาดใหญ จึงมีความอุดมสมบูรณ เหมาะแกการเพาะปลูก) • เมืองเศรษฐกิจที่สําคัญในภาคตะวันออก คือเมืองใด และมีความสําคัญทางเศรษฐกิจ อยางไร จงยกตัวอยาง (แนวตอบ เชน เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี จัดเปนเมืองเศรษฐกิจที่สําคัญของภาค ตะวันออก โดยมีความสําคัญตอเศรษฐกิจไทย ในหลายๆ ดาน ทั้งในดานการทองเที่ยว อุตสาหกรรม ตลอดจนเทคโนโลยีตางๆ ทําใหกอเกิดอาชีพที่หลากหลาย และทําให เศรษฐกิจประเทศไทยเกิดการขยายตัวอยาง รวดเร็ว) นักเรียนควรรู 1 ทิวเขาจันทบุรี เริ่มตนจากเสนแบงเขตจังหวัดระหวาง อําเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา กับอําเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี ทอดยาวไปตาม แนวเสนแบงเขตจังหวัดระหวางจังหวัดฉะเชิงเทรา และจังหวัดสระแกว กับ จังหวัดจันทบุรี จากนั้นเขาไปในเขตจังหวัดจันทบุรี ผานอําเภอสอยดาว อําเภอ โปงนํ้ารอน และอําเภอเขาคิชฌกูฏ ไปสิ้นสุดทิวเขาที่อําเภอมะขาม รวมความยาว ประมาณ 170 กิโลเมตร 2 ที่ราบชายฝง ที่ราบชายฝงทะเลในภาคใตมีความแตกตางกันชัดเจน โดยที่ ราบชายฝงอาวไทยจะมีอาณาบริเวณกวางขวางกวาจังหวัดตางๆ ที่ตั้งอยูทาง ซีกตะวันออกของคาบสมุทร จึงมีการตั้งถิ่นฐานของประชากรคอนขางหนาแนน เพราะเหตุใดกรุงเทพมหานครจึงมีประชากรอาศัยอยูอยาง หนาแนน และสงผลตอสภาพสังคมของกรุงเทพมหานครอยางไร (แนวตอบ เพราะเปนเมืองหลวงและศูนยกลางทางดาน พาณิชยกรรม การคมนาคมขนสง อุตสาหกรรม การคา และ การบริการที่สําคัญของประเทศ มีสาธารณูปโภคที่ครบครัน ทําให มีแรงงานอพยพยายถิ่นเขามาทํางานในกรุงเทพฯ เปนจํานวนมาก สงผลใหเกิดปญหาดานที่อยูอาศัยและชุมชนแออัด ซึ่งอาจกอให เกิดปญหาดานคุณภาพชีวิตได) นํา สอน สรุป ประเมิน T102


2.4) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีจ�านวนประชากรมากที่สุดในประเทศ แต่มีความ หนาแน่นของประชากร 130 คน/ตร.กม. มากเป็นอันดับที่ 4 รองจากภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นภูมิภาคที่มีความแห้งแล้ง ท�าให้ประชากรตั้งถิ่นฐานหนา แน่นมากบริเวณที่ราบลุ่มแม่น�้าสายส�าคัญ ได้แก่ แม่น�้าชี แม่น�้ามูล และรอบ ๆ อ่างเก็บน�้า เพราะ น�้าเป็นปัจจัยส�าคัญของการตั้งถิ่นฐานในเขตที่มีความแห้งแล้ง ซึ่งเป็นดินปนทรายไม่เก็บน�้า จังหวัด ที่มีประชากรหนาแน่นที่สุด ได้แก่ จังหวัดมหาสารคาม รองลงมา ได้แก่ สุรินทร์และศรีสะเกษ ในขณะที่จังหวัดเลยมีความหนาแน่นน้อยที่สุดในภูมิภาคภาค เนื่องจากพื้นที่ส่วนใหญ่ของจังหวัด เป็นเขตทิวเขาในแนวทิศเหนือ - ใต้ มีพื้นที่ราบลุ่มน้อยมากในตอนกลางของจังหวัด 2.5) ภาคเหนือ มีความหนาแน่นของประชากรฉลี่ย 64 คน/ตร.กม. การกระจาย ของประชากรในภาคเหนือมีความสัมพันธ์กับลักษณะภูมิประเทศมาก กล่าวคือ บริเวณที่เป็นที่ราบ หรือแอ่งแผ่นดินระหว่างภูเขาที่มีแม่น�้าล�าธารไหลผ่านพาโคลน ตะกอนมาทับถม ท�าให้ดินมีความ อุดมสมบูรณ์เหมาะในการเพาะปลูก ท�าให้ประชากรเข้าไปตั้งถิ่นฐานหนาแน่นมาก กลายเป็นเมือง ส�าคัญต่างๆ ในภาคเหนือ เช่น เชียงใหม่ เชียงราย ล�าปาง แพร่ น่าน ล�าพูน ซึ่งมีความ หนาแน่นของประชากรมากที่สุดในภูมิภาค จังหวัดแม่ฮ่องสอนมีความหนาแน่นประชากรน้อยที่สุด 2.6) ภาคตะวันตก เป็นภาคที่มีจ�านวนประชากรน้อยที่สุด มีความหนาแน่น 59 คน/ตร.กม. ซึ่งมีความหนาแน่นน้อยที่สุดของประเทศ เนื่องจากพื้นที่ส่วนใหญ่โดยเฉพาะทาง ตะวันตกของภาคเป็นแนวทิวเขาสูง ได้แก่ ทิวเขาถนนธงชัย และทิวเขาตะนาวศรีซึ่งเป็นแนว แบ่งเขตระหว่างไทยกับเมียนมา ส่วนบริเวณที่มีประชากรหนาแน่นจะอยู่ทางฝั่งตะวันออกในบริเวณ ที่ราบลุ่มแม่น�้าปิง และแม่น�้าแม่กลอง โดยจังหวัดราชบุรีมีประชากรหนาแน่นมากที่สุด จังหวัด ตากมีประชากรหนาแน่นน้อยที่สุด พื้นที่บนภูเขาทางภาคเหนือมีการตั้งถิ่นฐานเบาบาง 99 คัญ ได้แก่ แม่น�้าชี แม่น�้ ทิวเขาถนนธงชัย 1 2 ขั้นสอน ขั้นที่ 3 อธิบายความรู • ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีที่ราบกวางใหญ แตเพราะเหตุใดจึงทําการเพาะปลูกไมคอย ไดผลเทาที่ควร (แนวตอบ เนื่องจากดินสวนใหญเปนดินทราย ไมอุมนํ้า ดินจึงขาดความอุดมสมบูรณ ทําใหพื้นที่บางแหงไมสามารถทําการ เพาะปลูกได) • ภาคเหนือมีลักษณะภูมิประเทศเดนอยางไร (แนวตอบ มีภูเขาสลับซับซอนตอเนื่องกันเปน ทิวเขา วางตัวตามแนวทิศเหนือลงไปทาง ทิศใต ระหวางทิวเขาจะมีหุบเขาและที่ราบ) 5. ครูอภิปรายรวมกันกับนักเรียนเกี่ยวกับการ กระจายและความหนาแนนของประชากร นักเรียนควรรู 1 แมนํ้าชี มีตนนํ้าเกิดจากเขาเสลี่ยงตาถาด ในทิวเขาเพชรบูรณ มีทิศทางการ ไหลจากทิศตะวันตกไปทิศตะวันออก ผานจังหวัดชัยภูมิ ขอนแกน มหาสารคาม กาฬสินธุ รอยเอ็ด ยโสธร และอุบลราชธานี ไปลงแมนํ้ามูล ความยาว 765 กิโลเมตร 2 ทิวเขาถนนธงชัย เปนทิวเขาที่ครอบคลุมพื้นที่เปนบริเวณกวางในภาคเหนือ และภาคตะวันตกของประเทศ แบงออกเปน 4 สวนใหญๆ ไดแก ทิวเขาถนน ธงชัยเหนือ ทิวเขาถนนธงชัยตะวันออก ทิวเขาถนนธงชัยกลาง และทิวเขาถนน ธงชัยตะวันตก กิจกรรม ทาทาย นักเรียนสืบคนขอมูลประชากรรายจังหวัดที่มีจํานวนประชากร มากกวา 1 ลานคน ในแตละภาคของประเทศไทย จากนั้นนํา ขอมูลที่ไดมานําเสนอในรูปแบบของแผนภูมิหรือแผนภาพ เพื่อใช เปรียบเทียบใหเห็นความแตกตางของขอมูล แลวรวมกันวิเคราะหถึง สาเหตุที่ทําใหจังหวัดดังกลาวมีประชากรอาศัยอยูเปนจํานวนมาก นํา สอน สรุป ประเมิน T103


1.2 โครงสร้างประชากร โครงสร้างประชากร (population structure) คือ โครงสร้างอายุและเพศของประชากร แสดงด้วยพีระมิดประชากร (population pyramid) ซึ่งเป็นการแสดงภาพโครงสร้างอายุและเพศ ของประชากรด้วยกราฟแท่งที่วางตามแนวนอน โดยแสดงสัดส่วนหรือจ�านวนของประชากร กราฟแท่งด้านซ้ายของแกนตั้งแสดงประชากรชาย และด้านขวาแสดงประชากรหญิง กราฟแต่ละ แท่งแสดงกลุ่มอายุประชากรที่ห่างกันช่วงชั้นละ 5 ปี เริ่มจากฐานที่แสดงกลุ่มอายุน้อยที่สุดไปจนถึง กลุ่มอายุสูงที่สุด ลักษณะพีระมิดประชากรของประเทศหนึ่งๆ สะท้อนการเปลี่ยนแปลงประชากรประเทศนั้น ๆ พีระมิดแบ่งออกตามลักษณะเป็น 3 แบบ ดังนี้ 1. พีระมิดประชากรแบบฐานกว้าง (expensive population pyramid) เป็นพีระมิดที่ แสดงโครงสร้างอายุของประชากรที่มีอัตราเกิดและอัตราตายสูง พบในประเทศอัฟกานิสถานและ บังกลาเทศ 2. พีระมิดประชากรแบบคงที่ (stationary population pyramid) เป็นพีระมิด ที่แสดงโครงสร้างอายุของประชากรที่ประชากรแต่ละอายุมีสัดส่วนใกล้เคียงกัน เนื่องมาจาก อัตราเกิดต�่าและคงที่ เช่นเดียวกับอัตราตายต�่ามากด้วยเช่นกัน พบได้ในประเทศออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา และจีน 3. พีระมิดประชากรแบบฐานแคบ (constrictive population pyramid) เป็นพีระมิดที่ แสดงโครงสร้างอายุของประชากรที่อัตราเกิดและอัตราตายได้ลดต�่าลงมาก พบได้ในประเทศเยอรมนี สวีเดน และสิงคโปร์ พีระมิดประชากรแบบฐานกว้าง พีระมิดประชากรแบบคงที่ พีระมิดประชากรแบบฐานแคบ พีระมิดประชากร รอยละของประชากร 6 4 2 0 0 2 4 6 อายุ (ป) 80+ 75-79 70-74 65-69 60-64 55-59 50-54 45-49 40-44 35-39 30-34 25-29 20-24 15-19 10-14 5-9 0-4 รอยละของประชากร 8 6 4 2 0 อายุ (ป) 80+ 75-79 70-74 65-69 60-64 55-59 50-54 45-49 40-44 35-39 30-34 25-29 20-24 15-19 10-14 5-9 0-4 0 2 4 6 8 80+ 75-79 70-74 65-69 60-64 55-59 50-54 45-49 40-44 35-39 30-34 25-29 20-24 15-19 10-14 5-9 0-4 รอยละของประชากร 6 4 2 0 0 2 4 6 อายุ (ป) 100 ขั้นสรุป ขั้นที่ 4 ขยายความเขาใจ 1. ครูใหนักเรียนกลุมเดิมเลือกทวีป หรือภูมิภาค ที่นักเรียนสนใจ วิเคราะหถึงการกระจายและ ความหนาแนนของประชากรในพื้นที่ดังกลาว จากนั้นนําขอมูลที่ไดมาเชื่อมโยงกับโครงสราง ประชากร ตามลักษณะพีระมิดทั้ง 3 รูปแบบ ไดแก พีระมิดประชากรแบบฐานกวาง แบบคงที่ และแบบฐานแคบ 2. ครูและนักเรียนรวมกันตรวจสอบความถูกตอง และเสนอแนะขอคิดเห็นเพิ่มเติม เกร็ดแนะครู ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับพีระมิดประชากรของประเทศอัฟกานิสถานวา พีระมิดประชากรมีฐานกวางเนื่องจากอัตราเกิดเพิ่มตามธรรมชาติสูง ประชากรวัยเด็กมีเปนจํานวนมากซึ่งตองการการดูแลเอาใจใส ทั้งปจจัย 4 การศึกษา การรักษาพยาบาล จนกระทั่งการหางานทํา เมื่อมีประชากรมาก อาจมีปญหาประชากรลนงาน ในขณะที่สหรัฐอเมริกาพีระมิดประชากรเปนแบบ คงที่ กรณีนี้ประชากรวัยแรงงานยังคงมีมากพอในการดูแลประชากรวัยพึ่งพิง แตประชากรสูงวัยมีแนวโนมสูงขึ้น นักเรียนดูพีระมิดประชากรในหนังสือเรียนหนา 100 จากนั้น ใหนักเรียนรวมกันวิเคราะหถึงแนวโนมประชากรในอนาคต ของพีระมิดประชากรทั้ง 3 แบบ แลวนํามาอภิปรายรวมกันใน ชั้นเรียน กิจกรรม สรางเสริม นํา สอน สรุป ประเมิน T104


กิจกรรม เสริมสรางคุณลักษณะอันพึงประสงค พีระมิดประชากรโลก ประเทศเคนยา สหรัฐอเมริกา และอิตาลี ที่มา : United Nations, Department of Economic and Social Affairs 1) โครงสร้างประชากรโลก ประชากรโลกมีแนวโน้มว่าจะมีวัยเด็กลดน้อยลง สัดส่วนของประชากรสูงอายุมีแนวโน้มที่สูงขึ้น แสดงว่าโครงสร้างของประชากรได้เปลี่ยนแปลง เข้าไปสู่สังคมผู้สูงอายุ ซึ่งขณะนี้ยุโรปกลายเป็น ภูมิภาคที่มีผู้สูงอายุมากที่สุดในโลก ประเทศที่มี สัดส่วนผู้สูงอายุสูงกว่าร้อยละ 20 เช่น โมนาโก อิตาลี กรีซ เยอรมนี ดังนั้น ในหลายประเทศจึง พยายามศึกษาและวิจัยเกี่ยวกับผู้สูงอายุมากขึ้น เพื่อพัฒนาประเทศของตนให้กลายเป็น “สังคม ผู้สูงอายุที่มีคุณภาพ” ต่อไปในอนาคต ประเทศที่มีประชากรในวัยเด็กมาก มีลักษณะของพีระมิดฐานกว้าง ยอดแหลม บ่งบอกถึงการเพิ่มขึ้นของขนาดประชากรอย่างรวดเร็ว พบในประเทศก�าลังพัฒนา เช่น ประเทศ อัฟกานิสถาน เคนยา ในขณะที่ประเทศที่พัฒนาแล้ว มีประชากรในวัยเด็กและวัยท�างานจ�านวน ใกล้เคียงกัน แสดงถึงการเพิ่มขึ้นของประชากรเป็นไปอย่างช้า ๆ เช่น สหรัฐอเมริกา หรือประเทศ ที่ประชากรวัยเด็กน้อยและวัยสูงอายุมาก แสดงถึงประชากรที่ไม่เพิ่มขึ้นหรือมีแนวโน้มลดลง เช่น ประเทศอิตาลี ญี่ปุ่น พีระมิดประชากรโลก ที่มา : United Nations, Department of Economic and Social Affairs 5 50 110 อายุ (ป) 100 90 80 70 60 50 40 30 20 10 0 รอยละของประชากร เคนยา : ค.ศ. 2010 4 2 20 4 110 อายุ (ป) 100 90 80 70 60 50 40 30 20 10 0 รอยละของประชากร สหรัฐอเมริกา : ค.ศ. 2010 5 0 5 110 อายุ (ป) 100 90 80 70 60 50 40 30 20 10 0 อิตาลี : ค.ศ. 2010 รอยละของประชากร 5 01 12 23 3 4 4 5 110 อายุ (ป) 100 90 80 70 60 50 40 30 20 10 0 ค.ศ. 2015 รอยละของประชากร 5 01 12 23 3 4 4 5 110 อายุ (ป) 100 90 80 70 60 50 40 30 20 10 0 ค.ศ. 2060 รอยละของประชากร 101 เข้าไปสู่สังคมผู้สูงอายุ ซึ่งขณะนี้ยุโรปกลายเป็น ประเทศที่มีประชากรในวัยเด็กมาก 1 2 ขั้นสรุป ขั้นที่ 4 ขยายความเขาใจ 3. ครูสุมนักเรียนเพื่อแสดงความคิดเห็นใน ประเด็นแนวโนมโครงสรางประชากรโลกและ ประชากรไทยในอนาคตตามความคิดเห็น ของนักเรียน พรอมทั้งยกตัวอยางและอธิบาย เหตุผลประกอบ จากนั้นครูตั้งคําถามเพิ่มเติม เชน • พีระมิดแบบขยายตัวแสดงถึงสิ่งใด และมักพบในกลุมประเทศใด (แนวตอบ พีระมิดแบบขยายตัว หรือพีระมิดที่ มีฐานกวาง ยอดแหลม สามารถแสดงขอมูล ไดวามีจํานวนคนเกิดและคนตายมาก มัก พบในกลุมประเทศอัฟกานิสถาน บังกลาเทศ อันมีสาเหตุมาจากปญหาในดานการแพทย การสาธารณสุข การศึกษา หรือเศรษฐกิจ) 4. ครูใหนักเรียนทบทวนความรู หรือใช PPT สรุปสาระสําคัญของเนื้อหาที่ไดศึกษามา 5. ครูใหนักเรียนทําใบงานที่ 3.1 เรื่อง การกระจาย และความหนาแนนของประชากร 6. ครูใหนักเรียนทําแบบฝกสมรรถนะฯ ภูมิศาสตร ม.4-6 เกี่ยวกับเรื่อง การกระจายและความ หนาแนนของประชากร นักเรียนควรรู 1 สังคมผูสูงอายุ เปนสังคมที่มีประชากรอายุ 60 ปขึ้นไปที่อยูจริงใน พื้นที่ตอประชากรทุกชวงอายุในพื้นที่เดียวกันในอัตราเทากับหรือมากกวา รอยละ 10 ขึ้นไป หรือมีประชากรอายุ 65 ปขึ้นไปในพื้นที่ตอประชากรทุกชวง อายุในพื้นที่เดียวกันในอัตราเทากับหรือมากกวารอยละ 7 2 วัยเด็ก ชวงตนของชีวิตซึ่งอยูในภาวะตองพึ่งพิงผูอื่น ยังไมมีสถานภาพ ทางสังคม เศรษฐกิจ และทางกฎหมายเทียบเทากับผูใหญ นักเรียนรวมกลุมรวมกันศึกษาคนควาเกี่ยวกับสถานการณสังคม ผูสูงอายุทั่วโลก จากนั้นเลือกประเทศที่นักเรียนสนใจมาวิเคราะห ในประเด็นดังตอไปนี้ • สถานการณผูสูงอายุภายในประเทศ • ระบบสวัสดิการของผูสูงอายุ • การดูแลผูสูงอายุในระยะยาว แลวจัดทําเปนรายงานสงครูผูสอน นํา สอน สรุป ประเมิน T105


ขอสอบเนนการคิด 0 10 20 30 40 50 60 70 80+ 4,000,000 2,000,000 2,000,000 4,000,000 อายุ (ป) จำนวนประชากร ไทย : พ.ศ. 2543 4,000,000 2,000,000 0 2,000,000 4,000,000 จำนวนประชากร อายุ (ป) ไทย : พ.ศ. 2563 10 20 30 40 50 60 70 80+ 2) โครงสร้างประชากรไทย ปัจจุบันแม้ว่าขนาดของประชากรไทยค่อนข้างคงที่ อยู่ที่ประมาณ 66 ล้านคน แต่โครงสร้างของประชากรก�าลังเปลี่ยนไปอย่างมาก ในรอบ 50 ปี ที่ผ่านมาประชากรไทยเปลี่ยนโครงสร้างจากที่เคยเป็นประชากรวัยเด็กมาเป็นประชากรสูงอายุ เมื่อ พ.ศ.2503 ประชากรอายุ65 ปีขึ้นไป มีอยู่ไม่ถึงร้อยละ 3 และจากการส�ารวจประชากร สูงอายุของส�านักงานสถิติแห่งชาติ ใน พ.ศ. 2557 พบว่า มีจ�านวนผู้สูงอายุคิดเป็นร้อยละ 14.9 ของประชากรทั้งหมด หรือมีจ�านวนประมาณ 10 ล้านคน ในขณะที่ประชากรวัยเด็กอายุต�่ากว่า 15 ปี ซึ่งเคยมีอยู่มากถึงร้อยละ 40 ใน พ.ศ.2503 ได้ลดลงครึ่งหนึ่งเหลือเพียงประมาณร้อยละ 20 ใน พ.ศ. 2557 หรือประมาณ 11.9 ล้านคน การที่ภาวะเจริญพันธุ์จะลดต�่าลงไปอีก และผู้คนจะมี ชีวิตยืนยาวขึ้น จะท�าให้ประชากรไทยมีอายุเฉลี่ยสูงขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากประเทศไทยมีนโยบายวางแผนครอบครัวที่ได้ผลดีมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ผู้หญิงไทยในวัยท�างานมีแนวโน้มที่จะแต่งงานช้าและเป็นโสดมากขึ้น ตลอดจนโครงสร้างของสังคม ที่เปลี่ยนมาเป็นครอบครัวเดี่ยวมากขึ้น ส่งผลให้ประเทศไทยก�าลังจะก้าวเข้าสู่สังคมของผู้สูงอายุ ในอนาคต ดังนั้น การรักษาระดับอัตราเจริญพันธุ์ไม่ให้ลดต�่าลงไป เตรียมความพร้อมสู่สังคม สูงอายุเป็นมาตรการส�าคัญและท้าทายส�าหรับสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรไทย พีระมิดประชากรไทย พ.ศ. 2543 พีระมิดประชากรไทย พ.ศ. 2563 ที่มา : World Population Prospect, 2012 102 ปจจัยสําคัญที่ทําใหประเทศไทยเริ่มเขาสูสังคมผูสูงอายุคืออะไร (แนวตอบ การลดลงของภาวะการเกิดหรือภาวะเจริญพันธุ เนื่องจากในอดีตคนไทยนิยมมีลูกมาก ปจจุบันขนาดของครอบครัว เล็กลง โดยมีบุตรโดยเฉลี่ยประมาณ 1 คน รวมถึงความเจริญ กาวหนาทางดานการแพทยและสาธารณสุข สงผลใหประชากรไทย มีอายุยืนยาวขึ้น โดยอายุเฉลี่ยของคนไทยอยูที่ 75 ปในปจจุบัน) ขั้นประเมิน ขั้นที่ 5 ตรวจสอบผล 1. ครูและนักเรียนรวมกันตรวจสอบผลจากการ ตอบคําถาม การทําใบงาน และการทําแบบฝก สมรรถนะฯ ภูมิศาสตร ม.4-6 ตลอดจนการใช เครื่องมือทางภูมิศาสตรในการสืบคนเกี่ยวกับ การกระจายและความหนาแนนของประชากร 2. ครูประเมินผลโดยสังเกตจากการตอบคําถาม การรวมกันทํางาน และการนําเสนอผลงาน หนาชั้นเรียน 3. ครูตรวจสอบผลจากการทําใบงานและแบบฝก สมรรถนะฯ ภูมิศาสตร ม.4-6 แนวทางการวัดและประเมินผล ครูสามารถวัดและประเมินความเขาใจเนื้อหา เรื่อง โครงสรางประชากร การกระจายและความหนาแนนของประชากร ไดจากการตอบคําถาม การรวมกัน ทํางานและการนําเสนอผลงานหนาชั้นเรียน โดยศึกษาเกณฑการวัดและประเมินผล จากแบบประเมินการนําเสนอผลงานที่แนบมาทายแผนการจัดการเรียนรูหนวยที่ 3 เรื่อง สิ่งแวดลอมทางกายภาพกับประชากรและการตั้งถิ่นฐาน แบบประเมินการน าเสนอผลงาน ค าชี้แจง : ให้ผู้สอนประเมินผลการน าเสนอผลงานของนักเรียนตามรายการ แล้วขีด ลงในช่องที่ ตรงกับระดับคะแนน ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ............/................./................ เกณฑ์การให้คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินสมบูรณ์ชัดเจน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินเป็นส่วนใหญ่ ให้ 2 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินบางส่วน ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ต่ ากว่า 8 ปรับปรุง ล าดับที่ รายการประเมินระดับคะแนน 3 2 1 1 ความถูกต้องของเนื้อหา 2 การล าดับขั้นตอนของเรื่อง 3 วิธีการน าเสนอผลงานอย่างสร้างสรรค์ 4 การใช้เทคโนโลยีในการน าเสนอ 5 การมีส่วนร่วมของสมาชิกในกลุ่ม รวม นํา สอน สรุป ประเมิน T106


Geo Tip 2 การเปลี่ยนแปลงประชากรโลกและประชากรไทย ปัจจุบันประชากรโลกและประชากรไทยมีการเปลี่ยนแปลงเนื่องจากการลดลงของอัตรา เกิดและอัตราตาย ส่งผลให้จ�านวนผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น รวมถึงมีการอพยพย้ายถิ่นของประชากร ในภูมิภาคต่าง ๆ 2.1 อัตราเกิด อัตราเกิดของประชากรเป็นปัจจัยส�าคัญของการเพิ่มจ�านวนประชากรซึ่งเกี่ยวข้องกับภาวะ เจริญพันธุ์ของสตรีวัยเจริญพันธุ์ การศึกษาภาวะเจริญพันธุ์มีการวัดที่นิยมใช้ เช่น อัตราเกิดอย่างหยาบ(crudebirthrate) คือ จ�านวนเกิดมีชีพในปีหนึ่งต่อประชากร1,000 คน เมื่อกลางปีนั้น อัตราเจริญพันธุ์รวม (total fertility rate) คือ จ�านวนบุตรโดยเฉลี่ยที่สตรีหนึ่งคนจะมีภายใต้ ข้อสมมติอัตราเจริญพันธ์ุตามหมวดหมู่อายุที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน คงที่ต่อไปตลอดช่วงวัยเจริญพันธุ์ ของสตรี โดยปกติหมายถึงอายุระหว่าง 15 - 49 ปี อัตราเกิดของประชากรโลกลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา กลาวคือ ่ อัตราเกิด ไดลดจาก้ 15.5 คน ต่อ 1,000 คน ใน พ.ศ.2543 เหลือเพียง11 คน ต่อ 1,000 คน ใน พ.ศ.2560 จากสาเหตุปัจจัยที่แตกต่างกัน 1) ปัจจัยที่ส่งผลต่ออัตราเกิด มีดังนี้ 1.1) ระดับการศึกษา ถ้าประชากรมีการศึกษาที่ดีมีความรู้เรื่องการวางแผน ครอบครัว ส่งผลให้อัตราเกิดลดลง 1.2) ค่านิยมและความเชื่อทางศาสนา ที่แตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ บางพื้นที่ นิยมให้มีบุตรมาก หรือความเชื่อบางศาสนาที่ห้ามไม่ให้คุมก�าเนิด 1.3) บริเวณที่อยู่อาศัยและภาวะทางเศรษฐกิจ ประชากรที่อาศัยอยู่ในเมืองมักมี บุตรน้อยกว่าผู้ที่อาศัยในชนบท เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจและค่าครองชีพในเมืองค่อนข้างสูงในประเทศ ที่พัฒนาแล้วจะมีอัตราเกิดต�่ากว่าในประเทศก�าลังพัฒนา เพราะมีการวางแผนครอบครัวที่ดี อัตราเกิดอย่างหยาบ (crude birth rate) ค�านวณได้จากสูตร CBR = B P × k โดยที่ B คือ จ�านวนการเกิดมีชีพทั้งหมดในปีหนึ่ง P คือ จ�านวนประชากรเมื่อกลางปีนั้น k คือ ค่าคงที่ โดยทั่วไปนิยมใช้จ�านวน 1,000 103 กิจกรรม สรางเสริม ขั้นสอน ขั้นที่ 1 การตั้งคําถามเชิงภูมิศาสตร 1. ครูใหนักเรียนศึกษา Geo Tip เกี่ยวกับการ คํานวณอัตราเกิดอยางหยาบ จากนั้นให นักเรียนกําหนดตัวเลขเพื่อทดลองคํานวณ อัตราเกิดอยางหยาบดวยตนเอง ขอมูลการเกิดมีชีพของประเทศ ก. ใน พ.ศ. 2561 มีจํานวน การเกิดมีชีพ 668,730 คน โดยมีประชากรกลางปทั้งหมด 45,870,339 คน ใหนักเรียนรวมกันหาอัตราการเกิดอยางหยาบ เกร็ดแนะครู ครูควรอธิบายเพิ่มเติมวา อายุแรกสมรสและสถานภาพสมรสเปนปจจัย สําคัญอีกประการหนึ่งที่มีผลตอภาวะเจริญพันธุ สังคมใดที่มีประชากรสมรสตั้งแต อายุยังนอยมักจะมีอัตราการเกิดสูงกวาสังคมที่ประชากรมีอายุแรกสมรสมาก สังคมใดที่มีอัตราสวนของคนโสด หมาย หยา แยกกันอยูในอัตราสวนที่สูง ยอม มีโอกาสที่จะมีภาวะเจริญพันธุตํ่ากวาสังคมของผูที่มีอัตราสมรสสูง ขั้นนํา (Geographic Inquiry Process) 1. ครูแจงใหนักเรียนทราบถึงวิธีสอน ชื่อเรื่อง จุดประสงค และผลการเรียนรู 2. ครูใหนักเรียนดูภาพ หรือคลิปวิดีโอเกี่ยวกับ ความแตกตางของลักษณะการอยูอาศัยของ ประชากรในเขตเมืองและในชนบท 3. ครูตั้งคําถามกระตุนความคิดโดยใหนักเรียน รวมกันตอบคําถาม เชน • จากภาพตัวอยาง สามารถแสดงขอมูล ในเรื่องใดไดบาง (แนวตอบ เชน ลักษณะประชากร โครงสราง ประชากร จํานวนประชากร การศึกษา อาชีพ เศรษฐกิจ ลักษณะการอยูอาศัย เทคโนโลยี ฯลฯ) นํา นํา สอน สรุป ประเมิน T107


ขอสอบเนนการคิด 0 ํ 0 ํ 160 ํW 120 ํW 80 ํW 40 ํW 40 ํE 80 ํE 120 ํE 160 ํE Projection: Robinson 140 ํW 100 ํW 60 ํW 20 ํE20 ํW 60 ํE 100 ํE 140 ํE 180 ํ 20 ํS 20 ํN 40 ํN 40 ํS 60 ํN 60 ํS 80 ํN 80 ํS 0 ํ 20 ํS 20 ํN 40 ํN 60 ํN 80 ํN 40 ํS - 48 - 40 - 32 - 24 - 16 - 8 อัตราเกิดตอ 1,000 คน 1 : 230,000,000 แผนที่แสดงอัตราเกิดของประชากรโลก พ.ศ. 2550 N 0 2,000 4,000 กม. 0 ํ 0 ํ 160 ํW 120 ํW 80 ํW 40 ํW 40 ํE 80 ํE 120 ํE 160 ํE 140 ํW 100 ํW 60 ํW 20 ํE20 ํW 60 ํE 100 ํE 140 ํE 180 ํ 20 ํS 20 ํN 40 ํN 40 ํS 60 ํN 60 ํS 80 ํN 80 ํS 0 ํ 20 ํS 20 ํN 40 ํN 60 ํN 80 ํN 40 ํS Projection: Robinson - 48 - 40 - 32 - 24 - 16 - 8 อัตราเกิดตอ 1,000 คน แผนที่แสดงอัตราเกิดของประชากรโลก พ.ศ. 2560 1 : 230,000,000 N 0 2,000 4,000 กม. 2) สถานการณ์อัตราเกิดของโลกและของไทย ในปัจจุบันประเทศที่พัฒนาแล้ว มีการเพิ่มของประชากรค่อนข้างต�่า เนื่องจากค่าครองชีพค่อนข้างสูง มีการพึ่งพาตนเองได้ ท�าให้ ความต้องการแต่งงานและมีบุตรน้อยลง ในขณะที่ประเทศก�าลังพัฒนามีการเพิ่มของประชากรสูง เนื่องจากไม่มีการวางแผนครอบครัว แผนที่แสดงอัตราเกิดของโลก พ.ศ. 2550 แผนที่แสดงอัตราเกิดของโลก พ.ศ. 2560 ที่มา : World Population Data Sheet, 2017 ที่มา : World Population Data Sheet, 2007 104 ขั้นสอน ขั้นที่ 1 การตั้งคําถามเชิงภูมิศาสตร 2. ครูใหนักเรียนดูแผนที่แสดงอัตราเกิดของโลก ใน พ.ศ. 2550 และ พ.ศ. 2560 จากหนังสือเรียน ภูมิศาสตร ม.4-6 แลวรวมกันแสดงความ คิดเห็นเกี่ยวกับอัตราเกิดและจํานวนประชากร ในแตละทวีปทั่วโลก 3. ครูตั้งคําถามใหนักเรียนรวมกันตอบ เชน • จากอัตราเกิดของโลก นักเรียนคิดวา ในอนาคตแนวโนมประชากรโลกอาจมี โครงสรางในรูปแบบใด และมีสาเหตุจาก สิ่งใด (แนวตอบ ในอนาคตประชากรโลกมีแนวโนม วาจะมีโครงสรางเปนสังคมผูสูงอายุ อันมี สาเหตุเนื่องมาจากการมีประชากรวัยเด็ก ที่ลดนอยลง เพราะประชากรสวนใหญให ความสําคัญกับการศึกษา การคุมกําเนิด มีการแตงงานและมีบุตรที่ลดนอยลง ดังนั้น จึงมีการคาดการณวา ในอนาคตประชากร โลกจะกลายเปนสังคมผูสูงอายุเพิ่มมากขึ้น) ขอใดคือปจจัยทางดานชีววิทยาที่เปนตัวกําหนดระดับ ความแตกตางของการเกิด 1. การศึกษา 2. กรรมพันธุ 3. อายุแรกสมรส 4. อัตราตายของเด็ก 5. ความเชื่อในสังคม (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. กรรมพันธุเปนหนึ่งในปจจัย ทางดานชีววิทยาที่กําหนดความแตกตางของการเกิด กลาวคือ โดยปกติคนเราจะมีบุตรครั้งละ 1 คน แตการมีลูกแฝดหรือมีลูก ครั้งละหลายๆ คนนั้นเปนสิ่งที่ถายทอดกันตามกรรมพันธุ ตาม สายเลือดและเชื้อชาติ สวนคําตอบขอ 1., 3., 4., และ 5. เปนปจจัย ดานเศรษฐกิจ สังคม และประชากร) เกร็ดแนะครู ครูอธิบายเพิ่มเติมวา การเกิดมีผลโดยตรงตอการเพิ่มจํานวน หรือขนาด ของประชากร การที่สังคมหนึ่งๆ มีคนเกิดเพิ่มขึ้นยอมทําใหภาวะประชากร เปลี่ยนแปลงไป เชน ทําใหองคประกอบดานเพศและอายุเปลี่ยนแปลง ยกตัวอยางเชน หากสังคมหนึ่งมีคนเกิดเพิ่ม 5 คน เปนชาย 3 คน หญิง 2 คน สังคมนั้นยอมจะมีประชากรที่มีองคประกอบเพศชายและเพศหญิงเพิ่มขึ้นตาม จํานวนดังกลาว หรือมีองคประกอบดานอายุของผูที่อยูในวัยทารกเพิ่มขึ้น 5 คน นํา สอน สรุป ประเมิน T108


เมื่อพิจารณาแผนที่ร่วมกับข้อมูลอัตราเกิดของประชากรโลก พบว่า ประเทศในกลุ่มก�าลังพัฒนา ในทวีปเอเชียและทวีปแอฟริกามีอัตราเกิดอย่างหยาบ ต่อ 1,000 คน สูงกว่าประเทศพัฒนาแล้ว ประเทศที่มีอัตราเกิดเกินกว่า 40 คน ต่อ 1,000 คน ส่วนใหญ่อยู่ในทวีปแอฟริกา โดยประเทศไนเจอร์ มีอัตราเกิดสูงที่สุดอยู่ที่ 48 คน ต่อ 1,000 คน สาเหตุที่ประเทศในแถบนี้มีอัตราเกิดอย่างหยาบสูง เพราะขาดความรู้เรื่องการวางแผนครอบครัวและการคุมก�าเนิด ท�าให้มีอัตราเจริญพันธุ์รวมสูง ไปด้วย คือ สตรีหนึ่งคนมีบุตรหลายคนในวัยเจริญพันธ์ุ พ.ศ.2560 หลายประเทศมีแนวโน้มอัตราเกิดลดลง โดยเฉพาะกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในทวีปยุโรป และอเมริกาเหนือ โดยประเทศโมนาโกมีอัตราเกิดต�่าที่สุดในโลก คือ 7 คน ต่อ 1,000 คน แสดงให้เห็นว่านโยบายประชากร ตลอดจนด้านสาธารณสุขประสบความส�าเร็จ ประเทศไทยมีอัตราเกิดอยู่ที่ 11 คน ต่อ 1,000 คน ลดลงจากในอดีต เนื่องจากปัจจัยทาง ด้านสังคมและเศรษฐกิจ ส่งผลให้ประชากรวัยแรงงานลดลง และผู้ที่อยู่ในภาวะพึ่งพิงเพิ่มขึ้น อัตราเกิดของประชากรโลก พ.ศ. 2550 พ.ศ. 2560 ที่มา : World Population Data Sheet, 2007, 2017 เอเชีย อเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ แอฟริกา ออสเตรเลียและโอเชียเนีย ยุโรป + รัสเซีย จ�านวนประชากร อัตราเกิดต่อประชากร 1,000 คน อัตราเจริญพันธ์ุรวม 582 ล้านคน 16 1.8 523 ล้านคน 19 2.0 จ�านวนประชากร อัตราเกิดต่อประชากร 1,000 คน อัตราเจริญพันธ์ุรวม 423 ล้านคน 16 1.9 381 ล้านคน 21 2.4 จ�านวนประชากร อัตราเกิดต่อประชากร 1,000 คน อัตราเจริญพันธ์ุรวม 1,250 ล้านคน 35 4.6 944 ล้านคน 38 5.0 จ�านวนประชากร อัตราเกิดต่อประชากร 1,000 คน อัตราเจริญพันธ์ุรวม 42 ล้านคน 16 2.3 35 ล้านคน 18 2.1 จ�านวนประชากร อัตราเกิดต่อประชากร 1,000 คน อัตราเจริญพันธ์ุรวม 745 ล้านคน 11 1.6 733 ล้านคน 10 1.5 จ�านวนประชากร อัตราเกิดต่อประชากร 1,000 คน อัตราเจริญพันธ์ุรวม 18 2.2 4,494 ล้านคน 19 2.4 4,010 ล้านคน จ�านวนประชากร (ล้านคน) อัตราเกิดต่อประชากร 1,000 คน 65.7 66.1 1114 ไทย 105 ขั้นสอน ขั้นที่ 1 การตั้งคําถามเชิงภูมิศาสตร 4. ครูใหนักเรียนศึกษาเชื่อมโยงถึงแผนที่แสดง จํานวนประชากรและอัตราเกิดของประชากร โลกและประชากรไทย ใน พ.ศ. 2550 และ พ.ศ. 2560 จากหนังสือเรียน ภูมิศาสตร ม.4-6 แลวรวมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับความ สัมพันธระหวางจํานวนประชากรในแตละทวีป ทั่วโลกและจํานวนประชากรในประเทศไทย 5. ครูใหนักเรียนใชสมารตโฟนสืบคนจํานวน ประชากรและอัตราเกิดของประชากรโลกใน บริเวณพื้นที่ที่นักเรียนสนใจเพิ่มเติม ครูตั้งคําถามเพื่อใหนักเรียนไดรวมกันอภิปรายคําตอบใน หองเรียน เชน • เพราะเหตุใดประเทศที่พัฒนาแลวจึงมีอัตราเกิดตํ่ากวา ประเทศกําลังพัฒนา • ประเทศใดมีอัตราเกิดสูงที่สุดในโลก เพราะเหตุใด • แนวโนมประชากรโลกในอนาคตจะเปนอยางไร เกร็ดแนะครู ครูควรอธิบายเพิ่มเติมวา การศึกษามีสวนทําใหบุคคลมีความรูและตัดสินใจ อยางมีเหตุผลตอภาวการณตางๆ ในแงของการเกิด การศึกษาจะชวยใหบุคคล เปลี่ยนแปลงความเชื่อดั้งเดิม รวมทั้งมีทัศนคติที่ดีตอการคุมกําเนิด และเห็น ความจําเปนที่จะตองจํากัดขนาดของครอบครัวใหเหมาะสมกับทรัพยากรที่มี อยูและหามาได กิจกรรม สรางเสริม นํา สอน สรุป ประเมิน T109


ขอสอบเนนการคิด 2.2 อัตราตาย การศึกษาอัตราตายมีการวัดที่นิยมใช้ เช่น อัตราตายหรืออัตราตายอย่างหยาบ (crude death rate) หมายถึง จ�านวนคนตายในเวลา 1 ปี ต่อประชากร 1,000 คน อายุคาดเฉลี่ย (life expectancy) หมายถึง อายุโดยเฉลี่ยของประชากรที่คาดว่าจะมี ชีวิตอยู่ อายุคาดเฉลี่ยหรือระยะเวลาของการมีชีวิตอยู่ มีการเปลี่ยนแปลงสูงขึ้นในช่วง พ.ศ. 2493 - 2498 อายุคาดเฉลี่ยของประชากรโลกอยู่ที่ 46.9 ปี ช่วง พ.ศ. 2533 - 2538 อายุคาดเฉลี่ยของ ประชากรโลกอยู่ที่ 64.8 ปี ซึ่งมีอายุคาดเฉลี่ยเพิ่มขึ้นกว่า 18 ปี ในช่วงเวลา 40 ปี และอายุคาดเฉลี่ย ของประชากรโลกระหว่าง พ.ศ. 2553 - 2558 เพิ่มเป็นประมาณ 70 ปี ปัจจุบันการแพทย์และสาธารณสุขมีความก้าวหน้ามาก ส่งผลให้โอกาสรอดชีวิตของมนุษย์ เพิ่มมากขึ้น ประเทศต่าง ๆ จึงมีอัตราตายที่ลดลง โดยเฉพาะประเทศที่พัฒนาแล้ว 1) ปัจจัยที่ส่งผลต่ออัตราตาย อัตราตายมีผลมาจากปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้ 1.1) ด้านสาธารณสุข ประเทศที่มีความเจริญทางการแพทย์ รวมถึงมีสวัสดิการ ทางสังคมที่ดี มีการดูแลผู้สูงอายุ ประชากรจะมีชีวิตยืนยาว มีอัตราตายต�่า 1.2) ด้านการศึกษา ปัจจุบันการให้ความรู้เรื่องการวางแผนครอบครัว เช่น การวางแผนการมีบุตร รวมถึงความรู้ด้านสุขอนามัย ท�าให้ลดอัตราตายของทารกได้มาก 1.3) ด้านเศรษฐกิจ การเมืองและสิ่งแวดล้อม ประเทศที่มีสงครามหรือมีปัญหา ทางเศรษฐกิจ รวมถึงได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ และการแพร่กระจายของเชื้อโรค ส่งผลให้อัตราตายเพิ่มสูงขึ้น ประเทศที่มีความเจริญก้าวหน้าทางการแพทย์ ช่วยยืดอายุคนให้ยาวนานขึ้น 106 2.2 อัตราตาย 1 ความแตกตางในถิ่นที่อยูอาศัยสงผลใหเกิดความแตกตาง ในอัตราตายไดอยางไร (แนวตอบ โดยปกติผูที่อาศัยในเมืองมีโอกาสเขาถึงบริการ ทางการแพทยไดงายและสะดวกกวาผูที่อาศัยในชนบท จึงสงผลให ผูอยูในเมืองมีอัตราตายตํ่ากวา นอกจากนี้ ในชนบทบางพื้นที่ ยังประสบปญหาขาดแคลนนํ้าดื่มนํ้าใชที่สะอาด ขาดหองนํ้าที่ ถูกสุขลักษณะ สงผลใหมีความเสี่ยงในการติดเชื้อจากโรคระบาด ซึ่งสงผลใหมีอัตราตายสูงกวาในเขตเมือง) ขั้นสอน ขั้นที่ 1 การตั้งคําถามเชิงภูมิศาสตร 6. ครูกระตุนใหนักเรียนชวยกันตั้งประเด็นคําถาม เชิงภูมิศาสตร เชน • ปจจัยใดที่ทําใหประเทศตางๆ ในโลกมี อัตราเกิดและอัตราตายที่แตกตางกัน • โครงสรางประชากรแตละพื้นที่มีสิ่งใดเปน เกณฑในการจัดแบง ตลอดจนมีความ เหมือนหรือความแตกตางกัน อยางไร • หากในอนาคต ประชากรโลกมีชวงอายุใด อายุหนึ่งมากจนเกินไป จะสงผลกระทบตอ สิ่งใดบาง เกร็ดแนะครู ครูอธิบายเพิ่มเติมวา ผูที่ไดรับการศึกษาโดยปกติแลวจะเปนผูมีความรู มีการระวังรักษา สามารถปฏิบัติตนและแนะนําใหผูอื่นพนจากโรคภัยตางๆ ได ดีกวาผูมีการศึกษาดอยกวา หรือไมมีการศึกษา ความแตกตางในระดับการศึกษา จึงมีผลตอความแตกตางในอัตราตายดวย นักเรียนควรรู 1 อัตราตาย การวัดที่ใหขอมูลเพื่อเปรียบเทียบภาวะการตายของประชากร กลุมตางๆ ดัชนีวัดภาวะการตายในทางประชากรศาสตรมีหลายแบบ ซึ่งมีวิธีคิด คํานวณตางกัน ที่นิยมใชมากที่สุด คือ อัตราตายอยางหยาบ สูตรที่ใชในการ คํานวณ คือ CDR = D P x 1,000 นํา สอน สรุป ประเมิน T110


0 ํ 0 ํ 160 ํW 120 ํW 80 ํW 40 ํW 40 ํE 80 ํE 120 ํE 160 ํE 140 ํW 100 ํW 60 ํW 20 ํE20 ํW 60 ํE 100 ํE 140 ํE 180 ํ 20 ํS 20 ํN 40 ํN 40 ํS 60 ํN 60 ํS 80 ํN 80 ํS 0 ํ 20 ํS 20 ํN 40 ํN 60 ํN 80 ํN 40 ํS Projection: Robinson แผนที่แสดงอัตราตายของประชากรโลก พ.ศ. 2550 1 : 230,000,000 N 0 2,000 4,000 กม. - 15 - 12.5 - 10 - 7.5 - 5 - 2.5 อัตราตายตอ 1,000 คน 0 ํ 0 ํ 160 ํW 120 ํW 80 ํW 40 ํW 40 ํE 80 ํE 120 ํE 160 ํE 140 ํW 100 ํW 60 ํW 20 ํE20 ํW 60 ํE 100 ํE 140 ํE 180 ํ 20 ํS 20 ํN 40 ํN 40 ํS 60 ํN 60 ํS 80 ํN 80 ํS 0 ํ 20 ํS 20 ํN 40 ํN 60 ํN 80 ํN 40 ํS Projection: Robinson แผนที่แสดงอัตราตายของประชากรโลก พ.ศ. 2560 1 : 230,000,000 N 0 2,000 4,000 กม. - 15 - 12.5 - 10 - 7.5 - 5 - 2.5 อัตราตายตอ 1,000 คน 2) สถานการณ์อัตราตายของโลกและของไทย ปัจจุบันอัตราตายของประชากร ในประเทศที่พัฒนาแล้วมีอัตราค่อนข้างคงที่ ส่วนประเทศก�าลังพัฒนาโดยเฉพาะในทวีปแอฟริกา มีอัตราตายลดลง เนื่องจากมีการพัฒนาทางด้านการแพทย์และสาธารณสุขมากขึ้น ที่มา : World Population Data Sheet, 2017 แผนที่แสดงอัตราตายของโลก พ.ศ. 2550 แผนที่แสดงอัตราตายของโลก พ.ศ. 2560 ที่มา : World Population Data Sheet, 2007 107 ขั้นสอน ขั้นที่ 2 การรวบรวมขอมูล 1. ครูใหนักเรียนแบงกลุม กลุมละ 4 คน โดยให นักเรียนในแตละกลุมมีหมายเลขประจําตัว คือ หมายเลข 1 2 3 และ 4 เรียกวา กลุมแมบาน 2. นักเรียนกลุมแมบานแยกยายไปรวมกันตาม หมายเลขเดียวกัน เรียกวา กลุมผูเชี่ยวชาญ 3. สมาชิกในกลุมผูเชี่ยวชาญ รวมกันสืบคนความรู เรื่อง การเปลี่ยนแปลงประชากรโลกและ ประชากรไทย จากหนังสือเรียน ประกอบการ ใชเครื่องมือทางภูมิศาสตร เชน แผนที่แสดง อัตราตายของโลก จากหนังสือเรียน ภูมิศาสตร ม.4-6 และสรุปความรูลงในใบงาน ตาม ประเด็นตอไปนี้ • หมายเลข 1 ทําใบงานที่ 3.2 เรื่อง การเกิด • หมายเลข 2 ทําใบงานที่ 3.3 เรื่อง การตาย • หมายเลข 3 ทําใบงานที่ 3.4 เรื่อง การยายถิ่น • หมายเลข 4 ทําใบงานที่ 3.5 เรื่อง การเปลี่ยนแปลงประชากรสูงอายุ 4. ครูแนะนําแหลงขอมูลสารสนเทศที่นาเชื่อถือ ใหกับนักเรียนเพิ่มเติม เกร็ดแนะครู ครูอธิบายเพิ่มเติมวา อัตราตายของประชากรในประเทศตางๆ ทั้งของโลก และของไทยมีแนวโนมลดลง ในอนาคตสําหรับประเทศที่พัฒนาแลวมีความเปน ไปไดที่อัตราตายจะลดตํ่าลงไปอีก โดยเฉพาะโอกาสที่จะคนพบวิธีการปองกัน รักษาโรคที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ตลอดจนไดรับการรักษาพยาบาลที่ดีและทั่วถึง กิจกรรม ทาทาย นักเรียนรวมกันอภิปรายถึงสาเหตุที่ประชากรในอดีตมีอายุขัย เฉลี่ยสั้นกวาประชากรในปจจุบัน จากนั้นใหนักเรียนไปคนควาสถิติ การตายและสาเหตุการตายของประชากรในอําเภอของนักเรียน แลวนํามาศึกษาหาขอสรุป จัดทําเปนรายงานสงครูผูสอน นํา นํา สอน สอ สรุป ประเมิน T111


เมื่อพิจารณาแผนที่ร่วมกับข้อมูลอัตราตายของประชากรโลก พบว่า สถานการณ์อัตราตาย ของโลกและของไทย ในรอบ 10 ปี (พ.ศ. 2550 - 2560) อัตราตายในประเทศก�าลังพัฒนาลดลง อย่างเห็นได้ชัด เช่น หลายประเทศในแถบเอเชียกลาง ทวีปแอฟริกา เนื่องจากโภชนาการหรือ การบริโภคอาหารที่ดีมีคุณภาพ เทคโนโลยีทางการแพทย์และสาธารณสุขล้วนท�าให้อายุคาดเฉลี่ย ของประชากรยืนยาวขึ้น นอกจากนี้ พบว่าจากจ�านวนผู้เสียชีวิตต่อประชากร 1,000 คน อัตราตายที่สูงเป็นอันดับแรก ของโลกอยู่ในทวีปยุโรป ประเทศบัลแกเรีย มีอัตราตายสูงที่สุด 15 คน ต่อ 1,000 คน สาเหตุ การตายหลักมาจากโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ รองลงมา ได้แก่ โรคหลอดเลือดสมอง ในขณะที่ทวีป อเมริกาใต้มีอัตราตายต�่าที่สุด ส่วนประเทศไทยมีอัตราตายอยู่ที่ 8 คน ต่อ 1,000 คน เนื่องจากการพัฒนาทางการแพทย์ และสาธารณสุข ท�าให้คนไทยมีชีวิตยืนยาวขึ้น การลดลงอย่างรวดเร็วของภาวะเจริญพันธุ์ ท�าให้ ประเทศไทยก�าลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ อัตราตายของประชากรโลก พ.ศ. 2550 พ.ศ. 2560 ที่มา : World Population Data Sheet, 2007, 2017 เอเชีย อเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ แอฟริกา จ�านวนประชากร อัตราตายต่อประชากร 1,000 คน 582 ล้านคน 523 ล้านคน 7 7 จ�านวนประชากร อัตราตายต่อประชากร 1,000 คน 745 ล้านคน 733 ล้านคน 11 11 จ�านวนประชากร อัตราตายต่อประชากร 1,000 คน 42 ล้านคน 35 ล้านคน 7 7 จ�านวนประชากร อัตราตายต่อประชากร 1,000 คน 423 ล้านคน 381 ล้านคน 6 6 จ�านวนประชากร อัตราตายต่อประชากร 1,000 คน 4,494 ล้านคน 4,010 ล้านคน 7 7 จ�านวนประชากร อัตราตายต่อประชากร 1,000 คน 1,250 ล้านคน 944 ล้านคน 14 9 ยุโรป + รัสเซีย ออสเตรเลียและโอเชียเนีย จ�านวนประชากร (ล้านคน) อัตราตายต่อประชากร 1,000 คน 65.7 66.1 87 ไทย 108 การตายหลักมาจากโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ รองลงมา ได้แก่ โรคหลอดเลือดสมอง ในขณะที่ทวีป 1 2 ขั้นสอน ขั้นที่ 3 การจัดการขอมูล 1. สมาชิกในกลุมผูเชี่ยวชาญแตละหมายเลข ทําการรวบรวมและอภิปรายขอมูลจากการทํา ใบงาน แลวกลับไปยังกลุมแมบานของตนเอง 2. สมาชิกแตละคนในกลุมนําขอมูลที่ตนไดจาก การรวบรวมมาอธิบายแลกเปลี่ยนความรูกัน นักเรียนควรรู 1 โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ โรคที่เกิดจากหลอดเลือดแดงที่เลี้ยงกลามเนื้อ หัวใจตีบหรือตัน ผูชายมีโอกาสเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบไดมากกวาผูหญิง แตในผูหญิงที่หมดประจําเดือนแลวมีโอกาสเสี่ยงใกลเคียงกับผูชาย 2 โรคหลอดเลือดสมอง เปนความผิดปกติของหลอดเลือดที่ทําหนาที่สงผาน เลือดไปเลี้ยงสมอง นักเรียนแบงกลุมรวมกันสืบคนจํานวนและอัตราตายของ ประชากรโลกและประชากรไทย จําแนกตามสาเหตุสําคัญ โดย เปรียบเทียบขอมูลยอนหลัง 5 ป แลวนําเสนอในรูปแบบที่นักเรียน สนใจ เชน PPT รายงาน แผนภูมิ กราฟ หนาชั้นเรียน ขั้นที่ 4 การวิเคราะหและแปลผลขอมูล 1. ครูสุมถามนักเรียนเพิ่มเติมถึงพื้นที่ที่มีอัตรา เกิด อัตราตายมากที่สุดและนอยที่สุด รวมถึง สาเหตุ จากนั้นอภิปรายรวมกัน 2. ครูใหนักเรียนดูคลิปวิดีโอที่เกี่ยวของกับ การตายของประชากรโลกและประชากร ไทย จากนั้นตั้งคําถามเพื่อเปนการเชื่อมโยง และวิเคราะหความรูเพิ่มเติม เชน • ในปจจุบันขนาดของประชากรมนุษย มีจํานวนเพิ่มมากขึ้น สวนหนึ่งเปนเพราะ อัตราการรอดชีวิตของทุกชวงอายุสูงขึ้น นักเรียนคิดวามีสาเหตุจากสิ่งใด (แนวตอบ ความกาวหนาทางอุตสาหกรรม และการแพทย ทําใหประชากรสามารถ สรางสรรคสิ่งใหมๆ เพื่ออํานวยความสะดวก และเพิ่มคุณภาพในการดํารงชีวิต เชน การสรางที่อยูอาศัย โรงงานอุตสาหกรรม รถยนต เครื่องทุนแรงตางๆ รวมไปถึงการ พัฒนาในดานการรักษาโรคและควบคุม โรคอยางมีประสิทธิภาพ สงผลใหอัตราการ รอดชีวิตเพิ่มสูงขึ้น หรือมีอัตราตายที่ ลดนอยลง) กิจกรรม ทาทาย นํา สอน สรุป ประเมิน T112


การเปลี่ยนแปลงประชากรสูงอายุเกิดจากปัจจัยต่างๆ และมีสถานการณ์การเปลี่ยนแปลง ดังนี้ 1) ปัจจัยที่ท�าให้เกิดการเปลี่ยนแปลงประชากรสูงอายุ ที่ส�าคัญ ได้แก่ 2.3 การเปลี่ยนแปลงประชากรสูงอายุ ผู้สูงอายุเป็นประชากรที่มีอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป โดยสหประชาชาติระบุไว้ว่าประเทศใด มีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปในสัดส่วนเกินกว่าร้อยละ 10 ของจ�านวนประชากรทั้งประเทศถือว่า ประเทศนั้นก้าวสู่การเป็นสังคมผู้สูงอายุ องค์การเฮลป์เอจ อินเตอร์เนชั่นแนล (HelpAge International) ได้วิเคราะห์แนวโน้มของ ประชากรสูงวัยทั่วโลกในช่วงระหว่าง พ.ศ. 2558 - 2593 ดังนี้ อายุ60+ 901 ล้านคน คิดเป็น12.3 % ของประชากร ทั้งหมด ปี2558 อายุ60+ 1,402 ล้านคน คิดเป็น16.5 % ของประชากร ทั้งหมด ปี2573 อายุ 60+ 2,092 ล้านคน คิดเป็น 21.5 % ของประชากร ทั้งหมด ปี2593 ความก้าวหน้าทางด้านการแพทย์ ท�าให้ผู้สูงอายุได้รับการ รักษาพยาบาลเป็นอย่างดี และมีชีวิตยืนยาวมากขึ้น ที่มา : UNDESA World Population Division, World Population Prospects, 2015 1.1) การพัฒนาเศรษฐกิจและ การพัฒนาประเทศ มีการเพิ่มสวัสดิการแก่ ประชากรมากขึ้น มีการพัฒนาในด้านสาธารณสุข การคมนาคมขนส่ง ท�าให้ประชากรมีชีวิตความ เป็นอยู่ที่ดีขึ้น 1.2) ความก้าวหน้าทางด้าน วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และการแพทย์ ท�าให้ มีการพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ ในการรักษาโรค และควบคุมโรคระบาด ท�าให้ประชากรมีอายุ ยืนยาวมากขึ้น 109 2.3 การเปลี่ยนแปลงประชากรสูงอายุ1 ขั้นสอน ขั้นที่ 4 การวิเคราะหและแปลผลขอมูล • การแพรกระจายของโรคระบาด มีความ เกี่ยวของกับปจจัยที่สงผลตอการตายของ ประชากรในดานใด (แนวตอบ การแพรกระจายของโรคระบาด เปนสาเหตุหนึ่งที่ทําใหประชากรโลก และประชากรไทยตองเสียชีวิตลง ซึ่งมี ความเกี่ยวของกับปจจัยในดานสาธารณสุข สวัสดิการสังคม และสิ่งแวดลอมที่รวมถึง สภาพภูมิอากาศ เนื่องจากการแพรกระจาย ของเชื้อโรคในประเทศเขตรอน หรืออบอุน มักเกิดขึ้นไดงายกวาประเทศในเขตหนาว) ขั้นที่ 5 การสรุปเพื่อตอบคําถาม 1. ครูตั้งคําถามเพื่อทดสอบนักเรียนกลุมแมบาน เพื่อเปนการเชื่อมโยงและวิเคราะหความรู จากนั้นใหนําคะแนนของแตละคนในกลุม มารวมกัน กลุมใดมีคะแนนมากที่สุดถือเปน ผูชนะ ตัวอยางคําถาม เชน • ปจจัยใดบางที่มีผลทําใหจํานวนประชากร ผูสูงอายุมีอัตราที่เปลี่ยนแปลงไปจากในอดีต (แนวตอบ ความกาวหนาทางเศรษฐกิจ ความ กาวหนาทางการแพทย การสาธารณสุข การศึกษา ตลอดจนเทคโนโลยีในดานตางๆ เชน อาหาร ยารักษาโรค เครื่องมือทาง การแพทย การสื่อสาร การคมนาคมตางๆ ที่มีสวนใหชีวิตของประชากรมีความมั่นคง มีอายุยืนยาวมากขึ้น) กิจกรรม ทาทาย นักเรียนรวมกันศึกษาคนควาจํานวนผูสูงอายุในประเทศไทย (อายุ 60 ปขึ้นไป) แบงตามเพศ และจําแนกจังหวัดเปนรายภาค พรอมทั้งคํานวณเปนสัดสวนตอประชากรทั้งหมด โดยระบุปหรือ ชวงเวลาที่ทําการศึกษาคนควา ทําเปนรายงานหรือบันทึกลงสมุด สงครูผูสอน นักเรียนควรรู 1 ประชากรสูงอายุ ประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลก 2 ประเทศอยูใน ทวีปเอเชีย คือ ประเทศจีน มีประชากรผูสูงอายุประมาณ 209 ลานคน (ขอมูล พ.ศ. 2558) คิดเปนรอยละ 15 รองลงมา คือ อินเดีย มีประชากรผูสูงอายุ ประมาณ 117 ลานคน คิดเปนรอยละ 9 บูรณาการอาเซียน ใน พ.ศ. 2558 ประเทศสมาชิกอาเซียนมีประชากรผูสูงอายุประมาณ 55 ลานคน คิดเปนสัดสวนรอยละ 9 ของประชากรทั้งหมด และมีประเทศที่เขาสูสังคม ผูสูงอายุ 3 ประเทศ ไดแก สิงคโปร มีสัดสวนอายุ 60 ปขึ้นไป รอยละ 18 ไทย รอยละ 16 และเวียดนาม รอยละ 10 นํา สอน สรุป ประเมิน T113


ขอสอบเนนการคิด 2) สถานการณ์การเปลี่ยนแปลงประชากรสูงอายุ ในปัจจุบันโลกก�าลังเข้าสู่สังคม ผู้สูงอายุ เนื่องจากประชากรมีอายุยืนยาวมากขึ้น แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าทางการแพทย์ การดูแลสุขภาพ การศึกษา และความเป็นอยู่ทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้น จากแผนภูมิ แสดงให้เห็นแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของประชากรสูงอายุ เนื่องมาจากอัตราเกิด ที่ลดลงในขณะที่ผู้คนมีชีวิตที่ยืนยาวมากขึ้น ทั้งในประเทศที่พัฒนาแล้วและประเทศก�าลังพัฒนา ท�าให้ประชากรทั่วโลกมีอายุคาดเฉลี่ยเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 9 ปีประชากรทั่วโลกที่มีอายุมากกว่า 65 ปีคิดเป็นร้อยละ 20 พบได้ในประเทศแถบทวีปยุโรป และประเทศญี่ปุ่นที่เป็นสังคมผู้สูงอายุ โดยสมบูรณ์ตั้งแต่ พ.ศ. 2553 และใน พ.ศ. 2560 มีประชากรที่อายุมากกว่า 65 ปี สูงที่สุดในโลก แผนภูมิแสดงจ�านวนประชากรสูงอายุประเทศพัฒนาแล้วและประเทศก�าลังพัฒนา ในช่วงระหว่าง ค.ศ. 1950 - 2050 คือ ร้อยละ 26.7 ของประชากรทั้งประเทศ ซึ่ง หลายประเทศได้มีการประชุมเพื่อวางแผนรับมือ กับประชากรผู้สูงอายุในด้านสุขภาพ รวมถึง สภาพแวดล้อมที่เอื้ออ�านวยต่อผู้สูงอายุ ประเทศไทยมีประชากรผู้สูงอายุประมาณ ร้อยละ 15 ของประชากรทั้งหมด รวมถึงการ ลดลงอย่างรวดเร็วของภาวะเจริญพันธุ์โดย ประเทศไทยได้มีนโยบายและเตรียมความพร้อม ในด้านต่าง ๆ เช่น การจ้างแรงงานทดแทนใน ระบบเศรษฐกิจ การบริการสาธารณสุข การสร้าง แบบแผนการอยู่อาศัย ภาวะประชากรในหลายประเทศทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย มีแนวโน้มเข้าสู่การเป็นสังคมผู้สูงอายุ ซึ่งทางภาครัฐควร มีการวางแผนเพื่อรองรับกับภาวะดังกล่าว 2,500 2,000 1,500 1,000 500 0 1950 1955 1960 1965 1970 1975 1980 1985 1990 1995 2000 2005 2010 2015 2020 2025 2030 2035 2040 2045 2050 จ�านวนประชากร (ล้านคน) ค.ศ. ประเทศพัฒนาแล้ว ประเทศก�าลังพัฒนา ที่มา : United Nations, Department of Economic and Social Affairs, 2014 110 ขั้นสอน ขั้นที่ 5 การสรุปเพื่อตอบคําถาม • แนวทางใดบางที่สามารถนํามาแกปญหา การเขาสูสังคมผูสูงอายุในปจจุบัน (แนวตอบ เชน การใหความรู หรือชี้ใหเห็นถึง ความสําคัญของการมีบุตร เพื่อสงเสริมให มีการเพิ่มขึ้นของจํานวนประชากรในสังคม ตลอดจนเพิ่มสวัสดิการ แรงจูงใจ หรือสิทธิ พิเศษในการมีบุตรของวัยเจริญพันธุภายใต การดูแลอยางถูกตองจากทุกภาคสวนของ สังคม) ขอใดหมายถึงสังคมผูสูงอายุโดยสมบูรณ 1. ประเทศ ก มีประชากรอายุ 65 ปขึ้นไป รอยละ 7 ของประชากร ทั้งหมด 2. ประเทศ ข มีประชากรอายุ 60 ปขึ้นไป รอยละ 10 ของประชากรทั้งหมด 3. ประเทศ ค มีประชากรอายุ 60 ปขึ้นไป รอยละ 20 ของประชากรทั้งหมด 4. ประเทศ ง มีประชากรอายุ 65 ปขึ้นไป มากกวารอยละ 7 ของประชากรทั้งหมด 5. ประเทศ จ มีประชากรอายุ 60 ปขึ้นไป มากกวารอยละ 10 ของประชากรทั้งหมด (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. สังคมผูสูงอายุโดยสมบูรณ คือ สังคมที่มีประชากรอายุ 60 ปขึ้นไปตอประชากรในพื้นที่เดียวกัน เทากับหรือมากกวารอยละ 20 ขึ้นไป) เกร็ดแนะครู ครูอธิบายเพิ่มเติมวา ธนาคารโลกไดวิเคราะหสถานการณสังคมผูสูง อายุของภูมิภาคเอเชียตะวันออกวากําลังเพิ่มขึ้นอยางรวดเร็วและมากกวาทุก ภูมิภาคในโลก และปญหาที่จะตามมา คือ การขาดแคลนแรงงานในอนาคต โดยธนาคารโลกคาดการณวาประชากรวัยทํางานจะลดลงจนถึงประมาณรอยละ 15 ใน พ.ศ. 2583 นํา สอน สรุป ประเมิน T114


ขอสอบเนน การคิด การอพยพลี้ภัยสงครามของชาวซีเรีย 2.4 การย้ายถิ่น ปัจจุบันมีการย้ายถิ่นเกิดขึ้นอย่างกว้างขวางทั่วโลก เนื่องจากปัจจัยที่แตกต่างกัน ทั้งจาก ปัญหาสภาพแวดล้อม ปัญหาทางเศรษฐกิจ และปัญหาด้านความปลอดภัย ส่งผลให้ประชากรใน พื้นที่ต่าง ๆ ของโลกมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา 1) ปัจจัยที่ส่งผลต่อการย้ายถิ่น มีหลายปัจจัย ดังนี้ 1.1) ปัจจัยด้านสภาพแวดล้อม มีสภาพภูมิประเทศและภูมิอากาศที่เหมาะสม ทรัพยากรธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ เช่น พื้นที่ราบลุ่ม อากาศอบอุ่น 1.2) ปัจจัยด้านเศรษฐกิจ มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ดี มีอาชีพที่หลากหลาย ทั้งด้านเกษตรกรรม อุตสาหกรรม การค้า และการบริการ 1.3) ปัจจัยด้านความปลอดภัย เช่น สงคราม โรคระบาด ภัยธรรมชาติ 2) ประเภทของการย้ายถิ่น แบ่งได้เป็น 2 ประเภท ได้แก่ 2.1) การย้ายถิ่นแบบสมัครใจ (voluntary migration) ส่วนใหญ่การอพยพย้ายถิ่น มีลักษณะของการย้ายถิ่นแบบสมัครใจ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการตอบสนองต่อปัจจัยที่มีอิทธิพลในการ ย้ายถิ่นต่าง ๆ ผู้ย้ายถิ่นมีความคาดหวังว่าจุดหมายปลายทางจะมีสภาพชีวิตและโอกาสทางเศรษฐกิจ ที่ดีกว่า เช่น เมื่อมีการก่อตั้งสหภาพยุโรปใน พ.ศ. 2547 ประชากรในหลายประเทศ เช่น โปแลนด์ ฮังการี สาธารณรัฐเช็ก ได้รับสิทธิย้ายไปอยู่สหราชอาณาจักรเพื่อพ�านักและท�างาน ส่งผลให้ผู้อพยพ จ�านวนมากเดินทางด้วยความสมัครใจมาอาศัยยังสหราชอาณาจักรเพื่อหางานท�าเนื่องจากเศรษฐกิจ สหราชอาณาจักรก�าลังเฟื่องฟู 2.2) การย้ายถิ่นโดยถูกบังคับ (forced migration) คือ การย้ายถิ่นที่ไม่ได้เป็น ไปโดยความสมัครใจของผู้ย้ายถิ่น แต่มีสาเหตุ มาจากการถูกบังคับ ข่มขู่ หรือรู้สึกว่าชีวิตหรือ สุขภาวะของตนถูกคุกคาม ซึ่งหมายถึง ผู้พลัดถิ่น ผู้ลี้ภัย หรือทาสแรงงานรวมถึงเหยื่อของการค้า มนุษย์ เช่น วิกฤตการณ์ของซีเรียใน พ.ศ.2559 ส่งผลให้ประชากรประเทศซีเรียจดทะเบียนเป็น ผู้ลี้ภัยจ�านวนกว่า 4.5 ล้านคน และมากกว่า ร้อยละ 50 ของประชากรซีเรียได้ย้ายถิ่นออก นอกประเทศ 111 2.4 การย้ายถิ่น1 ขั้นสอน ขั้นที่ 5 การสรุปเพื่อตอบคําถาม • ประชากรสูงอายุมีความสัมพันธกับ การยายถิ่นไดหรือไม อยางไร (แนวตอบ ประชากรสูงอายุอาจมีความ เกี่ยวของสัมพันธกับการยายถิ่น เชน กรณี สถานการณผูสูงอายุในประเทศญี่ปุนที่ มีจํานวนมาก จนกอใหเกิดปญหาดาน การแพทยและการสาธารณสุข เปนผลใหเกิด การยายถิ่นออกนอกประเทศของผูสูงอายุ เพื่อหาที่พักที่เหมาะสม เชน จังหวัดเชียงใหม ประเทศไทย) • การคาทาส เปนการยายถิ่นประเภทใด (แนวตอบ การคาทาส เปนการยายถิ่นแบบ ถูกบังคับใหยาย เพราะเปนการอพยพ ยายถิ่นซึ่งผูที่ตัดสินใจใหมีการยายถิ่น มัก จะไมใชตัวของผูยายถิ่นเอง) นักเรียนควรรู 1 การยายถิ่น มีความเกี่ยวของกับเวลา หากยายถิ่นเปนเวลาสั้นๆ เรียกวา การยายถิ่นชั่วคราว เชน การยายไปหางานทํานอกชวงฤดูเพาะปลูก เมื่อถึงฤดู เพาะปลูกก็ยายกลับถิ่นฐานเดิม สวนการยายถิ่นเปนเวลานาน อาจเปนการยาย อยางถาวร เชน ยายจากชนบทไปทํางานในเมืองใหญ นอกจากนี้ ยังเกี่ยวของ กับระยะทาง เชน ยายจากจังหวัดหนึ่งไปยังอีกจังหวัดหนึ่ง หรือจากประเทศหนึ่ง ไปยังอีกประเทศหนึ่ง เพื่อแสวงหาโอกาสทางเศรษฐกิจที่ดีกวา การยายถิ่นสงผลตอการเปลี่ยนแปลงประชากรอยางไร (แนวตอบ ทําใหมีการเปลี่ยนแปลงขนาด การกระจายตัว และ ความหนาแนนของประชากร กลาวคือ ชุมชนที่ยายถิ่นออกทําให ขนาดหรือจํานวนประชากรลดลง องคประกอบดานเพศ อายุ รวมถึงการกระจายตัวและความหนาแนนเกิดการเปลี่ยนแปลงไป ในทางลดลง ขณะที่ชุมชนที่มีการยายถิ่นเขา ขนาดหรือจํานวน ประชากรจะเพิ่มขึ้น ภาวะประชากรในดานอื่นๆ จะเปลี่ยนแปลง ไปในทางเพิ่มขึ้น) นํา สอน สรุป ประเมิน T115


ตุรกี 2.5 ลานคน อิรักเลบานอน 250,000 คน 1.1 ลานคน จอรแดน อียิปต 635,324 คน 117,658 คน ซีเรีย ทะเลเมดิเตอรเรเน�ยน ไซปรัส คำอธิบายสัญลักษณ ประเทศที่มีการอพยพออก ประเทศที่มีการอพยพเขา แสดงทิศทางการอพยพ 35 ํN 30 ํN 35 ํN 40 ํN 40 ํN 30 ํN 35 ํE 40 ํE 45 ํE 30 ํE 35 ํE 30 ํE 40 ํE 45 ํE N มาตราสวน 1 : 7,000,000 0 150 300 กม. ที่มา : United Nations High Commissioner for Refugees, 2018 3) สถานการณ์ย้ายถิ่นของโลก การย้ายถิ่นมี 3 ลักษณะ ดังนี้ 3.1) การย้ายถิ่นของประชากรในประเทศ เป็นการย้ายถิ่นจากชนบทสู่เมือง เช่น การย้ายถิ่นจากแรงงานในภาคเกษตรกรรมสู่เมืองเพื่อหางานท�า เพราะราคาพืชผลทางการเกษตร ตกต�่า หรือเป็นการย้ายถิ่นระหว่างเมืองที่มีล�าดับศักดิ์ใกล้เคียงกัน 3.2) การย้ายถิ่นของประชากรระหว่างประเทศ เป็นการย้ายถิ่นเพื่อตอบสนองต่อ วัตถุประสงค์ในการพัฒนาฐานะทางเศรษฐกิจของกลุ่มชนหรือบุคคลที่ต้องการจะเปลี่ยนแปลงวิถี ชีวิตและสภาพแวดล้อมของตนเอง แต่บ่อยครั้งที่เป็นการอพยพเนื่องมาจากการหนีภัยธรรมชาติ ภัยสงคราม ปัญหาทางเศรษฐกิจ เพื่อแสวงหาสภาพชีวิตที่ดีกว่าในประเทศที่เป็นจุดหมายปลายทาง แผนที่แสดงการย้ายถิ่นของประชากรระหว่างประเทศจากภัยสงครามในประเทศซีเรีย วิกฤตการณ์ซีเรียเป็นความขัดแย้ง ที่เกิดขึ้นในประเทศซีเรียระหว่างกองทัพที่จงรัก ภักดีต่อรัฐบาล Ba'ath และกลุ่มต่อต้าน ใน พ.ศ. 2559 รายงานประมาณการว่ามีผู้เสียชีวิตจาก สงครามกลางเมืองในซีเรียประมาณ 470,000 คน มีผู้ลี้ภัยประมาณ 4.5 ล้านคนหลบหนีออก จากประเทศไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ตุรกี จ�านวน 2.5 ล้านคน เลบานอนจ�านวน 1.1 ล้านคน และจอร์แดนจ�านวน 6 แสนคน ค่ายผู้อพยพลี้ภัยชาวซีเรีย ในประเทศอิรัก 112 ขั้นสอน ขั้นที่ 5 การสรุปเพื่อตอบคําถาม • ประชากรในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของ ประเทศไทย มักมีการยายถิ่นเขามาตั้ง ถิ่นฐานในเขตกรุงเทพมหานครเปนจํานวน มาก จากสถานการณดังกลาวถือวาเปนการ ยายถิ่นในลักษณะใด (แนวตอบ เปนการยายถิ่นของประชากรใน ประเทศ เนื่องจากเปนการยายถิ่นจากเขต เมืองๆ หนึ่ง ไปสูอีกพื้นที่หนึ่งที่บริเวณ ไมกวางขวางหรือหางไกลกันมากนัก เพื่อ แสวงหาทางเลือกในการดํารงชีวิตที่ดีขึ้น เชน อาชีพ เศรษฐกิจ เทคโนโลยี การศึกษา) • ประเทศจุดหมายสําคัญในการยายถิ่นเขาไป อยูในทวีปยุโรป มีประเทศใดบาง (แนวตอบ เชน สเปน ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี สหราชอาณาจักร) เกร็ดแนะครู ครูอธิบายเพิ่มเติมวา ปจจัยที่ทําใหบุคคลตัดสินใจยายถิ่นมี 2 ประการ คือ ปจจัยผลักดันใหตัดสินใจยายออกจากถิ่นฐานเดิม เชน เกิดภัยพิบัติ โรคระบาด ขาดแคลนที่ดินทํากิน หรือความไมสงบจากสงคราม และปจจัยดึงดูด เชน สภาพทางเศรษฐกิจที่ดี ทําใหมีโอกาสในการแสวงหารายไดสูง ความมั่นคงทาง การเมือง ความปลอดภัยจากภัยพิบัติและปญหาสิ่งแวดลอม นักเรียนรวมกันอภิปรายถึงสาเหตุที่ทําใหประชากรอพยพ ยายถิ่น จากนั้นสืบคนลักษณะการยายถิ่นของประชากรใน ประเทศไทย แลวสรุปผลการศึกษาลงกระดาษรายงาน สงครูผูสอน กิจกรรม สรางเสริม นํา สอน สรุป ประเมิน T116


60 ํS 90 ํS 30 ํS 30 ํN 60 ํN 90 ํN 90 ํS 90 ํN 0 ํ 60 ํS 30 ํS 30 ํN 60 ํN 0 ํ 150 ํW180 ํ 120 ํW 90 ํW 60 ํW 30 ํW 0 ํ 30 ํE 60 ํE 90 ํE 120 ํE 150 ํE 180 ํ ลาตินอเมริกา และแคริบเบียน อเมริกาเหน�อ(สหรัฐอเมริกาและแคนาดา) ออสเตรเลีย และโอเชียเน�ย ยุโรป 1.1 ลานคน 0.4 ลานคน 0.7 ลานคน 0.8 ลานคน 1.1 ลานคน 0.2 ลานคน เอเชีย แอฟริกา คำอธิบายสัญลักษณ ทวีปปลายทาง ทวีปตนทาง N มาตราสวน 1 : 310,000,000 0 3,000 6,000 กม. ที่มา : UNDESA World Population Division, International Migration Report, 2018 3.3) การย้ายถิ่นของประชากรระหว่างทวีป คือ การเคลื่อนย้ายของประชากรต่าง จากทวีปเดิม ระยะทางการย้ายถิ่นไกลขึ้น นั่นหมายถึงประเทศจุดหมายปลายทางจะต้องมีแรงดึงดูด ที่ท�าให้ประชากรต้องการย้ายถิ่นไป เช่น มีงานท�า เศรษฐกิจดี แสวงหาสภาพชีวิตที่ดีกว่าในประเทศ ที่เป็นจุดหมายปลายทาง ซึ่งปัจจุบันเป็นการย้ายถิ่นของแรงงานข้ามชาติซึ่งมีปัจจัยเร่งที่ส�าคัญ เช่น การเปิดเสรีด้านการเคลื่อนย้ายแรงงานเพิ่มมากขึ้น การพัฒนาเส้นทางคมนาคมที่เชื่อมโยง ประเทศต่างๆ เข้าด้วยกัน การขยายการลงทุนไปยังพื้นที่ใหม่ ๆ และการปรับปรุงระบบสวัสดิการ ของแรงงานต่างชาติ แผนที่แสดงการย้ายถิ่นระหว่างทวีปของประชากรโลก ระหว่าง พ.ศ. 2553 - 2558 จากแผนที่ พบว่าในระหว่าง พ.ศ.2553 - 2558 มีผู้อพยพเข้าไปยังทวีปอเมริกาเหนือ (สหรัฐอเมริกาและแคนาดา) ยุโรป และโอเชียเนีย มากกว่า 2 ล้านคนต่อปี ทวีปเอเชียเป็นทวีป ต้นทางที่มีการส่งออกผู้อพยพออกมากที่สุดถึง 1.1 ล้านคน รองลงมา คือ ทวีปแอฟริกา ประมาณ 0.7 ล้านคน ส่วนใหญ่เป็นแรงงานข้ามชาติ โดยประเทศอินเดียและจีนมีรายได้จากแรงงาน ข้ามชาติมากเป็นอันดับที่ 1 และ 2 ของโลก ตามล�าดับ ในทางกลับกัน ประเทศปลายทางของการย้ายถิ่นระหว่างทวีปจากเอเชีย คือ สหรัฐอเมริกาและแคนาดา ท�าให้ทวีปอเมริกาเหนือ (สหรัฐอเมริกาและแคนาดา) เป็นทวีป ปลายทางที่มีการรับผู้อพยพเข้ามากที่สุด เป็นจ�านวนประมาณ 1.1 ล้านคน รองลงมา ได้แก่ ทวีป ยุโรป 0.8 ล้านคน ส่วนทวีปออสเตรเลียและโอเชียเนีย 0.2 ล้านคน 113 กิจกรรม ทาทาย นักเรียนศึกษาคนควาเกี่ยวกับสถานการณแรงงานขามชาติ ในประเทศไทย จากนั้นวิเคราะหในประเด็น ดังนี้ • การดําเนินนโยบายของไทยตอแรงงานขามชาติ • ผลตอระบบเศรษฐกิจของไทย สรุปความรูที่ไดลงสมุดสงครูผูสอน ขั้นสอน ขั้นที่ 5 การสรุปเพื่อตอบคําถาม • หากมีการยายถิ่นของประชากรระหวางทวีป เพิ่มมากขึ้นในอนาคต อาจกอใหเกิดปญหา ในดานใด (แนวตอบ เชน ปญหาในดานแรงงาน ดาน ความมั่นคง ดานเศรษฐกิจ ตลอดจนดาน สาธารณสุข) 2. ครูเฉลยคําถามและรวบรวมคะแนนของ นักเรียนในแตละกลุม สรุปผลการทดสอบและ รวมกันแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม 3. ครูใหนักเรียนทําแบบฝกสมรรถนะฯ ภูมิศาสตร ม.4-6 เกี่ยวกับเรื่อง การเปลี่ยนแปลงประชากร โลกและประชากรไทย ขั้นสรุป ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรูเกี่ยวกับ การเปลี่ยนแปลงประชากรโลกและประชากร ไทย ตลอดจนความสําคัญที่มีอิทธิพลตอการ ดําเนินชีวิตของประชากร หรือใช PPT สรุป สาระสําคัญของเนื้อหา ขั้นประเมิน 1. ครูประเมินผลโดยสังเกตจากการตอบคําถาม การรวมกันทํางาน และการนําเสนอผลงาน หนาชั้นเรียน 2. ครูตรวจสอบผลจากการทําใบงาน และแบบฝก สมรรถนะฯ ภูมิศาสตร ม.4-6 แนวทางการวัดและประเมินผล ครูสามารถวัดและประเมินความเขาใจเนื้อหา เรื่อง การเปลี่ยนแปลง ประชากรโลกและประชากรไทย ไดจากการตอบคําถาม การรวมกันทํางาน และ การนําเสนอผลงานหนาชั้นเรียน โดยศึกษาเกณฑการวัดและประเมินผลจาก แบบประเมินการนําเสนอผลงานที่แนบมาทายแผนการจัดการเรียนรูหนวยที่ 3 เรื่อง สิ่งแวดลอมทางกายภาพกับประชากรและการตั้งถิ่นฐาน แบบประเมินการน าเสนอผลงาน ค าชี้แจง : ให้ผู้สอนประเมินผลการน าเสนอผลงานของนักเรียนตามรายการ แล้วขีด ลงในช่องที่ ตรงกับระดับคะแนน ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ............/................./................ เกณฑ์การให้คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินสมบูรณ์ชัดเจน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินเป็นส่วนใหญ่ ให้ 2 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินบางส่วน ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ต่ ากว่า 8 ปรับปรุง ล าดับที่ รายการประเมินระดับคะแนน 3 2 1 1 ความถูกต้องของเนื้อหา 2 การล าดับขั้นตอนของเรื่อง 3 วิธีการน าเสนอผลงานอย่างสร้างสรรค์ 4 การใช้เทคโนโลยีในการน าเสนอ 5 การมีส่วนร่วมของสมาชิกในกลุ่ม รวม นํา สอน สรุป ประเมิน T117


ขอสอบเนนการคิด 3 การตั้งถิ่นฐานเมืองและชนบท 3.1 ขนาดการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ การตั้งถิ่นฐานจ�าแนกตามขนาดของจ�านวนประชากร แบ่งออกเป็น 1) กลุ่มบ้าน (hamlet) เป็นหมู่บ้านขนาดเล็กมีประชากรน้อยกว่า 100 คน มีโครงสร้างพื้นฐานน้อย ไม่มีองค์กรบริหารหรือปกครองตนเอง 2) หมู่บ้าน (village) เป็นชุมชนที่มีขนาดใหญ่กว่ากลุ่มบ้าน แต่เล็กกว่าเมือง มีประชากรตั้งแต่หลักร้อยถึงหลักพันคน 3) เมือง (town) เป็นชุมชนที่มีประชากรประมาณ 1,000 - 100,000 คน หมู่บ้านกรินเดิลวัลด์รัฐเบิร์น ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ มีประชากรประมาณ 3,700 คน เขตอภิมหานครโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เป็นเขตเมืองขนาดใหญ่ มีประชากรประมาณ 38 ล้านคน 4) เมืองใหญ่ (city) ชุมชนขนาด ใหญ่กว่าเมือง มีสาธารณูปโภค มีเขตการปกครอง ที่แน่นอน มีประชากรประมาณ 100,000 - 300,000 คน 5) มหานคร (metropolis) เมือง ขนาดใหญ่ที่มีประชากรอยู่เป็นจ�านวนมาก หรือ เป็นเมืองหลักของรัฐหรือประเทศ เป็นศูนย์กลาง การปกครอง เศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม เช่น กรุงเทพมหานคร มหานครนิวยอร์ก 6) อภิมหานคร (megalopolis) เขตที่มีมหานครและเมืองใหญ่ ๆ ตั้งอยู่หนาแน่น ติดต่อกัน เช่น ทางชายฝั่งของสหรัฐอเมริกาด้านมหาสมุทรแอตแลนติก ตั้งแต่ทางตอนใต้ของ เมืองบอสตันลงมาถึงกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. หรือเขตอภิมหานครโตเกียว 114 มหานคร (metropolis) 1 ขั้นนํา (Geographic Inquiry Process) 1. ครูใหนักเรียนดูภาพหรือคลิปวิดีโอเกี่ยวกับการ ตั้งถิ่นฐานของประชากรในพื้นที่ตามภูมิภาค ตางๆ ของโลก เชน • นครเซี่ยงไฮ • นครลอนดอน • เขตบริหารพิเศษฮองกง • จังหวัดเชียงใหม 2. ครูและนักเรียนรวมกันแสดงความคิดเห็นจาก ภาพหรือคลิปวิดีโอเกี่ยวกับการตั้งถิ่นฐานของ ประชากรในพื้นที่ตามภูมิภาคตางๆ ของโลก นักเรียนควรรู 1 มหานคร มีลักษณะสําคัญ 2 ประการ คือ เปนศูนยกลางการปกครอง เศรษฐกิจการเงิน สังคมและวัฒนธรรม สามารถที่จะดึงเอาผลผลิตของประเทศ นั้นๆ มาอยูภายในเขตเมืองใหญเพื่อเก็บรวบรวม ตามปกติแหลงอุตสาหกรรม จะตั้งอยูภายในหรือใกลมหานครดวย และตั้งอยูโดดๆ ไมมีอาณาเขตติดกับ มหานครอื่น ถาติดกับมหานครอื่นจะกลายเปนอภิมหานคร ซึ่งก็คือเขตที่มีเมือง หรือนครใหญๆ อยูหนาแนนติดตอกัน ชุมชนเมืองหมายถึงอะไร (แนวตอบ บริเวณที่มีการตั้งถิ่นฐานรวมกลุมของประชากรจํานวน มากในพื้นที่หนึ่งๆ ประชากรสวนใหญประกอบอาชีพหลักที่ไมใช เกษตรกรรม มีความแตกตางจากชนบทอยางชัดเจน เชน ในทาง กายภาพ เมืองจะมีอาคารบานเรือนและตึกสูงอยางหนาแนน การจราจรคับคั่ง ในทางเศรษฐกิจ สังคม และวิถีชีวิตจะมีความ หลากหลายทางอาชีพมากกวา สวนใหญเปนครอบครัวเดี่ยว มีจํานวนสมาชิกในตรอบครัวไมมากเมื่อเทียบกับชนบท) นํา นํา สอน สรุป ประเมิน T118


3.2 ความแตกต่างระหว่างเมืองและชนบท เมือง คือ บริเวณที่มีประชากรอาศัยอยู่หนาแน่น เป็นศูนย์กลางทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม ขณะที่ชนบทมีความหนาแน่นของประชากรต�่ากว่า การประกอบอาชีพของคนใน ชนบทส่วนใหญ่เน้นเกษตรกรรม สภาพแวดล้อมมีความเป็นธรรมชาติ ความแตกต่างระหว่างเมืองและชนบท จ�าแนกตามปัจจัยด้านต่าง ๆ ได้ ดังนี้ ตารางแสดงความแตกต่างระหว่างเมืองและชนบท ปัจจัย ชนบท เมือง 1. สิ่งแวดล้อม สิ่งแวดล้อมในชนบทก�าหนดวิถีการ ด�ารงชีวิตมนุษย์ต้องพึ่งพาธรรมชาติ และปรับตัวให้เหมาะสมกับสภาพ แวดล้อมในท้องถิ่นนั้น ๆ สิ่งแวดล้อมในเมืองส่วนใหญ่เป็น สิ่งปลูกสร้างที่มนุษย์สร้างขึ้น มีความ สะดวกสบาย มีสาธารณูปโภคครบถ้วน แต่ประสบปัญหามลพิษ เนื่องจากเป็น แหล่งอุตสาหกรรมและชุมชนแออัด 2. การตั้งถิ่นฐาน การตั้งหมู่บ้านของชุมชนขนาดย่อม กระจัดกระจายรูปแบบไม่แน่นอน มักตั้งถิ่นฐานตามแหล่งน�้า ล�าคลอง บางส่วนมีการตั้งถิ่นฐานบริเวณที่สูง หรือบริเวณทะเลทรายประชากรจะ ตั้งถิ่นฐานเบาบาง ในเขตเมืองมักตั้งถิ่นฐานบริเวณที่ราบ มีการวางผังเมือง เพื่อความเป็น ระเบียบเรียบร้อย ง่ายต่อการบริหาร จัดการ แต่การตั้งถิ่นฐานจะมีความ แออัด เนื่องจากการอพยพเข้ามา ท�างานของประชากร 3. อาชีพ เนื่องจากชนบทยังมีทรัพยากร ธรรมชาติอยู่มาก โดยเฉพาะที่ดิน ท�าให้ประชากรส่วนใหญ่ประกอบ อาชีพเกษตรกรรม มีการเลี้ยงสัตว์ บริเวณทุ่งหญ้า และท�าอาชีพประมง บริเวณชายทะเล มีการใช้ประโยชน์ จากทรัพยากรธรรมชาติที่สวยงาม เพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยว เป็นศูนย์การค้า เศรษฐกิจและการ ลงทุน ท�าให้มีการประกอบอาชีพ ที่หลากหลาย ทั้งพาณิชยกรรม อุตสาหกรรมและการบริการ พื้นที่ ส่วนใหญ่ถูกใช้เพื่อรองรับการขยายตัว ทางเศรษฐกิจ มีการน�าผลิตภัณฑ์ และผลผลิตการเกษตร จากชนบท มาสร้างมูลค่าเพื่อตอบสนองความ ต้องการของตลาด 115 เมืองใต้เหมืองโอปอล (Coober Pedy) กิจกรรม สรางเสริม ขั้นนํา 3. ใหนักเรียนใชสมารตโฟนสองดู QR Code เรื่อง เมืองใตเหมืองโอปอล (Coober Pedy) จากหนังสือเรียน ภูมิศาสตร ม.4-6 แลว เสนอแนะขอคิดเห็นรวมกัน 4. ครูสุมนักเรียนเพื่อแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ ความแตกตางระหวางความเปนเมืองและ ชนบทในความคิดของนักเรียน ประกอบการใช คําถามเพิ่มเติม เชน • ปจจัยใดบางที่กอใหเกิดความแตกตาง ระหวางเมืองและชนบท (แนวตอบ เชน อุตสาหกรรม เทคโนโลยี การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ การศึกษา การสาธารณสุข การคมนาคมขนสง การติดตอสื่อสาร ตลอดจนความตองการ ของประชากรที่ไมสิ้นสุดในพื้นที่ตางๆ) นักเรียนสืบคนขอมูลลักษณะการตั้งถิ่นฐานในเมืองของโลก และของไทย และการตั้งถิ่นฐานในชนบทของโลกและของไทย จากนั้นนําขอมูลที่ไดมาสรุปลงในตารางเพื่อแสดงใหเห็นถึง ความคลายคลึงและความแตกตาง เกร็ดแนะครู ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการแบงเขตเมืองและชนบทวา เกณฑที่นิยมใช ในการแบงและเปนที่ยอมรับกัน ไดแก จํานวนประชากร ความหนาแนน ประชากร ประเภทของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ การแบงตามกฎหมาย และลักษณะ การปกครอง โดยจํานวนประชากรและความหนาแนนเปนเกณฑที่นิยมใชมาก ที่สุด เพราะงายในการเก็บขอมูล นํา นํา สอน สรุป ประเมิน T119


3.3 การตั้งถิ่นฐานเมือง เมืองเป็นบริเวณที่มีความหนาแน่นของประชากรสูงกว่าความหนาแน่นเฉลี่ยในภูมิภาค ทั้งโลกได้มีการจัดขนาดของเมืองโดยใช้หลาย ๆ ปัจจัยในการพิจารณา ได้แก่ จ�านวนประชากร โครงสร้างพื้นฐาน และความส�าคัญทางเศรษฐกิจ 1) การตั้งถิ่นฐานเมืองของโลก การเติบโตอย่างรวดเร็วของเมืองทั้งในประเทศ พัฒนาแล้วและก�าลังพัฒนามักควบคู ่ไปกับ การย้ายถิ่นของประชากรจากชนบทเข้าสู่เมือง เมื่อมีความเจริญทั้งด้านสาธารณูปโภคและ สาธารณูปการมากขึ้น ท�าให้เมืองขนาดเล็ก (town) กลายเป็นเมืองขนาดใหญ่ (city) เมืองที่มีขนาดใหญ ่มากขึ้น จะ กลายเป็นมหานคร (metropolis) ซึ่งมีลักษณะ มหานครดูไบ เป็นนครใหญ่สุดของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ส�าคัญ คือเป็นศูนย์กลางการปกครอง เศรษฐกิจ การเงิน สังคมและวัฒนธรรม สามารถน�าผลผลิตของประเทศนั้น ๆ มาอยู่ภายในเขตเมืองใหญ่ เพื่อการเก็บรวบรวม การค้าขาย และการขนส่ง โดยมีแหล่งอุตสาหกรรมตั้งอยู่ภายในหรือใกล้ มหานครด้วยเช่นมหานครดูไบของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ที่พัฒนาจากการเป็นเมืองท่าสู่มหานคร ที่มีประชากรกว่า 2 ล้านคน ในบางพื้นที่ของโลกที่มหานครหลาย ๆ มหานครมีอาณาเขตติดต่อกัน การเติบโต และการกระจายของพื้นที่ที่เป็นมหานครเป็นไปอย่างต่อเนื่องจนเกิดเป็นพื้นที่เมืองประเภทใหม่ เรียกว่า อภิมหานคร (megalopolis) เช่น Great Lakes Megalopolis ประกอบด้วยกลุ่มของ เขตมหานครในทวีปอเมริกาเหนือ ในภูมิภาคเกรตเลกส์ (Great Lakes) เป็นเขตอภิมหานครที่มี ประชากรประมาณ 59.1 ล้านคน และอภิมหานครโตเกียวเป็นพื้นที่ของกรุงโตเกียวและปริมณฑล ตั้งอยู่ในภูมิภาคคันโตของประเทศญี่ปุ่น มีประชากรกว่า 37.8 ล้านคน 2) การตั้งถิ่นฐานเมืองของไทย การพัฒนาเขตเมืองกระจุกตัวอยู ่ในพื้นที่ กรุงเทพมหานคร ซึ่งจัดเป็นมหานครหนึ่งของโลกและเป็นเมืองหลวงของประเทศ มีประชากร ประมาณ 5.6 ล้านคน มีลักษณะของความเป็นเมืองโตเดี่ยว (primate city) Geo Tip เมืองโตเดี่ยว หรือเอกนคร (primate city) หมายถึง การที่เมืองใหญ่ที่สุดของประเทศ มีจ�านวน หรือขนาดของประชากรมากกว่าเมืองอันดับสองในประเทศอย่างมากและเป็นศูนย์กลางในทุกด้านเป็นการ เติบโตแต่เพียงเมืองเดียวล�้าหน้าเมืองอื่น ๆ 116 มหานครดูไบของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ที่พัฒนาจากการเป็นเมืองท่าสู่มหานคร และอภิมหานครโตเกียวเป็นพื้นที่ของกรุงโตเกียวและปริมณฑล 1 2 ขั้นสอน ขั้นที่ 1 การตั้งคําถามเชิงภูมิศาสตร 1. ครูใหนักเรียนดูภาพเมืองขนาดใหญ จากนั้น ใหนักเรียนลองบอกสิ่งที่เห็นจากสายตาวา มีความเกี่ยวของกับการตั้งถิ่นฐานและความ เปนเมือง ภายใตอิทธิพลของโลกาภิวัตน หรือไม อยางไร 2. ครูกระตุนใหนักเรียนชวยกันตั้งประเด็นคําถาม เชิงภูมิศาสตร เชน • ปจจัยใดบางที่มีผลตอการตั้งถิ่นฐานของ ประชากรในภูมิภาคตางๆ ของโลก • ชุมชนเมืองและชนบทในภูมิภาคตางๆ ของ โลกมีลักษณะอยางไร • ลักษณะการกลายเปนเมืองในภูมิภาคตางๆ ของโลกมีผลกระทบตอวิถีการดําเนินชีวิต อยางไร • อิทธิพลของโลกาภิวัตนสงผลตอประชากร และการตั้งถิ่นฐานอยางไร 3. ครูแนะนําแหลงขอมูลสารสนเทศที่นาเชื่อถือ ใหกับนักเรียนเพิ่มเติม นักเรียนควรรู 1 มหานครดูไบ ตั้งอยูทางตะวันตกเฉียงเหนือของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส มีเนื้อที่ 3,885 ตารางกิโลเมตร ตั้งแตมีการคนพบนํ้ามันดิบใน ค.ศ.1966 ดูไบ ไดพัฒนาเมืองทาขึ้นหลายแหง รวมทั้งเมืองดูไบในอาวเปอรเซียดวย 2 อภิมหานครโตเกียว เปนศูนยกลางการปกครอง วัฒนธรรม การเงิน การคา และการศึกษาของประเทศญี่ปุน นอกจากนี้ ยังเปนศูนยกลางของเขต อุตสาหกรรมที่กระจายอยูในบริเวณชานเมือง ผลิตโลหะ เครื่องจักร อุปกรณ การขนสง อิเล็กทรอนิกส และเครื่องอุปโภคบริโภคนานาชนิด เปนศูนยกลาง การทองเที่ยวที่สําคัญ นักเรียนสืบคนและยกตัวอยางเมืองของโลก แลววิเคราะห เกี่ยวกับเมืองดังกลาว ตามประเด็น เชน • ขนาดของเมือง • สาเหตุการเปนเมือง • ปจจัยที่กอใหเกิดเมือง • การตั้งถิ่นฐานภายในเมือง นําเสนอขอมูลประกอบการใชเครื่องมือทางภูมิศาสตร และอภิปรายสรุปรวมกัน กิจกรรม ทาทาย นํา สอน สรุป ประเมิน T120


รูปแบบการตั้งถิ่นฐานแบบรวมกลุ่ม รูปแบบการตั้งถิ่นฐานตามแนวเส้นทางคมนาคม 3.4 การตั้งถิ่นฐานชนบท การตั้งถิ่นฐานชนบทเป็นการตั้งถิ่นฐานเป็นกลุ่มหรือกระจายตามลักษณะภูมิประเทศ โดยพิจารณาปัจจัยทางภูมิศาสตร์ เช่น ความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากร ปัจจัยทางเศรษฐกิจ เช่น การเลือกประกอบอาชีพ และปัจจัยทางวัฒนธรรม เช่น ภาษา ศาสนา 1) การตั้งถิ่นฐานชนบทของ โลก ในหลายประเทศ พื้นที่ชนบทเป็นเขตการ ปกครองที่มีจ�านวนประชากรต�่า มีวิถีชีวิตที่มี ความสัมพันธ์กับสภาพแวดล้อมในพื้นที่ โดย ในปัจจุบันได้มีการพัฒนาชนบทมากขึ้น เพื่อ ลดความเหลื่อมล�้าระหว่างคนรวยและคนจนลด การอพยพเข้ามาในเมืองอย่างแออัด การตั้งถิ่นฐานในชนบทแบ่งได้เป็น 4 แบบรูป ได้แก่ 1.1) การตั้งถิ่นฐานแบบ โดดเดี่ยว (dispersed) เป็นการสร้างที่อยู่อาศัยอยู่ในพื้นที่เกษตรของตนเอง 1.2) การตั้งถิ่นฐานแบบรวมกลุ่ม (nucleated) เป็นการสร้างที่อยู่อาศัยอยู่รวมกัน เป็นกลุ่ม โดยอาจมีวัด โรงเรียน ตลาดเป็นศูนย์กลางชุมชน 1.3) การตั้งถิ่นฐานแบบแนวยาว (linear) เป็นการตั้งบ้านเรือนเป็นแนวยาวตาม เส้นทางคมนาคมหรือแม่น�้าล�าคลอง 1.4) การตั้งถิ่นฐานแบบตารางกริด (grid) เป็นการตั้งถิ่นฐานตามผังถนนที่ถูก วางแผนเป็นรูปสี่เหลี่ยม (block) ซึ่งสะดวกในการประกอบกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และการปกครอง 2) การตั้งถิ่นฐานชนบทของไทย ขึ้นอยู่กับปัจจัยทางด้านพื้นที่และทรัพยากร ธรรมชาติเป็นหลัก เนื่องจากวิถีชีวิตที่เกี่ยวข้อง กับเกษตรกรรม จึงตั้งถิ่นฐานบริเวณที่ราบใกล้ แหล่งน�้า เพื่อความสะดวกในการบริโภคอุปโภค และการเพาะปลูก รวมถึงใช้เป็นเส้นทาง คมนาคม นอกจากนี้ ยังมีการสร้างบ้านบริเวณ ที่ดอนเพื่อหลีกเลี่ยงน�้าท่วม หรือบางส่วน ตั้งถิ่นฐานอาศัยอยู่ในบริเวณที่มีทรัพยากร ธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ 117 การตั้งถิ่นฐานแบบแนวยาว (linear) เป็นการตั้งบ้านเรือนเป็นแนวยาวตาม 1 นักเรียนควรรู 1 การตั้งถิ่นฐานแบบแนวยาว บานของเกษตรกรจะอยูบนสองฝงแมนํ้า หรือลําคลอง ที่มีไรนาเปนแนวยาวไปทางหลังบาน พบไดในภาคกลางของ ประเทศไทย ทางใตของรัฐลุยเซียนา สหรัฐอเมริกา ขอดีของการสรางบาน แนวนี้ คือ อยูใกลกับที่ดินทํากิน การขนสงสะดวก แตขอเสีย คือ พื้นที่ดินจะยาว ไมเหมาะกับการปลูกพืชหมุนเวียน กิจกรรม ทาทาย นักเรียนอภิปรายรวมกันเกี่ยวกับการตั้งถิ่นฐานของประชากร ในชนบทของไทยและของโลกในอดีต แลววิเคราะหเปรียบเทียบ กับการตั้งถิ่นฐานของประชากรในปจจุบัน ทั้งในดานปจจัยการตั้ง ถิ่นฐาน รูปแบบการตั้งถิ่นฐาน และปญหาที่เกิดจากการตั้งถิ่นฐาน พรอมทั้งแนวทางแกไข ขั้นสอน ขั้นที่ 2 การรวบรวมขอมูล 1. นักเรียนทําการแบงกลุม จํานวน 7 กลุม จับสลากเลือกพื้นที่เพื่อทําการสืบคนขอมูล เกี่ยวกับการตั้งถิ่นฐานของประชากร จาก หนังสือเรียน ภูมิศาสตร ม.4-6 หรือจากแหลง การเรียนรูอื่น ๆ ประกอบการใชเครื่องมือทาง ภูมิศาสตร โดยมีหัวขอในการจับสลาก ดังนี้ • ทวีปเอเชีย • ทวีปยุโรป • ทวีปอเมริกาเหนือ • ทวีปอเมริกาใต • ทวีปแอฟริกา • ทวีปออสเตรเลียและโอเชียเนีย • ประเทศไทย 2. ครูใหนักเรียนทําการรวบรวมขอมูล โดยบันทึก ขอมูลลงในใบงานที่ 3.6 เรื่อง การตั้งถิ่นฐาน และความเปนเมือง ภายใตอิทธิพลของ โลกาภิวัตน ตามประเด็นตอไปนี้ • ขนาดการตั้งถิ่นฐาน • การตั้งถิ่นฐานเมือง • การตั้งถิ่นฐานชนบท • ความเปนเมือง • การใชที่ดินภายในเมือง • ปญหาเมือง 3. ครูแนะนําแหลงขอมูลสารสนเทศที่นาเชื่อถือ ใหกับนักเรียนเพิ่มเติม นํา สอน สรุป ประเมิน T121


เขตเมือง เขตชนบท ประชากร (ร้อยละ) 4 ความเป็นเมือง การใช้ที่ดินในเมือง และปัญหาเมือง กระบวนการเปลี่ยนแปลงเป็นเมืองในรูปแบบต่าง ๆ ล้วนมีความเกี่ยวข้องกับการเพิ่มขึ้น ของประชากร รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของวิถีชีวิต รูปแบบทางสังคม และสภาพแวดล้อมที่มีความ สัมพันธ์กัน ซึ่งหากขาดการวางแผนที่ดี จะท�าให้เกิดผลกระทบต่าง ๆ ตามมา 4.1 ความเป็นเมือง ความเป็นเมือง (Urbanization) หมายถึง กระบวนการที่ชุมชนกลายเป็นเมืองหรือการ เคลื่อนย้ายของผู้คนหรือการด�าเนินกิจการงานเข้าสู่บริเวณเมือง หรือการขยายตัวของเมืองออก ไปทางพื้นที่ รวมถึงการเพิ่มจ�านวนประชากร การก�าหนดเขตเมืองของแต่ละประเทศมีความแตกต่างกันค่อนข้างมาก บางประเทศใช้ของ จ�านวนประชากรในอาณาบริเวณใดอาณาบริเวณหนึ่งเป็นตัวชี้วัด บางประเทศใช้ความหนาแน่น หรือจ�านวนประชากรต่อตารางกิโลเมตร มาก�าหนดเขตเมือง แต่ส�าหรับประเทศไทย “เขตเมือง” หมายถึง กรุงเทพมหานคร เมืองพัทยา และเขตเทศบาล ตามที่ก�าหนดไว้ ในพระราชกฤษฎีกา 1) ความเป็นเมืองของโลก ใน พ.ศ.2533 มีประชากรโลกที่อาศัยอยู่ในเมือง เพียงร้อยละ 43 เท่านั้น แต่จากรายงานของสหประชาชาติพบว่า ใน พ.ศ.2552 เป็นครั้งแรก ในประวัติศาสตร์ของโลกที่ประชากรอาศัยอยู่ในเขตเมือง มีจ�านวนมากกว่าประชากรที่อาศัยอยู่ใน เขตชนบท คือ มีจ�านวน 3.42 พันล้านคน ขณะที่ประชากรในชนบทจ�านวน 3.41 พันล้านคน หลังจาก พ.ศ.2560 เป็นต้นมา ประชากรอาศัยอยู่ในเมืองมากขึ้นเรื่อยๆ และคาดการณ์ว่าจะ เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 66 ใน พ.ศ. 2593 กราฟแสดงการเปลี่ยนแปลงประชากรในเขตชนบทและเขตเมือง พ.ศ. 84 70 56 42 28 14 0 ที่มา : World Urbanization Prospects, the 2005 Revision 2493 2503 2513 2523 2533 2543 2553 2563 2573 2583 2593 118 กิจกรรม ทาทาย ความเป็นเมือง 1 ขั้นสอน ขั้นที่ 3 การจัดการขอมูล 1. สมาชิกแตละคนในกลุมนําขอมูลที่ตนไดจาก การรวบรวมมาอธิบายแลกเปลี่ยนความรู ระหวางกัน 2. จากนั้นสมาชิกในกลุมชวยกันคัดเลือกขอมูล ที่นําเสนอเพื่อใหไดขอมูลที่ถูกตอง และ รวมอภิปรายแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมภาย ในกลุม นักเรียนควรรู 1 ความเปนเมือง ปจจัยที่สงผลใหเกิดการกลายเปนเมืองที่สําคัญ มีดังนี้ 1. ระดับการเติบโตทางเศรษฐกิจและอัตราการจางงานที่สูงขึ้น 2. การบริการทางสังคม เชน การศึกษา สาธารณสุข การวางแผนครอบครัว เพื่อควบคุมการเพิ่มประชากร 3. การใหบริการขั้นพื้นฐานเกี่ยวกับการขนสง ระบบประปา สุขาภิบาล และที่อยูอาศัย 4. การรักษาสภาพแวดลอมที่ไมเปนอันตรายตอชุมชนเมือง นักเรียนสืบคนขอมูลประชากรเมือง ประชากรชนบท ของ ประเทศที่พัฒนาแลวกับประเทศกําลังพัฒนา อยางละ 5 ประเทศ จากนั้นนําขอมูลที่ไดมาทําเปนแผนภูมิ เพื่อแสดงสภาพการณ ของประชากรเมืองและชนบท รวมถึงรวมกันวิเคราะหแนวโนม ความเปนเมืองในอนาคต ขั้นที่ 4 การวิเคราะหและแปลผลขอมูล 1. ครูสุมนักเรียนเพื่อสอบถามถึงความเปนเมือง ในความคิดของนักเรียน จากนั้นอภิปราย ความคิดเห็นรวมกัน 2. ครูตั้งคําถามเพื่อใหนักเรียนรวมกันวิเคราะห และเชื่อมโยงความรูเพิ่มเติม เชน • ปจจัยสําคัญที่กอใหเกิดความเปนเมืองใน ภูมิภาคตาง ๆ ของโลก ไดแกสิ่งใด (แนวตอบ เชน ความกาวหนาทางเทคโนโลยี การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ การศึกษา การสาธารณสุข การคมนาคมขนสง การ ติดตอสื่อสาร การรักษาสภาพแวดลอม) นํา สอน สรุป ประเมิน T122


ขอสอบเนน การคิด แม้ประชากรในเขตเมืองทั่วโลกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ระดับความเป็นเมืองของ พื้นที่ต่างๆ ในโลกยังคงมีแตกต่างกันอย่างมาก เพราะเมื่อพิจารณาสัดส่วนของความเป็นเมือง ระหว่างยุโรป เอเชีย และแอฟริกา พบว่า ในปัจจุบัน ยุโรปมีสัดส่วนของความเป็นเมืองอยู่ระหว่าง ร้อยละ 60 - 80 ซึ่งแตกต่างจากเอเชียและแอฟริกาที่มีสัดส่วนความเป็นเมืองอยู่ระหว่างร้อยละ ความแออัดของประชากรในกรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย 40 - 60 อย่างไรก็ตาม เมื่อพูดถึงอัตราการพัฒนา เพื่อเข้าสู่ความเป็นเมืองจะพบว่าภูมิภาคเอเชีย และแอฟริกามีแนวโน้มเติบโตในอัตราสูงที่สุด เมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่น โดยเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 20 - 40 ใน พ.ศ. 2533 เป็นร้อยละ 40 - 60 ใน ปัจจุบันซึ่งแตกต่างจากยุโรปที่มีแนวโน้มเติบโต ในอัตราที่น้อยกว่า เนื่องจากมีสัดส่วนความเป็น เมืองในระดับที่สูงอยู่แล้วตั้งแต่ในอดีต ในช่วง พ.ศ.2533 ประชากรใน เขตเมืองมีจ�านวนไม่ถึง 1 ใน 3 โดยมีเมืองใหญ่ เพียงไม่กี่แห่ง ที่มีประชากรเกิน 10 ล้านคน เช่น มหานครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ในปัจจุบันเมืองที่มีประชากรมากกว่า 1 ล้านคน กระจายอยู่ในทุกภูมิภาคของโลก รองลงมา คือ เมืองที่มีประชากรมากกว่า 5 ล้านคน และมากกว่า 10 ล้านคน ตามล�าดับ นอกจากนี้ ยังมีการรวมกลุ่มของเมืองหลายๆ เมือง เกิดเป็นเขตชุมชนเมืองขนาดใหญ่ที่มีประชากรเป็น จ�านวนมาก เช่น เขตอภิมหานครโตเกียว ซึ่งเป็นชุมชนเมืองขนาดใหญ่ที่สุดของโลก มีประชากร มากถึง 38 ล้านคน และเขตชุมชนเมืองกรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย ประเทศมีประชากรประมาณ 30 ล้านคน และ 25 ล้านคน ตามล�าดับ 2) ความเป็นเมืองของประเทศไทย โดยพิจารณาจากจ�านวนประชากรที่อาศัยอยู่ ในเขตเทศบาลของประชากรทั้งหมดของแต่ละจังหวัด ใน พ.ศ.2533 ประเทศไทยมีความเป็นเมือง อยู่ระหว่างร้อยละ 20 - 40 มีจ�านวนเทศบาล 134 แห่ง ในปัจจุบันมีจ�านวนเทศบาลเพิ่มขึ้นเป็น 2,411 แห่ง และมีสัดส่วนความเป็นเมืองเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 40 - 60 มีการพัฒนาระบบคมนาคม ไฟฟ้า และน�้าประปา ส่งผลให้จ�านวนประชากรเขตเมืองเพิ่มขึ้น และจากคาดประมาณของ สถาบันวิจัยประชากรและสังคมมหาวิทยาลัยมหิดล พบว่า พ.ศ. 2554 มีประชากรในเขตเมือง ร้อยละ 36.12 และเพิ่มเป็นร้อยละ 45.90 ใน พ.ศ. 2556 และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ โดยมีกรุงเทพมหานคร เป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดในประเทศกว่า 5 ล้านคน เป็นเมืองหลวง และศูนย์กลางเศรษฐกิจที่ส�าคัญ 119 พัฒนาการความเปนเมืองของไทยในปจจุบันเปนอยางไร (แนวตอบ ประเทศไทยยังคงเนนการพัฒนากรุงเทพมหานคร ซึ่งเปนเมืองหลักในภูมิภาค โดยพัฒนาโครงขายคมนาคมพื้นฐาน รองรับใหเพียงพอ ทั้งยังมีการพัฒนาพื้นที่แบบกลุมจังหวัดตาม ศักยภาพของแตละทองถิ่นเพื่อพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจ พัฒนาพื้นที่ ชายฝงตะวันออกและพื้นที่เศรษฐกิจชายแดน เพื่อเชื่อมโยงพื้นที่ เศรษฐกิจทั้งในประเทศและประเทศเพื่อนบาน) ขั้นสอน ขั้นที่ 4 การวิเคราะหและแปลผลขอมูล • ปจจุบันประเทศไทยถือไดวามีความเปนเมือง เพิ่มมากขึ้น อันมีสาเหตุสําคัญมาจากสิ่งใด (แนวตอบ สาเหตุสําคัญของการพัฒนาสูความ เปนเมืองของประเทศไทยในปจจุบัน คือ ลักษณะทางเศรษฐกิจ กลาวคือ ลักษณะทาง เศรษฐกิจของไทยในปจจุบันกอใหเกิดการ พัฒนาบนพื้นฐานทางเศรษฐกิจ นํามาซึ่งการ พัฒนาความสําคัญในดานตางๆ ซึ่งทําให ประชากรเกิดการอพยพยายถิ่นฐานเพื่อการ ทํางาน การศึกษา รวมถึงปจจัยทางสังคมอื่นๆ จึงเปนสาเหตุสําคัญของการพัฒนาสูความ เปนเมืองของประเทศไทยในปจจุบัน) เกร็ดแนะครู ครูอธิบายเพิ่มเติมวา ระบบเมืองของไทยจัดอยูในกลุมเอกนคร กลาวคือ มีกรุงเทพฯ เปนเมืองใหญที่สุดเมืองเดียว สวนเมืองขนาดรอง เชน ชลบุรี นนทบุรี เชียงใหม นครราชสีมา ขอนแกน ยังมีขนาดเล็กเมื่อเทียบกับกรุงเทพฯ การที่ ไทยมีโครงสรางระบบเมืองแบบเอกนคร ทําใหกรุงเทพฯ เปนพื้นที่หลักที่ดึงดูด ทรัพยากรทั่วประเทศมากระจุกในพื้นที่โดยรอบมากกวาพื้นที่อื่น ทั้งในเรื่อง ของคน ปจจัยการผลิต และเงินลงทุน นํา สอน สรุป ประเมิน T123


0 ํ 0 ํ 40 ํE 40 ํW 80 ํE 80 ํW 120 ํE 120 ํW 160 ํE 160 ํW 20 ํE20 ํW 60 ํE 60 ํW 100 ํE 100 ํW 140 ํE 180 ํ180 ํ 140 ํW 20 ํN 20 ํS 40 ํN 40 ํS 60 ํN 60 ํS 80 ํN 80 ํS 0 ํ 20 ํN 20 ํS 40 ํN 40 ํS 60 ํN 60 ํS 80 ํN 80 ํS กรุงเทพฯ มะนิลา จาการตา ฮองกง โตเกียว เคียวโตะ ฟุกุโอะกะ ธากา โกลกาตามุมไบ นิวเดลี การาจี เตหะราน ไคโร อิสตันบูล มอสโก ลอนดอน ปารีส นิวยอรกชิคาโก ลอสแอนเจลิส เม็กซิโกซิตี ลิมา รีอูดีจาเนรู เซาเปาลู บัวโนสไอเรส เปยจิง ชางไห โซล 100%806040200 ความเปนเมือง 1-5 ลานคน 5-10 ลานคนมากกวา 10 ลานคน ประชากรในเมือง N 1 : 160,000,000 0 2,000 4,000 กม. แผนที่โลกแสดงความเปนเมือง พ.ศ. 2533 ที่มา : United Nations, World Urbanization Prospects, the 2014 Revision 120 ขั้นสอน ขั้นที่ 4 การวิเคราะหและแปลผลขอมูล 3. นักเรียนแตละกลุมศึกษาแผนที่แสดงความเปน เมือง พ.ศ. 2533 จากหนังสือเรียน ภูมิศาสตร ม.4-6 เพื่อวิเคราะหเพิ่มเติมเชื่อมโยงกับ ลักษณะการตั้งถิ่นฐานของพื้นที่ของกลุม ที่นักเรียนรับผิดชอบ ประกอบการใชคําถาม ในประเด็นเชน • ความแตกตางของลักษณะพื้นที่ • จํานวนประชากรในเมือง • ปริมาณความเปนเมือง เกร็ดแนะครู ครูอธิบายเพิ่มเติมวา เมืองทุกเมืองมีหนาที่ในการจัดหาสินคาและบริการ ใหแกคนในเมืองและบริเวณรอบนอก ภายในเมืองจึงประกอบดวยรานคา ธนาคาร รานอาหาร และโรงเรียน ซึ่งเปนกิจกรรมพื้นฐานของเมือง บางเมือง มีหนาที่เฉพาะ หรือมีกิจกรรมที่แตกตางไปจากเมืองอื่น ซึ่งเมืองประเภทนี้มีอยู ไมมาก เชน เมืองเหมืองแร เมืองทา นักเรียนแบงกลุมตามความสมัครใจ แลวรวมกันอภิปราย แสดงความคิดเห็น โดยผลัดกันอภิปรายทีละคนเรียงลําดับแบบ เลาเรื่องรอบวงในหัวขอ “เมืองมหานครที่อยากไปเที่ยว” สมาชิก แตละคนแสดงเหตุผลประกอบการอภิปราย กิจกรรม สรางเสริม นํา สอน สรุป ประเมิน T124


0 ํ 0 ํ 40 ํE 40 ํW 80 ํE 80 ํW 120 ํE 120 ํW 160 ํE 160 ํW 20 ํE20 ํW 60 ํE 60 ํW 100 ํE 100 ํW 140 ํE 180 ํ180 ํ 140 ํW 20 ํN 20 ํS 40 ํN 40 ํS 60 ํN 60 ํS 80 ํN 80 ํS 0 ํ 20 ํN 20 ํS 40 ํN 40 ํS 60 ํN 60 ํS 80 ํN 80 ํS กรุงเทพฯ มะนิลา จาการตา ซิดน�ย เมลเบิรน ฮองกง โตเกียว เคียวโตะ มุมไบ นิวเดลี การาจี ไคโร ลากอส อักกรา กินชาซา ลูอันดา เคปทาวน พริทอเรีย มอสโก ลอนดอน ปารีส นิวยอรก ลอสแอนเจลิส เม็กซิโกซิตี ลิมา รีอูดีจาเนรู เซาเปาลู บัวโนสไอเรส เปยจิง โซล 100%806040200 ความเปนเมือง 1-5 ลานคน 5-10 ลานคนมากกวา 10 ลานคน ประชากรในเมือง N 1 : 160,000,000 0 2,000 4,000 กม. แผนที่โลกแสดงความเปนเมือง พ.ศ. 2560 ที่มา : United Nations, World Urbanization Prospects, the 2014 Revision 121 เกร็ดแนะครู ครูอธิบายเพิ่มเติมวา เมืองมีการเปลี่ยนแปลงไปตามเวลาตามกระแส เศรษฐกิจและการเมือง ในยุคสมัยหนึ่งอาจมีเมืองที่มีบทบาทเปนเมืองทาหรือ เมืองอูตอเรือที่สําคัญ แตภายหลังเมื่อการคมนาคมทางนํ้าลดความสําคัญลง เมืองจึงตองปรับตัวและเปลี่ยนบทบาทเปนอยางอื่น เชน ปรับใหเปนเมืองพักผอน ตากอากาศ หรือเปนเมืองอุตสาหกรรมแทน นักเรียนรวมกันสืบคนขอมูลมหานครเมืองขนาดใหญที่ ประชากรอยูเปนจํานวนมาก หรือเมืองหลักของประเทศ ซึ่งเปน ศูนยกลางการปกครอง เศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม ทวีปละ 2-3 เมือง แลวบรรยายสรุปลักษณะสําคัญของเมืองดังกลาวที่ คลายคลึงกันในภาพรวม แลวนําเสนอหนาชั้นเรียน ขั้นสอน ขั้นที่ 4 การวิเคราะหและแปลผลขอมูล 4. ใหนักเรียนแตละกลุมนําขอมูลมาวิเคราะห เชื่อมโยงกับแผนที่แสดงความเปนเมือง พ.ศ. 2560 จากหนังสือเรียน ภูมิศาสตร ม.4-6 เพื่อวิเคราะหเพิ่มเติมเชื่อมโยงกับลักษณะ การตั้งถิ่นฐานของแตละทวีป ตลอดจน ผลกระทบจากการขยายตัวของเมืองที่นักเรียน ไดทําการสืบคนขอมูลมา จากนั้นรวมกัน ตรวจสอบความถูกตองของขอมูล 5. ครูใหนักเรียนแตละกลุมนําขอมูลของตนเอง มาเชื่อมโยงกับอิทธิพลของโลกาภิวัตน เพื่อวิเคราะหเพิ่มเติมเกี่ยวกับอิทธิพลของ โลกาภิวัตนที่สงผลตอประชากรและการตั้ง ถิ่นฐานของแตละทวีปในโลก กิจกรรม สรางเสริม นํา สอน สรุป ประเมิน T125


4.2 การใช้ที่ดินภายในเมือง เมืองหนึ่งๆ มีโครงสร้างและรูปแบบการใช้ที่ดินของเมืองแตกต่างกันออกไป โดยมีหลักการ จ�าแนกการใช้ที่ดินในเมือง ดังนี้ เขตชินจุกุ เป็นหนึ่งในเขตธุรกิจของมหานครโตเกียว แมนแฮตตันเป็นย่านที่พักอาศัยที่หนาแน่นแห่งหนึ่งของโลก 1) เขตศูนย์กลางธุรกิจการค้า ของเมือง การใช้ที่ดินประเภทนี้ ได้แก่ การตั้ง ร้านค้าหรือสถานประกอบธุรกิจต่างๆ ซึ่งอาจตั้ง อยู่รวมกันเป็นย่านการค้าขนาดใหญ่อยู่กลางใจ เมือง หรือกระจายไปตามถนนสายส�าคัญ ปัจจัย ส�าคัญในการเลือกท�าเลที่ตั้งของศูนย์การค้า คือ ความสะดวกในการเดินทางของลูกค้า ปัจจุบัน เขตศูนย์กลางการค้าเริ่มกระจายตัวออกมา ชานเมืองมากขึ้น เพราะท�าเลที่ตั้งบริเวณกลาง ใจเมืองจะประสบปัญหาการจราจรติดขัด ที่ดิน 1.2) ที่อยู่อาศัยของผู้มีรายได้ ปานกลาง อยู่ระหว่างย่านใจกลางเมืองกับ ชานเมือง มีความหนาแน่นเบาบางกว่าในย่าน ใจกลางเมือง ประกอบไปด้วยที่อยู่อาศัยแบบ บ้านเดี่ยว บ้านแฝด หอพัก อาคารชุด สามารถ เดินทางเข้าไปท�างานในเมืองได้สะดวก 1.3) ที่อยู่อาศัยของผู้มี รายได้มาก อยู่บริเวณชานเมือง เพื่อหลีกเลี่ยง ความแออัดภายในเมือง ที่ดินมีราคาถูก มีพื้นที่ กว้างขวาง สามารถขับรถเข้าไปในเมืองได้ ราคาแพง ปัจจัยส�าคัญในการเลือกท�าเลที่ตั้งย่านชานเมือง คือ ปลอดภัยจากน�้าท่วม สะดวกต่อ การเข้าถึง อยู่ใกล้กับสถาบันการเงินและบริการสาธารณะอื่น ๆ 2) เขตที่พักอาศัย เป็นการใช้ที่ดินที่กระจายไปทั้งเมือง โดยการเลือกที่อยู่อาศัยของ บุคคลจะขึ้นอยู่กับรายได้ วิถีการด�าเนินชีวิต และการเดินทาง ในเขตชุมชนเมืองมีการใช้ที่ดินเพื่อ อยู่อาศัยหนาแน่นมาก เพราะที่ดินมีราคาสูง จึงมีการสร้างที่พักเป็นอาคารสูง เช่น คอนโดมิเนียม เขตที่พักอาศัยแบ่งได้ ดังนี้ 1.1) ที่อยู่อาศัยของผู้มีรายได้น้อย ส่วนใหญ่อยู่กันอย่างหนาแน่นในที่อยู่อาศัย ขนาดเล็ก ไม่มีคุณภาพ ขาดระบบสาธารณูปโภคที่ดี และมักอยู่ใกล้กับที่ท�างานเพื่อประหยัด ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ท�าให้เกิดชุมชนแออัด 122 เขตที่พักอาศัย เป็นการใช้ที่ดินที่กระจายไปทั้งเมือง โดยการเลือกที่อยู่อาศัยของ 1 ขั้นสอน ขั้นที่ 5 การสรุปเพื่อตอบคําถาม 1. นักเรียนแตละกลุมนําเสนอขอมูลจากการ ศึกษา พรอมทั้งอภิปรายแสดงความคิดเห็น รวมกัน 2. นักเรียนรวมกันสรุปความรู ประกอบการใช คําถาม เชน • เขตศูนยกลางธุรกิจการคาของ กรุงเทพมหานครไดแกพื้นที่ในบริเวณใด (แนวตอบ เชน พื้นที่ใจกลางเมืองบริเวณสีลม สาธร ลาดพราว สุขุมวิท ฯลฯ) • ผูที่พักอาศัยอยูในบริเวณเขตศูนยกลาง ธุรกิจการคาของเมือง จะมีขอดี และ ขอจํากัดอยางไร (แนวตอบ ขอดี คือ มีความสะดวกสบายใน การดํารงชีวิตดานตางๆ ไมวาจะเปนที่อยู อาศัย อาหาร เครื่องแตงกาย การคมนาคม การสื่อสาร การศึกษา การรักษาพยาบาล แตมีขอจํากัด คือ จะตองประสบกับปญหา การจราจรติดขัด ปญหามลพิษ ปญหาคา ครองชีพ ตลอดจนปญหาอื่นๆ จากการ แขงขันกันในสังคม) นักเรียนควรรู 1 เขตที่พักอาศัย นอกจากแบงประเภทเปนยานตามฐานะของผูอยูอาศัยแลว ยังสามารถแบงประเภทตามความหนาแนนของที่อยูอาศัย ซึ่งกําหนดโดยจํานวน ผูอยูอาศัยตอหนึ่งหนวยพื้นที่ เชน ที่พักที่มีความหนาแนนตํ่า ไดแก บานเดี่ยว บานแฝด ที่พักที่มีความหนาแนนตํ่าปานกลาง ไดแก ทาวนเฮาส อพารตเมนต ตึกแถว ที่มีความสูงไมมาก ที่พักที่มีความหนาแนนสูง ไดแก แฟลต อพารตเมนต คอนโดมิเนียมที่มีความสูงหลายชั้น นักเรียนแบงกลุมสืบคนขอมูลเขตศูนยกลางธุกิจการคาที่ สําคัญในเมืองใหญของประเทศตางๆ ทั่วโลก 5 แหง แลววิเคราะห ถึงการเลือกทําเลที่ตั้งของเขตธุรกิจการคานั้นๆ กิจกรรม สรางเสริม นํา สอน สรุป ประเมิน T126


อ.มาบตาพุด จ.ระยอง เป็นเขตอุตสาหกรรมปิโตรเลียม ที่ส�าคัญของประเทศไทย การ์เดนบายเดอะเบย์ (Garden by the Bay) เป็นสวน พฤกษศาสตร์ธรรมชาติ ประเทศสิงคโปร์ 3) เขตอุตสาหกรรม โรงงานอุตสาหกรรมที่ตั้งในเขตเมืองเป็นอุตสาหกรรมขนาดเล็ก ใช้เครื่องจักรน้อยหรือไม่ใช้เครื่องจักรเลย เป็นอุตสาหกรรมที่ไม่รบกวนผู้อยู่อาศัยหรือชุมชน บริเวณนั้น ต้องไม่สร้างมลพิษทางอากาศ เสียง หรือกลิ่น ส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมในครัวเรือน หากเป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ต้องใช้ เครื่องจักรในการประกอบการ จึงต้องการ แรงงานมาก และอยู่ใกล้แหล่งขนส่ง จะตั้งอยู่ บริเวณชานเมืองหรือพื้นที่ที่เป็นแหล่งรวม อุตสาหกรรม เช่น นิคมอุตสาหกรรม การ ก�าหนดที่ตั้งของที่ดินประเภทอุตสาหกรรมที่ ส�าคัญ ต้องค�านึงถึงความลาดเอียงของพื้นที่ ไม่เกินร้อยละ 5 เพื่อการระบายน�้าและก�าจัด ของเสีย มีพื้นที่เพียงพอส�าหรับการขยายตัวของ โรงงาน และต้องไม่ส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมและจุดเด่นของเมือง 4) เขตสถาบันและศูนย์กลางการบริการ ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบของแต่ละชุมชน เช่น 4.1) การใช้ที่ดินเพื่อเป็นศูนย์ราชการ สถานที่ราชการมีหน้าที่เกี่ยวข้องกับ การด�าเนินชีวิตประจ�าวันของประชาชน จึงมักตั้งอยู่ใกล้ที่พักอาศัยหรือใจกลางเมือง ปัจจุบัน ศูนย์ราชการส่วนใหญ่กระจายตัวออกสู่ชานเมืองมากขึ้น เพื่อเลี่ยงปัญหาท�าเลที่ตั้งคับแคบ และมี การจัดรวมศูนย์ให้อยู่ในบริเวณใกล้เคียงกันเพื่อประหยัดเวลาและก่อให้เกิดความสะดวก 4.2) การใช้ที่ดินเพื่อจัดตั้ง สถาบันการศึกษา เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยกระจาย ความเจริญไปสู่บริเวณโดยรอบสถานศึกษา มี กิจกรรมที่ชุมชนและสถานศึกษาได้ท�าร่วมกัน 4.3) การใช้ที่ดินเพื่อเป็น สถานที่พักผ่อน การใช้ที่ดินประเภทนี้ส่วนใหญ่ เป็นที่รัฐบาลจัดตั้ง เช่น ศูนย์เยาวชน สนามกีฬา สวนสาธารณะ ซึ่งควรจัดให้มีเพียงพอกับจ�านวน ประชากร และควรเป็นการให้บริการในราคาถูก หรือไม่เสียค่าใช้จ่าย เพราะเป็นบริการที่ช่วยลด ความตึงเครียดของชาวเมือง 123 เขตสถาบันและศูนย์กลางการบริการ 1 นักเรียนควรรู 1 เขตสถาบัน เปนที่ดินที่ใชเพื่อสาธารณประโยชนของเมือง การใชที่ดิน ประเภทนี้ครอบคลุมสถานศึกษา โรงพยาบาล สถานอนามัย วัด โบสถ มัสยิด ที่ทําการและหนวยงานของรัฐ ตลอดจนสวนสาธารณะ นักเรียนแบงกลุมเลือกประเทศหรือเมืองขนาดใหญ แลวให วิเคราะหถึงเขตสถาบันและศูนยกลางการบริการ ตลอดจนการใช ที่ดินภายในประเทศหรือเมืองนั้นๆ รวมถึงผลที่เกิดขึ้นกับประชากร ภายในพื้นที่ นําเสนอและแสดงความคิดเห็นรวมกัน ขั้นสอน ขั้นที่ 5 การสรุปเพื่อตอบคําถาม • เขตอุตสาหกรรมสําคัญในประเทศไทย ไดแกที่ใด (แนวตอบ เชน นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร จังหวัดชลบุรี นิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นิคมอุตสาหกรรม บางปู จังหวัดสมุทรปราการ ฯลฯ) • หากในเมืองๆ หนึ่ง มีการใชที่ดินภายใน เมืองอยางเหมาะสม จะสงผลดีอยางไร (แนวตอบ เมืองที่มีการใชที่ดินอยางเหมาะสม จะทําใหประชากรมีคุณภาพชีวิตและ คุณภาพจิตใจที่ดี สงผลตอเนื่องใหเกิดการ ขับเคลื่อนทางอาชีพและเศรษฐกิจในทุก ภาคสวน นอกจากนี้ ยังทําใหประเทศชาติ มีความเจริญกาวหนาตามไปดวย) 3. ครูใหสมาชิกในแตละกลุมชวยกันสรุปสาระ สําคัญเพื่อตอบคําถามเชิงภูมิศาสตร กิจกรรม สรางเสริม นํา สอน สรุป ประเมิน T127


4.3 ปัญหาเมือง ประเทศก�าลังพัฒนาที่มีการขยายตัวของเมืองอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ดังนี้ 1) ปัญหาการขยายตัวของเมือง จากการที่ประชากรในเขตเมืองเพิ่มจ�านวนขึ้น อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ความเจริญของเมืองค่อย ๆ ขยายออกไปชานเมืองมากขึ้น ท�าให้เกิดการ เปลี่ยนแปลงทางกายภาพ ทั้งที่อยู่อาศัย โรงงานอุตสาหกรรม ถนน และโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ สิ่งเหล่านี้จะถูกสร้างแทนที่พื้นที่สีเขียว ส่งผลให้ทรัพยากรธรรมชาติถูกท�าลายและเสื่อมโทรมลง อย่างรวดเร็ว 2) ปัญหาชุมชนแออัด องค์การเพื่อตั้งถิ่นฐานมนุษย์แห่งสหประชาชาติ (UN-Habitat) ได้ประมาณว่าใน พ.ศ.2557 ประชากรคิดเป็นร้อยละ 29.7 ของประชากรโลกที่อาศัยอยู่ในเมือง จะอยู่ในสลัม ในปัจจุบันชุมชนแออัดมีจ�านวนเพิ่มขึ้นตามเมืองที่มีความเจริญ มีลักษณะไม่ถูกต้อง ตามกฎหมาย ไม่ถูกสุขลักษณะ ท�าให้กลายเป็นแหล่งที่มีปัญหาอาชญากรรม ปัญหายาเสพติด สะท้อนถึงความเหลื่อมล�้าของประชาชนในการเข้าถึงทรัพยากรของเมือง 3) ปัญหาสิ่งแวดล้อม เมื่อจ�านวนประชากรเพิ่มมากขึ้นก็จะส่งผลให้การใช้ทรัพยากร เพิ่มขึ้นตามไปด้วย ถ้าใช้อย่างไม่ระมัดระวังมีผลท�าให้ทรัพยากรธรรมชาติเสื่อมโทรม จนน�าไปสู่ ปัญหาสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ เช่น ปัญหาน�้าเน่าเสีย 4) ปัญหาความไม่ปลอดภัย เมืองเป็นพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดอาชญากรรม มากกว่าในพื้นที่ชนบท โดยเฉพาะปัญหาการก่อการร้าย ซึ่งมักเกิดขึ้นในพื้นที่สาธารณะของเมือง ที่มีประชาชนอยู่เป็นจ�านวนมาก เช่น ห้างสรรพสินค้า สถานีขนส่งมวลชน โรงเรียน นอกจากนี้ เมืองยังเป็นพื้นที่แพร่กระจายของโรคได้เป็นอย่างดี เป็นผลจากการคมนาคมที่สะดวกรวดเร็ว ประกอบกับการที่ประชาชนอยู่กันอย่างแออัดในเมืองท�าให้มีโอกาสติดเชื้อโรคจากผู้อื่นได้ง่าย 5) การเปลี่ยนวิถีชีวิตครอบครัว ลักษณะแวดล้อมในสังคมเมือง ท�าให้คนในเมือง มีความเป็นปัจเจกมากยิ่งขึ้น กล่าวคือ มีการท�าตามกฎหรือระบบต่างๆ ของสังคมมากกว่า การช่วยเหลือกันแบบในชนบท คนในเมืองมีแนวโน้มเป็นโสดมากขึ้น แต่งงานและมีลูกช้าลง ท�าให้ประชากรผู้สูงอายุมีมากขึ้น ประชากรวัยท�างานมีน้อยลงเรื่อย ๆ น�าไปสู่งสังคมผู้สูงอายุ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรดังกล่าว ท�าให้ค่าใช้จ่ายในการดูแลผู้สูงอายุเพิ่มสูงขึ้น 124 ขั้นสอน ขั้นที่ 5 การสรุปเพื่อตอบคําถาม 4. ครูใหนักเรียนทําแบบฝกสมรรถนะฯ ภูมิศาสตร ม.4-6 เรื่อง การตั้งถิ่นฐานและความเปนเมือง โดยครูแนะนําเพิ่มเติม 5. ใหนักเรียนทําแบบวัดฯ ภูมิศาสตร ม.4-6 เรื่อง สิ่งแวดลอมทางกายภาพกับประชากรและ การตั้งถิ่นฐาน เพื่อทดสอบความรูที่ไดศึกษามา ขั้นสรุป ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรูเกี่ยวกับ การตั้งถิ่นฐานและความเปนเมือง ตลอดจนความ สําคัญที่มีอิทธิพลตอการดําเนินชีวิตของประชากร หรือใช PPT สรุปสาระสําคัญของเนื้อหา ขั้นประเมิน 1. ครูประเมินผลโดยสังเกตจากการตอบคําถาม การรวมกันทํางาน และการนําเสนอผลงาน หนาชั้นเรียน 2. ครูตรวจสอบผลจากการทําใบงาน แบบวัดฯ และแบบฝกสมรรถนะฯ ภูมิศาสตร ม.4-6 3. ครูใหนักเรียนทําแบบทดสอบหลังเรียนหนวย การเรียนรูที่ 3 เรื่อง สิ่งแวดลอมทางกายภาพ กับประชากรและการตั้งถิ่นฐาน 1. เขตศูนยกลางการคาของเมือง 2. เขตที่อยูอาศัยผูมีรายไดตํ่า 3. เขตที่อยูอาศัยผูมีรายไดปานกลาง 4. เขตอุตสาหกรรมเบา 5. เขตที่อยูอาศัยชานเมือง 6. เขตอุตสาหกรรมหนัก แบบวัดฯ คะแนนเต็ม คะแนนที่ได้ 10 กิจกรรมที่ 3.8 จากภาพแสดงผังเมืองสมมติแหงหนึ่ง ที่แบงเขตการใชที่ดิน ออกเปน 6 เขต ใหพิจารณาเงื่อนไขที่กําหนดให แลวตอบคําถาม 1. นายสมชายเปนนักธุรกิจรายใหญที่มีนิสัยรักความสงบ สมชายควรพักอาศัยอยูในเขตใด ..................................................................................................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................................................................................................... 2. สมศักดิ์เปนเจาของโรงงานผลิตอาหารกระปอง ตองการหาทําเลที่ตั้งโรงงานแหงใหม สมศักดิ์ ควรตั้งโรงงานในเขตใด ..................................................................................................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................................................................................................... 3. สมใจเปนลูกจางในโรงงานของสมศักดิ์ และตองการหาที่พักที่ ใกล โรงงาน สมใจควรเลือกที่พัก ในเขตใด ..................................................................................................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................................................................................................... 4. สมปองเปนเจาของโรงงานอุตสาหกรรมผลิตรถยนตรายใหญ ตองการสรางโรงงานเพิ่ม สมปอง ควรตั้งโรงงานที่เขตใด ..................................................................................................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................................................................................................... 5. นางสมศรีทํางานเปนเลขาของบริษัทใหญแหงหนึ่ง ตองการที่พักอาศัยที่สะดวกตอการเดินทาง และไมแออัดจนเกินไป สมศรีควรอาศัยอยูในเขตใด เพราะเหตุใด ..................................................................................................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................................................................................................... 3. 5. 1. 6. 4. 2. ส 5.2 ม.4-6/1 Geo Skill • การแปลความขอมูลทางภูมิศาสตร • การคิดเชิงพื้นที่ • การคิดแบบองครวม ฉบับ เฉลย (แนวตอบ) ࢵËÁÒÂàÅ¢ 5 à¾ÃÒÐ໚¹ºÃÔàdz·ÕèÍÂÙ‹ä¡ÅÍ͡仨ҡ¡ÅÒ§àÁ×ͧÁÕ»ÃЪҡÃàºÒºÒ§ ໚¹à¢µ ªÒ¹àÁ×ͧ·Õè໚¹·ÕèÍÂÙ‹ÍÒÈÑ¢ͧ¼ÙŒÁÕÃÒÂä´ŒÊÙ§ ÍÒ¤ÒúŒÒ¹àÃ×͹ÍÂًˋҧ¡Ñ¹ ࢵËÁÒÂàÅ¢ 4 à¾ÃÒÐÍÂÙ‹ã¡ÅŒ¡ÑºÈٹ¡ÅÒ§¡ÒäŒÒ¢Í§àÁ×ͧ ·ÕèÁѡ໚¹·ÕèµÑ駢ͧâç§Ò¹ ÍØµÊÒË¡ÃÃÁ ࢵËÁÒÂàÅ¢ 2 à¾ÃÒÐ໚¹à¢µ·ÕèÍÂÙ‹ÍÒÈÑ¢ͧ¼ÙŒÁÕÃÒÂä´ŒµíèÒ ÃÒ¤Ò·Õè¾Ñ¡¶Ù¡ ઋ¹ á¿Åµ ;ÒϵàÁ¹µ ºŒÒ¹àª‹Ò ÁÑ¡ÍÂÙ‹ã¡ÅŒ¡Ñºà¢µÈٹ¡ÅÒ§¡ÒäŒÒáÅÐà¢µÍØµÊÒË¡ÃÃÁàºÒ ࢵËÁÒÂàÅ¢ 6 à¾ÃÒÐâç§Ò¹¢¹Ò´ãËÞ‹µŒÍ§¡Òþ×é¹·ÕèÁÒ¡à¡çºÇѵ¶Ø´Ôº áÅÐÁÑ¡¡‹ÍãËŒà¡Ô´ ÁÅÀÒÇзҧÍÒ¡ÒÈ ¡ÅÔè¹ áÅÐàÊÕ§ ¨Ö§µŒÍ§µÑé§âç§Ò¹Ë‹Ò§¨Ò¡Èٹ¡ÅÒ§àÁ×ͧ·ÕèÁÕ»ÃЪҡùŒÍ ࢵËÁÒÂàÅ¢ 3 à¾ÃÒÐÍÂÙ‹ã¡ÅŒ¡Ñºà¢µÈٹ¡ÅÒ§¡ÒäŒÒ áÅÐÍÂًˋҧ¨Ò¡à¢µÍصÊÒË¡ÃÃÁàºÒ ·ÕèÁÕÃкº¡ÒäÁ¹Ò¤Á¢¹Ê‹§·Õèà¾Õº¾ÃŒÍÁ 42 แนวทางการวัดและประเมินผล ครูสามารถวัดและประเมินความเขาใจเนื้อหา เรื่อง การตั้งถิ่นฐานและ ความเปนเมือง ไดจากการตอบคําถาม การรวมกันทํางาน และการนําเสนอ ผลงานหนาชั้นเรียน โดยศึกษาเกณฑการวัดและประเมินผลจากแบบประเมิน การนําเสนอผลงานที่แนบมาทายแผนการจัดการเรียนรูหนวยที่ 3 เรื่อง สิ่งแวดลอมทางกายภาพกับประชากรและการตั้งถิ่นฐาน แบบประเมินการน าเสนอผลงาน ค าชี้แจง : ให้ผู้สอนประเมินผลการน าเสนอผลงานของนักเรียนตามรายการ แล้วขีด ลงในช่องที่ ตรงกับระดับคะแนน ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ............/................./................ เกณฑ์การให้คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินสมบูรณ์ชัดเจน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินเป็นส่วนใหญ่ ให้ 2 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินบางส่วน ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ต่ ากว่า 8 ปรับปรุง ล าดับที่ รายการประเมินระดับคะแนน 3 2 1 1 ความถูกต้องของเนื้อหา 2 การล าดับขั้นตอนของเรื่อง 3 วิธีการน าเสนอผลงานอย่างสร้างสรรค์ 4 การใช้เทคโนโลยีในการน าเสนอ 5 การมีส่วนร่วมของสมาชิกในกลุ่ม รวม กิจกรรม 21st Century Skills ครูใหนักเรียนสืบคนแบบจําลองการใชที่ดินทั้ง 3 แบบ ไดแก • ทฤษฎีวงแหวน • ทฤษฎีเสี้ยววงกลม • ทฤษฎีหลายจุดศูนยกลาง โดยใหนักเรียนอธิบายลักษณะเดนของแบบจําลองการใชที่ดิน แตละประเภท เพื่อใชอธิบายทําเลที่ตั้ง การใชที่ดินประเภทตางๆ ภายในเมือง รวมทั้งความสัมพันธระหวางการใชที่ดินกับโครงสราง สังคมภายในเมือง นํา สอน สรุป ประเมิน T128


คําถามเน้นการคิด กิจกรรมพัฒนาทักษะ 1. ลักษณะทางกายภาพมีความส�าคัญต่อการตั้งถิ่นฐานของประชากรอย่างไร 2. ปัจจัยใดบ้างที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางประชากรโลกและประชากรไทย 3. บริเวณใดของโลกที่มีประชากรอาศัยอยู่เบาบาง เพราะเหตุใด 4. การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุของประชากรโลกมีลักษณะอย่างไร ส่งผลต่อการพัฒนาประเทศ อย่างไร และประเทศไทยควรเตรียมรับกับเหตุการณ์ดังกล่าวอย่างไร 5. โลกาภิวัตน์ส่งผลต่อการเลือกที่อยู่อาศัยและวิถีการด�าเนินชีวิตของประชากรไทยอย่างไร 1. ลักษณะทางกายภาพมีความส�าคัญต่อการตั้งถิ่นฐานของประชากรอย่างไร 2. ปัจจัยใดบ้างที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางประชากรโลกและประชากรไทย 3. บริเวณใดของโลกที่มีประชากรอาศัยอยู่เบาบาง เพราะเหตุใด 4. การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุของประชากรโลกมีลักษณะอย่างไร ส่งผลต่อการพัฒนาประเทศ 5. โลกาภิวัตน์ส่งผลต่อการเลือกที่อยู่อาศัยและวิถีการด�าเนินชีวิตของประชากรไทยอย่างไร 1. ยกตัวอย่างเมืองที่ประชากรอาศัยอยู่หนาแน่น และเมืองที่ประชากรอาศัยอยู่เบาบาง วิเคราะห์ ถึงปัจจัยในการเลือกตั้งถิ่นฐาน 2. แบ่งกลุ่ม สืบค้นข้อมูลประชากรปีล่าสุดของโลกและของไทย วิเคราะห์โครงสร้างประชากร และคาดการณ์แนวโน้มในอนาคตในประเด็นต่าง ๆ ดังนี้ • จ�านวนประชากรในแต่ละช่วงวัย • อัตราเกิดและอัตราตาย • ผลกระทบจากโครงสร้างประชากรในปัจจุบัน 3. วางแผนเลือกตั้งถิ่นฐานเมืองใดก็ได้ ในโลก 1 เมือง วิเคราะห์ปัจจัยในการตั้งถิ่นฐาน เช่น ท�าเลที่ตั้ง สภาพแวดล้อมทางกายภาพ ทรัพยากร อาชีพ วิถีการด�าเนินชีวิต 1. ยกตัวอย่างเมืองที่ประชากรอาศัยอยู่หนาแน่น และเมืองที่ประชากรอาศัยอยู่เบาบาง วิเคราะห์ 2. แบ่งกลุ่ม สืบค้นข้อมูลประชากรปีล่าสุดของโลกและของไทย วิเคราะห์โครงสร้างประชากร 3. วางแผนเลือกตั้งถิ่นฐานเมืองใดก็ได้ ในโลก 1 เมือง วิเคราะห์ปัจจัยในการตั้งถิ่นฐาน เช่น 125 เฉลย คําถามเนนการคิด 1. ลักษณะทางกายภาพเปนปจจัยที่กําหนด บริเวณพื้นที่การตั้งถิ่นฐานของประชากร ทั้ง จากลักษณะภูมิประเทศ ภูมิอากาศ และความ อุดมสมบูรณของทรัพยากรธรรมชาติ ที่มีผล ตอเนื่องถึงการประกอบอาชีพ รูปแบบการ ดํารงชีวิต และวิถีการดําเนินชีวิตประจําวัน ของประชากรในแตละพื้นที่ที่มีลักษณะทาง กายภาพที่แตกตางกัน 2. • อัตราเกิด • อัตราตาย • การยายถิ่น • การเปลี่ยนแปลงประชากรสูงอายุ 3. บริเวณที่มีประชากรอาศัยอยูเบาบาง เชน บริเวณพื้นที่ในเขตทะเลทราย เขตหนาวจัด เขตเทือกเขาสูง เนื่องจากเปนบริเวณที่มีสภาพ แวดลอมที่ไมเหมาะสมตอการตั้งถิ่นฐาน การ ประกอบอาชีพ และการดํารงชีวิตประจําวัน 4. การมีประชากรอายุ 60 ปขึ้นไปในสัดสวน เกินกวารอยละ 10 ของจํานวนประชากรทั้ง ประเทศ คือ ลักษณะการเปนสังคมผูสูงอายุ สงผลใหการพัฒนาประเทศตองมุงเนนในดาน สุขภาพและสภาพแวดลอมที่เอื้ออํานวยตอ ผูสูงอายุ ซึ่งประเทศไทยควรเตรียมรับมือ โดยอาจมีการกําหนดนโยบายและเตรียม ความพรอมในดานตางๆ เชน การจางงาน การบริการสาธารณสุข การอยูอาศัย ฯลฯ 5. สงผลใหประชากรไทยมีลักษณะการ ตั้งถิ่นฐานที่เปลี่ยนแปลงไปจากชนบทไปสู เมือง มีวิถีการดําเนินชีวิตที่มุงเนนเทคโนโลยี วัตถุนิยม ความสะดวกสบาย และอยูบน พื้นฐานเศรษฐกิจแบบทุนนิยมที่เพิ่มมากขึ้น เฉลย แนวทางประเมินกิจกรรมพัฒนาทักษะ ประเมินความรอบรู • ใชในการประเมินความรอบรูในหลักการพื้นฐาน กระบวนการความสัมพันธของขั้นตอนการปฏิบัติงาน รวมถึงทักษะการคิดในเรื่องตางๆ โดยทั่วไป งานหรือชิ้นงานใชเวลาไมนาน งานสําหรับประเมินรูปแบบนี้อาจเปนคําถามปลายเปดหรือผังมโนทัศน นิยมสําหรับประเมินผูเรียนรายบุคคล ประเมินความสามารถ • เชน ความคลองแคลวในการใชเครื่องมือทางภูมิศาสตร การแปลความหมายขอมูล ทักษะการตัดสินใจ ทักษะการแกปญหา งานหรือชิ้นงานจะสะทอนถึง ทักษะและระดับความสามารถในการนําความรูไปใช อาจเปนการประเมินการเขียน ประเมินกระบวนการทํางานทางภูมิศาสตรตางๆ หรือการวิเคราะห และการแกปญหา ประเมินทักษะ • มีเปาหมายหลายประการ ผูเรียนไดแสดงทักษะ ความสามารถทางภูมิศาสตรตางๆ ที่ซับซอนขึ้น งานหรือชิ้นงานมักเปนโครงงานระยะยาว ซึ่งผูเรียน ตองมีการนําเสนอผลการปฏิบัติงานตอผูเกี่ยวของหรือตอสาธารณะ สิ่งที่ตองคํานึงถึงในการประเมิน คือ จํานวนงานหรือกิจกรรมที่ผูเรียนปฏิบัติ ซึ่งผูประเมินควรกําหนดรายการประเมินและทักษะที่ตองการประเมินให ชัดเจน นํา สอน สรุป ประเมิน T129


Chapter Overview แผนการจัด การเรียนรู้ สื่อที่ใช้ จุดประสงค์ วิธีสอน ประเมิน ทักษะที่ได้ คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ แผนฯ ที่ 1 กิจกรรมทาง เศรษฐกิจ : เกษตรกรรม 2 ชั่วโมง - หนังสือเรียน ภูมิศาสตร์ม.4-6 - แบบฝึกสมรรถนะ และการคิด ภูมิศาสตร์ ม.4-6 - แบบทดสอบก่อนเรียน - PowerPoint - ใบงานที่ 4.1 - เครื่องมือทาง ภูมิศาสตร์เช่น แผนที่ เข็มทิศ รูปถ่ายทางอากาศ ภาพจากดาวเทียม 1. วิเคราะห์ปฏิสัมพันธ์ ระหว่างสิ่งแวดล้อม ทางกายภาพที่ก่อให้ เกิดกิจกรรมทาง เศรษฐกิจประเภท เกษตรกรรมและ การเปลี่ยนแปลงใน ด้านต่างๆ ได้(K) 2. เลือกใช้เครื่องมือทาง ภูมิศาสตร์ในการศึกษา ปฏิสัมพันธ์ระหว่าง สิ่งแวดล้อมทางกายภาพ ที่ก่อให้เกิดกิจกรรม ทางเศรษฐกิจประเภท เกษตรกรรมและการ เปลี่ยนแปลงในด้าน ต่างๆ ได้(P) 3. สนใจศึกษากิจกรรม ทางเศรษฐกิจประเภท เกษตรกรรม และการ เปลี่ยนแปลงในด้าน ต่างๆ เพิ่มมากขึ้น (A) กระบวนการ ทางภูมิศาสตร์ (Geographic Inquiry Process) - ตรวจแบบทดสอบก่อนเรียน - ตรวจการท�ำแบบฝึก สมรรถนะและการคิด ภูมิศาสตร์ม.4-6 - ตรวจใบงานที่ 4.1 - ประเมินการน�ำเสนอผลงาน - สังเกตพฤติกรรม การท�ำงานรายบุคคล - สังเกตพฤติกรรม การท�ำงานกลุ่ม - ประเมินคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - การแปลความ ข้อมูลทาง ภูมิศาสตร์ - การใช้เทคนิค และเครื่องมือ ทางภูมิศาสตร์ - การคิดเชิงพื้นที่ - การคิดแบบ องค์รวม 1. ใฝ่เรียนรู้ 2. มุ่งมั่นใน การท�ำงาน T130


แผนการจัด การเรียนรู้ สื่อที่ใช้ จุดประสงค์ วิธีสอน ประเมิน ทักษะที่ได้ คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ แผนฯ ที่ 2 กิจกรรมทาง เศรษฐกิจ : อุตสาหกรรม การท่องเที่ยว และการบริการ 3 ชั่วโมง - หนังสือเรียน ภูมิศาสตร์ม.4-6 - แบบฝึกสมรรถนะ และการคิด ภูมิศาสตร์ ม.4-6 - แบบวัดและบันทึกผล การเรียนรู้ภูมิศาสตร์ ม.4-6 - แบบทดสอบหลังเรียน - PowerPoint - ใบงานที่ 4.2 - เครื่องมือทาง ภูมิศาสตร์เช่น แผนที่ เข็มทิศ รูปถ่ายทางอากาศ ภาพจากดาวเทียม 1. วิเคราะห์ปฏิสัมพันธ์ ระหว่างสิ่งแวดล้อม ทางกายภาพที่ก่อให้ เกิดกิจกรรมทาง เศรษฐกิจประเภท อุตสาหกรรม การท่องเที่ยว การบริการ และ การเปลี่ยนแปลงใน ด้านต่างๆ ได้(K) 2. เลือกใช้เครื่องมือทาง ภูมิศาสตร์ในการศึกษา ปฏิสัมพันธ์ระหว่าง สิ่งแวดล้อมทางกายภาพ ที่ก่อให้เกิดกิจกรรม ทางเศรษฐกิจประเภท อุตสาหกรรม การท่องเที่ยวการบริการ และการเปลี่ยนแปลง ในด้านต่างๆ ได้(P) 3. สนใจศึกษากิจกรรม ทางเศรษฐกิจประเภท อุตสาหกรรม การท่องเที่ยว การบริการ และการเปลี่ยนแปลง ในด้านต่างๆ เพิ่มมากขึ้น (A) กระบวนการ ทางภูมิศาสตร์ (Geographic Inquiry Process) - ตรวจการท�ำแบบฝึก สมรรถนะและการคิด ภูมิศาสตร์ม.4-6 - ตรวจการท�ำแบบวัดและ บันทึกผล ภูมิศาสตร์ม.4-6 - ตรวจใบงานที่ 4.2 - ประเมินการน�ำเสนอผลงาน - สังเกตพฤติกรรม การท�ำงานรายบุคคล - สังเกตพฤติกรรม การท�ำงานกลุ่ม - ประเมินคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - ตรวจแบบทดสอบ หลังเรียน - การแปลความ ข้อมูลทาง ภูมิศาสตร์ - การใช้เทคนิค และเครื่องมือ ทางภูมิศาสตร์ - การคิดเชิงพื้นที่ - การคิดแบบ องค์รวม 1. มีวินัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มุ่งมั่นใน การท�ำงาน T131


¡ÃÐáÊâÅ¡ÒÀÔÇѵ¹ Ê‹§¼Åµ‹Í¡Òà à»ÅÕè¹á»Å§ เศรษฐกิจโลก อย่างไร กิจกรรมทำงเศรษฐกิจมีควำมสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมทำง กำยภำพในแต่ละพื้นที่ แบ่งออกได้เป็น 3 กลุ่ม คือ เกษตรกรรม อุตสำหกรรมกำรผลิต กำรท่องเที่ยวและบริกำร ปัจจุบันกระแส โลกำภิวัตน์มีอิทธิพลต่อกิจกรรมทำงเศรษฐกิจ กำรเรียนรู้เรื่อง กิจกรรมทำงเศรษฐกิจท�ำให้สำมำรถวิเครำะห์กำรกระจำยของ กิจกรรมทำงเศรษฐกิจ และผลกระทบในพื้นที่ต่ำง ๆ สิ่งแวดลอมทางกายภาพ กับกิจกรรมทางเศรษฐกิจ สาระการเรียนรู้แกนกลาง • ปฏิสัมพันธ์ระหว่ำงสิ�งแวดล้อมทำง กำยภำพกับวิถีกำรด�ำเนินชีวิตภำยใต้ กระแสโลกำภิวัตน์ ได้แก่ กำรกระจำย ของกิจกรรมทำงเศรษฐกิจ (เกษตรกรรม อุตสำหกรรมกำรผลิต กำรบริกำร และกำรท่องเที่ยว) ตัวชี้วัด ส 5.2 ม.4 - 6/1 หน่วยการเรียนรู้ที่4 126 127 ขั้นนํา (Geographic Inquiry Process) 1. ครูแจงใหนักเรียนทราบถึงวิธีสอน ชื่อเรื่อง จุดประสงค และผลการเรียนรู 2. ครูใหนักเรียนทําแบบทดสอบกอนเรียนหนวย การเรียนรูที่ 4 เรื่อง สิ่งแวดลอมทางกายภาพ กับกิจกรรมทางเศรษฐกิจ 3. ครูถามคําถามกระตุนความคิดโดยใหนักเรียน รวมกันตอบคําถาม เชน • พืชชนิดใดเปนพืชเศรษฐกิจในบริเวณเขต ศูนยสูตร (แนวตอบ ยางพารา ชา กาแฟ) • พืชชนิดใดสามารถปลูกไดทุกภูมิภาค (แนวตอบ ขาวโพด) • พืชชนิดใดมีมากในเขตเมดิเตอรเรเนียน (แนวตอบ สม องุน มะกอก) • สัตวชนิดใดที่สามารถเลี้ยงไดในเขตที่มี ทุงหญาบาง นํ้านอย (แนวตอบ แพะ แกะ) • การประมงและการเลี้ยงปลานํ้าจืดพบไดมาก ในทวีปใด (แนวตอบ ทวีปเอเชีย) เกร็ดแนะครู ครูควรจัดกิจกรรมการเรียนรูโดยเนนความสามารถในการใชทักษะ กระบวนการ และความสามารถทางภูมิศาสตร เชน ทักษะการแปลความขอมูล ทางภูมิศาสตร ทักษะการใชเทคนิคและเครื่องมือทางภูมิศาสตร ทักษะการคิดเชิงพื้นที่ ประกอบการเรียนการสอนไดโดยจัดกิจกรรม ดังนี้ • ใชเครื่องมือทางภูมิศาสตร เชน แผนที่ รูปถายทางอากาศ ภาพจากดาวเทียม หรือใชสมารตโฟน เพื่อศึกษาปฏิสัมพันธระหวางสิ่งแวดลอมทางกายภาพ กับวิถีการดําเนินชีวิตภายใตกระแสโลกาภิวัตน • การจัดกิจกรรมตางๆ ควรเนนกิจกรรมที่กระตุนความสนใจของนักเรียน ใหนักเรียนรูจักคิดและมีสวนรวมในกิจกรรมตางๆ รวมทั้งสงเสริมประสบการณ และความสามารถของผูเรียน • ตั้งประเด็นใหนักเรียนรวมกันอภิปรายและแสดงความคิดเห็น นํา นํา สอน สรุป ประเมิน T132


ขอสอบเนน การคิด 1 เกษตรกรรม เกษตรกรรมเป็นกิจกรรมทำงเศรษฐกิจขั้นพื้นฐำนของมนุษย์ เป็นกำรใช้ที่ดินเพื่อกำร เพำะปลูก กำรเลี้ยงสัตว์ กำรประมง รวมทั้งกำรท�ำป่ำไม้ ซึ่งกิจกรรมดังกล่ำวมีกำรใช้เทคโนโลยี ระดับพื้นบ้ำนจนถึงกำรใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ผลผลิตมีทั้งสนองควำมต้องกำรพื้นฐำนของมนุษย์ และเป็นวัตถุดิบของกิจกรรมทำงเศรษฐกิจในขั้นสูงต่อไป 1.1 ประเภทของเกษตรกรรม 1) เกษตรกรรมแบบยังชีพ เป็นกำรปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ ไว้ ใช้บริโภคในครอบครัว อำจมีเหลือจ�ำหน่ำยหรือแลกเปลี่ยนบ้ำงไม่มำกนัก กิจกรรมทำงเศรษฐกิจที่ส�ำคัญ ได้แก่ 1.1) การเก็บของปาและล่าสัตว์ กลุ่มที่มีอำชีพนี้ เช่น พวกปิกมีในทวีปแอฟริกำ ส่วนใหญ่อำศัยอยู่ในลุ่มแม่น�้ำคองโก ด�ำรงชีวิตด้วยกำรจับปลำ เก็บของป่ำ เช่น ผลไม้ รวงผึ้ง พืชหัวที่อยู่ตำมธรรมชำติ และล่ำสัตว์ โดยใช้ธนูอำบยำพิษ พวกบุชแมนในทะเลทรำยคำลำฮำรี ผู้ชำยออกล่ำสัตว์ ส่วนผู้หญิงเก็บผลไม้ น�้ำผึ้ง แมลงต่ำง ๆ หรือสิ่งอื่นที่สำมำรถน�ำมำรับประทำนได้ และพวกเอสกิโมในทวีปอเมริกำเหนือที่รู้จักประดิษฐ์อำวุธและเครื่องมือต่ำง ๆ เพื่อใช้ ในกำรล่ำสัตว์ ลักษณะทั่วไปของกำรด�ำรงชีพด้วยวิธีนี้ คือ หำอำหำรเมื่อหิวและไม่มีกำรเก็บไว้ส�ำหรับวันต่อไป หรือเก็บได้เพียงระยะสั้น ๆ เพรำะอำหำรมีน้อยและขำดวิธีกำรเก็บหรือกำรถนอมอำหำรที่ดี ส่วนมำกจะอยู่กลุ่มเล็ก ๆ เป็นครอบครัวหรือเป็นเผ่ำ 1.2) การเลี้ยงสัตว์แบบเร่ร่อน เป็นกำรเลี้ยงสัตว์ในเขตทุ่งหญ้ำกึ่งทะเลทรำย ที่มีหญ้ำเฉพำะฤดู ท�ำให้ต้องพำฝูงสัตว์ย้ำยที่ไปเรื่อย ๆ สัตว์ที่เลี้ยงมีหลำยชนิดแล้วแต่ลักษณะ ทำงธรรมชำติที่เหมำะส�ำหรับสัตว์ชนิดนั้น ๆ กำรด�ำรงชีวิตของพวกเร่ร่อนขึ้นอยู่กับสัตว์ที่เลี้ยง ซึ่งใช้เป็นพำหนะ อำหำร และท�ำเครื่องใช้ต่ำง ๆ บริเวณที่มีกำรเลี้ยงสัตว์แบบเร่ร่อน เช่น เขตตอนกลำง 1 เกษตรกรรม กำรเลี้ยงแพะแบบเร่ร่อนในประเทศมองโกเลีย ของทวีปเอเชีย ได้แก่ พวกคำซัคที่อยู่ในเขต ที่รำบระหว่ำงทะเลแคสเปียนกับภูเขำสูงตอน กลำงทวีป พวกคีร์กีซบนเทือกเขำเทียนชำนและ ที่รำบสูงปำมีร์ สัตว์ที่เลี้ยงแตกต่ำงกันไปตำม ลักษณะและปริมำณของหญ้ำ ปริมำณน�้ำ อุณหภูมิและควำมชื้นของอำกำศ เช่น แพะ แกะ เลี้ยงในเขตที่มีหญ้ำบำง น�้ำน้อย โค เลี้ยงในเขต ที่น�้ำและหญ้ำอุดมสมบูรณ์ จำมรี เลี้ยงบนที่สูง อูฐ เลี้ยงไว้ ใช้งำนในที่ที่มีควำมแห้งแล้งแบบ ทะเลทรำย 126 127 ขั้นสอน ขั้นที่ 1 ตั้งคําถามเชิงภูมิศาสตร 1. ครูใหนักเรียนดูภาพหรือคลิปวิดีโอที่เกี่ยวของ กับการเกษตรกรรมทั้งการเพาะปลูก การ เลี้ยงสัตว และการประมง แลวรวมกันแสดง ความคิดเห็นเกี่ยวกับภาพหรือคลิปวิดีโอ ดังกลาว 2. ครูสอบถามนักเรียนถึงความสัมพันธระหวาง พื้นที่ หรือลักษณะทางกายภาพ สภาพแวดลอม สภาพภูมิอากาศของแตละพื้นที่บนโลก วามี ความเหมือนหรือแตกตางในการเพาะปลูก หรือไม อยางไร 3. ครูใหนักเรียนดูภาพพืชชนิดตางๆ แลวสุมถาม ถึงแหลงเพาะปลูกที่เหมาะสม จากนั้นรวมกัน แสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม เกร็ดแนะครู ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับชนเผาปกมีวา เปนชนเผาโบราณอาศัยอยู บริเวณเสนศูนยสูตรแถบประเทศคองโก ลักษณะที่โดดเดนมากที่สุดของชนเผานี้ คือ หัวโต ขาสั้น รูปรางผอม แตมีพุง มีสวนสูงโดยเฉลี่ยประมาณ 120 เซนติเมตร มีนํ้าหนักไมเกิน 50 กิโลกรัม อายุโดยเฉลี่ยอยูที่ 30-40 ป มีแตภาษาพูด ไมมีภาษาเขียน มีบุตรตั้งแตอายุ 8 ป เพราะมีคานิยมวาเปนวัยที่โตเต็มที่แลว เรียกไดวา เปนชนเผาที่อายุสั้นและมีลูกเร็วที่สุดในโลก ขอใดเปนกลุมชนเผาที่จัดอยูในกลุมอาชีพเกษตรกรรมแบบ ยังชีพกลุมเดียวกัน 1. ปกมี คาซัค 2. เมารี คีรกีซ 3. อาหรับ โซมาลี 4. บุชแมน เอสกิโม 5. อัฟกัน แอบอริจีนี (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. บุชแมนและเอสกิโม จัดอยูใน กลุมอาชีพเก็บของปาและลาสัตวเหมือนกัน โดยพวกบุชแมน อาศัยอยูในทะเลทรายคาลาฮารี (ทวีปแอฟริกา) ผูชายออกลาสัตว สวนผูหญิงเก็บผลไม นํ้าผึ้ง แมลงตางๆ หรือสิ่งอื่นที่สามารถ นํามารับประทานได ในขณะที่กลุมเอสกิโมในทวีปอเมริกาเหนือ ก็รูจักประดิษฐอาวุธและเครื่องมือตางๆ เพื่อใชในการลาสัตว เชนเดียวกัน) นํา สอน สรุป ประเมิน T133


กิจกรรม Geo - Literacy เขตทุนดรำ ได้แก่ พวกแลปป์ที่เลี้ยงกวำงเรนเดียร์ ในฤดูร้อนพำสัตว์ไปในเขต ที่มีหญ้ำตำมภูเขำ ในประเทศสวีเดน นอร์เวย์ และฟินแลนด์ โดยกำรโยกย้ำยข้ำมพรมแดนระหว่ำง ประเทศของพวกแลปป์ได้มีกำรท�ำข้อตกลงยอมให้พำฝูงสัตว์ข้ำมพรมแดนได้ ส่วนฤดูใบไม้ร่วงและ ฤดูหนำวลงมำอยู่ในเขตป่ำไม้ที่มีหญ้ำส�ำหรับสัตว์เลี้ยง 1.3) การเพาะปลูกแบบยังชีพ เป็นกำรเพำะปลูกที่ใช้วิธีกำรง่ำย ๆ ไม่รู้จักใช้ปุ๋ย หรือปลูกพืชหมุนเวียน มีเฉพำะเครื่องมือและวิธีปลูกพืชแบบง่ำย ๆ เช่น กำรใช้ไม้เจำะดินให้เป็น หลุมใส่เมล็ดหรือก้ำนพืชลงไปแล้วเหยียบให้แน่น พวกที่มีควำมเจริญมำกขึ้นรู้จักพรวนดิน ก�ำจัด ศัตรูพืช พืชที่ปลูก ได้แก่ ข้ำวโพด ข้ำวฟ่ำง ข้ำวเจ้ำ มัน อ้อย และถั่ว ส่วนใหญ่เป็นกำรเพำะปลูก แบบท�ำไร่เลื่อนลอย โดยทั่วไปกำรเพำะปลูกในแต่ละบริเวณใช้เวลำประมำณ 3 - 4 ปี เมื่อดินขำด ควำมอุดมสมบูรณ์ ผลผลิตลดต�่ำลง จะละทิ้งพื้นที่เดิมแล้วไปถำงพื้นที่ใหม่ กำรเพำะปลูกแบบนี้ พบในเขตที่รำบลุ่มแม่น�้ำแอมะซอน ลุ่มแม่น�้ำคองโก และในภูมิภำคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 2) เกษตรกรรมแบบการค้า เป็นกำรท�ำกำรเกษตรเพื่อจ�ำหน่ำยผลผลิต เช่น กำรปลูกธัญพืช กำรปลูกพืชสวน กำรปลูกพืชไร่ กำรเลี้ยงปศุสัตว์ กำรท�ำฟำร์มโคนม กำรท�ำ เกษตรกรรมแบบนี้เกษตรกรจะคัดเลือกพันธุ์พืช พันธุ์สัตว์ ให้เหมำะสมกับสภำพแวดล้อมในบริเวณ นั้น ๆ มีกำรน�ำเทคโนโลยีและเทคนิคสมัยใหม่มำใช้ ซึ่งอำจจ�ำแนกได้ ดังนี้ ในฤดูหนำวน�ำมำเลี้ยงบริเวณหุบเขำ ลุ่มแม่น�้ำ สินธุ พวกเบดูอินในคำบสมุทรอำหรับเลี้ยงสัตว์ ตำมริมทะเลทรำยในฤดูหนำว ส่วนฤดูร้อนน�ำฝูง สัตว์เข้ำไปในที่รำบสูงตอนใน นอกจำกนี้ ยังมี กำรเลี้ยงสัตว์แบบเร่ร่อนตำมขอบทะเลทรำย สะฮำรำในฤดูหนำวและย้ำยไปตำมภูเขำหรือ โอเอซิสในฤดูร้อน สัตว์เลี้ยงส�ำคัญ ได้แก่ แกะ แพะ และโค ปัจจุบันรัฐบำลได้แนะน�ำให้พวก เร่ร่อนตั้งหมู่บ้ำนและรู้จักเพำะปลูก ซึ่งได้ผลพอ สมควร กำรเลี้ยงกวำงเรนเดียร์ของชำวแลปป์ ในประเทศนอร์เวย์ Activity นักเรียนร่วมกันอธิบำยควำมสัมพันธ์ระหว่ำงลักษณะภูมิประเทศและภูมิอำกำศ กับกำรประกอบ กิจกรรมทำงกำรเกษตรแบบยังชีพ Geo เขตตะวันตกเฉียงใต้ของทวีปเอเชียกับทำงตะวันออกของทวีปแอฟริกำ ได้แก่ พวก อัฟกันในอิหร่ำน อัฟกำนิสถำน และปำกีสถำน โดยในฤดูร้อนพำฝูงสัตว์ไปเลี้ยงตำมภูเขำ 128 129 เกร็ดแนะครู ครูควรใหนักเรียนสืบคนขอมูลและรูปภาพจากเว็บไซตเกี่ยวกับเกษตรกรรม แบบการคาในทวีปตางๆ ทั่วโลก โดยนําขอมูลมาเปรียบเทียบใหเห็นถึงลักษณะ เดน ความเหมือน ความแตกตาง เพื่อใหนักเรียนเกิดความรูความเขาใจมาก ยิ่งขึ้น ขั้นสอน ขั้นที่ 1 การตั้งคําถามเชิงภูมิศาสตร 4. ครูใหนักเรียนจับกลุมทํากิจกรรมตาม Geo Activity เกี่ยวกับความสัมพันธระหวาง ลักษณะภูมิประเทศและลักษณะภูมิอากาศ จากหนังสือเรียน ภูมิศาสตร ม.4-6 5. ครูสุมนักเรียนนําเสนอผลการอธิบายความ สัมพันธระหวางลักษณะภูมิประเทศและ ลักษณะภูมิอากาศ จากนั้นรวมกันอภิปราย แสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม 6. ครูใหนักเรียนใชสมารตโฟนสืบคนภาพหรือ คลิปวิดีโอตัวอยางที่เกี่ยวของกับการเพาะปลูก ในรูปแบบตางๆ เชน การเพาะปลูกแบบยังชีพ การเพาะปลูกแบบเพิ่มผลผลิต การเพาะปลูก ในพื้นที่กวางขวาง การเพาะปลูกแบบผสม การเพาะปลูกแบบไรขนาดใหญ นักเรียนจับคู สํารวจและรวบรวมขอมูลเกี่ยวกับความสัมพันธ ระหวางลักษณะภูมิประเทศและภูมิอากาศ กับการประกอบ กิจกรรมทางการเกษตรแบบยังชีพในพื้นที่ตางๆ ของโลก โดยใช กระบวนการทางภูมิศาสตร จากนั้นสรุปความรูเพื่อวางแผนเลือก ตั้งถิ่นฐานในพื้นที่นั้น พรอมทั้งนําเสนอเหตุผลที่เลือกตั้งถิ่นฐาน ในบริเวณพื้นที่ดังกลาว นํา สอน สรุป ประเมิน T134


2.1) การเพาะปลูกแบบเพิ่มผลผลิต (intensive cultivation) เป็นกำรเพำะปลูกใน พื้นที่ขนำดเล็กแต่ให้ผลผลิตสูง มีกำรใช้พื้นที่อย่ำงทั่วถึง มีกำรเพิ่มพื้นที่โดยระบำยน�้ำออกจำกที่ ลุ่ม และมีกำรชลประทำนในพื้นที่แห้งแล้ง เว้นที่ท�ำกำรเพำะปลูกในที่สูงชันและพื้นที่ที่ขำดควำม อุดมสมบูรณ์ มีกำรปลูกพืชหมุนเวียนเพื่อใช้พื้นที่ท�ำกำรเกษตรได้ตลอดปี ส่วนใหญ่ใช้แรงงำนคน และสัตว์ แต่บำงพื้นที่อำจใช้เครื่องจักรเข้ำช่วย กำรเพำะปลูกในลักษณะนี้พบได้ในเขตมรสุมของ ทวีปเอเชีย เช่น ประเทศจีน ญี่ปุ่น บังกลำเทศ อินเดีย และในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พืชที่ปลูก ได้แก่ ข้ำวเจ้ำ ข้ำวฟ่ำง ถั่วเหลือง อ้อย ผัก และพืชหัว 2.2) การเพาะปลูกในพื้นที่กว้างขวาง (extensive cultivation) เป็นกำรเพำะปลูก ในพื้นที่ขนำดใหญ่ มีกำรใช้เครื่องจักรกสิกรรมในกำรเตรียมพื้นที่ หว่ำนเมล็ด และเก็บเกี่ยวผลผลิต ได้อย่ำงรวดเร็ว ท�ำให้เพำะปลูกในพื้นที่กว้ำงขวำงได้ บริเวณที่มีกำรเกษตรแบบนี้ เช่น เขตทุ่งหญ้ำสเตปป์ในทวีปยุโรปและเอเชีย เขตทุ่งหญ้ำแพรรีในสหรัฐอเมริกำและแคนำดำ เขตทุ่งหญ้ำปัมปัสในอำร์เจนตินำ และเขตที่รำบแคนเทอร์เบอรีในนิวซีแลนด์ พืชที่ปลูก ได้แก่ ข้ำวสำลี ข้ำวบำร์เลย์ ข้ำวไรย์ ข้ำวโพด และถั่วลิสง กำรเพำะปลูกแบบนี้ใช้แรงงำนคนเป็น จ�ำนวนน้อย กำรเพำะปลูกตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงเก็บเกี่ยวใช้เครื่องจักรเกือบทั้งหมด 2.3) การเพาะปลูกแบบผสม (mixed farming) เป็นกำรเพำะปลูกควบคู่ไปกับกำร เลี้ยงสัตว์ซึ่งใช้เป็นอำหำร เช่น โคนม โคเนื้อ สุกร เป็ด ไก่ และปลูกพืชที่ใช้เลี้ยงสัตว์ควบคู่กันไป เช่น ข้ำวโพด รวมทั้งพืชที่จ�ำหน่ำยเพื่อกำรค้ำ เช่น มันฝรั่ง ข้ำวสำลี ผักและผลไม้ กำรเพำะปลูก แบบผสมให้ผลผลิตต่อเนื้อที่สูง พบมำกในภูมิภำคยุโรปตะวันตก และทวีปอเมริกำเหนือ 2.4) การเพาะปลูกแบบไร่ขนาดใหญ่ (plantation) เป็นกำรเพำะปลูกในพื้นที่ ขนำดใหญ่ในเขตร้อน กำรเพำะปลูกประเภทนี้พบได้ ในส่วนต่ำง ๆ ของทวีปเอเชีย แอฟริกำ และ เขตเมืองร้อนในสหรัฐอเมริกำ พืชที่ปลูกในไร่ขนำดใหญ่ เช่น ยำงพำรำ ปำล์มน�้ำมัน มะพร้ำว ฝ้ำย กำแฟ ชำ โกโก้ และพืชเส้นใยต่ำง ๆ ลักษณะโดยทั่วไปของกำรท�ำไร่ขนำดใหญ่ มีกำรใช้พื้นที่ ตั้งแต่ 250 ไร่ขึ้นไป กำรจัดกำรไร่จะด�ำเนินกำรโดยผู้เชี่ยวชำญ มีกำรใช้ปุ๋ยและเครื่องจักร เพื่อให้ ได้ผลผลิตจ�ำนวนมำกและมีคุณภำพสูงเป็นไปตำมควำมต้องกำรของตลำด สวนปำล์มน�้ำมันในภูมิภำคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 128 129 เกร็ดแนะครู ครูจัดกิจกรรมการโตวาทีเกี่ยวกับการประกอบอาชีพเกษตรกรรม โดยกําหนดญัตติ เชน • การเกษตรแบบการคาดีกวาการเกษตรแบบยังชีพ • การเพาะปลูกแบบผสมดีกวาการเพาะปลูกแบบไรขนาดใหญ โดยการโตวาทีจะเปนการฝกใหนักเรียนรูจักการคิดวิเคราะห หาเหตุผล เพื่อมาหักลางอีกฝายในทางสรางสรรค เมื่อจบการโตวาที ครูและนักเรียน รวมกันอภิปรายสรุปเพิ่มเติม ขั้นสอน ขั้นที่ 1 การตั้งคําถามเชิงภูมิศาสตร 7. ครูสุมนักเรียนนําเสนอผลการสืบคน จํานวน 4-5 คน อภิปรายแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม รวมกัน 8. ครูกระตุนใหนักเรียนชวยกันตั้งประเด็นคําถาม เชิงภูมิศาสตร เชน • กิจกรรมทางเศรษฐกิจในดานการเพาะปลูก เลี้ยงสัตว ประมง ในประเทศไทยและ ภูมิภาคตางๆ ของโลกมีการเปลี่ยนแปลง จากในอดีตอยางไรบาง และปจจัยใดเปน สาเหตุที่กอใหเกิดการเปลี่ยนแปลงดังกลาว • สิ่งแวดลอมทางกายภาพสงผลตอกิจกรรม ทางเศรษฐกิจในดานการเพาะปลูก เลี้ยงสัตว ประมง ในประเทศไทยและภูมิภาคตางๆ ของโลกอยางไร ขอสอบเนนการคิดแนว O-NET กิจกรรมใดสอดคลองกับการเพาะปลูกแบบเพิ่มผลผลิต 1. การเพาะปลูกในพื้นที่ขนาดเล็กแตใหผลผลิตสูง 2. การเพาะปลูกในพื้นที่ขนาดเล็กมีการใชเครื่องจักร 3. การเพาะปลูกในพื้นที่ขนาดใหญ ใชพื้นที่มากกวา 250 ไร 4. การเพาะปลูกควบคูกับการเลี้ยงสัตวที่ใหผลผลิตตอเนื้อที่สูง 5. การเพาะปลูกแบบการคาในพื้นที่ขนาดใหญและมีการใช เครื่องจักรเพิ่มผลผลิต (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. การเพาะปลูกแบบเพิ่มผลผลิต เปนการเพาะปลูกในพื้นที่ขนาดเล็ก แตใหผลผลิตสูง มีการใชพื้นที่ อยางทั่วถึง มีการเพิ่มพื้นที่โดยระบายนํ้าออกจากที่ลุม มีการ ชลประทานในพื้นที่แหงแลง มีการปลูกพืชหมุนเวียนเพื่อใหใช พื้นที่ทําการเกษตรไดตลอดป มีพืชที่ปลูก เชน ขาวเจา ขาวฟาง ถั่วเหลือง บริเวณที่ปลูกเปนเขตมรสุม เชน จีน ญี่ปุน บังกลาเทศ อินเดีย และในเอเชียตะวันออกเฉียงใต) นํา สอน สรุป ประเมิน T135


Knowledge Geo EU กับเกษตรกรรมความแม่นยำาสูง (precision farming) สหภำพยุโรปมีเกษตรกรจ�ำนวนไม่มำก แต่มีศักยภำพในกำรผลิตสูง ส่วนหนึ่งเพรำะเกษตรกรได้น�ำ เทคโนโลยีมำช่วยเพิ่มประสิทธิภำพกำรผลิต ปัจจุบันภำคกำรเกษตรของสหภำพยุโรปที่ใช้เทคโนโลยี เกษตรกรรมควำมแม่นย�ำสูง ได้แก่ การปลูกพืช เทคโนโลยีควำมแม่นย�ำสูงที่น�ำมำใช้ ได้แก่ ระบบน�ำทำงด้วยดำวเทียม (GNSS) ท�ำให้ทรำบต�ำแหน่งบนพื้นที่กำรเกษตรและลดกำรท�ำงำนทับซ้อนบน จุดเดียว กำรท�ำแผนที่ระดับผลผลิต (yield mapping) ท�ำให้มองเห็นภำพ ควำมเหมำะสมในกำรเพำะปลูกพืชบนพื้นที่ กำรใช้อำกำศยำนไร้ คนขับ หรือโดรน (drone) ส�ำหรับส�ำรวจควำมหลำกหลำย ของพื้นที่ ศึกษำสภำพดินและพืชตำมจุดต่ำง ๆ การปลูกผัก เทคโนโลยีควำมแม่นย�ำสูงที่น�ำมำใช้ ได้แก่ เครื่องเก็บเกี่ยวผลผลิต ที่เลือกเก็บเฉพำะผักที่ มีคุณภำพตำมต้องกำร รถแทรกเตอร์ติดเซ็นเซอร์และ ระบบน�ำทำงอัตโนมัติ ท�ำให้ทรำบว่ำจุดใดควรใช้สำร ปรำบศัตรูพืชมำกน้อยเพียงใด ลดกำรใช้สำรปรำบศัตรู พืชและประหยัดแรงงำน กำรใช้หุ่นยนต์ก�ำจัดวัชพืชที่ ใช้กล้องดิจิทัล โดยใช้ระบบตรวจจับวัตถุ เทียบสิ่งที่ มองเห็นกับฐำนข้อมูลที่เคยเก็บไว้ แล้วก�ำจัดวัชพืช ด้วยกำรตัดทิ้ง การเลี้ยงโค เทคโนโลยีควำมแม่นย�ำสูงที่น�ำมำใช้ ได้แก่ หุ่นยนต์ส�ำหรับท�ำงำนหนัก เช่น ให้อำหำร หยำบ ท�ำควำมสะอำดคอก นอกจำกนี้ กำรเลี้ยงโคใน สหภำพยุโรปยังใช้ระบบ Automatic Milking System (AMS) โดยให้หุ่นยนต์รีดนมโคได้ตำมควำมต้องกำร ของแม่โค โคทุกตัวมี ID Tag เมื่อโคเดินเข้ำมำที่ หุ่นยนต์จะถูกอ่ำนค่ำจำกป้ำย และหุ่นยนต์จะท�ำหน้ำที่ โดยอัตโนมัติ ที่มา : ส�ำนักงำนที่ปรึกษำกำรเกษตรต่ำงประเทศ ประจ�ำสหภำพยุโรป 130 131 กิจกรรม ทาทาย ขั้นสอน ขั้นที่ 1 การตั้งคําถามเชิงภูมิศาสตร 9. ครูใหนักเรียนศึกษา Geo Knowledge เกี่ยวกับ การใชเทคโนโลยีในการทําเกษตรกรรม จากหนังสือเรียน ภูมิศาสตร ม.4-6 ประกอบ การตั้งคําถามทางภูมิศาสตรเพิ่มเติม ขั้นที่ 2 การรวบรวมขอมูล 1. ครูใหนักเรียนแบงกลุม จํานวน 3 กลุม สืบคน ขอมูลเกี่ยวกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจ จาก หนังสือเรียน ภูมิศาสตร ม.4-6 หรือจาก แหลงการเรียนรูอื่นๆ เชน หนังสือในหองสมุด เว็บไซตในอินเทอรเน็ต ในประเด็นตอไปนี้ • ประเภทของเกษตรกรรม • กิจกรรมทางการเกษตรที่สําคัญของโลก • เกษตรกรรมในประเทศไทย 2. นักเรียนแตละกลุมรวมกันศึกษาขอมูลในหัวขอ ที่รับผิดชอบ โดยนําความรูเกี่ยวกับเครื่องมือ ทางภูมิศาสตรมาใชประกอบในการศึกษาดวย 3. ครูแนะนําแหลงขอมูลสารสนเทศที่นาเชื่อถือ ใหกับนักเรียนเพิ่มเติม เกร็ดแนะครู ครูควรอธิบายนักเรียนเพิ่มเติมเกี่ยวกับเกษตรกรรมความแมนยําสูงวา เปนการนําเทคโนโลยีมาใชในการเกษตรที่ไดรับความนิยมมากในสหรัฐอเมริกา อิสราเอล ออสเตรเลีย ญี่ปุน มาเลเซีย ที่ไดมีการศึกษาและวิจัย รวมไปถึงมีการ ทดลองใชกันอยางกวางขวาง นักเรียนศึกษาคนควาเกี่ยวกับการเกษตรแบบแมนยําสูง ในพื้นที่ประเทศไทย โดยใหนักเรียนยกตัวอยางเมือง และตัวอยาง พื้นที่ที่มีการทําเกษตรกรรมแบบแมนยําสูง พรอมทั้งบอกปจจัยที่ เอื้ออํานวยใหมีการเกษตรในลักษณะนี้ จากนั้นบันทึกสาระสําคัญ นําเสนอ และอภิปรายรวมกันในชั้นเรียน นํา สอน สรุป ประเมิน T136


2.5) การเลี้ยงสัตว์เพื่อการค้า มีลักษณะแตกต่ำงจำกกำรเลี้ยงสัตว์แบบเร่ร่อน จะเลี้ยงสัตว์ชนิดใดชนิดหนึ่งที่เหมำะสมที่สุดเพียงชนิดเดียวในแต่ละเขต เลี้ยงเป็นจ�ำนวนมำก และ เลี้ยงเป็นคอกสัตว์ขนำดใหญ่ แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ 1. การเลี้ยงสัตว์ในเขตอบอุน ทุ่งหญ้ำในเขตอบอุ่นได้รับปริมำณฝนอยู่ Geo Tip เขตตอนใต้ของที่รำบสูงปำตำโกเนีย จะมี ฝนตกน้อยแต่สม�่ำเสมอ ฤดูหนำวมีหิมะตก ไม่มำก กำรที่อำกำศมีอุณหภูมิต�่ำท�ำให้แกะมี ขนหนำและละเอียด มีกำรเลี้ยงแกะพันธุ์เมอริโน ซึ่งเป็นแกะพันธุ์ขน และพันธุ์รอมนีย์ที่ให้ทั้ง เนื้อและขน ระหว่ำง 254 - 762 มิลลิเมตรต่อปี ซึ่งตกมำก ในฤดูใบไม้ผลิถึงฤดูร้อน บริเวณที่มีกำรเลี้ยง มำก ได้แก่ ทวีปอเมริกำเหนือในเขตทุ่งหญ้ำ แพรรี มีกำรเลี้ยงโคเนื้อในคอกสัตว์ขนำดใหญ่ เขตที่รำบสูงเอดเวิร์ดเลี้ยงแพะอังกอรำ เขต ทุ่งหญ้ำแห้งแล้งและตำมภูเขำหรือพื้นที่ระหว่ำง ภูเขำนิยมเลี้ยงแกะ ทวีปอเมริกำใต้บริเวณที่รำบ ปัมปัสในเขตที่มีควำมชื้นมำกเลี้ยงโคเนื้อ เขตที่มีควำมชื้นน้อยเลี้ยงแกะ เขตตอนใต้ของที่รำบสูง ปำตำโกเนียนิยมเลี้ยงแกะ บริเวณภำคกลำงตอนใต้ของประเทศออสเตรเลียเป็นบริเวณที่มีทุ่งหญ้ำ อุดมสมบูรณ์จึงนิยมเลี้ยงแกะพันธุ์เนื้อ เขตแห้งแล้งเลี้ยงแกะพันธุ์ขน 2. การเลี้ยงสัตว์ในเขตร้อนหรือสะวันนา ทุ่งหญ้ำในเขตนี้มีปริมำณฝนต่อปี มำกกว่ำทุ่งหญ้ำในเขตอบอุ่นแต่ไม่สม�่ำเสมอ บริเวณที่มีกำรเลี้ยงมำก ได้แก่ ทวีปแอฟริกำ มีกำร เลี้ยงโคเนื้อเพรำะทนอำกำศร้อนได้ดี โคในแอฟริกำเป็นโคที่ชำวพื้นเมืองเลี้ยงไว้ ใช้งำนและบริโภค ภำยในประเทศ ทวีปอเมริกำใต้ ในบริเวณทุ่งหญ้ำกัมโป (campo) บนที่รำบสูงบรำซิลมีกำรเลี้ยง โคเนื้อที่ได้มีกำรปรับปรุงพันธุ์เพื่อให้ทนต่ออุณหภูมิสูงในเขตร้อนได้ดี ที่รำบยำโนส (llanos) นิยมเลี้ยงโคเนื้อและโคพันธ์ุพื้นเมือง 2.6) การเลี้ยงสัตว์ ในไร่แบบผสม เป็นกำรเลี้ยงสัตว์ร่วมกับกำรปลูกพืชต่ำง ๆ โคพันธุ์แองกัส เป็นสำยพันธุ์โคเนื้อที่นิยมเลี้ยงในประเทศ อำร์เจนตินำ และมีกำรปลูกพืชอำหำรสัตว์ เพื่อน�ำมำใช้เลี้ยง สัตว์ด้วย สัตว์เลี้ยงที่ส�ำคัญ ได้แก่ โคนม โคเนื้อ สุกร และสัตว์ปีก กำรเลี้ยงโคนมเป็นกำรเกษตร แบบก้ำวหน้ำ เพรำะต้องอำศัยกระบวนกำร ทำงวิทยำศำสตร์ในกำรเตรียมผลิตผลต่ำง ๆ ใน กำรเก็บรักษำและกำรขนส่งต้องอำศัยอุปกรณ์ และยำนพำหนะที่ทันสมัย เพื่อป้องกันไม่ให้ ผลผลิตเสียระหว่ำงขนส่ง เขตเลี้ยงโคนมที่ ส�ำคัญ เช่น เขตอบอุ่นทำงตะวันออกกลำงของ ทวีปอเมริกำเหนือ ตะวันตกของทวีปยุโรป 130 131 แพรรี มีกำรเลี้ยงโคเนื้อในคอกสัตว์ขนำดใหญ่ 2. การเลี้ยงสัตว์ในเขตร้อนหรือสะวันนา ทุ่งหญ้ำในเขตนี้มีปริมำณฝนต่อปี มำก ได้แก่ ทวีปอเมริกำเหนือในเขตทุ่งหญ้ำ 1 2 ขั้นสอน ขั้นที่ 3 การจัดการขอมูล 1. สมาชิกแตละคนในกลุมนําขอมูลที่ตนไดจาก การรวบรวม มาอธิบายแลกเปลี่ยนความรูกัน 2. สมาชิกในกลุมชวยกันคัดเลือกขอมูลที่นําเสนอ เพื่อใหไดขอมูลที่ถูกตอง และรวมอภิปราย แสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม นักเรียนควรรู 1 ทุงหญาแพรรี เปนทุงหญาที่พบในเขตภูมิอากาศอบอุน มีลักษณะลําตนยาว ออนนุม ขึ้นเบียดเสียดปะปนกับพืชลมลุกและดอกไมปาอยางหนาแนน เปนทุงหญาที่เหมาะในการเลี้ยงสัตวมากที่สุด เชน โคเนื้อ โคนม โดยบางสวน ของทุงหญาแพรรีจะถูกนํามาใชเพื่อการเพาะปลูกธัญพืช เชน ขาวสาลี 2 สะวันนา เปนทุงหญาที่พบในเขตภูมิอากาศรอนคอนขางแหงแลงในเขต ละติจูดตํ่า ลักษณะทั่วไปจะเปนหญาตนยาวและหยาบขึ้นเบียดเสียดกัน แตเมื่อ เริ่มเขาสูฤดูแลง ความชื้นในดินจะเริ่มขาดแคลน หญาและวัชพืชจะแหงกรอบ และตาย จึงไมเหมาะสมที่จะนํามาใชในการเลี้ยงสัตว เพราะคุณภาพของหญา ที่แข็งและหยาบจึงมีคุณคาทางอาหารนอย ทุงหญาสะวันนาที่สําคัญของโลก เชน ทุงหญายาโนส ในประเทศเวเนซุเอลา ทุงหญากัมโป ในประเทศบราซิล ขั้นที่ 4 การวิเคราะหและแปลผลขอมูล 1. ครูใหนักเรียนดูภาพหรือคลิปวิดีโอที่เกี่ยวของ กับกิจกรรมทางเศรษฐกิจประเภทการเลี้ยงสัตว และการประมงประกอบการวิเคราะหขอมูล เพิ่มเติม 2. ครูถามคําถามเพื่อใหนักเรียนไดวิเคราะห ความรู เชน • การเลี้ยงสัตวในไรนาแบบผสมคืออะไร พบไดมากในบริเวณใด และมีสาเหตุจาก สิ่งใด (แนวตอบ การเลี้ยงสัตวในไรนาแบบผสม คือ การเลี้ยงสัตวรวมกับการปลูกพืช รวมถึง พืชที่เปนอาหารของสัตว สัตวที่นิยมเลี้ยง เชน โคนม โคเนื้อ สุกร สัตวปก พบไดมาก ในบริเวณตะวันออกเฉียงเหนือของ สหรัฐอเมริกาและตะวันออกเฉียงใตของ แคนาดา เนื่องจากมีความอุดมสมบูรณ ทั้งดานทรัพยากรธรรมชาติและเทคโนโลยี รวมถึงมีความชื้นที่เพียงพอ) ครูอาจมอบหมายใหนักเรียนสืบคนขอมูลเกี่ยวกับสายพันธุ ของแกะและโค จากแหลงเรียนรูตางๆ แลวจัดทําเปนบันทึก การสืบคน มีภาพประกอบที่สวยงาม นําเสนอ และอภิปราย รวมกันในชั้นเรียน กิจกรรม สรางเสริม นํา สอน สรุป ประเมิน T137


ขอสอบเนนการคิด 0 ํ 0 ํ 40 ํE 40 ํW 80 ํE 80 ํW 120 ํE 120 ํW 160 ํE 160 ํW 20 ํE20 ํW 60 ํE 60 ํW 100 ํE 100 ํW 140 ํE 180 ํ140 ํW 20 ํN 20 ํS 40 ํN 40 ํS 60 ํN 60 ํS 80 ํN 80 ํS 0 ํ 20 ํN 20 ํS 40 ํN 40 ํS 60 ํN 60 ํS 80 ํN 80 ํS ม ห า ส มุ ท ร แ ป ซิ ฟ ก ม ห า ส มุ ท ร แ ป ซิ ฟ ก ม ห า ส มุ ท ร อ า ร ก ติ ก ม ห า ส มุ ท ร แ อ ต แ ล น ติ ก ม ห า ส มุ ท ร แ อ ต แ ล น ติ ก ม ห า ส มุ ท ร อิ น เ ดี ย ชา กาแฟ ขาวโพด ออย ขาวเจา ขาวสาลี N 1 : 160,000,000 0 2,000 4,000 กม. แผนที่แสดงการกระจายเกษตรกรรมสำคัญ ที่มา : DK Concise World Atlas 132 133 ขั้นสอน ขั้นที่ 4 การวิเคราะหและแปลผลขอมูล • บริเวณทวีปใดของโลกที่มีการทําการเกษตร หลากหลายมากที่สุด เพราะเหตุใด (แนวตอบ บริเวณทวีปเอเชียมีการทําการ เกษตรมากที่สุดในโลก จากแผนที่แสดงให เห็นวา ทวีปเอเชียมีการทําเกษตรกรรม ที่หลากหลาย ทั้งขาวเจา ขาวโพด ชา ขาวสาลี ออย และกาแฟ โดยอาจเปนเพราะ ลักษณะภูมิประเทศของทวีปเอเชียที่มีความ อุดมสมบูรณเปนสวนใหญ มีทั้งบริเวณที่เปน ที่ราบ ที่ราบเชิงเขา ที่ราบลุม ที่ราบลุมแมนํ้า ตลอดจนทุงหญากวางใหญ ที่มีความเหมาะสม ในการทําเกษตรกรรมไดหลากหลายชนิด เปนอยางดี) • จากพืชที่พบในแผนที่แสดงการกระจาย เกษตรกรรมที่สําคัญ นักเรียนคิดวา พืช แตละชนิดเจริญเติบโตไดดีในลักษณะ ภูมิประเทศอยางไร (แนวตอบ พืชแตละชนิดเติบโตไดดีใน ภูมิประเทศที่แตกตางกัน เชน กาแฟ ปลูก ไดดีในดินที่เกิดจากหินภูเขาไฟที่มีรูพรุน และมีแรธาตุอุดมสมบูรณ พื้นที่ปลูกกาแฟ สวนใหญ เชน ประเทศบราซิล เกาะชวา เกาะสุมาตรา ประเทศจาเมกา ดินแดน เปอรโตริโก ชา ปลูกไดดีในพื้นที่ที่มีความสูง กวาระดับนํ้าทะเล 1,000-2,000 เมตร หรือบริเวณเทือกเขา พื้นที่ปลูกชาสวนใหญ เชน ประเทศอินเดีย จีน ญี่ปุน) เกร็ดแนะครู ครูควรอธิบายนักเรียนเพิ่มเติมวา รูปแบบการนําเสนอขอมูลแบบแผนที่ เหมาะแกการนําเสนอขอมูลทางภูมิศาสตร เพื่อใหเกิดความเขาใจและเห็น ภาพรวมของพื้นที่มากยิ่งขึ้น โดยไมตองมีการอธิบายความมากจนเกินไป เพราะเหตุใดเขตทุงหญาแพรรีในประเทศแคนาดา จึงเปน แหลงปลูกขาวสาลีที่สําคัญของโลก 1. มีดินภูเขาไฟ 2. มีฝนตกชุกตลอดป 3. มีอุณหภูมิเฉลี่ยสูงตลอดป 4. มีแมนํ้าไหลผานหลายสาย 5. มีดินที่อุดมสมบูรณและอากาศเหมาะสม (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 5. เนื่องจากเขตทุงหญาแพรรี ในประเทศแคนาดา เปนพื้นที่ที่มีดินที่อุดมสมบูรณและมีอากาศ ที่มีอุณหภูมิเหมาะสมในการปลูกขาวสาลี) นํา สอน สรุป ประเมิน T138


ขอสอบเนน การคิด 0 ํ 0 ํ 40 ํE 40 ํW 80 ํE 80 ํW 120 ํE 120 ํW 160 ํE 160 ํW 20 ํE20 ํW 60 ํE 60 ํW 100 ํE 100 ํW 140 ํE 180 ํ140 ํW 20 ํN 20 ํS 40 ํN 40 ํS 60 ํN 60 ํS 80 ํN 80 ํS 0 ํ 20 ํN 20 ํS 40 ํN 40 ํS 60 ํN 60 ํS 80 ํN 80 ํS ม ห า ส มุ ท ร แ ป ซิ ฟ ก ม ห า ส มุ ท ร แ ป ซิ ฟ ก ม ห า ส มุ ท ร อ า ร ก ติ ก ม ห า ส มุ ท ร แ อ ต แ ล น ติ ก ม ห า ส มุ ท ร แ อ ต แ ล น ติ ก ม ห า ส มุ ท ร อิ น เ ดี ย โค ประมงน้ำเค็ม ยางพารา ปาลมน้ำมัน ผลไม ฝาย N 1 : 160,000,000 0 2,000 4,000 กม. แผนที่แสดงการกระจายเกษตรกรรมสำคัญ ที่มา : DK Concise World Atlas 132 133 ขั้นสอน ขั้นที่ 4 การวิเคราะหและแปลผลขอมูล • จากพืชที่พบในแผนที่แสดงการกระจาย เกษตรกรรมที่สําคัญ นักเรียนคิดวา พืช แตละชนิดสามารถเจริญเติบโตไดดีใน ลักษณะภูมิประเทศอยางไร (แนวตอบ เชน ยางพารา ปลูกไดดีบริเวณ เนินเขา หรือบริเวณดินรวนที่สามารถระบาย นํ้าไดดี พื้นที่ปลูกยางพาราสวนใหญอยูใน ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต จีน อินเดีย ศรีลังกา) • บริเวณจังหวัดสมุทรสงครามและสมุทรสาคร ของประเทศไทยถือไดวาเปนแหลงการ ประมงขนาดใหญของประเทศ อันเนื่องมา จากสาเหตุใด (แนวตอบ บริเวณจังหวัดสมุทรสงคราม และสมุทรสาครของประเทศไทยเปนพื้นที่ ที่มีลักษณะทางกายภาพเปนการผสมกัน ระหวางนํ้าจืดที่ไหลลงทะเล ทําใหนํ้าทะเล ไดรับอินทรียวัตถุซึ่งเปนอาหารของสัตวนํ้า มีลักษณะชายฝงที่เวาแหวง ระดับนํ้าไมลึก จนเกินไป เหมาะแกการอาศัยและขยาย พันธุของสัตวนํ้า รวมไปถึงการมีแรงงาน และมีประชากรที่หนาแนน ดวยเหตุผล ดังกลาวจึงทําใหบริเวณจังหวัดสมุทรสงคราม และสมุทรสาครของประเทศไทยเปนแหลง การประมงขนาดใหญแหลงหนึ่งขอประเทศ นั่นเอง) บูรณาการอาเซียน อาเซียนเปนหนึ่งในผูผลิตสัตวนํ้าและสินคาประมงหลักของโลก ยอดการ ผลิตสินคาประมงของ 10 ประเทศสมาชิกอาเซียนรวมกันคิดเปนรอยละ 20.94 ของการผลิตสินคาประมงทั้งโลก รองจากประเทศอื่นๆ ในทวีปเอเชีย (ยกเวน อาเซียน) ที่มีสัดสวนการผลิตถึงรอยละ 52.6 หากรวมผลผลิตทั้งของภูมิภาค เอเชียและอาเซียนแลว ผลผลิตดานการประมงจะมีมากกวารอยละ 70 ของ การผลิตสินคาประมงทั้งโลก นอกจากนี้ ความรวมมือดานการประมงระหวาง ประเทศของอาเซียนนั้นดําเนินการภายใตกรอบการประชุมคณะทํางานประมง อาเซียน (ASEAN Sectoral Working Group on Fisheries: ASWGFi) ถือเปน กลไกสําคัญในการดําเนินงานความรวมมือที่เกี่ยวของกับการประมงอาเซียน โดยเฉพาะดานวิชาการและการพัฒนาการประมงของภูมิภาค พืชเศรษฐกิจชนิดใดที่เจริญเติบโตไดดีในบริเวณที่มีอากาศรอน ซึ่งลักษณะดินเปนดินเหนียวปนทราย 1. ฝาย 2. ขาวสาลี 3. ยางพารา 4. ปาลมนํ้ามัน 5. พืชตระกูลถั่ว (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. ฝายเปนพืชเศรษฐกิจที่เจริญเติบโต ไดดีในบริเวณที่มีอากาศรอน ลักษณะดินเปนดินเหนียวปนทราย อากาศโปรง ไมชอบที่รมเงาบัง) นํา สอน สรุป ประเมิน T139


ขอสอบเนนการคิด 1.2 กิจกรรมทางการเกษตรที่สำาคัญของโลก 1) ข้าวเจ้า เป็นพืชเศรษฐกิจของทวีปเอเชียและเป็นพืชหลักที่ประชำกรชำวเอเชีย ใช้บริโภค พื้นที่ปลูกข้ำวเจ้ำส่วนใหญ่อยู่ในเขตร้อน เนื่องจำกข้ำวเจ้ำขึ้นได้ดีระหว่ำงละติจูด 10 - 20 องศำเหนือ อุณหภูมิเฉลี่ยในฤดูร้อนไม่ต�่ำกว่ำ 25 องศำเซลเซียส ต้องกำรปริมำณฝนเฉลี่ยปีละ 1,750 มิลลิเมตร ภูมิอำกำศที่เหมำะแก่กำรปลูกข้ำวมำก ที่สุด คือ ภูมิอำกำศแบบมรสุม เพรำะมีน�้ำมำก ในฤดูเพำะปลูก และเก็บเกี่ยวได้พอดีในฤดูแล้ง ขึ้นได้ดีบริเวณที่รำบลุ่มแม่น�้ำและมีดินดอน สำมเหลี่ยมปำกแม่น�้ำ เช่น ที่รำบลุ่มแม่น�้ำ หวำงเหอและฉำงเจียง ในประเทศจีน ที่รำบลุ่ม แม่น�้ำอิรวดีในเมียนมำ ที่รำบลุ่มแม่น�้ำโขงใน กัมพูชำและเวียดนำม ที่รำบลุ่มแม่น�้ำคงคำและ พรหมบุตรในประเทศอินเดียและบังกลำเทศ ที่รำบลุ่มแม่น�้ำเจ้ำพระยำในประเทศไทย กำรท�ำนำแบบขั้นบันไดในประเทศเวียดนำม นอกจำกนี้ หลำยประเทศในทวีปเอเชียยังมีกำรท�ำนำบนที่สูงหรือกำรท�ำนำขั้นบันได เพื่อช่วยเพิ่มผลผลิตข้ำวและสร้ำงควำมมั่นคงทำงอำหำรบนพื้นที่สูง เช่น ในฟิลิปปินส์ เวียดนำม อินโดนีเซีย กำรท�ำนำขั้นบันไดมีกำรเลือกพื้นที่ที่มีควำมลำดชันไม่มำก เนื่องจำกกำรขุดปรับพื้นที่ ท�ำได้ค่อนข้ำงยำก พื้นที่ปลูกอยู่ระหว่ำงหุบเขำมีกำรท�ำคันนำส�ำหรับกักเก็บน�้ำ 2) ข้าวสาลี ปลูกได้ทั้งในฤดูใบไม้ผลิและฤดูหนำว ที่มีควำมแห้งแล้งและหนำวเย็นได้ เขตที่ปลูกข้ำวสำลีมี 2 เขตส�ำคัญ คือ ระหว่ำงละติจูดที่ 35 - 55 องศำเหนือ และ 30 - 40 องศำใต้ สภำพแวดล้อมที่เหมำะสม คือ มีอุณหภูมิที่อบอุ่นพอเหมำะ ปริมำณควำมชุ่มชื้นประมำณ 12 - 40 นิ้ว ประเทศที่ปลูกมำก เช่น ประเทศยูเครน ซึ่งเป็นเขตทุ่งหญ้ำสเตปป์ มีดินด�ำอุดมสมบูรณ์ สหรัฐอเมริกำปลูกข้ำวสำลีในฤดูใบไม้ผลิบริเวณตอนเหนือของเขตเกรตเพลนส์ (Great Plains) และภำคตะวันตกเฉียงเหนือ ส่วนทำงใต้ของเขตที่รำบใหญ่ปลูกข้ำวสำลีในฤดูหนำว นอกจำกนี้ มี กำรปลูกมำกในประเทศจีน แคนำดำ และเขตทุ่งหญ้ำปัมปัสในอำร์เจนตินำ ในยุโรปตะวันตกและ ยุโรปใต้ ข้ำวสำลีจ�ำแนกตำมฤดูกำลที่หว่ำน เป็นข้ำวสำลีฤดูใบไม้ผลิ และข้ำวสำลีฤดูหนำว ขึ้นอยู่ กับบริเวณที่ท�ำกำรเพำะปลูก 134 135 สหรัฐอเมริกำปลูกข้ำวสำลีในฤดูใบไม้ผลิบริเวณตอนเหนือของเขตเกรตเพลนส์ (Great Plains) กำรปลูกมำกในประเทศจีน แคนำดำ และเขตทุ่งหญ้ำปัมปัสในอำร์เจนตินำ ในยุโรปตะวันตกและ 1 2 ขั้นสอน ขั้นที่ 4 การวิเคราะหและแปลผลขอมูล 3. ครูใหนักเรียนดูภาพการทํานาแบบขั้นบันไดใน ประเทศเวียดนาม จากหนังสือเรียน ภูมิศาสตร ม.4-6 แลวรวมกันอภิปรายแสดงความคิดเห็น เชื่อมโยงเกี่ยวกับกิจกรรมทางการเกษตรที่ สําคัญของโลก 4. ครูใหนักเรียนแตละกลุมนําขอมูลจากการ สืบคนในหัวขอที่รับผิดชอบ มาวิเคราะหความ สัมพันธระหวางกิจกรรมของมนุษยกับลักษณะ ทางกายภาพ จัดทําเปนแผนผังและวาดภาพ ประกอบ 5. ครูมอบหมายใหนักเรียนแตละกลุมนําเสนอ ผลงาน แลวแลกเปลี่ยนหมุนเวียนกัน เพื่อ วิเคราะหและแปลผลขอมูลรวมกัน นักเรียนควรรู 1 เกรตเพลนส เขตที่ราบกวางใหญอยูทางภาคตะวันตกกลางของทวีป อเมริกาเหนือ ครอบคลุมพื้นที่บางสวนของรัฐเทกซัสทางใตของสหรัฐอเมริกาไป จนถึงทางเหนือของประเทศแคนาดา และดานตะวันออกของเทือกเขาร็อกกีไป จนจดลุมแมนํ้ามิสซูรี มีลักษณะภูมิประเทศเปนทุงหญากึ่งแหงแลงถึงแหงแลง เหมาะแกการประกอบอาชีพเลี้ยงสัตว 2 ปมปส เปนที่ราบในทวีปอเมริกาใต มีอาณาเขตตั้งแตบริเวณลุมแมนํ้า ปารานาตอนลาง ลงไปจนถึงภาคกลางคอนไปทางใตของประเทศอารเจนตินา ทางทิศตะวันตกเฉียงใตของกรุงบัวโนสไอเรสเปนระยะทางเกือบ 1,600 กม. ครอบคลุมเนื้อที่ประมาณ 760,000 ตร.กม. ในประเทศอารเจนตินา ดานตะวันตก มีภูมิอากาศแหงแลง สวนดานตะวันออกมีนํ้าอุดมสมบูรณ เปนแหลงเลี้ยงปศุสัตว ภูมิอากาศแบบใดที่เหมาะสมแกการปลูกขาวมากที่สุด 1. ที่สูง 2. มรสุม 3. ทุนดรา 4. ทะเลทราย 5. กึ่งอารกติก (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. ขาวเจริญเติบโตไดดีในภูมิอากาศ แบบมรสุม เพราะมีนํ้ามากในฤดูเพาะปลูก และเก็บเกี่ยวไดพอดี ในฤดูแลง) นํา สอน สรุป ประเมิน T140


ขอสอบเนน การคิด ไวโอมิง 2% ไอดาโฮ 6%ออริกอน 6% วอชิงตัน 18% มอนแทนา 6% นอรทดาโคตา 2% เนแบรสกา 3% แคนซัส 9%โคโลราโด 10% นิวเม็กซิโก 3% โอคลาโฮมา 5% เท็กซัส 2% มิชิแกน 2% N มาตราสวน 1 : 60,000,000 แผนที่แสดงปริมาณผลผลิตขาวสาลีในฤดูหนาวของสหรัฐอเมริกา 0 500 1000 กม. 46 ํN 120 ํW 110 ํW 100 ํW 90 ํW 80 ํW 70 ํW 30 ํN 46 ํN 38 ํN 38 ํN 30 ํN สัดสวนแสดงผลผลิต ของแตละรัฐ ผลผลิตขาวสาลี (ตัน) 0 1-25,000 25,001-100,000 100,001-175,000 มากกวา 175,000 3) อ้อย เป็นพืชพื้นเมืองของเอเชียใต้ ปัจจุบันส่วนมำกจะปลูกในไร่ขนำดใหญ่ ปลูก ได้ ในเขตร้อนและเขตอบอุ่นค่อนข้ำงร้อน ต้นอ้อยต้องกำรดินชื้นและอุดมสมบูรณ์ แหล่งปลูกอ้อย ที่ส�ำคัญ เช่น บริเวณลุ่มแม่น�้ำคงคำ ฟิลิปปินส์ ไต้หวัน ไทย คิวบำ และปลูกได้ทั่วไปในหมู่เกำะ อินดีสตะวันตก รัฐฮำวำย สหรัฐอเมริกำ และในเขตร้อนของรัฐควีนส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย 4) ข้าวโพด ปลูกได้ตั้งแต่ละติจูด 58 องศำ ผ่ำนเขตโซนร้อนลงมำจนถึงประมำณ ละติจูด 35 - 40 องศำ เจริญเติบโตได้ดีบนพื้นที่ที่มีระดับเดียวกับน�้ำทะเลจนถึงพื้นที่สูงกว่ำระดับ น�้ำทะเลประมำณ 3,000 - 3,900 เมตร แหล่งเพำะปลูกส�ำคัญ เช่น สหรัฐอเมริกำในเขตพื้นที่ ที่เรียกว่ำ Corn Belt ครอบคลุมพื้นที่ทำงตะวันตกของรัฐอินดีแอนำ อิลลินอยส์ ไอโอวำ มิสซูรี ไร่ข้ำวโพดในรัฐไอโอวำ สหรัฐอเมริกำ และทำงตะวันออกของรัฐแคนซัส เนื่องจำก ดินในบริเวณดังกล่ำวมีควำมอุดมสมบูรณ์ค่อน ข้ำงมำก มีอำกำศอบอุ่นและปริมำณฝนที่ เหมำะสมในช่วงเพำะปลูก ท�ำให้ข้ำวโพดเจริญ เติบโตได้ดี ข้ำวโพดในสหรัฐอเมริกำ ส่วนมำกน�ำ ไปใช้เลี้ยงสัตว์ ส่วนแหล่งเพำะปลูกอื่นที่ส�ำคัญ เช่น ประเทศจีน เม็กซิโก บรำซิล อำร์เจนตินำ สหภำพยุโรป ที่มา : https://ipad.fas.usda.gov 134 135 ขั้นสอน ขั้นที่ 4 การวิเคราะหและแปลผลขอมูล 6. ครูใหนักเรียนดูแผนที่แสดงปริมาณผลผลิต ขาวสาลีในฤดูหนาวของสหรัฐอเมริกา จาก หนังสือเรียน ภูมิศาสตร ม.4-6 แลวรวมกัน อภิปรายแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม เชื่อมโยง กับลักษณะทางกายภาพตามแผนที่ที่กําหนด หรืออภิปรายโดยใชคําถามประกอบ เชน • เพราะเหตุใดประเทศไทยจึงพบการปลูก ขาวสาลีนอยกวาการปลูกขาวเจา (แนวตอบ เนื่องจากอิทธิพลของสภาพ ภูมิอากาศ เพราะขาวสาลีมักเจริญเติบโต ไดดีในฤดูใบไมผลิและฤดูหนาว โดยจะตอง มีสภาพแวดลอมและอุณหภูมิที่เหมาะสม ซึ่งแตกตางกับสภาพภูมิอากาศของประเทศ ไทย ในขณะที่ขาวเจามีความเหมาะสมกับ สภาพแวดลอมและอุณหภูมิของประเทศไทย มากกวา เนื่องจากขาวเจาสวนใหญเจริญ เติบโตไดดีในเขตรอนที่มีภูมิอากาศแบบ มรสุม และสภาพพื้นที่ที่เปนที่ราบลุมแมนํ้า) • ผลผลิตที่ไดจากการปลูกออยและขาวโพด กอใหเกิดการขับเคลื่อนทางธุรกิจเกิดเปน สินคาชนิดใดไดบาง (แนวตอบ เชน นํ้าออย นํ้าตาล นํ้านมขาวโพด ขนมหวาน อาหารกระปอง อาหารสัตว พลังงานเชื้อเพลิง ไมอัดแปรรูป ฯลฯ) เพราะเหตุใดพื้นที่ทางตอนใตของทะเลสาบทั้ง 5 ของสหรัฐอเมริกา จึงเปนแหลงปลูกขาวโพดที่สําคัญ (แนวตอบ พื้นที่ทางตอนใตของทะเลสาบทั้ง 5 อยูในเขตพื้นที่ ที่เรียกวา Corn Belt ครอบคลุมพื้นที่ทางตะวันตกของรัฐอินดีแอนา อิลลินอยส ไอโอวา มิสซูรี เปนตน เปนแหลงปลูกขาวโพดที่สําคัญ เนื่องจากดินในบริเวณดังกลาวมีความอุดมสมบูรณคอนขางมาก มีอากาศอบอุน และปริมาณฝนเหมาะสมในชวงเพาะปลูก ขาวโพด จึงเจริญเติบโตไดดี) เกร็ดแนะครู ครูอาจอธิบายเพิ่มเติมวา พืชเศรษฐกิจที่ทําชื่อเสียงใหแกสหรัฐอเมริกา จนไดชื่อวา ทองคําเขียว (Green Gold) คือ ยาสูบ ซึ่งปลูกมากบริเวณภาค ตะวันออกของสหรัฐอเมริกา ไดแก รัฐเคนทักกี เทนเนสซี จอรเจีย เวอรจิเนีย นอรทแคโรไลนา และเซาทแคโรไลนา จากนั้นใหนักเรียนสืบคนขอมูลเพิ่มเติม เชน Cotton Belt ในประเด็นพืชที่ปลูกและบริเวณที่ปลูก แลวใหนักเรียนสรุป พรอมนําเสนอหนาชั้นเรียน นํา สอน สรุป ประเมิน T141


Click to View FlipBook Version