Chapter Overview แผนการจัด การเรียนรู้ สื่อที่ใช้ จุดประสงค์ วิธีสอน ประเมิน ทักษะที่ได้ คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ แผนฯ ที่ 1 โครงสร้าง ประชากร การกระจายและ ความหนาแน่น ของประชากร 2 ชั่วโมง - หนังสือเรียน ภูมิศาสตร์ม.4-6 - แบบฝึกสมรรถนะ และการคิด ภูมิศาสตร์ ม.4-6 - แบบทดสอบก่อนเรียน - PowerPoint - ใบงานที่ 3.1 - เครื่องมือทาง ภูมิศาสตร์เช่น แผนที่ เข็มทิศ รูปถ่ายทางอากาศ ภาพจากดาวเทียม 1. วิเคราะห์โครงสร้าง ประชากรโลกและ ประชากรไทยได้(K) 2. วิเคราะห์ลักษณะการ กระจายและความ หนาแน่นของประชากร ได้(K) 3. วิเคราะห์ปฏิสัมพันธ์ ระหว่างสิ่งแวดล้อม ทางกายภาพกับ กิจกรรมของมนุษย์ที่ ก่อให้เกิดการกระจาย และความหนาแน่นของ ประชากรได้(K) 4. เลือกใช้เครื่องมือทาง ภูมิศาสตร์ในการศึกษา การกระจายและความ หนาแน่นของประชากร ได้(P) 5. สนใจศึกษาลักษณะ การกระจายและความ หนาแน่นของประชากร เพิ่มมากขึ้น (A) แบบสืบเสาะ หาความรู้ (5Es Instructional Model) - ตรวจแบบทดสอบก่อนเรียน - ตรวจการท�ำแบบฝึก สมรรถนะและการคิด ภูมิศาสตร์ม.4-6 - ตรวจใบงานที่ 3.1 - ประเมินการน�ำเสนอผลงาน - สังเกตพฤติกรรม การท�ำงานรายบุคคล - สังเกตพฤติกรรม การท�ำงานกลุ่ม - ประเมินคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - การแปลความ ข้อมูลทาง ภูมิศาสตร์ - การใช้เทคนิค และเครื่องมือ ทางภูมิศาสตร์ - การคิดเชิงพื้นที่ - การคิดแบบ องค์รวม 1. ใฝ่เรียนรู้ 2. มุ่งมั่นใน การท�ำงาน แผนฯ ที่ 2 การเปลี่ยนแปลง ประชากรโลก และประชากรไทย 2 ชั่วโมง - หนังสือเรียน ภูมิศาสตร์ม.4-6 - แบบฝึกสมรรถนะ และการคิด ภูมิศาสตร์ ม.4-6 - PowerPoint - ใบงานที่3.2, 3.3, 3.4, 3.5 - เครื่องมือทางภูมิศาสตร์ เช่น แผนที่ เข็มทิศ รูปถ่ายทางอากาศ ภาพจากดาวเทียม 1. วิเคราะห์ปฏิสัมพันธ์ ระหว่างสิ่งแวดล้อมทาง กายภาพกับกิจกรรม ของมนุษย์ที่ก่อให้เกิด การเปลี่ยนแปลง ประชากรโลกและ ประชากรไทยได้(K) 2. เลือกใช้เครื่องมือทาง ภูมิศาสตร์ในการศึกษา ประชากรและการ เปลี่ยนแปลงประชากร ได้(P) 3. สนใจศึกษาโครงสร้าง ประชากรและการ เปลี่ยนแปลงประชากร เพิ่มมากขึ้น (A) กระบวนการ ทางภูมิศาสตร์ (Geographic Inquiry Process) - ตรวจการท�ำแบบฝึก สมรรถนะและการคิด ภูมิศาสตร์ม.4-6 - ตรวจใบงานที่ 3.2, 3.3, 3.4, 3.5 - ประเมินการน�ำเสนอผลงาน - สังเกตพฤติกรรม การท�ำงานรายบุคคล - สังเกตพฤติกรรม การท�ำงานกลุ่ม - ประเมินคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - การแปลความ ข้อมูลทาง ภูมิศาสตร์ - การใช้เทคนิค และเครื่องมือ ทางภูมิศาสตร์ - การคิดเชิงพื้นที่ - การคิดแบบ องค์รวม 1. ใฝ่เรียนรู้ 2. มุ่งมั่นใน การท�ำงาน T92
แผนการจัด การเรียนรู้ สื่อที่ใช้ จุดประสงค์ วิธีสอน ประเมิน ทักษะที่ได้ คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ แผนฯ ที่ 3 การตั้งถิ่นฐาน และความเป็น เมือง 2 ชั่วโมง - หนังสือเรียน ภูมิศาสตร์ม.4-6 - แบบฝึกสมรรถนะ และการคิด ภูมิศาสตร์ม.4-6 - แบบวัดและบันทึกผล การเรียนรู้ภูมิศาสตร์ ม.4-6 - แบบทดสอบหลังเรียน - PowerPoint - ใบงานที่ 3.6 - เครื่องมือทาง ภูมิศาสตร์เช่น แผนที่ เข็มทิศ รูปถ่ายทาง อากาศ ภาพจาก ดาวเทียม 1. วิเคราะห์ลักษณะการ ตั้งถิ่นฐานและความ เป็นเมืองภายใต้ อิทธิพลของโลกาภิวัตน์ ได้(K) 2. วิเคราะห์ปฏิสัมพันธ์ ระหว่างสิ่งแวดล้อม ทางกายภาพกับ การตั้งถิ่นฐานและ ความเป็นเมืองภายใต้ อิทธิพลของโลกาภิวัตน์ ได้(K) 3. เลือกใช้เครื่องมือทาง ภูมิศาสตร์ในการศึกษา การตั้งถิ่นฐานและ ความเป็นเมือง ภายใต้ อิทธิพลของโลกาภิวัตน์ ได้(P) 4. สนใจศึกษาปฏิสัมพันธ์ ระหว่างมนุษย์กับ สิ่งแวดล้อมทางกายภาพ เพิ่มมากขึ้น (A) กระบวนการ ทางภูมิศาสตร์ (Geographic Inquiry Process) - ตรวจการท�ำแบบฝึก สมรรถนะและการคิด ภูมิศาสตร์ม.4-6 - ตรวจการท�ำแบบวัดและ บันทึกผลการเรียนรู้ ภูมิศาสตร์ม.4-6 - ตรวจใบงานที่ 3.6 - ประเมินการน�ำเสนอผลงาน - สังเกตพฤติกรรม การท�ำงานรายบุคคล - สังเกตพฤติกรรม การท�ำงานกลุ่ม - ประเมินคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - ตรวจแบบทดสอบหลังเรียน - การแปลความ ข้อมูลทาง ภูมิศาสตร์ - การใช้เทคนิค และเครื่องมือ ทางภูมิศาสตร์ - การคิดเชิงพื้นที่ - การคิดแบบ องค์รวม 1. ใฝ่เรียนรู้ 2. มุ่งมั่นใน การท�ำงาน T93
สิ่งแวดล้อมทางกายภาพกับ ประชากรและการตั้งถิ่นฐาน ปัจจุบันประชากรโลกมีมากกว่า 7 พันล้านคน และก�าลัง เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ การเปลี่ยนแปลงและความแตกต่างของ ประชากรเกิดจากปัจจัยทางกายภาพและปัจจัยอื่น ๆ ที่ส่งผลต่อ อัตราเกิด อัตราตาย และการย้ายถิ่นสุทธิ การเรียนรู้เกี่ยวกับ ประชากรและการตั้งถิ่นฐาน ท�าให้เข้าใจและวิเคราะห์ปฏิสัมพันธ์ ระหว่างสิ่งแวดล้อมทางกายภาพกับวิถีการด�าเนินชีวิตของ ประชากรทั้งในประเทศไทยและภูมิภาคต่าง ๆ ของโลก สาระการเรียนรู้แกนกลาง • ปฏิสัมพันธ์ระหว่างสิ�งแวดล้อมทาง กายภาพกับวิถีการด�าเนินชีวิต ภายใต้ กระแสโลกาภิวัตน์ ได้แก่ ประชากร และการตั้งถิ�นฐาน (การกระจายและ การเปลี่ยนแปลงประชากร ชุมชนเมือง และชนบท และการกลายเป็นเมือง) ตัวชี้วัด ส 5.2 ม.4 - 6/1 ÊÔè§áÇ´ÅŒÍÁ ·Ò§¡ÒÂÀÒ¾ ส่งผลต่อประชากร และการตั้งถิ�นฐาน อย่างไร หน่วยการเรียนรู้ที่3 90 ขั้นนํา (5Es Instructional Model) ขั้นที่ 1 กระตุนความสนใจ 1. ครูแจงใหนักเรียนทราบถึงวิธีสอน ชื่อเรื่อง จุดประสงค และผลการเรียนรู 2. ครูใหนักเรียนทําแบบทดสอบกอนเรียน หนวยการเรียนรูที่ 3 เรื่อง สิ่งแวดลอม ทางกายภาพกับประชากรและการตั้งถิ่นฐาน 3. ครูใหนักเรียนดูแผนที่ตัวอยางที่แสดงลักษณะ การตั้งถิ่นฐานที่แตกตางกันในแตละพื้นที่ ของโลก 4. ครูใหนักเรียนรวมกันแสดงความคิดเห็นจาก แผนที่ จากนั้นครูแนะนําเพิ่มเติมเชื่อมโยงกับ การกระจายและความหนาแนนของประชากร เกร็ดแนะครู ครูควรจัดกิจกรรมการเรียนรูเพื่อใหนักเรียนเขาใจความเปนไปของโลกผานปฏิสัมพันธของระบบธรรมชาติและระบบมนุษย โดยในระบบธรรมชาติจะ เกี่ยวกับสิ่งแวดลอมและนิเวศวิทยา สวนระบบมนุษยจะเปนการเขาใจการประกอบกิจกรรมตางๆ ของมนุษยบนผิวโลก เชน การตั้งถิ่นฐาน ลักษณะทาง เศรษฐกิจ วัฒนธรรมที่กอใหเกิดการเคลื่อนยายคน ขอมูล และขาวสาร โดยเนนการพัฒนาทักษะที่สําคัญ เชน การแปลความขอมูลทางภูมิศาสตร การคิด เชิงพื้นที่ การใชเทคนิคและเครื่องมือทางภูมิศาสตร ดังตอไปนี้ • ครูกําหนดสิ่งแวดลอมทางกายภาพ โดยใหนักเรียนเลือกไปตั้งถิ่นฐานในพื้นที่ที่กําหนด เชน ที่ราบลุมแมนํ้าคงคา ที่ราบสูงทิเบต ที่ราบไซบีเรีย ทุงหญา สะวันนา โดยใหนักเรียนศึกษาคนควาเกี่ยวกับพื้นที่นั้นๆ ผานเครื่องมือทางภูมิศาสตร เชน แผนที่กายภาพ ลูกโลก Google Earth อินเทอรเน็ต จากนั้น ใหนักเรียนระบุสาเหตุที่เลือกพื้นที่ดังกลาว แลวสรุปรูปแบบกิจกรรมของมนุษยกับสิ่งแวดลอมทางกายภาพในพื้นที่ที่เลือก ลงในกระดาษสงครูผูสอน นํา นํา สอน สรุป ประเมิน T94
1 ประชากรโลกและประชากรไทย ประชากร หมายถึง จ�านวนคนทั้งหมดในพื้นที่แห่งหนึ่ง ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง หรือในขณะใด ขณะหนึ่ง จ�านวนประชากรมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาตามอัตราเกิด อัตราตาย และการย้ายถิ่น ปัจจุบันการแพทย์มีความก้าวหน้าท�าให้ประชากรมีสุขภาพดีขึ้นและมีอายุเพิ่มขึ้น โดยเพศหญิง มีอายุยืนยาวกว่าเพศชาย 1.1 การกระจายและความหนาแน่นของประชากรโลก ใน พ.ศ. 2560 ประชากรโลกมีความหนาแน่นเฉลี่ยเท่ากับ 51 คนต่อตารางกิโลเมตร แต่เนื่องจากการกระจายตัวของประชากรในแต่ละพื้นที่ไม่เท่ากัน จึงมีผลท�าให้ความหนาแน่น ของประชากรในแต่ละพื้นที่แตกต่างกันไปด้วย ปัจจัยที่มีผลต่อการกระจายของประชากร มีดังนี้ ตารางแสดงปัจจัยที่มีผลต่อการกระจายของประชากร ปัจจัย ความหนาแน่นประชากรสูง ความหนาแน่นประชากรต�่า 1. ปัจจัยทางกายภาพ ลักษณะภูมิประเทศ ลักษณะพื้นที่เป็นที่ราบลุ่มแม่น�้า ที่มีความอุดมสมบูรณ์ ลักษณะพื้นที่เป็นที่สูงหรือภูเขา เช่น เทือกเขาหิมาลัย เขตทะเลทรายที่มี ความแห้งแล้งของพื้นดิน ทรัพยากร บริเวณที่มีทรัพยากรธรรมชาติ เช่น ป่าไม้ น�้า ดิน แหล่งอาหาร อุดมสมบูรณ์ บริเวณที่มีทรัพยากรธรรมชาติ หรือแหล่งอาหารน้อย ภูมิอากาศ บริเวณที่มีอากาศอบอุ่น และ ปริมาณฝนเพียงพอต่อการท�าการ เกษตร การด�ารงชีวิต บริเวณที่มีอากาศร้อน แห้งแล้ง หรือหนาวเย็นอย่างรุนแรง 2. ปัจจัยด้านมนุษย์ การเมือง ประเทศที่มีเสถียรภาพ และความมั่นคงทางการเมือง ประเทศที่มีความขัดแย้งทางด้าน การเมือง จนท�าให้เกิดการย้าย ถิ่นฐานของประชากร เศรษฐกิจ โอกาสในการท�างานสูง เช่น ในเมืองใหญ่ทั่วโลก โอกาสในการท�างานมีจ�ากัด 91 1.1 การกระจายและความหนาแน่นของประชากรโลก 1 2 ขั้นนํา ขั้นที่ 1 กระตุนความสนใจ 5. ครูตั้งคําถามกระตุนความคิดโดยใหนักเรียน รวมกันตอบคําถาม เชน • ปจจัยที่มีอิทธิพลตอการกระจายและความ หนาแนนของประชากรคือสิ่งใด (แนวตอบ สภาพทางภูมิศาสตร เชน มี ลักษณะเปนที่ราบลุมแมนํ้า ติดทะเล ใกล มหาสมุทร ทุงหญาเขตรอน หรือปาดงดิบ สิ่งเหลานี้ถือเปนสภาพทางภูมิศาสตรที่ลวนมี ผลตอการกระจายและความหนาแนนของ ประชากรแทบทั้งสิ้น) • การกระจายและความหนาแนนของประชากร มีลักษณะโดยภาพรวมเปนอยางไร (แนวตอบ โดยภาพรวมประเทศไทย มีลักษณะการกระจายและความหนาแนน ของประชากรที่แตกตางกันไปในแตละ จังหวัด โดยจังหวัดที่มีประชากรอาศัย อยูมาก สวนใหญเปนจังหวัดที่มีความเจริญ มีแหลงงานที่หลากหลาย เชน เชียงใหม กรุงเทพมหานคร สวนจังหวัดที่มีประชากร อาศัยอยูเบาบาง เชน จังหวัดแมฮองสอน เนื่องจากมีลักษณะภูมิประเทศเปนภูเขาสูง การคมนาคมไมสะดวก ประกอบกับใน ฤดูหนาว อากาศหนาวจัด ทําใหประชากร อาศัยอยูนอย) นักเรียนควรรู 1 การกระจาย การกระจายของประชากรในโลกไมสมํ่าเสมอกัน ประชากรกวา ครึ่งหนึ่งของประชากรโลกอาศัยในทวีปเอเชีย ซึ่งมีพื้นที่ 1 ใน 5 ของพื้นที่ดิน ในโลก สวนทวีปแอฟริกามีประชากรจํานวนนอยประมาณ 1 ใน 10 ของ ประชากรโลก ทั้งที่มีพื้นที่ประมาณ 1 ใน 4 ของพื้นที่โลกทั้งหมด อยางไรก็ตาม การกระจายของประชากรในทวีปเดียวกันก็ไมเทาเทียมกัน 2 ความหนาแนน ความหนาแนนของประชากรวัดได 2 แบบ คือ ความ หนาแนนของประชากรตอเนื้อที่ประเทศ และความหนาแนนของประชากรตอ เนื้อที่เพาะปลูก นักเรียนวิเคราะหวาสิ่งแวดลอมทางกายภาพ เชน ความสูง ของพื้นที่ ลักษณะภูมิประเทศ ลักษณะภูมิอากาศ แหลงทรัพยากร และพลังงาน สิ่งแวดลอมทางดานเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง มีผลตอการกระจายของประชากรอยางไร จากนั้นสรุปความรู ที่ไดสงครูผูสอน กิจกรรม สรางเสริม นํา นํา สอน สรุป ประเมิน T95
เอเชีย 59.63% ยุโรป 9.89% อเมริกาเหนือ 7.72% แอฟริกา 16.59% อเมริกาใต้5.61 % สัดส่วนประชากรแบ่งตามทวีป ออสเตรเลีย และโอเชียเนีย 0.56% ที่มา : World Population Data Sheet, 2017 กราฟแสดงอัตราการเปลี่ยนแปลงประชากรโลก พ.ศ. 2293 - 2623 2293 2343 2383 2423 2463 2503 2543 2583 2623 2 1.8 1.6 1.4 1.2 1 0.8 0.6 0.4 0.2 0 12 9 6 3 0 2.1% (พ.ศ. 2506) 0.1% 0.9 พันล้านคน 3 พันล้านคน 7.5 พันล้านคน (พ.ศ. 2560) 12 พันล้านคน อัตราเพิ่ม จ�านวนประชากร แนวโน้มในอนาคต ร้อยละ จ�านวนประชากร พ.ศ. ที่มา : UN Population Division, 2015 0 ํ 0 ํ 40 ํE 40 ํW 80 ํE 80 ํW 120 ํE 120 ํW 160 ํE 160 ํW 20 ํE20 ํW 60 ํE 60 ํW 100 ํE 100 ํW 140 ํE 180 ํ180 ํ 140 ํW 20 ํN 20 ํS 40 ํN 40 ํS 60 ํN 60 ํS 80 ํN 80 ํS 0 ํ 20 ํN 20 ํS 40 ํN 40 ํS 60 ํN 60 ํS 80 ํN 80 ํS กรุงเทพฯมะนิลา จาการตา ฮองกง โตเกียว นะโงะยะ โอซะกะ ธากา โกลกาตามุมไบ นิวเดลี การาจี เตหะราน ไคโร ลากอส กินซาซา อิสตันบูล มอสโกลอนดอน ปารีส นิวยอรก ชิคาโก ลอสแอนเจลิส ลิมา รีอูดีจาเนรู เซาเปาลู บัวโนสไอเรส ฉงชิง เปยจิง ชางไห โซล ประชากร (ลานคน) ความหนาแนน (คน/ตร.กม.) 582 ลานคน 23 คน/ตร.กม. อเมริกาเหน�อ 423 ลานคน 23 คน/ตร.กม. อเมริกาใต 745 ลานคน 73 คน/ตร.กม. ยุโรป 1,250 ลานคน 41 คน/ตร.กม. แอฟริกา 42 ลานคน 4 คน/ตร.กม. ออสเตรเลียและโอเชียเน�ย 4,494 ลานคน 100 คน/ตร.กม. เอเชีย 25-250 มากกวา 250 นอยกวา 5 5-25 ความหนาแนนประชากร (คน/ตร.กม.) 1 จุด = 500,000 คน เมืองที่มีประชากรมากกวา 8 ลานคน N 1 : 160,000,000 0 2,000 4,000 กม. แผนที่โลกแสดงการกระจายและความหนาแนนของประชากรโลก จากกราฟ แสดงให้เห็นว่าจ�านวนประชากรโลกเพิ่มขึ้นมากจาก 3 พันล้านคนในปี 2503 เป็น 7.5 พันล้านคนในปี 2560 พ.ศ. 2506 มีอัตราการเพิ่มขึ้นของประชากรสูงที่สุด คิดเป็น ร้อยละ 2.1 ถึงแม้จ�านวนประชากรเพิ่มขึ้นทุกปี แต่เป็นการเพิ่มในอัตราที่ลดลง ตั้งแต่ พ.ศ. 2506 เป็นต้นมา เหลือเพียงร้อยละ 1.2 ใน พ.ศ. 2560 และอาจลดลงจนเหลือเพียงร้อยละ 0.1 ในช่วงหลัง พ.ศ. 2623 เนื่องมาจากวางแผนประชากรให้เหมาะสมกับสภาพทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะ ในประเทศที่พัฒนาแล้ว สภาพทางเศรษฐกิจมีการแข่งขันสูง ท�าให้มีการพิจารณาในการมีบุตร รวมถึงระยะเวลาที่ต้องใช้เพื่อดูแลบุตร ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อรายได้ของครอบครัว ความหนาแน่นของประชากรมีความแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ บริเวณที่มีประชากร หนาแน่น ส่วนใหญ่เป็นบริเวณที่มีทรัพยากรธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ มีภูมิประเทศเหมาะแก่ การเกษตร อุตสาหกรรม และการคมนาคมขนส่ง มีสภาพภูมิอากาศเหมาะแก่การอยู่อาศัยและการ ด�าเนินชีวิต ในขณะที่บริเวณที่มีประชากรเบาบาง มักเป็นบริเวณที่มีสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม ต่อการตั้งถิ่นฐาน เช่น เขตทะเลทราย เขตหนาวจัด เขตเทือกเขาสูง 1) การกระจายและความหนา แน่นของประชากรโลก ประชากรโลกใน พ.ศ. 2560 มีจ�านวนมากกว่า 7,536 ล้านคน กระจาย อยู่ในทวีปต่าง ๆ ร้อยละ 59.63 อาศัยอยู่ในทวีป เอเชีย รองลงมา คือ ทวีปแอฟริกา ร้อยละ 16.59 ส่วนที่เหลือกระจายกันอยู่ในยุโรปอเมริกาใต้ อเมริกาเหนือ ส่วนทวีปออสเตรเลียและโอเชียเนีย มีประชากรน้อยที่สุด เพียงร้อยละ 0.56 ของ ประชากรโลก 92 เกร็ดแนะครู ครูควรอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับลักษณะของเขตประชากรหนาแนน ของโลก เชน เขตประชากรหนาแนนของทวีปยุโรปและอเมริกาเหนือมีลักษณะ คลายกัน กลาวคือ เปนเขตที่มีความเจริญทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม เปนเขตที่มีปริมาณการคาสูงทั้งการคาภายในประเทศและการคาระหวางประเทศ การคมนาคมขนสงมีประสิทธิภาพ มีเมืองใหญเปนจํานวนมาก มีมาตรฐาน ความเปนอยูและคุณภาพชีวิตสูง กิจกรรม ทาทาย นักเรียนสืบคนประเทศที่ประชากรหนาแนน (จํานวนคน ตอพื้นที่ตารางกิโลเมตร) มาก 10 อันดับ และประเทศที่มีความ หนาแนนนอย 10 อันดับ จากนั้นนําขอมูลที่ไดมานําเสนอในรูปแบบ แผนภูมิ กราฟ หรือในรูปแบบที่นักเรียนสนใจ เพื่อเปรียบเทียบ ใหเห็นความแตกตาง แลวนําเสนอหนาชั้นเรียน ขั้นนํา ขั้นที่ 1 กระตุนความสนใจ • ปจจัยใดบางที่มีผลทําใหอัตราประชากรโลก เกิดการเปลี่ยนแปลง (แนวตอบ เชน การศึกษา การสาธารณสุข สภาพเศรษฐกิจ เทคโนโลยี คานิยมทาง สังคม ฯลฯ) 6. ครูซักถามความคิดเห็นของนักเรียนในประเด็น “นักเรียนคิดวาในอนาคตอีก 20 ปขางหนา อัตราการกระจายและความหนาแนนของ ประชากรโลกจะมีแนวโนมเปนอยางไร” จากนั้น อภิปรายความคิดเห็นรวมกัน นํา นํา สอน สรุป ประเมิน T96
0 ํ 0 ํ 40 ํE 40 ํW 80 ํE 80 ํW 120 ํE 120 ํW 160 ํE 160 ํW 20 ํE20 ํW 60 ํE 60 ํW 100 ํE 100 ํW 140 ํE 180 ํ180 ํ 140 ํW 20 ํN 20 ํS 40 ํN 40 ํS 60 ํN 60 ํS 80 ํN 80 ํS 0 ํ 20 ํN 20 ํS 40 ํN 40 ํS 60 ํN 60 ํS 80 ํN 80 ํS กรุงเทพฯมะนิลา จาการตา ฮองกง โตเกียว นะโงะยะ โอซะกะ ธากา โกลกาตามุมไบ นิวเดลี การาจี เตหะราน ไคโร ลากอส กินซาซา อิสตันบูล มอสโกลอนดอน ปารีส นิวยอรก ชิคาโก ลอสแอนเจลิส ลิมา รีอูดีจาเนรู เซาเปาลู บัวโนสไอเรส ฉงชิง เปยจิง ชางไห โซล ประชากร (ลานคน) ความหนาแนน (คน/ตร.กม.) 582 ลานคน 23 คน/ตร.กม. อเมริกาเหน�อ 423 ลานคน 23 คน/ตร.กม. อเมริกาใต 745 ลานคน 73 คน/ตร.กม. ยุโรป 1,250 ลานคน 41 คน/ตร.กม. แอฟริกา 42 ลานคน 4 คน/ตร.กม. ออสเตรเลียและโอเชียเน�ย 4,494 ลานคน 100 คน/ตร.กม. เอเชีย 25-250 มากกวา 250 นอยกวา 5 5-25 ความหนาแนนประชากร (คน/ตร.กม.) 1 จุด = 500,000 คน เมืองที่มีประชากรมากกวา 8 ลานคน N 1 : 160,000,000 0 2,000 4,000 กม. แผนที่โลกแสดงการกระจายและความหนาแนนของประชากรโลก ที่มา : World Population Data Sheet, 2017 ที่มาแผนที่ : Heidi Fabritius et al. Maa Elaman Planeetta. p.86-87. ฺ ฺ ฺ ฺ 93 ไคโร 1 แผนที่โลกแสดงการกระจายและความหนาแนนของประชากรโลก1 นักเรียนควรรู 1 ความหนาแนนของประชากรโลก ประชากรเกือบ 4 ใน 5 ของโลกจะอาศัย อยูในเขตสําคัญ ไดแก เอเชียตะวันออก (จีน ญี่ปุน เกาหลีใต) และเอเชียใต (อินเดียและบังกลาเทศ) มีประชากรอาศัยอยูประมาณครึ่งหนึ่งของประชากรโลก ยุโรปตะวันตกและยุโรปกลาง เขตที่มีประชากรหนาแนนมาก ไดแก เนเธอรแลนด เบลเยียม สหราชอาณาจักร ทางตะวันออกของทวีปอเมริกาเหนือ และเขตที่มี ประชากรหนาแนนเปนแหงๆ เชน บริเวณปากแมนํ้าไนล ประเทศอียิปต กับ บริเวณเมืองใหญ กิจกรรม ทาทาย นักเรียนสืบคนการกระจายของประชากรในทวีปตางๆ ไดแก • ทวีปเอเชีย • ทวีปยุโรป • ทวีปอเมริกาเหนือ • ทวีปอเมริกาใต • ทวีปแอฟริกา • ทวีปออสเตรเลียและโอเชียเนีย จากนั้นรวมกันวิเคราะหรูปแบบการกระจายของประชากรวา มีความเหมือนหรือตางกัน อยางไร สรุปความรูที่ไดลงสมุดสงครู ผูสอน ขั้นนํา ขั้นที่ 1 กระตุนความสนใจ 7. ครูเชื่อมโยงใหนักเรียนดูแผนที่แสดงการ กระจายและความหนาแนนของประชากรโลก จากหนังสือเรียน ภูมิศาสตร ม.4-6 จากนั้นให นักเรียนลองบอกสิ่งที่เห็นจากสายตา 8. ครูตั้งคําถามใหนักเรียนชวยกันตอบเพื่อ เชื่อมโยงเขาสูเรื่อง การกระจายและความ หนาแนนของประชากร เชน • เพราะเหตุใดทวีปเอเชียจึงมีประชากร หนาแนนมากที่สุดในโลก (แนวตอบ ทวีปเอเชียเปนทวีปที่มีความ เกาแก ประชากรอาศัยอยูตั้งแตดั้งเดิม รวมถึงสวนใหญยึดอาชีพเกษตรกรรม เปนหลัก สอดคลองกับสภาพแวดลอมของ ทวีปเอเชียที่พื้นที่สวนใหญมีความอุดม สมบูรณทั้งในสวนของดิน แหลงนํ้า ตลอดจน ทรัพยากรธรรมชาติตางๆ) นํา นํา สอน สรุป ประเมิน T97
ขอสอบเนนการคิด จากแผนที่ แสดงให้เห็นบริเวณที่มีประชากรหนาแน่นมาก และบริเวณที่มีประชากร เบาบางในทวีปต่าง ๆ ดังนี้ 1.1) ทวีปเอเชีย ประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ความหนาแน่นของ ประชากรมีมากบริเวณลุ่มแม่น�้าหวางเหอและลุ่มแม่น�้าฉางเจียง บริเวณชายฝั่งตะวันออกของจีน บริเวณที่ราบลุ่มแม่น�้าสินธุ คงคา พรหมบุตร และเขตที่ราบชายฝั่งของมหาสมุทรอินเดียในเอเชียใต้ เนื่องจากเป็นเขตที่ราบ มีน�้าและดินอุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การเกษตร บริเวณที่ประชากรเบาบาง ได้แก่ ทางตอนเหนือของทวีปและที่ราบสูงทิเบต เนื่องจาก เป็นเขตเทือกเขาสูง มีสภาพอากาศที่หนาวเย็นไม่เหมาะต่อการเพาะปลูก และบริเวณเขตทะเลทราย ที่แห้งแล้งในเอเชียกลางและเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ 1.2) ทวีปยุโรป มีประชากรหนาแน่นมากบริเวณภาคกลาง และภาคตะวันตก ของทวีป ได้แก่ ประเทศฝรั่งเศส เบลเยียม เนเธอร์แลนด์ เยอรมนี และสหราชอาณาจักร เนื่องจาก มีการคมนาคมขนส่งสะดวก มีลักษณะภูมิประเทศและลักษณะภูมิอากาศเหมาะแก่การเพาะปลูก เลี้ยงสัตว์และด�ารงชีวิต มีวัตถุดิบที่ส่งเสริมด้านอุตสาหกรรม เช่น เหล็ก ถ่านหิน ประกอบกับ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ท�าให้ยุโรปพัฒนาเป็นแหล่งอุตสาหกรรมที่ส�าคัญของโลก เป็นชุมชน เมืองขนาดใหญ่ เช่น กรุงปารีส กรุงลอนดอน เมืองมิวนิก บริเวณที่ประชากรเบาบางมาก พบในบริเวณที่มีอากาศหนาวเย็นตลอดเวลา ได้แก่ บริเวณยุโรปเหนือ แถบคาบสมุทรสแกนดิเนเวีย ประเทศฟินแลนด์ และภาคตะวันตกเฉียงเหนือ ของรัสเซีย รวมทั้งบริเวณที่มีภูมิประเทศเป็นภูเขา พื้นที่ทุรกันดาร มีความลาดชัน มีหิมะน�้าแข็ง ปกคลุม ได้แก่ ภาคตะวันออกเฉียงใต้ ภาคกลาง และภาคใต้ของทวีป ในเขตเทือกเขาคาร์เพเทียน 1.3) ทวีปแอฟริกา มีประชากรหนาแน่นบริเวณลุ่มแม่น�้าไนล์ ในประเทศอียิปต์ซึ่ง เป็นที่ราบลุ่มน�้าที่มีความอุดมสมบูรณ์ รวมถึงในดินแดนแถบแอฟริกาตะวันตก ที่เรียกว่า ดินแดนฝั่ง อ่าวกินี และที่ราบลุ่มแม่น�้าไนเจอร์ เป็นแหล่งที่มีดินอุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การอยู่อาศัยและประกอบ อาชีพเกษตรกรรม โอเอซิสกลางทะเลทรายสะฮารา เป็นบริเวณที่มีประชากร อาศัยอยู่อย่างเบาบาง ประชากรอาศัยอยู่แบบเบาบาง มากในบริเวณที่เป็นเขตทะเลทราย โดยมีทะเล ทรายสะฮาราครอบคลุมอาณาบริเวณกว้างใหญ่ ทางตอนเหนือ และบริเวณลุ่มแม่น�้าคองโกซึ่ง เป็นป่าฝนร้อนชื้นแถบศูนย์สูตรที่เต็มไปด้วยบึง ที่ลุ่ม มีต้นไม้สูงใหญ่ขึ้นเบียดกันทึบ และมี ฝนตกชุกซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการคมนาคมและ การตั้งถิ่นฐาน 94 ทวีปยุโรป มีประชากรหนาแน่นมากบริเวณภาคกลาง และภาคตะวันตก ทวีปแอฟริกา มีประชากรหนาแน่นบริเวณลุ่มแม่น�้าไนล์ ในประเทศอียิปต์ซึ่ง 1 2 ขั้นสอน ขั้นที่ 2 สํารวจคนหา 1. ครูใหนักเรียนแบงกลุม กลุมละ 6-8 คน สืบคน ขอมูลเกี่ยวกับการกระจายและความหนาแนน ของประชากร จากหนังสือเรียน ภูมิศาสตร ม.4-6 หรือจากแหลงการเรียนรูอื่นๆ เชน หนังสือในหองสมุด เว็บไซตในอินเทอรเน็ต ในประเด็นตอไปนี้ • การกระจายและความหนาแนนของ ประชากรโลก • การกระจายและความหนาแนนของ ประชากรไทย 2. นักเรียนแตละกลุมรวมกันศึกษาขอมูลในหัวขอ ที่รับผิดชอบ โดยใชเครื่องมือทางภูมิศาสตรมา ประกอบในการศึกษา 3. ครูแนะนําแหลงขอมูลสารสนเทศที่นาเชื่อถือ ใหกับนักเรียนเพิ่มเติม นักเรียนควรรู 1 ทวีปยุโรป ประชากรจะอาศัยอยูตามแนวตะวันตกไปทางตะวันออกตามแนว ละติจูดที่ 50 องศา จากทะเลเหนือไปถึงลุมแมนํ้าดนีเปอร เรียกวา แกนประชากร ของยุโรป (European Population Axis) เปนเขตอุตสาหกรรมและเขตเมืองใหญ ประชากรจะอาศัยอยูหนาแนนที่สุดในเขตใกลปากแมนํ้าไรน ซึ่งอยูในเขตที่มีแรเหล็ก และถานหินและอยูใกลเสนทางคมนาคมทางนํ้า 2 ทวีปแอฟริกา เขตประชากรหนาแนนปานกลางของทวีปแอฟริกา ไดแก เขตภูมิอากาศแบบเมดิเตอรเรเนียน และเขตที่ราบสูงภาคตะวันออก ไดแก ประเทศ เคนยา แทนซาเนีย แซมเบีย และบนที่ราบสูงอะบิสซีเนีย (Abyssinian Highland) ในประเทศเอธิโอเปย ขั้นที่ 3 อธิบายความรู 1. สมาชิกแตละคนในกลุมนําขอมูลที่ไดจากการ รวบรวมมาอธิบายแลกเปลี่ยนกัน 2. สมาชิกในกลุมชวยกันคัดเลือกขอมูลที่นําเสนอ เพื่อใหไดขอมูลที่ถูกตอง บริเวณใดมีประชากรอาศัยอยูเบาบางที่สุด 1. ที่ราบสูงทิเบต 2. ดินแดนฝงอาวกินี 3. ที่ราบลุมแมนํ้าฉางเจียง 4. ภาคตะวันตกของทวีปยุโรป 5. ที่ราบชายฝงของมหาสมุทรอินเดีย (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. เนื่องจากภูมิประเทศโดยทั่วไป เปนที่ราบสูงและเทือกเขาสูง ซึ่งถือวาเปนภูมิภาคที่สูงที่สุดในโลก อีกทั้งยังมีอากาศหนาวเย็นและบริเวณเขตทะเลทรายที่แหงแลง จึงไมเหมาะแกการเพาะปลูกและอยูอาศัย) นํา สอน สรุป ประเมิน T98
ขอสอบเนน การคิด 1.4) ทวีปอเมริกาเหนือ มีประชากรหนาแน่นในเขตพื้นที่เพาะปลูกแถบที่ราบลุ่ม แม่น�้ามิสซิสซิปปี ลุ่มแม่น�้าเซนต์ลอว์เรนซ์ ด้านตะวันออกของสหรัฐอเมริกา แคนาดา และตอนกลาง ของประเทศเม็กซิโก ในเขตพื้นที่อุตสาหกรรม แถบสหรัฐอเมริกาทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือ และทางตะวันตก ซึ่งมีทั้งความเจริญในด้าน เทคโนโลยีอุตสาหกรรม และเป็นเมืองท่าที่ ส�าคัญ บริเวณที่ประชากรอาศัยอยู่ เบาบาง พบในบริเวณราบลุ่มแม่น�้าแมกเคนซีอยู่ ทางตอนเหนือของประเทศแคนาดา เป็นที่ราบลุ่ม แม่น�้าแคบๆ มีอากาศหนาวเย็น ส่วนใหญ่เป็น ชาวพื้นเมืองที่เรียกว่า “เอสกิโม” ซึ่งด�ารงชีพด้วย การล่าสัตว์และใช้กวางหรือสุนัขเป็นพาหนะลากเลื่อน 1.5) ทวีปอเมริกาใต้ มีประชากรอาศัยอยู่อย่างหนาแน่นบริเวณเขตทุ่งหญ้าสะวันนา ในประเทศบราซิล ชิลี และทุ่งหญ้าปัมปัสในประเทศอาร์เจนตินา เขตทุ่งหญ้าเหล่านี้เป็นแหล่งปลูก ข้าวสาลี ข้าวโพด ข้าวโอ๊ต และข้าวบาร์เลย์ และบริเวณชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกตั้งแต่ตอนใต้ ของปากแม่น�้าแอมะซอนลงมาทางใต้ในเขตประเทศบราซิล อุรุกวัย และบางส่วนของอาร์เจนตินา เนื่องจากมีลักษณะอากาศอบอุ่น มีปริมาณฝนเพียงพอต่อการท�าการเกษตร บริเวณที่มีประชากรอาศัยอยู่เบาบาง ได้แก่ บริเวณลุ่มน�้าแอมะซอน เป็นเขตที่มี อากาศร้อนและฝนตกชุก มีแมลงเป็นพาหะของโรคภัยไข้เจ็บชุกชุม และมีสัตว์ที่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ หลายชนิด พืชพรรณธรรมชาติขึ้นหนาทึบเป็นป่าดิบชื้น ท�าให้การคมนาคมไม่สะดวกสบาย และบริเวณภาคใต้ของประเทศอาร์เจนตินา ที่มีภูมิอากาศแห้งแล้งเป็นทะเลทราย 1.6) ทวีปออสเตรเลียและโอเชียเนีย ประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม อุตสาหกรรม และเป็นเมืองท่า มีประชากรหนาแน่นในเขตอบอุ่นทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ บริเวณเมืองซิดนีย์ เมลเบิร์น เนื่องจากเป็นแหล่งเพาะปลูก แหล่งอุตสาหกรรม และมีการคมนาคม ที่สะดวก รวมถึงในประเทศนิวซีแลนด์ เนื่องจากเป็นเมืองท่าบริเวณชายฝั่งของประเทศ บริเวณที่มีประชากรอาศัยอยู่เบาบาง พบในบริเวณเขตที่ราบภาคกลาง และ ทะเลทรายที่แห้งแล้งในภาคตะวันตก และภาคใต้ของประเทศออสเตรเลีย ได้แก่ ทะเลทรายกิบสัน ทะเลทรายเกรตวิกตอเรีย และทะเลทรายเกรตแซนดี ชาวเอสกิโมใช้สุนัขลากเลื่อนช่วยในการเดินทาง 95 เซนต์ลอว์เรนซ์ ด้านตะวันออกของสหรัฐอเมริกา แคนาดา และตอนกลาง 1 เพราะเหตุใดบริเวณชายฝงมหาสมุทรแอตแลนติกของทวีป อเมริกาใตจึงมีประชากรอาศัยอยูหนาแนน (แนวตอบ เพราะเปนเขตเมืองทา ทําใหการติดตอเปนไปได สะดวก และเปนแหลงเพาะปลูก เมืองขนาดใหญบริเวณชายฝง สวนใหญอยูดานตะวันออกของทวีป ไดแก รีอูดีจาเนรู เซาเปาลู ในเขตอบอุนมีประชากรหนาแนนในเขตเกษตรกรรม มีเมืองใหญ ไดแก บัวโนสไอเรส มอนเตวิเดโอ และโรซารีโอ) ขั้นสอน ขั้นที่ 3 อธิบายความรู 3. ครูสุมตัวแทนจากกลุมตางๆ ออกมาอธิบาย การกระจายและความหนาแนนของประชากร ประกอบการเขียนสรุปใจความสําคัญของเรื่อง ที่กลุมรับผิดชอบลงบนกระดานหนาชั้นเรียน 4. ครูใหนักเรียนแตละกลุมอธิบายความรู ประกอบการใชคําถาม เชน • บริเวณที่มีประชากรเบาบางของทวีป อเมริกาเหนือและอเมริกาใต มีความเหมือน หรือแตกตางกัน อยางไร เพราะเหตุใด (แนวตอบ มีความแตกตางกัน ตามลักษณะ ทางภูมิศาสตรในทวีปอเมริกาเหนือ ประชากรจะอาศัยอยูเบาบางในบริเวณทาง ตอนเหนือของประเทศแคนาดา เนื่องจาก มีอากาศหนาวเย็น ซึ่งเปนอิทธิพลจาก ลักษณะภูมิประเทศที่อยูติดกับบริเวณ ขั้วโลกเหนือ ในขณะที่ทวีปอเมริกาใต บริเวณที่มีประชากรอาศัยอยูเบาบาง คือ บริเวณลุมนํ้าแอมะซอน อันเปนเขตที่ มีอากาศรอนและฝนตกชุก พืชพรรณ ธรรมชาติเปนปาดิบชื้น และบริเวณตอนใต ของประเทศอารเจนตินา ที่มีภูมิอากาศ แหงแลงเปนทะเลทราย ดวยอิทธิพลของ ภูมิประเทศกับเสนศูนยสูตร จึงกลาวไดวา ทวีปอเมริกาเหนือและทวีปอเมริกาใต มีลักษณะพื้นที่ที่ประชากรอาศัยอยูเบาบาง แตกตางกัน เพราะลักษณะทางภูมิศาสตร ที่แตกตางกันนั่นเอง) นักเรียนควรรู 1 แคนาดา เขตประชากรหนาแนนของแคนาดา ไดแก พื้นที่ทางตะวันออกเฉียงใต ซึ่งเปนเขตเพาะปลูกและอุตสาหกรรม ไดแก บริเวณคาบสมุทร ออนแทรีโอ และแมนํ้าเซนตลอวเรนซ มีเมืองใหญ เชน แฮมิลตัน โทรอนโต นอกจากนี้ มีเขตประชากรหนาแนนในมณฑลริมฝงทะเลดานตะวันออกและ ทางตะวันตกเฉียงใตของบริติชโคลัมเบีย นํา สอน สรุป ประเมิน T99
กิจกรรม Geo - Literacy ที่มา : ส�ามะโนประชากรและเคหะ, 2553 2) การกระจายและความหนาแน่นของประชากรไทย ประชากรไทย ใน พ.ศ.2560 มีจ�านวนทั่วประเทศประมาณ 66 ล้านคน มากเป็นอันดับที่ 20 ของโลก โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สัดส่วนประชากรไทยแบ่งตามภาค ภาคตะวันออก เฉียงเหนือ 33.6% ภาคกลางภาคเหนือ 25.4% 18.3% ภาคใต้ 14.1% กทม. 8.6% ประมาณ 21 ล้านคน (ร้อยละ 33.6) ภาคกลาง (ไม่รวมกรุงเทพมหานคร) ประมาณ 15 ล้านคน (ร้อยละ 25.4) ภาคเหนือ ประมาณ 6.3 ล้านคน (ร้อยละ 18.3) ภาคใต้ ประมาณ 9.2 ล้านคน (ร้อยละ 14.1) และกรุงเทพมหานคร ประมาณ 5.6 ล้านคน (ร้อยละ 8.6) ใน พ.ศ. 2548 ประเทศไทยมีประชากร 62.4 ล้านคน ใน พ.ศ.2549 ประชากรเพิ่มขึ้น เป็น 62.8 ล้านคน เท่ากับว่าหนึ่งปีมีประชากรเพิ่มขึ้น 4 แสนคน คิดเป็นอัตราเพิ่มประชากร ร้อยละ 0.6 ต่อปี ประชากรยังคงเพิ่มขึ้นต่อไปเรื่อย ๆ แต่เป็นการเพิ่มที่ช้าลง โดยอัตราเพิ่มของ ประชากรค่อย ๆ ลดลง จากร้อยละ 0.61 ใน พ.ศ. 2552 เหลือร้อยละ 0.54 และ 0.35 ใน พ.ศ. 2554 และ พ.ศ. 2557 ตามล�าดับ (สถิติจ�านวนประชากร กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย) อัตราเพิ่มประชากรที่ลดลงอย่างต่อเนื่องทุกปี ท�าให้ ในอนาคต จ�านวนประชากรไทย จะค่อนข้างคงที่ในช่วง พ.ศ. 2565 เนื่องจากอัตราเกิดอยู่ในระดับใกล้เคียงกับอัตราตาย ท�าให้ อัตราเพิ่มของประชากรใกล้เคียงกับศูนย์ ผลมาจากการพัฒนาทางการแพทย์ สาธารณสุข และการวางแผนครอบครัว 2548 2551 2554 2557 2560 2563 2549 2552 2555 2558 2561 2564 2550 2553 2556 2559 2562 2565 67 66 65 64 63 62 61 60 0.7 0.6 0.5 0.4 0.3 0.2 0.1 0 จ�านวนประชากร (ล้านคน) อัตราเปลี่ยนแปลง (ร้อยละ) พ.ศ. กราฟแสดงอัตราการเปลี่ยนแปลงประชากรไทย พ.ศ. 2548 - 2565 จ�านวนประชากร อัตราเพิ่ม 96 ขั้นสอน ขั้นที่ 3 อธิบายความรู • หากพิจารณาจากสัดสวนประชากรไทยแบง ตามภาค พบวา ภาคใดที่มีความหนาแนน ของประชากรมากที่สุด เพราะเหตุใดจึงเปน เชนนั้น (แนวตอบ หากพิจารณาจากสัดสวนและพื้นที่ จะพบวา บริเวณพื้นที่ภาคกลางมีสัดสวน ความหนาแนนของประชากรมากที่สุด ถึงรอยละ 18.3 เนื่องจากความเหมาะสม ของลักษณะทางภูมิศาสตร เชน พื้นที่ สวนใหญของภาคกลางเปนที่ราบลุมแมนํ้า มีความอุดมสมบูรณ เปนบริเวณพื้นที่อยูอาศัย ดั้งเดิม มีการคมนาคมสะดวก เปนศูนยกลาง ความเจริญกาวหนาของประเทศ จึงเหมาะแก การอยูอาศัยของประชากรไทยโดยสวนใหญ ทําใหเปนภูมิภาคที่มีสัดสวนความหนาแนน ของประชากรมากที่สุด) • หากในอนาคตประชากรไทยมีอัตราลดลง จะสงผลกระทบอยางไร (แนวตอบ จะสงผลใหสังคมไทยเขาสูการ เปนสังคมผูสูงอายุ มีประชากรผูสูงอายุเปน ประชากรหลักของประเทศ สงผลใหตอง มีการดูแลผูสูงอายุจํานวนมาก อาจสงผล ตอเนื่องถึงงบประมาณของประเทศใน ดานการดูแล การรักษาพยาบาล และการ สาธารณสุขตางๆ ที่เพิ่มมากขึ้น) เกร็ดแนะครู ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการกระจายตัวของประชากรวา เปนการพิจารณา ลักษณะของประชากรในบริเวณหนึ่งๆ วามีการแยกยายกันออกไปตั้งถิ่นฐานตาม ลักษณะทางภูมิศาสตรหรือภาคการปกครอง สวนความหนาแนนของประชากร เปนการพิจารณาถึงจํานวนประชากรในสังคมหนึ่งในเวลาหนึ่งวา ใน 1 หนวย พื้นที่มีประชากรอาศัยอยูเปนจํานวนเทาใด นักเรียนแบงกลุมศึกษาคนควา หรือสํารวจภาวะประชากรใน ทองถิ่นดานขนาด องคประกอบ การกระจายและความหนาแนน ของประชากร และการเปลี่ยนแปลงประชากร โดยคนควาจาก ที่วาการอําเภอ องคการบริหารสวนตําบล หรือจากเว็บไซตของ สํานักงานสถิติแหงชาติ หรือหนวยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวของ แลวสรุป เปนรายงานสงครูผูสอน และอภิปรายหนาชั้นเรียน นํา สอน สรุป ประเมิน T100
จ�านวนประชากร เนื้อที่ (ตร.กม.) ความหนาแน่นของประชากร ภาคเหนือ 6.01 ล้านคน 93,690 ตร.กม. 64 คน/ตร.กม. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 21.90 ล้านคน 168,854 ตร.กม. 130 คน/ตร.กม. ภาคกลาง 15.06 ล้านคน 91,798 ตร.กม. 164 คน/ตร.กม. ภาคตะวันออก 4.65 ล้านคน 34,380 ตร.กม. 135 คน/ตร.กม ภาคตะวันตก 3.19 ล้านคน 53,679 ตร.กม. 59 คน/ตร.กม ภาคใต้ 9.28 ล้านคน 70,715 ตร.กม. 131 คน/ตร.กม. 96 ํE 98 ํE 100 ํE 102 ํE 104 ํE 106 ํE 96 ํE 98 ํE 100 ํE 102 ํE 104 ํE 106 ํE 20 ํN 18 ํN 16 ํN 14 ํN 12 ํN 10 ํN 8 ํN 6 ํN 20 ํN 18 ํN 16 ํN 14 ํN 12 ํN 10 ํN 8 ํN 6 ํN N 0 75 150 300 กม. ความหนาแน�นของประชากร (คน/ตารางกิโลเมตร) นอยกวา 20 21 - 50 51 - 100 101 - 150 151 - 200 201 - 250 251 - 300 มากกวา 300 อาวเมาะตะมะ ทะเลอันดามัน อาวไทย น.โขง น.สาละวิน น.โขง น.โขง น.โขง นส.าละวิน น.โขง ลาว เมียนมา กัมพูชา มาเลเซีย เวียดนาม แผนที่แสดงการกระจายและความหนาแนนของประชากรไทย รวมทั่วราชอาณาจักร 65.09 ล้านคน 513,115 ตร.กม. 127 คน/ตร.กม แผนที่แสดงการกระจายและความหนาแน่นของประชากรไทย ที่มา : ส�านักบริหารการทะเบียน กรมการปกครอง ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2559 97 กิจกรรม ทาทาย นักเรียนแตละคนสํารวจประชากรในครอบครัวของนักเรียน โดยจําแนกตามองคประกอบดานเพศ อายุ เชื้อชาติ ศาสนา การศึกษา อาชีพ การยายถิ่นเขาและออกในรอบปที่ผานมา แลว นําขอมูลแตละคนมารวมกัน เพื่อใหเห็นภาพรวมภาวะประชากร ในครอบครัวของนักเรียนในชั้นเรียน ขั้นสอน ขั้นที่ 3 อธิบายความรู • จากแผนที่แสดงการกระจายและความ หนาแนนของประชากรไทย เพราะเหตุใด ภาคตะวันตกของประเทศไทยจึงมีความ หนาแนนของประชากรนอยที่สุด (แนวตอบ เนื่องจากพื้นที่สวนใหญของภาค ตะวันตกเปนแนวเทือกเขาสูง และมีลักษณะ เปนเทือกเขาในแนวดิ่งที่ทอดตัวจากทิศ เหนือลงสูทิศใต รวมถึงมีแนวเทือกเขาที่กั้น ทิศทางลมและฝน สงผลใหภาคตะวันตก เปนเขตเงาฝน หรือเขตอับฝน เปนอุปสรรค ตอการตั้งถิ่นฐานและการประกอบอาชีพ ทําใหภาคตะวันตกมีความหนาแนนของ ประชากรนอยที่สุด) บูรณาการอาเซียน สิงคโปรเปนประเทศที่มีความหนาแนนของประชากรมากที่สุดในอาเซียน คือ 8,260 คน/ตร.กม. รองลงมา ไดแก ฟลิปปนส เวียดนาม และอินโดนีเซีย สําหรับประเทศไทยมีความหนาแนนของประชากรเปนอันดับ 5 ของอาเซียน คือ 133 คน/ตร.กม. ขณะที่ประเทศที่มีความหนาแนนของประชากรนอยที่สุด คือ ลาวและกัมพูชา สื่อ Digital ศึกษาคนควาขอมูลเกี่ยวกับประชากรของประเทศไทย ไดที่ http://www. ipsr.mahidol.ac.th/ipsrbeta/th/gazette.aspx สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล นํา สอน สรุป ประเมิน T101
ขอสอบเนนการคิด จากแผนที่ ประชากรไทยมีการกระจายและความหนาแน่นมากที่สุดบริเวณ ภาคกลางรองลงมา คือ ภาคตะวันออก ภาคใต้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ และ ภาคตะวันตกตามล�าดับ ดังนี้ 2.1) ภาคกลาง เป็นภูมิภาคที่มีความหนาแน่นของประชากรมากที่สุด 164 คน/ ตร.กม. โดยเฉพาะกรุงเทพมหานคร มีความหนาแน่นของประชากรประมาณ 3,600 คน/ตร.กม. เนื่องจากเป็นเมืองหลวงและศูนย์กลางเศรษฐกิจของประเทศ ประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพ เกษตรกรรม และอุตสาหกรรม มีการกระจายอย่างหนาแน่นในเขตที่ราบภาคกลางตอนล่าง ที่เกิด จากการทับถมของตะกอน เกิดเป็นดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น�้าเจ้าพระยา ท�าให้มีความ อุดมสมบูรณ์เหมาะสมต่อการเพาะปลูก ในขณะที่จังหวัดอุทัยธานีมีความหนาแน่นของประชากร น้อยที่สุด เนื่องจากพื้นที่ส่วนใหญ่ทางตะวันตกเป็นป่าและภูเขาสูงสลับซับซ้อน 2.2) ภาคตะวันออก มีความหนาแน่นของประชากร 135 คน/ตร.กม. พบมาก บริเวณด้านทิศตะวันตกและทิศใต้จังหวัดชลบุรีมีการเติบโตทางเศรษฐกิจมากที่สุด มีอุตสาหกรรม และการท่องเที่ยวที่เจริญก้าวหน้าและมีชื่อเสียงมาก เพราะมีชายฝั่งทะเลที่มีความสวยงาม ในขณะที่จังหวัดสระแก้ว มีความหนาแน่นของประชากรน้อยที่สุด รวมถึงบริเวณตอนกลางของ ภูมิภาคเนื่องจากมีทิวเขาจันทบุรีวางตัวในแนวตะวันออก - ตะวันตก ท�าให้มีการตั้งถิ่นฐานน้อยกว่า บริเวณอื่น ๆ 2.3) ภาคใต้ มีความหนาแน่นของประชากร 131 คน/ตร.กม. จังหวัดที่มีประชากร อาศัยอยู่หนาแน่นเกิน 100 คน/ตร.กม. ส่วนมากอยู่บริเวณที่ราบชายฝั่ง เพราะเป็นพื้นที่ที่เหมาะสม ต่อการเพาะปลูกและการประมง บริเวณที่ราบชายฝั่งด้านตะวันออก เช่น จังหวัดปัตตานี สงขลา พัทลุง นราธิวาส นครศรีธรรมราช ยกเว้นจังหวัดภูเก็ต ที่อยู่ชายฝั่งตะวันตก ซึ่งมีประชากร หนาแน่นที่สุดของภาคนี้บริเวณที่มีประชากรเบาบาง เป็นภูมิประเทศแบบภูเขาสูงสลับซับซ้อน ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ราบสูง และมีที่ราบต�่าน้อย ไม่เหมาะต่อการตั้งถิ่นฐานและท�าการเกษตร เช่น ทิวเขาฝั่งตะวันตกของจังหวัดระนอง สุราษฎร์ธานี เมืองพัทยาเป็นเมืองท่องเที่ยวในจังหวัดชลบุรีที่มีจ�านวนประชากรอาศัยอยู่หนาแน่น 98 ภูมิภาคเนื่องจากมีทิวเขาจันทบุรีวางตัวในแนวตะวันออก ส่วนมากอยู่บริเวณที่ราบชายฝั่ง 1 2 ขั้นสอน ขั้นที่ 3 อธิบายความรู • บริเวณใดของภาคกลางที่ถือเปนที่ราบลุม เจาพระยาอันอุดมสมบูรณเหมาะสมแกการ เพาะปลูก (แนวตอบ บริเวณตั้งแตตําบลปากนํ้าโพ อําเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค ลงไปจนสุด อาวไทย เปนที่ราบที่เกิดจากตะกอนนํ้าพา ของแมนํ้าสายตางๆ ทับถมเปนที่ราบดิน ตะกอนขนาดใหญ จึงมีความอุดมสมบูรณ เหมาะแกการเพาะปลูก) • เมืองเศรษฐกิจที่สําคัญในภาคตะวันออก คือเมืองใด และมีความสําคัญทางเศรษฐกิจ อยางไร จงยกตัวอยาง (แนวตอบ เชน เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี จัดเปนเมืองเศรษฐกิจที่สําคัญของภาค ตะวันออก โดยมีความสําคัญตอเศรษฐกิจไทย ในหลายๆ ดาน ทั้งในดานการทองเที่ยว อุตสาหกรรม ตลอดจนเทคโนโลยีตางๆ ทําใหกอเกิดอาชีพที่หลากหลาย และทําให เศรษฐกิจประเทศไทยเกิดการขยายตัวอยาง รวดเร็ว) นักเรียนควรรู 1 ทิวเขาจันทบุรี เริ่มตนจากเสนแบงเขตจังหวัดระหวาง อําเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา กับอําเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี ทอดยาวไปตาม แนวเสนแบงเขตจังหวัดระหวางจังหวัดฉะเชิงเทรา และจังหวัดสระแกว กับ จังหวัดจันทบุรี จากนั้นเขาไปในเขตจังหวัดจันทบุรี ผานอําเภอสอยดาว อําเภอ โปงนํ้ารอน และอําเภอเขาคิชฌกูฏ ไปสิ้นสุดทิวเขาที่อําเภอมะขาม รวมความยาว ประมาณ 170 กิโลเมตร 2 ที่ราบชายฝง ที่ราบชายฝงทะเลในภาคใตมีความแตกตางกันชัดเจน โดยที่ ราบชายฝงอาวไทยจะมีอาณาบริเวณกวางขวางกวาจังหวัดตางๆ ที่ตั้งอยูทาง ซีกตะวันออกของคาบสมุทร จึงมีการตั้งถิ่นฐานของประชากรคอนขางหนาแนน เพราะเหตุใดกรุงเทพมหานครจึงมีประชากรอาศัยอยูอยาง หนาแนน และสงผลตอสภาพสังคมของกรุงเทพมหานครอยางไร (แนวตอบ เพราะเปนเมืองหลวงและศูนยกลางทางดาน พาณิชยกรรม การคมนาคมขนสง อุตสาหกรรม การคา และ การบริการที่สําคัญของประเทศ มีสาธารณูปโภคที่ครบครัน ทําให มีแรงงานอพยพยายถิ่นเขามาทํางานในกรุงเทพฯ เปนจํานวนมาก สงผลใหเกิดปญหาดานที่อยูอาศัยและชุมชนแออัด ซึ่งอาจกอให เกิดปญหาดานคุณภาพชีวิตได) นํา สอน สรุป ประเมิน T102
2.4) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีจ�านวนประชากรมากที่สุดในประเทศ แต่มีความ หนาแน่นของประชากร 130 คน/ตร.กม. มากเป็นอันดับที่ 4 รองจากภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นภูมิภาคที่มีความแห้งแล้ง ท�าให้ประชากรตั้งถิ่นฐานหนา แน่นมากบริเวณที่ราบลุ่มแม่น�้าสายส�าคัญ ได้แก่ แม่น�้าชี แม่น�้ามูล และรอบ ๆ อ่างเก็บน�้า เพราะ น�้าเป็นปัจจัยส�าคัญของการตั้งถิ่นฐานในเขตที่มีความแห้งแล้ง ซึ่งเป็นดินปนทรายไม่เก็บน�้า จังหวัด ที่มีประชากรหนาแน่นที่สุด ได้แก่ จังหวัดมหาสารคาม รองลงมา ได้แก่ สุรินทร์และศรีสะเกษ ในขณะที่จังหวัดเลยมีความหนาแน่นน้อยที่สุดในภูมิภาคภาค เนื่องจากพื้นที่ส่วนใหญ่ของจังหวัด เป็นเขตทิวเขาในแนวทิศเหนือ - ใต้ มีพื้นที่ราบลุ่มน้อยมากในตอนกลางของจังหวัด 2.5) ภาคเหนือ มีความหนาแน่นของประชากรฉลี่ย 64 คน/ตร.กม. การกระจาย ของประชากรในภาคเหนือมีความสัมพันธ์กับลักษณะภูมิประเทศมาก กล่าวคือ บริเวณที่เป็นที่ราบ หรือแอ่งแผ่นดินระหว่างภูเขาที่มีแม่น�้าล�าธารไหลผ่านพาโคลน ตะกอนมาทับถม ท�าให้ดินมีความ อุดมสมบูรณ์เหมาะในการเพาะปลูก ท�าให้ประชากรเข้าไปตั้งถิ่นฐานหนาแน่นมาก กลายเป็นเมือง ส�าคัญต่างๆ ในภาคเหนือ เช่น เชียงใหม่ เชียงราย ล�าปาง แพร่ น่าน ล�าพูน ซึ่งมีความ หนาแน่นของประชากรมากที่สุดในภูมิภาค จังหวัดแม่ฮ่องสอนมีความหนาแน่นประชากรน้อยที่สุด 2.6) ภาคตะวันตก เป็นภาคที่มีจ�านวนประชากรน้อยที่สุด มีความหนาแน่น 59 คน/ตร.กม. ซึ่งมีความหนาแน่นน้อยที่สุดของประเทศ เนื่องจากพื้นที่ส่วนใหญ่โดยเฉพาะทาง ตะวันตกของภาคเป็นแนวทิวเขาสูง ได้แก่ ทิวเขาถนนธงชัย และทิวเขาตะนาวศรีซึ่งเป็นแนว แบ่งเขตระหว่างไทยกับเมียนมา ส่วนบริเวณที่มีประชากรหนาแน่นจะอยู่ทางฝั่งตะวันออกในบริเวณ ที่ราบลุ่มแม่น�้าปิง และแม่น�้าแม่กลอง โดยจังหวัดราชบุรีมีประชากรหนาแน่นมากที่สุด จังหวัด ตากมีประชากรหนาแน่นน้อยที่สุด พื้นที่บนภูเขาทางภาคเหนือมีการตั้งถิ่นฐานเบาบาง 99 คัญ ได้แก่ แม่น�้าชี แม่น�้ ทิวเขาถนนธงชัย 1 2 ขั้นสอน ขั้นที่ 3 อธิบายความรู • ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีที่ราบกวางใหญ แตเพราะเหตุใดจึงทําการเพาะปลูกไมคอย ไดผลเทาที่ควร (แนวตอบ เนื่องจากดินสวนใหญเปนดินทราย ไมอุมนํ้า ดินจึงขาดความอุดมสมบูรณ ทําใหพื้นที่บางแหงไมสามารถทําการ เพาะปลูกได) • ภาคเหนือมีลักษณะภูมิประเทศเดนอยางไร (แนวตอบ มีภูเขาสลับซับซอนตอเนื่องกันเปน ทิวเขา วางตัวตามแนวทิศเหนือลงไปทาง ทิศใต ระหวางทิวเขาจะมีหุบเขาและที่ราบ) 5. ครูอภิปรายรวมกันกับนักเรียนเกี่ยวกับการ กระจายและความหนาแนนของประชากร นักเรียนควรรู 1 แมนํ้าชี มีตนนํ้าเกิดจากเขาเสลี่ยงตาถาด ในทิวเขาเพชรบูรณ มีทิศทางการ ไหลจากทิศตะวันตกไปทิศตะวันออก ผานจังหวัดชัยภูมิ ขอนแกน มหาสารคาม กาฬสินธุ รอยเอ็ด ยโสธร และอุบลราชธานี ไปลงแมนํ้ามูล ความยาว 765 กิโลเมตร 2 ทิวเขาถนนธงชัย เปนทิวเขาที่ครอบคลุมพื้นที่เปนบริเวณกวางในภาคเหนือ และภาคตะวันตกของประเทศ แบงออกเปน 4 สวนใหญๆ ไดแก ทิวเขาถนน ธงชัยเหนือ ทิวเขาถนนธงชัยตะวันออก ทิวเขาถนนธงชัยกลาง และทิวเขาถนน ธงชัยตะวันตก กิจกรรม ทาทาย นักเรียนสืบคนขอมูลประชากรรายจังหวัดที่มีจํานวนประชากร มากกวา 1 ลานคน ในแตละภาคของประเทศไทย จากนั้นนํา ขอมูลที่ไดมานําเสนอในรูปแบบของแผนภูมิหรือแผนภาพ เพื่อใช เปรียบเทียบใหเห็นความแตกตางของขอมูล แลวรวมกันวิเคราะหถึง สาเหตุที่ทําใหจังหวัดดังกลาวมีประชากรอาศัยอยูเปนจํานวนมาก นํา สอน สรุป ประเมิน T103
1.2 โครงสร้างประชากร โครงสร้างประชากร (population structure) คือ โครงสร้างอายุและเพศของประชากร แสดงด้วยพีระมิดประชากร (population pyramid) ซึ่งเป็นการแสดงภาพโครงสร้างอายุและเพศ ของประชากรด้วยกราฟแท่งที่วางตามแนวนอน โดยแสดงสัดส่วนหรือจ�านวนของประชากร กราฟแท่งด้านซ้ายของแกนตั้งแสดงประชากรชาย และด้านขวาแสดงประชากรหญิง กราฟแต่ละ แท่งแสดงกลุ่มอายุประชากรที่ห่างกันช่วงชั้นละ 5 ปี เริ่มจากฐานที่แสดงกลุ่มอายุน้อยที่สุดไปจนถึง กลุ่มอายุสูงที่สุด ลักษณะพีระมิดประชากรของประเทศหนึ่งๆ สะท้อนการเปลี่ยนแปลงประชากรประเทศนั้น ๆ พีระมิดแบ่งออกตามลักษณะเป็น 3 แบบ ดังนี้ 1. พีระมิดประชากรแบบฐานกว้าง (expensive population pyramid) เป็นพีระมิดที่ แสดงโครงสร้างอายุของประชากรที่มีอัตราเกิดและอัตราตายสูง พบในประเทศอัฟกานิสถานและ บังกลาเทศ 2. พีระมิดประชากรแบบคงที่ (stationary population pyramid) เป็นพีระมิด ที่แสดงโครงสร้างอายุของประชากรที่ประชากรแต่ละอายุมีสัดส่วนใกล้เคียงกัน เนื่องมาจาก อัตราเกิดต�่าและคงที่ เช่นเดียวกับอัตราตายต�่ามากด้วยเช่นกัน พบได้ในประเทศออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา และจีน 3. พีระมิดประชากรแบบฐานแคบ (constrictive population pyramid) เป็นพีระมิดที่ แสดงโครงสร้างอายุของประชากรที่อัตราเกิดและอัตราตายได้ลดต�่าลงมาก พบได้ในประเทศเยอรมนี สวีเดน และสิงคโปร์ พีระมิดประชากรแบบฐานกว้าง พีระมิดประชากรแบบคงที่ พีระมิดประชากรแบบฐานแคบ พีระมิดประชากร รอยละของประชากร 6 4 2 0 0 2 4 6 อายุ (ป) 80+ 75-79 70-74 65-69 60-64 55-59 50-54 45-49 40-44 35-39 30-34 25-29 20-24 15-19 10-14 5-9 0-4 รอยละของประชากร 8 6 4 2 0 อายุ (ป) 80+ 75-79 70-74 65-69 60-64 55-59 50-54 45-49 40-44 35-39 30-34 25-29 20-24 15-19 10-14 5-9 0-4 0 2 4 6 8 80+ 75-79 70-74 65-69 60-64 55-59 50-54 45-49 40-44 35-39 30-34 25-29 20-24 15-19 10-14 5-9 0-4 รอยละของประชากร 6 4 2 0 0 2 4 6 อายุ (ป) 100 ขั้นสรุป ขั้นที่ 4 ขยายความเขาใจ 1. ครูใหนักเรียนกลุมเดิมเลือกทวีป หรือภูมิภาค ที่นักเรียนสนใจ วิเคราะหถึงการกระจายและ ความหนาแนนของประชากรในพื้นที่ดังกลาว จากนั้นนําขอมูลที่ไดมาเชื่อมโยงกับโครงสราง ประชากร ตามลักษณะพีระมิดทั้ง 3 รูปแบบ ไดแก พีระมิดประชากรแบบฐานกวาง แบบคงที่ และแบบฐานแคบ 2. ครูและนักเรียนรวมกันตรวจสอบความถูกตอง และเสนอแนะขอคิดเห็นเพิ่มเติม เกร็ดแนะครู ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับพีระมิดประชากรของประเทศอัฟกานิสถานวา พีระมิดประชากรมีฐานกวางเนื่องจากอัตราเกิดเพิ่มตามธรรมชาติสูง ประชากรวัยเด็กมีเปนจํานวนมากซึ่งตองการการดูแลเอาใจใส ทั้งปจจัย 4 การศึกษา การรักษาพยาบาล จนกระทั่งการหางานทํา เมื่อมีประชากรมาก อาจมีปญหาประชากรลนงาน ในขณะที่สหรัฐอเมริกาพีระมิดประชากรเปนแบบ คงที่ กรณีนี้ประชากรวัยแรงงานยังคงมีมากพอในการดูแลประชากรวัยพึ่งพิง แตประชากรสูงวัยมีแนวโนมสูงขึ้น นักเรียนดูพีระมิดประชากรในหนังสือเรียนหนา 100 จากนั้น ใหนักเรียนรวมกันวิเคราะหถึงแนวโนมประชากรในอนาคต ของพีระมิดประชากรทั้ง 3 แบบ แลวนํามาอภิปรายรวมกันใน ชั้นเรียน กิจกรรม สรางเสริม นํา สอน สรุป ประเมิน T104
กิจกรรม เสริมสรางคุณลักษณะอันพึงประสงค พีระมิดประชากรโลก ประเทศเคนยา สหรัฐอเมริกา และอิตาลี ที่มา : United Nations, Department of Economic and Social Affairs 1) โครงสร้างประชากรโลก ประชากรโลกมีแนวโน้มว่าจะมีวัยเด็กลดน้อยลง สัดส่วนของประชากรสูงอายุมีแนวโน้มที่สูงขึ้น แสดงว่าโครงสร้างของประชากรได้เปลี่ยนแปลง เข้าไปสู่สังคมผู้สูงอายุ ซึ่งขณะนี้ยุโรปกลายเป็น ภูมิภาคที่มีผู้สูงอายุมากที่สุดในโลก ประเทศที่มี สัดส่วนผู้สูงอายุสูงกว่าร้อยละ 20 เช่น โมนาโก อิตาลี กรีซ เยอรมนี ดังนั้น ในหลายประเทศจึง พยายามศึกษาและวิจัยเกี่ยวกับผู้สูงอายุมากขึ้น เพื่อพัฒนาประเทศของตนให้กลายเป็น “สังคม ผู้สูงอายุที่มีคุณภาพ” ต่อไปในอนาคต ประเทศที่มีประชากรในวัยเด็กมาก มีลักษณะของพีระมิดฐานกว้าง ยอดแหลม บ่งบอกถึงการเพิ่มขึ้นของขนาดประชากรอย่างรวดเร็ว พบในประเทศก�าลังพัฒนา เช่น ประเทศ อัฟกานิสถาน เคนยา ในขณะที่ประเทศที่พัฒนาแล้ว มีประชากรในวัยเด็กและวัยท�างานจ�านวน ใกล้เคียงกัน แสดงถึงการเพิ่มขึ้นของประชากรเป็นไปอย่างช้า ๆ เช่น สหรัฐอเมริกา หรือประเทศ ที่ประชากรวัยเด็กน้อยและวัยสูงอายุมาก แสดงถึงประชากรที่ไม่เพิ่มขึ้นหรือมีแนวโน้มลดลง เช่น ประเทศอิตาลี ญี่ปุ่น พีระมิดประชากรโลก ที่มา : United Nations, Department of Economic and Social Affairs 5 50 110 อายุ (ป) 100 90 80 70 60 50 40 30 20 10 0 รอยละของประชากร เคนยา : ค.ศ. 2010 4 2 20 4 110 อายุ (ป) 100 90 80 70 60 50 40 30 20 10 0 รอยละของประชากร สหรัฐอเมริกา : ค.ศ. 2010 5 0 5 110 อายุ (ป) 100 90 80 70 60 50 40 30 20 10 0 อิตาลี : ค.ศ. 2010 รอยละของประชากร 5 01 12 23 3 4 4 5 110 อายุ (ป) 100 90 80 70 60 50 40 30 20 10 0 ค.ศ. 2015 รอยละของประชากร 5 01 12 23 3 4 4 5 110 อายุ (ป) 100 90 80 70 60 50 40 30 20 10 0 ค.ศ. 2060 รอยละของประชากร 101 เข้าไปสู่สังคมผู้สูงอายุ ซึ่งขณะนี้ยุโรปกลายเป็น ประเทศที่มีประชากรในวัยเด็กมาก 1 2 ขั้นสรุป ขั้นที่ 4 ขยายความเขาใจ 3. ครูสุมนักเรียนเพื่อแสดงความคิดเห็นใน ประเด็นแนวโนมโครงสรางประชากรโลกและ ประชากรไทยในอนาคตตามความคิดเห็น ของนักเรียน พรอมทั้งยกตัวอยางและอธิบาย เหตุผลประกอบ จากนั้นครูตั้งคําถามเพิ่มเติม เชน • พีระมิดแบบขยายตัวแสดงถึงสิ่งใด และมักพบในกลุมประเทศใด (แนวตอบ พีระมิดแบบขยายตัว หรือพีระมิดที่ มีฐานกวาง ยอดแหลม สามารถแสดงขอมูล ไดวามีจํานวนคนเกิดและคนตายมาก มัก พบในกลุมประเทศอัฟกานิสถาน บังกลาเทศ อันมีสาเหตุมาจากปญหาในดานการแพทย การสาธารณสุข การศึกษา หรือเศรษฐกิจ) 4. ครูใหนักเรียนทบทวนความรู หรือใช PPT สรุปสาระสําคัญของเนื้อหาที่ไดศึกษามา 5. ครูใหนักเรียนทําใบงานที่ 3.1 เรื่อง การกระจาย และความหนาแนนของประชากร 6. ครูใหนักเรียนทําแบบฝกสมรรถนะฯ ภูมิศาสตร ม.4-6 เกี่ยวกับเรื่อง การกระจายและความ หนาแนนของประชากร นักเรียนควรรู 1 สังคมผูสูงอายุ เปนสังคมที่มีประชากรอายุ 60 ปขึ้นไปที่อยูจริงใน พื้นที่ตอประชากรทุกชวงอายุในพื้นที่เดียวกันในอัตราเทากับหรือมากกวา รอยละ 10 ขึ้นไป หรือมีประชากรอายุ 65 ปขึ้นไปในพื้นที่ตอประชากรทุกชวง อายุในพื้นที่เดียวกันในอัตราเทากับหรือมากกวารอยละ 7 2 วัยเด็ก ชวงตนของชีวิตซึ่งอยูในภาวะตองพึ่งพิงผูอื่น ยังไมมีสถานภาพ ทางสังคม เศรษฐกิจ และทางกฎหมายเทียบเทากับผูใหญ นักเรียนรวมกลุมรวมกันศึกษาคนควาเกี่ยวกับสถานการณสังคม ผูสูงอายุทั่วโลก จากนั้นเลือกประเทศที่นักเรียนสนใจมาวิเคราะห ในประเด็นดังตอไปนี้ • สถานการณผูสูงอายุภายในประเทศ • ระบบสวัสดิการของผูสูงอายุ • การดูแลผูสูงอายุในระยะยาว แลวจัดทําเปนรายงานสงครูผูสอน นํา สอน สรุป ประเมิน T105
ขอสอบเนนการคิด 0 10 20 30 40 50 60 70 80+ 4,000,000 2,000,000 2,000,000 4,000,000 อายุ (ป) จำนวนประชากร ไทย : พ.ศ. 2543 4,000,000 2,000,000 0 2,000,000 4,000,000 จำนวนประชากร อายุ (ป) ไทย : พ.ศ. 2563 10 20 30 40 50 60 70 80+ 2) โครงสร้างประชากรไทย ปัจจุบันแม้ว่าขนาดของประชากรไทยค่อนข้างคงที่ อยู่ที่ประมาณ 66 ล้านคน แต่โครงสร้างของประชากรก�าลังเปลี่ยนไปอย่างมาก ในรอบ 50 ปี ที่ผ่านมาประชากรไทยเปลี่ยนโครงสร้างจากที่เคยเป็นประชากรวัยเด็กมาเป็นประชากรสูงอายุ เมื่อ พ.ศ.2503 ประชากรอายุ65 ปีขึ้นไป มีอยู่ไม่ถึงร้อยละ 3 และจากการส�ารวจประชากร สูงอายุของส�านักงานสถิติแห่งชาติ ใน พ.ศ. 2557 พบว่า มีจ�านวนผู้สูงอายุคิดเป็นร้อยละ 14.9 ของประชากรทั้งหมด หรือมีจ�านวนประมาณ 10 ล้านคน ในขณะที่ประชากรวัยเด็กอายุต�่ากว่า 15 ปี ซึ่งเคยมีอยู่มากถึงร้อยละ 40 ใน พ.ศ.2503 ได้ลดลงครึ่งหนึ่งเหลือเพียงประมาณร้อยละ 20 ใน พ.ศ. 2557 หรือประมาณ 11.9 ล้านคน การที่ภาวะเจริญพันธุ์จะลดต�่าลงไปอีก และผู้คนจะมี ชีวิตยืนยาวขึ้น จะท�าให้ประชากรไทยมีอายุเฉลี่ยสูงขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากประเทศไทยมีนโยบายวางแผนครอบครัวที่ได้ผลดีมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ผู้หญิงไทยในวัยท�างานมีแนวโน้มที่จะแต่งงานช้าและเป็นโสดมากขึ้น ตลอดจนโครงสร้างของสังคม ที่เปลี่ยนมาเป็นครอบครัวเดี่ยวมากขึ้น ส่งผลให้ประเทศไทยก�าลังจะก้าวเข้าสู่สังคมของผู้สูงอายุ ในอนาคต ดังนั้น การรักษาระดับอัตราเจริญพันธุ์ไม่ให้ลดต�่าลงไป เตรียมความพร้อมสู่สังคม สูงอายุเป็นมาตรการส�าคัญและท้าทายส�าหรับสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรไทย พีระมิดประชากรไทย พ.ศ. 2543 พีระมิดประชากรไทย พ.ศ. 2563 ที่มา : World Population Prospect, 2012 102 ปจจัยสําคัญที่ทําใหประเทศไทยเริ่มเขาสูสังคมผูสูงอายุคืออะไร (แนวตอบ การลดลงของภาวะการเกิดหรือภาวะเจริญพันธุ เนื่องจากในอดีตคนไทยนิยมมีลูกมาก ปจจุบันขนาดของครอบครัว เล็กลง โดยมีบุตรโดยเฉลี่ยประมาณ 1 คน รวมถึงความเจริญ กาวหนาทางดานการแพทยและสาธารณสุข สงผลใหประชากรไทย มีอายุยืนยาวขึ้น โดยอายุเฉลี่ยของคนไทยอยูที่ 75 ปในปจจุบัน) ขั้นประเมิน ขั้นที่ 5 ตรวจสอบผล 1. ครูและนักเรียนรวมกันตรวจสอบผลจากการ ตอบคําถาม การทําใบงาน และการทําแบบฝก สมรรถนะฯ ภูมิศาสตร ม.4-6 ตลอดจนการใช เครื่องมือทางภูมิศาสตรในการสืบคนเกี่ยวกับ การกระจายและความหนาแนนของประชากร 2. ครูประเมินผลโดยสังเกตจากการตอบคําถาม การรวมกันทํางาน และการนําเสนอผลงาน หนาชั้นเรียน 3. ครูตรวจสอบผลจากการทําใบงานและแบบฝก สมรรถนะฯ ภูมิศาสตร ม.4-6 แนวทางการวัดและประเมินผล ครูสามารถวัดและประเมินความเขาใจเนื้อหา เรื่อง โครงสรางประชากร การกระจายและความหนาแนนของประชากร ไดจากการตอบคําถาม การรวมกัน ทํางานและการนําเสนอผลงานหนาชั้นเรียน โดยศึกษาเกณฑการวัดและประเมินผล จากแบบประเมินการนําเสนอผลงานที่แนบมาทายแผนการจัดการเรียนรูหนวยที่ 3 เรื่อง สิ่งแวดลอมทางกายภาพกับประชากรและการตั้งถิ่นฐาน แบบประเมินการน าเสนอผลงาน ค าชี้แจง : ให้ผู้สอนประเมินผลการน าเสนอผลงานของนักเรียนตามรายการ แล้วขีด ลงในช่องที่ ตรงกับระดับคะแนน ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ............/................./................ เกณฑ์การให้คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินสมบูรณ์ชัดเจน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินเป็นส่วนใหญ่ ให้ 2 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินบางส่วน ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ต่ ากว่า 8 ปรับปรุง ล าดับที่ รายการประเมินระดับคะแนน 3 2 1 1 ความถูกต้องของเนื้อหา 2 การล าดับขั้นตอนของเรื่อง 3 วิธีการน าเสนอผลงานอย่างสร้างสรรค์ 4 การใช้เทคโนโลยีในการน าเสนอ 5 การมีส่วนร่วมของสมาชิกในกลุ่ม รวม นํา สอน สรุป ประเมิน T106
Geo Tip 2 การเปลี่ยนแปลงประชากรโลกและประชากรไทย ปัจจุบันประชากรโลกและประชากรไทยมีการเปลี่ยนแปลงเนื่องจากการลดลงของอัตรา เกิดและอัตราตาย ส่งผลให้จ�านวนผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น รวมถึงมีการอพยพย้ายถิ่นของประชากร ในภูมิภาคต่าง ๆ 2.1 อัตราเกิด อัตราเกิดของประชากรเป็นปัจจัยส�าคัญของการเพิ่มจ�านวนประชากรซึ่งเกี่ยวข้องกับภาวะ เจริญพันธุ์ของสตรีวัยเจริญพันธุ์ การศึกษาภาวะเจริญพันธุ์มีการวัดที่นิยมใช้ เช่น อัตราเกิดอย่างหยาบ(crudebirthrate) คือ จ�านวนเกิดมีชีพในปีหนึ่งต่อประชากร1,000 คน เมื่อกลางปีนั้น อัตราเจริญพันธุ์รวม (total fertility rate) คือ จ�านวนบุตรโดยเฉลี่ยที่สตรีหนึ่งคนจะมีภายใต้ ข้อสมมติอัตราเจริญพันธ์ุตามหมวดหมู่อายุที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน คงที่ต่อไปตลอดช่วงวัยเจริญพันธุ์ ของสตรี โดยปกติหมายถึงอายุระหว่าง 15 - 49 ปี อัตราเกิดของประชากรโลกลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา กลาวคือ ่ อัตราเกิด ไดลดจาก้ 15.5 คน ต่อ 1,000 คน ใน พ.ศ.2543 เหลือเพียง11 คน ต่อ 1,000 คน ใน พ.ศ.2560 จากสาเหตุปัจจัยที่แตกต่างกัน 1) ปัจจัยที่ส่งผลต่ออัตราเกิด มีดังนี้ 1.1) ระดับการศึกษา ถ้าประชากรมีการศึกษาที่ดีมีความรู้เรื่องการวางแผน ครอบครัว ส่งผลให้อัตราเกิดลดลง 1.2) ค่านิยมและความเชื่อทางศาสนา ที่แตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ บางพื้นที่ นิยมให้มีบุตรมาก หรือความเชื่อบางศาสนาที่ห้ามไม่ให้คุมก�าเนิด 1.3) บริเวณที่อยู่อาศัยและภาวะทางเศรษฐกิจ ประชากรที่อาศัยอยู่ในเมืองมักมี บุตรน้อยกว่าผู้ที่อาศัยในชนบท เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจและค่าครองชีพในเมืองค่อนข้างสูงในประเทศ ที่พัฒนาแล้วจะมีอัตราเกิดต�่ากว่าในประเทศก�าลังพัฒนา เพราะมีการวางแผนครอบครัวที่ดี อัตราเกิดอย่างหยาบ (crude birth rate) ค�านวณได้จากสูตร CBR = B P × k โดยที่ B คือ จ�านวนการเกิดมีชีพทั้งหมดในปีหนึ่ง P คือ จ�านวนประชากรเมื่อกลางปีนั้น k คือ ค่าคงที่ โดยทั่วไปนิยมใช้จ�านวน 1,000 103 กิจกรรม สรางเสริม ขั้นสอน ขั้นที่ 1 การตั้งคําถามเชิงภูมิศาสตร 1. ครูใหนักเรียนศึกษา Geo Tip เกี่ยวกับการ คํานวณอัตราเกิดอยางหยาบ จากนั้นให นักเรียนกําหนดตัวเลขเพื่อทดลองคํานวณ อัตราเกิดอยางหยาบดวยตนเอง ขอมูลการเกิดมีชีพของประเทศ ก. ใน พ.ศ. 2561 มีจํานวน การเกิดมีชีพ 668,730 คน โดยมีประชากรกลางปทั้งหมด 45,870,339 คน ใหนักเรียนรวมกันหาอัตราการเกิดอยางหยาบ เกร็ดแนะครู ครูควรอธิบายเพิ่มเติมวา อายุแรกสมรสและสถานภาพสมรสเปนปจจัย สําคัญอีกประการหนึ่งที่มีผลตอภาวะเจริญพันธุ สังคมใดที่มีประชากรสมรสตั้งแต อายุยังนอยมักจะมีอัตราการเกิดสูงกวาสังคมที่ประชากรมีอายุแรกสมรสมาก สังคมใดที่มีอัตราสวนของคนโสด หมาย หยา แยกกันอยูในอัตราสวนที่สูง ยอม มีโอกาสที่จะมีภาวะเจริญพันธุตํ่ากวาสังคมของผูที่มีอัตราสมรสสูง ขั้นนํา (Geographic Inquiry Process) 1. ครูแจงใหนักเรียนทราบถึงวิธีสอน ชื่อเรื่อง จุดประสงค และผลการเรียนรู 2. ครูใหนักเรียนดูภาพ หรือคลิปวิดีโอเกี่ยวกับ ความแตกตางของลักษณะการอยูอาศัยของ ประชากรในเขตเมืองและในชนบท 3. ครูตั้งคําถามกระตุนความคิดโดยใหนักเรียน รวมกันตอบคําถาม เชน • จากภาพตัวอยาง สามารถแสดงขอมูล ในเรื่องใดไดบาง (แนวตอบ เชน ลักษณะประชากร โครงสราง ประชากร จํานวนประชากร การศึกษา อาชีพ เศรษฐกิจ ลักษณะการอยูอาศัย เทคโนโลยี ฯลฯ) นํา นํา สอน สรุป ประเมิน T107
ขอสอบเนนการคิด 0 ํ 0 ํ 160 ํW 120 ํW 80 ํW 40 ํW 40 ํE 80 ํE 120 ํE 160 ํE Projection: Robinson 140 ํW 100 ํW 60 ํW 20 ํE20 ํW 60 ํE 100 ํE 140 ํE 180 ํ 20 ํS 20 ํN 40 ํN 40 ํS 60 ํN 60 ํS 80 ํN 80 ํS 0 ํ 20 ํS 20 ํN 40 ํN 60 ํN 80 ํN 40 ํS - 48 - 40 - 32 - 24 - 16 - 8 อัตราเกิดตอ 1,000 คน 1 : 230,000,000 แผนที่แสดงอัตราเกิดของประชากรโลก พ.ศ. 2550 N 0 2,000 4,000 กม. 0 ํ 0 ํ 160 ํW 120 ํW 80 ํW 40 ํW 40 ํE 80 ํE 120 ํE 160 ํE 140 ํW 100 ํW 60 ํW 20 ํE20 ํW 60 ํE 100 ํE 140 ํE 180 ํ 20 ํS 20 ํN 40 ํN 40 ํS 60 ํN 60 ํS 80 ํN 80 ํS 0 ํ 20 ํS 20 ํN 40 ํN 60 ํN 80 ํN 40 ํS Projection: Robinson - 48 - 40 - 32 - 24 - 16 - 8 อัตราเกิดตอ 1,000 คน แผนที่แสดงอัตราเกิดของประชากรโลก พ.ศ. 2560 1 : 230,000,000 N 0 2,000 4,000 กม. 2) สถานการณ์อัตราเกิดของโลกและของไทย ในปัจจุบันประเทศที่พัฒนาแล้ว มีการเพิ่มของประชากรค่อนข้างต�่า เนื่องจากค่าครองชีพค่อนข้างสูง มีการพึ่งพาตนเองได้ ท�าให้ ความต้องการแต่งงานและมีบุตรน้อยลง ในขณะที่ประเทศก�าลังพัฒนามีการเพิ่มของประชากรสูง เนื่องจากไม่มีการวางแผนครอบครัว แผนที่แสดงอัตราเกิดของโลก พ.ศ. 2550 แผนที่แสดงอัตราเกิดของโลก พ.ศ. 2560 ที่มา : World Population Data Sheet, 2017 ที่มา : World Population Data Sheet, 2007 104 ขั้นสอน ขั้นที่ 1 การตั้งคําถามเชิงภูมิศาสตร 2. ครูใหนักเรียนดูแผนที่แสดงอัตราเกิดของโลก ใน พ.ศ. 2550 และ พ.ศ. 2560 จากหนังสือเรียน ภูมิศาสตร ม.4-6 แลวรวมกันแสดงความ คิดเห็นเกี่ยวกับอัตราเกิดและจํานวนประชากร ในแตละทวีปทั่วโลก 3. ครูตั้งคําถามใหนักเรียนรวมกันตอบ เชน • จากอัตราเกิดของโลก นักเรียนคิดวา ในอนาคตแนวโนมประชากรโลกอาจมี โครงสรางในรูปแบบใด และมีสาเหตุจาก สิ่งใด (แนวตอบ ในอนาคตประชากรโลกมีแนวโนม วาจะมีโครงสรางเปนสังคมผูสูงอายุ อันมี สาเหตุเนื่องมาจากการมีประชากรวัยเด็ก ที่ลดนอยลง เพราะประชากรสวนใหญให ความสําคัญกับการศึกษา การคุมกําเนิด มีการแตงงานและมีบุตรที่ลดนอยลง ดังนั้น จึงมีการคาดการณวา ในอนาคตประชากร โลกจะกลายเปนสังคมผูสูงอายุเพิ่มมากขึ้น) ขอใดคือปจจัยทางดานชีววิทยาที่เปนตัวกําหนดระดับ ความแตกตางของการเกิด 1. การศึกษา 2. กรรมพันธุ 3. อายุแรกสมรส 4. อัตราตายของเด็ก 5. ความเชื่อในสังคม (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. กรรมพันธุเปนหนึ่งในปจจัย ทางดานชีววิทยาที่กําหนดความแตกตางของการเกิด กลาวคือ โดยปกติคนเราจะมีบุตรครั้งละ 1 คน แตการมีลูกแฝดหรือมีลูก ครั้งละหลายๆ คนนั้นเปนสิ่งที่ถายทอดกันตามกรรมพันธุ ตาม สายเลือดและเชื้อชาติ สวนคําตอบขอ 1., 3., 4., และ 5. เปนปจจัย ดานเศรษฐกิจ สังคม และประชากร) เกร็ดแนะครู ครูอธิบายเพิ่มเติมวา การเกิดมีผลโดยตรงตอการเพิ่มจํานวน หรือขนาด ของประชากร การที่สังคมหนึ่งๆ มีคนเกิดเพิ่มขึ้นยอมทําใหภาวะประชากร เปลี่ยนแปลงไป เชน ทําใหองคประกอบดานเพศและอายุเปลี่ยนแปลง ยกตัวอยางเชน หากสังคมหนึ่งมีคนเกิดเพิ่ม 5 คน เปนชาย 3 คน หญิง 2 คน สังคมนั้นยอมจะมีประชากรที่มีองคประกอบเพศชายและเพศหญิงเพิ่มขึ้นตาม จํานวนดังกลาว หรือมีองคประกอบดานอายุของผูที่อยูในวัยทารกเพิ่มขึ้น 5 คน นํา สอน สรุป ประเมิน T108
เมื่อพิจารณาแผนที่ร่วมกับข้อมูลอัตราเกิดของประชากรโลก พบว่า ประเทศในกลุ่มก�าลังพัฒนา ในทวีปเอเชียและทวีปแอฟริกามีอัตราเกิดอย่างหยาบ ต่อ 1,000 คน สูงกว่าประเทศพัฒนาแล้ว ประเทศที่มีอัตราเกิดเกินกว่า 40 คน ต่อ 1,000 คน ส่วนใหญ่อยู่ในทวีปแอฟริกา โดยประเทศไนเจอร์ มีอัตราเกิดสูงที่สุดอยู่ที่ 48 คน ต่อ 1,000 คน สาเหตุที่ประเทศในแถบนี้มีอัตราเกิดอย่างหยาบสูง เพราะขาดความรู้เรื่องการวางแผนครอบครัวและการคุมก�าเนิด ท�าให้มีอัตราเจริญพันธุ์รวมสูง ไปด้วย คือ สตรีหนึ่งคนมีบุตรหลายคนในวัยเจริญพันธ์ุ พ.ศ.2560 หลายประเทศมีแนวโน้มอัตราเกิดลดลง โดยเฉพาะกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในทวีปยุโรป และอเมริกาเหนือ โดยประเทศโมนาโกมีอัตราเกิดต�่าที่สุดในโลก คือ 7 คน ต่อ 1,000 คน แสดงให้เห็นว่านโยบายประชากร ตลอดจนด้านสาธารณสุขประสบความส�าเร็จ ประเทศไทยมีอัตราเกิดอยู่ที่ 11 คน ต่อ 1,000 คน ลดลงจากในอดีต เนื่องจากปัจจัยทาง ด้านสังคมและเศรษฐกิจ ส่งผลให้ประชากรวัยแรงงานลดลง และผู้ที่อยู่ในภาวะพึ่งพิงเพิ่มขึ้น อัตราเกิดของประชากรโลก พ.ศ. 2550 พ.ศ. 2560 ที่มา : World Population Data Sheet, 2007, 2017 เอเชีย อเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ แอฟริกา ออสเตรเลียและโอเชียเนีย ยุโรป + รัสเซีย จ�านวนประชากร อัตราเกิดต่อประชากร 1,000 คน อัตราเจริญพันธ์ุรวม 582 ล้านคน 16 1.8 523 ล้านคน 19 2.0 จ�านวนประชากร อัตราเกิดต่อประชากร 1,000 คน อัตราเจริญพันธ์ุรวม 423 ล้านคน 16 1.9 381 ล้านคน 21 2.4 จ�านวนประชากร อัตราเกิดต่อประชากร 1,000 คน อัตราเจริญพันธ์ุรวม 1,250 ล้านคน 35 4.6 944 ล้านคน 38 5.0 จ�านวนประชากร อัตราเกิดต่อประชากร 1,000 คน อัตราเจริญพันธ์ุรวม 42 ล้านคน 16 2.3 35 ล้านคน 18 2.1 จ�านวนประชากร อัตราเกิดต่อประชากร 1,000 คน อัตราเจริญพันธ์ุรวม 745 ล้านคน 11 1.6 733 ล้านคน 10 1.5 จ�านวนประชากร อัตราเกิดต่อประชากร 1,000 คน อัตราเจริญพันธ์ุรวม 18 2.2 4,494 ล้านคน 19 2.4 4,010 ล้านคน จ�านวนประชากร (ล้านคน) อัตราเกิดต่อประชากร 1,000 คน 65.7 66.1 1114 ไทย 105 ขั้นสอน ขั้นที่ 1 การตั้งคําถามเชิงภูมิศาสตร 4. ครูใหนักเรียนศึกษาเชื่อมโยงถึงแผนที่แสดง จํานวนประชากรและอัตราเกิดของประชากร โลกและประชากรไทย ใน พ.ศ. 2550 และ พ.ศ. 2560 จากหนังสือเรียน ภูมิศาสตร ม.4-6 แลวรวมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับความ สัมพันธระหวางจํานวนประชากรในแตละทวีป ทั่วโลกและจํานวนประชากรในประเทศไทย 5. ครูใหนักเรียนใชสมารตโฟนสืบคนจํานวน ประชากรและอัตราเกิดของประชากรโลกใน บริเวณพื้นที่ที่นักเรียนสนใจเพิ่มเติม ครูตั้งคําถามเพื่อใหนักเรียนไดรวมกันอภิปรายคําตอบใน หองเรียน เชน • เพราะเหตุใดประเทศที่พัฒนาแลวจึงมีอัตราเกิดตํ่ากวา ประเทศกําลังพัฒนา • ประเทศใดมีอัตราเกิดสูงที่สุดในโลก เพราะเหตุใด • แนวโนมประชากรโลกในอนาคตจะเปนอยางไร เกร็ดแนะครู ครูควรอธิบายเพิ่มเติมวา การศึกษามีสวนทําใหบุคคลมีความรูและตัดสินใจ อยางมีเหตุผลตอภาวการณตางๆ ในแงของการเกิด การศึกษาจะชวยใหบุคคล เปลี่ยนแปลงความเชื่อดั้งเดิม รวมทั้งมีทัศนคติที่ดีตอการคุมกําเนิด และเห็น ความจําเปนที่จะตองจํากัดขนาดของครอบครัวใหเหมาะสมกับทรัพยากรที่มี อยูและหามาได กิจกรรม สรางเสริม นํา สอน สรุป ประเมิน T109
ขอสอบเนนการคิด 2.2 อัตราตาย การศึกษาอัตราตายมีการวัดที่นิยมใช้ เช่น อัตราตายหรืออัตราตายอย่างหยาบ (crude death rate) หมายถึง จ�านวนคนตายในเวลา 1 ปี ต่อประชากร 1,000 คน อายุคาดเฉลี่ย (life expectancy) หมายถึง อายุโดยเฉลี่ยของประชากรที่คาดว่าจะมี ชีวิตอยู่ อายุคาดเฉลี่ยหรือระยะเวลาของการมีชีวิตอยู่ มีการเปลี่ยนแปลงสูงขึ้นในช่วง พ.ศ. 2493 - 2498 อายุคาดเฉลี่ยของประชากรโลกอยู่ที่ 46.9 ปี ช่วง พ.ศ. 2533 - 2538 อายุคาดเฉลี่ยของ ประชากรโลกอยู่ที่ 64.8 ปี ซึ่งมีอายุคาดเฉลี่ยเพิ่มขึ้นกว่า 18 ปี ในช่วงเวลา 40 ปี และอายุคาดเฉลี่ย ของประชากรโลกระหว่าง พ.ศ. 2553 - 2558 เพิ่มเป็นประมาณ 70 ปี ปัจจุบันการแพทย์และสาธารณสุขมีความก้าวหน้ามาก ส่งผลให้โอกาสรอดชีวิตของมนุษย์ เพิ่มมากขึ้น ประเทศต่าง ๆ จึงมีอัตราตายที่ลดลง โดยเฉพาะประเทศที่พัฒนาแล้ว 1) ปัจจัยที่ส่งผลต่ออัตราตาย อัตราตายมีผลมาจากปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้ 1.1) ด้านสาธารณสุข ประเทศที่มีความเจริญทางการแพทย์ รวมถึงมีสวัสดิการ ทางสังคมที่ดี มีการดูแลผู้สูงอายุ ประชากรจะมีชีวิตยืนยาว มีอัตราตายต�่า 1.2) ด้านการศึกษา ปัจจุบันการให้ความรู้เรื่องการวางแผนครอบครัว เช่น การวางแผนการมีบุตร รวมถึงความรู้ด้านสุขอนามัย ท�าให้ลดอัตราตายของทารกได้มาก 1.3) ด้านเศรษฐกิจ การเมืองและสิ่งแวดล้อม ประเทศที่มีสงครามหรือมีปัญหา ทางเศรษฐกิจ รวมถึงได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ และการแพร่กระจายของเชื้อโรค ส่งผลให้อัตราตายเพิ่มสูงขึ้น ประเทศที่มีความเจริญก้าวหน้าทางการแพทย์ ช่วยยืดอายุคนให้ยาวนานขึ้น 106 2.2 อัตราตาย 1 ความแตกตางในถิ่นที่อยูอาศัยสงผลใหเกิดความแตกตาง ในอัตราตายไดอยางไร (แนวตอบ โดยปกติผูที่อาศัยในเมืองมีโอกาสเขาถึงบริการ ทางการแพทยไดงายและสะดวกกวาผูที่อาศัยในชนบท จึงสงผลให ผูอยูในเมืองมีอัตราตายตํ่ากวา นอกจากนี้ ในชนบทบางพื้นที่ ยังประสบปญหาขาดแคลนนํ้าดื่มนํ้าใชที่สะอาด ขาดหองนํ้าที่ ถูกสุขลักษณะ สงผลใหมีความเสี่ยงในการติดเชื้อจากโรคระบาด ซึ่งสงผลใหมีอัตราตายสูงกวาในเขตเมือง) ขั้นสอน ขั้นที่ 1 การตั้งคําถามเชิงภูมิศาสตร 6. ครูกระตุนใหนักเรียนชวยกันตั้งประเด็นคําถาม เชิงภูมิศาสตร เชน • ปจจัยใดที่ทําใหประเทศตางๆ ในโลกมี อัตราเกิดและอัตราตายที่แตกตางกัน • โครงสรางประชากรแตละพื้นที่มีสิ่งใดเปน เกณฑในการจัดแบง ตลอดจนมีความ เหมือนหรือความแตกตางกัน อยางไร • หากในอนาคต ประชากรโลกมีชวงอายุใด อายุหนึ่งมากจนเกินไป จะสงผลกระทบตอ สิ่งใดบาง เกร็ดแนะครู ครูอธิบายเพิ่มเติมวา ผูที่ไดรับการศึกษาโดยปกติแลวจะเปนผูมีความรู มีการระวังรักษา สามารถปฏิบัติตนและแนะนําใหผูอื่นพนจากโรคภัยตางๆ ได ดีกวาผูมีการศึกษาดอยกวา หรือไมมีการศึกษา ความแตกตางในระดับการศึกษา จึงมีผลตอความแตกตางในอัตราตายดวย นักเรียนควรรู 1 อัตราตาย การวัดที่ใหขอมูลเพื่อเปรียบเทียบภาวะการตายของประชากร กลุมตางๆ ดัชนีวัดภาวะการตายในทางประชากรศาสตรมีหลายแบบ ซึ่งมีวิธีคิด คํานวณตางกัน ที่นิยมใชมากที่สุด คือ อัตราตายอยางหยาบ สูตรที่ใชในการ คํานวณ คือ CDR = D P x 1,000 นํา สอน สรุป ประเมิน T110
0 ํ 0 ํ 160 ํW 120 ํW 80 ํW 40 ํW 40 ํE 80 ํE 120 ํE 160 ํE 140 ํW 100 ํW 60 ํW 20 ํE20 ํW 60 ํE 100 ํE 140 ํE 180 ํ 20 ํS 20 ํN 40 ํN 40 ํS 60 ํN 60 ํS 80 ํN 80 ํS 0 ํ 20 ํS 20 ํN 40 ํN 60 ํN 80 ํN 40 ํS Projection: Robinson แผนที่แสดงอัตราตายของประชากรโลก พ.ศ. 2550 1 : 230,000,000 N 0 2,000 4,000 กม. - 15 - 12.5 - 10 - 7.5 - 5 - 2.5 อัตราตายตอ 1,000 คน 0 ํ 0 ํ 160 ํW 120 ํW 80 ํW 40 ํW 40 ํE 80 ํE 120 ํE 160 ํE 140 ํW 100 ํW 60 ํW 20 ํE20 ํW 60 ํE 100 ํE 140 ํE 180 ํ 20 ํS 20 ํN 40 ํN 40 ํS 60 ํN 60 ํS 80 ํN 80 ํS 0 ํ 20 ํS 20 ํN 40 ํN 60 ํN 80 ํN 40 ํS Projection: Robinson แผนที่แสดงอัตราตายของประชากรโลก พ.ศ. 2560 1 : 230,000,000 N 0 2,000 4,000 กม. - 15 - 12.5 - 10 - 7.5 - 5 - 2.5 อัตราตายตอ 1,000 คน 2) สถานการณ์อัตราตายของโลกและของไทย ปัจจุบันอัตราตายของประชากร ในประเทศที่พัฒนาแล้วมีอัตราค่อนข้างคงที่ ส่วนประเทศก�าลังพัฒนาโดยเฉพาะในทวีปแอฟริกา มีอัตราตายลดลง เนื่องจากมีการพัฒนาทางด้านการแพทย์และสาธารณสุขมากขึ้น ที่มา : World Population Data Sheet, 2017 แผนที่แสดงอัตราตายของโลก พ.ศ. 2550 แผนที่แสดงอัตราตายของโลก พ.ศ. 2560 ที่มา : World Population Data Sheet, 2007 107 ขั้นสอน ขั้นที่ 2 การรวบรวมขอมูล 1. ครูใหนักเรียนแบงกลุม กลุมละ 4 คน โดยให นักเรียนในแตละกลุมมีหมายเลขประจําตัว คือ หมายเลข 1 2 3 และ 4 เรียกวา กลุมแมบาน 2. นักเรียนกลุมแมบานแยกยายไปรวมกันตาม หมายเลขเดียวกัน เรียกวา กลุมผูเชี่ยวชาญ 3. สมาชิกในกลุมผูเชี่ยวชาญ รวมกันสืบคนความรู เรื่อง การเปลี่ยนแปลงประชากรโลกและ ประชากรไทย จากหนังสือเรียน ประกอบการ ใชเครื่องมือทางภูมิศาสตร เชน แผนที่แสดง อัตราตายของโลก จากหนังสือเรียน ภูมิศาสตร ม.4-6 และสรุปความรูลงในใบงาน ตาม ประเด็นตอไปนี้ • หมายเลข 1 ทําใบงานที่ 3.2 เรื่อง การเกิด • หมายเลข 2 ทําใบงานที่ 3.3 เรื่อง การตาย • หมายเลข 3 ทําใบงานที่ 3.4 เรื่อง การยายถิ่น • หมายเลข 4 ทําใบงานที่ 3.5 เรื่อง การเปลี่ยนแปลงประชากรสูงอายุ 4. ครูแนะนําแหลงขอมูลสารสนเทศที่นาเชื่อถือ ใหกับนักเรียนเพิ่มเติม เกร็ดแนะครู ครูอธิบายเพิ่มเติมวา อัตราตายของประชากรในประเทศตางๆ ทั้งของโลก และของไทยมีแนวโนมลดลง ในอนาคตสําหรับประเทศที่พัฒนาแลวมีความเปน ไปไดที่อัตราตายจะลดตํ่าลงไปอีก โดยเฉพาะโอกาสที่จะคนพบวิธีการปองกัน รักษาโรคที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ตลอดจนไดรับการรักษาพยาบาลที่ดีและทั่วถึง กิจกรรม ทาทาย นักเรียนรวมกันอภิปรายถึงสาเหตุที่ประชากรในอดีตมีอายุขัย เฉลี่ยสั้นกวาประชากรในปจจุบัน จากนั้นใหนักเรียนไปคนควาสถิติ การตายและสาเหตุการตายของประชากรในอําเภอของนักเรียน แลวนํามาศึกษาหาขอสรุป จัดทําเปนรายงานสงครูผูสอน นํา นํา สอน สอ สรุป ประเมิน T111
เมื่อพิจารณาแผนที่ร่วมกับข้อมูลอัตราตายของประชากรโลก พบว่า สถานการณ์อัตราตาย ของโลกและของไทย ในรอบ 10 ปี (พ.ศ. 2550 - 2560) อัตราตายในประเทศก�าลังพัฒนาลดลง อย่างเห็นได้ชัด เช่น หลายประเทศในแถบเอเชียกลาง ทวีปแอฟริกา เนื่องจากโภชนาการหรือ การบริโภคอาหารที่ดีมีคุณภาพ เทคโนโลยีทางการแพทย์และสาธารณสุขล้วนท�าให้อายุคาดเฉลี่ย ของประชากรยืนยาวขึ้น นอกจากนี้ พบว่าจากจ�านวนผู้เสียชีวิตต่อประชากร 1,000 คน อัตราตายที่สูงเป็นอันดับแรก ของโลกอยู่ในทวีปยุโรป ประเทศบัลแกเรีย มีอัตราตายสูงที่สุด 15 คน ต่อ 1,000 คน สาเหตุ การตายหลักมาจากโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ รองลงมา ได้แก่ โรคหลอดเลือดสมอง ในขณะที่ทวีป อเมริกาใต้มีอัตราตายต�่าที่สุด ส่วนประเทศไทยมีอัตราตายอยู่ที่ 8 คน ต่อ 1,000 คน เนื่องจากการพัฒนาทางการแพทย์ และสาธารณสุข ท�าให้คนไทยมีชีวิตยืนยาวขึ้น การลดลงอย่างรวดเร็วของภาวะเจริญพันธุ์ ท�าให้ ประเทศไทยก�าลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ อัตราตายของประชากรโลก พ.ศ. 2550 พ.ศ. 2560 ที่มา : World Population Data Sheet, 2007, 2017 เอเชีย อเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ แอฟริกา จ�านวนประชากร อัตราตายต่อประชากร 1,000 คน 582 ล้านคน 523 ล้านคน 7 7 จ�านวนประชากร อัตราตายต่อประชากร 1,000 คน 745 ล้านคน 733 ล้านคน 11 11 จ�านวนประชากร อัตราตายต่อประชากร 1,000 คน 42 ล้านคน 35 ล้านคน 7 7 จ�านวนประชากร อัตราตายต่อประชากร 1,000 คน 423 ล้านคน 381 ล้านคน 6 6 จ�านวนประชากร อัตราตายต่อประชากร 1,000 คน 4,494 ล้านคน 4,010 ล้านคน 7 7 จ�านวนประชากร อัตราตายต่อประชากร 1,000 คน 1,250 ล้านคน 944 ล้านคน 14 9 ยุโรป + รัสเซีย ออสเตรเลียและโอเชียเนีย จ�านวนประชากร (ล้านคน) อัตราตายต่อประชากร 1,000 คน 65.7 66.1 87 ไทย 108 การตายหลักมาจากโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ รองลงมา ได้แก่ โรคหลอดเลือดสมอง ในขณะที่ทวีป 1 2 ขั้นสอน ขั้นที่ 3 การจัดการขอมูล 1. สมาชิกในกลุมผูเชี่ยวชาญแตละหมายเลข ทําการรวบรวมและอภิปรายขอมูลจากการทํา ใบงาน แลวกลับไปยังกลุมแมบานของตนเอง 2. สมาชิกแตละคนในกลุมนําขอมูลที่ตนไดจาก การรวบรวมมาอธิบายแลกเปลี่ยนความรูกัน นักเรียนควรรู 1 โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ โรคที่เกิดจากหลอดเลือดแดงที่เลี้ยงกลามเนื้อ หัวใจตีบหรือตัน ผูชายมีโอกาสเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบไดมากกวาผูหญิง แตในผูหญิงที่หมดประจําเดือนแลวมีโอกาสเสี่ยงใกลเคียงกับผูชาย 2 โรคหลอดเลือดสมอง เปนความผิดปกติของหลอดเลือดที่ทําหนาที่สงผาน เลือดไปเลี้ยงสมอง นักเรียนแบงกลุมรวมกันสืบคนจํานวนและอัตราตายของ ประชากรโลกและประชากรไทย จําแนกตามสาเหตุสําคัญ โดย เปรียบเทียบขอมูลยอนหลัง 5 ป แลวนําเสนอในรูปแบบที่นักเรียน สนใจ เชน PPT รายงาน แผนภูมิ กราฟ หนาชั้นเรียน ขั้นที่ 4 การวิเคราะหและแปลผลขอมูล 1. ครูสุมถามนักเรียนเพิ่มเติมถึงพื้นที่ที่มีอัตรา เกิด อัตราตายมากที่สุดและนอยที่สุด รวมถึง สาเหตุ จากนั้นอภิปรายรวมกัน 2. ครูใหนักเรียนดูคลิปวิดีโอที่เกี่ยวของกับ การตายของประชากรโลกและประชากร ไทย จากนั้นตั้งคําถามเพื่อเปนการเชื่อมโยง และวิเคราะหความรูเพิ่มเติม เชน • ในปจจุบันขนาดของประชากรมนุษย มีจํานวนเพิ่มมากขึ้น สวนหนึ่งเปนเพราะ อัตราการรอดชีวิตของทุกชวงอายุสูงขึ้น นักเรียนคิดวามีสาเหตุจากสิ่งใด (แนวตอบ ความกาวหนาทางอุตสาหกรรม และการแพทย ทําใหประชากรสามารถ สรางสรรคสิ่งใหมๆ เพื่ออํานวยความสะดวก และเพิ่มคุณภาพในการดํารงชีวิต เชน การสรางที่อยูอาศัย โรงงานอุตสาหกรรม รถยนต เครื่องทุนแรงตางๆ รวมไปถึงการ พัฒนาในดานการรักษาโรคและควบคุม โรคอยางมีประสิทธิภาพ สงผลใหอัตราการ รอดชีวิตเพิ่มสูงขึ้น หรือมีอัตราตายที่ ลดนอยลง) กิจกรรม ทาทาย นํา สอน สรุป ประเมิน T112
การเปลี่ยนแปลงประชากรสูงอายุเกิดจากปัจจัยต่างๆ และมีสถานการณ์การเปลี่ยนแปลง ดังนี้ 1) ปัจจัยที่ท�าให้เกิดการเปลี่ยนแปลงประชากรสูงอายุ ที่ส�าคัญ ได้แก่ 2.3 การเปลี่ยนแปลงประชากรสูงอายุ ผู้สูงอายุเป็นประชากรที่มีอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป โดยสหประชาชาติระบุไว้ว่าประเทศใด มีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปในสัดส่วนเกินกว่าร้อยละ 10 ของจ�านวนประชากรทั้งประเทศถือว่า ประเทศนั้นก้าวสู่การเป็นสังคมผู้สูงอายุ องค์การเฮลป์เอจ อินเตอร์เนชั่นแนล (HelpAge International) ได้วิเคราะห์แนวโน้มของ ประชากรสูงวัยทั่วโลกในช่วงระหว่าง พ.ศ. 2558 - 2593 ดังนี้ อายุ60+ 901 ล้านคน คิดเป็น12.3 % ของประชากร ทั้งหมด ปี2558 อายุ60+ 1,402 ล้านคน คิดเป็น16.5 % ของประชากร ทั้งหมด ปี2573 อายุ 60+ 2,092 ล้านคน คิดเป็น 21.5 % ของประชากร ทั้งหมด ปี2593 ความก้าวหน้าทางด้านการแพทย์ ท�าให้ผู้สูงอายุได้รับการ รักษาพยาบาลเป็นอย่างดี และมีชีวิตยืนยาวมากขึ้น ที่มา : UNDESA World Population Division, World Population Prospects, 2015 1.1) การพัฒนาเศรษฐกิจและ การพัฒนาประเทศ มีการเพิ่มสวัสดิการแก่ ประชากรมากขึ้น มีการพัฒนาในด้านสาธารณสุข การคมนาคมขนส่ง ท�าให้ประชากรมีชีวิตความ เป็นอยู่ที่ดีขึ้น 1.2) ความก้าวหน้าทางด้าน วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และการแพทย์ ท�าให้ มีการพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ ในการรักษาโรค และควบคุมโรคระบาด ท�าให้ประชากรมีอายุ ยืนยาวมากขึ้น 109 2.3 การเปลี่ยนแปลงประชากรสูงอายุ1 ขั้นสอน ขั้นที่ 4 การวิเคราะหและแปลผลขอมูล • การแพรกระจายของโรคระบาด มีความ เกี่ยวของกับปจจัยที่สงผลตอการตายของ ประชากรในดานใด (แนวตอบ การแพรกระจายของโรคระบาด เปนสาเหตุหนึ่งที่ทําใหประชากรโลก และประชากรไทยตองเสียชีวิตลง ซึ่งมี ความเกี่ยวของกับปจจัยในดานสาธารณสุข สวัสดิการสังคม และสิ่งแวดลอมที่รวมถึง สภาพภูมิอากาศ เนื่องจากการแพรกระจาย ของเชื้อโรคในประเทศเขตรอน หรืออบอุน มักเกิดขึ้นไดงายกวาประเทศในเขตหนาว) ขั้นที่ 5 การสรุปเพื่อตอบคําถาม 1. ครูตั้งคําถามเพื่อทดสอบนักเรียนกลุมแมบาน เพื่อเปนการเชื่อมโยงและวิเคราะหความรู จากนั้นใหนําคะแนนของแตละคนในกลุม มารวมกัน กลุมใดมีคะแนนมากที่สุดถือเปน ผูชนะ ตัวอยางคําถาม เชน • ปจจัยใดบางที่มีผลทําใหจํานวนประชากร ผูสูงอายุมีอัตราที่เปลี่ยนแปลงไปจากในอดีต (แนวตอบ ความกาวหนาทางเศรษฐกิจ ความ กาวหนาทางการแพทย การสาธารณสุข การศึกษา ตลอดจนเทคโนโลยีในดานตางๆ เชน อาหาร ยารักษาโรค เครื่องมือทาง การแพทย การสื่อสาร การคมนาคมตางๆ ที่มีสวนใหชีวิตของประชากรมีความมั่นคง มีอายุยืนยาวมากขึ้น) กิจกรรม ทาทาย นักเรียนรวมกันศึกษาคนควาจํานวนผูสูงอายุในประเทศไทย (อายุ 60 ปขึ้นไป) แบงตามเพศ และจําแนกจังหวัดเปนรายภาค พรอมทั้งคํานวณเปนสัดสวนตอประชากรทั้งหมด โดยระบุปหรือ ชวงเวลาที่ทําการศึกษาคนควา ทําเปนรายงานหรือบันทึกลงสมุด สงครูผูสอน นักเรียนควรรู 1 ประชากรสูงอายุ ประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลก 2 ประเทศอยูใน ทวีปเอเชีย คือ ประเทศจีน มีประชากรผูสูงอายุประมาณ 209 ลานคน (ขอมูล พ.ศ. 2558) คิดเปนรอยละ 15 รองลงมา คือ อินเดีย มีประชากรผูสูงอายุ ประมาณ 117 ลานคน คิดเปนรอยละ 9 บูรณาการอาเซียน ใน พ.ศ. 2558 ประเทศสมาชิกอาเซียนมีประชากรผูสูงอายุประมาณ 55 ลานคน คิดเปนสัดสวนรอยละ 9 ของประชากรทั้งหมด และมีประเทศที่เขาสูสังคม ผูสูงอายุ 3 ประเทศ ไดแก สิงคโปร มีสัดสวนอายุ 60 ปขึ้นไป รอยละ 18 ไทย รอยละ 16 และเวียดนาม รอยละ 10 นํา สอน สรุป ประเมิน T113
ขอสอบเนนการคิด 2) สถานการณ์การเปลี่ยนแปลงประชากรสูงอายุ ในปัจจุบันโลกก�าลังเข้าสู่สังคม ผู้สูงอายุ เนื่องจากประชากรมีอายุยืนยาวมากขึ้น แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าทางการแพทย์ การดูแลสุขภาพ การศึกษา และความเป็นอยู่ทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้น จากแผนภูมิ แสดงให้เห็นแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของประชากรสูงอายุ เนื่องมาจากอัตราเกิด ที่ลดลงในขณะที่ผู้คนมีชีวิตที่ยืนยาวมากขึ้น ทั้งในประเทศที่พัฒนาแล้วและประเทศก�าลังพัฒนา ท�าให้ประชากรทั่วโลกมีอายุคาดเฉลี่ยเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 9 ปีประชากรทั่วโลกที่มีอายุมากกว่า 65 ปีคิดเป็นร้อยละ 20 พบได้ในประเทศแถบทวีปยุโรป และประเทศญี่ปุ่นที่เป็นสังคมผู้สูงอายุ โดยสมบูรณ์ตั้งแต่ พ.ศ. 2553 และใน พ.ศ. 2560 มีประชากรที่อายุมากกว่า 65 ปี สูงที่สุดในโลก แผนภูมิแสดงจ�านวนประชากรสูงอายุประเทศพัฒนาแล้วและประเทศก�าลังพัฒนา ในช่วงระหว่าง ค.ศ. 1950 - 2050 คือ ร้อยละ 26.7 ของประชากรทั้งประเทศ ซึ่ง หลายประเทศได้มีการประชุมเพื่อวางแผนรับมือ กับประชากรผู้สูงอายุในด้านสุขภาพ รวมถึง สภาพแวดล้อมที่เอื้ออ�านวยต่อผู้สูงอายุ ประเทศไทยมีประชากรผู้สูงอายุประมาณ ร้อยละ 15 ของประชากรทั้งหมด รวมถึงการ ลดลงอย่างรวดเร็วของภาวะเจริญพันธุ์โดย ประเทศไทยได้มีนโยบายและเตรียมความพร้อม ในด้านต่าง ๆ เช่น การจ้างแรงงานทดแทนใน ระบบเศรษฐกิจ การบริการสาธารณสุข การสร้าง แบบแผนการอยู่อาศัย ภาวะประชากรในหลายประเทศทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย มีแนวโน้มเข้าสู่การเป็นสังคมผู้สูงอายุ ซึ่งทางภาครัฐควร มีการวางแผนเพื่อรองรับกับภาวะดังกล่าว 2,500 2,000 1,500 1,000 500 0 1950 1955 1960 1965 1970 1975 1980 1985 1990 1995 2000 2005 2010 2015 2020 2025 2030 2035 2040 2045 2050 จ�านวนประชากร (ล้านคน) ค.ศ. ประเทศพัฒนาแล้ว ประเทศก�าลังพัฒนา ที่มา : United Nations, Department of Economic and Social Affairs, 2014 110 ขั้นสอน ขั้นที่ 5 การสรุปเพื่อตอบคําถาม • แนวทางใดบางที่สามารถนํามาแกปญหา การเขาสูสังคมผูสูงอายุในปจจุบัน (แนวตอบ เชน การใหความรู หรือชี้ใหเห็นถึง ความสําคัญของการมีบุตร เพื่อสงเสริมให มีการเพิ่มขึ้นของจํานวนประชากรในสังคม ตลอดจนเพิ่มสวัสดิการ แรงจูงใจ หรือสิทธิ พิเศษในการมีบุตรของวัยเจริญพันธุภายใต การดูแลอยางถูกตองจากทุกภาคสวนของ สังคม) ขอใดหมายถึงสังคมผูสูงอายุโดยสมบูรณ 1. ประเทศ ก มีประชากรอายุ 65 ปขึ้นไป รอยละ 7 ของประชากร ทั้งหมด 2. ประเทศ ข มีประชากรอายุ 60 ปขึ้นไป รอยละ 10 ของประชากรทั้งหมด 3. ประเทศ ค มีประชากรอายุ 60 ปขึ้นไป รอยละ 20 ของประชากรทั้งหมด 4. ประเทศ ง มีประชากรอายุ 65 ปขึ้นไป มากกวารอยละ 7 ของประชากรทั้งหมด 5. ประเทศ จ มีประชากรอายุ 60 ปขึ้นไป มากกวารอยละ 10 ของประชากรทั้งหมด (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 3. สังคมผูสูงอายุโดยสมบูรณ คือ สังคมที่มีประชากรอายุ 60 ปขึ้นไปตอประชากรในพื้นที่เดียวกัน เทากับหรือมากกวารอยละ 20 ขึ้นไป) เกร็ดแนะครู ครูอธิบายเพิ่มเติมวา ธนาคารโลกไดวิเคราะหสถานการณสังคมผูสูง อายุของภูมิภาคเอเชียตะวันออกวากําลังเพิ่มขึ้นอยางรวดเร็วและมากกวาทุก ภูมิภาคในโลก และปญหาที่จะตามมา คือ การขาดแคลนแรงงานในอนาคต โดยธนาคารโลกคาดการณวาประชากรวัยทํางานจะลดลงจนถึงประมาณรอยละ 15 ใน พ.ศ. 2583 นํา สอน สรุป ประเมิน T114
ขอสอบเนน การคิด การอพยพลี้ภัยสงครามของชาวซีเรีย 2.4 การย้ายถิ่น ปัจจุบันมีการย้ายถิ่นเกิดขึ้นอย่างกว้างขวางทั่วโลก เนื่องจากปัจจัยที่แตกต่างกัน ทั้งจาก ปัญหาสภาพแวดล้อม ปัญหาทางเศรษฐกิจ และปัญหาด้านความปลอดภัย ส่งผลให้ประชากรใน พื้นที่ต่าง ๆ ของโลกมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา 1) ปัจจัยที่ส่งผลต่อการย้ายถิ่น มีหลายปัจจัย ดังนี้ 1.1) ปัจจัยด้านสภาพแวดล้อม มีสภาพภูมิประเทศและภูมิอากาศที่เหมาะสม ทรัพยากรธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ เช่น พื้นที่ราบลุ่ม อากาศอบอุ่น 1.2) ปัจจัยด้านเศรษฐกิจ มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ดี มีอาชีพที่หลากหลาย ทั้งด้านเกษตรกรรม อุตสาหกรรม การค้า และการบริการ 1.3) ปัจจัยด้านความปลอดภัย เช่น สงคราม โรคระบาด ภัยธรรมชาติ 2) ประเภทของการย้ายถิ่น แบ่งได้เป็น 2 ประเภท ได้แก่ 2.1) การย้ายถิ่นแบบสมัครใจ (voluntary migration) ส่วนใหญ่การอพยพย้ายถิ่น มีลักษณะของการย้ายถิ่นแบบสมัครใจ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการตอบสนองต่อปัจจัยที่มีอิทธิพลในการ ย้ายถิ่นต่าง ๆ ผู้ย้ายถิ่นมีความคาดหวังว่าจุดหมายปลายทางจะมีสภาพชีวิตและโอกาสทางเศรษฐกิจ ที่ดีกว่า เช่น เมื่อมีการก่อตั้งสหภาพยุโรปใน พ.ศ. 2547 ประชากรในหลายประเทศ เช่น โปแลนด์ ฮังการี สาธารณรัฐเช็ก ได้รับสิทธิย้ายไปอยู่สหราชอาณาจักรเพื่อพ�านักและท�างาน ส่งผลให้ผู้อพยพ จ�านวนมากเดินทางด้วยความสมัครใจมาอาศัยยังสหราชอาณาจักรเพื่อหางานท�าเนื่องจากเศรษฐกิจ สหราชอาณาจักรก�าลังเฟื่องฟู 2.2) การย้ายถิ่นโดยถูกบังคับ (forced migration) คือ การย้ายถิ่นที่ไม่ได้เป็น ไปโดยความสมัครใจของผู้ย้ายถิ่น แต่มีสาเหตุ มาจากการถูกบังคับ ข่มขู่ หรือรู้สึกว่าชีวิตหรือ สุขภาวะของตนถูกคุกคาม ซึ่งหมายถึง ผู้พลัดถิ่น ผู้ลี้ภัย หรือทาสแรงงานรวมถึงเหยื่อของการค้า มนุษย์ เช่น วิกฤตการณ์ของซีเรียใน พ.ศ.2559 ส่งผลให้ประชากรประเทศซีเรียจดทะเบียนเป็น ผู้ลี้ภัยจ�านวนกว่า 4.5 ล้านคน และมากกว่า ร้อยละ 50 ของประชากรซีเรียได้ย้ายถิ่นออก นอกประเทศ 111 2.4 การย้ายถิ่น1 ขั้นสอน ขั้นที่ 5 การสรุปเพื่อตอบคําถาม • ประชากรสูงอายุมีความสัมพันธกับ การยายถิ่นไดหรือไม อยางไร (แนวตอบ ประชากรสูงอายุอาจมีความ เกี่ยวของสัมพันธกับการยายถิ่น เชน กรณี สถานการณผูสูงอายุในประเทศญี่ปุนที่ มีจํานวนมาก จนกอใหเกิดปญหาดาน การแพทยและการสาธารณสุข เปนผลใหเกิด การยายถิ่นออกนอกประเทศของผูสูงอายุ เพื่อหาที่พักที่เหมาะสม เชน จังหวัดเชียงใหม ประเทศไทย) • การคาทาส เปนการยายถิ่นประเภทใด (แนวตอบ การคาทาส เปนการยายถิ่นแบบ ถูกบังคับใหยาย เพราะเปนการอพยพ ยายถิ่นซึ่งผูที่ตัดสินใจใหมีการยายถิ่น มัก จะไมใชตัวของผูยายถิ่นเอง) นักเรียนควรรู 1 การยายถิ่น มีความเกี่ยวของกับเวลา หากยายถิ่นเปนเวลาสั้นๆ เรียกวา การยายถิ่นชั่วคราว เชน การยายไปหางานทํานอกชวงฤดูเพาะปลูก เมื่อถึงฤดู เพาะปลูกก็ยายกลับถิ่นฐานเดิม สวนการยายถิ่นเปนเวลานาน อาจเปนการยาย อยางถาวร เชน ยายจากชนบทไปทํางานในเมืองใหญ นอกจากนี้ ยังเกี่ยวของ กับระยะทาง เชน ยายจากจังหวัดหนึ่งไปยังอีกจังหวัดหนึ่ง หรือจากประเทศหนึ่ง ไปยังอีกประเทศหนึ่ง เพื่อแสวงหาโอกาสทางเศรษฐกิจที่ดีกวา การยายถิ่นสงผลตอการเปลี่ยนแปลงประชากรอยางไร (แนวตอบ ทําใหมีการเปลี่ยนแปลงขนาด การกระจายตัว และ ความหนาแนนของประชากร กลาวคือ ชุมชนที่ยายถิ่นออกทําให ขนาดหรือจํานวนประชากรลดลง องคประกอบดานเพศ อายุ รวมถึงการกระจายตัวและความหนาแนนเกิดการเปลี่ยนแปลงไป ในทางลดลง ขณะที่ชุมชนที่มีการยายถิ่นเขา ขนาดหรือจํานวน ประชากรจะเพิ่มขึ้น ภาวะประชากรในดานอื่นๆ จะเปลี่ยนแปลง ไปในทางเพิ่มขึ้น) นํา สอน สรุป ประเมิน T115
ตุรกี 2.5 ลานคน อิรักเลบานอน 250,000 คน 1.1 ลานคน จอรแดน อียิปต 635,324 คน 117,658 คน ซีเรีย ทะเลเมดิเตอรเรเน�ยน ไซปรัส คำอธิบายสัญลักษณ ประเทศที่มีการอพยพออก ประเทศที่มีการอพยพเขา แสดงทิศทางการอพยพ 35 ํN 30 ํN 35 ํN 40 ํN 40 ํN 30 ํN 35 ํE 40 ํE 45 ํE 30 ํE 35 ํE 30 ํE 40 ํE 45 ํE N มาตราสวน 1 : 7,000,000 0 150 300 กม. ที่มา : United Nations High Commissioner for Refugees, 2018 3) สถานการณ์ย้ายถิ่นของโลก การย้ายถิ่นมี 3 ลักษณะ ดังนี้ 3.1) การย้ายถิ่นของประชากรในประเทศ เป็นการย้ายถิ่นจากชนบทสู่เมือง เช่น การย้ายถิ่นจากแรงงานในภาคเกษตรกรรมสู่เมืองเพื่อหางานท�า เพราะราคาพืชผลทางการเกษตร ตกต�่า หรือเป็นการย้ายถิ่นระหว่างเมืองที่มีล�าดับศักดิ์ใกล้เคียงกัน 3.2) การย้ายถิ่นของประชากรระหว่างประเทศ เป็นการย้ายถิ่นเพื่อตอบสนองต่อ วัตถุประสงค์ในการพัฒนาฐานะทางเศรษฐกิจของกลุ่มชนหรือบุคคลที่ต้องการจะเปลี่ยนแปลงวิถี ชีวิตและสภาพแวดล้อมของตนเอง แต่บ่อยครั้งที่เป็นการอพยพเนื่องมาจากการหนีภัยธรรมชาติ ภัยสงคราม ปัญหาทางเศรษฐกิจ เพื่อแสวงหาสภาพชีวิตที่ดีกว่าในประเทศที่เป็นจุดหมายปลายทาง แผนที่แสดงการย้ายถิ่นของประชากรระหว่างประเทศจากภัยสงครามในประเทศซีเรีย วิกฤตการณ์ซีเรียเป็นความขัดแย้ง ที่เกิดขึ้นในประเทศซีเรียระหว่างกองทัพที่จงรัก ภักดีต่อรัฐบาล Ba'ath และกลุ่มต่อต้าน ใน พ.ศ. 2559 รายงานประมาณการว่ามีผู้เสียชีวิตจาก สงครามกลางเมืองในซีเรียประมาณ 470,000 คน มีผู้ลี้ภัยประมาณ 4.5 ล้านคนหลบหนีออก จากประเทศไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ตุรกี จ�านวน 2.5 ล้านคน เลบานอนจ�านวน 1.1 ล้านคน และจอร์แดนจ�านวน 6 แสนคน ค่ายผู้อพยพลี้ภัยชาวซีเรีย ในประเทศอิรัก 112 ขั้นสอน ขั้นที่ 5 การสรุปเพื่อตอบคําถาม • ประชากรในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของ ประเทศไทย มักมีการยายถิ่นเขามาตั้ง ถิ่นฐานในเขตกรุงเทพมหานครเปนจํานวน มาก จากสถานการณดังกลาวถือวาเปนการ ยายถิ่นในลักษณะใด (แนวตอบ เปนการยายถิ่นของประชากรใน ประเทศ เนื่องจากเปนการยายถิ่นจากเขต เมืองๆ หนึ่ง ไปสูอีกพื้นที่หนึ่งที่บริเวณ ไมกวางขวางหรือหางไกลกันมากนัก เพื่อ แสวงหาทางเลือกในการดํารงชีวิตที่ดีขึ้น เชน อาชีพ เศรษฐกิจ เทคโนโลยี การศึกษา) • ประเทศจุดหมายสําคัญในการยายถิ่นเขาไป อยูในทวีปยุโรป มีประเทศใดบาง (แนวตอบ เชน สเปน ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี สหราชอาณาจักร) เกร็ดแนะครู ครูอธิบายเพิ่มเติมวา ปจจัยที่ทําใหบุคคลตัดสินใจยายถิ่นมี 2 ประการ คือ ปจจัยผลักดันใหตัดสินใจยายออกจากถิ่นฐานเดิม เชน เกิดภัยพิบัติ โรคระบาด ขาดแคลนที่ดินทํากิน หรือความไมสงบจากสงคราม และปจจัยดึงดูด เชน สภาพทางเศรษฐกิจที่ดี ทําใหมีโอกาสในการแสวงหารายไดสูง ความมั่นคงทาง การเมือง ความปลอดภัยจากภัยพิบัติและปญหาสิ่งแวดลอม นักเรียนรวมกันอภิปรายถึงสาเหตุที่ทําใหประชากรอพยพ ยายถิ่น จากนั้นสืบคนลักษณะการยายถิ่นของประชากรใน ประเทศไทย แลวสรุปผลการศึกษาลงกระดาษรายงาน สงครูผูสอน กิจกรรม สรางเสริม นํา สอน สรุป ประเมิน T116
60 ํS 90 ํS 30 ํS 30 ํN 60 ํN 90 ํN 90 ํS 90 ํN 0 ํ 60 ํS 30 ํS 30 ํN 60 ํN 0 ํ 150 ํW180 ํ 120 ํW 90 ํW 60 ํW 30 ํW 0 ํ 30 ํE 60 ํE 90 ํE 120 ํE 150 ํE 180 ํ ลาตินอเมริกา และแคริบเบียน อเมริกาเหน�อ(สหรัฐอเมริกาและแคนาดา) ออสเตรเลีย และโอเชียเน�ย ยุโรป 1.1 ลานคน 0.4 ลานคน 0.7 ลานคน 0.8 ลานคน 1.1 ลานคน 0.2 ลานคน เอเชีย แอฟริกา คำอธิบายสัญลักษณ ทวีปปลายทาง ทวีปตนทาง N มาตราสวน 1 : 310,000,000 0 3,000 6,000 กม. ที่มา : UNDESA World Population Division, International Migration Report, 2018 3.3) การย้ายถิ่นของประชากรระหว่างทวีป คือ การเคลื่อนย้ายของประชากรต่าง จากทวีปเดิม ระยะทางการย้ายถิ่นไกลขึ้น นั่นหมายถึงประเทศจุดหมายปลายทางจะต้องมีแรงดึงดูด ที่ท�าให้ประชากรต้องการย้ายถิ่นไป เช่น มีงานท�า เศรษฐกิจดี แสวงหาสภาพชีวิตที่ดีกว่าในประเทศ ที่เป็นจุดหมายปลายทาง ซึ่งปัจจุบันเป็นการย้ายถิ่นของแรงงานข้ามชาติซึ่งมีปัจจัยเร่งที่ส�าคัญ เช่น การเปิดเสรีด้านการเคลื่อนย้ายแรงงานเพิ่มมากขึ้น การพัฒนาเส้นทางคมนาคมที่เชื่อมโยง ประเทศต่างๆ เข้าด้วยกัน การขยายการลงทุนไปยังพื้นที่ใหม่ ๆ และการปรับปรุงระบบสวัสดิการ ของแรงงานต่างชาติ แผนที่แสดงการย้ายถิ่นระหว่างทวีปของประชากรโลก ระหว่าง พ.ศ. 2553 - 2558 จากแผนที่ พบว่าในระหว่าง พ.ศ.2553 - 2558 มีผู้อพยพเข้าไปยังทวีปอเมริกาเหนือ (สหรัฐอเมริกาและแคนาดา) ยุโรป และโอเชียเนีย มากกว่า 2 ล้านคนต่อปี ทวีปเอเชียเป็นทวีป ต้นทางที่มีการส่งออกผู้อพยพออกมากที่สุดถึง 1.1 ล้านคน รองลงมา คือ ทวีปแอฟริกา ประมาณ 0.7 ล้านคน ส่วนใหญ่เป็นแรงงานข้ามชาติ โดยประเทศอินเดียและจีนมีรายได้จากแรงงาน ข้ามชาติมากเป็นอันดับที่ 1 และ 2 ของโลก ตามล�าดับ ในทางกลับกัน ประเทศปลายทางของการย้ายถิ่นระหว่างทวีปจากเอเชีย คือ สหรัฐอเมริกาและแคนาดา ท�าให้ทวีปอเมริกาเหนือ (สหรัฐอเมริกาและแคนาดา) เป็นทวีป ปลายทางที่มีการรับผู้อพยพเข้ามากที่สุด เป็นจ�านวนประมาณ 1.1 ล้านคน รองลงมา ได้แก่ ทวีป ยุโรป 0.8 ล้านคน ส่วนทวีปออสเตรเลียและโอเชียเนีย 0.2 ล้านคน 113 กิจกรรม ทาทาย นักเรียนศึกษาคนควาเกี่ยวกับสถานการณแรงงานขามชาติ ในประเทศไทย จากนั้นวิเคราะหในประเด็น ดังนี้ • การดําเนินนโยบายของไทยตอแรงงานขามชาติ • ผลตอระบบเศรษฐกิจของไทย สรุปความรูที่ไดลงสมุดสงครูผูสอน ขั้นสอน ขั้นที่ 5 การสรุปเพื่อตอบคําถาม • หากมีการยายถิ่นของประชากรระหวางทวีป เพิ่มมากขึ้นในอนาคต อาจกอใหเกิดปญหา ในดานใด (แนวตอบ เชน ปญหาในดานแรงงาน ดาน ความมั่นคง ดานเศรษฐกิจ ตลอดจนดาน สาธารณสุข) 2. ครูเฉลยคําถามและรวบรวมคะแนนของ นักเรียนในแตละกลุม สรุปผลการทดสอบและ รวมกันแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม 3. ครูใหนักเรียนทําแบบฝกสมรรถนะฯ ภูมิศาสตร ม.4-6 เกี่ยวกับเรื่อง การเปลี่ยนแปลงประชากร โลกและประชากรไทย ขั้นสรุป ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรูเกี่ยวกับ การเปลี่ยนแปลงประชากรโลกและประชากร ไทย ตลอดจนความสําคัญที่มีอิทธิพลตอการ ดําเนินชีวิตของประชากร หรือใช PPT สรุป สาระสําคัญของเนื้อหา ขั้นประเมิน 1. ครูประเมินผลโดยสังเกตจากการตอบคําถาม การรวมกันทํางาน และการนําเสนอผลงาน หนาชั้นเรียน 2. ครูตรวจสอบผลจากการทําใบงาน และแบบฝก สมรรถนะฯ ภูมิศาสตร ม.4-6 แนวทางการวัดและประเมินผล ครูสามารถวัดและประเมินความเขาใจเนื้อหา เรื่อง การเปลี่ยนแปลง ประชากรโลกและประชากรไทย ไดจากการตอบคําถาม การรวมกันทํางาน และ การนําเสนอผลงานหนาชั้นเรียน โดยศึกษาเกณฑการวัดและประเมินผลจาก แบบประเมินการนําเสนอผลงานที่แนบมาทายแผนการจัดการเรียนรูหนวยที่ 3 เรื่อง สิ่งแวดลอมทางกายภาพกับประชากรและการตั้งถิ่นฐาน แบบประเมินการน าเสนอผลงาน ค าชี้แจง : ให้ผู้สอนประเมินผลการน าเสนอผลงานของนักเรียนตามรายการ แล้วขีด ลงในช่องที่ ตรงกับระดับคะแนน ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ............/................./................ เกณฑ์การให้คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินสมบูรณ์ชัดเจน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินเป็นส่วนใหญ่ ให้ 2 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินบางส่วน ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ต่ ากว่า 8 ปรับปรุง ล าดับที่ รายการประเมินระดับคะแนน 3 2 1 1 ความถูกต้องของเนื้อหา 2 การล าดับขั้นตอนของเรื่อง 3 วิธีการน าเสนอผลงานอย่างสร้างสรรค์ 4 การใช้เทคโนโลยีในการน าเสนอ 5 การมีส่วนร่วมของสมาชิกในกลุ่ม รวม นํา สอน สรุป ประเมิน T117
ขอสอบเนนการคิด 3 การตั้งถิ่นฐานเมืองและชนบท 3.1 ขนาดการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ การตั้งถิ่นฐานจ�าแนกตามขนาดของจ�านวนประชากร แบ่งออกเป็น 1) กลุ่มบ้าน (hamlet) เป็นหมู่บ้านขนาดเล็กมีประชากรน้อยกว่า 100 คน มีโครงสร้างพื้นฐานน้อย ไม่มีองค์กรบริหารหรือปกครองตนเอง 2) หมู่บ้าน (village) เป็นชุมชนที่มีขนาดใหญ่กว่ากลุ่มบ้าน แต่เล็กกว่าเมือง มีประชากรตั้งแต่หลักร้อยถึงหลักพันคน 3) เมือง (town) เป็นชุมชนที่มีประชากรประมาณ 1,000 - 100,000 คน หมู่บ้านกรินเดิลวัลด์รัฐเบิร์น ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ มีประชากรประมาณ 3,700 คน เขตอภิมหานครโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เป็นเขตเมืองขนาดใหญ่ มีประชากรประมาณ 38 ล้านคน 4) เมืองใหญ่ (city) ชุมชนขนาด ใหญ่กว่าเมือง มีสาธารณูปโภค มีเขตการปกครอง ที่แน่นอน มีประชากรประมาณ 100,000 - 300,000 คน 5) มหานคร (metropolis) เมือง ขนาดใหญ่ที่มีประชากรอยู่เป็นจ�านวนมาก หรือ เป็นเมืองหลักของรัฐหรือประเทศ เป็นศูนย์กลาง การปกครอง เศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม เช่น กรุงเทพมหานคร มหานครนิวยอร์ก 6) อภิมหานคร (megalopolis) เขตที่มีมหานครและเมืองใหญ่ ๆ ตั้งอยู่หนาแน่น ติดต่อกัน เช่น ทางชายฝั่งของสหรัฐอเมริกาด้านมหาสมุทรแอตแลนติก ตั้งแต่ทางตอนใต้ของ เมืองบอสตันลงมาถึงกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. หรือเขตอภิมหานครโตเกียว 114 มหานคร (metropolis) 1 ขั้นนํา (Geographic Inquiry Process) 1. ครูใหนักเรียนดูภาพหรือคลิปวิดีโอเกี่ยวกับการ ตั้งถิ่นฐานของประชากรในพื้นที่ตามภูมิภาค ตางๆ ของโลก เชน • นครเซี่ยงไฮ • นครลอนดอน • เขตบริหารพิเศษฮองกง • จังหวัดเชียงใหม 2. ครูและนักเรียนรวมกันแสดงความคิดเห็นจาก ภาพหรือคลิปวิดีโอเกี่ยวกับการตั้งถิ่นฐานของ ประชากรในพื้นที่ตามภูมิภาคตางๆ ของโลก นักเรียนควรรู 1 มหานคร มีลักษณะสําคัญ 2 ประการ คือ เปนศูนยกลางการปกครอง เศรษฐกิจการเงิน สังคมและวัฒนธรรม สามารถที่จะดึงเอาผลผลิตของประเทศ นั้นๆ มาอยูภายในเขตเมืองใหญเพื่อเก็บรวบรวม ตามปกติแหลงอุตสาหกรรม จะตั้งอยูภายในหรือใกลมหานครดวย และตั้งอยูโดดๆ ไมมีอาณาเขตติดกับ มหานครอื่น ถาติดกับมหานครอื่นจะกลายเปนอภิมหานคร ซึ่งก็คือเขตที่มีเมือง หรือนครใหญๆ อยูหนาแนนติดตอกัน ชุมชนเมืองหมายถึงอะไร (แนวตอบ บริเวณที่มีการตั้งถิ่นฐานรวมกลุมของประชากรจํานวน มากในพื้นที่หนึ่งๆ ประชากรสวนใหญประกอบอาชีพหลักที่ไมใช เกษตรกรรม มีความแตกตางจากชนบทอยางชัดเจน เชน ในทาง กายภาพ เมืองจะมีอาคารบานเรือนและตึกสูงอยางหนาแนน การจราจรคับคั่ง ในทางเศรษฐกิจ สังคม และวิถีชีวิตจะมีความ หลากหลายทางอาชีพมากกวา สวนใหญเปนครอบครัวเดี่ยว มีจํานวนสมาชิกในตรอบครัวไมมากเมื่อเทียบกับชนบท) นํา นํา สอน สรุป ประเมิน T118
3.2 ความแตกต่างระหว่างเมืองและชนบท เมือง คือ บริเวณที่มีประชากรอาศัยอยู่หนาแน่น เป็นศูนย์กลางทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม ขณะที่ชนบทมีความหนาแน่นของประชากรต�่ากว่า การประกอบอาชีพของคนใน ชนบทส่วนใหญ่เน้นเกษตรกรรม สภาพแวดล้อมมีความเป็นธรรมชาติ ความแตกต่างระหว่างเมืองและชนบท จ�าแนกตามปัจจัยด้านต่าง ๆ ได้ ดังนี้ ตารางแสดงความแตกต่างระหว่างเมืองและชนบท ปัจจัย ชนบท เมือง 1. สิ่งแวดล้อม สิ่งแวดล้อมในชนบทก�าหนดวิถีการ ด�ารงชีวิตมนุษย์ต้องพึ่งพาธรรมชาติ และปรับตัวให้เหมาะสมกับสภาพ แวดล้อมในท้องถิ่นนั้น ๆ สิ่งแวดล้อมในเมืองส่วนใหญ่เป็น สิ่งปลูกสร้างที่มนุษย์สร้างขึ้น มีความ สะดวกสบาย มีสาธารณูปโภคครบถ้วน แต่ประสบปัญหามลพิษ เนื่องจากเป็น แหล่งอุตสาหกรรมและชุมชนแออัด 2. การตั้งถิ่นฐาน การตั้งหมู่บ้านของชุมชนขนาดย่อม กระจัดกระจายรูปแบบไม่แน่นอน มักตั้งถิ่นฐานตามแหล่งน�้า ล�าคลอง บางส่วนมีการตั้งถิ่นฐานบริเวณที่สูง หรือบริเวณทะเลทรายประชากรจะ ตั้งถิ่นฐานเบาบาง ในเขตเมืองมักตั้งถิ่นฐานบริเวณที่ราบ มีการวางผังเมือง เพื่อความเป็น ระเบียบเรียบร้อย ง่ายต่อการบริหาร จัดการ แต่การตั้งถิ่นฐานจะมีความ แออัด เนื่องจากการอพยพเข้ามา ท�างานของประชากร 3. อาชีพ เนื่องจากชนบทยังมีทรัพยากร ธรรมชาติอยู่มาก โดยเฉพาะที่ดิน ท�าให้ประชากรส่วนใหญ่ประกอบ อาชีพเกษตรกรรม มีการเลี้ยงสัตว์ บริเวณทุ่งหญ้า และท�าอาชีพประมง บริเวณชายทะเล มีการใช้ประโยชน์ จากทรัพยากรธรรมชาติที่สวยงาม เพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยว เป็นศูนย์การค้า เศรษฐกิจและการ ลงทุน ท�าให้มีการประกอบอาชีพ ที่หลากหลาย ทั้งพาณิชยกรรม อุตสาหกรรมและการบริการ พื้นที่ ส่วนใหญ่ถูกใช้เพื่อรองรับการขยายตัว ทางเศรษฐกิจ มีการน�าผลิตภัณฑ์ และผลผลิตการเกษตร จากชนบท มาสร้างมูลค่าเพื่อตอบสนองความ ต้องการของตลาด 115 เมืองใต้เหมืองโอปอล (Coober Pedy) กิจกรรม สรางเสริม ขั้นนํา 3. ใหนักเรียนใชสมารตโฟนสองดู QR Code เรื่อง เมืองใตเหมืองโอปอล (Coober Pedy) จากหนังสือเรียน ภูมิศาสตร ม.4-6 แลว เสนอแนะขอคิดเห็นรวมกัน 4. ครูสุมนักเรียนเพื่อแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ ความแตกตางระหวางความเปนเมืองและ ชนบทในความคิดของนักเรียน ประกอบการใช คําถามเพิ่มเติม เชน • ปจจัยใดบางที่กอใหเกิดความแตกตาง ระหวางเมืองและชนบท (แนวตอบ เชน อุตสาหกรรม เทคโนโลยี การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ การศึกษา การสาธารณสุข การคมนาคมขนสง การติดตอสื่อสาร ตลอดจนความตองการ ของประชากรที่ไมสิ้นสุดในพื้นที่ตางๆ) นักเรียนสืบคนขอมูลลักษณะการตั้งถิ่นฐานในเมืองของโลก และของไทย และการตั้งถิ่นฐานในชนบทของโลกและของไทย จากนั้นนําขอมูลที่ไดมาสรุปลงในตารางเพื่อแสดงใหเห็นถึง ความคลายคลึงและความแตกตาง เกร็ดแนะครู ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการแบงเขตเมืองและชนบทวา เกณฑที่นิยมใช ในการแบงและเปนที่ยอมรับกัน ไดแก จํานวนประชากร ความหนาแนน ประชากร ประเภทของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ การแบงตามกฎหมาย และลักษณะ การปกครอง โดยจํานวนประชากรและความหนาแนนเปนเกณฑที่นิยมใชมาก ที่สุด เพราะงายในการเก็บขอมูล นํา นํา สอน สรุป ประเมิน T119
3.3 การตั้งถิ่นฐานเมือง เมืองเป็นบริเวณที่มีความหนาแน่นของประชากรสูงกว่าความหนาแน่นเฉลี่ยในภูมิภาค ทั้งโลกได้มีการจัดขนาดของเมืองโดยใช้หลาย ๆ ปัจจัยในการพิจารณา ได้แก่ จ�านวนประชากร โครงสร้างพื้นฐาน และความส�าคัญทางเศรษฐกิจ 1) การตั้งถิ่นฐานเมืองของโลก การเติบโตอย่างรวดเร็วของเมืองทั้งในประเทศ พัฒนาแล้วและก�าลังพัฒนามักควบคู ่ไปกับ การย้ายถิ่นของประชากรจากชนบทเข้าสู่เมือง เมื่อมีความเจริญทั้งด้านสาธารณูปโภคและ สาธารณูปการมากขึ้น ท�าให้เมืองขนาดเล็ก (town) กลายเป็นเมืองขนาดใหญ่ (city) เมืองที่มีขนาดใหญ ่มากขึ้น จะ กลายเป็นมหานคร (metropolis) ซึ่งมีลักษณะ มหานครดูไบ เป็นนครใหญ่สุดของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ส�าคัญ คือเป็นศูนย์กลางการปกครอง เศรษฐกิจ การเงิน สังคมและวัฒนธรรม สามารถน�าผลผลิตของประเทศนั้น ๆ มาอยู่ภายในเขตเมืองใหญ่ เพื่อการเก็บรวบรวม การค้าขาย และการขนส่ง โดยมีแหล่งอุตสาหกรรมตั้งอยู่ภายในหรือใกล้ มหานครด้วยเช่นมหานครดูไบของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ที่พัฒนาจากการเป็นเมืองท่าสู่มหานคร ที่มีประชากรกว่า 2 ล้านคน ในบางพื้นที่ของโลกที่มหานครหลาย ๆ มหานครมีอาณาเขตติดต่อกัน การเติบโต และการกระจายของพื้นที่ที่เป็นมหานครเป็นไปอย่างต่อเนื่องจนเกิดเป็นพื้นที่เมืองประเภทใหม่ เรียกว่า อภิมหานคร (megalopolis) เช่น Great Lakes Megalopolis ประกอบด้วยกลุ่มของ เขตมหานครในทวีปอเมริกาเหนือ ในภูมิภาคเกรตเลกส์ (Great Lakes) เป็นเขตอภิมหานครที่มี ประชากรประมาณ 59.1 ล้านคน และอภิมหานครโตเกียวเป็นพื้นที่ของกรุงโตเกียวและปริมณฑล ตั้งอยู่ในภูมิภาคคันโตของประเทศญี่ปุ่น มีประชากรกว่า 37.8 ล้านคน 2) การตั้งถิ่นฐานเมืองของไทย การพัฒนาเขตเมืองกระจุกตัวอยู ่ในพื้นที่ กรุงเทพมหานคร ซึ่งจัดเป็นมหานครหนึ่งของโลกและเป็นเมืองหลวงของประเทศ มีประชากร ประมาณ 5.6 ล้านคน มีลักษณะของความเป็นเมืองโตเดี่ยว (primate city) Geo Tip เมืองโตเดี่ยว หรือเอกนคร (primate city) หมายถึง การที่เมืองใหญ่ที่สุดของประเทศ มีจ�านวน หรือขนาดของประชากรมากกว่าเมืองอันดับสองในประเทศอย่างมากและเป็นศูนย์กลางในทุกด้านเป็นการ เติบโตแต่เพียงเมืองเดียวล�้าหน้าเมืองอื่น ๆ 116 มหานครดูไบของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ที่พัฒนาจากการเป็นเมืองท่าสู่มหานคร และอภิมหานครโตเกียวเป็นพื้นที่ของกรุงโตเกียวและปริมณฑล 1 2 ขั้นสอน ขั้นที่ 1 การตั้งคําถามเชิงภูมิศาสตร 1. ครูใหนักเรียนดูภาพเมืองขนาดใหญ จากนั้น ใหนักเรียนลองบอกสิ่งที่เห็นจากสายตาวา มีความเกี่ยวของกับการตั้งถิ่นฐานและความ เปนเมือง ภายใตอิทธิพลของโลกาภิวัตน หรือไม อยางไร 2. ครูกระตุนใหนักเรียนชวยกันตั้งประเด็นคําถาม เชิงภูมิศาสตร เชน • ปจจัยใดบางที่มีผลตอการตั้งถิ่นฐานของ ประชากรในภูมิภาคตางๆ ของโลก • ชุมชนเมืองและชนบทในภูมิภาคตางๆ ของ โลกมีลักษณะอยางไร • ลักษณะการกลายเปนเมืองในภูมิภาคตางๆ ของโลกมีผลกระทบตอวิถีการดําเนินชีวิต อยางไร • อิทธิพลของโลกาภิวัตนสงผลตอประชากร และการตั้งถิ่นฐานอยางไร 3. ครูแนะนําแหลงขอมูลสารสนเทศที่นาเชื่อถือ ใหกับนักเรียนเพิ่มเติม นักเรียนควรรู 1 มหานครดูไบ ตั้งอยูทางตะวันตกเฉียงเหนือของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส มีเนื้อที่ 3,885 ตารางกิโลเมตร ตั้งแตมีการคนพบนํ้ามันดิบใน ค.ศ.1966 ดูไบ ไดพัฒนาเมืองทาขึ้นหลายแหง รวมทั้งเมืองดูไบในอาวเปอรเซียดวย 2 อภิมหานครโตเกียว เปนศูนยกลางการปกครอง วัฒนธรรม การเงิน การคา และการศึกษาของประเทศญี่ปุน นอกจากนี้ ยังเปนศูนยกลางของเขต อุตสาหกรรมที่กระจายอยูในบริเวณชานเมือง ผลิตโลหะ เครื่องจักร อุปกรณ การขนสง อิเล็กทรอนิกส และเครื่องอุปโภคบริโภคนานาชนิด เปนศูนยกลาง การทองเที่ยวที่สําคัญ นักเรียนสืบคนและยกตัวอยางเมืองของโลก แลววิเคราะห เกี่ยวกับเมืองดังกลาว ตามประเด็น เชน • ขนาดของเมือง • สาเหตุการเปนเมือง • ปจจัยที่กอใหเกิดเมือง • การตั้งถิ่นฐานภายในเมือง นําเสนอขอมูลประกอบการใชเครื่องมือทางภูมิศาสตร และอภิปรายสรุปรวมกัน กิจกรรม ทาทาย นํา สอน สรุป ประเมิน T120
รูปแบบการตั้งถิ่นฐานแบบรวมกลุ่ม รูปแบบการตั้งถิ่นฐานตามแนวเส้นทางคมนาคม 3.4 การตั้งถิ่นฐานชนบท การตั้งถิ่นฐานชนบทเป็นการตั้งถิ่นฐานเป็นกลุ่มหรือกระจายตามลักษณะภูมิประเทศ โดยพิจารณาปัจจัยทางภูมิศาสตร์ เช่น ความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากร ปัจจัยทางเศรษฐกิจ เช่น การเลือกประกอบอาชีพ และปัจจัยทางวัฒนธรรม เช่น ภาษา ศาสนา 1) การตั้งถิ่นฐานชนบทของ โลก ในหลายประเทศ พื้นที่ชนบทเป็นเขตการ ปกครองที่มีจ�านวนประชากรต�่า มีวิถีชีวิตที่มี ความสัมพันธ์กับสภาพแวดล้อมในพื้นที่ โดย ในปัจจุบันได้มีการพัฒนาชนบทมากขึ้น เพื่อ ลดความเหลื่อมล�้าระหว่างคนรวยและคนจนลด การอพยพเข้ามาในเมืองอย่างแออัด การตั้งถิ่นฐานในชนบทแบ่งได้เป็น 4 แบบรูป ได้แก่ 1.1) การตั้งถิ่นฐานแบบ โดดเดี่ยว (dispersed) เป็นการสร้างที่อยู่อาศัยอยู่ในพื้นที่เกษตรของตนเอง 1.2) การตั้งถิ่นฐานแบบรวมกลุ่ม (nucleated) เป็นการสร้างที่อยู่อาศัยอยู่รวมกัน เป็นกลุ่ม โดยอาจมีวัด โรงเรียน ตลาดเป็นศูนย์กลางชุมชน 1.3) การตั้งถิ่นฐานแบบแนวยาว (linear) เป็นการตั้งบ้านเรือนเป็นแนวยาวตาม เส้นทางคมนาคมหรือแม่น�้าล�าคลอง 1.4) การตั้งถิ่นฐานแบบตารางกริด (grid) เป็นการตั้งถิ่นฐานตามผังถนนที่ถูก วางแผนเป็นรูปสี่เหลี่ยม (block) ซึ่งสะดวกในการประกอบกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และการปกครอง 2) การตั้งถิ่นฐานชนบทของไทย ขึ้นอยู่กับปัจจัยทางด้านพื้นที่และทรัพยากร ธรรมชาติเป็นหลัก เนื่องจากวิถีชีวิตที่เกี่ยวข้อง กับเกษตรกรรม จึงตั้งถิ่นฐานบริเวณที่ราบใกล้ แหล่งน�้า เพื่อความสะดวกในการบริโภคอุปโภค และการเพาะปลูก รวมถึงใช้เป็นเส้นทาง คมนาคม นอกจากนี้ ยังมีการสร้างบ้านบริเวณ ที่ดอนเพื่อหลีกเลี่ยงน�้าท่วม หรือบางส่วน ตั้งถิ่นฐานอาศัยอยู่ในบริเวณที่มีทรัพยากร ธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ 117 การตั้งถิ่นฐานแบบแนวยาว (linear) เป็นการตั้งบ้านเรือนเป็นแนวยาวตาม 1 นักเรียนควรรู 1 การตั้งถิ่นฐานแบบแนวยาว บานของเกษตรกรจะอยูบนสองฝงแมนํ้า หรือลําคลอง ที่มีไรนาเปนแนวยาวไปทางหลังบาน พบไดในภาคกลางของ ประเทศไทย ทางใตของรัฐลุยเซียนา สหรัฐอเมริกา ขอดีของการสรางบาน แนวนี้ คือ อยูใกลกับที่ดินทํากิน การขนสงสะดวก แตขอเสีย คือ พื้นที่ดินจะยาว ไมเหมาะกับการปลูกพืชหมุนเวียน กิจกรรม ทาทาย นักเรียนอภิปรายรวมกันเกี่ยวกับการตั้งถิ่นฐานของประชากร ในชนบทของไทยและของโลกในอดีต แลววิเคราะหเปรียบเทียบ กับการตั้งถิ่นฐานของประชากรในปจจุบัน ทั้งในดานปจจัยการตั้ง ถิ่นฐาน รูปแบบการตั้งถิ่นฐาน และปญหาที่เกิดจากการตั้งถิ่นฐาน พรอมทั้งแนวทางแกไข ขั้นสอน ขั้นที่ 2 การรวบรวมขอมูล 1. นักเรียนทําการแบงกลุม จํานวน 7 กลุม จับสลากเลือกพื้นที่เพื่อทําการสืบคนขอมูล เกี่ยวกับการตั้งถิ่นฐานของประชากร จาก หนังสือเรียน ภูมิศาสตร ม.4-6 หรือจากแหลง การเรียนรูอื่น ๆ ประกอบการใชเครื่องมือทาง ภูมิศาสตร โดยมีหัวขอในการจับสลาก ดังนี้ • ทวีปเอเชีย • ทวีปยุโรป • ทวีปอเมริกาเหนือ • ทวีปอเมริกาใต • ทวีปแอฟริกา • ทวีปออสเตรเลียและโอเชียเนีย • ประเทศไทย 2. ครูใหนักเรียนทําการรวบรวมขอมูล โดยบันทึก ขอมูลลงในใบงานที่ 3.6 เรื่อง การตั้งถิ่นฐาน และความเปนเมือง ภายใตอิทธิพลของ โลกาภิวัตน ตามประเด็นตอไปนี้ • ขนาดการตั้งถิ่นฐาน • การตั้งถิ่นฐานเมือง • การตั้งถิ่นฐานชนบท • ความเปนเมือง • การใชที่ดินภายในเมือง • ปญหาเมือง 3. ครูแนะนําแหลงขอมูลสารสนเทศที่นาเชื่อถือ ใหกับนักเรียนเพิ่มเติม นํา สอน สรุป ประเมิน T121
เขตเมือง เขตชนบท ประชากร (ร้อยละ) 4 ความเป็นเมือง การใช้ที่ดินในเมือง และปัญหาเมือง กระบวนการเปลี่ยนแปลงเป็นเมืองในรูปแบบต่าง ๆ ล้วนมีความเกี่ยวข้องกับการเพิ่มขึ้น ของประชากร รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของวิถีชีวิต รูปแบบทางสังคม และสภาพแวดล้อมที่มีความ สัมพันธ์กัน ซึ่งหากขาดการวางแผนที่ดี จะท�าให้เกิดผลกระทบต่าง ๆ ตามมา 4.1 ความเป็นเมือง ความเป็นเมือง (Urbanization) หมายถึง กระบวนการที่ชุมชนกลายเป็นเมืองหรือการ เคลื่อนย้ายของผู้คนหรือการด�าเนินกิจการงานเข้าสู่บริเวณเมือง หรือการขยายตัวของเมืองออก ไปทางพื้นที่ รวมถึงการเพิ่มจ�านวนประชากร การก�าหนดเขตเมืองของแต่ละประเทศมีความแตกต่างกันค่อนข้างมาก บางประเทศใช้ของ จ�านวนประชากรในอาณาบริเวณใดอาณาบริเวณหนึ่งเป็นตัวชี้วัด บางประเทศใช้ความหนาแน่น หรือจ�านวนประชากรต่อตารางกิโลเมตร มาก�าหนดเขตเมือง แต่ส�าหรับประเทศไทย “เขตเมือง” หมายถึง กรุงเทพมหานคร เมืองพัทยา และเขตเทศบาล ตามที่ก�าหนดไว้ ในพระราชกฤษฎีกา 1) ความเป็นเมืองของโลก ใน พ.ศ.2533 มีประชากรโลกที่อาศัยอยู่ในเมือง เพียงร้อยละ 43 เท่านั้น แต่จากรายงานของสหประชาชาติพบว่า ใน พ.ศ.2552 เป็นครั้งแรก ในประวัติศาสตร์ของโลกที่ประชากรอาศัยอยู่ในเขตเมือง มีจ�านวนมากกว่าประชากรที่อาศัยอยู่ใน เขตชนบท คือ มีจ�านวน 3.42 พันล้านคน ขณะที่ประชากรในชนบทจ�านวน 3.41 พันล้านคน หลังจาก พ.ศ.2560 เป็นต้นมา ประชากรอาศัยอยู่ในเมืองมากขึ้นเรื่อยๆ และคาดการณ์ว่าจะ เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 66 ใน พ.ศ. 2593 กราฟแสดงการเปลี่ยนแปลงประชากรในเขตชนบทและเขตเมือง พ.ศ. 84 70 56 42 28 14 0 ที่มา : World Urbanization Prospects, the 2005 Revision 2493 2503 2513 2523 2533 2543 2553 2563 2573 2583 2593 118 กิจกรรม ทาทาย ความเป็นเมือง 1 ขั้นสอน ขั้นที่ 3 การจัดการขอมูล 1. สมาชิกแตละคนในกลุมนําขอมูลที่ตนไดจาก การรวบรวมมาอธิบายแลกเปลี่ยนความรู ระหวางกัน 2. จากนั้นสมาชิกในกลุมชวยกันคัดเลือกขอมูล ที่นําเสนอเพื่อใหไดขอมูลที่ถูกตอง และ รวมอภิปรายแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมภาย ในกลุม นักเรียนควรรู 1 ความเปนเมือง ปจจัยที่สงผลใหเกิดการกลายเปนเมืองที่สําคัญ มีดังนี้ 1. ระดับการเติบโตทางเศรษฐกิจและอัตราการจางงานที่สูงขึ้น 2. การบริการทางสังคม เชน การศึกษา สาธารณสุข การวางแผนครอบครัว เพื่อควบคุมการเพิ่มประชากร 3. การใหบริการขั้นพื้นฐานเกี่ยวกับการขนสง ระบบประปา สุขาภิบาล และที่อยูอาศัย 4. การรักษาสภาพแวดลอมที่ไมเปนอันตรายตอชุมชนเมือง นักเรียนสืบคนขอมูลประชากรเมือง ประชากรชนบท ของ ประเทศที่พัฒนาแลวกับประเทศกําลังพัฒนา อยางละ 5 ประเทศ จากนั้นนําขอมูลที่ไดมาทําเปนแผนภูมิ เพื่อแสดงสภาพการณ ของประชากรเมืองและชนบท รวมถึงรวมกันวิเคราะหแนวโนม ความเปนเมืองในอนาคต ขั้นที่ 4 การวิเคราะหและแปลผลขอมูล 1. ครูสุมนักเรียนเพื่อสอบถามถึงความเปนเมือง ในความคิดของนักเรียน จากนั้นอภิปราย ความคิดเห็นรวมกัน 2. ครูตั้งคําถามเพื่อใหนักเรียนรวมกันวิเคราะห และเชื่อมโยงความรูเพิ่มเติม เชน • ปจจัยสําคัญที่กอใหเกิดความเปนเมืองใน ภูมิภาคตาง ๆ ของโลก ไดแกสิ่งใด (แนวตอบ เชน ความกาวหนาทางเทคโนโลยี การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ การศึกษา การสาธารณสุข การคมนาคมขนสง การ ติดตอสื่อสาร การรักษาสภาพแวดลอม) นํา สอน สรุป ประเมิน T122
ขอสอบเนน การคิด แม้ประชากรในเขตเมืองทั่วโลกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ระดับความเป็นเมืองของ พื้นที่ต่างๆ ในโลกยังคงมีแตกต่างกันอย่างมาก เพราะเมื่อพิจารณาสัดส่วนของความเป็นเมือง ระหว่างยุโรป เอเชีย และแอฟริกา พบว่า ในปัจจุบัน ยุโรปมีสัดส่วนของความเป็นเมืองอยู่ระหว่าง ร้อยละ 60 - 80 ซึ่งแตกต่างจากเอเชียและแอฟริกาที่มีสัดส่วนความเป็นเมืองอยู่ระหว่างร้อยละ ความแออัดของประชากรในกรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย 40 - 60 อย่างไรก็ตาม เมื่อพูดถึงอัตราการพัฒนา เพื่อเข้าสู่ความเป็นเมืองจะพบว่าภูมิภาคเอเชีย และแอฟริกามีแนวโน้มเติบโตในอัตราสูงที่สุด เมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่น โดยเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 20 - 40 ใน พ.ศ. 2533 เป็นร้อยละ 40 - 60 ใน ปัจจุบันซึ่งแตกต่างจากยุโรปที่มีแนวโน้มเติบโต ในอัตราที่น้อยกว่า เนื่องจากมีสัดส่วนความเป็น เมืองในระดับที่สูงอยู่แล้วตั้งแต่ในอดีต ในช่วง พ.ศ.2533 ประชากรใน เขตเมืองมีจ�านวนไม่ถึง 1 ใน 3 โดยมีเมืองใหญ่ เพียงไม่กี่แห่ง ที่มีประชากรเกิน 10 ล้านคน เช่น มหานครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ในปัจจุบันเมืองที่มีประชากรมากกว่า 1 ล้านคน กระจายอยู่ในทุกภูมิภาคของโลก รองลงมา คือ เมืองที่มีประชากรมากกว่า 5 ล้านคน และมากกว่า 10 ล้านคน ตามล�าดับ นอกจากนี้ ยังมีการรวมกลุ่มของเมืองหลายๆ เมือง เกิดเป็นเขตชุมชนเมืองขนาดใหญ่ที่มีประชากรเป็น จ�านวนมาก เช่น เขตอภิมหานครโตเกียว ซึ่งเป็นชุมชนเมืองขนาดใหญ่ที่สุดของโลก มีประชากร มากถึง 38 ล้านคน และเขตชุมชนเมืองกรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย ประเทศมีประชากรประมาณ 30 ล้านคน และ 25 ล้านคน ตามล�าดับ 2) ความเป็นเมืองของประเทศไทย โดยพิจารณาจากจ�านวนประชากรที่อาศัยอยู่ ในเขตเทศบาลของประชากรทั้งหมดของแต่ละจังหวัด ใน พ.ศ.2533 ประเทศไทยมีความเป็นเมือง อยู่ระหว่างร้อยละ 20 - 40 มีจ�านวนเทศบาล 134 แห่ง ในปัจจุบันมีจ�านวนเทศบาลเพิ่มขึ้นเป็น 2,411 แห่ง และมีสัดส่วนความเป็นเมืองเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 40 - 60 มีการพัฒนาระบบคมนาคม ไฟฟ้า และน�้าประปา ส่งผลให้จ�านวนประชากรเขตเมืองเพิ่มขึ้น และจากคาดประมาณของ สถาบันวิจัยประชากรและสังคมมหาวิทยาลัยมหิดล พบว่า พ.ศ. 2554 มีประชากรในเขตเมือง ร้อยละ 36.12 และเพิ่มเป็นร้อยละ 45.90 ใน พ.ศ. 2556 และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ โดยมีกรุงเทพมหานคร เป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดในประเทศกว่า 5 ล้านคน เป็นเมืองหลวง และศูนย์กลางเศรษฐกิจที่ส�าคัญ 119 พัฒนาการความเปนเมืองของไทยในปจจุบันเปนอยางไร (แนวตอบ ประเทศไทยยังคงเนนการพัฒนากรุงเทพมหานคร ซึ่งเปนเมืองหลักในภูมิภาค โดยพัฒนาโครงขายคมนาคมพื้นฐาน รองรับใหเพียงพอ ทั้งยังมีการพัฒนาพื้นที่แบบกลุมจังหวัดตาม ศักยภาพของแตละทองถิ่นเพื่อพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจ พัฒนาพื้นที่ ชายฝงตะวันออกและพื้นที่เศรษฐกิจชายแดน เพื่อเชื่อมโยงพื้นที่ เศรษฐกิจทั้งในประเทศและประเทศเพื่อนบาน) ขั้นสอน ขั้นที่ 4 การวิเคราะหและแปลผลขอมูล • ปจจุบันประเทศไทยถือไดวามีความเปนเมือง เพิ่มมากขึ้น อันมีสาเหตุสําคัญมาจากสิ่งใด (แนวตอบ สาเหตุสําคัญของการพัฒนาสูความ เปนเมืองของประเทศไทยในปจจุบัน คือ ลักษณะทางเศรษฐกิจ กลาวคือ ลักษณะทาง เศรษฐกิจของไทยในปจจุบันกอใหเกิดการ พัฒนาบนพื้นฐานทางเศรษฐกิจ นํามาซึ่งการ พัฒนาความสําคัญในดานตางๆ ซึ่งทําให ประชากรเกิดการอพยพยายถิ่นฐานเพื่อการ ทํางาน การศึกษา รวมถึงปจจัยทางสังคมอื่นๆ จึงเปนสาเหตุสําคัญของการพัฒนาสูความ เปนเมืองของประเทศไทยในปจจุบัน) เกร็ดแนะครู ครูอธิบายเพิ่มเติมวา ระบบเมืองของไทยจัดอยูในกลุมเอกนคร กลาวคือ มีกรุงเทพฯ เปนเมืองใหญที่สุดเมืองเดียว สวนเมืองขนาดรอง เชน ชลบุรี นนทบุรี เชียงใหม นครราชสีมา ขอนแกน ยังมีขนาดเล็กเมื่อเทียบกับกรุงเทพฯ การที่ ไทยมีโครงสรางระบบเมืองแบบเอกนคร ทําใหกรุงเทพฯ เปนพื้นที่หลักที่ดึงดูด ทรัพยากรทั่วประเทศมากระจุกในพื้นที่โดยรอบมากกวาพื้นที่อื่น ทั้งในเรื่อง ของคน ปจจัยการผลิต และเงินลงทุน นํา สอน สรุป ประเมิน T123
0 ํ 0 ํ 40 ํE 40 ํW 80 ํE 80 ํW 120 ํE 120 ํW 160 ํE 160 ํW 20 ํE20 ํW 60 ํE 60 ํW 100 ํE 100 ํW 140 ํE 180 ํ180 ํ 140 ํW 20 ํN 20 ํS 40 ํN 40 ํS 60 ํN 60 ํS 80 ํN 80 ํS 0 ํ 20 ํN 20 ํS 40 ํN 40 ํS 60 ํN 60 ํS 80 ํN 80 ํS กรุงเทพฯ มะนิลา จาการตา ฮองกง โตเกียว เคียวโตะ ฟุกุโอะกะ ธากา โกลกาตามุมไบ นิวเดลี การาจี เตหะราน ไคโร อิสตันบูล มอสโก ลอนดอน ปารีส นิวยอรกชิคาโก ลอสแอนเจลิส เม็กซิโกซิตี ลิมา รีอูดีจาเนรู เซาเปาลู บัวโนสไอเรส เปยจิง ชางไห โซล 100%806040200 ความเปนเมือง 1-5 ลานคน 5-10 ลานคนมากกวา 10 ลานคน ประชากรในเมือง N 1 : 160,000,000 0 2,000 4,000 กม. แผนที่โลกแสดงความเปนเมือง พ.ศ. 2533 ที่มา : United Nations, World Urbanization Prospects, the 2014 Revision 120 ขั้นสอน ขั้นที่ 4 การวิเคราะหและแปลผลขอมูล 3. นักเรียนแตละกลุมศึกษาแผนที่แสดงความเปน เมือง พ.ศ. 2533 จากหนังสือเรียน ภูมิศาสตร ม.4-6 เพื่อวิเคราะหเพิ่มเติมเชื่อมโยงกับ ลักษณะการตั้งถิ่นฐานของพื้นที่ของกลุม ที่นักเรียนรับผิดชอบ ประกอบการใชคําถาม ในประเด็นเชน • ความแตกตางของลักษณะพื้นที่ • จํานวนประชากรในเมือง • ปริมาณความเปนเมือง เกร็ดแนะครู ครูอธิบายเพิ่มเติมวา เมืองทุกเมืองมีหนาที่ในการจัดหาสินคาและบริการ ใหแกคนในเมืองและบริเวณรอบนอก ภายในเมืองจึงประกอบดวยรานคา ธนาคาร รานอาหาร และโรงเรียน ซึ่งเปนกิจกรรมพื้นฐานของเมือง บางเมือง มีหนาที่เฉพาะ หรือมีกิจกรรมที่แตกตางไปจากเมืองอื่น ซึ่งเมืองประเภทนี้มีอยู ไมมาก เชน เมืองเหมืองแร เมืองทา นักเรียนแบงกลุมตามความสมัครใจ แลวรวมกันอภิปราย แสดงความคิดเห็น โดยผลัดกันอภิปรายทีละคนเรียงลําดับแบบ เลาเรื่องรอบวงในหัวขอ “เมืองมหานครที่อยากไปเที่ยว” สมาชิก แตละคนแสดงเหตุผลประกอบการอภิปราย กิจกรรม สรางเสริม นํา สอน สรุป ประเมิน T124
0 ํ 0 ํ 40 ํE 40 ํW 80 ํE 80 ํW 120 ํE 120 ํW 160 ํE 160 ํW 20 ํE20 ํW 60 ํE 60 ํW 100 ํE 100 ํW 140 ํE 180 ํ180 ํ 140 ํW 20 ํN 20 ํS 40 ํN 40 ํS 60 ํN 60 ํS 80 ํN 80 ํS 0 ํ 20 ํN 20 ํS 40 ํN 40 ํS 60 ํN 60 ํS 80 ํN 80 ํS กรุงเทพฯ มะนิลา จาการตา ซิดน�ย เมลเบิรน ฮองกง โตเกียว เคียวโตะ มุมไบ นิวเดลี การาจี ไคโร ลากอส อักกรา กินชาซา ลูอันดา เคปทาวน พริทอเรีย มอสโก ลอนดอน ปารีส นิวยอรก ลอสแอนเจลิส เม็กซิโกซิตี ลิมา รีอูดีจาเนรู เซาเปาลู บัวโนสไอเรส เปยจิง โซล 100%806040200 ความเปนเมือง 1-5 ลานคน 5-10 ลานคนมากกวา 10 ลานคน ประชากรในเมือง N 1 : 160,000,000 0 2,000 4,000 กม. แผนที่โลกแสดงความเปนเมือง พ.ศ. 2560 ที่มา : United Nations, World Urbanization Prospects, the 2014 Revision 121 เกร็ดแนะครู ครูอธิบายเพิ่มเติมวา เมืองมีการเปลี่ยนแปลงไปตามเวลาตามกระแส เศรษฐกิจและการเมือง ในยุคสมัยหนึ่งอาจมีเมืองที่มีบทบาทเปนเมืองทาหรือ เมืองอูตอเรือที่สําคัญ แตภายหลังเมื่อการคมนาคมทางนํ้าลดความสําคัญลง เมืองจึงตองปรับตัวและเปลี่ยนบทบาทเปนอยางอื่น เชน ปรับใหเปนเมืองพักผอน ตากอากาศ หรือเปนเมืองอุตสาหกรรมแทน นักเรียนรวมกันสืบคนขอมูลมหานครเมืองขนาดใหญที่ ประชากรอยูเปนจํานวนมาก หรือเมืองหลักของประเทศ ซึ่งเปน ศูนยกลางการปกครอง เศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม ทวีปละ 2-3 เมือง แลวบรรยายสรุปลักษณะสําคัญของเมืองดังกลาวที่ คลายคลึงกันในภาพรวม แลวนําเสนอหนาชั้นเรียน ขั้นสอน ขั้นที่ 4 การวิเคราะหและแปลผลขอมูล 4. ใหนักเรียนแตละกลุมนําขอมูลมาวิเคราะห เชื่อมโยงกับแผนที่แสดงความเปนเมือง พ.ศ. 2560 จากหนังสือเรียน ภูมิศาสตร ม.4-6 เพื่อวิเคราะหเพิ่มเติมเชื่อมโยงกับลักษณะ การตั้งถิ่นฐานของแตละทวีป ตลอดจน ผลกระทบจากการขยายตัวของเมืองที่นักเรียน ไดทําการสืบคนขอมูลมา จากนั้นรวมกัน ตรวจสอบความถูกตองของขอมูล 5. ครูใหนักเรียนแตละกลุมนําขอมูลของตนเอง มาเชื่อมโยงกับอิทธิพลของโลกาภิวัตน เพื่อวิเคราะหเพิ่มเติมเกี่ยวกับอิทธิพลของ โลกาภิวัตนที่สงผลตอประชากรและการตั้ง ถิ่นฐานของแตละทวีปในโลก กิจกรรม สรางเสริม นํา สอน สรุป ประเมิน T125
4.2 การใช้ที่ดินภายในเมือง เมืองหนึ่งๆ มีโครงสร้างและรูปแบบการใช้ที่ดินของเมืองแตกต่างกันออกไป โดยมีหลักการ จ�าแนกการใช้ที่ดินในเมือง ดังนี้ เขตชินจุกุ เป็นหนึ่งในเขตธุรกิจของมหานครโตเกียว แมนแฮตตันเป็นย่านที่พักอาศัยที่หนาแน่นแห่งหนึ่งของโลก 1) เขตศูนย์กลางธุรกิจการค้า ของเมือง การใช้ที่ดินประเภทนี้ ได้แก่ การตั้ง ร้านค้าหรือสถานประกอบธุรกิจต่างๆ ซึ่งอาจตั้ง อยู่รวมกันเป็นย่านการค้าขนาดใหญ่อยู่กลางใจ เมือง หรือกระจายไปตามถนนสายส�าคัญ ปัจจัย ส�าคัญในการเลือกท�าเลที่ตั้งของศูนย์การค้า คือ ความสะดวกในการเดินทางของลูกค้า ปัจจุบัน เขตศูนย์กลางการค้าเริ่มกระจายตัวออกมา ชานเมืองมากขึ้น เพราะท�าเลที่ตั้งบริเวณกลาง ใจเมืองจะประสบปัญหาการจราจรติดขัด ที่ดิน 1.2) ที่อยู่อาศัยของผู้มีรายได้ ปานกลาง อยู่ระหว่างย่านใจกลางเมืองกับ ชานเมือง มีความหนาแน่นเบาบางกว่าในย่าน ใจกลางเมือง ประกอบไปด้วยที่อยู่อาศัยแบบ บ้านเดี่ยว บ้านแฝด หอพัก อาคารชุด สามารถ เดินทางเข้าไปท�างานในเมืองได้สะดวก 1.3) ที่อยู่อาศัยของผู้มี รายได้มาก อยู่บริเวณชานเมือง เพื่อหลีกเลี่ยง ความแออัดภายในเมือง ที่ดินมีราคาถูก มีพื้นที่ กว้างขวาง สามารถขับรถเข้าไปในเมืองได้ ราคาแพง ปัจจัยส�าคัญในการเลือกท�าเลที่ตั้งย่านชานเมือง คือ ปลอดภัยจากน�้าท่วม สะดวกต่อ การเข้าถึง อยู่ใกล้กับสถาบันการเงินและบริการสาธารณะอื่น ๆ 2) เขตที่พักอาศัย เป็นการใช้ที่ดินที่กระจายไปทั้งเมือง โดยการเลือกที่อยู่อาศัยของ บุคคลจะขึ้นอยู่กับรายได้ วิถีการด�าเนินชีวิต และการเดินทาง ในเขตชุมชนเมืองมีการใช้ที่ดินเพื่อ อยู่อาศัยหนาแน่นมาก เพราะที่ดินมีราคาสูง จึงมีการสร้างที่พักเป็นอาคารสูง เช่น คอนโดมิเนียม เขตที่พักอาศัยแบ่งได้ ดังนี้ 1.1) ที่อยู่อาศัยของผู้มีรายได้น้อย ส่วนใหญ่อยู่กันอย่างหนาแน่นในที่อยู่อาศัย ขนาดเล็ก ไม่มีคุณภาพ ขาดระบบสาธารณูปโภคที่ดี และมักอยู่ใกล้กับที่ท�างานเพื่อประหยัด ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ท�าให้เกิดชุมชนแออัด 122 เขตที่พักอาศัย เป็นการใช้ที่ดินที่กระจายไปทั้งเมือง โดยการเลือกที่อยู่อาศัยของ 1 ขั้นสอน ขั้นที่ 5 การสรุปเพื่อตอบคําถาม 1. นักเรียนแตละกลุมนําเสนอขอมูลจากการ ศึกษา พรอมทั้งอภิปรายแสดงความคิดเห็น รวมกัน 2. นักเรียนรวมกันสรุปความรู ประกอบการใช คําถาม เชน • เขตศูนยกลางธุรกิจการคาของ กรุงเทพมหานครไดแกพื้นที่ในบริเวณใด (แนวตอบ เชน พื้นที่ใจกลางเมืองบริเวณสีลม สาธร ลาดพราว สุขุมวิท ฯลฯ) • ผูที่พักอาศัยอยูในบริเวณเขตศูนยกลาง ธุรกิจการคาของเมือง จะมีขอดี และ ขอจํากัดอยางไร (แนวตอบ ขอดี คือ มีความสะดวกสบายใน การดํารงชีวิตดานตางๆ ไมวาจะเปนที่อยู อาศัย อาหาร เครื่องแตงกาย การคมนาคม การสื่อสาร การศึกษา การรักษาพยาบาล แตมีขอจํากัด คือ จะตองประสบกับปญหา การจราจรติดขัด ปญหามลพิษ ปญหาคา ครองชีพ ตลอดจนปญหาอื่นๆ จากการ แขงขันกันในสังคม) นักเรียนควรรู 1 เขตที่พักอาศัย นอกจากแบงประเภทเปนยานตามฐานะของผูอยูอาศัยแลว ยังสามารถแบงประเภทตามความหนาแนนของที่อยูอาศัย ซึ่งกําหนดโดยจํานวน ผูอยูอาศัยตอหนึ่งหนวยพื้นที่ เชน ที่พักที่มีความหนาแนนตํ่า ไดแก บานเดี่ยว บานแฝด ที่พักที่มีความหนาแนนตํ่าปานกลาง ไดแก ทาวนเฮาส อพารตเมนต ตึกแถว ที่มีความสูงไมมาก ที่พักที่มีความหนาแนนสูง ไดแก แฟลต อพารตเมนต คอนโดมิเนียมที่มีความสูงหลายชั้น นักเรียนแบงกลุมสืบคนขอมูลเขตศูนยกลางธุกิจการคาที่ สําคัญในเมืองใหญของประเทศตางๆ ทั่วโลก 5 แหง แลววิเคราะห ถึงการเลือกทําเลที่ตั้งของเขตธุรกิจการคานั้นๆ กิจกรรม สรางเสริม นํา สอน สรุป ประเมิน T126
อ.มาบตาพุด จ.ระยอง เป็นเขตอุตสาหกรรมปิโตรเลียม ที่ส�าคัญของประเทศไทย การ์เดนบายเดอะเบย์ (Garden by the Bay) เป็นสวน พฤกษศาสตร์ธรรมชาติ ประเทศสิงคโปร์ 3) เขตอุตสาหกรรม โรงงานอุตสาหกรรมที่ตั้งในเขตเมืองเป็นอุตสาหกรรมขนาดเล็ก ใช้เครื่องจักรน้อยหรือไม่ใช้เครื่องจักรเลย เป็นอุตสาหกรรมที่ไม่รบกวนผู้อยู่อาศัยหรือชุมชน บริเวณนั้น ต้องไม่สร้างมลพิษทางอากาศ เสียง หรือกลิ่น ส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมในครัวเรือน หากเป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ต้องใช้ เครื่องจักรในการประกอบการ จึงต้องการ แรงงานมาก และอยู่ใกล้แหล่งขนส่ง จะตั้งอยู่ บริเวณชานเมืองหรือพื้นที่ที่เป็นแหล่งรวม อุตสาหกรรม เช่น นิคมอุตสาหกรรม การ ก�าหนดที่ตั้งของที่ดินประเภทอุตสาหกรรมที่ ส�าคัญ ต้องค�านึงถึงความลาดเอียงของพื้นที่ ไม่เกินร้อยละ 5 เพื่อการระบายน�้าและก�าจัด ของเสีย มีพื้นที่เพียงพอส�าหรับการขยายตัวของ โรงงาน และต้องไม่ส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมและจุดเด่นของเมือง 4) เขตสถาบันและศูนย์กลางการบริการ ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบของแต่ละชุมชน เช่น 4.1) การใช้ที่ดินเพื่อเป็นศูนย์ราชการ สถานที่ราชการมีหน้าที่เกี่ยวข้องกับ การด�าเนินชีวิตประจ�าวันของประชาชน จึงมักตั้งอยู่ใกล้ที่พักอาศัยหรือใจกลางเมือง ปัจจุบัน ศูนย์ราชการส่วนใหญ่กระจายตัวออกสู่ชานเมืองมากขึ้น เพื่อเลี่ยงปัญหาท�าเลที่ตั้งคับแคบ และมี การจัดรวมศูนย์ให้อยู่ในบริเวณใกล้เคียงกันเพื่อประหยัดเวลาและก่อให้เกิดความสะดวก 4.2) การใช้ที่ดินเพื่อจัดตั้ง สถาบันการศึกษา เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยกระจาย ความเจริญไปสู่บริเวณโดยรอบสถานศึกษา มี กิจกรรมที่ชุมชนและสถานศึกษาได้ท�าร่วมกัน 4.3) การใช้ที่ดินเพื่อเป็น สถานที่พักผ่อน การใช้ที่ดินประเภทนี้ส่วนใหญ่ เป็นที่รัฐบาลจัดตั้ง เช่น ศูนย์เยาวชน สนามกีฬา สวนสาธารณะ ซึ่งควรจัดให้มีเพียงพอกับจ�านวน ประชากร และควรเป็นการให้บริการในราคาถูก หรือไม่เสียค่าใช้จ่าย เพราะเป็นบริการที่ช่วยลด ความตึงเครียดของชาวเมือง 123 เขตสถาบันและศูนย์กลางการบริการ 1 นักเรียนควรรู 1 เขตสถาบัน เปนที่ดินที่ใชเพื่อสาธารณประโยชนของเมือง การใชที่ดิน ประเภทนี้ครอบคลุมสถานศึกษา โรงพยาบาล สถานอนามัย วัด โบสถ มัสยิด ที่ทําการและหนวยงานของรัฐ ตลอดจนสวนสาธารณะ นักเรียนแบงกลุมเลือกประเทศหรือเมืองขนาดใหญ แลวให วิเคราะหถึงเขตสถาบันและศูนยกลางการบริการ ตลอดจนการใช ที่ดินภายในประเทศหรือเมืองนั้นๆ รวมถึงผลที่เกิดขึ้นกับประชากร ภายในพื้นที่ นําเสนอและแสดงความคิดเห็นรวมกัน ขั้นสอน ขั้นที่ 5 การสรุปเพื่อตอบคําถาม • เขตอุตสาหกรรมสําคัญในประเทศไทย ไดแกที่ใด (แนวตอบ เชน นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร จังหวัดชลบุรี นิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นิคมอุตสาหกรรม บางปู จังหวัดสมุทรปราการ ฯลฯ) • หากในเมืองๆ หนึ่ง มีการใชที่ดินภายใน เมืองอยางเหมาะสม จะสงผลดีอยางไร (แนวตอบ เมืองที่มีการใชที่ดินอยางเหมาะสม จะทําใหประชากรมีคุณภาพชีวิตและ คุณภาพจิตใจที่ดี สงผลตอเนื่องใหเกิดการ ขับเคลื่อนทางอาชีพและเศรษฐกิจในทุก ภาคสวน นอกจากนี้ ยังทําใหประเทศชาติ มีความเจริญกาวหนาตามไปดวย) 3. ครูใหสมาชิกในแตละกลุมชวยกันสรุปสาระ สําคัญเพื่อตอบคําถามเชิงภูมิศาสตร กิจกรรม สรางเสริม นํา สอน สรุป ประเมิน T127
4.3 ปัญหาเมือง ประเทศก�าลังพัฒนาที่มีการขยายตัวของเมืองอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ดังนี้ 1) ปัญหาการขยายตัวของเมือง จากการที่ประชากรในเขตเมืองเพิ่มจ�านวนขึ้น อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ความเจริญของเมืองค่อย ๆ ขยายออกไปชานเมืองมากขึ้น ท�าให้เกิดการ เปลี่ยนแปลงทางกายภาพ ทั้งที่อยู่อาศัย โรงงานอุตสาหกรรม ถนน และโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ สิ่งเหล่านี้จะถูกสร้างแทนที่พื้นที่สีเขียว ส่งผลให้ทรัพยากรธรรมชาติถูกท�าลายและเสื่อมโทรมลง อย่างรวดเร็ว 2) ปัญหาชุมชนแออัด องค์การเพื่อตั้งถิ่นฐานมนุษย์แห่งสหประชาชาติ (UN-Habitat) ได้ประมาณว่าใน พ.ศ.2557 ประชากรคิดเป็นร้อยละ 29.7 ของประชากรโลกที่อาศัยอยู่ในเมือง จะอยู่ในสลัม ในปัจจุบันชุมชนแออัดมีจ�านวนเพิ่มขึ้นตามเมืองที่มีความเจริญ มีลักษณะไม่ถูกต้อง ตามกฎหมาย ไม่ถูกสุขลักษณะ ท�าให้กลายเป็นแหล่งที่มีปัญหาอาชญากรรม ปัญหายาเสพติด สะท้อนถึงความเหลื่อมล�้าของประชาชนในการเข้าถึงทรัพยากรของเมือง 3) ปัญหาสิ่งแวดล้อม เมื่อจ�านวนประชากรเพิ่มมากขึ้นก็จะส่งผลให้การใช้ทรัพยากร เพิ่มขึ้นตามไปด้วย ถ้าใช้อย่างไม่ระมัดระวังมีผลท�าให้ทรัพยากรธรรมชาติเสื่อมโทรม จนน�าไปสู่ ปัญหาสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ เช่น ปัญหาน�้าเน่าเสีย 4) ปัญหาความไม่ปลอดภัย เมืองเป็นพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดอาชญากรรม มากกว่าในพื้นที่ชนบท โดยเฉพาะปัญหาการก่อการร้าย ซึ่งมักเกิดขึ้นในพื้นที่สาธารณะของเมือง ที่มีประชาชนอยู่เป็นจ�านวนมาก เช่น ห้างสรรพสินค้า สถานีขนส่งมวลชน โรงเรียน นอกจากนี้ เมืองยังเป็นพื้นที่แพร่กระจายของโรคได้เป็นอย่างดี เป็นผลจากการคมนาคมที่สะดวกรวดเร็ว ประกอบกับการที่ประชาชนอยู่กันอย่างแออัดในเมืองท�าให้มีโอกาสติดเชื้อโรคจากผู้อื่นได้ง่าย 5) การเปลี่ยนวิถีชีวิตครอบครัว ลักษณะแวดล้อมในสังคมเมือง ท�าให้คนในเมือง มีความเป็นปัจเจกมากยิ่งขึ้น กล่าวคือ มีการท�าตามกฎหรือระบบต่างๆ ของสังคมมากกว่า การช่วยเหลือกันแบบในชนบท คนในเมืองมีแนวโน้มเป็นโสดมากขึ้น แต่งงานและมีลูกช้าลง ท�าให้ประชากรผู้สูงอายุมีมากขึ้น ประชากรวัยท�างานมีน้อยลงเรื่อย ๆ น�าไปสู่งสังคมผู้สูงอายุ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรดังกล่าว ท�าให้ค่าใช้จ่ายในการดูแลผู้สูงอายุเพิ่มสูงขึ้น 124 ขั้นสอน ขั้นที่ 5 การสรุปเพื่อตอบคําถาม 4. ครูใหนักเรียนทําแบบฝกสมรรถนะฯ ภูมิศาสตร ม.4-6 เรื่อง การตั้งถิ่นฐานและความเปนเมือง โดยครูแนะนําเพิ่มเติม 5. ใหนักเรียนทําแบบวัดฯ ภูมิศาสตร ม.4-6 เรื่อง สิ่งแวดลอมทางกายภาพกับประชากรและ การตั้งถิ่นฐาน เพื่อทดสอบความรูที่ไดศึกษามา ขั้นสรุป ครูและนักเรียนรวมกันสรุปความรูเกี่ยวกับ การตั้งถิ่นฐานและความเปนเมือง ตลอดจนความ สําคัญที่มีอิทธิพลตอการดําเนินชีวิตของประชากร หรือใช PPT สรุปสาระสําคัญของเนื้อหา ขั้นประเมิน 1. ครูประเมินผลโดยสังเกตจากการตอบคําถาม การรวมกันทํางาน และการนําเสนอผลงาน หนาชั้นเรียน 2. ครูตรวจสอบผลจากการทําใบงาน แบบวัดฯ และแบบฝกสมรรถนะฯ ภูมิศาสตร ม.4-6 3. ครูใหนักเรียนทําแบบทดสอบหลังเรียนหนวย การเรียนรูที่ 3 เรื่อง สิ่งแวดลอมทางกายภาพ กับประชากรและการตั้งถิ่นฐาน 1. เขตศูนยกลางการคาของเมือง 2. เขตที่อยูอาศัยผูมีรายไดตํ่า 3. เขตที่อยูอาศัยผูมีรายไดปานกลาง 4. เขตอุตสาหกรรมเบา 5. เขตที่อยูอาศัยชานเมือง 6. เขตอุตสาหกรรมหนัก แบบวัดฯ คะแนนเต็ม คะแนนที่ได้ 10 กิจกรรมที่ 3.8 จากภาพแสดงผังเมืองสมมติแหงหนึ่ง ที่แบงเขตการใชที่ดิน ออกเปน 6 เขต ใหพิจารณาเงื่อนไขที่กําหนดให แลวตอบคําถาม 1. นายสมชายเปนนักธุรกิจรายใหญที่มีนิสัยรักความสงบ สมชายควรพักอาศัยอยูในเขตใด ..................................................................................................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................................................................................................... 2. สมศักดิ์เปนเจาของโรงงานผลิตอาหารกระปอง ตองการหาทําเลที่ตั้งโรงงานแหงใหม สมศักดิ์ ควรตั้งโรงงานในเขตใด ..................................................................................................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................................................................................................... 3. สมใจเปนลูกจางในโรงงานของสมศักดิ์ และตองการหาที่พักที่ ใกล โรงงาน สมใจควรเลือกที่พัก ในเขตใด ..................................................................................................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................................................................................................... 4. สมปองเปนเจาของโรงงานอุตสาหกรรมผลิตรถยนตรายใหญ ตองการสรางโรงงานเพิ่ม สมปอง ควรตั้งโรงงานที่เขตใด ..................................................................................................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................................................................................................... 5. นางสมศรีทํางานเปนเลขาของบริษัทใหญแหงหนึ่ง ตองการที่พักอาศัยที่สะดวกตอการเดินทาง และไมแออัดจนเกินไป สมศรีควรอาศัยอยูในเขตใด เพราะเหตุใด ..................................................................................................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................................................................................................... 3. 5. 1. 6. 4. 2. ส 5.2 ม.4-6/1 Geo Skill • การแปลความขอมูลทางภูมิศาสตร • การคิดเชิงพื้นที่ • การคิดแบบองครวม ฉบับ เฉลย (แนวตอบ) ࢵËÁÒÂàÅ¢ 5 à¾ÃÒÐ໚¹ºÃÔàdz·ÕèÍÂÙ‹ä¡ÅÍ͡仨ҡ¡ÅÒ§àÁ×ͧÁÕ»ÃЪҡÃàºÒºÒ§ ໚¹à¢µ ªÒ¹àÁ×ͧ·Õè໚¹·ÕèÍÂÙ‹ÍÒÈÑ¢ͧ¼ÙŒÁÕÃÒÂä´ŒÊÙ§ ÍÒ¤ÒúŒÒ¹àÃ×͹ÍÂًˋҧ¡Ñ¹ ࢵËÁÒÂàÅ¢ 4 à¾ÃÒÐÍÂÙ‹ã¡ÅŒ¡ÑºÈٹ¡ÅÒ§¡ÒäŒÒ¢Í§àÁ×ͧ ·ÕèÁѡ໚¹·ÕèµÑ駢ͧâç§Ò¹ ÍØµÊÒË¡ÃÃÁ ࢵËÁÒÂàÅ¢ 2 à¾ÃÒÐ໚¹à¢µ·ÕèÍÂÙ‹ÍÒÈÑ¢ͧ¼ÙŒÁÕÃÒÂä´ŒµíèÒ ÃÒ¤Ò·Õè¾Ñ¡¶Ù¡ ઋ¹ á¿Åµ ;ÒõàÁ¹µ ºŒÒ¹àª‹Ò ÁÑ¡ÍÂÙ‹ã¡ÅŒ¡Ñºà¢µÈٹ¡ÅÒ§¡ÒäŒÒáÅÐà¢µÍØµÊÒË¡ÃÃÁàºÒ ࢵËÁÒÂàÅ¢ 6 à¾ÃÒÐâç§Ò¹¢¹Ò´ãËÞ‹µŒÍ§¡Òþ×é¹·ÕèÁÒ¡à¡çºÇѵ¶Ø´Ôº áÅÐÁÑ¡¡‹ÍãËŒà¡Ô´ ÁÅÀÒÇзҧÍÒ¡ÒÈ ¡ÅÔè¹ áÅÐàÊÕ§ ¨Ö§µŒÍ§µÑé§âç§Ò¹Ë‹Ò§¨Ò¡Èٹ¡ÅÒ§àÁ×ͧ·ÕèÁÕ»ÃЪҡùŒÍ ࢵËÁÒÂàÅ¢ 3 à¾ÃÒÐÍÂÙ‹ã¡ÅŒ¡Ñºà¢µÈٹ¡ÅÒ§¡ÒäŒÒ áÅÐÍÂًˋҧ¨Ò¡à¢µÍصÊÒË¡ÃÃÁàºÒ ·ÕèÁÕÃкº¡ÒäÁ¹Ò¤Á¢¹Ê‹§·Õèà¾Õº¾ÃŒÍÁ 42 แนวทางการวัดและประเมินผล ครูสามารถวัดและประเมินความเขาใจเนื้อหา เรื่อง การตั้งถิ่นฐานและ ความเปนเมือง ไดจากการตอบคําถาม การรวมกันทํางาน และการนําเสนอ ผลงานหนาชั้นเรียน โดยศึกษาเกณฑการวัดและประเมินผลจากแบบประเมิน การนําเสนอผลงานที่แนบมาทายแผนการจัดการเรียนรูหนวยที่ 3 เรื่อง สิ่งแวดลอมทางกายภาพกับประชากรและการตั้งถิ่นฐาน แบบประเมินการน าเสนอผลงาน ค าชี้แจง : ให้ผู้สอนประเมินผลการน าเสนอผลงานของนักเรียนตามรายการ แล้วขีด ลงในช่องที่ ตรงกับระดับคะแนน ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน ............/................./................ เกณฑ์การให้คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินสมบูรณ์ชัดเจน ให้ 3 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินเป็นส่วนใหญ่ ให้ 2 คะแนน ผลงานหรือพฤติกรรมสอดคล้องกับรายการประเมินบางส่วน ให้ 1 คะแนน เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ 12 - 15 ดี 8 - 11 พอใช้ ต่ ากว่า 8 ปรับปรุง ล าดับที่ รายการประเมินระดับคะแนน 3 2 1 1 ความถูกต้องของเนื้อหา 2 การล าดับขั้นตอนของเรื่อง 3 วิธีการน าเสนอผลงานอย่างสร้างสรรค์ 4 การใช้เทคโนโลยีในการน าเสนอ 5 การมีส่วนร่วมของสมาชิกในกลุ่ม รวม กิจกรรม 21st Century Skills ครูใหนักเรียนสืบคนแบบจําลองการใชที่ดินทั้ง 3 แบบ ไดแก • ทฤษฎีวงแหวน • ทฤษฎีเสี้ยววงกลม • ทฤษฎีหลายจุดศูนยกลาง โดยใหนักเรียนอธิบายลักษณะเดนของแบบจําลองการใชที่ดิน แตละประเภท เพื่อใชอธิบายทําเลที่ตั้ง การใชที่ดินประเภทตางๆ ภายในเมือง รวมทั้งความสัมพันธระหวางการใชที่ดินกับโครงสราง สังคมภายในเมือง นํา สอน สรุป ประเมิน T128
คําถามเน้นการคิด กิจกรรมพัฒนาทักษะ 1. ลักษณะทางกายภาพมีความส�าคัญต่อการตั้งถิ่นฐานของประชากรอย่างไร 2. ปัจจัยใดบ้างที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางประชากรโลกและประชากรไทย 3. บริเวณใดของโลกที่มีประชากรอาศัยอยู่เบาบาง เพราะเหตุใด 4. การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุของประชากรโลกมีลักษณะอย่างไร ส่งผลต่อการพัฒนาประเทศ อย่างไร และประเทศไทยควรเตรียมรับกับเหตุการณ์ดังกล่าวอย่างไร 5. โลกาภิวัตน์ส่งผลต่อการเลือกที่อยู่อาศัยและวิถีการด�าเนินชีวิตของประชากรไทยอย่างไร 1. ลักษณะทางกายภาพมีความส�าคัญต่อการตั้งถิ่นฐานของประชากรอย่างไร 2. ปัจจัยใดบ้างที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางประชากรโลกและประชากรไทย 3. บริเวณใดของโลกที่มีประชากรอาศัยอยู่เบาบาง เพราะเหตุใด 4. การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุของประชากรโลกมีลักษณะอย่างไร ส่งผลต่อการพัฒนาประเทศ 5. โลกาภิวัตน์ส่งผลต่อการเลือกที่อยู่อาศัยและวิถีการด�าเนินชีวิตของประชากรไทยอย่างไร 1. ยกตัวอย่างเมืองที่ประชากรอาศัยอยู่หนาแน่น และเมืองที่ประชากรอาศัยอยู่เบาบาง วิเคราะห์ ถึงปัจจัยในการเลือกตั้งถิ่นฐาน 2. แบ่งกลุ่ม สืบค้นข้อมูลประชากรปีล่าสุดของโลกและของไทย วิเคราะห์โครงสร้างประชากร และคาดการณ์แนวโน้มในอนาคตในประเด็นต่าง ๆ ดังนี้ • จ�านวนประชากรในแต่ละช่วงวัย • อัตราเกิดและอัตราตาย • ผลกระทบจากโครงสร้างประชากรในปัจจุบัน 3. วางแผนเลือกตั้งถิ่นฐานเมืองใดก็ได้ ในโลก 1 เมือง วิเคราะห์ปัจจัยในการตั้งถิ่นฐาน เช่น ท�าเลที่ตั้ง สภาพแวดล้อมทางกายภาพ ทรัพยากร อาชีพ วิถีการด�าเนินชีวิต 1. ยกตัวอย่างเมืองที่ประชากรอาศัยอยู่หนาแน่น และเมืองที่ประชากรอาศัยอยู่เบาบาง วิเคราะห์ 2. แบ่งกลุ่ม สืบค้นข้อมูลประชากรปีล่าสุดของโลกและของไทย วิเคราะห์โครงสร้างประชากร 3. วางแผนเลือกตั้งถิ่นฐานเมืองใดก็ได้ ในโลก 1 เมือง วิเคราะห์ปัจจัยในการตั้งถิ่นฐาน เช่น 125 เฉลย คําถามเนนการคิด 1. ลักษณะทางกายภาพเปนปจจัยที่กําหนด บริเวณพื้นที่การตั้งถิ่นฐานของประชากร ทั้ง จากลักษณะภูมิประเทศ ภูมิอากาศ และความ อุดมสมบูรณของทรัพยากรธรรมชาติ ที่มีผล ตอเนื่องถึงการประกอบอาชีพ รูปแบบการ ดํารงชีวิต และวิถีการดําเนินชีวิตประจําวัน ของประชากรในแตละพื้นที่ที่มีลักษณะทาง กายภาพที่แตกตางกัน 2. • อัตราเกิด • อัตราตาย • การยายถิ่น • การเปลี่ยนแปลงประชากรสูงอายุ 3. บริเวณที่มีประชากรอาศัยอยูเบาบาง เชน บริเวณพื้นที่ในเขตทะเลทราย เขตหนาวจัด เขตเทือกเขาสูง เนื่องจากเปนบริเวณที่มีสภาพ แวดลอมที่ไมเหมาะสมตอการตั้งถิ่นฐาน การ ประกอบอาชีพ และการดํารงชีวิตประจําวัน 4. การมีประชากรอายุ 60 ปขึ้นไปในสัดสวน เกินกวารอยละ 10 ของจํานวนประชากรทั้ง ประเทศ คือ ลักษณะการเปนสังคมผูสูงอายุ สงผลใหการพัฒนาประเทศตองมุงเนนในดาน สุขภาพและสภาพแวดลอมที่เอื้ออํานวยตอ ผูสูงอายุ ซึ่งประเทศไทยควรเตรียมรับมือ โดยอาจมีการกําหนดนโยบายและเตรียม ความพรอมในดานตางๆ เชน การจางงาน การบริการสาธารณสุข การอยูอาศัย ฯลฯ 5. สงผลใหประชากรไทยมีลักษณะการ ตั้งถิ่นฐานที่เปลี่ยนแปลงไปจากชนบทไปสู เมือง มีวิถีการดําเนินชีวิตที่มุงเนนเทคโนโลยี วัตถุนิยม ความสะดวกสบาย และอยูบน พื้นฐานเศรษฐกิจแบบทุนนิยมที่เพิ่มมากขึ้น เฉลย แนวทางประเมินกิจกรรมพัฒนาทักษะ ประเมินความรอบรู • ใชในการประเมินความรอบรูในหลักการพื้นฐาน กระบวนการความสัมพันธของขั้นตอนการปฏิบัติงาน รวมถึงทักษะการคิดในเรื่องตางๆ โดยทั่วไป งานหรือชิ้นงานใชเวลาไมนาน งานสําหรับประเมินรูปแบบนี้อาจเปนคําถามปลายเปดหรือผังมโนทัศน นิยมสําหรับประเมินผูเรียนรายบุคคล ประเมินความสามารถ • เชน ความคลองแคลวในการใชเครื่องมือทางภูมิศาสตร การแปลความหมายขอมูล ทักษะการตัดสินใจ ทักษะการแกปญหา งานหรือชิ้นงานจะสะทอนถึง ทักษะและระดับความสามารถในการนําความรูไปใช อาจเปนการประเมินการเขียน ประเมินกระบวนการทํางานทางภูมิศาสตรตางๆ หรือการวิเคราะห และการแกปญหา ประเมินทักษะ • มีเปาหมายหลายประการ ผูเรียนไดแสดงทักษะ ความสามารถทางภูมิศาสตรตางๆ ที่ซับซอนขึ้น งานหรือชิ้นงานมักเปนโครงงานระยะยาว ซึ่งผูเรียน ตองมีการนําเสนอผลการปฏิบัติงานตอผูเกี่ยวของหรือตอสาธารณะ สิ่งที่ตองคํานึงถึงในการประเมิน คือ จํานวนงานหรือกิจกรรมที่ผูเรียนปฏิบัติ ซึ่งผูประเมินควรกําหนดรายการประเมินและทักษะที่ตองการประเมินให ชัดเจน นํา สอน สรุป ประเมิน T129
Chapter Overview แผนการจัด การเรียนรู้ สื่อที่ใช้ จุดประสงค์ วิธีสอน ประเมิน ทักษะที่ได้ คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ แผนฯ ที่ 1 กิจกรรมทาง เศรษฐกิจ : เกษตรกรรม 2 ชั่วโมง - หนังสือเรียน ภูมิศาสตร์ม.4-6 - แบบฝึกสมรรถนะ และการคิด ภูมิศาสตร์ ม.4-6 - แบบทดสอบก่อนเรียน - PowerPoint - ใบงานที่ 4.1 - เครื่องมือทาง ภูมิศาสตร์เช่น แผนที่ เข็มทิศ รูปถ่ายทางอากาศ ภาพจากดาวเทียม 1. วิเคราะห์ปฏิสัมพันธ์ ระหว่างสิ่งแวดล้อม ทางกายภาพที่ก่อให้ เกิดกิจกรรมทาง เศรษฐกิจประเภท เกษตรกรรมและ การเปลี่ยนแปลงใน ด้านต่างๆ ได้(K) 2. เลือกใช้เครื่องมือทาง ภูมิศาสตร์ในการศึกษา ปฏิสัมพันธ์ระหว่าง สิ่งแวดล้อมทางกายภาพ ที่ก่อให้เกิดกิจกรรม ทางเศรษฐกิจประเภท เกษตรกรรมและการ เปลี่ยนแปลงในด้าน ต่างๆ ได้(P) 3. สนใจศึกษากิจกรรม ทางเศรษฐกิจประเภท เกษตรกรรม และการ เปลี่ยนแปลงในด้าน ต่างๆ เพิ่มมากขึ้น (A) กระบวนการ ทางภูมิศาสตร์ (Geographic Inquiry Process) - ตรวจแบบทดสอบก่อนเรียน - ตรวจการท�ำแบบฝึก สมรรถนะและการคิด ภูมิศาสตร์ม.4-6 - ตรวจใบงานที่ 4.1 - ประเมินการน�ำเสนอผลงาน - สังเกตพฤติกรรม การท�ำงานรายบุคคล - สังเกตพฤติกรรม การท�ำงานกลุ่ม - ประเมินคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - การแปลความ ข้อมูลทาง ภูมิศาสตร์ - การใช้เทคนิค และเครื่องมือ ทางภูมิศาสตร์ - การคิดเชิงพื้นที่ - การคิดแบบ องค์รวม 1. ใฝ่เรียนรู้ 2. มุ่งมั่นใน การท�ำงาน T130
แผนการจัด การเรียนรู้ สื่อที่ใช้ จุดประสงค์ วิธีสอน ประเมิน ทักษะที่ได้ คุณลักษณะ อันพึงประสงค์ แผนฯ ที่ 2 กิจกรรมทาง เศรษฐกิจ : อุตสาหกรรม การท่องเที่ยว และการบริการ 3 ชั่วโมง - หนังสือเรียน ภูมิศาสตร์ม.4-6 - แบบฝึกสมรรถนะ และการคิด ภูมิศาสตร์ ม.4-6 - แบบวัดและบันทึกผล การเรียนรู้ภูมิศาสตร์ ม.4-6 - แบบทดสอบหลังเรียน - PowerPoint - ใบงานที่ 4.2 - เครื่องมือทาง ภูมิศาสตร์เช่น แผนที่ เข็มทิศ รูปถ่ายทางอากาศ ภาพจากดาวเทียม 1. วิเคราะห์ปฏิสัมพันธ์ ระหว่างสิ่งแวดล้อม ทางกายภาพที่ก่อให้ เกิดกิจกรรมทาง เศรษฐกิจประเภท อุตสาหกรรม การท่องเที่ยว การบริการ และ การเปลี่ยนแปลงใน ด้านต่างๆ ได้(K) 2. เลือกใช้เครื่องมือทาง ภูมิศาสตร์ในการศึกษา ปฏิสัมพันธ์ระหว่าง สิ่งแวดล้อมทางกายภาพ ที่ก่อให้เกิดกิจกรรม ทางเศรษฐกิจประเภท อุตสาหกรรม การท่องเที่ยวการบริการ และการเปลี่ยนแปลง ในด้านต่างๆ ได้(P) 3. สนใจศึกษากิจกรรม ทางเศรษฐกิจประเภท อุตสาหกรรม การท่องเที่ยว การบริการ และการเปลี่ยนแปลง ในด้านต่างๆ เพิ่มมากขึ้น (A) กระบวนการ ทางภูมิศาสตร์ (Geographic Inquiry Process) - ตรวจการท�ำแบบฝึก สมรรถนะและการคิด ภูมิศาสตร์ม.4-6 - ตรวจการท�ำแบบวัดและ บันทึกผล ภูมิศาสตร์ม.4-6 - ตรวจใบงานที่ 4.2 - ประเมินการน�ำเสนอผลงาน - สังเกตพฤติกรรม การท�ำงานรายบุคคล - สังเกตพฤติกรรม การท�ำงานกลุ่ม - ประเมินคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ - ตรวจแบบทดสอบ หลังเรียน - การแปลความ ข้อมูลทาง ภูมิศาสตร์ - การใช้เทคนิค และเครื่องมือ ทางภูมิศาสตร์ - การคิดเชิงพื้นที่ - การคิดแบบ องค์รวม 1. มีวินัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มุ่งมั่นใน การท�ำงาน T131
¡ÃÐáÊâÅ¡ÒÀÔÇѵ¹ Ê‹§¼Åµ‹Í¡Òà à»ÅÕè¹á»Å§ เศรษฐกิจโลก อย่างไร กิจกรรมทำงเศรษฐกิจมีควำมสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมทำง กำยภำพในแต่ละพื้นที่ แบ่งออกได้เป็น 3 กลุ่ม คือ เกษตรกรรม อุตสำหกรรมกำรผลิต กำรท่องเที่ยวและบริกำร ปัจจุบันกระแส โลกำภิวัตน์มีอิทธิพลต่อกิจกรรมทำงเศรษฐกิจ กำรเรียนรู้เรื่อง กิจกรรมทำงเศรษฐกิจท�ำให้สำมำรถวิเครำะห์กำรกระจำยของ กิจกรรมทำงเศรษฐกิจ และผลกระทบในพื้นที่ต่ำง ๆ สิ่งแวดลอมทางกายภาพ กับกิจกรรมทางเศรษฐกิจ สาระการเรียนรู้แกนกลาง • ปฏิสัมพันธ์ระหว่ำงสิ�งแวดล้อมทำง กำยภำพกับวิถีกำรด�ำเนินชีวิตภำยใต้ กระแสโลกำภิวัตน์ ได้แก่ กำรกระจำย ของกิจกรรมทำงเศรษฐกิจ (เกษตรกรรม อุตสำหกรรมกำรผลิต กำรบริกำร และกำรท่องเที่ยว) ตัวชี้วัด ส 5.2 ม.4 - 6/1 หน่วยการเรียนรู้ที่4 126 127 ขั้นนํา (Geographic Inquiry Process) 1. ครูแจงใหนักเรียนทราบถึงวิธีสอน ชื่อเรื่อง จุดประสงค และผลการเรียนรู 2. ครูใหนักเรียนทําแบบทดสอบกอนเรียนหนวย การเรียนรูที่ 4 เรื่อง สิ่งแวดลอมทางกายภาพ กับกิจกรรมทางเศรษฐกิจ 3. ครูถามคําถามกระตุนความคิดโดยใหนักเรียน รวมกันตอบคําถาม เชน • พืชชนิดใดเปนพืชเศรษฐกิจในบริเวณเขต ศูนยสูตร (แนวตอบ ยางพารา ชา กาแฟ) • พืชชนิดใดสามารถปลูกไดทุกภูมิภาค (แนวตอบ ขาวโพด) • พืชชนิดใดมีมากในเขตเมดิเตอรเรเนียน (แนวตอบ สม องุน มะกอก) • สัตวชนิดใดที่สามารถเลี้ยงไดในเขตที่มี ทุงหญาบาง นํ้านอย (แนวตอบ แพะ แกะ) • การประมงและการเลี้ยงปลานํ้าจืดพบไดมาก ในทวีปใด (แนวตอบ ทวีปเอเชีย) เกร็ดแนะครู ครูควรจัดกิจกรรมการเรียนรูโดยเนนความสามารถในการใชทักษะ กระบวนการ และความสามารถทางภูมิศาสตร เชน ทักษะการแปลความขอมูล ทางภูมิศาสตร ทักษะการใชเทคนิคและเครื่องมือทางภูมิศาสตร ทักษะการคิดเชิงพื้นที่ ประกอบการเรียนการสอนไดโดยจัดกิจกรรม ดังนี้ • ใชเครื่องมือทางภูมิศาสตร เชน แผนที่ รูปถายทางอากาศ ภาพจากดาวเทียม หรือใชสมารตโฟน เพื่อศึกษาปฏิสัมพันธระหวางสิ่งแวดลอมทางกายภาพ กับวิถีการดําเนินชีวิตภายใตกระแสโลกาภิวัตน • การจัดกิจกรรมตางๆ ควรเนนกิจกรรมที่กระตุนความสนใจของนักเรียน ใหนักเรียนรูจักคิดและมีสวนรวมในกิจกรรมตางๆ รวมทั้งสงเสริมประสบการณ และความสามารถของผูเรียน • ตั้งประเด็นใหนักเรียนรวมกันอภิปรายและแสดงความคิดเห็น นํา นํา สอน สรุป ประเมิน T132
ขอสอบเนน การคิด 1 เกษตรกรรม เกษตรกรรมเป็นกิจกรรมทำงเศรษฐกิจขั้นพื้นฐำนของมนุษย์ เป็นกำรใช้ที่ดินเพื่อกำร เพำะปลูก กำรเลี้ยงสัตว์ กำรประมง รวมทั้งกำรท�ำป่ำไม้ ซึ่งกิจกรรมดังกล่ำวมีกำรใช้เทคโนโลยี ระดับพื้นบ้ำนจนถึงกำรใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ผลผลิตมีทั้งสนองควำมต้องกำรพื้นฐำนของมนุษย์ และเป็นวัตถุดิบของกิจกรรมทำงเศรษฐกิจในขั้นสูงต่อไป 1.1 ประเภทของเกษตรกรรม 1) เกษตรกรรมแบบยังชีพ เป็นกำรปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ ไว้ ใช้บริโภคในครอบครัว อำจมีเหลือจ�ำหน่ำยหรือแลกเปลี่ยนบ้ำงไม่มำกนัก กิจกรรมทำงเศรษฐกิจที่ส�ำคัญ ได้แก่ 1.1) การเก็บของปาและล่าสัตว์ กลุ่มที่มีอำชีพนี้ เช่น พวกปิกมีในทวีปแอฟริกำ ส่วนใหญ่อำศัยอยู่ในลุ่มแม่น�้ำคองโก ด�ำรงชีวิตด้วยกำรจับปลำ เก็บของป่ำ เช่น ผลไม้ รวงผึ้ง พืชหัวที่อยู่ตำมธรรมชำติ และล่ำสัตว์ โดยใช้ธนูอำบยำพิษ พวกบุชแมนในทะเลทรำยคำลำฮำรี ผู้ชำยออกล่ำสัตว์ ส่วนผู้หญิงเก็บผลไม้ น�้ำผึ้ง แมลงต่ำง ๆ หรือสิ่งอื่นที่สำมำรถน�ำมำรับประทำนได้ และพวกเอสกิโมในทวีปอเมริกำเหนือที่รู้จักประดิษฐ์อำวุธและเครื่องมือต่ำง ๆ เพื่อใช้ ในกำรล่ำสัตว์ ลักษณะทั่วไปของกำรด�ำรงชีพด้วยวิธีนี้ คือ หำอำหำรเมื่อหิวและไม่มีกำรเก็บไว้ส�ำหรับวันต่อไป หรือเก็บได้เพียงระยะสั้น ๆ เพรำะอำหำรมีน้อยและขำดวิธีกำรเก็บหรือกำรถนอมอำหำรที่ดี ส่วนมำกจะอยู่กลุ่มเล็ก ๆ เป็นครอบครัวหรือเป็นเผ่ำ 1.2) การเลี้ยงสัตว์แบบเร่ร่อน เป็นกำรเลี้ยงสัตว์ในเขตทุ่งหญ้ำกึ่งทะเลทรำย ที่มีหญ้ำเฉพำะฤดู ท�ำให้ต้องพำฝูงสัตว์ย้ำยที่ไปเรื่อย ๆ สัตว์ที่เลี้ยงมีหลำยชนิดแล้วแต่ลักษณะ ทำงธรรมชำติที่เหมำะส�ำหรับสัตว์ชนิดนั้น ๆ กำรด�ำรงชีวิตของพวกเร่ร่อนขึ้นอยู่กับสัตว์ที่เลี้ยง ซึ่งใช้เป็นพำหนะ อำหำร และท�ำเครื่องใช้ต่ำง ๆ บริเวณที่มีกำรเลี้ยงสัตว์แบบเร่ร่อน เช่น เขตตอนกลำง 1 เกษตรกรรม กำรเลี้ยงแพะแบบเร่ร่อนในประเทศมองโกเลีย ของทวีปเอเชีย ได้แก่ พวกคำซัคที่อยู่ในเขต ที่รำบระหว่ำงทะเลแคสเปียนกับภูเขำสูงตอน กลำงทวีป พวกคีร์กีซบนเทือกเขำเทียนชำนและ ที่รำบสูงปำมีร์ สัตว์ที่เลี้ยงแตกต่ำงกันไปตำม ลักษณะและปริมำณของหญ้ำ ปริมำณน�้ำ อุณหภูมิและควำมชื้นของอำกำศ เช่น แพะ แกะ เลี้ยงในเขตที่มีหญ้ำบำง น�้ำน้อย โค เลี้ยงในเขต ที่น�้ำและหญ้ำอุดมสมบูรณ์ จำมรี เลี้ยงบนที่สูง อูฐ เลี้ยงไว้ ใช้งำนในที่ที่มีควำมแห้งแล้งแบบ ทะเลทรำย 126 127 ขั้นสอน ขั้นที่ 1 ตั้งคําถามเชิงภูมิศาสตร 1. ครูใหนักเรียนดูภาพหรือคลิปวิดีโอที่เกี่ยวของ กับการเกษตรกรรมทั้งการเพาะปลูก การ เลี้ยงสัตว และการประมง แลวรวมกันแสดง ความคิดเห็นเกี่ยวกับภาพหรือคลิปวิดีโอ ดังกลาว 2. ครูสอบถามนักเรียนถึงความสัมพันธระหวาง พื้นที่ หรือลักษณะทางกายภาพ สภาพแวดลอม สภาพภูมิอากาศของแตละพื้นที่บนโลก วามี ความเหมือนหรือแตกตางในการเพาะปลูก หรือไม อยางไร 3. ครูใหนักเรียนดูภาพพืชชนิดตางๆ แลวสุมถาม ถึงแหลงเพาะปลูกที่เหมาะสม จากนั้นรวมกัน แสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม เกร็ดแนะครู ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับชนเผาปกมีวา เปนชนเผาโบราณอาศัยอยู บริเวณเสนศูนยสูตรแถบประเทศคองโก ลักษณะที่โดดเดนมากที่สุดของชนเผานี้ คือ หัวโต ขาสั้น รูปรางผอม แตมีพุง มีสวนสูงโดยเฉลี่ยประมาณ 120 เซนติเมตร มีนํ้าหนักไมเกิน 50 กิโลกรัม อายุโดยเฉลี่ยอยูที่ 30-40 ป มีแตภาษาพูด ไมมีภาษาเขียน มีบุตรตั้งแตอายุ 8 ป เพราะมีคานิยมวาเปนวัยที่โตเต็มที่แลว เรียกไดวา เปนชนเผาที่อายุสั้นและมีลูกเร็วที่สุดในโลก ขอใดเปนกลุมชนเผาที่จัดอยูในกลุมอาชีพเกษตรกรรมแบบ ยังชีพกลุมเดียวกัน 1. ปกมี คาซัค 2. เมารี คีรกีซ 3. อาหรับ โซมาลี 4. บุชแมน เอสกิโม 5. อัฟกัน แอบอริจีนี (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 4. บุชแมนและเอสกิโม จัดอยูใน กลุมอาชีพเก็บของปาและลาสัตวเหมือนกัน โดยพวกบุชแมน อาศัยอยูในทะเลทรายคาลาฮารี (ทวีปแอฟริกา) ผูชายออกลาสัตว สวนผูหญิงเก็บผลไม นํ้าผึ้ง แมลงตางๆ หรือสิ่งอื่นที่สามารถ นํามารับประทานได ในขณะที่กลุมเอสกิโมในทวีปอเมริกาเหนือ ก็รูจักประดิษฐอาวุธและเครื่องมือตางๆ เพื่อใชในการลาสัตว เชนเดียวกัน) นํา สอน สรุป ประเมิน T133
กิจกรรม Geo - Literacy เขตทุนดรำ ได้แก่ พวกแลปป์ที่เลี้ยงกวำงเรนเดียร์ ในฤดูร้อนพำสัตว์ไปในเขต ที่มีหญ้ำตำมภูเขำ ในประเทศสวีเดน นอร์เวย์ และฟินแลนด์ โดยกำรโยกย้ำยข้ำมพรมแดนระหว่ำง ประเทศของพวกแลปป์ได้มีกำรท�ำข้อตกลงยอมให้พำฝูงสัตว์ข้ำมพรมแดนได้ ส่วนฤดูใบไม้ร่วงและ ฤดูหนำวลงมำอยู่ในเขตป่ำไม้ที่มีหญ้ำส�ำหรับสัตว์เลี้ยง 1.3) การเพาะปลูกแบบยังชีพ เป็นกำรเพำะปลูกที่ใช้วิธีกำรง่ำย ๆ ไม่รู้จักใช้ปุ๋ย หรือปลูกพืชหมุนเวียน มีเฉพำะเครื่องมือและวิธีปลูกพืชแบบง่ำย ๆ เช่น กำรใช้ไม้เจำะดินให้เป็น หลุมใส่เมล็ดหรือก้ำนพืชลงไปแล้วเหยียบให้แน่น พวกที่มีควำมเจริญมำกขึ้นรู้จักพรวนดิน ก�ำจัด ศัตรูพืช พืชที่ปลูก ได้แก่ ข้ำวโพด ข้ำวฟ่ำง ข้ำวเจ้ำ มัน อ้อย และถั่ว ส่วนใหญ่เป็นกำรเพำะปลูก แบบท�ำไร่เลื่อนลอย โดยทั่วไปกำรเพำะปลูกในแต่ละบริเวณใช้เวลำประมำณ 3 - 4 ปี เมื่อดินขำด ควำมอุดมสมบูรณ์ ผลผลิตลดต�่ำลง จะละทิ้งพื้นที่เดิมแล้วไปถำงพื้นที่ใหม่ กำรเพำะปลูกแบบนี้ พบในเขตที่รำบลุ่มแม่น�้ำแอมะซอน ลุ่มแม่น�้ำคองโก และในภูมิภำคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 2) เกษตรกรรมแบบการค้า เป็นกำรท�ำกำรเกษตรเพื่อจ�ำหน่ำยผลผลิต เช่น กำรปลูกธัญพืช กำรปลูกพืชสวน กำรปลูกพืชไร่ กำรเลี้ยงปศุสัตว์ กำรท�ำฟำร์มโคนม กำรท�ำ เกษตรกรรมแบบนี้เกษตรกรจะคัดเลือกพันธุ์พืช พันธุ์สัตว์ ให้เหมำะสมกับสภำพแวดล้อมในบริเวณ นั้น ๆ มีกำรน�ำเทคโนโลยีและเทคนิคสมัยใหม่มำใช้ ซึ่งอำจจ�ำแนกได้ ดังนี้ ในฤดูหนำวน�ำมำเลี้ยงบริเวณหุบเขำ ลุ่มแม่น�้ำ สินธุ พวกเบดูอินในคำบสมุทรอำหรับเลี้ยงสัตว์ ตำมริมทะเลทรำยในฤดูหนำว ส่วนฤดูร้อนน�ำฝูง สัตว์เข้ำไปในที่รำบสูงตอนใน นอกจำกนี้ ยังมี กำรเลี้ยงสัตว์แบบเร่ร่อนตำมขอบทะเลทรำย สะฮำรำในฤดูหนำวและย้ำยไปตำมภูเขำหรือ โอเอซิสในฤดูร้อน สัตว์เลี้ยงส�ำคัญ ได้แก่ แกะ แพะ และโค ปัจจุบันรัฐบำลได้แนะน�ำให้พวก เร่ร่อนตั้งหมู่บ้ำนและรู้จักเพำะปลูก ซึ่งได้ผลพอ สมควร กำรเลี้ยงกวำงเรนเดียร์ของชำวแลปป์ ในประเทศนอร์เวย์ Activity นักเรียนร่วมกันอธิบำยควำมสัมพันธ์ระหว่ำงลักษณะภูมิประเทศและภูมิอำกำศ กับกำรประกอบ กิจกรรมทำงกำรเกษตรแบบยังชีพ Geo เขตตะวันตกเฉียงใต้ของทวีปเอเชียกับทำงตะวันออกของทวีปแอฟริกำ ได้แก่ พวก อัฟกันในอิหร่ำน อัฟกำนิสถำน และปำกีสถำน โดยในฤดูร้อนพำฝูงสัตว์ไปเลี้ยงตำมภูเขำ 128 129 เกร็ดแนะครู ครูควรใหนักเรียนสืบคนขอมูลและรูปภาพจากเว็บไซตเกี่ยวกับเกษตรกรรม แบบการคาในทวีปตางๆ ทั่วโลก โดยนําขอมูลมาเปรียบเทียบใหเห็นถึงลักษณะ เดน ความเหมือน ความแตกตาง เพื่อใหนักเรียนเกิดความรูความเขาใจมาก ยิ่งขึ้น ขั้นสอน ขั้นที่ 1 การตั้งคําถามเชิงภูมิศาสตร 4. ครูใหนักเรียนจับกลุมทํากิจกรรมตาม Geo Activity เกี่ยวกับความสัมพันธระหวาง ลักษณะภูมิประเทศและลักษณะภูมิอากาศ จากหนังสือเรียน ภูมิศาสตร ม.4-6 5. ครูสุมนักเรียนนําเสนอผลการอธิบายความ สัมพันธระหวางลักษณะภูมิประเทศและ ลักษณะภูมิอากาศ จากนั้นรวมกันอภิปราย แสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม 6. ครูใหนักเรียนใชสมารตโฟนสืบคนภาพหรือ คลิปวิดีโอตัวอยางที่เกี่ยวของกับการเพาะปลูก ในรูปแบบตางๆ เชน การเพาะปลูกแบบยังชีพ การเพาะปลูกแบบเพิ่มผลผลิต การเพาะปลูก ในพื้นที่กวางขวาง การเพาะปลูกแบบผสม การเพาะปลูกแบบไรขนาดใหญ นักเรียนจับคู สํารวจและรวบรวมขอมูลเกี่ยวกับความสัมพันธ ระหวางลักษณะภูมิประเทศและภูมิอากาศ กับการประกอบ กิจกรรมทางการเกษตรแบบยังชีพในพื้นที่ตางๆ ของโลก โดยใช กระบวนการทางภูมิศาสตร จากนั้นสรุปความรูเพื่อวางแผนเลือก ตั้งถิ่นฐานในพื้นที่นั้น พรอมทั้งนําเสนอเหตุผลที่เลือกตั้งถิ่นฐาน ในบริเวณพื้นที่ดังกลาว นํา สอน สรุป ประเมิน T134
2.1) การเพาะปลูกแบบเพิ่มผลผลิต (intensive cultivation) เป็นกำรเพำะปลูกใน พื้นที่ขนำดเล็กแต่ให้ผลผลิตสูง มีกำรใช้พื้นที่อย่ำงทั่วถึง มีกำรเพิ่มพื้นที่โดยระบำยน�้ำออกจำกที่ ลุ่ม และมีกำรชลประทำนในพื้นที่แห้งแล้ง เว้นที่ท�ำกำรเพำะปลูกในที่สูงชันและพื้นที่ที่ขำดควำม อุดมสมบูรณ์ มีกำรปลูกพืชหมุนเวียนเพื่อใช้พื้นที่ท�ำกำรเกษตรได้ตลอดปี ส่วนใหญ่ใช้แรงงำนคน และสัตว์ แต่บำงพื้นที่อำจใช้เครื่องจักรเข้ำช่วย กำรเพำะปลูกในลักษณะนี้พบได้ในเขตมรสุมของ ทวีปเอเชีย เช่น ประเทศจีน ญี่ปุ่น บังกลำเทศ อินเดีย และในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พืชที่ปลูก ได้แก่ ข้ำวเจ้ำ ข้ำวฟ่ำง ถั่วเหลือง อ้อย ผัก และพืชหัว 2.2) การเพาะปลูกในพื้นที่กว้างขวาง (extensive cultivation) เป็นกำรเพำะปลูก ในพื้นที่ขนำดใหญ่ มีกำรใช้เครื่องจักรกสิกรรมในกำรเตรียมพื้นที่ หว่ำนเมล็ด และเก็บเกี่ยวผลผลิต ได้อย่ำงรวดเร็ว ท�ำให้เพำะปลูกในพื้นที่กว้ำงขวำงได้ บริเวณที่มีกำรเกษตรแบบนี้ เช่น เขตทุ่งหญ้ำสเตปป์ในทวีปยุโรปและเอเชีย เขตทุ่งหญ้ำแพรรีในสหรัฐอเมริกำและแคนำดำ เขตทุ่งหญ้ำปัมปัสในอำร์เจนตินำ และเขตที่รำบแคนเทอร์เบอรีในนิวซีแลนด์ พืชที่ปลูก ได้แก่ ข้ำวสำลี ข้ำวบำร์เลย์ ข้ำวไรย์ ข้ำวโพด และถั่วลิสง กำรเพำะปลูกแบบนี้ใช้แรงงำนคนเป็น จ�ำนวนน้อย กำรเพำะปลูกตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงเก็บเกี่ยวใช้เครื่องจักรเกือบทั้งหมด 2.3) การเพาะปลูกแบบผสม (mixed farming) เป็นกำรเพำะปลูกควบคู่ไปกับกำร เลี้ยงสัตว์ซึ่งใช้เป็นอำหำร เช่น โคนม โคเนื้อ สุกร เป็ด ไก่ และปลูกพืชที่ใช้เลี้ยงสัตว์ควบคู่กันไป เช่น ข้ำวโพด รวมทั้งพืชที่จ�ำหน่ำยเพื่อกำรค้ำ เช่น มันฝรั่ง ข้ำวสำลี ผักและผลไม้ กำรเพำะปลูก แบบผสมให้ผลผลิตต่อเนื้อที่สูง พบมำกในภูมิภำคยุโรปตะวันตก และทวีปอเมริกำเหนือ 2.4) การเพาะปลูกแบบไร่ขนาดใหญ่ (plantation) เป็นกำรเพำะปลูกในพื้นที่ ขนำดใหญ่ในเขตร้อน กำรเพำะปลูกประเภทนี้พบได้ ในส่วนต่ำง ๆ ของทวีปเอเชีย แอฟริกำ และ เขตเมืองร้อนในสหรัฐอเมริกำ พืชที่ปลูกในไร่ขนำดใหญ่ เช่น ยำงพำรำ ปำล์มน�้ำมัน มะพร้ำว ฝ้ำย กำแฟ ชำ โกโก้ และพืชเส้นใยต่ำง ๆ ลักษณะโดยทั่วไปของกำรท�ำไร่ขนำดใหญ่ มีกำรใช้พื้นที่ ตั้งแต่ 250 ไร่ขึ้นไป กำรจัดกำรไร่จะด�ำเนินกำรโดยผู้เชี่ยวชำญ มีกำรใช้ปุ๋ยและเครื่องจักร เพื่อให้ ได้ผลผลิตจ�ำนวนมำกและมีคุณภำพสูงเป็นไปตำมควำมต้องกำรของตลำด สวนปำล์มน�้ำมันในภูมิภำคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 128 129 เกร็ดแนะครู ครูจัดกิจกรรมการโตวาทีเกี่ยวกับการประกอบอาชีพเกษตรกรรม โดยกําหนดญัตติ เชน • การเกษตรแบบการคาดีกวาการเกษตรแบบยังชีพ • การเพาะปลูกแบบผสมดีกวาการเพาะปลูกแบบไรขนาดใหญ โดยการโตวาทีจะเปนการฝกใหนักเรียนรูจักการคิดวิเคราะห หาเหตุผล เพื่อมาหักลางอีกฝายในทางสรางสรรค เมื่อจบการโตวาที ครูและนักเรียน รวมกันอภิปรายสรุปเพิ่มเติม ขั้นสอน ขั้นที่ 1 การตั้งคําถามเชิงภูมิศาสตร 7. ครูสุมนักเรียนนําเสนอผลการสืบคน จํานวน 4-5 คน อภิปรายแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม รวมกัน 8. ครูกระตุนใหนักเรียนชวยกันตั้งประเด็นคําถาม เชิงภูมิศาสตร เชน • กิจกรรมทางเศรษฐกิจในดานการเพาะปลูก เลี้ยงสัตว ประมง ในประเทศไทยและ ภูมิภาคตางๆ ของโลกมีการเปลี่ยนแปลง จากในอดีตอยางไรบาง และปจจัยใดเปน สาเหตุที่กอใหเกิดการเปลี่ยนแปลงดังกลาว • สิ่งแวดลอมทางกายภาพสงผลตอกิจกรรม ทางเศรษฐกิจในดานการเพาะปลูก เลี้ยงสัตว ประมง ในประเทศไทยและภูมิภาคตางๆ ของโลกอยางไร ขอสอบเนนการคิดแนว O-NET กิจกรรมใดสอดคลองกับการเพาะปลูกแบบเพิ่มผลผลิต 1. การเพาะปลูกในพื้นที่ขนาดเล็กแตใหผลผลิตสูง 2. การเพาะปลูกในพื้นที่ขนาดเล็กมีการใชเครื่องจักร 3. การเพาะปลูกในพื้นที่ขนาดใหญ ใชพื้นที่มากกวา 250 ไร 4. การเพาะปลูกควบคูกับการเลี้ยงสัตวที่ใหผลผลิตตอเนื้อที่สูง 5. การเพาะปลูกแบบการคาในพื้นที่ขนาดใหญและมีการใช เครื่องจักรเพิ่มผลผลิต (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. การเพาะปลูกแบบเพิ่มผลผลิต เปนการเพาะปลูกในพื้นที่ขนาดเล็ก แตใหผลผลิตสูง มีการใชพื้นที่ อยางทั่วถึง มีการเพิ่มพื้นที่โดยระบายนํ้าออกจากที่ลุม มีการ ชลประทานในพื้นที่แหงแลง มีการปลูกพืชหมุนเวียนเพื่อใหใช พื้นที่ทําการเกษตรไดตลอดป มีพืชที่ปลูก เชน ขาวเจา ขาวฟาง ถั่วเหลือง บริเวณที่ปลูกเปนเขตมรสุม เชน จีน ญี่ปุน บังกลาเทศ อินเดีย และในเอเชียตะวันออกเฉียงใต) นํา สอน สรุป ประเมิน T135
Knowledge Geo EU กับเกษตรกรรมความแม่นยำาสูง (precision farming) สหภำพยุโรปมีเกษตรกรจ�ำนวนไม่มำก แต่มีศักยภำพในกำรผลิตสูง ส่วนหนึ่งเพรำะเกษตรกรได้น�ำ เทคโนโลยีมำช่วยเพิ่มประสิทธิภำพกำรผลิต ปัจจุบันภำคกำรเกษตรของสหภำพยุโรปที่ใช้เทคโนโลยี เกษตรกรรมควำมแม่นย�ำสูง ได้แก่ การปลูกพืช เทคโนโลยีควำมแม่นย�ำสูงที่น�ำมำใช้ ได้แก่ ระบบน�ำทำงด้วยดำวเทียม (GNSS) ท�ำให้ทรำบต�ำแหน่งบนพื้นที่กำรเกษตรและลดกำรท�ำงำนทับซ้อนบน จุดเดียว กำรท�ำแผนที่ระดับผลผลิต (yield mapping) ท�ำให้มองเห็นภำพ ควำมเหมำะสมในกำรเพำะปลูกพืชบนพื้นที่ กำรใช้อำกำศยำนไร้ คนขับ หรือโดรน (drone) ส�ำหรับส�ำรวจควำมหลำกหลำย ของพื้นที่ ศึกษำสภำพดินและพืชตำมจุดต่ำง ๆ การปลูกผัก เทคโนโลยีควำมแม่นย�ำสูงที่น�ำมำใช้ ได้แก่ เครื่องเก็บเกี่ยวผลผลิต ที่เลือกเก็บเฉพำะผักที่ มีคุณภำพตำมต้องกำร รถแทรกเตอร์ติดเซ็นเซอร์และ ระบบน�ำทำงอัตโนมัติ ท�ำให้ทรำบว่ำจุดใดควรใช้สำร ปรำบศัตรูพืชมำกน้อยเพียงใด ลดกำรใช้สำรปรำบศัตรู พืชและประหยัดแรงงำน กำรใช้หุ่นยนต์ก�ำจัดวัชพืชที่ ใช้กล้องดิจิทัล โดยใช้ระบบตรวจจับวัตถุ เทียบสิ่งที่ มองเห็นกับฐำนข้อมูลที่เคยเก็บไว้ แล้วก�ำจัดวัชพืช ด้วยกำรตัดทิ้ง การเลี้ยงโค เทคโนโลยีควำมแม่นย�ำสูงที่น�ำมำใช้ ได้แก่ หุ่นยนต์ส�ำหรับท�ำงำนหนัก เช่น ให้อำหำร หยำบ ท�ำควำมสะอำดคอก นอกจำกนี้ กำรเลี้ยงโคใน สหภำพยุโรปยังใช้ระบบ Automatic Milking System (AMS) โดยให้หุ่นยนต์รีดนมโคได้ตำมควำมต้องกำร ของแม่โค โคทุกตัวมี ID Tag เมื่อโคเดินเข้ำมำที่ หุ่นยนต์จะถูกอ่ำนค่ำจำกป้ำย และหุ่นยนต์จะท�ำหน้ำที่ โดยอัตโนมัติ ที่มา : ส�ำนักงำนที่ปรึกษำกำรเกษตรต่ำงประเทศ ประจ�ำสหภำพยุโรป 130 131 กิจกรรม ทาทาย ขั้นสอน ขั้นที่ 1 การตั้งคําถามเชิงภูมิศาสตร 9. ครูใหนักเรียนศึกษา Geo Knowledge เกี่ยวกับ การใชเทคโนโลยีในการทําเกษตรกรรม จากหนังสือเรียน ภูมิศาสตร ม.4-6 ประกอบ การตั้งคําถามทางภูมิศาสตรเพิ่มเติม ขั้นที่ 2 การรวบรวมขอมูล 1. ครูใหนักเรียนแบงกลุม จํานวน 3 กลุม สืบคน ขอมูลเกี่ยวกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจ จาก หนังสือเรียน ภูมิศาสตร ม.4-6 หรือจาก แหลงการเรียนรูอื่นๆ เชน หนังสือในหองสมุด เว็บไซตในอินเทอรเน็ต ในประเด็นตอไปนี้ • ประเภทของเกษตรกรรม • กิจกรรมทางการเกษตรที่สําคัญของโลก • เกษตรกรรมในประเทศไทย 2. นักเรียนแตละกลุมรวมกันศึกษาขอมูลในหัวขอ ที่รับผิดชอบ โดยนําความรูเกี่ยวกับเครื่องมือ ทางภูมิศาสตรมาใชประกอบในการศึกษาดวย 3. ครูแนะนําแหลงขอมูลสารสนเทศที่นาเชื่อถือ ใหกับนักเรียนเพิ่มเติม เกร็ดแนะครู ครูควรอธิบายนักเรียนเพิ่มเติมเกี่ยวกับเกษตรกรรมความแมนยําสูงวา เปนการนําเทคโนโลยีมาใชในการเกษตรที่ไดรับความนิยมมากในสหรัฐอเมริกา อิสราเอล ออสเตรเลีย ญี่ปุน มาเลเซีย ที่ไดมีการศึกษาและวิจัย รวมไปถึงมีการ ทดลองใชกันอยางกวางขวาง นักเรียนศึกษาคนควาเกี่ยวกับการเกษตรแบบแมนยําสูง ในพื้นที่ประเทศไทย โดยใหนักเรียนยกตัวอยางเมือง และตัวอยาง พื้นที่ที่มีการทําเกษตรกรรมแบบแมนยําสูง พรอมทั้งบอกปจจัยที่ เอื้ออํานวยใหมีการเกษตรในลักษณะนี้ จากนั้นบันทึกสาระสําคัญ นําเสนอ และอภิปรายรวมกันในชั้นเรียน นํา สอน สรุป ประเมิน T136
2.5) การเลี้ยงสัตว์เพื่อการค้า มีลักษณะแตกต่ำงจำกกำรเลี้ยงสัตว์แบบเร่ร่อน จะเลี้ยงสัตว์ชนิดใดชนิดหนึ่งที่เหมำะสมที่สุดเพียงชนิดเดียวในแต่ละเขต เลี้ยงเป็นจ�ำนวนมำก และ เลี้ยงเป็นคอกสัตว์ขนำดใหญ่ แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ 1. การเลี้ยงสัตว์ในเขตอบอุน ทุ่งหญ้ำในเขตอบอุ่นได้รับปริมำณฝนอยู่ Geo Tip เขตตอนใต้ของที่รำบสูงปำตำโกเนีย จะมี ฝนตกน้อยแต่สม�่ำเสมอ ฤดูหนำวมีหิมะตก ไม่มำก กำรที่อำกำศมีอุณหภูมิต�่ำท�ำให้แกะมี ขนหนำและละเอียด มีกำรเลี้ยงแกะพันธุ์เมอริโน ซึ่งเป็นแกะพันธุ์ขน และพันธุ์รอมนีย์ที่ให้ทั้ง เนื้อและขน ระหว่ำง 254 - 762 มิลลิเมตรต่อปี ซึ่งตกมำก ในฤดูใบไม้ผลิถึงฤดูร้อน บริเวณที่มีกำรเลี้ยง มำก ได้แก่ ทวีปอเมริกำเหนือในเขตทุ่งหญ้ำ แพรรี มีกำรเลี้ยงโคเนื้อในคอกสัตว์ขนำดใหญ่ เขตที่รำบสูงเอดเวิร์ดเลี้ยงแพะอังกอรำ เขต ทุ่งหญ้ำแห้งแล้งและตำมภูเขำหรือพื้นที่ระหว่ำง ภูเขำนิยมเลี้ยงแกะ ทวีปอเมริกำใต้บริเวณที่รำบ ปัมปัสในเขตที่มีควำมชื้นมำกเลี้ยงโคเนื้อ เขตที่มีควำมชื้นน้อยเลี้ยงแกะ เขตตอนใต้ของที่รำบสูง ปำตำโกเนียนิยมเลี้ยงแกะ บริเวณภำคกลำงตอนใต้ของประเทศออสเตรเลียเป็นบริเวณที่มีทุ่งหญ้ำ อุดมสมบูรณ์จึงนิยมเลี้ยงแกะพันธุ์เนื้อ เขตแห้งแล้งเลี้ยงแกะพันธุ์ขน 2. การเลี้ยงสัตว์ในเขตร้อนหรือสะวันนา ทุ่งหญ้ำในเขตนี้มีปริมำณฝนต่อปี มำกกว่ำทุ่งหญ้ำในเขตอบอุ่นแต่ไม่สม�่ำเสมอ บริเวณที่มีกำรเลี้ยงมำก ได้แก่ ทวีปแอฟริกำ มีกำร เลี้ยงโคเนื้อเพรำะทนอำกำศร้อนได้ดี โคในแอฟริกำเป็นโคที่ชำวพื้นเมืองเลี้ยงไว้ ใช้งำนและบริโภค ภำยในประเทศ ทวีปอเมริกำใต้ ในบริเวณทุ่งหญ้ำกัมโป (campo) บนที่รำบสูงบรำซิลมีกำรเลี้ยง โคเนื้อที่ได้มีกำรปรับปรุงพันธุ์เพื่อให้ทนต่ออุณหภูมิสูงในเขตร้อนได้ดี ที่รำบยำโนส (llanos) นิยมเลี้ยงโคเนื้อและโคพันธ์ุพื้นเมือง 2.6) การเลี้ยงสัตว์ ในไร่แบบผสม เป็นกำรเลี้ยงสัตว์ร่วมกับกำรปลูกพืชต่ำง ๆ โคพันธุ์แองกัส เป็นสำยพันธุ์โคเนื้อที่นิยมเลี้ยงในประเทศ อำร์เจนตินำ และมีกำรปลูกพืชอำหำรสัตว์ เพื่อน�ำมำใช้เลี้ยง สัตว์ด้วย สัตว์เลี้ยงที่ส�ำคัญ ได้แก่ โคนม โคเนื้อ สุกร และสัตว์ปีก กำรเลี้ยงโคนมเป็นกำรเกษตร แบบก้ำวหน้ำ เพรำะต้องอำศัยกระบวนกำร ทำงวิทยำศำสตร์ในกำรเตรียมผลิตผลต่ำง ๆ ใน กำรเก็บรักษำและกำรขนส่งต้องอำศัยอุปกรณ์ และยำนพำหนะที่ทันสมัย เพื่อป้องกันไม่ให้ ผลผลิตเสียระหว่ำงขนส่ง เขตเลี้ยงโคนมที่ ส�ำคัญ เช่น เขตอบอุ่นทำงตะวันออกกลำงของ ทวีปอเมริกำเหนือ ตะวันตกของทวีปยุโรป 130 131 แพรรี มีกำรเลี้ยงโคเนื้อในคอกสัตว์ขนำดใหญ่ 2. การเลี้ยงสัตว์ในเขตร้อนหรือสะวันนา ทุ่งหญ้ำในเขตนี้มีปริมำณฝนต่อปี มำก ได้แก่ ทวีปอเมริกำเหนือในเขตทุ่งหญ้ำ 1 2 ขั้นสอน ขั้นที่ 3 การจัดการขอมูล 1. สมาชิกแตละคนในกลุมนําขอมูลที่ตนไดจาก การรวบรวม มาอธิบายแลกเปลี่ยนความรูกัน 2. สมาชิกในกลุมชวยกันคัดเลือกขอมูลที่นําเสนอ เพื่อใหไดขอมูลที่ถูกตอง และรวมอภิปราย แสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม นักเรียนควรรู 1 ทุงหญาแพรรี เปนทุงหญาที่พบในเขตภูมิอากาศอบอุน มีลักษณะลําตนยาว ออนนุม ขึ้นเบียดเสียดปะปนกับพืชลมลุกและดอกไมปาอยางหนาแนน เปนทุงหญาที่เหมาะในการเลี้ยงสัตวมากที่สุด เชน โคเนื้อ โคนม โดยบางสวน ของทุงหญาแพรรีจะถูกนํามาใชเพื่อการเพาะปลูกธัญพืช เชน ขาวสาลี 2 สะวันนา เปนทุงหญาที่พบในเขตภูมิอากาศรอนคอนขางแหงแลงในเขต ละติจูดตํ่า ลักษณะทั่วไปจะเปนหญาตนยาวและหยาบขึ้นเบียดเสียดกัน แตเมื่อ เริ่มเขาสูฤดูแลง ความชื้นในดินจะเริ่มขาดแคลน หญาและวัชพืชจะแหงกรอบ และตาย จึงไมเหมาะสมที่จะนํามาใชในการเลี้ยงสัตว เพราะคุณภาพของหญา ที่แข็งและหยาบจึงมีคุณคาทางอาหารนอย ทุงหญาสะวันนาที่สําคัญของโลก เชน ทุงหญายาโนส ในประเทศเวเนซุเอลา ทุงหญากัมโป ในประเทศบราซิล ขั้นที่ 4 การวิเคราะหและแปลผลขอมูล 1. ครูใหนักเรียนดูภาพหรือคลิปวิดีโอที่เกี่ยวของ กับกิจกรรมทางเศรษฐกิจประเภทการเลี้ยงสัตว และการประมงประกอบการวิเคราะหขอมูล เพิ่มเติม 2. ครูถามคําถามเพื่อใหนักเรียนไดวิเคราะห ความรู เชน • การเลี้ยงสัตวในไรนาแบบผสมคืออะไร พบไดมากในบริเวณใด และมีสาเหตุจาก สิ่งใด (แนวตอบ การเลี้ยงสัตวในไรนาแบบผสม คือ การเลี้ยงสัตวรวมกับการปลูกพืช รวมถึง พืชที่เปนอาหารของสัตว สัตวที่นิยมเลี้ยง เชน โคนม โคเนื้อ สุกร สัตวปก พบไดมาก ในบริเวณตะวันออกเฉียงเหนือของ สหรัฐอเมริกาและตะวันออกเฉียงใตของ แคนาดา เนื่องจากมีความอุดมสมบูรณ ทั้งดานทรัพยากรธรรมชาติและเทคโนโลยี รวมถึงมีความชื้นที่เพียงพอ) ครูอาจมอบหมายใหนักเรียนสืบคนขอมูลเกี่ยวกับสายพันธุ ของแกะและโค จากแหลงเรียนรูตางๆ แลวจัดทําเปนบันทึก การสืบคน มีภาพประกอบที่สวยงาม นําเสนอ และอภิปราย รวมกันในชั้นเรียน กิจกรรม สรางเสริม นํา สอน สรุป ประเมิน T137
ขอสอบเนนการคิด 0 ํ 0 ํ 40 ํE 40 ํW 80 ํE 80 ํW 120 ํE 120 ํW 160 ํE 160 ํW 20 ํE20 ํW 60 ํE 60 ํW 100 ํE 100 ํW 140 ํE 180 ํ140 ํW 20 ํN 20 ํS 40 ํN 40 ํS 60 ํN 60 ํS 80 ํN 80 ํS 0 ํ 20 ํN 20 ํS 40 ํN 40 ํS 60 ํN 60 ํS 80 ํN 80 ํS ม ห า ส มุ ท ร แ ป ซิ ฟ ก ม ห า ส มุ ท ร แ ป ซิ ฟ ก ม ห า ส มุ ท ร อ า ร ก ติ ก ม ห า ส มุ ท ร แ อ ต แ ล น ติ ก ม ห า ส มุ ท ร แ อ ต แ ล น ติ ก ม ห า ส มุ ท ร อิ น เ ดี ย ชา กาแฟ ขาวโพด ออย ขาวเจา ขาวสาลี N 1 : 160,000,000 0 2,000 4,000 กม. แผนที่แสดงการกระจายเกษตรกรรมสำคัญ ที่มา : DK Concise World Atlas 132 133 ขั้นสอน ขั้นที่ 4 การวิเคราะหและแปลผลขอมูล • บริเวณทวีปใดของโลกที่มีการทําการเกษตร หลากหลายมากที่สุด เพราะเหตุใด (แนวตอบ บริเวณทวีปเอเชียมีการทําการ เกษตรมากที่สุดในโลก จากแผนที่แสดงให เห็นวา ทวีปเอเชียมีการทําเกษตรกรรม ที่หลากหลาย ทั้งขาวเจา ขาวโพด ชา ขาวสาลี ออย และกาแฟ โดยอาจเปนเพราะ ลักษณะภูมิประเทศของทวีปเอเชียที่มีความ อุดมสมบูรณเปนสวนใหญ มีทั้งบริเวณที่เปน ที่ราบ ที่ราบเชิงเขา ที่ราบลุม ที่ราบลุมแมนํ้า ตลอดจนทุงหญากวางใหญ ที่มีความเหมาะสม ในการทําเกษตรกรรมไดหลากหลายชนิด เปนอยางดี) • จากพืชที่พบในแผนที่แสดงการกระจาย เกษตรกรรมที่สําคัญ นักเรียนคิดวา พืช แตละชนิดเจริญเติบโตไดดีในลักษณะ ภูมิประเทศอยางไร (แนวตอบ พืชแตละชนิดเติบโตไดดีใน ภูมิประเทศที่แตกตางกัน เชน กาแฟ ปลูก ไดดีในดินที่เกิดจากหินภูเขาไฟที่มีรูพรุน และมีแรธาตุอุดมสมบูรณ พื้นที่ปลูกกาแฟ สวนใหญ เชน ประเทศบราซิล เกาะชวา เกาะสุมาตรา ประเทศจาเมกา ดินแดน เปอรโตริโก ชา ปลูกไดดีในพื้นที่ที่มีความสูง กวาระดับนํ้าทะเล 1,000-2,000 เมตร หรือบริเวณเทือกเขา พื้นที่ปลูกชาสวนใหญ เชน ประเทศอินเดีย จีน ญี่ปุน) เกร็ดแนะครู ครูควรอธิบายนักเรียนเพิ่มเติมวา รูปแบบการนําเสนอขอมูลแบบแผนที่ เหมาะแกการนําเสนอขอมูลทางภูมิศาสตร เพื่อใหเกิดความเขาใจและเห็น ภาพรวมของพื้นที่มากยิ่งขึ้น โดยไมตองมีการอธิบายความมากจนเกินไป เพราะเหตุใดเขตทุงหญาแพรรีในประเทศแคนาดา จึงเปน แหลงปลูกขาวสาลีที่สําคัญของโลก 1. มีดินภูเขาไฟ 2. มีฝนตกชุกตลอดป 3. มีอุณหภูมิเฉลี่ยสูงตลอดป 4. มีแมนํ้าไหลผานหลายสาย 5. มีดินที่อุดมสมบูรณและอากาศเหมาะสม (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 5. เนื่องจากเขตทุงหญาแพรรี ในประเทศแคนาดา เปนพื้นที่ที่มีดินที่อุดมสมบูรณและมีอากาศ ที่มีอุณหภูมิเหมาะสมในการปลูกขาวสาลี) นํา สอน สรุป ประเมิน T138
ขอสอบเนน การคิด 0 ํ 0 ํ 40 ํE 40 ํW 80 ํE 80 ํW 120 ํE 120 ํW 160 ํE 160 ํW 20 ํE20 ํW 60 ํE 60 ํW 100 ํE 100 ํW 140 ํE 180 ํ140 ํW 20 ํN 20 ํS 40 ํN 40 ํS 60 ํN 60 ํS 80 ํN 80 ํS 0 ํ 20 ํN 20 ํS 40 ํN 40 ํS 60 ํN 60 ํS 80 ํN 80 ํS ม ห า ส มุ ท ร แ ป ซิ ฟ ก ม ห า ส มุ ท ร แ ป ซิ ฟ ก ม ห า ส มุ ท ร อ า ร ก ติ ก ม ห า ส มุ ท ร แ อ ต แ ล น ติ ก ม ห า ส มุ ท ร แ อ ต แ ล น ติ ก ม ห า ส มุ ท ร อิ น เ ดี ย โค ประมงน้ำเค็ม ยางพารา ปาลมน้ำมัน ผลไม ฝาย N 1 : 160,000,000 0 2,000 4,000 กม. แผนที่แสดงการกระจายเกษตรกรรมสำคัญ ที่มา : DK Concise World Atlas 132 133 ขั้นสอน ขั้นที่ 4 การวิเคราะหและแปลผลขอมูล • จากพืชที่พบในแผนที่แสดงการกระจาย เกษตรกรรมที่สําคัญ นักเรียนคิดวา พืช แตละชนิดสามารถเจริญเติบโตไดดีใน ลักษณะภูมิประเทศอยางไร (แนวตอบ เชน ยางพารา ปลูกไดดีบริเวณ เนินเขา หรือบริเวณดินรวนที่สามารถระบาย นํ้าไดดี พื้นที่ปลูกยางพาราสวนใหญอยูใน ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต จีน อินเดีย ศรีลังกา) • บริเวณจังหวัดสมุทรสงครามและสมุทรสาคร ของประเทศไทยถือไดวาเปนแหลงการ ประมงขนาดใหญของประเทศ อันเนื่องมา จากสาเหตุใด (แนวตอบ บริเวณจังหวัดสมุทรสงคราม และสมุทรสาครของประเทศไทยเปนพื้นที่ ที่มีลักษณะทางกายภาพเปนการผสมกัน ระหวางนํ้าจืดที่ไหลลงทะเล ทําใหนํ้าทะเล ไดรับอินทรียวัตถุซึ่งเปนอาหารของสัตวนํ้า มีลักษณะชายฝงที่เวาแหวง ระดับนํ้าไมลึก จนเกินไป เหมาะแกการอาศัยและขยาย พันธุของสัตวนํ้า รวมไปถึงการมีแรงงาน และมีประชากรที่หนาแนน ดวยเหตุผล ดังกลาวจึงทําใหบริเวณจังหวัดสมุทรสงคราม และสมุทรสาครของประเทศไทยเปนแหลง การประมงขนาดใหญแหลงหนึ่งขอประเทศ นั่นเอง) บูรณาการอาเซียน อาเซียนเปนหนึ่งในผูผลิตสัตวนํ้าและสินคาประมงหลักของโลก ยอดการ ผลิตสินคาประมงของ 10 ประเทศสมาชิกอาเซียนรวมกันคิดเปนรอยละ 20.94 ของการผลิตสินคาประมงทั้งโลก รองจากประเทศอื่นๆ ในทวีปเอเชีย (ยกเวน อาเซียน) ที่มีสัดสวนการผลิตถึงรอยละ 52.6 หากรวมผลผลิตทั้งของภูมิภาค เอเชียและอาเซียนแลว ผลผลิตดานการประมงจะมีมากกวารอยละ 70 ของ การผลิตสินคาประมงทั้งโลก นอกจากนี้ ความรวมมือดานการประมงระหวาง ประเทศของอาเซียนนั้นดําเนินการภายใตกรอบการประชุมคณะทํางานประมง อาเซียน (ASEAN Sectoral Working Group on Fisheries: ASWGFi) ถือเปน กลไกสําคัญในการดําเนินงานความรวมมือที่เกี่ยวของกับการประมงอาเซียน โดยเฉพาะดานวิชาการและการพัฒนาการประมงของภูมิภาค พืชเศรษฐกิจชนิดใดที่เจริญเติบโตไดดีในบริเวณที่มีอากาศรอน ซึ่งลักษณะดินเปนดินเหนียวปนทราย 1. ฝาย 2. ขาวสาลี 3. ยางพารา 4. ปาลมนํ้ามัน 5. พืชตระกูลถั่ว (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 1. ฝายเปนพืชเศรษฐกิจที่เจริญเติบโต ไดดีในบริเวณที่มีอากาศรอน ลักษณะดินเปนดินเหนียวปนทราย อากาศโปรง ไมชอบที่รมเงาบัง) นํา สอน สรุป ประเมิน T139
ขอสอบเนนการคิด 1.2 กิจกรรมทางการเกษตรที่สำาคัญของโลก 1) ข้าวเจ้า เป็นพืชเศรษฐกิจของทวีปเอเชียและเป็นพืชหลักที่ประชำกรชำวเอเชีย ใช้บริโภค พื้นที่ปลูกข้ำวเจ้ำส่วนใหญ่อยู่ในเขตร้อน เนื่องจำกข้ำวเจ้ำขึ้นได้ดีระหว่ำงละติจูด 10 - 20 องศำเหนือ อุณหภูมิเฉลี่ยในฤดูร้อนไม่ต�่ำกว่ำ 25 องศำเซลเซียส ต้องกำรปริมำณฝนเฉลี่ยปีละ 1,750 มิลลิเมตร ภูมิอำกำศที่เหมำะแก่กำรปลูกข้ำวมำก ที่สุด คือ ภูมิอำกำศแบบมรสุม เพรำะมีน�้ำมำก ในฤดูเพำะปลูก และเก็บเกี่ยวได้พอดีในฤดูแล้ง ขึ้นได้ดีบริเวณที่รำบลุ่มแม่น�้ำและมีดินดอน สำมเหลี่ยมปำกแม่น�้ำ เช่น ที่รำบลุ่มแม่น�้ำ หวำงเหอและฉำงเจียง ในประเทศจีน ที่รำบลุ่ม แม่น�้ำอิรวดีในเมียนมำ ที่รำบลุ่มแม่น�้ำโขงใน กัมพูชำและเวียดนำม ที่รำบลุ่มแม่น�้ำคงคำและ พรหมบุตรในประเทศอินเดียและบังกลำเทศ ที่รำบลุ่มแม่น�้ำเจ้ำพระยำในประเทศไทย กำรท�ำนำแบบขั้นบันไดในประเทศเวียดนำม นอกจำกนี้ หลำยประเทศในทวีปเอเชียยังมีกำรท�ำนำบนที่สูงหรือกำรท�ำนำขั้นบันได เพื่อช่วยเพิ่มผลผลิตข้ำวและสร้ำงควำมมั่นคงทำงอำหำรบนพื้นที่สูง เช่น ในฟิลิปปินส์ เวียดนำม อินโดนีเซีย กำรท�ำนำขั้นบันไดมีกำรเลือกพื้นที่ที่มีควำมลำดชันไม่มำก เนื่องจำกกำรขุดปรับพื้นที่ ท�ำได้ค่อนข้ำงยำก พื้นที่ปลูกอยู่ระหว่ำงหุบเขำมีกำรท�ำคันนำส�ำหรับกักเก็บน�้ำ 2) ข้าวสาลี ปลูกได้ทั้งในฤดูใบไม้ผลิและฤดูหนำว ที่มีควำมแห้งแล้งและหนำวเย็นได้ เขตที่ปลูกข้ำวสำลีมี 2 เขตส�ำคัญ คือ ระหว่ำงละติจูดที่ 35 - 55 องศำเหนือ และ 30 - 40 องศำใต้ สภำพแวดล้อมที่เหมำะสม คือ มีอุณหภูมิที่อบอุ่นพอเหมำะ ปริมำณควำมชุ่มชื้นประมำณ 12 - 40 นิ้ว ประเทศที่ปลูกมำก เช่น ประเทศยูเครน ซึ่งเป็นเขตทุ่งหญ้ำสเตปป์ มีดินด�ำอุดมสมบูรณ์ สหรัฐอเมริกำปลูกข้ำวสำลีในฤดูใบไม้ผลิบริเวณตอนเหนือของเขตเกรตเพลนส์ (Great Plains) และภำคตะวันตกเฉียงเหนือ ส่วนทำงใต้ของเขตที่รำบใหญ่ปลูกข้ำวสำลีในฤดูหนำว นอกจำกนี้ มี กำรปลูกมำกในประเทศจีน แคนำดำ และเขตทุ่งหญ้ำปัมปัสในอำร์เจนตินำ ในยุโรปตะวันตกและ ยุโรปใต้ ข้ำวสำลีจ�ำแนกตำมฤดูกำลที่หว่ำน เป็นข้ำวสำลีฤดูใบไม้ผลิ และข้ำวสำลีฤดูหนำว ขึ้นอยู่ กับบริเวณที่ท�ำกำรเพำะปลูก 134 135 สหรัฐอเมริกำปลูกข้ำวสำลีในฤดูใบไม้ผลิบริเวณตอนเหนือของเขตเกรตเพลนส์ (Great Plains) กำรปลูกมำกในประเทศจีน แคนำดำ และเขตทุ่งหญ้ำปัมปัสในอำร์เจนตินำ ในยุโรปตะวันตกและ 1 2 ขั้นสอน ขั้นที่ 4 การวิเคราะหและแปลผลขอมูล 3. ครูใหนักเรียนดูภาพการทํานาแบบขั้นบันไดใน ประเทศเวียดนาม จากหนังสือเรียน ภูมิศาสตร ม.4-6 แลวรวมกันอภิปรายแสดงความคิดเห็น เชื่อมโยงเกี่ยวกับกิจกรรมทางการเกษตรที่ สําคัญของโลก 4. ครูใหนักเรียนแตละกลุมนําขอมูลจากการ สืบคนในหัวขอที่รับผิดชอบ มาวิเคราะหความ สัมพันธระหวางกิจกรรมของมนุษยกับลักษณะ ทางกายภาพ จัดทําเปนแผนผังและวาดภาพ ประกอบ 5. ครูมอบหมายใหนักเรียนแตละกลุมนําเสนอ ผลงาน แลวแลกเปลี่ยนหมุนเวียนกัน เพื่อ วิเคราะหและแปลผลขอมูลรวมกัน นักเรียนควรรู 1 เกรตเพลนส เขตที่ราบกวางใหญอยูทางภาคตะวันตกกลางของทวีป อเมริกาเหนือ ครอบคลุมพื้นที่บางสวนของรัฐเทกซัสทางใตของสหรัฐอเมริกาไป จนถึงทางเหนือของประเทศแคนาดา และดานตะวันออกของเทือกเขาร็อกกีไป จนจดลุมแมนํ้ามิสซูรี มีลักษณะภูมิประเทศเปนทุงหญากึ่งแหงแลงถึงแหงแลง เหมาะแกการประกอบอาชีพเลี้ยงสัตว 2 ปมปส เปนที่ราบในทวีปอเมริกาใต มีอาณาเขตตั้งแตบริเวณลุมแมนํ้า ปารานาตอนลาง ลงไปจนถึงภาคกลางคอนไปทางใตของประเทศอารเจนตินา ทางทิศตะวันตกเฉียงใตของกรุงบัวโนสไอเรสเปนระยะทางเกือบ 1,600 กม. ครอบคลุมเนื้อที่ประมาณ 760,000 ตร.กม. ในประเทศอารเจนตินา ดานตะวันตก มีภูมิอากาศแหงแลง สวนดานตะวันออกมีนํ้าอุดมสมบูรณ เปนแหลงเลี้ยงปศุสัตว ภูมิอากาศแบบใดที่เหมาะสมแกการปลูกขาวมากที่สุด 1. ที่สูง 2. มรสุม 3. ทุนดรา 4. ทะเลทราย 5. กึ่งอารกติก (วิเคราะหคําตอบ ตอบขอ 2. ขาวเจริญเติบโตไดดีในภูมิอากาศ แบบมรสุม เพราะมีนํ้ามากในฤดูเพาะปลูก และเก็บเกี่ยวไดพอดี ในฤดูแลง) นํา สอน สรุป ประเมิน T140
ขอสอบเนน การคิด ไวโอมิง 2% ไอดาโฮ 6%ออริกอน 6% วอชิงตัน 18% มอนแทนา 6% นอรทดาโคตา 2% เนแบรสกา 3% แคนซัส 9%โคโลราโด 10% นิวเม็กซิโก 3% โอคลาโฮมา 5% เท็กซัส 2% มิชิแกน 2% N มาตราสวน 1 : 60,000,000 แผนที่แสดงปริมาณผลผลิตขาวสาลีในฤดูหนาวของสหรัฐอเมริกา 0 500 1000 กม. 46 ํN 120 ํW 110 ํW 100 ํW 90 ํW 80 ํW 70 ํW 30 ํN 46 ํN 38 ํN 38 ํN 30 ํN สัดสวนแสดงผลผลิต ของแตละรัฐ ผลผลิตขาวสาลี (ตัน) 0 1-25,000 25,001-100,000 100,001-175,000 มากกวา 175,000 3) อ้อย เป็นพืชพื้นเมืองของเอเชียใต้ ปัจจุบันส่วนมำกจะปลูกในไร่ขนำดใหญ่ ปลูก ได้ ในเขตร้อนและเขตอบอุ่นค่อนข้ำงร้อน ต้นอ้อยต้องกำรดินชื้นและอุดมสมบูรณ์ แหล่งปลูกอ้อย ที่ส�ำคัญ เช่น บริเวณลุ่มแม่น�้ำคงคำ ฟิลิปปินส์ ไต้หวัน ไทย คิวบำ และปลูกได้ทั่วไปในหมู่เกำะ อินดีสตะวันตก รัฐฮำวำย สหรัฐอเมริกำ และในเขตร้อนของรัฐควีนส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย 4) ข้าวโพด ปลูกได้ตั้งแต่ละติจูด 58 องศำ ผ่ำนเขตโซนร้อนลงมำจนถึงประมำณ ละติจูด 35 - 40 องศำ เจริญเติบโตได้ดีบนพื้นที่ที่มีระดับเดียวกับน�้ำทะเลจนถึงพื้นที่สูงกว่ำระดับ น�้ำทะเลประมำณ 3,000 - 3,900 เมตร แหล่งเพำะปลูกส�ำคัญ เช่น สหรัฐอเมริกำในเขตพื้นที่ ที่เรียกว่ำ Corn Belt ครอบคลุมพื้นที่ทำงตะวันตกของรัฐอินดีแอนำ อิลลินอยส์ ไอโอวำ มิสซูรี ไร่ข้ำวโพดในรัฐไอโอวำ สหรัฐอเมริกำ และทำงตะวันออกของรัฐแคนซัส เนื่องจำก ดินในบริเวณดังกล่ำวมีควำมอุดมสมบูรณ์ค่อน ข้ำงมำก มีอำกำศอบอุ่นและปริมำณฝนที่ เหมำะสมในช่วงเพำะปลูก ท�ำให้ข้ำวโพดเจริญ เติบโตได้ดี ข้ำวโพดในสหรัฐอเมริกำ ส่วนมำกน�ำ ไปใช้เลี้ยงสัตว์ ส่วนแหล่งเพำะปลูกอื่นที่ส�ำคัญ เช่น ประเทศจีน เม็กซิโก บรำซิล อำร์เจนตินำ สหภำพยุโรป ที่มา : https://ipad.fas.usda.gov 134 135 ขั้นสอน ขั้นที่ 4 การวิเคราะหและแปลผลขอมูล 6. ครูใหนักเรียนดูแผนที่แสดงปริมาณผลผลิต ขาวสาลีในฤดูหนาวของสหรัฐอเมริกา จาก หนังสือเรียน ภูมิศาสตร ม.4-6 แลวรวมกัน อภิปรายแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม เชื่อมโยง กับลักษณะทางกายภาพตามแผนที่ที่กําหนด หรืออภิปรายโดยใชคําถามประกอบ เชน • เพราะเหตุใดประเทศไทยจึงพบการปลูก ขาวสาลีนอยกวาการปลูกขาวเจา (แนวตอบ เนื่องจากอิทธิพลของสภาพ ภูมิอากาศ เพราะขาวสาลีมักเจริญเติบโต ไดดีในฤดูใบไมผลิและฤดูหนาว โดยจะตอง มีสภาพแวดลอมและอุณหภูมิที่เหมาะสม ซึ่งแตกตางกับสภาพภูมิอากาศของประเทศ ไทย ในขณะที่ขาวเจามีความเหมาะสมกับ สภาพแวดลอมและอุณหภูมิของประเทศไทย มากกวา เนื่องจากขาวเจาสวนใหญเจริญ เติบโตไดดีในเขตรอนที่มีภูมิอากาศแบบ มรสุม และสภาพพื้นที่ที่เปนที่ราบลุมแมนํ้า) • ผลผลิตที่ไดจากการปลูกออยและขาวโพด กอใหเกิดการขับเคลื่อนทางธุรกิจเกิดเปน สินคาชนิดใดไดบาง (แนวตอบ เชน นํ้าออย นํ้าตาล นํ้านมขาวโพด ขนมหวาน อาหารกระปอง อาหารสัตว พลังงานเชื้อเพลิง ไมอัดแปรรูป ฯลฯ) เพราะเหตุใดพื้นที่ทางตอนใตของทะเลสาบทั้ง 5 ของสหรัฐอเมริกา จึงเปนแหลงปลูกขาวโพดที่สําคัญ (แนวตอบ พื้นที่ทางตอนใตของทะเลสาบทั้ง 5 อยูในเขตพื้นที่ ที่เรียกวา Corn Belt ครอบคลุมพื้นที่ทางตะวันตกของรัฐอินดีแอนา อิลลินอยส ไอโอวา มิสซูรี เปนตน เปนแหลงปลูกขาวโพดที่สําคัญ เนื่องจากดินในบริเวณดังกลาวมีความอุดมสมบูรณคอนขางมาก มีอากาศอบอุน และปริมาณฝนเหมาะสมในชวงเพาะปลูก ขาวโพด จึงเจริญเติบโตไดดี) เกร็ดแนะครู ครูอาจอธิบายเพิ่มเติมวา พืชเศรษฐกิจที่ทําชื่อเสียงใหแกสหรัฐอเมริกา จนไดชื่อวา ทองคําเขียว (Green Gold) คือ ยาสูบ ซึ่งปลูกมากบริเวณภาค ตะวันออกของสหรัฐอเมริกา ไดแก รัฐเคนทักกี เทนเนสซี จอรเจีย เวอรจิเนีย นอรทแคโรไลนา และเซาทแคโรไลนา จากนั้นใหนักเรียนสืบคนขอมูลเพิ่มเติม เชน Cotton Belt ในประเด็นพืชที่ปลูกและบริเวณที่ปลูก แลวใหนักเรียนสรุป พรอมนําเสนอหนาชั้นเรียน นํา สอน สรุป ประเมิน T141